ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั นกั เรียน)
กลุมสาระการเรียนรภู าษาไทย ชัน้ มัธยมศึกษาปท ่ี ๓
ภาคเรียนท่ี ๑ รายวชิ าภาษาไทย
ช่อื - ช่อื สกุล......................................................................................................................เลขท.่ี .................................
ชัน้ มธั ยมศึกษาปท .ี่ ..................................โรงเรียน.....................................................................................................
สาํ นักงานโครงการสวนพระองคส มเด็จพระกนิษฐาธริ าชเจา
กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
สาํ นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน
สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ (ส�ำ หรบั นักเรยี น)
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๓
ภาคเรยี นที่ ๑ รายวชิ าภาษาไทย
ชื่อ - ช่ือสกุล เลขท่ี.............................................................................................................................................................................................................
ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ โรงเรียน.....................................................................................................................................................................................
สำ�นกั งานโครงการส่วนพระองค์สมเด็จพระกนษิ ฐาธริ าชเจ้า
กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
ส�ำ นักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สารบัญ หนา้
1
หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 1 2
แผนการจัดเรียนรทู้ ี่ 1 เร่อื ง สร้างงานสื่อสาร (1) 3
แผนการจดั เรียนรทู้ ่ี 2 เรื่อง สร้างงานสอื่ สาร (๒) 5
แผนการจดั เรยี นรทู้ ี่ 3 เรอ่ื ง สร้างงานสอื่ สาร (๓) 7
แผนการจัดเรียนรทู้ ี่ 4 เรอ่ื ง สรา้ งงานสอ่ื สาร (4) 10
แผนการจัดเรียนรู้ท่ี 5 เรอ่ื ง ผา่ นถ้อยวาจา (1) 16
แผนการจดั เรยี นรู้ท่ี 6 เรื่อง ผา่ นถอ้ ยวาจา (๒) 26
แผนการจัดเรียนรู้ที่ 7 เรอ่ื ง ภาษาในวรรณคดี (๑) 35
แผนการจัดเรียนรู้ที่ 8 เรื่อง ภาษาในวรรณคดี (๒) 40
แผนการจัดเรยี นรทู้ ี่ 10 เร่อื ง วจภี ิรมย์ (2) 43
แผนการจัดเรียนรู้ที่ 11 เรอ่ื ง วจภี ิรมย์ (3) 45
แผนการจัดเรียนรู้ท่ี 12 เรือ่ ง วจีภิรมย์ (4) 5o
แผนการจัดเรยี นรทู้ ี่ 13 เรื่อง วจภี ริ มย์ (๕) 54
แผนการจัดเรยี นรทู้ ่ี 14 เรอ่ื ง ชืน่ ชมทศั นะ (๑) 57
แผนการจัดเรยี นรูท้ ่ี 15 เร่อื ง ชื่นชมทศั นะ (๒) 60
แผนการจดั เรียนรู้ท่ี 16 เรื่อง ชืน่ ชมทศั นะ (๓) 62
แผนการจดั เรยี นรทู้ ่ี 17 เรอ่ื ง ช่นื ชมทศั นะ (๔) 65
แผนการจดั เรยี นรทู้ ี่ 18 เรื่อง ชน่ื ชมทัศนะ (5) 66
แผนการจัดเรยี นรทู้ ี่ 22 เรอ่ื ง วาทะประทับใจ (3) 67
68
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 กรองคำนำจติ 70
แผนการจดั เรยี นรู้ท่ี 1 เร่ือง คำคม คำขวัญ (1) 71
แผนการจัดเรียนรู้ท่ี 2 เรื่อง คำคม คำขวญั (2) 72
แผนการจัดเรยี นรู้ท่ี 3 เรื่อง คำคม คำขวญั (3) 77
แผนการจดั เรยี นรู้ที่ 4 เรอ่ื ง ประชาสัมพนั ธส์ อ่ื สาร (1) 78
แผนการจัดเรยี นรู้ที่ 5 เรือ่ ง ประชาสมั พนั ธส์ ื่อสาร (2) 82
แผนการจัดเรยี นรทู้ ี่ 7 เรื่อง เรยี นรู้ผ่านการละคร (1) 84
แผนการจัดเรียนรู้ที่ 8 เรอ่ื ง เรียนร้ผู ่านการละคร (2)
แผนการจดั เรียนรทู้ ี่ 9 เรือ่ ง เรียนรผู้ ่านการละคร (3)
สารบัญ (ตอ่ ) หน้า
85
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 กรองคำนำจิต (ต่อ) 86
แผนการจัดเรยี นรทู้ ี่ 10 เร่อื ง เรยี นรผู้ า่ นการละคร (4) 87
แผนการจัดเรียนรู้ท่ี 11 เรื่อง เรียนรู้ผา่ นการละคร (5) 88
แผนการจดั เรียนร้ทู ่ี 12 เรือ่ ง เรียนรูผ้ ่านการละคร (6) 89
แผนการจัดเรยี นรทู้ ี่ 13 เร่ือง ภาษาสะท้อนตวั ตน (1) 91
แผนการจดั เรียนรู้ท่ี 14 เรือ่ ง ภาษาสะท้อนตวั ตน (2) 101
แผนการจัดเรยี นรทู้ ี่ 15 เรื่อง ภาษาสะท้อนตัวตน (3) 102
แผนการจดั เรียนรทู้ ่ี 16 เร่อื ง ชุมนมุ ชนวาที (1) 103
106
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 3 นิรมิตผา่ นปญั ญา 108
แผนการจดั เรียนรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง เรียงร้อยถ้อยคำ (1) 110
แผนการจดั เรียนรู้ที่ 2 เรอ่ื ง เรียงรอ้ ยถ้อยคำ (2) 111
แผนการจัดเรียนรทู้ ี่ 3 เรื่อง พร่ำเรยี นเพยี รสอน (1) 112
แผนการจัดเรยี นรู้ท่ี 4 เร่อื ง พรำ่ เรยี นเพยี รสอน (2) 113
แผนการจัดเรยี นรทู้ ี่ 5 เรื่อง พร่ำเรียนเพียรสอน (3) 114
แผนการจัดเรยี นรู้ท่ี 6 เรอ่ื ง พรำ่ เรยี นเพียรสอน (4) 117
แผนการจัดเรยี นรู้ที่ 7 เรอ่ื ง พร่ำเรียนเพียรสอน (5) 118
แผนการจัดเรยี นรทู้ ี่ 8 เรื่อง พรำ่ เรยี นเพียรสอน (6) 119
แผนการจดั เรียนรทู้ ี่ 9 เรื่อง พร่ำเรียนเพยี รสอน (7) 123
แผนการจดั เรียนรู้ท่ี 10 เร่ือง ภาษาสะท้อนความคดิ (1) 124
แผนการจดั เรยี นรทู้ ี่ 11 เร่ือง ภาษาสะท้อนความคิด (2) 126
แผนการจัดเรยี นรทู้ ี่ 14 เรอ่ื ง ภาษาสะท้อนความคดิ (5) 127
แผนการจดั เรียนรู้ท่ี 15 เร่อื ง ปริศนาหฤหรรษ์ (1) 128
แผนการจัดเรยี นร้ทู ่ี 16 เรื่อง ปรศิ นาหฤหรรษ์ (2) 130
แผนการจดั เรียนร้ทู ่ี 17 เรื่อง รงั สรรค์คำประพันธ์ (1) 131
แผนการจัดเรยี นรทู้ ี่ 18 เรอื่ ง รังสรรค์คำประพันธ์ (2)
แผนการจัดเรยี นร้ทู ่ี 19 เรอ่ื ง รังสรรค์คำประพันธ์ (3)
แผนการจดั เรียนรทู้ ี่ 20 เรื่อง รงั สรรค์คำประพันธ์ (4)
คณะผ้จู ัดทำ
หนว่ ยท่ี ๑
สร้างสรรค์สารพรอ้ ง
สร้ างงาน ผ่านถ้อย
สื่อสาร วาจา
ช่ืนชมทศั นะ
วจีภริ มย์ ภาษาใน
วรรณคดี
ใบความรู้
“ภาษาในการสอื่ สาร”
การสื่อสารของมนุษย์เป็นการถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของตนเองไปสู่ผู้อ่ืน โดยผู้ส่งสาร
ใชภ้ าษาเป็นเคร่ืองมือในการสอ่ื สาร ทาให้ผรู้ บั สารเขา้ ใจเร่ืองราว ความคิด และความรู้สึกท่ีผู้ส่งสาร
ถา่ ยทอดออกมา ภาษาท่ีใชใ้ นการสื่อสารแบง่ เป็น ๒ ลกั ษณะ ดงั นี้
๑ วัจนภาษา ๒ อวัจนภาษา
ภาษาทใี่ ช้ถ้อยคาเพ่ือส่ือความหมาย ภาษาท่ีไมลใช้ถอ้ ยคา แตลสามารถ
ดว้ ยเสียงพูดและตัวอกั ษรใหเ้ ปน็ ไปตาม สื่อความหมายได้
ระเบียบแบบแผนของภาษา
ตัวอย่าง
ตัวอย่าง การแสดงออกทางสีหน้า
การใชค้ าใหต้ รงความหมาย อากปั กริ ิยาตลาง ๆ เชนล
การใชส้ านวนใหเ้ ขา้ กบั บรบิ ท
การเรียงคาเขา้ ประโยคใหถ้ กู ตอ้ ง - การหลบตา
• การใชศ้ พั ท์บญั ญตั ิ - การจ้องตา
• การใช้ศพั ทเ์ พพาะในแตลล ะสาขา - การจับมือ
การใชถ้ ้อยคาใหเ้ หมาะสมกับ - การสั่นศรี ษะ
การแตงล กาย
กาลเทศะ การใช้วตั ถุสง่ิ ของสือ่ ความหมาย
และนาเสยี ง
แผนการจดั การเรียนรู้ 1 : สร้างงานสอ่ื สาร (๑) ๒
ใบความรู้
“ปจั จยั การใชภ้ าษาในการส่ือสาร”
การส่ือสารของบุคคลใชก้ ารพูดและการเขยี นเพือ่ สง่ สาร การฟงั การอ่าน
และการเพือ่ รบั สาร การสง่ สารและรับสารใหป้ ระสบผลดี ควรคานงึ ถึงปัจจยั ตอ่ ไปน้ี
การตงั้ ประเด็นในการสอ่ื สาร : การตัง้ ประเด็นต้องชดั เจน หากตั้งประเดน็ ใด
๑ หวั ขอ้ ใดตอ้ งพูดหรือเขยี นใหต้ รงประเด็นทต่ี งั้ ไว้
จุดมงุ่ หมายในการสอ่ื สาร : ตอ้ งระบจุ ุดม่งุ หมายในการสอ่ื สารใหช้ ดั เจนวา่
ต้องการส่อื สารในแนวทางใด ส่ือสารกับใคร เร่ืองใด ตอ้ งการให้ผลลัพธ์
๒ เป็นอยา่ งไร
สารทีต่ ้องการสื่อ : สารทม่ี ีประสทิ ธิภาพตอ้ งคานึงถงึ ประเด็นต่าง ๆ ดังน้ี
๓
ความชดั เจน สารตอ้ งมแี นวคดิ ทีช่ ดั เจนและใช้ภาษาไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
ความเขา้ ใจงา่ ย สารต้องไม่ใช้คาศพั ทย์ ากหรือคาที่ความหมายกากวม
ความถกู ตอ้ งตามหลกั การใช้ภาษา สารต้องถูกตอ้ งตามกฎเกณฑ์ของภาษา
การใชเ้ สียง สายตา กิรยิ าทา่ ทาง : ผู้ส่งสารต้องออกเสียงถ้อยคาให้ถูกต้อง
ชัดเจน ใช้สายตา กริ ยิ าท่าทางเพือ่ สือ่ ความรู้สึก อารมณ์ และความหมาย
๔ ประกอบ
แผนการจัดการเรยี นรู้ ๒ : สร้างงานส่ือสาร (๒) ๓
ใบงาน
“ภาพนม้ี ีความหมาย”
ชื่อ………………………………………………………….นามสกลุ ……………………………………….ชั้น……………
คาช้แี จง ให้นักเรียนเขียนอธบิ ายภาพต่อไปนี้ให้ชดั เจน
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
แผนการจดั การเรยี นรู้ ๒ : สร้างงานสื่อสาร (๒) ๔
ใบความรู้
“สารคดีเชงิ ประวตั ิ”
การเขียนประวตั ิของบคุ คล สถานที่ วัตถุ และสิ่งท่ีมีความสาคัญ จะต้องเรียบเรียงให้ดี มีหลักฐาน
ให้ข้อมูลท่ีน่าเชื่อถือ สามารถใช้เป็นแหล่งความรู้ที่มีประโยชน์แก่ผู้อ่านได้ การเขียนสารคดีเชิงประวัติ
สามารถแบง่ ไดห้ ลายประเภท ดังนี้
๑. การเขียนสารคดปี ระวัตสิ ถานที่
ควรบอกวา่ สถานท่นี ้นั คอื อะไร บอกท่ตี งั้ ลักษณะทเ่ี กี่ยวข้อง ประวตั ิความเป็นมา
เรอ่ื งราวที่น่าสนใจหรือความส้าคัญของสถานที่นัน้ เช่น ภเู ขาบอกความสูงจากระดบั นา้ ทะเล
แม่น้าบอกความยาวและทศิ ทางไหลของนา้
๒. การเขียนสารคดปี ระวตั โิ บราณสถานหรอื โบราณวัตถุ
ควรบอกวา่ คืออะไร บอกที่ตั้งหรอื ที่เก็บรักษา ขนาด อายุ หรือชว่ งเวลาที่สร้างประวตั ิ
ความเป็นมา เรอ่ื งราวทน่ี ่าสนใจ และความสา้ คญั
๓. การเขียนสารคดีประวัตบิ ุคคลสาคัญ
ควรบอกลกั ษณะเดน่ ของประวตั ชิ วี ติ บคุ คลนน้ั ๆ ด้วยการกล่าวถึงเกียรติประวัติ
โดยเฉพาะตอนที่เปน็ การเปลยี่ นแปลงคร้งั ส้าคัญ ตอนสรุปอาจให้ข้อคดิ ที่ไดจ้ ากประวตั ิ
๔. การเขยี นสารคดปี ระวัตงิ านประเพณี
ควรบอกชอื่ ประเพณี สาเหตทุ ่ีทา้ ใหเ้ กดิ กจิ กรรมท่ีทา้ ในงาน และความสา้ คญั ของ
งานนน้ั
แผนการจัดการเรียนรู้ ๓ : สร้างงานส่ือสาร (๓) ๕
ใบงาน
“เรียนร…ู้ ผา่ นประวัต”ิ
คาชแ้ี จง ให้นกั เรียนเขียนเรียบเรยี งสารคดเี ชิงประวัติ
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
แผนการจดั การเรียนรู้ ๓ : สร้างงานส่อื สาร (๓) ๖
ใบงาน
“ใครบา้ งทีฉ่ ันรูจ้ ัก”
ชือ่ ………………………………………………………….นามสกุล……………………………………….ชน้ั ……………
คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนคน้ หาชือ่ บคุ คลสาคัญให้ได้มากท่สี ดุ
พ ร ระ พุ ท ธ เ ลิ ศ ห ล้ ลา น ภ ภา ลั ย
ร ร อ โ ย ธ ย า พ ร ระ อ ภั ย ม ณี ก
ระ ส ระ ก กา ร ระ ว วา ตี ก ล อ ง ดั ง ย่
ฉั ต ค จุ ฬ ฬา ม ณี เ จ ดี ย์ ส อ พ ล อ
น โ ร้ ล ล พ ห น ก ยู ง ก า ง ห า ง
ภั ล า ภ ใ จ ม่ า ย เ ป่ ปา ป่ี เ ล า เ
ต ห ว ภา ห ม อ ก อิ น ท ร ชิ ต ท ร ป็
ต หะ ห ค ว า ม ม เ ส โ ท ไ ห ล ริ น
ตา ศ า ส น า เ ส เ โ ล กิ ย ะ น อ ก
ห า ญ ก ล้ า จ้ า ว ก ล ก า น ท์ ก วี
หา ธ ร ร ม ด จา สุ อ น ล้ ลา พ ลั ง ก เ
ร รา ก พ ร ระ อิ น ท ร์ ป ลา ริ ช ชา ติ อ
ด ดา ษ ด ดา ร ศ ท สุ ว ร ร ณ ดะ ว อ ก
ว วา น อิ น ท ร ร เ ชี ย ร ฉั น ท์ ส ด
ง ต่ อ สุ น ท ญ ภู่ ว สุ ว ร ร ณ ม า ลี
ด อ ก ด ว ง ญา ผี เ ส้ื อ ส มุ ท ร พ ร
ดา ก ร พ ร ร ณ น นา โ ว ห หา ร ส บ ม
ว ร ร ณ ค ดี ส โ ม ส ร ย ก ย่ อ ง ด
แผนการจดั การเรียนรู้ ๔ : สร้างงานสือ่ สาร (๔) ๗
ใบงาน
“ใครบ้างที่ฉนั รู้จัก”
คาชแี้ จง ให้นกั เรยี นศึกษาประวตั ิบุคคลสาคัญท่ีกาหนดให้ จากนัน้ ให้เขยี นสารคดเี ชงิ
ประวัตขิ องบุคคลสาคัญทนี่ กั เรียนสนใจ
ดอกไมส้ ด
“ดอกไม้สด” เป็นนามปากกาของนักเขียนสตรี ช่ือและสกุลจริง คือ หม่อมหลวง
บุปผา นมิ มานเหมนิ ท์ นามสกลุ เดมิ คือ กญุ ชร
ดอกไม้สดเกิดเม่ือวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 24๔8 ที่วังบ้านหม้อ เป็นธิดา
เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (ม.ร.ว. หลาน กญุ ชร) และหมอ่ มมาลัย
เมื่ออายุ 4 ขวบ หม่อมเจ้าหญิงชมในกรมหลวงวงษาธิราชสนิทได้ขอไปเป็นบุตร
บุญธรรม จึงได้เข้าไปอยู่ในพระบรมมหาราชวังจนกระท่ังอายุได้ 13 ปี จึงกลับออกมาอยู่
บา้ นเดิม
ดอกไม้สดสมรสกับนายสุกิจ นิมมานเหมินท์ เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2497
ท่ีนครซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ถึงแก่กรรมด้วยโรคหัวใจวาย เม่ือวันที่ 17
มกราคม พ.ศ. 2506 ณ บา้ นพกั สถานทูตไทยกรุงนิวเดลี ขณะน้ัน นายสุกิจ นิมมานเหมินท์
เปน็ เอกอัครราชทตู ไทยประจาอนิ เดยี
การศึกษา
ดอกไม้สดเข้าเรียนหนังสือท่ีโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์จนกระทั่งจบชั้นมัธยม
ปีที่ 8 ด้านภาษาฝรั่งเศส ขณะศึกษาในโรงเรียนแม่ชีมาร์กาเร็ตได้ฝึกฝนกิริยามารยาทและ
ปลกู ฝงั นิสยั ให้รักการอา่ นทาใหด้ อกไม้สดรักการแตง่ หนังสือในเวลาต่อมา
แผนการจดั การเรียนรู้ ๔ : สรา้ งงานสอ่ื สาร (๔) ๘
เรอ่ื ง……………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
ช่ือ……………………………………..……นาสกุล………………………………………...ช้ัน………………..
แผนการจดั การเรียนรู้ ๔ : สร้างงานส่ือสาร (๔) ๙
ใบความรู้
บทวิเคราะห์ นิทานคากลอนเรื่องพระอภัยมณี ตอนพระอภยั มณีหนีนางผีเส้ือสมทุ ร
ความรกั เปน็ เรอ่ื งดีงามที่ชักนาให้คน ๒ คนมาใช้ชีวติ คูร่ ่วมกัน แต่ถ้าเปน็ ความรกั ท่ีมิได้เกิด
จากความสมัครใจของทั้งสองฝ่ายก็ยากที่จะครองชีวิตคู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุขหรืออย่างยาวนาน
ความคดิ ดงั กลา่ วสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนในชีวิตคู่ของพระอภัยมณีกับนางผีเส้ือสมุทร ในนิทาน
คากลอนเรอื่ งพระอภยั มณซี ่ึงเปน็ ผลงานเร่ืองเอกของสุนทรภู่
นอกจากน้ีในกรณีท่ีแม่ให้กาเนิดลูกแล้วมิได้สนใจเล้ียงดู ความผูกพันระหว่างแม่ลูกก็จะมี
นอ้ ย เฉกเช่นความสัมพนั ธร์ ะหว่างนางผีเสอื้ สมุทรกบั สนิ สมทุ รในนิทานคากลอนเร่ืองนี้
เรอ่ื งพระอภยั มณีดที ้ังกลอนและความคดิ ท่ีผูกเรอื่ ง
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดารงราซานุภาพทรงกล่าวว่าสุนทรภู่เร่ิมแต่งเร่ือง
พระอภัยมณีต้ังแต่สุนทรภู่ติดคุกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเป็นการแต่ง
เพื่อขายฝปี ากเลยี้ งชีวิดในระหว่างติดคุกอยู่น้ัน แต่คงแต่งเพียงไม่กี่ตอนก็หยุด แล้วไม่ได้แต่งต่ออีก
จนสิ้นรัชกาล เร่ืองนี้น่าจะเป็นความจริงเพราะในสมัยรัชกาลท่ี ๒ สุนทรภู่มักต้องตามเสด็จ
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลา้ นภาลยั อยา่ งใกล้ชดิ และแทบจะไมม่ เี วลาได้สร้างสรรค์ผลงานของ
ตนเอง โดยมากมกั เป็นการตอ่ กลอนพระราชนิพนธ์ หรอื แต่งถวาย เมือ่ เริ่มรชั กาลใหมแ่ ละสุนทรภู่
ชงิ ลาออกจากราชการแล้วออกบวชจึงมโี อกาสแต่งเรื่องพระอภัยมณีอีกโดยแต่งต่อเป็นระยะ ๆ
คาประพนั ธ์ท่สี นุ ทรภใู่ ชแ้ ต่งเรื่องนค้ี ือกลอนเพลง๑ ทม่ี ีคาสมั ผัสในทกุ วรรค เชน่
จะกล่าวกลับจับความไปตามเรือ่ ง ถึงบาทเบือ้ งปรเมศพระเชษฐา
องค์อภยั มณศี รโี สภา ดกยากอยู่คหู ามาช้านาน๒
คาสัมผัสในดังกล่าวทาให้กลอนของสุนทรภู่มีความไพเราะร่ืนหู ทั้งยังเด่นที่รสคาและ
รสความทม่ี ีความหมายลึกซึง้ กนิ ใจ เช่น
ถอ้ ยคาสานวนท่แี สดงความรักอันลกึ ซ้ึงระหวา่ งชายหญิง
แมน้ ส้ินสูญบญุ นางในปางน้ี ไมม่ ที พ่ี ึ่งพาจะอาศัย
จะกอดศพซบหนา้ โศกาลยั ระกาใจกว่าจะมว้ ยไปดว้ ยกัน
ฯลฯ
๑ กลอนเพลง คือ ๒ ในเร่ืองพระอภัยมณีข้นึ ต้นดังน้ี
กลอนสภุ าพทขี่ น้ึ ต้นดว้ ยวรรครับหรอื วรรคท่ี
แต่ปางหลงั ยังมีกรุงกษัตรยิ ์
สมมตุ ิวงศ์ทรงนามทา้ วสุทัศน์ ผา่ นสมบตั ริ ัตนานามธานี
๒ เส้นโยงสัมผสั ในกลอนบทน้ี เสน้ ตรงแสดงสัมผสั นอกทีเ่ ป็นสัมผสั บังคับ เส้นโคง้ แสดงสมั ผสั ใน
เสน้ โค้งด้านบน แสดงสมั ผัสพยญั ชนะ ส่วนเส้นโคง้ ด้านลา่ งแสดงสมั ผสั สระ
แผนการจดั การเรียนรู้ ๕ : ผ่านถอ้ ยวาจา (๑) 1๐
จะเกิดไหนขอใหพ้ บประสบกัน อย่าโศกศลั ย์แคล้วคลาดเหมอื นชาตนิ ี้
ถ้อยคาสานวนการตดั พ้อ
เสียแรงรกั หนักหนาอตุ ส่าหถ์ นอม สู้อดออมสารพัดไมข่ ดั ขนื
ชา่ งกระไรใจจดื ไมย่ ืดยืน นางสะอน้ื อา้ ปากจนรากเรอ
ถ้อยคาสานวนแสดงความรักของลูกที่มีตอ่ แม่
ซง่ึ รกั ลูกลูกก็รอู้ ยู่ว่ารกั มใิ ชจ่ กั ลมื คณุ กรุณา
ถึงตัวไปใจลกู ยงั ผูกคิด พอปลดปลดิ เรื่องธุระจะมาหา
อย่ากริ้วโกรธโปรดปรานเถิดมารดา ไปไสยาอยู่ในถ้าให้สาราญ
ถ้อยคาสานวนที่พระอภัยมณีขอสินสมุทรจากนางผเี ส้ือสมุทร
พข่ี อบตุ รสุดใจเอาไปดว้ ย เปน็ เพ่อื นมว้ ยเหมอื นสดุ ามารศรี
ขอลาแก้วแววตาไปธานี อย่าราดขี ุ่นขอ้ งใหห้ มองมวั
ถ้อยคาสานวนคาสอนของพระฤาษที ีเ่ ตือนสตนิ างผีเส้ือสมุทร
ทัง้ น้เี พราะเคราะหก์ รรมทาให้วุ่น จงึ ส้ินบญุ วาสนาสีกาเอย๋
เห็นมไิ ด้ไปอยู่เป็นคูเ่ ชย ดว้ ยสองเคยปลกู เล้ียงกนั เพยี งน้ัน
ด้วยเหตุที่เรื่องนี้มีรสคาและรสความที่มีความหมายลึกซ้ึงกินใจ ทาให้ผู้อ่านจดจาคากลอน
ทีเ่ ป็นวรรคทองในเรอ่ื งนไ้ี ด้หลายตอน
สุนทรภู่ผูกเรื่องพระอภยั มณขี ้นึ เองโดยนาเอาเรอ่ื งทีไ่ ด้ยินได้ฟังหรือได้อ่านจากวรรณคดีไทย
และวรรณคดีต่างชาติมาผสมผสานเข้ากับเร่ืองจริงท่ีได้พบเห็นรวมท้ังเรื่องที่สุนทรภู่จินตนาการข้ึน
อย่างกลมกลืน ทาให้เรื่องพระอภัยมณีมีเน้ือหาสนุกสนาน เป็นเร่ืองท่ีมีลักษณะแปลกไปจากเรื่อง
จักร ๆ วงศ์ ๆ ท่ัวไปท่ีเคยมีมา กล่าวคือพระอภัยมณี ซ่ึงเป็นตัวเอกฝ่ายชายไม่มีอาวุธวิเศษหรือ
เวทมนตร์คาถาไว้ป้องกันตัวอย่างพระเอกในเรื่องอื่น แต่มีวิชาดนตรีคือเพลงป่ีเป็นอาวุธไว้ป้องกัน
ตนเองและคุ้มครองผู้อ่ืน อีกท้ังยังมองการณ์ไกล คิดผูกไมตรีกับคนต่างชาติ เพ่ือจะได้กาลังของคน
เหล่าน้ันมาช่วยป้องกันภัยให้แก่บ้านเมือง พระเอกแบบพระอภัยมณีจึงไม่ใช่พระเอกนักรบท่ีชอบใช้
กาลังในการแก้ไขปัญหา แต่เป็นพระเอกนักพูดที่ใช้วาทศิลป์แก้ไขปัญหา เพลงปี่ของพระอภัยมณี
เปรียบไดก้ บั ถอ้ ยคาหรือคาพูดเพราะเกดิ จากลมปากเหมือนกัน
นอกจากนี้ สุนทรภู่ยังสร้างตัวละครหลากหลายท่ีมีลักษณะเด่นหรือลักษณะเฉพาะตัวข้ึน
ไว้ในเร่ือง โดยโยงเข้ากับตัวละครเอกของเร่ืองบ้าง หรือโยงเข้ากับตัวละครอ่ืน ๆ ที่มีความสัมพันธ์
เก่ียวข้องกับตัวละครเอกของเรื่องบ้าง ทาให้เพ่ิมความแปลกใหม่และความสนุกสนานให้แก่เนื้อหา
จนผอู้ ่านผู้ฟงั นทิ านคากลอนเรือ่ งพระอภัยมณีนิยมอา่ นนยิ มฟังสืบต่อกันมาจนตราบถึงทกุ วนั นี้
รกั แบบจาใจยอ่ มไม่จรี ังยัง่ ยนื
พระอภัยมณีและศรีสุวรรณเดินทางออกจากบ้านเมืองหลังจากถูกท้าวสุทัศน์ผู้เป็น
พระชนกเนรเทศด้วยเหตทุ ี่เรยี นวิชาไมส่ มกับทเ่ี ปน็ โอรสกษัตรยิ ์ ท้งั สองได้พบพราหมณ์
แผนการจดั การเรยี นรู้ ๕ : ผา่ นถ้อยวาจา (๑) 1๑
๓ คน คอื โมรา สานน และวิเชียร พราหมณ์ทั้งสามแปลกใจที่พระอภัยมณีเลือกเรียนวิชาปี่แทนที่
จะเรยี นศิลปะการใชอ้ าวธุ อื่น ๆ พระอภัยมณีจึงเป่าปื่อวดอานุภาพของเพลงปี่ มีผลให้พราหมณ์ท้ัง
สามและศรสี ุวรรณเคล้ิมหลบั เมื่อนางผีเส้ือสมุทรได้ฟังและเห็นรูปโฉมอันงดงามของพระอภัยมณี
ก็หลงใหล และจับตัวพระอภัยมณีไปอยู่กับตนในถ้าใต้ทะเล นางแปลงกายเป็นหญิงงามด้วย
ความกลวั ว่าพระอภยั มณจี ะรงั เกียจหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวของนาง แม้พระอภัยมณีจะทราบดีว่า
หญิงงามทเี่ ห็นเป็นนางผเี ส้ือสมุทร แต่กไ็ ม่สามารถปฏิเสธความตอ้ งการของนางได้ จงึ จาใจเป็นสามี
ของนางหลังจากที่คาดค้ันให้นางสัญญาว่าจะไม่จับพระองค์กินเป็นอาหาร พระอภัยมณีครองคู่กับ
นางผีเสื้อสมุทรจนนางให้กาเนิดบุตรชายคนหน่ึงช่ือสินสมุทร พระอภัยมณีเล้ียงดูและอบรมสิน
สมทุ รจนสินสมทุ รมอี ายไุ ด้ แปดปวี ันหนึง่ สนิ สมุทรดันหินท่ีปีดปากถ้าออกไปเท่ียวและจับเงือกเฒ่า
จากท้องทะเลมาได้ตนหน่ึง พระอภัยมณีช่วยชีวิตเงือกเฒ่าไว้และบอกว่าพระองค์คิดจะหนีจาก
นางผเี ส้อื สมุทร แตก่ ไ็ มท่ ราบวา่ ถ้าท่ีอาศัยอยู่นี้อยทู่ ่ใี ด และควรจะต้องหนีไปในทิศทางใด เงือกเฒ่า
จึงบอกตาแหน่งท่ีพระอภัยมณีอยู่และแนะนาให้หนีไปยังเกาะแก้วพิสดาร โดยให้พระอภัยมณีลวง
นางผีเส้ือสมุทรให้ไปอดอาหารเป็นการสะเดาะเคราะห์ เพื่อให้นางอ่อนแรงระหว่างท่ีพระอภัยมณี
กาลงั หนีจากนาง เงือกเฒา่ อาสาพาพระอภยั มณีและสินสมุทรหนี โดยมีเมยี และลกู สาวเปน็ ผชู้ ่วย
นางผีเส้ือสมุทรตามไปทันและจับเงือกเฒ่าและเมียกินเป็นอาหาร แต่เงือกสาวก็สามารถพา
พระอภัยมณีหนีนางผีเส้ือสมุทรไปจนถึงเกาะแก้วพิสดารได้สาเร็จ นับได้ว่าความรักของ
พระอภัยมณีซ่ึงเปราะบางและมีแต่ความหวาดกลัวนางผีเส้ือสมุทรอยู่ตลอดเวลา ได้มาถึงจุด
แตกหกั และส้ินสดุ ความสัมพนั ธน์ บั แต่นน้ั เปน็ ต้นมา
นางผเี ส้อื สมทุ รผหู้ ลงรักสามมี ากกวา่ รกั ลกู
นางผีเสื้อสมุทรเป็นตัวอย่างของผู้หญิงท่ีรักสามีมากกว่ารักลูก นางผีเส้ือสมุทรไม่สนใจ
เลยี้ งดสู นิ สมุทรเท่าท่คี วร แตป่ ลอ่ ยใหเ้ ป็นหน้าทีข่ องพระอภัยมณซี ึ่ง“เฝ้าเล้ยี งลูกผูกเปลแล้วเห่ช้า”
และยงั “สอนใหเ้ จ้าเป่าปี่มีวิชา เพลงศาสตราสารพัดหัดชานาญ” สินสมุทรผูกพันกับพระอภัยมณี
และรักบิดามากกว่าเพราะพระอภัยมณีเลี้ยงดูสินสมุทรอย่างใกล้ชิด และไม่เคยขู่สินสมุทรให้กลัว
เหมอื นอยา่ งท่ีนางผเี สื้อสมุทรทา ดังในคากลอนว่า
ฝา่ ยกมุ ารสนิ สมทุ รสุดสวาท ไมห่ ่างบาทบิดาอชั ฌาสัย
ความรักพ่อยิ่งกว่าแมม่ าแต่ไร ดว้ ยมไิ ด้ขูเ่ ขญ็ เช่นมารดา
แผนการจัดการเรียนรู้ ๕ : ผ่านถ้อยวาจา (๑) 1๒
หลังจากนางผีเส้ือสมุทรติดตามพระอภัยมณีและสินสมุทรมาจนเกือบทัน สินสมุทร
ได้อาสาพระอภัยมณีไปหลอกล่อนางผีเส้ือสมุทรให้หลงติดตามตนไปอีกทางหน่ึง เพ่ือให้ครอบครัว
เงือกพาพระอภัยมณีหนีต่อไปได้อย่างปลอดภัย ในตอนน้ีผู้อ่านจะเห็นได้ว่านางผีเส้ือสมุทรไม่มี
ความรักใคร่ผูกพันกับสินสมุทรผู้เป็นลูกมากนัก เม่ือทราบว่าสินสมุทรลวงตนและไม่ยอมบอกว่า
พระอภัยมณอี ยู่ที่ใด นางก็คิดแค้นและหาทางลวงสินสมุทรให้พาไปหาพระอภัยมณีก่อน แล้วตั้งใจ
จะจับสินสมุทรหักคอเสีย เม่ือสินสมุทรมิได้หลงกล นางผีเส้ือสมุทรก็ไล่ตีสินสมุทรให้วุ่นไป
ดงั ในคากลอนวา่
อสรุ ผี ีเส้ือเหลือจะอด แค้นโอรสราวกับไฟไหม้มังสา
ช่างหลอกหลอนผ่อนผนั จานรรจา แม้นจะวา่ โดยดีเห็นมิฟงั
จะจับไว้ให้พาไปหาพ่อ แล้วหกั คอเสียใหต้ ายเมือ่ ภายหลัง
โกรธตวาดผาดเสยี งสาเนียงดัง น้อยหรือยงั โหยกเหยกเดก็ เกเร
ชา่ งวา่ กล่าวราวกบั กูไม่รู้เทา่ มาพดู เอาเปรียบผูใ้ หญ่ทาไพล่เผล
เอาบิดรซอ่ นไว้ในทะเล ทาโว้เวว้ า่ กลา่ วให้ยาวความ
ย่งิ ปลอบโยนโอนอ่อนยิง่ หลอนหลอก แมน้ ไมบ่ อกโดยดจี ะตีถาม
พลางโผโผนโจนโจมเสียงโครมคราม เขา้ ไล่ตามคลุกคลีตีไปพลาง
ลักษณะเช่นนี้ต่างจากเมอ่ื นางผีเสื้อสมุทรพูดอ้อนวอนพระอภยั มณีใหย้ อมกลับไปใช้
ชีวิตร่วมกนั ดังเดมิ เพราะนางพดู อยา่ งอ่อนหวานโดยไมม่ คี าขู่แตอ่ ยา่ งใด ดังในคากลอนวา่
นิจจาเอ๋ยเคยอยเู่ ปน็ คชู่ นื่ ทกุ วันคนื ค่าเชา้ ไม่เศร้าหมอง
จนมีลกู ปลกู เลีย้ งเคยี งประคอง มิใหข้ ้องเคืองขดั พระอัชฌา
อยดู่ ดี หี นเี มยี มาเสียได้ เสียน้าใจนอ้ งรักเป็นนักหนา
จงึ อุดสา่ ห์พยายามสตู้ ามมา ขอเปน็ ขา้ บาทบงส์ุพระทรงธรรม์
พระเสดจ็ ไปไหนจะไปดว้ ย เป็นเพ่อื นมว้ ยภัสดาจนอาสัญ
ประทานโทษโปรดเลยี้ งแต่เพียงน้ัน อยา่ บากบ่ันความรกั น้องนกั เลย
ด้วยเหตทุ ี่นางไม่สามารถผูกใจลูกไวไ้ ด้ และสนิ สมุทรถงึ จะรักนางอยบู่ า้ งตามประสาลกู
กบั แม่แต่กก็ ลัวมากกวา่ รักใครผูกพนั ซ้าเม่อื ถกู แม่ดีก็ยิ่งทาใหเ้ ขด็ ขยาด
แผนการจัดการเรยี นรู้ ๕ : ผ่านถ้อยวาจา (๑) 1๓
เม่ือนางผีเสอ้ื สมุทรร้องเรียกให้ไปหา สินสมทุ รจงึ ไม่ยอมไป ดังในคากลอนว่า
สินสมุทรสดุ แสนสงสารแม่ ชาเลืองแลดหู น้าน้าตาไหล
จึงกราบกรานมารดาแลว้ วา่ ไป จะเขา้ ใกลท้ ูนหัวลกู กลัวนัก
เมอ่ื วานนีต้ ขี า้ น้อยไปหรือ ระบมมอื เหมอื นกระดกู ลูกจะหกั
ซึ่งรักลกู ลกู ก็ร้อู ยวู่ ่ารัก มิใช่จักลืมคณุ กรณุ า
ถงึ ตัวไปใจลูกยังผกู คิด พอปลดปลดิ เรื่องธรุ ะจะมาหา
อย่ากรวิ้ โกรธโปรดปรานเถิดมารดา ไปไสยาอยูใ่ นถา้ ให้สาราญ
แมน้ างผีเส้ือสมุทรจะรักพระอภัยมณีมากเพียงใดและยอมทาทุกอย่างเพื่อให้พระอภัยมณี
ยอมใช้ชีวิตร่วมกับตน แต่ความรักของนางก็ไม่อาจมัดใจพระอภัยมณีไว้ได้เพราะพระอภัยมณีไม่มี
ความสุขในชีวิตคู่ มีแต่นางผีเสื้อสมุทรเท่าน้ันที่เป็นสุขแต่เพียงฝ่ายเดียวในท่ีสุดนางจึงต้อง
ตรอมตรมเพราะความรักและเสียใจอยา่ งทีส่ ุดทีพ่ ระอภัยมณหี นีนางไปได้
พ่ีมนษุ ยส์ ดุ สวาทเป็นชาตยิ กั ษ์
ด้วยเหตุที่พระอภัยมณีถูกบังคับขืนใจให้จาต้องอยู่กับนางผีเสื้อสมุทรโดยที่ไม่เคยมี
ความรักนางมาก่อนทาให้ไม่มีความรู้สึกผูกพันรักใคร่ พระอภัยมณีอธิบายแก่นางผีเสื้อสมุทร
ว่าพระองคก์ บั นางผเี สอื้ สมุทรนั้นต่างเผ่าพันธ์ุกัน ไม่สมควรใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน เพราะพระองค์ไม่ชิน
กับการอยู่ในถ้าและอยากจะกลับไปหาพระชนกชนนีและอนุชาศรีสุวรรณท่ีพลัดพรากจากกัน
ดังในคากลอนตอ่ ไปน้ี
พระอภัยใจอ่อนถอนสะอ้ืน อตุ สา่ หฝ์ นื พักตรว์ ่านิจจาเอ๋ย
แม่ผีเส้ือเม่ือไมเ่ หน็ ในใจเลย พีไ่ มเ่ คยอยูใ่ นถา้ ให้ราคาญ
คิดถึงน้องสองชนกทป่ี กเกลา้ จะสรอ้ ยเศร้าโศกาน่าสงสาร
ดว้ ยพลดั พรากจากมาเปน็ ช้านาน ไมแ่ จ้งการวา่ ข้างหลงั เป็นอยา่ งไร
จึงจารา้ งห่างห้องให้น้องโกรธ จงงดโทษพ่ียาอชั ฌาสัย
แม้นไปไดก้ จ็ ะพาแกว้ ตาไป นจ่ี นใจดว้ ยนางตา่ งตระกูล
พมี่ นุษยส์ ุดสวาทเปน็ ชาตยิ กั ษ์ จงคดิ หกั ความสวาทใหข้ าดสญู
กลับไปอยู่คหู าอยา่ อาดูร จงเพมิ่ พูนภาวนารกั ษาธรรม์
จากหนงั สือเรยี น รายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทย วรรณคดีวจิ ักษ์
ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี ๓ หน้า ๔๒ - ๔๗
แผนการจดั การเรยี นรู้ ๕ : ผ่านถ้อยวาจา (๑) 1๔
ใบงาน
“บิงโกพระอภยั มณี”
ชอ่ื ………………………………………………………….นามสกุล……………………………………….ช้นั ……………
คาชี้แจง ให้นกั เรยี นเลอื กคาตอบทคี่ รูกาหนดให้เติมลงในตารางบิงโก
รัชกาลท่ี ๒ แต่งเพื่อขายเลย้ี งชพี มสี มั ผสั ในทุกวรรค เผา่ พันธุ์
กลอนเพลง สนุ ทรภู่ จบั หักคอ จบั กนิ เปน็ อาหาร
เงอื กเฒา่ หลับ เกาะแก้วพิสดาร สนิ สมุทร
ศรีสุวรรณ เพลงป่ี ผีเสื้อสมทุ ร พระอภยั มณี
แผนการจดั การเรยี นรู้ ๕ : ผา่ นถ้อยวาจา (๑) 1๕
ใบความรู้
บทวเิ คราะห์ นทิ านคากลอนเรอ่ื งพระอภยั มณี ตอนพระอภัยมณีหนนี างผีเสอ้ื สมุทร
พระอภยั มณีผูเ้ สียสละ
นิทานคากลอนเร่ืองพระอภัยมณี ตอนพระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อสมุทร สะท้อนลักษณะ
นิสัยประการหน่ึงของพระอภัยมณี คือ การยอมสละชีวิตตนเองเพื่อความอยู่รอดของผู้อ่ืน
ดังปรากฎในตอนทเี่ งอื กเฒา่ กลา่ วแก่พระอภัยมณีว่า ผีเส้ือสมุทรคงจะคิดตามมาทันและทุกคคงจะ
ไม่รอดชีวิต พระอภัยมณีได้ขอให้เงือกเฒ่าส่งพระองค์ไว้ท่ีเกาะหนีไปเสีย ต่อจากน้ันก็ส่ังสินสมุทร
ให้กลับไปกับนางผีเส้ือสมุทร พร้อมทั้งสั่งลาสินสมุทรเป็นการลาตาย แสดงว่าพระอภัยมณีคิดว่า
ถ้านางผีเสื้อสมุทร์ได้ตัวพระอภัยมณีแล้วคงเลิกติดตามทาร้ายผู้อื่น การกระทาของพระอภัยมณี
เท่ากบั วา่ ยอมสละชวี ิตตนเองเพ่ือใหเ้ งือกและสินสมุทรรอดไปได้ ดงั ในคากลอนวา่
จะไปไหนไม่พ้นผีเสือ้ นา้ ท่านส่งเราเข้าท่เี กาะละเมาะน้ี
วบิ ากกรรมก็จะสู้อย่เู ป็นผี แลว้ วา่ แก่สินสมทุ รสดุ ทร่ี กั
แลว้ รบี หนไี ปในน้าแต่ลาพงั แมน้ นางยกั ษ์จะมารับจงกลบั หลัง
อันตวั พอ่ ขอตายวายชวี งั กันแสงส่งั ลกู ยาด้วยอาลยั
สินสมทุ รผู้สบื ทอดพนั ธุกรรมจากพ่อแม่ และยดึ ติดกับรา่ งลวงของแม่
สนิ สมุทรเป็นตัวละครทสี่ นุ ทรภสู่ ร้างขนึ้ ดว้ ยความคดิ เชิงวิทยาศาสตร์ โดยสืบทอดลักษณะ
เด่นทางพันธุกรรมของทั้งฝ่ายพ่อและแม่ได้อย่างน่าสนใจ กล่าวคือ มีหน้าตาเป็นคนเหมือน
พระอภัยมณี แต่ดวงตาเป็นสีแดง มีเขี้ยว และมีกาลังราวกับช้างสารเหมือนนางผีเส้ือสมุทร
ดังบทพรรณนาวา่
ไมค่ ลาดเคลือ่ นเหมอื นองค์พระทรงเดช แต่ดวงเนตรแดงดดู ังสุริย์ฉาย
ทรงกาลงั ดงั พระยาคชาพลาย มีเข้ยี วคลา้ ยชนนีมศี กั ดา
นอกจากน้ันยงั มีผมหยกิ เหมือนยกั ษ์ ดังดาของนางสุวรรณมาลีดราวท่ีเรือแตกและแวะเข้า
ไปขออาศยั พระฤาษีอย่ทู เ่ี กาะแกว้ พิสดาร นางต้งั ขอ้ สงั เกดเร่ืองหนา้ ตาของสินสมุทรว่า "ดูผิวพักตร์
ลกั ษณากน็ ่าชม เสยี แต่ผมหยกิ นักเหมอื นยักษม์ าร"
แผนการจดั การเรียนรู้ ๖ : ผ่านถ้อยวาจา (๒) 1๖
นบั ตง้ั แตส่ ินสมุทรเกดิ ก็เคยชนิ กบั รูปรา่ งหนา้ ตางดงามอยา่ งนางมนุษย์ของนางผีเสื้อสมุทร
ผู้เป็นแม่ ด้วยแม่แปลงร่างเป็นหญิงงามเพ่ือมิให้พระอภัยมณีหวาดกลัวเม่ือสินสมุทรได้เห็นร่าง
แทจ้ รงิ ของนางผเี ส้อื สมทุ รท่ตี ิดตามพระอภัยมณไี ป สนิ สมทุ รก็ประหลาดใจ ดงั บทบรรยายวา่
สินสมทุ รหยดุ อยู่ดูนางยักษ์ เห็นผดิ พักตรม์ ารดานา่ สงสัย
ด้วยเหน็ แมแ่ ตร่ ปู นมิ ติ ไว้ สงสยั ใจออกขวางกลางคงคา
แลว้ ร้องถามตามประลาเปน็ ทารก น่สี ัตว์บกหรอื สตั ว์นา้ ดานักหนา
โจนกระโจมโครมครามตามเรามา จะเล่นขา้ ท่าไรจะใครร่ ู้
ด้วยเหตุทีย่ ึดติดกบั ร่างงามซึ่งเป็นร่างลวงของแม่ ทาให้สินสมุทรผิดหวังที่เห็นร่างจริงของ
นางผเี ส้ือสมทุ รและรู้สึกอบั อายทม่ี แี ม่อัปลักษณเ์ ชน่ น้นั ดงั ปรากฎความรู้สึกของสินสมุทรที่มีต่อแม่
ว่า "ดูรูปร่างอย่างเปรดสมเพชใจ ช่างกระไรราศีไม่มีงาม" ต่อมาเม่ือสินสมุทรพบนางสุวรรณมาลี
จึงขอให้นางเปน็ แม่ของตนเพ่ือชดเชยความร้สู ึกผิดหวังดังกล่าว
สินสมทุ รพดู จาประสาซื่อ ลกู นหี้ รอื จะไมร่ ักอยา่ พักถาม
อยากจะใครไดแ้ มท่ รี่ ปู งาม พ่ึงสมความปรารถนาเวลาน้ี
จะหาไหนไดเ้ หมอื นพระรปู โฉม งามประโลมล้าฟา้ ในราศี
แมน้ หาคสู่ ูไ้ ดฉ้ ันให้ดี จรงิ นะจาฟา้ ผเี ถดิ มารดา
ดังน้ี สนิ สมทุ รบรรยายความปลักษณข์ องแม่ผีเสือ้ สมุทรโดยกล่าวเปรยี บกับนางสุวรรณมาลี
กมุ าราว่าทน่ี ไ่ี มม่ ีเทา่ โตกวา่ ลาสาเภาเปน็ ไหนไหน
ชอื่ ผีเส้อื เนอ้ื หนงั รังขไ้ี คล ทง้ั สงู ใหญเ่ ขีย้ วยาวราวสักวา
ไมน่ กึ รักสักนดิ จึงคิดหนี แม่เดย๋ี วนแ้ี ลลกู รักเปน็ นักหนา
สมกบั องค์ทรงฤทธิ์พระบิดา ไดง้ ามหน้าลูกแก้วแล้วคราวน้ี
แผนการจัดการเรยี นรู้ ๖ : ผ่านถอ้ ยวาจา (๒) 1๗
ความเสยี สละของเงือกเฒ่า
ในเน้อื หาตอนพระอภยั มณีหนนี างผีเสอื้ สมุทร ตัวละครหลายตัวแสดงน้าใจต่อกันอย่างน่า
ประทับใจ นอกจากพระอภัยมณีท่ีแสดงเจตจานงสละชีวิตตนเองเพ่ือให้เงือกน้าและสินสมุทรหนี
พันจากเงื้อมมือของนางผีเส้ือสมุทรแล้ว เงือกเฒ่าท้ังคู่ก็แสดงน้าใจด้วยการสละชีวิตของตนเพื่อ
หลอกลอ่ นางผีเสือ้ สมทุ รให้ติดตามไปอีกทางหนึ่ง ลูกสาวจะได้พาพระอภัยมณีฟันจากเงื้อมมือของ
นางผเี สอ้ื สมทุ รไปได้ แม้นางผเี สื้อสมุทรจะขูต่ ะดอกถามหาพระอภัยมณีแต่ท้ังสองก็ยอมตายโดยไม่
ยอมบอกความจริง ดงั ในคากลอนวา่
ทง้ั สองเงอื กเสือกกายหมายไม่รอด ถงึ มั่วยมอดมิใหแ้ จง้ แห่งนุสนธ์ิ
จงึ กล่าวแกลง้ แสร้งเสด้วยเลห่ ก์ ล เธออยบู่ นเขาขวางรมิ ทางมา
ขา้ จะพาไปจับจงกลบั หลงั ให้ไดด้ งั มุ่งมาดปรารถนา
ไม่เหมอื นคาราพันท่ีสญั ญา จงเข่นฆา่ ใหเ้ ราม้วยไปดว้ ยกนั
ยุดเอามือขวาซา้ ยให้ผายผนั
อสรุ ผี เี สือ้ ก็เชอ่ื ถือ แกล้งราพันพูดลอ่ ให้ต่อไป
เงือกก็พามาถงึ ได้ครงึ่ วนั จงึ วา่ มึงตอแหลมาแกไ้ ข
นางผีเส้ือเบือ่ หรู ู้เทา่ ถึง แล้วนางยกั ษ์หักขาฉีกสองแขน
มาถึงน้ีขโ้ี นน่ เน่ืองกันไป ไม่หายแคน้ เค้ยี วกนิ ส้นิ ทง้ั คู่
แกลงั จะให้หา่ งผวั ไมก่ ลัวกู ออกว่ายวู่แหวกนา้ ดว้ ยกาลัง
แล้วกลบั ตามขา้ มทางท้องสนิ ฐ
จะเหน็ ได้ว่าเงือกเฒ่าเอาชีวิตตนเป็นเดิมพันเพื่อหลอกให้นางผีเส้ือสมุทรหลงเชื่อและตาม
ไปผิดทิศทาง ทาให้นางผีเส้ือสมุทรเสียเวลาถึงคร่ึงวัน เมื่อรู้ความจริงจึงโกรธและฉีกร่างเงือกท้ังคู่
กินเป็นอาหารด้วยความแต้นใจ มีข้อน่าสังเกตว่าตอนท่ีนางผีเสื้อสมุทรฆ่าเงือกสุนทรภู่บรรยายว่า
"หกั ขาฉีกสองแขน" การใชด้ า "หกั ขา" ตรงนี้นา่ สนใจเพราะปกติเงือกไม่มีขาให้หักเพราะท่อนล่างมี
ลักษณะเป็นหางปลา สุนทรภู่คงจะสื่อความอย่างเดียวกับคาว่า "หักแขนหักขา" โดยเปรียบท่อน
ล่างของเงอื กกบั ขาของคน
แผนการจดั การเรยี นรู้ ๖ : ผา่ นถอ้ ยวาจา (๒) 1๘
ความเมตตาของพระฤๅษีแห่งเกาะแก้วพิสดาร
ถ้าไม่ไดร้ ับความชว่ ยเหลือจากพระฤาษีแหง่ เกาะแกว้ พิสดารทม่ี ายนื รอรับพระอภัยมณี
กับนางเงือกท่ีหาดทรายและว่ายดาถาขู่นางผีเสื้อสมุทรให้กลัว พระอภัยมณีและนางเงือกก็คงไม่
สามารถพันเงื้อมมือของนางผีเสื้อสมุทรมาได้ สุนทรภู่บรรยายการรอดพ้นของพระอภัยมณีกับ
นางเงือกจากการไลต่ ิดตามอยา่ งฉิวเฉียดของนางผเี ส้ือสมุทรวา่
พระอภัยมณเี หน็ ผเี สือ้ ความกลัวเหลือว่ายคว้างอย่กู ลางหน
ยกั ษก์ ระโจมโถมจับแทบอบั จน พอเหน็ คนอยู่ทห่ี าดตวาดครืน
เข้าถงึ ที่ผีเสื้อก็ถึงด้วย กระชั้นฉวยผิดเสอื กเกลอื กเขา้ ต้ืน
พอโยคีมคี าถาลงมายืน ผีเสอื้ ต่นื ตัวสัน่ ขย้นั ยงั้
พระอภยั ภูมินทร์กับสนิ สมุทร ชว่ ยกันฉุดนางเงือกเสอื กเขา้ ฝ่งั
แลว้ กราบกรานโยคมี กี าลัง แขกฝรัง่ พร่ังพรอ้ มลอ้ มพดู จา
พระโยคมี ีจิตคดิ สงสาร จึงวา่ ทา่ นหนตี ายหมายมาหา
เราลงมาคอยช่วยดว้ ยเมตตา แต่กจิ จาไม่กระจ่างยงั คลางแคลง
ฯลฯ
พระโยดมี ญี าณว่าหลานรกั จงสานกั อยใู่ หส้ มอารมณห์ มาย
อนั ยักษีผีสางสมุทรพราย มาถกู ทรายชายหาดก็ขาดใจ
เราลงเลขเสกทาไว้สาเรจ็ ดงั เขอื่ นเพชรภูตปศี าจไม่อาจใกล้
มนั อยู่แต่ห่างห่างช่างเปน็ ไร ทาไมไ่ ด้นดั ดาเจา้ อยา่ กลวั
เพราะความช่วยเหลือของพระฤาษี นางผีเส้อื สมุทรจงึ ไม่อาจนาตัวพระอภยั มณกี ลับไปได้
นางบรภิ าษพระฤาษอี ยา่ งรุนแรง พระฤาษีโกรธจงึ ซดั ทรายเสกไปถกู นางผีเส้ือสมทุ รจนนาง
ต้องหนีไปจากชายหาดเกาะแกว้ พสิ ดาร
ความสาคัญของปัญญา
นิทานคากลอนเรอื่ งพระอภัยมณี ตอนพระอภยั มณีหนนี างผีเสื้อสมุทร สะท้อน
ใหเ้ หน็ ความสาคญั ของสติปัญญาอยูม่ าก ไมว่ ่าจะเป็นสตปิ ญั ญาของเงือกเฒา่ ของพระอภยั มณี
ของนางผีเสอื้ สมุทร หรอื ของสินสมทุ ร
แผนการจัดการเรยี นรู้ ๖ : ผา่ นถอ้ ยวาจา (๒) 1๙
พระอภัยมณีได้รับคาแนะนาจากเงือกเฒ่าให้หนีไปยังเกาะแก้วพิสดารโดยลวงนางผีเส้ือ
สมทุ รใหอ้ ดอาหารเพ่ือใหอ้ อ่ นแรงเสยี กอ่ น เปน็ การตัดโอกาสนางผีเสื้อสมุทรไม่ให้ตามพระอภัยมณี
ได้ทัน เหตุการณ์ตอนน้ีแสดงให้เหน็ ความสาคญั ของการวางแผนก่อนลงมือปฏิบัติ ไม่ใช่เป็นการหนี
ตามยถากรรม เงือกนั้นรู้สภาพภูมิศาสตร์ และรู้กาลังของตนว่าจะสามารถพาพระอภัยมณีหนีการ
ติดตามของนางผีเสื้อสมุทรได้นานเท่าใด การรู้เขารู้เราเช่นนี้ทาให้ประมาณกาลังตนเองได้โดยไม่
ประมาท นอกจากนี้ยังมองการณ์ไกลหาทางให้พระอภัยมณีมีโอกาสโดยสารเรือที่พลัดเข้ามายัง
เกาะแก้วพิสดารกลับไปยังบ้านเมืองของตนได้อีกด้วย ดังปรากฏในคาพูดท่ีเงือกเฒ่ากล่าวแก่
พระอภัยมณดี ังนี้
แม้นพระองค์ทรงฤทธิจ์ ะคิดหนี ถงึ โยคเี ข้าสานักไม่ตักษัย
เผื่อสาเภาเขาซดั พลดั เข้าไป กจ็ ะได้โดยสารไปบ้านเมอื ง
แต่ทางไกลไมน่ อ้ ยถงึ รอ้ ยโยชน์ ลว้ นเขาโขดคิรรี ัตนข์ นดั เน่อื ง
กลางคงคาสารพัดจะขดั เคอื ง จงทราบเบ้อื งบงกชบทมาลย์
แมน้ กาลังดงั ขา้ จะพาหนี เจ็ดราตรเี จยี วจงึ จะถึงสถาน
อสรุ มี ีกาลังดังปลาวาฬ ตามประมาณสามวนั จะทนั ตวั
เมื่อนางผีเสื้อสมุทรเล่าเร่ืองฝันร้ายให้ฟังว่าเทวดาที่อยู่เกาะนั้นทาลายถ้าของนางทาร้าย
นาง และควักดวงตาของนางแล้วเหะหายลับไป พระอภัยมณีจึงฉวยโอกาสหาทางให้นาง ไป
อุดอาหารถึง ๓ คืน ๓ วันเพื่อสะเดาะเคราะห์เสีย เป็นการตัดกาลังของนางผีเสื้อสมุทรตามอุบาย
ของเงอื กเฒ่า เหตุการณต์ อนนีแ้ สดงให้เหน็ ความฉลาดของพระอภยั มณี ดงั ในคากลอนวา่
พอได้ชอ่ งลองลวงดูตามเล่ห์ สมคะเนจะไดไ้ ปดงั ใจหมาย
จึงกล่าวแกลง้ แสรง้ เสเพทุบาย เจ้าฝันร้ายนักนอ้ งตอ้ งตารา
อนั เทวญั น้นั คอื มจั จรุ าช จะหมายมาดเอาชวี ิตรษิ ยา
แลว้ เสแสร้งแกล้งทาบบี นา้ ตา อนจิ จาใจหายเจยี วสายใจ
แมน้ สน้ิ สญู บญุ นางในปางนี้ ไม่มีทีพ่ ึ่งพาจะอาศยั
ระกาใจกวา่ จะม้วยไปด้วยกนั จะกอดศพซบหน้าโศกาลยั
นกึ จะใคร่สะเดาะพระเคราะหเ์ จา้ พอบรรเทาโทษาท่ีอาสญั
เหมอื นงอนง้อขอชีวิตแกเ่ ทวญั กลวั แตข่ วัญเนตรพ่ีจะมทิ า
ฯลฯ
แผนการจัดการเรยี นรู้ ๖ : ผา่ นถ้อยวาจา (๒) ๒๐
พระฟงั คาสาราญสาเรจ็ คิด จึงว่าผิดสายสมรหาสอนไม่
ตารานัน้ แต่คร้งั ต้งั เมรุไกร วา่ ถ้าใครฝันร้ายจะวายปราณ
ให้ไปอยูผ่ เู้ ดียวท่ีดีนเขา แล้วอดข้าวอดปลากระยาหาร
ถว้ นสามคืนสามวันจะบันดาล ใหส้ าราญรอดตายสบายใจ
ฝ่ายนางผีเส้อื สมุทรเม่ือกลับจากการอดอาหารสะเดาะเคราะห์ แล้วพบว่าประตูถ้าเปิดท้ิง
อยู่โดยไม่มีหินปิดปากถ้าไว้ และไม่พบทั้งพระอภัยมณีและสินสมุทร อีกทั้งไม่เห็นปีของ
พระอภัยมณกี ท็ ราบทันทวี า่ พระอภัยมณคี งหนีนางไปแลว้ ฝา่ ยสินสมุทรก็ฉลาดท่ีใชส้ ติปัญญาในการ
ลวงแมใ่ ห้ตามไปอกี ทศิ ทางหน่ึง เพ่ือเปิดโอกาสให้เงือกพาพระอภยั มณีหนีได้อยา่ งปลอดภยั
การสรรคาของสุนทรภู่
นทิ านคากลอนเรื่องพระอภัยมณี ตอนพระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อสมุทร ที่คัดมาให้นักเรียน
อา่ น แสดงใหเ้ หน็ ความสามารถในการใช้คาของสนุ ทรภู่ว่าเลือกคาได้เหมาะแก่ตัวละคร ดังจะเห็น
ได้จากบทบรรยายสภาพความใหญ่โตและน่ากลัวของนางผีเส้ือสมุทร กิริยาอาการท่ีเต็มไปด้วย
พละกาลงั ของนางที่เปรียบได้ดังกาลังมหาศาลของปลาวาฬ หรือคาพูดของนางที่กล่าวแก่ตัวละคร
ตา่ งๆ
สุนทรภู่ให้ภาพนางผีเส้ือสมุทรท่ีอดอาหารจน “โซเซา” คืออดอยากจนไม่มีเร่ียวแรงต้อง
น่ังจับเจ่าอยู่ตรงน้ัน เม่ือดรบ ๓ วันจึงหมดแรง คร้ันออกเดินก็ทรงตัวแทบจะไม่อยู่มีลักษณะ
“เซช้งชวนทรง” จนเดินไม่ตรงทาง เมื่อรู้ว่าเงือกพาพระอภัยมณีหนีไป นางผีเสื้อสมุทรโกรธมาก
นางลุยทะเลเสียงดังโครมคราม และทุ่มกาลังที่มีอยู่อย่างเต็มที่จนทาให้มหาสมุทรแทบจะถล่ม
ทลาย นางทาลายทกุ สงิ่ ท่ขี วางหนา้ จนกระทัง่ "ภเู ขาหักหินหลดุ ทรุดสลาย"การเลือกใช้ดา "ทะมื่น"
เมื่อบรรยายภาพนางผีเสื้อสมุทรท่ีติดตามพระอภัยมณีมาอย่างกระชั้นชิด ส่ือความใหญ่โตและดา
มะเมื่อมของร่างนางผีเสื้อยักษ์ได้เป็นอย่างดี ส่วนคาว่า “ตีอกตูม” แสดงความรุนแรงของการตีอก
เพราะความเสียใจอย่างยงิ่
คาพูดของนางผีเสื้อสมุทรก็เป็นไปตามอารมณ์ของนาง เมื่อพูดกับพระอภัยมณีซ่ึงเป็น
บคุ คลท่นี างหลงรกั นางใชค้ าพูดอ่อนหวาน แต่เมื่อพูดกับสินสมุทรก็มีท้ังปลอบและข่มขู่ ส่วนเมื่อ
พูดกับพระฤาษีแห่งเกาะแก้วพิสดารก็ใช้วาจาจาบจ้วงเพราะโกรธพระฤาษีท่ีขวางทางรักของนาง
ทาให้ผู้อ่านเห็นอารมณ์หลากหลายของนางยักษ์และเห็นว่านางรู้จักเลือกถ้อยคาท่ีจะพูดกับคนแต่
ละคน คนไหนท่ีคดิ ว่าไมม่ คี วามจาเป็นต้องพูดดดี ้วย นางก็จะใช้วาจารุนแรงหรือต่อว่าต่อขานอย่าง
ไม่เกรงใจ
แผนการจัดการเรยี นรู้ ๖ : ผ่านถอ้ ยวาจา (๒) ๒1
เช่น ในกรณีทพี่ ูดกับพระฤาษีว่าซอ่ ติตา่ งๆ ไว้เป็นบริวาร กล่าวหาพระฤาษีว่าคงบวชหนี
ราชการ และไม่นา่ จะเป็นมหิ นาซ้ายงั เขา้ มาย่งุ กับเรือ่ งสามภี รรยาของคนอนื่ พรากสามไี ปจากภรรยา
ทาใหไ้ ม่น่านบั ถอื นางผเี ส้อื สมุทรยังพูดจาระรานนางเงือกเพราะหึงหวงเกรงวา่ พระอภัยมณีจะท้ิง
นางเงือก ดังในคากลอนต่อไปน้ี
นางผีเสอ้ื เหลือโกรธพิโรธร้อง มาต้ังชอ่ งศลี จะมีอยทู่ ่ไี หน
ช่างเฉโกโยคีหนเี ขาใช้ ไมอ่ ยูใ่ นศลี สตั ยม์ าตดั รอน
เขาว่ากนั ผวั เมยี กับแม่ลกู ย่นื จมกู เขา้ มาบ้างชว่ ยส่ังสอน
แม้นคบคู่กไู วม้ ิใหน้ อน จะราญรอนรบเรา้ เฝา้ ตอแย
แล้วชหี้ น้าคา่ อึงหงึ นางเงือก ทาซบเสือกสอพลออตี อแหล
เห็นผวั รกั ยกั คอทาทอ้ แท้ พ่อกบั แมม่ งึ เขา้ ไปอยใู่ นท้อง
ทาปน้ั เจ๋อเยอ่ หยิง่ มาชงิ ผวั ระวังตวั มงึ ใหด้ อี ีจองหอง
พลางเขน่ เขีย้ วเคยี้ วกรามคารามรอ้ ง เสียงกกึ กอ้ งโกลาลกู ตาโพลง
คาพูดของนางผีเส้อื สมทุ รขา้ งต้นแสดงให้เหน็ ว่านางไม่มสี มั มาคารวะ และพูดตามอารมณ์
โดยไม่ย้ังคิดว่าเหมาะสมหรอื ไม่
เหตุการณ์ตอนพระอภัยมณีหนีนางผีเส้ือสมุทร แม้จะเต็มไปด้วยเรื่องราวร้ายๆ ที่ชวนให้
ระทึกใจว่าพระอภัยมณีจะหนีพันจากการติดตามของนางผีเสื้อสมุทรหรือไม่ แต่ก็มีบางตอนท่ีให้
อารมณ์ชื่นบานแก่ผู้อ่าน เช่น ตอนพระอภัยมณีชมทะเล อันเป็นช่วงต้นของการเดินทางหนีจากนาง
ผเี สือ้ สมุทร มกี ารพรรณนาปลาชนิดต่าง ๆ และให้ภาพปลาแต่ละชนิดท่ีว่ายคลอกันอยู่เป็นคู่ ๆ หรือ
เป็นฝูงๆ ซ่ึงเป็นภาพที่น่รื่นรมย์ การใช้ดาพรรณนา เช่น “เคลื่อนคลาคล้ายคล้าย” “โบกหาง”
“เลี้ยวลอด” ส่ืออาการเคลื่อนไหวไปมาอย่างสวยงามของปลาชนิดต่างๆ คาว่า “ผุดพ่นฟองน้า”
“ดาจร” “วนเวียน” “เล้ียวลัดฉวัดเฉวียน” สื่อความเคล่ือนไหวและความมีชีวิตชีวาของปลาชนิด
ต่าง ๆ เหลา่ น้ีไดเ้ ปน็ อย่างดี
อย่างไรก็ตาม ในตอนทา้ ยของบทพรรณนา สุนทรภู่ให้ภาพความรูส้ ึกท่ตี ัดกนั หรอื ขัดแย้งกบั
ความรู้สึกรนื่ รมย์ในชว่ งแรก โดยพรรณนาความกว้างใหญ่ของทะเลทีเ่ วง้ิ วา้ งสุดสายตา ทาใหค้ นทอ่ี ยู่
กลางทอ้ งทะเลมีความรสู้ กึ อ้างว้างและหวาดหวน่ั ต่อภัยอันตรายทีอ่ าจเกดิ ขึ้นได้ทกุ เวลา ความรูส้ ึกน้ี
ทวขี ้นึ เมอ่ื ตา่ มืดมากย่งิ ขึน้ ทาให้พระอภยั มณตี อ้ งบอกเงือกใหห้ าที่พักแรมเพราะไม่อยากเส่ียงภยั
เดนิ ทางในเวลากลางคนื
แผนการจดั การเรยี นรู้ ๖ : ผา่ นถ้อยวาจา (๒) ๒๒
ในตอนนีม้ ีการเล่นเสยี งพยัญชนะทีท่ ้ายวรรคกลอน เชน่ “ถล่มทลาย” “เสลือกสลน”
“ถีบถอน” “นักหนา” “”ผายผัน” “แห่งหน” “หลอนหลอก” และมีการใช้ภาพพจนอ์ ย่มู ากทาให้
ไดค้ วามรู้สกึ หรือเห็นภาพทชี่ ดั เจน นอกจากน้ีมกี ารใช้ดาเลยี นเสยี งธรรมชาติต่างๆ เชน่ “เสยี ง
โครมคราม” “ผางผาง” หรือใชด้ าใหภ้ าพ เชน่ “พลางสะบดั โบกหางไปกลางคลืน่ ” และ “ออก
กลางชลโบกหางผางผางไป” ซึ่งใหภ้ าพของการวาดหางไปในท้องทะเลอยา่ งสวยงามและการวา่ ย
นา้ อยา่ งเร่งรบี ของเงือกได้อย่างชดั เจน
ดว้ ยข้อดเี ด่นต่าง ๆ ดังได้กล่าวมานี้ ผอู้ ่านผ้ฟู งั นิทานคากลอนเรื่องพระอภัยมณี จงึ
นยิ มอา่ นนิยมฟังสบื ต่อกันมาตราบทกุ วันน้ี ดว้ ยเหตนุ ี้สมเด็จพระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมพระยา
ดารงราชานภุ าพจึงทรงยกยอ่ งเรื่องพระอภยั มณีของสนุ ทรภู่วา่ “เปน็ หนงั สือเรอ่ื งยาวแต่งดี
ทง้ั กลอนทัง้ ความคิดทผ่ี กู เรอ่ื ง”
จากหนงั สือวรรณคดีวจิ กั ษ์ ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ ๓ หนา้ ๔๘ - ๕๕
แผนการจดั การเรยี นรู้ ๖ : ผ่านถ้อยวาจา (๒) ๒๓
ใบงาน
“ตอบไดใ้ หเ้ ลย”
ชื่อ………………………………………………………….นามสกลุ ……………………………………….ชน้ั ……………
คาชแี้ จง ใหน้ กั เรียนตอบคาถามตอ่ ไปน้ี
๑. สินสมทุ รมลี กั ษณะรูปรา่ งหน้าตาเปน็ อย่างไร
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
๒. นกั เรยี นคิดวา่ พระอภยั มณีมคี ณุ ธรรมใดที่โดดเดน่ มากท่ีสุด
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
๓. “ดูรปู รา่ งอยา่ งเปรตสมเพชใจ ช่างกระไรราศไี ม่มงี าม” จากขอ้ ความข้างต้นใครพดู ถงึ ใคร
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
๔. เพราะเหตุใดเมอ่ื สนิ สมุทรเหน็ ร่างจรงิ ของแมจ่ ึงหวาดกลัวอย่างมาก
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
๕. อะไรเปน็ หลกั ฐานช้ินสาคัญท่ีทาให้นางผเี ส้ือสมุทรรวู้ ่าพระอภยั มณีได้หนีไปแล้ว
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
แผนการจัดการเรยี นรู้ ๖ : ผา่ นถ้อยวาจา (๒) ๒๔
๕. อะไรเป็นหลกั ฐานช้นิ สาคัญท่ีทาให้นางผีเสื้อสมทุ รรู้ว่าพระอภยั มณีไดห้ นีไปแลว้
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
๖. เงือกเฒา่ สองผวั เมยี มคี ุณธรรมท่นี ่ายกย่องในเรื่องใด
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
๗. ใครเป็นคนช่วยเหลอื พระอภยั มณแี ละเงือกสาวให้รอดพ้นจากนางผีเสื้อ
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
๘. เหตการณ์ตอนใดท่ีแสดงใหเ้ ห็นถงึ ความมสี ติปัญญาของเงือกเฒา่ ยกตัวอย่างมา ๑ ตอน
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
๙. พระฤาษีแหง่ เกาะแกว้ พสิ ดารทาอย่างไรนางผเี ส้ือสมุทรจึงหนีไป
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
๑๐. เพราะเหตุใดพระฤาษีจึงโกรธนางผีเส้อื สมุทร
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
แผนการจัดการเรียนรู้ ๖ : ผา่ นถ้อยวาจา (๒) ๒๕
นิทานคากลอนเรื่องพระอภยั มณี
ตอนพระอภยั มณหี นนี างผเี ส้ือสมุทร
จะกลา่ วกลบั จบั ความไปตามเร่ือง ถึงบาทเบอ้ื งปรเมศพระเชษฐา
องคอ์ ภยั มณศี รีโสภา ตกยากอยู่คูหามาชา้ นาน
กับด้วยนางอสรุ ีนีรมิต เปน็ คู่ชดิ เชยชมสมสมาน
ต้องรักใคร่ไปตามยามกันดาร จนนางมารมีบุตรบุรุษชาย
ไม่คลาดเคลอื่ นเหมือนองค์พระทรงเดช แตด่ วงเนตรแดงดูดงั สรุ ยิ ์ฉาย
ทรงกาลงั ดังพระยาคชาพลาย มีเขยี้ วคลา้ ยชนนีมศี ักดา
พระบติ รุ งคท์ รงศักด์ิก็รักใคร่ ดว้ ยเนือ้ ไขมิไดค้ ดิ รษิ ยา
เฝ้าเลีย้ งลูกผกู เปลแล้วเห่ชา้ จนใหญก่ ล้าอายไุ ดแ้ ปดปี
จงึ ใหน้ ามตามอย่างขา้ งมนุษย์ ช่อื สินสมทุ รกมุ ารชาญชยั ศรี
ธามรงค์ทรงมาคา่ บุรี พระภูมีถอดผูกใหล้ กู ยา
เจยี ระบาดคาดองคก์ ็ทรงเปลอื้ ง ให้เป็นเคร่ืองนงุ่ ห่มโอรสา
สอนให้เจา้ เป่าป่มี ีวิชา เพลงศาสตราสารพัดหัดชานาญ
วนั หนงึ่ นางอสุรีผีเสอ้ื นา้ ออกจากถ้าเทย่ี วหาภกั ษาหาร
จับกระโห้โลมากมุ ภาพาล กินสาราญร่นื เริงบนั เทิงใจ
ไมห่ ่างบาทบดิ าอัชฌาสยั
ฝา่ ยกมุ ารสนิ สมุทรสุดสวาท ด้วยมิไดข้ ่เู ข็ญเชน่ มารดา
ความรักพอ่ ย่งิ กว่าแม่มาแตไ่ ร หนไี ปวิง่ เล่นอยู่ในคูหา
เหน็ ทรงธรรมบ์ รรทมสนทิ นง่ิ เห็นแผ่นผาพงิ ผนดิ ปิดหนทาง
โลดลาพองลองเชิงละเลงิ มา เข้าลองผลกั ด้วยกาลงั ก็พังผาง
หนักหรอื เบาเยาว์อยู่ไมร่ ู้จัก ทะเลกวา้ งข้างขวาลว้ นป่าดง
เหน็ หาดทรายพรายงามเป็นเงนิ ราง
พระกมุ ารเพลินจิตพิศวง
ไม่เคยเหน็ เปน็ นา่ สนุกสนาน แลว้ โดดลงเล่นมหาชลาลัย
ออกวงิ่ เตน้ เล่นทรายสบายองค์ ดาไมผ่ ุดเลยทง้ั วันก็กลัน้ ได้
ดว้ ยหน่อนาถชาตเิ ชื้อผีเสอื้ สมทุ ร
เที่ยวเลยี้ วไลข่ ปี่ ลาในสาชล
ยง่ิ ถกู น้ากาลังย่งิ เกรียงไกร ลอดออกตามซีกเหงือกเสลือกสลน
ระลอกซดั พลัดเขา้ ในปากฉลาม คดิ ว่าคนมีหางเหมอื นอยา่ งปลา
เห็นฝูงเงอื กเกลอื กกลงิ้ มากลางชล
แผนการจัดการเรยี นรู้ ๗ : ภาษาในวรรณคดี (๑) ๒๖
ครนั้ ถามไถ่ไมพ่ ดู ก็โผนจบั ดกู ลอกกลบั กลางน้าปล้ามัจฉา
ครนั้ จับไดใ้ หร้ ะแวงแคลงวิญญาณ์ เชน่ น้ีปลาหรืออะไรจะใครร่ ู้
ฉดุ กระชากลากหางขึน้ กลางหาด แลประหลาดลกั ษณามตี าหู
จะเอาไปให้พระบดิ าดู แลว้ ลากลเู่ ขา้ ในถ้าด้วยกาลัง
ถงึ หุบหอ้ งร้องบอกบิตุเรศ พระลมื เนตรเหลยี วหาทัง้ หน้าหลัง
เหน็ ลกู ลากเงือกนา้ แต่ลาพัง จากบัลลังกม์ าห้ามแล้วถามไป
เมอ่ื กี้เห็นเล่นอยใู่ นคหู า เงอื กนเ้ี จ้าเอามาแต่ขา้ งไหน
พระลูกเล่าตามจริงทกุ ส่งิ ไป พระตกใจจงึ ว่าด้วยปรานี
แม้นแม่เจา้ เขารู้วา่ แรงนกั กลวั จะลักลอบพาบิดาหนี
จะโกรธเกรยี้ วเค้ยี วเลน่ เปน็ ธุลี ไมพ่ อทชี่ ีวันจะบรรลัย
ฟงั พระบาทบิตุรงค์ใหส้ งสัย
สนิ สมทุ รกุมารชาญฉลาด เหตุไฉนจึงจะเป็นไปเชน่ นัน้
จงึ ทลู ถามความจรงิ ด้วยกร่ิงใจ คดิ ถงึ ยากยามวโิ ยคยง่ิ โศกศลั ย์
จนพากันมาบรรทมทร่ี ม่ ไทร
พระฟังคาน้าเนตรลงพรากพราก ขึ้นไปฉุดฉวยบิดาลงมาได้
แถลงเล่าลกู ยาสารพัน จนเจ้าไดแ้ ปดปเี ข้าน่ีแลว้
แมข่ องเจา้ เขาเปน็ เชอ้ื ผีเสอ้ื สมทุ ร
จงึ กาเนดิ เกดิ กายสายสุดใจ ตายหรอื เป็นว่าไมถ่ กู เลยลกู แกว้
ไมร่ อดแลว้ บติ รุ งค์กค็ งตาย
ไปเปิดประตคู ูหาถ้าเขาเหน็ ราคาญคิดเสยี ใจมใิ ครห่ าย
แม้นสินสมทุ รสดุ สวาทพ่อคลาดแคล้ว ก็ฟมู ฟายชลนาโศกาลัย
พระโอรสรูแ้ จง้ ไมแ่ คลงจิต กติ ติศพั ท์สองแจง้ แถลงไข
ด้วยแม่กลบั อัปลกั ษณเ์ ป็นยักษร์ ้าย จะกราบไหว้วอนวา่ ให้ปรานี
ฝ่ายเงอื กน้านอนกลิง้ น่ิงสดับ ยังมึนเหนบ็ น้อมประณตบทศรี
รู้ภาษามนุษยแ์ น่ในใจ ข้าขอชีวิตไวอ้ ย่าใหต้ าย
ค่อยเขยื้อนเลื่อนลุกขึ้นท้งั เจ็บ ดงั หนังเน้ือนจ้ี ะแยกแตกสลาย
พระผา่ นเกลา้ เจา้ ฟ้าในธาตรี
พระราชบตุ รฉดุ ลากลาบากเหลอื ยงั แตก่ ายเกอื บจะด้ินสิ้นชวี ัน
เศรา้ พระทัยทุกขต์ รอมเหมือนหม่อมฉัน
ท้ังลูกเตา้ เผ่าพงศ์กพ็ ลัดพราย ช่วยผ่อนผนั ให้ตลอดรอดชวี า
พระองค์เล่าเขาก็พาเอามาไว้ ใหโ้ อรสยกตั้งบงั คหู า
ขอพระองค์จงโปรดแก้โทษทณั ฑ์ จะอาสาเกล่ียทรายเสียให้ดี
ซ่งึ ปากถ้าทาลายลงเสยี หมด ขอรองบาทบงกชบทศรี
ข้าเหน็ อย่างนางมารจะนานมา ทสี่ ง่ิ มจี ะเอามาสารพัน
หนึง่ พวกพอ้ งของข้าคณาญาติ
แมน้ ประสงคส์ ิง่ ไรในนที
แผนการจัดการเรียนรู้ ๗ : ภาษาในวรรณคดี (๑) ๒๗
พระฟังเงือกพดู ได้ให้สงสาร จึงว่าท่านคิดน้ีดีขยนั
รเู้ จรจาสารพัดน่าอศั จรรย์ อยพู่ ดู กนั อกี สกั หนอ่ ยจึงค่อยไป
เราตรองตรกึ นกึ จะหนนี างผเี สือ้ แตใ่ ต้เหนือไมร่ แู้ หง่ ตาแหนง่ ไหน
ท่านเจนทางกลางทะเลคะเนใจ ทากระไรจงึ จะพน้ ทนทรมาน
ขา้ พระบาททราบสิน้ ทุกถ่ินฐาน
ฝา่ ยเงอื กน้าคานบั อภวิ าท อโนมานเคียงกันสที นั ดร
อันนา้ นม้ี ีนามตามบุราณ ขา้ งฝา่ ยเหนอื ถงึ มหิงษะสิงขร
เปน็ เขตแคว้นแดนที่นางผีเสื้อ หนทางจรเจด็ เดอื นไมเ่ คล่อื นคล
ขา้ งทศิ ใตไ้ ปจนเกาะแก้วมังกร สมทุ รไทซึ้งซึกลึกนกั หนา
ไปกลางย่านบา้ นเรือนหามีไม่ เขาแล่นมามบี า้ งอยลู่ างปี
แตส่ าเภาชาวเกาะเมอื งลงั กา ข้ึนมาเลือกเอาไปชมประสมศรี
ถา้ เสยี เรือเหลอื คนแลว้ นางเงอื ก ด้วยเดิมทปี ยู่ า่ เป็นมานษุ ย์
เหมอื นพวกพอ้ งของขา้ รู้พาที จึงแจ้งเหตแุ ถวทางกลางสมุทร
อายขุ ้าห้ารอ้ ยแปดสิบเศษ เห็นไม่สดุ สิน้ แดนดว้ ยแสนไกล
แมน้ จะหนีผเี สื้อด้วยแรงรุทร อายถุ งึ พันเศษถอื เพทไสย
แตโ่ ยคมี ีมนตร์อยู่ตนหนึ่ง กินลูกไม้เผือกมันเป็นพรรณผลา
อยเู่ กาะแกว้ พิสดารสาราญใจ ขึ้นเปน็ ศษิ ย์อยู่สานกั นนั้ หนักหนา
พวกเรอื แตกแขกฝรงั่ แลอังกฤษ ปราบบรรดาภตู พรายไม่กรายไป
ด้วยโยคีมมี นตรด์ ลวชิ า ถงึ โยคีเข้าสานักไม่ตกั ษัย
แม้นพระองคท์ รงฤทธจิ์ ะคิดหนี ก็จะได้โดยสารไปบา้ นเมือง
เผื่อสาเภาเขาซดั พลัดเขา้ ไป ล้วนเขาโขดคิรีรตั น์ขนัดเนอ่ื ง
แตท่ างไกลไม่น้อยถงึ รอ้ ยโยชน์ จงทราบเบื้องบงกชบทมาลย์
กลางคงคาสารพดั จะขัดเคอื ง เจด็ ราตรเี จียวจึงจะถึงสถาน
แมก้ าลังดังขา้ จะพาหนี ตามประมาณสามวันจะทันตวั
อสรุ ีมกี าลงั ดงั ปลาวาฬ ไดล้ ่วงหน้าไปเสยี บ้างจะยังชวั่
ถา้ แก้ไขให้นางไปค้างปา่ ชวี ิตตัวบรรลัยไม่เสียดาย
จะอาสาพาไปมไิ ด้กลวั ถา้ เหน็ ชอบทว่ งทีจะหนหี าย
แต่พระองค์ทรงคิดใหร้ อบคอบ ไปหาดทรายหาขา้ จะมาฟงั
จงึ โปรดใช้ให้องคพ์ ระลูกชาย คอ่ ยบรรเทาทกุ ข์สมอารมณ์หวัง
พระแจง้ ความตามคาเงือกน้าเล่า ให้ได้ดงั ถ้อยคาที่ราพัน
จึงว่าพีม่ ีคุณนอ้ งสักคร้ัง จงงดโทษทาคุณอยา่ หนุ หัน
ซ่งึ ลกู รกั หักหาญใหท้ า่ นโกรธ จวนสายัณห์ยักษม์ าจะวา่ เรา
ช่วยไปปดิ ปากถา้ ที่สาคัญ
แผนการจดั การเรียนรู้ ๗ : ภาษาในวรรณคดี (๑) ๒๘
จึงบญั ชาว่าเจา้ สินสมุทร ไปชว่ ยฉุดศิลาใหญ่ข้ึนใหเ้ ขา
ขอสมาตาปู่อยา่ ดเู บา ช่วยอุ้มเอาแกออกไปใหส้ บาย
กบั ลูกนอ้ ยค่อยพยงุ จูงเงือกน้า มาปากถา้ แลเห็นวนชลสาย
หวนราลกึ ตรึกตรองถึงนอ้ งชาย พระฟมู ฟายชลนาด้วยอาลยั
แล้วใหล้ ูกเลกิ ศิลาเข้ามาปิด เหน็ มิดชดิ มน่ั คงไม่สงสัย
พระกลบั มาตาเงอื กเสอื กลงไป ลงท่ีในวงั วนชลธาร
ฝ่ายผีเสือ้ เมอื่ ขึ้นจากฝั่งน้า จะมาถา้ เทีย่ วหาพฤกษาหาร
เกบ็ ลูกไมใ้ ส่หอ่ เห็นพอการ ท้งั เปรีย้ วหวานสารพัดแลว้ ลัดมา
เห็นหนิ ปิดเปิดประตคู หู ากวา้ ง นมิ ิตอยา่ งนางมนุษย์เสนหา
วรพักตร์นารีศรีโสภา ลีลามาเขา้ ในหอ้ งเหน็ สององค์
วางลกู ไมใ้ นหอ่ ให้ลกู ผวั ทอ้ งของตวั เตม็ ทอ้ งไมต่ ้องประสงค์
พระทรงเลอื กลูกมะซางปรางมะยง ประทานองค์โอรสสอู้ ดออม
ครั้นพลบคา่ ทารกั นางยกั ษร์ ้าย ประคองกายกอดแอบแนบถนอม
ชื่นแต่หน้าอารมณ์นัน้ กรมกรอม แตค่ ดิ อา่ นหว่านล้อมจะลอ่ ลวง
ไมเ่ ห็นช่องตรองตรึกนึกวติ ก ทกุ ขใ์ นอกนั้นสกั เท่าภูเขาหลวง
พระกอดลูกน้อยประทบั ไว้กับทรวง ใหเ้ หงางว่ งงีบหลับระงับไป
ฝ่ายผเี สือ้ เมื่อจะจากพรากลูกผัว แตพ่ ลกิ ตวั กลงิ้ กลับไมห่ ลับใหล
ให้หมกม่นุ ขุ่นคล้าในน้าใจ จนเสียงไก่แก้วขันสนั่นเนนิ
(ยังมีเน้ือหาตอ่ )
พระสุนทรโวหาร (ภู่)
จากหนังสอื เรยี น รายวิชาพนื้ ฐาน ภาษาไทย วรรณคดีวจิ กั ษ์
ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๓ หนา้ ๕๖ - ๕๙
แผนการจัดการเรยี นรู้ ๗ : ภาษาในวรรณคดี (๑) ๒๙
กระโจมโจน คาอธิบายศัพทแ์ ละขอ้ ความ
กล้ัน โถมและพุ่งเข้าใส่เต็มกาลงั
กาก ในที่นี้หมายความวา่ กลัน้ หายใจ
กจิ กรม สงิ่ ทเ่ี หลอื เมอ่ื คนั้ หรือคัดเอาสว่ นดีออกไปแลว้ “รปู กก็ าก”
มคี วามหมายว่า รปู ร่างไมเ่ หลือส่งิ ดีไวเ้ ลย
เกียน งานทร่ี วมกาลังไพรพ่ ลของแผ่นดนิ ตามลักษณะปกครอง
ขุนไศล สมยั โบราณ เพือ่ ประโยชน์ในเวลาเกดิ ศกึ สงครามจะไดเ้ รียก
คล้ายคลา้ ย ระดมคนไดท้ นั ท่วงที ในท่ีนี้พระฤาษแี หง่ เกาะแกว้ พิสดาร
เจา้ ฟา้ ในธาตรี ตอบโตน้ างผเี สือ้ สมทุ รทกี่ ลา่ วหาว่าพระฤาษีทาผิด “กจิ กรรม”
เฉโก คือซ่องสุมผู้คนไว้บนเกาะ
ชักหลงั เป็นคาภาษาเขมร แปลวา่ ขา้ งๆ ใกลเ้ คยี ง
ชวี งั ในความว่า “เหมือนเลน่ ไล่ตามละเมาะทกุ เกาะเกียน”
ซ่อง ภเู ขาใหญ่
ซง้ึ ซกึ เคล่ือนไหวไปเรอ่ื ย ๆ
ตรีชา เจ้าแผ่นดนิ ในที่น้หี มายถงึ พระอภัยมณี
ตะโกรง ฉลาดแกมโกง ไม่ตรงไปตรงมา
ตัดษัย ถอยหลังหนี
ถอื เพทไสย แผลงมาจากคาวา่ “ชีวา” เพือ่ ให้สมั ผัสกบั คาว่า “หลงั ”
แหลง่ มัว่ สมุ หรอื ชุมนุมกนั อยา่ งลบั ๆ
ทะมน่ื ในความว่า “มาตง้ั ซอ่ งศลี จะมอี ยู่ทไี หน”
เปน็ คาซ้อน หมายถึง ลึกมาก
ตาหนิ กล่าวโทษ
ทะเยอทะยาน อยากได้ เต็มไปด้วยความอยาก ตะกลาม
คือ ตักษัย มาจากคาเต็มว่า ชวี ิตตกั ษยั หมายถึง การสน้ิ ชวี ิต
สนุ ทรภดู่ ดั แปลงคานีเ้ ปน็ ตดั ษัย เพื่อให้สมั ผสั กับคาว่า
“ประดพิ ัทธ์” ในความวา่ “จะรองบาทประดพิ ัทธ์จนตดั ษยั ”
ถอื ไสยเวท คือ เชย่ี วชาญเรือ่ งเวทมนตร์คาถา คาวา่ “เพท”
ในที่น้คี อื คาวา่ “เวท” หมายถงึ ถ้อยคาศักดส์ิ ทิ ธ์ทิ ผ่ี ูกขึน้ เป็น
มนตร์หรอื คาถาอาคมที่สามารถใช้เพ่อื ใหร้ า้ ยหรือดไี ด้ หรือ
ใชป้ อ้ งกันอันตรายต่าง ๆ ตามคติไสยศาสตร์
มีลักษณะสงู ใหญ่และดามืดอย่างนา่ กลัว เปน็ คาเดยี วกันกับ
คาวา่ “ทะมึน” มกั ใชค้ ้กู ับคาวา่ “ดา” เปน็ “ดาทะมนึ ”
แผนการจัดการเรยี นรู้ ๗ : ภาษาในวรรณคดี (๑) ๓๐
ทาไขหู ทาเป็นว่าไม่ได้ยิน
ทารัก
ทาเป็นรกั ใคร่ คือ พระอภยั มณีแกล้งทาเปน็ รกั ใคร่
ธามรงค์ทรงมาค่าบรุ ี นางผีเส้อื สมุทร
แหวนท่ีพระอภยั มณีสวมนวิ้ มคี า่ ควรเมอื ง หมายความว่า
นางมารจะนานมา มคี ่ามากคู่ควรกับเมือง
บัลลังก์ อกี นานกว่านางผเี สอื้ สมทุ รจะกลบั มา
บากบั่น
ในทีน่ หี้ มายถึง แท่นหนิ ทใ่ี ชเ้ ป็นท่ีนง่ั หรอื ทน่ี อน
ปราย ในทน่ี ห้ี มายถึง ตดั รอน ในความวา่
ปลา้ “ประทานโทษโปรดเล้ียงแต่เพียงน้ัน อยา่ บากบัน่ ความ
รกั นอ้ งนกั เลย” บา่ ยเบ่ยี ง ในทีน่ ้หี มายถึง เวลาบา่ ยคล้อย
เปราะ ซดั หวา่ น สาดให้กระจายออกไป
สู้ ต่อสู้ “ปล้ามัจฉา” มคี วามหมายวา่ สู้กับปลา
ผนิด ในทน่ี ีห้ มายถงึ สกู้ ับเงือก
พะเนนิ ใช้ในคาว่า “ปากเปราะ” หมายถงึ พูดวา่ คนง่ายๆ โดย
พษิ ฐาน ไมย่ ั้งคิดหรือไตรต่ รอง ในความว่า “รปู ก็กากปากก็เปราะ
ไม่เหมาะเหมง็ ”
เพลงศาสตรา ปิดแน่น
ภูเขาหลวง ค้อนขนาดใหญท่ ใ่ี ชส้ าหรับตเี หลก็ หรอื ทบุ หิน เป็นต้น
มะซาง มีความหมายอย่างเดียวกนั กบั คาวา่ “อธษิ ฐาน” คอื
ขอรอ้ งต่อส่ิงศกั ด์สิ ทิ ธิเ์ พื่อชว่ ยบันดาลใหต้ นประสบ
มานษุ ย์
ผลสาเร็จในสง่ิ ท่ีมงุ่ หวัง
ยกั คอทาท้อแท้ คอื เพลงศสั ตรา หมายความวา่ เพลงอาวุธ
ภเู ขาใหญ่
ช่อื ไมผ้ ลชนดิ หนึง่ ผลขนาดหมากดิบ สีเขียว มียางมาก
รสหวานเยน็
มาจากคาว่า “มนุษย”์ ในที่นี้ยืดเสียงสระอะเป็นสระอา
เพราะตอ้ งการให้ สมั ผัสกับคาวา่ “ยา่ ” ในความว่า
“ด้วยเดมิ ทีปูย่ ่าเปน็ มนุษย”์
เอียงคอซบและทาทา่ ไม่มีแรง เป็นคาทนี่ างผีเส้ือสมุทรวา่
นางเงอื ก ว่าทาทา่ อ้อนพระอภัยมณี
แผนการจดั การเรียนรู้ ๗ : ภาษาในวรรณคดี (๑) ๓1
ยุคนุ ธร์ คอื ยคุ ุนธร เปน็ ภูเขา 1 ใน 7 ของเทือกเขาสัตภณั ฑห์ รือ
ระลอก สัตบริภัณฑ์ ทล่ี ้อมรอบเขาพระสเุ มรอุ ย่เู ป็นชน้ั ๆ รวม 7 ชน้ั
แรงรุทร
ละเมาะ ไดแ้ ก่
ลกั ษณา
1. ยคุ นธรหรอื ยคุ นุ ธร 5. เนมินธร
ลกู ไม้
เลิกศิลา 2. อิสนิ ธร 6. วินันตกะ
โว้เว้
สมทุ รไท 3. กรวกิ 7. อสั กัณ
สาชล
4. สุทสั นะ
สานกั
หนเี ขาใช้ เขายคุ นธรอยู่ใกลเ้ ขาพระสุเมรุมากทส่ี ดุ และมีความสูงเป็น
หบุ หอ้ ง ครึง่ หน่ึงของเขาพระสเุ มรุ เขาพระสุเมรุ 82,000 โยชน์
เทา่ นั้น
คลน่ื
เร่ยี วแรงอนั นา่ กลัว คาว่า “รทุ ร” แปลวา่ น่ากลวั ยิง่
พมุ่ ไม้
มาจากคาว่า “ลกั ษณะ” ในทนี่ ี้สนุ ทรภู่ต้องการใหส้ ัมผัสกับ
คาวา่ “ตา” จึงยืดเสยี งสระอะเป็นสระอา ในความวา่
“แลประหลาดลกั ษณามีตาหู”ลยุ อ่อน ในท่นี ี้มคี วามหมายวา่
ลยุ นา้ หรือเดินท่องน้าจนไม่มแี รง
เป็นคาท่คี นโบราณใช้ในความหมายว่าผลไม้ ปัจจบุ นั พบใน
คาวา่ “ส้มสกู ลูกไม”้
ยกหินขนึ้
พดู หาเรอื่ ง พดู จาเหลวไหล
ท้องทะเลอนั กว้างใหญ่
คอื คาวา่ “สายชล” มคี วามหมายว่า สายน้า สนุ ทรภชู่ อบใช้
คาวา่ “สาชล” ในความหมายนี้ และมีปรากฏในวรรณคดที ่ี
สุนทรภู่แตง่ แทบทกุ เร่อื ง
เป็นคาภาษาเขมร แปลว่า พัก อยู่
เปน็ ถอ้ ยคาท่ีนางผีเส้อื สมทุ รกลา่ วหาพระฤาษแี ห่งเกาะ
แก้วพสิ ดารวา่ บวชเพอ่ื หนกี ารถูกเกณฑ์เขา้ ทางานในสมยั นัน้
ชายฉกรรจท์ ุกคนจะถกู เกณฑเ์ ขา้ ทางานให้แก่บ้านเมอื ง
ถา้
แผนการจดั การเรียนรู้ ๗ : ภาษาในวรรณคดี (๑) ๓๒
เห่ กล่อม
แห่งนุสนธิ์ สถานท่ที ี่จะติดตาม ในความว่า “ถงึ มว้ ยมอดมิให้แจง้ แหง่
นุสนธ์ิ”โหยกเหยกไมอ่ ยู่กับรอ้ งกับรอย ไมแ่ นน่ อน
อยา่ สูญใจ อย่าแลง้ นา้ ใจ
จากหนงั สอื วรรณคดวี ิจกั ษ์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๓ หน้า ๗๓ - ๗๖
แผนการจดั การเรยี นรู้ ๗ : ภาษาในวรรณคดี (๑) ๓๓
ใบงาน
“สรุปความรู้ เรอื่ ง พระอภัยมณี”
ช่อื ………………………………………………………….นามสกุล……………………………………….ชั้น……………
คาช้แี จง ใหน้ ักเรียนเขยี นสรุปความรแู้ ละขอ้ คิดทไ่ี ด้จากคาประพนั ธ์
......................................................................................................................................
......................................................................................................................................
......................................................................................................................................
......................................................................................................................................
......................................................................................................................................
......................................................................................................................................
......................................................................................................................................
......................................................................................................................................
......................................................................................................................................
......................................................................................................................................
......................................................................................................................................
......................................................................................................................................
......................................................................................................................................
......................................................................................................................................
......................................................................................................................................
......................................................................................................................................
......................................................................................................................................
......................................................................................................................................
......................................................................................................................................
......................................................................................................................................
......................................................................................................................................
......................................................................................................................................
......................................................................................................................................
แผนการจดั การเรยี นรู้ ๗ : ภาษาในวรรณคดี (๑) ๓๔
นิทานคากลอนเรื่องพระอภยั มณี
ตอนพระอภยั มณหี นนี างผเี ส้ือสมุทร
จะกลา่ วกลบั จบั ความไปตามเร่ือง ถึงบาทเบอ้ื งปรเมศพระเชษฐา
องคอ์ ภยั มณศี รีโสภา ตกยากอยู่คูหามาชา้ นาน
กับด้วยนางอสรุ ีนีรมิต เปน็ คู่ชดิ เชยชมสมสมาน
ต้องรักใคร่ไปตามยามกันดาร จนนางมารมีบุตรบุรุษชาย
ไม่คลาดเคลอื่ นเหมือนองค์พระทรงเดช แตด่ วงเนตรแดงดูดงั สรุ ยิ ์ฉาย
ทรงกาลงั ดังพระยาคชาพลาย มีเขยี้ วคลา้ ยชนนีมศี ักดา
พระบติ รุ งคท์ รงศักด์ิก็รักใคร่ ดว้ ยเนือ้ ไขมิไดค้ ดิ รษิ ยา
เฝ้าเลีย้ งลูกผกู เปลแล้วเห่ชา้ จนใหญก่ ล้าอายไุ ดแ้ ปดปี
จงึ ใหน้ ามตามอย่างขา้ งมนุษย์ ช่อื สินสมทุ รกมุ ารชาญชยั ศรี
ธามรงค์ทรงมาคา่ บุรี พระภูมีถอดผูกใหล้ กู ยา
เจยี ระบาดคาดองคก์ ็ทรงเปลอื้ ง ให้เป็นเคร่ืองนงุ่ ห่มโอรสา
สอนให้เจา้ เป่าป่มี ีวิชา เพลงศาสตราสารพัดหัดชานาญ
วนั หนงึ่ นางอสุรีผีเสอ้ื นา้ ออกจากถ้าเทย่ี วหาภกั ษาหาร
จับกระโห้โลมากมุ ภาพาล กินสาราญร่นื เริงบนั เทิงใจ
ไมห่ ่างบาทบดิ าอัชฌาสยั
ฝา่ ยกมุ ารสนิ สมุทรสุดสวาท ด้วยมิไดข้ ่เู ข็ญเชน่ มารดา
ความรักพอ่ ย่งิ กว่าแม่มาแตไ่ ร หนไี ปวิง่ เล่นอยู่ในคูหา
เหน็ ทรงธรรมบ์ รรทมสนทิ นง่ิ เห็นแผ่นผาพงิ ผนดิ ปิดหนทาง
โลดลาพองลองเชิงละเลงิ มา เข้าลองผลกั ด้วยกาลงั ก็พังผาง
หนักหรอื เบาเยาว์อยู่ไมร่ ู้จัก ทะเลกวา้ งข้างขวาลว้ นป่าดง
เหน็ หาดทรายพรายงามเป็นเงนิ ราง
พระกมุ ารเพลินจิตพิศวง
ไม่เคยเหน็ เปน็ นา่ สนุกสนาน แลว้ โดดลงเล่นมหาชลาลยั
ออกวงิ่ เตน้ เล่นทรายสบายองค์ ดาไมผ่ ุดเลยทง้ั วันก็กลัน้ ได้
ดว้ ยหน่อนาถชาตเิ ชื้อผีเสอื้ สมทุ ร
เที่ยวเลยี้ วไลข่ ปี่ ลาในสาชล
ยง่ิ ถกู น้ากาลังย่งิ เกรียงไกร ลอดออกตามซีกเหงือกเสลือกสลน
ระลอกซดั พลัดเขา้ ในปากฉลาม คดิ ว่าคนมีหางเหมอื นอย่างปลา
เห็นฝูงเงอื กเกลอื กกลงิ้ มากลางชล
แผนการจัดการเรยี นรู้ ๘ : ภาษาในวรรณคดี (๒) ๓๕
ครนั้ ถามไถ่ไมพ่ ดู ก็โผนจบั ดกู ลอกกลบั กลางน้าปล้ามัจฉา
ครนั้ จับไดใ้ หร้ ะแวงแคลงวิญญาณ์ เชน่ น้ีปลาหรืออะไรจะใครร่ ู้
ฉดุ กระชากลากหางขึน้ กลางหาด แลประหลาดลกั ษณามตี าหู
จะเอาไปให้พระบดิ าดู แลว้ ลากลเู่ ขา้ ในถ้าด้วยกาลัง
ถงึ หุบหอ้ งร้องบอกบิตุเรศ พระลมื เนตรเหลยี วหาทัง้ หน้าหลัง
เหน็ ลกู ลากเงือกนา้ แต่ลาพัง จากบัลลังกม์ าห้ามแล้วถามไป
เมอ่ื กี้เห็นเล่นอยใู่ นคหู า เงอื กนเ้ี จ้าเอามาแต่ขา้ งไหน
พระลูกเล่าตามจริงทกุ ส่งิ ไป พระตกใจจงึ ว่าด้วยปรานี
แม้นแม่เจา้ เขารู้วา่ แรงนกั กลวั จะลักลอบพาบิดาหนี
จะโกรธเกรยี้ วเค้ยี วเลน่ เปน็ ธุลี ไมพ่ อทชี่ ีวันจะบรรลัย
ฟงั พระบาทบิตุรงค์ใหส้ งสัย
สนิ สมทุ รกุมารชาญฉลาด เหตุไฉนจึงจะเป็นไปเชน่ นัน้
จงึ ทลู ถามความจรงิ ด้วยกร่ิงใจ คดิ ถงึ ยากยามวโิ ยคยง่ิ โศกศลั ย์
จนพากันมาบรรทมทร่ี ม่ ไทร
พระฟังคาน้าเนตรลงพรากพราก ขึ้นไปฉุดฉวยบิดาลงมาได้
แถลงเล่าลกู ยาสารพัน จนเจ้าไดแ้ ปดปเี ข้าน่ีแลว้
แมข่ องเจา้ เขาเปน็ เชอ้ื ผีเสอ้ื สมทุ ร
จงึ กาเนดิ เกดิ กายสายสุดใจ ตายหรอื เป็นว่าไมถ่ กู เลยลกู แกว้
ไมร่ อดแลว้ บติ รุ งค์กค็ งตาย
ไปเปิดประตคู ูหาถ้าเขาเหน็ ราคาญคิดเสยี ใจมใิ ครห่ าย
แม้นสินสมทุ รสดุ สวาทพ่อคลาดแคล้ว ก็ฟมู ฟายชลนาโศกาลัย
พระโอรสรูแ้ จง้ ไมแ่ คลงจิต กติ ติศพั ท์สองแจง้ แถลงไข
ด้วยแม่กลบั อัปลกั ษณเ์ ป็นยักษร์ ้าย จะกราบไหว้วอนวา่ ให้ปรานี
ฝ่ายเงอื กน้านอนกลิง้ น่ิงสดับ ยังมึนเหนบ็ น้อมประณตบทศรี
รู้ภาษามนุษยแ์ น่ในใจ ข้าขอชีวิตไวอ้ ย่าใหต้ าย
ค่อยเขยื้อนเลื่อนลุกขึ้นท้งั เจ็บ ดงั หนังเน้ือนจ้ี ะแยกแตกสลาย
พระผา่ นเกลา้ เจา้ ฟ้าในธาตรี
พระราชบตุ รฉดุ ลากลาบากเหลอื ยงั แตก่ ายเกอื บจะด้ินสิ้นชวี ัน
เศรา้ พระทัยทุกขต์ รอมเหมือนหม่อมฉัน
ท้ังลูกเตา้ เผ่าพงศ์กพ็ ลัดพราย ช่วยผ่อนผนั ให้ตลอดรอดชวี า
พระองค์เล่าเขาก็พาเอามาไว้ ใหโ้ อรสยกตั้งบงั คหู า
ขอพระองค์จงโปรดแก้โทษทณั ฑ์ จะอาสาเกล่ียทรายเสียให้ดี
ซ่งึ ปากถ้าทาลายลงเสยี หมด ขอรองบาทบงกชบทศรี
ข้าเหน็ อย่างนางมารจะนานมา ทสี่ ง่ิ มจี ะเอามาสารพัน
หนึง่ พวกพอ้ งของข้าคณาญาติ
แมน้ ประสงคส์ ิง่ ไรในนที
แผนการจัดการเรียนรู้ ๘ : ภาษาในวรรณคดี (๒) ๓๖
พระฟังเงือกพดู ได้ให้สงสาร จึงว่าท่านคิดน้ีดีขยนั
รเู้ จรจาสารพัดน่าอศั จรรย์ อยพู่ ดู กนั อกี สกั หนอ่ ยจึงค่อยไป
เราตรองตรกึ นกึ จะหนนี างผเี สือ้ แตใ่ ต้เหนือไมร่ แู้ หง่ ตาแหน่งไหน
ท่านเจนทางกลางทะเลคะเนใจ ทากระไรจงึ จะพน้ ทนทรมาน
ขา้ พระบาททราบสิน้ ทุกถิ่นฐาน
ฝา่ ยเงอื กน้าคานบั อภวิ าท อโนมานเคียงกันสที นั ดร
อันนา้ นม้ี ีนามตามบุราณ ขา้ งฝา่ ยเหนอื ถงึ มหิงษะสงิ ขร
เปน็ เขตแคว้นแดนที่นางผีเสื้อ หนทางจรเจด็ เดอื นไมเ่ คล่ือนคล
ขา้ งทศิ ใตไ้ ปจนเกาะแก้วมังกร สมทุ รไทซึ้งซึกลึกนกั หนา
ไปกลางย่านบา้ นเรือนหามีไม่ เขาแล่นมามบี า้ งอยลู่ างปี
แตส่ าเภาชาวเกาะเมอื งลงั กา ข้ึนมาเลือกเอาไปชมประสมศรี
ถา้ เสยี เรือเหลอื คนแลว้ นางเงอื ก ด้วยเดิมทปี ยู่ า่ เป็นมานุษย์
เหมอื นพวกพอ้ งของขา้ รู้พาที จึงแจ้งเหตแุ ถวทางกลางสมุทร
อายขุ ้าห้ารอ้ ยแปดสิบเศษ เห็นไม่สดุ สิน้ แดนดว้ ยแสนไกล
แมน้ จะหนีผเี สื้อด้วยแรงรุทร อายถุ งึ พันเศษถอื เพทไสย
แตโ่ ยคมี ีมนตร์อยู่ตนหนึ่ง กินลูกไม้เผือกมันเป็นพรรณผลา
อยเู่ กาะแกว้ พิสดารสาราญใจ ขึ้นเปน็ ศษิ ย์อยู่สานกั นน้ั หนักหนา
พวกเรอื แตกแขกฝรงั่ แลอังกฤษ ปราบบรรดาภตู พรายไมก่ รายไป
ด้วยโยคีมมี นตรด์ ลวชิ า ถงึ โยคีเข้าสานักไม่ตกั ษยั
แม้นพระองคท์ รงฤทธจิ์ ะคิดหนี ก็จะได้โดยสารไปบา้ นเมอื ง
เผื่อสาเภาเขาซดั พลัดเขา้ ไป ล้วนเขาโขดคิรีรตั น์ขนัดเนื่อง
แตท่ างไกลไม่น้อยถงึ รอ้ ยโยชน์ จงทราบเบื้องบงกชบทมาลย์
กลางคงคาสารพดั จะขัดเคอื ง เจด็ ราตรเี จียวจึงจะถึงสถาน
แมก้ าลังดังขา้ จะพาหนี ตามประมาณสามวันจะทนั ตวั
อสรุ ีมกี าลงั ดงั ปลาวาฬ ไดล้ ่วงหน้าไปเสยี บ้างจะยงั ชวั่
ถา้ แก้ไขให้นางไปค้างปา่ ชวี ิตตัวบรรลัยไม่เสียดาย
จะอาสาพาไปมไิ ด้กลวั ถา้ เหน็ ชอบทว่ งทีจะหนีหาย
แต่พระองค์ทรงคิดใหร้ อบคอบ ไปหาดทรายหาขา้ จะมาฟงั
จงึ โปรดใช้ให้องคพ์ ระลูกชาย คอ่ ยบรรเทาทกุ ข์สมอารมณ์หวัง
พระแจง้ ความตามคาเงือกน้าเล่า ให้ได้ดงั ถ้อยคาที่ราพัน
จึงว่าพีม่ ีคุณนอ้ งสักคร้ัง จงงดโทษทาคุณอยา่ หนุ หนั
ซ่งึ ลกู รกั หักหาญใหท้ า่ นโกรธ จวนสายัณห์ยักษม์ าจะวา่ เรา
ช่วยไปปดิ ปากถา้ ที่สาคัญ
แผนการจดั การเรียนรู้ ๘ : ภาษาในวรรณคดี (๒) ๓๗
จึงบญั ชาว่าเจา้ สินสมุทร ไปชว่ ยฉุดศิลาใหญข่ น้ึ ใหเ้ ขา
ขอสมาตาปู่อยา่ ดเู บา ช่วยอุ้มเอาแกออกไปใหส้ บาย
กบั ลูกนอ้ ยค่อยพยงุ จูงเงือกน้า มาปากถา้ แลเห็นวนชลสาย
หวนราลกึ ตรึกตรองถึงนอ้ งชาย พระฟมู ฟายชลนาด้วยอาลยั
แล้วใหล้ ูกเลกิ ศิลาเข้ามาปิด เหน็ มิดชดิ มน่ั คงไม่สงสัย
พระกลบั มาตาเงอื กเสอื กลงไป ลงท่ีในวงั วนชลธาร
ฝ่ายผีเสือ้ เมอื่ ขึ้นจากฝั่งน้า จะมาถา้ เทีย่ วหาพฤกษาหาร
เกบ็ ลูกไมใ้ ส่หอ่ เห็นพอการ ท้งั เปรีย้ วหวานสารพัดแลว้ ลัดมา
เห็นหนิ ปิดเปิดประตคู หู ากวา้ ง นมิ ิตอยา่ งนางมนุษย์เสนหา
วรพักตร์นารีศรีโสภา ลีลามาเขา้ ในหอ้ งเหน็ สององค์
วางลกู ไมใ้ นหอ่ ให้ลกู ผวั ทอ้ งของตัวเตม็ ทอ้ งไมต่ ้องประสงค์
พระทรงเลอื กลูกมะซางปรางมะยง ประทานองค์โอรสสอู้ ดออม
ครั้นพลบคา่ ทารกั นางยกั ษร์ ้าย ประคองกายกอดแอบแนบถนอม
ชื่นแต่หน้าอารมณ์นัน้ กรมกรอม แตค่ ดิ อา่ นหว่านล้อมจะลอ่ ลวง
ไมเ่ ห็นช่องตรองตรึกนึกวติ ก ทกุ ขใ์ นอกนั้นสกั เทา่ ภเู ขาหลวง
พระกอดลูกน้อยประทบั ไว้กับทรวง ใหเ้ หงางว่ งงีบหลับระงบั ไป
ฝ่ายผเี สือ้ เมื่อจะจากพรากลูกผัว แตพ่ ลกิ ตวั กลงิ้ กลับไม่หลับใหล
ให้หมกม่นุ ขุ่นคล้าในน้าใจ จนเสียงไก่แก้วขันสนนั่ เนนิ
(ยังมีเนอื้ หาตอ่ )
พระสุนทรโวหาร (ภู่)
จากหนังสอื เรยี น รายวิชาพนื้ ฐาน ภาษาไทย วรรณคดีวจิ ักษ์
ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๓ หนา้ ๕๖ - ๕๙
แผนการจัดการเรยี นรู้ ๘ : ภาษาในวรรณคดี (๒) ๓๘
ใบงาน
“หากฉันเปน็ เขา...”
ชือ่ ………………………………………………………….นามสกลุ ……………………………………….ช้ัน……………
คาชแ้ี จง ให้นกั เรียนตอบคาถามตลอไปนี
๑๑.. หหา..าก..กน..นกั...เัก.ร..เีย.ร.น.ยี..เ.นป...น็เ.ป.ส..น็.นิ ..สส..ม.นิ ..ทุส..ร.ม.น..ุท.กั..รเ..รน..ยี .กั.น..เจ.ร..ะีย..พ.น.า..จพ..ะ.ร..พะ..อ.า..ภพ..ยั.ร.ม.ะ..ณอ...ภีห...นยั..ีห.ม..รณ..ือ..หีไ..ม.น.ล..เีห.พ..ร.ร.อื.า..ะไ.ม.เ.ห.ล..เต.พ.ใุ..ดร..า..ะ...เ.ห...ต...ใุ .ด..............
.................................................................................................................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................................................................................................................
๑. หาก..น...กั ..เ.ร..ีย..น..เ.ป...น็ ..เ.ง..อื ..ก..เ.ฒ...าล..น..ัก..เ.ร..ีย..น..จ..ะ..ใ..ห..้ค..ว..า..ม..ช..วล..ย..เ.ห...ล..อื ..ส..นิ..ส...ม..ทุ ..ร..แ..ล..ะ..พ...ร..ะ.อ...ภ..ยั..ม..ณ...หี...ร.ื.อ..ไ.ม..ล........
เพร.า..ะ..เ.ห...ต..ุใ.ด......................................................
๑. ห..า..ก..น...กั...เ.ร..ยี...น...เ.ป...น็...เ.ง..ือ...ก...เ.ฒ....ลา..น...ัก..เ..ร..ยี...น..จ...ะ..ใ..ห...ค้...ว..า..ม...ช...ลว..ย..เ..ห...ล..อื...ส...ิน..ส...ม...ุท...ร..แ...ล..ะ...พ...ร..ะ..อ...ภ...ัย..ม...ณ....ี ...
ห....ร......ือ......ไ......ม........ล.........เ...พ.........ร......า......ะ........เ....ห........ต.........ุใ.....ด................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................
.................................................................................................................................
..................................................................
แผนการจัดการเรยี นรู้ ๘ : ภาษาในวรรณคดี (๒) ๓๙
ใบความรู้
“การฟัง”
ศิลปะในการฟัง
หลักของศิลปะในการฟงั มีดังนี้
๑. แสดงใหผ้ ู้พูดรู้สกึ ว่าผฟู้ ังมีความมุ่งหมายและตัง้ ใจทีฟ่ งั
๒. สามารถโน้มน้าวใหผ้ ้พู ูดไดพ้ ดู เรอื่ งท่ีตนถนดั ทส่ี ุด
๓. แทรกคาถามที่เหมาะสมกับโอกาส
๔. เปดิ โอกาสให้ผพู้ ูดได้พดู อยา่ งเต็มที่
๕. เมอื่ รสู้ กึ ว่าผูพ้ ูดหมดเรอ่ื งที่จะพดู สามารถกระตุ้นใหผ้ ้พู ูดมีเร่ืองทจ่ี ะพูดต่อไป
ลกั ษณะของการฟงั และการดูท่ีดี
๑. มีมารยาทในการฟงั และการดู แสดงความสนใจผ่านการตง้ั คาถาม ยอมรบั ฟัง
ความคดิ เหน็ และรูจ้ ักควบคมุ อารมณ์
๒. ต้ังเปา้ หมายในการฟังและการดู และพยายามทาให้ไดต้ ามความมุ่งหมาย
๓. เลอื กฟงั และดแู ต่เรื่องทมี่ ปี ระโยชน์ และเลี่ยงเรอื่ งที่ไมเ่ หมาะสม โดยใช้เหตผุ ล
แยกแยะข้อเทจ็ จริงและลงความเหน็
๔. ร้จู กั ใช้ศลิ ปะในการฟัง
๕. บนั ทกึ สาระสาคัญและประเดน็ ทีค่ วรซักถามเพม่ิ เติม
ความมงุ่ หมายในการฟังและการดู
๑. เพอ่ื จับใจความสาคัญและใจความอนั ดบั รอง
๒. เพ่อื แยกสว่ นทีเ่ ป็นขอ้ เท็จจรงิ และข้อคดิ เห็น
๓. เพื่อหาเหตุผลสนบั สนนุ ความเชอ่ื และความขัดแยง้
๔. เพือ่ ให้ซาบซ้ึงในคุณค่าต่าง ๆ เช่น คณุ ค่าทางวรรณคดี คติธรรม หรือสุนทรยี ภาพ
ทางดนตรี
๕. เพอ่ื เสริมสร้างสติปญั ญาและความรู้
๖. เพือ่ นามาใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ิตประจาวนั
แผนการจัดการเรียนรู้ 1๐ : วจีภิรมย์ (๒) ๔๐
มารยาทในการฟงั และการดู
มารยาทในการฟงั และการดู คอื วิธีปฏิบัติขณะฟงั หรือดูเพื่อความเปน็
ระเบยี บ และไดร้ บั ประโยชนส์ งู สุด
มีขอ้ ปฏบิ ัติดังนี้
๑. เขา้ ไปน่ังกอ่ นการพูดหรือการแสดงจะเริ่มข้ึน และนั่งตามลาดับทนี่ ่ังของตน
๒. ให้ความสาคญั และสนใจกับการฟังหรอื ดูผพู้ ดู หรอื การแสดง โดยไมท่ ากจิ กรรม
อืน่ รบกวนผพู้ ดู
๓. ปรบมอื ในโอกาสทีส่ มควร เช่น ชว่ งเร่ิมและจบการพูดหรือการแสดง
๔. ไม่แสดงกริ ิยาไม่พอใจหรอื เบื่อหน่ายผู้พูดหรือสิ่งท่ดี ูอยู่ เช่น หาว สง่ เสียงฮา หรอื
กระทืบเทา้
๕. บันทกึ ขอ้ ความที่สนใจหรอื มีความสาคัญ
๖. ถา้ มีข้อสงสยั ให้เก็บไวถ้ ามผพู้ ูดเมอื่ ผพู้ ดู เปิดโอกาสหรือจบการพูดแล้ว
และควรถามอยา่ งสภุ าพ
วจิ ารณญาณในการฟังและการดู
ปจั จบุ ันการส่ือสารหลากช่องทาง ส่งผลใหส้ ารอาจเกิดความคลาดเคล่ือน
ได้ทุกขณะ เราจึงควรฟงั และดสู ารอยา่ งมีวจิ ารณญาณ โดยพนิ ิจพิเคราะหเ์ นอ้ื แท้
ของสาร วนิ ิจฉยั สารวา่ จรงิ หรอื เทจ็ ด้วยหลกั เหตุผล รวมทงั้ ใช้ปัญญาและประสบการณ์
ตคี วามสถานภาพและเจตนาของผู้สง่ สารร่วมด้วย ซงึ่ มหี ลกั การดังนี้
๑. พจิ ารณาผู้ส่งสารวา่ มจี ุดมุ่งหมายและความจริงใจในการสง่ สารเพียงใด
๒. พจิ ารณาผู้สง่ สารว่ามีความรู้ ประสบการณ์ หรอื ความใกล้ชิดกับเรื่องราวในสารนั้นเพียงใด
๓. พิจารณาผู้ส่งสารวา่ ใชก้ ลวิธีการสง่ สารอยา่ งไร ใชว้ ิธีธรรมดาหรือซบั ซอ้ นอย่างไร
๔. พิจารณาเนือ้ หาของสารวา่ สว่ นใดเป็นขอ้ เท็จจริงและสว่ นใดเป็นข้อคิดเห็น
๕. พิจารณาเนือ้ หาของสารว่ามคี วามเป็นไปไดแ้ ละควรเชื่อเพยี งใด
แผนการจัดการเรยี นรู้ 1๐ : วจีภริ มย์ (๒) ๔๑
ใบงาน
“สรปุ ไดว้ า่ ...”
ชือ่ ………………………………………………….นามสกุล………………………………….……….ชน้ั ……………
คาช้แี จง ใหน้ ักเรียนตอบคาถามต่อไปนี้
๑. กจิ กรรม “สรปุ ไดว้ ่า...” นักเรยี นได้รับประโยชน์ใด
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
๒. นักเรยี นคิดว่าจากกจิ กรรมเมอ่ื สกั คร่กู ารฟังแลว้ สง่ สารท่ผี ดิ พลาดกอ่ ใหเ้ กิดผลอยา่ งไร
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
............................................................................ ........................................................... ......................
๓. นักเรียนมีวิธีการใดที่จะทาใหก้ ารสอ่ื สารจากการฟงั ประสบความสาเร็จ
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
แผนการจัดการเรยี นรู้ 1๐ : วจภี ิรมย์ (๒) ๔๒
บทอา่ นทานองเสนาะ
“นิทานคากลอนเรอื่ งพระอภยั มณี ตอน พระอภยั มณหี นีนางผีเสอ้ื สมุทร”
คัดมาจาก : หนังสือวรรณคดวี ิจักษ์ ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๓ หน้า ๖๒
ลักษณะคาประพนั ธ์ : นทิ านคากลอน
ทานองทใี่ ชอ้ ่าน : ทานองร้องหุน่
“นทิ านคากลอนเรอ่ื งพระอภยั มณี ตอน พระอภัยมณีหนนี างผีเสื้อสมุทร”
พระโฉมยงองคอ์ ภัยมณีนาถ เพลนิ ประพาสพศิ ดหู มมู่ ัจฉา
เหลา่ ฉลามลว้ นฉลามตามกนั มา คอ่ ยเคล่อื นคลาคลา้ ยคล้ายในสายชล
ฉนากอยคู่ ูฉ่ นากไมจ่ ากคู่ ขน้ึ ฟอ่ งฟูพน่ ฟองละอองฝน
ฝงู พิมพาพาฝงู เขา้ แฝงวน บา้ งผดุ พน่ ฟองนา้ บา้ งดาจร
กระโหเ้ รียงเคียงกระโหข้ ้นึ โบกหาง ลอยสล้างกลางกระแสแลสลอน
มังกรเก่ียวเลี้ยวลอดกอดมังกร ประชมุ ซอ่ นแฝงชลขน้ึ วนเวยี น
ฝงู มา้ น้าทาทา่ เหมอื นม้าเผน่ ขนึ้ ลอยเล่นเล้ียวลดั ฉวดั เฉวยี น
ตะเพยี นทองท่องน้านาตะเพียน ดาษเดียรดเู พลินจนเกินมา
เห็นละเมาะเกาะเขาเขียวชอุ่ม โขดตะคมุ่ เคยี งเคยี งเรยี งรุกขา
จะเหลียวซา้ ยสายสมุทรสุดสายตา จะแลขวาควนั คล้มุ กลมุ้ โพยม
จะเหลยี วดูสรุ ยิ ์แสงเขา้ แฝงเมฆ ให้วเิ วกหวาดองค์พระทรงโฉม
ฟังสาเนยี งเสียงคลน่ื ดังครืน้ โครม ย่งิ ทุกขโ์ ทมนัสในฤทยั ทวี
พระสุนทรโวหาร (ภู่)
จากหนังสอื วรรณคดีวิจกั ษ์ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๓ หน้า ๖๒
แผนการจดั การเรียนรู้ 1๑ : วจภี ิรมย์ (๓) ๔๓
ใบงาน
“แผนภาพความคิดสรุปวิธกี ารฟังให้เกิดประสทิ ธิภาพ”
คาชแ้ี จง ให้นกั เรียนเขยี นแผนภาพความคิดสรปุ วธิ กี ารฟงั ให้เกิดประสทิ ธิภาพ
แผนการจดั การเรยี นรู้ 1๑ : วจีภิรมย์ (๓) ๔๔
นิทานคากลอนเรอ่ื งพระอภยั มณี
ตอนพระอภยั มณีหนนี างผเี ส้อื สมทุ ร
แมก้ าลังดังขา้ จะพาหนี เจด็ ราตรเี จียวจงึ จะถงึ สถาน
อสรุ มี กี าลงั ดงั ปลาวาฬ ตามประมาณสามวันจะทนั ตัว
ถา้ แก้ไขใหน้ างไปคา้ งปา่ ได้ลว่ งหนา้ ไปเสียบา้ งจะยังช่วั
จะอาสาพาไปมิไดก้ ลัว ชวี ติ ตวั บรรลยั ไม่เสียดาย
แตพ่ ระองค์ทรงคดิ ใหร้ อบคอบ ถา้ เหน็ ชอบท่วงทจี ะหนีหาย
จึงโปรดใช้ใหอ้ งคพ์ ระลูกชาย ไปหาดทรายหาข้าจะมาฟงั
ค่อยบรรเทาทุกขส์ มอารมณ์หวัง
พระแจ้งความตามคาเงือกนา้ เลา่ ให้ได้ดังถ้อยคาทรี่ าพนั
จึงว่าพมี่ ีคณุ นอ้ งสกั ครัง้ จงงดโทษทาคุณอย่าหุนหนั
ซ่งึ ลูกรักหกั หาญใหท้ า่ นโกรธ จวนสายณั ห์ยกั ษ์มาจะวา่ เรา
ชว่ ยไปปิดปากถ้าที่สาคัญ ไปช่วยฉดุ ศลิ าใหญข่ ึ้นใหเ้ ขา
จงึ บญั ชาวา่ เจ้าสินสมทุ ร ชว่ ยอุม้ เอาแกออกไปให้สบาย
ขอสมาตาปอู่ ย่าดูเบา มาปากถ้าแลเห็นวนชลสาย
กบั ลูกน้อยคอ่ ยพยงุ จงู เงือกนา้ พระฟูมฟายชลนาด้วยอาลัย
หวนราลึกตรึกตรองถึงน้องชาย เหน็ มดิ ชิดมนั่ คงไมส่ งสัย
แล้วใหล้ กู เลิกศิลาเขา้ มาปดิ ลงท่ใี นวังวนชลธาร
พระกลับมาตาเงอื กเสือกลงไป จะมาถ้าเท่ียวหาพฤกษาหาร
ท้ังเปรีย้ วหวานสารพดั แล้วลดั มา
ฝา่ ยผีเสื้อเมือ่ ขึน้ จากฝ่งั น้า นมิ ิตอยา่ งนางมนษุ ยเ์ สนหา
เก็บลูกไม้ใส่หอ่ เห็นพอการ ลีลามาเข้าในห้องเห็นสององค์
เห็นหนิ ปิดเปิดประตูคูหากว้าง ทอ้ งของตวั เต็มทอ้ งไม่ต้องประสงค์
วรพกั ตร์นารีศรโี สภา ประทานองคโ์ อรสสู้อดออม
วางลกู ไม้ในห่อให้ลูกผัว ประคองกายกอดแอบแนบถนอม
พระทรงเลือกลูกมะซางปรางมะยง แตค่ ิดอา่ นหว่านล้อมจะล่อลวง
คร้ันพลบคา่ ทารกั นางยักษ์รา้ ย ทกุ ขใ์ นอกน้นั สักเท่าภูเขาหลวง
ช่ืนแต่หน้าอารมณน์ ้นั กรมกรอม ใหเ้ หงาง่วงงบี หลับระงบั ไป
ไมเ่ ห็นชอ่ งตรองตรึกนึกวติ ก แต่พลกิ ตัวกล้งิ กลับไมห่ ลบั ใหล
พระกอดลกู น้อยประทับไว้กับทรวง จนเสียงไกแ่ กว้ ขันสน่ันเนิน
ฝา่ ยผเี ส้อื เมอื่ จะจากพรากลกู ผัว
ให้หมกมุน่ ขุ่นคล้าในนา้ ใจ
แผนการจัดการเรยี นรู้ 1๒ : วจภี ิรมย์ (๔) ๔๕
พอมอ่ ยหลบั กลับจติ นิมิตฝัน ว่าเทวัญอยทู่ ่ีเกาะนน้ั เหาะเหนิ
มาสังหารผลาญถ้าระยาเยนิ แกวง่ พะเนนิ ทบุ นางแทบวางวาย
แล้วอารกั ษ์ควกั ล้วงเอาดวงเนตร สาแดงเดชเหาะกลบั ไปลบั หาย
ทงั้ กายสั่นพรนั่ ตวั ดว้ ยกลวั ตาย พอฟืน้ กายก็พอแจ้งแสงตะวนั
จึงก้มกราบบาทบงส์พุ ระทรงศักด์ิ แล้วนางยกั ษ์เลา่ ตามเนื้อความฝัน
ไม่เคยเห็นเป็นวบิ ตั ิอัศจรรย์ เชญิ ทรงธรรม์ช่วยทานายรา้ ยหรอื ด
ซง่ึ ฝันร้ายกเ็ พราะจิตเราคดิ หนี
พระฟงั นางพลางนกึ คะนึงหมาย แตน่ างผีเส้อื น้ันจะอันตราย
เห็นจะไปไดต้ ลอดรอดชีวี สมคะเนจะได้ไปดังใจหมาย
พอไดช้ ่องลองลวงดตู ามเลห่ ์ เจ้าฝนั รา้ ยนักน้องตอ้ งตารา
จึงกลา่ วแกลง้ แสรง้ เสเพทุบาย จะหมายมาดเอาชวี ติ รษิ ยา
อันเทวัญน้นั คือมจั จรุ าช อนิจจาใจหายเจียวสายใจ
แลว้ เสแสรง้ แกล้งทาบีบนา้ ตา ไม่มที ี่พง่ึ พาจะอาศัย
แมน้ ส้นิ สญู บญุ นางในปางนี้ ระกาใจกว่าจะมว้ ยไปด้วยกนั
จะกอดศพซบหนา้ โศกาลยั พอบรรเทาโทษาทีอ่ าสัญ
นึกจะใครส่ ะเดาะพระเคราะห์เจา้ กลัวแต่ขวญั เนตรพ่จี ะมทิ า
เหมอื นงอนง้อขอชวี ติ แก่เทวญั พระทรงยศจงช่วยชุบอปุ ถัมภ์
ชว่ ยแนะนาอนุกลู อยา่ สญู ใจ
นางผเี สอ้ื เชื่อถือรอ้ื ประณต จงึ วา่ ผิดสายสมรหาสอนไม่
ตามตาราสารพดั ไมข่ ัดคา วา่ ถ้าใครฝันร้ายจะวายปราณ
แลว้ อดข้าวอดปลากระยาหาร
พระฟังคาสาราญสาเร็จคิด ให้สาราญรอดตายสบายใจ
ตาราน้ันแตค่ ร้ังตัง้ เมรุไกร คิดวา่ ซอื่ สุจริตพิสมัย
ให้ไปอย่ผู ู้เดยี วท่ตี ีนเขา อยูเ่ ขาใหญใ่ นปา่ พนาวัน
ถว้ นสามคนื สามวนั จะบนั ดาล เลย้ี งรกั ษาลกู นอ้ ยคอยหมอ่ มฉนั
ถว้ นสามวนั ก็จะมาอย่าอาวรณ์
ฝ่ายวา่ นางผเี ส้อื ก็เชื่อถอื ปลอบประโลมลูกแก้วแล้วส่งั สอน
จงึ ตอบว่าถา้ กระนน้ั ฉันจะไป แมน้ ไม่นอนมารดาจะมาตี
พระโฉมยงจงอยใู่ นคูหา
จะอดใจใหเ้ หมือนคาที่ราพนั
แลว้ วันทาลาองคพ์ ระทรงโฉม
อยา่ แข็งนกั รกั ตัวกลัวบดิ ร
แผนการจัดการเรยี นรู้ 1๒ : วจภี ริ มย์ (๔) ๔๖