The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

2563 ภาวะผู้นำทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อำเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลำภู THE POLITICAL LEADERSHIP OF POLITICIANS ACCORDING TO THE VIEWS OF MONKS IN SANGHA ADMINISTRATION AREA, NA WANG DISTRICT, NONG BUA LAMPHU PROVINCE พระครูวิชัยธรรมโสภณ (สุวัณ ฐิตโสภโณ)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

ภาวะผู้นำทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อำเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลำภู THE POLITICAL LEADERSHIP OF POLITICIANS ACCORDING TO THE VIEWS OF MONKS IN SANGHA ADMINISTRATION AREA, NA WANG DISTRICT, NONG BUA LAMPHU PROVINCE

2563 ภาวะผู้นำทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อำเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลำภู THE POLITICAL LEADERSHIP OF POLITICIANS ACCORDING TO THE VIEWS OF MONKS IN SANGHA ADMINISTRATION AREA, NA WANG DISTRICT, NONG BUA LAMPHU PROVINCE พระครูวิชัยธรรมโสภณ (สุวัณ ฐิตโสภโณ)

Keywords: 2563,ภาวะผู้นำทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อำเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลำภู THE POLITICAL LEADERSHIP OF POLITICIANS ACCORDING TO THE VIEWS OF MONKS IN SANGHA ADMINISTRATION AREA, NA WANG DISTRICT, NONG BUA LAMPHU PROVINCE,พระครูวิชัยธรรมโสภณ (สุวัณ ฐิตโสภโณ)

ภาวะผ้นู ําทางการเมืองของนักการเมอื งตามทรรศนะของพระสงฆใ์ น
เขตการปกครองคณะสงฆ์อาํ เภอนาวงั จังหวดั หนองบัวลาํ ภู

THE POLITICAL LEADERSHIP OF POLITICIANS ACCORDING TO THE VIEWS
OF MONKS IN SANGHA ADMINISTRATION AREA, NA WANG DISTRICT,
NONG BUA LAMPHU PROVINCE

พระครูวชิ ยั ธรรมโสภณ (สวุ ณั ฐติ โสภโณ)

วิทยานิพนธน์ ีเ้ ป็นสว่ นหนงึ่ ของการศึกษา
ตามหลกั สตู รปริญญารัฐศาสตรมหาบณั ฑติ

บณั ฑติ วิทยาลยั
มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

พทุ ธศักราช ๒๕๖๓

ภาวะผู้นําทางการเมอื งของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆใ์ น
เขตการปกครองคณะสงฆ์อาํ เภอนาวงั จงั หวดั หนองบัวลําภู

พระครูวชิ ัยธรรมโสภณ (สวุ ัณ ฐติ โสภโณ)

วิทยานพิ นธน์ ้ีเปน็ ส่วนหนง่ึ ของการศกึ ษา
ตามหลกั สตู รปริญญารฐั ศาสตรมหาบัณฑิต

บัณฑิตวทิ ยาลยั
มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย

พุทธศกั ราช ๒๕๖๓
(ลิขสิทธิ์เปน็ ของมหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั )

The Political Leadership of Politicians According to the Views
of Monks in Sangha Administration Area, Na Wang District,

Nong Bua Lamphu Province

Phrakhru Vichaithammasopon (Suwan Thitasobhaṇo)

A Thesis Submitted in Partial Fulfillment of
the Requirements for the Degree of
Master of Political Science Program
Graduate School

Mahachulalongkornrajavidyalaya University
C.E. 2020

(Copyright by Mahachulalongkornrajavidyalaya University)





ชอ่ื วิทยานพิ นธ์ : ภาวะผู้นาํ ทางการเมอื งของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ใน

เขตการปกครองคณะสงฆอ์ าํ เภอนาวัง จังหวดั หนองบวั ลําภู

ผูว้ จิ ัย : พระครวู ิชัยธรรมโสภณ (สุวณั ฐิตโสภโณ)

ปริญญา : รฐั ศาสตรมหาบัณฑิต

คณะกรรมการควบคุมวทิ ยานิพนธ์

: ผศ. ดร.ชาญชยั ฮวดศรี, พธ.บ. (สงั คมศกึ ษา), M.A. (Political Science),

Ph.D. (Political Science)

: ดร.สมควร นามสฐี าน, ป.ธ. ๖, พธ.บ. (การสอนสงั คมศกึ ษา),

ศศ.ม. (สงั คมวทิ ยาการพฒั นา), ปร.ด. (พัฒนาสังคม)

วันสําเรจ็ การศึกษา : ๑๔ มถิ นุ ายน ๒๕๖๔

บทคดั ย่อ

การวิจัยเร่ืองน้ี มีวัตถุประสงค์ คือ ๑) เพ่ือศึกษาระดับภาวะผู้นํา ๒) เพื่อศึกษาระดับภาวะ
ผู้นําตามหลักพรหมวิหาร ๔ ๓) เพื่อเปรียบเทียบภาวะผู้นํา ตามปัจจัยส่วนบุคคล ตามหลักพรหมวิหาร
๔ และ ๔) เพ่ือศึกษาแนวทางการส่งเสริมภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของ
พระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู รูปแบบเป็นการวิจัยแบบผสาน
วิธี (Mixed Methods Research) คือ การวิจัยเชิงปริมาณ และกรวิจัยเชิงคุณภาพ กลุ่มตัวอย่าง คือ
พระสงฆใ์ นอําเภอนาวงั จงั หวัดหนองบวั ลําภู จาํ นวน ๒๐๐ รูป ผใู้ ห้ข้อมลู สาํ คญั จาํ นวน ๑ รูป สถติ ิท่ีใช้
ได้แก่ ค่าร้อยละ (percentage) หาค่าเฉลี่ย (mean) และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (standard
deviation) การทดสอบค่าที (t-test) การวิเคราะห์ ความแปรปรวนทางเดียว (One way analysis of
variance) การสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) กับ (Key Informant) และใช้เทคนิคการ
วเิ คราะห์เนือ้ หา ประกอบบรบิ ท

ผลการวจิ ัยพบว่า
๑. ระดับภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการ
ปกครองคณะสงฆอ์ าํ เภอนาวัง จังหวดั หนองบวั ลําภู โดยภาพรวมอย่ใู นระดับมากทกุ ดา้ น
๒. ระดับภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการ
ปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ตามหลักพรหมวิหาร ๔ โดยภาพรวมอยู่ในระดับ
มากทกุ ด้าน
๓. ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นของพระสงฆ์ต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของ
นักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู
พบว่า พระสงฆ์ที่มี พรรษา ตําแหน่ง มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตาม
ทรรศนะของพระสงฆ์ แตกต่างกัน ส่วนพระสงฆ์ท่ีมี อายุ การศึกษาทางธรรม การศึกษาทางโลก
ตา่ งกัน มคี ิดเหน็ ตอ่ ภาวะผูน้ ําทางการเมอื งของนกั การเมอื งตามทรรศนะของพระสงฆ์ ไมแ่ ตกตา่ งกัน



๔. แนวทางการการส่งเสริมภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของ
พระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู พบว่า หลักพรหมวิหาร ๔
ได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เป็นหลักธรรมที่นักการเมืองต้ังแต่ระดับท้องถ่ิน จนถึงระดับชาติ
ต้องใหค้ วามสําคัญเปน็ อย่างมากในการนําไปประพฤติปฏิบัติใหเ้ ปน็ ที่ยอมรับของคนในสงั คม



Thesis Title : The Political Leadership of Politicians According to the

Views of Monks in Sangha Administration Area, Na Wang

District, Nong Bua Lamphu Province

Researcher : Phrakhru Vichaithammasopon (Suwan Thitasobhaṇo)

Degree : Master of Political Science Program

Thesis Supervisory Committee

: Asst. Prof. Chanchai Huadsri, B.A. (Social Study),

M.A. (Political Science), Ph.D. (Political Science)

: Dr. Somkhuan Namseethan, Pali VI,

B.A. (Social Studied Teaching),

M.A. (Development Sociology),

Ph.D. (Social Development)

Date of Graduation : June 14, 2021

Abstract

The objectives of this research objectives were: 1) to study the level of
leadership; 2) to study the level of leadership according to the Four Brahmavihāra
Dhammas (Sublime States of Mind); 3) to compare the leadership according to
personal factors according to the Four Brahmavihāra Dhammas; 4) to study the ways
of promoting political leadership of politicians according to the views of monks in the
Sangha Administration Area, Na Wang District, Nong Bua Lamphu Province. The study
was a mixed methods research: quantitative and qualitative. The sample group
included 200 monks in Na Wang District and one key informant. The statistics used
were: Percentage, Mean, Standard Deviation, t-test, One way ANOVA. The in-depth
interview was used with the key informant. The obtained data were interpreted by
contextual content analysis techniques.

The research results were as follows:
1. The level of political leadership of politicians according to the views of
monks in the Sangha Administration Area, Na Wang District, Nong Bua Lamphu
Province in overall was at a high level in all aspects.
2. The level of political leadership of politicians according to the views of
monks in the Sangha Administration Area, Na Wang District, Nong Bua Lamphu
Province according to the Four Brahmavihāra Dhammas, in was at a high level in all
aspects.



3. The results of the comparison of monks' opinions on political leadership
of politicians according to the views of monks in the Sangha Administration Area, Na
Wang District, Nong Bua Lamphu Province found that monks with different years of
ordination and position had different opinions on political leadership of politicians
while those with differences in age, dhamma education and worldly education had
indifferent opinions.

4. The guidelines for promoting political leadership of politicians according
to the views of monks in the Sangha Administration Area, Na Wang District are that
that the Four Brahmavihāra Dhammas, namely Metta (loving kindness), Karuṇā
(compassion), Muditā (sympathetic joy), Upekkhā (equanimity), are the principles that
politicians from the local level up to the national level must pay attention to their
importance and practice to be accepted by the people in the society.



กติ ตกิ รรมประกาศ

วิทยานิพนธ์ฉบับนี้สําเร็จลุล่วงไปด้วยดี ด้วยความเมตตานุเคราะห์ของคณะกรรมการที่
ปรึกษาวิทยานิพนธ์ ประกอบด้วย ผศ.ดร.ชาญชัย ฮวดศรี ประธานกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์
ดร.สมควร นามสีฐาน กรรมการ ที่ได้กรุณาให้คําปรึกษา แนะนํา ดูแลเอาใจใส่ให้ความช่วยเหลือใน
การปรบั ปรุงแก้ไขมาด้วยดโี ดยตลอด

ขอกราบขอบพระคณุ พระครสู ุตธรรมภาณี ผศ. ประธานหลักสูตรรฐั ศาสตร และขอบคุณ
ผศ.ดร.วิทยา ทองดี อาจารย์ประจําหลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต ผศ. ประกอบ มีโคตร อาจารย์
ประจําหลกั สูตรรัฐศาสตรบัณฑิต ดร.สุธพิ งษ์ สวัสด์ทิ า อาจารย์ประจําหลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต และ
ดร.สมควร นามสีฐาน อาจารย์ประจําหลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ
ราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ท่ีกรุณารับเป็นผู้ทรงคุณวุฒิท่ีให้ความอนุเคราะห์ตรวจสอบความ
ถูกต้องทั้งดา้ นภาษา เน้ือหา ระเบียบวธิ ีและเครือ่ งมอื ท่ใี ช้ในการดาํ เนินการวิจยั คร้ังน้ี

ผู้วิจัยขอขอบคุณ กราบขอบพระคุณในเมตตาของท่าน พระครูโสภิตธรรมากร เจ้าคณะ
อําเภอนาวงั พระครูธรี ธรรโมภาส รองเจา้ คณะอําเภอนาวัง พระครูวิมลธรรมนิมิต รองเจา้ คณะอําเภอ
นาวัง รูปที่ ๒ พระครูบรรพตสิริวัฒน์ เจ้าคณะตําบลนาเหล่า เขต ๒ พระครูประทีปธรรมธร เจ้าคณะ
ตําบลวังทอง พระครูอุดมธรรมวิธาน เจ้าคณะตําบลเทพคีรี พระครูอรุณธรรมฐิติ เจ้าคณะตําบลวัง
ปลาปอ้ ม พระครูปรยิ ตั พิ ฒั นสุนทร เลขานุการเจ้าคณะอําเภอนาวัง พระครูสุนทรปุญญาภิรักษ์ เจ้า
คณะตําบลนาเหล่าพระมหารักศักดิ์ ปญฺญาวุฑฺโฒ เลขานุการรองเจ้าคณะอําเภอนาวัง ที่ให้ความ
อนุเคราะห์เก็บข้อมูลในการทําวิจัย ตลอดถึงช่วยติดต่อประสานงาน ให้ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ในการ
ทํางานวจิ ยั และขอขอบคณุ ผูต้ อบแบบสอบถามทกุ ท่าน

ขอขอบคุณคณะกรรมการสอบป้องกันวิทยานิพนธ์ คือ ผศ.ดร.ยุทธนา ปราณีต ประธาน
สอบป้องกันวิทยานิพนธ์, ผศ.ดร.วินิจ ผาเจริญ กรรมการสอบป้องกันวิทยานิพนธ์, ท่ีได้ให้
ขอ้ เสนอแนะเพือ่ ให้วทิ ยานพิ นธ์ฉบับน้มี คี วามถูกตอ้ งและสมบรู ณ์ยิ่งขนึ้

สุดท้าย กราบขอบพระคณุ คณุ บดิ า มารดา และครอบครัว ทีไ่ ด้สนับสนนุ ส่งเสริมและเปน็
กาํ ลังใจด้วยดีเสมอมา ทไี่ ดใ้ ห้ความรู้และกาํ ลังใจมาโดยตลอด สุดท้ายน้ี ขอขอบคุณเพื่อนนิสิตทกุ ท่าน
ท่ีให้ความช่วยเหลือและให้กําลังใจ คุณค่าและประโยชน์ใด ๆ อันพึงมีจากวิจัยฉบับนี้ ผู้วิจัยขอมอบ
บูชาเป็นกตเวทิตาคุณ แด่คุณบิดามารดา บูรพาจารย์ และผู้มีพระคุณทุกท่าน ซ่ึงถือได้ว่าทุกท่านได้
รว่ มสรรค์สร้างวิจัยเล่มนีใ้ หแ้ กผ่ วู้ ิจยั จนประสบความสาํ เรจ็ เป็นอย่างดียง่ิ

พระครวู ชิ ัยธรรมโสภณ (สวุ ัณ ฐิตโสภโณ)
๑๔ มถิ นุ ายน ๒๕๖๔

สารบัญ ฉ

เร่ือง หน้า

บทคัดย่อภาษาไทย ก

บทคดั ย่อภาษาอังกฤษ ค

กติ ตกิ รรมประกาศ จ

สารบัญ ฉ

สารบญั ตาราง ซ

สารบญั แผนภาพ ฏ

คําอธบิ ายสัญลกั ษณแ์ ละคํายอ่ ฐ

บทที่ ๑ บทนาํ ๑
๑.๑ ความเป็นมาและความสาํ คัญของปญั หา ๑
๑.๒ คาํ ถามการวจิ ยั ๓
๑.๓ วตั ถปุ ระสงค์ของการวิจัย ๓
๑.๔ สมมติฐานการวิจัย ๔
๑.๕ ขอบเขตการวจิ ยั ๔
๑.๖ นิยามศัพท์ท่ีใช้เฉพาะในการวิจัย ๕
๑.๗ ประโยชน์ทไ่ี ด้รบั จากการวิจัย ๕

บทท่ี ๒ แนวคดิ ทฤษฎี และงานวจิ ยั ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง ๖
๒.๑ แนวคิด เกีย่ วกับผู้นํา (Leader) ๖
๒.๒ แนวคดิ เก่ียวกับภาวะผูน้ ํา (Leadership) ๑๒
๒.๓ คุณลกั ษณะและคณุ สมบัติของผูน้ ํา ๒๓
๒.๔ หลักพทุ ธธรรมทเ่ี ก่ียวข้องกับภาวะผนู้ ําทางการเมอื ง ๔๓
๒.๕ งานวจิ ยั ที่เก่ียวขอ้ ง ๔๕

บทที่ ๓ วิธดี าํ เนนิ การวจิ ยั ๕๓
๓.๑ รปู แบบการวิจัย ๕๓
๓.๒ ประชากร กลุ่มตวั อยา่ ง และผใู้ หข้ อ้ มลู สําคัญ ๕๓
๓.๓ เครอื่ งมือทีใ่ ช้ในการวจิ ัย ๕๔
๓.๔ การเก็บรวบรวมขอ้ มลู ๕๘
๓.๕ การวิเคราะห์ข้อมูล ๕๘

บทที่ ๔ ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู ๖๐
๔.๑ ปจั จยั ส่วนบุคคล ๖๑



๔.๒ ผลการวิเคราะห์ระดับภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะ

ของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จงั หวัดหนองบัวลําภู ๖๓

๔.๓ ผลการวิเคราะห์ระดับภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะ

ของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู

ตามหลักพรหมวิหาร ๔ ๗๑

๔.๔ ผลการเปรียบเทียบภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของ

พระสงฆใ์ นเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวงั จงั หวัดหนองบัวลาํ ภู ๗๕

๔.๕ ผลการวิเคราะห์แนวทางการส่งเสริมภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมือง

ตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัด

หนองบวั ลําภู ๙๗

๔.๖ ผลการวิเคราะห์แนวทางการส่งเสริมภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมือง

ตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัด

หนองบัวลาํ ภู ตามหลกั พรหมวิหาร ๔ ๙๙

๔.๗ สรปุ องคค์ วามรูท้ ่ไี ดร้ ับจากการวิจัย ๑๐๐

บทท่ี ๕ สรปุ อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ ๑๐๑
๕.๑ สรุปผลการวจิ ัย ๑๐๑
๕.๒ การอภิปรายผลการวิจยั ๑๐๔
๕.๓ ขอ้ เสนอแนะ ๑๐๘

บรรณานกุ รม ๑๑๐

ภาคผนวก ๑๑๖

ภาคผนวก ก แบบสอบถามเพอ่ื การวิจัย ๑๑๗

ภาคผนวก ข หนังสือขอความอนุเคราะห์เป็นผู้เช่ียวชาญตรวจสอบเครื่องมือการ

วิจัยหนังสอื ขออนญุ าตเก็บขอ้ มูลและสมั ภาษณ์เพอ่ื การวิจัย ๑๒๙

ภาคผนวก ค ผลการวเิ คราะหค์ า่ IOC หรอื ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ๑๔๕

ภาคผนวก ง คา่ เฉลีย่ ของผตู้ อบแบบสอบถาม ๓๐ ชุด (Try Out) ๑๔๘

ภาคผนวก จ ประมวลภาพจากการศกึ ษาภาคสนามการสมั ภาษณ์ ๑๕๒

ภาคผนวก ฉ ตารางสําเรจ็ รปู คํานวณหาขนาดของกลมุ่ ตวั อย่างของ เครซีและมอรแ์ กน ๑๕๘

ประวัตผิ ู้วิจยั ๑๖๐



สารบญั ตาราง

ตารางท่ี หน้า

ตารางที่ ๒.๑ สรปุ แนวคิดเกี่ยวกับผูน้ าํ (Leader) ๑๑

ตารางท่ี ๒.๒ สรุปแนวคดิ เกย่ี วกบั ภาวะผนู้ ํา (Leadership) ๒๐

ตารางที่ ๒.๓ สรปุ คุณลกั ษณะและคุณสมบตั ิของผ้นู าํ ๔๑

ตารางท่ี ๒.๔ สรุปหลกั พทุ ธธรรมทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั ภาวะผนู้ ําทางการเมอื ง ๔๕

ตารางที่ ๒.๕ สรุปงานวิจัยทีเ่ กี่ยวขอ้ ง ๕๐

ตารางที่ ๔.๑ จาํ นวนความถี่และจาํ นวนร้อยละของพระสงฆ์ จาํ แนกตามอายุ ๖๑

ตารางท่ี ๔.๒ จํานวนความถ่แี ละจํานวนรอ้ ยละของพระสงฆ์ จําแนกตามพรรษา ๖๑

ตารางท่ี ๔.๓ จํานวนความถีแ่ ละจาํ นวนร้อยละของพระสงฆ์ จําแนกตามตําแหนง่ ๖๒

ตารางที่ ๔.๔ จํานวนความถี่และจํานวนร้อยละของพระสงฆ์ จําแนกตาม การศึกษาทาง

ธรรม ๖๒

ตารางที่ ๔.๕ จํานวนความถแ่ี ละจํานวนร้อยละของพระสงฆ์ จําแนกตามการศึกษาทางโลก ๖๒

ตารางที่ ๔.๖ ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของ

พระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู โดย

ภาพรวม ๖๓

ตารางท่ี ๔.๗ ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของ

พระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ด้าน

ความรบั ผิดชอบ ๖๔

ตารางที่ ๔.๘ ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของ

พระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ด้าน

การอุทิศตน ๖๕

ตารางท่ี ๔.๙ ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของ

พระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ด้าน

การเป็นแบบอยา่ งทดี่ ี ๖๖

ตารางท่ี ๔.๑๐ ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของ

พระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ด้าน

มนษุ ย์สมั พันธ์ ๖๗

ตารางที่ ๔.๑๑ ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของ

พระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ด้าน

ความเป็นธรรมาธิปไตย ๖๘

ตารางที่ ๔.๑๒ ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของ

พระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ด้าน

วสิ ยั ทัศน์ ๖๙



ตารางท่ี ๔.๑๓ ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของ ๗๐
พระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ด้าน ๗๑
ความสามารถทางการบรหิ าร ๗๒
๗๓
ตารางที่ ๔.๑๔ ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของ ๗๔
พระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ตาม ๗๕
หลักพรหมวหิ าร ๔ โดยภาพรวม ๗๖
๗๗
ตารางท่ี ๔.๑๕ ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของ ๗๙
พระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ตาม ๗๙
หลักพรหมวิหาร ๔ ด้านเมตตา ๘๐
๘๑
ตารางท่ี ๔.๑๖ ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของ
พระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ตาม
หลกั พรหมวหิ าร ๔ ด้านกรณุ า

ตารางที่ ๔.๑๗ ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของ
พระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ตาม
หลกั พรหมวิหาร ๔ ดา้ นมุทติ า

ตารางที่ ๔.๑๘ ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของ
พระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ตาม
หลกั พรหมวิหาร ๔ ดา้ นอเุ บกขา

ตารางท่ี ๔.๑๙ ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมือง
ตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัด
หนองบัวลําภู จาํ แนกตาม อายุ

ตารางท่ี ๔.๒๐ ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมือง
ตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัด
หนองบัวลําภู จาํ แนกตาม พรรษา

ตารางที่ ๔.๒๑ แสดงคา่ เฉลี่ยรายคู่ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นต่อภาวะผู้นาํ ทางการเมือง
ของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอ
นาวัง จงั หวัดหนองบัวลําภู ด้านความรับผิดชอบ จาํ แนกตาม พรรษา

ตารางที่ ๔.๒๒ แสดงคา่ เฉล่ียรายคู่ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมือง
ของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอ
นาวัง จงั หวดั หนองบวั ลาํ ภู ด้านการอทุ ิศตน จําแนกตามพรรษา

ตารางท่ี ๔.๒๓ แสดงค่าเฉลีย่ รายคู่ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมือง
ของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอ
นาวงั จังหวัดหนองบัวลําภู ด้านการเปน็ แบบอยา่ งทด่ี ี จาํ แนกตาม พรรษา

ตารางที่ ๔.๒๔ แสดงค่าเฉล่ียรายคู่ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นต่อภาวะผู้นาํ ทางการเมือง
ของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอ
นาวัง จังหวดั หนองบวั ลําภู ด้านวสิ ัยทัศน์ จาํ แนกตามพรรษา



ตารางท่ี ๔.๒๕ แสดงค่าเฉลย่ี รายคู่ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมือง ๘๒
ของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอ ๘๓
นาวัง จังหวังหนองบัวลําภู ด้านความสามารถทางการบริหาร จําแนกตาม ๘๔
พรรษา ๘๕
๘๖
ตารางท่ี ๔.๒๖ แสดงคา่ เฉล่ียรายคู่ผลการเปรียบเทียบความคิดเหน็ ต่อภาวะผู้นําทางการเมือง ๘๗
ของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอ ๘๘
นาวัง จงั หวงั หนองบวั ลาํ ภู ด้านหลกั พรหมวหิ าร ๔ จาํ แนกตาม พรรษา
๘๙
ตารางที่ ๔.๒๗ ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมือง ๙๐
ตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัด ๙๑
หนองบวั ลาํ ภู จําแนกตาม ตาํ แหน่ง ๙๒

ตารางที่ ๔.๒๘ แสดงค่าเฉลย่ี รายคู่ผลการเปรียบเทียบความคิดเหน็ ต่อภาวะผู้นําทางการเมือง
ของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอ
นาวงั จังหวัดหนองบวั ลําภู ด้านความรบั ผดิ ชอบ จําแนกตามตําแหนง่

ตารางที่ ๔.๒๙ แสดงค่าเฉลี่ยรายคู่ผลการเปรียบเทียบความคิดเหน็ ต่อภาวะผู้นาํ ทางการเมือง
ของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอ
นาวงั จังหวดั หนองบัวลําภู ด้านการอทุ ศิ ตน จําแนกตามตําแหนง่

ตารางท่ี ๔.๓๐ แสดงค่าเฉลย่ี รายคู่ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมือง
ของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอ
นาวงั จงั หวังหนองบวั ลาํ ภู ด้านมนษุ ยสมั พนั ธ์ จาํ แนกตาม ตําแหนง่

ตารางที่ ๔.๓๑ แสดงคา่ เฉลยี่ รายคู่ผลการเปรียบเทียบความคิดเหน็ ต่อภาวะผู้นําทางการเมือง
ของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอ
นาวัง จังหวดั หนองบวั ลําภู ด้านวิสยั ทศั น์ จาํ แนกตาม ตําแหน่ง

ตารางที่ ๔.๓๒ แสดงค่าเฉลี่ยรายคู่ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นต่อภาวะผู้นาํ ทางการเมือง
ของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอ
นาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ด้านความสามารถทางการบริหาร จําแนกตาม
ตําแหนง่

ตารางที่ ๔.๓๓ แสดงค่าเฉลี่ยรายคู่ผลการเปรียบเทียบความคิดเหน็ ต่อภาวะผู้นาํ ทางการเมือง
ของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอ
นาวงั จงั หวัดหนองบวั ลําภู ด้านหลกั พรหมวหิ าร ๔ จําแนกตาม ตาํ แหน่ง

ตารางท่ี ๔.๓๔ ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมือง
ตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัด
หนองบัวลาํ ภู จาํ แนกตาม การศึกษาทางธรรม

ตารางท่ี ๔.๓๕ แสดงค่าเฉลี่ยรายคู่ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมือง
ของนักการเมอื งตามทรรศนะของพระสงฆใ์ นเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนา
วงั จังหวัดหนองบวั ลาํ ภู ดา้ นความรบั ผดิ ชอบ จําแนกตาม การศกึ ษาทางธรรม



ตารางที่ ๔.๓๖ แสดงค่าเฉลีย่ รายคู่ผลการเปรียบเทียบความคิดเหน็ ต่อภาวะผู้นําทางการเมือง ๙๓
ของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอ ๙๔
นาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ด้านการเป็นแบบอย่างท่ีดี จําแนกตาม การศึกษา ๙๕
ทางธรรม
๙๖
ตารางท่ี ๔.๓๗ ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมือง
ตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัด
หนองบวั ลาํ ภู จําแนกตาม การศกึ ษาทางโลก

ตารางที่ ๔.๓๘ แสดงค่าเฉล่ียรายคู่ผลการเปรียบเทียบความคิดเหน็ ต่อภาวะผู้นําทางการเมือง
ของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอ
นาวัง จงั หวัดหนองบัวลําภู การศึกษาทางโลก จาํ แนกตาม ดา้ นความรบั ผดิ ชอบ

ตารางท่ี ๔.๓๙ ผลสรุปโดยภาพรวมการเปรียบเทียบภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมือง
ตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัด
หนองบัวลําภู จําแนกตาม อายุ พรรษา ตําแหน่ง การศึกษาทางธรรม และ
การศึกษาทางโลก

สารบัญแผนภาพ ฏ

แผนภาพที่ หน้า
แผนภาพท่ี ๒.๑ แสดงกรอบแนวคดิ ในการวิจยั ๕๒



คําอธิบายสัญลกั ษณ์และคํายอ่

อักษรย่อในวิทยานิพนธ์คร้ังนี้ ใช้อ้างอิงจากพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณ
ราชวิทยาลัย การอ้างอิงระบุ เล่ม/ข้อ/หน้า หลังอักษรย่อชื่อคัมภีร์ ให้ใช้อักษรย่อตัวพ้ืนปกติ เช่น
ที.สี.(ไทย) ๙/๒๗๖/๙๘. หมายถึง ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค ภาษาไทย เล่ม ๙ ข้อ ๒๗๖ หน้า ๙๘ ฉบับ
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั ๒๕๓๙

ก. คําย่อชือ่ คมั ภรี พ์ ระไตรปฎิ ก

พระวนิ ัยปิฎก

คําย่อ ช่อื คมั ภรี ์ ภาษา
วิ.ม. (ไทย) = วินยั ปฎิ ก มหาวรรค (ภาษาไทย)

พระสตุ ตันตปฎิ ก

คําย่อ ชื่อคัมภีร์ ภาษา
ที.สี. (ไทย) (ภาษาไทย)
ท.ี ม. (ไทย) = สตุ ตันตปิฎก ทีฆนิกาย สลี ขนั ธวรรค (ภาษาไทย)
ที.ปา. (ไทย) = สตุ ตนั ตปฎิ ก (ภาษาไทย)
ม.มู. (ไทย) = สตุ ตนั ตปฎิ ก ทฆี นิกาย มหาวรรค (ภาษาไทย)
องฺ.จตุกกฺ .(ไทย) = สุตตันตปิฎก (ภาษาไทย)
องฺ.ปญจฺ ก.(ไทย) = สุตตันตปฎิ ก ทีฆนกิ าย ปาฏกิ วรรค (ภาษาไทย)
ข.ุ ชา.ติก. (ไทย) = สตุ ตันตปฎิ ก (ภาษาไทย)
ขุ.ชา.สตฺตก. (ไทย) = สุตตนั ตปิฎก มัชฌิมนกิ าย มลู ปัณณาสก์ (ภาษาไทย)
ข.ุ ชา.อฏฺฐก. (ไทย) = สตุ ตันตปิฎก (ภาษาไทย)
ข.ุ ชา.ปกณิ ฺณก. (ไทย) = สุตตันตปฎิ ก อังคตุ ตรนกิ าย จตุกกนิบาต (ภาษาไทย)
= สตุ ตนั ตปิฎก
อังคตุ ตรนิกาย ปญั จกนิบาต

ขุททกนกิ าย ติกนบิ าตชาดก

ขทุ ทกนิกาย สตั ตกนบิ าตชาดก

ขทุ ทกนกิ าย อฏั ฐกนบิ าตชาดก

ขทุ ทกนิกาย ปกณิ ณกนิบาตชาดก

พระอภธิ รรมปฎิ ก

คาํ ยอ่ ชื่อคัมภีร์ ภาษา
อภ.ิ สงฺ. (ไทย) = อภธิ รรมปฎิ ก ธรรมสังคณี (ภาษาไทย)

บทท่ี ๑

บทนํา

๑.๑ ความเปน็ มาและความสาํ คญั ของปญั หา

ในอดีต ยุคใดท่ีบ้านเมืองมีผู้นําในระดับชาติที่อ่อนแอ ย่อมถูกข้าศึกบุกเข้ามารุกรานจน
ต้องเสียอิสรภาพไปในท่ีสุด ในทางตรงกันข้าม ยุคใดที่ประเทศชาติมีผู้นําท่ีเข้มแข็ง ประเทศชาติก็จะ
เจริญรุ่งเรืองแผ่อํานาจบารมีไปทั่วทุกทิศทางเม่ือประเทศไทยได้เปล่ียนแปลงการปกครองมาเป็น
ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแบบรัฐสภาต้ังแต่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕
จนปัจจุบันที่กล่าวได้ว่า สังคมไทยเข้าขั้นวิกฤต อาทิ ความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างกลุ่ม การก่อ
การร้าย วิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตภัยธรรมชาติ เป็นต้น มีท้ังผู้นําระดับประเทศหรือนายกรัฐมนตรี และ
ผนู้ ําทางการเมอื งทอ้ งถน่ิ ได้มีส่วนนําพาประเทศชาติผา่ นพ้นวิกฤตมาได๑้

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๙ มาตรา ๒๕๒หมวด ๑๔ การ
ปกครองส่วนท้องถ่ิน บัญญัติเก่ียวกับท่ีมาของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไว้ว่า สมาชิกสภาท้องถ่ิน
ต้องมาจากการเลือกต้ัง ผู้บริหารท้องถิ่นให้มาจากการเลือกตั้งหรือมาจากความเห็นชอบของสภา
ท้องถ่ิน หรือ ในปกครององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินรูปแบบพิเศษ จะได้มาโดยวิธีอื่นก็ได้ แต่ต้อง
คํานึงถึง การมีส่วนร่วมของประชาชนด้วย ทั้งน้ี ตามท่ีกฎหมายบัญญัติ ในร่างรัฐธรรมนูญได้กล่าวถึง
อํานาจหน้าท่ีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไว้ใน มาตรา ๒๕๐ กล่าวไว้ว่า องค์กรปกครองส่วน
ทอ้ งถน่ิ มีหนา้ ท่แี ละอาํ นาจดแู ลและจดั ทาบริหารสาธารณะและกิจกรรมสาธารณะ รวมท้ังสง่ เสรมิ และ
สนับสนุนการจัดการศึกษาให้แก่ประชาชนในท้องถ่ิน ท้ังน้ี ตามท่ีกฎหมายบัญญัติ และได้ขยาย
เพิ่มเติมไว้ในวรรคสุดท้ายว่า กฎหมายตามวรรคหนึ่งและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการ
สว่ นท้องถิ่นต้องให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอสิ ระในการบริหาร การจัดการบริการสาธารณะ การ
ส่งเสริมและสนับสนนุ การจดั การศึกษา การเงนิ และการคลัง

๑ ฤาชุตา เทพยากุล, คุณลกั ษณะนายกรฐั มนตรที ่ีพงึ ประสงค์ในทศั นะของนกั ศกึ ษาระดับอดุ มศึกษา
กรณีศึกษา นักศึกษารัฐประศาสนาสตร์ ระดับปริญญาตรี ในสาบันอุดมศึกษา จังหวัดสงขลา, [ออนไลน์],
แหลง่ ท่มี า: http://library.hu.ac.th/BackUp_library/Research/truechuta.pdf, [๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๓].



ภาวะผู้นําเป็นสิ่งที่สําคัญสาหรับความสําเร็จในงานแทบทุกด้านขององค์กร ผู้นําที่มี
ความสามารถมีส่วนสําคัญที่จะช่วยให้องค์กรประสบความสําเร็จได้ แต่ในทางกลับกันถ้าผู้นําไม่มี
ความสามารถก็จะส่งผลให้การทางานด้านต่าง ๆ บกพร่องหรือขาดประสิทธิภาพ ๒ หากเปรียบ
ประเทศชาติเป็นองค์กรและเปรียบผู้นําทางการเมืองเป็นผู้นําองค์กรแล้ว ผู้นําท่ีพึงประสงค์ (ผู้นําทาง
การเมือง) ไมใ่ ช่แคพ่ ยายามทางานของตนดีท่ีสุดเทา่ นั้น แตต่ อ้ งนําองคก์ ร (ทอ้ งถน่ิ ) ให้กา้ วสอู่ นาคตได้
อยา่ งเหมาะสมด้วยเพราะเป็นบคุ คลที่มีบทบาทสําคญั ยิง่ ตอ่ ความสาํ เร็จหรือความล้มเหลวขององคก์ ร

ผู้นําทางการเมืองหรือผู้นําทางการเมืองท้องถิ่นท่ีพึงประสงค์ในสังคมไทย ได้มีปูชนีย
บคุ คลแสดงทศั นะไวแ้ ลว้ และเป็นท่ยี อมรับของสงั คมโดยท่ัวไป ดังคากล่าวของ ฯพณฯ องคมนตรี พล
เอกเปรม ติณสูลานนท์ ซ่ึงได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในงานครบรอบ ๕๐ ปี คณะรัฐประศาสนศาสตร์
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เมื่อ ๙ กรกฎาคม ๒๕๔๘ ในหัวข้อ “จริยธรรมของการบริหาร
ภาครัฐ” ดังนี้ ผมมีความเห็นว่า จะต้องพูดถึงคุณธรรมควบคู่กับจริยธรรม เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์
และเสริมซ่ึงกันและกัน ประเทศท่ีพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐยังให้ความสําคัญของจริยธรรม เพราะเชื่อว่า
การบริหารท่ียึดหลักกฎหมายอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการบริหารจัดการที่ดี การใช้จริยธรรมและ
คุณธรรมในการบริหารงานภาครัฐและภาคเอกชน ที่ผู้บริหารพึงนําไปใช้และขจัดสิ่งที่ไม่ดีให้หมดไป
คือ ๑. ความซ่ือสัตย์ ซ่ึงมิใช่เป็นการประพฤติถูกต้องตามกฎหมายเท่าน้ัน แต่ต้องถูกต้องตาม
จริยธรรมและศีลธรรมด้วย มิได้หมายเฉพาะตนเองซื่อสัตย์เท่านั้น แต่ต้องควบคุมให้คนรอบข้างตัวมี
ความซ่ือสัตย์ องค์กรใด ผู้บริหารมีกิเลสต้องขจัดด้วยหิริโอตตัปปะ (ความละอายและเกรงกลัวต่อ
บาป) ๒. กฎหมาย แม้กฎหมายไม่สามารถอุดช่องโหว่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะกฎหมายวาง
มาตรฐานขั้นต่ําของการประพฤติชอบไว้เท่าน้ัน แต่มาตรฐานทางจริยธรรมในเร่ืองของการประพฤติ
ชอบและความซ่ือสัตย์นั้น สูงกว่ากฎหมาย บางเรื่องกฎหมายว่าไม่ผิด แต่เมื่อดูมาตรฐานทาง
จริยธรรม ก็ถือว่าผิดได้ ๓. ความเป็นธรรม ต้องมีความยุติธรรมอยู่ด้วย ผู้บริหารจะต้องไม่ลุแก่อํานาจ
ใช้อํานาจเบียดเบียนผู้อ่ืน ใช้ช่องว่างของกฎหมายเพิ่มอํานาจให้ตนเอง ต้องมีมาตรฐานเดียว ในการ
บริหาร ๔. ประสิทธิภาพ ในตัวประสิทธิภาพเองอาจไม่สอดคล้องกับจริยธรรม กรณีนี้จะเลือกอะไร
สาหรับผมเลือกจริยธรรม เพราะเชื่อว่า เราสามารถหาหนทางที่จะให้ประสิทธิภาพไปด้วยกับ
จริยธรรม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความซ่ือสัตย์ ความโปร่งใส หรือความเป็นธรรม ๕.ความโปร่งใส มี
บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญและในพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารให้รัฐเปิดเผยข้อมูลแก่ประชาชน การ
หลีกเลี่ยงไม่เปิดเผยข้อมูล ถือว่าขัดจริยธรรม ๖. ความมั่นคงของรัฐ การใช้จริยธรรมในการบริหาร
ความม่ันคงอาจจะกระทบสิทธิภาพเสรีภาพของประชาชน ๗. ค่านิยม คนไทยในปัจจุบันส่วนใหญ่ยัง
เช่ือว่าความร่ารวยสร้างช่ือเสียง เกียรติยศ และฐานะได้ จึงมีคนจํานวนไม่น้อยรีบสร้างความร่ารวย
โดยไม่แยแสต่อจริยธรรม และที่แปลกแต่จริง และเป็นอันตรายอย่างย่ิง คือ เรามักจะนิยมยกย่องคน
ร่ารวยวา่ เป็นคนดี นา่ เคารพนับถือ โดยไม่ใสใ่ จวา่ รา่ รวยมาด้วยวธิ ีใด และดหู มิ่นคนจนตา่ ง ๆ นานา

๒ ณัฏฐพันธ์ เขจรนันท์ และฉัตราพร เสมอใจ, การจัดการ, (กรุงเทพมหานคร: บริษัทซีเอ็ดยูเคช่ัน
จํากัด (มหาชน), ๒๕๔๗), หนา้ ๑๕๖.



ภาวะผู้นําเป็นสิ่งท่ีสําคัญสําหรับความสําเร็จในงานแทบทุกด้านขององค์กร ผู้นําที่มี
ความสามารถมีส่วนสําคัญท่ีจะช่วยให้องค์กรประสบความสําเร็จได้ แต่ในทางกลับกันถ้าผู้นําไม่มี
ความสามารถก็จะส่งผลให้การทํางานด้านต่าง ๆ บกพร่องหรือขาดประสิทธิภาพ๓ หากเปรียบ
ประเทศชาติเป็นองค์กรและเปรียบผู้นําทางการเมืองเป็นผู้นําองค์กรแล้ว ผู้นําท่ีพึงประสงค์ (ผู้นําทาง
การเมอื ง) ไม่ใช่แค่พยายามทํางานของตนดีท่ีสุดเท่าน้นั แตต่ อ้ งนําองคก์ ร (ท้องถ่ิน) ให้ก้าวสูอ่ นาคตได้
อยา่ งเหมาะสมด้วยเพราะเปน็ บคุ คลท่ีมบี ทบาทสาํ คัญยงิ่ ต่อความสาํ เรจ็ หรือความลม้ เหลวขององคก์ ร

จากปัญหาและความสําคัญดังกล่าวข้างต้น ผู้วิจัยจึงมีความสนใจศึกษาวิจัยภาวะผู้นําทาง
การเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัด
หนองบัวลําภู เพื่อให้ทราบระดับภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ใน
เขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู และเพ่ือหาแนวทางการมีภาวะผู้นําทาง
การเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัด
หนองบัวลาํ ภู ต่อไป

๑.๒ คําถามการวิจยั

๑.๒.๑ ระดบั ภาวะผู้นําทางการเมืองของนกั การเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการ
ปกครองคณะสงฆอ์ ําเภอนาวงั จังหวดั หนองบัวลาํ ภู เป็นอย่างไร

๑.๒.๒ ระดบั ภาวะผู้นําทางการเมืองของนกั การเมอื งตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการ
ปกครองคณะสงฆ์อาํ เภอนาวงั จังหวัดหนองบวั ลาํ ภู ตามหลักพรหมวิหาร ๔ เป็นอยา่ งไร

๑.๒.๓ ผลการเปรียบเทียบภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของ
พระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อาํ เภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลาํ ภู ตามปจั จัยส่วนบุคคล แตกตา่ ง
กนั หรอื ไม่

๑.๒.๔ แนวทางในการส่งเสริมภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของ
พระสงฆใ์ นเขตการปกครองคณะสงฆอ์ าํ เภอนาวัง จงั หวดั หนองบัวลาํ ภู เป็นอย่างไร

๑.๓ วตั ถปุ ระสงค์ของการวจิ ยั

๑.๓.๑ เพ่ือศึกษาระดับภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์
ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อาํ เภอนาวงั จังหวดั หนองบัวลาํ ภู

๑.๓.๒ เพื่อศึกษาระดับภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์
ในเขตการปกครองคณะสงฆอ์ าํ เภอนาวัง จังหวดั หนองบวั ลาํ ภู ตามหลกั พรหมวิหาร ๔

๑.๓.๓ เพอ่ื เปรียบเทียบภาวะผูน้ ําทางการเมืองของนกั การเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์
ในเขตการปกครองคณะสงฆอ์ าํ เภอนาวงั จังหวัดหนองบัวลาํ ภู ตามปัจจัยสว่ นบคุ คล

๑.๓.๔ เพื่อศึกษาแนวทางในการส่งเสริมภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตาม
ทรรศนะของพระสงฆใ์ นเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวงั จงั หวดั หนองบวั ลาํ ภู

๓ เรือ่ งเดยี วกนั , หน้า ๑๕๖.



๑.๔ สมมตฐิ านการวิจัย

๑.๔.๑ พระสงค์ทีม่ ีอายุ ต่างกนั มีความคิดเห็นตอ่ ภาวะผู้นําทางการเมืองของนกั การเมือง
ตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆอ์ ําเภอนาวัง จงั หวัดหนองบัวลําภู แตกตา่ งกนั

๑.๔.๒ พระสงค์ท่ีมีพรรษา ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของ
นักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู
แตกต่างกัน

๑.๔.๓ พระสงค์ท่ีมีการศึกษาทางโลก ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมือง
ของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัด
หนองบัวลาํ ภู แตกต่างกนั

๑.๔.๔ พระสงค์ที่มีการศึกษาทางธรรม ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมือง
ของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัด
หนองบัวลาํ ภู แตกตา่ งกัน

๑.๔.๕ พระสงค์ที่มีตําแหน่งทางคณะสงฆ์ ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทาง
การเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัด
หนองบวั ลาํ ภู แตกต่างกนั

๑.๕ ขอบเขตการวจิ ัย

การวิจัยคร้ังน้ีมุ่งศึกษาเรื่อง “ภาวะผู้นําด้านการปกครองคณะสงฆ์ของพระสังฆาธิการใน
เขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู” ผู้วิจัยได้กําหนดขอบเขตของการวิจัยไว้
ดังนี้

๑.๕.๑ ขอบเขตดา้ นเน้อื หา

เน้ือหาท่ีใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย (๑) ภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมือง (๒)
เปรยี บเทียบภาวะผนู้ ําทางการเมอื ง (๓) เปรียบเทียบภาวะผนู้ ําทางการเมือง

๑.๕.๒ ขอบเขตดา้ นประชากร

การวิจัยเร่ืองภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการ
ปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู มีขอบเขตด้านประชากรและกลุ่มตัวอย่างในการ
วจิ ัย ดังน้ี

ประชากรและกลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการศึกษาในคร้ังนี้ ได้แก่ พระสงฆ์ในเขตการปกครอง
คณะสงฆ์อาํ เภอนาวงั จังหวดั หนองบวั ลาํ ภู จํานวน ๒๐๐ รปู

กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ พระสังฆาธิการในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัด
หนองบวั ลาํ ภู จํานวน ๑๐ รปู ด้วยวธิ ีเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling)



๑.๕.๓ ขอบเขตด้านสถานที่

เขตการปกครองคณะสงฆอ์ าํ เภอนาวงั จังหวดั หนองบวั ลาํ ภู

๑.๕.๔ ขอบเขตด้านระยะเวลา

ตง้ั แต่เดือน กนั ยายน ๒๕๖๓ – ธนั วาคม ๒๕๖๓

๑.๖ นิยามศพั ท์ทใ่ี ช้เฉพาะในการวจิ ยั

๑.๖.๑ ภาวะผู้นํา หมายถึง ความสามารถของบุคคลในการนําพาผู้ติดตามหรือสมาชิกใน
องค์กร เพื่อให้ประสบความสําเร็จ ผู้นําที่ดีต้องมีความสามารถในการตัดสินใจท่ีดี สามารถสร้างและ
สื่อสารวิสัยทัศน์ท่ีชัดเจนได้ และสามารถชักจูงผู้ติดตามไปสู่เป้าหมายร่วม ท่ีผู้นําคนเดียวไม่สามารถ
ทาํ ได้ ซ่งึ ได้แก่ พระสงั ฆาธิการในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวงั จังหวัดหนองบวั ลําภู

๑.๖.๒ ภาวะผู้นําทางการเมือง หมายถึง ลักษณะที่ทําให้ผู้นํามีประสิทธิภาพคือ ความ
ม่ันใจในตนเอง มีอารมณ์คงที่ความนิยมอํานาจเพื่อส่วนรวม จิตใจดีมีศีลธรรม การควบคุมตนเองได้ดี
พลังในตัวสูง อดทนต่อความเครียดได้ดีความต้องการเป็นที่รักไม่สูงมาก ความต้องการความสําเร็จ
พอสมควร

๑.๖.๓ การปกครองคณะสงฆ์ หมายถึง การปกครองคณะสงฆ์ส่วนภูมิภาค ตามกฎมหา
เถรสมาคม ฉบับที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๐๖ วา่ ดว้ ยระเบยี บการปกครองคณะสงฆ์สว่ นภูมิภาค

๑.๖.๔ พระสงฆ์ หมายถึง พระภิกษผุ ู้ท่จี ําพรรษาในเขตอาํ เภอนาวงั จังหวัดหนองบัวลาํ ภู

๑.๖.๕ ทรรศนะ หมายถึง ความคิดเห็นเกี่ยวกับภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมือง
ในอาํ เภอนาวงั จงั หวดั หนองบัวลําภู

๑.๗ ประโยชนท์ ่ไี ด้รบั จากการวิจัย

๑.๗.๑ ทําให้ทราบระดับภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของ
พระสงฆใ์ นเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู

๑.๗.๒ ทําให้ทราบระดับภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของ
พระสงฆใ์ นเขตการปกครองคณะสงฆอ์ าํ เภอนาวัง จังหวดั หนองบวั ลาํ ภู ตามหลกั พรหมวิหาร ๔

๑.๗.๓ ทําให้ทราบผลการเปรียบเทียบภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตาม
ทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ตามปัจจัยส่วน
บุคคล

๑.๗.๔ ทําให้ทราบแนวทางการส่งเสริมภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตาม
ทรรศนะของพระสงฆใ์ นเขตการปกครองคณะสงฆอ์ ําเภอนาวงั จังหวัดหนองบัวลาํ ภู

๑.๗.๕ ทําให้ได้ขอ้ มลู สารสนเทศภาวะผูน้ ําทางการเมอื งของนกั การเมืองตามทรรศนะของ
พระสงฆใ์ นเขตการปกครองคณะสงฆอ์ ําเภอนาวงั จงั หวัดหนองบวั ลําภู

บทท่ี ๒

แนวคดิ ทฤษฎี และงานวจิ ยั ทีเ่ กีย่ วข้อง

การศึกษาวิจัย เร่ือง ภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ใน
เขตการปกครองคณะสงฆอ์ ําเภอนาวงั จังหวดั หนองบวั ลําภู ผู้วิจัยไดศ้ ึกษาค้นคว้าแนวคดิ และงานวจิ ัย
ท่เี กยี่ วข้อง ดงั ต่อไปน้ี

๒.๑ แนวคิดเกี่ยวกบั ผ้นู ํา (Leader)
๒.๒ แนวคดิ เกี่ยวกบั ภาวะผ้นู ํา (Leadership)
๒.๓ คณุ ลกั ษณะและคุณสมบัติของผู้นํา
๒.๔ หลกั พุทธธรรมทีเ่ กยี่ วข้องกบั ภาวะผู้นาํ ทางการเมอื ง
๒.๕ งานวิจัยท่เี กยี่ วขอ้ ง
๒.๖ กรอบแนวคดิ ในการวจิ ัย

๒.๑ แนวคดิ เกีย่ วกับผูน้ าํ (Leader)

คําว่า ผู้นํา (Leader) และภาวะผู้นํา (Leadership) น้ันมีความหมายที่แตกต่างกัน และมี
ประวัติท่ียาวนานมาก ผู้นาํ คืออะไร ภาวะผู้นําเป็นอยา่ งไร ผนู้ ําเป็นมาแต่กําเนิดหรือถูกสร้างขึ้นภาวะ
ผู้นําท่ีดีนั้นเกิดข้ึนในตัวบุคคล หรือในสถานการณ์แห่งการกระทําหรือพฤติกรรมกันแน่ เป็นคําถามท่ี
คนส่วนใหญ่ยังไม่พอใจกับคําตอบนัก เพราะคําว่า “ผนู้ ํา” ปรากฏอยู่ในพจนานุกรมภาษาอังกฤษของ
ออกซฟ์ อร์ด (Oxford English Dictionary) ในราวปี ค.ศ. ๑๓๐๐ (พ.ศ. ๑๘๔๓) หรอื เจ็ดรอ้ ยปที แ่ี ล้ว
ส่วนคําว่า “ภาวะผู้นํา” ปรากฏขึ้นมาภายหลังราวปี ค.ศ. ๑๘๐๐ (พ.ศ.๒๓๔๓)คือ ประมาณสองร้อย
ปีมาแล้วหรือแม้จนกระท่ังปัจจุบัน ความหมายของผู้นําและภาวะผู้นํา ก็ยังเป็นปริศนาสําหรับ
นักวิชาการและบุคคลทั่วไป๔ อย่างไรก็ดี ผู้วิจัยจักได้นําเสนอตามความหมายท่ีนักวิชาการทั้งหลายได้
ใหไ้ วด้ งั น้ี

๒.๑.๑ ความหมายของผู้นาํ (Leader)

คาํ ว่า ผู้นํา (Leader) เปน็ การมองที่เน้นไปที่ตวั บุคคล เรามักจะได้ยินคําพดู ท่ีใชเ้ รยี กแทน
ผู้นําในทิศทางที่แตกต่างกันและมักจะมีขอบเขตท่ีกว้างขวางตามทัศนะของผู้พบเห็น เพ่ือความเข้าใจ
ความหมายเก่ียวกับผู้นําใหช้ ัดเจน พรนพ พกุ กะพันธ์ุ กล่าวถึงการกําเนิดของผู้นํา ไว้ ๔ ประการ คอื

๔ สงวน นิตยารัมภ์พงศ์, ภาวะผู้นํา เพ่ือการบริหารคุณภาพสู่ความเป็นเลิศ, พิมพ์คร้ังท่ี ๖,
(กรงุ เทพมหานคร: สํานักพิมพ์มติชน, ๒๕๔๔), หน้า ๕.



๑. ผู้นําโดยกําเนิด
๒. ผนู้ ําท่ีมีความอจั ฉริยะ
๓. ผูน้ ําทีเ่ กดิ ข้นึ ตามสายงาน
๔. ผนู้ าํ ตามสถานการณ์๕

ผู้นําที่กําเนิดมาจาก ๒ จุดใหญ่ๆ คือผู้นําโดยกําเนิด หมายถึง ผู้นําประเภทน้ีได้มาจาก
การสืบทอดทางบรรพบุรุษ เช่น การได้รับการแต่งต้ังสืบทอดเป็นรัชทายาท หรือราชวงศ์และผู้นําที่
กําเนิดจากผู้ท่ีมีความรู้ ความสามารถ ความกล้าหาญ หรือบุคคลน้ันมีคุณสมบัติพิเศษต่าง ๆ ในควา
เป็นผู้นําในตัวของเขาเอง๖ ผู้วิจัยได้รวบรวมความหมายของผู้นําผ่านทัศนคติของนักวิชาการและนัก
บรหิ ารมารวบรวมไว้พอสงั เขปดงั น้ี

พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) ได้ให้ความหมายไว้ว่า ผู้นํา คือ บุคคลที่จะมา
ประสานช่วยให้คนทั้งหลายรวมกัน โดยที่ว่าจะเป็นการอยู่รวมกันก็ตาม หรือทําการร่วมกันก็ตาม ให้
พากันไปด้วยดี สู่จุดหมายท่ีดีงาม ที่ว่าพากันไป ก็ให้พากันไปด้วยดีน้ัน หมายความว่าไปโดยสวัสดี
หรอื โดยสวสั ดิภาพ ผ่านพ้นภัยอันตรายอยา่ งเรียบร้อยและเป็นสุข เป็นต้น แล้วก็บรรลุถึงจุดหมายท่ีดี
งามโดยถูกตอ้ งตามธรรม” หมายความว่า เปน็ ความจริงความแท้ ความถกู ต้อง และไดม้ าโดยธรรม๗

พระธรรมโกศาจารย์ (ประยูร ธมมฺ จติ ฺโต) ได้ให้ความหมายไวว้ ่า ผ้นู าํ คือ ผชู้ กั พาใหค้ น
อ่ืนเคล่ือนไหวหรือกระทําการในทิศทางท่ีผู้นํากําหนดเป้าหมายไว้ มีศิลปะ มีอิทธิพลต่อกลุ่มชน
เพ่ือให้พวกเขามีความตั้งใจที่จะปฏิบัติงานให้บรรลุเป้าหมายตามต้องการ หลายคนมีบทบาทเป็นผู้นํา
กันแล้ว เช่น เป็นผู้นําองค์กร ผู้นําสมาคม ผู้นําวัดและแม้กระท่ังเป็นหัวหน้าครอบครัวก็จัดว่าเป็น
ผู้นาํ ๘

พระถนัด วฑฺฒโน (บุตรสวัสด์ิ) ได้ให้ความหมายว่า ผู้นํา คือ ผู้มีบุคลิกลักษณะมี
คุณสมบัติเด่นกว่าผู้อื่นในกลุ่มและมีอิทธิพลมากกว่าบุคคลอ่ืนในหน่วยงาน ท้ังสามารถสร้างความมี
ประสิทธิภาพและประสิทธิผลให้เกิดขึ้นแก่หน่วยงานได้ นอกจากนั้นยังหมายรวมถึงบุคคลใดบุคคล
หน่ึงซึ่งรับบทบาทเป็นผู้บริหารประสานผลประโยชน์ในกลุ่มเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มมีอิทธิพล
และอํานาจ สามารถบังคับบัญชาบุคคลในกลุ่มให้ปฏิบัติงานบรรลุผลตามเป้าหมายท่ีองคก์ รกําหนดไว้
ได้๙

๕ พรนพ พุกกะพันธ์,ุ ภาวะผูน้ าํ และการจูงใจ, (กรงุ เทพมหานคร: จามจุรีโปรดักท์, ๒๕๔๔), หนา้ ๒๕.
๖ พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต), ภาวะผูน้ าํ , (กรุงเทพมหานคร: ธรรมสภา, ๒๕๔๐), หนา้ ๕.
๗ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต), ภาวะผู้นํา : ความสําคัญต่อการพัฒนาคน พัฒนาประเทศ,
(กรงุ เทพมหานคร: ธรรมสภา, ๒๕๔๖),หนา้ ๒๕.
๘ พระธรรมโกศาจารย์ (ประยูร ธมฺมจิตฺโต), พุทธวิธีบริหาร, พิมพ์พิเศษ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๙,
(กรงุ เทพมหานคร: โรงพิมพม์ หาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๔๙), หน้า ๒๖.
๙ พระถนัด วฑฺฒโน (บุตรสวัสดิ์), “การวิเคราะห์คุณสมบัติของผู้นําตามหลักสัปปุริสธรรม ๗”,
วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์, (บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลง
กรณราชวทิ ยาลยั , ๒๕๕๑).



สุเทพ พงศ์ศรีวัฒน์ ได้ให้ความหมายว่า ผู้นํา คือ บุคคลที่ได้รับมอบหมาย ซ่ึงอาจโดย
การเลือกต้ังหรือแต่งตั้งและเป็นท่ียอมรับของสมาชิกให้มีอิทธิพลและบทบาทเหนือกลุ่ม ที่สามารถท่ี
จะจูงใจ ชักนําหรือช้ีนําให้สมาชิกของกลุ่มรวมพลังเพื่อปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ ของกลุ่มให้ประสบ
ความสําเรจ็ ๑๐

เสนาะ ติเยาว์ กล่าวว่า ผู้นํา คือผู้ที่สามารถทําให้ผู้อ่ืนไปสู่จุดหมายปลายทางได้ประสบ
ผลสําเร็จตามเป้าหมายโดยเสียค่าใช้จ่ายตํ่าสุด โดยใช้วิธีการจูงใจและอาศัยบุคลิกภาพของตัวเองท่ี
ทํางานให้สําเร็จด้วยลักษณะต่าง ๆ คือ การใช้อํานาจ การกําหนดเป้าหมาย ทัศนะต่อองค์กร การทํา
หน้าทผ่ี ู้นาํ โดยอาศยั ความรว่ มมือของผูอ้ ื่น ความสัมพันธ์กบั ผู้อนื่ และการวางตวั ที่เหมาะสม๑๑

ธรรมรส โชติกุญชร ได้ให้ความหมายว่า ผู้นํา หมายถึง บุคคลซึ่งถูกแต่งตั้งข้ึนมาได้รับ
การยกย่องขึ้นมาให้เป็นหัวหน้า มีความสามารถในการปกครอง บังคับบัญชา และอาจชักพา
ผใู้ ตบ้ งั คบั บัญชาหรอื หมู่ชนไปในทางดีหรอื ชว่ั ได้๑๒

อาชวัน วายวานนท์ ได้ให้ความหมายว่า ผู้นํา คือ ผู้มีช่ือเสียง มีความสามารถในการนํา
ผู้อื่น และมักจะหมายถึงผู้ท่ีอยู่ในตําแหน่งสําคัญๆ ในทางบริหาร เป็นผู้ที่กลุ่มถือว่ารับผิดชอบต่อการ
บรรลุวตั ถุประสงคข์ องกล่มุ ทต่ี นร่วมกจิ กรรมอยู่๑๓

ถวิล ธาราโภชน์ ได้ให้ความหมายว่า ผู้นํา คือลักษณะที่แสดงถึงความสามารถในการ
นําพา การดําเนินกิจการ การแก้ไขปรับปรุง และการรักษาขวัญและกําลังใจของกลุ่มทําให้กลุ่มบรรลุ
ถึงเป้าหมายท่ีต้องการใหม้ ากทส่ี ดุ ๑๔

โสภา ชูพิกุลชัย และคณะ ได้ให้ความหมายว่า ผู้นํา หมายถึง บุคคลซึ่งมีลักษณะและ
คณุ สมบตั เิ หมาะสมทีจ่ ะชกั จงู ใจและแนะนําคนอ่นื ให้ทาํ งานได้บรรลุวัตถุประสงค์ของกลุ่ม๑๕

นพพงษ์ บุญจิตราดุลย์ ได้ให้ความหมายของผู้นําไว้ว่า ผู้นํา คือ ผู้มีอิทธิพลในทางที่
ถูกต้องต่อการกระทําต่อผู้อ่ืนมากกว่าคนอื่นๆ ในองค์กรหรือกลุ่มท่ีเขาปฏิบัติงานอยู่เป็นผู้ซึ่งใช้

๑๐ สุเทพ พงศ์ศรีวัฒน์, ภาวะผู้นํา : ทฤษฎีและปฏิบัติ, (กรุงเทพมหานคร: บริษัท วิรัตน์ เอ็ดดูเคชั่น
จาํ กัด, ๒๕๓๗), หน้า ๓.

๑๑ เสนาะ ติเยาว์, หลักการบริหาร, (กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๔๔),
หน้า ๖ - ๘.

๑๒ ธรรมรส โชติกุญชร, มนุษยสัมพันธ์, พิมพ์คร้ังท่ี ๒, (กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์พิฆเณศ, ๒๕๑๙),
หนา้ ๑๓๑.

๑๓ อาชวัน วายวานนท์, ภาวะผู้นําและประสิทธิผลของผู้บริหาร, (กรุงเทพมหานคร: คณะกรรมการ
สง่ เสริมงานวจิ ยั สถาบนั บณั ฑิตพฒั นบริหารศาสตร,์ ๒๕๒๐), หน้า ๒๕.

๑๔ ถวลิ ธาราโภชน์, จติ วิทยาสังคม, (กรงุ เทพมหานคร: สนพ.โอเดยี นสโตร,์ ๒๕๓๒), หน้า ๑๑๗.
๑๕ โสภา ชูพิกุลชัยและคณะ, เทคนิคการให้บริการปรึกษา, (กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัย
รามคาํ แหง, ๒๕๑๕), หนา้ ๒๑๙.



อิทธิพลในการกําหนดเป้าหมายหรือการปฏิบัติงานให้บรรลุเป้าหมาย โดยได้รับการเลือกต้ังจากกลุ่ม
เพอ่ื ใหเ้ ปน็ ผู้นาํ หรือหัวหนา้ ๑๖

ศิริวรรณ เสรีรัตน์และคณะ ได้ให้ทัศนะไว้ว่า ผู้นํา คือ บุคคลท่ีมีอิทธิพลต่อกลุ่ม
สามารถนํากลุ่มปฏบิ ัติงานต่าง ๆ เพ่ือบรรลุเป้าหมายขององค์กร มีความสามารถในการชักจงู บคุ ลากร
ในองค์กรให้ทํางานด้วยความเต็มใจ แต่ผู้นําทุกคนไม่ได้เป็นผบู้ ริหารและในความเป็นจริงผู้บริหารโดย
ตาํ แหนง่ อาจจะไมใ่ ชผ่ นู้ าํ ก็ได๑้ ๗

สุพานี สฤษฎ์วานิช ได้ให้ความหมายว่า ผู้นํา คือ ผู้มีความสามารถที่จะมีอิทธิพลเหนือ
กลุ่มหรือผู้มีคุณลักษณะของความเป็นผู้นํา คือ มีลักษณะโดดเด่น มีวิสัยทัศน์ มีค่านิยมที่จะเหมาะสม
และมีอิทธิพลเหนือคนอื่น ตลอดจนมีความสามารถในการตัดสินใจในสถานการณ์ที่ยุ่งยากและ
ซบั ซ้อนไดอ้ ย่างเหมาะสม๑๘

เนตร์พัณณา ยาวิราช ให้คําจํากัดความว่า “ผู้นํา (Leader) หมายถึง บุคคลท่ีได้รับการ
ยอมรับและยกย่องจากบุคคลอ่ืน หมายถึงบุคคลซึ่งได้รับการแต่งตั้ง หรือได้รับการยกย่องให้เป็น
หัวหน้าในการดําเนินงานต่าง ๆในองค์กรตา่ ง ๆ ต้องอาศัยบุคคลที่เป็นผู้นํา และมีความเป็นผู้นําจึงจะ
ทําให้องค์กรดําเนินไปอย่างบรรลุผลสําเร็จตามวัตถุประสงค์ และนําพาหน่วยงานไปสู่ความ
เจรญิ ก้าวหนา้ ”๑๙

เรย์มอนด์ เจ. เบอร์ดี้ (Raymond J. Burdy) ได้ให้ความหมายว่า ผู้นํา คือ บุคคลท่ีจะ
สามารถชักจูงให้คนอ่ืนปฏิบัติตามด้วยความเต็มใจ ทําให้ผู้ตามมีความเช่ือมั่นในตนเองและสามารถ
คล่ีคลายความตงึ เครียดตา่ ง ๆ ลงได้ และสามารถนํากลมุ่ ใหบ้ รรลเุ ป้าหมายทต่ี ง้ั ไว้๒๐

นอร์มอนด์ แอล. ไฟกอน (Normond L. Frigon) ได้ให้คําจํากัดความว่า ผู้นํา คือ
บุคคลที่มีความสามารถในการบังคับบัญชาผู้อื่นและประสานให้ผู้อื่นช่วย ช่วยทํากิจการงานต่าง ๆ
ของตนให้บรรลุผลสําเรจ็ ตามวตั ถปุ ระสงค์ดว้ ยความเต็มใจ๒๑

๑๖ นพพงษ์ บุญจิตราดุลย์, หลักการบริหารการศึกษา, (กรุงเทพมหานคร: บพิธการพิมพ์, ๒๕๔๐),
หนา้ ๙๕.

๑๗ ศิริวรรณ เสรีรัตน์และคณะ, พฤติกรรมองค์การ, (กรุงเทพมหานคร: ธีระฟิล์มและโซเทกซ์,
๒๕๔๑), หนา้ ๑๙๗.

๑๘ สุพานี สฤษฎ์วานิช, พฤติกรรมองค์การสมัยใหม่ : แนวคิดและทฤษฎี, (กรุงเทพมหานคร: โรง
พิมพม์ หาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร,์ ๒๕๔๙), หนา้ ๒๙๖.

๑๙ เนตร์พัณณา ยาวิราช, ภาวะผู้นํา และผู้นําเชิงกลยุทธ์, (กรุงเทพมหานคร: บริษัทเซ็นทรัลเอ็กซ์
เพรสจาํ กดั , ๒๕๔๖), หนา้ ๑.

๒๐ Raymond J. Burdy, Fundermental of LeadershipReading,(Masschusetts Addison :
Wesley Publishing Co., 1967), p.8.

๒๑ Normond L. Frigon , Sr.& Harry K. Jackson, Jr., The Leader : Developing the Skill
&Personal Quantities You Need to Lead Effectively, (New York: American Management
Association, 1996), p. 8.

๑๐

แฟรงคลิน โควีย์ (Frankin Covey) ใหค้ ําจาํ กัดความวา่ “ผูน้ ํา คือ บคุ คลที่ได้รับความ
เชื่อถือจากผู้อ่ืนท้ังภายในและภายนอกองค์กรและเป็นผู้กําหนดทิศทางขององค์กร ประสานความ
ร่วมมือกันของบุคคลในองค์กร เพื่อให้องค์กรดําเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพตรงตามเป้าหมายของ
วสิ ยั ทัศนท์ ว่ี างไว้” ๒๒

ดราฟ และ โคสเซน (Micheal W. Drafke and Stan Kossen) กล่าวว่า ผู้นํา
หมายถึง ผู้ท่ีมคี วามสามารถในการใชอ้ ิทธิพลต่อพฤติกรรมของผ้อู ื่น โดยผา่ นกระบวนการสอ่ื สาร ท้ังนี้
เพอ่ื ให้บรรลุวัตถปุ ระสงคท์ ตี่ ัง้ ไว้๒๓

เอฟ อี ไฟเลอร์ (F.E. Fiedler) ให้ความหมายของ ผู้นํา ไว้ว่า บุคคลใดบุคคลหน่ึงใน
กลมุ่ ผเู้ ปน็ ผูค้ วบคุมและประสานงานใหก้ ิจกรรมตา่ ง ๆ ของกลุ่มดําเนนิ ไปได้ดว้ ยความเรยี บรอ้ ย๒๔

เดวิด เจ แคมป์เบล (David J. Campbell) ได้ให้คําจํากัดความว่า ผู้นํา คือ บุคคลผู้มี
ความสามารถในการบังคับบัญชาผู้อื่น และประสานงานให้ผู้อื่นทํากิจการต่าง ๆ ให้บรรลุผลสําเร็จ
ตามวัตถปุ ระสงค์ดว้ ยความเตม็ ใจ๒๕

กล่าวโดยสรุปแล้ว “ผู้นํา” ในงานวิจัยน้ี หมายถึง ผู้มีกลยุทธ์ มีศิลปะ มีอิทธิพลสามารถ
ช้ีนําผู้อ่ืนได้ให้เขาเกิดความวางใจ เช่ือใจ พร้อมทั้งให้ความเคารพนับถือ ให้ความร่วมมือทุกด้าน และ
ให้เขาเกิดความม่ันใจในความสามารถในการเป็นผู้นาํ ของตน ซ่ึงสามารถสรา้ งความสําเรจ็ แกต่ นและผู้
ปฏบิ ตั ิตาม นําพาองคก์ รไปสู่ความสําเร็จได้

๒๒ Frankin Covey, The Four Roles Leadership, (USA: Frankin Covey Co., Ltd., 1999),
pp. 8-11.

๒๓ Micheal W. Drafke and Stan Kossen, The Human Side of Organizations, 8th ed.,
(New Jersey: Prentice Hall, 2002), p. 169.

๒๔ F.E.Fiedler, A Theory of Leadership Effectiveness, (New York: McGraw Hill Book,
1967), p. 7.

๒๕ David J.Campbell, Organizations and the business Environment, (Oxford: Addison:
Wesley Publishing co., 1972), p. 43.

๑๑

ตารางที่ ๒.๑ สรปุ แนวคิดเก่ยี วกบั ผนู้ าํ (Leader)

นกั วชิ าการหรอื แหลง่ ขอ้ มูล สรุปแนวคิด
พรนพ พุกกะพันธ์ุ, (๒๕๔๕, หนา้ ๒๕).
กล่าวถึงการกาํ เนิดของผู้นาํ ไว้ ๔ ประการ คอื
พระธรรมปฎิ ก (ป.อ. ปยุตฺโต) (๒๕๔๐, หน้า ๕). ๑. ผูน้ ําโดยกําเนดิ
๒. ผ้นู าํ ทม่ี ีความอัจฉริยะ
พระธรรมโกศาจารย์ (ประยรู ธมฺมจติ โฺ ต), ๓. ผู้นําที่เกิดขึน้ ตามสายงาน
(๒๕๔๙). ๔. ผู้นําตามสถานการณ์
พระถนัด วฑฒฺ โน (บุตรสวสั ด์)ิ , (๒๕๕๑).
บุคคลที่จะมาประสานช่วยให้คนทั้งหลายรวมกัน
สเุ ทพ พงศ์ศรวี ฒั น์, (๒๕๓๗, หนา้ ๓). โดยท่ีว่าจะเป็นการอยู่รวมกันก็ตาม หรือทําการ
ร่วมกันก็ตาม ให้พากันไปด้วยดี สู่จุดหมายที่ดี
เสนาะ ตเิ ยาว,์ (๒๕๔๕, หน้า ๖-๘). งาม

ธรรมรส โชตกิ ญุ ชร, (๒๕๑๙, หนา้ ๑๓๑). ผู้นํา คือ ผู้ชักพาให้คนอื่นเคล่ือนไหวหรือกระทํา
อาชวนั วายวานนท์, (๒๕๒๐). การในทศิ ทางท่ีผนู้ าํ กําหนดเป้าหมายไว้
ถวิล ธาราโภชน,์ (๒๕๓๒, หน้า๑๑๗).
โสภา ชูพิกุลชยั และคณะ, (๒๕๑๕, หนา้ ๒๑๙). ผู้นํา คือ ผู้มีบุคลิกลักษณะมีคุณสมบัติเด่นกว่า
นพพงษ์ บุญจิตราดุล, (๒๕๔๐, หนา้ ๙๕). ผู้อื่นในกลุ่มและมีอิทธิพลมากกว่าบุคคลอ่ืนใน
ศิรวิ รรณ เสรีรตั นแ์ ละคณะ, (๒๕๔๑, หน้า หน่วยงาน ท้ังสามารถสร้างความมีประสิทธิภาพ
๑๙๗). และประสิทธิผลใหเ้ กิดข้นึ แกห่ น่วยงานได้

ผู้นํา คือ บุคคลท่ีได้รับมอบหมาย ซึ่งอาจโดยการ
เลือกต้ังหรือแต่งต้ังและเป็นท่ียอมรับของสมาชิก
ใหม้ ีอิทธิพลและบทบาทเหนอื กลุ่ม

ผู้นํา คือผู้ท่ีสามารถทําให้ผู้อื่นไปสู่จุดหมาย
ปลายทางได้ประสบผลสําเร็จตามเป้าหมายโดย
เสียคา่ ใชจ้ ่ายต่ําสดุ

ผนู้ าํ หมายถึง บคุ คลซึ่งถกู แตง่ ตง้ั ขึ้นมาได้รบั
การยกย่องขึน้ มาให้เป็นหวั หนา้

ผ้นู ํา คือ ผู้มีช่อื เสียง มีความสามารถในการ
นําผู้อน่ื

ผู้นํา คือลักษณะท่ีแสดงถึงความสามารถในการ
นาํ พา

ผู้นํา หมายถึง บุคคลซึ่งมีลักษณะและคุณสมบัติ
เหมาะสมท่จี ะชกั จูงใจ

ผู้นํา คือ ผู้มีอิทธิพลในทางที่ถูกต้องต่อการ
กระทาํ ต่อผู้อนื่ มากกวา่ คนอื่นๆ

ผู้นํา คือ บุคคลที่มีอิทธิพลต่อกลุ่ม สามารถนํา
กลุ่มปฏบิ ัตงิ านต่าง ๆ

๑๒

นกั วิชาการหรอื แหล่งขอ้ มูล สรุปแนวคิด
สพุ านี สฤษฎว์ านชิ , (๒๕๔๙, หน้า ๒๙๖).
ผู้นํา คือ ผู้มีความสามารถที่จะมีอิทธิพลเหนือ
เนตร์พณั ณา ยาวริ าช, (๒๕๔๖, หนา้ ๑). กลมุ่ หรอื ผู้มคี ุณลักษณะของความเปน็ ผนู้ าํ

Raymond J. Burdy, (1967, p. 8). ผู้นํา (Leader) หมายถึง บุคคลที่ได้รับการ
ยอมรับและยกย่องจากบุคคลอ่ืน หมายถึงบุคคล
Normond L. Frigon, (1996, p. 8). ซง่ึ ไดร้ บั การแต่งต้งั

Frankin Covey, (1999, pp. 8-11). ผู้นํา คือ บุคคลท่จี ะสามารถชักจูงให้คนอื่นปฏิบัติ
ตามดว้ ยความเต็มใจ
Micheal W. Drafke and Stan Kossen,
(2002, p. 169). ผู้นํา คือ บุคคลที่มีความสามารถในการบังคับ
F.E. Fiedler, (1967, p. 7). บัญชาผู้อืน่

David J. Campbell, (๑๙๗๒, p.๔๓). ผู้นํา คือ บุคคลที่ได้รับความเชื่อถือจากผู้อื่นทั้ง
ภายในและภายนอกองคก์ ร

ผนู้ ําหมายถึง ผทู้ ่ีมีความสามารถในการใช้อทิ ธิพล
ต่อพฤติกรรมของผอู้ ืน่

ผู้นํา ไว้ว่า บุคคลใดบุคคลหนึ่งในกลุ่มผู้เป็นผู้
ควบคุม

ผู้นํา คือ บุคคลผู้มีความสามารถในการบังคับ
บญั ชาผู้อ่ืน

๒.๒ แนวคดิ เกย่ี วกบั ภาวะผ้นู ํา (Leadership)

๒.๒.๑ ความหมายของภาวะผูน้ าํ (Leadership)

ความหมายของภาวะผู้นําน้ี ได้มีนักวิชาการหลายท่านให้ความหมายไว้เป็นอันมากทั้งน้ีก็
เน่อื งมาจากสาเหตุ ๓ ประการ คอื ๒๖

๑. ภาวะผูน้ าํ มขี อบเขตกวา้ งขวางและเกี่ยวข้องกับตัวแปรตา่ ง ๆ มากมาย
๒. ภาวะผู้นําเป็นผลงานของสหวิชา สหสถาบันและสหอาชีพ เพราะฉะนั้น วิธีการมอง
ภาวะผู้นําของแต่ละวิชา สถาบันและอาชพี จึงแตกต่างกันออกไป
๓. องค์ความรู้เก่ียวกับภาวะผู้นํา ถือเป็นข้อยุติยังไม่ได้ เน่ืองจากผลการศึกษาเกี่ยวกับ
เร่ืองน้ียังขัดแย้งกันอยู่มากนอกจากน้ี ผ้วู ิจัยจะได้นําเสนอความหมายของภาวะผู้นํา ซ่งึ นักวชิ าการที่มี
ชือ่ เสียงเปน็ ทย่ี อมรับอย่างแพรห่ ลายและนักวิจยั หลายๆท่าน ได้เสนอไวอ้ ย่างนา่ สนใจ ดังน้ี

๒๖ กวี วงศ์พฒุ , ภาวะผูน้ ํา, พมิ พ์ครง้ั ท่ี ๔, (กรุงเทพมหานคร: ศนู ย์ส่งเสริมวชิ าชีพบญั ชี, ๒๕๓๙), หน้า ๑๓.

๑๓

พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) ภาวะผู้นํา หมายถึง คุณสมบัติ เช่นสติปัญญา ความ
ดงี าม ความรู้ความสามารถของบุคคล ท่ีชักนําให้คนทง้ั หลาย มาประสานกนั และพากันไปสู่จุดหมายท่ี
ดีงาม๒๗

กวี วงศ์พุฒ กล่าวว่า ภาวะผู้นํา หมายถึง การท่ีผู้นําใช้อิทธิพลในความสัมพันธ์ซ่ึงมีอยู่
ต่อใต้บังคับบัญชาในสถานการณ์ต่าง ๆ เพ่ือปฏิบัติการ และอํานวยการ โดยใช้กระบวนการติดต่อซึ่ง
กนั และกนั เพอื่ ใหบ้ รรลุเป้าหมาย๒๘

กิติ ตยัคคานนท์ ให้ความหมายว่า “ภาวะผู้นํา” คือ ศิลปะหรือความสามารถของบุคคล
หนง่ึ ท่จี ูงใจหรือใช้อทิ ธพิ ลตอ่ บคุ คลอ่ืน ไมว่ ่าจะเป็นผู้ร่วมงานหรือผู้ใตบ้ ังคับบัญชา ในสถานการณ์ต่าง ๆ
เพื่อปฏิบัติการและอํานวยการโดยใช้กระบวนการส่ือความหมาย หรือการติดต่อกันและกันให้ร่วมใจ
กับตน ดาํ เนนิ การจนกระท่งั บรรลผุ ลสําเร็จตามวตั ถุประสงค์และเปา้ หมายทก่ี าํ หนดไว้๒๙

นงลักษณ์ สุทธิวัฒนพันธ์ กล่าวว่า ภาวะผู้นํา หมายถึง กระบวนการ มิใช่บุคคลเป็น
กระบวนการของการมีอิทธิพลเหนือกลุ่ม เพ่ือการกําหนดเป้าหมาย และการบรรลุเป้าหมายของ
กลุ่ม๓๐

น้อย สุปิงคลัด กล่าวว่า ภาวะผู้นํา หรือความเป็นผู้นําเป็นเร่ืองที่เก่ียวกับตัวผู้นําโดย
ตรงท่ีจะใช้ความสามารถ และใช้อิทธิพลเหนือกว่าผู้ตามนําพาคณะปฏิบัติหน้าที่ให้บรรลุตาม
วตั ถปุ ระสงค์ที่ต้ังไว้๓๑

ปรัชญา เวสารัชช์ มีความเห็นว่า ภาวะผู้นํา เป็นลักษณะความสัมพันธ์รูปแบบหน่ึง
ระหว่างคนในกลุ่ม เป็นความสัมพันธ์ที่บุคคลหนึ่งหรือหลายคน ซ่ึงเราเรียกว่าผู้นํา สามารถทําให้คน
สว่ นมากเป็นผู้ตาม ดาํ เนนิ การไปในทศิ ทางและวธิ กี ารทผี่ นู้ ํากําหนดหรือตอ้ งการ๓๒

ประพันธ์ สุริหาร กล่าวว่า ภาวะผู้นํา หมายถึง ศิลปะของการมีอิทธิพลเหนือผู้อ่ืน และ
นําคนโดยคนเหลา่ น้ันมีความเชอ่ื ฟังอย่างเตม็ ท่ี เพ่อื ปฏบิ ตั ิภารกิจให้สาํ เรจ็ ภารกิจ๓๓

รังสรรค์ ประเสริฐศรี กล่าวว่า ภาวะผู้นํา หมายถึง พฤติกรรมส่วนตัวของบุคคลคน
หนึ่งที่จะชักนํากิจกรรมของกลุ่มให้บรรลุเป้าหมายร่วมกัน (Shared Goal) หรือเป็นความสัมพันธ์ที่มี
อิทธิพลระหว่างผู้นํา (Leaders) และผู้ตาม (Followers) ซึ่งทําให้เกิดการเปล่ียนแปลงเพื่อให้บรรลุ

๒๗ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโฺ ต), ภาวะผนู้ าํ , (กรุงเทพมหานคร: บุ๊ค ไทม,์ ๒๕๔๙) หนา้ ๔.
๒๘ กวี พงศพ์ ุฒ, ภาวะผูน้ ํา, พมิ พ์ครัง้ ท่ี ๓, (กรุงเทพมหานคร: ศูนยเ์ สริมวิชาชีพบญั ชี, ๒๕๓๖), หนา้ ๑๗.
๒๙ กติ ิ ตยัคคานนท์, เทคนคิ การสร้างภาวะผู้นํา, พิมพ์คร้ังที่ ๙, (กรุงเทพมหานคร: บัตเตอร์ฟลายการ
พิมพ์ ๒๕๓๕), หนา้ ๒๐.
๓๐ นงลักษณ์ สุทธิวัฒนพันธ์, พัฒนาบุคลิกผู้นําและนักบริหาร, พิมพ์ครั้งท่ี ๒, (กรุงเทพมหานคร:
สุขภาพ, ๒๕๔๔), หน้า ๒๒.
๓๑ น้อย สปุ ิงคลัด, ภาวะความเปน็ ผู้นาํ ในงานพัฒนาชุมชน, (ม.ป.ท., ๒๕๓๗), หนา้ ๖.
๓๒ ปรัชญา เวสารัชช,์ ผนู้ ําองคก์ าร, (กรงุ เทพมหานคร: รัฐศาสตร์สาร, ๒๕๒๓), หน้า ๒๗.
๓๓ ประพนั ธ์ สรุ ิหาร, การบรหิ ารการศึกษา, (ขอนแกน่ : มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ , ๒๕๓๕), หน้า ๒๑๗.

๑๔

จุดมุ่งหมายร่วมกัน (Shared Purposes) หรือเป็นความสามารถที่จะสร้างความเช่ือมั่น และให้การ
สนับสนุนบคุ คลเพ่ือใหบ้ รรลเุ ปา้ หมายองคก์ าร๓๔

วิฑูรย์ สิมะโชคดี กล่าวว่า ภาวะผู้นํา หมายถึง ความสามารถในการจัดการให้บรรลุ
เปา้ หมายของกลมุ่ โดยทํางานร่วมกบั กลุ่มคนและยงั หมายความรวมถงึ อํานาจหน้าทต่ี ิดมากับตาํ แหน่ง
ผบู้ ังคับบญั ชาน้ี จะมคี า่ เมือ่ ผูอ้ ยใู่ ตบ้ งั คบั บญั ชาเคารพและเชอื่ ถอื ในตัวผ้บู ังคบั บญั ชา๓๕

ศักด์ิไทย สุรกิจบวร ได้ให้ความหมายไว้ว่า ภาวะผู้นํา หมายถึง กระบวนการในการใช้
อิทธิพลของผู้นาํ ต่อการทํากิจกรรมขอแต่ละบุคคลในความพยายามที่จะให้สมั ฤทธิผลตามเป้าหมายใน
สถานการณใ์ ดสถานการณห์ น่งึ ๓๖

นิตย์ สัมมาพันธ์ ได้ให้ความหมายว่า ภาวะผู้นํา คือ พลังชนิดหนึ่งท่ีสามารถส่งแรง
กระทาํ อันกอ่ ให้เกดิ การขับเคลื่อนกลุ่มคนและระบบองคก์ รไปสกู่ ารบรรลเุ ปา้ ประสงค๓์ ๗

สมคิด จาตุศรีพิทกั ษ์ กลา่ ววา่ ภาวะผ้นู ํา มีความหมายครอบคลุมในมิตทิ ีก่ วา้ งขวาง และ
หลากหลายกว่าเรื่องความกล้าหาญ และการตัดสินใจ การเป็นผู้นําต้องมีความสามารถในการนํา
ผลักดัน และส่ังการให้กิจกรรมทุกอย่างดําเนินไปตามเป้าหมาย และครรลองท่ีถูกต้อง ซึ่งต้อง
ประกอบไปด้วย ความกลา้ หาญ ความสามารถในการโน้มน้าวจูงใจและจงั หวะเวลาในการตดั สินใจ๓๘

สมพงษ์ เกษมสิน ได้ให้ความหมายคําว่า ภาวะผู้นํา หมายถึง การใช้อิทธิพลหรืออํานาจ
หน้าท่ใี นความสมั พันธ์ซึ่งมผี ู้ใต้บงั คบั บญั ชาในสถานการณ์ตา่ ง ๆ เพอื่ ให้การปฏบิ ัติและการอาํ นวยการ
โดยกระบวนการตดิ ต่อซงึ่ กันและกันเพอ่ื ใหบ้ รรลวุ ัตถปุ ระสงค์ดงั ที่ได้ตง้ั ไว้๓๙

สุพาณี สฤษฎ์วานิช ได้ให้ความหมายว่า ภาวะผู้นํา หมายถึง ความสามารถที่จะมี
อิทธิพลต่อผตู้ าม หรอื นําผูต้ ามไปอย่างสัมฤทธผิ ล หรอื เปน็ ความสามารถในการสร้างแรงบันดาลใจให้
ผู้อ่นื ทํางานอย่างเต็มที่ เพ่ือบรรลุวัตถุประสงคข์ องการทาํ งานอยา่ งเหมาะสม๔๐

เอกชัย กี่สุขพันธ์ กล่าวว่า ภาวะผู้นํา หมายถึง ผู้นํา หรือผู้ใต้บังคับบัญชาที่มี
ความสามารถ มีเทคนิคในการบริหาร มีคุณลักษณะที่ดี และใช้ภาวะผู้นําท่ีพึงประสงค์ย่อมสามารถ

๓๔ รังสรรค์ ประเสริฐศร,ี ภาวะผู้นํา, (กรงุ เทพมหานคร: ธนธชั การพิมพ์, ๒๕๔๔), หน้า ๑๑.
๓๕ วิฑูรย์ สิมะโชคดี, ทฤษฎีและเทคนิคปฏิบัติสําหรับยอดหัวหน้างาน, (กรุงเทพมหานคร: บริษัทชี
เอด็ ยูเคชนั่ จํากดั (มหาชน), ๒๕๓๘), หน้า ๑๐๔.
๓๖ ศกั ดไ์ิ ทย สรุ กิจบวร, จติ วทิ ยาสงั คม, (กรุงเทพมหานคร: สวุ รี ยิ าสาส์น, ๒๕๔๕), หนา้ ๒๓๘.
๓๗ นิตย์ สัมมาพันธ์, ภาวะผู้นํา : พลังขับเคล่ือนสู่ความเป็นเลิศ, (กรุงเทพมหานคร: สถาบัน
บัณฑติ พฒั นบริหารศาสตร์ รว่ มกับ สนพ.โอเดยี นสโตร์, ๒๕๔๖), หนา้ ๓๑.
๓๘ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์, วิสัยทัศน์ขุนคลัง, พิมพ์ครั้งท่ี ๒, (กรุงเทพมหานคร: ผู้จัดการ, ๒๕๔๔), หน้า
๗๗.
๓๙ สมพงษ์ เกษมสนิ , การบรหิ าร, (กรงุ เทพมหานคร: โรงพมิ พ์ไทยวฒั นาพานิช, ๒๕๒๖), หนา้ ๒๒๐.
๔๐ สุพาณี สฤษฎ์วานิช, พฤติกรรมองค์การสมัยใหม่ : แนวคิดและทฤษฎี, (กรุงเทพมหานคร :โรง
พิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร,์ ๒๕๔๙), หนา้ ๒๙๖.

๑๕

กระตุ้นแรงจูงใจให้บุคคลในหน่วยงานได้นอกจากนี้นักวิชาการต่างประเทศได้ให้ความหมายเก่ียวกับ
ภาวะผูน้ ําไว้ ดงั น๔้ี ๑

ฉายศิลป์ เชี่ยวชาญพิพัฒน์ และคณะ ให้ความหมายว่า “ภาวะผู้นํา” คือ ศิลปะในการ
ชักจูงผู้ใต้บังคับบญั ชาให้ปฏิบัติหนา้ ท่ีอย่างเต็มใจ เตม็ ความสามารถ และกระตอื รอื ร้น หรอื ภาวะผู้นํา
คอื ผู้ท่ีเป็นแบบอย่างและมีความสามารถพิเศษ แสดงบทบาทในการส่งั การ และออกคําส่ังที่มีอิทธิพล
ต่อบุคคลอื่น๔๒

เถาวัลย์ นันทาภิวัฒน์ ให้ความหมายว่า “ภาวะผู้นํา” คือ ความสัมพันธ์ซึ่งบุคคลหนึ่ง
หรือผู้มีอิทธิพลให้ผู้อ่ืนทํางานร่วมกันอย่างเต็มใจเพื่อบรรลุเป้าหมายอันเป็นที่ต้องการของผู้นําผู้นํา
มิใช่เป็นผู้ผลักดันแต่เป็นผู้ดึงโดยแจ้งให้ผู้ตามทราบแนวทางปรารถนา ให้ปฏิบัติตามด้วยการปฏิบัติ
เปน็ ตวั อยา่ ง๔๓

รังสรรค์ ประเสริฐศรี ได้ให้ความหมายไว้ว่า ภาวะผู้นํา คือ พฤติกรรมส่วนตัวของบุคคล
คนหน่ึงท่ีจะชักนํากิจกรรมของกลุ่มให้บรรลุเป้าหมายร่วมกัน (Shared Goal) หรือเป็นความสัมพันธ์
ท่ีมีอิทธิพลระหว่างผู้นํา (Leaders) และผู้ตาม (Followers) ซ่ึงทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้
บรรลจุ ุดม่งุ หมายร่วม หรือเป็นความสามารถทจี่ ะสร้างความเชอ่ื มนั่ และให้การสนบั สนุนบคุ คลเพื่อให้
บรรลุเปา้ หมายองค์กร๔๔

นิตย์ สัมมาพันธ์ ได้ให้ความหมายว่า ภาวะผู้นํา คือ พลังชนิดหน่ึงท่ีสามารถส่งแรง
กระทําอันกอ่ ใหเ้ กิดการขบั เคลอ่ื นกลมุ่ คนและระบบองค์กรไปส่กู ารบรรลเุ ป้าประสงค๔์ ๕

เอมอร์ร่ี เอส.โบกราดัส (Emory S. Bogardus) กล่าวว่า ภาวะผู้นํา คือบุคลิกภาพใน
การกระทําการภายใต้เง่ือนไขของกลุ่ม การมีภาวะผู้นําต้องประกอบด้วยบุคลิกภาพและสถานการณ์
ของกลุ่ม ซึ่งเป็นกระบวนการทางสังคมที่เก่ียวข้องกับบุคคลท้ังในเชิงผล เพื่อให้มีภาวะผู้นําครอบงํา
บุคคลอืน่ ได้๔๖

๔๑ เอกชัย กี่สุขพันธ์, การบริหารทักษะและการปฏิบัติ, (กรุงเทพมหานคร: รุ่งเรืองการพิมพ์, ๒๕๓๐),
หนา้ ๘.

๔๒ ฉายศิลป์ เชี่ยวชาญพิพัฒน์ และคณะ, การบริหาร, (กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรม
ศาสตร์, ๒๕๒๗), หน้า ๑๘.

๔๓ เถาวัลย์ นันทาภิวัฒน์, หลักการจัดการ, (กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,
๒๕๒๑), หนา้ ๒๐๓.

๔๔ รังสรรค์ ประเสริฐศรี, ภาวะผู้นาํ , (กรุงเทพมหานคร: ธนธชั การพมิ พ,์ ๒๕๔๔), หน้า ๓๑.
๔๕ นิตย์ สัมมาพันธ์, ภาวะผู้นํา :พลังขับเคล่ือนสู่ความเป็นเลิศ, (กรุงเทพมหานคร: สถาบันบัณฑิต
พฒั นบรหิ ารศาสตร์ ร่วมกบั สาํ นักพิมพ์ โอเดียน สโตส์, ๒๕๔๖), หน้า ๓๑.
๔๖ Emory S. Bogardus. Leaders and Leadership. (New York: Appleton–century Croffs,
Inc., 1934), p. 313.

๑๖

โซโลมอล เบ็น (Solomal Ben) ได้กล่าวถึงภาวะผู้นําว่า เป็นคุณสมบัติของการที่บุคคล
ใช้อิทธิพลกับบุคคลอ่ืน และสามารถทําให้บุคคลอื่นรับฟังและเห็นด้วยกับวัตถุประสงค์ของกลุ่ม ยอม
ทาํ ตามคาํ แนะนาํ ของเขา ท้ังนี้เพ่ือใหก้ ลมุ่ ดําเนนิ การตามวัตถปุ ระสงค์๔๗

เรนซิส ลิเกอร์ท (Rensis Likert) กล่าวว่า ภาวะผู้นํา คือ กระบวนการซ่ึงผู้นําจะต้อง
เข้าไปเก่ียวข้องกับความคาดหวัง ค่านิยม และความสามารถในการติดต่อพบปะเจรจาของบุคคลที่
จะต้องเข้าไปเก่ียวข้องด้วย ดังนั้น เพื่อจะก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทํางาน ผู้นําต้องแสดงออกซ่ึง
พฤตกิ รรมท่ีจะทําใหผ้ ู้ใต้บังคบั บญั ชา เหน็ วา่ สนบั สนนุ ในความสามารถของเขา๔๘

ออด์เวย์ เทรด (Ordway Tead) กลา่ ววา่ เปน็ การประกอบกนั ของลักษณะท่ีบุคคลช้ีนํา
ใหบ้ คุ คลอื่น กระทาํ การเพอื่ บรรลเุ ปา้ หมายทีต่ นตอ้ งการได้๔๙

สรุปความหมายได้ว่า “ภาวะผู้นํา” หมายถึง ศิลปะวิธีท่ีผู้นําได้ประยุกต์ใช้ความรู้
ความสามารถ จนก่อให้เกิดอํานาจ อิทธิพล หรือเกิดการยอมรับจนสามารถจูงใจผู้อื่นหรือชักนําพา
ผู้อื่นให้ปฏิบัติภารกิจ การงานของกลุ่มหรือองค์กรให้สําเร็จลุล่วงไปตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่
ผู้นําหรือองค์กรตั้งไว้ ฉะนั้นคุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นผู้นํา บุคคลท่ีเป็นผู้นําจะต้องมีธรรมะ หรือ
คุณสมบัติในตัวของผู้นํามี ๗ ประการ ได้แก่ รู้จักเหตุ รู้จักผล รู้จักตน รู้จักประมาณ รู้จักกาล รู้จัก
ชมุ ชน และรู้จกั บคุ คล เพราะถ้านําหลกั ธรรมนีไ้ ปใช้แล้วก็จะทาํ ให้งานนั้น ๆ สาํ เร็จและลลุ ่วงไปดว้ ยดี

๒.๒.๒ แนวคดิ เกีย่ วกับภาวะผนู้ าํ (Leadership)

คําว่า “ภาวะผู้นํา” (Leadership) เป็นเร่ืองที่นักวิชาการและผู้ท่ีเกี่ยวข้องได้ให้ความ
สนใจศึกษามาเป็นเวลานานซ่ึงเป็นการศึกษา ถึงความมีอํานาจและความสามารถของบุคคล ท่ี
สามารถสั่งการในการบริหาร ให้งานท่ีรับผิดชอบประสบความสําเร็จจากประสบการณ์ที่ผ่านมาย่อม
เปน็ ที่ประจักษก์ ัน แล้ววา่ ภาวะผูน้ ําเป็นองคป์ ระกอบท่ีสําคัญยิ่งในการบริหาร และ การจัดองคก์ ารท้ัง
ภาครัฐและ เอกชนให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามนโยบายขององค์การ ดังน้ันผู้ศึกษาจึงได้รวบรวม
ความหมายของ “ภาวะผู้นํา” จากการรวบรวมความเห็นท่ีนักวิชาการและนักบริหาร ได้ให้ไว้
ดังต่อไปน้ี

นงลักษณ์ สิทธิวัฒนพันธ์ กล่าวว่า ภาวะผู้นํา หมายถึง กระบวนการ มิใช่บุคคล เป็น
กระบวนการของการมีอิทธิพลเหนือกลุ่มเพื่อการกําหนดเป้าหมายและการบรรลุเป้าหมาย ของกลุ่ม
ผู้นํา ไม่เพียงแต่ยืนอยู่เบ้ืองหลังกลุ่มท่ีคอยแต่วางแผนและผลักดันแต่ผู้นําจะต้องยืนอยู่ข้างหน้ากลุ่ม
และนาํ กลมุ่ ปฏิบัตงิ านใหบ้ รรลเุ ป้าหมาย๕๐

๔๗ olomal Ben, Leadership of Youth, (Cambrige: Harvard University Press, 1967), p. 45.
๔๘ Rensis Likert, The Human Organization, (New York: Mc Graw Hill, 1967), p. 172.
๔๙ Ordway Tead, The art of Leadership, (New York: McGraw-Hill Book Company. Inc.,
1956), p. 19.
๕๐ นงลักษณ์ สิทธิวัฒนพันธ์, พัฒนาบุคลิกผู้นําและนักบริหาร, พิมพ์คร้ังท่ี ๒, (กรุงเทพมหานคร:
สขุ ภาพ, ๒๕๔๔), หนา้ ๒.

๑๗

โอดเวย์ เเทด (Ordway Tead) กล่าวว่า ภาวะผู้นํา เป็นการประกอบกันของลักษณะท่ี
บุคคลชนี้ ําให้บคุ คลอ่นื กระทาํ การเพ่ือบรรลเุ ป้าหมายทตี่ นต้องการได๕้ ๑

เรนสสิ ไลเกอท (Rensis Likert) กล่าววา่ ภาวะผู้นาํ คอื กระบวนการซ่ึงผู้นําจะต้องเข้า
ไปเกี่ยวข้องกับความคาดหวัง ค่านิยมและความสามารถในการติดต่อพบปะเจรจากันของบุคคลท่ีจะ
เข้าไปเก่ียวข้องด้วย ดังน้ัน เพื่อจะก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทํางาน ผู้นําต้องแสดงออกซึ่ง
พฤตกิ รรมท่จี ะทําใหผ้ ู้ใตบ้ งั คบั บญั ชาเหน็ วา่ ควรสนับสนุนในความสามารถของเขา๕๒

สรุปจากการศึกษาการนิยามความหมายแนวคิดเก่ียวกับภาวะผู้นําข้างต้น ภาวะผู้นํา
หมายถึง ศิลปะและความสามารถของบุคคลหน่ึง ที่จะกระตุ้นจูงใจหรือใช้อิทธิพลต่อบุคคลอื่น
ผู้ร่วมงานหรือผู้ใต้บังคับบัญชาในสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อปฏิบัติการและอํานวยการ โดยใช้
กระบวนการ สื่อความหมาย การติดต่อซ่ึงกันและกัน ให้เกิดมีใจร่วมกับตนดําเนินการจนกระทั่ง
บรรลผุ ลสําเรจ็ ตามวัตถปุ ระสงค์และเปา้ หมายท่ีกาํ หนดไว้

๒.๒.๓ ทฤษฎเี ก่ยี วกบั ภาวะผูน้ าํ

จากปัจจัยสําคัญและจุดเน้นที่แตกต่างกัน การศึกษาภาวะผู้นําจากทฤษฏีต่าง ๆ ซ่ึงมีอยู่
มากมาย ผู้วิจัยความหมายของคําว่า ภาวะผู้นํา (Leadership) ดังที่ได้กล่าวมานักวิชาการยังได้เสนอ
แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับภาวะผู้นํา โดยพิจารณาจากจะขอนําเสนอทฤษฏีจากนักวิชาการที่ได้
รวบรวมไว้และคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ตอ่ การวิจัยครง้ั นดี้ งั ตอ่ ไปนี้

ตนิ ปรัชญาพฤทธ์ิ ได้กลา่ วถึง ทฤษฎีภาวะผนู้ ําท่ีเปน็ หลักใหญ่ ๆ และนา่ สนใจไว้ ดังนี้
๑. ทฤษฎีผู้ยิ่งใหญ่ (Greatman Theories) ทฤษฎีนี้เชื่อว่า ผู้นํามีลักษณะพิเศษบาง
ประการท่ีผู้ตามไม่มี คือ มีพลังกาย มีพลังสมอง และมีพลังศีลธรรม ที่สืบเน่ืองมาจากพันธุกรรม และ
สภาพแวดล้อมแต่ละยุคแตล่ ะสมัย เชน่ เลนิน เชอรช์ ลิ ์ ฮติ เลอร์ และมุสโสลินีเป็นตน้
๒. ทฤษฎีสภาพแวดล้อม (Environmental Theories) ทฤษฎีนี้เชื่อว่า ผู้ที่จะก้าวขึ้นสู่
ความเปน็ ผนู้ ําไดน้ นั้ ข้ึนอยู่กับความสามารถในหนา้ ทแ่ี ละความชํานาญ (Abilities and Skills) ของเขา
ในขณะน้ัน วา่ มีความสามารถแก้ไขสถานการณ์ต่าง ๆ ในยามวิกฤตได้ เช่นสงคราม เป็นต้น ทฤษฎีน้ี
เช่อื ว่า ภาวะผนู้ ําจะสบื เนื่องมาจากภาวะทางสังคม วัฒนธรรมเศรษฐกิจและการเมือง ลักษณะผู้นําใน
กลุ่มทฤษฎีนี้ เช่น มหาตมะคานธี และมาร์ตนิ ลูเธอร์ คงิ เปน็ ตน้
๓. ทฤษฎีบุคคลสถานการณ์ (Personal Situational Theories) ทฤษฎีนี้ได้นําเอาทฤษฎี
สองทฤษฎีข้างต้นมารวมกัน คือ ภาวะผู้นําจะสืบเนื่องมาจากลักษณะพิเศษของผู้นําเองและ
สถานการณ์ที่อยู่รอบตวั ของผนู้ ํา ปัจจัยสําคัญทน่ี กั ทฤษฎีกลุ่มน้ีใหค้ วามสนใจเป็นพิเศษ คือสถานภาพ
ปฏิกริ ยิ า โต้ตอบ การรบั รู้ และพฤตกิ รรมของบุคคลในกลุ่มของผู้นาํ และผู้ตาม

๕๑ Ordway Tead, The Art of Leadership, (New York: McGraw Hill Book Company. Inc.,
1956), p. 19.

๕๒ Rensis Likert. The Human Organization, (New York: McGraw–Hill, 1967), p. 172.

๑๘

๔. ทฤษฎปี ฏิกริ ยิ าโต้ตอบความคาดหวัง (Interaction Expectation Theories) ทฤษฎีนี้
เชื่อว่า ภาวะผู้นําเกิดจากปฏิกิริยาโต้ตอบและความคาดหวังระหว่างสมาชิกในกลุ่มฉะนั้นผู้ที่จะก้าว
เข้าสู่ตําแหน่งผู้นําได้ต้องมีความคิดริเร่ิม และสามารถดูแลโครงสร้างของปฏิกิริยาโต้ตอบของสมาชิก
ในกลมุ่ เพราะจะตอ้ งสามารถตอบสนองความคาดหวังของสมาชิกในกลุ่มตลอดเวลา

๕. ทฤษฎีมนุษยนิยม (Humanistic Theories) ทฤษฎีน้ีมุ่งท่ีจะพัฒนาสถาบันให้มี
ประสิทธิผลและมีความเป็นปึกแผ่น โดยเน้นความสําคัญท่ีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์พยายามทําให้
บุคคลในสถาบันมีความเป็นอิสรเสรี สามารถสนองความต้องการของตนเอง และของสถาบันได้
เป้าหมายของภาวะผู้นําตามทฤษฎีนี้ก็คือ การปฏิบัติการเพื่อท่ีจะให้ได้มาซึ่งผลงาน และน้ําใจจาก
ผ้รู ว่ มงานในเวลาเดยี วกนั

๖. ทฤษฎกี ารแลกเปล่ียน (Exchange Theories) ทฤษฎีน้เี ชอ่ื ว่า การทผี่ ตู้ ามยนิ ยอมหรือ
ยอมรับผ้นู ําก็เพราะท้ังสองฝ่ายมีสัญญาท่จี ะแลกเปลี่ยนประโยชน์ซง่ึ กันและกันกล่าวคือ การมีสมาชิก
คนใดคนหนึ่งภายในกลุ่มได้รับการยกย่องหรือแต่งต้ังให้เป็นผู้นํานั้นนอกจากจะทําให้ผู้น้ันมีความร้สู ึก
ว่าตนได้รับรางวัลและผลประโยชน์แล้ว ยังทําให้สมาชิกคนอื่นๆ มีความพึงพอใจยอมรับผู้นําคนนั้น
ด้วย อย่างไรก็ดี หากฝ่ายใดฝ่ายหน่ึงเสียผลประโยชน์ หรือฝ่ายหน่ึงละเมิดสัญญา ท้ังสองฝ่ายไม่
สามารถอดทนต่อไปได้ ภาวะผูน้ าํ กจ็ ะหมดความสําคัญลง๕๓

ทองใบ สุดชาดา ได้ให้แนวคิด ทฤษฎีผู้นําเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้นํามี ๒ มิติ คือด้านกิจ
สัมพนั ธ์ และด้านมิตรสัมพันธ์ โดยไดอ้ ธบิ าย ดังนี้

๑. ด้านกิจสัมพันธ์ หมายถึง พฤติกรรมที่แสดงถึงความเป็นผู้นํากับสมาชิกของกลุ่มและ
เน้นดาํ เนนิ งานใหเ้ ป็นระเบียบ ชอ่ งทางการตดิ ต่อสัมพนั ธใ์ หเ้ ป็นไปตามสวยงาม

๒. ด้านมิตรสัมพันธ์ หมายถึง พฤติกรรมท่ีแสดงความสัมพันธ์การเป็นผู้นํากับสมาชิกของ
กลุ่ม ในลักษณะการเป็นมิตร เคารพนับถือซึ่งกันและกันจากการท่ีนักวิชาการได้เสนอแนวคิด ทฤษฏี
ภาวะผู้นําต่าง ๆ ไม่ว่าจะเกิดข้ึนโดยคุณลักษณะส่วนตัวหรือสถานการณ์ใดๆ ก็ตาม จุดมุ่งหมายคือ
ต้องการให้เกิดการยอมรับของผู้ตาม เพื่อนําไปสู่ความสําเร็จของความต้องการของผู้นํา ฉะน้ันผู้นําจึง
สรปุ ได้วา่ มี ๒ ประเภทดงั นี้

๑) พฤติกรรมที่มุ่งงาน เป็นพฤตกิ รรมท่ีม่งุ ให้ความสนใจว่าผใู้ ตบ้ งั คับบญั ชาทํางานได้
ดี

๒) พฤติกรรมที่ให้ความสนใจแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา เป็นพฤติกรรมที่เน้นให้ความ
ร่วมมือ และทํางานกันเป็นทีมแนวคิดทฤษฎีนี้ เป็นทฤษฎีของนักวิชาการจากต่างประเทศ ซ่ึงได้เสนอ

๕๓ ติน ปรัชญพฤทธ์ิ, ภาวะผู้นําและการมีส่วนร่วม, เอกสารการสอนชุดวิชาพฤติกรรมมนุษย์ใน
องค์การ หน่วยท่ี ๑๑ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, (นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, ๒๕๒๗), หน้า
๖๓๕-๖๓๗.

๑๙

แนวคิดในเร่ืองน้ีไว้มากมาย ซึ่งผู้วิจัยได้นํามารวบรวมเพื่อเป็นกรอบแนวคิดในการวิจัย ซึ่งสอดคล้อง
กบั นกั วชิ าการของตะวันตก มดี งั ต่อไปนี้๕๔

ฮอดจ์ และ จอห์นสัน (Hodg & Johnson) ได้เสนอทฤษฎีเก่ียวกับภาวะผู้นํา โดยมี
พน้ื ฐานต้งั อยบู่ นสมมตฐิ าน ตา่ ง ๆ ดังนี้

๑. ทฤษฎีเก่ียวกับคุณลักษณะผู้นํา (Traitist Theory) โดยมีสมมติฐานว่า ผู้นําที่ประสบ
ผลสําเร็จจะมีลักษณะของบุคลกิ ภาพที่ดี

๒. ทฤษฎีทางสถานการณ์ (Situates Theory) โดยมีสมมติฐานว่า บุคคลที่ได้รับการ
ยอมรับว่าเป็นผู้นําที่เหมาะสมที่สุดในสถานการณ์ใด สถานการณ์หนง่ึ ทั้งน้ีก็เพราะว่าเกิดจากลักษณะ
ของกลมุ่ ทเ่ี ขาเป็นผู้นาํ

๓. ทฤษฎีการเป็นผู้ตาม (Fellowship Theory) โดยมีสมมติฐานว่า เครื่องบ่งชี้คุณภาพ
ของผู้นําก็คือคุณภาพของผู้ตาม ซ่ึงเป็นวิธีท่ีดีท่ีสุดในการประเมินคุณค่าของผู้นํา คือการวิเคราะห์ผู้
ตามนนั้ เอง

๔. ทฤษฎีของผลรวม (Eclectic Theory) ทฤษฎีนี้เกิดจากการนําเอาคําอธิบายของ
ทฤษฎีทั้ง ๓ ขา้ งตน้ มารวมกนั เพ่อื จะทําการอธบิ ายเกย่ี วกบั ภาวะผนู้ าํ ๕๕

บาร์บารา เคลแมน (Barbara Kelleman) ได้สรุปความหมายเกี่ยวกับทฤษฎีภาวะผู้นํา
แบบต่าง ๆ เอาไว้ ๑๐ หมวด ประกอบด้วยภาวะผู้นําในฐานะที่เป็นจุดศูนย์กลางของกระบวนการ
กลุ่ม ภาวะผู้นาํ จากหมวดนจ้ี ึงเปน็ ผลลพั ธ์ทเี่ กิดจากความเปลี่ยนแปลงและกจิ กรรมของกลุ่ม

๑. ภาวะผู้นําในฐานะที่เป็นบุคลิกภาพและผลกระทบ ภาวะผู้นําจากหมวดนี้ถือเป็นการ
เช่ือมโยงภาพพจน์อันทาํ ให้ปัจเจกบุคคลสามารถทจ่ี ะกระทําการจูงใจบคุ ลอน่ื ๆ ใหท้ ําหน้าทีส่ อดคลอ้ ง
กบั ภาระหน้าทีท่ ่ีไดร้ บั มอบหมาย

๒. ภาวะผู้นําในฐานะที่เป็นศิลปะที่ใช้ในการช้ีนํา ภาวะผู้นําจากหมวดน้ีถือเป็นการ
แสดงออกในบริบทของอํานาจและอิทธิพล ดังน้ันจึงมีความพยายามท่ีจะให้กลุ่มนั้นดําเนินการเป็นไป
ตามแนวทางหรือเจตนารมณ์ของตัวบคุ คลทเี่ ปน็ ผู้นํา

๓. ภาวะผู้นําในฐานะท่ีเป็นการใช้อิทธิพล การเป็นผู้นําในลักษณะนี้นั้นได้ก่อให้เกิด
ผลกระทบกับพฤติกรรมของสมาชิกภายในกลุ่ม ที่ตอบสนองแนวนโยบายของผู้นําในลักษณะทําด้วย
ความสมัครใจ

๔. ภาวะผู้นําในฐานะท่ีเป็นพฤติกรรมเด่นอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นพฤติกรรมของปัจเจก
บุคคลทีแ่ สดงออกในโอกาสท่ีไดเ้ ข้าไปมีสว่ นรว่ มในกิจกรรมของกลมุ่

๕๔ ทองใบ สุดชาดา, อ้างใน วาสนา สุขประเสริฐ, “ภาวะผู้นําของผู้บริหารสตรีโรงเรียนประถมศึกษา
สงั กัดสํานกั งานการประถมศกึ ษาจงั หวัดยโสธร”, วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑติ , (บัณฑติ วิทยาลัย: สถาบันราช
ภฏั อุบลราชธาน,ี ๒๕๔๗), หน้า ๒๙.

๕๕ Hodge Billey J. & Herbert J. Johnson, Management and Organization Behavior.
(New York: John Willey & Sons, 1970), pp. 255-259.

๒๐

๕. ภาวะผู้นําในฐานะท่ีเป็นรูปแบบของการชักชวน ภาวะผู้นําจากหมวดนี้ถือเป็นการ
บริหารคนด้วยวิธีการจงู ใจและมีการสรา้ งจดุ มุง่ หมายรว่ มกัน โดยไมใ่ ชว้ ิธีการบีบบงั คบั

๖. ภาวะผนู้ าํ ในฐานะที่เปน็ การใชค้ วามสมั พันธ์ในเชงิ อาํ นาจระหวา่ งบคุ คล ภาวะผูน้ าํ จาก
หมวดนี้เกิดจากการยอมรับในอํานาจของกันและกัน ซ่ึงบุคคลหนึ่งสามารถใช้อํานาจมาบังคับอีก
บุคคลหนึง่ ให้ลดการตอ่ ตา้ น เท่าทจี่ ะลดลงไดม้ ากทีส่ ุด ซ่ึงบุคคลหลังน้ีสามารถจะทาํ ให้เกดิ ข้ึนได้

๗) ภาวะผู้นําในฐานะท่ีเป็นเคร่ืองมืออย่างหนึ่ง ท้ังน้ีก็เพ่ือท่ีจะให้บรรลุจุดมุ่งหมายโดยที่
ภาวะผู้นําจะเปน็ การกระทาํ เพอื่ ใหม้ ีความสอดคล้องกบั จดุ มุ่งหมายของกลุม่

๘. ภาวะผู้นําในฐานะที่เป็นการจําแนกบทบาท ทั้งน้ีโดยท่ีภาวะผู้นําน้ันต้องการรวบรวม
บทบาทต่าง ๆ ในกลุ่มเข้าไว้ด้วยกัน ท้ังน้ีก็ด้วยการอํานวยการใช้ความพยายามเพ่ือที่จะให้บรรลุ
ความสาํ เร็จทต่ี ้งั เปา้ หมายเอาไว้

๙. ภาวะผู้นําในฐานะท่ีเป็นคนท่ีมีความคิดริเริ่ม โดยบางครั้งภาวะผู้นําก็เกิดข้ึนมาจากผล
พวงของความคิดริเร่มิ สร้างสรรค์ภายใตป้ ฏสิ ัมพนั ธ์ภายในกลมุ่

๑๐. ภาวะผู้นํา ในฐานะของการมีความคิดริเร่ิม ภาวะผู้นํา เป็นผลลัพธ์จากการท่ี มี
ความคิดรเิ ร่ิมสรา้ งสรรค์ ภายใตป้ ฏสิ มั พันธภ์ ายในกล่มุ (Group interaction) ๕๖

สรุปการศึกษาทฤษฎีภาวะผู้นําจากแนวคิดนักวิชาการหลายๆท่านว่าภาวะผู้นําเกิดขึ้นได้
ท้ังทางพันธุกรรม หรือ สัญชาตญาณ (Instinct) และสถานการณ์ เวลา โอกาสสภาพแวดล้อมทาง
สังคม ภาวะผู้นํานั้น เป็นศิลปะสาหรับบริหารจัดการและเป็นจุดศูนย์กลางของพฤติกรรม คือ ใช้
อาํ นาจ อทิ ธพิ ล ตามบทบาทหนา้ ท่ี เพอ่ื ให้บรรลคุ วามสําเรจ็ ตามวตั ถปุ ระสงค์

ตารางที่ ๒.๒ สรปุ แนวคดิ เกยี่ วกบั ภาวะผ้นู าํ (Leadership)

นักวิชาการหรอื แหลง่ ขอ้ มูล สรุปแนวคดิ
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยตุ โฺ ต), (๒๕๔๙,
หนา้ ๔). ภาวะผ้นู าํ หมายถึง คุณสมบตั ิ เชน่ สติปัญญา
กวี วงศ์พฒุ , (๒๕๓๖, หนา้ ๑๗). ความดงี าม

กติ ิ ตยคั คานนท,์ (๒๕๓๕, หน้า ๒๐). การทผ่ี นู้ าํ ใชอ้ ทิ ธิพลในความสัมพันธ์ซึ่งมอี ยตู่ อ่
ใตบ้ งั คับบญั ชาในสถานการณต์ า่ ง ๆ
นงลกั ษณ์ สุทธิวฒั นพันธ,์ (๒๕๔๔, หนา้ ๒๒).
“ภาวะผูน้ าํ ” คือ ศิลปะหรอื ความสามารถของ
บคุ คลหน่งึ ทจ่ี งู ใจหรอื ใช้อทิ ธพิ ลตอ่ บคุ คลอื่น

ภาวะผนู้ าํ หมายถงึ กระบวนการ มิใช่บคุ คลเปน็
กระบวนการของการมีอทิ ธพิ ลเหนือกลมุ่

น้อย สปุ ิงคลดั , (๒๕๓๗, หน้า ๖). ภาวะผู้นํา หรือความเปน็ ผ้นู ําเปน็ เรือ่ งท่เี ก่ียวกบั
ตัวผู้นาํ โดยตรงท่จี ะใชค้ วามสามารถ

๕๖ Barbara Kelleman (ed)., Leadership as a Political Act in Leadership: Multidisciplinary
Perspective , (New Jersey: Prentice Hall, 1984), p. 70.

๒๑

นักวชิ าการหรอื แหลง่ ข้อมูล สรุปแนวคดิ

ปรัชญา เวสารัชช,์ (๒๕๒๓, หนา้ ๒๗). ภาวะผนู้ าํ เปน็ ลักษณะความสัมพันธร์ ปู แบบ

หน่งึ ระหวา่ งคนในกลมุ่

ประพันธ์ สุรหิ าร, (๒๕๓๕, หนา้ ๒๑๗). ภาวะผู้นาํ หมายถึง ศลิ ปะของการมีอทิ ธพิ ล

เหนอื ผอู้ ืน่

รงั สรรค์ ประเสริฐศร,ี (๒๕๔๔, หน้า ๑๑). ภาวะผนู้ าํ หมายถงึ พฤติกรรมสว่ นตัวของบุคคล

คนหนงึ่ ทจี่ ะชักนาํ กจิ กรรมของกลมุ่ ใหบ้ รรลุ

เป้าหมายรว่ มกัน

วิฑูรย์ สมิ ะโชคดี, (๒๕๓๘, หน้า ๑๐๔). ภาวะผนู้ ํา หมายถึง ความสามารถในการจดั การ

ใหบ้ รรลเุ ป้าหมายของกลุ่ม

ศักดิ์ไทย สุรกจิ บวร, (๒๕๔๕, หนา้ ๒๓๘). ภาวะผู้นาํ หมายถงึ กระบวนการในการใช้

อิทธพิ ลของผนู้ ํา

นติ ย์ สัมมาพนั ธ์, (๒๕๔๖, หนา้ ๓๑). ภาวะผนู้ าํ คอื พลังชนิดหน่งึ ท่สี ามารถสง่ แรง

กระทําอันก่อใหเ้ กิดการขบั เคล่ือนกลุม่ คน

สมคดิ จาตุศรีพทิ ักษ,์ (๒๕๔๔, หนา้ ๗๗). ภาวะผนู้ ํา มคี วามหมายครอบคลมุ ในมติ ทิ ี่

กวา้ งขวาง และหลากหลายกวา่ เร่อื งความกล้า

หาญ และการตัดสินใจ

สมพงษ์ เกษมสนิ (๒๕๒๖, หน้า ๒๒๐). ภาวะผนู้ าํ หมายถงึ การใชอ้ ิทธิพลหรอื อาํ นาจ

หนา้ ทใี่ นความสมั พนั ธ์ซึง่ มีผใู้ ตบ้ ังคับบัญชาใน

สถานการณ์ต่าง ๆ

สพุ าณี สฤษฎว์ านชิ , (๒๕๔๙, หนา้ ๒๙๖). ภาวะผู้นํา หมายถงึ ความสามารถทจ่ี ะมอี ทิ ธพิ ล

ตอ่ ผ้ตู าม หรือ นําผ้ตู ามไปอย่างสัมฤทธิผล

เอกชัย กี่สขุ พนั ธ,์ (๒๕๓๐, หนา้ ๘). ภาวะผูน้ าํ หมายถงึ ผ้นู ํา หรอื ผใู้ ต้บงั คับบัญชาที่

มีความสามารถ มีเทคนคิ ในการบริหาร มี

คณุ ลักษณะทด่ี ี

ฉายศลิ ป์ เชี่ยวชาญพิพัฒน์ และคณะ, (๒๕๒๗, “ภาวะผู้นํา” คอื ศลิ ปะในการชกั จูง

หนา้ ๑๘). ผ้ใู ต้บังคบั บัญชาใหป้ ฏบิ ตั ิหน้าทอี่ ยา่ งเต็มใจ

เถาวัลย์ นันทาภวิ ฒั น,์ (๒๕๒๑, หนา้ ๒๐๓). “ภาวะผู้นาํ ” คือ ความสมั พนั ธ์ซง่ึ บคุ คลหนง่ึ

หรอื ผู้มีอิทธพิ ล ใหผ้ ้อู ืน่ ทํางานร่วมกันอยา่ งเต็ม

ใจ

รงั สรรค์ ประเสรฐิ ศรี, (๒๕๔๔, หน้า ๓๑). ภาวะผนู้ าํ คอื พฤติกรรมส่วนตัวของบคุ คลคน

หน่งึ ท่จี ะชกั นาํ กิจกรรมของกลมุ่ ให้บรรลุ

เป้าหมายรว่ มกัน

นิตย์ สัมมาพันธ,์ ๒๕๔๖, หน้า ๓๑). ภาวะผู้นาํ คอื พลงั ชนิดหนง่ึ ท่ีสามารถสง่ แรง
กระทาํ อนั ก่อให้เกิดการขับเคลื่อนกลมุ่ คนแล

๒๒

นักวชิ าการหรอื แหลง่ ข้อมูล สรุปแนวคิด

Emory S. Bogardus, (1934, p. 313). ภาวะผู้นาํ คอื บคุ ลิกภาพในการกระทาํ การ

ภายใต้เงอ่ื นไขของกล่มุ

Solomal Ben, (1963, p. 45). ภาวะผู้นาํ ว่า เป็นคุณสมบัตขิ องการท่ีบคุ คลใช้

อทิ ธพิ ลกบั บุคคลอืน่ และสามารถทําใหบ้ ุคคล

อน่ื รบั ฟัง

Rensis Likert, (1967, p. 172). ภาวะผู้นํา คือ กระบวนการซึง่ ผูน้ าํ จะต้องเข้าไป

เกย่ี วข้องกบั ความคาดหวงั ค่านยิ ม

Ordway Tead, (1956, p. 19). เป็นการประกอบกนั ของลักษณะที่บุคคลชน้ี าํ ให้

บุคคลอ่ืน กระทําการเพอ่ื บรรลุเป้าหมายทตี่ น

ต้องการได้

นงลักษณ์ สทิ ธวิ ัฒนพนั ธ,์ (๒๕๔๔, หน้า ๒). ภาวะผนู้ าํ หมายถงึ กระบวนการ มใิ ช่บุคคล

เปน็ กระบวนการของการมีอิทธิพลเหนอื กลมุ่

เพอื่ การกาํ หนดเปา้ หมาย

Ordway Tead, (1956, p. 19). ภาวะผนู้ าํ เปน็ การประกอบกันของลกั ษณะท่ี

บคุ คลชีน้ าํ ใหบ้ คุ คลอ่ืนกระทําการ

Rensis Likert, (1967, p. 172). ภาวะผู้นํา คอื กระบวนการซง่ึ ผู้นาํ จะต้องเข้าไป

เกี่ยวข้องกบั ความคาดหวัง

ตนิ ปรัชญาพฤทธิ,์ (๒๕๒๗, หนา้ ๖๓๕-๖๓๗). ไดก้ ล่าวถึง ทฤษฎภี าวะผ้นู าํ ทเ่ี ปน็ หลักใหญ่ ๆ

ดังน้ี

๑. ทฤษฎีผูย้ ่งิ ใหญ่ ผนู้ าํ มลี กั ษณะพิเศษบาง

ประการที่ผ้ตู ามไม่มี

๒. ทฤษฎสี ภาพแวดลอ้ ม ผทู้ ี่จะกา้ วขนึ้ สู่ความ

เปน็ ผนู้ ําไดน้ นั้ ขนึ้ อย่กู ับความสามารถ

๓. ทฤษฎบี ุคคลสถานการณ์ ภาวะผู้นาํ จะสบื

เน่อื งมาจากลักษณะพเิ ศษของผนู้ าํ เองและ

สถานการณ์ทอ่ี ยู่รอบตัวของผู้นํา

๔. ทฤษฎปี ฏกิ ริ ยิ าโต้ตอบความคาดหวัง ภาวะ

ผู้นาํ เกิดจากปฏิกิริยาโต้ตอบและความคาดหวัง

ระหวา่ งสมาชิกในกล่มุ

๕. ทฤษฎีมนุษยนยิ ม ทฤษฎีนม้ี ุ่งท่ีจะพฒั นา

สถาบนั ใหม้ ปี ระสิทธผิ ล

๖. ทฤษฎีการแลกเปล่ยี น การท่ผี ตู้ ามยินยอม

หรอื ยอมรับผนู้ ํากเ็ พราะท้ังสองฝา่ ย

ทองใบ สดุ ชาดา, (๒๕๔๗, หนา้ ๒๙). ไดใ้ ห้แนวคิด ทฤษฎผี ู้นําเก่ียวกบั พฤติกรรมผนู้ าํ มี

๒ มติ ิ คือด้านกิจสมั พนั ธ์ และด้านมติ รสมั พนั ธ์

๒๓

นักวิชาการหรอื แหลง่ ข้อมูล สรปุ แนวคดิ
Hodg & Johnson, (1970, p. 255-259).
ได้เสนอทฤษฎีเก่ียวกับภาวะผู้นํา โดยมพี ืน้ ฐาน
Barbara Kelleman, (1984, p. 70). ตงั้ อยู่บนสมมติฐาน

ภาวะผนู้ ําในฐานะท่เี ป็นจุดศนู ยก์ ลางของ
กระบวนการกล่มุ ภาวะผ้นู าํ จากหมวดนจี้ ึงเป็น
ผลลพั ธ์ท่เี กิดจากความเปลี่ยนแปลงและ
กิจกรรมของกลมุ่

๒.๓ คณุ ลักษณะและคุณสมบัติของผูน้ าํ

๒.๓.๑ ลักษณะภาวะผ้นู ําแบบตะวันตก

คุณลักษณะของภาวะผู้นํา ที่ประสบความสําเร็จซึ่งเช่ือว่ามักจะเกิดมาพร้อมด้วยลักษณะท่ี
โดดเด่นในลักษณะหลาย ๆ ด้านและมีประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ผู้นําจะเป็นบุคคลท่ีจะมุ่งก่อให้เกิดการ
เปล่ียนแปลงเชิงนวัตกรรม ในทิศทางที่ถูกต้อง (do the right things)๕๗ โดยมีองค์ประกอบต่าง ๆ ซ่ึง
กวี วงศ์พฒุ ๕๘ ไดก้ ล่าวไว้วา่ คุณลักษณะของผ้นู าํ ท่สี าํ คัญมดี งั นี้

๑. บุคลิกภาพ (Personality) ซ่ึงติดตัวมากับตัวของบุคคลแต่ละคนในส่วนที่สามารถ
ปรบั ปรงุ แกไ้ ขใหด้ ีได้ บุคลกิ ภาพดังกลา่ วคอื

๑.๑ ความสามารถในการปรบั ตัวเป็นความสามารถทัว่ ไปของบุคคล
๑.๒ ความต้องการท่ีจะนําซ่ึงอาจจะเป็นความสามารถในส่วนลึก ๆ มองไม่เห็นชัด
แตก่ ็สามารถคน้ คว้าได้
๑.๓ ความมั่นคงทางอารมณ์ ซ่ึงแต่ละคนจะมีนิสัยทางด้านความคงที่ของอารมณ์
การควบคมุ อารมณ์ไดม้ ากน้อยเพียงใด
๑.๔ ความเป็นตัวของตัวเอง มีอํานาจในการตัดสินใจต่าง ๆ ตามสภาพสังคมและ
วัฒนธรรม
๑.๕ ความอุตสาหพยายาม หมายถึง ความอดทนของแต่ละบุคคลที่จะพยายามฟัน
ฝา่ อุปสรรคนานาประการ
๑.๖ ความคิดสร้างสรรค์ ถือเป็นพรสวรรค์อย่างหน่ึง ที่มีความสนใจในเร่ืองใดเรื่อง
หนง่ึ โดยเฉพาะแลว้ คิดออกมาเปน็ รูปธรรม
๑.๗ ความทะเยอทะยาน เป็นธรรมชาติของมนุษย์ท่ีต้องการความสะดวกสบาย
ใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา หากทุกคนได้ใช้ความคิดดังกล่าวอยู่ตลอดเวลา เพราะการคิดแต่ละคนนั้น
ย่อมแตกตา่ งกันออกไป

๕๗ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, คุณลักษณะของภาวะผู้นํา, [ออนไลน์], แหล่งที่มา:
http://ednet.kku.ac.th, [๗ กรกฎาคม ๒๕๖๓].

๕๘ กวี วงศพ์ ุฒ, ภาวะผู้นาํ , (กรุงเทพมหานคร: ศนู ย์สง่ เสริมวชิ าชพี บญั ชี, ๒๕๓๙), หน้า ๑๑๗-๑๑๙.

๒๔

๒. ความรู้ ความสามารถ (Intelligence) สมองของคนเรานี้ธรรมชาติสร้างมาเพ่ือใช้
สตปิ ัญญาใหเ้ กดิ ประโยชน์ตอ่ สว่ นรวม ความรคู้ วามสามารถจะเห็นไดจ้ าก

๒.๑ เชาว์ปัญญา คนทุกคนมีสติปัญญา ความเฉลียวฉลาดแตกต่างกันไปอาจจะด้วย
สาเหตุหลายๆ ประการ ทั้งเรื่องพันธุกรรม สภาพแวดล้อม การแข่งขัน การฝึกฝนตนเองให้เป็นผู้ท่ี
สนใจในการศึกษาเล่าเรียน

๒.๒ ความแม่นยําในการตัดสินใจ เพราะต้องทําการตัดสินใจอยู่ตลอดเวลาในการ
ทํางาน การดํารงชวี ิต การตดั สินใจทแ่ี มน่ ยาํ จึงต้องอาศัยประสบการณ์

๒.๓ ระดับความรู้ ทุกคนสามารถศึกษาเล่าเรียนได้ไม่เทา่ กันเพราะสมองแต่ละคนไม่
สามารถรบั อะไรได้อย่างเต็มที่ คือมีการจุความจําไว้เท่ากันก็จรงิ แต่การับรู้ การถ่ายทอดอาจจะมีบาง
ส่ิงบางอยา่ งแตกต่างออกไป ดังน้ันจึงวัดระดบั ความรู้ไดจ้ ากการศึกษาในระดบั ความรูไ้ ดจ้ ากการศกึ ษา
ในระดับทส่ี งู ๆ ข้ึนไปของแต่ละคน

๓. คุณลักษณะด้านสังคม (Social Skill) การเข้าสังคมเป็นของคนทุกคน เพราะคนเราไม่
สามารถอยู่คนเดียวในโลกได้ การเข้าสังคมของคนแต่ละระดับต้องมีพิธีรีตองแตกต่างกันออกไปตาม
สภาพการณแ์ ละเหตุการณ์นน้ั ๆ คณุ ลักษณะดา้ นสังคมมดี ังน้ี

๓.๑ การรู้จักประนีประนอม การที่บุคคลทํา งานร่วมกับคนอ่ืนผลประโยชน์เป็น
เร่ืองที่มีความสําคัญไม่น้อย ด้วยเหตุนี้จึงต้องการคนที่จะมาประสานผลประโยชน์หรือเป็นคนที่คอย
ประนปี ระนอมใหท้ กุ คนทีร่ ว่ มงานเกดิ ความพอใจ

๓.๒ ความสามารถในการบริหาร งานบริหารเป็นการใช้ศิลป์ ซ่ึงแต่ละคนไม่สามารถ
ใช้ได้ทัดเทียมกัน ด้วยข้อจํากัดต่าง ๆ การศึกษาเล่าเรียนก็จะเป็นส่วนประกอบในการบริหารได้บ้าง
เชน่ กนั

๓.๓ ความร่วมมือ ถือเป็นเร่ืองสําคัญมากในการเป็นผู้นํา เพราะผู้นําจะต้องเป็นผู้ท่ี
สามารถชักจงู ให้ผรู้ ่วมงาน ตั้งใจทํางานหรือทําตามทผี่ ้นู ําตอ้ งการดว้ ยความเตม็ ใจ

๓.๔ ความเป็นท่ีนิยมชมชอบ เราคงจะเคยเข้าไปในงานเลี้ยงและพบคนหน่ึงซงึ่ จากสี
หน้าท่าทาง เป็นบุคคลท่ีเรามองแวบเดียวเกิดความรู้สึกอยากรู้จัก อยากทักทาย มีความเล่ือมใส
ศรทั ธาย่ิงเมือ่ เห็นเขาพูดจาด้วยแลว้ เกิดความนยิ มชมชอบตามมา

๓.๕ ความเป็นนักการทูต การทบี่ ุคคลจะเป็นนักการทูตท่ีดีนั้นต้องอาศัยปฏิภาณไหว
พริบมากมาย เพราะต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา ต้องโน้มน้าวเร่ืองใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้นแก้ปัญหาให้กลายเป็น
เร่ืองเล็กตอ้ งใช้ความสามารถหลายๆ ดา้ นประกอบกัน ซ่ึงไม่ใชก่ ารพดู เปน็ เพยี งอย่างเดยี ว

๔. คุณลักษณะดา้ นกายภาพ (Physical Characteristic) ถอื เป็นเรื่องท่ีตดิ ตัวมาอย่างเห็น
ได้ชัด ซึ่งสิ่งเหล่าน้ีอาจสามารถแก้ไข ปรับปรุงด้วยการให้อาหารหรือรับประทานอาหารที่ถูก
สขุ ลกั ษณะ รวมท้ังการออกกําลงั กายทีเ่ หมาะสมดว้ ย คุณลักษณะดา้ นกายภาพมีดังนี้

๔.๑ ส่วนสูง ถึงแม้ทุกคนไม่สามารถจะสูงทัดเทียมกัน แต่ก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า
การรับประทานอาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการนี้มีส่วนทําให้คนเราสูงได้ไม่เพียงพอเพราะ
พนั ธกุ รรมเพยี งอย่างเดียว

๒๕

๔.๒ นํ้าหนัก การควบคุมน้ําหนักจะเห็นได้ชัดเจนจากนักมวย เพราะการควบคุม
ต่าง ๆ ย่อมเกิดผลตามที่เราต้องการ หรือเป็นไปตามเป้าหมายระหว่างบุคคล มีนักจิตวิทยาได้ทํา
การทดสอบเร่ืองนาํ้ หนักกับการเป็นภาวะผู้นาํ เหมือนกัน แต่ไม่มีความสาํ คัญอย่างมีนัยสําคัญ

๔.๓ การฝึกฝน นับเป็นส่ิงสําคัญอย่างมากในการดํารงชีวิต การที่ร่างกายของคนเรา
ได้รับการออกกําลังกาย การฝึกฝนให้ใช้ความคิด การใช้สมอง การน่ังสมาธิ ล้วนแล้วแต่มีส่วนทําให้
จติ ใจเยอื กเย็น สามารถพัฒนาตนเองไปสคู่ วามเป็นผนู้ าํ ได้ในทีส่ ุด

๔.๔ ความสมบูรณ์ของร่างกาย การรักษาตนให้พ้นจากโรคภัยถือเป็นลาภอัน
ประเสริฐตามหลักของพระพุทธศาสนา ดังน้ัน ความสมบูรณ์ต้องมีส่วนประกอบด้านอื่นด้วยเช่น การ
รกั ษาความอบอนุ่ ของร่างกาย การพักผอ่ นทเี่ พยี งพอ การออกกาํ ลงั กายอยา่ งสมํา่ เสมอเป็นตน้

๒.๓.๒ ประเภทภาวะผูน้ ําแบบตะวนั ตก

การศึกษาประเภทภาวะผู้นําจะทําให้ทราบว่าการดําเนินการขององค์กรจะเป็นไปใน
ลักษณะใด นักวิชาการส่วนใหญ่แบ่งประเภทของผู้นํา โดยแยกประเภทเป็นผู้นําตามความมี
ประสิทธิผลมากน้อยของงาน ผู้นําตามลักษณะการใช้อํานาจ ผู้นําตามลักษณะการทํางานท่ีเน้นคน
หรือเน้นงาน และแยกประเภทผู้นําตามสถานการณ์ต่าง ๆ วิลเลียม เจ เรดดิน (William J.Reddin)๕๙
ได้แยกประเภทของผู้นําได้ดงั นี้

๑. ประเภทผู้นําตามลกั ษณะความมปี ระสทิ ธผิ ลมากนอ้ ยของงาน

การแจกแจงประเภทผู้นํา วิลเลียม เจ เรดดิน (William J. Reddin) ได้แจกแจงประเภท
ผนู้ ําออกเปน็ ๒ กล่มุ คอื

๑.๑ ประเภทผนู้ าํ ที่มปี ระสิทธผิ ลนอ้ ย ได้แก่
๑) ผู้หนีงาน (Deserter) ผู้นําแบบนี้ขาดความสนใจในด้านท่ีเก่ียวกับ

ความสําเร็จของงาน ตลอดจนสัมพันธภาพกับผู้ร่วมงาน ขาดความกระตือรือร้น ขาดความอดทน ทํา
ใหป้ ระสทิ ธผิ ลของงานมีน้อยทสี่ ุด

๒) นักบุญ (Missionary) ลักษณะของหัวหน้างานเป็นผู้นําที่มีจิตใจเมตตาและ
คํานึงถึงแต่สัมพันธภาพอันดีเหนือสิ่งอ่ืนใด แต่ท่ีนับว่าเป็นข้อเสียก็เพราะเขาปรารถนาที่จะเป็น “คน
ดี” เสียจนไม่กล้าโต้แย้งคัดค้านการกระทําใด ๆ แม้แต่เป็นเร่ืองเล็กน้อย ทัศนคติในการทํางานของ
ผู้นําชนิดนี้ ก่อให้เกิดการบริหารงานที่ไม่ดี และผลิตผลต่ําเขาคิดว่าการโต้เถียงกันจะไม่ทําให้เกิด
ความคิดใหม่ ๆ ที่ดีขึ้นมาได้ ลักษณะการบริหารงานของเขาจึงไม่บรรลุผลสําเร็จเพราะว่าเขาไม่เคย
แก้ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องคนได้อย่างแท้จริง เพราะมุ่งแต่สร้างสัมพันธภาพของบุคคล จนทําให้มีผลงาน
ในระดบั ทต่ี า่ํ จึงนบั ว่าเปน็ ผ้นู ําท่มี ีประสทิ ธผิ ลของงานน้อยมาก

๓) ผู้เผด็จการ(Autocrat) ลักษณะของผู้นําประเภทน้ี เป็นผู้นําที่ดําเนินงานมุ่ง
แต่ภารกิจเพียงอย่างเดียว โดยมิได้คํานึงเรื่องอ่ืน ๆ มองคนเหมือนเคร่ืองจักรต้องการให้

๕๙ William J. Reddin, Managerial Effectiveness, (New York: McGraw–Hill Book Co., 1970),
pp. 215-234.

๒๖

ผู้ใต้บังคับบัญชาทํางานตามคําสั่งให้เร็วที่สุด โดยใช้อํานาจของตนเป็นหลัก ผู้ร่วมงานและ
ผู้ใต้บังคับบัญชามักจะเกิดความไม่พอใจ ผลของงานที่ออกมาค่อนข้างจะน้อย ผู้นําประเภทนี้จึงมี
ประสทิ ธิผลของงานน้อย

๔) ผู้ประนีประนอม (Compromiser) ผู้นําชนิดน้ีเป็นคนโลเลและชอบการ
ประนีประนอม เขาต้องการเพียงให้งานดําเนินไปเรื่อย ๆ และเป็นอยู่อย่างน้ันตลอดไป เขาสนใจแต่
เฉพาะส่ิงที่จะทําให้งานดําเนินไปได้ เขาจะไม่ยุ่งกับใครและไม่ควรมีใครมายุ่งกับเขา ผู้นําประเภทน้ี
ชอบการรอมชอม ไมม่ ีการตดั สินใจท่ีเดด็ ขาดแตเ่ ป็นการตัดสินใจเพ่ือความอยรู่ อดเทา่ นั้น

๑.๒ ประเภทผนู้ าํ ทีม่ ปี ระสิทธิผลมาก ได้แก่
๑) ผู้ทําตามคําสั่งอย่างเดียวหรือแบบราชการ (Bureaucrat) ผู้นําท่ีมีลักษณะ

เช่นน้ี จะทําตามคําส่ังอย่างเคร่งครัด จะให้ความสนใจกับงานแต่ไม่นําตัวไปผูกพันกับปัญหาต่าง ๆ
มากนัก เขาจะทํางานเฉพาะท่ีกฎหมายระเบียบต่าง ๆ กําหนดไว้เท่าน้ันผู้นําประเภทนี้จึงทํางานอย่าง
เข้มงวดและดําเนินงานอย่างถูกต้องตามระเบียบมากที่สุด ความคิดเห็นใหม่ ๆ ไม่ค่อยมี การพัฒนา
ผูใ้ ตบ้ ังคับบัญชากม็ นี ้อย ผู้นาํ ประเภทนี้จะประสบความสาํ เรจ็ ของงานมากในหน่วยงานราชการ แต่ใน
หน่วยงานธุรกจิ จะเปน็ ผนู้ ําท่มี ปี ระสทิ ธิผลของงานไมม่ ากนกั

๒) นักพัฒนา (Developer) ผู้นําประเภทนี้จะได้รับความไว้วางใจให้แก่
ผู้ร่วมงานอย่างแท้จริง เป็นผู้ที่ทํางานร่วมกับผู้อื่นได้ดีและสามารถจูงใจบุคคลอื่นได้ดีอีกด้วยลักษณะ
การทํางานจะมอบความรับผิดชอบใหม่ๆ ให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา เขาเชื่อว่าการทํางานคือการพัฒนา
ความขยัน ความช่างคิด และภาวะสร้างสรรค์ มิได้มีอยู่เฉพาะในตัวบุคคลชั้นผู้นําเท่านั้น แต่ทว่ามีอยู่
ในบุคคลทุกคน

๓) ผู้เผด็จการที่มีศิลปะ(Benevolent Autoctrat) ผู้นําประเภทนี้จะมีความ
มั่นใจสูงในวิธีการปฏิบัติงานและการดําเนินงานของตนเอง ลักษณะผู้นํานี้จะมีมากในวงการ
อุตสาหกรรม ซ่ึงเป็นบุคคลที่ไต่เต้าจากระดับล่าง จนถึงระดับสูงมีความรอบรู้กฎหมายระเบียบต่าง ๆ
และวิธีปฏิบัติเป็นอย่างดี และเป็นผู้ท่ีพัฒนาปรับปรุงตนเองอยู่ตลอดเวลา ทําให้การทํางานมีศิลปะ
และประสิทธิผลของงานสูงมาก

๔) นักบริหาร(Executive) ผู้นําประเภทน้ีเป็นผู้ท่ีรู้จักใช้ความสามารถของ
ผู้ใต้บังคับบัญชาให้ได้ประโยชน์มากท่ีสุด และคํานึงถึงประสิทธิภาพในการทํางานโดยคํานึงถึง
ความสําเร็จของงานและสัมพันธภาพกับผู้ร่วมงานอย่างชัดเจนและพยายามทํางานให้เป็นแบบอย่างที่
ดีแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา และให้ผู้ใต้บังคับบัญชามีส่วนร่วมในการดําเนินงาน มีลักษณะทํางานเป็นทีม
โดยนําเอาความสามารถของทุกคนมาใช้ประโยชน์ในการทํางาน ผลงานที่เกิดขึ้นจึงมีท้ังปริมาณและ
คณุ ภาพ จงึ เปน็ ผนู้ ําท่ีมปี ระสิทธิผลของงานมากทส่ี ุด

๒๗

๒. ประเภทผนู้ ําตามลกั ษณะการใชอ้ าํ นาจ

ผู้นําแต่ละคนจะใช้อํานาจหน้าที่ของตนที่แตกต่างกัน นักวิชาการ บูเชลเล่ (Robert B.
Buchele)๖๐ ไดก้ ล่าวถึงประเภทของผนู้ ําตามลักษณะการใช้อาํ นาจไวอ้ ยา่ งน่าสนใจ ดงั น้ี

๒.๑ ผู้นาํ ประเภทเผด็จการ (Autocrat) ผ้นู ําประเภทนี้ยดึ มน่ั อยบู่ นรากฐานท่เี ช่อื ว่า
ตนเป็นผู้มีความสามารถมากกว่าผู้อ่ืน มักจะบังคับให้ผู้อื่นทําตามความคิดของตน ใช้กฎเกณฑ์การ
ควบคมุ ตรวจตรา หรอื การลงโทษ และมกั ใชพ้ ระเดชมากกว่าพระคุณ ไม่ชอบการโตแ้ ย้ง

๒.๒ ผู้นําประเภทพ่อปกครองลูก (Patrimonial) ผู้นําประเภทนี้ยึดหลักการว่า
ผู้ใต้บังคับบัญชาถือเสมือนลูกหลาน จึงมีความห่วงใย เอาใจใส่เมตตา กรุณา แนะนําสั่งสอนและให้
อภัยเมื่อมีความผิดพันธภาพระหวา่ งผู้นําและคนในองค์การจะราบรนื่ เป็นกันเองเหมือนญาติพี่น้องใน
ครอบครัวเดียวกนั

๒.๓ ผู้นําประเภทราชการ (Bureaucrat) จะยึดระเบียบกฎเกณฑ์เป็นหลัก
ปฏิบัติงาน ขาดความคิดริเร่ิมการบังคับบัญชาเป็นไปตามข้ันตอน ยึดระเบียบกฎเกณฑ์เป็นบรรทัด
ฐานอยา่ งเครง่ ครัด

๒.๔ ผู้นําประเภทผู้ใต้บังคับบัญชามีส่วนร่วม (Participative Man) ผู้นําประเภทน้ี
จะยึดถือประชาธิปไตยของผู้ร่วมงาน ให้โอกาสผู้ร่วมงานเข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่การวางแผน
จนกระท่ังการดําเนินงานให้บรรลุเป้าหมาย ผลของงานจะขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้นําท่ีจะ
ประสานการทํางานเข้าใจปัญหา มีการพัฒนาบุคลากรและเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานแสดงความสามารถ
ให้มากที่สุดเท่าทจ่ี ะทาํ ได้

๒.๕ ผู้นําประเภทตามใจท่าน (Laissez – Faire) ผู้นําประเภทน้ียึดเกณฑ์ของความ
อะลุ่มอล่วยความประนีประนอม ไม่ชอบความขดั แยง้ ใชก้ าลเวลาเปน็ เคร่ืองช่วยคลี่คลายปัญหา มอบ
ความรับผิดชอบให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ปล่อยให้ทํางานโดยกําหนดนโยบายและเป้าหมายไว้กว้าง ๆ เพื่อ
เป็นแนวทาง จะไม่เข้าไปยุ่งเก่ียวแทรกแซง ทําให้ขาดความริเริ่มใหม่ๆ ผู้ร่วมงานส่วนใหญ่จึงขาด
ความเปน็ ระเบยี บวนิ ยั

๒.๖ ผู้นําประเภทบารมีจูงใจ (Charismatic Man) ผู้นําประเภทนี้อาศัยบารมีสั่งสม
มานานจนมีชื่อเสียงเกียรติคุณ สามารถจูงใจผู้ร่วมงานให้ทุ่มเททําหน้าท่ีรับผิดชอบ ผู้นําแบบนี้
สามารถบริหารงานได้ผล แต่จะมีปัญหาต่อองค์การในกรณีท่ีผู้นําประเภทนี้ออกจากองค์กรน้ันไปแล้ว
หาคนอ่นื มาแทนไดย้ าก

๒.๗ ผู้นําประเภทเทคนิควิทยาการ (Technocratic Man) ผู้นําประเภทนี้จะอาศัย
ความรู้ทางเทคนิคเป็นเกณฑ์ในการชักจูงผู้ใต้บังคับบัญชาเข้ามามีส่วนร่วมในงาน ทําให้งานไม่พัฒนา
เท่าท่ีควร เพราะผูน้ ําให้ความสนใจแตเ่ ฉพาะทางเทคนิคอันเปน็ ปัญหาสว่ นหน่งึ ขององคก์ ารเทา่ นนั้

๖๐ Robert B. Buchele, The Management of Business and Public Organization, (New
York: McGraw Hill, 1977), pp. 175-177.

๒๘

๒.๘ ผู้นําประเภทอุปถัมภ์ (Patronage Man) เป็นประเภทผู้นําที่ถือเกณฑ์การ
ประสานงานระหว่างผู้ร่วมงานท่ีรู้จักมักคุ้นเป็นหลัก ผู้นําจึงเปรียบเสมือนผู้ประสานงาน เป็นเพื่อน
ร่วมงานมากกว่าการบังคับบัญชาส่ังการ โดยเฉพาะในกรณีการเป็นผู้นํามาจากการเลือกตั้ง อํานาจ
บังคับบัญชาลดน้อยลงไปมากกว่าผู้นําท่ีมาจากการแต่งตั้งโดยตรง ผลงานขึ้นอยู่กับผู้นําที่จะดึง
ผรู้ ว่ มงานให้ความรว่ มมอื มากนอ้ ยเพยี งใด

๒.๙ ผู้นําประเภทการเมือง (Political Man) ผู้นําประเภทนี้อาศัยอํานาจและ
อิทธิพลในเรื่องท่ีมีฐานะหรืออํานาจที่มาจากบุคคลระดับสูงขององค์การ ผลงานขององค์การที่มีผู้นํา
ประเภทน้ีจะขึ้นอยู่กับอิทธิพลของผู้นําและความรับผิดชอบของผู้นําว่าจะทุ่มเทให้แก่องค์การได้มาก
น้อยเพียงใด และนําองค์การไปในทิศทางใด เพราะอิทธิพลของผู้นําดังกล่าวนี้ทําให้สามารถส่ังใช้
ผู้ร่วมงานได้ไม่ว่าจะเป็นเร่ืองงานส่วนตัวหรืองานส่วนรวม ข้อที่น่าสังเกตคือผู้นําประเภทการเมือง
มักจะประสบผลสําเร็จได้ระยะเวลาหน่ึงเท่าที่ฐานะหรืออํานาจจากระดับสูง หรือพรรคพวก
เออ้ื อาํ นวย

๓. ประเภทผู้นาํ ตามลักษณะการเน้นงานหรอื เนน้ คน

ผลสัมฤทธิ์ของงานท่ีเกิดจากการปฏิบัติงานของบุคลากรเป็นตัวแปรที่สําคัญในการแบ่ง
ประเภทผู้นํา ไลเคิร์ต (Rensis Likert)๖๑ ได้แบ่งประเภทของผู้นําตามลักษณะการเน้นงานหรือเน้น
คนดังนี้

๓.๑ ผู้นําประเภทเน้นงานเป็นหลัก (Task Oriented) ผู้นําประเภทนี้จะให้
ความสําคัญกับงานมาก จะมอบหมายการงาน กําหนดมาตรฐาน และสอดส่องดูแล ให้
ผู้ใต้บังคับบัญชาทุ่มเทกําลังกายกําลังใจทํางาน เพ่ือเพ่ิมผลผลิตขององค์การให้เป็นไปอย่างมี
ประสทิ ธภิ าพ

๓.๒ ผู้นําประเภทเน้นคนเป็นหลัก (People Oriented) ผู้นําประเภทน้ีให้
ความสําคัญกับคนหรือผู้ใต้บังคับบัญชามาก เน้นมนุษย์สัมพันธ์ระหว่างผู้ร่วมงาน ท้ังในเร่ืองส่วนตัว
และราชการ เพื่อประโยชน์ในการสร้างทีมงาน การมอบหมายงาน ให้สิทธิเสรีภาพและการมีสวนร่วม
ในการทาํ งาน

๔. ประเภทผู้นําตามสถานการณ์

ผู้นําที่ประสบความสําเร็จยังไม่สามารถสรุปได้แน่นอนว่าเป็นผู้นําประเภทไหนเพราะทุก
ประเภทย่อมมีจุดดีเด่นของตน จึงเป็นข้อสงสัยของความเป็นภาวะผู้นําที่จะเกิดขึ้นที่ไหน ภายใต้
เงื่อนไขอะไรบ้างซึ่งถือเป็นปัจจัยสถานการณ์ ที่มีอิทธิพลต่อความสําเร็จในภาวะผู้นําอย่างมาก วี รูม
(Victor H. Vroom) และเยตตัน (Philip W. Yetton)๖๒ ได้สรุปประเภทผู้นําตามสถานการณ์และ
เลือกแบบใชพ้ ฤตกิ รรมของผนู้ ําประเภท ตา่ ง ๆ ให้เหมาะสมซ่งึ พอสรุปไดว้ า่ มี ๕ แบบด้วยกนั คือ

๖๑ Likert Rensis, New Patterns of Management, p. 74.
๖๒ Victor H. Vroom and Philip W. Yetton. Leadership and Decision Making,
(Pittsburgh: University of Pittsburgh Press, 1975), p. 155.

๒๙

๔.๑ พฤติกรรมผู้นําแบบที่ ๑ จะแก้ปัญหาหรือตัดสินใจด้วยตนเอง โดยใช้ข้อมูลท่ีมี
อยขู่ ณะนน้ั

๔.๒ พฤติกรรมผู้นําแบบที่ ๒ จะแก้ปัญหาหรือตัดสินใจด้วยตนเอง โดยใช้ข้อมูลที่
จาํ เป็นจากเพอ่ื นรว่ มงาน

๔.๓ พฤติกรรมผู้นําแบบท่ี ๓ จะชี้ปญั หาให้เพื่อนร่วมงานเห็นเปน็ รายๆ พรอ้ มกับฟัง
ข้อเสนอแนะและความเหน็ แลว้ ตัดสินใจ

๔.๔ พฤติกรรมผู้นําแบบที่ ๔ จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ปัญหาและข้อเสนอแนะ
เปน็ กล่มุ ๆ แล้วตดั สินใจ

๔.๕ พฤติกรรมผู้นํา แบบท่ี ๕ จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและปัญหากับ
ผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นกลุ่มร่วมกันคิดหาทางเลือก และข้อตกลงโดยกลุ่ม แล้วปฏิบัติตามข้อยุติท่ีกลุ่ม
สนับสนุน

การใช้พฤติกรรมของผู้นําแบบใดข้ึนอยู่กับองค์ประกอบ ๕ อย่างดังกล่าว คือถ้ามี
ทางแก้ไขปัญหาได้ชัดเจนจากข้อมูลทมี่ อี ยู่ และเปน็ ที่ยอมรับของผใู้ ต้บงั คับบญั ชา กเ็ ลือกใช้พฤติกรรม
ผู้นําแบบท่ี ๑ หรือถ้าหากข้อมูลที่จําเป็นจากผู้ใต้บังคับบัญชา แล้วตัดสินใจเองก็ใช้พฤติกรรมผู้นํา
แบบท่ี ๒ หรือให้ผูใ้ ต้บงั คับบัญชาเข้าใจเป็นกรณี ๆ พร้อมกับรับฟังข้อเสนอแนะและความคิดเหน็ แล้ว
ตัดสินใจ ก็เป็นไปตามพฤติกรรมผู้นําแบบท่ี ๓ หรือแลกเปล่ียนความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาต่าง ๆ
พร้อมกับเสนอแนะเป็นกลุ่มแล้วตัดสินใจเป็นการใช้พฤติกรรมผู้นําแบบที่ ๔ หรือถ้าปัญหากลุ่ม มี
ทางแก้ไขไดห้ ลายอย่างควรให้ผใู้ ต้บงั คับบัญชาไดม้ ีสว่ นร่วมปรึกษาหารือเป็นกลุ่มแล้วเลือกปฏิบตั ิตาม
ข้อยตุ ิที่กลมุ่ เสนอ ถอื เป็นการใชพ้ ฤติกรรมผนู้ ําแบบท่ี ๕

๒.๓.๓ บทบาทหนา้ ทข่ี องภาวะผูน้ าํ แบบตะวันตก

บุคคลใดก็ตามเม่ือมีตําแหน่งทั้งในท่ีเป็นทางการและไม่เป็นทางการย่อมจะต้องมีบทบาท
หน้าท่ีที่จะต้องแสดงตามความรับผิดชอบตามฐานะ ตามวุฒิภาวะ ความรู้และความสามารถ ผู้นําก็
เช่นเดียวกันเมื่อได้ดํารงตําแหน่งเป็นผู้นําของกลุ่มแล้วย่อมจะต้องมีบทบาทหน้าท่ีท่ีจะต้องรับผิดชอบ
ในบทบาทหน้าทีข่ องตน มีนกั วชิ าการท่ีใหค้ วามหมายไดแ้ สดงทรรศนะบทบาทหน้าท่ขี องผนู้ าํ ไวด้ งั นี้

งามพิศ สัตย์สงวน กล่าวว่า บทบาทคือพฤติกรรมท่ีคาดหวังสําหรับผู้ที่อยู่ในสถานภาพ
ตา่ ง ๆ วา่ จะตอ้ งปฏิบตั ิอย่างไร เป็นบทบาทท่ีคาดหวงั โดยกลุ่มคนหรือสังคม เพือ่ ทําให้คู่สัมพันธม์ ีการ
กระทําระหวา่ งกันทางสังคมได้ รวมทงั้ สามารถคาดการณ์พฤติกรรมทจี่ ะเกิดขึ้นได้๖๓

ฉลอง มาปรีดา ให้ความหมายคําว่า “บทบาท หมายถึง การทําหน้าท่ีกําหนดไว้ เช่น
บทบาทของพ่อแม่ บทบาทของครู ซ่ึงเป็นพฤติกรรมหรือการแสดงออก ตามความคาดหวังของตน

๖๓ งามพิศ สัตย์สงวน, การจัดระเบียบทางสังคม ในสังคมและวัฒนธรรม, (กรุงเทพมหานคร: โรง
พมิ พจ์ ฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั , ๒๕๓๕), หนา้ ๗๓.

๓๐

หรือผู้อ่ืน หน้าท่ีหมายถึง กิจท่ีจะต้องทํา หรือ วงแห่งกิจการ ซ่ึงอาจเป็นการกระทําด้วยจริยธรรมทํา
ตามกฎหมาย หรอื ทาํ ดว้ ยความสาํ นึกของบุคคลนน้ั ๆ” ๖๔

ณรงค์ เส็งประชา กล่าวว่า “บทบาท คือ พฤติกรรมท่ีปฏิบัติตามสถานภาพบทบาทเป็น
พฤติกรรมที่สังคมกําหนด และคาดหมายใหบ้ ุคคลกระทําตามหน้าท่ี เช่นเป็นครตู ้องสอนนักเรียน เป็น
ตํารวจต้องพิทักษส์ นั ติราษฏร์ ทหารตอ้ งเปน็ รวั้ ของชาติ เปน็ ลูกตอ้ งเชื่อฟังพอ่ แม่ เปน็ ต้น” ๖๕

อุทัย หิรัญโต ให้ความหมายว่า บทบาท คือ หน้าที่ หรือพฤติกรรมอันพึงคาดหมาย ของ
บุคคลแต่ละคนในกลุ่มหรือในสังคมหน่ึง ๆ บทบาทเป็นส่ิงที่กลุ่มหรือสังคม หรือวัฒนธรรมของกลุ่ม
นั้นกําหนดขนึ้ ฉะนัน้ บทบาทจงึ เปน็ แบบแห่งพฤติกรรมของบคุ คลในสถานะหนึง่ ๆ ท่ีพึงมีตอ่ บุคคลใน
สถานะหนึ่งในสังคมเดยี วกัน๖๖

นพพงษ์ บุญจติ ราดลุ กลา่ วถึง บทบาทหน้าทข่ี องผนู้ าํ ไว้ ๓ ประการ คือ
๑. เป็นผู้รักษาหรือประสานให้สมาชิกในกลุ่มอยู่ร่วมกัน หมายถึง ผู้นําจะต้องอยู่ใกล้ชิดมี
ความสัมพันธ์กับคนในกลุม่ และเปน็ ท่ียอมรับของคนในกลุ่ม ทําให้กลมุ่ มคี วามสามคั คกี ลมเกลยี ว
๒. เป็นผปู้ ฏิบัติภารกจิ ของกลมุ่ ให้บรรลุวตั ถุประสงค์ หมายถึง ผู้นําตอ้ งมีความรบั ผิดชอบ
ในกระบวนวิธีการ ทํางานด้วยความมั่นคง และเข้าใจได้ ผู้นําจะต้องทําให้กลุ่มทํางานให้บรรลุตาม
เป้าหมาย
๓. เป็นผู้อํานวยการให้เกิดการติดต่อสัมพันธ์ในกลุ่ม หมายถึง เขาจะปฏิบัติการในหน้าที่
อํานวยความสะดวกให้เกิดการติดต่อสัมพันธ์ และปฏิบัติกันด้วยดีของสมาชิกในกลุ่ม การ
ตดิ ตอ่ ส่ือสารทีด่ ีเป็นสิ่งสําคญั และจําเปน็ ในการชว่ ยใหห้ นา้ ทีน่ ี้บรรลุเป้าหมาย

ผนู้ ําหรือนักปกครองท่ีเข้ามาทําหน้าท่ีในการขจัดทุกข์บํารุงสขุ ให้ จาํ เป็นต้องใช้ภาวะผู้นํา
ในการปฏิบัติ พันธกิจ หรือหน้าท่ีของตนให้สมกับท่ีได้รับความไว้วางใจของผู้ใต้ปกครองหรือ
ประชาชนซึ่งถือว่าเป็น หน้าที่อันชอบธรรมท่ีนักปกครองพึงเอ้ืออํานวยประโยชน์สุขแก่ประชาชน
หน้าที่ของนักปกครองโดยท่ัวไปคล้ายคลึงกัน แต่หน้าที่ของนักปกครองท่ีดีน้ันต้องสอดคล้องกับ
เจตนารมณ์ และประโยชน์ของประชาชน โดยยดึ เอาต้องการของประชาชนเป็นหลกั ประยงค์ สวุ รรณ
บปุ ผา๖๗ ไดก้ ลา่ วไวโ้ ดยสรุปดงั น้ี คอื

๑) หน้าทท่ี างสังคม (Social Function)
๒) หน้าทท่ี างเศรษฐกิจ (Economic Function)
๓) หนา้ ท่ีทางการบริหาร การปกครอง และการเมือง (Political Function)

๖๔ ฉลอง มาปรีดา, คุณธรรมสําหรับผบู้ ริหาร, (กรงุ เทพมหานคร: โอเดีย้ นสโตร,์ ๒๕๓๗), หน้า ๑๔.
๖๕ ณรงค์ เส็งประชา, มนุษย์กับสังคม, พิมพ์ครั้งท่ี ๔, (กรุงเทพมหานคร: โอ เอส พร้ิงต้ิงเฮ้าส,
๒๕๔๑), หน้า ๑๓๙.
๖๖ อุทัย หิรัญโต, สารานุกรมศัพท์สังคมวิทยา-มานุษยวิทยา, (กรุงเทพมหานคร: สํานักพิมพ์โอ
เดียนสโตร์, ๒๕๒๖), หนา้ ๑๙๗.
๖๗ ประยงค์ สุวรรณบุปผา, รัฐปรัชญา แนวคิดตะวันออก – ตก, (กรุงเทพมหานคร: โอ.เอส.พร้ินติ้ง
เฮา้ ส์, ๒๕๔๑), หน้า ๓๓๘.

๓๑

หน้าท่ีของนักปกครองนับได้ว่าเป็นบทบาทที่สําคัญมากทีเดียว ถ้าหากนักปกครอง
บกพร่องหรือไม่ปฏิบัติให้ดีเท่าน่ีควรอาจเกิดผลร้ายแก่ประชาชนและประเทศชาติได้ เม่ือการเมือง
การบริหาร และการปกครองมีความมั่นคงหรือมีเสถียรภาพอย่างมากทําให้เศรษฐกิจของประเทศ
ดําเนินไปได้ด้วยดี เพราะการเมืองมั่นคงสามารถสร้างความเชื่อม่ันให้กับนักลงทุนทั้งในประเทศและ
ต่างประเทศกล้าเข้ามาลงทุน ซึ่งเป็นส่ิงสําคัญท่ีนักปกครองพร้อมท้ังคณะรัฐมนตรีหรือผู้มีอํานาจใน
การบรหิ ารและการปกครองตอ้ งเอาใจใสใ่ ห้มากเป็นพิเศษ๖๘

กวี วงศ์พุฒ กล่าวว่า “หน้าท่ีของผู้นํา หมายถึง งานที่ผู้นําต้องรับผิดชอบตามที่องค์กร
กําหนดไว้ มีลักษณะประเภทงานที่ผู้นําจะต้องทํา และจะต้องใช้ผู้อื่น คืองานที่ผู้นําจะต้องทําด้วย
ตนเอง งานประเภทน้ีผู้ใต้บังคับบัญชาทํา ไม่ได้ เพราะ ขาดข้อมูล ขาดความรู้ประสบการณ์ยังไม่ถึง
ขาดการยอมรับ เป็นต้น งานท่ีต้องใช้ผู้อื่นทําแทน เพราะถ้าผู้นําทําเองก็จะไม่สําเร็จตามเวลาท่ี
กาํ หนด ถอื ว่าเปน็ การมอบหมายงาน แตย่ งั คงต้องรับผดิ ชอบอยู่ ” ๖๙

รังสรรค์ ประเสริฐศรี กล่าวว่าบทบาทของภาวะผู้นํา(Leadership roles) ที่ดีของ
องค์การ ควรมลี กั ษณะดังน้ี

๑. เป็นตัวแทนในทุกสถานการณ์ (Figurehead) ผู้นําท่ีมีตําแหน่งสูงขององค์การจะต้อง
เป็นตัวแทนทํากิจกรรมต่าง ๆ คือ (๑) เป็นตัวแทนท่ีดีขององค์การ (๒) เป็นตัวแทนท่ีจะรวบรวม
ข้อมูลท่อี ย่ภู ายนอกองคก์ าร (๓) ให้การตอ้ นรบั แขกผ้มู าเยอื น

๒. เป็นนักพูดที่ดี (Spokesperson) ผู้นําจะต้องมีความสามารถในการพูดและนําเสนอ
กิจกรรม ตลอดจนมีการวางแผน มีความสามารถในด้านต่าง ๆ และมีวิสัยทัศน์ท่ีดีกับบุคคลหรือฝ่าย
ต่าง ๆ คือ (๑) ฝ่ายบริหารระดับสูง (๒) ลูกค้า (๓) บุคคลภายนอก เช่นสหภาพแรงงาน (๔) เพื่อน
ร่วมอาชีพ (๕) ชมุ ชน

๓. เปน็ นักเจรจาตอ่ รอง (Negotiator) ซงึ่ มีคณุ สมบัตใิ นการเจรจาตอ่ รอง ดังน้ี
๓.๑ สามารถเจรจาต่อรองกับผู้บริหาร ผู้บังคับบัญชาที่เหนือกว่าในการเจรจาด้าน

ขอเงินทุน สง่ิ อํานวยความสะดวก อปุ กรณ์ หรอื การสนบั สนนุ อ่นื ๆ
๓.๒ สามารถต่อรองกับหน่วยงานต่าง ๆ ในองค์การ เพื่อท่ีจะต่อรองด้านพนักงาน

และเจรจากบั หน่วยงานภายนอกในดา้ นส่ิงอํานวยความสะดวกต่าง ๆ และรูปแบบการสนบั สนนุ อนื่
๓.๓ สามารถตอ่ รองกบั ลูกค้าผู้ขายปัจจัยการผลิต และผู้ใหบ้ ริการ เพ่ือใหเ้ กิดการซื้อ

ขายการกาํ หนดตารางเวลา และเง่อื นไขการขนสง่
๔. การสอนงาน (Coach) ผู้นําท่ีมีประสิทธิผลจะต้องมีเวลา และความสามารถที่จะสอน

ทมี งาน ดังนี้
๔.๑ ต้องพยายามช่วยใหท้ ีมงานประสบความสาํ เร็จ
๔.๒ ชว่ ยให้สมาชกิ ทมี งานมีการปอ้ นกลบั เกย่ี วกับผลการปฏิบตั งิ าน

๖๘ นพพงษ์ บุญจิตราดุลย์, หลักการบริหารการศึกษา, (กรุงเทพมหานคร: บพิธการพิมพ์,๒๕๓๔),
หนา้ ๙๖.

๖๙ กวี วงศพ์ ฒุ , ภาวะผ้นู าํ , พิมพ์คร้ังท่ี ๓, (กรุงเทพมหานคร: ศูนยเ์ สริมวชิ าชีพบญั ช,ี ๒๕๓๖),หน้า ๓๑.

๓๒

๔.๓ เพ่ือให้เกิดความเชื่อม่ันว่าสมาชิกทีมงานมีขั้นตอนการทํางานและมีการ
ปฏบิ ตั งิ านท่ดี ีขึ้น

๕. เปน็ ผู้สามารถสรา้ งทมี งานได้ (Team builder) ซง่ึ กิจกรรมตา่ ง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องมีดังน้ี
๕.๑ เพื่อให้เกิดความเชื่อม่ันว่าสมาชิกทีมงานมุ่งม่ันที่จะประสบความสําเร็จเช่น มี

การใชจ้ ดหมาย ชมเชยแก่ผ้ปู ฏิบตั ิงานดีเดน่
๕.๒ ริเร่ิมกิจกรรมท่ีสร้างขวัญและกําลังใจแก่กลุ่ม เช่น การจัดปาร์ตี้ และการ

สนับสนนุ ดา้ นกีฬา
๕.๓ จัดประชุมพบปะสังสรรค์เป็นช่วง ๆ เพ่ือกระตุ้นให้สมาชิกในทีมงานมีการ

อภปิ รายเกยี่ วกับเรือ่ งความสาํ เรจ็ ปญั หา และส่งิ ทีเ่ กี่ยวขอ้ งอ่ืนๆ
๖. แสดงบทบาทการทํางานเป็นทีม (Team player) มีพฤติกรรมท่ีผู้นําจะต้องปฏิบัติ ๓

ประการ ดงั นี้
๖.๑ การวางตัวเปน็ สมาชิกทมี และผ้นู าํ ทมี ทีเ่ หมาะสม
๖.๒ มีความรว่ มมือกบั หนว่ ยงานอ่นื ๆ ในองค์การ
๖.๓ แสดงความจริงใจต่อผู้บังคับบัญชา และผู้ใต้บังคับบัญชา โดยให้การสนับสนุน

แผนการทํางานเป็นทีมและกระตุน้ ให้มีสว่ นรว่ มในการตัดสนิ ใจอย่างเตม็ ที่
๗. สามารถแก้ปัญหาด้านเทคนิคได้ (Technical problem solver) เป็นสิ่งสําคัญสาํ หรับ

ผบู้ ังคับบัญชาระดับต้นและผู้บรหิ ารระดับกลางท่ีจะช่วยสมาชิกของทีมงานแก้ปัญหาด้านเทคนิค โดย
มีกิจกรรม ๒ ประการ ดงั น้ี

๗.๑ ผูน้ ําควรใหบ้ ริการในฐานะเป็นผู้เชี่ยวชาญ หรอื ผแู้ นะนาํ ด้านเทคนิค
๗.๒ เป็นผู้สร้างผลประโยชน์เก่ียวกับการทํางานประจํา เช่น สนับสนุนการสร้าง
ยอดขาย หรอื ปรบั ปรุงซอ่ มแซมเคร่ืองจักรต่าง ๆ
๘. การประกอบการ (Entrepreneur) เป็นผู้ให้คําแนะนําความคิดริเริ่มมีความคิดเชิง
วิเคราะห์ (Critical thinking) และมีความรู้ความสามารถในการเป็นผู้นําประกอบการ การพัฒนา
เปล่ียนแปลงธุรกิจ ถึงแม้จะไม่ใช่กิจการของตนเอง ซ่ึงมีกิจกรรมของการเป็นผู้นําที่มีบทบาทเป็น
ผปู้ ระกอบการ ๓ ประการ ดังนี้
๘.๑ หาวิธีการท่ีจะต้องปรับปรุงการปฏิบัติงานของหน่วยงาน ซ่ึงจะต้องมีความ
เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ภายนอก เช่น การเย่ียมเยียนธุรกิจ การจัดประชุมกลุ่มอาชีพหรือการจัด
แสดงสนิ ค้า หรอื การมี ส่วนรว่ มในโปรแกรมการศึกษา
๘.๒ มีการพูดคุยกับลูกค้าและพนักงานถึงความจําเป็นและความต้องการท่ีจะต้องมี
การเปลย่ี นแปลงขององค์การ
๘.๓ มีการอ่านส่ิงตีพิมพ์ บทความ นิตยสารของกลุ่มวิชาชีพ เพื่อที่จะรับรู้ส่ิงที่จะ
เกิดขึน้ ในอตุ สาหกรรมและในวงการอาชพี นัน้ ๗๐

๗๐ รังสรรค์ ประเสริฐศรี, ภาวะผู้นํา, (กรุงเทพมหานคร: บริษัทธนธัชการพิมพ์ จํากัด, ๒๕๔๔), หน้า
๑๖-๑๗.

๓๓

จากการศึกษา บทบาทหน้าท่ีตามทรรศนะของผู้นําของนักวิชาการ ทําให้สามารถสรุป
ประเภทของบทบาทได้ดังนี้

๑. บทบาทท่ีถูกกําหนด (prescribed role or role prescription) เป็นบทบาทการ
กําหนดสิทธหิ น้าทีท่ างสงั คมไว้

๒. บทบาททถี่ ูกคาดหวัง (role expectation) เปน็ บทบาทท่อี ยู่ในระดับของความคดิ สว่ น
บุคคลหรือเป็นการคาดหวังของสังคมท่ีต้องให้บุคคลแสดงบทบาทนั้นๆ รวมท้ังความคาดหวังของ
ตนเองว่าควรจะแสดงพฤติกรรมอยา่ งไร

๓. บทบาทที่เป็นจริง (perform role or actual role) เป็นบทบาทท่ีเจ้าของสถานภาพ
แสดงจริง ซ่ึงอาจเป็นบทบาทที่สังคมคาดหวังหรือเป็นบทบาทที่ตนเองคาดหวัง หรือเป็นบทบาทท่ีถูก
กําหนดหรอื อาจจะไมเ่ ปน็ ไปตามทงั้ บทบาทที่ถูกกําหนด และบทบาททถ่ี ูกคาดหวังก็ได้๗๑

๒.๓.๔ ลกั ษณะผู้นาํ ทางพระพทุ ธศาสนา

ภาวะผู้นํามี ค่านิยมในแต่ละยุคสมัยเป็นตัวกําหนด หรือบ่งชี้ว่าจะสามารถนําพาสมาชิก
หรือสังคมให้ประสบความสําเร็จได้และเมื่อใดท่ีผู้นําได้แสดงบทบาทหน้าท่ี โดยการใช้อํานาจหน้าท่ี
หรืออิทธิพลสามารถโน้มน้าวชักจูง ช้ีแนะให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคล ได้แสดงพฤติกรรมอันมีผลต่อ
ความสําเร็จหรือความล้มเหลวของกลุ่ม ลักษณะที่ผู้นําแสดงออกมานั้นก็คือความเป็นภาวะผู้นํา ใน
ทัศนะของพระพุทธศาสนา มีนักปราชญ์ของสถาบันพุทธศาสนาเป็นท่ีเคารพกับบุคคลทั่วไป ได้ให้
ความหมายภาวะผ้นู าํ ในทางพระพทุ ธศาสนา ดงั ต่อไปน้ี

พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) กล่าวไว้ว่า ภาวะผู้นํา คือ คุณสมบัติ เช่น สติปัญญา ความ
ดีงาม ความรู้ ความสามารถของบุคคล ท่ีชักนําให้คนท้ังหลายมาประสานกัน และพากันไปสู่จุดหมาย
ทดี่ ีงาม๗๒

สุวิน สุขสมกิจ ได้กล่าวถึงภาวะผู้นํา หรือผู้ปกครอง ในทางพระพุทธศาสนาที่ปรากฏ
ในอัคคัญสูตร โดยกล่าวถึงความเป็นอยู่ของสังคมมนุษย์ท่ีมาอยู่รวมกันเป็นสังคมที่สงบสุขไม่มีการ
แก่งแย่งเอารัดเอาเปรียบซ่ึงกันและกัน เพราะมีความอุดมสมบูรณ์ แต่ต่อมามีความขัดแย้งเนื่องจากมี
การกระทําความชั่ว มีการลักขโมยของบุคคลในสังคม ในข้ันแรกจะเป็นการกล่าวตักเตือนกันเอง แต่
เม่ือมีการประพฤติซํ้าอีก จึงมีการลงโทษแก่ผู้กระทํา ผู้ที่จะลงโทษหรือกล่าวตักเตือนได้จะต้องเป็น
หัวหน้า หรือผู้นํา ที่มีอิทธิพลให้เกิดการยอมรับจากสังคมและยอมรับคําตัดสินการให้คุณและโทษ
ตลอดจนให้ความไว้วางใจในคาํ ตัดสนิ ปัญหาต่าง ๆ ดังปรากฏข้อความวา่

๗๑ พระธีระพล ชัยยะนุภาพ, “บทบาทของผู้นํา ทางศาสนากับการพัฒนาชุมชนเข้มแข็ง”,
วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบณั ฑติ , (บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เกริก), ๒๕๔๗.

๗๒ พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยตุ ฺโต), ภาวะผู้นํา : ความสําคัญต่อการพัฒนาคน พัฒนาประเทศ,พมิ พ์ครั้ง
ท่ี ๗, (กรงุ เทพมหานคร: ธรรมสภา, ๒๕๔๕), หน้า ๓.


Click to View FlipBook Version