The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดี <br>เรื่องอิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง โดยใช้กิจกรรมเกมเศรษฐี กับการสอนปกติ<br>ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 4 (เพาะชำ)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Gam Panisara, 2023-07-06 10:58:12

การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดี เรื่องอิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง โดยใช้กิจกรรมเกมเศรษฐี กับการสอนปกติ

การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดี <br>เรื่องอิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง โดยใช้กิจกรรมเกมเศรษฐี กับการสอนปกติ<br>ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 4 (เพาะชำ)

การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดี เรื่องอิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง โดยใช้กิจกรรมเกมเศรษฐีกับการสอนปกติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 4 (เพาะช า) นางสาวปาณิสรา เจียกโคกกรวด ภาคนิพนธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา หลักสูตรครุศาสตรบันฑิต สาขาวิชาภาษาไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา พ.ศ. 2565


การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดี เรื่องอิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง โดยใช้กิจกรรมเกมเศรษฐีกับการสอนปกติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 4 (เพาะช า) นางสาวปาณิสรา เจียกโคกกรวด ภาคนิพนธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา หลักสูตรครุศาสตรบันฑิต สาขาวิชาภาษาไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา พ.ศ. 2565


The Comparison of Mathayomsuksa IV Students of The fourth municipal school (Poah Chum)’ Achievement on Thai Literature of “Inao - The War of Ka mhang ku nhing” by using the Monopoly game with the Normal Teaching Miss Panisara Chiakkhokkruad A Term Paper in Partial Fulfillment of the Requirements for the Master of Education Degree in Thai language At Nakhon Ratchasima Rajabhat University September 2022


ใบอนุมัติงานวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนเทศบาล ๔ (เพาะช า) สังกัดกรมการปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดนครราชสีมา ชื่องานวิจัย การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดี เรื่องอิเหนา ตอนศึก กะหมังกุหนิง โดยใช้กิจกรรมเกมเศรษฐี กับการสอนปกติของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 4 (เพาะช า) ชื่อผู้ท าวิจัย นางสาวปาณิสรา เจียกโคกกรวด ที่ปรึกษางานวิจัย …………………………………………………….. (นางสาวมณฑา กองสูงเนิน) ครูพี่เลี้ยง …………………………………………………….. (นางกุหลาบ บุญบุรี) ครูนิเทศระดับชั้นมัธยมศึกษา


ชื่อภาคนิพนธ์ การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดี เรื่องอิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง โดยใช้กิจกรรมเกมเศรษฐี กับการสอนปกติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 4 (เพาะช า) ผู้ท าภาคนิพนธ์ นางสาวปาณิสรา เจียกโคกกรวด ครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาไทย ปี พ.ศ. 2565 อาจารย์ที่ปรึกษาภาคนิพนธ์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ปทุมวดี ล้ าเลิศ อาจารย์ที่ปรึกษาหลัก บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดี เรื่องอิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง โดยใช้กิจกรรมเกมเศรษฐี กับการสอนปกติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียน เทศบาล 4 (เพาะช า) และศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้ทั้งสองรูปแบบ ประจ า ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 ประชากรที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จ านวน 4 ห้องเรียน รวมนักเรียน ทั้งสิ้น 92 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกปีที่ 4 จ านวน 2 ห้อง คือ ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4/1 จ านวนนักเรียน 35 คน โดยได้มาจากการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง และสุ่มเลือก ห้องเรียนโดยการจับฉลาก จ านวน 1 ห้องเรียน คือชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/3 จ านวน 17 คน รวมทั้งสิ้นจ านวน 52 คน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มทดลอง หรือกลุ่มที่ใช้นวัตกรรม (experimental control) คือ นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 จ านวน 35 คน และกลุ่มควบคุม (control group) คือ นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4/3 จ านวน 17 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้วรรณคดีเรื่องอิเหนา ตอนศึกกะห มังกุหนิง โดยใช้กิจกรรมเกมเป็นฐาน จ านวน 4 แผน และโดยใช้รูปแบบปกติ จ านวน 4 แผน สื่อกระดานเกม เศรษฐีอิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง ระยะเวลาในการด าเนินการวิจัย คือ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จ านวน 16 ชั่วโมง เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อน – หลัง จากนั้น น ามาหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที ผลก า รศึกษ าพบ ว่ า 1) นักเ รียนที่ได้ รับก า รจัดก า รเ รียน รู้โดยใช้กิจก ร รมเกมเศ รษ ฐี มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีเรื่องอิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง สูงกว่านักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ โดยใช้รูปแบบปกติ โดยมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .01 2) นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรม เกมเศรษฐี มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีเรื่องอิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง หลังการทดลองสูงกว่าก่อน การทดลอง โดยมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ 3) นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบปกติ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีเรื่องอิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง หลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลอง โดยมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ค าส าคัญ: การจัดการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเกมเป็นฐาน เกมเศรษฐีการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบปกติ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน


Term Paper Title The Comparison of Mathayomsuksa IV Students of The fourth municipal school (Poah Chum)’ Achievement on Thai Literature of “Inao - The War of Ka mhang ku nhing” by using the Monopoly game with the Normal Teaching Author Miss Panisara Chiakkhokkruad B.Ed. Thai Year 2022 Term Paper Advisor Assistant Professor Dr. Patumvadee Lumlert Advisor Abstract The purpose of this research was to study and compare the achievement of Thai Literature learning in “Inao - The War of Ka mhang ku nhing” by using the Monopoly game with the Normal Teaching and study the learning achievement before and after both forms of learning management for the first semester of the academic year 2022 The population used in the research were students in Mathayom 4 in 4 classroom, totaling 92 students. The sample group used in this research were students in Mathayom 4/1 of 35 students, obtained by selecting a specific sample group and Mathayom 4/3 of 17 students obtained by randomly selected by drawing. Divided into two groups: the experimental group which is the students in Mathayom 4/1 and the control group which is the students in Mathayom 4/3. The research instrucments were 4 plans for learning “Inao - The War of Ka mhang ku nhing” using game based learning and 4 plans for learning using the normal format of 4 plans. Monopoly board game “Inao - The War of Ka mhang ku nhing”. The duration of the research is 16 hours in the first semester of the academic year 2022. Learning achievement test collected data, both of pre – post test, then taken to find the mean standard deviation and T-test. Results of this study revealed 1) Students managed to learn using Monopoly activities. There was an achievement in studying “Inao - The War of Ka mhang ku nhing”higher than the students who were managed to learn using the normal format, with a statistically significant level of .01. 2) Students who are managed to learn using Monopoly activities. There was an achievement in studying “Inao - The War of Ka mhang ku nhing” was higher than before the experiment, with a statistically significant level of .01 and 3) students who have been manage learning using normal patterns was an achievement in studying “Inao - The War of Ka mhang


ku nhing” after the experiment was higher than before the experiment, with a statistically significant level of .05. Keywords: Game Based Learning, Monopoly game, learning management using normal patterns, achievement


สารบัญ หน้า ใบอนุมัติงานวิจัยในชั้นเรียน................................................................................................. (1) บทคัดย่อภาษาไทย................................................................................................. .............. (3) บทคัดย่อภาษาอังกฤษ...................................................................................................... .... (4) กิตติกรรมประกาศ................................................................................................................ (5) สารบัญ............................................................................................................................. .... (6) สารบัญตาราง....................................................................................................................... (8) บทที่ 1 ความเป็นมาและความส าคัญของปัญหา....................................................................... 1 วัตถุประสงค์ของการวิจัย.......................................................................................... 4 สมมติฐานการวิจัย.................................................................................................... 4 ขอบเขตของการวิจัย................................................................................................. 5 กรอบแนวคิดในการวิจัย........................................................................................... 6 นิยามศัพท์เฉพาะ...................................................................................................... 6 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการวิจัย.................................................................... 6 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง.................................................................................... 7 เอกสารที่เกี่ยวของกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย................................................................................. 8 สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์................................. 8 สาระการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้วรรณคดีและวรรณกรรม............................ 9 ตัวชี้วัด................................................................................................................... 10 หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนเทศบาล ๔ (เพาะช า) พุทธศักราช ๒๕๖๕ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย................................................................................. 10 เป้าหมายของสถานศึกษา...................................................................................... 11 รายละเอียดค าอธิบายรายวิชาและโครงสร้างหน่วยการเรียนรู้ กลุ่มสาระ การเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4........................................................... 11 เอกสารที่เกี่ยวข้องกับวรรณคดี................................................................................. 27 ความหมายของวรรณคดี....................................................................................... 27 ความส าคัญและคุณค่าของวรรณคดี...................................................................... 28 ประเภทของวรรณคดี............................................................................................ 29 องค์ประกอบของวรรณคดี..................................................................................... 30 วรรณคดีที่ใช้ในการวิจัย........................................................................................ 31 วรรณคดีเรื่องอิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง................................................................ 31 ที่มาและความส าคัญ.................................................................................................... 32


สารบัญ (ต่อ) หน้า ประวัติผู้แต่ง.................................................................................................................. 33 เนื้อเรื่องย่อ.................................................................................................................. 34 ความงดงามทางวรรณศิลป์และคุณค่าของวรรณคดี....................................... 34 เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอนวรรณคดี.................................... 35 จุดมุ่งหมายในการเรียนการสอนวรรณคดี...................................................... 35 แนวทางในการสอนวรรณคดี......................................................................... 36 เอกสารที่เกี่ยวของกับการจัดการเรียนรู้โดยใช้เกม Game – Based Learning (GBL) ................................................................................................................. 39 แนวคิด......................................................................................................... ..... 39 แนวทางในการจัดการเรียนรู้............................................................................. 40 กิจกรรมเกมกระดาน........................................................................................ 41 ความหมายของกิจกรรมเกมกระดาน............................................................ 41 องค์ประกอบของกิจกรรมเกมกระดาน.......................................................... 42 ประเภทของกิจกรรมเกมกระดาน.................................................................. 43 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง................................................................................................. 45 งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เกม (Game Based Learning: GBL) ................................................................................................ 45 3 วิธีการด าเนินการวิจัย 47 ขั้นตอนที่ 1 ขั้นเตรียมการวิจัย................................................................................. 47 ขั้นตอนที่ 2 ขั้นการสร้างและตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ....................................... 48 ขั้นตอนที่ 3 ขั้นการด าเนินการวิจัย.......................................................................... 54 ขั้นตอนที่ 4 ขั้นการวิเคราะห์และสรุปผลข้อมูล....................................................... 55 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล.................................................................................................. 61 สัญลักษณ์ที่ใช้ในการเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล.................................................... 61 ล าดับขั้นตอนในการน าเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล................................................. 62 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล.............................................................................................. 62 5 สรุปผลการวิจัย อภิราย และข้อเสนอแนะ................................................................... 65 สรุปผลการวิจัย......................................................................................................... 66 อภิปรายผลการวิจัย.................................................................................................. 66 ข้อเสนอแนะ............................................................................................................. 68 บรรณานุกรม 71


สารบัญ (ต่อ) หน้า ภาคผนวก.......................................................................................................................... 75 ประวัติย่อผู้ท าภาคนิพนธ์................................................................................................... 119


สารบัญตาราง หน้า ตารางที่ 1 ตารางที่ ๑ ตัวชี้วัดสาระที่ ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม มาตรฐาน ท ๕.๑ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔................................................................................................. 10 ตารางที่ ๒ โครงสร้างหน่วยการเรียนรู้ รายวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔.............. 13 ตารางที่ 3 การปรับแก้ค าถามและตัวเลือกแบบทดสอบปรนัยตามข้อเสนอแนะของ ผู้เชี่ยวชาญ.......................................................................................................................... 53 ตารางที่ 4 รูปแบบการทดลอง........................................................................................... 55 ตารางที่ 5 ผลการวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีเรื่องอิเหนา ตอนศึก กะหมังกุหนิง ระหว่างกลุ่มทดลองกับกลุ่มควบคุม.............................................................. 62 ตารางที่ 6 ผลการวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีเรื่องอิเหนา ตอนศึก กะหมังกุหนิงก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเกมเศรษฐี.............................. 63 ตารางที่ 7 ผลการวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีเรื่องอิเหนา ตอนศึก กะหมังกุหนิงก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบปกติ........................................ 63 ตารางที่ 8 วิธีการด าเนินการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ........................................................ 66 ตารางทื่ 9 ค่าดัชนีความสอดคล้องที่ได้จากการประเมินความสอดคล้องของแผนการจัดการ เรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเกมเศรษฐี............................................................................. 101 ตารางที่ 10 ผลการประเมินคุณภาพสื่อกระดานเกมเศรษฐีอิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง 102 ตารางที่ 11 ค่าดัชนีความสอดคล้องกับตัวชี้วัดของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วรรณคดีเรื่องอิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง.................................................................. 103 ตารางที่ 12 ค่าความยากง่าย (p) และค่าอ านาจจ าแนก (r) ของแบบทดสอบวัดผล สัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีเรื่องอิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง........................................ 104 ตารางที่ 13 คะแนนแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีเรื่องอิเหนา ตอน ศึกกะหมังกุหนิง ก่อนและหลังเรียนของกลุ่มทดลอง.......................................................... 105 ตารางที่ 14 คะแนนแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีเรื่องอิเหนา ตอน ศึกกะหมังกุหนิง ก่อนและหลังเรียนของกลุ่มควบคุม…………………………………………………. 106


บทที่ 1 บทน า ความเป็นมาและความส าคัญของปัญหา วรรณคดี คือ วรรณกรรม หรืองานเขียนที่อุดมไปด้วยคุณค่า เพราะนอกจากจะเต็มไปด้วยความ งดงามในการรังสรรค์ภาษาที่วิจิตรงดงามแล้ว วรรณคดียังช่วยสะท้อนให้เห็นภูมิปัญญาที่ลึกซึ้งของผู้เขียน และ สะท้อนให้เห็นสภาพสังคมของยุคสมัยในแต่ละช่วงเวลาที่วรรณคดีเรื่องนั้น ๆ ได้ถือก าเนิดขึ้นมา อันกล่าวได้ว่า เมื่อได้ศึกษาวรรณคดีแล้ว จะท าให้ผู้อ่านได้ซึมซาบคุณค่าทั้งทางด้านวรรณศิลป์ ซึ่งเป็นความงดงามในการใช้ ภาษา การเล่นค าต่างๆ ที่เป็นการสะท้อนความรู้ ความสามารถของกวี และคุณค่าทางเนื้อหา ที่เป็นการเล่า เรื่องราวในวรรณกรรมที่กวีมักมีการกล่าวถึง หรือสอดแทรกสภาพบ้านเมือง สังคม วิถีชีวิต และวัฒนธรรม ประเพณีในยุคสมัยที่แต่งวรรณกรรม ณ ขณะนั้น ดังที่ วินทร์ เลียววาริน (2552, ออนไลน์) ที่กล่าวไว้ว่า วรรณกรรมสามารถท าหน้าที่เป็นภาพสะท้อนและกระบอกเสียงสังคมได้ดี หากเราต้องการเรียนรู้สังคมใด สังคมหนึ่ง วรรณกรรมก็สามารถท าหน้าที่เป็นแหล่งข้อมูลได้ดี และ ตรีศิลป์ บุญขจร (2542, น.4-9) กล่าวว่า วรรณกรรมย่อมสัมพันธ์กับสังคม วรรณกรรมสะท้อนประสบการณ์ชีวิตในยุคสมัย ไม่ว่านักเขียนจะตั้งใจ สะท้อนสังคมหรือไม่ก็ตาม พระยาอนุมานราชธน (2546, น.4) ได้กล่าวไว้ว่า วรรณคดี มีความส าคัญทางด้านการใช้ภาษา สะท้อนให้ เห็นวิถีชีวิตของคน การสืบทอดและอนุรักษ์ วัฒนธรรม กฎระเบียบค าสอนและ เป็นเครื่องมือสร้าง ความสามัคคีให้เกิดในกลุ่มชน อีกทั้งให้ความจรรโลงใจ นอกจากจะให้คุณค่าในด้านอรรถรสของถ้อยค าให้ ผู้อ่านเห็นความงดงามของภาษาแล้ว ยังมีคุณค่าทางสติปัญญาและศีลธรรมอีกด้วย ซึ่งภาสกร เกิดอ่อน และ คณะ (2555, น.2) กล่าวไว้ว่า วรรณคดีนั้นยังมีคุณค่าทั้งในทางอารมณ์ สังคม ประวัติศาสตร์ ตลอดจนมี คุณค่าในด้านคติสอนใจ และคุณค่าในเชิงวรรณศิลป์ด้วย จะเห็นได้ว่าวรรณคดีเป็นงานที่ทรงคุณค่าและเป็น มรดกทางภาษา และเป็นของล้ าค่าทางวัฒนธรรมที่ถูกถ่ายทอดมาจนถึงปัจจุบัน เป็นสมบัติของชาติที่ควรค่าแก่ การอนุรักษ์สืบสานให้ด ารงอยู่สืบไป จุดมุ่งหมายในการเรียนวรรณคดี คือ เพื่อรู้และเข้าใจวัฒนธรรมของตน รวมถึงสภาพความคิด ความเป็นอยู่ของคนในยุคสมัยต่าง ๆ อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมและขัดเกลาผู้เรียนให้รู้จัก ศึกษาและวิจารณ์ความสามารถของกวีในการเลือกสรรถ้อยค าที่สละสลวยในการแต่งวรรณกรรมในแต่ละเรื่อง ในการเรียนการสอนรายวิชาภาษาไทยจึงเป็นการน าวรรณคดีไทยมาเป็นสื่อกลางเพื่อให้นักเรียนเกิดความ ซาบซึ้งในบทประพันธ์ด้านภาษา ศิลปะ และสภาพสังคม เพื่อน าไปวิเคราะห์ สังเคราะห์ และน าไปปรับใช้ใน ชีวิตประจ าวันได้อย่างเหมาะสม จากความส าคัญของการศึกษาวรรณคดีไทย ท าให้การเรียนการสอนในวิชา ภาษาไทยให้ความส าคัญต่อการสอดแทรกบทเรียนที่มีเนื้อหาวรรณคดีที่ส าคัญ และที่เยาวชนควรรู้ โดยต้องมี การพิจารณาคัดเลือกตามความเหมาะสมโดยกระทรวงศึกษาธิการและจัดท าก าหนดและข้อบังคับในการ จัดการเรียนการสอนวรรณคดีไทยอย่างชัดเจน ดังที่ กระทรวงศึกษาธิการ (2551, น.54) มีการก าหนดให้ เรียนวรรณคดีไทยและวรรณกรรมบรรจุอยู่ในสาระที่ 5 วรรณคดีและวรรณกรรมมาตรฐาน ท5.1 เพื่อให้ นักเรียนมีความเข้าใจและแสดงความคิดเห็นวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่าและน ามา ประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง อิเหนา เป็นบทละครพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 วรรณคดี สโมสรยกย่องให้เป็นยอดบทละครร า เพราะเป็นหนังสือซึ่งแต่งดีพร้อมทั้งเนื้อหา ทั้งความไพเราะ ทั้งกระบวน


ที่จะเล่นละครประกอบกัน และยังเป็นหนังสือดีในทางที่จะศึกษาประเพณีไทยสมัยโบราณ เป็นหนึ่งใน วรรณคดีเรื่องส าคัญที่กระทรวงศึกษาธิการ (2551, น.7) ออกประกาศก าหนดวรรณคดีที่ใช้เรียนในระดับช่วง ชั้นที่ 4 (มัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6) และถูกบรรจุไว้ในหนังสือวรรณคดีวิจักษณ์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เนื้อหาที่ใช้ในการเรียนการสอนถูกก าหนดให้เรียนเพียงแค่ อิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง ซึ่งเป็นตอนที่มีเนื้อหา เกี่ยวกับท้าวกะหมังกุหนิงยกทัพไปตีเมืองดาหา และมีตัวละครหลักชื่อว่า อิเหนา เข้าร่วมท าศึกสงครามครั้งนี้ และได้รับชัยชนะ เดิมทีเรื่องอิเหนา เป็นวรรณคดีที่ได้รับอิทธิพลมาจากนิทานพื้นเมืองชวา จึงท าให้ชื่อเมือง ตัว ละคร ค าศัพท์ต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่ในบทเรียนมีความแตกต่างจากภาษาไทยที่ใช้ในปัจจุบัน เป็นชื่อที่จ าได้ยาก เพราะไม่คุ้นหู แต่เนื้อหาอุดมไปด้วยคุณค่าทางด้านประวัติศาสตร์ รูปแบบการจัดทัพ ความเชื่อทาง โหราศาสตร์ วัฒนธรรมและประเพณีต่าง ๆ หากผู้เรียนได้ศึกษาอย่างลึกซึ้ง ก็จะสามารถน าความรู้ภายในเรื่อง มาปรับใช้กับตนเองได้ ถึงแม้ว่าวรรณกรรมและวรรณคดีไทยจะมีประโยชน์ต่อชีวิตประจ าวันของผู้เรียนมากน้อยเพียงใด แต่ จากการศึกษาต ารา เอกสารงานวิจัย บทความต่าง ๆ แบบสอบถามและการสัมภาษณ์นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนเทศบาล ๔ (เพาะช า) จังหวดนครราชสีมา พบปัญหาว่านักเรียนส่วนใหญ่ไม่ ชอบเรียนวรรณคดีไทย เนื่องจากเล็งเห็นว่าวรรณคดีไทยเป็นเรื่องไกลตัว เนื้อหายาว ยืดเยื้อ และใช้ถ้อยค าที่ อ่านแล้วเข้าใจยาก อีกทั้งโรงเรียนเทศบาล ๔ (เพาะช า) มีการจัดรูปแบบแผนการเรียนในระดับชั้นมัธยมปลาย (ม.4 – ม.6) เป็นทวิศึกษา กล่าวคือเมื่อส าเร็จการศึกษาจะได้รับวุฒิการศึกษา 2 แบบ ได้แก่ วุฒิการศึกษา ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย และวุฒิการศึกษาระดับปวช. ประกอบไปด้วย 4 สาขา คือ สาขาคอมพิวเตอร์ ธุรกิจ สาขาช่างยนต์ สาขาอุตสาหกรรมบันเทิงและดนตรี และสาขาไฟฟ้าก าลัง จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยส าคัญที่ ท าให้ผู้เรียนไม่ได้เห็นคุณค่าและความส าคัญในการศึกษาวรรณคดีไทยมากเท่าที่ควร โดยส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่า ศึกษาไปก็ไม่ได้น าไปใช้ในอนาคตได้ และท าให้เกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย และเสียเวลา เกิดเป็นทัศนคติทางลบ ต่อรายวิชาภาษาไทยที่ถือว่าเป็นวิชาพื้นฐานที่ควรให้ความส าคัญ แต่หากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว วรรณคดี ไทยยังมีความจ าเป็นต่อผู้เรียน เพราะถึงแม้ว่าผู้เรียนจะอยู่ในสายอาชีพ อย่างไรก็ตามหากในอนาคตหากมี ผู้เรียนที่มีความสนใจในการเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาที่มีการใช้คะแนนสอบจากการสอบที่ส่วนกลาง ก าหนดขึ้น ได้แก่ ONET และวิชาสามัญ ซึ่งมีการก าหนดสอบรายวิชาภาษาไทยในส่วนเนื้อหาของหลักภาษา และวรรณคดีไทย หรือสนใจที่จะศึกษาต่อในคณะและสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับภาษาไทย จึงท าให้การเรียนการ สอนวิชาภาษาไทยในโรงเรียนเทศบาล ๔ (เพาะช า) จ าเป็นต้องมีการจัดการเรียนการสอนเรื่องวรรณคดีไทยอยู่ เพื่อให้นักเรียนได้รู้ เข้าใจ และมีพื้นฐานไปปรับใช้ในการสอบและน าข้อคิดที่ได้ไปปรับใช้ในอนาคตได้อย่าง เหมาะสม ผู้วิจัยจึงได้สัมภาษณ์ครูผู้สอน และนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ จ านวน ๔ ห้องที่โรงเรียน เทศบาล ๔ (เพาะช า) มีความเห็นว่าสาเหตุหลักของปัญหาในการสอนวรรณคดีนั้น สรุปได้ ๓ ด้าน ได้แก่ 1) ด้านนักเรียน 2) ด้านวิธีการสอน และ 3) ปัญหาด้านครู ดังนี้ ปัญหาการเรียนการสอนวรรณคดีไทยในโรงเรียน เทศบาล ๔ (เพาะช า) มีสาเหตุมาจากนักเรียนมีทัศนคติไม่ดีต่อการเรียนวรรณคดีไทย เนื่องจากมองว่าเป็นเรื่อง ไกลตัว ไม่สามารถน าไปใช้ประโยชน์ในอนาคตได้ และเนื้อหามีความยาว ยืดเยื้อ ยากต่อการท าความเข้าใจ ปัญหาด้านการสอนวรรณคดีไทยที่ผ่านมาเน้นการท่องจ าค าศัพท์ การถอดบทประพันธ์ และเน้นการเรียนแบบ บรรยายโดยมีเพียงหนังสือเป็นสื่อในการช่วยสอน ท าให้นักเรียนขาดแรงจูงใจในการเรียน ปัญหาด้านครู คือครู


ไม่เข้าใจตัวเนื้อหาวรรณคดีอย่างลึกซึ้ง จึงไม่สามารถบูรณาการการเรียนการสอนวรรณคดีให้ได้แง่มุมที่ หลากหลาย วิธีการสอนเป็นเพียงแค่การบรรยายเพื่อให้จบเนื้อหาโดยส่วนใหญ่ จากการศึกษาข้อมูลด้านต่าง ๆ สรุปได้ว่าปัญหาในการจัดการเรียนการสอนวรรณคดีไทยเกิดจาก หลายปัจจัยร่วมกัน ทั้งปัจจัยทางด้านเนื้อหาที่มีการใช้ค าศัพท์เก่า เข้าใจยาก และไกลตัวผู้เรียน ปัจจัยด้าน นักเรียนที่ขาดแรงจูงใจในการเรียน เพราะไม่ได้ให้ความส าคัญต่อการเรียนวรรณคดีไทย และเบื่อหน่ายจ านวน เนื้อหาที่มีปริมาณมาก ปัจจัยด้านครูและวิธีสอนซึ่งครูขาดการส่งเสริมแรงจูงใจในการเรียน มุ่งเน้นให้ผู้เรียน ศึกษาเนื้อหาและวิเคราะห์วรรณศิลป์มากกว่าการท าความเข้าใจเนื้อหาและวิจารณ์หาคุณค่าที่สามารถน าไป ปรับใช้ในชีวิตประจ าวันได้จริง ส่งผลกระทบต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในรายวิชาภาษาไทยตามมา จากปัญหา ที่เกิดขึ้นที่กล่าวมา ผู้วิจัยสนใจที่จะแก้ปัญหาการเรียนวรรณคดีไทย โดยเลือกแก้ไขในปัจจัยด้านครูและวิธีการ สอน จึงได้ท าการค้นคว้าแนวคิด ทฤษฎีการสอนต่าง ๆ ที่เหมาะสมต่อการน ามาปรับใช้ในการเรียนการสอน วรรณคดีไทยให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เกวลิน หูทิพย์ อ้างถึงใน นันทญ์ณภัค พรมมา (2563, น.5) อธิบาย ไว้ว่า ครูควรสร้างแรงจูงใจในการเรียนวรรณคดีไทย เช่น การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนโดยเน้นการท า กิจกรรม เล่นเกม การใช้สื่อที่ทันสมัยมาประยุกต์ให้เข้าวรรณคดี และอธิบายให้นักเรียนเข้าใจในบริบทต่าง ๆ ทางประวัติศาสตร์และเชื่อมโยงกับสถานการณ์ปัจจุบัน เมื่อพิจารณาบริบทและสภาพสังคมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล ๔ (เพาะช า) พบว่าระยะเวลาในการจัดกาเรียนการสอนในรายวิชาต่าง ๆ มีอย่างจ ากัด ท าให้ผู้สอนต้องกระชับเนื้อหาในการ สอนนักเรียนแต่ละหน่วยการเรียนรู้ อีกทั้งห้องเรียนที่ผู้วิจัยใช้ในการจัดการเรียนการสอนเป็นห้องเรียนที่ขาด อุปกรณ์เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เป็นสื่อช่วยสอนและดึงดูดความสนใจของผู้เรียน อันได้แก่ ไมโครโฟน ล าโพง เครื่องฉาย – ฉากรับภาพ โทรทัศน์ ผู้วิจัยจึงได้ศึกษาเอกสาร ต ารา และงานวิจัยต่าง ๆ ทั้งในประเทศและนอก ประเทศ พบว่า กระบวนการจัดการเรียนการสอนที่สามารถส่งเสริม พัฒนาผลสัมฤทธิ์ และยังสามารถช่วย ดึงดูดความสนใจของผู้เรียนภายใต้ปัจจัยอันจ ากัดที่เหมาะสมคือ การสอนโดยใช้เกมเป็นฐาน (Game based Learning: GBL) ทิศนา แขมมณี(2552, น. 365-369) ได้อธิบายไว้ว่า การสอนโดยใช้เกมเป็นวิธีการสอนที่ ผู้สอนใช้ในการช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ที่ก าหนด โดยการให้ผู้เรียนได้เล่นตามกติกา และ น าเนื้อหา ข้อมูลของเกม พฤติกรรมการเล่น วิธีการเล่น และผลการเล่นเกมของผู้เรียนมาใช้ในการอภิปราย เพื่อสรุปการเรียนรู้ เป็นวิธีการสอนที่ช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ อย่างสนุกสนานและท้าทาย ความสามารถ โดยผู้เรียนเป็นผู้เล่นเอง ท าให้ได้รับประสบการณ์ตรง เป็นวิธีการที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วน ร่วมสูง นรรัชต์ ฝันเชียร (2563) กล่าวว่าเทคนิควิธีการสอนโดยใช้เกม หรือ Game – Based Leaning: GBL คือ แนวการเรียนรู้โดยใช้เกมเป็นสื่อ ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อให้เกิดการเรียนรู้โดยผสมผสานความสนุกสนาน จากการเล่นเกมไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งช่วยดึงดูดความสนใจของผู้เรียน ช่วยพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนได้อย่าง รวดเร็ว เพราะเป็นวิธีการเรียนรู้ที่เข้ากับธรรมชาติการเรียนรู้ของมนุษย์มากที่สุด เพราะมนุษย์นั้นชื่นชอบการ เล่นเกมและมองทุกอย่างเป็นเกมเสมอ ด้วยเหตุผลดังกล่าวผู้วิจัยจึงสนใจที่น าการจัดการเรียนรู้โดยใช้เกมมาใช้ในการสอนวรรณคดี เพื่อ พัฒนาผลสัมฤทธิ์รายวิชาภาษาไทยทางด้านวรรณคดีไทยเรื่องอิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง ส าหรับนักเรียน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล ๔ (เพาะช า) โดยเลือกใช้เกมเศรษฐีเป็นพื้นฐานในสร้างนวัตกรรม การสอน เพราะเป็นเกมที่เด็กไทยทุกคนต่างคุ้นเคยกันดี อีกทั้งเป็นสื่อที่สามารถจับต้องได้ สอดคล้องกับปัญหา


การขาดแคลนอุปกรณ์ช่วยสอนของผู้วิจัย อีกทั้งเกมเศรษฐีเป็นเกมที่สามารถพลิกแพลง ก าหนดกติกาต่างๆ ได้ อย่างหลากหลายและน่าสนใจ สะดวกต่อการน าไปปรับใช้กับเนื้อหา โดยคาดว่าจะเป็นวิธีการที่สามารถเพิ่มพูน ความรู้ความเข้าใจเนื้อหาวรรณคดีเรื่องอิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง ของนักเรียนเพิ่มขึ้นร้อยละ 80 วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีเรื่องอิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง ระหว่างการ สอนโดยใช้กิจกรรมเกมเศรษฐีอิเหนา กับการสอนโดยใช้การเรียนรูปแบบปกติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 4 (เพาะช า) 2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีเรื่องอิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง ระหว่างก่อน และหลังเรียน โดยใช้กิจกรรมเกมเศรษฐีอิเหนา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 4 (เพาะ ช า) สมมติฐานการวิจัย 1. นักเรียนที่เรียนโดยใช้กิจกรรมเกมเศรษฐีอิเหนา มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่านักเรียน ที่เรียนโดยใช้การสอนรูปแบบปกติอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .01 2. นักเรียนที่เรียนโดยใช้กิจกรรมเกมเศรษฐีอิเหนา มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หลังเรียนสูงกว่าก่อน เรียนอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ขอบเขตของการวิจัย 1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากร ประชากรที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งก าลังศึกษาอยู่ในภาคเรียน ที่ 1 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนเทศบาล 4 (เพาะช า) จังหวัดนครราชสีมา จ านวน 4 ห้องเรียน รวมนักเรียน ทั้งสิ้น 92 คน กลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกปีที่ 4 ซึ่งก าลังศึกษาอยู่ในภาคเรียน ที่ 1 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนเทศบาล 4 (เพาะช า) จังหวัดนครราชสีมา จ านวน 2 ห้อง คือ ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4/1 จ านวนนักเรียน 35 คน โดยได้มาจากการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง และสุ่มเลือก ห้องเรียนโดยการจับฉลาก จ านวน 1 ห้องเรียน คือชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/3 จ านวน 17 คน รวมทั้งสิ้นจ านวน 52 คน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้ 1) กลุ่มทดลอง หรือกลุ่มที่ใช้นวัตกรรม (experimental control)คือ นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 จ านวน 35 คน 2) กลุ่มควบคุม (control group)คือ นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4/3 จ านวน 17 คน


2. ตัวแปรที่ใช้ในการศึกษา 1) ตัวแปรอิสระ (dependent variable) คือ การจัดการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเกมเศรษฐีอิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง และการจัดการเรียนรู้แบบปกติ 2) ตัวแปรตาม (dependent variable) คือ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีเรื่องอิเหนา ตอนศึก กะหมังกุหนิง 3. ระยะเวลาในการวิจัย ผู้วิจัยด าเนินการทดลองในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 โดยก าหนดระยะเวลาในการทดลอง 2 สัปดาห์ กลุ่มทดลอง จ านวน 2 คาบ/สัปดาห์ คาบละ 60 นาที รวมเป็น 8 คาบ 240 นาที กลุ่มควบคุม จ านวน 2 คาบ/สัปดาห์ คาบละ 60 นาที รวมเป็น 8 คาบ 240 นาที รวมระยะเวลาที่ใช้ในการวิจัย 2 สัปดาห์ 8 คาบ 440 นาที 4. เนื้อหาที่ใช้ในการวิจัย วรรณคดีเรื่องอิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง จากหนังสือวรรณคดีวิจักษ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยมี เนื้อหา ดังนี้ 1) ที่มาและความส าคัญ 2) ประวัติผู้แต่ง 3) ลักษณะค าประพันธ์ 4) เรื่องย่อ 5) คุณค่าด้านวรรณศิลป์ และสังคม กรอบแนวคิดการวิจัย การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดี เรื่องอิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง โดยใช้เกมเศรษฐี ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 4 (เพาะช า) มีกรอบแนวคิดการวิจัย ดังนี้ นิยามศัพท์เฉพาะ 1) การจัดการเรียนรู้โดยใช้เกม (Game – Based Learning: GBL) หมายถึง แนวการเรียนรู้โดยใช้ เกมเป็นสื่อ ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อให้เกิดการเรียนรู้โดยผสมผสานความสนุกสนานจากการเล่นเกมไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งช่วยดึงดูดความสนใจของผู้เรียน โดยสอดแทรกเนื้อหาทั้งหมดของหลักสูตรนั้น ๆ เอาไว้ในเกม และให้ ผู้เรียนลงมือเล่นเกมโดยที่ผู้เรียนจะได้รับความรู้ผ่านการเล่นเกม 2) การจัดการเรียนรู้แบบปกติ หมายถึง การเรียนการสอนที่เน้นครูเป็นศูนย์กลาง (Teacher center) เน้นการบรรยาย อธิบายเนื้อหา ครูจะเป็นผู้ถ่ายทอดเนื้อหาไปยังผู้เรียน มุ่งให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เนื้อหาสาระ ตัวแปรอิสระ 1) การจัดการเรียนรู้โดยใช้ กิจกรรมเกมเศรษฐี 2) การจัดการเรียนรู้แบบปกติ ตัวแปรตาม ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดี เรื่องอิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง


เพื่อให้ได้ความรู้มากที่สุด รวมทั้งการให้นักเรียนแบ่งกลุ่มและค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเอง โดยผู้วิจัยด าเนินการ สอนตามคู่มือการจัดการเรียนการสอน 3) เกมเศรษฐีหมายถึง เกมกระดานที่ใช้วิธีผลัดกันทอยลูกเต๋า 1 – 2 ลูก และเดินตามช่องนับจ านวน ตามที่ทอดเต๋าได้ ในการวิจัยครั้งนี้ได้ก าหนดเนื้อหาในเกมเศรษฐีมีเนื้อหาเกี่ยวกับวรรณคดีเรื่องอิเหนา ตอนศึก กะหมังกุหนิง 4) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทย หมายถึง คะแนนของนักเรียนที่ได้จากการท าแบบทดสอบวัด ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทยที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น ซึ่งเป็นแบบทดสอบแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จ านวน 15 ข้อ ใช้ส าหรับทดสอบก่อนการจัดการเรียนรู้และทดสอบหลังการจัดการเรียนรู้ 5) นักเรียน หมายถึง นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งก าลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2565 โรงเรียนเทศบาล 4 (เพาะช า) จังหวัดนครราชสีมา ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการวิจัย 1. เพื่อเป็นการพัฒนาสื่อการเรียนรู้เกมเศรษฐีอิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง 2. เป็นแนวทางส าหรับผู้สอนในการน ารูปแบบการจัดการเรียนการสอนโดยใช้กิจกรรมเกมเศรษฐีไป ปรับใช้ในการเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางวรรณคดีไทย หรือรายวิชาภาษาไทยในเนื้อหาอื่น ๆ เช่น หลักภาษาไทย เป็น ต้น


บทที่ ๒ เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีเรื่องอิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง โดยใช้กิจกรรม เกมเศรษฐี กับการสอนปกติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 4 (เพาะช า) ผู้วิจัยได้ศึกษา เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้ เอกสารที่เกี่ยวข้อง ๑. เอกสารที่เกี่ยวของกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๑.๑ สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๑.๒ สาระการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้วรรณคดีและวรรณกรรม ๑.๓ ตัวชี้วัด ๒. หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนเทศบาล ๔ (เพาะช า) พุทธศักราช ๒๕๖๕ กลุ่มสาระ การเรียนรู้ภาษาไทย ๒.๑ วิสัยทัศน์ ๒.๒ เป้าหมายของสถานศึกษา ๒.๓ รายละเอียดค าอธิบายรายวิชาและโครงสร้างหน่วยการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ 3. เอกสารที่เกี่ยวข้องกับวรรณคดี 3.1 ความหมายของวรรณคดี 3.2 ความส าคัญและคุณค่าของวรรณคดี 3.3 ประเภทของวรรณคดี 3.4 องค์ประกอบของวรรณคดี 3.5 วรรณคดีที่ใช้ในการวิจัย วรรณคดีเรื่องอิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง ๑) ที่มาและความส าคัญ ๒) ประวัติผู้แต่ง ๓) เนื้อเรื่องย่อ ๔) ความงดงามทางวรรณศิลป์และคุณค่าของวรรณคดี


4. เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอนวรรณคดี 4.๑ จุดมุ่งหมายในการเรียนการสอนวรรณคดี 4.2 แนวทางในการสอนวรรณคดี ๕. เอกสารที่เกี่ยวของกับการจัดการเรียนรู้โดยใช้เกม Game – Based Leaning (GBL) ๕.๑ แนวคิด ๕.๒ แนวทางในการจัดการเรียนรู้ 5.3 กิจกรรมเกมกระดาน 5.3.1 ความหมายของกิจกรรมเกมกระดาน 5.3.2 องค์ประกอบของกิจกรรมเกมกระดาน 5.3.3 ประเภทของกิจกรรมเกมกระดาน งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ๑. งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เกม (Game Based Learning: GBL) ๑. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๑๕๕๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ภาษาไทย เป็นภาษาประจ าชาติไทย และเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่เยาวชนคนไทยทุกคนควร ตระหนัก เห็นคุณค่า และอนุรักษ์ให้ยังคงอยู่สืบไปอย่างถูกต้อง ภาษามีความส าคัญต่อเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ เนื่องจากเป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์อันดีต่อกัน นอกจากนี้ กาญจนา นาคสกุล (๒๕๕๑, น. ๖ – ๑๑) ยังอธิบายความส าคัญของภาษาไว้ว่า ภาษาเป็นผลสะท้อนของความ เจริญของสังคม เพราะเมื่อชนกลุ่มใดก าหนดภาษาใดเป็นภาษาประจ ากลุ่มแล้ว ภาษานั้นก็จะนับว่าเป็นภาษา หลัก หรือภาษาแม่ของสมาชิกกลุ่มนั้น เมื่อสังคมขยายตัวหรือกลายเป็นประเทศแล้ว ภาษาที่ชนกลุ่มนั้นใช้ก็จะ เปลี่ยนฐานะเป็นภาษาประจ าชาติ ซึ่งจะเป็นภาษาที่ใช้สืบต่อกันถึงลูกหลาน และถ่ายทอดต่อไปเรื่อย ๆ ภาษา จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสะท้อนให้เห็นลักษณะของความเป็นอยู่ วัฒนธรรมด้านต่าง ๆ ของชนชาตินั้นนั่นเอง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย มีการแบ่งสาระการเรียนรู้และมาตรฐานการเรียนรู้รวมทั้งสิ้น ๕ สาระ และ ๕ มาตรฐาน โดยมุ่งเน้นการเรียนรู้ด้านภาษาเพื่อใช้ในการสื่อสาร และน าไปใช้ในชีวิตจริง ได้แก่การอ่าน การเขียน การฟัง การดูและการพูด หลักการใช้ภาษาไทย และวรรณคดีและวรรณกรรม (กระทรวงศึกษาธิการ, น.๑ – ๒)


๑.๑ สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในการจัดการเรียนการสอนรายวิชาภาษาไทย กระทรวงศึกษาธิการ (๒๕๕๑, น.๖ – ๗) ได้ท าการออกหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยก าหนดให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะส าคัญ ๕ ประการดังต่อไปนี้ ๑) ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ ภาษาถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และประสบการณ์ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลด ปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผล และความถูกต้อง ตลอดจน การเลือกใช้วิธีการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพโดยค านึงถึงผลกระทบที่มีต่อตนเองและสังคม ๒) ความสามรารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อน าไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือ สารสนเทศเพื่อการตัดสินใจเกี่ยวกับตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม ๓) ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรค ต่าง ๆ ที่เผชิญได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจ ความสัมพันธ์และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการ ป้องกันและแก้ไขปัญหา และมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพโดยค านึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อตน สังคมและ สิ่งแวดล้อม ๔) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการน ากระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ใน การด าเนินชีวิตประจ าวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การท างาน และการอยู่ร่วมกันใน สังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่าง เหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อมและการรู้จักหลีกเลี่ยงพฤติกรรม ไม่พึงประสงค์ที่ส่งผลกระทบต่อตนเองและผู้อื่น ๕) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือกและใช้เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร การท างาน การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ถูกต้องเหมาะสมและมีคุณธรรม นอกเหนือจากสมรรถนะทั้ง ๕ ข้อที่กล่าวมาข้างต้นนั้น หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานมุ่ง พัฒนาผู้เรียนให้มีลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข ใน ฐานที่เป็นพลเมืองไทยและพลโลก ดังนี้ ๑) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ๒) ซื่อสัตย์สุจริต ๓) มีวินัย ๔) ใฝ่เรียนรู้ ๕) อยู่อย่างพอเพียง ๖) มุ่งมั่นในการท างาน ๗) รักความเป็นไทย ๘) มีจิตสาธารณะ


๑.๒ สาระการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้วรรณคดีและวรรณกรรม สาระที่ ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมเพื่อศึกษาข้อมูล แนวความคิด คุณค่าของงานประพันธ์ และ ความเพลิดเพลิน การเรียนและท าความเข้าใจบทเห่ บทร้องเล่นของเด็ก เพลงพื้นบ้านที่เป็นภูมิปัญญาที่มี คุณค่าของไทย ซึ่งได้ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด ค่านิยม ขนบธรรมเนียม ประเพณี เรื่องราวของสังคมในอดีต และความงดงามของภาษา เพื่อให้เกิดความซาบซึ้งและภูมิใจบรรพบุรุษที่ได้สั่งสม และสืบทอดมาจนถึง ปัจจุบัน มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็น คุณค่าและน ามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง การก าหนดคุณภาพของผู้เรียนเมื่อจบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ เกี่ยวกับการศึกษา วรรณคดีและวรรณกรรม กระทรวงศึกษาธิการ (๒๕๕๑, น.๕) ได้ระบุไว้ว่า เข้าใจและเห็นคุณค่าวรรณคดีและ วรรณกรรมที่อ่าน เล่านิทานพื้นบ้าน ร้องเพลงพื้นบ้านของท้องถิ่น น าข้อคิดเห็นจากเรื่องที่อ่านไปประยุกต์ใช้ ในชีวิตจริง และท่องจ าบทอาขยานตามที่ก าหนดได้ ๑.๓ ตัวชี้วัด ตัวชี้วัดสาระที่ ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม มาตรฐาน ท ๕.๑ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ มีดังต่อไปนี้ ตารางที่ ๑ ตัวชี้วัดสาระที่ ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม มาตรฐาน ท ๕.๑ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ๑.วิเคราะห์และวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรม ตามหลักการวิจารณ์เบื้องต้น หลักการวิเคราะห์และวิจารณ์วรรณคดีและ วรรณกรรมเบื้องต้น - จุดมุ่งหมายการแต่งวรรณคดีและวรรณกรรม - การพิจารณารูปแบบของวรรณคดีและวรรณกรรม - การพิจารณาเนื้อหาและกลวิธีในวรรณคดีและ วรรณกรรม - การวิเคราะห์และการวิจารณ์วรรณคดีและ วรรณกรรม ๒. วิเคราะห์ลักษณะเด่นของวรรณคดีเชื่อมโยงกับ การเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และวีชีวิตของสังคมใน อดีต การวิเคราะห์ลักษณะเด่นของวรรณคดีและ วรรณกรรมเกี่ยวกับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์และวิถี ชีวิตของสังคมในอดีต ๓. วิเคราะห์และประเมินคุณค่าด้านวรรณศิลป์ของ วรรณคดีและวรรณกรรมในฐานะที่เป็นมรดกทาง วัฒนธรรมของชาติ การวิเคราะห์และประเมินคุณค่าวรรณคดีและ วรรณกรรม - ด้านวรรณศิลป์ - ด้านสังคมและวัฒนธรรม


๔. สังเคราะห์ข้อคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรม เพื่อน าไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง การสังเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรม ๕. รวบรวมวรรณกรรมพื้นบ้านและอธิบายภูมิ ปัญญาทางภาษา วรรณกรรมพื้นบ้านที่แสดงถึง - ภาษากับวัฒนธรรม - ภาษาถิ่น ๖. ท่องจ าและบอกคุณค่าอาขยานตามที่ก าหนด และบทร้อยกรองที่มีคุณค่าตามความสนใจและ น าไปใช้อ้างอิง บทอาขยานและบทร้อยกรองที่มีคุณค่า - บทอาขยานตามที่ก าหนด - บทร้อยกรองตามความสนใจ ๒. หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนเทศบาล ๔ (เพาะช า) พุทธศักราช ๒๕๖๕ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ๒.๑ วิสัยทัศน์ โรงเรียนเทศบาล 4 (เพาะช า) ได้มาตรฐานการศึกษา ผู้เรียนเป็นคนดี มีคุณธรรม มีสุขภาวะ สร้างอาชีพ มุ่งสู่ไทยแลนด์ 4.0 รักบ้านเกิด น้อมน าศาสตร์พระราชาสู่สากลอย่างยั่งยืน ๒.๒ เป้าหมายของสถานศึกษา ๑) พัฒนาองค์กร ระบบวางแผนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สามารถรวบรวมข้อมูลและ วิเคราะห์ข้อมูล เพื่อก าหนด แนวทางในการพัฒนาตามมาตรฐานการศึกษาที่ก าหนดไว้ ด าเนินการตรวจ ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ตามแผนปฏิบัติงาน ๒) พัฒนาบุคลากร พัฒนาคุณภาพในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ส่งเสริมการจัดกิจกรรม การเรียนการสอนที่ เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญในรูปแบบต่าง ๆ ส่งเสริมการจัดท าแผนการสอน และการวิจัยในชั้น เรียน จัดตั้งครูแกนน า ในแต่ละสายชั้น และพัฒนาเป็นต้นแบบเพื่อขยายผลสู่ครูในโรงเรียน ๓) พัฒนาผู้เรียน พัฒนาคุณลักษณะที่มุ่งให้ผู้ผ่านการศึกษาได้เรียนรู้และปฏิบัติจนเป็นนิสัยให้มี ความช านาญ ทางวิชาการ และวิชาชีพ มีความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์ ไม่เห็นแก่ตัว มีความเป็น ประชาธิปไตย มี ความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ฯลฯ ๔) ส่งเสริมให้ผู้ปกครอง ชุมชน ท้องถิ่น หน่วยงานและผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย เข้ามามี ส่วนร่วมใน การจัดการศึกษา ตั้งแต่การวางแผนการด าเนินงานและตรวจสอบผลการด าเนินงานตามภาระรับผิดชอบอย่าง เป็นระบบ และ มีประสิทธิภาพเพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามมาตรฐานที่ก าหนด ๕) พัฒนาระบบการประกันคุณภาพ ให้ผู้เรียนมีความสามารถและคุณลักษณะต่าง ๆ ครบถ้วน ตามมาตรฐาน การศึกษา และสอดคล้องกับความต้องการของสังคม ชุมชน มีความมั่นใจใน


การจัดการศึกษาของโรงเรียน สถานประกอบการที่รับผู้จบการศึกษาต่อหรือท างานมีความพึงพอใจและมั่นใจ ในคุณภาพของผู้จบการศึกษา ๖) พัฒนาการเรียนการสอนวิชาชีพเน้นให้ผู้เรียนปฏิบัติจริงสามารถผลิตเพื่อการจ าหน่ายได้ ๗) ด าเนินการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาและส่งเสริมสุขภาพ กีฬา และนันทนาการของนักเรียน ส่งเสริมทั้ง กีฬาเพื่อสุขภาพ และเพื่อเตรียมนักเรียนเข้าแข่งขัน ๘) จัดให้มีการศึกษา ส ารวจสภาพปัญหาด้านความประพฤติ จริยธรรม คุณธรรมของนักเรียน พร้อมกับจัดกิจกรรม เพื่อเสริมสร้างคุณธรรมให้นักเรียนเป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่ดีงาม ประพฤติปฏิบัติตาม ระเบียบวินัยของสังคม ๙) รณรงค์ให้ครู – อาจารย์ได้ใช้กิจกรรมการเรียนการสอนและกิจกรรมอื่น ๆ เสริมสร้างให้ นักเรียน “ เรียนดี มีวินัย ใฝ่ศึกษา พัฒนาสิ่งแวดล้อม พร้อมเทคโนโลยี ” ตามค าขวัญของโรงเรียนและค า ขวัญของกรมส่งเสริมการปกครอง ท้องถิ่นที่ว่า “ วินัยดี มีวิชา กีฬาเด่น เป็นโรงเรียนของชุมชน ๒.๓ รายละเอียดค าอธิบายรายวิชาและโครงสร้างหน่วยการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔


ค าอธิบายรายวิชา รหัสวิชา ท ๓๑๑๐๑ ภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ภาคเรียนที่ ๑ เวลาเรียนที่ ๔๐ ชั่วโมง จ านวน ๑ หน่วยกิต ศึกษาทักษะการฟัง การดู และกา รอ่านออกเสียงร้อยแก้วป ระเภทบทความ นวนิยาย ความเรียง การอ่านออกเสียงร้อยกรองประเภทโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน อย่างมีวิจารณญาณ เพื่อตีความ แปล ความ ขยายความ และตอบค าถามจากเรื่องที่อ่าน ที่ฟัง ที่ดูได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถวิเคราะห์ วิจารณ์ ป ร ะ เ มิ น ค่ า เ พื่ อ ใ ช้ เ ป็ น ข้ อ มู ล ใ น ก า ร ตั ด สิ น ใ จ แ ล ะ แ ก้ ปั ญ ห า ใ น เ รื่ อ ง การเขียนรายงานเชิงวิชาการ เขียนโครงงานโดยใช้ข้อมูลสารสนเทศอ้างอิงได้อย่างถูกต้อง เขียนกรอบแนวคิด เขียนสื่อสารในรูปแบบจดหมายกิจธุระ การกรอกแบบรายงานต่าง ๆ เขียนเรียงความและผลงานของตนใน รูปแบบนิทาน พูดสรุปแนวคิดและพูดแสดงความคิดเห็นอย่างมีวิจารณญาณจากการฟัง การดู การอ่าน อ ธิ บ า ย ธ ร ร ม ช า ติ ข อ ง ภ า ษ า พ ลั ง ข อ ง ภ า ษ า แ ล ะ ลั ก ษ ณ ะ ข อ ง ภ า ษ า ฝึกแต่งค าประพันธ์ประเภทโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ศึกษาวรรณคดีและวรรณกรรม สังเคราะห์ข้อคิด ท่องจ าและบอกคุณค่าบทอาขยานตามที่ก าหนดและตามความสนใจจากวรรณคดีและวรรณกรรมเพื่อน าไปใช้ ประยุกต์ในชีวิตจริง มีมารยาทในการอ่าน การเขียน การฟัง การพูด และมีนิสัยรักการอ่าน รักการเขียน โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการ ปฏิบัติ กระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเอง กระบวนการกลุ่ม กระบวนการเรียนภาษา กระบวนการเรียนความรู้ และความเข้าใจ กระบวนการไตรสิกขา เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถ ในการสื่อสาร ใน การคิด ในการแก้ปัญญา ในการใช้ทักษะชีวิต และในการใช้เทคโนโลยี เป็นผู้ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการท างาน รักความเป็นไทย มีคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมที่เหมาะสม รหัสตัวชี้วัด ท ๑.๑ ม.-6/1 ม.4-6/2 ม.4-6/6 ม.4-6/7 ม.4-6/9 ท ๒.๑ ม.4-6/1 ม.4-6/2 ม.4-6/4 ม.4-6/6 ม.4-6/8 ท ๓.๑ ม.4-6/1 ม.4-6/4 ม.4-6/6 ท ๔.๑ ม.4-6/1 ม.4-6/4 ท ๕.๑ ม.4-6/1 ม.4-6/4 ม.4-6/6 รวมทั้งหมด 18 ตัวชี้วัด


โครงสร้างหน่วยการเรียนรู้ รายวิชาภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เวลา 40 ชั่วโมง จ านวน 1 หน่วยกิต ภาคเรียนที่ 1 สัดส่วนคะแนนระหว่างภาคกับปลายภาค 70 : 30 บท ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ มาตรฐานการ เรียนรู้ /ตัวชี้วัด สมรรถนะส าคัญ ของผู้เรียน สาระการเรียนรู้ เวลา ชั่วโมง น้ าหนัก คะแนน 1 การอ่านออก เสียงบทร้อย แก้วและบท ร้อยกรอง ท 1.1 ม.4-6/1 อ่านออก เสียงบทร้อยแก้วบท ร้อยกรองได้อย่าง ถูกต้อง ไพเราะ และเหมาะสมกับ เรื่องที่อ่าน - ความสามารถใน การสื่อสาร - ความสามารถใน การคิด - การอ่านออกเสียง ประกอบ ด้วยบทร้อยแก้ว ประเภทต่าง ๆ เช่น บทความ นวนิยาย ความเรียง บทร้อยกรอง เช่น โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย และลิลิต 3 5 2 การอ่านสื่อ สิ่งพิมพ์ และ สื่อ อิเล็กทรอนิก ส์ ท1.1 ม.4-6/6 ตอบ ค าถามจากการอ่าน งานเขียนประเภท ต่างๆ ภายในเวลาที่ ก าหนด ม.4-6/7 อ่านเรื่อง ต่างๆ แล้วเขียน กรอบแนวคิด ผัง ความคิด บันทึก ย่อ ความ และรายงาน ม.4-6/8 สังเคราะห์ความรู้ จากการอ่านสื่อ - ความสามารถใน การสื่อสาร - ความสามารถใน การคิด - การอ่านจับใจความ จากสื่อต่าง ๆ เช่น ข่าวสารจากสื่อ สิ่งพิมพ์ สื่อ อิเล็กทรอนิกส์และ แหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ในชุมชน 4 6


บท ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ มาตรฐานการ เรียนรู้ /ตัวชี้วัด สมรรถนะส าคัญ ของผู้เรียน สาระการเรียนรู้ เวลา ชั่วโมง น้ าหนัก คะแนน สิ่งพิมพ์ สื่อ อิเล็กทรอ - นิกส์ และแหล่ง เรียนรู้ต่างๆ มา พัฒนาตน พัฒนาการเรียน และพัฒนาความรู้ ทางอาชีพ - ความสามารถใน การใช้เทคโนโลยี - บทความ นิทาน เรื่องสั้น นวนิยาย วรรณกรรมพื้นบ้าน วรรณคดีใน บทเรียน บทโฆษณา สารคดี บันเทิงคดี ปาฐกถา พระบรมราโชวาท เทศนา ค าบรรยาย ค าสอน บทร้อยกรองร่วม สมัย บทเพลง บท อาเศียรวาท ค าขวัญ


ตารางที่ ๒ โครงสร้างหน่วยการเรียนรู้ รายวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ (ต่อ) บท ที่ ชื่อหน่วยการ เรียนรู้ มาตรฐานการ เรียนรู้ /ตัวชี้วัด สมรรถนะส าคัญ ของผู้เรียน สาระการเรียนรู้ เวลา ชั่วโมง น้ าหนัก คะแนน 3 การแปลความ ตีความ และ ขยายความ ม.4-6/9 มีมารยาทในการ อ่าน ท 4.1 ม.4-6/7 วิเคราะห์ และประเมินการใช้ ภาษาจากสื่อ สิ่งพิมพ์และสื่อ อิเล็กทรอนิกส์ ท 1.1 ม.4-6/2 ตีความ แปลความหมาย และขยายความ เรื่องที่อ่าน - มารยาทในการอ่าน - การประเมินการใช้ ภาษาจากสื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อ อิเล็กทรอนิกส์


ตารางที่ ๒ โครงสร้างหน่วยการเรียนรู้ รายวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ (ต่อ) บท ที่ ชื่อหน่วยการ เรียนรู้ มาตรฐานการ เรียนรู้ /ตัวชี้วัด สมรรถนะส าคัญ ของผู้เรียน สาระการเรียนรู้ เวลา ชั่วโมง น้ าหนัก คะแนน ม.4-6/3 วิเคราะห์และ วิจารณ์เรื่องที่ อ่านในทุกๆ ด้าน อย่างมีเหตุผล - ความสามารถใน การสื่อสาร - ความสามารถใน การคิด การอ่านจับใจความ จากสื่อต่างๆ ผู้อ่าน ต้องตีความ แปลความ และขยาย ความเรื่องที่อ่านได้ บทความ นิทาน เรื่องสั้น นวนิยาย วรรณกรรมพื้นบ้าน วรรณคดีในบทเรียน บทโฆษณา สารคดี บันเทิงคดี ปาฐกถา พระบรมราโชวาท เทศนา ค าบรรยาย ค าสอน บทร้อยกรองร่วมสมัย บทเพลง บทอาเศียรวาท ค าขวัญ 2 4 4 การอ่านเพื่อ แสดงความ คิดเห็น ท 1.1 ม.4-6/5 วิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความ คิดเห็นโต้แย้ง เกี่ยวกับเรื่องที่ อ่าน และเสนอ ความคิดใหม่ อย่างมีเหตุผล - ความสามารถใน การสื่อสาร - ความสามารถใน การคิด - การอ่านงานเขียน ประเภทต่างๆ ต้อง วิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน และเสนอความคิด ใหม่อย่างมีเหตุผล 4 6


ตารางที่ ๒ โครงสร้างหน่วยการเรียนรู้ รายวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ (ต่อ) บท ที่ ชื่อหน่วยการ เรียนรู้ มาตรฐานการ เรียนรู้ /ตัวชี้วัด สมรรถนะส าคัญ ของผู้เรียน สาระการเรียนรู้ เวลา ชั่วโมง น้ าหนัก คะแนน ม.4-6/6 ตอบค าถามจาก การอ่านงานเขียน ประเภทต่างๆ ภายในเวลาที่ ก าหนด ม.4-6/7 อ่าน เรื่องต่างๆ แล้ว เขียนกรอบ แนวคิด ผัง ความคิด บันทึก ย่อความ และ รายงาน ม.4-6/9 มี มารยาทใน การอ่าน - ความสามารถใน การแก้ปัญหา - ตอบค าถามจากการ อ่านในเวลาที่ก าหนด บทความ นิทาน เรื่องสั้น นวนิยาย วรรณกรรมพื้นบ้าน วรรณคดีในบทเรียน บทโฆษณา สารคดี บันเทิงคดี ปาฐกถา พระบรมราโชวาท เทศนา ค าบรรยาย ค าสอน บทร้อยกรองร่วมสมัย บทเพลง บทอาเศียรวาท ค าขวัญ - เขียนกรอบแนวคิด ผังความคิด บันทึกย่อ ความ รายงาน - มารยาทในการ อ่าน


ตารางที่ ๒ โครงสร้างหน่วยการเรียนรู้ รายวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ (ต่อ) บท ที่ ชื่อหน่วยการ เรียนรู้ มาตรฐานการ เรียนรู้ /ตัวชี้วัด สมรรถนะส าคัญ ของผู้เรียน สาระการเรียนรู้ เวลา ชั่วโมง น้ าหนัก คะแนน 5 การเขียน บันทึกความรู้ ท 2.1 ม.4-/7 บันทึก การศึกษาค้นคว้า เพื่อน าไปพัฒนา ตนเองอย่าง ต่อเนื่อง ม.4-6/8 มี มารยาทในการ เขียน - ความสามารถ ในการสื่อสาร - ความสามารถ ในการคิด - การเขียนบันทึก ความรู้จากแหล่ง เรียนรู้ที่หลากหลาย - มารยาทในการเขียน 2 5 6 การเขียน เรียงความ ย่อ ความ จดหมาย ท 2.1 ม.4-6/1 เขียน สื่อสารในรูปแบบ ต่างๆ ได้ตรงตาม วัตถุประสงค์โดย ใช้ภาษาเรียบ เรียงถูกต้อง มี ข้อมูล และ สาระส าคัญ ชัดเจน ม.4-6/2 เขียน เรียงความ ม.4-6/3 เขียนย่อความ จากสื่อที่มี รูปแบบ และ เนื้อหาที่ หลากหลาย - ความ สามารถใน การสื่อสาร - ความ สามารถในการคิด - อธิบาย บรรยาย แสดงทรรศนะ โต้แย้ง โน้มน้าว เชิญชวน ประกาศ จดหมายกิจ ธุระ โครงการและ รายงานการด าเนิน โครงการ รายงานการ ประชุม การกรอกแบบ รายการต่างๆ - การเขียนเรียงความ - การเขียนย่อความ จากสื่อต่างๆ เช่น กวีนิพนธ์ และ จากสื่อต่างๆ วรรณคดี เรืองสั้น สารคดี นว นิยาย บทความทาง วิชาการ และ วรรณกรรมพื้นบ้าน 4 6


ตารางที่ ๒ โครงสร้างหน่วยการเรียนรู้ รายวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ (ต่อ) บท ที่ ชื่อหน่วยการ เรียนรู้ มาตรฐานการ เรียนรู้ /ตัวชี้วัด สมรรถนะส าคัญ ของผู้เรียน สาระการเรียนรู้ เวลา ชั่วโมง น้ าหนัก คะแนน ม.4-6/8 มี มารยาทในการ เขียน - มารยาทในการเขียน 7 การเขียน อธิบาย ท 2.1 ม.4-6/1 เขียน สื่อสารในรูปแบบ ต่างๆ ได้ตรงตาม วัตถุประสงค์ โดย ใช้ภาษาเรียบ เรียงถูกต้อง มี ข้อมูล และ สาระส าคัญ ชัดเจน ม.4/8 มีมารยาทในการ เขียน - ความสามารถ ในการสื่อสาร - ความสามารถ ในการคิด - การเขียนสื่อสารใน รูปแบบต่างๆ เช่น อธิบาย บรรยาย แสดง ทรรศนะ โต้แย้ง โน้ม น้าว เชิญชวน ประกาศ จดหมายกิจ ธุระ โครงการและ รายงานการด าเนิน โครงการ รายงานการ ประชุม การกรอกแบบ รายการต่างๆ - มารยาทในการเขียน 2 5 8 การกรอกแบบ รายการ ท 2.1 ม.4-6/1 เขียน สื่อสารในรูปแบบ ต่างๆ ได้ตรงตาม วัตถุประสงค์ โดย ใช้ภาษาเรียบ เรียงถูกต้อง มี ข้อมูล และ สาระส าคัญ ชัดเจน - ความสามารถ ในการสื่อสาร - ความสามารถ ในการคิด - การเขียนสื่อสารใน รูปแบบต่างๆ เช่น อธิบาย บรรยาย แสดง ทรรศนะ โต้แย้ง โน้ม น้าว เชิญชวน ประกาศ จดหมายกิจ ธุระ โครงการและ รายงานการด าเนิน โครงการ รายงานการ ประชุม การกรอกแบบ รายการต่างๆ 2 5


ตารางที่ ๒ โครงสร้างหน่วยการเรียนรู้ รายวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ (ต่อ) บท ที่ ชื่อหน่วยการ เรียนรู้ มาตรฐานการ เรียนรู้ /ตัวชี้วัด สมรรถนะส าคัญ ของผู้เรียน สาระการเรียนรู้ เวลา ชั่วโมง น้ าหนัก คะแนน 9 ค านมัสการ คุณานุคุณ ท 1.1 ม.4-6/1 อ่าน ออกเสียงบทร้อย แก้วบทร้อยกรอง ได้อย่างถูกต้อง ไพเราะและ เหมาะสมกับเรื่อง ที่อ่าน - ความสามารถใน การสื่อสาร - การอ่าน ออกเสียง ประกอบด้วยบทร้อย แก้วประเภทต่าง ๆ เช่น บทความ นวนิยาย ความเรียง บทร้อยกรอง เช่น โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย และลิลิต 4 7 ท.4/2 ตีความ แปลความหมาย และขยายความ เรื่องที่อ่าน ท 5.1 ม.4-6/1 วิเคราะห์และ วิจารณ์วรรณคดี และวรรณกรรม ตามหลักการ วิจารณ์เบื้องต้น - ความสามารถใน การคิด - ความสามารถใน การใช้ทักษะชีวิต - ความสามารถใน การคิด - การอ่าน จับใจความ การอ่านออกเสียง เรื่องค านมัสการคุณา นุคุณ เป็นวรรณคดีที่มี คุณค่า จะต้องอ่าน อย่างถูกต้อง ไพเราะ - หลักการวิเคราะห์ และวิจารณ์วรรณคดี และวรรณกรรม เบื้องต้น - จุดมุ่งหมายของ การแต่งวรรณคดี และวรรณกรรม - การพิจารณา รูปแบบของวรรณคดี และวรรณกรรม


ตารางที่ ๒ โครงสร้างหน่วยการเรียนรู้ รายวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ (ต่อ) บท ที่ ชื่อหน่วยการ เรียนรู้ มาตรฐานการ เรียนรู้ /ตัวชี้วัด สมรรถนะส าคัญ ของผู้เรียน สาระการเรียนรู้ เวลา ชั่วโมง น้ าหนัก คะแนน ม.4-6/3 วิเคราะห์ และประเมินคุณค่า ด้านวรรณศิลป์ของ วรรณคดีและ วรรณกรรม ในฐานะที่เป็น มรดกทาง วัฒนธรรมของชาติ ม.4-6/4 สังเคราะห์ข้อคิด จากวรรณคดีและ วรรณกรรมเพื่อ น าไปประยุกต์ใช้ใน ชีวิตจริง ม.4-6/6 ท่องจ าและบอก คุณค่าบทอาขยาน ตามที่ก าหนดและ บทร้อยกรองที่มี คุณค่าตามความ สนใจ - ความสามารถใน การใช้ทักษะชีวิต - การพิจารณา เนื้อหาและกลวิธีใน วรรณคดีและ วรรณกรรม - การวิเคราะห์และ วิจารณ์วรรณคดี และวรรณกรรม - การวิเคราะห์และ ประเมินคุณค่า วรรณคดีและ วรรณกรรม - ด้านวรรณศิลป์ - ด้านสังคมและ วัฒนธรรม - การสังเคราะห์ วรรณคดีและ วรรณกรรม - บทอาขยานและ บทร้อยกรองที่มี คุณค่า - บทอาขยาน ตามที่ก าหนด - บทร้อยกรองตาม ความสนใจ


ตารางที่ ๒ โครงสร้างหน่วยการเรียนรู้ รายวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ (ต่อ) บท ที่ ชื่อหน่วยการ เรียนรู้ มาตรฐานการ เรียนรู้ /ตัวชี้วัด สมรรถนะส าคัญ ของผู้เรียน สาระการเรียนรู้ เวลา ชั่วโมง น้ าหนัก คะแนน 10 อิเหนา ตอน ศึกกะหมัง กุหนิง ท1.1 ม.4-6/1 อ่านออก เสียงบทร้อยแก้ว บทร้อยกรองได้ อย่างถูกต้อง ไพเราะ และ เหมาะสมกับเรื่องที่ อ่าน ท.4-6/2 ตีความ แปลความหมาย และขยายความ เรื่องที่อ่าน ท 5.1 ม.4-6/1 วิเคราะห์และ วิจารณ์วรรณคดี และวรรณกรรม ตามหลักการ วิจารณ์เบื้องต้น - ความสามารถใน การสื่อสาร - ความสามารถใน การคิด - ความ สามารถในการใช้ ทักษะชีวิต - การอ่านออกเสียง ประกอบด้วยบทร้อย แก้วประเภทต่าง ๆ เช่น บทความ นวนิยาย ความเรียง บทร้อยกรอง เช่น โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย และลิลิต - การอ่านจับ ใจความจากสื่อต่างๆ การศึกษาเรื่อง อิเหนา ตอน ศึกกะหมังกุหนิง - หลักการวิเคราะห์ และวิจารณ์วรรณคดี และวรรณกรรม เบื้องต้น - จุดมุ่งหมายของ การแต่งวรรณคดี และวรรณกรรม - การพิจารณา รูปแบบของวรรณคดี และวรรณกรรม - การพิจารณา เนื้อหาและกลวิธีใน วรรณคดีและ วรรณกรรม 4 7


ตารางที่ ๒ โครงสร้างหน่วยการเรียนรู้ รายวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ (ต่อ) บท ที่ ชื่อหน่วยการ เรียนรู้ มาตรฐานการ เรียนรู้ /ตัวชี้วัด สมรรถนะส าคัญ ของผู้เรียน สาระการเรียนรู้ เวลา ชั่วโมง น้ าหนัก คะแนน ท.4-6/2 ตีความ แปลความหมาย และขยายความ เรื่องที่อ่าน ท 5.1 ม.4-6/1 วิเคราะห์และ วิจารณ์วรรณคดี และวรรณกรรม ตามหลักการ วิจารณ์เบื้องต้น -6/3 วิเคราะห์ และประเมิน คุณค่าด้าน วรรณศิลป์ของ วรรณคดีและ วรรณกรรม ใน ฐานะที่เป็นมรดก ทางวัฒนธรรม - การวิเคราะห์และ วิจารณ์วรรณคดีและ วรรณกรรม - การอ่านจับ ใจความจากสื่อต่างๆ การศึกษาเรื่อง อิเหนา ตอน ศึกกะหมังกุหนิง - หลักการวิเคราะห์ และวิจารณ์วรรณคดี และวรรณกรรม เบื้องต้น - จุดมุ่งหมายของ การแต่งวรรณคดี และวรรณกรรม - การพิจารณา รูปแบบของวรรณคดี และวรรณกรรม - การพิจารณา เนื้อหาและกลวิธีใน วรรณคดีและ วรรณกรรม - การวิเคราะห์และ วิจารณ์วรรณคดีและ วรรณกรรม - การวิเคราะห์และ ประเมินคุณค่า วรรณคดีและ 4 7


ตารางที่ ๒ โครงสร้างหน่วยการเรียนรู้ รายวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ (ต่อ) บท ที่ ชื่อหน่วยการ เรียนรู้ มาตรฐานการ เรียนรู้ /ตัวชี้วัด สมรรถนะส าคัญ ของผู้เรียน สาระการเรียนรู้ เวลา ชั่วโมง น้ าหนัก คะแนน ม.4-6/4 สังเคราะห์ข้อคิด จากวรรณคดีและ วรรณกรรมเพื่อ น าไปประยุกต์ใช้ ในชีวิตจริง ม.4-6/6 ท่องจ า และบอกคุณค่า บทอาขยานตามที่ ก าหนดและบท ร้อยกรองที่มี คุณค่าตามความ สนใจ วรรณกรรม - ด้านวรรณศิลป์ - ด้านสังคมและ วัฒนธรรม - การสังเคราะห์ วรรณคดีและ วรรณกรรม -บทอาขยานและบท ร้อยกรองที่มีคุณค่า - บทอาขยาน ตามที่ก าหนด - บทร้อยกรองตาม ความสนใจ 11 นิทานเวตาล (เรื่องที่ 10) ท 1.1 ม.4-6/6 ตอบค าถามจาก การอ่านประเภท ต่างๆ ภายในเวลา ที่ก าหนด - ความสามารถใน การคิด - ความสามารถใน การแก้ปัญหา - ความสามารถใน การใช้ทักษะชีวิต - การอ่านจับใจความ จากสื่อต่างๆ เช่น การอ่านออกเสียง นิทานเวตาล (เรื่องที่ 10) จะต้องอ่าน อย่างถูกต้อง ไพเราะ เหมาะสม ตอบ ค าถามจากเรื่อง วรรณกรรมพื้นบ้าน วรรณคดีใน บทเรียน 4 7


ตารางที่ ๒ โครงสร้างหน่วยการเรียนรู้ รายวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ (ต่อ) ที่ ชื่อหน่วยการ เรียนรู้ มาตรฐานการ เรียนรู้ /ตัวชี้วัด สมรรถนะส าคัญ ของผู้เรียน สาระการเรียนรู้ เวลา ชั่วโมง น้ าหนัก คะแนน ท 5.1 ม.4-6/1 วิเคราะห์และ วิจารณ์วรรณคดี และวรรณกรรม ตามหลักการ วิจารณ์เบื้องต้น ม.4-6/2 การ วิเคราะห์ลักษณะ เด่นของวรรณคดี เชื่อมโยงกับการ เรียนรู้ทาง ประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิตของ สังคมในอดีต ม.4-6/3 วิเคราะห์และ ประเมินคุณค่า ด้านวรรณศิลป์ ของวรรณคดีและ วรรณกรรมใน ฐานะที่เป็นมรดก ทางวัฒนธรรม ของชาติ - จุดมุ่งหมายการ แต่งวรรณคดีและ วรรณกรรม - การพิจารณา รูปแบบของวรรณคดี และวรรณกรรม - การพิจารณา เนื้อหาและกลวิธีใน วรรณคดีและ วรรณกรรม - การวิเคราะห์และ วิจารณ์วรรณคดีและ วรรณกรรม - การวิเคราะห์ ลักษณะเด่นของ วรรณคดีและ วรรณกรรมเกี่ยวกับ เหตุการณ์ ประวัติศาสตร์และ วิถีชีวิตของสังคมใน อดีต - การวิเคราะห์และ ประเมินคุณค่า - ด้านวรรณศิลป์ - ด้านสังคมและ วัฒนธรรม 4 7


ตารางที่ ๒ โครงสร้างหน่วยการเรียนรู้ รายวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ (ต่อ) ที่ ชื่อหน่วยการ เรียนรู้ มาตรฐานการ เรียนรู้ /ตัวชี้วัด สมรรถนะส าคัญ ของผู้เรียน สาระการเรียนรู้ เวลา ชั่วโมง น้ าหนัก คะแนน ม.4-6/4 สังเคราะห์ข้อคิด จากวรรณคดีและ วรรณกรรมเพื่อ น าไปประยุกต์ใช้ ในชีวิตจริง - การสังเคราะห์ วรรณคดีและ วรรณกรรม วิเคราะห์ ลักษณะเด่น เชื่อมโยง กับการเรียนรู้วิถีชีวิต วิเคราะห์และประเมิน คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ของวรรณกรรมที่เป็น มรดกทางวัฒนธรรม ของชาติ 12 นิราศนรินทร์ค า โคลง ท 1.1 ม.4-6/1 อ่านออกเสียงบท ร้อยแก้วบทร้อย กรองได้อย่าง ถูกต้อง ไพเราะ และเหมาะสมกับ เรื่องที่อ่าน ม.4-6/7 อ่านเรื่องต่างๆ แล้วเขียนกรอบ แผนผังแนวคิด ผัง ความคิด บันทึก ย่อความ และ รายงาน - ความสามารถใน การสื่อสาร - ความสามารถใน การคิด - ความสามารถใน การใช้ทักษะชีวิต - การอ่านออกเสียง ประกอบด้วยบทร้อย แก้วประเภทต่าง ๆ เช่น บทความ นวนิยาย ความเรียง บทร้อยกรอง เช่น โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย และลิลิต - การอ่านออกเสียง นิราศนรินทร์ค าโคลง จะต้องอ่านอย่าง ถูกต้อง ไพเราะ เหมาะสม 4 7


ตารางที่ ๒ โครงสร้างหน่วยการเรียนรู้ รายวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ (ต่อ ที่ ชื่อหน่วยการ เรียนรู้ มาตรฐานการ เรียนรู้ /ตัวชี้วัด สมรรถนะส าคัญ ของผู้เรียน สาระการเรียนรู้ เวลา ชั่วโมง น้ าหนัก คะแนน ท 5.1 ม.4-6/1 วิเคราะห์และ วิจารณ์วรรณคดี และวรรณกรรม ตามหลักการ วิจารณ์เบื้องต้น ม.4-6/2 การวิเคราะห์ ลักษณะเด่นของ วรรณคดีเชื่อมโยง กับการเรียนรู้ทาง ประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิตของ สังคมในอดีต ม.4-6/3 วิเคราะห์และ ประเมินคุณค่า ด้านวรรณศิลป์ ของวรรณคดีและ วรรณกรรมใน ฐานะที่เป็นมรดก ทาง หลักการวิเคราะห์ และวิจารณ์ - จุดมุ่งหมายการแต่ง วรรณคดีและ วรรณกรรม - การพิจารณา รูปแบบของวรรณคดี - การพิจารณาเนื้อหา และกลวิธี - การวิเคราะห์และ การวิจารณ์วรรณคดี และวรรณกรรม - การวิเคราะห์ ลักษณะเด่นของ วรรณคดีและ วรรณกรรมเกี่ยวกับ เหตุการณ์ ประวัติศาสตร์และวิถี ชีวิตของสังคมในอดีต - การวิเคราะห์และ ประเมินคุณค่า - ด้านวรรณศิลป์ - ด้านสังคมและ วัฒนธรรม


ตารางที่ ๒ โครงสร้างหน่วยการเรียนรู้ รายวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ (ต่อ) ที่ ชื่อหน่วยการ เรียนรู้ มาตรฐานการ เรียนรู้ /ตัวชี้วัด สมรรถนะส าคัญ ของผู้เรียน สาระการเรียนรู้ เวลา ชั่วโมง น้ าหนัก คะแนน วัฒนธรรมของ ชาติ ม.4-6/4 สังเคราะห์ข้อคิด จากวรรณคดีและ วรรณกรรมเพื่อ น าไปประยุกต์ใช้ ในชีวิตจริง - การสังเคราะห์ วรรณคดีและ วรรณกรรม รวมทุกหน่วย 39 70 สอบปลายภาค 1 30 รวมตลอดภาค 40 100 3. เอกสารที่เกี่ยวข้องกับวรรณคดี 3.1 ความหมายของวรรณคดี ความหมายตามรูปศัพท์ของค าว่า “วรรณคดี” นั้นหมายความว่า แนวทางของหนังสือ เป็น ค าสมาสที่ประขึ้นมาจากค าว่า “วรรณ” ที่มีรากศัพท์มาจากภาษาสันสกฤต “วรณ” แปลว่า หนังสือ กับค าส่า “คดี” ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษาบาลีว่า “คติ” แปลว่า การด าเนิน การไป ความเป็นไป แต่ความหมายที่ใช้กัน ในสังคมไทยและทราบโดยทั่วกัน หมายความถึง หนังสือที่ได้รับยกย่องว่าแต่งดี ค าว่า “วรรณคดี” ตามความหมายในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 (2556, น.1100) หมายถึง วรรณกรรมที่ได้รับยกย่องว่าแต่งดีมีคุณค่าเชิงวรรณศิลป์ถึงขนาด เช่น พระราชพิธีสิบสอง เดือน มัทนะพาธา สามก๊ก เสภาเรื่องชุนช้างขุนแผน นอกจากนี้ ยังมีนักวิชาการหลายท่านได้ท าการศึกษา และอธิบายความหมายของค าว่า “วรรณคดี” ไว้ดังนี้


กุหลาบ มัลลิกะมาส (2555, น.1) กล่าวว่า “วรรณคดี” มาจากค าว่า “วรรณ” หรือ “บรรณ” แปลว่า ใบไม้ หรือหนังสือ ส่วน “คดี”หรือ“คติ” แปลว่าทาง หรือแนวทาง ดังนั้น วรรณคดีจึงหมายถึง แนวทางของการแต่งหนังสือ วิภา กงกะนันทน์ (2556, น.3) อธิบายโดยสรุปว่า ค าว่า “วรรณคดี” และค าว่า “วรรณกรรม” มีความหมายเดียวกัน คือ ผลงานประเภทหนึ่งของมนุษย์ที่ใช้ภาษาเป็นเครื่องมือสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็นภาษาพูด หรือภาษาเขียนก็ตาม แต่วรรณคดีหรือวรรณกรรมต่างจากค าพูดหรือข้อเขียนที่ใช้ในการสนทนาสื่อสารกันใน ชีวิตประจ าวัน ด้วยภาษาในวรรณคดีหรือในวรรณกรรมเป็นภาษาที่ผู้แต่งใช้อารมณ์ และสติปัญญา คิด คัดสรร กลั่นกรอง วรรณคดีหรือวรรณกรรมเป็นผลงานที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ส าคัญเพื่อบันทึกหรือ บรรยายความรู้สึก อารมณ์ ความคิด ความใฝ่ฝัน จินตนาการและประสบการณ์ของคนให้ปรากฏออกมาใน รูปแบบใดรูปแบบหนึ่งตามใจปรารถนา จากการศึกษาความหมายของวรรณคดี สรุปได้ว่า วรรณคดี คือ วรรณกรรมหรืองานเขียนที่ยก ย่องกันว่าดี มีสาระ และมีคุณค่าทางวรรณศิลป์ สามารถท าให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์สะเทือนใจ มีความคิดเป็นแบบ แผน เหมาะแก่การเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับรู้เรียนรู้ เพราะ สามารถยกระดับจิตใจให้สูงขึ้นได้ รู้ว่าอะไรควร หรือไม่ควร ๓.๒ ความส าคัญและคุณค่าของวรรณคดี มีนักวิชาการได้อธิบายถึงความส าคัญและคุณค่าที่ได้รับจากการศึกษาวรรณคดีหลายท่าน ดังนี้ พระยาอนุมานราชธน (๒๕๑๘, น.๑๔ - ๑๕) กล่าวว่า โลกจะเจริญก้าวหน้ามาได้ก็เพราะว่า วิทยาศาสตร์ แต่มีเพียงวิทยาศาสตร์อย่างเดียวนั้นยังไม่ครอบคลุมไปถึงความเป็นไปได้ในชีวิตที่มีอารยธรรม และวัฒนธรรมสูง เราต้องมีศาสนา ปรัชญา ศิลปะ และเราต้องมีวรรณคดีด้วย สิ่งเหล่านี้ย่อมน ามาแต่ความดี งาม น าความบันเทิงมาให้แก่จิตใจให้เราคิดงาม เห็นงา รวมทั้งประพฤติงาม ศิลปะและวรรณคดีคือแดนแห่ง ความเพลิดเพลินใจ ท าให้มีใจสูงเหนือใจแข็งกระด้าง เป็นแดน้ าให้ความแข็งกระด้างต้องละลายสูญหาย ก ล า ย เ ป็ น มี ใ จ ง า ม ล ะ มุ น ล ะ ม่ อ ม เ พี ย บ พ ร้ อ ม ไ ป ด้ ว ย คุ ณ ความดี กระทรวงศึกษาธิการ (๒๕๕๑, น.๔๓) กล่าวถึงคุณค่าของวรรณคดีที่ผู้เรียนควรได้รับจากการ อ่านไว้ดังต่อไปนี้ ผู้อ่านวรรณคดี หรือวรรณกรรมแล้วจะต้องประเมินงานประพันธ์ให้เห็นคุณค่าของงาน ท าให้ ผู้อ่านอ่านอย่างสนุก และได้รับประโยชน์จากการอ่านงานประพันธ์ให้เห็นคุณค่าของงานประพันธ์แบ่งได้เป็น ๒ ประการ คือ 1) คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ถ้าอ่านบทร้อยกรองก็จะพิจารณากลวิธีการแต่ง การเลือกเฟ้น ถ้อยค ามาใช้ได้อย่างไพเราะ มีความคิดสร้างสรรค์ และให้ความสะเทือนอารมณ์ ถ้าเป็นบทร้อยแก้วประเภท สารคดี รูปแบบการเขียนจะเหมาะสมกับเนื้อเรื่อง วิธีการน าเสนอน่าสนใจ เนื้อหามีความถูกต้อง ใช้ภาษา สละสลวยชัดเจน การน าเสนอมีความคิดสร้างสรรค์ ถ้าเป็นร้อยแก้วประเภทบันเทิงคดี องค์ประกอบของเรื่อง ไม่ว่าเรื่องสั้น นวนิยาย นิทาน จะมีแก่นเรื่อง โครงเรื่อง ตัวละครที่มีความสัมพันธ์กัน กลวิธีการแต่งแปลกใหม่


น่าสนใจ ปมขัดแย้งในการแต่งสร้างความสะเทือนอารมณ์ การใช้ถ้อยค าสร้างภาพได้ชัดเจน ค าพูดในเรื่อง เหมาะสมกับบุคลิกของตัวละคร 2) คุณค่าด้านสังคม เป็นคุณค่าทางวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปะ ชีวิตความ เป็นอยู่ของมนุษย์ และคุณค่าทางจริยธรรม คุณค่าด้านสังคม เป็นคุณค่าที่ผู้อ่านจะเข้าใจชีวิตทั้งในโลกทัศน์ และชีวทัศน์ เข้าใจในการด าเนินชีวิตและเข้าใจเพื่อนมนุษย์ดีขึ้น เนื้อหาย่อมเกี่ยวข้องกับการช่วยจรรโลงใจแก่ ผู้อ่าน ช่วยพัฒนาสังคมช่วยอนุรักษ์สิ่งมีคุณค่าของชาติบ้านเมืองและสนับสนุนค่านิยมอันดีงาม จุฬาลักษณ์ คชาชัย (๒๕๕๗, น. ๒) กล่าวว่าวรรณคดีมีคุณค่าหลากหลายประการ ทั้งด้านความไพเราะงดงามจากภาษาที่คัดสรรค าน ามาร้อยเรียงอย่างประณีตหรือที่เรียกว่าวรรณศิลป์ ซึ่งได้ ช่วยกล่อมเกลาให้ผู้อ่านวรรณคดีเกิดความละเอียดละอ่อนทางอารมณ์ นอกจากนี้ยังมีคุณค่าทางสติปัญญา เนื่องจากการศึกษาวรรณคดีเป็นการเรียนรู้เรื่องราวของวิถีชีวิต วัฒนธรรม และอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ ท าให้ผู้ศึกษาเข้าใจความเป็นธรรมชาติของมนุษย์ และเข้าใจสังคมวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของคนในชาติอย่าง ละเอียดลออ รวมทั้งยังสามารถน าแง่คิดคติสอนใจจากการศึกษาวรรณคดีมาเป็นประโยชน์แก่ชีวิตในฐานะ ประสบการณ์โดยอ้อม จากการศึกษาสรุปความส าคัญและคุณค่าของวรรณคดีได้ว่า วรรณคดีหรือวรรณกรรม มีคุณค่า หลากหลายประการ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ 1) คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ซึ่งเป็นคุณค่าด้าน การใช้ภาษาที่งดงาม และ 2) คุณค่าด้านสังคม เป็นคุณค่าที่สะท้อนสภาพสังคม วัฒนธรรมประเพณี และความ เชื่อต่าง ๆ ๓.๓ ประเภทของวรรณคดีไทย มีนักวิชาการหลายท่านที่ได้ท าการศึกษา อธิบาย และจ าแนกประเภทของวรรณคดีไทยไว้ หลากหลายประเภท ดังนี้ กัลยา สหชาติโกสีย์และคณะ (๒๕๕๔, น. ๔ - ๕) อธิบายเกี่ยวกับประเภทของวรรณคดีดังนี้ ในพระราชกฤษฎีกา ได้แบ่งวรรณคดี ออกเป็น ๕ ประเภท ดังนี้ 1. กวีนิพนธ์ คือ โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน 2. ละครไทย คือ เรื่องที่แต่งเป็นกลอนแปด มีก าหนดหน้าพาทย์ 3. นิทาน คือ เรื่องราวอันผูกขึ้น และแต่งเป็นร้อยแก้ว 4. ละครพูด คือ เรื่องราวที่เขียนขึ้นส าหรับใช้แสดงบนเวที 5. อธิบาย คือ แสดงด้วยศิลปวิทยาหรือกิจการอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ถ้าน าหนังสือที่มีอยู่มา แบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ ๆ ก็จะได้ ๓ ประเภท ดังนี้ ๑) ร้อยแก้ว คือ การเขียนข้อความหรือเรื่องราวที่ไม่ก าหนดคณะของค าและไม่บังคับ สัมผัส สามารถแบ่งออกเป็น ๒ รูปแบบ คือ


๑.๑) บันเทิงคดี เช่น นิทาน นวนิยาย เป็นต้น ๑.๒) สารคดี เช่น ประวัติศาสตร์ ๒) ร้อยก รอง คือ บทป ร ะพัน ธ์ที่แต่งให้มีสัมผัสของค าเชื่อมโ ยงกัน โดยมี ฉันทลักษณ์ หรือต าราต่าง ๆ ที่ก าหนดข้อบังคับไว้ เช่น มีเอก-โท เป็นต้น ร้อยกรองยงสามารถแบ่งรูปแบบออก ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น ค าฉันท์ ค ากลอน ค าโคลง ค ากาพย์ ร่ายยาว เป็นต้น ๓) บทละคร คือ เรื่องที่แต่งขึ้นส าหรับใช้แสดงบนเวที อาจจะเป็นบทร้อยแก้วหรือบทร้อย กรองเป็นละครดั้งเดิมของไทย หรือได้รับอิทธิพลจากตะวันตก นิยมใช้เป็นบทละครพูด อลงกรณ์ พลอยแก้ว (2564, ออนไลน์) แบ่งวรรณคดีไทยจ าแนกตามวัตถุประสงค์ได้ดังนี้ 1) วรรณคดีพระพุทธศาสนา มุ่งแสดงหลักค าสอนให้เห็นถึงผลของการท าดีท าชั่ว เช่น ไตรภูมิพระร่วง ร่ายยาวมหาเวชสันดรชาดก 2) วรรณคดีสุภาษิต ค าสอน มุ่งแสดงแนวทางในการปฏิบัติตนในสังคม เช่น สุภาษิตพระ ร่วง โคลงโลกนิติ อิศรญาณภาษิต 3) วรรณคดีเกี่ยวกับประเพณี และพิธีกรรม เช่น ค าฉันท์ดุษฎีสังเวยกล่อมช้าง 4) วรรณคดีเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ เช่น ลิลิตตะเลงพ่าย ราชาธิราช สามก๊ก 5) วรรณคดีเพื่อความบันเทิง แต่งเพื่อเป็นมหรสพต่างๆ เช่น อิเหนา รามเกียรติ์ มโนราห์ 6) วรรณคดีบันทึกการเดินทาง เช่น นิราศภูเขาทอง นิราศพระบาท นิราศเมืองเพชร นิราศนรินทร์ จากการศึกษาสรุปประเภทของวรรณคดีได้ว่า ประเภทของวรรณคดีที่แบ่งโดยใช้รูปแบบการ ประพันธ์เป็นเกณฑ์ สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ วรรณคดีประเภทร้อยแก้ว หรืองานเขียนที่ไม่มี การก าหนดรูปแบบฉันทลักษณ์ และวรรณคดีประเภทร้อยกรอง หรืองานเขียนที่ก าหนดระเบียบ คณะของค า และฉันทลักษณ์ ๓.๔ องค์ประกอบของวรรณคดี วรรณคดี จัดเป็นวรรณกรรมที่แต่งได้ดี จึงถือได้ว่าวรรณคดีทุกเรื่องคือวรรณกรรม วรรณคดีและ วรรณกรรมเป็นศิลปะทางภาษาที่ผู้อ่านต้องอาศัยความรู้ ความคิด จินตนาการ และความรู้สึกร่วมของอารมณ์ ในการเข้าถึง นักวิชาการได้อธิบาย และจ าแนกองค์ประกอบของวรรณคดีหรือวรรณกรรมไว้ดังนี้ เสนีย์ วิลาวรรณ (มปป., น.3 – 9 ) ได้จ าแนกองค์ประกอบของวรรณคดีและวรรณกรรมไว้ 3 องค์ประกอบ ที่มีความสัมพันธ์กัน ดังนี้ 1) เนื้อหา คือ ใจความส าคัญ เนื้อหาของวรรณคดีและวรรณกรรมมีส่วนที่มาประกอบ กัน คือ


1.1) เนื้อเรื่อง คือ เรื่องราวหรือข้อคิดของงานประพันธ์ เป็นส่วนที่บอกว่า มีอะไร เกิดขึ้นกับใคร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร 1.2) แก่นเรื่อง คือ แนวคิดหลักหรือข้อคิดส าคัญที่ผู้แต่งก าหนดไว้ก่อนที่จะเขียน เรื่อง เพื่อเป็นกรอบให้ผู้แต่งไม่เขียนนอกเรื่อง 1.3) โครงเรื่อง คือ เหตุการณ์ส าคัญของเรื่องที่ผู้แต่งวางไว้อย่างคร่าว ๆ ยังไม่ใส่ รายละเอียดของเนื้อหา ไม่ก าหนดชื่อของตัวละคร ไม่ก าหนดรายละเอียดของเหตุการณ์และสถานที่ 1.4) ตัวละคร คือ ผู้แสดงบทบาทในงานประพันธ์ 1.5) ฉาก คือ สภาวะแวดล้อมของตัวละครในงานประพันธ์ รวมถึงบรรยากาศใน เหตุการณ์หรือเรื่องราวของงานประพันธ์ 2) รูปแบบ คือ ลักษณะของงานประพันธ์ที่ผู้แต่งแสดงออกมา 3) ภาษา คือ ถ้อยค าที่ใช้เรียบเรียงเรื่องราว เหตุการณ์ ความรู้ ฯลฯ เพื่อสื่อมายังผู้รับ สาร มีทั้งภาษาพูดและภาษาเขียน วิภา กงกะนันทน์ (2556 , น. 13) แบ่งองค์ประกอบของวรรณคดีไว้ดังนี้ 1) เนื้อหา คือ เรื่องราวที่ผู้เขียนถ่ายทอดออกมา โดยมีคนหรือตัวละครปรากฏในเรื่อง อาจเป็นได้ทั้งคนจริงคือคนที่มีตัวตนอยู่จริง หรือ ตัวละครคือคนสมมติที่ผู้เขียนคิดขึ้นจากจินตนาการของ ผู้เขียน นอกจากนี้การที่เนื้อหาจะสมบูรณ์จะต้องมีฉาก ซึ่งก็คือ เวลาและสถานที่ ผู้เขียนจะสร้างฉากให้สมจริง และกลมกลืนไปกับเรื่องราว 2) ภาษาที่ใช้ ภาษาคือเครื่องมือในการถ่ายทอดเรื่องราวหรือเนื้อหาข้างต้น ดังนั้นการ ใช้ภาษาจึงเป็นส่วนที่ส าคัญ ผู้เขียนจะรังสรรค์ถ้อยค า เรียบเรียงภาษา เพื่อให้สามารถร้อยเรียงเรื่องราวได้ อย่างต่อเนื่องและสมบูรณ์ การใช้ภาษาจะต้องสมจริงและเหมาะสมกับเรื่องราว จึงจะท าให้เรื่องราวสามารถ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้อ่านได้ตามวัตถุประสงค์ของผู้เขียน 3) รูปแบบงานประพันธ์ คือการที่ผู้เขียนสร้างสรรค์วิธีการน าเสนอผลงานให้มีลักษณะ ที่หลากหลาย ท าให้เกิดรูปแบบของงานประพันธ์ขึ้น วัชระพล วิบูลยศริน (2559, ออนไลน์) แบ่งองค์ประกอบของวรรณกรรมและวรรณคดีออกเป็น 3 องค์ประกอบดังนี้ 1) โครงเรื่อง (Plot) ได้แก่ โครงสร้างของบทบาท หรือนาฏการ ซึ่งได้จัดระเบียบไว้ เพื่อให้บรรลุผลกระทบทางด้านอารมณ์สะเทือนใจและศิลปะ ประกอบด้วยเนื้อเรื่องและปมขัดแย้ง 2) แก่นเรื่อง หรือสารัตถะ (Theme) เป็นสารที่ผู้แต่งสื่อมายังผู้อ่าน ให้เข้าใจว่าวิถีแห่ง โลกเราหรือมนุษย์เราก็เป็นเช่นนี้


3) ตัวละคร (Character) เป็นผู้ที่มีบทบาทในเรื่องเล่าและบทละคร และผู้อ่านจะ ตีความเอาเองว่า ตัวละครมีศีลธรรมจรรยาและอารมณ์อย่างไร จากการแสดงออกด้วยบทสนทนาและการ กระท าเรียกว่าบทบาท 4) บทสนทนา (Dialogue) คือการสนทนาโต้ตอบกันระหว่างตัวละครในเรื่อง 5) ฉาก (Setting) หมายถึง สถานที่ เวลาทางประวัติศาสตร์ และกรณีแวดล้อมทาง สังคมที่เกิดเหตุการณ์ในเรื่องนั้น ๆ 6) มุมมอง (Point of View) คือ กลวิธีหรือรูปแบบที่ผู้แต่งใช้ในการเล่าเรื่อง จากการศึกษาสรุปองค์ประกอบของวรรณคดีได้ดังนี้ 1) ส่วนเนื้อหา ประกอบด้วย โครงเรื่อง แก่นเรื่อง ตัวละคร บทสนทนา ฉาก มุมมอง 2) ภาษาที่ใช้คือ ความสามารถของผู้แต่งในการเลือกสรรถ้อยค าในงานประพันธ์เพื่อให้เกิด ความงดงาม 3) รูปแบบงานประพันธ์ รูปแบบและวิธีการน าเสนองานประพันธ์ ๓.5 วรรณคดีที่ใช้ในการวิจัย วรรณคดีเรื่องอิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง นักเรียนที่ศึกษาอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ – ๖ จ าเป็นต้องเรียนวรรณคดีที่ก าหนดไว้ ว่าต้องเรียนจ านวนทั้งหมด ๖ เรื่อง โดยยึดจากประกาศที่กระทรวงศึกษาธิการ (๒๕๕๑, น.๗) ระบุไว้ว่า นักเรียนในระดับช่วงชั้นที่ ๔ (มัธยมศึกษาปีที่ ๔ – ๖) วรรณคดีที่ก าหนดให้เรียน ได้แก่ ๑) นมัสการมาตาปิตุ คุณ นมัสการอาจาริยคุณ ๒) บทเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน ๓) บทละครเรื่องอิเหนา ๔) สามก๊ก ๕) ลิลิตตะเลง พ่าย และ ๖) ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก ซึ่งสอดคล้องกับเนื้อหาในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย วรรณคดีวิจักษ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ของกระทรวงศึกษาธิการ ที่มีการก าหนดให้ผู้เรียนในระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ ๔ ศึกษาวรรณคดี ๒ เรื่อง คือ นมัสการมาตาปิคุณ นมัสการอาจาริยคุณ และบทละครเรื่อง อิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง 1) ที่มาและความส าคัญ บทละครเรื่องอิเหนา เป็นวรรณคดีเก่าแก่เรื่องหนึ่งของไทย ธานีรัตน์ จัตุทะศรี (๒๕๖๔, น.๕) อธิบายที่มาของวรรณคดีเรื่องนี้ไว้ว่า อิเหนามีต้นเค้าจากนิทานปันหยีของชวา เป็นนิทานส าคัญที่สืบทอดอยู่ใน สังคมไทยมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายซึ่งมีการประพันธ์เรื่องนี้เป็นครั้งแรก ๒ ส านวน คือ เรื่องดาหลัง (อิเหนาใหญ่) ของเจ้าฟ้าหญิงกุณฑล และเรื่องอิเหนา (อิเหนาเล็ก) ของเจ้าฟ้าหญิง มงกุฎ ๒ พระราชธิดาในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ โดยโครงเรื่องของอิเหนาเล็กได้รับความนิยมและเป็นที่ รู้จักมากกว่าอิเหนาใหญ่


อีกทั้ง ชลธิชา น านา (๒๕๖๐, น.๓๑ – ๓๓) ได้ศึกษาความเป็นมาและตั้งข้อสังเกตถึงภุมิหลัง ของวรรณคดีเรื่องอิเหนาไว้ว่า มีเนื้อหาเป็นพงศาวดาร แต่งขึ้นเพื่อการเฉลิมพระเกียรติกษัตริย์ชวา พระองค์ หนึ่งซึ่งทรงเป็นนักรบ นักปกครองและทรงสร้างความเจริญให้แก่ชวาเป็นอย่างมากกษัตริย์ พระองค์นี้ทรงพระ นามว่า ไอรลังคะ ครองราชย์อยู่ที่เมืองตาฮา (ดาหา) เมื่อประมาณ พ.ศ. 1512 กษัตริย์ไอรลังคะมีพระราช ธิดา 1 พระองค์ และพระราชโอรส 2 พระองค์ เมื่อพระราชธิดาเสด็จออก ผนวชเป็นชี กษัตริย์ไอรลังคะจึง ทรงแบ่งราชอาณาจักรออกเป็น 2 ส่วน คือ กุเรปัน และดาหา เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์พระราชโอรสพระองค์ โตครองกุเรปันพระราชโอรสพระองค์เล็กครองดาหา ต่อมากษัตริย์กุเรปันมีพระราชโอรสพระองค์หนี่ง และกษัตริย์ดาหามีพระราชธิดาพระองค์ หนึ่ง พระราชโอรสและพระราชธิดาทั้งสองพระองค์ทรงพระนามในวรรณคดีว่า อิเหนาและบุษบา เมื่อเจริญ พระชันษา พระราชธิดาของอดีตกษัตริย์ไอรลังคะที่เสด็จออกผนวชเป็นชี มีพระดาริให้ อิเหนาและบุษบา อภิเษกกัน เพื่อให้กุเรปันและดาหากลับมารวมเป็นราชอาณาจักรเดียวกันดังเดิม อิเหนาเป็นกษัตริย์ที่ทรงอานุภาพ ปราบปรามหัวเมืองน้อยใหญ่ให้อยู่อ านาจ จนได้ชื่อว่า เป็น มหาราชพระองค์หนึ่งในพงศาวดาร อย่างไรก็ตาม ราชวงศ์ของอิเหนารุ่งเรืองอยู่เพียง 200 ปี จนเมื่อประมาณ พ.ศ. 1764 ก็เสื่อมอ านาจ เพราะถูกกษัตริย์อังรกะแย่งราชสมบัติและย้ายราชธานีไป ตั้งอยู่ที่เมืองสิงคัสซารี (สิงหัดส่าหรี) แต่ในสมัยต่อมาได้ย้ายไปอยู่ที่เมืองมัชปาหิต จนถึง พ.ศ. 2000 ชวาก็ตกอยู่ในอ านาจของชาวอินเดียที่นับถือศาสนาอิสลาม ภายหลังก็ตก เป็นเมืองขึ้นของโปรตุเกสและฮอลันดา ได้รับเอกราชและสถาปนาเป็นประเทศอินโดนีเซีย เมื่อ พ.ศ. 2492 ชาวชวาถือว่าอิเหนาเป็นวีรบุรุษ เป็นผู้มีฤทธิ์ เรื่องที่เล่าสืบต่อกันมาจนกลายเป็นนิทานจึงเต็ม ไปด้วย อิทธิปาฏิหาริย์ เนื่องจากนิทานปันหยีหรืออิเหนา เป็นเรื่องราวที่ได้รับความนิยมจากชาวชวาเป็นอย่างมาก เนื้อเรื่องจึงมีปรากฏเป็นหลายส านวน และเมื่อเข้าสู่ประเทศไทย มีค ากล่าวกันสืบมาว่าพระราชธิดาใน สมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศกับเจ้าฟ้าสังวาลย์ คือ เจ้าฟ้ากุณฑลและเจ้าฟ้ามงกุฎได้ทรงฟังนิทาน ปันหยีจากนาง ก านัลชาวมลายูที่ได้จากเมืองปัตตานี พระราชธิดาทั้งสองพระองค์จึงมีพระด าริ ที่จะทรงนิพนธ์นิทานเรื่องนี้ขึ้น เจ้าฟ้ากุณฑลทรงนิพนธ์เป็นบทละครเรื่องดาหลัง และเจ้าฟ้ามงกุฎ ทรงนิพนธ์เป็นบทละครเรื่อง อิเหนาแต่คน ทั่วไปมักเรียกบทพระนิพนธ์ของทั้งสองพระองค์ว่า อิเหนา ใหญ่ และ อิเหนาเล็ก นิทานปันหยีของไทยจึงมี 2 ส านวนแต่นั้นมา อย่างไรก็ตาม แม้เมื่อแรกเริ่ม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศจะโปรดเกล้าฯ ให้น ามาเล่นเป็น ละครในทั้งสองเรื่อง แต่เนื่องจากอิเหนาเล็กมีเนื้อเรื่องไม่สับสนเหมือนอิเหนาใหญ่ และชื่อตัวละครก็เรียกไม่ ยาก คนทั่วไปจึงนิยมเรื่องอิเหนา เล็กมากกว่า ดังมีหลักฐานเป็นพยานอยู่ในเรื่อง ปุณโณวาทคาฉันท์ ของพระ มหานาควัดท่าทราย ซึ่งแต่งในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศได้กล่าวถึงการเล่นละครในเรื่องอิเหนา ตอน อิเหนาลัก นางบุษบาไปไว้ในถ้ า อันเป็นเนื้อเรื่องของอิเหนาเล็กที่ไม่ปรากฏในเรื่องอิเหนาใหญ่ เมื่อเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ใน พ.ศ. 2310 ต้นฉบับบทละครเรื่องดาหลังและอิเหนาซึ่ง แต่เดิมแต่งไว้ถึงตอนสึกซี สูญหายไป และไม่ปรากฏว่ามีบทละครเรื่องอิเหนาที่แต่งขึ้นใหม่ จึงเข้าใจว่า การเล่น ละครเรื่องอิเหนาในสมัยธนบุรีคงใช้บทละครครั้งกรุงเก่าที่จาสืบกันมา


อย่างไรก็ตาม ในสมัยธนบุรียังมีอิเหนาอีกสานวนหนึ่งซึ่งเป็นงานนิพนธ์ของเจ้าพระยา พระ คลัง (หน) ครั้งดารงตาแหน่งเป็นหลวงสรวิชิต ชื่อเรื่องว่า อิเหนาคาฉันท์ แต่งขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2322 ดา เนินความตามบทละครเรื่องอิเหนาเล็ก พระนิพนธ์ในเจ้าฟ้ามงกุฎตั้งแต่ตอนอิเหนาเผา เมืองดาหาแล้วปลอม เป็นจรกาลักพาบุษบาไปซ่อนในถ้า จนถึงอิเหนากลับไปแก้ความสงสัยที่ กรุงดาหาสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชก็พระราชนิพนธ์บท ละครเรื่องอิเหนาขึ้น โดยพระราชนิพนธ์ ซ่อมแปลงบทครั้งกรุงเก่าที่ยังเหลืออยู่เฉพาะตอน ที่ขาดหายไป และในสมัยต่อมาพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้ พระราชนิพนธ์บทละครเรื่องอิเหนาขึ้นใหม่ ทั้งหมด ด้วยมีพระราชดาริดังปรากฏในคากลอนท้ายบทละครว่า อันอิเหนาเอามาทาเป็นค าร้อง สาหรับงานการฉลองกองกุศล ครั้งกรุงเก่าเจ้าสตรีเธอนิพนธ์ แต่เรื่องต้นตกหายพลัดพรายไป หากพระองค์ทรงพิภพปรารภเล่น ให้ร าเต้นเล่นละครคิดกลอนใหม่ เติมแต้มต่อติดประดิษฐ์ไว้ บ ารุงใจไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน (อิเหนา, 2546: 1012) เนื่องจากบทละครเรื่องอิเหนา พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ซึ่ง ทรงแต่งซ่อมนั้น เนื้อความเข้ากันไม่สนิทกับบทเมื่อครั้งกรุงเก่าและนามาเล่นละครได้ไม่เหมาะ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจึงพระราชนิพนธ์แก้ไขให้สั้นและสอดคล้องกับท่าร า โดยรักษากระบวนความไว้ตามเดิม แล้วพระราชทานให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์ มนตรีซึ่งทรงเชี่ยวชาญในการละคร ทรงน าไปลองหัดซ้อมกระบวนท่าร า ตามบทกับครูละคร ก่อนที่จะช่วยกัน ดัดแปลงเสริมแต่งท่าร าจนเห็นว่างาม เมื่อได้ท่าร าต้องกันกับบทแล้ว จึงน าไปซ้อมจนช านาญแล้วจึงราถวายให้ ทอดพระเนตรเพื่อให้มีพระบรมราชวินิจฉัยอีกครั้ง เป็นอันเสร็จ 2) ประวัติผู้แต่ง พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 4 ในพระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และเป็นกษัตริย์องค์ที่สองของสยามในสมัยราชวงศ์จักรี ปกครองระหว่าง พ.ศ. 2352 ถึง พ.ศ. 2367 ในปี พ.ศ. 2352 เจ้าฟ้าฉิมหรือกรมหลวงอิศรสุนทรพระราชโอรสองค์โตสืบราช บัลลังก์ต่อจากรัชกาลที่ 1 พระราชบิดาผู้สถาปนาราชวงศ์จักรีเป็นพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัช สมัยของพระองค์สงบสุข ปราศจากความขัดแย้ง รัชสมัยของพระองค์เป็น "ยุคทองของวรรณคดี" เนื่องจาก พระองค์ทรงอุปถัมภ์กวีหลายคนในราชส านัก และพระองค์เองก็มีชื่อเสียงในฐานะกวีและศิลปิน กวีที่โดดเด่น ที่สุดในราชส านักคือสุนทรภู่ 3) เนื้อเรื่องย่อ


ท้าวกะหมังกุหนิงกับประไหมสุหรีมีโอรสชื่อ วิหยาสะก า ในคราวที่วิหยาสะก าออกประพาส ป่า องค์ปะตาระกาหลาได้แปลงร่างเป็นกวางทอง เพื่อล่อวิหยาสะก ามายังต้นไทร ที่พระองค์ซ่อนรูปวาด บุษบาไว้ เมื่อวิหยาสะก าเห็นรูปวาดของบุษบาก็หลงรักนางจนคลั่ง ท้าวกะหมังกุหนิงสืบทราบว่านางคือ บุษบา ธิดาท้าวดาหาที่ตอนนี้เป็นคู่หมั้นของจรกาแล้ว แต่ด้วยความรักและสงสารลูกจึงส่งทูตไปสู่ขอบุษบา ให้วิหยาสะก าแต่เมื่อท้าวดาหาปฏิเสธท้าวกะหมังกุหนิงจึงสั่งยกทัพมาเมืองดาหาเพื่อจะชิงตัวบุษบา ท้าวดาหาส่งพระราชสาส์นไปขอความช่วยเหลือจากท้าวกุเรปัน (พี่ชาย) ท้าวกาหลังและ ท้าวสิงหัดส่าหรี (น้องชาย) และจรกาให้ยกทัพมาช่วยกันรบป้องกันเมืองดาหา เมื่อท้าวกุเรปันได้รับข่าวแล้วจึงให้ทหารน าจดหมายไปให้อิเหนาที่อยู่เมืองหมันหยา (เมืองจินตหรา) อิเหนาไม่อยากไปแต่กลัวพ่อโกรธเลยต้องไป ในที่สุดอิเหนาก็ยกทัพมากับกะหรัดตะปาตี (พี่ชายคนละแม่) ท าให้ท้าวดาหาดีใจมากเพราะเชื่อมั่นว่าอิเหนาต้องรบชนะแต่ด้วยความที่อิเหนาเคยท าให้ ท้าวดาหาโกรธเรื่องปฏิเสธการแต่งงานกับบุษบาจนท าให้เกิดเรื่องขึ้นมาอิเหนาจึงตัดสินใจสู้รบให้ชนะก่อนแล้ว ค่อยเข้าไปเฝ้าท้าวดาหา ในที่สุดเมื่อท้าวกะหมังกุหนิงยกทัพมาใกล้ดาหาท าให้เกิดการต่อสู้กับกองทัพของอิเหนา ใน ที่สุดสังคามาระตาก็เป็นผู้ฆ่าวิหยาสะก า ส่วนอิเหนาเป็นผู้ฆ่าท้าวกะหมังกุหนิงตายในสนามรบด้วยกริชเทวา หลังจากนั้นท้าวปาหยันกับท้าวประหมัน (พี่กับน้องของท้าวกะหมังกุหนิง) ก็ยอมอ่อนน้อม ต่ออิเหนา อิเหนาจึงอนุญาตให้ระตูน าพระศพของทั้งสองกลับไปท าพิธีตามพระราชประเพณี 4) ความงดงามทางวรรณศิลป์และคุณค่าของวรรณคดี การใช้ค าและโวหาร เรื่องอิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง มีการใช้ภาษาที่สละสลวยให้อารมณ์อัน ลึกซึ้งกินใจ อีกทั้งมีโวหารเปรียบเทียบให้เห็นภาพพจน์ให้เกิดความรู้สึกสะเทือนอารมณ์ ที่ส าคัญยังแฝงด้วย ข้อคิดที่มีคุณค่ายิ่งอีกมากมาย ดังนี้ - การใช้ภาษาสละสลวยงดงาม มีการเล่นค า เล่นสัมผัสพยัญชนะเพื่อให้เกิดความไพเราะ เช่น ตอนอิเหนาชมดง ว่าพลางทางชมคณานก โผนผกจับไม้อึงมี่ เบญจวรรณจับวัลย์ชาลี เหมือนวันพี่ไกลสามสุดามา นางนวลจับนางนวลนอน เหมือนพี่แนบนวลสมรจินตะหรา จากพรากจับจากจ านรรจา เหมือนจากนางสการะวาตี (กระทรวงศึกษาธิการ, น.๕๓) - การใช้โวหารเปรียบเทียบ คือ โวหารอุปมาเป็นการสร้างอารมณ์ให้กับผู้อ่าน กวีเปรียบได้ ชัดเจน เช่น


Click to View FlipBook Version