เลนส์ เลนส์นูน : เลนส์ที่ตรงกลางมีความหนามากกว่าด้านข้าง ท าหน้าที่รวมแสง แบ่งออกเป็น 3 ประเภท 1.เลนส์นูนสองหน้า คือ เลนส์นูนที่โค้งนูนออกทั้งสองด้าน 2.เลนส์นูนแกมระนาบ คือ เลนส์ที่มีด้านหนึ่งโค้งนูน แต่อีก ด้านหนึ่งราบเป็นระนาบตรง 3.เลนส์นูนแกมเว้า คือ เลนส์ที่ทั้งสองด้านโค้งไปทางเดียวกัน โดยที่ตรงกลางมีความหนามากที่สุด
เลนส์เว้า : เลนส์ที่มีด้านข้างหนามากกว่าตรงกลาง ท าหน้าที่กระจายแสง แบ่งออกเป็น 3 ประเภท 1.เลนส์เว้าสองหน้า คือ เลนส์ที่มีการโค้งเว้าเข้าหากันทั้งสองด้าน 2. เลนส์เว้าแกมระนาบ คือ เลนส์ที่มีด้านหนึ่งเว้า แต่อีกด้านหนึ่งราบ เป็นระนาบตรง 3. เลนส์นูนแกมนูน คือ เลนส์ที่ทั้งสองด้านโค้งเว้าไปทางเดียวกัน โดยที่ ตรงกลางมีความหนาน้อยที่สุด
ลักษณะการเกิดภาพจากเลนส์ เลนส์นูน : จะท าให้เกิดภาพจริงและภาพเสมือนได้ในแต่ละกรณี 1. ถ้าตั้งวัตถุไว้ที่ระยะที่มากกว่าจุดศูนย์กลางของความโค้ง ท าให้เกิดภาพจริงหัว กลับที่มีขนาดเล็กกว่าวัตถุ
2. ถ้าตั้งวัตถุไว้ที่ระยะระหว่างจุดโฟกัส และจุดศูนย์กลางของความโค้ง ท าให้เกิด ภาพจริงหัวกลับที่มีขนาดใหญ่กว่าวัตถุ 3. ถ้าตั้งวัตถุไว้ที่ระยะน้อยกว่าจุดโฟกัส ท าให้เกิดภาพเสมือนหัวตั้งที่มีขนาดใหญ่ กว่าวัตถุ
เลนส์เว้า : จะท าให้เกิดภาพได้เพียงชนิดเดียวไม่ว่าวัตถุจะอยู่ต าแหน่งใด ของเลนส์ คือ ภาพเสมือนหัวตั้งที่มีขนาดเล็กกว่าวัตถุ
ประโยชน์ของการสะท้อนและการหักเหของแสง แว่นตา แว่นตาเลนส์นูน • ใช้กับกลุ่มผู้ที่มีอาการสายตายาว ซึ่งจะ มองวัตถุที่อยู่ระยะไกลได้ชัดเจน แต่ไม่ สามารถมองวัตถุที่อยู่ในระยะใกล้ได้ชัด • แว่นตาที่ใช้เลนส์นูนจะช่วยรวมแสงให้ตกที่ จอภาพในตาได้พอดี เรตินา ผู้ที่มีอาการสายตายาว เมื่อมองวัตถุในระยะใกล้ (จุด O) แสงที่หักเหผ่ำนเลนส์ตำ จะตกเลยเรตินำ แต่เมื่อมอง วัตถุในระยะไกล (จุด N) จะเกิดภำพที่เรตินำพอดี จึงจ าเป็นต้องใช้เลนส์นูนช่วยในการมองวัตถุระยะใกล้
แว่นตาเลนส์เว้า • ใช้กับกลุ่มผู้ที่มีอำกำรสำยตำสั้น ซึ่งจะมอง วัตถุที่อยู่ระยะใกล้ได้ชัดเจน แต่ไม่สำมำรถ มองวัตถุที่อยู่ในระยะไกลได้ชัด • แว่นตำที่ใช้เลนส์เว้ำจะช่วยกระจำยแสงให้ ตกที่จอภำพในตำได้พอดี เรตินา NN oo ผู้ที่มีอาการสายตาสั้น เมื่อมองวัตถุจำกระยะไกล (จุด N) แสงที่หักเหผ่ำนเลนส์ตำจะตกไม่ถึงเรตินำ แต่เมื่อ มองวัตถุในระยะใกล้ (จุด O) จะเกิดภำพที่เรตินำพอดี จึงจ าเป็นต้องใช้เลนส์เว้าช่วยในการมองวัตถุระยะไกล
กระจก กระจกเงาราบ • เป็นสิ่งที่ใช้เป็นปกติในชีวิตประจ ำวัน เช่น ใช้ส่องเพื่อส ำรวจร่ำงกำยตนเอง ใช้ในกำรแต่งตัว ใช้ในกำรฝึกซ้อมท่ำทำงต่ำงๆ • นอกจำกนี้ ยังเป็นส่วนประกอบของกล้องเพอริสโคป (periscope) • ซึ่งใช้หลักกำรสะท้อนของแสงผ่ำนกระจก 2 ชิ้น ที่เอียงท ำมุมกัน 45 องศำ โดยแสงที่มำตกกระทบกระจกจะท ำมุม 90 องศำ ท าให้เราสามารถ มองเห็นวัตถุที่อยู่สูงกว่าระดับสายตาได้
กระจกเงานูน • นิยมใช้สังเกตการณ์ในร้านขายของ เพราะ สามารถมองเห็นได้ทั่วทั้งร้านจากการมองเพียง จุดเดียว หรืออำจใช้ติดบนทำงแยกหรือทำงโค้ง เพื่อใช้สังเกตรถที่วิ่งสวนทำงมำ กระจกเงาเว้า • สามารถท าให้เห็นภาพเสมือนที่มีขนาดใหญ่กว่า วัตถุ จึงนิยมน ามาใช้เป็นส่วนประกอบของอุปกรณ์ ต่างๆ เช่น กระจกส่องดูภำยในช่องปำกของ ทันตแพทย์ กระจกส่องหน้ำ
กล้องถ่ายรูป • บันทึกแสงที่หักเหผ่านเลนส์ของกล้องให้กลายเป็นภาพนิ่งบนแผ่นฟิล์ม • ปัจจุบันจะบันทึกเป็นข้อมูลทาง ดิจิทัลลงในแผ่นบันทึกความจ า • หรือที่เรียกว่า เมมโมรีการ์ด
เลนส์ใกล้ตา เลนส์ใกล้วัตถุ แท่นวางวัตถุ ทัศน์อุปกรณ์ที่ใช้ส่องเพื่อดูรำยละเอียดของวัตถุ ที่มีขนำดเล็กมำกๆ หลักกำรท ำงำนอำศัยหลักกำรหักเหของแสง ผ่ำนเลนส์นูน 2 อัน ซึ่งเมื่อแสงจำกกระจกส่อง ผ่ำนวัตถุเข้ำไปยังเลนส์ใกล้วัตถุจะท ำให้เกิดภำพ ขนำดใหญ่ เรำสำมำรถดูภำพของวัตถุที่เลนส์ใกล้ตำ ซึ่งท ำ หน้ำที่เป็นแว่นขยำย ท ำให้เห็นภำพจำกกล้องที่ สำมำรถขยำยได้ถึง 1,000 เท่ำของวัตถุ *ส่วนประกอบต่างๆ ของ กล้องจุลทรรศน์ กล้องจุลทรรศน์
แว่นขยาย แว่นขยายท ามาจากเลนส์นูน เป็นอุปกรณ์ที่น ำมำใช้ขยำยภำพให้ มีขนำดใหญ่ขึ้นกว่ำวัตถุจริง กำรใช้แว่นขยำยต้องวำงวัตถุไว้ใกล้กว่ำควำมยำวโฟกัส เพื่อท าให้ เกิดภาพเสมือนหัวตั้ง ขนาดใหญ่กว่าวัตถุ โดยกำรมองภำพต้องมองเข้ำ ไปในเลนส์
แบบฝึกหัดเรื่อง การหักเหของแสง 1. ดัชนีหักเห คืออะไร 2. เลนส์นูนแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่อะไรบ้ำง 3. ส่วนประกอบของเลนส์มีอะไรบ้ำง 4. คือส่วนใดของเลนส์ 5. จำกภำพ ท ำให้เกิดภำพ แบบใด
6. คือส่วนใดของเลนส์ 7. จำกภำพ ท ำให้เกิดภำพ แบบใด 8. เลนส์นูน มีลักษณะและหน้ำที่อย่ำงไร 9. เลนส์เว้ำ ท ำหน้ำที่อะไร 10. บุคคลที่มีสายตาสั้น และสายตายาวจะต้องใส่แว่นตาที่มีเลนส์ชนิดใด
เรื่องที่3 ความสว่างกับการมองเห็น
ทบทวนความรู้ก่อนเรียน ค าชี้แจง เขียนเครื่องหมาย √ หน้าการกระท าที่ไม่เป็นอันตรายต่อดวงตา และเขียน เครื่องหมาย X หน้าการกระท าที่เป็นอันตรายต่อดวงตา 1. มองดวงอาทิตย์ด้วยตาเปล่าในเวลากลางวัน 2. สังเกตปรากฏการณ์สุริยุปราคาโดยใช้ฟิล์มเอกซเรย์ 3. ดูโทรทัศน์ในห้องมืด 4. สวมแว่นตากันแดดเมื่ออยู่กลางแจ้ง 5. อ่านข้อความหรือเล่นเกมในโทรศัพท์เคลื่อนที่และแท็บเล็ตเป็นเวลานาน ๆ
เราสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวได้เพราะมีแสงจากวัตถุเข้าสู่ดวงตาเรา ซึ่งความสว่างมีหน่วยเป็น ลักซ์ (lux) ลักซ์ (lux) คือ หน่วยที่ใช้วัดการส่องสว่างในระบบ SI โดยวัดจาก ฟลักซ์การ ส่องสว่างต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่ เราสามารถวัดความสว่างบนพื้นผิวหนึ่งๆ ได้โดยใช้อุปกรณ์ ที่เรียกว่า ลักซ์มิเตอร์ ลักซ์มิเตอร์ แอพพลิเคชัน ลักซ์มิเตอร์
เกร็ดความรู้เพิ่มเติม ฟลักซ์ส่องสว่าง (Luminous Flux ; の) คือ พลังงานแสงสว่างทีแผ่ออกจากแหล่งก าเนิดแสงต่อหน่วยเวลา หน่วยเป็น ลูเมน ความส่องสว่าง (Illuminance, E) คือ ความส่องสว่างที่กระทบลงบนวัตถุมีความสัมพันธ์คือ ปริมาณแสง (ลูเมน)/พื้นที่ มี 2 หน่วยคือ ลักซ์ (Lux) กับ ฟุดแคนเดิล
ความสว่างที่เกิดบนพื้นที่รองรับแสง เกิดจากฟลักซ์การส่องสว่าง หรืออัตรา การให้พลังงานแสง ตกบนพื้นที่รองรับแสง หาได้จาก F เป็น อัตราพลังงานแสงที่ตกตั้งฉากบนพื้น มีหน่วยเป็นลูเมน (lumen : lm) A เป็น พื้นที่รับแสง มีหน่วยเป็นตารางเมตร E เป็น ความสว่าง มีหน่วยเป็นลักซ์ (lux ; lx) สูตรการหาค่าความสว่าง
การถนอมสายตา หลักการปฏิบัติในการถนอมสายตา 1. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ 2. เมื่อมีอาการปวดศีรษะหรือมองภาพไม่ชัดเจนควรตรวจวัดสายตา 3. ทุกๆ1ชั่วโมง เมื่อมีการใช้สายตามากๆ ควรหลับตาเพื่อพักสายตา 4. เมื่อต้องเจอแดดแรงๆควรสวมแว่นกันแดดทุกครั้งเพื่อกันแสง UV 5. ก่อนสัมผัสดวงตาควรล้างมือให้สะอาด 6. ควรดูโทรทัศน์หรือโทรศัพท์มือถือในที่มีแสงสว่างที่เหมาะสม 7. ในการอ่านหนังสือควรให้ตาห่างจากหนังสือประมาณ 1 ฟุต (หนึ่งไม้บรรทัด)
วัสดุอุปกรณ์ ขั้นตอนการท ากิจกรรม 1. ให้นักเรียนจับคู่ 2 คน 2. ส ารวจความสว่างของสถานที่และน าเสนอแนวทางการจัดความสว่างให้เหมาะสม กิจกรรมที่ 3.12 ความสว่างที่เหมาะสมกับกิจกรรมต่างๆ ควรมีค่าเท่าใด
ตารางบันทึกผลการท ากิจกรรม สถานที่ ความสว่าง แนวทางในการ จัดความสว่าง ให้เหมาะสม ที่ เหมาะสม ที่วัดได้ ห้องเรียน 300-750 ทางเดินในอาคารฝั่งห้องเรียนม.1-2 75-200 ทางเดินในอาคารฝั่งห้องปฏิบัติการ วิทยาศาสตร์ 75-200 ห้องน้ าหญิง 100-200 ห้องน้ าชาย 100-200 ห้องพักครู 300-750 สถานที่เข้าแถว 75-300 สนามฟุตบอล 75-300
แบบฝึกหัดท้ายบท 1. ความสว่างของสถานที่ต่างๆ ที่เหมาะสมกับการท ากิจกรรมต่างๆ มีค่าเท่ากัน หรือไม่ เพราะเหตุใด 2. เพราะเหตุใดสถานที่แต่ละที่ควรมีความสว่างที่เหมาะสม 3. ยกตัวอย่างวิธีถนอมสายตา เพื่อให้นัยน์ตามีสุขภาพที่ดีอย่างน้อย 3 วิธี 4. ลักซ์ (lux) คือ 5. แสงเดินทางมายังโลกในรูปคลื่นชนิดใด 6. หน่วยของความสว่าง คือ 7. การหาค่าความสว่าง จะต้องใช้สูตรใดในการหาค่า 8. ฟลักซ์ส่องสว่าง คือ 9. ความส่องสว่าง คือ 10. แหล่งก าเนิดแสงที่ใหญ่ที่สุดคือ
หน่วยที่4 ระบบสุริยะของเรา
ระบบสุริยะคืออะไร? ระบบสุริยะ คือ ระบบดาวที่มีดาวฤกษ์เป็นศูนย์กลาง และมีดาวเคราะห์ เป็นบริวารโคจรอยู่โดยรอบ เมื่อสภาพแวดล้อมเอื้ออ านวย ต่อการด ารงชีวิต สิ่งมีชีวิตก็จะเกิดขึ้นบนดาวเคราะห์เหล่านั้น
• เป็ นดาวฤกษข ์ นาดใหญ ่ ม ี อายป ุ ระมาณ 5,000ล้านปี • เป็ นศูนย์กลางของระบบสุริยะ • ประกอบดว ้ ยแก ๊ สไฮโดรเจนท ี ่ อด ั แน ่ นภายใตแ ้ รงด ึ งด ู ดส ู ง • มีอุณหภูมิที่ผิวประมาณ 5,800องศาเซลเซียส ดวงอาทิตย์ (Sun)
ดวงอาทิตย์ (The sun) เป็นศูนย์กลาง มีดาวเคราะห์ 8 ดวง เรียงตามล าดับจากในสุดคือ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังคาร ดาวพฤหัส ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส ดาวเนปจูน ดาวพุธ ดาวเนปจูน โลก ดาวอังคาร ดาวพฤหัส ดาวศุกร์ ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส
ขนาดเปรียบเทียบของดาวเคราะห์ การเรียงล าดับขนาดของดาวเคราะห์จากขนาดใหญ่ไปขนาดเล็ก จะเรียงล าดับได้ดังนี้ ดาวพฤหัส>ดาวเสาร์>ดาวยูเรนัส>ดาวเนปจูน>โลก> ดาวศุกร์>ดาวอังคาร>ดาวพุธ
ก าเนิดระบบสุริยะ ระบบสุริยะ ถือก าเนิดมาจาก ฝุ่น และแก๊สเมื่อประมาณ 4,600 ล้านปีมาแล้ว ซึ่งเรียกว่า “โซลาร์เนบิวลา” มีการเคลื่อนที่ตลอดเวลา เมื่อรวมกันตรงใจกลาง จะมีความ หนาแน่นเพิ่มขึ้น ท าให้มีมวลและแรงดึงดูดมากขึ้น เมื่อมวลมาก ขึ้นจะเริ่มหดตัวลงด้วยแรงโน้มถ่วง
ดวงอาทิตย์ถือก าเนิดมาได้อย่างไร? ดวงอาทิตย์ เกิดจาก กลุ่มแก๊สยุบตัวลง และหมุนรอบตัวเอง ท าให้ ความดันเพิ่มขึ้น บริเวณตรงกลางมีอุณหภูมิสูงมาก จนเกิด ปฏิกิริยาเทอร์โมนิวเคลียร์ หรือนิวเคลียร์ฟิวชัน โดยไฮโดรเจนรวมกันเป็นฮีเลียมได้พลังงานของดาวฤกษ์ดวงใหม่ คือดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์จึงถือก าเนิดเป็นดาวฤกษ์ ฝุ่นและแก๊สที่เหลือรอบนอก เคลื่อนที่หมุนวนเป็นแผ่นกลมแบนรอบดวงอาทิตย์
ดาวเคราะห ์ในระบบส ุ ร ิ ยะ
ดาวเคราะห์ (Planet) • เป็นดาวที่ไม่มีแสงสว่างในตัวเอง • มีทั้งหมด 8 ดวง ได้แก่ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน ดาวเคราะห์น้อย (Asteroids) • เป็นดาวที่มีขนาดเล็ก ซึ่งในระบบสุริยะมีอยู่ประมาณ 50,000 ดวง • มีวงโคจรอยู่ระหว่างดาวอังคารกับดาวพฤหัสบดี • ดาวเคราะห์น้อยดวงแรกที่ถูกค้นพบชื่อว่า เซเรส
ดาวหาง (Comet) • เป็นกลุ่มมวลสารที่หลงเหลือจากการก าเนิดระบบสุริยะ • ประกอบด้วยแก๊สที่รวมตัวกันเป็นก้อนแข็ง น้ า ฝุ่นธุลี และก้อนหินที่อยู่กัน อย่างหลวมๆ ซึ่งไม่มีแสงในตัวเอง • การที่มองเห็นดาวหางมีแสงเนื่องจากดาวหางโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์
ดาวบริวาร คือ วัตถุท้องฟ้าที่โคจรรอบดาวเคราะห์หรือดาวเคราะห์แคระ เช่น ดวงจันทร์ของโลก ดวงจันทร์ไอโอของดาวพฤหัสบดี ดวงจันทร์ไททันของดาวเสาร์ ดวงจันทร์แครอนของดาวพลูโต วัตถุในแถบไคเปอร์ คือ กลุ่มวัตถุหินหรือน้ าแข็งที่วางตัวอยู่ในระนาบใกล้เคียงกับ ระนาบวงโคจรของดาวเคราะห์ อยู่เลยวงโคจรของดาวเนปจูน ซึ่งดาวพลูโตและดาว เคราะห์แคระอีกหลายดวงในระบบสุริยะอยู่ในแถบไคเปอร์ ดวงจันทร์ของโลก วัตถุในแถบไคเปอร์
อ ุ กกาบาต (Meteor) • ค ื อ สะเกด ็ ดาวหร ื อเศษช ิ ้ นส ่ วนท ี่หล ุ ดออก จากดวงดาว ซ่ึ งโคจรอยร ่ ู อบดวงอาท ิ ตย ์ • เม ื่อผา ่ นเขา ้ มาในบรรยากาศของโลกจะถ ู ก แรงดึงดูดของโลกดึงดูดเข้ามาและเสียดสีกบ ั บรรยากาศจนเก ิ ดการล ุ กไหม ้ ดาวเคราะห์แคระ (Dwaf Planet) • เป็ นวต ั ถ ุ ขนาดเลก ็ ท ี่ม ี ร ู ปร ่างคล้าย ทรงกลม แต ่ ม ี วงโคจรเป็ นร ู ปวงร ี ซ่ึ งซอ ้ นทบ ั กบ ั ดาวเคราะห ์ ดวงอื่น ดาวพล ู โต ดาวอีรีส ดาวเซเรส
การแบ่งประเภทดาวเคราะห์ • ในยุคก่อนมียานอวกาศ นักดาราศาสตร์จ าแนกประเภทดาวเคราะห์ ตามลักษณะที่ได้จากการสังเกตการณ์ด้วยมุมมองจากโลก โดยใช้วง โคจรของโลกเป็นเกณฑ์ในการแบ่งดาวเคราะห์ออกเป็นดาวเคราะห์วง ในและดาวเคราะห์วงนอก
ดาวเคราะห์วงใน คือ ดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าโลก ได้แก่ ดาวพุธ และดาวศุกร์ ดาวเคราะห์วงนอก คือ ดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์มากกว่าโลก ได้แก่ ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ
การแบ่งประเภทดาวเคราะห์ • ในยุคอวกาศ นักดาราศาสตร์จ าแนกประเภทดาวเคราะห์ ตามลักษณะ ทางกายภาพซึ่งได้ข้อมูลมาจากยานอวกาศ ซึ่งแบ่งออกเป็น ดาวเคราะห์ชั้นในและดาวเคราะห์ชั้นนอก
การแบ่งประเภทดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์ชั้นใน หรือ ดาวเคราะห์แข็ง หมายถึง ดาวเคราะห์ที่มีพื้นผิวเป็น ของแข็ง ได้แก่ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก และดาวอังคาร เป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาด เล็กและมีมวลน้อย ดาวเคราะห์ชั้นนอก หรือ ดาวเคราะห์แก๊ส หมายถึง ดาวเคราะห์ที่มีบรรยากาศ หนาแน่น ได้แก่ ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน เป็นดาว เคราะห์ที่มีขนาดใหญ่และมีมวลมาก
แบบฝึกหัดท้ายบทเรื่อง ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ ค าชี้แจง : ให้นักเรียนดูรูปและเลือกตัวอักษรและค าหน้าค าบรรยายด้านขวา มาเติมลงในช่องว่างด้านซ้ายของแต่ละข้อให้ถูกต้อง ก. ดาวพุธ ข. ดาวพฤหัสบดี ค. ดาวเนปจูน ง. ดาวอังคาร จ. ดาวเสาร์ ฉ. ดวงอาทิตย์ ช. ดาวศุกร์ ซ. โลก ญ. ดาวยูเรนัส 1............................. 2.................................. 3.................................4.................................... 5................................... 6............................. 7................................. 8................................... 9........................................ ตอนที่1 ดาวเคราะห์ชั้นใน ได้แก่............................................................................................................ ดาวเคราะห์ชั้นนอก ได้แก่......................................................................................................... 10 คะแนน 2 3 6 5 1 7 9 8 4
ตอนที่2 ค าชี้แจง : ให้นักเรียนอ่านข้อความแล้วขีด ถูก ลงในช่องสี่เหลี่ยม ถ้าไม่ถูก ให้ขีดเส้นใต้ข้อความที่ไม่ถูกต้องแล้วแก้ไขไขให้ถูกต้อง 1. เอกภพเป็นพื้นที่ที่มีขนาดเล็กไม่มีความกว้างขวาง ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง แก้ไขเป็น.................................................. 2. ระบบสุริยะมีดาวฤกษ์เพียงดวงเดียว คือดวงอาทิตย์ ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง แก้ไขเป็น.................................................. 3. กาแลกซี่ที่เราอยู่คือกาแลกซี่ทางหมีขาว ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง แก้ไขเป็น.................................................. 4. โลกเป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะ ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง แก้ไขเป็น.................................................. 5. ระบบสุริยะมีดาวเคราะห์ทั้งหมด 8 ดวง ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง แก้ไขเป็น..................................................
ระบบส ุ ร ิ ยะ
ระบบสุริยะคืออะไร? ระบบสุริยะ คือ ระบบดาวที่มีดาวฤกษ์เป็นศูนย์กลาง และมีดาวเคราะห์ เป็นบริวารโคจรอยู่โดยรอบ เมื่อสภาพแวดล้อมเอื้ออ านวย ต่อการด ารงชีวิต สิ่งมีชีวิตก็จะเกิดขึ้นบนดาวเคราะห์เหล่านั้น
• เป็ นดาวฤกษข ์ นาดใหญ ่ ม ี อายป ุ ระมาณ 5,000ล้านปี • เป็ นศูนย์กลางของระบบสุริยะ • ประกอบดว ้ ยแก ๊ สไฮโดรเจนท ี ่ อด ั แน ่ นภายใตแ ้ รงด ึ งด ู ดส ู ง • มีอุณหภูมิที่ผิวประมาณ 5,800องศาเซลเซียส ดวงอาทิตย์ (Sun)
ดวงอาทิตย์ (The sun) เป็นศูนย์กลาง มีดาวเคราะห์ 8 ดวง เรียงตามล าดับจากในสุดคือ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังคาร ดาวพฤหัส ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส ดาวเนปจูน ดาวพุธ ดาวเนปจูน โลก ดาวอังคาร ดาวพฤหัส ดาวศุกร์ ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส
ขนาดเปรียบเทียบของดาวเคราะห์ การเรียงล าดับขนาดของดาวเคราะห์จากขนาดใหญ่ไปขนาดเล็ก จะเรียงล าดับได้ดังนี้ ดาวพฤหัส>ดาวเสาร์>ดาวยูเรนัส>ดาวเนปจูน>โลก> ดาวศุกร์>ดาวอังคาร>ดาวพุธ
ก าเนิดระบบสุริยะ ระบบสุริยะ ถือก าเนิดมาจาก ฝุ่น และแก๊สเมื่อประมาณ 4,600 ล้านปีมาแล้ว ซึ่งเรียกว่า “โซลาร์เนบิวลา” มีการเคลื่อนที่ตลอดเวลา เมื่อรวมกันตรงใจกลาง จะมีความ หนาแน่นเพิ่มขึ้น ท าให้มีมวลและแรงดึงดูดมากขึ้น เมื่อมวลมาก ขึ้นจะเริ่มหดตัวลงด้วยแรงโน้มถ่วง
ดวงอาทิตย์ถือก าเนิดมาได้อย่างไร? ดวงอาทิตย์ เกิดจาก กลุ่มแก๊สยุบตัวลง และหมุนรอบตัวเอง ท าให้ ความดันเพิ่มขึ้น บริเวณตรงกลางมีอุณหภูมิสูงมาก จนเกิด ปฏิกิริยาเทอร์โมนิวเคลียร์ หรือนิวเคลียร์ฟิวชัน โดยไฮโดรเจนรวมกันเป็นฮีเลียมได้พลังงานของดาวฤกษ์ดวงใหม่ คือ ดวง อาทิตย์ ดวงอาทิตย์จึงถือก าเนิดเป็นดาวฤกษ์ ฝุ่นและแก๊สที่เหลือรอบนอก เคลื่อนที่หมุนวนเป็นแผ่นกลมแบนรอบดวงอาทิตย์
แบบฝึกหัดท้ายบท เรื่อง ระบบสุริยะ ค าชี้แจง : ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูล เรื่อง ระบบสุริยะ และวาดรูปแบบจ าลอง ระบบสุริยะ จากนั้นระบายสีตกแต่งให้สวยงาม วาดรูป 5 คะแนน
ดาวเคราะห ์ในระบบส ุ ร ิ ยะ