The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Waraporn Thoopnumkhum, 2023-01-21 04:22:36

วิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม2

xprc_merged

ค าชี้แจงในการท างานส่งในรายวิชาวิทยาศาสตร์ วันที่ 1 กันยายน 2565 คาบ 4-5 1. ให้นักเรียนเขียนตามที่อาจารย์ขีดให้ในสไลด์ความรู้ลงในสมุด 2. เสร็จแล้วท าแบบฝึกหัดท้ายบท 2 ตอน โดยเขียนโจทย์และตอบให้ถูกต้อง 3. เสร็จแล้วส่ง ส่งงานในคาบเท่านั้นนะคะใครไม่ส่ง เดี๋ยวอาจารย์จะ กลับมาเช็คงานรายบุคคล


แรงโน้มถ่วงระหว่างดวงอาทิตย์กับดาวบริวาร แรงโน้มถ่วงของโลก คือ แรงดึงดูดที่มวลของโลกกระท าต่อวัตถุรอบข้าง โดยการดึงเข้าหาจุดศูนย์กลาง หรือแก่นของดวงดาว ทุกสิ่งที่อยู่บนโลกล้วนถูกแรงโน้มถ่วงของโลกดึงดูดไว้ไม่ให้ กระจายตัวออกไปในอวกาศ เช่นเดียวกับดาวเทียมและสถานีอวกาศที่ถูกมนุษย์ส่งขึ้น ไปโคจรรอบโลก รวมไปถึงดวงจันทร์ที่เป็นดาวบริวารของโลกอีกด้วย แรงโน้มถ่วงจะแปรผันตามขนาดมวลและระยะห่างระหว่างวัตถุ โดยที่มวลมากจะส่งผลให้มีแรงดึงดูดมาก โดยเฉพาะวัตถุที่มีมวลขนาดใหญ่ เช่น ดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นดาวฤกษ์ที่มีมวลมากกว่าโลกของเราหลายล้านเท่า จึงมีแรง โน้มถ่วงมากพอที่จะท าให้ดาวเคราะห์ทั้งหลายโคจรรอบตัวมันเอง


การค้นพบแรงโน้นถ่วง ในปี ค.ศ.1666 ไอแซ็ค นิวตัน (Isaac Newton) นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษได้ให้ ค านิยามว่า “แรงโน้มถ่วง” จากข้อสงสัยที่ว่าท าไมผลแอปเปิลที่หลุดจากต้นนั้น หล่นลงพื้นแทนที่จะลอยขึ้นไป ในอากาศ การหล่นของแอปเปิลเป็นผลของแรงโน้มถ่วงที่กระท าระหว่างมวลทั้ง 2 เช่นเดียวกับการดึงดูดดวงจันทร์ให้โคจรรอบโลกของเรา แนวคิดเรื่องแรงโน้มถ่วงของนิวตันนี้ ไม่เป็นที่รู้จักมากนัก จนกระทั่งได้รับการตีพิมพ์ใน “หนังสือหลักการคณิตศาสตร์ว่าด้วยปรัชญาธรรมชาติ” จนกลายเป็นที่ยอมรับอย่าง แพร่หลาย รวมถึงการคิดค้น “กฎความโน้มถ่วงสากลของนิวตัน”


ขนาดของแรงโน้มถ่วง: (F) คือ แรงโน้มถ่วงระหว่างมวลใดๆ ที่มีขนาดขึ้นอยู่กับขนาดของมวลของวัตถุทั้งสองและ ขึ้นอยู่กับระยะห่างระหว่างจุดศูนย์กลางของวัตถุทั้งสอง มีความสัมพันธ์ดังสมการ ดังนี้ เมื่อ F แทน ขนาดของแรงโน้มถ่วง มีหน่วยเป็น นิวตัน (N) m1 m2 แทน มวลของวัตถุ มีหน่วยเป็น กิโลกรัม (Kg) r แทน ระยะห่างระหว่างจุดศูนย์กลางของวัตถุ มีหน่วยเป็น เมตร (m) G แทน ค่าคงที่โน้มถ่วงสากล มีหน่วยเป็น นิวตันเมตรก าลัง2/กิโลกรัมก าลัง2 / ประมาณ 6.67 x −


โลกเป็นดาวเคราะห์ที่มีแรง โน้มถ่วงมากระท าต่อวัตถุ สังเกตได้จาก การที่เราปล่อย ลูกบอลจากมือ ลูกบอลจะตก ลงมาตรงๆ อย่างอิสระใน แนวดิ่ง เพราะแรงโน้มถ่วงจะ ดึงดูดลูกบอลให้ตกลงมาสู่พื้น


ถ้าเราขว้างลูกบอลไปในแนวระดับด้วยอัตราเร็วค่าหนึ่ง แรงดึงดูดที่โลกจะกระท าต่อ วัตถุในแนวดิ่ง แต่วัตถุไม่ได้ตกลงในแนวดิ่ง วัตถุจะตกลงสู่โลกในแนววิถีโค้ง แต่ถ้าเราขว้างลูกบอลออกไปด้วยความเร็วมากขึ้น ลูกบอลจะเคลื่อนที่เป็นวิถีโค้ง เช่นเดิมแต่จะไปข้างหน้าได้ไกลกว่าเดิม ก.ขว้างลูกบอลออกไปข้างหน้า ด้วยอัตราเร็วคงที่ค่าหนึ่ง ข.ขว้างลูกบอลออกไปข้างหน้า ด้วยอัตราเร็วมากขึ้น


อัตราเร็วในวงโคจร คือ อัตราเร็วค่าหนึ่งของวัตถุที่ก าลังโคจรรอบโลก โดยมีแรงโน้มถ่วงของโลก ดึงดูดวัตถุนั้นไว้อยู่ตลอดเวลา ท าให้วัตถุเคลื่อนที่รอบจุดศูนย์กลางของโลกได้ ลักษณะการเกิดอัตราเร็วในวงโคจร 1. ถ้าอัตราเร็วของวัตถุน้อยกว่าอัตราเร็วในวงโคจร วัตถุจะตกสู่พื้นโลก 2. ถ้าขนาดของวัตถุเท่ากับอัตราเร็วในวงโคจร วัตถุจะไม่ตกสู่พื้นโลก 3. ถ้าอัตราเร็วของวัตถุนั้นมากกว่าอัตราเร็วในวงโคจร วัตถุจะโคจรรอบโลกเช่นเดิม แต่จะเปลี่ยนวงโคจรที่ระดับสูงจากผิวโลกมากขึ้น และเมื่ออัตราเร็วของวัตถุมีมากพอ วัตถุนั้นจะเคลื่อนที่หลุดออกจากแรงดึงดูดของโลกได้ แรงที่ดาวเทียมดึงดูดโลก แรงที่โลกดึงดูดดาวเทียม ความเร็วในแนวสัมผัส ของดาวเทียม เซอร์ไอแซก นิวตัน: ได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับการโคจร ซึ่งมีการ เคลื่อนที่แบบวงกลมรอบศูนย์กลาง


เกร็ดน่ารู้ การส่งจรวดหรือยานอวกาศออกไปนอกโลกนั้น แรงโน้มถ่วงเป็นแรงส าคัญที่ต้านการ เคลื่อนที่ของจรวด ท าให้จรวดต้องใช้พลังงานมหาศาลในการเอาชนะแรงโน้มถ่วง แต่ในบางครั้งแรงโน้มถ่วงก็เป็นแรงที่ช่วยเพิ่มความเร็วของยานได้ เมื่อยานอวกาศ เคลื่อนที่ไปไกลๆในห้วงอวกาศ การเร่งความเร็วของยานให้สูงขึ้นต้องใช้พลังงานสูง หาก ใช้แรงโน้มถ่วงจากดาวช่วยดึงดูดและเหวี่ยงให้ยานเคลื่อนที่ไปได้เร็วมากขึ้นก็จะเป็นการ ช่วยประหยัดพลังงาน ซึ่งต้องผ่านการค านวณเส้นทางมาเป็นอย่างดี การใช้แรงโน้มถ่วงช่วยเพิ่มความเร็วของยานอวกาศ


แบบฝึกหัดทบทวนความรู้ เขียนเครื่องหมาย √ หน้าข้อความที่ถูกต้อง และเขียนเครื่องหมาย X หน้าข้อความที่ไม่ถูกต้อง ...........1. ดวงอาทิตย์เป็นแหล่งก าเนิดพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ เมื่อโลกได้รับแสง จากดวงอาทิตย์จะได้รับทั้งพลังงานแสงและพลังงานความร้อน ...........2. แสงจากดวงอาทิตย์เดินทางมายังโลกเป็นเส้นตรง ...........3. การโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ท าให้เกิดกลางวัน กลางคืน ...........4. การหมุนรอบตัวเองของโลกท าให้เกิดปรากฏการณ์การขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ และน าไปสู่การก าหนดทิศ ............5. การหมุนรอบตัวเองของโลกมีทิศทางดังภาพ ตอนที่1 ขั้วโลกเหนือ ทิศทางการหมุนรอบตัวเองของโลก โลก ปล.วาดรูประบายสีด้วย


แบบฝึกหัด 1. ระบบสุริยะจักรวาล ประกอบด้วยสิ่งใดบ้าง 2. ศูนย์กลางของระบบสุริยะจักรวาล คือสิ่งใด 3. ดาวเคราะห์ดวงใดในระบบสุริยะที่มีขนาดเล็กที่สุดและใหญ่ที่สุด 4. โลกมีขนาดใหญ่เป็นล าดับที่เท่าไรของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ 5. ดาวเคราะห์น้อยมีวงโคจรอยู่ระหว่างดาวเคราะห์ดวงใด 6. แรงโน้มถ่วงของโลก คือ 7. ใครเป็นผู้ค้นพบกฎของแรงโน้มถ่วง 8. ขนาดของแรงโน้มถ่วง คือ ตอนที่2 ค าชี้แจง: ให้นักเรียนเขียนโจทย์และตอบค าถามให้ถูกต้อง


ปรากฎการณ์ที่เกิดจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์


ปรากฎการณ์ที่เกิดจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ 1. การหมุนรอบตัวเองของโลก โลกหมุนรอบตัวเองครบรอบในทุก 24 ชั่วโมง หรือ 1 วัน โลกหมุนรอบตัวเองในทิศทาง จากทิศตะวันตกไปทางทิศตะวันออก ท าให้ดวงอาทิตย์ ปรากฏขึ้นจากขอบฟ้าในทิศตะวันออก และตกลับขอบฟ้าในทิศตะวันตก โลกฝั่งที่หันเข้าหาดวงอาทิตย์จะเป็นด้านกลางวัน ส่วนฝั่งที่หันออกจากดวงอาทิตย์ จะเป็นด้านกลางคืน จะเรียกปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นว่า การเกิดกลางวันและกลางคืน


2. ปรากฏการณ์ข้างขึ้น ข้างแรม เกิดจากดวงจันทร์หมุนรอบตัวเองและโคจรรอบโลก ท าให้แต่ละคืนต าแหน่งของดวง จันทร์จะเปลี่ยนไป ช่วงเวลาที่มองเห็นส่วนสว่างของดวงจันทร์ค่อยๆ โตขึ้นเรื่อยๆ เรียกว่า วันข้างขึ้น วันที่เห็นส่วนสว่างของดวงจันทร์เต็มดวง เรียกว่า วันเพ็ญ วันที่มองไม่เห็นส่วนสว่างของดวงจันทร์เลย เรียกว่า วันเดือนดับ แสงจากดวงอาทิตย์


3. ปรากฏการณ์น้้าขึ้น-น้้าลง เป็นปรากฏการณ์ที่ระดับน้ าทะเลสูงขึ้นและลดลงเป็นช่วงๆ ในแต่ละวัน อันเป็นผลมาจาก แรงไทดัล ซึ่งเกิดจากการที่สนามโน้มถ่วงของดวงจันทร์มีอิทธิพลต่อบริเวณต่างๆของโลกไม่เท่ากัน การเกิดน้ าขึ้นและน้ าลง โดยปกติน้ าทะเลจะขึ้นวันละ 2 ครั้ง และลงวันละ 2 ครั้ง โดยมีช่วงเวลา ดังนี้ 1. น้ าขึ้นและน้ าลงประมาณ 6 ชั่วโมง 12 นาทีท าให้น้ าขึ้นครั้งแรกถึงครั้งถัดไปห่างกัน ประมาณ 12 ชั่วโมง 25 นาที 2. วันถัดไปน้ าจะขึ้นช้าวันละประมาณ 50 นาทียกตัวอย่างเช่น น้ าขึ้นครั้งล่าสุดเวลา 00.00 น. น้ าจะขึ้นครั้งต่อไปประมาณเวลา 12.25 น. และในวันถัดไปน้ าจะขึ้นประมาณเวลา 00.50 น.


4. ปรากฏการณ์น้้าเกิด เกิดจาก การเรียงตัวอยู่ในระนาบเดียวกันของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก หรือ ดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ เป็นช่วงเวลาที่ดวงจันทร์เต็มดวง คือ วันขึ้น 15 ค่้า และวันแรม 15 ค่้า แรงดึงดูดของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ที่กระท้าต่อโลกจะเสริมกันสูงสุด ท้าให้เกิดปรากฏการณ์น้้าเกิด หรือน้้าขึ้นสูงสุด ซึ่งระดับน้้าที่ขึ้นสูงสุดกับระดับน้้าที่ ลงต่้าสุดจะมีความแตกต่างกันมาก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงจันทร์ ตรงกลาง ตรงข้าม แรม15ค่้า ขึ้น 15ค่้า โลก


5. ปรากฏการณ์น้้าตาย เกิดขึ้นในวันขึ้น 8 ค่้า และวันแรม 8 ค่้า เกิดจาก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก ไม่ได้เรียงตัวบนแนวเดียวกัน แต่ตั้งฉาก ซึ่งกันและกัน โดยดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ท้ามุมตั้งฉากกัน 90 องศา แรงดึงดูดของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ที่กระท าต่อโลกจะไม่เสริมกัน ต่างฝ่ายต่าง ออกแรงกระท าต่อโลก ท้าให้ระดับน้้าที่ขึ้นสูงสุดกับระดับน้้าที่ลงต่้าสุดจะไม่แตกต่างกันมาก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงจันทร์ โลก แรม 8 ค่้า ขึ้น 8 ค่้า


6. สุริยุปราคาหรือสุริยคราส • เกิดจาก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก เคลื่อนที่มาอยู่ในแนวเดียวกัน โดยดวง จันทร์อยู่ระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ • ดวงจันทร์ไปบังแสงจากดวงอาทิตย์ ท าให้ไม่สามารถมองเห็นแสงอาทิตย์


7. จันทรุปราคาหรือจันทรคราส • เกิดจาก ดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ เคลื่อนที่มาอยู่ในแนวเดียวกัน โดยโลกอยู่ ระหว่างดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ • โลกไปบังแสงอาทิตย์ แสงอาทิตย์จึงส่องไป ไม่ถึงดวงจันทร์ ท าให้มองเห็นดวงจันทร์มืด ลงชั่วขณะ


แบบฝึกหัดท้ายบทเรื่อง ปรากฎการณ์ที่เกิดจากปฏิสัมพันธ์ระหว่าง ดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ 1. จงวาดรูปและอธิบายเกี่ยวกับการเกิดปรากฏการณ์ข้างขึ้น-ข้างแรม 2. โลกหมุนรอบตัวเองในทิศทางใด 3. การเกิดกลางวันและกลางคืน เกิดขึ้นได้อย่างไร 4. การเกิดน้ าขึ้น-น้ าลง จะเกิดขึ้นวันละกี่ครั้ง และมีการเว้นระยะห่างในการเกิด อย่างไร จงอธิบาย 5. ปรากฏการณ์น้ าเกิด เกิดขึ้นได้อย่างไรและจะเกิดในช่วงเวลาใด 6. ปรากฏการณ์น้ าตาย เกิดขึ้นได้อย่างไรและจะเกิดในช่วงเวลาใด 7. จงวาดรูป พร้อมอธิบายการเกิดสุริยุปราคา 8. จงวาดรูป พร้อมอธิบายการเกิดจันทรุปราคา 9. ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศใด และตกทางทิศใด 10. การหมุนรอบดวงอาทิตย์ของโลกโดยจะท ามุมเอียงกี่องศา 10คะแนน


ปรากฏการณ์ที่เกิดจากการเคลื่อนที่ของโลกรอบดวงอาทิตย์ ภาพ: เมืองลอนดอน ประเทศ อังกฤษ เดือนธันวาคม ฤดูหนาว ภาพ: เมืองเมลเบิร์น ประเทศ ออสเตรเลีย เดือนธันวาคม ฤดูร้อน


ประเทศไทยมี3 ฤดู คือ ฤดูหนาว ฤดูร้อน และฤดูฝน ฤดูที่เกิดขึ้นในพื้นที่ส่วนใหญ่ของโลกแตกต่างจากฤดูของประเทศไทย คือ มี 4 ฤดู คือ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว ซึ่งแต่ละฤดูมีลักษณะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมในแต่ละพื้นที่ที่ เปลี่ยนแปลงไป ฤดูฝน ฤดูร้อน ฤดูหนาว


โลกของเรามีลักษณะคล้ายทรงกลมที่หมุนรอบตัวเองในทิศทางทวนเข็ม นาฬิกา และโคจรรอบดวงอาทิตย์ในทิศทางเดียวกัน เส้นสมมติที่ลากจากขั้วโลกเหนือผ่านทะลุโลกมายังขั้วโลกใต้เรียกว่า แกนโลก เอียงท ามุม 23.5 องศา ซึ่งท าให้เกิดฤดูกาล เส้นสมมติที่ลากรอบกึ่งกลางโลกตามแนวตั้งฉากกับแกนโลกจนครบรอบ เรียกว่า เส้นศูนย์สูตร ซึ่งแบ่งโลกออกเป็นซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้เท่าๆกัน โลก (Earth)


ปรากฏการณ์ที่เกิดจากการเคลื่อนที่ของโลกรอบดวงอาทิตย์ 1. การเกิดฤดูกาล โลกหมุนรอบตัวเอง 1 รอบ ใช้เวลา 1 วัน หรือ 24 ชั่วโมง ท าให้โลกเกิด กลางวันและกลางคืน เมื่อโลกของเราโคจรรอบดวงอาทิตย์ โดยการโคจรรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบ ใช้เวลา 365 วัน ซึ่งการโคจรรอบด้วยอาทิตย์ด้วยมุมที่โลกเอียง 23.5 องศา ก็ส่งผลให้พื้นที่ส่วนต่างๆ บนโลกได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ไม่เท่ากัน ท าให้แต่ละพื้นที่เกิดฤดูกาลต่างกันนั่นเอง


ฤดูร้อน เริ่มต้นประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ ไปจนถึงกลางเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วง เปลี่ยนจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และเป็นระยะที่ขั้วโลก เหนือหันเข้าหาดวงอาทิตย์ โดยเฉพาะเดือนเมษายนบริเวณประเทศไทย มีดวงอาทิตย์อยู่เกือบตรงศรีษะในเวลา เที่ยงวัน ท าให้ได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์เต็มที่ สภาวะอากาศจึงร้อนอบอ้าว ลักษณะอากาศในฤดูร้อนพิจารณาจากอุณหภูมิสูงสุดของแต่ละวัน โดยมีเกณฑ์การ พิจารณาดังนี้ - อากาศร้อน อุณหภูมิระหว่าง 35.0 องศา - 39.9 องศา - อากาศร้อนจัด อุณหภูมิตั้งแต่ 40.0 องศา ขึ้นไป


เริ่มตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมถึงประมาณกลางเดือนตุลาคม ฤดูนี้จะเริ่มเมื่อมรสุม ตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นลมชื้นพัดปกคลุมประเทศไทย ท าให้มีฝนตกชุกโดยทั่วไป แบ่งออกเป็น ช่วงเวลา ดังนี้ ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ร่องความกดอากาศต่ าจะพาดผ่านภาคใต้แล้วจึงเลื่อนขึ้นไป ทางเหนือ จนถึงปลายเดือนมิถุนายนท าให้ฝนในประเทศไทยลดลงระยะหนึ่ง เรียกว่า “ฝนทิ้งช่วง” เดือนกรกฎาคม ร่องความกดอากาศต่ าจะเลื่อนกลับลงมาจากทางตอนใต้ของประเทศจีน ท าให้มีฝนชุกต่อเนื่อง และปริมาณฝนเพิ่มขึ้น เดือนตุลาคม ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดเข้ามาปกคลุมประเทศไทย แทนที่มรสุม ตะวันตกเฉียงใต้ ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะเริ่มมีอากาศเย็นและฝนลดลง ส่วนในภาคใต้จะมีฝนตกชุกต่อไปจนถึงเดือนธันวาคม ช่วงกลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนพฤศจิกายน จะเป็นช่วงเปลี่ยนฤดูจากฤดูฝนเป็นฤดู หนาว มีอากาศแปรปรวนไม่แน่นอน เรียกว่า “ระยะเปลี่ยนจากฤดูฝนไปฤดูหนาว” ฤดูฝน


ฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมถึงประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ เป็นระยะที่ขั้วโลกใต้ หันเข้าหาดวงอาทิตย์ ต าแหน่งล าแสงของดวงอาทิตย์ท ามุมฉากกับผิวพื้นโลก ขณะเที่ยง วันจะอยู่ทางซีกโลกใต้ ท าให้ล าแสงที่ตกกระทบกับพื้นที่ในประเทศไทยเป็นล าแสงเฉียง ตลอดเวลา ท าให้อากาศในประเทศไทยหนาวเย็นโดยทั่วไป เว้นแต่ในภาคใต้จะไม่ค่อยหนาวนัก และบริเวณชายฝั่งตะวันออกของภาคใต้จะมีฝน ตกชุกในช่วงนี้


การสร้างที่อยู่อาศัยในปัจจุบันมีการน าความรู้เกี่ยวกับทิศทางของแสงมาใช้ประโยชน์ใน การสร้างบ้านเพื่อให้ประหยัดพลังงาน โดยออกแบบบ้านให้สอดคล้องกับเส้นทางการ เคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์ จึงออกแบบบ้านโดยเลือกวัสดุกันร้อน หรือปลูกต้นไม้ เพื่อกันแดดที่มาจากทิศใต้และทิศ ตะวันตก และท าช่องรับแสงทางด้านทิศอื่นๆ เพื่อให้ได้รับแสงจากธรรมชาติเข้ามาภายใน ตัวบ้าน


แบบฝึกหัดท้ายบท ค าชี้แจง: ให้นักเรียนพิจารณาข้อความที่ก าหนดให้ แล้วเขียนเครื่องหมาย / หน้าข้อความที่ถูกต้อง และเขียน X หน้าข้อความที่ผิด พร้อมทั้งแก้ไขข้อความนั้นให้ถูกต้อง 1. การที่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางขอบฟ้าด้านทิศตะวันออกในช่วงเช้าและตกลับขอบ ฟ้าทางด้านทิศตะวันตกเป็นการเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์ ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง แก้ไขเป็น.................................................. 2. การขึ้นและตกของดวงอาทิตย์เกิดจากการที่โลกหมุนรอบตัวเองพร้อมกับ โคจรไปรอบ ๆ ดวงอาทิตย์ 3. โลกหมุนรอบตัวเองจากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตก 4. การที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ท าให้เกิดเวลากลางวันและเวลากลางคืน


การใช้ชีวิตในอวกาศ


การใช้ชีวิตในอวกาศ นักบินอวกาศ คือ บุคคลที่เดินทางไปกับยานอวกาศ ไม่ว่าจะไปในฐานะใด และไม่ว่าจะไปด้วยยานอวกาศแบบไหน ทั้งที่โคจรรอบโลก (ในระยะสูงจากพื้นราว 80-100 กิโลเมตรขึ้นไป) หรือที่เดินทางออกไปยังต าแหน่งอื่นใดนอกวงโคจรของโลก


อาหารของนักบินอวกาศ อาหารส าหรับนักบินอวกาศ จะถูกบรรจุไว้ในภาชนะพลาสติก ซึ่งอาหารที่กินใน อวกาศบางชนิดนั้น จะคืนสู่สภาพเดิมได้ด้วยการเติมน้ าเย็นหรือน้ าร้อน เมื่อดื่มของเหลว จะใช้หลอดเพื่อดูดของเหลวออกจากภาชนะบรรจุ จะช่วยป้องกัน ไม่ให้ของเหลวหก ซึ่งอาจจะสร้างอันตรายแก่เครื่องจักรอุปกรณ์ที่สถานีอวกาศ นานาชาตินั้น มีอาหารส าหรับมนุษย์อวกาศอยู่ประมาณ 300 ชนิด


เครื่องนุ่งห่มของนักบินอวกาศขณะอยู่บนยานอวกาศ มนุษย์อวกาศสวมเสื้อผ้าปกติแบบเดียวกับที่อยู่บนโลก ภายในกระสวยอวกาศมี ความกดอากาศที่ได้ถูกเก็บไว้ ณ ระดับบรรยากาศเดียวกับบรรยากาศบนโลก


เครื่องนุ่งห่มของนักบินอวกาศขณะอยู่บนยานอวกาศ เมื่อมนุษย์อวกาศเดินทางออกนอกตัวกระสวยอวกาศเพื่อที่จะท างานในอวกาศนั้น พวกเขาจะสวมใส่ชุดอวกาศ ชุดอวกาศเหล่านี้มีสมรรถนะสูงสามารถปฏิบัติงานได้ หลากหลาย ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันมนุษย์อวกาศจากสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย เกินไปส าหรับมนุษย์ที่จะด ารงอยู่ได้


เครื่องนุ่งห่มของนักบินอวกาศขณะอยู่บนยานอวกาศ ชุดอวกาศ ต้องมีถังอากาศติดอยู่ ภายในถังบรรจุก๊าซออกซิเจน ส าหรับให้นักบินอวกาศหายใจ ส่วนชุดอวกาศช่วยป้องกันรังสีที่มี อันตรายได้ ชุดอวกาศบางชุดอาจมี วิทยุ อุปกรณ์ท าความเย็น และ เครื่องมืออื่น ๆ ติดตั้งเข้าไปด้วย


การอาบน้ าของนักบินอวกาศขณะอยู่บนยานอวกาศ มนุษย์อวกาศท าความสะอาดร่างกายโดยการเช็ดด้วยผ้าขนหนูเปียก และสระผม โดยการใช้ยาสระผมแบบที่ไม่ต้องล้างน้ า เนื่องจากน้ าไม่สามารถที่จะลอยอยู่ได้ใน สภาพแวดล้อมที่ไร้ซึ่งแรงโน้มถ่วงของโลกได้ มนุษย์อวกาศจึงไม่สามารถล้างมือด้วยก๊อกน้ าเหมือนที่ท าบนโลกได้ ดังนั้น ในกระสวย อวกาศจึงไม่มีอ่างล้างหรือฝักบัวเลย


การอาบน้ าของนักบินอวกาศขณะอยู่บนยานอวกาศ เมื่อมนุษย์อวกาศต้องการท าความสะอาดมือและหน้า พวกเขาจะเช็ดด้วย แอลกอฮอล์ หรือไม่ก็เช็ดด้วยผ้าขนหนูเปียกที่ชุบสบู่เหลว เมื่อมนุษย์อวกาศ ต้องการสระผม พวกเขาก็ใช้ยาสระผมแบบไม่ต้องใช้น้ า


การนอนของนักบินอวกาศขณะอยู่บนยานอวกาศ การนอนของนักบินอวกาศ จะนอนโดยใช้ถุงนอนยึดติดกับผนังของกระสวยอวกาศ


การออกก าลังกายของนักบินอวกาศขณะอยู่บนยานอวกาศ มนุษย์อวกาศต้องการการออกก าลังกายในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อที่จะท าให้ กล้ามเนื้อและกระดูกแข็งแรง มนุษย์อวกาศจ าเป็นต้องออกก าลังกายในปริมาณที่เหมาะสม พวกเขาจะออก ก าลังกายประมาณ 2 ชั่วโมงทุกวันด้วยเครื่องออกก าลังกาย อาทิ เครื่องออกก าลัง กายขาที่ใช้เท้าเหยียบ และเครื่องเออร์โกมิตเตอร์


การใช้ยาบนยานอวกาศ เครื่องมือทางการแพทย์หลายชิ้นและยาจะมีพร้อมไว้ในชุดยาประจ ากระสวย อวกาศ ชุดยานี้จะใช้ในกรณีที่มีการเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บเล็กน้อยระหว่างการ เดินทาง นอกจากนี้ชุดยานี้ยังใช้เพื่อดูแลรักษาอาการผู้ป่วยระหว่างเดินทางกลับสู่โลกด้วย


แผนผังความคิดสรุปเนื้อหาเรื่อง เทคโนโลยีอวกาศ เทคโนโลยีอวกาศ คือ........................... ยานอวกาศ คือ................ แบ่งออกเป็น 2ประเภท คือ กล้องโทรทรรศน์อวกาศ คือ.................................. แบ่งออกเป็น 3ประเภท คือ ดาวเทียม คือ............ ด้านการสื่อสาร คือ................. ด้านการพยากรณ์อากาศ คือ............................... ด้านการพยากรณ์อากาศ การใช้ชีวิตบนยานอวกาศ ใช้ส ารวจ............. ถ้าสมมติว่านักเรียนได้รับเลือกให้เป็น นักบินอวกาศ เดินทางไปส ารวจดวงจันทร์ นักเรียนจะมีวิธีการเตรียมตัวก่อนเดินทาง อย่างไร ตอบมา 3 ข้อ 1............................... 2.............................. 3.............................. ตอนที่1


ตอนที่2 1. ให้นักเรียนพิจารณาข้อความที่ก าหนดให้ แล้วเขียนเครื่องหมาย / หน้าข้อความที่ ถูกต้อง และเขียนเครื่องหมาย X หน้าข้อความที่ผิด พร้อมทั้งแก้ไขข้อความนั้นให้ถูกต้อง 1.1 ยานอวกาศมีอยู่3ประเภท ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง แก้ไขเป็น.................................................. 1.2 สถานีอวกาศ เป็นพาหนะที่ใช้ส าหรับขนส่งเครื่องมืออุปกรณ์ มนุษย์ และสิ่งต่างๆ ออกสู่นอกโลกเพื่อปฏิบัติภารกิจในอวกาศ ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง แก้ไขเป็น.................................................. 2. เพราะเหตุใดยานอวกาศที่มีมนุษย์ควบคุมจึงมีค่าใช้จ่ายการน าส่งสูง 3. เพราะเหตุใดนักวิทยาศาสตร์จึงนิยมใช้ยานอวกาศที่ไม่มีมนุษย์ควบคุมในช่วง ระยะบุกเบิกและการเดินทางไกล


การใช้ชีวิตในอวกาศ


การใช้ชีวิตในอวกาศ นักบินอวกาศ คือ บุคคลที่เดินทางไปกับยานอวกาศ ไม่ว่าจะไปในฐานะใด และไม่ว่าจะไปด้วยยานอวกาศแบบไหน ทั้งที่โคจรรอบโลก (ในระยะสูงจากพื้นราว 80-100 กิโลเมตรขึ้นไป) หรือที่เดินทางออกไปยังต าแหน่งอื่นใดนอกวงโคจรของโลก


อาหารของนักบินอวกาศ อาหารส าหรับนักบินอวกาศ จะถูกบรรจุไว้ในภาชนะพลาสติก ซึ่งอาหารที่กินใน อวกาศบางชนิดนั้น จะคืนสู่สภาพเดิมได้ด้วยการเติมน้ าเย็นหรือน้ าร้อน เมื่อดื่มของเหลว จะใช้หลอดเพื่อดูดของเหลวออกจากภาชนะบรรจุ จะช่วยป้องกัน ไม่ให้ของเหลวหก ซึ่งอาจจะสร้างอันตรายแก่เครื่องจักรอุปกรณ์ที่สถานีอวกาศ นานาชาตินั้น มีอาหารส าหรับมนุษย์อวกาศอยู่ประมาณ 300 ชนิด


เครื่องนุ่งห่มของนักบินอวกาศขณะอยู่บนยานอวกาศ มนุษย์อวกาศสวมเสื้อผ้าปกติแบบเดียวกับที่อยู่บนโลก ภายในกระสวยอวกาศมี ความกดอากาศที่ได้ถูกเก็บไว้ ณ ระดับบรรยากาศเดียวกับบรรยากาศบนโลก


เครื่องนุ่งห่มของนักบินอวกาศขณะอยู่บนยานอวกาศ เมื่อมนุษย์อวกาศเดินทางออกนอกตัวกระสวยอวกาศเพื่อที่จะท างานในอวกาศนั้น พวกเขาจะสวมใส่ชุดอวกาศ ชุดอวกาศเหล่านี้มีสมรรถนะสูงสามารถปฏิบัติงานได้ หลากหลาย ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันมนุษย์อวกาศจากสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย เกินไปส าหรับมนุษย์ที่จะด ารงอยู่ได้


เครื่องนุ่งห่มของนักบินอวกาศขณะอยู่บนยานอวกาศ ชุดอวกาศ ต้องมีถังอากาศติดอยู่ ภายในถังบรรจุก๊าซออกซิเจน ส าหรับให้นักบินอวกาศหายใจ ส่วนชุดอวกาศช่วยป้องกันรังสีที่มี อันตรายได้ ชุดอวกาศบางชุดอาจมี วิทยุ อุปกรณ์ท าความเย็น และ เครื่องมืออื่น ๆ ติดตั้งเข้าไปด้วย


การอาบน้ าของนักบินอวกาศขณะอยู่บนยานอวกาศ มนุษย์อวกาศท าความสะอาดร่างกายโดยการเช็ดด้วยผ้าขนหนูเปียก และสระผม โดยการใช้ยาสระผมแบบที่ไม่ต้องล้างน้ า เนื่องจากน้ าไม่สามารถที่จะลอยอยู่ได้ใน สภาพแวดล้อมที่ไร้ซึ่งแรงโน้มถ่วงของโลกได้ มนุษย์อวกาศจึงไม่สามารถล้างมือด้วยก๊อกน้ าเหมือนที่ท าบนโลกได้ ดังนั้น ในกระสวย อวกาศจึงไม่มีอ่างล้างหรือฝักบัวเลย


การอาบน้ าของนักบินอวกาศขณะอยู่บนยานอวกาศ เมื่อมนุษย์อวกาศต้องการท าความสะอาดมือและหน้า พวกเขาจะเช็ดด้วย แอลกอฮอล์ หรือไม่ก็เช็ดด้วยผ้าขนหนูเปียกที่ชุบสบู่เหลว เมื่อมนุษย์อวกาศ ต้องการสระผม พวกเขาก็ใช้ยาสระผมแบบไม่ต้องใช้น้ า


Click to View FlipBook Version