The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการสอนวิชาการอกแบบและเทคโนโลยีม.2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by วีรพนธ์ พลเมฆ, 2021-01-06 08:58:27

แผนการสอนวิชาการอกแบบและเทคโนโลยีม.2

แผนการสอนวิชาการอกแบบและเทคโนโลยีม.2

คำอธบิ ายรายวชิ า

รายวิชาพนื้ ฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 เวลา 20 ชวั่ โมง

ศึกษาสาเหตุหรือปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง
เทคโนโลยีต่อมนุษย์ และสังคม ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีต่อเศรษฐกิจ ผลกระทบจากการ
เปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีต่อสิ่งแวดล้อม ประเภท ของวัสดุอุปกรณ์เพื่อให้สามารถสรา้ งชิ้นงานได้ตรงกับความ

ต้องการ มีความปลอดภัย และใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่า เครื่องกลในการสรา้ งชิ้นงาน ได้แก่ รอก คาน ล้อ
และเพลา พนื้ เอยี ง ล่ิม สกรู เครอ่ื งมือในการสรา้ งช้ินงาน เครอ่ื งมอื วดั เครื่องมอื ตดั เครือ่ งมือ ยดึ ติด เครอื่ งมือ

เจาะ เสียงและอุปกรณ์ทท่ี ำใหเ้ กิดเสียง อุปกรณท์ ีท่ ำใหเ้ กิดเสียง ไฟฟ้าและอปุ กรณ์ทท่ี ำให้เกิดแสง วงจรไฟฟ้า
และ การต่อตัวต้านทาน ประเภทและการตอ่ วงจรไฟฟ้า ความสัมพันธ์ของกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละ
วิศวกรรมศาสตร์แนวคิด กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม ระบบเทคโนโลยี

การคิดเชิงออกแบบ แนวคิดหลักของการคิดเชิงออกแบบ กระบวนการคิดเชิงออกแบบ และความคิดเชิง
ออกแบบของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกา-ธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem–based Learning) และการเรียนรู้
แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ ฝึกทักษะการคิด เผชิญ
สถานการณ์การแก้ปัญหาวางแผนการเรียนรู้ และ นำเสนอผ่านการทำกิจกรรมโครงงาน

เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจ ความสัมพันธ์ของความรู้วิทยาศาสตร์ที่มีผลต่อการพัฒนา
เทคโนโลยีประเภทต่าง ๆ และการพัฒนาเทคโนโลยีท่ีส่งผลให้มีการคิดคน้ ความรูท้ างวิทยาศาสตร์ที่ก้าวหนา้

ผลของเทคโนโลยีต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสงั คมและการดำรงชวี ติ จนสามารถพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ
ความสามารถในการแก้ปัญหาและการจัดการทักษะในการสื่อสาร ความสามารถในการมีคุณธรรมจริยธรรม

และมีความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการ
ทำงาน มีความรักชาติ ศาสตร์กษัตริย์ มคี วามซ่ือสตั ย์สจุ ริต มีวินัย ใฝเ่ รยี นรูอ้ ยูอ่ ย่างพอเพียงประยกุ ต์ใช้ในการ

ดำรงชีวติ ประจำวันไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
ตัวชวี้ ัด
ว 4.1 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5

รวม 5 ตวั ชี้วัด

มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง วิทยาศาสตร์

สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการดำรงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่าง

รวดเร็วใช้ความรู้และทักษะทางดา้ นวิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และศาสตรอ์ ่นื ๆ เพือ่ แกป้ ัญหาหรือพัฒนางาน
อย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมโดย
คำนึงถึงผลกระทบตอ่ ชีวิต สงั คม และส่งิ แวดลอ้ ม

ช้ัน ตวั ชว้ี ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

ม. 1.คาดการณ์แนวโนม้ เทคโนโลยีที่จะ สาเหตุหรอื ปัจจยั ตา่ ง ๆ เชน่ ความก้าวหนา้ ของ
2 เกิดขนึ้ โดยพจิ ารณาจากสาเหตหุ รอื ปัจจัย ศาสตร์ต่าง ๆ การเปลย่ี นแปลงทางดา้ นเศรษฐกิจ

ท่ีสง่ ผลต่อการเปล่ยี นแปลงของเทคโนโลยี สงั คมวฒั นธรรม ทำให้เทคโนโลยีมีการเปลีย่ นแปลง

และวเิ คราะห์ เปรยี บเทียบ ตัดสนิ ใจ ตลอดเวลา

เลือกใช้เทคโนโลยี โดยคำนึงถงึ ผลกระทบ เทคโนโลยีแต่ละประเภทมีผลกระทบต่อชวี ิต สงั คม
ทีเ่ กิดขน้ึ ต่อชวี ิต สังคม และสิ่งแวดล้อม และสิ่งแวดล้อมทแ่ี ตกต่างกนั จงึ ตอ้ งวิเคราะห์

เปรยี บเทียบข้อดี ข้อเสีย และตดั สินใจเลอื กใช้ให้

เหมาะสม

2.ระบปุ ัญหาหรอื ความต้องการในชมุ ชน ปญั หาหรือความตอ้ งการในชุมชนหรอื ท้องถ่นิ มีหลาย
หรอื ทอ้ งถนิ่ สรุปกรอบของปัญหารวบรวม อยา่ ง ขึ้นกบั บริบทหรอื สถานการณ์ท่ปี ระสบ เช่น
วเิ คราะห์ ข้อมูลและแนวคดิ ท่เี กีย่ วข้องกับ ด้านพลังงาน สง่ิ แวดล้อม การเกษตร การอาหาร

ปญั หา การระบปุ ัญหาจำเป็นต้องมีการวิเคราะหส์ ถานการณ์

ของปญั หาเพือ่ สรุปกรอบของปัญหาแล้วดำเนนิ การ

สบื ค้น รวบรวมข้อมูล ความรจู้ ากศาสตร์ตา่ ง ๆ ท่ี

เกย่ี วขอ้ งเพอ่ื นำไปสกู่ ารออกแบบแนวทางการ

แก้ปญั หา

3.ออกแบบวธิ กี ารแกป้ ัญหา โดยวิเคราะห์ การวิเคราะห์ เปรยี บเทียบ และตดั สินใจเลือกข้อมูลที่

เปรียบเทียบ และตัดสินใจเลือกข้อมลู ท่ี จำเป็น โดยคำนงึ ถงึ เง่อื นนไขและทรพั ยากร เช่น งงบ

จำเปน็ ภายใต้เง่ือนไขและทรพั ยากรทมี่ อี ยู่ ประมาณ เวลา ขอ้ มูล และสารสนเทศ วสั ดุ เครื่องมอื

นำเสนอแนวทางการแกป้ ัญหาให้ผู้อ่ืน และอปุ กรณช์ ่วยใหไ้ ดแ้ นวทางการแกป้ ัญหาที่

เข้าใจ วางแผนขัน้ ตอนการทำงานและ เหมาะสม
ดำเนนิ การแก้ปญั หาอย่างเป็นขน้ั ตอน การออกแบบแนวทางการแกป้ ํญหาทำไดห้ ลากหลาย

วิธี เชน่ การร่างภาพ การเขยี นแผนภาพ การเขียนผัง

งาน

การกำหนดขัน้ ตอนระยะเวลาในการทำงานกอ่ น

ดำเนินการแกป้ ญั หาจะช่วยให้การทำงานสำเร็จได้ตาม

ช้นั ตัวช้ีวัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

เปา้ หมาย และลดข้อผิดพลาดของการทำงานที่

อาจเกิดขนึ้

4.ทดสอบ ประเมนิ ผล และอธบิ ายปัญหา การทดสอบและประเมินผลเป็นการตรวจสอบช้ินงาน
หรือข้อบกพร่องทเ่ี กดิ ขน้ึ ภายใต้กรอบ หรือวิธีการวา่ สามารถแก้ปัญหาได้ตามวตั ถุประสงค์
เงอื่ นไข พร้อมทั้งหาแนวทางปรับปรุง ภายใต้กรอบของปัญหา เพ่อื หาข้อบกพรอ่ ง และ
แก้ไข และนำเสนอผลการแก้ปญั หา
ดำเนินการปรับปรุงให้สามารถแก้ไขปญั หาได้
5.ใช้ความรู้ และทักษะเก่ียวกบั วสั ดุ การนำเสนอผลงานเป็นการถ่ายทอดแนวคิดเพ่ือให้
อปุ กรณ์ เครื่องมอื กลไก ไฟฟ้า และ ผอู้ ื่นเข้าใจเก่ยี วกบั กระบวนการทำงานและช้นิ งานหรอื
อิเลก็ ทรอนิกสเ์ พื่อแก้ปัญหาหรอื พฒั นา วิธีการท่ีได้ ซ่ึงสามารถทำได้หลายวธิ ี เช่น การเขยี น
งานไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม และ
ปลอดภัย รายงาน การทำแผ่นนำเสนอผลงาน การจัดนทิ รรศการ

วัสดุแต่ละประเภทมีคุณสมบัติแตกต่างกัน เชน่ ไม้
โลหะพลาสติก จงึ ตอ้ งมกี ารวเิ คราะหส์ มบัติเพือ่ เลือกใช้
ใหเ้ หมาะสมกบั ลักษณะของงาน
การสร้างชนิ้ งานอาจใชค้ วามรู้ เรือ่ งกลไล ไฟฟา้
อิเลก็ ทรอนกิ ส์ เช่น LED มอเตอร์ บัซเซอร์ เฟือง รอก

ล้อ เพลา
อปุ กรณ์และเครื่องมอื ในการสร้างช้นิ งานหรือพฒั นา
วธิ ีการมีหลายประเภท ตอ้ งเลือกใช้ใหถ้ กู ตอ้ ง
เหมาะสม และปลอดภัย รวมทงั้ รจู้ ักเกบ็ รกั ษา

โครงสร้างรายวิชา เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ช้นั ม.2

มาตรฐาน มโนทัศนส์ ำคัญ เวลา
ลำดบั ท่ี ชือ่ หนว่ ยการเรียนรู้ การเรียนร้/ู (ชม.)

ตัวชวี้ ัด มนุษย์ค้นพบและสร้างองค์ความรู้หลาย 2
1. เทคโนโลยกี ับชวี ิต ว 4.1 ม.2/1 สาขา เช่น วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ 8
สังคมศาสตร์ นิติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์
2. วัสดุ อุปกรณ์ทาง ว 4.1 ม.2/5 โดยเฉพาะอย่างยิ่งศาสตร์ที่ส่งผลต่อการ
เทคโนโลยี พ ั ฒ น า เ ท ค โ น โ ล ย ี อ ย ่ า ง ม า ก คื อ
วิทยาศาสตร์ เป็นความรู้ที่เกี่ยวกับสิ่งต่าง
ๆ ในธรรมชาติทงั้ ทมี่ ชี ีวติ และไม่มีชวี ติ โดย
มีวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่ใช้ในการสืบ
เสาะหาความรู้นั้นอาศัยการสังเกตเป็น
พื้นฐาน และคณิตศาสตรท์ ีเ่ กยี่ วขอ้ งกบั การ
อธิบายโครงสร้าง ความสัมพันธ์ ระเบียบ
รูปแบบ หรือแบบแผนต่าง ๆ ทั้งที่อยู่ใน
ธรรมชาติรอบตัวและภาพที่อยู่ในสมอง
เท่าที่มนุษย์จะสามารถรับรู้ได้ทั้งในเชิง
นามธรรมและเชิงรูปธรรม โดยอาศัยการ
คำนวณและโมเดลทางคณิตศาสตร์มา
อธบิ าย ดังนนั้ การคน้ พบทางวิทยาศาสตร์
ที่มีการอธิบายในรูปแบบของสมการทาง
ค ณ ิ ต ศ า ส ต ร ์ ท ี ่ แ ม ่ น ย ำ จ ะ ช ่ ว ย ใ ห ้ เ กิ ด
เทคโนโลยีใหม่ ๆ ขึ้นมาอีกมากมาย และ
เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นสร้างผลกระทบทั้ง
ทางด้านมนุษย์และสังคม ด้านเศรษฐกิจ
และดา้ นสงิ่ แวดลอ้ ม

ปัจจุบนั วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีพัฒนา
และกา้ วหน้าอย่างรวดเร็ว จึงไดม้ ีการนำ
ความรู้เหล่านม้ี าพฒั นาและปรบั ปรงุ วัสดุ
ตา่ ง ๆ เพอื่ ตอบสนองตอ่ ความต้องการ
ทหี่ ลากหลาย โดยผา่ นกระบวนการทาง

ลำดบั ที่ ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน มโนทศั นส์ ำคัญ เวลา
การเรียนรู/้ (ชม.)

ตัวชี้วัด

3. กระบวนการ ว 4.1 ม.2/2 เทคโนโลยี และถูกสง่ ตอ่ จนพฒั นามาเป็น 6
ออกแบบเชิง ม.2/3 กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม โดย 4
วศิ วกรรม ม.2/4 การสรา้ งเครื่องมอื หรือชิน้ งาน ความรู้
เกย่ี วกับวัสดุ อุปกรณ์ เครือ่ งมอื กลไก
4. การคดิ เชงิ ออกแบบ ว 4.1 ม.2/2 เสียงแสง ไฟฟา้ และอปุ กรณ์
ม.2/3 อเิ ลก็ ทรอนิกสเ์ ปน็ ส่งิ สำคัญ ซึ่งจะช่วยทำ
ม.2/4 ให้สร้างชน้ิ งานได้เหมาะสมและปลอดภัย

กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรมเปน็
กระบวนการท่ีสามารถนำมาแก้ปญั หาหรือ
สร้างสรรค์ส่งิ ใหม่ ๆ ซ่งึ กระบวนการ
ออกแบบวิศวกรรมจะเร่มิ จากการระบุ
ปญั หาหรอื ส่ิงทีต่ ้องการทจี่ ะสรา้ งขึน้
จากนน้ั รวบรวม องค์ความรู้ ออกแบบ
วิธีการแก้ปญั หาวางแผนดำเนินการ
ประเมินผล และนำเสนอการแก้ปัญหาหรือ
ผลงานของชน้ิ งาน ซ่ึงกระบวน-การเหล่าน้ี
เรียกวา่ STEM ที่เปน็ การรวบรวมศาสตร์
ตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี
วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์
มาประยกุ ตใ์ ชค้ วามรใู้ นการแกป้ ัญหาหรือ
สร้างสรรคส์ ิ่งใหม่ ๆ

การคดิ เชิงออกแบบเป็นแนวคดิ ท่ีใชใ้ นการ
แกป้ ัญหา โดยยึดเอาคนหรอื ประสบการณ์
ผูใ้ ช้เป็นศูนยก์ ลาง และร่วมกันค้นคดิ
วธิ ีการแก้ปญั หาร่วมกนั ของทมี งานอยา่ ง
สรา้ งสรรค์ ทำใหต้ น้ แบบทผี่ ลิตข้นึ มาเปน็
เทคโนโลยีทม่ี ีความทมี่ ีขอ้ ผดิ พลาดนอ้ ย
และเทคโนโลยนี ้ันมีมลู ค่าที่สูงข้นึ ซงึ่ จะ
เป็นการแก้ปญั หาด้วยการเนน้ ทำความ
เข้าใจว่าคนตอ้ งการอะไร แทนท่วี ิธีการ
แบบเดมิ ท่มี กั เรมิ่ ต้นจาก “ปัญหา”

โครงสร้างแผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าเท

หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรยี นรู้ วธิ สี อน/วธิ ีการจัด
1. เทคโนโลยกี ับชีวติ กจิ กรรมการเรียนรู้
แผนท่ี 1 การเปลยี่ นแปลงและ
ผลกระทบของ แบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es
เทคโนโลยี (5Es Instructional Model)

2. วสั ดุ อปุ กรณ์ แผนที่ 1 ความรเู้ กี่ยวกบั วสั ดุ แบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es
ทางเทคโนโลยี (5Es Instructional Model)

ทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี ม.2

เวลา 20 ช่ัวโมง

ทกั ษะท่ไี ด้ การประเมนิ เวลา
(ช่วั โมง)
1. ทกั ษะการส่อื สาร
) 2. ทกั ษะการแลกเปลี่ยนขอ้ มูล 1. ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 2

3. ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ เร่ือง เทคโนโลยกี ับชีวิต
4. ทกั ษะการสังเกต
5. ทักษะการทำงานร่วมกนั 2. ตรวจใบงานท่ี 1.1.1 เรือ่ ง เศรษฐกจิ พอเพยี ง
6. ทกั ษะการสบื คน้ ข้อมูล
3. ประเมินการนำเสนอผลงาน

4. สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล

5. สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม

6. สังเกตความซอ่ื สตั ย์ สจุ ริต ความมวี ินัย

ความรับผดิ ชอบ ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มนั่ ในการทำงาน7.

ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1

เรือ่ ง เทคโนโลยกี บั ชีวิต

1. ทักษะการสอ่ื สาร 1. ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 2
) 2. ทกั ษะการแลกเปลี่ยนขอ้ มูล วัสดุ อปุ กรณ์ทางเทคโนโลยี

3. ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ 2. ตรวจใบงานท่ี 2.1.1 เรอื่ ง นักออกแบบผลติ ภณั ฑ์
4. ทักษะการสงั เกต 3. ประเมนิ การนำเสนอผลงาน
5. ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั 4. สังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล
6. ทกั ษะการสบื ค้นขอ้ มูล 5. สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม
6. สงั เกตความซอื่ สัตย์ สุจริต ความมวี นิ ัย

ความรบั ผิดชอบ ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มน่ั ในการทำงาน

หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรยี นรู้ วิธีสอน/วธิ กี ารจดั
กจิ กรรมการเรียนรู้
แผนที่ 2 เคร่อื งกลและเครอื่ งมอื
ในการสรา้ งช้ินงาน แบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es
(5Es Instructional Model)

แผนท่ี 3 เสียงและอุปกรณ์ แบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es
ท่ีทำใหเ้ กิดเสยี ง (5Es Instructional Model)

3. กระบวนการออกแบบ แผนที่ 1 กระบวนการทาง แบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es
เชิงวิศวกรรม วทิ ยาศาสตร์ (5Es Instructional Model)

ทกั ษะทไ่ี ด้ การประเมนิ เวลา
(ชัว่ โมง)
1. ทกั ษะการสอ่ื สาร 1. ตรวจใบงานท่ี 2.2.1 เร่อื ง เคร่ืองมือชา่ ง
) 2. ทักษะการแลกเปลี่ยนขอ้ มลู 2. ประเมินการนำเสนอผลงาน 2
3. สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล
3. ทักษะการคิดวิเคราะห์ 4. สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่
4. ทักษะการทำงานร่วมกัน 5. สังเกตความซ่อื สตั ย์ สุจรติ ความมวี นิ ัย
5. ทกั ษะการสบื ค้นข้อมูล
ความรบั ผดิ ชอบ ใฝ่เรียนรู้ มงุ่ มั่นในการทำงาน

1. ทกั ษะการส่ือสาร 1. ประเมนิ การนำเสนอผลงาน 2
) 2. ทักษะการแลกเปลี่ยนขอ้ มลู 2. สงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล 2
3. สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่
3. ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ 4. สังเกตความซ่อื สัตย์ สจุ ริต ความมวี ินัย
4. ทกั ษะการสงั เกต
5. ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั ความรับผิดชอบ ใฝ่เรียนรู้ มงุ่ ม่นั ในการทำงาน
6. ทกั ษะการสืบคน้ ขอ้ มูล
1. ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3
1. ทักษะการสื่อสาร กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม
) 2. ทกั ษะการแลกเปลี่ยนข้อมลู
2. ตรวจใบงานที่ 3.1.1 เรื่อง กระบวนการทาง
3. ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ วิทยาศาสตร์
4. ทักษะการสังเกต
5. ทักษะการทำงานร่วมกัน 3. ประเมนิ การนำเสนอผลงาน
6. ทกั ษะการสบื คน้ ข้อมูล 4. สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล
5. สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุม่
6. สงั เกตความมีวนิ ัย ความรับผิดชอบ ใฝ่เรียนรู้

มงุ่ มั่นในการทำงาน

หนว่ ยการเรียนรู้ แผนการจดั การเรยี นรู้ วธิ ีสอน/วิธกี ารจัด
กิจกรรมการเรยี นรู้
แผนท่ี 2 กระบวนการออกแบบ
เชงิ วิศวกรรม แบบใช้ปัญหาเปน็ ฐาน
(Problem–based
Learning)

4.การคิดเชิงออกแบบ แผนท่ี 2 ถอดความคิดเชิง แบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es
ออกแบบของ (5Es Instructional Model)
พระบาทสมเด็จ
พระบรมชนกาธิเบศร
มหาภมู พิ ลอดุลยเดช
มหาราช บรมนาถ
บพติ ร

ทักษะทไ่ี ด้ การประเมิน เวลา
(ชัว่ โมง)
1. ทักษะการสอ่ื สาร 1. ประเมินการนำเสนอผลงาน
2. ทักษะการแลกเปลี่ยนข้อมลู 2. สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล 4
3. ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ 3. สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม
4. ทักษะการสงั เกต 4. ตรวจชิ้นงานการออกแบบเชิงวศิ วกรรม
5. ทักษะการทำงานร่วมกัน 5. สังเกตความมีวินัย ความรับผิดชอบ ใฝเ่ รยี นรู้
6. ทกั ษะการสืบค้นข้อมูล
มงุ่ มั่นในการทำงาน

1. ทักษะการส่ือสาร 6. ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 3 2
) 2. ทักษะการแลกเปล่ียนข้อมูล กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม

3. ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ 1. ประเมินการนำเสนอผลงาน
4. ทกั ษะการสังเกต
5. ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั 2. สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล
6. ทักษะการสืบคน้ ข้อมูล
3. สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม

4. สงั เกตความมีวินัย ความรับผดิ ชอบ ใฝเ่ รยี นรู้

มงุ่ ม่ันในการทำงาน

5.ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4
การคิดเชิงออกแบบ

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1

เทคโนโลยีกับชีวติ

เวลา 2 ชวั่ โมง

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชวี้ ดั

ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลกั ของเทคโนโลยีเพ่อื การดำรงชีวติ ในสงั คมทีม่ ีการเปล่ยี นแปลงอยา่ งรวดเร็ว
ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพ่อื แกป้ ัญหาหรือ
พัฒนางานอยา่ งมีความคิดสรา้ งสรรค์ ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม เลอื กใช้
เทคโนโลยอี ยา่ งเหมาะสมโดยคำนึงถึงผลกระทบตอ่ ชีวติ สงั คม และสิ่งแวดลอ้ ม
ว 4.1 ม.2/1 คาดการณ์แนวโน้มเทคโนโลยีทีจ่ ะเกดิ ข้นึ โดยพจิ ารณาจากสาเหตุหรอื
ปจั จัยที่สง่ ผลต่อการเปลยี่ นแปลงของเทคโนโลยี และวิเคราะห์
เปรยี บเทยี บ ตดั สนิ ใจ เลอื กใช้เทคโนโลยี โดยคำนึงถงึ ผลกระทบที่เกิดขึน้
ต่อชีวติ สังคม และสิ่งแวดลอ้ ม

2. สาระการเรยี นรู้

2.1 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
1) สาเหตุหรอื ปจั จัยต่าง ๆ เชน่ ความก้าวหนา้ ของศาสตรต์ า่ ง ๆ การเปลี่ยนแปลงทางดา้ น
เศรษฐกิจสังคม วฒั นธรรม ทำให้เทคโนโลยีมกี ารเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
2) เทคโนโลยีแตล่ ะประเภทมีผลกระทบตอ่ ชวี ติ สังคม และสงิ่ แวดลอ้ มท่แี ตกตา่ งกนั จงึ ตอ้ งวเิ คราะห์
เปรยี บเทียบข้อดี ขอ้ เสยี และตดั สินใจเลอื กใช้ให้เหมาะสม

2.2 สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถ่นิ
(พจิ ารณาตามหลกั สูตรสถานศึกษา)

3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด

มนษุ ย์คน้ พบและสรา้ งองค์ความรู้มากมายหลายสาขา เช่น วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์
สงั คมศาสตร์ นติ ิศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยงิ่ ศาสตรท์ สี่ ง่ ผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยอี ย่างมาก
คอื วทิ ยาศาสตร์ เป็นความรทู้ ่ีเกี่ยวกบั สง่ิ ตา่ ง ๆ ในธรรมชาตทิ ้ังทม่ี ีชวี ิตและไมม่ ีชีวติ โดยมีวธิ กี ารทาง
วิทยาศาสตร์ทใี่ ช้ในการสืบเสาะหาความรนู้ ้นั อาศัยการสังเกตเป็นพนื้ ฐาน และคณิตศาสตร์ท่ีเกีย่ วขอ้ งกบั
การอธบิ ายโครงสรา้ ง ความสัมพนั ธ์ ระเบยี บ รปู แบบ หรอื แบบแผนตา่ ง ๆ ทง้ั ที่อยู่ในธรรมชาติรอบตัวและ
ภาพทอี่ ยใู่ นสมอง เท่าที่มนษุ ยจ์ ะสามารถรบั รูไ้ ดท้ ง้ั ในเชงิ นามธรรมและเชงิ รปู ธรรม โดยอาศัยการคำนวณ
และโมเดลทางคณิตศาสตร์มาอธบิ าย ดังนั้น การคน้ พบทางวิทยาศาสตร์ท่ีมีการอธบิ ายในรปู แบบของ
สมการทางคณิตศาสตรท์ ่ีแม่นยำจะชว่ ยให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ ๆ ข้ึนมาอกี มากมาย และเทคโนโลยีที่
พฒั นาขนึ้ สร้างผลกระทบทั้งทางด้านมนุษย์และสังคม ด้านเศรษฐกิจ และด้านสิ่งแวดลอ้ ม

4. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี นและคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน

1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. ซอ่ื สตั ย์ สจุ รติ
2. มวี นิ ัย รบั ผดิ ชอบ
- ทกั ษะการส่ือสาร 3. ใฝ่เรยี นรู้

- ทกั ษะการแลกเปล่ียนขอ้ มูล 4. อยูอ่ ยา่ งพอเพยี ง

2. ความสามารถในการคิด 5. มงุ่ มนั่ ในการทางาน

- ทักษะการคดิ วิเคราะห์

3. ความสามารถในการแก้ปัญหา

- ทกั ษะการสังเกต

4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต

- ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
- ทกั ษะการสืบค้นข้อมลู

5. ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)

-

6. การวดั และการประเมินผล วิธีวดั เครอื่ งมอื เกณฑ์การประเมนิ
- ตรวจแบบทดสอบ
รายการวัด ก่อนเรียน - แบบทดสอบกอ่ นเรียน ประเมินตามสภาพจรงิ

7.1 การประเมนิ กอ่ นเรยี น
- แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1
เร่อื ง เทคโนโลยีกับชวี ติ

7.2 การประเมนิ ระหว่างการจัด - ใบงานที่ 1.1.1 - ตรวจใบงานที่ 1.1.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
กจิ กรรม
1) ผลกระทบของเทคโนโลยี - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับคณุ ภาพ 2
2) พฤติกรรมการทำงาน การทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์
รายบคุ คล

3) พฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดับคณุ ภาพ 2
การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุม่ ผ่านเกณฑ์

4) การนำเสนอผลงาน - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมนิ ระดับคณุ ภาพ 2
5) คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ผลงาน การนำเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์
- สงั เกตความซื่อสัตย์ - แบบประเมนิ ระดับคณุ ภาพ 2
สจุ ริต ความมีวนิ ยั คุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์

อนั พงึ ประสงค์

รายการวดั วธิ ีวดั เคร่ืองมือ เกณฑก์ ารประเมนิ
ความรับผิดชอบ

7.3 การประเมินหลังเรียน ใฝ่เรยี นรู้ อยู่อย่าง
- แบบทดสอบหลงั เรียน พอเพียง และมงุ่ ม่ัน
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ในการทำงาน
เร่ือง เทคโนโลยกี บั ชวี ิต - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลงั เรียน ประเมนิ ตามสภาพจรงิ
หลงั เรียน

7. กิจกรรมการเรยี นรู้

นักเรยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี นหนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 1 เรอื่ ง เทคโนโลยีกับชีวิต

เรอ่ื งท่ี 1: การเปล่ยี นแปลงและผลกระทบของเทคโนโลยี เวลา 4 ชัว่ โมง
วิธกี ารสอนโดยเน้นรูปแบบการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)

ขน้ั นำ

ขน้ั ท่ี 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engagement)
1. นักเรยี นสแกนคิวอาร์โค้ด เร่ือง การเปล่ยี นแปลงเทคโนโลยีจากหนงั สอื เรยี น โดยให้นกั เรียน
สรปุ ประเด็นสำคญั ที่ได้จากการดคู ลปิ วดี โิ อลงในสมดุ ประจำตัวของตนเอง
2. นกั เรยี นสังเกตภาพพฒั นาการของยานพาหนะจากอดีตถงึ ปจั จบุ นั โดยครูอธบิ ายเพ่ิมเติมกับ
นกั เรียนเพ่ือเช่อื มโยงเขา้ สบู่ ทเรยี น

ขน้ั สอน

ขั้นที่ 2 สำรวจคน้ หา (Exploration)
1. นักเรยี นแบง่ กล่มุ กลุ่มละ 5 คน หรอื ตามความเหมาะสม โดยให้นักเรยี นร่วมกนั สบื คน้
การเปลีย่ นแปลงของเทคโนโลยที ม่ี ีผลกระทบทำใหส้ งั คมมนษุ ยด์ ขี ้นึ จากทางอนิ เทอรเ์ น็ต
ที่เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ของตนเอง โดยครูสุ่มนักเรยี น 2-3 กลุ่ม ออกมานำเสนอหนา้ ชั้นเรียน
2. นกั เรยี นดภู าพการเปลย่ี นแปลงเทคโนโลยีทางการส่ือสารและภาพการเปลีย่ นแปลงของ
เทคโนโลยีโทรศพั ท์ในรูปแบบของนวตั กรรม และเปดิ โอกาสให้นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั
วเิ คราะหจ์ ากตัวอย่างการเปลย่ี นแปลงของเทคโนโลยีของแตล่ ะกล่มุ ตนเอง

ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explanation)
3. นักเรียนแบ่งกลุ่ม (กลมุ่ เดมิ ) และร่วมกันวิเคราะห์ตวั อย่างการเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยี
ที่แตล่ ะกลุม่ คัดเลอื กมาว่าเทคโนโลยีดังกลา่ วส่งผลกระทบทัง้ ทางบวกและลบในแต่ละด้าน
อย่างไร ตามหวั ขอ้ ที่กำหนดให้

ข้นั ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaboration)
4. นักเรียนแต่ละคนทำกจิ กรรมทส่ี อดคลอ้ งกบั เน้อื หาโดยให้ผู้เรียนฝึกปฏิบตั ิเพือ่ พัฒนาความรู้
และทกั ษะ (Design Activity)
5. นกั เรียนแบ่งกลมุ่ (กลุ่มเดิม) เพือ่ ทำใบงานท่ี 1.1.1 เร่อื ง ผลกระทบของเทคโนโลยี
6. ครเู ปิดโอกาสใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอข้อมูลหน้าชน้ั เรยี น

ขัน้ สรุป

ขัน้ ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluation)
1. ครปู ระเมินผลการนำเสนอของนักเรยี น
2. ครตู รวจสอบความถกู ตอ้ งจากการทำใบงานที่ 1.1.1
3. นักเรียนและครูรว่ มกนั สรุปความรูเ้ กีย่ วกบั เทคโนโลยีกบั ชวี ติ
4. นักเรียนทำแบบฝึกหัดทบทวนความรู้ ความเข้าใจ และพฒั นาทกั ษะการคิดของผเู้ รียน (Unit
Activity) จากน้นั ให้นักเรยี นตอบคำถามลงในสมุดประจำตวั

5. นักเรยี นตรวจสอบระดับความสามารถของตนเอง (Self-Check) โดยพิจารณาข้อความว่า
ถกู หรือผิด หากนกั เรียนพิจารณาข้อความไม่ถูกต้อง ให้นกั เรยี นกลับไปทบทวนเนอื้ หา
ตามหัวข้อที่กำหนดให้

6. นกั เรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนหนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรือ่ ง เทคโนโลยีกับชวี ติ เพอื่
วดั ความรูท้ ่นี กั เรียนไดร้ บั หลังจากผา่ นการเรยี นรู้

8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
8.1 สือ่ การเรียนรู้
1) หนังสอื เรยี นรายวิชาพ้ืนฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.2 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1
เทคโนโลยกี บั ชวี ติ
2) ใบงานที่ 1.1.1 เรอ่ื ง ผลกระทบของเทคโนโลยี
3) เครือ่ งคอมพวิ เตอร์
8.2 แหล่งเรียนรู้
1) หอ้ งคอมพิวเตอร์
2) อนิ เทอรเ์ นต็

แบบทดสอบหลังเรยี น

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1

คำช้ีแจง : ให้นกั เรยี นเลือกคำตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว
1. ข้อใดกลา่ วถึงกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

ก. การใช้เปลือกของก้งุ ลอ็ บสเตอร์มาผลิตเป็นพลาสติกชวี ภาพ
ข. ฟา้ ผ่า เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติท่ีเกดิ ขน้ึ จากอเิ ล็กตรอนจำนวนมากเคล่ือนทไ่ี ปมา
ระหว่างเมฆกับเมฆหรอื ระหว่างเมฆกบั พนื้ โลก
ค. หนุ่ ยนต์เชื่อมโลหะในสายการผลติ ของโรงงาน
ง. โดรนปฏิบตั ิการพ่นสารเคมี ปยุ๋ ฮอร์โมนพืช
2. การนำความรู้วทิ ยาศาสตรม์ าประยุกตใ์ ช้สำหรับการสรา้ งเครอื่ งมอื ท่อี ำนวยความสะดวกใหก้ ับมนุษยค์ อื
อะไร
ก. เทคโนโลยี ข. วิศวกรรม
ค. นวัตกรรม ง. คณติ ศาสตร์
3. ขอ้ ใดจดั เป็นการใช้เทคโนโลยีเพ่อื แก้ปัญหา
การขาดแคลนพลงั งาน
ก. หนุ่ ยนต์เช่อื มโลหะในสายการผลิตของโรงงาน
ข. การผลิตไฟฟ้าจากพลงั งานแสงอาทิตย์
ค. การใช้เปลอื กของกุ้งล็อบสเตอรม์ าผลิต

เป็นพลาสติกชีวภาพ
ง. การใช้โดรนปฏิบัติการพ่นสารเคมี ปุ๋ย ฮอร์โมนพืช
4. ข้อใดไม่ใช่ปัจจยั ที่ทำใหเ้ กิดการเปลย่ี นแปลง
เทคโนโลยี
ก. การตอบสนองความตอ้ งการของมนุษย์
ข. การแกป้ ญั หาต่าง ๆ ท่เี กิดขึ้นในสังคม
ค. การเปลย่ี นแปลงทางสังคม
ง. ความกา้ วหนา้ ของศาสตร์ต่าง ๆ
5. เทคโนโลยีใดที่พัฒนาขนึ้ เพอื่ ตอบสนองความตอ้ งการ
ของมนุษย์ ทำใหม้ นุษยไ์ ด้รับความสะดวกมากข้ึน
ก. สมารท์ โฟน
ข. ยานอวกาศ
ค. ไฟฟา้ จากพลังงานแสงอาทติ ย์
ง. ดาวเทยี ม
6. เทคโนโลยีใดที่พฒั นาข้นึ เพ่ือแก้ปญั หาการขาดแคลน
พลงั งาน
ก. โดรน
ข. ยานอวกาศ
ค. กงั หันลม

ง. ดาวเทียม
7. ขอ้ ใดไมเ่ ก่ียวขอ้ งกบั เทคโนโลยีทีท่ ำให้เกดิ รูปแบบการค้นหาขอ้ มูลในห้องสมดุ ของนกั เรยี นที่เปลยี่ นไป

ก. คลืน่ แม่เหลก็ ไฟฟา้
ข. อนิ เทอรเ์ นต็
ค. ดาวเทยี ม
ง. ยานอวกาศ
8. ขอ้ ใดคอื ผลกระทบทางลบทร่ี นุ แรงท่สี ุดท่ีเกดิ จาก
การใชเ้ ทคโนโลยีท่ีชาญฉลาด
ก. การใช้พลังงานไฟฟ้าทมี่ ากข้ึน
ข. ทำให้ความสมั พนั ธข์ องมนษุ ย์เส่ือมลง
ค. สายตาเสียจากการใช้คอมพวิ เตอร์เปน็ เวลานาน
ง. การยกเลกิ การจา้ งแรงงานคนในการทำงานบางด้าน
9. ข้อใดคอื ผลกระทบทางบวกของการใชเ้ ทคโนโลยีอนิ เทอรเ์ น็ต
ก. ทำให้ติดต่อสอ่ื สารกับบุคคลอน่ื ได้อย่างลา่ ช้า
ข. ทำใหต้ ลาดการค้าขายถดถอย
ค. ทำให้ติดตามเคลือ่ นไหวจากข่าวสารทัว่ โลกอย่างรวดเรว็
ง. ทำให้มีการใช้ไฟฟา้ มากขนึ้ สง่ ผลกระทบตอ่ สายตา
10. การลงมอื สร้างเทคโนโลยีเพอ่ื กอ่ ให้เกดิ ประโยชนส์ ูงสดุ ของมนษุ ย์จะตอ้ งทำส่งิ ใด
ก. วิเคราะห์เปรียบเทยี บขอ้ ดี-ขอ้ เสยี ก่อนลงมอื สรา้ งเทคโนโลยี
ข. สำรวจความตอ้ งการของผู้ใชง้ าน
ค. เปรียบเทียบกับคแู่ ข่งก่อนลงมอื สร้างเทคโนโลยี
ง. คัดเลอื กวัสดทุ ี่ดีที่สุดในการสร้างเทคโนโลยี

เฉลย

1. ข 2. ก 3. ข 4. ค 5. ก 6. ค 7. ข 8. ง 9. ค 10. ก

แผนการจดั การเรียนรู้

รหัสวชิ า ว22104 รายวชิ า เครือขา่ ยคอมพิวเตอร์เบอ้ื งต้น

กล่มุ สาระวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศึกษาชั้นปที ี่ 2 ภาคเรียนท่ี 2

หน่วยท่ี 1 เร่ือง เทคโนโลยีกับชีวิต เวลาเรียน 8 ชั่วโมง

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เร่อื ง การเปล่ยี นแปลงและผลกระทบของเทคโนโลยี เวลาเรียน 2 ชว่ั โมง

1. มาตรฐาน/ตัวชว้ี ัด คาดการณ์แนวโนม้ เทคโนโลยีทจี่ ะเกดิ ขึน้ โดยพิจารณาจากสาเหตหุ รือปจั จัย
ทสี่ ่งผลต่อการเปลีย่ นแปลงของเทคโนโลยี และวิเคราะห์ เปรียบเทียบ
1.1 ตวั ช้วี ัด ตดั สนิ ใจ เลือกใชเ้ ทคโนโลยี โดยคำนึงถึงผลกระทบท่เี กดิ ขึน้ ต่อชีวติ สงั คม
ว 4.1 ม.2/1 และสงิ่ แวดลอ้ ม

2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

1. บอกปจั จัยทม่ี ีผลตอ่ การเปลีย่ นแปลงเทคโนโลยีได้ถูกต้อง (K)

2. ยกตวั อยา่ งเทคโนโลยีและวิเคราะห์ว่าเกิดจากปจั จัยต่อการเปล่ียนแปลงเทคโนโลยีได้ถกู ต้อง (K)
3. เขยี นผลกระทบทางบวกและผลกระทบทางลบของเทคโนโลยีได้ (P)
4. เลง็ เห็นถงึ ความสำคญั ของผลกระทบทั้งทางบวกและผลกระทบทางลบในสรา้ งเทคโนโลยี (A)

3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถนิ่
พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

- สาเหตหุ รือปจั จัยตา่ ง ๆ เช่น ความก้าวหนา้
ของศาสตรต์ า่ ง ๆ การเปล่ียนแปลงทางด้าน
เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ทำใหเ้ ทคโนโลยี
มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
- เทคโนโลยแี ต่ละประเภทมีผลกระทบต่อชีวิต
สังคม และส่ิงแวดล้อมท่ีแตกต่างกนั จึงต้อง
วิเคราะหเ์ ปรยี บเทียบขอ้ ดี ข้อเสีย และตดั สนิ ใจ
เลือกใช้ให้เหมาะสม

4. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด

มนษุ ย์คน้ พบและสรา้ งองคค์ วามรู้มากมายหลายสาขา เชน่ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์
สงั คมศาสตร์ นติ ิศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยง่ิ ศาสตรท์ ่สี ่งผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยอี ย่างมาก
คือ วทิ ยาศาสตร์ เปน็ ความรู้ท่ีเกย่ี วกบั สิง่ ตา่ ง ๆ ในธรรมชาตทิ ้งั ท่มี ีชวี ิตและไมม่ ชี ีวติ โดยมีวิธกี ารทาง
วทิ ยาศาสตรท์ ่ใี ชใ้ นการสืบเสาะหาความรู้นัน้ อาศัยการสงั เกตเปน็ พนื้ ฐาน และคณิตศาสตร์ที่เก่ียวขอ้ งกบั
การอธบิ ายโครงสร้าง ความสัมพนั ธ์ ระเบียบ รูปแบบ หรอื แบบแผนต่าง ๆ ท้งั ทีอ่ ยู่ในธรรมชาติรอบตัวและ
ภาพท่ีอย่ใู นสมอง เท่าท่มี นุษย์จะสามารถรบั ร้ไู ดท้ งั้ ในเชงิ นามธรรมและเชงิ รปู ธรรม โดยอาศยั การคำนวณ
และโมเดลทางคณิตศาสตรม์ าอธิบาย ดงั นั้น การคน้ พบทางวทิ ยาศาสตร์ทมี่ ีการอธบิ ายในรูปแบบของ

สมการทางคณิตศาสตรท์ ี่แมน่ ยำจะช่วยให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ ๆ ขึน้ มาอกี มากมาย และเทคโนโลยีที่
พฒั นาข้นึ สร้างผลกระทบทัง้ ทางด้านมนษุ ยแ์ ละสังคม ด้านเศรษฐกิจ และด้านสิ่งแวดล้อม

5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี นและคุณลักษณะอนั พึงประสงค์

สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์

1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. ซอื่ สัตย์ สุจริต

- ทกั ษะการส่ือสาร 2. มีวินัย รับผดิ ชอบ

- ทกั ษะการแลกเปลย่ี นขอ้ มูล

2. ความสามารถในการคดิ 3. ใฝเ่ รียนรู้

- ทักษะการคิดวเิ คราะห์ 4. อยู่อย่างพอเพียง

3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 5. มุ่งมน่ั ในการทำงาน

- ทักษะการสังเกต

4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต

- ทกั ษะการทำงานร่วมกัน

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

- ทักษะการสบื คน้ ข้อมลู

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้

 วธิ ีการสอนโดยเน้นรปู แบบการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)

ช่ัวโมงที่ 1

ขน้ั นำ

ขนั้ ท่ี 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engagement)
1. นักเรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1 เร่อื ง เทคโนโลยีกับชีวิต
2. นกั เรียนสแกนควิ อาร์โคด้ เร่ือง การเปล่ียนแปลงเทคโนโลยี จากหนังสอื เรียนรายวิชาพน้ื ฐาน
เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.2 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 1 เรอ่ื ง เทคโนโลยี
กับชวี ติ โดยให้นักเรียนสรปุ ประเด็นสำคัญท่ไี ด้จากการดคู ลิปวีดิโอลงในสมุดประจำตวั ของ
ตนเอง
3. ครสู รปุ ความรรู้ ว่ มกับนกั เรียนจากการดวู ดี ิทศั น์ว่า“การเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยีมีผลต่อ
การเปลีย่ นกิจกรรมของมนษุ ย์ โดยอำนวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการของมนุษย์
ในด้านตา่ ง ๆ เชน่ วิวัฒนาการของการสอื่ สารจากอดีตถึงปัจจบุ ันโดยเรม่ิ จากการส่งรหสั มอรส์
> จดหมาย > โทรศัพท์ > โทรสาร > อีเมล์ > โปรแกรมสนทนาออนไลน์ จะเหน็ ไดว้ า่ เป็น
การพฒั นาขึ้นเพ่ือตอบสนองให้มนษุ ย์สอื่ สารได้หลากหลายรูปแบบ และทำให้การสือ่ สาร
เกิดประโยชนส์ งู สุดกับมนษุ ย์”
4. นกั เรียนสงั เกตภาพพัฒนาการของยานพาหนะจากอดีตถงึ ปจั จุบันจากหนังสือเรยี น เพ่ือให้
นักเรียนเขา้ ใจถึงการเปล่ียนแปลงของยานพาหนะจากอดีตถึงปัจจุบันที่มผี ลกระทบที่ดีขึน้
ต่อชีวติ มนษุ ย์

5. ครอู ธิบายเพิม่ เตมิ กบั นักเรียนว่า“กอ่ นปฏิวตั อิ ุตสาหกรรมได้มกี ารใช้ยานพาหนะท่ีใชแ้ รงงาน
สตั วเ์ กดิ ขน้ึ เพ่ือตอบสนองการเดินทางหรอื การขนยา้ ยสง่ิ ของท่ีมีนำ้ หนกั มาก แต่การเดนิ ทาง
ด้วยสตั วเ์ ป็นไปอย่างล่าช้า จงึ ไดม้ ีการพฒั นายานพาหนะท่ีขบั เคล่ือนดว้ ยพลังงานไอน้ำ ทำให้
มนษุ ย์เดินทางได้เร็วข้นึ แตเ่ นื่องจากพาหนะท่ขี บั เคลอ่ื นดว้ ยพลังงานไอนำ้ ต้องใชท้ รพั ยากร
ธรรมชาติเปน็ เชื้อเพลงิ หลกั จงึ สง่ ผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ ดังนน้ั จึงได้มกี ารพฒั นา
และประดิษฐ์เครือ่ งยนต์ท่ใี ช้น้ำมนั ดีเซลขนึ้ ซง่ึ เป็นพาหนะท่ีมีคนนิยมใชม้ ากเพราะรวดเรว็
และสะดวกสบาย แต่ก็มีผลกระทบให้มีการใชน้ ้ำมันสงู ข้นึ จนมีการพยากรณว์ ่าการผลิตนำ้ มัน
จะเรม่ิ ลดจำนวนลงหลังปี ค.ศ. 2020 จงึ มกี ารคน้ คว้าและพัฒนาพาหนะท่ีใช้พลังงานทางเลอื ก
โดยใชพ้ ลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทติ ย์เป็นเชอื้ เพลิงหลกั ดงั นน้ั พาหนะทใี่ ช้พลงั งานไฟฟา้ จาก
แสงอาทิตยจ์ ึงนิยมจนถึงปจั จบุ ัน เพราะช่วยให้การเดินทางสะดวกมากขน้ึ และชว่ ยลดปัญหา
การใช้พลังงานเกินความจำเป็น”

ขน้ั สอน

ข้นั ท่ี 2 สำรวจค้นหา (Exploration)
1. นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 5 คน หรอื ตามความเหมาะสม โดยใหน้ ักเรยี นร่วมกนั สืบค้น
การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยที ม่ี ีผลกระทบทำให้สงั คมมนุษย์ดีขนึ้ จากทางอินเทอรเ์ น็ต
ทเ่ี ครอ่ื งคอมพิวเตอร์ของตนเอง
2. ครูสุ่มนักเรยี น 2-3 กลมุ่ ออกมานำเสนอข้อมูลตามท่ีได้สืบค้นหนา้ ช้ันเรยี น โดยครู
เปิดโอกาสให้เพอ่ื นร่วมชั้นสามารถซกั ถามข้อสงสัยได้อย่างอิสระ โดยครคู อยให้คำแนะนำ
เพ่ิมเติมตามความเหมาะสม
3. ครูอธบิ ายกับนักเรยี นว่า“การเปลย่ี นแปลงของเทคโนโลยีเกิดขน้ึ จากหลายปัจจยั แตป่ ัจจยั
ท่มี ผี ลต่อการเปลีย่ นแปลงของเทคโนโลยอี ย่างตอ่ เนือ่ ง คอื 3 ปัจจยั ดังน้ี
1) การตอบสนองความตอ้ งการของมนุษย์
2) ความก้าวหนา้ ของศาสตร์ต่าง ๆ โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งศาสตรด์ ้านวิทยาศาสตร์
และคณิตศาสตร์
3) การแกป้ ัญหาต่าง ๆ ทเี่ กิดข้ึนในสงั คม”
4. นักเรยี นดูภาพการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีทางการสื่อสารและภาพการเปล่ยี นแปลงของ
เทคโนโลยีโทรศัพท์ในรูปแบบของนวตั กรรม พร้อมวเิ คราะหถ์ งึ การเปลย่ี นแปลงจากอดีต
สูป่ จั จุบัน
5. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์จากตวั อย่างการเปลีย่ นแปลงของเทคโนโลยีของแตล่ ะกลุ่ม
ว่าเทคโนโลยดี ังกล่าวเกิดขน้ึ จากปัจจัยต่อการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีปัจจัยใด โดยใหน้ ักเรียน
วิเคราะห์และสรุปร่วมกันภายในกลมุ่ จากน้นั ให้แต่ละกล่มุ ส่งตัวแทนออกมานำเสนอขอ้ มูล
หนา้ ชั้นเรยี น

ชัว่ โมงท่ี 2

ขน้ั ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explanation)
6. ครอู ธิบายกับนกั เรียนวา่ “เทคโนโลยที อ่ี ำนวยความสะดวกสบายก็กอ่ ให้เกิดขอ้ เสียหลายอย่าง
ต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์ ซึง่ สง่ ผลกระทบโดยตรง 3 ด้าน คอื
1) ดา้ นมนุษยแ์ ละสังคม
2) ดา้ นเศรษฐกิจ
3) ดา้ นสงิ่ แวดล้อม
7. นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ (กลุ่มเดิม) และรว่ มกนั วิเคราะห์ตัวอยา่ งการเปลยี่ นแปลงของเทคโนโลยี
ทแี่ ต่ละกลุม่ คัดเลอื กมาวา่ เทคโนโลยีดังกลา่ วสง่ ผลกระทบท้ังทางบวกและลบในแต่ละดา้ น
อยา่ งไร ตามหวั ข้อดงั นี้
1) ดา้ นมนุษย์และสังคม
1.1) ความตอ้ งการของสงั คม
1.2) ความกา้ วหน้าของวิทยาการ
1.3) การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม
2) ดา้ นเศรษฐกจิ
3) ด้านสิ่งแวดลอ้ ม
8. ครอู ธบิ ายเกรด็ เสรมิ ความรเู้ กีย่ วข้องกับเน้ือหา (Design Focus) เร่ือง การเปล่ยี นแปลงทาง
วฒั นธรรมวา่ “วฒั นธรรมเป็นสงิ่ ที่เปลย่ี นแปลงไปตามกาลเวลา วฒั นธรรมในสงั คมจะมีการ
เปล่ียนแปลงเร็วหรือชา้ ขึน้ อยู่กับสังคมนั้นมีโอกาสสัมผัสกับวัฒนธรรมภายนอกได้สะดวก
มากหรอื นอ้ ย โอกาสท่ีวทิ ยาการต่าง ๆ เข้าสู่สงั คมยอ่ มมผี ลกระทบตอ่ วัฒนธรรม ปัจจบุ นั
วิทยาการต่าง ๆ ก้าวหน้าไปมาก ประกอบกบั มีอินเทอร์เนต็ เชอ่ื มตอ่ กนั ถงึ ทัว่ โลก จึงเกดิ
การเปลี่ยนแปลงดา้ นวัฒนธรรมอยา่ งรวดเรว็ ”

ขน้ั ที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaboration)
9. นกั เรียนแต่ละคนทำกจิ กรรมที่สอดคลอ้ งกบั เนอ้ื หาโดยให้ผู้เรยี นฝกึ ปฏบิ ัติเพ่อื พฒั นาความรู้
และทักษะ (Design Activity) โดยให้นกั เรยี นพิจารณาภาพและวเิ คราะหถ์ งึ ขอ้ ดีและข้อเสยี
ของเทคโนโลยี พร้อมอธบิ ายถงึ การทำงานของเทคโนโลยนี ้ันว่าสามารถนำไปใช้ให้เกิด
ประโยชนอ์ ยา่ งไร
10. นกั เรยี นแบ่งกลุม่ (กลมุ่ เดมิ ) เพื่อทำใบงานท่ี 1.1.1 เรอื่ ง ผลกระทบของเทคโนโลยี โดยให้
นักเรียนอ่านและทำความเข้าใจเนือ้ ห าพรอ้ มตอบคำถามลงในประเด็นท่ีกำหนดให้อย่าง
ถูกตอ้ ง
11. ครเู ปดิ โอกาสใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอข้อมูลหน้าชั้นเรยี น

Note
วตั ถปุ ระสงค์ของกจิ กรรมเพ่ือให้นกั เรียน
- มีทักษะการทำงานรว่ มกนั โดยใช้กระบวนการกล่มุ ในการทำงานหรอื การทำ

กิจกรรมเพ่อื ให้เกดิ การส่ือสารและแลกเปลีย่ นขอ้ มลู รว่ มกนั ภายในกลมุ่
- มที ักษะการสบื ค้นขอ้ มลู โดยใหน้ กั เรยี นแต่ละคนสบื คน้ ขอ้ มูลจากอินเทอร์เน็ต

เพอื่ สบื เสาะหาความรตู้ ามหัวขอ้ ท่ีได้รบั มอบหมาย
- มที กั ษะการสังเกต โดยใหน้ ักเรียนสังเกตภาพพัฒนาการทางเทคโนโลยีจากอดีต

จนถงึ ปัจจุบันจากหนังสอื เรียนเพอื่ นำไปปรบั ใช้ในการเรียนได้อยา่ งเหมาะสม
- มที ักษะการคดิ วิเคราะห์ โดยใหน้ ักเรียนพิจารณาเน้ือหาจากการสืบค้นหรือศกึ ษา

ขอ้ มูลจากแหลง่ ข้อมูลต่าง ๆ เช่น หนงั สอื เรยี น อินเทอร์เนต็ เป็นตน้

ขน้ั สรปุ

ขนั้ ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluation)
1. ครูประเมินผลการนำเสนอของนกั เรยี น
2. ครูตรวจสอบความถูกต้องจากการทำใบงานที่ 1.1.1
3. นกั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรูเ้ กี่ยวกับเทคโนโลยกี บั ชีวิตว่า“เทคโนโลยที ี่มีการพฒั นา
อยา่ งตอ่ เนอ่ื งเกดิ จากปัจจัยสำคัญ ๆ ได้แก่
1) การตอบสนองความตอ้ งการของมนุษย์
2) ความกา้ วหน้าของศาสตรต์ ่าง ๆ โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงศาสตร์ด้านวิทยาศาสตรแ์ ละ
คณิตศาสตร์
3) การแกป้ ญั หาตา่ งทีเ่ กดิ ขึ้นในสังคม ซ่งึ การพฒั นาเทคโนโลยหี รอื เลือกใช้เทคโนโลยี
สิ่งสำคัญคือการประเมินว่าเทคโนโลยนี ั้นส่งผลกระทบทงั้ ทางบวกและทางลบ
ดา้ นมนุษย์และสงั คม ดา้ นเศรษฐกิจ และดา้ นสิ่งแวดล้อมอย่างไรเพื่อเปน็ แนวทาง
ในการพัฒนาเทคโนโลยหี รือเลอื กใช้เทคโนโลยนี น้ั ๆ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม”
4. นักเรียนทำแบบฝกึ หดั ทบทวนความรู้ ความเข้าใจ และพฒั นาทักษะการคดิ ของผู้เรยี น (Unit
Activity) จากนน้ั ใหน้ ักเรยี นตอบคำถามลงในสมุดประจำตัว
5. นักเรียนตรวจสอบระดับความสามารถของตนเอง (Self-Check) โดยพิจารณาข้อความวา่
ถูกหรือผิด หากนักเรียนพจิ ารณาขอ้ ความไม่ถกู ต้อง ให้นกั เรยี นกลับไปทบทวนเน้อื หา
ตามหวั ขอ้ ท่กี ำหนดให้
6. นักเรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรยี นหน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรอ่ื ง เทคโนโลยีกับชวี ิต เพอื่
วดั ความร้ทู น่ี กั เรยี นได้รบั หลังจากผ่านการเรยี นรู้

7. การวดั และประเมินผล วิธวี ัด เคร่ืองมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
รายการวดั - ตรวจแบบทดสอบ
ก่อนเรยี น - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ประเมินตามสภาพจริง
7.1 การประเมนิ กอ่ นเรยี น
- แบบทดสอบก่อนเรยี น - ใบงานที่ 1.1.1 - ตรวจใบงานที่ 1.1.1 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 ระดบั คุณภาพ 2
เร่อื ง เทคโนโลยีกับชวี ติ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ผ่านเกณฑ์
การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล
7.2 การประเมนิ ระหวา่ งการจดั ระดบั คณุ ภาพ 2
กจิ กรรม - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์
1) ผลกระทบของเทคโนโลยี การทำงานกล่มุ การทำงานกลุ่ม
2) พฤติกรรมการทำงาน
รายบคุ คล

3) พฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม

4) การนำเสนอผลงาน - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ 2
5) คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ผลงาน การนำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์
- สงั เกตความซอ่ื สัตย์ ระดับคุณภาพ 2
7.3 การประเมินหลงั เรยี น สุจริต ความมีวนิ ัย - แบบประเมิน ผ่านเกณฑ์
- แบบทดสอบหลังเรียน ความรบั ผิดชอบ คุณลกั ษณะ
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 อันพงึ ประสงค์
เรือ่ ง เทคโนโลยกี ับชีวิต
ใฝ่เรยี นรู้ อยู่อย่าง
พอเพยี ง และมุ่งมน่ั
ในการทำงาน

- ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลงั เรยี น ประเมนิ ตามสภาพจรงิ
หลงั เรียน

8. สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้

8.1 สื่อการเรียนรู้
1) หนงั สือเรยี นรายวชิ าพนื้ ฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี ม.2 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1
เทคโนโลยีกับชวี ติ

2) ใบงานที่ 1.1.1 เรอื่ ง ผลกระทบของเทคโนโลยี
3) เคร่ืองคอมพวิ เตอร์

8.2 แหลง่ เรียนรู้
1) หอ้ งคอมพิวเตอร์
2) อนิ เทอร์เน็ต

ใบงานที่ 1.1.1

เรือ่ ง ผลกระทบของเทคโนโลยี

คำช้ีแจง : ใหน้ กั เรยี นอา่ นและทำความเข้าใจกับเนื้อหา พรอ้ มตอบคำถามลงในประเดน็ ทก่ี ำหนดให้

บริษัทสตารท์ อพั Shell works ประเทศองั กฤษได้พัฒนาพลาสตกิ ชีวภาพ ใชเ้ ปลือกของกุง้
ลอ็ บสเตอร์ ซงึ่ ในเปลือกกุ้งล็อบสเตอร์มสี ารพอลิเมอรช์ ีวภาพทีเ่ รียกว่า ไคตนิ (Chitin) เป็นองคป์ ระกอบสงู มาก
สามารถนำมาพัฒนาเป็นวัสดุท่ยี ่อยสลายได้และยงั สามารถนำกลบั มาใชใ้ หม่ได้อกี ดว้ ย โดยขัน้ แรกเรม่ิ จากการนำ
เปลือกลอ็ บสเตอรม์ าปัน่ ให้เป็นผงและย่อยสลายต่อโดยใชต้ วั ทำละลายอินทรยี ์ เพ่ือสกัดเอาไคตินออกมา ไคตนิ จะถูก
นำไปทำปฏกิ ริ ยิ ากบั สารละลายกรดเบส จนได้เป็นผงไคโตซาน ทไ่ี ดม้ าผสมกับนำ้ ส้มสายชู จนไดส้ ารละลายพลาสติก
ชีวภาพ ซงึ่ สามารถนำไปใชท้ ำผลิตภัณฑส์ ามมติ ิ เชน่ ถุงพลาสตกิ

พลาสตกิ ชวี ภาพจากเปลอื กกุ้งล็อบสเตอร์ มีคณุ สมบัตพิ ิเศษท่สี ามารถตา้ นทานเชื้อราและแบคทเี รียได้รวมท้งั
สามารถย่อยสลายกลายเปน็ ปุ๋ยได้ โดยไมก่ อ่ ให้เกดิ อนั ตรายตอ่ สิ่งแวดลอ้ ม อยา่ งไรก็ตาม แมบ้ รรดานักวิจยั จะหวังว่า
ในอนาคตจะมีการใชพ้ ลาสตกิ ชีวภาพผลิตชอ้ นสอ้ มแบบใช้แล้วท้งิ แพร่หลายข้นึ แต่บางคนบอกวา่ เราอาจจะไมไ่ ด้เห็น
ถุงพลาสตกิ จากกุ้งล็อบสเตอรใ์ นเร็ว ๆ น้ี เพราะกระบวนการผลติ นน้ั มรี าคาคอ่ นข้างสงู เม่ือเทียบกบั พลาสติกท่ีผลติ ใน
อุตสาหกรรมขนาดใหญ่
ทม่ี า : http://www.nsm.or.th/other-service/679-online-science/knowless-inventory/science-
news/science-news-science-museum/3734

ผลกระทบทางบวกและลบของเทคโนโลยีการผลติ พลาสติกชวี ภาพ

ผลกระทบ ผลกระทบทางบวก ผลกระทบทางลบ

ด้านสงั คม

ด้านเศรษฐกจิ

ดา้ นสงิ่ แวดล้อม

การตดั สนิ ใจเลอื กใช้เทคโนโลยี  เลือกใช้  ไมเ่ ลอื กใช้
เหตุผล .................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ใบงานท่ี 1.1.1 เฉลย
เรอ่ื ง ผลกระทบของเทคโนโลยี

คำชแี้ จง : ใหน้ ักเรียนอา่ นและทำความเข้าใจกบั เนือ้ หา พรอ้ มตอบคำถามลงในประเดน็ ท่ีกำหนดให้

บริษัทสตารท์ อพั Shell works ประเทศองั กฤษไดพ้ ฒั นาพลาสตกิ ชีวภาพ ใช้เปลอื กของกุ้ง
ลอ็ บสเตอร์ ซ่งึ ในเปลอื กกุ้งลอ็ บสเตอร์มสี ารพอลเิ มอรช์ ีวภาพทีเ่ รียกวา่ ไคตนิ (Chitin) เป็นองคป์ ระกอบสงู มาก
สามารถนำมาพัฒนาเป็นวสั ดทุ ่ยี ่อยสลายได้และยงั สามารถนำกลบั มาใชใ้ หมไ่ ดอ้ ีกด้วย โดยขั้นแรกเริม่ จากการนำ
เปลอื กลอ็ บสเตอร์มาป่ันใหเ้ ป็นผงและย่อยสลายต่อโดยใช้ตวั ทำละลายอินทรยี ์ เพ่ือสกดั เอาไคตนิ ออกมา ไคตนิ จะถูก
นำไปทำปฏกิ ริ ิยากบั สารละลายกรดเบส จนได้เป็นผงไคโตซาน ท่ีไดม้ าผสมกับนำ้ สม้ สายชู จนไดส้ ารละลายพลาสตกิ
ชีวภาพ ซ่งึ สามารถนำไปใชท้ ำผลิตภณั ฑ์สามมติ ิ เชน่ ถุงพลาสตกิ

พลาสตกิ ชวี ภาพจากเปลือกก้งุ ล็อบสเตอร์ มีคุณสมบัตพิ เิ ศษที่สามารถต้านทานเชื้อราและแบคทเี รียได้รวมทั้ง
สามารถยอ่ ยสลายกลายเป็นปยุ๋ ได้ โดยไมก่ อ่ ให้เกดิ อนั ตรายตอ่ สงิ่ แวดลอ้ ม อย่างไรก็ตาม แมบ้ รรดานักวจิ ัยจะหวังวา่

ในอนาคตจะมกี ารใชพ้ ลาสติกชวี ภาพผลิตช้อนสอ้ มแบบใชแ้ ล้วทิง้ แพร่หลายขึน้ แตบ่ างคนบอกว่าเราอาจจะไมไ่ ด้เห็น
ถงุ พลาสติกจากกุ้งลอ็ บสเตอรใ์ นเรว็ ๆ นี้ เพราะกระบวนการผลติ น้นั มีราคาค่อนขา้ งสูงเมอ่ื เทยี บกับพลาสตกิ ที่ผลติ ใน
อตุ สาหกรรมขนาดใหญ่
ทม่ี า : http://www.nsm.or.th/other-service/679-online-science/knowless-inventory/science-
news/science-news-science-museum/3734

ผลกระทบทางบวกและลบของเทคโนโลยกี ารผลติ พลาสตกิ ชวี ภาพ

ผลกระทบ ผลกระทบทางบวก ผลกระทบทางลบ

ดา้ นสงั คม พลาสติกชีวภาพจากเปลือกกุ้งล็อบสเตอร์ มี -

คุณสมบัติพเิ ศษท่ีสามารถต้านทานเชอื้ ราและ

แบคทเี รีย เหมาะกับการบรรจอุ าหาร

ด้านเศรษฐกิจ สามารถนำไปสร้างบรรจภุ ัณฑแ์ ทนพลาสตกิ ตน้ ทุนการผลติ ราคาคอ่ นข้างสงู ทำให้สนิ ค้า
กระดาษ หรอื ทรพั ยากรทีม่ แี นวโนม้ ลดลง เป็น ราคาสูงข้นึ
ทางเลอื กสำหรบั ผ้บู ริโภคท่ีรักษ์โลก

ด้านส่ิงแวดลอ้ ม - พลาสตกิ ชีวภาพ (Bioplastic) ทส่ี ามารถยอ่ ย -
สลายได้ในธรรมชาตแิ ละเปน็ ปยุ๋ ในดนิ
- ลดขยะทเี่ กิดจากพลาสติกทมี่ มี ากขึ้น

การตัดสินใจเลือกใชเ้ ทคโนโลยี  เลือกใช้  ไมเ่ ลือกใช้
เหตผุ ล .ม..ีผ...ล..ก..ร..ะ...ท..บ...ใ.น...ท...า..ง.บ...ว..ก..ม...า..ก..ก...ว..่า..ท..า..ง..ล..บ......แ..ล..ะ...ป..ัจ...จ..ุบ...ัน..ม...ีป..ร..ิม...า..ณ...ข..ย...ะ..จ..า..ก..ถ...งุ ..พ..ล..า..ส...ต..ิก...ท..่ีม...า..ก..ข...ึ้น..................
.............ซ...ึ่ง.ท...ำ..ล..า..ย..ย...า..ก...ร..ว...ม..ท...ั้ง..เ.ป..น็...ภ...ัย..ต..อ่...ส..ัต...ว..์โ.ล..ก...ท..ม่ี...า..ก..ข...้ึน....โ.ด..ย...เ.ฉ..พ...า..ะ..อ...ย..า่..ง..ย..ง่ิ..ส..ตั...ว..ท์ ..ะ..เ..ล.......................................

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล

คำช้ีแจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ลงในชอ่ ง
ที่ตรงกบั ระดับคะแนน

ลำดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1
32 
1 การแสดงความคิดเหน็  
2 การยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อ่นื  
3 การทำงานตามหน้าท่ีท่ไี ด้รบั มอบหมาย  
4 ความมนี ้ำใจ  
5 การตรงตอ่ เวลา 

รวม

เกณฑ์การให้คะแนน ลงชอ่ื ...................................................ผ้ปู ระเมิน
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่ำเสมอ ............/.................../................

ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ

14–15 ดมี าก
11–13 ดี
8–10
ตำ่ กวา่ 8 พอใช้
ปรับปรุง

แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม

คำชีแ้ จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ลงในชอ่ ง

ท่ีตรงกับระดบั คะแนน

การมี

ชอ่ื –สกลุ การแสดง การยอมรับ การทำงาน ความมี ส่วนรว่ มใน รวม
ของนกั เรียน ความ ฟงั คนอนื่ ตามที่ได้รบั นำ้ ใจ การ 15
คดิ เห็น มอบหมาย คะแนน
ลำดับที่ ปรับปรงุ
ผลงานกลมุ่

32132 32132 321
11

เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงชอ่ื ...................................................ผปู้ ระเมนิ
ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ............./.................../...............
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยครั้ง
ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ

14–15 ดีมาก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรุง

แบบประเมินการนำเสนอผลงาน

คำชีแ้ จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ลงในชอ่ งที่

ตรงกบั ระดบั คะแนน

ลำดบั ท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1
32

1 ความถูกต้องของเนื้อหา  

2 ความคิดสร้างสรรค์  

3 วธิ กี ารนำเสนอผลงาน  

4 การนำไปใชป้ ระโยชน์  

5 การตรงตอ่ เวลา  

รวม

ลงชอ่ื ................................................... ผู้ประเมนิ
............/................./...................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบรู ณช์ ัดเจน ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมนิ เป็นส่วนใหญ่
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางส่วน

เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ

14–15 ดมี าก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรุง

แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์

คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ✓ลงในชอ่ ง

ที่ตรงกับระดับคะแนน ระดับคะแนน
คณุ ลกั ษณะ 32 1
อันพงึ ประสงค์ดา้ น รายการประเมนิ

1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาติได้

กษตั รยิ ์ 1.2 เข้าร่วมกจิ กรรมที่สรา้ งความสามคั คีปรองดอง และเปน็ ประโยชนต์ ่อ

โรงเรียน

1.3 เข้าร่วมกจิ กรรมทางศาสนาทต่ี นนับถือ ปฏิบตั ติ ามหลกั ศาสนา

1.4 เข้าร่วมกิจกรรมที่เก่ียวกบั สถาบนั พระมหากษัตรยิ ต์ ามทโี่ รงเรยี นจัดข้ึน

2. ซ่ือสัตย์ สุจรติ 2.1 ให้ข้อมูลทถ่ี ูกต้องและเป็นจริง

2.2 ปฏบิ ตั ใิ นสง่ิ ทถี่ ูกต้อง

3. มีวินยั รบั ผดิ ชอบ 3.1 ปฏิบตั ติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บงั คับของครอบครวั

มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏิบัตกิ ิจกรรมต่างๆ ในชีวติ ประจำวัน

4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 รู้จักใชเ้ วลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์ และนำไปปฏิบตั ิได้

4.2 รจู้ ักจัดสรรเวลาให้เหมาะสม

4.3 เชื่อฟงั คำส่ังสอนของบิดา-มารดา โดยไม่โตแ้ ย้ง

4.4 ตง้ั ใจเรียน

5. อยอู่ ย่างพอเพียง 5.1 ใชท้ รพั ย์สินและส่งิ ของของโรงเรียนอย่างประหยัด

5.2 ใช้อปุ กรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยดั และร้คู ุณคา่

5.3 ใช้จ่ายอยา่ งประหยัดและมีการเกบ็ ออมเงนิ

6. ม่งุ มั่นในการทำงาน 6.1 มคี วามตัง้ ใจและพยายามในการทำงานที่ไดร้ บั มอบหมาย

6.2 มคี วามอดทนและไมท่ อ้ แท้ตอ่ อุปสรรคเพ่ือให้งานสำเรจ็

7. รักความเป็นไทย 7.1 มีจติ สำนึกในการอนรุ ักษว์ ัฒนธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทย

7.2 เห็นคุณค่าและปฏิบัตติ นตามวัฒนธรรมไทย

8. มจี ิตสาธารณะ 8.1 รจู้ ักชว่ ยพอ่ แม่ ผู้ปกครอง และครูทำงาน

8.2 รจู้ กั การดแู ลรักษาทรัพยส์ มบัติและสง่ิ แวดล้อมของห้องเรยี นและ

โรงเรียน

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงชอ่ื ..................................................ผปู้ ระเมนิ
............/.................../................

พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ตั ิชัดเจนและสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
พฤตกิ รรมทีป่ ฏบิ ัตชิ ดั เจนและบ่อยครงั้ ให้ 2 คะแนน 51–60 ดีมาก
พฤติกรรมทป่ี ฏิบัตบิ างคร้งั ให้ 1 คะแนน 41–50 ดี
30–40 พอใช้
ต่ำกวา่ 30 ปรบั ปรุง

9 ความเหน็ ของผู้บรหิ ารสถานศึกษาหรือผู้ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย .

ข้อเสนอแนะ )
.......
ลงชอ่ื
(

ตำแหน่ง

10. บนั ทกึ ผลหลังการสอน

 ด้านความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน

 ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)

 ดา้ นอ่ืน ๆ (พฤติกรรมเด่น หรอื พฤติกรรมทมี่ ีปัญหาของนกั เรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถา้ ม)ี )

 ปัญหา/อปุ สรรค
 แนวทางการแก้ไข

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2

วสั ดุ อุปกรณ์ ทางเทคโนโลยี

เวลา 8 ชั่วโมง

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชีว้ ัด

ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลกั ของเทคโนโลยเี พ่อื การดำรงชวี ติ ในสงั คมท่มี ีการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเรว็
ใชค้ วามรแู้ ละทกั ษะทางด้านวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตรอ์ ่นื ๆ เพ่ือแกป้ ญั หาหรอื
พัฒนางานอยา่ งมคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ ดว้ ยกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม เลือกใช้
เทคโนโลยอี ย่างเหมาะสมโดยคำนงึ ถงึ ผลกระทบต่อชวี ิต สังคม และส่งิ แวดล้อม
ว 4.1 ม.2/5 ใช้ความรู้ และทกั ษะเกยี่ วกับวัสดุ อุปกรณ์ เคร่ืองมอื กลไก ไฟฟ้า และ
อิเล็กทรอนิกสเ์ พอื่ แกป้ ญั หาหรอื พฒั นางานไดอ้ ย่างถูกต้องเหมาะสม และ
ปลอดภยั

2. สาระการเรยี นรู้

2.1 สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
1) วสั ดุแต่ละประเภทมีสมบัติแตกต่างกนั เช่น ไม้ โลหะ พลาสติก จึงต้องมกี ารวิเคราะหส์ มบัติ
เพื่อเลือกใช้ให้เหมาะสมกับลักษณะของงาน
2) การสรา้ งชนิ้ งานอาจใชค้ วามรู้ เรอื่ งกลไก ไฟฟ้า อเิ ลก็ ทรอนิกส์ เช่น LED มอเตอร์ บัซเซอร์ เฟอื ง
รอก ล้อ เพลา
3) อปุ กรณ์และเครอื่ งมือในการสร้างชิ้นงาน หรือพัฒนาวธิ ีการมีหลายประเภท ตอ้ งเลือกใชใ้ ห้ถกู ตอ้ ง
เหมาะสม และปลอดภัย รวมทั้งรจู้ ักเก็บรักษา

2.2 สาระการเรียนรู้ทอ้ งถ่นิ
(พิจารณาตามหลักสตู รสถานศกึ ษา)

3. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด

ปัจจุบนั วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยพี ฒั นาและกา้ วหนา้ อยา่ งรวดเรว็ จึงได้มีการนำความรู้เหล่านี้
มาพฒั นาและปรบั ปรุงวัสดุตา่ ง ๆ เพอื่ ตอบสนองต่อความตอ้ งการท่หี ลากหลาย โดยผา่ นกระบวนการ
ทางเทคโนโลยี และถูกสง่ ต่อจนพัฒนามาเปน็ กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม โดยการสร้างเครอื่ งมือ
หรือชิ้นงาน ความรู้เกย่ี วกบั วสั ดุ อุปกรณ์ เครอื่ งมือ กลไก เสียง แสง ไฟฟ้า และอปุ กรณอ์ ิเล็กทรอนกิ ส์
เป็นสง่ิ สำคญั ซง่ึ จะช่วยทำใหส้ ร้างช้นิ งานได้เหมาะสมและปลอดภัย

4. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียนและคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์

1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. ซ่อื สัตย์ สุจรติ

- ทักษะการสือ่ สาร 2. มีวินัย รับผดิ ชอบ

- ทักษะการแลกเปล่ียนข้อมูล 3. ใฝเ่ รยี นรู้
4. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน
2. ความสามารถในการคิด

- ทักษะการคิดวิเคราะห์

3. ความสามารถในการแก้ปัญหา

- ทักษะการสงั เกต

4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ

- ทักษะการทำงานรว่ มกนั

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

- ทกั ษะการสบื คน้ ขอ้ มูล

5. ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด)

-

6. การวัดและการประเมินผล วิธีวัด เคร่ืองมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
- ตรวจแบบทดสอบ
รายการวัด ก่อนเรียน - แบบทดสอบก่อนเรยี น ประเมนิ ตามสภาพจริง

7.1 การประเมินก่อนเรียน
- แบบทดสอบก่อนเรียน
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2
เรื่อง วัสดุ อุปกรณ์
ทางเทคโนโลยี

7.2 การประเมินระหว่างการจัด - ใบงานท่ี 2.1.1 - ตรวจใบงานท่ี 2.1.1 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
กิจกรรม
1) นกั ออกแบบผลิตภณั ฑ์

2) เครือ่ งมือชา่ ง - ใบงานที่ 2.2.1 - ตรวจใบงานที่ 2.2.1 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์

3) ไฟฟา้ และอุปกรณท์ ที่ ำให้ - ใบงานที่ 2.4.1 - ตรวจใบงานที่ 2.4.1 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
เกดิ แสง
- สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ระดับคุณภาพ 2
4) พฤตกิ รรมการทำงาน การทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์
รายบุคคล

รายการวดั วิธีวัด เครื่องมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
5) พฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2
การทำงานกลุม่ การทำงานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์

6) การนำเสนอผลงาน - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมิน ระดับคุณภาพ 2
7) คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ผลงาน การนำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์
- สังเกตความซอื่ สัตย์ ระดบั คณุ ภาพ 2
สุจริต ความมีวนิ ยั - แบบประเมิน ผ่านเกณฑ์
ความรับผดิ ชอบ คณุ ลักษณะอันพงึ
ประสงค์

7.3 การประเมินหลงั เรียน ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมน่ั
- แบบทดสอบหลังเรียน ในการทำงาน
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลงั เรียน ประเมินตามสภาพจรงิ
เร่อื ง วัสดุ อุปกรณ์ หลังเรยี น
ทางเทคโนโลยี

7. กิจกรรมการเรยี นรู้

นกั เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 2 เร่อื ง วสั ดุ อปุ กรณท์ างเทคโนโลยี

เรือ่ งที่ 1 : ความรเู้ ก่ียวกบั วสั ดุ เวลา 2 ช่วั โมง
วิธกี ารสอนโดยเนน้ รปู แบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)

ข้นั นำ

ขั้นที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement)
1. นักเรยี นสงั เกตภาพผลติ ภณั ฑ์จากวสั ดุประเภทตา่ ง ๆ ในหนงั สอื เรียนและเปดิ โอกาส
ให้นกั เรยี นอภิปรายร่วมกันภายในช้นั เรยี นวา่ ภาพดังกลา่ วประกอบดว้ ยวสั ดปุ ระเภทใดบ้าง
2. จากนน้ั ครูถามคำถามเพื่อกระตุ้นความสนใจของนักเรียนว่า“การเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสม
มผี ลตอ่ การสรา้ งได้อย่างไร” และเชอื่ มโยงเขา้ สู่บทเรยี น

ขน้ั สอน

ขน้ั ที่ 2 สำรวจค้นหา (Exploration)
1. นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน หรอื ตามความเหมาะสม โดยให้แต่ละกล่มุ สืบคน้ ข้อมูล
เร่ือง ประเภทของวัสดุ จากหนงั สือเรยี น หรือสบื คน้ เพ่ิมเติมจากอนิ เทอรเ์ นต็ ที่เครอ่ื ง
คอมพวิ เตอร์ของตนเอง

ข้นั ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explanation)
2. นักเรียนสแกนควิ อารโ์ ค้ด เร่ือง วัสดุสงั เคราะห์ จากหนงั สือเรียนและอภิปรายความรู้เพือ่ สรุป
ประเด็นสำคัญท่ไี ด้จากการดูคลิปวีดิโอ

ขั้นท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaboration)
3. นักเรียนแบง่ กลมุ่ ออกเปน็ 4 กลมุ่ ใหเ้ ลน่ เกม วสั ดุอะไรเอย่
4. นกั เรยี นวิเคราะหค์ วามสมั พนั ธ์ของวัสดศุ าสตร์และวัสดวุ ิศวกรรมจากผงั ความคิดวัสดศุ าสตร์
และวัสดวุ ศิ วกรรมจากหนังสอื เรยี น
5. ครถู ามนกั เรียนว่า“นกั เรียนรจู้ กั เสน้ ใยแก้วนำแสงหรือไม”่ จากน้นั ครูอธิบายเกร็ดเสรมิ ความรู้
ท่เี ก่ียวข้องกบั เนือ้ หา (Design Focus) เรื่อง เส้นใยแก้วนำแสง
6. ครใู หน้ กั เรยี นแบง่ กลุม่ (กลมุ่ เดิม) เพอื่ รว่ มกันทำใบงานที่ 2.1.1 เร่อื ง นกั ออกแบบผลิตภัณฑ์
และใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุม่ ส่งตวั แทนออกมานำเสนอผลงานหนา้ ชัน้ เรียน

ขน้ั สรุป

ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluation)
1. ครูประเมินผลจากการนำเสนอผลงานของนักเรียน
2. ครูตรวจสอบความถูกตอ้ งจากใบงานที่ 2.1.1 เรอ่ื ง นกั ออกแบบผลิตภัณฑ์
3. ครูถามคำถามเพื่อตรวจสอบความรู้ ความเข้าใจของนกั เรยี นว่า“วสั ดแุ ต่ละประเภทมีสมบัติ
ทแ่ี ตกต่างกันหรือไม่ แตล่ ะประเภทมีสมบัติเด่นอย่างไร”
4. นกั เรียนและครูร่วมกนั สรุปเกยี่ วกบั ความรู้เกย่ี วกบั วัสดุ

เรื่องที่ 2 : เคร่อื งกลและเครือ่ งมือในการสรา้ งชิ้นงาน เวลา 2 ช่ัวโมง
วิธกี ารสอนโดยเนน้ รูปแบบการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)

ขน้ั นำ

ขั้นที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement)
1. ครถู ามคำถามกระตุ้นความสนใจของนกั เรยี นวา่ “นกั เรียนเคยขบั รถจกั รยานหรอื ไม่ และ
นกั เรยี นคดิ วา่ รถจกั รยานมีลกั ษณะการทำงานอยา่ งไร”
2. ครถู ามคำถามกระตนุ้ ความคดิ โดยใช้คำถามประจำหัวขอ้ เพ่อื ใหน้ ักเรยี นแสดงความคิดเหน็ วา่
“เคร่ืองกลมีสว่ นชว่ ยในการ สร้างชิ้นงานอยา่ งไร” จากนน้ั ครอู ธบิ ายกับนักเรยี นเพอ่ื เชอื่ มโยง
เข้าส่บู ทเรียน

ขน้ั สอน

ขั้นที่ 2 สำรวจคน้ หา (Exploration)
1. นกั เรยี นแตล่ ะคนสบื คน้ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั เร่ืองเครื่องกลในการสร้างชน้ิ งาน ซึ่งเคร่อื งกลอย่างงา่ ย
ท่ีชว่ ยอำนวยความสะดวกในการทำงาน มี 6 ประเภท จากนนั้ ครสู ุ่มนกั เรยี น 3-4 คน ออกมา
นำเสนอขอ้ มูลทีไ่ ด้สบื ค้นหน้าชั้นเรียน

ขั้นท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explanation)
2. ครูอธิบายเกรด็ เสรมิ ความรู้ที่เกีย่ วข้องกบั เนื้อหา (Design Focus) เรื่อง การไดเ้ ปรียบเทียบ
เชิงกล และเปิดโอกาสให้นกั เรียน 3-4 คน อภปิ รายร่วมกันภายใต้คำถาม“อปุ กรณ์ใดบา้ งท่ีเป็น
เคร่ืองกลประเภทล้อ และมีการทำงานอยา่ งไร” โดยครูสุม่ นกั เรยี น 3-4 คน ออกมาตอบ
คำถามหน้าชน้ั เรยี น
3. นักเรียนแบง่ กลุ่มออกเปน็ 6 กลุ่ม โดยให้แต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทนออกมาจบั สลากเรื่องอุปกรณ์
นา่ รู้ เพือ่ เลอื กอปุ กรณ์ 1 ชนดิ จากน้นั ใหน้ ักเรียนสืบค้นและอภิปรายรว่ มกันวา่ อปุ กรณ์
ดงั กล่าวใชห้ ลกั การเครือ่ งกลประเภทใด
4. นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ สง่ ตัวแทนออกมานำเสนอหน้าช้นั เรียน โดยครรู ่วมอภิปรายและให้
ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม

ข้นั ที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaboration)
5. ครูวาดผังมโนทศั น์เรอ่ื งเคร่อื งมือในการสร้างชิ้นงาน ลงบนกระดานหนา้ ชนั้ เรียน จากน้นั
ใหน้ ักเรียนร่วมกนั บอกเครื่องมอื ตา่ ง ๆ ท่นี ักเรยี นใช้ในชวี ิตประจำวนั ตามประเภทขา้ งต้น
โดยครูพจิ ารณาคำตอบและบนั ทึกลงบนกระดานหน้าชัน้ เรียน
6. นักเรยี นทำใบงานที่ 2.2.1 เรือ่ ง เครื่องมือชา่ ง โดยใหน้ ักเรียนสืบคน้ และศึกษาเพื่อ
ทำความเขา้ ใจพร้อมวางแผนการเลือกเครอ่ื งมือในการผลิตชน้ิ งานไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ

ขน้ั สรุป

ข้ันท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluation)
1. ครปู ระเมินผลการนำเสนอผลงานของนกั เรยี น
2. ครตู รวจสอบความถกู ต้องจากใบงานที่ 2.2.1 เรื่อง เครื่องมือชา่ ง
3. นกั เรยี นและครูร่วมกนั สรุปเก่ียวกบั นวัตกรรมและเทคโนโลยี

เร่ืองท่ี 3 : เสียงและอุกรณ์ท่ที ำใหเ้ กิดเสียง เวลา 2 ชั่วโมง
วิธีการสอนโดยเน้นรูปแบบการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)

ขน้ั นำ

ข้นั ท่ี 1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement)
1. ครูใหน้ ักเรียนใชม้ ือแตะที่ลำคอเมอ่ื ไม่มีการเปล่งเสียง และเม่อื มีการเปลง่ เสยี งวา่ แตกตา่ งกัน
อย่างไร
2. ครูยกตัวอย่างการทดลองของโรเบริ ต์ บอยล์
3. ครูถามคำถามประจำหวั ขอ้ ว่า“เสียงเกดิ จากการสั่นและมลี กั ษณะเป็นคลนื่ ดงั นน้ั ลำโพงทำไม
ถึงเกิดเสียงได้”

ขน้ั สอน

ขน้ั ที่ 2 สำรวจคน้ หา (Exploration)
1. นกั เรียนสงั เกตการส่ันของเสียงจากแหลง่ กำเนิดเสียงทเ่ี ปน็ สว่ นอดั และสว่ นขยายตัวจาก
หนงั สือเรียน และให้นกั เรียนแบ่งกลมุ่ กลมุ่ ละ 4-5 คน หรือตามความเหมาะสม และรว่ มกนั
สบื ค้นข้อมูลจากอนิ เทอรเ์ นต็ ท่ีเครอื่ งคอมพวิ เตอร์ของตนเอง ภายใตค้ ำถามวา่ “ตัวกลางทเ่ี สียง
เดนิ ทางไดม้ อี ะไรบ้าง”
2. ครสู ุ่มนกั เรียน 3-4 กลุม่ ออกมาอภิปรายว่าร่วมกันว่ามีตัวกลางของเสียงมอี ะไรบา้ ง จากน้นั ให้
แตล่ ะกลมุ่ เรยี งลำดับตัวกลางที่เสียงเดนิ ทางผ่าน จากความเร็วสูงที่สุดไปหาความเรว็ นอ้ ยท่ีสดุ

ข้นั ที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explanation)
3. ครูสุ่มนกั เรียนออกมาอภปิ รายเกร็ดเสรมิ ความรู้ท่ีเกี่ยวข้องกบั เน้อื หา (Design Focus)
เรือ่ ง อตั ราเรว็ ของเสียง

ขน้ั ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaboration)
4. นักเรยี นแบ่งกลุ่ม (กลุ่มเดมิ ) เพ่อื สืบค้นอปุ กรณ์ท่ีทำใหเ้ กิดเสยี งต่าง ๆ จากหนงั สือเรยี นหรอื
อินเทอรเ์ นต็ จากนัน้ บนั ทกึ คำตอบลงในสมุดประจำตัว

ขน้ั สรปุ

ขน้ั ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluation)
1. ครปู ระเมินผลจากการนำเสนอผลงานของนกั เรยี น
2. นกั เรียนและครรู ว่ มกันสรปุ ความรู้เก่ยี วกับเสยี งและอปุ กรณ์ท่ที ำให้เกดิ เสียง

เรือ่ งท่ี 4 : ไฟฟา้ และอปุ กรณท์ ท่ี ำใหเ้ กิดแสง เวลา 2 ชว่ั โมง
วิธกี ารสอนโดยเน้นรูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)

ขน้ั นำ

ขัน้ ที่ 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engagement)
1. ครทู ดลองเปิด-ปดิ สวิตซ์ของหลอดไฟหน้าชน้ั เรียน จากน้ันครูถามคำถามประจำหวั ข้อกับ
นกั เรยี นวา่ “แสงเกดิ จากอะไร และวงจรไฟฟา้ ทำให้เกดิ แสงได้อยา่ งไร”
2. ครอู ธบิ ายกับนกั เรียนเพอ่ื เช่ือมโยงเข้าสู่บทเรยี น

ขน้ั สอน

ข้นั ที่ 2 สำรวจคน้ หา (Exploration)
1. นักเรียนกลุ่ม กลมุ่ ละ 5-6 คน หรือตามความเหมาะสม จากนนั้ ใหน้ ักเรยี นศึกษาขอ้ มลู เกีย่ วกับ
วงจรไฟฟ้าและการต่อตวั ตา้ นทานทงั้ แบบอนกุ รมและแบบขนาน จากหนังสือเรยี นหรอื สืบค้น
ขอ้ มูลเพมิ่ เตมิ จากอนิ เทอรเ์ นต็ ท่ีเครือ่ งคอมพวิ เตอร์ของตนเอง เพอื่ หาคำตอบวา่ การท่ีหลอด
ไฟฟ้าสว่างขนึ้ จะต้องมกี ารต่อวงจรไฟฟา้ ซงึ่ ส่วนประกอบท่สี ำคญั ของวงจรไฟฟ้ามีอะไรบ้าง
2. เปดิ โอกาสใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอว่าสว่ นประกอบทสี่ ำคัญของวงจรไฟฟา้ มี
อะไรบา้ ง และอภปิ รายเกย่ี วกับกระบวนการต่าง ๆ ทที่ ำให้หลอดไฟฟ้ามีแสงสว่าง
3. ครูดำเนนิ การสาธิตใหน้ ักเรยี นดูเก่ยี วกับการต่อวงจรไฟฟ้าของหลอดไฟฟ้าทงั้ 2 แบบคือ
1) การต่อวงจรไฟฟา้ แบบเปดิ
2) การตอ่ วงจรไฟฟ้าแบบปดิ
4. ครูเปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นปฏิบัติการตอ่ วงจรไฟฟ้าตามความเขา้ ใจ โดยครแู จกอุปกรณก์ ารตอ่
วงจรไฟฟ้าและคอยใหค้ ำแนะนำอยา่ งใกลช้ ดิ

ขน้ั ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explanation)
5. ครูอธบิ ายความรู้เรือ่ งวงจรไฟฟา้ และตวั ต้านทานเพ่ือทบทวนความรู้
6. นักเรยี นศกึ ษาเกร็ดเสริมความรทู้ ่ีเกีย่ วกับเน้ือหา (Design Focus) เรอ่ื ง แหล่งกำเนดิ ไฟฟ้า
7. นักเรยี นแบ่งกลมุ่ (กลมุ่ เดิม) จากชัว่ โมงทผ่ี ่านมา เพื่อรว่ มกนั ทำใบงาน 2.4.1 เรือ่ ง ชา่ งไฟฟา้
จากนั้นครสู มุ่ นักเรยี น 1 กล่มุ ออกมาอภปิ รายนำผลการทำใบงานโดยครคู อยชี้แนะคำตอบให้
ตามความเหมาะสม

ขน้ั สรปุ

ขนั้ ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluation)
1. ครปู ระเมนิ ผลการนำเสนอของนกั เรยี นและตรวจสอบความถูกต้องจากการทำใบงานที่ 2.4.1
เรอ่ื ง ชา่ งไฟฟ้า
2. ครูตงั้ คำถามเพ่ือใหน้ กั เรียนคาดเดาว่า“หากเพิม่ ถ่านไฟฉายในวงจรไฟฟ้าแบบอนกุ รม จะเกดิ
อะไรข้นึ ในวงจรไฟฟา้ ”
3. นกั เรียนและครูร่วมกนั สรปุ ความร้เู ก่ยี วกบั ความสัมพนั ธข์ องวทิ ยาศาสตรแ์ ละวิศวกรรมศาสต

4. นกั เรยี นทำกจิ กรรมทีส่ อดคล้องกบั เนือ้ หาโดยให้ผู้เรียนฝกึ ปฏบิ ัติเพอ่ื พฒั นาความรแู้ ละทักษะ
(Design Activity) และทำแบบฝกึ หดั ทบทวนความรู้ ความเข้าใจ และพฒั นาทักษะการคิดของ

ผเู้ รยี น (Unit Activity) โดยใหน้ กั เรยี นตอบคำถามให้ถกู ต้องลงในสมุดประจำตัว
5. นักเรยี นตรวจสอบระดับความสามารถของตนเอง (Self-Check) โดนพจิ ารณาขอ้ ความว่าถกู

หรอื ผดิ หากนกั เรียนพจิ ารณาขอ้ ความไมถ่ กู ตอ้ ง ให้นักเรยี นกลับไปทบทวนเน้อื หาตามหวั ข้อ
ท่กี ำหนดให้
6. นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 เร่อื ง วสั ดุ อปุ กรณ์ทางเทคโนโลยี

เพ่อื วดั ความรทู้ ี่นกั เรยี นได้รบั หลังผ่านการเรยี นรู้

8. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้
8.1 สอื่ การเรยี นรู้

1) หนังสอื เรยี นรายวิชาพ้ืนฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี ม.2 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 2
วสั ดุ อปุ กรณ์ทางเทคโนโลยี

2) ใบงานที่ 2.1.1 เรื่อง นกั ออกแบบผลิตภัณฑ์
3) ใบงานท่ี 2.2.1 เรอ่ื ง เคร่อื งมอื ช่าง
4) ใบงานท่ี 2.4.1 เร่อื ง ช่างไฟฟ้า
5) เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์
6) อุปกรณต์ อ่ วงจรไฟฟ้า
7) สลากเรื่องอปุ กรณน์ ่ารู้
8) หลอดไฟฟ้า
8.2 แหล่งเรียนรู้

1) ห้องคอมพิวเตอร์
2) อนิ เทอร์เน็ต

แบบทดสอบกอ่ นเรียน

หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 2

คำชี้แจง : ใหน้ ักเรยี นเลือกคำตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว

1. ข้ดใดจดั อยใู่ นวัสดุประเภทโลหะ 6. เสยี งเกิดจากอะไร

ก. ไม้ ก. การถา่ ยเทพลงั งาน

ข. ยาง ข. การสนั่ ของแหล่งกำเนิด

ค. เหลก็ ค. การเคลือ่ นท่ขี องอากาศ

ง. พลาสติก ง. การเปลย่ี นแปลงพลงั งาน

2. ขอ้ ใดจดั อยู่ในวัสดปุ ระเภทอโลหะ 7. อุปกรณ์ท่ที ำให้เกดิ เสยี งในข้อใดช่วยทำให้เสียงดงั ข้นึ

ก. แกว้ ก. หฟู งั ข. ลำโพง

ข. เงิน ค. บัซเซอร์ ง. ไมโครโฟน

ค. ดีบุก 8. อุปกรณใ์ ดที่เปล่ียนแปลงพลังงานไฟฟ้าเปน็ แสงสว่าง

ง. อลูมิเนยี ม ก. หลอดไฟฟ้า

3. วัสดใุ นข้อใดท่ีมีสมบัตเิ ดน่ เรอ่ื งความแข็ง และ ข. พดั ลม

สามารถแกะสลักลวดลายได้ ค. เตารดี

ก. ไม้ ง. หม้อหงุ ข้าว

ข. ยาง 9. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ สว่ นประกอบในวงจรไฟฟา้

ค. ทองแดง ก. แหล่งกำเนิดไฟฟ้า

ง. เซรามิก ข. ตัวนำไฟฟา้

4. ข้อใดจัดเปน็ เครื่องกลที่ชว่ ยผ่อนแรง ค. อุปกรณไ์ ฟฟา้

ก. รอก ง. เสาไฟฟา้

ข. ไมบ้ รรทดั 10. การต่อหลอดไฟฟ้าในอาคารควรเลอื กตอ่ วงจรไฟฟ้า

ค. คตั เตอร์ แบบใด

ง. ปนื กาว ก. วงจรปิด

5. ขอ้ ใดจัดเป็นอปุ กรณท์ ่ีช่วยเจาะรูประเภทไม้ ข. วงจรเปิด

ก. กรรไกร ค. วงจรขนาน

ข. ไขควง ง. วงจรอนกุ รม

ค. สว่านไฟฟ้า

ง. สกรู

เฉลย 1. ค 2. ก 3. ก 4. ก 5. ค 6. ข 7. ข 8. ก 9. ง 10. ค

แบบทดสอบหลังเรยี น

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2

คำชแี้ จง : ใหน้ กั เรยี นเลือกคำตอบท่ีถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

1. วสั ดใุ นขอ้ ใดท่ีมีคุณสมบัติการนำไฟฟ้าและ 7. ตวั กลางใดที่เสียงเคลือ่ นที่ไดเ้ รว็ ทีส่ ุด

มีน้ำหนกั เบา ก. นำ้ ข. ไม้

ก. ไม้ ข. ยาง ค. อากาศ ง. สุญญากาศ

ค. ทองแดง ง. เซรามิก 8. ถา้ อากาศมีอุณหภูมิสูงขนึ้ มีผลต่อการเคลือ่ นที่

2. วสั ดุในขอ้ ใดทสี่ ร้างขึน้ ใหม่จากวสั ดุตัง้ แต่ 2 ชนดิ ของเสยี งอยา่ งไร

และมีคณุ สมบตั ทิ ่ีแตกตา่ งไปจากเดมิ ก. เสยี งหยุดเคล่อื นที่

ก. ไม้ ข. ผา้ ข. เสียงเคลื่อนทีไ่ ดเ้ รว็ ข้นึ

ค. ยาง ง. พลาสตกิ ค. เสยี งเคล่อื นทีไ่ ด้ชา้ ลง

3. เคร่ืองสุขภณั ฑ์นยิ มสร้างจากวัสดุใด ง. เสยี งยังคงเคล่อื นท่ดี ้วยความเรว็ เท่าเดมิ

ก. เซรามกิ ข. พลาสติก 9. ตวั ต้านทานเปน็ วงจรการทำงานของอปุ กรณ์ใด

ค. เหลก็ กลา้ ง. อลมู เิ นยี ม ก. ถา่ ยไฟฉาย

4. เครอ่ื งกลท่ีช่วยยกของท่มี นี ้ำหนักมาก ๆ เพือ่ ขนึ้ ทส่ี งู ข. แบตเตอร่ี

หรอื ลงทตี่ ำ่ มักใชใ้ นงานกอ่ สร้างคอื เคร่อื งมอื อะไร ค. สายไฟฟา้

ก. รอก ข. คาน ง. หลอดไฟฟ้า

ค. พน้ื เอียง ง. ล่มิ 10. จากภาพกล่าวถงึ วงจรไฟฟา้ แบบใด

5. เครอ่ื งมือใดใชห้ ลกั การของคานช่วยให้สะดวก

ในการทำงาน

ก. ตะเกียบ ข. ลูกบดิ ประตู

ค. พวงมาลัยรถ ง. กว้านยกถงั น้ำ

6. ขอ้ ใดจดั เปน็ เคร่ืองมือวดั ทช่ี ว่ ยใหไ้ ด้ชน้ิ งานท่มี ขี นาด ก. วงจรไฟฟ้าแบบปดิ ไม่มีกระแสไฟฟา้ ไหลผา่ น

ตรงกบั ทต่ี อ้ งการ ข. วงจรไฟฟา้ แบบปิด มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน

ก. ไขควง ค. วงจรไฟฟ้าแบบเปิด ไมม่ กี ระแสไฟฟ้าไหลผ่าน

ข. สว่านมือ ง. วงจรไฟฟา้ แบบเปิด มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน

ค. คัตเตอร์

ง. ไม้บรรทัด

เฉลย

1. ค 2. ง 3. ก 4. ก 5. ก 6. ง 7. ค 8. ข 9. ง 10. ค

แผนการจัดการเรยี นรู้

รหัสวิชา ว22104 รายวิชา การออกแบบและเทคโนโลยี

กล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศึกษาชน้ั ปีท่ี 2 ภาคเรียนท่ี 2

หน่วยท่ี 2 เรื่องวัสดุ อปุ กรณ์ทางเทคโนโลยี เวลาเรียน 8 ชว่ั โมง

แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 1 เรอื่ ง ความรเู้ กยี่ วกับวสั ดุ เวลาเรียน 2 ชัว่ โมง

1. มาตรฐาน/ตัวช้ีวัด

1.1 ตัวชี้วัด ใชค้ วามรู้ และทักษะเกย่ี วกบั วัสดุ อุปกรณ์ เครอ่ื งมอื กลไก ไฟฟา้ และ
ว 4.1 ม.2/5
อิเล็กทรอนิกสเ์ พอื่ แกป้ ญั หาหรอื พฒั นางานได้อย่างถูกตอ้ งเหมาะสม และ
ปลอดภัย

2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. บอกสมบตั ิของวสั ดแุ ต่ละประเภทได้ถกู ต้อง (K)
2. เลือกวสั ดุทใี่ ช้ในการสร้างชน้ิ งานแต่ละประเภทไดอ้ ยา่ งเหมาะสม (K)

3. บอกความแตกต่างของวัสดศุ าสตร์และวสั ดวุ ิศวกรรมได้ (K)
4. วางแผนพัฒนาผลติ ภัณฑ์ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง เหมาะสม และปลอดภยั (P)
5. เลง็ เหน็ ถึงความสำคัญของการเลอื กวัสดแุ ตล่ ะประเภทในการพฒั นาช้ินงาน (A)

3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถิ่น
พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง

- วสั ดแุ ตล่ ะประเภทมีสมบัติแตกต่างกนั เชน่ ไม้
โลหะ พลาสติก จึงต้องมีการวิเคราะหส์ มบตั ิ
เพือ่ เลือกใช้ให้เหมาะสมกบั ลกั ษณะของงาน
- การสร้างชิ้นงานอาจใช้ความรู้ เรือ่ งกลไก ไฟฟ้า
อเิ ล็กทรอนกิ ส์ เช่น LED มอเตอร์ บัซเซอร์ เฟือง
รอก ลอ้ เพลา
- อปุ กรณแ์ ละเครอ่ื งมือในการสรา้ งช้นิ งาน หรือ
พฒั นาวิธีการมีหลายประเภท ตอ้ งเลือกใชใ้ ห้
ถูกตอ้ ง เหมาะสม และปลอดภยั รวมท้งั รู้จัก
เก็บรักษา

4. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด

มนษุ ย์นำวัสดุจากธรรมชาตแิ ละวสั ดทุ ่ีสรา้ งขึน้ และปรับปรงุ จากความรดู้ า้ นวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยใี หม่ ๆ ทำให้มวี ัสดหุ ลากหลายประเภททมี่ ีคุณสมบัติทด่ี มี ากข้ึนเร่ือย ๆ ดงั นัน้ การเลอื กใชว้ สั ดุ
จากสมบัตขิ องวัสดุแต่ละประเภท จึงเปน็ เรือ่ งสำคัญที่จะส่งผลให้ชน้ิ งานนน้ั ตรงกับความตอ้ งการ และ
มคี วามปลอดภยั สามารถใชท้ รัพยากรได้อยา่ งค้มุ คา่

5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี นและคุณลักษณะอนั พึงประสงค์

สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1. ซือ่ สตั ย์ สุจรติ
1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. มวี นิ ัย รับผดิ ชอบ
- ทักษะการสอื่ สาร 3. ใฝเ่ รียนรู้
4. มงุ่ ม่ันในการทำงาน
- ทกั ษะการแลกเปล่ียนขอ้ มูล
2. ความสามารถในการคิด

- ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์

3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา

- ทกั ษะการสงั เกต

4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต

- ทักษะการทำงานรว่ มกัน

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

- ทกั ษะการสืบคน้ ขอ้ มูล

6. กจิ กรรมการเรียนรู้
 วธิ กี ารสอนโดยเน้นรปู แบบการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)

ชวั่ โมงท่ี 1

ขน้ั นำ

ขั้นที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement)
1. นกั เรยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 2 เรื่อง วัสดุ อปุ กรณ์ทางเทคโนโลยี
2. นกั เรยี นสงั เกตภาพผลติ ภณั ฑจ์ ากวัสดปุ ระเภทต่าง ๆ ในหนงั สอื เรยี นรายวิชาพน้ื ฐาน
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.2 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 เรือ่ ง
วสั ดุ อปุ กรณ์ทางเทคโนโลยี และเปิดโอกาสให้นักเรียนอภปิ รายรว่ มกันภายในช้ันเรยี นวา่
ภาพดังกล่าวประกอบด้วยวัสดุประเภทใดบ้าง
3. จากน้นั ครูถามคำถามเพื่อกระตนุ้ ความสนใจของนกั เรียนว่า“การเลือกใช้วสั ดุท่ีเหมาะสม
มผี ลตอ่ การสร้างได้อยา่ งไร”
(แนวตอบ : นกั เรยี นตอบตามความคิดเห็นของตนเอง โดยคำตอบขึ้นอยู่กับดุลยพนิ ิจของ
ครูผูส้ อน เชน่ การเลือกใชว้ สั ดุตา่ ง ๆ มผี ลตอ่ การสร้างนวัตกรรม ถ้าเลอื กใชไ้ ม่เหมาะสม
อาจจะสง่ ผลถงึ ปัญหาการใช้งานตา่ ง ๆ ได้ เปน็ ต้น)
4. ครอู ธิบายกบั นักเรียนเพ่ือเช่ือมโยงเข้าสบู่ ทเรยี นว่า“วัสดุมหี ลากหลายประเภท ดังนัน้
การใช้งานจึงจำเป็นตอ้ งศึกษาหรือพิจารณาจากคุณสมบัติให้ตรงกับลกั ษณะการใช้งาน
เพ่ือความปลอดภยั และใช้ทรัพยากรได้อยา่ งค้มุ ค่า”

ขน้ั สอน

ขัน้ ท่ี 2 สำรวจค้นหา (Exploration)
1. นักเรยี นแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ 5 คน หรือตามความเหมาะสม โดยให้แตล่ ะกลุ่มสบื ค้นข้อมูล
เรื่อง ประเภทของวัสดุ จากหนังสือเรียน หรอื สืบคน้ เพิ่มเตมิ จากอินเทอร์เน็ตท่ี
เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ของตนเอง ซ่งึ โดยทั่วไปประเภทของวสั ดสุ ามารถแบ่งออกได้ ดังน้ี
1) โลหะ
1.1) โลหะประเภทเหล็ก
1.2) โลหะนอกกลุม่ เหลก็
2) อโลหะ
2.1) วสั ดจุ ากธรรมชาติ
2.2) วัสดสุ ังเคราะห์

ขั้นท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explanation)
2. ครอู ธิบายกับนกั เรยี นวา่ “นอกจากวสั ดุประเภทโลหะและอโลหะยังมวี ัสดุประเภทต่าง ๆ
ท่นี ักเรยี นควรรู้จกั เช่น วสั ดุฉลาด วัสดุชวี ภาพ วัสดุนาโน เป็นตน้ ”
3. เปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนศกึ ษาความรแู้ ละอภปิ รายร่วมกนั ภายในกลุม่ เกย่ี วกบั วัสดตุ ่าง ๆ
ท่กี ล่าวมา
4. ครสู ุ่มนักเรียน 3-4 คน ออกมาอภิปรายเกร็ดเสริมความรู้ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั เน้อื หา (Design
Focus) ดงั น้ี
“วสั ดุฉลาด คือ วัสดทุ ่มี ีความสามารถในการตอบสนองตอ่ ส่ิงเร้าภายนอก เชน่
มรี ปู รา่ งเปลย่ี นแปลงตามอุณหภูมหิ รอื มแี รงเคลื่อนไฟฟา้ เช่น เลนสข์ องแว่นตากันแดดสามารถ
ปรบั สไี ดเ้ องตามความเขม้ ของแสงท่เี ปลยี่ นแปลงไป ลวดนำทาง (Guide Wire) ในการผ่าตัด
สายสวน (Catheter) ผา่ นทางเส้นเลอื ด ถา้ หากวัสดุฉลาดเหล่านี้สามารถซ่อมแซมตวั เองหรอื
พัฒนาตัวเองให้ดียงิ่ ขน้ึ จะเรยี กวสั ดเุ หลา่ น้ีว่า วัสดอุ จั ฉริยะ (Intelligent Materials) เชน่
เส้นใยแก้วนำแสงทม่ี ขี ้อเสยี เรอ่ื ง ความเปราะบางและแตกหกั งา่ ย ดังนั้น เม่ือนำมาผสมกับ
วสั ดุในกลุ่มพอลิเมอร์จำรปู จนเกิดเปน็ เสน้ ใยแก้วนำแสงอัจฉริยะชนิดใหม่ท่ีสามารถซ่อมแซม
ตวั เองได้เมื่อเกดิ การแตกหกั เสยี หาย”
“วสั ดชุ วี ภาพ คือ วัสดทุ ่ีสามารถเป็นส่วนประกอบหรือฝงั อยู่ภายในรา่ งกายมนุษย์
เพอ่ื ใชเ้ ปน็ วสั ดุทดแทนส่วนต่าง ๆ ในร่างกายที่เสียหายจากโรคหรือสาเหตอุ ืน่ ๆ เชน่ ขาเทียม
หรอื กระดูกเทยี มทที่ ำจากโลหะผสมท่เี ปน็ มติ รต่อร่างกาย ไดแ้ ก่ โลหะไทเทเนยี มผสม และ
โลหะผสมระหว่างโคบอลต์-โครเมยี ม”
“วัสดุนาโน คอื วัสดุทมี่ ีขนาดอย่างน้อยหน่งึ มติ ิเปน็ ขนาดนาโน (มีขนาดระหวา่ ง
1 ถึง 100 นาโนเมตร) โดยแบ่งเป็น 2 กลมุ่ คอื วัสดุนาโนจากธรรมชาติ เชน่ พืน้ ผวิ ใบบัวใย
แมงมุม เส้นขนตนี ตกุ๊ แกและวัสดุนาโนจากการผลิต เป็นวัสดนุ าโนที่ผลิตขึ้น เพอ่ื ให้มีสมบตั ิ
หรือองคป์ ระกอบทจ่ี ำเพาะ เช่น อนภุ าคนาโนของธาตเุ งินมฤี ทธ์ิในการฆ่าเชื้อโรค สามารถ
นำมาใช้ประโยชนท์ างการแพทย์ หรอื อุปกรณฟ์ อกอากาศ และสารเฟอร์โรอเิ ลก็ ทริกสามารถ
นำไปใชง้ านทางด้านการเกบ็ ข้อมลู ของอปุ กรณอ์ ิเลก็ ทรอนกิ ส”์

5. นักเรียนสแกนคิวอาร์โค้ด เรอ่ื ง วัสดุสังเคราะห์ จากหนังสือเรยี นและอภิปรายความรูเ้ พือ่ สรปุ
ประเด็นสำคัญทีไ่ ด้จากการดูคลปิ วีดโิ อ ดังนี้
“วัสดสุ งั เคราะห์ คือ วัสดุทส่ี ร้างจากการผสมกันของวัสดหุ รือกระบวนการทางเคมี เพอ่ื ให้เกิด
วสั ดุท่มี คี ุณภาพทแี่ ตกตา่ งและดีข้นึ วัสดุสงั เคราะห์ ไดแ้ ก่
1) ไม้สงั เคราะห์ - นยิ มนำมาผลิตเฟอร์นเิ จอร์ พน้ื ไม้ และระแนงกันแดด
2) พลาสติก - นยิ มนำมาผลติ ภาชนะ ถุงพลาสตกิ และเครื่องใชไ้ ฟฟา้
3) เซรามกิ - นยิ มนำมาผลติ ภาชนะ เครื่องสุขภัณฑ์ แจกนั
4) แก้ว - นิยมนำมาผลิตภาชนะ อปุ กรณ์วิทยาศาสตร์ กระจก
5) กระดาษ - นิยมนำมาผลติ กระดาษวาด กล่อง ผลงานศิลปะ
6) เสน้ ใยสงั เคราะห์ - นยิ มนำมาผลิตเชอื ก พรม เส้ือผ้า
7) ยางสังเคราะห์ - นยิ มนำมาผลิตยางรถยนต์ สายพานลำเลียง ฉนวนหุ้มสายไฟ”

ชว่ั โมงท่ี 2

ขน้ั ท่ี 4 ขยายความเข้าใจ (Elaboration)
6. นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ ออกเป็น 4 กลุ่ม ใหเ้ ล่นเกม วสั ดุอะไรเอย่ โดยมีกติกา ดงั น้ี
“ครเู ขียนชื่อวัสดุบนกระดาน ไดแ้ ก่ เหลก็ อะลูมิเนียม ไม้ ยาง ผา้ ไม้สังเคราะห์ พลาสติก
เซรามิก แก้ว กระดาษ เส้นใยสังเคราะห์ ยางสงั เคราะห์ และใหส้ มาชกิ แต่ละกลมุ่ สลบั กัน
ออกมาบอกชอื่ ผลิตภณั ฑ์ และบอกว่าทำมาจากวัสดใุ ด ซึง่ คำตอบของแต่ละกลุ่มจะตอ้ งไมซ่ ้ำ
กันและกำหนดเวลาใหแ้ ต่ละกลมุ่ กลมุ่ ละ 5 วนิ าที โดยกลมุ่ ใดที่ทำผิดกติกาจะตอ้ งยุติการเลน่
เกม กลุ่มที่ชนะจะเป็นกล่มุ สดุ ท้ายทเี่ หลอื อยู่”
7. นกั เรยี นวิเคราะห์ความสมั พนั ธข์ องวัสดศุ าสตร์และวัสดุวิศวกรรมจากผงั ความคิดวัสดศุ าสตร์
และวัสดวุ ิศวกรรมจากหนังสอื เรียน โดยครูอธิบายเพมิ่ เตมิ ว่า “คุณสมบตั ิตา่ งๆ ของวัสดุ
เรียกวา่ วสั ดศุ าสตร์ จึงเปน็ ความรหู้ ลักการพนื้ ฐานสำหรบั การประยกุ ต์ใช้งาน โดยการปรับปรุง
คณุ สมบตั ขิ องวสั ดตุ ่าง ๆ แลว้ นำมาผลิตเปน็ ผลติ ภัณฑท์ ่ตี อ้ งการจะเรยี กวา่ “วสั ดวุ ศิ วกรรม”
8. ครูถามนักเรยี นวา่ “นกั เรียนรู้จักเสน้ ใยแกว้ นำแสงหรือไม”่ จากนนั้ ครอู ธบิ ายเกร็ดเสริมความรู้
ที่เกีย่ วข้องกบั เน้อื หา (Design Focus) เรื่อง เสน้ ใยแก้วนำแสงวา่ “เส้นใยแกว้ นำแสง หรือ
ไฟเบอรอ์ อปติก เป็นตัวกลางของสัญญาณแสงชนิดหนึง่ ท่ีทำมาจากแกว้ ซ่งึ มคี วามบริสุทธิ์
สงู มาก เสน้ ใยแก้วนำแสงมีลกั ษณะเปน็ เส้นยาวขนาดเลก็ มีขนาดประมาณเส้นผมของมนษุ ย์
เส้นใยแก้วนำแสงทด่ี ีต้องสามารถนำสัญญาณแสงจากจดุ หนึ่งไปยังอีกจดุ หน่งึ ได้ โดยมี
การสูญเสียของสัญญาณแสงน้อยมาก เสน้ ใยแก้วนำแสงสามารถแบง่ ตามความสามารถ
ในการนำแสงออกได้เปน็ 2 ชนิด คือ เส้นใยแกว้ นำแสงชนดิ โหมดเดย่ี ว (Singlemode
Optical Fibers) และเสน้ ใยแก้วนำแสงชนดิ หลายโหมด (Multimode Optical Fibers)”
9. ครูให้นักเรยี นแบ่งกลุ่ม(กลุ่มเดิม) เพื่อรว่ มกันทำใบงานท่ี 2.1.1 เรือ่ ง นักออกแบบผลิตภณั ฑ์
โดยใหน้ กั เรยี นวางแผนพัฒนาผลติ ภัณฑโ์ ดยวิเคราะหค์ ุณสมบัติของผลิตภัณฑ์แต่ละชนดิ
เลอื กใชว้ ัสดุให้เหมาะสม และบอกขอ้ จำกัดของผลิตภัณฑ์
10. ให้นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มส่งตวั แทนออกมานำเสนอผลงานหนา้ ช้นั เรียน

Note
วตั ถปุ ระสงคข์ องกจิ กรรมเพอื่ ให้นกั เรยี น
- มีทกั ษะการทำงานรว่ มกนั โดยใช้กระบวนการกลมุ่ ในการทำงานหรือการทำ

กจิ กรรมเพอื่ ใหเ้ กดิ การสอ่ื สารและแลกเปลยี่ นขอ้ มลู ร่วมกันภายในกลุ่ม
- มีทกั ษะการสืบค้นขอ้ มูล โดยใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เนต็

เพ่อื สบื เสาะหาความรู้ตามหวั ข้อทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
- มีทกั ษะการสังเกต โดยให้นักเรยี นสังเกตภาพผลิตภณั ฑจ์ ากวสั ดุประเภทต่าง ๆ

และผังความคดิ วัสดุศาสตรแ์ ละวัสดวุ ศิ วกรรมจากหนงั สือเรียนเพื่อนำไปปรับใช้ในการเรยี น
ไดอ้ ย่างเหมาะสม

- มีทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ โดยใหน้ ักเรยี นพิจารณาเนอื้ หาจากการสืบค้นหรอื ศึกษา
ขอ้ มลู จากแหลง่ ข้อมลู ต่าง ๆ เช่น หนังสือเรยี น อินเทอร์เนต็ เปน็ ต้น

ขน้ั สรุป

ข้ันที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluation)
1. ครปู ระเมินผลจากการนำเสนอผลงานของนักเรียน
2. ครูตรวจสอบความถูกตอ้ งจากใบงานท่ี 2.1.1 เรือ่ ง นกั ออกแบบผลติ ภัณฑ์
3. ครูถามคำถามเพ่ือตรวจสอบความรู้ ความเข้าใจของนกั เรียนว่า“วสั ดแุ ตล่ ะประเภทมสี มบตั ิ
ท่ีแตกต่างกันหรือไม่ แต่ละประเภทมสี มบัติเดน่ อยา่ งไร”
(แนวตอบ : นักเรยี นตอบตามความคดิ เห็นของตนเอง โดยคำตอบขึ้นอยูก่ ับดุลยพินิจของ
ครผู ู้สอน เช่น วสั ดุแต่ละประเภทมคี ุณสมบัติทีแ่ ตกต่างกัน เช่น โลหะมีความแข็ง ผวิ มนั วาว
และเปน็ ตวั นำความร้อน แต่ไมม้ คี วามแข็ง ดูดซับเสยี งดี นำความร้อนต่ำ ดงั นนั้ กอ่ นลงมอื
ใช้งานควรศึกษาและพิจารณาให้ตรงกบั งานทอ่ี อกแบบเพือ่ ความปลอดภยั และความคมุ้ ค่า
ของการใชท้ รพั ยากร เปน็ ต้น)
4. นกั เรียนและครรู ว่ มกนั สรปุ เกี่ยวกบั ความรู้เกย่ี วกบั วัสดุว่า“วัสดแุ ต่ละประเภทมสี มบัติ
ท่ีแตกต่างกัน เหมาะกบั งานหรือผลติ ภัณฑท์ แ่ี ตกตา่ งกัน สงิ่ ทสี่ ำคัญคือผู้อกแบบผลิตภัณฑ์
ควรระบุคณุ สมบตั ิของผลิตภัณฑท์ ต่ี ้องการให้ชดั เจน จึงสามารเลอื กวสั ดทุ ี่เหมาะสม และ
ไมเ่ กิดปญั หาเม่ือใช้ผลติ ภัณฑน์ ้ัน”


Click to View FlipBook Version