The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการสอนวิชาการอกแบบและเทคโนโลยีม.2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by วีรพนธ์ พลเมฆ, 2021-01-06 08:58:27

แผนการสอนวิชาการอกแบบและเทคโนโลยีม.2

แผนการสอนวิชาการอกแบบและเทคโนโลยีม.2

ใบงานท่ี 3.1.1
เรื่อง กระบวนการทางวิทยาศาสตร์

คำชี้แจง : ใหน้ ักเรียนอธบิ ายวิธีการทำโคมไฟคริสตัล โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

1. ความรู้เดิม

2. ความอยากรทู้ างวิทยาศาสตร์

3. ตัง้ สมมตฐิ าน

4. ออกแบบการทดลอง

5. สรุปวเิ คราะห์

6. นำขอ้ สรปุ ไปพสิ จู น์

ใบงานท่ี 3.1.1
เรอ่ื ง กระบวนการทางวิทยาศาสตร์

คำชแ้ี จง : ให้นกั เรยี นอธบิ ายวิธีการทำโคมไฟคริสตลั โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
1. ความรเู้ ดิม
- แสงสามารถหกั เหได้ และเดินทางผ่านตวั กลางได้
- เมอื่ แสงเดนิ ทางผ่านปรซิ มึ จะปรากฎแสงสีขาว

2. ความอยากรูท้ างวิทยาศาสตร์
- คริสตัลมลี กั ษณะเปน็ ปริซมึ แสงสามารถเดินทางผ่านและเปลีย่ นสไี ดห้ รอื ไม่

3. ตัง้ สมมติฐาน
- นำครสิ ตัลทแี่ สงสามารถเดินทางผ่านไดม้ าทำเป็นของตกแต่งหอ้ งใหเ้ กดิ ความ
สวยงาม

4. ออกแบบการทดลอง
- ออกแบบโคมไฟคริสตัลให้เป็นทรงกลมและโคมไฟแขวนติดเพดาน
- จากน้นั นำโคมไฟครสิ ตัลไปวางตรงแสงแดด แสงไฟ และสังเกตถงึ
การเปล่ียนแปลง
5. สรปุ วิเคราะห์
- แสงจากโคมไฟกระจายออกจากครสิ ตัลทำให้เกิดแสงทมี่ คี วามสวยงาม

6. นำข้อสรุปไปพสิ ูจน์
- นำโคมไฟพรอ้ มวัสดุครอบโคมไฟมาติดดว้ ยคริสตัลตามรปู แบบและข้ันตอน
ทีก่ ำหนด
- ทดสอบและปรับปรุงช้ินงาน

9 ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรอื ผู้ทีไ่ ด้รับมอบหมาย

ข้อเสนอแนะ

10. บันทกึ ผลหลงั การสอน ลงช่อื ................................

 ดา้ นความรู้ ( ................................ )
ตำแหน่ง .......

 ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น

 ด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางเทคโนยี (วทิ ยาการคำนวณ)

 ด้านอนื่ ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤติกรรมท่มี ปี ัญหาของนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถา้ มี))

 ปญั หา/อุปสรรค
 แนวทางการแก้ไข

แผนการจัดการเรียนรู้

รหสั วิชา ว22104 รายวชิ า ออกแบบและเทคโนโลยี

กลมุ่ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาชัน้ ปที ่ี 2 ภาคเรยี นที่ 2

หน่วยที่ 3 เรื่องกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม เวลาเรียน 6 ชว่ั โมง

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 2 เร่ือง กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เวลาเรียน 4 ชวั่ โมง

1. มาตรฐาน/ตวั ชว้ี ัด

1.1 ตวั ช้วี ัด
ว 4.1 ม.2/2 ระบปุ ัญหาหรือความต้องการในชมุ ชน หรอื ท้องถิน่ สรปุ กรอบของปัญหา

รวบรวม วเิ คราะห์ ขอ้ มลู และแนวคิดท่ีเก่ยี วข้องกบั ปญั หา
ม.2/3 ออกแบบวธิ กี ารแก้ปญั หา โดยวิเคราะห์เปรยี บเทียบ และตัดสินใจเลอื ก

ขอ้ มลู ท่ีจำเปน็ ภายใตเ้ ง่อื นไขและทรัพยากรที่มีอยู่ นำเสนอแนวทาง
การแกป้ ญั หาให้ผอู้ น่ื เข้าใจ วางแผนขนั้ ตอนการทำงานและดำเนนิ
การแกป้ ัญหาอย่างเป็นขั้นตอน
ม.2/4 ทดสอบ ประเมนิ ผล และอธิบายปัญหาหรือขอ้ บกพรอ่ งท่ีเกิดข้นึ ภายใต้
กรอบเงือ่ นไข พรอ้ มท้ังหาแนวทางปรบั ปรงุ แกไ้ ข และนำเสนอผลการ

แกป้ ัญหา

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

1. อธบิ ายข้นั ตอนของกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรมไดอ้ ย่างถกู ต้อง (K)
2. ออกแบบผลิตภัณฑ์โดยใช้หลักการออกแบบเชิงวศิ วกรรมได้ (P)
3. เห็นประโยชนข์ องกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม (A)

3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถิ่น
พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา
สาระการเรียนร้แู กนกลาง
พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา
- ปัญหาหรอื ความตอ้ งการในชมุ ชนหรือท้องถนิ่
มีหลายอยา่ ง ขึน้ กบั บรบิ ทหรอื สถานกาณท์ ี่
ประสบ เชน่ ด้านพลังงาน สิ่งแวดลอ้ ม
การเกษตร การอาหาร
- การระบปุ ัญหาจำเป็นตอ้ งมกี ารวิเคราะห์
สถานการณข์ องปญั หาเพอ่ื สรุปกรอบของ
ปัญหาแล้วดำเนนิ การสืบค้น รวบรวมขอ้ มูล
ความรู้จากศาสตรต์ ่าง ๆ ทีเ่ กยี่ วขอ้ งเพื่อ
นำไปสู่การออกแบบแนวทางการแก้ปญั หา
- การวิเคราะห์ เปรียบเทียบ และตดั สินใจเลือก
ขอ้ มลู ที่จำเปน็ โดยคำนึงถงึ เง่อื นไขและ
ทรพั ยากร เชน่ งบประมาณ เวลา ข้อมูล และ

สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถน่ิ

สารสนเทศ วัสดุ เครื่องมอื และอุปกรณ์ ช่วยให้
ได้แนวทางการแกป้ ัญหาทเ่ี หมาะสม
- การออกแบบแนวทางการแก้ปัญหาทำได้
หลากหลายวิธี เชน่ การร่างภาพ การเขียน
แผนภาพ การเขยี นผังงาน
- การกำหนดขนั้ ตอนระยะเวลาในการทำงาน
กอ่ นดำเนนิ การแกป้ ญั หาจะช่วยใหก้ ารทำงาน
สำเรจ็ ได้ ตามเปา้ หมาย และลดขอ้ ผิดพลาด
ของการทำงานท่อี าจเกิดขน้ึ
- การทดสอบและประเมินผลเปน็ การตรวจสอบ
ชน้ิ งาน หรอื วธิ กี ารว่าสามารถแก้ปญั หาได้ตาม
วัตถุประสงค์ภายใต้กรอบของปญั หา เพอ่ื หา
ขอ้ บกพร่อง และดำเนนิ การปรับปรุงให้
สามารถ แก้ไขปัญหาได้
- การนำเสนอผลงานเป็นการถา่ ยทอดแนวคดิ
เพื่อให้ผ้อู ่นื เขา้ ใจเก่ียวกับกระบวนการทำงาน

และช้ินงานหรือวิธกี ารทีไ่ ด้ ซ่งึ สามารถทำได้
หลายวธิ ี เช่น การเขยี นรายงาน การทำแผ่น
นำเสนอผลงาน การจัดนทิ รรศการ

4. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด

เมื่อเรามองไปรอบ ๆ ตัวของเราก็จะพบเห็นสิ่งปลูกสร้าง สิ่งอำนวยความสะดวก ที่จะช่วยให้

มนษุ ย์ดำเนินชีวติ ได้สะดวกสบาย สิง่ เหลา่ นี้เกิดจากการท่ีมนุษย์คิดค้นและทำการทดลองทฤษฎตี ่าง ๆ จน

ไดข้ อ้ สรปุ แนวคิดท่ีแนช่ ัด มนษุ ย์จึงเรมิ่ คิดค้นและประดษิ ฐ์สิง่ ต่าง ๆ โดยจะผา่ นการวางแผน รวบรวมองค์

ความรกู้ ารออกแบบ ทดสอบ ประเมินผล และนำเสนอ ซ่งึ กระบวนการทั้งหมดเหล่านเ้ี รยี กวา่

กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม

5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี นและคุณลักษณะอนั พึงประสงค์

สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มวี นิ ัย รับผิดชอบ

- ทกั ษะการส่อื สาร 2. ใฝเ่ รยี นรู้

- ทกั ษะการแลกเปลย่ี นขอ้ มูล 3. มงุ่ มนั่ ในการทำงาน

2. ความสามารถในการคิด

- ทักษะการคิดวิเคราะห์

3. ความสามารถในการแก้ปัญหา

- ทักษะการสังเกต

4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
- ทักษะการทำงานรว่ มกนั

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
- ทกั ษะการสบื ค้นข้อมลู

6. กิจกรรมการเรยี นรู้

 วธิ กี ารสอนโดยเนน้ รปู แบบการสอนแบบใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน (problem - based learning)

ช่ัวโมงที่ 1

ขน้ั นำ

1. ครทู บทวนความรเู้ ดมิ เกีย่ วกบั กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
2. ครูเปดิ วีดิทศั นเ์ กย่ี วกบั การผลิตรถยนต์ ให้นักเรยี นดูพร้อมถามคำถามกระตนุ้ ความสนใจของ

นกั เรยี นวา่ “ในการผลิตรถยนต์นกั เรียนสงั เกตเห็นขนั้ ตอนการผลติ อะไรบา้ ง และสงั เกตเห็น
การทำงานเชิงวิศวกรรมศาสตร์บา้ งหรอื ไม่และปรากฏอยใู่ นขั้นตอนใด” นกั เรียนร่วมกนั แสดง
ความคดิ เหน็ ภายในหอ้ งเรยี น
3. ครูอธบิ ายกับนักเรยี นเพ่อื เชือ่ มโยงเขา้ สบู่ ทเรียนวา่ “กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรมเพอ่ื
ใหไ้ ด้ผลงานโดยทั่วไปมีอยู่ 2 แบบ คอื การออกแบบเชงิ วศิ วกรรมโดยใช้วทิ ยาศาสตร์และ
คณิตศาสตร์ และการออกแบบเชงิ วิศวกรรมโดยใช้ประสบการณ์ ซึ่ง 2 แบบนแ้ี ตกต่างกัน
ทค่ี วามน่าเชอื่ ถอื ความปลอดภยั และการทำซ้ำ เป็นต้น”
4. ครูถามคำถามกระตุน้ ความคิดให้นกั เรียนแสดงความคิดเห็นโดยใช้คำถามสำคญั ประจำหวั ขอ้ ว่า
“กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรมมคี วามสำคัญในการสรา้ งเทคโนโลยีอย่างไร”
(แนวตอบ : นักเรยี นตอบตามความคดิ เหน็ ของตนเอง โดยคำตอบขึน้ อยู่กับดุลยพนิ ิจของ
ครูผสู้ อน เช่น กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรมเปน็ กระบวนการสำคัญที่ทำงานอย่างเป็น
ระบบจะทำให้สรา้ งเทคโนโลยีมีประสิทธภิ าพผา่ น 6 ขัน้ ตอนหลกั และสามารถจำแนก
รายละเอียดไดเ้ ป็น 13 ขัน้ ตอน เปน็ ตน้ )

ขน้ั สอน

ขนั้ ที่ 1 กำหนดปัญหา
1. นกั เรียนแบ่งกลุ่มออกเปน็ 4 กลุ่ม ตามสถานการณ์ท่คี รกู ำหนด จากนน้ั ครชู แ้ี จงรายละเอียด
เกี่ยวกบั สถานการณ์ปญั หาวา่ “จากการที่ครไู ดท้ ำการสำรวจปญั หาภายในชมุ ชน ทำให้พบ
ปัญหาทง้ั หมด 4 ปัญหา ดังนี้
1) ไฟฟา้ ไม่เพียงพอต่อจำนวนครัวเรอื น จึงต้องการเครื่องปน่ั ไฟทีส่ ามารถผลิต
ไฟฟา้ ไดเ้ อง
2) ส่ิงแวดล้อมในบริเวณชมุ ชนปรากฏขยะมูลฝอยเป็นจำนวนมาก จงึ ต้องการ
เครื่องกำจัดขยะที่สามารถยอ่ ยสลายขยะได้ง่าย

3) ชาวบ้านต้องการหมกั ปุย๋ จำนวนมาก แต่ไม่มแี รงงานในการทำงานที่เพยี งพอ
จงึ ตอ้ งการเครือ่ งหมักปุ๋ยอัตโนมัติ

4) ชาวบา้ นต้องการแปรรูปเนื้อสตั ว์ดว้ ยวิธีการรมควนั จึงตอ้ งการเครือ่ งอบรมควนั
ทีส่ ามารถใช้ได้ในครัวเรอื น”

ขั้นท่ี 2 ทำความเขา้ ใจปัญหา
2. ครอู ธิบายใหน้ ักเรียนเข้าใจเกย่ี วกบั กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมว่า“การออกแบบ
เชิงวศิ วกรรมเป็นคำทใี่ ชอ้ ธิบายกระบวนการสร้างเทคโนโลยี นวตั กรรม หรือส่งิ ประดษิ ฐ์
ซง่ึ มขี ั้นตอนการดำเนินงานท่ีมีความนา่ เชือ่ ถอื ความปลอดภัย และเกดิ การทำซำ้
โดยกระบวนการเหล่านี้เปน็ กระบวนการทอ่ี าศัยหลกั การทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์
เขา้ มาพัฒนา แตก่ ม็ กี ระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรมทไี่ มไ่ ด้ใช้หลกั การทางวทิ ยาศาสตร์และ
คณติ ศาสตร์เข้ามาเกยี่ วขอ้ ง คือ กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรมโดยใชป้ ระสบการณ์
กระบวนการนเี้ กดิ จากการคดิ ค้นและประดษิ ฐ์จากภมู ิปัญญาชาวบ้าน เชน่ เคยี วเกี่ยวขา้ ว
เรอื ไม้ พาย เป็นตน้ ”
3. ครูอธบิ ายเพิ่มเตมิ เกี่ยวกับ การเรยี นร้รู ปู แบบ STEM วา่ “ปัจจุบันเทคโนโลยี และ นวัตกรรม
ไดพ้ ฒั นาไปอย่างรวดเร็ว จงึ ทำให้มผี ู้คิดคน้ การเรียนรู้รูปแบบ STEM คือ การผนวกแนวคดิ
การออกแบบเชิงวิศวกรรมเข้ากบั การเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ วศิ วกรรมศาสตร์ คณิตศาสตร์ และ
เทคโนโลยี เพ่ือใหเ้ กิดการออกแบบวธิ กี ารหรือกระบวนการ เพอ่ื ตอบสนองความต้องการที่
จะสร้างสรรคผ์ ลงานหรอื แกป้ ญั หาท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ชวี ติ ประจำวัน”
4. นักเรยี นศกึ ษาขน้ั ตอนหลัก 6 ขน้ั ตอนของกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรมจากหนังสือ
เรียนรายวิชาพน้ื ฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี ม.2 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3
กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม เพอ่ื ทำความเขา้ ใจถงึ รายละเอยี ดตา่ ง ๆ อย่างละเอียด
โดยเปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นสบื ค้นขอ้ มูลเพิม่ เติมจากทางอินเทอรเ์ นต็ ท่ีเครอื่ งคอมพิวเตอร์
ของตนเอง

ช่วั โมงที่ 2

ขนั้ ที่ 3 ดำเนินการศึกษาคน้ ควา้
5. เปิดโอกาสให้นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ อภปิ รายร่วมกนั จากศกึ ษาค้นควา้ หาความรู้ เรื่อง กระบวนการ
ออกแบบเชิงวศิ วกรรม 6 ขน้ั ตอน เพอื่ นำมาแกป้ ัญหาสถานการณ์ตามที่กลมุ่ ตนเองไดร้ ับ
มอบหมาย
6. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ศกึ ษาและสงั เกตตวั อยา่ ง เร่อื ง กระบวนการพฒั นาเตาอบพลังงาน
แสงอาทติ ยด์ ว้ ยกระบวนการเชิงวิศวกรรมศาสตร์ทั้ง 6 ข้นั ตอน จากหนงั สือเรียน ดงั น้ี
ข้นั ตอนท่ี 1 ระบุปัญหา
ข้นั ตอนท่ี 2 รวบรวมข้อมลู และแนวคิดท่เี กีย่ วข้องกบั ปัญหา
ขั้นตอนที่ 3 ออกแบบวธิ ีการปญั หา
ข้ันตอนท่ี 4 วางแผนและดำเนนิ การแก้ปญั หา
ขั้นตอนที่ 5 ทดสอบ ประเมินผลและปรับปรงุ วธิ กี ารแก้ปัญหาหรอื ชิน้ งาน
ขน้ั ตอนท่ี 6 นำเสนอวธิ ีการแกป้ ญั หา ผลการแก้ปญั หาหรอื ชิน้ งาน

7. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ นำกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรมทเี่ ปน็ ขน้ั ตอนหลกั ท้งั 6 ขั้นตอน
มาปรับใช้ในการแกป้ ัญหาสถานการณ์ตามท่กี ล่มุ ของตนเองไดร้ ับมอบหมาย

ช่ัวโมงท่ี 3

ข้นั ที่ 3 ดำเนนิ การศกึ ษาค้นควา้
8. นักเรียนสังเกตผงั แสดงกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรมจากหนังสือเรียนทีจ่ ะทำให้เหน็
ถงึ ขนั้ ตอนหลักของกระบวนการท้ัง 6 ขัน้ ตอน ถกู จำแนกรายละเอียดออกเป็น 13 ขน้ั ตอน
ซ่ึงเปน็ การทำงานที่มีความละเอียดมากข้ึน โดยใช้ความร้ทู างวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์
บนฐานความคิดเดยี วกับกระบวนการออกแบบการแกป้ ญั หา ซ่งึ กระบวนการออกแบบ
เชิงวศิ วกรรมทัง้ 13 ขั้นตอน มดี ังน้ี
1) ระบคุ วามต้องการ (Recognition of need and definition of problem)
เป็นการระบุสง่ิ ท่ตี ้องการผลติ หรอื สรา้ งสรรค์ผลงาน
2) ระบคุ ณุ ลักษณะท่ีต้องการ (Specification) เปน็ การระบุสง่ิ ต้องการแกป้ ัญหา
เบอ้ื งตน้ หรือรูปแบบลกั ษณะของผลิตภัณฑ์
3) การรวบรวมขอ้ มูล (Gathering of information) เปน็ การหาขอ้ มลู เก่ยี วกับ
รายละเอยี ดของรูปแบบ ลักษณะของผลิตภัณฑ์ หรอื ระบบของทำงานของ
ผลติ ภัณฑ์
4) ศกึ ษาความเปน็ ไปได้ (Feasibility Study) เป็นการนำข้อมูลที่ไดม้ าวเิ คราะห์
เพอ่ื นำไปใชแ้ ก้ปญั หา และเพ่ือใหต้ อบโจทยก์ ารแก้ปญั หาได้ตรงตาม
ความต้องการมากทส่ี ุด
5) สังเคราะหห์ าหลกั การสร้างสรรค์ (Creative Design Synthesis) เปน็ การหา
หลักการหรือแนวทางแก้ปัญหาและการสร้างสรรค์ช้นิ งาน
6) ออกแบบสร้างขนั้ ตอน (Preliminary Design) เป็นข้ันตอนที่วิศวกรนำหลักการ
มาออกแบบรูปรา่ ง โดยมเี งื่อนไขจากการสังเคราะห์ทีเ่ สร็จแล้ว
7) จำลองสภาพสถานการณ์ (Simulation) เปน็ การนำต้นแบบมาจำลอง
การใชง้ านหรอื วศิ วกรอาจจะนำเทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์มาจำลอง
เปน็ สถานการณ์เบอ้ื งตน้
8) ออกแบบละเอยี ด (Detailed Design) เปน็ การออกแบบรายละเอยี ดของ
ทุกระบบ เพ่ือให้เกดิ กระบวนการทำงานของนวัตกรรม โดยตอ้ งให้ทุกสว่ น
ทำงานสัมพันธก์ ัน
9) สรา้ งและทดสอบเครอ่ื งต้นแบบ (Prototype build and test) เปน็ ข้นั ตอน
ที่รวบรวมขอ้ มลู ทัง้ หมดแลว้ ทำการสร้างเครื่องตน้ แบบขึน้ มาจริง
10) ประเมินผล (Evaluation) ขัน้ ตอนนจี้ ะเป็นการตรวจสอบผลการทำงาน
ของเครื่องต้นแบบ และจดปัญหาหรือข้อบกพร่องของการทำงาน
11) ประชุมสรปุ ผล (Design Conclusion) เปน็ การตัดสินใจวา่ ผลติ ภัณฑ์
จะสามารถนำไปใช้ได้หรอื ไม่ เพราะถ้าไมผ่ ่านตอ้ งกลับไปแกไ้ ขใหม่ต้ังแต่
ขั้นการออกแบบ

12) ออกแบบการผลิต (Design for production) เป็นขน้ั ตอนทผ่ี ู้ออกแบบ
ตอ้ งส่ือสาร กบั ผูผ้ ลติ เพื่อให้ผู้ผลติ สามารถผลิตออกมาได้ตรงตามการออกแบบ

13) จำหน่ายผลิตภณั ฑ์ (Product Release) ข้นั ตอนนี้เป็นหนา้ ทข่ี องฝ่ายขาย
ที่จะต้องนำสนิ ค้าไปจำหน่าย

ขน้ั ที่ 4 สงั เคราะหค์ วามรู้
9. นกั เรียนแตล่ ะคนแลกเปล่ียนความรู้โดยนำเสนอร่วมกันภายในกลมุ่ เกี่ยวกับการ ออกแบบเชิง
วิศวกรรม 13 ขั้นตอน พรอ้ มตรวจสอบขอ้ มลู ทไี่ ด้ศึกษาและสืบค้นมาตอบสถานการณ์ปญั หา
ของกลมุ่ ตนเองไดค้ รบถ้วน และให้สมาชิกในกลุ่มลงมติว่าพงึ พอใจกบั คำตอบหรือไม่ ถา้ มติของ
กลมุ่ ยังไมเ่ ปน็ ทีพ่ อใจให้ทบทวนและหาความร้เู พมิ่ เติม

ขั้นที่ 5 สรุปและประเมนิ คา่ ของคำตอบ
10. นักเรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกนั สรปุ องค์ความรูท้ ี่ได้จากการศกึ ษา กระบวนการออกแบบเชงิ

วศิ วกรรม 13 ขนั้ ตอน จากนน้ั นำสถานการณ์ปัญหาของกลุม่ ตนเองมาสร้างเปน็ กระบวนการ
ออกแบบเชิงวศิ วกรรม

ชวั่ โมงท่ี 4

ขั้นที่ 6 นำเสนอและประเมนิ ผลงาน
11. นักเรียนแต่ละกลุม่ นำเสนอผลงานเกย่ี วกบั กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรมจากสถานการณ์

ทีไ่ ดร้ ับในรปู แบบของ PowerPoint จากนนั้ ครูผู้สอนประเมินผลงานการนำเสนอของแตล่ ะ
กลุ่ม
12. จากนนั้ ให้นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ กล่มุ ละ 3 คน เพ่ือร่วมกนั ทำกิจกรรมที่สอดคล้องกบั เน้อื หา
โดยใหผ้ ู้เรียนฝกึ ปฏิบตั เิ พ่อื พัฒนาความรูแ้ ละทักษะ (Design Activity)

Note
วัตถุประสงคข์ องกิจกรรมเพื่อใหน้ กั เรยี น
- มที กั ษะการทำงานรว่ มกนั โดยใช้กระบวนการกล่มุ ในการทำงานหรือการทำ

กจิ กรรมเพือ่ ให้เกิดการสือ่ สารและแลกเปลีย่ นขอ้ มลู รว่ มกนั ภายในกลมุ่
- มที กั ษะการสืบค้นขอ้ มูล โดยให้นกั เรยี นแตล่ ะคนสืบคน้ ขอ้ มลู จากอินเทอรเ์ น็ต

เพื่อสืบเสาะหาความรูต้ ามหัวข้อท่ีได้รบั มอบหมาย
- มที กั ษะการคิดวเิ คราะห์ โดยใหน้ กั เรียนพิจารณาเน้อื หาจากการสืบค้นหรอื ศกึ ษา

ข้อมลู จากแหลง่ ขอ้ มูลต่าง ๆ เช่น หนังสือเรยี น อินเทอร์เน็ต เป็นต้น
- มที กั ษะการสงั เกต โดยใหน้ ักเรียนสังเกตตวั อย่าง เรอื่ ง กระบวนการพฒั นาเตาอบ

พลังงานแสงอาทติ ยด์ ว้ ยกระบวนการเชิงวศิ วกรรมศาสตร์ เพื่อนำไปปรบั ใชใ้ นการเรียนได้
อยา่ งเหมาะสม

ขน้ั สรปุ

1. นกั เรียนและครรู ่วมกันสรปุ ความรูเ้ กย่ี วกบั กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรมว่า
“กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม เป็นรปู แบบการทำงานของการผลิตส่งิ ประดษิ ฐ์

เทคโนโลยี หรอื นวัตกรรม ในรปู แบบของการแกป้ ัญหาโดยใช้แนวคดิ เชิงการคำนวณ
การแตกย่อยปัญหา การมองหารปู แบบ การกำหนดหลักการ และการออกแบบขัน้ ตอน
การทำงาน โดยจะมกี ารตรวจสอบผลตามข้นั ต่าง ๆ เพือ่ เปน็ การปรบั ปรงุ แก้ไขปญั หาและ
ขอ้ บกพรอ่ งของผลติ ภัณฑ”์
2. นักเรียนแต่ละคนทำแบบฝกึ หัดทบทวนความรู้ ความเขา้ ใจ และพฒั นาทกั ษะการคิดของผู้อนื่
(Unit Activity)
3. นักเรยี นตรวจสอบระดบั ความสามารถของตนเอง (Self-check) โดยพิจารณาข้อความว่า
ถกู หรอื ผดิ หากนกั เรยี นพจิ ารณาขอ้ ความไม่ถูกต้อง ให้นักเรยี นกลับไปทบทวนเน้อื หา
ตามหัวขอ้ ท่กี ำหนดให้
4. นักเรียนทำแบบทดสอบหลงั เรยี น หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม
เพอ่ื วดั ความรทู้ ่นี กั เรียนไดร้ ับ หลังจากผา่ นการเรียนรู้

7. การวัดและประเมนิ ผล วิธีวัด เคร่ืองมอื เกณฑ์การประเมนิ
- แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ระดับคณุ ภาพ 2
รายการวัด - สงั เกตพฤตกิ รรมการ การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
7.1 ประเมนิ ระหว่างการจัดกจิ กรรม ทำงานรายบุคคล - แบบประเมนิ ระดับคณุ ภาพ 2
การนำเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์
การเรยี นรู้ - ประเมินการนำเสนอ - แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับคณุ ภาพ 2
1) พฤตกิ รรมการทำงาน ผลงาน การทำงานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์
- สงั เกตพฤติกรรม
รายบคุ คล การทำงานกลุ่ม
2) การนำเสนอผลงาน
3) พฤตกิ รรมการทำงานกลุม่

4) การสร้างชิ้นงาน - ตรวจช้นิ งาน - แบบประเมนิ ช้ินงาน ระดับคณุ ภาพ 2
การออกแบบเชิงวิศวกรรม - แบบประเมิน ผ่านเกณฑ์
- สงั เกตความมีวินัย คุณลักษณะ ระดับคุณภาพ 2
5) คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ความรบั ผดิ ชอบ อนั พงึ ประสงค์ ผ่านเกณฑ์
ใฝ่เรยี นรู้ และมุง่ ม่ัน - แบบทดสอบกอ่ นเรียน
7.2 การประเมินหลังเรยี น ในการทำงาน ประเมินตามสภาพจรงิ
- แบบทดสอบหลงั เรยี น
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 - ตรวจแบบทดสอบ
เร่ือง กระบวนการออกแบบ กอ่ นเรยี น
เชิงวิศวกรรม

8. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้

8.1 สอ่ื การเรยี นรู้
1) หนงั สือเรยี นรายวชิ าพืน้ ฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.2 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3
กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม
2) วิดิทศั นเ์ ก่ียวกับการผลิตรถยนต์
3) เคร่อื งคอมพิวเตอร์

8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องคอมพวิ เตอร์
2) อนิ เทอรเ์ น็ต

แบบประเมินการนำเสนอผลงาน

คำชแ้ี จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ลงในชอ่ งที่

ตรงกับระดับคะแนน

ลำดบั ที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1
32

1 ความถูกต้องของเนอ้ื หา  

2 ความคดิ สรา้ งสรรค์  

3 วิธกี ารนำเสนอผลงาน  

4 การนำไปใชป้ ระโยชน์  

5 การตรงตอ่ เวลา  

รวม

ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมนิ
............/................./...................

เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบูรณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมนิ บางส่วน

เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ

14–15 ดมี าก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ต่ำกวา่ 8 ปรบั ปรุง

แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล

คำชีแ้ จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ลงในช่องท่ี

ตรงกบั ระดับคะแนน

ลำดับท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1
32

1 การแสดงความคิดเหน็  

2 การยอมรบั ฟงั ความคดิ เห็นของผูอ้ ื่น  

3 การทำงานตามหนา้ ท่ีท่ีไดร้ ับมอบหมาย  

4 ความมนี ำ้ ใจ  

5 การตรงต่อเวลา  

รวม

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงช่อื ................................................... ผ้ปู ระเมนิ
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ............/.................../................

ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ

14–15 ดมี าก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรุง

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม

คำช้ีแจง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ลงในชอ่ งที่

ตรงกบั ระดับคะแนน

การมี

ลำดบั ที่ ชอ่ื –สกลุ การแสดง การยอมรับ การทำงาน ความมี สว่ นรว่ มใน รวม
ของนกั เรยี น ฟังคนอ่นื นำ้ ใจ 15
ความ ตามทไ่ี ดร้ บั การ คะแนน
คิดเหน็ มอบหมาย ปรบั ปรงุ
ผลงานกลมุ่

321321321321321

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงช่ือ ................................................... ผปู้ ระเมนิ
ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ............./.................../...............
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้งั ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
14–15 ดมี าก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ตำ่ กว่า 8 ปรับปรงุ

แบบประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

คำชี้แจง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ✓ลงในช่องที่

ตรงกับระดบั คะแนน ระดับคะแนน
คณุ ลักษณะ 32 1
อนั พึงประสงคด์ า้ น รายการประเมนิ

1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาติได้

กษัตริย์ 1.2 เขา้ รว่ มกิจกรรมทสี่ รา้ งความสามัคคปี รองดอง และเป็นประโยชน์ตอ่

โรงเรยี น

1.3 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาทต่ี นนับถอื ปฏบิ ตั ติ ามหลักศาสนา

1.4 เข้ารว่ มกจิ กรรมท่เี กีย่ วกบั สถาบันพระมหากษัตริย์ตามที่โรงเรียนจดั ขน้ึ

2. ซอ่ื สตั ย์ สจุ รติ 2.1 ใหข้ ้อมลู ทถี่ ูกต้องและเปน็ จรงิ

2.2 ปฏบิ ตั ิในส่งิ ที่ถูกต้อง

3. มีวินัย รับผดิ ชอบ 3.1 ปฏิบตั ติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคับของครอบครวั

มคี วามตรงตอ่ เวลาในการปฏิบัติกจิ กรรมต่าง ๆ ในชวี ติ ประจำวนั

4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 รู้จกั ใช้เวลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนำไปปฏิบัตไิ ด้

4.2 รู้จกั จดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม

4.3 เช่อื ฟงั คำสัง่ สอนของบิดา-มารดา โดยไม่โต้แยง้

4.4 ตงั้ ใจเรียน

5. อย่อู ยา่ งพอเพียง 5.1 ใช้ทรพั ย์สนิ และส่ิงของของโรงเรียนอย่างประหยัด

5.2 ใชอ้ ปุ กรณ์การเรียนอยา่ งประหยดั และรู้คุณค่า

5.3 ใช้จ่ายอย่างประหยัดและมกี ารเก็บออมเงิน

6. ม่งุ ม่นั ในการทำงาน 6.1 มีความตั้งใจและพยายามในการทำงานทีไ่ ด้รบั มอบหมาย

6.2 มคี วามอดทนและไม่ทอ้ แท้ตอ่ อุปสรรคเพื่อใหง้ านสำเรจ็

7. รกั ความเปน็ ไทย 7.1 มจี ิตสำนกึ ในการอนรุ ักษ์วัฒนธรรมและภมู ิปญั ญาไทย

7.2 เหน็ คุณค่าและปฏบิ ตั ิตนตามวฒั นธรรมไทย

8. มีจิตสาธารณะ 8.1 รู้จกั ช่วยพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครูทำงาน

8.2 รู้จกั การดแู ลรักษาทรพั ยส์ มบตั แิ ละสิ่งแวดลอ้ มของหอ้ งเรยี นและ

โรงเรียน

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงช่อื .................................................. ผูป้ ระเมิน
พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัตชิ ัดเจนและสม่ำเสมอ ............/.................../................
พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิชัดเจนและบ่อยคร้งั
พฤตกิ รรมทีป่ ฏิบตั ิบางครั้ง ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
ให้ 2 คะแนน 51–60 ดมี าก
ให้ 1 คะแนน 41–50 ดี
30–40 พอใช้
ต่ำกวา่ 30 ปรับปรุง

แบบประเมนิ ชิน้ งาน

คำชแ้ี จง : ใหผ้ ู้สอนประเมินผลงานของนกั เรยี น แลว้ ขดี ✓ลงในชอ่ งทต่ี รงกบั ระดับคะแนน

ลำดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 1
32

1 ความถูกตอ้ งของเนื้อหา  

2 ความคดิ สรา้ งสรรค์  

3 ความแข็งแรงของชิน้ งาน 

4 การนำไปใช้ประโยชน์ 

5 ส่งงานตรงเวลา 

รวม

ลงชอ่ื ................................................... ผู้ประเมิน
............/................./...................

เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมินสมบรู ณช์ ัดเจน
ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมินเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมนิ บางสว่ น

เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ

14–15 ดีมาก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ตำ่ กวา่ 8 ปรับปรุง

9. ความเหน็ ของผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษาหรอื ผู้ทไี่ ดร้ ับมอบหมาย .
)
ขอ้ เสนอแนะ .......

ลงชื่อ
(

ตำแหนง่

10. บนั ทึกผลหลังการสอน

 ดา้ นความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น

 ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)

 ดา้ นอื่น ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมที่มีปญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (ถา้ ม)ี )

 ปัญหา/อปุ สรรค
 แนวทางการแกไ้ ข

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4

การคิดเชิงออกแบบ

เวลา 4 ชั่วโมง

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวช้ีวดั

ว 4.1 เข้าใจแนวคดิ หลักของเทคโนโลยเี พือ่ การดำรงชีวิตในสงั คมที่มกี ารเปลยี่ นแปลงอยา่ งรวดเร็ว
ใชค้ วามรู้และทกั ษะทางด้านวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อนื่ ๆ เพือ่ แกป้ ัญหาหรือ
พัฒนางานอย่างมีความคดิ สร้างสรรค์ ดว้ ยกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม เลอื กใช้
เทคโนโลยอี ยา่ งเหมาะสมโดยคำนึงถึงผลกระทบตอ่ ชีวติ สงั คม และสิง่ แวดล้อม
ว 4.1 ม.2/2 ระบุปัญหาหรอื ความต้องการในชุมชน หรอื ทอ้ งถิน่ สรุปกรอบของ
ปัญหา รวบรวม วิเคราะห์ ข้อมูลและแนวคิดท่ีเกี่ยวข้องกับปญั หา
ว 4.1 ม.2/3 ออกแบบวธิ ีการแกป้ ญั หา โดยวิเคราะหเ์ ปรียบเทยี บ และตดั สินใจ
เลือกขอ้ มูลทจ่ี ำเปน็ ภายใต้เงอ่ื นไขและทรัพยากรทมี่ ีอยู่ นำเสนอ
แนวทางการแก้ปัญหาให้ผูอ้ นื่ เข้าใจ วางแผนขน้ั ตอนการทำงานและ
ดำเนินการแก้ปัญหาอยา่ งเป็นข้นั ตอน
ว 4.1 ม.2/4 ทดสอบ ประเมนิ ผล และอธบิ ายปัญหาหรือขอ้ บกพรอ่ งทีเ่ กิดข้นึ
ภายใต้กรอบเงอ่ื นไข พร้อมทง้ั หาแนวทางปรบั ปรุงแกไ้ ข และนำเสนอ
ผลการแกป้ ญั หา

2. สาระการเรียนรู้

2.1 สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
1) ปญั หาหรอื ความตอ้ งการในชุมชนหรอื ทอ้ งถิ่นมหี ลายอย่าง ขึ้นกบั บรบิ ทหรือสถานการณ์ทป่ี ระสบ
เช่น ด้านพลังงาน สิง่ แวดลอ้ ม การเกษตร การอาหาร
2) การระบุปัญหาจำเป็นต้องมีการวิเคราะหส์ ถานการณข์ องปัญหาเพ่ือสรปุ กรอบของปญั หาแลว้
ดำเนินการสืบคน้ รวบรวมข้อมลู ความรจู้ ากศาสตร์ต่าง ๆ ท่ีเกีย่ วข้อง เพอ่ื นำไปสู่การออกแบบ
แนวทางการแก้ปัญหา
3) การวเิ คราะห์ เปรยี บเทียบ และตดั สินใจเลือกข้อมลู ท่ีจำเปน็ โดยคำนงึ ถงึ เง่อื นไขและทรัพยากร
เช่น งบประมาณ เวลา ข้อมูล และสารสนเทศ วสั ดุ เครอ่ื งมือและอปุ กรณ์ ชว่ ยใหไ้ ดแ้ นวทาง
การแก้ปัญหาท่ีเหมาะสม
4) การออกแบบแนวทางการแกป้ ญั หาทำไดห้ ลากหลายวิธี เชน่ การร่างภาพ การเขยี นแผนภาพ
การเขยี นผังงาน
5) การกำหนดขั้นตอนระยะเวลาในการทำงานก่อนดำเนินการแก้ปญั หาจะช่วยให้การทำงานสำเร็จได้
ตามเปา้ หมาย และลดขอ้ ผดิ พลาดของการทำงานที่อาจเกดิ ขนึ้
6) การทดสอบและประเมินผลเป็นการตรวจสอบชน้ิ งาน หรอื วิธกี ารวา่ สามารถแก้ปญั หาได้ตาม
วตั ถปุ ระสงคภ์ ายใต้กรอบของปัญหา เพื่อหาขอ้ บกพรอ่ ง และดำเนนิ การปรบั ปรุงให้สามารถแก้ไข
ปัญหาได้
7) การนำเสนอผลงานเป็นการถ่ายทอดแนวคิดเพอื่ ให้ผอู้ ื่นเขา้ ใจเก่ียวกับกระบวนการทำงาน และ
ชนื้ งานหรอื วิธกี ารท่ไี ด้ ซึง่ สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การเขยี นรายงาน การทำแผน่ นำเสนอ
ผลงาน การจัดนิทรรศการ

2.2 สาระการเรยี นรู้ท้องถน่ิ
(พจิ ารณาตามหลักสูตรสถานศึกษา)

3. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด

การคดิ เชิงออกแบบเปน็ แนวคดิ ที่ใช้ในการแก้ปญั หา โดยยึดเอาคนหรอื ประสบการณ์ผใู้ ชเ้ ปน็
ศูนยก์ ลาง และรว่ มกนั ค้นคิดวธิ กี ารแกป้ ัญหาร่วมกันของทีมงานอย่างสร้างสรรค์ ทำให้ตน้ แบบที่ผลิตข้นึ มา
เปน็ เทคโนโลยีที่มีความทีม่ ีขอ้ ผิดพลาดนอ้ ย และเทคโนโลยนี ั้นมีมูลคา่ ท่ีสงู ขึ้น ซ่งึ จะเปน็ การแกป้ ัญหาดว้ ย
การเน้นทำความเขา้ ใจวา่ คนตอ้ งการอะไร แทนทว่ี ิธกี ารแบบเดิมทม่ี กั เรมิ่ ต้นจาก “ปญั หา”

4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี นและคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. ซอื่ สตั ย์ สุจรติ
1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. มีวินัย รบั ผิดชอบ
- ทกั ษะการสอื่ สาร 3. ใฝเ่ รียนรู้
- ทกั ษะการแลกเปลย่ี นขอ้ มูล 4. มงุ่ มนั่ ในการทำงาน

2. ความสามารถในการคิด

- ทักษะการคดิ วเิ คราะห์

3. ความสามารถในการแก้ปญั หา

- ทกั ษะการสังเกต

4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ

- ทักษะการทำงานร่วมกัน

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

- ทักษะการสบื ค้นข้อมลู

5. ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)

-

6. การวัดและการประเมินผล วธิ ีวดั เครื่องมอื เกณฑ์การประเมิน

รายการวดั - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบก่อนเรยี น ประเมนิ ตามสภาพจริง
6.1 การประเมินกอ่ นการเรียน ก่อนเรียน

- แบบทดสอบก่อนเรียน
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4
เรอ่ื ง การคิดเชงิ ออกแบบ

6.2 ประเมนิ ระหว่างการจัดกจิ กรรม - สงั เกตพฤตกิ รรมการ - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดบั คุณภาพ 2
การเรียนรู้ ทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์
1) พฤติกรรมการทำงาน - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ 2
รายบุคคล ผลงาน การนำเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์
2) การนำเสนอผลงาน

รายการวัด วิธวี ดั เครอ่ื งมอื เกณฑ์การประเมิน
3) พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ระดับคณุ ภาพ 2
การทำงานกลุม่ ผา่ นเกณฑ์
การทำงานกลุม่

4) คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ - สงั เกตความซอ่ื สตั ย์ - แบบประเมิน ระดับคุณภาพ 2
สุจริต ความมีวนิ ยั คุณลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์
6.3 การประเมนิ หลังเรียน อนั พึงประสงค์
- แบบทดสอบหลงั เรียน ความรับผิดชอบ
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 4 ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มัน่ - แบบทดสอบก่อนเรยี น ประเมินตามสภาพจรงิ
เรือ่ ง การคิดเชิงออกแบบ ในการทำงาน
- ตรวจแบบทดสอบ

ก่อนเรียน

7. กจิ กรรมการเรยี นรู้

นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม

เรอ่ื งที่ 1 : กระบวนการคิดเชิงออกแบบ เวลา 2 ชว่ั โมง

วธิ ีการสอนโดยเนน้ การจดั การเรียนรู้แบบใชป้ ัญหาเป็นฐาน (problem - based learning)

ขนั้ นำ
1. ครูใหก้ ระดาษแก่นกั เรยี นคนละ 1 แผน่ โดยเป็นกระดาษทมี่ รี ูปสี่เหลยี่ ม 10 รูป จากน้นั
ให้นักเรียนทุกคนวาดรปู ทรงอะไรกไ็ ดล้ งบนรปู สเ่ี หลี่ยมท้งั 10 รูป โดยมีเงอ่ื นไขว่ารปู ทรง
ทัง้ หมดใน 10 รปู จะตอ้ งไม่ซำ้ กนั
2. นกั เรยี นแบง่ กลุ่มออกเปน็ 4-5 กลมุ่ ให้นักเรียนร่วมกันเปรียบเทียบรปู วาดภายในกลมุ่
จากนัน้ ครสู อบถามนักเรยี นว่า“รปู ทรงของกลมุ่ ใดเหมอื นกัน และรูปทรงของกลุ่มใดไม่
เหมอื นกนั ” และสรุปการทำกจิ กรรมรว่ มกันกับนกั เรยี น
3. ครูอธิบายกบั นักเรียนเกี่ยวกบั การคิดเชงิ ออกแบบเพื่อเช่อื มโยงเข้าสู่บทเรียน พร้อมถาม
คำถามกระตนุ้ ความคิดของนกั เรียน โดยใชค้ ำถามประจำหวั ข้อว่า“การคิดเชงิ ออกแบบ
ชว่ ยพัฒนานวัตกรรมไดอ้ ย่างไร”

ขน้ั สอน

ขั้นที่ 1 กำหนดปญั หา
1. ครูอธบิ ายสถานการณ์ปญั หาชมุ ชนกบั ผู้เรยี น
2. จากนัน้ ครใู หน้ ักเรยี นคิดคน้ วธิ ีการแกป้ ญั หาชมุ ชน รวมถงึ การสร้างนวตั กรรม
โดยใช้การคิดเชิงออกแบบเพือ่ แก้ไขปัญหา

ขนั้ ท่ี 2 ทำความเขา้ ใจปัญหา
3. นกั เรียนแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 8-10 คน จากนน้ั ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุ่มทำความเข้าใจกับปัญหา
ชุมชน โดยให้นักเรียนระบหุ ัวข้อทีค่ วรดำเนนิ การศกึ ษา เพ่ือแกไ้ ขปัญหาจากสถานการณ์
4. นกั เรยี นทำความเข้าใจกับแนวคิดหลกั ของการคดิ เชงิ ออกแบบ จากหนังสือเรียน เพอ่ื วิเคราะห์
การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความพึงพอใจของผ้ใู ช้งาน จากภาพการคิดเชิงออกแบบ
ของขวดซอสมะเขอื เทศท่มี ีแนวคดิ หลกั 3 ขน้ั ตอน

ขนั้ ท่ี 3 ดำเนนิ การศกึ ษาคน้ คว้า
5. นักเรียนแต่ละกล่มุ รว่ มกันศึกษากระบวนการของการคดิ เชิงออกแบบ 5 ขนั้ ตอน ที่ David
Kelly ไดน้ ำมาใช้ในธรุ กจิ และรบั การยอมรับอยา่ งกวา้ งขวาง
6. นักเรียนศึกษาเกรด็ เสรมิ ความรู้ทเ่ี กี่ยวข้องกบั เน้อื หา (Design Focus) เร่อื ง การนำการคดิ เชงิ
ออกแบบไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และกระบวนการ
7. เปิดโอกาสใหน้ ักเรยี น ศึกษาความรเู้ พิม่ เติมจากอินเทอรเ์ นต็ ที่เคร่ืองคอมพิวเตอร์ของตนเอง

ข้นั ท่ี 4 สังเคราะห์ความรู้
8. นกั เรยี นนำความรู้จากกระบวนการคิดเชงิ ออกแบบมาแลกเปล่ียนเรยี นรู้รว่ มกนั ภายในกลุ่ม
และนำความรมู้ าแกป้ ัญหาสถานการณ์ชมุ ชน โดยเร่ิมกิจกรรมตามกระบวนการของการคดิ เชิง
ออกแบบ 5 ขั้นตอน โดยครูคอยกระตุ้นให้สมาชิกในกล่มุ ทุกคนแสดงความคดิ เหน็ หรอื
แนวทางการแก้ไขปญั หา

ขน้ั สรุป

1. นกั เรยี นและครูร่วมกันสรุปความรูเ้ กยี่ วกบั การคิดเชงิ ออกแบบว่า
2. ครูวาดผังมโนทัศน์ลงบนกระดานหนา้ ชนั้ เรียน พรอ้ มอธบิ ายเพือ่ สรุปหลักของการคิดเชงิ

ออกแบบ

เรือ่ งที่ 2 : ถอดความคิดเชงิ ออกแบบของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธเิ บศร เวลา 2 ชวั่ โมง
มหาภมู ิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

วธิ กี ารสอนโดยเน้นรปู แบบการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)

ขน้ั นำ

ขน้ั ที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement)
1. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั ทบทวนความรู้เดมิ เกี่ยวกับการคิดเชงิ ออกแบบ
2. ครถู ามคำถามเพ่อื กระตนุ้ ความสนใจของนกั เรียนวา่ “พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร
มหาภมู ิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชการท่ี 9) มีโครงการใดบา้ งท่มี ีแนวคิดต่าง ๆ
เพือ่ แก้ปญั หาให้แกป่ ระชาชน” โดยครคู อยบันทึกคำตอบของนักเรียนลงบนกระดาน
หน้าช้นั เรยี น

ขน้ั สอน

ขน้ั ท่ี 2 สำรวจคน้ หา (Exploration)
1. นักเรียนแบ่งกลมุ่ กลุม่ ละ 5 คน เพื่อรว่ มกันสงั เกตผงั แสดงแนวคิดการแก้ปัญหาจาก
หนงั สือเรยี นพรอ้ มวเิ คราะหค์ วามหมายของขน้ั ตอนในกระบวนการแก้ปัญหา
2. นกั เรียนแต่ละกล่มุ สงั เกตการแกป้ ัญหาภาวะแหง้ แลง้ ท่ีมีสาเหตุมาจากความคลาดเคล่อื นของ
ฤดูกาลตามธรรมชาติ จากโครงการพระราชดำริฝนหลวง พร้อมวเิ คราะหต์ ามข้ันตอนใน
กระบวนการแกป้ ัญหาทั้ง 5 ขน้ั ตอน
3. เปิดโอกาสให้นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ สบื ค้นข้อมูลเกยี่ วกับโครงการตา่ ง ๆ ของพระบาทสมเดจ็
พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จากอินเทอร์เนต็ ที่
เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ของตนเอง จากน้นั คดั เลือกขน้ึ มา 1 โครงการพรอ้ มวเิ คราะห์ตามข้นั ตอน
ในกระบวนการแก้ปญั หาทั้ง 5 ข้นั ตอน

ขั้นที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explanation)
4. ให้นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ส่งตวั แทนออกมานำเสนอข้อมลู หนา้ ชั้นเรยี น

ขัน้ ท่ี 4 ขยายความเข้าใจ (Elaboration)
5. ใหน้ กั เรยี นแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 3 คน เพอื่ ทำกิจกรรมทส่ี อดคล้องกบั เนอ้ื หาโดยใหผ้ เู้ รยี น
ฝึกปฏบิ ัติเพ่ือพัฒนาความรูแ้ ละทกั ษะ (Design Activity)
6. จากนัน้ ให้นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ส่งตัวแทนออกมานำเสนอหนา้ ชั้นเรยี น

ขน้ั สรุป

ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluation)
1. ครูประเมนิ ผลจากการนำเสนอของนักเรยี น
2. นักเรียนและครูร่วมกนั สรุปความรเู้ กี่ยวกับกระบวนการคิดเชงิ ออกแบบ
3. นกั เรียนทำแบบฝกึ ทบทวนความรู้ ความเขา้ ใจ และพัฒนาทักษะการคิดของผ้เู รยี น (Unit
Activity) จากนนั้ ใหน้ กั เรียนตอบคำถามลงในสมุดประจำตวั

4. นักเรยี นตรวจสอบระดบั ความสามารถของตนเอง (Self-Check) โดยพจิ ารณาขอ้ ความว่า
ถูกหรือผิด หากนกั เรยี นพจิ ารณาข้อความไม่ถกู ต้องใหน้ ักเรยี นกลับไปทบทวนเนอ้ื หาตาม
หัวขอ้ ทก่ี ำหนดให้

5. นกั เรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 เรอื่ ง การคดิ เชิงออกแบบ เพอ่ื วดั
ความรู้ทน่ี ักเรียนได้รับหลงั จากผ่านการเรยี นรู้

8. สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้

8.1 สือ่ การเรียนรู้
1) หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพื้นฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.2 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 4
เรือ่ ง การคดิ เชงิ ออกแบบ
2) เครอ่ื งคอมพิวเตอร์

8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) หอ้ งคอมพิวเตอร์
2) อนิ เทอร์เน็ต

แผนการจัดการเรยี นรู้

รหสั วชิ า ว22104 รายวิชา การออกแบบและเทคโนโลยี

กลุม่ สาระวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศกึ ษาชนั้ ปที ่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 2

หน่วยที่ 4 เรือ่ งการคดิ เชิงออกแบบ เวลาเรยี น 4 ชว่ั โมง

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1 เร่อื ง กระบวนการคิดเชงิ ออกแบบ เวลาเรยี น 2 ชั่วโมง

1. มาตรฐาน/ตัวช้ีวัด

1.1 ตวั ช้ีวัด
ว 4.1 ม.2/2 ระบปุ ัญหาหรือความต้องการในชมุ ชนหรอื ทอ้ งถ่นิ สรุปกรอบของปัญหา

รวบรวม วเิ คราะห์ขอ้ มลู และแนวคิดที่เก่ียวขอ้ งกบั ปญั หา
ม.2/3 ออกแบบวิธีการแก้ปญั หา โดยวิเคราะหเ์ ปรยี บเทียบ และตดั สนิ ใจเลอื ก

ขอ้ มลู ท่จี ำเป็นภายใต้เงือ่ นไขและทรัพยากรที่มอี ยู่ นำเสนอแนวทาง
การแกป้ ญั หาใหผ้ ู้อืน่ เขา้ ใจ วางแผนขั้นตอนการทำงานและดำเนนิ
การแก้ปญั หาอยา่ งเปน็ ข้นั ตอน
ม.2/4 ทดสอบ ประเมนิ ผล และอธบิ ายปัญหาหรอื ข้อบกพร่องท่ีเกิดขนึ้ ภายใต้
กรอบเงอื่ นไข พร้อมทั้งหาแนวทางปรับปรงุ แกไ้ ข และนำเสนอผล

การแกป้ ัญหา

2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1. อธิบายขน้ั ตอนของกระบวนการคดิ เชงิ ออกแบบได้ (K)
2. แกป้ ัญหาต่าง ๆ โดยใชก้ ระบวนการคดิ เชิงออกแบบไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง (P)

3. เห็นประโยชนข์ องกระบวนการคิดเชิงออกแบบ (A)

3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถนิ่
พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา
สาระการเรียนรู้แกนกลาง

- ปัญหาหรอื ความต้องการในชุมชนหรอื ท้องถ่ิน
มหี ลายอย่าง ขน้ึ กับบรบิ ทหรอื สถานการณ์ที่
ประสบ เชน่ ด้านพลังงาน สิ่งแวดลอ้ ม
การเกษตร การอาหาร
- การระบุปญั หาจำเปน็ ตอ้ งมีการวิเคราะห์
สถานการณ์ของปญั หาเพ่อื สรปุ กรอบของ
ปัญหาแล้วดำเนินการสืบคน้ รวบรวมข้อมลู
ความรจู้ ากศาสตร์ต่าง ๆ ทเ่ี กยี่ วข้องเพอื่
นำไปสู่การออกแบบแนวทางการแกป้ ญั หา
- การวิเคราะห์ เปรยี บเทยี บ และตดั สินใจเลอื ก
ข้อมูล ท่ีจำเปน็ โดยคำนึงถึงเง่อื นไขและ
ทรัพยากร เช่น งบประมาณ เวลา ข้อมูล และ

สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถิน่

สารสนเทศ วสั ดุ เครอื่ งมอื และอปุ กรณ์ชว่ ยให้
ได้แนวทางการแกป้ ัญหาทเี่ หมาะสม
- การออกแบบแนวทางการแกป้ ัญหาทำได้
หลากหลายวิธี เชน่ การรา่ งภาพ การเขยี น
แผนภาพ การเขียนผังงาน
- การกำหนดข้ันตอนระยะเวลาในการทำงาน
ก่อนดำเนนิ การแกป้ ัญหาจะช่วยใหก้ ารทำงาน
สำเร็จได้ ตามเปา้ หมาย และลดขอ้ ผิดพลาด
ของการทำงานทอี่ าจเกิดขึน้
- การทดสอบและประเมนิ ผลเป็นการตรวจสอบ
ชิน้ งาน หรือวธิ ีการว่าสามารถแกป้ ัญหาได้ตาม
วตั ถปุ ระสงคภ์ ายใตก้ รอบของปญั หา เพ่ือหา
ขอ้ บกพรอ่ ง และดำเนนิ การปรบั ปรงุ ให้
สามารถ แกไ้ ขปญั หาได้
- การนำเสนอผลงานเป็นการถา่ ยทอดแนวคิด
เพ่ือให้ผอู้ ่นื เข้าใจเกย่ี วกับกระบวนการทำงาน

และชน้ิ งานหรือวธิ ีการทไี่ ด้ ซึง่ สามารถทำได้
หลายวธิ ี เช่น การเขียนรายงาน การทำแผน่
นำเสนอผลงาน การจัดนิทรรศการ

4. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด

การคิดเชงิ ออกแบบเป็นแนวคดิ ทใ่ี ช้ในการแกป้ ญั หา โดยยึดเอาคนหรือประสบการณ์ผู้ใช้เป็น
ศูนยก์ ลาง และรว่ มกนั คน้ คิดวิธีการแก้ปัญหารว่ มกันของทมี งานอย่างสรา้ งสรรค์ ทำให้ต้นแบบท่ีผลิต

ข้ึนมาเป็นเทคโนโลยีทีม่ คี วามท่มี ีข้อผิดพลาดน้อย และเทคโนโลยนี นั้ มมี ลู คา่ ท่ีสงู ข้ึน ซง่ึ จะเป็นการ
แก้ปัญหาดว้ ยการเน้นทำความเข้าใจว่าคนต้องการอะไร แทนที่วิธกี ารแบบเดมิ ท่ีมกั เรม่ิ ต้นจาก“ปัญหา”

5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี นและคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์

สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. ซ่ือสตั ย์ สุจรติ
- ทักษะการส่ือสาร 2. มวี ินัย รบั ผิดชอบ
- ทักษะการแลกเปล่ยี นขอ้ มลู 3. ใฝ่เรยี นรู้
3. มุ่งมั่นในการทำงาน
2. ความสามารถในการคิด
- ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์

3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
- ทักษะการทำงานรว่ มกนั

4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
- ทักษะการสบื ค้นขอ้ มลู

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้

 วิธกี ารสอนโดยเนน้ รูปแบบการสอนแบบใชป้ ญั หาเป็นฐาน (problem - based learning)

ชั่วโมงท่ี 1

ขน้ั นำ

1. นกั เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนหนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 เร่ือง การคดิ เชงิ ออกแบบ
เพ่อื วดั ความรู้เดิมกอ่ นเข้าสู่กจิ กรรม

2. ครูใหก้ ระดาษแกน่ กั เรียนคนละ 1 แผ่น โดยเป็นกระดาษทีม่ รี ูปสเี่ หลี่ยม 10 รปู จากนั้น
ใหน้ ักเรียนทกุ คนวาดรปู ทรงอะไรกไ็ ดล้ งบนรูปส่เี หล่ยี มทง้ั 10 รูป โดยมีเง่ือนไขว่ารูปทรง
ทง้ั หมดใน 10 รปู จะต้องไมซ่ ้ำกัน

3. นักเรยี นแบง่ กลมุ่ ออกเป็น 4-5 กลมุ่ ใหน้ กั เรียนร่วมกันเปรียบเทยี บรปู วาดภายในกลุ่ม
จากนนั้ ครสู อบถามนกั เรียนวา่ “รูปทรงของกลุ่มใดเหมอื นกัน และรูปทรงของกลมุ่ ใดไม่
เหมือนกนั ”

4. ครูสรุปการทำกิจกรรมว่า“ในการแก้ปญั หาอย่างใดอย่างหน่งึ ของนกั เรยี น ไม่จำเป็นตอ้ งได้
ทางเลอื กหรือคำตอบทเี่ หมอื น ๆ กัน อาจจะมีแนวคดิ ที่เหมือนกนั ไดแ้ ละแตกตา่ งได้ ดงั น้นั
การแกป้ ัญหาสามารถมไี ด้หลากหลายวิธกี าร แตก่ ารแกป้ ญั หาโดยไมอ่ อกแบบใหด้ ีจะสง่ ผลให้
เกิดข้อผิดพลาดต่าง ๆ ตามมา รวมถงึ การสร้างนวตั กรรมกจ็ ะตอ้ งมีข้นั ตอนการสรา้ งตน้ แบบ
เพ่อื ลดความผดิ พลาด”

5. ครูอธบิ ายกับนักเรียนเกยี่ วกับการคดิ เชงิ ออกแบบเพื่อเชอ่ื มโยงเข้าสู่บทเรียนวา่ “การคิดเชิง
ออกแบบ เป็นเครอื่ งมือสำคัญในการสร้างนวัตกรรม เพราะการสร้างชนิ้ งานหรือเทคโนโลยีทม่ี ี
ขนั้ ตอนการพฒั นาอย่างชัดเจนจะทำใหช้ ิ้นงานหรอื เทคโนโลยีท่พี ัฒนาขึ้นมีมลู ค่าเพิ่มขึ้น”

6. ครถู ามคำถามกระตุ้นความคดิ ของนักเรียน โดยใชค้ ำถามประจำหวั ข้อวา่ “การคดิ เชงิ ออกแบบ
ชว่ ยพฒั นานวตั กรรมได้อยา่ งไร”
(แนวตอบ : นักเรยี นตอบตามความคดิ เหน็ ของตนเอง โดยคำตอบขน้ึ อยูก่ ับดุลยพินิจของ
ครูผู้สอน เช่น การคดิ เชิงออกแบบจะชว่ ยสรา้ งนวตั กรรมท่ีมปี ระสทิ ธภิ าพ เพอ่ื ลดความ
ผดิ พลาดให้แกน่ วัตกรรม หรือเพิ่มมูลค่าใหแ้ ก่นวัตกรรม เป็นต้น)

ขน้ั สอน

ข้นั ท่ี 1 กำหนดปัญหา
1. ครูอธิบายสถานการณ์ปัญหาชมุ ชนกับผ้เู รยี นว่า“ชมุ ชนมีแมลงวันจำนวนมากจะก่อใหเ้ กดิ
ปัญหา คือ โรคเกย่ี วกบั ระบบทางเดินอาหารมาสู่คน เช่น บดิ ไทฟอยด์ อาหารเป็นพิษ
อหิวาตกโรค และโรคหนอนพยาธบิ างชนิด ประกอบกับแมลงวันยงั แพร่ขยายจำนวนไดอ้ ยา่ ง
รวดเร็วทำให้ปญั หาที่เกดิ ขึ้นกลายเปน็ ปญั หาใหญ่ของชุมชน”
2. จากนน้ั ครใู หน้ ักเรยี นคิดคน้ วธิ ีการแกป้ ญั หาชมุ ชน รวมถงึ การสรา้ งนวัตกรรม โดยใช้การคดิ
เชงิ ออกแบบเพื่อแก้ไขปัญหา

ขน้ั ท่ี 2 ทำความเข้าใจปญั หา
3. นักเรยี นแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 8-10 คน จากน้นั ให้นักเรียนแต่ละกลุม่ ทำความเข้าใจกบั ปญั หา
ชุมชน โดยให้นกั เรยี นระบหุ ัวขอ้ ท่คี วรดำเนินการศึกษา ไดแ้ ก่ ความร้เู กย่ี วกบั แมลงวนั
วงจรชวี ติ ของแมลงวัน การป้องกันและกำจัดแมลงวัน เป็นตน้ เพอื่ แก้ไขปญั หาจากสถานการณ์
ดงั กล่าว
4. นกั เรียนทำความเข้าใจกบั แนวคดิ หลกั ของการคิดเชิงออกแบบ จากหนงั สอื เรยี นรายวชิ า
พืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4
การคิดเชิงออกแบบ เพอ่ื วิเคราะห์การออกแบบผลติ ภัณฑท์ ่ีตอบสนองความพึงพอใจของ
ผู้ใช้งาน จากภาพการคดิ เชิงออกแบบของขวดซอสมะเขือเทศที่มีแนวคิดหลกั 3 ขั้นตอน คอื
1) การเข้าใจปัญหาอย่างถกู ต้อง (Understand)
2) การคดิ แบบไมม่ ีกรอบ (Brainstorm)
3) เรยี นรูผ้ ่านการลงมือทำ (Prototype)

ขั้นท่ี 3 ดำเนนิ การศึกษาค้นควา้
5. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันศกึ ษากระบวนการของการคิดเชิงออกแบบ 5 ขน้ั ตอน ที่ David
Kelly ได้นำมาใชใ้ นธรุ กจิ และรบั การยอมรบั อยา่ งกว้างขวาง ได้แก่
ขั้นตอนที่ 1 การทำความเข้าใจผูใ้ ช้อยา่ งลกึ ซึ้ง (Empathize)
ขั้นตอนที่ 2 การระบปุ ัญหาและกรอบของปัญหา (Define)
ข้นั ตอนท่ี 3 การหาแนวทางแก้ปัญหา (Ideate)
ขัน้ ตอนที่ 4 การสร้างต้นแบบ (Prototype)
ข้ันตอนท่ี 5 การทดสอบ (Test)
6. นกั เรยี นศกึ ษาเกร็ดเสริมความรู้ทเี่ ก่ยี วขอ้ งกับเนอ้ื หา (Design Focus) เรื่อง การนำการคิดเชิง
ออกแบบไปพัฒนาผลิตภณั ฑ์ บรกิ าร และกระบวนการ
7. เปดิ โอกาสใหน้ กั เรียน ศึกษาความรู้เพม่ิ เติมจากอินเทอร์เน็ตท่ีเครือ่ งคอมพวิ เตอร์ของตนเอง

ชัว่ โมงที่ 2

ขน้ั ที่ 4 สังเคราะหค์ วามรู้
8. นกั เรียนนำความร้จู ากกระบวนการคิดเชิงออกแบบมาแลกเปลย่ี นเรียนรู้รว่ มกนั ภายในกลุม่
และนำความรู้มาแก้ปัญหาสถานการณช์ ุมชน โดยเร่ิมกจิ กรรมตามกระบวนการของการคดิ เชิง
ออกแบบ 5 ข้นั ตอน โดยครูคอยกระตุน้ ให้สมาชิกในกลุม่ ทกุ คนแสดงความคดิ เหน็ หรอื
แนวทางการแก้ไขปัญหา

ขน้ั ที่ 5 สรุปและประเมินค่าของคำตอบ
9. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มสรปุ ประเดน็ ทไี่ ดจ้ ากการอภิปรายความรูร้ ่วมกันตามกระบวนการคดิ
เชิงออกแบบ

ขั้นที่ 6 นำเสนอและประเมนิ ผลงาน
10. นักเรียนแต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทนออกมานำเสนอผลงานของกล่มุ เกีย่ วกับกระบวนการคดิ

เชิงออกแบบจากสถานการณ์ปญั หาชมุ ชนรวมถงึ นวตั กรรมทนี่ กั เรียนต้องการสรา้ งขน้ึ
เพ่ือแกไ้ ขปัญหา

Note
วัตถปุ ระสงค์ของกิจกรรมเพ่อื ให้นกั เรยี น
- มที ักษะการทำงานร่วมกันโดยใชก้ ระบวนการกลุม่ ในการทำงานหรือการทำ

กิจกรรมเพอ่ื ให้เกิดการสือ่ สารและแลกเปลีย่ นขอ้ มลู ร่วมกันภายในกลุ่ม
- มที กั ษะการสบื คน้ ขอ้ มลู โดยให้นักเรียนแตล่ ะคนสบื ค้นข้อมลู จากอนิ เทอร์เนต็

เพ่ือสบื เสาะหาความร้ตู ามหัวข้อทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
- มที ักษะการคิดวเิ คราะห์ โดยให้นักเรียนพิจารณาเน้อื หาจากการสืบคน้ หรือศึกษา

ขอ้ มูลจากแหลง่ ขอ้ มลู ต่าง ๆ เชน่ หนงั สอื เรยี น อินเทอร์เน็ต เป็นตน้

ขน้ั สรุป

1. นักเรียนและครูร่วมกนั สรปุ ความรูเ้ กยี่ วกับการคิดเชงิ ออกแบบวา่ “เป็นกระบวนการออกแบบ
และพฒั นาผลิตภัณฑ์ บริการ และกระบวนการ ท่ีต้องค้นหาประสบการณ์ของผูใ้ ช้ (User
experience) เพ่ือพัฒนาตน้ แบบออกมาทดลองตลาด (integrative Prototyping) จากนั้น
เมอ่ื ทดลองใชแ้ ละไดร้ ับผลตอบกลับจากผู้ท่มี ีใช้งานจริง หรือผู้ทเ่ี กี่ยวขอ้ งกับผลติ ภัณฑ์
(Stakeholder feedback) จงึ นำมาปรับปรุง และผลิตเพอื่ จำหน่ายตอ่ ไป การคิดเชงิ ออกแบบ
จงึ เป็นกระบวนการออกแบบท่เี รยี นรู้จากผ้ใู ชง้ านเปน็ ศนู ยก์ ลางอยา่ ง ดงั นนั้ จึงกล่าวได้ว่า
การคดิ เชิงออกแบบผลิตภัณฑ์จงึ เป็นการพฒั นาผลิตภัณฑ์ เพ่อื ตอบสนองความพึงพอใจของ
ผูใ้ ชอ้ ยา่ งแทจ้ รงิ ”

2. ครูวาดผงั มโนทัศนล์ งบนกระดานหน้าชนั้ เรียน พรอ้ มอธบิ ายเพอ่ื สรุปหลกั ของการคิดเชิง
ออกแบบวา่ “หลกั ของการคิดเชิงออกแบบ ต้องประกอบดว้ ย 3 ขั้นตอน คือ
1) การเขา้ ใจปัญหาอย่างถูกต้อง (Understand) เป็นการทำความเข้าใจปัญหา
อยา่ งลึกซงึ้ กบั คนทเี่ กดิ ปัญหานน้ั จรงิ ๆ ตัวอยา่ งเชน่ หากเป็นหมอหรือ
พยาบาลท่ีต้องการสรา้ งสรรค์บรกิ ารทดี่ ี ควรเรมิ่ ท่ีการทำความเขา้ ใจ
ความต้องการของคนไข้ หรอื หากเปน็ ครูทต่ี อ้ งการพฒั นาการเรียนการสอน
ของตัวเอง ควรเริ่มทีก่ ารทำความเขา้ ใจนักเรียน
2) การคิดแบบไม่มกี รอบ (Brainstorm) มุ่งเน้นการแยกการสรา้ งสรรคแ์ นวคิด
ออกมาให้มากกอ่ น แล้วนำแนวคิดเหลา่ นน้ั มาประเมนิ ว่าแนวคดิ ใดมคี วาม
เปน็ ไปได้บ้าง
3) เรยี นรู้ผ่านการลงมือทำ (Prototype) สรา้ งตน้ แบบ หรอื แบบจำลองอยา่ งง่าย
ท่ีสามารถนำไปส่ือสารแนวคิด เพอื่ นำไปพสิ จู นว์ ่าตอบสนองความตอ้ งการของ
กลุ่มเป้าหมายหรือไม่”

7. การวดั และประเมินผล วธิ ีวัด เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมิน

รายการวดั - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบก่อนเรยี น ประเมินตามสภาพจริง
7.1 การประเมินก่อนการเรยี น ก่อนเรยี น

- แบบทดสอบก่อนเรียน

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4
เร่อื ง การคิดเชงิ ออกแบบ

7.2 ประเมินระหว่างการจดั กจิ กรรม - สังเกตพฤตกิ รรมการ - แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดบั คณุ ภาพ 2
การเรียนรู้ ทำงานรายบุคคล การทำงานรายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์
1) พฤติกรรมการทำงาน - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ 2
รายบุคคล ผลงาน การนำเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์
2) การนำเสนอผลงาน - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ระดบั คณุ ภาพ 2
3) พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม การทำงานกลมุ่ การทำงานกลุม่ ผ่านเกณฑ์

4) คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ - สังเกตความซ่ือสตั ย์ - แบบประเมิน ระดับคุณภาพ 2
สุจรติ ความมีวนิ ยั คณุ ลักษณะ ผา่ นเกณฑ์
ความรบั ผดิ ชอบ อันพงึ ประสงค์
ใฝ่เรยี นรู้ และมุง่ มนั่
ในการทำงาน

8. สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้

8.1 สอื่ การเรียนรู้

1) หนังสอื เรียนรายวชิ าพ้นื ฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4

เรอ่ื ง การคิดเชงิ ออกแบบ
2) เคร่ืองคอมพิวเตอร์
8.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) ห้องคอมพิวเตอร์
2) อนิ เทอรเ์ น็ต

9. ความเห็นของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ี่ไดร้ ับมอบหมาย .
)
ข้อเสนอแนะ
.......
ลงชือ่
(

ตำแหน่ง

10. บนั ทึกผลหลงั การสอน

 ด้านความรู้
 ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน
 ด้านคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
 ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)
 ดา้ นอื่น ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤตกิ รรมที่มปี ญั หาของนกั เรียนเปน็ รายบคุ คล (ถา้ ม)ี )

 ปัญหา/อุปสรรค
 แนวทางการแกไ้ ข

แผนการจดั การเรยี นรู้

รหสั วิชา ว22104 รายวิชา การออกแบบและเทคโนโลยี

กลมุ่ สาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศกึ ษาช้นั ปีที่ 2 ภาคเรียนท่ี 2

หนว่ ยท่ี 4 เรอื่ งการคดิ เชิงออกแบบ เวลาเรียน 4 ช่ัวโมง

แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 2 เรอื่ ง ถอดความคิด เวลาเรยี น 2 ชั่วโมง

1. มาตรฐาน/ตวั ชี้วดั ระบปุ ญั หาหรือความต้องการในชุมชนหรือทอ้ งถ่ิน สรุปกรอบของปัญหา
1.1 ตัวช้ีวัด รวบรวม วเิ คราะห์ข้อมูลและแนวคิดท่ีเกี่ยวข้องกับปัญหา
ว 4.1 ม.2/2 ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา โดยวิเคราะห์เปรยี บเทียบ และตัดสนิ ใจเลอื กข้อมูล
ที่จำเป็นภายใต้เงื่อนไขและทรพั ยากรทีม่ อี ยู่ นำเสนอแนวทาง การแกป้ ัญหาให้
ม.2/3 ผอู้ นื่ เขา้ ใจ วางแผนขั้นตอนการทำงานและดำเนนิ การแก้ปญั หาอยา่ งเปน็ ข้ันตอน
ทดสอบ ประเมินผล และอธบิ ายปัญหาหรอื ขอ้ บกพร่องท่ีเกดิ ขึ้น ภายใตก้ รอบ
ม.2/4 เง่อื นไข พร้อมทง้ั หาแนวทางปรบั ปรงุ แกไ้ ข และนำเสนอผลการแกป้ ัญหา

2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายข้นั ตอนของกระบวนการคิดเชงิ ออกแบบได้ (K)
2. สืบคน้ ขอ้ มลู เกี่ยวกับโครงการต่าง ๆ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธเิ บศร มหาภูมพิ ลอดุลยเดช
มหาราช บรมนาถบพติ รไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง (P)
3. เห็นประโยชน์ของกระบวนการคดิ เชงิ ออกแบบ (A)

3. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรทู้ ้องถ่ิน

- ปญั หาหรอื ความต้องการในชุมชนหรือท้องถ่นิ พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา

มีหลายอย่าง ขึ้นกับบรบิ ทหรือสถานการณ์

ทป่ี ระสบ เชน่ ดา้ นพลังงาน สงิ่ แวดล้อม

การเกษตร การอาหาร

- การระบปุ ญั หาจำเปน็ ต้องมกี ารวิเคราะห์

สถานการณข์ องปญั หาเพอ่ื สรปุ กรอบของปัญหา

แล้วดำเนินการสืบค้น รวบรวมขอ้ มูล ความรู้

จากศาสตร์ต่าง ๆ ท่ีเกย่ี วข้อง เพอื่ นำไปสู่

การออกแบบแนวทางการแกป้ ญั หา

- การวิเคราะห์ เปรียบเทยี บ และตดั สนิ ใจเลือก

ข้อมลู ทจ่ี ำเป็น โดยคำนงึ ถงึ เงื่อนไขและ

ทรพั ยากร เชน่ งบประมาณ เวลา ขอ้ มูล และ

สารสนเทศ วสั ดเุ ครือ่ งมอื และอปุ กรณ์ช่วยให้ได้

แนวทางการแกป้ ัญหาทเ่ี หมาะสม

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น

- การออกแบบแนวทางการแก้ปัญหาทำได้
หลากหลายวธิ ี เชน่ การร่างภาพ การเขยี น
แผนภาพ การเขยี นผงั งาน

- การกำหนดขัน้ ตอนระยะเวลาในการทำงานกอ่ น
ดำเนนิ การแก้ปัญหาจะช่วยใหก้ ารทำงานสำเรจ็
ได้ตามเป้าหมาย และลดขอ้ ผิดพลาดของการ
ทำงานที่อาจเกดิ ขึน้

- การทดสอบและประเมินผลเป็นการตรวจสอบ
ชิ้นงาน หรอื วิธกี ารวา่ สามารถแกป้ ัญหาได้ตาม
วตั ถปุ ระสงคภ์ ายใต้กรอบของปญั หา เพื่อหา
ข้อบกพร่อง และดำเนนิ การปรับปรุงให้สามารถ
แก้ไขปญั หาได้

- การนำเสนอผลงานเปน็ การถา่ ยทอดแนวคิด
เพ่อื ใหผ้ ูอ้ ื่นเขา้ ใจเกยี่ วกบั กระบวนการทำงาน
และชน้ิ งานหรือวิธีการท่ีได้ ซ่งึ สามารถทำได้
หลายวธิ ี เชน่ การเขยี นรายงาน การทำแผน่

นำเสนอผลงาน การจดั นิทรรศการ

4. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด

การคดิ เชิงออกแบบเป็นแนวคดิ ท่ีใชใ้ นการแกป้ ัญหา โดยยึดเอาคนหรือประสบการณผ์ ู้ใชเ้ ป็น

ศูนยก์ ลาง ซงึ่ โครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดชทกุ โครงการ

ไม่ไดร้ เิ ริม่ จากการค้นคว้าหรอื วิจัยในห้องทำงาน แต่เริ่มจากการลงพื้นทเี่ ก็บประสบการณข์ องประชาชนท่ี

ตอ้ งการความชว่ ยเหลือ

5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียนและคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์

สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. ซ่อื สตั ย์ สุจริต

- ทกั ษะการส่อื สาร 2. มวี ินัย รบั ผิดชอบ

- ทักษะการแลกเปล่ียนข้อมูล

2. ความสามารถในการคดิ 3. ใฝ่เรยี นรู้

- ทักษะการคิดวเิ คราะห์ 4. มงุ่ มนั่ ในการทำงาน

3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา

- ทักษะการสังเกต

4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต

- ทักษะการทำงานร่วมกัน

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

- ทักษะการสืบค้นข้อมูล

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
 วธิ กี ารสอนโดยเนน้ รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)

ชวั่ โมงที่ 1

ขน้ั นำ

ข้นั ที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement)
1. ครูและนักเรียนรว่ มกันทบทวนความรเู้ ดิมเกี่ยวกบั การคิดเชิงออกแบบ
2. ครูเน้นย้ำกบั นักเรียนวา่ “การแก้ปัญหาและการสรา้ งสรรค์นวตั กรรมทีด่ ไี มไ่ ดเ้ ริ่มจาก
การคิดหรือการคน้ ควา้ แต่เร่มิ จากการสมั ผสั ประสบการณ์ด้วยการลงพืน้ ที่เพอื่ ให้ทราบถึง
ความต้องการอย่างแท้จริง”
3. ครถู ามคำถามเพ่ือกระตนุ้ ความสนใจของนกั เรียนว่า“พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร
มหาภูมิพลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร (รัชการท่ี 9) มโี ครงการใดบ้างท่ีมีแนวคดิ ต่าง ๆ
เพ่ือแกป้ ญั หาให้แกป่ ระชาชน” โดยครูคอยบันทึกคำตอบของนักเรยี นลงบนกระดาน
หนา้ ช้ันเรยี น
(แนวตอบ : นักเรียนตอบตามประสบการณ์ของตนเอง โดยคำตอบขนึ้ อยกู่ บั ดุลยพินิจของ
ครูผู้สอน เช่น โครงการแก้มลิง โครงการฝนหลวง โครงการช่งั หวั มนั เป็นต้น)

ขน้ั สอน

ข้นั ที่ 2 สำรวจค้นหา (Exploration)
1. นกั เรียนแบ่งกลมุ่ กลมุ่ ละ 5 คน เพ่ือรว่ มกนั สงั เกตผงั แสดงแนวคดิ การแก้ปัญหาจาก หนังสือ
เรียนรายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.2 หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 4
เรอ่ื ง การคดิ เชงิ ออกแบบ พรอ้ มวิเคราะหค์ วามหมายของขัน้ ตอนในกระบวนการแกป้ ัญหา
2. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มสังเกตการแก้ปัญหาภาวะแหง้ แลง้ ที่มสี าเหตมุ าจากความคลาดเคลือ่ นของ
ฤดกู าลตามธรรมชาติ จากโครงการพระราชดำรฝิ นหลวง พรอ้ มวิเคราะห์ตามขนั้ ตอนใน
กระบวนการแก้ปัญหาทัง้ 5 ข้นั ตอน ไดแ้ ก่
ขน้ั ตอนที่ 1 การเขา้ ใจปญั หา (Empathize)
ขั้นตอนท่ี 2 การกำหนดปัญหา (Define)
ข้ันตอนท่ี 3 การหาแนวทางแก้ปัญหา (Ideate)
ขนั้ ตอนที่ 4 การสรา้ งตน้ แบบ (Prototype)
ขั้นตอนที่ 5 การทดสอบ (Test)
3. เปดิ โอกาสให้นกั เรยี นแต่ละกลุม่ สืบค้นข้อมลู เกีย่ วกับโครงการตา่ ง ๆ ของพระบาทสมเดจ็
พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จากอนิ เทอรเ์ น็ตที่
เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ของตนเอง จากนนั้ คัดเลือกขึ้นมา 1 โครงการพร้อมวเิ คราะห์ตามขั้นตอน
ในกระบวนการแกป้ ญั หาทัง้ 5 ขัน้ ตอน

ข้นั ที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explanation)
4. ให้นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ ส่งตวั แทนออกมานำเสนอข้อมลู หนา้ ชน้ั เรียน

ชั่วโมงที่ 2

ข้นั ท่ี 4 ขยายความเข้าใจ (Elaboration)
5. ใหน้ กั เรยี นแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 3 คน เพือ่ ทำกิจกรรมที่สอดคลอ้ งกบั เนื้อหาโดยให้ผเู้ รยี น
ฝกึ ปฏิบัตเิ พ่อื พัฒนาความรู้และทักษะ (Design Activity)
6. จากนน้ั ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่มสง่ ตัวแทนออกมานำเสนอหนา้ ชั้นเรยี น

Note
วตั ถุประสงคข์ องกจิ กรรมเพื่อให้นักเรยี น
- มีทกั ษะการทำงานร่วมกันโดยใช้กระบวนการกล่มุ ในการทำงานหรอื การทำ

กิจกรรมเพ่ือใหเ้ กิดการสื่อสารและแลกเปลยี่ นข้อมลู รว่ มกนั ภายในกลุ่ม
- มที กั ษะการสืบค้นขอ้ มลู โดยใหน้ กั เรียนแต่ละคนสืบค้นขอ้ มูลจากอนิ เทอรเ์ นต็

เพ่อื สบื เสาะหาความรู้ตามหัวข้อท่ไี ด้รับมอบหมาย
- มีทักษะการสังเกต โดยให้นักเรียนสังเกตผงั แสดงแนวคิดการแก้ปญั หาและการ

แก้ปัญหาภาวะแหง้ แล้งจากโครงการพระราชดำริฝนหลวงจากหนงั สือเรยี นเพ่อื นำไปปรบั ใช้
ในการเรียนไดอ้ ย่างเหมาะสม

- มีทกั ษะการคิดวิเคราะห์ โดยใหน้ กั เรียนพจิ ารณาเนอื้ หาจากการสืบคน้ หรือศกึ ษา
ข้อมูลจากแหล่งขอ้ มูลต่าง ๆ เชน่ หนังสือเรียน อินเทอร์เน็ต เปน็ ต้น

ขน้ั สรปุ

ขั้นท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluation)
1. ครปู ระเมนิ ผลจากการนำเสนอของนักเรยี น
2. นกั เรียนและครูรว่ มกันสรปุ ความรเู้ กย่ี วกบั กระบวนการคดิ เชิงออกแบบว่า“การคดิ เชิง
ออกแบบ เปน็ กระบวนการออกแบบและพัฒนาผลิตภณั ฑ์ บริการ และกระบวนการ
ทต่ี อ้ งคน้ หาประสบการณ์ของผใู้ ช้ (User experience) เพื่อพฒั นาต้นแบบ ประกอบดว้
5 ขนั้ ตอน ไดแ้ ก่
1) การทำความเข้าใจอยา่ งลึกซ้งึ (Empathize)
2) การระบปุ ัญหาและกรอบของปัญหา (Define)
3) การหาแนวทางแกป้ ัญหา (Ideate)
4) การสร้างตน้ แบบ (Prototype)
5) การทดสอบ (Test)
โดยโครงการพระราชดำรทิ ุกโครงการได้ใชก้ ระบวนการคดิ เชงิ ออกแบบในการพฒั นา
พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู ิพลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ รจะทรง
ศึกษาขอ้ มลู ตา่ ง ๆ อย่างเป็นขัน้ เปน็ ตอน ท้ังการศึกษาขอ้ มูลจากเอกสารและการศกึ ษาข้อมลู
จากการลงพ้ืนที่จริงก่อนจะลงมอื ปฏิบัตอิ ย่างจรงิ จัง”
3. นักเรียนทำแบบฝึกทบทวนความรู้ ความเขา้ ใจ และพัฒนาทกั ษะการคดิ ของผู้เรียน (Unit
Activity) จากนนั้ ให้นักเรียนตอบคำถามลงในสมุดประจำตวั

4. นักเรียนตรวจสอบระดับความสามารถของตนเอง (Self-Check) โดยพิจารณาขอ้ ความว่า
ถกู หรอื ผดิ หากนักเรยี นพจิ ารณาข้อความไม่ถกู ต้องใหน้ กั เรยี นกลบั ไปทบทวนเน้อื หาตาม
หวั ข้อทก่ี ำหนดให้

5. นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรยี น หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 เรอ่ื ง การคิดเชิงออกแบบ เพ่ือวดั

ความรทู้ ี่นกั เรยี นได้รับหลังจากผา่ นการเรียนรู้

7. การวดั และประเมนิ ผล

รายการวดั วิธวี ัด เครือ่ งมือ เกณฑ์การประเมิน

7.1 การประเมนิ ระหวา่ งการ - แบบสังเกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ 2
การทำงานรายบุคคล- ผา่ นเกณฑ์
จัดกิจกรรม

1) พฤตกิ รรมการทำงาน - สังเกตพฤติกรรม

รายบคุ คล การทำงานรายบุคคล

2) พฤติกรรมการทำงาน - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดบั คุณภาพ 2
กลุ่ม การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุม่ ผ่านเกณฑ์

3) การนำเสนอผลงาน - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมิน ระดบั คุณภาพ 2
ผลงาน การนำเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์
4) คณุ ลักษณะ - สังเกตความซ่อื สัตย์ - แบบประเมนิ ระดับคุณภาพ 2
อันพึงประสงค์ สุจริต ความมีวนิ ยั คณุ ลักษณะ ผ่านเกณฑ์
ความรบั ผิดชอบ อันพงึ ประสงค์
7.2 การประเมินหลังเรยี น ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมนั่ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ
- แบบทดสอบหลงั เรียน ในการทำงาน - แบบทดสอบหลงั เรียน
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4
เรอ่ื ง การคิดเชงิ - ตรวจแบบทดสอบ
ออกแบบ หลงั เรยี น

8. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้
8.1 สอื่ การเรียนรู้
1) หนังสอื เรียนรายวชิ าพ้ืนฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี ม.2 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4
เรือ่ ง การคิดเชงิ ออกแบบ

2) เคร่ืองคอมพวิ เตอร์

8.2 แหลง่ เรยี นรู้
1) คอมพวิ เตอร์
2) อนิ เทอรเ์ น็ต

แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน

คำช้ีแจง : ใหผ้ ู้สอนประเนการนำเสนอผลงาน แล้วขดี ✓ลงในช่องทีต่ รงกบั ระดับคะแนน

ลำดับที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1
32

1 ความถกู ต้องของเนื้อหา  

2 ความคิดสรา้ งสรรค์  

3 การใช้สอื่ ประกอบการนำเสนอ 

4 การนำไปใช้ประโยชน์ 

5 การตรงต่อเวลา 

รวม

ลงชือ่ ................................................... ผู้ประเมนิ
............/................./...................

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบรู ณ์ชดั เจน
ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมินบางสว่ น

เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ

14–15 ดมี าก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ต่ำกวา่ 8 ปรับปรุง

แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล

คำชีแ้ จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ลงในช่องท่ี

ตรงกบั ระดับคะแนน

ลำดับท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1
32

1 การแสดงความคิดเหน็  

2 การยอมรบั ฟงั ความคดิ เห็นของผูอ้ ื่น  

3 การทำงานตามหนา้ ท่ีท่ีไดร้ ับมอบหมาย  

4 ความมนี ำ้ ใจ  

5 การตรงต่อเวลา  

รวม

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงช่อื ................................................... ผ้ปู ระเมนิ
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ............/.................../................

ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ

14–15 ดมี าก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรุง

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม

คำช้ีแจง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ลงในชอ่ งที่

ตรงกบั ระดับคะแนน

การมี

ลำดบั ที่ ชอ่ื –สกลุ การแสดง การยอมรับ การทำงาน ความมี สว่ นรว่ มใน รวม
ของนกั เรยี น ฟังคนอ่นื นำ้ ใจ 15
ความ ตามทไ่ี ดร้ บั การ คะแนน
คิดเหน็ มอบหมาย ปรบั ปรงุ
ผลงานกลมุ่

321321321321321

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงช่ือ ................................................... ผปู้ ระเมนิ
ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ............./.................../...............
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้งั ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
14–15 ดมี าก
11–13 ดี

8–10 พอใช้

ตำ่ กว่า 8 ปรับปรงุ

แบบประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

คำชี้แจง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ✓ลงในช่องที่

ตรงกับระดบั คะแนน ระดับคะแนน
คณุ ลักษณะ 32 1
อนั พึงประสงคด์ า้ น รายการประเมนิ

1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาติได้

กษัตริย์ 1.2 เขา้ รว่ มกิจกรรมทสี่ รา้ งความสามัคคปี รองดอง และเป็นประโยชน์ตอ่

โรงเรยี น

1.3 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาทต่ี นนับถอื ปฏบิ ตั ติ ามหลักศาสนา

1.4 เข้ารว่ มกจิ กรรมท่เี กีย่ วกบั สถาบันพระมหากษัตริย์ตามที่โรงเรียนจดั ขน้ึ

2. ซอ่ื สตั ย์ สจุ รติ 2.1 ใหข้ ้อมลู ทถี่ ูกต้องและเปน็ จรงิ

2.2 ปฏบิ ตั ิในส่งิ ที่ถูกต้อง

3. มีวินัย รับผดิ ชอบ 3.1 ปฏิบตั ติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคับของครอบครวั

มคี วามตรงตอ่ เวลาในการปฏิบตั ิกจิ กรรมต่าง ๆ ในชวี ติ ประจำวนั

4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 รู้จกั ใช้เวลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนำไปปฏิบัตไิ ด้

4.2 รู้จกั จดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม

4.3 เช่อื ฟงั คำสัง่ สอนของบิดา-มารดา โดยไม่โต้แยง้

4.4 ตงั้ ใจเรียน

5. อย่อู ยา่ งพอเพียง 5.1 ใช้ทรพั ย์สนิ และส่ิงของของโรงเรียนอย่างประหยัด

5.2 ใชอ้ ปุ กรณ์การเรียนอยา่ งประหยดั และรู้คุณค่า

5.3 ใช้จ่ายอย่างประหยัดและมกี ารเก็บออมเงนิ

6. ม่งุ ม่นั ในการทำงาน 6.1 มีความตั้งใจและพยายามในการทำงานทีไ่ ด้รบั มอบหมาย

6.2 มคี วามอดทนและไมท่ อ้ แท้ตอ่ อุปสรรคเพื่อใหง้ านสำเรจ็

7. รกั ความเปน็ ไทย 7.1 มจี ิตสำนกึ ในการอนรุ ักษ์วัฒนธรรมและภมู ิปญั ญาไทย

7.2 เหน็ คุณค่าและปฏบิ ตั ิตนตามวัฒนธรรมไทย

8. มีจิตสาธารณะ 8.1 รู้จกั ช่วยพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครูทำงาน

8.2 รู้จกั การดแู ลรักษาทรพั ยส์ มบตั ิและสิ่งแวดลอ้ มของหอ้ งเรยี นและ

โรงเรียน

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงช่อื .................................................. ผูป้ ระเมิน
พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัตชิ ัดเจนและสม่ำเสมอ ............/.................../................
พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิชัดเจนและบ่อยคร้งั
พฤตกิ รรมทีป่ ฏิบตั ิบางครั้ง ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
ให้ 2 คะแนน 51–60 ดมี าก
ให้ 1 คะแนน 41–50 ดี
30–40 พอใช้
ต่ำกวา่ 30 ปรับปรุง

9. ความเหน็ ของผบู้ รหิ ารสถานศึกษาหรอื ผู้ที่ได้รบั มอบหมาย
ขอ้ เสนอแนะ

ลงช่ือ .................................
( ................................ )

ตำแหนง่ .......

10. บันทกึ ผลหลังการสอน
 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน

 ด้านคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางเทคโนยี (วทิ ยาการคำนวณ)

 ดา้ นอน่ื ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤติกรรมทม่ี ปี ัญหาของนักเรียนเปน็ รายบคุ คล (ถ้าม)ี )

 ปัญหา/อุปสรรค
 แนวทางการแก้ไข


Click to View FlipBook Version