The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รวมไฟล์หลักสูตร ฉบับปรับปรุง 2566 ปรับส่งเขต

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by krusarapee2562, 2023-09-12 04:18:27

รวมไฟล์หลักสูตร ฉบับปรับปรุง 2566 ปรับส่งเขต

รวมไฟล์หลักสูตร ฉบับปรับปรุง 2566 ปรับส่งเขต

๙๖ รหัสตัวชี้วัด ต ๑.๑ ป.๖/๑ , ป.๖/๒ , ป.๖/๓ , ป.๖/๔ ต ๑.๒ ป.๖/๑ , ป.๖/๒ , ป.๖/๓ , ป.๖/๔ , ป.๖/๕ ต ๑.๓ ป.๖/๑ , ป.๖/๒ , ป.๖/๓ ต ๒.๑ ป.๖/๑ , ป.๖/๒ , ป.๖/๓ ต ๒.๒ ป.๖/๑ , ป.๖/๒ ต ๓.๑ ป.๖/๑ ต ๔.๑ ป.๖/๑ ต ๔.๒ ป.๖/๑ รวมทั้งหมด ๒๐ ตัวชี้วัด


๙๗ ค ำอธิบำยรำยวิชำ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ รำยวิชำเพิ่มเติมภำษำอังกฤษเพื่อกำรสื่อสำร


๙๘ ค ำอธิบำยรำยวิชำเพิ่มเติม อ๑๑๒๐๑ ภำษำอังกฤษเพื่อกำรสื่อสำร กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ ชั้นประถมศึกษำปีที่ ๑ เวลำ ๘๐ ชั่วโมง เข้าใจค าสั่งและใช้ค าสั่งในห้องเรียน ค าขอร้อง ตัวอักษร เสียงตัวอักษร สระ การสะกดค า การอ่านออกเสียง ค า กลุ่มค า ประโยคที่มีความหมายสัมพันธ์กับสิ่งต่างๆใกล้ตัว อาหาร เครื่องดื่ม บทอ่าน บทสนทนาด้วยภาษาง่ายๆ ประโยค นิทานง่ายๆ ที่มีภาพประกอบ การเล่านิทานประกอบ ท่าทาง ให้ข้อมูลและความต้องการเกี่ยวกับตนเองสั้นๆ เช่น การพูดแนะน าตนเอง ขอบคุณ ขอโทษ เรียน รู้ค าศัพท์เกี่ยวกับเทศกาล ขนบธรรมเนียม ประเพณีเทศกาล งานฉลอง การร้องเพลง เห็นประโยชน์ ในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ โดยสนใจเข้าร่วมกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรม และแสวงหาความรู้ ความเพลิดเพลินจากภาษาอังกฤษ เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และ น าความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจ าวัน โดยใช้กระบวนการอ่าน การฟัง การพูด สนทนา เปรียบเทียบ การอธิบายและน าเสนออย่างมี เหตุผล เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มีวินัย ใฝ่เรียนรู้มุ่งมั่นในการท างาน เห็นคุณค่า ในการเรียนภาษาอังกฤษ สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารได้อย่างเหมาะสม มีความภาคภูมิใจใน ศักดิ์ศรีของความเป็นไทยและมั่นใจในการติดต่อกับชาวต่างประเทศพร้อมทั้งการเรียนรู้การท างานร่วมกับ ผู้อื่นอย่างมีความสุข ผลกำรเรียนรู้ ๑. เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็นอย่าง มีเหตุผล ๒. มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และ ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ ๓. น าเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูดและ เขียน รวมจ ำนวน ๓ ผลกำรเรียนรู้


๙๙ ค ำอธิบำยรำยวิชำเพิ่มเติม อ๑๑๒๐๑ ภำษำอังกฤษเพื่อกำรสื่อสำร กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ ชั้นประถมศึกษำปีที่ ๒ เวลำ ๘๐ ชั่วโมง ใช้ค าสั่งที่ใช้ในห้องเรียน ตัวอักษร เสียงตัวอักษร สระ การสะกดค า การอ่านออกเสียงค า กลุ่มค า บทอ่าน บทสนทนา ประโยค ให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง ประโยค บทอ่าน บทสนทนา ประโยค ให้ข้อมูล เกี่ยวกับตนเอง ข้อความที่ใช้ในการพูดให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง และเรื่องใกล้ตัว ค า ที่มีความหมายสัมพันธ์ กับสิ่งต่างๆใกล้ตัว อาหาร เครื่องดื่ม วัฒนธรรมเจ้าของภาษาแสดงกิริยา การขอบคุณ ขอโทษ การพูด แนะน าตนเอง กิจกรรมทางภาษาการร้องเพลง การใช้ภาษาในการฟัง พูด อ่าน ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นใน ห้องเรียนและนอกห้องเรียน โดยใช้กระบวนการอ่าน การฟัง การพูด สนทนา เปรียบเทียบ การอธิบายและน าเสนออย่างมี เหตุผล เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มีวินัย ใฝ่เรียนรู้มุ่งมั่นในการท างาน เห็นคุณค่า ในการเรียนภาษาอังกฤษ สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารได้อย่างเหมาะสม มีความภาคภูมิใจใน ศักดิ์ศรีของความเป็นไทยและมั่นใจในการติดต่อกับชาวต่างประเทศพร้อมทั้งการเรียนรู้การท างานร่วมกับ ผู้อื่นอย่างมีความสุข ผลกำรเรียนรู้ ๑. เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็นอย่าง มีเหตุผล ๒. มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และ ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ ๓. น าเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูดและ เขียน รวมจ ำนวน ๓ ผลกำรเรียนรู้


๑๐๐ ค ำอธิบำยรำยวิชำเพิ่มเติม อ๑๑๒๐๓ ภำษำอังกฤษเพื่อกำรสื่อสำร กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ ชั้นประถมศึกษำปีที่ ๓ เวลำ ๘๐ ชั่วโมง ปฏิบัติตามค าสั่ง ค าขอร้อง ฟัง และ อ่าน ตัวอักษร เสียงตัวอักษร สระ การสะกดค า การอ่าน ออกเสียงค า กลุ่มค า บทอ่าน บทสนทนา ประโยค ให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเองค า ประโยคบทอ่าน บทสนทนา ประโยค ให้ข้อมูล เกี่ยวกับตนเอง ข้อความที่ ใช้ในการพูดให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง และเรื่องใกล้ตัว ค า ที่มี ความหมายสัมพันธ์กับสิ่งต่างๆ ใกล้ตัว เวลา สถานที่ อาหาร เครื่องดื่ม วัฒนธรรมเจ้าของภาษาแสดง กิริยา การขอบคุณ ขอโทษ การพูดแนะน าตนเอง กิจกรรมทางภาษาการร้องเพลง การใช้ภาษาในการฟัง พูด อ่านในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องเรียน โดยใช้กระบวนการอ่าน การฟัง การพูด สนทนา เปรียบเทียบ การอธิบายและน าเสนออย่างมี เหตุผล เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มีวินัย ใฝ่เรียนรู้มุ่งมั่นในการท างาน เห็นคุณค่า ในการเรียนภาษาอังกฤษ สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารได้อย่างเหมาะสม มีความภาคภูมิใจใน ศักดิ์ศรีของความเป็นไทยและมั่นใจในการติดต่อกับชาวต่างประเทศพร้อมทั้งการเรียนรู้การท างานร่วมกับ ผู้อื่นอย่างมีความสุข ผลกำรเรียนรู้ ๑. เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็นอย่าง มีเหตุผล ๒. มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และ ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ ๓. น าเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูดและ เขียน รวมจ ำนวน ๓ ผลกำรเรียนรู้


๑๐๑ ค ำอธิบำยรำยวิชำเพิ่มเติม อ๑๑๒๐๔ ภำษำอังกฤษเพื่อกำรสื่อสำร กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ ชั้นประถมศึกษำปีที่ ๔ เวลำ ๘๐ ชั่วโมง เข้าใจค าสั่ง ค าขอร้อง รูปประโยคและโครงสร้างประโยค ค า กลุ่มค า และ ประโยค การถ่ายโอน เป็นภาพ สัญลักษณ์ เรื่องราว บทอ่าน บทสนทนา เรื่องสั้น เรื่องเล่า นิทาน บทกลอนสั้นๆ การใช้ถ้อยค า ส านวนที่ใช้ในเทศกาล ในเรื่องเสียง สระ พยัญชนะ ค า วลีประโยค และ ข้อความที่ซับซ้อน ประโยคเดี่ยว และประโยคผสม อ่านออกเสียงค า กลุ่มค า ประโยค ข้อความ บทอ่านได้ถูกต้องตามหลักการออกเสียง และการใช้ถ้อยค า น้ าเสียง การพูด เขียน โต้ตอบในการสื่อสารระหว่างบุคคล ใช้ค าสั่ง ค าขอร้อง และให้ ค าแนะน า แสดงความ ต้องการ แสดงความรู้สึก ขอความช่วยเหลือ ตอบรับ และ ปฏิเสธ ในสถานการณ์ ง่ายๆ พูด เขียน เพื่อขอและให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เพื่อน ครอบครัว และเรื่องใกล้ตัวซึ่งอยู่ในท้องถิ่นของ ตนเอง โดยใช้กระบวนการอ่าน การฟัง การพูด สนทนา เปรียบเทียบ การอธิบายและน าเสนออย่างมี เหตุผล เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มีวินัย ใฝ่เรียนรู้มุ่งมั่นในการท างาน เห็นคุณค่า ในการเรียนภาษาอังกฤษ สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารได้อย่างเหมาะสม มีความภาคภูมิใจใน ศักดิ์ศรีของความเป็นไทยและมั่นใจในการติดต่อกับชาวต่างประเทศพร้อมทั้งการเรียนรู้การท างานร่วมกับ ผู้อื่นอย่างมีความสุข ผลกำรเรียนรู้ ๑. เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็นอย่าง มีเหตุผล ๒. มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และ ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ ๓. น าเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูดและ เขียน รวมจ ำนวน ๓ ผลกำรเรียนรู้


๑๐๒ ค ำอธิบำยรำยวิชำเพิ่มเติม อ๑๑๒๐๕ ภำษำอังกฤษเพื่อกำรสื่อสำร กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ ชั้นประถมศึกษำปีที่ ๕ เวลำ ๘๐ ชั่วโมง เข้าใจค าสั่ง ค าขอร้อง รูปประโยคและโครงสร้างประโยค ค า กลุ่มค า และ ประโยค การถ่ายโอน เป็นภาพ สัญลักษณ์เรื่องราว บทอ่าน บทสนทนา เรื่องสั้น เรื่องเล่า นิทาน บทกลอนสั้นๆ ประโยคเดี่ยว และประโยคผสม อ่านออกเสียงค า กลุ่มค า ประโยค ข้อความ บทอ่านได้ถูกต้องตามหลักการออกเสียง และการใช้ถ้อยค า น้ าเสียง การพูด เขียน โต้ตอบในการสื่อสารระหว่างบุคคล ใช้ค าสั่ง ค าขอร้อง และให้ ค าแนะน า แสดงความต้องการ แสดงความรู้สึก ขอความช่วยเหลือ ตอบรับ และ ปฏิเสธ ในสถานการณ์ ง่ายๆ พูด เขียน เพื่อขอและให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เพื่อน ครอบครัว และเรื่องใกล้ตัวซึ่งอยู่ในท้องถิ่นของ ตน มีทักษะการใช้ภาษาต่างประเทศ โดยใช้กระบวนการอ่าน การฟัง การพูด สนทนา เปรียบเทียบ การอธิบายและน าเสนออย่างมี เหตุผล เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มีวินัย ใฝ่เรียนรู้มุ่งมั่นในการท างาน เห็นคุณค่า ในการเรียนภาษาอังกฤษ สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารได้อย่างเหมาะสม มีความภาคภูมิใจใน ศักดิ์ศรีของความเป็นไทยและมั่นใจในการติดต่อกับชาวต่างประเทศพร้อมทั้งการเรียนรู้การท างานร่วมกับ ผู้อื่นอย่างมีความสุข ผลกำรเรียนรู้ ๑. เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็นอย่าง มีเหตุผล ๒. มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และ ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ ๓. น าเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูดและ เขียน รวมจ ำนวน ๓ ผลกำรเรียนรู้


๑๐๓ ค ำอธิบำยรำยวิชำเพิ่มเติม อ๑๑๒๐๖ ภำษำอังกฤษเพื่อกำรสื่อสำร กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ ชั้นประถมศึกษำปีที่ ๖ เวลำ ๘๐ ชั่วโมง เข้าใจค าสั่ง ค าขอร้อง รูปประโยคและโครงสร้างประโยค ค า กลุ่มค า และ ประโยค การถ่ายโอน เป็นภาพ สัญลักษณ์เรื่องราว บทอ่าน บทสนทนา เรื่องสั้น เรื่องเล่า นิทาน บทกลอนสั้นๆ การใช้ถ้อยค า ส านวนที่ใช้ในเทศกาลในเรื่องเสียง สระ พยัญชนะ ค า วลีประโยค และ ข้อความที่ซับซ้อน ประโยคเดี่ยว และ ประโยคผสมอ่านออกเสียงค า กลุ่มค า ประโยค ข้อความ บทอ่านได้ถูกต้องตามหลักการออกเสียง และการใช้ถ้อยค าน้ าเสียง การพูด เขียน โต้ตอบในการสื่อสารระหว่างบุคคล ใช้ค าสั่ง ค าขอร้อง และให้ ค าแนะน า แสดงความต้องการแสดงความรู้สึก ขอความช่วยเหลือ ตอบรับ และ ปฏิเสธ ในสถานการณ์ ง่ายๆ พูด เขียน เพื่อขอ และให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเองเพื่อน ครอบครัว และเรื่องใกล้ตัวซึ่งอยู่ในท้องถิ่นของ ตน มีทักษะการใช้ภาษาต่างประเทศ โดยใช้กระบวนการอ่าน การฟัง การพูด สนทนา เปรียบเทียบ การอธิบายและน าเสนออย่างมี เหตุผล เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มีวินัย ใฝ่เรียนรู้มุ่งมั่นในการท างาน เห็นคุณค่า ในการเรียนภาษาอังกฤษ สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารได้อย่างเหมาะสม มีความภาคภูมิใจใน ศักดิ์ศรีของความเป็นไทยและมั่นใจในการติดต่อกับชาวต่างประเทศพร้อมทั้งการเรียนรู้การท างานร่วมกับ ผู้อื่นอย่างมีความสุข ผลกำรเรียนรู้ ๑. เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็นอย่าง มีเหตุผล ๒. มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และ ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ ๓. น าเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูดและ เขียน รวมจ ำนวน ๓ ผลกำรเรียนรู้


๑๐๔ ค ำอธิบำยรำยวิชำ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ รำยวิชำเพิ่มเติมภำษำจีน


๑๐๕ ค ำอธิบำยรำยวิชำเพิ่มเติม จ๑๑๒๐๑ ภำษำจีน กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ ชั้นประถมศึกษำปีที่ ๑ เวลำ ๔๐ ชั่วโมง ปฏิบัติตามค าสั่งง่ายๆ ที่ฟัง ระบุสัทอักษรตามระบบพินอิน (拼音)อ่านออกเสียง และประสม เสียงค าง่ายๆ ตามหลักการออกเสียง ระบุภาพ หรือสัญลักษณ์ตรงตามความหมายของค า กลุ่มค า และ ประโยคจากการฟังหรืออ่าน ตอบค าถามจากการฟังหรือการอ่านประโยค บทสนทนา หรือนิทานง่ายๆ ที่มีภาพประกอบ พูดโต้ตอบด้วยค าสั้นๆ ง่ายๆ ในการสื่อสารระหว่าง บุคคล ใช้ค าสั่งง่ายๆ บอกความ ต้องการง่ายๆ ของตนเองตามแบบที่ฟัง พูดขอและให้ข้อมูลง่ายๆ เกี่ยวกับตนเอง และเรื่องใกล้ตัว เขียน อักษรจีน ค าศัพท์ง่ายๆ พูดและแสดงออกตามวัฒนธรรมของจีน บอกชื่อ และค าศัพท์เกี่ยวกับเทศกาล ส าคัญของจีน รู้จักหรือเข้าร่วมกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมของจีนที่เหมาะสมกับวัย ระบุตัวอักษร จีน สัทอักษรพินอิน(拼音pīnyīn) และตัวอักษรไทย บอกความเหมือนหรือความแตกต่างด้านวัฒนธรรม การทักทายของจีนและของไทย บอกค าศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น ฟังหรือพูดใน สถานการณ์ง่ายๆ ที่เกิดขึ้นในห้องเรียน ใช้ภาษาจีนเพื่อรวบรวมค าศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งใกล้ตัว เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ เกิดเจตคติที่ดีต่อภาษาจีน ตลอดจนวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และน าไปใช้ได้อย่างเหมาะสมตามกาลเทศะ เกิดความคิดรวบยอด น าไปสู่การเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่ม สาระการเรียนรู้อื่น มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์และมีค่านิยมหลักของคนไทย ๑๒ ประการ ผลกำรเรียนรู้ ๑. เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล ๒. มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และ ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ ๓. น าเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ โดยการพูดและการเขียน ๔. เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และน าไปใช้ได้อย่าง เหมาะสมกับกาลเทศะ ๕. เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับภาษา และวัฒนธรรมไทย และน ามาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ๖. ใช้ภาษาจีนในการเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และเป็นพื้นฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้และเปิดโลกทัศน์ของตน ๗. ใช้ภาษาต่างจีนในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม ๘. ใช้ภาษาจีนเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และการแลกเปลี่ยน เรียนรู้กับสังคมโลก รวมจ ำนวน ๘ ผลกำรเรียนรู้


๑๐๖ ค ำอธิบำยรำยวิชำเพิ่มเติม จ๑๒๒๐๑ ภำษำจีน กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ ชั้นประถมศึกษำปีที่ ๒ เวลำ ๔๐ ชั่วโมง ปฏิบัติตามค าสั่ง และค าขอร้องง่ายๆ ที่ฟัง ระบุสัทอักษรตามระบบพินอิน(拼音)อ่านออกเสียง ประสมเสียง อ่านอักษรจีน ค าศัพท์ และประโยคง่ายๆ ตามหลักการออกเสียง ระบุภาพ หรือสัญลักษณ์ ตรงตามความหมายของค า กลุ่มค า และประโยคจากการฟังหรือการอ่าน ตอบค าถามจากการฟังหรือการ อ่านประโยค บทสนทนาหรือนิทานง่ายๆ มีภาพประกอบ พูดโต้ตอบด้วยค าสั้นๆ ง่ายๆ ในการสื่อสาร ระหว่างบุคคล ใช้ค าสั่ง และค าขอร้องง่ายๆ บอกความต้องการง่ายๆ ของตนเอง พูดขอและให้ข้อมูลง่ายๆ เกี่ยวกับตนเองตามแบบที่ฟัง พูดให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง และเรื่อง ใกล้ตัว เขียนอักษรจีน ค าศัพท์ง่ายๆ พูดและแสดงออกตามวัฒนธรรมของจีน บอกชื่อ และค าศัพท์เกี่ยวกับเทศกาลส าคัญของจีน เข้าร่วม กิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมของจีน ที่เหมาะสมกับวัย ระบุตัวอักษรจีน ค า และความหมาย สัทอักษรพินอิน(拼音pīnyīn)และออกเสียงได้ถูกต้อง บอกความเหมือนหรือความแตกต่างด้าน วัฒนธรรมของจีนและของไทย บอกค าศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น ฟังหรือพูดใน สถานการณ์ง่ายๆ ที่เกิดขึ้นในห้องเรียน ใช้ภาษาจีนเพื่อรวบรวมค าศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งใกล้ตัว เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจเกิดเจตคติที่ดีต่อภาษาจีน ตลอดจนวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และน าไปใช้ได้อย่างเหมาะสมตามกาลเทศะ เกิดความคิดรวบยอด การเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการ เรียนรู้อื่น มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์และมีค่านิยมหลักของคนไทย ๑๒ ประการ ผลกำรเรียนรู้ ๑. เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล ๒. มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และ ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ ๓. น าเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ โดยการพูดและการเขียน ๔. เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และน าไปใช้ได้อย่าง เหมาะสมกับกาลเทศะ ๕. เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับภาษา และวัฒนธรรมไทย และน ามาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ๖. ใช้ภาษาจีนในการเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และเป็นพื้นฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้และเปิดโลกทัศน์ของตน ๗. ใช้ภาษาต่างจีนในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม ๘. ใช้ภาษาจีนเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และการแลกเปลี่ยน เรียนรู้กับสังคมโลก


๑๐๗ รวมจ ำนวน ๘ ผลกำรเรียนรู้ ค ำอธิบำยรำยวิชำเพิ่มเติม จ ๑๓๒๐๑ ภำษำจีน กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ ชั้นประถมศึกษำปีที่ ๓ เวลำ ๔๐ ชั่วโมง ปฏิบัติตามค าสั่ง และค าขอร้องที่ฟังหรืออ่าน ประสมเสียง อ่านออกเสียงค า กลุ่มค า ประโยค และบทฝึกออกเสียงง่ายๆ ตามหลักการออกเสียง ระบุภาพ หรือสัญลักษณ์ตรงตามความหมายของค า กลุ่มค า และประโยคจากการฟังหรือการอ่าน ตอบค าถามจากการฟังหรือการอ่านประโยค บทสนทนา หรือนิทานง่ายๆ ที่มีภาพประกอบ พูดโต้ตอบด้วยค าสั้นๆ ง่ายๆ ในการสื่อสารระหว่างบุคคล ใช้ค าสั่ง และค าขอร้องง่ายๆ บอกความต้องการง่ายๆ ของตนเอง พูดขอและให้ข้อมูลง่ายๆ เกี่ยวกับตนเองและสิ่ง ใกล้ตัว บอกความรู้สึกของตนเอง เกี่ยวกับสิ่งใกล้ตัว หรือกิจกรรมต่างๆ ตามแบบที่ฟัง พูดให้ข้อมูล เกี่ยวกับตนเอง และเรื่องใกล้ตัว เขียนให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเองง่ายๆ จัดหมวดหมู่ค าตามประเภทของ บุคคล สัตว์ และสิ่งของ ตามที่ฟังหรืออ่าน พูดและแสดงออกตามวัฒนธรรมของจีน บอกชื่อ ค าศัพท์ และความส าคัญอย่างสั้นๆเกี่ยวกับเทศกาลและวันส าคัญของจีน เข้าร่วมกิจกรรมทางภาษาและ วัฒนธรรมของจีนที่เหมาะสมกับวัย ระบุตัวอักษรจีน ค า กลุ่มค า และความหมายสัทอักษรพินอิน(拼 音pīnyīn)และออกเสียงได้ถูกต้อง บอกความเหมือนหรือความแตกต่างด้านวัฒนธรรมของจีนและ ของไทย บอกค าศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น ฟังหรือพูดในสถานการณ์ง่ายๆ ที่เกิดขึ้นใน ห้องเรียน ใช้ภาษาจีนเพื่อรวบรวมค าศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งใกล้ตัว เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ เกิดเจตคติที่ดีต่อภาษาจีน ตลอดจนวัฒนธรรม ของเจ้าของภาษา และน าไปใช้ได้อย่างเหมาะสมตามกาลเทศะ เกิดความคิดรวบยอด น าไปสู่การเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่ม สาระการเรียนรู้อื่น สามารถใช้ภาษาจีนเพื่อการเรียนรู้และการประกอบอาชีพในอนาคต มีคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ และมีค่านิยมหลักของคนไทย ๑๒ ประการ ผลกำรเรียนรู้ ๑. เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล ๒. มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ ๓. น าเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ โดยการพูดและการเขียน ๔. เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และน าไปใช้ได้อย่าง เหมาะสมกับกาลเทศะ ๕. เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับภาษา และวัฒนธรรมไทย และน ามาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม


๑๐๘ ๖. ใช้ภาษาจีนในการเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และเป็นพื้นฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้และเปิดโลกทัศน์ของตน ๗. ใช้ภาษาต่างจีนในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม ๘. ใช้ภาษาจีนเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และการแลกเปลี่ยน เรียนรู้กับสังคมโลก รวมจ ำนวน ๘ ผลกำรเรียนรู้


๑๐๙ ค ำอธิบำยรำยวิชำเพิ่มเติม จ ๑๔๒๐๑ ภำษำจีน กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ ชั้นประถมศึกษำปีที่ ๔ เวลำ ๔๐ ชั่วโมง ปฏิบัติตามค าสั่ง ค าขอร้อง และค าแนะน าง่ายๆ ที่ฟังหรืออ่าน ประสมเสียง อ่านออกเสียงค า กลุ่มค า ประโยค ข้อความ และบทฝึกออกเสียง ตามหลักการออกเสียง ระบุภาพ สัญลักษณ์เครื่องหมาย ตรงตามความหมายของค า กลุ่มค า ประโยค และข้อความสั้นๆ ที่ฟังหรืออ่าน ตอบค าถามจากการฟังและ อ่านประโยค บทสนทนา หรือนิทานง่ายๆ ที่มีภาพประกอบ พูดหรือเขียนโต้ตอบในการสื่อสารระหว่าง บุคคล ใช้ค าสั่ง ค าขอร้อง และค าขออนุญาตง่ายๆ พูดหรือเขียนแสดงความต้องการของตนเอง และขอ ความช่วยเหลือในสถานการณ์ต่างๆ พูดหรือเขียนเพื่อขอและให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เพื่อน ครอบครัว และสิ่งใกล้ตัว พูดแสดงความรู้สึกของตนเองเกี่ยวกับเรื่องใกล้ตัว และกิจกรรมต่างๆ ตามแบบที่ฟัง พูด หรือเขียนให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง และเรื่องใกล้ตัว พูดหรือวาดภาพแสดงความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ ใกล้ ตัวที่ฟังหรืออ่าน พูดแสดงความคิดเห็นง่ายๆ เกี่ยวกับเรื่องใกล้ตัว พูดและแสดงออกอย่างสุภาพ ตาม มารยาทสังคมและวัฒนธรรมของจีน ตอบค าถามเกี่ยวกับเทศกาล วันส าคัญ งานฉลองของจีน เข้าร่วม กิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมของจีนที่เหมาะสมกับวัย บอกความเหมือน หรือความแตกต่างของเสียง ตัวอักษร ค า กลุ่มค า ประโยค และข้อความของภาษาจีนกับภาษาไทย บอกความเหมือนหรือความ แตกต่างระหว่างเทศกาล และงานฉลอง ตามวัฒนธรรมของจีนกับวัฒนธรรมของไทย ค้นคว้า รวบรวม ค าศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และน าเสนอด้วยการพูดหรือเขียน ฟังและพูด หรืออ่าน ประโยค หรือบทสนทนาในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องเรียนและสถานศึกษา ใช้ภาษาจีนในการรวบรวม ค าศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งใกล้ตัว เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ เกิดเจตคติที่ดีต่อภาษาจีน ตลอดจนวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้อย่างเหมาะสมตามกาลเทศะ เกิดความคิดรวบยอด น าไปสู่การเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่ม สาระการเรียนรู้อื่น สามารถใช้ภาษาเพื่อการเรียนรู้และการประกอบอาชีพในอนาคต มีคุณลักษณะอันพึง ประสงค์และมีค่านิยมหลักของคนไทย ๑๒ ประการ ผลกำรเรียนรู้ ๑. เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล ๒. มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และ ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ ๓. น าเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ โดยการพูดและการเขียน ๔. เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และน าไปใช้ได้อย่าง เหมาะสมกับกาลเทศะ


๑๑๐ ๕. เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับภาษา และวัฒนธรรมไทย และน ามาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ๖. ใช้ภาษาจีนในการเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และเป็นพื้นฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้และเปิดโลกทัศน์ของตน ๗. ใช้ภาษาต่างจีนในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม ๘. ใช้ภาษาจีนเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และการแลกเปลี่ยน เรียนรู้กับสังคมโลก รวมจ ำนวน ๘ ผลกำรเรียนรู้


๑๑๑ ค ำอธิบำยรำยวิชำเพิ่มเติม จ ๑๕๒๐๑ ภำษำจีน กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ ชั้นประถมศึกษำปีที่ ๕ เวลำ ๔๐ ชั่วโมง ปฏิบัติตามค าสั่ง ค าขอร้อง และค าแนะน าง่ายๆ ที่ฟังและอ่าน อ่านออกเสียงประโยค ข้อความ และบทกลอนสั้นๆ ตามหลักการออกเสียง ระบุภาพ สัญลักษณ์เครื่องหมาย ตรงตามความหมายของ กลุ่มค า ประโยค และข้อความสั้นๆ ที่ฟังหรืออ่าน บอกใจความส าคัญ และตอบค าถามจากการฟังและ อ่านบทสนทนา นิทานง่ายๆ หรือเรื่องสั้นๆ พูดหรือเขียนโต้ตอบในการสื่อสารระหว่างบุคคล ใช้ค าสั่ง ค าขอร้อง ค าขออนุญาต และค าแนะน าง่ายๆ พูดหรือเขียนแสดงความต้องการ ขอความช่วยเหลือ ตอบ รับและปฏิเสธในสถานการณ์ต่างๆ พูดหรือเขียนเพื่อขอและให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เพื่อน ครอบครัว และเรื่องใกล้ตัว พูดหรือเขียนแสดงความรู้สึกของตนเองเกี่ยวกับเรื่องใกล้ตัว และกิจกรรมต่างๆ พร้อมให้ เหตุผลสั้นๆ ประกอบ พูดหรือเขียนให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง และเรื่องใกล้ตัว พูดหรือเขียนให้ข้อมูล เกี่ยวกับตนเอง และเรื่องใกล้ตัว เขียนภาพ แผนผัง และตาราง แสดงข้อมูลต่างๆ ตามที่ฟังหรืออ่าน พูด แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรม หรือเรื่องใกล้ตัว ใช้ถ้อยค า น้ าเสียง และกิริยาท่าทางอย่างสุภาพ ตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของจีน ตอบค าถาม หรือบอกความส าคัญของเทศกาล วันส าคัญ งาน ฉลอง และชีวิตความเป็นอยู่ของจีน เข้าร่วมกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมของจีนที่เหมาะสมกับวัย บอกความเหมือน หรือความแตกต่างระหว่างการออกเสียงประโยคชนิดต่างๆ การใช้เครื่องหมายวรรค ตอน และการล าดับค า ตามโครงสร้างประโยคของภาษาจีนและภาษาไทย บอกความเหมือน หรือความ แตกต่างระหว่างเทศกาล และงานฉลอง ตามวัฒนธรรมของจีนกับวัฒนธรรมของไทย ค้นคว้า รวบรวม ค าศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และน าเสนอด้วยการพูดหรือเขียน ฟัง พูด และอ่านหรือ เขียนประโยค หรือบทสนทนา ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องเรียนและสถานศึกษา ใช้ภาษาจีนในการ สืบค้น และรวบรวมค าศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งใกล้ตัว เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ เกิดเจตคติที่ดีต่อภาษาจีน ตลอดจนวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้อย่างเหมาะสมตามกาลเทศะ เกิดความคิดรวบยอด น าไปสู่การเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่ม สาระการเรียนรู้อื่น สามารถใช้ภาษาเพื่อการเรียนรู้และการประกอบอาชีพในอนาคต มีคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ และมีค่านิยมหลักของคนไทย ๑๒ ประการ


๑๑๒ ผลกำรเรียนรู้ ๑. เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล ๒. มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และ ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ ๓. น าเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ โดยการพูดและการเขียน ๔. เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และน าไปใช้ได้อย่าง เหมาะสมกับกาลเทศะ ๕. เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับภาษา และวัฒนธรรมไทย และน ามาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ๖. ใช้ภาษาจีนในการเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และเป็นพื้นฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้และเปิดโลกทัศน์ของตน ๗. ใช้ภาษาต่างจีนในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม ๘. ใช้ภาษาจีนเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และการแลกเปลี่ยน เรียนรู้กับสังคมโลก รวมจ ำนวน ๘ ผลกำรเรียนรู้


๑๑๓ ค ำอธิบำยรำยวิชำเพิ่มเติม จ๑๖๒๐๑ ภำษำจีน กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ ชั้นประถมศึกษำปีที่ ๖ เวลำ ๔๐ ชั่วโมง ปฏิบัติตามค าสั่ง ค าขอร้อง และค าแนะน าที่ฟังและอ่าน พูดหรือเขียนโต้ตอบในการสื่อสาร ระหว่างบุคคล ใช้ค าสั่ง ค าขอร้อง ค าขออนุญาต และค าแนะน า พูดหรือเขียนแสดงความต้องการขอ ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธในสถานการณ์ต่างๆ พูดหรือเขียนเพื่อขอและให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เพื่อน ครอบครัว และเรื่องใกล้ตัว พูดหรือเขียนแสดงความรู้สึกของตนเองเกี่ยวกับเรื่องใกล้ตัว กิจกรรม ต่างๆ พร้อมให้เหตุผลสั้นๆ ประกอบ พูดหรือเขียนให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เพื่อน และสิ่งแวดล้อมใกล้ตัว เขียนภาพ แผนผัง และตาราง แสดงข้อมูลต่างๆ ที่ฟังหรืออ่าน พูดหรือเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ เรื่องใกล้ตัว ใช้ถ้อยค า น้ าเสียง และกิริยาท่าทางอย่างสุภาพ ตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของจีน บอกข้อมูล และความส าคัญของเทศกาล วันส าคัญ งานฉลอง ชีวิตความเป็นอยู่ของจีน เข้าร่วมกิจกรรม ทางภาษาและวัฒนธรรมของจีน ตามความสนใจ บอกความเหมือน หรือความแตกต่างระหว่างการออก เสียง ประโยคชนิดต่างๆ การใช้เครื่องหมายวรรคตอน และการล าดับค า ตามโครงสร้างประโยคของ ภาษาจีนและภาษาไทย บอกความเหมือนหรือความแตกต่างระหว่างเทศกาล งานฉลอง และประเพณี ตามวัฒนธรรมของจีนกับวัฒนธรรมของไทย ค้นคว้า รวบรวมค าศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้ ใช้ภาษาจีนสื่อสารในสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในห้องเรียนและสถานศึกษา ใช้ภาษาจีนสื่อสารในสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในห้องเรียนและสถานศึกษา ใช้ภาษาจีนในการสืบค้น และรวบรวมข้อมูลต่างๆ เผยแพร่หรือประชาสัมพันธ์ข้อมูล ข่าวสารของโรงเรียนชุมชน ท้องถิ่น และ สังคมโลกเป็นภาษาจีน เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ เกิดเจตคติที่ดีต่อภาษาจีน ตลอดจนวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้อย่างเหมาะสมตามกาลเทศะ เกิดความคิดรวบยอด น าไปสู่การเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่ม สาระการเรียนรู้อื่น สามารถใช้ภาษาเพื่อการเรียนรู้และการประกอบอาชีพในอนาคต มีคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ และมีค่านิยมหลักของคนไทย ๑๒ ประการ ผลกำรเรียนรู้ ๑. เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล ๒. มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และ ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ ๓. น าเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ โดยการพูดและการเขียน ๔. เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และน าไปใช้ได้อย่าง เหมาะสมกับกาลเทศะ


๑๑๔ ๕. เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับภาษา และวัฒนธรรมไทย และน ามาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ๖. ใช้ภาษาจีนในการเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และเป็นพื้นฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้และเปิดโลกทัศน์ของตน ๗. ใช้ภาษาต่างจีนในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม ๘. ใช้ภาษาจีนเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และการแลกเปลี่ยน เรียนรู้กับสังคมโลก รวมจ ำนวน ๘ ผลกำรเรียนรู้


๑๑๕ ส่วนที่ ๔ กิจกรรมพัฒนำผู้เรียน กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนโรงเรียนวัดหนัง เป็นไปตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มุ่งให้ผู้เรียนได้พัฒนาตนเองตามศักยภาพ พัฒนาอย่างรอบด้าน เพื่อความเป็น มนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย สติปัญญา อารมณ์และสังคม เสริมสร้างให้เป็นผู้มีศีลธรรม จริยธรรม มีระเบียบวินัย ปลูกฝังและสร้างจิตส านึกของการท าประโยชน์เพื่อสังคม สามารถจัดการตนเองได้ และ อยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้ใช้องค์ความรู้ ทักษะและเจตคติ จาการเรียนรู้ ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ และประสบการณ์ของผู้เรียนมาปฏิบัติกิจกรรมเพื่อช่วยให้ผู้เรียน เกิดสมรรถนะส าคัญอันได้แก่ ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการ แก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต และความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ซึ่งจะส่งผลในการ พัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีทักษะการท างานและอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมี ความสุขในฐานะเป็นพลเมืองไทย และพลโลก อันได้แก่ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการท างาน รักความเป็นไทยและมีจิตสาธารณะ และมีค่านิยม หลักของคนไทย ๑๒ ประการ โรงเรียนวัดหนังได้จัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โดยแบ่งออกเป็น ๓ ลักษณะดังนี้ ๔.๑ กิจกรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาความสามารถของนักเรียนให้ เหมาะสมตามความแตกต่างระหว่างบุคคล สามารถค้นพบและพัฒนาศักยภาพของตน เสริมสร้าง ทักษะชีวิต วุฒิภาวะทางสังคม การเรียนรู้ในเชิงพหุปัญญาและการสร้างสัมพันธภาพที่ดี ซึ่งครูทุกคน นอกจากต้องท าหน้าที่แนะแนวให้ค าปรึกษาด้านชีวิตการศึกษา การศึกษาต่อและการพัฒนาตนเองสู่โลก อาชีพและการมีงานท าแล้วจะต้องจัดกิจกรรมแนะแนวให้เป็นไปตามจุดประสงค์ที่ก าหนดไว้ วัตถุประสงค์กิจกรรมแนะแนว ๑) เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ รู้จัก เข้าใจ รัก และเห็นคุณค่าในตนเอง และผู้อื่น รู้จักแสวงหาข้อมูลและได้ข้อมูลสารสนเทศได้เหมาะสมกับวัย ๒) เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ สามารถวางแผนการเรียน อาชีพ รวมทั้งการด าเนิน ชีวิตและสังคม ๓) เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ สามารถปรับตัวได้อย่างเหมาะสม และอยู่ร่วมกับผู้อื่น ได้อย่างมีความสุข แนวทำงกำรจัดกิจกรรมแนะแนว การจัดกิจกรรมแนะแนวหลักสูตรโรงเรียนวัดหนัง มีแนวทางการจัดกิจกรรมดังนี้ ๑) ครู ส ารวจสภาพปัญหา ความต้องการ ความสนใจ และธรรมชาติของนักเรียน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการก าหนดแนวทาง และแผนการปฏิบัติกิจกรรมแนะแนวที่เหมาะสม ซึ่งครูผู้สอน สามารถปรับกิจกรรมให้เป็นไปตามสภาพของนักเรียนในแต่ละระดับชั้น


๑๑๖ ๒) การจัดกิจกรรมที่จัดสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของโรงเรียน มีการวิเคราะห์ข้อมูลของ นักเรียนเป็นรายบุคคลจากฐานข้อมูลที่มีอยู่ น าสภาพปัญหาความต้องการ ความสนใจ ไปก าหนดสาระ และรายละเอียดของกิจกรรม ๓) การก าหนดสัดส่วนของกิจกรรมด้านการศึกษา การงานอาชีพ รวมทั้งชีวิตและสังคม ต้องเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมโดยต้องยึดสภาพปัญหา ความต้องการความสนใจ ตลอดจนธรรมชาติของ ผู้เรียนเป็นหลัก ทั้งครูและผู้เรียนต้องมีส่วนร่วมในการปฏิบัติกิจกรรม ๔) การจัดกิจกรรม จัดเป็นรายปี กิจกรรมมีองค์ประกอบ ๓ ด้านคือ ด้านการศึกษา ด้านการงานอาชีพ ด้านชีวิตและสังคม ก าหนดสัดส่วนเวลาของแต่ละกิจกรรมให้ได้ ๓๐ ชั่วโมง ตลอด ปีการศึกษา รายละเอียดของกิจกรรมให้จัดตามความเหมาะสมของแต่ละระดับชั้น ตั้งแต่ชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ๕) การจัดท ารายละเอียดของแต่ละแผนการปฏิบัติกิจกรรม ก าหนดชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ เวลา เนื้อหา/สาระ วิธีด าเนินกิจกรรม สื่อ/อุปกรณ์ และการประเมินผล ๖) ปฏิบัติตามแผนการปฏิบัติกิจกรรมแนะแนว วัดและประเมินผล สรุปรายงาน โครงสร้างเวลาเรียน หลักสูตรโรงเรียนวัดหนังก าหนดเวลาเรียน ผู้เรียนต้องมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมไม่ น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทั้งหมด แนวทำงกำรประเมินกิจกรรมแนะแนว การประเมินกิจกรรมแนะแนวโรงเรียนได้ก าหนดแนวทางการประเมินกิจกรรมแนะแนวดังนี้ ๑) ผู้เรียนต้องมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมตลอดปีการศึกษาไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียน ทั้งหมด ๒) ประเมินกิจกรรมแนะแนวจากการปฏิบัติกิจกรรม ผลงาน / ชิ้นงาน คุณลักษณะของผู้เรียน ตามเกณฑ์ที่โรงเรียนก าหนดด้วยวิธีการที่หลากหลาย เน้นการมีส่วนร่วมในการปฏิบัติกิจกรรม ๓) ผู้เรียนที่มีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมแนะแนว มีการปฏิบัติกิจกรรม มีผลงาน / ชิ้นงาน / คุณลักษณะตามเกณฑ์ที่ก าหนด เป็นผู้ผ่านกิจกรรมแนะแนว ๔) ผู้เรียนที่มีผลการประเมินไม่ผ่านในเกณฑ์เวลาเข้าร่วมกิจกรรมการปฏิบัติกิจกรรม ผลงาน / ชิ้นงาน / คุณลักษณะตามเกณฑ์ก าหนด ครูผู้รับผิดชอบต้องด าเนินการซ่อมเสริมและประเมินจนผ่าน ทั้งนี้ต้องด าเนินการให้เสร็จสิ้นในปีการศึกษา ยกเว้นมีเหตุสุดวิสัยให้อยู่ในดุลพินิจของกรรมการบริหาร วิชาการของโรงเรียน


๑๑๗ ๔.๒ กิจกรรมนักเรียน กิจกรรมนักเรียนเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้เข้าร่วมกิจกรรมตามความถนัด ความสนใจ โดยเน้นเรื่องคุณธรรมจริยธรรม ไม่เห็นแก่ตัว มีระเบียบวินัย มีความเป็นผู้น าผู้ตามที่ดี มี ความรับผิดชอบ การท างานร่วมกัน รู้จักการแก้ปัญหา การตัดสินใจ ความมีเหตุผล การช่วยเหลือ แบ่งปันเอื้ออาทรและสมานฉันท์ การจัดกิจกรรมผู้เรียนของโรงเรียนวัดหนัง ยึดวัตถุประสงค์แนวทางการจัดกิจกรรม พัฒนาผู้เรียน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ดังนี้ ๑) เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีระเบียบวินัย มีความเป็นผู้น าผู้ตามที่ดีมีความรับผิดชอบ ๒) เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะการท างานร่วมกัน รู้จักการแก้ปัญหามีเหตุผล ตัดสินใจที่เหมาะสมช่วยเหลือแบ่งปัน เอื้ออาทรและสมานฉันท์ ๓) ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้เรียนมีคุณธรรม จริยธรรมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๔) ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติกิจกรรมตามความถนัดและความสนใจ กิจกรรมนักเรียนที่จัดประกอบด้วย ๔.๒.๑ กิจกรรมลูกเสือ เนตรนำรี วัตถุประสงค์ของกิจกรรมลูกเสือ-เนตรนำรี ๑) ให้มีนิสัยในการสังเกต จดจ า เชื่อฟังและพึ่งตนเอง ๒) ให้มีความซื่อสัตย์สุจริต มีระเบียบวินัย และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ๓) ให้รู้จักบ าเพ็ญตนเพื่อสาธารณประโยชน์ ๔) ให้รู้จักท าการฝีมือและฝึกฝนการท ากิจกรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ๕) ให้รู้จักรักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรมและความมั่นคงของ ประเทศชาติ แนวกำรจัดกิจกรรมลูกเสือ –เนตรนำรี แนวการจัดกิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี ได้ยึดแนวการจัดกิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี ตามแนวทาง การจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ดังนี้ กำรจัดกิจกรรมลูกเสือ-เนตรนำรี มีแนวทางการจัดกิจกรรมตามวิธีการลูกเสือ (Scout Method) ซึ่งมีองค์ประกอบ ๗ ประการดังนี้ ๑) ค าปฏิญาณและกฎ ๒) เรียนรู้จากการกระท า ๓) ระบบหมู่ ๔) การใช้สัญลักษณ์ร่วมกัน


๑๑๘ ๕) การศึกษาธรรมชาติ ๖) ความก้าวหน้าในการเข้าร่วมกิจกรรม ๗) การสนับสนุนโดยผู้ใหญ่ กำรจัดกิจกรรมลูกเสือ จัดให้มีการเปิดประชุมกอง เพื่อเป็นการฝึกความมีระเบียบวินัย กิจกรรมอยู่ค่ายพักแรม ฝึกให้ลูกเสือมีความอดทน อยู่ในระเบียบวินัย รู้จักช่วยตัวเอง รู้จักอยู่และ ท างานร่วมกับผู้อื่น กิจกรรมพิธีการลูกเสือ เพื่อให้ลูกเสือมีความภาคภูมิใจ และเห็นคุณค่าในการเป็น ลูกเสือ กิจกรรมบ าเพ็ญประโยชน์เพื่อส่งเสริมให้ลูกเสือได้บ าเพ็ญประโยชน์ตามอุดมการณ์ของลูกเสือ โครงสร้ำงเวลำเรียน หลักสูตรโรงเรียนวัดหนังก าหนดเวลาเรียนกิจกรรมลูกเสือและเนตรนารี จ านวน ๔๐ ชั่วโมงต่อปีการศึกษา ผู้เรียนต้องมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลา เรียนทั้งหมด ๔ .๒.๒ กิจกรรมชุมนุม ชมรม กิจกรรมชุมนุม ชมรม เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นตามความสามารถ ความถนัด และความ สนใจของผู้เรียน เพื่อเติมเต็มความรู้ ความช านาญ ประสบการณ์ ทักษะ เจตคติ เพื่อพัฒนาตนเอง ตามศักยภาพ วัตถุประสงค์ของกิจกรรมชุมนุม ชมรม ๑) เพื่อให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติกิจกรรมตามความสนใจ ความถนัด และความต้องการ ของตน ๒) เพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาความรู้ความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ให้เกิด ประสบการณ์ทั้งทางวิชาการและวิชาชีพตามศักยภาพ ๓) เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและส่วนรวม ๔) เพื่อให้ผู้เรียนท างานร่วมกับผู้อื่นได้ตามวิถีประชาธิปไตย แนวกำรจัดกิจกรรมชุมนุม ชมรม การจัดกิจกรรมชุมนุม ชมรม หลักสูตรโรงเรียนวัดหนังมีแนวทางการจัดกิจกรรมชุมนุม ชมรม ดังนี้ ๑. เป็นกิจกรรมที่สนับสนุนส่งเสริมการเรียนรู้ตามศักยภาพ ตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาด้านความรู้ ทักษะปฏิบัติ ส่งเสริมศักยภาพด้านร่างกายและจิตใจ พัฒนาวุฒิทางอารมณ์ ศีลธรรมและจริยธรรม ๒. เป็นกิจกรรมที่จัดในสภาพศึกษานอกเวลาเรียน โดยผู้เรียนสามารถเลือกเรียนได้ ตามความถนัดความสนใจ ระยะเวลาในการจัดกิจกรรม ๑ ภาคเรียน เมื่อครบ ๑ ภาคเรียนผู้เรียน สามารถเปลี่ยนชมรมหรืออยู่ชมรมเดิมได้


๑๑๙ ๓. ชมรมที่จัดตั้งได้แก่ ๑) ชมรมวิชาการ ผู้เรียนเลือกเรียนวิชาในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย คณิตศาสตร์ เน้นการอ่านคิดวิเคราะห์และเขียน ทักษะการคิดเลข โจทย์ปัญหา ๒) ชมรมวิทยาศาสตร์ ผู้เรียนเลือกเรียนวิชาในกลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เน้นเกี่ยวกับทักษะทางวิทยาศาสตร์ การท าโครงงาน ๓) ชมรมกีฬา ผู้เรียนเลือกเรียนวิชาพลศึกษา เน้นการเรียนการสอนทักษะ ด้านการกีฬา เช่น ฟุตบอล วอลเล่ย์บอล ปิงปอง ๔) ชมรมภาษาอังกฤษ ผู้เรียนเลือกเรียนวิชาในกลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ ภาษาอังกฤษ เน้นการเรียนการสอนทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียน ๕) ชมรมดนตรีและนาฏศิลป์ ผู้เรียนเลือกเรียนวิชาในกลุ่มสาระการเรียนรู้ ศิลปะ (ดนตรี นาฏศิลป์) เป็นการเรียนการสอนดนตรีไทย ดนตรีสากล และนาฏศิลป์ ๖) ชมรมวาดภาพและงานศิลปะ ผู้เรียนเลือกเรียนวาดภาพ การสร้างงานด้าน ศิลปะ เน้นการเรียนการสอนสร้างสรรค์ผลงานด้านศิลปะ ๗) ชมรมเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เป็นชมรมในกลุ่มสาระการเรียน รู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เน้นการเรียนการสอนให้ผู้เรียนมีความเชี่ยวชาญการใช้เทคโนโลยี สืบค้น ข้อมูล การสร้างชิ้นงาน ๘) ชมรมพุทธศาสตร์ เป็นชมรมในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เน้นการเป็นคนดี สวดมนต์ไหว้พระ ฝึกสมาธิปฏิบัติธรรม การปฏิบัติตนตามหลักธรรม ทางศาสนา ความรู้ด้านศีลธรรม ๙) ชมรมส่งเสริมการด าเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็น ชมรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนน าหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในชีวิตประจ าวัน แนวทำงกำรประเมินกิจกรรมชุมนุม ชมรม การประเมินกิจกรรมชุมนุม ชมรม โรงเรียนได้ก าหนดแนวทางการประเมินกิจกรรมดังนี้ ๑. เป็นการประเมินผลกิจกรรมทดสอบความสามารถและพัฒนาด้านต่าง ๆ ทั้งด้าน ความรู้ ความประพฤติ พฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมที่เน้นทักษะและการปฏิบัติต่าง ๆ ด้วยวิธีการ ประเมินที่หลากหลาย และการประเมินตามสภาพจริง โดยก าหนดเกณฑ์การประเมิน “ ผ่าน ” และ “ไม่ผ่าน” ๒. “ ผ่าน ” หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียน ทั้งหมด มีผลงาน/ชิ้นงาน/คุณลักษณะตามเกณฑ์ที่โรงเรียนก าหนด ๓. “ ไม่ผ่าน ” หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมไม่ถึงร้อยละ 80 ของเวลาเรียน ทั้งหมด ไม่ผ่านการปฏิบัติกิจกรรม หรือมีผลงาน / ชิ้นงาน / คุณลักษณะไม่เป็นไปตามที่โรงเรียนก าหนด


๑๒๐ โครงสร้างเวลาเรียน หลักสูตรโรงเรียนวัดหนังก าหนดเวลาเรียนกิจกรรมชุมนุม ชมรม ๓๐ ชั่วโมงต่อปีการศึกษา ผู้เรียนตัวมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียน ที่ก าหนด ๔.๓ กิจกรรมเพื่อสังคมและสำธำรณะประโยชน์ กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ เป็นกิจกรรมโรงเรียนส่งเสริมให้ผู้เรียน สามารถพัฒนาตนเองตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ โดยค านึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลและ พัฒนาการทางสังคม เน้นให้ความส าคัญทั้งความรู้และคุณธรรม จริยธรรม จัดกิจกรรมโดยให้ผู้เรียนคิด สร้างสรรค์ออกแบบกิจกรรมบ าเพ็ญประโยชน์อย่างหลากหลายรูปแบบ เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบต่อ สังคมในลักษณะจิตอาสา วัตถุประสงค์กิจกรรมเพื่อสังคมและสำธำรณประโยชน์ ๑) เพื่อให้ผู้เรียนออกแบบการจัดกิจกรรมเพื่อสังคม และสาธารณประโยชน์ต่อ ครอบครัว โรงเรียน ชุมชน สังคมและประเทศชาติ ๒) เพื่อให้ผู้เรียนออกแบบการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์อย่าง สร้างสรรค์ตามความถนัด และความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร ๓) เพื่อให้ผู้เรียนพัฒนาศักยภาพในการจัดกิจกรรมเพื่อสังคม และสาธารณประโยชน์ได้ อย่างมีประสิทธิภาพ ๔) เพื่อให้ผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์จนเกิดคุณธรรม จริยธรรมตามคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๕) เพื่อให้ผู้เรียนมีจิตสาธารณะและใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ แนวทำงกำรจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสำธำรณประโยชน์ การจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์หลักสูตรโรงเรียนวัดหนัง มีแนวทาง การจัดกิจกรรมดังนี้ ๑. เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นในโรงเรียนโดยคณะกรรมการของแต่ละระดับชั้นเรียน ร่วมกัน วางแผนการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ออกแบบคู่มือให้นักเรียนทุกคนได้บันทึก กิจกรรมที่ปฏิบัติ ทั้งที่ได้ก าหนดไว้ในแบบบันทึก หรือกิจกรรมที่ผู้เรียนได้ปฏิบัตินอกโรงเรียนร่วมกับ โรงเรียนหรือหน่วยงานอื่นที่จัดขึ้น การปฏิบัติกิจกรรมแต่ละครั้งผู้เรียนต้องบันทึกกิจกรรมและมีการลง นามรับรองของครูผู้สอน หรือ ผู้ดูแลกิจกรรมนั้น ๆ ๒. เป็นกิจกรรมที่จัดในลักษณะบูรณาการในกิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี หรือกิจกรรม ในกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น ๆ ที่ผู้เรียนได้ปฏิบัติกิจกรรมในขณะที่เรียนเน้นกิจกรรมจิตสาธารณะ ช่วยเหลืองานตาง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนครู โรงเรียนและสังคม ตามความเหมาะสม โครงสร้างเวลาเรียน หลักสูตรโรงเรียนวัดหนังก าหนดเวลาเรียนของกิจกรรมเพื่อสังคม และ สาธารณประโยชน์ตามระดับชั้นที่เรียนปีละ ๑๐ ชั่วโมง รวมเวลาเรียนทั้งหมดตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่


๑๒๑ ๑ ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ รวมทั้งสิ้น ๖๐ ชั่วโมง ทั้งนี้เป็นไปตามกรอบเวลาในโครงสร้างหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ แนวทำงกำรประเมินกิจกรรมเพื่อสังคมและสำธำรณประโยชน์ การประเมินกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ โรงเรียนได้ก าหนดแนวทางการ ประเมินกิจกรรมดังนี้ ๑. ผู้เรียนตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ผู้เรียนต้องมี เวลาเข้าร่วมกิจกรรมปีละ ๑๐ ชั่วโมง ๒. ตลอดหลักสูตรตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ผู้เรียนต้อง มีเวลาเข้าร่วมกิจกรรม ๖๐ ชั่วโมง ๓. เกณฑ์การประเมินมี “ ผ่าน ” กับ “ ไม่ผ่าน ” “ ผ่าน ” หมายถึง ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมครบตามเวลาปฏิบัติกิจกรรม และ มีผลงาน / ชิ้นงาน / คุณลักษณะตามที่โรงเรียนก าหนด “ ไม่ผ่าน ” หมายถึง ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมไม่ครบตามเวลาปฏิบัติกิจกรรม หรือมีผลงาน / ชิ้นงาน/ คุณลักษณะไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่โรงเรียนก าหนด ในกรณีที่ผู้เรียนไม่ผ่าน ครูผู้รับผิดชอบต้องให้ผู้เรียนซ่อมเสริมการท ากิจกรรม ให้ครบตามกรอบเวลาที่ก าหนดในโครงสร้างของหลักสูตรโรงเรียน


๑๒๒ ส่วนที่ ๕ เกณฑ์กำรจบกำรศึกษำ เกณฑ์การจบการศึกษาของหลักสูตรโรงเรียนวัดหนัง ก าหนดให้สอดคล้องกับหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ดังนี้ ๑. นักเรียนเรียนรายวิชาพื้นฐาน จ านวน ๘๔๐ ชั่วโมง และมีผลการประเมินรายวิชาพื้นฐาน ผ่านทุกรายวิชา ๒. นักเรียนต้องมีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนระดับ “ผ่าน” ขึ้นไป ๓. นักเรียนต้องมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ระดับ “ผ่าน” ขึ้นไป ๔. นักเรียนต้องเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และได้รับการตัดสินผลการเรียน “ผ่าน” ทุกกิจกรรม กำรวัดและประเมินผลกำรเรียนรู้ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนต้องอยู่บนหลักการพื้นฐานสองประการ คือ การประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียนและเพื่อตัดสินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนให้ ประสบผลส าเร็จนั้น ผู้เรียนจะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัดเพื่อให้บรรลุตามมาตรฐาน การเรียนรู้ สะท้อนสมรรถนะส าคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักใน การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในทุกระดับไม่ว่าจะเป็นระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขต พื้นที่การศึกษา และระดับชาติ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้เป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน โดยใช้ผลการประเมินเป็นข้อมูลและสารสนเทศที่แสดงพัฒนาการ ความก้าวหน้า และความส าเร็จ ทางการเรียนของผู้เรียน ตลอดจนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาและเรียนรู้ อย่างเต็มตามศักยภาพ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น ๔ ระดับ ได้แก่ ระดับชั้นเรียน ระดับ สถานศึกษา ระดับเขตพื้นที่การศึกษา และระดับชาติ มีรายละเอียด ดังนี้ ๑. กำรประเมินระดับชั้นเรียน การประเมินระดับชั้นเรียนเป็นการตรวจสอบว่า ผู้เรียนมีพัฒนาการความก้าวหน้าในการเรียนรู้ อันเป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด มีสิ่งที่จะต้องได้รับการ พัฒนาปรับปรุงและส่งเสริมในด้านใด นอกจากนี้ยังเป็นข้อมูลให้ผู้สอนใช้ปรับปรุงการเรียนการสอนของ ตนด้วย ทั้งนี้โดยสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด ๒. กำรประเมินระดับสถำนศึกษำ เป็นการตรวจสอบผลการเรียนของผู้เรียนเป็นรายปี ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และ เขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และเป็นการประเมินเกี่ยวกับการจัด การศึกษาของสถานศึกษา ว่าส่งผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนตามเป้าหมายหรือไม่ ผู้เรียนมีสิ่งที่ต้องการ


๑๒๓ พัฒนาในด้านใด รวมทั้งสามารถน าผลการเรียนของผู้เรียนในสถานศึกษาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ระดับชาติ และระดับเขตพื้นที่การศึกษาผลการประเมินระดับสถานศึกษาจะเป็นข้อมูลและสารสนเทศ เพื่อการ ปรับปรุงนโยบาย หลักสูตรโครงการ หรือวิธีการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนเพื่อการจัดท า แผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษา และการ รายงานผลการจัดการศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้ปกครองและชุมชน ๓. กำรประเมินระดับเขตพื้นที่กำรศึกษำ เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับเขตพื้นที่การศึกษาตามมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาคุณภาพ การศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถด าเนินการโดยประเมินคุณภาพ ผู้เรียนด้วยวิธีการและเครื่องมือที่เป็นมาตรฐานที่จัดท าและด าเนินการโดยเขตพื้นที่การศึกษา หรือด้วย ความร่วมมือกับหน่วยงานต้นสังกัด และหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังได้จากการตรวจสอบ ทบทวนข้อมูลจากการประเมินระดับสถานศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษา ๔. กำรประเมินระดับชำติ เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับชาติตามมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ สถานศึกษาต้องจัดให้ผู้เรียนทุกคนที่เรียนในชั้นประถมศึกษา ปีที่ ๓ และชั้นป ระถมศึกษ าปีที่ ๖ เข้ารับการประเมินกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่าง ๆ ตามที่ กระทรวงศึกษาธิการก าหนด เพื่อน าผลจากการประเมินใช้เป็นข้อมูลในการเทียบเคียงคุณภาพการศึกษา ในระดับต่าง ๆ เพื่อน าไปใช้ในการวางแผนยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษา ตลอดจนเป็นข้อมูล สนับสนุนการตัดสินใจในระดับนโยบายของประเทศ โรงเรียนวัดหนังในฐานะผู้รับผิดชอบการศึกษา ได้ใช้หลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติการวัดและ ประเมินผลการเรียน รู้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษ าขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ของกระทรวงศึกษาธิการ ดังนี้ กำรวัดและประเมินผลกำรเรียนรู้ตำมกลุ่มสำระกำรเรียนรู้ ในการวัดและประเมินผลกลุ่มสาระการเรียนรู้ทั้ง ๘ กลุ่ม ให้ด าเนินการดังนี้ ข้อ ๑ ให้คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและงานวิชาการของโรงเรียน ก าหนดเกณฑ์การผ่าน การประเมินผลการเรียนรู้ตามตัวชี้วัดทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้รวมทั้งผลการเรียนรู้ในรายวิชาเพิ่มเติมด้วย ข้อ ๒ นักเรียนต้องมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทั้งหมด ข้อ ๓ นักเรียนต้องผ่านการประเมินผลตามตัวชี้วัดทุกข้อ โดยแต่ละข้อจะต้องได้ผลการ ประเมินไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๐ จึงจะถือว่า “ ผ่าน ” กรณีนักเรียนไม่ผ่านการประเมินโรงเรียนจะต้อง


๑๒๔ ด าเนินการซ่อมเสริมและด าเนินการประเมินผลจนกว่าจะผ่านหรือยุติ เมื่อยุติและพิจารณาตัดสินว่า “ ไม่ผ่าน” และจะต้องจัดให้นักเรียน เรียนซ้ าในรายวิชานั้นในภาคเรียนถัดไป ข้อ ๔ โรงเรียนก าหนดเกณฑ์การเก็บคะแนนการวัดและประเมินผลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ดังนี้ ๑) ก าหนดให้แต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้คะแนนเต็มภาคเรียนละ ๑๐๐ คะแนน แล้ว น าคะแนนเต็มทั้ง ๒ ภาคเรียนมารวมกันเฉลี่ยให้เท่ากับ ๑๐๐ คะแนน ในการประเมินผลปลาย ปีการศึกษา ๒) ก าหนดให้มีการวัดและประเมินผลเพื่อเก็บสะสมคะแนนระหว่างเรียนและปลายภาค เรียนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ด้วยวิธีการและเครื่องมือในการวัดและประเมินผลที่หลากหลาย เช่น ประเมินด้วยการสื่อสาร ประเมินจากการปฏิบัติจริง ประเมินตามสภาพจริง ประเมินจากแฟ้มงานและ อื่น ๆ ตามอัตราส่วนระหว่างภาคเรียนต่อปลายภาคเรียนที่แต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ก าหนด สัดส่วนคะแนนของแต่ละกลุ่มสำระกำรเรียนรู้ ที่ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ คะแนน ระหว่ำงเรียน คะแนนปลำยปี/ ปลำยภำค รวมคะแนน ๑ ภาษาไทย ๘๐ ๒๐ ๑๐๐ ๒ คณิตศาสตร์ ๘๐ ๒๐ ๑๐๐ ๓ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๘๐ ๒๐ ๑๐๐ ๔ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๘๐ ๒๐ ๑๐๐ ประวัติศาสตร์ ๘๐ ๒๐ ๑๐๐ ๕ สุขศึกษาและพลศึกษา ๘๐ ๒๐ ๑๐๐ ๖ ศิลปะ ๘๐ ๒๐ ๑๐๐ ๗ การงานอาชีพ ๘๐ ๒๐ ๑๐๐ ๘ ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ๘๐ ๒๐ ๑๐๐ ๙ รายวิชาเพิ่มเติม ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ๘๐ ๒๐ ๑๐๐ ๑๐ รายวิชาเพิ่มเติมภาษาจีน ๘๐ ๒๐ ๑๐๐


๑๒๕ ๓) ก าหนดให้มีการวัดและประเมินผลทั้ง ๓ ด้าน คือ ด้านความรู้ ด้านคุณลักษณะ อันพึงประสงค์และด้านทักษะกระบวนการ ในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ทั้งระหว่างเรียนและ ปลายภาคเรียน ตามอัตราส่วนที่แต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ก าหนด โดยยึดลักษณะและธรรมชาติของ เนื้อหาแต่ละกลุ่มสาระเป็นส าคัญ ข้อ ๕ ให้น าผลการวัดและประเมินผลระหว่างเรียน และปลายภาคเรียนที่ ๑ และ ๒ มารวมกันแล้วตัดสินเป็นผลการประเมินปลายปีโดยให้ระดับผลการเรียนตามเกณฑ์ดังนี้ คะแนนจำกกำรวัดผล ระดับผลกำรเรียน ควำมหมำย ๘๐ – ๑๐๐ ๔ ผลการเรียนดีเยี่ยม ๗๕ – ๗๙ ๓.๕ ผลการเรียนดีมาก ๗๐ – ๗๔ ๓ ผลการเรียนดี ๖๕ – ๖๙ ๒.๕ ผลการเรียนค่อนข้างดี ๖๐ – ๖๔ ๒ ผลการเรียนน่าพอใจ ๕๕ – ๕๙ ๑.๕ ผลการเรียนพอใช้ ๕๐ - ๕๔ ๑ ผลการเรียนผ่านเกณฑ์ขั้นต่ า ต่ ากว่า ๕๐ ๐ ผลการเรียนไม่ผ่านการประเมิน ข้อ ๖ การตัดสินผลการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ นักเรียนจะต้องผ่านการประเมินรายวิชา และได้ระดับผลการเรียนแต่ละกลุ่มสาระตั้งแต่ระดับ ๑ ขึ้นไป จึงจะนับว่า “ ผ่าน ” นักเรียนที่ได้ ระดับผลการเรียน “ ๐ ” ครูผู้สอน หรือทั้งครูผู้สอนและผู้ปกครองจะต้องด าเนินการซ่อมเสริมและวัดผล ประเมินผลจนกว่าจะผ่านตามเกณฑ์ที่โรงเรียนก าหนด หากนักเรียนไม่ผ่านการประเมินจะต้องเรียนซ้ า รายวิชาที่ไม่ผ่านในภาคเรียนถัดไป ข้อ ๗ การตัดสินผลการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ระดับช่วงชั้น นักเรียนต้องเรียนรู้รายวิชาตาม กลุ่มสาระการเรียนรู้ทั้ง ๘ กลุ่ม และได้รับผลการประเมินผลการเรียนรู้ตั้งแต่ระดับ “ ๑ ” ขึ้นไป ทุกกลุ่มสาระจึงจะถือว่าผ่านเกณฑ์การประเมินกลุ่มสาระการเรียนรู้ช่วงชั้น


๑๒๖ กำรประเมินกิจกรรมพัฒนำผู้เรียน ในการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนให้ด าเนินการดังนี้ ข้อ ๑ ให้คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและงานวิชาการของโรงเรียนก าหนดกิจกรรม จุดประสงค์ส าคัญของกิจกรรม เกณฑ์การเข้าร่วมกิจกรรม เกณฑ์การผ่านกิจกรรม แนวปฏิบัติในการวัด และประเมินผล การซ่อมเสริมและอื่น ๆ ประกาศให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ ข้อ ๒ ให้ครูผู้สอนที่ได้รับมอบหมายให้จัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ด าเนินการจัดกิจกรรมตาม จุดประสงค์ส าคัญของกิจกรรม และพัฒนาผู้เรียนให้เป็นไปตามจุดประสงค์ส าคัญของกิจกรรมที่ก าหนดไว้ ด้วยวิธีการที่หลากหลายตามสภาพจริง และตรวจสอบเวลาเข้าร่วมกิจกรรมของผู้เรียนให้ครบตามเกณฑ์ ข้อ ๓ ให้ครูผู้สอนที่ได้รับมอบหมายด าเนินการประเมินผลการปฏิบัติกิจกรรมของผู้เรียน ทุกสิ้นภาคเรียนเพื่อพัฒนาปรับปรุงแก้ไขหรือส่งเสริมและรายงานผลการประเมินให้หัวหน้ากิจกรรม พัฒนาผู้เรียน ข้อ ๔ การตัดสินการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ผู้เรียนที่ผ่านจุดประสงค์ส าคัญและมีเวลา เข้าร่วมกิจกรรมตามเกณฑ์ที่ก าหนดจะได้ผลการประเมิน “ ผ่าน ” กรณีผู้เรียนไม่ผ่านจุดประสงค์ส าคัญ หรือเวลาเข้าร่วมกิจกรรมไม่ครบเกณฑ์จะได้ผลการประเมิน “ ไม่ผ่าน ” ต้องด าเนินการซ่อมเสริมตาม หลักและวิธีการที่โรงเรียนก าหนด ข้อ ๕ การประเมินผลการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนให้ปฏิบัติตามประกาศโรงเรียน วัดหนัง เรื่อง ให้ใช้แนวปฏิบัติในการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของโรงเรียนวัดหนัง ข้อ ๖ ให้หัวหน้ากิจกรรมพัฒนาผู้เรียนรวบรวมผลการประเมิน รายงานต่อคณะกรรมการ พัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ข้อ ๗ ให้คณะกรรมการพัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียนน าผลการเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ของ ผู้เรียนเป็นรายบุคคล เสนอต่อคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและงานวิชาการของโรงเรียนให้ความ เห็นชอบ แล้วเสนอให้ผู้อ านวยการสถานศึกษา โรงเรียนวัดหนังพิจารณาอนุมัติ กำรประเมินกำรอ่ำนคิดวิเครำะห์เขียน ในการประเมินการอ่านคิดวิเคราะห์เขียน ให้ด าเนินการดังนี้ ข้อ ๑ เป็นการประเมินศักยภาพของผู้เรียนในการอ่านหนังสือ เอกสาร และสื่อต่าง ๆ ได้อย่าง ถูกต้องคล่องแคล่ว แล้วคิดวิเคราะห์เนื้อหาสาระที่อ่าน และสามารถถ่ายทอดความคิดเหล่านั้นด้วยการ เขียนสื่อความ


๑๒๗ ข้อ ๒ ให้คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและงานวิชาการของโรงเรียน ก าหนดมาตรฐานการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนสื่อความ พร้อมทั้งตัวชี้วัด เป็นมาตรฐานคุณภาพของโรงเรียน ก าหนดแนวปฏิบัติ ในการวัดและประเมินผล เกณฑ์ระดับคุณภาพ และการซ่อมเสริม ประกาศให้ผู้เกี่ยวข้องทราบและ ปฏิบัติ ข้อ ๓ โรงเรียนก าหนดระดับคุณภาพการอ่านคิดวิเคราะห์เขียนไว้ดังนี้ ระดับคุณภาพ ดีเยี่ยม ส าหรับผู้ที่ได้รับคะแนนประเมิน ๘๐ - ๑๐๐ คะแนน ระดับคุณภาพ ดี ส าหรับผู้ทีได้รับคะแนนประเมิน ๗๐ - ๗๙ คะแนน ระดับคุณภาพ ผ่านเกณฑ์การประเมินส าหรับผู้ที่ได้รับคะแนน ๕๐ - ๖๙ คะแนน ระดับคุณภาพ ไม่ผ่านการประเมิน ส าหรับผู้ที่ได้รับคะแนนประเมินต่ ากว่า ๕๐ คะแนน ผู้ที่ได้รับคะแนนประเมินต่ ากว่า ๕๐ คะแนน ถือว่าไม่ผ่านการประเมิน ข้อ ๔ ให้โรงเรียนตั้งคณะกรรมการประเมินผลการอ่านคิดวิเคราะห์เขียน ด าเนินการประเมินผล การอ่านคิดวิเคราะห์และเขียนสื่อความแล้วน าเสนอผลการประเมินต่อคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและ วิชาการของโรงเรียน เพื่อให้ความเห็นชอบ และเสนอผู้อ านวยการสถานศึกษา โรงเรียนวัดหนัง พิจารณาอนุมัติผลเป็นรายปี ข้อ ๕ การตัดสินผลการประเมินการอ่านคิดวิเคราะห์และเขียนสื่อความ เพื่อเลื่อนช่วงชั้น ผู้เรียนจะต้องได้ผลการประเมิน “ ดีเยี่ยม ” “ ดี ” หรือ “ ผ่านเกณฑ์การประเมิน ” จึงจะถือว่า “ ผ่าน ” กรณีได้ผลการประเมิน “ ไม่ผ่าน ” จะต้องท าการ “ ซ่อมเสริม ” ตามประกาศโรงเรียน วัดหนัง เรื่อง ให้ใช้แนวในการประเมินการอ่านคิดวิเคราะห์เขียนของโรงเรียนวัดหนัง กำรประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ให้ด าเนินการดังนี้ ข้อ ๑ เป็นการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะที่โรงเรียนก าหนดขึ้น เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้เป็นไปตามที่ต้องการ ข้อ ๒ ให้คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการของโรงเรียนระดมความคิดเห็นจากชุมชน คณะครู ผู้ปกครอง และนักเรียนก าหนดเป็นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตัวชี้วัด เกณฑ์การประเมินแนว ปฏิบัติในการวัดและประเมินผล น าเสนอคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานให้ความเห็นชอบและ ประกาศให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ ข้อ ๓ ให้โรงเรียนแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาและประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ประกอบด้วยผู้แทนข้าราชการครู ผู้ปกครองและผู้แทนของชุมชน มีหน้าที่ดังต่อไปนี้ ๑) ก าหนดเป้าหมายของการพัฒนา ๒) ก าหนดกิจกรรมพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ทั้งในและนอกห้องเรียน ๓) ด าเนินการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ให้เกิดแก่ผู้เรียน


๑๒๘ ๔) ด าเนินการประเมินผลคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน ๕) ด าเนินการจัดกิจกรรมซ่อมเสริม เพื่อปรับปรุงแก้ไขกรณีผู้เรียนไม่ผ่านการประเมิน ๖) ให้ข้อเสนอแนะในการพัฒนาปรับปรุงคุณลักษณะอันพึงประสงค์ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ข้อ ๔ โรงเรียนก าหนดระดับคุณภาพคุณลักษณะอันพึงประสงค์ไว้ดังนี้ ดีเยี่ยม หมายถึง ผู้เรียนปฏิบัติตนตามคุณลักษณะจนเป็นนิสัย และน าไปใช้ใน ชีวิตประจ าวันเพื่อประโยชน์สุขของตนเองและสังคม โดยพิจารณาจากผลการประเมินระดับดีเยี่ยม จ านวน ๕ – ๘ คุณลักษณะและไม่มีคุณลักษณะใดได้ผลการประเมินต่ ากว่าระดับดี ดี หมายถึง ผู้เรียนมีคุณลักษณะในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ เพื่อให้เป็นการยอมรับ ของสังคม โดยพิจารณาจาก ๑) ได้ผลการประเมินระดับดีเยี่ยม จ านวน ๑ – ๔ คุณลักษณะและไม่มี คุณลักษณะใดได้ผลการประเมินต่ ากว่าระดับดี หรือ ๒) ได้ผลการประเมินระดับดีเยี่ยม จ านวน ๔ คุณลักษณะ และไม่มี คุณลักษณะใดได้ผลการประเมินต่ ากว่าระดับผ่าน หรือ ๓) ได้ผลการประเมินระดับดี จ านวน ๕ – ๘ คุณลักษณะ และไม่มี คุณลักษณะใดได้ผลการประเมินต่ ากว่าระดับผ่าน ผ่ำน หมายถึง ผู้เรียนรับรู้และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่สถานศึกษาก าหนด โดยพิจารณาจาก ๑) ได้ผลการประเมินระดับผ่าน จ านวน ๕ – ๘ คุณลักษณะและไม่มี คุณลักษณะใดได้ผลการประเมินต่ ากว่าระดับผ่าน หรือ ๒) ได้ผลการประเมินระดับดี จ านวน ๔ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใด ได้ผลการประเมินต่ ากว่าระดับผ่าน ไม่ผ่ำน หมายถึง ผู้เรียนรับรู้และปฏิบัติได้ไม่ครบตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่ สถานศึกษาก าหนด โดยพิจารณาจากผลการประเมินระดับไม่ผ่าน ตั้งแต่ ๑ คุณลักษณะ ข้อ ๕ ให้คณะกรรมการพัฒนาและประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ รายงานผลการประเมิน ให้คณะกรรมการพัฒนาหลักสูตรและงานวิชาการให้ความเห็นชอบ และเสนอให้ผู้บริหารโรงเรียน พิจารณาอนุมัติ ข้อ ๖ การตัดสินผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อเลื่อนช่วงชั้น ผู้เรียนจะต้อง ได้ผลการประเมิน “ ดีเยี่ยม ” “ ดี ” หรือ “ ผ่านเกณฑ์การประเมิน ” จึงจะถือว่า “ ผ่าน ” กรณี ได้ผลการประเมิน “ ไม่ผ่าน ” จะต้องท าการ “ ซ่อมเสริม ” ให้เป็นไปตามประกาศโรงเรียนวัดหนัง เรื่อง ให้ใช้แนวในการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของโรงเรียนวัดหนัง ข้อ ๗ การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ให้ด าเนินการตามประกาศโรงเรียนวัดหนัง เรื่อง ให้ใช้แนวปฏิบัติในการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของโรงเรียนวัดหนัง


๑๒๙ กำรประเมินสมรรถนะส ำคัญ สมรรถนะส าคัญตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มุ่งพัฒนา ผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ ซึ่งการพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุมาตรฐานการเรียนรู้ ที่ก าหนด นั้น ครูผู้สอนต้องจัดการเรียนรู้สอดแทรกตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ให้บรรลุสมรรถนะส าคัญ ทั้ง ๕ ด้าน ได้แก่ ๑) ความสามารถในการสื่อสาร ๒) ความสามารถในการคิด ๓) ความสามารถในการแก้ปัญหา ๔) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๕) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ทั้ง ๘ กลุ่มสาระ และ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน การประเมินสมรรถนะหลักทั้ง ๕ ประการ ไม่ได้กล่าวไว้ในการวัดและประเมินผล เกี่ยวกับการตัดสิน การให้ผลการประเมินและการรายงานผลการเรียน ทั้งในหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน และในหลักสูตรระดับท้องถิ่น ดังนั้นโรงเรียนวัดหนังจึงได้ก าหนดกรอบการ ประเมินสมรรถภาพหลักไว้ดังนี้ ๑. การจัดการเรียนรู้ทั้ง ๘ กลุ่มสาระทุกชั้นเรียนให้สอดแทรกสมรรถนะหลักที่เกี่ยวข้องกับ เนื้อหาสาระ โดยวิเคราะห์จากสาระการเรียนรู้แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ๒. การวัดและประเมินผลทุกกลุ่มสาระที่เกี่ยวข้องกับสมรรถนะหลักต้องสอดคล้องกับตัวชี้วัด โดยให้ก าหนดอยู่ในเกณฑ์การประเมิน (Rubric) ของรายวิชานั้น ๆ เกณฑ์กำรจบกำรศึกษำ เกณฑ์การจบการศึกษาของหลักสูตรโรงเรียนวัดหนัง ก าหนดให้สอดคล้องกับหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ดังนี้ ๑. นักเรียนเรียนรายวิชาพื้นฐาน จ านวน ๕,๐๔๐ ชั่วโมง และมีผลการประเมินรายวิชา พื้นฐานผ่านทุกรายวิชา ๒. นักเรียนต้องมีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนระดับ “ผ่าน” ขึ้นไป ๓. นักเรียนต้องมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ระดับ “ผ่าน” ขึ้นไป ๔. นักเรียนต้องเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และได้รับการตัดสินผลการเรียน “ผ่าน” ทุกกิจกรรม


๑๓๐ เอกสำรหลักฐำนกำรศึกษำ ๑. เอกสำรหลักฐำนกำรศึกษำที่กระทรวงศึกษำธิกำรก ำหนด เอกสารหลักฐานการศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการก าหนดเป็นเอกสารควบคุมและบังคับแบบ เรียกว่า แบบประเมินผลตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ปพ.) จัดท าขึ้นเพื่อการตัดสิน รับรองผลการเรียน และวุฒิการศึกษาของผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ที่ใช้เป็นหลักฐานส าหรับการตรวจสอบ ยืนยัน และรับรองคุณสมบัติทางการศึกษา ของผู้เรียนได้ตลอดไป สถานศึกษาต้องใช้แบบพิมพ์และด าเนินการจัดท าตามที่กระทรวงศึกษาธิการ ก าหนดไว้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ส าหรับการจัดการศึกษาบางประเภทที่เป็นกลุ่มเป้าหมายเฉพาะนั้น อาจมีรูปแบบเอกสาร หลักฐานการศึกษาเป็นการเฉพาะ เอกสารหลักฐานการศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการก าหนด ประกอบด้วย ๑. ระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.๑) ๒. ประกาศนียบัตร (ปพ.๒) ๓. แบบรายงานผู้ส าเร็จการศึกษา (ปพ.๓) รายละเอียดของเอกสารหลักฐานแต่ละประเภท มีดังนี้ ๑) ระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.๑) เป็นเอกสารเพื่อแสดงผลการเรียนและรับรองผล การเรียนของผู้เรียนตามรายวิชา ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ผลการประเมิน คุณลักษณะอันพึงปาระสงค์ของสถานศึกษา และผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สถานศึกษา จะต้องบันทึกข้อมูล และออกเอกสารนี้ให้ผู้เรียนเป็นรายบุคคล เมื่อผู้เรียนจบการศึกษาระดับ ประถมศึกษา (ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖) จบการศึกษาภาคบังคับ (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓) จบการศึกษาขั้น พื้นฐาน (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖) หรือเมื่อลาออกจากสถานศึกษาในทุกกรณี ควำมส ำคัญ ๑. แสดงผลการเรียนของผู้เรียนตามโครงสร้างหลักสูตรของสถานศึกษา ๒. รับรองผลการเรียนของผู้เรียนตามข้อมูลที่บันทึกในเอกสาร ๓. ตรวจสอบผลการเรียนและวุฒิการศึกษาของผู้เรียน ๔. ใช้เป็นหลักฐานการศึกษาเพื่อสมัครเข้าศึกษาต่อ สมัครงานหรือขอรับสิทธิประโยชน์ใดที่พึงมี พึงได้ตามวุฒิการศึกษานั้น ๒) ประกาศนียบัตร (ปพ.๒) เป็นเอกสารแสดงงวุฒิการศึกษาเพื่อรับรองศักดิ์และสิทธิ์ ของผู้จบการศึกษาที่สถานศึกษาให้ไว้แก่ผู้จบการศึกษาภาคบังคับ (ชั้นมะยมศึกษาปีที่ ๓) และผู้ส าเร็จ การศึกษาขั้นพื้นฐาน (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน


๑๓๑ ประกาศนียบัตร (ปพ.๒) ใช้เป็นหลักฐานแสดงและตรวจสอบวุฒิการศึกษา เพื่อ สมัครเข้าศึกษาต่อ สมัครงาน หรือขอรับสิทธิประโยชน์อื่นใดที่พึงมีพึงได้ตามวุฒิการศึกษาแห่ง ประกาศนียบัตรนั้น ๓) แบบรายงานผู้ส าเร็จการศึกษา (ปพ.๓) เป็นเอกสารอนุมัติการจบหลักสูตร โดย บันทึกรายชื่อและข้อมูลของผู้จบการศึกษาระดับประถมศึกษา (ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖) ผู้จบการศึกษา ภาคบังคับ (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓) และผู้จบการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖) ควำมส ำคัญ ๑. ใช้ตัดสินและอนุมัติผลการเรียนของผู้เรียน ๒. แสดงรายชื่อผู้จบหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานแต่ละระดับการศึกษาที่ได้รับการ รับรองวุฒิจากกระทรวงศึกษาธิการ ๓. ใช้ส าหรับตรวจสอบ ค้นหา พิสูจน์ ยืนยันและรับรองวุฒิหรือผลการศึกษาของผู้จบหลักสูตร การศึกษา ๒. เอกสำรหลักฐำนกำรศึกษำที่สถำนศึกษำก ำหนด เอกสารหลักฐานการศึกษาก าหนด เป็นเอกสารที่จัดท าขึ้นเพื่อบันทึกพัฒนาการผลการเรียนรู้ และข้อมูลส าคัญเกี่ยวกับผู้เรียน เช่น แบบบันทึกผลการเรียนประจ ารายวิชา แบบรายงานประจ าตัว นักเรียน ระเบียนสะสม ใบรับรองผลการเรียน และเอกสารอื่น ๆ ตามวัตถุประสงค์ของการน าเอกสาร ไปใช้ ดังนี้ ๒.๑ ปพ.๔ แบบแสดงผลกำรพัฒนำคุณลักษณะพึงประสงค์ เป็นเอกสารรายงานพัฒนาการ หรือสภาพของคุณลักษณะอันพึงประสงค์ แต่ละประการของผู้เรียนตลอดช่วงชั้น ควำมส ำคัญ เป็นหลักฐานในการสมัครเข้าศึกษาต่อในระดับสูง และสมัครเข้าท างานใช้ควบคู่กับเอกสาร (ปพ.๑) ๒.๒ ปพ.๕ เอกสำรแบบบันทึกผลกำรเรียนประจ ำรำยวิชำ เป็นเอกสารบันทึกข้อมูลการวัด และประเมินผลการเรียนรู้ตามตัวบ่งชี้ของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ ผลการประเมินกิจกรรมพัฒนา ผู้เรียน ผลการประเมินการอ่านคิดวิเคราะห์เขียน และผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของ นักเรียนทุกคนในแต่ละห้องเรียน ควำมส ำคัญ ๑. เป็นข้อมูลในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ปรับปรุง แก้ไข และส่งเสริมพัฒนา นักเรียน ๒. เป็นข้อมูลเพื่อพิจารณาตัดสินผลการเรียน ๓. เป็นหลักฐานส าหรับการตอบ ยืนยันสภาพการเรียน การมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ และผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนทุกคน


๑๓๒ ๒.๓ ปพ.๖ เอกสำรแบบรำยงำนประจ ำตัวนักเรียน เป็นเอกสารส าหรับบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับ ผล การเรียนรายวิชา พัฒนาการในด้านต่างๆ และข้อมูลอื่นๆ ของผู้เรียนรายบุคคล เพื่อใช้ส าหรับให้ ผู้ปกครองของผู้เรียนแต่ละคนได้รับทราบผลการเรียน และพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของผู้เรียนอย่าง ต่อเนื่อง ควำมส ำคัญ ๑. รายงานผลการเรียน ความประพฤติ และพัฒนาการของผลเรียนให้ผู้ปกครองได้รับทราบ ๒. ใช้เป็นเอกสารสื่อสาร ประสานงาน เพื่อความร่วมมือในการพัฒนาและปรับปรุง แก้ไขผู้เรียน ๓. เป็นเอกสารหลักฐานส าหรับตรวจสอบ ยืนยัน และรับรองผลการเรียนและพัฒนาการ ต่าง ๆ ของผู้เรียน ๒.๔ ปพ.๗ ใบรับรอง เป็นเอกสารรับรองสถานภาพทางการศึกษาของนักเรียน รับรองผลการ เรียน และอื่น ๆ เป็นการชั่วคราว ทั้งกรณีนักเรียนยังไม่ส าเร็จการศึกษา และส าเร็จการศึกษาแล้ว โรงเรียนสามารถออกให้กับนักเรียนทุกระดับชั้น ควำมส ำคัญ ๑. รับรองความเป็นนักเรียนของสถานศึกษาที่เรียนหรือเคยเรียน ๒. รับรองและแสดงความรู้ วุฒิการศึกษาของผู้เรียน ๓. ใช้เป็นหลักฐานแสดงคุณสมบัติของผู้เรียนในการสมัครเข้าศึกษาต่อ สมัครเข้าท างาน หรือเมื่อกรณีอื่นใดที่ผู้เรียนแสดงคุณสมบัติเกี่ยวกับวุฒิความรู้ หรือสถานการณ์เป็นผู้เรียนของตน ๔. เป็นหลักฐานส าหรับการตรวจสอบ รับรอง ยืนยันการใช้สิทธิ์ความเป็นผู้เรียน หรือการ ได้รับการรับรองจากสถานศึกษา ๒.๕ ปพ.๘ เอกสำระเบียนสะสม เป็นเอกสารบันทึกข้อมูลนักเรียนด้านต่าง ๆ เช่น สถานภาพครอบครัว สถานภาพเศรษฐกิจ การเดินทางมาโรงเรียน พัฒนาการด้านต่าง ๆ ข้อมูล เกี่ยวกับสุขภาพและอื่น ๆ ของนักเรียนเป็นรายบุคคล ควำมส ำคัญ ๑. ใช้เป็นข้อมูลในการแนะแนวทางการศึกษาและการประกอบอาชีพของผู้เรียน ๒. ใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนาปรับปรุงบุคลิกภาพ ผลการเรียนและการปรับตัวของผู้เรียน ๓. ใช้ติดต่อสื่อสาร รายงานพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนระหว่างสถานศึกษากับผู้ปกครอง ๔. ใช้เป็นหลักฐานส าหรับการตรวจสอบ รับรอง และยืนยันคุณสมบัติของผู้เรียน


๑๓๓ ภำคผนวก


๑๓๔ สำระและมำตรฐำนกำรเรียนรู้ โรงเรียนวัดหนัง ก าหนดสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ใน ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ดังนี้ ภำษำไทย สำระที่ ๑ กำรอ่ำน มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อน าไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการ ด าเนินชีวิตและมีนิสัยรักการอ่าน สำระที่ ๒ กำรเขียน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวในรูปแบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่าง มีประสิทธิภาพ สำระที่ ๓ กำรฟัง กำรดู และกำรพูด มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และ ความรู้สึกในโอกาสต่างๆ อย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์ สำระที่ ๔ หลักกำรใช้ภำษำไทย มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลังของ ภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ สำระที่ ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า และน ามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง


๑๓๕ คณิตศำสตร์ สำระที่ ๑ จ ำนวนและพีชคณิต มาตรฐาน ค ๑.๑ เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจ านวน ระบบจ านวน การด าเนินการของ จ านวนผลที่เกิดขึ้นจากการด าเนินการ สมบัติของการด าเนินการ และน าไปใช้ มาตรฐาน ค ๑.๒ เข้าใจและวิเคราะห์แบบรูป ความสัมพันธ์ ฟังก์ชัน ล าดับและอนุกรม และ น าไปใช้ มาตรฐาน ค ๑.๓ ใช้นิพจน์ สมการ และอสมการ อธิบายความสัมพันธ์ หรือช่วยแก้ปัญหา ที่ก าหนดให้ สำระที่ ๒ กำรวัดและเรขำคณิต มาตรฐาน ค ๒.๑ เข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับการวัด วัดและคาดคะเนขนาดของสิ่งที่ต้องการวัด และน าไปใช้ มาตรฐาน ค ๒.๒ เข้าใจและวิเคราะห์รูปเรขาคณิต สมบัติของรูปเรขาคณิต ความสัมพันธ์ระหว่าง รูปเรขาคณิตและทฤษฎีบททางเรขาคณิต และน าไปใช้ มำตรฐำน ค ๓ สถิติและควำมน่ำจะเป็น มาตรฐาน ค ๓.๑ เข้าใจกระบวนการทางสถิติและใช้ความรู้ทางสถิติในการแก้ปัญหา มาตรฐาน ค ๓.๒ เข้าใจหลักการนับเบื้องต้น ความน่าจะเป็นและน าไปใช้ วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี สำระที่ ๑ วิทยำศำสตร์ชีวภำพ มาตรฐาน ว ๑.๑ เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิต กับ สิ่งมีชีวิต และความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การเปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของ ประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งน าความรู้ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว ๑.๒ เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การล าเลียงสารเข้า และ ออกจากเซลล์ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์ และมนุษย์ที่ท างานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ ของ อวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ท างานสัมพันธ์กัน รวมทั้งน าความรู้ไปใช้ประโยชน์


๑๓๖ มาตรฐาน ว ๑.๓ เข้าใจกระบวนการและความส าคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความหลากหลาย ทางชีวภาพและวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต รวมทั้งน าความรู้ไปใช้ประโยชน ์ สำระที่ ๒ วิทยำศำสตร์กำยภำพ มาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของ สสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของ การเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิด ปฏิกิริยา เคมี มาตรฐาน ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจ าวัน ผลของแรงที่กระท าต่อวัตถุ ลักษณะ การเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุรวมทั้งน าความรู้ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว ๒.๓ เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจ าวัน ธรรมชาติของ คลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งน า ความรู้ไปใช้ประโยชน์ สำระที่ ๓ วิทยำศำสตร์โลก และอวกำศ มาตรฐาน ว ๓.๑ เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซีดาวฤกษ์และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะ ที่ส่งผล ต่อสิ่งมีชีวิต และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๒ เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลง ภายในโลก และบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้า อากาศและภูมิอากาศโลก รวมทั้งผลต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม สำระที่ ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๔.๑ เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการด ารงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์และ ศาสตร์ อื่น ๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการ ออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม โดยค านึงถึง ผลกระทบต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม


๑๓๗ มาตรฐาน ว ๔.๒ เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงค านวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็น ขั้นตอนและเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การท างาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้เท่าทัน และมีจริยธรรม การแก้ปัญหา รู้ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มีรูปแบบที่ แน่นอน สามารถอธิบายและตรวจสอบได้ ภายใต้ข้อมูลและเครื่องมือที่มีอยู่ใน ช่วงเวลานั้นๆ เข้าใจว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และสิ่งแวดล้อม มีความ เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน สังคมศึกษำ ศำสนำและวัฒนธรรม สำระที่ ๑ ศำสนำ ศีลธรรม จริยธรรม มาตรฐาน ส ๑.๑ รู้ และเข้าใจประวัติ ความส าคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือ ศาสนาที่ตนนับถือและศาสนาอื่น มีศรัทธาที่ถูกต้อง ยึดมั่น และปฏิบัติตาม หลักธรรม เพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข มาตรฐาน ส ๑.๒ เข้าใจ ตระหนักและปฏิบัติตนเป็นศาสนิกชนที่ดีและธ ารงรักษา พระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือ สำระที่ ๒ หน้ำที่พลเมือง วัฒนธรรม และกำรด ำเนินชีวิตในสังคม มาตรฐาน ส ๒.๑ เข้าใจและปฏิบัติตนตามหน้าที่ของการเป็นพลเมืองดี มีค่านิยมที่ดีงาม และ ธ ารงรักษาประเพณีและวัฒนธรรมไทย ด ารงชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมไทย และ สังคมโลกอย่างสันติสุข มาตรฐาน ส ๒.๒ เข้าใจระบบการเมืองการปกครองในสังคมปัจจุบัน ยึดมั่น ศรัทธา และธ ารง รักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข สำระที่ ๓ เศรษฐศำสตร์ มาตรฐาน ส.๓.๑ เข้าใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากรในการผลิตและการบริโภคการใช้ ทรัพยากรที่มีอยู่จ ากัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า รวมทั้งเข้าใจ หลักการของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อการด ารงชีวิตอย่างมีดุลยภาพ มาตรฐาน ส.๓.๒ เข้าใจระบบ และสถาบันทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ และความจ าเป็นของการร่วมมือกันทางเศรษฐกิจในสังคมโลก


๑๓๘ สำระที่ ๔ ประวัติศำสตร์ มาตรฐาน ส ๔.๑ เข้าใจความหมาย ความส าคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถ ใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์มาวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆ อย่างเป็นระบบ มาตรฐาน ส ๔.๒ เข้าใจพัฒนาการของมนุษยชาติจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ในด้านความสัมพันธ์และ การเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง ตระหนักถึงความส าคัญและ สามารถวิเคราะห์ผลกระทบที่เกิดขึ้น มาตรฐาน ส ๔.๓ เข้าใจความเป็นมาของชาติไทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย มีความรัก ความ ภูมิใจและธ ารงความเป็นไทย สำระที่ ๕ ภูมิศำสตร์ มาตรฐาน ส ๕.๑ เข้าใจลักษณะทางกายภาพของโลกและความสัมพันธ์ของสรรพสิ่งซึ่งมีผลต่อกัน ใช้แผนที่และเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ในการค้นหา วิเคราะห์และสรุปข้อมูล ตามกระบวนการทางภูมิศาสตร์ตลอดจนใช้ภูมิสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ส ๕.๒ เข้าใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมทางกายภาพที่ก่อให้เกิดการ สร้างสรรค์วิถีการด าเนินชีวิต มีจิตส านึกและมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากร และสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน สุขศึกษำและพลศึกษำ สำระที่ ๑ กำรเจริญเติบโตและพัฒนำกำรของมนุษย์ มาตรฐาน พ ๑.๑ เข้าใจธรรมชาติของการเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ สำระที่ ๒ ชีวิตและครอบครัว มาตรฐาน พ ๒.๑ เข้าใจและเห็นคุณค่าตนเอง ครอบครัว เพศศึกษา และมีทักษะในการด าเนิน ชีวิต สำระที่ ๓ กำรเคลื่อนไหว กำรออกก ำลังกำย กำรเล่นเกม กีฬำไทย และกีฬำสำกล มาตรฐาน พ ๓.๑ เข้าใจ มีทักษะในการเคลื่อนไหว กิจกรรมทางกาย การเล่นเกม และกีฬา มาตรฐาน พ ๓.๒ รักการออกก าลังกาย การเล่นเกม และการเล่นกีฬา ปฏิบัติเป็นประจ าอย่าง สม่ าเสมอ มีวินัย เคารพสิทธิ กฎ กติกา มีน้ าใจนักกีฬา มีจิตวิญญาณในการ แข่งขัน และชื่นชมในสุนทรียภาพของการกีฬา


๑๓๙ สำระที่ ๔ กำรสร้ำงเสริมสุขภำพ สมรรถภำพและกำรป้องกันโรค มาตรฐาน พ ๔.๑ เห็นคุณค่าและมีทักษะในการสร้างเสริมสุขภาพ การด ารงสุขภาพ การป้องกัน โรคและการสร้างเสริมสมรรถภาพเพื่อสุขภาพ สำระที่ ๕ ควำมปลอดภัยในชีวิต มาตรฐาน พ ๕.๑ ป้องกันและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ อุบัติเหตุ การใช้ยา สารเสพติด และความรุนแรง ศิลปะ สำระที่ ๑ ทัศนศิลป์ มาตรฐาน ศ ๑.๑ สร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ตามจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่างานทัศนศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดต่องานศิลปะ อย่างอิสระ ชื่นชม และประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ าวัน มาตรฐาน ศ ๑.๒ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างทัศนศิลป์ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณค่า งานทัศนศิลป์ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทย และ สากล สำระที่ ๒ ดนตรี มาตรฐาน ศ ๒.๑ เข้าใจและแสดงออกทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่า ดนตรี ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดต่อดนตรีอย่างอิสระ ชื่นชม และประยุกต์ใช้ ในชีวิตประจ าวัน มาตรฐาน ศ ๒.๒ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างดนตรี ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณค่าของ ดนตรีที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทยและสากล สำระที่ ๓ นำฏศิลป์ มาตรฐาน ศ ๓.๑ เข้าใจ และแสดงออกทางนาฏศิลป์อย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ คุณค่านาฏศิลป์ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดอย่างอิสระ ชื่นชม และประยุกต์ใช้ ในชีวิตประจ าวัน มาตรฐาน ศ ๓.๒ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างนาฏศิลป์ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เห็นคุณค่า ของนาฏศิลป์ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทยและสากล


๑๔๐ กำรงำนอำชีพ สำระที่ ๑ กำรด ำรงชีวิตและครอบครัว มาตรฐาน ง๑.๑ เข้าใจการท างาน มีความคิดสร้างสรรค์ มีทักษะกระบวนการท างาน ทักษะ การจัดการ ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา ทักษะการท างานร่วมกัน และทักษะ การแสวงหาความรู้ มีคุณธรรม และลักษณะนิสัยในการท างาน มีจิตส านึก ในการใช้พลังงาน ทรัพยากร และสิ่งแวดล้อมเพื่อการด ารงชีวิตและครอบครัว สำระที่ ๒ กำรอำชีพ มาตรฐาน ง ๒.๑ เข้าใจ มีทักษะที่จ าเป็น มีประสบการณ์ เห็นแนวทางในงานอาชีพ ใช้เทคโนโลยีเพื่อ พัฒนาอาชีพ มีคุณธรรม และมีเจตคติที่ดีต่ออาชีพ ภำษำต่ำงประเทศ (ภำษำอังกฤษ) สำระที่ ๑ ภำษำเพื่อกำรสื่อสำร มาตรฐาน ต ๑.๑ เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความ คิดเห็นอย่างมีเหตุผล มาตรฐาน ต ๑.๒ มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต ๑.๓ น าเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ โดย การพูดและการเขียน สำระที่ ๒ ภำษำและวัฒนธรรม มาตรฐาน ต ๒.๑ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และน าไปใช้ ได้อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ มาตรฐาน ต ๒.๒ เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา กับภาษาและวัฒนธรรมไทย และน ามาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม สำระที่ ๓ ภำษำกับควำมสัมพันธ์กับกลุ่มสำระกำรเรียนรู้อื่น มาตรฐาน ต ๓.๑ ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และเป็น พื้นฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิดโลกทัศน์ของตน


๑๔๑ สำระที่ ๔ ภำษำกับควำมสัมพันธ์กับชุมชนและโลก มาตรฐาน ต ๔.๑ ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม มาตรฐาน ต ๔.๒ ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก รำยวิชำเพิ่มเติมภำษำอังกฤษเพื่อกำรสื่อสำร ผลกำรเรียนรู้ ๑. เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็นอย่าง มีเหตุผล ๒. ทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ ๓ เสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ โดยการพูดและการเขียน รำยวิชำเพิ่มเติมภำษำจีน ผลกำรเรียนรู้ ๑. เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล ๒. มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และ ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ ๓. น าเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ โดยการพูดและการเขียน ๔. เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และน าไปใช้ได้อย่าง เหมาะสมกับกาลเทศะ ๕. เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับภาษา และวัฒนธรรมไทย และน ามาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ๖. ใช้ภาษาจีนในการเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และเป็นพื้นฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้และเปิดโลกทัศน์ของตน ๗. ใช้ภาษาต่างจีนในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม ๘. ใช้ภาษาจีนเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และการแลกเปลี่ยน เรียนรู้กับสังคมโลก


๑๔๒ กำรจัดกำรเรียนรู้ ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553 มาตรา ๒๒ ก าหนดแนวทางในการจัดการศึกษาไว้ว่า การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่า ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่า ผู้เรียนส าคัญที่สุด การจัดการเรียนรู้มีเป้าหมายที่คุณภาพของนักเรียน ให้มีลักษณะเป็นคนเก่ง เป็นคนดี และมีความสุข มีทักษะทางการคิด มีพัฒนาการทางอารมณ์ เห็นคุณค่าของตนเอง เห็นอกเห็นใจผู้อื่น สามารถแก้ปัญหาทางอารมณ์ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม คิดแบบองค์รวมและคิดสร้างสรรค์ สังคมโลก บทบำทผู้บริหำรและครูผู้สอน ในการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ ครูผู้สอนและผู้บริหารมีบทบาทเป็นผู้อ านวยความ สะดวก ช่วยเหลือ ส่งเสริม สนับสนุนให้นักเรียนแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเอง โดยมียุทธศำสตร์ ที่ส ำคัญคือนักเรียนต้องได้เรียนรู้จำกกำรลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง จำกสื่อและแหล่งเรียนที่ หลำกหลำย หลักกำรเพื่อกำรจัดกำรเรียนรู้ ๑. นักเรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเอง ๒. นักเรียนมีการเรียนรู้ร่วมกัน ๓. นักเรียนได้เรียนรู้จากธรรมชาติ ๔. นักเรียนได้เรียนรู้จากการปฏิบัติจริง ๕. นักเรียนเรียนรู้แบบองค์รวม โดยการบูรณาการเรียนรู้ ๖. นักเรียนได้รับการจัดการให้มีการเรียนรู้ควบคู่กับการปลูกฝังคุณธรรม กระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ ในการจัดการเรียนรู้ มีหลักส าคัญที่ต้องค านึงไว้ ๒ ประการ ๑. การจัดการเรียนรู้ที่เป็นผู้เรียนเป็นส าคัญ เน้นการรู้จักเด็กเป็นรายบุคคล การพัฒนาเด็กตาม ศักยภาพของอัจฉริยภาพเชิงพหุปัญญา (Multiple Intelligences) ๘ ด้าน คือ ด้านเหตุผล ภาษา ศิลปะ กายสัมพันธ์ ดนตรี มนุษย์สัมพันธ์ เข้าใจตนเองและเข้าใจชีวิต เข้าใจธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม ๒. การจัดการเรียนรู้เน้นความส าคัญของผู้เรียนควบคู่ไปกับธรรมชาติวิทยา ให้เด็กได้เรียนรู้ทั้ง หลักการ วิธีการเรียนรู้ และคุณธรรมที่จะเกิดตามธรรมชาติของวิชาปลูกฝังไว้ในตัวนักเรียน จนเป็น บุคลิกภาพ มีคุณลักษณะที่มุ่งหวังให้เกิดตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ทั้ง ๘ กลุ่ม


๑๔๓ แนวทำงกำรด ำเนินกำรจัดกระบวนกำรเรียนรู้ ๑. วางแผนการโดยศึกษาวิเคราะห์ มาตรฐานการศึกษาชาติ มาตรฐานการเรียนรู้การศึกษาขั้น พื้นฐาน มาตรฐานการเรียนรู้ช่วงชั้น จัดท าเป็นผลการเรียนรู้ที่คาดหวังรายปี เพื่อจัดท าสาระการเรียนรู้ ตามหลักสูตร ๒. ศึกษากระบวนการเรียนรู้ตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ทั้ง ๘ กลุ่ม ที่เป็นกระบวนการเรียนรู้ ทั่วไป และกระบวนการเรียนรู้เฉพาะ ๓. ออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้ตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ทั้ง ๘ กลุ่ม ๔. ด าเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นเด็กเป็นส าคัญ ตามหลักการปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ ๑. ตรวจสอบ ทบทวน ประเมินผลการด าเนินการและใช้ผลการประเมิน เพื่อวางแผน พัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ต่อไป ๒. รายงานผลการด าเนินการต่อกรรมการบริหารหลักสูตร และงานวิชาการโรงเรียน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน กำรบูรณำกำร การจัดการเรียนรู้แบบบูรณ าการเป็นหลักการส าคัญอย่างหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ที่สามารถจัดได้หลายลักษณะ ๑. การบูรณาการภายในศาสตร์ เป็นการสอนภายในกลุ่มสาระเดียวกัน จะมีการเชื่อมโยง เนื้อหาทักษะกระบวนการต่าง ๆ ในกลุ่มสาระ เน้นกระบวนการเรียนรู้ จริยธรรม ปลูกฝังให้เกิด คุณลักษณะนิสัยตามธรรมชาติของกลุ่มสาระนั้น ผู้สอนคนเดียวสามารถจัดการเรียนรู้ได้ ๒. การบูรณาการแบบคู่ขนาน เป็นการเชื่อมโยง เนื้อหาสาระ กระบวนการและคุณธรรม ของ ๒ กลุ่มสาระ เพื่อยืดหยุ่นในการเรียนรู้ อาจใช้วิธียึดหัวข้อเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นหลัก ครูผู้สอน ตั้งแต่สองคนขึ้นไป หรือครูผู้สอนที่รับผิดชอบการจัดการเรียนรู้มากกว่า ๑ กลุ่มสาระ ฯ สามารถ ด าเนินการได้ ๓. การบูรณาการแบบสหวิทยาการ เป็นการออกแบบการเรียนรู้ในลักษณะองค์รวม ใช้แกน ของเรื่อง (Thematic approach) เชื่อมโยงกระบวนการคิด กระบวนการปฏิบัติของหลายกลุ่มสาระ การเรียนรู้ อาจใช้เวลา ๒ - ๓ วัน ๒ - ๓ สัปดาห์ หรือมากกว่านี้ ๔. วันแห่งบูรณาการ เป็นการจัดการเรียนรู้ที่ก าหนดในวันใดวันหนึ่ง จัดการเรียนรู้เพื่อฝึก ประสบการณ์ใช้หลักกระบวนการต่าง ๆ หรือค้นหาประเด็นความรู้ให้นักเรียนได้รู้และมีความสามารถ มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ มีคุณธรรม จริยธรรม


๑๔๔ แนวกำรจัดกำรเรียนรู้ในแต่ละชั้นปี ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ - ๓ โรงเรียนจัดการเรียนรู้ครบกลุ่มสาระ เน้นกลุ่มสาระการเรียน ภาษาไทย และคณิตศาสตร์เป็นส าคัญ ให้นักเรียนด้วยความสนุก มีความสุข ได้ปฏิบัติจริง เพื่อพัฒนา ความเป็นมนุษย์ ทักษะพื้นฐานการติดต่อสื่อสารในการคิดค านวณ การคิดวิเคราะห์และพัฒนาลักษณะ นิสัยและสุนทรียภาพ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ - ๖ การจัดการเรียนรู้คล้ายชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๓ โดยจัด กิจกรรมเพื่อฝึกทักษะการท างานเป็นกลุ่ม ให้นักเรียนมีทักษะในการคิด การค้นคว้า แสวงหาความรู้ สร้างความรู้ด้วย ตนเอง สร้างสรรค์ผลงาน จัดท าโครงงานเพื่อการน าเสนอผลงานและมีการแลกเปลี่ยน เรียนรู้กับผู้อื่น กำรจัดกำรเรียนรู้เน้นสมรรถนะหลักทั้ง ๕ ข้อ คือ ๑. ควำมสำมำรถในกำรสื่อสำร หมายถึง ใช้ภาษาถ่ายทอดความคิด ความรู้ ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเอง เพื่อเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการ พัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลดปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับ หรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้วิธีการสื่อสาร ที่มี ประสิทธิภาพโดยค านึงถึงผลกระทบที่มีต่อตนเองและสังคม ๒. ควำมสำมำรถในกำรคิด หมายถึง รู้จักคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ คิดอย่างสร้างสรรค์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ และคิดเป็นระบบ เพื่อน าไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศ เพื่อการ ตัดสินใจเกี่ยวกับตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม ๓. ควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำ หมายถึง เข้าใจความสัมพันธ์และการเปลี่ยนแปลงของ เหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกัน และแก้ไขปัญหา ได้ อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ รวมทั้งตัดสินใจที่มี ประสิทธิภาพ โดยค านึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อตนเอง สังคมและสิ่งแวดล้อม ๔. ควำมสำมำรถในกำรใช้ทักษะชีวิต หมายถึง ใช้กระบวนการต่าง ๆ ในการด าเนิน ชีวิตประจ าวัน เรียนรู้ด้วยตนเอง ต่อเนื่อง ท างานและอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยการสร้างเสริม ความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล จัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม รู้จักปรับตัวให้ ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมสภาพแวดล้อม และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ที่ส่งผลกระทบ ต่อตนเองและผู้อื่น ๕. ควำมสำมำรถในกำรใช้เทคโนโลยี หมายถึง รู้จักเลือกและใช้เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ ทักษะ กระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคมในด้านการเรียนรู้ การสื่อสารการท างาน การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ถูกต้อง เหมาะสมและมีคุณธรรม


๑๔๕ หลักกำรจัดกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือและพัฒนำผู้เรียน การจัดกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือและพัฒนาผู้เรียน มีความส าคัญต่อการพัฒนา ให้ผู้เรียน รู้จัก และเข้าใจตนเอง ป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน และการเสริมสร้างพัฒนาการทุกด้านให้แก่ ผู้เรียน โดยมีหลักการจัดดังนี้ ๑. จัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาความต้องการและธรรมชาติของผู้เรียนยังไม่ คุ้นเคยกับระบบการเรียนและต้องปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ ส าหรับจะออกไปประกอบอาชีพ เนื้อหาสาระ ๒. จัดกิจกรรมเพื่อผู้เรียนทุกคนในสถานศึกษา และครอบคลุมเนื้อหาสาระด้านการพัฒนา ตนเองการศึกษาและอาชีพการจัดกิจกรรมควรจัดเพื่อผู้เรียนทุกคน มิใช่เฉพาะผู้เรียนที่มีปัญหาเท่านั้น เพราะกิจกรรมเพื่อพัฒนาผู้เรียนควรจะมีทั้งการป้องกัน แก้ไขและเสริมสร้างให้ผู้เรียนแต่ละคนมีความ เจริญงอกงามใน ทุก ๆ ด้าน และต้องจัดอย่างต่อเนื่องให้ครอบคลุมทั้งด้านการพัฒนาตนเอง ด้าน การศึกษาและอาชีพ ๓. ให้ครูทุกคนมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรม โดยมีครูแนะแนวหรือครูผู้ปฏิบัติหน้าที่ แนะแนวท าหน้าที่ประสานงาน โรงเรียนยึดถือเป็นหลักการว่า กิจกรรมแนะแนวเป็นหน้าที่รับผิดชอบ ของครูทุกคนที่จะต้องให้ความร่วมมือและสนับสนุน และอ านวยให้การจัดกิจกรรมด าเนินไปด้วยความ สะดวกและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูที่ปรึกษาหรือครูประจ าชั้น โรงเรียนด าเนินการด้วยวิธีการต่าง ๆ ได้แก่ ประชุมชี้แจง แจกเอกสารให้ครูทุกคนใน สถานศึกษาท าความเข้าใจ เห็นความส าคัญของการจัดกิจกรรม ตลอดจนผลที่ผู้เรียนและครูจะได้รับจาก กิจกรรมนี้ เพื่อให้เกิดความร่วมมือและได้รับการสนับสนุนจากบุคลากรทุกฝ่าย วัตถุประสงค์กำรจัดกำรแนะแนวเพื่อช่วยเหลือและพัฒนำผู้เรียน การจัดการแนะแนวเพื่อช่วยเหลือและพัฒนาผู้เรียน มีจุดมุ่งหมายเพื่อที่จะส่งเสริมพัฒนาการ ด้านต่าง ๆ ของผู้เรียนทั้งในด้านการศึกษา อาชีพและบุคลิกภาพ นอกเหนือจากการเรียนการสอนวิชา ปกติของครู ซึ่งแตกต่างจากการเรียนการสอนปกติ โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้ ๑. เพื่อให้ผู้เรียนค้นพบความถนัด ความสามารถ และความสนใจของตนเอง ๒. เพื่อให้ผู้เรียนได้รับรู้ข้อมูล ข่าวสาร ด้านการศึกษา และอาชีพ เพื่อน าไปวางแผนศึกษาต่อ และเลือกอาชีพที่เหมาะสมสอดคล้องกับความถนัดและความสนใจของตน ๓. เพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาบุคลิกภาพ และสามารถปรับตนอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ๔. เพื่อเสริมสร้างคุณธรรมและจริยธรรม และปลูกฝังค่านิยมที่เป็นพื้นฐานแก่ผู้เรียน ๕. เพื่อเสริมสร้างให้ผู้เรียนมีความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ ความคิดสร้างสรรค์และ มีเจตคติที่ดีต่อสัมมาชีพทุกชนิด


Click to View FlipBook Version