The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by palidakoy88, 2019-10-02 02:38:48

palida

portfolio

อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พมาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตัวช้ีวดั
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์
และสาระภูมิศาสตร์ ในกลมุ่ สาระการเรียนรสู้ ังคมศึกษา
ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)

ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551

กระทรวงศึกษาธิการ

อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พคำนำ

การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานจะต้องสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม
วัฒนธรรม สภาพแวดล้อม และความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
เพื่อพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคนของชาติให้สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ
ประเทศ โดยการยกระดับคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ให้มีคุณภาพและมาตรฐานระดับสากล
สอดคลอ้ งกับประเทศไทย 4.0 และโลกในศตวรรษท่ี 21

กระทรวงศึกษาธิการโดยสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ัน พื้นฐานจึงได้ดาเนินการ
ทบทวนหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพืนฐาน พุทธศักราช 2551 โดยนาข้อมูลจากแผนพัฒนา
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ. 2560 – 2579 มาใช้เป็นกรอบและทิศทางในการพัฒนาหลักสูตรให้มีความเหมาะสมชัดเจน
ยิง่ ขึน้ ในระยะสั้นเหน็ ควรปรับปรงุ หลกั สูตรในกลุม่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ และสาระ
ภูมิศาสตร์ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ซ่ึงมีความสาคัญต่อการพัฒนา
ประเทศ และเป็นรากฐานสาคัญที่จะช่วยให้มนุษย์มีความคิดริเร่ิม สร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุผล เป็น
ระบบ สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรือสถานการณ์ได้อย่างรอบคอบและถ่ีถ้วน สามารถนาไปใช้ใน
ชีวิตประจาวัน ตลอดจนการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมในการบูรณาการกับความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์
และคณิตศาสตร์ เพ่ือแก้ปัญหาหรือพัฒนางานด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมที่นาไปสู่การ
คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ หรือสร้างนวัตกรรมต่าง ๆ ท่ีเอื้อประโยชน์ต่อการดารงชีวิต การใช้ทักษะการคิดเชิง
คานวณ ความรู้ทางด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีและการส่ือสารในการแก้ปัญหาท่ีพบใน
ชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทง้ั ใช้ความรู้ ความสามารถ ทักษะ กระบวนการ และเคร่ืองมือทาง
ภมู ศิ าสตร์ เรยี นรู้ส่งิ ต่าง ๆ ทีอ่ ยู่รอบตัวอย่างเข้าใจสภาพทเี่ ป็นอยู่และการเปลยี่ นแปลง เพ่ือนาไปสู่การ
จัดการและปรับใช้ในการดารงชีวติ และการประกอบอาชพี อย่างสรา้ งสรรค์

ทั้งน้ี กระทรวงศึกษาธิการได้มอบหมายให้สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี (สสวท.) รับผิดชอบในการปรับปรุงหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ และ
วทิ ยาศาสตร์ และสาระเทคโนโลยีในกลุ่มสาระการเรียนรกู้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี ซึง่ ต่อมาไดผ้ นวก
รวมอยู่ในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
รบั ผิดชอบปรับปรุงสาระภูมิศาสตร์ในกล่มุ สาระการเรยี นร้สู ังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม

มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด ฯ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ฉบับน้ี จัดทาขึ้นเพื่อให้สถานศึกษาทุกสังกัดที่จัดการศึกษา
ข้ันพ้ืนฐาน ใช้เป็นกรอบในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาและจัดการเรียนการสอน ตลอดจนเป็น
แนวทางใหผ้ ู้ที่เกี่ยวข้องเข้าใจในเป้าหมายการพัฒนาผู้เรียน และมีส่วนรว่ มในการส่งเสริม สนับสนุนให้
ผเู้ รยี นบรรลตุ ามเป้าหมายทกี่ าหนดไว้

สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ขอขอบคุณ สสวท. ผู้ทรงคุณวุฒิ
ผเู้ ชี่ยวชาญแต่ละสาขา คณาจารย์ ศึกษานิเทศก์ ครผู ู้สอน และผ้มู ีสว่ นร่วมจากทุกหน่วยงานทเี่ กย่ี วขอ้ ง
ทงั้ ในและนอกกระทรวงศึกษาธกิ ารที่ชว่ ยใหก้ ารพัฒนาหลักสูตรฉบบั นี้ มีความสมบูรณ์และเหมาะสมต่อ
การจดั การศึกษาเพ่อื คนไทยท้ังประเทศ

สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน

อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พคาสง่ั กระทรวงศึกษาธกิ าร
ที่ สพฐ. 1239 / 2560

เรื่อง ให้ใช้มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวชีว้ ัด กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระ
ภูมิศาสตร์ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.
2560) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551
---------------------------------

เพื่อให้การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานสอดคล้องกับการเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม
วัฒนธรรม สภาพแวดล้อม และความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
เป็นการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคนของชาติให้สามารถเพ่ิมขีดความสามารถในการแข่งขันของ
ประเทศ การยกระดับคณุ ภาพการศึกษาและการเรียนรใู้ ห้มีคุณภาพและมาตรฐานระดับสากล สอดคลอ้ งกับ
ประเทศไทย 4.0 โลกในศตวรรษท่ี 21 และทัดเทียมกับนานาชาติ ผู้เรียนมีศักยภาพในการแข่งขันและ
ดารงชีวิตอยา่ งสรา้ งสรรค์ในประชาคมโลก ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

ฉะน้ัน อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.
2542 และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. 2545 และมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญตั ิระเบียบราชการ
กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 กระทรวงศึกษาธิการจึงประกาศใช้มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด
กล่มุ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา
ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 ดังปรากฏแนบท้ายคาสั่งนี้ แทนมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระ
การเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา
และวัฒนธรรม ในหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551

เง่ือนไขและระยะเวลาการใช้มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้
คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และ
วัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ให้เปน็ ไป ดงั น้ี

1. ปีการศึกษา 2561 ใหใ้ ช้ในชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 1 และ 4 และชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 และ 4
2. ปีการศกึ ษา 2562 ให้ใช้ในช้นั ประถมศึกษาปีที่ 1 2 4 และ 5 และชั้นมัธยมศกึ ษา
ปที ่ี 1 2 4 และ 5
3. ตั้งแต่ปกี ารศึกษา 2563 เป็นตน้ ไป ใหใ้ ช้ในทกุ ชน้ั เรียน

ให้เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐานมีอานาจในการยกเลิก เพิ่มเติม
เปลี่ยนแปลงมาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชี้วดั กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระ
ภูมิศาสตร์ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551

สงั่ ณ วนั ที่ 7 สงิ หาคม พ.ศ. 2560

(นายธรี ะเกียรติ เจรญิ เศรษฐศลิ ป)์
รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงศึกษาธกิ าร
อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ

สำรบญั

คานา หนา้

คาสัง่ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ที่ สพฐ. 1239 /2560 ลงวันที่ 7 สิงหาคม 2560 1
เรอ่ื ง ใหใ้ ช้มาตรฐานการเรยี นร้แู ละตวั ชว้ี ัด กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณติ ศาสตร์ 4
วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ ในกลุ่มสาระการเรยี นรู้สงั คมศึกษา ศาสนา และ 9
วฒั นธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน 10
พทุ ธศกั ราช 2551 33
ความนา 120
สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตวั ชีว้ ดั

กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์
กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
สาระภูมิศาสตร์ ในกลมุ่ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ

มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชวี้ ดั ฯ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๑

ความนา

กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ
ให้เป็นหลักสูตรแกนกลางของประเทศ เมอ่ื วันท่ี 11 กรกฎคม 2551 เร่ิมใช้ในโรงเรยี นต้นแบบการใชห้ ลักสูตร
และโรงเรียนที่มีความพร้อม ในปีการศึกษา 2552 และเร่ิมใช้ในโรงเรียนท่ัวไปในปีการศึกษา 2553 ซึ่งใช้มา
เป็นเวลากว่า ๘ ปีแล้ว สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน โดยสานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา
ได้ดาเนินการติดตามผลการนาหลักสตู รไปสู่การปฏิบัติอย่างต่อเน่ืองในหลายรูปแบบ ท้ังการประชุมรับฟังความ
คิดเห็น การนิเทศติดตามผลการใช้หลักสูตรของโรงเรียน การรับฟังความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ของสานักวิชาการ
และมาตรฐานการศึกษา รายงานผลการวิจัยของหน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรและการใช้
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ผลจากการศึกษา พบว่า หลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มีข้อดีในหลายประการ เช่น กาหนดเป้าหมายการพัฒนาไว้ชัดเจน มีความ
ยืดหยุ่นเพียงพอให้สถานศึกษาบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษาได้ สาหรับปัญหาที่พบส่วนใหญ่เกิดจากการนา
หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 สูก่ ารปฏบิ ัตใิ นสถานศึกษาและในห้องเรียน

นอกจากน้ี การศึกษาข้อมูลทิศทางและกรอบยุทธศาสตร์ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. 2560 - 2564) ซ่ึงเกิดข้ึนในช่วงเวลาของการปฏิรูปประเทศและสถานการณ์โลก
ท่เี ปล่ียนแปลงอยา่ งรวดเร็วและเชื่อมโยงใกล้ชิดกันมากขน้ึ โดยจัดทาบนพื้นฐานของกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
(พ.ศ. 2560 - 2579) ซึ่งเป็นแผนหลักของการพัฒนาประเทศ และเป้าหมายของการพัฒนาที่ย่ังยืน
(Sustainable Development Goals: SDGs) แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2579 รวมท้ังการปรับ
โครงสร้างประเทศไปสู่ประเทศไทย 4.0 ซ่ึงยุทธศาสตร์ชาติท่ีจะใช้เป็นกรอบแนวทางการพัฒนาในระยะ 20 ปี
ต่อจากนี้ ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง (๒) ยุทธศาสตร์ด้านการสร้าง
ความสามารถในการแข่งขนั (๓) ยทุ ธศาสตร์การพฒั นาและเสริมสร้างศักยภาพคน (๔) ยุทธศาสตร์ด้านการสร้าง
โอกาสความเสมอภาคและเทา่ เทียมกันทางสังคม (๕) ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างการเตบิ โตบนคุณภาพชีวติ ท่ีเป็น
มิตรกับส่ิงแวดล้อม และ (๖) ยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพฒั นาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ เพ่ือมุ่งสู่
วิสัยทัศน์และทิศทางการพฒั นาประเทศ “ความม่นั คง มั่งค่ัง ยง่ั ยนื ” เป็นประเทศพัฒนาแล้วด้วยการพัฒนาตาม
หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง

ประเด็นที่สาคัญเพ่ือแปลงแผนไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลสัมฤทธิ์ได้อย่างแท้จริงตามยุทธศาสตร์การ
พัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน คือ การเตรียมพร้อมด้านกาลังคนและการเสริมสร้างศักยภาพของประชากร
ในทุกช่วงวัย มุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพทุนมนุษย์ของประเทศ โดยพัฒนาคนให้เหมาะสมตามช่วงวัย เพ่ือให้
เติบโตอย่างมีคุณภาพ การพัฒนาทกั ษะที่สอดคล้องกบั ความต้องการในตลาดแรงงานและทักษะที่จาเปน็ ต่อการ
ดารงชีวิตในศตวรรษท่ี 21 ของคนในแต่ละช่วงวัยตามความเหมาะสม การเตรียมความพร้อมของกาลังคนด้าน
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยที ่ีจะเปลีย่ นแปลงในอนาคต ตลอดจนการยกระดบั คุณภาพการศกึ ษาสูค่ วามเป็นเลศิ

ดังนั้น เพื่อให้การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อเตรียมความพร้อมคนให้สามารถปรับตัวรองรับ
ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงไดอ้ ย่างเหมาะสม กระทรวงศกึ ษาธิการจึงกาหนดเป็นนโยบายสาคัญและเร่งด่วน
ให้มีการปรับปรุงหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ในกลุ่มสาระการเรียนรู้
คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
รวมทงั้ เทคโนโลยี ในกลุ่มสาระการเรยี นรู้การงานอาชพี และเทคโนโลยี โดยมอบหมายให้สถาบนั ส่งเสรมิ การสอน

มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ช้วี ัด ฯ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๒

วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (สสวท.) ดาเนินการปรับปรุง กลุม่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ
วิทยาศาสตร์ และสาระเก่ียวกับเทคโนโลยีในกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี และมอบหมาย
ให้สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐานดาเนินการปรับปรุงสาระภูมิศาสตร์ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้
สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ทั้งน้ี การดาเนินงานประกาศใช้หลักสูตรยังคงอยู่ในความรับผิดชอบของ
สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน

การปรับปรุงหลักสูตรครั้งนี้ ยังคงหลักการและโครงสร้างเดิมของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน
พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 คือ ประกอบด้วย 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ได้แก่ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม สุขศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ การงานอาชีพและ
เทคโนโลยี และภาษาต่างประเทศ แต่มุ่งเน้นการปรับปรุงเนื้อหาให้มีความทันสมัย ทันต่อการเปลี่ยนแปลงและ
ความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการต่าง ๆ คานึงถึงการส่งเสริมให้ผู้เรียน มีทักษะท่ีจาเป็นสาหรับการเรี ยนรู้ใน
ศตวรรษที่ 21 เป็นสาคัญ เตรียมผู้เรียนให้มีความพร้อมท่ีจะเรียนรู้ส่ิงต่าง ๆ พร้อมที่จะประกอบอาชีพ เมื่อจบ
การศกึ ษา หรือสามารถศึกษาตอ่ ในระดับทส่ี งู ข้นึ สามารถแข่งขนั และอย่รู ว่ มกบั ประชาคมโลกได้

กรอบในการปรับปรุง คือ ให้มอี งค์ความรู้ท่ีเป็นสากลเทยี บเท่านานาชาติ ปรับมาตรฐานการเรียนรู้
และตัวช้ีวัดให้มีความชัดเจน ลดความซ้าซ้อน สอดคล้องและเช่ือมโยงกันภายในกลุ่มสาระการเรียนรู้ และ
ระหว่างกลุ่มสาระการเรียนรู้ ตลอดจนเช่ือมโยงองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี เข้า
ดว้ ยกัน จดั เรยี งลาดับความยากง่ายของเนื้อหาในแตล่ ะระดับชัน้ ตามพัฒนาการแต่ละช่วงวัย ใหม้ ีความเชื่อมโยง
ความร้แู ละกระบวนการเรียนรู้ โดยใหเ้ รียนรู้ผา่ นการปฏบิ ตั ิท่สี ่งเสริมใหผ้ ้เู รยี นพฒั นาความคิด

สาระสาคญั ของการปรับปรงุ หลักสูตร มดี งั นี้
1. กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ และวทิ ยาศาสตร์

1.1 จัดกลุ่มความรู้ใหมแ่ ละนาทักษะกระบวนการไปบูรณาการกับตวั ชวี้ ัด เน้นให้ผ้เู รยี นเกิดการ
คดิ วิเคราะห์ คดิ แก้ปญั หา และมที กั ษะในศตวรรษที่ 21

๑.๒ ระดับชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 1 ถงึ มัธยมศึกษาปที ่ี 3 กาหนดมาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวชี้วัด
สาหรับผู้เรียนทุกคน ที่เป็นพ้ืนฐานที่เก่ียวข้องกับชีวิตประจาวัน และเป็นพื้นฐานสาคัญในการศึกษาต่อระดับที่
สูงขึ้น

๑.๓ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 – 6 กาหนดมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดเฉพาะเจาะจง
แยกส่วนระหว่างผู้เรียนที่เลือกเรียนในแผนการเรียนท่ีไมเ่ น้นวิทยาศาสตร์ และแผนการเรียนที่เน้นวิทยาศาสตร์
มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดในส่วนของแผนการเรียนท่ีไม่เน้นวิทยาศาสตร์ เป็นพ้ืนฐานท่ีเกี่ยวข้องกับ
ชีวิตประจาวัน และการศึกษาต่อระดับท่ีสูงขึ้น ส่วนมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดของแผนการเรียนท่ีเน้น
วิทยาศาสตร์ ผู้เรียนจะได้รับการพัฒนาส่งเสริมให้มีความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ ด้านคณิตศาสตร์และ
วิทยาศาสตร์ท่ถี ูกตอ้ งลึกซงึ้ และกวา้ งขวางตามศกั ยภาพของตนเองใหม้ ากท่สี ุด อนั จะเป็นพื้นฐานสู่ความเปน็ เลิศ
ทางด้านวิทยาศาสตร์ ศกึ ษาต่อในวชิ าชพี ทีต่ ้องใช้วทิ ยาศาสตรไ์ ด้

1.4 ปรับจากตัวช้ีวัดช่วงชน้ั ในระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 – 6 เปน็ ตวั ช้ีวดั ชน้ั ปี
2. กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ได้เพิ่มสาระเทคโนโลยี ซ่ึงประกอบด้วยการออกแบบและ
เทคโนโลยี และวิทยาการคานวณ ท้ังนี้เพื่อเอื้อต่อการจัดการเรียนรู้บูรณาการสาระทางคณิตศาสตร์
วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี กับกระบวนการเชิงวศิ วกรรม ตามแนวคิดสะเตม็ ศกึ ษา
๓. สาระภูมิศาสตร์ ซึ่งเป็นสาระหนึ่งในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม

ยงั คงมาตรฐานการเรียนรู้เดิม แต่ปรับมาตรฐานการเรียนรู้และตวั ช้ีวัดให้มคี วามชัดเจน สอดคลอ้ งกับพัฒนาการ
ตามชว่ งวยั มีองค์ความรูท้ ่เี ปน็ สากล เพ่มิ ความสามารถ ทักษะ และกระบวนการทางภูมิศาสตร์ ทชี่ ดั เจนข้นึ

มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชวี้ ัด ฯ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๓

เอกสารมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร และสาระ
ภมู ศิ าสตร์ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ตามหลักสตู ร
แกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 น้ี จัดทาขึ้น สาหรับสถานศึกษาได้นาไปใช้เป็นกรอบและ
ทิศทางในการจัดทาหลักสูตรสถานศึกษาและจัดการเรียนการสอน เพ่ือพัฒนาเด็กและเยาวชนไทยทุกคนใน
ระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐานให้มีคุณภาพด้านความรู้ และทักษะท่ีจาเป็นสาหรับการดารงชีวิตในสังคมที่มีการ
เปล่ียนแปลง นอกจากน้ีมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดที่กาหนดไว้ในเอกสารนี้ จะช่วยให้ผู้ท่ีเก่ียวข้องใช้เป็น
แนวทางในการส่งเสรมิ สนับสนนุ ใหเ้ กดิ การพัฒนาผูเ้ รยี นใหม้ คี ณุ ภาพตามมาตรฐานการเรยี นรู้อยา่ งแทจ้ รงิ

อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ

มาตรฐานการเรยี นร้แู ละตวั ช้วี ดั ฯ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๔

สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้

กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ
ศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 ประกอบด้วยสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ ดังนี้ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ มี 4
สาระ จานวน 10 มาตรฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ มี 8 สาระ จานวน 25 มาตรฐาน และสาระ
ภูมศิ าสตร์ ในกลมุ่ สาระการเรียนร้สู ังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม มจี านวน 2 มาตรฐาน ดังนี้

กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์

สาระที่ ๑ จานวนและพชี คณิต
มาตรฐาน ค ๑.๑ เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของจานวน
ผลทเ่ี กดิ ขึน้ จากการดาเนินการ สมบัติของการดาเนินการ และนาไปใช้
มาตรฐาน ค ๑.๒ เข้าใจและวิเคราะห์แบบรูป ความสัมพนั ธ์ ฟงั กช์ ัน ลาดับและอนุกรม และนาไปใช้
มาตรฐาน ค ๑.๓ ใชน้ ิพจน์ สมการ อสมการ และเมทรกิ ซ์ อธิบายความสัมพันธห์ รือชว่ ยแกป้ ัญหา
ท่กี าหนดให้

หมายเหตุ: มาตรฐาน ค ๑.๓ สาหรับผเู้ รียนในระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 - 6
สาระท่ี ๒ การวดั และเรขาคณิต

มาตรฐาน ค ๒.๑ เข้าใจพืน้ ฐานเกี่ยวกับการวัด วดั และคาดคะเนขนาดของส่ิงท่ตี อ้ งการวดั และนาไปใช้
มาตรฐาน ค ๒.๒ เข้าใจและวิเคราะห์รูปเรขาคณิต สมบัติของรูปเรขาคณิต ความสัมพันธ์ระหว่าง

รูปเรขาคณิตและทฤษฎีบททางเรขาคณิต และนาไปใช้
มาตรฐาน ค ๒.๓ เข้าใจเรขาคณติ วิเคราะห์ และนาไปใช้
มาตรฐาน ค ๒.๔ เข้าใจเวกเตอร์ การดาเนินการของเวกเตอร์ และนาไปใช้

หมายเหต:ุ 1. มาตรฐาน ค ๒.๑ และ ค ๒.๒ สาหรับผ้เู รยี นในระดบั ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1 ถงึ ระดบั ชน้ั
มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3

2. มาตรฐาน ค ๒.๓ และ ค ๒.๔ สาหรับผเู้ รยี นในระดับชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 4 – 6 ทเ่ี นน้
วทิ ยาศาสตร์

สาระท่ี ๓ สถิติและความน่าจะเปน็
มาตรฐาน ค ๓.๑ เข้าใจกระบวนการทางสถิติ และใช้ความร้ทู างสถติ ใิ นการแกป้ ัญหา
มาตรฐาน ค ๓.๒ เข้าใจหลักการนับเบือ้ งตน้ ความน่าจะเป็น และนาไปใช้

หมายเหตุ: มาตรฐาน ค 3.2 สาหรบั ผเู้ รยี นในระดับชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 - 6
สาระที่ ๔ แคลคูลสั

มาตรฐาน ค ๔.๑ เข้าใจลมิ ิตและความตอ่ เนอื่ งของฟังก์ชนั อนุพนั ธ์ของฟังกช์ นั และปรพิ ันธ์ของฟงั กช์ ัน
และนาไปใช้

หมายเหต:ุ มาตรฐาน ค. ๔.๑ สาหรบั ผเู้ รียนในระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 – 6 ทเ่ี นน้ วทิ ยาศาสตร์

มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตวั ชว้ี ัด ฯ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๕

กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ

สาระท่ี ๑ วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ
มาตรฐาน ว ๑.๑ เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิตกับส่ิงมีชีวิต
และความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตกับส่ิงมีชีวิตต่างๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอด
พลังงาน การเปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและ
ผลกระทบท่ีมีต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์
ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปญั หาสิง่ แวดลอ้ ม รวมทั้งนาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
มาตรฐาน ว ๑.๒ เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพ้ืนฐานของส่ิงมีชีวิต การลาเลียงสารเข้าและออกจาก
เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าท่ีของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่
ทางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าท่ีของอวัยวะต่างๆ ของพืชท่ี
ทางานสัมพันธก์ นั รวมท้งั นาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
มาตรฐาน ว ๑.๓ เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร
พันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมท่ีมีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทาง
ชวี ภาพและวิวัฒนาการของสง่ิ มชี ีวิต รวมทั้งนาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์

หมายเหต:ุ มาตรฐาน ว ๑.๑ - ว ๑.๓ สาหรับผเู้ รยี นในระดบั ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 1 ถึงระดบั ชนั้ มัธยมศึกษา
ปีท่ี 3 และผู้เรยี นในระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 – 6 ทไ่ี มเ่ น้นวทิ ยาศาสตร์

สาระที่ ๒ วิทยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร
กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการ
เปล่ยี นแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกริ ิยาเคมี
มาตรฐาน ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจาวัน ผลของแรงท่ีกระทาต่อวัตถุ ลักษณะการ
เคล่ือนท่แี บบต่างๆ ของวัตถุ รวมท้งั นาความร้ไู ปใช้ประโยชน์
มาตรฐาน ว ๒.๓ เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์
ระหวา่ งสสารและพลงั งาน พลังงานในชวี ิตประจาวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์
ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกับเสยี ง แสง และคลืน่ แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ รวมทงั้ นาความร้ไู ปใช้ประโยชน์

หมายเหต:ุ มาตรฐาน ว 2.๑ - ว 2.๓ สาหรับผู้เรยี นในระดับช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 1 ถงึ ระดบั ชนั้ มัธยมศึกษา
ปที ่ี 3 และผู้เรียนในระดับชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 – 6 ทไี่ ม่เน้นวิทยาศาสตร์

สาระที่ ๓ วิทยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ
มาตรฐาน ว ๓.๑ เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี
ดาวฤกษ์ และระบบสรุ ยิ ะ รวมทง้ั ปฏิสัมพันธภ์ ายในระบบสรุ ยิ ะทส่ี ่งผลตอ่ ส่งิ มีชวี ิตและ
การประยุกตใ์ ชเ้ ทคโนโลยีอวกาศ
มาตรฐาน ว ๓.๒ เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายใน
โลก และบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลม ฟ้า อากาศ และ
ภูมิอากาศโลก รวมทง้ั ผลตอ่ สิ่งมชี ีวติ และสง่ิ แวดลอ้ ม

หมายเหต:ุ มาตรฐาน ว 3.๑ และ ว 3.2 สาหรบั ผเู้ รยี นทกุ คนในระดับชั้นประถมศึกษาปที ่ี 1 ถงึ ระดับชน้ั
มัธยมศึกษาปที ี่ 3 และผ้เู รียนในระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 – 6 ทไี่ ม่เนน้ วทิ ยาศาสตร์

มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตัวช้วี ัด ฯ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๖

สาระที่ ๔ ชีววทิ ยา
มาตรฐาน ว ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของสิง่ มีชวี ิต การศึกษาชีววทิ ยาและวิธีการทางวทิ ยาศาสตร์ สารที่เป็น
องค์ประกอบของสิ่งมีชีวิต ปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต กล้องจุลทรรศน์
โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์ การลาเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ การแบ่งเซลล์
และการหายใจระดับเซลล์
มาตรฐาน ว ๔.๒ เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติและ
หนา้ ที่ของสารพันธุกรรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดเี อ็นเอ หลกั ฐาน ข้อมูลและ
แนวคิดเก่ียวกับวิวัฒนาการของส่ิงมีชีวิต ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก การเกิด
สปีชีส์ใหม่ ความหลากหลายทางชีวภาพ กาเนิดของส่ิงมีชีวิต ความหลากหลายของ
ส่งิ มชี ีวติ และอนกุ รมวิธาน รวมทั้งนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
มาตรฐาน ว ๔.๓ เข้าใจส่วนประกอบของพืช การแลกเปล่ียนแก๊สและคายน้าของพืช การลาเลยี งของพืช
การสังเคราะห์ด้วยแสง การสืบพันธ์ุของพืชดอกและการเจริญเติบโต และการ
ตอบสนองของพืช รวมท้ังนาความรู้ไปใช้ประโยชน์
มาตรฐาน ว ๔.๔ เข้าใจการย่อยอาหารของสัตว์และมนุษย์ รวมท้ังการหายใจและการแลกเปล่ียนแก๊ส
การลาเลียงสารและการหมุนเวียนเลือด ภูมิคุ้มกันของร่างกาย การขับถ่าย การรับรู้
และการตอบสนอง การเคลื่อนท่ี การสืบพันธ์ุและการเจริญเติบโต ฮอร์โมนกับการ
รกั ษาดุลยภาพ และพฤตกิ รรมของสตั ว์ รวมท้ังนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์
มาตรฐาน ว ๔.๕ เข้าใจแนวคดิ เก่ยี วกบั ระบบนิเวศ กระบวนการถ่ายทอดพลังงานและการหมุนเวยี นสาร
ในระบบนิเวศ ความหลากหลายของไบโอม การเปล่ียนแปลงแทนที่ของสิ่งมีชีวิตใน
ระบบนิเวศ ประชากรและรูปแบบการเพิ่มของประชากร ทรัพยากรธรรมชาติและ
ส่ิงแวดล้อม ปัญหา และผลกระทบที่เกิดจากการใช้ประโยชน์ และแนวทางการแก้ไข
ปัญหา

หมายเหต:ุ มาตรฐาน ว ๔.๑ – ว ๔.๕ สาหรบั ผ้เู รียนในระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 4 – 6 ท่ีเน้นวทิ ยาศาสตร์
อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ
สาระที่ ๕ เคมี เข้าใจโครงสร้างอะตอม การจัดเรียงธาตุในตารางธาตุ สมบัติของธาตุ พันธะเคมีและ
มาตรฐาน ว ๕.๑ สมบัติของสาร แก๊สและสมบัติของแก๊ส ประเภทและสมบัติของสารประกอบอินทรีย์
และพอลเิ มอร์ รวมท้งั การนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
มาตรฐาน ว ๕.๒ เข้าใจการเขียนและการดุลสมการเคมี ปริมาณสัมพันธ์ในปฏิกิริยาเคมี อัตราการ
เกิดปฏิกิริยาเคมี สมดุลในปฏิกิริยาเคมี สมบัติและปฏิกิริยาของกรด–เบส ปฏิกิริยา
มาตรฐาน ว ๕.๓ รีดอกซแ์ ละเซลล์เคมไี ฟฟา้ รวมทง้ั การนาความร้ไู ปใช้ประโยชน์
เข้าใจหลักการทาปฏิบัติการเคมี การวัดปริมาณสาร หน่วยวัดและการเปลี่ยนหน่วย
การคานวณปรมิ าณของสาร ความเข้มข้นของสารละลาย รวมทั้งการบูรณาการความรู้
และทักษะในการอธิบายปรากฏการณ์ในชวี ิตประจาวนั และการแก้ปญั หาทางเคมี

หมายเหตุ: มาตรฐาน ว 5.๑ – ว 5.3 สาหรบั ผเู้ รยี นในระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 – 6 ที่เนน้ วทิ ยาศาสตร์

มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตวั ชวี้ ัด ฯ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๗

สาระท่ี ๖ ฟิสิกส์ เข้าใจธรรมชาตทิ างฟิสิกส์ ปริมาณและกระบวนการวดั การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและ
มาตรฐาน ว ๖.๑ กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสียดทาน สมดุลกลของวัตถุ
งาน และกฎการอนุรักษ์พลังงานกล โมเมนตัมและกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม การ
มาตรฐาน ว ๖.๒ เคลื่อนทแี่ นวโค้ง รวมท้ังนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์
มาตรฐาน ว ๖.๓ เข้าใจการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกส์อย่างง่าย ธรรมชาติของคลื่น เสียงและการได้ยิน
ปรากฏการณ์ที่เก่ียวข้องกับเสียง แสงและการเห็น ปรากฏการณ์ท่ีเก่ียวข้องกับแสง
มาตรฐาน ว ๖.๔ รวมทั้งนาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
เข้าใจแรงไฟฟ้าและกฎของคูลอมบ์ สนามไฟฟา้ ศกั ย์ไฟฟ้า ความจุไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า
และกฎของโอห์ม วงจรไฟฟ้ากระแสตรง พลังงานไฟฟ้าและกาลังไฟฟ้า การเปล่ียน
พลงั งานทดแทนเปน็ พลงั งานไฟฟ้า สนามแมเ่ หล็ก แรงแม่เหลก็ ท่ีกระทากบั ประจไุ ฟฟ้า
และกระแสไฟฟ้า การเหนี่ยวนาแม่เหล็กไฟฟ้าและกฎของฟาราเดย์ ไฟฟ้ากระแสสลับ
คล่นื แม่เหล็กไฟฟา้ และการส่ือสาร รวมทั้งนาความรู้ไปใช้ประโยชน์
เข้าใจความสัมพันธ์ของความร้อนกับการเปลี่ยนอุณหภูมิและสถานะของสสาร สภาพ
ยืดหยุ่นของวัสดุ และมอดุลัสของยัง ความดันในของไหล แรงพยุง และหลักของอาร์คิ
มีดีส ความตึงผวิ และแรงหนืดของของเหลว ของไหลอุดมคติ และสมการแบร์นูลลี กฎ
ของแก๊ส ทฤษฎีจลน์ของแก๊สอุดมคติและพลังงานในระบบ ทฤษฎีอะตอมของโบร์
ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก ทวิภาวะของคล่ืนและอนุภาค กัมมันตภาพรังสี แรง
นิวเคลียร์ ปฏิกิริยานิวเคลียร์ พลังงานนิวเคลียร์ ฟิสิกส์อนุภาค รวมทั้งนาความรู้ไปใช้
ประโยชน์
อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ
หมายเหต:ุ มาตรฐาน ว 6.๑ – ว 6.4 สาหรบั ผเู้ รยี นในระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 – 6 ท่ีเน้นวิทยาศาสตร์

สาระท่ี ๗ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ
มาตรฐาน ว ๗.๑ เข้าใจกระบวนการเปล่ียนแปลงภายในโลก ธรณีพิบัติภัยและผลต่อส่ิงมีชีวิตและ
สงิ่ แวดล้อม การศกึ ษาลาดบั ช้ันหนิ ทรัพยากรธรณี แผนท่ี และการนาไปใช้ประโยชน์
มาตรฐาน ว ๗.๒ เขา้ ใจสมดุลพลังงานของโลก การหมนุ เวยี นของอากาศบนโลก การหมนุ เวยี นของน้าใน
มหาสมุทร การเกิดเมฆ การเปล่ียนแปลงภูมิอากาศโลกและผลต่อส่ิงมีชีวิตและ
สง่ิ แวดลอ้ ม รวมท้งั การพยากรณอ์ ากาศ
มาตรฐาน ว ๗.๓ เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี
ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ ความสัมพันธ์ของดาราศาสตร์กับมนุษย์จากการศึกษา
ตาแหน่งดาวบนทรงกลมฟ้าและปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะ รวมทั้งการประยุกต์ใช้
เทคโนโลยอี วกาศ

หมายเหต:ุ มาตรฐาน ว ๗.๑ – ว ๗.๓ สาหรบั ผ้เู รียนในระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 – 6 ท่ีเน้นวทิ ยาศาสตร์

มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตวั ช้วี ัด ฯ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๘

สาระที่ ๘ เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว ๘.๑ เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพ่ือการดารงชีวิตในสังคมที่มีการเปล่ียนแปลงอย่าง
รวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อ่ืนๆ เพื่อ
แก้ปัญหาหรือพัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิง
วศิ วกรรม เลือกใชเ้ ทคโนโลยีอย่างเหมาะสมโดยคานึงถงึ ผลกระทบต่อชีวิต สังคม และ
สงิ่ แวดลอ้ ม
มาตรฐาน ว ๘.๒ เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอนและ
เป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทางาน และการ
แก้ปญั หาได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ร้เู ท่าทนั และมจี รยิ ธรรม

หมายเหตุ: มาตรฐาน ว 8.๑ สาหรับผเู้ รียนในระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 –6

อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ
สาระภูมิศาสตร์ ในกลมุ่ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม

สาระที่ ๕ ภูมศิ าสตร์

มาตรฐาน ส ๕.๑ เข้าใจลักษณะทางกายภาพของโลกและความสัมพันธ์ของสรรพสิ่งซึ่งมีผลต่อกัน
ใช้แผนที่และเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ในการค้นหา วิเคราะห์ และสรุปข้อมูล
ตามกระบวนการทางภมู ิศาสตร์ ตลอดจนใชภ้ ูมสิ ารสนเทศอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ

มาตรฐาน ส ๕.๒ เข้าใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมทางกายภาพท่ีก่อให้เกิดการสร้างสรรค์
วิถี ก า ร ด า เ นิ นชี วิ ต มี จิ ต ส านึ ก แ ล ะ มี ส่ ว น ร่ว ม ใ น ก า ร จั ดก า ร ท รั พ ย า ก ร
และส่ิงแวดลอ้ มเพอ่ื การพฒั นาที่ย่งั ยนื

มาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตวั ช้วี ัด ฯ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๙

อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ
มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วดั

มาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตวั ชี้วดั ฯ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๑๐

กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์

ทาไมต้องเรียนคณติ ศาสตร์อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ

คณติ ศาสตร์มบี ทบาทสาคญั ยงิ่ ตอ่ ความสาเร็จในการเรียนรใู้ นศตวรรษที่ ๒๑ เนอ่ื งจากคณิตศาสตร์
ช่วยให้มนุษย์มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุผล เป็นระบบ มีแบบแผน สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรือ
สถานการณไ์ ด้อยา่ งรอบคอบและถี่ถว้ น ช่วยให้คาดการณ์ วางแผน ตัดสินใจ แกป้ ญั หา ไดอ้ ย่างถูกตอ้ งเหมาะสม
และสามารถนาไปใช้ในชวี ิตจริงได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ นอกจากนี้คณิตศาสตรย์ ังเปน็ เคร่ืองมือในการศกึ ษาด้าน
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และศาสตร์อื่น ๆ อันเป็นรากฐานในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของชาติให้มีคุณภาพ
และพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้ทัดเทียมกับนานาชาติ การศกึ ษาคณติ ศาสตร์จงึ จาเปน็ ตอ้ งมีการพัฒนาอยา่ ง
ต่อเนื่อง เพ่ือให้ทันสมัยและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม และความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีท่ี
เจรญิ กา้ วหนา้ อย่างรวดเรว็ ในยุคโลกาภิวัฒน์

มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ฉบับน้ี จัดทาข้ึนโดยคานึงถึงการส่งเสริมให้
ผู้เรียนมีทักษะท่ีจาเป็นสาหรับการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ เป็นสาคัญ นั่นคือ การเตรียมผู้เรียนให้มีทักษะด้าน
การคิดวิเคราะห์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ การแก้ปัญหา การคิดสร้างสรรค์ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและ
การส่ือสารอย่างปลอดภัย ซ่ึงจะส่งผลให้ผู้เรียนรู้เท่าทันการเปล่ียนแปลงของระบบเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม
และสภาพแวดลอ้ ม สามารถแข่งขนั และอยรู่ ่วมกับประชาคมโลกได้ ทง้ั น้ีการจดั การเรียนรคู้ ณติ ศาสตรท์ ี่ประสบ
ความสาเร็จนั้น จะต้องเตรียมผู้เรียนให้มีความพร้อมท่ีจะเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ พร้อมที่จะประกอบอาชีพเม่ือจบ
การศึกษา หรือสามารถศึกษาต่อในระดับท่ีสูงข้ึน ดงั น้ันสถานศึกษาควรจัดการเรยี นรู้ใหเ้ หมาะสมตามศักยภาพ
ของผ้เู รียน

เรยี นรูอ้ ะไรในคณิตศาสตร์

กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ได้จัดเป็น ๔ สาระ ได้แก่ จานวนและพีชคณิต การวัดและ
เรขาคณิต สถิตแิ ละความน่าจะเป็น และแคลคลู สั

จานวนและพีชคณิต เรียนรเู้ กี่ยวกบั ระบบจานวนจริง สมบัติเกี่ยวกับจานวนจรงิ อัตราส่วน ร้อยละ
การประมาณค่า การแก้ปัญหาเก่ียวกับจานวน การใช้จานวนในชีวิตจริง แบบรูป ความสัมพันธ์ ฟังก์ชัน เซต
ตรรกศาสตร์ นิพจน์ เอกนาม พหุนาม สมการ ระบบสมการ อสมการ กราฟ ดอกเบี้ยและมูลค่าของเงิน
เมทริกซ์ จานวนเชิงซ้อน ลาดับและอนุกรม และการนาความรู้เก่ียวกับจานวนและพีชคณิตไปใช้ในสถานการณ์
ตา่ ง ๆ

การวัดและเรขาคณิต เรียนรู้เก่ยี วกับความยาว ระยะทาง น้าหนัก พื้นที่ ปริมาตรและความจุ เงิน
และเวลา หน่วยวัดระบบต่าง ๆ การคาดคะเนเก่ียวกับการวัด อัตราส่วนตรีโกณมิติ รูปเรขาคณิตและสมบัติของ
รูปเรขาคณิต การนึกภาพ แบบจาลองทางเรขาคณิต ทฤษฎีบททางเรขาคณิต การแปลงทางเรขาคณิตในเรื่อง
การเลื่อนขนาน การสะท้อน การหมุน เรขาคณิตวิเคราะห์ เวกเตอร์ในสามมิติ และการนาความรู้เก่ียวกับ
การวดั และเรขาคณติ ไปใชใ้ นสถานการณต์ ่าง ๆ

สถิติและความน่าจะเป็น เรียนรู้เกี่ยวกับการตั้งคาถามทางสถิติ การเก็บรวบรวมข้อมูล การ
คานวณค่าสถิติ การนาเสนอและแปลผลสาหรับข้อมูลเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ หลักการนับเบ้ืองต้น ความ
นา่ จะเปน็ การแจกแจงของตัวแปรสุ่ม การใช้ความรู้เก่ียวกับสถิติและความน่าจะเป็นในการอธิบายเหตุการณ์ต่าง ๆ
และช่วยในการตดั สนิ ใจ

แคลคูลัส เรียนรู้เกี่ยวกับลิมิตและความต่อเน่ืองของฟังก์ชัน อนุพันธ์ของฟังก์ชันพีชคณิต ปริพันธ์
ของฟงั ก์ชนั พีชคณติ และการนาความรูเ้ กยี่ วกบั แคลคลู ัสไปใช้ในสถานการณต์ ่าง ๆ

มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้วี ดั ฯ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๑๑

คณุ ภาพผเู้ รียน

จบช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๓

 อ่าน เขียนตัวเลข ตัวหนังสือแสดงจานวนนับไม่เกนิ ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ มคี วามรสู้ ึกเชิงจานวน
มที ักษะการบวก การลบ การคูณ การหาร และนาไปใชใ้ นสถานการณต์ ่าง ๆ

 มีความรู้สึกเชิงจานวนเก่ียวกับเศษส่วนที่ไม่เกิน ๑ มีทักษะการบวก การลบ เศษส่วนที่ตัวส่วน
เท่ากนั และนาไปใชใ้ นสถานการณต์ ่าง ๆ

 คาดคะเนและวัดความยาว น้าหนัก ปริมาตร ความจุ เลือกใช้เคร่ืองมือและหน่วยท่ีเหมาะสม
บอกเวลา บอกจานวนเงนิ และนาไปใช้ในสถานการณต์ ่าง ๆ

 จาแนกและบอกลักษณะของรูปหลายเหลี่ยม วงกลม วงรี ทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก ทรงกลม
ทรงกระบอกและกรวย เขียนรูปหลายเหลี่ยม วงกลมและวงรีโดยใช้แบบของรูป ระบุรูปเรขาคณิตที่มีแกน
สมมาตรและจานวนแกนสมมาตร และนาไปใชใ้ นสถานการณต์ ่าง ๆ

 อ่านและเขียนแผนภมู ิรปู ภาพ ตารางทางเดียว และนาไปใชใ้ นสถานการณ์ตา่ ง ๆ
อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ
จบช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๖

 อ่าน เขียนตัวเลข ตัวหนังสือแสดงจานวนนับ เศษส่วน ทศนิยมไม่เกิน ๓ ตาแหน่ง อัตราส่วน
และร้อยละ มีความรสู้ ึกเชิงจานวน มีทักษะการบวก การลบ การคูณ การหาร ประมาณผลลัพธ์ และนาไปใช้ใน
สถานการณต์ ่าง ๆ

 อธิบายลักษณะและสมบัติของรูปเรขาคณิต หาความยาวรอบรูปและพ้ืนท่ีของรูปเรขาคณิต
สร้างรูปสามเหลี่ยม รูปส่ีเหล่ียมและวงกลม หาปริมาตรและความจุของทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก และนาไปใช้ใน
สถานการณ์ต่าง ๆ

 นาเสนอข้อมูลในรูปแผนภูมิแท่ง ใช้ข้อมูลจากแผนภูมิแท่ง แผนภูมิรูปวงกลม ตารางสองทาง
และกราฟเสน้ ในการอธบิ ายเหตกุ ารณ์ต่าง ๆ และตัดสนิ ใจ

จบช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๓

 มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับจานวนจริง ความสัมพันธ์ของจานวนจริง สมบัติของจานวนจริง
และใชค้ วามรคู้ วามเขา้ ใจนี้ในการแกป้ ญั หาในชวี ติ จรงิ

 มคี วามรู้ความเข้าใจเก่ียวกับอัตราส่วน สัดส่วน และร้อยละ และใชค้ วามรู้ความเข้าใจนีใ้ นการ
แกป้ ญั หาในชวี ิตจรงิ

 มีความรู้ความเขา้ ใจเกี่ยวกับเลขยกกาลังที่มเี ลขช้ีกาลังเป็นจานวนเตม็ และใชค้ วามรู้ความเขา้ ใจนี้
ในการแก้ปญั หาในชีวติ จรงิ

 มีความรู้ความเข้าใจเกยี่ วกบั สมการเชิงเส้นตัวแปรเดยี ว ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร และ
อสมการเชงิ เส้นตวั แปรเดียว และใชค้ วามรู้ความเขา้ ใจนใ้ี นการแกป้ ัญหาในชวี ิตจรงิ

 มีความรู้ความเข้าใจและใช้ความรู้เก่ียวกับคู่อันดับ กราฟของความสัมพันธ์ และฟังก์ชันกาลัง
สอง และใช้ความร้คู วามเข้าใจเหล่านใ้ี นการแก้ปญั หาในชวี ติ จริง

มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชวี้ ดั ฯ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๑๒

 มคี วามรู้ความเขา้ ใจทางเรขาคณิตและใช้เครื่องมือ เชน่ วงเวยี นและสันตรง รวมท้ังโปรแกรม
The Geometer’s Sketchpad หรือโปรแกรมเรขาคณติ พลวัตอื่น ๆ เพื่อสร้างรูปเรขาคณิต ตลอดจนนาความรู้
เกยี่ วกับการสรา้ งนีไ้ ปประยุกตใ์ ชใ้ นการแก้ปัญหาในชวี ติ จริง

 มีความรู้ความเข้าใจและใช้ความรู้ความเข้าใจนี้ในการหาความสัมพันธ์ระหว่างรูปเรขาคณิตสอง
มติ แิ ละรปู เรขาคณติ สามมติ ิ

 มคี วามรู้ความเขา้ ใจในเรื่องพนื้ ทผี่ วิ และปรมิ าตรของปรซิ มึ ทรงกระบอก พีระมดิ กรวย และ
ทรงกลม และใช้ความรู้ความเข้าใจนี้ในการแก้ปัญหาในชวี ติ จริง

 มีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับสมบัติของเส้นขนาน รูปสามเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการ รูป
สามเหลย่ี มคล้าย ทฤษฎบี ทพที าโกรัสและบทกลบั และนาความร้คู วามเขา้ ใจนีไ้ ปใช้ในการแกป้ ัญหาในชวี ติ จริง

 มีความรู้ความเข้าใจในเร่ืองการแปลงทางเรขาคณิตและนาความรู้ความเข้าใจนี้ไปใช้ในการ
แก้ปญั หาในชีวิตจริง

 มีความรู้ความเข้าใจในเร่ืองอัตราส่วนตรีโกณมิติและนาความรู้ความเข้าใจน้ีไปใช้ในการ
แกป้ ญั หาในชวี ิตจรงิ

 มีความรู้ความเข้าใจในเร่ืองทฤษฎีบทเก่ียวกับวงกลมและนาความรู้ความเข้าใจน้ีไปใช้ในการ
แก้ปญั หาคณติ ศาสตร์

 มีความรู้ความเข้าใจทางสถิติในการนาเสนอข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล และแปลความหมายข้อมูล
ที่เกี่ยวข้องกับแผนภาพจุด แผนภาพต้น-ใบ ฮิสโทแกรม ค่ากลางของข้อมูล และแผนภาพกล่อง และใช้ความรู้
ความเขา้ ใจน้ี รวมทง้ั นาสถิติไปใชใ้ นชวี ติ จริงโดยใชเ้ ทคโนโลยที เี่ หมาะสม

 มคี วามรู้ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั ความนา่ จะเปน็ และใชใ้ นชวี ิตจริง
อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ
จบชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๖ (สาหรบั ผ้เู รียนท่ีไมเ่ นน้ วทิ ยาศาสตร์ )

 เข้าใจและใช้ความรู้เกี่ยวกับเซตและตรรกศาสตรเ์ บ้ืองตน้ ในการสอื่ สารและสื่อความหมายทาง
คณติ ศาสตร์

 เข้าใจและใช้หลักการนับเบ้ืองต้น การเรียงสับเปล่ียน และการจัดหมู่ ในการแก้ปัญหา และนา
ความร้เู ก่ยี วกบั ความนา่ จะเปน็ ไปใช้

 นาความรู้เกย่ี วกับ เลขยกกาลัง ฟงั ก์ชัน ลาดับและอนุกรม ไปใช้ในการแกป้ ญั หา รวมท้ังปัญหา
เกี่ยวกับดอกเบี้ยและมลู ค่าของเงนิ

 เข้าใจและใช้ความรู้ทางสถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล นาเสนอข้อมูล และแปลความหมายข้อมูล
เพ่อื ประกอบการตัดสินใจ

จบช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๖ (สาหรับผ้เู รยี นทเ่ี น้นวิทยาศาสตร์)

 เขา้ ใจและใชค้ วามรูเ้ กย่ี วกับเซต ในการส่อื สารและส่ือความหมายทางคณติ ศาสตร์
 เขา้ ใจและใช้ความรู้เกีย่ วกับตรรกศาสตรเ์ บื้องต้น ในการสอื่ สาร สอ่ื ความหมาย และอ้างเหตุผล
 เข้าใจและใช้สมบตั ิของจานวนจริงและพหนุ าม

มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ช้วี ดั ฯ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๑๓

 เข้าใจและใชค้ วามรูเ้ ก่ยี วกับฟังก์ชัน ฟังกช์ นั เอกซ์โพเนนเชยี ล ฟังกช์ ันลอการิทึม และฟังก์ชนั
ตรโี กณมติ ิ

 เขา้ ใจและใช้ความรูเ้ ก่ยี วกับเรขาคณิตวเิ คราะห์

 เขา้ ใจและใช้ความรู้เกย่ี วกับเมทรกิ ซ์

 เข้าใจและใช้สมบตั ขิ องจานวนเชงิ ซอ้ น

 นาความรเู้ กย่ี วกับเวกเตอรใ์ นสามมิตไิ ปใช้

 เขา้ ใจและใช้หลักการนับเบอื้ งตน้ การเรยี งสับเปลี่ยน และการจัดหมู่ ในการแกป้ ญั หา และนา
ความรู้เก่ียวกบั ความน่าจะเป็นไปใช้

 นาความรเู้ กยี่ วกับลาดบั และอนกุ รมไปใช้

 เขา้ ใจและใชค้ วามรทู้ างสถิติในการวเิ คราะห์ขอ้ มูล นาเสนอขอ้ มูล และแปลความหมายขอ้ มูล
เพ่ือประกอบการตัดสนิ ใจ

 หาความน่าจะเปน็ ของเหตุการณท์ ี่เกดิ จากตวั แปรสมุ่ ทีม่ ีการแจกแจงเอกรูป การแจกแจงทวิ
นาม และการแจกแจงปกติ และนาไปใช้

 นาความรู้เก่ียวกบั แคลคลู ัสเบ้ืองตน้ ไปใช้
อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ

มาตรฐานการเรยี นร้แู ละตวั ช้ีวดั ฯ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๑๔

สาระที่ ๑ จานวนและพีชคณิต

มาตรฐาน ค ๑.๑ เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของจานวน ผลทเ่ี กดิ ขน้ึ

จากการดาเนนิ การ สมบตั ขิ องการดาเนินการ และนาไปใช้

ตวั ชีว้ ดั ช้นั ปี

ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖

๑. บอกจานวนของ ๑. บอกจานวนของ ๑. อ่านและเขียน ๑. อา่ นและเขยี น ๑. เขยี นเศษส่วนท่ี ๑. เปรยี บเทียบ

สงิ่ ตา่ ง ๆ แสดง สง่ิ ต่าง ๆ แสดง ตัวเลขฮนิ ดูอารบกิ ตวั เลขฮินดูอารบิก มีตวั สว่ นเป็นตัว เรียงลาดับเศษส่วน

ส่งิ ตา่ ง ๆ ตาม สิง่ ตา่ ง ๆ ตาม ตวั เลขไทย และ ตัวเลขไทย และ ประกอบของ ๑๐ และจานวนคละจาก

จานวนที่กาหนด จานวนท่ีกาหนด ตัวหนังสือแสดง ตัวหนังสือแสดง หรือ ๑๐๐ หรือ สถานการณ์ตา่ ง ๆ

อ่านและเขียน อา่ นและเขียน จานวนนับไมเ่ กนิ จานวนนับท่ี ๑,๐๐๐ ในรูป ๒. เขยี นอัตราสว่ น

ตัวเลขฮนิ ดอู ารบิก ตัวเลขฮนิ ดู ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ มากกวา่ ทศนยิ ม แสดงการ

ตัวเลขไทยแสดง อารบกิ ตัวเลข ๒. เปรยี บเทียบ และ ๑๐๐,๐๐๐ ๒. แสดงวิธหี า เปรียบเทยี บ

จานวนนับ ไมเ่ กนิ ไทย ตัวหนงั สือ เรยี งลาดับจานวน ๒. เปรยี บเทยี บและ คาตอบของโจทย์ ปรมิ าณ ๒ ปรมิ าณ

๑๐๐ และ ๐ แสดงจานวนนับ นับไมเ่ กิน เรียงลาดบั ปญั หาโดยใช้ จากขอ้ ความหรอื
อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ
๒. เปรยี บเทยี บ ไม่เกิน ๑,๐๐๐ ๑๐๐,๐๐๐ จาก จานวนนับที่ บญั ญัตไิ ตรยางศ์ สถานการณ์ โดยที่

จานวนนับไม่เกิน และ ๐ สถานการณ์ต่าง ๆ มากกวา่ ๓. หาผลบวก ปรมิ าณแตล่ ะ

๑๐๐ และ ๐ ๒. เปรยี บเทียบ ๓. บอก อา่ นและ ๑๐๐,๐๐๐ จาก ผลลบของเศษสว่ น ปรมิ าณเปน็ จานวน

โดยใช้ จานวนนับไมเ่ กิน เขยี นเศษส่วน สถานการณต์ า่ ง ๆ และจานวนคละ นับ

เครือ่ งหมาย ๑,๐๐๐ และ ๐ แสดงปริมาณสิง่ ๓. บอก อ่านและ ๔. หาผลคณู ๓. หาอตั ราส่วนท่ี

= ≠> < โดยใช้ ตา่ ง ๆ และแสดง เขียนเศษส่วน ผลหารของเศษสว่ น เทา่ กบั อัตราสว่ น

๓. เรยี งลาดบั เคร่อื งหมาย ส่ิงต่าง ๆ ตาม จานวนคละแสดง และจานวนคละ ทกี่ าหนดให้

จานวนนบั ไมเ่ กนิ = ≠ > < เศษสว่ นท่ี ปรมิ าณส่ิงต่าง ๆ ๕. แสดงวิธหี า ๔. หา ห.ร.ม. ของ

๑๐๐ และ ๐ ๓. เรยี งลาดับ กาหนด และแสดงสง่ิ ตา่ ง ๆ คาตอบของโจทย์ จานวนนับไมเ่ กิน ๓

ตง้ั แต่ ๓ ถงึ ๕ จานวนนับไมเ่ กนิ ๔. เปรยี บเทยี บ ตามเศษสว่ น ปญั หาการบวก จานวน

จานวน ๑,๐๐๐ และ ๐ เศษสว่ นท่ีตัวเศษ จานวนคละท่ี การลบ การคณู ๕. หา ค.ร.น. ของ

๔. หาคา่ ของตัวไม่ ตั้งแต่ ๓ ถงึ ๕ เท่ากนั โดยทต่ี ัว กาหนด การหารเศษสว่ น ๒ จานวนนบั ไม่เกนิ ๓

ทราบคา่ ใน จานวน จาก เศษนอ้ ยกว่าหรือ ๔. เปรยี บเทยี บ ขน้ั ตอน จานวน

ประโยค สถานการณ์ต่าง ๆ เท่ากับตัวส่วน เรียงลาดบั เศษสว่ น ๖. หาผลคณู ของ ๖. แสดงวิธหี า

สัญลักษณ์แสดง ๔. หาค่าของตัวไม่ ๕. หาคา่ ของตัวไม่ และจานวนคละที่ ทศนิยม ที่ผลคณู คาตอบของโจทย์

การบวก และ ทราบคา่ ใน ทราบค่าใน ตัวสว่ นตัวหนึ่งเป็น เปน็ ทศนยิ มไม่เกิน ปัญหาโดยใชค้ วามรู้

ประโยค ประโยคสญั ลกั ษณ์ ประโยค พหคุ ูณของอีกตัว ๓ ตาแหนง่ เก่ยี วกบั ห.ร.ม.

สัญลักษณแ์ สดง แสดงการบวก สัญลกั ษณแ์ สดง หนงึ่ ๗. หาผลหารทตี่ วั และ ค.ร.น.

การลบของ และประโยค การบวกและ ๕. อ่านและเขียน ต้งั เปน็ จานวนนบั ๗. หาผลลัพธข์ อง

จานวนนบั ไม่เกนิ สญั ลกั ษณ์แสดง ประโยค ทศนยิ มไมเ่ กนิ ๓ หรอื ทศนิยมไมเ่ กนิ การบวก ลบ คูณ

๑๐๐ และ ๐ การลบของจานวน สัญลักษณ์แสดง ตาแหนง่ แสดง ๓ ตาแหน่ง และ หารระคนของ

๕. แสดงวิธีหา นับไมเ่ กิน ๑,๐๐๐ การลบของ ปรมิ าณของสิง่ ตัวหารเป็นจานวน เศษส่วนและ

คาตอบของโจทย์ และ ๐ จานวนนบั ไมเ่ กิน ตา่ ง ๆ และ นับ ผลหารเปน็ จานวนคละ

ปญั หาการบวก ๕. หาคา่ ของตวั ไม่ ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ แสดงสิง่ ต่าง ๆ ทศนยิ มไมเ่ กิน ๓ ๘. แสดงวธิ หี า

และโจทยป์ ญั หา ทราบคา่ ใน ๖. หาค่าของตวั ไม่ ตามทศนิยมที่ ตาแหนง่ คาตอบของโจทย์

การลบของ ประโยคสญั ลกั ษณ์ ทราบค่าใน กาหนด ๘. แสดงวธิ หี า ปัญหาเศษส่วนและ

จานวนนับไม่เกนิ แสดงการคณู ของ ประโยคสญั ลกั ษณ์ ๖. เปรยี บเทียบและ คาตอบของโจทย์ จานวนคละ ๒ - ๓

๑๐๐ และ ๐ จานวน ๑ หลกั กบั แสดงการคณู ของ เรยี งลาดับ ปัญหาการบวก ขน้ั ตอน

จานวน ๑ หลกั ทศนิยมไมเ่ กนิ ๓ การลบ การคณู

มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้ีวดั ฯ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๑๕

สาระท่ี ๑ จานวนและพีชคณิต

มาตรฐาน ค ๑.๑ เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของจานวน ผลท่เี กดิ ขนึ้

จากการดาเนินการ สมบตั ิของการดาเนินการ และนาไปใช้

ตัวช้วี ัดชนั้ ปี

ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖

จานวนไมเ่ กนิ ๒ กับจานวนไม่เกิน ตาแหนง่ จาก การหารทศนิยม ๒ ๙. หาผลหารของ

หลกั ๔ หลกั และ สถานการณต์ ่าง ๆ ขน้ั ตอน ทศนยิ มทต่ี วั หาร

๖. หาค่าของตัวไม่ จานวน ๒ หลักกบั ๗. ประมาณผลลัพธ์ ๙. แสดงวิธหี า และผลหารเป็น

ทราบค่าใน จานวน ๒ หลกั ของการบวก คาตอบของโจทย์ ทศนยิ มไมเ่ กิน ๓

ประโยคสญั ลกั ษณ์ ๗. หาคา่ ของตวั ไม่ การลบ การคณู ปัญหาร้อยละ ตาแหนง่

แสดงการหารท่ี ทราบค่าใน การหาร จาก ไมเ่ กิน ๒ ขั้นตอน ๑๐. แสดงวธิ ีหา

ตวั ต้ังไมเ่ กิน ๒ ประโยคสญั ลักษณ์ สถานการณต์ า่ ง ๆ คาตอบของโจทย์

หลกั ตวั หาร แสดงการหารท่ีตวั อยา่ งสมเหตุสมผล ปญั หาการบวก

๑ หลกั โดยที่ ตั้งไมเ่ กนิ ๔ หลกั ๘. หาค่าของตวั ไม่ การลบ การคูณ
อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ
ผลหารมี ๑ หลัก ตวั หาร ๑ หลกั ทราบคา่ ใน การหารทศนยิ ม ๓

ทั้งหารลงตวั และ ๘. หาผลลัพธ์การ ประโยคสญั ลกั ษณ์ ขน้ั ตอน

หารไมล่ งตวั บวก ลบ คูณ หาร แสดงการบวกและ ๑๑. แสดงวธิ หี า

๗. หาผลลัพธก์ าร ระคน ของจานวน ประโยคสญั ลักษณ์ คาตอบของโจทย์

บวก ลบ คูณ หาร นับไมเ่ กิน แสดงการลบของ ปญั หาอัตราสว่ น

ระคนของจานวน ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ จานวนนับท่ี ๑๒. แสดงวิธีหา

นบั ไม่เกนิ ๑,๐๐๐ ๙. แสดงวิธหี า มากกวา่ คาตอบของโจทย์

และ ๐ คาตอบของโจทย์ ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ ปญั หาร้อยละ

๘. แสดงวิธีหา ปญั หา ๒ ข้นั ตอน ๙. หาคา่ ของตวั ๒ - ๓ ขนั้ ตอน

คาตอบของโจทย์ ของจานวนนบั ไม่ ไมท่ ราบคา่ ใน

ปญั หา เกิน ๑๐๐,๐๐๐ ประโยคสญั ลกั ษณ์

๒ ขนั้ ตอนของ และ ๐ แสดงการคณู ของ

จานวนนับไม่เกนิ ๑๐. หาผลบวกของ จานวนหลายหลกั

๑,๐๐๐ และ ๐ เศษสว่ นทีม่ ีตวั ๒ จานวน ทม่ี ี

ส่วนเทา่ กนั และ ผลคณู ไมเ่ กนิ ๖

ผลบวกไม่เกนิ ๑ หลกั และประโยค

และหาผลลบของ สัญลักษณแ์ สดง

เศษสว่ นท่ีมตี วั การหารท่ีตัวตัง้

สว่ นเทา่ กัน ไมเ่ กนิ ๖ หลกั

๑๑. แสดงวิธีหา ตัวหารไม่เกิน ๒

คาตอบของโจทย์ หลกั

ปัญหาการบวก ๑๐. หาผลลพั ธก์ าร

เศษส่วนทม่ี ีตวั บวก ลบ คูณ

สว่ นเท่ากนั และ หารระคนของ

ผลบวกไม่เกนิ ๑ จานวนนับ และ ๐

และโจทยป์ ัญหา ๑๑. แสดงวธิ ีหา

การลบเศษส่วน คาตอบของโจทย์

ที่มีตวั ส่วนเท่ากนั ปัญหา ๒

ข้นั ตอน

มาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตัวช้วี ัด ฯ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๑๖

สาระที่ ๑ จานวนและพชี คณิต

มาตรฐาน ค ๑.๑ เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของจานวน ผลทเ่ี กิดข้ึน

จากการดาเนนิ การ สมบัติของการดาเนินการ และนาไปใช้

ตัวชี้วดั ช้ันปี

ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖

ของจานวนนับที่
มากกวา่
๑๐๐,๐๐๐ และ

๑๒. สรา้ งโจทย์
ปัญหา ๒ ขนั้ ตอน
ของจานวนนบั
และ ๐ พรอ้ มทัง้
หาคาตอบ
๑๓. หาผลบวก ผลลบ
ของเศษสว่ นและ
จานวนคละทตี่ วั
ส่วนตวั หนึ่งเปน็
พหุคูณของอกี
ตัวหนง่ึ
๑๔. แสดงวธิ ีหา
คาตอบของโจทย์
ปัญหาการบวก
และโจทยป์ ัญหา
การลบเศษส่วน
และจานวนคละ
ท่ตี วั สว่ นตัวหนึ่ง
เปน็ พหุคูณของ
อีกตวั หนึง่
๑๕. หาผลบวก ผล
ลบของทศนยิ มไม่
เกิน ๓ ตาแหนง่
๑๖. แสดงวธิ หี า
คาตอบของโจทย์
ปัญหาการบวก
การลบ ๒
ข้นั ตอนของ
ทศนิยมไมเ่ กิน ๓
ตาแหน่ง
อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ

มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตวั ช้ีวัด ฯ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๑๗

สาระท่ี ๑ จานวนและพชี คณติ

มาตรฐาน ค ๑.๑ เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของจานวน ผลท่เี กดิ ขึ้น

จากการดาเนนิ การ สมบัตขิ องการดาเนินการ และนาไปใช้

ตัวชีว้ ดั ชัน้ ปี

ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖

๑. เข้าใจจานวน ๑. เขา้ ใจและใช้ - ไม่เนน้ วิทยาศาสตร์ ไม่เน้นวิทยาศาสตร์ -

ตรรกยะ และ สมบัติของเลขยก ๑. เข้าใจและใช้ ๑. เข้าใจ

ความสมั พันธ์ของ กาลงั ทีม่ ีเลขช้ี ความรเู้ ก่ียวกบั ความหมายและ

จานวนตรรกยะ กาลงั เปน็ จานวน เซตและ ใชส้ มบตั เิ กย่ี วกับ

และใชส้ มบตั ิของ เต็มในการ ตรรกศาสตร์ การบวก การคณู

จานวนตรรกยะใน แกป้ ญั หา เบอื้ งตน้ ในการ การเทา่ กัน และ

การแกป้ ัญหา คณิตศาสตรแ์ ละ สอื่ สารและส่ือ การไมเ่ ทา่ กันของ

คณติ ศาสตร์และ ปัญหาในชีวติ จริง ความหมายทาง จานวนจริงในรูป
อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ
ปญั หาในชีวติ จริง ๒. เข้าใจจานวน คณิตศาสตร์ กรณฑแ์ ละ

๒. เข้าใจและใช้ จรงิ และ จานวนจริงในรูป

สมบตั ิของเลขยก ความสมั พันธ์ เลขยกกาลงั ท่มี ี

กาลงั ทีม่ ีเลขช้ี ของจานวนจริง เลขชี้กาลงั เปน็

กาลังเป็นจานวน และใชส้ มบตั ขิ อง จานวนตรรกยะ

เต็มบวกในการ จานวนจริงใน

แก้ปัญหา การแก้ปัญหา เนน้ วทิ ยาศาสตร์ เนน้ วทิ ยาศาสตร์

คณิตศาสตรแ์ ละ คณติ ศาสตร์และ ๑. เข้าใจและใช้ ๑. เข้าใจจานวน

ปัญหาในชีวติ จรงิ ปัญหาในชีวติ จริง ความรู้เก่ียวกับ เชงิ ซอ้ นและใช้

๓. เขา้ ใจและ เซต ในการ สมบตั ขิ อง

ประยกุ ต์ใช้ สอ่ื สารและสื่อ จานวนเชงิ ซ้อน

อัตราสว่ น สดั สว่ น ความหมายทาง ในการแก้ปัญหา

และรอ้ ยละ ในการ คณิตศาสตร์ ๒. หารากที่ n ของ

แกป้ ญั หา ๒. เข้าใจและใช้ จานวนเชงิ ซอ้ น

คณติ ศาสตรแ์ ละ ความรเู้ ก่ยี วกบั เมื่อ n เป็น

ปญั หาในชีวติ จริง ตรรกศาสตร์ จานวนนบั ท่ี

เบื้องตน้ ในการ มากกวา่ ๑

ส่ือสาร สื่อ

ความหมาย และ

อ้างเหตุผล

๓. เขา้ ใจจานวน

จริง และใช้

สมบัตขิ อง

จานวนจริงใน

การแกป้ ัญหา

มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชี้วัด ฯ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๑๘

สาระที่ ๑ จานวนและพชี คณติ

มาตรฐาน ค ๑.๒ เข้าใจและวเิ คราะห์แบบรูป ความสมั พันธ์ ฟงั กช์ ัน ลาดับและอนกุ รม และนาไปใช้

ตวั ชวี้ ดั ชั้นปี

ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖

๑. ระบจุ านวนท่ี - ๑. ระบจุ านวนที่ - - ๑. แสดงวธิ คี ดิ และ

หายไปในแบบรปู หายไปในแบบรปู หาคาตอบของ

ของจานวนท่ี ของจานวนที่ ปัญหา

เพ่มิ ขนึ้ หรือ เพิม่ ขึ้นหรือลดลง เก่ยี วกับแบบรูป

ลดลงทลี ะ ๑ ทีละเทา่ ๆ กัน

และทลี ะ ๑๐

และระบุรูปที่

หายไปในแบบรปู

ซา้ ของรปู

เรขาคณติ และ อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ

รูปอ่นื ๆ ที่

สมาชกิ ในแต่ละ

ชดุ ท่ซี า้ มี ๒ รปู

มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ชวี้ ดั ฯ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๑๙

สาระที่ ๑ จานวนและพชี คณติ

มาตรฐาน ค ๑.๒ เขา้ ใจและวิเคราะห์แบบรูป ความสมั พันธ์ ฟงั ก์ชัน ลาดับและอนกุ รม และนาไปใช้

ตวั ชว้ี ดั ช้นั ปี

ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖

- ๑. เขา้ ใจหลักการ ๑. เขา้ ใจและใชก้ าร ไม่เนน้ วิทยาศาสตร์ ไม่เนน้ วิทยาศาสตร์ ไมเ่ น้นวทิ ยาศาสตร์

การดาเนินการ แยกตัวประกอบ - ๑. ใช้ฟงั กช์ นั และ -

ของพหนุ ามและ ของพหุนามทม่ี ี กราฟของฟังก์ชนั

ใชพ้ หนุ ามในการ ดกี รีสูงกวา่ สอง อธิบาย

แก้ปัญหา ในการแกป้ ญั หา สถานการณ์ที่

คณติ ศาสตร์ คณติ ศาสตร์ กาหนด

๒. เข้าใจและใช้การ ๒. เขา้ ใจและใช้ 2. เข้าใจและนา

แยกตัวประกอบ ความร้เู กย่ี วกบั ความรเู้ ก่ยี วกับ

ของพหนุ ามดกี รี ฟังกช์ นั กาลังสอง ลาดบั และ

สองในการ ในการแก้ปัญหา อนกุ รมไปใช้
อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ
แกป้ ัญหา คณิตศาสตร์

คณติ ศาสตร์ เนน้ วิทยาศาสตร์ เน้นวิทยาศาสตร์ เน้นวิทยาศาสตร์

๑. ใชฟ้ งั ก์ชนั และ ๑. เข้าใจฟังกช์ นั ๑. ระบไุ ด้วา่ ลาดับท่ี

กราฟของฟังก์ชนั ตรโี กณมติ ิและ กาหนดให้ เปน็

อธบิ าย ลกั ษณะกราฟ ลาดบั ลู่เข้าหรือ

สถานการณท์ ่ี ของฟังก์ชนั ลอู่ อก

กาหนด ตรีโกณมติ แิ ละ 2. หาผลบวก n

๒. หาผลลพั ธ์ของ นาไปใช้ในการ พจนแ์ รกของ

การบวก การลบ แก้ปญั หา อนกุ รมเลขคณติ

การคูณ การหาร และอนุกรม

ฟังกช์ นั หา เรขาคณิต

ฟงั กช์ นั ประกอบ 3. หาผลบวก

และฟังกช์ ัน อนุกรมอนันต์

ผกผัน 4. เข้าใจและนา

๓. ใช้สมบัตขิ อง ความรู้เก่ยี วกบั

ฟงั กช์ นั ในการ ลาดับและอนกุ รม

แก้ปญั หา ไปใช้

๔. เขา้ ใจลักษณะ

กราฟของฟังก์ชัน

เอกซ์โพเนนเชยี ล

และฟังก์ชนั

ลอการทึ มึ และ

นาไปใชใ้ นการ

แก้ปัญหา

มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ช้ีวัด ฯ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๒๐

สาระที่ ๑ จานวนและพีชคณิต
มาตรฐาน ค ๑.๓ ใชน้ พิ จน์ สมการ อสมการ และเมทรกิ ซ์ อธบิ ายความสัมพันธ์หรอื ช่วยแก้ปญั หาท่ีกาหนดให้

ตวั ชีว้ ัดช้นั ปี

ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
------

อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ

มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชว้ี ัด ฯ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๒๑

สาระท่ี ๑ จานวนและพีชคณติ

มาตรฐาน ค ๑.๓ ใช้นิพจน์ สมการ อสมการ และเมทรกิ ซ์ อธบิ ายความสัมพนั ธ์หรอื ชว่ ยแก้ปัญหาที่กาหนดให้

ตัวชี้วัดชั้นปี

ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖

๑. เข้าใจและใช้ - ๑. เข้าใจและใช้ ไมเ่ นน้ วิทยาศาสตร์ ไม่เนน้ วทิ ยาศาสตร์ -

สมบตั ขิ องการ สมบัตขิ องการ - ๑. เข้าใจและใช้

เทา่ กันและสมบัติ ไม่เท่ากนั เพื่อ ความรูเ้ กยี่ วกับ

ของจานวน เพ่ือ วิเคราะหแ์ ละ ดอกเบี้ยและมลู คา่

วเิ คราะห์ และ แกป้ ญั หาโดยใช้ ของเงินในการ

แกป้ ญั หา โดยใช้ อสมการเชงิ เส้น แกป้ ัญหา

สมการเชิงเส้นตวั ตวั แปรเดียว เนน้ วทิ ยาศาสตร์ เนน้ วิทยาศาสตร์

แปรเดยี ว ๒. ประยุกต์ใช้ ๑. แกส้ มการและ ๑.แกส้ มการตรโี กณมติ ิ

๒. เข้าใจและใช้ สมการกาลังสอง อสมการพหุนาม และนาไปใชใ้ น

ความรเู้ ก่ียวกับ ตัวแปรเดียวใน ตวั แปรเดียวดีกรี การแกป้ ญั หา
อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ
กราฟในการ การแกป้ ัญหา ไมเ่ กินสีแ่ ละ ๒. ใชก้ ฎของโคไซน์

แก้ปญั หา คณิตศาสตร์ นาไปใช้ และกฎของไซน์ใน

คณติ ศาสตรแ์ ละ ๓. ประยุกตใ์ ช้ ในการแก้ปญั หา การแก้ปญั หา

ปญั หาในชวี ิตจรงิ ระบบสมการ ๒. แก้สมการและ ๓. เขา้ ใจความหมาย

๓. เข้าใจและใช้ เชงิ เส้น อสมการเศษสว่ น หาผลลัพธข์ อง

ความรู้เก่ยี วกบั สองตวั แปรใน ของพหนุ ามตัว การบวกเมทริกซ์

ความสมั พนั ธ์ การแก้ปัญหา แปรเดยี วและ การคณู เมทรกิ ซ์

เชงิ เสน้ ในการ คณติ ศาสตร์ นาไปใช้ กับจานวนจริง

แก้ปัญหา ในการแก้ปัญหา การคูณระหวา่ ง

คณติ ศาสตร์และ ๓. แกส้ มการและ เมทรกิ ซ์ และหา

ปญั หาในชวี ิตจรงิ อสมการ เมทรกิ ซส์ ลับเปลีย่ น

ค่าสัมบรู ณข์ อง หาดเี ทอร์มิแนนต์

พหุนามตวั แปร ของเมทริกซ์ n X n

เดียว และ เมอื่ n เปน็ จานวน

นาไปใช้ นบั ท่ีไมเ่ กนิ สาม

ในการแก้ปัญหา ๔. หาเมทริกซผ์ กผนั

๔. แกส้ มการ ของเมทริกซ์ ๒ X ๒

เอกซ์โพเนนเชยี ล ๕. แกร้ ะบบสมการ

และสมการ เชิงเส้นโดยใชเ้ มทรกิ ซ์

ลอการทิ ึมและ ผกผนั และการ

นาไปใช้ในการ ดาเนนิ การตามแถว

แกป้ ัญหา ๖. แก้สมการพหุนาม

ตัวแปรเดียวดีกรี

ไมเ่ กินสี่ทีม่ ี

สมั ประสทิ ธเิ์ ปน็

จานวนเต็ม และ

นาไปใช้ในการ

แก้ปัญหา

มาตรฐานการเรียนร้แู ละตวั ช้วี ดั ฯ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๒๒

สาระที่ ๒ การวดั และเรขาคณิต

มาตรฐาน ค ๒.๑ เข้าใจพืน้ ฐานเกี่ยวกับการวดั วดั และคาดคะเนขนาดของสิง่ ทีต่ ้องการวัด และนาไปใช้

ตัวชีว้ ัด

ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖

๑. วดั และ ๑. แสดงวธิ หี า ๑. แสดงวธิ หี า ๑. แสดงวิธีหา ๑. แสดงวธิ หี า ๑. แสดงวิธหี า

เปรยี บเทยี บ คาตอบของโจทย์ คาตอบของโจทย์ คาตอบของโจทย์ คาตอบของโจทย์ คาตอบของโจทย์

ความยาวเปน็ ปัญหาเก่ยี วกับ ปัญหาเกีย่ วกบั เงิน ปญั หาเก่ียวกบั ปัญหาเกีย่ วกบั ปัญหาเก่ียวกับ

เซนตเิ มตรเป็น เวลาทีม่ หี นว่ ย ๒. แสดงวธิ หี า เวลา ความยาวทมี่ ีการ ปริมาตรของรปู

เมตร เดยี่ วและเป็น คาตอบของโจทย์ ๒. วดั และสรา้ งมมุ เปล่ียนหน่วยและ เรขาคณติ สามมติ ิ

๒. วัดและ หน่วยเดยี วกัน ปัญหาเกย่ี วกบั โดยใช้ เขียนในรปู ทศนยิ ม ทีป่ ระกอบด้วย

เปรียบเทยี บ ๒. วัดและเปรียบ เวลาและ โพรแทรกเตอร์ ๒. แสดงวิธหี า ทรงสเ่ี หลยี่ มมมุ

น้าหนักเป็น เทียบ ความยาว ระยะเวลา ๓. แสดงวิธีหา คาตอบของโจทย์ ฉาก

กิโลกรมั เปน็ เมตรและ ๓. เลอื กใช้เครอ่ื งวัด คาตอบของโจทย์ ปัญหาเกี่ยวกับ ๒. แสดงวธิ ีหา

เป็นขีด เซนติเมตร ความยาวท่ี ปัญหาเก่ยี วกับ น้าหนักทีม่ ีการ คาตอบของโจทย์
อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ
๓. แสดงวิธีหา เหมาะสม วดั ความยาว เปล่ยี นหน่วยและ ปญั หาเกย่ี วกบั

คาตอบของโจทย์ และบอกความ รอบรูปและพน้ื ท่ี เขียนในรูปทศนิยม ความยาวรอบรปู

ปญั หาการบวก ยาวของส่ิงต่างๆ ของรปู สีเ่ หลี่ยม ๓. แสดงวิธหี า และพ้นื ที่ของรูป

การลบเกยี่ วกับ เป็นเซนตเิ มตร มุมฉาก คาตอบของโจทย์ หลายเหลี่ยม

ความยาวทม่ี ี และมลิ ลเิ มตร ปัญหาเกยี่ วกบั ๓. แสดงวธิ หี า

หน่วยเป็นเมตร เมตรและ ปรมิ าตรของทรง คาตอบของโจทย์

และเซนตเิ มตร เซนตเิ มตร สเี่ หลีย่ มมมุ ฉาก ปัญหาเกย่ี วกับ

๔. วัดและเปรยี บ ๔. คาดคะเนความ และความจขุ อง ความยาว

เทยี บน้าหนกั เป็น ยาว เป็นเมตรและ ภาชนะทรง รอบรูปและพนื้ ท่ี

กิโลกรมั และกรมั เป็นเซนตเิ มตร สเ่ี หล่ยี มมมุ ฉาก ของวงกลม

กิโลกรมั และขดี ๕. เปรยี บเทยี บ ๔. แสดงวธิ ีหา

๕. แสดงวธิ ีหา ความยาว คาตอบของโจทย์

คาตอบของโจทย์ ระหวา่ ง ปัญหาเกี่ยวกบั

ปัญหาการบวก เซนติเมตรกับ ความยาวรอบรูป

การลบเกย่ี วกับ มิลลเิ มตร เมตร ของรูปสเี่ หลี่ยม

นา้ หนกั ทีม่ หี น่วย กบั เซนติเมตร และพ้ืนท่ขี องรปู

เปน็ กโิ ลกรมั และ กโิ ลเมตรกับเมตร สเ่ี หลี่ยมดา้ นขนาน

กรมั กิโลกรัม จากสถานการณ์ และรูปสี่เหลี่ยม

และขดี ตา่ ง ๆ ขนมเปียกปนู

๖. วดั และ ๖. แสดงวิธหี า

เปรียบเทยี บ คาตอบ ของโจทย์

ปริมาตรและ ปญั หาเกย่ี วกับ

ความจุเปน็ ลิตร ความยาวท่มี ีหนว่ ย

เปน็ เซนตเิ มตรและ

มลิ ลเิ มตร เมตร

และเซนติเมตร

กโิ ลเมตรและเมตร

๗. เลือกใช้เครื่องช่ัง

ท่ีเหมาะสม วดั

มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ช้วี ดั ฯ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๒๓

สาระที่ ๒ การวดั และเรขาคณิต ป. ๖

มาตรฐาน ค ๒.๑ เข้าใจพื้นฐานเก่ยี วกับการวัด วดั และคาดคะเนขนาดของส่งิ ทีต่ อ้ งการวัด และนาไปใช้อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ

ตวั ช้วี ดั

ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕

และบอกน้าหนัก
เป็นกิโลกรมั และ
ขดี กิโลกรมั และ
กรมั
๘. คาดคะเน
นา้ หนกั เป็น
กโิ ลกรมั และเปน็
ขีด
๙. เปรยี บเทยี บ
น้าหนักระหวา่ ง
กโิ ลกรมั กบั กรัม
เมตริกตันกบั
กโิ ลกรมั จาก
สถานการณ์ต่าง ๆ
๑๐. แสดงวธิ หี า
คาตอบของ
โจทย์ปญั หา
เกยี่ วกับน้าหนกั
ทีม่ หี นว่ ยเป็น
กิโลกรมั กบั กรมั
เมตรกิ ตันกบั
กโิ ลกรมั
๑๑. เลือกใช้เครอ่ื ง
ตวงท่เี หมาะสม
วดั และ
เปรยี บเทยี บ
ปริมาตร ความจุ
เป็นลติ รและ
มิลลลิ ิตร
๑๒. คาดคะเน
ปรมิ าตรและ
ความจเุ ป็นลิตร
13. แสดงวธิ หี า
คาตอบของโจทย์
ปัญหาเกีย่ วกบั
ปรมิ าตร และ
ความจทุ มี่ หี น่วย
เป็นลิตรและ
มิลลลิ ิตร

มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้วี ัด ฯ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๒๔

สาระที่ ๒ การวัดและเรขาคณติ

มาตรฐาน ค ๒.๑ เข้าใจพื้นฐานเก่ียวกบั การวัด วัดและคาดคะเนขนาดของสง่ิ ที่ต้องการวดั และนาไปใช้

ตัวชี้วดั

ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖
-
- ๑. ประยกุ ตใ์ ช้ ๑. ประยกุ ต์ใช้ - -

ความรู้เรอื่ งพื้นท่ี ความรเู้ รอ่ื งพ้นื ท่ี

ผิวของปริซมึ และ ผวิ ของพรี ะมิด

ทรงกระบอก กรวย และ

ในการแก้ปญั หา ทรงกลมในการ

คณิตศาสตร์และ แกป้ ญั หา

ปัญหาในชีวติ จรงิ คณิตศาสตรแ์ ละ

๒. ประยุกต์ใช้ ปัญหาในชีวติ จรงิ

ความรู้เร่ือง ๒. ประยกุ ตใ์ ช้

ปริมาตรของ ความรู้เรือ่ ง
อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ
ปรซิ มึ และ ปริมาตรของ

ทรงกระบอกใน พีระมดิ กรวย

การแก้ปัญหา และทรงกลมใน

คณิตศาสตร์และ การแกป้ ัญหา

ปญั หาในชีวิตจรงิ คณิตศาสตร์และ

ปญั หาในชวี ติ จริง

มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชวี้ ดั ฯ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๒๕

สาระที่ ๒ การวดั และเรขาคณติ

มาตรฐาน ค ๒.๒ เขา้ ใจและวเิ คราะห์รปู เรขาคณติ สมบัติของรูปเรขาคณติ ความสัมพันธ์ระหวา่ งรูปเรขาคณติ และ

ทฤษฎบี ททางเรขาคณติ และนาไปใช้

ตวั ชว้ี ัดช้นั ปี

ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖

๑. จาแนกรปู ๑. จาแนกและบอก ๑. ระบรุ ปู ๑. จาแนกชนิดของ ๑. สรา้ งเส้นตรง ๑. จาแนกรปู

สามเหลีย่ ม ลักษณะของรปู เรขาคณิตสองมติ ิ มมุ บอกชอ่ื มุม หรือส่วนของ สามเหลยี่ มโดย

รูปสี่เหลยี่ ม หลายเหลยี่ ม ทีม่ ีแกนสมมาตร ส่วนประกอบของ เส้นตรงใหข้ นาน พิจารณาจาก

วงกลม วงรี ทรง และวงกลม และจานวนแกน มุมและเขียน กับเส้นตรงหรือ สมบตั ิของรูป

สเ่ี หลี่ยมมมุ ฉาก สมมาตร สัญลักษณ์แสดง สว่ นของเส้นตรง ๒. สรา้ งรปู

ทรงกลม มมุ ทหี่ นดให้ สามเหลย่ี ม

ทรงกระบอก ๒. สรา้ งรูปสเี่ หลยี่ ม ๒. จาแนกรปู เมื่อกาหนดความ

และกรวย มมุ ฉากเมอื่ กาหนด สี่เหล่ียมโดย ยาวของดา้ นและ
อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ
ความยาวของด้าน พิจารณาจาก ขนาดของมุม

สมบตั ิของรปู ๓. บอกลกั ษณะ

๓. สรา้ งรูปสเ่ี หลย่ี ม ของรูปเรขาคณิต

ชนดิ ต่าง ๆ เมือ่ สามมิติชนิดตา่ ง ๆ

กาหนดความยาว ๔. ระบรุ ปู

ของด้านและ เรขาคณติ สามมติ ิ

ขนาดของมุม ทป่ี ระกอบจาก

หรือเม่อื กาหนด รูปคลี่ และระบุ

ความยาวของ รูปคล่ีของรูป

เส้นทแยงมมุ เรขาคณติ สามมติ ิ

๔. บอกลกั ษณะ

ของปริซมึ

มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตัวชวี้ ัด ฯ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๒๖

สาระที่ ๒ การวดั และเรขาคณิต

มาตรฐาน ค ๒.๒ เข้าใจและวิเคราะห์รปู เรขาคณิต สมบัติของรปู เรขาคณติ ความสัมพันธ์ระหวา่ งรปู เรขาคณิต และ

ทฤษฎีบททางเรขาคณิต และนาไปใช้

ตัวชวี้ ัดช้ันปี

ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖

๑. ใช้ความรู้ ๑. ใชค้ วามรู้ ๑. เข้าใจและใช้ - - -

ทางเรขาคณิต ทางเรขาคณติ สมบตั ิของรปู

และเครื่องมือ และเครือ่ งมือ สามเหล่ยี มท่ี

เช่น วงเวยี นและ เช่น วงเวียนและ คล้ายกนั ในการ

สันตรง รวมทงั้ สันตรง รวมทงั้ แก้ปัญหา

โปรแกรม The โปรแกรม The คณิตศาสตร์และ

Geometer’s Geometer’s ปัญหาในชีวิตจริง

Sketchpad หรือ Sketchpad หรือ ๒. เข้าใจและใช้
อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ
โปรแกรม โปรแกรม ความรูเ้ ก่ียวกับ

เรขาคณิตพลวตั เรขาคณิตพลวตั อตั ราส่วน

อืน่ ๆ เพอ่ื สร้าง อน่ื ๆ เพ่ือสร้าง ตรโี กณมติ ิในการ

รูปเรขาคณติ รูปเรขาคณิต แกป้ ัญหา

ตลอดจนนา ตลอดจนนา คณติ ศาสตร์และ

ความรูเ้ กยี่ วกบั ความรูเ้ ก่ยี วกับ ปัญหาในชวี ติ จริง

การสรา้ งนไ้ี ป การสร้างนี้ไป ๓. เข้าใจและใช้

ประยุกตใ์ ช้ ประยกุ ต์ใช้ ทฤษฎีบทเกี่ยวกบั

ในการแก้ปัญหา ในการแกป้ ญั หา วงกลม ในการ

ในชีวติ จริง ในชีวิตจริง แกป้ ัญหา

2. เข้าใจและใช้ ๒. นาความรู้ คณิตศาสตร์

ความรู้ทาง เกย่ี วกับสมบตั ิ

เรขาคณติ ในการ ของเสน้ ขนาน

วเิ คราะหห์ า และรปู

ความสมั พนั ธ์ สามเหล่ยี มไปใช้

ระหว่างรปู ในการแกป้ ัญหา

เรขาคณิตสองมติ ิ คณติ ศาสตร์

และรูปเรขาคณติ ๓. เขา้ ใจและใช้

สามมติ ิ ความรูเ้ กยี่ วกบั

การแปลงทาง

เรขาคณิตในการ

แก้ปญั หา

คณติ ศาสตรแ์ ละ

ปญั หาในชีวิตจริง

๔. เข้าใจและใช้

สมบัติของรูป

สามเหลย่ี มที่

เทา่ กนั ทกุ ประการ

มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชว้ี ดั ฯ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๒๗

สาระท่ี ๒ การวัดและเรขาคณิต
มาตรฐาน ค ๒.๒ เขา้ ใจและวเิ คราะหร์ ปู เรขาคณติ สมบัติของรปู เรขาคณิต ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งรปู เรขาคณิต และ

ทฤษฎีบททางเรขาคณิต และนาไปใช้

ตัวชีว้ ัดช้นั ปี

ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖

ในการแกป้ ัญหา
คณิตศาสตรแ์ ละ
ปัญหาในชวี ติ จรงิ
๕. เขา้ ใจและใช้
ทฤษฎบี ทพีทา
โกรัส และบทกลับ
ในการแกป้ ญั หา
คณติ ศาสตรแ์ ละ
ปญั หาในชีวติ จริง
อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ
สาระที่ ๒ การวัดและเรขาคณิต ป. ๕ ป. ๖
มาตรฐาน ค ๒.๓ เข้าใจเรขาคณติ วิเคราะห์ และนาไปใช้ - -

ตัวชี้วัดชนั้ ปี

ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔
- ---

สาระที่ ๒ การวดั และเรขาคณิต ม. ๕ ม. ๖
มาตรฐาน ค ๒.๓ เขา้ ใจเรขาคณติ วเิ คราะห์ และนาไปใช้ - -

ตัวช้ีวัดชนั้ ปี

ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔

เน้นวทิ ยาศาสตร์
๑. เข้าใจและใช้

ความร้เู กย่ี วกับ
เรขาคณิต
วิเคราะหใ์ นการ
แกป้ ัญหา

มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ช้ีวัด ฯ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๒๘

สาระท่ี ๒ การวัดและเรขาคณิต ป. ๕ ป. ๖
มาตรฐาน ค ๒.๔ เข้าใจเวกเตอร์ การดาเนนิ การของเวกเตอร์ และนาไปใช้ - -

ตัวชี้วัดช้ันปี

ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔
- ---

อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พสาระที่ ๒ การวัดและเรขาคณิต

มาตรฐาน ค ๒.๔ เข้าใจเวกเตอร์ การดาเนนิ การของเวกเตอร์ และนาไปใช้

ตัวชีว้ ัดชน้ั ปี

ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖

- - - - เนน้ วิทยาศาสตร์ -

๑. หาผลลัพธ์ของ

การบวก การลบ

เวกเตอร์ การคูณ

เวกเตอรด์ ว้ ย

สเกลาร์ หาผลคณู

เชิงสเกลาร์

และผลคณู เชงิ

เวกเตอร์

๒. นาความรู้เกีย่ วกับ

เวกเตอรใ์ นสามมติ ิ

ไปใชใ้ นการ

แกป้ ัญหา

มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตวั ชีว้ ัด ฯ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๒๙

สาระท่ี ๓ สถิตแิ ละความน่าจะเปน็

มาตรฐาน ค ๓.๑ เขา้ ใจกระบวนการทางสถิติ และใชค้ วามรู้ทางสถติ ิในการแกป้ ญั หา

ตวั ชี้วัดชน้ั ปี

ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖

๑. ใชข้ อ้ มลู จาก ๑. ใชข้ ้อมูลจาก ๑. เขยี นแผนภูมิ ๑. ใช้ขอ้ มลู จาก ๑. ใชข้ อ้ มูลจาก ๑. ใชข้ ้อมลู จาก
แผนภูมริ ปู
แผนภมู ริ ูปภาพ แผนภูมริ ปู ภาพ รูปภาพ และใช้ แผนภูมิแทง่ กราฟเส้นในการ วงกลมในการหา
คาตอบของโจทย์
ในการหาคาตอบ ในการหาคาตอบ ขอ้ มูลจาก ตารางสองทาง หาคาตอบของ ปัญหา

ของโจทยป์ ญั หา ของโจทยป์ ญั หา แผนภมู ริ ูปภาพ ในการหาคาตอบ โจทย์ปญั หา

เมอื่ กาหนดรปู เม่อื กาหนดรูป ในการหาคาตอบ ของโจทยป์ ญั หา ๒. เขยี นแผนภูมิ

๑ รูปแทน ๑ รปู แทน ของโจทยป์ ัญหา แทง่ จากข้อมูลที่

๑ หนว่ ย ๒ หนว่ ย ๒. เขยี นตาราง เปน็ จานวนนับ

๕ หนว่ ย หรอื ทางเดยี วจาก

๑๐ หน่วย ขอ้ มูลทเ่ี ปน็

จานวนนบั และ
อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ
ใชข้ ้อมลู จาก

ตารางทางเดียว

ในการหา

คาตอบของโจทย์

ปญั หา

มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ชว้ี ดั ฯ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๓๐

สาระท่ี ๓ สถิติและความน่าจะเป็น

มาตรฐาน ค ๓.๑ เขา้ ใจกระบวนการทางสถติ ิ และใช้ความรู้ทางสถติ ิในการแกป้ ญั หา

ตัวชี้วัดชน้ั ปี

ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖
ไม่เน้นวิทยาศาสตร์
๑. เขา้ ใจและใช้ ๑. เขา้ ใจและใช้ ๑. เขา้ ใจและใช้ - - ๑. เข้าใจและใช้

ความรู้ทางสถติ ิ ความรู้ทางสถติ ิ ความรูท้ างสถิติ ความรทู้ างสถติ ิ
ในการนาเสนอ
ในการนาเสนอ ในการนาเสนอ ในการนาเสนอ ข้อมูล และแปล
ความหมายของ
ขอ้ มลู และแปล ข้อมลู และ และวิเคราะห์ ค่าสถติ เิ พื่อ
ประกอบ การ
ความหมาย วเิ คราะห์ขอ้ มลู ข้อมลู จาก ตัดสินใจ

ข้อมลู รวมทง้ั นา จากแผนภาพจดุ แผนภาพกลอ่ ง เน้นวิทยาศาสตร์
๑. เข้าใจและใช้
สถติ ิไปใชใ้ นชวี ติ แผนภาพตน้ – ใบ และแปล
ความรทู้ างสถิตใิ น
จริง โดยใช้ ฮสิ โทแกรม และ ความหมายผลลพั ธ์ การนาเสนอขอ้ มลู
และแปล
เทคโนโลยที ี่ คา่ กลางของ รวมทงั้ นาสถิตไิ ป ความหมายของ
ค่าสถิติเพ่อื
เหมาะสม ข้อมลู และแปล ใช้ในชวี ติ จริงโดย ประกอบการ
อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ ตดั สนิ ใจ
ความหมาย ใชเ้ ทคโนโลยี

ผลลพั ธ์ รวมทัง้ ทีเ่ หมาะสม

นาสถติ ิไปใชใ้ น

ชวี ติ จรงิ โดยใช้

เทคโนโลยีท่ี

เหมาะสม

มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้ีวดั ฯ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๓๑

สาระที่ ๓ สถติ ิและความนา่ จะเป็น ป. ๕ ป. ๖
มาตรฐาน ค ๓.๒ เขา้ ใจหลกั การนับเบื้องตน้ ความน่าจะเป็น และนาไปใช้ - -

ตัวช้ีวัดช้ันปี

ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔
----

สาระท่ี ๓ สถิติและความนา่ จะเปน็

มาตรฐาน ค ๓.๒ เขา้ ใจหลักการนบั เบื้องต้น ความนา่ จะเปน็ และนาไปใช้

ตวั ชวี้ ัดชัน้ ปี
อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ
ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖

๑. เข้าใจเกีย่ วกบั ไม่เนน้ วิทยาศาสตร์ ไม่เนน้ วิทยาศาสตร์ ไม่เนน้ วิทยาศาสตร์
-
การทดลองสมุ่ ๑. เข้าใจและใช้ -

และนาผลที่ได้ไป หลกั การบวกและ

หาความนา่ จะ การคูณ การเรยี ง

เป็นของเหตกุ ารณ์ สับเปลีย่ น และ

การจัดหมู่

ในการแกป้ ญั หา

๒. หาความน่า

จะเปน็ และนา

ความรเู้ กี่ยวกบั

ความนา่ จะเปน็

ไปใช้

เน้นวทิ ยาศาสตร์ เน้นวทิ ยาศาสตร์ เน้นวทิ ยาศาสตร์
-
๑. เขา้ ใจและใช้ ๑. หาความน่าจะ

หลักการบวกและ เปน็ ของ

การคณู การเรยี ง เหตกุ ารณ์ทเ่ี กดิ

สบั เปล่ยี น และ จากตัวแปรสุ่มท่ี

การจัดหมู่ ใน มกี ารแจกแจง

การแก้ปัญหา เอกรูป การแจก

๒. หาความน่าจะ แจงทวินาม และ

เป็นและนา การแจกแจงปกติ

ความรเู้ ก่ียวกบั และนาไปใชใ้ น

ความน่าจะป็น การแก้ปัญหา

ไปใช้

มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชี้วดั ฯ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๓๒

สาระท่ี ๔ แคลคูลัส
มาตรฐาน ค ๔.๑ เข้าใจลิมิตและความต่อเนื่องของฟังกช์ ัน อนุพันธข์ องฟังกช์ ัน และปรพิ นั ธข์ องฟังกช์ ัน และนาไปใช้

ตัวชว้ี ดั ช้นั ปี

ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖
------

อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ
สาระที่ ๔ แคลคูลสั
มาตรฐาน ค ๔.๑ เขา้ ใจลิมิตและความต่อเน่ืองของฟังก์ชัน อนพุ นั ธ์ของฟังก์ชัน และปรพิ ันธข์ องฟังกช์ ัน และนาไปใช้

ตวั ชว้ี ัดชนั้ ปี

ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖
- - ไม่เน้นวิทยาศาสตร์
-

เน้นวิทยาศาสตร์
๑. ตรวจสอบความ

ต่อเนอื่ งของ
ฟงั กช์ นั
ทก่ี าหนดให้
๒. หาอนพุ ันธ์ของ
ฟงั กช์ ันพีชคณิต
ทก่ี าหนดให้ และ
นาไปใชแ้ ก้ปญั หา
๓. หาปริพนั ธ์
ไม่จากดั เขตและ
จากัดเขตของ
ฟังก์ชันพชี คณิต
ทก่ี าหนดให้ และ
นาไปใชแ้ กป้ ัญหา

มาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตัวช้ีวดั ฯ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๓๓

กล่มุ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์

ทาไมต้องเรียนวิทยาศาสตร์อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ

วทิ ยาศาสตร์มีบทบาทสาคัญยิ่งในสังคมโลกปัจจบุ ันและอนาคต เพราะวิทยาศาสตร์เก่ียวข้อง
กับทกุ คนทั้งในชวี ิตประจาวันและการงานอาชีพต่าง ๆ ตลอดจนเทคโนโลยี เคร่ืองมือเครอ่ื งใชแ้ ละผลผลิตตา่ งๆ
ท่ีมนุษย์ได้ใช้เพื่ออานวยความสะดวกในชีวิตและการทางาน เหล่านี้ล้วนเป็นผลของความรู้วิทยาศาสตร์
ผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์และศาสตร์อ่ืน ๆ วิทยาศาสตร์ช่วยให้มนุษย์ได้พัฒนาวิธีคิด ทั้งความคิดเป็น
เหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์วิจารณ์ มีทักษะสาคัญในการค้นคว้าหาความรู้ ใช้ความรู้และทักษะเพื่อ
แก้ปัญหาหรือพัฒนางานด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม มีความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างเป็น

ระบบ รวมทั้งสามารถค้นหาข้อมูลหรือสารสนเทศ ประเมนิ สารสนเทศ ประยุกต์ใช้ทักษะการคิดเชิงคานวณและ
ความรู้ด้านวทิ ยาการคอมพิวเตอร์ ส่ือดิจิทัล เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สารเพ่ือแกป้ ัญหาในชีวิตจรงิ อย่าง
สร้างสรรค์ สามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลที่หลากหลายและมีประจักษ์พยานที่ตรวจสอบได้ วิทยาศาสตร์เป็น
วัฒนธรรมของโลกสมัยใหม่ซึ่งเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ (knowledge-based society) ดังนั้นทุกคนจึง
จาเป็นต้องได้รับการพัฒนาให้รู้วิทยาศาสตร์ เพ่ือที่จะมีความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติและเทคโนโลยีท่ีมนุษย์
สรา้ งสรรคข์ นึ้ สามารถนาความรไู้ ปใช้อย่างมีเหตผุ ล สร้างสรรค์ และมีคณุ ธรรม

เรยี นรู้อะไรในวิทยาศาสตร์

กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์มุ่งหวังให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ท่ีเน้นการเช่ือมโยงความรู้
กบั กระบวนการ มีทกั ษะสาคัญในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ โดยใช้กระบวนการในการสืบเสาะหาความรู้
และแก้ปัญหาที่หลากหลาย ให้ผู้เรียนมสี ่วนร่วมในการเรยี นรู้ทุกขั้นตอน มีการทากิจกรรมด้วยการลงมือปฏิบัติจริง
อยา่ งหลากหลาย เหมาะสมกับระดับชัน้ โดยกาหนดสาระสาคัญไว้ 8 สาระ ดงั น้ี

 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ เรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตในสิ่งแวดล้อม องค์ประกอบของสิ่งมีชีวิต การ
ดารงชีวิตของมนุษย์และสัตว์ การดารงชีวติ ของพืช พันธุกรรม ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของ
สิ่งมชี ีวิต

 วิทยาศาสตร์กายภาพ เรียนรู้เก่ียวกับธรรมชาติของสาร การเปลี่ยนแปลงของสาร การ
เคล่ือนท่ี พลังงาน และคล่นื

 วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ เรียนรู้เกี่ยวกับโลกในเอกภพ ระบบโลก และมนุษย์กับการ
เปล่ียนแปลงของโลก

 ชีววิทยา เรียนรู้เก่ียวกับการศึกษาชีววิทยา สารเคมีในสิ่งมีชีวิต เซลล์ของสิ่งมีชีวิต
พันธุกรรมและการถ่ายทอด วิวัฒนาการ ความหลากหลายทางชีวภาพ โครงสรา้ งและการทางานของส่วนต่าง ๆ
ในพชื ดอก ระบบและการทางานในอวยั วะตา่ ง ๆ ของสัตวแ์ ละมนษุ ย์ และสิ่งมีชีวติ และส่งิ แวดลอ้ ม

 เคมี เรียนรู้เกี่ยวกับปริมาณสาร องค์ประกอบและสมบัติของสาร การเปลี่ยนแปลงของสาร
ทกั ษะและการแกป้ ญั หาทางเคมี

 ฟิสิกส์ เรยี นร้เู ก่ียวกับธรรมชาติและการคน้ พบทางฟิสิกส์ แรง และการเคลอ่ื นท่ี พลังงาน

มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวช้ีวัด ฯ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๓๔

 โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เรียนรู้เก่ียวกับโลกและกระบวนการเปล่ียนแปลงทาง
ธรณีวิทยา ข้อมูลทางธรณีวิทยาและการนาไปใช้ประโยชน์ การถ่ายโอนพลังงานความร้อนของโลก การ
เปล่ียนแปลงลกั ษณะลมฟ้าอากาศกับการดารงชวี ติ ของมนษุ ย์ โลกในเอกภพ และดาราศาสตรก์ บั มนษุ ย์

 เทคโนโลยี

 การออกแบบและเทคโนโลยี เรียนรู้เก่ียวกับการพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ความเข้าใจ
เกี่ยวกับเทคโนโลยีเพื่อดารงชีวิตในสังคมที่มีการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้าน
วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อ่ืน ๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วย
กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมโดยคานึงถึงผลกระทบต่อชีวิต สังคม และ
สิง่ แวดล้อม

 วิทยาการคานวณ เรียนรู้เก่ียวกับการพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ความเข้าใจ มีทักษะการคิด
เชิงคานวณ การคดิ วิเคราะห์ แก้ปญั หาเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ ประยุกต์ใช้ความรู้ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์
และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการแก้ปัญหาทีพ่ บในชีวติ จรงิ ได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ
อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ

มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชว้ี ัด ฯ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๓๕

คุณภาพผูเ้ รียน

จบช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๓อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ

 เข้าใจลักษณะทั่วไปของสิ่งมีชีวิต การดารงชีวิตของส่ิงมีชีวิต และทรัพยากรธรรมชาติท่ี
หลากหลายในสิ่งแวดล้อมของท้องถน่ิ

 เขา้ ใจลักษณะทีป่ รากฏ สมบัตบิ างประการของวัสดุ และการเปลี่ยนแปลงของวสั ดรุ อบตวั

 เข้าใจการเคล่ือนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุ และแรงที่กระทาต่อวัตถุทาให้วัตถุเปลี่ยนแปลงการ
เคลือ่ นท่ี ความสาคัญของพลงั งานไฟฟ้าและแหลง่ ผลติ พลังงานไฟฟา้

 เข้าใจลักษณะที่ปรากฏของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว องค์ประกอบ และสมบัติทาง
กายภาพของดนิ หนิ น้า อากาศ ลักษณะภมู ิประเทศแบบต่าง ๆ ในทอ้ งถ่ิน และการเกิดลม

 ตั้งคาถามเกี่ยวกับส่ิงมีชีวิต วัสดุและส่ิงของ การเคล่ือนท่ีของวัตถุ และปรากฏการณ์ต่างๆ
รอบตัว สังเกต สารวจตรวจสอบโดยใช้เครื่องมืออย่างง่าย รวบรวมข้อมูล บันทึก และอธิบายผลการสารวจ
ตรวจสอบด้วยการเขียนหรือวาดภาพ และสื่อสารสิ่งท่ีเรียนรู้ด้วยการเล่าเร่ือง หรือด้วยการแสดงท่าทางเพ่ือให้
ผูอ้ นื่ เขา้ ใจ

 แก้ปญั หาอยา่ งง่ายโดยใช้ข้นั ตอนการแก้ปญั หา มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการ
สอ่ื สารเบอ้ื งต้น รกั ษาข้อมูลสว่ นตัว

 แสดงความกระตือรือร้น สนใจท่ีจะเรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับเร่ืองท่ีจะศึกษาตามท่ี
กาหนดใหห้ รอื ตามความสนใจ มีส่วนรว่ มในการแสดงความคิดเห็น และยอมรับฟงั ความคิดเหน็ ผู้อ่นื

 แสดงความรบั ผิดชอบด้วยการทางานที่ไดร้ ับมอบหมายอย่างมุง่ ม่ัน รอบคอบ ประหยัด ซื่อสัตย์
จนงานลุล่วงเป็นผลสาเรจ็ และทางานรว่ มกบั ผอู้ ื่นอยา่ งมีความสุข

 ตระหนักถึงประโยชน์ของการใช้ความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการดารงชีวิต
ศึกษาหาความรู้เพ่มิ เติม ทาโครงงานหรือช้ินงานตามท่กี าหนดใหห้ รือตามความสนใจ

จบช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๖

 เข้าใจโครงสร้างและการทางานของระบบต่าง ๆ ของส่ิงมีชีวิต ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตใน
ระบบนิเวศ และความหลากหลายของทรัพยากรธรรมชาติที่พบในระดับประเทศ

 เข้าใจสมบัติและการจาแนกกลุ่มของวัสดุ สถานะของสาร สมบตั ิของสารและการทาใหส้ ารเกิด
การเปล่ยี นแปลง การเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมีของสาร การแยกสารอยา่ งง่าย และสารในชีวติ ประจาวนั

 เข้าใจลักษณะของแรงประเภทต่าง ๆ ผลที่เกิดจากแรงกระทาต่อวัตถุ ความดัน หลักการ
เบื้องต้นของแรงพยุง ส่วนประกอบและหน้าที่ของส่วนประกอบของวงจรไฟฟ้า การถ่ายโอนพลังงานกลที่
เกิดจากแรงเสียดทานไปเปน็ พลังงานอืน่ สมบตั แิ ละปรากฏการณเ์ บอ้ื งต้นของเสยี ง และแสง

 เข้าใจลักษณะของดาวในเอกภพ และจาแนกประเภทของกลุ่มดาว ความสัมพันธ์ของดวง
อาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ที่มผี ลตอ่ การเกดิ ปรากฏการณธ์ รรมชาติ ความกา้ วหนา้ ของเทคโนโลยีอวกาศ

 เข้าใจองคป์ ระกอบและสมบตั ิของดนิ นา้ และบรรยากาศ และปัจจยั ท่มี ีผลต่อการเปล่ียนแปลง
ของผิวโลก การเกดิ ลมบก ลมทะเล ผลกระทบท่เี กดิ จากธรณีพิบัติภยั และปรากกฏการณ์เรือนกระจก

มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตัวชว้ี ัด ฯ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๓๖

 ค้นหาข้อมูลอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและประเมินความนา่ เชอ่ื ถือ ตดั สนิ ใจเลอื กข้อมูล ใชเ้ หตผุ ลเชิง
ตรรกะในการแก้ปัญหา ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารในการทางานร่วมกัน เข้าใจสิทธแิ ละหน้าท่ีของ
ตน เคารพสทิ ธิของผ้อู ่นื

 ต้ังคาถามหรือกาหนดปัญหาเก่ียวกับส่ิงท่ีจะเรียนรู้ตามที่กาหนดให้หรือตามความสนใจ
คาดคะเนคาตอบหลายแนวทาง สร้างสมมติฐานที่สอดคล้องกับคาถามหรือปัญหาท่ีจะสารวจตรวจสอบ
วางแผนและสารวจตรวจสอบโดยใช้เครอ่ื งมือ อปุ กรณ์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศท่ีเหมาะสมในการเก็บรวบรวม
ข้อมูลทัง้ เชงิ ปรมิ าณและคุณภาพ

 วเิ คราะห์ข้อมูล ลงความเห็น และสรุปความสัมพันธ์ของข้อมูลที่มาจากการสารวจตรวจสอบใน
รปู แบบทีเ่ หมาะสม เพอ่ื ส่ือสารความรจู้ ากผลการสารวจตรวจสอบได้อยา่ งมเี หตุผลและหลักฐานอ้างอิง

 แสดงถึงความสนใจ มุ่งม่ัน ในสิ่งที่จะเรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์เก่ียวกับเรื่องท่ีจะศึกษาตาม
ความสนใจของตนเอง แสดงความคิดเห็นของตนเอง ยอมรับในข้อมูลที่มีหลักฐานอ้างอิง และรับฟัง
ความคิดเหน็ ผู้อน่ื

 แสดงความรับผิดชอบดว้ ยการทางานทไ่ี ดร้ ับมอบหมายอย่างม่งุ ม่ัน รอบคอบ ประหยัด ซ่ือสัตย์
จนงานลุล่วงเปน็ ผลสาเรจ็ และทางานร่วมกับผู้อ่นื อย่างอย่างสรา้ งสรรค์

 ตระหนักในคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ใช้ในความรู้และกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ในการดารงชีวิต แสดงความช่ืนชม ยกย่องและเคารพสิทธิในผลงานของผู้คิดค้น และศึกษาหา
ความรเู้ พ่มิ เติม ทาโครงงานหรือชน้ิ งานตามทก่ี าหนดให้หรือตามความสนใจ

 แสดงถึงความซาบซง้ึ หว่ งใย แสดงพฤตกิ รรมเก่ียวกับการใช้ การดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ
และสง่ิ แวดลอ้ มอยา่ งรู้คณุ ค่า
อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ
จบช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๓

 เข้าใจลักษณะและองค์ประกอบท่ีสาคัญของเซลล์สิ่งมีชีวิต ความสัมพันธ์ของการทางานของ
ระบบต่าง ๆ ในร่างกายมนษุ ย์ การดารงชีวิตของพืช การตอบสนองต่อสิ่งเร้าของสง่ิ มีชีวิต การถ่ายทอดลักษณะ
ทางพันธกุ รรม การเปลี่ยนแปลงของยีนหรือโครโมโซมและตวั อย่างโรคที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางพนั ธุกรรม
ประโยชน์และผลกระทบของสิ่งมชี ีวิตดัดแปรงพันธุกรรม ความหลากหลายทางชีวภาพ การถ่ายทอดพลังงานใน
ส่ิงมีชวี ติ

 เข้าใจองค์ประกอบและสมบัติของธาตุ สมบัติของสารละลาย สารบริสุทธิ์ สารผสม หลักการ
แยกสาร การเปลี่ยนแปลงของสารในรูปแบบของการเปลี่ยนสถานะ การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิริยา
เคมี

 เข้าใจแรงลพั ธ์และผลของแรงลัพธ์กระทาตอ่ วตั ถุ แรงเสยี ดทาน การหมุนของวตั ถุ โมเมนต์ของ
แรง แรงท่ีปรากฏในชีวิตประจาวัน ความสัมพันธ์ระหว่างงาน พลังงานจลน์ พลังงานศักย์ กฏการอนุรักษ์
พลังงาน การถ่ายโอนพลังงาน สมดุลความร้อน ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณทางไฟฟ้า หลักการต่อวงจรไฟฟ้า
ในบ้าน พลงั งานไฟฟ้า และหลักการเบื้องตน้ ของวงจรอิเลก็ ทรอนกิ ส์

 เข้าใจสมบัติของคลื่น และลักษณะของคล่ืนแบบต่าง ๆ เสียง การสะท้อน การหักเห และความ
เข้มของแสง

มาตรฐานการเรียนร้แู ละตวั ชีว้ ดั ฯ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๓๗

 เข้าใจตาแหน่งของกลุ่มดาวฤกษ์บนท้องฟ้า สมบัติและองค์ประกอบของดาวเคราะห์แต่ละดวง
ในระบบสุริยะ และปรากฏการณ์ท่ีเกิดข้ึนบนโลก ความสาคัญและประโยชน์ในการใช้งานของเทคโนโลยีอวกาศ
สมบัตแิ ละประโยชนข์ องบรรยากาศแตล่ ะชน้ั ทม่ี ตี อ่ ส่งิ มชี ีวิต

 เข้าใจระบบโลก โครงสร้างของโลก กระบวนการเปล่ียนแปลงทางธรณีวิทยาบนโลกและใต้ผิว
โลก กระบวนการเกิดซากดึกดาบรรพ์ การเปล่ียนแปลงของลมฟ้าอากาศท่ีทาให้เกิดปรากฏการณ์ต่างๆ
กระบวนการเกดิ ธรณีพิบตั ภิ ยั และปรากฏการณเ์ รือนกระจกทมี่ ีผลกระทบตอ่ สิ่งมชี ีวิตและสิ่งแวดล้อม

 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยี ได้แก่ ระบบทางเทคโนโลยี การเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยี
ความสัมพันธ์ระหว่างเทคโนโลยีกับศาสตร์อ่ืน โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ วิเคราะห์ เปรียบเทียบ
และตัดสินใจเพ่ือเลือกใช้เทคโนโลยี โดยคานึงถึงผลกระทบต่อชีวิต สังคม และส่ิงแวดล้อม ประยุกต์ใช้ความรู้
ทักษะ และทรัพยากรเพ่ือออกแบบและสร้างผลงานสาหรับการแก้ปัญหาในชีวิตประจาวันหรือการประกอบ
อาชีพ โดยใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม รวมทั้งเลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ และเคร่ืองมือได้อย่างถูกต้อง
เหมาะสม ปลอดภยั รวมทัง้ คานงึ ถงึ ทรพั ยส์ นิ ทางปัญญา

 นาขอ้ มูลปฐมภมู ิเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ วเิ คราะห์ ประเมนิ นาเสนอข้อมูลและสารสนเทศได้

ตามวัตถุประสงค์ ใชท้ ักษะการคิดเชิงคานวณในการแก้ปญั หาทพี่ บในชวี ิตจรงิ และเขียนโปรแกรมอยา่ งงา่ ยเพ่อื

ชว่ ยในการแกป้ ัญหา ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารอยา่ งรู้เท่าทนั และรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม

 ต้ังคาถามหรือกาหนดปัญหาท่ีเช่ือมโยงกับพยานหลักฐานหรือหลักการทางวิทยาศาสตร์ ท่ีมี
การกาหนดและควบคุมตัวแปร คิดคาดคะเนคาตอบหลายแนวทาง สร้างสมมติฐานท่ีสามารถนาไปสู่การสารวจ
ตรวจสอบ ออกแบบและลงมือสารวจตรวจสอบโดยใช้วัสดุและเครื่องมือท่ีเหมาะสม เลือกใช้เคร่ืองมือและ
เทคโนโลยีสารสนเทศท่ีเหมาะสมในการเก็บรวบรวมข้อมูลท้ังในเชิงปริมาณและคุณภาพที่ได้ผลเท่ียงตรงและ
ปลอดภัย

 วิเคราะห์และประเมินความสอดคล้องของข้อมูลที่ได้จากการสารวจตรวจสอบจาก
พยานหลักฐาน โดยใช้ความรู้และหลักการทางวิทยาศาสตร์ในการแปลความหมายและลงข้อสรุป และสื่อสาร
ความคิด ความรู้จากผลการสารวจตรวจสอบหลากหลายรูปแบบ หรอื ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจ
ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

 แสดงถึงความสนใจ มุ่งมั่น รับผิดชอบ รอบคอบ และซ่ือสัตย์ ในส่ิงที่จะเรียนรู้ มีความคิด
สร้างสรรค์ เกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษาตามความสนใจของตนเอง โดยใช้เคร่ืองมือและวิธีที่เช่ือถือได้ ศึกษาค้นคว้า
เพ่ิมเติมจากแหล่งความรู้ต่าง ๆ แสดงความคิดเห็นของตนเอง รับฟังความคิดเห็นผู้อ่ืน และยอมรับการ
เปล่ียนแปลงความรทู้ ีค่ น้ พบเมือ่ มีข้อมลู และประจักษ์พยานใหม่เพิ่มข้ึนหรือแยง้ จากเดมิ

 ตระหนักในคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีท่ีใช้ในชีวิตประจาวัน ใช้ความรู้และ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการดารงชีวิต และการประกอบอาชีพ แสดงความชื่นชมยกย่อง
และเคารพสิทธิในผลงานของผู้คิดค้น เข้าใจผลกระทบท้ังด้านบวกและด้านลบของการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์
ต่อส่ิงแวดลอ้ มและตอ่ บริบทอนื่ ๆ และศึกษาหาความรูเ้ พ่มิ เติม ทาโครงงานหรือสรา้ งชนิ้ งานตามความสนใจ

 แสดงถึงความซาบซ้ึง ห่วงใย มีพฤติกรรมเก่ียวกับการใช้ และรักษาทรัพยากรธรรมชาติและ
สงิ่ แวดล้อมอย่างร้คู ุณคา่ มีส่วนร่วมในการพิทกั ษ์ ดแู ลทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ มในท้องถ่นิ
อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ

มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชวี้ ัด ฯ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๓๘

จบช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๖ (สาหรบั ผู้เรยี นทไ่ี มเ่ นน้ วทิ ยาศาสตร์)อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ

 เข้าใจการการลาเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ กลไกการรักษาดุลยภาพของมนุษย์ ภูมิคุ้มกัน
ในร่างกายของมนุษยแ์ ละความผดิ ปกตขิ องระบบภูมิคมุ้ กัน การถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรม การเปลีย่ นแปลง
ทางพันธกุ รรม วิวัฒนาการทท่ี าให้เกิดความหลากหลายของส่ิงมีชีวิต ความสาคญั และผลของเทคโนโลยีทางดเี อ็น
เอตอ่ มนษุ ย์ สิง่ มชี ีวติ และสิง่ แวดล้อม

 เข้าใจความหลากหลายของไบโอมในเขตภูมิศาสตร์ต่าง ๆ ของโลก การเปล่ียนแปลงแทนที่ใน
ระบบนิเวศ ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากร
ธรรมชาติและการแกไ้ ขปญั หาสง่ิ แวดลอ้ ม

 เข้าใจชนิดของอนุภาคสาคัญที่เป็นส่วนประกอบในโครงสร้างอะตอม สมบัติบางประการของ
ธาตุ การจัดเรียงธาตุในตารางธาตุ ชนิดของแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาคและสมบัติต่าง ๆ ของสารท่ีมี
ความสัมพันธ์กับแรงยึดเหน่ียว พันธะเคมี โครงสร้างและสมบัติของพอลิเมอร์ การเกิดปฏิกิริยาเคมี
ปจั จยั ที่มีผลต่ออัตราการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี และการเขยี นสมการเคมี

 เข้าใจปริมาณที่เก่ียวกับการเคลื่อนที่ ความสัมพันธ์ระหว่างแรง มวลและความเร่ง ผลของ
ความเร่งที่มีต่อการเคลือ่ นท่ีแบบต่าง ๆ ของวัตถุ แรงโน้มถ่วง แรงแมเ่ หลก็ ความสมั พันธ์ระหว่างสนามแม่เหล็ก
และกระแสไฟฟ้า และแรงภายในนวิ เคลียส

 เข้าใจพลังงานนิวเคลียร์ ความสัมพันธ์ระหว่างมวลและพลังงาน การเปล่ียนพลังงานทดแทน
เป็นพลังงานไฟฟ้า เทคโนโลยีด้านพลังงาน การสะท้อน การหักเห การเล้ียวเบนและการรวมคล่ืน การได้ยิน
ปรากฏการณ์ทีเ่ กี่ยวข้องกบั เสยี ง สกี บั การมองเห็นสี คลนื่ แม่เหลก็ ไฟฟา้ และประโยชนข์ องคลนื่ แม่เหล็กไฟฟา้

 เขา้ ใจการแบง่ ชนั้ และสมบตั ิของโครงสร้างโลก สาเหตุ และรูปแบบการเคล่ือนที่ของแผ่นธรณีท่ี
สัมพันธ์กับการเกิดลักษณะธรณีสัณฐาน สาเหตุ กระบวนการเกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด สึนามิ ผลกระทบ
แนวทางการเฝา้ ระวงั และการปฏบิ ัตติ นใหป้ ลอดภัย

 เข้าใจผลของแรงเน่ืองจากความแตกต่างของความกดอากาศ แรงคอริออลิส ท่ีมีต่อการ
หมุนเวียนของอากาศ การหมุนเวียนของอากาศตามเขตละติจูดและผลท่ีมีต่อภูมิอากาศ ความสัมพันธ์ของการ
หมุนเวียนของอากาศและการหมุนเวียนของกระแสน้าผิวหน้าในมหาสมุทร และผลต่อลักษณะลมฟ้าอากาศ
สิ่งมีชีวิตและสง่ิ แวดล้อม ปัจจัยต่าง ๆ ท่มี ีผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก และแนวปฏิบัติเพื่อลดกิจกรรม
ของมนุษย์ท่ีส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก รวมทั้งการแปลความหมายสัญลักษณ์ลมฟ้าอากาศท่ีสาคัญ
จากแผนท่อี ากาศ และขอ้ มูลสารสนเทศ

 เข้าใจการกาเนิดและการเปลี่ยนแปลงพลังงาน สสาร ขนาด อุณหภูมิของเอกภพ หลักฐานที่
สนับสนุนทฤษฎีบิกแบง ประเภทของกาแล็กซี โครงสร้างและองค์ประกอบของกาแล็กซีทางช้างเผือก
กระบวนการเกิดและการสร้างพลังงาน ปัจจัยท่ีส่งผลต่อความส่องสว่างของดาวฤกษ์ และความสัมพันธ์ระหว่าง
ความส่องสว่างกับโชติมาตรของดาวฤกษ์ ความสัมพันธ์ระหว่างสี อุณหภูมิผิว และสเปกตรัมของดาวฤกษ์
วิวัฒนาการและการเปล่ียนแปลงสมบัติบางประการของดาวฤกษ์ กระบวนการเกิดระบบสุริยะ การแบ่งเขต
บริวารของดวงอาทติ ย์ ลกั ษณะของดาวเคราะหท์ เี่ อื้อตอ่ การดารงชีวิต การเกดิ ลมสุรยิ ะ พายุสรุ ยิ ะ และผลท่ีมตี ่อ
โลก รวมทง้ั การสารวจอวกาศและการประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยีอวกาศ

 ระบปุ ัญหา ตง้ั คาถามที่จะสารวจตรวจสอบ โดยมีการกาหนดความสมั พันธ์ระหว่างตัวแปรต่าง ๆ
สืบคน้ ข้อมูลจากหลายแหลง่ ต้ังสมมติฐานที่เป็นไปได้หลายแนวทาง ตัดสนิ ใจเลือกตรวจสอบสมมตฐิ านทเี่ ปน็ ไปได้

มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตวั ช้ีวดั ฯ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๓๙

 ตั้งคาถามหรือกาหนดปัญหาที่อยู่บนพื้นฐานของความรู้และความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์ ท่ี
แสดงให้เห็นถึงการใช้ความคิดระดับสูงที่สามารถสารวจตรวจสอบหรือศึกษาค้นคว้าได้อย่างครอบคลุมและ
เชื่อถือได้ สร้างสมมติฐานท่ีมีทฤษฎีรองรับหรือคาดการณ์ส่ิงที่จะพบเพ่ือนาไปสู่การสารวจตรวจสอบ ออกแบบ
วิธีการสารวจตรวจสอบตามสมมติฐานที่กาหนดไว้ได้อย่างเหมาะสม มีหลักฐานเชิงประจักษ์ เลือกวัสดุ อุปกรณ์
รวมทั้งวิธีการในการสารวจตรวจสอบอย่างถูกต้องท้ังในเชิงปริมาณและคุณภาพ และบันทึกผลการสารวจ
ตรวจสอบอยา่ งเปน็ ระบบ

 วิเคราะห์ แปลความหมายข้อมูล และประเมินความสอดคล้องของข้อสรุปเพื่อตรวจสอบกับ
สมมติฐานที่ตั้งไว้ ให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงวิธีการสารวจตรวจสอบ จัดกระทาข้อมูลและนาเสนอข้อมูลด้วย
เทคนิควิธีที่เหมาะสม ส่ือสารแนวคิด ความรู้จากผลการสารวจตรวจสอบ โดยการพูด เขียน จัดแสดงหรือใช้
เทคโนโลยีสารสนเทศเพอ่ื ใหผ้ ้อู นื่ เขา้ ใจโดยมหี ลกั ฐานอา้ งองิ หรอื มีทฤษฎรี องรับ

 แสดงถึงความสนใจ มุ่งมั่น รับผิดชอบ รอบคอบ และซื่อสัตย์ ในการสืบเสาะหาความรู้ โดยใช้
เครื่องมือและวิธีการท่ีให้ได้ผลถูกต้อง เช่ือถือได้ มีเหตุผลและยอมรับได้ว่าความรู้ทางวิทยาศาสตร์อาจมีการ
เปลี่ยนแปลงได้

 แสดงถึงความพอใจและเห็นคุณค่าในการค้นพบความรู้ พบคาตอบ หรือแก้ปัญหาได้ ทางาน
ร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ แสดงความคิดเห็นโดยมีข้อมูลอ้างอิงและเหตุผลประกอบ เกี่ยวกับผลของการ
พัฒนาและการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างมีคุณธรรมต่อสังคมและส่ิงแวดล้อม และยอมรับฟังความ
คดิ เหน็ ของผอู้ นื่

 เข้าใจความสัมพันธ์ของความรู้วิทยาศาสตร์ที่มีผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีประเภทต่างๆ และ
การพัฒนาเทคโนโลยีท่ีส่งผลให้มีการคิดค้นความรู้ทางวิทยาศาสตร์ท่ีก้าวหน้า ผลของเทคโนโลยีต่อชีวิต
สังคม และสิง่ แวดลอ้ ม

 ตระหนักถึงความสาคัญและเห็นคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ใช้ใน
ชีวิตประจาวัน ใช้ความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการดารงชีวิต และการประกอบ
อาชีพ แสดงความช่ืนชม ภูมิใจ ยกย่อง อ้างอิงผลงาน ช้ินงานที่เป็นผลมาจากภูมิปัญญาท้องถ่ินและการพัฒนา
เทคโนโลยที ี่ทันสมัย ศกึ ษาหาความรูเ้ พ่ิมเตมิ ทาโครงงานหรอื สร้างช้ินงานตามความสนใจ

 แสดงความซาบซึ้ง ห่วงใย มีพฤติกรรมเก่ียวกับการใช้และรักษาทรัพยากรธรรมชาติและ
ส่ิงแวดล้อมอย่างรู้คุณค่า เสนอตัวเองร่วมมือปฏิบัติกับชุมชนในการป้องกัน ดูแลทรัพยากรธรรมชาติและ
ส่ิงแวดลอ้ มของทอ้ งถิน่
อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ
จบช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๖ (สาหรบั ผู้เรียนทีเ่ น้นวิทยาศาสตร)์

 เข้าใจวธิ ีการทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการค้นหาคาตอบเกี่ยวกับสิ่งมีชวี ิต สารที่เป็นองค์ประกอบของ
ส่งิ มชี ีวติ และปฏิกิริยาเคมภี ายในเซลล์ การใชก้ ลอ้ งจุลทรรศน์ โครงสร้างและหนา้ ทข่ี องเซลล์ การลาเลียงสารเข้า
และออกจากเซลล์ การแบ่งเซลล์ และการหายใจระดับเซลล์

 เข้าใจหลักการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต การถ่ายทอดยีนบนออโตโซมและ
โครโมโซมเพศ โครงสร้างและองค์ประกอบทางเคมีของดีเอ็นเอ การจาลองดีเอ็นเอ กระบวนการสังเคราะห์
โปรตีน การเกิดมิวเทชนั ในส่ิงมชี ีวิต หลักการและการประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยีทางดเี อ็นเอ หลกั ฐานและข้อมูลท่ีใช้
ในการศกึ ษาวิวฒั นาการของส่งิ มีชวี ติ แนวคิดเกยี่ วกับวิวฒั นาการของสง่ิ มชี ีวิต เงอ่ื นไขของภาวะสมดุลของฮาร์ดี-
ไวน์เบิร์ก กระบวนการเกิดสปีชีส์ใหม่ของส่ิงมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพ กาเนิดของสิ่งมีชีวิต ลักษณะ

มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ช้วี ัด ฯ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๔๐

สาคญั ของส่ิงมชี ีวติ กลุ่มแบคทีเรีย โพรทิสต์ พชื ฟงั ไจ และสตั ว์ การจาแนกสิ่งมีชีวติ ออกเป็นหมวดหมู่และวธิ กี ารอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ
เขยี นชื่อวทิ ยาศาสตร์

 เข้าใจโครงสรา้ งและส่วนประกอบของพืชทั้งราก ลาต้น และใบ การแลกเปล่ียนแก๊ส การคาย
น้า การลาเลียงน้าและธาตุอาหาร การลาเลียงอาหาร การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช กระบวนการสร้างเซลล์
สบื พันธุ์และการปฏสิ นธิของพชื ดอก การเกิดผลและเมลด็ บทบาทของสารควบคุมการเจริญเติบโตของพืชและ
การประยกุ ต์ใช้ และการตอบสนองของพชื

 เขา้ ใจกลไกการรกั ษาดุลยภาพของส่งิ มีชวี ิต โครงสรา้ ง หนา้ ท่ี และกระบวนการตา่ งๆ ของสตั ว์
และมนุษย์ ได้แก่ การย่อยอาหาร การแลกเปลี่ยนแก๊ส การเคล่ือนที่ การกาจัดของเสียออกจากร่างกายของ
สิง่ มีชวี ิต ระบบหมุนเวยี นเลือด ระบบภูมคิ มุ้ กนั ในร่างกายของมนุษย์ การทางานของระบบประสาท และอวัยวะ
รบั ความรูส้ กึ ระบบสืบพนั ธ์ุ การปฏสิ นธิ การเจริญเติบโต ฮอรโ์ มน และพฤติกรรมของสตั ว์

 เข้าใจกระบวนการถ่ายทอดพลังงานและการหมุนเวียนสารในระบบนิเวศ ความหลากหลาย
ของไบโอม การเปลี่ยนแปลงแทนท่ีแบบต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การเปลี่ยนแปลงจานวนประชากรมนุษย์ในระดับ
ท้องถนิ่ ระดบั ประเทศ และระดับโลก แนวทางการปอ้ งกนั และแกไ้ ขปัญหาทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม

 เข้าใจการศึกษาโครงสร้างอะตอมของนักวิทยาศาสตร์ การจัดเรียงอิเล็กตรอนในอะตอม
สมบัติบางประการของธาตุและการจัดเรียงธาตุในตารางธาตุ พันธะเคมี สมบัติของสารที่มีความสัมพันธ์กับ
พันธะเคมี กฎต่าง ๆ ของแก๊ส และสมบัติของแก๊ส ประเภทและสมบัติของสารประกอบอินทรีย์ ประเภทและ
สมบตั ขิ องพอลเิ มอร์

 เข้าใจการเขียนและการดุลสมการเคมี การคานวณปริมาณสารต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องกับปฏิกิริยา
เคมี อัตราการเกิดปฏกิ ิริยาเคมีและปัจจัยท่ีมีผลต่ออตั ราการเกิดปฏิกิริยาเคมี สมดุลในปฏิกิริยาเคมีและปัจจัยท่ี
มผี ลต่อสมดุลเคมี ทฤษฎีกรด – เบส สมบัติและปฏิกิริยาของกรด–เบส สารละลายบัฟเฟอร์ ปฏิกิริยารีดอกซ์
และเซลลเ์ คมีไฟฟา้

 เข้าใจข้อปฏิบัติเบื้องต้นเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทาปฏิบัติการเคมี การเลือกใช้อุปกรณ์
หรือเครื่องมือในการทาปฏิบัติการ หน่วยวัดและการเปลี่ยนหน่วยวัดด้วยการใช้แฟกเตอร์เปล่ียนหน่วย การ
คานวณเก่ียวกับมวลอะตอม มวลโมเลกุล และมวลสูตร ความสัมพันธ์ของโมล จานวนอนุภาค มวล และ
ปริมาตรของแก๊สที่ STP การคานวณสูตรอย่างง่ายและสูตรโมเลกุลของสาร ความเข้มข้นของสารละลาย การ
เตรียมสารละลาย และการบูรณาการความรู้และทักษะในการอธิบายปรากฏการณ์ในชีวิตประจาวันและการ
แก้ปญั หาทางเคมี

 เข้าใจธรรมชาติของฟิสิกส์ กระบวนการวัด ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณท่ีเก่ียวข้องกับการ
เคล่ือนที่ การเคลื่อนทใ่ี นแนวตรง แรงลัพธ์ กฎการเคล่อื นท่ี แรงเสียดทาน กฎความโน้มถ่วงสากล สนามโนม้ ถ่วง
งาน กฎการอนุรักษ์พลังงานกล สมดุลกลของวัตถุ เครื่องกลอย่างง่าย โมเมนตัมและการดล กฎการอนุรักษ์ โม
เมนตมั การชน และการเคลื่อนที่ในแนวโคง้

 เข้าใจการเคลอ่ื นที่แบบคลื่น ปรากฏการณ์คล่นื การสะทอ้ น การหักเห การเลี้ยวเบนและการ
แทรกสอด หลักการของฮอยเกนส์ การเคลื่อนท่ขี องคลื่นเสยี ง ปรากฏการณ์ท่เี ก่ียวข้องกบั เสยี ง ความเข้มเสียง
และระดบั เสียง การได้ยิน ภาพท่เี กิดจากกระจกเงาและเลนส์ ปรากฏการณท์ ่เี กย่ี วข้องกับแสงและการมองเห็น
แสงสี

 เข้าใจสนามไฟฟ้า แรงไฟฟ้า กฎของคูลอมบ์ ศักย์ไฟฟ้า ตัวเก็บประจุ ตัวต้านทานและกฎของ
โอห์ม พลังงานไฟฟ้า การเปล่ียนพลังงานทดแทนเป็นพลังงานไฟฟ้า เทคโนโลยีด้านพลังงาน สนามแม่เหล็ก

มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ช้วี ดั ฯ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๔๑

ความสัมพันธ์ระหว่างสนามแม่เหล็กกับกระแสไฟฟ้า การเหนี่ยวนาแม่เหล็กไฟฟ้า ไฟฟ้ากระแสสลับ คล่ืนอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ
แม่เหลก็ ไฟฟา้ และประโยชนข์ องคล่นื แมเ่ หล็กไฟฟ้า

 เข้าใจผลของความร้อนต่อสสาร สภาพยืดหยุ่น ความดันในของไหล แรงพยุง ของไหลอุดมคติ
ทฤษฎีจลน์ของแกส๊ แนวคิดควอนตัมของพลังงาน ทฤษฎีอะตอมของโบร์ ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก ทวิภาวะ
ของคลื่นและอนุภาค การสลายของนิวเคลียสกัมมันตรังสี กัมมันตภาพ ปฏิกิริยานิวเคลียร์ พลังงานนิวเคลียร์
ความสัมพันธ์ระหว่างมวลและพลังงาน แรงภายในนวิ เคลียส และการคน้ ควา้ วิจัยด้านฟสิ ิกส์อนภุ าค

 เขา้ ใจการแบ่งช้ันและสมบัตขิ องโครงสรา้ งโลก สาเหตุและรูปแบบการเคล่ือนท่ีของแผ่นธรณีที่
สัมพันธ์กับการเกิดลักษณะธรณีสัณฐานและธรณีโครงสร้างแบบต่าง ๆ หลักฐานทางธรณีวิทยาท่ีพบในปัจจุบัน
และการลาดับเหตุการณ์ทางธรณีวิทยาในอดีต สาเหตุ กระบวนการเกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด สึนามิ
ผลกระทบ แนวทางการเฝ้าระวัง และการปฏิบัติตนให้ปลอดภัย สมบัติและการจาแนกชนิดของแร่
กระบวนการเกิดและการจาแนกชนดิ หิน กระบวนการเกิดและการสารวจแหล่งปิโตรเลียมและถ่านหิน การแปล
ความหมายจากแผนทีภ่ มู ปิ ระเทศและแผนท่ธี รณีวทิ ยา และการนาข้อมูลทางธรณีวทิ ยาไปใชป้ ระโยชน์

 เข้าใจปัจจัยสาคัญท่ีมีผลต่อการรับและปลดปล่อยพลังงานจากดวงอาทิตย์ กระบวนการที่ทา
ให้เกิดสมดุลพลังงานของโลก ผลของแรงเน่ืองจากความแตกต่างของความกดอากาศ แรงคอริออลิส แรงสู่
ศูนย์กลาง และแรงเสียดทานท่ีมีต่อการหมุนเวยี นของอากาศ การหมุนเวยี นของอากาศตามเขตละติจูด และผล
ท่ีมีต่อภูมิอากาศ ปัจจัยท่ีทาให้เกิดการแบ่งชั้นน้าและการหมุนเวียนของน้าในมหาสมุทร รูปแบบการหมุนเวียน
ของน้าในมหาสมุทร และผลของการหมุนเวียนของน้าในมหาสมุทรที่มีต่อลักษณะลมฟ้าอากาศ ส่ิงมีชีวิต และ
สงิ่ แวดลอ้ ม ความสัมพนั ธร์ ะหว่างเสถยี รภาพอากาศและการเกิดเมฆ การเกดิ แนวปะทะอากาศแบบต่าง ๆ และ
ลักษณะลมฟ้าอากาศที่เก่ียวข้อง ปัจจัยต่าง ๆ ท่ีมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลก รวมท้ังการแปล
ความหมายสัญลักษณ์ลมฟ้าอากาศและการพยากรณ์ลักษณะลมฟ้าอากาศเบื้องต้นจากแผนท่ีอากาศและข้อมูล
สารสนเทศ

 เข้าใจการกาเนิดและการเปลี่ยนแปลงพลังงาน สสาร ขนาดอุณหภูมิของเอกภพ หลักฐานที่
สนับสนุนทฤษฎีบิกแบง ประเภทของกาแล็กซี โครงสร้างและองค์ประกอบของกาแล็กซีทางช้างเผือก
กระบวนการเกิดดาวฤกษ์ และการสรา้ งพลังงานของดาวฤกษ์ ปัจจัยทีส่ ่งผลต่อความส่องสวา่ งของดาวฤกษ์ และ
ความสัมพันธ์ระหว่างความส่องสว่างกับโชติมาตรของดาวฤกษ์ ความสัมพันธ์ระหว่างสี อุณหภูมิผิว และ
สเปกตรัมของดาวฤกษ์ วิธีการหาระยะทางของดาวฤกษ์ด้วยหลักการแพรัลแลกซ์ วิวัฒนาการและการ
เปล่ียนแปลงสมบัติบางประการของดาวฤกษ์ กระบวนการเกิดระบบสุริยะ การแบ่งเขตบริวารของดวงอาทิตย์
ลักษณะของดาวเคราะห์ที่เอ้ือต่อการดารงชีวิต การโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ด้วยกฎเคพเลอร์ และ
กฎความโน้มถ่วงของนิวตัน โครงสร้างของดวงอาทิตย์ การเกิดลมสุริยะ พายุสุริยะและผลที่มีต่อโลก การระบุ
พิกัดของดาวในระบบขอบฟ้า และระบบศูนย์สูตร เส้นทางการข้ึนการตกของดวงอาทิตย์และดาวฤกษ์ เวลา
สุริยคติและการเปรียบเทียบเวลาของแต่ละเขตเวลาบนโลก การสารวจอวกาศและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี
อวกาศ

 ระบุปญั หา ต้ังคาถามทีจ่ ะสารวจตรวจสอบ โดยมกี ารกาหนดความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งตัวแปรตา่ ง ๆ
สบื คน้ ข้อมูลจากหลายแหลง่ ต้ังสมมติฐานท่ีเป็นไปได้หลายแนวทาง ตดั สินใจเลือกตรวจสอบสมมติฐานที่เปน็ ไป
ได้

 ต้ังคาถามหรือกาหนดปัญหาท่ีอยู่บนพื้นฐานของความรู้และความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์ ที่
แสดงให้เห็นถึงการใช้ความคิดระดับสูงท่ีสามารถสารวจตรวจสอบหรือศึกษาค้นคว้าได้อย่างครอบคลุมและ

มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชว้ี ัด ฯ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๔๒

เชื่อถือได้ สร้างสมมติฐานท่ีมีทฤษฎีรองรับหรือคาดการณ์ส่ิงที่จะพบเพ่ือนาไปสู่การสารวจตรวจสอบ ออกแบบ
วิธีการสารวจตรวจสอบตามสมมติฐานท่ีกาหนดไว้ได้อย่างเหมาะสม มีหลักฐานเชิงประจักษ์ เลือกวัสดุ อุปกรณ์
รวมท้ังวิธีการในการสารวจตรวจสอบอย่างถูกต้องท้ังในเชิงปริมาณและคุณภาพ และบันทึกผลการสารวจ
ตรวจสอบอย่างเปน็ ระบบ

 วิเคราะห์ แปลความหมายข้อมูล และประเมินความสอดคล้องของข้อสรุปเพื่อตรวจสอบกับ
สมมติฐานท่ีต้ังไว้ ให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงวิธีการสารวจตรวจสอบ จัดกระทาข้อมูลและนาเสนอข้อมูลด้วย
เทคนิควิธีที่เหมาะสม ส่ือสารแนวคิด ความรู้จากผลการสารวจตรวจสอบ โดยการพูด เขียน จัดแสดงหรือใช้
เทคโนโลยีสารสนเทศเพอ่ื ให้ผ้อู ื่นเขา้ ใจโดยมหี ลักฐานอา้ งอิงหรอื มีทฤษฎีรองรบั

 แสดงถึงความสนใจ มุ่งม่ัน รับผิดชอบ รอบคอบ และซื่อสัตย์ ในการสืบเสาะหาความรู้ โดยใช้
เครื่องมือและวิธีการท่ีให้ได้ผลถูกต้อง เชื่อถือได้ มีเหตุผลและยอมรับได้ว่าความรู้ทางวิทยาศาสตร์อาจมีการ
เปลย่ี นแปลงได้

 แสดงถึงความพอใจและเห็นคุณค่าในการค้นพบความรู้ พบคาตอบ หรือแก้ปัญหาได้ ทางาน
ร่วมกับผู้อ่ืนอย่างสร้างสรรค์ แสดงความคิดเห็นโดยมีข้อมูลอ้างอิงและเหตุผลประกอบ เกี่ยวกับผลของการ
พัฒนาและการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างมีคุณธรรมต่อสังคมและส่ิงแวดล้อม และยอมรับฟังความ
คดิ เหน็ ของผ้อู นื่

 เข้าใจความสัมพนั ธ์ของความรู้วิทยาศาสตร์ที่มผี ลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีประเภทต่าง ๆ และ
การพัฒนาเทคโนโลยีท่ีส่งผลให้มีการคิดค้นความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ก้าวหน้า ผลของเทคโนโลยีต่อชีวิต
สงั คม และสงิ่ แวดลอ้ ม

 ตระหนักถึงความสาคัญและเห็นคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ใช้ ใน
ชีวิตประจาวัน ใช้ความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการดารงชีวิต และการประกอบ
อาชีพ แสดงความช่ืนชม ภูมิใจ ยกย่อง อ้างอิงผลงาน ช้ินงานท่ีเป็นผลมาจากภูมิปัญญาท้องถิ่นและการพัฒนา
เทคโนโลยที ีท่ นั สมัย ศึกษาหาความรู้เพมิ่ เติม ทาโครงงานหรือสร้างชิ้นงานตามความสนใจ

 แสดงความซาบซ้ึง ห่วงใย มีพฤติกรรมเก่ียวกับการใช้และรักษาทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อมอย่างรู้คุณค่า เสนอตัวเองร่วมมือปฏิบัติกับชุมชนในการป้องกัน ดูแลทรัพยากรธรรมชาติและ
สง่ิ แวดล้อมของทอ้ งถนิ่
อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ
จบชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๖ (สาหรบั ผู้เรยี นทกุ คน)

 วเิ คราะหแ์ นวคดิ หลกั ของเทคโนโลยี ได้แก่ ระบบทางเทคโนโลยที ี่ซับซ้อน การเปลย่ี นแปลงของ
เทคโนโลยี ความสัมพันธ์ระหว่างเทคโนโลยีกับศาสตร์อ่ืน โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ วิเคราะห์
เปรียบเทียบ และตัดสินใจเพ่ือเลือกใช้เทคโนโลยี โดยคานึงถึงผลกระทบต่อชีวิต สังคม เศรษฐกิจ และ
ส่ิงแวดล้อม ประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะ ทรัพยากรเพื่อออกแบบ สร้าง หรือพัฒนาผลงานสาหรับแก้ปัญหาท่ีมี
ผลกระทบต่อสังคมโดยใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม ใช้ซอฟต์แวร์ช่วยในการออกแบบและนาเสนอ
ผลงาน เลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือได้อยา่ งถูกต้อง เหมาะสม ปลอดภัย รวมท้ังคานงึ ถึงทรพั ย์สินทางปัญญา

 ใช้ความรู้ทางด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ สื่อดิจิทัล เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร
เพ่ือรวบรวมข้อมูลในชีวิตจริงจากแหล่งต่าง ๆ และความรู้จากศาสตรอ์ ่ืน มาประยุกต์ใช้ สร้างความร้ใู หม่ เข้าใจ
การเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยีท่ีมีผลต่อการดาเนินชีวิต อาชีพ สังคม วัฒนธรรม และใช้อย่างปลอดภัย
มจี ริยธรรม

มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวช้ีวดั ฯ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๔๓

สาระที่ ๑ วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ

มาตรฐาน ว ๑.๑ เขา้ ใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสมั พันธร์ ะหวา่ งสิ่งไม่มีชวี ติ กับสิง่ มชี วี ติ และ

ความสัมพันธ์ระหวา่ งสิ่งมีชวี ิตกบั สงิ่ มีชีวิตตา่ งๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลงั งาน การ

เปลย่ี นแปลงแทนท่ใี นระบบนเิ วศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อ

ทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ ม แนวทางในการอนรุ กั ษ์ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละการแก้ไข

ปญั หาส่งิ แวดลอ้ มรวมท้งั นาความรู้ไปใช้ประโยชน์

ตวั ชี้วดั ชน้ั ปี

ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖

๑. ระบชุ ่อื พชื และ - - - ๑. บรรยาย -

สัตว์ทอ่ี าศยั อยู่ โครงสรา้ ง

บริเวณตา่ ง ๆ และลกั ษณะ

จากขอ้ มูลที่ ของสิ่งมีชวี ติ ท่ี

รวบรวมได้ เหมาะสมกบั การ
อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ
๒. บอก ดารงชีวิตซ่ึง

สภาพแวดล้อม เป็นผลมาจาก

ทเ่ี หมาะสมใน การปรบั ตวั ของ

บรเิ วณท่ีพืชและ ส่ิงมีชวี ติ ใน

สัตว์อาศยั อยูใ่ น แต่ละแหล่งที่อยู่

บริเวณทส่ี ารวจ ๒. อธบิ าย

ความสัมพนั ธ์

ระหวา่ งส่ิงมีชีวติ

กับส่งิ มีชวี ติ และ

ความสมั พนั ธ์

ระหว่างสิง่ มชี วี ติ

กบั ส่ิงไม่มชี ีวติ

เพ่อื ประโยชนต์ อ่

การดารงชีวิต

๓. เขียนโซ่อาหาร

และระบุบทบาท

หน้าท่ีของ

สงิ่ มีชวี ิตทเี่ ปน็

ผผู้ ลิตและ

ผ้บู ริโภคในโซ่

อาหาร

๔. ตระหนกั ใน

คุณคา่ ของ

สง่ิ แวดลอ้ มท่ีมี

ตอ่ การดารงชีวติ

ของสง่ิ มชี วี ิตโดย

มีสว่ นรว่ มในการ

ดูแลรักษา

สิ่งแวดลอ้ ม

มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวชว้ี ัด ฯ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๔๔

สาระท่ี ๑ วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ

มาตรฐาน ว ๑.๑ เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิง่ ไม่มชี วี ติ กบั สิ่งมชี ีวิต และ

ความสัมพันธ์ระหว่างสง่ิ มีชีวิตกับสิ่งมีชวี ิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การ

เปลี่ยนแปลงแทนท่ีในระบบนเิ วศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบทีม่ ตี ่อ

ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละการแก้ไข

ปัญหาสิง่ แวดล้อมรวมทง้ั นาความรู้ไปใช้ประโยชน์

ตัวช้วี ัดชั้นปี

ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖

- - ๑. อธิบายปฏสิ ัมพนั ธ์ของ ไม่เนน้ วทิ ยาศาสตร์ - -

องคป์ ระกอบของ ๑. สืบค้นขอ้ มลู และ

ระบบนเิ วศที่ไดจ้ ากการ อธิบายความสมั พนั ธ์

สารวจ ของสภาพทาง

๒. อธิบายรปู แบบ ภูมิศาสตรบ์ นโลก
อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ
ความสมั พันธ์ กับความหลากหลาย

ระหว่างส่ิงมีชีวิตกับ ของไบโอมและ

สง่ิ มีชวี ติ รูปแบบต่าง ๆ ยกตัวอย่างไบโอมชนดิ

ในแหลง่ ทอี่ ยเู่ ดียวกนั ต่างๆ

ทไี่ ด้จากการสารวจ ๒. สบื คน้ ข้อมลู

๓. สรา้ งแบบจาลอง อภิปรายสาเหตุ

ในการอธบิ ายการ และยกตวั อย่าง

ถ่ายทอดพลังงาน การเปลี่ยนแปลง

ในสายใยอาหาร แทนที่ของระบบนิเวศ

๔. อธิบายความ ๓. สบื ค้นข้อมลู อธิบาย

สมั พนั ธข์ องผู้ผลติ และยกตัวอย่าง

ผูบ้ รโิ ภคและผยู้ ่อยสลาย เกี่ยวกับการ

สารอินทรยี ์ในระบบ เปลีย่ นแปลงของ

นิเวศ องค์ประกอบทาง

๕. อธบิ ายการสะสม กายภาพและทาง

สารพษิ ในสิ่งมีชีวิตในโซ่ ชวี ภาพท่ีมีผลตอ่ การ

อาหาร เปลยี่ นแปลงขนาดของ

๖. ตระหนักถงึ ความ ประชากรส่งิ มีชวี ติ ใน

สัมพันธข์ องสงิ่ มชี วี ิตและ ระบบนิเวศ

ส่ิงแวดลอ้ มในระบบ ๔. สืบค้นขอ้ มลู และ

นเิ วศ โดยไม่ทาลายสมดลุ อภิปรายเกย่ี วกับ

ของระบบนเิ วศ ปัญหาและผลกระทบที่

มตี ่อทรพั ยากรธรรมชาติ

และสิง่ แวดล้อม

พร้อมท้ังนาเสนอ

แนวทางในการ

อนรุ ักษ์ทรัพยากร-

ธรรมชาติและการ

แก้ไขปัญหา

ส่งิ แวดลอ้ ม

มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตวั ชี้วัด ฯ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๔๕

สาระท่ี ๑ วทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ

มาตรฐาน ว ๑.๒ เขา้ ใจสมบัติของส่งิ มีชีวติ หน่วยพืน้ ฐานของสง่ิ มชี ีวิต การลาเลยี งสารผ่านเซลล์ ความสัมพนั ธข์ อง

โครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของ

โครงสร้างและหนา้ ท่ีของอวัยวะตา่ งๆ ของพชื ทท่ี างานสมั พันธก์ ัน รวมท้งั นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์

ตัวชี้วดั ชน้ั ปี

ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖

๑. ระบชุ อื่ บรรยาย ๑. ระบุวา่ พืช ๑. บรรยายส่ิงที่ ๑. บรรยายหน้าท่ี - ๑. ระบสุ ารอาหารและ

ลกั ษณะและบอก ตอ้ งการแสงและ จาเป็นต่อการ ของราก ลาตน้ บอกประโยชนข์ อง

หนา้ ทีข่ องสว่ น นา้ เพ่อื การ ดารงชีวิตและ ใบและดอกของ สารอาหารแตล่ ะ

ต่างๆ ของ เจรญิ เติบโต การเจรญิ เติบโต พชื ดอกโดยใช้ ประเภทจากอาหารท่ี

รา่ งกายมนุษย์ โดยใช้ข้อมลู จาก ของมนุษย์และ ข้อมลู ทีร่ วบรวม ตนเองรบั ประทาน

สัตว์ และพชื หลักฐานเชงิ สตั ว์ โดยใช้ข้อมูล ได้ ๒. บอกแนวทางในการ

รวมท้งั บรรยาย ประจกั ษ์ ทรี่ วบรวมได้ เลอื กรบั ประทาน
อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบม ์พ
การทาหน้าท่ี ๒. ตระหนกั ถึง ๒. ตระหนกั ถงึ อาหารให้ได้สารอาหาร

รว่ มกนั ของ ความจาเปน็ ที่ ประโยชน์ของ ครบถ้วนในสดั ส่วนที่

สว่ นตา่ ง ๆ ของ พชื ตอ้ งได้รบั น้า อาหาร นา้ และ เหมาะสมกับเพศและ

ร่างกายมนุษยใ์ น และแสงเพ่ือ อากาศ โดยการ วัย รวมท้ังความ

การทากจิ กรรม การเจรญิ เติบโต ดูแลตนเองและ ปลอดภยั ตอ่ สขุ ภาพ

ต่าง ๆ จากขอ้ มูล โดยดูแลพืชให้ สัตวใ์ หไ้ ดร้ ับ ๓. ตระหนักถงึ

ทีร่ วบรวมได้ ได้รับสงิ่ ดังกล่าว สิ่งเหลา่ นอี้ ย่าง ความสาคญั ของ

๒. ตระหนกั ถงึ อยา่ งเหมาะสม เหมาะสม สารอาหาร โดยการ

ความสาคญั ของ ๓. สรา้ งแบบจาลอง ๓. สรา้ งแบบจาลอง เลือกรบั ประทาน

สว่ นต่าง ๆ ของ ทบ่ี รรยายวฏั จกั ร ทบ่ี รรยายวฏั จกั ร อาหารทม่ี สี ารอาหาร

รา่ งกายตนเอง ชีวิตของพืชดอก ชีวิตของสัตว์และ ครบถว้ นในสัดสว่ นที่

โดยการดูแล เปรียบเทียบ เหมาะสมกับเพศ

ส่วนตา่ งๆ อย่าง วัฏจกั รชีวติ ของ และวัย รวมท้งั

ถกู ต้อง ให้ สตั วบ์ างชนิด ปลอดภยั ตอ่ สุขภาพ

ปลอดภยั และ ๔. ตระหนักถงึ ๔. สร้างแบบจาลอง

รกั ษาความ คณุ ค่าของชีวิต ระบบยอ่ ยอาหาร

สะอาดอยู่เสมอ สัตว์ โดยไม่ทา และบรรยายหนา้ ท่ี

ใหว้ ฏั จกั รชวี ิตของ ของอวัยวะในระบบ

สตั ว์เปลีย่ นแปลง ยอ่ ยอาหาร รวมท้งั

อธบิ ายการยอ่ ย

อาหารและการ

ดูดซมึ สารอาหาร

๕. ตระหนกั ถงึ

ความสาคญั ของระบบ

ย่อยอาหาร โดยการ

บอก แนวทางในการ

ดแู ลรกั ษาอวัยวะใน

ระบบย่อยอาหารให้

ทางานเปน็ ปกติ


Click to View FlipBook Version