ดาวเคราะห์ (Planet) • เป็นดาวที่ไม่มีแสงสว่างในตัวเอง • มีทั้งหมด 8 ดวง ได้แก่ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน ดาวเคราะห์น้อย (Asteroids) • เป็นดาวที่มีขนาดเล็ก ซึ่งในระบบสุริยะมีอยู่ประมาณ 50,000 ดวง • มีวงโคจรอยู่ระหว่างดาวอังคารกับดาวพฤหัสบดี • ดาวเคราะห์น้อยดวงแรกที่ถูกค้นพบชื่อว่า เซเรส
ดาวหาง (Comet) • เป็นกลุ่มมวลสารที่หลงเหลือจากการก าเนิดระบบสุริยะ • ประกอบด้วยแก๊สที่รวมตัวกันเป็นก้อนแข็ง น้ า ฝุ่นธุลี และก้อนหินที่อยู่กัน อย่างหลวมๆ ซึ่งไม่มีแสงในตัวเอง • การที่มองเห็นดาวหางมีแสงเนื่องจากดาวหางโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์
ดาวบริวาร คือ วัตถุท้องฟ้าที่โคจรรอบดาวเคราะห์หรือดาวเคราะห์แคระ เช่น ดวงจันทร์ของโลก ดวงจันทร์ไอโอของดาวพฤหัสบดี ดวงจันทร์ไททันของดาวเสาร์ ดวงจันทร์แครอนของดาวพลูโต วัตถุในแถบไคเปอร์ คือ กลุ่มวัตถุหินหรือน้ าแข็งที่วางตัวอยู่ในระนาบใกล้เคียงกับ ระนาบวงโคจรของดาวเคราะห์ อยู่เลยวงโคจรของดาวเนปจูน ซึ่งดาวพลูโตและดาว เคราะห์แคระอีกหลายดวงในระบบสุริยะอยู่ในแถบไคเปอร์ ดวงจันทร์ของโลก วัตถุในแถบไคเปอร์
อก ุ กาบาต (Meteor) • ค ื อ สะเก ็ ดดาวหร ื อเศษช ิ ้ นส ่ วนท ี่หลดออก ุ จากดวงดาว ซ่ึ งโคจรอยร ู ่ อบดวงอาท ิ ตย ์ • เม ื่อผา ่ นเขา ้ มาในบรรยากาศของโลกจะถ ู ก แรงดึงดูดของโลกดึงดูดเข้ามาและเสียดสีกบ ั บรรยากาศจนเก ิ ดการล ุ กไหม ้ ดาวเคราะห์แคระ (Dwaf Planet) • เป็ นวต ั ถ ุ ขนาดเล ็ กท ี่ม ี ร ู ปร ่างคล้าย ทรงกลม แต ่ ม ี วงโคจรเป็ นร ู ปวงร ี ซ่ึ งซอ ้ นทบ ั กบ ั ดาวเคราะห ์ ดวงอื่น ดาวพล ู โต ดาวอีรีส ดาวเซเรส
การแบ่งประเภทดาวเคราะห์ • ในยุคก่อนมียานอวกาศ นักดาราศาสตร์จ าแนกประเภทดาวเคราะห์ ตามลักษณะที่ได้จากการสังเกตการณ์ด้วยมุมมองจากโลก โดยใช้วง โคจรของโลกเป็นเกณฑ์ในการแบ่งดาวเคราะห์ออกเป็นดาวเคราะห์วง ในและดาวเคราะห์วงนอก
ดาวเคราะห์วงใน คือ ดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าโลก ได้แก่ ดาวพุธ และดาวศุกร์ ดาวเคราะห์วงนอก คือ ดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์มากกว่าโลก ได้แก่ ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ
การแบ่งประเภทดาวเคราะห์ • ในยุคอวกาศ นักดาราศาสตร์จ าแนกประเภทดาวเคราะห์ ตามลักษณะ ทางกายภาพซึ่งได้ข้อมูลมาจากยานอวกาศ ซึ่งแบ่งออกเป็น ดาวเคราะห์ชั้นในและดาวเคราะห์ชั้นนอก
การแบ่งประเภทดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์ชั้นใน หรือ ดาวเคราะห์แข็ง หมายถึง ดาวเคราะห์ที่มีพื้นผิวเป็น ของแข็ง ได้แก่ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก และดาวอังคาร เป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาด เล็กและมีมวลน้อย ดาวเคราะห์ชั้นนอก หรือ ดาวเคราะห์แก๊ส หมายถึง ดาวเคราะห์ที่มีบรรยากาศ หนาแน่น ได้แก่ ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน เป็นดาว เคราะห์ที่มีขนาดใหญ่และมีมวลมาก
แบบฝึกหัดท้ายบทเรื่อง ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ ค าชี้แจง : ให้นักเรียนดูรูปและเลือกตัวอักษรและค าหน้าค าบรรยายด้านขวา มาเติมลงในช่องว่างด้านซ้ายของแต่ละข้อให้ถูกต้อง ก. ดาวพุธ ข. ดาวพฤหัสบดี ค. ดาวเนปจูน ง. ดาวอังคาร จ. ดาวเสาร์ ฉ. ดวงอาทิตย์ ช. ดาวศุกร์ ซ. โลก ญ. ดาวยูเรนัส 1............................. 2.................................. 3.................................5................................... 6............................. 7................................. 8................................... 9........................................ ตอนที่1 ดาวเคราะห์ชั้นใน ได้แก่............................................................................................................ ดาวเคราะห์ชั้นนอก ได้แก่.........................................................................................................
ตอนที่2 ค าชี้แจง : ให้นักเรียนอ่านข้อความแล้วขีด ถูก ลงในช่องสี่เหลี่ยม ถ้าไม่ถูก ให้ขีดเส้นใต้ข้อความที่ไม่ถูกต้องแล้วแก้ไขไขให้ถูกต้อง 1. เอกภพเป็นพื้นที่ที่มีขนาดเล็กไม่มีความกว้างขวาง ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง แก้ไขเป็น.................................................. 2. ระบบสุริยะมีดาวฤกษ์เพียงดวงเดียว คือดวงอาทิตย์ ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง แก้ไขเป็น.................................................. 3. กาแลกซี่ที่เราอยู่คือกาแลกซี่ทางหมีขาว ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง แก้ไขเป็น.................................................. 4. โลกเป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะ ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง แก้ไขเป็น.................................................. 5. ระบบสุริยะมีดาวเคราะห์ทั้งหมด 8 ดวง ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง แก้ไขเป็น..................................................
การแบ่งประเภทดาวเคราะห์
การแบ่งประเภทดาวเคราะห์ • ในยุคก่อนมียานอวกาศ นักดาราศาสตร์จ าแนกประเภทดาวเคราะห์ ตามลักษณะที่ได้จากการสังเกตการณ์ด้วยมุมมองจากโลก โดยใช้วง โคจรของโลกเป็นเกณฑ์ในการแบ่งดาวเคราะห์ออกเป็นดาวเคราะห์วง ในและดาวเคราะห์วงนอก
ดาวเคราะห์วงใน คือ ดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าโลก ได้แก่ ดาวพุธ และดาวศุกร์ ดาวเคราะห์วงนอก คือ ดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์มากกว่าโลก ได้แก่ ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ
การแบ่งประเภทดาวเคราะห์ • ในยุคอวกาศ นักดาราศาสตร์จ าแนกประเภทดาวเคราะห์ ตามลักษณะ ทางกายภาพซึ่งได้ข้อมูลมาจากยานอวกาศ ซึ่งแบ่งออกเป็น ดาวเคราะห์ชั้นในและดาวเคราะห์ชั้นนอก
การแบ่งประเภทดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์ชั้นใน หรือ ดาวเคราะห์แข็ง หมายถึง ดาวเคราะห์ที่มีพื้นผิวเป็น ของแข็ง ได้แก่ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก และดาวอังคาร เป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาด เล็กและมีมวลน้อย ดาวเคราะห์ชั้นนอก หรือ ดาวเคราะห์แก๊ส หมายถึง ดาวเคราะห์ที่มีบรรยากาศ หนาแน่น ได้แก่ ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน เป็นดาว เคราะห์ที่มีขนาดใหญ่และมีมวลมาก
แบบฝึกหัดท้ายบทเรื่อง ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ ค าชี้แจง : ให้นักเรียนดูรูปและเลือกตัวอักษรและค ำหน้ำค ำบรรยำยด้ำนขวำ มำเติมลงในช่องว่ำงด้ำนซ้ำยของแต่ละข้อให้ถูกต้อง ก. ดำวพุธ ข. ดำวพฤหัสบดี ค. ดำวเนปจูน ง. ดำวอังคำร จ. ดำวเสำร์ ฉ. ดวงอำทิตย์ ช. ดำวศุกร์ ซ. โลก ญ. ดำวยูเรนัส 1............................. 2.................................. 3.................................4.................................... 5................................... 6............................. 7................................. 8................................... 9........................................ ตอนที่1 ดาวเคราะห์ชั้นใน ได้แก่............................................................................................................ ดาวเคราะห์ชั้นนอก ได้แก่.........................................................................................................
ตอนที่2 ค าชี้แจง : ให้นักเรียนอ่ำนข้อควำมแล้วขีด ถูก ลงในช่องสี่เหลี่ยม ถ้าไม่ถูก ให้ขีดเส้นใต้ข้อความที่ไม่ถูกต้องแล้วแก้ไขไขให้ถูกต้อง 1. เอกภพเป็นพื้นที่ที่มีขนาดเล็กไม่มีความกว้างขวาง ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง แก้ไขเป็น.................................................. 2. ระบบสุริยะมีดาวฤกษ์เพียงดวงเดียว คือดวงอาทิตย์ ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง แก้ไขเป็น.................................................. 3. กาแลกซี่ที่เราอยู่คือกาแลกซี่ทางหมีขาว ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง แก้ไขเป็น.................................................. 4. โลกเป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะ ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง แก้ไขเป็น.................................................. 5. ระบบสุริยะมีดาวเคราะห์ทั้งหมด 8 ดวง ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง แก้ไขเป็น..................................................
ดาวฤกษ์และแรงโน้มถ่วงระหว่างดวงอาทิตย์กับดาวบริวาร
ดาวฤกษ์ • ดาวฤกษ์ คือ มวลของกลุ่มแก๊สร้อนรูปทรงกลมที่สามารถปล่อย พลังงานแสง ความร้อน และรังสีต่างๆ ออกมาได้ • พลังงานที่ปล่อยออกมาจากดาวฤกษ์ เกิดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชัน • ดาวฤกษ์มีองค์ประกอบที่ส าคัญ คือ ไฮโดรเจน ฮีเลียม และธาตุโลหะ ที่อยู่ในสภาพแก๊ส
วิวัฒนาการของดาวฤกษ์(ดวงอาทิตย์) • เริ่มจากมวลสารระหว่างดวงดาวมารวมกันแล้วเกิดแรงอัดตัวกัน กลายเป็นดาวฤกษ์ • ดวงอาทิตย์ คือดาวฤกษ์ดวงหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันมีสีเหลืองแต่ต่อไปเมื่อใกล้ หมดอายุจะมีขนาดใหญ่ขึ้นและเปลี่ยนเป็นสีแดง เรียกว่า ดาวยักษ์แดง • หลังจากนั้นจะค่อยๆ หดตัว จนมีขนาดเล็กลงและมีสีขาว เรียกว่า ดาวแคระขาว ดาวยักษ์แดง ดาวแคระขาว กล ุ่มแก ๊ สและฝุ่นธุล ี ที่รวมเป็ นดาวฤกษ์ จ ุ ดเร ิ่มต ้ น การแตกดับ
วิวัฒนาการของดาวฤกษ์ วาระสุดท้ายของดาวฤกษ์ที่มีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์มากๆ จะเป็นหลุมด า วาระสุดท้ายของดาวฤกษ์ที่มีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ จะระเบิดกลายเป็นดาว นิวตรอน วาระสุดท้ายของดาวฤกษ์ที่มีมวลน้อย เช่น ดวงอาทิตย์จะกลายเป็นดาวเเคระ ขาวเเละเมื่อพลังงานหมดก็จะกลายเป็นดาวเเคระด า
• ส ี ของดาวฤกษส ์ ามารถบอกถ ึ งอ ุ ณหภ ู ม ิ ของดาวแต ่ ละดวง และยง ั บอกถ ึ ง อายุของดาวฤกษ์ได้ • ดาวฤกษท ์ ี่ม ี อายน ุ อ ้ ยจะม ี อ ุ ณหภ ู ม ิ ส ู ง และม ี ส ี น ้ า เง ิ น ส ่วนดาวฤกษ์ที่มีอายุ มากจะมีอุณหภูมิต ่าและมีสีแดง อุณหภูมิและสีของดาวฤกษ์
แรงโน้มถ่วงระหว่างดวงอาทิตย์กับดาวบริวาร
แรงโน้มถ่วงระหว่างดวงอาทิตย์กับดาวบริวาร แรงโน้มถ่วงของโลก คือ แรงดึงดูดที่มวลของโลกกระท าต่อวัตถุรอบข้าง โดยการดึงเข้าหาจุดศูนย์กลาง หรือแก่นของดวงดาว ทุกสิ่งที่อยู่บนโลกล้วนถูกแรงโน้มถ่วงของโลกดึงดูดไว้ไม่ให้ กระจายตัวออกไปในอวกาศ เช่นเดียวกับดาวเทียมและสถานีอวกาศที่ถูกมนุษย์ส่งขึ้น ไปโคจรรอบโลก รวมไปถึงดวงจันทร์ที่เป็นดาวบริวารของโลกอีกด้วย แรงโน้มถ่วงจะแปรผันตามขนาดมวลและระยะห่างระหว่างวัตถุ โดยที่มวลมากจะส่งผลให้มีแรงดึงดูดมาก โดยเฉพาะวัตถุที่มีมวลขนาดใหญ่ เช่น ดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นดาวฤกษ์ที่มีมวลมากกว่าโลกของเราหลายล้านเท่า จึงมีแรง โน้มถ่วงมากพอที่จะท าให้ดาวเคราะห์ทั้งหลายโคจรรอบตัวมันเอง
การค้นพบแรงโน้นถ่วง ในปี ค.ศ.1666 ไอแซ็ค นิวตัน (Isaac Newton) นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษได้ให้ ค านิยามว่า “แรงโน้มถ่วง” จากข้อสงสัยที่ว่าท าไมผลแอปเปิลที่หลุดจากต้นนั้น หล่นลงพื้นแทนที่จะลอยขึ้นไป ในอากาศ การหล่นของแอปเปิลเป็นผลของแรงโน้มถ่วงที่กระท าระหว่างมวลทั้ง 2 เช่นเดียวกับการดึงดูดดวงจันทร์ให้โคจรรอบโลกของเรา แนวคิดเรื่องแรงโน้มถ่วงของนิวตันนี้ ไม่เป็นที่รู้จักมากนัก จนกระทั่งได้รับการตีพิมพ์ใน “หนังสือหลักการคณิตศาสตร์ว่าด้วยปรัชญาธรรมชาติ” จนกลายเป็นที่ยอมรับอย่าง แพร่หลาย รวมถึงการคิดค้น “กฎความโน้มถ่วงสากลของนิวตัน”
ขนาดของแรงโน้มถ่วง: (F) คือ แรงโน้มถ่วงระหว่างมวลใดๆ ที่มีขนาดขึ้นอยู่กับขนาดของมวลของวัตถุทั้งสองและ ขึ้นอยู่กับระยะห่างระหว่างจุดศูนย์กลางของวัตถุทั้งสอง มีความสัมพันธ์ดังสมการ ดังนี้ เมื่อ F แทน ขนาดของแรงโน้มถ่วง มีหน่วยเป็น นิวตัน (N) m1 m2 แทน มวลของวัตถุ มีหน่วยเป็น กิโลกรัม (Kg) r แทน ระยะห่างระหว่างจุดศูนย์กลางของวัตถุ มีหน่วยเป็น เมตร (m) G แทน ค่าคงที่โน้มถ่วงสากล มีหน่วยเป็น นิวตันเมตรก าลัง2/กิโลกรัมก าลัง2 / ประมาณ 6.67 x −
โลกเป็นดาวเคราะห์ที่มีแรง โน้มถ่วงมากระท าต่อวัตถุ สังเกตได้จาก การที่เราปล่อย ลูกบอลจากมือ ลูกบอลจะตก ลงมาตรงๆ อย่างอิสระใน แนวดิ่ง เพราะแรงโน้มถ่วงจะ ดึงดูดลูกบอลให้ตกลงมาสู่พื้น
ถ้าเราขว้างลูกบอลไปในแนวระดับด้วยอัตราเร็วค่าหนึ่ง แรงดึงดูดที่โลกจะกระท าต่อ วัตถุในแนวดิ่ง แต่วัตถุไม่ได้ตกลงในแนวดิ่ง วัตถุจะตกลงสู่โลกในแนววิถีโค้ง แต่ถ้าเราขว้างลูกบอลออกไปด้วยความเร็วมากขึ้น ลูกบอลจะเคลื่อนที่เป็นวิถีโค้ง เช่นเดิมแต่จะไปข้างหน้าได้ไกลกว่าเดิม ก.ขว้างลูกบอลออกไปข้างหน้า ด้วยอัตราเร็วคงที่ค่าหนึ่ง ข.ขว้างลูกบอลออกไปข้างหน้า ด้วยอัตราเร็วมากขึ้น
อัตราเร็วในวงโคจร คือ อัตราเร็วค่าหนึ่งของวัตถุที่ก าลังโคจรรอบโลก โดยมีแรงโน้มถ่วงของโลก ดึงดูดวัตถุนั้นไว้อยู่ตลอดเวลา ท าให้วัตถุเคลื่อนที่รอบจุดศูนย์กลางของโลกได้ ลักษณะการเกิดอัตราเร็วในวงโคจร 1. ถ้าอัตราเร็วของวัตถุน้อยกว่าอัตราเร็วในวงโคจร วัตถุจะตกสู่พื้นโลก 2. ถ้าขนาดของวัตถุเท่ากับอัตราเร็วในวงโคจร วัตถุจะไม่ตกสู่พื้นโลก 3. ถ้าอัตราเร็วของวัตถุนั้นมากกว่าอัตราเร็วในวงโคจร วัตถุจะโคจรรอบโลกเช่นเดิม แต่จะเปลี่ยนวงโคจรที่ระดับสูงจากผิวโลกมากขึ้น และเมื่ออัตราเร็วของวัตถุมีมากพอ วัตถุนั้นจะเคลื่อนที่หลุดออกจากแรงดึงดูดของโลกได้ แรงที่ดาวเทียมดึงดูดโลก แรงที่โลกดึงดูดดาวเทียม ความเร็วในแนวสัมผัส ของดาวเทียม เซอร์ไอแซก นิวตัน: ได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับการโคจร ซึ่งมีการ เคลื่อนที่แบบวงกลมรอบศูนย์กลาง
เกร็ดน่ารู้ การส่งจรวดหรือยานอวกาศออกไปนอกโลกนั้น แรงโน้มถ่วงเป็นแรงส าคัญที่ต้านการ เคลื่อนที่ของจรวด ท าให้จรวดต้องใช้พลังงานมหาศาลในการเอาชนะแรงโน้มถ่วง แต่ในบางครั้งแรงโน้มถ่วงก็เป็นแรงที่ช่วยเพิ่มความเร็วของยานได้ เมื่อยานอวกาศ เคลื่อนที่ไปไกลๆในห้วงอวกาศ การเร่งความเร็วของยานให้สูงขึ้นต้องใช้พลังงานสูง หาก ใช้แรงโน้มถ่วงจากดาวช่วยดึงดูดและเหวี่ยงให้ยานเคลื่อนที่ไปได้เร็วมากขึ้นก็จะเป็นการ ช่วยประหยัดพลังงาน ซึ่งต้องผ่านการค านวณเส้นทางมาเป็นอย่างดี การใช้แรงโน้มถ่วงช่วยเพิ่มความเร็วของยานอวกาศ
การใช้แรงโน้มถ่วงช่วยเพิ่มความเร็วของยานอวกาศ
แบบฝึกหัดท้ายบท เรื่องดาวฤกษ์และแรงโน้มถ่วงระหว่างดวงอาทิตย์กับดาวบริวาร 1. ให้นักเรียนเขียนสรุปความรู้เกี่ยวกับดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ และดาวเคราะห์น้อย โดยใช้แผนภาพเวน ตามหัวข้อดังต่อไปนี ้ (เสร็จแล้วระบายสีตกแต่งให้สวยงาม) ดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์ น้อย ดาวฤกษ์ คือ...... มีองค์ประกอบ ที่ส าคัญ คือ........ ดาวฤกษ์ เกิดจาก.... ดาวเคราะห์คือ....... มีทั้งหมด 8 ดวง ได้แก่.......................... คือ............... มีวงโคจรอยู่ที่... ดาวเคราะห์น้อย ดวงแรกชื่อ.... ดาวเคราะห์ชั้นในคือ... ดาวเคราะห์ชั้น นอกคือ.......
2. เขียนเครื่องหมาย √ หน้าข้อความที่ถูกต้อง และเขียนเครื่องหมาย X หน้าข้อความ ที่ไม่ถูกต้อง ...........1. ดวงอาทิตย์เป็นแหล่งก าเนิดพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ เมื่อโลก ได้รับแสงจากดวงอาทิตย์จะได้รับทั้งพลังงานแสงและพลังงานความร้อน ...........2. แสงจากดวงอาทิตย์เดินทางมายังโลกเป็นเส้นตรง ...........3. การโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ท าให้เกิดกลางวัน กลางคืน ...........4. การหมุนรอบตัวเองของโลกท าให้เกิดปรากฏการณ์การขึ้นและตกของ ดวงอาทิตย์และน าไปสู่การก าหนดทิศ ............5. การหมุนรอบตัวเองของโลกมีทิศทางดังภาพ ขั้วโลกเหนือ ทิศทางการหมุนรอบตัวเองของโลก โลก
ปรากฎการณ์ที่เกิดจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์
ปรากฎการณ์ที่เกิดจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ 1. การหมุนรอบตัวเองของโลก โลกหมุนรอบตัวเองครบรอบในทุก 24 ชั่วโมง หรือ 1 วัน โลกหมุนรอบตัวเองในทิศทาง จากทิศตะวันตกไปทางทิศตะวันออก ท าให้ดวงอาทิตย์ ปรากฏขึ้นจากขอบฟ้าในทิศตะวันออก และตกลับขอบฟ้าในทิศตะวันตก โลกฝั่งที่หันเข้าหาดวงอาทิตย์จะเป็นด้านกลางวัน ส่วนฝั่งที่หันออกจากดวงอาทิตย์ จะเป็นด้านกลางคืน จะเรียกปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นว่า การเกิดกลางวันและกลางคืน
2. ปรากฏการณ์ข้างขึ้น ข้างแรม เกิดจากดวงจันทร์หมุนรอบตัวเองและโคจรรอบโลก ท าให้แต่ละคืนต าแหน่งของดวง จันทร์จะเปลี่ยนไป ช่วงเวลาที่มองเห็นส่วนสว่างของดวงจันทร์ค่อยๆ โตขึ้นเรื่อยๆ เรียกว่า วันข้างขึ้น วันที่เห็นส่วนสว่างของดวงจันทร์เต็มดวง เรียกว่า วันเพ็ญ วันที่มองไม่เห็นส่วนสว่างของดวงจันทร์เลย เรียกว่า วันเดือนดับ แสงจากดวงอาทิตย์
3. ปรากฏการณ์น้้าขึ้น-น้้าลง เป็นปรากฏการณ์ที่ระดับน้ าทะเลสูงขึ้นและลดลงเป็นช่วงๆ ในแต่ละวัน อันเป็นผลมาจาก แรงไทดัล ซึ่งเกิดจากการที่สนามโน้มถ่วงของดวงจันทร์มีอิทธิพลต่อบริเวณต่างๆของโลกไม่เท่ากัน การเกิดน้ าขึ้นและน้ าลง โดยปกติน้ าทะเลจะขึ้นวันละ 2 ครั้ง และลงวันละ 2 ครั้ง โดยมีช่วงเวลาดังนี้ 1. น้ าขึ้นและน้ าลงประมาณ 6 ชั่วโมง 12 นาทีท าให้น้ าขึ้นครั้งแรกถึงครั้งถัดไปห่างกัน ประมาณ 12 ชั่วโมง 25 นาที 2. วันถัดไปน้ าจะขึ้นช้าวันละประมาณ 50 นาทียกตัวอย่างเช่น น้ าขึ้นครั้งล่าสุดเวลา 00.00 น. น้ าจะขึ้นครั้งต่อไปประมาณเวลา 12.25 น. และในวันถัดไปน้ าจะขึ้นประมาณเวลา 00.50 น.
4. ปรากฏการณ์น้้าเกิด เกิดจาก การเรียงตัวอยู่ในระนาบเดียวกันของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก หรือ ดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ เป็นช่วงเวลาที่ดวงจันทร์เต็มดวง คือ วันขึ้น 15 ค่้า และวันแรม 15 ค่้า แรงดึงดูดของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ที่กระท้าต่อโลกจะเสริมกันสูงสุด ท้าให้เกิดปรากฏการณ์น้้าเกิด หรือน้้าขึ้นสูงสุด ซึ่งระดับน้้าที่ขึ้นสูงสุดกับระดับน้้าที่ ลงต่้าสุดจะมีความแตกต่างกันมาก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงจันทร์ ตรงกลาง ตรงข้าม แรม15ค่้า ขึ้น 15ค่้า โลก
5. ปรากฏการณ์น้้าตาย เกิดขึ้นในวันขึ้น 8 ค่้า และวันแรม 8 ค่้า เกิดจาก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก ไม่ได้เรียงตัวบนแนวเดียวกัน แต่ตั้งฉาก ซึ่งกันและกัน โดยดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ท้ามุมตั้งฉากกัน 90 องศา แรงดึงดูดของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ที่กระท าต่อโลกจะไม่เสริมกัน ต่างฝ่ายต่าง ออกแรงกระท าต่อโลก ท้าให้ระดับน้้าที่ขึ้นสูงสุดกับระดับน้้าที่ลงต่้าสุดจะไม่แตกต่างกันมาก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงจันทร์ โลก แรม 8 ค่้า ขึ้น 8 ค่้า
6. สุริยุปราคาหรือสุริยคราส • เกิดจาก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก เคลื่อนที่มาอยู่ในแนวเดียวกัน โดยดวง จันทร์อยู่ระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ • ดวงจันทร์ไปบังแสงจากดวงอาทิตย์ ท าให้ไม่สามารถมองเห็นแสงอาทิตย์
7. จันทรุปราคาหรือจันทรคราส • เกิดจาก ดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ เคลื่อนที่มาอยู่ในแนวเดียวกัน โดยโลกอยู่ ระหว่างดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ • โลกไปบังแสงอาทิตย์ แสงอาทิตย์จึงส่องไป ไม่ถึงดวงจันทร์ ท าให้มองเห็นดวงจันทร์มืด ลงชั่วขณะ
แบบฝึกหัดท้ายบทเรื่อง ปรากฎการณ์ที่เกิดจากปฏิสัมพันธ์ระหว่าง ดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ 1. จงวาดรูปและอธิบายเกี่ยวกับการเกิดปรากฏการณ์ข้างขึ้น-ข้างแรม 2. โลกหมุนรอบตัวเองในทิศทางใด 3. การเกิดกลางวันและกลางคืน เกิดขึ้นได้อย่างไร 4. การเกิดน้ าขึ้น-น้ าลง จะเกิดขึ้นวันละกี่ครั้ง และมีการเว้นระยะห่างในการเกิด อย่างไร จงอธิบาย 5. ปรากฏการณ์น้ าเกิด เกิดขึ้นได้อย่างไรและจะเกิดในช่วงเวลาใด 6. ปรากฏการณ์น้ าตาย เกิดขึ้นได้อย่างไรและจะเกิดในช่วงเวลาใด 7. จงวาดรูป พร้อมอธิบายการเกิดสุริยุปราคา 8. จงวาดรูป พร้อมอธิบายการเกิดจันทรุปราคา 9. ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศใด และตกทางทิศใด 10. การหมุนรอบดวงอาทิตย์ของโลกโดยจะท ามุมเอียงกี่องศา
ดาวฤกษ์
ดาวฤกษ์ • ดาวฤกษ์ คือ มวลของกลุ่มแก๊สร้อนรูปทรงกลมที่สามารถปล่อย พลังงานแสง ความร้อน และรังสีต่างๆ ออกมาได้ • พลังงานที่ปล่อยออกมาจากดาวฤกษ์ เกิดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชัน • ดาวฤกษ์มีองค์ประกอบที่ส าคัญ คือ ไฮโดรเจน ฮีเลียม และธาตุโลหะ ที่อยู่ในสภาพแก๊ส
วิวัฒนาการของดาวฤกษ์(ดวงอาทิตย์) • เริ่มจากมวลสารระหว่างดวงดาวมารวมกันแล้วเกิดแรงอัดตัวกัน กลายเป็นดาวฤกษ์ • ดวงอาทิตย์ คือดาวฤกษ์ดวงหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันมีสีเหลืองแต่ต่อไปเมื่อใกล้ หมดอายุจะมีขนาดใหญ่ขึ้นและเปลี่ยนเป็นสีแดง เรียกว่า ดาวยักษ์แดง • หลังจากนั้นจะค่อยๆ หดตัว จนมีขนาดเล็กลงและมีสีขาว เรียกว่า ดาวแคระขาว ดาวยักษ์แดง ดาวแคระขาว กล ุ่มแก ๊ สและฝุ่นธุล ี ที่รวมเป็ นดาวฤกษ์ จ ุ ดเร ิ่มต ้ น การแตกดับ
วิวัฒนาการของดาวฤกษ์ วาระสุดท้ายของดาวฤกษ์ที่มีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์มากๆ จะเป็นหลุมด า วาระสุดท้ายของดาวฤกษ์ที่มีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ จะระเบิดกลายเป็นดาว นิวตรอน วาระสุดท้ายของดาวฤกษ์ที่มีมวลน้อย เช่น ดวงอาทิตย์จะกลายเป็นดาวเเคระ ขาวเเละเมื่อพลังงานหมดก็จะกลายเป็นดาวเเคระด า
• ส ี ของดาวฤกษส ์ ามารถบอกถ ึ งอ ุ ณหภ ู ม ิ ของดาวแต ่ ละดวงและยง ั บอกถ ึ ง อายุของดาวฤกษ์ได้ • ดาวฤกษท ์ ี่ม ี อายน ุ อ ้ ยจะม ี อ ุ ณหภ ู ม ิ ส ู งและม ี ส ี น ้ า เง ิ น ส ่วนดาวฤกษ์ที่มีอายุ มากจะมีอุณหภูมิต ่าและมีสีแดง อุณหภูมิและสีของดาวฤกษ์
แบบฝึกหัดท้ายบท เรื่องดาวฤกษ์ ค าชี้แจง: ให้นักเรียนเขียนสรุปความรู้เกี่ยวกับดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ และดาวเคราะห์น้อย โดยใช้แผนภาพเวน ตามหัวข้อดังต่อไปนี ้ (เสร็จแล้วระบายสีตกแต่งให้สวยงาม) ดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์ น้อย ดาวฤกษ์ คือ...... มีองค์ประกอบ ที่ส าคัญ คือ........ ดาวฤกษ์ เกิดจาก.... ดาวเคราะห์คือ....... มีทั้งหมด 8 ดวง ได้แก่.......................... คือ............... มีวงโคจรอยู่ที่... ดาวเคราะห์น้อย ดวงแรกชื่อ.... ดาวเคราะห์ชั้นในคือ... ดาวเคราะห์ชั้น นอกคือ....... ตอนที่1 10คะแนน
ตอนที่2 ค าชี้แจง : ให้นักเรียนอ่านข้อความแล้วขีด ถูก ลงในช่องสี่เหลี่ยม ถ้าไม่ถูก ให้ขีดเส้นใต้ข้อความที่ไม่ถูกต้องแล้วแก้ไขไขให้ถูกต้อง 1. เอกภพเป็นพื้นที่ที่มีขนาดเล็กไม่มีความกว้างขวาง ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง แก้ไขเป็น.................................................. 2. ระบบสุริยะมีดาวฤกษ์เพียงดวงเดียว คือดวงอาทิตย์ ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง แก้ไขเป็น.................................................. 3. กาแลกซี่ที่เราอยู่คือกาแลกซี่ทางหมีขาว ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง แก้ไขเป็น.................................................. 4. โลกเป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะ ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง แก้ไขเป็น.................................................. 5. ระบบสุริยะมีดาวเคราะห์ทั้งหมด 8 ดวง ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง แก้ไขเป็น..................................................
แรงโน้มถ่วงระหว่างดวงอาทิตย์กับดาวบริวาร