การออกแบบปฏิบัติการในงานสังคมสงเคราะห์กลุ่มชน
ในงานสงั คมสงเคราะห์ : 8 กลุ่ม7 รูปแบบ
การออกแบบปฏิบัติการในงานสังคมสงเคราะห์กลุ่มชน
ในงานสงั คมสงเคราะห์ : 8 กลุ่ม7 รูปแบบ
คํานํา
รายวิชา สค.223 หลักและวิธีการสังคมสงเคราะห์ 2 คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 กับเป้าหมายให้นักศึกษาเข้าใจแนวคิด
ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องและหลักการของงานสังคมสงเคราะห์กลุ่มชน เข้าใจการใช้กระบวนการสังคม
สงเคราะห์กลุ่มชนกับกลุ่มเป้าหมายประเภทต่างๆ การฝึกทักษะ เทคนิคในการปฏิบัติงานสังคม
สงเคราะห์กลุ่มชน เพื่อให้นักศึกษาสามารถวิเคราะห์และวางแผนการปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์
กล่มุ ชนได้
โจทย์สุดท้ายในชั้นเรียนคือการออกแบบกลุ่มในฐานะเครื่องมือปฏิบัติการเพื่อสร้างการ
เปลี่ยนแปลง นักศึกษาจํานวน 49 คน ในsection 8700/03 แบ่งสมาชิกในกลุ่มย่อยเป็น 8 กลุ่ม
ทํางานด้วยการออกแบบชื่อกลุ่มเฉพาะสําหรับกลุ่มของตัวเอง คัดเลือกสมาชิกด้วยกติกา
คือสมาชิกที่เคยร่วมงานในชิ้นงานแรก “ ตัวตนในกลุ่ม” กิจกรรมหนึ่งในชั้นเรียนที่นักศึกษาสังคม
สงเคราะห์ฝึกตน “สํารวจตัวตนในกลุ่ม” ด้วยโจทย์ 11 ประเด็น กับ 9 รูปแบบกลุ่ม วิธีการในการ
ปฏิบัติงานของนักสังคมสงเคราะห์ ประกอบด้วย รูปแบบบําบัด / รักษา รูปแบบพัฒนา รูปแบบ
แก้ปัญหา รูปแบบการศึกษา รูปแบบสนับสนุน ช่วยเหลือกันและกัน รูปแบบความสัมพันธ์ต่างตอบ
แทน /ปฏิสัมพันธ์ รูปแบบนันทนาการรูปแบบจุดประสงค์ทางสังคม และรูปแบบการทํางาน /
กิจกรรมร่วม
ครั้งนี้ การออกแบบกลุ่มในฐานะเครื่องมือปฏิบัติการเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง
มีการออกแบบกลุ่มทั้งหมด 7 รูปแบบ ประกอบด้วย รูปแบบนันทนาการ (กลุ่มวิกิด) รูปแบบกลุ่ม
บําบัดรักษา (กลุ่มเช้าวันศุกร์) รูปแบบกลุ่มแก้ไขปัญหา (กลุ่มใจผมสลายฮะมุง) รูปแบบกลุ่ม
ปฏิบัติการทางสังคม/จุดประสงค์ทางสังคม (กลุ่มได้หมดเลย) รูปแบบพัฒนา (กลุ่มคิมิโนะโต๊ะ)
รูปแบบการขับเคลื่อนทางสังคม (กลุ่มนางจื๋อดาว) รูปแบบกลุ่มสนับสนุนและช่วยเหลือ
กันและกนั (กลมุ่ หญิ๋งเองก็ลําบากและกลมุ่ คะนา้ หมูกรอบ)
การรวมเล่มการออกแบบกลุ่มของนักศึกษาเพื่อการเรียนรู้ร่วมกันในชั้นเรียน และผู้สนใจ
อื่น ๆ สามารถศึกษาและนําสู่การประยุกต์ ปรับใช้ในการปฏิบัติงานกับกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ
ที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายภายใต้บริบทแวดล้อมทางสังคมที่พึงต้องวิเคราะห์อย่างรอบด้าน
ก่อนการออกแบบกลมุ่ ทเ่ี หมาะสม
ขอขอบคุณทุกข้อมูล และสมาชิกทุกคนในการร่วมกันให้งานการศึกษาครั้งนี้
บรรลุเป้าหมาย เพราะเราเชือ่ มนั่ ใน “กลุม่ ” วิธกี ารหน่ึงของการปฏิบตั ิงานของนกั สังคมสงเคราะห์
ในชน้ั เรยี น พฤษภาคม 2565
# มะเหมี่ยว โป๊ะโกะ แบม อุ๋ม มุก เนเน่ ซาซ่า โบ๊ท ครีม ใบตอง มิ้น ภีม วิว วิวิ พราว เก็ต แป้ง
นัตโตะ เนยวา ปิม มานี ปาร์ อาย ชมพู่ ซัน อะตอม เอื้อ เหมียว แบม แคท ไอซ์ จั่นเจา นํ้าขิง โตน
นาํ้ ตาล โบ ปาลม์ ม่ี อิง เบส แบม นอ๊ ตนน ตา๋ โน่ ก่ิง จ๋า ทราย แพทริค นตั เต้ หมอก
# สมาชกิ ในชน้ั เรียน
Social group work is a method of social work
which helps individuals to enhance their social
functioning through purposeful group experience
and to cope more effectively with their personal
group community problem : Gisela Konokpa (1963)
สารบญั
ลําดบั ชือ่ กลมุ่ และรปู แบบ หนา้
1 กลุม่ วิกดิ รปู แบบนันทนาการ 1 - 15
2 กลมุ่ เชา้ วนั ศุกร์ รูปแบบการบําบดั รักษา 16 - 34
3 กลุม่ ใจผมสลายฮะมุง รปู แบบกลมุ่ แก้ปัญหา 35 - 52
4 กลมุ่ ไดห้ มดเลย 53 - 67
5 กลมุ่ คิมโิ นะโต๊ะ รูปแบบปฏบิ ตั ิการทางสังคม หรอื จดุ ประสงคท์ างสังคม 68 - 95
6 กลมุ่ นางเจื๋อดาว 96 - 117
7 กลมุ่ ญิ๋งเองกล็ าํ บาก รปู แบบกลมุ่ พฒั นา 118 - 135
8 กล่มุ คะนา้ หมูกรอบ รูปแบบการขบั เคลอ่ื นสงั คม 136 - 156
รูปแบบกลมุ่ สนบั สนุนและชว่ ยเหลือกันและกัน
รปู แบบกลุม่ สนับสนุนและช่วยเหลือกนั และกนั
โจทย์ : “ กล่มุ ในฐานะเคร่ืองมือปฏบิ ตั กิ ารเพื่อสรา้ งการเปล่ยี นแปลง: เร่มิ ตน้ ในงานการ
ออกแบบกลมุ่ ”
ประเดน็ การออกแบบกลุ่ม:
1 ชื่อกลุ่มที่ระบุ (เลือกรูปแบบกลุ่มปฏิบัติการที่สมาชิกกลุ่มสนใจเพียง 1 รูปแบบ
(อา้ งองิ จากรูปแบบกลุม่ ทง้ั 9 )
2 ระบุชื่อกลุ่มที่ออกแบบ : ระบุวัตถุประสงค์การเกิดกลุ่ม / ฐานคิด แนวคิดหลักในการก่อเกิดกลุ่ม
….
3 ขัน้ ตอน/กระบวนการดําเนนิ การ (เรม่ิ ตน้ ระยดาํ เนนิ การ ระยะสน้ิ สุด)
4 กิจกรรมที่เลือกใช้ในแต่ละขั้นตอนข้อ4 (อธิบายให้เห็นความเชื่อมโยงกับวัตถุประสงค์
ลกั ษณะของกิจกรรม /รายละเอยี ด)
5 การคดั เลือกสมาชิก (จํานวน / คณุ สมบตั ผิ เู้ ขา้ ร่วมกลุ่ม / วธิ ีการคัดเลอื ก ) ขอ้ สังเกตอืน่ ๆ
6 ช่วงเวลาการดําเนินการเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง/ ระดับไหน อย่างไร (เช่น จํานวนครั้ง ช่วง
/ระยะเวลาที่คาดหวังให้บรรลุเป้าหมาย/ อธิบายด้วยการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลง 3 ระดับ คือ
การเปลี่ยนแปลงระดบั บุคคล กลุ่ม โครงสร้าง )
7 ระบผุ ้มู ีบทบาทเกีย่ วข้องในกระบวนการกลุ่ม (ในขน้ั ตอนตา่ งๆ ขอ้ 4 )
8 วิธกี ารวดั ประเมนิ ผลการดาํ เนินการ (รปู แบบไหน / อยา่ งไร เพราะอะไร ในแตล่ ะขนั้ ตอน)
9 ข้อเสนอแนะสําหรับนักสังคมสงเคราะห์ และผู้เกี่ยวข้องอื่น ๆ หากต้องดําเนินการในงานกลุ่ม
รปู แบบดงั กล่าว
10 บทเรียนรู้ของสมาชิก (นักศึกษาในฐานะผู้ออกแบบกลุ่ม) อาทิ ปัญหาอุปสรรค การริเริ่มและ
ข้อค้นพบ อืน่ ๆ ท่ีอยากบอก เลา่
11 ข้อเสนอแนะอื่น ๆ ที่ควรมีการดําเนินการหากต้องทํางานเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงโดยใช้งาน
“กล่มุ ” เปน็ เคร่อื งมือในการทํางาน
1
รูปแบบกลมุ่ นันทนาการ ( Recreation Models )
โดย กลมุ่ วกิ ิด
สุธาวี แซต่ ้นั 6305610286
นฤมล เอี่ยมสมร 6305680529
อรธิดา สาระพุทธรตั น์ 6305680511
อรศิ รา กุซวั 6305680966
เมธาพร จนั โท 6305681469
ณฐั นันท์ สขุ สาํ ราญ 6305681568
2
กล่มุ ในฐานะเครื่องมือปฏบิ ตั กิ ารเพอื่ สร้างการเปล่ยี นแปลง : การออกแบบงานกลมุ่
ชื่อกล่มุ : รปู แบบกลุ่มนันทนาการ ( Recreation Models )
ชื่อกลุ่มทีอ่ อกแบบ : กิจกรรมนนั ทนาการ เกมสบ์ ันไดงู
วัตถปุ ระสงค์การเกิดกลุ่ม
สําหรับเด็กวัยประถมต้นจะเป็นวัยที่เข้าใจสิ่งแวดล้อมรอบข้างได้ดีกว่าวัยอนุบาล เป็นวัยท่ี
มีความอยากรู้อยากเห็นในเรื่องรอบตัวแต่เป็นวัยที่ไม่สามารถจะมีสมาธิจดจ่อกับการทํากิจกรรม
ได้นาน ๆ การทํากิจกรรมนันทนาการเหมือนเป็นการละเล่นกันจะทําให้เด็กในวัยนี้สนุกไปกับ
กิจกรรมและจดจ่ออยู่กับกิจกรรมได้ การรวมกลุ่มจัดกิจกรรมนี้ไม่ใช่แค่เพื่อความสนุกสนานแต่
เป็นการที่เสริมสร้างทักษะให้เด็กสามารถสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่นง่ายขึ้น ทําให้เด็กรู้สึกเห็น
คุณค่าในตัวเองและผู้อื่น เกิดความภาคภูมิใจในตัวเองจากการทํากิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่อย ๆ
พัฒนาศักยภาพของตัวเอง ทั้งยังสามารถนําไปปรับใช้ในชีวิตประจําวันได้ การจัดกิจกรรมบันไดงู
ใหก้ ับเด็กวยั ประถมตน้ จะชว่ ยสง่ เสรมิ ทกั ษะทางสังคมเพ่ือการพฒั นาทคี่ รบถว้ นท้งั 5 ทักษะ ดังนี้
1. ทักษะการสื่อสารเบื้องต้น ในการเล่นเกมด้วยกันเด็ก ๆ จะต้องมีการสื่อสารกับเพื่อนใน
กลุ่มเพื่อที่จะสร้างความเข้าใจร่วมกันรวมถึงการสื่อสารระหว่างกันในขณะเล่นเกมด้วย ดังนั้นการ
เลน่ เกมจงึ ช่วยพัฒนาด้านการส่ือสารให้กบั เด็ก ๆ ได้
2. ทักษะการสร้างสัมพันธภาพและเข้าใจผู้อื่น ในขั้นแรกเริ่มของการเล่นเกม เด็ก ๆ
จะต้องทําความรู้จักกันเป็นการเพิ่มทักษะการสร้างสัมพันธภาพ การได้ทํากิจกรรมร่วมกับผู้อื่น
นอกจากจะช่วยสร้างสมั พันธภาพแลว้ ยงั ช่วยให้สามารถเข้าอกเข้าใจผอู้ ่ืนดว้ ย
3. ทักษะเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ในการเล่นเกมแต่ครั้งจะมีสมาชิกจํานวนไม่
เกิน 10 คน ดังนั้นระหว่างการเล่นเกมเด็ก ๆ จะมีโอกาสได้ทําการพูดคุยกับสมาชิกในกลุ่มซึ่งจะ
ช่วยเพิ่มความสัมพันธร์ ะหวา่ งบุคคลได้ดว้ ย
4. ทักษะการแก้ไขปัญหา ระหว่างการเล่นเกมอาจจะมีการเกิดปัญหาหรือเกิดความ
ผิดพลาดขึ้น เด็ก ๆ จะสามารถเรียนรู้การแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง เช่น เมื่อเด็ก ๆ ทอยลูกเต๋าแล้ว
ต้องเดินไปยังช่องที่มีบันไดงูแล้วต้องตกลงมา เด็กจะสามารถเรียนรู้และแก้ไขปัญหาได้โดยการ
คํานวณเพื่อหลีกเลี่ยงการเจอบันไดงู เพื่อที่จะได้เป็นผู้ที่เดินไปจนสุดทางก่อนและเป็นผู้ชนะ เป็น
ตน้
5. ทักษะเกี่ยวกับการยอมรับภาระและความรับผิดชอบ ในการเล่นเกมถ้าหากเด็ก ๆ ต้อง
เดินไปยังช่องที่มีบันไดงูและตกลงมานั้น เด็ก ๆ จะต้องยอมรับและถอยกลับไปยังช่องที่เดินผ่าน
มาแล้วซึ่งอาจจะทําให้เด็ก ๆ ใช้เวลานานในการที่จะไปถึงเส้นชัยอีกครั้ง ดังนั้นในการเล่นเกมจึง
ช่วยเพมิ่ ทักษะการยอมรบั และความรบั ผดิ ชอบใหก้ ับเดก็ ๆ ได้
ฐานคิดแนวคิดหลกั ในการก่อเกดิ กลุ่ม
ในการจัดกิจกรรมนันทนาการของกลุ่มนอกจากจะช่วยส่งเสริมทักษะทางสังคมให้กับเด็ก
แล้วอีก แนวคิดหลักที่ช่วยในการก่อเกิดกลุ่มขึ้นคือแนวคิด Play and learn เป็นการเล่นท่ี
สามารถเพิ่มพัฒนาทักษะให้กับเด็กได้ด้วย ไม่ได้เป็นแค่การเรียนรู้เพียงอย่างเดียว เด็กจะได้ความ
3
สนุกสนานเพลิดเพลินไป พร้อมกับได้รับความรู้จากการเล่นเกมบันไดงู นอกจากนี้ยังใช้แนวคิด
การเสริมพลังอํานาจในตัวเอง การเกิดขึ้นของกลุ่มนี้จะช่วยส่งเสริมให้เด็กมีความเชื่อมั่นใน
ตัวเองและเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง จากการเล่นกิจกรรมทั้งยังช่วยเพิ่มศักยภาพของเด็กให้
สามารถดําเนินกิจกรรมได้เองและได้รับอิสระในการตัดสินใจด้วยตนเอง เด็กในวัยประถมต้นเป็น
ช่วยวัยที่ต้องพัฒนาทักษะต่าง ๆ การที่เด็กได้เรียนรู้ที่จะสร้างเสริมพลังอํานาจให้กับตัวเองจะ
สามารถสร้างความเชื่อมั่นในตัวเองให้กับเด็กและสร้างความภาคภูมิใจให้กับตัวเองได้จากแนวคิด
ทัง้ สองนจ้ี งึ เป็นแนวทางทส่ี าํ คญั ในการเกดิ ข้ึนของกลมุ่
4. ขัน้ ตอน/กระบวนการดาํ เนินการ (ระยะเรม่ิ ต้น ระยะดําเนินการ ระยะส้นิ สุด)
ในกระบวนการเริ่มต้น ระยะการดําเนินการ และระยะสิ้นสุดของกระบวนการดําเนินการ
สามารถอธบิ ายไดด้ งั น้ี
1. กระบวนการเริม่ ต้น
ในขั้นเตรียมการของกิจกรรมนันทนาการสําหรับนักเรียนประถมศึกษานั้นจําเป็นต้อง
เริ่มต้นด้วยการจัดสมาชิกกลุ่ม กําหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษากลุ่มเป้าหมาย ปัญหาของ
กลุ่มเป้าหมาย จุดประสงค์การดําเนินการ รวมไปถึงการกําหนดระยะเวลาการดําเนินการ การ
วางแผนกิจกรรม การเรียงลําดับขั้นตอนต่าง ๆ ของกิจกรรมเพื่อสามารถนําไปปฏิบัติจริงและ
เหมาะสมกับนักเรียนชั้นประถมศึกษาซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของการดําเนินการในครั้งนี้
กระบวนการถัดไปเป็นการแนะนําตัวตนเอง กําหนดข้อตกลงการทํากิจกรรมร่วมกันระหว่าง
ผู้ใช้บริการและนักสังคมสงเคราะห์ นักสังคมสงเคราะห์เริ่มการแนะนํา แจ้งรายละเอียดกิจกรรม
และวตั ถปุ ระสงค์การเกดิ ข้ึนของกิจกรรมนันทนาการ
2. กระบวนการดาํ เนนิ การ
ในขั้นตอนนี้ได้เริ่มการทํากิจกรรมตามแผนที่ได้วางแผนไว้ในกระบวนการเริ่มต้น โดย
เลือกกิจกรรมนันทนาการ เกมบันไดงูเข้ามาเป็นกิจกรรมสําคัญในการดําเนินงาน เนื่องจากเกม
บันไดงูเป็นกิจกรรมที่เข้าใจง่ายสําหรับเด็กในระดับชั้นประถมศึกษา และสามารถปรับเปลี่ยน
รูปแบบกิจกรรมได้ตามสถานการณ์ โดยระยะเวลาสําหรับการทํากิจกรรมคือใช้เวลาเพียง 1-3
ชวั่ โมงในการทาํ กจิ กรรมต่อสัปดาห์
3. กระบวนการสน้ิ สุด
ในขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนการที่นักสังคมสงเคราะห์และผู้ใช้บริการประเมินผล แลกเปลี่ยน
หลังทํากิจกรรมร่วมกัน และสรุปผลจากการจัดกิจกรรมบันไดงู รวมไปถึงการแสดงผลลัพธ์จาก
การจดั กจิ กรรมสนั ทนาการบันไดงูสําหรบั นักเรียนชั้นประถมศึกษา
5. กิจกรรมที่เลือกใช้ในแต่ละขั้นตอนข้อที่ 4 (อธิบายให้เชื่อมโยมกับวัตถุประสงค์ ลักษณะ
กจิ กรรม และรายละเอียด)
กิจกรรมบันไดงูนั้นเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อให้เด็กได้มีทักษะในการสื่อสารและช่วย
ส่งเสริมการสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่นด้วย ในการเล่นเกมบันไดงู ในการสอนเด็กไม่ได้มีเพียงการ
4
สั่งสอนด้วยการพูดหรืออบรมเท่านั้น ในการทํากิจกรรมนันทนาการก็เป็นสิ่งที่สามารถช่วยสอน
เด็กได้เช่นกัน การที่เด็กได้เล่นสนุกในกิจกรรมกับผู้ปกครองหรือเพื่อนจะทําให้เด็กนั้นได้ซึมซับคํา
สอนพฤติกรรมต่าง ๆ ไปด้วย เกมบันไดงูถ้ามองผิวเผินคงเป็นเพียงแค่เกมกระดานที่เล่นสนุก ๆ
เพียงอย่างเดียว แต่จริง ๆ แล้วยังมีแง่มุมที่สามารถสอดแทรกกฎ กติกา มารยา และพฤติกรรมท่ี
พึงประสงค์ให้แก่เด็กได้ด้วย และการเล่นเกมบันไดงูยังทําให้เด็กได้ฝึกการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ
และฝึกให้หาความรู้เองได้ การใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และที่สําคัญเด็กจะได้ความรู้ในหมวด
ต่าง ๆ จากการเล่นเกมที่นอกเหนือจากการเรียนในห้องเรียนหรือเรียกว่า Play and Learn =
Plearn การจัดกิจกรรมเรียนปนเล่น โดยที่วิธีการจัดกิจกรรมโดยยึดหลักจิตวิทยาและธรรมชาติ
ของเด็กที่ชอบเล่นอยู่แล้ว ด้วยการใช้เทคนิควิธีการบูรณาการสาระความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ท่ี
ต้องการให้เกิดกับเด็กและการเล่นเข้าด้วยกัน ทําให้เด็กได้เล่น รู้สึกสนุกสนานและอยากเรียนรู้
มากย่ิงขึ้น
และนอกจากนี้การเล่นเกมบันไดงูจะทําให้เด็กรู้แพ้รู้ชนะ ปัญหาของเด็กจํานวนไม่น้อยที่
แพ้ไม่เป็น ซึ่งเราสามารถใช้โอกาสในการเล่นเกมตรงนี้ในการสอนให้เด็กเรียนรู้ว่าการเล่นเกมแพ้
ไม่ได้เป็นเรื่องผิดปกติ เด็กบางคนนั้นยอมแพ้ไม่เป็น เราสามารถสอนให้เขาซึมซับได้ว่าเมื่อเราเป็น
ผู้แพ้ในการเล่นเกม เราก็สามารถที่จะชนะในการเล่นเกมครั้งต่อไปได้ โดยการสอนนี้จะใช้ถ้อยคํา
ในการปลอบใจเด็ก ๆ เหล่านั้น ให้เด็กพยายามใหม่และพยายามบอกเด็กเสมอว่าตัวเด็กนั้นทําได้
เสริมสร้างพลังให้กับเขาเขาจะได้เชื่อมั่นในตนเองมากขึ้น เมื่อเด็กเล่นเกมชนะเราก็ควรจะมีคําช่ืน
ชมให้กับเด็กอยู่เสมอ ซึ่งคําพูดเหล่านี้อาจจะทําให้เด็กเป็นที่รักของผู้อื่นอีกด้วย การที่เด็กคนหน่ึง
จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่นั้นต้องเคารพกติกาของสังคม การช่วยกันสร้างช่วงเวลาคุณภาพชีวิตให้กับ
เด็กก็เป็นปัจจยั สอดแทรกผ่านกิจกรรมเพื่อใหเ้ ด็กเติมโตมาอยา่ งมีคุณภาพของสังคม
ลกั ษณะและรายละเอียดของกิจกรรมในการเล่นเกมบันไดงู
ก่อนเล่นเกมเราจะต้องมาวาดบันไดงูก่อนตามรูปแบบที่สนใจเพื่อให้เด็กได้มีการฝึก
จินตนาการ และจากนัน้ จะต้องมีลูกเตา๋ สาํ หรบั การใช้ทอยในการเดินแตล่ ะตา
วธิ กี ารเล่นบันไดงู
โดยเริ่มจากการให้ผู้เล่นทอยลูกเต๋าเพื่อเดินเกมไปตามจํานวนที่ทอยได้ เดินไปตามช่อง
ตามจํานวนของลูกเต๋าที่ทอยได้ ถ้าเดินไปตกที่มีบันไดให้ขึ้นบันไดไป แต่ถ้าหากไปตกอยู่ที่งูให้ตก
ลงมา ใครเดินไปจนถงึ สดุ เส้นทางกอ่ นจะเปน็ ผูช้ นะ
กตกิ าในการเล่นบนั ไดงู
โดยกติกาการเล่นเกมบันไดงูนั้นจะขึ้นอยู่กับผู้ออกแบบในเกมนั้น ๆ บางเกมอาจจะมี
กติกาที่แตกต่างกัน ในการเล่นเกมนั้นให้ผู้เล่นหยิบตัวเดิน และลูกเต๋าออกมาจากด้านหลัง และทํา
การทอยลูกเต๋า แล้วเดินตามตัวเลขที่ตัวเองได้ไปเร่ือย ๆ จนถึงเส้นชัย ผู้เล่นคนไหนถึงก่อนก็จะ
เป็นผู้ชนะ แต่ก่อนจะถึงเส้นชัยนั้นจะมีอุปสรรคต่าง ๆ ให้ผู้เล่นเกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน
เช่น หัวงู ถ้าทอยลูกเต๋าลงไปโดนตรงช่องที่มีหัวงูจะโดนไหลมาจนถึงหางของงู และอีกหนึ่ง
อุปสรรคนั้นคือ คําถาม ในกระดานเกมนั้นจะมีการตั้งคําถามเพื่อใหผู้เล่นทําการตอบคําถามถือว่า
เป็นการได้ฝึกใช้ทักษะต่าง ๆ ถ้าทอยลูกเต๋าได้ตรงช่องคําถาม ให้ผู้เล่นเดินไปลงตรงที่ที่มี
เครอื่ งหมายคาํ ถาม ผู้เลน่ จะโดนถามคําตามชอ่ งคาํ ถาม หากตอบไม่ได้จะโดนถอยหลงั 2 ก้าว
5
ประโยชนข์ องการเล่นเกมบนั ไดงู
เป็นการฝึกสมองซีกซ้ายและซีกขวาของเด็กเนื่องจากจะต้องมีการคํานวณ ต้องใช้ความคิด
และจิตนาการ ฝึกทักษะในการแก้ไขปัญหา ฝึกสมาธิเพราะบางครั้งเด็กจะไม่ค่อยจดจ่อกับอะไร
เป็นเวลานาน ๆ การสอนคณิตศาสตร์อาจจะไม่สนุกสําหรับเด็ก แต่การใช้เกมในการสื่อสาร
อาจจะทําให้เด็ก ๆ มีความสนใจมากยิ่งขึ้น สนุก และไม่น่าเบื่อ และเกมบันไดงูเป็นเกมที่สั้น
กะทัดรดั จบเรว็ ถ้าเดก็ สนกุ กส็ ามารถเร่ิมเล่นใหมอ่ ีกครง้ั ได้
6. การคัดเลือกสมาชกิ (จาํ นวน/คุณสมบัตผิ ูเ้ ขา้ ร่วมกลุ่ม/วิธกี ารคัดเลือก) ข้อสงั เกตอื่น ๆ
คุณสมบตั สิ มาชิกผเู้ ข้ารว่ ม
- สมาชกิ ในกลุ่มอย่ใู นชว่ งวัยปฐมศึกษาตอนต้น หรอื อยู่ในชว่ งอายุ 6-9 ปีโดยประมาณ
- มคี วามสมัครใจในการเขา้ กิจกรรมดว้ ยตนเอง
- ผู้ปกครองยนิ ยอมให้บตุ รหลานเขา้ รว่ มกจิ กรรม
- ไมเ่ ป็นโรคติดตอ่ เร้อื รงั หรือโรคทสี่ ามารถแพร่ระบาดได้
- จาํ นวนสมาชิกไม่เกนิ 10 คนตอ่ จาํ นวนครั้งในการเลน่ (เพอ่ื ป้องกนั การแออดั และอุบัติเหตุ)
ขอ้ สงั เกตอ่ืน ๆ
เนื่องจากเด็กในช่วงวัยประถมต้นแต่ละคนมีความแตกต่างหลากหลายทั้งด้านความคิด
และร่างกาย ดังนั้นการที่เด็กมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล เช่น เด็กที่มีความ
บกพร่องทางด้านการเรียนรู้ เด็กที่มีความบกพร่องทักษะทางด้านการเคลื่อนไหว แต่เด็กเหล่านี้
ต้องการที่จะเข้าร่วมกิจกรรม เราจะไม่มองว่าเด็กเหล่านี้เป็นปัญหาในการเข้ามาร่วมทํากิจกรรม
เพราะเด็กที่ต้องการทํากิจกรรมบันไดงูนี้ สามารถช่วยเสริมสร้างทักษะที่บกพร่องได้ และจะต้องมี
การปรับเปลี่ยนรูปแบบบันไดงูให้มีความเหมาะสมกับบริบท ทักษะของเด็กและทางด้านร่างกาย
เพื่อใหเ้ ด็กท่ีมคี วามบกพรอ่ งทางดา้ นตา่ ง ๆ เขา้ มามีสว่ นรว่ มในการทํากจิ กรรมบนั ไดงู
7. ช่วงเวลาดําเนินการเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง (ระดับไหน อย่างไร) (เช่นจํานวนครั้ง ช่วง
ระยะเวลาทีค่ าดหวงั ใหบ้ รรลุเป้าหมาย อธบิ ายดว้ ยการวเิ คราะหก์ ารเปลีย่ นแปลง 3 ระดับ คือ
การเปลย่ี นแปลงระดับบคุ คล กลุ่ม โครงสร้าง)
ช่วงเวลาในการดําเนินงานเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง ช่วงเวลาในการทํากิจกรรมบันไดงู
จะเป็น 1-3ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ช่วงเวลาที่เราใช้ในการทํากิจกรรมนั้นคือเป็นช่วงที่เด็กว่างจากการ
เรียนในห้องเรียน เด็กไม่จําเป็นต้องเล่นทุกวัน แต่ภายใน 1 อาทิตย์ให้ได้เล่นอย่างน้อย 1-3 ชั่วโมง
เพื่อเป็นการได้ฝึกทกั ษะตา่ ง ๆ ในเวลาทวี่ ่างเทา่ นัน้ ในการเล่นเกมพอเลน่ เปน็ ประจําในทุกสัปดาห์
เด็กจะค่อย ๆ เรียนรู้และปรับตัวกับสิ่งที่เราพยายามจะสอดแทรกเข้าไปในระหว่างการเล่นเกม
เกมบันไดงูถ้าเล่นเป็นระยะเวลานาน ๆ อาจจะทําให้เด็กเกิดอาการเบื่อได้ ทางเราจึงกําหนดให้
เล่นเพียง 1-3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เท่านั้น เพราะถือว่าเป็นกิจกรรมนันทนาการที่ทําให้เด็กเกิดความ
สนุกสนานและผ่อนคลายจากสภาพแวดล้อมรอบข้าง โดยอาจจะเล่นทุกวันหรือไม่ทุกวันก็ได้ตาม
ความเหมาะสมในการจัดกิจกรรม แต่การทํากิจกรรมบันไดงูนั้นนอกจากจะช่วยให้เกิดความ
สนุกสนานแล้ว กย็ ังช่วยให้เกดิ การเปลี่ยนแปลงทงั้ 3 ระดบั ไดด้ ังน้ี
6
การเปลีย่ นแปลง 3 ระดับ
1.การเปลี่ยนแปลงระดับบุคคล เด็กจะต้องมีการตระหนักถึงความสามารถของตัวเองใน
ด้านต่าง ๆ ซึ่งเด็กแต่ละคนอาจจะมีความสามารถที่แตกต่างกัน แต่ทุกคนสามารถที่จะเป็นคนที่
เก่งแล้วก็มีทักษะต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์ได้ ถ้าหากได้รับการสอนหรือมีการทํากิจกรรมเพื่อฝึก
ทักษะอยู่เสมอ โดยระยะเวลาในการดําเนินงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น ประมาณ 1 เดือน
เนื่องจากการทํางานของนักสังคมสงเคราะห์จะทํางานร่วมกับครู เราจะรู้โปรไฟล์ของเด็กแต่ละคน
ว่าเป็นอย่างไร มีจุดบกพร่องตรงไหนที่ต้องเพิ่มหรือแก้ไข ประเมินเป็นรายบุคคลไป เพื่อให้เด็กทุก
คนได้เสริมทักษะโดยที่ไม่ต้องแข่งขันกับใคร แต่เป็นการเสริมทักษะเพื่อตนเองในอนาคตจากการ
เล่นเกมบนั ไดงู โดยใชก้ ระบวนการการเปลย่ี นแปลง
2.การเปลย่ี นแปลงระดบั กลมุ่
การเปลี่ยนแปลงระดับกลุ่ม เด็กท่ีร่วมเล่นเกมบันไดงูจะต้องทําความเข้าใจร่วมกันว่าการ
เล่นเกมนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร ไม่ได้เล่นกันเพื่อแข่งขันเท่านั้น เพราะในการเล่นยังเป็นการ
เล่นเพื่อสอดแทรกทักษะและกระบวนการคิดต่าง ๆ ให้กับเด็กที่ร่วมเล่นเกม การเปลี่ยนแปลงใน
ระดบั กลุ่มนั้นย่งิ เด็กได้เลน่ เกมฝกึ ทักษะบ่อยครงั้ มากเท่าไร ก็จะทําใหบ้ รรลุเป้าหมายไดเ้ รว็ เท่านน้ั
3.การเปลย่ี นแปลงระดบั โครงสรา้ ง
การเปลี่ยนแปลงระดับโครงสร้างนั้น ผู้ใหญ่หรือบุคคลที่มีผลกับเด็กนั้นจะต้องเสริมสร้าง
ความมั่นใจให้ตัวเด็กอยู่เสมอ พยายามผลักดัน และพูดกับเด็กให้เข้าใจถึงความต้องการของ
ตัวเอง และไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร ในสมัยก่อนผู้ใหญ่หรือผู้ปกครองนั้นอาจจะยังมอง
ว่าการเล่นเกมเป็นการใช้เวลาว่างที่ไม่เกิดประโยชน์ แต่ในปัจจุบันนั้นในการเล่นเกมหรือทํา
กิจกรรมต่าง ๆ ก็มีข้อคิด ความรู้ ทักษะต่าง ๆ สอดแทรกอยู่มากมาย หากเราผลักดันเด็กมาก
เท่าไรกจ็ ะทําใหเ้ ด็กเหน็ คุณคา่ ของตวั เองมากเท่าน้ัน
8. ระบผุ ู้มีบทบาทเกี่ยวข้องในกระบวนการกลมุ่ (ในข้ันตอนตา่ ง ๆ ข้อ 4)
จากกระบวนการเริ่มต้น กระบวนการดําเนินการ และกระบวนการสิ้นสุดของกระบวนการ
ดําเนนิ การสามารถระบุผู้มีบทบาทเกีย่ วขอ้ งไดด้ งั น้ี
กระบวนการเริ่มต้นสามารถระบุผู้มีบทบาทเกี่ยวข้องได้แก่ นักสังคมสงเคราะห์ ซึ่งมีหน้าที่
วางแผนการดําเนินการ โดยเริ่มต้นจัดสมาชิกกลุ่ม กําหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษากลุ่มเป้าหมาย
ปัญหาของกลุ่มเป้าหมาย จุดประสงค์การดําเนินการ รวมไปถึงการกําหนดระยะเวลาการ
ดําเนินการ การวางแผนกิจกรรม การเรียงลําดับขั้นตอนต่าง ๆ และการชี้แจงรายละเอียดแผน
กจิ กรรม ขอ้ ตกลงในการทาํ กจิ กรรมร่วมกันแกส่ มาชิกในกลุม่
กระบวนการดําเนินการ ในขั้นตอนนี้ได้แก่ นักสังคมสงเคราะห์ และสมาชิกในกลุ่มร่วมกัน
ทํากิจกรรสันทนาการตามที่นักสังคมสงเคราะห์ได้วางแผนกิจกรรมไว้ เพื่อให้การทํากิจกรรม
เป็นไปตามจดุ ประสงค์ของการจดั ทาํ กจิ กรรมในครงั้ นี้
กระบวนการสิ้นสุด นักสังคมสงเคราะห์และสมาชิกในกลุ่มร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับกิจกรรมสันทนาการ รวมไปถึงติดตามและประเมินผลหลังทํากิจกรรม
นันทนาการ เพอื่ นําไปพัฒนา แก้ไขในการทํากจิ กรรมครง้ั ต่อไป
7
9. วิธีการวดั ประมวลผลการดาํ เนนิ การ (รูปแบบไหน อย่างไร เพราะอะไร ในและข้ันตอน)
การดําเนินการจัดการกลุ่มในรูปแบบนันทนาการ ซึ่งสามารถประเมินจัดการตามขั้นตอนได้ 3 ขั้น
ดังน้ี
1. กระบวนการเร่ิมตน้
ก็คือขั้นตอนการเตรียมการเพ่ือจะจัดกิจกรรมนันทนาการ ในการเตรียมการจากผล
ประเมินในกระบวนการเริ่มต้น ที่ต้องจัดสมาชิกกลุ่ม เพื่อที่จะได้กําหนดกลุ่มเป้าหมายร่วมกันหา
สาเหตุและปัญหาของกลุ่ม ในขั้นตอนนี้ได้มีการตัดสินใจร่วมกันเลือกกิจกรรมนันทนาการที่จะทํา
ร่วมกันเพ่ือความสมัครใจร่วมกันในการเลือกกิจกรรม ซึ่งกิจกรรมที่เลือกคือ เกมบันไดงู เป็น
กิจกรรมที่เหมาะสมกับเด็กวัยระดับประถมต้นเนื่องจากว่าเป็นกิจกรรมที่เข้าใจง่ายและเหมาะสม
กบั วยั นอกจากนีย้ ังมกี ารทําข้อตกลงรว่ มกนั เพือ่ ปอ้ งกนั การเกิดปญั หาในระหวา่ งการทํากิจกรรม
2. กระบวนการดาํ เนินการ
ในขั้นตอนการดําเนินการ กิจกรรม บันไดงู ได้ดําเนินกิจกรรมตามรูปแบบแผนที่วางไว้
จากการประมวลผลการดําเนินงานพบว่าไม่มีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้นเนื่องจากกิจกรรมที่จัดเป็น
กิจกรรมที่เข้าใจได้ง่ายและสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดกิจกรรมได้ตามความเหมาะสม
ระยะเวลาในการทํากิจกรรมก็ใช้เพียง 1-3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เป็นเวลาไม่นานแต่สร้างความผ่อน
คลายความสนกุ สนานให้กับเดก็ ๆ ได้
3. กระบวนการสนิ้ สดุ
เมื่อสิ้นสุดการทํากิจกรรม ได้สอบถามความรู้สึกของเด็ก ๆ จากการทํากิจกรรม พบว่า
ได้รับการตอบรับที่ดี เด็กรู้สึกผ่อนคลายมากข้ึนและรู้สึกสนุกสนาน จากการที่นักสังคมสงเคราะห์
และผู้ร่วมท่านอื่นประเมินผลจากการเล่นเกมเพื่อหาข้อบกพร่องและจะนําไปแก้ไขในครั้งต่อไปคือ
การที่เด็ก ๆ อาจจะเบื่อถ้าหากต้องเล่นเกมเดิมเป็นระยะเวลานาน อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยน
รปู แบบการทาํ กิจกรรมตามความเหมาะสมครง้ั ต่อไป
เมื่อประเมินการเปลี่ยนแปลงรายบุคคลสรุปได้ว่าเกมบันไดงูส่งเสริมพัฒนาการทางสังคม
ได้ก็คือเด็กได้พัฒนาทักษะทั้ง 5 ด้าน คือ ทักษะการสื่อสารเบื้องต้น ทักษะการสร้างสัมพันธภาพ
และเข้าใจผู้อื่น ทักษะเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ทักษะการแก้ไขปัญหาและทักษะ
เกี่ยวกับการยอมรับภาระและความรับผิดชอบ เห็นได้ชัดจากการที่ทํากิจกรรมเด็ก ๆ มีการสร้าง
สัมพันธภาพ มีการติดต่อสื่อสารพูดคุยกัน และสามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างทํากิจกรรม
รวมถึงสามารถยอมรับได้ในกรณีที่เกิดความผิดพลาด นอกจากพัฒนาทักษะแล้วการพัฒนา
ทางด้านร่างกายคือร่างกายของเด็กจากการทํากิจกรรมมีความยืดหยุ่นมากขึ้นเนื่องจากได้
เคลื่อนไหวอยู่ตลอดการทํากิจกรรมซึ่งถือได้ว่าการใช้กระบวนการกลุ่มในการทํากิจกรรมร่วมกัน
สามารถสร้างความเปลีย่ นแปลงในรายบุคคลได้
8
10. ข้อเสนอแนะสําหรับนักสังคมสงเคราะห์และผู้เกี่ยวข้องอื่น ๆ หากต้องดําเนินการในงาน
รูปแบบดงั กล่าว
เด็กทุกคนมีศักดิ์ศรีและมีคุณค่า นักสังคมสงเคราะห์และผู้อื่นควรให้การยอมรับความเป็น
ปัจเจกบุคคลที่มีความแตกต่างและมีอัตลักษณ์เฉพาะบุคคล รวมถึงเชื่อในความเป็นมนุษย์ที่เท่า
เทียมกันของทุกคน ไม่เลือกปฏิบัติ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและดําเนินการให้เกิดการเข้าถึงโดย
เสมอภาคและเป็นธรรม ผู้จัดกิจกรรมมีบทบาทในฐานะผู้นําการเปลี่ยนแปลง อีกทั้งส่งเสริมให้เด็ก
ตระหนักถึงสิทธิและพลังอํานาจของตน สร้างความร่วมมือให้เกิดความตระหนักและเฝ้าระวังทาง
สังคม เพื่อนําไปสู่ความเปลี่ยนแปลงและพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น มีการร่วมมือกับสห
วิชาชีพเพื่อการจัดบริการที่มีคุณภาพจนได้รับการยอมรับและสามารถเข้าถึงประชาชนได้มาก
ยิ่งขึ้น รูปแบบการสร้างกิจกรรมสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามกลุ่มเป้าหมายที่สนใจ เพื่อให้
สอดคลอ้ งต่อการส่งเสรมิ ให้เกดิ การเรียนรจู้ ากการทาํ กิจกรรม
11. บทเรียนรู้ของสมาชิก (นักศึกษาในฐานะผู้ออกแบบกลุ่ม) อาทิ ปัญหา อุปสรรค การริเริ่ม
และขอ้ ค้นพบอนื่ ๆ ทอี่ ยากบอกเล่า
ปัญหาที่อาจพบเจอจากการจัดกิจกรรมบันไดงูที่จัดกิจกรรมกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็กใน
วัยปฐมศึกษาตอนต้นอาจพบเจอหลากหลายปัญหา ด้วยกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเดก็ ขณะจดั กจิ กรรม
กลุ่มอาจมีการดําเนินงานที่ติดขัดที่ทําให้ไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ได้ เช่น เด็กมีอาการ
ต่อต้าน งอแง ไม่ยอมให้ความร่วมมือ หรือมีการเล่นเกินขอบเขต เด็กอาจมีการเล่นด้วยกันจนเกิด
ปัญหาทะเลาะกัน หรือเกิดอุบัติเหตุ แม้กระทั่งในด้านสถานที่ก็อาจนํามาสู่ประเด็นปัญหา
เช่นเดียวกัน ด้วยกิจกรรมบันไดงูเป็นกิจกรรมที่จําเป็นต้องใช้พื้นท่ีในการดําเนินกิจกรรม ซึ่งพื้นท่ี
อาจควบคมุ ไมไ่ ด้ เช่น เกดิ ฝนตก ทําใหไ้ มส่ ามารถดาํ เนนิ กิจกรรมได้
ข้อค้นพบที่อาจพบได้จากกิจกรรม เนื่องด้วยการดําเนินกิจกรรมกับเด็กซึ่งอาจเป็นข้อท้า
ทายของนักศึกษาในการดําเนินกิจกรรม เรื่องจากเด็กมีลักษณะเฉพาะ อุปนิสัย และบุคลิกภาพที่
แตกต่างกันออกไป ยังไม่รู้จักการควบคุมตนเองเทื่อเข้าสังคมมากนัก จึงควรเป็นข้อควรระวังใน
การสังเกตการเพื่อป้องกันปัญหาอื่น ๆ ตามมา ขณะปฏิบัติหน้าที่ควรเป็นไปด้วยความใจเย็นและ
ความเข้าใจ มีอารมณ์ร่วมและมีความสนุกสนานเพื่อดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมายเนื่องจาก
เด็กในวัยประถมเป็นวัยที่อยากเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากจึงอาจทําให้ขาดความสนใจและจดจ่อใน
กจิ กรรม
9
12. ขอ้ เสนอแนะอนื่ ๆ ทค่ี วรมีการดําเนินการหากต้องทาํ งานเพ่อื สรา้ งการเปล่ียนแปลงโดย
ใช้งาน “กลุ่ม” เปน็ เครอ่ื งมอื ในการทาํ งาน
ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมที่ควรมีการดําเนินการหากต้องทํางานเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงโดย
ใช้งาน “กลุ่ม” เป็นเครื่องมือในการทํางาน นั้นคือ การขยายขอบเขตของกลุ่มและเพิ่มจํานวน
กิจกรรมในกลุ่มเพื่อให้สามารถตอบสนองถึงความแตกต่างทั้งในเรื่องของลักษณะนิสัยและ
ความชอบของเด็กประถมต้นให้มีความหลากหลายเพิ่มมากขึ้นนอกจากกิจกรรมบันไดงู เช่น
บอร์ดเกม เพื่อให้เด็กประถมต้นได้มีการใช้ทักษะในด้านการคิดวิเคราะห์และมีสมาธิจดจ่อกับ
กิจกรรมมากยิ่งขึ้นถือว่าเป็นการให้สมาชิกภายในกลุ่มได้เข้ามามีส่วนร่วมในการทํากิจกรรมที่มี
ความแตกต่างหลากหลายเพื่อตรงกับประสิทธิภาพละทักษะต่าง ๆ ของเด็กแต่ละคน และยังเป็น
การใช้การทํางานเป็นกลุ่มเข้ามามีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้นเพื่อก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง และรวมไป
ถึงการขยายขอบเขตในการกลุ่มให้มีความหลากหลายในช่วงวัยมากขึ้นเพื่อให้สมาชิกในกลุ่มมี
ความหลากหลายนอกจากเด็กประถมตน้
และนอกจากนี้แล้วการช่วยสร้างแรงจูงใจให้เด็กประถมต้นเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมก็
ถือว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ได้มีการใช้งานกลุ่มเข้ามาดําเนินการเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง เนื่องจาก
เด็กประถมต้นยังถือได้ว่าเป็นช่วงวัยที่ต้องการความสนุกสนานและมีสิ่งชักจูงที่น่าสนใจในการทํา
กิจกรรมต่าง ๆ เช่น การให้รางวัลแก่ผู้ที่ทํากิจกรรมได้ดี ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการตอบสนองกลับจาก
การที่สมาชิกในกลุ่มเข้ามาทํากิจกรรมโดยการช่วยสร้างแรงจูงใจเข้ามาเป็นส่วนช่วยในการ
กระตุ้นให้เด็กประถมต้นเกิดความต้องการเข้าร่วมในการทํากิจกรรมต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น ถือว่าเป็น
การทํางานเพอ่ื สร้างการเปลีย่ นแปลงโดยใช้งานกลุ่มเข้ามาเป็นเคร่ืองมือในการทํางานร่วมกนั
อ้างอิง
ณัชชา พริ้มพราย. (2564). กิจกรรมเกมบันไดงู ดาํ เนนิ กิจกรรมโดยนักสงั คมสงเคราะห์. สบื ค้น
เมื่อวันท่ี 1 เมษายน2565. จาก
https://www.facebook.com/340076346040461/posts/4103645433016848/
พิมพช์ นก มีสุข. (2564). Play and Learn classroom design. สืบค้นเมื่อวันท่ี 1 พฤษภาคม
2565. จาก
https://www.starfishlabz.com/คอรส์ /152-play-and-learn-classroom-design
10
11
12
13
14
15
16
รปู แบบบาํ บดั รกั ษา
(Remedial or Preventive and Rehabilitative Models)
โดย กลมุ่ เช้าวันศกุ ร์
ณชั ชา ธราพร 6305681030
ชนายุทธ กิตตธิ รสมบตั ร์ 6305610583
เมธาวี ลมิ่ วชริ โชติ 6305680073
จุฑามณี สีนอง 6305681071
ชลพนิ ทุ์ ศริ เิ จรญิ สมบตั ิ 6305680545
ณฏั ฐชนน ชยพลวัฒน์ 6305681725
17
1. กลมุ่ ท่อี อกแบบ
การบาํ บดั รกั ษาผ้ปู ่วยโรคซึมเศร้า
วัตถุประสงค์หรอื แนวคิดหลกั ในการกอ่ เกดิ กลุ่ม
1.เพอื่ ศึกษาอาการของโรคซมึ เศร้ารวมถึงศกึ ษารปู แบบวิธกี ารบาํ บดั รกั ษาผทู้ ่ปี ่วยเปน็ โรคซึมเศรา้
2.เปน็ การศกึ ษาเรยี นร้กู ารปฏิบตั ิการสงั คมสงเคราะห์กลมุ่ ชนในรูปแบบการบาํ บัดรักษา
3.เพื่อศึกษาการเกิดขึ้น ดํารงอยู่ และการสร้างการเปลี่ยนแปลง ในกลุ่มการปฏิบัติการรูปแบบการ
บาํ บดั รักษาสําหรับผูป้ ่วยโรคซมึ เศรา้
2. ศิลปะบาํ บดั ขน้ั ตอน/การดาํ เนนิ การ
สําหรับผู้ที่จะทําศิลปะบําบัด ไม่จําเป็นจะต้องมีพื้นฐานทางด้านศิลปะมาก่อน โดยศิลปะบําบัด
ใช้เพื่อบําบัดความผิดปกติทางจิตใจหรือปัญหาทางสุขภาพจิตได้หลากหลาย ในบางครั้งอาจมีการ
ใช้เทคนิคจิตบําบัดอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย เช่น การบําบัดแบบกลุ่ม หรือการบําบัดเพื่อทําความรู้
ความเขา้ ใจและพฤติกรรม ศลิ ปะบาํ บัดสามารถทาํ การบาํ บดั ได้หลายปัญหา เชน่
- ผ้ทู ่มี ีความเครียดรุนแรง
- ผู้ทปี่ ่วยซมึ เศร้า
การทําศิลปะบําบัดแต่ละครั้งใช้เวลา 45-60 นาที ความถี่อยู่ที่ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ นักศิลปะบําบัด
เริ่มต้นชั่วโมงท่ี 1 และ 2 ของการบําบัดโดยการให้ระบายสีอิสระ (Free Painting)เพื่อวิเคราะห์
บุคลิกภาพของผู้รับการบําบัดและประเมินอาการความผิดปกติที่เกิดขึ้น จากนั้นวางแผนการ
บําบัดโดยกําหนดเป้าหมายที่ต้องการและดําเนินการบําบัดผ่านกระบวนการทํางานด้านศิลปะ
เช่น การระบายสบี ําบัด การลากเสน้ รปู ทรงบาํ บดั การปนั้ บําบดั เปน็ ต้น
นักศิลปะบําบัดจะมีเครื่องมือหลายอย่างที่แตกต่างกันออกไป โดยคนที่มีปัญหาเรื้อรัง
เกี่ยวกับสภาวะทางอารมณ์ การถูกทารุณกรรมทางกาย การล่วงละเมิด ความเครียด รวมถึง
อาการซึมเศร้า หรือปัญหาทางจิตบางประเภท สามารถได้รับประโยชน์จากการแสดงความคิด
สรา้ งสรรคจ์ ากพวกได้
ขั้นตอนและการดําเนินการจะมีความแตกต่างกันไปตามกิจกรรมและผู้จัด บางผู้จัด
กิจกรรมกจ็ ะจัดการบําบัดแบบรายบคุ คล หรอื กลมุ่ เล็กๆ จาํ นวน 5-10 คน
กิจกรรมศลิ ปะบําบัดแบบกลุ่ม
กิจกรรมศิลปะแบบกลุ่มเป็นการนํากระบวนการศิลปะบําบัดมาใช้กับกระบวนการบําบัด
แบบกลุ่ม โดยกระบวนการบําบัดแบบกลุ่ม คือ กระบวนการที่นักจิตบําบัดได้ทํากระบวนการขึ้น
พร้อมกันหลายๆ คนในเวลาเดียวกัน ซง่ึ กระบวนการศิลปะบาํ บัดแบบกลุม่ มีข้อดหี ลายอยา่ งเชน่
ทําให้พบเพื่อนใหม่ การได้พบเพื่อนที่เข้าใจและมีประสบการณ์เดียวกันช่วยทําให้แต่ละคน
ได้พบและเข้าใจกนั และกนั อย่างไมโ่ ดดเดียว และไดเ้ ปน็ ส่วนหนึ่งของกลุ่ม เพ่อื ดแู ลปัญหาเหล่านน้ั
ร่วมกัน
สร้างความหวังร่วมกันได้มากกว่า เพราะว่าแต่ละคนที่มาเข้าร่วมศิลปะบําบัดมีความ
หลากหลาย แตกต่างกันในเชิงของระยะเวลา สภาวะ ทําให้ผู้ที่ได้เข้ากระบวนการได้มองเห็นสิ่งดีๆ
ที่อาจมองไม่เห็นที่เกิดจากคนก่อนหน้า หรือมีสภาวะที่ดีกว่าได้สนับสนุนกันได้เห็นตัวอย่างจาก
18
บุคคลอื่น การได้เห็นตัวอย่างการดูแลจากบุคคลอื่นช่วยทําให้เกิดการเรียนรู้ และช่วยกันแบ่งปัน
ข้อมูล การยอมรับกนั และกันได้
ขั้นตอนของการปฏิบัติแบบกลุ่มคือ ผู้นําการทําศิลปะบําบัดจะบอกให้ผู้เข้าร่วมให้เตรียม
อุปกรณ์การบําบัดมาด้วยตนเอง ส่วนผู้ที่ไม่สะดวกทางผู้บําบัดก็จะมีอุปกรณ์สํารองเตรียมเผื่อไว้
ให้อปุ กรณ์ท่ีใช้ในงานศลิ ปะบาํ บัดนั้นจําแนกไดเ้ ป็น 2 ประเภท
สื่อแบบมกี รอบ เชน่ ดินสอไม้ ดินสอสี สีเทยี น สเี มจกิ ซ่งึ สอ่ื ความหมายในการใช้ถอ้ ยคาํ
สื่อแบบไร้กรอบ เช่น สีนํ้า ดินนํ้ามัน ซึ่งสื่อความหมายในการแสดงความรู้สึก การระบาย
อารมณ์
กระบวนการศลิ ปะบําบดั 4 E
Established rapport การสรา้ งสมั พนั ธภาพ – การทําความรจู้ กั และประเมนิ สภาพ
Exploration การสํารวจ – ค้นหา วเิ คราะหส์ ภาพ
Experiencing การทบทวน – ถอดบทเรียนจาก 3 ขอ้ แรกแลว้ นาํ มาเรยี บเรยี งในมมุ มองใหม่
Empowerment การส่งเสรมิ ศักยภาพ – เป็นการเข้าส่กู ระบวนการศลิ ปะบาํ บัดอย่างแทจ้ ริง
3. วตั ถุประสงคข์ องกิจกรรมท่เี ลอื กคือศิลปะบาํ บดั
ศิลปะบําบัด คือ การใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือหลักในการเยียวยารักษาอาการเจ็บป่วยทั้งทาง
ร่างกายและจิตใจ ศิลปะบําบัดบางแนวทางมุ่งเน้นให้ผู้รับการบําบัดแสดงออกผ่านสื่อศิลปะอย่าง
สร้างสรรค์ บางแนวทางนําความรู้ด้านจิตวิทยาเข้ามาผสมผสาน บางแนวทางใช้การวิเคราะห์สิ่งที่
ปรากฏในภาพของผู้รับการบําบัดร่วมด้วย ทั้งน้ี ศิลปะบําบัดทุกแนวทางช่วยให้ผู้รับการบําบัดได้
สํารวจภายในจิตใจของตนเอง เปิดเผยตัวตนและสื่อสารผ่านงานศิลปะอย่างเป็นอิสระ
กระบวนการบําบัดช่วยให้ความเครียด ความเศร้า หรือความเจ็บปวดบรรเทาลง เกิดความเข้าใจ
ในอารมณ์ความรู้สึกของตนเอง และเกิดการเติบโตทางความคิด ก่อให้เกิดกระบวนการพัฒนา
ภายในตนเอง
การบําบัดประเภทนี้ในผู้ป่วยซึมเศร้าเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้ผู้ป่วยได้รู้สึกผ่อนคลาย ระบาย
ความเครียดที่สะสมออกมาผ่านศิลปะที่เขาได้สร้างสรรค์ขึ้น นอกจากนี้ศิลปะบําบัดยังช่วย
พฒั นาการด้านร่างกายและอารมณ์ของผู้ป่วยในหลายๆด้าน เช่น
- สรา้ งสมาธิ สามารถอยู่นง่ิ และจดจ่อได้นานขึ้น
- ส่งเสริมการเห็นคณุ ค่าในตวั เอง
- เสรมิ สรา้ งจนิ ตนาการ ความคดิ สร้างสรรค์
- เสรมิ สรา้ งประสาทสมั ผัสทางการสัมผัส การเคล่อื นไหว ความสมดลุ
- เสริมสร้างการใช้ชวี ติ อยา่ งมรี ะเบยี บแบบแผน และเป็นกิจวตั ร
- ปลูกฝงั ศลี ธรรม ความออ่ นโยนตอ่ เพอ่ื นมนษุ ย์และสตั ว์
- เสริมสร้างทักษะทางสังคม
การวาดภาพ ระบายสี หรือปั้น สามารถช่วยทําให้สภาวะอารมณ์ได้ผ่อนคลายลงไม่ว่าคุณ
จะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ การทําให้สภาวะเหล่านั้นสงบลง การได้ใช้เวลาไปทํางานเกี่ยวกับการ
19
แสดงออกของอารมณ์ ความรู้สึกบางอย่างจะสามารถทําให้เราเข้าใจสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
อารมณห์ รือความรู้สกึ ได้มากกวา่ การบําบัดดว้ ยการพดู คุย
6. การประเมินอาการของผปู้ ว่ ยโรคซมึ เศรา้ เพอื่ เขา้ สูก่ ระบวนการบาํ บัด
อาการของโรคซึมเศร้า
- รูส้ กึ เศร้า อยากรอ้ งไห้ เควง้ คว้าง หรอื ไรค้ วามหวงั อาการเกดิ ขึ้นบ่อยๆ ใน 1 วัน
- รสู้ ึกหงุดหงดิ ไมพ่ อใจ หรอื โกรธกบั เร่ืองเลก็ ๆ นอ้ ยๆ
- รูส้ ึกขาดความสนใจ ไม่อยากทาํ หรือไมส่ นุกกบั กิจกรรมท่ีชอบ หรือกจิ วตั รปกติท่เี คยทํา
- มีอาการเบื่ออาหาร หรือต้องการทานอาหารมากขึ้น ส่งผลให้นํ้าหนักเพิ่มและลดลงจาก
ปกติ
- ร้สู ึกนอนหลบั ยาก นอนนอ้ ย หรืออยากนอนมากกว่าปกติ
- รู้สกึ รอ้ นรน วติ กกังวล และกระสบั กระสา่ ย
- รู้สกึ เหนื่อยล้า หรือไมม่ ีพลงั ทาํ กจิ กรรมต่างๆ ในชีวติ ประจําวัน
- ร้สู กึ ไรค้ ่าและรู้สกึ ผิดกับตัวเองหรอื ส่ิงท่ที าํ ท้ังๆ ทกี่ อ่ นหนา้ นไี้ ม่เคยรู้สกึ แบบนี้มากอ่ น
- ความสามารถในการจดจอ่ การคดิ การตัดสินใจ และความจําลดลง
- คิดอยากทาํ ร้ายรา่ งกายตวั เอง หรอื อาจรนุ แรงถึงข้ันคดิ ฆา่ ตวั เอง
นอกจากนี้ยังมีอาการที่แสดงออกทางร่างกายอื่นๆ อีก เช่น เคลื่อนไหวหรือพูดช้าลง
ท้องผูก เจ็บหรือปวดตามร่างกายแบบไม่ทราบสาเหตุ เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย แรงขับทางเพศ
(Labido) ลดลง ประจําเดือนมาไมป่ กติ
อาการทบ่ี ่งบอกว่าถงึ เวลาตอ้ งไปพบแพทย์
เมื่อรู้สึกเศร้า หดหู่ ไม่มีความสุขเหมือนเคย ไร้เป้าหมาย มีอารมณ์เหล่านี้เกิดขึ้นซํ้าๆ ประมาณ 2
สัปดาห์ขึ้นไป ควรไปพบจิตแพทย์เพื่อรักษา ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาหรือการทําจิตบําบัดเพื่อให้
อาการดีข้ึน
การบําบัดด้วยการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม (Cognitive Behavior Therapy) หรือที่
เรยี กกนั ว่า CBT แก่ผู้ปว่ ยโรคซึมเศรา้
CBT คือจิตบําบัด คือการพูดคุยแลกเปลี่ยน เพื่อบําบัดปัญหาที่เราอยากจะจัดการ ดั้งเดิม
แล้วมันเป็นศาสตร์ที่ใช้กับโรคซึมเศร้า โดยมีหลักการอยู่ว่า คนซึมเศร้าเพราะมีวิธีคิดที่บิดเบือนจน
ทําให้เกิดความเศร้าขึ้นมา เช่น คิดโทษตัวเองว่าตัวเองไม่ดี คิดมองโลกในแง่ลบมากเกินไป CBT
ก็เลยมีกระบวนการที่จะปรับความคิด หรือ cognitive เพื่อให้อารมณ์เศร้าดีขึ้น อีกส่วนคือการ
ปรบั พฤตกิ รรม หรอื bahavior เพราะพฤติกรรมบางอย่างถ้ายังทําอยู่ก็อาจเสริมให้เศร้าต่อไป เช่น
การไม่ออกไปไหน เก็บตัวอยู่กับบ้าน ในทางตรงกันข้ามถ้าเปลี่ยนพฤติกรรม ทําตัวให้แอคทีฟขึ้น
อาการเศร้ากจ็ ะลดลง
และอีกส่วนหนึ่งเรียกว่าการรักษาทางจิตสังคม เป็นการรักษาแบบไม่ใช้ยา แต่ใช้การ
พูดคุย ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ เช่น ครอบครัวบําบัด เอาครอบครัวมาคุยกัน, การให้คําปรึกษา ให้
คําแนะนําเฉยๆ, จิตบําบัดแขนงดั้งเดิม ของ ซิกมันด์ ฟรอยด์ ที่เรียกว่า Psychodynamics หรือ
Psychotherapy ไปจนถึง CBT ทเ่ี ปน็ ส่วนนึงในการรกั ษาทางจิตสังคมเช่นกัน
20
หลักๆ เป็นการพูดคุยที่ตั้งต้นด้วยเป้าหมาย ต้องประเมินก่อนว่าปัญหาของคนไข้คืออะไร
เขาอยากจะแก้ไข อยากจะเปลี่ยนให้ชีวิตดีขึ้นในแบบไหน ตั้งเป้าหมายร่วมกัน จากนั้นก็จะมี
กระบวนการเพื่อนําไปสู่เป้าหมาย ซึ่งกระบวนการหลักๆ เกี่ยวข้องกับการปรับวิธีคิดว่า หากเขาคิด
อย่างนี้แล้วจะนําไปสู่อะไร ถ้าเปลี่ยนไปจะนําไปสู่อะไร กระบวนการปรับวิธีคิดจะทําผ่านการตั้ง
คําถามให้คิด เรียกว่า Socratic Questioning มาจากชื่อของ โสเครตีส ที่สอนลูกศิษย์ด้วยการ
ถามใหค้ ิด
กระบวนการนี้นักบําบัดจะถามให้คนไข้ได้คิดในมุมอื่นๆ ที่ต่างจากที่เคยคิดอยู่ เช่น เขา
เคยคิดว่าเขาเป็นคนไม่มีคุณค่า ไม่มีประโยชน์ เราก็ถามว่า เอ๊ะ จริงหรือเปล่าที่คุณเป็นคนไม่มี
คุณค่า ไม่มีประโยชน์ ถ้าไปถามเพื่อนคุณ เพื่อนเขาจะบอกว่ายังไง หรือถ้าเพื่อนคุณเขาคิดอีก
แบบ คุณจะเห็นด้วยกับเขาไหม คือชวนให้เขามองในด้านที่ต่างออกไป แล้วก็ทําให้เขาค้นพบ
ขอ้ สรุปว่า ท่เี ขาคิดอาจจะไม่ใชก่ ็ได้
พอเปลี่ยนความคิดแล้ว เราก็ทําให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ให้เห็นว่า ถ้าเราคิดแบบนี้ เรา
ก็จะทําแบบนี้ แต่ถ้าเราคิดอีกอย่าง เราอาจจะทําอีกอย่างนึง ซึ่งผลลัพธ์อาจจะเปลี่ยนไป
กระบวนการนี้จะนําไปสู่การเรียนรู้ด้วยตัวเองของคนไข้ โดยที่นักบําบัดเป็นเหมือนกับเป็นไกด์
คอยชวนให้คดิ ใหล้ องทาํ ดเู ทา่ นั้น
7. ช่วงเวลาการดําเนินการเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง/ระดับไหน อย่างไร (เช่น จํานวน
ครั้ง ช่วง/ระยะเวลาที่คาดหวังให้บรรลุเป้าหมาย/อธิบายด้วยการวิเคราะห์การ
เปลีย่ นแปลง 3 ระดับ คือ การเปล่ยี นแปลงระดบั บุคคล กลมุ่ โครงสร้าง)
โรคซึมเศร้า มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Depression เป็นโรคทางจิตเวชที่เกิดขึ้นจากความ
ผิดปกติของสารสื่อประสาทในสมอง ที่ส่งผลกระทบได้ท้ังทางร่างกายและจิตใจ ทําให้รู้สึกเศร้า
วิตกกังวล ไม่มีความสุข อยากร้องไห้ นอนหลับยาก และปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างลดลง จนส่งผล
ต่อกิจกรรมต่างๆ ในชีวิต ทั้งการเรียนและการทํางาน หรืออาจส่งผลทําให้เกิดความคิดเชิงลบ ไม่
สามารถหาทางแก้ไขปัญหาได้ จนส่งผลให้เกิดการฆ่าตัวตายเกิดขึ้นในที่สุด ซึ่งการรักษานั้นก็มี
หลายวิธี โดยก่อนที่จะเกิดการรักษาก็จะมีการประเมินอาการ วินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้าใช่หรือไม่
และหากเป็น เป็นมากหรือนอ้ ยแค่ไหน สําหรับเกณฑก์ ารวนิ ิจฉยั น้นั มีดังนี้
อาการทจ่ี ะเกดิ ขึ้นดังต่อไปน้ี 5 อาการหรอื มากกวา่
1. มีอารมณ์ซึมเศร้าแทบท้งั วัน (ในเดก็ และวยั รุน่ อาจเป็นอารมณห์ งดุ หงิดก็ได)้
2. ความสนใจหรอื ความเพลนิ ใจในกิจกรรมต่างๆ แทบท้งั หมดลดลงอยา่ งมากแทบท้ังวัน
3. นํ้าหนักลดลงหรือเพิ่มขึ้นมาก (นํ้าหนักเปลี่ยนแปลงมากกว่าร้อยละ 5 ต่อเดือน) หรือมีการเบื่อ
อาหารหรอื เจริญอาหารมาก
4. นอนไมห่ ลับ หรือหลับมากไป
5. กระวนกระวาย อยูไ่ มส่ ขุ หรือเช่อื งชา้ ลง
6. อ่อนเพลยี ไรเ้ ร่ียวแรง
7. รสู้ ึกตนเองไร้ค่า
8. สมาธิลดลง ใจลอย หรอื ลังเลใจไปหมด
9. คดิ เรื่องการตาย คดิ อยากตาย
21
หมายเหตุ ตอ้ งมอี าการในข้อ 1 หรือ 2 อยา่ งน้อย 1 ข้อ และตอ้ งมอี าการเปน็ อยนู่ าน 2 สัปดาหข์ ึ้น
ไป และต้องมีอาการเหล่านี้อยู่เกือบตลอดเวลา แทบทุกวัน ไม่ใช่เป็นๆ หายๆ เป็นเพียงแค่วันสอง
วนั หายไปแลว้ กลับมาเป็นใหม่
ในการวินิจฉยั โดยทั่วไปแพทยจ์ ะมขี ัน้ ตอนดังตอ่ ไปนี้
1. ถามอาการหรือการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่เริ่มมีอาการครั้งแรกไล่มา
ตามลําดับจนปัจจุบัน ยิ่งผู้ป่วยเล่าอาการต่างๆ ที่มีได้ละเอียด เล่าปัญหาทางจิตใจที่เกิดขึ้นได้
มากเทา่ ไร แพทยก์ ็จะยงิ่ เขา้ ใจผปู้ ว่ ยมากขึน้ เท่าน้นั
2. การซักถามในขั้นตอนนี้นอกจากเพื่อดูว่าผู้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าได้หรือไม่แล้ว ยังเพื่อพิจารณา
ว่าผู้ป่วยอาจเป็นโรคทางจิตเวชอื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับอาการเหล่านี้หรือไม่ ขั้นตอนนี้เป็น
ขั้นตอนที่ต้องอาศัยประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วย โดยเฉพาะในรายที่อาการไม่ชัดเจน เป็น
ประสบการณแ์ ละทักษะทตี่ ้องผ่านการฝึกฝนและการดูแลผูป้ ว่ ยมาจํานวนหนง่ึ
3. ถามประวัติการเจ็บป่วยต่างๆ ในอดีต โรคประจําตัว และยาที่ใช้ประจํา เพื่อดูว่าอาจเป็นสาเหตุ
ของโรคซึมเศรา้ ได้หรอื ไม่
4. ถามประวัติความเจ็บป่วยในญาติสายเลือดเดียวกัน เพราะโรคซึมเศร้าเกี่ยวข้องกับเร่ือง
กรรมพนั ธุ์เหมอื นกนั
5. ตรวจร่างกาย และส่งตรวจพิเศษที่จําเป็น ในกรณีที่สงสัยว่าผู้ป่วยอาจมีโรคทางร่างกายอื่นๆ ท่ี
อาจเป็นสาเหตขุ องอาการตา่ งๆ ท่พี บ
6. แพทย์อาจซักประวัติเพิ่มเติมจากญาติหรือผู้ใกล้ชิด เพื่อที่จะได้ทราบเรื่องราวหรือาการต่างๆ
ไดช้ ัดเจนขึ้น เพราะบางครั้งคนรอบขา้ งอาจสังเกตเหน็ อะไรไดช้ ดั เจนกว่าตวั ผ้ทู ่ีมีอาการเอง
จะเห็นว่า เกณฑ์การวินิจฉัยดังกล่าวจึงเป็นเพียงแนวทางในเบื้องต้นเท่านั้น เป็นองค์ประกอบหน่ึง
ในหลายๆ ขนั้ ตอนที่แพทยใ์ ช้ในการวินจิ ฉยั การวนิ ิจฉัยท่แี น่นอนจงึ ต้องพบแพทยเ์ ท่าน้นั
เมือ่ มีการวินจิ ฉยั อยา่ งแนน่ อนจากแพทย์แลว้ ก็จะต้องเข้ารบั การรักษาซง่ึ การรักษาตอ่ ไป ดงั นี้
1. การทาํ จติ บาํ บัด
2. การทานยา
ยาท่ีใช้ในการรกั ษาโรคซึมเศร้าแบ่งเปน็ 3 กล่มุ คอื
- SSRI เป็นกลมุ่ ยาท่ใี ช้รกั ษาโรคซึมเศรา้ และวิตกกงั วล กลไกหลกั คอื การยบั ยง้ั การดูดซมึ กลับของ
เซโรโทนนิ
- TCA เป็นกลุ่มยาท่ีไดร้ บั ความนิยม ชว่ ยยับย้งั การดูดซมึ กลับของสารสือ่ ประสาทหลายชนิด
- NDRI เป็นอีกกลุ่มยาที่ใช้กับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า โดยเฉพาะกับผู้ที่มีปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับ
รนุ แรง
*ยาแต่ละชนิดมีผลข้างเคียง ต้องได้รับการสั่งยาจากแพทย์เท่านั้น และควรใช้ตามที่แพทย์หรือ
เภสชั กรแจง้ อย่างเครง่ ครดั
3. การรกั ษาด้วยไฟฟา้ (Electroconvulsive Therapy: ECT)
เป็นการใช้กระแสไฟฟ้าที่มีความเข้มข้นตํ่ากับผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่มีอาการรุนแรง หรือผู้ที่รักษา
ด้วยจิตบําบัดและการทานยาแต่ไม่ดีขึ้น การรักษาด้วยไฟฟ้าจะเป็นการทําด้วยผู้เชี่ยวชาญด้าน
การแพทย์ ทั้งจิตแพทย์ วิสัญญีแพทย์ และพยาบาล โดยผู้ป่วยจะเข้ารับการรักษา 2-3 ครั้งต่อ
สัปดาห์
22
โรคซึมเศร้าจะใช้เวลาในการรักษาแตกต่างกันในแต่ละบุคคล อย่างน้อย 2-6 สัปดาห์หรือมากกว่า
นั้น ขึ้นอยู่กับผลของการักษา หากวิธีการหรือตัวยาดังกล่าวไม่ได้ผล แพทย์อาจมีการปรับเปลี่ยน
วิธีการและตัวยาในการรักษา จึงต้องใช้เวลามากขึ้น และนอกจากการรักษาในทางการแพทย์
ดังกล่าวแล้ว สิ่งที่สําคัญอีกทางหนึ่งที่จะช่วยรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้านั้นคือ ความเข้าใจ ใส่
ใจ และความรักจากคนรอบข้าง โดยเฉพาะครอบครัวผู้เปน็ พ่อและแม่
8. ผูม้ บี ทบาทเก่ียวข้องในกระบวนการกลุ่ม (ในข้ันตอนตา่ งๆข้อ 4)
ในการรักษาหรือบําบัดผู้ป่วยกลุ่มโรคซึมเศร้านั้น ผู้ที่มีบทบาทสําคัญ นั้นคือ แพทย์ จิตแพทย์ นัก
บําบดั นักสงั คมสงเคราะห์ และครอบครัว
ตวั อย่าง บทบาทของนักสังคมสงเคราะห์ในการฟน้ื ฟูสมรรถภาพผปู้ ่วยจิตเวช
กรณีตัวอย่างผ้ปู ่วย
ผู้ป่วยจติ เภทหญิงรายหนง่ึ อายุ 45 ปี ป่วย มานานตงั้ แตอ่ ายุ 18 ปี ญาตพิ ามารกั ษาที่โรงพยาบาล
จนอาการดีขึ้น และรักษาต่อเนื่องจนจบปริญญาตรี และสมัครเข้าทางานได้ แต่มีการขาดการ
รักษาต่อเนื่อง และปรับยารับประทานตามใจตนเอง ส่งผลให้มีอาการกําเริบทางจิตบ่อยๆ ทําให้ไม่
สามารถทํางานได้ ต้องออกจากงานและพึ่งพาการดูแลจากญาติมาตลอดจนอายุมากขึ้น ญาติไม่
สามารถให้พึ่งพาได้ ทุกคนต่างมีครอบครัวที่ต้องดูแล ไม่สามารถรับผิดชอบผู้ป่วยได้อีก ผู้ป่วย
ต้องอยู่คนเดียวดูแลตนเอง ทําให้มีอาการกําเริบทางจิตบ่อยครั้ง ต้องเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยใน
เมื่อแพทย์ให้การรักษาจนอาการทางจิตดีขึ้นและประเมินว่าสามารถจําหน่ายผู้ป่วยออกจาก
โรงพยาบาลได้ แต่ผู้ป่วยยังมีความถดถอยทางความคิด ถดถอยความสามารถตัดสินใจหลงเหลือ
อยู่
นักสังคมสงเคราะห์เมื่อได้รับกรณีผู้ป่วย รายนี้มาปรึกษาเรื่อง การหาญาติดูแล นักสังคม
สงเคราะห์ต้องประเมินความพร้อมของครอบครัวโดย นัดญาติมาประเมินความพร้อมด้านต่างๆ
ได้แก่ ด้านความผูกพันในครอบครัว ด้านการดูแลผู้ป่วยและการจัดการปัญหา ด้านเศรษฐฐานะ
ของญาติและผู้ป่วย พบว่า ครอบครัวไม่มีความพร้อมในการดูแลผู้ป่วย อย่างมากเนื่อบจากพี่น้อง
ก็ป่วยทางจิตหลายคน ญาติๆ จึงตกลงกันว่า ผู้ป่วยต้องดูแลตนเอง โดยพี่ๆ จะให้การช่วยเหลืออยู่
ห่างๆ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่สําหรับผู้ป่วยจิตเวชที่ขาดผู้ดูแลใกล้ชิด ทั้งในเรื่องการรับประทานยา
อย่างต่อเนื่อง การปรับพฤติกรรม ให้ผู้ป่วยพึ่งตนเองได้ และการถูกหลอกลวงต่างๆ ได้ง่าย นัก
สังคมสงเคราะห์ จึงวางแผนร่วมกับผู้ป่วย ทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยระยะสั้น ได้ส่งผู้ป่วยเข้า
หนว่ ยฟื้นฟสู มรรถภาพ(โรงพยาบาลกลางวัน) แหง่ ใดแหง่ หนง่ึ กอ่ นเพอื่ ฝกึ ใหผ้ ้ปู ว่ ยได้ปรับตัว สร้าง
สัมพันธภาพกับผู้อื่นได้ ฝึกการทํางาน ให้รู้ความถนัด ของตนเอง และฝึกให้ผู้ป่วยทํางานได้อย่าง
ต่อเนื่อง เป็นระยะเวลายาวนานระดับหนึ่ง ซึ่งผู้ป่วยแต่ละราย ต้องได้รับการฝึกไม่เท่ากัน บางคน
เป็นเดือน บางคนเป็นปี ถึงจะปรับให้ผู้ป่วยจิตเภทรายหนึ่ง ทํางานใกล้เคียงคนปกติทั่วไปได้ และ
ต้องให้ผู้ป่วยยอมรับ ตนเองให้ได้ ไม่ไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น ซึ่งในระยะนี้ นักสังคมสงเคราะห์ มี
บทบาทสําคญั ในการปรับเปลี่ยนจิตใจ ให้ผู้ป่วยต่อสู้กับปัญหา โดยนัดให้คําปรึกษา แนะนําปัญหา
ทางจิตใจอย่างต่อเนื่อง ให้ผู้ป่วยเข้าใจตนเอง เข้าใจผู้อ่ืนได้ นอกจากนี้ยังค้นหาแหล่งงาน ท่ี
เหมาะสมกับผู้ป่วยเป็นระยะ เมื่อมีหน่วยงานที่เปิดรับตลาดงานคนพิการก็ให้คําปรึกษาแนะนําการ
เตรียมพรอ้ มเข้าสมคั รงานดว้ ยตนเอง และเตรียม พร้อมทาํ งานในองคก์ รได้
23
จากกรณีตัวอย่างผู้ป่วยรายนี้ จะเห็นได้ว่า การฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยจิตเภทให้มีงานทํา
ได้ ไม่ได้ยุติการช่วยเหลือของนักสังคมสงเคราะห์เพียงเข้าสู่ การมีงานทํายังต้องมีการติดตาม
ต่อเนื่อง ถึงปัญหาการปรับตัวต่างๆ ของผู้ป่วยไประยะเวลาหนึ่ง ถึงระดับที่ผู้ป่วยเกิดความมั่นใจ
ว่าตนเป็นพนักงานคนหนึ่งขององค์กรนั้นๆอย่างแท้จริง การจะผ่านจุดนั้นมาได้ ต้องใช้เทคนิคการ
ให้คําปรึกษาแบบประคับประคอง เสริมพลังให้ผู้ป่วยเผชิญหน้า ต่อสู้กับผลกระทบต่างๆ ในการ
ทํางานที่ไม่ค่อยพร้อม ร่วมกับบุคคลทั่วไปและที่สําคัญสําหรับผู้ป่วยรายนี้ที่ต้องดูแลตนเอง อยู่
บ้านเพียงลําพัง ความรู้สึกว่ามีโรงพยาบาลและทีมผู้รักษาสหวิชาชีพ ให้การช่วยเหลือและดูแล
ผู้ป่วยในระดับหนึ่ง ก็เป็นที่ยึดเหน่ียวจิตใจ ให้ผู้ป่วยมีชีวิตอยู่ได้อย่างไม่ต้องพึ่งพาการดูแลจาก
ญาตอิ ยา่ งใกล้ ชดิ ซ่งึ ตอ่ มาเมอ่ื สถานการณ์ตา่ งๆ ของครอบครวั ดขี นึ้ ญาติกม็ สี ่วนเข้ามาชว่ ยเหลือ
ในการตัดสนิ ใจปญั หาสําคัญๆ ของผปู้ ว่ ยและมองเหน็ ผู้ปว่ ยมีคณุ ค่ามากขน้ึ
อันเนื่องมาจากความเปราะบางทางจิตใจ และอารมณ์ของผู้ป่วยร่วมกับการหลงเหลือ
อาการหวาดระแวง จนเป็นอุปนิสัย ส่งผลให้ผู้ป่วยหลายราย คิดลบมากกว่าคิดบวก เมื่อเผชิญ
สถานการณ์ ส่วนใหญ่จะตีความด้านลบต่อตนเองทันที เช่น “เค้าต้อง ดูถูกเราแน่ๆ” “ตัวเราไม่มี
ความสามารถเพียงพอ” ฯลฯ ส่งผลให้ผู้ป่วยขาดความมั่นใจในตนเอง ว่าจะครองงานอยู่ได้นาน
เพียงใด แม้หน่วยงานจะยืนยันให้ทํางานได้ ตามสิทธิคนพิการ ไม่คาดหวังให้ผู้ป่วย ต้องทํางานได้
เทียบเทา่ คนปกติ
ปัญหาของผู้ป่วยจิตเวช ที่เผชิญกับการ ปรับตัวในที่ทํางานเหล่านี้เป็นงานท้าทายสําหรับ
นักสังคมสงเคราะห์ ที่จะให้คําปรึกษาแนะนําผู้ป่วย นักสังคมสงเคราะห์ต้องสร้างสัมพันธภาพที่ดี
ทําให้ผู้ ป่วยเกิดความไว้วางใจ กล้าเสนอปัญหาที่ละเอียดอ่อนของตนออกมา และต้องการให้ช่วย
หาทางออกของปัญหา
วิธีการที่จะช่วยเหลือยเหลือผู้ป่วย นักสังคมสงเคราะห์ ต้องมีความรู้ ความเข้าใจในหลัก
จิตวิทยา และเทคนิค การปรับเปลี่ยนความคิด (Cognitive Behavioral Therapy) เพื่อเข้าใจ
กระบวนการใช้ความคิด และวิธีการแก้ไข และหลักจิตวิทยาแนวพุทธ ที่สอนเรื่องวิธีการดับทุกข์
ตามหลักอริยสัจ 4 (ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค) ซึ่งใจความสําคัญคือ การแก้ไขที่ตัวเอง ไม่ใช่ไป
คาดหวังที่ภายนอกหรือผู้อื่น จึงจะดับทุกข์ได้ โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยที่มีทุกข์ จะพยายามแก้ไขและหา
ทางออกโดยการไปปฏิบัติธรรม ไปทําบุญ เพื่อดับทุกข์ แต่ยังไม่เข้าใจ วิธีการดับทุกข์ของศาสนา
พุทธ อย่างแท้จรงิ
การให้คําปรึกษาแนะนําวิธีการดับทุกข์ ตามแนวทางพุทธศาสนา จึงเป็นวิธีการที่นํามา
ปรับใช้ แก้ปัญหาให้ผู้ป่วยเข้าใจได้เบื้องต้นและตรงกับความเชื่อความศรัทธาของผู้ป่วยและเมื่อ
ผู้ป่วยเข้าใจได้ถึงระดับหนึ่งแล้วก็สามารถพัฒนาในระดับที่ลึกซึ้งขึ้นไป เรื่อยๆได้ตามความพร้อม
ของผูป้ ว่ ย
24
9. วธิ ีวัด ประเมินผลการดาํ เนนิ การ(รูปแบบไหน/อย่างไร เพราะอะไรในแตล่ ะข้ันตอน)
การประเมินผลการดําเนินการเป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นถึงความคืบหน้าของกิจกรรมที่นักสังคม
สงเคราะห์ได้จัดขึ้น และทําให้มองเห็นพัฒนาการของผู้ร่วมบําบัด โดย การวัดผลทําได้หลายวิธี
ไม่ว่าจะเป็น การทําแบบสอบถาม การมีส่วนร่วมในกิจกรรม การสังเกตุพฤติกรรมของผู้ร่วมบําบัด
ไมว่ า่ จะเป็น
1. อารมณเ์ ปล่ยี นแปลงไปในทางทีด่ ขี ้นึ
2. ผ้เู ขา้ รบั บําบดั มองโลกในแงบ่ วกมากข้ึน
3. มีการใชย้ าในกลุม่ ซึมเศรา้ ลดนอ้ ยลง
4. ผ้เู ขา้ รับบรกิ ารมีสขุ ภาพดีขน้ึ
10. ข้อเสนอแนะสําหรับนักสังคมสงเคราะห์และผู้ที่เกี่ยวข้องอื่นๆหากต้องดําเนินการใน
งานกลุ่มรูปแบบดงั กลา่ ว
เนื่องจากโรคซึมเศร้าไม่ใช่แค่อาการอ่อนแอทางจิตใจ แต่คืออาการป่วยทางร่างกายอย่างนึงท่ี
ต้องเข้ารับการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี คนที่ไม่ได้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าย่อมไม่สามารถรู้สึกถึงสิ่งที่
ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าต้องเผชิญได้ร้อยเปอร์เซนต์ ดังนั้น นักสังคมสงเคราะห์หรือผู้ที่เกี่ยวข้องควรทํา
ความเข้าใจหรือเปิดใจรับฟัง เพื่อให้เข้าใจถึงสถานการณ์ของผู้ป่วยซึมเศร้าและฟังด้วยความตั้งใจ
ไม่คะยั้นคะยอ และไม่ตัดสินใจแทน เพื่อให้ ผู้เข้ารับการบําบัดรู้สึกสบายใจและไว้วางใจ เพื่อให้ผู้
เข้ารับบําบัดสามารถพูดในสิ่งที่ตนคิดได้อย่างเต็มที่และสามารถทําให้การเข้ารับการบําบัดเป็นไป
ไดอ้ ยา่ งราบรื่น
นอกจากนักสังคมสงเคราะห์ที่ต้องเปิดใจและทําความเข้าใจกับผู้ป่วยซึมเศร้าแล้ว ผู้ปกครอง
และคนรอบตัวผู้ป่วยโรคซึมเศร้าเองก็ควรที่จะเปิดใจรับฟังและทําความเข้าใจกับผู้ที่ป่วยเป็นโรค
ซึมเศร้า เนื่องจากคนกลุ่มนี้คือคนที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยซึมเศร้าที่สุด ดังนั้นคนรอบตัวจึงเป็นส่วน
สําคัญในการเข้ารับการบําบัด ผู้ปกครองควรที่จะรับฟังอย่างตั้งใจและคอยอยู่เคียงข้างผู้ป่วย
ซึมเศร้าเสมอ
11.บทเรียนรู้ของสมาชิก (นักศึกษาในฐานะผู้ออกแบบกลุ่ม) อาทิ ปัญหาอุปสรรค การ
ริเริ่มและข้อค้นพบอืน่ ๆที่อยากบอกเลา่
เนื่องจากเป็นการเรียนออนไลน์และทํางานกลุ่มออนไลน์จึงมีอุปสรรคในด้านของเวลาใน
การตกลงร่วมกันปรึกษาเกี่ยวกับหัวข้องานในบางครั้ง ซึ่งข้อริเริ่มในการเลือกหัวข้อเกิดขึ้นมาจาก
การที่มีข้อเสนอที่น่าสนใจและสมาชิกได้คุ้นเคยกับหัวข้อเป็นออย่างดี และข้อค้นพบอ่ืนๆที่อยาก
บอกเล่า สมาชิกกลุ่มได้มีประสบการณ์และข้อเสนอแนะที่ตนเคยประสบ จึงสามารถทําให้งานได้
ขอ้ หวั และขอ้ สรปุ รวมถงึ รายละเอียดในการทาํ งานร่วมกนั อย่างรวมเร็วอีกดว้ ย
12. ข้อเสนอแนะอื่นๆที่ควรมีการดําเนินการหากต้องทํางานเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงโดย
ใช้งาน “กลุ่ม” เปน็ เคร่ืองมือในการทํางาน
รูปแบบบําบัดรักษา หากต้องทํางานเพื่อโดยใช้งานกลุ่มเป็นเครื่องมือในการทํางาน
เนื่องจากเป็นการทํางานร่วมกับกลุ่มผู้ป่วยซึมเศร้า อาจจะต้องมีการระวังคําพูดที่กระทบกระทั่ง
25
ต่อความรู้สึกของผู้มาใช้บริการในการปฏิบัติงานกลุ่ม ซึ่งบางครั้งผู้ป่วยโรคซึมเศร้าอาจจะมีอาการ
บางอย่างที่แฝงมากับโรคหรือเกิดการแพนิคต่อบางสิ่งที่เกิดขึ้นในการบําบัด ทั้งนี้ในการซักถามจึง
ตอ้ งใช้ประสบการณ์และความเขา้ ใจต่ออาการของผู้ทม่ี าใช้บริการเป็นอยา่ งมาก
แหล่งอา้ งอิง
ศุภาวรรณ คงสุวรรณ์. (2562). ทางเลอื กปัญหาสุขภาพจิต : CBT การบาํ บดั ด้วยความคิดและ
พฤตกิ รรม.
สบื คน้ จาก https://www.the101.world/cognitive-behavior-therapy/
สมพร จรัสเจรญิ วิทยา. (2561). บทบาทนักสงั คมสงเคราะหใ์ นงานฟ้นื ฟสู มรรถภาพผ้ปู ว่ ยจิตเวช.
สืบคน้ จาก
https://he02.tcithaijo.org/index.php/simedbull/article/download/150686/110358
/405015
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
รปู แบบกล่มุ การแก้ปัญหา
โดย กลมุ่ ใจผมสลายฮะมงุ
วธสู ิริ อาจเอื้อ 6305540038
เสาวลักษณ์ เกดิ ทส่ี ุด 6305680081
อัซมานี สหุ ลง 6305680131
ปารวี เพง็ เป้ิน 6305680248
ภูรรนิ ทร์ สีชมภู 6305681055
วาสนา เฉยี งอุทิศ 6305681204
36
ช่อื กลมุ่ ทอ่ี อกแบบ : Tell Me How You Fell
เป็นกลุ่มการแก้ปัญหามีแนวคิดหลัก / ฐานความเชื่อว่าเป็นการช่วยกลุ่มแก้ปัญหาต่างๆ
ของสมาชิกกลุ่ม และปัญหาร่วมของกลุ่ม โดยการเรียนรู้ร่วมกัน เพื่อพัฒนาทักษะ ศักยภาพและ
การตัดสนิ ใจของกลุ่ม
วัตถุประสงค์
1. ประเมนิ สภาพปัญหา ขอบเขตความรุนแรงจากการถกู ไซเบอร์บูลล่ีของสมาชกิ
2. การเรียนรู้ร่วมกันของสมาชิกกลุ่ม เช่น การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ประสบการณ์
การปรกึ ษาหารือผ้รู ู้ การใหค้ วามร่วมมอื กบั การทํากจิ กรรมกลุ่ม
3. การประเมนิ ผล จากการเขา้ ร่วมกระบวนการกลุ่มทําให้สมาชกิ มสี ภาพจติ ใจทดี่ ีข้ึนหรือไม่
ที่กลุ่มเราเลือกทํากลุ่มแก้ปัญหาเกี่ยวกับประสบการณ์ไซเบอร์บูลลี่ ด้วยเหตุเพราะในปัจจุบัน
เป็นโลกของ social media เป็นโลกที่สังคมออนไลน์กําลังเป็นใหญ่ อาจจะด้วยมาจากการที่
เทคโนโลยีพัฒนาอย่างก้าวกระโดดหรือจะจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ทําให้สังคมแบบ face to
face ต้องห่างหายไป แล้วยังพบอีกว่าผลสํารวจที่เป็นกรณีศึกษาเผยว่า 2 ใน 3 ของเยาวชนใน
ประเทศไทย มาเลเซีย บังคลาเทศ และปากีสถาน มองว่า “การกลั่นแกล้งทางโลกออนไลน์”
เป็นปัญหาร้ายแรงสําหรับเด็กและเยาวชนในปัจจุบันโดยสถานการณ์โควิด-19 ได้เพิ่มปริมาณ
ปัญหาไซเบอร์บูลลี่ นอกจากนี้ ยังพบอีกว่าเยาวชนมีประสบการณ์ไซเบอร์บูลลี่อย่างน้อยสัปดาห์
ละหนึ่งครั้ง โดยช่องทาง social media แอพส่งข้อความและเกมออนไลน์ เป็น 3 ช่องทางออนไลน์
หลกั ทเ่ี ยาวชนมีประสบการณก์ ารไซเบอร์บูลลีม่ ากที่สุด
ประสบการณ์ของวัยรุ่นที่ถูกกลั่นแกล้งทางอินเตอร์เน็ตที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ การเรียกชื่อท่ี
ไม่เหมาะสม 42% การแพร่กระจายของข่าวลือเท็จ 32% การรับภาพที่โจ่งแจ้งที่พวกเขาไม่ได้ขอ
25% การพยายามซักถามตลอดเวลาว่าพวกเขา เป็นใคร ทําอะไร และอยู่กับใครโดยคนอื่นที่ไม่ใช่
พ่อแม่ 21% ภัยคุกคามทางกายภาพ 16% การแชรร์ ปู ภาพที่โจง่ แจง้ โดยไม่ได้รับความยนิ ยอม 7%
ความเลวร้ายของไซเบอร์บูลลี่ คือ การทําให้เยาวชนมีการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น ศูนย์สถิติ
สุขภาพแห่งชาติ (NCHS) ซงึ่ เผยแพรใ่ นเดอื นเมษายนปี 2020 พบวา่ การฆา่ ตัวตายเป็นสาเหตุการ
เสียชีวิตอันดับสอง ของผู้อยู่อาศัยในสหรัฐอเมริกาที่มีอายุระหว่าง 10 ถึง 34 ปี แม้จะไม่ได้มีการ
ระบุโดยตรงว่าการฆ่าตัวตายที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากไซเบอร์บูลลี่ แต่ก็พบว่าอาจเป็นส่วนหนึ่งของ
สมการนี้ จากงานวิจัยชิ้นหนึ่งในปี 2018 ที่คนหนุ่มสาวอายุตํ่ากว่า 25 ปีที่ตกเป็นเหยื่อของการ
กล่นั แกลง้ ทางอินเตอรเ์ นต็ มี แนวโนม้ ที่จะฆา่ ตวั ตายหรือทํารา้ ยตวั เองเปน็ สองเทา่
ปัจจุบัน ประเด็นไซเบอร์บูลลี่ที่มีความสําคัญย่ิงขึ้นในเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะใน
สถานการณ์โควิด-19 ที่มีความชุกของสถานการณ์ที่เพิ่มขึ้น เด็กและเยาวชนแสดงความเห็นว่า
ควรมีการจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับทักษะการรับมือกับไซเบอร์บูลลี่บนโซเชียลมีเดียมากที่สุด
ตามด้วยการรักษาความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์และการรักษาและความสุขภาพจิต นอกจากน้ี
37
ผู้ตอบแบบสอบถามยังต้องการการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการรับมือไซเบอร์บูลลี่ผ่านทางแอพ
แชทตามด้วยการรบั มือไซเบอรบ์ ลู ล่ผี ่านเกมออนไลนท์ ี่
ขนั้ ตอน/กระบวนการดาํ เนินการ (ระยะเรม่ิ ตน้ ระยะดําเนินการ ระยะสนิ้ สุด)
ระยะเริ่มต้น/ระยะรวมกลุ่ม - สมาชิกพบประกันครั้งแรกสร้างสัมพันธภาพ โดยการทําการ
แนะนาํ ตัวและกจิ กรรมนันทนาการละลายพฤตกิ รรม
ระยะดําเนินการ/เป็นรูปเป็นร่าง - ปรึกษาข้อตกลงระหว่างกลุ่มแบบประชาธิปไตย อธิบาย
กระบวนการกลมุ่ รูปแบบกิจกรรม ขอบเขต ระยะเวลาในการดาํ เนินกิจกรรม
ดําเนนิ กจิ กรรม 3 เดือน โดยมาเข้ารวมกลุ่มทัง้ หมด 4 ครั้ง โดยแบ่งเปน็ ดังต่อไปน้ี
ในเดือนแรกสมาชิกมาพบประกันทั้งหมด 2 ครั้ง วันที่ 1 และวันที่ 16 โดยกิจกรรมที่จะเกิดข้ึน
หมายในเดอื นแรก ไดแ้ ก่
กจิ กรรมกลมุ่ ครั้งแรก วนั ท่ี 1
1. กิจกรรมเปรียบเทียบตนเองเป็นสี เพื่อรู้จักตัวตน และความรู้สึกของสมาชิกผ่านความหมาย
ของสที ส่ี มาชิกแตล่ ะคนไดเ้ ปรียบตนเองเป็นสีนน้ั ๆ
‘สี’ เป็นเครื่องมือง่าย ๆ ที่สามารถบอกถึงตัวตน นิสัยลึก ๆ ของคนเราได้ ซึ่งพัฒนามาก
จากนักจิตวิทยาชาวสวิตเซอร์แลนด์ Carl Jung ปัจจุบันนิยมใช้ร่วมกับทฤษฎี MBTI (Myers-
Briggs Type Indicator) เพื่อใช้ในการอธิบายและพัฒนาบุคลิกภาพของคน เนื่องจากการใช้ชีวิต
ทุกวันนี้เราถูกผูกติดกับค่านิยม มาตรฐานความสวยหล่อ (ที่ดีบ้างไม่ดีบ้างปะปนกันไป) จนทําให้
เราอาจจะลืมตัวตนจริง ๆ ข้างใน วิ่งตามมาตรฐานสังคมจนทําให้ไม่มีความสุข การดึงตัวเอง
กลับมาอยู่ในภาวะสมดุลได้ ก็อาจจะทําให้เรามีความสุขมากขึ้น โดยเจ้า ‘ความสมดุล’ นี่แหละที่
จะเป็นฐานสําคัญให้เกิดความมั่นใจในตัวเองและไม่เครียด เพราะถ้าเราถามตัวเองและตอบตัวเอง
ได้ว่า ‘เราเปน็ ใคร’ เมือ่ เราเจอคําตอบที่ใช่ เสียงโวยวายในใจมันย่อมเงยี บลง
สแี ดง - ส่วนใหญ่เป็นคนน่าสนใจ มนุษยสัมพันธ์เป็นเลิศ พูดเก่งบางครั้งก็เอาแต่ใจจนเกินไป แต่มี
นาํ้ ใจต่อผูค้ นเสมอมีความกล้าหาญและชอบเสี่ยง
สีนํ้าตาล- เป็นคนที่ไว้วางใจได้ ให้ความสําคัญกับลําดับข้ันตอนเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันก็
รอบคอบเรอื่ งเงินทอง รอบคอบมาก ๆไมย่ อมใหใ้ ครมาเอาเปรียบได้ง่าย ๆ
สีม่วง- มีนิสัยหยิ่งในศักดิ์ศรี มีนํ้าใจ ชอบความแตกต่าง รู้จักเก็บอาการทุกอย่างไว้ได้อย่างเนียน
ๆ ไมค่ อ่ ยแสดงใหเ้ หน็ อารมณล์ กึ ๆ ตัดสนิ คนง่ายตั้งแต่เเรกพบ
สสี ม้ - อุปนสิ ัยมองโลกในแง่ดี ชอบคบหาเพื่อนฝูงมักเคยชินกับคําประจบประแจงของคนอื่น แต่อยู่
เป็น ไม่ค่อยว่ารา้ ยใคร ชอบให้กําลงั ใจเพือ่ ผลประโยชนข์ องตวั เอง
38
สีเขียว - โดยมากเป็นคนสุภาพเรียบร้อย มีมารยาทและอารมณ์อ่อนไหว เข้าใจเรื่องทางใจและ
เก็บความลับเก่ง คนลักษณะนี้ไม่ค่อยให้ความสําคัญกับความสําเร็จทางวัตถุ จัดเป็นพวก
อปุ นสิ ัยประเภทนง่ิ เงยี บไม่คอ่ ยพดู
สีเหลือง - ไม่เปิดเผยความรู้สึกง่าย ๆ ชอบใช้ชีวิตตัวคนเดียวมากกว่า ต้องการความสมบูรณ์
แบบในทุกเรื่องและมักจะทุ่มเทกับปัญหาที่ไม่มีทางแก้ เปิดใจกับคนอื่นยากมาก ๆ และมักจะทํา
อะไรมกั ชา้
สีนํ้าเงิน - ค่อนข้างคบหาง่าย โดยทั่วไปแล้วมีความเที่ยงธรรม ซื่อสัตย์ ไว้ใจได้ ไม่ใช่คนตีสอง
หนา้ แต่ขาดความมานะบากบัน่ ไมค่ อ่ ยอดทนไมค่ ่อยเช่อื ใจใคร
สีดํา - อุปนิสัยชอบระมัดระวังตัว ชอบคิดในแง่ลบ มักคิดว่าตนเองมีโชคชะตาไม่ดี เป็นคน
ระมัดระวังละเอียดรอบคอบมากในการใช้เงิน การลงทุนมักหาเหตุผลมาอธิบายสิ่งต่าง ๆ ไม่ทํา
อะไรตามอารมณ์ท้ังนก้ี ็เพื่อ "ปอ้ งกนั ความเสยี่ ง"
สีเลือดหมู - ส่วนมากจะทุกข์ใจง่ายและอารมณ์อ่อนไหว แต่ก็สนิทสนมกับคนง่าย ตั้งแต่วัยเด็ก
มักจะถูกเลี้ยงดูมาอย่างเข้มงวด จึงมีนิสัยนุ่มนวล อ่อนโยน จะไม่ค่อยชอบปฏเิ สธคนอื่น ดังนั้นจึง
เป็นที่รักของทุกคน
สีชมพู - ส่วนใหญ่เป็นคนนิสัยงดงาม มีมารยาท จิตใจดี มองโลกในแง่ดี ไม่ตัดสินคนจาก
ภายนอก ชอบมองคนท่นี สิ ยั ใจคอและจิตใจทดี่ ีเช่นกนั
สีขาวและสีเงิน – โดยมากมองว่าตัวเองมีจิตใจงดงามและมีคุณธรรมสูงไม่ชอบเอาเปรียบใครและ
ไม่ชอบใหใ้ ครมาเอาเปรียบเป็นคนตรง ๆ ทัศนคตดิ ี เข้ากบั คนงา่ ย เปิดใจง่าย
สีเทา - ปกติเป็นคนไม่ค่อยจะเชื่อในตัวเอง ไม่ชอบเถียงกับใคร แก้ปัญหาชีวิตวันต่อวัน ไม่ค่อย
วางแผนระยะยาว เปน็ คนชา้ ๆ แตช่ วั ร์
เมื่อเรารู้ตัวตนของตัวเองว่าเราเป็นสีอะไร เราควรจะเติมสีอื่น ๆ เข้ามาให้ตัวเองบ้างจน
ครบทุกสี หากทําได้เราก็จะได้พัฒนาบุคลิกภาพไปอีกขั้นหนึ่ง ความได้เปรียบของคนที่มีทุกสีใน
ตัวเองก็คือ เราจะรู้จักใช้บุคลิกให้เหมาะสมกับสถานการณ์ กาลเทศะ และที่สําคัญเวลาเรามอง
คนอื่นหรือมองตัวเอง เราจะไม่ไปตัดสินสิ่งที่เขาเป็นว่ามันไม่ดีหรือไม่ถูก เพราะบางครั้งการที่เขา
อยู่ในสถานการณ์ไหนก็ตาม เขาอาจจะดึงบุคลิกออกมาไม่เหมือนกันเพราะสีที่เขาเป็น พอเรา
เข้าใจอย่างนี้แล้ว เราจะไม่ตัดสินใครเลย เพราะสีในตัวมันเพิ่มได้ ลดได้ไปตามประสบการณ์ชีวิต
ที่เราไดผ้ า่ นมา
กิจกรรมกลุ่มครงั้ ท่ีสอง วันท่ี 16
1. กิจกรรมให้ความรู้ทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับไซเบอร์บุลลี่ โดยเชิญวิทยากรนักกฎหมาย
ผู้เชีย่ วชาญด้านไซเบอร์บลุ ลี่มาใหค้ วามรู้ สถานการณ์ทเี่ กย่ี วข้องกบั ไวเบอร์บลู ลี่
2. กจิ กรรมวัดความรแู้ ละความเขา้ ใจท่ีได้รับจากวิทยากร
39
เดอื นท่ีสอง กิจกรรมกลุ่มครั้งท่ี 3
1. กิจกรรมเขียนระบายความรสู้ กึ โดยไมร่ ะบุตัวตนใส่กล่อง
2. กิจกรรมส่งต่อกําลังใจต่อเนื่องจากกิจกรรมที่ 1 โดยสมาชิกสุ่มหยิบกระดาษที่สมาชิกคนอื่นได้
เขยี นระบายความร้สู ึกของเขาไวม้ าอ่าน และพดู ให้กาํ ลงั ใจเจา้ ของกระดาษใบนนั้
ระยะส้นิ สดุ เดือนทส่ี าม กจิ กรรมกลุม่ ครงั้ ที่ 4 ครง้ั สดุ ทา้ ย
1. . กิจกรรมเปรียบเทียบตนเองเป็นสี เพื่อรู้จักตัวตน และความรู้สึกครั้งที่ 2 เพื่อดูว่าสีของ
ผู้ใช้บริการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร หลังจากได้มาเข้าร่วมกระบวนการกลุ่มพูดคุยและให้คําแนะนํา
หากสมาชิกยังไมไ่ ดร้ สู้ ึกดขี ึ้นนัก
2. กิจกรรมประเมินผลตอบรับ โดยการให้สมาชิกเขียนความรู้สึก ข้อควรแก้ไขหรือปรับปรุงของ
การจัดกิจกรรมครั้งนี้ลงในกล่อง เพื่อนักสังคมสงเคราะห์จะได้นํามาแก้ไขและปรับปรุงในการจัด
กิจกรรมครง้ั ถัดไป
นักสังคมสงเคราะห์พิจารณาว่าสมาชิกที่ได้เช้าร่วมกิจกรรมบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
หรือไม่ สรุปบทเรียนทไ่ี ด้จากการจัดกจิ กรรมกลุม่ ครงั้ น้ี
กิจกรรมทีเ่ ลือกใชใ้ นแตล่ ะขั้นตอน
กิจกรรมภายในกลมุ่ ถูกแบ่งเปน็ 6 กจิ กรรมหลัก ไดแ้ ก่
1. กิจกรรมเปรียบเทียบตนเองเป็นสี เพื่อรู้จักตัวตน ความรู้สึกของสมาชิกผ่านความหมายของสีที่
สมาชกิ แตล่ ะคนได้เปรียบตนเองเป็นสนี ้นั ๆ
2. กิจกรรมการให้ความรู้ทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับcyber bullyingโดยเชิญวิทยากรนักกฎหมาย
ผู้เช่ยี วชาญดา้ นcyber bullyingมาให้ความรู้
3. กจิ กรรมวัดความรู้และความเข้าใจทไี่ ด้รับจากวทิ ยากร
4. กิจกรรมเขยี นระบายความรูส้ ึกโดยไม่ระบุตวั ตนใส่กลอ่ ง
5. กิจกรรมส่งต่อกําลังใจต่อเนื่องจากกิจกรรมเขียนระบายโดยสมาชิกสุ่มหยิบกระดาษที่สมาชิก
คนอน่ื ไดเ้ ขยี นระบายความรสู้ กึ เอาไว้มาอา่ น และพูดให้กาํ ลังใจเจา้ ของกระดาษใบนนั้
6. กิจกรรมประเมินผลตอบรับ โดยการให้สมาชิกเขียนความรู้สึก ข้อควรแก้ไขหรือปรับปรุงของ
การจัดกิจกรรมครั้งนี้ลงในกล่อง เพื่อนักสังคมสงเคราะห์จะได้นํามาแก้ไขและปรับปรุงในการจัด
กิจกรรมครง้ั ถัดไป
การจัดกิจกรรมของกลุ่ม Tell Me How You Feel อ้างอิงจากวัตถุประสงค์ 3 ข้อของกลุ่ม
ไดแ้ ก่
1. ประเมนิ สภาพปญั หาของผู้ใช้บริการท่เี ขา้ ร่วมกลุ่ม
ประเมินขอบเขตความรุนแรงของปัญหาที่ผู้ใช้บริการพบเพื่อการแก้ปัญหาได้อย่างมี
ประสิทธิภาพสงู สดุ
40
2. การแกป้ ัญหาโดยเนน้ ความสําคญั ไปท่กี ารปรึกษาแบบกลมุ่
การแก้ปัญหาของกลุ่มจะเน้นไปท่ีการแลกเปลี่ยน พูดคุยเกี่ยวกับปัญหากับบุคคลที่เจอ
ปญั หาคล้ายคลึงกัน
3. การประเมินผล
การประเมินผลของกลุ่มจะวัดทั้งจากความเข้าใจเรื่องกฎหมายและการที่ผู้ใช้บริการ
สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้โดยลดความกังวลหรือพร้อมที่จะรับมือกับปัญหาเรื่อง cyber bullyingได้
ด้วยตนเอง
• กิจกรรมกลุ่มครัง้ ที่ 1
กิจกรรมเปรียบเทียบตนเองเป็นสี เพื่อรู้จักตัวตน ความรู้สึกของสมาชิกผ่านความหมายของสี
ที่สมาชิกแต่ละคนได้เปรียบตนเองเป็นสีนั้นๆ กิจกรรมนี้จะเป็นกิจกรรมละลายพฤติกรรม จึงถูก
เลือกมาเป็นกิจกรรมแรกของการทํากลุ่ม เพราะเป็นกิจกรรมที่ไม่หนักมากจนเกินไป เป็นกิจกรรม
กึ่งนันทนาการทเี่ พิม่ ความผ่อนคลายใหก้ บั ผู้ใช้บรกิ ารและบรรยากาศภายในกลุ่ม
• กิจกรรมกลุ่มครั้งท่ี 2
กิจกรรมการให้ความรู้ทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับcyber bullying โดยเชิญวิทยากรนัก
กฎหมายหรือผู้เชี่ยวชาญด้านcyber bullyingมาให้ความรู้แก่ผู้ใช้บริการ โดยกิจกรรมให้ความรู้นี้
จะทําให้ผู้ใช้บริการเข้าใจถึงกฎหมายที่ผู้ใช้บริการควรรู้เกี่ยวกับการใช้สื่ออินเตอร์เน็ตเพื่อเป็นการ
สร้างขอบเขตความเข้าใจให้แก่ผู้ใช้บริการว่าหากผู้ใช้บริการรู้สึกว่าการพูดคุยหรือการปรึกษาไม่
เพียงพอผู้ใช้บริการสามารถแก้ไขปัญหาด้วยการใช้กฎหมายในการยุติปัญหาได้ การให้ความรู้
เกี่ยวกับกฎหมาย cyber bullyingแก่ผู้ใช้บริการอาจอธิบายว่าการถูก cyber bullying แบบใดอยู่
ภายในขอบเขตที่สามารถใช้กฎหมายยุติปัญหาได้รวมไปถึงการบอกให้ผู้ใช้บริการเข้าใจถึง
ความหมายของกฎหมายเพื่อประโยชน์แก่ตัวผู้ใช้บริการเอง ตัวอย่างการให้ความรู้เบื้องต้น
เกยี่ วกบั กฎหมายเร่อื ง cyber bullying ดังนี้
- หลักการคุ้มครองสทิ ธแิ ละเสรีภาพของบุคคลตามรฐั ธรรมนูญ
- พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ในกรณีที่เป็น
Cyberbullying
- ความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 397 มาตรา 326 มาตรา 288 เปน็ ต้น
เพ่อื ทว่ี า่ หากเกิดการคมุ คามกลน่ั แกลง้ ตา่ งๆ สามารถเขา้ แจง้ ความเพอ่ื ดําเนินคดไี ด้
จากกิจกรรมการให้ความรู้ กิจกรรมครั้งนี้จะมีให้ทําแบบประเมินควบคู่ไปด้วยเพื่อวัดความ
เข้าใจทั้งก่อนและหลังการให้ความรู้ เป็นการประเมินเรื่องความเข้าใจด้านกฎหมายเกี่ยวกับการ
ถูก cyber bullying
• กจิ กรรมกล่มุ คร้งั ที่ 3
กจิ กรรมเขยี นระบายความรสู้ ึกโดยไมร่ ะบตุ ัวตนใสก่ ล่อง
41
เป็นกิจกรรมสําคัญอีกหนึ่งกิจกรรม โดยกิจกรรมจะเป็นการเขียนระบายถึงเหตุการณ์ที่
ผู้ใช้บริการแต่ละคนได้พบเจอมาก่อน เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่อาจส่งผลให้ผู้ใช้บริการอาจมี
ความรู้สึกกังวลที่ต้องพูดถึงเหตุการณ์ที่เลวร้ายสําหรับตัวผู้ใช้บริการรวมไปถึงอาจมีผู้ใช้บริการ
บางท่านไม่สะดวกใจที่จะพูดหรือเขินอายที่จะพูดผู้ออกแบบกิจกรรมจึงออกแบบให้เป็นการเขียน
เพื่อลดความกังวลใจให้ตัวผู้ใช้บริการในด้านต่างๆออกไป การเขียนระบายความรู้สึกนี้จะเป็นการ
เริ่มกระบวนการแลกเปลี่ยนปัญหาของผู้ใช้บริการเพื่อนําไปสู่การปรึกษาแลกเปลี่ยนในกิจกรรม
ครง้ั ถดั ไป
กิจกรรมส่งต่อกําลังใจต่อเนื่องจากกิจกรรมเขียนระบายโดยสมาชิกสุ่มหยิบกระดาษท่ี
สมาชิกคนอื่นไดเ้ ขียนระบายความรู้สึกเอาไวม้ าอา่ น และพดู ให้กาํ ลังใจเจา้ ของกระดาษใบน้นั
กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่ผู้ออกแบบกลุ่มคิดว่าเป็นกิจกรรมที่จะทําให้ผู้ใช้บริการที่เข้าร่วมกลุ่ม
ได้รับการเสริมพลังกลับไป เพราะจุดประสงค์หลักของการให้ผู้ใช้บริการภายในกลุ่มให้กําลังใจกัน
และกันเพื่อต้องการเสริมพลังอํานาจ(Empower) ผู้ออกแบบกลุ่มจึงคิดว่าการนําคนที่มีปัญหาท่ี
คล้ายคลึงกัน ช่วงอายุใกล้กัน มาเสริมพลังอํานาจหรือให้คําปรึกษาซึ่งกันและกันจะเห็นผลได้
ดีกว่าทั้งเรื่องของการเปิดใจรับฟังรวมไปถึงการเสริมพลังอํานาจที่มาในรูปแบบเดียวกับคําพูดที่ว่า
“You never walk alone”ที่เป็นการสื่อการเสริมพลังอํานาจที่ผู้ออกแบบกลุ่มต้องการให้เกิด
ภายในกลุ่มบําบัดฟื้นฟูนี้ เพราะอยากให้ผู้ใช้บริการทุกคนที่เข้าร่วมกลุ่มได้รู้ว่าการถูก cyber
bullying ไม่ใช่ความผิดของผู้ใช้บริการเพราะเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนและปัญหานี้มี
ทางแกไ้ ข
• กิจกรรมกลมุ่ คร้งั ท่ี 4
กิจกรรมเปรียบเทียบตนเองเป็นสี เป็นกิจกรรมเดียวกับกิจกรรมละลายพฤติกรรมในกิจกรรม
กลุ่มครั้งแรก แต่กิจกรรมเปรียบเทียบตนเองเป็นสีในครั้งนี้ วัตถุประสงค์คือการดูความ
เปลี่ยนแปลงของสีของตัวผู้ใช้บริการว่าสีที่ผู้ใช้บริการเลือกมีการเปลี่ยนไปจากกิจกรรมครั้งแรก
หรือไม่ เป็นการวัดทั้งด้านอารมณ์ความรู้สึกรวมไปถึงการวัดว่ากิจกรรมการแลกเปลี่ยน การให้
กาํ ลังใจมผี ลต่อสภาพจิตใจผใู้ ช้บรกิ ารมากน้อยเพียงใด
กิจกรรมประเมินผล โดยการให้สมาชิกเขียนความรู้สึก ข้อควรแก้ไขหรือปรับปรุงของการจัด
กิจกรรมลงในกล่อง เพื่อนักสังคมสงเคราะห์จะได้นํามาแก้ไขและปรับปรุงในการจัดกิจกรรมคร้ัง
ถัดไปเป็นกิจกรรมสุดท้ายของกลุ่ม กิจกรรมนี้จะวัดความพึงพอใจของผู้ใช้บริการว่าการออกแบบ
กิจกรรมมีประโยชน์ต่อตัวผู้ใช้บริการมากน้อยแค่ไหน สามารถช่วยแก้ปัญหาของผู้ใช้บริการ
ได้มากน้อยแค่ไหน รวมไปถึงเป็นการสะท้อนการทํางานของผู้ออกแบบกลุ่มด้วยว่าออกแบบกลุ่ม
มาได้มีข้อบกพร่องและข้อดีตรงไหนที่สามารถนําไปสานต่อหรือปรับปรุงแก้ไขเพื่อนําไปใช้ใน
โอกาสหนา้
42
การคัดเลอื กสมาชกิ
จาํ นวนสมาชกิ ในกลมุ่ : ไมเ่ กิน 7 คน
- คุณสมบัติ: อายุ 16 – 22 ปี เป็นช่วงวัยที่ไม่ต่างกันมากทางสังคมเพราะเป็นช่วงมัธยม
ปลายไปจนถงึ มหาวทิ ยาลยั จะพบกบั สภาพแวดล้อมทคี่ ลา้ ยคลึงกัน
- วิธีการคัดเลือก: เป็นบุคคลที่พบปัญหาหรือถูกผลกระทบเกี่ยวกับการถูก cyber bullying
ความหมายของ cyber bullying คือ การข่มขู่คุกคาม หรือให้ร้ายเหยื่อ บางครั้งนําไปสู่
การทําร้ายร่างกายการเปิดโปงข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อ โดยการนําไปเผยแพร่หรือส่งต่อให้
ผู้อื่นรับรู้ เช่น ภาพหลุด ภาพตลกๆ เพื่อประจาน ทําให้อับอายการคุกคามทางเพศ โดยใช้
ถ้อยคําที่ส่อไปในทางเพศ ส่งภาพหรือวิดีโอมาให้แล้วชวนทํากิจกรรมทางเพศ การตัดต่อ
ภาพโป๊เปลือย การลวงให้ส่งรูปไม่เหมาะสมแล้วนําไปเผยแพร่ประจานหรือแบล็กเมลการ
แอบอ้างตัวตน โดยการแอบเข้าบัญชีออนไลน์ของเหยื่อ หรือสร้างบัญชีใหม่โดยใช้ชื่อและ
หรือรูปภาพของบุคคลอื่นเพื่อนําบัญชีไปใช้ในทางไม่เหมาะสมรวมไปถึงการสร้างกลุ่มเพื่อ
โจมตี เช่นเพื่อประจาน พูดคุยตําหนิ ด่าทอ ทําให้ผู้อื่นเกิดความรู้สึกเกลียดชังต่อตัวบุคคล
โดยบุคคลที่พบปัญหาที่อยู่ในขอบเขตตามข้างต้นที่กล่าวไปนับว่าเป็นบุคคลที่สามารถเข้า
รว่ มกลุ่มได้
ระยะเวลาการเปลี่ยนแปลง
ระยะสน้ั 3 เดือน
เดือนแรก 2 ครั้ง [ทุกวันหวยออก] คือวันที่ 1และ16 ของเดือน เดือนที่2 และ 3 เดือนละ
ครั้ง [ทุกวันที่ 1] เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความคล้ายคลึงกันของคนในกลุ่ม ด้วยอายุที่ไม่ค่อยห่างกัน
มาก 16-22 ปี ปัญหาที่เจอมาคล้ายกัน จํานวนผู้เข้าร่วมไม่มากและไม่น้อยเกินไป กําหนดไว้ไม่
เกิน 7 คน ผู้จัดทํากลุ่มจึงคาดหวังความเปลี่ยนแปลงของกลุ่มในระดับบุคคลและระดับกลุ่ม ด้วย
กิจกรรมที่เตรียมไว้ก็คาดไว้ว่าจะเข้าถึงคนในกลุ่มทุกคน การเปลี่ยนแปลงที่คาดหวังจะเห็นเห็น
มากที่สุดคือ การที่ผู้ใช้บริการกลุ่มปลดล็อคสิ่งที่ถูกกดทับไว้ในใจ บาดแผลที่ถูกกระทําตื้นเขินข้ึน
อาจจะยังไม่หายสนิทมีรอยแผลเป็นทิ้งไว้ แต่เมื่อจับก็ไม่รู้สึกเจ็บแล้วกลับกันเมื่อได้เห็นแผลนี้ก็จะ
เตือนผู้ใช้บริการได้ว่า แผลนี้เกิดจากอะไรแล้วเราผ่านความเจ็บปวดมาได้ยังไง อีกทั้งยังหวังใน
เรอื่ งของความรูค้ วามเขา้ ใจเกีย่ วกับไซเบอรบ์ ูลล่ี รวมไปถึงขอ้ กฎหมายที่เกยี่ วขอ้ งอกี ด้วย
ระยะยาว 6-12 เดอื น หรือจนกว่าจะแก้ไขปัญหาได้
เนื่องจากกลุ่มที่ผู้จัดทําได้สร้างขึ้น เป็นรูปแบบกลุ่มที่เน้นการแก้ไขปัญหา โดยเป็นการ
ช่วยแก้ปัญหาต่างๆของสมาชิกกลุ่มและปัญหาร่วมของกลุ่มโดยการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะ
ศักยภาพและการตัดสินใจของกลุ่ม มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะให้ปัญหาของกลุ่มบรรเทาเบาบางลง
กลุ่มมีศักยภาพเพิ่มขึ้นและสรุปบทเรียนที่ต่างได้รับจากการร่วมแก้ไขปัญหากลุ่ม แน่นอนว่า
43
ปัญหาไซเบอร์บูลลี่ ผู้ที่ถูกกลั่นแกล้งรู้สึกถูกคุกคามลามไปถึงส่งผลให้สุขภาพจิตเสีย โดยคนที่ถูก
กลั่นแกล้งนั้นจะเกิดการสั่งสมความกลัว ส่งผลให้เกิดความไม่มั่นใจในตนเองและอาจเกิดปัญหา
ในการใช้ชีวิตประจําวันหรือการเข้าสังคมตามมา แน่นอนอยู่แล้วว่าผู้ที่ถูกกลั่นแกล้งนั้นจะมีผลต่อ
สุขภาพจิตใจจนอาจนําไปสู่ภาวะซึมเศร้าสูญเสียความมั่นใจ ชีวิตไม่มีความสุขและอาจนําพาไป
ถึงการฆ่าตัวตาย หากเป็นการทํากลุ่มระยะยาวอาจจะทํา งานร่วมกับทีมสหวิชาชีพ เช่น
นักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ เนื่องจากเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตใจและอารมณ์ ให้เข้ามาเป็นที่ปรึกษา
ในการทํากลุ่มและการวางแผนการทํากลุ่มอย่างเป็นระเบียบและละเอียด เพื่อประโยชน์สูงสุดของ
ผู้ใช้บรกิ าร
ระบทุ ี่มบี ทบาทเกี่ยวขอ้ งในกระบวนการกลุ่ม
ในการทํางานกลุ่มนอกจากมีนักสังคมสงเคราะห์แล้ว ยังมีทีมสหวิชาชีพต่างๆ ร่วมด้วย
เพื่อให้ภายในกลุ่มดําเนินงานได้รับความรู้และประสบการณ์ที่ครบถ้วนในการนําไปใช้แก้ปัญหาใน
ทกุ ๆ ดา้ น ไดแ้ ก่
ระยะเริ่มต้น : นักสังคมสงเคราะห์ ที่ทําหน้าที่ในการจัดตั้งกลุ่ม กําหนดวัตถุประสงค์ ดําเนินกลุ่ม
ในการจดั หากิจกรรมทําร่วมกนั และเช่อื มความสัมพนั ธร์ ะหว่างคนในกล่มุ
ระยะดําเนินการ : นักสังคมสงเคราะห์ร่วมกับสมาชิกในกลุ่มในการทํากิจกรรม นักสังคม
สงเคราะห์มีหน้าที่ดําเนินกิจกรรมกลุ่มและส่งต่อให้ผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์บูลลี่ เพื่อในความรู้
และความเข้าใจในเรื่องของการถูกบูลลี่ และนักกฎหมาย เพื่อให้นักกฎหมายได้ชี้แจ้งว่ามีกรณี
ใดบ้างทีส่ ามารถแจ้งความได้
ระยะส้นิ สุด : นักสงั คมสงเคราะห์ มีหน้าทใ่ี นการตดิ ตามและประเมินผลในการจัดกจิ กรรม เพือ่ นํา
ข้อติชมต่างๆ มาปรับปรุง รวมถึงข้อแนะนําของสมาชิกมาปรับใช้ในการทํากิจกรรมครั้งต่อไป และ
นักสังคมสงเคราะห์จะต้องพิจารณาว่าสมาชิกที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
หรือไม่ สรุปบทเรยี นท่ไี ด้จากการจดั กิจกรรมกล่มุ ในครงั้ น้ี
วิธีการวัด ประเมนิ ผลการดําเนินงาน
ระยะเรม่ิ ต้น-เดอื นแรก กิจกรรมละลายพฤติกรรมและกิจกรรมใหค้ วามรู้เก่ยี วกับกฎหมาย
- มีการใช้แบบประเมินผลจากแบบทดสอบ pre-test/post-test ให้กับสมาชิกเพื่อดูความ
เปลยี่ นแปลงในเรอ่ื งของทศั นคติ ความรแู้ ละสภาพจิตใจทัง้ ก่อนและหลงั ร่วมกจิ กรรม
ระยะดําเนินการ-เดอื นที่สอง
- การออกความคดิ เหน็ ของสมาชกิ ในเร่ืองตา่ งๆ
- ดวู ่าสมาชิกใหค้ วามรว่ มมือดแี ค่ไหนเวลาที่ทางทางกลุ่มได้จดั กจิ กรรมให้ทํารว่ มกนั
- ความถขี่ องสมาชิกในการมาร่วมกจิ กรรม
44
วิธีการประเมินเหล่านี้เป็นตัวบ่งบอกได้ว่ากลุ่มจะประสบความสําเร็จได้มากน้อยแค่ไหน กิจกรรม
ท่เี ลอื กมาใช้กับสมาชิกไดผ้ ลตรงตามเปา้ หมายของสมาชกิ หรอื เปล่า
ระยะสน้ิ สุด-เดือนทสี่ าม
- เปรียบเทียบความเปลี่ยนแปลงจากกิจกรรมเปรียบตนเองเป็นสีในระยะแรกและระยะ
สุดท้าย ว่ามีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แล้วให้สมาชิกอธิบายว่าทําไมถึงเลือกให้ตัวเอง
สีน้ี
- พูดแลกเปลยี่ นตา่ งๆว่าต้ังแต่เข้ากลุ่มมาได้รบั อะไรจากการเขา้ รว่ มกลมุ่ บา้ ง โดยให้สมาชกิ
ในกลุ่มได้พูดแลกเปลี่ยนกันว่าตลอด3เดือนที่ผ่านมาได้รับอะไรจากกลุ่มนี้บ้าง เป็นอะไรก็
ได้ เช่นได้ความรู้ ได้เพื่อน ได้ประสบการณ์ หรือแม้แต่ได้ความมั่นใจในตัวเองเพิ่มมากขึ้น
เป็นตน้
- อยากให้กลุ่มปรับปรุงและพัฒนาตรงไหนบ้างข้อบกพร่องต่างๆ เช่น เรื่องการจัดกิจกรรม
วันเวลาที่จัด เป็นต้นโดยให้สมาชิกเขียนชื่นชมกลุ่ม หรือเขียนติชมอะไรก็ได้เพื่อเป็นข้อมูล
ให้พัฒนากลุ่มต่อไปโดยไม่ระบุว่าสมาชิกคนไหนเป็นคนเขียนเพื่อเป็นความลับให้สมาชิก
ได้เขียนความเป็นจริงที่ตนเองคิดลงไปโดยไม่อึดอัดใจ แล้วใส่ลงในกล่องและผู้จัดกลุ่มก็
จะนํามาอ่านและปรับปรงุ ต่อไป
ข้อเสนอแนะสําหรับนักสังคมสงเคราะห์และผู้เกี่ยวข้องอื่นๆในการดําเนินการในงานกลุ่ม
รูปแบบดังกล่าว
ในการปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์กับบุคคลจะมีค่านิยมกําหนดให้นักสังคมสงเคราะห์ต้อง
ประพฤติปฏิบัติและนักสังคมสงเคราะห์เองก็จําเป็นต้องใช้วิจารณญาณที่แฝงไว้ด้วยค่านิยมอย่าง
ใดอย่างหน่ึงไม่ว่าจะเป็นการไม่เลือกปฏิบัติต่อบุคคลใดก็ตามอันเนื่องมาจากเชื้อชาติความเชื่อ
ประเทศที่กําเนิด เพศ อายุ หรือชนชั้นทางสังคมของบุคคลนั้นหรือจะเป็นการให้ประสบการณ์ใน
ทางบวกแก่สมาชิกกลุ่ม เพื่อให้ร่วมมือช่วยเหลือกันและกัน และการให้เสรีภาพแก่บุคคลที่จะมี
ส่วนร่วมในการตัดสินใจและแสดงความคิดเห็นในกจิ กรรมที่เกี่ยวข้องกับตนเองและการช่วยเหลือ
สมาชิกที่มีความสามารถแตกต่างกันให้มีสิทธิมีส่วนที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดข้ึน
ภายในกลุ่มตามขั้นตอนต่างๆของพัฒนาการกลุ่ม และนักสังคมสงเคราะห์ต้องเข้าใจว่าสมาชิก
กลุ่มแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกันและข้อเสนอแนะสําหรับผู้เกี่ยวข้องอื่นๆในการดําเนินการใน
งานกลุ่มรูปแบบดังกลา่ วมีดงั น้ี
- ต้องสอบทวนอคตสิ ่วนตวั ก่อนเข้ามาดาํ เนนิ การในงานกลุม่
- เคารพความเป็นปจั เจกบคุ คล
- ระมดั ระวังในการใช้คาํ พดู