The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by วรุธ สันราษฎร์, 2023-02-11 11:41:53

รายงานเชิงสังเคราะห์และวิเคราะห์การเปรียบเทียบประเทศสาธารณรัฐเกาหลีใต้กับประเทศไทย

การเปรียบเทียบประเทศสาธารณรัฐเกาหลีใต้กับประเทศไทย

Keywords: การเปรียบเทียบประเทศเกาหลีกับประ

รายงานเล่ม ล่ นี้เป็น ป็ ส่ว ส่ นหนึ่งของรายวิชวิา EDA711 การบริหารการศึก ศึ ษาเชิงชิเปรียบเทีย ที บ หลัก ลั สูต สู รปรัชญาดุษ ดุ ฎีบั ฎี ณ บั ฑิตฑิสาขาวิชวิาการบริหารการศึก ศึ ษา วิทวิยาลัย ลั บัณ บั ฑิตฑิศึก ศึ ษาด้า ด้ นการจัด จั การ มหาวิทวิยาลัย ลั ศรีปทุม ทุ รายงานเชิงชิสัง สั เคราะห์แ ห์ ละวิเวิคราะห์ก ห์ ารเปรียบเทีย ที บระบบการศึก ศึ ษา และการบริหารการศึก ศึ ษาระหว่า ว่ งสาธารณรัฐเกาหลีกั ลี บ กั ประเทศไทย พระมหาวรุธ สัน สั ราษฎร์ รหัส หั นักศึก ศึ ษา 65560327 นายทวิพวิงศ์ ศรีสุว สุ รรณ รหัส หั นักศึก ศึ ษา 65560156 นางสาวปาจารีย์ เพิ่ม พิ่ เพียร รหัส หั นักศึก ศึ ษา 65560670 เกาหลีใต้217รูปแบบการจัดการศึกษาข้ามวัฒนธรรมของการสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่าง ประเทศในระดับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยในประเทศไทยและประเทศสาธารณรัฐเกาหลีใต้


1 ค าน า รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา EDA 711 การบริหารการศึกษาเปรียบเทียบ (Comparative Education Administration) ภาคการศึกษาที่ 2 ปีการศึกษา 2565 จัดท าขึ้นโดยเลือกศึกษาแหล่งข้อมูล ทางการศึกษาของประเทศสาธารณรัฐเกาหลี ภายในรายงานฉบับนี้เป็นการรายงานการวิเคราะห์และ สังเคราะห์ข้อมูลจากประเด็นต่อไปนี้ หลักการและจุดมุ่งหมายทั่วไปในการจัดการศึกษา (Principles and general objectives of education) กฎหมายการศึกษาหรือกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา (Laws and other basic regulations concerning education) การบริหารและการจัดการระบบ การศึกษา (Administration and management of the education system) โครงสร้างและการจัดระบบ การศึกษา (Structure and organization of education system) การจัดการศึกษา (The Educational Process) เปรียบเทียบกับการศึกษาของประเทศสาธารณรัฐเกาหลี การด าเนินการจัดการศึกษาหรือการ บริหารการศึกษาของประเทศไทย เพื่อศึกษาอย่างเข้าใจเพื่อเป็นประโยชน์กับการเรียนการบริหารการศึกษา เปรียบเทียบและพัฒนาองค์ความรู้ให้แก่นักศึกษา มหาวิทยาลัยศรีปทุมและผู้ที่สนใจให้นักศึกษา ขอขอบพระคุณผู้ช่วยศาตราจารย์ ดร.วราภรณ์ ไทยมา ที่ได้ให้ค าปรึกษาและค าแนะน าในเรื่องการ บริหารการศึกษาเปรียบเทียบของประเทศสาธารณรัฐเกาหลี ขอขอบคุณสมาชิกทุกคนที่ให้ความร่วมมือในการ จัดท ารายฉบับนี้จนส าเร็จลุล่วงด้วยดี หากมีผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย คณะผู้จัดท า ก


2 สารบัญ เรื่อง หน้า ค าน า ก สารบัญ ข สารบัญภาพ ค สารบัญตาราง ง บริบทประเทศสาธารณรัฐเกาหลี 1 หลักการและจุดมุ่งหมายทั่วไปในการจัดการศึกษา 18 กฎหมายการศึกษาหรือกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา 20 การบริหารและการจัดการระบบการศึกษา 22 โครงสร้างและระบบการจัดการศึกษา 25 การจัดการศึกษาก่อนปฐมวัย 28 การจัดการศึกษาปฐมวัย 28 การจัดการศึกษาระดับประถมศึกษา 29 การจัดการศึกษาระดับมัธยมศึกษา การอาชีวศึกษา 30 การจัดการศึกษาอุดมศึกษา 31 การจัดการศึกษาตลอดชีวิต 32 การจัดการศึกษาพิเศษ 32 การผลิตและพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา 34 จุดเด่นของการศึกษาประเทศสาธารณรัฐเกาหลี 39 วิเคราะห์บทความวิจัย 43 บทความเรื่องที่ 1 การกระจายอ านาจทางการศึกษาจากนโยบายสู่การปฏิบัติ: กรณีศึกษา เปรียบเทียบสถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของประเทศไทย และเกาหลีใต้ 40 ข


3 สารบัญ (ต่อ) เรื่อง หน้า บทความเรื่องที่ 2 การปฏิรูปการศึกษาเพื่ออนาคต : กรณีศึกษาของเกาหลีใต้ 43 บทความเรื่องที่ 3 ป๎ญหากฎหมายเกี่ยวกับการกระจายอ านาจสู่สถานศึกษา 44 บทความเรื่องที่ 4 รูปแบบการจัดการศึกษาข้ามวัฒนธรรมของการสอนภาษาไทย ในฐานะภาษาต่างประเทศในระดับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัย ในประเทศไทยและประเทศสาธารณรัฐเกาหลีใต้ 45 บทความเรื่องที่ 5 การวิเคราะห์จุดเน้นหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานของสาธารณรัฐเกาหลี 47 ข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาการศึกษาของประเทศไทย 49 บรรณานุกรม 51 ภาคผนวก 54 บทความเรื่องที่ 1 การกระจายอ านาจทางการศึกษาจากนโยบายสู่การปฏิบัติ: กรณีศึกษา เปรียบเทียบสถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของประเทศไทย และเกาหลีใต้ บทความเรื่องที่ 2 การปฏิรูปการศึกษาเพื่ออนาคต : กรณีศึกษาของเกาหลีใต้ บทความเรื่องที่ 3 ป๎ญหากฎหมายเกี่ยวกับการกระจายอ านาจสู่สถานศึกษา บทความเรื่องที่ 4 รูปแบบการจัดการศึกษาข้ามวัฒนธรรมของการสอนภาษาไทยในฐานะ ภาษาต่างประเทศในระดับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยในประเทศไทย และประเทศสาธารณรัฐเกาหลีใต้ บทความเรื่องที่ 5 การวิเคราะห์จุดเน้นหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานของสาธารณรัฐเกาหลี


4 สารบัญภาพ เรื่อง หน้า ภาพที่ 1 แผนที่ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี 1 ภาพที่ 2 ธงชาติ 3 ภาพที่ 3 ตราแผ่นดิน 3 ภาพที่ 4 วิสัยทัศน์การศึกษาของชาติ ปี ค.ศ.2010 19 ภาพที่ 5 โครงการจัดการศึกษาประเทศเกาหลีใต้ 25 ภาพที่ 6 ตราสัญลักษณ์มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล 39 ภาพที่ 7 ตราสัญลักษณ์มหาวิทยาลัยเกาหลี 39 ภาพที่ 8 ตราสัญลักษณ์มหาวิทยาลัยย็อ นเซ 4 0 ค


5 สารบัญตาราง เรื่อง หน้า ตารางที่ 1 การเปรียบเทียบระบบการศึกษาและการบริหารการศึกษา ระหว่างสาธารณรัฐเกาหลีกับประเทศไทย 36 ตารางที่ 2 การบริหารจัดการด้านวิชาการ 41 ตารางที่ 3 การบริหารจัดการด้านบุคคล 42 ตารางที่ 4 การบริหารจัดการด้านงบประมาณ 42 ตารางที่ 5 การบริหารจัดการด้านการบริหารทั่วไป 42 ง


1 บริบทประเทศสาธารณรัฐเกาหลี ภาพที่ 1 แผนที่ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี สืบค้น 27 มกราคม 2566 จาก https://sites.google.com/site/bameehang20166/home/sthan-thi-tang ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี(Republic of Korea) มีเมืองหลวงชื่อว่า กรุงโซล ชื่อทางการนครพิเศษ โซล (Seoul Special City) ซึ่งเป็นเขตพิเศษปกครองตนเอง สาธารณรัฐเกาหลีหรือที่เรียกกันทั่วไปว่า เกาหลี ใต้ (อังกฤษ: South Korea) เป็นประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออก มีพื้นที่ครอบคลุมส่วนใต้ของคาบสมุทร เกาหลีพรมแดนทางเหนือติดกับประเทศเกาหลีเหนือ ทางตะวันตกล้อมรอบด้วยทะเลเหลือง และมีประเทศ ญี่ปุุนตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้โดยมีทะเลญี่ปุุนและช่องแคบเกาหลีกั้นไว้เกาหลีใต้มีประชากรประมาณ 51 ล้านคน และกว่าครึ่งหนึ่งอาศัยอยู่ในเขตเมืองหลวงและปริมณฑล ซึ่งถือเป็นมหานครมี่มีประชากรมากที่สุด เป็นอันดับ 5 ของโลก มีเมืองหลวงคือโซล และเมืองส าคัญอื่น ๆ ได้แก่ อินช็อน ปูซาน และแทกู คาบสมุทรเกาหลีมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าหนึ่งล้านปี โดยเริ่มมีผู้คนอาศัยอยู่ตั้งแต่ช่วงยุคหินเก่า ตอนต้น ซึ่งพบหลักฐานในบันทึกของจีนเมื่อต้นศตวรรษที่ 7 ภายหลังจากการรวมสามราชอาณาจักรเกาหลีใน ปลายศตวรรษที่ 7 เกาหลีถูกปกครองโดยราชวงศ์โครยอ (ค.ศ. 918–1392) และราชวงศ์โชซ็อน (ค.ศ. 1392– 1897) จักรวรรดิเกาหลีถูกผนวกเข้ากับจักรวรรดิญี่ปุุนใน ค.ศ. 1910 และการปกครองของญี่ปุุนได้สิ้นสุดลง หลังความพ่ายแพ้ของฝุายอักษะในสงครามโลกครั้งที่สอง ต่อมา ประเทศเกาหลีได้ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ได้แก่ บริเวณตอนเหนือซึ่งถูกครอบครองโดยสหภาพโซเวียตและทางใต้ที่ครอบครองโดยสหรัฐอเมริกา และ ภายหลังจากความล้มเหลวในการเจรจาเพื่อรวมประเทศ ดินแดนทางใต้ได้กลายเป็นสาธารณรัฐเกาหลีในเดือน สิงหาคม ค.ศ. 1948 ในขณะที่ดินแดนดั้งเดิมได้กลายเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลี เหนือ) ใน ค.ศ. 1950 การรุกรานของเกาหลีเหนือก่อให้เกิดสงครามเกาหลี น าไปสู่การแทรกแซงของ สหประชาชาติที่น าโดยสหรัฐฯ ซึ่งสนับสนุนเกาหลีใต้ ในขณะที่เกาหลีเหนือได้รับการสนับสนุนจากจีนและ สหภาพโซเวียต และภายหลังการลงนามสงบศึกใน ค.ศ. 1953 เศรษฐกิจของประเทศก็พัฒนาอย่างก้าว


2 กระโดด จนกลายเป็นปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "ปาฏิหาริย์แห่งแม่น้ าฮัน" โดยเกาหลีใต้มีผลิตภัณฑ์มวลรวมใน ประเทศ (จีดีพี) เฉลี่ยเติบโตเร็วที่สุดในโลกระหว่าง ค.ศ. 1980–90 และแม้จะขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ แต่เกาหลีใต้ก็สามารถพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องจนก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในสี่เสือแห่งเอเชีย โดยมีจุดเด่น ในด้านการค้าระหว่างประเทศ และการบูรณาการเศรษฐกิจภายในประเทศสู่ระดับโลก ป๎จจุบันเกาหลีใต้เป็นผู้ส่งออกและน าเข้ารายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับเก้าของโลก และมีมูลค่าทุนส ารอง ระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก การชุมนุมเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยใน ค.ศ. 1987 น าไปสู่การ สิ้นสุดของระบอบเผด็จการ ส่งผลให้เกาหลีใต้กลายเป็นหนึ่งในประเทศประชาธิปไตยที่ก้าวหน้าที่สุดในทวีป เอเชียมาถึงป๎จจุบันและยังเป็นประเทศที่ให้เสรีภาพสื่อในระดับสูง เกาหลีใต้ถือเป็นประเทศพัฒนาแล้ว และอยู่ในอันดับ 5 ของดัชนีการพัฒนามนุษย์ในภูมิภาคเอเชีย และโอเชียเนีย มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 12 ของโลกโดยวัดจากจีดีพี และเป็นประเทศที่มีการ เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เร็วที่สุดชาติหนึ่งของโลก รวมทั้งมีโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนที่มีคุณภาพสูงจากการมี รถไฟความเร็วสูงที่ได้รับการยอมรับระดับโลก เกาหลีใต้ยังมีแรงงานทักษะสูง รวมทั้งเป็นหนึ่งในประเทศที่ ประชากรมีการศึกษาสูงที่สุดในโลก และยังมีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เกาหลีใต้มีขนาด กองทัพใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก และได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในกองก าลังทหารที่แข็งแกร่งที่สุด เกาหลีใต้ยังมีอัตราการคาดหมายคงชีพสูงเป็นอันดับสามของโลก แต่ในป๎จจุบันก าลังเผชิญป๎ญหาในการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และมีอัตราการเจริญพันธุ์ต่ าที่สุดในโลก นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 21 เป็นต้นมา เกาหลีใต้มีชื่อเสียงในด้านวัฒนธรรมปฺอปที่มีอิทธิพลไปทั่วโลก โดยเฉพาะใน ด้านดนตรี (เคป็อป) ละครโทรทัศน์ และภาพยนตร์ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เรียกว่ากระแสเกาหลีเกาหลีใต้เป็น สมาชิกขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ, กลุ่ม 20, กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อินโด-แปซิฟิก และ ปารีสคลับ ภูมิประเทศของเกาหลีใต้ส่วนใหญ่เป็นภูเขา ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เหมาะแก่การเพาะปลูก ที่ราบลุ่มซึ่งส่วน ใหญ่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกและตะวันออกเฉียงใต้ คิดเป็นสัดส่วนเพียง 30% ของพื้นที่ทั้งหมด บริเวณโดยรอบ ประเทศประกอบด้วยเกาะประมาณสามพันเกาะ ซึ่งส่วนใหญ่มีขนาดเล็กและไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ ตั้งอยู่นอก ชายฝ๎่งตะวันตกและใต้ของเกาหลีใต้ เมืองเชจูอยู่ห่างจากชายฝ๎่งทางใต้ของเกาหลีใต้ประมาณ 100 กิโลเมตร (62 ไมล์) ถือเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ มีพื้นที่ 1,845 ตารางกิโลเมตร (712 ตารางไมล์) เชจูยังเป็นที่ตั้ง ของจุดที่สูงที่สุดของเกาหลีใต้: Hallasan ภูเขาไฟที่ดับแล้วสูงถึง 1,950 เมตร (6,400 ฟุต) เหนือ ระดับน้ าทะเล เกาะทางตะวันออกสุดของเกาหลีใต้ ได้แก่ เกาะอุลลึงโด (Ulleungdo) และ เลียนคอร์ทร็อคส์ (Liancourt Rocks (Dokdo/Takeshima)) ในขณะที่ มาราโด (Marado) และ Socotra Rock เป็นเกาะที่อยู่ ทางใต้สุดของเกาหลีใต้ เกาหลีใต้มีอุทยานแห่งชาติ 20 แห่ง และสถานที่ทางธรรมชาติยอดนิยม เช่น ทุ่งชาโบ ซอง อุทยานระบบนิเวศอ่าวซุนชอน และอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของจีริซาน (https://th.wikipedia.org/wiki/ประเทศเกาหลีใต้)


3 สัญลักษณ์ประเทศเกาหลี ธงชาติ ธงชาติเกาหลี ภาษาเกาหลีเรียกว่า “แทกึกกี” แทกึก แปลว่า จักรวาล กี แปลว่า ธง พื้นธงสีขาว ตรง กลางมีรูปวงกลมสัญลักษณ์หยินหยาง หรือต้นก าเนิดสรรพสิ่งตามความเชื่อของลัทธิเต๋า ภายในวงกลม ประกอบไปด้วยสีแดงและสีน้ าเงิน หมายถึง ความหวังและแสงสว่างของแสงอาทิตย์ ที่มุมทั้งสี่ด้านมีสัญลักษณ์ ขีดด าสามเส้นแตกต่างกัน โดยขีดสามเส้นมีที่มาจากสัญลักษณ์ 4 ใน 8 อย่างของคัมภีร์อี้จิงซึ่งเป็นตัวแทนของ ปรัชญาทั้งสี่ ได้แก่ ความกลมกลืน ความสมดุล ความสมมาตรและการหมุนเวียน (ธัญญ์พิศา จันทร์ธนะกุล, 2562) ดังภาพที่ 2 ธงชาติ ภาพที่ 2 ธงชาติ สืบค้น 27 มกราคม 2566 จาก https://www.wikiwand.com/th/ตราแผ่นดินของเกาหลีใต้ ตราแผ่นดิน ตราแผ่นดิน มีลักษณะเป็นวงกลมตรงกลางคือ “แทกึก” หรือสัญลักษณ์หยินหยางในที่นี้คือจักรวาล ตามความเชื่อของชาวเกาหลีที่ปรากฏอยู่บนธงชาติเกาหลีใต้ล้อมรอบด้วยกลีบดอกชบาหรือดอกมูกุงฮวาห้า กลีบซึ่งเป็นดอกไม้ประจ าชาติของเกาหลีใต้รอบนอกล้อมด้วยริบบิ้นขาวพร้อมชื่อทางการของประเทศเกาหลีใต้ (ธัญญ์พิศา จันทร์ธนะกุล, 2562) ดังภาพที่ 3 ภาพที่ 3 ตราแผ่นดิน สืบค้น 27 มกราคม 2566 จาก https://www.wikiwand.com/th/ตราแผ่นดินของเกาหลีใต้ ตราแผ่นดิน


4 นิรุกติศาสตร์ ชื่อประเทศ Korea มีที่มาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยอาณาจักรโคกูรยอ ซึ่งเป็นมหาอ านาจในเอเชีย ตะวันออกในยุคนั้น เรียกดินแดนบริเวณคาบสมุทรเกาหลีที่ตนเองปกครองว่า Goryeo (Koryo) ต่อมา ใน คริสต์ศตวรรษที่ 10 ราชวงศ์โครยอ ได้ปกครองประเทศต่อและเริ่มมีการติดต่อค้าขายกับชาติอื่น ๆ และพ่อค้า ชาวเปอร์เซียที่มาเยือนดินแดนแห่งนี้ได้ออกเสียงค าว่า Goryeo เป็น Korea และใน ค.ศ. 1568 ชื่อประเทศ เกาหลีได้ปรากฏอย่างเป็นทางการในแผนที่ของ เฟอร์เนา วาซ ดูราดู นักส ารวจชาวโปรตุเกส ในชื่อ "Conrai" ก่อนที่ ฌูเวา ไตไชรา อัลบือร์นัช จะเปลี่ยนกลับมาเป็น "Korea" อีกครั้งในปลายศตวรรษที่ 16 เพื่อให้ง่ายต่อ การออกเสียง และชาติตะวันตกได้ใช้ชื่อ Korea เพื่อเรียกประเทศเกาหลีนับแต่นั้นเป็นต้นมา ราชวงศ์โชซ็อน ได้ปกครองประเทศต่อจากราชวงศ์โครยอ และตั้งชื่อดินแดนทั้งหมดว่า Joseon (โชซ็อน) ตามชื่อราชวงศ์ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็น Daehan Jeguk ใน ค.ศ. 1897 ตามพระบรมราชโองการของ พระเจ้าโคจง โดยชื่อ Daehan มีที่มาจากค าว่า Samhan ซึ่งสื่อความหมายถึง สามราชอาณาจักรเกาหลี (จักรวรรดิโคกูรยอ, แพ็กเจ และชิลลา) แต่ในทางปฏิบัติแล้ว คนเกาหลีโดยทั่วไปยังเรียกประเทศตนเองว่า โชซ็อน แม้จะไม่ใช่ชื่ออย่างเป็นทางการในทางนิตินัย ต่อมา เกาหลีอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิญี่ปุุนตั้งแต่ ค.ศ. 1910–1945 ตามสนธิสัญญาการ รวมญี่ปุุน-เกาหลี และภายหลังจากการยอมจ านนของญี่ปุุนภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองในปี 1945 ดินแดน ของเกาหลีได้ถูกแบ่งแยกใน ค.ศ. 1948 และภายหลังจากความล้มเหลวในการเจรจาเพื่อรวมประเทศ ดินแดน ทางใต้ได้รับการตั้งชื่อในภาษาอังกฤษอย่างเป็นทางการว่า The Republic of Korea ซึ่งหมายถึง สาธารณรัฐ เกาหลี(https://th.wikipedia.org/wiki/ประเทศเกาหลีใต้) ภูมิศาสตร์ สถานที่ตั้ง เกาหลีใต้ครอบคลุมพื้นที่ทางใต้ของคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งทอดยาวประมาณ 1,100 กม. (680 ไมล์) จากแผ่นดินใหญ่ในทวีปเอเชีย คาบสมุทรนี้ประกอบด้วยภูเขาที่ขนาบข้างด้วยทะเลเหลืองทางทิศ ตะวันตก และทะเลญี่ปุุนทางทิศตะวันออก ปลายด้านใต้อยู่ที่ช่องแคบเกาหลีและทะเลจีนตะวันออก แผ่นดินประเทศรวมทั้งหมู่เกาะทั้งหมดตั้งอยู่ระหว่างละติจูด 33° ถึง 39°N และลองจิจูด 124° ถึง 130°E พื้นที่ทั้งหมดบริเวณนี้มีเนื้อที่ 100,032 ตารางกิโลเมตร (38,622.57 ตารางไมล์) เกาหลีใต้แบ่งออกเป็น สี่ภูมิภาคหลัก: ภาคตะวันออกของเทือกเขาสูงและที่ราบชายฝ๎่งแคบ; ภาคตะวันตกของที่ราบชายฝ๎่งทะเลกว้าง แอ่งน้ า และเนินเขา พื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของภูเขาและหุบเขา และภาคตะวันออกเฉียงใต้ที่ครอบง าโดย แอ่งกว้างของแม่น้ านักดง เกาหลีใต้เป็นที่ตั้งของปุาไม้ส าคัญสามแห่ง ได้แก่ ปุาผลัดใบของเกาหลีกลางปุา ผสมผสานแมนจูเรีย และปุาดิบชื้นของเกาหลีใต้(https://th.wikipedia.org/wiki/ประเทศเกาหลีใต้) ภูมิอากาศ เกาหลีใต้มีภูมิอากาศแบบทวีปชื้นและภูมิอากาศแบบกึ่งเขตร้อนชื้น และได้รับผลกระทบจากลมมรสุม เอเชียตะวันออก โดยมีปริมาณน้ าฝนมากขึ้นในฤดูร้อนในช่วงฤดูฝนสั้น ๆ ที่เรียกว่า jangma ซึ่งเริ่มตั้งแต่


5 ปลายเดือนมิถุนายนถึงปลายเดือนกรกฎาคม ฤดูหนาวอาจมีอากาศหนาวจัดโดยอุณหภูมิต่ าสุดจะลดลงต่ ากว่า -20 °C (-4 °F) ในเขตพื้นที่ภายในประเทศของประเทศ: ในกรุงโซล ช่วงอุณหภูมิเฉลี่ยมกราคมคือ −7 ถึง 1 °C (19 ถึง 34 °F) และช่วงอุณหภูมิเฉลี่ยเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 22 ถึง 30 °C (72 ถึง 86 °F) ฤดูหนาวอุณหภูมิจะ สูงขึ้นตามแนวชายฝ๎่งทางใต้และต่ ากว่ามากในบริเวณภูเขาภายใน ฤดูร้อนอาจร้อนและชื้นจนรู้สึกไม่สบาย โดย มีอุณหภูมิเกิน 30 °C (86 °F) ในหลายพื้นที่ของประเทศ เกาหลีใต้มี 4 ฤดูกาลที่แตกต่างกัน ฤดูใบไม้ผลิ ฤดู ร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิมักจะกินเวลาตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนพฤษภาคม ฤดู ร้อนตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมถึงต้นเดือนกันยายน ฤดูใบไม้ร่วงตั้งแต่กลางเดือนกันยายนถึงต้นเดือน พฤศจิกายน และฤดูหนาวตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนถึงกลางเดือนมีนาคม ทั้งสองฤดูถือเป็นช่วงเวลาที่ เหมาะแก่การท่องเที่ยวที่สุด ปริมาณน้ าฝนมีความเข้มข้นในช่วงฤดูร้อนของเดือนมิถุนายนถึงกันยายน ชายฝ๎่ง ทางใต้อยู่ภายใต้พายุไต้ฝุุนช่วงปลายฤดูร้อนซึ่งท าให้เกิดลมแรง ฝนตกหนัก และน้ าท่วมในบางครั้ง ปริมาณ น้ าฝนรายปีเฉลี่ยแตกต่างกันไปจาก 1,370 มิลลิเมตร (54 นิ้ว) ในกรุงโซลถึง 1,470 มิลลิเมตร (58 นิ้ว) ในปู ซาน (https://th.wikipedia.org/wiki/ประเทศเกาหลีใต้) ประชากร ประชากร 51,635,256 คน (ปี2566) ส่วนใหญ่เชื้อสายเกาหลี อัตราส่วนประชากรจ าแนกตามอายุ : วัยเด็ก (0-14 ปี) 12.02% วัยรุ่นถึงวัยกลางคน (15-64 ปี) 71.2% และวัยชรา (65 ปีขึ้นไป) 16.7% อัตราการ เกิด 5.1 คน ต่อประชากร 1,000 คน อัตราการตาย 5.9 คน ต่อประชากร 1,000 คน อัตราการเพิ่มของ ประชากร 0.26% อายุขัยเฉลี่ยของชาวเกาหลีใต้ประมาณ 82.8 ปีอายุขัยเฉลี่ยเพศชาย 79.7 ปีเพศหญิง 86.0 ปีอัตราว่างงาน 2.8% แรงงาน 27.7 ล้านคน ส่วนใหญ่ในภาคธุรกิจและบริการ รองลงมาเป็นภาคอุตสาหกรรม และภาคการเกษตร และประมงเป็นส่วนน้อย (https://th.wikipedia.org/wiki/ประเทศเกาหลีใต้) ศาสนา ประเทศเกาหลีใต้ไม่มีศาสนาประจ าชาติ และประชาชนมีอิสระในการนับถือศาสนา ใน ค.ศ. 2005 ประชากรเกาหลีใต้เกือบครึ่งหนึ่งเป็นผู้ที่ไม่มีศาสนา ส่วนที่เหลือส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธหรือคริสต์ ต่อมาในปี 2007 มีการส ารวจส ามะโนประชากร พบว่า ร้อยละ 29.2 นับถือศาสนาคริสต์ รองลงมาคือร้อยละ 22.8 นับถือศาสนาพุทธ ต่อมาในปี 2015 ผลการส ารวจส ามะโนครัวประชากรพบว่ามีประชากรที่ไม่นับถือศาสนา มากขึ้น คิดเป็นร้อยละ 56.9 นับถือศาสนาคริสต์ร้อยละ 27.6 และนับถือศาสนาพุทธร้อยละ 15.5 นอกจากนี้ ยังมีศาสนิกของศาสนาอิสลาม ซึ่งเข้าสู่เกาหลีครั้งแรกในคริสต์ศตวรรษที่ 7 รวมทั้งลัทธิเกิดใหม่อย่างลัทธิช็อน โด และลัทธิว็อนบุล ทั้งยังมีการปฏิบัติศาสนกิจในลัทธิเชมัน ลัทธิดั้งเดิมของเกาหลีก่อนรับศาสนาอื่นซึ่งนับถือ เทพเจ้าผู้สร้างคือ ฮวันอิน (คือพระอินทร์ในพุทธศาสนา) ทั้งได้รับการนับถือในกลุ่มชาวคริสต์ทั้งคาทอลิกและ โปรเตสแตนต์ด้วย ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีศาสนิกมากที่สุดในเกาหลีใต้ มีศาสนิกชนราว 13.7 ล้านคน โดยประชากรราวสองในสามนิยมเข้าโบสถ์โปรเตสแตนต์ และประชากรร้อยละ 23 นิยมเข้าโบสถ์ของ


6 โรมันคาทอลิก อย่างไรก็ตามในช่วงปี 1980 ศาสนิกชนเข้าโบสถ์โปรเตสแตนต์ลดลง เพราะการขยายตัวของ นิกายโรมันคาทอลิก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเกาหลีใต้ถือเป็นประเทศที่มีการส่งมิชชันนารีออกเผยแผ่ศาสนามากเป็น อันดับสองของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา ศาสนาพุทธเข้ามามีบทบาทในเกาหลีตั้งแต่ พ.ศ. 915 จากการส ารวจ ส ามะโนประชากรในปี 2005 มีศาสนิกชนราว 10.7 ล้านคน ป๎จจุบันชาวพุทธส่วนใหญ่ในเกาหลีใต้ร้อยละ 90 นับถือนิกายโจ-กเย ซึ่งศาสนวัตถุของพุทธศาสนาจ านวนมากได้กลายเป็นสมบัติประจ าชาติ ซึ่งตกทอดมาจาก ยุครัฐเหนือใต้ และยุคโครยอที่ศาสนาพุทธมีความเจริญจนถึงขีดสุด และภายหลังศาสนาพุทธได้อ่อนแอลงจาก การปราบปรามของราชวงศ์โชซ็อนซึ่งนับถือลัทธิขงจื๊อ ศาสนาอิสลามเคยเข้ามามีอิทธิพลในดินแดนเกาหลีตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 7 ในยุครัฐเหนือใต้แต่ผู้สืบ เชื้อสายได้หันไปนับถือศาสนาพุทธหรือเชมันแทน เนื่องจากเกาหลีขาดการติดต่อกับโลกอาหรับ ป๎จจุบันจาก การเผยแผ่ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 มีชาวมุสลิมสัญชาติเกาหลีใต้ราว 30,000-35,000 คน ขณะที่อิสลามิกชน ส่วนใหญ่ราว 100,000 คนในเกาหลีใต้เป็นแรงงานชาวต่างชาติ อาทิ บังกลาเทศ และปากีสถาน (https://th.wikipedia.org/wiki/ประเทศเกาหลีใต้) การศึกษา การศึกษาภาคบังคับ 9 ปีอัตราการรู้หนังสือ 98% ซึ่งรัฐบาลเกาหลีใต้ดูแลด้านการศึกษาของเด็กทุก คนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมปลายของเกาหลีใต้ ส่วนใหญ่มีเครื่องแบบนักเรียน ซึ่งรับอิทธิพลมาจากเครื่องแบบชาติตะวันตก เครื่องแบบของเด็กชายมัก ประกอบด้วยกางเกงขายาวและเสื้อเชิ้ตสีขาว และเด็กหญิงสวมกระโปรงและเสื้อเชิ้ตสีขาว (เฉพาะในโรงเรียน มัธยม) และเกาหลีใต้มีจ านวนนักศึกษาต่างชาติเพิ่มเข้ามามากถึง 100,000 คน ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เกาหลีใต้เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการรู้หนังสือสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก และมีคะแนนความถนัดในวิชา คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์สูงที่สุดชาติหนึ่งในบรรดาเด็กนักเรียนชาวเอเชีย (519 คะแนนตามค่าเฉลี่ย OECD) ซึ่งสูงเป็นอันดับ 9 ของโลก และแรงงานเกาหลีใต้ถือเป็นแรงงานที่มีการศึกษาสูงที่สุดชาติหนึ่งในทุก ภาคอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม ป๎ญหาหลักในหลายทศวรรษที่ผ่านมาคือเด็กส่วนมากมีความเครียดจาก ภาวะการแข่งขันที่สูงในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย โดยมีการรายงานถึงการอ่านหนังสือและเรียนกวดวิชามาก เกินไป และยังน าไปสู่การฆ่าตัวตายในเด็กวัยเรียนเมื่อผิดหวังในการเข้ามหาวิทยาลัยที่ต้องการ สภาวการณ์ ดังกล่าวถูกเรียกว่า "Education fever" การศึกษาถือเป็นรากฐานส าคัญส าหรับชาวเกาหลีใต้ เนื่องจากความส าเร็จในการศึกษาเป็นความ ภาคภูมิใจของครอบครัวและเป็นที่เชิดหน้าชูตาในสังคม และเป็นสิ่งจ าเป็นในการปรับปรุงฐานะทางเศรษฐกิจ และสังคม การส าเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นน าเป็นเครื่องหมายสูงสุดของศักดิ์ศรี สถานะทางเศรษฐกิจ และสังคม โอกาสการแต่งงาน การเลือกคู่ครอง และเส้นทางอาชีพที่มั่นคง การเข้าสู่สถาบันการศึกษาระดับสูง น าไปสู่งานที่ได้ค่าตอบแทนดี โดยเด็กจากสถาบันชั้นน ามักมีโอกาสเข้าท างานกับองค์กรรัฐบาล ธนาคาร หรือ กลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น ซัมซุง, ฮุนได หรือแอลจี อีเลคทรอนิคส์ ชีวิตของเด็กชาวเกาหลีใต้มักหมกมุ่นอยู่กับ การศึกษา เนื่องจากแรงกดดันในการประสบความส าเร็จนั้นฝ๎งรากลึกอยู่ในเด็กตั้งแต่อายุยังน้อย โดยมีค่านิยม


7 ในการเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นน าสามอันดับแรกในเกาหลีใต้ซึ่งมักเรียกกันว่า "SKY" ได้แก่ มหาวิทยาลัย แห่งชาติโซล มหาวิทยาลัยเกาหลี และมหาวิทยาลัยยอนเซ (https://th.wikipedia.org/wiki/ประเทศเกาหลีใต้) การก่อตั้งประเทศ อาณาจักรแรกของเกาหลี คือ อาณาจักรโคโชซอน (โชซอนโบราณ) เป็นอาณาจักรโบราณก่อตั้งเมื่อ 2333 ปี ก่อนคริสต์ศักราช มีกษัตริย์ปกครองโดยราชวงศ์โชซอนเป็นราชวงศ์สุดท้าย มีการปฏิรูปการเมืองการ ปกครองที่ส าคัญที่สุด คือ การยกย่องลัทธิขงจื้อเป็นคติธรรมประจ าชาติ การสร้างสรรค์งานด้านวรรณศิลป์ และการประดิษย์ตัวอักษรฮันกึน เมื่อปี 1986 ท าให้ยุคนี้มีความส าคัญอย่างยิ่งต่อวัฒนธรรมเกาหลี ตั้งแต่เมื่อปี 2453 เกาหลีอยู่ภายใต้การยึดครองของญี่ปุุนเป็นเวลา 35 ปี จนสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากญี่ปุุน ประกาศแพ้สงครามเมื่อ 15 ส.ค. 2488 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 คาบสมุทรเกาหลีถูกแบ่งเป็น 2 ประเทศที่ เส้นละติจูดที่ 38 องศาเหนือตามข้อตกลง Potsdam เมื่อ ปี 2488 โดยให้อดีตสหภาพโซเวียดดูแลเกาหลี เหนือ ส่วนสหรัฐอเมริกาดูแลเกาหลีใต้ สงครามเกาหลีเกิดขึ้นระหว่างปี 2493-2496 เมื่อเกาหลีเหนือบุก เกาหลีใต้ เมื่อ 25 มิ.ย. 2493 มีการลงนามข้อตกลงสงบศึกษาชั่วคราว เมื่อปี 2496 หลังจากสงครามเกาหลี เกาหลีใต้ประสบความส าเร็จอย่างมากในการฟื้นฟูประเทศให้มั่นคงและมั่งคั่ง (https://th.wikipedia.org/wiki/ประเทศเกาหลีใต้) วันชาติ วันที่ 3 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันสถาปนาประเทศเกาหลี (National Foundation Day) อ่านว่า แค ช่อนจอล หรือ เคช่อนจอล ถือเป็นวันชาติและวันส าคัญของชาวเกาหลี เพราะถือเป็นวันที่ชาวเกาหลีถือเป็นวัน สถาปนาประเทศเกาหลี จึงเป็นวันหยุดราชการและในปี พ.ศ.2564 รัฐบาลเกาหลีประกาศให้มีวันหยุดชดเชย จึงท าให้วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม 2564 เป็นวันหยุดราชการด้วย ที่มาและความส าคัญของวันสถาปนาประเทศ เกาหลีจะกล่าวถึงต านานการสร้างประเทศของเกาหลี มีเรื่องราวของ เทพเจ้าฮวานุง โอรสของเทพเจ้าฮวานิน เทพสูงสุด ที่ประทานพรให้มาให้มาอาศัยอยู่บนโลกปกครองราษฎรอยู่ใต้ภูเขาแทแบ็ก จนวันหนึ่งสัตว์ปุา 2 ชนิดอันได้แก่ หมี และเสือ ทั้งสองต่างบ าเพ็ญภาวนาขอให้พระเจ้าฮวานุงดลบันดาลให้ทั้งสองเกิดเป็นมนุษย์ เทพฮวานุงจึงได้ตั้งข้อเสนอให้กับทั้งสองว่าจะต้องกินซุก (พืชชนิดหนึ่ง) 1 มัดและกระเทียม 20 กลีบ และอยู่ อาศัยในถ้ าไม่ออกมาเจอแสงอาทิตย์เป็นเวลา 100 วันได้จะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ท้ายที่สุดเสือไม่สามารถรักษา สัญญา หนีออกไปจากถ้ า ในขณะที่หมีนั้นรอจนถึงก าหนด 100 วัน จนกระทั่งได้เกิดมาเป็นมนุษย์ชื่อว่า “อุงนยอ” หมีที่กลายร่างเป็นมนุษย์ที่ชื่อว่า “อุงนยอ” มีพรอีกหนึ่งข้อที่อยากได้นอกจากการเกิดเป็นมนุษย์คือ การมีบุตร จึงได้ขอพรแล้วขอพรเล่า เทพฮวานุงทรงรับทราบจึงได้รับนางเป็นชายาของพระองค์และให้ก าเนิด โอรสนามว่า “ทันกุน” ซึ่งต่อมาเป็นราชาผู้ก่อตั้งประเทศ ก่อตั้งอาณาจักรแรกของประวัติศาสตร์เกาหลีที่มีชื่อ ว่า โคโจซอน (고조선, อาณาจักรโชซอนโบราณ) ชาวเกาหลีจึงได้ถือวันที่ 3 ตุลาคม เป็นวันสถาปนาประเทศ เกาหลี(วันสถาปนาประเทศเกาหลี – ที่มาและความส าคัญ, 2021)


8 ยุคประชาธิปไตย (1997–ปัจจุบัน) เกาหลีใต้ได้รับค าเชิญให้เป็นสมาชิกสหประชาชาติใน ค.ศ. 1991 การเปลี่ยนผ่านการปกครองระบอบ เผด็จการไปสู่ระบอบประชาธิปไตยเกิดขึ้นใน ค.ศ. 1997ภายใต้การบริหารประเทศของ คิม แด-จุง ซึ่งชนะการ เลือกตั้ง และเข้ารับต าแหน่งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 8 ในเดือนกุมภาพันธ์ 1998 ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ ประวัติศาสตร์ เนื่องจากเขาเคยเป็นอดีตนักโทษทางการเมืองซึ่งเคยต้องค าพิพากษาประหารชีวิต (ก่อนจะ เปลี่ยนเป็นค าสั่งเนรเทศ) ในยุคเผด็จการทหาร วิกฤตการณ์การเงินในเอเชีย พ.ศ. 2540 ส่งผลกระทบรุนแรง กระนั้น นายคิม ได้พาประเทศผ่าน วิกฤติไปได้ โดยได้รับค าแนะน าจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ต่อมา เขา ริเริ่มนโยบายซันไชน์ซึ่งเป็นการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ การประชุมระดับผู้น าของสองประเทศจัด ขึ้นที่กรุงเปียงยาง ส่งผลให้คิม แด-จุง ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปลายปีนั้น เกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพ ฟุตบอลโลก 2002 ร่วมกับญี่ปุุน ถือเป็นครั้งแรกที่ประเทศในทวีปเอเชียได้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก ทว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีและญี่ปุุนก็ตึงเครียดอีกครั้งสืบเนื่องจากการอ้างสิทธิ์ในอธิปไตยบริเวณเกาะเลียน คอร์ทร็อคส์ ต่อมารัฐบาลอนุรักษ์นิยมน าโดย อี มย็อง-บัก ชนะการเลือกตั้งใน ค.ศ. 2007 ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2010 เรือรบ ROKS Cheonan ของเกาหลีใต้ถูกจมโดยเรือรบเกาหลีเหนือ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 46 ราย ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน การระดมยิงย็อนพย็อง ระหว่างทหารเกาหลีเหนือกับ กองก าลังเกาหลีใต้ได้ปะทุขึ้น มีพลเรือนเสียชีวิต 4 ราย การขาดการตอบโต้ของรัฐบาลเกาหลีและการเพิกเฉย ของสหประชาชาติสร้างเกิดความโกรธเคืองในหมู่ประชาชนชาวเกาหลีใต้ ใน ค.ศ. 2012 ได้มีเหตุการณ์ส าคัญในประวัติศาสตร์การเมืองของเกาหลีใต้ โดย พัก กึน-ฮเย เป็นสตรี คนแรกที่ได้รับเลือกให้ด ารงต าแหน่งประธานาธิบดี เธอเป็นบุตรสาวของอดีตประธานาธิบดีพัก จ็อง-ฮี เธอ บริหารประเทศด้วยนโยบานอนุรักษ์นิยม อย่างไรก็ตาม ฝุายบริหารของพักถูกกล่าวหาว่ามีการทุจริตในวงกว้าง การติดสินบน และใช้อิทธิพลเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง โดยเฉพาะ เช ซุนซิล ซึ่งมีความสนิทสนมกับ พัก กึน-ฮเย น าไปสู่การประท้วงครั้งใหญ่ ตามมาด้วยการถอดถอน พัก กึน-ฮเย จากต าแหน่ง โดยเธอถือเป็น ประธานาธิบดีคนแรกที่ถูกถอดถอนจากการปฏิบัติหน้าที่โดยรัฐสภาและการรับรองโดยศาลรัฐธรรมนูญเกาหลี ใต้ และนาย ฮวัง กโย-อัน เข้ารับต าแหน่งประธานาธิบดีรักษาการในระหว่างรอการเลือกตั้งทั่วไป มุน แจ-อิน จากพรรคประชาธิปไตยชนะการเลือกตั้ง และเข้าด ารงต าแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 12 อย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2017 นโยบายส าคัญของเขาคือการพัฒนาความสัมพันธ์กับเกาหลี เหนือ เขาร่วมการประชุมระดับผู้น าครั้งที่ 3 กับ คิม จ็อง อึน ในวันที่ 27 เมษายน 2018 ที่หมุ่บ้านป๎นมุนจอม ในเขตปลอดทหารเกาหลี และยังรักษาการเป็นพันธมิตรกับสหรัฐอย่างแข็งขัน และรัฐบาลของเขาประสบ ความส าเร็จในการน าเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูหนาว 2018 จัดขึ้นที่ พย็องชัง แต่การระบาดทั่วของโค วิด-19 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงตั้งแต่ ค.ศ. 2020 และถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ท าให้มีจ านวนผู้เสียชีวิตมาก เป็นประวัติการณ์ ในปีเดียวกันนั้น เกาหลีใต้ยังได้รับการบันทึกว่ามีอัตราการเสียชีวิตของประชากรมากกว่า อัตราการเกิดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ (https://th.wikipedia.org/wiki/ประเทศเกาหลีใต้)


9 การเมืองการปกครอง หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 2491 คาบสมุทรเกาหลีถูกแบ่งเป็นสองส่วนโดยเส้นละติจูดที่ 38 องศาเหนือ (มักเรียกว่าเส้นขนาน 38) โดยสหภาพโซเวียตดูแลเกาหลีเหนือมีการปกครองระบอบสังคมนิยม ส่วนสหรัฐอเมริกาดูแลเกาหลีใต้มีการปกครองระบอบประชาธิปไตย สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ปกครองในระบอบประชาธิปไตย ประมุขของประเทศคือประธานาธิบดี ซึ่งได้รับการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนให้เป็นหัวหน้าฝุายบริหาร มีนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดย ประธานาธิบดีผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา รัฐสภาเป็นองค์กรนิติบัญญัติ และศาลท าหน้าที่ทางตุลาการ ทั้งนี้ เกาหลีใต้มีการแบ่งเขตการปกครองเป็น 9 จังหวัด และ 6 เขตการปกครอง (โซล ปูซาน อินชอน แตกู ควังจู แตชอน) (https://th.wikipedia.org/wiki/ประเทศเกาหลีใต้) ภูมิรัฐศาสตร์และการเลือกตั้ง ดร.ชิงมันรี ด ารงต าแหน่งประธานาธิบดีระหว่างปี 1948-1960 เขาเป็นวีรบุรุษผู้ร่วมต่อต้านญี่ปุุนที่ยึด ครองประเทศในช่วงปี 1910-1945 เขาด ารงต าแหน่งถึง 2 สมัย แต่ก็ฉีกรัฐธรรมนูญและร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ด ารงต าแหน่งต่อตลอดกาล จึงได้รับการต่อต้านอย่างหนักจากประชาชนและฝุายค้าน กระทั่งน าไปสู่การ รัฐประหารในปี 1960 นายพล ป๎กจุงฮี ด ารงต าแหน่งประธานาธิบดีต่อช่วงปี 1962-1979 เขาเป็นอีกคนหนึ่งที่ฉีก รัฐธรรมนูญและสร้างรัฐธรรมนูญใหม่ ฉบับ ยูชิน ในปี 1972 เพื่อขยายวาระการด ารงต าแหน่งผู้น าประเทศ ออกไปไม่มีวันสิ้นสุด ก่อให้เกิดการต่อสู้ทางการเมืองจากฝุายประชาชนอย่างกว้างขวางและรุนแรง ฝุายรัฐบาล ได้ใช้ก าลังทหารเข้าบดขยี้จนท าให้ผู้คนบาดเจ็บล้มตายจ านวนมาก รวมทั้งการจับกุม อุ้มฆ่า ผู้ต่อต้านอย่าง หนัก สังคมเต็มไปด้วยความตึงเครียด สุดท้ายเขาถูกลูกน้องคนสนิทสังหารผู้เป็นนายของเขาเอง ด้วยเหตุผล ที่ว่าครอบครองอ านาจนานเกินไป จนกลายเป็นจอมเผด็จการที่ไม่มีใครโค่นล้มได้ นายพลชุน ดูฮวาน ด ารงต าแหน่ง ระหว่างปี 1981-1987 และนายพลโรห์ แตวู ด ารงต าแหน่งช่วงปี 1988-1991 นับเป็นช่วงที่ทหารครองอ านาจอย่างเบ็ดเสร็จติดต่อกันอีกต่อมา จนกระทั่งปี 1992 เกาหลีใต้จึง มุ่งสู่เส้นทางประชาธิปไตยเต็มใบ เมื่อนายคิม ยังแซม นักการเมืองมืออาชีพได้รับการเลือกตั้งเป็น ประธานาธิบดี เป็นผู้น าประเทศยุคใหม่และเป็นพลเรือนอีกด้วย ฝุายทหารได้ยอมจ ากัดสถานภาพของตนเองในการท าหน้าที่ปูองกันประเทศ และให้ประชาชนได้ท า หน้าที่ในทางการเมืองการปกครองประเทศในระบอบประชาธิปไตยเต็มใบ หลังจากที่ทหารปกครองและเป็น ผู้น าประเทศมาเป็นระยะเวลาถึง 30 ปี นับตั้งแต่ปี 1992 เป็นต้นมา เกาหลีใต้ไม่ได้หวลกลับไปมีการปฏิวัติรัฐประหารอีกเลย ระบบการเมือง มีเสถียรภาพต่อเนื่อง กลายเป็นระบอบการเมืองประชาธิปไตยที่หยั่งรากลึกอยู่ในสังคมชาวเกาหลีใต้นับแต่นั้น มาตราบจนป๎จจุบัน ดังรายนามผู้น าประเทศในช่วงต่อมา ดังนี้คือ นายคิม ยังแซม ด ารงต าแหน่งประธานาธิบดี ระหว่างปี ค . ศ . 1992-1997 นายคิม แดจุง ด ารงต าแหน่งประธานาธิบดี ระหว่างปี ค . ศ . 1998-2002


10 นายโรห์ มูเฮียน ด ารงต าแหน่งประธานาธิบดี ระหว่างปี ค . ศ . 2003-2007 นายลี เมียงพัก ด ารงต าแหน่งประธานาธิบดี ระหว่างปี ค . ศ . 2008-2012 นางสาวป๎ก กึนเฮ ด ารงต าแหน่งประธานาธิบดี ระหว่างปี ค . ศ . 2012-2016 นายฮวัง กโย-อัน รักษาการต าแหน่งประธานาธิบดี ระหว่างปี ค . ศ . 2016-2017 นายมุน แจ-อิน ด ารงต าแหน่งประธานาธิบดี ระหว่างปี ค . ศ . 2017-2022 นายยุน ซ็อก-ย็อล ด ารงต าแหน่งประธานาธิบดี ระหว่างปี ค.ศ. 2022-ป๎จจุบัน ป๎จจุบันอาจกล่าวได้ว่า ระบบการเมืองประชาธิปไตยของเกาหลีใต้มีเสถียรภาพ อีกทั้งระบบเศรษฐกิจ ยังมั่นคงและได้รับการพัฒนาให้เป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัยซึ่งช่วงของการพัฒนาวางรากฐานความ เข้มแข็งทางเศรษฐกิจได้เกิดขึ้นในยุครัฐบาลทหารที่น าโดยนายพลป๎กจุงฮี นั่นเอง ซึ่งท าให้เศรษฐกิจรุดหน้า น าพาให้ประเทศเกาหลีก้าวหน้าพ้นจากความล้าหลังและยากจนได้ เป็นรากฐานให้ความแข็งแกร่งทาง เศรษฐกิจในอดีตได้ยกระดับสู่การพัฒนาเศรษฐกิจแบบสร้างสรรค์ ทันสมัยด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ในป๎จจุบัน การเมืองที่ประชาชนได้มีส่วนร่วมอย่างจริงจังนับแต่ปี 1992 เป็นต้นมา ท าให้เกาหลีใต้ได้นักการเมือง ที่เป็นมืออาชีพมากขึ้น ทั้งนี้เพราะ รัฐบาลตั้งแต่อดีตในยุคทหาร จนถึงยุคพลเรือน ได้ให้ความส าคัญกับการ สร้างชาติด้วยการทุ่มเทท างานหนัก และวางแผนระบบการศึกษาที่เข้มข้น เพื่อส่งเสริมความมั่นคงทางการ ศึกษาและการงานอาชีพ อันเป็นยุคของการใช้ประโยชน์จากการรัฐประหารเพื่อน าไปสู่การพัฒนาประเทศ ทางด้านเศรษฐกิจ แผนพัฒนาเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ก็ถูกวางไว้ตั้งแต่ปี 1962 ยุคของนายพลป๎กจุงฮี ด้วยการ ระดมผู้รู้ทั่วประเทศมาท างานร่างแผนพัฒนาเพื่อช่วยกันขับเคลื่อนประเทศ คือร่วมกันท างานเพื่อชาติ เป็นการ สร้างจิตส านึกในการท างานหนัก และการทุ่มเททางการศึกษา เพื่อให้มีทรัพยากรบุคคลมาพัฒนาประเทศ สู่ยุค สมัยใหม่ ที่เน้นความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นับเป็นการใช้อ านาจแบบเข้มข้นในการพัฒนาประเทศ ซึ่งกลายเป็นทั้งทักษะ และความสามารถพื้นฐานของคนเกาหลีที่มีการศึกษาดี และมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจดี ท าให้ประเทศเกาหลีใต้พึ่งตนเองได้ในทางเศรษฐกิจ ได้กลายเป็นทุนส าคัญในการพัฒนาประชาธิปไตยในเวลา ต่อมา อย่างไรก็ดี จุดพลิกผันที่ท าให้การเมืองเกาหลีใต้ต้องเข้าสู่การเมืองประชาธิปไตย ก็เนื่องจากในปี 1986 ประชาชนเดินขบวนต่อต้านรัฐบาลทหารอย่างหนักทั่วประเทศ และเรียกร้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นักศึกษาจาก 19 สถาบัน ทั้งในกรุงโซลและต่างจังหวัดร่วมขบวนเดินประท้วง แต่ถูกต ารวจกว่า 7,000 นาย บุกมหาวิทยาลัยต่อสู้กันอย่างหนัก นักศึกษาถูกจับกุมจ านวนมาก อาคารเรียน อุปกรณ์ต่างๆ ถูกไฟเผาผลาญ การประท้วงครั้งนี้มีผู้น าฝุายค้าน ผู้น าทางการเมือง คือ นายคิม ยังแซม และนายคิม เดจุง ได้ร่วมรณรงค์ ต่อต้านรัฐบาลด้วย จนในที่สุด ประธานาธิบดีได้ประกาศยอมรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และน าไปสู่การ ปรองดองด้วยการปฏิรูปการเมืองที่เรียกว่าค าประกาศ 29 มิถุนายน 1987 (June 29 Declaration 1987) ประธานาธิบดีขณะนั้นประกาศยอมรับข้อเสนอของฝุายค้านที่ให้มีการเลือกตั้งภายหลังการแก้ไข รัฐธรรมนูญก่อนการสิ้นสุดวาระด ารงต าแหน่งประธานาธิบดีในปี 1988 และมีการปล่อยนักโทษการเมืองกว่า 2พันคน


11 การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปอย่างรีบด่วน ใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนก็เสร็จ และประกาศใช้ในการเลือกตั้ง เดือนธันวาคม ค.ศ. 1987 อย่างไรก็ตาม นายพลโรห์ แตวู ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนต่อมา ด ารง ต าแหน่งเพียงวาระเดียว คือ 5 ปี ตามที่ก าหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ท าให้เกาหลีใต้เดินหน้าเข้าสู่การเมืองแบบ ประชาธิปไตยมากขึ้นเป็นล าดับ รัฐธรรมนูญเกาหลีใต้ประกาศใช้ครั้งแรกในปี1948 และมีการปรับปรุงแก้ไขมาถึง 9 ครั้ง ฉบับ ปัจจุบันประกาศใช้ในปี1987 มี130 มาตรา ระบุชัดเจนว่า ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี“เป็นสาธารณรัฐ ประชาธิปไตยของปวงชน” การพัฒนาการเมืองของประเทศเกาหลี ด้วยการมีสภาแห่งชาติและประธานาธิบดีเป็นหัวหน้าฝุาย บริหารที่ผ่านการเลือกตั้ง การมีองค์กรที่ท าหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้งจึงมีความส าคัญมาก โดยเฉพาะ ภายหลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย บทบาทของคณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติที่เป็น อิสระจึงมีความหมายในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเปลี่ยนแปลงจากระบบเผด็จการทหาร สู่ ระบบ ประชาธิปไตยอย่างยิ่ง และกลายเป็นองค์กรที่มีบทบาทส าคัญไม่เพียงจัดการเลือกตั้งและก ากับดูแลพรรค การเมือง หากแต่ยังมีบทบาทเสริมสร้างความแข็งแกร่งของระบบประชาธิปไตยด้วยการพัฒนาด้านการให้ การศึกษาทางการเมืองแก่ประชาชนอย่างเข้มข้น จากที่ได้มีการก่อตั้งสถาบันพัฒนาการศึกษาเพื่อสร้าง พลเมือง (Korean Civic Education Institute for Democracy – KOCEI) ขึ้นปี 1996 ซึ่งตั้งขึ้นภายหลัง ประเทศเกาหลีเข้าสู่ระบบประชาธิปไตยที่มีพลเรือนด ารงต าแหน่งประธานาธิบดี คือ นายคิม ยังแซม ในปี 1992 และสถาบัน KOCEI นี้ ก็ริเริ่มก่อตั้งและด าเนินการในยุคสมัยนี้เช่นกัน จึงท าให้แนวทางพัฒนา ประชาธิปไตยในจุดเปลี่ยนส าคัญนี้ได้วางรากฐานที่จะพัฒนาวัฒนธรรมทางการเมืองให้เป็นวัฒนธรรมทาง สังคมในประเทศเกาหลีได้จนถึงป๎จจุบัน บทบาทคณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติ(National Election Commission) ในการพัฒนา ประชาธิปไตย คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติก่อตั้งขึ้นในปี 1963 เป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ โดยมีหน้าที่ 1) บริหารจัดการการเลือกตั้งและการออกเสียงประชามติให้เป็นธรรม 2) บริหารจัดการในเรื่องที่เกี่ยวกับพรรค การเมือง 3) บริหารจัดการเรื่องที่เกี่ยวกับกองทุนทางการเมือง 4) ให้การศึกษาภาคพลเมือง และ 5) การ ศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการเลือกตั้งและระบบการเมืองการปกครอง ในวาระปกติ คณะกรรมการจะประชุมกันเดือน ละหนึ่งครั้ง โครงสร้างของคณะกรรมการการเลือกตั้งยังประกอบด้วยระดับท้องถิ่นอีก 3 ระดับ คือ คณะกรรมการการเลือกตั้งระดับเมือง/จังหวัด (Si/Do) คณะกรรมการการเลือกตั้งระดับเมือง (Gu/Si/Gun) และคณะกรรมการการเลือกตั้งระดับหมู่บ้าน (Eup/Myeon/Dong) การเลือกตั้งของประเทศเกาหลี ตั้งอยู่บนหลักวิสัยทัศน์ 3 ประการ คือ คณะกรรมการการเลือกตั้ง ตั้งเปูาหมายเพื่อการเมืองที่ดี ด าเนินการไปกับประชาชน และเดินหน้าสู่อนาคต ด้วย 3G คือ Good Politics การเมืองที่ดี Good Service การให้บริการที่ดี


12 Good Future การมีอนาคตที่ดี ระบบการเลือกตั้ง สาธารณรัฐเกาหลีมีระบบการเลือกตั้ง 4 แบบ ซึ่งคณะกรรมการแต่ละระดับจะจัดให้มีการเลือกตั้งใน พื้นที่ที่รับผิดชอบดังนี้ คือ ระบบการเลือกตั้ง 4 แบบ การเลือกตั้งล่วงหน้า : ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถเลือกตั้ง ที่ใดก็ได้ในประเทศ โดยไม่จ าเป็นต้องยื่นค าร้อง การเลือกตั้งภาคพื้นทะเล : เนื่องจากปูซานเป็นเมืองท่าที่ ส าคัญของเกาหลีใต้ มีลูกเรือทั้งลูกเรือประมงและเรือสินค้า ซึ่งเดินเรืออยู่ในมหาสมุทรทั้งห้าจ านวนมาก ดังเช่นที่ กกต.ปูซาน จึงมีการเลือกตั้งภาคพื้นทะเล โดยลูกเรือสามารถลงคะแนนเสียงเลือกตั้งได้ก่อนวัน เลือกตั้งประมาณ 5-8 วัน วิธีการเลือกตั้งภาคพื้นทะเล คือ กกต. จะส่งบัตรลงคะแนนแล้วกัปตันก็จะส่ง โทรสารกลับมายัง กกต.ปูซาน การเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร : ประชาชนชาวเกาหลีใต้ ซึ่งอยู่ต่างประเทศ สามารถเลือกตั้งล่วงหน้าก่อนวันเลือกตั้ง 9-15 วัน การเลือกตั้งในวันเลือกตั้ง คือ การเลือกตั้งในเขตที่ตนมี สิทธิเลือกตั้ง สถาบันให้การศึกษาทางการเมืองประชาธิปไตย (Korean Civic Education Institute for Democracy – KOCEI) ที่มาและอ านาจหน้าที่ แนวคิดการจัดการศึกษาทางการเมืองประชาธิปไตย (Civic Education) ได้มีการริเริ่มขึ้นเมื่อ 11 พฤศจิกายน 1992 ซึ่งระบุไว้ในกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ในบทที่ 15-2 (Article 15-2 of Election Commission Acts) เนื่องจากเห็นว่าจ าเป็นที่จะให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเลือกตั้ง และวิธีที่ คิดว่าส าคัญที่สุดคือ จิตใต้ส านึกของประชาชนเป็นส าคัญประชาชนต้องมีความรู้สึกเองว่าจะต้องมีส่วนร่วม การจะท าให้เกิดความรู้สึกเช่นนี้ จึงจ าเป็นต้องปลูกฝ๎งความคิดนี้ให้กับผู้ที่มีสิทธิในการเลือกตั้ง ถ้าเจ้าของสิทธิ มีความคิดว่าจะต้องเข้าไปมีส่วนร่วม เขาก็จะมีความคิดที่จะไปเข้าร่วมเองไม่ใช่การไปบังคับ จึงมีแนวคิดที่จะ พยายามปลูกฝ๎งในเรื่องจิตใต้ส านึกเพื่อชาติ เพื่อส่วนรวม เมื่อแนวคิดนี้ตกผลึกร่วมกันแล้วจึงได้จัดตั้งหน่วยงาน ทางด้านนี้ขึ้น KOCEI จึงถูกจัดตั้งตามแนวคิดข้างต้นขึ้นในวันที่ 10 พฤษภาคม 1996 เป็นหน่วยงานบริหารด้านการ ให้การศึกษาทางการเมืองประชาธิปไตยแก่เจ้าหน้าที่ ข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง แล้วจึงขยาย อย่างไรก็ดี เมื่อเริ่มก่อตั้งขึ้นในครั้งแรกนี้ สถาบัน KOCEI เป็นเพียงหน่วยงานที่ให้บริการทางวิชการและการ บริการทั่วไปเท่านั้น จนกระทั่งปี 2000 จึงได้ตั้งแผนกด้านการให้การศึกษาทางการเมือง (Political Education Division) และในปี 2009 ถึงปี 2013 ก็มีการจัดระบบและพัฒนาความก้าวหน้าขององค์กร เพิ่มขึ้นเป็นล าดับ และเน้นให้ความส าคัญใน 3 เรื่อง จัดระบบงานเป็น 3 กรม ซึ่งใช้มาจนถึงป๎จจุบัน ดังนี้ กรมวางแผนการศึกษา (Education Planning Department) กรมการให้การศึกษาเพื่อสร้างพลเมือง (Civic Education Department) กรมการศึกษาวิจัยระบบการเมือง (Political System Study Department)


13 โครงสร้างองค์กร KOCEI (KOCEI Organization) สถาบัน KOCEI นับแต่ก่อตั้ง คือปี 1996 แต่เริ่มให้ความส าคัญกับการให้การศึกษาทางการเมืองเพื่อ สร้างพลเมือง (Civic Education) ให้เป็นทิศทางหลักที่โดดเด่นอย่างจริงจังในปี 2000 ซึ่งเป็นปีเริ่มต้นของ ศตวรรษที่ 21 ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าประเทศประชาธิปไตยทั่วโลกหลายประเทศก็เริ่มหันมาให้ความส าคัญกับ การวางแผนการศึกษาเพื่อสร้างพลเมืองใหม่ โดยมีเปูาหมายที่สร้างพลเมืองในแนวทางประชาธิปไตย ซึ่ง จ าเป็นต้องให้การศึกษาทางการเมืองอย่างถูกต้อง ทั้งในระบบการศึกษาและระบบการกล่อมเกลาทางสังคม ด้วย การตั้งสถาบัน KOCEI จึงมุ่งหมายที่จะทลายความไม่รู้(ignorance) ในเรื่องประชาธิปไตยในสังคม เกาหลีใต้ เพราะความไม่รู้จะท าให้ไม่สามารถเกิดการพัฒนาทางการเมืองได้ และในการที่จะท าให้ประชาชนมี ความรู้ มีจิตส านึกเกี่ยวกับประชาธิปไตย ก็จ าเป็นที่จะต้องมีการสอนและฝึกทักษะด้านการเมืองและ ประชาธิปไตยให้กับประชาชนและพลเมือง โดยมีวิสัยทัศน์คือ การให้การอบรมเกี่ยวกับประชาธิปไตยแก่ พลเมืองเพื่อความก้าวหน้าของสาธารณรัฐเกาหลี สมาคมการเลือกตั้งโลก (Association of World Election Bodies – A-WEB) คือ ศูนย์กลางของการสื่อสารติดต่อกันระหว่างองค์กรที่ท าหน้าที่ด้านการบริหารจัดการการเลือกตั้งที่ อยู่ในประเทศต่างๆ เพื่อท าให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญระหว่างสมาชิก เสริมสร้าง ความสามารถให้เข้มแข็งในการพัฒนาประชาธิปไตยในหมู่มวลสมาชิก วิสัยทัศน์ของ A-WEB คือ เสริมสร้างประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อให้การเลือกตั้งทั่วโลกที่เป็น อิสระ (free) ยุติธรรม(fair) โปร่งใส (transparent) พันธกิจ คือ การพัฒนาการจัดการเลือกตั้งในแนวทางประชาธิปไตยด้วยกระบวนการประชาธิปไตย และอ านวยการในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และผู้เชี่ยวชาญระหว่างสมาชิก โดยมีวัตถุประสงค์ที่การสร้าง ความเข้มแข็งให้กับระบบประชาธิปไตยที่มีการเลือกตั้งไปทั่วโลก A-WEB ได้เริ่มมีแนวคิดในการก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2011 และมีการประชุมคณะท างานครั้งแรกในการ เตรียมการที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ในเดือนพฤษภาคม และคณะท างานชุดที่ 2 ที่บอสเนีย (Bosnia) และ เฮอเชโกเวียนา (Herzegovina) เดือนกันยายน 2012 และในปี 2013 ก็มีการประชุมคณะท างานอีกหลายครั้ง ที่ประเทศเกาหลี จึงปรากฏเป็นองค์กรเป็นรูปร่างและตั้งส านักเลขาธิการขึ้นอย่างเป็นทางการในปี 2014 ที่ เมืองชองโด (Songdo) โดยมีเลขาธิการคนแรกเป็นชาวเกาหลี คือ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง แห่งชาติเกาหลีนั่นเอง A-WEB เพิ่งด าเนินการมาได้เพียง 2 ปี แต่นับว่าประสบความส าเร็จอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีประเทศต่างๆ เข้าร่วมเป็นสมาชิกดังปรากฏในการประชุมใหญ่ในเดือนสิงหาคม 2015 มีองค์กร จัดการเลือกตั้งเข้าร่วมมากถึง 106 องค์กรจาก 102 ประเทศ การจัดตั้ง A-WEB ขึ้นในเกาหลี จึงเป็นการท างานเพื่อพัฒนาประชาธิปไตยในประชาคมโลกแบบก้าว กระโดด คือ ไม่เพียงสร้างความเข้มแข็งทางการเมืองประชาธิปไตยในประเทศของตนเท่านั้น แต่หากได้สร้าง เครือข่ายในต่างประเทศให้มาร่วมมือกันผลักดันเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมประชาธิปไตยโลก ดังที่มีค าขวัญ ว่า ประชาธิปไตยเติบโตไปทั่วโลก (Democracy to Grow Around the World) ซึ่งสมาชิกที่เข้าร่วมการ


14 ประชุมตั้งแต่ปี 2014 – 2015 ล้วนมาจากประเทศด้อยพัฒนาและก าลังพัฒนา ซึ่งต้องการการสนับสนุนให้เกิด การพัฒนาการเลือกตั้งและประชาธิปไตยในประเทศของตน ที่เป็นทั้งความท้าทายและเป็นกระแสของ โลกในศตวรรษที่21 ซึ่งส่วนใหญ่ต้องการพัฒนาในแนวทาง (https://www.csdi.or.th/2021/09/lessons-from-south-korea/ ) รัฐธรรมนูญและรัฐบาล สาธารณรัฐเกาหลีได้รับการสถาปนาเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 1948 สามเดือนต่อมาได้มีการจัดการ เลือกตั้งสมาชิกสมัชชาแห่งชาติชุดแรกขึ้นจ านวน 198 คน ซึ่งเป็นการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรก ของประเทศ ภายใต้การควบคุมขององค์การสหประชาติ และวันที่ 17 กรกฎาคมของปีเดียวกัน สมัชชาแห่งชาติชุดแรกก็ ประกาศ ใช้รัฐธรรมนูญ เหล่าสมาชิกได้เลือกให้ ลีซึงมัน ประธานาธิบดีคนแรกเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ลีซึง มันเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ทั้งในและนอกประเทศในฐานะผู้น าการเคลื่อนไหวเพื่อเอกราชของเกาหลี สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติจัดการประชุมครั้ง 3 (UN General Assembly) ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงปารีสในเดือน ธันวาคม ปีเดียวกัน มีมติว่ารัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นในนตอนใต้ของเส้นขนานที่ 38 เท่านั้นที่เป็นรัฐบาลโดยชอบธรรม ของคาบสมุทรเกาหลี รัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญของประเทศเริ่มการด าเนินงานในเดือนมิถุนายนปี 1948 และประกาศเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมในปีเดียวกันหลังจากที่ใช้เวลาในการตรารัฐธรรมนูญราว 45 วัน รัฐบาลได้ก าหนดให้วันนี้เป็น วันหยุดประจ าชาติการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งแรกท าขึ้นในเดือนกรกฎาคม 1952 ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้ง ที่ 9 ซึ่งเป็นครั้งล่าสุดผ่านการลง ประชามติเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 1987 รัฐธรรมนูญเกาหลีใต้ยึดเอา ประชาธิปไตยเสรีนิยมเป็นหลักการ พื้นฐานในการปกครองประเทศ รัฐธรรมนูญฉบับนี้รับรองสิทธิและ เสรีภาพของประชาชนภายใต้ข้อบัญญัติของกฎหมายที่ตราไว้นอกจากนี้ยังรับรองโอกาสแห่งความเสมอภาค ในทุกส่วนภาคไม่ว่าจะเป็นทางด้านการเมือง เศรษฐกิจและวัฒนธรรม และตระหนัก ถึงความจ าเป็นในการ จัดตั้งรัฐสวัสดิการ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ยัง บัญญัติให้ประชาชนทุกคนมีหน้าที่ช าระภาษี มีส่วนร่วมในการ ปูองกันประเทศ ให้การศึกษาแก่บุตรและประกอบสัมมาชีพ รัฐธรรมนูญระบุไว้ว่าประเทศเกาหลีจะพยายาม ด ารงไว้ซึ่ง สันติภาพระหว่างประเทศ สนธิสัญญาระหว่างประเทศที่เกาหลีได้ลงนามไว้และกฎหมายระหว่าง ประเทศที่ได้รับการยอมรับ ทั่วไปมีผลบังคับใช้เช่นเดียวกับกฎหมายภายในประเทศ ภายใต้รัฐธรรมนูญนี้ สถานภาพของคนต่างด้าวจะได้รับความคุ้มครองตาม ที่กฎหมายและสนธิสัญญาระหว่างประเทศได้บัญญัติไว้ ฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ สมัชชาแห่งชาติท าหน้าที่เป็นกระบอกเสียงของประชาชน กฎหมายทั้งหมดของประเทศถูกตราขึ้นโดย สมัชชาแห่งชาติป๎จจุบันสมัชชาแห่งชาติมีสมาชิกถาวรทั้งหมด 300 คน โดยแต่ละ คนจะได้รับการแต่งตั้งให้


15 ด ารงต าแหน่ง 4 ปี สมาชิก 246 คนมา จากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง อีก 54 คนได้รับเลือกมาจาก พรรคการเมือง เพื่อให้ทุกพรรคมีโอกาสตามสัดส่วน โดยสมาชิก กลุ่มหลังคือผู้แทนวิชาชีพ อาคารสมัชชาแห่งชาติตั้งอยู่ทียออึย อยู่ติดกับแม่น้ าฮันกังที่ไหลผ่านกรุงโซล ฝุายบริหารมี ประธานาธิบดีเป็นหัวหน้าท าหน้าที่ในการบริหารประเทศ ในป๎จจุบันการเลือกตั้งประธานาธิบดีเป็นการ เลือกตั้ง โดยตรงโดยมีวาระห้าปี ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญนี้ประธานาธิบดีไม่สามารถด ารงต าแหน่งต่อในสมัย ที่สองได้ ประธานาธิบดี ป๎ก กึนเฮได้รับการเลือกตั้งให้เป็นประธานาธิบดีหญิงคน แรกของประเทศเมื่อวันที่ 19 เดือนธันวาคม 2012 และเข้าด ารงต าแหน่งในวันที่ 25 เดือนกุมภาพันธ์ 2013 การประชุมรัฐมนตรีจะมี ประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีท าหน้าที่เป็นประธานและรองประธานตามล าดับ พิจารณาหารือเกี่ยวกับ นโยบายที่ส าคัญตามสิทธิของฝุายบริหาร ในกรณีที่ประธานาธิบดีไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ นายกรัฐมนตรีจะ เป็นผู้ควบคุมดูแล กระทรวงในนามของประธานาธิบดี ในป๎จจุบันฝุายบริหารแบ่งการ ท างานออกเป็น 2 คณะ 5 ส านักงาน 22 กระทรวง (แบ่งเป็น17 และ 5 กระทรวง) 16 หน่วยงานและ 6 ณะกรรมการ ฝุายตุลาการ ประกอบด้วยศาลสูงสุด ศาลอุทธรณ์ ศาลแขวง ศาล ครอบครัว ศาลปกครองและศาลทรัพย์สินทางป๎ญญา เป็นต้น หัวหน้าผู้พิพากษาศาลสูงสุดได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีตามความเห็นชอบของสมัชชาแห่งชาติ ส่วนผู้พิพากษาศาลสูง สุดคนอื่นจะได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีตามค าแนะน าของหัวหน้าผู้พิพากษา มี วาระการด ารงต าแหน่ง 6 ปี องค์กรอิสระ นอกจากฝุายบริหาร นิติบัญญัติและตุลาการแล้ว ยังมีหน่วยงาน อื่นที่มีหน้าที่ในการท างานโดยอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญมีสิทธิ์ในการตรวจสอบกฎหมายว่าเป็นไปตามหลักรัฐธรรมนูญพิจารณา ยื่นฟูองขับเจ้าหน้าที่ ชั้นสูงออกจากต าแหน่งและตัดสินใจยุบ พรรคการเมืองภายใต้กรอบตามรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วยผู้พิพากษารวม 9 คน แบ่งออกเป็น 3 ฝุาย โดยแต่ละ ฝุายจะได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดี สมัชชาแห่งชาติและหัวหน้าผู้พิพากษาสูงสุด ประธานศาลรัฐธรรมนูญได้รับการแต่งตั้ง โดยประธานาธิบดีตาม ความเห็นชอบของสมัชชาแห่งชาติคณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติมีหน้าที่จัดการกับเรื่องที่เกี่ยวกับการ เลือกตั้งการลงประชามติ พรรคการเมืองและเงิน ทุนทางการเมือง สมาชิกที่เป็นคณะกรรมการไม่มีสิทธิ์เข้า ร่วม พรรคการเมืองหรือท ากิจกรรมทางการเมือง มีวาระด ารงต าแหน่ง 6 ปี ประธานคณะกรรมการมาจากการ คัดเลือกในกลุ่มสมาชิก คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีหน้าที่ในการปกปูองและส่ง เสริมสิทธิขั้น พื้นฐานของมนุษย์โดยการแสดงออกซึ่งความเคารพ และตระหนักถึงศักดิ์ศรีและคุณค่าของมนุษย์ก่อตั้งขึ้นใน เดือนพฤศจิกายน 2001 ด้วยความปรารถนาอย่างแรง กล้าที่จะพัฒนาสิทธิมนุษยชนของประเทศให้ดีขึ้นใน ระหว่างขั้นตอนของกระบวนการทางประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังดูแลในเร่ืองที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิ มนุษยชนหรือการเลือกปฏิบัติที่เกี่ยว กับชาวต่างชาติที่พ านักอาศัยหรือท างานอยู่ในเกาหลี เขตปกครองส่วนท้องถิ่น ประเทศเกาหลีน าระบบการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นมาใช้เมื่อเดือนมิถุนายน 1995 เกาหลีใต้ออก กฎหมายว่าด้วยการปกครอง ส่วนท้องถิ่นมาตั้งแต่ปี 1949 แต่ไม่ได้น ามาใช้ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ


16 ทางการเมือง เช่น สงครามเกาหลี การก่อปฏิวัติในเดือนเมษายน 1960 และการก่อรัฐประหารในเดือน พฤษภาคม 1961 เขตปกครองส่วนท้องถิ่นแบ่งออกเป็นสองระดับ คือ ระดับบนและ ระดับล่าง เมื่อมีการตั้ง นครปกครองตนเองพิเศษเซจงขึ้นในเดือน กรกฎาคม 2012 จ านวนเขตปกครองส่วนท้องถิ่นระดับบนได้เพิ่ม เป็น 17 แห่ง (ได้แก่ กรุงโซล 6 มหานคร 8 จังหวัด และนครปกครองตนเองพิเศษเจจู) จ านวนเขตปกครอง ส่วนท้องถิ่นระดับล่างอยู่ที่ 227 แห่ง (ได้แก่ ซี กันและกู หรือ เมือง อ าเภอและเขต ตามล าดับ) หัวหน้าเขต ปกครองส่วนท้องถิ่นและเทศมนตรีได้รับการคัดเลือก ผ่านการเลือกตั้งโดยตรง หัวหน้าเขตปกครองส่วน ท้องถิ่นมีวาระ ด ารงต าแหน่ง 4 ปี สูงสุด 3 สมัย ส่วนเทศมนตรีสามารถด ารง ต าแหน่งได้ไม่จ ากัดวาระ ระบบ การบริหารราชการส่วนท้องถิ่น เป็นระบบที่ส าคัญมากเนื่องจากเป็นระบบที่เน้นการมีส่วนร่วมของ ประชาชน ในพื้นที่อันน าไปสู่ประชาธิปไตยของชนชั้นรากหญ้า (กระทรวงวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว, 2016) เศรษฐกิจ เกาหลีประสบความส าเร็จการเติบโตอย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้น มีความสามารถในการแข่งขัน ระดับโลกในด้านต่างๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ เซมิคอนดักเตอร์รถยนต์เคมีภัณฑ์และเหล็กกล้า และเมื่อไม่นาน มานี้เนื้อหาทางวัฒนธรรม เช่น ดนตรีเกม และเว็บตูน ก าลังเกิดขึ้นในฐานะอุตสาหกรรมส าคัญที่ขับเคลื่อน เศรษฐกิจของเกาหลีรัฐธรรมนูญของเกาหลีได้บัญญัติไว้ว่า "สิทธิ์ในทรัพย์สินของพลเมืองทุกคนได้รับการค้ า ประกัน" นั่นคือเกาหลีได้ตั้งอยู่บนระบบเศรษฐกิจแบบตลาด ดังนั้นจึงช่วยให้บุคคลและธุรกิจสามารถด าเนิน กิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างอิสระ และรับประกันผลก าไรและทรัพย์สินของพวกเขา รถยนต์ส่งออกจาก โรงงานของฮุนได มอเตอร์ในเมืองอุลซาน รถยนต์เป็นสินค้าส่งออกที่ส าคัญอย่างหนึ่งของประเทศ อย่างไรก็ ตามรัฐธรรมนูญไม่ได้รับประกันการแสวงหาเศรษฐกิจทุนนิยมที่มีเสรีภาพไร้ขีดจ ากัด รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ว่า สถานการณ์ที่ไม่เป็นธรรมย่อมได้รับการแก้ไขหากพบว่ามีการใช้เงินทุนในทางที่ผิดอันส่งผลให้เกิดความ เสียหายต่อประชาชน ทั้งนี้เพื่อปรับปรุงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจแบบตลาดเสรีให้ดีขึ้น เศรษฐกิจของเกาหลีใต้เติบโตอย่างรวดเร็วอย่างไม่คาดคิด นักสังเกตการณ์เรียกความส าเร็จของ ประเทศแห่งนี้ว่า ”ปาฏิหาริย์แห่งแม่น้ าฮัน” เนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมของประเทศได้ถูกท าลายลงเกือบ หมดในสมัยสงครามเกาหลีที่ยืดเยื้อตั้งแต่ปี1950 ถึง 1953 เป็นเวลานาน 3 ปีท าให้ประเทศขาดแคลนเงินทุน และ ทรัพยากรทางธรรมชาติ ในต้นทศวรรษ 1960 เกาหลีใต้ได้ด าเนินแผนการพัฒนาทางเศรษฐกิจโดยพึ่งพาการส่งออก ในช่วง แรกสินค้าส่งออกส าคัญของประเทศเป็นสินค้าอุตสาหกรรมเบาซึ่งผลิตในโรงงานขนาดเล็ก หรือสินค้าวัตถุดิบ ในทศวรรษที่ 1970 เกาหลีใต้ได้ลงทุนในโรงงานเคมีขนาดใหญ่และสร้างรากฐานในการส่งออกสินค้า อุตสาหกรรมหนัก ในป๎จจุบันเกาหลีใต้ลงทุนกับโรงงานเคมีหนักและวางพื้นฐานส าหรับการส่งออกผลิภัณฑ์ อุตสาหกรรมหนัก ขณะนี้ได้เป็นผู้น าในภาคเซมิคอนดักเตอร์และการแสดงผล เกาหลีใต้ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี1988 ณ กรุงโซล ซึ่งได้ช่วยผลักดันให้เกาหลีใต้ ได้กลายเป็นประเทศกึ่งก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ สื่อมวลชนนานาชาติขนานนามเกาหลีใต้ว่าเป็นหนึ่งใน 4 เสือ แห่งเอเชีย โดยอีก 3 ประเทศที่ว่าคือ ไต้หวัน สิงคโปร์และฮ่องกง เมื่อเดือนธันวาคมปี1996 เกาหลีใต้ได้


17 กลายเป็นประเทศอันดับที่ 29 ที่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกในกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่เป็นชาติมหาอ านาจ ในปี1960 มูลค่าการส่งออกของเกาหลีใต้อยู่ที่ 32.82 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้เพิ่มขึ้นถึงระดับ หมื่นล้านในปี1977 และพุ่งขึ้นถึง 542.2 พันล้านในปี2019 รายได้ต่อหัวประชากร (GNI per capita) ของ เกาหลีใต้จากที่เคยอยู่ที่ 67 เหรียญสหรัฐในปี1953 ในปีมีการจัดตั้งรัฐบาลขึ้น ได้ปรับตัวขึ้นเป็น 32,115 เหรียญสหรัฐในปี2019 สาธารณรัฐเกาหลีได้ค่อยๆ จัดท าโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่สนับสนุนการส่งออกอย่าง ต่อเนื่องโดยเน้นไปที่ธุรกิจขนาดใหญ่ที่ก าลังเติบโต แต่เนื่องจากประเทศขาดแคลนเงินทุนและทรัพยากร กลุ่ม บริษัทจึงได้เข้ามามีอิทธิพลในวงการอุตสาหกรรม ในขณะที่โครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศพึ่งพาการ ส่งออกและน าเข้าเป็นอย่างมาก ท าให้มีแนวโน้มที่จะได้รับอิทธิพลจากป๎จจัยภายนอกได้ง่าย ในเดือนพฤศจิกายนปี1997 วิกฤตเงินตราต่างประเทศส่งผลกระทบอย่างหนักต่อประเทศ ท าให้ เกาหลีใต้ต้องหันไปพึ่งเงินกู้จาก IMF เหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นอุปสรรคอย่างแรกที่ประเทศต้องเผชิญหลังจาก การเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วมาหลายปีเกาหลีใต้จึงใช้โอกาสนี้ในการก าจัดธุรกิจที่อยู่ในสภาพย่ าแย่ออกจาก ตลาด แล้วสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างทางอุตสาหกรรม ภายในเวลาเพียง 2 ปีเกาหลีใต้ก็ได้ฟื้นคืนสู่ สภาพเดิมด้วยอัตราการเติบโตและระดับราคา เช่นเดียวกับยอดดุลบัญชีเดินสะพัด ในช่วงนั้นชาวเกาหลีใต้ ประมาณ 3.5 ล้านคน เข้าร่วมโครงการสะสมทองค า เพื่อช่วยรัฐบาลใช้หนี้IMF และมียอดสะสมทองค ารวม มากถึง 227 ตัน ทั่วโลกต่างประหลาดใจกับการที่ชาวเกาหลีต่างสมัครใจเข้าร่วมโครงการเพื่อช่วยชดใช้หนี้สิน ของชาติ ท่ามกลางความพยายามร่วมกันในการต่อสู้ให้หลุดพ้นจากวิกฤตการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เกาหลีใต้ได้ประโยชน์จากการเกื้อกูลกัน เช่น การปรับใช้ระบบทางเศรษฐกิจและการคลังระดับโลก แต่ กระบวนการปรับโครงสร้างก็มีข้อเสียเช่นกัน ค่าใช้จ่ายของรัฐบาลที่เพิ่มสูงขึ้นและความไม่สมดุลของรายได้มี เพิ่มมากขึ้น หลังจากผ่านวิกฤตเศรษฐกิจไปได้เศรษฐกิจของเกาหลีใต้ได้เติบโตขึ้นอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่เป็นตัวเงินเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่า จาก 504.6 พันล้านดอลลาร์ สหรัฐในปี2001 เป็น 1,646.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี2019 ซึ่งเป็นอันดับที่ 12 ของโลกอันที่จริงในช่วงปี 2008-2010 ที่ประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกต่างเผชิญหน้ากับวิกฤตทางการเงินซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมาก เกาหลีใต้กลับมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงถึง 6.3% สื่อมวลชนที่ส าคัญของโลกต่างกล่าวถึงความส าเร็จ ของเกาหลีใต้ว่าเป็น "การฟื้นตัวตามต ารา" ในปี2010 เกาหลีใต้ได้ผงาดขึ้นเป็นประเทศผู้ส่งออกมากที่สุด เป็นอันดับที่ 7 ของโลก ช่วงระหว่างปี 2011-2014 ปริมาณรวมการส่งออกและน าเข้าของประเทศมีมูลค่าระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเนื่องทั้ง 4 ปีติดต่อกัน ปริมาณการค้าหดตัวในปี2015-2016 แต่กลับพุ่งสูงขึ้นถึงระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐอีก ครั้งในปี2017 ทุนส ารองระหว่างประเทศของเกาหลีใต้อยู่ที่ 408.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี2019 โดยมีอัตราร้อย ละของหนี้ต่างประเทศระยะสั้นอยู่ที่ 32.9% ในปี2019 ซึ่งอยู่ในระดับปานกลางของกลุ่มประเทศ G20 อันดับ ความน่าเชื่อถือของประเทศอยู่ในระดับที่มั่นคง (https://thailand.korean-culture.org/th/152/korea/69)


18 หลักการและจุดมุ่งหมายทั่วไปในการจัดการศึกษา แนวทางการจัดการศึกษาในประเทศสาธารณรัฐเกาหลีจะมีโครงสร้างการศึกษาในยุคใหม่เริ่มมีมา ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 17 มีวัตถุประสงค์จัดการศึกษาเพี่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศโดยตรง ประมาณ ค.ศ. 1882 ได้มีประกาศกฤษฎีกาที่ท าให้ประชาชนเกาหลีได้มีโอกาสเข้ารับการศึกษาโดยไม่จ ากัดขึ้น ซึ่งผลจากการเปลี่ยนแปลงนี้ท าให้โอกาสในการศึกษาเล่าเรียนไม่จ ากัดอยู่เฉพาะชนชั้นสูงของสังคมเท่านั้น ใน ระยะแรกของการเปลี่ยนแปลงนี้มีการว่าจ้างคนอมริกันเข้ามาสอนภาษาต่างประเทศ และมีการสร้างโรงเรียน หลายแห่ง ท าให้การศึกษาขยายตัวไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นยังเปิดโอกาสให้สตรีเข้าสู่ระบบการศึกษาด้วย โดยในปี ค.ศ. 1886 มีการตั้งโรงเรียนสตรีเป็นครั้งแรก นอกจากนั้น ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1900 ยังมีการขยาย การศึกษาไปสู่ภาคเอกชนด้วยการจัดตั้งโรงเรียนเอกชนขึ้นอีกหลายแห่ง แต่การศึกษาของประเทศสาธารณรัฐ กาหลีได้หยุดชะงักไปเมื่อญี่ปุุนได้เข้ามามีบทบาทในการปกครองประเทศเกาหลี ในปี ค.ศ. 1910 และคงอยู่ใน สภาพดังกล่าวจนสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในระยะเวลาที่ญี่ปุุนเข้ามาดูแลปกครองได้มีการสร้างโรงเรียนของ รัฐขึ้นในต าบลและอ าเภอเพื่อกระจายการศึกษาภาคบังคับออกไปสู่ท้องถิ่น แต่ก็ยังไม่เพียงพอแก่ความต้องการ เท่าใดนัก ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1845 ประเทศสาธารณรัฐเกาหลีได้เปลี่ยนแปลงไปสู่ ระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยมีการแยกประเทศเป็น 2 ส่วน (เหนือ - ใต้) ได้มีการขยายการศึกษาทุก ระดับออกไปอย่างกว้างขวาง มีการพัฒนาการศึกษาขึ้นอย่างรวดเร็วโดยจะเห็นได้จากการเพิ่มโรงเรียนขึ้น อย่างรวดเร็วโดยจะเห็นได้จากการเพิ่มโรงเรียนขึ้นอย่างมากมาย ท าให้ประชากรของประเทศได้รับการศึกษา อย่างทั่วถึง อย่างไรก็ตาม การศึกษาในระยะแรกนี้ลักษณะการเรียนแบบการศึกษาในสังคมตะวันตกแต่ได้มี การปรับปรุงหลักสูตรให้เข้ากับสภาพสังคมซึ่งอยู่ในระยะการพัฒนาประเทศในช่วงเวลาดังกล่าว สภาพสังคม เศรษฐกิจ การเมืองและจุดเน้นของการพัฒนาประเทศของสาธารณรัฐเกาหลีในป๎จจุบัน สภาพสังคม เศรษฐกิจ การเมือง พบว่า สาธารณรัฐเกาหลี เป็นประเทศหนึ่งที่อยู่ในทวีปเอเชีย มีภูมิอากาศที่ อบอุ่นมีความหนาแน่นของประชากร 500 คน/ตร.กม. ใช้ภาษาเกาหลีเป็นภาษาราชการ มีการปกครองระบบ ประชาธิปไตย ประชาชนนับถือศาสนาพุทธและคริสต์ ประชาชนมีรายได้ต่อคนต่อปี (Per Capita Income) ในปี ค.ศ. 2005 เท่ากับ 13,076 US$ รายได้ส่วนใหญ่มาจากภาคอุตสาหกรรมและบริการ รวมทั้งมีพัฒนาการ ทางประวัติศาสตร์อันยาวนานและการบ่มเพาะทางวัฒนธรรมทางสังคมของสาธารณรัฐเกาหลี และจากการถูก ปกครองโดยประเทศญี่ปุุน เป็นระยะเวลาที่ยาวนานท าให้เกิดความเป็นชาตินิยมรวมถึงการมองโลกในยุค เปลี่ยนผ่าน ท าให้สาธารณรัฐเกาหลีเห็นความส าคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และเศรษฐกิจฐานความรู้ โดยมีการก าหนดกรอบการพัฒนาประเทศ “การมองไปสู่ภายนอก” (Outward-looking Policy) ที่เน้นการ พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ควบคู่กับการพัฒนาทางเศรษฐกิจ มีการใช้ลัทธิชาตินิยมปลุกระดมมวลชนให้เร่งรัดการ พัฒนาและขยันขันแข็งในการท างานโดยรัฐสนับสนุน ในการพัฒนาการศึกษาจะมีหน่วยงานที่รับผิดชอบอย่าง ชัดเจนคือกระทรวงศึกษาธิการ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เดิมชื่อกระทรวงศึกษาธิการและพัฒนาทรัพยากร มนุษย์ และมีการกระจายอ านาจการบริหารจัดการด้านการศึกษาภายใต้กรอบนโยบาย และแนวทางที่ชัดเจน ส่งผลให้ประชาชนสาธารณรัฐเกาหลี สามารถการพัฒนาทักษะการคิดเชิงเหตุผลและการอยู่ร่วมกันบนความ แตกต่าง ท าให้มีจุดเน้นการพัฒนาการศึกษาควบคู่กับความเจริญก้าวหน้าของประเทศ (วรินทร บุญยิ่ง, 2556)


19 จากสภาพสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และจุดเน้นของการพัฒนาประเทศ ที่สอดคล้องกับโลกาภิวัตน์ การใช้เทคโนโยลีเพื่อเป็นสังคมสารสนเทศ รวมทั้งการมองไปสู่โลกภายนอก ดังนั้น สาธารณรัฐเกาหลีจึงได้ ก าหนดนโยบายการศึกษา 10 ประการที่สอดคล้องกับสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ท าให้ก าหนดจุดเน้นของการ พัฒนาประเทศดังกล่าว โดยกระทรวงศึกษาธิการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยมีเปูาหมายเพื่อสร้าง ทรัพยากรมนุษย์ของชาติใหม่ความคิดสร้างสรรค์มีคุณลักษณะที่พึ่งประสงค์ควบคู่กับการพัฒนาทาง อุตสาหกรรมและเทคโนโลยีในอนาคต ดังภาพที่ 4 ภาพที่ 4 วิสัยทัศน์การศึกษาของชาติปี ค.ศ. 2010 ที่มา : วรินทร บุญยิ่ง, (2556) การวิเคราะห์ระบบการศึกษาของสาธารณรัฐเกาหลีในปัจจุบัน นโยบายการศึกษาของสาธารณรัฐเกาหลี มีกระทรวงการศึกษาธิการ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Ministry of Education Science and Technology: MEST) เป็นหน่วยงานกลางในการบริหารการศึกษา รับผิดชอบในการวางนโยบายด้านกิจกรรมทางวิชาการวิทยาศาสตร์ และการศึกษาเพื่อปวงชน และการน า นโยบายไปสู่การปฏิบัติ ป๎จจุบันสาธารณรัฐเกาหลียังคงใช้รัฐธรรมนูญการศึกษา ปี ค.ศ. 1948 ซึ่งมีบทบัญญัติ เกี่ยวกับเสรีภาพในการเรียนรู้ สิทธิที่เท่าเทียมกันในการเรียนรู้ เสรีภาพทางวิชาการ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ การศึกษาภาคบังคับ ได้บัญญัติไว้ว่า “การศึกษาภาคบังคับเป็นการจัดศึกษาแบบให้เปล่า” ตามมาตรา 31 วรรค 3 ในส่วนเกี่ยวกับหน้าที่ของผู้ปกครองได้บัญญัติไว้ว่า “ประชาชนทุกคนที่มีผู้เยาว์อยู่ภายใต้การปกครอง ดูแลของตน ต้องรับผิดชอบให้ผู้เยาว์ได้รับการศึกษาในระดับประถมศึกษาเป็นขั้นต่ า และจัดให้ได้รับ การศึกษาอื่นตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย” การศึกษาในระบบนั้น สาธารณรัฐเกาหลีน ามาใช้ คือ 6-3-3-4 โดยเป็นการศึกษาภาคบังคับ 12 ปีเป็น การศึกษาแบบให้เปล่า 9 ปี และเน้นการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong learning) การจัดการศึกษาต้องมี


20 เสรีภาพทางวิชาการ ความเชี่ยวชาญพิเศษ มีความเป็นกลางทางการเมือง ความเป็นอิสระโดยเฉพาะ มหาวิทยาลัยจะต้องรับประกันตามที่ระบุไว้ในกฎหมาย เรื่องพื้นฐานต่าง ๆ เกี่ยวกับระบบการศึกษา และการ จัดการศึกษาการเงินเพื่อการศึกษา และสถานภาพของครูจะต้องก าหนดโดยกฎหมายและรัฐจะต้องส่งเสริม การศึกษาตลอดชีวิต ส าหรับจ านวนวันเรียนในแต่ละปีการศึกษาก าหนดให้ โรงเรียนประถม มัธยมศึกษา ตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย จะต้องมีวันเรียนไม่น้อยกว่า 220 วัน ส่วนวิทยาลัย มหาวิทยาลัย วิทยาลัยครู และวิทยาลัยอาชีวศึกษา จะต้องมีวันเรียนไม่น้อยกว่า 32 สัปดาห์ ต่อปี ประเภทของโรงเรียน เพื่อให้พลเมืองทุกคนได้รับโอกาสทางการศึกษาเท่าเทียมกัน โดยไม่ค านึงถึงศาสนา เพศ หรือสถานภาพทาง สังคมเศรษฐกิจ ในสถานศึกษา คือ โรงเรียนประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลาย วิทยาลัย มหาวิทยาลัย วิทยาลัยครู วิทยาลัยการศึกษา วิทยาลัยอาชีวะ ชุมชน มหาวิทยาลัยทางอากาศและ ไปรษณีย์ วิทยาลัยเปิด โรงเรียนการช่าง โรงเรียนการช่างมัธยมปลาย โรงเรียนพลเมือง โรงเรียนพลเมืองมัธยม ต้น โรงเรียนพิเศษ โรงเรียนอนุบาลและโรงเรียนอื่น ๆ ส าหรับการศึกษาพิเศษจัดทั้งในระดับประถมศึกษาและ มัธยมศึกษาให้กับเด็กที่มีความพิการทางด้านตาบอด หูหนวก ป๎ญญาอ่อน พิการทางรางกายและมีความ บกพร่องทางการได้ยิน ส าหรับผู้ที่มีความพิการหนัก จัดให้เรียนในโรงเรียนพิเศษ กระจายตาม สถาบันการศึกษาแห่งชาติ โดยมีรัฐและเอกชนร่วมกันดูแล ส าหรับผู้มีความพิการเพียงเล็กน้อย จัดให้เข้าเรียน ในชั้นพิเศษจัดอยู่ในโรงเรียนปกติ การศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัยได้มีการออกกฎหมายส่งเสริม การศึกษาพิเศษ เพื่อเป็นแรงผลักดันในความพยายามขยายโอกาสส าหรับการศึกษาพิเศษและส่งเสริมคุณภาพ ของโครงการต่าง ๆ ทางการศึกษาพิเศษนี้ นอกจากนี้ยังมีโครงการส่งเสริมให้การศึกษาพิเศษเป็นการศึกษา แบบให้เปล่าอีกด้วย สรุปว่า สาธารณรัฐเกาหลีน ามาใช้ คือ 6-3-3-4 เป็นการศึกษาภาคบังคับ 12 ปี และเน้นการเรียนรู้ ตลอดชีวิต (Lifelong learning) โดยมีจุดเน้นแรกคือการจัดการประถมศึกษาสากล และก้าวไปสู่การจัดการ มัธยมศึกษาแบบอาชีวะ การศึกษาด้านเทคนิคอาชีพ ไปจนถึงการอุดมศึกษาและการวิจัย ซึ่งการจัดการศึกษา ขั้นพื้นฐานมุ่งเน้นการศึกษาเพื่อความเป็นเลิศ (Elite Education) ให้ความส าคัญกับเด็กที่มีความสามารถ พิเศษตั้งแต่ ระดับประถมศึกษาไปจนถึงมหาวิทยาลัย โดยกลั่นกรองประชากรที่จะเป็นสมองของชาติซึ่งจะช่วย พัฒนาชาติให้เข้มแข็งต่อไป โดยเกาหลีมีแผนพัฒนาทรัพยากรมนุษย์แห่งชาติเป็นแผนหลัก ส่งผลให้มี พระราชบัญญัติการศึกษาที่เน้นด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กฎหมายการศึกษาหรือกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ข้อก าหนดในกฎหมายและเปูาหมายของการศึกษาของสาธารณรัฐเกาหลีใช้กระบวนการทางกฎหมาย เป็นพื้นฐานของการจัดการศึกษา โดยกฎหมายส าคัญที่เกี่ยวข้องกับการก าหนดแนวทางและเปูาหมาย การศึกษา คือ กฎหมาย รัฐธรรมนูญซึ่งบัญญัติขึ้นในปี 1987 และกฎหมายการศึกษาซึ่งกล่าวถึงการศึกษาทุก ประเภทในระบบการศึกษาของสาธารณรัฐเกาหลี ในที่นี้จะน ามากล่าวเป็นบางส่วนพอให้เห็นแนวความคิดและ เปูาหมายทางการศึกษาแต่ละระดับความคิดพื้นฐานของการศึกษา มาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญได้บัญญัติเรื่องการศึกษาไว้ว่า


21 1.ประชาชนทุกคนจะต้องมีสิทธิได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน ตามความสามารถของแต่ละบุคคล 2. ประชาชนทุกคนจะต้องมีหน้าที่จัดให้เด็กในความดูแลของตนได้รับการศึกษาระดับประถมตามที่ กฎหมายก าหนด 3. การศึกษาภาคบังคับรัฐต้องจัดให้ฟรี 4. ความเป็นอิสระ ความส าคัญของวิชาชีพ การพ้นจากเรื่องการเมือง และความอิสระของ มหาวิทยาลัยต้องได้รับการประกันโดยกฎหมาย 5. รัฐพึงจัดการศึกษาต่อเนื่องตลอดชีวิต 6.ป๎จจัยพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาทั้งในระบบโรงเรียนและนอกระบบโรงเรียน การ บริหาร การเงิน งบประมาณ และสถานภาพของครูจะต้องตราไว้เป็นกฎหมาย กฎหมายการศึกษาได้ก าหนดเปูาหมายและทิศทางของการศึกษาไว้ดังนี้ มาตราที่ 1 กล่าวว่า ภายใต้อุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ ของฮองกิก - อินกัน (HONGIK - INGAN) หรือ "ประโยชน์สูงสุดเพื่อมวลมนุษย์" การศึกษาจะต้องมุ่งสร้างเสริมให้ประชาชนทุกคนมีความสมบูรณ์ใน บุคลิกภาพของตนเอง สามารถพัฒนาความสามารถที่จะพึ่งตนเองได้ และพัฒนาคุณภาพของประชาชนให้ สามารถมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ประชาธิปไตยของประเทศและศักดิ์ศรีแห่งมนุษยชาติ มาตราที่ 2 ของกฎหมายการศึกษาก าหนดวัตถุประสงค์ทางการศึกษาไว้ว่า 1.พัฒนาความรู้และทัศนคติที่จ าเป็นต่อการพัฒนาสุขภาพอันแข็งแกร่งและจิตใจที่ มุ่งมั่น กล้าหาญ 2.พัฒนาจิตใจที่จงรักภักดีต่อมาตุภูมิเพื่อรักษาอิสรภาพของชาติและอุดมการณ์แห่งสันติภาพของโลก 3. ถ่ายทอดและพัฒนาวัฒนธรรมของชาติพร้อมทั้งสร้างสรรค์เพื่อเป็นรากฐานความเจริญแห่งอารย ธรรมของโลก 4. ปลูกฝ๎งจิตใจแห่งการค้นคว้าความจริงและความสามารถในการคิดเชิงวิทยาศาสตร์ จนสามารถมี ความคิดสร้างสรรค์ได้และด าเนินชีวิตอย่างมีเหตุผล 5. พัฒนาความรักในเสรีภาพ และยึดมั่นในความรับผิดชอบเพื่อน าไปสู่การมีชีวิตในสังคมอย่างมี ความสุขด้วยความซื่อสัตย์ ความร่วมมือกับหมู่คณะและความเข้าใจ 6. พัฒนาความซาบซึ้งในสุนทรียรส การชื่นชมในความงามของธรรมชาติ และรู้จักเลือกการพักผ่อน หย่อนใจที่เป็นประโยชน์แก่ชีวิตโดยรวม เปูาหมายของประถมศึกษา กฎหมายการศึกษามาตราที่ 8 ได้บัญญัติไว้ว่าประชาชนทุกคนต้องจบ การศึกษาอย่างน้อยระดับชั้นประถมศึกษา 6 ปี มาตราที่ 93 ก าหนดเปูาหมายของประถมศึกษาว่าต้องสอนสิ่ง ที่จ าเป็นพื้นฐานของการเป็นประชาชนที่ประสบความส าเร็จ และมาตราที่ 94 ได้ก าหนดวัตถุประสงค์ของ ประถมศึกษาไว้ดังนี้ 1. สอนให้นักเรียนมีความเข้าใจและสามารถพูดภาษาประจ าชาติที่จ าเป็นต้องใช้ในชีวิตประจ าวันได้ ถูกต้อง 2. ปลูกฝ๎งจริยธรรม ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ และความสามารถที่จะร่วมมือและสร้างความสัมพันธ์ กับบุคคลอื่น หรือกับกลุ่มคนได้


22 3. พัฒนาความสามารถของนักเรียนในเรื่องการสังเกตอย่างมีเหตุผล และปฏิบัติตนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นใน ชีวิตประจ าวันได้ 4. พัฒนานักเรียนให้มีความสามารถที่จะพึ่งตนเองได้ โดยการสร้างทักษะพื้นฐานในการประกอบ อาชีพในอนาคต 5.ช่วยให้นักเรียนเข้าใจและจัดการความสัมพันธ์เชิงปริมาณที่จ าเป็นในชีวิตประจ าวัน 6. สร้างเสริมให้นักเรียนมีความซาบซึ้งในดนตรี ศิลปะ วรรณกรรม และอื่น ๆ 7. ปลูกฝ๎งสุขนิสัยในชีวิตประจ าวันแก่ผู้เรียน เปูาหมายระดับมัธยมศึกษา กฎหมายการศึกษามาตรา 101 ของกฎหมายการศึกษาได้ก าหนด วัตถุประสงค์ของการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นไว้ดังนี้ 1. สร้างเสริมความรู้และทักษะที่จ าเป็นส าหรับการเป็นสมาชิกที่มีความรับผิดชอบในสังคม ประชาธิปไตยให้แก่ผู้เรียน 2. อบรมสั่งสอนให้นักเรียนมีความรู้พื้นฐานและทักษะส าหรับการประกอบอาชีพ การเห็นคุณค่าของ งาน มีพฤติกรรมที่ดีและมีความสามารถที่จะเลือกอาชีพซึ่งเหมาะกับตนเอง 3. พัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์และการตัดสินใจอย่างมีความรับผิดชอบ 4. พัฒนาสุขภาพอนามัยของผู้เรียน มาตรา 104 ได้ก าหนดเปูาหมายของมัธยมศึกษาตอนปลายว่าเพื่อให้การศึกษาที่ลึกซึ้งในด้านวิชา สามัญและวิชาเชิงเทคนิค โดยมีวัตถุประสงค์ที่ก าหนดไว้ในมาตรา 105 ว่า 1. เพื่อขยายผลของการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 2. เพื่อพัฒนาความสามารถในการเข้าใจและการตัดสินใจอย่างมีเหตุผลเกี่ยวกับชาติและสังคม 3. เพื่อพัฒนานักเรียนให้มีสุขภาพอนามัยที่ดี และความสามารถในการวางแผนและจัดการชีวิตตนเอง ทั้งนี้ รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ออกกฎหมายสนับสนุนการศึกษาตลอดชีวิต 2ฉบับ ได้แก่ 1) กฎหมายส่งเสริมการศึกษาเบื้องต้น (Pre – School Education Promotion Law) ซึ่งเป็น การศึกษาส าหรับผู้ที่มีงานท า แต่ไม่มีโอกาสเข้ารับการศึกษาในระบบจึงได้รับการสนับสนุนให้จัดชั้นเรียนใน โรงงานขึ้น เป็นต้น 2) กฎหมายส่งเสริมการศึกษาเพื่อสังคม (The Social Education Promotion Law) กฎหมายได้ ก าหนดเกณฑ์ไว้เพื่อรองรับการจัดการศึกษานอกระบบในแต่ละระดับเพื่อเป็นหลักประกันว่าผู้ที่ส าเร็จ การศึกษานั้นเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถเทียบเท่ากับผู้ที่ส าเร็จการศึกษาในระบบโรงเรียนและอาจจะศึกษา ต่อในระดับสูงขึ้นไปในระบบโรงเรียนได้เพื่อสร้างโอกาสให้ประชาชนพัฒนาตนเองให้เต็มตามศักยภาพ (จิรประภา อัครบวร, 2559) การบริหารและการจัดการระบบการศึกษา การศึกษาของเกาหลีใต้ในทศวรรษ 1960 รัฐบาลพัฒนาการศึกษาควบคู่ไปกับการแผนพัฒนา เศรษฐกิจแห่งชาติ มุ่งเน้นพัฒนาการศึกษาในระดับประถมศึกษา และได้เริ่มวางรากฐานด้านเทคโนโลยีให้กับ


23 ประชาชน ในทศวรรษ 1970 รัฐบาลเน้นขยายอุตสาหกรรมหนักและเคมีภัณฑ์ จึงต้องการแรงงานที่ช านาญใน ด้านนี้ ดังนั้น การศึกษาในยุคนี้จึงเน้นพัฒนาการศึกษาระดับอาชีวศึกษา ในทศวรรษ 1980 เนื่องจากเศรษฐกิจ ที่อยู่ตัวจึงเน้นพัฒนาการศึกษาระดับสูง โดยการจัดตั้งคณะกรรมาธิการแห่งประธานาธิบดีเพื่อการปฏิรูป การศึกษา แต่ขาดงบประมาณและความร่วมมือ อีกทั้งป๎ญหาความวุ่นวายด้านการเมืองท าให้การศึกษาในยุคนี้ ไม่ประสบความส าเร็จในการปฏิรูป ในทศวรรษ 1990 เป็นยุคทองของการพัฒนาการศึกษาของเกาหลีใต้มีการ จัดตั้งคณะกรรมาธิการแห่งประธานาธิบดีขึ้นมาอีกครั้งได้ส าเร็จ โดยองค์กรนี้ได้เริ่มวางแผนการศึกษาแบบ Edutopia หรืออุตมรัฐการศึกษาเพื่อการศึกษาส าหรับศตวรรษที่ 21 ใน ค.ศ. 2001 – ป๎จจุบัน ระบบ การศึกษาของเกาหลีใต้พัฒนาเป็นการศึกษาแบบ Edutopia อีกทั้งผลการสอบวัดระดับต่าง ๆ ของนักเรียน เกาหลีใต้มีคะแนนเฉลี่ยสูง ท าให้เห็นถึงความส าเร็จในการพัฒนาการศึกษาของเกาหลีใต้ และจากการศึกษา ป๎จจัยที่ท าให้เกาหลีใต้ประสบความส าเร็จในการพัฒนาการศึกษา พบอยู่ 2 ป๎จจัย คือ ป๎จจัยภายใน ได้แก่ รัฐบาลและประชาชนของเกาหลีใต้ ส่วนป๎จจัยภายนอก ได้แก่ ลัทธิขงจื๊อที่ได้รับมาจากจีน และการที่เกาหลีตก อยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุุนเป็นเวลานา (ลภัสรดา ศิริมานิตย์, 2562) การบริหารและการจัดการระบบการศึกษาของประเทศเกาหลีใต้จะเน้นการพัฒนาผู้เรียนเริ่มตั้งแต่ ระดับประถมศึกษาจะเน้นการปลูกฝ๎งทักษะ การฝึกฝนเบื้องต้นที่จ าเป็นในการใช้ชีวิตประจ าวัน และการ เสริมสร้างลักษณะนิสัยในการใช้ชีวิตขั้นพื้นฐานของนักเรียน โดยเน้นการใช้ชีวิตที่ถูกต้อง การใช้ชีวิตอย่างชาญ ฉลาด การใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นจะเน้นการเรียนรู้และเสริมสร้างทักษะพื้นฐานที่ จ าเป็นในการใช้ชีวิตประจ าวันของนักเรียน ปลูกฝ๎งความเป็นตัวตนของตนเองในฐานะพลเมืองในระบอบ ประชาธิปไตยเน้นสิทธิและหน้าที่ของพลเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตย กล่าวคือเคารพศักดิ์ศรีและ เกียรติภูมิของมนุษย์ เคารพกฎหมายบ้านเมือง การตัดสินใจที่ชอบด้วยเหตุและผล เป็นต้นระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย เน้นการเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ไปสู่อนาคตที่เหมาะกับความถนัดและพรสวรรค์ของนักเรียน ตลอดจนเสริมสร้างความเป็นตัวตนของตนเองในฐานะประชาคมโลก นอกจากนี้ ประเทศเกาหลียังเป็นอีก ประเทศหนึ่งที่ได้ชื่อว่าพัฒนาคนด้วยการศึกษาอย่างจริงจัง เป็นระบบและต่อเนื่อง จนส่งผลให้เศรษฐกิจของ เกาหลีมีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด พร้อม ๆ กับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ท าให้เกาหลีเป็นหนึ่งในประเทศ ชั้นน าของโลกด้านเทคโนโลยีดิจิทัล โดยที่ผลการประเมินนานาชาติเกาหลีก็อยู่ในอันดับต้นๆ ของโลกทั้ง TIMSS และ PISA นวัตกรรมการบริหารและจัดการของสถานศึกษาที่ส าคัญ ๆ ของประเทศเกาหลี ได้แก่ 1. รูปแบบการบริหารและจัดการของสถานศึกษา ประเทศเกาหลี มีการกระจายอ านาจการจัด การศึกษาไปยังท้องถิ่น โดยจัดตั้งส านักงานการศึกษาท้องถิ่น โดยมีคณะกรรมการการศึกษาที่มีอ านาจ ตัดสินใจในเรื่องที่เกี่ยวกับการศึกษา ศิลปะ และวิทยาศาสตร์ ในแต่ละท้องถิ่น ในระดับสถานศึกษาแต่ละแห่ง มีคณะกรรมการสถานศึกษาซึ่งมีอ านาจอิสระระดับหนึ่งในการส่งเสริมครูหรือจัดการเรื่องการพัฒนาครู 2. การบริหารงานวิชาการ ประเทศเกาหลีมีนโยบายปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบเพื่อ “ปลูกฝ๎งคนเกาหลี ให้เป็นผู้น าในศตวรรษที่ 21” หลักสูตรฉบับที่ 7 ที่น ามาใช้กับผู้เรียนตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 และครบทุกระดับ ชั้นในปี 2004 มีความมุ่งหมายที่จะเตรียมผู้เรียนส าหรับยุคโลกาภิวัฒน์ในศตวรรษที่ 21 ซึ่งเป็นเศรษฐกิจ ฐานความรู้เน้นการพัฒนาป๎จเจกชนความคิดสร้างสรรค์ เรียนรู้วัฒนธรรมเกาหลีรวมทั้งวัฒนธรรมอื่น ๆ และ


24 มุ่งหวังที่จะส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้เป็นแรงขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศเกาหลีอย่างต่อเนื่องต่อไป ใน ปี 2013 ประเทศเกาหลีได้มีนวัตกรรมทางการศึกษา เน้นการส่งเสริมทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศใน สถานศึกษาทั่วประเทศ เนื่องจากเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทส าคัญในโลกของการท างาน จึงคาดการณ์ได้ว่า ในอนาคตอันใกล้นี้งานในภาคอุตสาหกรรมทุกประเภทจะถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยี มีผลให้คนที่จบการศึกษา แล้วไม่มีงานท า รัฐบาลเกาหลีจึงได้ออกนโยบายการศึกษาที่ส าคัญ 2 ประการคือ 1) The Free Semester Program (FSP) เน้นการพัฒนาทั้ง cognitive skills และ non-cognitive skills และ 2) The SMART Initiative เน้นการใช้ ICT ในห้องเรียนเพื่อพัฒนาผู้เรียนที่จะเป็นก าลังส าคัญในอนาคตให้สามารถรองรับ อุตสาหกรรมใหม่และสร้างเศรษฐกิจที่สร้างสรรค์ที่จะเกิดขึ้นจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 3. การบริหารงานบุคคล เกาหลีมีระบบ “การประเมินเพื่อพัฒนาศักยภาพครู” ซึ่งเริ่มน าสู่การปฏิบัติ ในปี 2010 ในระบบนี้ครูจะได้รับการประเมินผลงานโดยเพื่อนครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้เรียน และพ่อแม่ ผู้ปกครองของผู้เรียน ผลการประเมินจะน าไปสู่แผนการพัฒนาครูเป็นรายบุคคล ครูที่ได้คะแนนกลุ่มสูงจะได้รับ อนุญาตให้ลางานเพื่อท าวิจัยเป็นเวลา 1 ปี ครูที่คะแนนกลุ่มต่ าอาจจ าเป็นต้องเข้ารับการอบรมวิชาชีพครู เพิ่มเติม ประเทศเกาหลีมีระบบ “ครูต้นแบบ” (Master Teacher) ทั่วประเทศในปี 2012 ครูต้นแบบจะลด ชั่วโมงสอนลงและไปท าหน้าที่เป็นครูพี่เลี้ยง เป็นวิทยากรในการฝึกอบรมครู และออกแบบหลักสูตร ผู้ที่จะเป็น ครูต้นแบบได้ต้องได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูชั้นหนึ่ง มีประสบการณ์การสอนไม่น้อยกว่า 15 ปี และ ได้รับการเสนอชื่อจากโรงเรียน รวมทั้งต้องผ่านกระบวนการคัดเลือกและผ่านการฝึกอบรม และจะได้รับ งบอุดหนุนให้ท าวิจัยด้วย 4. การบริหารงบประมาณ ประเทศเกาหลีมีระบบการให้การสนับสนุนสถานศึกษาที่ผลงานต่ าชื่อ “โครงการสถานศึกษาเพื่อการปรับปรุง” (The School for Improvement) ซึ่งเริ่มในปี ค.ศ. 2010 จะให้ งบประมาณพิเศษแก่โรงเรียนมัธยมศึกษาที่มีผลสัมฤทธิ์ต่ าในการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาแห่งชาติ (the National Assessment of Educational Achievement – NAEA) ซึ่งเป็นการทดสอบที่วัดผลผู้เรียน ทุกคนในเกรด 9 และเกรด 11 การสนับสนุนเปูาหมายสถานศึกษาที่ชัดเจนเช่นนี้ได้ส่งผลให้ผู้เรียนที่ผลสัมฤทธิ์ ต่ ากว่าค่าเฉลี่ยมีจ านวนลดลงนับตั้งแต่มีการประเมินรอบแรกในปี 2008 ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2013 เป็นต้นมา หาก โรงเรียนประถมศึกษาและโรงเรียนมัธยมศึกษาใดมีสัดส่วนผู้เรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาต่ าเป็นจ านวน มากจะถูกจัดให้เข้าโครงการ “Do-Dream Schools” โดยสถานศึกษาแต่ละแห่งจะได้รับงบประมาณพิเศษ เพื่อให้ค าปรึกษาแก่พ่อแม่ผู้ปกครองและผู้เรียน รวมทั้งการสนับสนุนอื่นๆ ครูและผู้บริหารสถานศึกษาของ โรงเรียนเหล่านี้จะท างานร่วมกับผู้เรียนในการปรับปรุงผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการร่วมกัน 5. การบริหารงานทั่วไป ประเทศเกาหลีก็เช่นเดียวกับประเทศสิงคโปร์และประเทศญี่ปุุนที่มี ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ และได้น าระบบซอฟท์แวร์ส าหรับการบริหาร สถานศึกษามาใช้ ท าให้การบริหารงานทั่วไปมีประสิทธิภาพและอ านวยความสะดวกแก่การเรียนการสอนซึ่ง เป็นงานหลัก ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2012 ส านักงานการศึกษามหานครและจังหวัดได้รับมอบอ านาจและความเป็น อิสระในการประเมินสถานศึกษามากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มที่จะให้ท้องถิ่นมีอิสระในการควบคุมดูแล การจัดการศึกษาเอง สถานศึกษาที่มีผลสัมฤทธิ์สูงจะได้รับโบนัสเป็นรางวัล เน้นการช่วยเหลือให้ค าแนะน าแก่


25 สถานศึกษาเพื่อการปรับปรุงคุณภาพ และผลการประเมินสถานศึกษาจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ (ส านักงาน เลขาธิการสภาการศึกษา, 2564) โครงสร้างและระบบการจัดการศึกษา การศึกษาของเกาหลีใช้ระบบบันไดขั้นเดียว 6-3-3-4 หกปีในโรงเรียนประถม มัธยมต้นและมัธยม ปลายอย่างละสามปี และสี่ปีในมหาวิทยาลัย ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงการศึกษาได้อย่างเท่าเทียมกัน ตามความสามารถ โดยไม่ค านึงถึงสถานะทางสังคมหรือต าแหน่ง โรงเรียนประถมและมัธยมต้นเก้าปีเป็น ภาคบังคับ แต่ตั้งแต่มัธยมปลายเป็นต้นไป นักเรียนจะเลือกเส้นทางการศึกษาที่สอดคล้องกับอาชีพที่เลือก ดังภาพที่ 4 ภาพที่ 5 โครงสร้างการจัดการศึกษาประเทศเกาหลีใต้ สืบค้น 1 กุมภาพันธ์ 2566 จาก http://english.moe.go.kr/sub/infoRenewal.do?m=0301&page=0301&s=english การศึกษาปฐมวัย คือก้าวแรกในการแก้ป๎ญหาช่องว่างทางการเรียนรู้โปรแกรมการดูแลและพัฒนา เด็กมีให้บริการที่โรงเรียนอนุบาลส าหรับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป และศูนย์รับเลี้ยงเด็กส าหรับทารกและเด็กเล็ก ตาม กฎหมายที่เกี่ยวข้อง หน่วยงานทั้งสองนี้มีการด าเนินงานที่แตกต่างกัน อัตราการลงทะเบียนโดยรวมคือ 98.2%: เด็กอายุ 3 ปีคิดเป็น 98.2% เด็กอายุ 4 ปี 95.8% และเด็กอายุ 5 ปี 90.2% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของ ประเทศในกลุ่ม OECD มาก ด้วยความตระหนักของสาธารณชนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับบทบาทของการศึกษา


26 ปฐมวัย การลงทะเบียนเรียนระดับอนุบาลจึงเพิ่มขึ้นจาก 26.2% ในปี 2000 เป็น 48.9% ในปี 2021 เพื่อ รับประกันโอกาสทางการศึกษาที่เท่าเทียมกันตั้งแต่อายุยังน้อย รัฐบาลก าลังขยายความรับผิดชอบของรัฐใน การจัดการศึกษาปฐมวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักสูตรนูริที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลจะช่วยแบ่งเบาภาระ ผู้ปกครอง มอบโอกาสที่มากขึ้นในการศึกษาปฐมวัย หลักสูตรนี้เปิดตัวในปี 2555 ส าหรับเด็กอายุ 5 ขวบ จากนั้นขยายเป็นเด็กอายุ 3 และ 4 ปีในปี 2556 นโยบายของรัฐบาลในการเพิ่มความรับผิดชอบต่อส่วนรวม ส าหรับโรงเรียนอนุบาล ได้แก่ การปรับปรุงกฎหมายในโอกาสการเรียนรู้ส าหรับเด็ก การขยายบริการโรงเรียน อนุบาลของรัฐ การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง และระบบบัญชีใหม่ส าหรับการด าเนินงานโรงเรียน อนุบาลเอกชน การศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา จะรับประกันโอกาสทางการศึกษาที่เท่าเทียมกัน การศึกษาระดับประถมศึกษาภาคบังคับของเกาหลีเริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2493 และค่อย ๆ เพิ่มขึ้นในอีก 30 ปี ข้างหน้า เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 การศึกษาภาคบังคับของโรงเรียนมัธยมต้นได้รับการแนะน าและขยายไปใน ระดับภูมิภาค โดยเริ่มจากเมืองขนาดเล็กและขนาดกลางในพื้นที่ชนบท จากนั้นเป็นเมืองใหญ่ขึ้น และสุดท้าย คือกรุงโซล โดยมีการด าเนินการทั่วประเทศในปี พ.ศ. 2547 โรงเรียนส่วนใหญ่เป็นของรัฐและในระดับเดียวกัน ของการศึกษาตามหลักสูตรของชาติโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย นักเรียนที่จบการศึกษาระดับมัธยมต้นหรือผู้ที่ผ่านการ สอบวัดคุณสมบัติที่มีหน่วยกิตเทียบเท่าจะมีสิทธิ์เข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมสามปี โรงเรียนมัธยมจัดอยู่ใน ประเภทสายสามัญ สายอาชีพ โรงเรียนส าหรับนักเรียนที่มีพรสวรรค์ โรงเรียนมัธยมปลายเพื่อวัตถุประสงค์ พิเศษ (ส าหรับวิทยาศาสตร์ ศิลปะ พลศึกษา ฯลฯ) และโรงเรียนมัธยมในก ากับของรัฐที่มีอิสระในการบริหาร โรงเรียนและหลักสูตรมากกว่า นักเรียนมีอิสระที่จะเลือกโรงเรียนมัธยมที่สอดคล้องกับเปูาหมายในอาชีพของ พวกเขา แม้ว่าการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจะไม่ใช่ภาคบังคับ แต่ก็เกือบจะเป็นสากลด้วยอัตราการ ลงทะเบียนเรียนที่ 99.7% ดังนั้น รัฐบาลจึงจัดให้มีการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายฟรีในปี 2562 เพื่อ ลดภาระทางการเงินของผู้ปกครอง การศึกษาระดับอุดมศึกษาที่เน้นการเลี้ยงดูการศึกษาระดับอุดมศึกษาเปิดรับผู้ที่มีประกาศนียบัตร มัธยมศึกษาตอนปลายหรือวุฒิการศึกษาเทียบเท่าที่กฎหมายรับรอง การตัดสินใจรับเข้าศึกษาในวิทยาลัยจะ พิจารณาจากคะแนนการทดสอบความสามารถทางวิชาการของวิทยาลัยและป๎จจัยอื่นๆ เช่น ประวัติของ โรงเรียน มีวิทยาลัย วิทยาลัยระดับต้น วิทยาลัยการศึกษาส าหรับผู้สมัครเป็นครูโรงเรียนประถม และวิทยาลัย ออนไลน์ เป็นต้น เพราะความกระตือรือร้นด้านการศึกษา การลงทะเบียนเรียนในสถาบันอุดมศึกษาซึ่งอยู่ใน ระดับต่ ากว่า 10% ก่อนทศวรรษที่ 1980 จึงสูงถึง 67.8% ในปี 2019 ในปี 2019 จากสถาบันอุดมศึกษา 430 แห่ง 372 แห่งเป็นเอกชน คิดเป็น 86.5% ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 รัฐบาลได้ด าเนินโครงการทุนการศึกษาแห่งชาติ โดยมีเปูาหมายเพื่อช่วยเหลือทุกคนที่กระหายโอกาสและทางเลือกในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ตลอดจน การขยายหอพักและมาตรการต่างๆ เพื่อลดภาระด้านที่อยู่อาศัย ในฐานะที่เป็นจุดศูนย์กลางในการบ่มเพาะ บุคคลที่มีความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม วิทยาลัยต่างๆ ได้รับการสนับสนุนให้จัดหลักสูตรที่ออกแบบตาม ความต้องการของผู้บริโภคด้านการศึกษา


27 อาชีวศึกษาส่งเสริมเรื่อง “งานก่อน มหาลัยทีหลัง” อาชีวศึกษาในเกาหลีเริ่มต้นทางเทคนิคในระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย การศึกษาสายอาชีพส่วนใหญ่ด าเนินการในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายสายอาชีพ เฉพาะ ในขณะที่โรงเรียนมัธยม Meister เปิดสอนหลักสูตรตามความต้องการของภาคอุตสาหกรรม เช่นเดียวกับโรงเรียนมัธยมทั่วไปหลายแห่งที่มีหลักสูตรอาชีวศึกษาเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตร เผยให้เห็นว่ามี โรงเรียนมัธยมสายอาชีพ 576 แห่งในเกาหลี คิดเป็น 24.3% ของโรงเรียนมัธยมทั้งหมด โดยมี 18.5% ของ นักเรียนมัธยมปลายลงทะเบียนเรียน ระบบสนับสนุนการจ้างงานของรัฐบาลเชื่อมโยงรัฐบาลกลาง ส านักงานการศึกษาท้องถิ่น และ โรงเรียนในการช่วยเหลือนักศึกษาให้มีโอกาสในการท างานมากขึ้นหลังจากส าเร็จการศึกษา ศูนย์สนับสนุนการ จ้างงานกลางที่จัดตั้งขึ้นใหม่มีหน้าที่ในการระบุบริษัทที่มีแนวโน้มในอนาคตที่ดีและแบ่งป๎นข้อมูลกับศูนย์ สนับสนุนการจ้างงานภายใต้ส านักงานการศึกษาในเขตเมืองและจังหวัด ความคิดริเริ่ม “หางานก่อน เข้า มหาวิทยาลัยทีหลัง” ล่าสุดช่วยให้นักเรียนได้งานท าตั้งแต่อายุยังน้อย และยังช่วยให้พวกเขาสามารถศึกษาต่อ ในระดับสูงได้ทุกเมื่อที่ต้องการหลังจากได้งานแล้ว เพื่อพัฒนาความสามารถของตนเอง การสนับสนุนอื่นๆ ได้แก่ การขยายหลักสูตรของวิทยาลัยส าหรับนักศึกษาที่ท างานและความช่วยเหลือด้านค่าเล่าเรียนเพื่อช่วยให้ พวกเขาบรรลุเปูาหมายในอาชีพ ความช่วยเหลือมากมายส าหรับการศึกษาพิเศษ โรงเรียนอนุบาลและโรงเรียนประถม มัธยมต้น และ มัธยมปลายเป็นข้อบังคับส าหรับผู้พิการ เด็กอายุต่ ากว่า 3 ปี และผู้ส าเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอน ปลายที่ต้องการเรียนหลักสูตรอาชีพ 1 ปี ซึ่งด าเนินการโดยสถาบันที่ก าหนดก็มีสิทธิ์ได้รับค่าเล่าเรียนฟรีเช่นกัน ผู้รับการศึกษาพิเศษไม่เพียงได้รับสิทธิ์ในหลักสูตรที่รวบรวมธรรมชาติของความพิการเท่านั้น แต่ยังได้รับ บริการที่เกี่ยวข้อง เช่น การให้ค าปรึกษา การรักษา อุปกรณ์เทคโนโลยีช่วยเหลือ ฯลฯ นับตั้งแต่มีการ ประกาศใช้พระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษาพิเศษ พ.ศ. 2521 รัฐบาลได้เพิ่มการศึกษาพิเศษ โรงเรียนรัฐบาล การประกาศใช้พระราชบัญญัติการศึกษาพิเศษส าหรับคนพิการ ฯลฯ ในปี 2550 น าไปสู่การขยายขอบเขตของ การศึกษาภาคบังคับฟรีและการสนับสนุน การอ านวยความสะดวกในการสร้างสถาบัน รับสมัครครูเพิ่มขึ้น และเสริมสร้างการรวมผู้พิการในการศึกษาและการฝึกอาชีพ ณ เดือนเมษายน 2021 จ านวนนักเรียนทั้งหมดที่ ถือว่ามีสิทธิ์ได้รับการศึกษาพิเศษและบริการต่างๆ คือ 98,154 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ผู้ที่เข้าเรียน ในโรงเรียนการศึกษาพิเศษและศูนย์สนับสนุนการศึกษาพิเศษ และผู้ที่ลงทะเบียนเรียนในโรงเรียนแบบดั้งเดิม (ห้องเรียนพิเศษหรือรวม) มีสัดส่วน 27.8% และ 72.2% ตามล าดับ การเข้าถึงการศึกษาตลอดชีวิตที่มากขึ้น การศึกษาตลอดชีวิตในเกาหลีประกอบด้วยกิจกรรม การศึกษาที่เป็นระบบใน 6 ด้าน ได้แก่ การเรียนเสริม การศึกษาอ่านออกเขียนได้ส าหรับผู้ใหญ่ อาชีวศึกษา ศิลปศาสตร์ วัฒนธรรม ศิลปศึกษา และการศึกษาการมีส่วนร่วมของพลเมือง เริ่มจากการเปิดสอบระดับ ปริญญาตรีส าหรับการศึกษาด้วยตนเองในปี พ.ศ. 2533 การสนับสนุนการศึกษาตลอดชีวิตของรัฐบาลแสดงให้ เห็นในระบบธนาคารสินเชื่อเพื่อการศึกษาและระบบการลงทะเบียนเรียนนอกเวลาในปี พ.ศ. 2538 บัญชีเพื่อ การเรียนรู้ตลอดชีวิต (ALL) ในปี พ.ศ. 2549 และ โครงการมหาวิทยาลัยแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต ในปี พ.ศ. 2551 นอกจากนี้ ยังได้เปิดสอนสถาบันการศึกษากึ่งระบบตลอดชีพและระบบการศึกษาออนไลน์นอกเหนือ


28 ข้อจ ากัดด้านเวลาและพื้นที่ส าหรับการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Ministry of Education, Education in Korea, 2020) ระบบการศึกษาของประเทศเกาหลีแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ 1. การศึกษาขั้นพื้นฐาน (Primary Education) การศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นการศึกษาภาคบังคับซึ่งตามกฎหมาย มี 3 ระดับ ประกอบด้วย ระดับ ประถมศึกษา (6–3–3) ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (6–3–3) และระดับมัธยมศึกษาศึกษาตอนปลาย (6–3–3) เพื่อให้เห็นภาพการจัดการศึกษาโดยรวมอย่างชัดเจนผู้เขียนจึงขอน าเสนอการจัดการศึกษาระดับอนุบาล (ส านักงานเลขาธิการสภาการศึกษากระทรวงศึกษาธิการ, 2561) การจัดการศึกษาก่อนปฐมวัย โรงเรียนอนุบาลเสนอโปรแกรมที่หลากหลาย ส าหรับเด็กอายุ 3-5 ปีและหลักสูตรครอบคลุมกิจกรรม ด้านร่างกาย สังคม การแสดงออก ภาษาศาสตร์ และการสืบเสาะหาความรู้ เวลาการเรียนการสอนมาตรฐาน คือสามชั่วโมงต่อวัน แต่ในความเป็นจริงแล้วโรงเรียนอนุบาลมักจะเปิดสอนเป็นเวลาสี่ชั่วโมงขึ้นไปทุกวัน180 วันต่อปี แม้ว่าการศึกษาปฐมวัยจะมีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980 แต่อัตราการเข้าเรียนยัง ต่ าอยู่ (45% ของเด็กอายุ 5 ขวบในปี 1997) เด็กวัยอนุบาลจ านวนมากก าลังเข้าเรียนในสถาบันเอกชนหรือ ศูนย์รับเลี้ยงเด็กหลายแห่งที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการสังคม การจัดการศึกษาปฐมวัย โรงเรียนอนุบาลได้รับการแนะน าในเกาหลีโดยชาวญี่ปุุนในปี พ.ศ. 2440 ซึ่งเป็นโรงเรียนอนุบาลปูซาน โรงเรียนอนุบาล Gyeongseong และโรงเรียนอนุบาล Ewha เปิดสอนในปี 1913 และ 1914 ตามล าดับ นับตั้งแต่โรงเรียนอนุบาลระดับประถมศึกษาในเครือเริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2519 เราได้ให้ความส าคัญกับการศึกษา ปฐมวัยของรัฐในระดับแนวหน้า ในปี 2564 มีโรงเรียนอนุบาลทั้งหมด 8,659 แห่ง โดยเป็นโรงเรียนอนุบาล ระดับประเทศ 3 แห่ง โรงเรียนอนุบาลสาธารณะ 5,058 แห่ง และโรงเรียนอนุบาลเอกชน 3,598 แห่ง ซึ่ง ให้บริการเด็ก 582,572 คนทั่วประเทศ อัตราการลงทะเบียนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (30.9% ในปี 2548 → 40.2% ในปี 2553 → 49.0% ในปี 2559 → 48.9% ในปี 2564) ตามพระราชบัญญัติการศึกษาปี 1949 รัฐบาลได้พัฒนานโยบายโรงเรียนอนุบาล หลังจากนั้นจึงมีการ ก าหนดรหัสมาตรฐานสิ่งอ านวยความสะดวกในโรงเรียนอนุบาล (พ.ศ. 2505) หลักสูตรอนุบาลแห่งชาติ (พ.ศ. 2512) และพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษาปฐมวัย (พ.ศ. 2525) พ.ศ. 2535 ได้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติ การศึกษาและพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษาปฐมวัยให้เด็กอายุ 3 ขวบเข้าเรียนในโรงเรียนอนุบาลได้ พระราชบัญญัติการศึกษาปฐมวัยประกาศใช้ในปี พ.ศ. 2547 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องในปี พ.ศ. 2548 หลักสูตรสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2512 หลักสูตรอนุบาลแห่งชาติได้รับการปฏิรูป 11 ครั้ง ในปี 2012 หลักสูตรมีชื่อใหม่ว่า “Nuri Curriculum” โดยก าหนดเปูาหมายไปที่เด็กอายุ 5 ปีในโรงเรียนอนุบาลและศูนย์ รับเลี้ยงเด็ก ในปี 2013 หลักสูตร Nuri ได้ขยายให้ครอบคลุมเด็กอายุ 3 ถึง 5 ปี หลักสูตร Nuri ครอบคลุม 5 หัวข้อหลัก ได้แก่ การออกก าลังกายและสุขภาพ การสื่อสาร ความสัมพันธ์ทางสังคม ประสบการณ์ศิลปะ และ


29 การส ารวจธรรมชาติ รุ่นปี 2019 เน้นความหลากหลายและความเป็นอิสระภายในหลักสูตรในสถานที่ โดยมี จุดประสงค์เพื่อช่วยให้เด็กเล็กส่งเสริมการเจริญเติบโตที่สมดุลส าหรับจิตใจและร่างกายผ่านการเล่น และสร้าง รากฐานของลักษณะนิสัยเชิงบวกและการเป็นพลเมืองประชาธิปไตย การใช้จ่ายสาธารณะ ด้วยการน าหลักสูตร Nuri ไปใช้ เนื่องจากมีการให้เงินอุดหนุนแก่ทุกครอบครัวที่ มีเด็กโดยไม่ค านึงถึงระดับรายได้ของครัวเรือน งบประมาณส าหรับเด็กปฐมวัยจึงเพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่ง ในปี 2559 งบประมาณส าหรับเด็กปฐมวัย ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาและหลักสูตรนูริ อยู่ที่ 4 ล้านล้านวอน การศึกษาฟรี มีการเสนอร่างกฎหมายให้การศึกษาปฐมวัยฟรีในปี 1995 และผ่านในปี 1998 ในปี 2012 พระราชบัญญัติการศึกษาปฐมวัยได้รับการแก้ไขและลดอายุจ ากัดส าหรับการศึกษาฟรีส าหรับเด็กที่อายุ 3 ขวบ ด้วยการบังคับใช้ครั้งแรกของ หลักสูตรนูรีปี 2555 รัฐบาลสนับสนุนค่าเล่าเรียนส าหรับเด็กวัย 5 ขวบ ทุกคน เนื่องจากหลักสูตรนูริขยายเป็นเด็กอายุ 3-4 ปีในปี 2556 เด็กอายุ 3-5 ปีจึงกลายเป็นผู้รับ นโยบาย ความพยายามเพื่อให้แน่ใจว่าการศึกษาปฐมวัยมีคุณภาพสูงไม่เพียงน าไปสู่การเพิ่มการ ลงทะเบียนเรียนและงบประมาณที่สูงขึ้นเท่านั้น แต่ยังน าไปสู่การเปิดตัวโรงเรียนอนุบาลเต็มวันด้วย เพื่อความ เสมอภาคในการศึกษาปฐมวัย หลักสูตรนูริเริ่มด าเนินการกับเด็กอายุ 5 ปีในปี 2555 และในกลุ่มเด็กอายุ 3-4 ปีในปี 2556 ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเด็กอนุบาลและเด็กอนุบาล หลักสูตรนูริเอื้อต่อสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการ เรียนรู้ตั้งแต่เนิ่นๆ เราพยายามลดช่องว่างการบริการระหว่างโรงเรียนอนุบาลและศูนย์รับเลี้ยงเด็ก และส่งเสริม โปรแกรมแบบบูรณาการ ซึ่งจะท าให้ผู้ปกครองพึงพอใจในระดับที่สูงขึ้น (Ministry of Education, english.moe.go.kr, 2566) การจัดการศึกษาระดับประถมศึกษา (Primary School) การจัดการศึกษาในระดับนี้เป็นการจัดการศึกษาภาคบังคับส าหรับเด็กทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 6 ขวบขึ้น ไป ที่รัฐบาลเกาหลีใต้จัดให้เปล่า ข้อมูลจากการศึกษาพบว่า ประเทศเกาหลีใต้ประสบความส าเร็จในการจัด การศึกษาระดับนี้สูงมากตั้งแต่ปีพ.ศ. 2503 เป็นต้นมา เด็กในระดับประถมศึกษาเข้าเรียนทุกคน ในปีพ.ศ. 2540 รัฐบาลจัดการศึกษาแบบให้เปล่าส าหรับเด็กที่มีอายุ 5 ขวบขึ้นไป ทั้งนี้ เพื่อให้เด็กเหล่านี้สามารถเรียน ในระดับประถมศึกษาได้ หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ก าหนดเนื้อหาไว้ในหลักสูตรรวมทั้งการบ่มเพาะ คุณธรรม จริยธรรมที่ค่อยเป็นค่อยไปและเหมาะสมกับนักเรียนในแต่ละระดับชั้นที่ โรงเรียนจะต้องบูรณาการ ปลูกฝ๎งสิ่งเหล่านี้เข้าไปในตัวเด็กทุกรายด้วย ได้แก่ ระดับอนุบาล – ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ในระดับนี้จะเน้นใน เรื่องเกี่ยวกับความเป็นระเบียบวินัยในสังคม กฎจราจรและจิตส านึกของการอยู่ร่วมกันในสังคม ชั้น ประถมศึกษาปีที่ 4 – ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ในระดับนี้จะเน้นถึงสิทธิและหน้าที่ของพลเมืองเกาหลีใต้และ ศักดิ์ศรี เกียรติภูมิของมนุษย์การเคารพกฎหมายบ้านเมือง รวมทั้งการตัดสินใจที่ชอบด้วยเหตุผล ดังนั้น การศึกษาระดับประถมศึกษาเป็นบริการฟรีและเป็นภาคบังคับ เมื่ออายุ 6 ขวบ เด็กจะได้รับแจ้งจากหน่วยงาน ที่อยู่อาศัยว่าควรสมัครเรียน ตรงกันข้ามกับอัตราการลงทะเบียนที่ต่ าเมื่อก่อตั้งประเทศ อัตราป๎จจุบันคือเกือบ 100% เมื่อเด็ก ๆ เข้าเรียนในโรงเรียนประถม พวกเขาจะเข้าเรียนในชั้นถัดไปโดยอัตโนมัติในแต่ละปี การศึกษาระดับประถมศึกษาเป็นเวลาหกปี(ส านักงานเลขาธิการสภาการศึกษากระทรวงศึกษาธิการ, 2561)


30 การจัดการศึกษาระดับมัธยมศึกษาและอาชีวศึกษา ในประเทศเกาหลีใต้ หลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายทั้งหมดมีระยะเวลาสามปี บุคคลที่ส าเร็จ การศึกษาระดับมัธยมต้นหรือผ่านการสอบคัดเลือกและ/หรือการประเมินที่ได้รับหน่วยกิตเทียบเท่าสามารถ ลงทะเบียนเรียนในโรงเรียนมัธยมปลายได้ โรงเรียนมัธยมแบ่งออกเป็นโรงเรียนปกติวัตถุประสงค์พิเศษ อาชีวะ และโรงเรียนในก ากับของรัฐ วิธีการรับสมัครจะแตกต่างกันไปตามประเภทและ/หรือสถานที่ตั้ง (เขต ปริมณฑลหรือต่างจังหวัด) ของโรงเรียน ป๎จจุบันการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายไม่ได้บังคับ นักเรียนจึง ต้องจ่ายค่าแรกเข้าและค่าเล่าเรียน อย่างไรก็ตาม ในปี 2019 รัฐบาลได้เปิดการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอน ปลายโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวมากขึ้น ค่าใช้จ่ายในการเข้าเรียนจะลดลง ภารกิจของโรงเรียนมัธยมคือการช่วยให้คนหนุ่มสาวที่ประสบความส าเร็จในระดับมัธยมต้นกลายเป็น พลเมืองประชาธิปไตยที่สามารถสื่อสารกับโลกและก าหนดเปูาหมายอาชีพของพวกเขาหลังจากเข้าใจความ ถนัดของพวกเขา มุ่งเปูาไปที่การเสริมเปูาหมายการเรียนรู้ที่จ าเป็นและส่งเสริมให้พวกเขาท าดีที่สุดด้วยแผน อาชีพ หลักสูตรการศึกษาประกอบด้วยสี่สาขาวิชา: พื้นฐาน การส ารวจ พลศึกษาและศิลปะ ชีวิตและ วัฒนธรรม แม้ว่านักเรียนจะสามารถเลือกชั้นเรียนได้หลากหลายตามความสนใจ แต่นักเรียนจะต้องปฏิบัติตาม ข้อก าหนดของหน่วย นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรมาตรฐานและขั้นสูง หลักสูตรมาตรฐานครอบคลุมวิชาหลักที่ นักเรียนทุกคนควรเรียนให้จบ เพื่อให้พวกเขามีทักษะพื้นฐานทางวิชาการ โรงเรียนมัธยมปกติเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบการศึกษาทั่วไปในหลากหลายสาขาวิชาที่เป็นส่วนส าคัญ ของโรงเรียนมัธยมทั้งหมด พวกเขาพิจารณาผลการเรียนและคะแนนสอบในการรับสมัคร ในโรงเรียน มัธยมศึกษาตอนปลายที่มีจุดประสงค์พิเศษ โมดูลเฉพาะขั้นสูงจะถูกน าไปใช้กับผู้ที่มีความสามารถพิเศษใน สาขาวิชาต่างๆ โรงเรียนมัธยมปลายที่มีวัตถุประสงค์พิเศษแบ่งออกเป็นโรงเรียนมัธยมปลายวิทยาศาสตร์, โรงเรียนมัธยมภาษาต่างประเทศ, โรงเรียนมัธยมนานาชาติ, โรงเรียนมัธยมศิลปะ, โรงเรียนมัธยมพลศึกษา, และโรงเรียนมัธยมอุตสาหกรรมที่ก าหนดเอง การคัดกรองการรับสมัครขึ้นอยู่กับใบรับรองผลการเรียน จดหมายแนะน าตัวจากครู การสัมภาษณ์ รายงานผลการปฏิบัติงาน และการประเมินการเรียนรู้ด้วยตนเอง โรงเรียนอาชีวศึกษาผลิตมืออาชีพที่มีความคิดสร้างสรรค์และชาญฉลาดผ่านการสอนและการฝึก ปฏิบัติจริงเพื่อพัฒนาความถนัด นอกเหนือจากวิชาหลักภาษาเกาหลี ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และสังคม ศึกษาแล้ว โรงเรียนมัธยมสายอาชีพยังใช้โปรแกรมเชิงปฏิบัติตามลักษณะเฉพาะ เช่น การผลิต เกษตรกรรม/ อุตสาหกรรมการด ารงชีวิต อุตสาหกรรม การพาณิชย์และสารสนเทศ การประมง/วิทยาศาสตร์ทางทะเล คห กรรมศาสตร์/ธุรกิจ คุณสมบัติการรับสมัครมักจะพิจารณาจากเกรด การสัมภาษณ์ และการแสดง ในระดับที่กว้างขึ้น โรงเรียนมัธยมในก ากับของรัฐมีหลักสูตรคล้ายกับโรงเรียนมัธยมทั่วไป แต่มี หลักสูตรที่หลากหลายในขณะที่รักษาสมดุลระหว่างความเป็นอิสระและความรับผิดชอบ โรงเรียนมัธยมของรัฐ ในก ากับของรัฐจะเลือกนักเรียนโดยใช้ลอตเตอรีคอมพิวเตอร์แบบสุ่มในกลุ่มแอปพลิเคชัน ในทางกลับกัน โรงเรียนมัธยมเอกชนในก ากับของรัฐใช้การทบทวนแบบองค์รวมที่ค านึงถึงเกรดเฉลี่ยของผู้สมัครแต่ละคน ค าแนะน าของครู การประเมินการเรียนรู้ด้วยตนเอง และการสัมภาษณ์ สูงขึ้น (Ministry of Education, english.moe.go.kr, 2566)


31 2. การจัดการศึกษาอุดมศึกษา (Higher Education) ระบบการศึกษาของเกาหลีใต้ในระดับอุดมศึกษาได้แบ่งออกเป็นหลายประเภท อาทิ วิทยาลัยและ มหาวิทยาลัย (Colleges and Universities) หลักสูตร4 ปี รวมทั้งมหาวิทยาลัยเปิด (Open University) มหาวิทยาลัยด้านอุตสาหกรรม (Industrial Universities) มหาวิทยาลัยด้านการศึกษา (Universities of Education) วิทยาลัยครู(Teachers’ College) และวิทยาลัยวิชาการศึกษาทั้งวิทยาลัยเทคนิค (Technical Colleges) หรือวิทยาลัยอาชีวศึกษา (Vocational Colleges) มหาวิทยาลัยเหล่านี้จะรองรับนักเรียนใน ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายสายอาชีวศึกษาและสถาบันอื่นๆ (Miscellaneous Institutions) โดย นักศึกษาจะได้เรียนรู้ทั้งเนื้อหาด้านวิชาการ ภาคปฏิบัติและการปลูกฝ๎งคุณธรรม จริยธรรมในรูปของโครงการ ต่างๆ ควบคู่กันไปด้วยจนกระทั่งผู้เรียนส าเร็จการศึกษา วัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยคือเพื่อพัฒนาบุคลิกภาพของนักศึกษา สอนและวิจัย ทฤษฎีศาสตร์และศิลป์อันลึกซึ้งที่จ าเป็นต่อการพัฒนาประเทศและสังคมมนุษย์โดยรวม (มาตรา 28 ของ พระราชบัญญัติการอุดมศึกษา) การศึกษาระดับอุดมศึกษานั้นจัดให้แก่ผู้ส าเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอน ปลายหรือบุคคลที่มีความสามารถทางวิชาการเทียบเท่าที่ได้รับการอนุมัติโดยกฎหมายที่เกี่ยวข้องในเกาหลี และมอบปริญญาตรีหรือใบอนุญาตประกอบวิชาชีพให้กับผู้ที่ส าเร็จหลักสูตร ปีที่จ าเป็นส าหรับการส าเร็จ การศึกษาระดับมหาวิทยาลัยคือสองถึงสี่ปีส าหรับวิทยาลัยระดับต้นและสี่ปีส าหรับมหาวิทยาลัย แต่หลักสูตร เตรียมความพร้อมสองปีและรวมหกปีจึงเป็นสิ่งจ าเป็นส าหรับสาขาการแพทย์ การแพทย์แผนเอเชีย ทันต แพทยศาสตร์ สัตวแพทยศาสตร์ และ ร้านขายยา สถาบันอุดมศึกษาประกอบด้วยมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยสี่ปี วิทยาลัยเทคนิคและจูเนียร์สองหรือสาม ปี และบัณฑิตวิทยาลัย นอกจากมหาวิทยาลัยแบบครอบคลุมสี่ปีปกติแล้ว ยังมีมหาวิทยาลัยและวิทยาลัย ประเภทพิเศษที่ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการจัดตั้ง เช่น มหาวิทยาลัยแห่งการศึกษาที่มีการฝึกอบรมครูระดับ ประถมศึกษา วิทยาลัยอุตสาหกรรมเพื่อการศึกษาตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยไซเบอร์ที่อาศัยข้อมูลและการ สื่อสาร เทคโนโลยี, วิทยาลัยองค์กรที่ก่อตั้งโดยบริษัทต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของพนักงาน และ วิทยาลัยโพลีเทคนิคส าหรับฝึกอบรมทักษะที่เกี่ยวข้องกับงาน มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่มีบัณฑิตวิทยาลัยซึ่งเปิด สอนหลักสูตรปริญญาโทและปริญญาเอก มีบัณฑิตวิทยาลัยวิชาชีพในสาขากฎหมาย เภสัชศาสตร์ และ แพทยศาสตร์สูงขึ้น (Ministry of Education, english.moe.go.kr, 2566) 3. การศึกษาผู้ใหญ่และการศึกษาต่อเนื่อง (Adult and Continuing Education) การศึกษาผู้ใหญ่ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การศึกษานอกระบบ (Non – Formal Education) ซึ่ง ส่งเสริมประชาชนที่ไม่มีโอกาสเข้ารับการศึกษาในระบบให้มีความรู้ และทักษะในการท างานซึ่งนอกจากจะเป็น การขจัดการไม่รู้หนังสือแล้ว ยังช่วยเพิ่มทักษะการเรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต ประกอบกับ ยังได้บ่ม เพาะให้ประชาชนมีวินัยสูงอีกโสตหนึ่งเพื่อความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ (ส านักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ, 2561)


32 การจัดการศึกษาตลอดชีวิต แนวคิดและความส าคัญของการเรียนรู้ตลอดชีวิต มาตรา 31.5 ของรัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ประกาศว่ารัฐจะต้องส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิต ตามมาตรา 2 ของพระราชบัญญัติการศึกษาตลอดชีวิต ค าว่า “การศึกษาตลอดชีวิต” หมายถึงกิจกรรมการเรียนรู้ที่เป็นระบบทุกประเภทนอกเหนือจากหลักสูตรของ โรงเรียนปกติ ซึ่งรวมถึงการศึกษาเสริม การศึกษาส าหรับผู้ใหญ่ การศึกษาและการศึกษาการมีส่วนร่วมของ พลเมือง ในรายงานเรื่อง “มุมมองใหม่และอนาคตส าหรับการศึกษาในศตวรรษที่ 21” ในปี 1996 คณะกรรมการการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ของยูเนสโกเสนอว่าการเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นกุญแจส าคัญในการ เปลี่ยนแปลงศตวรรษที่ 21 โดยใส่ “การเรียนรู้เพื่ออยู่กับ” “การเรียนรู้เพื่อรู้” “การเรียนรู้ที่จะท า” และ “การเรียนรู้ที่จะเป็น” ที่เป็นหัวใจของการศึกษา ในการประชุมรัฐมนตรีศึกษาธิการ OECD ในปี 1996 ตกลงที่ จะพัฒนากลยุทธ์ส าหรับ “การเรียนรู้ตลอดชีวิตส าหรับทุกคน” การศึกษาผู้ใหญ่ซึ่งโดยทั่วไปเรียกว่าการศึกษา ซ้ าได้ขยายไปสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิตและกลายเป็นเรื่องเร่งด่วนหรือล าดับความส าคัญในระดับชาติ ในปี พ.ศ. 2558 สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้รับรองวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน พ.ศ. 2573 โดยมี เปูาหมาย 17 ประการที่ประเทศและประชาคมระหว่างประเทศจะบรรลุเปูาหมายจนถึงปี พ.ศ. 2573 ความ ทะเยอทะยานด้านการศึกษารวมอยู่ในเปูาหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ 4 ซึ่งมีเปูาหมายเพื่อ “รับประกันคุณภาพ ที่ครอบคลุมและเท่าเทียมกัน การศึกษาและส่งเสริมโอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิตส าหรับทุกคน”ภายหลังการ ปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 จ านวนประชากรวัยเรียนที่ลดลงและจ านวนผู้ใหญ่ที่เพิ่มขึ้นท าให้เราสามารถ สะท้อนถึงความส าคัญของการเรียนรู้ตลอดชีวิตได้ โดยในปี 2568 คาดว่าผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไปจะมีจ านวนมาก ขึ้น กว่า 80% ของประชากรเกาหลี ภายใต้สถานการณ์นี้ การเรียนรู้ตลอดชีวิตถือเป็นโดเมนหลักของนโยบาย ระดับชาติ นโยบายต่างๆ ทุ่มเทให้กับการบ่มเพาะขีดความสามารถของทรัพยากรมนุษย์ การแก้ป๎ญหาการแบ่ง ขั้วทางสังคม ซึ่งเกิดจากรายได้ ความรู้ เทคโนโลยี ภูมิภาค และภูมิหลังทางวิชาการ ท าให้ชุมชนท้องถิ่นมี ชีวิตชีวา และปลูกฝ๎งความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย วิสัยทัศน์ของกระทรวงศึกษาธิการเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต วิสัยทัศน์คือการก้าวไปสู่สังคมแห่งการ เรียนรู้ตลอดชีวิตส าหรับทุกคน ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนพัฒนาความสามารถของตนเองต่อไปแม้จะอยู่ นอกระบบการศึกษาในระบบก็ตาม ด้วยความหวังว่ารายได้ ภูมิภาค และความเหลื่อมล้ าทางการศึกษาอาจไม่ ส่งผลเสียต่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต เราจึงรวบรวมแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ ดังนั้นทุกคนจะสามารถเข้าถึง โอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิตได้อย่างง่ายดาย เราไม่เพียงแต่ท างานเพื่อระบบนิเวศการเรียนรู้ตลอดชีวิตที่ปรับ ให้เหมาะกับลักษณะเฉพาะของท้องถิ่นร่วมกับเทศบาลและวิทยาลัยเท่านั้น แต่เรายังสร้างเนื้อหาที่หลากหลาย ตั้งแต่เทคโนโลยีใหม่ไปจนถึงศิลปศาสตร์ส าหรับการเรียนรู้ตามรุ่นหรือวงจรชีวิตสูงขึ้น (Ministry of Education, english.moe.go.kr, 2566) การศึกษาพิเศษ ด้วยมุมมองที่จะตอบสนองความต้องการด้านการเรียนการสอนที่ไม่เหมือนใครของนักเรียนที่มีความ พิการประเภทต่างๆ เราจึงให้บริการที่ออกแบบมาอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนการให้ค าปรึกษา เรื่อง


33 ครอบครัว การรักษา ผู้ช่วยดูแล อุปกรณ์เทคโนโลยีช่วยเหลือ อุปกรณ์การเรียนรู้ การเดินทาง และการเข้าถึง ข้อมูล ส าหรับเด็กที่พบว่ามีสิทธิ์ได้รับการศึกษาพิเศษ การศึกษาระดับก่อนประถมศึกษา ประถมศึกษา และ มัธยมศึกษาเป็นข้อบังคับ นอกจากนี้ เรายังมอบโปรแกรมฟรีค่าเล่าเรียนให้กับเด็กวัยเตาะแตะที่อายุน้อยกว่า 3 ปีและผู้ส าเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่ต้องการฝึกอาชีพ พระราชบัญญัติการศึกษาพิเศษส าหรับคนพิการ ฯลฯ ซึ่งตราขึ้นในปี 2551 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ บุคคลที่มีความต้องการพิเศษมีสภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบบูรณาการและแนวทางการศึกษาที่สอดคล้องกับ ลักษณะและระดับความพิการในแต่ละช่วงอายุของวงจรชีวิต ดังนั้น ที่พวกเขาจะสามารถใช้ศักยภาพของ ตนเองได้อย่างเต็มที่ในสังคม นอกจากนี้ยังชี้แจงบทบาทของหน่วยงานส่วนกลางและท้องถิ่นในการคัดเลือก และก าหนดต าแหน่งผู้รับการศึกษาพิเศษ โรงเรียนภาคบังคับ อนุบาลและประถม มัธยมต้นและมัธยมปลาย และโอกาสทางการศึกษาฟรีสูงขึ้น (Ministry of Education, english.moe.go.kr, 2566) โครงสร้างการบริหารจัดการสถานศึกษาของประเทศเกาหลี โครงสร้างการบริหารการศึกษาของประเทศเกาหลีประกอบด้วย ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วน ท้องถิ่น โดยกระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานที่ก าหนดทิศทางหลักสูตรแห่งชาติ การบริหารการศึกษาของ ประเทศเกาหลี (Organization of the Educational Administration) ประกอบด้วยหน่วยงานหลัก ดังนี้ 1. กระทรวงศึกษาธิการ (Ministry of Education) กระทรวงศึกษาธิการของประเทศเกาหลีมีหน้าที่ ในการก าหนดนโยบายการศึกษาในระดับชาติและดูแลให้มีการน าสู่การปฏิบัติในระดับท้องถิ่น โดยมีอุดมการณ์ ด้านการศึกษาว่า "Hongik Ingan," ซึ่งมุ่งหมายให้พลเมืองเกาหลีทุกคนพัฒนาเป็นพลเมืองในอุดมคติที่มี ความสามารถในการพึ่งพาตนเองเต็มศักยภาพ เพื่อมีส่วนช่วยในการพัฒนาประชาธิปไตยของชาติและ สวัสดิการของมนุษยชาติ กระทรวงศึกษาธิการวางแผนและประสานนโยบายการศึกษาจัดท านโย บายที่ ครอบคลุมการประถมศึกษา มัธยมศึกษาและอุดมศึกษา จัดพิมพ์และอนุมัติให้ใช้หนังสือเรียน สนับสนุน งบประมาณและการบริหารสถานศึกษาทุกระดับ รวมทั้งส านักงานการศึกษาท้องถิ่น ด าเนินการฝึกอบรมครู และรับผิดชอบการก ากับดูแลการศึกษาตลอดชีวิต และพัฒนานโยบายทรัพยากรมนุษย์ 2. ส านักงานการศึกษาท้องถิ่น (Local Education Offices) ระบบการศึกษาของประเทศเกาหลีอยู่ ภายใต้การก ากับดูแลโดยหน่วยงานกลาง คือกระทรวงศึกษาธิการ ประเทศเกาหลีเริ่มกระจายอ านาจการจัด การศึกษาสู่ท้องถิ่น โดยมีการตรากฎหมายว่าด้วยอ านาจการบริหารตนเองของท้องถิ่นในปี ค.ศ. 1991 ซึ่งท า ให้ท้องถิ่นมีอ านาจในการจัดการศึกษา โดยกระทรวงศึกษาธิการได้มอบอ านาจเรื่องการวางแผนงบประมาณ และอ านาจในการตัดสินใจทางการบริหารที่ส าคัญ ๆ ไปให้กับเจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่น และเพื่อให้สอดคล้องกับ สภาพความต้องการของท้องถิ่นแต่ละแห่งซึ่งแตกต่างกันจึงก าหนดให้มีการจัดตั้งส านักงานการศึกษาเขตพื้นที่ ที่แตกต่างจากการบริหารงานของท้องถิ่นทั่วไป ส านักงานการศึกษาเขตพื้นที่โดยคณะกรรมการการศึกษา (Board of Education) จะมีอ านาจตัดสินใจในเรื่องที่เกี่ยวกับการศึกษา ศิลปะ และวิทยาศาสตร์ ในแต่ละ ท้องถิ่น รัฐบาลท้องถิ่นประกอบด้วยสภาเทศบาลซึ่งเป็นองค์กรนิติบัญญัติ ผู้บริหารท้องถิ่น และมีศึกษาธิการ ท้องถิ่นซึ่งเป็นผู้แทนด้านการศึกษา ศิลปะ และวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลท้องถิ่นนั้นๆ ศึกษาธิการท้องถิ่นมีที่มา


34 จากการเลือกหลายรูปแบบ ทั้งการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดี การเลือกตั้งโดยคณะกรรมการการศึกษา และ การเลือกโดยทางอ้อมโดยคณะกรรมการเลือกตั้ง และในปี ค.ศ. 2007 ได้เริ่มมีการเลือกตั้งโดยตรงเป็นครั้งแรก จากประชาชนในท้องถิ่น คุณสมบัติของผู้สมัครเป็นศึกษาธิการท้องถิ่น ประกอบด้วย การไม่เป็นสมาชิกพรรค การเมืองใน 1 ปีที่ผ่านมา มีประสบการณ์ทางการศึกษาหรือการบริหารการศึกษามากกว่า 3 ปี ศึกษาธิการ ได้รับเลือกทุก ๆ 4 ปี โดยผ่านการเลือกตั้งของท้องถิ่น ข้อมูลในปี ค.ศ. 2016 ประเทศเกาหลีมีส านักงาน การศึกษาระดับมหานครและระดับจังหวัด (Metropolitan and Provincial Education Offices) รวม 17 แห่ง และส านักงานการศึกษาเขตพื้นที่ (District Education Offices) รวม 176 แห่ง คณะกรรมการ การศึกษาท้องถิ่นเป็นต าแหน่งที่มาจากการเลือกตั้ง ตามกฎหมายก าหนดว่า กว่า 50% ของคณะกรรมการ การศึกษาต้องมีประสบการณ์ทางการศึกษาอย่างน้อย 10 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2008 ได้มีการถ่ายโอนความเป็น อิสระในการบริหารให้กับส านักงานการศึกษาของมหานคร และจังหวัดรวม 17 แห่ง ส านักงานการศึกษา เหล่านี้บริหารจัดการงบประมาณของสถานศึกษาและตรวจเยี่ยมการจัดการศึกษาของสถานศึกษา โดย กระทรวงศึกษาธิการยังคงควบคุมกรอบนโยบาย เช่น หลักสูตรแห่งชาติ เป็นต้น กระทรวงสาธารณสุขร่วม รับผิดชอบเด็กอายุต่ ากว่า 5 ปีร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการด้วย นอกจากนี้ ในระดับกระทรวงยังมี “สภาที่ปรึกษาด้านนโยบายการศึกษา” (Educational Policy Advisory Councils) ซึ่งจะรวบรวมข้อมูลความคิดเห็นจากทั่วโลกเพื่อประกอบการตัดสินใจด้านนโยบาย การศึกษาของประเทศเกาหลี คณะกรรมการสภาชุดนี้มีหน้ารับผิดชอบ 3 เรื่องใหญ่ๆ คือ 1) ก าหนดนโยบาย พื้นฐานที่เกี่ยวกับการศึกษา 2) ปรับปรุงระบบการศึกษา และ 3) เป็นคณะกรรมการที่ปรึกษาให้กับรัฐมนตรีใน เรื่องที่เกี่ยวกับการศึกษา การทบทวนการปฏิรูปการศึกษาในประเด็นหลัก ๆ และรวบรวมความเห็นจากหน่วย นโยบายต่างๆ กรรมการสภาชุดนี้มาจากการแต่งตั้ง ส่วนใหญ่เป็นศึกษาธิการ อธิการบดีมหาวิทยาลัย บุคลากร จากหน่วยงานการศึกษา และผู้แทนจากองค์กรภาคเอกชน ซึ่งมีการศึกษาสูง ในปี ค.ศ. 2016 มีคณะกรรมการ จ านวน 102 คนในสภาชุดนี้ วาระการท าหน้าที่ 1 ปี แต่สามารถต่ออายุได้หลายปีติดต่อกัน สภาที่ปรึกษาอาจ จัดให้มีคณะอนุกรรมการสภาได้หลายชุด เช่น คณะกรรมการปฏิรูปสถานศึกษา คณะกรรมการการศึกษา ตลอดชีวิต คณะกรรมการปฏิรูประบบการเงินการศึกษาท้องถิ่น เป็นต้น นอกจากนี้ สภาที่ปรึกษานี้ยังท า หน้าที่เป็นผู้ประสานงานระหว่างกระทรวงกับหน่วยงานการศึกษาท้องถิ่นด้วย (ส านักงานเลขาธิการสภา การศึกษากระทรวงศึกษาธิการ, 2561) การผลิตและพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา ประเทศเกาหลีเป็นประเทศหนึ่งที่ได้ชื่อว่าพัฒนาคนด้วยการศึกษาอย่างจริงจังเป็นระบบ และ ต่อเนื่อง จนส่งผลให้เศรษฐกิจของเกาหลีมีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด พร้อม ๆ กับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่ท าให้เกาหลีเป็นหนึ่งในประเทศชั้นน าของโลกด้านเทคโนโลยีดิจิทัล โดยที่ผลการประเมินนานาชาติเกาหลีก็ อยู่ในอันดับต้น ๆ ของโลกทั้ง TIMSS และ PISA นวัตกรรมการบริหารและจัดการของสถานศึกษาที่ส าคัญ ๆ ของประเทศเกาหลี ได้แก่ รูปแบบการบริหารและจัดการของสถานศึกษา ประเทศเกาหลีมีการกระจายอ านาจ การจัดการศึกษาไปยังท้องถิ่น โดยจัดตั้งส านักงานการศึกษาท้องถิ่น (Local Education Offices) โดยมี


35 คณะกรรมการการศึกษา (Board of Education) ที่มีอ านาจตัดสินใจในเรื่องที่เกี่ยวกับการศึกษา ศิลปะ และ วิทยาศาสตร์ ในแต่ละท้องถิ่น ในระดับสถานศึกษาแต่ละแห่งมีคณะกรรมการสถานศึกษาซึ่งมีอ านาจอิสระ ระดับหนึ่งในการส่งเสริมครูหรือจัดการเรื่องการพัฒนาครู การบริหารงานบุคคลของเกาหลีจะมีระบบ “การประเมินเพื่อพัฒนาศักยภาพครู” (Teacher Competence Development Assessment) ซึ่งเริ่มน าสู่การปฏิบัติในปี 2010 ในระบบนี้ครูจะได้รับการ ประเมินผลงานโดยเพื่อนครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้เรียน และพ่อแม่ผู้ปกครองของผู้เรียน ผลการประเมิน จะน าไปสู่แผนการพัฒนาครูเป็นรายบุคคล ครูที่ได้คะแนนกลุ่มสูงจะได้รับอนุญาตให้ลางานเพื่อท าวิจัยเป็น เวลา 1 ปี ครูที่คะแนนกลุ่มต่ าอาจจ าเป็นต้องเข้ารับการอบรมวิชาชีพครูเพิ่มเติม ประเทศเกาหลีมีระบบ “ครูต้นแบบ” (Master Teacher) ทั่วประเทศในปี 2012 ครูต้นแบบจะลดชั่วโมงสอนลงและไปท าหน้าที่เป็น ครูพี่เลี้ยง เป็นวิทยากรในการฝึกอบรมครูและออกแบบหลักสูตร ผู้ที่จะเป็นครูต้นแบบได้ต้องได้รับใบอนุญาต ประกอบวิชาชีพครูชั้นหนึ่ง มีประสบการณ์การสอนไม่น้อยกว่า 15 ปี และได้รับการเสนอชื่อจากโรงเรียน รวมทั้งต้องผ่านกระบวนการคัดเลือกและผ่านการฝึกอบรม และจะได้รับงบอุดหนุนให้ท าวิจัยด้วย การพัฒนา บุคลากรครูคือกุญแจส าคัญของความส าเร็จ แม้ประเทศเกาหลีจะผลิตครูที่มีคุณภาพสูง ซึ่งส่งผลให้ผู้เรียนมี ผลสัมฤทธิ์สูงเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ แต่การปฏิรูปคุณภาพก็จ าเป็นต้องมีการเปลี่ยนบทบาทของครู และมีการฝึกอบรมครู รัฐบาลจึงก าหนดให้นโยบายเรื่องครูเป็นศูนย์กลางของการปฏิรูปการศึกษา และ สนับสนุนครูโดยการจัดตั้งระบบเพื่อพัฒนาศักยภาพในการสอนของครูให้ครูใช้ web-based platforms พัฒนาครู และสร้างชุมชนการเรียนรู้ (learning communities) เพื่อแบ่งป๎นแนวปฏิบัติที่ดี มีการจัดตั้ง SMART Education Experience Centers เพื่อให้ครูได้ ฝึกประสบการณ์จริง นอกจากนี้ ยังมีหลักสูตรส าหรับครูบรรจุใหม่เพื่อฝึกวิธีสอนแบบใหม่ในโครงการ SMART Education initiative และยังมีโครงการ Free Semester Program ที่กระทรวงศึกษาธิการจัดให้มีการฝึกอบรมครู ระหว่างปิดเทอมฤดูร้อนและฤดูหนาว ทั้งเรื่องการสอน การออกแบบห้องเรียน และการแบ่งป๎นแนวปฏิบัติที่ โดยการเป็น เครือข่ายและชุมชนการเรียนรู้ รวมทั้งเรื่องการออกแบบการสอนที่เป็นนวัตกรรม เพื่อพัฒนา ศักยภาพการสอนของครู นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาครู ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการการศึกษาท้องถิ่น และมีการ ประเมินครูโดยผู้บริหาร สถานศึกษารวมทั้งจัดให้มีเครือข่ายและชุมชนแห่งการเรียนรู้เพื่อแบ่งป๎นประสบการณ์ และแนวปฏิบัติที่ดีระหว่าง ครูโรงเรียนต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการประเมินโดยเพื่อนครู (Peer Review) ซึ่งพบว่ามีส่วนส าคัญในการช่วย ให้ครูปรับปรุงการเรียนการสอนให้ดีขึ้นและส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของผู้เรียนดีขึ้น จะเห็นได้ว่าเกาหลีใต้ได้มีนโยบายฟื้นฟูวิชาชีพครู โดยนโยบายนี้ถูกก าหนดขึ้นเพื่อปูองกัน สมองไหลและควบคุมคุณภาพของครูที่เฉื่อยชาให้กระตือรือร้นที่จะพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ เนื่องจาก สถาบันฝึกหัดครูของเกาหลีใต้ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทว่าขาดการควบคุมคุณภาพให้ได้มาตรฐานจึงส่งผลให้ สังคมมีความแครงใจในกระบวนการฝึกหัดครูในภาพรวม การขยายตัวในเชิงปริมาณเป็นสาเหตุให้บัณฑิตครูล้น ตลาดแรงงาน ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจึงแก้ไขป๎ญหาด้วยการเพิ่มงบประมาณและบ่มเพาะความภาคภูมิใจในความ เป็นครู(ส านักงานเลขาธิการสภาการศึกษากระทรวงศึกษาธิการ, 2561) การสร้างครูของเกาหลีใต้จะเน้นให้ คุณค่าและความส าคัญของการศึกษาที่ยกย่องให้การศึกษาเป็นพื้นฐานของทุกอย่างรวมทั้งของชีวิตด้วย เพราะ


36 ครูคือป๎จจัยความส าเร็จของเกาหลีใต้ ครูเกาหลีใต้ถูกคัดเลือกมาจากคนที่เก่งที่สุด กว่าจะผ่านเข้าไปเป็น นักเรียนครูได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนักเรียนที่มีคะแนนสูง 5% บนเท่านั้นที่มีสิทธิเข้าศึกษาในสถาบันผลิตครู หากเปรียบเทียบกับไทย ระบบโรงเรียนของเกาหลีใต้ก็มีส่วนที่คล้ายคลึงกับระบบโรงเรียนของไทยอยู่บ้าง พอสมควร เช่น ขนาดชั้นเรียน อัตราส่วนครูต่อนักเรียน และความนิยมในการเรียนพิเศษหลังเวลาเรียนที่ โรงเรียนเหมือน ๆ กัน การที่รัฐไม่เอาจริงเอาจังกับการที่จะพัฒนาครูที่เป็นบุคคลส าคัญของประเทศ ท าให้น้อย คนที่สนใจจะประกอบอาชีพครู คนที่เก่งก็หนีไปเรียนสาขาอื่น ซึ่งแน่นอนว่าเงินเดือนที่ได้รับสูงกว่าอาชีพครู หลายเท่าตัว คนที่เลือกเรียนในคณะศึกษาศาสตร์หรือครุศาสตร์กลับเป็นผู้ที่ไม่ใช่พวกหัวกะทิ หรือเป็นพวกที่ ไม่รู้จะเรียนอะไรแล้วจึงมาเรียนในสาขานี้ เมื่อเปรียบเทียบกับเกาหลีใต้กลับตรงกันข้ามกับประเทศไทยโดย สิ้นเชิง เพราะเกาหลีใต้มีแรงจูงใจให้คนที่เรียนทางด้านการศึกษา หันมาประกอบวิชาชีพครูด้วยการเพิ่ม เงินเดือนให้สูงขึ้น มีสถานภาพทางสังคมที่สูง ยกให้เป็นปูชนียบุคคลที่สังคมยกย่องและให้เกียรติสูงสุด โดย รายได้ของครูอยู่ในอันดับต้น ๆ ซึ่งพอ ๆ กับอาชีพแพทย์และทนายความ และยังมีวันหยุดปิดเทอมท าให้มีเวลา พักผ่อนและมีเวลาค้นคว้างานวิจัย ท าให้คนเก่งอยากที่จะท างานเป็นครู (ณัฐฉน ฟูเต็มวงศ์, วีรวิชญ์ ปิยนนท ศิลป์, คมศิลป์ ประสงค์สุข, และ ศุภัครจิรา พรหมสุวิชา, 2563) ตารางที่ 1 การเปรียบเทียบระบบการศึกษาและการบริหารการศึกษาระหว่างสาธารณรัฐเกาหลีกับไทย ข้อเปรียบเทียบ ประเทศไทย ประเทศเกาหลี 1 . รั ฐมน ต รี ว่ าก า ร กระทรวงศึกษาธิการ ตรีนุช เทียนทอง ลี จู-โฮ 2. ระบบการศึกษา การศึกษาของไทยใช้ระบบ 6-3-3 6 ปี ระดับประถม 3 ปี ระดับ มัธยมต้น 3 ปี ระดับมัธยมปลาย การศึกษาของเกาหลีใช้ระบบ 6-3-3-4 6 ปี ระดับประถม 3 ปี ระดับมัธยมต้น 3 ปี ระดับมัธยมปลาย 4 ปี ระดับมหาวิทยาลัย 3. รูปแบบระบบการ จัดการศึกษา 1. การศึกษาในระบบ 2. การศึกษานอกระบบ 3. การศึกษาตามอัธยาศัย 1. การศึกษาขั้นพื้นฐาน 2. การศึกษาระดับอุดมศึกษา 3. การศึกษาผู้ใหญ่และการศึกษาต่อเนื่อง 4. หน่ วยง านที่ดูแล ด้านการศึกษา 1. กระทรวงศึกษาธิการ 2. กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม 1. กระทรวงศึกษาธิการ 2. ส านักการศึกษาท าหน้าที่ดูแลการศึกษาระดับ ประถมศึกษาและมัธยมศึกษา 3. สถาบันชั้นสูงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เกาหลีเป็นสถาบันอุดมศึกษาในเมืองแทจอน และ เ ป็ น ส ถ า บั น อุ ด ม ศึ ก ษ า เ ดี ย ว ที่ ดู แ ลโ ด ย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี KAIST ถือ ว่ามีชื่อเสียงที่สุด ได้รับการยกย่องให้เป็นมหาลัย เทคโนโลยีชั้นน าของโลก


37 ตารางที่ 1 (ต่อ) ข้อเปรียบเทียบ ประเทศไทย ประเทศเกาหลี 5. กฎหมายการศึกษา 1. พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ 2. พ.ร.บ.การศึกษาภาคบังคับ 3. พ.ร.บ.การจัดการศึกษาส าหรับคน พิการ พ.ศ.2551 1. พระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษาพิเศษ พ.ศ. 2521 2. พระราชบัญญัติการศึกษาพิเศษส าหรับคน พิการ ฯลฯ ในปี 2550 3. พระราชบัญญัติการศึกษาระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษา 6. งบประมาณ 1. งบประมาณรายจ่าย ปี 2565 ประมาณ 330,426,592,200 บาท ปี 2566 ประมาณ325,900,204,600 บาท 2. เงินนอกงบประมาณ ปี 2565 ประมาณ 714,315,200 บาท ปี 2566 ประมาณ 1,213,050,300 บาท เกาหลีจัดสรรงบประมาณปีละ 15-20% ของ งบประมาณทั้งหมดเพื่อการศึกษา ซึ่งสูงที่สุดใน กลุ่มประเทศองค์การเพื่อความร่วมมือทาง เศรษฐกิจและการพัฒนา (Organization for Economic Co-operation and Development : OECD) เทียบกับ GDP 7. แพลตฟอร์มการ เรียนรู้ตลอดชีวิตในยุค ดิจิทัล THAI-MOOC K-MOOC 8 . ม า ต ร ก า ร ท าง กฎหมาย มีการกระจายอ านาจทางการศึกษา บางส่วน คือการแยกอ านาจการ บริหารบุคคล ยังไม่แยกจากการ บริหารทั่วไป จึงถูกแทรกแซงทาง การเมืองทั้งระดับ ก.ค.ศ. และ อ. ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา มีการกระจายอ านาจการบริหารงานบุคคลออก จากการบริหารทั่วไป เพื่อประกันว่าการศึกษา จะไม่ถูกแทรกแซงทางการเมืองของเกาหลี ที่มา : เอกพล ดวงศรี และ ออมฮยอนจู, (2564), หยัด ขจรเกียรติผดุง, เพิ่ม หลวงแก้ว, และ ก าพล วันทา, (2563) จุดเด่นของการศึกษาประเทศสาธารณรัฐเกาหลี จุดเด่นของการศึกษาประเทศสาธารณรัฐเกาหลี จะต้องกล่าวถึงนวัตกรรมการบริหารสถานศึกษาใน ประเทศเกาหลีใต้ที่ท าให้การจัดการศึกษาประสบความส าเร็จตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา (ส านักงานเลขาธิการ สภาการศึกษากระทรวงศึกษาธิการ, 2561) ได้แก่


38 1. มีการกระจายอ านาจการบริหารจากกระทรวงศึกษาธิการให้กับคณะกรรมการการศึกษาท้องถิ่น และศึกษาธิการท้องถิ่นที่มีประสบการณ์ทางการศึกษาไม่น้อยกว่า 10 ปี ขณะเดียวกันก็ให้ความเป็นอิสระ (AUTONOMY) แก่สถานศึกษาในการจัดการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียนและชุมชน ซึ่งความเป็นอิสระนี้คือป๎จจัยความส าเร็จของการศึกษา 2. งบประมาณเพื่อการศึกษาร้อยละ 70 โอนให้ส านักงานการศึกษาท้องถิ่นเพื่อการบริหารจัดการ อย่างอิสระ 3. มีการพัฒนาครู ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการการศึกษาท้องถิ่น และมีการประเมินครูโดยผู้บริหาร สถานศึกษา รวมทั้งจัดให้มีเครือข่ายและชุมชนแห่งการเรียนรู้ (PLC) เพื่อแบ่งป๎นประสบการณ์และแนวปฏิบัติ ที่ดีระหว่างครูโรงเรียนต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการประเมินโดยเพื่อนครู (PEER REVIEW) มีส่วนส าคัญใน การช่วยให้ครูปรับปรุงการเรียนการสอนให้ดีขึ้นและส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนดีขึ้น 4. การประเมินสถานศึกษา โดยผู้ประเมินภายนอกภายใต้การก ากับดูแลของส านักงานการศึกษา ท้องถิ่น สถานศึกษาที่ผลสัมฤทธิ์สูงจะได้รับโบนัสพิเศษ ส่วนสถานศึกษาที่ผลสัมฤทธิ์ต่ าจะได้รับการสนับสนุน ช่วยเหลือให้ปรับปรุง 5. ในการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติหรือการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาแห่งชาติ (THE NATIONAL ASSESSMENT OF EDUCATIONAL ACHIEVEMENT – NAEA) หากโรงเรียนมัธยมศึกษาใดมี ผู้เรียนผลสัมฤทธิ์ต่ าเป็นจ านวนมากจะได้รับงบประมาณช่วยเหลือเพื่อการปรับปรุง โดยเป็นความร่วมมือกัน ระหว่างครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้เรียน และพ่อแม่ผู้ปกครอง ซึ่งส่งผลให้ผู้เรียนที่ผลสัมฤทธิ์ต่ ามีจ านวนลดลง 6. พ่อแม่ผู้ปกครองและสังคมมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการศึกษาของบุตรหลาน และร่วมมือในการ ท ากิจกรรมโครงการปฏิรูปการศึกษา 7. มีการจัดสอนหลักสูตรเข้มในวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ รวมทั้งสอนแบบ ACTIVE LEARNING มีการประเมินโดยเพื่อนครู ซึ่งส่งผลให้ประเทศเกาหลีมีคะแนนสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกทั้งใน การทดสอบ TIMSS โดย IEA และ PISA โดย OECD 8. เน้นการพัฒนาทักษะด้านพฤติกรรม (NON-COGNITIVE SKILLS) ควบคู่ไปกับการพัฒนาทักษะ ด้านความรู้ (COGNITIVE SKILLS) โดยเฉพาะความคิดสร้างสรรค์ (CREATIVITY) และการท างานร่วมกับผู้อื่น (COLLABORATION WITH OTHERS) เพื่อเตรียมคนรุ่นใหม่ที่จะเป็นก าลังคนในอนาคตให้มีความพร้อม ส าหรับการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 9. การน าเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการศึกษาเป็นนโยบายส าคัญของการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งเน้นการมี ส่วนร่วมของทุกฝุายที่เกี่ยวข้องในระดับสถานศึกษา นอกจากนี้ การที่ประเทศเกาหลีมีการน าเทคโนโลยีดิจิทัล เข้าไปใช้ในการเรียนการสอนของสถานศึกษา ท าให้มีความพร้อมส าหรับการสอนออนไลน์ในช่วงที่ต้องปิดเรียน อันเนื่องมาจากการระบาดของโรค COVID-19 10. การน าเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารสถานศึกษา เนื่องจากประเทศเกาหลีมีความก้าวหน้าทาง เทคโนโลยีอย่างมาก จึงมีการผลิตและพัฒนาโปรแกรมซอฟท์แวร์ส าหรับการบริหารสถานศึกษา (SCHOOL MANAGEMENT SOFTWARE) ซึ่งสามารถบูรณาการฐานข้อมูลต่าง ๆ ที่อ านวยความสะดวกให้ในการบริหาร


39 สถานศึกษาด้านต่าง ๆ มีความรวดเร็ว ประหยัดเวลาและงบประมาณ ลดงานเอกสารและงานด้านธุรการต่าง ๆ การท างานสะดวก รวดเร็ว โอกาสผิดพลาดน้อย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น จุดเด่นมหาวิทยาลัยเกาหลี มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล เป็นมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ มีวิทยาเขตหลักตั้งอยู่ในเขตควันอัก (Gwanak-gu) ทางตอนใต้ของกรุงโซล ป๎จจุบันมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซลเป็นผู้น าทางด้านการศึกษาและการ วิจัยของเกาหลีใต้โดยเป็น 1 ใน 3 มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดในเกาหลีใต้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกาหลีและ มหาวิทยาลัยย็อนเซ มหาวิทยาลัยโซลเป็นผู้น าทั้งทางด้านการศึกษาและการค้นคว้าวิจัย ได้รับการจัดอันดับว่า เป็นมหาวิทยาลัยที่มีนวัตกรรมมากที่สุดในโลก ภาพที่ 6 ตราสัญลักษณ์มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล สืบค้นเมื่อ 27 มกราคม 2566 จาก https://th.wikipedia.org/wiki/มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล มหาวิทยาลัยเกาหลี มหาวิทยาลัยเกาหลี เป็นมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ มีวิทยาเขตหลักตั้งอยู่ในเขตซอนบุก (Seonbukgu) ของกรุงโซล ป๎จจุบันมหาวิทยาลัยเกาหลีเป็นผู้น าทางด้านการศึกษาและการวิจัยของเกาหลีใต้ โดยเป็น 1 ใน 3 มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดในเกาหลีใต้ร่วมกับมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซลและมหาวิทยาลัยย็อนเซ และ สาขาที่โด่งดังที่สุดของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ คือ นิติศาสตร์ได้รับยกย่องว่าดีที่สุดในเกาหลี ภาพที่ 7 ตราสัญลักษณ์มหาวิทยาเกาหลี สืบค้นเมื่อ 27 มกราคม 2566 จาก https://shorturl.asia/oyNFJ


40 มหาวิทยาลัยย็อนเซ มหาวิทยาลัยย็อนเซ เป็นมหาวิทยาลัยวิจัยเอกชนในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้เป็นหนึ่งในสาม มหาวิทยาลัย SKY ของเกาหลีซึ่งเป็นกลุ่มมหาวิทยาลัยที่ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่ามีชื่อเสียงที่สุดใน ประเทศ มหาวิทยาลัยย็อนเซ ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1885 และเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในเกาหลีใต้ นักศึกษาประกอบด้วยนักศึกษาระดับปริญญาตรี 26,731 คนนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา 11,994 คนอาจารย์ 4,518 คนพนักงาน 6,788 คนและศิษย์เก่า 257,931 คน Yonsei ด าเนินการวิทยาเขตหลักในกรุงโซลและเปิด สอนหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีและปริญญาเอกเป็นภาษาเกาหลีและภาษาอังกฤษ และ มหาวิทยาลัยนี้จะมีชื่อเสียงการศึกษาด้านการแพทย์และการบริหารธุรกิจ ภาพที่ 8 ตราสัญลักษณ์มหาวิทยาลัยย็อนเซ สืบค้นเมื่อ 27 มกราคม 2566 จาก https://shorturl.asia/7i9gC วิเคราะห์บทความวิจัย บทความเรื่องที่ 1 การกระจายอ านาจทางการศึกษาจากนโยบายสู่การปฏิบัติ: กรณีศึกษา เปรียบเทียบสถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของประเทศไทยและเกาหลีใต้(สุรัสวดี หุ่นพยนต์, อ าพา แก้วก ากง, และ วทัญํู ใจบริสุทธิ์, 2560) ผู้วิจัย สุรัสวดี หุ่นพยนต์, อ าพา แก้วก ากง, และวทัญํู ใจบริสุทธิ์ วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาเปรียบเทียบการบริหารจัดการสถานศึกษาในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของไทยและ เกาหลีใต้ตามกรอบการบริหารจัดการศึกษาโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานใน 4 ด้าน คือ วิชาการ การบริหารงาน บุคคล งบประมาณ และการบริหารงานทั่วไป ระเบียบวิธีวิจัยและกลุ่มตัวอย่าง เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ คือศึกษาเอกสารและศึกษาภาคสนามร่วมกับการสัมภาษณ์ โดยใช้กลุ่ม ตัวอย่างแบบเจาะจงเป็นกรณีศึกษาโรงเรียนของประเทศไทยและเกาหลีใต้ 4 แห่ง ที่สังกัดองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นในเขตเมืองหลวงมหานครโซล กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา


41 กรอบแนวคิดและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง กรอบแนวคิดการบริหารจัดการศึกษา โดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (School Based ManagementSBM) ร่วมกับแนวทางการบริการจัดการศึกษา โดยใช้โรงเรียนเป็นฐานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (School Based Management for Local Development: SBMLD) แต่การกระจายอ านาจไม่ใช่จุดหมาย ปลายทางสุดท้ายของการจัดการศึกษา หากแต่เป็นเงื่อนไขที่จะช่วยให้การพัฒนาการศึกษามีประสิทธิภาพ ผลการศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของไทยและเกาหลีใต้มีจุดเด่นและอุปสรรคในการบริหารจัดการ สถานศึกษาที่แตกต่างกัน คือโรงเรียนของไทยยังขาดความเป็นอิสระในการบริหารจัดการศึกษา โดยเมื่อ เปรียบเทียบแล้วการบริหารจัดการด้านวิชาการของไทยมีความเป็นอิสระมากกว่าการบริหารด้านอื่นๆ ขณะที่ โรงเรียนของเกาหลีใต้ ได้รับการกระจายอ านาจการบริหารการศึกษาจากหน่วยงานต้นสังกัดค่อนข้างมาก สามารถบริหารจัดการด้านวิชาการ งบประมาณ บุคคล และการบริหารทั่วไปอย่างอิสระ โรงเรียนมีอิสระใน การเลือกเนื้อหาที่จะบรรจุในหลักสูตร การใช้เทคโนโลยีในการจัดการเรียนการสอนการตัดสินใจในการ บริหารงานบุคคลภายใต้คณะกรรมการบริหารจัดการสถานศึกษา วิเคราะห์การเปรียบเทียบสถานศึกษาสังกัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของประเทศไทยและเกาหลีใต้ทั้ง 4 ด้าน ดังตารางที่ 2-5 ตารางที่ 2 การบริหารจัดการด้านวิชาการ ประเทศไทย ประเทศเกาหลี 1. มีการบริหารหลักสูตรแกนกลาง และหลักสูตร ระดับท้องถิ่น โรงเรียนมีการพัฒนาสาระท้องถิ่นของ ตนเองหลากหลายแตกต่างกันแต่อยู่ภายใต้มาตรฐาน หลักสูตรแกนกลาง 1. มีการบริหารหลักสูตรแกนกลาง และหลักสูตร ระดับสถานศึกษา โรงเรียนสามารถพัฒนาหลักสูตร ขึ้นตามลักษณะและจุดประสงค์ของตนเองให้ สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคม 2. โรงเรียนมีอิสระในการน าหลักสูตรระดับท้องถิ่นไป ใช้และสามารถปรับปรุงหลักสูตรให้ทันสมัย 2. โรงเ รียนน าหลักสูตรไปใช้ให้สอดคล้องกับ สภาพแวดล้อมของพื้นที่ในอันที่จะลดภาระด้านการ เรียนของผู้เรียน 3. มุ่งเน้นการจัดการเรียนรู้ที่เสริมทักษะชีวิต นอกเหนือจ ากก า รเ รียนใน 8 กลุ่มส า ระ วิช า โดยเฉพาะการส่งเสริมทักษะชีวิตในความถนัดด้าน สายอาชีพ และด้านกีฬา 3. โรงเรียนจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 2 ประเภท คือ กิจกรรมทางเลือก และกิจกรรมการบูรณาการ โปรแกรมวิชาเลือกที่สอดคล้องหรือตอบสนองต่อ ความสนใจ เจตคติ และความต้องการที่หลากหลาย ของนักเรียน


42 ตารางที่ 3 การบริหารจัดการด้านบุคคล ประเทศไทย ประเทศเกาหลี 1. ส่วนกลางเป็นผู้ก าหนดมาตรฐานครูและบุคลากร และโรงเรียนด าเนินการภายใต้การก ากับของ คณะกรรมการบริหารงานบุคคลระดับท้องถิ่น 1. การก าหนดมาตรฐานครูและบุคคลากรมาจาก ม า ต ร ฐ า น ก ล าง แ ล ะ ข้ อ ก า ห น ด ข อง ค ณ ะ กรรมการบริหารจัดการของโรงเรียน SMC 2. โรงเรียนยังไม่มีบทบาทในการก าหนดอัตราก าลัง และมาตรฐานต าแหน่งครูและบุคลากรที่ตรงกับความ ต้องการของตนเอง 2. โรงเรียนมีข้อจ ากัดในการบริหารจัดการที่เกี่ยวข้อง กับบุคลากรบางด้านเช่น การบรรจุและการย้ายครู ยัง เป็นอ านาจหน้าที่ของส านักงานการศึกษาในระดับ มหานครและจังหวัด 3. สวัสดิการถูกก าหนดมาจากส่วนกลาง ต้นสังกัดมี แผนการให้เงินชดเชยแก่ผู้ท างานเมื่อเกษียณอายุ 3. โรงเรียนสามารถก าหนดสวัสดิการพิเศษ แผนการ ให้เงินชดเชยแก่ผู้ท างาน และแผนการให้ความ คุ้มครองในการท างานตลอดชีวิต ตารางที่ 4 การบริหารจัดการด้านงบประมาณ ประเทศไทย ประเทศเกาหลี 1. โรงเรียนได้รับการจัดสรรงบประมาณตามรายหัว ของนักเรียน 1. โรงเรียนมีอิสระจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เนื่องจากงบประมาณการจัดการศึกษาของท้องถิ่น แยกจากบัญชีทั่วไปขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อย่างสิ้นเชิง 2. โรงเรียนได้รับแหล่งเงินทุนและงบประมาณส่วน ใหญ่จากรัฐบาลกลาง ร้อยละ 60 จาก อปท. ร้อยละ 40 และมีแหล่งเงินทุนอื่นๆ ของแต่ละโรงเรียน 2. แหล่งเงินทุนและงบประมาณส่วนใหญ่มาจาก รัฐบาลกลาง ประมาณร้อยละ 75 ร้อยละ 25 มาจาก องค์กรส่วนท้องถิ่นของแต่ละเขตการปกครอง 3. การบริหารงบประมาณของโรงเรียนแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ รายรับ รายจ่าย และการเก็บรักษาเงิน 3. ระบบบัญชีโรงเรียน แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ รายได้กับ รายจ่าย ตารางที่ 5 การบริหารจัดการด้านการบริหารทั่วไป ประเทศไทย ประเทศเกาหลี 1. โรงเรียนมีบทบาทหน้าที่รายงานผลการบริหาร จัดการงานธุรการ การเงินและบัญชี การพัสดุ และ งานอาคารสถานที่ 1. โรงเรียนมีระบบและกระบวนการพิจารณาทบทวน ตนเอง (self-review) การด าเนินงานของโรงเรียน ได้รับการตรวจสอบจากชุมชน 2. คณะกรรมการสถานศึกษามีอ านาจและบทบาท น้อยในการก าหนดนโยบายเรื่องที่เกี่ยวกับกิจการของ 2. โรงเรียนมีอิสระค่อนข้างมากในการบริหารจัดการ ภายใต้ SMC เนื่องจากคณะกรรมการมีอ านาจสูงใน


43 โรงเรียน การบริหารและก าหนดนโยบายระเบียบ ข้อบังคับ 3. ผู้บริหารและครูมีบทบาทหลักในการบริหารจัดการ ศึกษาในสถานศึกษาเท่านั้น ขณะที่ผู้ปกครองและ ชุมชนเข้ามามีบทบาทน้อย 3. การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองอย่างจริงจังต่อการ จัดการศึกษา โดยเฉพาะบทบาทส าคัญในการก าหนด แนวทางการศึกษา การวิเคราะห์บทความ การศึกษาเปรียบเทียบความคล้ายคลึงและความแตกต่างของการบริหารจัดการสถานศึกษาใน 4 ด้าน ไว้อย่างละเอียดและชัดจน ซึ่งท าให้เห็นความแตกต่างของการจัดการศึกษาของไทยและเกาหลีใต้ได้อย่าง ชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น เกาหลีใต้ไม่เน้นการทดสอบเพราะว่าจะท าให้เด็กเกิดความเครียดในการเรียนรู้ แต่จะ เน้นการปฏิบัติลงมือท าจริงและเน้นให้เด็กได้มีความคิดสร้างสรรค์ ส่วนประเทศไทยเน้นการวัดผลอิงเกณฑ์ มาตรฐานที่ก าหนดโดยรัฐบาลมากกว่าการประเมินผลตามสภาพจริง บทความเรื่องที่ 2 การปฏิรูปการศึกษาเพื่ออนาคต : กรณีศึกษาของเกาหลีใต้(Jeong, 2020) ผู้วิจัย Euiryeong Jeong วัตถุประสงค์ 1. เพื่อจัดเตรียมเปูาหมายส าหรับกลยุทธ์ด้านการศึกษาเพื่อให้ได้รับความรู้ทางเศรษฐกิจเชิง สร้างสรรค์ 2. เพื่อน าเสนอกรอบการท างานส าหรับรูปแบบการศึกษาในอนาคต ระเบียบวิธีวิจัย เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ คือศึกษาเอกสาร วิเคราะห์นโยบาย วิเคราะห์กรณีศึกษา และวิเคราะห์ ข้อมูลทุติยภูมิจากแหล่งต่าง ๆ ผลการศึกษา การศึกษานี้ เป็นการตรวจสอบถึงการตอบสนองต่อการปฏิรูปการศึกษาเกาหลีใต้ ซึงส่วนใหญ่ เชื่อมโยงกับการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 เมื่อยุคใหม่เกิดขึ้น โลกจึงต้องหล่อเลี้ยงบุคคลที่สามารถใช้ เทคโนโลยีใหม่และที่เกิดขึ้นใหม่เพื่อเข้าถึงความสามารถ ทักษะ ความคิดสร้างสรรค์ ในระดับที่สูงขึ้นส าหรับ เศรษฐกิจฐานความรู้ไม่ว่าอนาคตจะพึ่งพาเทคโนโลยีมากเพียงใด คนที่มีความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม จะขับเคลื่อนเทคโนโลยีนั้นในท้ายที่สุด ดังนั้น ในระบบเศรษฐกิจฐานความรู้ใหม่นี้ไม่ควรเน้นที่เนื้อหา แต่เน้นที่ ความสามารถของนักเรียนในการเรียนรู้ของตนเอง เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ก าลังดิ้นรนเพื่อก าหนดวิธีการ ปรับการศึกษาใหม่เพื่อเตรียม แรงงานในอนาคตเพื่อน าไปสู่เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รัฐบาลได้


44 น านโยบายต่าง ๆ มากมาย รวมถึงโปรแกรมการศึกษาที่เป็นแบบอย่าง โครงการ ได้แก่ โครงการภาค การศึกษาฟรีและโครงการ SMART Education Initiative ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการส่งเสริมการ พัฒนาทักษะด้านความรู้ ความเข้าใจ การวิเคราะห์บทความ การปฏิรูปการศึกษาเพื่ออนาคต เป็นความกังวลของการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี โลกมีน า เทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจ ประเทศเกาหลีจึงต้องมีการปรับตัว มีบางอย่างจะต้องเน้นกิจกรรมที่ หลากหลาย ที่จะต้องใช้ทักษะทางสังคมเพื่อเตรียมความพร้อมส าหรับอนาคตส าหรับการจัดการป๎ญหาที่เกิด จากการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 โดยรัฐบาลได้เปิดตัวนโยบายหลัก 2 นโยบาย ได้แก่ โครงการเรียนฟรี (FSP) โครงการสร้าง SMART Education Initiative ประเทศเกาหลีใต้จึงต้องมีการเตรียมประชาชนเพื่อให้ ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จึงท าให้ผู้วิจัยได้เล็งเห็นความส าคัญของการปฏิรูปการศึกษาเพื่ออนาคต บทความเรื่องที่ 3 ป๎ญหากฎหมายเกี่ยวกับการกระจายอ านาจสู่สถานศึกษา (ขจัด ขจรเกียรติดุง, เพิ่ม หลวงแก้ว, และ ก าพล วันทา, 2563) ผู้วิจัย ขจัด ขจรเกียรติดุง เพิ่ม หลวงแก้ว ก าพล วันทา วัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาสภาพป๎ญหาแนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับป๎ญหากฎหมาย เกี่ยวกับการกระจาย อ านาจสู่สถานศึกษา 2. เพื่อศึกษามาตรการทางกฎหมายทั้งของต่างประเทศและประเทศไทย เกี่ยวกับป๎ญหากฎหมาย เกี่ยวกับการกระจายอ านาจสู่สถานศึกษา 3. เพื่อวิเคราะห์หาข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการพัฒนากฎหมาย เกี่ยวกับการกระจายอ านาจสู่ สถานศึกษา ระเบียบวิธีวิจัย ศึกษาแหล่งข้อมูลประเภทเอกสาร/หลักฐาน เกี่ยวกับกฎหมายการกระจายอ านาจสู่สถานศึกษา เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลที่เก็บรวบรวมข้อมูลโดย การวิเคราะห์เอกสารเกี่ยวกับป๎ญหาการกระจายอ านาจสู่สถานศึกษาประกอบกับการวิเคราะห์ข้อสรุปจากการ สอบถามและสัมภาษณ์ เพื่อน าไปสู่แนวทางแก้ไขป๎ญหาและพัฒนากฎหมายเกี่ยวกับการกระจายอ านาจ


Click to View FlipBook Version