The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

2563 การมีส่วนร่วมของกำนันและผู้ใหญ่บ้านในการส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชัยภูมิ
THE PARTICIPATION OF THE SUBDISTRICT HEADMEN AND VILLAGE HEADMEN IN PROMOTING THE GOVERNANCE OF THE CHAIYAPHUM SANGHA พระเพชรณรงค์ ปญฺญาวชิโร (ทองนาค)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

2563 การมีส่วนร่วมของกำนันและผู้ใหญ่บ้านในการส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชัยภูมิ THE PARTICIPATION OF THE SUBDISTRICT HEADMEN AND VILLAGE HEADMEN IN PROMOTING THE GOVERNANCE OF THE CHAIYAPHUM SANGHA พระเพชรณรงค์ ปญฺญาวชิโร (ทองนาค)

2563 การมีส่วนร่วมของกำนันและผู้ใหญ่บ้านในการส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชัยภูมิ
THE PARTICIPATION OF THE SUBDISTRICT HEADMEN AND VILLAGE HEADMEN IN PROMOTING THE GOVERNANCE OF THE CHAIYAPHUM SANGHA พระเพชรณรงค์ ปญฺญาวชิโร (ทองนาค)

Keywords: 2563,การมีส่วนร่วมของกำนันและผู้ใหญ่บ้านในการส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชัยภูมิ,THE PARTICIPATION OF THE SUBDISTRICT HEADMEN AND VILLAGE HEADMEN IN PROMOTING THE GOVERNANCE OF THE CHAIYAPHUM SANGHA,พระเพชรณรงค์ ปญฺญาวชิโร (ทองนาค)

๓๘

ในท้องที่ กํานัน ผู้ใหญ่บ้านมีอํานาจหน้าท่ีดังนี้คือ เกณฑ์แรงงานหรือเครื่องอุปกรณ์การชลประทาน
ส่วนราษฎรในเวลาฉุกเฉิน การเกณฑ์แรงงานหรืออุกปกรณ์การชลประทานให้กําหนดเกณฑ์เอาตาม
เนอ้ื ทีท่ ่ีทาํ การเพาะปลูก

๗. พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พ.ศ.๒๔๘๕ การชลประทานหลวงเป็นกิจการ
ที่กรมชลประทานจัดทําข้ึนน้ัน กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน ในท้องท่ีซ่ึงอยู่ในเขตชลประทานมีหน้าท่ีดูแลรักษา
คนั คลองและทางน้ําชลประทานที่อยใู่ นเขตท้องท่ี

๘. พระราชบัญญัติปุ๋ย พ.ศ.๒๕๑๘ กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน หากพบว่าการจําหน่ายปุ๋ยเคมี
จําหน่ายในท้องตลาดเสื่อมคุณภาพ ผิดมาตรฐาน ปลอม น้ําหนักน้อยกว่าแจ้งไว้ ปริมาณธาตุอาหาร
ไม่ถูกต้องครบถ้วนตามท่ีแจ้งไว้ ควรแจ้งให้อําเภอทราบ เพ่ือดําเนินการต่อไป ท้ังน้ีเพื่อรักษา
ผลประโยชน์ของเกษตรกร ด้านพาณิชยกรรม กฎหมายท่ีเก่ียวข้อง ๑) พระราชบัญญัติการค้าข้าว
พ.ศ.๒๔๘๙ หมายถึงการคา้ ข้าวเปลอื งทุกชนิด ๒) พระราชบัญญัติกําหนดราคาสินค้าและป้องกันการ
ผกู ขาด พ.ศ.๒๕๒๒ กํานัน ผใู้ หญ่บา้ น อาจไดร้ ับมอบหมายให้เปน็ ผู้ชว่ ยเหลือนายอาํ เภอ

๙. งานด้านการส่งเสริมและคุณ ภาพสิ่งแวดล้อม กฎหมายท่ีเกี่ยวข้องได้แก่
พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพส่ิงแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๑๘ กํานันผู้ใหญ่บ้านมีหน้าท่ี
สอดส่องดูแล และหากพบการกระทําอันใดจะทําให้คุณภาพส่ิงแวดล้อมมีผลเสียหาย ควรรายงานให้
นายอําเภอ หรือสํานักงานคณะกรรมการสิง่ แวดล้อมแหง่ ชาติ เพ่ือพจิ าณาหาทางแก้ไข

๑๐. งานที่เกี่ยวกับภาษีอากร กฎหมายที่เก่ียวข้องได้แก่ ๑) พระราชบัญญัติภาษีบํารุง
ท้องที่ พ.ศ.๒๕๐๘โดยกําหนดให้ กํานัน เป็นคณะกรรมการตีราคาปานกลางที่ดิน และผู้ใหญ่บ้านเป็น
เจ้าพนักงานสํารวจ ช่วยเหลือในการเร่งรัดจัดเก็บภาษีบํารุงท้องท่ีค้างชําระ ๒) ประมาณรัษฎากร
ประมวลรัษฎากรไม่ได้กําหนดอํานาจหน้าท่ีของกํานัน ผู้ใหญ่บ้าน ไว้โดยตรง แต่พระราชบัญญัติ
ลกั ษณะปกครองทอ้ งที่ พ.ศ.๒๔๕๗ แกไ้ ขเพิ่มเติม (ฉบับที่๒) พ.ศ.๒๔๘๖ ได้กาํ หนดอํานาจหน้าทข่ี อง
กาํ นัน ผู้ใหญ่บ้านให้มีหน้าที่ควบคุมดูแลลูกบ้านให้ปฏิบัติหน้าที่ซ่ึงจะต้องพึงกระทําตามกฎหมายหรือ
ระเบยี บแบบแผนของทางราชการ เช่น การตรวจและนําการเก็บภาษอี ากรในตําบลให้อยใู่ นหน้าทีข่ อง
กาํ นันผูเ้ ป็นนายตําบล

๑๑. ด้านการอนุรักษ์และรักษาสิ่งแวดล้อม กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ๑) พระราช
ราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.๒๔๘๔ กํานัน ผู้ใหญ่บ้านเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามประกาศกระทรวง
เกษตรและสหกรณ์ ลงวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๒๕ มีอํานาจ หน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามการ
ลักลอบตัดไม้ทําลายป่า และกระทําผิดต่าง ๆ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ภายในเขตท้องที่รับผดชอบ
๒) พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.๒๔๐๗ กํานัน ผู้ใหญ่บ้านเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม
ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงวันที่๕ พฤษภาคม ๒๕๒๖ มีอํานาจ หน้าที่ในการป้องกัน
และปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทําร้ายป่าในเขตป่าสงวน ๓) พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครอง
สัตว์ป่า พ.ศ.๒๕๐๓ กํานัน ผู้ใหญ่บ้านเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามประกาศกระทรวงเกษตรและ
สหกรณ์ลงวันที่๕กันยายน ๒๕๒๕ มีอํานาจ หน้าท่ีในการป้องกันและปราบปรามการกระทาํ ผิดตาม
กฎหมายนี้ รวมทั้งตรวจสอบการอนุญาตต่าง ๆ ภายในเขตท้องที่ที่รับผิดชอบ ดังนี้ห้ามมิให้ผู้ใดล่า
สัตว์สงวน

๓๙

๑๒. ดา้ นการจดทะเบียนต่าง ๆ กฎหมายทเ่ี ก่ียวขอ้ ง ได้แก่
๑) พระราชบญั ญตั กิ ารทะเบยี นราษฎร พ.ศ.๒๕๓๔และประกาศสํานกั ทะเบยี นกลาง

เรื่องการแต่งตั้งกํานันผู้ใหญ่บ้าน เป็นนายทะเบียนผู้รับแจ้ง ลงวันท่ี๒๓ มีนาคม ๒๕๓๕ เป็นนาย
ทะเบียนเป็นผู้รับแจ้งประจําตําบล หมู่บ้าน มีหน้าที่รับแจ้งการเกิด การตาย การย้ายที่อยู่ การสร้าง
บา้ นใหม่ การร้อื บ้าน และการกาํ หนดเลขประจาํ บ้าน

๒) พระราชบัญญัติบัตรประจําตัวประชาชน พ.ศ.๒๕๒๖ และฉบับที่ ๒ พ.ศ.๒๕๔๒
เป็นเจ้าพนักงานตรวจบัตรตามด่านตรวจต่าง ๆ ท่ีต้ังขึ้นโดยชอบด้วนกฎหมาย ท้ังน้ีจะต้องมีคําส่ังให้
กํานนั ผูใ้ หญ่บา้ นปฏิบตั ิหน้าที่ ณ ด่านตรวจนั้น ๆ

๓) คําสั่งกระทรวงมหาดไทย ๖๗๔/๒๕๔๐ เรื่องแต่งตั้งเจ้าพนักงานตรวจบัตร และ
พนักงานเจ้าหน้าที่ ลงวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๔๐ และระเบียบกรมการปกครองว่าด้วยการจัดทําบัตร
ประจําประชาชน พ.ศ. ๒๕๒๘เป็นบุคคลน่าเช่ือถือในการรับรองตัวบุคคลผู้ขอทําบัตร โดยให้คํา
รับรองผู้ทําบัตรเฉพาะผู้ที่ตนรู้จักคุ้นเคย และยืนยันได้ว่าผู้มีสัญชาติไทย และบุคคลเดียวกับท่ีมีชื่อใน
ทะเบียนบ้าน

๔) พระราชบัญญัติจดทะเบียนครอบครัว พ.ศ.๒๕๔๑ผูใ้ หญบ่ ้านมีอํานาจหน้าท่ีในใน
ฐานะพยานกรณีย่ืนคาํ รองขอจดทะเบยี นสมรสต่อกํานันท้องทท่ี ่ีชายฝ่ายใดหรือทง้ั สองฝา่ ยมีถิ่นที่อยู่

๕) ทะเบียนกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจดทะเบียนครอบครัว พ.ศ.๒๕๔๑กํานัน
เปน็ พยานในกรณีค่สู มรสประสงค์จะขอจดทะเบียนสมรสดว้ ยวาจาหรือกริยา

๖) พระราชบัญญตั สิ ัตวพ์ าหนะ พ.ศ.๒๔๘๒ ผู้ใหญ่บ้านมีอํานาจและหน้าท่ีดังนี้ เป็น
พยานในการจดทะเบียนทําต๋ัวรูปพรรณสัตว์พาหนะ เม่ือเจ้าของสัตว์หรือตัวแทนนําสัตว์ไปขอจด
ทะเบียนทํารปู ต๋ัวพรรณจากนายทะเบียนท้องทท่ี ส่ี ัตวน์ นั้ อยู่

๗) พระราชบัญญัติอาวธุ ปนื เคร่ืองกระสุนวตั ถรุ ะเบิด ดอกไม้เพลงิ และสง่ิ เทยี มอาวุธ
ปืน พ.ศ.๒๔๙๐ ผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้รับคําร้องเกี่ยวกับความประพฤติและหลักฐานของผขู้ ออนญุ าตมแี ละ
ใช้อาวุธปืนประกอบการพิจารณาของนายทะเบียนอําเภอ ตามคําสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ มท
๐๓๑๓/ว ๕๐๙ ลงวันที่ ๑๖ พฤศจกิ ายน ๒๕๑๖

๘) พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ วา่ ด้วยการตั้งวัด พ.ศ.๒๕๐๕ วัดมี ๒ ประเภทคือ วัดท่ี
ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา และสํานักสงฆ์เกี่ยวกับการสร้างวัด ผู้ใดประสงค์จะสร้างวัดให้
ผู้ใหญ่บ้านแนะนําบุคคลดังกล่าวยื่นคําขออนุญาตต่อนายอําเภอท้องท่ี พร้อมเอกสารดังนี้ หนังสือ
สําคัญแสดงกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองที่ดินท่ียกให้สร้างวัดและจะต้องมีเนื้อท่ีไม่น้อยกว่า ๔ ไร่
หนังสือแสดงความจํานงที่จะให้ที่ดินดังกล่าวเพ่ือสร้างวดั จํานวนและสัมภาระท่ีจะใช้ในระยะเร่ิมแรก
ต้องมีราคารวมกันไม่น้อยกว่าห้าหม่ืนบาท แผนท่ีแสดงเขตที่วัดและระยะทางระหว่างวัดท่ีจะ
สร้างใหม่กับวัดอื่นโดยรอบ แผนผังแสดงสิ่งก่อสร้าง กําหนดระยะเวลาในการก่อสร้างให้แล้วเสร็จ
ตามผัง การตั้งวัด การย้ายวัด การยุบเลิกวัดและการขอรับพระราชทานวิสุงคามสีมา ให้เจ้าคณะ
ตําบลเจ้าคณะอําเภอเห็นสมควร และให้นําปรึกษานายอําเภอแล้วเสนอเร่ืองและความเห็นไปยังเจ้า
คณะจังหวัดตอ่ ไป

๙) กฎเสนาบดีว่าด้วยท่ีกุศลสถานชนิดศาลเจ้า พ.ศ.๒๔๖๓ ศาลเจ้ามี ๒ ประเภท
คือ ศาลเจ้าเอกชน และศาลเจ้าที่อยู่ในความควบคุมของกระทรวงมหาดไทย ในท้องที่ใดหากมีผู้

๔๐

ประสงค์ขอจัดต้ังศาลเจ้า หรือยกศาลเจ้าให้อยู่ในความควบคุมของกระทรวงมหาดไทย ให้ผู้ใหญ่บ้าน
แนะนําบุคคลยื่นเร่ืองเป็นหนังสอื พร้อมด้วยรายระเอียดเก่ียวกับทด่ี ิน โฉนดท่ีดินการขอต่อนายอําเภอ
ผปู้ กครองทอ้ งท่ีพิจารณาเสนอจงั หวัดต่อไป

๑๐) พระราชบัญญัติมัสยิต อิสลาม หากมีผู้ประสงค์จะจัดต้ังมัสยิต เพื่อใช้ประกอบ
ศาสนกิจของส่วนร่วม ให้ผู้ใหญ่บ้านแนะนําบุคคลดังกล่าวยื่นเรื่องตามแบบที่กําหนดต่อ
คณะกรรมการอิสลามประจาํ จังหวัดแห่งท้องท่ี

๑๑) สุสานและฌาปนสถาน พ.ศ.๒๕๒๘ เป็นผู้อนุญาต แทนผู้ว่าราชการจังหวัด
(กรณีผู้ว่าราชการจังหวัดมีคําส่ังมอบหมาย) ให้เก็บ ฝัง หรือเผาศพ ในสถานท่ีอ่ืนนอกจากในสุสาน
หรอื ฌาปนสถาน

๑๓. งานด้านการปอ้ งกันภัยฝ่ายพลเรอื น กฎหมายที่เกี่ยวขอ้ ง ไดแ้ ก่
๑) พระราชบัญญัติป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน พ.ศ.๒๕๒๒ ภารกิจ ได้แก่ การเตือนภัย

จัดสถานที่หลบภัย อพยพประชากรออกจากที่อันตราย ให้ความรู้แก่ประชาชน ป้องกันอัคคีภัย การ
ติดต่อสื่อสาร การชว่ ยเหลือผู้ประสบภยั เจ้าที่ระวังภยั การรักษาความสงบเรยี บรอ้ ย การอนามยั และ
การรักษาพยาบาล การสวัสดิการยามฉุกเฉิน การวิศวกรรม การขนส่ง การพรางและควบคุมแสงไฟ
การจัดต้ังหน่วยอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนในระดับอําเภอ กําหนดให้กํานันผู้ใหญ่บ้านต้อง
ร่วมกับทางอําเภอรวบรวมกลุ่มประชาชนอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนจัดจ้ังและฝึกอบรม เพ่ือ
สนับสนนุ การปฏิบัติของทางราชการ

๒) พระราชบัญญัติราชการทหาร พ.ศ.๒๔๙๗ สรุปได้ดังนี้ ในเดือนกันยายนของทุก
ปี กํานันผูใ้ หญ่บ้านต้องประกาศของนายอําเภอแจง้ ให้ชายไทย สัญชาตไิ ทยท่ีมีอายุย่างเข้าปที ่ี ๑๘ ไป
ลงในบัญชีทหารกองเกิน ณ ท่ีว่าการอําเภอ (แผนกสัสดีอําเภอ) ในเดือนตุลาคมของทุกปี กํานัน
ผู้ใหญ่บ้านต้องทําประกาศของนายอําเภอแจ้งให้ทหารกองเกินที่มีอายุย่างเข้าปีท่ี ๒๑ ใน พ.ศ.นั้นไป
แสดงตนเพ่ือรับหมายเรียก ณ ที่ว่าการอําเภอท้องท่ี (แผนกสัสดีอําเภอ) ประมาณเดือน เมษายน –
พฤษภาคม ของทุกปี นําราษฎรไปแสดงตนเพ่อื คัดเลือกทหาร ณ ที่ว่าการอําเภอ หรือสถานที่ทอ่ี ําเภอ
กําหนด แนะนําผู้ที่หลบหลีกราชการทหารให้กลับกรมกอง จับทหารท่ีไม่มารับหมายเรียกหรือขาด
การตรวจเลือกส่งอําเภอ ประกาศให้ทหารกองเกินหรือทหารกองหนุนในคราวระดมพล เพื่อฝึกวิชา
ทหารและทดลองความพรั่งพรอ้ ม

๓) พระราชบัญญัติกองอาสารักษาดินแดน พ.ศ.๒๔๙๗ – ๒๕๐๔ ตามพระราชบัญญัติ
กองอาสารักษาดินแดน พ.ศ. ๒๔๙๗ แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติกองอาสารักษาดินแดน (ฉบับท่ี
๒) พ.ศ.๒๕๐๔ กําหนดให้กํานันผู้ใหญ่บ้านดํารงตําแหน่งผู้บังคับหมู่ อส. ตําบล มีหน้าที่ดังนี้ (ม.๑๖)
บรรเทาภยั ทเ่ี กิดจากธรรมชาติและขา้ ศึก รักษาความสงบเรียบร้อยภายในท้องทรี่ ว่ มกับฝ่ายปกครองหรือ
ตาํ รวจ รักษาสถานที่สําคัญและเส้นทางคมนาคม ป้องกันการจารกรรม สดับรับฟังและรายงานข่าว ช่วย
อํานวยความสะดวกแก่ฝ่ายทหารตามที่ทหารต้องการ เป็นกําลังสํารองพร้อมที่จะเพ่ิมเติมและสนับสนุน
ทหาร

๔) ระเบียบสํานกั นายกว่าด้วยไทยอาสาป้องกันชาติ พ.ศ.๒๕๒๑

๔๑

๒.๓.๕ ค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ของกํานันผู้ใหญ่บ้านและเจ้าหน้าที่ฝ่าย
ปกครอง

ค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ของกํานัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจําตําบล สารวัตรกํานัน
ผู้ช่วยผใู้ หญ่บา้ นฝ่ายปกครองและผชู้ ่วยผใู้ หญบ่ ้านฝ่ายรกั ษาความสงบ ประกอบดว้ ย

๑. เงินตอบแทนตาํ แหน่ง
๒. เงินเพิ่มพิเศษค่าภาษาใน ๔ จงั หวัดชายแดนภาคใต้
๓. เงนิ ตอบแทนกรณีเสยี ชีวติ
๔. เงินช่วยเหลอื การศึกษาของบตุ ร
๕. สว่ นลดคา่ โดยสารรถไฟ
๖. การฌาปนกจิ สงเคราะห์กํานนั ผู้ใหญ่บ้าน (ฌ.ก.น.)
๗. เงนิ สงเคราะห์จากมลู นธิ ิกํานัน ผู้ใหญบ่ า้ น
๘. เงินช่วยเหลือเน่ืองจากการปฏิบตั หิ น้าที่ชว่ ยเหลอื ขา้ ราชการ
๙. เครอื่ งราชอสิ ริยาภรณ์๓๕

สรุปสาระสําคัญและแนวติดจากการศึกษาวิเคราะห์แนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับกํานันและ
ผ้ใู หญบ่ า้ นในการปกครอง ตามตารางท่ี ๒.๓

ตารางท่ี ๒.๓ สรุปสาระสําคัญจากการศึกษาวิเคราะห์ แนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวกับกํานันและ
ผู้ใหญบ่ ้านการปกครองคณะสงฆจ์ ังหวดั ชัยภูมิ

นักวชิ าการหรอื แหลง่ ขอ้ มูล แนวคดิ หลัก
แนวคดิ เก่ยี วกับกํานนั และ บทบาทของกํานันผู้ใหญ่บ้านในบริบทของการกระจาย
ผู้ใหญ่บา้ นในการเมืองการปกครอง อํานาจสู่ท้องถ่ิน พบว่า ในด้านกฎหมายน้ันถึงแม้จะมีการ
ดร.ไททศั น์ มาลา. (๒๕๕๙). กระจายอํานาจสู่ท้องถ่ินและมีการปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับ
กํานันผู้ใหญ่บ้านหลายคร้ัง แต่ไม่ได้ทําบทบาทและอํานาจ
หน้าที่ของกํานันผู้ใหญ่บ้านลดลงแต่อย่างใด สําหรับบทบาท
ทางสังคมนั้น กํานันผู้ใหญ่บ้านท่ียังมีความสําคัญต่อประชาชน
ในฐานะผู้นําตามธรรมชาติแบบบารมีชน ท่ีมีบทบาทสําคัญใน
การเป็นผู้ประสานเช่ือมโยงระหว่างภาครัฐกับประชาชนและ
เปน็ ผู้นําทางจิตวิทยาในระดับชุมชน

๓๕ ไททัศน์ มาลา, “การคงอยู่ของกํานันผู้ใหญ่บ้านในบริบทของการกระจายอํานาจสู่ท้องถ่ิน :
กรณีศกึ ษาจงั หวัดปทมุ ธานีและจงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา”, วารสารมนุษยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ วไลยอลงกรณ์
ในพระบรมราชูปถมั ภ,์ ปีที่ ๑๑ ฉบับท่ี ๑ (๒๕๕๙): ๓๐๕.

๔๒

๒.๔ แนวคดิ เกี่ยวกับการปกครองคณะสงฆ์

หลักการปกครองหรือการบริหารของคณะสงฆ์

๒.๔.๑ ดา้ นการปกครอง

พระพรหมบัณฑิต ได้ให้ความหมาย การปกครอง หมายถึง การสอดส่องดูแลเพื่อให้การ
ปกครองคณะสงฆ์เป็นไปตามพระธรรมวินัยกฎหมายกฎข้อบังคับคําส่ังประกาศของมหาเถรสมาคม
หรือพระบัญชาของสมเดจ็ พระสังฆราช

การปกครอง หมายถึง ภารกิจท่ีวัดโดยภิกษุผู้เป็นเจ้าอาวาสหรือคณะเจ้าปกครอง
ดําเนินการสอดสอ่ งดูแลรักษาความเรียบรอ้ ยดีงามเพ่อื ให้พระภกิ ษุสามเณรและคฤหัสถ์ท่ีอยใู่ นวดั หรือ
ในการปกครองปฏิบัติตามพระธรรมวินัยกฎหมายกฎข้อบังคับระเบียบคําสั่งประกาศของมหาเถร
สมาคมหรือพระบัญชาของสมเด็จพระสังฆราชภารกิจด้านนี้ครอบคลุมไปถึงการท่ีพระภิกษุได้ทํา
หน้าที่ปกครองทุกระดับนับตั้งแต่ผู้ช่วยเจ้าอาวาสรองเจ้าอาวาสเจ้าอาวาสเจ้าคณะตําบลเจ้าคณะ
อําเภอเจ้าคณะจังหวัดเจ้าคณะภาคเจ้าคณะใหญ่ (หน) นอกจากนี้ยังรวมการท่ีภิกษุทําหน้าท่ีพระ
ธรรมวาจาจารย์เป็นพระอุปัชฌาย์ในการอุปสมบทกุลบุตรหรือการจัดระบบการเป็นอยู่ในสังคมสงฆ์
เน้นการบาํ บัดทุกขบ์ ํารงุ สขุ เป็นหลกั ภายใตว้ ิธกี าร ๓ วธิ คี อื

(๑) นคิ คหวธิ ี คอื การข่มคนท่ีควรข่มหรอื ตาํ หนิคนท่คี วรตําหนิ
(๒) ปัคคหวธิ ี คอื การยกยอ่ งคนท่ีควรยกยอ่ ง
(๓) ปวารณาวิธีคือเปิดโอกาสให้ผู้อ่ืนว่ากล่าวตักเตือนสั่งสอนตนได้คือให้ตักเตือนซ่ึงกัน
และกันท้งั น้ีโดยอาศยั เครอ่ื งมือ ๓ ประการ

๑) พระธรรมวินัยทีพ่ ระพุทธองค์ทรงแสดงไวแ้ ละบญั ญตั ิไว้แลว้
๒) กฎหมายบ้านเมืองท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดให้ใช้
อํานาจทางรัฐสภาให้ตราข้ึนไว้ตามกระบวนการนิติบัญญัติเพื่อจดั ระเบยี บและบงั คับการปกครองคณะ
สงฆ์ให้เปน็ ไปตามพระธรรมวนิ ัย
๓) ขนบธรรมเนียมจารีตประเพณีอันดีงามท่ีบรรพบุรุษบูรพาจารย์ยอมรับและนํา
ปฏิบัติสืบๆกนั มา

๒.๔.๒ ด้านการศาสนศึกษา

การศาสนศึกษา หมายถึง การศึกษาพระปริยัติธรรมและการศึกษาอ่ืน ๆอันสมควรแก่
สมณะการศึกษาของสงฆ์แต่เดิมน้ันเร่ิมต้นมาแต่สมัยพุทธกาลและบุคคลที่เข้ามาสู่สังฆมณฑลในคร้ัง
พุทธกาลตามประวัติความเป็นมาส่วนมากมักจะได้รับการศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรมมาเป็นอย่าง
ดีตามลัทธิศาสนาในสมัยนั้นเป็นต้นว่าเรียนจบไตรเพทมาก่อนการศึกษาของสงฆ์ในสมัยพุทธองค์ยัง
ทรงพระชนม์อยู่มี ๒ ประการคือคันถะธุระคือธุระฝ่ายคัมภีร์กิจด้านการเรียนและวิปัสสนาธุระคือธุระ
ฝ่ายเจรญิ วปิ ัสสนากิจด้านการบําเพญ็ ภาวนาหรอื เจรญิ พระกรรมฐานซึ่งรวมทั้งสมถะด้วยเรียกรวมเข้า
ในวิปัสสนาโดยฐานเปน็ ส่วนคลมุ ยอด

๔๓

กล่าวโดยสรุปการศาสนศึกษาเป็นการจัดการศึกษาให้กับพระภิกษุสามเณรหรือการ
สนับสนุนส่งเสริมให้พระภิกษุรวมทั้งการส่งเสริมทุกทางท่ีจะทําให้ภิกษุสงฆ์สามเณรได้มีโอกาสศึกษา
พระปริยัติธรรมและวิชาการต่าง ๆทุก ๆ วิธีซ่ึงมีตั้งแต่ประถมศึกษาจนถึงอุดมศึกษาโดยไม่ขัดต่อพระ
ธรรมวินัยการศาสนศกึ ษาจึงเป็นสิ่งจําเป็นสาํ หรับภิกษุสงฆส์ ามเณรท่ีบวชเข้ามาในพระพุทธศาสนาทั้ง
ในระยะสัน้ ระยะยาวเพราะอย่างน้อยท่ีสุดควรได้เรียนรู้พอเป็นแนวทางนําไปประยุกต์ใช้ในการดาเนิน
ชวี ติ ภายหลงั จากทีพ่ ระภกิ ษุสามเณรน้ันลาสกิ ขาไปแลว้ เชน่ หลกั คหิ ิปฏิบัติเป็นตน้

๒.๔.๓ ด้านการเผยแผ่

การเผยแผ่ศาสนธรรม หมายถึง การดําเนินการประกาศพระพุทธศาสนาให้ศาสนทายาท
และประชาชนได้รับทราบในทุก ๆ วิธีที่ไม่ขัดต่อพระธรรมวินัยโดยมุ่งเน้นให้ประชาชนได้มีความรู้
ความเข้าใจในหลักธรรมแล้วน้อมนําไปปฏิบัติในชีวิตประจําวันได้แก่การเทศนาการปาฐกถาในโอกาส
และสถานท่ีต่าง ๆท้ังในวัดและนอกวดั การบรรยายธรรมทั้งทางวทิ ยุและโทรทัศน์การเผยแผ่ธรรมด้วย
ส่ือต่าง ๆขึ้นในวัดโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแผ่ธรรมหรือต้องการให้ประชาชนได้เข้าวัดปฏิบัติ
ธรรมหรือมุ่งเน้นสืบสานวัฒนธรรมไทยท่ีได้รับอิทธิพลมาจากหลักพระพุทธศาสนาการดําเนินการใดๆ
ของภิกษุสงฆใ์ นพระพทุ ธศาสนาทเ่ี ป็นไปเพอ่ื การเผยแผ่ธรรมทางพระพุทธศาสนาท้ังในวดั และนอกวัด
ช่ือว่าภารกิจด้านการเผยแผ่ทั้งสิ้นซึ่งเป็นนิยามที่สอดคล้องกับท่ีพระธรรมกิตติวงศ์ได้กล่าวว่าการเผย
แผ่ศาสนธรรมหมายถงึ การสอนกรรมฐานการสอนจรยิ ธรรมแกเ่ ดก็ ๆ และชาวบ้านท่ัวไปนั่นเอง

๒.๔.๔ ดา้ นการสาธารณูปการ

สาธารณูปการ คือ การดําเนินการเกี่ยวกับการพัฒนาวัดด้านอาคารสถานท่ีและ
ส่ิงแวดล้อมเพ่ือให้วัดเอ้ือประโยชน์ตามภารกิจของเจ้าอาวาสด้านอื่น ๆการพัฒนาเหล่าน้ีได้แก่การ
ดูแลการทํานุบํารุงรักษาสาธารณสมบัติของวัดการดูและรักษาและก่อสร้างอาคารสถานที่เช่นพระ
อุโบสถเมรุอาคารเรียนหอธรรมกุฏิศาลาการเปรียญเป็นต้นงานสาธารณูปการแต่ละวัดจะไม่เท่าเทียม
กันมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับขนาดของเศรษฐกิจความต้องการของชุมชนและบารมีของเจ้าอาวาสหรือ
พระสงฆ์ในวัดเป็นสําคัญและนอกจากนั้นกรมการศาสนาได้กําหนดแนวทางในการจัดการด้าน
สาธารณูปการโดยวัดจะต้องมีแผนผังกําหนดการปลูกสร้างภายในวัดบริเวณวัดมีการปลูกไม้ดอกไม้
ประดับไม้เก่ียวกับพุทธประวัติทําให้วัดเป็นแหล่งศึกษาสถานที่ร่นื รมย์ลานวดั สะอาดปราศจากขยะมูล
ฝอยส่ิงปฏิกูลมีถังรองรับขยะมีถนนทางเดินเท้าภายในวัดวัดควรมีประตูปิดเปิดตามวันเวลาเพื่อความ
ปลอดภัยในทรัพย์สินของวัดมีป้ายแสดงสิ่งสําคัญๆเพ่ือดึงดูดความศรัทธาของประชาชนตามสมควร
การทาสีเสนาสนะก็ดีแผ่นป้ายก็ดีให้ใช้สีเรียบๆไม่ฉูดฉาดการปลูกสร้างเสนาสนะภายในวัดให้รักษาไว้
ซ่งึ ศลิ ปกรรมของไทยมีการจัดระบบนาํ้ ดื่มนาํ้ ใช้ไฟฟ้าทอี่ ยูอ่ าศัยมรี ะบบกาจัดส่ิงปฏิกูลหอ้ งน้าํ ห้องสว้ ม
จดั สวสั ดกิ ารใหภ้ ิกษุสามเณรได้รับความผาสุกในการบาํ เพ็ญสมณธรรม

๒.๔.๕ ด้านการศึกษาสงเคราะห์

การศึกษาสงเคราะห์ หมายถึง การจัดการศึกษาท่ีมุ่งเน้นการปลูกฝังคุณธรรมและ
จริยธรรมแก่เด็กและเยาวชนให้มีความรู้ความเข้าใจหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาและการจัด

๔๔

การศึกษาในการเตรียมความพร้อมแก่เด็กปฐมวัยได้แก่ศูนย์พระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ศูนย์อบรมเด็ก
ก่อนเกณฑใ์ นวดั โรงเรยี นเอกชนการกุศลของวดั การมอบทุนการศกึ ษาแก่นกั เรียนนกั ศกึ ษาเปน็ ตน้

๒.๔.๖ ด้านการสาธารณสงเคราะห์

การสาธารณะสงเคราะห์ หมายถงึ การดําเนินการช่วยเหลือสังคมทางวัตถุในรูปแบบต่าง ๆ
ที่ไม่ขัดต่อพระธรรมวินัยได้แก่โครงการอุปสมบทและบรรพชาพระสงฆ์สามเณรภาคฤดูร้อนโครงการ
สงเคราะห์พระสงฆ์สามเณรที่วัดประสบภัยขาดแคลนวัดและเจ้าอาวาสพระสงฆ์เป็นผู้นําในการพัฒนา
ชุมชนและสังคมเช่นให้ใช้สถานท่ีเป็นที่จัดประชุมอบรมเยาวชนและประชาชนด้านอาชีพต่าง ๆการ
สร้างถนนเข้าหมู่บ้านการออมทรัพย์ให้สถานที่เป็นแหล่งประปาหมู่บ้านการช่วยเหลือผู้ยากไร้ เป็น
ตน้ ๓๖

สรุปสาระสําคัญและแนวติดจากการศึกษาวิเคราะห์แนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับหลักการ
ปกครองหรือการบรหิ ารของคณะสงฆ์ ตามตารางที่ ๒.๔

ตารางท่ี ๒.๔ สรุปสาระสําคัญจากการศึกษาวิเคราะห์ แนวคิดทฤษฎีท่ีเก่ียวกับหลักการปกครอง
หรือการบริหารของคณะสงฆ์

แนวคิดทฤษฎที ศ่ี ึกษา สาระสาํ คญั ทน่ี ํามาใช้

หลกั การปกครองหรอื การบริหารของ ดา้ นการปกครอง
การปกครองหมายถึงภารกิจที่วัดโดยภิกษุผู้เป็นเจ้า
คณะสงฆ์
อาวาสหรือคณะเจ้าปกครองดําเนินการสอดส่องดูแลรักษา

พระพรหมบัณฑิต (ประยรู ธมมฺ จติ โฺ ต. ความเรียบร้อยดีงามเพื่อให้พระภิกษุสามเณรและคฤหัสถ์ที่
อยู่ในวัดหรือในการปกครองปฏิบัติตามพระธรรมวินัย
๒๕๕๐)
กฎหมายกฎข้อบังคับระเบียบคาสั่งประกาศของมหาเถร

สมาคมหรอื พระบัญชาของสมเดจ็ พระสงั ฆราช

ด้านการศาสนศกึ ษา
ก า ร ศ า ส น ศึ ก ษ า เป็ น ก า ร จั ด ก า ร ศึ ก ษ า ใ ห้ กั บ

พระภิกษุสามเณรหรือการสนับสนุนส่งเสริมให้พระภิกษุ
รวมทั้งการส่งเสริมทุกทางที่จะทําให้ภิกษุสงฆ์สามเณรได้มี
โอกาสศึกษาพระปริยัติธรรมและวิชาการต่าง ๆ ทุก ๆ วิธีซ่ึง
มีต้ังแต่ประถมศึกษาจนถึงอุดมศึกษาโดยไม่ขัดต่อพระธรรม
วินัยการศาสนศึกษาจึงเป็นสิ่งจําเป็นสําหรับภิกษุสงฆ์
สามเณรท่ีบวชเข้ามาในพระพุทธศาสนาทั้งในระยะสั้นระยะ

๓๖ พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต), การปกครองคณะสงฆ์ไทย, (กรุงเทพมหานคร: บริษัทสห
มิกธรรม จาํ กัด, ๒๕๕๐), หน้า ๗๖.

๔๕

แนวคิดทฤษฎที ่ีศกึ ษา สาระสาํ คญั ทนี่ าํ มาใช้
ยาวเพราะอย่างน้อยที่สุดควรได้เรียนรู้พอเป็นแนวทางนําไป
ประยุกต์ใช้ในการดาเนินชีวิตภายหลังจากท่ีพระภิกษุ
สามเณรน้ันลาสิกขาไปแลว้ เช่นหลกั คหิ ิปฏบิ ตั เิ ปน็ ตน้

ดา้ นการเผยแผ่
การดําเนินการประกาศพระพุทธศาสนาให้ศาสน

ทายาทและประชาชนได้รับทราบในทุก ๆ วิธีท่ีไม่ขัดต่อพระ
ธรรมวินัยโดยมุ่งเน้นให้ประชาชนได้มีความรู้ความเข้าใจใน
หลักธรรมแล้วนอ้ มนําไปปฏิบัติในชวี ิตประจาํ วนั

ดา้ นการสาธารณปู การ

สาธารณูปการคือการดําเนินการเกี่ยวกับการพัฒนา

วั ด ด้ า น อ า ค า ร ส ถ า น ท่ี แ ล ะ สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม เพื่ อ ใ ห้ วั ด เอ้ื อ

ประโยชน์ตามภารกิจของเจ้าอาวาสด้านอน่ื ๆ

ดา้ นการศกึ ษาสงเคราะห์
การศึกษาสงเคราะห์หมายถึงการจัดการศึกษาท่ี

มุ่งเนน้ การปลกู ฝังคุณธรรมและจริยธรรมแก่เด็กและเยาวชน
ให้มีความรู้ความเข้าใจหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาและ
การจัดการศกึ ษาในการเตรียมความพรอ้ มแกเ่ ด็กปฐมวัย

ด้านการสาธารณสงเคราะห์
การสาธารณะสงเคราะห์หมายถึงการดําเนินการ

ช่วยเหลือสังคมทางวัตถุในรูปแบบต่าง ๆท่ีไม่ขัดต่อพระ
ธรรมวนิ ยั

๒.๕ แนวคิดท่ีเกย่ี วกบั หลักอทิ ธิบาท ๔

ความสําคัญของหลักอิทธิบาท ๔ จากแหล่งขอ้ มูลที่หลากหลาย เพ่ือให้เกิดความเขา้ ใจ
และเขา้ ถึงความหมายและความสําคัญโดย ได้มีนักวิชาการท่ีไดร้ ับการยกย่องจากบุคคลท่ัวไปในด้าน
เป็นผูม้ ีความรคู้ วามสามารถไดก้ ลา่ วถึงไว้ดังน้ี

พุทธทาสภิกขุ ได้กล่าวถึงความหมายของอิทธิบาท ๔ ไว้ดังนี้ อิทธิบาท ๔ คือ บทของ
พระธรรม เชน่ ว่า จะมีฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ที่เรียกวา่ อิทธิบาท นี้ต้องมีและมีได้โดยไมร่ ู้สึกตัว
คนที่มีการทํางานยอ่ มทํางานด้วยความพอใจความขยันขันแข็ง ความเอาใจใสใ่ คร่ครวญอยูเ่ สมอน้ี
เรียกว่า เขามีอทิ ธบิ าทท้งั สปี่ ระการนั้นโดยไมร่ ู้สกึ ตัว๓๗

๓๗ พทุ ธทาสภิกขุ, การงานท่ีเปน็ สุข, (กรุงเทพมหานคร: โรงพมิ พธ์ รรมสภา, ๒๕๔๙), หนา้ ๓๐.

๔๖

พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) ได้เขียนเกี่ยวกับอิทธิบาท ๔ สรุปไดว้ า่ หลักธรรมที่
ไมเ่ คยลา้ สมัย หรือหลักธรรมอันเปน็ หลักแหง่ ความสําเร็จ หรือทางแห่งความสําเร็จ ๔ ประการ ที่ใน
ปัจจุบันแมเ้ ราจะหลงลืมกันไปบา้ งว่า คืออะไร แต่ถ้าหากไดย้ อ้ นรําลึกกันบา้ งวา่ มีอะไร และคืออะไร
จะเห็นไดว้ ่าหลกั ธรรมอายุ ๒ พนั กว่าปนี ี้ ไม่มคี ราวใดท่ีจะเรียกว่าล้าสมยั

๑. ฉันทะ เพราะเหตุวา่ ทรงรกั ส่งิ ท่ที รงทํา จงึ ได้ทาํ สง่ิ ที่ทําอยใู่ นขณะนี้
๒. วริ ิยะ คอื ความพากเพียร ความพยายามไม่ยอ่ ทอ้
๓. จิตตะ คอื ความเอาพระทัยจดจอ่ ในสงิ่ ท่ีทรงทํา เพราะฉะน้นั ท่านจึงทาํ ได้
๔. วิมังสา ทํางานแลว้ ไมท่ ิ้ง คอยตรวจสอบ ทบทวน ไตร่ตรอง พิจารณา ดังน้ัน หลัก
ความสาํ เรจ็ ปฏิบตั ติ ามหลกั ธรรม ทีจ่ ะนาํ ไปส่คู วามสาํ เร็จแห่งกจิ การ ท่ีเรียกว่า อิทธิบาท (ธรรมให้ถึง
ความสําเร็จ) ซ่ึงมี ๔ ข้อ คือ ๑. ฉันทะ : รักงาน (การเห็นคุณคา่ ความรัก ความพอใจ) คือ มีใจรัก
พอใจจะทําส่ิงนั้น และทําดว้ ยใจรัก ต้องการทําใหเ้ ป็นผลสําเร็จอย่างดีแห่งกิจหรืองานที่ทํา มิใช่สักว่า
ทําพอให้เสร็จ ๆ หรือ เพียงเพราะอยา่ งได้รางวัลหรือผลกําไร ๒. วิริยะ : สูง้ าน(ความเพียร เห็นเป็น
ความท้าทาย ใจสู้ ขยัน) คือ พากเพียรทําขยันหมั่นประกบหมั่นกระทําส่ิงนั้นด้วยความพยายาม
เข้มแข็งอดทน เอาธุระ ไม่ทอดทิ้ง ไมท่ อ้ ถอย กา้ วไปข้างหนา้ จนกว่าจะสําเร็จ ๓. จิตตะ : ใส่ใจงาน
(ความคิด อุทิศตัวตอ่ งาน ใจจดจ่อ จริงจัง) คือ เอาจิตฝักใฝ่ ตั้งจิต รับรูใ้ นสิ่งท่ีทํา และทําสิ่งน้ันด้วย
ความคิดไมป่ ลอ่ ยจิตใจใหฟ้ ุง้ ซา่ นเลื่อนลอย ใช้ความคิดในเร่ืองน้ัน บ่อย ๆ เสมอ ๆ ทํากิจหรืองานนั้น
อย่างอุทิศตัวอุทิศใจ ๔. วิมังสา : ทํางานด้วยปญั ญา (ไตรต่ รอง พิสูจน์ ทดสอบ ตรวจตราปรับปรุงแก้
ไข) ใชป้ ัญญาสอบสวน คือ หม่ันใชป้ ัญญาพจิ ารณาใครค่ รวญตรวจตราหาเหตุผล และตรวจสอบข้อยิ่ง
หยอ่ นเกินเลยบกพรอ่ งขัดขอ้ งในสิ่งท่ีทํานั้น โดยรู้จักทดลอง วางแผน วัดผล คิดค้นวิธีแก้ไขปรับปรุง
เปน็ ตน้ เพ่อื จดั การและดาํ เนนิ งานนัน้ ใหไ้ ดผ้ ลดยี ิ่งขน้ึ ไป๓๘

พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต) ไดก้ ลา่ วถึงความหมายของอิทธบิ าท ๔ ไวด้ ังน้ี อิทธิบาท๔
คือ ทางแห่งความสําเร็จ จุดเริ่มที่จะนําไปสูค่ วามสําเร็จ ถา้ เราพัฒนาคนถูกต้องอยา่ งท่ีวา่ มนุษยไ์ ม่
แปลกแยกจากความเป็นจริงของธรรมชาติตั้งแตข่ ั้นพื้นฐานทุกอยา่ งกส็ อดคลอ้ งไปกันได้หมดไม่มอี ะไร
เสียหายเม่ือเราวางฐานได้ดีแล้วเราก็ใชห้ ลักการต่าง ๆ ในการทํางานบนพื้นฐานแห่งความถูกต้องนั้น
เมอื่ พน้ื ฐานถกู ต้องแลว้ เราเอาธรรมะอะไรมาใช้ตอนน้ีก็เดินหนา้ ไปดว้ ยดี เชน่ เอาหลักอทิ ธบิ าทมาใชก้ ็
คือ หลกั แห่งความสาํ เร็จ๓๙

๓๘ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต), ธรรมนูญชีวิต, พิมพค์ ร้ังที่ ๔๖, (กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์
กรมศาสนา, ๒๕๔๕), หนา้ ๔๐.

๓๙ พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต), ธรรมะกบั การทํางาน, พมิ พ์คร้ังท่ี ๓, (กรงุ เทพมหานคร: สํานกั พิมพ์
มลู นิธพิ ุทธธรรม, ๒๕๔๓), หนา้ ๗๙.

๔๗

พระกวีวรญาณ ไดก้ ล่าวไวว้ ่า หลักในการทํางานให้สําเร็จนั้นตามหลักพระพุทธศาสนา
เรียกว่า “อิทธิบาท” มาจากคําว่า อิทธิ = ความสําเร็จ บาท = วิถีทางที่จะนําไปสู่ เม่ือ “อิทธิบาท”
เป็นชื่อของธรรมหมวดหน่ึง ก็หมายความว่า ธรรมหมวดน้ันแหละเป็น “หลักการ” สําคัญท่ีจะนําเรา
ไปสจู่ ดุ หมายปลายทาง หรอื ไปสคู่ วามสาํ เร็จได้๔๐

พระเทพดิลก (ระแบบ ฐิตญาโน) ได้กล่าวถึงความหมายของอิทธิบาท ๔ ไว้ดังนี้ อิทธิ
บาท๔ คือคุณธรรมท่ีจะนําผู้ประพฤติปฏิบัติใหป้ ระสบความสําเร็จในส่ิงท่ีตนประสงคซ์ ่ึงต้องไม่
เหลือวิสัยคือส่ิงท่ีตนประสงค์นั้นต้องอยูใ่ นวิสัยที่อาจใชค้ วามเพียรพยายามทําใหเ้ กิดขึ้นได้มิใชเ่ ปน็
ความเพ้อฝัน ทไ่ี มม่ โี อกาสประสบความสาํ เร็จคณุ ธรรมกลมุ่ นเ้ี รยี กว่า อทิ ธบิ าท ๔๔๑

พระธรรมโกศาจารย์ (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) ไดก้ ล่าวความหมายของหลักอิทธิบาท ๔ ไว้
ดังน้ีอิทธิบาท ๔ คือ ใชค้ ุณธรรมนําทางสู่ความสําเร็จท่ีตนประสงคต์ ้องมีความพ่ึงพอใจมีความเพียรมี
สมาธิจึงทําใหเ้ กิดปัญญาและหัวใจของการบริหารเชิงพุทธที่สําคัญที่สุด คือ พรหมวิหาร ๔ ตอ้ งมี่ทั้ง
เมตตา กรณุ า ใหค้ วามช่วยเหลือสงั่ สอนผูน้ อ้ ยใหเ้ รียนรูท้ จ่ี ะอยูด่ ว้ ยตนเอง มีมุทิตา ปลอ่ ยให้เขาเตบิ โต
ไดไ้ มเ่ ข้าการแทรกแซงและอุเบกขา รู้จักความพอดีปล่อยวา่ งฝึกจิตใหพ้ อเพียงในสิ่งท่ีมีที่เปน็ น้ีคือ
หลกั ธรรมประจําใจทจี่ ะช่วยให้เราดาํ รงชวี ติ และบริหารงานได้อย่างท่ปี ระเสรฐิ และบรสิ ุทธิ์๔๒

สรปุ ได้วา่ อิทธิบาท ๔ หมายถึง หลักธรรมทป่ี ฏิบัตเิ พื่อเอาชนะปญั หาและอปุ สรรค ต่าง ๆ
เป็นหนทางนําไปสูค่ วามสําเร็จในหน้าที่การงานต่าง ๆ ตามท่ีมุง่ หวังไว้ ซ่ึงประกอบดว้ ยฉันทะ (ความ
พอใจ) วิรยิ ะ (ความเพียร) จติ ตะ (ความคิด) และวมิ ังสา (ความไตร่ตรอง)

สรุปสาระสําคัญและแนวติดจากการศึกษาวิเคราะห์แนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับหลักอิทธิบาท
๔ ตามตารางท่ี ๒.๕

๔๐ พระกวีวรญาณ อ้างใน พัชราพร วีรสิทธิ์, “ความสัมพันธร์ ะหวา่ งองค์ประกอบห้าประการของ
บุคลิกภาพและความสามารถในการเผชิญปญั หาและอุปสรรคตามหลักอิทธิบาท ๔ ของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่ใน
สํานักงานประกันสังคม”, วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต, (บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยรามคําแหง,
๒๕๔๖), หน้า ๑๑.

๔๑ พระเทพดิลก (ระแบบ ฐิตญาโณ), อธิบายหลักธรรมตามหมวดจากนวโกวาท, (กรุงเทพมหานคร:
โรงพิมพธ์ รรมสภา, ๒๕๔๘), หนา้ ๑๖๖.

๔๒ พระธรรมโกศาจารย์ (ประยูร ธมฺจิตฺโต), “ธรรมในใจของนักบริหารไฮโซ”, หนังสือพิมพไ์ ทยรัฐ,
(๒๐ มถิ นุ ายน ๒๕๕๑).

๔๘

ตารางที่ ๒.๕ สรุปสาระสาํ คัญจากการศกึ ษาวิเคราะห์ แนวคิดทฤษฎีทเี่ กี่ยวกับอทิ ธบิ าท ๔

แนวคิดทฤษฎที ่ศี ึกษา สาระสาํ คญั ทน่ี ํามาใช้
แนวคิดที่เกย่ี วกบั หลกั อิทธบิ าท ๔
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยตุ โฺ ต หลักธรรมที่ไมเ่ คยล้าสมัย หรือหลักธรรมอันเป็นหลัก
แห่งความสําเร็จ หรือทางแหง่ ความสําเร็จ ๔ ประการ ท่ีใน
พระธรรมปฎิ ก (ป.อ. ปยุตโฺ ต) ปจั จุบันแมเ้ ราจะหลงลืมกันไปบ้างวา่ คืออะไร แตถ่ า้ หากได้
ย้อนรําลึกกันบ้างว่ามีอะไร และคืออะไรจะเห็นได้วา่ หลักธรรม
พระธรรมโกศาจารย์ (ประยูร ธมฺม อายุ ๒ พนั กวา่ ปนี ้ี ไม่มีคราวใดทจี่ ะเรยี กว่าลา้ สมัย
จิตโฺ ต)
๑. ฉันทะ เพราะเหตุว่าทรงรักสิ่งท่ีทรงทํา จึงได้ทําสิ่งที่
ทําอยู่ในขณะนี้

๒. วริ ยิ ะ คือความพากเพียร ความพยายามไม่ยอ่ ท้อ
๓. จิตตะ คือความเอาพระทัยจดจ่อในสิ่งท่ีทรงทํา เพราะ
ฉะนั้นท่านจงึ ทําได้
๔. วิมังสา ทํางานแล้วไม่ทิ้ง คอยตรวจสอบ ทบทวน ไตร่
ตรอง

อิทธิบาท ๔ คือ ทางแห่งความสําเร็จ จุดเร่ิมที่จะนําไปสู่

ความสําเร็จ ถา้ เราพัฒนาคนถูกตอ้ งอย่างท่ีว่ามนุษยไ์ ม่แปลก

แยกจากความเป็นจริงของธรรมชาติตั้งแต่ขั้นพื้นฐานทุกอย่าง

ก็สอดคล้องไปกันไดห้ มดไม่มีอะไรเสียหายเมื่อเราวางฐานได้ดี

แล้วเราก็ใช้หลักการตา่ ง ๆ ในการทํางานบนพนื้ ฐานแหง่ ความ

ถูกต้องน้ันเม่ือพื้นฐานถูกตอ้ งแลว้ เราเอาธรรมะอะไรมาใช้

ตอนนี้ก็เดินหน้าไปดว้ ยดี เช่น เอาหลักอิทธิบาทมาใชก้ ็คือ

หลักแห่งความสําเร็จ

อิทธิบาท ๔ คือ ใชค้ ุณธรรมนําทางสู่ความสําเร็จที่ตน

ประสงคต์ อ้ งมีความพ่ึงพอใจมีความเพียรมีสมาธิจึงทําให้เกิด

ปัญญาและหัวใจของการบริหารเชิงพุทธที่สําคัญที่สุด คือ

พรหมวิหาร ๔ ต้องมี่ทั้งเมตตา กรุณา ใหค้ วามช่วยเหลือสั่ง

สอนผู้น้อยใหเ้ รียนรู้ท่ีจะอยูด่ ว้ ยตนเอง มีมุทิตา ปล่อยให้เขา

เติบโตไดไ้ ม่เข้าการแทรกแซงและอุเบกขา รู้จักความพอดี

ปลอ่ ยว่าง ฝึกจิตให้พอเพียงในส่ิงที่มีที่เป็นน้ีคือหลักธรรม

ประจําใจท่ีจะช่วยให้เราดํารงชีวิตและบริหารงานไดอ้ ยา่ งท่ี

ประเสรฐิ และบริสุทธ์ิ

๔๙

๒.๖ ผลงานวจิ ยั ที่เกย่ี วขอ้ ง

๒.๖.๑ ผลงานวจิ ยั ท่เี ก่ยี วข้องการมีส่วนร่วม

ทานตะวัน อินทร์จันทร์ ได้ศึกษาระดับการมีส่วนร่วมของคณะกรรมการชุมชนในการ
พฒั นาชมุ ชนยอ่ ยเทศบาลเมืองลําพูน ผลการศกึ ษาพบว่า คณะกรรมการชุมชนมสี ่วนร่วมในระดับปาน
กลาง โดยมีส่วนร่วมตัดสินใจเก่ียวกับการประชุมท่ีเก่ียวข้องกับการพัฒนาชุมชน การคิดหาและสร้าง
รูปแบบ และวิธีการพัฒนาเพ่ือแก้ไขและลดปัญหาของชุมชน การคิดค้นวิธีการแก้ปัญหาของชุมชน
ค้นหาความต้องการของชุมชนและเสนอต่อเทศบาล การตัดสินใจในการใช้ทรัพยากรของท้องถิ่นที่มี
อยอู่ ยา่ งจํากดั ให้เกิดประโยชนต์ อ่ สว่ นรว่ มและการศึกษาวิเคราะห์ปัญหาและสาเหตุทเี่ กิดขึน้ ในชมุ ชน
การมีส่วนร่วมปฏิบัติงานเกี่ยวกับการส่งเสริมขนบธรรมเนียมประเพณีและสรา้ งความสามัคคีในชุมชน
การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสนองความต้องการของชุมชน การดูแลสาธารณะ
สมบัติของชุมชน การบริหารกิจกรรมและประสานงานขอความร่วมมือระหวา่ งชุมชนกับเทศบาล การ
จัดหรือปรับปรุงการบริหารงานพัฒนาชุมชนให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล การวางนโยบาย
แผนงาน หรือโครงการต่าง ๆ ของชุมชนการกําหนดกฎระเบียบต่าง ๆ ของชุมชน และการใช้แรงงาน
หรือบริจาคทรัพย์เพื่อนําไปพัฒนาชุมชน การมีส่วนร่วมรับผลประโยชน์จากโครงการช่วยเหลือจาก
ส่วนกลาง เช่น โครงการกองทุนหมู่บ้าน การฝึกอบรม ทัศนศึกษา การพัฒนางานด้านสาธารณูปโภค
สาธารณูปการ การส่งเสริมอาชีพ และการศึกษาให้กับชุมชน กิจกรรมสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน เช่น
การทําอาหาร การผลิตสินค้าของชุมชน การร่วมรับแจกวัตถุส่ิงของ เช่น เคร่ืองอุปโภคบริโภค และ
การรับค่าตอบแทนหรือของรางวัล การมีส่วนร่วมในการประเมินผลเป็นลักษณะการแสดงความ
คิดเห็นหรือร้องทุกข์เก่ียวกับปัญหาท่ีประสบได้โดยตรง การจัดทําประชาพิจารณ์หรือจัดประชุม เพื่อ
รับฟังความคิดเห็นโครงการพัฒนาเทศบาลท่ีสําคัญ การประเมินผลโครงการ ต่าง ๆ ของชุมชน การ
แต่งต้ังตัวแทนของชุมชนให้มีส่วนร่วมในการดําเนินการจัดซื้อจัดจ้างโครงการพัฒนาเทศบาล การ
ควบคุมตรวจสอบการปฏิบัติงานของเทศบาลแต่คณะกรรมการชุมชนมีส่วนร่วมในระดับน้อยในการ
ร่วมเป็นคณะกรรมการประเมินผลแผนงานหรือโครงการพัฒนาชุมชนของเทศบาล ปัจจัยที่มีผลต่อ
การมีส่วนร่วมของคณะกรรมการชุมชน พบว่า ปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ อายุ และปัจจัยด้านการได้รับ
การฝึกอบรมเกี่ยวกับการพัฒนาชุมชนย่อย มีผลต่อระดับการมีส่วนร่วมพัฒนาชุมชนย่อยในเขต
เทศบาลเมืองลําพูนท่ีแตกต่างกัน คือ คณะกรรมการที่มีอายุน้อย และคณะกรรมการที่ได้รับการ
ฝึกอบรมมีแนวโน้มของการมีส่วนร่วมตัดสินใจร่วมปฏิบัติร่วมรับผลประโยชน์ และร่วมประเมินผลใน
การพัฒนาชุมชนย่อยมากกว่าคณะกรรมการท่ีมีอายุมากและคณะกรรมการชุมชน สําหรับปัจจัยด้าน
รายได้นั้นมีผลต่อระดับการมีส่วนร่วมรับผลประโยชน์จากการพัฒนาชุมชน คือ คณะกรรมการท่ีมี
รายได้น้อยมีส่วนร่วมรบั ผลประโยชน์มากกว่าส่วนปัจจัยท่ีไม่มีผลต่อการมีส่วนร่วมของคณะกรรมการ
ชมุ ชน คอื การศึกษา๔๓

๔๓ ทานตะวัน อินทร์จันทร์, “การมีส่วนร่วมของคณะกรรมการชุมชนในการพัฒนาชุมชนย่อยเทศบาล
เมืองลาํ พนู ”, รายงานการวิจยั , (มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่:เชียงใหม่, ๒๕๔๖), บทคดั ย่อ.

๕๐

ปรีดา เจษฎาวรางกูล ได้ศึกษาการมีส่วนร่วมของกรรมการชุมชนในการพัฒนาชุมชนใน
เขตเทศบาลเมืองคูคต อําเภอลําลูกกา จังหวัดปทุมธานี ผลการศึกษาพบว่า ระดับการมีส่วนร่วมของ
กรรมการชุมชน ในการดําเนินงานด้านการพัฒนาชุมชนอยู่ในระดับสูงโดยกรรมการชุมชนมีส่วนร่วม
ในการพัฒนาชุมชนระดับสูงสดุ ในด้านการร่วมลงทุนและปฏิบัติงานและด้านการมีส่วนร่วมค้นปัญหา
และสาเหตุของการพัฒนาชุมชน รองลงมาคือด้านการมีส่วนร่วมในการติดตามและการประเมินผล
และด้านการร่วมวางแผนดําเนินกิจกรรมตามลําดับ ปัจจัยท่ีมีความสัมพันธ์ต่อการมีส่วนร่วมของ
กรรมการชุมชนในการพัฒนาชุมชนในเขตเทศบาลเมืองคูคต ได้แก่ ระดับการศึกษา ซ่ึงเป็นไปตาม
สมมติฐาน สําหรับปัจจยั ที่ไมม่ ีความสมั พันธ์ ได้แก่ เพศ อายุ การเป็นสมาชิกกลมุ่ ทางสังคม การได้รับ
ข่าวสารข้อมูลเก่ียวกับการพัฒนา และความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับบทบาทและหน้าท่ีของกรรมการ
ชมุ ชน ซ่งึ ไม่เป็นไปตามสมมติฐาน๔๔

ฐิตา จติ รตง้ั ตรง ไดศ้ ึกษาการมีสว่ นร่วมของคณะกรรมการชุมชนต่อการจัดทําแผนพัฒนา
สามปี (พ.ศ. ๒๕๔๙-๒๕๕๑) เทศบาลเมืองจันทบุรี ผลการศึกษาพบว่า การมีส่วนร่วมของ
คณะกรรมการชุมชน ต่อการจัดทําแผนพัฒนาสามปี (พ.ศ. ๒๕๔๙-๒๕๕๑) เทศบาลเมืองจันทบุรีโดย
ภาพรวมและรายด้าน อยู่ในระดับปานกลาง การเปรียบเทียบความคิดเห็นการมีส่วนร่วมของ
คณะกรรมการชุมชน ต่อการจัดทําแผนพัฒนาสามปี (พ.ศ. ๒๕๔๙-๒๕๕๑) เทศบาลเมืองจันทบุรีโดย
ภาพรวมและรายด้าน จําแนกตาม เพศ อายุ สถานภาพสมรส และอาชีพ ไม่แตกต่างกันอย่างมี
นัยสําคัญทางสถิติ แต่ระดับการศึกษา เมื่อพิจารณา รายด้านพบว่า ด้านการติดตามและประเมินผล
แตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ และตําแหน่งบทบาทผู้นําในชุมชน จากผลการศึกษาพบว่า
แตกตา่ งกนั อยา่ งมนี ัยสําคัญทางสถิต๔๕

ธนวัฒน์ คําภีลานนท์ ได้ศึกษาการมีส่วนร่วมของกรรมการชุมชนในการพัฒนาท้องถ่ิน
เทศบาลเมืองคูคต จังหวัดปทุมธานี จากผลการศึกษาพบว่าการศึกษาระดับการมีส่วนร่วมของ
กรรมการชุมชนในการพัฒนาท้องถ่ิน เทศบาลเมืองคูคต จังหวัดปทุมธานี ภาพรวมอยู่ในระดับปาน
กลาง รายด้านอยู่ในระดับมากหนึ่งด้าน คือ ด้านการรับผลประโยชน์ และอยู่ในระดับปานกลาง ๓
ด้าน เรียงลําดับ ดังนี้ ด้านการตัดสินใจ ด้านการประเมินผล และด้านการปฏิบัติการ ผลการ
เปรียบเทียบระดับการมีส่วนร่วมของกรรมการชุมชนในการพัฒนาท้องถิ่นเทศบาลเมืองคูคต จังหวัด
ปทุมธานี พบว่า กรรมการชุมชนที่มี เพศ อายุการศึกษา ตําแหน่ง รายได้ ระยะเวลาที่อาศัยอยู่ใน
ชุมชน และความรู้ในด้านการพัฒนาท้องถ่ินไม่แตกต่างกัน ยกเว้นกรรมการชุมชนท่ีมีอาชีพต่างกัน

๔๔ ปรีดา เจษฎาวรางกูล, “การมีส่วนร่วมของกรรมการชุมชนในการพัฒนาชุมชนในเขตเทศบาลเมือง
คูคต อําเภอลําลูกกา จังหวัดปทุมธานี”, วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการปกครองท้องถ่ิน,
(วทิ ยาลยั การปกครอง: มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ , ๒๕๕๐), บทคัดย่อ.

๔๕ ฐิตา จิตรตั้งตรง, “การมีส่วนร่วมของคณะกรรมการชุมชนต่อการจัดทําแผนพัฒนาสามปี (พ.ศ.
๒๕๔๙ - ๒๕๕๑)”, การศึกษาอสิ ระรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑติ สาขาวชิ าการปกครองทอ้ งถิ่น, (วิทยาลยั การ
ปกครองทอ้ งถน่ิ : มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ , ๒๕๕๐).

๕๑

การมีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นเทศบาลเมืองคูคต จังหวัดปทุมธานี แตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญ
ทางสถติ ิท่รี ะดับ ๐.๐๕๔๖

ณรงค์ วารีชล ได้ศึกษาการมีส่วนร่วมของกรรมการชุมชนในการพัฒนาเทศบาลสู่ “เมือง
น่าอยู่” กรณีศึกษา: เทศบาลตําบลบางพระ อําเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ผลการศึกษาพบว่า
กรรมการชุมชนส่วนมากเป็นเพศชาย มีอายุ ๔๑ ปีขึ้นไปมีสถานภาพสมรส จบการศึกษาระดับต่ํากว่า
ปริญญาตรีมีอาชีพลูกจ้าง/รับจ้าง มีรายได้ ๑๐,๐๐๑-๑๕,๐๐๐ บาทต่อเดือน และได้รับการฝึกอบรม
ความรู้ ๕ คร้ังขึ้นไป การมีส่วนร่วมของกรรมการชุมชนในการพัฒนาเทศบาลสู่เมืองน่าอยู่ในภาพรวม
มีส่วนร่วมอยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณารายด้านพบว่า มีส่วนร่วมอยู่ในระดับมากทุกด้าน โดย
คณะกรรมการมีส่วนร่วมด้านคิดค้นปัญหามากที่สุดเป็นอันดับแรกรองลงมาคือ ด้านการมีส่วนร่วม
วางแผนดําเนินการ ด้านการมีส่วนร่วมตัดสินใจ ด้านการมีส่วนร่วมปฏิบัติและด้านการมีส่วนร่วม
ประเมนิ ผลตามลาํ ดับ๔๗

ณัฐภาส์ การรินทร์ ได้ศึกษาเร่ืองการมีส่วนร่วมของคณะกรรมการชุมชนในการพัฒนา
ชมุ ชนเทศบาลเมอื งกาฬสนิ ธ์ุ จังหวดั กาฬสนิ ธุ์ ผลการศกึ ษา พบว่า

๑. ระดับการมีส่วนร่วมของคณะกรรมการชุมชนในการพัฒนาชุมชน เทศบาลเมือง
กาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสนิ ธุ์ โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง และเมอื่ พิจารณาแยกเป็นรายดา้ น พบว่าอยู่
ในระดับปานกลางทุกด้าน โดยเรียงลําดับด้านที่มีค่าเฉล่ียสูงสุดไปหาต่ําสุด ได้แก่ ด้านการมีส่วนร่วม
ในการตัดสนิ ใจ ด้านการมสี ่วนร่วมในการดาํ เนินการ ด้านการมีส่วนร่วมในผลประโยชน์และดา้ นการมี
ส่วนร่วมในการประเมินผล

๒. สําหรับข้อเสนอแนะ คณะกรรมการชุมชนได้ให้ข้อเสนอแนะ โดยเรียงลําดับความถี่
จากมากไปหาน้อยสามอันดับแรก ได้แก่ เทศบาลควรมีการประชาสัมพันธ์ในการจัดทําแผนพัฒนา
เทศบาล โดยการประกาศเสียงตามสาย เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนเข้าร่วมจัดทําแผน ควรมีการรับฟัง
ความคิดเห็นจากชุมชนก่อนลงมติ และควรเปิดกว้างให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดซื้อจัด
จา้ ง๔๘

๔๖ ธนวัฒน์ คําภีลานนท์, “การมีส่วนร่วมของกรรมการชุมชนในการพัฒนาท้องถ่ินเทศบาลเมืองคูคต
จังหวัดปทุมธานี”, วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์, (คณะ
มนษุ ยศาสตร์และสังคมศาสตร์: มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั พระนคร, ๒๕๕๐).

๔๗ ณรงค์ วารีชล, “การมีส่วนร่วมของกรรมการชุมชนในการพัฒนาเทศบาลสู่ “เมืองน่าอยู่”
กรณีศึกษา: เทศบาลตําบลบางพระ อําเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี”, ปัญหาพิเศษรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต
สาขาวชิ าการบรหิ ารท่ัวไป, (วทิ ยาลยั การบรหิ ารรัฐกจิ : มหาวทิ ยาลัยบรู พา, ๒๕๕๐).

๔๘ ณัฐภาส์ การรินทร์, “การมีส่วนร่วมของคณะกรรมการชุมชนในการพัฒนาชุมชนเทศบาลเมือง
กาฬสินธ์ุ จังหวัดกาฬสินธุ์”, การค้นคว้าอิสระรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหาร, (บัณฑิต
วทิ ยาลยั : มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, ๒๕๕๓).

๕๒

สุภชัย ตรที ศ ได้วิจัยเร่อื ง “การมสี ว่ นร่วมของคณะกรรมการชมุ ชนต่อการวางแผนพัฒนา
เทศบาลเมืองชลบุรีอําเภอเมืองชลบุรจี ังหวัดชลบุรี” กลุ่มตัวอย่างการมีส่วนร่วมในการวางแผนพัฒนา
เทศบาลเมืองชลบุรีในระดับปานกลางโดยปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ อายุและรายได้เป็นปัจจัยท่ีมี
ผลต่อการมีส่วนร่วมของคณะกรรมการชุมชนในการวางแผนพัฒนาเทศบาล ยกเว้นปัจจัยด้านอาชีพ
ซง่ึ จากการทดสอบความแตกตา่ งรายคู่ พบว่า อาชพี มีผลต่อการมสี ว่ นร่วมของคณะกรรมการชุมชนใน
การวางแผนพัฒนาเทศบาลและคณะกรรมการชุมชน มีปัญหาการมีส่วนร่วมในการวางแผนพัฒนา
เทศบาลเมืองชลบุรีอยู่ในระดับน้อยโดยปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่อายุอาชีพ และรายได้เป็นปัจจัยที่มีผล
ต่อปัญหาการมสี ว่ นรว่ มในการวางแผนพัฒนาเทศบาลเมอื งชลบรุ ี๔๙

ชัยฤทธิ์ เบญญากาจ ได้วิจัยเร่ือง “การมีส่วนร่วมของประชาคมในการพัฒนาตําบลบาง
ตาวา อําเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี” พบว่า ระดับการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาตําบล
โดยรวมอยูใ่ นระดับปานกลางจาํ แนกเปน็ รายด้านตามลาํ ดับดงั นี้

๑) ดา้ นการรับรู้ขา่ วสาร
๒) ด้านการประมวลปัญหาและความต้องการของตาํ บล
๓) ดา้ นการเสนอขอ้ คดิ เห็นในการพัฒนาต่อองคก์ ารบรหิ ารส่วนตาํ บล
๔) การติดตามและประเมนิ ผล
๕) ด้านการให้และรับประโยชน์จากโครงการปัจจัยท่ีมีผลต่อการมีส่วนร่วมการเป็น
ประชาคมตามแนวทางราชการและการมีความรู้ความเข้าใจในการพัฒนาตําบลปัจจัยท่ีมีผลต่อการมี
สว่ นร่วมไดแ้ ก่ เพศ อายุระดับการศึกษา อาชพี และระยะเวลาทีอ่ าศัยอยู่ในชุมชน๕๐

ปิยะ ประทีปรักมณี ได้วิจัยเรื่อง “การมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาชุมชนใน
พื้นที่ชายทะเลบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร” พบว่า ๑) กลุ่มตัวอย่างท่ีได้ศึกษามีระดับการมีส่วน
ร่วมในการพัฒนาชุมชนอยู่ในระดับตํ่า ๒) ปัจจัยท่ีมีความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วมของประชาชนใน
การพัฒนาชุมชน คือ สถานการณ์สังคม การเป็นสมาชิกกลุ่ม และความคาดหวังผลประโยชน์ส่วน
ปัจจัยท่ีไม่มีความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาชุมชน คือ เพศ อายุระดับ
การศึกษาสถานภาพสมรส ระระเวลาท่ีอาศัยอยู่ในชุมชน อาชีพ รายได้และพื้นที่ถือครอง ๓)ปัญหา
สําคัญที่มผี ลต่อการมีส่วนรว่ มของประชาชนในการพฒั นาชุมชน คือ การให้ความร่วมมือกับประชาชน
ผูน้ าํ ชมุ ชนขา่ วสาร และการประชาสัมพนั ธแ์ ละการสนับสนนุ จากภาครฐั ๕๑

๔๙ สภุ ชัย ตรีทศ, “การมีส่วนรว่ มของคณะกรรมการชุมชนตอ่ การวางแผนพัฒนาเทศบาลเมืองชลบุรี,”
ภาคนิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขานโยบายสาธารณะ, (บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยบูรพา,
๒๕๔๗).

๕๐ ชัยฤทธิ์ เบญญากาจ, “การมีส่วนร่วมของประชาชาคมในการพัฒนาตําบลตาวา อําเภอหนองจิก
จังหวัดปัตตานี”, ภาคนิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต, (บัณฑิตวิทยาลัย: สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์,
๒๕๔๗), หนา้ ๓๓.

๕๑ ปิยะ ประทีปรักมณี, “การมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาชุมชนในพ้ืนท่ีชายทะเลบางขุน
เทียน กรุงเทพมหานคร”, วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาสังคมวิทยาศาสตร์ประยุกต์, (บัณฑิต
วิทยาลยั : มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร,์ ๒๕๔๖).

๕๓

รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร ได้กล่าวถึงการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนของประชาชนเขต
ดุสิต กรุงเทพมหานคร ในภาพรวมและรายได้อยู่ในระดับปานกลางและด้านที่มีค่าเฉล่ียมากที่สุด คือ
ด้านการมีส่วนร่วมของการรับผลประโยชน์รองลงมา ได้แก่ ด้านการมีส่วนร่วม การดําเนินงานด้าน
การมีส่วนร่วมการตัดสินใจและด้านการมีส่วนร่วมการติดตามและประเมินผล ปัจจัยที่มีผลต่อการมี
ส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนของประชาชน เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ได้แก่ อาชีพ ส่วนปัจจัยท่ีไม่มี
ผลต่อการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนของประชาชนเขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ได้แก่ เพศ อายุ
ระดบั การศึกษา รายไดแ้ ละระยะเวลาทอี่ ยู่อาศยั ในชุมชน๕๒

สุวัตน์ บุญลา ได้วิจัยเร่ือง “การมีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นของกลุ่มประชาสังคม
ศกึ ษา เฉพาะองค์การบริหารส่วนตาํ บลบางเสร่ อําเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี” พบว่า กลุ่มประชาสังคม
เห็นความสําคัญของการมีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถ่ินให้เจริญก้าวหน้าแต่ในระดับการมีส่วนร่วม
กลุ่มยังมีส่วนร่วมอยู่ในระดับการรับรู้เป็นหลักยังไม่มีส่วนร่วมระดับเสนอความคิดเห็นอย่างชัดเจน
ข้ันตอนการมีส่วนร่วมน้ัน กลุ่มประชาสังคมเห็นว่ากลุ่มยังมีส่วนร่วมอยู่ในขั้นของการเสนอปัญหาแต่
ยังไม่เข้าไปร่วมในข้ันการวางแผนการพัฒนาท้องถิ่นโดยตรงนอกเหนือจากขั้นการตัดสินใจ และข้ัน
การติดตาม ประเมินผล ซ่ึงอยู่ในระดับที่สูงกว่า ปัญหาอุปสรรค ในการมีส่วนร่วมท่ีสําคัญคือ การไม่
ทราบถึงสิทธิในการเข้ามามีส่วนร่วมของคนในกลุ่มประชาสังคมการมีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมน้อย
เนื่องจากปัญหาเวลาท่ีตอ้ งใชท้ ํามาหากินของสมาชิกกลุ่มประชาสังคม และควรให้ความสําคัญกับการ
ประชาสัมพนั ธ์เร่ืองสทิ ธิการมสี ว่ นร่วม๕๓

ดวงพร แสงทอง ได้วิจัยเรื่อง “การมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทําแผนพัฒนา
ท้องถ่ินองค์การบริหารส่วนตําบลใน อําเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี” พบว่า การเปิดรับข่าวสาร
เกี่ยวกับการดําเนินงานขององค์การบริหารส่วนตําบลจากส่ือแหล่งต่าง ๆ ส่ือที่เปิดรับมากท่ีสุด และ
กระทําเป็นประจําคือการพูดคุยกับบุคคลอ่ืน เช่น เพื่อนบ้านในขณะท่ีเข้าใจเก่ียวกับบทบาทหน้าท่ี
องค์องค์การบริหารส่วนตําบลของประชาชนอยู่ในระดับปานกลางและระดับน้อย ส่วนการมีส่วนร่วม
ของประชาชนในการจัดทําแผนพัฒนาท้องถิ่น อยู่ในระดับน้อยเช่นเดียวกัน การมีส่วนร่วมหาก
เรียงลําดับจากมากไปหาน้อย ได้แก่ ร่วมคิดกําหนดความต้องการ ร่วมดําเนินการและร่วมรับผิดชอบ
ร่วมรับผลประโยชน์ร่วมปฏิบัติตามและการประเมินผลตลอดจนการร่วมตรวจสอบเน้ือหาของ
แผนพัฒนาเม่ือเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมของประชาชนจําแนกตามลักษณะส่วนบุคคลประชาชนที่มี

๕๒ รัฐพงศ์ ปัญญานุวัตร, “การมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนของประชาชนเขตดุสิตกรุงเทพมหานคร”,
รายงานวิจัย, (มหาวิทยาลยั ราชภัฏสวนสนุ ันทา, ๒๕๕๒), หน้า ๑๑๐-๑๑๓.

๕๓ สุวัฒน์ บุญลา,“ทัศนะการมีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถ่ินของกลุ่มประชาสังคม ศึกษาเฉพาะกรณี
องค์การบริหารส่วนตําบลบางเสร่ อําเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี”, วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต
สาขานโยบายสาธารณะ, (บัณฑติ วทิ ยาลัย: มหาวิทยาลัยบูรพา, ๒๕๔๕).

๕๔

อาชีพ สถานภาพ ระดับการเปิดรับส่ือ และความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับบทบาทหน้าท่ีขององค์การ
บรกิ ารส่วนตาํ บลทีแ่ ตกตา่ งกัน มีส่วนรว่ มจัดทาํ แผนพัฒนาแตกต่างกัน๕๔

๒.๖.๒ ผลงานวจิ ยั ท่เี ก่ียวขอ้ งกบั การมีส่วนรว่ มทางการเมอื งของกาํ นันผู้ใหญ่บ้าน

สุภา สกุลเงิน ได้ศึกษาเรื่อง ประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าท่ีของกํานันผู้ใหญ่บ้าน หลัง
การจัดต้ังองค์การบริหารส่วนตําบลในทัศนะของกํานัน ผู้ใหญ่บ้าน: ศึกษาเฉพาะกรณีอําเภอกระทุ่ม
แบน จังหวัดสมุทรสาคร ผลการศึกษาพบว่า ประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของกํานันผู้ใหญ่บ้าน
ภายหลังการจัดต้ังองค์การบริหารส่วนตําบลในทัศนะของกํานันผู้ใหญ่บ้านอยู่ในระดับปานกลาง และ
ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของกํานันผู้ใหญ่บ้านหลังการจัดต้ัง
องค์การบริหารส่วนตําบลในทัศนะของกํานันผู้ใหญ่บ้านได้แก่ การเปน็ ที่รู้จักและความสัมพันธ์ส่วนตัว
กับสมาชิกองค์การบริหารส่วนตําบลแม้ว่าการศึกษาส่วนใหญ่จะเห็นว่าบทบาทของกํานันผู้ใหญ่บ้าน
ลดลงหลังการกระจายอาํ นาจสู่ทอ้ งถน่ิ ๕๕

กังวาลย์ บัวจีบ ได้ศึกษาเรื่อง บทบาทของกํานัน ผู้ใหญ่บ้าน กับสมาชิกองค์การบริหาร
ส่วนตําบล: ศึกษากรณีเฉพาะองศ์การบริหารส่วนตําบลลําโพ อําเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ผล
การศึกษาพบว่า บทบาทกํานันผใู้ หญ่บ้านมีความสาํ คญั และมีลักษณะการทาํ งานที่ชัดเจนกวา่ สมาชิก
สภาองค์การบริหารส่วนตําบล โดยสถาบันดํารงราชานุภาพ๕๖ ศึกษาบทบาทกํานัน ผู้ใหญ่บ้านที่
เหมาะสมในอนาคต ผลการวิจัยได้ข้อสรุปว่าบทบาทหน้าท่ีท่ีกํานันผู้ใหญ่บ้านจําเป็นต้องเน้นหนักให้
มากข้ึน เพ่ือให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ได้แก่ บทบาทหน้าท่ีเป็นอยู่ตามกฎหมาย อัน
ประกอบด้วย บทบาทดา้ นการปกครองและการรักษาความสงบเรียบรอ้ ย ดา้ นการพัฒนาและส่งเสริม
อาชีพ ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้านการทะเบียนต่าง ๆ ด้านการป้องกัน
ภยั ฝา่ ยพลเรอื นและด้านอืน่ ๆ๕๗

สงคราม กอสุทธิธีระกุล ได้ศึกษาวิจัย เร่ืองการพัฒนาท้องท่ีในหน้าท่ีของกํานัน
ผู้ใหญ่บ้าน ได้ช้ีให้เห็นว่าระบบกํานันผู้ใหญ่บ้านเป็นของคู่บ้านคู่เมืองมาแต่โบราณกาลมีเค้ามาตั้งแต่
สมัยกรุงสุโขทัยการจัดต้ังกํานันผู้ใหญ่บ้านในสมัยรัชกาลท่ี ๕ ได้อาศัยเค้าเดิมดังกล่าวมาเป็นแนวทาง

๕๔ ดวงพร แสงทอง, “การมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทําแผนพัฒนาท้องถ่ิน องค์การบริหาร
ส่วนตําบล อําเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี”, ปริญญานิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต สาขาบริหารทั่วไป,
(บัณฑติ วิทยาลยั : มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สวนสุนันทา, ๒๕๕๐).

๕๕ สุภา สกุลเงิน, “ประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของกํานันผู้ใหญ่บ้าน หลังการจัดตั้งองค์การ
บริหารส่วนตําบลในทัศนะของกํานัน ผู้ใหญ่บ้าน: ศึกษาเฉพาะกรณีอําเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร”,
วทิ ยานพิ นธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, (บณั ฑติ วิทยาลยั : มหาวทิ ยาลัยรามคําแหง, ๒๕๔๕).

๕๖ สถาบันดํารงราชานุภาพ, “บทบาทกํานันผู้ใหญ่บ้านที่เหมาะสมในอนาคต”, งานวิจัย, (สถาบัน
ดํารงราชานุภาพ (๒๕๓๖-๒๕๔๘), ๒๕๔๐).

๕๗ กังวาลย์ บัวจีบ, “บทบาทของกํานัน ผู้ใหญ่บ้าน กับสมาชิกองค์การบริหารส่วนตําบล: ศึกษากรณี
เฉพาะองศ์การบริหารส่วนตําบลลําโพ อําเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี”, วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต,
(บณั ฑติ วทิ ยาลยั : มหาวิทยาลยั รามคําแหง, ๒๕๔๔).

๕๕

ในการจัดตั้งซึ่งทําให้ราษฎรได้เข้าใจและเป็นประโยชน์อย่างย่ิงในการบริหารอันเป็นความประสงค์ที่
แท้จริงของทางราชการในการจัดหาผู้ปกครองระดับหมู่บ้านและตําบลที่มีฝีมือดีในหมู่บ้านข้ึนมาทํา
การปกครองดูแลชาวบ้านให้ได้รับความสุขสบายมากท่ีสุดกํานันผู้ใหญ่บ้านเป็นตัวจักรสําคัญของทาง
ราชการเนื่องจากเป็นผู้นําในการพัฒนาชนบทอย่างแท้จริงแต่รัฐบาลจําเป็นจะต้องยกระดับความรู้
ความสามารถของกํานันผู้ใหญ่บ้านให้สูงขึ้นเพ่ือให้ปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพตามความ
เจริญเติบโตของบ้านเมอื ง๕๘

อาษา เมฆสวรรค์ ได้ศึกษาเร่ืองการปกครองระดับตําบลหมู่บ้านกับความม่ันคงของชาติ
ได้ช้ีให้เห็นว่าการจัดการปกครองตําบลหมู่บ้านที่กําหนดให้ราษฎรเป็นผู้เลือกตั้งกํานันผู้ใหญ่บ้านเป็น
ผู้ปกครองตําบลหมู่บ้านของตนข้ึนเองมีความเหมาะสมกับสภาพของท้องที่และสภาพการณ์ของสังคม
ชนบท ซง่ึ ราษฎรมีความยึดมนั่ ในความเคารพนับถือผู้ใหญ่หรอื ผปู้ กครองตามอาวุโสอยู่แล้วเปน็ อยา่ งดี
และการจัดระบบปกครองดังกล่าวก็นับวา่ ได้ช่วยใหบ้ ังเกิดความมั่นคงใหแ้ ก่ประเทศชาตไิ ด้มาก เพราะ
ในขณะท่ีทางราชการไม่อาจจัดเจ้าหน้าที่เข้าไปทาการปกครองได้ท่ัวถึง ก็ได้กําหนดให้กํานัน
ผู้ใหญ่บ้านเป็นเจ้าพนักงานทาหน้าท่ีเป็นตัวแทนและเป็นหูเป็นตาของทางราชการและเป็นผู้นํา
นโยบายไปแจ้งให้ประชาชนทราบและช่วยอํานวยบริการของรัฐให้แก่ประชาชนในหมู่บ้านของตนใน
ขณะเดียวกันกํานันผู้ใหญ่บ้านก็เป็นตัวแทนของประชาชนในการติดต่อกับทางราชการด้วยการ
ควบคุมดูแลความมั่นคงปลอดภยั ของประเทศตามทอ้ งท่ีต่าง ๆ ก็กระทําผ่านทางกํานันผูใ้ หญ่บ้านเป็น
สาํ คัญ๕๙

สมบูรณ์ สุขสําราญ ได้ศึกษาวิจัยเรื่องกํานันผู้ใหญ่บ้านรากฐานของแผ่นดินประสงค์
เพื่อท่ีจะศึกษาสถานภาพบทบาทและวิเคราะห์ศักยภาพของกํานันผู้ใหญ่บ้านท่ัวประเทศ เพ่ือเป็น
ข้อมูลพ้ืนฐานแก่ศูนย์ข้อมูลทางการเมืองของสภาวิจัยแห่งชาติ ซ่ึงผลการศึกษาได้สรุปสถาน (status)
ของกํานันผ้ใู หญบ่ ้านในปัจจบุ ันได้เปน็ ๔ ประการคอื

(๑) กํานนั ผูใ้ หญบ่ ้านในสถานะเจ้าหน้าท่ีของรัฐ
(๒) กาํ นันผู้ใหญบ่ า้ นในสถานะตัวแทนของประชาชน
(๓) กํานันผู้ใหญ่บ้านในสถานะผู้บริหาร/ผู้แทนประชาชนในหน่วยการปกครองส่วน
ทอ้ งถน่ิ และ

(๔) กํานนั ผู้ใหญ่บ้านในสถานะผนู้ ํา (leadership) ของชุมชนสถาบนั กํานันผูใ้ หญ่บา้ นเป็น
สถาบันหลักสถาบันหนึ่งควบคู่มากับสังคมโดยเฉพาะอย่างยิ่งสังคมชนบทไทยการปฏิบัติของกํานัน
ผู้ใหญ่บ้านมีอิทธิพลเหนือความคิดความเป็นอยู่และการตัดสินใจของราษฎรลูกบ้านแต่ปัญหาจุดอ่อน
ที่สําคญั คอื กํานันผใู้ หญ่บา้ นยังขาดความรู้ทั้งในเรือ่ งของอํานาจหน้าทีต่ ามกฎหมายท่ีจะต้องยึดถอื เป็น
แนวปฏิบัติแม้กระท่ังความรู้ทางหนังสือ (เพราะส่วนใหญ่มีความรู้ระดับ ป.๔) ทําให้การทางานด้าน

๕๘ สงคราม กอสุทธิธีระกุล, “การพัฒนาท้องถ่ินในหน้าท่ีของกํานันผู้ใหญ่บ้าน”, วิทยานิพนธ์
รัฐศาสตรมหาบณั ฑิตสาขารัฐศาสตร์, (บณั ฑิตวทิ ยาลยั : มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๔๑).

๕๙ อาษา เมฆสวรรค์, การปกครองระดับตําบลหมู่บ้านกับความม่ันคงแห่งชาติ, (กรุงเทพมหานคร:
โรงพมิ พ์ส่วนทอ้ งถิน่ , ๒๕๒๐).

๕๖

การเอกสารบางเร่ืองค่อนข้างจะล่าช้าไม่คล่องตัวเท่าที่ควรมีความไม่สมดุลระหว่างภารกิจที่ได้รับ
มอบหมายกับค่าตอบแทนที่ทางราชการมอบให้และยังไม่ได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายและเครื่องมือ
วสั ดุอุปกรณ์ทจี่ ําเป็นในการปฏบิ ัติหน้าท่ีด้วยทําให้ไม่สามารถปฏิบตั ิหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้อย่างมี
ประสิทธิภาพเท่าท่ีควรนอกจากน้ียังมีความสบั สนในบทบาทอํานาจหน้าท่ีเนื่องจากกํานันผูใ้ หญ่บ้านมี
ฐานะเปน็ ท้งั ตัวแทนของรฐั และตัวแทนของประชาชน๖๐

จารุพงศ์ พลเดช ได้ศึกษาเรื่องบทบาทของผู้ใหญบ่ ้านกบั การรักษาความสงบเรียบร้อยใน
ท้องที่พบว่าความรู้สึกนึกคิดของราษฎรที่มีต่อผู้ใหญ่บ้านเป็นไปในทางที่ดีเป็นส่วนใหญ่ราษฎรได้รับ
การบริการด้วยดีจากผู้ใหญ่บ้านตลอดมาผใู้ หญ่บ้านเปน็ ผู้ที่ให้ท้ังคาํ ปรึกษาหารือและให้ความคุ้มครอง
แก่ราษฎรราษฎรส่วนใหญ่คิดว่าผู้ใหญ่บ้านเป็นตัวแทนของราษฎรมากกว่าที่จะเป็นตัวแทนของทาง
ราชการผู้ใหญ่บ้านยังคงมีความสําคัญต่อชีวิตประจําวันของราษฎรในการที่จะปกครองดูแลราษฎรให้
อยู่เย็นเป็นสุขได้ถ้าขาดผู้ใหญ่บ้านแล้วคงได้รับความเดือดร้อนราษฎรส่วนใหญ่ให้ความเคารพนับถือ
เช่ือฟังผู้ใหญ่บ้านนอกจากนี้ราษฎรส่วนใหญ่เห็นควรให้มีการกําหนดระยะเวลาการดํารงตําแหน่งของ
ผใู้ หญบ่ ้านเพ่อื จะไดเ้ ลอื กคนดีเขา้ มาทางานและสามารถควบคมุ การปฏิบัตงิ านไดด้ ีขึ้น๖๑

สว่าง ฉวีวรรณ ได้ศึกษาเรื่องปัจจัยที่มีผลต่อสัมฤทธิผลในการปฏิบัติหน้าที่ของ
ผู้ใหญ่บ้านศึกษาเฉพาะกรณีจังหวัดนครราชสีมาพบว่าผู้ใหญ่บ้านท่ีได้รับรางวัลยอดเยี่ยมมีความ
สัมฤทธิผลในการปฏิบัติหน้าท่ีสูงกว่าผู้ใหญ่บ้านท่ัวๆไปทั้งทางด้านปัจจัยส่วนตัวในด้านภาวะผู้นําคือ
เป็นผู้ทคี่ วามถนดั ในการพดู ในท่ีสาธารณะมากแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไดด้ มี คี วามรแู้ ละมีประสบการณ์
มากจึงไม่มีปัญหาในการปฏิบัติงานมีความเข้าใจในกฎหมายระเบียบท่ีเกี่ยวข้องเป็นอย่างดีมีการเสนอ
งานและความคิดเห็นในท่ีประชุมบ่อยมากมีความม่ันใจในการให้คําปรึกษาปัญหาต่าง ๆแก่ลูกบ้านได้
เปน็ อย่างดี๖๒

สุจินต์ดาว วีระกุล ได้ศึกษาเรื่องปัจจัยที่มีผลต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนนําโครงการ
พัฒนาหมู่บ้านศึกษาเฉพาะกรณีหมู่บ้านชนะเลิศการประกวดดีเด่นระดับจังหวัดของจังหวัด
นครสวรรค์ประจําปี ๒๕๓๗ พบว่าตําแหน่งทางสังคมในหมู่บ้านการรู้สึกว่าตนเองมีความสําคัญต่อ
หมู่บ้านการมีความกระตือรือร้นที่จะเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาหมู่บ้านมีผลต่อระดับการมีส่วนร่วมของ
ประชาชนในโครงการพัฒนาหมู่บ้านตัวอย่างและปัจจัยทางสังคมได้แก่ความต้องการเกียรติการได้รับ

๖๐ สมบรู ณ์ สุขสําราญ, รายงานการวิจัยเร่ืองกํานันผู้ใหญ่บ้านรากฐานของแผ่นดิน, (กรุงเทพมหานคร:
สภาวจิ ัยแหง่ ชาต,ิ ๒๕๓๙).

๖๑ จารุพงศ์ พลเดช, “บทบาทของผู้ใหญ่บ้านกับการรกั ษาความสงบเรียบร้อยในท้องที่: ศึกษาบทบาท
ของผู้ใหญ่บ้านเฉพาะกรณี อําเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่”, วิทยานิพนธ์รัฐศาสตรมหาบัณฑิต, (บัณฑิตวิทยาลัย:
มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร,์ ๒๕๓๑).

๖๒ สว่าง ฉวีวรรณ, “ปัจจัยที่มีผลต่อสัมฤทธิผลในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้าน:ศึกษาเฉพาะกรณี
จังหวัดนครราชสีมา”, วิทยานิพนธ์พัฒนบริหารศาสตรมหาบัณฑิต, (บัณฑิตวิทยาลัย: สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหาร
ศาสตร,์ ๒๕๓๖).

๕๗

การชักชวนจากกรรมการหมู่บ้านเพื่อนบ้านนายอําเภอพัฒนาการอําเภอมีผลต่อระดับการมีส่วนร่วม
ของประชาชนในโครงการพัฒนาหม่บู ้าน๖๓

สชุ พี แขง่ ขัน ได้ศกึ ษาเรอ่ื งบทบาทของกํานันผ้ใู หญ่บ้านยุคโลกานุวัตน์พบว่าปจั จัยสําคัญ
ท่ีทําให้กํานันผู้ใหญ่บ้านยังคงดํารงอยู่ได้ไม่ว่าจะเป็นยุคจารีตสมัยหรือยุคโลกานุวัตน์เพราะกํานัน
ผู้ใหญบ่ า้ นมลี กั ษณะเด่นดังน้ี

๑. กํานันผู้ใหญ่บ้านมาจากผู้นาตามธรรมชาติเพราะคนที่จะเป็นกํานันผู้ใหญ่บ้านจะต้อง
เป็นบุคคลท่ีมีบารมีมีลักษณะเป็นผู้นําและเป็นที่เชื่อถือศรัทธาจากประชาชนในตําบลหมู่บ้านฉะน้ัน
ฐานะของกาํ นันผู้ใหญ่บ้านจึงได้รบั การยอมรับท้ังทางนิตินยั และพฤตินยั

๒. การปรับปรุงกฎหมายลกั ษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.๒๔๕๗ เป็นปัจจยั สาํ คัญในการปรับ
บทบาทของกาํ นันผู้ใหญบ่ ้านให้ทันสมยั สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของสงั คม

๓. การเลือกต้ังกํานันผู้ใหญ่บ้านเป็นหลักการที่เหมาะสมและสอดคล้องกับหลักการ
ปกครองในระบอบประชาธิปไตยเพราะเปิดโอกาสให้ประชาชนในเขตตําบลหมู่บ้านมีสิทธิเลือก
ผู้ปกครองโดยตรงถา้ เกิดความไมพ่ อใจก็สามารถเปลย่ี นแปลงได้

๔. อาํ นาจหนา้ ที่ของกํานนั ผู้ใหญ่บ้านมิไดข้ ัดแยง้ กับองค์กรปกครองรูปแบบอื่น นอกจากน้ัน
ยังมีส่วนสนับสนุนการปกครองทุกรูปแบบด้วยที่เห็นชัดเจนมากท่ีสุดคือการปกครองท้องถิ่นในรูปแบบ
กรุงเทพมหานครซ่ึงยังคงมีกํานันผู้ใหญ่บ้านและช่วยให้การปกครองกรุงเทพมหานครในเขตชั้นนอกมี
ประสิทธภิ าพมากยงิ่ ขึน้ ๖๔

ยงยุทธ จําปามูล ได้ศึกษาเร่ืองบทบาทของกํานันผู้ใหญ่บ้านในการอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม
และทรพั ยากรธรรมชาติศกึ ษากรณีอาํ เภอบ้านไผ่จังหวัดขอนแก่นพบว่ากาํ นันผู้ใหญ่บ้านส่วนใหญ่ได้มี
บทบาทค่อนข้างสูงในการดําเนินงานตามนโยบายของกรมการปกครองในการอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อมและ
ทรัพยากรธรรมชาติกรมการปกครองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะมีการกําหนดนโยบายด้านนี้ให้
ชัดเจนและสามารถปฏิบัติได้ควรมีการฝึกอบรมให้กํานันผู้ใหญ่บ้านมีบทบาทในเรื่องนใ้ี ห้มากข้ึนควรมี
กิจกรรมร่วมกันในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของกํานันผู้ใหญ่บ้านและประชาชนในแต่ละ
หมูบ่ า้ นตําบล๖๕

๖๓ สุจินต์ดาว วีระกุล, “ปัจจัยที่มีผลต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนในโครงการพัฒนาหมู่บ้าน: ศึกษา
เฉพาะกรณีหมู่บ้านชนะเลิศการประกวดหมู่บ้านดีเด่นระดับจังหวัดของจังหวัดนครสวรรค์ประจําปี ๒๕๒๗”,
วทิ ยานิพนธ์สงั คมศาสตรมหาบัณฑิต, (บณั ฑิตวทิ ยาลยั : มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๒๗).

๖๔ สุชีพ แข่งขัน, บทบาทของกํานันผู้ใหญ่บ้านยุคโลกานุวัตน์, เอกสารวิจัยส่วนบุคคลโรงเรียนนัก
ปกครองระดบั สงู , (กรุงเทพมหานคร: กรมการปกครอง, ๒๕๓๗).

๖๕ ยงยทุ ธ จําปามูล, “บทบาทของกาํ นนั ผู้ใหญ่บ้านในการอนรุ ักษส์ ิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ:
ศึกษากรณี อําเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น”, วิทยานิพนธ์พัฒนบริหารศาสตรมหาบัณฑิต, (บัณฑิตวิทยาลัย:
สถาบนั บณั ฑติ พฒั นบริหารศาสตร์, ๒๕๓๙).

๕๘

พินิจ ราชวัฒน์ ได้ศึกษาเร่ืองความคิดเห็นของกํานันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดระยองท่ีมีต่อ
พระราชบัญญัติสภาตําบลและองค์การบริหารส่วนตําบล พ.ศ.๒๕๓๗ พบว่ากํานันผู้ใหญ่บ้านใน
จังหวดั ระยองสว่ นมากเหน็ วา่ พระราชบญั ญตั ิสภาตําบลและองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตําบล พ.ศ.๒๕๓๗ จะ
ช่วยสง่ เสริมให้การพัฒนาตําบลเป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพและทาใหต้ ําบลมีความเจรญิ ก้าวหน้ายง่ิ ขึ้น
สาหรับผลการศึกษาความสัมพนั ธ์ระหว่างคุณลักษณะส่วนบุคคลของกาํ นนั ผู้ใหญ่บ้านกับความคิดเห็น
ของกํานันผู้ใหญ่บ้านต่อพระราชบัญญัติสภาตําบลและองค์การบริหารส่วนตําบล พ.ศ.๒๕๓๗ ในส่วน
ท่ีเกี่ยวกับการพัฒนาตําบลพบว่าคุณลักษณะส่วนบุคคลของกํานันผู้ใหญ่บ้านท้ังด้านระดับการศึกษา
อาชีพรายไดต้ ําแหนง่ หน้าท่ีในองค์การบริหารส่วนตําบลและสภาตาํ บลระยะเวลาในการดํารงตําแหน่ง
ในองค์การบริหารส่วนตําบลและสภาตําบลและอายุการดํารงตําแหน่งของกํานันผู้ใหญ่บ้านมี
ความสัมพันธ์กับคิดเห็นของกํานันผู้ใหญ่บ้านต่อพระราชบัญญัติสภาตําบลและองค์การบริหารส่วน
ตาํ บล พ.ศ.๒๕๓๗ ในสว่ นทีเ่ ก่ียวกับการพฒั นาตาํ บล๖๖

ชูชาติ กีฬาแปง ได้ศึกษาเร่ืองทัศนะของผู้นาท้องถ่ินต่อองค์การบริหารส่วนตําบล
กรณีศึกษาจังหวัดเชียงรายพบว่าผู้นําท้องถ่ินมีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับองค์การบริหารส่วนตําบล
อยู่ในระดับที่ดีมากพร้อมกันนี้ยังมีความพึงพอใจเป็นอย่างมากต่อเป้าหมายขององค์การบริหารส่วน
ตําบลในด้านการเมืองและการบริหารและยังพบอีกว่าการจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตําบลในเขต
จงั หวัดเชียงรายได้ ก่อให้เกิดความต่ืนตัวแก่ผู้นําท้องถ่ินต่อการพัฒนาศักยภาพของตนเองในการขาน
รับการเปล่ียนแปลงของบา้ นเมืองเป็นอย่างมาก๖๗

ธชั ฤทธิ์ ปนารักษ์ ศึกษาเรอ่ื งปจั จยั ท่ีมีความสัมพันธ์ต่อการมีส่วนร่วมของสมาชกิ องค์การ
บริหารส่วนตําบลในการจัดทําแผนพัฒนาตําบลศึกษาเฉพาะกรณีองค์การบริหารส่วนตําบลในเขต
อําเภอภาชีจงั หวัดพระนครศรอี ยุธยา พบวา่

๑. การมีส่วนร่วมในการจัดทําแผนพัฒนาตําบลของสมาชิกองค์การบริหารส่วนตําบลอยู่
ในระดับมาก

๒. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการมีส่วนร่วมได้แก่เพศอายุระดับการศึกษาระยะเวลาใน
การดํารงตําแหน่งประเภทของสมาชิกองค์การบริหารส่วนตําบลการดํารงตําแหน่งอ่ืน ๆของสมาชิก
องค์การบริหารส่วนตําบลและความรู้ความเข้าใจของสมาชิกองค์การบริหารส่วนตําบลเกี่ยวกับ
แผนพัฒนาตาํ บล

๓. ปัญหาอุปสรรคที่สําคัญคือสมาชิกองค์การบริหารส่วนตําบลส่วนใหญ่ยังมีความรู้ความ
เข้าใจท่ีผิดเก่ียวกับแผนพัฒนาตําบลท่ีเน้นแต่ในเร่ืองการพัฒนาโครงสร้างพ้ืนฐานได้แก่ ถนนแหล่งนํ้า
ไฟฟ้ามากกวา่ การพฒั นาในดา้ นอน่ื ๆ

๖๖ พินิจ ราชวัฒน์, “ความคิดเห็นของกํานันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดระยองที่มีต่อพระราชบัญญัติสภาตําบล
และองค์การบรหิ ารสว่ นตําบล พ.ศ.๒๕๓๗ ในสว่ นที่เกี่ยวกับการพัฒนาตาํ บล”, วทิ ยานิพนธร์ ัฐศาสตรมหาบณั ฑิต,
(บัณฑติ วทิ ยาลยั : จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั , ๒๕๓๙).

๖๗ ชูชาติ กีฬาแปง, “ทัศนคติของผู้นําท้องถิ่นต่อองค์การบริหารส่วนตําบล:กรณีศึกษาจังหวัด
เชยี งราย”, วิทยานิพนธ์รัฐศาสตรมหาบณั ฑิต, (บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่, ๒๕๓๙).

๕๙

๔. ข้อเสนอแนะที่สําคัญควรมีการฝึกอบรมสัมมนาในหลักสูตรที่เหมาะสมกับสมาชิก
องค์การบริหารสว่ นตําบลแต่ละประเภท๖๘

วิเชียร ผ่อนจัตุรัส ได้ศึกษาเร่ืองทัศนคติของประชาชนท่ีมีต่อกํานันและผู้ใหญ่บ้านฐานะ
เป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนตําบลโดยตําแหน่งกรณีศึกษาอําเภอสันป่าตองจังหวัดเชียงใหม่ พบว่า
ผู้ตอบแบบสอบถามมีระดับทัศนคติกลาง ๆ ต่อกํานันและผู้ใหญ่บ้านในฐานะเป็นสมาชิกองค์การ
บริหารส่วนตําบลโดยตําแหน่งโดยประชาชนจะเห็นความสําคัญของกํานันและผู้ใหญ่บ้านในลักษณะ
เป็นการประสานความร่วมมือขององค์กรในระบบเก่าและองค์กรระบบใหม่นอกจากน้ียังพบอีกว่า
ทัศนคติของผตู้ อบแบบสอบถามแตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติตามลักษณะส่วนตวั ดังนี้ คือเพศ
อายุอาชีพระดับการศึกษาและระดับรายได้สําหรับความรู้ความเข้าใจของประชาชนต่อการปกครอง
ระบอบประชาธิปไตยในระดับท้องถ่ินพบว่าประชาชนให้ความสําคัญต่อการเลือกตั้งผู้แทนเข้าไป
บรหิ ารองค์กรการปกครองส่วนทอ้ งถิน่ ๖๙

ภาณุ ธรรมสุวรรณ ได้ศึกษาเร่ืองฐานะและบทบาทของสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วน
ตําบลในความคาดหวังของประชาชน ศึกษากรณีตําบลพนางตุง จังหวดั พัทลุง พบว่า กลุ่มประชากรท่ี
ติดตามข่าวสารการดําเนินงานขององค์การบริหารส่วนตําบลโดยการทราบข่าวมาจากกํานัน
ผู้ใหญ่บ้านเพ่ือนบ้านญาติพี่น้องและที่ประชุมหมู่บ้านประชาชนส่วนใหญ่มีความคิดเห็นว่าควรมีการ
กําหนดวุฒิทางการศึกษาและอายุของสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตําบลเพิ่มข้ึนควรมีการเผยแพร่
ผลการทํางานของสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตําบลเพ่ือให้ประชาชนสามารถตรวจสอบสมาชิก
สภาองคก์ ารบริหารสว่ นตาํ บลได้๗๐

สุวัฒน์ เข็มเพชร ได้ศึกษาเร่ืองความตระหนักถึงความสําคัญของการวางแผนพัฒนา
ตาํ บลของสมาชิกองค์การบริหารส่วนตําบลศึกษากรณีอาํ เภอป่าติ้วจังหวัดยโสธรพบว่าสมาชกิ องคก์ าร
บริหารส่วนตําบลท่ีเป็นโดยตําแหน่ง (กํานันและผู้ใหญ่บ้าน) มีความตระหนักถึงความสําคัญของการ
วางแผนพัฒนาตําบลสูงกว่าสมาชิกท่ีมาจากการเลือกต้ังจากคําถามปลายเปิดสมาชิกองค์การบริหาร
ส่วนตําบลเห็นว่าการวางแผนพัฒนาตําบลมีปัญหาอุปสรรคที่สุด คือ งบประมาณไม่เพียงพอในการ
บริหารงานตามแผนพัฒนาตําบลและสมาชิกองค์การบริหารส่วนตําบลมีความรู้ตํ่า ไม่สามารถทํา

๖๘ ธัชฤทธิ์ ปนารักษ์, “ปัจจัยท่ีมีความสัมพันธ์ต่อการมีส่วนร่วมของสมาชิกองค์การบริหารส่วนตําบล
ในการจัดทําแผนพัฒนาตําบล: ศึกษาเฉพาะกรณีองค์การบริหารส่วนตําบลอําเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา”,
วิทยานพิ นธพ์ ฒั นบรหิ ารศาสตรมหาบณั ฑติ , (บัณฑิตวิทยาลยั : สถาบนั บณั ฑติ พัฒนบรหิ ารศาสตร์, ๒๕๔๐).

๖๙ วิเชียร ผ่อนจัตุรัส, “ทัศนคติของประชาชนที่มีต่อกํานันและผู้ใหญ่บ้านในฐานะสมาชิกองค์การ
บริหารส่วนตาบลโดยตําแหน่งกรณีศึกษาอําเภอสันป่าตองจังหวัดเชียงใหม่”, วิทยานิพนธ์รัฐศาสตรมหาบัณฑิต,
(บณั ฑิตวทิ ยาลยั : มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่, ๒๕๔๑).

๗๐ ภาณุ ธรรมสุวรรณ, “ฐานะและบทบาทของสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตําบลในความคาดหวัง
ของประชาชน: ศึกษากรณี ตําบลพนางตุง จังหวัดพัทลุง”, วิทยานิพนธ์รัฐศาสตรมหาบัณฑิต, (บัณฑิตวิทยาลัย:
มหาวทิ ยาลัยทกั ษิณ, ๒๕๔๑).

๖๐

แผนพัฒนาถูกต้องตามหลักการวิชาการส่วนข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาอุปสรรคในการวางแผน
สมาชิกองค์การบริหารส่วนตําบลส่วนใหญ่เห็นว่าควรมีการจัดสรรงบประมาณให้กับองค์การบริหาร
ส่วนตําบลอย่างเหมาะสมและควรจัดให้มีการฝึกอบรมให้ความรู้ความเข้าใจในบทบาทหน้าท่ีของ
องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาํ บลแก่สมาชกิ องค์การบรหิ ารส่วนตําบลในทกุ ดา้ น๗๑

เอกชัย เจริญฉ่ํา ได้ศึกษาเร่ืองบทบาทผู้นําท้องถิ่นในกระบวนการกําหนดนโยบายของ
องค์การบริหารส่วนตําบลกรณีศึกษาองค์การบริหารส่วนตําบลในเขตอําเภอฮอดจังหวัดเชียงใหม่
พบว่า

๑. สมาชิกองค์การบริหารส่วนตําบลมีทัศนะและความเห็นว่าในการกําหนดนโยบายของ
องค์การบริหารส่วนตําบลสมาชิกองค์การบริหารส่วนตําบลได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นกันอย่าง
กวา้ งขวางกอ่ นทจี่ ะมีการตดั สินใจกําหนดนโยบาย

๒. กลุ่มผู้นําองค์กรท่ีไม่เป็นทางการในชุมชนเห็นว่าได้มีโอกาสให้คําปรึกษาคําแนะนํา
ตลอดจนข้อเสนอแนะวิธีการแก้ไขปัญหาต่าง ๆโดยทางอ้อมเพื่อให้การกําหนดนโยบายขององค์การ
บริหารส่วนตําบลสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนและสามารถแก้ไขปัญหาของท้องถ่ินได้
อย่างแท้จริง

๓. จากการที่กฎหมายมิได้เปิดโอกาสให้ประชาชนหรือผู้นาท้องถ่ินท่ีไม่เป็นทางการเข้าไป
มีส่วนร่วมในการกําหนดนโยบายขององค์การบริหารส่วนตําบลโดยตรงทําให้การเข้าไปมีส่วนร่วม
เป็นไปอย่างไม่เตม็ ที่ถึงแม้ว่าบุคคลเหลานี้จะได้รับการยอมรับจากท้องถิ่นและรปู้ ัญหาของท้องถ่ินมาก
ทีส่ ดุ ๗๒

ตารางท่ี ๒.๖ สรปุ งานวิจยั ทีเ่ กีย่ วข้อง

นักวชิ าการหรอื แหล่งขอ้ มูล แนวคดิ หลกั

ผลงานวจิ ัยท่เี กีย่ วข้องการมีสว่ นร่วม ผลการศึกษาพบว่า คณะกรรมการชุมชนมีส่วน
ทานตะวัน อนิ ทร์จันทร์ (๒๕๔๖, บทคัดย่อ) ร่วมในระดับปานกลาง โดยมีส่วนร่วมตัดสินใจ
เก่ียวกับการประชุมที่เก่ียวข้องกับการพัฒนาชุมชน
การคิดหาและสร้างรูปแบบ และวิธีการพัฒนาเพื่อ
แก้ไขและลดปัญหาของชุมชน การคิดค้นวิธีการ
แก้ปัญหาของชุมชน ค้นหาความต้องการของชุมชน
และเสนอต่อเทศบาล การตัดสินใจในการใช้

๗๑ สุวัฒน์ เข็มเพชร, “ความตระหนักถึงความสําคัญของการวางแผนพัฒนาตําบลของสมาชิกองค์การ
บริหารส่วนตําบล: ศกึ ษากรณี อําเภอป่าต้ิว จังหวัดยโสธร”, วิทยานิพนธ์พัฒนบริหารศาสตรมหาบัณฑิต, (บัณฑิต
วิทยาลัย: สถาบันบณั ฑติ พฒั นบรหิ ารศาสตร์, ๒๕๔๑).

๗๒ เอกชัย เจริญฉํ่า, “บทบาทผู้นําท้องถิ่นในกระบวนการกําหนดนโยบายขององค์การบริหารส่วน
ตําบล: กรณีศึกษาองค์การบริหารส่วนตําบลในเขตอําเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่”, การศึกษาอิสระรัฐศาสตร
มหาบัณฑติ , (บณั ฑิตวทิ ยาลยั : มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม,่ ๒๕๔๒).

นักวชิ าการหรอื แหล่งข้อมลู ๖๑
ปรีดา เจษฎาวรางกูล (๒๕๕๐, บทคัดย่อ)
ฐิตา จิตรตั้งตรง (๒๕๕๐, บทคัดยอ่ ) แนวคิดหลัก
ธนวัฒน์ คําภีลานนท์ (๒๕๕๐, บทคดั ย่อ) ทรัพยากรของท้องถ่ินท่ีมีอยู่อย่างจํากัด ให้เกิด
ประโยชน์ต่อส่วนร่วมและการศึกษาวิเคราะห์ปัญหา
และสาเหตุท่ีเกิดขึ้นในชุมชน การมีส่วนร่วม
ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการส่งเสริมขนบธรรมเนียม
ประเพณีและสร้างความสามัคคีในชุมชน การ
สร้างสรรคส์ ่ิงใหม่ทีเ่ ปน็ ประโยชน์ต่อชุมชนและสนอง
ความต้องการของชุมชน การดูแลสาธารณะสมบัติ
ของชุมชน การบริหารกิจกรรมและประสานงานขอ
ความร่วมมอื ระหวา่ งชมุ ชนกับเทศบาล

ผลการศึกษาพบว่า ระดับการมีส่วนร่วมของ
กรรมการชุมชน ในการดําเนินงานด้านการพัฒนา
ชมุ ชนอยใู่ นระดบั สงู โดยกรรมการชมุ ชนมสี ่วนรว่ มใน
การพัฒนาชุมชนระดับสูงสุด ในด้านการร่วมลงทุน
และปฏิบัติงานและด้านการมีส่วนร่วมค้นปัญหาและ
สาเหตุของการพัฒนาชุมชน รองลงมาคือด้านการมี
ส่วนร่วมในการติดตามและการประเมินผลและด้าน
การร่วมวางแผนดําเนินกิจกรรมตามลําดับ ปัจจัยท่ีมี
ความสัมพันธ์ต่อการมีส่วนร่วมของกรรมการชุมชน
ในการพฒั นาชุมชนในเขตเทศบาลเมอื งคูคต

ผลการศึกษ าพ บ ว่า การมีส่วน ร่วมของ
คณะกรรมการชุมชน ต่อการจัดทําแผนพัฒนาสามปี
(พ.ศ. ๒๕๔๙ -๒๕๕๑) เทศบาลเมืองจันทบุรีโดย
ภาพรวมและรายด้าน อยู่ในระดับปานกลาง การ
เป รี ย บ เที ย บ ค ว า ม คิ ด เห็ น ก า ร มี ส่ ว น ร่ ว ม ข อ ง
คณะกรรมการชุมชน ต่อการจัดทําแผนพัฒนาสามปี
(พ.ศ. ๒๕๔๙ -๒๕๕๑) เทศบาลเมืองจันทบุรีโดย
ภาพรวมและรายด้าน จําแนกตาม เพศ อายุ
สถานภาพสมรส และอาชพี ไม่แตกต่างกนั

ผลการศึกษาพบว่าการศึกษาระดับการมีส่วน
ร่ ว ม ข อ ง ก ร ร ม ก า ร ชุ ม ช น ใน ก า ร พั ฒ น า ท้ อ ง ถิ่ น
เทศบาลเมืองคูคตจังหวัดปทุมธานี ภาพรวมอยู่ใน
ระดับปานกลาง รายด้านอยู่ในระดับมากหนึ่งด้าน
คือ ด้านการรับผลประโยชน์ และอยู่ในระดับปาน
กลาง ๓ ด้าน เรียงลําดับ ดังน้ี ด้านการตัดสินใจ
ด้านการประเมินผล และด้านการปฏิบัติการ ผลการ

นักวิชาการหรอื แหลง่ ข้อมลู ๖๒
ณรงค์ วารีชล (๒๕๕๐, บทคดั ยอ่ )
แนวคิดหลัก
ณัฐภาส์ การรนิ ทร์ (๒๕๕๓, บทคดั ยอ่ ) เปรียบเทยี บระดบั การมีส่วนรว่ มของกรรมการชุมชน
สุภชยั ตรีทศ, (๒๕๔๗). ในการพัฒนาท้องถ่ินเทศบาลเมืองคูคต จังหวัด
ชัยฤทธ์ิ เบญญากาจ, (๒๕๔๗).น ๓๓ ปทมุ ธานี

ผลการศึกษาพบว่า กรรมการชุมชนส่วนมาก
เป็นเพศชาย มีอายุ ๔๑ ปีข้ึนไป มีสถานภาพสมรส
จบการศึกษาระดับตํ่ากว่าปริญญาตรีมีอาชีพลูกจ้าง/
รับจ้าง มีรายได้ ๑๐,๐๐๑ - ๑๕,๐๐๐ บาทต่อเดือน
และได้รับการฝึกอบรมความรู้ ๕ คร้ังข้ึนไป การมี
ส่วนร่วมของกรรมการชุมชนในการพัฒนาเทศบาลสู่
เมืองน่าอยู่ในภาพรวมมีส่วนร่วมอยู่ในระดับมาก
และเมื่อพิจารณารายด้านพบว่า มีส่วนร่วมอยู่ใน
ระดับมากทุกด้าน โดยคณะกรรมการมีส่วนร่วมด้าน
คิดค้นปัญหามากที่สุดเป็นอันดับแรกรองลงมาคือ
ด้านการมีส่วนร่วมวางแผนดําเนินการ ด้านการมี
ส่วนร่วมตัดสินใจ ด้านการมีส่วนร่วมปฏิบัติและด้าน
การมสี ว่ นรว่ มประเมนิ ผลตามลาํ ดบั

ผลการศึกษาพบว่า โดยรวมอยู่ในระดับปาน
กลาง และเม่ือพิจารณาแยกเป็นรายด้าน พบว่าอยู่
ในระดับปานกลางทุกด้าน โดยเรียงลําดับด้านที่มี
ค่าเฉลี่ยสูงสุดไปหาต่ําสุด ได้แก่ ด้านการมีส่วนร่วม
ในการตัดสินใจ ด้านการมีส่วนร่วมในการดําเนินการ
ดา้ นการมีสว่ นรว่ มในผลประโยชนแ์ ละดา้ นการมีส่วน
รว่ มในการประเมินผล

ผลการศึกษาพบว่า อาชีพมีผลต่อการมีส่วน
ร่วมของคณะกรรมการชุมชนในการวางแผนพัฒนา
เทศบาลและคณะกรรมการชมุ ชน มปี ัญหาการมสี ว่ น
ร่วมในการวางแผนพัฒนาเทศบาลเมืองชลบุรีอยู่ใน
ระดับน้อยโดยปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่อายุอาชีพ
และรายได้เป็นปัจจัยท่ีมีผลต่อปัญหาการมีส่วนร่วม
ในการวางแผนพัฒนาเทศบาลเมอื งชลบรุ ี

พบว่า ระดับการมีส่วนร่วมของประชาชนใน

ก า ร พั ฒ น า ตํ า บ ล โด ย ร ว ม อ ยู่ ใน ร ะ ดั บ ป า น ก ล า ง

จําแนกเป็นรายด้านตามลําดับดังน้ี ด้านการรับรู้

ข่าวสาร ด้านการประมวลปัญหาและความต้องการ

นักวิชาการหรอื แหล่งขอ้ มลู ๖๓

ผลงานวจิ ยั ท่เี กย่ี วขอ้ งกบั การมสี ว่ นร่วม แนวคิดหลกั
ทางการเมอื งของกํานนั ผใู้ หญ่บา้ น
สภุ า สกลุ เงนิ . (๒๕๔๕). ของตําบล ด้านการเสนอข้อคิดเห็นในการพัฒนาต่อ

สงคราม กอสทุ ธธิ รี ะกลุ . (๒๕๔๑). องค์การบริหารส่วนตําบล ด้านการติดตามและ
ภาณุ ธรรมสุวรรณ. (๒๕๔๑)
ประเมินผล ด้านการให้และรับประโยชน์จาก

โครงการปัจจัยท่ีมีผลต่อการมีส่วนร่วมการเป็น

ประชาคมตามแนวทางราชการและการมีความรู้

ความเข้าใจในการพัฒนาตําบลปัจจัยที่มีผลต่อการมี

ส่วนร่วมได้แก่ เพศ อายุระดับการศึกษา อาชีพ และ

ระยะเวลาทอี่ าศยั อยู่ในชมุ ชน
ประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าท่ีของกํานัน

ผู้ใหญ่บ้านภายหลังการจัดต้ังองค์การบริหารส่วน
ตําบลในทัศนะของกํานันผู้ใหญ่บ้านอยู่ในระดับปาน
กลาง และปจั จัยท่ีมคี วามสมั พนั ธ์กับประสิทธภิ าพใน
การปฏิบัติหน้าท่ีของกํานันผู้ใหญ่บ้านหลังการจัดตั้ง
อ ง ค์ ก า ร บ ริ ห า ร ส่ ว น ตํ า บ ล ใ น ทั ศ น ะ ข อ ง กํ า นั น
ผู้ใหญ่บ้านได้แก่ การเป็นที่รู้จักและความสัมพันธ์
ส่วนตัวกับสมาชิกองค์การบริหารส่วนตําบลแม้ว่า
ก า ร ศึ ก ษ า ส่ ว น ให ญ่ จ ะ เห็ น ว่ า บ ท บ า ท ข อ ง กํ า นั น
ผู้ใหญบ่ ้านลดลงหลังการกระจายอํานาจสู่ท้องถ่นิ

กํานันผู้ใหญ่บ้านเป็นตัวจักรสําคัญของทาง
ราชการเน่ืองจากเป็นผู้นําในการพัฒนาชนบทอย่าง
แท้จริงแต่รัฐบาลจําเป็นจะต้องยกระดับความรู้
ความสามารถของกํานันผู้ใหญ่บ้านให้สูงขึ้นเพ่ือให้
ปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพตามความ
เจริญเติบโตของบ้านเมอื ง

กลุ่มประชากรที่ติดตามข่าวสารการดําเนินงาน
ขององค์การบริหารส่วนตําบลโดยการทราบข่าวมา
จากกํานันผู้ใหญ่บ้านเพื่อนบ้านญาติพ่ีน้องและที่
ประชุมหมู่บ้านประชาชนส่วนใหญ่มีความคิดเห็นว่า
ควรมีการกําหนดวุฒิทางการศึกษาและอายุของ
สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตําบลเพ่ิมขึ้นควรมี
การเผยแพร่ผลการทํางานของสมาชิกสภาองค์การ
บรหิ ารส่วนตาํ บลเพอ่ื ให้ประชาชนสามารถตรวจสอบ
สมาชิกสภาองค์การบรหิ ารสว่ นตําบลได้

๖๔

นักวิชาการหรอื แหล่งขอ้ มลู แนวคดิ หลัก
วิเชยี ร ผ่อนจตรุ ัส. (๒๕๔๑).
ผู้ตอบแบบสอบถามมีระดับทัศนคติกลาง ๆต่อ
กํานันและผู้ใหญ่บ้านในฐานะเป็นสมาชิกองค์การ
บริหารส่วนตําบลโดยตําแหน่งโดยประชาชนจะเห็น
ความสําคัญของกํานันและผู้ใหญ่บ้านในลักษณะเป็น
การประสานความร่วมมือขององค์กรในระบบเก่า
และองค์กรระบบใหม่

จากการศึกษางานวิจัยที่เก่ียวข้องสามารถสรุปได้ว่ากํานันผู้ใหญ่บ้านที่มีสถานภาพเป็น
ผู้นําตามธรรมชาติที่ได้รับการยอมรับจากประชาชนในตําบลหมู่บ้านและจากทางราชการกํานัน
ผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้ที่มีความใกล้ชิดและรู้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพ้ืนท่ีมากท่ีสุดตลอดจน
ประชาชนสามารถพ่ึงพาอาศัยได้ตลอดเวลาและการบริหารกิจการขององค์การบริหารส่วนตําบล
ในช่วงที่กํานันผู้ใหญ่บ้านดํารงตําแหน่งเป็นกรรมการบริหารนั้นสอดคล้องกับความต้องการของ
ประชาชนและสามารถแก้ปญั หาความเดือดของทอ้ งถิน่ ได้

จากแนวความคิดการมีส่วนร่วมของกํานันผู้ใหญ่บ้านและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเห็นได้ว่า
กํานันผู้ใหญ่บ้านจะคงความสําคัญในระดับตําบลหมู่บ้านดังท่ีเคยเป็นมาในอดีตได้จําเป็นจะต้องแสดง
บทบาทในฐานะผู้รอบรู้อย่างแท้จริงในเร่ืองท้องท่ีของตนเองซึ่งจําเป็นต้องมีข้อมูลท่ีครอบคลุม
เก่ียวกับพื้นท่ีที่ครบถ้วนและจะต้องทราบถึงการเปล่ียนแปลงและผลกระทบท่ีอาจเกิดขึ้นต่อ
ทรัพยากรและสภาพแวดล้อมของพื้นท่ีตําบลหมู่บ้านของตนรวมทั้งพ้ืนท่ีใกล้เคียงด้วยนอกจากน้ี
กํานันผู้ใหญ่บ้านจะต้องเพ่ิมลักษณะของการเป็นผู้เช่ียวชาญในด้านการบริหารจัดการมากกว่าการมี
บทบาทเป็นผู้เสนอแนะหรอื รบั เรื่องราวข้อขดั ข้องของลูกบ้านไปแจ้งต่อทางการอย่างเดียวแต่จะต้องมี
ขีดความสามารถในการปฏิบัติจัดทําอย่างเช่ียวชาญในเร่ืองการจัดทําข้อเสนอโครงการต่าง ๆการ
บริหารโครงการการบริหารงบประมาณและการพัสดุรวมตลอดไปถึงการประเมินผลและตรวจสอบ
โครงการตา่ ง ๆ ดว้ ย

ดังนั้นจากการศึกษาการมีส่วนร่วมของกํานันและผู้ใหญ่บ้านในการส่งเสริมการปกครอง
คณะสงฆ์จังหวดั ชยั ภมู บิ ทบาทของกํานันผใู้ หญบ่ า้ นทปี่ ระชาชนคาดหวังจําเปน็ ทีต่ ้องปรบั บทบาทหรือ
การมีสว่ นรว่ มของกํานันและผู้ใหญ่บ้านอย่างนอ้ ย ๖ ดา้ นดังน้ี

๑. ด้านการปกครอง ๒. ด้านศาสนาศึกษา ๓. ด้านการเผยแผ่ ๔. ด้านการศึกษา
สงเคราะห์ ๕. ดา้ นการสาธารณปู การ ๖. ดา้ นการสาธารณสงเคราะห์

ซง่ึ จะเป็นกรอบแนวคดิ ในการศกึ ษาการมสี ว่ นรว่ มของกาํ นนั และผใู้ หญบ่ ้านในการสง่ เสรมิ
การปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชัยภูมิของประชาชนว่าควรปฏิบัติในระดับใดและปัจจุบันกํานัน
ผใู้ หญบ่ า้ นสามารถปฏบิ ัตติ ามบทบาทการมีสว่ นร่วมดงั กล่าวได้จริงมากน้อยเพยี งใด

๖๕

๒.๗ กรอบแนวคดิ ในการวจิ ัย

งานวิจัยเร่ือง“การมีส่วนร่วมของกํานันและผู้ใหญ่บ้านในการส่งเสริมการปกครองคณะ
สงฆ์ จังหวัดชัยภูมิ” ผู้วิจัยได้ศึกษาแนวคิดและงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้อง ผู้วิจัยนําแนวคิดของ (พรบ.)
พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พุทธศักราช ๒๕๐๕/ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๐๕

ตวั แปรต้น ตวั แปรตาม

ข้อมลู ทว่ั ไป การมสี ว่ นรว่ มของกาํ นนั และ
๑. เพศ ผู้ใหญบ่ ้าน ในการสง่ เสรมิ การ
๒. อายุ ปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชยั ภมู ิ
๓. ระดบั การศึกษา ๑. ดา้ นการปกครอง
๔. อาชีพ ๒. ด้านการศาสนศกึ ษา
๕. รายได้ต่อเดือน ๓. ด้านการเผยแผ่
๔. ดา้ นการศกึ ษาสงเคราะห์
๕. ด้านการสาธารณปู การ
๖. ดา้ นการสาธารณะสงเคราะห์

อทิ ธบิ าท ๔
๑. ฉันทะ
๒. วิรยิ ะ
๓. จติ ตะ
๔. วิมงั สา

แผนภาพที่ ๒.๑ กรอบแนวคิดในการวิจัย

บทท่ี ๓

วธิ กี ารดาํ เนินการวจิ ัย

การวิจัยเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของกํานันและผู้ใหญ่บ้านในการส่งเสริมการปกครองคณะ
สงฆ์จงั หวดั ชัยภูมิในคร้ังนี้ ผ้วู ิจัยไดศ้ กึ ษา คน้ คว้า เอกสาร และงานวจิ ยั ที่เก่ียวข้อง ดงั นี้

๓.๑ รปู แบบการวิจัย
๓.๒ ประชากรและผู้ให้ข้อมลู สําคญั
๓.๓ เคร่ืองมือและการพฒั นาเครอ่ื งมือทใ่ี ชใ้ นการศกึ ษาวิจยั
๓.๔ การเกบ็ รวบรวมข้อมลู
๓.๕ การวเิ คราะห์ข้อมูล

๓.๑ รูปแบบการวิจัย

การวิจัยเรื่อง การมีส่วนร่วมของกํานันและผู้ใหญ่บ้านในการปกครองคณะสงฆ์จังหวัด
ชัยภูมิ เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี (Mixed Methods) ระหว่างการวิจัยเชิงปริมาณ (Qualitative
Research) โดยใช้การวิจัยเชิงสํารวจ (Survey Research)จากแบบสอบถาม (Questionnaire) และ
การวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) กับการให้ข้อมูลสําคัญ (Key
Informant)

๓.๒ ประชากรและผ้ใู หข้ อ้ มลู สาํ คัญ

งานวิจัยเร่ือง การมีส่วนร่วมของกํานันและผู้ใหญ่บ้านในการปกครองคณะสงฆ์จังหวัด
ชัยภมู ิ ผูว้ ิจยั มขี น้ั ตอนการแบ่งกลมุ่ ดงั นี้

๓.๒.๑. ประชากร กลมุ่ ตัวอย่างและผใู้ หข้ ้อมูล
๑. ประชากร ที่ใช้ในการศึกษาคร้ังนี้ ได้แก่ กํานันและผู้ใหญ่บ้านท่ีมีส่วนร่วมในการ

ปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชัยภูมิ จํานวน ๑,๗๔๔ คนแยกเป็นกํานัน ๑๒๔ ตําบล และผู้ใหญ่บ้าน
จํานวน ๑,๖๒๐ หมู่บ้านวิธีการได้มาของกลุ่มตัวอย่างโดยใช้สูตรคํานวณของ ทาโร่ ยามาแน่ (Taro
Yamane)๑ จาํ นวน ๓๒๕ คน

๑ Taro Yamane, Elementary sampling theory, ( New Jersey: Prentice-Hall, Inc, 1967) ,
p. 398.

๖๗

สตู ร = ๑ N
n แทน จาํ นวนกลุม่ ตวั อย่าง + Ne๒

N แทน จํานวนประชากร

e คือ ความคลาดเคล่ือนทีย่ อมใหเ้ กิดขึ้นในรปู ของสดั สว่ น (ร้อยละ ๕ คอื ๐.๐๕)

ประชากรทีใ่ ช้ในการวจิ ยั มีจํานวน ๓๒๕ คนจงึ นํามาหากล่มุ ตัวอยา่ งดังตอ่ ไปน้ี

= ๑ N
+ Ne๒

= ๑ ๑,๗๔๔
๑,๗๔๔ ๐.๐๕ ๒

= ๑,๗๔๔
๕.๓๖

= ๓๒๕.๓๗๓

เพราะฉะน้นั จาํ นวนกลุม่ ตวั อย่าง คือ ๓๒๕ คน

๓.๒.๒ ผ้ใู ห้ข้อมูลสําคญั (Key Informant)

ผู้ให้ข้อมูลสําคัญ ได้แก่ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วม ด้วยวิธีเลือกแบบเจาะจง
(Purposive Sampling) ประกอบด้วย ตัวแทนกํานัน จํานวน ๓ คน ตัวแทนผู้ใหญ่บ้านที่เป็นผู้นํา
ท้องถน่ิ จํานวน ๗ คน รวมเปน็ ๑๐ คน

๓.๓ เครอ่ื งมอื และการพัฒนาเครือ่ งมอื ทใี่ ช้ในการศึกษาวิจัย

๓.๓.๑ ลักษณะเคร่อื งมือทีใ่ ช้ในการวจิ ยั

๑) แบบสอบถาม (Questionnaire)

ผู้วิจัยได้ศึกษาตามกรอบแนวความคิดของ “การมีส่วนร่วมของกํานันผู้ใหญ่บ้านใน
การส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชัยภูม”ิ โดยแบง่ เป็น ๒ ข้ันตอนดังน้ี

ตอนที่ ๑ แบบสอบถามเก่ยี วกับข้อมูลทั่วไปของผ้ตู อบแบบสอบถาม ได้แก่ เพศ อายุ
ระดับการศึกษา วาระการดํารงตําแหน่ง ระยะเวลาในการดํารงตําแหน่ง ขนาดของหมู่บ้านท่ีปกครอง
(ChecK list)

ตอนที่ ๒ เป็นแบบสอบถามการมีส่วนร่วมของกํานันผู้ใหญ่บ้านในการส่งเสริมการ
ปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชัยภูมิ ข้อคําถามเป็นแบบมาตราส่วนประเมินค่า (Rating Scale) ๕ ระดับ
คอื มากทส่ี ดุ มาก ปานกลาง นอ้ ย น้อยทสี่ ุด จาํ นวนแบ่งออกเป็น ๖ ดา้ น ดงั นี้

๖๘

๑. ด้านการปกครอง จาํ นวน ๖ ข้อ
๒. ด้านการศาสนศกึ ษา จํานวน ๖ ข้อ
๓. ด้านการเผยแผ่ จํานวน ๖ ขอ้
๔. ด้านการศกึ ษาสงเคราะห์ จาํ นวน ๖ ข้อ
๕. ดา้ นการสาธารณูปการ จาํ นวน ๖ ขอ้
๖. ดา้ นการสาธารณะสงเคราะห์ จาํ นวน ๖ ข้อ

โดยมเี กณฑ์การให้คะแนนแบง่ เป็น ๕ ระดบั ดงั นี้

๕ หมายถงึ การมสี ่วนรว่ มในระดับ มากท่ีสุด
๔ หมายถึง การมีส่วนรว่ มในระดบั มาก
๓ หมายถึง การมสี ่วนรว่ มในระดบั ปานกลาง
๒ หมายถึง การมีสว่ นร่วมในระดบั นอ้ ย
๑ หมายถึง การมีสว่ นรว่ มในระดับ น้อยทส่ี ดุ

๒) แบบสมั ภาษณ์ (Interview)

ผวู้ ิจัยได้ศึกษาตามกรอบแนวความคิดของ “การมีส่วนร่วมของกํานันและผู้ใหญ่บ้าน
ในการสง่ เสริมการปกครองคณะสงฆจ์ ังหวัดชยั ภมู ิดังน้ี

(๑) ศึกษาวิธีการสร้างแบบสัมภาษณ์ท่ีใช้ในการเก็บข้อมูลจากเอกสาร ตําราและ
งานวจิ ัยทเ่ี กย่ี วข้อง เพือ่ เป็นแนวทางในการกาํ หนดกรอบแนวคิดในการสรา้ งแบบสมั ภาษณ์

(๒) ศึกษาแนวคิด ทฤษฎีและเอกสารวิจัยต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง โดยพิจารณาถึง
รายละเอียดต่าง ๆ เพอื่ ครอบคลุมวัตถุประสงคท์ ่กี ําหนดไว้

(๓) ขอคาํ แนะนําจากอาจารยท์ ี่ปรึกษาเพอ่ื ใชเ้ ป็นแนวทางในการสัมภาษณ์
(๔) สร้างแบบสัมภาษณ์ให้ครอบคลุมวัตถุประสงค์ในการวิจัย เพ่ือใช้เป็นเครื่องมือ
ในการเก็บข้อมลู จากผู้ให้ขอ้ มูลสําคัญ (Key Informants) เพื่อนาํ มาวิเคราะห์

๓.๓.๒ การพัฒนาเครือ่ งมอื ทใี่ ชใ้ นการศึกษาวจิ ยั

๑) แบบสอบถาม(Questionnaire)
(๑) ศึกษาหลกั การและทฤษฎี ศึกษาเอกสาร ทฤษฎแี ละงานวิจยั ท่เี กีย่ วขอ้ งกับการ
มีสว่ นร่วมของกํานนั และผใู้ หญ่บา้ นในการสง่ เสรมิ การปกครองคณะสงฆ์จงั หวดั ชัยภมู จิ ากเอกสารและ
ผลงาน การวิจยั ทเี่ คยมผี ูด้ ําเนินการวจิ ยั เอาไว้
(๒) กําหนดกรอบแนวคิด ในการสร้างเครือ่ งมือการวจิ ยั
(๓) กําหนดวัตถุประสงค์ในการสร้างเคร่ืองมือการวิจัยโดยขอคําปรึกษาจากอาจารย์
ท่ปี รกึ ษาวทิ ยานิพนธ์
(๔) สร้างเคร่ืองวิจัยตามวตั ถุประสงค์
(๕) นํารา่ งเคร่อื งมอื การวจิ ยั ต่ออาจารย์ท่ปี รึกษาวิทยานพิ นธ์

๖๙

๓.๓.๓ การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือท่ีใช้ในการวจิ ัย

๑) แบบสอบถาม(Questionnaire)

ผู้ วิ จั ย ได้ นํ า เส น อ แ บ บ ส อ บ ถ า ม เพ่ื อ ห า คุ ณ ภ า พ แ บ บ ส อ บ ถ า ม โด ย ค ว า ม เท่ี ย ง
(Validity) และความเชื่อมั่น (Reliability) ดงั น้ี

(๑) ขอคําแนะนําจากอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์และผู้เช่ียวชาญ ตรวจสอบ
เครอ่ื งมอื ทส่ี รา้ งไว้

(๒) หาค่าความเท่ียง (Validity) โดยกําหนดแบบสอบถามท่ีสร้างเสร็จเสนอต่อ
ประธานและกรรมการท่ีปรึกษาวิทยานิพนธ์ เพื่อขอความเห็นชอบและนําเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญ แล้ว
นาํ มาปรบั ปรุงแก้ไขให้เหมาะสม โดยนําเสนอผู้เชยี่ วชาญ จํานวน ๕ ทา่ น ประกอบด้วย

๑. พระครูสุตธรรมภาณี ผศ. ประธานหลักสูตรหลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต
มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั วทิ ยาเขตขอนแก่น

๒. ผศ.ดร.วิทยา ทองดี อาจารย์ประจําหลักสูตรหลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต
มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั วิทยาเขตขอนแกน่

๓. ดร.ปาณจิตร สุกุมาลย์ อาจารย์ประจําหลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิตสาขา
การสอนสงั คมศึกษา มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั วทิ ยาลัยเขตขอนแกน่

๔. ดร.สุธิพงษ์ สวัสด์ิทา อาจารย์ประจําหลักสูตรหลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต
มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย วทิ ยาเขตขอนแก่น

๕. ดร.สมควร นามสีฐาน อาจารย์ประจําหลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต
มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั วทิ ยาเขตขอนแก่น

แล้วนํามาหาค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคําถามและวัตถุประสงค์ (Index of
Item – Objective Congruence)๒ ซงึ้ คํานวณจากสูตร ดังน้ี

IOC = ∑
N

เม่ือ IOC แทน ดัชนีความเที่ยงตรงเชิงเน้ือหา (Index of Item–Objective

Congruence)

∑ แทน ผลรวมของคะแนนความคิดเหน็ ของผเู้ ชยี วชาญ

N แทน จํานวนผู้เชียวชาญ

๒ สุรินทร์ นิยมางกูร, ระเบียบวิธีวิจัยทางรัฐประศาสนศาสตร์, (กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬา
ลงกรณราชวิทยาลัย), หน้า ๒๔๓-๒๔๔.

๗๐

กาํ หนดคะแนนของผูเ้ ชียวชาญเป็น +๑ หรือ ๐ หรือ -๑ ดงั น้ี
+๑ คือ ถา้ เปน็ คําขอวัดได้ตามจุดประสงค์
๐ คือ ถา้ ไม่แน่ใจวา่ ข้อคาํ ถามน้นั ตรงจุดประสงคห์ รอื ไม่ได้
-๑ คือ ถา้ ข้อคําถามวดั ได้ไม่ตรงจุดประสงค์

(๓) หาค่าความเชื่อม่ันของเคร่ืองมือ (Reliability) ผู้วิจัยนําแบบสอบถามที่ปรับปรุง

แก้ไขแล้วไปทดลองใช้ (Try out) กับกลุ่มผู้มีสิทธิ์เลือกต้ัง แต่ไม่ใช่กลุ่มผู้มีสิทธ์ิเลือกตั้งท่ีจะใช้ในการ
วจิ ัย จํานวน ๓๐ คน แล้วนํามาหาความเช่ือมั่นของแบบสอบถาม โดยการวิเคราะห์หาค่าสัมประสิทธ์ิ
แอลฟา (Alpha Coefficient) ตามวิธีการของครอนบาค (Cronbach)๓ได้ค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ

๐.๘๙ แสดงให้เห็นว่าแบบสอบถามมีความเช่ือม่ันอยู่ในระดับสูงสามารถนําไปแจกกับกลุ่มตัวอย่างได้
จรงิ

(๔) นําแบบสอบถามท่ไี ด้รับการปรบั ปรงุ แก้ไขเสนอต่ออาจารย์ทปี่ รกึ ษาวิทยานิพนธ์
เพื่อขอความเห็นชอบ และจัดพิมพ์แบบสอบถามเป็นฉบับสมบูรณ์ในการนําไปใช้แจกกลุ่มตัวอย่างใน
การวิจัยต่อไป

๒) แบบสัมภาษณ์ (Interview)

ผูว้ จิ ัยได้นําเสนอแบบสัมภาษณ์เพื่อหาคณุ ภาพแบบสัมภาษณ์ ดงั นี้

๑) ขอคําแนะนําจากอาจารย์ท่ีปรกึ ษาวิทยานพิ นธ์และผเู้ ช่ยี วชาญ ตรวจสอบเครื่องมือ

ที่สรา้ งไว้

๒) นําแบบสัมภาษณ์ท่ีสร้างเสร็จเสนอต่อประธานและกรรมการที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์
เพื่อขอความเห็นชอบและนําเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญ แล้วนํามาปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสม โดยนําเสนอ
ผ้เู ช่ียวชาญ จํานวน ๕ ทา่ น ประกอบด้วย

๑. พระครูสุตธรรมภาณี ผศ.ประธานหลักสูตรหลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต
มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตขอนแก่น

๒. ผศ.ดร.วิทยา ทองดี อาจารย์ประจําหลักสูตรหลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต
มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น

๓. ดร.ปาณจิตร สุกุมาลย์ อาจารย์ประจําหลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิตสาขา
การสอนสังคมศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั วิทยาลัยเขตขอนแกน่

๔. ดร.สุธิพงษ์ สวัสดิ์ทา อาจารย์ประจําหลักสูตรหลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต
มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น

๕. ดร.สมควร นามสีฐาน อาจารย์ประจําหลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต
มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วิทยาเขตขอนแกน่

๓ บุญชม ศรีสะอาด, การวิจัยเบ้ืองต้น, พิมพ์ครง้ั ท่ี ๗, (กรุงเทพมหานคร: สุวรี ิยาสาส์น, ๒๕๔๕), หน้า
๑๐๒.

๗๑

๓) นําแบบสอบถามท่ีได้รับการปรับปรุงแก้ไขเสนอต่ออาจารย์ท่ีปรึกษาวิทยานิพนธ์ เพื่อ
ขอความเห็นชอบ และจัดพิมพ์แบบสมั ภาษณ์เป็นฉบับสมบูรณ์ในการนําไปใช้แจกกลุ่มตัวอย่างในการ
วิจยั ตอ่ ไป

๓.๔ การเก็บรวบรวมขอ้ มลู

การเก็บข้อมูลของงานวิจัย “การมีส่วนร่วมของกํานันและผู้ใหญ่บ้านในการส่งเสริมการ
ปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชัยภูมิ” ผู้วิจัยได้ดําเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถาม
(Questionnaire) และแบบสัมภาษณ์ (Interview) ดงั น้ี

๓.๔.๑ การเก็บรวบรวมขอ้ มลู จากแบบสอบถาม (Questionnaire)

๑) ขอหนงั สอื จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยวทิ ยาเขตขอนแก่นเพือ่ เขา้ ถึง
กลุ่มประชากรทต่ี อ้ งการเกบ็ ขอ้ มูลของกาํ นนั ผู้ใหญบ่ า้ นในเขตจงั หวดั ชัยภมู ิ

๒) นําแบบสอบถามท่ีได้ผ่านการปรับปรุงแก้ไขแล้วนํามาเก็บรวบรวมข้อมูล โดยนํา
แบบสอบถามไปแจกกบั กลุม่ ตัวอย่าง จาํ นวน ๓๔๙ ฉบับ

๓) เม่ือได้แบบสอบถามกลับมาแล้ว นํามาตรวจสอบความสมบูรณ์ จัดระเบียบข้อมูลท่ีได้
ไปวิเคราะห์และประมวลผลในโปรแกรมสําเรจ็ รปู ทางสถิติต่อไป

๓.๔.๒ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลจากแบบสัมภาษณ์ (Interview)

๑) ขอหนังสือจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยวิทยาเขตขอนแก่น ถึงผู้ให้
ข้อมูลสาํ คญั (Key Informants) เพ่อื สมั ภาษณต์ ามทกี่ ําหนด

๒) ทาํ การนัดวนั เวลา และสถานท่ีกับผใู้ ห้ข้อมูลสาํ คญั (Key Informants) เพ่ือสมั ภาษณ์
ตามท่ีกําหนดไว้

๓) ดําเนินการสัมภาษณ์ตามวัน เวลาและสถานที่ที่กําหนดไว้ จนครบทุกประเด็นโดยขอ
อนญุ าตใชว้ ิธีจดบนั ทึกและการบันทกึ เสียงประกอบการสมั ภาษณ์

๔) นาํ ขอ้ มูลดิบทไี่ ดม้ ารวบรวมเพอื่ วเิ คราะหโ์ ดยวธิ ีการทีเ่ หมาะสมและนําเสนอต่อไป

๓.๕ การวเิ คราะห์ข้อมูล

การวิเคราะห์ข้อมูลของงานวิจัยเรื่อง “การมีส่วนร่วมของกํานันและผู้ใหญ่บ้านในการ
ส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชัยภูมิ” ผู้วิจัยมีขั้นตอนการวิเคราะห์จากแบบสอบถาม
(Questionnaire) และแบบสมั ภาษณ์ (Interview) ดังนี้

๓.๕.๑ การวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถาม (Questionnaire) ผู้วิจัยได้สรุป
ปรากฏการณ์ท่ีเกิดขึ้นและสรุปประเด็นต่าง ๆ ที่กําหนดไว้ ตามประเด็นคําถามที่เกี่ยวข้องกับการมี
ส่วนรว่ มของกํานนั และผู้ใหญบ่ า้ นในการสง่ เสรมิ การปกครองคณะสงฆจ์ งั หวัดชัยภมู ิดังนี้

สถิติพรรณนา (Descriptive Statistics) สําหรับอธิบายลักษณะสําคัญทั่วไปของกลุ่ม
ตัวอย่างและพรรณนา ปัจจัยส่วนบุคคล สถิติที่ใช้ คือ ความถ่ี (Freqency) ค่าร้อยละ(Percentage)

๗๒

และอธิบายถึงการมีส่วนร่วมของกํานันและผู้ใหญ่บ้านในการส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์จังหวัด
ชยั ภมู ิ คอื ค่าเฉลี่ย (Mean) และค่าเบีย่ งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)

เกณฑก์ ารพจิ ารณาคา่ เฉลีย่ มีดงั น้ี
ค่าเฉลีย่ การแปลความหมายและความหมายของคา่ เฉล่ยี โดยใช้เกณฑ๔์ ดังนี้
คา่ เฉลย่ี ๔.๕๐ – ๕.๐๐ หมายความว่า ระดับการมีสว่ นรว่ มมากทส่ี ดุ
ค่าเฉล่ีย ๓.๕๐ – ๔.๔๙ หมายความว่า ระดบั การมสี ว่ นรว่ มมาก
คา่ เฉล่ีย ๒.๕๐ – ๓.๔๙ หมายความวา่ ระดับการมีส่วนร่วมปานกลาง
ค่าเฉลยี่ ๑.๕๐ – ๒.๔๙ หมายความว่า ระดบั การมีส่วนรว่ มนอ้ ย
ค่าเฉล่ีย ๑.๐๐ – ๑.๔๙ หมายความวา่ ระดับการมีส่วนรว่ มน้อยทีส่ ดุ
สถิติอนุมาน (Inferential Statistics)ใช้สําหรับทดสอบสมมุติฐาน เพ่ือเปรียบเทียบการมี
ส่วนร่วมของกํานันและผู้ใหญ่บ้านในการส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชัยภูมิ โดยจําแนกเป็น
ปจั จัยส่วนบุคคล สถิตทิ ี่ใช้ คือ การทดสอบค่าที (t-test) ในกรณีท่ีตัวแปรต้นสองกลมุ่ และทดสอบค่า
เอฟ (F-test) ด้วยวิธีการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One Way Anova) ในกรณีตัวแปรต้น
สามกลุ่มขึ้นไป เมื่อพบว่ามีความแตกต่างจะทําการเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่ด้วย
วิธีผลตา่ งกันเปน็ สําคญั นอ้ ยท่ีสดุ (Least Significant Difference: LSD)
๓.๕.๒ การวเิ คราะห์ขอ้ มูลจากแบบสัมภาษณ์ (Interview)
ผวู้ ิจยั วิเคราะหข์ อ้ มูลจากแบบสมั ภาษณโ์ ดยวิธีการดังน้ี

๑. นําข้อมลู ท่ไี ดจ้ ากการสัมภาษณ์มาถอดเสียงและบันทกึ เปน็ ขอ้ ความ
๒. นําข้อทไ่ี ดจ้ ากการสัมภาษณแ์ ละการจดบันทกึ มาจาํ แนกมาเปน็ ประเด็นและเรยี บ
เรียงเฉพาะประเดน็ ท่ีเกยี่ วกับวตั ถุประสงคก์ ารวจิ ยั
๓. วิเคราะห์คาํ ใหส้ มั ภาษณข์ องผู้ใหข้ ้อมูลสําคญั ตามวตั ถุประสงคก์ ารวจิ ัย
๔. สังเคราะหข์ อ้ มูลตามวัตถุประสงค์การวิจยั และนาํ เสนอตอ่ ไป

๔ ชูศรี วงศ์รัตนะ, เทคนิคการใช้สถิติเพ่ือการวิจัย, พิมพ์คร้ังที่ ๗, (กรุงเทพมหานคร: เทพเนรมิต,
๒๕๔๑), หนา้ ๗๕.

บทที่ ๔

ผลการวจิ ยั

การวิจัยเร่ือง การมีส่วนร่วมของกํานันและผู้ใหญ่บ้านในการปกครองคณะสงฆ์จังหวัด
ชัยภูมิ เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี (Mixed Methods) ระหว่างการวิจัยเชิงปริมาณ (Qualitative
Research) โดยใช้การวจิ ัยเชิงสํารวจ (Survey Research) จากแบบสอบถาม (Questionnaire) และ
การวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) กับการให้ข้อมูลสําคัญ (Key
Informant) ผู้วิจัยได้มกี ารเสนอผลการวเิ คราะห์ข้อมลู ดงั ตอ่ ไปนี้

๔.๑ การวเิ คราะห์ข้อมลู ท่วั ไป
๔.๒ ลาํ ดบั ขัน้ ตอนในการวเิ คราะหข์ ้อมลู
๔.๓ องค์ความรู้ใหม่จากการวิจัย

๔.๑ ขอ้ มูลทั่วไปของผูต้ อบแบบสอบถาม

ผู้วจิ ยั นาํ เสนอตามหวั ขอ้ ดังตอ่ ไปน้ี

สญั ลักษณท์ ี่ใชใ้ นการวิเคราะห์ข้อมูล

N หมายถงึ ประชากรในการวิจยั
n หมายถงึ จาํ นวนกลมุ่ ตัวอย่าง
x หมายถงึ ค่าเฉลยี่ (Mean)
S.D. หมายถึง ส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน (Standard deviation)
T หมายถงึ คา่ สถิติที (T-test) ท่ใี ชใ้ นการวเิ คราะห์ความแตกต่างของค่าเฉลี่ย
F หมายถงึ คา่ สถติ ิเอฟ (F-test) ทใ่ี ช้ในการวเิ คราะห์ความแปรปรวนทางเดยี ว
Sig หมายถงึ คา่ ระดับนัยสาํ คญั ทางสถติ ิ (Significance)
* หมายถึง มีนัยสําคัญทางสถิตทิ ีร่ ะดบั นยั สําคญั ๐.๐๕

๔.๒ ลาํ ดบั ขั้นตอนในการวิเคราะหข์ อ้ มลู

ผู้วจิ ยั ไดว้ เิ คราะหข์ อ้ มลู ตามลําดับข้ันตอนดังตอ่ ไปน้ี

ตอนท่ี ๑ เสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลเก่ียวกับสภาพท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม การมี
ส่วนร่วมของกํานันและผู้ใหญ่บ้านในการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชัยภูมิจําแนกตามเพศ อายุ ระดับ
การศึกษา อาชีพ และรายได้ต่อเดือน ใช้การวิเคราะห์หาความถ่ี (Frequency) ร้อยละ (Percentage)
และนําเสนอในรปู ตารางประกอบการบรรยายดัง ตารางที่ ๔.๑

๗๔

ตอนท่ี ๒ เสนอผลการศึกษาระดับการมีส่วนร่วมของกํานันและผู้ใหญ่บ้านในการส่งเสริม
การปกครองคณะสงฆ์จงั หวัดชยั ภมู ิ

ตอนที่ ๓ เสนอผลการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการมีส่วนร่วมของกํานันและผู้ใหญ่กับ
การสง่ เสริมการปกครองคณะสงฆ์จังหวดั ชัยภมู ิ

ตอนท่ี ๔ เสนอผลการสัมภาษณ์ แนวทางการมีส่วนร่วมของกํานันและผู้ใหญ่บ้านในการ
สง่ เสรมิ การปกครองคณะสงฆจ์ ังหวัดชยั ภูมิ

๔.๓ ผลการวิเคราะหข์ ้อมูล

ตอนท่ี ๑ เสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม การมี
ส่วนร่วมของกํานันและผู้ใหญ่บ้านในการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชัยภูมิจําแนกตามเพศ อายุ ระดับ
การศึกษา อาชีพ และรายได้ต่อเดือน ใช้การวิเคราะห์หาความถี่ (Frequency)และค่าร้อยละ
(Percentage) นําเสนอในรูปตารางดงั ตารางท่ี ๔.๑– ๔.๕

ตารางที่ ๔.๑ ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูลเก่ียวกบั สภาพทัว่ ไป จําแนกตามเพศ

(n=๓๒๕)
เพศ จาํ นวน รอ้ ยละ
ชาย ๒๘๖ ๘๗.๔๐

หญงิ ๓๙ ๑๒.๖๐
รวม ๓๒๕ ๑๐๐.๐๐

จากตารางท่ี ๔.๑ พบว่า ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลเกี่ยวกับสภาพทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
การมีส่วนร่วมของกํานันและผู้ใหญ่บ้านในการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชัยภูมิ แสดงความถ่ีและ
ร้อยละจําแนกตามเพศ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศชาย จํานวน ๒๘๖ คน คิดเป็น
ร้อยละ ๘๗.๔๐ ตาํ่ สดุ คือเพศหญงิ จํานวน ๓๙ คน คดิ เปน็ ร้อยละ ๑๒.๖๐ ตามลําดับ

ตารางที่ ๔.๒ ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเก่ยี วกับสภาพท่วั ไป จําแนกตามอายุ

อายุ จํานวน (n=๓๒๕)

๑๘ – ๒๔ ปี ๔๙ ร้อยละ
๒๕ – ๓๕ ปี ๑๑๙
๓๖ –๔๕ ปี ๕๑ ๑๕.๐๐
มากกว่า ๔๕ ปี ๑๐๖ ๓๖.๘๐
๑๖.๐๐
รวม ๓๒๕ ๓๒.๒๐

๑๐๐.๐๐

๗๕

จากตารางท่ี ๔.๒ พบว่า ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเก่ียวกับสภาพทั่วไปของผู้ตอบ
แบบสอบถาม การมีส่วนร่วมของกํานันและผู้ใหญ่บ้านในการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชัยภูมิ แสดง
ความถแี่ ละ ร้อยละจาํ แนกตามอายุ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ มีอายุมากที่สุด คือ ๒๕–๓๕
ปี จํานวน ๑๑๙ คน คิดเป็น ร้อยละ ๓๖.๘๐ ต่ําสุดคืออายุ ๑๘ - ๒๔ ปี จํานวน ๔๙ คน คิดเป็นร้อย
ละ ๑๕.๐๐ ตามลาํ ดับ

ตารางท่ี ๔.๓ ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูลเกี่ยวกบั สภาพทว่ั ไป จําแนกตามระดับการศกึ ษา

ระดบั การศึกษา จาํ นวน (n=๓๒๕)

ประถมศกึ ษา ๕๖ รอ้ ยละ
มธั ยมศึกษา ๕๐
ปวช./ปวส. ๕๗ ๑๗.๒๐
ปรญิ ญาตรี ๙๕ ๑๕.๔๐
สงู กว่าปรญิ ญาตรี ๖๗ ๑๗.๕๐
๒๙.๒๐
รวม ๓๒๕ ๒๐.๗๐

๑๐๐.๐๐

จากตารางท่ี ๔.๓ พบว่า ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเก่ียวกับสภาพท่ัวไปของผู้ตอบ
แบบสอบถาม การมีส่วนร่วมของกํานันและผู้ใหญ่บ้านในการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชัยภูมิ แสดง
ความถ่ีและร้อยละจําแนกตามระดับการศึกษา พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ ระดับการศึกษา
อยู่ในระดับสูงสุดคือระดับปริญญาตรี จํานวน ๙๕ คน คิดเป็นร้อยละ ๒๙.๒๐ ตํ่าสุดคือระดับ
มัธยมศึกษา จํานวน ๕๐ คน คิดเปน็ ร้อยละ ๑๕.๔๐ ตามลําดบั

ตารางท่ี ๔.๔ ผลการวิเคราะห์ข้อมลู เกีย่ วกบั สภาพท่ัวไป จําแนกตามอาชพี

อาชีพ จาํ นวน (n=๓๒๕)

เกษตรกรรม ๑๒๑ ร้อยละ
รับราชการ ๓๐
ธรุ กิจสว่ นตัว ๒๓ ๓๗.๒๓
๓๑ ๙.๒๓
คา้ ขาย ๙๖ ๗.๐๘
รับจ้าง ๒๔ ๙.๕๔
อื่น ๆ ๒๙.๕๔
๓๒๕ ๗.๓๘
รวม
๑๐๐.๐๐

จากตารางที่ ๔.๔ พบว่า ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพท่ัวไปของผู้ตอบ
แบบสอบถาม การมีส่วนร่วมของกํานันและผู้ใหญ่บ้านในการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชัยภูมิ แสดง
ความถี่และร้อยละจําแนกตามอาชีพพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ อาชีพที่ทํามากท่ีสุดคือ

๗๖

อาชพี เกษตรกรรม จํานวน ๑๒๑ คน คิดเป็นร้อยละ ๓๗.๒๓ ตํ่าสุดคืออาชีพธรุ กจิ สว่ นตัว จํานวน ๒๓
คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ๗.๐๘ ตามลาํ ดับ

ตารางที่ ๔.๕ ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกยี่ วกับสภาพทว่ั ไป จําแนกตามรายไดต้ อ่ เดอื น

รายได้ตอ่ เดอื น จํานวน (n=๓๒๕)

ต่ํากว่า ๑๐,๐๐๐ บาท ๑๓๐ ร้อยละ
๑๐,๐๐๐ – ๑๕,๐๐๐ บาท ๑๐๔
๑๕,๐๐๑ – ๒๐,๐๐๐ บาท ๓๙ ๔๐.๐๐
๒๐,๐๐๑ บาทขึน้ ไป ๕๒ ๓๒.๐๐
๑๒.๐๐
รวม ๓๒๕ ๑๖.๐๐

๑๐๐.๐๐

จากตารางท่ี ๔.๕ พบว่า ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพทั่วไปของผู้ตอบ
แบบสอบถาม การมีส่วนร่วมของกํานันและผู้ใหญ่บ้านในการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชัยภูมิ แสดง
ความถ่แี ละร้อยละจําแนกตามรายไดต้ ่อเดือนพบวา่ ผู้ตอบแบบสอบถามสว่ นใหญ่รายไดต้ อ่ เดือน มาก
ท่ีสุดคือ ต่ํากว่า ๑๐,๐๐๐ บาทจํานวน ๑๓๐ คน คิดเป็นร้อยละ ๔๐.๐๐ ต่ําสุดคือ ๑๕,๐๐๑ -
๒๐,๐๐๐ บาท จาํ นวน ๓๙ คน คดิ เป็นร้อยละ ๑๒.๐๐ ตามลําดับ

ตอนท่ี ๒ เสนอผลการศึกษาระดับการมีส่วนร่วมของกํานันและผู้ใหญ่บ้านในการส่งเสริม
การปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชยั ภูมิ

ผลการศึกษาระดับการมีส่วนร่วมของกํานันและผู้ใหญ่บ้านในการส่งเสริมการปกครอง
คณะสงฆ์จังหวัดชัยภูมิ ด้านการปกครอง ด้านศาสนศึกษา ด้านการเผยแผ่ ด้านการศึกษาสงเคราะห์
ดา้ นการสาธารณปู การ และด้านการสาธารณสงเคราะห์ วเิ คราะห์โดยใช้ค่าคะแนนเฉลีย่ และค่าความ
เบีย่ งเบนมาตรฐาน ดงั แสดงในตารางท่ี ๔.๖– ๔.๑๒

ตารางท่ี ๔.๖ ค่าคะแนนเฉลี่ย และค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐานระดับการมีส่วนร่วมของกํานันและ
ผูใ้ หญ่บา้ นในการสง่ เสริมการปกครองคณะสงฆ์จงั หวัดชยั ภูมิ โดยภาพรวม

(n=๓๒๕)

ที่ การมีส่วนรว่ มของกํานนั และผู้ใหญ่บ้านในการสง่ เสรมิ ระดับการมีส่วนร่วม
การปกครองคณะสงฆจ์ งั หวัดชยั ภูมิ
X S.D. แปลผล

๑ ด้านการปกครอง ๔.๓๖ ๐.๐๘ มาก
๒ ด้านศาสนศกึ ษา ๔.๔๓ ๐.๐๙ มาก
๓ ด้านการเผยแผ่ ๔.๖๓ ๐.๐๗ มากทส่ี ุด
๔ ดา้ นการศกึ ษาสงเคราะห์ ๔.๖๐ ๐.๐๙ มากทสี่ ุด
๕ ดา้ นการสาธารณปู การ ๔.๖๒ ๐.๔๑ มากที่สุด
๖ ด้านการสาธารณสงเคราะห์ ๔.๕๘ ๐.๔๒ มากทีส่ ดุ
๔.๕๓ ๐.๑๗ มากทส่ี ดุ
รวม

๗๗

จากตารางท่ี ๔.๖ ผลการศึกษาระดับการมีส่วนร่วมของกํานันและผู้ใหญ่บ้านในการ
สง่ เสรมิ การปกครองคณะสงฆจ์ ังหวัดชยั ภูมิ โดยภาพรวม พบว่าอยู่ในระดับมากที่สุด (X= ๔.๕๓) เมื่อ
พิจารณารายด้าน เรียงลําดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อยสามลําดับแรก พบว่า ค่าเฉล่ียมากที่สุด คือ
ด้านการเผยแผ่ (X= ๔.๖๓) ค่าเฉล่ียรองลงมา คือด้านสาธารณูปการ (X= ๔.๖๒) และด้านการศึกษา
สงเคราะห์ (X= ๔.๖๐) ตามลาํ ดบั

ตารางท่ี ๔.๗ ค่าคะแนนเฉล่ีย และค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐานระดับการมีส่วนร่วมของกํานันและ
ผูใ้ หญบ่ า้ นในการส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์จงั หวดั ชัยภมู ิ ดา้ นการปกครอง

(n=๓๒๕)

ท่ี การมีสว่ นร่วมของกาํ นนั และผู้ใหญ่บา้ นในการส่งเสรมิ การ ระดบั การมสี ว่ นรว่ ม
ปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชยั ภูมิ S.D. แปลผล

๑ สอดส่องดูแลเพ่ือให้การปกครองคณะสงฆ์เป็นไปตามพระ ๔.๓๗ ๐.๖๐ มาก

ธรรมวินยั มาก
มาก
๒ มีความรู้ความความสามารถในเรื่องทางปกครองคณะสงฆ์ ๔.๓๓ ๐.๗๗ มาก

๓ ชว่ ยแบง่ เบาภาระงานทางด้านการปกครองคณะสงฆ์ ๔.๔๓ ๐.๗๓ มาก
มาก
๔ ดําเนินการสอดส่องดูแลรักษาความเรียบร้อย ดีงามเพ่ือให้ ๔.๔๑ ๐.๕๙
มาก
พระภิกษุสามเณรและคฤหัสถ์ที่อยู่ในวัดหรือในการปกครอง

ปฏบิ ตั ิตามพระธรรมวินยั

๕ มสี ว่ นร่วมในการวางแผนพัฒนาวดั ของคณะสงฆ์ ๔.๒๑ ๐.๗๘

๖ ชักชวนชาวบ้านเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆท่ีทางคณะสงฆ์ขอ ๔.๔๔ ๐.๖๘

ความรว่ มมอื

รวม ๔.๓๖ ๐.๐๘

จากตารางที่ ๔.๗ ผลการศึกษาระดับการมีส่วนร่วมของกํานันและผู้ใหญ่บ้านในการ
ส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชัยภูมิ ด้านการปกครอง โดยภาพรวม พบว่าอยู่ในระดับมาก
(X= ๔.๓๖) เมื่อพิจารณารายข้อเรียงลําดับค่าเฉล่ียจากมากไปหาน้อยสามลําดับแรก พบว่า ค่าเฉล่ีย
มากท่ีสุด คือ ชักชวนชาวบ้านเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆท่ีทางคณะสงฆ์ขอความร่วมมือ (X= ๔.๔๔)
ค่าเฉลี่ยรองลงมา คือ ช่วยแบ่งเบาภาระงานทางด้านการปกครองคณะสงฆ์ (X= ๔.๔๓) และ
ดําเนินการสอดส่องดูแลรักษาความเรียบร้อยดีงาม เพื่อให้พระภิกษุสามเณรและคฤหัสถ์ท่ีอยู่ในวัด
หรอื ในการปกครองปฏิบัติตามพระธรรมวนิ ัย (X= ๔.๔๑) ตามลําดบั

๗๘

ตารางท่ี ๔.๘ ค่าคะแนนเฉล่ีย และค่าความเบ่ียงเบนมาตรฐานระดับการมีส่วนร่วมของกํานันและ
ผูใ้ หญบ่ า้ นในการสง่ เสริมการปกครองคณะสงฆ์จงั หวดั ชัยภมู ิ ดา้ นการศาสนศึกษา

(n=๓๒๕)

ที่ การมสี ว่ นร่วมของกํานนั และผูใ้ หญบ่ า้ นในการสง่ เสริม ระดบั การมสี ่วนรว่ ม
การปกครองคณะสงฆ์จังหวดั ชยั ภูมิ S.D. แปลผล

๑ ให้การสนับสนุนการศึกษาปริยัติธรรมแก่พระภิกษุและ ๔.๓๓ ๐.๖๗ มาก

สามเณร

๒ ดแู ลเร่งรดั ใหม้ กี ารเรียนการสอนนกั เรยี นธรรมอย่างทวั่ ถึง ๔.๓๑ ๐.๖๕ มาก

๓ สง่ เสริมและสนบั สนนุ แผนกธรรม,แผนกบาลี,แผนกสามัญ ๔.๓๔ ๐.๗๑ มาก

๔ ช่วยเหลือให้คณะสงฆ์ได้เผยแผ่พระศาสนาอบรมสั่งสอน ๔.๓๙ ๐.๗๘ มาก

ประชาชน

๕ ให้คณะสงฆ์ไดป้ ฏิบตั กิ จิ กรรมทางศาสนศึกษาได้ ๔.๕๐ ๐.๗๐ มากท่สี ดุ

๖ ส่งเสริมสนับสนุนและดําเนินการเก่ียวกับการศาสนศึกษา ๔.๗๒ ๐.๔๙ มากทส่ี ดุ

ของสงฆแ์ ละสามเณร

รวม ๔.๔๓ ๐.๐๙ มาก

จากตารางที่ ๔.๘ ผลการศึกษาระดับการมีส่วนร่วมของกํานันและผู้ใหญ่บ้านในการ
ส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชัยภูมิ ด้านการศาสนศึกษา โดยภาพรวม พบว่าอยู่ในระดับมาก
(X= ๔.๔๓) เมื่อพิจารณารายข้อ เรียงลําดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อยสามลําดับแรก พบว่า ค่าเฉลี่ย
มากท่ีสุด คือ ส่งเสริมสนับสนุนและดําเนินการเกี่ยวกับการศาสนศึกษาของสงฆ์และสามเณร (X=
๔.๗๒) ค่าเฉล่ียรองลงมา คือ ให้คณะสงฆ์ได้ปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนศึกษาได้ (X= ๔.๕๐) และ
ชว่ ยเหลอื ใหค้ ณะสงฆไ์ ด้เผยแผ่พระศาสนาอบรมสัง่ สอนประชาชน ( = ๔.๓๙) ตามลาํ ดับ

๗๙

ตารางที่ ๔.๙ ค่าคะแนนเฉลี่ย และค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐานระดับการมีส่วนร่วมของกํานันและ
ผู้ใหญบ่ า้ นในการสง่ เสริมการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชยั ภูมิ ดา้ นการเผยแผ่

(n=๓๒๕)

ที่ การมสี ว่ นร่วมของกํานนั และผ้ใู หญบ่ า้ นในการส่งเสริม ระดบั การมสี ว่ นร่วม
การปกครองคณะสงฆ์จังหวดั ชัยภูมิ S.D. แปลผล

๑ นําเอาหลกั ธรรม ผ่านสื่อต่าง ๆ เช่น วทิ ย,ุ โทรทัศน์, ๔.๗๐ ๐.๕๑ มากทส่ี ดุ

โทรศัพท์ เป็นต้นมาช่วยในการเผยแผพ่ ระศาสนา

๒ น้อมนําเอาหลักธรรมในพระพุทธศาสนาไปประพฤติปฏิบัติ ๔.๗๐ ๐.๔๕ มากท่สี ดุ

และเข้าวดั ปฏิบัตธิ รรมเป็นประจํา

๓ มีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาอบรมและสั่งสอนพระธรรม ๔.๖๕ ๐.๕๕ มากทสี่ ุด

วินยั แกบ่ รรพชติ และคฤหัสถ์ตามสมควร

๔ เป็นคณะกรรมการวัด เพ่ือวางแผนการปฏิบัติในการอบรม ๔.๕๔ ๐.๖๙ มากทีส่ ดุ

ส่ังสอนธรรมะแกป่ ระชาชน

๕ ช่วยเหลือกิจกรรมด้านการเผยแผ่ธรรมะเม่ือทางวัดหรือ ๔.๕๙ ๐.๕๕ มากทีส่ ุด

คณะสงฆ์ต้องการความช่วยเหลือ

๖ มีส่วนร่วมในการจัดอบรมสั่งสอนธรรมะให้แก่ประชาชน ๔.๖๔ ๐.๕๓ มากท่ีสดุ

และเยาวชนในท้องถิน่

รวม ๔.๖๓ ๐.๐๗ มากที่สดุ

จากตารางท่ี ๔.๙ ผลการศึกษาระดับการมีส่วนร่วมของกํานันและผู้ใหญ่บ้านในการ
สง่ เสริมการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชัยภูมิ ด้านการเผยแผ่ โดยภาพรวม พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุด
(X= ๔.๖๓) เม่ือพิจารณารายข้อเรียงลําดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อยสามลําดับแรก พบว่า ค่าเฉล่ีย
มากท่สี ุด คือนําเอาหลักธรรม ผ่านส่อื ต่าง ๆ เช่น วทิ ย,ุ โทรทัศน,์ โทรศัพท์ เปน็ ต้นมาช่วยในการเผยแผ่
พระศาสนา (X= ๔.๗๐) ค่าเฉล่ียรองลงมา คือ น้อมนําเอาหลักธรรมในพระพุทธศาสนาไปประพฤติ
ปฏิบตั แิ ละเข้าวัดปฏิบัติธรรมเปน็ ประจาํ (X= ๔.๗๐) และ มีสว่ นรว่ มในการจัดการศึกษาอบรมและส่ัง
สอนพระธรรมวนิ ัยแกบ่ รรพชติ และคฤหัสถต์ ามสมควร (X= ๔.๖๕) ตามลาํ ดับ

๘๐

ตารางที่ ๔.๑๐ ค่าคะแนนเฉลี่ย และค่าความเบ่ียงเบนมาตรฐานระดับการมีส่วนร่วมของกํานันและ
ผู้ใหญ่บ้านในการส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชัยภูมิ ด้านการศึกษา
สงเคราะห์

(n=๓๒๕)

ที่ การมีส่วนรว่ มของกํานนั และผูใ้ หญ่บา้ นในการสง่ เสริม ระดับการมสี ว่ นร่วม
การปกครองคณะสงฆ์จงั หวดั ชัยภมู ิ S.D. แปลผล

๑ มีส่วนร่วมในการจัดหาอุปกรณ์การเรียนการสอนให้กับเด็ก ๔.๗๔ ๐.๕๐ มากที่สุด
และเยาวชน

๒ ขอความอนุเคราะห์ให้พระสงฆ์สนับสนุนทุนการศึกษาแก่ ๔.๗๑ ๐.๕๐ มากทส่ี ุ
เด็กและเยาวชน

๓ การจัดซ้ืออุปกรณ์เครื่องใช้อุปโภค/บริโภคให้กับเด็กและ ๔.๖๔ ๐.๖๔ มากที่สดุ
เยาวชนทก่ี ําลงั ศึกษาเล่าเรียนเปน็ ประจํา

๔ มีการจัดหาทุนการศึกษาให้กับเด็กและเยาวชนท่ีกําลัง ๔.๖๐ ๐.๖๖ มากที่สดุ
ศกึ ษาเล่าเรยี น

๕ สว่ นร่วมในการจัดการช่วยเหลือเก้อื กลู หรอื จุนเจือชว่ ยเหลือ ๔.๖๓ ๐.๕๕ มากทีส่ ุด
การศกึ ษาแก่เด็กและเยาวชน

๖ มีบทบาทช่วยเหลือทางวัด/คณะสงฆ์ในการให้การศึกษา ๔.๓๐ ๐.๗๓ มาก
สงเคราะห์แกเ่ ดก็ และเยาวชน

รวม ๔.๖๐ ๐.๐๙ มากทส่ี ดุ

จากตารางที่ ๔.๑๐ ผลการศึกษาระดับการมีส่วนร่วมของกํานันและผู้ใหญ่บ้านในการ
ส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชัยภูมิ ด้านการศึกษาสงเคราะห์ โดยภาพรวม พบว่าอยู่ในระดับ
มากท่ีสุด (X= ๔.๖๐) เมื่อพิจารณารายข้อเรียงลําดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อยสามลําดับแรก พบว่า
ค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ มีส่วนร่วมในการจัดหาอุปกรณ์การเรียนการสอนให้กับเด็กและเยาวชน (X=
๔.๗๔) ค่าเฉล่ียรองลงมา คือ ขอความอนุเคราะห์ให้พระสงฆ์สนับสนุนทุนการศึกษาแก่เด็กและ
เยาวชน (X= ๔.๗๑) และ การจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องใช้อุปโภค/บริโภคให้กับเด็กและเยาวชนท่ีกําลัง
ศึกษาเล่าเรยี นเป็นประจํา (X= ๔.๖๔) ตามลาํ ดับ

๘๑

ตารางท่ี ๔.๑๑ ค่าคะแนนเฉล่ีย และค่าความเบ่ียงเบนมาตรฐานระดับการมีส่วนร่วมของกํานันและ
ผู้ใหญ่บา้ นในการสง่ เสริมการปกครองคณะสงฆจ์ งั หวดั ชัยภมู ิ ดา้ นการสาธารณปู การ

(n=๓๒๕)

ท่ี การมีส่วนร่วมของกาํ นนั และผใู้ หญบ่ า้ นในการสง่ เสริม ระดับการมสี ่วนรว่ ม
การปกครองคณะสงฆ์จงั หวดั ชยั ภูมิ S.D. แปลผล

๑ มีสว่ นรว่ มในการช่วยพัฒนาวัดวาอาราม ๔.๓๑ ๐.๗๕ มาก

๒ มีการส่วนร่วมในการส่งเสริมและสนับสนุนการก่อสร้างและ ๔.๖๘ ๐.๖๒ มากท่สี ุด

บรู ณปฏสิ ังขรณเ์ สนาสนะของวดั

๓ มีส่วนร่วมในการดูแลรักษาและจัดการศาสนสมบัติของวัด ๔.๗๔ ๐.๕๘ มากทสี่ ดุ

วาอาราม

๔ มีส่วนรว่ มในการกอ่ สรา้ งและการบรู ณปฏสิ งั ขรณศ์ าสนวตั ถุ ๔.๖๑ ๐.๖๒ มากทีส่ ุด

และศาสนสถาน

๕ มีส่วนในการก่อสร้างและคงไว้ซึ่งศิลปวัฒนธรรมเพ่ือให้เกิด ๔.๖๖ ๐.๖๓ มากท่ีสุด

ความศรัทธาแก่ผทู้ ่ีพบเห็น

๖ มีส่วนร่วมในกิจการและบํารุงรักษากิจการของวัดให้ศาสน ๔.๗๖ ๑.๖๕ มากทีส่ ดุ

สมบัตขิ องวดั คงอยู่ตอ่ ไปดว้ ยดี

รวม ๔.๖๒ ๐.๔๑ มากท่ีสุด

จากตารางท่ี ๔.๑๑ ผลการศึกษาระดับการมีส่วนร่วมของกํานันและผู้ใหญ่บ้านในการ
ส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชัยภูมิ ด้านการสาธารณูปการ โดยภาพรวมพบว่า อยู่ในระดับ
มากท่ีสุด (X= ๔.๖๒) เม่ือพิจารณารายข้อเรียงลําดับค่าเฉล่ียจากมากไปหาน้อยสามลําดับแรก พบว่า
ค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ มีส่วนร่วมในกิจการและบํารุงรักษากิจการของวัดให้ศาสนสมบัติของวัดคงอยู่
ต่อไปด้วยดี (X= ๔.๗๖) ค่าเฉลย่ี รองลงมา คอื มีสว่ นรว่ มในการดแู ลรกั ษาและจัดการศาสนสมบัติของ
วัดวาอาราม (X= ๔.๗๔) และ มีการส่วนร่วมในการส่งเสริมและสนับสนุนการก่อสร้างและ
บรู ณปฏิสังขรณ์เสนาสนะของวัด (X= ๔.๖๘) ตามลําดบั

๘๒

ตารางท่ี ๔.๑๒ ค่าคะแนนเฉล่ีย และค่าความเบ่ียงเบนมาตรฐานระดับการมีส่วนร่วมของกํานันและ
ผู้ใหญ่บ้านในการส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชัยภูมิ ด้านการสาธารณ
สงเคราะห์

ที่ การมสี ว่ นร่วมของกํานนั และผ้ใู หญบ่ า้ นในการส่งเสริม (n=๓๒๕)
การปกครองคณะสงฆ์จังหวดั ชัยภูมิ ระดับการมสี ่วนร่วม
S.D. แปลผล

๑ มีความร่วมมือกับคณะสงฆ์ในการช่วยเหลือประชาชนท่ัวไป ๔.๕๙ ๐.๗๓ มากท่ีสุด
เมื่อเกิดภยั พิบัติ เปน็ ต้น

๒ กาํ นนั และผใู้ หญ่บา้ นเปน็ ผู้อุปถมั ภ์บํารุงวดั และพระศาสนา ๔.๔๗ ๐.๗๖ มาก

๓ กํานันและผู้ใหญ่บ้านให้การสงเคราะห์ภิกษุสงฆ์สามเณรท่ี ๔.๖๙ ๑.๖๘ มากทส่ี ดุ
ไดร้ ับความเดอื ดรอ้ นจากการเจบ็ ปว่ ย

๔ มสี ่วนช่วยควบคุมการเงินและบัญชีรบั -จ่ายของวดั ให้เป็นไป ๔.๕๗ ๐.๖๐ มากทส่ี ุด
ตามหลกั บัญชี

๕ มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเกื้อกูลกิจการของวัดซึ่งเป็นไป ๔.๕๖ ๐.๕๖ มากทีส่ ดุ
เพื่อการสาธารณประโยชน์

๖ มีส่วนร่วมในการป้องกันยาเสพติดให้โทษหรือป้องกันการ ๔.๖๔ ๐.๖๘ มากทส่ี ุด
ติดโรคในวดั

รวม ๔.๕๘ ๐.๔๒ มากทีส่ ดุ

จากตารางที่ ๔.๑๒ ผลการศึกษาระดับการมีส่วนร่วมของกํานันและผู้ใหญ่บ้านในการ
ส่งเสรมิ การปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชัยภูมิ ด้านการสารณสงเคราะห์ โดยภาพรวม พบว่าอยู่ในระดับ
มากท่ีสุด (X= ๔.๕๘) เมื่อพิจารณารายข้อเรียงลําดับค่าเฉล่ียจากมากไปหาน้อยสามลําดับแรก พบว่า
ค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ กํานันและผู้ใหญ่บ้านให้การสงเคราะห์ภิกษุสงฆ์สามเณรที่ได้รับความเดือดร้อน
จากการเจ็บป่วย (X= ๔.๖๙) ค่าเฉลี่ยรองลงมา คือ มีส่วนร่วมในการป้องกันยาเสพติดให้โทษหรือ
ป้องกันการติดโรคในวัด (X= ๔.๖๔) และ มีความร่วมมือกับคณะสงฆใ์ นการช่วยเหลอื ประชาชนทั่วไป
เมื่อเกดิ ภัยพบิ ตั ิ เปน็ ตน้ (X= ๔.๕๙) ตามลําดับ

ตอนท่ี ๓ เสนอผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมของกํานันและผู้ใหญ่ในการส่งเสริมการ
ปกครองคณะสงฆ์จงั หวัดชัยภูมิ จําแนกตามปจั จัยสว่ นบคุ คล ตารางท่ี ๔.๑๓-๔.๑๗

ผลการศึกษาเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมของกํานันและผู้ใหญ่ในการส่งเสริมการปกครอง
คณะสงฆจ์ งั หวัด

สมมติฐานท่ี ๑ กํานันผใู้ หญ่บ้านที่มีเพศต่างกนั มีสว่ นในการส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์
จงั หวดั ชยั ภมู ิ แตกตา่ งกัน

๘๓

ตารางท่ี ๔.๑๓ แสดงการเปรียบเทียบระดับการมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์
จงั หวดั ชัยภูมิ จําแนกตามเพศ

การมสี ว่ นรว่ มของกาํ นนั และผใู้ หญ่ ชาย หญิง t Sig.
(n=๒๘๖) (n=๓๙)
๗.๗๗๐ ๐.๐๐๐*
S.D. S.D. ๘.๓๔๓ ๐.๐๐๐*
๓.๕๖๗ ๐.๐๐๔*
ด้านการปกครอง ๓.๙๒ ๐.๘๐ ๓.๔๒ ๑.๑๖ ๑.๙๙๕ ๐.๐๖๙
ดา้ นการศาสนศึกษา ๔.๐๑ ๐.๗๑ ๓.๗๘ ๐.๙๓ ๐.๔๖๕ ๐.๖๗๙
ด้านการเผยแผ่ ๓.๘๘ ๐.๕๗ ๓.๕๑ ๐.๕๐ ๒.๒๑๐ ๐.๖๑๐
ด้านการศึกษาสงเคราะห์ ๔.๐๐ ๐.๘๖ ๓.๕๑ ๐.๖๔ ๔.๐๕๘ ๐.๒๒๗
ด้านการสาธารณปู การ ๔.๐๐ ๐.๘๖ ๓.๔๘ ๐.๘๑
ด้านการสาธารณะสงเคราะห์ ๔.๐๓ ๐.๘๘ ๓.๒๖ ๐.๙๑
๓.๙๗ ๐.๕๔ ๓.๔๙ ๐.๑๕
รวม

*มนี ัยสําคัญทางสถิติที่ระดบั ๐.๐๕

จากตารางท่ี ๔.๑๓ ผลการทดสอบด้วยค่าสถิติ t-test แบบ ๒ กลุ่มท่ีเป็นอิสระต่อกันที่
ระดับนัยสําคัญ ๐.๐๕ พบว่า กํานันผู้ใหญ่บ้านท่ีมีเพศต่างกันมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการปกครอง
คณะสงฆ์จังหวัดชัยภูมิ ไม่แตกต่างกัน ซ่ึงไม่เป็นไปตามสมมติฐานท่ีตั้งไว้ เม่ือพิจารณาเป็นรายด้าน
พบว่า กํานันผู้ใหญ่บ้านท่ีมีเพศต่างกัน มีส่วนร่วมในการส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์ มีด้านการ
ปกครอง ด้านศาสนศึกษา และด้านการเผยแผ่ แตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ ๐.๐๕
ซงึ่ เปน็ ไปตามสมมติฐานท่ีตั้งไว้ นอกนน้ั ไมพ่ บความแตกต่าง

สมมติฐานท่ี ๒ กํานันผู้ใหญ่บ้านที่มีอายุต่างกันมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการปกครอง
คณะสงฆจ์ ังหวดั ชยั ภูมิ แตกต่างกนั

การเปรียบเทียบ ใช้สถิติ F-test (One-way ANOWA) ในการทดสอบความแปรปรวน
แบบทางเดียวเพ่ือเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยที่มากกว่าสองกลุ่ม ใช้ระดับความเชื่อมั่น
๙๕% จะยอมรับตามสมมติฐานทต่ี ั้งไว้ตอ่ เม่ือค่า Sig. นอ้ ยกว่า ๐.๐๕

๘๔

ตารางท่ี ๔.๑๔ ผลการเปรียบเทียบระดับการมีส่วนในการส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์จังหวัด
ชยั ภมู ิจําแนกตามอายุ

การมสี ว่ นรว่ นรว่ ม แหลง่ ขอ้ มลู SS df MS F Sig
ดา้ นการปกครอง ระหวา่ งกลุม่ ๐.๓๔๑ ๑ ๐.๓๔๑ ๐.๙๔ ๐.๓๓๒
ภายในกลมุ่ ๑๒๔.๙๗ ๒.๒๔ ๐.๑๓๕
ด้านการศาสนศึกษา ๑๒๕.๓๑ ๓๔๗ ๐.๓๖๐ ๐.๑๒ ๐.๗๒๖
รวม ๑.๐๑๘ ๓๔๘ ๐.๖๕ ๐.๔๒๐
ด้านการเผยแผ่ ระหวา่ งกลมุ่ ๑๕๔.๗๔ ๐.๐๓ ๐.๘๕๒
ภายในกลมุ่ ๑๕๘.๗๖ ๑ ๑.๐๑๘ ๐.๖๗ ๐.๔๑๔
ด้านการศึกษา ๐.๓๓ ๓๔๗ ๐.๔๕๕ ๐.๗๗ ๐.๔๗๙
สงเคราะห์ รวม ๙๒.๙๗ ๓๔๘
ระหวา่ งกลุม่ ๙๓.๐๐
ดา้ นการสาธารณปู การ ภายในกลมุ่ ๐.๑๖๘ ๑ ๐.๐๓๓
๘๙.๑๐ ๓๔๗ ๐.๒๖๘
ด้านการสาธารณะ รวม ๘๙.๒๗ ๓๔๘
สงเคราะห์ ระหวา่ งกล่มุ ๐.๐๒๐
ภายในกลมุ่ ๑๙๖.๙๓ ๑ ๐.๑๖๘
ภาพรวม ๑๙๖.๙๕ ๓๔๗ ๐.๒๕๗
รวม ๐.๓๐๖๑ ๓๔๘
ระหวา่ งกลุม่ ๑๘๒.๒๒๕
ภายในกลมุ่ ๑๘๖.๕๘ ๑ ๐.๐๒๐
๐.๓๖๘ ๓๔๗ ๐.๕๖๘
รวม ๑๕๘.๑๒ ๓๔๘
ระหวา่ งกลมุ่ ๑๔๑.๖๔
ภายในกลุ่ม ๑ ๐.๓๖๐
๓๔๗ ๐.๕๓๗
รวม ๓๔๘
ระหวา่ งกลุ่ม
ภายในกลมุ่ ๑ ๐.๓๒๓
๓๔๗
รวม ๓๔๘

จากตารางที่ ๔.๑๔ พบว่า ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนในการส่งเสริมการปกครองคณะ
สงฆ์จังหวัดชัยภูมิ จําแนกตามอายุ พบว่า กํานันผู้ใหญ่บ้านที่มีอายุต่างกัน มีระดับการมีส่วนในการ
สง่ เสรมิ การปกครองคณะสงฆ์จังหวดั ชัยภูมิ โดยภาพรวม ไมแ่ ตกต่างกัน ซง่ึ ไม่เปน็ ตามสมมตฐิ านทต่ี ้งั ไว้

เม่ือพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า กํานันผู้ใหญ่บ้านท่ีมีอายุแตกต่างกัน มีระดับการมีส่วน
ร่วมในการส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชัยภูมิ ด้านการปกครอง ด้านการศาสนศึกษา ด้าน
การเผยแผ่ ด้านการศึกษาสงเคราะห์ ด้านการสาธารณูปการ ด้านการสาธารณะสงเคราะห์ ไม่
แตกต่างกันซึง่ ไม่เปน็ ตามสมมติฐานท่ีตั้งไว้

๘๕

สมมติฐานท่ี ๓ กํานันผู้ใหญ่บ้านที่มีการศึกษาต่างกัน มีส่วนร่วมในการส่งเสริมการ
ปกครองคณะสงฆ์จังหวดั ชัยภูมิ แตกต่างกนั

การเปรียบเทียบ ใช้สถิติ F-test (One-way ANOWA) ในการทดสอบความแปรปรวน
แบบทางเดียวเพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยที่มากกว่าสองกลุ่ม ใช้ระดับความเชื่อมั่น
๙๕% จะยอมรบั ตามสมมตฐิ านทต่ี ง้ั ไว้ตอ่ เมื่อค่า Sig. นอ้ ยกวา่ ๐.๐๕

ตารางท่ี ๔.๑๕ ผลการเปรียบเทียบระดับการมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์จังหวัด
ชยั ภมู ิ จําแนกตามระดับการศึกษา

การมีสว่ นรว่ นร่วม แหล่งขอ้ มลู SS df MS F Sig
ด้านการปกครอง ระหวา่ งกลุ่ม ๐.๗๓๕ ๑ ๐.๗๓๕ ๑.๒๓๙ ๐.๒๖๗
ภายในกล่มุ ๒๐๖.๐๒๗
ดา้ นการศาสนศกึ ษา ๒๐๖.๗๖๒ ๓๔๗ ๐.๕๙๔
รวม ๑.๐๑๑ ๓๔๘
ดา้ นการเผยแผ่ ระหวา่ งกลมุ่ ๑๔๙.๑๘๔
ภายในกลมุ่ ๑๕๐.๑๙๕ ๑ ๑.๐๑๑ ๒.๓๕๒ ๐.๑๒๖
ดา้ นการศกึ ษา ๐.๐๘๗ ๓๔๗ ๐.๔๓๐
สงเคราะห์ รวม ๗๒.๕๑๕ ๓๔๘
ระหวา่ งกลมุ่ ๗๒.๖๐๒
ดา้ นการสาธารณปู การ ภายในกลมุ่ ๐.๖๖๖ ๑ ๐.๐๘๗ ๐.๔๑๗ ๐.๕๑๙
๘๘.๖๘๐ ๓๔๗ ๐.๒๐๙
ด้านการสาธารณะ รวม ๘๓.๓๔๗ ๓๔๘
สงเคราะห์ ระหวา่ งกลมุ่ ๐.๐๒๗
ภายในกลมุ่ ๑๓๗.๓๐๓ ๑ ๐.๖๖๖ ๒.๖๐๗ ๐.๑๐๗
ภาพรวม ๑๓๗.๓๓๐ ๓๔๗ ๐.๒๕๖
รวม ๑.๔๐๔ ๓๔๘
ระหวา่ งกล่มุ ๑๙๙.๔๖๗
ภายในกล่มุ ๒๐๐.๘๗๑ ๑ ๐.๐๒๗ ๐.๐๖๗ ๐.๗๙๖
๐.๖๕๕ ๓๔๗ ๐.๓๙๖
รวม ๑๔๒.๑๙๖ ๓๔๘
ระหวา่ งกลุม่ ๑๔๑.๘๕๑
ภายในกล่มุ ๑ ๑.๔๐๔ ๒.๔๔๓ ๐.๑๑๙
๓๔๗ ๐.๕๗๕
รวม ๓๔๘
ระหวา่ งกล่มุ
ภายในกลมุ่ ๑ ๐.๖๕๕ ๑.๕๒๐ ๐.๓๒๒
๓๔๗ ๐.๔๑
รวม ๓๔๘

จากตารางท่ี ๔.๑๕ พบว่า ผลการเปรียบเทียบระดับการมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการ
ปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชัยภูมิ จําแนกตามระดับการศึกษา พบว่า กํานันผู้ใหญ่บ้านที่มีระดับ
การศึกษาไม่แตกต่างกัน มีระดับการมีส่วนในการส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชัยภูมิ โดย
ภาพรวม ไม่แตกตา่ งกนั ซงึ่ ไม่เปน็ ตามสมมติฐานทต่ี ้ังไว้

๘๖

เม่ือพจิ ารณาเป็นรายดา้ น พบว่า กํานันผู้ใหญ่บ้านท่ีมีระดับการศึกษาแตกต่างกัน มีระดับ
การมีส่วนในการส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชัยภูมิ ด้านการปกครอง ด้านการศาสนศึกษา
ด้านการเผยแผ่ ด้านการศึกษาสงเคราะห์ ด้านการสาธารณูปการ ด้านการสาธารณะสงเคราะห์ ไม่
แตกต่างกนั ซึง่ ไม่เปน็ ตามสมมตฐิ านที่ตง้ั ไว้

สมมติฐานท่ี ๔ กํานันผู้ใหญ่บ้านที่มีอาชีพ มีส่วนในการส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์
จงั หวดั ชัยภูมิ แตกตา่ งกัน

การเปรียบเทียบ ใช้สถิติ F-test (One-way ANOWA) ในการทดสอบความแปรปรวน
แบบทางเดียวเพ่ือเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉล่ียที่มากกว่าสองกลุ่ม ใช้ระดับความเช่ือมั่น
๙๕% จะยอมรบั ตามสมมตฐิ านทต่ี ง้ั ไว้ตอ่ เมือ่ ค่า Sig. น้อยกว่า ๐.๐๕

ตารางที่ ๔.๑๖ ผลการเปรียบเทียบระดับการมีส่วนในการส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์จังหวัด
ชยั ภูมิจําแนกตามอาชพี

การมีส่วนร่วนร่วม แหล่งข้อมูล SS df MS F Sig
ด้านการปกครอง ระหว่างกลุ่ม ๐.๓๓๕ ๑ ๐.๓๕๕ ๐.๖๕๘ ๐.๔๑๖
ภายในกลุ่ม ๑๘๗.๓๑๒
ดา้ นการศาสนศึกษา ๑๘๗.๖๖๘ ๓๔๗ ๐.๕๔๐
รวม ๐.๑๐๑ ๓๔๘
ด้านการเผยแผ่ ระหว่างกลุ่ม ๑๗๙.๖๗๕
ภายในกลุม่ ๑๗๙.๗๗๗ ๑ ๐.๑๐๑ ๐.๑๙๕ ๐.๖๕๙
ด้านการศกึ ษา ๐.๓๓๗ ๓๔๗ ๐.๕๑๘
สงเคราะห์ รวม ๑๐๕.๐๑๖ ๓๔๘
ระหว่างกลมุ่ ๑๐๕.๓๕๒
ด้านการสาธารณปู การ ภายในกลุ่ม ๐.๓๔๖ ๑ ๐.๓๓๗ ๑.๑๑๒ ๐.๒๙๒
๑๔๕.๕๙๗ ๓๔๗ ๐.๓๐๓
ดา้ นการสาธารณะ รวม ๑๔๕.๙๕๓ ๓๔๘
สงเคราะห์ ระหวา่ งกลุม่ ๐.๐๗๘
ภายในกลมุ่ ๑๒๐.๗๑๒ ๑ ๐.๓๔๖ ๐.๘๒๔ ๐.๓๖๕
ภาพรวม ๑๒๐.๗๙๑ ๓๔๗ ๐.๔๒๐
รวม ๘.๙๘๙ ๓๔๘
ระหว่างกลุ่ม ๙๗๗.๕๙๒
ภายในกลุม่ ๙๘๖.๕๗๙ ๑ ๐.๐๗๘ ๐.๒๒๕ ๐.๖๓๕
๑.๖๙๗ ๓๔๗ ๐.๓๔๘
รวม ๒๘๕.๙๘๔ ๓๔๘
ระหวา่ งกลุ่ม ๒๘๗.๖๘๔
ภายในกลุ่ม ๑ ๘.๙๘๙ ๓.๑๙๐ ๐.๐๗๖
๓๔๗ ๒.๘๑๗
รวม ๓๔๘
ระหว่างกลุ่ม
ภายในกลุ่ม ๑ ๑.๗๐๑ ๑.๐๓๔ ๐.๔๐๗
๓๔๗ ๐.๘๒๔
รวม ๓๔๘

๘๗

จากตารางท่ี ๔.๑๖ พบว่า ผลการเปรียบเทียบระดับการมีส่วนในการส่งเสริมการ
ปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชัยภูมิ จําแนกตามอาชีพ พบว่า กํานันผู้ใหญ่บ้านที่มีอาชีพต่างกัน มีระดับ
การมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชัยภูมิ โดยภาพรวม ไม่แตกต่างกัน ซ่ึงไม่
เป็นตามสมมตฐิ านที่ตง้ั ไว้

เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า กํานันผู้ใหญ่บ้านทม่ี ีอาชีพแตกต่างกัน มีระดบั การมสี ่วน
ในการส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดชัยภูมิ ด้านการปกครอง ด้านการศาสนศึกษา ด้านการ
เผยแผ่ ด้านการศึกษาสงเคราะห์ ด้านการสาธารณูปการ ดา้ นการสาธารณะสงเคราะห์ ไม่แตกต่างกัน
ซึ่งไมเ่ ป็นตามสมมตฐิ านท่ตี ั้งไว้

สมมติฐานท่ี ๕ กํานันผู้ใหญ่บ้านท่ีมีรายได้ต่อเดือนต่างกันมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการ
ปกครองคณะสงฆจ์ ังหวัดชยั ภมู ิ แตกต่างกนั

การเปรียบเทียบใช้สถิติ F-test (One-way ANOWA) ในการทดสอบความแปรปรวน
แบบทางเดียวเพ่ือเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉล่ียท่ีมากกว่าสองกลุ่ม ใช้ระดับความเชื่อมั่น
๙๕% จะยอมรบั ตามสมมตฐิ านทีต่ ง้ั ไว้ ต่อเมอื่ ค่า Sig. น้อยกวา่ ๐.๐๕


Click to View FlipBook Version