41 3. การเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลไปตลอดกระบวนการวิจัย โดยมีรายละเอียดการ ดำเนินการเป็น 4 ขั้นตอน (PAOR) ตามลำดับต่อไปนี้ ขั้นที่ 1 การวางแผน (Plan) ประกอบด้วยกิจกรรมต่อไปนี้ 1. วิเคราะห์และสำรวจปัญหา ศึกษาสภาพปัญหาของนักเรียนโดยการสัมภาษณ์และ สอบถามจากครูผู้สอน นักเรียน เพื่อวิเคราะห์ให้ได้รายละเอียดและตรงกับสภาพปัญหาจริงที่เกิด ในห้องเรียนมากที่สุด 2. ศึกษาทฤษฎีที่เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้และเทคนิควิธีการจัดการเรียนรู้เพื่อวิเคราะห์และ หาแนวทางที่จะนำมาแก้ปัญหาในห้องเรียน 3. เลือกนวัตกรรมหรือวิธีการในแก้ปัญหา 4. การสร้างเครื่องมือวิจัย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วย 4.1 แผนการจัดการเรียนรู้แบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบ ร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT 4.2 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง เทคโนโลยีดีเอ็นเอ ขั้นที่ 2 การปฏิบัติตามแผน (Action) ก่อนเข้าสู่ขั้นการปฏิบัติตามแผน ผู้วิจัยทดสอบ นักเรียนกลุ่มเป้าหมายด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน (Pretest) เรื่อง เทคโนโลยีดีเอ็นเอ ที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพปรับปรุงแก้ไขแล้วจากนั้น ดำเนินการวิจัยโดยใช้ กระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการ คือ การวางแผน (Plan) การปฏิบัติตามแผน (Action) การสังเกตผลที เกิดขึ้นจากการปฏิบัติตามแผน (Observe) และการสะท้อนผล (Reflect) ดำเนินการสอนตาม แผนการจัดการเรียนรู้แบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT กับกลุ่มเป้าหมายในรายวิชาชีววิทยา เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ ซึ่งผู้วิจัยเป็นผู้ดำเนินการสอบ ด้วยตนเองใช้เวลาสอนทั้งสิ้น 6 ชั่วโมง จำนวน 3 แผน โดยผู้วิจัยจะดำเนินการเป็น 4 ขั้นตอน (FAOR) 1. การวางแผน ปรับปรุงและแก้ไขแผนการจัดการเรียนรู้แบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT ที่ได้จากการนำไปทดลองใช้ (Try out ) 2. การปฏิบัติตามแผน ผู้วิจัยดำเนินการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1-3 กับ กลุ่มเป้าหมาย
42 3. การสังเกตผลที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติตามแผน โดยบันทึกผลการเรียนรู้ของ นักเรียน การบันทึก ท้ายแผนของผู้ 4. การสะท้อนผล ผู้วิจัย และนักเรียนร่วมกันสรุปปัญหาที่เกิดขึ้น หาจุดดีและจุด ด้อยจากการใช้ แผนการจัดการเรียนรู้แบบแบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบ ร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT แผนที่ 1 เพื่อนำไปวางแผนในแผนการจัดการเรียนรู้ อื่นต่อไป ขั้นที่ 3 ขั้นการสังเกตผล (Observe) เมื่อสิ้นสุดการเรียนการสอนครบทุกวงจร ผู้วิจัย ทดสอบหลังเรียน (Posttest) กับกลุ่มเป้าหมายด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หลังเรียน เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ และบันทึกผลการทดสอบไว้สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อวิเคราะห์ ข้อมูล และสรุปผลการวิจัย ขั้นที่ 4 ขั้นการสะท้อนผล (Reflect) ผู้วิจัยและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการใช้ แผนการจัดการเรียนรู้แบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT โดยพิจารณาจากผลการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เพื่ออธิบายปัญหาต่าง ๆ ที่ ควร ปรับปรุง และพัฒนาการจัดการเรียนรู้ต่อไป 4. การวิเคราะห์ข้อมูล ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยวิเคราะห์ข้อมูลที่โดยใช้สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย (̅) ส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐาน (5) การวิเคราะห์พัฒนาการ และนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงบรรยาย สถิติ ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการวิจัย ผู้วิจัยใช้สถิติที่จะกล่าวในหัวข้อถัดไป ดังต่อไปนี้ 5. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 1. สถิติพื้นฐาน ได้แก่ 1.1 ร้อยละ (Percentage) โดยใช้สูตรดังนี้ (วีระพล ภาระเวช 2550 : 67) = × 100 เมื่อ P = ร้อยละ F = ความถี่ที่ต้องการแปลงให้เป็นร้อยละ N = จำนวนความถี่ทั้งหมด
43 1.2 ค่าเฉลี่ย (Average) โดยคำนวณจากสูตร (นงลักษณ์ วิรัชชัย, 2557) = ∑ 1.3 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard deviation) โดยคำนวณจากสูตร (นงลักษณ์ วิรัชชัย, 2557) . = √ ∑ 2 − (∑ 2) ( − 1) เมื่อ . แทน ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ∑ แทน ผลรวมของคะแนนทั้งหมด ∑ 2 แทน ผลรวมของคะแนนแต่ละตัวยกกำลังสอง แทน จำนวนนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง 2. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 2.1 การคำนวณหาประสิทธิภาพ การคำนวณหาประสิทธิภาพ คือ การหาค่าประสิทธิภาพของกระบวนการ (E1) และประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2) ซึ่งมีแนวทางการคำนวณ ดังนี้ 2.1.1 การคำนวณหาประสิทธิภาพของกระบวนการ (E1) 1 = ̅1 1 × 100 เมื่อ E1 แทน ประสิทธิภาพของการเรียนการสอน 1 แทน คะแนนเฉลี่ยคะแนนระหว่างเรียนของนักเรียนทั้งหมด N1 แทน คะแนนเต็มที่เก็บระหว่างเรียน 2.1.2 การคำนวณหาประสิทธิภาพของกระบวนการ (E1) 2 = ̅2 2 × 100 เมื่อ E2 แทน ประสิทธิภาพของการเรียนการสอน 2 แทน คะแนนเฉลี่ยคะแนนระหว่างเรียนของนักเรียนทั้งหมด N2 แทน คะแนนเต็มที่เก็บระหว่างเรียน
44 2.2 ค่าอำนาจจำแนกของแบบทดสอบเป็นรายข้อ โดยใช้Item-total Correlation ซึ่งมีสูตรดังนี้ (ประยูร อาษานาม. 2538 อ้างอิงในศิริกุล, 2550 ∑ − ∑ ∑ √[ ∑ 2 − (∑ ) 2][ ∑ 2 − (∑ ) 2 เมื่อ r แทน ค่าอำนาจจำแนกเป็นรายข้อที่พิจารณาในการแจกแจงแบบ r X แทน ค่ารวมของการตอบแบบทดสอบของผู้ตอบแต่ละคน Y แทน คะแนนในแต่ละข้อของผู้ตอบแบบทดสอบ N แทน จำนวนผู้ตอบแบบทดสอบ การแปลความหมายค่าอำนาจจำแนกของข้อสอบ อีเบลและฟรีสไบ (Ebel and Fribi, 1986: 234) เสนอเกณฑ์ในการพิจารณาค่าอำนาจจำแนก ดังนี้ อำนาจจำแนก ผลการประเมินข้อสอบ 40 ขึ้นไป เป็นข้อสอบที่จําแนกได้ดีมาก 30- 39 เป็นข้อสอบที่จำแนกได้ค่อนข้างดีแต่ถ้าเป็นไปได้ควรปรับปรุง 20- 29 เป็นข้อสอบที่จำแนกได้บ้างแต่ควรปรับปรุงแก้ไข ต่ำกว่า 19 เป็นข้อสอบที่จําแนกได้น้อยควรคัดลอกหรือปรับปรุงใหม่ 2.3 การวิเคราะห์หาค่าความเชื่อมั่นของเครื่องมือโดยใช้สูตรของ Kuder - Richardson (KR - 20) (บุญชม ศรีสะอาด. 2538 อ้างอิงในศิริกุล, 2550) = −1 [1− ∑ 2 ] เมื่อ ru แทน ค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบ ∑ แทน ผลรวมของผลรวมระหว่าง p และ q S 2 แทน ค่าความแปรปรวนของคะแนนแบบทดสอบ K แทน จำนวนข้อสอบแบบทดสอบ
45 2.4 การหาค่าความยากง่ายของแบบทดสอบ ซึ่งมีสูตร ดังนี้ = เมื่อ P แทน ค่าความยาก R แทน จำนวนผู้สอบที่ตอบข้อสอบถูก N แทน จำนวนผู้สอบทั้งหมด ความยากมีค่าอยู่ระหว่าง 0 ถึง 1 ซึ่งข้อสอบข้อที่ไม่มีผู้ใดตอบถูกเลยจะ มีค่าความ ยากเท่ากับ 0 ข้อสอบข้อที่มีผู้ตอบถูกครึ่งหนึ่งของผู้ตอบทั้งหมดจะมีค่าความยากเท่ากับ 50 และ ข้อสอบข้อที่มีผู้ตอบถูกทั้งหมดจะมีค่าความยากเท่ากับ 1 พิจารณา ดังนี้ การแปลความหมายค่าความยากใช้เกณฑ์การ 0.81 - 1.00 ข้อสอบง่ายเกินไป 0.61 - 0. 80 ข้อสอบค่อนข้างง่าย 0.41 - 0.60 ข้อสอบยากปานกลาง 0.21 - 0.40 ข้อสอบค่อนข้างยาก 0.00- 0.21 ข้อสอบยากเกินไป
46 บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล การวิจัย เรื่อง ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาชีววิทยาและทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ ด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้ แบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT มีความมุ่งหมายของ การวิจัยเพื่อ 1. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาชีววิทยาและทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ ก่อนและหลังจัดการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 เรื่อง เทคโนโลยีทางดี เอ็นเอ ด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้ เทคนิค TGT 2. เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้แบบด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบ เลิร์นนิง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT 3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนรู้ด้วยวิธีการสอนแบบเลิร์นนิ่ง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ ซึ่งผู้วิจัยได้เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้คะแนนจากแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อน และหลังเรียน เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 จำนวน 2 ฉบับ ฉบับละ 30 ข้อ จากนั้นนำผลจากการเก็บรวบรวมข้อมูลมาวิเคราะห์ดังนี้ 1. หาค่าสถิติพื้นฐาน ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2. วิเคราะห์หาคุณภาพของเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย โดยการหาค่าความเที่ยงตรง ค่าความ ยาก ค่าอำนาจจำแนก และค่าความเชื่อมั่น ของแบบทดสอบแต่ละฉบับและแบบประเมินความพึง พอใจ 3. วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อทดสอบสมมติฐานการวิจัย หาดัชนีประสิทธิผลของชุดกิจกรรมโดยใช้
47 สูตรการหาดัชนีประสิทธิผล (E.I.) และวิเคราะห์การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยทดสอบ ด้วย t – test แบบ Dependent Sample t – test ผู้วิจัยได้เสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลตามลำดับ ดังนี้ 1. สัญลักษณ์ที่ใช้ในการนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล 2. ลำดับขั้นในการเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล 3. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล สัญลักษณ์ที่ใช้ในการนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลและแปลความหมายของข้อมูล เพื่อให้เข้าใจตรงกัน ผู้วิจัยได้กำหนด ความหมายของสัญลักษณ์ในการเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้ ∑ แทน ผลรวม ̅ แทน ค่าเฉลี่ย N แทน แทนจำนวนกลุ่มตัวอย่าง S.D. แทน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน t แทน ค่าสถิติที่จะใช้เปรียบเทียบกับค่าวิกฤต เพื่อทราบความ มีนัยสำคัญ (สถิติทดสอบที่ใช้ในการพิจารณาความมี นัยสำคัญใน t-distribution E1 แทน ประสิทธิภาพของกระบวนการ E2 แทน ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ E.I. แทน ค่าดัชนีประสิทธิผล (Effectiveness Index) * แทน นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 D แทน คะแนนต่างระหว่างก่อนเรียนและคะแนนหลังเรียน ̅แทน ค่าเฉลี่ยคะแนนของผลต่าง แทน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของคะแนนผลต่าง
48 ลำดับขั้นในการเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล 1. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาชีววิทยาและทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ ก่อนและหลังจัดการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 เรื่อง เทคโนโลยีทาง ดีเอ็นเอ 2. ผลการศึกษาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ 3. ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยวิธีการ จัดการเรียนรู้แบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยได้เสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลตามที่กำหนดไว้ ดังนี้ 1. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาชีววิทยาและทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ ก่อนและหลังจัดการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 เรื่อง เทคโนโลยีทาง ดีเอ็นเอ ตารางที่ 1 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 การทดสอบ ̅ S.D ̅ t Sig. ก่อนเรียน 14.50 2.88 10.38 2.51 26.16* 0.0000 หลังเรียน 24.88 2.40 จากตาราง 1 พบว่า การทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 14.50 คะแนน และ 24.880 คะแนน ตามลำดับและเมื่อเปรียบเทียบ ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่า คะแนนสอบหลังเรียนของนักเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมี นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2. ผลการศึกษาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ
49 ประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ สำหรับนักเรียน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 โรงเรียนฟากท่าวิทยา เท่ากับ 84.72/85.22 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่ กำหนด 80/80 ตารางที่ 2 แสดงผลประสิทธิภาพของของแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT ร่วมกับการเรียนรู้ แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอสำหรับนักเรียน ระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4/1 โรงเรียนฟากท่าวิทยา จำนวน 40 คน จำนวนนักเรียน ร้อยละของคะแนนเฉลี่ย ก่อนเรียน (E1) ร้อยละของคะแนนเฉลี่ย หลังเรียน (E2) ประสิทธิภาพของ แผนการจัดการ เรียนรู้ 30 84.72 85.22 84.72/85.22 จากตารางที่ 2 แสดงผลประสิทธิภาพของของแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้ แบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT ร่วมกับการเรียนรู้ แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ สำหรับนักเรียน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 โรงเรียนฟากท่าวิทยา ผลการหาประสิทธิภาพเท่ากับ เท่ากับ 84.72/85.22 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ ที่กำหนด 80/80 3. ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยวิธีการ จัดการเรียนรู้แบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ เมื่อการนำแผนการจัดการเรียนรู้มาใช้เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 โรงเรียนฟากท่าวิทยา นักเรียนมีความพึงพอใจดังนี้
50 ตารางที่ 3 ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการนำแผนการจัดการเรียนรู้มาใช้เพื่อ ส่งเสริมการเรียนรู้ เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 โรงเรียนฟากท่าวิทยา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 (n=40) ที่ รายการประเมิน ̅ S.D. ระดับความพึง พอใจ 1 บรรยากาศของการเรียนเปิดโอกาสให้ นักเรียนมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม 4.73 0.55 มากที่สุด 2 บรรยากาศของการเรียนทำให้นักเรียนมี ความรับผิดชอบต่อตนเองและกลุ่ม 4.80 0.52 มากที่สุด 3 บรรยากาศของการเรียนทำให้นักเรียนมี ความกระตือรือร้นในการเรียน 4.95 0.22 มากที่สุด 4 บรรยากาศของการเรียนเปิดโอกาสให้ นักเรียนทำกิจกรรมได้อย่างอิสระ 4.95 0.32 มากที่สุด 5 บรรยากาศของการเรียนทำให้นักเรียนเกิด ความคิดที่หลากหลาย 4.90 0.38 มากที่สุด 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความเหมาะสมกับ เนื้อหา 4.93 0.27 มากที่สุด 7 กิจกรรมการเรียนรู้ส่งเสริมให้นักเรียนได้ แลกเปลี่ยนความรู้ความคิด 4.98 0.16 มากที่สุด 8 กิจกรรมการเรียนรู้ส่งเสริมการคิดและ ตัดสินใจ 4.93 0.35 มากที่สุด 9 กิจกรรมการเรียนรู้ทำให้นักเรียนมีโอกาส แสดงความคิดเห็น 4.98 0.16 มากที่สุด 10 กิจกรรมการเรียนรู้ส่งเสริมการเรียนรู้ ร่วมกัน 4.95 0.22 มากที่สุด 11 การจัดการเรียนรู้ทำให้เข้าใจเนื้อหาได้ง่าย 4.87 0.41 มากที่สุด 12 การจัดการเรียนรู้ทำให้จำเนื้อหาได้นาน 4.90 0.30 มากที่สุด 13 การจัดการเรียนรู้ช่วยให้นักเรียนสร้าง ความรู้ความเข้าใจด้วยตนเองได้ 4.85 0.43 มากที่สุด
51 ที่ รายการประเมิน ̅ S.D. ระดับความพึง พอใจ 14 การจัดการเรียนรู้ช่วยให้นักเรียนตัดสินใจ โดยใช้เหตุผล 4.85 0.48 มากที่สุด 15 กิจกรรมการเรียนการสอนนี้ทำให้ได้ ทำงานร่วมกับผู้อื่น 4.83 0.50 มากที่สุด รวม 4.89 0.35 มากที่สุด จากตารางที่ 3 ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการนำแผนการจัดการเรียนรู้ มาใช้เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 โรงเรียนฟากท่าวิทยา พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการพัฒนาผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้วิชาชีววิทยา 2 เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (̅= 4.70, S.D = 0.49)
52 บทที่ 5 สรุป อภิปราย และข้อเสนอแนะ การวิจัยเรื่อง ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาชีววิทยาและทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอด้วยวิธีการสอนแบบ เลิร์นนิ่ง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT 1. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาชีววิทยาและทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ ก่อนและหลังจัดการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 เรื่อง เทคโนโลยีทางดี เอ็นเอ ด้วยวิธีการสอนแบบเลิร์นนิ่ง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT 2. เพื่อหาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการสอนแบบเลิร์นนิ่ง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ 3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนรู้ด้วยวิธีการสอนแบบเลิร์นนิ่ง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ สรุปผลการวิจัย 1. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาชีววิทยาและทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ ก่อนและหลังจัดการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 เรื่อง เทคโนโลยีทางดี เอ็นเอ ด้วยวิธีการสอนแบบเลิร์นนิ่ง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .05 แสดงว่าการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยวิธีการสอนแบบเลิร์นนิ่ง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการ จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 ส่งผลให้นักเรียน มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน 2. ผลการหาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการสอนแบบเลิร์นนิ่ง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ ตามเกณฑ์ 80/80 พบว่าแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการสอนแบบเลิร์นนิ่ง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้
53 แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 84.72/85.22 ซึ่ง เป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ คือ 80/80 และสรุปได้ว่าแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการสอนแบบเลิร์นนิ่ง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ มีประสิทธิภาพสามารถนำไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี 3. ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนรู้ด้วยวิธีการสอนแบบเลิร์นนิ่ง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 จำนวน 40 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) พบว่านักเรียนมีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด อภิปรายผล 1. นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการสอนแบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการ เรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในรายวิชาชีววิทยา 2 เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมี นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จากผลการวิจัยพบว่านักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 ที่ได้รับการ จัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการสอนแบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT มีคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในรายวิชาชีววิทยา 2 ก่อนการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการ สอนแบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT เท่ากับ 14.50 คะแนน จากคะแนนเต็ม 30 และคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในรายวิชาชีววิทยา 2 หลังการ จัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการสอนแบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT เท่ากับ 24.88 คะแนน จากคะแนนเต็ม 30 นักเรียนมีคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมี นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เนื่องจากการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการสอนแบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT เป็นการจัดการเรียนรู้ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และประสิทธิผลในการเรียนการสอนได้อย่างมาก อาทิเช่น มีสื่อนวัตกรรมที่หลากหลายเข้าถึงง่าย มี การตรวจสอบความรู้เดิมโดยนำคำถามเพื่อกระตุ้นให้เด็กได้แสดงความรู้เดิม ทำให้ทราบว่าเด็กแต่ละ คนมีความรู้พื้นฐานเป็นอย่างไร และมีการความรู้ที่ได้ไปปรับประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมและเกิด ประโยชน์ต่อชีวิตประจำวัน หรือสามารถนำความรู้ไปสร้างเป็นความรู้ใหม่ได้ สอดคล้องกับงานวิจัย ของ ธวัชชัย สุวรรณวงศ์ (2555) ที่ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน เรื่อง ของไหล ที่ได้รับ การเสริมความรู้โดยใช้เลิร์นนิง อ็อบเจกต์ พบว่า มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนวิชาฟิสิกส์เรื่อง ของไหล หลังการจัดการเรียนรู้สูงกว่าก่อนจัดการเรียนรู้ก่อนเรียน
54 2. แผนการจัดการเรียนรู้แบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 ปรากฏว่า แผนการจัดการเรียนรู้ที่ผู้วิจัยได้ พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 84.72/85.22 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ร้อยละ 80/80 ที่ตั้งไว้ ทั้งนี้ผู้วิจัยได้ทำการทดลองกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 จำนวน 40 คน ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2561 โดยทดสอบก่อนเรียน แล้วจึงทดลองสอนโดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้จำนวน 3 แผน และทำแบบทดสอบย่อย ใบกิจกรรม ประเมินพฤติกรรมระหว่างเรียน เมื่อสอนเสร็จจึงทดสอบ หลังเรียนซึ่งเป็นชุดเดียวกันกับแบบทดสอบก่อนเรียนแล้วจึงนำคะแนนมาประสิทธิภาพของแผนการ จัดการเรียนรู้แบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT เรื่อง เทคโนโลยีดีเอ็นเอ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 การที่แผนการจัดการเรียนรู้มีประสิทธิภาพ สืบเนื่องมาจาก แผนการจัดการเรียนรู้ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นได้ผ่านกระบวนการสร้างตามขั้นตอนอย่างมีระบบ โดยศึกษา หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยเพื่อให้ ทราบมาตรฐานการเรียนรู้สาระการเรียนรู้ตัวชี้วัดการวัดและประเมินผลศึกษาวิธีการเขียนแผนการ จัดการเรียนรู้ตลอดจนศึกษาเอกสารแนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนรู้ นอกจากนี้ แผนการจัดการเรียนรู้ได้ผ่านการประเมินการตรวจสอบและปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะของ ผู้เชี่ยวชาญก่อนที่จะนำมาจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ดังนั้นจึงเป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่มีความ เหมาะสม ส่งผลให้แผนการจัดการเรียนรู้มีประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ซึ่งผลการวิจัยนี้ สอดคล้องกับงานวิจัยของนวลสวาสดิ์ มณีชัย ศึกษาวิจัย เรื่อง การพัฒนาเลิร์นนิงออบเจ็กต์บนแท็บ เล็ต เรื่อง งานประดิษฐ์ของฉัน ที่มีต่อผลงานสร้างสรรค์ สําหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ผลการวิจัยพบว่า การพัฒนาเลิร์นนิงออบเจ็กต์บนแท็บเล็ต เรื่อง งานประดิษฐ์ของฉัน ที่มีต่อผลงาน สร้างสรรค์โดยรวมมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์E1/ E2 เท่ากับ 80.63/81.90 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 80/80 3. การศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้ แบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT เรื่อง เทคโนโลยีทาง ดีเอ็นเอ มีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้อยู่ในระดับดีมาก เนื่องจากการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการ แบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT เรื่อง เทคโนโลยีทาง ดีเอ็นเอ มีสื่อและนวัตกรรมที่หลากหลายและเข้าถึงง่าย มีการนำคำถามเพื่อตรวจสอบความรู้เดิม กระตุ้น ให้เด็กได้แสดงความรู้เดิม ทำให้ทราบว่าเด็กแต่ละคนมีความรู้พื้นฐานเป็นอย่างไร และมีการ ความรู้ที่ได้ไปปรับประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมและเกิดประโยชน์ต่อชีวิตประจำวัน หรือสามารถนำความรู้ ไปสร้างเป็นความรู้ใหม่ได้สอดคล้องกับงานวิจัยของภัทรภร ตาไชยวงค์ (2562) ได้ทำวิจัยเรื่อง การพัฒนาบทเรียนเลิร์นนิ่งออบเจ็คผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตด้วยการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้วิชา
55 วิทยาศาสตร์ เรื่อง ระบบต่างๆในร่างกายมนุษย์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่านักเรียนมี ความพึงพอใจอยู่ในระดับดีมาก ข้อเนอแนะที่ได้การวิจัย 1. ข้อเสนอแนะการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยวิธีการสอนแบบเลิร์นนิ่ง อ็อบเจกต์ร่วมกับการ จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT ในการนำไปใช้ ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อตัวผู้เรียน ดังนี้ 1.1 การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยวิธีการสอนแบบเลิร์นนิ่ง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการ จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT ครูควรมีการบริหารจัดการเวลาให้มีความยืดหยุ่น เหมาะสมกับกิจกรรมการเรียนการสอน ความยากง่ายของเนื้อหาที่จัดให้กับนักเรียนมากที่สุด 1.2 การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยวิธีการสอนแบบเลิร์นนิ่งอ็อบเจกต์ ร่วมกับการ จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT ครูควรใช้สื่อในการสอนที่มีหลากหลายและมีความความ สอดคล้องกับกิจกรรมนั้น ๆ ให้ได้มากที่สุด เพื่อเป็นการส่งเสริมปและสนับสนุนให้นักเรียนมีความ เข้าใจมากยิ่งขึ้น 2. ข้อเสนอแนะในการทำวิจัยครั้งต่อไป ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้ในการศึกษาวิจัยครั้งต่อไป ดังนี้ 2.1 ควรมีการศึกษาการจัดการเรียนรู้โดยวิธีการสอนแบบเลิร์นนิ่ง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT ที่มีต่อทักษะอื่นๆ อาทิเช่น ทักษะ กระบวนการ ความสามารถในการคิด เป็นต้น 2.2 ควรมีการวิจัยเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ โดยใช้ชุดการสอนกับวิธีการสอนใน รูปแบบอื่น ๆ เพื่อประโยชน์ในการนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนากระบวนการเรียนการสอนให้ เหมาะสมต่อไป 2.3 ควรมีการพัฒนาเทคนิคการสอนกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ในเนื้อหาอื่น และ ระดับชั้นอื่น ๆ
56 บรรณานุกรม กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับ ปรับปรุง พุทธศักราช 2560). กรุงเทพฯ : สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. กิดานันท์ มลิทอง. เทคโนโลยีและสื่อสารเพื่อการศึกษา. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์อรุณการพิมพ์, เกษม วิจิโน. (2535). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์และการให้ค วามร่วมมือ ต่อกลุ่มของนักเรียนของชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับการสอนโดยกิจกรรมการเรียนแบบ TGTกับ กิจกรรมการเรียนตามคู่มือครูของสสวท. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (การ มัธยมศึกษา). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ถ่ายเอกสาร. ขนิษฐา กรกําแหง. (2551). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตรและคุณธรรมจริยธรรม ทางวิทยาศาสตรของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 3 โรงเรียนโยธินบํารุงที่ไดรับการ จัดการเรียนรูแบบรวมมือโดยใชเทคนิค TGT กับการจัดการเรียนรูแบบสืบเสาะหาความ รู. ปริญญานิพนธกศ.ม. (การมัธยมศึกษา). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนคริ นทรวิโรฒ. ถายเอกสาร. จารุวรรณ เทวกุล.(2554). ความพึงพอใจในการจัดการเรียนการสอนของนักเรียนระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ ประเภทวิชาพาณิชยกรรม ชั้นปีที่ 1 ชั้นปีที่ 2 ชั้นปีที่ 3 วิทยาลัยอาชีวศึกษาฉะเชิงเทรา. กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิ โรฒ. ถ่ายเอกสาร. ถนอมพร เลาหจรัสแสง, นิยามเลิร์นนิงออบเจ็กต์ (Learning Objects) เพื่อการออกแบบพัฒนา สื่อ อิเล็กทรอนิกส์. วารสารเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา หาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิ ราชปีที่ 4 ฉบับ ที่ 4, 2559
57 บรรณานุกรม (ต่อ) ทวีพงษ์ หินคำ.(2541).ความหมายของความพึงพอใจ(ออนไลน์).แหล่งที่มา: http://maitree3.blogspot .com/2011/03/blog-post.html. วันที่สืบค้น 2 สิงหาคม 2565 ทิศนา แขมมณี และคนอื่นๆ. (2522). กลุ่มสัมพันธ์. กรุงเทพฯ: บูรพาศิลป์ การพิมพ์. ทิศนา แขมมณี. (2550). ศาสตรการสอนองค ความรูเพื่อการจัดกระบวนการเรียนรูที่มี ประสิทธิภาพ. (พิมพครั้งที่ 6). กรุงเทพฯ : สํานักพิมพแหงจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย. ธนพร ดวงพรกชกร. (2559). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์การเขียนสะกดคำของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 3 ด้วยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT ร่วมกับแบบฝึก (วิทยานิพนธ์ปริญญา มหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยศิลปากร. ธนียา ปัญญาแก้ว.(2541).ความหมายของความพึงพอใจ(ออนไลน์).แหล่งที่มา:http://maitree3. blogspot.com/2011/03/blog-post.html. วันที่สืบค้น 2 สิงหาคม 2565 ธวัชชัย สุวรรณวงศ์. (2555).ความสามารถในการสื่อสารและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ เรื่อง ของไหล ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้เลิร์นนิง อ็อบเจกต์: วิทยานิพนธ์ (ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต (สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ศึกษา)) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นงลักษณ์ วิรัชชัย. (2557).วิธีวิทยาข้นสูงด้านการวิจัยและสถิติ.วารสารวิธีวิทยาการวิจัย,(ฉบับที่ 7 กรกฎาคม –ธันวาคม), 1-31. นวลสวาสดิ์ มณีชัย. (2555).การพัฒนาเลิร์นนิงออบเจ็กต์บนแท็บเล็ต เรื่อง งานประดิษฐ์ของฉัน ที่ มีต่อผลงานสร้างสรรค์ สําหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 : วิทยานิพนธ์ (ศึกษา ศาสตรมหาบัณฑิต (สาขาวิชาเทคโนโลยีและการสื่อสารการศึกษา)) มหาวิทยาลัยราชมงคลธัญบุรี นิพา สาริพันธ์. (2549). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์และความรับผิดชอบของ นักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพปีที่ 1 ที(ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดย ใช้แหล่งเรียนรู้ชุมชน. สารนิพนธ์ กศ.ม. (การมัธยมศึกษา). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ถ่ายเอกสาร.
58 บรรณานุกรม (ต่อ) บุญชม ศรีสะอาด. (2563). การแปลผลเมื่อใช้เครื่องมือรวบรวมข้อมูลแบบมาตราส่วนประมาณค่า. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://edu.msu.ac.th/jem/home/journal_file/63.pdf. สืบค้นวันที่ 10 สิงหาคม2563. ประสพพร มโนวงศ์, การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของเด็กปฐมวัยตามแนวคิดของวิลเลียมส์ ปริญญาศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2539 เปรมจิตต์ ขจรภัยลาร์เซ่น. (2536). วิธีสอนแบบการเรียนรู้. เอกสารประกอบการบรรยาย. กรุงเทพฯ: คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. พงษ์พันธ์ พงษ์โสภา. (2544). จิตวิทยาการศึกษา. กรุงเทพฯ: พัฒนาศึกษา. พรรณรัศมิ์เง่าธรรมสาร 1 . (2533, กุมภาพันธ์). การเรียนแบบทำงานรับผิดชอบร่วมกัน. สาร พัฒนาหลักสูตร . (95): 35-37. ภพ เลาหไพบูลย์. (2540). แนวการสอนวิทยาศาสตร์. กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช. ภัทรภร ตาไชยวงค์. (2562).การพัฒนาบทเรียนเลิร์นนิ่งออบเจ็คผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตด้วยการ สอนแบบสืบเสาะหาความรู้วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ระบบต่างๆในร่างกายมนุษย์สำหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มาลี นรสิงห์. (2538). การเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านเพื(อความเข้าใจภาษาไทยของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนด้วยการเรียนแบบร่วมมือระหว่างกลุ่มที่ใช้ กิจกรรมการเขียนและไม่ใช่กิจกรรมการเขียน. วิทยานิพนธ์ ค.ม. (การประถมศึกษา). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ถ่ายเอกสาร. วัชรา เล่าเรียนดี. (2552). รูปแบบและกลยุทธ์การจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการคิดอาชีพ. นครปฐม : มหาวิทยาลัยศิลปากร. วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม.(2541).ความหมายของความพึงพอใจ(ออนไลน์).แหล่งที่มา:http://maitree3 .blogspot.com/2011/03/blog-post.html. วันที่สืบค้น 2 สิงหาคม 2565.
59 บรรณานุกรม (ต่อ) วินุรักษ สุขสําราญ. (2553). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตรและความสามารถใน การแกปญหาทางวิทยาศาสตรของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 ที่ไดรับการจัดการเรียน รูแบบรวมมือโดยใช้เทคนิค TGT. ปริญญานิพนธกศ.ม. (การมัธยมศึกษา). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ถายเอกสาร. วีระพล ภาระเวช. (2550). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาชีววิทยา 1 ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่องการแบ่งเซลล์ โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบสืบเสาะ ความรู้(7E). ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ศึกษา, คณะ วิทยาศาสตร์, มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. สติยา ลังการ์พินธุ์, เลิร์นนิงอ็อบเจกต์: สื่อการเรียนรู้ยุคดิจิตัล, วารสารการศึกษาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี, 2548 สถาบันส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รู้จักกับ Learning Object ออนไลน์, 9 ตุลาคม 2565 http://203.146.5.109/Im/content/learningobject/main.html, สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579. กรุงเทพฯ: บริษัท พริกหวานกราฟฟิค จำกัด. สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษาสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). แนวทางการบริหารจัดการหลักสูตรตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพ้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร แห่งประเทศไทย. สุคนธ์ สินธพานนท์. (2558). การจัดการเรียนรู้ของครูยุคใหม่เพื่อพัฒนาทักษะผู้เรียนในศตวรรษ ที่ 21. กรุงเทพฯ : 9119 เทคนิคพริ้นติ้ง สุชาดา นทีตานนท์.ผลการจัดประสบการณ์แบบปฏิบัติจริงที่มีต่อความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก ปฐมวัย. ปริญญาศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 2550
60 บรรณานุกรม (ต่อ) สุรศักดิ หลาบมาลา 1 . (2533). การจัดกลุ่มนักเรียนในการเรียนแบบร่วมมือ. สารพัฒนาหลักสตรู . 6(29): 32-34. สุลัดดา ลอยฟ้า. (2536). รูปแบบการสอนแบบร่วมมือกันเรียนรู้. ขอนแก่น: คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. เอกสารอัดสําเนา. สุวิทย์ มูลคํา ; และอรทัย มูลคํา. (2546). 19 วิธีจัดการเรียนรู้: เพื่อพัฒนาความรู้และทักษะ. กรุงเทพฯ: ภาพพิมพ์. สุวิทย์ มูลคำ. (2550). กลยุทธ์การสอนคิดอย่างมีวิจารณญาณ (พิมพ์ครั้งที่ 4). กรุงเทพฯ : ภาพ พิมพ์. อัญชลีเหล่ารอด. (2553). ผลการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ขั้นพื้นฐานของ นักเรียน มัธยมศึกษาปีที3 โดยใช้คาถามควบคู่กับการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการ เรียนรู้ วิทยาศาสตร์. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (การวัดผลการศึกษา). กรุงเทพฯ: บัณฑิต วิทยาลัย. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. อารี พันธ์มณี. (2546). จิตวิทยาการเรียนการสอน: 86–87.กรุงเทพฯ: เลิฟแอนด์ ลิพเพลส. อารี พันธ์มณี. (2546). จิตวิทยาสร้างสรรค์การสอน. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ใยใหม่เอดดูเคท. Adam, D.M. and Ham, M.E. (1990). Coopertive Learning and Collaboration Across the Curriculum. llinois : Charies Thomas. Atkins, S. Using Learning Objects for teaching and learning, เอกสารประกอบการประชุม ปฏิบัติการ พัฒนากิจกรรมการเรียนการสอนที่ใช้สื่อดิจิทัล, สถาบันส่งเสริมการสอน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกระทรวงศึกษาธิการ, 2005 Ebel. Robert L. and Frisbie, David A. (1991).Essentials of Educational Measurement. 5New Jersey : Prentice Hall.
61 บรรณานุกรม (ต่อ) Gambari, A.I., et. al. (2014). Improving secondary school students’ achievement and retention in biology through video based multimedia intstruction. A Jaurnal of Scholarly Teaching, 9, 78-91. Gronn, Donna, Clarke Olivia. And Lewis Gerard. "Using The Learning Federation's learning Objects in the Classroom," Australian Primary Mathematics Classroom. (9 april 2013), 2006. Johnson, D.W.& Johnson, R.T. (1994). Learning Together and Alone : Cooperative and Individuallistic Learning. 4th ed. Englewood Cliffs, New Jersey: Prentice Hall. Joyce Bruce and Marsha Weil . (1986). Models of Teaching . 3rd ed. London : Prentice – Hall International . Krauss, F. and Ally, M. (). A Study of the Design and Evaluation of a Learning Objects and Implications for Content Development. [Online]. Available: http://ijklo.org/Volume1/v1p001-022Krauss.pdf, 2000 (9 april 2013), 2000 Slavin, Robert E. (1990) . Cooperative Learning : Theory, Research and Practice. New Jersey : Prentice - Hall. Slavin, Robert E. (1995). Cooperative Learning. Theory Research, and Practice. Engle wood Cliffs, New jersey : Prentice – Hall. Slavin, Robert E. (1995). Cooperative Learning. Theory Research, and Practice. (2nd ed). New Jersey: Prentice-Hall. Umar, A.A. (2 0 1 1 ) . Effect of Biology Practical Activities on Students’process Skill Acguisition in Minna Niger State Niger State Nigeria. Journal of Science Technology and Mathematics Education, 7(2), 118-126.
62 บรรณานุกรม (ต่อ) Whitehead, Alfred N. (1976). The Aims of Education and Other Essay. New York: The Free Press. Willey, D. A. Connecting learning objects to instructional design theory. Technical Report UT 84322-2830, Digital Learning Environments Research Group, Utah State University. [Online]. Available: http://www.reusability.org/read/ chapters/wiley.doc, 2002
63 ภาคผนวก ก รายนามผู้เชี่ยวชาญในการตรวจคุณภาพเครื่องมือในการวิจัย
64 รายนามผู้เชี่ยวชาญในการตรวจคุณภาพเครื่องมือในการวิจัย รายนามผู้เชี่ยวชาญ รายนามผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT แบบสอบถามความพึงพอใจของ นักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการ เรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาชีววิทยา 2 เรื่อง เทคโนโลยีดีเอ็นอ ด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้ แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT 1. ครูสถาพร ทีพสม ผู้เชี่ยวชาญด้านแผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัด ผลสัมฤทธิ์และแบบสอบถามความพึงพอใจ ตำแหน่งครูวิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ 2. ครูณัฐพงษ์ จันทร์มณี ผู้เชี่ยวชาญด้านแผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัด ผลสัมฤทธิ์และแบบสอบถามความพึงพอใจ ตำแหน่งครูวิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ 3. ครูศศิชา ทะปัญญา ผู้เชี่ยวชาญด้านแผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัด ผลสัมฤทธิ์และแบบสอบถามความพึงพอใจ ตำแหน่งครูวิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ
65 ภาคผนวก ข แบบประเมินประเมินความสอดคล้อง (IOC)
66 แบบประเมินความสอดคล้อง (IOC) แบบทดสอบการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทางการเรียนวิชาชีววิทยาและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ ด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้ แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT คำชี้แจง ขอให้ท่านผู้เชี่ยวชาญได้พิจารณาข้อคำถามต่อไปนี้และแสดงความคิดเห็นของท่านที่มีต่อ แบบทดสอบการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาชีววิทยา 2 เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ ประกอบด้วยแบบทดสอบแบบประนัย 30 ข้อ เพื่อวัดจุดประสงค์ข้อแรก เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาชีววิทยาและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ก่อนและหลังจัดการ เรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ ด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบ เลิร์นนิง อ็อบเจกต์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT โดยให้ท่านผู้เชี่ยวชาญได้ แสดงความคิดเห็นของท่านพร้อมเขียนข้อเสนอแนะ ที่เป็นประโยชน์ในการนำไปพิจารณาเพื่อ ปรับปรุงแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ให้ดียิ่งขึ้นต่อไป ซึ่งเกณฑ์ในการตรวจพิจารณาข้อคำถาม ดังนี้ โปรดทำเครื่องหมาย ✓ ลงใน ที่ตรงกับข้อมูลของท่าน +1 หมายความว่า แน่ใจว่าข้อสอบวัดจุดประสงค์/เนื้อหานั้น 0 หมายความว่า ไม่แน่ใจว่าข้อสอบวัดจุดประสงค์/เนื้อหานั้น -1 หมายความว่า แน่ใจว่าข้อสอบไม่วัดจุดประสงค์/เนื้อหานั้น สาระชีววิทยา เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติและหน้าที่ ของสารพันธุกรรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐานข้อมูลและแนวคิดเกี่ยวกับ วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์กการเกิดสปีชีส์ใหม่ ความหลากหลายทาง ชีวภาพ กำเนิดของสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต และอนุกรมวิธาน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ สืบค้นข้อมูล ยกตัวอย่าง และอภิปรายการนำเทคโนโลยีทางดีเอ็นเอไปประยุกต์ใช้ทั้งในด้าน สิ่งแวดล้อม นิติวิทยาศาสตร์การแพทย์การเกษตรและอุตสาหกรรม และข้อควรคำนึงถึงด้านชีวจริยธรรม
67 ตารางที่ 1 แบบทดสอบปรนัย 30 ข้อ ข้อ รายการพิจารณา ระดับความคิดเห็น ของผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอแนะ +1 0 - 1 1 ข้อใดหมายถึงพันธุวิศวกรรม ก. การสอดใส่ยีนที่ต้องการเข้าไปทำให้สิ่งมีชีวิตนั้นมี ลักษณะพันธุกรรมเปลี่ยนไป ข. การสร้างสิ่งมีชีวิตใหม่ให้มีลักษณะพันธุกรรม เหมือนเดิมทุกประการ ค. การทำให้สิ่งมีชีวิตเพิ่มจำนวนได้อย่างรวดเร็วในเวลา จำกัด ง. ถูกทุกข้อ 2 GMOs ย่อมาจากอะไร ก. Genetcally Modified Orgnisms ข. Genet Modified Orgnisms ค. Genetcally Miracle Orgnisms ง. Genet Miracle Orgnisms 3 สารในข้อใดที่มีการใช้เทคนิคพันธุวิศวกรรมในการผลิตระดับ อุตสาหกรรมได้สำเร็จแล้วในปัจจุบัน ก. ออกซิน ข. อินซูลิน ค. ไคทิน ง. เพปซิน 4 พันธุวิศวกรรมสามารถนำไประยุกต์ใช้ในการผลิตสารใดที่ กระทำได้เป็นผลสำเร็จแล้ว ก. อินซูลิน ข. เอนไซม์ในผงซักฟอก ค. วัคซีนแก้โรคตับอักเสบชนิดบี ง. ถูกทุกข้อ
68 ข้อ รายการพิจารณา ระดับความคิดเห็น ของผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอแนะ +1 0 - 1 5 รีคอมบิแนนท์ดีเอ็นเอ (Recombinant DNA) คืออะไร ก. DNA ของสิ่งมีชีวิตต่างชนิดกันที่เชื่อมกันโดยเทคนิค พันธุวิศวกรรม ข. DNA ของสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันที่ทำให้เกิดมิวเทชัน โดยเทคนิคพันธุวิศวกรรม ค. DNA ของสิ่งมีชีวิตที่เพิ่มจำนวนโดยการโคลน ง. DNA ของสิ่งมีชีวิตพวกคาริโอต 6 เอนไซม์ในข้อใดใช้ในการเชื่อมต่อ DNA ซึ่งมียีนที่ต้องการกับ DNA ของพลาสมิด ก. DNA polymerase ข. DNA transcriptase ค. DNA ligase ง. DNA recombinase 7 ข้อใดคือลำดับขั้นตอนการสร้างรีคอมบิแนนท์ดีเอ็นเอ (Recombinant DNA) A. เชื่อมต่อสาย DNA จาก DNA ต่างโมเลกุลด้วย เอนไซม์ DNA ligase B. ตัดสาย DNA ด้วยเอนไซม์ตัดจำเพาะ C. ตัดสาย DNA ในโมเลกุลอื่นด้วยเอนไซม์ตัด จำเพราะ D. เกิดเป็น DNA สายผสมหรือรีคอมบิแนนท์ ก. A > B > C > D ข. B > C > A > D ค. A > C > B > D ง. B > A > C > D
69 ข้อ รายการพิจารณา ระดับความคิดเห็น ของผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอแนะ +1 0 - 1 8 เพราะเหตุใดจึงที่นิยมใช้พลาสมิดเป็น DNA พาหะ ก. เป็น DNA วงแหวนสายคู่ขนาดเล็กอยู่เป็นอิสระนอก โครโมโซมปกติของแบคทีเรีย ข. จำลองตัวเองได้ ค. มักมียีนต้านยาปฏิชีวนะเป็น marker gene ง. ถูกทุกข้อ 9 เทคนิคการสร้าง DNA สายผสม หรือ Recombinant DNA เกิดขึ้นเนื่องจากเหตุการณ์ในข้อใด ก. กาารออกแบบ DNA สายผสมตามความต้องการ ข. การค้นพบเทคนิคการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ค. มีการกลายพันธุ์ (mutation) ของสิ่งมีชีวิต ง. การค้นพบเอนไซม์ในแบคทีเรียที่สามารถตัดสาย DNA บริเวณที่มีลำดับเบสจำเพาะ 10 ข้อใดจัดเป็นสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรม ก. แตงโมไม่มีเมล็ด ข. กล้วยไม้ที่ได้จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ค. แบคทีเรียที่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลิน ง. กล้วยไม้พันธุ์ใหม่ที่ได้จากการฉายรังสีแกมมา 11 จุดตัดเพาะของเอนไซม์ตัดจำเพาะเมื่อเข้าตัดนิวคลีโอไทด์ ชนิดใด ที่ทำให้เกิด "ปลายทู่" (bluntend) ก. ข. ค. ง.
70 ข้อ รายการพิจารณา ระดับความคิดเห็น ของผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอแนะ +1 0 - 1 12 ขั้นตอนของปฏิกิริยา PCR ในขั้นแรกนั้นต้องใช้อุณหภูมิสูง ราว 95˚C เพื่อเหตุผลใด ก. เพื่อทำลายชิ้นส่วน DNA แม่แบบให้แยกเป็นชิ้น ย่อยๆ จำนวนมาก ข. เพื่อให้สายคู่ของ DNA แม่แบบคลายเกลียวออก ค. เพื่อให้นิวคลีโอไทด์ที่เป็นวัตถุดิบแยกออกเป็นเบส 4 สาย ง. เพื่อให้ไพรเมอร์มาจับคู่กับ DNA แม่แบบแต่ละสาย 13 ในกระบวนการทำ PCR ขั้นตอนใดที่มีการเพิ่มระดับของ อุณหภูมิสูงสุด ก. Annealing ข. Extension ค. Denaturation ง. Polymerization 14 เจลอิเล็กโทรโฟริซิส (gel electrophoresis) คืออะไร ก. เทคนิคการแยกโมเลกุลDNA ที่มีขนาดประจุและ รูปร่างต่างกันออกจากกันภายใต้สนามไฟฟ้า ข. อากาโรสเจล (Agarose gel) ค. พอลิอะไครลาไมด์เจล (Polyacrylamide gel) ง. เจลที่ได้จากการเพาะเลี้ยงสาหร่ายไฟ 15 ข้อใดคือเครื่องมือที่ใช้ในการหาลำดับนิวคลีโอไทด์ใน DNA ก. gel electrophoresis ข. DNA synthesizer ค. Automated sequence ง. RFLP
71 ข้อ รายการพิจารณา ระดับความคิดเห็น ของผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอแนะ +1 0 - 1 16 ในการพิสูจน์ DNA เพื่อดูลายพิมพ์ DNA (DNA fingerprint) ข้อใดไม่เกี่ยวข้อง ก. gel electrophoresis ข. PCR ค. Automated sequence ง. RFLP 17 ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับการวิเคราะห์ DNA และการ ตรวจสอบ โดยวิธี gel electrophoresis ก. การแยกโมเลกุลของ DNA ที่มีขนาดต่างกันออกจาก กัน อาศัยสนามแม่เหล็ก ข. DNA โมเลกุลใหญ่ จะเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าในตัวกลาง ที่เป็นวุ้น ค. DNA ที่มีประจุเป็นลบ จะเคลื่อนที่เข้าหาขั้วบวก ง. ต้องย้อมด้วยสี ethidium bromide ซึ่งจะให้สีชมพู เมื่อส่องด้วยแสงอินฟราเรด 18 จากลายพิมพ์ดีเอ็นเอที่กำหนดให้ผู้ต้องสงสัยคนใดที่มีลาย พิมพ์ตรงกับหลักฐานในที่เกิดเหตุ ก. คนที่ 1 ข. คนที่ 2 ค. คนที่ 3 ง. คนที่ 5
72 ข้อ รายการพิจารณา ระดับความคิดเห็น ของผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอแนะ +1 0 - 1 19 ข้อใดเป็นปัญหาสำคัญในการวิจัยเกี่ยวกับการรักษาโรคในคน โดยเทคนิคพันธุวิศวกรรม ก. การปรับควบคุมการทำงานของยีน ข. การหาลำดับเบสของยีน ค. การสังเคราะห์ยีน ง. การตัดต่อยีน 20 ในขั้นตอนของเทคนิค PCR ที่มีการลดอุณหภูมิลงเหลือ ประมาณ 55 ˚C เพื่อจุดประสงค์ใด ก. เพื่อให้ primer จับคู่กับ DNA ที่เป็นแม่แบบ ข. เพื่อให้เบสที่เข้าคู่กับ DNA แม่แบบมาต่อที่ปลาย primer ค. เพื่อให้ DNA สายคู่ที่เป็นแม่แบบคลายเกลียวออก ง. เพื่อให้ DNA สายใหม่ที่กำลังสร้างต่อออกไปจาก primer 21 ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี DNA ทางนิติวิทยาศาสตร์ ก. ช่วยพิสูจน์ความสัมพันธ์ทางสายเลือด ข. ช่วยพิสูจน์การฆาตกรรม ค. ช่วยพิสูจน์สัญชาติ ง. ถูกทุกข้อ 22 นักวิทยาศาสตร์ผู้ที่ค้นพบเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ตัดสาย DNA ตรงบริเวณที่มีลำดับเบสจำเพาะเรียกว่าเอนไซม์ตัดจำเพาะ (restriction enzyme) คือ ก. เอส. โคเฮน ข. แฮมิลตัน สมิธ ค. เอ็ช. บอยเออร์ ง. พี.ซี. ซาแมคนิค
73 ข้อ รายการพิจารณา ระดับความคิดเห็น ของผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอแนะ +1 0 - 1 23 หลักฐานในข้อใดที่ไม่สามารถใช้ตรวจหาฆาตกรโดยใช้ลาย พิมพ์ทางดีเอ็นเอ ก. คราบอสุจิ ข. ลายนิ้วมือ ค. คราบเลือด ง. เส้นผม 24 ใครคือเด็กหลอดแก้วคนแรกของโลก ก. หลุยส์ บราวน์ ข. เกรเกอร์ โยฮัน เมนเดล ค. หลุยส์ ฟลาเรอร์ ง. โรเบิร์ต ฮุก 25 ถ้านักเรียนได้รับเลือกเป็นคณะลูกขุน โดยมีลายพิมพ์ DNA จากหลักฐานที่พบในเกิดเหตุในคดี ฆาตกรรมและลายพิมพ์ DNA ของผู้ต้องสงสัยหมายเลข 1-5 จงหาว่า ผู้ต้องสงสัย หมายเลขใด มีแนวโน้มเป็นฆาตกรรมมากที่สุด ก. คนที่ 1 ข. คนที่ 2 ค. คนที่ 4 ง. คนที่ 5
74 ข้อ รายการพิจารณา ระดับความคิดเห็น ของผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอแนะ +1 0 - 1 26 เหตุใดมะละกอดัดแปลงพันธุกรรมจึงต้านทานต่อโรคจุดวง แหวนของไวรัสได้ ก. มะละกอได้รับยีนที่สร้างเปลือกโปรตีนของไวรัส ข. มะละกอใดรับยีนที่ต่อต้านต่อกรดนิวคลีอิกของไวรัส ค. มะละกอให้รับยีนที่ถ่ายโอนเข้ามา ทำให้เกิดการ กลายพันธุ์ ง. มีการควบคุมพาหะของไวรัสได้สำเร็จ ทำให้ไวรัส แพร่ระบาดไม่ได้ 27 ข้อใดเป็นตัวอย่างของพืชตัดแต่งพันธุกรรม เพื่อเพิ่มเติม ผลผลิตทางการเกษตร ก. พืชที่มีโปรตีนสูงขึ้น เช่น ข้าวโพด ที่มีไลซีนปริมาณ สูง ข. พันธุ์พืชที่มีไขมันไม่อิ่มตัวมากขึ้น ค. ข้าวที่มีวิตามินเอ เพิ่มขึ้น ง. พันธุ์กล้วยที่สุกช้าลง 28 พืชที่เป็นผลผลิตจากเทคโนโลยีพันธุวิศวกรรม จะมีผลต่อ ความเชื่อของคนทั่วไปอย่างไร ก. พืชที่ขยายพันธุ์โดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อจะแข็งแรง น้อยกว่าการขยายพันธุ์โดยวิธีปกติ ข. การบริโภคพืช GMOs ทำให้ผู้บริโภคเป็นมะเร็ง ค. พืช GMOs ยังมีข้อสงสัยในเรื่องความปลอดภัยต้องมี การพัฒนาและศึกษาวิจัยต่อไป ง. พืชที่ได้จากการตัดต่อยีนส่วนใหญ่จะมีลักษณะที่ไม่ดี เพิ่มขึ้น
75 ข้อ รายการพิจารณา ระดับความคิดเห็น ของผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอแนะ +1 0 - 1 29 ข้อใดจัดเป็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีชีวภาพเชิงการเกษตร ในด้านของการเพิ่มคุณค่าทางอาหารมากที่สุด ก. พืชบีที พืชที่ดัดแปลงเพื่อป้องกันแมลงบางชนิด ข. มะละกอใส่ยีนส์จากเปลือกไวรัสเพื่อต้านทานโรควง แหวน ค. ข้าวสีทองใส่ยีนส์จากแบคทีเรียเพื่อให้สร้างวิตามิน A ในเมล็ดได้ ง. มะเขือเทศใส่ยีนส์ที่ยับยังการสร้างเอนไซม์เอทิลีนทำ ให้สุกช้า 30 ข้อใดคือประโยชน์ของเทคโนโลยีชีวภาพทางการแพทย์ ก. ปรับปรุงพันธุ์ ข. ฮอร์โมนแปรรูปอาหาร ค. ตรวจสอบ DNA ง. เก็บผลผลิตได้นาน ลงชื่อ…………………………….........………ผู้ประเมิน (……………….……………………….....)
76 แบบประเมินความสอดคล้อง (IOC) แบบสอบถามความพึงพอใจ เรื่อง ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทางการเรียนวิชาชีววิทยาและทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ ด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้บบร่วมมือ โดยใช้เทคนิค TGT คำชี้แจง โปรดพิจารณาข้อคำถามในแบบสอบถามว่า สามารถสะท้อนความพึงพอใจของการเรียน รายวิชาชีววิทยา 2 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ ด้วยวิธีการจัดการ เรียนรู้แบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้บบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT หรือไม่ แบบสอบถามนี้สร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสอบถามความคิดเห็นของผู้ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ ด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้บบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT เพื่อจะนำข้อมูลไปปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนให้ดีขึ้นในโอกาสต่อไป โปรดทำเครื่องหมาย ✓ ลงใน ที่ตรงกับข้อมูลของท่าน +1 หมายความว่า เห็นด้วย กับข้อคำถามสะท้อนถึงความพึงพอใจที่มีต่อการ จัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT 0 หมายความว่า ไม่แน่ใจ กับข้อคำถามสะท้อนถึงความพึงพอใจที่มีต่อการ จัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT -1 หมายความว่า ไม่เห็นด้วย กับข้อคำถามสะท้อนถึงความพึงพอใจที่มีต่อการ จัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT
77 ที่ ข้อคำถาม ความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ +1 0 -1 การเรียนรู้รูปด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้บบร่วมมือโดยใช้ เทคนิค TGT 1 การจัดการเรียนรู้ช่วยให้เข้าใจเนื้อหาได้มากขึ้น 2 การจัดการเรียนรู้ช่วยให้เข้าใจและเห็นภาพของมุมต่างๆ ของ เรื่อง เส้นขนาน มากขึ้น 3 การจัดการเรียนรู้มีความเหมาะสมกับเนื้อหา 4 การจัดการเรียนรู้มีความน่าสนใจ 5 ระยะเวลาที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้มีความเหมาะสม ที่ ข้อคำถาม ความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ +1 0 -1 ด้านบรรยากาศในการเรียนรู้ด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้บ บร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT 6 บรรยากาศในการเรียนมีความเหมาะสม 7 การจัดการเรียนรู้ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีโอกาสในการแสดงความ คิดเห็น 8 การจัดการเรียนรู้เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในกิจกรรม 9 การจัดการเรียนรู้ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความกระตือรือร้น 10 การจัดการเรียนรู้ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความกล้าคิดกล้าตอบ 11 การจัดการเรียนรู้เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ท ากิจกรรมอย่าง อิสระ
78 ที่ ข้อคำถาม ความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ +1 0 -1 ด้านผลประโยชน์ที่ได้รับจากการเรียนรู้ด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ร่วมกับการจัดการ เรียนรู้บบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT 12 การจัดการเรียนรู้ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้มีทักษะการคิดแก้ปัญหาที่ ดีขึ้น 13 การจัดการเรียนรู้ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดความรู้ความเข้าใจด้วย ตนเอง 14 การจัดการเรียนรู้ทำให้ผู้เรียนสามารถนำความรู้เส้นขนาน มา ใช้ในชีวิตประจำวันได้ 15 การจัดการเรียนรู้ช่วยพัฒนาทักษะการคิดที่สูงขึ้น 16 การจัดการเรียนรู้ทำให้ผู้เรียนเกิดความจำระยะยาว 17 การจัดการเรียนรู้ทำให้ผู้เรียนนำความรู้ไปใช้กับเนื้อหาอื่นได้ ที่ ข้อคำถาม ความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ +1 0 -1 ด้านการวัดและประเมินผล 18 เครื่องมือที่ใช้วัดสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 19 เกณฑ์การประเมินผลการเรียนรู้มีความชัดเจนและเหมาะสม 20 การประเมินผลทำให้รู้ถึงพัฒนาการของผู้เรียนอย่างชัดเจน ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะอื่นๆ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ลงชื่อ…………………………….........………ผู้ประเมิน (……………….……………………….....)
79 แบบประเมินข้อคำถามของความพึงพอใจ แบบประเมินข้อคำถามของแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการศึกษาผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนวิชาชีววิทยาและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 4 เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ ด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการ จัดการเรียนรู้บบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT คำชี้แจง โปรดพิจารณาความสอดคล้องของข้อคำถามกับพฤติกรรมชี้วัดด้านความพึงพอใจ เพื่อนำ แบบวัดความพึงพอใจไปหาค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามกับพฤติกรรมชี้วัดด้านความพึง พอใจของนักเรียน เมื่อพิจารณาแล้วให้ใส่เครื่องหมาย (/) ลงในช่องความคิดเห็นพร้อมเขีย น ข้อเสนอแนะ ที่เป็นประโยชน์ในการนำไปพิจารณาปรับปรุงต่อไปโดยใช้เกณฑ์การพิจารณาให้คะแนน ดังนี้ 5 คะแนน หมายถึง เหมาะสมมากที่สุด 4 คะแนน หมายถึง เหมาะสมมาก 3 คะแนน หมายถึง เหมาะสมปานกลาง 2 คะแนน หมายถึง เหมาะสมน้อย 1 คะแนน หมายถึง เหมาะสมน้อยที่สุด ตารางที่แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน ที่ รายการประเมิน ระดับความพึงพอใจ 5 4 3 2 1 1 บรรยากาศของการเรียนเปิดโอกาสให้นักเรียนมีส่วนร่วม ในการทำกิจกรรม 2 บรรยากาศของการเรียนทำให้นักเรียนมีความรับผิดชอบ ต่อตนเองและกลุ่ม 3 บรรยากาศของการเรียนทำให้นักเรียนมีความ กระตือรือร้นในการเรียน 4 บรรยากาศของการเรียนเปิดโอกาสให้นักเรียนทำกิจกรรม ได้อย่างอิสระ 5 บรรยากาศของการเรียนทำให้นักเรียนเกิดความคิดที่ หลากหลาย 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความเหมาะสมกับเนื้อหา
80 ตารางที่แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน (ต่อ) ที่ รายการประเมิน ระดับความพึงพอใจ 5 4 3 2 1 7 กิจกรรมการเรียนรู้ส่งเสริมให้นักเรียนได้แลกเปลี่ยน ความรู้ความคิด 8 กิจกรรมการเรียนรู้ส่งเสริมการคิดและตัดสินใจ 9 กิจกรรมการเรียนรู้ทำให้นักเรียนมีโอกาสแสดงความ คิดเห็น 10 กิจกรรมการเรียนรู้ส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกัน 11 การจัดการเรียนรู้ทำให้เข้าใจเนื้อหาได้ง่าย 12 การจัดการเรียนรู้ทำให้จำเนื้อหาได้นาน 13 การจัดการเรียนรู้ช่วยให้นักเรียนสร้างความรู้ความเข้าใจ ด้วยตนเองได้
81 แบบประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 รายวิชาชีววิทยา 2 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ ด้วยวิธีการจัดการ เรียนรู้แบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้บบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT ผู้สอน นางสาวพัทธ์ธีรา ซาวมี คำชี้แจง โปรดเขียนเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องที่ตรงกับระดับการประเมิน +1 หมายความว่า มีความสอดคล้อง/เชื่อมโยง/ครอบคลุม/เหมาะสม 0 หมายความว่า ไม่แน่ใจว่ามีความสอดคล้อง/เชื่อมโยง/ครอบคลุม/เหมาะสม -1 หมายความว่า ไม่มีความสอดคล้อง/เชื่อมโยง/ครอบคลุม/เหมาะสม รายการประเมิน ความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ +1 0 -1 ด้านเนื้อหา 1. แผนการจัดการเรียนรู้สอดคล้องกับหน่วยการจัดการเรียนรู้ที่ กำหนด 2. แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญครบถ้วนสัมพันธ์กัน 3. ความสอดคล้องของสาระสำคัญ/ความคิดรวบยอดกับมาตรฐาน การเรียนรู้/ตัวชี้วัด 4. ตัวชี้วัดครอบคลุมสาระการเรียนรู้ พัฒนาผู้เรียนเกิด K P A 5. จุดประสงค์การเรียนรู้พัฒนาผู้เรียนครอบคลุมด้าน K P A 6. สาระการเรียนรู้ เหมาะสมกับเวลาและตัวชี้วัด ด้านกิจกรรม 7. กิจกรรมการเรียนรู้แบ่งเป็นขั้นตอนตามความเหมาะสม 8. กิจกรรมการเรียนรู้เหมาะสมกับสาระการเรียนรู้และระดับชั้น ของผู้เรียน 9. กิจกรรมการเรียนรู้มีความหลากหลายและสามารถปฏิบัติได้ จริง
82 รายการประเมิน ความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ +1 0 -1 10. กิจกรรมการเรียนรู้สามารถพัฒนาครอบคลุมด้านองค์ความรู้ กระบวนการและเจตคติ 11. กิจกรรมการเรียนรู้สอดแทรกคุณธรรม จริยธรรมและ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ 12. กิจกรรมการเรียนรู้เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมกระบวนการคิดของ ผู้เรียน 13. กิจกรรมเน้นให้ผู้เรียนปฏิบัติจริง ด้านความเหมาะสม 14. แผนการจัดการเรียนรู้กำหนดวัสดุอุปกรณ์ สื่อและแหล่ง เรียนรู้ที่หลากหลายเหมาะสม 15. แผนการจัดการเรียนรู้ สอดคล้องกับสาระการเรียนรู้และ กิจกรรมการเรียนรู้ 16. ผู้เรียนใช้สื่อและแหล่งเรียนรู้ด้วยตนเอง 17. แผนการจัดการเรียนรู้กำหนดชิ้นงาน/ภาระงานอย่าง เหมาะสม 18. การทำชิ้นงานได้ใช้ความรู้ ความคิดมากกว่าการทำตามที่ ผู้สอนกำหนดหรือการทำแบบฝึกหัดทั่วไป 19. การวัดและประเมินผลสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด 20. ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการวัดและประเมินผล ลงชื่อ…………………………….........………ผู้ประเมิน (……………….……………………….....)
83 แบบประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 รายวิชาชีววิทยา 2 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ ด้วยวิธีการจัดการ เรียนรู้แบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้บบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT ผู้สอน นางสาวพัทธ์ธีรา ซาวมี คำชี้แจง โปรดเขียนเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องที่ตรงกับระดับการประเมิน +1 หมายความว่า มีความสอดคล้อง/เชื่อมโยง/ครอบคลุม/เหมาะสม 0 หมายความว่า ไม่แน่ใจว่ามีความสอดคล้อง/เชื่อมโยง/ครอบคลุม/เหมาะสม -1 หมายความว่า ไม่มีความสอดคล้อง/เชื่อมโยง/ครอบคลุม/เหมาะสม รายการประเมิน ความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ +1 0 -1 ด้านเนื้อหา 1. แผนการจัดการเรียนรู้สอดคล้องกับหน่วยการจัดการเรียนรู้ที่ กำหนด 2. แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญครบถ้วนสัมพันธ์กัน 3. ความสอดคล้องของสาระสำคัญ/ความคิดรวบยอดกับมาตรฐาน การเรียนรู้/ตัวชี้วัด 4. ตัวชี้วัดครอบคลุมสาระการเรียนรู้ พัฒนาผู้เรียนเกิด K P A 5. จุดประสงค์การเรียนรู้พัฒนาผู้เรียนครอบคลุมด้าน K P A 6. สาระการเรียนรู้ เหมาะสมกับเวลาและตัวชี้วัด ด้านกิจกรรม 7. กิจกรรมการเรียนรู้แบ่งเป็นขั้นตอนตามความเหมาะสม 8. กิจกรรมการเรียนรู้เหมาะสมกับสาระการเรียนรู้และระดับชั้น ของผู้เรียน 9. กิจกรรมการเรียนรู้มีความหลากหลายและสามารถปฏิบัติได้ จริง
84 รายการประเมิน ความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ +1 0 -1 10. กิจกรรมการเรียนรู้สามารถพัฒนาครอบคลุมด้านองค์ความรู้ กระบวนการและเจตคติ 11. กิจกรรมการเรียนรู้สอดแทรกคุณธรรม จริยธรรมและ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ 12. กิจกรรมการเรียนรู้เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมกระบวนการคิดของ ผู้เรียน 13. กิจกรรมเน้นให้ผู้เรียนปฏิบัติจริง ด้านความเหมาะสม 14. แผนการจัดการเรียนรู้กำหนดวัสดุอุปกรณ์ สื่อและแหล่ง เรียนรู้ที่หลากหลายเหมาะสม 15. แผนการจัดการเรียนรู้ สอดคล้องกับสาระการเรียนรู้และ กิจกรรมการเรียนรู้ 16. ผู้เรียนใช้สื่อและแหล่งเรียนรู้ด้วยตนเอง 17. แผนการจัดการเรียนรู้กำหนดชิ้นงาน/ภาระงานอย่าง เหมาะสม 18. การทำชิ้นงานได้ใช้ความรู้ ความคิดมากกว่าการทำตามที่ ผู้สอนกำหนดหรือการทำแบบฝึกหัดทั่วไป 19. การวัดและประเมินผลสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด 20. ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการวัดและประเมินผล ลงชื่อ…………………………….........………ผู้ประเมิน (……………….……………………….....)
85 แบบประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 รายวิชาชีววิทยา 2 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ ด้วยวิธีการจัดการ เรียนรู้แบบเลิร์นนิง อ็อบเจกต์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้บบร่วมมือโดยใช้เทคนิค TGT ผู้สอน นางสาวพัทธ์ธีรา ซาวมี คำชี้แจง โปรดเขียนเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องที่ตรงกับระดับการประเมิน +1 หมายความว่า มีความสอดคล้อง/เชื่อมโยง/ครอบคลุม/เหมาะสม 0 หมายความว่า ไม่แน่ใจว่ามีความสอดคล้อง/เชื่อมโยง/ครอบคลุม/เหมาะสม -1 หมายความว่า ไม่มีความสอดคล้อง/เชื่อมโยง/ครอบคลุม/เหมาะสม รายการประเมิน ความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ +1 0 -1 ด้านเนื้อหา 1. แผนการจัดการเรียนรู้สอดคล้องกับหน่วยการจัดการเรียนรู้ที่ กำหนด 2. แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญครบถ้วนสัมพันธ์กัน 3. ความสอดคล้องของสาระสำคัญ/ความคิดรวบยอดกับมาตรฐาน การเรียนรู้/ตัวชี้วัด 4. ตัวชี้วัดครอบคลุมสาระการเรียนรู้ พัฒนาผู้เรียนเกิด K P A 5. จุดประสงค์การเรียนรู้พัฒนาผู้เรียนครอบคลุมด้าน K P A 6. สาระการเรียนรู้ เหมาะสมกับเวลาและตัวชี้วัด ด้านกิจกรรม 7. กิจกรรมการเรียนรู้แบ่งเป็นขั้นตอนตามความเหมาะสม 8. กิจกรรมการเรียนรู้เหมาะสมกับสาระการเรียนรู้และระดับชั้น ของผู้เรียน 9. กิจกรรมการเรียนรู้มีความหลากหลายและสามารถปฏิบัติได้ จริง
86 รายการประเมิน ความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ +1 0 -1 10. กิจกรรมการเรียนรู้สามารถพัฒนาครอบคลุมด้านองค์ความรู้ กระบวนการและเจตคติ 11. กิจกรรมการเรียนรู้สอดแทรกคุณธรรม จริยธรรมและ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ 12. กิจกรรมการเรียนรู้เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมกระบวนการคิดของ ผู้เรียน 13. กิจกรรมเน้นให้ผู้เรียนปฏิบัติจริง ด้านความเหมาะสม 14. แผนการจัดการเรียนรู้กำหนดวัสดุอุปกรณ์ สื่อและแหล่ง เรียนรู้ที่หลากหลายเหมาะสม 15. แผนการจัดการเรียนรู้ สอดคล้องกับสาระการเรียนรู้และ กิจกรรมการเรียนรู้ 16. ผู้เรียนใช้สื่อและแหล่งเรียนรู้ด้วยตนเอง 17. แผนการจัดการเรียนรู้กำหนดชิ้นงาน/ภาระงานอย่าง เหมาะสม 18. การทำชิ้นงานได้ใช้ความรู้ ความคิดมากกว่าการทำตามที่ ผู้สอนกำหนดหรือการทำแบบฝึกหัดทั่วไป 19. การวัดและประเมินผลสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด 20. ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการวัดและประเมินผล ลงชื่อ…………………………….........………ผู้ประเมิน (……………….……………………….....)
87 ภาคผนวก ค ผลการพิจารณาความสอดคล้อง (IOC)
88 ผลผลการประเมินความสอดคล้องระหว่างข้อสอบกับผลการเรียนรู้ ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความเที่ยงของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการ เรียนรู้วิทยาศาสตร์ วิชา ชีววิทยา 2 เรื่อง เทคโนโลยีดีเอ็นเอ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดย พิจารณาความสอดคล้องของข้อคำถามกับผลการเรียนรู้ที่ต้องการวัด โดยใช้เกณฑ์การพิจารณาความสอดคล้องดังนี้ ให้คะแนน +1 เมื่อแน่ใจว่าข้อคำถามนั้นวัดได้ตรงตามผลการเรียนรู้ ให้คะแนน 0 เมื่อไม่แน่ใจว่าข้อคำถามนั้นวัดได้ตรงตามผลการเรียนรู้ ให้คะแนน -1 เมื่อแน่ใจว่าข้อคำถามนั้นวัดไม่ตรงตามผลการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ วิชา ชีววิทยา 2 เรื่อง เทคโนโลยีดีเอ็นเอ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีจำนวน 30 ข้อ ซึ่งสามารถใช้ได้ 30 ข้อ เกณฑ์การ คัดเลือกคือเลือกข้อสอบที่มีค่า IOC ตั้งแต่ 0.5 ถึง 1 เป็นข้อสอบที่มีความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาเป็นข้อ คำถามที่ถือว่าใช้ได้ ตารางที่ 1 แสดงความสอดคล้องระหว่างข้อสอบกับผลการเรียนรู้แบบทดสอบปรนัย 30 ข้อ ข้อ รายการพิจารณา คะแนนค่าความคิดเห็น ของผู้เชี่ยวชาญ คะแนน เฉลี่ย (IOC) ผลการ พิจารณา คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 1 ข้อใดหมายถึงพันธุวิศวกรรม จ. การสอดใส่ยีนที่ต้องการเข้าไปทำให้ สิ่งมีชีวิตนั้นมีลักษณะพันธุกรรมเปลี่ยนไป ฉ. การสร้างสิ่งมีชีวิตใหม่ให้มีลักษณะ พันธุกรรมเหมือนเดิมทุกประการ ช. การทำให้สิ่งมีชีวิตเพิ่มจำนวนได้อย่าง รวดเร็วในเวลาจำกัด ซ. ถูกทุกข้อ +1 +1 0 0.67 เหมาะสม 2 GMOs ย่อมาจากอะไร จ. Genetcally Modified Orgnisms ฉ. Genet Modified Orgnisms ช. Genetcally Miracle Orgnisms ซ. Genet Miracle Orgnisms +1 +1 +1 1.00 เหมาะสม
89 3 สารในข้อใดที่มีการใช้เทคนิคพันธุวิศวกรรมในการ ผลิตระดับอุตสาหกรรมได้สำเร็จแล้วในปัจจุบัน ข. ออกซิน ข. อินซูลิน ค. ไคทิน ง. เพปซิน +1 +1 +1 1.00 เหมาะสม 4 พันธุวิศวกรรมสามารถนำไประยุกต์ใช้ในการผลิต สารใดที่กระทำได้เป็นผลสำเร็จแล้ว ค. อินซูลิน ง. เอนไซม์ในผงซักฟอก ค. วัคซีนแก้โรคตับอักเสบชนิดบี ง. ถูกทุกข้อ +1 +1 +1 1.00 เหมาะสม 5 รีคอมบิแนนท์ดีเอ็นเอ (Recombinant DNA) คือ อะไร จ. DNA ของสิ่งมีชีวิตต่างชนิดกันที่เชื่อมกัน โดยเทคนิคพันธุวิศวกรรม ฉ. DNA ของสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันที่ทำให้ เกิดมิวเทชันโดยเทคนิคพันธุวิศวกรรม ช. DNA ของสิ่งมีชีวิตที่เพิ่มจำนวนโดยการ โคลน DNA ของสิ่งมีชีวิตพวกคาริโอต +1 0 +1 0.67 เหมาะสม 6 เอนไซม์ในข้อใดใช้ในการเชื่อมต่อ DNA ซึ่งมียีนที่ ต้องการกับ DNA ของพลาสมิด ค. DNA polymerase ง. DNA transcriptase จ. DNA ligase ฉ. DNA recombinase 0 +1 +1 0.67 เหมาะสม
90 ข้อ รายการพิจารณา คะแนนค่าความคิดเห็น ของผู้เชี่ยวชาญ คะแนน เฉลี่ย (IOC) ผลการ พิจารณา คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 7 ข้อใดคือลำดับขั้นตอนการสร้างรีคอมบิแนนท์ ดีเอ็นเอ (Recombinant DNA) A. เชื่อมต่อสาย DNA จาก DNA ต่าง โมเลกุลด้วยเอนไซม์ DNA ligase B. ตัดสาย DNA ด้วยเอนไซม์ตัดจำเพาะ C. ตัดสาย DNA ในโมเลกุลอื่นด้วยเอนไซม์ ตัด จำเพราะ D. เกิดเป็น DNA สายผสมหรือรีคอม บิแนนท์ ก. A > B > C > D ข. B > C > A > D ค. A > C > B > D ง. B > A > C > D +1 +1 +1 1.00 เหมาะสม 8 เพราะเหตุใดจึงที่นิยมใช้พลาสมิดเป็น DNA พาหะ จ. เป็น DNA วงแหวนสายคู่ขนาดเล็กอยู่เป็น อิสระนอกโครโมโซมปกติของแบคทีเรีย ฉ. จำลองตัวเองได้ ช. มักมียีนต้านยาปฏิชีวนะเป็น marker gene ซ. ถูกทุกข้อ +1 +1 +1 1.00 เหมาะสม