แผนการจดั การเรยี นรู้
กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย
วิชา ท ๓๓๑๐๑ ภาษาไทย ๕
หน่วยที่ ๒
สามก๊ก
ตอน กวนอไู ปรับราชการกับโจโฉ
ผู้สอน
นางสาวสิรภิ า แสงสมคั ร
ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะชานาญการ
โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จงั หวดั ยะลา
สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามธั ยมศึกษายะลา
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๑
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ ๒ สามก๊ก ตอน กวนอไู ปรับราชการกับโจโฉ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย รายวชิ าภาษาไทย ๕ รหสั ท ๓๓๑๐๑
แผนการเรียนรู้ท่ี ๑ เร่อื งการเขียนพรรณนา ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๖
เวลา ๑ คาบ ผ้สู อน นางสาวสริ ิภา แสงสมัคร
โรงเรยี นคณะราษฎรบำรุง จงั หวดั ยะลา สำนกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษายะลา
๑. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขยี นเขยี นสื่อสาร เขยี นเรียงความ ยอ่ ความ และเขยี นเร่อื งราว
ในรูปแบบต่าง ๆ เขยี นรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ ควา้
อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
๒. ตัวชี้วัด
ตวั ช้วี ัด ม.๔-๖/๑ เขียนสอ่ื สารในรูปแบบต่างๆไดต้ รงตามวตั ถุประสงค์ โดยใช้ภาษาเรยี บเรียง
ถูกตอ้ ง มีข้อมลู และสาระสำคัญชัดเจน
ตวั ชว้ี ดั ม.๔-๖/๘ มีมารยาทในการเขยี น
3. สาระสำคญั
การเขียนพรรณนา เปน็ การให้รายละเอียดของส่งิ ใดสิ่งหน่ึง เชน่ บุคคล สตั ว์ วตั ถุ สถานทีห่ รือ
เหตกุ ารณช์ ่วงใดช่วงหน่ึงดว้ ยถอ้ ยคำพรรณนาทีไ่ พเราะเหมาะสม ทำให้เหน็ ความเคล่ือนไหว จำนวน สี ขนาด
และไดย้ ินเสยี งตามสงิ่ ท่ผี ู้ส่งสารต้องการ ซงึ่ การเขียนพรรณนานน้ั จะตอ้ งรู้จกั การเลือกใช้ถอ้ ยคำเพ่ือสือ่ ให้
ผอู้ ่านเหน็ ภาพหรือเกดิ จินตนาการ
4. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
4.1 นักเรียนบอกหลักการเขียนพรรณนาได้ (K1)
4.2 นกั เรียนเขียนพรรณนาได้ถกู ต้อง (P)
4.3 นกั เรียนเหน็ คุณค่าของการเขยี น (A)
๕. สมรรถนะสำคญั
5.1 ความสามารถในการสื่อสาร
5.2 ความสามารถในการคดิ
5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา
6. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
6.1 ใฝ่เรยี นรู้
6.2 มุ่งม่นั ในการทำงาน
6.3 รกั ความเป็นไทย
7. สาระการเรยี นรู้
- ความหมายของการเขยี นพรรณนา
- หลกั การเขียนพรรณนา
- ประเภทของการเขยี นพรรณนา
- มารยาทในการเขยี น
8. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขั้นนำเข้าส่บู ทเรียน
๑. ครูขออาสาสมัครนักเรียน ๒-๓ คน ออกมาเล่าถึงวิธีการเดินทางจากบ้านมาโรงเรียน
และพบเห็นสิ่งใดระหว่างการเดินทางบ้าง เม่ือนักเรียนเล่าจบ ครูถามนักเรียนว่าเพ่ือนแต่ละคนมีวิธีการเล่า
อย่างไร และเห็นภาพตามท่เี พอื่ นเลา่ มากน้อยเพยี งใด
๒. ครูบอกกับนักเรยี นวา่ ลกั ษณะการพดู เพอ่ื ใหเ้ ห็นภาพการเดนิ ทางของแตล่ ะคนน้ัน เรียกวา่
การพรรณนา ซึ่งมีรายละเอียดสำคัญคือการทำให้ผู้รับสารเห็นภาพ ซึ่งในคาบน้ีเราจะมาศึกษาเน้ือหากัน
ในเรื่องการเขยี นพรรณนา
ขั้นสอน
๑. นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี นเรอ่ื งการเขยี นพรรณนา
๒. นักเรียนศึกษาใบความรู้ เรื่อง “การเขยี นพรรณนา” จากนั้นใช้คำถามกระตุ้นความคิด
กับนักเรยี นถึงความแตกต่างของการเขยี นบรรยายท่ีได้เรียนไปแล้วกบั การเขยี นพรรณนาที่เพิ่งศึกษา
๓. นกั เรยี นรว่ มกนั ตอบคำถามโดยครูคอยชแ้ี นะและอธบิ ายเพมิ่ เตมิ ถึงความแตกต่างของการเขยี นทัง้ สอง
ว่าการเขียนบรรยายเป็นการเลา่ เรอื่ งไปตามลำดบั สว่ นการพรรณนาเนน้ การเขยี นใหผ้ ู้อ่านเกิดจนิ ตนาการและเหน็ ถงึ ภาพ
ท่ผี ้สู ง่ สารต้องการส่ือ
๔. นกั เรียนทำแบบฝกึ ทักษะที่ ๑ และ๒จากนนั้ เฉลยรว่ มกัน
๕. นักเรียนทำแบบทดสอบหลงั เรยี นจากนัน้ เฉลยคำตอบรว่ มกัน
ขน้ั สรุป
๑. นกั เรยี นและครรู ่วมกนั สรุปเนื้อหาเรื่องการเขียนพรรณนาร่วมกนั อีกครั้ง
9. สื่อและแหล่งการเรียนรู้
- ใบความรู้เรื่องการเขยี นพรรณนา
- ห้องสมดุ
- อินเตอร์เนต็
๗0. หลกั ฐานการเรียนรู้
ภาระงาน
- การทำแบบฝึกทักษะ
11. การวดั และประเมินผล
วธิ กี ารวดั เคร่ืองมือวดั เกณฑก์ ารประเมิน
- ทดสอบความรู้ ก่อนเรียน-หลัง - แบบทดสอบ - นักเรียนทำคะแนนได้ผ่านเกณฑ์
เรียน - ใบงาน รอ้ ยละ 80 แสดงวา่ ผา่ น
ตรวจใบงาน - แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล - นักเรียนได้คะแนนการทำใบงาน
- การสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล - แบบบันทึกผลคณุ ลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 แสดงว่า
- การบันทึกผลคุณลักษณะอันพึง อันพงึ ประสงค์ ผา่ น
ประสงค์ - แบบบันทึกผลสมรรถนะสำคัญ - นักเรียนผ่านเกณฑ์การประเมิน
- การบันทึกผลสมรรถนะสำคัญ ของผ้เู รียน พฤติกรรมรายบุคคล ระดับ ๒
ของผูเ้ รยี น แสดงว่าผา่ น
- นักเรียนผ่านเกณฑ์คุณลักษณะ
อันพึงประสงค์ระดับ ๒ แสดงว่า
ผา่ น
- นักเรียนผ่านเกณฑ์สมรรถนะ
สำคญั ของผู้เรยี นระดับ ๒
แสดงว่าผ่าน
๑2. ขออนุมตั ิใช้แผนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
............................................................................................................................. ..............................................
.................................................................................... ......................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
ลงชือ่ ……………..............………………
(นางสาวสริ ภิ า แสงสมคั ร)
ครชู ำนาญการโรงเรยี นคณะราษฎรบำรงุ จังหวดั ยะลา
วันท่ี 1 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖5
๑3. ความคดิ เห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย
............................................................................................................................. ..............................................
................................................................................................................................................................ ..........
........................................................................................................................ ..................................................
ลงชือ่ ……………..............………………
(นายไพโรจน์ ขวญั คง)
หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย
บนั ทึกผลการสอน (ม.6/1)
ผลการเรียนของนกั เรียน
ตามจุดประสงค์การเรยี นรู้
1. นักเรยี นบอกหลักการเขยี นพรรณนาผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ในระดับดมี ากทุกคน
2. นักเรยี นเขียนพรรณนาไดถ้ กู ตอ้ ง ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ในระดับดีมาก 25 คน ระดบั ดี 5 คน
3. นกั เรยี นเห็นคณุ คา่ ของการเขียน ผ่านเกณฑก์ ารประเมินในระดบั ดมี ากทุกคน
ตามสมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
- นกั เรียนมีผลการประเมนิ ตามสมรรถนะสำคัญของผ้เู รียนผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดีมาก
ทุกคน
ตามคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
- นักเรียนมผี ลการประเมนิ ตามคุณลักษณะอนั พึงประสงคผ์ ่านเกณฑ์ในระดับ ดีมาก
จำนวน 28 คน และดจี ำนวน 2 คน
ปญั หา/อุปสรรค
-
ข้อเสนอแนะแนวทางแกไ้ ขผลการแก้ไข
-
-
ลงชื่อ..................................................ผ้สู อน
(นางสาวสริ ภิ า แสงสมัคร)
ครู โรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จงั หวัดยะลา
วันที่ 4 กรกฎาคม 2565
บนั ทึกผลการสอน (ม.6/2)
ผลการเรยี นของนกั เรียน
ตามจุดประสงค์การเรยี นรู้
1. นักเรยี นบอกหลักการเขียนพรรณนาผ่านเกณฑก์ ารประเมินในระดับดมี ากทุกคน
2. นกั เรียนเขยี นพรรณนาไดถ้ ูกตอ้ ง ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ในระดับดีมากทกุ คน
3. นกั เรยี นเห็นคณุ ค่าของการเขียน ผ่านเกณฑ์การประเมินในระดับดีมากทุกคน
ตามสมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
- นกั เรยี นมีผลการประเมินตามสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียนผา่ นเกณฑ์ในระดับดมี าก
ทกุ คน
ตามคุณลักษณะอันพึงประสงค์
- นกั เรยี นมผี ลการประเมนิ ตามคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ผ่านเกณฑ์ในระดับ ดีมาก ทุกคน
ปัญหา/อุปสรรค
-
ข้อเสนอแนะแนวทางแกไ้ ขผลการแกไ้ ข
-
ลงช่ือ..................................................ผู้สอน
(นางสาวสริ ิภา แสงสมคั ร)
ครู โรงเรยี นคณะราษฎรบำรงุ จงั หวัดยะลา
บนั ทกึ ผลการสอน (ม.6/3)
ผลการเรียนของนกั เรียน
ตามจดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. นักเรยี นบอกหลักการเขียนพรรณนาผา่ นเกณฑก์ ารประเมินในระดับดีมากทุกคน
2. นักเรียนเขียนพรรณนาได้ถูกต้อง ผ่านเกณฑ์การประเมินในระดับดีมากทุกคน จำนวน 30 คน ดี
จำนวน 5 คน
3. นกั เรยี นเห็นคุณคา่ ของการเขียน ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินในระดับดีมากทุกคน
ตามสมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น
- นกั เรียนมผี ลการประเมินตามสมรรถนะสำคัญของผ้เู รียนผ่านเกณฑ์ในระดบั ดมี าก
ทุกคน
ตามคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
- นักเรยี นมผี ลการประเมินตามคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงคผ์ า่ นเกณฑ์ในระดบั ดีมาก
ทุกคน
ปญั หา/อุปสรรค
-
ขอ้ เสนอแนะแนวทางแกไ้ ขผลการแก้ไข
-
ลงชื่อ..................................................ผ้สู อน
(นางสาวสริ ภิ า แสงสมัคร)
ครู โรงเรยี นคณะราษฎรบำรุง จงั หวัดยะลา
บันทกึ ผลการสอน (ม.6/8)
ผลการเรียนของนกั เรียน
ตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. นักเรียนบอกหลักการเขียนพรรณนาผ่านเกณฑ์การประเมินในระดับดีมาก จำนวน 5 คน ระดับดี
จำนวน 20 คน ระดับพอใช้จำนวน 12 คน
2. นักเรียนเขียนพรรณนาได้ถูกต้อง ผ่านเกณฑ์การประเมินในระดับดีมาก จำนวน 7 คน ระดับดี
จำนวน 19 คน พอใช้ จำนวน 11 คน
3. นักเรยี นเห็นคุณค่าของการเขยี น ผา่ นเกณฑ์การประเมินในระดับดมี าก จำนวน 29 คน ระดบั ดี
จำนวน 8 คน
ตามสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น
- นักเรียนมผี ลการประเมินตามสมรรถนะสำคัญของผเู้ รียนผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดมี าก
ทุกคน
ตามคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
- นักเรยี นมผี ลการประเมินตามคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ผ่านเกณฑ์ในระดับ ดีมาก
จำนวน 29 คน และดีจำนวน 8 คน
ปญั หา/อุปสรรค
- จากกจิ กรรมการเรียนการสอนในคาบนี้ นกั เรยี นกลุ่มอ่อนเข้าหอ้ งเรียนสาย เหลือเวลา
ในการทำแบบทดสอบก่อนเรียนน้อย ไมส่ ามารถเขยี นพรรณนาได้เสรจ็ ในเวลาที่กำหนด และทำคะแนนไดน้ ้อย
ข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไขผลการแก้ไข
พูดคยุ กบั นักเรียนให้ตระหนกั ถงึ ความสำคัญของการตรงตอ่ เวลาและนัดหมายนกั เรยี น
ในการซ่อมเสรมิ เพอ่ื เรียนรู้เก่ียวกบั การเขยี นพรรณนาเพม่ิ เติม
ลงชือ่ ..................................................ผู้สอน
(นางสาวสริ ภิ า แสงสมัคร)
ครู โรงเรยี นคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา
บนั ทกึ ผลการสอน (ม.6/10)
ผลการเรยี นของนักเรยี น
ตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. นักเรียนบอกหลักการเขียนพรรณนาผ่านเกณฑ์การประเมินในระดับดีมาก จำนวน 30 คน
ระดบั ดี จำนวน 12 คน
2. นักเรียนเขียนพรรณนาได้ถูกต้อง ผ่านเกณฑ์การประเมินในระดับดีมาก จำนวน 15 คน ระดับดี
จำนวน 15 คน พอใช้ จำนวน 12 คน
3. นักเรียนเหน็ คุณคา่ ของการเขยี น ผ่านเกณฑก์ ารประเมินในระดับดีมาก จำนวน 42 คน
ตามสมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
- นกั เรียนมีผลการประเมินตามสมรรถนะสำคัญของผเู้ รียนผ่านเกณฑ์ในระดบั ดมี าก
ทุกคน
ตามคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
- นักเรียนมีผลการประเมินตามคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ผา่ นเกณฑ์ในระดับ ดีมาก
จำนวน 38 คน และดีจำนวน 4 คน
ปัญหา/อุปสรรค
- นักเรียนกลมุ่ อ่อนยังมผี ลงานการเขียนพรรณนาท่ีอย่ใู นระดบั พอใช้ ครูใหน้ ักเรยี นดตู ัวอยา่ ง
เพม่ิ เติมและใหเ้ พื่อนๆ กลุม่ เก่งช่วยเหลอื
ขอ้ เสนอแนะแนวทางแกไ้ ขผลการแก้ไข
- นัดหมายนักเรยี นกลมุ่ อ่อนในการซอ่ มเสรมิ เพื่อเรยี นรเู้ กย่ี วกับการเขียนพรรณนาเพิ่มเตมิ
ลงชื่อ..................................................ผสู้ อน
(นางสาวสริ ิภา แสงสมัคร)
ครู โรงเรยี นคณะราษฎรบำรุง จังหวดั ยะลา
บนั ทกึ ผลการสอน (ม.6/12)
ผลการเรียนของนกั เรียน
ตามจุดประสงค์การเรียนรู้
1. นักเรียนบอกหลักการเขียนพรรณนาผ่านเกณฑ์การประเมินในระดับดีมาก จำนวน 17 คน
ระดับดี จำนวน 3 คน
2. นักเรียนเขียนพรรณนาได้ถูกต้อง ผ่านเกณฑ์การประเมินในระดับดีมาก จำนวน 17 คน ระดับดี
จำนวน 3 คน
3. นักเรยี นเห็นคุณค่าของการเขียน ผ่านเกณฑก์ ารประเมินในระดบั ดมี ากทุกคน
ตามสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น
- นักเรียนมีผลการประเมินตามสมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี นผ่านเกณฑ์ในระดบั ดีมาก
ทกุ คน
ตามคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
- นักเรียนมผี ลการประเมินตามคุณลักษณะอันพงึ ประสงคผ์ ่านเกณฑ์ในระดบั ดีมาก
จำนวน 17 คน และดจี ำนวน 3 คน
ปญั หา/อุปสรรค
- นักเรียนกล่มุ อ่อนยังมีผลงานการเขียนพรรณนาที่อยูใ่ นระดับพอใช้ ครูใหน้ ักเรยี นดูตัวอยา่ ง
เพมิ่ เติมและใหเ้ พื่อนๆ กลมุ่ เก่งช่วยเหลือ
ขอ้ เสนอแนะแนวทางแกไ้ ขผลการแก้ไข
- นดั หมายนกั เรยี นกลมุ่ อ่อนในการซ่อมเสรมิ เพื่อเรยี นรเู้ กีย่ วกับการเขยี นพรรณนาเพิ่มเติม
ลงชือ่ ..................................................ผสู้ อน
(นางสาวสิรภิ า แสงสมัคร)
ครู โรงเรยี นคณะราษฎรบำรงุ จังหวดั ยะลา
ความคดิ เห็นของผอู้ ำนวยการสถานศกึ ษา
............................................................................................................................. ..............................................
.................................................................................... ......................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
ลงช่อื ……………..............………………
(นายนพปฎล มุณรี ัตน์)
ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นคณะราษฎรบำรุง จังหวดั ยะลา
ภาคผนวก
แบบทดสอบก่อนเรยี น-หลงั
เรือ่ งการเขยี นพรรณนา
จงเลือกคำตอบท่ีถกู ต้องท่ีสดุ
๑. ขอ้ ใดใช้ภาษาดีเดน่ ในดา้ นการพรรณนา
ก. เดด็ ผกั หักรากกระชากฉดุ เผลาะผลุดรากเล้อื ยอะล่อนจ้อน
ข. ล่วงประถมยามราตรี เธอเปล่งรศั มอี นั เรืองระยบั จบั เนตร
ค. มโหรจี ากราวปา่ มาเรื่อยร่ี ราชินีแห่งน้ำคา้ งจะห่างหนิ
ง. เสยี งผปี า่ โปง่ ศพั ท์อโุ ฆษโขมดนางไม้ กู่ก้องคะนองไพรไหวหวนั่ หวาด
๒. ข้อใดไมใ่ ชก่ ารเขียนพรรณนา
ก. ดวงอาทิตย์สสี ม้ กลมโตกำลังโผล่ขนึ้ เหนอื พน้ื น้ำ ท้องฟา้ เริม่ มีสีชมพเู รื่อตดั กับนำ้ ทะเล
สคี รามใส
ข. กำแพงน้ำโถมปะทะต้นไม้รมิ ฝ่งั นำ้ พุ่งสงู ซดั ต้นไม้ใหญโ่ คน่ ชั่วพริบตา
ค. เมฆสดี ำเปน็ กลมุ่ ก้อนซับซ้อน เคลื่อนไหวรวดเรว็ ปนั่ ปว่ นหมนุ วนไมเ่ ปน็ ทิศเป็นทาง
ง. สายลมยามเยน็ พดั ผ่านชายน้ำ ฝูงปลาวนเวยี นกนั เข้ามาตอดอาหาร นกกระเต็นโผบนิ
จากฟากน้ไี ปฟากโนน้
๓. ขอ้ ใดเปน็ การเขียนพรรณนา
ก. สิง่ แวดล้อมทีใ่ กลต้ วั ของเราทส่ี ดุ ทีเ่ ราควรช่วยกนั อนรุ ักษค์ อื ส่ิงแวดลอ้ มรอบๆ โรงเรียนของ
เรานัน่ เอง
ข. ปา่ ภหู ลวงทรี่ กทึบไปด้วยพรรณไม้ขนาดใหญ่เปน็ เครือ่ งยืนยันวา่ ป่าแห่งนยี้ ังอยู่ห่างไกลจาก
นำ้ มือของผู้ทำลาย
ค. นอกจากภาพของปา่ เขาที่ทำให้เราพิศวงในความงามแล้ว อากาศหนาวและลมอ่อนๆ
กด็ เู หมือนเปน็ ส่งิ ท่ีหาไดย้ ากในสงั คมเมืองเบื้องล่าง
ง. ตน้ ไมใ้ บหญา้ ไมด้ อก ไมใ้ บทุกชนิด หลังจากที่ได้หยุดปรุงอาหารและนอนพักผ่อนมา
ตลอดคนื เม่ือถึงยามเชา้ จะอยูใ่ นสภาพท่ีเบิกบานชูก่ิงก้านสล้าง
๔. ข้อใดไม่ใชก่ ารเขียนแบบพรรณนา
ก. อุทยานรอบมหาสถานนน้ั เลา่ กง็ ามไมน่ ้อย เต็มไปดว้ ยต้นไมน้ านาพนั ธ์ุ ไมด้ อกและลดาวลั ย์
งามน่าทศั นา
ข. ทกุ ๆ ตกึ นน้ั แบ่งออกเป็นสองบ้าน ทุกๆ บา้ นมีขนาดและการจัดแบ่งหอ้ งเหมอื นกนั ทุกๆ หอ้ ง
มีขนาดเล็กคบั แคบมาก ราวหนึ่งในสข่ี องห้องนอนขา้ พเจา้ ท่ีวังปารสุ ก์
ค. ภาพแสดงโคมท่หี ้อยจากเพดาน รวมทง้ั แสงเทียนบนแทน่ ท่บี ชู า ภาพพระประธานองคใ์ หญ่
ทรงไวซ้ ึ่งรศั มีอนั ไพโรจน์ ล้วนเปน็ ภาพทสี่ ดุ ใสตระการตาน่าชมยงิ่ นัก
ง. โลหิต คอื สายธารแห่งชวี ติ ถา้ รา่ งกายขาดโลหติ ชีวิตก็อย่ไู ม่ได้ โลหติ จงึ เป็นนำ้ หล่อเล้ียง
รา่ งกายทจ่ี ำเปน็ อยา่ งยง่ิ เพ่อื ให้มชี วี ิตอยู่
๕. “อากาศยามเชา้ ในสวนของคฤหาสน์บดนิ ทราช...ดสู ดใส ผีเสอ้ื แสนสวย กรดี ปกี ระยับ ในสาย
แดดอ่อนยามเชา้ จากดอกหนึ่งไปท่ดี อกไม้นานาพนั ธุอ์ ีกหลายๆ ดอก สขี องกุหลาบปักกิง่ ...แดง สด
สวา่ งจา้ ตัดกับสเี ขียวสดของสนามหญา้ ประกายของนำ้ ค้างตอ้ งแดดวาววบั ราวกับอัญมณี
เรียงรายอย่บู นพื้นสนาม”
จากข้อความข้างบนเปน็ การกลา่ วพรรณนาแบบใด
ก. พรรณนาสถานท่ี ข. พรรณนาบุคคล
ค. พรรณนาธรรมชาติ ง. พรรณนาเหตุการณ์
๖. ขอ้ ใดเดน่ ดา้ นพรรณนา
ก. พอประสบพบหนา้ เยนเนอรลั กช็ วนกนั ข้นึ รถไฟครรไลจร
ข. สง่ ประทานใหล้ อรด์ กรมท่า กลบั ออกมาช้ีแจงแถลงไข
ค. อยู่สว่ี ันลอร์ดแซลบนขนุ นางใหญ่ บญั ชาใหค้ นขำนำอกั ษร
ง. ใสส่ ายสรอ้ ยพระศอลออเพรา ช่างงามเงาย้อยหยาดเพียงบาดตา
๗. ขอ้ ใดไม่ใชแ่ นวทางในการพัฒนาความสามารถในการเขียนพรรณนา
ก. การอ่านมากฟงั มาก ข. ความชา่ งสงั เกต
ค. การรวบรวบถอ้ ยคำสำนวน ง. การฝึกทอ่ งจำจากตวั อย่าง
๘. ข้อใดเป็นหลักการเขียนพรรณนา
ก. เขยี นแสดงความหรือหรอื ขอ้ เท็จจริงเทา่ น้นั
ข. เขยี นลำดับเร่ืองตามเหตกุ ารณ์
ค. ใช้ภาษาท่เี ขา้ ใจง่ายตามความหมายของคำศัพทเ์ ฉพาะท่ีนำมาใช้
ง. ใชค้ ำหรือกลุ่มคำท่ีเปน็ ภาษาภาพพจน์
๙. การเขียนพรรณนาทดี่ ี ควรเขียนอยา่ งไร
ก. เขยี นเหตุการณ์ตามลำดับใชค้ ำแสดงข้อเท็จจริง
ข. เขียนเหตุการณ์ที่เด่นชวนเรา้ ความต่ืนเตน้ สะเทือนอารมณ์
ค. เขยี นเหตุการณ์ท่ีใช้ถ้อยคำสำนวนเปรียบเทียบท่ีถูกตอ้ ง
ง. เขยี นเรียงลำดบั เหตกุ ารณ์ตามความเหมาะสม พรอ้ มยกตวั อยา่ งเปรยี บเทียบ
๑๐. ข้อใดไมเ่ หมาะสมทจ่ี ะใชเ้ ป็นถอ้ ยคำในการเขียนพรรณนา
ก. ใชค้ ำกระชบั ตรงตามความหมายของคำศพั ท์
ข. ใช้คำทใ่ี ห้รายละเอียดเสรมิ ลกั ษณะเด่นให้ชดั เจน
ค. ใช้คำทีส่ ื่อความหมาย ปลุกเร้าอารมณ์ความรูส้ ึก
ง. ใช้คำทส่ี ่ือความหมายมองเหน็ ภาพ
เฉลยแบบทดสอบก่อน- หลงั เรียน
๑. ก.
๒. ง.
๓. ง.
๔. ง.
๕. ค.
๖. ง.
๗. ง.
๘. ง.
๙. ข.
๑๐. ก.
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนแบบทดสอบ
ข้อ คะแนน เกณฑ์การใหค้ ะแนน
๑ 1 คะแนน - ตอบถกู ต้องได้คะแนน 1 คะแนน
- ตอบไม่ถูกต้องได้คะแนน ๐ คะแนน
๒ 1 คะแนน - ตอบถูกต้องไดค้ ะแนน 1 คะแนน
- ตอบไมถ่ ูกต้องไดค้ ะแนน ๐ คะแนน
3 1 คะแนน - ตอบถกู ต้องได้คะแนน 1 คะแนน
- ตอบไม่ถูกต้องได้คะแนน ๐ คะแนน
4 1 คะแนน - ตอบถูกต้องได้คะแนน 1 คะแนน
- ตอบไมถ่ ูกต้องไดค้ ะแนน ๐ คะแนน
5 1 คะแนน - ตอบถูกต้องไดค้ ะแนน 1 คะแนน
- ตอบไมถ่ ูกต้องได้คะแนน ๐ คะแนน
6 1 คะแนน - ตอบถกู ต้องได้คะแนน 1 คะแนน
- ตอบไม่ถูกต้องไดค้ ะแนน ๐ คะแนน
7 1 คะแนน - ตอบถกู ต้องได้คะแนน 1 คะแนน
- ตอบไมถ่ ูกต้องไดค้ ะแนน ๐ คะแนน
8 1 คะแนน - ตอบถูกต้องได้คะแนน 1 คะแนน
- ตอบไม่ถูกต้องไดค้ ะแนน ๐ คะแนน
9 1 คะแนน - ตอบถกู ต้องไดค้ ะแนน 1 คะแนน
- ตอบไม่ถูกต้องได้คะแนน ๐ คะแนน
10 1 คะแนน - ตอบถกู ต้องได้คะแนน 1 คะแนน
- ตอบไม่ถูกต้องไดค้ ะแนน ๐ คะแนน
ใบความรู้
เรือ่ ง การเขียนพรรณนา
การเขียนพรรณนา หมายถึง การเขียนท่ีเรียบเรียงถ้อยคำทั้งภาษาพูดและภาษาเขียนเพ่ือให้
รายละเอยี ดในเรื่องใดเรือ่ งหนึง่ ไมว่ า่ บคุ คล สตั ว์ พชื วตั ถุ สถานท่ี หรือเหตุการณ์โดยเน้นใหผ้ ู้ฟงั หรือผู้อ่านนึก
เป็นภาพทเี่ ด่นชัดและเกดิ อารมณค์ วามร้สู ึกตามที่ผู้ส่งสารมุ่งหมาย
การเขียนพรรณนามีลักษณะร่วมกันกับการอธิบายหรือการบรรยายตรงที่ต่างกล่าวถึงข้อเท็จจริงของ
สิง่ ใดสิง่ หน่งึ ผิดแผกกนั ในประการสำคญั ท่เี จตนาของผ้สู ง่ สาร ถ้ามุง่ ใหค้ วามรคู้ วามเข้าใจตามธรรมดาเป็น
การอธบิ ายหรอื บรรยาย หากเป็นการสรา้ งความนกึ เหน็ เป็นภาพใจท่ีชัดเจนและอารมณ์ความรู้สกึ กเ็ ปน็ การ
พรรณนา เร่ืองเดียวกันอาจใชโ้ วหารต่างกันกไ็ ด้ เชน่ เร่อื ง อาหารการกิน ถา้ กลา่ วถึงวิธีปรุงหรอื คุณคา่ เปน็
การอธบิ าย ในกรณีทีเ่ น้นความน่ารับประทานไม่ว่าเป็นรูปลักษณะ สสี นั กลน่ิ รสก็เป็นการพรรณนา
หลักการเขยี นพรรณนา
การเรยี บเรียงข้อความแบบพรรณนาโวหารเพื่อกอ่ ใหเ้ กิดภาพพจน์และอารมณส์ ะเทือนใจ
ควรดำเนนิ ตามหลักเกณฑ์ ดังนี้
๑. วิเคราะห์ส่ิงที่จะพรรณนาอย่างละเอียดว่าประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ อะไรบ้าง ส่วนใดเป็นลักษณะ
เด่น ส่วนใดเป็นลักษณะประกอบซึ่งเสริมลักษณะเด่น ลักษณะเด่นและลักษณะประกอบมีความเกี่ยวเนื่องกัน
อย่างไร
๒. เลือกพรรณนาลักษณะเด่นตามลำดับความสำคัญหรือลำดับความมากน้อย ใหญ่เล็ก เช่น ลักษณะ
บุคคลควรกล่าวถึงเรือนร่าง ใบหน้า และเครื่องแต่งกายตามลำดับ การพรรณนาต้นไม้โดยท่ัวไปมักกล่าวถึงลำ
ตน้ ก่อนดอกและใบ แต่ถา้ ต้องการเน้นส่ิงใดเปน็ พิเศษก็กลา่ วถงึ สิง่ นั้นก่อนขยายความใหม้ ากกว่าสิ่งอนื่
๓. พรรณนาลักษณะประกอบโดยคำนึงถึงความสัมพันธ์อันเหมาะสมกับลักษณะเด่นในกรณีใบหน้า
ควรพิจารณาว่าจะกล่าวถึงส่วนย่อยอะไรบ้างและอะไรก่อนอะไรหลัง เป็นต้นว่า ตา จมูก ปาก หู หน้าผาก
แก้ม ผม คิว้ ฟนั ถา้ เป็นดอกไมก้ ็เลือกพรรณนากลบี เกสร สหี รือกล่นิ ตามท่ีเห็นสมควร
๔. การคัดสรรถ้อยคำที่เหมาะสมมีความสำคัญย่ิงสำหรับโวหารพรรณนา คำท่ีใช้ควรมีพลังสื่อ
ความหมาย สร้างภาพพจน์และปลุกอารมณ์ความรู้สึก กล่าวคือ มีความเด่นกระชับท้ังความหมายและเสียง
โดยเฉพาะคำนาม กรยิ าและวิเศษณ์ ควรเลือกเฟน้ อยา่ งพถิ พี ิถนั ให้สอดคล้องกับเน้ือความ
๕. ใช้คำหรือกลุ่มคำที่เป็นภาษาภาพพจน์(figurative language) ซึ่งได้แก่ภาษาท่ีผิดแผกจากปกติ
หรอื ผดิ จากภาษาตามตวั อักษร ดา้ นการเรียบเรียงลำดับคำหรือดา้ นความหมายของคำเพ่ือให้เปน็ สำนวนแปลก
ใหม่และมีพลัง ทำใหม้ องเหน็ ภาพและเร้าอารมณ์ความรสู้ กึ สำนวนที่ทำให้เกดิ ภาษาภาพพจนต์ ่างๆเช่น
อุปมา (simile) คือ สำนวนภาษาท่ีนำส่ิงซ่ึงต่างพวกกันสองสิ่งมาเปรียบเทียบกันโดยใช้คำเช่ือม
เหมือน คล้าย ดจุ ประหน่ึง ราวกบั กวา่ เชน่
- ดุเหมอื นเสอื ร้ายกว่ายงุ นยั น์ตาดจุ ดวงดาว ถา้ เปรยี บสิง่ ที่เปน็ พวกเดยี วกันไมจ่ ัดเปน็
อปุ มา เช่น เชียงใหมเ่ หมอื นกรุงเทพฯ เป็นการเปรียบเทียบธรรมดา เป็นต้น
อุปลักษณ์ (metaphor) คือ สำนวนภาษาท่ีนำเอาสิ่งต่างกันสองส่ิงหรือมากกว่า แต่มีคุณสมบัติ
บางอยา่ งรว่ มกันมาเปรยี บเทยี บ โดยเปรียบว่า ส่ิงหนึ่งเป็นอกี ส่ิงหนึ่งโดยตรงใชค้ ำกริยา เป็น หรอื คือ เชน่
- ลกู เปน็ แก้วตาและดวงใจของพอ่ แม่ เขาคือวีรบรุ ษุ แหง่ ทุ่งนาแก
บุคลาธิษฐาน (personification) หรอื บุคคลวตั คอื สำนวนทส่ี มมตุ ิสง่ิ ไม่มีชวี ิตความคดิ นามธรรม
หรอื สัตว์ ใหม้ ีสติปัญญา อารมณ์หรือกริ ิยาอาการเหมอื นมนุษย์ เชน่
- ลมหนาวมาเยือน คล่ืนนอ้ ยค่อยๆกระซิบกับฝัง่ ความอาฆาตเกาะกินหัวใจ
การเลยี นเสยี งธรรมชาติ (onomatopoeia) คอื สำนวนภาษาท่ีใช้คำเพ่ือเลียนเสียงต่างๆ เชน่
- ไฟลุกค่ึกๆ เสยี งคนพูดหึง่ ๆ บัดเดยี๋ วดังหง่งั เหงง่ วังเวงแว่ว
ประเภทของการเขียนพรรณนา
การเขยี นพรรณนาใช้ได้ท่วั ไปกับเร่อื งต่างๆ ดังกลา่ วมาแลว้ สำหรับระดับชน้ั นีค้ วรจะไดฝ้ ึกเขยี นเรื่อง
เกี่ยวกับบคุ คล สถานที่ ธรรมชาติ และเหตกุ ารณท์ งั้ ท่ีเปน็ จรงิ และเป็นจินตนาการ
๑. ในการพรรณนาบุคคล จำเปน็ ตอ้ งสังเกตรูปรา่ งหนา้ ตา การเดิน นำ้ เสยี ง การพดู จา กิริยาอาการ
ลักษณะนิสัย อารมณค์ วามรสู้ ึก ไม่วา่ จะเป็นบคุ คลประเภทใดหรอื อยใู่ นฐานะใด เช่น ตัวตลกในบทละคร หรือ
เดก็ ทเ่ี ล่นตามหาดทราย พยายามเฟน้ หาบุคลกิ ลักษณะเฉพาะ อาจร่าเรงิ แจม่ ใส เคร่งขรึม หวผี มเรียบไมม่ ีเส้น
แตก หรอื ยืนหลังค่อม
การพรรณนาบคุ คลกระทำได้สองวิธี คอื การพรรณนาโดยตรงและพรรณนาโดยอ้อม ในการพรรณนา
โดยตรงผเู้ ขยี นกลา่ วถึงลกั ษณะกิริยาอาการ นิสัยใจคอหรือความคดิ นึกของตวั ละครเสียเอง สำหรับการ
พรรณนาโดยอ้อมตวั ละครเป็นผ้เู ผยลกั ษณะต่างๆ ของตนด้วยคำพดู กิริยาท่าทางหรือใหต้ วั ละครอ่ืนกล่าว
พาดพิงถึง
ตวั อย่างการพรรณนาบุคคล
เร่อื งนทิ านเวตาล พระนิพนธข์ องพระราชวงศเ์ ธอ กรมหม่ืนพทิ ยาลงกรณ กล่าวรูปรา่ งลักษณะ
ของเวตาลโดยใชว้ ธิ ีการพรรณนาบคุ คลโดยตรง ซ่งึ ใชค้ ำวิเศษณข์ ยายและใชค้ ำอปุ มาและคำอปุ ลักษณ์
ประกอบผมบนหวั ยาวแลดก ขนที่ตัวยาวยืนเหยยี ด หวั กลม หนา้ รปู ไข่ ตากลมและถลน จมูกยาวเป็น
ขอเหมือนปากเหยยี่ ว ปากอ้า แกม้ ตอบ คางแลขาตะไกรกวา้ ง ฟันเปน็ ส้อม แขนแลมือส้ัน ท้องพลยุ้
เล็บคม ปกี มีแรงมาก
ท่มี า : หนังสอื เรยี น รายวชิ าเพม่ิ เตมิ การเขียน ๒ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๔-๖
กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ หน้า ๒๔.
๒. สถานท่ี ในการพรรณนาสถานท่ี ควรจะได้สงั เกตลักษณะท่ีเดน่ ของสถานท่ี ไม่วา่ จะเป็นที่
คุ้นเคยมาแลว้ เช่น โรงเรียน หรอื สถานท่ที ่ีเพงิ่ เคยเหน็ เป็นคร้ังแรก จะต้องพจิ ารณาสี รูปร่าง ขนาด และการ
จดั วางสิ่งของ สิง่ ท่ีประทบั ใจทัว่ ไป และเฟ้นหาลักษณะเฉพาะท่ที ำให้เกดิ ความประทบั ใจน้นั เมอื่ สงั เกตอยา่ งถี่
ถ้วนแลว้ จึงเลือกพรรณนาเฉพาะลักษณะทเ่ี ด่นชัดทจ่ี ะเร้าความสนใจของผอู้ า่ นและเรียงลำดบั การพรรณนา
ตามความเหมาะสม เชน่ เร่ิมตน้ จากใกล้ไปหาไกลหรือจากบนลงล่าง การพรรณนาพระพุทธรปู ในพระอุโบสถ
เปน็ ตวั อย่างการพรรณนาสถานท่ี ใช้คำทเี่ หมาะเจาะชดั เจนกอ่ ให้เกิดจนิ ตนาการ ประกอบดว้ ยโวหาร
เปรียบเทยี บ ทำใหเ้ กดิ ภาพพจน์เด่นชดั ดังตวั อย่างต่อไปน้ี
ตวั อย่าง การเขียนพรรณนาสถานท่ี
ส่ิงทป่ี รากฏอยูเ่ บื้องหน้าของข้าพเจา้ ทำให้ขา้ พเจ้ารูส้ ึกเยน็ วาบไปท่วั ท้งั สันหลงั พระพุทธรปู
สมั ฤทธิ์ปางมารวิชัย องคโ์ ตสีเหลอื งทองแลสกุ ใสอรา่ ม งามไปท้ังองค์ตัดกับฉากดา้ นหลงั สีดำทีเ่ ขยี น
ลวดลายสที องเปน็ รูปเทวดาถวายสกั การะองค์พระพุทธรูปและลวดลายดอกไม้ท่ปี ระดับเป็นแนวนน้ั ยิ่งทำ
ใหอ้ งค์พระพทุ ธรูปดเู ด่นนา่ เลื่อมใสศรัทธาและงดงามชวนมองสีพระพักตรท์ ีส่ งบงามดว้ ยความอ่อนโยน
สายพระเนตรที่ทอดมองมายงั เบ้อื งลา่ งประหนึง่ กำลังเฝ้าดูผู้ที่มาถวายสักการบูชาเสาไมส้ ดี ำลงรักปิดทอง
ขนาดหนึ่งคนโอบทส่ี งู เสยี ดค้ำหลงั คาพระอุโบสถเรยี งรายเป็นแนว เสียงสวดมนตส์ รรเสรญิ คุณพระศรี
รตั นตรัยท่ดี งั แวว่ มา กล่มุ ควนั ธูปสขี าวลอยอ้อยอ่ิงข้นึ สูท่ ้องฟา้ กล่ินหอมเย็นอบอวลจากเคร่อื งหอมและ
ดอกไมท้ ี่นำมาบูชายิ่งทำให้ขา้ พเจา้ รูส้ ึกอม่ิ เอบิ ใจ อยากนั่งมององค์พระพุทธรูปน้อี ย่างไมร่ ู้เบือ่
ท่มี า : หนงั สือเรยี น รายวิชาเพ่มิ เติม การเขยี น ๒ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๔-๖ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ตาม
หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ หนา้ ๒๕.
๓. ธรรมชาติ การพรรณนาธรรมชาติทั่วไป ควรจะได้กลา่ วถึงทวิ ทัศน์ บรรยากาศ ตลอดจนพืช สัตว์
ต่างๆ เชน่ นก แมลง ถา้ เปน็ ชายทะเลควรเน้นหาดทราย สนี ำ้ ทะเล คล่ืน ลม สภาพใต้ทะเล หากเก่ียวกับ
ฤดูกาลควรเพง่ เล็งลักษณะพเิ ศษของแตล่ ะฤดูกาล
ตัวอย่าง การพรรณนาธรรมชาตเิ ป็นการพรรณนาท่เี ร้าความรู้สึกของประสาทสมั ผสั เกือบทุกอย่าง
ด้วย แสง สี เสยี ง
เสียงกระแสธารไหลจากยอดภูผาอันสูงใหญก่ ระทบโขดหินชน้ั แล้วช้ันเล่าบางตอนก็พุ่งลงมาจากหน้าผา
สูงลิ่วบางตอนก็ไหลเร่อื ยไปตามซอกหินลดเล้ยี วซง่ึ ไม่สูงมากนกั ลงสูแ่ อง่ นำ้ ดา้ นล่าง ดว้ ยเสยี งอนั ดงั กึกก้อง
ดอกไม้ป่าหลากสีรว่ งจากตน้ ลอยละลว่ิ สูพ่ ื้นน้ำเรียงเป็นสายคล้ายมาลัยร้อยด้วยธรรมชาติแสนสวยกลุม่ ใหญ่
บ้างบนิ วอ่ น บา้ งเกาะอยู่ตามโขดหนิ แตง่ แต้มสีสันของผนื ป่าไดส้ วยงามราวจิตรกรเอกกำลังบรรจงระบายสบี น
ผนื ผา้ ใบเสียงนกหลายพนั ธ์ุส่งเสียงรอ้ งกู่ก้องท่ัวพฤกษ์ไพร ประดุจเสียงดนตรขี ับกลอ่ ม
ที่บรรเลงโดยนกั ดนตรีฝีมือเย่ียมอย่างนา่ หลงใหลฉนั ยืนอยู่ภายใต้แผน่ ฟา้ กวา้ งใหญ่ ทา่ มกลางเสยี งขับขานของ
พงไพร ซึง่ มสี ายลมเป็นประกายระยบิ ระยับประดจุ แสงกะพรบิ ของดวงดาวในยามค่ำคนื พล้ิวอยูเ่ ปน็ ระยะๆ ดวง
ตะวนั ทอแสงรำไรผา่ นหมู่แมกไม้กระทบผนื น้ำทแ่ี ตกเป็นฟองฝอย
ทม่ี า : หนังสือเรยี น รายวิชาเพมิ่ เติม การเขยี น ๒ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๔-๖ กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ตาม
หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ หน้า ๒๖.
๔. เหตกุ ารณ์ ในการพรรณนาเหตกุ ารณ์ ควรเลือกเหตุการณ์ทเ่ี ด่นชวนเรา้ ความต่ืนเต้นสะเทือน
อารมณ์และควรใช้การบรรยายประกอบเพื่อใหเ้ น้ือเรื่องแจ่มแจง้
ตัวอย่าง การพรรณนาเหตกุ ารณใ์ นจนิ ตนาการ ตอน สมิงขะเจยี นโหรทำนายนิมิตของพระเจ้า
ช้างเผอื กซงึ่ ใชส้ ำนวนภาษาในการพรรณนาที่ไพเราะ ทำให้เห็นภาพ
ฝา่ ยพระตะบะผรู้ ักษาเมืองเมาะตะมะน้ัน ภายหลงั คิดกนั ทำการขบถต่อพระเจา้ ชา้ งเผือก สว่ นตวั พระตะบะ
นัน้ แขง็ เมืองเมาะตะมะ อายพระบูนผูน้ ้องแขง็ เมืองนครเพนอุเลวนั้นแขง็ เมือง เมาะลำเลิง สมงิ เลกิ พรา้ น้นั
แข็งเมืองมองมะละ พระตะบะนัน้ เหตุวา่ มีลกู หลานมากจึงคดิ ร้ายตอ่ พระเจ้าชา้ งเผอื ก พระเจา้ ชา้ งเผอื ก
เสด็จลอ้ มชา้ งอยู่ ณ ป่าละภูน้ันทอดพระเนตรเหน็ ดาวกฤติกาซึ่งโลกสมมติเรียกว่าดาวลูกไกน่ น้ั เขา้ ในดวง
จันทร์ จึงตรสั ถามราชาปุโรหิตว่าเหตุน้จี ะเปน็ ประการใดสมงิ ขะเจียงสะมิตโหรจงึ กราบทลู ทำนายว่า เป็น
ประเพณสี ืบมาเป็นใหญก่ ว่าดวงท้ังปวงถา้ ดวงใดใกล้พระจันทร์แล้ว รศั มีพระจันทรก์ ็กลบดาวลบหายไป อัน
พระจนั ทรด์ จุ พระมหากษัตราธริ าชเจ้า ดาวนน้ั ดุจเสนาบดีทัง้ ปวง ซึง่ เปน็ บริวารพระมหากษัตรยิ ์ คร้ันเขา้
ใกลพ้ ระมหากษัตรยิ แ์ ลว้ อานุภาพก็หายไป บัดนี้ดาวกฤติกาเข้าใกล้ดวงพระจันทร์ตลอดไป รัศมีกส็ วา่ งอยหู่ า
มลทนิ มไิ ด้พระจนั ทร์ก็ส่องแสงสว่างอยดู่ ว้ ยกันดงั นีต้ ้องในคัมภรี โ์ หรว่า เสนาบดีจะคดิ ขบถประทุษรา้ ยต่อ
พระองค์ซ่งึ จะช้าอยใู่ นปา่ น้ีขา้ ศกึ จะมีกำลงั มากข้ึน ไพร่พลในกองทัพกเ็ จบ็ ปว่ ยเปน็ อันมาก พระองคย์ ก
กองทัพกลับคืนเข้าพระนคร พระเจา้ ช้างเผือกก็เหน็ ดว้ ย
ทม่ี า : หนงั สอื เรียน รายวิชาเพิ่มเตมิ การเขยี น ๒ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๔-๖กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ตาม
หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ หน้า ๒๖ - ๒๗.
แบบฝกึ ทักษะท่ี ๑
เร่ือง การเตมิ คำทก่ี ำหนดให้ลงในช่องวา่ งให้เปน็ ขอ้ ความเชงิ พรรณนา
คำชแ้ี จง ให้นักเรียนนำคำท่กี ำหนดให้ ไปเขียนเตมิ ลงในชอ่ งวา่ งให้เปน็ ข้อความเชิงพรรณนาได้อยา่ ง
เหมาะสม
ตัวอย่าง
บนิ ว่อนเล่นลม กระปรี้กระเปร่า โยกย้ายสา่ ยไปมา
พรว้ิ ปรวิ ไสว รา่ เรงิ กระโดดโลดเต้น
บรรยากาศในยามเช้า บรรดาสัตวต์ ่างๆ ในธรรมชาติ อาทิ เช่น นก แมลง กระรอกกระแต จะเรม่ิ ออก
หากนิ ดว้ ยอาการ รา่ เรงิ เชน่ เดียวกันกบั มนุษยท์ ส่ี ดชนื่ กระปรกี้ ระเปรา่ เมือ่ ตนื่ ขน้ึ ในยามเชา้ หลังจากท่ีได้
นอนหลบั มาตลอดคนื นกนานาชนิดร้องเพลงประสานรับกันบา้ ง ร้องแสดงอาณาเขตบา้ ง รอ้ งชวนกนั ออกหา
อาหารบ้าง กระรอกกระแตเร่ิม กระโดดโลดเต้น ว่ิงไลก่ วดกนั หมแู่ มลงท่สี วยงาม เช่น ผีเสื้อ แมลงปอบนิ วอ่ น
เล่นลม สายลมพัดผา่ นตน้ อ้อ ต้นไผ่สายลมลอดไลเ่ ลย้ี วเรียวไผ่ พลวิ้ ปรวิ ไสว โยกย้ายสา่ ยไปมาตามสายลม มนั
ช่างเป็นบรรยากาศเชา้ ทส่ี ดชื่นจรงิ ๆ
.............................................................................................
๑. เย็นยะเยอื ก ไออุ่น เยน็ ช่ืนใจ นวลสวา่ งจบั ใจ ปลิวไสว อ้อมกอด หอมกรนุ่
ทอ้ งฟา้ คนื นี้พระจันทร์เต็มดวงส่องแสง...........................กลางทอ้ งฟา้ ทำใหม้ องเหน็ ลมพัด
ใบไม.้ ...............ยามค่ำคืน กล่ินดอกไมย้ ามราตรี..........................ลมหนาวพดั มากระทบผิวของฉนั มนั ช่าง
..........................ทำใหฉ้ ันคดิ ถงึ ออ้ มกอดและ.....................ของแม่กอดฉนั เม่ือยามนอน
๒. เปยี กชน้ื สเี ขียวสด เปยี กแฉะ สดใสสาดส่อง เจ่ิงนอง สาดซัด ทว่ มขงั
เมื่อคนื นฝ้ี นตกหนักท่วั ผืนดิน................บางท่นี ำ้ ................. และ.................บางบา้ นเสื้อผา้ ทต่ี าก
ไว้..................ละอองฝนที่.................. แต่อีกด้านหน่งึ ใบไมใ้ บหญา้ ชู....................รบั แสงแดดที่............... เสยี ง
นกร้องรำต้อนรบั วันใหม่ท่ี................ท้องฟ้าสวา่ งตดั กับปยุ เมฆสขี าว อากาศเชา้ นี้ทำใหช้ ื่นใจเสียจรงิ ๆ
แบบฝกึ ทักษะที่ ๒
เรื่อง การเขียนพรรณนาจากคำทก่ี ำหนดให้
คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นนำคำที่กำหนดใหไ้ ปเขยี นเรียบเรียงเป็นขอ้ ความเชงิ พรรณนาสั้นๆ ให้ได้ใจความอย่าง
ตัวอย่าง
ส่องแสงสว่าง ทะเลสีฟา้ คราม นุ่มนวล ขาวบริสทุ ธ์ิ เนื้อละเอียด
โอบลอ้ ม เป็นแนวยาว ประกายวาววบั สูงต่ำสลบั ซบั ซอ้ น สดุ ลกู หูลกู ตา
หาดทรายที่ขาวบรสิ ทุ ธ์ิยามเช้า มองเห็นเม็ดทรายเน้ือละเอียด เพียงแค่ก้าวเดนิ ไปสัมผสั กบั ปลายเทา้
รู้สึกถงึ ความนุ่มนวลชวนผอ่ นคลาย มองออกไปเหน็ ทะเลสฟี ้าคราม สดุ ลูกหลู ูกตาพระอาทิตย์สอ่ งแสงสว่าง
กระทบกระพ้ืนนำ้ เปน็ ประกายวาววบั รอบๆทะเลโอบลอ้ มด้วยภเู ขาสูงตำ่ สลบั ซับซอ้ นกันไปเปน็ แนวยาวมองดู
แลว้ สวยงามยงิ่ นกั
๑. ทอแสง ระยบิ ระยบั สุกสกาว ทอ้ งฟ้า ดวงดาว
............................................................................................................................. .....................
............................................................................................................. .....................................
............................................................................................................................. .....................
..................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ......................
๒. ซัดสาด ระลอกคล่นื ทะเล เกลยี วคล่ืน สีคราม
............................................................................................................................. .....................
......................................................................................... .........................................................
............................................................................................................................. .....................
...................................................................................................................................................
เฉลยแบบฝึกทักษะท่ี ๑
เรื่อง การเติมคาทก่ี ำหนดให้ลงในช่องว่างให้เป็นข้อความเชงิ พรรณนา
คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นนำคำที่กำหนดให้ ไปเขยี นเตมิ ลงในชอ่ งวา่ งใหเ้ ปน็ ข้อความเชงิ พรรณนา
ได้อยา่ งเหมาะสม
๑. ท้องฟา้ คนื น้ีพระจันทรเ์ ตม็ ดวงสอ่ งแสงนวลสว่างกลางท้องฟา้ ทำให้มองเห็นลมพัดใบไม้
ปลิวไสวยามค่ำคืน กลน่ิ ดอกไมย้ ามราตรีหอมกร่นุ เยน็ ชื่นใจ ลมหนาวพัดมากระทบผวิ ของฉันมัน
ช่างเย็นยะเยือกจับใจ ทำให้ฉันคิดถงึ อ้อมกอดและไออุ่นของแม่กอดฉนั เมอื่ ยามนอน
๒.เมอื่ คนื น้ีฝนตกหนักทวั่ ผืนดินเปียกแฉะ บางท่ีนำ้ เจ่ิงนอง และท่วมขังบางบา้ นเส้ือผา้ ท่ีตากไว้เปียก
ชื้นละอองฝนท่ีสาดซดั แต่อกี ด้านหน่งึ ใบไมใ้ บหญ้าชูสเี ขียวสดรับแสงแดดท่ีสาดส่อง เสียงนกร้องรำตอ้ นรบั
วันใหมท่ ส่ี ดใส ท้องฟา้ สวา่ งตัดกบั ปุยเมฆสขี าว อากาศเช้าน้ีทำให้ชืน่ ใจเสียจรงิ ๆ
เฉลยแบบฝึกทักษะท่ี ๒
เรอื่ ง การเขียนพรรณนาจากคำทกี่ ำหนดให้
คำชแ้ี จง ให้นักเรยี นนำคำทีก่ ำหนดใหไ้ ปเขยี นเรยี บเรียงเป็นข้อความเชงิ พรรณนาสั้นๆ ให้ได้ใจความอยา่ ง
.........พิจารณาคำตอบของนักเรียนและอยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน..
แบบบนั ทกึ ผลการประเมินสมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น
คำช้ีแจง : ครูผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียนแล้วให้คะแนน
การประเมนิ สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี นตามพฤติกรรมทีป่ รากฏของนักเรียน
เลข ช่อื -นามสกุล ความ ความ ความสามารถ รวม ผลการประเมิน
ท่ี สามารถ สามารถ ในการใช้
ในการสอื่ สาร ในการคิด
1 ทักษะชีวติ
2 3 3
3 3 9 ผ่าน ไมผ่ า่ น
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
ลงชอ่ื ……………........….......……. ผ้ปู ระเมิน
(นางสาวสิริภา แสงสมัคร)
ครชู ำนาญการโรงเรยี นคณะราษฎรบำรุง จงั หวดั ยะลา
เกณฑ์การประเมนิ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น
คะแนน/ ๓๒๑
รายการประเมิน
ความสามารถ พูดถ่ายทอดความรู้ พดู ถ่ายทอดความรู้ พูดถา่ ยทอดความรู้
ในการสื่อสาร ความเข้าใจจากสาร ความเข้าใจจากสาร ความเข้าใจจากสาร
ที่อ่าน ฟัง ดู ดว้ ยภาษา ทอ่ี า่ น ฟัง หรือ ดู ดว้ ย ทีอ่ า่ น ฟัง หรือ ดู ด้วย
ความสามารถ ของตนเองได้อย่าง ภาษาของตนเองได้อยา่ ง ภาษาของตนเองได้บา้ ง
ในการคดิ คลอ่ งแคล่ว ชดั เจน ชัดเจน แตข่ าด
ความคล่องแคล่ว
ความสามารถ
ในการใช้ทักษะชีวิต ระบุหลักการสำคญั ระบหุ ลกั การสำคัญ ระบุหลกั การสำคัญ
แนวคดิ หรอื ความรู้ท่ี แนวคิดหรอื ความรู้ที่ แนวคดิ หรือความรทู้ ี่
ปรากฏในข้อมูลต่าง ๆ ปรากฏในข้อมลู ตา่ ง ๆ ปรากฏในข้อมูลต่าง ๆ
ที่พบเหน็ ได้อย่างถูกตอ้ ง ทพ่ี บเห็นไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง ทพ่ี บเหน็ ไดถ้ ูกตอ้ งเป็น
และครบถว้ น แต่ไม่ครบถ้วน บางส่วนและ
ไมค่ รบถว้ น
นำความร้/ู ทกั ษะและ นำความร/ู้ ทกั ษะและ นำความร/ู้ ทักษะและ
เทคนิควิธตี ่าง ๆ มาใช้ เทคนิควิธีตา่ ง ๆ มาใช้ เทคนิควิธีตา่ ง ๆ มาใช้
สร้างสรรค์งานอยา่ งเปน็ สร้างสรรค์งานอย่างเป็น สร้างสรรค์งานได้
ระบบและ ระบบแตข่ าด แต่ไม่มีประสิทธิภาพ
มีประสิทธภิ าพ ประสทิ ธิภาพ และไม่สำเรจ็ ในเวลา
ที่กำหนด
เกณฑ์การประเมิน
๘ – ๙ คะแนน หมายถึง ดีมาก
๖ – ๗ คะแนน หมายถงึ ดี
๔ – ๕ คะแนน หมายถงึ พอใช้
๐ - ๓ คะแนน หมายถงึ ปรับปรุง
เกณฑก์ ารสรปุ ผล
ได้คะแนนตั้งแตร่ ะดับดขี น้ึ ไปถอื ว่าผา่ นเกณฑ์การประเมิน
แบบบนั ทกึ ผลการประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
คำชแ้ี จง : ครูผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วใหค้ ะแนนการ
ประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ตามพฤติกรรมท่ีปรากฏของนักเรยี น
รายการประเมิน ผลการ
ประเมนิ
รวม
ท่ี ชือ่ -สกุล ซอ่ื สัตย์ มุ่งม่นั
สจุ รติ มวี ินัย ใฝเ่ รยี นรู้ ในการทำงาน ่ผาน
ไ ่มผ่าน
33 3 3 12
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
ลงชอื่ ……………........….......……. ผ้ปู ระเมิน
(นางสาวสิรภิ า แสงสมัคร)
ครูชำนาญการโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จงั หวดั ยะลา
เกณฑ์การให้คะแนนแบบบันทึกผลการประเมินคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
คะแนน/ ๓ ๒ ๑๐
รายการประเมิน
ซ่ือสัตย์สจุ ริต ใหข้ อ้ มูลทถ่ี ูกต้อง ใหข้ อ้ มลู ทถ่ี ูกต้อง ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ไมใ่ ห้ข้อมูล
และเป็นจรงิ ไม่นำ และเป็นจรงิ และเป็นจรงิ ท่ีถกู ต้องและเปน็
ส่ิงของและผลงาน ไม่นำสิ่งของและ ไม่นำสง่ิ ของและ จริง
ของผู้อ่ืนมาเป็นของ ผลงานของผู้อนื่ มา ผลงานของผู้อ่ืนมา มพี ฤติกรรมนำ
ตนเอง ปฏิบตั ิตนต่อ เป็นของตนเอง เป็นของตนเอง สิง่ ของและ
ผอู้ ่ืนด้วยความซ่ือตรง ปฏิบตั ติ นต่อผ้อู ่นื ด้วย ผลงานของผู้อนื่
เป็นแบบอยา่ งท่ดี ี ความซอ่ื ตรง มาเปน็ ของ
ดา้ นความซ่ือสตั ย์ ตนเอง
มีวนิ ยั ขณะเรยี นปฏิบัติตาม ขณะเรยี นปฏิบตั ิตาม ขณะเรยี นปฏบิ ัติ ไมป่ ฏบิ ัติตนตาม
ขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ตามข้อตกลง ข้อตกลง
ระเบยี บของ กติกาท่ีได้ตกลงกัน กฎเกณฑ์ กตกิ าที่ กฎเกณฑ์
หอ้ งเรียน ไม่รบกวน ไม่รบกวนบุคคลอ่ืน ได้ตกลงกนั บา้ ง ระเบยี บ
บุคคลอื่น มสี มาธิใน ข้อบังคบั ของ
การปฏบิ ัติงาน ห้องเรยี น
ใฝ่เรียนรู้ ตง้ั ใจเรยี น เอาใจใส่ ตงั้ ใจเรยี น เอาใจใส่ ตงั้ ใจเรยี น เอาใจใส่ ไม่ตงั้ ใจเรยี น
และมคี วามเพยี ร และมีความเพยี ร และมคี วามเพยี ร ไม่ศึกษาคน้ ควา้
พยายามในการเรยี นรู้ พยายามใน การ พยายามในการ หาความรู้
และเขา้ ร่วมกจิ กรรม เรยี นรู้ และเขา้ ร่วม เรยี นรู้ และเข้า
การเรียนรู้ ตา่ ง ๆ กิจกรรมการเรียนรู้ ร่วมกจิ กรรมการ
อย่างสม่ำเสมอ ตา่ ง ๆ บ่อยครั้ง เรียนรู้ ต่าง ๆ
บางคร้งั
มงุ่ ม่ัน มคี วามตัง้ ใจ อดทน มคี วามตงั้ ใจ อดทน มคี วามตัง้ ใจ ไมต่ ้ังใจ
ในการทำงาน พยายามในการ พยายามในการ พยายาม ในการ ปฏบิ ตั ิงานท่ี
ทำงาน ทีไ่ ดร้ บั ทำงาน ท่ไี ดร้ ับ ทำงานที่ไดร้ ับ ไดร้ บั มอบหมาย
มอบหมาย และไม่ มอบหมาย เพ่อื ให้ มอบหมายบ้าง
ท้อแทต้ ่ออุปสรรค งานสำเร็จ
เพอื่ ใหง้ านสำเรจ็
เกณฑก์ ารประเมนิ
๑๐ – ๑๒ คะแนน หมายถึง ดมี าก
๗ – ๙ คะแนน หมายถึง ดี
๔ – ๖ คะแนน หมายถึง พอใช้
๐ - ๓ คะแนน หมายถึง ปรับปรงุ
เกณฑ์การสรุปผล
ไดค้ ะแนนต้งั แต่ระดับดีขึน้ ไปถอื วา่ ผ่านเกณฑ์การประเมนิ
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๒
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๒ สามก๊ก ตอน กวนอูไปรบั ราชการกบั โจโฉ
กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย รายวิชาภาษาไทย ๕ รหสั ท ๓๓๑๐๑
แผนการเรียนรทู้ ี่ ๒ เร่ืองวิเคราะห์และประเมนิ เรื่องที่ฟงั และดู ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๖
เวลา ๔ คาบ ผสู้ อน นางสาวสิรภิ า แสงสมัคร
โรงเรยี นคณะราษฎรบำรุง จงั หวดั ยะลา สำนกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษายะลา
๑. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวจิ ารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และ
ความรสู้ กึ ในโอกาสต่างๆ อยา่ งมีวจิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์
๒. ตวั ชว้ี ัด
ตวั ชวี้ ดั ม.๔-๖/๒ วเิ คราะห์ แนวคดิ การใชภ้ าษา และความนา่ เช่อื ถือจากเร่ืองท่ีฟงั และดูอย่างมี
เหตผุ ล
ตวั ช้ีวัด ม. ๔-๖/๓ ประเมินเร่อื งที่ฟังและดแู ล้วกำหนดแนวทางนำไประยุกต์ใช้ในการดำเนินชวี ิต
ตวั ช้ีวดั ม.๔-๖/๔ มีวิจารณญาณในการเลอื กเรื่องทีฟ่ ังและดู
ตัวชว้ี ัด ม. ๔-๖/๖ มีมารยาทในการฟัง การดแู ละการพูด
3. สาระสำคัญ
ปจั จุบนั สือ่ ต่างๆ เข้ามามีอทิ ธิพลตอ่ ตวั เราเปน็ อย่างมาก อาทิ การโฆษณา เพลง ละคร ภาพยนตร์
โดยส่ิงเหล่าน้ีจะต้องใช้การฟงั และการดู ซ่ึงเปน็ ทักษะสำคัญในการสื่อสาร ดังน้ันจึงจำเปน็ อยา่ งยิง่ ท่ีผรู้ บั สาร
จะตอ้ งมีทักษะและวจิ ารณญาณในการรบั สารเพ่ือจะไดเ้ ข้าใจเจตนาของผู้สง่ สารซ่ึงในการพจิ ารณาสารโดยใช้
ทักษะการฟังและการดูน้ีผู้รับสารจะตอ้ งวเิ คราะห์การใชภ้ าษา แนวคดิ และความน่าเชื่อถือ มแี นวทาง
การประเมนิ คา่ เรื่องจากการฟังและดู ในด้านรูปแบบ ภาษา และแนวคิดของเรื่องเพ่อื เป็นแนวทางในการนำไป
ประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจำวันซงึ่ จะทำให้การฟังและดูน้นั มีประสิทธิภาพ
4. จุดประสงค์การเรียนรู้
4.1 นักเรียนบอกหลกั การวิเคราะห์ แนวคดิ การใช้ภาษา ความนา่ เช่ือถือจากเรือ่ งท่ีฟังและดูได้ (K1)
4.2 นักเรียนสามารถประเมนิ เรื่องท่ีฟงั และดอู ย่างมีวจิ ารณญาณได้ถกู ต้อง (P)
4.3 นักเรียนเหน็ ความสำคญั ของการวเิ คราะหแ์ ละประเมินคา่ เรื่องทีไ่ ด้ฟงั และดู (A)
๕. สมรรถนะสำคญั
5.1 ความสามารถในการสื่อสาร
5.2 ความสามารถในการคดิ
5.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ
6. คุณลักษณะ
6.1 มีวินัย
6.2 ใฝเ่ รยี นรู้
6.3 มงุ่ มน่ั ในการทำงาน
7. สาระการเรียนรู้
7.1 หลักการวเิ คราะห์แนวคิด การใชภ้ าษา ความน่าเชื่อถือจากเร่ืองท่ีฟงั และดู
7.2 การประเมนิ เร่อื งท่ีฟังและดูอยา่ งมวี จิ ารณญาณ
7.3 มารยาทในการฟังและการดู
8. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
คาบท่ี ๑
ขนั้ นำเข้าสบู่ ทเรียน
๑. นกั เรยี นดตู ัวอยา่ งโฆษณาท่คี รูกำหนด จากนน้ั ครสู ุม่ เรียกนักเรยี น ๔-๕ คน แสดงความคิดเหน็
ว่าโฆษณาทีด่ ูน้นั เปน็ อย่างไร นกั เรยี นสามารถแสดงความคิดเห็นได้หลากหลาย
๒. ครูแจง้ ให้นกั เรยี นทราบว่าโฆษณาหรือสื่อทเี่ รารับด้วยการฟงั หรอื ดูน้ัน มีอิทธิพลต่อ
ชีวติ ประจำวันของเราเปน็ อย่างมาก ดงั นั้นเราต้องมวี ิธใี นการวิเคราะห์และประเมินคา่ ส่ือเหล่านี้ ซ่งึ นกั เรียนจะ
ไดเ้ รยี นรใู้ นคาบน้ี
ข้นั สอน
๑. นกั เรียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน เรอ่ื ง การวิเคราะหแ์ ละประเมินค่าเรือ่ งท่ฟี ังและดู
จากน้ันเฉลยร่วมกัน
๒. นักเรยี นแบง่ กลุม่ โดยคละความสามารถจำนวน ๖ กลมุ่ เพอื่ ร่วมกนั ศกึ ษาเน้ือหาเรอ่ื งแนว
ทางการประเมินค่าการฟังและดูโฆษณาจากหนงั สือเรียนในหัวข้อรปู แบบของโฆษณา การใชภ้ าษาในโฆษณา
และแนวคิดจากการฟังและดโู ฆษณา
๓. นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ รว่ มกันอภปิ รายความรู้ท่ีศึกษา ผลัดกันซักถามข้อสงสยั จนทกุ คนมีความ
เข้าใจชดั เจนตรงกัน
๔. ครูอธบิ ายความร้เู ร่อื ง แนวทางการประเมินค่าการฟังและดูโฆษณาเพม่ิ เติมเพอ่ื ให้นักเรียนมี
ความรคู้ วามเข้าใจชัดเจนมากย่งิ ขึ้น จากน้นั ครูพูดถึงมารยาทของการฟงั และการดูใหน้ กั เรียนฟงั
๕. ครใู ห้นักเรยี นแต่ละกลุ่มฟังและดูโฆษณาต่างๆ ทนี่ กั เรยี นสนใจ แลว้ ประเมินคา่ การฟังและดู
โฆษณาลงในใบงานท่ี ๒.๑ เรอ่ื ง ประเมินค่าโฆษณา จากนั้นสง่ ตัวแทนออกมานำเสนอหนา้ ช้ันเรยี น
ขน้ั สรุป
ครใู หน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันสรุปเนือ้ หาร่วมกนั อกี ครั้ง
คาบท่ี ๒
ขนั้ นำเข้าสบู่ ทเรียน
๑. ครเู ปดิ เพลงใหน้ ักเรยี นฟงั แล้วขออาสาสมัครเรยี กนักเรยี น ๒-๓ คน แสดงความคิดเหน็
เก่ยี วกับเพลงท่ีได้ฟัง ซ่ึงนักเรียนสามารถแสดงความคิดเหน็ ไดอ้ ยา่ งหลากหลาย
๒. ครอู ธิบายใหน้ ักเรียนเขา้ ใจวา่ การฟังเพลงนอกจากจะฟงั เพ่ือความผ่อนคลายแลว้ ตอ้ งทราบถึง
รายละเอยี ดของเพลงทัง้ รปู แบบ การใชภ้ าษา และแนวคิดจากการฟังเพลง
ขนั้ สอน
๑. นกั เรยี นรวมกลุม่ เพ่อื ร่วมกนั ศึกษาความรูเ้ รื่องแนวทางการประเมนิ ค่าการฟังเพลง ในประเดน็ ที่
กำหนด คอื รปู แบบของเพลง การใช้ภาษาในเพลง และแนวคิดจากการฟังเพลง และศึกษาตัวอยา่ งการ
ประเมนิ ค่าเพลงจากใบความรู้
๒. นักเรียนแต่ละกลุ่มประเมินคา่ เพลง ตามประเด็นท่ีกำหนดให้ในแบบฝกึ เรอื่ งประเมินคา่
บทเพลง จากนั้นนำเสนอหนา้ ชั้นเรยี น
๓. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายถึงการประเมินค่าบทเพลงของแต่ละกลุ่ม
ขั้นสรปุ
๑. ครขู ออาสาสมัครนักเรยี นกลุ่มละหนง่ึ คน สรุปความรใู้ ห้เพอื่ นๆ ฟงั
๒. ครูฝากงานใหน้ ักเรียนแต่ละคนทำเป็นการบ้าน คือให้นักเรยี นเลอื กเพลงที่นักเรยี นชื่นชอบหนงึ่
เพลง แลว้ ทำการประเมนิ ตามประเดน็ ทเี่ รยี นและนำสง่ ในคาบถัดไป
คาบที่ ๓
ขั้นนำเขา้ สบู่ ทเรยี น
๑. นกั เรยี นกับครูสนทนาเก่ียวกับเหตกุ ารณ์บา้ นเมอื งโดยใหน้ กั เรยี นดูภาพประกอบ แลว้ ถาม
นกั เรยี นว่า มีแนวทางในการประเมินค่าเรอ่ื งทฟ่ี ังและดูอย่างไร
๒. นักเรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็
ข้นั สอน
๑. นกั เรียนรวมกล่มุ เดิม ร่วมกันศกึ ษาความรู้เรื่อง แนวทาง การประเมนิ คา่ เร่ืองท่ีฟังและดู จาก
หนงั สอื เรยี น
๒. ครูอธบิ ายแนวทางการประเมนิ ค่าเร่ืองทฟี่ ังและดู พร้อมยกตัวอยา่ งประกอบการอธิบาย
๓. ครใู ห้นักเรียนเลือกฟังและดรู ายการที่กำหนดให้ดงั ต่อไปน้ีแล้วประเมินค่าเร่ืองที่ฟงั และดู
๑) รายการร้องขา้ มกำแพง ทางชอ่ ง 23
๒) ละครใต้หลา้ ทางชอ่ งวนั
๓) รายการเรอ่ื งเล่าเช้านี้ ทางไทยทีวีสีช่อง ๓
๔. นกั เรยี นแตล่ ะคนทำแบบฝึก เรื่อง แนวทางการประเมินคา่ เร่ืองที่ฟังและดู เม่ือทำเสร็จแล้วให้
นักเรียนจับคกู่ บั เพ่ือนในกลุ่มผลัดกันอภปิ รายคำตอบของตนเองให้คู่ของตนฟัง
๕. ครูสุ่มเรยี กนกั เรียนแตล่ ะคู่ออกมานำเสนอใบงานท่ี ๒.๓ แล้วร่วมกนั เฉลยคำตอบในใบงาน
ขน้ั สรปุ
๑. ครูสรุปความรู้เรอ่ื งแนวทางการประเมินค่าเรอ่ื งท่ีฟงั และดูใหน้ กั เรยี นฟงั อกี ครงั้
คาบท่ี ๔
ข้นั นำเข้าสูบ่ ทเรยี น
๑. นักเรยี นรวมกลุม่ เดิม จากนัน้ ครูนำละครทีวเี ร่อื งที่อยใู่ นความสนใจของผชู้ มในขณะน้ี มาให้
นกั เรยี นดู ๑ ตอน จากน้ันให้นกั เรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็
๒. ครูแจง้ ใหน้ กั เรยี นทราบว่าในการวิเคราะห์ ประเมนิ คา่ ละครท่ีเราฟงั และดนู ้ันต้องมีหลกั ในการ
วเิ คราะห์ ซึ่งนักเรยี นจะไดเ้ รียนรู้ในคาบนี้
ขน้ั สอน
๑. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มเลือกดูละครตอนสั้น ๑ เรอ่ื ง แล้วร่วมกันประเมินค่าละครที่ดู ตามประเด็นท่ี
กำหนดให้ลงในแบบฝึก เรอ่ื ง ประเมินค่าละคร
๒. ครูใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอผลงานหน้าชน้ั เรยี นและแสดงความคิดเห็นเพม่ิ เติม
๓. นักเรียนทำแบบทดสอบหลงั เรยี นเร่อื งการวิเคราะห์ประเมินคา่ จากการฟังและการดู จากนน้ั เฉลย
ร่วมกัน
ข้นั สรปุ
๑. นกั เรียนและครสู รุปเนื้อหารว่ มกนั อีกคร้งั
๗. ส่ือ/แหลง่ เรยี นรู้
๑. หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพ้ืนฐาน ภาษาไทย ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๖
๒. ใบความรูเ้ รอื่ งการวิเคราะห์ ประเมินค่าจากการฟังการดู
๘. หลกั ฐานการเรียนรู้
ช้ินงาน
- การวเิ คราะหแ์ ละประเมินค่าเพลง
ภาระงาน
- กิจกรรมกลุม่ ในการร่วมกนั ทำแบบฝึก
๙. การวดั และประเมนิ ผล
วิธีการวัด เคร่อื งมอื วดั เกณฑก์ ารประเมิน
- ทดสอบความรู้ ก่อนเรียน-หลัง - แบบทดสอบ - นักเรียนทำคะแนนได้ผ่านเกณฑ์
เรียน - แบบฝกึ ร้อยละ 70 แสดงวา่ ผ่าน
- ตรวจแบบฝกึ - แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล - นักเรียนได้คะแนนการทำแบบ
- การสงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล - แบบบันทึกผลคณุ ลักษณะ ฝึกผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 แสดง
- การบันทึกผลคุณลักษณะอันพึง อนั พงึ ประสงค์ ว่าผา่ น
ประสงค์ - แบบบันทึกผลสมรรถนะสำคัญ - นักเรียนผ่านเกณฑ์การประเมิน
- การบันทึกผลสมรรถนะสำคัญ ของผู้เรยี น พฤติกรรมรายบุคคล ระดับ ๒
ของผูเ้ รยี น แสดงวา่ ผา่ น
- นักเรียนผ่านเกณฑ์คุณลักษณะ
อันพึงประสงค์ระดับ ๒ แสดงว่า
ผา่ น
- นักเรียนผ่านเกณฑ์สมรรถนะ
สำคญั ของผู้เรียนระดบั ๒
แสดงว่าผ่าน
๑2. ขออนุมตั ใิ ช้แผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
...........................................................................................................................................................................
.................................................................................... ......................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
ลงชอ่ื ……………..............………………
(นางสาวสริ ภิ า แสงสมคั ร)
ครชู ำนาญการโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา
วนั ท่ี 6 เดือนกรกาคม พ.ศ. ๒๕๖5
๑3. ความคิดเห็นของหวั หน้ากลุม่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย
.......................................................................................................................................................... .................
..........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................ ..................................................
ลงช่ือ ……………..............………………
(นายไพโรจน์ ขวัญคง)
หวั หนา้ กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย
บนั ทกึ ผลการสอน (ม.6/๑)
ผลการเรียนของนักเรียน
ตามจุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. นกั เรยี นบอกหลักการวิเคราะห์ แนวคิด การใช้ภาษา ความน่าเชื่อถือจากเรอ่ื งท่ีฟังและดู
ผา่ นเกณฑ์ในระดับดีมากทุกคน
2. นกั เรยี นสามารถประเมนิ เรื่องท่ีฟงั และดอู ยา่ งมีวจิ ารณญาณได้ถูกต้อง ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ
อยูใ่ นระดับดีมาก จำนวน 15 คน ระดับดี 5 คน
3. นกั เรยี นเห็นความสำคญั ของการวเิ คราะหแ์ ละประเมนิ ค่าเรอ่ื งท่ไี ด้ฟงั และดู ผา่ นเกณฑ์อยู่ในระดับ
ดมี ากทุกคน
ตามสมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น
- นักเรยี นมีผลการประเมนิ ตามสมรรถนะสำคัญของผู้เรียนผา่ นเกณฑ์ในระดับดีมากทุกคน
ตามคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
- นกั เรียนมผี ลการประเมินตามคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดีมากทุกคน
ปัญหา/อุปสรรค
- ในการทำกิจกรรมการประเมินเรือ่ งที่ฟังและดูบางคาบนักเรียนบางกลมุ่ ใช้เวลาค่อยข้างนาน จึง
ไมไ่ ด้รว่ มกนั เฉลย หรืออธิบายรายละเอียดเพ่ิมเตมิ
ข้อเสนอแนะแนวทางแกไ้ ขผลการแก้ไข
- ปัญหาเรื่องของเวลาแก้โดยการกระชับกิจกรรมโดยครูคอยช้ีแนะเพ่ิมเติม และอธิบายโดย
ภาพรวมพร้อมกนั
ลงช่อื ..................................................ผู้สอน
(นางสาวสริ ภิ า แสงสมคั ร)
ครู โรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จงั หวดั ยะลา
วันที่ 8 กรกฎาคม 2565
บันทึกผลการสอน (ม.6/2)
ผลการเรยี นของนกั เรยี น
ตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. นกั เรียนบอกหลกั การวเิ คราะห์ แนวคดิ การใช้ภาษา ความนา่ เชอ่ื ถือจากเร่อื งท่ฟี ังและดู
ผ่านเกณฑ์ในระดับดีมากทุกคน
2. นกั เรยี นสามารถประเมินเร่อื งท่ีฟงั และดอู ย่างมวี จิ ารณญาณได้ถูกต้อง ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ
อย่ใู นระดับดีมากทุกคน
3. นกั เรยี นเห็นความสำคญั ของการวเิ คราะหแ์ ละประเมินคา่ เรื่องท่ีได้ฟงั และดู ผา่ นเกณฑอ์ ยู่ในระดับ
ดมี ากทุกคน
ตามสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น
- นักเรียนมผี ลการประเมนิ ตามสมรรถนะสำคัญของผู้เรยี นผา่ นเกณฑ์ในระดับดมี ากทุกคน
ตามคุณลักษณะอนั พึงประสงค์
- นกั เรยี นมผี ลการประเมินตามคุณลักษณะอันพึงประสงคผ์ า่ นเกณฑ์ในระดบั ดีมากทกุ คน
ปญั หา/อุปสรรค
-
ข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไขผลการแก้ไข
-
ลงชื่อ..................................................ผูส้ อน
(นางสาวสิริภา แสงสมคั ร)
ครู โรงเรยี นคณะราษฎรบำรุง จังหวดั ยะลา
บันทึกผลการสอน (ม.6/3)
ผลการเรยี นของนักเรยี น
ตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. นกั เรยี นบอกหลักการวเิ คราะห์ แนวคดิ การใช้ภาษา ความนา่ เชอ่ื ถือจากเร่อื งท่ฟี ังและดู
ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดีมากทุกคน
2. นกั เรยี นสามารถประเมินเร่อื งท่ีฟงั และดอู ย่างมวี จิ ารณญาณได้ถูกต้อง ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ
อย่ใู นระดับดมี ากทคุ น
3. นกั เรียนเห็นความสำคญั ของการวเิ คราะหแ์ ละประเมินคา่ เรื่องท่ีได้ฟงั และดู ผา่ นเกณฑอ์ ยู่ในระดับ
ดมี ากทุกคน
ตามสมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น
- นักเรียนมผี ลการประเมนิ ตามสมรรถนะสำคัญของผู้เรยี นผา่ นเกณฑ์ในระดับดมี ากทุกคน
ตามคุณลักษณะอันพึงประสงค์
- นกั เรียนมผี ลการประเมินตามคุณลักษณะอันพึงประสงคผ์ า่ นเกณฑ์ในระดบั ดีมากทกุ คน
ปญั หา/อุปสรรค
-
ขอ้ เสนอแนะแนวทางแก้ไขผลการแก้ไข
-
ลงชื่อ..................................................ผูส้ อน
(นางสาวสิริภา แสงสมคั ร)
ครู โรงเรยี นคณะราษฎรบำรุง จังหวดั ยะลา
บันทกึ ผลการสอน (ม.6/8)
ผลการเรียนของนักเรียน
ตามจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. นักเรียนบอกหลักการวิเคราะห์ แนวคดิ การใชภ้ าษา ความนา่ เชื่อถือจากเรอ่ื งทฟ่ี งั และดู
ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดีมากทกุ คน
2. นักเรียนสามารถประเมินเรือ่ งที่ฟงั และดูอยา่ งมีวิจารณญาณได้ถกู ต้อง ผ่านเกณฑ์การประเมิน
อยู่ในระดับดมี าก จำนวน 28 คน ระดับดี จำนวน 12 คน
3. นกั เรียนเห็นความสำคัญของการวเิ คราะห์และประเมินคา่ เรอ่ื งท่ไี ด้ฟังและดู ผ่านเกณฑ์อยู่ในระดับ
ดมี ากทุกคน
ตามสมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น
- นกั เรียนมผี ลการประเมนิ ตามสมรรถนะสำคัญของผเู้ รียนผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดีมากทกุ คน
ตามคุณลักษณะอนั พึงประสงค์
- นักเรียนมผี ลการประเมนิ ตามคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ผา่ นเกณฑ์ในระดับดมี าก
จำนวน 30 คน ดี จำนวน 4 คน และพอใช้ จำนวน 3 คน
ปญั หา/อุปสรรค
- ในการทำกิจกรรมการประเมินเร่ืองที่ฟังและดูบางคาบนกั เรียนบางกลมุ่ ใช้เวลาค่อยขา้ งนาน จงึ
ไม่ไดร้ ว่ มกนั เฉลย หรืออธบิ ายรายละเอียดเพ่ิมเติม
- นักเรยี นหลายคนเขา้ ห้องสาย ส่งผลต่อการเขา้ ใจในเนือ้ หาและการร่วมทำกิจกรรมกลุม่
ขอ้ เสนอแนะแนวทางแกไ้ ขผลการแก้ไข
- ปัญหาเรื่องของเวลาแก้โดยการกระชับกิจกรรมโดยครูคอยช้ีแนะเพ่ิมเติม และอธิบายโดย
ภาพรวมพร้อมกัน
- สร้างความตระหนักให้นักเรียนท่ีมาสายเห็นความสำคัญในการเรียนและการทำงานร่วมกันของ
สว่ นรวม เร่ืองจากกิจกรรมส่วนใหญใ่ นเร่อื งน้ีคือกระบวนการทำงานกลมุ่
ลงชื่อ..................................................ผ้สู อน
(นางสาวสิริภา แสงสมคั ร)
ครู โรงเรยี นคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา
บนั ทกึ ผลการสอน (ม.6/10)
ผลการเรยี นของนกั เรยี น
ตามจุดประสงค์การเรียนรู้
1. นกั เรยี นบอกหลักการวเิ คราะห์ แนวคดิ การใชภ้ าษา ความนา่ เช่อื ถือจากเร่อื งทีฟ่ งั และดู
ผ่านเกณฑ์ในระดับดีมากทุกคน
2. นกั เรียนสามารถประเมนิ เรอื่ งที่ฟงั และดอู ยา่ งมีวิจารณญาณได้ถูกต้อง ผ่านเกณฑ์การประเมนิ
อย่ใู นระดบั ดมี าก จำนวน 30 คน ระดับดี จำนวน 8 คน
3. นักเรยี นเห็นความสำคัญของการวิเคราะหแ์ ละประเมนิ คา่ เรือ่ งทไี่ ด้ฟังและดู ผ่านเกณฑ์อยู่ในระดับ
ดมี าก จำนวน 30 คน ระดับดี จำนวน 5 คน และระดับพอใช้ จำนวน 2 คน
ตามสมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น
- นกั เรียนมีผลการประเมินตามสมรรถนะสำคัญของผู้เรียนผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดีมากทุกคน
ตามคุณลักษณะอันพึงประสงค์
- นักเรียนมผี ลการประเมินตามคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงคผ์ า่ นเกณฑ์ในระดบั ดีมาก
จำนวน 30 คน ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี 5 คน และระดับพอใช้ จำนวน 2 คน
ปัญหา/อุปสรรค
- ในการทำกิจกรรมการประเมินเร่ืองที่ฟงั และดูบางคาบนักเรียนบางกล่มุ ใชเ้ วลาค่อยข้างนาน
จงึ ไม่ได้ร่วมกันเฉลย หรืออธบิ ายรายละเอยี ดเพ่มิ เตมิ
ขอ้ เสนอแนะแนวทางแก้ไขผลการแก้ไข
- ปัญหาเรื่องของเวลาแกโ้ ดยการกระชับกิจกรรมโดยครูคอยช้แี นะเพม่ิ เติม และอธิบาย
โดยภาพรวมพรอ้ มกนั
ลงชอ่ื ..................................................ผู้สอน
(นางสาวสริ ภิ า แสงสมัคร)
ครู โรงเรียนคณะราษฎรบำรงุ จังหวัดยะลา
บันทกึ ผลการสอน (ม.6/12)
ผลการเรยี นของนกั เรียน
ตามจุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. นกั เรียนบอกหลักการวิเคราะห์ แนวคิด การใชภ้ าษา ความน่าเชอ่ื ถือจากเรือ่ งที่ฟังและดู
ผ่านเกณฑ์ในระดับดีมากทกุ คน
2. นกั เรียนสามารถประเมนิ เร่ืองท่ีฟังและดอู ย่างมีวิจารณญาณได้ถูกต้อง ผ่านเกณฑ์การประเมนิ
อยู่ในระดบั ดมี าก จำนวน 17 คน ระดบั ดี 3 คน
3. นักเรยี นเหน็ ความสำคญั ของการวเิ คราะหแ์ ละประเมินค่าเรอ่ื งทไ่ี ด้ฟังและดู ผา่ นเกณฑ์อยู่ในระดับ
ดมี าก จำนวน 14 คน ผา่ นเกณฑใ์ นระดับดี จำนวน 3 คน และระดับพอใช้ จำนวน 3 คน
ตามสมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
- นกั เรยี นมผี ลการประเมินตามสมรรถนะสำคัญของผเู้ รียนผ่านเกณฑ์ในระดบั ดีมากทุกคน
ตามคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
- นกั เรียนมีผลการประเมินตามคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคผ์ า่ นเกณฑ์ในระดบั ดีมาก
จำนวน 14 คน ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี จำนวน 3 คน และระดับพอใช้ จำนวน 3 คน
ปญั หา/อุปสรรค
- ในการทำกิจกรรมการประเมินเรื่องท่ีฟงั และดูบางคาบนักเรียนบางกลุ่มใช้เวลาค่อยขา้ งนาน
จึงไม่ได้รว่ มกนั เฉลย หรืออธบิ ายรายละเอียดเพิ่มเตมิ
- นักเรียนหลายคนเขา้ ห้องเรยี นสาย ส่งผลตอ่ การทำงานกลุ่ม
- ห้องน้ีมีนักเรยี น 20 คน การจัดกลุ่มบางคาบ มีนกั เรยี นลาและขาดเรยี นจึงทำใหส้ มาชิก
เหลอื น้อยลง
ข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไขผลการแก้ไข
- ปัญหาเร่ืองของเวลาแก้โดยการกระชับกิจกรรมโดยครูคอยช้ีแนะเพิ่มเติม และอธิบายโดย
ภาพรวมพร้อมกนั
- สร้างความตระหนักในการให้ความสำคญั กับการช่วยเหลอื การทำงานภายในกลมุ่
- นกั เรียนกล่มุ ใดท่ีมาน้อยบางกลมุ่ ขอทำงานเอง นักเรยี นบางคนไปทำงานร่วมกบั กลมุ่ เพื่อน
ลงชอ่ื ..................................................ผู้สอน
(นางสาวสริ ภิ า แสงสมัคร)
ครู โรงเรียนคณะราษฎรบำรงุ จงั หวดั ยะลา
ความคดิ เหน็ ของผูอ้ ำนวยการสถานศกึ ษา
........................................................................................................... ................................................................
.............................................................................................................................................. ............................
..........................................................................................................................................................................
ลงชอื่ ……………..............………………
(นายนพปฎล มณุ รี ัตน์)
ผู้อำนวยการโรงเรยี นคณะราษฎรบำรงุ จังหวัดยะลา
ภาคผนวก
แบบทดสอบกอ่ น – หลังเรยี น
เรอ่ื งการวิเคราะห์และประเมินคา่ จากการฟังและการดู
คำช้ีแจง ให้นักเรียนเลือกคำตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว
๑. ข้อใดแสดงถึงลักษณะการฟังอย่างมีประสิทธิภาพ
ก. ฟังแล้วขยายความให้มากขึ้นและถ่ายทอดสู่คนอื่น
ข. ฟังทุกเรื่องและแยกแยะประเด็นที่เหมือนและต่าง
ค. ฟังข้อมูลทุกอย่างเพราะเป็นเรื่องที่เพลิดเพลิน
ง. ฟังแล้วคิดพิจารณาถึงเน้ือหาสาระที่ถูกต้อง
๒. บุคคลในข้อใดมีลักษณะการฟังอย่างมีประสิทธิภาพ
ก. ญาญ่าฟังรายการวิทยุขณะทำงานบ้านไปด้วย
ข. ณเดชฟังประกาศของโรงเรียนแล้วรีบว่ิงไปที่สนามกีฬา
ค. ปริญเลือกฟังเฉพาะรายการสารคดีสั้นเพ่ือเก็บข้อมูลทำรายงาน
ง. คิมเบอลี่ฟังเพื่อนๆ พูดกันท่ีโรงอาหารแล้วนำมาเล่าให้คนอ่ืนฟัง
๓. ภาษาในข่าวมีลักษณะตรงกับข้อใด
ก. โครงสร้างประโยคถูกต้อง
ข. ใช้ศัพท์เฉพาะด้านวิชาการ
ค. ถ้อยคำท่ีใช้สื่อความมีนัยยะ
ง. ใช้คำสั้น ง่าย และกระชับ
๔. ข้อใดไม่ใช่วิธีการสรุปแนวคิดจากข่าว
ก. พิจารณาข้อคิดเห็นที่มีอยู่
ข. พิจารณารายละเอียดของเร่ือง
ค. บันทึกรายละเอียดของเนื้อหาข่าว
ง. ตรวจสอบความถูกต้องของสำนวนภาษาที่ใช้
๕. ข้อใดกล่าวถึงลักษณะภาษาโฆษณาได้ถูกต้อง
ก. ใช้ถ้อยคำท่ีแสดงข้อมูลจริงท้ังหมดให้แก่ผู้รับสาร
ข. ใช้ภาษามีท่วงทำนองเพื่อให้จดจำสินค้าได้ง่าย
ค. ใช้ถ้อยคำท่ีชักจูงใจเพ่ือให้ใช้บริการหรือสินค้า
ง. ใช้ภาษาท่ีทำให้ก่อให้เกิดจินตนาการได้ทันที
โลกประกอบด้วยน้ำ 70% ของพื้นที่ แต่น้ำที่สามารถด่ืมได้และมีสุขภาพดีต้องน้ำด่ืมสะอาด
ถูกหลักอนามัย และที่สำคัญต้องเป็นน้ำแร่จากธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์ ที่คุณดื่มได้อย่างมั่นใจ
๖. โฆษณาดังกล่าวเสนอแนวคิดเกี่ยวกับเร่ืองอะไร
ก. ปริมาณน้ำในโลกมี ๗๐% ของพ้ืนที่ท้ังหมด
ข. น้ำแร่จากธรรมชาติที่สำคัญสะอาดร้อยเปอร์เซ็นต์
ค. สุขภาพดี สุขภาพแข็งแรงต้องด่ืมน้ำท่ีถูกหลักอนามัย
ง. น้ำดื่มสะอาดต้องเป็นน้ำแร่จากธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์
ฉันต้องหลงอ้างว้างกลางป่า สุดเหลียวแลหาผู้อื่น ป่าเปลี่ยวเช่นนี้ไม่ชื่น ดึกดื่นค่ำคืนทอดถอน
เหงาสุดเหงาต้องทรุดลงน่ัง ต้องพักหยุดย้ังพลางก่อน เหน็ดเหน่ือยเมื่อยล้าแรงอ่อน
อกสั่นรอนรอนถอนใจ
(เพลงกล่อมวนา : สุนทราภรณ์)
๗. บทเพลงดังกล่าวมีลักษณะเด่นในเร่ืองใด
ก. การใช้คำให้เกิดจินตภาพ ข. การใช้คำที่เล่นสัมผัส
ค. บทพรรณนาโวหาร ง. การใช้คำที่มีนัยยะ
๘. ข้อใดกล่าวถึงแนวทางการฟังและดูบทละครได้ถูกต้อง
ก. การดำเนินเร่ืองหรือวิธีเล่าเรื่องท่ีสัมพันธ์กัน
ข. แสง สี และอุปกรณ์ประกอบฉากท่ีเสมือนจริง
ค. พิจารณาการแสดงอารมณ์ของตัวละคร
ง. การใช้ภาษาท่ีไพเราะและเลือกสรรคำได้ดี
๙. ประโยชน์ของการฟังหรือดูเพลงประเภทต่างๆ ตรงกับข้อใด
ก. ได้ทันโลก ทันเหตุการณ์ และทำให้เป็นคนทันยุคทันสมัย
ข. สร้างศักยภาพและทักษะด้านการเล่นดนตรีให้ มากขึ้น
ค. ช่วยยกระดับจิตใจและเกิดความเพลิดเพลิน
ง. ส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมให้มีในสังคม
๑๐. ข้อใดไม่ใช่มารยาทในการฟัง การดู
ก. หนูนานำความรู้ที่ได้รับจากการฟัง การดู ไปบอกต่อ
ข. แตงโมเข้าไปดูหนังที่โคลีเซียมก่อนเวลา ๑๕ นาที
ค. ออมสินพูดวิจารณ์ในขณะท่ีกำลังดูละครเวที
ง. ธิดาประเมินค่าการใช้ภาษาในแนวทางท่ีสร้างสรรค์
เฉลยแบบทดสอบกอ่ น – หลงั เรยี น
เรอ่ื งการวิเคราะห์และประเมินค่าจากการฟังและการดู
๑. ค ๒. ง ๓. ง ๔. ข ๕. ค
๖. ค ๗. ข ๘. ง ๙. ก ๑๐. ก
ใบความรู้
เรอ่ื งการวิเคราะหแ์ ละประเมินคา่ จากการฟังและการดู
สงั คมปัจจบุ นั ช่องทางการนำเสนอข้อมูลให้ดูและฟังจะมีมากมาย ดงั น้ันผเู้ รียนควรรู้จกั เลอื กท่จี ะดู
และฟัง เมื่อไดร้ บั รขู้ ้อมูลแลว้ การรจู้ กั วิเคราะห์ วจิ ารณ์ เพ่ือนำไปใช้ในทางสร้างสรรค์ เปน็ ส่ิงจำเป็นเพราะผล
ทต่ี ามมาจากการดแู ละฟงั จะเปน็ ผลบวกหรอื ลบแกส่ งั คมก็ข้นึ อยกู่ ับการนำไปใชน้ ี่เอง น่นั คือผลดีจะเกดิ แก่
สังคมก็เม่อื ผู้ดูและฟังนำผลทไ่ี ด้น้นั ไปใชอ้ ยา่ งสร้างสรรค์หรือในปจั จบุ นั จะมีสำนวนทีใ่ ชก้ ันอย่างแพร่หลายวา่
คิดบวกน่นั เอง เมื่อรจู้ ักหลกั ในการดแู ละฟังแล้ว ควรจะรู้จักประเภทเพ่อื แยกแยะในการนำไปใช้
ประโยชน์ ซงึ่ อาจสรปุ ประเภทได้ดงั น้ี
๑. สอ่ื โฆษณา สื่อประเภทน้ีผู้ฟังต้องร้จู ุดมุง่ หมาย เพราะสว่ นใหญจ่ ะเป็นการสื่อใหค้ ล้อยตาม อาจ
ไม่สมเหตุสมผล ผฟู้ ังต้องพจิ ารณาไตรต่ รองก่อนซื้อหรอื ก่อนตัดสินใจ
๒. ส่ือเพอ่ื ความบนั เทิง เช่น เพลง, เรือ่ งเลา่ ซึง่ อาจมกี ารแสดงประกอบด้วย เช่น นทิ าน นยิ าย หรือ
สื่อประเภทละคร สื่อเหลา่ นีผ้ ู้รบั สารต้องระมัดระวัง ใช้วจิ ารณญาณประกอบการตดั สนิ ใจกอ่ นท่จี ะซ้ือหรือทำ
ตาม ปัจจุบนั รายการโทรทศั นจ์ ะมกี ารแนะนำวา่ แต่ละรายการเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายใด เพราะเช่อื กันวา่ ถา้
ผู้ใดขาดความคิดในเชิงสรา้ งสรรค์แล้ว สื่อบนั เทงิ อาจสง่ ผลร้ายต่อสงั คมได้ เชน่ ผ้ดู เู อาตัวอยา่ งการจ้ี, ปลน้
การข่มขนื กระทำชำเรา และแมแ้ ต่การฆา่ ตัวตาย โดยเอาอยา่ งจากละครที่ดูกเ็ คยมีมาแลว้
๓. ข่าวสาร สือ่ ประเภทนผี้ รู้ บั สารต้องมีความพร้อมพอสมควร เพราะควรต้องรจู้ ักแหล่งขา่ ว ผ้นู ำ
เสนอข่าว การจบั ประเดน็ ความมเี หตุมีผล รจู้ ักเปรียบเทียบเน้ือหาจากทีม่ าของข่าวหลายๆ แห่ง เปน็ ต้น
๔. ปาฐกถา เนือ้ หาประเภทนผี้ ้รู บั สารต้องฟังอยา่ งมีสมาธิเพอ่ื จับประเดน็ สำคัญให้ได้ และก่อน
ตดั สินใจเชอื่ หรือนำขอ้ มลู สว่ นใดไปใชป้ ระโยชนต์ อ้ งมีความร้พู ื้นฐานในเรื่องนั้น ๆอยู่บา้ ง
๕. สนุ ทรพจน์ ส่ือประเภทนี้สว่ นใหญ่จะไมย่ าว และมีใจความทเ่ี ขา้ ใจง่าย ชัดเจน แตผ่ ู้ฟงั จะต้องรจู้ ัก
กลนั่ กรองสง่ิ ที่ดีไปเป็นแนวทางในการปฏิบตั ิ
หลักและแนวทางการฟังและดอู ย่างสร้างสรรค์
๑. ต้องเข้าใจความหมาย หลกั เบ้อื งตน้ จองการจบั ใจความของสารที่ฟังและดูนัน้ ต้องเขา้ ใจ
ความหมายของคำ สำนวนประโยคและขอ้ ความทีบ่ รรยายหรืออธิบาย
๒. ตอ้ งเขา้ ใจลักษณะของข้อความ ขอ้ ความแต่ละข้อความต้องมใี จความสำคัญของเรื่องและ
ใจความสำคัญของเรอ่ื งจะอยู่ทป่ี ระโยคสำคัญ ซ่ึงเรยี กวา่ ประโยคใจความ ประโยคใจความจะปรากฏอยู่ใน
ตอนใดตอนหนงึ่ ของข้อความ โดยปกตจิ ะปรากฏอยู่ในตอนตน้ ตอนกลาง และตอนทา้ ย หรืออยตู่ อนตน้ และ
ตอนท้ายของข้อความผรู้ บั สารตอ้ งรู้จักสังเกต และเข้าใจการปรากฏของประโยคใจความในตอนต่าง ๆ ของ
ขอ้ ความ จงึ จะชว่ ยให้จับใจความได้ดียิง่ ข้นึ
๓. ต้องเขา้ ใจในลกั ษณะประโยคใจความ ประโยคใจความ คอื ข้อความท่ีเปน็ ความคิดหลกั ซง่ึ
มกั จะมีเนื้อหาตรงกบั หัวข้อเรื่อง เช่น เรื่อง “สุนขั ” ความคิดหลักคือ สนุ ัขเป็นสตั วเ์ ลี้ยงที่รักเจ้าของ แต่การ
ฟงั เร่ืองราวจากการพูดบางทีไมม่ ีหัวข้อ แต่จะพูดตามลำดับของเน้ือหา ดังนัน้ การจับใจความสำคญั ต้องฟงั ให้
ตลอดเร่อื งแลว้ จับใจความว่า พูดถึงเร่ืองอะไร คอื จบั ประเดน็ หวั เรื่อง และเรอ่ื งเป็นอย่างไรคือ สาระสำคัญ
หรือใจความสำคัญของเร่ืองนั่นเอง
๔ ต้องร้จู ักประเภทของสาร สารทีฟ่ งั และดูมีหลายประเภท ต้องรู้จักและแยกประเภทสรุปของสาร
ได้ว่า เป็นสารประเภทข้อเท็จจริง ขอ้ คดิ เห็นหรือเป็นคำทักทายปราศรัย ขา่ ว ละคร สารคดี จะได้ประเดน็
หรอื ใจความสำคญั ได้งา่ ย
๕. ตอ้ งตคี วามในสารได้ตรงตามเจตนาของผู้ส่งสาร ผู้ส่งสารมเี จตนาที่จะสง่ สารต่าง ๆ กบั บางคน
ต้องการใหค้ วามรู้ บางคนต้องการโน้มนา้ วใจ และบางคนอาจจะต้องการส่งสารเพ่ือส่ือความหมายอื่น ๆ ผ้ฟู ัง
และดตู ้องจับเจตนาให้ได้ เพ่ือจะได้จบั สารและใจความสำคัญได้
๖. ตั้งใจฟงั และดูใหต้ ลอดเร่ือง พยายามทำความเขา้ ใจใหต้ ลอดเรื่อง ย่ิงเรอื่ งยาวสลับซับซอ้ นยิ่ง
ตอ้ งตง้ั ใจเปน็ พิเศษและพยายามจับประเด็นหัวเรื่อง กรยิ าอาการ ภาพและเคร่อื งหมายอืน่ ๆ ดว้ นความตง้ั ใจ
๗. สรุปใจความสำคญั ข้ันสดุ ท้ายของการฟงั และดูเพื่อจับใจความสำคญั ก็คือสรุปให้ได้วา่ เรื่อง
อะไร ใคร ทำอะไร ท่ีไหน เม่ือไร อย่างไรและทำไม หรือบางเรอ่ื งอาจจะสรปุ ได้ไมค่ รบทั้งหมดทงั้ นย้ี ่อมข้ึนกบั
สารทฟ่ี ังจะมีใจความสำคญั ครบถว้ นมากน้อยเพียงใด
แบบฝกึ ทักษะ
เรือ่ ง ประเมินค่าโฆษณา
คำชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนพจิ ารณาโฆษณาท่ีครูเปดิ ใหฟ้ ังและดูตอ่ ไปนี้ แล้วประเมนิ คา่ ตามประเด็นที่กำหนด
“คร.ู ..ข้างถนน”
รปู แบบ
..............................................................................................................................................................................
.................................................................................. ................................................................................ ............
............................................................................................................................. ....................................
แนวคิด
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ....................................
............................................................................................................................. .................................................
.....................................................................................................................................................................
การใชภ้ าษา
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. ........................................
เฉลยแบบฝึกทักษะ
เรือ่ ง ประเมินค่าโฆษณา
คำชีแ้ จง ใหน้ ักเรียนพิจารณาโฆษณาที่ครูเปดิ ใหฟ้ ังและดูตอ่ ไปนี้ แล้วประเมนิ คา่ ตามประเด็นที่กำหนด
“คร.ู ..ข้างถนน”
รปู แบบ
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
.................................................................................................................................................................
แนวคิด
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ....................................
............................................................................................................................. .................................................
.....................................................................................................................................................................
การใช้ภาษา
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. ........................................
(พจิ ารณาจากคำตอบของนกั เรยี นและอยูใ่ นดลุ ยพนิ ิจของครผู ู้สอน)
แบบฝกึ ทักษะ
เร่อื ง ประเมนิ คา่ โฆษณา
คำชแ้ี จง ให้นักเรยี นพจิ ารณาขา่ วท่ีครูเปดิ ให้ฟังและดตู ่อไปน้ี แลว้ ประเมนิ ค่าตามประเด็นที่กำหนด
รูปแบบ
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................................................ ..................
แนวคดิ
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
การใช้ภาษา
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
........................................................................................................................ ......................................................
เฉลยแบบฝกึ ทักษะ
เรอื่ ง ประเมนิ ค่าโฆษณา
คำชแ้ี จง ให้นกั เรยี นพิจารณาข่าวท่ีครเู ปิดให้ฟังและดูต่อไปน้ี แลว้ ประเมนิ ค่าตามประเดน็ ที่กำหนด
รูปแบบ
............................................................................................................... ...............................................................
.................................................................................. ............................................................................................
................................................................................................................................................ .................
แนวคดิ
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ....................................
............................................................................................................................. .................................................
.....................................................................................................................................................................
การใช้ภาษา
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. ........................................
(พจิ ารณาจากคำตอบของนักเรียนและอยใู่ นดลุ ยพินจิ ของครูผสู้ อน)
แบบฝกึ ทักษะ
เรอ่ื ง แนวทางการประเมนิ ค่าเรอ่ื งท่ฟี ังและดู (เพลง)
คำชีแ้ จง ให้นักเรยี นเขยี นประเมนิ ค่าเร่ืองท่ีฟังและดู จากบทเพลงท่ีนกั เรยี นช่ืนชอบตามประเด็นท่ี
กำหนดให้
รูปแบบ
............................................................................................. ............................................................. ....................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
แนวคิด
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
การใชภ้ าษา
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................................................................................................... ..........
........................................................................................................................ ......................................................
............................................................................................................................. .................................................