The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2021-09-06 04:02:03

WD-I

WD-I

สรรค์สร้างอย่างไทย

101



ปีพุทธศักราช ๒๕๓๗-๒๕๓๘

หอประดิษฐานรูปจ�ำลองพระญาณสิทธาจารย์
(หลวงปู่สิม พุทธาจาโร)

สำ� นักสงฆ์ถ�้ำผาปลอ่ ง อ.เชยี งดาว จ.เชียงใหม่

Luangpu Sim Buddhajaro Shrine

Tham Pha-plong Monastery, Chiang-Dao district, Chiangmai province

ประโยชน์ใช้สอย Function
เป็นหอประดิษฐานรูปหล่อจ�ำลองหลวงปู่สิม พุทธาจาโร โดยสร้าง This shrine houses the sculptural image of Luangpu Sim and

ตรงตำ� แหนง่ เมรทุ ไี่ ดร้ บั พระราชทานเพลงิ ศพ เพอ่ื เปน็ สถานทใี่ หศ้ ษิ ยานศุ ษิ ย์ is erected at the site where he was cremated so that the people may
ของหลวงป่ไู ดร้ �ำลึกถึงและมากราบไหว้แสดงความเคารพศรทั ธาสืบไป come and pay their respects.
Concept
แนวคิดในการออกแบบ
การออกแบบเนน้ ความสงบ เรยี บงา่ ยตามแบบสายพระฝา่ ยกรรมฐาน The design concept was based on applying the Lanna style
architecture with the idea of peace and tranquility according to
ค�ำนึงถึงเอกลักษณ์ของศิลปะสถาปัตยกรรมแบบล้านนาประยุกต์ โดย the forest-meditation ideology. The structure is built of reinforced
ออกแบบเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก เพ่ือความแข็งแรงทนทาน ดูแล concrete for durability, easy maintenance, and has a scale that is
รักษาง่าย มีขนาดเหมาะสมกับประโยชน์ใช้สอยส�ำหรับประดิษฐานรูปหล่อ appropriate for housing the sculpture of Luangpu Sim.
จ�ำลองหลวงปสู่ มิ

103

แบบรา่ ง หอประดษิ ฐานรปู จ�ำลองหลวงปู่สมิ

104

หอประดิษฐานรูปจ�ำลองพระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร) ส�ำนักสงฆ์ถ�้ำผาปล่อง

แบบผังพนื้

รูปแบบทางสถาปัตยกรรม Architectural Characteristics
เปน็ อาคารตรมี ขุ สรา้ งดว้ ยคอนกรตี เสรมิ เหลก็ มลี กั ษณะแบบพน้ื ถ่ิน This reinforced concrete structure has local characteristics

ยกฐานสงู ประมาณ 90 เซนตเิ มตร ด้านหนา้ มจี ่ัวมขุ ลดเพ่อื เน้นทางเข้า และ with roof gables projected in three main directions. The front has
เน้นเปิดมุมมองทางเข้าด้านหน้าให้รับกับผู้มาสักการะ โดยมีพ้ืนท่ีภายใน double-tiered gables to emphasize the direction of the main
รองรับให้ศษิ ยานุศิษย์เขา้ ไปกราบไหว้ไดค้ รงั้ ละ 5-6 คน approach in a welcoming gesture with space for paying respect that
can accommodate 5-6 persons at a time.

105

สรรค์สร้างอย่างไทย

แบบรปู ด้านขา้ ง

106

หอประดิษฐานรูปจ�ำลองพระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร) ส�ำนักสงฆ์ถ้�ำผาปล่อง

แบบรปู ด้านหนา้

107

สรรค์สร้างอย่างไทย

แบบรปู ตัดตามยาว

108

หอประดิษฐานรูปจ�ำลองพระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร) ส�ำนักสงฆ์ถ้�ำผาปล่อง

แบบรปู ตดั ตามขวาง 109

สรรค์สร้างอย่างไทย

ลักษณะเดน่ ของงาน Prominent Feature
เปน็ งานสถาปัตยกรรมขนาดเล็กที่มีความงดงาม น่มุ นวล สร้างความ This is a small and beautiful work of architecture that is

รสู้ กึ ออ่ นโยนแกจ่ ติ ใจ อาคารเปน็ เครอื่ งคอนกรตี ทล่ี ดชนั้ หลงั คาลงทงั้ ดา้ นข้าง subtle and calming. The tiered roof gables help to make it appear
และด้านหน้า ช่วยให้อาคารดูสง่างาม สะท้อนออกซ่ึงศิลปะสถาปัตยกรรม elegant and reflect local style architecture. Standing on a mound
พน้ื ถนิ่ ของภาคเหนอื ตวั อาคารไดถ้ กู ออกแบบและกอ่ สรา้ งอยบู่ นเนนิ สงู มแี มกไม้ with dense trees in the background, it has a transcending
เป็นฉากหลัง ช่วยส่งเสริมบรรยากาศและบริบทของพระป่าสายกรรมฐาน atmosphere that evokes a sense of the forest-meditation tradition.
ได้อย่างชดั เจน

110

หอประดิษฐานรูปจ�ำลองพระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร) ส�ำนักสงฆ์ถ้�ำผาปล่อง

คณุ ค่าและความส�ำคัญ Value and Significance
เป็นอาคารประดิษฐานรูปจ�ำลองของหลวงปู่สิม ซึ่งเป็นพระเถระสาย The shrine houses a sculpture of Luangpu Sim who was a

กรรมฐานที่มีผู้คนเคารพศรัทธามากมาย จึงเป็นเสมือนสถานท่ีรวมใจของ renowned and respected meditation monk with a large number of
ศิษยานุศิษย์ที่จะมากราบไหว้ร�ำลึกถึงท่านได้ ทั้งยังเป็นต�ำแหน่งเมรุ followers. It therefore provides a place for devotees to come and pay
ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ทรงเสด็จพระราชด�ำเนินมา their respects in memory of him and is also the site where King
พระราชทานเพลิงศพหลวงปู่สิม ณ สถานทแี่ ห่งนด้ี ้วย. Rama 9 presided during the cremation ceremony of the revered monk.

111



ปีพุทธศักราช ๒๕๓๙

เมรุหลวงปู่ใช่ สุชีโว (พระครูวิสุทธิสังวร)

วัดปาลิไลยวัน อ.บางพระ จ.ชลบรุ ี

Cremation Pavilion for Luangpu Chai Sucheevo

Wat Pa-Lilaiwan temple, Bangphra district, Chonburi province

ประโยชนใ์ ชส้ อย Function
เป็นเมรุลอยเพ่ือใช้ในการพระราชทานเพลิงศพพระครูวิสุทธิสังวร This was a temporary pavilion for the cremation of Luangpu

(หลวงป่ใู ช่ สุชโี ว) Chai Sucheevo.
Concept
แนวคดิ ในการออกแบบ
ออกแบบให้เป็นเมรุช่ัวคราวท่ีลูกศิษย์สามารถช่วยกันก่อสร้างได้ The design of this temporary structure was to allow Luangpu
Chai’s devotees to participate in the process of erecting and
ง่ายและรื้อถอนได้สะดวก แม้จะเป็นเมรุช่ัวคราวขนาดเล็ก แต่ต้องมีความ disassembling it without difficulty. Although it is a small structure,
สง่างาม เรียบร้อย เหมาะสมกับฐานานุรูปของหลวงปู่ ซ่ึงเป็นพระเถระผู้ใหญ่ it had to be elegant and befitting the departed monk who was highly
ท่ีมีผเู้ คารพศรัทธามากมาย respected.
Architectural Characteristics
รปู แบบทางสถาปัตยกรรม
เปน็ เมรชุ ว่ั คราวทสี่ รา้ งดว้ ยโครงสรา้ งเหลก็ หลงั คาทรงจวั่ และมปี ีกนก The structure of this pavilion was built of steel with gabled
roof and overhangs decorated with flowers devoutly stringed by
โดยรอบ ท้ังน้ีตัวเสา หลังคาจั่วและปีกนกหลังคาประดับด้วยดอกรักซ่ึง devotees. The site for construction was on a mound within the
เหล่าลูกศษิ ยร์ ่วมใจกันร้อยผูกโยงประดับตกแต่งทั้งหลัง แสดงถึงความรัก grounds of the temple and specifically chosen so that it stands out
ความศรัทธาท่ีมีในองค์หลวงปู่ การก่อสร้างอาคารก�ำหนดให้สร้างบนเนิน elegantly in its context of a temple on a hill.
ภายในวัด ซึ่งตัง้ อยู่บนเขาเพ่ือให้เกิดความสง่างามและสอดคล้องกับบริบท
ของพ้ืนที่ 113

สรรค์สร้างอย่างไทย

แบบผังบรเิ วณ

114

เมรุหลวงปู่ใช่ สุชีโว (พระครูวิสุทธิสังวร) วัดปาลิไลยวัน

แบบรปู ดา้ นขา้ ง แบบรปู ดา้ นหนา้

115

สรรค์สร้างอย่างไทย

ลกั ษณะเด่นของงาน Prominent Feature
เปน็ งานสถาปตั ยกรรมขนาดเลก็ ทศี่ ษิ ยานศุ ษิ ยส์ ามารถสรา้ งขนึ้ เองได้ A small-sized structure which devotees participated in its

โดยไดร้ บั การดแู ลในการกอ่ สรา้ งและตกแตง่ จากสถาปนกิ ผอู้ อกแบบ ดงั จะเหน็ construction by decorating it with flowers under the supervision
ไดจ้ ากการประดับตกแต่งด้วยดอกรกั ร้อยท้ังหลัง of the architect.

คณุ คา่ และความสำ� คัญ Value and Significance
เป็นงานสถาปัตยกรรมขนาดเล็กที่สถาปนิกเป็นผู้ออกแบบ แต่การ This is a small scale structure designed by the architect with

ก่อสร้างได้ประสานความเคารพศรัทธาจากศิษยานุศิษย์มาร่วมแรงร่วมใจกัน the participation of devotees in mind so that they may be involved
ทำ� ตง้ั แตเ่ รม่ิ กอ่ สรา้ งจนประดบั ตกแตง่ แลว้ เสรจ็ ไดอ้ ยา่ งสมบรู ณ์ นบั เปน็ ผลงาน throughout from the beginning until the end and reflected their
แห่งความศรัทธาโดยแท้ dedication and true faith in the well-respected monk.

116

เมรุหลวงปู่ใช่ สุชีโว (พระครูวิสุทธิสังวร) วัดปาลิไลยวัน

117

สรรค์สร้างอย่างไทย

118

ปีพุทธศักราช ๒๕๓๙-๒๕๔๐

ศาลาท่าน้�ำริมบึงโบราณ

วดั จนั เสน ต.จันเสน อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์

Lakeside Water Pavilion

Wat Chan-sen temple, Ta-kli district, Nakorn Sawan province

ประโยชนใ์ ช้สอย
เป็นศาลาท่าน�้ำริมบึงโบราณ วัดจันเสน ที่สร้างแทนศาลาท่าน้�ำเดิม

ซ่ึงผุพังไปแล้ว โดยจะใช้ส�ำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ของวัดและชุมชน เช่น
จัดประชุมในบางโอกาส ใช้ในงานประเพณีลอยกระทง ซ่ึงจะมีประชาชน
จากพ้ืนท่ีต่าง ๆ มาร่วมงานเป็นจ�ำนวนมาก นอกจากนั้นยังเป็นสถานท่ีพัก
ผ่อนหย่อนใจสำ� หรบั ผคู้ นในชุมชนด้วย
Function

This is a pavilion by an old lake at Wat Chan-sen built to
replace the badly dilapidated one and is to be used for relaxation as
well as various activities of the temple and the community such as
meetings, Loy Kratong festival and other gatherings.

119

สรรค์สร้างอย่างไทย

แบบรา่ ง ศาลาทา่ น�้ำวดั จันเสน

120

ศาลาท่าน�้ำริมบึงโบราณ วัดจันเสน

แนวคิดในการออกแบบ Concept
การออกแบบศาลาทา่ นำ้� ทวี่ ดั จนั เสนน้ี มบี รบิ ทสำ� คญั คอื ในอดตี พื้นท่ี The pavilion stands in a very important historical context that

บริเวณน้ีคือพ้ืนท่ีเมืองโบราณสมัยทวารวดี จึงมีแนวคิดในการออกแบบ was once an ancient city of the Dvaravati period. The design
สถาปัตยกรรมหลังน้ีให้สะท้อนออกซึ่งความส�ำคัญของประวัติศาสตร์ของ concept was therefore to reflect the historical significance of the site
พ้ืนท่ีดังกล่าว โดยมีพระมหาธาตุเจดีย์ศรีจันเสน ตั้งอยู่ในพื้นท่ีใกล้เคียง which has the pagoda Phra Mahadhat Chedi Sri Chan-sen nearby
และไดร้ บั การออกแบบโดยคำ� นงึ ถงึ บรบิ ทของเมอื งโบราณดว้ ยเชน่ กนั ฉะนน้ั that was also designed with the concept of the ancient city context
รูปแบบและรายละเอียดทางศิลปกรรมจะต้องสื่อถึงเร่ืองราวในท�ำนอง in mind and thus the details were to have the same allusions.
เดียวกัน บริเวณตล่ิงและระดับน้�ำในสระค่อนข้างมีระดับแตกต่างกันมาก Because the ground level of the bank and the water level were
การออกแบบจึงต้องค�ำนึงถึงการเชื่อมโยงการใช้พ้ืนที่ต่างระดับดังกล่าวโดย drastically different, it was necessary to take into consideration the
อาศยั กลวิธที างการออกแบบสถาปตั ยกรรมเข้ามาชว่ ย architectural means of connecting the two levels in the design.

121

สรรค์สร้างอย่างไทย

122

สรรค์สร้างอย่างไทย

123

สรรค์สร้างอย่างไทย (บน) แบบผงั พ้นื
(ลา่ ง) แบบรปู ดา้ นขา้ ง
124

ศาลาท่าน้�ำริมบึงโบราณ วัดจันเสน

รูปแบบทางสถาปัตยกรรม Architectural Characteristics
รปู แบบเปน็ งานสถาปตั ยกรรมไทยทก่ี อ่ สรา้ งดว้ ยคอนกรตี เสรมิ เหลก็ This is a Thai style architecture built with reinforced concrete

เพอ่ื ความคงทนแขง็ แรงและดแู ลรกั ษางา่ ย มกี ารออกแบบศาลาลดระดบั จาก for durability and easy maintenance. The part that sits on the bank
ระดับพ้ืนดินลงไปยังศาลาที่ต้ังอยู่เหนือบึงโบราณ เพื่อเชื่อมโยงการใช้พื้นท่ี leads down to the part below at the water level by means of steps
ตา่ งระดบั กนั ดงั กลา่ วไปแลว้ โดยซอ่ นบนั ไดไวภ้ ายในทมี่ องไมเ่ หน็ จากภายนอก hidden from external view and therefore unifying the two parts
ท�ำให้แลดูเป็นอาคารเช่ือมต่อกันอย่างสวยงาม พ้ืนท่ีส่วนท่ีอยู่ในสระน�้ำ beautifully. The part that stands in the water also has a deck that is
มีระเบียงท่ีเชื่อมต่อกับท่าน�้ำ ซึ่งลดระดับลงไปเสมอกับผิวน�้ำทั้งสามด้าน stepped down to the level of the water surface for various uses as
เพ่ือให้สะดวกต่อการท�ำกิจกรรมต่าง ๆ ศาลาโถงส่วนท่ีลอยอยู่เหนือน้�ำ well as for just sitting and relaxing.
ยกระดบั พ้ืนบริเวณกลางศาลาข้นึ เพอ่ื ใช้ส�ำหรบั เป็นทนี่ ง่ั พักผอ่ นหย่อนใจ

125



ศาลาท่าน้�ำริมบึงโบราณ วัดจันเสน

แบบขยาย

ลักษณะเดน่ ของงาน
เป็นงานสถาปัตยกรรมไทยที่สามารถตอบสนองการใช้งานในปัจจุบัน

ได้อย่างดี มีลวดลายศิลปกรรมปูนปั้นประดับตกแต่งอาคารท�ำด้วยปูน
หมักปูนต�ำ อันเป็นภูมิปัญญาช่างไทยแตโ่ บราณ อาศยั การปั้นสดดว้ ยความ
ช�ำนาญของช่างฝีมือ ทั้งน้ีมีการทดลองผสม ”ไฟเบอร์เมช„ (Fiber mesh)
ลงไปในเน้ือปูน ท�ำให้ลวดลายปูนปั้นมีความแข็งแรงมากข้ึน คงทนถาวรเป็น
ระยะเวลานานโดยไม่มีรอยร้าวหรือแตกหักเลย แม้มิได้มีการลงรักปิดทอง
เพอ่ื รกั ษาผวิ ปนู ไวก้ ต็ าม ลวดลายตา่ งๆ ทป่ี รากฏเปน็ การออกแบบใหส้ ะทอ้ น
ถึงศิลปกรรมสมัยทวารวดี ท่ีได้น�ำมาประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ หมาะสมในปจั จบุ ัน

Prominent Feature
This is a Thai style architecture that serves present day use

effectively. The stucco moldings were sculpted fresh from fermented
cement according to ancient Thai wisdom but has added fiber mesh
into the mixture so that the work has better durability without cracking
or chipping off even though the surfaces are not lacquered and gold
plated in order to express art of the Dvaravati period that has been
applied to suit modern-day conditions.

127

สรรค์สร้างอย่างไทย

คณุ คา่ และความสำ� คัญ Value and Significance
เป็นงานสถาปัตยกรรมไทยที่สนองประโยชน์ใช้สอยในวิถีชีวิตของ The pavilion is a Thai style architecture that serves present

ชมุ ชนไดอ้ ยา่ งแทจ้ รงิ สามารถเชอ่ื มโยงการใชพ้ นื้ ทร่ี มิ ตลงิ่ และพนื้ ทบ่ี งึ โบราณ day use and way of life effectively using different levels to link the
ซึ่งต่างระดับกันได้อย่างสมบูรณ์ มีความสอดคล้องกับบริบทท่ีตั้งของพ้ืนที่ bank with the water surface of the ancient lake harmoniously and
สะท้อนถึงประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ของชุมชนที่คร้ังหนึ่งเป็นพ้ืนที่ชุมชน appropriately in context with the surroundings which was once a
โบราณท่ีเคยเจริญรุ่งเรืองในสมัยทวารวดี เกิดเป็นงานสถาปัตยกรรมที่มี prosperous ancient community of the Dvaravati period. Thus it is
คุณค่าท้ังการใช้สอยและคุณคา่ ทางดา้ นศิลปะสถาปตั ยกรรมทงี่ ดงาม. valuable in terms of its function and art style that reflects architecture
of the past.
128

129

สรรค์สร้างอย่างไทย

130

ปีพุทธศักราช ๒๕๔๐

ศาลาไทยภาคเหนือ

สวนหลวง ร.9 เขตประเวศ กรงุ เทพมหานคร

Northern Thai Style Pavilion

Rama 9th Royal Park, Pravet district, Bangkok

ประโยชนใ์ ช้สอย Function
เป็นศาลาโถงตั้งอยู่ริมสระน�้ำในสวนหลวง ร.9 ใช้เป็นสถานที่ส�ำหรับ An open pavilion for people to relax and enjoy by the pond in

พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน Rama 9th Royal Park.
Concept
แนวคดิ ในการออกแบบ
ได้รับมอบหมายให้ออกแบบศาลาไทยภาคเหนือ แทนศาลาเดิม ซึ่ง The commission was to design a northern Thai style pavilion
to replace the one designed by national artist Thawan Duchanee
อ.ถวลั ย์ ดชั นี ศลิ ปนิ แหง่ ชาติ เปน็ ผอู้ อกแบบกอ่ สรา้ งไวเ้ ดมิ แตไ่ ดถ้ กู ไฟไหม้ that was burnt down because of a careless cigarette smoker.
หมดทั้งหลังเนื่องจากมีผู้สูบบุหรี่และไม่ระมัดระวัง จึงเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว The entire design and construction work had to be completed within
โดยข้อก�ำหนดของการออกแบบและก่อสร้างมีเวลาจ�ำกัดเพียง 10 เดือน 10 days so that it may be opened in time for use on the occasion of
เพื่อให้สามารถเปิดใชง้ านทันกำ� หนดการจดั งานประจำ� ปใี นวันท่ี 5 ธนั วาคม the annual event to be held on the 5th of December which meant that
there was a time factor involved.

131

สรรค์สร้างอย่างไทย

แบบผงั พ้นื และผงั หลงั คา

132

ศาลาไทยภาคเหนือ สวนหลวง ร.9

แบบรูปด้านขา้ ง

133

สรรค์สร้างอย่างไทย

แบบรปู ด้านหน้า

รูปแบบทางสถาปัตยกรรม ถึงรปู แบบศลิ ปกรรมภาคเหนือ โดยหชู ้าง (คันทวย) ของอาคารทางภาคเหนอื
เป็นศาลาไทยภาคเหนือที่มีลักษณะเป็นอาคารโถง ใช้แนวเสา จะต้องเปน็ ชิ้นไมส้ ามเหลี่ยมแกะสลกั ลาย แต่เนอ่ื งจากไม้ที่ได้รบั การบริจาค
มามีขนาดไม่ใหญ่พอส�ำหรับน�ำไปใช้งานจึงไม่สามารถท�ำตามเอกลักษณ์ของ
ตอม่อเดิมเป็นฐาน และมีการปรับเปล่ียนเพิ่มเติมบางส่วน วัสดุท่ีใช้ก�ำหนด ศิลปสถาปัตยกรรมภาคเหนือได้อย่างสมบูรณ์ หลังคาแป้นเกล็ดเดิมเป็นไม้
ให้เป็นงานไม้เข้าสลักแบบไม่มีการใช้ตะปูท้ังหลัง โดยไม้ส่วนใหญ่ได้รับ ที่ตดิ ไฟงา่ ย ไมส่ ามารถนำ� มามุงหลังคาได้ จงึ ตอ้ งหาวัสดุชนดิ อ่นื มาทดแทน
บริจาคจากกรมป่าไม้ ซ่ึงมีข้อจ�ำกัดในเรื่องสีและขนาดท่ีไม่เท่ากัน แต่ต้องน�ำ
มาปรุงให้เป็นอาคารหลังเดียวกัน ศิลปะสถาปัตยกรรมโดยรวมจะสะท้อน

134

ศาลาไทยภาคเหนือ สวนหลวง ร.9

แบบขยายหนา้ จั่ว

Architectural Characteristics together while the style and ornamentation were to be in the northern
This is a northern Thai style architecture that relied on the Thai style with eave brackets that needed to be sawn and carved out
artistically. Because the wooden members that were donated were
original structural foundation piles with some minor changes. It was not of the required size, the northern identity therefore could not be
intended that the entire work be built of timber by using interlocking expressed properly. Wooden roofing material on the other hand was
joints without any nails. However, most of the timber were donated by susceptible to fire and so alternative material had to be used instead.
the Forestry Department and were of different sizes and color.
Therefore they had to be prepared so that they could be assembled 135

สรรค์สร้างอย่างไทย

136

ศาลาไทยภาคเหนือ สวนหลวง ร.9

แบบรปู ตัด

ลักษณะเด่นของงาน Prominent Feature
ดว้ ยขอ้ จ�ำกดั ของระยะเวลาท่ีค่อนขา้ งนอ้ ย การทำ� งานจงึ ต้องวางแผน fcsaawamaTouahncftaartpdercesttvtheeorthediwrrdrenedivdeaegaiBcissllncroeooceidwgrongfracasnahtatfal.ibotteimticsubTevomthseeoyhdthhe.feeehdtAthn1osaoedrreeif:dtsde1tiqtfovieisdghctuasoiseenigpiroa.rsirneobptliToigtdtumeahihodmnstuafceutteeabsotjcprolrielieltnaomoitihrn,hnsrrrewti.teetaifeo,ddoanpswrwrseddatototoeebhrartrtvrkeehikstlehfestorhonhemortatabheouparddrefearaybeqarlttcleooyevlbuksfeiiceoeonbrbnehtrgeeshtpedoarmcsbuhhodseanraaidisnorzdtddetuoueafefocguttkbraoorehleelnvtydtsbhbedeeetpreaionyntlrnrgldaoahedctnerora1aialgnmtofn3httiweneehsdee7gdddeen-r.

ในการแบ่งงานออกเป็นหลายๆ ส่วน ให้ท�ำงานแล้วน�ำมาประกอบรวมกัน
เพ่ือช่วยร่นระยะเวลาให้เร็วที่สุด การท�ำแบบจึงต้องเขียนแบบการเข้าเดือย
ไม้เท่าขนาดจริงทุกจุด เพื่อส่งให้โรงงานด�ำเนินการให้เสร็จทันตามระยะเวลา
ท่ีก�ำหนด ลวดลายประกอบหลังคาต้องขยายแบบใหช้ ่างกลงึ ตามแบบ หชู า้ ง
ตอ้ งแกะสลกั สองหนา้ ดว้ ยมอื โดยผอู้ อกแบบตอ้ งดแู ลทกุ สว่ นอยา่ งใกลช้ ดิ เพอื่
ปอ้ งกนั ไมใ่ หเ้ กดิ การผดิ พลาด และไมใ่ หเ้ สยี เวลา วสั ดทุ ดแทนแปน้ เกล็ดไม้ที่
นำ� มาใช้คือ ไมเ้ ทยี มที่ตัดใหไ้ ด้ขนาดและท�ำสใี ห้เลยี นแบบไม้แปน้ เกลด็ จริง

สรรค์สร้างอย่างไทย

คุณคา่ และความสำ� คัญ Value and Significance
เป็นสถาปัตยกรรมที่แสดงออกถึงรูปแบบศาลาไทยภาคเหนือ This is a northern Thai style pavilion within Rama 9th Royal

ในสวนหลวง ร.9 ซ่ึงเป็นสถานท่ีส�ำคัญ มีลักษณะอาคารท่ีสง่างาม เหมาะสม Park and so has to have value and significance befitting the place.
แก่สถานที่ตั้ง แม้จะมีเวลาการออกแบบก่อสร้างอันจ�ำกัด แต่ด้วยวิธีการ Although time was limited, the design however, allowed the entire
ออกแบบและการบริหารจัดการงานก่อสร้างอย่างมีประสิทธิภาพจึงท�ำให้ได้ construction process to be carried out and completed satisfactorily
ผลงานทสี่ ง่างามและเป็นศาลาไทยภาคเหนอื ทปี่ ระยกุ ต์ไดอ้ ย่างสมสมยั with a beautiful result that represents northern Thai style architecture
in an applied modern way.
138

ศาลาไทยภาคเหนือ

139

สรรค์สร้างอย่างไทย

140

สรรค์สร้างอย่างไทย : บทวิเคราะห์

พระมหาธาตเุ จดียศ์ รีจนั เสน

อาจารย์ ดร.ชัยสิทธิ์ ดา่ นกิตตกิ ุล

”ในกรณีน้ีศิลปินไทยได้ตริตรองศึกษาอดีตของสยามอย่างลึก, ขณะน้ันได้ประกาศเชิญชวนเหล่าบรรดาพ่ีน้องชาวชุมชนจันเสนและ
ด้วยความเคารพรกั และดว้ ยความร้ทู างพุทธศาสนา ผลก็คอื พระมหาเจดยี ท์ ่ี พุทธศาสนิกชนชาวไทยทั้งหลายให้ร่วมมือร่วมใจกันก่อสร้าง พระมณฑป
ชาวพุทธทวั่ โลกดูออกว่าคือพระสถูป, ไมใ่ ช่จรวดของนาซา่ .... เจดีย์ซึ่งมนี ามว่า ”พระมหาธาตเุ จดยี ์ศรีจันเสน„ ขึ้น

เป็นไปได้ไหม, ว่าน่ีคือเบ้ืองต้นของ Renaissance ไทยท่ีคนไทยจะ แตอ่ ย่างไรกต็ ามในการก่อสร้างครั้งนี้มิใชจ่ ะมคี วามประสงค์เพียง
เริ่มเคารพของดีท่ีมีอยู่แล้ว, แทนที่จะซ้ีซั้วยืมของฉาบฉวยมา? ผมไม่รู้, แต่ แคต่ อ้ งการใหพ้ ระมณฑปเจดยี ด์ งั กลา่ วน้ี เปน็ สถานทส่ี ำ� คญั สำ� หรบั การรวบรวม
หากผมมีแขกมาเย่ียมจากต่างประเทศ ผมอยากพาเขาไปชมพระมหาธาตุ และจัดเก็บรักษาวัตถุโบราณต่างๆ จ�ำนวนมากมายท่ีขุดค้นพบจากแหล่ง
เจดยี ศ์ รจี นั เสน เขาจะไดเ้ หน็ วา่ ...คนไทยยงั มรี สนยิ มในเรอ่ื งศลิ ปวฒั นธรรม„ โบราณคดีจันเสนเท่าน้ัน หากแต่ยังมีจุดมุ่งหมายที่จะให้ส่ิงก่อสร้างอันเป็น
(ไมเค้ลิ ไรท์ : หนา้ ๒๐๕, ๒๕๓๙) ประวัติศาสตร์นี้ต้ังเด่นตระหง่านเป็นสัญลักษณ์และเคร่ืองหมายที่บอกกล่าว
ถึงความเจริญรุ่งเรืองและความมั่นคงถาวรของพุทธศาสนาในดินแดน
นับเน่ืองเป็นเวลาเน่ินนานมามากกว่าสามทศวรรษแล้วที่หลักฐาน ท่ีราบลุ่มแมน่ �ำ้ เจ้าพระยาแห่งนอี้ กี ประการหนง่ึ ดว้ ย
ส�ำคัญทางโบราณคดีซ่ึงกระจัดกระจายซุกซ่อนตัวอยู่ภายในอาณาบริเวณ
หมู่บา้ นจันเสน ต�ำบลจนั เสน อ�ำเภอตาคลี จงั หวัดนครสวรรค์ ไดถ้ ูกคน้ พบ พระมหาธาตุเจดีย์ศรีจันเสนซ่ึงยืนโดดเด่นทอแสงระยิบระยับสีทอง
และน�ำออกเผยแพร่สู่สายตาชาวโลก ซ่ึงร่องรอยและหลักฐานส�ำคัญทาง ให้ได้ชื่นชมกันไปท่ัวท้ังบริเวณชุมชนโบราณจันเสนนั้น ต้ังอยู่ภายในอาณา
โบราณคดีจ�ำนวนมากมายเหล่าน้ีเองก็ได้กลายเป็นกุญแจดอกส�ำคัญท่ี บริเวณวัดจันเสนซึ่งเป็นศาสนสถานที่ส�ำคัญและเป็นศูนย์รวมจิตใจของ
ไขข้อปริศนาให้พ่ีน้องชาวจันเสนและประชาชนชาวไทยท่ัวทั้งประเทศได้รับรู้ พุทธศาสนิกชนชาวชุมชนจันเสนน่ันเอง พระมหาธาตุเจดีย์ดังกล่าวน้ีถูก
ดว้ ยความปลมื้ ปติ แิ ละภาคภมู ใิ จวา่ บรเิ วณผนื แผน่ ดนิ ทรี่ าบลมุ่ อนั เขยี วชอมุ่ จั ด ว า ง ใ ห ้ อ ยู ่ ใ น พื้ น ท่ี เ ข ต พุ ท ธ า ว า ส ใ ก ล ้ กั บ บ ริ เ ว ณ ต� ำ แ ห น ่ ง ที่ ตั้ ง ข อ ง
และอุดมสมบูรณ์ซ่ึงถูกชาวบ้านเรียกขานกันมาตั้งแต่เมื่อคร้ังโบราณกาลว่า พระอโุ บสถซงึ่ เป็นถาวรวัตถทุ ี่สำ� คัญอีกสิ่งหนึ่งภายในวัดจันเสนแหง่ นี้ พนื้ ที่
”บา้ นโคกจนั เสน„ นน้ั ครง้ั หนงึ่ ในอดตี ไดเ้ คยมกี ารตงั้ ถน่ิ ฐานเปน็ แหลง่ ชมุ ชน ตั้งของอาคารพระมหาธาตุเจดีย์ดังกล่าวไม่เพียงแต่จะปรากฎอยู่ในต�ำแหน่ง
อยู่อาศัยที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก่อนแล้ว เช่ือกันว่าประวัติศาสตร์และ ท่ีสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนจากพื้นท่ีบริเวณทางเข้าหลักของวัดเท่านั้น
ความเป็นมาอันยาวนานของแหล่งชุมชนโบราณจันเสนแห่งน้ีอาจนับ หากยังเป็นพ้ืนท่ีซ่ึงสามารถจะเข้าถึงได้โดยสะดวกง่ายดายอีกด้วย ดังน้ันจึง
ย้อนหลงั กลบั ไปไดถ้ งึ ราวยคุ สมยั ทวาราวดกี นั เลยทเี ดยี ว (ศรศี กั ร วลั ลโิ ภดม, ไม่เป็นที่น่าแปลกใจเลยท่ีได้มีการก�ำหนดวางแนวแกนหลักของอาคาร
๒๕๓๙) พระมหาธาตุเจดีย์ศรีจันเสนให้มีความสัมพันธ์เชื่อมต่อโดยตรงกับพ้ืนที่ทาง
เข้าสู่วัด โดยในการออกแบบและวางผังบริเวณนั้นได้ก�ำหนดในแนวทางเดิน
ในขณะที่กลิ่นอายของอารยธรรมอันรุ่งเรืองในอดีตได้ย้อนหวนคืน เท้าซ่ึงปูด้วยศิลาแลงและแนวของพรรณไม้ยืนต้นเป็นองค์ประกออบหลักใน
กลับมาให้ได้สัมผัสและรับรู้กันอีกคร้ังหน่ึงน้ัน กระแสเกลียวคล่ืนแห่งความ การสรา้ งความเชื่อมต่อพ้ืนท่สี �ำคัญทง้ั สองแห่งดังกลา่ วเข้าด้วยกนั
หวงแหนและหว่ งใยของพน่ี อ้ งชาวจนั เสนทม่ี ตี อ่ โบราณวตั ถตุ า่ งๆ ทถ่ี กู คน้ พบ
และต่อสภาพแวดล้อมของแหลง่ ชมุ ชนโบราณสมยั ทวาราวดแี หง่ นีก้ ไ็ ดก้ อ่ ตัว ส�ำหรับพระมหาธาตุเจดีย์ศรีจันเสนซึ่งปรากฏให้เห็นเด่นชัดอยู่
ให้เห็นชัดเจนมากย่ิงขึ้นเป็นล�ำดับ ความกังวลห่วงใยดังกล่าวน้ีเองก็ได้ ภายในอาณาบริเวณวัดจันเสนนั้น เป็นอาคารท่ีมีลักษณะสภาปัตยกรรมไทย
กลายเปน็ ชนวนจดุ ประกายความนกึ คดิ ใหก้ บั ชาวจนั เสน ในการทจี่ ะรวบรวม ประเพณี โดยอาจารย์วนิดา พ่ึงสุนทร แห่งภาควิชาศิลปสถาปัตยกรรม
และจดั เกบ็ รกั ษาวตั ถโุ บราณอนั มคี า่ เหลา่ นม้ี ใิ หก้ ระจดั กระจายหายสาบสญู ไป คณะสถาปตั ยกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร ซง่ึ เปน็ สถาปนกิ ผอู้ อกแบบ
ซึ่งแนวความคิดดังกล่าวน้ีก็ได้ปรากฏให้เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนมากข้ึนใน ก่อสร้างในครั้งนี้ได้น�ำเอาลักษณะสถาปัตยกรรมของสถูปที่ปรากฏอยู่ใน
เวลาต่อมา เมื่อพระคุณเจ้าพระครูนิสัยจริยคุณ (หลวงพ่อโอด) ซ่ึงด�ำรง ยุคสมัยทวาราวดีมาเป็นพ้ืนฐานในการพัฒนารูปแบบงานสถาปัตยกรรม
ต�ำแหน่งเจ้าคณะอ�ำเภอตาคลีและเจ้าอาวาสวัดจันเสนอยู่ในช่วงระยะเวลา ส�ำหรับพระมหาธาตุเจดีย์ศรีจันเสน โดยเน้นตระหนักเป็นอย่างย่ิงว่ารูปแบบ
งานสถาปัตยกรรมซ่ึงได้พัฒนาข้ึนมาใหม่นี้จะต้องสามารถสนองประโยชน์

141

สรรค์สร้างอย่างไทย

142

สรรค์สร้างอย่างไทย : บทวิเคราะห์

ใชส้ อยไดอ้ ยา่ งเหมาะสมกบั ความตอ้ งการในยคุ สมยั ปจั จบุ นั (วนดิ า พง่ึ สนุ ทร, ต่อส่วนยอดเป็น ๑/๑.๓๕ สัดส่วนขนาดความกว้างของช้ันฐานจะเป็นขนาด
๒๕๓๙) สองเท่าของผลรวมความสูงของฐานและมณฑป สัดส่วนขององค์ประกอบ
ตกแต่งของมณฑปจะแสดงอยู่ในขอบเขตของแนวเส้นจอมแห และขนาด
พระมหาธาตุเจดีย์ศรีจันเสนซึ่งถูกเน้นเพ่ือการใช้ประโยชน์ด้วยน้ี ความกว้างรวมทางเดินเท้าที่เกิดขึ้นสามารถแสดงในกรอบสามเหลี่ยมที่ถูก
เป็นอาคารโครงสร้างคอนกรีตเสรมิ เหลก็ มีลกั ษณะทรงมณฑปยอดเจดีย์ต้งั สร้างขึ้น นอกจากสัดส่วนท่ีได้กล่าวมาแล้วยังพบว่าส่วนของมณฑปรวมฐาน
อย่บู นฐานสูงรปู สีเ่ หลี่ยมจัตรุ สั ย่อมมุ ไม้สิบสอง อาคารทรงมณฑปยอดเจดีย์ ตอบบนจะมขี นาดใกลเ้ คยี งกบั ความสงู ของสว่ นยอดอกี ดว้ ย (วนดิ า พงึ่ สนุ ทร,
ดังกล่าวนี้ประกอบไปด้วยพ้ืนท่ีใช้สอยหลัก ๓ ส่วนด้วยกัน ซ่ึงได้แก่ พ้ืนท่ี ๒๕๓๙) ซงึ่ ลกั ษณะพเิ ศษเฉพาะของสงิ่ กอ่ สรา้ งดงั กลา่ วกไ็ ดก้ อ่ ใหเ้ กดิ กระแส
ส่วนองค์ระฆัง พ้ืนท่ีส่วนมณฑปและพ้ืนท่ีส่วนภายในฐานช้ันล่าง ส�ำหรับ ความสนใจต่องานออกแบบน้กี นั อย่างมากมายทว่ั ไป รวมท้ังนักเขียนวจิ ารณ์
พื้นที่ส่วนยอดมณฑปหรือส่วนองค์ระฆัง ซึ่งมีลักษณะทรงกลมนั้นได้ถูก งานศิลปะอย่างเช่น นิวัติ กองเพียร ด้วย ซ่ึงนักเขียนผู้น้ีก็ได้กล่าวถึงการ
กำ� หนดใหเ้ ปน็ พน้ื ทสี่ ำ� คญั สำ� หรบั บรรจพุ ระบรมสารรี กิ ธาตุ พระพทุ ธรปู และ ออกแบบพระมหาธาตุเจดยี ์ศรจี นั เสนเอาไว้ได้อยา่ งน่าสนใจวา่
พระพิมพ์ ถัดลงมาจากพื้นที่ส่วนยอดมณฑปก็เป็นพื้นท่ีส่วนมณฑป พื้นท่ี
ดงั กลา่ วนก้ี ไ็ ดถ้ กู จดั แยกออกเปน็ สองสว่ นดว้ ยกนั ซง่ึ ไดแ้ ก่ พน้ื ทภ่ี ายในมณฑป ”....แตแ่ ทนทจ่ี ะทำ� เปน็ อาคารพพิ ธิ ภณั ฑอ์ ยา่ งทวั่ ๆ ไป กลบั มคี วามคดิ
และพ้ืนท่ีภายนอกมณฑป ส�ำหรับส่วนแรกซ่ึงเป็นพ้ืนที่ภายในมณฑปนั้น ท่ีจะสร้างเป็นพระมหาธาตุเจดีย์ศรีจันเสนขึ้นด้วยแล้วก็ใช้ส่วนท่ีเป็นฐานของ
เป็นส่วนท่ีประดิษฐานหลวงพ่อนาคซ่ึงเป็นพระพุทธรูปหินทรายปางนาคปรก พระมหาธาตุเจดีย์เป็นท่ีจัดแสดงสิ่งของ เรียกว่าส่วนพิพิธภัณฑ์มหาเจดีย์
สมัยลพบุรีที่จ�ำลองจากหลวงพ่อนาคองค์จริงท่ีประดิษฐานอยู่ภายใน นี้ก็ให้สถาปนิกสมัยใหม่ออกแบบ โดยมิต้องมีอะไรมาก�ำหนดตายตัวว่า
พระอุโบสถของวัดจันเสนนั่นเอง ส่วนบริเวนพื้นที่บริเวณภายนอกมณฑป ตอ้ งเปน็ อยา่ งนนั้ อยา่ งนี้ มหาเจดยี ก์ แ็ ลว้ เสรจ็ ออกสวยงามด.ี ..„ (นวิ ตั ิ กองเพยี ร :
นั้นก็มีลักษณะเป็นลานโล่งที่เชื่อมติดต่อถึงกันได้โดยรอบ และซุ้มระฆังทรง หน้า ๑๒๓, ๒๕๓๙)
มณฑปประกอบอยู่ที่ส่วนย่อมุมท้ังสี่ของลานประทักษิณดังกล่าวนี้ด้วย
ส�ำหรับพื้นท่ีใช้สอยในส่วนสุดท้ายนั้นก็ได้แก่ พื้นท่ีส่วนภายในฐานชั้นล่าง อยา่ งไรกต็ าม นอกเหนอื ไปจากความพถิ พี ถิ นั ในการออกแบบสรา้ งสรรค์
พ้ืนที่ส่วนนี้เป็นสถานท่ีประดิษฐานรูปปั้นของพระคุณเจ้าพระครูนิสัย รูปลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมเพ่ือตอบสนองกับความต้องการใช้ประโยชน์
จริยคุณ ซ่ึงเป็นผู้ริเริ่มแนวความคิดในการเก็บรวบรวมโบราณวัตถุจาก พนื้ ทภ่ี ายในอาคาร และเพ่ือความงดงามแล้ว ก็เช่ือเป็นอย่างย่ิงว่าผู้ที่ได้เคย
แหล่งโบราณคดจี นั เสนนั่นเอง นอกจากน้แี ล้วพ้นื ท่ีส่วนภายในฐานลา่ งนี้ก็ยงั มีโอกาสไปสักการะและเยี่ยมชมพระมหาธาตุเจดีย์ศรีจันเสนมาแล้วก็คงไม่
ถูกออกแบบให้เป็นพิพิธภัณฑ์ส�ำหรับเก็บรักษาและจัดแสดงวัตถุโบราณ ปฏิเสธว่า ความละเอียดถ่ีถ้วนในการออกแบบส่วนประดับตกแต่งให้กับ
ขนาดตา่ งๆ เป็นจ�ำนวนมากมายกว่า ๓,๐๐๐ ช้ินและเปน็ พ้นื ทสี่ ำ� หรบั การจดั อาคารพระมหาธาตุเจดีย์ศรีจันเสนนั้น ก็มีส่วนส�ำคัญเป็นอย่างมากในการ
แสดงและการน�ำเสนอเร่ืองราวทางด้านประวัติศาสตร์และพัฒนาการตั้ง ช่วยเสริมสรา้ งอาคารถาวรวตั ถดุ งั กล่าวนม้ี ีความสมบรู ณเ์ ดน่ ชัดยง่ิ ขึน้ ไปอีก
ถนิ่ ฐานของเมอื งจนั เสนและพน้ื ทบี่ รเิ วณใกลเ้ คยี ง รวมทง้ั ยงั เปน็ สถานทส่ี ำ� หรบั
การทำ� กจิ กรรมทางพทุ ธศาสนาของฆราวาสและพระภกิ ษสุ งฆ์อกี ดว้ ย โดยในการออกแบบตกแต่งน้ันได้มีการนําเอารูปแบบและลักษณะ
ลวดลายต่าง ๆ ที่เคยปรากฏมาแล้วในอดีตมาทําการผสมผสานและ
จากแนวความคิดที่มุ่งเน้นการผสมผสานท้ังการสนองประโยชน์ ดดั แปลงใหไ้ ดร้ ปู แบบลวดลายใหมท่ เ่ี หมาะสมสาํ หรบั พระมหาเจดยี ศ์ รจี นั เสน
ใช้สอยอาคารและลักษณะรูปแบบของศิลปสถาปัตยกรรมยุคสมัยทวาราวดี อาทิเช่น การดัดแปลงลักษณะซุ้มโค้งทางเข้าอาคารโบราณทางพุทธศาสนา
เข้าด้วยกัน ก็ได้ท�ำให้ลักษณะทางกายภาพของอาคารพระมหาธาตุเจดีย์ ในประเทศอินเดียให้เป็นต้นแบบสําหรับซุ้มประตูทางเข้าอาคารพระมหา
ศรีจันเสนที่ปรากฏออกมานั้นมีลักษณะเฉพาะกลา่ วคอื ไดพ้ บว่าสัดส่วนของ เจดีย์ศรีจันเสน และการนําเอาลักษณะเค้าโครงของลวดลายประดับตกแต่ง
อาคารพระมหาธาตุเจดีย์ศรีจันเสนในชั้นฐาน ช้ันมณฑป ส่วนยอดมณฑป ซมุ้ ซงึ่ ขดุ คน้ พบทเี่ มอื งโบราณคบู วั จงั หวดั ราชบรุ ี มาออกแบบผกู ลายสาํ หรบั
และความกว้างของอาคารที่มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน โดยสัดส่วนของ การตกแต่งส่วนลวดลายประดับบนซุ้มประตูทางเข้าพระมหาเจดีย์ โดยได้
ชั้นฐานและสว่ นยอดมณฑปเปน็ สัดสว่ นทเี่ ท่ากนั คอื ๑/๑ สดั ส่วนของมณฑป กําหนดให้ลวดลายตอนล่างมีลักษณะแบบหางวันและลวดลายตอนบน
เป็นสัดส่วนต่อชั้นฐานท่ีเท่ากันคือ ๑/๑.๗๕ สัดส่วนของมณฑปจะมีสัดส่วน มีรปู ลกั ษณะเป็นทา้ วกุเวร เปน็ ตน้ (วนิดา พึง่ สนุ ทร, ๒๕๓๙)

143

สรรค์สร้างอย่างไทย

นอกจากน้ียังได้มีการออกแบบรายละเอียดลวดลายบนบานประตู ขอ้ มลู โครงการ
ไมแ้ กะสลกั ใหเ้ ปน็ ลายแบบกา้ นขดและรปู มารแบกโดยอาศยั เคา้ โครงลวดลาย ช่ือโครงการ : พระมหาธาตุเจดยี ศ์ รีจนั เสน
ที่ประดับฐานโบราณสถาน ”คลังใน„ เมืองโบราณศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ ทต่ี ้งั : วัดจันเสน อาํ เภอตาคลี จงั หวัดนครสวรรค์
การนําเอารูปแบบสิงห์ดินเผาซ่ึงขุดค้นพบที่แหล่งโบราณคดีจันเสนนี้เองมา เจ้าของ : วดั จันเสน
เป็นต้นแบบให้กับการสลักสิงห์หินทรายสําหรับตกแต่งพ้ืนท่ีบริเวณด้านหน้า ผู้ออกแบบ : สถาปนกิ วนดิ า พงึ่ สุนทร
บนั ไดทางขน้ึ สสู่ ว่ นมณฑป การจาํ ลองรปู แบบพระพทุ ธรปู หนิ ทรายสมยั ลพบุรี วิศวกรโครงสรา้ ง บญั ชา ชมุ่ เกษร
(หลวงพ่อนาค) เพ่ือประดิษฐานเป็นพระประธานในมณฑป การหล่อ งบประมาณ : ๒๔ ลา้ นบาท
พระพุทธรูปโลหะตามแบบพระพุทธรูปสมัยทวาราวดีเพ่ือประดิษฐานในซุ้ม ปที ีส่ รา้ งเสร็จ : ๒๕๓๙
ภายนอกมณฑป และการออกแบบรายละเอียดส่วนยอดขององค์พระมหา
เจดีย์ให้มีลวดลายตกแต่งเช่นเดียวกันกับแบบเสมาหินรูปทรงดอกบัวตูมที่ บรรณานุกรม
พบในวดั มหาธาตุหรภิ ุญไชย จังหวดั ล�ำปาง ฯลฯ (วนิดา พึ่งสุนทร, ๒๕๓๙) นิวัติ กองเพียร. ”เมืองจันเสน : สังคมและวัฒนธรรม ประชาชาติ

นอกจากงานทางด้านสถาปัตยกรรมแล้ว ในการออกแบบก่อสร้าง ธรุ กิจ (อสงั หารมิ ทรัพย)์ „, ปีท่ี ๔ฉบบั ท่ี ๑๘๔, (วนั ที่ ๒-๔ สิงหาคม ๒๕๓๙),
พระมหาธาตุเจดีย์ศรีจันเสนนี้ก็ยังได้มีการพิจารณางานด้านวิศวกรรมควบคู่ หน้า ๑๒๓.
กันไปด้วยอย่างละเอียดรอบคอบในเวลาเดียวกัน กล่าวคือ นอกจากการ
คํานึงถึงความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้างอาคารและความคงทนถาวรของ ไมเคลิ ไรท,์ ”สงั คมและวฒั นธรรม เมอื งแรกเรมิ่ ในลมุ่ ลพบรุ ี - ปา่ สกั „
วัสดุก่อสร้างต่อการเปล่ียนแปลงของสภาพดินฟ้าอากาศในลักษณะต่าง ๆ ศลิ ปวฒั นธรรม, (ตุลาคม ๒๕๓๙), หน้า ๒๐๘-๒๐๕.
อันอาจจะเกิดขึ้นได้แล้ว วิศวกรซึ่งเก่ียวข้องกับการออกแบบก่อสร้าง
พระมหาธาตุเจดีย์ในครั้งนี้ก็ยังได้มีบทบาทหน้าที่สําคัญในการช่วยเหลือ วนิดา พึ่งสุนทร. ”ออกแบบและก่อสรา้ งพระมหาธาตเุ จดยี ์ศรีจันเสน„
สอดส่องดูแลรายละเอียดด้านอื่น ๆ อีกมากมาย อาทิเช่น การแนะนํา สังคมและวัฒนธรรม เมืองแรกเร่ิมในลุ่มลพบุรี-ป่าสัก, กรุงเทพมหานคร :
คัดเลือกวัสดุชนิดต่างๆ ที่เหมาะสมสําหรับโครงการ การทดสอบและ โรงพมิ พ์เรือนแกว้ การพิมพ,์ ๒๕๓๙.
ตรวจสอบคุณภาพของวัสดุก่อสร้างและวัสดุยึดเหนี่ยวตลอดจนการ
ตรวจสอบรายละเอียดงานติดต้ัง วัสดุก่อสร้าง เป็นต้น (วนิดา พ่ึงสุนทร, ศรีศักร วัลลิโภดม. ”จันเสน : เมืองแรกเริ่มในลุ่มลพบุรี-ป่าสัก.„
๒๕๓๙) ท้ังน้ีก็เพื่อความมั่นใจว่าถาวรวัตถุอันสําคัญนี้ จะยังคงคู่อยู่กับ สังคมและวัฒนธรรม เมืองแรกเริ่มในลุ่มลพบุรี-ป่าสัก, กรุงเทพมหานคร :
ผืนแผ่นดินอัน อดุ มสมบรู ณ์ของชาวจนั เสนตลอดไป โรงพมิ พ์เรือนแก้วการพมิ พ์, ๒๕๓๙.

นับเป็นเวลาอันยาวนานกว่า ๗ ปี (พ.ศ. ๒๕๓๒ - พ.ศ. ๒๕๓๙)
ที่โครงการก่อสร้างอาคาร ”พระมหาธาตุเจดีย์ศรีจันเสน„ ได้ดําเนินไปอย่าง
ต่อเนื่องจนกระทั่งสําเร็จลุล่วงไปท่ามกลางการติดตามและเฝ้าคอยโอกาสท่ี
จะได้ช่ืนชมส่ิงก่อสร้างสําคัญดังกล่าวน้ีของเหล่าพ่ีน้องชาวจันเสนและ
พุทธศาสนิกชนชาวไทยท้ังประเทศ มาถึงทุกวันนี้พระมหาธาตุเจดีย์ท่ีเปล่ง
ประกายแสงสีทองสุกใสนี้ไม่เพียงแต่จะดํารงสถานะเป็นพุทธศาสนสถานท่ี
เคารพสักการะของชาวชุมชนโบราณจันเสนแห่งน้ีเท่าน้ัน หากแต่ยังคงยืน
ตระหง่านท้าทายให้เห็นเป็นจุดหมายตาอันโดดเด่นท่ีสะท้อนและบ่งบอกถึง
ความวริ ยิ ะอตุ สาหะและความพถิ พี ถิ นั ในการสรา้ งสรรคผ์ ลงานศลิ ปสถาปตั ยกรรม
อนั ทรงคุณคา่ ใหป้ รากฏอีกด้วย.

144

สรรค์สร้างอย่างไทย : บทวิเคราะห์

พระตำ� หนกั สมเดจ็ พระสงั ฆราชฯ วัดนาควัชรโสภณ
(วดั ชา้ ง)

ศาสตราจารย์ อรศริ ิ ปาณนิ ท์

พระตําหนักสมเด็จพระสังฆราชฯ ณ วัดนาควัชรโสภณ หรือท่ี รายละเอยี ดในการออกแบบ
ชาวบ้านเรียกว่าวัดช้างน้ีอยู่ในอําเภอเมือง จังหวัดกําแพงเพชร วัดช้างหรือ ผงั พน้ื ช้นั ล่าง
วัดนาควัชรโสภณนี้เป็นวัดเก่าแก่ที่มีความสําคัญทางประวัติศาสตร์ของ
จังหวัดกําแพงเพชร ปัจจุบันมีโรงเรียนพระปริยัติธรรมและหอสมุดซ่ึงเป็น พระตาํ หนกั เปน็ อาคารสองชนั้ ทแี่ ยกการใชส้ อยออกจากกนั เขา้ ถงึ ได้
แหล่งคน้ คว้าทางพุทธศาสนาและศาสนาเปรยี บเทยี บ จากทางเข้าทิศตะวนั ออกมายังโถงรบั แขกซง่ึ เป็นพื้นท่เี ปิดโล่งใต้อาคาร พ้ืนที่
โถงรับแขกแยกเป็นสองส่วน ซ่ึงใช้ความต่างระดับเป็นตัวแบ่งแยกพื้นที่
สภาพแวดล้อมและผังบรเิ วณ ระดับโถงหลัก คือ +๐.๒๐ เมตร ระดับโถงรอง คือ +๐.๑๐ เมตร พ้ืนท่ีโถง
สภาพแวดลอ้ มของวดั นาควชั รโสภณเปน็ พนื้ ทรี่ ม่ รน่ื มพี ชื พนั ธไ์ุ มใ้ หญ่ ต่อเนื่องกับห้องทํางานซ่ึงใช้เป็นสํานักงานติดต่อขนาดเล็ก ด้านทิศตะวันตก
เป็นส่วนนอนพระลูกวัดและเจ้าหน้าท่ี ๒ ห้องพร้อมห้องน�้ำส้วมสองห้อง
นอ้ ยมากมายทข่ี น้ึ อยแู่ ตด่ งั้ เดมิ ในบรเิ วณพนื้ ทที่ เ่ี ลอื กเปน็ ทตี่ ง้ั ของพระตาํ หนัก พ้ืนที่ท่ีก้ันเป็นห้องที่มีการใช้สอยชั้นล่างนี้จะถอยร่นจากเสาหลักของอาคาร
เป็นพื้นทท่ี ีไ่ ด้รม่ เงาจากตน้ ไทรใหญ่ทมี่ ีอยเู่ ดมิ ในบริเวณ เพยี งแต่ตัดแต่งกิ่ง ด้านริม ดังน้ันเม่ือมองในรูปด้านจะเห็นเสมือนตัวห้องต่างๆ ลอยอยู่ช่วง
ให้ทรงพุ่มเรียบร้อยข้ึนก็จะได้ร่มเงาขนาดใหญ่ ทอดบังความร้อนจากทิศ กลางพ้ืนช้ันล่าง ซ่ึงใช้ลักษณะโปร่งแบบเรือนไทยโบราณ เพราะเสาต้นริม
ตะวันออกใหแ้ ก่พระตาํ หนกั ไดอ้ ยา่ งดี ทุกต้นในผงั พ้ืนชน้ั ลา่ งจะเปน็ เสาลอยไมม่ ผี นังทงั้ ส้นิ

เน่ืองจากอาคารหลังน้ีนอกจากจะใช้เป็นพระตําหนักที่ประทับแรม บรเิ วณใกลก้ บั ทางเขา้ ตดิ ตอ่ สาํ นกั งานทางดา้ นทศิ ตะวนั ออกน้ี มบี นั ได
ของสมเด็จพระสังฆราชฯ เม่ือเสด็จมาประทับท่ีวัดแล้ว ยังใช้เป็นสํานักงาน ทางขึ้นรองไปยังส่วนหลังของอาคารชั้นบนได้ด้วย บันไดรองนี้อยู่ถัดจาก
ตดิ ตอ่ ดว้ ย ดงั นน้ั ในการจดั ทางเขา้ สอู่ าคารนสี้ ถาปนกิ ไดแ้ ยกทางเขา้ สอู่ าคาร ทางเขา้ ช้นั ล่างไปทางทิศเหนือ
เป็น ๒ ส่วน คือทางเข้าด้านทิศใต้จะเป็นทางเข้าหลักสู่ตัวพระตําหนักซึ่งข้ึน
จากพ้ืนดินสู่ช้ันบนของอาคาร ส่วนทางเข้าสํานักงานจะแยกเข้าทางด้านทิศ ผงั พื้นชนั้ บน
ตะวนั ออกเขา้ สสู่ ว่ นสาํ นกั งานซงึ่ อยชู่ นั้ ลา่ งตดิ พน้ื ดนิ ซง่ึ แยกความเปน็ สดั สว่ น ผังพื้นช้ันบนเป็นผังพ้ืนของตัวพระตําหนักซึ่งแยกทางเข้าสองทาง
ได้อย่างเหมาะสม
ทางเข้าหลักเข้าทางทิศใต้ จากระดับ +๐.๐๕ เมตร ไปยังชานพักคอยใต้
แนวความคิดในการออกแบบตวั พระตําหนัก หลังคาในระดบั +๑.๖๐ เมตร และขึน้ บนั ไดหกั ฉากไปยังชานพกั คอย ระดบั
ตามข้อเท็จจริงพระตําหนักสมเด็จพระสังฆราชฯ คือ กุฏิ ซึ่งมี +๓.๒๐ เมตรอีกทอดหนึ่ง ในชานระดับ +๓.๒๐ เมตรนี้คือ บริเวณโถงพัก
คอยใหญ่หน้าหอ้ งประทบั
กฎเกณฑแ์ ละขนาดการใชง้ านตามขอ้ กาํ หนดในพระไตรปฎิ กเปน็ บรรทดั ฐาน
ประการหนึ่ง และเนื่องด้วยองค์สมเด็จพระสังฆราชฯ โปรดความเรียบง่าย พื้นที่ประทับรับแขกของสมเด็จพระสังฆราชฯ อยู่หน้าห้องประทับ
และสมถะเป็นลักษณะเฉพาะพระองค์อีกประการหนึ่ง ดังน้ันแนวความคิด ซึ่งเป็นบริเวณต่อเน่ืองกับโถงพักคอย แต่มีระดับที่ต่างจากระดับโถงคือเป็น
ในการออกแบบของสถาปนิกจึงมุ่งไปที่ความเรียบง่ายสมถะ ท้ังในแง่ของ ระดับ +๓.๔๐ เมตร ซึ่งเป็นระดับเดียวกับห้องประทับซึ่งอยู่ถัดไปทาง
พน้ื ทใี่ ชส้ อย รปู ทรง ขนาด และสดั สว่ นเปรยี บเสมอื นกฏุ หิ ลงั หนงึ่ ในพระอาราม ทิศเหนือ ตําแหน่งห้องประทับอยู่สุดผังพ้ืนด้านทิศเหนือ ซ่ึงเป็นตําแหน่งท่ี
แบบอรัญวาสี พร้อมสะท้อนถึงลักษณะของสถาปัตยกรรมไทยท่ีผสมผสาน ลมธรรมชาติผ่านเข้าออกตรงทางทิศเหนือใต้ พร้อมทั้งชานประทับพักผ่อน
กบั การใช้สอยและเทคโนโลยีการกอ่ สรา้ งแบบสมัยใหม่ อยู่ทางเหนือสุดของผังพื้นด้านทิศเหนือเป็นชานใต้หลังคาคลุม ซึ่งเป็น
ตําแหนง่ ท่มี ีรม่ เงาตลอดท้งั วนั

145

สรรค์สร้างอย่างไทย ถดั จากโถงรบั รองและโถงประทบั รบั แขกไปทางทศิ ตะวนั ออก ตอ่ เน่ือง
ถึงกันไปโดยระเบียงยาวทางทิศเหนือเป็นตําแหน่งของห้องพักพระผู้ติดตาม
146 ๒ หอ้ ง พรอ้ มหอ้ งนำ�้ สว้ ม ๒ หอ้ ง หอ้ งนอนทง้ั สองนส้ี ามารถขน้ึ ลงไดจ้ ากทาง
เข้ารองทางด้านทิศเหนือ ตําแหน่งของห้องนอนทั้งสองห้องก็เป็นตําแหน่ง
ท่ีลมธรรมชาติผ่านเข้าออกตรงทางทิศเหนือใต้ได้เช่นเดียวกับตําแหน่งที่
ประทับของสมเดจ็ พระสงั ฆราชฯ เช่นเดยี วกัน

รูปทรงและสัดส่วน
สืบเนื่องจากแนวความคิดหลักของการออกแบบของสถาปนิกคือ

การสร้างสรรค์สถาปัตยกรรมแบบประเพณีที่แสดงถึงความเรียบง่าย สมถะ
ดงั นนั้ การกาํ หนดรปู ทรง สดั สว่ น ขนาดของผงั พนื้ จะสะทอ้ นใหเ้ หน็ รปู ลักษณ์
ตามแนวความคิดน้ัน คือการนําลักษณะของความโปร่งโล่งเข้าถึงได้อย่าง
อบอุ่นภายใต้หลังคาคลุมมาใช้กับการออกแบบ ในขณะที่ประโยชน์ใช้สอย
หลักของพระตําหนักอยู่ในผังพ้นื ชั้นบน ดังนน้ั การใชบ้ นั ไดทางขึน้ ดา้ นหน้าที่
แบ่งระดับเป็นสองตอน คือระดับกลางหรือชานพักซ่ึงสอดใส่พ้ืนที่โถงพัก
คอยแบบศาลาโถงขนาดเล็กๆ ไว้เป็นตัวกลางเช่ือมโยงระดับบนและล่าง
และยังใช้เป็นตัวกลางเช่ือมโยงขนาดของมวลทางสถาปัตยกรรมของอาคาร
ไดอ้ ย่างแนบเนยี น

การใช้ลักษณะของการทิ้งชายคลุมต�่ำของชายคาปีกนกของส่วน
ชานพักคอยมาคลุมส่วนบันไดทางขึ้นได้ท้ังประโยชน์ใช้สอยของการคุ้ม
แดดฝน และการสร้างสรรค์ให้มวลทางสถาปัตยกรรมมีความอ่อนโยนข้ึน
ไม่แขง็ กระด้าง

หากพิจารณามวลของสถาปัตยกรรมโดยส่วนรวมจะพบว่าแบ่งเป็น
สามกลุ่ม คือ กลุ่มท่ีมวลขนาดใหญ่และสูงสุดคือกลุ่มห้องประทับและโถง
ประทับรับแขกของสมเด็จพระสังฆราชฯ ซึ่งเป็นหลังคาจั่วทรงสูงมีชายคา
ปีกนกโดยรอบและมีมุขด้านหน้าและหลัง กลุ่มกุฏิพระลูกศิษย์ซ่ึงอยู่ทางปีก
ตะวันออก ซ่ึงเป็นหลังคาจ่ัวทรงสูงยกคอสองช่วงกลางและมีชายคาปีกนก
รอบ กลุ่มท่ีมีมวลเล็กและเต้ียสุดคือโถงทางเข้าและพักคอย ซ่ึงลักษณะการ
กําหนดขนาดสัดส่วนและความสูงของแต่ละกลุ่มสะท้อนความสําคัญของ
การใชส้ อยภายในออกมาไดช้ ดั เจน

ระบบโครงสรา้ ง
พระตําหนักสมเด็จพระสังฆราชฯ หลังน้ีใช้ระบบโครงสร้างคอนกรีต

เสริมเหล็กท้ังโครงสร้างหลักและโครงหลังคา ส่วนชายคาปีกนกและหลังคา

สรรค์สร้างอย่างไทย : บทวิเคราะห์

บริเวณส่วนเชื่อมต่อระหว่างกลุ่มเป็นหลังคาคอนกรีตเสริมเหล็กปูทับด้วย

กระเบื้องกาบ หลังคาอาคารหลักมุงด้วยกระเบื้องกาบดินเผาเคลือบแบบใช้
จันทันและแป

วัสดกุ ่อสรา้ งและการตกแต่ง
วสั ดกุ ่อสร้าง

เน่ืองจากโครงสร้างอาคารเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ดังน้ัน
วัสดุก่อต่างๆ ทั้งพื้น ผนัง เพดาน และวัสดุตกแต่งจึงเป็นวัสดุท่ีสามารถใช้
ร่วมกับงานคอนกรีตเสริมเหล็กได้อย่างกลมกลืนและมีระบบวิธีการทาง
ช่างท่ีดี อันได้แก่ พ้ืนอาคารส่วนท่ีประทับใช้พื้นไม้มะค่าวางบนตงไม้ท่ีฝังใน
พ้ืนคอนกรีตเสริมเหล็ก เพ่ือให้คงลักษณะของความเป็นกุฏิพื้นไม้ลักษณะ
ด้ังเดิม ส่วนพ้ืนอาคารท่ีอยู่ในบริเวณที่เป็นโถงโล่งใต้หลังคาคลุมซ่ึงมีโอกาส
โดนแดดฝนได้มากจะเป็นวัสดุคงทน เช่น กระเบื้องเซรามิค หินอ่อน ส่วน
พื้นทางเขา้ อาคารเปน็ พ้ืนกรวดล้าง

วัสดุตกแต่ง ลกั ษณะสาํ คญั อกี ประการหนงึ่ คอื อาคารนแี้ มจ้ ะตอ้ งใชพ้ นื้ ทบ่ี างส่วน
จากแนวความคดิ เรมิ่ แรกในการออกแบบทตี่ อ้ งการอาคารทเ่ี รยี บงา่ ย
ของชั้นล่าง แต่พื้นที่ใช้งานมิได้กั้นจากเสาตัวริมของผังพื้นและพื้นที่ห้องใช้
สมถะ ดังนั้นวัสดุตกแต่งจะไม่มีมาก แม้กระทั่งลวดลายประดับต่างๆ ของ เพียงปริมาณน้อย ทําให้ยังแลเห็นความโล่งของส่วนใต้ถุนแบบเรือนไทย
ป้านลมและหน้าจั่ว สถาปนิกเลือกใช้ลักษณะที่น้อยและเรียบง่ายที่สุด เป็น โบราณอยู่ เช่นเดียวกับพ้ืนท่ีชั้นบนซึ่งยังคงพื้นท่ีเปิดโล่งใต้หลังคาคลุมแบบ
ลวดลายปูนปั้นปิดทับส่วนอกไก่และส่วนปลายของป้านลมซ่ึงใช้ลักษณะ เรือนไทยโบราณไว้ได้ปริมาณมาก ทําให้พระตําหนักน้ีมีรูปลักษณะและ
คล้ายป้านลมแบบหางปลาท่ีเรียบง่าย การเชื่อมต่อของป้านลมและปูนปั้น บรรยากาศทเ่ี หมาะสมกับการอยู่อาศัย
สันหลงั คาทําเป็นลายฉลุโปร่งแทนการพอกปนู ธรรมดา ทําให้ดูโปร่งมาก
จากเหตุผลต่างๆ ท่ีเสนอรายละเอียดมานี้เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่า
การตกแต่งลูกกรงบันไดและชานต่างๆ ก็ใช้ลักษณะและจังหวะของ สถาปนิกสามารถสร้างสรรค์งานสถาปัตยกรรมไทยแบบประเพณีด้วยการ
การใช้ซ่ีลูกกรงท่ีสะอาดและเรียบง่ายมีสัดส่วนท่ีกลมกลืนกับลักษณะ ออกแบบใหม่และใช้เทคโนโลยีการก่อสร้างในปัจจุบันได้ โดยไม่ต้องลอก
สถาปัตยกรรมโดยส่วนรวม เลียนของโบราณ และยังมีแนวโน้มว่าจะสามารถสร้างสรรค์สถาปัตยกรรม
แบบประเพณีในลักษณะนี้ให้พัฒนาต่อไปได้ หากสถาปนิกมีความเข้าใจใน
ลกั ษณะเด่นของสถาปัตยกรรม ลักษณะดั้งเดิมของสถาปัตยกรรมไทยแบบประเพณีและสังคมวัฒนธรรม
ตัวพระตําหนักซ่ึงเป็นสถาปัตยกรรมแบบประเพณีท่ีใช้เทคนิควิธีการ ที่สัมพันธ์กบั ตวั สถาปัตยกรรมอยา่ งถอ่ งแท.้

ก่อสร้างแบบสมัยใหม่ สะท้อนให้เห็นรูปลักษณะของสถาปัตยกรรมแบบ
ประเพณีท่ียังคงให้ความรู้สึกแบบไทยๆ ท่ีไม่ต้องลอกเลียนของโบราณ
รูปทรงหลังคาแบบหน้าจั่วทรงสูงทิ้งชายคาปีกนกรอบมีลักษณะการสร้าง
สรรค์ที่ทําให้ภาพรวมของมวลดูอ่อนละมุนขึ้น โดยการท้ิงชายคาส่วนปีกนก
ที่ยืน่ ยาวไมเ่ ทา่ กันในบางตาํ แหน่ง ซงึ่ ทาํ ให้ลักษณะความแขง็ ของรูปทรงแบบ
เป็นทางการได้ลดน้อยลง ให้ลักษณะของความเป็นบ้านท่ีอยู่อาศัยอย่าง
ร่มเย็นตามลกั ษณะชายคาท่ยี ื่นยาว บงั แดดได้อยา่ งเหมาะสม

147

สรรค์สร้างอย่างไทย

อาคารเฉลิมพระเกยี รติสมเดจ็ พระนางเจ้าสริ ิกติ ์ิ พระบรมราชนิ นี าถ ๖๐ พรรษา
พพิ ธิ ภัณฑพ์ ้ืนบ้านวดั มว่ ง

อาจารยอ์ ภริ ดี เกษมศขุ

ความเปน็ มา พระบรมราชินีนาถ และการเจริญพระชนมายุครบ ๖๐ พรรษา ให้ปรากฏ
สบื เนอ่ื งจากการทภี่ าควชิ ามนษุ ยวทิ ยา คณะโบราณคดี มหาวทิ ยาลยั ไว้ในอาคาร

ศลิ ปากร ไดน้ าํ นกั ศกึ ษาออกฝกึ งานภาคสนาม ณ ชมุ ชนวดั มว่ ง อาํ เภอบา้ นโป่ง ๒. ศิลปวัตถุท่ีเก็บสะสมไว้ในพิพิธภัณฑ์เป็นมรดกทางวัฒนธรรม
จังหวัดราชบุรี และหมู่บ้านใกล้เคียง พบว่าชุมชนแห่งน้ีซึ่งต้ังอยู่ริมฝั่งแม่น�้ำ จากชุมชนชาวไทยเชื้อสายมอญ รูปแบบของอาคารจึงได้กําหนดแนว
แม่กลอง มีวัดม่วงเป็นวัดสําคัญ และประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมอญ ความคิดในการออกแบบให้สะท้อนลักษณะของสถาปัตยกรรมไทย ทั้งด้าน
สามารถรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมท้องถิ่นเอาไว้ได้ วิถีชีวิตของชาวบ้าน คติความเชื่อ รูปลักษณ์ของอาคาร และลวดลายประดับ พร้อมกันน้ีก็ได้
ยังคงผูกพันกับประเพณีและความเชื่อด้ังเดิม มีน�้ำใจและความโอบอ้อมอารี ประยุกต์ศิลปะอันเป็นสัญลักษณ์ของชาวมอญมาสอดแทรกไว้ในลวดลาย
ท้ังนี้เจ้าอาวาสวัดม่วงและชาวบ้านได้พยายามเก็บรวบรวมสิ่งของท่ีแสดงถึง ประดบั อนั เป็นสว่ นประณตี ศิลป์ทางสถาปตั ยกรรม
ความเจริญทางภูมิปัญญาและประเพณีที่ดีงามของชุมชน เช่น คัมภีร์ใบลาน
และผ้าห่อคัมภีร์ เคร่ืองมือเคร่ืองใช้ ศิลปวัตถุที่พบในเขตลุ่มแม่น�้ำกลอง การวางผงั
เสื้อผ้าเคร่ืองแต่งกาย และเครื่องใช้ในการประกอบอาหารการกิน เป็นต้น พิพิธภัณฑ์พ้ืนบ้านวัดม่วงตั้งอยู่ในบริเวณวัด ซ่ึงมีโรงเรียนตั้งอยู่บน
ซึ่งเจ้าอาวาสวัดม่วงและชาวบ้านต้องการสืบทอดความภูมิใจในมรดกทาง
วฒั นธรรมเหลา่ นี้ในรูปแบบพพิ ธิ ภัณฑพ์ ้ืนบา้ น เนื้อทีอ่ ีกส่วนหนึ่งของวัด นับได้ว่าบริเวณอนั เป็นท่ีตั้งของวัด โรงเรยี น และ
พิพิธภัณฑ์น้ีเป็นศูนย์กลางชุมชน สําหรับอาคารพิพิธภัณฑ์นอกจากเป็นท่ี
คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้นําเสนอเร่ืองการจัดตั้ง แสดงโบราณศิลปวัตถุและประดิษฐกรรมของท้องถิ่นแล้ว ยังประกอบด้วย
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน วัดม่วง ต่อมหาวิทยาลัย ประจวบกับทางมหาวิทยาลัยมี สว่ นหอ้ งสมดุ และพน้ื ทอ่ี เนกประสงค์ซ่งึ ใชเ้ ปน็ ท่ีประชุมและทาํ กจิ กรรมของ
ดําริท่ีจะสร้างพิพิธภัณฑ์เพ่ือน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นการเฉลิมพระเกียรติ กลุ่มแม่บ้าน จึงถือเป็นอาคารสําคัญหลังหนึ่ง เพ่ือให้เหมาะสมกับที่เป็น
สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ พระบรมราชนิ นี าถ ในวโรกาสทท่ี รงเจรญิ พระชนมายุ อาคารเฉลมิ พระเกยี รติ สมเดจ็ พระบรมราชนิ นี าถ อาคารจงึ ไดร้ บั การจดั วาง
ครบ ๖๐ พรรษา พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดม่วงจึงเกิดขึ้นจากความร่วมมือของ ไว้บนเนินซึ่งสูงกว่าอาคารอื่นโดยรอบบริเวณ นอกจากนี้ยังแสดงการแยก
มหาวิทยาลัยศิลปากร วัดม่วงและชาวบ้านบ้านม่วง เพ่ือให้เป็นแหล่งศึกษา กิจกรรมระหว่างอาคารพิพิธภัณฑ์กับอาคารภายในวัด ซ่ึงต้ังอยู่ใกล้กัน
ค้นคว้าเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติความเป็นมา วิถีชีวิตวัฒนธรรมของชุมชน ออกจากกันชัดเจนด้วยระดับที่แตกต่างกัน อาคารวางหันหน้าสู่พื้นท่ีเปิดโล่ง
ท้องถิน่ จากโบราณศลิ ปวัตถุ คมั ภีรใ์ บลาน รวมท้งั เคร่ืองมอื เครอื่ งใชอ้ ันเปน็ ที่ค่ันอยู่ระหว่างอาคารเรียนและวัด ซึ่งทําให้สามารถมองเห็นอาคารได้ใน
สง่ิ แสดงมรดกทางภมู ิปญั ญาท้องถิน่ ท่ีควรรกั ษาสบื เน่ืองต่อไป มุมกว้าง อาคารจึงดเู ด่นเปน็ สง่า

แนวความคดิ ในการออกแบบ รปู แบบอาคาร
การออกแบบพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดม่วงต้ังอยู่บนแนวความคิดสําคัญ อาคารพิพิธภัณฑ์พ้ืนบ้านวัดม่วงเป็นอาคารจตุรมุขแบบไม่สมมาตร

๒ ประการคอื มีลักษณะเป็นอาคารยกใต้ถุนสูง ชั้นล่างหรือส่วนใต้ถุนใช้ประโยชน์เป็น
๑. พิพิธภัณฑ์แห่งน้ีจัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จ พื้นท่ีอเนกประสงค์ ชั้นบนเป็นพิพิธภัณฑ์ หลังคาเป็นหลังคาจั่วซ้อนช้ัน
ทิ้งชายคาคลุมโดยรอบ ทางเข้าอาคารซึ่งอยู่ด้านหน้ายื่นมุขรับอย่างโดดเด่น
พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในวโรกาสท่ีทรงเจริญพระชนมายุครบ
๖๐ พรรษา ดังนี้จึงได้แสดงสัญลักษณ์ท่ีสื่อความหมายถึงองค์สมเด็จ

148

และเป็นทางเข้าทางเดียวของพิพิธภัณฑ์ซึ่งสามารถควบคุมการเข้าออกได้ สรรค์สร้างอย่างไทย : บทวิเคราะห์
ในชั้นท่ี ๒ ซึ่งเป็นส่วนจัดแสดงของพิพิธภัณฑ์แบ่งการจัดแสดงออกเป็น
๕ เรือ่ ง คือ 149

๑. ลุ่มนำ้� แม่กลอง
๒. สงั คมวฒั นธรรมทอ้ งถิ่น
๓. บ้านม่วงกบั ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถิ่น
๔. วถิ ชี วี ติ ชาวบ้าน
๕. การพฒั นาและการเปลีย่ นแปลง

การจัดทีว่ ่างทางสถาปตั ยกรรมในชั้นท่ี ๒ น้ไี ด้จดั แบง่ เปน็ ๕ ส่วน
ย่อยตามเนื้อหาของเร่ืองจัดแสดง โดยการแบ่งท่ีว่างด้วยระดับท่ีสูงต�่ำ
แตกต่างกัน ทั้งนี้การจัดกลุ่มของการแสดงเรื่องราวต่าง ๆ คํานึงถึงเส้นทาง
สัญจรที่สั้นท่ีสุด การจัดแบ่งที่ว่างด้วยวิธีแยกด้วยระดับแทนการกั้นผนังทํา
ให้ท่ีว่างภายในอาคารซ่ึงเป็นอาคารขนาดเล็กต่อเช่ือมกันโดยตลอด ไม่ก่อ
ให้เกดิ ความรสู้ กึ อดึ อดั คบั แคบ นอกจากการแบง่ แยกทว่ี า่ งดว้ ยการจดั ระดับ
พื้นท่ีแตกต่างกันแล้ว ฝ้าเพดานยังกําหนดให้สูงต่�ำแตกต่างกันโดยสัมพันธ์
กบั ระดบั ของพนื้ ทอี่ กี ดว้ ย ทาํ ใหท้ วี่ า่ งยอ่ ยแตล่ ะสว่ นปรากฏขอบเขตทช่ี ดั เจน
แม้ว่าจะไม่มีผนงั แบง่ กั้นก็ตาม

เน่ืองจากอาคารพิพิธภัณฑ์พ้ืนบ้านวัดม่วงเป็นอาคารขนาดเล็กมี
เน้ือท่ีของห้องจัดแสดงไม่มากนัก หากเน้ือท่ีเท่าท่ีมีอยู่ถูกนํามาตั้งตู้จัดแสดง
ตู้จัดแสดงจะเบียดบังเน้ือที่จนเหลือน้อย ไม่สะดวกในการเดินชมสิ่งแสดง
ดังน้ันจึงได้ออกแบบที่ว่างสําหรับวางตู้จัดแสดงในลักษณะพิเศษ ด้วยการ
ยื่นส่วนนี้ออกจากที่ว่างหลักของส่วนจัดแสดงทั้ง ๕ ส่วน ทําให้ที่ว่างหลัก
ยังคงปริมาณพื้นที่ไว้เต็มท่ี ก่อให้เกิดความสะดวกในการเดินชมภายใน
พพิ ิธภัณฑ์

ส่วนจัดแสดงที่สําคัญคือส่วนที่เก่ียวกับสังคมวัฒนธรรมท้องถ่ิน
ส่วนนี้ไดจ้ ัดไว้ บริเวณกลางอาคาร พร้อมทั้งยกระดบั พื้นสูงกว่าส่วนจดั แสดง
หัวเร่ืองอ่ืนๆ เพื่อเน้นความสําคัญอีกท้ังยังยกฝ้าเพดานเหนือส่วนแสดง
สงั คมวฒั นธรรมใหส้ งู สดุ ใหส้ มกบั ทเี่ ปน็ สว่ นแสดงสง่ิ สาํ คญั ไดแ้ ก่ ธรรมาสน์
มอญ และภาพพระบฏเร่ืองพุทธประวตั ติ อนเสดจ็ ส่มู หาปรินิพพาน

รูปทรงของอาคารซึ่งมีลักษณะเป็นอาคารจตุรมุขแบบไม่สมมาตร
มีหลังคาทรงจ่ัว ตรงกลางสูงและซ้อนลดหล่ันกันไปท้ัง ๔ ทิศ สัมพันธ์กับ
การจัดแบ่งที่ว่างภายในอาคาร การซอยผืนหลังคาออกก่อให้เกิดลักษณะ
คล้ายมุขย่ืนออกไปทุกด้านเช่นนี้เป็นการทอนขนาดของผืนหลังคาท่ีใหญ่ให้
เล็กลง ทําให้อาคารมีสัดส่วนท่ีไม่ใหญ่โตสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมของ

สรรค์สร้างอย่างไทย

ชุมชนชนบท
ความจริงแล้วอาคารพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดม่วงนี้มีขนาดใกล้เคียงกับ

เรือนไทยเดิมอันเป็นอาคารประเภทที่พักอาศัย แต่ไม่ปรากฏการใช้หลังคา
แบบจตุรมุขในอาคารเรือนไทยเดิม อาคารทรงจตุรมุขมีขนบธรรมเนียมใน
การใช้กับอาคารสาธารณะเท่าน้ัน การใช้รูปทรงจตุรมุขในอาคารพิพิธภัณฑ์
พื้นบ้านวัดม่วงจึงเป็นการเน้นเพื่อแสดงความเป็นอาคารสาธารณะอย่าง
ชัดเจน แมว้ า่ จะมขี นาดของอาคารท่ีไม่แตกตา่ งจากอาคารพักอาศยั นัก

อาคารพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดม่วงได้รับการออกแบบระบบระบาย ขอ้ มลู โครงการ
อากาศและระบบใหแ้ สงสว่างโดยธรรมชาติ ด้านการระบายอากาศใชว้ ธิ สี รา้ ง ชื่อโครงการ : พพิ ิธภณั ฑพ์ ้นื บา้ นวดั มว่ ง
แนวไม้ฉลุลายโปร่งท่ีด้านบนของผนัง พร้อมกับการเว้นร่องท่ีฝ้าชายคาและ ทตี่ ง้ั : วดั ม่วง อาํ เภอบา้ นโป่ง จังหวดั ราชบรุ ี
ฝ้าเพดานโดยรอบอาคาร นอกจากน้ียังออกแบบช่องเปิดที่ผนังในลักษณะ เจ้าของ : วัดมว่ งโดยมหาวิทยาลยั ศลิ ปากร
แคบยาว เช่นเดียวกับลักษณะของช่องเปิดในงานสถาปัตยกรรมสุโขทัย ผู้ออกแบบ : สถาปนกิ วนิดา พ่ึงสุนทร
เพ่ือการระบายอากาศ แต่ปลอดภัยจากการโจรกรรมส่ิงของท่ีจัดแสดงไว้ โยธิน วชิรสดุ เลขา
ภายใน สําหรับการให้แสงสวา่ งกําหนดใหแ้ สงธรรมชาตเิ ข้าส่ภู ายในแบบแสง วศิ วกรโครงสรา้ ง บัญชา ชมุ่ เกษร
ทางอ้อม (INDIRECT LIGHT) เพ่ือป้องกันรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตท่ีจะก่อให้ มัณฑนาการ พพิ ัฒน์ พ่วงสาํ เนยี ง
เกิดความเสยี หายแกว่ ัตถุแสดงได้ ภูมิสถาปนกิ รุจโิ รจน์ อนามบุตร
งบประมาณ : ๘ ล้านบาท
ลวดลายประดบั อนั เปน็ สว่ นประณตี สถาปตั ยกรรมไดร้ บั การผกู ลายขนึ้ ปที ี่สร้างเสร็จ : ๒๕๓๕
โดยให้มีสัญลักษณ์ท่ีสื่อความหมายถึงองค์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ ปรากฏอยู่ที่หน้าบันมุขทางข้ึนอาคาร ลวดลายดังกล่าว
เปน็ ลวดลายปนู ปัน้ ประกอบด้วยพระปรมาภิไธยยอ่ ”สก„ และตัวเลข ”๖๐„
ซึ่งส่ือถึงวโรกาสเจริญพระชนมายุครบ ๖๐ พรรษา ของสมเด็จพระบรม
ราชนิ ีนาถ นอกจากนเ้ี สน้ สายของกรอบหน้าบนั ป้ันลม ลวดลายที่สนั หลงั คา
ยงั บรรจงประดษิ ฐด์ ว้ ยเสน้ ทอี่ อ่ นชอ้ ย ถา่ ยทอดลกั ษณะออ่ นโยนของผหู้ ญงิ ไว้
แทนได้ว่าอาคารนี้เป็นอาคารของสมเด็จพระบรมราชินีนาถอีกด้วย และใน
บางจงั หวะของลวดลายไดใ้ ชร้ ปู หงสเ์ ปน็ แมแ่ บบในการประดษิ ฐล์ าย รปู หงสน์ ี้
เป็นสญั ลกั ษณข์ องชาวมอญจงึ ไดร้ บั การบนั ทกึ ไว้ในอาคารอนั เปน็ พพิ ธิ ภัณฑ์
ที่แสดงวฒั นธรรมของชาวมอญ

กล่าวได้ว่าอาคารพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดม่วงเป็นงานสถาปัตยกรรม
ที่มีรูปแบบแสดงถึงความเป็นไทย สื่อความหมายถึงองค์สมเด็จพระนางเจ้า
สิริกิต์ิ พระบรมราชนิ นี าถ และแฝงสัญลกั ษณ์ของชาวมอญไปพร้อม ๆ กนั .

150


Click to View FlipBook Version