The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการสอนรายวิชาเศรษฐศาสตร์-ม.2 เทอม 2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

แผนการสอนรายวิชาเศรษฐศาสตร์-ม.2 เทอม 2

แผนการสอนรายวิชาเศรษฐศาสตร์-ม.2 เทอม 2

คำอธิบายรายวิชา รายวิชา เศรษฐศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 รหัสวิชา ส 22102 เวลา 20 ชั่วโมง/ปี ศึกษาวิเคราะห์ระบบเศรษฐกิจแบบต่างๆ การพึ่งพาอาศัยกัน และการแข่งขันกันทางเศรษฐกิจในภูมิภาค เอเชีย การกระจายของทรัพยากรในโลกที่ส่งผลต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ การแข่งขันทาง การค้าในประเทศและต่างประเทศที่ส่งผลต่อคุณภาพสินค้า ปริมาณการผลิตและราคาสินค้าปัจจัยที่มีผลต่อ การลงทุนและการออม ปัจจัยการผลิตสินค้าและบริการ และปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการผลิตสินค้าและบริการ เสนอแนวทางการพัฒนาการผลิตในท้องถิ่นตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การคุ้มครองสิทธิของตนเอง ในฐานะผู้บริโภค โดยใช้กระบวนการคิด กระบวนการสืบค้นข้อมูล กระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชิญสถานการณ์และ แก้ปัญหากระบวนการปฏิบัติ กระบวนการกลุ่ม เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจสามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดได้อย่างมี ประสิทธิภาพและคุ้มค่าเข้าใจหลักการของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการดำรงชีวิต สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีคุณธรรมจริยธรรม และมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในด้านมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทำงาน มีจิตสาธารณะ อยู่อย่างพอเพียง ตัวชี้วัด ส 3.1 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ส 3.2 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 รวม 8 ตัวชี้วัด


โครงสร้างรายวิชา วิชาเศรษฐศาสตร์ ม.2 ลำดับ ที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการ เรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน 1 การออมและการลงทุน ส 3.1 ม.2/1 ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการลงทุนและการ ออมมีหลายประการ ซึ่งการลงทุนและ การออมล้วนมีความสำคัญต่อ ระบบเศรษฐกิจ 4 2 การผลิตสินค้าและบริการ ส 3.1 ม.2/2 การผลิตสินค้าและบริการอย่างมี ประสิทธิภาพนั้น ย่อมมีหลักการผลิต และใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม ซึ่งปัจจัยการผลิตและปัจจัยที่มีอิทธิพล ต่อการผลิตสินค้าและบริการ มีหลายประการ 4 3 เศรษฐกิจพอเพียงกับ การผลิตสินค้าและ บริการ ส 3.1 ม.2/3 ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมีหลักการ และเป้าหมายสำคัญที่สามารถนำไป ประยุกต์ใช้ในการพัฒนาการผลิตสินค้า และบริการ ในท้องถิ่น ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ ของชุมชนและวิถีการดำเนินชีวิต ของสมาชิกในชุมชน 4


ลำดับ ที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการ เรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน 4 การคุ้มครองผู้บริโภค ส 3.1 ม.2/4 การคุ้มครองสิทธิของตนเองในฐานะ ผู้บริโภค เป็นไปตามกฎหมายคุ้มครอง ผู้บริโภคโดยดำเนินกิจกรรมพิทักษ์สิทธิ และผลประโยชน์ตามกฎหมาย ในฐานะผู้บริโภค 4 5 ระบบเศรษฐกิจ การ พึ่งพา การแข่งขันทาง เศรษฐกิจในทวีปเอเชีย ส 3.2 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 การดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจของ แต่ละประเทศมีความแตกต่างกันไปตาม ระบบเศรษฐกิจ ประเทศใน ภูมิภาคเอเชียล้วนมีการพึ่งพาอาศัยกัน และแข่งขันกันทางเศรษฐกิจ มีการ กระจายทรัพยากร ซึ่งส่งผลดีต่อ ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่าง ประเทศ คุณภาพสินค้า การผลิต และราคาสินค้า 4


โครงสร้างแผนฯ วิชาเศรษฐศาสตร์ ม.2 หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัด การเรียนรู้ วิธีสอน/กระบวนการจัดการ เรียนรู้ ทักษะการคิด เวลา (ชั่วโมง) หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 การออมและการลงทุน 1. ความสำคัญและ ปัจจัยการออม - วิธีสอนโดยการจัดการเรียนรู้ แบบร่วมมือ : เทคนิคการเรียน ร่วมกัน 1. ทักษะการรวบรวมข้อมูล 2. ทักษะการวิเคราะห์ 3. ทักษะการสร้างความรู้ 1 2. การออมอย่างมี ประสิทธิภาพ - วิธีสอนโดยการจัดการเรียนรู้ แบบร่วมมือ : เทคนิคการต่อ เรื่องราว (Jiqsaw) 1. ทักษะการรวบรวมข้อมูล 2. ทักษะการวิเคราะห์ 3. ทักษะการสร้างความรู้ 1 3. ความสำคัญและ แหล่งที่มาของการ ลงทุน - วิธีสอนโดยการจัดการเรียนรู้ แบบร่วมมือ : เทคนิคคู่คิด สี่สหาย - ทักษะการวิเคราะห์ 1 4. การลงทุน - วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E) - ทักษะการวิเคราะห์ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การผลิตสินค้าและ บริการ 1. ขั้นตอนการผลิต สินค้า - วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E) - ทักษะการวิเคราะห์ 1 2. ปัจจัยในการผลิต - วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการสร้างความตระหนัก - ทักษะการวิเคราะห์ 1 3. หลักการผลิตสินค้า และบริการ - วิธีสอนโดยใช้ทักษะ กระบวนการเผชิญสถานการณ์ 1. ทักษะการวิเคราะห์ 2. ทักษะการนำความรู้ไปใช้ 2


หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัด การเรียนรู้ วิธีสอน/กระบวนการจัดการ เรียนรู้ ทักษะการคิด เวลา (ชั่วโมง) หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เศรษฐกิจพอเพียงกับ การผลิตสินค้าและ บริการ 1. หลักการและ เป้าหมายของปรัชญา ของเศรษฐกิจ พอเพียง - วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการสร้างเจตคติ - ทักษะการวิเคราะห์ 1 2. การผลิตสินค้าและ บริการในท้องถิ่น - วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการเรียนความรู้ ความเข้าใจ 1. ทักษะการวิเคราะห์ 2. ทักษะการประยุกต์ใช้ ความรู้ 1 3. เศรษฐกิจพอเพียงกับ การผลิตสินค้าและ บริการในท้องถิ่น - วิธีสอนแบบธรรมสากัจฉา 1. ทักษะการวิเคราะห์ 2. ทักษะการประยุกต์ใช้ความรู้ 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การคุ้มครองผู้บริโภค 1. สิทธิผู้บริโภค - วิธีสอนแบบบรรยาย 1. ทักษะการวิเคราะห์ 2. ทักษะการสร้างความรู้ 1 2. กฎหมายคุ้มครอง ผู้บริโภค - วิธีสอนโดยการจัดการเรียนรู้ แบบร่วมมือ : เทคนิคเล่าเรื่อง รอบวง 1. ทักษะการวิเคราะห์ 2. ทักษะการสร้างความรู้ 1 3. การปกป้องคุ้มครอง ผู้บริโภค - วิธีสอนแบบ KWL 1. ทักษะการวิเคราะห์ 2. ทักษะการสร้างความรู้ 3. ทักษะกระบวนการคิด ตัดสินใจ 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ระบบเศรษฐกิจ การ พึ่งพา การแข่งขันทาง เศรษฐกิจในทวีปเอเชีย 1. ระบบเศรษฐกิจ - วิธีสอนตามรูปแบบโมเดล ซิปปา (CIPPA Model) 1. ทักษะการวิเคราะห์ 2. ทักษะการเปรียบเทียบ 2 2. การพึ่งพา และการ แข่งขันทางเศรษฐกิจ ในทวีปเอเชีย - วิธีสอนตามแนววัฏจักรการ เรียนรู้ (4 MAT) 1. ทักษะการรวบรวมข้อมูล 2. ทักษะการวิเคราะห์ 3. ทักษะการเปรียบเทียบ 4. ทักษะการให้เหตุผล 5. ทักษะการสร้างความรู้ 2


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม รายวิชาเศรษฐศาสตร์ รหัสวิชา ส22102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 การออมและการลงทุน เวลาเรียน 4 ชั่วโมง เรื่อง ความสำคัญและปัจจัยการออม เวลาเรียน 1 ชั่วโมง โรงเรียนมัธยมเทศบาล 6 นครอุดรธานี วันที่.................................................... ผู้สอน นายภูริทัต ศรีสุนาครัว --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. มาตรฐานการเรียนรู้ ส 3.1 เข้าใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากรในการผลิตและการบริโภคการใช้ ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัด ได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่ารวมทั้งเข้าใจหลักการของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการดำรงชีวิตอย่างมีดุลยภาพ 2.สาระสำคัญ ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการออมมีหลายประการ การออมมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ 3.ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ตัวชี้วัด ส 3.1 ม.2/1 วิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อการลงทุนและการออม 3.2 จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายความหมายและความสำคัญของการออมที่มีผลต่อระบบเศรษฐกิจได้(K) 2) เขียนปัจจัยที่มีผลต่อการออมได้(P) 3) เห็นประโยชน์ของการออม (A) 4.สาระการเรียนรู้ 1) ความหมายและความสำคัญของการออมต่อระบบเศรษฐกิจ 2) ปัจจัยของการออม คือ อัตราดอกเบี้ย รวมทั้งปัจจัยอื่นๆ เช่น ค่าของเงิน เทคโนโลยี การคาดเดา เกี่ยวกับอนาคต


5.สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1) ทักษะการรวบรวมข้อมูล 2) ทักษะการวิเคราะห์ 3) ทักษะการสร้างความรู้ 6.คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 7.กิจกรรมการเรียนรู้ วิธีสอนโดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ : เทคนิคการเรียนร่วมกัน นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูนำตัวอย่างข่าวเกี่ยวกับบุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิตและมีการดำเนินชีวิตที่แสดงถึงการเป็นผู้ที่รู้จักออม มาให้นักเรียนอ่าน แล้วให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ - เพราะเหตุใด บุคคลในข่าวจึงประสบความสำเร็จในชีวิต - นักเรียนสามารถนำแบบอย่างการกระทำของบุคคลใน ข้อ 1 ไปประยุกต์ปฏิบัติได้อย่างไรบ้าง และคาดว่าจะ ได้รับผลดีอย่างไร 2. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด คำถามกระตุ้นความคิด - นักเรียนมีวิธีการออมเงินอย่างไรบ้าง 3. ครูอธิบายเชื่อมโยงความรู้ให้นักเรียนเข้าใจถึงความหมายและความสำคัญของการออม ขั้นสอน 1. ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คละกันตามความสามารถ คือ เก่ง ปานกลางค่อนข้างเก่ง ปานกลาง ค่อนข้างอ่อน และอ่อน จากนั้นครูแนะนำให้นักเรียนเห็นความสำคัญของการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม และให้ทุกคน ปฏิบัติตามกติกาอย่างเคร่งครัด สมาชิกทุกคนมีการช่วยเหลือกัน รับผิดชอบในภาระหน้าที่ของตน 2. สมาชิกแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาความรู้เกี่ยวกับการออมและอภิปรายร่วมกัน ในหัวข้อต่อไปนี้ 1) ความหมายและความสำคัญของการออม 2) ปัจจัยของการออม นักเรียนนำความรู้ที่ได้มาบันทึกลงในแบบบันทึกการอ่าน


3. สมาชิกแต่ละกลุ่มร่วมกันทำใบงานที่ 1.1 เรื่อง ความสำคัญและปัจจัยการออม โดยให้สมาชิกแต่ละคนมีหน้าที่ ดังนี้ - สมาชิกหมายเลข 1 อ่านกรณีศึกษา แยกแยะประเด็นให้ชัดเจน - สมาชิกหมายเลข 2 รวบรวมข้อมูล หาแนวทางเสนอแนะ ในการตอบคำถาม - สมาชิกหมายเลข 3 ตอบคำถาม - สมาชิกหมายเลข 4 ตรวจสอบความถูกต้อง 4. สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มจะหมุนเวียนเปลี่ยนหน้าที่ในการตอบคำถามในใบงานที่ 1.1 จนเสร็จทุกข้อ จากนั้น สมาชิก แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนนำเสนอคำตอบในใบงานหน้าชั้นเรียน 5. ครูและนักเรียนช่วยกันเฉลยคำตอบในใบงานที่ 1.1 สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกันตรวจสอบความถูกต้องของใบงาน 6. ครูให้นักเรียนแต่ละคนทำกิจกรรมฝึกทักษะ : กิจกรรมที่ 1 จากแบบวัดฯ เป็นการบ้าน พร้อมกำหนดวันและ เวลาส่งครู 7. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด ข้อ 1-2 คำถามกระตุ้นความคิด 1. นักเรียนคิดว่า ผู้ที่มีรายได้สุทธิน้อย ย่อมมีโอกาสออมเงินน้อยหรือไม่ จงอธิบายเหตุผล 2. ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการออมเงินในครอบครัวของนักเรียน ได้แก่อะไรบ้าง จงยกตัวอย่าง ขั้นสรุป นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้เกี่ยวกับความหมาย ความสำคัญ และปัจจัยของการออม โดยมีครูช่วยอธิบาย เพิ่มเติม ให้นักเรียนมีความเข้าใจชัดเจน


8.การวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ ที่ 1 แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ ที่ 1 (ประเมินตามสภาพจริง) ตรวจใบงานที่ 1.1 ใบงานที่ 1.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบบันทึกการอ่าน แบบบันทึกการอ่าน ระดับคุณภาพ 2 ผ่าน เกณฑ์ ประเมินการนำเสนอผลงาน แบบประเมินการนำเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่าน เกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงาน รายบุคคล ระดับคุณภาพ 2 ผ่าน เกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ระดับคุณภาพ 2 ผ่าน เกณฑ์ สังเกตความมีวินัย และใฝ่เรียนรู้ แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับคุณภาพ 2 ผ่าน เกณฑ์ 9.สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 9.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียน เศรษฐศาสตร์ ม.2 2) แบบวัดและบันทึกผลการเรียนรู้ เศรษฐศาสตร์ ม.2 3) หนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม 4) ตัวอย่างข่าว 5) ใบงานที่ 1.1 เรื่อง ความสำคัญและปัจจัยการออม 9.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ 3) แหล่งข้อมูลจากเอ็นเทอร์เน็ต


ตัวอย่างข่าว เปิดประสบการณ์ครอบครัวมนุษย์เงินเดือนซื้อบ้าน “เงินสด” คุณสุพิชฌาย์ ภรรยาผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จด้านการเงินของครอบครัว เธอได้เล่าย้อนถึงอดีต ซึ่ง เป็นจุดเริ่มต้นที่เธอและสามีได้คบหาดูใจกัน และวางแผนอนาคตร่วมกันว่า “ส่วนตัวและสามีเป็นพนักงาน บริษัทธรรมดาๆ ไม่แตกต่างจากมนุษย์เงินเดือนคนอื่น งานของเธอนั้นเป็นงานเลขานุการ เงินเดือนหมื่นกว่า บาท สามีเป็นวิศวกร เงินเดือนประมาณสองหมื่น รวมกัน สองคนก็สามหมื่นกว่าบาทเท่านั้นเอง” แม้แฟนจะมีรายได้มากกว่าเธอเท่าหนึ่ง แต่ไม่มีการเก็บออมเงิน อีกทั้งยังมีหนี้บัตรเครดิต ส่วนตัวเธอ นั้นกลับมีเงินเก็บมากกว่า เมื่อเป็นเช่นนั้น เธอและแฟนจึงได้พูดคุยกัน และวางแผนเรื่องการเก็บออมเงิน เพื่ออนาคต เธอเล่าว่าได้ใช้สูตรเก็บ 70% ใช้ 30% อาจเป็นตัวเลขที่มนุษย์เงินเดือนหลายคนไม่เชื่อหู แต่ ทั้งสองก็เก็บเงินจากรายได้ในแต่ละเดือนด้วยตัวเลขนี้ อาจดูไม่มากนัก แต่ก็เพียงพอต่อ “ความต้องการ พื้นฐานในชีวิต” “ในช่วงแรกๆ สามีปรับตัวลำบาก ก็เลยคุยกัน บอกให้เขามองถึงเป้าหมายหลักของเรา สามีเช่า หอพักอยู่คนเดียว สามพันบาท ก็เลยคุยกันว่าหาห้องพักใหม่ไหม หรูน้อยหน่อย แต่ติดถนนใหญ่ จะได้ไม่ ต้องเสียค่ารถเข้าซอย เดือนหนึ่งประหยัดได้เป็นพัน หรือเคยจ้างซักรีดเสื้อผ้าก็หัดทำเอง งดเข้าร้านอาหาร หันมาทำกับข้าวกินเอง ตอนที่เก็บเงินซื้อบ้าน เขาก็ตัดพ้อเหมือนกันว่าเพื่อนเก็บเงินซื้อบ้านได้แล้วนะ เราก็ บอกใจเย็นๆ สิ เพื่อนเขาผ่อนไม่ใช่หรอ พอตอนหลังเราซื้อบ้านได้ เขายิ้มเลย เพราะเราไม่ต้องผ่อน 30 ปี เหมือนคนอื่น เมื่อออมเงินได้ถึงจุดหนึ่งก็จะเริ่มมองการลงทุนแบบอื่น มองเงินฝากแบบอื่นที่ได้ผลตอบแทน มากกว่า เริ่มศึกษากองทุนรวม ลงทุนทองคำแท่ง จากนั้นจะนำผลตอบแทนไปลงทุนต่อ ไม่ถอนมาใช้ บัตร เครดิตก็ไม่ทำ อยากได้อะไรเก็บเงินซื้อให้ครบ” สำหรับวินัยทางการเงินที่เข้มแข็งเช่นนี้ คุณสุพิชฌาย์ได้ซึมซับมาจากครอบครัว โดยเฉพาะคุณแม่ที่ เป็นตัวอย่างที่ดีเสมอมา “แม่จะพูดเสมอว่า เงินออมห้ามถอนออกมาใช้ รายได้แต่ละเดือนต้องใช้ให้พอ และ ต้องเหลือเก็บ ถ้ามีรายได้เพิ่ม อย่านึกว่าเป็นเงินได้เพิ่ม ให้นึกว่าเป็นเงินออมเพิ่ม ตั้งแต่วันที่เราสามารถ เรียนจบปริญญาตรีได้ด้วยเงินตัวเอง แม่มีความสุข และภูมิใจมาก จากคำสอนของแม่ ครอบครัวเราไม่มีใคร มีหนี้ล้นพ้นตัว เราอยู่ได้แม้เศรษฐกิจไม่ดี ที่สำคัญ ครอบครัวเราต้องอย่าโทษใคร ขอให้เราดูแลตัวของเรา เอง ถ้าหารายได้เพิ่มไม่ได้ให้ลดรายจ่ายให้มากที่สุด ถ้าเราทำได้ เราก็เป็นที่พึ่งของตัวเองได้ค่ะ” “การวางแผนเงินออม อย่าผัดวันประกันพรุ่ง ต้องคิดแล้วทำทันที อย่าคิดว่าเดือนนี้ค่าใช้จ่ายเยอะ ผัดเป็นเดือนหน้าแล้วกัน แล้วก็ให้ศึกษาการลงทุนประเภทต่างๆ ไว้ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ขาดไม่ได้คือ ให้ทุกคน ทำบัญชีครัวเรือนรายรับรายจ่าย แล้วจะรู้ว่าเราใช้เงินในทางไหนบ้าง แล้วจะรู้ว่าทุกคนก็ออมเงินได้” “การบริหารครอบครัว สำคัญตรงที่เราต้องไม่โทษการเมือง แต่ให้หันกลับมาดูตัวเองให้มาก ใช้เท่าที่ จำเป็น บางคนใช้เงินซื้อของเกินไป ซื้อบ้านซื้อรถเพื่อหน้าตา ที่บ้านซื้อเท่าที่จำเป็น” นอกจากนั้น เธอและ สามียังมองไกลไปถึงการออมเพื่อวัยเกษียณแล้ว ซึ่งเธอเชื่อว่า การออมจะช่วยให้ครอบครัวของเธอสามารถ เป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ ไม่ว่าสังคมจะเปลี่ยนไปมากเพียงใดก็ตาม


พัชรศรี เบญจมาศ ผู้หญิงที่เกิดมาเพื่อออมเงินโดยแท้ พัชรศรีเล่าว่าเธอมีนิสัยเป็นคนออมเงินตั้งแต่เด็ก มาจนถึงวันนี้ก็ยังคงมุ่งมั่นออมและเก็บเงินอย่าง สม่ำเสมอ และมองหาช่องทางลงทุนที่ทำให้เงินของเธองอกเงยและออกดอกออกผล “ตอนเด็กๆ ก็เก็บเงิน ใส่กระปุก แล้วไปฝากแบงก์ออมสินเหมือนเด็กทั่วไป พอโตขึ้นนิดเริ่มออมจริงจังด้วยการฝากแบงค์เดือนละ 1,000 บาท พอครบ 5 ปี ได้เงิน 7-8 หมื่นบาทถือว่าเยอะทีเดียว เธอเป็นคนวางแผนการเงินค่อนข้างดี และเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการออมเงินอย่างมาก นั่น เพราะเธอเห็นคุณค่าของเงิน รู้ว่าเงินหายากแค่ไหน อะไรก็ไม่แน่นอน ไม่มั่นคง ตอนที่เรามีแรงมีเงิน ก็ควร จะออมเลย ต้องใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท เพราะไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น ฉะนั้นต้องดำเนินชีวิตแบบไม่สุรุ่ยสุร่าย และข้อสำคัญคือ ชีวิตคนเราไม่แน่นอน ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดกับชีวิตเราวันไหน เราต้องการความมั่นคง อะไรที่ ทำให้เงินทำงานได้ก็ทำ เพราะไม่คิดว่าอยากจะทำงานไปจนตาย อยากจะให้เงินมันงอกออกมา ทุกวันนี้ใช้ เงินแบบไม่ฟุ่มเฟือยไม่มีบัตรเครดิต ฝากบัญชีประเภทที่ไม่มีบัตรเอทีเอ็ม จะได้ไม่ต้องถอน เราต้องรู้ว่า ตัวเองเป็นยังไง ถ้าชอบใช้ก็ต้องหาทางเก็บเงินให้อยู่ เมื่ออยากให้เงินทำงาน เธอจึงพยายามมองหาช่องทางลงทุนต่างๆ เธอบอกว่าตอนนี้กระจายลงทุน และออมไว้ในหลายช่องทาง มีทั้งฝากประจำ ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์คือบ้านที่เธออาศัยอยู่ ทองคำ กองทุนที่มีทั้งตราสารหนี้แอลทีเอฟ และอาร์เอ็มเอฟ ประกันแบบออมเงินและประกันชีวิต “ถ้าจะให้แจกแจงจริงๆ ตอนนี้มีเงินฝากเยอะสุด เพราะไม่แน่ใจว่าชีวิตจะเอาเงินไปทำอะไร บางทีก็ อยากได้บ้านริมทะเล คิดหลายอย่าง ก็เลยเอามาลงทุนบ้างดีกว่า ตอนนี้ก็เลยหันมาลงทุนในกองทุนที่ช่วย ประหยัดภาษี และเริ่มออมผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ก่อนหน้านี้ช่อง 3 ไม่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพิ่งมา มีเมื่อปีที่แล้ว ดีใจมาก พยายามบอกทุกคนให้ทำ เพราะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ดี บริษัทสมทบให้เราอีกทาง แถมหักภาษีได้” ถามถึงการลงทุนในตลาดหุ้น เธอบอกไม่เคยลงทุน นั่นเพราะไม่มีความรู้เรื่องหุ้น ไม่มีเวลาติดตาม หุ้นแต่ละตัว จึงเป็นเหตุผลให้เธอไม่กล้าเข้าไปลงทุนในช่องทางนี้ โดยสรุปแล้ว ในแต่ละเดือน เธอออมเงินประมาณ 80% ของรายได้ เธอบอกว่าคนจะเก็บเงินได้ต้อง มีเป้าหมาย สำหรับเธอมีเป้าหมายอยากได้บ้าน ก็ต้องเก็บหอมรอมริบ เมื่อได้บ้านแล้ว เป้าหมายตอนนี้คือ ไม่อยากทำงานจนถึงวัยชรา ถ้าเป็นไปได้เธออยากเกษียณตัวเองตอนอายุ 40 ปี อยากมีความสุขตลอดชีวิต ต้องเตรียมไว้ให้หมด ไม่ต้องคิดเผื่อว่าใครจะมาดูแลเรา เราต้องเตรียมพร้อมไว้ด้วยตัวเอง สร้างอิสรภาพทาง การเงินด้วยตัวเอง“ทุกวันนี้พอมีบ้านก็จะรู้ว่าค่าใช้จ่ายเยอะมาก เราต้องทำบัญชีรายรับจ่าย ว่าซื้ออะไรไร เท่าไหร่ ออมเท่าไหร่ ใช้จ่ายอะไรบ้าง ทำรายละเอียดหมด ถ้าเป็นของฟุ่มเฟือย แบรนด์เนมก็ตัดหมด แต่ก็ ไม่ลืมให้รางวัลตัวเองด้วยการไปเที่ยวต่างประเทศ ปีละ 2 ครั้ง”


เธอบอกว่าทุกวันนี้โชคดีที่ไม่มีภาระเรื่องหนี้ ไม่มีใครมาก่อหนี้ให้ จึงใช้ชีวิตเก็บออมได้อย่างสบาย เธอย้ำว่าชีวิตนี้เธอไม่อยากเป็นหนี้ ถ้าเป็นหนี้แล้วจะเครียด ฉะนั้นอะไรที่เป็นหนี้ ต้องจัดการก่อนเลย พยายามบอกตัวเองว่าอยากได้อะไรต้องซื้อเงินสด เพราะไม่อยากเสียดอกเบี้ย พัชรศรีให้ข้อคิดทิ้งท้ายว่า การออมไม่มีโทษ มีแต่ทำให้เงินเพิ่มขึ้นๆ ทุกคนสามารถออมได้ ไม่ว่าจะ เงินเดือนเท่าไหร่ก็ตาม เรื่องการออมนั้น ต้องบอกใจสำคัญมากที่สุด ต้องจัดระเบียบการใช้จ่ายให้ดี ต้องมี วินัยมาก และตัดใจกิเลสทุกอย่างจึงจะออมอย่างประสบความสำเร็จ


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม รายวิชาเศรษฐศาสตร์ รหัสวิชา ส22102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 การออมและการลงทุน เวลาเรียน 4 ชั่วโมง เรื่อง การออมอย่างมีประสิทธิภาพ เวลาเรียน 1 ชั่วโมง โรงเรียนมัธยมเทศบาล 6 นครอุดรธานี วันที่.................................................... ผู้สอน นายภูริทัต ศรีสุนาครัว --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. มาตรฐานการเรียนรู้ ส 3.1 เข้าใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากรในการผลิตและการบริโภคการใช้ ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัด ได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า รวมทั้งเข้าใจหลักการของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อการดำรงชีวิตอย่างมีดุลยภาพ 2.สาระสำคัญ ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการออมมีหลายประการ การออมมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ 3.ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ตัวชี้วัด ส 3.1 ม.2/1 วิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อการลงทุนและการออม 3.2 จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายการบริหารจัดการเงินออมของภาคครัวเรือนได้(K) 2) เขียนเป้าหมายของการออมได้(P) 3) เห็นคุณค่าของการออมได้(A) 4.สาระการเรียนรู้ 1) การบริหารจัดการเงินออมของภาคครัวเรือน 2) ปัจจัยของการออม คือ อัตราดอกเบี้ย รวมทั้งปัจจัยอื่นๆ เช่น ค่าของเงิน เทคโนโลยี การคาดเดา เกี่ยวกับอนาคต 3) ปัญหาของการออมในสังคมไทย


5.สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1) ทักษะการรวบรวมข้อมูล 2) ทักษะการวิเคราะห์ 3) ทักษะการสร้างความรู้ 6.คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 7.กิจกรรมการเรียนรู้ วิธีสอนโดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ : เทคนิคการต่อเรื่องราว (Jigsaw) ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูให้นักเรียนเล่าประสบการณ์ของนักเรียนเกี่ยวกับการออม และผลที่ได้รับ หรือยกตัวอย่างบุคคลที่ นักเรียนรู้จักที่แสดงว่าเป็นผู้ที่เป็นแบบอย่างที่ดีของการออม 2. นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นถึงผลดีที่ได้รับจากการออม ขั้นสอน 1. ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจในเรื่องต่อไปนี้ 1) เป้าหมายของการออม 2) การบริหารจัดการเงินออมของภาคครัวเรือน 3) หลักเกณฑ์ที่ควรพิจารณาในการออม 4) ปัญหาการออมในสังคมไทย 2. นักเรียนกลุ่มเดิม ซึ่งมีความสามารถคละกัน คือ เก่ง ปานกลางค่อนข้างเก่ง ปานกลางค่อนข้างอ่อน และอ่อน เลือกหมายเลขประจำตัว 1-4 ตามลำดับ เรียกกลุ่มนี้ว่า กลุ่มบ้าน 3. สมาชิกกลุ่มบ้านแต่ละหมายเลขแยกย้ายกันไปเข้ากลุ่มใหม่ ซึ่งมีหมายเลขเดียวกัน เรียกกลุ่มนี้ว่า กลุ่ม ผู้เชี่ยวชาญ ดังแผนผังต่อไปนี้ 4 4 4 4 3 3 3 3


ในกรณีที่นักเรียนในห้องเรียนมีจำนวนมาก กลุ่มหมายเลข 1, 2, 3, 4 อาจซ้ำกัน เช่น หมายเลข 1 อาจมี 2-3 กลุ่ม หมายเลข 2 อาจมี 2-3 กลุ่ม หมายเลข 3 อาจมี 2-3 กลุ่ม หมายเลข 4 อาจมี 2-3 กลุ่ม ก็ได้ 4. นักเรียนกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ แต่ละหมายเลขจะช่วยกันทำใบงาน ดังนี้ - กลุ่มผู้เชี่ยวชาญหมายเลข 1 ทำใบงานที่ 1.2 เรื่อง เป้าหมายของการออม - กลุ่มผู้เชี่ยวชาญหมายเลข 2 ทำใบงานที่ 1.3 เรื่อง การบริหารจัดการเงินออมของภาคครัวเรือน - กลุ่มผู้เชี่ยวชาญหมายเลข 3 ทำใบงานที่ 1.4 เรื่อง หลักเกณฑ์ที่ควรพิจารณาในการออม - กลุ่มผู้เชี่ยวชาญหมายเลข 4 ทำใบงานที่ 1.5 เรื่อง ปัญหาการออมในสังคมไทย 5. สมาชิกกลุ่มผู้เชี่ยวชาญผลัดกันอภิปรายสร้างความกระจ่างชัดเจนในใบงานที่ร่วมกันทำ จากนั้นแยกย้ายกัน กลับเข้าสู่กลุ่มบ้าน และผลัดกันอภิปรายความรู้ที่ได้จากการทำใบงานที่ตนได้รับมอบหมายให้สมาชิกในกลุ่มบ้าน ฟัง จนสมาชิก ทุกคนมีความเข้าใจชัดเจน 6. ครูสุ่มเรียกตัวแทนนักเรียนแต่ละกลุ่ม ตอบคำถามตามหัวข้อในใบงานที่ 1.2-1.5 เพื่อเป็นการตรวจสอบ ความรู้ของนักเรียน 7. ครูให้นักเรียนแต่ละคนทำกิจกรรมฝึกทักษะ : กิจกรรมที่ 3-4 จากแบบวัดฯ เป็นการบ้าน พร้อม กำหนดเวลาส่ง 8. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด ข้อ 1-3 คำถามกระตุ้นความคิด 1. การออมเงินเพื่อประโยชน์ระยะยาวมีความสำคัญอย่างไร (เป็นการสร้างความมั่นคงของชีวิต) 2. ปัจจุบันนี้มีปัญหาเกี่ยวกับการออมของคนไทยอย่างไรบ้าง (รายได้ต่ำขาดความรู้เรื่องการออมดอกเบี้ยต่ำไม่จูงใจการออม ฯลฯ) ขั้นสรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเป้าหมายของการออม การบริหารจัดการเงินออมของภาคครัวเรือน หลักเกณฑ์ ที่ควรพิจารณาในการออม และปัญหาการออมในสังคมไทย


8.การวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 1.2 ใบงานที่ 1.2 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 1.3 ใบงานที่ 1.3 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 1.4 ใบงานที่ 1.4 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 1.5 ใบงานที่ 1.5 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตความมีวินัย และใฝ่เรียนรู้ แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 9.สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 9.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียน เศรษฐศาสตร์ ม.2 2) แบบวัดและบันทึกผลการเรียนรู้ เศรษฐศาสตร์ ม.2 3) หนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม 4) ใบงานที่ 1.2 เรื่อง เป้าหมายของการออม 5) ใบงานที่ 1.3 เรื่อง การบริหารจัดการเงินออมของภาคครัวเรือน 6) ใบงานที่ 1.4 เรื่อง หลักเกณฑ์ที่ควรพิจารณาในการออม 7) ใบงานที่ 1.5 เรื่อง ปัญหาการออมในสังคมไทย 9.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม รายวิชาเศรษฐศาสตร์ รหัสวิชา ส22102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 การออมและการลงทุน เวลาเรียน 4 ชั่วโมง เรื่อง ความสำคัญและแหล่งที่มาของการลงทุน เวลาเรียน 1 ชั่วโมง โรงเรียนมัธยมเทศบาล 6 นครอุดรธานี วันที่.................................................... ผู้สอน นายภูริทัต ศรีสุนาครัว --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. มาตรฐานการเรียนรู้ ส 3.1 เข้าใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากรในการผลิตและการบริโภคการใช้ ทรัพยากรที่มีอยู่ จำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า รวมทั้งเข้าใจหลักการของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อการดำรงชีวิตอย่างมี ดุลยภาพ 2.สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การลงทุนก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ออม ธุรกิจ และเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งมีแหล่งที่มาของเงินทุน หลายแหล่ง 3.ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ตัวชี้วัด ส 3.1 ม.2/1 วิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อการลงทุนและการออม 3.2 จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายความหมายและความสำคัญของการลงทุนที่มีผลต่อระบบเศรษฐกิจได้(K) 2) สามรเขียนที่มาของแหล่งเงินทุนได้(P) 3) เห็นความสำคัญของระบบเศรษฐกิจของประเทศ (A) 4.สาระการเรียนรู้ - ความหมายและความสำคัญของการลงทุนต่อระบบเศรษฐกิจ 5.สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน - ทักษะการวิเคราะห์


6.คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 7.กิจกรรมการเรียนรู้ วิธีสอนโดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ : เทคนิคคู่คิดสี่สหาย ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูนำภาพต่างๆ ที่แสดงถึงการลงทุน มาให้นักเรียนดู และให้นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์ตามประเด็นที่ครูกำหนด ดังนี้ - การประกอบกิจการต่างๆ ในภาพนั้น นักลงทุนจะนำเงินทุนมาจากที่ใด - ถ้าธุรกิจในภาพนั้น ประสบความสำเร็จ จะส่งผลดีต่อประเทศชาติอย่างไร 2. ครูอธิบายเชื่อมโยงให้นักเรียนเห็นความสำคัญของการลงทุนที่มีผลต่อการพัฒนาประเทศ 3. ครูให้นักเรียนแต่ละคนทำกิจกรรมตามตัวชี้วัด : กิจกรรมที่ 1.5 จากแบบวัดฯ เป็นการบ้าน พร้อมกำหนดวัน และเวลาส่ง ขั้นที่ 2 แสวงหาความรู้ใหม่ 6. แหล่งข้อมูลสารสนเทศ 1. นักเรียนกลุ่มเดิม จับคู่กันเป็น 2 คู่ แล้วให้แต่ละคู่ศึกษาความรู้ และทำใบงานที่กำหนดให้ ดังนี้ - คู่ที่ 1 ศึกษาความรู้เรื่อง ความสำคัญของการลงทุน และ ทำใบงานที่ 1.6 เรื่อง ความสำคัญของการลงทุน - คู่ที่ 2 ศึกษาความรู้เรื่อง แหล่งที่มาของเงินลงทุน และ ทำใบงานที่ 1.7 เรื่อง แหล่งที่มาของเงินทุน 2. นักเรียนแต่ละคู่ช่วยกันตรวจสอบความถูกต้องของใบงาน แล้วนำมาอธิบายให้เพื่อนอีกคู่หนึ่งในกลุ่มของตนเอง ฟัง โดยผลัดกันอธิบายและให้สมาชิกซักถามข้อสงสัย หรือช่วยกันเสนอแนะเพิ่มเติมตามความเหมาะสม 1. ครูให้ตัวแทนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน กลุ่มละ 1 เรื่อง และให้กลุ่มอื่นเสนอแนะ หรือแสดง ความคิดเห็นเพิ่มเติมในส่วนที่แตกต่างกัน ครูตรวจสอบความถูกต้อง 2. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด คำถามกระตุ้นความคิด - นักเรียนคิดว่า ถ้ามีผู้มาลงทุนในธุรกิจต่างๆ ในประเทศไทยอย่างหลากหลายประเภทจะส่งผลดี อย่างไร (1. ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทน 2. ธุรกิจขยายตัวได้อย่างกว้างขวาง


3. รัฐบาลมีรายได้มาพัฒนาประเทศ 4. ประชาชนมีงานทำ ฯลฯ นักเรียนอาจตอบเป็นอย่างอื่น ให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน) ขั้นสรุป ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปความสำคัญของการลงทุน และแหล่งที่มาของเงินลงทุน 8.การวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 1.6 ใบงานที่ 1.6 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 1.7 ใบงานที่ 1.7 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ประเมินการนำเสนอผลงาน แบบประเมินการนำเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตความมีวินัย และใฝ่เรียนรู้ แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 9.สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 9.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียน เศรษฐศาสตร์ ม.2 2) แบบวัดและบันทึกผลการเรียนรู้ เศรษฐศาสตร์ ม.2 3) หนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม 4) บัตรภาพ 5) ใบงานที่ 1.6 เรื่อง ความสำคัญของการลงทุน 6) ใบงานที่ 1.7 เรื่อง แหล่งที่มาของเงินทุน 9.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต


บัตรภาพ ภาพโรงงานอุตสาหกรรม ภาพสวนผลไม้ ภาพเรือประมง ภาพรถยนต์นักท่องเที่ยว ภาพร้านขายของประเภทต่างๆ ภาพการคมนาคมทางอากาศ


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม รายวิชาเศรษฐศาสตร์ รหัสวิชา ส22102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 การออมและการลงทุน เวลาเรียน 4 ชั่วโมง เรื่อง การลงทุน เวลาเรียน 1 ชั่วโมง โรงเรียนมัธยมเทศบาล 6 นครอุดรธานี วันที่.................................................... ผู้สอน นายภูริทัต ศรีสุนาครัว --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. มาตรฐานการเรียนรู้ ส 3.1 เข้าใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากรในการผลิตและการบริโภคการใช้ ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัด ได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า รวมทั้งเข้าใจหลักการของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อการดำรงชีวิตอย่างมีดุลยภาพ 2.สาระสำคัญ ในการลงทุน ผู้ลงทุนจะต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการลงทุน และต้องบริหารจัดการการลงทุนอย่าง เหมาะสม ซึ่งปัจจุบันยังมีปัญหาการลงทุนในประเทศไทยหลายประการ 3.ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ตัวชี้วัด ส 3.1 ม.2/1 วิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อการลงทุนและการออม 3.2 จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายการบริหารจัดการเงินลงทุนภาคครัวเรือนได้(K) 2) เขียนปัจจัยที่มีผลต่อการลงทุนได้(P) 3) เห็นความสำคัญของการลงทุนในสังคมไทย (A) 4.สาระการเรียนรู้ 1) การบริหารจัดการการลงทุนภาคครัวเรือน 2) ปัจจัยของการลงทุน คือ อัตราดอกเบี้ย รวมทั้งปัจจัยอื่นๆ เช่น ค่าของเงิน เทคโนโลยี การคาดเดาเกี่ยวกับอนาคต 3) ปัญหาของการลงทุนในสังคมไทย


5.สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถการคิด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 6.คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 7.กิจกรรมการเรียนรู้ วิธีสอนแบบ สืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E) ขั้นที่ 1 กระตุ้นความสนใจ 1. ครูนำภาพเกี่ยวกับธุรกิจลงทุนต่างๆ มาให้นักเรียนดู เช่น - คอนโดมิเนียม บ้านจัดสรร - การค้าทองคำ - การซื้อพันธบัตรรัฐบาล - โรงงานอุตสาหกรรม 2. ครูให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นว่า การลงทุนดังกล่าวมีข้อดีและข้อเสียอย่างไร 3. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด คำถามกระตุ้นความคิด - นักเรียนคิดว่า ใครมีความสำคัญที่จะทำให้ชาวต่างชาติมาลงทุนในประเทศไทยจงยกตัวอย่าง ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา 1. ครูให้นักเรียนกลุ่มเดิม ร่วมมือกันสืบค้นข้อมูลดังต่อไปนี้ 1) ประเภทของการลงทุน 2) หลักเกณฑ์ที่ควรคำนึงในการลงทุน 3) ปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดการลงทุน 4) การบริหารจัดการการลงทุนในภาคครัวเรือน 5) ปัญหาของการลงทุนในประเทศไทย 2. นักเรียนบันทึกความรู้ที่ได้สืบค้นลงในแบบบันทึกการอ่าน


ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มนำความรู้ที่ได้จากการศึกษามาร่วมกันอธิบายความรู้ในประเด็นสำคัญ ขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ 1.สมาชิกแต่ละกลุ่มจับคู่กัน แล้วแบ่งหน้าที่กันทำใบงานที่ 1.8 เรื่อง การลงทุน โดยให้สมาชิกแต่ละคู่เลือกทำใบ งาน คู่ละ 1-2 ตอน ตามความสมัครใจ 2.สมาชิกแต่ละคู่ผลัดกันอธิบายถึงผลงานของตนให้สมาชิกอีกคู่หนึ่งในกลุ่มฟัง ผลัดกันซักถามข้อสงสัยจนมีความ เข้าใจกระจ่างชัดเจน แล้วร่วมมือกันตรวจสอบความถูกต้องของ ใบงาน 3. ตัวแทนของแต่ละกลุ่มผลัดกันนำเสนอผลงานในใบงานที่ 1.8 หน้าชั้นเรียน กลุ่มละ 1 ตอน หรือ 2 ตอน ตาม ความเหมาะสม 4. ครูให้นักเรียนแต่ละคนทำกิจกรรมตามตัวชี้วัด : กิจกรรมที่ 1.6-1.8 จากแบบวัดฯ เป็นการบ้าน พร้อมกำหนด วันและเวลาส่ง 5. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด คำถามกระตุ้นความคิด 1. การออมมีความสัมพันธ์กับการลงทุนอย่างไร (เมื่อเรารู้จักเก็บสะสมเงินทีละน้อยก็ย่อมนำไปฝากธนาคารได้ดอกเบี้ยเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง) ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล สื่อการเรียนรู้ : ใบงานที่ 1.8 ครูประเมินความรู้ความเข้าใจของนักเรียนจากการตรวจสอบใบงานที่ 1.8 และสังเกตพฤติกรรมการทำงาน กลุ่ม จากการร่วมมือกันสรุปความรู้ ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มจัดทำแผ่นพับ เรื่อง ปัจจัยที่มีผลต่อการลงทุนและการออม โดยให้ ครอบคลุมประเด็นตามที่กำหนด ดังนี้ 1) การวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อการออม 2) การวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อการลงทุน 3) การอธิบายความสำคัญของการลงทุนและการออม นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน


8. การวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 1.8 ใบงานที่ 1.8 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบบันทึกการอ่าน แบบบันทึกการอ่าน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ประเมินการนำเสนอผลงาน แบบประเมินการนำเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตความมีวินัย และใฝ่เรียนรู้ แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแผ่นพับ เรื่อง ปัจจัยที่มีผลต่อการลงทุนและ การออม แบบประเมินแผ่นพับ เรื่อง ปัจจัยที่มีผลต่อการ ลงทุนและการออม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 9.สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 9.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียน เศรษฐศาสตร์ ม.2 2) แบบวัดและบันทึกผลการเรียนรู้ เศรษฐศาสตร์ ม.2 3) หนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม 4) บัตรภาพ 5) ใบงานที่ 1.8 เรื่อง การลงทุน 9.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ


ชื่อ-สกุล/กลุ่ม............................................................................................................ชั้น................เลขที่..................... . การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน แบบประเมินแผ่นพับ เรื่อง ปัจจัยที่มีผลต่อการลงทุนและการออม ลำดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 4 3 2 1 1 การวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อการออม 2 การวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อการลงทุน 3 การอธิบายความสำคัญของการลงทุนและการออม รวม ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ................ /................ /................ เกณฑ์การให้คะแนน ดีมาก = 4 คะแนน เกณฑ์การตดัสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 11 - 12 ดีมาก 9 - 10 ดี 6 - 8 พอใช้ ต ่ากว่า 6 ปรับปรุง


ดี = 3 คะแนน พอใช้ = 2 คะแนน ปรับปรุง = 1 คะแนน


บัตรภาพ ภาพคอนโดมิเนียม ภาพการค้าทองคำ ภาพการซื้อพันธบัตรรัฐบาล ภาพโรงงานอุตสาหกรรม


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม รายวิชาเศรษฐศาสตร์ รหัสวิชา ส22102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การผลิตสินค้าและบริการ เวลาเรียน 4 ชั่วโมง เรื่อง ขั้นตอนการผลิตสินค้า เวลาเรียน 1 ชั่วโมง โรงเรียนมัธยมเทศบาล 6 นครอุดรธานี วันที่.................................................... ผู้สอน นายภูริทัต ศรีสุนาครัว --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. มาตรฐานการเรียนรู้ ส 3.1 เข้าใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากรในการผลิตและการบริโภคการใช้ ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัด ได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า รวมทั้งเข้าใจหลักการของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อการดำรงชีวิตอย่างมีดุลยภาพ 2.สาระสำคัญ การผลิตสินค้าและบริการอย่างมีประสิทธิภาพนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับปัจจัยการผลิต 3.ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ตัวชี้วัด ส 3.1 ม.2/2 อธิบายปัจจัยการผลิตสินค้าและบริการ และปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการผลิตสินค้าและ บริการ 3.2 จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายความหมาย ความสำคัญ และขั้นตอนของการผลิตสินค้าและบริการได้(K) 2) สามารถรู้วิธีปฎิบัติตามขั้นตอนการผลิตสินค้าและบริการได้ (P) 3) เห็นความสำคัญของการผลิตสินค้าและบริการ (A) 4.สาระการเรียนรู้ - ความหมาย ความสำคัญ และหลักการผลิตสินค้าและบริการอย่างมีประสิทธิภาพ 5.สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน - ความสามารถในการสื่อสาร - ความสามารถในการคิด - ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต


6.คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ วิธีสอนแบบ สืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E) นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน ขั้นที่ 1 กระตุ้นความสนใจ 1. ครูนำภาพต่อไปนี้ มาให้นักเรียนดู แล้วให้ช่วยกันวิเคราะห์ความแตกต่าง ได้แก่ - ภาพชาวนากำลังใช้ควายไถนา - ภาพคนนั่งรถเมล์โดยสาร - ภาพคนกำลังเดินซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า - ภาพโรงสีข้าว 2.ครูอธิบายเชื่อมโยงให้นักเรียนเข้าใจว่า ภาพต่างๆ นั้น เป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการผลิตสินค้าและบริการ ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา ครูให้นักเรียนรวมกลุ่ม ตามความสมัครใจ กลุ่มละ 4-5 คน แล้วให้แต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาความรู้เกี่ยวกับการผลิต สินค้าและบริการ ในหัวข้อต่อไปนี้ 1) ความหมาย ความสำคัญของการผลิตสินค้าและบริการ 2) ขั้นตอนการผลิตสินค้าและบริการ ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ 1.สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มนำความรู้ที่ได้จากการศึกษามาเล่าให้สมาชิกในกลุ่มฟังเรียงตามลำดับทีละคน และผลัด กันอธิบายร่วมกันในประเด็นสำคัญ


2.ครูสุ่มตัวแทนกลุ่มอธิบายสาระสำคัญเกี่ยวกับความหมาย ความสำคัญ และขั้นตอนการผลิตสินค้าและบริการ หน้าชั้นเรียนครูตรวจสอบความถูกต้อง 3.นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด คำถามกระตุ้นความคิด -การผลิตขั้นปฐมภูมิ กับขั้นทุติยภูมิมีความแตกต่างกันอย่างไร (การผลิตขั้นปฐมภูมิอาศัยทรัพยากรธรรมชาติเป็นหลักการผลิตขั้นทุติยภูมิอาศัยวัตถุดิบและเครื่องจักรกลที่มี ความซับซ้อนมากขึ้น) ขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ 1. สมาชิกแต่ละคนนำความรู้ที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าและการอภิปรายความรู้ร่วมกันมาเป็นพื้นฐานในการทำใบ งานที่ 2.1 เรื่อง ขั้นตอนการผลิต 2. ครูให้นักเรียนแต่ละคนทำกิจกรรมตามตัวชี้วัด : กิจกรรมที่ 2.1-2.2 จากแบบวัดฯ เป็นการบ้าน พร้อมกำหนด วันและเวลาส่ง ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล ครูเฉลยคำตอบในใบงานที่ 2.1 ตอนที่ 1 แล้วให้นักเรียนแต่ละกลุ่มผลัดกันตรวจสอบความถูกต้องของใบงาน และให้นักเรียนผลัดกันนำเสนอคำตอบในใบงาน ตอนที่ 2 8.การวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 (ประเมินตามสภาพจริง) ตรวจใบงานที่ 2.1 ใบงานที่ 2.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ประเมินการนำเสนอผลงาน แบบประเมินการนำเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์


9.สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 9.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียน เศรษฐศาสตร์ ม.2 2) แบบวัดและบันทึกผลการเรียนรู้ เศรษฐศาสตร์ ม.2 3) หนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม 4) บัตรภาพ 5) ใบงานที่ 2.1 เรื่อง ขั้นตอนการผลิต 9.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ 3) แหล่งข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต


บัตรภาพ ภาพชาวนากำลังใช้ควายไถนา ภาพคนนั่งรถประจำทาง ภาพคนกำลังซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า ภาพโรงสีข้าว


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม รายวิชาเศรษฐศาสตร์ รหัสวิชา ส22102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การผลิตสินค้าและบริการ เวลาเรียน 4 ชั่วโมง เรื่อง ปัจจัยในการผลิต เวลาเรียน 1 ชั่วโมง โรงเรียนมัธยมเทศบาล 6 นครอุดรธานี วันที่.................................................... ผู้สอน นายภูริทัต ศรีสุนาครัว --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. มาตรฐานการเรียนรู้ ส 3.1 เข้าใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากรในการผลิตและการบริโภคการใช้ ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัด ได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า รวมทั้งเข้าใจหลักการของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อการดำรงชีวิตอย่างมีดุลยภาพ 2.สาระสำคัญ การผลิตสินค้าและบริการอย่างมีประสิทธิภาพนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับปัจจัยการผลิต 3.ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ตัวชี้วัด ส 3.1 ม.2/2 อธิบายปัจจัยการผลิตสินค้าและบริการและปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการผลิตสินค้าและ บริการ 3.2 จุดประสงค์การเรียนรู้ - อธิบายปัจจัยการผลิตสินค้าและบริการอย่างมีประสิทธิภาพได้(K) - สามารถเขียนปัจจัยการผลิตได้ (P) - เห็นความสำคัญของปัจจัยการผลิต (A) 4.สาระการเรียนรู้ - ความหมาย ความสำคัญ และหลักการผลิตสินค้าและบริการอย่างมีประสิทธิภาพ 5.สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน - ความสามารถในการสื่อสาร - ความสามารถในการคิด - ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต


6.คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 7.กิจกรรมการเรียนรู้ วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการสร้างความตระหนัก ขั้นที่ 1 สังเกต 1.ครูนำภาพโรงงานอุตสาหกรรมที่กำลังผลิตสินค้าแล้วให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัย สำคัญในการผลิตของโรงงานนั้น 2. ครูอธิบายเชื่อมโยงให้นักเรียนรู้ถึงปัจจัยสำคัญในการผลิตซึ่งประกอบด้วย ที่ดิน แรงงาน ทุน ผู้ประกอบการ และให้นักเรียนศึกษาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยในการผลิตจากหนังสือเรียนและหนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม ขั้นที่ 2 วิเคราะห์วิจารณ์ 1.ครูให้นักเรียนกลุ่มเดิมจับคู่กันแล้วร่วมกันวิเคราะห์กรณีศึกษาที่ 1 และ 2 ในใบงานที่ 2.2 เรื่อง ปัจจัยในการ ผลิต โดยให้วิเคราะห์และตอบคำถาม คู่ละ 1 กรณีตัวอย่าง 2.สมาชิกแต่ละคู่ผลัดกันเล่าผลงานที่คู่ของตนรับผิดชอบให้สมาชิกอีกคู่หนึ่งฟัง แล้วร่วมกันสรุปเป็นผลงานของ กลุ่ม 3. ตัวแทนกลุ่มนำเสนอผลงานในใบงานที่ 2.2 กลุ่มละ 1 กรณีตัวอย่าง ประมาณ 3-4 กลุ่ม แล้วให้กลุ่มอื่นที่มี ผลงานแตกต่างกันได้นำเสนอเพิ่มเติม ครูตรวจสอบความถูกต้อง ขั้นที่ 3 สรุป 1.นักเรียนช่วยกันสรุปปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการผลิตให้ได้ผลตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ 2.ครูมอบหมายให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาความรู้เพิ่มเติม เรื่อง ลักษณะการผลิตสินค้าและบริการของภาคต่างๆ ของไทย จากหนังสือเรียน หนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม ห้องสมุด และแหล่งข้อมูลสารสนเทศ แล้วยกตัวอย่างการผลิต สินค้าและบริการในภาคต่างๆ ของไทยที่นักเรียนสนใจเพื่อนำเสนอข้อมูลหน้าชั้นเรียนในชั่วโมงต่อไป โดยบันทึก ความรู้ที่ได้จากการศึกษาลงในแบบบันทึกการอ่าน


8.การวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 2.2 ใบงานที่ 2.2 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบบันทึกการอ่าน แบบบันทึกการอ่าน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ประเมินการนำเสนอผลงาน แบบประเมินการนำเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 9.สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 9.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียน เศรษฐศาสตร์ ม.2 2) แบบวัดและบันทึกผลการเรียนรู้ เศรษฐศาสตร์ ม.2 3) หนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม 4) บัตรภาพ 5) ใบงานที่ 2.2 เรื่อง ปัจจัยในการผลิต 9.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ 3) แหล่งข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต


บัตรภาพ ภาพโรงงานผลิตรถยนต์ ภาพร้านตัดเย็บเสื้อผ้า ภาพการผลิตผลไม้กระป๋อง ภาพโรงงานปั้นโอ่ง ภาพโรงงานทอผ้า ภาพการผลิตขนมปัง


Click to View FlipBook Version