5. กิจกรรมการเรียนรู้ รหัสวิชา 20104-2114 รายวิชา ชื่อหน่วย กิจกรรม ชนิดของโคมไฟฟ้า ขั้นสรุป 6. ครูและนักศึกษาร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัด แบบทดสอบหลังเรียน และร่วมอภิปราย สรุปบทเรียน 7. มอบหมายงานให้นักเรียน ไปศึกษาบท ถัดไป มาล่วงหน้า ก่อนเรียนในสัปดาห์ถัดไป 8. ครูบันทึกหลังการสอน เพื่อนำปัญหาที่ เกิดขึ้นไปแก้ไข หรือเป็นข้อมูลในการแก้ไข ปัญหาครั้งต่อไป 1234
การส่องสว่าง (ท-ป-น)......2-0-2............. สื่อ เวลา บูรณาการ 1. หนังสือเรียน 2. Power Point 3. ใบความรู้ 4. Google form 20 นาที 1. บูรณาการหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง งานสวน พฤกษศาสตร์โรงเรียน
6. หลักฐานการเรียนรู้ 6.1 ใบความรู้ เรื่อง ชนิดของโคมไฟฟ้า 6.2 หนังสือเรียน วิชา การส่องสว่าง 6.3 ใบงาน เรื่อง ชนิดของโคมไฟฟ้า 6.4 Google form แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน 6.5 แบบการวัดและประเมินผล 7. การวัดและประเมินผล การวัดผล (ใช้เครื่องมือ) การประเมินผล (นำผลเทียบกับเกณฑ์และแปลความหมาย) 1. แบบฝึกหัดหน่วยที่ 7 เกณฑ์ผ่าน 70% 2. แบบทดสอบหลังเรียน (Post–test) หน่วยที่ 7 เกณฑ์ผ่าน 70% 3. แบบประเมิน คุณธรรม จริยธรรม ตามสภาพจริง เกณฑ์ผ่าน 80%
คำสั่ง ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. จงอธิบายความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะของหลอดไฟฟ้า ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. จงอธิบายการติดตั้งโคมไฟฟ้า ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. จงอธิบายการเลือกลักษณะการใช้งานโคมไฟฟ้า ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. จงอธิบายการกระจายแสงของโคมไฟฟ้า ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… แบบฝึกหัด หน่วยที่ 7 ชื่อวิชา การส่องสว่าง เวลาเรียนรวม 36 คาบ ชื่อหน่วย ชนิดของโคมไฟฟ้า จำนวน 2 คาบ
แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยที่7 ชื่อวิชา การส่องสว่าง เวลาเรียนรวม 36 คาบ ชื่อหน่วย ชนิดของโคมไฟฟ้า จำนวน 2 คาบ/สัปดาห์ คำสั่ง ให้นักเรียนกากบาท × ข้อที่ถูกต้องที่สุด 1. ดวงโคมไฟฟ้าแบ่งออกเป็นกี่ชนิด ก. 2 ชนิด ข. 3 ชนิด ค. 4 ชนิด ง. 5 ชนิด 2. ข้อใดไม่ใช่ชนิดของดวงโคมไฟฟ้า ก. โคมไฟฟ้าตามลักษณะของหลอดไฟฟ้า ข. โคมไฟฟ้าตามลักษณะการติดตั้ง ค. โคมไฟฟ้าตามลักษณะวัตถุที่ใช้ ง. โคมไฟฟ้าตามลักษณะการกระจายแสง 3. หน้าที่ของโคมไฟฟ้าได้สรุปได้กี่ข้อ ก. 2 ข้อ ข. 3 ข้อ ค. 4 ข้อ ง. 5 ข้อ 4. ข้อใดไม่ใช่หน้าที่ของโคมไฟฟ้า ก. ป้องกันน้ำฝน ข. เป็นที่ในการจับยึดหลอดไฟฟ้า ค. บังคับทิศทางของแสงที่ออกมาจาก หลอดไฟฟ้า ง. ให้ความสวยงาม 5. จากรูปเป็นดวงโคมที่ใช้กับหลอดไฟฟ้าชนิดใด ก. ดวงโคมที่ใช้กับหลอดไส้ ข. ดวงโคมที่ใช้กับหลอดฟลูออเรสเซนต์ ค. ดวงโคมที่ใช้กับหลอดดิสชาร์จ HID ง. ถูกทุกข้อ 6. จากรูปเป็นดวงโคมไฟฟ้าที่มีลักษณะการติดตั้ง แบบใด ก. แบบ Surface ข. แบบ Recessed ค. แบบ Pendent ง. แบบติดผนัง 7. จากรูปเป็นโคมไฟฟ้าใช้ในงานอะไร ก. ดวงโคมสำหรับงานอุตสาหกรรม ข. ดวงโคมสำหรับไฟถนน ค. ดวงโคมสำหรับงานพิเศษเฉพาะ ง. ด้วยโคมใช้ภายในอาคาร 8. ข้อใดไม่ใช่ดวงโคมสำหรับงานพิเศษเฉพาะ ก. โคมกันระเบิด ข. โคมไฟกันน้ำ ค. โคมไฟติดตั้งใต้น้ำ ง. โคมไฟฟ้างานอุตสาหกรรม
9. จากรูปเป็นลักษณะการกระจายแสงแบบใด ก. กึ่งกระจายแสงลง ข. กึ่งกระจายแสงรอบด้าน ค. กึ่งการกระจายแสงขึ้นด้านบนและลง ด้านล่าง ง. กึ่งกระจายแสงขึ้นด้านบน 10. จากข้อความ “อัตราส่วนระหว่างปริมาณแสงที่ พุ่งจากดวงโคมลงสู่พื้น กับปริมาณแสงที่พุ่ง จากดวงโคมขึ้นสู่เพดาน” คืออะไร ก. แบบกระจายแสง ข. กระจายแสงรอบด้าน ค. การกระจายแสงขึ้นด้านบนและลง ด้านล่าง ง. กระจายแสงขึ้นด้านบน
แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยที่7 ชื่อวิชา การส่องสว่าง เวลาเรียนรวม 36 คาบ ชื่อหน่วย ชนิดของโคมไฟฟ้า จำนวน 2 คาบ/สัปดาห์ คำสั่ง ให้นักเรียนกากบาท × ข้อที่ถูกต้องที่สุด 1. หน้าที่ของโคมไฟฟ้าได้สรุปได้กี่ข้อ ก. 2 ข้อ ข. 3 ข้อ ค. 4 ข้อ ง. 5 ข้อ 2. ข้อใดไม่ใช่หน้าที่ของโคมไฟฟ้า ก. ป้องกันน้ำฝน ข. เป็นที่ในการจับยึดหลอดไฟฟ้า ค. บังคับทิศทางของแสงที่ออกมาจาก หลอดไฟฟ้า ง. ให้ความสวยงาม 3. ดวงโคมไฟฟ้าแบ่งออกเป็นกี่ชนิด ก. 2 ชนิด ข. 3 ชนิด ค. 4 ชนิด ง. 5 ชนิด 4. ข้อใดไม่ใช่ชนิดของดวงโคมไฟฟ้า ก. โคมไฟฟ้าตามลักษณะของหลอดไฟฟ้า ข. โคมไฟฟ้าตามลักษณะการติดตั้ง ค. โคมไฟฟ้าตามลักษณะวัตถุที่ใช้ ง. โคมไฟฟ้าตามลักษณะการกระจายแสง 5. จากรูปเป็นดวงโคมที่ใช้กับหลอดไฟฟ้าชนิดใด ก. ดวงโคมที่ใช้กับหลอดไส้ ข. ดวงโคมที่ใช้กับหลอดฟลูออเรสเซนต์ ค. ดวงโคมที่ใช้กับหลอดดิสชาร์จ HID ง. ถูกทุกข้อ 6. จากรูปเป็นดวงโคมไฟฟ้าที่มีลักษณะการติดตั้ง แบบใด ก. แบบ Surface ข. แบบ Recessed ค. แบบ Pendent ง. แบบติดผนัง 7. จากรูปเป็นโคมไฟฟ้าใช้ในงานอะไร ก. ดวงโคมสำหรับงานอุตสาหกรรม ข. ดวงโคมสำหรับไฟถนน ค. ดวงโคมสำหรับงานพิเศษเฉพาะ ง. ด้วยโคมใช้ภายในอาคาร 8. ข้อใดไม่ใช่ดวงโคมสำหรับงานพิเศษเฉพาะ ก. โคมกันระเบิด ข. โคมไฟกันน้ำ ค. โคมไฟติดตั้งใต้น้ำ ง. โคมไฟฟ้างานอุตสาหกรรม
9. จากข้อความ “อัตราส่วนระหว่างปริมาณแสงที่พุ่ง จากดวงโคมลงสู่พื้น กับปริมาณแสงที่พุ่ง จากดวงโคมขึ้นสู่เพดาน” คืออะไร ก. แบบกระจายแสง ข. กระจายแสงรอบด้าน ค. การกระจายแสงขึ้นด้านบนและลง ด้านล่าง ง. กระจายแสงขึ้นด้านบน 10. จากรูปเป็นลักษณะการกระจายแสงแบบใด ก. กึ่งกระจายแสงลง ข. กึ่งกระจายแสงรอบด้าน ค. กึ่งการกระจายแสงขึ้นด้านบนและลง ด้านล่าง ง. กึ่งกระจายแสงขึ้นด้านบน
แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ชื่อผู้ประเมิน………………………………………………………………………………………………………………………..…… ชื่อกลุ่มรับการประเมิน……………………………………………………………………………………………………..……….. ประเมินผลครั้งที่……………….……………..วัน……………………...เดือน………………………พ.ศ. …………………… เรื่อง……………………………………………………………………………. ที่ คุณลักษณะ/พฤติกรรมบ่งชี้ ระดับพฤติกรรม คะแนนที่ได้ 3 2 1 1 ระเบียบวินัย - ตรงต่อเวลา - ปฏิบัติตามแผนที่วางไว้ได้ - ปฏิบัติตามข้อตกลงในห้องเรียนอย่างเคร่งครัด 2 รับผิดชอบ - ปฏิบัติตามลำดับขั้นตอนจนนำไปสู่เป้าหมาย - รับผิดชอบงานที่มอบหมายโดยสำเร็จลุล่วง - ไม่ย่อท้อต่อปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน ระดับคะแนน 3 = ดีมาก 2 = ดี 1 = พอใช้ เกณฑ์การให้คะแนน คะแนน 13-18 หมายถึง ดีมาก คะแนน 7-12 หมายถึง ดี คะแนน 1-6 หมายถึง พอใช้
1. สาระสำคัญ โคมไฟ ทำหน้าที่บังคับทิศทางแสงของหลอดไฟให้ไปในทิศทางที่ต้องการ โคมไฟมีใช้กันอย่างแพร่หลาย ขึ้นอยู่กับชนิดของการใช้งาน โดยชนิดของโคมไฟสามารถแบ่งได้ 4 ประเภท ได้แก่ โคมไฟตั้งโต๊ะ โคมไฟดาวน์ไลท์ โคมไฟห้อย และโคมไฟแบบกิ่ง ต้องเลือกให้เหมาะสมกับลักษณะงาน 2. สมรรถนะประจำหน่วย 1. แสดงความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการเลือกใช้โคมไฟฟ้าภายในอาคารและนอกอาคาร 2. เพื่อให้ผู้เรียนมีความตระหนักและเห็นคุณค่าเกี่ยวกับการส่องสว่าง 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ประจำหน่วย จุดประสงค์ทั่วไป 1. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจเกี่ยวกับการเลือกใช้โคมไฟฟ้าภายในอาคารและนอกอาคาร จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจชนิดและคุณสมบัติของโคมไฟฟ้าในอาคาร 2. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจชนิดและคุณสมบัติของโคมไฟฟ้านอกอาคาร 3. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจมาตรฐานและระดับการป้องกันของโคมไฟฟ้า การบูรณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3 ห่วง 1. พอประมาณ ผู้เรียนใช้เวลาในการปฏิบัติงานและการทดลองตามเวลาที่กำหนด 2. มีเหตุผล ผู้เรียนเลือกใช้เครื่องมือในการทดลอง และตรวจสอบสมมติฐานได้อย่างเหมาะสม 3. มีภูมิคุ้มกัน ผู้เรียนมีการวางแผนการปฏิบัติการทดลองอย่างรอบคอบ และระมัดระวัง 2 เงื่อนไข 1. ความรู้ 1.1 รอบรู้ ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดอิสระและไม่อิสระ 1.2 รอบคอบ ผู้เรียนมีเหตุผล และความรอบคอบในการใช้ความรู้ ทฤษฎี และลงมือปฏิบัติ 1.3 ระมัดระวัง ผู้เรียนใช้ความระมัดระวังในการใช้ความรู้ ทฤษฎี และลงมือปฏิบัติงาน 2. คุณธรรม 2.1 ผู้เรียนนาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในการเรียนรู้ และลงมือปฏิบัติงาน 2.2 ผู้เรียนใช้ทรัพยากรในการเรียนรู้อย่างประหยัด และคุ้มค่า แผนจัดการเรียนรู้สัปดาห์ที่ 17-18 ชื่อหน่วย การเลือกใช้โคมไฟฟ้าภายในอาคารและนอกอาคาร ชื่อเรื่อง การเลือกใช้โคมไฟฟ้าภายในอาคารและนอกอาคาร เวลา 4 ชั่วโมง คะแนนเต็ม 10 คะแนน
การบูรณาการสวนพฤกษศาสตร์สถานศึกษา องค์ประกอบที่ 5 เรื่อง การนำไปใช้ประโยชน์ทางการศึกษา ลำดับการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง นำสวน พฤกษศาสตร์โรงเรียนบูรณาการสู่การเรียนการสอน คัดแยกสาระสำคัญ และจัดให้เป็นหมวดหมู่ นำสาระสำคัญที่ ผ่านการวิเคราะห์มาจัดเป็นหมวดหมู่หรือกลุ่มข้อมูล เช่น หมวดชื่อ หมวดรูปลักษณะ หมวดนิเวศน์วิทยา หมวด การขยายพันธุ์ หมวดการใช้ประโยชน์ ฯลฯ
4. สาระการเรียนรู้ หน่วย ที่ ชื่อหน่วย ความรู้5 การเลือกใช้โคมไฟฟ้าภายในอาคารและนอกอาคาร เข้าใจการเลือกใช้โคมไฟฟ้และนอกอาคาร
สอนแล้วเด็กได้อะไร ร้ ทักษะ เจตคติ ฟ้าภายในอาคาร มีความตระหนักและเห็นคุณค่า เกี่ยวกับการส่องสว่าง
5. กิจกรรมการเรียนรู้ รหัสวิชา 20104-2114 รายวิชา ชื่อหน่วย กิจกรรม การเลือกใช้โคมไฟฟ้าภายใน ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน อาคารและนอกอาคาร ทำการเช็คชื่อ ตรวจเครื่องแต่งกาย และอบรมคุณธรรมจริยธรรม ยกตัวอย่างเช่น การตรงต่อเวลา การแต่งกาย การมีวินัยที่ดี อธิบายถึงการเลือกใช้โคมไฟฟ้าให้ เหมาะสม กับงานนั้น ๆ 12ขั้นสอน 1. ให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน 2. ให้ความรู้นักศึกษาเกี่ยวกับการเลือกใช้โคม ไฟฟ้าภายในอาคารและนอกอาคาร 3. ให้นักศึกษา ทำการศึกษาใบความรู้เรื่อง การเลือกใช้โคมไฟฟ้าภายในอาคารฯ 4. ให้นักเรียนทำกิจกรรมในใบงานเรื่องการ เลือกใช้โคมไฟฟ้าภายในอาคารฯ 5. ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดท้ายบท และ แบบทดสอบหลังเรียน 1234
การส่องสว่าง (ท-ป-น)......2-0-2............. สื่อ เวลา บูรณาการ 1. หนังสือเรียน 2. Power Point 20 นาที 1. บูรณาการหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง งานสวน พฤกษศาสตร์โรงเรียน 1. หนังสือเรียน 2. Power Point 3. ใบความรู้ 4. Google form 200 นาที 1. บูรณาการหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง งานสวน พฤกษศาสตร์โรงเรียน
5. กิจกรรมการเรียนรู้ รหัสวิชา 20104-2114 รายวิชา ชื่อหน่วย กิจกรรม ชนิดของโคมไฟฟ้า ขั้นสรุป 6. ครูและนักศึกษาร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัด แบบทดสอบหลังเรียน และร่วมอภิปราย สรุปบทเรียน 7. มอบหมายงานให้นักเรียน ไปศึกษาบท ถัดไป มาล่วงหน้า ก่อนเรียนในสัปดาห์ถัดไป 8. ครูบันทึกหลังการสอน เพื่อนำปัญหาที่ เกิดขึ้นไปแก้ไข หรือเป็นข้อมูลในการแก้ไข ปัญหาครั้งต่อไป 1234
การส่องสว่าง (ท-ป-น)......2-0-2............. สื่อ เวลา บูรณาการ 1. หนังสือเรียน 2. Power Point 3. ใบความรู้ 4. Google form 20 นาที 1. บูรณาการหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง งานสวน พฤกษศาสตร์โรงเรียน
6. หลักฐานการเรียนรู้ 6.1 ใบความรู้ เรื่อง การเลือกใช้โคมไฟฟ้าภายในอาคารและนอกอาคาร 6.2 หนังสือเรียน วิชา การส่องสว่าง 6.3 ใบงาน เรื่อง การเลือกใช้โคมไฟฟ้าภายในอาคารและนอกอาคาร 6.5 Google form แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน 6.4 แบบการวัดและประเมินผล 7. การวัดและประเมินผล การวัดผล (ใช้เครื่องมือ) การประเมินผล (นำผลเทียบกับเกณฑ์และแปลความหมาย) 1. แบบฝึกหัดหน่วยที่ 8 เกณฑ์ผ่าน 70% 2. แบบทดสอบหลังเรียน (Post–test) หน่วยที่ 8 เกณฑ์ผ่าน 70% 3. แบบประเมิน คุณธรรม จริยธรรม ตามสภาพจริง เกณฑ์ผ่าน 80%
คำสั่ง ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. จงอธิบายหลักการให้แสงสว่าง และวิธีการให้แสงสว่างในอาคาร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. จงอธิบายระบบควบคุมแสงสว่างภายในอาคาร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. จงอธิบายความเข้มการส่องสว่างในอาคาร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. จงอธิบายการเลือกใช้หลอดไฟฟ้าภายในอาคาร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. จงอธิบายมาตรฐานยการส่องสว่างไฟสาธารณะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. จงอธิบายข้อดีของการส่องสว่างที่ใช้เสาสูง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… แบบฝึกหัด หน่วยที่ 8 ชื่อวิชา การส่องสว่าง เวลาเรียนรวม 36 คาบ ชื่อหน่วย การเลือกใช้โคมไฟฟ้าภายในอาคารและนอกอาคาร จำนวน 2 คาบ
แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยที่8 ชื่อวิชา การส่องสว่าง เวลาเรียนรวม 36 คาบ ชื่อหน่วย การเลือกใช้โคมไฟฟ้าภายในอาคารและนอกอาคาร จำนวน 2 คาบ/สัปดาห์ คำสั่ง ให้นักเรียนกากบาท × ข้อที่ถูกต้องที่สุด 1. โคมไฟฟลูออเรสเซนต์แบบครีบ เรียกอีกอย่างว่าอะไร ก. FIN LOWVER ข. โคมโรงเรียน ค. โคมตะแกรง ง. โคมเปลื่อย 2. โคมไฟส่องลงหลอดแบบใดใช้กับงานที่ต้องการ ประหยัดพลังงานไฟฟ้า ก. โคมไฟส่องลงหลอดคอมแพคท์ ข. โคมไฟส่องลงหลอดปิงปอง ค. โคมไฟส่องลงหลอด PAR ง. โคมไฟส่องลงหลอดฮาโลเจน 3. โคมไฟส่องลงหลอด PAR 38 ใช้กับฝ้าเพดานสูง ๆ เท่าใด ก. 2-4 เมตร ข. 4-6 เมตร ค. 6-8 เมตร ง. 8-10 เมตร 4. โคมไฟฟลูออเรสเซนต์แบบอุตสาหกรรมใช้กับ ความสูงเพดานไม่เกินเท่าใด ก. 3-7 เมตร ข. 5-7 เมตร ค. 7-8 เมตร ง. 8-9 เมตร 5. สัมประสิทธิ์ตัวสะท้อนแสง เกิดจากคุณสมบัติของ วัสดุใด ก. อะลูมิเนียม ข. เงิน ค. ทองแดง ง. ตะกั่ว 6. โคมไฟส่องลงหลอด GLS ใช้กับเพดานความสูง เท่าใร ก. 1.5-2 เมตร ข. 2.5-3 เมตร ค. 3.5-4 เมตร ง. 4.5-5 เมตร 7. แสงของโคมไฟส่องลงหลอด GLS ให้ความรู้สึกใด ก. อบอุ่น ข. น่าสนใจ ค. ตื่นเต้น ง. ถูกทุกข้อ 8. ข้อใดไมใช่การทดสอบโคมไฟฟ้า ก. การทดสอบทางด้านแสง ข. การทดสอบด้านความร้อน ค. การทดสอบทางด้านคลื่นรบกวนวิทยุ ง. การทดสอบทางด้านคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 9. ข้อใดเป็นการทดสอบกับโคมที่ติดตั้งภายนอก อาคาร ก. การทดสอบทางด้านแสง ข. การทดสอบทางด้านความต้านทาน UV ค. การทดสอบทางด้านคลื่นรบกวนวิทยุ ง. การทดสอบทางด้านคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 10. การทดสอบโคมกันน้ำ มีอุปกรณ์ทดสอบกี่อย่าง ก. 3 อย่าง ข. 4 อย่าง ข. 5 อย่าง ค. 3 อย่าง
แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยที่8 ชื่อวิชา การส่องสว่าง เวลาเรียนรวม 36 คาบ ชื่อหน่วย การเลือกใช้โคมไฟฟ้าภายในอาคารและนอกอาคาร จำนวน 2 คาบ/สัปดาห์ คำสั่ง ให้นักเรียนกากบาท × ข้อที่ถูกต้องที่สุด 1. โคมไฟส่องลงหลอด GLS ใช้กับเพดานความสูง เท่าใร ก. 1.5-2 เมตร ข. 2.5-3 เมตร ค. 3.5-4 เมตร ง. 4.5-5 เมตร 2. แสงของโคมไฟส่องลงหลอด GLS ให้ความรู้สึกใด ก. อบอุ่น ข. น่าสนใจ ค. ตื่นเต้น ง. ถูกทุกข้อ 3. โคมไฟส่องลงหลอด PAR 38 ใช้กับฝ้าเพดานสูงๆ เท่าใด ก. 2-4 เมตร ข. 4-6 เมตร ค. 6-8 เมตร ง. 8-10 เมตร 4. โคมไฟฟลูออเรสเซนต์แบบอุตสาหกรรมใช้กับ ความสูงเพดานไม่เกินเท่าใด ก. 3-7 เมตร ข. 5-7 เมตร ค. 7-8 เมตร ง. 8-9 เมตร 5. สัมประสิทธิ์ตัวสะท้อนแสง เกิดจากคุณสมบัติของ วัสดุใด ก. อะลูมิเนียม ข. เงิน ค. ทองแดง ง. ตะกั่ว 6. โคมไฟฟลูออเรสเซนต์แบบครีบ เรียกอีกอย่างว่า อะไร ก. FIN LOWVER ข. โคมโรงเรียน ค. โคมตะแกรง ง. โคมเปลื่อย 7. โคมไฟส่องลงหลอดแบบใดใช้กับงานที่ต้องการ ประหยัดพลังงานไฟฟ้า ก. โคมไฟส่องลงหลอดคอมแพคท์ ข. โคมไฟส่องลงหลอดปิงปอง ค. โคมไฟส่องลงหลอด PAR ง. โคมไฟส่องลงหลอดฮาโลเจน 8. ข้อใดไมใช่การทดสอบโคมไฟฟ้า ก. การทดสอบทางด้านแสง ข. การทดสอบด้านความร้อน ค. การทดสอบทางด้านคลื่นรบกวนวิทยุ ง. การทดสอบทางด้านคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 9. ข้อใดเป็นการทดสอบกับโคมที่ติดตั้งภายนอก อาคาร ก. การทดสอบทางด้านแสง ข. การทดสอบทางด้านความต้านทาน UV ค. การทดสอบทางด้านคลื่นรบกวนวิทยุ ง. การทดสอบทางด้านคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
10. การทดสอบโคมกันน้ำ มีอุปกรณ์ทดสอบกี่อย่าง ก. 3 อย่าง ข. 4 อย่าง ค. 5 อย่าง ง. 3 อย่าง
แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ชื่อผู้ประเมิน………………………………………………………………………………………………………………………..…… ชื่อกลุ่มรับการประเมิน……………………………………………………………………………………………………..……….. ประเมินผลครั้งที่……………….……………..วัน……………………...เดือน………………………พ.ศ. …………………… เรื่อง……………………………………………………………………………. ที่ คุณลักษณะ/พฤติกรรมบ่งชี้ ระดับพฤติกรรม คะแนนที่ได้ 3 2 1 1 ระเบียบวินัย - ตรงต่อเวลา - ปฏิบัติตามแผนที่วางไว้ได้ - ปฏิบัติตามข้อตกลงในห้องเรียนอย่างเคร่งครัด 2 รับผิดชอบ - ปฏิบัติตามลำดับขั้นตอนจนนำไปสู่เป้าหมาย - รับผิดชอบงานที่มอบหมายโดยสำเร็จลุล่วง - ไม่ย่อท้อต่อปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน ระดับคะแนน 3 = ดีมาก 2 = ดี 1 = พอใช้ เกณฑ์การให้คะแนน คะแนน 13-18 หมายถึง ดีมาก คะแนน 7-12 หมายถึง ดี คะแนน 1-6 หมายถึง พอใช้
ใบความรู้และใบงาน รหัส 20104-2114 วิชา การส่องสว่าง หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2562 ประเภทวิชา ช่างอุตสาหกรรม จัดทำโดย นางสาวจุฑามาศ ทองโคตร ครูสาขาวิชาช่างไฟฟ้ากำลัง สาขางานไฟฟ้า วิทยาลัยเทคนิคมวกเหล็ก สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
สารบัญ เรื่อง หน้า ใบความรู้ที่1เรื่อง.......................................แหล่งกำเนิดแสง(ปฐมนิเทศ)................................................1 ใบงานที่1เรื่อง...........................................แหล่งกำเนิดแสง(ปฐมนิเทศ)................................................4 ใบความรู้ที่2 เรื่อง...............................................การมองเห็น……………………………………………..……….5 ใบงานที่2 เรื่อง...................................................การมองเห็น………………………………………..……….…….8 ใบความรู้ที่3 เรื่อง..............................................หน่วยวัดแสง..............................................................9 ใบงานที่3 เรื่อง..................................................หน่วยวัดแสง..............................................................12 ใบความรู้ที่4 เรื่อง..........................................คุณสมบัติของแสง.........................................................13 ใบงานที่4 เรื่อง..............................................คุณสมบัติของแสง..........................................................16 ใบความรู้ที่5 เรื่อง.................โครงสร้าง ส่วนประกอบ และการนำไปใช้งานของหลอดไฟฟ้า..............17 ใบงานที่5 เรื่อง......................โครงสร้าง ส่วนประกอบ และการนำไปใช้งานของหลอดไฟฟ้า.............22 ใบความรู้ที่6 เรื่อง...............................................ลักษณะการให้แสง...................................................24 ใบงานที่6 เรื่อง...................................................ลักษณะการให้แสง...................................................29 ใบความรู้ที่7เรื่อง................................................ชนิดของโคมไฟฟ้า……………………............................30 ใบงานที่7 เรื่อง...................................................ชนิดของโคมไฟฟ้า……………………............................33 ใบความรู้ที่8 เรื่อง..............การเลือกใช้โคมไฟฟ้าในอาคารและนอกอาคาร(สอบปลายภาค)..............34 ใบงานที่8 เรื่อง..................การเลือกใช้โคมไฟฟ้าในอาคารและนอกอาคาร(สอบปลายภาค)..............36
1 ใบความรู้ที่1 เรื่อง แหล่งกำเนิดแสง เวลา..........4...............ชั่วโมง วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจความหมายของแสง 2. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจประวัติและการค้นพบแสง 3. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจ ชนิดของแหล่งกำเนิดแสง 4. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจ การเปลี่ยนพลังงานของแสง 5. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจ สีของแสง สรุปเนื้อหา ความหมายของแสง คือ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่อยู่ในช่วงความยาวคลื่นที่สายตามนุษย์มองเห็นได้ และจะมีการเคลื่อนที่ในแนวเส้นตรงในตัวกลางชนิดหนึ่ง ๆ 1.1 ชนิดของแหล่งกำเนิดแสง 1.1.1 ดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์อยู่ห่างจากโลกเฉลี่ย 150 ล้านกิโลเมตร โดยที่แสงอาทิตย์มีค่าประมาณ 1,350 วัตต์ ต่อตารางเมตรและประมาณ 75% ของพลังงานแสงนี้จะสามารถทะลุผ่านบรรยากาศโลกสู่พื้นผิวโลกได้ 1.1.2 ดาวฤกษ์ เป็นดาวที่มีแสงสว่างและมีพลังงานในตัวเอง เช่น ดาวพรอกซิมา คนครึ่งม้า (Proxima Centauri) อยู่ห่างจากโลกประมาณ 40 ล้านล้านกิโลเมตร สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าจากซีกโลกด้านใต้ 1.1.3 ดวงจันทร์ แสงจากดวงจันทร์เกิดจากการสะท้อนแสงอาทิตย์ที่ส่องผิวของดวงจันทร์มายังผิวโลก และ เนื่องจากผิวดวงจันทร์มีสัมประสิทธิ์ของการสะท้อนแสงที่ต่ำ ค่าความสว่างจากแสงจันทร์มีค่าประมาณ 2,500 แดนเดลาต่อตารางเมตร 1.1.4 พลังงานต่าง ๆ เป็นลักษณะของการเกิดแสงที่เกิดจากพลังงานต่าง ๆ เช่น แสงจากพลังงานเคมี จากปฏิกิริยาเคมี ในแบตเตอรี่ หรือถ่านไฟฉาย ต่อเข้ากับหลอดไฟ เป็นต้น ซึ่งต้นกำเนิดของแสงสว่างทั่วไปแล้วมักจะมี ความร้อนเกิดขึ้นด้วยเสมอ
2 1.2 การเปลี่ยนพลังงานของแสง พลังงานไฟฟ้า - เซลล์แสงอาทิตย์ (Solar cell) เป็นสิ่งประดิษฐ์ทางอิเล็กทรอนิกส์สามารถเปลี่ยนแสงเป็น พลังงานไฟฟ้า โครงสร้างหลักของเซลล์แสงอาทิตย์ ได้แก่ รอยต่อพีเอ็นของสารกึ่งตัวนำ เช่น ซิลิคอน (Si) ด้านรับแสงจะมีชั้นแพร่ซึม โดยมีการออกแบบให้รอยต่อพีเอ็นตื้น เพื่อให้แสงที่ตกกระทบเชลล์ แสงอาทิตย์ทะลุทะลวงถึงหัวต่อและรวบรวมพาหะนำไฟฟ้าที่เกิดขึ้นให้ได้มากที่สุด - ขั้วไฟฟ้าที่อยู่ด้านรับแสงของเซลล์แสงอาทิตย์จะมีลักษณะเป็นก้างปลา หรือรูปแบบอื่น ๆ เพื่อให้ได้พื้นที่รับแสงมากที่สุด - ชั้นต้านการสะท้อนแสง มีชั้นโลหะออกไซด์เป็นตัวเพิ่มประสิทธิภาพการดูดกลืนแสงให้มากขึ้น โดยมิให้แสงสะท้อนกลับ เราจึงเห็นเซลล์แสงอาทิตย์เป็นสีเงินเข้ม รูปที่ 1.1 ส่วนประกอบเซลล์แสงอาทิตย์ พลังงานกล - แสงเปลี่ยนเป็นพลังงานกลโดยอาศัยหลักการทำงานของโซลาร์เซลล์เปลี่ยนรูปมาเป็นพลังงาน ไฟฟ้ามาขับเคลื่อนมอเตอร์ จากพลังงานไฟฟ้า DC เป็นพลังงานกล - เมื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าไหลผ่านขดลวด จะเกิดการเหนี่ยวนำให้เกิดอำนาจแม่เหล็กและจะดึงดูด กับขั้วแม่เหล็กในมอเตอร์ ทำให้ขดลวดหมุน เกิดพลังงานกลขึ้น มอเตอร์จะหมุนเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กักระแส ไฟฟ้าที่ไหลผ่านขดลวด จำนวนรอบของขดลวด ความแรงของแม่เหล็ก พลังงานเคมี - การสังเคราะห์แสง คือ การใช้พลังงานรังสีจากแสง เปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์และไฮโดรเจน ให้เป็นสารประกอบคาร์โบไฮเดรตหรือน้ำตาล - แสงทำให้เกิดปฏิกิริยาบนแผ่นฟิล์มในการถ่ายภาพ ทำให้ ซิลเวอร์คลอไรด์ ซิลเวอร์โบรไมค์ หรือ ซิลเวอร์ไอโอไดด์ ที่ฉายอยู่บนฟิล์มกลายเป็นซิลเวอร์แบบคอลลอยด์ ซึ่งไม่ละลายในน้ำยาล้างรูป
3 1.3 สีของแสง สีเป็นการรับรู้เกี่ยวกับการมองเห็นของคนเราต่อความยาวคลื่นในย่านต่าง ๆ ของพลังงานแสงที่ ตกกระทบบนชั้นเรตินาในลูกตา ซึ่งคุณสมบัติการกระจายทางสเปกตรัมของวัตถุ จะทำให้เกิดสีเฉพาะของ วัตถุขึ้นมา ความแตกต่างของความยาวคลื่น จะทำให้เกิดความรู้สึกที่ต่างกันของการมองเห็นสี วัตถุจะมองดู แตกต่างกันเมื่ออยู่ภายใต้แสงสีที่ต่างกัน สีของวัตถุจะขึ้นอยู่กับธรรมชาติของแสงที่ตกกระทบวัตถุนั้น การสะท้อนแสงของวัตถุและคุณสมบัติในการตอบสนอง ของตาผู้สังเกต สีของวัตถุขึ้นอยู่กับ ปรากฎการณ์ที่เรียกว่า การดูดกลืนแบบเลือก (Selective absorption)
4 ใบงานที่1 เรื่อง แหล่งกำเนิดแสง เวลา.............2............ชั่วโมง คะแนนเต็ม............20.............คะแนน จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจความหมายของแสง 2. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจประวัติและการค้นพบแสง 3. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจ ชนิดของแหล่งกำเนิดแสง 4. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจ การเปลี่ยนพลังงานของแสง 5. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจ สีของแสง รูปภาพ / วงจร / แผนผัง / แบบ เครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ์ 1. หนังสือเรียน 2. ใบความรู้ 3. ดินสอ/ปากกา ลำดับขั้น การปฏิบัติงาน 1. ให้นักเรียนทำแผนผังความคิดที่เกี่ยวข้องกับความหมายของแสง ประวัติและการ ค้นพบแสง ชนิดของแหล่งกำเนิดแสง การเปลี่ยนพลังงานของแสง และสีของแสง 2. ให้นักเรียนนำเสนอแผนผังความคิดตามเลขที่ 3. นักเรียนนำงานส่งครูให้ตรงตามเวลา ข้อควรระวัง -
5 ใบความรู้ที่2 เรื่อง การมองเห็น เวลา..........4...............ชั่วโมง วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจส่วนประกอบของตากับการมองเห็น 2. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจลักษณะของการมองเห็น 3. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจองค์ประกอบของวัตถุในการมองเห็น 4. เพื่อให้ผู้เรียนอธิบายลักษณะความผิดปกติของสายตา สรุปเนื้อหา 2.1 ส่วนประกอบของตากับการมองเห็น รูปที่2.1 ส่วนประกอบของนัยน์ตา 2.1.1 กระจกตา (Cornea) เป็นเนื้อเยื่อโปร่งใสอยู่ด้านหน้าสุดของนัยน์ตา กระจกตาทำหน้าที่รับ และให้แสงผ่านเข้าไปสู่ภายใน 2.1.2 ม่านตา (Iris) เป็นส่วนที่เป็นสีของนัยน์ตา ซึ่งอาจมีสีดำ สีน้ำตาลหรือสีฟ้า ตามเชื้อชาติ ม่านตาทำหน้าที่ควบคุมการขยายของรูม่านตา เพื่อให้ปริมาณแสงที่ผ่านเข้าไปสู่เลนส์ตา อยู่ในระดับ พอเหมาะ 2.1.3 รูม่านตา (Pupil) เป็นสีดำอยู่ตรงกลางม่านตา ทำหน้าที่เป็นช่องให้แสงผ่านไปสู่เลนส์ตา 2.1.4 กระบอกตา (Sclera) เป็นเยื่อชั้นนอกสุด หนาและเหนียว ทำให้ลูกตาคงรูป มีส่วนประกอบ สำคัญ ได้แก่ ส่วนตาขาวและกระจกตา 2.1.5 จอตา (Retina) เป็นเยื่อชั้นในสุด ทำหน้าที่เป็นจอรับภาพ จอตาประกอบด้วยเซลล์ 2 ชนิด คือ เซลล์รูปแท่ง และเซลล์รูปกรวย 2.1.6 เลนส์ตา (Lens) เป็นเลนส์นูนที่สามารถยึดหยุ่นได้เนื่องจากการหดตัวและคลายตัวของ กล้ามเนื้อยึดเลนส์ตา ทำหน้าที่โฟกัสภาพให้ไปตกบนเรตินา
6 2.1.7 เปลือกตา (Rid) เป็นส่วนที่ปิดเลนส์นัยน์ตา ป้องกันสิ่งสกปรกเศษผงต่าง ๆ เข้าตา 2.1.8 โฟเวีย (Fovea) หรือจุดดวงเหลือง เป็นแอ่งเล็ก ๆ บริเวณจอตาเป็นบริเวณที่มีเซลล์ รูป กรวยอยู่หนาแน่นที่สุด จึงเป็นบริเวณที่เห็นภาพชัดเจนที่สุด 2.1.9จุดบอดแสง (Blind spot) เป็นบริเวณที่เส้นประสาทและเส้นเลือดผ่านเข้าสู่นัยน์ตา ไม่มี เซลล์รูปแท่งและเซลล์รูปกรวยเลย ดังนั้นถ้าแสงตกบริเวณนี้เราจะมองไม่เห็นวัตถุนั้นเลย ตาและการมองเห็นนัยน์ตาเป็นสิ่งที่ทำให้มองเห็นภาพต่าง ๆ โดยแสงจากวัตถุจะละท้อนเข้าสู่ นัยน์ตา ซึ่งนัยน์ตามีลักษณะการทำงานคล้ายคลึงกับกล้องถ่ายรูป 2.2 ลักษณะของการมองเห็น - เมื่อแสงสีสะท้อนจากวัตถุหรือแสงจากแหล่งกำเนิดแสงผ่านเข้าสู่นัยน์ตา ม่านตาจะทำหน้าที่ ปรับแสงให้เข้าสู่นัยน์ตาอย่างอัตโนมัติ - เมื่อแสงเข้าไปสู่เลนส์ตา ๆ จะทำหน้าที่ปรับโฟกัสของแสง เพื่อให้ไปตกที่จอตาอย่างพอเหมาะ ที่จอตาจะไปกระตุ้นเซลล์รับแสงที่อยู่บริเวณจอตา - เซลล์รับแสงจะส่งสัญญาณกระตุ้นไปยังสมอง เพื่อแปลความหมายของแสงสีที่เข้าสู่นัยน์ตา 2.3 องค์ประกอบของวัตถุในการมองเห็น การที่เราจะมองเห็นวัตถุได้ชัดเจนหรือมองไม่เห็น จะขึ้นอยู่กับองค์ประกอบต่อไปนี้ รูปที่ 2.2 องค์ประกอบของวัตถุในการมองเห็น 2.4 ลักษณะความผิดปกติของสายตา ลักษณะความผิดปกติของสายตา คือ การมองภาพที่อยู่ใกล้หรืออยู่ไกลไม่ชัดเจน เนื่องจากความ ผิดปกติเกี่ยวกับสายตาจึงทำให้มีสายตาที่ผิดปกติไป เช่น สายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง แต่ปัจจุบันก็ มีวิธีแก้ไขความผิดปกติเหล่านี้ต่างกันไป เพื่อให้การมองเห็นได้เป็นปกติ คนสายตาปกติมองดูวัตถุโดยไม่ต้องเพ่ง จะมองเห็นวัตถุได้ชัดในระยะที่ใกล้สุดประมาณ 25 เซนติเมตร และระยะไกลสุดที่สามารถเห็นได้ชัด คือ ระยะอนันต์() คนสายตาสั้น (Short sight) คือ คนที่มองวัตถุได้ชัดเจนในระยะใกล้กว่า 25 เซนติเมตร สาเหตุของ สายตาสั้น เกิดจาก (ก) ขนาดของวัตถุ (ข) ความเข้มของแสงที่ส่อง วัตถุ (ค) ความเข้มของฉาก อ้างอิง (ง) เวลาในการมองเห็น
7 คนสายตายาว (Long sight) คือ คนที่มองวัตถุได้ชัดเจนในระยะไกลกว่า 25 เซนติเมตร สาเหตุของ สายตายาว เกิดจาก สายตาของคนสูงอายุ มองระยะใกล้ชัดที่ระยะมากกว่า 25 เซนติเมตร มองไกลไม่ถึงระยะอนันต์ แว่น สำหรับคนสูงอายุจะใช้แว่นที่ใช้ดูได้ทั้งระยะใกล้และระยะไกล ซึ่งประกอบด้วยเลนส์สองชนิดที่มีความยาว โฟกัสต่างกัน สายตาเอียง (Astigmatism) เกิดจากความโค้งของกระจกตาหรือเลนส์ไม่เป็นผิวของทรงกลม ทำให้ มองเห็นวัตถุชัดเพียงแนวเดียว ซึ่งอาจจะเห็นชัดในแนวดิ่ง แต่เห็นไม่ชัดในแนวระดับ หรือเห็นชัดในแนวระดับ แต่เห็นไม่ชัดในแนวดิ่ง
8 ใบงานที่2 เรื่อง การมองเห็น เวลา.............2............ชั่วโมง คะแนนเต็ม............20.............คะแนน จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจส่วนประกอบของตากับการมองเห็น 2. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจลักษณะของการมองเห็น 3. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจองค์ประกอบของวัตถุในการมองเห็น 4. เพื่อให้ผู้เรียนอธิบายลักษณะความผิดปกติของสายตา รูปภาพ / วงจร / แผนผัง / แบบ เครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ์ 1. หนังสือเรียน 2. ใบความรู้ 3. ดินสอ/ปากกา ลำดับขั้น การปฏิบัติงาน 1. ให้นักเรียนทำแผนผังความคิดที่เกี่ยวข้องกับส่วนประกอบของตากับการมองเห็น ลักษณะของ การมองเห็น องค์ประกอบของวัตถุในการมองเห็น ลักษณะความผิดปกติของสายตา 2. ให้นักเรียนนำเสนอแผนผังความคิดตามเลขที่(รายบุคคล) 3. นักเรียนนำงานส่งครูให้ตรงตามเวลา ข้อควรระวัง -
9 ใบความรู้ที่3 เรื่อง หน่วยวัดแสง เวลา..........4...............ชั่วโมง วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจความหมายของกำลังเทียนหรือแรงเทียน (Candle Power or Candela) 2. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจความหมายของลูเมน (Lumen) 3. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจความหมายของมุมตัน 4. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจกำลังส่องสว่าง หรือความเข้มของการส่องสว่าง(Illumination or Intensity of Illumination) 5. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจประสิทธิภาพของหลอดไฟ (Efficiency of Lamp) สรุปเนื้อหา 3.1 ความหมายของกำลังเทียนหรือแรงเทียน กำลังเทียน หรือ แรงเทียน คือ หน่วยของกำลังส่องสว่างของดวงไฟ มาตรฐานในปัจจุบัน คือ หน่วยความเข้มการส่องสว่างในทิศทางที่กำหนดของ แหล่งกำเนิดที่แผ่รังสีชนิดสีเดียวที่มีความถี่เป็น 540x10 เฮิรตซ์และ มีความเข้มการแผ่รังสีในทิศทาง 163 วัตต์ต่อสเตอร์เรเดียน 3.2 ความหมายของลูเมน ลูเมน คือ หน่วยวัดของปริมาณแสง (Luminous flux) สัญลักษณ์(L) ปริมาณแสง 1 ลูเมน คือ ปริมาณแสงที่เปล่งออกจากดวงไฟมาตรฐาน 1 กำลังเทียน ส่องไปตกใน 1 มุมตัน (Solid angle) ในเวลา 1 วินาที 3.3 ความหมายของมุมตัน มุมตัน (Sold angle) หมายถึง มุมที่เกิดจากจุดศูนย์กลางของทรงกลมที่เชื่อมโยงไปยังพื้นที่ผิว ของทรงกลมมีหน่วยเป็น สเตอร์เรเดียน (Steradian การหามุมตัน ส่วนของพื้นที่ผิวทรงกลม - พื้นที่ A ซึ่งเป็นส่วนของพื้นที่ผิวทรงกลม ที่มีรัศมี r - กำหนดให้โอเมก้า () เป็นมุมตัน (Solid angle)
10 รูปที่ 3.1 สูตรการหามุมตัน ปริมาณแสงที่เปล่งออกมาจากดวงไฟ - ถ้ากำหนดให้รัศมีของทรงกลมมีค่าเท่ากับด้านของสี่เหลี่ยมจัตุรัส A = r - กำหนด มุมตัน เท่ากับ 1 สเตอร์เรเดียน () = 1 - กำหนดให้พื้นที่ 4 เป็นพื้นที่ทั้งหมดของพื้นผิวทรงกลม เท่ากับ 4r รูปที่ 3.2 สูตรการหามุมตัน 3.4 กำลังส่องสว่าง หรือความเข้มของการส่องสว่าง กำลังส่องสว่าง คือ ปริมาณของแสงที่ตกกระทบบนพื้นที่หนึ่งหน่วยในเวลา 1 วินาทีสัญลักษณ์ (I) กำหนดให้ I เป็นกำลังการส่องสว่างบนพื้นผิววัตถุ L เป็นปริมาณแสง (Luminous flux) ที่ตกฉากบนหนึ่งหน่วยพื้นที่ผิววัตถุใน 1 วินาที A เป็นพื้นที่บริเวณที่แสงตกกระทบ ซึ่งมีความสัมพันธ์กันดังนี้ รูปที่ 3.3 สูตรการหากำลังการส่องสว่าง
11 3.5 ประสิทธิภาพของหลอดไฟ ประสิทธิภาพของหลอดไฟ (Efficiency of Lamp) หมายถึง ปริมาณแสงของดวงไฟที่เปล่ง ออกมาต่อกำลังไฟฟ้าของดวงไฟ มีหน่วยเป็นลูเมนต่อวัตต์ คือ หน่วยวัดเกี่ยวกับแสงในการออกแบบแสง สว่าง ในปัจจุบันนี้ก็มีเครื่องมือในการวัดปริมาณแสงของหลอดไฟ คือ ลักซ์มิเตอร์ ในการวัดปริมาณ แสงเทียบกับตารางมาตรฐานของห้องต่าง ๆ เพื่อคำนวณในการออกแบบติดตั้งต่อไป วิธีคำนวณ รูปที่ 3.4 สูตรการหาประสิทธิภาพของหลอดไฟ
12 ใบงานที่3 เรื่อง หน่วยวัดแสง เวลา.............2............ชั่วโมง คะแนนเต็ม............20.............คะแนน จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจความหมายของกำลังเทียนหรือแรงเทียน (Candle Power or Candela) 2. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจความหมายของลูเมน (Lumen) 3. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจความหมายของมุมตัน 4. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจกำลังส่องสว่าง หรือความเข้มของการส่องสว่าง(Illumination or Intensity of Illumination) รูปภาพ / วงจร / แผนผัง / แบบ เครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ์ 1. หนังสือเรียน 2. ใบความรู้ 3. ดินสอ/ปากกา ลำดับขั้น การปฏิบัติงาน 1. ให้นักเรียนจับกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน พร้อมทำแผนผังความคิดเกี่ยวกับความหมายของ กำลังเทียนหรือแรงเทียน (Candle Power or Candela) ความหมายของลูเมน (Lumen) ความหมายของมุมตัน กำลังส่องสว่าง หรือความเข้มของการส่องสว่าง(Illumination or Intensity of Illumination) 2. ให้นักเรียนออกมาอภิปรายหน้าชั้นเรียนทีละ 1 กลุ่ม 3. นักเรียนส่งงานให้ตรงตามเวลา ข้อควรระวัง -
13 ใบความรู้ที่4 เรื่อง คุณสมบัติของแสง เวลา..........6...............ชั่วโมง วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจการสะท้อนแสง(Reflection) และกฎการสะท้อนแสง 2. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจการหักเหของแสง (Refraction) 3. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจกฎการหักเหของแสง 4. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจการกระจายแสง (Diffusion) 5. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจการทะลุผ่าน (Transmission) 6. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจการดูดกลืน (Absorbtion) 7. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจการแทรกสอด (Interference) สรุปเนื้อหา 4.1 การสะท้อนแสง การสะท้อนแสง หมายถึง การที่แสงไปกระทบกับตัวกลางแล้วสะท้อนไปในทิศทางอื่น หรือ สะท้อนกลับมาในทิศทางเดิม ขึ้นอยู่กับพื้นผิวของวัตถุด้วยว่าเรียบหรือหยาบ (ก)วัตถุผิวเรียบ (ข)วัตถุผิวขรุขระ รูปที่ 4.1 การสะท้อนแสงในพื้นผิวต่างๆ 4.2 กฎการสะท้อนแสง 4.2.1 รังสีตกกระทบ เส้นปกติและรังสีสะท้อนย่อมอยู่บนพื้นระนาบเดียวกัน 4.2.2 มุมในการตกกระทบย่อมโตเท่ากับมุมสะท้อน ผิววัตถุ ผิววัตถุ
14 รูปที่ 4.2 การสะท้อนแสง 4.3 การหักเหของแสง การหักเหของแสง หมายถึง การที่แสงเคลื่อนที่ผ่านตัวกลางหนึ่งไปยังอีกตัวกลางหนึ่ง ทำให้แนว ลำแสงเกิดการเบี่ยงเบนไปจากแนวเดิม เช่น แสงผ่านจากอากาศไปยังน้ำ รูปที่ 4.3 การหักเหของแสง 4.4 กฎการหักเหของแสง 4.4.1 รังสีตกกระทบ เส้นแนวฉาก และรังสีหักเห อยู่ในระนาบเดียวกัน 4.4.2 สำหรับตัวกลางคู่หนึ่ง ๆ อัตราส่วนระหว่างค่า sin ของมุมตกกระทบ ในตัวกลางหนึ่ง กับ ค่า sin ของมุมหักเหในอีกตัวกลางหนึ่ง มีค่าคงที่เสมอ 4.5 การกระจายแสง การกระจายแสง หมายถึง แสงขาว ซึ่งประกอบด้วยแสงหลายความถี่ตกกระทบปริซึมแล้วทำให้ เกิดการหักเหของแสง 2 ครั้ง (ที่ผิวรอยต่อของปริซึม ทั้งขาเข้า และขาออก) ทำให้แสงสีต่าง ๆ แยกออก จากกันอย่างเป็นระเบียบเรียงตามความยาวคลื่นหรือความถี่ ที่เราเรียกว่า สเปกตรัม
15 รูปที่ 4.4 การกระจายแสง 4.6 การทะลุผ่าน การทะลุผ่าน หมายถึง การที่แสงพุ่งชนตัวกลางแล้วทะลุผ่านมันออกไปอีกด้านหนึ่ง โดยที่ความถี่ ไม่เปลี่ยนแปลง วัตถุที่มีคุณสมบัติการทะลุผ่านได้ 4.7 การดูดกลืน การดูดกลืน หมายถึง การที่แสงถูกดูดกลืนหายเข้าไปในตัวกลาง โดยทั่วไปเมื่อพลังงานแสงถูก ดูดกลืนหายเข้าไปในวัตถุใด ๆ มันจะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน สามารถนำมาทำเตาอบพลังงาน แสงอาทิตย์ เครื่องต้มน้ำ 4.8 การแทรกสอด การแทรกสอด หมายถึง การที่แนวแสงจำนวน 2 เส้นรวมตัวกันในทิศทางเดียวกัน หรือหักล้าง กันหากเป็นการรวมกันของแสงที่มีทิศทางเดียวกัน ก็จะทำให้แสงมีความสว่างมากขึ้น แต่ในทางตรงกัน ข้ามถ้าหักล้างกัน แสงก็จะสว่างน้อยลง สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในกล้องถ่ายรูป เครื่องฉายภาพต่าง ๆ
16 ใบงานที่4 เรื่อง คุณสมบัติของแสง เวลา.............2............ชั่วโมง คะแนนเต็ม............20.............คะแนน จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจการสะท้อนแสง(Reflection)และกฎการสะท้อนแสง 2. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจการหักเหของแสง (Refraction) 3. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจกฎการหักเหของแสง 4. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจการกระจายแสง (Diffusion) 5. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจการทะลุผ่าน (Transmission) 6. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจการดูดกลืน (Absorbtion) 7. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจการแทรกสอด (Interference) รูปภาพ / วงจร / แผนผัง / แบบ เครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ์ 1. หนังสือเรียน 2. ใบความรู้ 3. ดินสอ/ปากกา ลำดับขั้น การปฏิบัติงาน 1. ให้นักเรียนทำแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน 2. ให้นักเรียนจับฉลากศึกษาเรื่อง การสะท้อนแสง(Reflection)และกฎการสะท้อนแสง การหักเหของแสง (Refraction) การกระจายแสง (Diffusion) การทะลุผ่าน (Transmission) การดูดกลืน (Absorbtion) การแทรกสอด (Interference) 3. เมื่อนักเรียนจับได้หัวข้อใดแล้ว ให้นักเรียนทำ Power Point นำเสนอหน้าชั้นเรียน 4. นักเรียนส่งงานให้ตรงตามเวลา ข้อควรระวัง -
17 ใบความรู้ที่5 เรื่อง โครงสร้าง ส่วนประกอบ และการนำไปใช้งานของหลอดไฟฟ้า เวลา..........6...............ชั่วโมง วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจชนิดของหลอดไส้ 2. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจโครงสร้างและส่วนประกอบของหลอดไส้ 3. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจคุณสมบัติและการนำไปใช้งานของหลอดไส้ 4. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจชนิดของหลอดฟลูออเรสเซนต์ 5. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจโครงสร้างและส่วนประกอบของหลอดฟลูออเรสเซนต์ 6. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจคุณสมบัติและการนำไปใช้งานของหลอดฟลูออเรสเซนต์ 7. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจชนิดของหลอดก๊าซดิสชาร์จ (Gas Discharge Lamp) 8. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจโครงสร้างและส่วนประกอบของหลอดก๊าซดิสชาร์จ 9. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจคุณสมบัติและการนำไปใช้งานของหลอดก๊าซดิสชาร์จ สรุปเนื้อหา 5.1 ชนิดของหลอดไส้ ชนิดของหลอดไส้แสงสว่างที่ได้จากหลอดไส้ ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของไส้หลอด โดยทั่วไป แบ่งออกเป็น 2 ชนิดใหญ่ๆ คือ 1. หลอดไส้ธรรมดา 2. หลอดไส้ทังสเตน-ฮาโลเจน - หลอดไส้ธรรมดา เป็นหลอดที่มีกระเปาะแก้วหุ้มภายนอกมีทั้งแก้วใส แก้วฝ้า และ แบบสี ภายในเป็นกระเปาะสุญญากาศ บรรจุแก๊สไนโตรเจน และอาร์กอนไว้เพื่อให้ไส้หลอดระเหยช้า มี ขนาดกำลังไฟฟ้าตั้งแต่ 25 - 200 วัตต์ รูปที่ 5.1 หลอดไส้ธรรมดา
18 - หลอดไส้ทังสเตน-ฮาโลเจน หรือ หลอดไอโอดีน หรือ หลอดฮาโลเจน เหมือนกับหลอด ไส้ธรรมดา แต่หลอดไส้นั้นเมื่อได้รับความร้อนจะระเหยเป็นไอ ไปจับที่กระเปาะแก้วทำให้ร้อนและเสียไว จึงมีการบรรจุสารตระกูลฮาโลเจนลงไปในหลอดแก้ว เพื่อให้อายุการใช้งานสูงกว่าหลอดไส้ธรรมดา สาร เหล่านั้นได้แก่ โอโอดีน คลอรีน โบรมีน และ ฟลูออรีน รูปที่ 5.2 หลอดทังสเตน-ฮาโลเจน 5.2 โครงสร้างและส่วนประกอบของหลอดไส้ รูปที่ 5.3 โครงสร้างและส่วนประกอบของหลอดไส้ 5.3 คุณสมบัติ และ การนำไปใช้งานของหลอดไส้ คุณสมบัติ และการนำไปใช้งานของหลอดไส้สะดวก - ง่าย และประหยัดค่าใช้จ่าย ในการติดตั้ง - แสงที่ได้ค่อนข้างแดง ให้ผลทางด้านการมองเห็นวัตถุอื่น ๆ ค่อนข้างต่ำ - ขนาดกำลังไฟฟ้าของหลอดมีตั้งแต่ขนาด 1-2,000 วัตต์ - หลอดไส้ทั่วไปมีอายุการใช้งานประมาณ 750-1,000 ชั่วโมง - หลอดทังสเตน-ฮาโลเจน มีอายุการใช้งานประมาณ 2,500-3,000 ชั่วโมง - เหมาะสมในการติดตั้งในพื้นที่ที่ต้องการแสงสว่างน้อย
19 5.4 ชนิดของหลอดฟลูออเรสเซนต์ - หลอดฟลูออเรสเซนต์หรือ หลอดเรืองแสง มีลักษณะเป็นทรงกระบอกเรียวยาว หรือดัดเป็น วงกลม - อาศัยหลักการปล่อยประจุก๊าซผ่านขั้วอิเล็กโทรด ทำให้เกิดแสงอัลตราไวโอเลตไปกระทบกับ สารฟอสเฟอร์ สารเรืองแสงที่ฉาบไว้ด้านใน ซึ่งจะเปลี่ยนแสงอัลตราไวโอเลตให้เป็นแสงที่ตาสามารถ มองเห็นได้ รูปที่ 5.4 หลอดฟลูออเรสเซนต์ ชนิดของหลอดฟลูออเรสเซนต์ 1. หลอดฟลูออเรสเซนต์แบบอุ่นไส้หลอด เป็นหลอดฟลูออเรสเซนต์ชนิดทั่วไปที่ใช้ในปัจจุบัน จะ มีอุปกรณ์อื่นร่วมอยู่ด้วย คือ บัลลาสต์ และสตาร์ตเตอร์ เป็นตัวช่วยให้หลอดเริ่มติด หลอดนี้จะมีอายุการ ใช้งานมากกว่าหลอดไส้ 2. หลอดฟลูออเรสเซนต์แบบจุดติดทันที เป็นหลอดฟลูออเรสเซนต์ที่ใช้บัลลาลต์เป็นตัวกำหนด แรงดันขณะเริ่มติดหลอดให้สูง ขณะทำงานแรงดันจะลดลงเท่าแรงดันปกติ ทำให้ร้อน ติดเร็วกว่าแบบอุ่น ไส้หลอด ดังนั้นหลอดชนิดนี้จะมีเพียง 2 ขา คือ ขั้วละขา (Single pin) 3. หลอดฟลูออเรสเซนต์แบบจุดติดเร็ว เป็นหลอดที่อาศัยการสร้างขดลวดให้ความร้อน ขึ้นในบัล ลาสต์เพื่อให้หลอดติดง่าย และมักจะมีคาปาซิเตอร์ในตัวเพื่อแก้เพาเวอร์แฟกเตอร์ หลอดมีอายุการใช้งาน ประมาณ 20,000 ชั่วโมง เหมาะสมกับงานที่ต้องการใช้งานหนัก เช่น เพดานสูงๆ หรือโคมไฟถนน 4. หลอดฟลูออเรสเซนต์แบบคอมแพค เป็นหลอดขนาดเล็กที่มีการพัฒนาขึ้นมาเพื่อการประหยัด พลังงาน และเพื่อแทนหลอดไส้ มีขนาดเล็กกะทัดรัดมีกำลังส่องสว่างสูง หลอดมีอายุการใช้งานประมาณ 8,000 ชั่วโมง ปัจจุบันมีอยู่ 2 ชนิด คือ หลอดคอมแพคบัลลาสต์ภายใน และหลอดคอมแพดบัลลาสต์ ภายนอก 5.5 โครงสร้างและส่วนประกอบของหลอดฟลูออเรสเซนต์ รูปที่ 5.5 โครงสร้างและส่วนประกอบของหลอดฟลูออเรสเซนต์
20 5.6 คุณสมบัติและการนำไปใช้งานของหลอดฟลูออเรสเซนต์ 1. เหมาะสมนำไปใช้งานที่ต้องการแสงสว่างมากเห็นได้ชัดเจน เช่น ห้องเรียน ห้องทำงาน 2. หลอดมีประสิทธิภาพสูง ให้แสงสว่างประมาณ 3,100 ลูเมน มีให้เลือกหลายชนิด 3. ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง 5.7 ชนิดของหลอดก๊าซดิสชาร์จ (Gas Discharge Lamp) หลอดก๊าซดิสชาร์จ เป็นหลอดที่บรรจุก๊าซภายใน อาศัยการแตกตัวของอะตอมของก๊าซ เมื่อเกิด การเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนผ่านโครงสร้างของอะตอมของก๊าซที่บรรจุไปครบวงจรยังอิเล็กโทรดอีกข้าง หนึ่ง ทำให้อะตอมของก๊าซแตกตัวและเปล่งแสงสว่างขึ้น มีความเข้มของแสงสูง มีขนาดตั้งแต่ 80-2,000 วัตต์ 1. หลอดปรอทความดันไอสูง หรือหลอดแสงจันทร์ เป็นหลอดที่มีลักษณะ เป็นทรงกระบอกกลวง ปิดหัวท้าย หลอดปรอทความดันไอสูง เป็นหลอดที่อาศัยการอาร์คจึงต้องอาศัยบัลลาสต์เพื่อช่วยควบคุม กระแสที่ไหลผ่านหลอด มีอายุการใช้งานเฉลี่ย 24,000 ชั่วโมง เช่น ลานจอดรถ 2. หลอดเมทัลฮาไลด์ มีลักษณะเป็นรูปทรงกระบอกยาวรี สีใสมีตัวจุดไส้หลอดเรียกว่า อิกนิเตอร์ โครงสร้างของหลอดโดยทั่วไปเหมือนกับหลอดแสงจันทร์ แต่จะต่างกันตรงที่ท่ออาร์ค จะเติมเมทัลฮาไลด์ เข้าไปผสมกับไอปรอทและอาร์กอนเพื่อเพิ่มปริมาณแสงและกำหนดสีของแสงสว่าง มีอายุการใช้งานเฉลี่ย 24,000 ชั่วโมง 3. หลอดโซเดียมความดันสูง ลักษณะหลอดเป็นรูปทรงกระบอกยาว หรือกระบอกกลวงปิดหัว ท้าย มีอุปกรณ์ประกอบวงจรคือ บัลลาสต์ และอิกนิเตอร์ มีลักษณะโครงสร้างเหมือนกับหลอดปรอท ความดันสูงทุกอย่างแต่ภายในหลอดอาร์คจะบรรจุก๊าซโชเดียม แสงที่ได้จะออกค่อนข้างเหลือง มีอายุการ ใช้งานมากกว่า 8,000-24,000 ชั่วโมง 4. หลอดโซเดียมความดันต่ำ มีลักษณะเป็นทรงกระบอกเรียวยาว มีความยาวมากกว่าหลอด ปรอทแรงดันสูง ตัวหลอดใช้ร่วมกับบัลลาสต์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ข้างในบรรจุหลอดก๊าซโซเดียม อาร์กอน นีออน มีอายุการใช้งานเฉลี่ย 18,000 ชั่วโมง เช่น ไฟถนน ATM 5.8 โครงสร้างและส่วนประกอบของหลอดก๊าซดิสชาร์จ 1. ขั้วหลอด เป็นขั้วแบบเกลียวแต่โตกว่าขั้วหลอดไส้ทั่วไป 2. จานโลหะสะท้อนแสง ช่วยในการสะท้อนแสง 3. อิเลคโทรด แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ อิเล็กโทรดเริ่ม อิเล็กโทรดหลัก 4. ตัวนำกระแสไฟฟ้า ยึดไส้หลอดและนำกระแสไปสู่อิเล็กโทรดขั้วบน 5. ตัวต้านทานเริ่ม ตัวต้านทานที่ช่วยเริ่มจุดไส้หลอดโดยจำกัดกระแสในการเริ่ม 6. ตัวยึดหลอดอาร์ค ยึดหลอดอาร์คกับขั้วด้านในของหลอด และเป็นตัวนำไฟฟ้าไปยังอิเล็กโทรด 7. ตัวหลอดแก้ว ตัวกระเปาะแก้วมีรูปทรงกระบอกกลวงหรือยาวรี
21 8. หลอดอาร์คใช้หุ้มส่วนที่ให้กำเนิดแสง 5.9 คุณสมบัติและการนำไปใช้งานของหลอดก๊าซดิสชาร์จ 1. เหมาะสมกับงานที่ต้องการแสงสว่างสูงทั้งภายในอาคารและนอกอาคาร 2. ใช้เวลาในการจุดหลอด 5-10 นาที ถ้าดับต้องรอเวลาติดใหม่ 3. ให้แสงสว่างสูง ประหยัดในการติดตั้งหลอดประเภทอื่นหลาย ๆ ดวง 4. มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ประมาณ 24,000 ชั่วโมง 5. มีแสงสว่างสูงแต่มีขนาดของหลอดเท่ากับหลอดไส้ทั่วไป 6. ไม่มีผลต่อแรงดัน อุณหภูมิ และความชื้นต่าง ๆ
22 ใบงานที่5 เรื่อง โครงสร้าง ส่วนประกอบ และการนำไปใช้งานของหลอดไฟฟ้า เวลา.............2............ชั่วโมง คะแนนเต็ม............20.............คะแนน จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจชนิดของหลอดไส้ 2. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจโครงสร้างและส่วนประกอบของหลอดไส้ 3. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจคุณสมบัติและการนำไปใช้งานของหลอดไส้ 4. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจชนิดของหลอดฟลูออเรสเซนต์ 5. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจโครงสร้างและส่วนประกอบของหลอดฟลูออเรสเซนต์ 6. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจคุณสมบัติและการนำไปใช้งานของหลอดฟลูออเรสเซนต์ 7. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจชนิดของหลอดก๊าซดิสชาร์จ (Gas Discharge Lamp) 8. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจโครงสร้างและส่วนประกอบของหลอดก๊าซดิสชาร์จ 9. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจคุณสมบัติและการนำไปใช้งานของหลอดก๊าซดิสชาร์จ รูปภาพ / วงจร / แผนผัง / แบบ รูปที่ 1 โครงสร้างส่วนประกอบหลอดฟลูออเรสเซนต์ เครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ์ 1. ฟลูออเรสเซนต์ 1 หลอด 2. สตาร์ทเดตอร์ 1 ตัว 3. บัลลาสต์ 1 ตัว 4. สวิตช์ 1 ตัว
23 ลำดับขั้น การปฏิบัติงาน 1. ให้นักเรียนจับคู่เลือกส่วนประกอบของหลอดฟลูออเรสเซนต์ 2. เมื่อนักเรียนเลือกส่วนประกอบหลอดฟลูออเรสเซนต์แล้ว ให้นักเรียนอธิบาย โครงสร้างส่วนประกอบนั้น ๆ เช่น บัลลาสต์ มีหน้าที่ทำอะไร 3. นักเรียนส่งงานให้ตรงตามเวลา ข้อควรระวัง -
24 ใบความรู้ที่6 เรื่อง ลักษณะการให้แสง เวลา..........4...............ชั่วโมง วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจวัตถุประสงค์ของการให้แสง 2. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจลักษณะการให้แสงแบบต่าง ๆ สรุปเนื้อหา 6.1 วัตถุประสงค์ของการให้แสง 6.1.1 เพื่อการมองเห็นทำกิจกรรมต่าง ๆ โดยชัดเจนมากยิ่งขึ้น 6.1.2 เพื่อให้แสงเปลี่ยนทิศทาง ถูกต้องตามเป้าหมาย 6.1.3 เพื่อลดแสงจ้า ถนอมสายตา 6.1.4 เพื่อให้แสงสว่างเหมาะสม และกระจายออกมาถูกต้องกับลักษณะงาน 6.1.5 เพื่อความสวยงาม ประดับสินค้า และการให้บริการแบบต่าง ๆ 6.2 ลักษณะการให้แสงแบบต่าง ๆ 6.2.1 การให้แสงสว่างตามระบบการผลิตดวงโคม - การให้แสงแบบทางตรง (Direct lighting) รูปที่ 6.1 การให้แสงแบบทางตรง
25 - การให้แสงแบบกึ่งทางตรง (Semi-direct lighting) รูปที่ 6.2 การให้แสงแบบกึ่งทางตรง - การให้แสงแบบทางอ้อม (Indirect lighting) รูปที่ 6.3 การให้แสงแบบทางอ้อม - การให้แสงแบบกึ่งทางอ้อม (Semi indirect lighting) รูปที่ 6.4 การให้แสงแบบกึ่งทางอ้อม