45
- มีความพร้อมในการปฏิบัติงาน เช่นการทํากิจกรรม การให้ความสนใจผู้ใช้บริการ ดูแล
บรรยากาศภายในกล่มุ
- มีกล่องแสดงความคิดเห็นสําหรับ feedback การทํางานของเจ้าหน้าที่ ข้อเสนอแนะ
สาํ หรับปรบั ปรุงแก้ไข ในการจัดกจิ กรรมคร้งั ถัดไป
บทเรยี นรูข้ องสมาชกิ
(นักศึกษาในฐานะผ้อู อกแบบ) อาทิ ปัญหาอปุ สรรค การรเิ ร่มิ และข้อค้นพบอืน่ ๆ ทอ่ี ยากบอกเล่า
บทเรียนรู้ในการดําเนินการในงานกลุ่มดังกล่าวค้นพบว่าบุคลิกภาพของแต่ละบุคคลมี
ความแตกต่างกันไม่มีใครสักคนบนโลกนี้ที่เหมือนกัน แต่ละคนย่อมมีความแตกต่าง และความ
แตกต่างนี้เองมักนํามาซึ่งปัญหาในการทํางานร่วมกัน ซึ่งปัญหาอุปสรรคที่พบระหว่างการดําเนิน
ในงานกลุ่ม คือสมาชิกไม่กล้าแลกเปลี่ยน เนื่องจากรู้สึกไม่ไว้วางใจ ไม่สนิทใจในการแลกเปลี่ยน
รวมไปถึงสมาชิกไม่ให้ความร่วมมือในการทํากิจกรรมขาดความรู้สึกมีส่วนร่วม ซึ่งเป็นปัจจัยที่
สําคัญมากที่จะทําให้การดําเนินการในงานกลุ่มประสบความสําเร็จก็คือต้องรู้สึกถึงความมีส่วน
ร่วมของสมาชิกในกลุ่มและผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ และปัญหาอุปสรรคที่พบระหว่างการดําเนินการในงาน
กลุ่มคือ สมาชิกไม่เข้าร่วมมาทํากิจกรรม เนื่องจากติดธุระ หรืองานอื่นๆ เนื่องจากขอบเขต
ระยะเวลาในการดําเนินกิจกรรมจะดําเนินกิจกรรม 3 เดือน ระยะเวลาดังกล่าวทําให้สมาชิกบาง
คนไม่สะดวกเขา้ ร่วมทาํ กิจกรรม เพราะตดิ ธุระในตอนที่กําลงั ดาํ เนินกจิ กรรม
ข้อเสนอแนะอื่นๆที่ควรมีการดําเนินการหากต้องทํางานเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงโดยใช้งาน
“กลุ่ม”เปน็ เครื่องมือในการทาํ งาน
ข้อเสนอแนะที่ควรมีการดําเนินการในการทําเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงคือการนํา
feedback มาปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาในการดําเนินกิจกรรมครั้งถัดไป ในยุคที่ทุกข้อมูลมี
ความสําคัญต่อการวิเคราะห์และพัฒนาไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตามนั้น การเสนอแนะ (Feedback) ถือ
ว่าเป็นสิ่งสําคัญอย่างยิ่ง ตลอดจนยุคนี้เป็นยุคที่มีเสรีภาพสูง ทุกคนมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็น
และมีการเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างกันมากขึ้น การตอบกลับจึงเป็นเสมือนเสียงสะท้อน
สําคัญที่จะทําให้เกิดการสื่อสารสองทาง ได้รับรู้ข้อมูลหลากหลายมิติ และสามารถนําไปใช้
ประโยชน์ในการปรับปรงุ แก้ไขข้อผดิ พลาดให้ดขี นึ้ หรอื พัฒนาจุดแข็งให้ดีย่งิ ขึ้นไปอกี
46
เอกสารอ้างอิง
จริ าลกั ษณ์ จงสถติ มัน่ . (2565)._การสังคมสงเคราะห์กลมุ่ ชน. เอกสารคาํ สอนวิชาสงั คมวิทยา
และ
มานุษยวิทยา. คณะสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่
Plook Magazine. (2565). รจู้ ักตัวเองมากขึ้นด้วยการพัฒนาบคุ ลกิ ผ่าน 'ส'ี ตัวเราคือสีอะไร ?.
สบื คน้ เมื่อ 26
เมษายน 2565. จาก https://www.trueplookpanya.com/blog/content
โตะ๊ ข่าวไอที ดิจิทลั . (2565). ’ไซเบอรบ์ ลู ล’่ี ปัญหาร้ายแรง เยาวชนไทย. สบื ค้นเมอื่ 26 เมษายน
2565.
จาก https://www.bangkokbiznews.com/tech/967210 .
ไทยรฐั ออนไลน.์ (2565). “ไซเบอร์ บลู ล”่ี พุ่งท่วั โลก ความช่ัวร้ายในโลกออนไลน.์ สืบค้นเมอ่ื 26
เมษายน
2565. จาก https://www.thairath.co.th/lifestyle/woman/health/2075810 .
ETDA Thailand (2565). Cyberbullying : ระรานออนไลน์ ร้ายล้านวิว. สบื ค้นเมอ่ื 26 เมษายน
2565.
จาก https://www.etda.or.th/th/Knowledge-Sharing/Cyberbullying-in-IFBL.aspx
ประชาชาติธุรกิจ. (2565). ร้ทู ัน Cyberbullying เส่ียงติดคกุ -ชดใช้คา่ เสียหาย. สบื คน้ เมือ่ 26
เมษายน 2565.
จาก https://www.prachachat.net/ict/news-467664
47
48
49
50
51
52
53
รปู แบบปฏบิ ตั กิ ารทางสังคม หรอื จุดประสงคท์ างสังคม
โดย กลุ่มไดห้ มดเลย
สภุ าวดี วิมาละ 6305681089
ตรรี ัตน์ วรรณวงษ์ 6305681287
นิฮคั ซัล หลงั ยาหน่าย 6305680065
พรทพิ ย์ รตั นะ 6305681006
ทรรศิกา กระตา่ ยทอง 6305680420
สริ ธี ร หมวดยอด 6305680727
ธติ ิพทั ธ์ เลศิ ชัย 6305681527
54
คํานํา
รายงานเล่มนี้จัดทําขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา สค.223 หลักและวิธีการสังคม
สงเคราะห์ 2 มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาการเริ่มต้นออกแบบกลุ่มในฐานะเครื่องมือปฏิบัติการเพื่อ
สร้างการเปลี่ยนแปลง และวางแผนออกแบบกลุ่มรูปแบบจุดประสงค์ทางสังคม (Social Goals
Models) หรือปฏิบัติการทางสังคม กลุ่ม MeToo Small Group สําหรับกลุ่มเป้าหมายในงาน
สังคมสงเคราะห์ กลุ่มท่ีถูกคุกคามและถูกล่วงละเมิด ทางเพศ มีเนื้อหาเกี่ยวกับการออกแบบกลุ่ม
แนวคิดหลักในการก่อเกิดกลุ่ม กระบวนการดําเนินการกลุ่ม กิจกรรมกลุ่ม การคัดเลือกสมาชิก
กลุ่มและช่วงเวลาในการดําเนินการกล่มุ รวมไปถึงผมู้ ีบทบาทเกยี่ วขอ้ งในกระบวนการกลมุ่ วธิ ีการ
วัด ประเมินผลการดําเนินการ ข้อเสนอแนะสําหรับนักสังคมสงเคราะห์ และผู้เกี่ยวข้องอื่น ๆ หาก
ต้องดําเนินการในงานกลุ่มและข้อเสนอแนะอื่น ๆ ที่ควรมีการดําเนินการหากต้องการทํางานเพ่ือ
สร้างการเปลี่ยนแปลงโดยใช้งาน “กล่มุ ” เป็นเครือ่ งมือในการทํางาน
คณะผู้จัดทําได้เลือกหัวข้อนี้ในการทํารายงาน เนื่องมาจากเป็นเรื่องที่น่าสนใจและ
ต้องการศึกษาเพิ่มเติมให้เกิดความเข้าใจและสามารถนําการออกแบบกลุ่มนี้ไปใช้ในเกิดประโยชน์
กับกลุ่มเป้าหมายในอนาคต ทั้งน้ี ต้องขอขอบคุณผศ.ดร.ปิ่นหทัย หนูนวล ผู้ให้ความรู้และ
แนวทางการศึกษา เพื่อน ๆ ทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด คณะผู้จัดทําหวังเป็นอย่างย่ิง
ว่ารายงานฉบับนี้จะให้ความรู้ และเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านทุก ๆ ท่าน หากมีข้อพลาดพลาด
ประการใด คณะผูจ้ ัดทําต้องขออภยั มา ณ ทน่ี ี่
คณะผูจ้ ัดทํา
30 เมษายน 2565
55
1. ช่ือกล่มุ ทรี่ ะบุ
ช่อื กลุม่ : MeToo Small Group
รูปแบบกลุ่มปฏิบัติการ : รูปแบบจุดประสงค์ทางสังคม (Social Goals Models) หรือ
ปฏิบตั ิการทางสงั คม
3. ชื่อกลมุ่ MeToo Small Group
วตั ถุประสงคจ์ ดั ต้ัง
1. เพื่อให้สมาชิกกลุ่มได้มีพื้นที่แลกเปลี่ยนประสบการณ์การถูกคุกคามและถูกล่วง
ละเมดิ ทางเพศ แลกเปลีย่ นความรู้ด้านการเยียวยาจติ ใจ
2. เพื่อช่วยบรรเทาความรู้สึกโทษตัวเองของการตกเป็นเหยื่อ รวมถึงทั้งช่วยให้สมาชิก
กลุ่มไม่ได้รู้สึกโดยเดี่ยวกับการที่ต้องเผชิญปัญหาการคุกคามและการถูกล่วง
ละเมดิ ทางเพศ
3. เพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจและร่างกายเหยื่อให้กลับคืนสู่สภาพปกติ สามารถทําหน้าที่
ของตนเองไดแ้ ละสมารถอยู่ในสงั คมไดอ้ ย่างปกติสุข
แนวคิดหลักในการกอ่ เกิดกลุ่ม
กลุ่มจะเป็นลักษณะกลุ่มระบบปิด เปิดรับความคิดเห็น ความรู้สึก ข้อมูล และทรัพยากร
ทั้งยังมีการทํากิจกรรมร่วมกัน การดํารงอยู่ระหว่างสมาชิกในกลุ่ม โดยกิจกรรมจะเน้น สมาชิกใน
กลุ่มเป็นเครื่องมือในการพัฒนาและเปลี่ยนทักษะต่าง ๆ โดยเน้นการมีส่วนร่วมในกลุ่ม ให้ความ
ช่วยเหลือสมาชิกในกลุ่ม โดยมีกระบวนการคิด การตัดสินใจ การแก้ไขปัญหา การวางแผนการทํา
กจิ กรรมรว่ มกนั ภายในกลุ่ม และร่วมกันประเมนิ ผล
4. กระบวนการดําเนินการกล่มุ
ระยะเร่มิ ตน้
ในระยะเริ่มต้นจะทําการจัดสมาชิกกลุ่มและกําหนดกลุ่มเป้าหมายให้มีความชัดเจนก่อน
เป็นอันดับแรก ทั้งในเรื่องของ เพศ อายุ ปัญหาความต้องการหรือประสบการณ์รว่ มของสมาชิก
กลุ่ม เหตุที่ต้องทําการกําหนดกลุ่มเป้าหมายและจัดสมาชิกกลุ่มให้มีความชัดเจนเช่นนี้ เพื่อที่จะ
ทําให้นักสังคมสงเคราะห์สมารถดําเนินการจัดตั้งกลุ่มและวางแผนการดําเนินกิจกรรมกลุ่มในข้ัน
ถัดไปให้มีความเหมาะสมต่อกลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุดเมื่อได้ทําการจัดสมาชิกกลุ่มกําหนด
กลุ่มเป้าหมายและวางแผนการทํากิจกรรมเรียบร้อยแล้ว ลําดับถัดมาจะทําการแนะนําตนเอง
สถานที่การดําเนินทํากิจกรรม ชี้แจงรายละเอียดกิจกรรมเบื้องต้น หรืออาจทํากิจกรรมพูดคุยเพื่อ
เปน็ การละลายพฤตกิ รรมของสมาชกิ กลุ่มใหม้ ีความผ่อนคลายและไมต่ ึงเครยี ดจนเกินไป
ขั้นถัดมานักสังคมสงเคราะห์ดําเนินการช่วยให้สมาชิกกลุ่มได้ทําการกําหนดวัตถุประสงค์
กลุ่มและกําหนดข้อตกลงกลุ่มร่วมกัน เพ่ือให้สมาชิกกลุ่มได้ทราบถึงวัตถุประสงค์กลุ่มและ
ขอ้ ตกลงกลมุ่ ไปในทศิ ทางเดียวกนั
56
ระยะดาํ เนนิ การ
ระยะดําเนินงานกลุ่มได้มีการกําหนด การดําเนินงานกลุ่มไว้ทั้งหมด 2 ครั้ง ใช้ระยะเวลา
การดาํ เนนิ การกล่มุ 2 สัปดาห์ โดยทํากจิ กรรม 1 ครง้ั ตอ่ สปั ดาห์
คร้งั ที่ 1
กิจกรรมสร้างสัมพันธภาพกลุ่มระหว่างนักสังคมสงเคราะห์และสมาชิกกลุ่ม เป็นการสร้าง
ปฏิสัมพันธ์กลุ่มและสร้างสัมพันธภาพร่วมกันระหว่างนักสังคมสงเคราะห์และสมาชิกภายในกลุ่ม
โดยใช้กิจกรรม “พูดคุยวงกลม” นั่นคือ การให้นักสังคมสงเคราะห์และสมาชิกกลุ่มนั่งล้อมลงและ
ให้สมาชิกแต่ละท่านแนะนําตัวเองให้สมาชิกท่านอื่น ๆ ได้ทราบ ซึ่งอาจจะให้นักสังคมสงเคราะห์
เป็นผู้เริ่มเพราะในช่วงเริ่มแรกสมาชิกกลุ่มอาจจะมีอาการเกร็งไม่กล้าพูดคุย เมื่อทําการแนะนําตัว
เสร็จแล้วนั้น นักสังคมสงเคราะห์จะดําเนินการให้สมาชิกกลุ่มได้พูดคุยเพื่อละลายพฤติกรรมหรือ
ทําการแนะนําชี้แจงกิจกรรม สถานที่ที่ใช้ทําเดินการกลุ่ม เพื่อไม่ให้บรรยากาศกลุ่มตึงเครียด
จนเกินไป
กจิ กรรมศลิ ปะบําบดั (รจู้ กั ตวั ตน) เป็นกจิ กรรมทช่ี ่วยให้สมาชิกกลุ่มได้ถา่ ยทอดความรู้สึก
นึกคิด ณ ขณะน้ันออกมาผ่านผลงานศิลปะ จากนั้นให้แต่ละคนแชร์เรื่องราวหรือผลงานของ
ตนเองเพอื่ เปน็ การแลกเปลี่ยนกันของสมาชกิ ภายในกล่มุ
ครงั้ ท่ี 2
กิจกรรมเปิดใจ - เปิดจอ กิจกรรมคลื่นเสียงบําบัด เปิดเพลงคลอเพื่อสร้างบรรยากาศกลุ่ม
แลว้ ให้แตล่ ะคนนั่งคยุ แลกเปลยี่ นประสบการณก์ นั
กิจกรรมการเผชิญหน้ากับความเป็นจริง กิจกรรมการเผชิญหน้ากับความเป็นจริง ให้
สมาชิกกลุ่มแต่ละคนแชร์ประสบการณ์การเคยถูกคุกคามทางเพศหรือเคยถูกล่วงละเมิดทางเพศ
เพ่ือใหส้ มาชกิ กลมุ่ ไม่ได้รสู้ กึ โดดเดยี่ วหรือรู้สกึ ว่าตนเผชญิ หนา้ กับปัญหาน้ีอยู่เพยี งผ้เู ดยี ว
ระยะส้ินสุด
นักสังคมสงเคราะห์จะทําการกําหนดแผนการยุติการดําเนินการกลุ่มไว้ล่วงหน้า นั่นคือ
การชี้แจงกิจกรรมกลุ่มและระยะเวลาการดําเนินการกลุ่มว่าจะใช้เวลาทํากิจกรรม 2 ครั้ง โดยแบ่ง
ทํา 1 ครั้งต่อสัปดาห์ รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 2 สัปดาห์ เพื่อให้สมาชิกได้ทราบไว้ตั้งแต่เริ่มต้นเข้า
กลุ่ม เนื่องจากสมาชิกกลุ่มบางท่านอาจเกิดความรู้สึกผูกพัน ไม่อยากให้ยุติกลุ่ม จึงต้องทําการ
แจ้งเรื่องการยุติกลุ่มไว้ตั้งแต่เริ่มต้นทั้งนี้นักสังคมสงเคราะห์ควรดําเนินการกับความรู้สึกของ
สมาชิกกลุ่ม เพื่อให้สมาชิกกลุ่มสมารถดึงศักยภาพของตนเองให้ออกมาดําเนินการทํากิจกรรรม
ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้สมาชิกกลุ่มดําเนินชีวิตและแก้ไขปัญหาได้ด้วยศักยภาพของตนเองหากกลุ่ม
ได้ทําการยุติลงแล้ว โดยนักสังคมสงเคราะห์จะดําเนินการช่วยให้สมาชิกกลุ่มได้ประเมินผลการทํา
กจิ กรรมทผี่ ่านมาแลว้ แลกเปลยี่ นกนั เช่น ทผ่ี า่ นมาไดท้ าํ กจิ กรรมอะไรบ้าง แลว้ มีความรสู้ ึกเชน่ ไร
ทั้งก่อนและหลังการทํากิจกรรม เมื่อสมาชิกได้ทําการประเมินผลของตนแล้วน้ัน
นกั สงั คมสงเคราะห์อาจเข้าไปชว่ ยสรุปผลการดาํ เนนิ กิจกกรมอีกครงั้
สุดทา้ ยจะเปน็ การประเมินผลผ่านกิจจกรม Box Felling น่ันคอื การให้สมาชกิ กลุ่มไดเ้ ขยี น
แสดงความรู้สึกหรือสิ่งที่อยากจะถ่ายทอดออกมา นํามาใส่ในกล่อง Box Felling ที่นักสังคม
สงเคราะห์ได้จัดเตรียมไว้ โดยไม่มีการเปิดเผยตัวตน เพื่อให้นักสังคมสงเคราะห์ได้นําไปพัฒนาต่อ
การจัดตั้งกลุ่มในครั้งถัดไป นักสังคมสงเคราะห์ช่วยดําเนินงานกับโครงสร้างของกลุ่ม และ
57
กระบวนการกลุ่ม ในระยะเริ่มตั้งกลุ่ม ร่วมกับผู้นํา เราสามารถให้บริการและแนะนําขอบเขตและ
วัตถุประสงค์ของการดําเนินงานสังคมสงเคราะห์เฉพาะกลุ่มชนอย่างมืออาชีพ ตั้งแต่ระดับบุคคล
ไปจนถึงกลมุ่ และสภาพแวดลอ้ มของกลุ่ม และการชว่ ยกลมุ่ เลือกกิจกรรมทีจ่ ะทาํ โดยวัตถุประสงค์
ของการดาํ เนินงานสงั คมสงเคราะห์กลมุ่ ชนมีดังน้ี
การบําบัดรักษา และฟื้นฟูสมรรถภาพ เช่น การฟื้นฟูสภาพจิตใจและร่างกายเหยื่อเพื่อคืน
สู่สภาพเดิม สามารถทําหน้าที่ของตนเองได้และอยู่ในสังคมได้อย่างมีความปกติสุข จัดกิจกรรม
กลุ่มอย่างสร้างสรรค์ หรือช่วยสร้างทางเลือกใหม่ในชีวิตให้แก่สมาชิกกลุ่ม เพื่อป้องกันปัญหาที่จะ
เกิดขึ้น ไปจนถึงการปลูกฝังค่านิยมที่ส่งเสริมให้เกิดความยุติธรรมในสังคม จัดกลุ่มการสร้าง
จิตสาํ นกึ ทีด่ ีในการไมค่ ุกคามเพศตรงข้าม และการเคารพสิทธิซึง่ กันและกนั
5. กิจกรรมท่ีเลอื กใช้ในแต่ละข้นั ตอน
กจิ กรรมที่1 กจิ กรรมสรา้ งสมั พนั ธภาพกลมุ่ ระหว่างนักสงั คมสงเคราะหแ์ ละสมาชกิ กลมุ่
เป็นกิจกรรมแรกในการพบเจอกับผู้เข้าร่วมทํากิจกรรมกลุ่ม โดนจะให้ทุกคนนั่งเป็นวงกลม
รวมถึงนักสังคมสงเคราะห์ด้วย โดยจะเริ่มที่จะพูดถึงวัตถุประสงในการเข้าร่วมในกิจกรรมครั้งน้ี
ต่อไปนักสังคมสงเคราะห์เริ่มที่จะแนะนําตัวเริ่มจากตัวนักสังคมสงเคราะห์เองวนไปเรื่อยๆจนครบ
กจิ กรรมนี้เกิดขน้ึ มาเพือ่ ที่จะได้ทาํ ความร้จู ักเบื้องตน้ ระหวา่ งนักสงั คมสงเคราะห์กันผเู้ ข้าร่วม
กจิ กรรมที่2 กิจกรรมศลิ ปะ (ร้จู ักตวั ตน)
เป็นกิจกรรมที่มีวัตถุประสงค์เพ่ือท่ีจะให้นักสังคมสงเคราะห์สามารถเข้าถึงผู้เข้าร่วมทุก
ท่าน สามารถที่จะให้ผู้เข้าร่วมได้เล่าหรือพูดคุยถึงประสบการณ์ที่เผชิญมาและสามารถที่จะ
แลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันได้ โดยจะมีนักสังคมสงเคราะคอยดําเนินการ ในเรื่องราวบางเรื่องท่ี
ผู้เข้าร่วมไม่สามารถที่จะไว้ใจในการเล่าหรือพูดคุยก็สามารถที่จะข้ามได้ จะให้ผู้เข้าร่วมนั่งเป็น
วงกลมในการทํากิจกรรม และมีข้อพึงระวังในการดําเนินการกลุ่มโดยนักสังคมสงเคราะห์ต้องคอย
สังเกตพฤติกรรมของผู้เข้าร่วมว่าจะมีพฤติกรรมในการพูดคุยและการแสดงออกทางสีหน้าอารมณ์
และทา่ ทาง
นักสังคมสงเคราะห์เริ่มสร้างสัมพันธภาพระหว่างผู้เข้าร่วมกับนักสังคมสงเคราะห์ นัก
สังคมสงเคราะห์เริ่มทํากิจกกรมโดยการแจกสี และกระดาษ ให้ผู้เข้าร่วมลงมือในการที่จะวาดรูป
ลงในกระดาษโดยสามารถวาดได้ตามจินตนาการของผู้เข้าร่วมได้ โดยจะให้เวลาในการวาดรูป 5
นาที (ในขณะวาดรูปจะมีการเปิดเสียงดนตรีไปด้วย) เมื่อครบ 5 นาทีก็จะกลับมานั่งเป็นวงกลม
เพื่อที่จะเข้ามาพูดคุย จะมีการเริ่มนําเสนอรูปภาพของตนเองโดยใช้วิธีการวนเป็นวงกลม โดยนัก
สังคมสงเคราะห์จะให้เวลาในการนําเสนอคนละ 5 นาทีในการนําเสนอรูปภาพของตนเอง โดยนัก
สังคมสงเคราะห์มีการเสริมสร้างพลังให้กับผู้เข้าร่วม ซึ่งสามารถทําได้โดยการให้กําลังใจ และนัก
สังคมสงเคราะห์ควรที่จะมีการบันทึกในการจัดกิจกรรมและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นและควรที่จะบันทึกถึง
ความเปล่ยี นแปลงของอารมณ์ พฤติกรรมตา่ ง ๆ
กิจกรรมที่3 เปิดใจ - เปิดเจอ เป็นกิจกรรมบําบัดกลุ่ม แลกเปลี่ยนประสบการณ์ของ
ตนเอง กิจกรรมที่ให้เล่าถึงประสบการณ์หรือสิ่งที่ตนต้องเผชิญ ความกลัว ความโกรธ ความกังวล
ความเครียด โดยให้สมาชิกแสดงความรู้สึกนึกคิดของตนเองออกมาอย่างเปิดเผย ไม่ปิดบังตนเอง
กิจกรรมนี้จัดทําเพื่อที่จะ สมาชิกกลุ่มไม่รู้สึกโดดเดี่ยว และมีแนวทางการแก้ไขและรับมือท่ี
58
สร้างสรรค์จากประสบการณ์ของคนในกลุ่มที่สามารถช่วยสร้างทางเลือกใหม่ในชีวิตให้แก่สมาชิก
กลุ่ม เพื่อป้องกันและรับมือปัญหาที่จะเกิดขึ้น และได้ฟื้นฟูสภาพจิตใจ ได้ระบายความอัดอั้นในใจ
และชว่ ยใหส้ มาชกิ กล่มุ เกดิ ความเข้าใจตนเองและผู้อน่ื ไดด้ ียง่ิ ขึน้
กิจกรรมที่ 4 กิจกรรมการเผชิญหน้ากับความเป็นจริง โดยให้สมาชิกในกลุ่ม เขียน
ความรู้สึกและระบายความอัดอั้น เป็นการทํากิจกรรมร่วมกัน เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมภายใน
กลุ่ม และคํานึงถึงความรู้สึกนึกคิดของตนเอง โดยการดําเนินการให้นักสังคมสงเคราะห์ชวน
พูดคุยถึงการเหตุการหรือประสบการท่ีเคยเผชิญมา โดยสามารถเขียนความรู้สึกและระบายความ
อัดอั้นเพื่อที่จะสามรถรับมือกับความรู้สึกในแง่ลบ เป็นการเขียนที่สามารถที่จะเขียนในเรื่องราวท่ี
ผู้เข้าร่วมสะดวกใจที่จะเขียนลงในกระดาษ เพื่อที่จะเป็นแนวทางในการพูดคุยให้กับนักสังคม
สงเคราะห์
กิจกรรมที่ 5 Box felling ให้สมาชิกกลุ่มได้เขียนแสดงความรู้สึกหรือสิ่งที่อยากจะ
ถ่ายทอดออกมา นํามาใส่ในกล่อง Box Felling ที่นักสังคมสงเคราะห์ได้จัดเตรียมไว้ โดยไม่มีการ
เปดิ เผยตัวตน เพอ่ื ใหน้ ักสังคมสงเคราะหไ์ ดน้ ําไปพัฒนาตอ่ การจัดตัง้ กลมุ่ ในคร้งั ถดั ไป
6. การคดั เลอื กสมาชกิ
คุณสมบัติผ้เู ข้าร่วมกล่มุ
- เป็นผมู้ ีประสบการณก์ ารการถูกคามคามหรอื ถูกล่วงละเมดิ ทางเพศ
- อายุ 12-18 ปี
- ไม่จํากัดเพศ
จาํ นวนผ้เู ขา้ ร่วมกลุ่ม
- ในการดาํ เนนิ การกลุ่มคร้ังแรก จะใช้กลุ่มประมาณ 8-10 คน
- ในการดําเนินการกลุ่มครั้งถัดไปจะพิจารณาตามความเหมาะสมเพื่อปรับปรุง พัฒนา
ใหส้ อดคลอ้ งกับกลุ่มเป้าหมายและใหก้ ารทําดําการกลุม่ มีประสิทธภิ าพมากท่ีสดุ
วธิ กี ารคดั เลอื ก
- เปิดรบั สมคั รผา่ นช่องทางออนไลน์ของกลุ่ม MeToo Small Group
- สัมภาษณ์เพื่อให้เห็นความพร้อมของร่างกายและจิตใจว่าพร้อมสําหรับการเข้ากลุ่มไม่
หากมรี ่างกายและจิตใจพรอ้ มก็จะเข้ารว่ มกลมุ่ ได้เลย
- หากยังไม่พร้อมจะมีการถามความสมัครใจว่ากลุ่มเป้าหมายต้องการไปพบนักสห
วิชาชีพเพื่อเตรียมความพร้อมของร่างกายและจิตใจก่อนมาเข้าร่วมกลุ่มหรือไม่ และ
เมือ่ มีรา่ งกายและจติ ใจพร้อมก็จะสามารถเขา้ รว่ มกลุม่ ได้เลย
7. ช่วงเวลาการดําเนนิ การเพือ่ สร้างการเปลี่ยนแปลง
ระยะเวลาดําเนินการกลมุ่
- มีการจัดกจิ กรรม 2 ครงั้ รวม 2 สปั ดาห์ โดยจะแบง่ การดําเนนิ การ 1 วันต่อสัปดาห์
59
ระยะเวลาที่คาดหวังให้บรรลุเป้าหมาย การดําเนินการกลุ่ม MeToo Small Group
สามารถก่อใหเ้ กิดการเปล่ยี นแปลงท่เี ห็นได้ชัดใน 3 ระดับ ไดแ้ ก่
- การเปลี่ยนแปลงระดับบคุ คล
คนที่มีประสบการณ์การถูกคุกคามและถูกล่วงละเมิดทางเพศมีสุขภาพจิตใจที่ดีขึ้น ไม่
รู้สึกโทษตนเองหรือรู้สึกว่าอยู่คนเดียวบนโลกนี้ และสามารถแชร์เรื่องราวประสบการณ์ของตนเอง
ให้ผู้อื่นรับฟังได้ เนื่องจากการได้รับฟังเรื่องราวจากคนที่มีประสบการณ์คล้ายคลึงกัน ทําให้เกิด
ความเข้าใจซึ่งกันและกัน เห็นอกเห็นใจกัน รวมทั้งยังได้แนวทางใหม่ ๆ ในการรับมือกับตนเอง
จิตใจ ความรู้สึก และคนรอบข้าง เมื่อต้องเจอกับสถานการณ์ถูกตําหนิจากการถูกคุกคามหรือถูก
ล่วงละเมิดทางเพศ จะทําให้เกิดภูมิคุ้มกันและเข้มแข็งจนมีสุขภาพจิตใจที่ดีขึ้นและสามารถอยู่ใน
ครอบครัวและสังคมได้อย่างมีความสุข ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้มีระยะเวลาที่คาดหวังให้บรรลุ
เป้าหมายใน 2 - 4 สัปดาห์ แบ่งออกเป็น บุคคลที่สามารถเล่าเรื่องราวของตนเองและพูดถึง
เหตุการณ์ที่ตนเองเคยประสบได้ประมาณหนึ่ง สามารถเข้าร่วมกลุ่ม MeToo Small Group ได้
เลยทันทีจะใช้เวลา 2 สัปดาห์ในการดําเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการมีสุขภาพจิตที่ดี ส่วน
บุคคลที่ยังไม่สามารถเล่าเรื่องราวของตนเองและพูดถึงเหตุการณ์ที่ตนเองเคยประสบได้จะมีการ
เข้าพบนักจิตวิทยาหรือนักสหวิชาชีพอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องก่อน 2 สัปดาห์หรือจนกว่าจะสามารถ
สามารถเล่าเรื่องราวของตนเองได้ แล้วจึงเข้าร่วมกลุ่ม MeToo Small Group อีก 2 สัปดาห์ เพื่อ
ฟื้นฟจู ิตใจให้กลับมามสี ขุ ภาพจิตใจทด่ี ขี ้ึนจนสามารถดาํ เนนิ ชีวิตอยใู่ นสงั คมไดอ้ ย่างมีความสขุ
- การเปล่ียนแปลงระดบั กล่มุ
กิจกรรมกลุ่มทําให้คนที่มีประสบการณ์การถูกคุกคามหรือถูกล่วงละเมินทางเพศได้สื่อสาร
พูดคุย เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และมีการกระตุ้นให้เกิดการเห็นคุณค่าในตนเอง ไม่โทษ
ตนเอง จนนําไปสู่การเกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน เกิดการสนับสนุนและให้กําลังใจกัน ทําให้คน
ที่มีประสบการณ์การถูกคุกคามและถูกล่วงละเมิดทางเพศมีความรู้สึกท่ีเข้มแข็ง มั่นคง และไม่
รู้สึกโดดเดี่ยว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในระดับนี้จะเกิดขึ้นทันทีที่มีการดําเนินกิจกรรมกลุ่ม MeToo
Small Group ตามพื้นฐานจิตใจและบาดแผลของแต่ละบุคคล และจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงทั้ง
กลุ่มภายใน 2 สัปดาห์ กลุ่มจะสามารถดูแล ช่วยเหลือกันและกันต่อเนื่องถึงแม้จะสิ้นสุดการ
ดําเนินการกลุ่มแล้ว
- การเปลีย่ นแปลงระดบั โครงสร้าง
การดําเนินการกลุ่มจะทําให้คนที่มีประสบการณ์การถูกคุกคามและถูกล่วงละเมิดทางเพศ
รู้จักกัน รวมตัวกันและกล้าที่จะร่วมกันรณรงค์ต่อต้านการคุกคามและถูกล่วงละเมิดทางเพศ รวม
ไปถึงกล้าที่จะช่วยเหลือ ปกป้อง ฟื้นฟูร่างกายและจิตใจให้กับคนที่ถูกคุกคามและถูกล่วงละเมิน
ทางเพศคนอื่น ๆ ทําให้คนทั่วไปในสังคมเห็นถูกโทษของการถูกคุกคามและถูกล่วงละเมิดทางเพศ
และตระหนักว่าการคุกคามและถูกล่วงละเมิดทางเพศไม่ใช่ความผิดของเหยื่อ ไม่โทษเหยื่อว่า “ใส่
ขาสั้น” “แต่งตัวโป๊” “เดินที่เปลี่ยว” และร่วมกันปกป้องเหยื่อและนําตัวผู้กระทําผิดมาลงโทษ ซึ่ง
การเปลี่ยนแปลงในระดับโครงสร้างจําเป็นจะต้องใช้เวลา ความเข้าใจ และความร่วมมือจากทุก
ฝ่ายอย่างจริงจัง โดยเริ่มจากการร่วมกันรณรงค์ จนไปสู่การแก้ไขกฎหมายให้มีความรุนแรงและ
60
คุ้มครองผู้ถูกกระทํามากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน การทําให้คนในสังคมตระหนักรู้ ไม่โทษ
ผู้ถูกกระทําและปกป้องผู้ถูกกระทํา อาจจะใช้เวลา 1 ปี เพื่อสร้างความเข้าใจและค่านิยมใหม่
ร่วมกัน ส่วนการแก้ไขกฎหมายสามารถดําเนินการได้ทันทีหากผู้มีอํานาจเข้าใจและเห็น
ความสําคัญของเรื่องนี้ แต่เนื่องจากในปัจจุบันที่ผู้มีอํานาจยังไม่มีศักยภาพมากพอ จึงคาดว่าการ
เปลี่ยนแปลงกฎหมายอาจจะเกิดขึ้นหลังจากมีการเลือกตั้งใหม่และได้ผู้นําที่มีศักยภาพเข้ามา
ทํางาน ซึ่งก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเมื่อใด แต่ก็ยังมีความหวังว่าสักวันประเทศไทยจะมี
กฎหมายที่ดี มีผู้นําที่มีศักยภาพและเป็นประเทศที่ปลอดภัยในทุก ๆ ด้าน เมื่อการเปลี่ยนแปลง
ระดับโครงสรา้ งบรรลแุ ลว้ นั้น คงจะปฏิเสธไมไ่ ด้ว่าประเทศไทยเป็นประเทศทน่ี า่ อยทู่ ่ีสุดในโลก
8. ผ้มู บี ทบาทเกย่ี วข้องในกระบวนการกล่มุ
- ระยะเร่ิมต้น
ผู้มีบทบาทสําคัญมากที่สุดในระยะนี้ คือ นักสังคมสงเคราะห์ ซึ่งจะมีหน้าที่หลักสําคัญใน
การรับสมาชิก จัดตั้งกลุ่ม กําหนดวัตถุประสงค์ รวมถึงจัดหากิจกรรมที่สมาชิกในกลุ่มสามารถ
ดําเนินกิจกรรมร่วมกันได้ นักสังคมสงเคราะห์ยังมีหน้าที่สําคัญในการละลายพฤติกรรมของ
สมาชิกในกลุ่มรวมถึงตัวของนักสังคมสงเคราะห์เองให้สามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนระหว่างกันได้
ระหว่างนักสังคมสงเคราะห์กับสมาชิกในกลุ่ม และสมาชิกในกลุ่มต่อสมาชิกในกลุ่มด้วยกันเอง ใน
ระยะน้สี มาชกิ ในกลมุ่ มบี ทบาทด้วยเช่นเดียวกนั ในการสร้างสัมพนั ธภาพระหวา่ งกัน
- ระยะดําเนนิ การ
ผู้มีบทบาทในระยะนี้ คือ นักสังคมสงเคราะห์ และสมาชิกในกลุ่ม ในการดําเนินกิจกรรม
ทั้ง 2 ครั้ง นักสังคมสงเคราะห์มีหน้าที่สําคัญในการดําเนินกิจกรรมกลุ่ม รวมถึงตัวของสมาชิกใน
กลุม่ มบี ทบาทในดา้ นการร่วมกิจกรรมกลุ่มโดยอยใู่ นกฎ ระเบียบ ขอ้ ตกลง ของกลมุ่
- ระยะสิน้ สุด
ผู้มีบทบาทในระยะนี้ คือ นักสังคมสงเคราะห์ มีหน้าที่ในการติดตามและประเมินผลในการ
จัดกิจกรรม เพื่อนําข้อติชมไปปรับปรุง รวมถึงข้อเสนอแนะจากสมาชิกไปปรับใช้ในการดําเนิน
กิจกรรมในครงั้ ตอ่ ไป
นอกจากนี้ยังมีวิชาชีพอื่นนอกจากนักสังคมสงเคราะห์ที่สามารถเข้ามามีบทบาทกับกลุ่ม
MeToo Small Group ได้อีกด้วย เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายหลักของเรา คือ กลุ่มผู้ที่ถูกคุกคามทาง
เพศ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวมีความเปราะบางเป็นอย่างมากเพราะสมาชิกบางคนในกลุ่มอาจจะ
ยังคงมีบาดแผลทางจิตใจจากการถูกคุกคามทางเพศยังไม่สามารถที่จะก้าวผ่านปัญหาหรือ
เรื่องราวที่ตนเองเคยเผชิญมา ดังนั้นวิชาชีพอย่างเช่น จิตแพทย์ หรือ นักจิตวิทยา สามารถเข้ามา
มีบทบาทร่วมกับกลุ่มได้ เนื่องจากอาจจะมีสมาชิกบางท่านที่ยังคงรู้สึกว่าเหตุการณ์ที่ตนเองเคย
เจอมายังคงเป็นบาดแผลในใจของตนเองอยู่ตลอดไม่สามารถก้าวผ่านปัญหาได้ด้วยจากการร่วม
กลุ่มทางสังคมสงเคราะห์ จิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาซึ่งเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในด้านจิตใจและ
อารมณ์ของตัวผู้ใช้บริการ เพราะแต่ละวิชาชีพมีความเชี่ยวชาญหรือลงลึกในด้านประเด็นปัญหา
ของผู้ใช้บริการต่างกันไปในแต่ละวิชาชีพการที่ผู้ใช้บริการที่เป็นสมาชิกในกลุ่มมีสภาพจิตใจที่บอบ
ชํ้าเป็นอย่างมากนักสังคมสงเคราะห์อาจไม่สามารถที่จะช่วยเหลือได้คลอบคลุมปัญหาของตัว
61
สมาชิกท่านนั้น จิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาจึงสามารถเข้ามามีบทบาทร่วมในการดําเนินกิจกรรม
กลุ่มได้
ในกรณีที่นักสังคมสงเคราะห์ประเมินเบื้องต้นหลังจากการทํากิจกรรมเสร็จสิ้นแล้ว และ
พบว่ามีสมาชิกบางท่านยังคงมีปัญหาในใจซึ่งประเมินแล้วพบว่าไม่รุนแรง สามารถใช้กระบวนการ
สังเคราะห์เฉพาะราย (Social case work) เข้ามาร่วมด้วยเพื่อช่วยสมาชิกท่านมีปัญหาในการใช้
วิธีการหรือกระบวนการทางสังคมสงเคราะห์เพื่อพูดคุยและให้การปรึกษากับสมาชิกท่านที่มี
ปัญหาไม่รุนแรง เพราะสมาชิกบางท่านอาจจะแค่ต้องการคนรับฟังหรือพูดคุยด้วย เนื่องจาก
ปัญหาการถูกคุกคามทางเพศเป็นปัญหาที่ละเอียดอ่อนสมาชิกอาจไม่กล้าที่จะพูดคุยหรือบอกเล่า
คนรอบข้าง นักสังคมสงเคราะห์จึงมีบทบาทสําคัญที่จะรับฟัง ให้การปรึกษา เพื่อช่วยเหลือให้
สมาชิกไดก้ า้ วผ่านปัญหาที่มีไปไดด้ ้วยตนเองโดยไมก่ ลบั มาเผชิญกับสภาวะปัญหาแบบเดิมอกี
9. วิธีการวัด ประเมินผลการดําเนินการ (รูปแบบไหน อย่างไร เพราะอะไรในแต่ละขั้นตอน
อยา่ ลืมลบ)
วิธีการวัดและประเมินผลในการดําเนินกิจกรรมในครั้งนี้ ใช้วิธีการให้สมาชิกในกลุ่ม เขียน
ความรู้สึก รวมถึงข้อติชมในการดําเนินกิจกรรมในแต่ละครั้งลงในแผ่นกระดาษที่ทางนักสังคม
สงเคราะห์ได้จัดเตรียมไว้ให้โดยไม่ต้องระบุชื่อผู้เขียน หลังจากเขียนเสร็จให้สมาชิกนํา
แผ่นกระดาษใส่ลงไปในกล่อง (Box Felling) เมื่อสมาชิกเขียนครบทุกคนแล้ว นักสังคมสงเคราะห์
จะนํากระดาษที่สมาชิกแต่ละคนเขียนมาอ่านเพื่อหาข้อติชม หรือข้อแนะนํา เพื่อนไปปรับปรุงแก้ไข
ใหด้ ยี ่งิ ข้ึนกว่าเดิม และเพอื่ เปน็ ประโยชน์ในการต่อยอดกิจกรรมกบั สมาชิกในรนุ่ ตอ่ ไปอกี ดว้ ย
10.ข้อเสนอแนะสําหรับนักสังคมสงเคราะห์ และผู้เกี่ยวข้องอื่น ๆ หากต้องดําเนินการในงาน
กล่มุ รูปแบบดงั กลา่ ว
- ควรจะมีการนํากระดาษและปากกาเข้าไปแจกจ่ายให้กับผู้ที่มาร่วมกิจกรรม เพื่อเขียน
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรมที่จัด ความพึงพอใจในกิจกรรม และข้อบกพร่องท่ี
อยากให้ผู้จัดกิจกรรมแก้ไข โดยไม่จําเป็นต้องแสดงตัวตน และหากเขียนเสร็จแล้วทาง
ผู้จะต้องนํากล่องไว้ให้ใส่กระดาษความเห็น เพื่อที่จะนําไปอ่านและแก้ไขข้อบกพร่อง
ต่าง ๆ
- ควรมีการสังเกตพฤติกรรมของผู้เข้าร่วมกิจกรรมว่าหลังจากจบกิจกรรมแล้วมีอาการ
เป็นอย่างไร เนื่องจากผู้ที่เข้าร่วมมีบาดแผลในใจ จึงจําเป็นมากที่จะต้องระมัดระวัง
ทางด้านคําพดู และการวธิ กี ารทํากิจกรรมตา่ ง ๆ
11.บทเรียนรู้ของสมาชิกกลุ่ม (นักศึกษาในฐานะผู้ออกแบบกลุ่ม) อาทิ ปัญหาอุปสรรค การ
รเิ ริ่มและข้อค้นพบอ่ืน ๆ ทอ่ี ยากบอกเลา่
- ด้านอุปสรรคในการคิดกิจกรรม จําเป็นจะต้องคิดอย่างรอบครอบว่าจะทําอย่างไร
เพื่อที่จะทําให้สมาชิกกลุ่มมีปฏิสัมพันธ์กันระหว่างกลุ่มและสนใจระหว่างร่วมกิจกรรม
62
เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายมีช่วงอายุตั้งแต่ 12 - 18 ปี จึงเป็นความท้าทายผู้ออกแบบใน
การหากิจกรรมท่ีตอบโจทย์กบั กลุ่มเป้าหมายดังกลา่ ว
- ด้านการสร้างความไว้วางใจให้สมาชิกในกลุ่มกล้าที่จะพูดคุยและแลกเปลี่ยน
ประสบการณ์กันระหว่างกล่มุ
12.ข้อเสนอแนะอื่น ๆ ที่ควรมีการดําเนินการหากต้องการทํางานเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง
โดยใช้งาน “กลุ่ม” เปน็ เครื่องมือในการทํางาน
ผู้นํากลุ่มตามธรรมชาติ เป็นผู้ที่ถูกมองและคาดหวังว่าจะมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องและมี
อิทธิพลต่อกระบวนการตัดสินใจของกลุ่ม โดยนักสังคมสงเคราะห์จะส่งต่อหน้าที่ให้ผู้นํา
ดําเนินงานต่อ ให้กลุ่มอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยนักสังคมสงเคราะห์จะสังเกตค้นหาผู้นํา โดยเป็นผู้ท่ี
ปรับตัวได้ดี มีอํานาจเหนือกว่าผู้อื่น ชอบแสดงตัวต่อสาธารณชน มีความกระตือรือร้น มีความั่นใจ
ในตวั เอง และเชือ่ ในความเสมอภาคของมนุษย์
รายการอา้ งอิง
เทยี นส.ี (ม.ป.ป). กิจกรรมกลมุ่ สร้างสรรคส์ รรคส์ ร้างพลงั ชวี ิต. สืบคน้ เมอื่ 19 เมษายน 2565,
จาก https://
peacefuldeath.co/กิจกรรมกลมุ่ สรา้ งสรรค์/
นักศกึ ษารายวิชา สค.223. (2565). “กล่มุ ” : การเกดิ ขึ้น ดํารงอยู่ และวิธีการที่สรา้ งการ
เปลีย่ นแปลง. สบื ค้นเมอื่
19 เมษายน 2565, จาก http://online.anyflip.com/vmcan/ewma/mobile/index.html
63
64
65
66
67
68
รูปแบบกลุ่มพฒั นา (Development Models)
โดย กลมุ่ คิมโิ นะโต๊ะ (หนอ่ ไมป้ า่ )
ณัฐวดี ชรู งั สฤษฎิ์ 6305610302
วชิ ญา สะมาวี 6305610310
สิราวรรณ โพธจิ นั ทร์ 6305680032
นรเศรษฐ์ กุดแถลง 6305680040
ภทั รธิราภรณ์ เสนานุช 6305680099
นัทพงษ์ ทองม่ัน 6305681519
69
ชื่อกลุ่มที่ออกแบบ: กลุ่มหน่อไม้ป่า หน่อไม้เล็กในป่าใหญ่ ท่ามกลางกอไผ่ที่รายล้อม ผู้คนต่าง
มองว่าพวกเขาอ่อนแอ แต่แท้จริงแล้วนั้น หน่อไม้เหล่านี้คือส่วนที่พร้อมจะเติบโตไปเป็นกอไผ่ท่ี
สง่าและมากดว้ ยประโยชน์มากลน้ และรอการคน้ หาเพื่อสร้างคุณค่าแก่ตนเอง
วัตถุประสงคก์ ารเกิดกล่มุ
1. เพอื่ สง่ เสรมิ ศกั ยภาพ ความสามารถ และพัฒนาการของเดก็ ออทสิ ตกิ
2. เพอ่ื เคารพศักด์ิศรีความเป็นมนุษยอ์ ยา่ งเท่าเทยี ม
3. เพื่อรวมกลุ่มเด็กออทิสติกให้เกิดความเข้าใจ มั่นคง ลดความโดดเดี่ยว ผ่านการทํา
กจิ กรรมร่วมกนั
4. เพื่อการพัฒนาทักษะทางสังคมของเด็กออทิสติกให้สามารถดํารงชีวิตในสังคมได้
ตามปกติ
5. เพื่อเสรมิ สร้างพลังครอบครวั
6. เพอ่ื สร้างการเปลยี่ นแปลงฐานคดิ และมุมมองของคนในสังคมท่มี ีต่อเดก็ ออทสิ ตกิ
ฐานคดิ /แนวคดิ หลกั ในการก่อเกดิ กลมุ่
1. แนวคดิ มนษุ ยนยิ ม (Humanistic approach)
ฐานแนวคิดของแนวคิดนี้คือปรัชญาตะวันตก โดยเฉพาะปรัชญากลุ่มเอกซีสเตนเชียลลิซึม
(Existentialism) นักคิดกลุ่มนี้มองมนุษย์ในแง่เอกลักษณ์เฉพาะตัวบุคคลมากกว่าภาพรวมของ
บุคคล เป็นทฤษฎีที่พยายามอธิบายธรรมชาติของมนุษย์และทัศนคติในการมองมนุษย์ โดยเห็น
มนุษย์ในแง่ดีงาม มีธรรมชาติใฝ่ดี อยากทําความดี มีความต้องการที่จะพัฒนาตนให้ดียิ่งกว่า
ปัจจุบัน เป้าหมายของทุกชีวิต คือ พัฒนาศักยภาพที่มีในตัวตนให้ถึงจุดสูงสุด รู้คุณค่าแห่งตน มี
ความรับผิดชอบต่อตนเองและต่อการกระทําของตน ยอมรับผลดี-ผลร้ายจากการเลือกที่จะกระทํา
หรือไม่กระทําของตน อยากรู้จักตนเองในแง่ดีงามและแง่บกพร่อง หากบุคคลอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี
แล้วเขาจะมโี อกาสไดพ้ ฒั นาตนไปสคู่ วามสมบรู ณ์แบบ
2. แนวคิดในการพฒั นา : “เดก็ เป็นตวั ต้งั ครอบครัวเปน็ ตัวหาร ผูเ้ ช่ียวชาญเปน็ ตวั ช่วย”
ถึงแม้ว่าในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของโรคออทิสติกที่ชัดเจน และยังไม่มีวิธีการดูแล
รักษาที่จําเพาะเจาะจงให้หายขาดได้ แต่เด็กสามารถพัฒนาได้ และพัฒนาได้ดีด้วยวิธีการดูแล
รักษาต่างๆ ในปัจจุบันนี้ที่สามารถช่วยเหลือให้เด็กออทิสติก มีพัฒนาการดีขึ้นได้มาก จนสามารถ
เรียนรู้ ปรับตัว ใช้ชีวิตอยู่ร่วมในสังคมและประกอบอาชีพได้ โดยพึ่งพาผู้อื่นน้อยที่สุด ซึ่งแนวทาง
การดูแลรักษาออทิสติก จําเป็นต้องใช้ทีมงานผู้เชี่ยวชาญจากสหวิชาชีพ (Multidisciplinary
Team Approach) ประกอบด้วย จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น นักจิตวิทยา พยาบาลจิตเวช นักแก้ไข
การพูด นักกิจกรรมบําบัด ครูการศึกษาพิเศษ และนักสังคมสงเคราะห์ ซึ่งหัวใจสําคัญของการ
ดูแลรักษาไม่ได้อยู่ที่ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น แต่อยู่ท่ีครอบครัวของเด็กออทิสติกด้วยว่าจะสามารถนํา
วิธีการบําบดั รักษาต่าง ๆ ที่ได้รบั มาประยุกตใ์ ช้ทบ่ี า้ นอย่างต่อเนอื่ งและสมาํ่ เสมอหรอื ไม่
การดูแลรักษาเด็กออทิสติกเป็น “การดูแลรักษาแบบบูรณาการ” กล่าวคือ ใช้วิธีการบําบัด
หลายวิธีร่วมกัน โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญสหวิชาชีพ ร่วมกับครอบครัวของเด็กออทิสติก ร่วมกัน
70
รวบรวมความคิด ช่วยกันออกแบบการดูแลรักษาให้เหมาะสมกับความสามารถ และสภาพปัญหา
ของแตล่ ะคน เพอื่ ให้เกิดประสิทธิภาพสงู สุด
แนวทางการดูแลรักษา ไม่ว่าจะเป็นไปในทิศทางใดก็ตาม ถ้าเริ่มต้นจากการดูแลด้วย
ความรัก แล้วค่อยๆ พัฒนาด้วยความเข้าใจ ก็จะไปสู่จุดหมายปลายทางของการทําให้เด็กมีการ
พัฒนาเต็มตามศักยภาพที่มีอยู่ได้ไม่ยากการดูแลด้วยความรัก คือสิ่งที่พ่อแม่ทุกคนมีอยู่เต็มเปี่ยม
อยู่แล้ว แต่ที่นํามาเน้นยํ้า เนื่องจากในความรักที่มีอยู่นี้ มักจะถูกบดบังด้วยความเครียด ความ
วิตกกังวล ความเบื่อหน่าย ความท้อแท้ และความรู้สึกอื่นๆ อีกมากมายในบางช่วงเวลา ซึ่งเป็น
เรื่องธรรมดาที่จะเกิดความรู้สึกต่างๆ ขึ้นมาได้ในการดูแล แต่จําเป็นต้องหาวิธีจัดการกับ
ความรู้สึกต่างๆ อย่างเหมาะสมต่อไป สําหรับการพัฒนาด้วยความเข้าใจก็เป็นสิ่งจําเป็น เนื่องจาก
กระบวนการพัฒนาต้องอาศัย ความรู้ ความเข้าใจ หลักเบื้องต้นง่ายๆ ในการพฒั นา คือ “เด็กเป็น
ตัวตงั้ ครอบครัวเป็นตัวหาร ผู้เช่ยี วชาญเป็นตวั ชว่ ย”
“เด็กเป็นตัวตั้ง” กล่าวคือ ไม่มีสูตรสําเร็จรูปสําหรับการดูแลเด็กทุกคน ทุกอายุ ควรเข้าใจ
ธรรมชาติที่ว่า เด็กแต่ละคนมีความเหมือนกัน และมีความแตกต่างกัน เด็กอาจมีความบกพร่อง
บางด้าน แต่ในขณะเดียวกันก็มีความสามารถบางด้านเช่นกัน การมองแต่ความบกพร่องบางด้าน
และคอยแก้ไขความบกพร่องไปเรื่อย ๆ ก็อาจถึงทางตันในที่สุด จึงควรหันกลับมามองในด้าน
ความสามารถของเด็กด้วยว่าเด็กมีความสามารถด้านใดบ้าง เพื่อวางแผนการดูแลให้การส่งเสริม
ความสามารถที่มีอยู่ให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งสามารถช่วยชดเชยความบกพร่องที่มีอยู่ได้ ดังนั้นการดูแลต้อง
วางแผนให้สอดคล้องกับสิ่งที่เด็กมีและสิ่งที่เด็กเป็น โดยวางแผนเฉพาะเป็นรายบุคคล ให้มีความ
เหมาะสมตามวัย และตามพฒั นาการของเดก็
“ครอบครัวเป็นตัวหาร” กล่าวคือ ครอบครัวมีบทบาทสําคัญที่สุดในการดูแล และคงไม่
สามารถปฏิเสธได้ว่า ถ้าครอบครัวไม่สามารถดูแลได้ ก็คงไม่มีใครดูแลได้อีก แต่ในการดูแลน้ัน
เพียงแค่มีความรักอย่างเดียวก็คงไม่เพียงพอ จักต้องอาศัยความเข้าใจ การมีความรู้ มีเจตคติที่
ถูกต้อง และมีทักษะที่ดี เพื่อพัฒนาเทคนิควิธีให้เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนใน
ครอบครัวจะต้องมี และจําเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเน้นคําว่า “ครอบครัว” เพราะว่าไม่มีใครเก่งคนเดียว
ไม่มีใครสามารถจัดการทุกอย่างเองได้ในทุกด้าน สมาชิกในครอบครัวจึงต้องให้ความไว้วางใจซึ่ง
กันและกัน เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วม เพราะครอบครัวที่เข้มแข็งจะเป็นพลังแห่งความสําเร็จ แต่
ปัญหาส่วนใหญ่ของครอบครัวและมักเกิดขึ้นบ่อย คือ มีการแบ่งหน้าที่กันชัดเจนเกินไป แม่ดูแล
เด็กอย่างทุ่มเท ในขณะที่พ่อพยายามทํางานหนักขึ้นเพื่อจุนเจือครอบครัว จนในที่สุดก็เกดิ ช่องว่าง
ระหว่างความสัมพันธ์ จนเกิดปัญหาต่างๆ ตามมาในที่สุด เพราะฉะนั้น การเริ่มต้นและพัฒนาที่ดี
คือการเปิดใจรับฟังและพูดคุยกันอย่างจริงใจ ไว้วางใจกัน และมอบความรักให้กันและกัน เพื่อให้
ทุกคนในครอบครัวมีโอกาสช่วยเหลือกัน และเริ่มต้นก้าวเดินไปพร้อมๆ กัน “ผู้เชี่ยวชาญเป็นตัว
ช่วย” เนื่องจากความก้าวหน้าทางวิชาการมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ข้อมูลใหม่ๆ มีเพิ่มเติม
ตลอดเวลา เป็นไปไม่ได้ที่คนเดียวจะรู้และจัดการทุกอย่างได้ ทกั ษะแต่ด้านจึงจําเป็นต้องมีตัวช่วย
ซึ่งเรียกว่า “ทีมงานผู้เชี่ยวชาญ” อันประกอบไปด้วย จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น นักจิตวิทยา พยาบาล
จิตเวช นักแก้ไขการพูด นักกิจกรรมบําบัด ครูการศึกษาพิเศษ นักสังคมสงเคราะห์ หรือวิชาชีพ
อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งนับได้ว่าเป็นตัวช่วยที่สามารถให้คําแนะนํา คําปรึกษา และสาธิตเทคนิควิธี
ต่างๆ ให้นําไปฝึกปฏิบัติต่อไปได้ แต่ต้องไม่ลืมว่า ผู้เชี่ยวชาญเป็นเพียงตัวช่วยเท่านั้น ไม่ใช่ตัว
71
หลักอย่างเช่นครอบครัว ฉะนั้นถ้าบทบาทผิดเพี้ยนไปจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญกลายเป็นตัวหลักขึ้นมา
จะทําให้เด็กไม่สามารถพัฒนาได้เต็มศักยภาพที่มีอยู่จริง เนื่องจากเป็นไปไม่ได้ที่ผู้เชี่ยวชาญจะ
รจู้ ักและเข้าใจเดก็ ได้ดกี ว่าครอบครัวทีอ่ ยกู่ บั เด็กตลอด
เมื่อมองจุดสุดท้ายที่เด็กควรจะเป็น คือ พัฒนาเต็มตามศักยภาพที่เขามีอยู่ ถ้ายังไม่ถึงจุด
นั้น ณ วันนี้ ก็ไม่เป็นไร เพราะวันหนึ่งต้องไปถึงแน่นอน ถ้ายังมีการดูแลด้วยความรักและพัฒนา
ด้วยความเข้าใจ โดยยึดหลัก “เด็กเป็นตัวตั้ง ครอบครัวเป็นตัวหาร ผู้เชี่ยวชาญเป็นตัวช่วย”ในการ
เดินทาง จุดหมายปลายทางย่อมเป็นสิ่งที่ทุกคนคาดหวังว่าจะไปให้ถึง แต่ระหว่างทางที่ไปสู่
จุดหมายที่ตั้งใจไว้นั้น ยังมีสิ่งสวยงามให้ช่ืนชมอีกมากมาย พัฒนาการของเด็กออทิสติกแต่ละข้ัน
ก็คือสิ่งสวยงาม การชน่ื ชมสิง่ สวยงามทเ่ี กิดขึ้น ณ วนั น้ี คอื กาํ ลังใจท่ีดที ี่สดุ
ขนั้ ตอน/กระบวนการดําเนนิ การ และกิจกรรม
ขั้นตอนท่ี 1 Intake การรบั สมคั รสมาชกิ หรือการได้มาซง่ึ สมาชิก
การสรรหา/จัดตั้งสมาชิกกลุ่มโดยการสรรหาภายในชุมชน ผ่านการติดต่อประสานงาน
จากเครือขา่ ยชมุ ชน เช่น ผูน้ าํ ชุมชน อสม. อบต. อพม. เป็นต้น
วธิ ใี นการไดม้ าซึง่ สมาชกิ
• หาข้อมลู เบอื้ งต้นของเด็กออทิสตกิ จากหน่วยงานทเ่ี กยี่ วข้องในพ้นื ที่
• ประเมินขอ้ มูลพ้ืนฐาน เช่น ระดบั ของอาการ อายุ เพศ และความพรอ้ มด้านต่าง ๆ เปน็ ตน้
• ติดต่อกับผู้นําชุมชนหรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในชุมชนเพื่อลงพื้นที่สํารวจข้อมูลเชิงลึกของ
กลมุ่ เป้าหมาย
• ติดต่อกับบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเด็ก เพื่อชี้แจงวัตถุประสงค์ของการ
ดาํ เนินการกลุม่ รวมถงึ สอบถามความสนใจในการเปน็ สมาชิกของกลุ่ม
ข้ันตอนท่ี 2 Selection of members การจดั ตั้งกลมุ่ การคัดสมาชกิ กลุ่ม
เมื่อได้ข้อมูลความสนใจจากผู้ปกครองของเด็กออทิสติก จากนั้นจึงทําการคัดเลือกสมาชิก
กลุ่มโดยการคัดเลือกตามเกณฑ์ที่กําหนดไว้และวิเคราะห์ร่วมกับสหวิชาชีพและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
ในกระบวนการกลุม่ โดยมีเกณฑ์ดังน้ี
2.1 ขนาดกลมุ่ : กลมุ่ ขนาดเลก็ มีจํานวนสมาชิก 10 คน
2.2 กลมุ่ เปา้ หมาย: เด็กออทสิ ตกิ
2.3 คุณสมบตั ิผูเ้ ขา้ รว่ มกลุ่ม ดังน้ี
1. ชว่ งอายรุ ะหว่าง 12 - 18 ปี
2. ไมจ่ ํากัดเพศ
3. เป็นเด็กออทิสติก ระดับ 1 ที่ต้องการช่วยเหลือสนับสนุน (Requiring
support)
4. เป็นเด็กออทิสติก ที่มีระดับอาการของเด็กออทิสติกอยู่ในระดับกลุ่มที่มี
อาการน้อย คือ มีระดับสติปัญญาปกติหรือสูงกว่าปกติ มีพัฒนาการทาง
ภาษาดีกว่ากลุ่มอื่น แต่ยังมีความบกพร่องในทางทักษะสังคม การรับรู้
อารมณ์ความร้สู กึ ของบคุ คลอ่นื
72
5. เปน็ บคุ คลทสี่ ามารถสื่อสารเป็นภาษาไทยได้
6. กําลังศึกษาในระดับการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 หรือเรียนในรูปแบบ
Home School หรือไม่ได้กาํ ลังศึกษา
7. อาศัยอยู่ในชุมชนหรือพื้นที่ใกล้เคียงกัน เพื่อความสะดวกในการเข้าร่วม
กิจกรรม
วิธกี ารคดั เลอื กสมาชิก ได้แก่
1. การย่ืนใบสมคั รดว้ ยตนเอง
2. การแสดงเจตนารมณ์หรอื แจ้งความประสงค์ที่จะมาเป็นสมาชกิ
3. การสรรหาหรือจัดตั้งสมาชิกภายในชุมชน โดยจะมีการติดต่อผ่านเครือข่ายชุมชน เช่น
อสม. อบต. พม. โรงเรยี นประจําตําบลหรืออาํ เภอ เปน็ ต้น
ขัน้ ตอนที่ 3 Assessment and planning การประเมนิ และการวางแผนการดาํ เนนิ งาน
การวางแผนการดําเนินการโดยใช้การจัดกิจกรรมการรวมกลุ่มของสมาชิกบิดา มารดา
ผู้ปกครอง ผู้ดูแลของเด็กออทิสติกซึ่งเป็นสมาชิกที่ผ่านการคัดเลือกมานั้น ให้เกิดการแลกเปลี่ยน
ประสบการณ์ในการดูแลบุตรหลานที่เป็นเด็กออทิสติก เพื่อให้นักสังคมสงเคราะห์และทีมสห
วิชาชีพทราบประเด็นปัญหาจากผู้ปกครองที่พบในการเลี้ยงดูเด็กออทิสติก เพื่อสามารถนําข้อมูลท่ี
ได้ไปวางแผนออกแบบกิจกรรมกลุ่มให้กับเด็กออทิสติกได้ตรงตามประเด็นปัญหา โดยมีแผนการ
ดาํ เนินกลมุ่ แบง่ เปน็ 3 ระยะ ดงั นี้
ระยะที่ 1 การสรา้ งสมั พนั ธภาพ
ขั้นตอนการดาํ เนินการ
1. จัดให้สมาชิกกลุ่ม คือ บิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลของเด็กออทิสติก นั่งล้อมเป็น
วงกลม
2. ผนู้ ํากลุม่ สรา้ งสัมพนั ธภาพกบั สมาชิกเพือ่ บรรยากาศที่เป็นกันเอง
3. ผู้นํากลุ่มแนะนําตนเอง และแนะนําผู้ร่วมสังเกตการณ์ และให้สมาชิกกลุ่มแต่ละคนแนะนํา
ตนเอง
4. ผู้นํากลุ่มอธิบายให้สมาชิกทุกคนเข้าใจจุดมุ่งหมายของกลุ่ม โดยแจ้งวัตถุประสงค์ของการ
ดําเนินกลุ่ม รวมถึงรูปแบบการดําเนินกลุ่มให้สมาชิกรับทราบ เพื่อทําให้เกิดความเข้าใจ
ตอ่ การเข้ารว่ มกลุ่ม
5. พูดถึงประเด็นการรักษาความลับ การพิทักษ์สิทธิ์ เพื่อให้สมาชิกเกิดความรู้สึกปลอดภัยใน
การมีปฏสิ ัมพันธก์ ับสมาชิกคนอ่นื
ระยะท่ี 2 การช่วยใหส้ มาชกิ เกิดการแกไ้ ขปัญหา
ขัน้ ตอนการดําเนนิ การ
1. ผนู้ าํ กลมุ่ นําสมาชกิ เขา้ สู่กิจกรรม เพือ่ ใหเ้ กิดความสนใจและเห็นด้วยกับวัตถปุ ระสงคท์ ี่
กําหนดไว้
73
2. กระตุ้นใหส้ มาชกิ กลุ่มแตล่ ะคนไดพ้ ูดถงึ ประสบการณใ์ นการดแู ลเดก็ ออทสิ ติก
3. กระตุ้นและเปิดโอกาสให้สมาชิกกลุ่มแต่ละคนได้ระบายความรู้สึกและความคับข้องใจ
ตอ่ ปญั หาของตนเอง
4. เปิดโอกาสให้สมาชิกทุกคนได้ถ่ายทอดถึงความรู้สึกต่อปัญหาในรายละเอียดต่าง ๆ
โดยกระตุ้นให้สมาชิกกลุ่มเล่าเรื่องเพิ่มเติม และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการแก้ไข
ปญั หาทีค่ ล้ายคลงึ หรอื แตกต่างกนั
5. กิจกรรมส่งเสริมพลังครอบครัว (Family Empowerment) มีวัตถุประสงค์เพื่อ
เสริมสร้างพลังครอบครัว ให้บิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลของเด็กออทิสติกเกิด
ความตระหนักว่า ครอบครัวมีบทบาทสําคัญที่สุดในการดูแลช่วยเหลือเด็กออทิสติก
ไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นหน้าที่ของทุกคน กิจกรรมส่งเสริมพลัง
ครอบครัวจึงเป็นการเตรียมพลังกายและพลังใจในตัวผู้ปกครอง เนื่องจากการเริ่มต้น
และการพัฒนาที่ดี คือ การสุมหัวเข้าหากัน จับเข่าคุยกัน ช่วยกันในแนวทางเดียวกัน
ไว้วางใจซงึ่ กนั และกัน โดยสมาชกิ ทกุ คนในครอบครวั มโี อกาสช่วยเหลอื เด็กเทา่ ๆ กัน
6. ในกิจกรรมกลุ่ม นักสังคมสงเคราะห์จะมีการให้ความรู้และคําแนะนําหลัก ๆ ให้แก่
ผู้ปกครอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองควรทําความเข้าใจเกี่ยวกับการเข้ากลุ่มของเด็กออทิ
สติก ให้ผู้ปกครองมีการทําความเข้าใจว่า ครอบครัว คือกลไกสําคัญในการขับเคลื่อน
ซึ่งจะทําให้การดูแลรักษามีประสิทธิภาพ โดยความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับออทิสติกเป็น
สิ่งที่เรียนรู้ได้ ไม่ต้องกังวลว่าจะทําไม่ได้หรือทําได้ไม่ดี แต่ควรเริ่มต้นลงมือฝึกเด็ก
ก่อน แล้วค่อย ๆ พัฒนาวิธกี ารตามคําชแี้ นะจากผเู้ ชยี่ วชาญ
7. กระตุ้นให้สมาชิกกลุ่มมกี ารชว่ ยเหลือกนั อยา่ งใกล้ชิด
8. กระต้นุ ใหส้ มาชกิ กลุม่ ได้แลกเปลยี่ นความคดิ เหน็
9. สรุปประเด็นที่สาํ คัญ โดยผนู้ ํากล่มุ สรุปเน้อื หาสาํ คัญที่ได้จากการทาํ กลมุ่
ระยะท่ี 3 การรวบรวมข้อมลู เพื่อออกแบบและวางแผน
ขั้นตอนการดําเนินการ
1. รวบรวมข้อมูลที่เป็นประเด็นปัญหาที่พบของเด็กออทิสติก ที่ได้จากบิดา มารดา
ผูป้ กครอง หรอื ผู้ดแู ลของเด็กออทกิ ในการทาํ กจิ กรรมกลมุ่ ในระยะท่ี 1 และ 2
2. นักสังคมสงเคราะห์ (Social Worker) ร่วมพูดคุยกับทีมงานผู้เชี่ยวชาญจากสหวิชาชีพ
ที่มสี ่วนเกยี่ วขอ้ งเพ่อื วางแผนการทํางานและออกแบบกจิ กรรมกลมุ่ ได้แก่
• จิตแพทยเ์ ดก็ และวัยร่นุ (Child and Adolescent Psychiatrist)
• นกั จิตวทิ ยา (Psychologist)
• พยาบาลจติ เวช (Psychiatric Nurse)
• นกั แกไ้ ขการพูด (Speech Therapist)
• นักกิจกรรมบาํ บัด (Occupational Therapist)
• ครกู ารศึกษาพิเศษ (Special Education Teacher)
3. ออกแบบและวางแผนกิจกรรมกลุ่มให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาของกลุ่มเป้าหมายเด็ก
ออทิสติก และเหมาะสมกับระดับความสามารถ ความบกพร่อง และความสนใจของเด็กแต่ละคน
74
เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ที่ง่าย ไม่สับสน และเพื่อให้เด็กสามารถนําทักษะที่ได้จากกิจกรรมกลุ่มไปใช้
ในชีวติ ประจําวันได้
ขั้นตอนที่ 4 Group development and intervention การดําเนินงานกับกลุ่ม ด้วยเครื่องมือ
คือ กิจกรรม
ปญั หาทีพ่ บจากผ้ปู กครอง คือ เด็กออทสิ ตกิ ขาดทกั ษะในการเข้าสงั คม
กจิ กรรมทใี่ ช้คอื กจิ กรรมการพฒั นาทักษะดา้ นสังคมใหแ้ กเ่ ดก็ ออทสิ ติก
วัตถุประสงค์
1. เพื่อสง่ เสรมิ ศักยภาพ ความสามารถ และพัฒนาการของเดก็ ออทสิ ตกิ
2. เพ่ือเคารพศกั ดศ์ิ รคี วามเป็นมนษุ ย์อย่างเท่าเทยี ม
3. เพื่อรวมกลุ่มเด็กออทิสติกให้เกิดความเข้าใจ มั่นคง ลดความโดดเดี่ยว ผ่านการทํา
กจิ กรรมร่วมกนั
4. เพื่อการพัฒนาทักษะทางสังคมของเด็กออทิสติกให้สามารถดํารงชีวิตในสังคมได้
ตามปกติ
ขน้ั ตอนของกิจกรรม
1. การประเมนิ สภาพความสามารถในการทํากิจกรรมของสมาชกิ
2. การประเมนิ ความพร้อมตอ่ การทาํ กจิ กรรมของสมาชิก
3. กจิ กรรม
3.1 กจิ กรรมสง่ เสรมิ ความสามารถเดก็ (Ability Enhancement)
แนวทางการดูแลในปัจจุบันส่วนใหญ่จะพุ่งเป้าไปที่การแก้ไขความบกพร่อง จนทํา
ให้ลืมมองในมุมที่เป็นความสามารถของเด็ก และพบว่าเด็กออทิสตกิ บางคนมีความสามารถพิเศษ
เฉพาะด้านด้วย ถ้ามองเห็นความสามารถของเด็ก การยอมรับจากสังคมก็เกิดง่ายขึ้น โอกาสที่เขา
จะได้เรียนรู้และพัฒนาก็เพิ่มขึ้น ส่วนความผิดปกติที่มีก็ได้รับการแก้ไข บนฐานความคิดที่ว่า
“ แก้ไขเพื่อดึงความสามารถที่มีอยู่ออกมาใช้ให้เต็มที่ เต็มตามศักยภาพ ไม่ใช่แก้ไขเพื่อลดความ
ผิดปกติเท่านั้น ” และ เมื่อได้รับการยอมรับในสังคมแล้ว โอกาสที่จะพัฒนาทักษะด้านสังคมก็
เพ่ิมขน้ึ ดว้ ย เน่อื งจากพวกเขาไม่ตอ้ งเป็นฝา่ ยท่ปี รบั ตวั เข้าหาสังคมเพียงด้านเดียว แต่สังคมก็
พยายามปรับตัวเข้าหาพวกเขาด้วยเช่นกัน เป็นการพบกันครึ่งทาง ถ้ามุ่งแก้ไขความบกพร่องเพียง
ด้านเดียว ก็จะยิ่งทําให้หมดกําลังใจเร็ว เนื่องจากมองเห็นแต่ปัญหา แต่ถ้ามุ่งส่งเสริม
ความสามารถควบคู่ไปด้วย จะชว่ ยใหม้ ีกําลงั ใจ เนอ่ื งจากสามารถมองเห็นการเปล่ยี นแปลงได้
ความสามารถในที่นี้ไม่จําเป็นต้องเป็นความสามารถพิเศษเสมอไป แต่คือสิ่งที่เด็ก
สามารถทาํ ได้ เช่น ส่งเสียงอะไรได้บ้าง พูดคําว่าอะไรได้บ้าง เล่นอะไรเป็นบ้าง ดูแลช่วยเหลือ
ตัวเองในเรื่องอะไรได้บ้าง แล้วขยายความสามารถที่ทําได้เหล่านี้ให้ดียิ่งขึ้น โดยเปิดโอกาสให้เด็ก
ได้ทําบ่อย ๆ แล้วสอนเพิ่มในเรื่องที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่เด็กทําได้ ก็จะยิ่งทําให้เรียนรู้ได้ง่ายขึ้น และ
ขยายขอบเขตความสามารถเพิ่มขึ้น เช่น การเสริมสร้างโอกาสให้เด็กได้เล่นของเล่นที่หลากหลาย
ได้ทํากิจกรรมที่หลากหลาย เช่น ดนตรี กีฬา งานศิลปะต่าง ๆ ช่วยงานที่พ่อแม่ทํา ก็จะช่วยเสริม
ใหเ้ ดก็ มโี อกาสแสดงความสามารถใหเ้ ห็นเพ่ิมขึ้น
75
3.2 กิจกรรมการฝึกฝนทักษะในชีวิตประจําวัน (Activity of Daily Living
Training)
โดยการจัดกระบวนการเรียนรู้ในเรื่องกิจวัตรประจําวัน ให้เด็กสามารถทําได้ด้วย
ตนเองเต็มความสามารถที่เขามีอยู่ โดยต้องการความช่วยเหลือน้อยที่สุด ในการฝึกฝน เด็ก
จําเปน็ ตอ้ งเรยี นรู้ทลี ะ ขั้นตอนจนสามารถปฏิบัติได้ และเกิดเป็นความเคยชิน ติดตัวไปใช้ใน
ชวี ติ ประจําวันได้ เพื่อให้เด็กช่วยเหลือตวั เองได้ตามศักยภาพ ลดการดูแลของพ่อแม่หรือผู้ปกครอง
และเดก็ เกดิ ความภาคภูมใิ จ เม่อื เขาสามารถทาํ อะไรได้ด้วยตวั เอง
3.3 กิจกรรมการฝึกฝนทักษะสังคม (Social Skill Training)
ทักษะสังคม เป็นความบกพร่องที่สําคัญของเด็กออทิสติก ดังนั้นจึงต้องให้การ
ฝึกฝนด้านนี้เป็นพิเศษ ซึ่งทําได้โดยการจําลองเหตุการณ์ หรือสถานการณ์ทางสังคมต่าง ๆ เพื่อให้
ทดลองปฏิบัติจนเกิดความชํานาญ หรือการสอนโดยให้จดจํารูปแบบบทสนทนาในสถานการณ์
ต่างๆ เพื่อนํามาใช้โดยตรง โดย ใช้วิธีการสอนเรื่องราวทางสังคม (Social Stories) โดยการ
กาํ หนดเรอื่ งราว หรอื สถานการณ์ต่าง ๆ ในสังคม มาสอนใหแ้ ก่เดก็ ได้แก่
1) ลักษณะทางสงั คมท่ีสาํ คญั
2) ปฏิกิรยิ าโต้ตอบทคี่ าดวา่ จะเกดิ ข้นึ จากเด็กท่ัวไป
3) ปฏิกิริยาโต้ตอบทค่ี าดว่าจะเกดิ ขึน้ จากเด็กออทิสตกิ
4). รวมถึงเหตผุ ลที่แสดงปฏกิ ิริยาโตต้ อบเช่นนั้น
เรื่องราวทางสังคมที่นํามาสอน จะเป็นเหตุการณ์ที่พบได้จริง เป็นปัจจุบัน ใช้สรรพ
นามบุรษุ ที่ 1 และถ้ามีการวาดภาพประกอบก็ยิ่งทําให้เข้าใจง่ายขึ้น ตัวอย่างเรื่องราวทางสังคม
เช่น
“เด็กส่วนมากตั้งใจทาํ การบา้ น เพือ่ ใหเ้ สรจ็ ก่อนแล้วค่อยไปเลน่ ”
“ผมจะพยายามเดนิ อย่างสงบในแถว ไมแ่ ตกแถว”
“เมือ่ หนสู ่งเสียงดังในห้องเรยี น จะรบกวนเพ่ือนๆ และคุณครูก็จะไม่พอใจท่ีหนูทาํ แบบนัน้
การสอนเรื่องราวทางสังคม เพื่อช่วยให้เด็กออทิสติกสามารถเข้าใจสถานการณ์ท่ี
เกิดขึ้นในสังคม เข้าใจอารมณ์ ความรู้สึกของผู้อื่น และวิธีปฏิบัติตนที่เหมาะสมในสถานการณ์นั้น
ๆ ซึ่งจะช่วยพัฒนาทักษะในการเข้าสังคมให้แก่เด็กออทิสติก ส่งผลให้เด็กสามารถปรับตัวเข้า
สงั คมได้ ลดพฤติกรรมที่เป็นปัญหาลง และชีชวี ติ ประจําวันไดอ้ ย่างปกติสุข
ตัวตนนักสงั คมสงเคราะห์-บุคลิกลักษณะ
นักสังคมสงเคราะห์ เป็นผู้เอื้ออํานวยความสะดวกให้กลุ่มดําเนินไปสู่เป้าหมายตามทิตทาง
ทีก่ ําหนดไว้ โดยมีการทาํ งานประสานกันร่วมกับผู้นาํ กลุ่มและทีมสหวิหวิชาชพี
ข้นั ตอนท่ี 5 Evaluation and termination การประเมนิ ผลและสิ้นสดุ กลุ่ม
1. การประเมนิ ผลและการวิเคราะหก์ ลุ่ม
การประเมินกลมุ่ ประกอบด้วย 2 องค์ประกอบคือ
76
1. การประเมินเนื้อหา (content) เป็นการประเมินประสิทธิผลของกลุ่มถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับ
สมาชิกที่มีผลเนื่องมาจากการเข้ากลุ่ม ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านความคิด ความรู้สึกและ
พฤติกรรม ซึ่งระดับของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะเป็นสิ่งบ่งบอกผลลัพธ์ อันเป็นความสําเร็จของ
กลุ่มว่ามีมากน้อยเพียงใด โดยประเมินจากประเด็นการสนทนา หรือเนื้อหาสาระในการสนทนาใน
กลมุ่
2. กระบวนการกลุ่ม (Group process) เป็นการประเมินประสิทธิภาพของกลุ่มในสิ่งที่
กําลังเกิดขึ้นและดําเนินไปภายในกลุ่ม ซึ่งผู้นํากลุ่มและสมาชิกต้องรับผิดชอบร่วมกันในการมี
ปฏิสัมพันธ์ต่อกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความเข้าใจในความเคลื่อนไหว การเปลี่ยนแปลงของ
กลุ่ม และใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงประสิทธิภาพในการทําหน้าที่ของผู้นํากลุ่มในการดําเนิน
กลุ่มครง้ั ต่อไป ซ่งึ สามารถประเมนิ ไดจ้ าก
1) การสังเกตสมาชิก คือสังเกตพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงและพยายามทําความ
เข้าใจสาเหตแุ ละความหมายของพฤติกรรมนั้นๆ
2) การสงั เกตการมีสว่ นรว่ มในกล่มุ ท้ังการมสี ว่ นร่วมโดยคาํ พดู และสีหน้าท่าทาง
3) สังเกตบรรยากาศของกลุ่ม ประเมินว่ามีอะไรเกิดขึ้น และจะวางแผนดําเนินการ
อยา่ งไร
4) การวิเคราะห์ปฏิสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในกลุ่มทั้งเชิงบวก เชิงลบ และปฏิสัมพันธ์ท่ี
เป็นกลาง รวมถึงการทําความเข้าใจว่าปฏิสัมพันธ์นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ควรคงไว้หรือควรวางแผน
ปรบั ปรุงแก้ไข ปฏิสัมพนั ธ์ในกลุม่ อยา่ งไรในโอกาสต่อไป
2. การสิน้ สดุ กลมุ่
ข้นั ตอนการดําเนนิ การ
1. สรปุ ประสบการณ์และเหตุการณท์ ั้งหมดในกลุ่ม
2. ประมวลเหตุการณ์และข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพื่อนําไปเผยแพร่สู่สังคมผ่านช่องทาง
ต่างๆ เช่น ช่องทางออนไลน์ การประชาสัมพันธ์ผ่านองคก์ ร เป็นต้น (เป็นข้อมูลในส่วน
ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและต่อสมาชิกกลุ่ม ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีการยินยอมจาก
ผูป้ กครองและสมาชิก ซ่ึงจะไม่เกิดความเสยี หายต่อสมาชกิ กลุ่ม)
3. ร่วมกันประเมินผลความก้าวหน้า การเปลี่ยนแปลง ปัญหาที่เกิดขึ้น และความสําเร็จ
ของกล่มุ
4. ช่วยให้สมาชกิ มคี วามมั่นใจว่าตนเองสามารถเผชิญกับปญั หาด้วยตนเองได้
5. ใหส้ มาชกิ ไดพ้ ดู ถงึ ความรสู้ ึกตอ่ การเขา้ ทาํ กลมุ่ ในครัง้ น้ี
6. ยตุ ิกลมุ่ กลา่ วอําลา
7. วางแผนการพัฒนาและแก้ไขกลุ่มที่จะเกิดขึน้ ในอนาคต
77
ช่วงเวลาการดาํ เนินการเพ่อื สร้างการเปลยี่ นแปลง/ ระดบั ไหน อยา่ งไร
ช่วงเวลาการดาํ เนินการเพือ่ สรา้ งการเปล่ียนแปลงมรี ะยะเวลา ดงั นี้
1. กรณีตอนเปิดเทอมของเด็กออทิสติกที่กําลังศึกษาจะมีการดําเนินการใช้ระยะเวลา 4
ครั้งต่อเดือน ครั้งละ 30-60 นาที เป็นเวลาต่อเนื่องกัน 6 เดือน รวมถึงบุคคลที่ศึกษา
รูปแบบ Home School หรือไมไ่ ด้ศกึ ษา
2. กรณีตอนปิดเทอมของเด็กออทิสติกจะมีการดําเนินการใช้ระยะเวลา 8 ครั้งต่อเดือน
คร้ังละ 60-120 นาที เป็นเวลาตอ่ เนื่องกนั 2 เดอื นในชว่ งปดิ เทอม
3. กรณีเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือเกิดการพัฒนาของเด็กออทิสติกจะมีการนัดพบเพื่อ
ติดตามพัฒนาการหลังจากการดําเนินการเป็นช่วงระยะเวลา 1 ปี ปีละ 4 ครั้ง หรือ 3
เดือนต่อ 1 คร้ัง
บรรลุเป้าหมาย/ อธิบายด้วยการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลง ระดับ คือ การเปลี่ยนแปลงบุคคล
กลมุ่ โครงสรา้ ง)
จากช่วงเวลาการดําเนินการเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงข้างต้น มีการใช้ระยะเวลาที่
คาดหวังให้บรรลุเป้าหมายเป็นเวลา 8 เดือน และมีการติดตามพัฒนาการของเด็กออทิสติกอีกเป็น
ระยะเวลา 1 ปี ซง่ึ จากการดาํ เนนิ การดงั กลา่ ว จะทําให้เกิดการเปลย่ี นแปลง 3 ระดบั ดงั ตอ่ ไปน้ี
ระดับบุคคล คือ ทําให้เด็กออทิสติกมีพัฒนาการที่ดีขึ้น เช่น การทรงตัวของร่างกาย
การใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กและใหญ่ เป็นต้น อีกทั้งทําให้สามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้ เช่น
การเปล่งเสียงที่ถูกต้อง การรู้จักภาษา เป็นต้น สามารถทํากิจวัตรประจําวันของตนเอง
ได้ และสามารถดาํ รงชวี ติ อยรู่ ่วมกันกบั คนในสังคมไดต้ ามปกติ
ระดับกลุ่ม คือ กิจกรรมกลุ่มทําให้สมาชิกแต่ละคนได้ทํากิจกรรมร่วมกัน โดยนําไปสู่
การมีการพัฒนาการที่ดีขึ้นหรือมีความเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งทําให้สมาชิก
อาจจะมีความรู้สึกร่วมกันที่นําไปสู่ความรู้สึกที่ไม่โดดเดี่ยวและรู้สึกเป็นอันหนึ่งอัน
เดียวกนั
ระดับโครงสร้าง คือ ทําให้คนในสังคมตระหนักถึงความสําคัญของเด็กออทิสติกมาก
ขึ้น เนื่องจากคนในสังคมส่วนหนึ่งอาจจะมีมุมมองทางลบต่อเด็กออทิสติก เพราะเห็น
ว่าเด็กออทิสติกมีความแตกต่างจึงมีการละเลย กีดกันหรือมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อเด็ก
ออทิสติก แต่เมื่อมีกลุ่มของเด็กคนออทิสติกขึ้นมา จะเป็นการสร้างความตระหนักรู้
และเปลี่ยนมุมมองความคิดของตนได้ และนําไปสู่การยอมรับและอยู่ร่วมกันได้อย่างมี
ความสขุ
78
ระบผุ มู้ ีบทบาทเกี่ยวขอ้ งในกระบวนการกลุม่
ขั้นตอนที่ 1 Intake การรับสมัครสมาชิก หรือการได้มาซึ่งสมาชิก ในขั้นตอนนี้นั้น ผู้ที่จะ
มามีบทบาทเกี่ยวข้องในกระบวกซึ่งได้มาซึ่งสมาชิกนั้น คือ การสรรหาภายในชุมชน ผ่านการ
ติดตอ่ ประสานงานจากเครือข่ายชุมชน เช่น ผู้นาํ ชุมชน อสม. อบต. อพม. เปน็ ต้น
ขั้นตอนที่ 2 Selection of members การจัดตั้งกลุ่ม การคัดสมาชิกกลุ่ม ในขั้นตอนนี้นั้น
จําเป็นจะต้องทํางานร่วมกับผู้ปกครองของกลุ่มเป้าหมาย และสหวิชาชีพ อันได้แก่ แพทย์
พยาบาล นักจิตวทิ ยา และเครอื ขา่ ยชมุ ชน รวมไปถึงกลมุ่ เปา้ หมาย
ขั้นตอนที่ 3 Assessment and planning การประเมินและการวางแผนการดําเนินงาน
ส่วนนี้นั้นจําเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทําการประเมินร่วมกับสหวิชาชีพ คือ แพทย์ พยาบาล
นักจิตวิทยา นักบําบัดต่าง ๆ รวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญด้านออทิสติก อีกทั้งสมาชิกบิดา มารดา
ผปู้ กครอง ผดู้ ูแลของผู้เดก็ ออทิสตกิ และกลมุ่ เป้าหมาย
ขั้นตอนที่ 4 Group development and intervention การดําเนินงานกับกลุ่ม ด้วยผู้ท่ี
เก่ียวขอ้ งคือ กลุ่มเปา้ หมาย เด็กออทสิ ติก และ ทมี สหวชิ าชพี
ขั้นตอนที่ 5 Evaluation and termination การประเมินผลและสิ้นสุดกลุ่ม ในขั้นตอน
สุดท้ายนี้จําเป็นที่จะต้องทําการประเมินร่วมกับ สหวิชาชีพ และผู้ปกครอง กลุ่มเป้าหมาย เพื่อทํา
การดกู ระบวนการผลลพั ธแ์ ละยุตกิ ระบวนการดังกลา่ ว
การวดั และการประเมินผลการดําเนินกิจกรรม
การวัดผลและการประเมินผลของการดําเนินกิจกรรมในกลุ่มหน่อไม้ป่าเน้นให้ความสําคัญ
กับกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้บริการ นั่นคือ กลุ่มเด็กออทิสติก ตามด้วยครอบครัว และสภาพสังคม
ตามลําดบั โดยแบ่งการประเมนิ ตามกลุ่มเปา้ หมายผใู้ ชบ้ ริการ ดงั น้ี
1. กลุ่มเด็กออทสิ ตกิ
การประเมินในกลุ่มเด็กออทิสติก เป็นขั้นตอนที่มีความละเอียดอ่อน เนื่องจากมีผู้ใช้บริการ
ที่มีความหลากหลายทางด้านอาการที่แสดงออก จึงต้องมีการประเมินตั้งแต่เริ่มทํากิจกรรม ด้วย
การตัวชี้วัดว่า ผู้ใช้บริการมีสภาพอารมณ์ และการแสดงออก ที่พร้อมให้ความร่วมมือ มีความสุข
ไปกับการทํากิจกรรมหรือไม่ และเมื่อสิ้นสุดกิจกรรมในแต่ละด้าน นักสังคมสงเคราะห์ควรจัดให้มี
การสะท้อนตนเองภายในกลุ่ม ว่าผู้ให้บริการ รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลง การพัฒนา การตระหนักใน
คุณคา่ ของตนเองอยา่ งไร
2. ครอบครวั
วัดประเมินประสิทธิภาพของการจัดกิจกรรมกลุ่ม กบั ครอบครัว จากการพูดคุยเป็นกลุ่มถึง
การเห็นพัฒนาการเปลี่ยนแปลง การพัฒนา ของตัวเด็กออทิสติกที่อยู่ในการดูแล ว่ามีความ
เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด พูดถึงการรับรู้อารมณ์ ความรู้สึกของเด็กที่เป็นบุตรหลานผ่านการ
สังเกต เฝ้ามอง พูดคุย เนื่องจากครอบครัวเป็นผู้ซึ่งใกล้ชดิ กับเด็กมากกว่า ย่อมจะเข้าใจอารมณ์
ความรู้สึกของเด็กอย่างลึกซึ้ง นอกจากนี้อาจจัดทําแบบสอบถามหรือแบบประเมินความพึงพอใจ
ที่จะวัดประเมินถึงความเหมาะสมของเนื้อหากิจกรรม ระยะเวลา ประโยชน์ที่ได้รับ หรือเรื่อง
สถานที่ เพื่อให้นักสังคมสงเคราะห์สามารถนําไปประกอบการพิจารณาแก้ไขปรับปรุงรูปแบบการ
ทาํ กจิ กรรมใหด้ ขี ้นึ
79
ข้อเสนอแนะสําหรับนักสังคมสงเคราะห์ และผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ หากต้องการดําเนินกิจกรรม
กลมุ่ “หนอ่ ไมป้ ่า”
ในการดําเนินกิจกรรมกลุ่มหน่อไม้ป่า เป็นกิจกรรมที่มีกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้บริการเป็น เด็ก
ออทสิ ตกิ ในชมุ ชน และครอบครัว การดําเนนิ กจิ กรรมจงึ มีขอ้ แนะนาํ ดงั นี้
1. นกั สังคมสงเคราะห์
นักสังคมสงเคราะห์ผู้ที่จะปฏิบัติงานในกลุ่มกิจกรรมนี้ ควรเป็นนักสังคมสงเคราะห์ที่เป็นผู้
มีความรู้ ความเข้าใจ หรือจบการศึกษาโดยตรงในด้านของ เด็ก เยาวชน และครอบครัว เพราะ
กระบวนการทํางานทีเ่ กดิ ข้ึน เป็นการทาํ งานกบั เยาวชน เด็ก และครอบครัว ทม่ี ขี ั้นตอนการทํางาน
ที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน และข้อกฎหมายบางอย่างผูกมัด รวมทั้งความรู้ด้านจิตวทิ ยาพัฒนาการอีก
ด้วย นอกจากนี้ นักสังคมสงเคราะห์ควรจะศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมในประเด็นเรื่องของโรคความ
ผิดปกติทางสมอง และร่างกายแต่กําเนิด เช่น ออทิสติก เพื่อทําความเข้าใจผู้ใช้บริการก่อนการ
ปฏิบตั ิงานจริง
2.กล่มุ ผูน้ าํ ชมุ ชน
ควรทําความเข้าใจกับผู้คนในชุมชน และการประชาสัมพันธ์ถึงกิจกรรมที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้
คนในชุมชนได้รับรู้ และเข้าใจถึงกิจกรรมที่เกิดขึ้น มองการจัดกิจกรรมเป็นเสมือนกิจกรรมสร้าง
ความสัมพันธ์หนึ่งของชุมชนที่ทุกคนควรให้ความร่วมมือ และตระหนักให้สิทธิ และคุณค่าความ
เป็นมนุษย์ของผ้ใู ชบ้ ริการ
บทเรียนรู้ของสมาชิก (นักศึกษาในฐานะผู้ออกแบบกลุ่ม ) อาทิ ปัญหาอุปสรรค การริเริ่มและ
ขอ้ คน้ พบ อนื่ ๆ ทอ่ี ยากบอกเลา่
แน่นอนว่ากลุ่ม “หน่อไม้ป่า” ที่ได้ระดมความคิดร่วมกันเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้แก่
กลุ่มเป้าหมายนั้น ทางเราได้เลือกเป็นกลุ่มเด็กออทิสติก ที่มีอายุในช่วง 12-18 ปี ถือได้ว่าเด็กกลุ่ม
นี้อยู่ในช่วงวัยที่จะก้าวไปสู่สังคมกว้างขึ้นในอนาคต และโดยปกติทั่วไปแล้วเด็ก ๆ ในช่วงวัยนี้คือ
วัยที่จะต้องมีสังคมเพื่อน สังคมในโรงเรียน หรือสังคมตามกิจกรรมต่าง ๆ ที่พวกเขาสนใจ ซึ่งการ
มีกิจกรรมกลุ่มนั้นไม่ได้เป็นเพียงการหาความรู้ เข้าสังคม เจอผู้คนใหม่ๆ แต่ก็เพื่อให้เป็นการ
เตรยี มพรอ้ มอีกขนั้ ในการชว่ ยส่งเสรมิ ทกั ษะในหลาย ๆ ด้านที่แฝงอยู่ในตวั ของบคุ คล
แต่ทว่า กิจกรรมบางอย่างทางสังคมเองก็มีข้อกําจัดที่ไม่ให้เด็กออทิสติก เข้าไปมีบทบาทหรือ
ส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคมนั้นได้ แม้จะมีการให้เด็กเหล่านี้ได้เข้าเรียนในโรงเรียนปกติทั่วไป
เหมือนเด็กคนอื่น ๆ แต่สังคมเองก็ยังทําเหมือนพวกเขาแตกต่างออกไป ทั้ง ๆ ที่แท้จริงแล้วพวก
เขาก็เป็นแค่เด็กที่พร้อมรับการเรียนรู้ แม้จะเรียนรู้ช้าบ้างแต่ก็ไม่ได้แปลว่าเด็กกลุ่มนี้จะไม่
พยายามหรือทําความเข้าใจกับสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพียงแต่จะต้องใช้เวลาในการให้พวกเขาได้ทํา
ความเข้าใจนานกว่าปกติ ซึ่งจากการศึกษาและทําความเข้าใจกับเด็กออทิสติกกลุ่มนี้นั้น ปัญหา
อุปสรรคที่คาดว่าจะเกิดขึ้นหากมีการรวมกลุ่มจริงเกิดขึ้น คือ การเปิดใจของผู้ปกครองในการที่จะ
ให้เด็กได้เข้าร่วมกิจกรรมเอง เพราะอาจจะมีผู้ปกครองที่เป็นห่วง กลัวว่าเด็กเหล่านี้จะดูแลยาก
จะไม่ให้ความร่วมมือในการทํากิจกรรมกลุ่มร่วมกัน และการที่ผู้ปกครองของเด็ก ๆ คิดเช่นนี้
อาจจะมองได้ทั้งข้อดีข้อเสียว่า ข้อดีที่จะเกิดขึ้นยิ่งผู้ปกครองเป็นห่วงเด็ก ๆ มากเท่าไหร่ แต่เมื่อได้
ลองยอมให้เด็ก ๆ ได้เข้าร่วมกิจกรรมและเห็นการเปลี่ยนแปลงของเด็ก ๆ ผู้ปกครองเองก็จะเกิด
80
ความภูมิใจกับเด็ก ๆ ทั้งยังเป็นการเชื่อมั่นในศักยภาพที่เด็ก ๆ มีอีกด้วย ข้อเสียที่ว่าความกลัวที่
ยังไม่เกิดหรือมาไม่ถึงของผู้ปกครองว่าเด็กในการดูแลของตนอาจจะมาสร้างความลําบากให้การ
ทํากิจกรรมกลุ่มดําเนินการไปได้ยากเป็นภาระที่จะต้องดูแล ซึ่งแน่นอนว่ามันจะกลายเป็นการ
ลดทอนคุณค่าที่มีในตัวเด็กไม่ใช่น้อย ทั้งนี้เองก็ย่อมต้องเป็นการเคารพการตัดสินใจของ
ผู้ปกครองที่จะยอมให้เด็ก ๆ ได้ออกมาสู่กิจกรรมการนําไปถึงการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ เพราะหาก
ได้ลองให้เขาได้ออกจาก Safe zone ที่เคยมีย่อมจะเป็นการสร้างความมั่นใจของเด็กได้เป็นอย่าง
มาก
และอีกสิ่งที่เป็นข้อค้นพบในการออกแบบกลุ่มให้แก่กลุ่มเด็กออทิสติก คือการดูแลให้พวก
เขาได้เข้าร่วมการทํากิจกรรมตามที่ได้เตรียมไว้ ซึ่งนั้นถือเป็นสิ่งที่ค่อนข้างจะทําได้ยากแต่หากทํา
ได้ ก็จะเป็นผลดีต่อตัวเด็กเอง เพราะแน่นอนว่าเด็กกลุ่มนี้มีปัญหาในเรื่องของการสื่อสาร การเล่น
การเข้าสังคม จุดประสงค์หลักของการรวมกลุ่มเองก็เพื่อให้เด็ก ๆ ได้เกิดการเข้าสังคมกลับกลุ่ม
ทั้งเพื่อนที่เป็นออทิสติกและเพื่อนที่ไม่ได้เป็นออทิสติกเพื่อจะได้ทําให้เด็กไม่รู้สึกว่าตัวเองถูก
แบ่งแยกออกจากสังคมปกติ อย่างที่กล่าวไปว่าเด็กกลุ่มนี้มีปัญหาในการสื่อสาร การเล่น การเข้า
สังคม สามสิ่งนี้อาจจะมองเป็นปัญหาสําหรับคนทั่วไป แต่หากมองจริง ๆ แล้วมันอาจจะไม่ใช่
ปัญหาเช่นกัน แต่มันคือสิ่งที่จะต้องมีการเขา้ ไปช่วยเข้าไปเติมเต็มให้เด็กกลุ่มนี้ ได้มีการสื่อสารที่ดี
ขึ้น มีทักษะการเล่นที่ดีจนนําไปสู่ความชอบ อาทิเล่นกีฬา เล่นดนตรี ต่าง ๆ และการเข้าสังคมใน
การอยรู่ ่วมกนั กบั ผอู้ น่ื ตลอดจนชว่ ยปรบั บคุ ลกิ ภาพใหพ้ วกไดร้ สู้ ึกมน่ั ใจในตัวเองมากขึน้
ปัญหาอุปสรรคท่ีได้กล่าวไปข้างต้นนั้น เป็นส่วนหนึ่งที่ทําให้เรามองเห็นภาพในการร่วม
สร้างกลุ่มขึ้นมา แต่กลุ่มของเราพยายามที่จะไม่มองว่าสิ่งเหล่านั้นมันคือปัญหา แต่มองว่ามันคือ
สิ่งที่สามารถพัฒนาให้ดีขึ้นไปได้อีก เพราะเชื่อว่ามนุษย์มีศักยภาพในตนเอง เด็กกลุ่มนี้เองก็มี
ศักยภาพที่พร้อมจะปล่อยศักยภาพที่มีอยู่ออกมาสู่สังคมให้สังคมยอมรับในความแตกต่างของพวก
เขาเช่นกัน กิจกรรมกลุ่มของเราเป็นเพียงแค่ส่วนเล็ก ๆ ในการเข้าไปมีบทบาทกระตุ้นให้พวกเขา
ได้เกิดการเรียนรู้และทําความเข้าใจกับตนเองมากขึ้น การเป็นออทิสติกไม่ใช่โรคที่สร้างความ
เดือดร้อนต่อสังคมอย่างที่สังคมมองว่าเขาอาจจะอาละวาดหรือแสดงพฤติกรรมบางอย่างออกมา
แต่แท้จริงแล้วโรคนี้เป็นภาวะผิดปกติของพัฒนาการเรียนรู้ที่ต้องร่วมกันทําความเข้าใจและไม่ไป
สร้างบาดแผลในใจให้แก่เด็ก แต่ต้องให้ความสนใจเอาใจใส่เขาเสมอเชื่อมั่นใจศักยภาพของเด็ก
เพียงเทา่ น้ี ทง้ั ตวั เดก็ และผปู้ กครองกจ็ ะเกดิ ความภาคภูมิใจข้นึ รว่ มกนั
อีกทั้งการสร้างกลุ่มนี้ขึ้นมา สมาชิกในกลุ่มทุกคนย่อมมีความคิดร่วมกันและรับฟังความ
คิดเห็นของสมาชิกทุกคน จนได้ออกมากลายเป็นกลุ่ม “หน่อไม้ป่า” สมาชิกทุกคนในกลุ่มเชื่อว่า
มนุษย์ทุกคนล้วนแล้วแต่มีศักยภาพ แม้จะถูกมองว่าไม่ปกติ แต่ความแตกต่างนั้นก็สามารถ
กลายเป็นความพิเศษแก่พวกเขาได้ และสมาชิกในกลุ่มทุกคนยังมีเป้าหมายที่ดีร่วมกันว่าการ
ก่อกําเนิดกลุ่ม “หน่อไม้ป่า” ขึ้นจะสามารถช่วยเปลี่ยนแปลง พัฒนา แก่กลุ่มเป้าหมายคือกลุ่มเด็ก
ออทิสติก ที่เหมือนถูกมองว่าออ่ นแอแต่สักวันเราหวังว่าจะเห็นพวกเขาก้าวเข้าสู่สังคมในอนาคตได้
และอยู่ในสังคมอย่างมคี วามสุข
81
ข้อเสนอแนะอื่นๆ ที่ควรมีการดําเนินการหากต้องการทํางานเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงโดย
ใช้งาน “กล่มุ ” เป็นเครือ่ งมอื ในการทาํ งาน
อย่างที่ได้กล่าวไปว่า การรวมกลุ่มของ “หน่อไม้ป่า” เพื่อกลุ่มเป้าหมายคือเด็กออทิสติก นี้
เองก็มี ข้อเสนอแนะที่ควรมีในการดําเนินการหากต้องทํางานเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง คือ
กิจกรรมกลุ่มที่ร่วมกันออกแบบมีการรวมเด็กทั่วไปที่ไม่ได้เป็นออทิสติกเข้ามามีบทบาทในการร่วม
ทํากิจกรรมด้วย เพื่อให้เด็กทั้งผู้เป็นออทิสติหรือไม่ได้เป็นออทิสติกจะได้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวและเห็น
ว่าบนโลกนี้ยังมีอีกหลายคนที่เข้าใจในตัวของพวกเขาและมองเห็นศักภาพในตัวของพวกด้วย
เชน่ กนั
ข้อเสนอแนะแรก อยากให้หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือหน่วยงานที่เข้าไปขอความ
ช่วยเหลือได้มีส่วนร่วมต่อการสร้างกลุ่มเพื่อการเปลี่ยนแปลง อาทิ โรงพยาบาลในพื้นที่ โรงเรียน
หรือหน่วยงานราชการต่าง ๆ ที่จําเป็นต่อการทํากิจกรรม ไม่เพียงแต่เป็นการขอกําลังคนแต่
อาจจะรวมถึงการขอใช้สถานที่ที่เอื้ออํานวยต่อการจัดทํากิจกรรม เพื่อให้การรวมกลุ่มทํากิจกรรม
ไดเ้ ป็นไปอยา่ งราบร่นื
ข้อเสนอแนะข้อที่สอง การปรับเปลี่ยนทัศนคติของคนก็ถือได้ว่าเป็นส่วนสําคัญของการสร้าง
ความเปลี่ยนแปลงนี้ เพื่อให้กลุ่มคนบางส่วนได้เข้าใจและเปลี่ยนมุมมองความคิดที่มีต่อโรคออทิ
สติก อาจจะพูดได้ค่อนข้างยาก เพราะบางคนก็อาจจะเจอด้านที่ไม่ดีของคนเป็นออทิสติกมาจึง
อาจจะส่งผลให้พวกเขามองบุคคลที่เป็นโรคออทิสติกไปในด้านลบ แม้จะไม่สามารถทําให้มุมมอง
ด้านลบที่เคยเจอนั้นหายไปไม่ได้ แต่การปรับเปลี่ยนมุมมองและพยายามทําความเข้าใจกลุ่มนี้ก็
ถือได้ว่าเป็นส่วนสําคัญที่จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น โดยใช้กลุ่ม ท่ีได้ทําขึ้นเป็นสื่อกลาง
เผยแพรไ่ ปสู่บคุ คลต่างๆ
ข้อเสนอแนะข้อที่สาม ผู้ดําเนินงานกลุ่มเองก็จําเป็นที่จะต้องมีความพร้อมในการรับมือกับ
สถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด เพราะหากมีกิจกรรมที่กดดันหรืออาจจะทําให้เด็กเกิด
ความคิดที่ไม่อยากจะมีส่วนร่วม ย่อมต้องเป็นหน้าที่ของผู้ดําเนินการกลุ่มในการคิดหาวิธีการท่ี
จะต้องแก้ไขขึ้นให้ไว เพื่อที่จะได้ดําเนินงานไปได้ด้วยดี อีกทั้งความเข้าใจในเรื่องของโรคออทิสติก
เองก็เป็นสิ่งสําคัญการหาข้อมูลเบื้องต้นไปจนถึงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโรคนี้ ก็จะสามารถช่วยให้
การทํางานนั้นง่ายข้ึนเพราะเราเข้าใจถึงตัวเด็ก ๆ และเข้าใจถึงปัญหาที่ต้องการจะเข้าไปเพิ่มเติม
ในสว่ นน้นั ใหเ้ ดก็ ๆ กลุ่มนไ้ี ดม้ องเห็นศกั ยภาพของตนเองเพิ่มขนึ้
และข้อเสนอแนะข้อสุดท้าย ถือเป็นข้อเสนอแนะที่สําคัญมาก แม้จุดประสงค์ต่าง ๆ ของ
กลุ่มที่ได้กล่าวไปก่อนหน้าในการรวมกลุ่ม แต่หากขาดการได้รับกําลังใจที่ดีจากครอบครัวก็ไม่ได้
ช่วยทําให้การเปลี่ยนแปลงของเด็ก ๆ นั้นเกิดขึ้น แม้จะจบจากกิจกรรมที่ทําร่วมกันไปแล้ว
กําลังใจการถามไถ่ชื่นชม ก็เป็นสิ่งสําคัญที่ควรจะเกิดขึ้น ไม่ใช่เฉพาะครอบครัวเด็กออทิสติก แต่
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่จะต้องดูแลพวกเขาเป็นพิเศษ เพราะเกิดมาพิเศษกว่าคนอื่น จึงจําเป็นที่จะต้องได้รับ
การเอาใจใส่จากครอบครัวมากขึ้น แต่ไม่ได้แปลว่าครอบครัวจะให้ความสนใจกับคนที่เป็นออทิ
สติกมากกว่าแต่เพยี งแค่เขาตอ้ งได้รบั การดแู ลทเ่ี พ่ิมขนึ้ จากทุกคนในครอบครัว
ทั้งสี่ข้อเสนอแนะที่ได้กล่าวไปขา้ งต้น เป็นเพียงข้อเสนอแนะเบื้องต้นในการที่จะนําไปสู่การ
ทํางานเพื่อการเปลี่ยนแปลง หากสิ่งเหล่านี้ที่ได้กล่าวไปไม่ได้รับการช่วยเหลือ การให้ความร่วมมือ
หรือการให้ความสนใจก็จะไม่ได้เกิดการเปลี่ยแปลงแก่กลุ่มเป้าหมายขึ้น เพราะการสร้างกลุ่ม
82
จําเป็นจะต้องมีเครือข่ายที่จะช่วยอํานวยความสะดวกต่อการรวมกลุ่ม ทั้งการทํากิจกรรมสถานที่
ในการรวมกลุ่มความพร้อมของหลาย ๆ ฝ่าย ซึ่งเป็นพื้นฐานของการเกิดกลุ่มนั้นเอง และการ
รับมือกับปัญหาเฉพาะหน้าก็เป็นสิ่งที่ผู้ดําเนินงานจะต้องคํานึงถึงและคอยรับมืออยู่เสมอ และยัง
เป็นเครอ่ื งมือทส่ี าํ คญั ในการทํางานแกก่ ลุ่มเป้าหมายอีกดว้ ย
ซึ่งสมาชิกในกลุ่มทุกคนเองก็ได้ระดมความคิดต่าง ๆ ออกมาเพื่อให้เห็นเป็นรูปธรรมใน
การที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงแก่กลุ่มเป้าหมายข้ึน ข้อเสนอแนะที่พวกเราร่วมกันคิดนั้น ก็เป็น
ข้อเสนอแนะที่จําเป็นจะต้องมีอย่างมาก หากต้องการท่ีจะให้การดําเนินงานนั้นประสบความสําเร็จ
ขึ้น และหวังว่าจะเปิดทัศนคติของคนที่มีความคิดด้านลบต่อเด็กออทิสติกให้มีมุมมองที่เปลี่ยนไป
อีกด้วย ทั้งยังหวังว่าเด็กกลุ่มนี้จะไมถ่ ูกเป็นเหยื่อจากโดนบูลลี่ทางสังคมหรือสนามอารมณ์ของใคร
มนุษย์ทุกคนมีความรู้สึกเจ็บเป็นจึงไม่ควรที่จะสร้างบาดแผลให้พวกเขา ควรเข้าใจยอมรับ และให้
การช่วยเหลอื ซง่ึ กันและกนั เพียงเท่านก้ี จ็ ะถือไดว้ ่าเป็นการประสบความสําเร็จในการสรา้ งกลมุ่ ที่มี
การเปลย่ี นแปลงขึ้นของกลมุ่ เรา
รายการอ้างอิง
จิราภา เต็งไตรรัตน์, นพมาศ ธีรเควิน, รัจรี นพเกตุ รัตนา ศิริพานิช, วานุณี ภูวสรกุล, ศรีเรือน
แกว้ กงั วาล, ศันสนีย์ ตันติวิท และ สิริอร วิชชาวุธ. (2544). จิตวิทยาทั่วไป. กรุงเทพฯ:
มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์
ทวศี กั ดิ์ สริ ิรตั นเ์ รขา. (2560). แนวทางการดูแลออทิสตกิ แบบบรู ณาการ. สบื ค้นจาก
https://www.happyhomeclinic.com/au22-autism-care.html
83
84
85
86
87
88
89
90
91
92
93
94