The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

2563 ภาวะผู้นำทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อำเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลำภู THE POLITICAL LEADERSHIP OF POLITICIANS ACCORDING TO THE VIEWS OF MONKS IN SANGHA ADMINISTRATION AREA, NA WANG DISTRICT, NONG BUA LAMPHU PROVINCE พระครูวิชัยธรรมโสภณ (สุวัณ ฐิตโสภโณ)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

ภาวะผู้นำทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อำเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลำภู THE POLITICAL LEADERSHIP OF POLITICIANS ACCORDING TO THE VIEWS OF MONKS IN SANGHA ADMINISTRATION AREA, NA WANG DISTRICT, NONG BUA LAMPHU PROVINCE

2563 ภาวะผู้นำทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อำเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลำภู THE POLITICAL LEADERSHIP OF POLITICIANS ACCORDING TO THE VIEWS OF MONKS IN SANGHA ADMINISTRATION AREA, NA WANG DISTRICT, NONG BUA LAMPHU PROVINCE พระครูวิชัยธรรมโสภณ (สุวัณ ฐิตโสภโณ)

Keywords: 2563,ภาวะผู้นำทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อำเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลำภู THE POLITICAL LEADERSHIP OF POLITICIANS ACCORDING TO THE VIEWS OF MONKS IN SANGHA ADMINISTRATION AREA, NA WANG DISTRICT, NONG BUA LAMPHU PROVINCE,พระครูวิชัยธรรมโสภณ (สุวัณ ฐิตโสภโณ)

๓๔

“ครั้งนั้น เหล่ามนุษย์ท้ังหลายจึงประชุมกัน ครั้นแล้ว ต่างก็ปรับทุกข์กันว่าการถือเอา
สิ่งของท่ีผู้อ่ืนไม่ได้ให้ จักเกิดข้ึนเพราะความชั่วจากการกระทําเหล่าใด การกระทําเหล่าน้ันจักเกิดขึ้น
แก่พวกเรา อย่ากระน้ันเราจักสมมติ ให้มนุษย์ท่ีมีศีลธรรมผู้หนึ่งเป็น ผู้ว่ากล่าวโดยธรรม ให้เป็นผู้ติ
เตียนลงโทษโดยชอบธรรม ให้เป็นผู้ขับไล่บุคคลผู้ท่ีควรถูกขับไล่ ส่วนพวกเราจักแบ่งข้าวสาลีให้แก่ผู้
น้ัน คร้ันแล้วจึงแสวงหาบุคคลผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ มีศีลธรรม และคุณธรรมเป็นผู้นํา ส่วนพวก
ตนก็แบง่ ขา้ วสาลีให้แก่ผู้น้ัน”๗๓

ภาวะผู้นําในท่ีนี้จึงมีความหมายว่า เป็นความดีงามของบุคคลที่สามารถ ตัดสินปัญหาและ
ใหค้ วามเปน็ ธรรมเกดิ ประโยชน์สุขแก่สงั คมโดยรวม

พระพุทธศาสนาให้ความสําคัญเกี่ยวกับตัวผู้บริหารหรือผู้นําในการบริหารน้ีมากโดยมีคํา
สอนที่พูดถึงเก่ียวกับลักษณะของผู้นําดังที่ปรากฏอยู่ในทุติยปาปริกสูตร๗๔ ว่า ผู้นําจะต้อง
ประกอบดว้ ยลักษณะ ดังน้ีคอื

๑) จักขุมา คือ เป็นผู้มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล มองสภาพเหตุการณ์ออกและจะวางแผน
เตรียมรบั หรอื รุกได้อย่างไร

๒) วิธุโร คือเป็นผชู้ ํานาญในงาน รจู้ ักวิธกี ารไม่บกพร่องในหนา้ ท่ที ต่ี นได้รบั ผิดชอบ
๓) นิสสยสมั ปันโน คอื เป็นผทู้ ม่ี มี นุษยสมั พนั ธ์ดี และไดร้ ับความเชื่อถือจากผูอ้ น่ื

ในพระสูตรน้ีแสดงให้เห็นว่า การเป็นผู้นํานั้น จะต้องเป็นผู้ประกอบด้วยปัญญาคือมีหูตา
ไวและกว้างไกลสามารถจําแนกบุคคล และเหตุการณ์ออกว่าเป็นอย่างไร ซึ่งจะทําให้ผู้นํามี
ประสบการณ์มีความ ชํานาญในการปกครอง เข้าใจบุคคลหรือผูใ้ ต้บังคับบัญชาได้เปน็ อยา่ งดี ซ่ึงจะทํา
ให้มีผู้สนับสนุนมากขึ้น แต่คุณสมบัติทั้ง ๓ ประการนี้ มีระดับความสําคัญมากน้อยต่างกันไปตาม
ระดับตําแหน่งหน้าที่ขององค์กรหรือหน่วยงานว่าเล็กหรือใหญ่ขนาดไหนหรือมี ความสําคัญเพียงใด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งแล้ว ผู้ปกครองรัฐหรือผู้นําประเทศแล้วนับว่าเป็นองค์กรท่ีใหญ่ ผู้นําหรือผู้บริหาร
จึงต้องมคี ุณสมบัติครบถว้ น จึงจะสามารถยึดศรัทธาของ

ผู้ใต้บังคับบัญชาไว้ได้ส่งผลให้ลูกน้องหรือผู้สนองงานมีความเชื่อม่ัน น่ันย่อมเป็นสาเหตุที่
จะนําไปสู่เป้าหมายเดียวกนั ได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ๗๕

นอกจากนี้ผู้นําจะต้องประกอบด้วยคุณธรรมจะต้องวางตัวในกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด
ในสงั ฆโสภณสูตร พระพทุ ธองคไ์ ด้แสดงถงึ ลักษณะและคุณสมบัตขิ องผนู้ ําหรอื ผบู้ รหิ ารไว้ว่า

๑. วิยตั โต เปน็ ผู้มีปัญญา
๒. วนิ โี ต เป็นผู้มรี ะเบยี บวนิ ยั ดี

๗๓ สุวิน สุขสมกิจ, “พุทธปรัชญากับการสร้างเสริมภาวะผู้นํา : กรณีศึกษากํานันผู้ใหญ่บ้านจังหวัด
กาญจนบุร”ี , วทิ ยานพิ นธร์ ัฐศาสตรมหาบัณฑติ , (บัณฑิตวิทยาลยั : จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั , ๒๕๒๔), หนา้ ๗๗.

๗๔ อง.ฺ จตุกกฺ . (ไทย) ๒๑/๑๕๗/๒๐๓.
๗๕ วนิดา ชูสังข์, “การศึกษาเชิงวิเคราะห์ภาวะผู้นําตามหลักพระพุทธศาสนา”, วิทยานิพนธ์พุทธ
ศาสตรมหาบณั ฑติ , (บณั ฑติ วทิ ยาลยั : มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๕๑), หน้า ๖๔.

๓๕

๓. วิสารโท เปน็ ผ้แู กลว้ กล้า
๔. พหสุ โุ ต เปน็ ผู้มคี วามรู้ ศึกษาทรงจํามาก
๕. ธัมมานธุ ัมมปฏปิ ันโน เปน็ ผปู้ ฏิบัตธิ รรม รกั ษาความถกู ต้องในส่ิงทถี่ กู ทคี่ วร๗๖

ผู้นําท่ีประกอบด้วยคุณธรรม ๕ ประการดังกล่าวน้ีย่อมประสบความสําเร็จและได้รับการ
ยกยอ่ ง นบั ถอื

ในองั คตุ ตรนิกาย ปญั จกนบิ าต ไดแ้ สดงหลกั ธรรมสาํ หรับผู้นําไว้ ๖ ประการ คอื
๑. ขมา คือ มีความอดทนต่อการปฏิบัติงานมีใจหนักแน่น ไม่ยอมตกในความช่ัวไม่เกรง
กลัวหรือมอี คติ ๔ เมือ่ จะต้องตัดสินใจและไม่หวนั่ ไหวเพราะโลกธรรม ๘
๒. ชาคติยะ คือ มีความตน่ื ตวั อย่ตู ลอดเวลา มีความระมัดระวังไม่ประมาทในการประคอง
ชีวิตหนา้ ทีแ่ ละการงาน
๓. อฏุ ฐานะ คอื มคี วามขยนั หม่นั เพยี รตอ่ หนา้ ทีก่ ารงาน
๔. ทยา คือ มีจิตใจที่เอน็ ดู รักใครห่ ่วงใยเขา้ ใจใสด่ แู ลผู้รว่ มงาน
๕. อิกขนา คอื เอาใจใส่ตรวจตรางานและหน้าที่ท่ีตนรบั ผดิ ชอบ๗๗

หลักธรรมท่ียกมาแสดงไว้เหล่านี้ ก็เพื่อให้เห็นถึงแนวคิดหรือคําสอนเกี่ยวกับการใช้
หลักธรรมกับการบริหารตามทรรศนะพระพุทธศาสนาเท่าน้ัน อีกอย่างหนึ่ง คําว่านักบริหารนี้ไม่ได้
หมายเฉพาะเจาะจงเอาเพยี งแคค่ นกล่มุ ใดกลุ่มหนงึ่ แตห่ มายรวมเอาผู้บริหารทกุ ระดบั ชั้น ตาํ แหน่งไม่
ว่าจะเป็นผู้ปกครองรัฐ ข้าราชการ บริษัทเอกชน หรือแม้แต่การบริหารองค์กร ท่ีเล็กที่สุดของสังคม
คือครอบครัว ย่อมต้องอาศัยหลักธรรมในการบริหารเดียวกันนี้เพราะหลักธรรมเหล่าน้ีล้วนมุ่ง
ประโยชน์สุขท้ังแก่ตนเองผู้ปฏิบัติ และสังคมรอบด้าน ดังพระพุทธสุภาษิตที่ว่า “ธมฺโม หเว รกฺขติ
ธมฺมจารี ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม”๗๘ สังคมใดหากไร้ธรรม สังคมนั้นก็สับสนวุ่นวาย สังคมใด
ไร้ธรรม สังคมน้ันก็เป็นสังคมของคนช่ัว ย่ิงเกี่ยวกับเร่ืองการบริหารการเมืองการปกครองแล้ว ผู้นํา
หรือผู้ปกครองจะต้องตระหนักเป็นอย่างยิ่งเพราะจะตอ้ งรับผิดชอบต่อประชาชนหรอื ผู้ใตก้ ารปกครอง
ในเตสกุณชาดก ได้แสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติผู้บริหารและผู้ปกครองท้ังหลายซึ่งสามารถสรุปย่อลงได้
ดังน้ี

๑. ไม่เป็นคนเจ้าอารมณ์ ไม่ใช้อารมณ์ในการตัดสินปัญหา มีใจดีไม่ทอดทิ้งงานมีความ
เพียรอตุ สาหะในการงาน

๒. ฉลาดวางบุคคลให้เหมาะสมกบั งาน รปู้ ระโยชน์และโทษ รักษาความลับ ไม่ดําเนินชวี ิต
ในทางท่ีผิด รักษาเกียรติประวัติ รักษาประโยชน์ส่วนรวม และต้องรอบรู้ในกิจการคลัง บริหารการ
คลังด้วยตนเอง ไม่ควรไว้ใจให้คนอ่ืนจัดการ รู้รายรับรายจ่ายของแผ่นดินหรือในกิจการงานนั้นๆ ท่ี
รบั ผิดชอบ

๗๖ องฺ.จตกุ ฺก. (ไทย) ๒๑/๗/๙-๑๐.
๗๗ อง.ฺ ปญจก. (ไทย) ๒๒/๕๓/๕๖.
๗๘ ข.ุ ชา.อฏฺฐก. (ไทย) ๒๗/๑๔๒๐–๑๔๒๑/๒๙๐.

๓๖

๓. บํารุงขวัญกําลังใจแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา ยกย่องบุคคลผู้ควรแก่การยกย่อง ข่มผู้ควรข่มรู้
ในส่ิงที่ควรทําก่อนทําหลัง ออกรับฟังปัญหาหรือพบปะราษฎรอยู่สมํ่าเสมอเพื่อรับฟังปัญหาและ
ทางแกไ้ ขหรอื ช้แี นะแนวทาง

๔. ออกติดตามผลงาน ตรวจตราดูแลความประพฤติของเจ้าหน้าที่ ไม่พึงมอบภารกิจท่ี
สําคัญๆ แก่ผอู้ ื่นและใช้วจิ ารณญาณในการบริหาร

๕. ไม่พึงละการบําเพ็ญประกอบตนในศีลธรรมที่ดีงาม เพ่ือเป็นแบบอย่างและยึดม่ันเป็น
ข้อปฏบิ ตั ิ ไมส่ าํ คัญตนผดิ ว่าย่งิ ในอาํ นาจ

๖. ไม่ลุ่มหลงในกามคุณ และโลกธรรม และมีปัญญา มีกําลังแห่งสติเพราะจะเป็น
เคร่ืองช่วยใหผ้ ้นู ําหรือผปู้ กครองสามารถฟันฝ่าอุปสรรคแกไ้ ขปัญหาไปไดแ้ มถ้ งึ คราวอบั จน๗๙

นอกจากคุณสมบัติท่ีมีในเตสกุณชาดกแล้ว ก็ยังมีคุณสมบัติของผู้นําหรือผู้ปกครองที่ดีที่
ปรากฏอยู่ในกปิชาดก สตั ตกนบิ าต ขุททกนิกาย๘๐ กลา่ วไว้ว่า

“อันคนพาลถึงจะมีกาํ ลังปกครองหมู่คณะไม่ดีเลยเพราะไม่เป็นประโยชนแ์ ก่ญาติท้ังหลาย
เหมอื นนกกระทาตัวผไู้ มเ่ ป็นประโยชนแ์ ก่พวกนกปกครองหมู่คณะทงั้ หลายเหล่าฉะนน้ั ส่วนนกั ปราชญ์
มีกําลังปกครองหมู่คณะดีมาก เพราะว่าเป็นประโยชน์แก่ญาติท้ังหลาย เหมือนท้าววาสวะผู้เป็น
ประโยชน์แก่ เทวดาชั้นดาวดึงส์ทั้งหลายฉันน้ัน ผู้ใดพิจารณาเห็นศีล ปัญญาและสุตะในตน ผู้น้ันย่อม
ประพฤติประโยชน์ ได้ท้ังสองฝ่าย คือทง้ั ตนและผู้อนื่ ”

คุณสมบัติประการสําคัญของผู้นํา ก็คือ ธรรมาธิปไตย แปลว่า ถือธรรมเป็นใหญ่ ยึดเอา
ธรรมเป็นสําคัญ เชิดชูหลักการ ปฏิบัติการตามและเพื่อเห็นแก่ความเป็นจริง ความถูกต้องความดีงาม
ไม่เปน็ อตั ตาธิปไตยคอื ไม่ถือตวั เป็นใหญ่ และก็ไม่เป็นโลกาธปิ ไตย๘๑

หากพิจารณาข้อความทยี่ กมากล่าวนแ้ี ล้ว ชีใ้ ห้เหน็ ว่าผนู้ าํ หรอื ผู้ปกครองที่ดนี ้ันจะต้องเป็น
ผู้มีศีลเพราะศีลเป็นของผู้มีปัญญา แต่ถ้าผู้นําและผู้ปกครองเป็นผู้ไม่มีศีลและปัญญาแล้วก็เป็นผู้นํา
หรือผู้ปกครองที่ดีไม่ได้ มีแต่ความเลวลง แม้แต่ญาติพี่น้องตลอดจนเพ่ือนฝูงก็พากันรังเกียจ ในทาง
ตรงข้ามแล้ว ผู้นําหรือผู้ปกครอง มีท้ังศีล ปัญญา และสุตะ อยู่ในตนแล้ว ก็จะเป็นประโยชน์ในการ
เป็นผู้ที่ดี ญาติพี่น้องตลอดจนเพ่ือนฝูงก็ให้ความเคารพด้วยความอ่อนน้อมอย่างแท้จริง และในกูฎ
ทันตสูตร สลี ขนั ธวรรค ทีฆนกิ าย๘๒ ยงั ได้กล่าวถงึ คุณสมบัติของพระเจา้ มหาวิชิตะผปู้ กครองนครท่ดี ี ๘
ประการดังนี้คือ

๑. ทรงเป็นอุภโตสุชาต ทั้งฝ่ายพระมารดาและพระบิดา มีพระครรภ์เปน็ ทปี่ ฏิสนธหิ มดจด
ดีตลอดเจด็ ช่วั บรรพบรุ ุษ ไมม่ ใี ครจะคัดคา้ นตเิ ตียนด้วยอา้ งถึงพระชาติกําเนิดได้

๗๙ ดรู ายละเอยี ดใน ขุ.ชา.ปกิณณฺ ก. (ไทย) ๒๗/๒๔๓๘-๒๔๔๕/๔๓๐-๕๔๓.
๘๐ ดูรายละเอียดใน ข.ุ ชา.สตตฺ ก. (ไทย) ๒๗/๓๖๗-๓๖๘/๒๖๗-๒๖๘.
๘๑ พระธรรมปฎิ ก (ป.อ. ปยุตฺโต), ภาวะผู้นาํ , (กรุงเทพมหานคร: ธรรมสภา, ๒๕๔๕), หนา้ ๑๗.
๘๒ ดูรายละเอียดใน ท.ี ส.ี (ไทย) ๙/๒๑๓-๒๑๔/๒๐๓-๒๐๔.

๓๗

๒. ทรงมีพระรูปงาม น่าดู น่าเล่ือมใส ประกอบด้วยพระฉวีวรรณผุดผ่องยิ่งนักมีพระ
ฉววี รรณ คลา้ ยพรหม มพี ระรูปคลา้ ยพรหม นา่ ดู นา่ ชมไม่น้อย

๓. ทรงมั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคสมบัติมาก มีทองและเงินมาก มีเคร่ืองใช้สอยอันน่าปลื้ม
ใจมาก มที รัพยแ์ ละธัญญาหารมาก มพี ระคลงั และฉางเต็มบรบิ ูรณ์

๔. ทรงมีกําลัง ทรงสมบูรณ์ด้วยเสนามีองค์ ๔ ซ่ึงอยู่ในวินัย คอยปฏิบัติตามพระราช
บัญชามี พระบรมเดชานุภาพดงั จะเผาผลาญราชศตั รไู ด้ด้วยพระราชอสิ รยิ ยศ

๕. ทรงพระราชศรัทธา เป็นทายก เป็นทานบดี มิได้ปิดประตูเป็นดุจโรงทานของสมณ
พราหมณ์ คนกําพรา้ คนเดินทาง วณพิ ก และยาจก ทรงบําเพญ็ พระราชกศุ ล

๖. ไดท้ รงศกึ ษา ทรงสดบั เรื่องนนั้ ๆ มาก
๗. ทรงทราบอรรถแห่งขอ้ ท่ีทรงศกึ ษา และภาษติ นนั้ ๆ วา่ นอี้ รรถแหง่ ภาษติ น้ี
๘. ทรงเป็นบัณฑิต เฉยี บแหลม ทรงพระปรชี าสามารถ ทรงพระราชดํารอิ รรถอันเป็นอดีต
อนาคต และปัจจุบัน

สรุปคุณสมบตั ขิ องพระเจา้ มหาวิชติ ราชได้ดังนี้ คอื
๑. ทรงมีชาติตระกลู ดี
๒. ทรงมรี ปู รา่ งงาม
๓. ทรงมีพระราชทรพั ยม์ าก
๔. มีกาํ ลังรบทพ่ี ร้อมพรง่ั
๕. ทรงมีพระราชศรัทธาในการบรจิ าคทาน
๖. ทรงมกี ารศึกษาอบรมมามาก
๗. ทรงมีความรู้กว้างขวาง ละเอียดลึกซึ้งเข้าใจความหมายภาษิตต่าง ๆ สามารถอธิบาย
ความหมายได้
๘. ทรงเปน็ ผู้ฉลาดมีปัญญา

คุณสมบัติ ๘ ประการ ที่พระเจ้ามหาวิชิตะทรงมีน้ี ทําให้บ้านเมืองมีความเจริญรุ่งเรืองได้
เพราะพระองค์ทรงปกครองแผ่นดิน โดยอาศัยพระปัญญาและการศึกษาเป็นสําคัญ นอกจากน้ี
พระองคย์ งั ทรงมขี า้ ราชบริพาร ทม่ี ีคณุ สมบตั ิของพราหมณ์ปโุ รหติ ทด่ี ี ๔ประการ คือ

๑. เป็นอุภโตสุชาต ท้ังฝ่ายพระมารดาและพระบิดา มีครรภ์เป็นท่ีปฎิสนธิหมดจดดีตลอด
เจด็ ชั่วบรรพบรุ ษุ ไมม่ ใี ครจะคัดคา้ นตเิ ตียน ด้วยอ้างถงึ ชาตกิ ําเนดิ ได้

๒. เป็นผู้คงแก่เรียน ทรงจํามนต์ รู้จบไตรเภทพร้อมทั้งคัมภีร์นิฆัณฑุ คัมภีร์เกตุภะพร้อม
ท้ังประเภทอักษร มีคัมภีร์อิติหาสเป็นที่ ๕ เป็นผู้เข้าใจตัวบทเป็นผู้เข้าใจไวยากรณ์ชํานาญในคัมภีร์
โลกายตะและมหาปรุ สิ ลกั ษณะ

๓. เปน็ ผมู้ ีศลี มีศีลจําเรญิ มน่ั คง
๔. เป็นบัณฑิต เฉียบแหลม มีปัญญาเป็นที่ ๑ หรือท่ี ๒ ของพวกปฏิคาหกผู้รับการบูชา
ด้วยกนั

๓๘

คณุ สมบตั ิขา้ บริพารท่ดี ีของพระเจา้ มหาชวิ ิตะราชทั้ง ๔ ประการ โดยสรปุ ไดแ้ ก่
๑. ความเป็นผู้มชี าตติ ระกลู ดี
๒. ความเปน็ ผ้มู ีการศึกษาสูง ชํานาญในหนา้ ทขี่ องตน
๓. ความเปน็ ผ้มู ศี ลี
๔. ความเป็นผูฉ้ ลาดมปี ญั ญามาก

คุณสมบัติ ๔ ประการ ของพวกพราหมณ์ปุโรหิต ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเมืองการ
ปกครองต่อพระเจ้ามหาวิชิตะอันนับเป็นคุณสมบัติท่ีสําคัญที่ส่งผลต่อการถวายคําแนะนําที่ก่อ
คุณประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองจากที่ยกตัวอย่างมาน้ีจะเห็นได้ว่าลักษณะของผู้ท่ีจะเป็นผู้ปกครองน้ัน
ย่อมมีความสําคัญยิ่งเช่นเดียวกันกับพฤติกรรมที่แสดงออกมาภายนอกเพราะฉะนั้นผู้ปกครองจึงเป็น
อย่างยิ่งท่ีจะต้องมีคุณสมบัติท้ังภายในคือจิตใจและคุณธรรม และคุณสมบัติภายนอก คือความรู้
ความสามารถ พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต) ได้กลา่ วว่า ผู้นํามีคณุ สมบตั ิอยู่ ๒ ด้าน คอื

๑. คณุ ลกั ษณะภายในตัวของผู้นาํ ไดแ้ ก่
๑) รู้หลกั ของสัปปุริสธรรม มกี ารรูห้ ลกั เหตผุ ล
๒) มีสตปิ ัญญา ไมป่ ระมาท
๓) ตื่นตวั ทันต่อเหตุการณ์
๔) มีวิสัยทัศน์กา้ วไกล เปน็ เขม็ แขง็

๒. คุณลกั ษณะภายนอก ในการที่จะประสานคนและงานเข้าด้วยกัน ได้แก่
๑) มคี วามรู้ ความสามารถ
๒) มพี รหมวิหารธรรม
๓) หวังประโยชน์สุขแก่ส่วนรวม
๔) น่ารัก น่าเคารพ เป็นธรรมาธิปไตย ไม่ลําเอียง๘๓ ในอุลุกชาดก ปทุทมวรรค

ขุททกนกิ ายได้กลา่ วถงึ คณุ สมบัตขิ องผนู้ าํ แบ่งเปน็ ๒ ลกั ษณะเชน่ กนั คือ
(๑) ลักษณะภายนอก การเป็นผู้ปกครองน้ันถ้าลักษณะภายนอกไม่ดี เช่น การเดิน

การน่ัง และการวางตัวไม่สม่ําเสมอแล้ว หรือตรงข้ามกับคนขี้ร้ิวขี้เหล่ และเป็นคนพิการก็ไม่อาจเป็น
ผู้ปกครองที่ดีได้ กล่าวว่าหน้าตาไม่ดีไม่ควรให้เป็นใหญ่โดยนําไปเปรียบกับนกเค้าว่า “... จงมองดู
หน้าตาของนกเค้า ผู้ไมโ่ กรธเถิดนกเค้าโกรธแลว้ จักทาํ หน้าตาเปน็ อยา่ งไร”๘๔

หากพิจารณาข้อความนี้ ชี้ให้เราเห็นว่าการเป็นผู้ปกครองนั้นจะต้องมีลักษณะทางกาย
งดงามสง่า องอาจกล้าหาญมาก ในลักขณสูตร ปฏิกวรรค ทีฆนิกาย ได้กล่าวถึงมหาปุริสลักษณะ๓๒
ประการ ซ่ึงถือว่าบุคคลใดท่ีมีอวัยวะทั้ง ๓๒ ประการย่อมเป็นผู้ท่ีมีบุญญาธิการมากและมีความรู้

๘๓ พระมหาภชล โฆสิตเมธี (โฆสิตเมธางกูร), “จริยธรรมสําหรับผู้นําตามหลักพระพุทธศาสนา”,
วิทยานพิ นธศ์ าสนศาสตรมหาบณั ฑิต, (บัณฑิตวิทยาลยั : มหาวทิ ยาลัยมหามกฎุ ราชวิทยาลยั , ๒๕๕๐).

๘๔ ดรู ายละเอียดใน ขุ.ชา.ตกิ . (ไทย) ๒๗/๓๓๖-๓๓๗/๑๓๖-๑๓๗.

๓๙

ความสามารถในการปกครองบ้านเมืองด้วยคุณธรรม และสามารถนํามาซ่ึงความเจริญและความสงบ
สขุ มาสบู่ า้ นเมอื ง ซึ่งลกั ษณะมหาปรุ ิลกั ษณะดังกลา่ ว มีดงั ตอ่ ไปนีค้ ือ

๑) พน้ื ฝ่าเท้าเรยี บเสมอกัน
๒) ฝ่าเท้ามีลายจักร มซี ่กี าํ ขา้ งละพัน พรอ้ มท้ังกงและกระดมุ
๓) สน้ เทา้ ยาวสมสว่ น
๔) นว้ิ มือและนวิ้ เทา้ เรียวยาวสมสว่ น
๕) ฝ่ามอื และฝา่ เท้าอ่อนนุ่ม
๖) ลายฝา่ มือฝ่าเท้าดจุ ตาข่าย
๗) รูปเทา้ ดจุ สงั ขค์ วํ่า
๘) แขง้ ดจุ แข้งเนอ้ื ทราย
๙) แมย้ ืนไม่ย่อตวั ลง กส็ ามารถแตะเข่าได้ด้วยมอื ทัง้ สอง
๑๐) องคชาติต้งั อยูใ่ นฝกั
๑๑) สผี วิ กายดจุ ทอง
๑๒) ผิวหนงั ละเอยี ด ธุลลี ะอองจงึ ไมเ่ กาะติดกาย
๑๓) ขนขุมละเสน้
๑๔) ปลายขนซ้อนข้นึ มีสีดจุ ดอกอัญชันขึ้นเวียนขวา
๑๕) กายตรงเหมือนกายพรหม
๑๖) เน้อื เต็มในท่ี ๗ แห่งไดแ้ กท่ ่ีหลงั มอื ๒ , หลงั เทา้ ๒ ,บา่ ๒ และคอ ๑
๑๗) ก่ึงกายทอ่ นบนเหมอื นก่ึงกายท่อนหน้าสีหะ
๑๘) หลงั เตม็ บรบิ ูรณไ์ ม่เปน็ รอ่ ง
๑๙) ทรวดทรงดจุ ตน้ ไทร คอื กายกบั วาเทา่ กัน
๒๐) คอกลมเกลี้ยง
๒๑) ประสาทรับรสอนั เลิศ
๒๒) คางดุจคางราชสีห์
๒๓) ฟัน ๔๐ ซบ่ี ริบรู ณ์
๒๔) ฟันเรียบเสมอกัน
๒๕) ฟนั ไม่หา่ ง
๒๖) เข้ยี วสีขาวงาม
๒๗) ลิน้ ใหญ่ (สามารถแผอ่ อกได้)
๒๘) เสยี งดจุ เสยี งพรหม สําเนียงดงั นกการเวก
๒๙) นยั น์ตาดําสนิท (ดาํ คม)
๓๐) ขนตางอนดจุ ขนตาโค
๓๑) อุณาโลมระหวา่ งควิ้ ขาวอ่อนเปรียบดงั ปยุ น่นุ

๔๐

๓๒) ศรี ษะดจุ ประดบั ด้วยกรอบหน้า (สดใสมปี ระกาย)๘๕

๒. ลักษณะภายใน คุณธรรมของผู้ปกครอง ผู้ปกครองจะต้องกอปรด้วยธรรมสําหรับการ
ประพฤติปฏบิ ัติของผู้ใหญ่หรอื ผู้ปกครอง ได้แก่ พรหมวิหาร ๔ คือ ธรรมประจําใจของผู้ประเสรฐิ หรือ
ผมู้ ีจติ ใจยิ่งใหญ่กว้างขวางดุจพรหม คือ

๑) เมตตา (ความรัก) คือ ความปรารถนาดี มีไมตรี ต้องการช่วยเหลือให้ทุกคน
ประสบประโยชนแ์ ละความสขุ

๒) กรุณา (ความสงสาร) คือ อยากช่วยเหลอื ผู้อ่ืนให้พ้นจากความทุกข์ใฝ่ใจที่จะปลด
เปลื้องบําบดั ความทกุ ขย์ าก เดือดรอ้ น ของคน และสัตว์ท้ังปวง

๓) มุทิตา (ความเบิกบานพลอยยินดี) เมื่อเห็นผู้อื่นอยู่ดีมีความสุขก็มีใจแช่มช่ืนเบิก
บานเมอ่ื เห็นเขาประสบความสาํ เร็จงอกงามย่งิ ขึ้นไป ก็พลอยยินดีบันเทิงใจดว้ ย

๔) อุเบกขา (ความมีใจเป็นกลาง) คือ มองตามความเป็นจริงโดยวางจิตเรียบ
สม่ําเสมอม่ันคงเที่ยงตรงดุจตราช่ัง มองเห็นการท่ีบุคคลจะได้รับผลดีหรือช่ัวสมควรแก่เหตุที่ตน
ประกอบพร้อมทจี่ ะวนิ จิ ฉัย วางตน และปฏิบตั ไิ ปตามความเที่ยงธรรม๘๖

เมื่อมีคุณธรรมสมบูรณ์ การทํางานจะถูกต้องเป็นประโยชน์ย่ิงข้ึน ก็ด้วยละอคติ ๔ความ
ลําเอียงเป็นสาเหตุสําคัญที่ทําให้เกิดความวุ่นวายในสังคมเพราะสร้างความแตกแยกจนเกิดไร้ความ
สามัคคีกันได้โดยง่าย ผู้ทําหน้าท่ีรับผิดชอบต่อสังคมจักต้องไม่เป็นผู้มีความลําเอียงโดยเด็ดขาดในปุรา
เภทสตุ ตนิทเทส อฎั ฐกวรรค ขุททกนิกาย ว่าด้วยผู้ไม่มีความลําเอยี งว่า

คําว่า “ละ”ไม่ ถึงความลําเอียงในธรรมทั้งหลาย คือไม่ถึงฉันทาคติ ไม่ถึงโทสาคติไม่ถึง
โมหาคติ ไม่ถึงภยาคติ ไม่ลําเอียงด้วยอํานาจแห่งราคะ โทสะ โมหะ มานะ ทิฐิ อุทธัจจะ วิจิกิจฉา
อนุสัย ไม่ไป ออกไป พาไป นาํ ไปดว้ ยธรรมท้ังหลายอันทําให้เป็นพรรคพวกเพราะฉะน้ันจึงช่อื ว่า ไม่ถึง
ความลาํ เอียงในธรรมท้ังหลาย อคตมิ ี ๔ ประการ ที่นักปกครองท่ีดีเม่อื ปฏบิ ัติหน้าทแ่ี ลว้ พึงละเวน้ คอื

๑) ฉนั ทาคติ ลําเอียงเพราะชอบ
๒) โทสาคติ ลาํ เอียงเพราะชงั
๓) โมหาคติ ลําเอยี งหลงหรือเขลา
๔) ภยาคติ ลําเอยี งเพราะขลาดกลวั ๘๗

ในโคปาลสูตร พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสเปรียบเทียบ ผู้นําเหมือนนายโคบาล ที่
ประกอบด้วยองค์ ๑๑ ประการ จึงสมควรที่จะเป็นผู้ปกครองหมู่คณะ ทําให้หมู่คณะมีความเจริญ
บรรลถุ งึ ความมุ่งหมายได้ คือ

๑) ร้จู ักรปู คอื ผู้นาํ จะตอ้ งรจู้ ัก และเข้าใจผูร้ ่วมงาน หรือผู้ใตบ้ งั คบั บญั ชา
๒) ฉลาดในลักษณะ คือ ร้จู ักใชค้ นใหเ้ หมาะกับงาน

๘๕ ดูรายละเอยี ดใน ที.ปา. (ไทย) ๑๑/๑๓๖/๑๕๗-๑๕๙.
๘๖ ท.ี ม. (ไทย) ๑๐/๑๗๖/๑๙๖.
๘๗ ว.ิ ม. (ไทย) ๘/๓๒๔/๔๖๐

๔๑

๓) เป็นผเู้ ขย่ี ไข่ขัง คือ รจู้ ักการแก้ปัญหา หรือขอ้ บกพรอ่ งต่าง ๆ
๔) เปน็ ผปู้ ดิ บงั แผล คือ ระมดั ระวงั ไม่ใหเ้ กิดความเสียหายแกห่ น่วยงาน
๕) เปน็ ผสู้ มุ่ ควนั ให้ คอื สามารถอธบิ ายหลกั การต่าง ๆ แก่ผใู้ ต้บงั คบั บญั ชาได้
๖) เปน็ ผ้รู ูจ้ ักทา่ นํา้ คอื ผนู้ าํ เข้าใจในระเบยี บแบบแผน กฎเกณฑ์ แนวคิดให้ชัดเจน
๗) ร้วู า่ โคดม่ื นํา้ หรอื ยัง คือ ผนู้ าํ จะต้องรู้จักการพัฒนาบุคคลให้มคี วามรู้ความสามารถ
๘) การรู้ทาง คือ ผนู้ าํ จะต้องมกี ารวางแผนงาน จัดการบรหิ ารเพื่อเป็นแนวทางในอนาคต
๙) ฉลาดในสถานที่โคจร คือ ผู้นํารู้จักกําหนดนโยบายเป็นแนวทางในการปฏิบัติ จนกว่า
จะบรรลุวตั ถปุ ระสงค์
๑๐) เป็นผู้รีดนมให้เหลือไว้ คอื ผู้นําต้องรู้จักประโยชน์ส่วนรวม รปู้ ระมาณในการให้ และ
การรับ ไมเ่ อาเปรยี บผใู้ ต้บงั คบั บัญชา
๑๑) บูชาโคที่เป็นหัวหน้า คือ ผู้นําควรยกย่อง หรือให้รางวัลแก่ผู้ท่ีทํางานดีซึ่งเป็นการ
สรา้ งขวัญ และกาํ ลังใจในหน่วยงาน๘๘

จากการศึกษาเอกสารสรุปลักษณะของผู้นําได้ว่า ผู้นําน้ันมีลักษณะทางกายภาพดีมี
บคุ ลิกภาพที่ดี ประกอบด้วยคุณลกั ษณะ ๓๒ ประการ มีรูปลักษณะทด่ี ี เช่น มีรูปทรงสมส่วนและเป็น
ผู้ฉลาดในหลักการ มีความรู้ในหลักคําสอนทางพระพุทธศาสนา รู้เหตุแห่งความเสื่อมคือ อบายมุข ๖
ประการ และเหตแุ ห่งความเจริญ คอื มงคลสูตร ๓๘ ประการ รู้จักใช้คนให้เหมาะสมกับงาน

ตารางที่ ๒.๓ สรุปคณุ ลักษณะและคณุ สมบัติของผ้นู ํา

นักวิชาการหรอื แหลง่ ขอ้ มูล สรุปแนวคดิ
กวี วงศ์พุฒ, (๒๕๓๙, หนา้ ๑๑๗-๑๑๙).
กล่าวไว้ว่าคุณลกั ษณะของผนู้ าํ ท่สี าํ คญั มีดงั นี้
William J. Reddin, (1970, p. 215-234). ๑. บุคลกิ ภาพ ซง่ึ ตดิ ตวั มากบั ตัวของบคุ คลแตล่ ะ
คน
๒. ความรู้ ความสามารถ สมองของคนเราน้ี
ธรรมชาติสร้างมาเพอ่ื ใช้สตปิ ญั ญาให้เกิด
ประโยชน์ต่อส่วนรวม
๓. คุณลักษณะด้านสงั คม (Social Skill) การเข้า
สงั คมเปน็ ของคนทุกคน เพราะคนเราไมส่ ามารถ
อยคู่ นเดียวได้
๔. คุณลักษณะด้านกายภาพ ถือเป็นเร่อื งท่ตี ิดตวั
มาอย่างเหน็ ได้ชดั

ไดแ้ ยกประเภทของผูน้ าํ ไดด้ ังนี้
๑. ประเภทผ้นู ําตามลักษณะความมีประสิทธิผล

๘๘ ดูรายละเอยี ดใน ม.มู. (ไทย) ๑๒/๓๘๓ - ๓๘๗/๕๒-๕๘.

นกั วชิ าการหรอื แหล่งขอ้ มูล ๔๒

งามพศิ สตั ยส์ งวน, (๒๕๓๕, หน้า ๗๓). สรปุ แนวคิด
ฉลอง มาปรดี า, (๒๕๓๗, หนา้ ๑๔). มากน้อยของงาน
ณรงค์ เส็งประชา, (๒๕๔๑, หน้า ๑๓๙). ๒. ประเภทผูน้ ําตามลักษณะการใชอ้ ํานาจ
อทุ ัย หริ ัญโต, (๒๕๒๖, หน้า ๑๙๗). ๓. ประเภทผู้นาํ ตามลกั ษณะการเน้นงานหรือเนน้
นพพงษ์ บญุ จติ ราดุล, (๒๕๔๕, หนา้ ๙๖). คน
๔. ประเภทผ้นู ําตามสถานการณ์
กวี วงศ์พุฒ, (๒๕๓๖, หนา้ ๓๑). เป็นบทบาททคี่ าดหวังโดยกล่มุ คนหรือสังคม เพอ่ื
รังสรรค์ ประเสริฐศรี, (๒๕๔๔, ๑๖-๑๗). ทําให้คู่สมั พันธม์ ีการกระทําระหว่างกันทางสงั คม
ได้
บทบาท หมายถงึ การทําหน้าทีก่ าํ หนดไว้ เช่น
บทบาทของพอ่ แม่ บทบาทของครู
บทบาท คอื พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ัตติ ามสถานภาพ
บทบาทเปน็ พฤติกรรมทส่ี งั คมกําหนด
บทบาท คือ หนา้ ท่ี หรอื พฤติกรรมอนั พงึ
คาดหมาย ของบุคคลแต่ละคนในกลุ่มหรอื ใน
สังคมหนึ่ง ๆ
กลา่ วถงึ บทบาทหนา้ ที่ของผู้นาํ ไว้ ๓ ประการ คือ
๑. เปน็ ผ้รู ักษาหรอื ประสานให้สมาชกิ ในกลุม่ อยู่
ร่วมกัน
๒. เป็นผู้ปฏิบัติภารกิจของกลมุ่ ให้บรรลุ
วัตถุประสงค์
๓. เป็นผอู้ าํ นวยการให้เกิดการติดต่อสัมพนั ธใ์ น
กลมุ่
หน้าท่ีของผนู้ าํ หมายถึง งานทผ่ี ู้นําตอ้ ง
รบั ผิดชอบตามทอี่ งคก์ รกาํ หนดไว้
บทบาทของภาวะผู้นาํ ทดี่ ีขององคก์ าร ควรมี
ลักษณะดังน้ี
๑. เป็นตัวแทนในทุกสถานการณ์
๒. เป็นนักพดู ท่ีดี
๓. เปน็ นกั เจรจาตอ่ รอง
๔. การสอนงาน
๕. เป็นผ้สู ามารถสรา้ งทีมงานได้
๖. แสดงบทบาทการทาํ งานเป็นทมี
๗. สามารถแก้ปญั หาดา้ นเทคนิคได้
๘. การประกอบการ

๔๓

นกั วิชาการหรอื แหล่งข้อมูล สรปุ แนวคดิ
พระธรรมปฎิ ก (ป.อ.ปยตุ โฺ ต), (๒๕๔๖, หน้า ๓).
ภาวะผนู้ ํา คอื คุณสมบตั ิ เช่น สตปิ ัญญา ความดี
สุวนิ สขุ สมกจิ , (๒๕๒๔, หนา้ ๗๗). งาม ความรู้

ภาวะผู้นาํ หรอื ผ้ปู กครอง ในทางพระพทุ ธศาสนา
ทปี่ รากฏในอัคคญั สตู ร โดยกลา่ วถงึ ความเป็นอยู่
ของสงั คมมนษุ ย์ที่มาอยรู่ วมกันเป็นสงั คมที่สงบ
สุข

๒.๔ หลกั พุทธธรรมท่ีเก่ยี วขอ้ งกบั ภาวะผนู้ าํ ทางการเมอื ง

พรหมวิหาร ๔ ถอื ได้ว่า เป็นหลักธรรมขน้ั พน้ื ฐานทางจติ ใจของผู้ปกครอง จะเหน็ วา่ พรหม
วิหาร ๔ น้ันเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวสําหรับจิตใจของทุกองค์กร ครอบครัว ประเทศ ซ่ึงไม่ว่าจะเป็นผู้นํา
หรือผูป้ ฏบิ ัติงานในองคก์ ร ควรจะตอ้ งมแี ละในทนี่ ก้ี ม็ ีผู้ใหค้ วามหมายของพรหมวหิ าร ๔ ดังน้ี

๒.๔.๑ ความหมายของพรหมวิหาร

ในพระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี ฉบับภาษาไทย อธิบายถึงพรหมวิหาร ๔ คือ
ธรรม เคร่ืองอยู่อย่างประเสริฐ, ธรรมประจําใจอันประเสริฐ หลักความประพฤติที่ประเสริฐบริสุทธิ์
ธรรมท่ีต้องมีไว้เป็นหลักใจและกํากับความประพฤติจึงจะชื่อว่าดําเนินชีวิตหมดจดและปฏิบัติตนต่อ
มนุษย์ สัตว์ท้งั หลายโดยชอบ๘๙

ในมหาอภิธัมมัตถสังคหฎีกา ได้อธิบายความหมายของ พรหมวิหาร ไว้ว่า “เทวดา
ท้ังหลายท่ีมีความเจริญด้วยคุณพิเศษ มีฌาน อันเป็นส่ิงที่ประณีตมาก ฉะนั้นเทวดาเหล่าน้ัน ชื่อว่า
พรหม” เม่ือเป็นเช่นน้ีเท่ากับว่า บุคคลใดก็ตาม เม่ือสามารถประพฤติตามหรือดํารงอยู่ในหลักพรหม
วิหารนั้น เท่ากับว่า บุคคลนั้นคือ ผู้ที่อยู่ในฐานะเป็นพรหม เป็นผู้ใหญ่ เป็นผู้ควรแก่การกระทําหน้าที่
ในสงั คมไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ

คําว่า “พรหมวิหาร” เป็นภาษาบาลี แปลความหมายไว้ว่า ธรรมเป็นเคร่ืองอยู่อย่าง
พรหม หรอื ของทา่ นผ้ใู หญ่ ซ่งึ ประกอบด้วย ๒ อย่าง คอื

๑) พรหม หมายถึง พรหม หรอื ทา่ นผู้ใหญ่
๒) วิหาร หมายถงึ เป็นเครือ่ งอยู่

สมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) ได้ให้ความหมายของพรหมวิหาร ๔ หมายถึง
ธรรมเครื่องอยู่ของผู้ใหญ่ ผู้ไม่มัวหมองในศีล ในธรรม ในวินัย คือ พรหมวิหาร เมตตา กรุณา มุทิตา
อเุ บกขา จะใหเ้ กิดผลเปน็ ประโยชนไ์ ด้จรงิ จะตอ้ งทําให้คนุ้ ใจ คือ เป็นอันหนง่ึ อันเดียวกนั กบั ใจ ดว้ ย๙๐

๘๙ อภิ.สง. (ไทย) ๓๔/๑๙๐/๗๕.
๙๐ สมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน), พรหมวิหารธรรม, (กรุงเทพมหานคร: สํานักพิมพ์ บริษัท
สหายการพิมพ์ จาํ กดั , ๒๕๒๗), หน้า ๔-๒๔.

๔๔

พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) ได้ให้ความหมายของพรหมวิหารธรรมไว้ใน
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลธรรม คือ ธรรมเคร่ืองอยู่อย่างประเสริฐ ธรรมประจําใจอัน
ประเสริฐหลักความประพฤติที่ประเสริฐบริสุทธ์ิ ธรรมท่ีต้องมีไว้เป็นหลักใจและกํากับความ ประพฤติ
จึงจะช่ือว่า ดําเนินชีวิตแบบหมดจด และปฏิบัติตนต่อมนุษย์สัตว์ท้ังหลายโดยชอบ นอกจากนี้พรหม
วิหาร ยังความหมายท่ีสามารถแปลอีกในหน่ึงว่า ธรรมเป็นเครื่องอยู่ของพรหม, ธรรมเป็นเครื่องอยู่
อย่างพรหม หรือธรรมประจาํ ใจทท่ี ําให้เป็นพรหมหรือให้เสมอด้วย๙๑

พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ได้ให้ความหมายของพรหมวิหารธรรมไว้ว่า พรหม
วหิ ารธรรม หมายถงึ บุคคลผู้มคี ณุ ธรรมครบถว้ นบรบิ ูรณ์เท่านน้ั ๙๒

๒.๔.๒ องคป์ ระกอบของพรหมวหิ าร ๔

ทีฆนิกาย มหาวรรค อธบิ ายถึง พรหมวหิ าร ๔ มีองค์ประกอบอยู่ ๔ ประการ
๑. เมตตา มีความรักความปรารถนาดีต่อประชาชนหรือผู้ใต้บังคับบัญชา ตลอดถึงคน ทุก ๆ
คน อยากใหเ้ ขามคี วามสขุ และประสบประโยชน์ทว่ั หนา้ กัน
๒. กรุณา ความสงสาร คือ อยากช่วยเหลือผู้อ่ืนให้พ้นจากความทุกข์ ใฝ่ใจที่จะ ปลด
เปลอื้ งบาํ บดั ความทุกข์ยากเดอื ดรอ้ นของคนและสตั ว์ท้ังปวง
๓. มุทิตา ความเบิกบานพลอยยินดี เมื่อเห็นประชาชนหรือผู้ใต้ปกครองตลอดจนถึง คน
ทกุ ๆ คนประสบความสาํ เรจ็ งอกงามยิง่ ข้ึนไป ก็พลอยยินดีอนุโมทนาด้วย
๔. อเุ บกขา ความมีใจเป็นกลาง ไม่พลอยทบั ถมซํ้าเตมิ เม่ือผอู้ ื่นมีทกุ ข์มโี ทษที่ ประกอบข้ึน
เอง เพราะการกระทํา กรรม. ของตนเองและได้ช่วยแก้ไขโดยธรรมแล้วไม่สามารถท่ีจะช่วยได้เพราะ
สุดวิสัยที่จะแก้ไข ก็ต้องวางใจเป็นกลาง สมํ่าเสมอม่ันคงดุจตาชั่ง พร้อมท่ีจะวินิจฉัยและ วางตน
ปฏิบตั ติ นไปตามความเทย่ี งธรรม๙๓

พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) ได้กล่าวถึง องค์ประกอบของพรหมวิหารธรรม
หรอื พรหมวิหารมี ๔ ประการ คอื

๑. เมตตา หมายถึง ความรักใคร่ ปรารถนาดีอยากให้เขามีความสุข มีจิตอันแผ่ไมตรีและ
คดิ ทาํ ประโยชนแ์ กม่ นษุ ย์สตั วท์ ัว่ หน้า

๒. กรุณา หมายถึง ความสงสาร คิดช่วยให้พ้นทุกข์ ใฝ่ใจในอันท่ีจะปลดเปล้ืองบําบัด
ความทกุ ข์ยากเดือดร้อนของปวงสตั ว์

๙๑ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต), พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม, พิมพ์คร้ังท่ี
๑๖, (กรงุ เทพมหานคร: โรงพิมพ์ เอส.อาร์. พริ้นต้ิง แมสโปรดักส์, ๒๕๕๑), หนา้ ๑๒๔- ๑๒๕.

๙๒ พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช), พระในบ้าน, (กรุงเทพมหานคร: สํานักพิมพ์เลี่ยงเซียง,
๒๕๔๓), หนา้ ๙.

๙๓ ท.ี ม. (ไทย) ๑๐/๑๘๔/๒๒๕

๔๕

๓. มุทิตา หมายถึง ความยินดี ในเม่ือผู้อ่ืนอยู่ดีมีสุข มีจิตผ่องใสบันเทิง ประกอบด้วย
อาการแช่มชืน่ เบิกบานอยู่เสมอ ต่อสัตว์ทง้ั หลายผู้ดํารงชีวิตตามปกติสุข พลอยยินดดี ้วยเมื่อเขา ได้ดีมี

สุข เจริญงอกงามยง่ิ ขนึ้ ไป
๔. อุเบกขา หมายถึง ความวางใจเป็นกลาง อันจะให้ผู้ดํารงอยู่ในธรรมท่ีพิจารณาเห็น

ด้วยปัญญา คอื มจี ิตเรียบตรงเทีย่ งธรรมดุจตาช่ัง ไม่เอนเอียงดว้ ยรักและชงั พิจารณาเหน็ กรรม ทีส่ ตั ว์

ท้ังหลายกระทําแล้ว อันควรได้รับผลดีหรือชั่ว สมควรแก่เหตุอันตนประกอบ พร้อมที่จะ วินิจฉัยและ
ปฏิบัติไปตามธรรม รวมท้งั รู้จักวางเฉยสงบใจมอง ในเม่ือไม่มกี ิจควรทํา เพราะเขา รบั ผดิ ชอบตนได้ดี
แล้ว เขาสมควรรับผดิ ชอบตนเอง หรือเขาควรไดร้ ับผลอันสมกบั ความ รับผิดชอบของตน๙๔

ตารางท่ี ๒.๔ สรุปหลักพุทธธรรมทเี่ ก่ยี วข้องกับภาวะผ้นู ําทางการเมือง

นกั วชิ าการหรอื แหล่งข้อมลู สรุปแนวคดิ
สมเดจ็ พระญาณสงั วร (เจรญิ สวุ ฑฒฺ โน),
(๒๕๒๗, หนา้ ๔-๒๔). พรหมวหิ าร ๔ หมายถงึ ธรรมเครอ่ื งอยู่ของ
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต), (๒๕๕๑, ผใู้ หญ่ ผู้ไมม่ ัวหมองในศีล ในธรรม ในวินยั
หน้า ๑๒๔—๑๒๕).
พรหมวหิ ารธรรม คอื ธรรมเครอื่ งอยู่อย่าง
พระธรรมกติ ตวิ งศ์ (ทองดี สรุ เตโช), (๒๕๔๓, ประเสรฐิ ธรรมประจาํ ใจอนั ประเสริฐหลกั ความ
หนา้ ๙). ประพฤตทิ ป่ี ระเสริฐบรสิ ทุ ธ์ิ

พรหมวหิ ารธรรม หมายถึง บคุ คลผมู้ ีคณุ ธรรม
ครบถ้วนบริบรู ณ์

๒.๕ งานวจิ ัยท่เี ก่ียวขอ้ ง

การวิจัยเรื่อง “ภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขต
การปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวดั หนองบวั ลาํ ภู” ผู้วิจยั ได้ศึกษางานวิจัยต่าง ๆ ทเี่ กี่ยวข้องกับ
เรอ่ื งทผี่ วู้ ิจัยได้ทําการวจิ ัย ดังต่อไปน้ี

อัญธิชา มันคง ๙๕ได้ศึกษาเร่ือง “ภาวะผู้นําของนายกเทศมนตรี เทศบาล ตําบลเกาะคา
อําเภอเกาะคา จังหวัดลําปาง” ผลการวิจัย พบว่า ระดับคะแนนภาวะผู้นําของนายกเทศมนตรี คิด
เป็นร้อยละ ๘๒.๘๐ โดยมีภาวะผู้นํานายกเทศมนตรี ด้านการใช้ภาวะผู้นํา มีภาวะผู้นําอยู่ในระดับ
มากมีค่าเฉล่ีย ๔.๐๒ คิดเป็นร้อยละ ๘๐.๔๐ ภาวะผู้นําของนายกเทศมนตรีด้านคุณลักษณะ มีภาวะ
ผู้นําอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉล่ีย ๔.๑๗ คิดเป็นร้อยละ ๘๓.๔๐ ภาวะผู้นําของนายกเทศมนตรีด้านการ
จูงใจ มีภาวะผู้นําอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉล่ีย ๔.๑๖ คิดเป็นร้อยละ ๘๓.๒๐ ภาวะผู้นํานายกเทศมนตรี
ด้านการตัดสินใจ มีภาวะผู้นําอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉล่ีย๔.๑๖ คิดเป็นร้อยละ ๘๓.๒๐ ภาวะผู้นํา

๙๔ พระพรหมคณุ าภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต), พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร์ฉบับประมวลธรรม, หน้า ๑๒๔.
๙๕ อัญธิชา มันคง, “ภาวะผู้นําของนายกเทศมนตรี เทศบาลตําบลเกาะคา อําเภอเกาะคา จังหวัด
ลําปาง”, การประชุมวิชาการระดับชาติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ คร้ังท่ี ๒, “งานวิจัยเพ่ือพัฒนาท้องถิ่น”
(๑๔ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๕๘): ๙๐๖-๙๑๔.

๔๖

นายกเทศมนตรีด้านการกําหนดนโยบาย มีภาวะผู้นําอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉล่ีย ๔.๑๘ คิดเป็นร้อยละ
๘๓.๖๐ ภาวะผู้นํานายกเทศมนตรีด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล มีภาวะผู้นําอยู่ในระดับมาก มี
คา่ เฉล่ีย๔.๑๘ คิดเป็นร้อยละ๘๓.๖๐ และภาวะผู้นํานายกเทศมนตรีด้านการควบคุมการปฏิบัติงาน มี
ภาวะผู้นําอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย ๔.๑๕ คิดเป็นร้อยละ ๘๓.๐๐ ส่วนภาวะผู้นําที่พึงประสงค์ของ
นายกเทศมนตรี มีดังต่อไปน้ี นายกเทศมนตรี ต้องมีความรู้ความเข้าใจในด้านวิชาการ ระเบียบ
ข้อบังคับและกฎหมายทีเกี่ยวข้องวิสัยทัศน์ท่ีกว้างไกล มีคุณธรรมและจริยธรรม มีความยุติธรรมและ
ต้องโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ มีการพัฒนาองค์กรอย่างต่อเน่ือง สามารถนําความรู้มาประยุกต์ใช้
ในการพัฒนาองค์กร และเปน็ ตน้ แบบในการประพฤติปฏบิ ัติตนให้กับบคุ ลากรได้เป็นอย่างดี

นุกูล ช้ินฟัก, วรลักษณ์ ลลิตศศิวิมล, ฐิติพงศ์ เกตุอมร, สุขุมา กองสวัสด์ิ, จิราพร
ปลอดนุ้ยและพระมหาพิเชฐ มีทิพ ๙๖ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง “คุณลักษณะผู้นําทางการเมืองท้องถ่ินที่พึง
ประสงค์ในทัศนะของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาจังหวัดสงขลา” ผลการวิจัยพบว่า ความคิดเห็น
เกี่ยวกับคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถ่ินที่พึงประสงค์ ๔ ด้าน อยู่ในระดับมากท่ีสุด โดยด้าน
อารมณ์และสังคม เปน็ คณุ ลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นท่ีประสงค์มากที่สุด ตามมาดว้ ยดา้ นความรู้
ความสามารถ ดา้ นคุณธรรม และดา้ นบคุ ลิกภาพ โดยกลุ่มตวั อยา่ งท่ีมีเพศ ชั้นปีทเ่ี รียน สถาบันที่เรยี น
ต่างกันผลการเรียนเฉลี่ยต่างกัน การทํากิจกรรมต่างกัน มีความคิดเห็นต่อคุณลักษณะของผู้นําทาง
การเมอื งท้องถน่ิ ท่ีพงึ ประสงคท์ ้ัง ๔ ด้านแตกต่างกันอย่างไม่มนี ัยสาํ คัญทางสถิติ

ธรรมภณ เฮมกลาง๙๗ ได้ศึกษาเร่ือง “คุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นท่ีพึงประสงค์
ตามความคิดเห็นของประชาชนในเขตเทศบาลตําบลหนองไผ่ล้อม อําเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา”
ผลการศึกษา พบว่า คุณลักษณะด้านส่วนบุคคลเป็นคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์มากท่ีสุด รองลงมาคือ
ด้านสังคม และ ด้านที่เก่ียวข้องกับการบริหารงาน ตามลําดับ ผลการทดสอบสมมติฐานการวิจัย
พบว่า ประชาชนที่มีช่วงอายุระดับการศึกษากลุ่มอาชีพ และรายได้ต่อเดือน แตกต่างกันมีความ
คิดเห็นต่อคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นท่ีพึงประสงค์แตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่
๐.๐๕ ยกเว้นตวั แปรเพศ ทไ่ี มพ่ บความแตกตา่ ง

๙๖ นุกูล ช้ินฟัก, วรลักษณ์ ลลิตศศิวิมล, ฐิติพงศ์ เกตุอมร, สุขุมา กองสวัสดิ์, จิราพร ปลอดนุ้ย และ
พระมหาพิเชฐ มีทิพ, “คุณลักษณะผู้นําทางการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ในทัศนะของนักศึกษาระดับอุดมศึกษา
จงั หวดั สงขลา”, รายงานการวจิ ยั , (คณะรฐั ศาสตร์: มหาวิทยาลัยหาดใหญ่, ๒๕๕๙), บทคดั ย่อ.

๙๗ ธรรมภณ เฮมก, “คุณลักษณะของนักการเมืองท้องถ่ินท่ีพึงประสงค์ตามความคิดเห็นของประชาชน
ในเขตเทศบาลตําบลหนองไผ่ล้อม อําเภอเมอื ง จังหวัดนครราชสีมา”, วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต
สาขาการจัดการภาครัฐและภาคเอกชน, (วทิ ยาลยั การบรหิ ารรฐั กิจ: มหาวิทยาลัยบรู พา, ๒๕๕๗), บทคดั ยอ่ .

๔๗

รัตนาภรณ์ แสงวิลัย ๙๘ ได้ศึกษาวิจัยเร่ือง “ภาวะผู้นําที่พึงประสงค์ของบุคลากรสาย
สนับสนุนในมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เขตกรุงเทพมหานคร” ผลการวิจัยพบว่า ระดับ
ความสําคัญคุณสมบัติที่สําคัญแต่ละตําแหน่งของบุคลากรสายสนับสนุน โดยภาพรวมอยู่ในระดับปาน
กลาง ผลการวิเคราะห์ลกั ษณะของภาวะผู้นําของบุคลากรสายสนบั สนุน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก
จากข้อคําถามผู้วิจัยนํามาจัดกลุ่มโดยใช้ Factor analysis จัดได้ ๕ กลุ่ม คือ การพัฒนาตน มนุษย
สมั พันธ์ การวางแผนการมีส่วนรว่ ม และการสื่อสาร และแนวทางในการพฒั นาภาวะผ้นู าํ ท่ีพึงประสงค์
ของบุคลากรสายสนับสนุนเร่ือง การพัฒนาตน บุคลากรควรได้รับการพัฒนาตนเองเพื่อให้มี
ประสิทธิภาพตามตําแหน่งอย่างต่อเนื่องสามารถนําความรู้มาใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ เร่ืองมนุษยสัมพันธ์บุคลากรสามารถทํางานกับเพ่ือนร่วมงานโดยให้ความสําคัญกับการ
ทํางานเป็นทีม มีความพอใจในการปฏิบัติงานกับเพ่ือนร่วมงาน เรื่องการวางแผน มีการวางแผนและ
คัดเลือกบุคคลเข้าทํางานตามเกณฑ์ท่ีต้ังไว้และมีแผนการส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเน่ือง
เร่ือง การมีส่วนร่วม บุคลากรมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องเกี่ยวกับงานท่ีปฏิบัติและสามารถแก้ไข
ปัญหา เร่ืองการส่ือสาร บุคลากรสามารถใช้ภาษาอังกฤษในการส่ือสารและสามารถชี้แจงให้
ผู้รับบริการเขา้ ใจกระบวนการปฏิบตั ิงาน

พระมหานพพล กนฺตสีโล (สายสินธุ์)๙๙ ได้ศึกษาวิจัยเร่ือง “การพัฒนาภาวะผู้นําของ
พระสังฆาธิการ” พบว่า รูปแบบภาวะผู้นําท่ีเป็นไปได้คือรูปแบบของการเป็นผู้นําเชิงประสาน
หลักธรรมที่มีคุณลักษณะโดดเด่นสําหรับผู้ท่ีมีภาวะผู้นํา คือ หลักสัปปุริสธรรม ๗ กรณีศึกษาท่ีเป็น
แบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติ คือ ภาวะผู้นําในการบริหารกิจการคณะสงฆ์ของสมเด็จพระมหาธีราจารย์
(นิยมฐานิสฺสรมหาเถร) และภาวะผู้นําของพระราชธรรมโสภณ (จําปี จนฺทธมฺโม) เจ้าคณะจังหวัด
ร้อยเอ็ดและแนวทางในการพัฒนาภาวะผู้นําของพระสังฆาธิการ ควรประกอบด้วยแนวทาง ๓
ประการตามหลักการครองตน ครองคน และครองงาน โดยที่ ๑) ส่งเสริมการเป็นผนู้ ําท่ีมีหลักสัปปุริส
ธรรม ๗ ในการครองตน ๒) สนับสนุนการเป็นผู้นําเชิงประสานในการครองคน และ ๓) มุ่งเน้นการ
เป็นผู้นําที่ให้ความสําคัญกับการบริหารงานทางการสงฆ์ให้ครอบคลุมท้ัง ๖ ด้าน ได้แก่ การปกครอง
การศาสนศึกษา การเผยแผ่ การสาธารณูปการ การศึกษาสงเคราะห์ และการสาธารณสงเคราะห์ใน
การครองงาน

๙๘ รัตนาภรณ์ แสงวิลัย, “ภาวะผู้นําที่พึงประสงค์ของบุคลากรสายสนับสนุนในมหาวิทยาลัยราชภัฏ
สวนสุนันทา เขตกรงุ เทพมหานคร”, การประชุมวิชาการเสนอผลงานวิจัย ระดับชาติและนานาชาต,ิ ปีท่ี ๑ ฉบับที่
๘ (๒๕๖๐): ๒๐๑๓-๒๐๒๓.

๙๙ พระมหานพพล กนฺตสีโล (สายสินธุ์), “การพัฒนาภาวะผู้นําของพระสังฆาธิการวารสารสันติ
ศกึ ษา”, วารสารสันตศิ ึกษาปรทิ รรศน์ มจร., ปีที่ ๒ ฉบบั ที่ ๑ (มกราคม-มถิ ุนายน ๒๕๕๗): ๔๙-๕๘.

๔๘

พระณัฐวุฒิ ธมฺมวีโร (แดงรอด)๑๐๐ ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง “ความคิดเห็นของพระสงฆ์ด้าน
ภาวะผู้นําท่ีมีต่อพระสังฆาธิการในอําเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี” พบว่า ๑. ความคิดเห็นของ
พระสงฆ์ต่อภาวะผู้นําของพระสังฆาธิการในอําเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทั้ง ๗ ด้าน พบว่า โดย
ภาพรวมอยู่ในระดับมาก ค่าเฉล่ียเท่ากับ ๓.๕๕ และเม่ือจําแนกรายด้านเรียงลําดับค่าเฉล่ียมากท่ีสุด
ไปหาน้อยท่ีสุดพบว่าด้านการปกครองอยู่ในระดับมากค่าเฉล่ียเท่ากับ ๓.๙๑ รองลงมาคือด้าน
การศกึ ษามคี ่าเฉลยี่ เทา่ กับ ๓.๘๕ ดา้ นคณุ ลกั ษณะของความเป็นผู้นํามีค่าเฉลีย่ เท่ากบั ๓.๘๔ และด้าน
ปัจจัยการบริหารงานของเจ้าอาวาสมีค่าเฉล่ียเท่ากับ ๓.๗๘ ด้านศาสนวัตถุมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๓.๗๗
ด้านศาสนพิธีค่าเฉล่ียเท่ากับ ๓.๗๖ และด้านการบริหารงานบุคคลค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๓.๗๐ ตามลําดับ
๒. ในด้านภาวะผู้นําเม่ือจําแนกตามสถานสภาพส่วนบุคคลโดยรวมพระสงฆ์ท่ีมีอายุพรรษาการศึกษา
ทางโลกและการศึกษาทางบาลีท่ีแตกต่างกันมีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําของพระสังฆาธิการแตกต่าง
กัน ซึ่งสอดคล้องกับสมมติฐานที่ตั้งไว้สําหรับพระสงฆ์ท่ีมีการศึกษาทางธรรม และตําแหน่งที่แตกต่าง
กันมีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําของเจ้าอาวาสไม่แตกต่างกัน ซ่ึงไม่สอดคล้องกับสมมติฐานท่ีต้ังไว้ ๓.
ปัญหาและอุปสรรคของพระสังฆาธิการส่วนใหญ่ให้ความสําคัญต่อการพัฒนาวัดและชุมชนใกล้เคียง
อยู่ในระดับปานกลางและส่วนใหญ่ทําแบบเชิงรับอยู่กับท่ีอยู่กับวัดไม่ขยายขอบเขตการทํางานลงสู่
ชุมชนเท่าที่ควรทําใหข้ าดการรบั ทราบข้อมลู และสภาพปัญหาทีแ่ ทจ้ ริงพระสังฆาธกิ ารส่วนใหญ่ยงั ขาด
การทํางานเปน็ ระบบไม่มีนโยบายและการวางแผนที่ชดั เจนและท่สี ําคัญคือขาดบุคคลากรที่มศี ักยภาพ
ท่ีจะมาสนองงานดา้ นการพัฒนางานกจิ การของคณะสงฆ์ จึงควรเร่งปรบั ปรุงในส่วนนี้เปน็ การเร่งด่วน

ชาญชัย ฮวดศรี๑๐๑ ไดศ้ ึกษาวจิ ยั เร่ือง “บทบาทของพระสงฆ์ในการสง่ เสริมคุณธรรมและ
จริยธรรมในชุมชนเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๙” ผลการวิจัย พบว่า ๑. บทบาทการส่งเสริมคุณธรรม
ละธรรมจรยิ ธรรมในสถาบนั ครอบครวั พบวา่ พระสงฆม์ ีบทบาทโดยไดม้ กี ารดาํ เนนิ การเป็นผ้ไู กล่เกลี่ย
ระงับความขัดแย้งของคนในครอบครัวในชมุ ชน อยใู่ นระดับมากท่ีสุด ๒. บทบาทการสง่ เสรมิ คณุ ธรรม
และจริยธรรมในสถาบันการเมืองการปกครอง พบว่าพระสงฆ์มีการช่วยเหลืองานของทางราชการด้าน
การปกครอง การสงเคราะห์ประชาชน และการรักษาความปลอดภัยของชาติ ๓. บทบาทการส่งเสริม
คุณธรรมและจริยธรรมในสถาบันศาสนา พบว่า พระสงฆ์มีบทบาท ในการสร้างความรู้สึกท่ีดีโดยการ
ออกบิณฑบาตทุกเช้า และรับกิจนิมนต์ไปทําบุญบ้านของญาติโยม ๔. บทบาทการส่งเสริมคุณธรรม
และจริยธรรมในสถาบันการศึกษาพบว่า พระสงฆ์มีบทบาท โดยการเป็นพระสอนศีลธรรมในศูนย์
ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ๕. บทบาทการส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมในสถาบันเศรษฐกิจ
พบว่า พระสงฆ์ให้ท่ีพักอาศัยแก่นักเรียน นิสิตนักศึกษาต่างท้องที่ที่มาศึกษาเล่าเรียน การให้ท่ีพัก
อาศัยแก่บุคคลท่ีมารักษาศีล และให้เช่าท่ีดินในราคาถูกให้แก่ประชาชนที่ขัดสนปลูกที่อยู่อาศัยอยู่ใน

๑๐๐ พระณัฐวุฒิ ธมฺมวีโร (แดงรอด), “ความคดิ เห็นของพระสงฆ์ดา้ นภาวะผนู้ าํ ท่ีมตี อ่ พระสังฆาธิการใน
อําเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี”, วารสารพุทธสังคมวิทยาปริทรรศน์, ปีท่ี ๔ ฉบับท่ี ๒ (กรกฎาคม–ธันวาคม
๒๕๖๒): ๕๑-๖๘.

๑๐๑ ชาญชัย ฮวดศรี, “บทบาทของพระสงในการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมในชุมชนเขตการปกครอง
คณะสงฆ์ภาค ๙”, รายงานการวิจัย, (มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยวิทยาเขตขอนแก่นปีงบประมาณ
๒๕๔๙), บทคดั ย่อ.

๔๙

ระดับมากท่ีสุด ๖. บทบาทการส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมในสถาบันนันทนาการ พบว่า พระสงฆ์มี
บทบาทโดยการเขียนบทความเผยแผ่ทางหนังสือพิมพ์ การเรียบเรียงหนังสือธรรมะเผยแพร่ ๗. แนวทาง
ในการแก้ไขปัญหาการขาดคุณธรรมจริยธรรมในชุมชน ได้แก่ สถาบันทางสังคมต่าง ๆ ควรมีการจัด
กิจกรรมสร้างสรรค์ที่หลากหลายในด้านคุณธรรมและจริยธรรมให้มากขึ้น พระสงฆ์ผู้ปกครองและผู้นํา
ชุมชนต้องเป็นตัวอย่างที่ดี มีการส่งเสริมและสนับสนุนจากภาคเอกชนและภาครัฐบาลอย่างจริงจังและ
สื่อมวลชนควรนาํ เสนออยา่ งมคี วามรับผิดชอบต่อจติ สาํ นึก จารีตประเพณแี ละวฒั นธรรมไทย

พระครูบูรพาวัชราภรณ์ (น้ําเพ็ชร มหาลาโภ)๑๐๒ ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง “บทบาทของ
พระสงฆ์ในการบริหารจัดการกิจการคณะสงฆ์ด้านการสาธารณสงเคราะห์ ในอําเภอเมืองระยอง
จังหวัดระยอง” ผลการวิจัยพบว่า : ๑. บทบาทของพระสงฆ์ในการบรหิ ารจัดการกิจการคณะสงฆด์ ้าน
การสาธารณสงเคราะห์ ในอําเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง โดยภาพรวม อยู่ในระดับปานกลาง มี
ค่าเฉล่ียเท่ากับ ๓.๔๒ เม่ือพิจารณาเป็นรายด้าน คือ ๑) ด้านการดําเนินกิจการเพื่อการช่วยเหลือ
เก้ือกูล ๒)ด้านการช่วยเหลือเก้ือกูลกิจการของผู้อ่ืนเพื่อสาธารณประโยชน์ ๓) ด้านการช่วยเหลือ
เกื้อกูลสถานที่อันเป็นสาธารณสมบัติ และ ๔) ด้านการช่วยเหลือเก้ือกูลประชาชนท่ัวไป (ตามกาล)
พบว่า อยู่ในระดับปานกลางทุกด้าน ๒. ผลการเปรยี บเทียบบทบาทของพระสงฆ์ในการบริหารจัดการ
กิจการคณะสงฆ์ด้านการ สาธารณสงเคราะห์ ในอําเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง จําแนกตาม
สถานภาพส่วนบุคคลทดสอบสมมติฐานโดยการวิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างตัวแปร พบว่า
พระสงฆแ์ ละผู้นาํ ชมุ ชน มีผลทําให้ความคิดเหน็ ต่อบทบาทของพระสงฆ์ในการจัดการคณะสงฆ์ด้านสา
ธารณสงเคราะห์ ในอําเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ในด้านสถานภาพ อายุ วุฒิการศึกษาสามัญ ไม่
แตกต่างกัน จึงปฏิเสธสมมติฐานที่ต้ังไว้มีเพียงประสบการณ์ในการท้างานด้านสาธารณสงเคราะห์
เท่านั้น ท่ีแตกต่างกัน จึงยอมรับสมมติฐานที่ตั้งไว้ ๓. ข้อเสนอแนะในบทบาทของพระสงฆ์ในการ
จัดการคณะสงฆ์ ด้านสาธารณสงเคราะห์ในอําเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง จําแนกตามรายด้าน
ของการวิจัยคือ ๑) ด้านการดําเนินกิจการเพื่อการช่วยเหลือเกื้อกูล ควรมีการวางแผนที่ดีในการ
บริหารจัดการ การกระจายงานและการประชาสัมพันธ์ ๒) ด้านการช่วยเหลือเก้ือกูลกิจการของผู้อื่น
เพ่ือสาธารณประโยชน์ ควรสนับสนุนเฉพาะบางกิจกรรมที่มีความสําคัญและไม่ต้องใช้พื้นที่ในการจัด
กิจกรรมมากนัก เน่ืองด้วยสถานท่ีทางวัดไม่ค่อยพอเพียง ๓) ด้านการช่วยเหลือเก้ือกูลสถานที่อันเป็น
สาธารณสมบัติ ในด้านนี้พระสงฆ์และประชาชนส่วนใหญ่มีความเห็นว่าดี และเหมาะสมอยู่แล้ว ควร
จะมีการกระจายงานในลักษณะนี้ไปตามวดั ต่าง ๆ เพ่ือให้เกิดประโยชน์กับสาธารณชนมากกว่าน้ี และ
๔) ด้านการช่วยเหลือเกื้อกูล ประชาชนทั่วไป (ตามกาล) ควรมีการจัดต้ังกองทุนสํารองเพื่อช่วยเหลือ
ผู้ประสบภัยทางธรรมชาติและจัดให้มีการเปิดรับอาสาสมัครช่วยเหลือกิจกรรมที่อาจจะมีมากข้ึนใน
อนาคตผลจากการสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลสําคัญ พบว่า โดยภาพรวมในด้านสาธารณสงเคราะห์ของ
พระภิกษุสงฆ์นั้นมีความสําคัญมาก เพราะเป็นการช่วยเหลือสนับสนุนช่วยเหลือสังคม และสามารถ

๑๐๒ พระครูบูรพาวัชราภรณ์ (นํ้าเพ็ชร มหาลาโภ), “บทบาทของพระสงฆ์ในการบริหารจัดการกิจการ
คณะสงฆด์ ้านการสาธารณสงเคราะห์ ในอําเภอเมืองระยอง จงั หวดั ระยอง”, วารสารสมาคมศิษย์เก่า มหาวิทยาลัย
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ปีท่ี ๕ ฉบับที่ ๑ (มกราคม-มิถนุ ายน ๒๕๕๙): ๑๕-๒๙.

๕๐

เข้าถึงประชาชนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะด้านภัยพิบัติต่าง ๆ ท้ังพระสงฆ์และวัดท่ัวประเทศได้ให้การ
สงเคราะหต์ ลอดจนการช่วยเหลือแกไ้ ขปัญหาความยากจน และการประกอบอาชีพให้แก่ประชาชนได้
เป็นอย่างดี ในการพัฒนางานด้านสาธารณสงเคราะห์น้ี ต้องอาศัยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเพ่ือ
ประโยชน์ต่อชุมชน ต้องอาศัยยึดหลักสังคหวัตถุธรรม ๔ ประการ ทําให้การทํางานด้านการสาธารณ
สงเคราะห์สําเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ตลอดจนสามารถท่ีจะยึดเหนี่ยวจิตใจผู้ที่อยู่อาศัยในชุมชนน้ันได้
อยา่ งย่งั ยืน

ตารางที่ ๒.๕ สรุปงานวจิ ัยทเ่ี ก่ยี วข้อง

นักวชิ าการหรอื แหลง่ ข้อมูล สรปุ แนวคิด
อัญธิชา มันคง, (บทคัดยอ่ .)
ผลการวจิ ยั พบว่า นายกเทศมนตรี ตอ้ งมี
กลู ชนิ้ ฟัก, วรลกั ษณ์ ลลิตศศิวิมล, ฐติ พิ งศ์ ความรคู้ วามเข้าใจในด้านวชิ าการ ระเบยี บ
เกตอุ มร, สุขมุ า กองสวสั ด,์ิ จริ าพร ปลอดนยุ้ ขอ้ บงั คับและกฎหมายทีเกยี่ วข้องวิสัยทศั นท์ ี่
และพระมหาพเิ ชฐ มีทพิ , (บทคดั ย่อ) กวา้ งไกล มีคณุ ธรรมและจรยิ ธรรม มคี วาม
ธรรมภณ เฮมก, (บทคัดยอ่ ) ยุตธิ รรมและตอ้ งโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้

รตั นาภรณ์ แสงวิลัย, (บทคดั ย่อ) ผลการวจิ ัยพบวา่ ความคดิ เหน็ เก่ียวกับ
คุณลักษณะของนกั การเมอื งท้องถนิ่ ท่ีพึง
พระมหานพพล กนตฺ สีโล (สายสินธ์)ุ , ประสงค์ ๔ ดา้ น อยใู่ นระดบั มาก
(บทคัดยอ่ )
ผลการวิจยั พบว่า คณุ ลกั ษณะดา้ นสว่ นบุคคล
พระณฐั วฒุ ิ ธมมฺ วีโร (แดงรอด), (บทคดั ย่อ) เป็นคณุ ลักษณะทพ่ี งึ ประสงคม์ ากท่สี ดุ
รองลงมาคอื ด้านสงั คม และ ด้านทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกับ
วลั ทณา แสงไพศรรค,์ (บทคดั ยอ่ ) การบรหิ ารงาน ตามลาํ ดับ

ผลการวิจัยพบวา่ ระดับความสาํ คัญคณุ สมบตั ทิ ่ี
สําคัญแตล่ ะตาํ แหน่งของบคุ ลากรสายสนบั สนนุ
โดยภาพรวมอยใู่ นระดับปานกลาง

ผลการวจิ ัยพบวา่ รูปแบบภาวะผูน้ ําทีเ่ ป็นไปได้
คือรูปแบบของการเปน็ ผู้นําเชิงประสาน
หลกั ธรรมทมี่ ีคณุ ลักษณะโดดเด่นสําหรับผทู้ มี่ ี
ภาวะผ้นู าํ คอื หลักสัปปุรสิ ธรรม ๗

พบว่า ๑. ความคิดเห็นของพระสงฆ์ต่อภาวะ
ผนู้ าํ ของพระสงั ฆาธกิ ารในอาํ เภอพนม จงั หวดั สุ
ราษฎรธ์ านี ทง้ั ๗ ด้าน พบวา่ โดยภาพรวมอยู่
ในระดับมากคา่ เฉล่ียเทา่ กบั ๓.๕๕

พบวา่ ” มีประเดน็ ปัญหาสาํ คัญหลักๆ ๒
ประเดน็ ดว้ ยกัน อันได้แก่ ๑) ประเด็นโครงสร้าง
การปกครองสงฆ์ ๒) ประเด็นสมณศักด์กิ ับการ
ปกครองสงฆ์

๕๑

นกั วิชาการหรอื แหลง่ ขอ้ มูล สรปุ แนวคดิ
ชาญชยั ฮวดศรี, (บทคัดย่อ)
พบว่า สถาบันทางสงั คมตา่ ง ๆ ควรมีการจดั
พระครบู ูรพาวัชราภรณ์ (น้าเพ็ชร มหาลาโภ), กิจกรรมสร้างสรรคท์ ห่ี ลากหลายในดา้ น
(บทคดั ยอ่ ) คุณธรรมและจริยธรรมใหม้ ากขึ้น พระสงฆ์
ผปู้ กครองและผนู้ ําชุมชนตอ้ งเปน็ ตวั อยา่ งทด่ี ี มี
การส่งเสริมและสนับสนุนจากภาคเอกชนและ
ภาครัฐบาลอยา่ งจริงจงั

พบวา่ บทบาทของพระสงฆใ์ นการบรหิ าร
จดั การกจิ การคณะสงฆ์ด้านการสาธารณ
สงเคราะห์ ในอําเภอเมืองระยอง จงั หวดั ระยอง
โดยภาพรวม อยู่ในระดบั ปานกลาง มีคา่ เฉล่ีย
เทา่ กบั ๓.๔๒

๒.๖ กรอบแนวคิดในการวจิ ัย

งานวิจัยเร่ือง ภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขต
การปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ผู้วิจัยได้วิจัยได้ศึกษาแนวคิด ทฤษฏีและ
งานวจิ ัยทเี่ ก่ยี วขอ้ ง ๑๐๓โดยกําหนดกรอบแนวคิดการวิจยั ดังน้ี

๑๐๓ ศักด์ิชัย ภู่เจริญ, คุณลักษณะผู้นําท่ีพึงประสงค์, [ออนไลน์], แหล่งท่ีมา: http://www.kruinter.
com/show.php?id_quiz=24&p=1 [๑๐ กันยายน ๒๕๖๓].

๕๒

ปัจจยั ส่วนบคุ คล ภาวะผู้นําทางการเมอื งของนกั การเมือง
- อายุ ตามทรรศนะของพระสงฆ์
- พรรษา
- ตาํ แหนง่ - ดา้ นความรับผิดชอบ
- การศึกษาทางธรรม
- การศกึ ษาทางโลก - ดา้ นการอุทศิ ตน
- ดา้ นการเป็นแบบอย่างที่ดี
- ด้านมนุษยส์ ัมพนั ธ์
- ดา้ นความเป็นธรรมาธิปไตย
- ด้านการตัดสนิ ใจ
- ดา้ นวสิ ยั ทศั น์
- ดา้ นความสามารถทางการบรหิ าร

หลักพรหมวิหาร ๔
- เมตตา
- กรณุ า
- มทุ ติ า
- อุเบกขา

แผนภาพที่ ๒.๑ แสดงกรอบแนวคดิ ในการวจิ ัย

บทท่ี ๓

วิธีดาํ เนินการวิจัย

การวิจัยเร่ือง “ภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขต
การปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู” เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี (Mixed
Methods Research) ระหว่างการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) โดยใช้การวิจัยเชิง
สํารวจ (Survey Research) จากแบบสอบถาม (Questionnaire) และการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการ
สัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) กับผู้ให้ข้อมูลสําคัญ (Key Informant) ซึ่งผู้วิจัยได้กําหนด
วธิ กี ารดาํ เนนิ การวิจยั ตามลําดบั ๕ ข้นั ตอน ดงั น้ี

๓.๑ รูปแบบการวจิ ยั
๓.๒ ประชากร กลุ่มตัวอย่าง และผใู้ หข้ ้อมลู สาํ คญั
๓.๓ เคร่ืองมือที่ใช้ในการวิจัย
๓.๔ การเก็บรวบรวมข้อมูล
๓.๕ การวเิ คราะห์ข้อมลู

๓.๑ รปู แบบการวิจยั

การวิจัยเร่ือง “ภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขต
การปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู” เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี (Mixed
Methods Research) ระหว่างการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) โดยใช้การวิจัยเชิง
สํารวจ (Survey Research) จากแบบสอบถาม (Questionnaire) และการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการ
สมั ภาษณ์เชิงลกึ (In-depth Interview) กบั ผใู้ หข้ ้อมูลสาํ คญั (Key Informant)

๓.๒ ประชากร กล่มุ ตัวอย่าง และผู้ใหข้ ้อมลู สาํ คญั

งานวิจัยเรื่อง “ภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขต
การปกครองคณะสงฆอ์ ําเภอนาวัง จงั หวัดหนองบัวลาํ ภ”ู ผวู้ ิจยั มีขนั้ ตอนแบ่งกลมุ่ ดงั นี้

๓.๒.๑ ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง

ประชากรท่ีใช้ในการศึกษาในคร้ังนี้ ได้แก่ พระสงฆ์ในอําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู
จาํ นวน ๒๐๐ รปู

๕๔

กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ พระสงฆ์ในอําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู โดยใช้เทคนิควิธีการสุ่ม
ตัวอย่างแบบ Krejcie and Morgan๑ โดยใช้สูตรจากตารางสําเร็จรูป ผู้วิจัยดูช่องตารางจํานวน
ประชากรท่ี ๒๐๐ รูป จึงไดก้ ลุ่มตวั อยา่ งในการวจิ ัย จาํ นวน ๑๓๒ รูป

ผู้ให้ข้อมูลสําคัญ ได้แก่ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตาม
ทรรศนะของพระสงฆใ์ นเขตการปกครองคณะสงฆ์อาํ เภอนาวัง จังหวดั หนองบัวลําภู ด้วยวิธเี ลือกแบบ
เจาะจง (Purposive Sampling) ได้แก่ พระสังฆาธิการในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง
จังหวดั หนองบัวลําภู จาํ นวน ๑๐ รูป

๓.๓ เครอ่ื งมือท่ีใชใ้ นการวจิ ัย

งานวิจัยเรื่อง “ภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขต
การปกครองคณะสงฆอ์ ําเภอนาวงั จงั หวัดหนองบัวลําภ”ู งานวจิ ยั ฉบบั นใี้ ช้เครือ่ งมอื ในการเกบ็ ข้อมูล
การวจิ ยั เชงิ ปริมาณ คือ แบบสอบถาม (Questionnaire) และแบบสัมภาษณ์ (Interview)

๓.๓.๑. ลักษณะของเครอื่ งมอื (Questionnaire)

เคร่ืองมือท่ีใช้ในการวิจัยครั้งน้ี เป็นแบบสอบถาม (Questionnaire) ที่ผู้วิจัยพัฒนาข้ึน
ตามกรอบของ “ภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครอง
คณะสงฆอ์ ําเภอนาวงั จังหวดั หนองบัวลาํ ภู” โดยแบง่ ออกเปน็ ๒ ส่วน ดงั นี้

ส่วนท่ี ๑ แบบสอบถามเก่ียวกับข้อมูลท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ได้แก่ อายุ พรรษา
ตําแหน่ง การศึกษาทางโลก การศึกษาทางธรรม โดยมีลักษณะเป็นแบบตรวจสอบรายการ (Check
List) จาํ นวน ๕ ข้อ

ส่วนที่ ๒ เป็นแบบสอบถามภาวะผู้นําทางการเมืองและการปฏิบัติตนตามตามหลักพรหม
วิหาร ๔ ของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัด
หนองบัวลําภู ลักษณะข้อคําถามเป็นแบบมาตราส่วนประเมินค่า (Rating Scale) ๕ ระดับ คือ มาก
ทส่ี ดุ มาก ปานกลาง น้อย และน้อยท่ีสุด โดยมีเกณฑ์การใหค้ ะแนนแบง่ ออกเปน็ ๕ ระดบั ดงั น้ี

แบบสอบถามเก่ียวกบั ภาวะผนู้ ําทางการเมืองของนักการเมือง ๗ ด้าน ประกอบด้วย
๑. ด้านความรบั ผิดชอบ มีจํานวน ๕ ข้อ
๒. ด้านการอุทิศตน มจี าํ นวน ๕ ข้อ
๓. ด้านการเป็นแบบอย่างทีด่ ี มจี ํานวน ๕ ขอ้
๔. ดา้ นมนษุ ย์สมั พนั ธ์ มีจาํ นวน ๖ ข้อ
๕. ด้านความเปน็ ธรรมาธปิ ไตย มจี ํานวน ๑๐ ขอ้
๖. ดา้ นวสิ ยั ทัศน์ มจี ํานวน ๔ ขอ้

๑ ปัญญา คล้ายเดช, ระเบียบวิจัยทางรัฐศาสตร์, พิมพ์ครั้งท่ี ๒, (ขอนแก่น: หจก.ขอนแก่นการพิมพ์,
๒๕๖๐), หนา้ ๑๖๕.

๕๕

๗. ด้านความสามารถทางการบรหิ าร มจี ํานวน ๖ ขอ้

แบบสอบถามเกี่ยวกับภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามหลักพรหมวิหาร ๔
ประกอบด้วย

๑. ดา้ นความเมตตา จาํ นวน ๕ ขอ้
๒. ด้านความกรณุ า จาํ นวน ๕ ข้อ
๓. ดา้ นมุทิตา จาํ นวน ๕ ข้อ
๔. ดา้ นอุเบกขา จาํ นวน ๕ ขอ้

โดยมเี กณฑ์การใหค้ ะแนนแบง่ ออกเป็น ๕ ระดับ ดังนี้
๕ หมายถึง มคี วามคิดเหน็ ในระดับ มากท่ีสุด
๔ หมายถึง มีความคิดเห็นในระดับ มาก
๓ หมายถึง มคี วามคดิ เห็นในระดบั ปานกลาง
๒ หมายถงึ มคี วามคดิ เห็นในระดบั นอ้ ย
๑ หมายถึง มีความคิดเหน็ ในระดบั น้อยทีส่ ุด

๓.๓.๒ ผ้วู ิจัยดาํ เนนิ การสร้างแบบสอบถาม (Questionnaire)

ผู้วิจยั ดาํ เนินการสร้างแบบสอบถาม ดงั นี้
๑. ศึกษาหลักการและทฤษฎี ศึกษาเอกสาร ทฤษฎี และงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องกับภาวะผู้นํา
ทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง
จงั หวดั หนองบวั ลาํ ภู จากเอกสารและผลงาน การวิจยั ท่ีเคยมีผดู้ าํ เนนิ การวิจัยเอาไว้
๒. กาํ หนดกรอบแนวคิด ในการสร้างเครือ่ งมอื การวจิ ยั
๓. กําหนดวัตถุประสงค์ในการสร้างเครื่องมือการวิจัยโดยขอคําปรึกษาจากอาจารย์ที่
ปรกึ ษาวทิ ยานพิ นธ์
๔. สรา้ งเคร่ืองมือวจิ ัยตามวตั ถุประสงค์
๕. นําเสนอร่างเครื่องมือการวิจัยต่ออาจารย์ท่ีปรึกษาวิทยานิพนธ์ และผู้เช่ียวชาญเพ่ือ
ตรวจสอบและปรบั ปรุงแกไ้ ข
๖. นําเครื่องมือการวิจัยไปทดลองใช้กับประชากรท่ีมีลักษณะคล้ายกับกลุ่มตัวอย่าง เพ่ือ
หาความเทย่ี งตรงของข้อมูล
๗. ปรบั ปรุงแกไ้ ขเคร่ืองมอื
๘. จัดพิมพ์แบบสอบถามฉบับสมบูรณ์ และนําไปใช้จริงเพ่ือเก็บรวบรวมข้อมูลกับกลุ่ม
ตัวอยา่ ง
๙. รวบรวมแบบสอบถาม แลว้ นํามาวิเคราะห์

๓.๓.๓ การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือวจิ ัย

ผู้วิจัยได้นําเสนอแบบสอบถามเพื่อหาคุณภาพแบบสอบถามโดยความเท่ียง (Validity)
และความเช่อื ม่ัน (Reliability) ดังนี้

๕๖

๑. ขอคําแนะนําจากอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์และผู้เชี่ยวชาญ ตรวจสอบเคร่ืองมือท่ี
สร้างไว้

๒. หาค่าความเที่ยง (Validity) โดยกําหนดแบบสอบถามที่สร้างเสร็จเสนอต่อประธาน
และกรรมการที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เพื่อขอความเห็นชอบและนําเสนอต่อผู้เช่ียวชาญ แล้วนํามา
ปรบั ปรงุ แกไ้ ขใหเ้ หมาะสม โดยนําเสนอผเู้ ช่ียวชาญ จํานวน ๕ ทา่ น ประกอบดว้ ย

๑) พระครูสุตธรรมภาณี, ผศ. ประธานหลักสูตรหลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต
มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแกน่

๒) ผศ.ดร.สุรพล พรมกุล ผู้อํานวยการหลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัย
มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วิทยาเขตขอนแก่น

๓) ผศ.ดร.วิทยา ทองดี อาจารย์ประจําหลักสูตรหลักสูตรรัฐศาสตร มหาบัณฑิต
มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วทิ ยาเขตขอนแกน่

๔) ดร.สุธิพงษ์ สวัสด์ิทา อาจารย์ประจําหลักสูตรหลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต
มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั วทิ ยาเขตขอนแกน่

๕) ดร.ปรัชญา มีโนนทองมหาศาล อาจารย์ประจําหลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต
มหาบณั ฑิต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตขอนแกน่

แล้วนํามาหาค่าดชั นีความสอดคล้องระหว่างข้อคําถามและวัตถุประสงค์ (Index of Item
– Objective Congruence) ซงึ้ คาํ นวนจากสตู ร ดังนี้

IOC = ∑

เมื่ อ IOC แ ท น ดั ช นี ค วาม เท่ี ย งต รงเชิ งเนื้ อ ห า (Index of Item – Objective
Congruence)

∑ แทน ผลรวมของคะแนนความคดิ เหน็ ของผ้เู ชยี วชาญ
N แทน จํานวนผู้เชยี วชาญ

กําหนดคะแนนของผู้เชยี วชาญเปน็ +๑ หรือ ๐ หรอื -๑ ดังน้ี
+๑ คอื ถ้าเป็นคาํ ขอวัดไดต้ รงจุดประสงค์
๐ คือ ถา้ ไม่แน่ใจว่าขอ้ คําถามน้นั ตรงจุดประสงคห์ รือไม่ได้
-๑ คอื ถา้ ขอ้ คําถามวดั ไดไ้ มต่ รงจุดประสงค์

๓. หาค่าความเชื่อมั่นของเครื่องมือ (Reliability) ผู้วิจัยนําแบบสอบถามที่ปรับปรุงแก้ไข
แล้วไปทดลองใช้ (Try out) กับกลุ่มตัวอย่างที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับกลุ่มตัวอย่างในการวิจัยนี้ แต่
ไมใ่ ชก่ ลุ่มตวั อยา่ งจาํ นวน ๓๐ คน แลว้ นํามาหาความเชือ่ ม่นั ของแบบสอบถาม โดยการวิเคราะห์หาค่า
สัมประสิทธ์ิแอลฟา (Alpha Coefficient) ตามวิธีการของครอนบาค (Cronbach)๒ ได้ค่าความ

๒ บุญชม ศรีสะอาด, การวิจยั เบื้องตน้ , พิมพ์ครงั้ ท่ี ๗, (กรงุ เทพมหานคร: สุวรี ิยาสาสน์ , ๒๕๔๕), หน้า
๑๐๒.

๕๗

เชื่อม่ัน เท่ากับ .๙๒๘ แสดงให้เห็นว่าแบบสอบถามมีความเช่ือมั่นอย่ใู นระดับสูงสามารถนําไปแจกกับ
กลุ่มตัวอย่างไดจ้ รงิ

๔. นําแบบสอบถามที่ได้รับการปรับปรุงแก้ไขเสนอต่ออาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เพ่ือ
ขอความเหน็ ชอบ และจดั พมิ พแ์ บบสอบถามเป็นฉบบั สมบูรณใ์ นการนําไปใช้แจกกลลุ่มตวั อย่างในการ
วจิ ยั ต่อไป

๓.๓.๔ การสรา้ งแบบสมั ภาษณ์
๑. ศึกษาหลักการและทฤษฎี ศึกษาเอกสาร ทฤษฎี และงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องกับภาวะผู้นํา
ทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง
จงั หวัดหนองบัวลําภู จากเอกสารและผลงาน การวิจัยที่เคยมผี ู้ดําเนนิ การวจิ ัยเอาไว้
๒. กาํ หนดกรอบแนวคดิ ในการสร้างเครือ่ งมอื การวิจัย
๓. กําหนดวัตถุประสงค์ในการสร้างเคร่ืองมือการวิจัยโดยขอคําปรึกษาจากอาจารย์ท่ี
ปรึกษาวิทยานพิ นธ์
๔. สร้างเครอ่ื งมือวจิ ยั ตามวตั ถปุ ระสงค์
๕. นําเสนอร่างเครอ่ื งมือการวจิ ยั ตอ่ อาจารย์ที่ปรกึ ษาวทิ ยานพิ นธ์

๓.๓.๕ ลกั ษณะของเครอ่ื งมอื

เครื่องมือท่ีใช้ในการวิจัยคร้ังนี้ เป็นแบบสัมภาษณ์ (Interview) ที่ผู้วิจัยพัฒนาข้ึนตาม
กรอบของ ภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะ
สงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบวั ลาํ ภู ดังนี้

๑. ศึกษาวิธีการสร้างแบบสัมภาษณ์ท่ีใช้ในการเก็บขอ้ มูลจากเอกสาร ตําราและงานวิจัยที่
เกีย่ วข้อง เพื่อเปน็ แนวทางในการกาํ หนดกรอบแนวคิดในการสร้างแบบสัมภาษณ์

๒. ศึกษาแนวคิด ทฤษฎีและเอกสารการวิจัยต่าง ๆ ที่เก่ียวข้อง โดยพิจารณาถึง
รายละเอียดต่าง ๆ เพ่ือให้ครอบคลุมวัตถุประสงคข์ องการวจิ ยั ทีก่ ําหนดไว้

๓. ขอคําแนะนําจากอาจารย์ที่ปรกึ ษาเพอ่ื ใชเ้ ป็นแนวทางในการสมั ภาษณ์
๔. สร้างแบบสัมภาษณ์ให้ครอบคลุมวัตถุประสงค์ของการวิจัยเพ่ือใช้เป็นเครื่องมือในการ
เกบ็ ข้อมลู จากผใู้ หข้ อ้ มลู สําคัญ (Key Informants) เพ่ือนํามาวิเคราะห์

๓.๓.๖ การตรวจสอบคณุ ภาพเครื่องมอื วจิ ยั

ผู้วจิ ัยไดน้ าํ เสนอแบบสัมภาษณ์เพ่อื หาคณุ ภาพแบบสัมภาษณ์ ดังน้ี
๑. ขอคําแนะนําจากอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์และผู้เชี่ยวชาญ ตรวจสอบเครื่องมือที่
สรา้ งไว้
๒. นําแบบสอบถามท่ีได้รับการปรับปรุงแก้ไขเสนอต่ออาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เพื่อ
ขอความเห็นชอบ และจัดพิมพ์แบบสอบถามเป็นฉบับสมบูรณ์ในการนําไปใช้แจกกลุ่มตัวอย่างในการ
วิจัยตอ่ ไป

๕๘

๓.๔ การเก็บรวบรวมข้อมูล

การเก็บรวบรวมข้อมูลของงานวิจัย “ภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตาม
ทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู” ผู้วิจัยได้
ดาํ เนนิ การเกบ็ รวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถาม ดงั นี้

๓.๔.๑ การเก็บรวบรวมขอ้ มลู จากแบบสอบถาม

๑. ผู้วิจัยทําหนังสือขอความอนุเคราะห์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากศูนย์บัณฑิตศึกษา
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น เพ่ือขออนุญาตเข้าทําการเก็บรวบรวม
ขอ้ มลู กับพระสงฆ์ในอําเภอนาวัง จงั หวัดหนองบัวลําภู

๒. นําแบบสอบถามที่ผ่านการปรับปรุงแก้ไขแล้วนําไปเก็บข้อมูล โดยนําแบบสอบถามไป
แจกใหก้ บั กลมุ่ ตวั อยา่ ง จาํ นวน ๒๐๐ ฉบับ

๓. เมื่อได้แบบสอบถามกลับคืนมาแล้ว นํามาตรวจสอบความสมบูรณ์ จัดระเบียบข้อมูล
นาํ ข้อมลู ทไ่ี ดไ้ ปวิเคราะห์และประมวนผลในโปรแกรมสําเร็จรปู ทางสถิตติ ่อไป

๓.๔.๒ การเก็บรวบรวมข้อมูลจากแบบสมั ภาษณ์

ในการวจิ ยั ครัง้ น้ี ผูว้ ิจัยดาํ เนินการเกบ็ รวบรวมข้อมลู มขี นั้ ตอน ดงั นี้

๑. ขอหนังสือจากศูนย์บัณฑิตศึกษามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขต
ขอนแก่น ถึงผูใ้ หข้ ้อมูลสําคญั (Key Informants) เพอ่ื สัมภาษณ์ตามท่กี าํ หนดไว้

๒. ทําการนัดวัน เวลา และสถานท่ีกบั ผใู้ ห้ขอ้ มลู สําคัญ (Key Informants) เพื่อสัมภาษณ์
ตามทีก่ าํ หนดไว้

๓. ดําเนินการสัมภาษณ์ตามวัน เวลาและสถานท่ีที่กําหนดไว้ จนครบทุกประเด็นโดยขอ
อนญุ าตใช้วิธกี ารจดบันทึกและการบนั ทึกเสียงประกอบการสัมภาษณ์

๔. นําข้อมูลดบิ ทไี่ ดม้ ารวบรวมเพ่อื วิเคราะห์โดยวธิ ีการทีเ่ หมาะสมและนาํ เสนอตอ่ ไป

๓.๕ การวิเคราะหข์ ้อมลู

การวิเคราะห์ข้อมูลของงานวิจัยเรื่อง ภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตาม
ทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อาํ เภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ผู้วิจัยมีขัน้ ตอน
การวิเคราะห์ ดงั นี้

๓.๖.๑ การวเิ คราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถาม

สถิติพรรณนา (Descriptive Statistics) สําหรับอธิบายลักษณะสําคัญทั่วไปของกลุ่ม
ตัวอย่างและพรรณนา ปัจจัยส่วนบุคคล สถิติท่ีใช้ คือ ค่าความถ่ี (Freqency), ค่าร้อยละ
(Percentage), และอธบิ ายถึงระดับภาวะผู้นาํ ทางการเมืองของนกั การเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์
ในเขตการปกครองคณะสงฆอ์ ําเภอนาวัง จงั หวดั หนองบวั ลําภู คือ ค่าเฉลีย่ (Mean) และ ค่าเบีย่ งเบน
มาตรฐาน (Standard Deviation)

๕๙

เกณฑ์ทใ่ี ชแ้ ปรผลข้อคาํ ถามทไ่ี ด้จากการประเมนิ ผล ดงั น้ี

การแปลความหมายของค่าเฉลีย่ โดยใช้เกณฑ์ ดังนี้
ค่าเฉล่ยี ๔.๕๐ – ๕.๐๐ หมายความวา่ ระดับความคิดเหน็ มากท่ีสุด
คา่ เฉลย่ี ๓.๕๐ – ๔.๔๙ หมายความวา่ ระดบั ความคิดเห็นเหน็ มาก
คา่ เฉล่ีย ๒.๕๐ – ๓.๔๙ หมายความว่า ระดับความคิดเห็นปานกลาง
ค่าเฉลยี่ ๑.๕๐ – ๒.๔๙ หมายความว่า ระดับความคดิ เหน็ นอ้ ย
คา่ เฉล่ยี ๑.๐๐ – ๑.๔๙ หมายความว่า ระดบั ความคดิ เหน็ นอ้ ยทีส่ ุด

สถิติอนุมาน (Inferential Statistics) ใช้สําหลับทดสอบสมมติฐาน เพื่อเปรียบเทียบ
ภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอ
นาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู โดยจําแนกเป็นปัจจัยส่วนบุคคล สถิติท่ีใช้ คือ การทดสอบค่าท่ี (T-test)
ในกรณีตัวแปรต้นสองกลุ่ม และทดสอบค่าเอฟ (F-test) ด้วยวิธีการวิเคราะห์ความแปรปรวนทาง
เดียว (One Way ANOVA) ในกรณีตัวแปรต้นสามกลุ่มขึ้นไป เมื่อพบว่ามีความแตกต่างจะทําการ
เปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่ด้วยวิธีผลต่างเป็นสําคัญน้อยท่ีสุด (Least Significant
Difference : LSD)

๓.๖.๒ การวเิ คราะห์ขอ้ มูลจากแบบสัมภาษณ์

วเิ คราะห์คําให้สัมภาษณ์ของผู้ให้ข้อมลู สําคัญตามวัตถุประสงคก์ ารวิจัย โดยใช้เทคนิคการ
วเิ คราะห์เน้ือหา (Content Analysis Technique) ประกอบบริบทสังเคราะหข์ ้อมลู ตามวัตถุประสงค์
การวิจัยและนาํ เสนอต่อไป

บทที่ ๔

ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล

การวิจัยเร่ือง “ภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขต
การปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู” มีวัตถุประสงค์ ๑) เพื่อศึกษาระดับภาวะ
ผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง
จังหวัดหนองบัวลําภู ๒) เพ่ือศึกษาระดับภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของ
พระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ตามหลักพรหมวิหาร ๔
๓) เพ่ือเปรียบเทียบภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการ
ปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ตามปัจจัยส่วนบุคคล ๔) เพื่อศึกษาแนวทางใน
การส่งเสริมภาวะผู้นาํ ทางการเมืองของนกั การเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะ
สงฆ์อาํ เภอนาวงั จังหวดั หนองบัวลําภู

ผู้วิจัยได้ใช้เครื่องมือการวิจัย แบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์ โดยแจกแบบสอบถาม
ใหก้ บั กลมุ่ ตัวอย่าง จํานวน ๑๓๒ ฉบบั และได้รับแบบสอบถามทสี่ มบูรณ์กลับ จํานวน ๑๓๒ ฉบับ คิด
เป็นร้อยละ ๑๐๐ ของแบบสอบถามท้ังหมด โดยวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมสําเร็จรูปทาง
สังคมศาสตร์ ส่วนแบบสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ให้ข้อมูลสําคัญ จํานวน ๑๐ ฉบับ วิเคราะห์ข้อมูลเชิง
เนื้อหาต่อไป

๔.๑ ปัจจยั สว่ นบุคคล
๔.๒ ผลการวิเคราะห์ระดับภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของ
พระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆอ์ ําเภอนาวงั จังหวดั หนองบัวลาํ ภู
๔.๓ ผลการวิเคราะห์ระดับภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของ
พระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จงั หวัดหนองบวั ลาํ ภู ตามหลักพรหมวิหาร ๔
๔.๔ ผลการเปรียบเทียบภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของ
พระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆอ์ าํ เภอนาวัง จงั หวัดหนองบวั ลาํ ภู
๔.๕ ผลการวิเคราะห์แนวทางการส่งเสริมภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตาม
ทรรศนะของพระสงฆใ์ นเขตการปกครองคณะสงฆอ์ ําเภอนาวงั จงั หวดั หนองบัวลําภู
๔.๖ ผลการวิเคราะห์แนวทางการส่งเสริมภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตาม
ทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ตามหลักพรหม
วหิ าร ๔
๔.๗ สรุปองค์ความรทู้ ไ่ี ดร้ ับจากการวิจยั

๖๑

๔.๑ ปัจจยั ส่วนบุคคล

ผลการวิเคราะห์ปัจจัยส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม จากการแจกแบบสอบถาม
ความคิดเห็นของพระสงฆ์ จํานวน ๑๓๒ รูป จําแนกตาม อายุ พรรษา ตําแหน่ง การศึกษาทางธรรม
และการศกึ ษาทางโลก รายละเอยี ดดังแสดงใน ตารางที่ ๔.๑

ตารางที่ ๔.๑ จํานวนความถแี่ ละจาํ นวนรอ้ ยละของพระสงฆ์ จาํ แนกตามอายุ

อายุ จาํ นวน (n=๑๓๒)

ตํ่ากว่า ๓๐ ปี ๒๕ รอ้ ยละ
๓๑ – ๔๐ ปี ๓๕
๔๑ – ๕๐ ปี ๒๗ ๑๘.๙๔
๕๐ ปขี น้ึ ไป ๔๒ ๒๘.๗๙
๒๐.๔๕
รวม ๑๓๒ ๓๑.๘๒

๑๐๐

จากตารางท่ี ๔.๑ พบว่า พระสงฆ์ส่วนใหญ่มีอายุ ๕๐ ปีขึ้นไป จํานวน ๔๒ รูป คิดเป็น
ร้อยละ ๓๑.๘๒ รองลงมา พระสงฆ์ที่มีอายุ ๓๑ – ๔๐ ปี จํานวน ๓๕ รูป คิดเป็นร้อยละ ๒๘.๗๙
พระสงฆ์ท่ีมีอายุ ๔๑ – ๕๐ ปี จํานวน ๒๗ รูป คิดเป็นร้อยละ ๒๐.๔๕ และพระสงฆ์ที่มีอายุ ต่ํากว่า
๓๐ ปี จาํ นวน ๒๕ รูป คน คิดเป็นร้อยละ ๑๘.๙๔ ตามลาํ ดับ

ตารางท่ี ๔.๒ จํานวนความถีแ่ ละจาํ นวนร้อยละของพระสงฆ์ จาํ แนกตามพรรษา

พรรษา จาํ นวน (n=๑๓๒)

ต่าํ กว่า ๕ พรรษา ๒๓ ร้อยละ
๖ – ๑๕ พรรษา ๙๓
๑๖ – ๒๕ พรรษา ๕ ๑๑.๕
๒๖ พรรษา ขนึ้ ไป ๑๑ ๘๐.๕
๒.๕
รวม ๑๓๒ ๕.๕

๑๐๐

จากตารางที่ ๔.๒ พบว่า พระสงฆ์ส่วนใหญ่มีพรรษา ๖ – ๑๕ พรรษา จํานวน ๙๓ รูป
คิดเป็นร้อยละ ๘๐.๕ รองลงมา พระสงฆ์ท่ีมีพรรษาตํ่ากว่า ๕ พรรษา จํานวน ๒๓ รูป คิดเป็นร้อยละ
๑๑.๕ พระสงฆ์ท่ีมีพรรษา ๒๖ พรรษา ข้ึนไป จํานวน ๑๑ รูป คิดเป็นร้อยละ ๕.๕ และพระสงฆ์ท่ีมี
พรรษา ๑๖ – ๒๕ พรรษา จํานวน ๕ รปู คิดเปน็ รอ้ ยละ ๒.๕ ตามลําดับ

๖๒

ตารางที่ ๔.๓ จํานวนความถี่และจาํ นวนร้อยละของพระสงฆ์ จําแนกตามตาํ แหนง่

(n=๑๓๒)

ตาํ แหน่ง จํานวน ร้อยละ

พระสงฆท์ ัว่ ไป ๒๙ ๑๔.๕
พระอธกิ าร ๘๗ ๗๗.๕
เจา้ อธิการ ๑๐ ๕.๐
เจา้ คณะอาํ เภอ/รองเจ้าคณะอําเภอ/เลขานุการ ๖ ๓.๐

รวม ๑๓๒ ๑๐๐

จากตารางท่ี ๔.๓ พบว่า พระสงฆ์ส่วนใหญ่ตําแหน่งพระอธิการ จํานวน ๘๗ รูป คิดเป็น
ร้อยละ ๗๗.๕ รองลงมา พระสงฆ์ท่ัวไป จํานวน ๒๙ รูป คิดเป็นร้อย ๑๔.๕ เจ้าอธิการ จํานวน ๑๐
รูป คิดเป็นร้อยละ ๕.๐ และเจ้าคณะอําเภอ/รองเจ้าคณะอําเภอ/เลขานุการ จํานวน ๖ รูป คิดเป็น
รอ้ ยละ ๓.๐ ตามลาํ ดับ

ตารางที่ ๔.๔ จํานวนความถแี่ ละจาํ นวนรอ้ ยละของพระสงฆ์ จาํ แนกตาม การศกึ ษาทางธรรม

(n=๑๓๒)

การศกึ ษาทางธรรม จํานวน รอ้ ยละ

นักธรรมชนั้ ตรี ๑๕ ๗.๕
นักธรรมช้ันโท ๑๐ ๕.๐
นักธรรมชน้ั เอก ๑๐๗ ๘๗.๕

รวม ๑๓๒ ๑๐๐

จากตารางที่ ๔.๔ พบว่า พบว่า พระสงฆ์ส่วนใหญ่มีการศึกษาทางธรรมเป็นนักธรรมช้ัน
เอก จํานวน ๑๐๗ รูป คดิ เป็นร้อยละ ๘๗.๕ รองลงมา นักธรรมช้ันตรี จํานวน ๑๕ รูป คิดเป็นร้อยละ
๗.๕ และนกั ธรรมชน้ั โท จาํ นวน ๑๐ รูป คดิ เปน็ ร้อยละ ๕.๐ ตามลําดบั

ตารางท่ี ๔.๕ จํานวนความถีแ่ ละจํานวนร้อยละของพระสงฆ์ จาํ แนกตามการศึกษาทางโลก

การศึกษาทางโลก จาํ นวน (n=๑๓๒)

ต่าํ กวา่ มัธยมศึกษาปีที่ ๖ ๒๙ ร้อยละ
มัธยมศึกษาปีที่ ๖ ๘๗
ปรญิ ญาตรี ๑๓ ๑๔.๕
สงู กว่าปรญิ ญาตรี ๓ ๗๗.๕
๖.๕
รวม ๑๓๒ ๑.๕

๑๐๐

๖๓

จากตารางที่ ๔.๕ พบว่า พระสงฆ์ส่วนใหญ่มีการศึกษาทางโลกมัธยมศึกษาปีท่ี ๖ จํานวน
๘๗ รูป คิดเป็นร้อยละ ๗๗.๕ รองลงมา ตํ่ากว่ามัธยมศึกษาปีที่ ๖ จํานวน ๒๙ รูป คิดเป็นร้อยละ
๑๔.๕ ปริญญาตรี จํานวน ๑๓ รูป คิดเป็นร้อยละ ๖.๕ และสูงกว่าปริญญาตรี จํานวน ๓ รูป คิดเป็น
ร้อยละ ๑.๕ ตามลาํ ดับ

๔.๒ ผลการวิเคราะห์ระดับภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของ
พระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อาํ เภอนาวงั จงั หวดั หนองบวั ลําภู

ผลวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับระดับภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของ
พระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ทั้ง ๗ ด้าน คือ ๑) ด้านความ
รับผิดชอบ ๒) ด้านการอุทิศตน ๓) ด้านการเป็นแบบอย่างที่ดี ๔) ด้านมนุษย์สัมพันธ์ ๕) ด้านความเป็น
ธรรมาธิปไตย ๖) ด้านวิสัยทัศน์ ๗) ด้านความสามารถทางการบริหาร โดยแสดงค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบน
มาตรฐาน โดยมรี ายละเอียดดังน้ี

ตารางท่ี ๔.๖ ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์
ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จงั หวดั หนองบัวลําภู โดยภาพรวม

ภาวะผนู้ ําทางการเมืองของนักการเมืองตาม (n=๑๓๒)
ข้อท่ี ทรรศนะของพระสงฆใ์ นเขตการปกครองคณะ ระดบั ความคดิ เหน็

สงฆอ์ ําเภอนาวงั จงั หวัดหนองบวั ลําภู S.D. ระดับ

๑ ด้านความรับผดิ ชอบ ๓.๙๙ ๐.๔๙ มาก
๒ ด้านการอุทศิ ตน ๓.๙๗ ๐.๕๐ มาก
๓ ด้านการเปน็ แบบอยา่ งท่ดี ี ๓.๙๖ ๐.๕๓ มาก
๔ ดา้ นมนษุ ย์สมั พันธ์ ๔.๐๐ ๐.๕๐ มาก
๕ ด้านความเป็นธรรมาธปิ ไตย ๓.๙๘ ๐.๔๓ มาก
๖ ด้านวสิ ยั ทศั น์ ๓.๘๗ ๐.๕๑ มาก
๗ ดา้ นความสามารถทางการบริหาร ๓.๙๖ ๐.๔๒ มาก
๓.๙๗ ๐.๔๐ มาก
ภาพรวม

จากตารางท่ี ๔.๖ พบว่า ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตาม
ทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู โดยภาพรวมอยู่
ในระดับมาก (x = ๓.๙๗) เม่ือพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมากทุกด้าน เรียงลําดับจาก
มากไปหาน้อย พบว่า ด้านมนุษยส์ ัมพนั ธ์ (x = ๔.๐๐) รองลงมา คือ ดา้ นความรับผิดชอบ (x=๓.๙๙)
ด้านความเป็นธรรมาธิปไตย (x=๓.๙๘) ด้านการอุทศิ ตน (x=๓.๙๗) ดา้ นการเป็นแบบอยา่ งท่ีดี (x=
๓.๙๖) ด้านความสามารถทางการบรหิ าร (x=๓.๙๖) และด้านวสิ ยั ทศั น์ (x = ๓.๘๗) ตามลาํ ดับ

๖๔

ตารางที่ ๔.๗ ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์
ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวดั หนองบวั ลําภู ด้านความรับผดิ ชอบ

ข้อที่ ด้านความรับผิดชอบ (n=๑๓๒)
ระดับความคดิ เหน็
๑ นักการเมืองมคี วามรู้ความเขา้ ใจต่อบทบาทหน้าท่ี S.D. ระดบั
๔.๐๓ ๐.๖๑ มาก
๒ นกั การเมืองปฏิบตั งิ านตามบทบาทหน้าทด่ี ้วยความเรียบรอ้ ย ๔.๐๗ ๐.๖๘ มาก

๓ นกั การเมอื งยอมรบั ตอ่ ขอ้ ผิดพลาดที่เกิดจากการกระทําของ ๔.๐๑ ๐.๖๙ มาก
ตนเอง
๓.๙๘ ๐.๗๕ มาก
๔ นักการเมืองยอมรบั ต่อข้อผิดพลาดทเ่ี กดิ จากการ กระทําตาม
หนา้ ทข่ี องผู้รว่ มงาน ๓.๘๗ ๐.๖๘ มาก

๕ นักการเมืองมีความตระหนกั อยเู่ สมอวา่ บทบาทหนา้ ทีท่ ่ี ๓.๙๙ ๐.๔๙ มาก
รบั ผดิ ชอบจะต้องถูกสอบสวน

ภาพรวม

จากตารางที่ ๔.๗ พบว่า ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตาม

ทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ด้านความ
รับผิดชอบ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x = ๓.๙๙) เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับ

มากทุกข้อ เรียงลําดับค่าเฉล่ียจากมากไปหาน้อยสามลําดับแรก พบว่า ข้อท่ีมีค่าเฉล่ียมากท่ีสุด คือ
ข้อท่ี ๒ นักการเมืองปฏิบัติงานตามบทบาทหน้าที่ด้วยความเรียบร้อย (x = ๔.๐๗) รองลงมา คือ ข้อ
ที่ ๑ นักการเมืองมีความร้คู วามเข้าใจต่อบทบาทหน้าที่ (x= ๔.๐๓) และข้อท่ี ๓ นักการเมืองยอมรับ
ตอ่ ข้อผิดพลาดท่เี กิดจากการกระทาํ ของตนเอง (x= ๔.๐๑) ตามลําดบั

๖๕

ตารางที่ ๔.๘ ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์
ในเขตการปกครองคณะสงฆอ์ ําเภอนาวัง จงั หวัดหนองบัวลาํ ภู ดา้ นการอทุ ิศตน

ข้อท่ี ด้านการอทุ ศิ ตน (n=๑๓๒)
ระดบั ความความคดิ เหน็

S.D. ระดับ

๑ นักการเมืองปฏิบัติงานโดยให้ความสําคัญต่อหน้าท่ี มากกว่า ๓.๙๓ ๐.๖๙ มาก
ภารกิจสว่ นตวั
มาก
๒ นักการเมืองมีความกระฉับกระเฉงวอ่ งไวในการปฏบิ ัตงิ าน ๔.๐๔ ๐.๖๖ มาก
มาก
๓ นกั การเมอื งปฏบิ ตั ิงานโดยไม่ย่อทอ้ ตอ่ อุปสรรค ๔.๐๓ ๐.๗๓
มาก
๔ นักการเมืองมีความเสียสละ อทุ ศิ ตนและเวลา ๓.๙๐ ๐.๖๙
มาก
๕ นักการเมืองมีความวิริยะ อุตสาหะและใช้ความ พยายาม ๔.๐๖ ๐.๖๖
อยา่ งทุ่มเทในการปฏบิ ตั ิงานเพ่ือให้ ประสบผลสําเร็จ

ภาพรวม ๓.๙๙ ๐.๔๙

จากตารางท่ี ๔.๘ พบว่า ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตาม
ทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ด้านการอุทิศตน
โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x = ๓.๙๙) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับมากทุกข้อ
เรียงลําดับจากมากไปหานอ้ ยสามลําดับแรก พบว่า ข้อทม่ี ีค่าเฉลย่ี มากท่ีสดุ คือ ข้อท่ี ๕ นักการเมอื งมี
ความวริ ิยะ อุตสาหะและใชค้ วาม พยายามอย่างทุ่มเทในการปฏิบตั งิ านเพื่อให้ ประสบผลสําเร็จ (x =
๔.๐๖) รองลงมา คือ ข้อที่ ๒ นักการเมืองมีความกระฉับกระเฉงว่องไวในการปฏิบัติงาน (x=
๔.๐๔) และ ขอ้ ที่ ๓ นักการเมืองปฏบิ ัตงิ านโดยไมย่ อ่ ท้อต่ออปุ สรรค (x= ๔.๐๓)

๖๖

ตารางท่ี ๔.๙ ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์
ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ด้านการเป็น
แบบอยา่ งท่ดี ี

(n=๑๓๒)

ข้อท่ี ดา้ นการเปน็ แบบอยา่ งท่ีดี ระดับความคดิ เหน็
S.D. ระดับ

๑ นักการเมืองแต่งกายสภุ าพเหมาะสมตามกาลเทศะ ๓.๙๙ ๐.๗๒ มาก

๒ นกั การเมอื งใช้วาจาสุภาพ ๓.๙๒ ๐.๗๗ มาก

๓ นกั การเมืองไมส่ บู บหุ รแ่ี ละส่ิงมึนเมา ๓.๘๓ ๐.๗๙ มาก

๔ นักการเมืองวางตัวเป็นท่ีน่ายกย่องและมีความเป็นอยู่ที่ ๓.๙๖ ๐.๗๐ มาก
เรียบงา่ ยเป็นแบบอยา่ งได้ มาก

๕ นักการเมืองมีคุณธรรม จริยธรรมเป็นแบบอย่างที่ดี แก่ ๔.๑๒ ๐.๖๙
ผูร้ ่วมงาน

ภาพรวม ๓.๙๖ ๐.๕๓ มาก

จากตารางที่ ๔.๙ พบว่า ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตาม

ทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ด้านการเป็น
แบบอย่างท่ีดี โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x = ๓.๙๖) เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับ

มากทุกข้อ เรียงลําดับจากมากไปหาน้อยสามลําดับแรก พบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ข้อที่ ๕
นักการเมืองมีคุณธรรม จริยธรรมเป็นแบบอย่างท่ีดี แก่ผู้ร่วมงาน (x= ๔.๑๒) รองลงมา คือ ข้อที่ ๑
นกั การเมอื งแต่งกายสุภาพเหมาะสมตามกาลเทศะ (x= ๓.๙๙)และ ข้อท่ี ๔ นักการเมืองวางตัวเป็นที่
น่ายกย่องและมคี วามเป็นอยู่ทเี่ รยี บงา่ ยเป็นแบบอยา่ งได้ (x= ๓.๙๖) ตามลําดับ

๖๗

ตารางท่ี ๔.๑๐ ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์
ในเขตการปกครองคณะสงฆอ์ ําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลาํ ภู ด้านมนุษย์สัมพันธ์

(n=๑๓๒)

ข้อที่ ด้านมนษุ ยส์ มั พนั ธ์ ระดบั พฤตกิ รรม
S.D. ระดับ

๑ นักการเมืองใหเ้ กยี รติ เคารพสทิ ธิของประชาชน ๓.๙๖ ๐.๗๓ มาก

๒ นักการเมืองสามารถสร้างบรรยากาศให้เกิดความ ร่วมมือ ๔.๐๑ ๐.๖๙ มาก
รว่ มใจในกล่มุ ประชาชนไดเ้ ป็นอยา่ งดี

๓ นั ก ก า ร เมื อ ง ส นั บ ส นุ น ใ ห้ ป ร ะ ช า ช น มี ส่ ว น ร่ ว ม ใ น ก า ร ๓.๙๘ ๐.๖๙ มาก
ปฏบิ ัตงิ านตลอดกระบวนการไดเ้ ป็นอยา่ งดี

๔ นักการเมืองให้ความสนใจดูแลเอาใจใส่และรู้จัก ประชาชน ๓.๙๖ ๐.๗๐ มาก
อยา่ งทว่ั ถงึ

๕ นั ก ก า ร เมื อ ง มี ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ น ก า ร ส ร้ า ง สั ม พั น ธ์ กั บ ๔.๐๓ ๐.๖๓ มาก
ประชาชนในชุมชน

๖ นักการเมืองร่วมมือกับองค์กรภาครัฐ เอกชนและ ชุมชนได้ ๔.๐๘ ๐.๗๑ มาก
อยา่ งเหมาะสม

ภาพรวม ๔.๐๐ ๐.๕๐ มาก

จากตารางท่ี ๔.๑๐ พบว่า ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมือง
ตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ด้านมนุษย์
สัมพันธ์ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x = ๔.๐๐) เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับมาก
ทุกข้อ เรียงลําดับจากมากไปหาน้อยสามลําดับแรก พบว่า ข้อท่ีมีค่าเฉล่ียมากท่ีสุด คือ ข้อท่ี ๖
นักการเมืองร่วมมือกับองค์กรภาครัฐ เอกชนและ ชุมชนได้อย่างเหมาะสม (x= ๔.๐๘) รองลงมา คือ
ข้อท่ี ๕นักการเมืองมีความสามารถในการสร้างสัมพันธ์กับประชาชนในชุมชน (x= ๔.๐๓) และ ข้อท่ี
๒ นักการเมืองสามารถสร้างบรรยากาศให้เกิดความ ร่วมมือร่วมใจในกลุ่มประ๓.๙๖ชาชนไดเ้ ป็นอย่าง
ดี (x= ๔.๐๑) ตามลาํ ดบั

๖๘

ตารางที่ ๔.๑๑ ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์
ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ด้านความเป็น
ธรรมาธิปไตย

(n=๑๓๒)

ขอ้ ที่ ด้านความเป็นธรรมาธิปไตย ระดับความคดิ เหน็
S.D. ระดบั

นักการเมืองใช้ธรรมทางพระพุทธศาสนา ในการปฏิบัติงาน

๑ โดยการเปิดโอกาสให้ ผู้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็น ๔.๐๙ ๐.๗๐ มาก

เสนอแนะ แนวทางในการปฏิบตั งิ านในเรอ่ื งต่าง ๆ

๒ นกั การเมอื งเปดิ ใจรับฟังคําวพิ ากษ์วิจารณ์ของ ประชาชน ๓.๙๕ ๐.๖๘ มาก

๓ นักการเมืองเคารพในปัจเจกบุคคลและการตัดสินใจ ของ ๔.๐๓ ๐.๖๔ มาก
ประชาชน

๔ นักการเมืองส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนได้ใช้ ความรู้ ๔.๐๕ ๐.๖๙ มาก
ความสามารถในการปฏิบัตงิ านอยา่ งเตม็ ความสามารถ

๕ นักการเมืองส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วม ของ ๔.๐๘ ๐.๗๑ มาก
ประชาชนในทุกขั้นตอน

๖ นักการเมืองปฏิบัติงานโดยคํานึงถึงประโยชน์ของ ส่วนรวม ๓.๙๕ ๐.๗๖ มาก
มากกว่าประโยชน์ของปจั เจกบคุ คลด้านการตดั สินใจ

๗ นักการเมืองตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลสารสนเทศท่ี ถูกต้องและ ๓.๙๕ ๐.๖๘ มาก
เปน็ ปจั จุบนั

๘ นักการเมืองวินิจฉัยส่ังการในเรื่องต่าง ๆ อย่างมี หลักการและ ๓.๙๑ ๐.๖๗ มาก
เหตผุ ลโดยคาํ นึงถงึ ความถกู ต้องตาม หลักการธรรมาธปิ ไตย

๙ นักการเมืองเปิดโอกาสใหป้ ระชาชนมีส่วนรว่ มในการตดั สนิ ใจ ๓.๙๘ ๐.๗๐ มาก

๑๐ นักการเมืองตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นที่ยอมรับ ๓.๘๗ ๐.๖๘ มาก
ของประชาชน

ภาพรวม ๓.๙๘ ๐.๔๓ มาก

จากตารางท่ี ๔.๑๑ พบว่า ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมือง

ตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ด้านความ
เป็นธรรมาธิปไตยโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x = ๓.๙๘) เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ใน

ระดับมากทุกขอ้ เรยี งลําดับจากมากไปหาน้อยสามลาํ ดับแรก พบว่า ข้อทมี่ คี ่าเฉล่ยี มากท่ีสุด คือ ขอ้ ท่ี

๑ นักการเมืองใช้ธรรมทางพระพุทธศาสนา ในการปฏิบัติงาน โดยการเปิดโอกาสให้ ผู้ประชาชนได้
แสดงความคิดเห็น เสนอแนะ แนวทางในการปฏิบัติงานในเรื่องต่าง ๆ (x= ๔.๐๙) รองลงมา คือ ข้อ
ที่ ๕นักการเมืองส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วม ของประชาชนในทุกขั้นตอน (x= ๔.๐๘) และ

๖๙

ข้อที่ ๔ นักการเมืองส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนได้ใช้ ความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงาน
อยา่ งเต็มความสามารถ (x= ๔.๐๕) ตามลาํ ดบั

ตารางที่ ๔.๑๒ ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์
ในเขตการปกครองคณะสงฆอ์ ําเภอนาวงั จงั หวดั หนองบวั ลาํ ภู ดา้ นวสิ ัยทัศน์

(n=๑๓๒)

ขอ้ ท่ี ดา้ นวิสยั ทศั น์ ระดับความคดิ เห็น
S.D. ระดับ

๑ นกั การเมอื งมีความคดิ ริเรม่ิ กล้าคิด กลา้ แสดงออก ๓.๘๖ ๐.๗๕ มาก

๒ นักการเมืองสามารถกําหนดทิศทางของความต้องการของ ๓.๘๒ ๐.๗๑ มาก
ประชาชนท่ี ชดั เจน

๓ นักการเมือง มีความ สามารถในการส่ือสารให้ผู้ร่วมงานรู้ ๓.๘๖ ๐.๗๐ มาก
เป้าหมายและเขา้ ใจวิสยั ทศั น์ของ สถานศกึ ษา

๔ นักการเมืองพัฒนาวิสัยทัศน์ของชุมชนให้ สอดคล้องกับการ ๓.๙๔ ๐.๖๕ มาก
เปลีย่ นแปลง

ภาพรวม ๓.๘๗ ๐.๕๑ มาก

จากตารางท่ี ๔.๑๒ พบว่า ภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของ

พระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ด้านวิสัยทัศน์ โดยภาพรวม
อยู่ในระดับมาก (x = ๓.๘๗) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับมากทุกข้อ เรียงลําดับจาก

มากไปหาน้อยสามลําดับแรก พบวา่ ข้อที่มีคา่ เฉล่ียมากที่สุด คือ ข้อที่ ๔ นักการเมืองพัฒนาวสิ ัยทัศน์
ของชุมชนให้ สอดคล้องกับการเปล่ียนแปลง (x= ๓.๙๔) รองลงมา คือ ข้อที่ ๑ นักการเมืองมี
ความคิดริเริ่ม กล้าคิด กล้าแสดงออก (x= ๓.๘๖) และ ข้อท่ี ๓ นักการเมือง มีความ สามารถในการ
สื่อสารให้ผ้รู ว่ มงานรู้เป้าหมายและเข้าใจวสิ ัยทศั น์ของ สถานศึกษา (x= ๓.๘๖) ตามลาํ ดับ

๗๐

ตารางท่ี ๔.๑๓ ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์
ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ด้านความสามารถ
ทางการบริหาร

(n=๑๓๒)

ข้อที่ ดา้ นความสามารถทางการบรหิ าร ระดับพฤติกรรม
S.D. ระดับ

๑ นักการเมืองมีความสามารถในการทําความเข้าใจต่อ ปัญหา ๓.๘๙ ๐.๗๒ มาก
วินิจฉัยปญั หา และแก้ปัญหาไดด้ ี

๒ นกั การเมอื งจัดบุคคลเข้าทํางานไดอ้ ย่างเหมาะสม ตามความรู้ ๓.๙๒ ๐.๗๒ มาก
ความสามารถและความถนัด

๓ นักการเมืองมีความสามารถในการเสริมสร้างขวัญ และ ๔.๐๑ ๐.๗๑ มาก
กําลงั ใจให้กบั ผรู้ ่วมงาน

๔ นักการเมืองมีความสามารถในการควบคุมและ บริหาร ๓.๙๑ ๐.๗๔ มาก
งบประมาณแบบมงุ่ เนน้ ผลงาน

๕ นกั การเมอื งมคี วามคิดสรา้ งสรรคส์ ามารถพฒั นา ตามนโยบาย ๓.๙๖ ๐.๖๕ มาก
ใหไ้ ดม้ าตรฐานเป็นทีย่ อมรบั ของ ชมุ ชนและสังคม

๖ นักการเมืองใช้หลักการบริหารเน้นการบริการที่ดีโดย ไม่ ๔.๑๐ ๐.๕๕ มาก
ม่งุ เนน้ ผลกําไร

ภาพรวม ๓.๙๖ ๐.๔๒ มาก

จากตารางที่ ๔.๑๓ พบว่า ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมือง

ตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู
ด้านความสามารถทางการบริหาร โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x = ๔.๑๓) เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ

พบว่า อยู่ในระดับมากทุกข้อ เรียงลําดับจากมากไปหาน้อยสามลําดับแรก พบว่า ข้อที่มีค่าเฉล่ียมาก
ท่สี ุด คือ ข้อท่ี ๖ นักการเมืองใช้หลักการบริหารเน้นการบริการท่ีดีโดย ไม่มุง่ เน้นผลกําไร (x= ๔.๑๐)

รองลงมา คือ ข้อที่ ๕ นักการเมืองมีความคิดสร้างสรรค์สามารถพัฒนา ตามนโยบายให้ได้มาตรฐาน
เป็นที่ยอมรับของ ชุมชนและสังคม (x=๓.๙๖) และ ข้อท่ี ๔ นักการเมืองมีความสามารถในการ
ควบคุมและบรหิ ารงบประมาณแบบมุ่งเนน้ ผลงาน (x= ๓.๙๑) ตามลาํ ดับ

๗๑

๔.๓ ผลการวิเคราะห์ระดับภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของ
พระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ตามหลัก
พรหมวหิ าร ๔

ผลการวิเคราะห์ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะ
ของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ตามหลักพรหมวิหาร ๔
ได้แก่ ๑) ด้านเมตตา ๒) ด้านกรุณา ๓) ด้านมุทิตา ๔) ด้านอุเบกขา โดยพิจารณาเป็นรายด้านตาม
ตารางดังต่อไปน้ี

ตารางท่ี ๔.๑๔ ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์
ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ตามหลักพรหมวิหาร
๔ โดยภาพรวม

ระดบั ความคดิ เหน็ ภาวะผนู้ าํ ทางการเมืองของ (n=๑๓๒)
ระดับพฤตกิ รรม
นักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆใ์ นเขตการ
ขอ้ ที่ ปกครองคณะสงฆอ์ ําเภอนาวัง จังหวดั หนองบวั ลาํ ภู S.D. ระดบั

ตามหลักพรหมวหิ าร ๔

๑ ด้านเมตตา ๔.๑๓ ๐.๓๗ มาก
๔.๑๔ ๐.๔๐ มาก
๒ ด้านกรุณา ๔.๐๒ ๐.๔๖ มาก
๔.๒๐ ๐.๔๗ มาก
๓ ดา้ นมทุ ติ า ๔.๑๒ ๐.๓๖ มาก

๔ ดา้ นอเุ บกขา

ภาพรวม

จากตารางที่ ๔.๑๔ พบว่า ระดับภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะ

ของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ตามหลักพรหมวิหาร ๔
โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x= ๔.๑๒) เม่ือพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมากทุกข้อ

เรียงลําดับค่าเฉล่ียจากมากไปหาน้อยสามลําดับแรก พบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ด้านอุเบกขา
(x= ๔.๒๐) รองลงมา คือ ด้านกรณุ า (x= ๔.๑๔) และด้านเมตตา (x = ๔.๑๓) ตามลําดบั

๗๒

ตารางท่ี ๔.๑๕ ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์
ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ตามหลักพรหมวิหาร
๔ ด้านเมตตา

(n=๑๓๒)

ขอ้ ที่ ดา้ นเมตตา ระดับพฤติกรรม
S.D. ระดับ

๑ นักการเมืองมคี วามเปน็ กนั เองหวงั ดีกับประชาชน ๔.๒๘ ๐.๕๒ มาก

๒ นักการเมืองมีความเอื้อเฟ้ือเผื่อแผ่ให้กบั ประชาชนและชุมชน ๔.๒๘ ๐.๕๒ มาก
เป็นอย่างดี

๓ นักการเมอื งเป็นศนู ย์กลางสรา้ งความสามัคคีให้เกิดในชมุ ชน ๔.๑๐ ๐.๖๑ มาก

๔ นักการเมืองให้ความช่วยเหลือกับชุมชนในทุกกิจกรรม ๔.๑๐ ๐.๔๘ มาก
สว่ นรวม

๕ นกั การเมืองอุทิศเพ่ือชมุ ชนอยา่ งจริงใจไม่หวังผลตอบแทน ๓.๙๑ ๐.๗๕ มาก

ภาพรวม ๔.๑๓ ๐.๓๗ มาก

จากตารางท่ี ๔.๑๕ พบว่า ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมือง
ตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ตามหลัก
พรหมวิหาร ๔ ด้านเมตตา โดยภาพรวมอยใู่ นระดับมาก (x = ๔.๑๓) เมื่อพจิ ารณาเปน็ รายขอ้ พบว่า
อยู่ในระดับมากทุกข้อ เรยี งลําดับค่าเฉล่ียจากมากไปหาน้อยสามลําดับแรก พบว่า ข้อที่มีคา่ เฉลี่ยมาก
ที่สุด คือ ข้อที่ ๑ นักการเมืองมีความเป็นกันเองหวังดีกับประชาชน (x = ๔.๒๘) รองลงมา คือ ข้อท่ี
๒ นักการเมืองมีความเอ้ือเฟื้อเผื่อแผ่ให้กับประชาชนและชุมชนเป็นอย่างดี (x = ๔.๒๘) และข้อท่ี ๓
นักการเมอื งเปน็ ศนู ย์กลางสรา้ งความสามคั คใี หเ้ กิดในชุมชน (x= ๔.๑๐) ตามลาํ ดับ

๗๓

ตารางที่ ๔.๑๖ ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์
ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ตามหลักพรหมวิหาร
๔ ด้านกรณุ า

(n=๑๓๒)

ข้อที่ ด้านกรณุ า ระดับความคดิ เหน็
S.D. ระดับ

๑ นกั การเมืองใหค้ วามชว่ ยเหลือประชาชนผปู้ ระสบภยั ด้านต่าง ๆ ๔.๒๑ ๐.๕๕ มาก

๒ นักการเมืองจัดสรรงบประมาณเก่ียวกับสวัสดิการผู้ด้อยโอกาส ๔.๑๗ ๐.๕๙ มาก
ในชมุ ชน

๓ นักการเมืองจัดสรรงบประมาณเก่ียวกับสวสั ดิการผู้ยากไร้โอกาส ๔.๐๔ ๐.๖๗ มาก
ในชุมชน

๔ นักการเมืองจัดสรรงบประมาณสนับสนุนด้านสิ่งสาธารณูปโภค ๔.๒๘ ๐.๕๒ มาก
ในชุมชน

๕ นักการเมืองมีความจริงใจในการพัฒนาชุมชนเพื่อให้เกิดความ ๔.๐๓ ๐.๔๙ มาก
ยงั่ ยืน

ภาพรวม ๔.๑๔ ๐.๔๐ มาก

จากตารางที่ ๔.๑๖ พบว่า ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมือง

ตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ตามหลัก
พรหมวิหาร ๔ ด้านกรุณา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x= ๔.๑๔) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า

อยู่ในระดับมากทุกข้อ เรียงลําดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อยสามลําดับแรก พบว่า ข้อท่ีมีคา่ เฉล่ียมาก
ทสี่ ุด คือ ข้อท่ี ๔ นักการเมืองจัดสรรงบประมาณสนับสนุนดา้ นสิ่งสาธารณูปโภคในชุมชน (x= ๔.๒๘)
รองลงมา คือ ข้อท่ี ๑ นักการเมืองให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยด้านต่าง ๆ (x= ๔.๒๑)
และข้อที่ ๒ ไปนักการเมืองจัดสรรงบประมาณเก่ียวกับสวัสดิการผู้ด้อยโอกาสในชุมชน (x= ๔.๑๗)

ตามลําดบั

๗๔

ตารางท่ี ๔.๑๗ ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์
ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ตามหลักพรหมวิหาร
๔ ด้านมุทิตา

ขอ้ ท่ี ดา้ นมทุ ติ า (n=๑๓๒)
ระดับความคดิ เห็น
๑ นักการเมืองสนับสนุนส่งเสริมชุมชนให้มีสุขภาวะท่ีดี มี S.D. ระดบั
ความสุข
๓.๙๔ ๐.๘๓ มาก

๒ นักการเมืองสนับสนุนชุมชนที่มีการพัฒนาให้ได้รับรางวัล ๓.๘๓ ๐.๗๕ มาก
และงบประมาณ

๓ นักการเมืองมีความเป็นกลางในการยกย่องชุมชนที่ประสบ ๔.๑๑ ๐.๗๑ มาก
ความสาํ เรจ็ ในการพัฒนา

๔ นักการเมืองประพฤติตนเป็นท่ีรัก เป็นยอมรับของ ๔.๒๕ ๐.๖๗ มาก
ประชาชนในชมุ ชน
๔.๐๐ ๐.๕๘ มาก
๕ นกั การเมืองใช้หลกั มุทติ าธรรมในการพัฒนาชมุ ชน ๔.๐๒ ๐.๔๖ มาก

ภาพรวม

จากตารางที่ ๔.๑๗ พบว่า ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมือง

ตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ตามหลัก
พรหมวิหาร ๔ ด้านมุทิตา ภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x= ๔.๐๒) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่

ในระดับมากทุกข้อ เรียงลําดับค่าเฉล่ียจากมากไปหาน้อยสามลําดับ พบว่า ข้อท่ีมีค่าเฉลี่ยมากท่ีสุด
คือ ข้อที่ ๔ นักการเมืองประพฤติตนเป็นที่รัก เป็นยอมรับของประชาชนในชุมชน (x = ๔.๒๕)

รองลงมา คือ ข้อท่ี ๓ นักการเมืองมีความเป็นกลางในการยกย่องชุมชนท่ีประสบความสําเร็จในการ
พัฒนา (x = ๔.๑๑) และข้อที่ ๕ นักการเมืองใช้หลักมุทิตาธรรมในการพัฒนาชุมชน (x= ๔.๑๑)

ตามลาํ ดับ

๗๕

ตารางท่ี ๔.๑๘ ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์
ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ตามหลักพรหมวิหาร
๔ ด้านอเุ บกขา

(n=๒๐๐)

ขอ้ ท่ี ด้านอุเบกขา ระดับความคดิ เห็น
S.D. ระดับ

๑ นักการเมืองวางตัวเป็นกลางในการพัฒนาชุมชนอย่างมี ๔.๑๕ ๐.๘๑ มาก
เหตุผล

๒ นักการเมืองใช้หลักยุติธรรมในการพัฒนาชุมชนอย่าง ๔.๑๔ ๐.๖๒ มาก
สม่ําเสมอ

๓ นักการเมืองไม่ก้าวก่ายแทรกแซงในความคิดเห็นของ ๔.๐๔ ๐.๖๑ มาก
ประชาชน

๔ นักการเมืองไม่มีอคติต่อคนกลุ่มใดกลุ่มหน่ึงในการพัฒนา ๔.๔๒ ๐.๔๙ มาก
ท้องถนิ่

๕ นั ก ก า ร เมื อ ง ให้ ค ว า ม สํ า คั ญ กั บ อุ เบ ก ข า ธ ร ร ม อ ย่ า ง ๔.๒๔ ๐.๕๐ มาก
สมาํ่ เสมอ

ภาพรวม ๔.๒๐ ๐.๔๗ มาก

จากตารางท่ี ๔.๑๘ พบว่า ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมือง

ตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู ตามหลัก
พรหมวิหาร ๔ ด้านอุเบกขา ภาพรวมอยู่ในระดบั มาก (x= ๔.๒๐) เม่อื พิจารณาเปน็ รายข้อ พบว่า อยู่

ในระดับมากทุกข้อ เรียงลําดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อยสามลําดับ พบว่า ข้อท่ีมีค่าเฉล่ียมากที่สุด
คือ ข้อท่ี ๔ นักการเมืองไม่มีอคติต่อคนกลุ่มใดกลุ่มหน่ึงในการพัฒนาท้องถิ่น (x = ๔.๔๒) รองลงมา
คือ ข้อท่ี ๕ นักการเมืองให้ความสําคัญกับอุเบกขาธรรมอย่างสม่ําเสมอ (x = ๔.๒๔) และข้อท่ี ๑
นกั การเมอื งวางตวั เป็นกลางในการพัฒนาชุมชนอยา่ งมเี หตุผล (x= ๔.๑๕) ตามลําดับ

๔.๔ ผลการเปรียบเทียบภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของ
พระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อาํ เภอนาวงั จังหวัดหนองบวั ลําภู

สมมติฐานที่ ๑ พระสงฆ์มีอายุต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของ
นักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู
แตกตา่ งกัน

การเปรียบเทียบ ใช้สถิติ F-test (One-way ANOWA) ในการทดสอบความ แปรปรวน
แบบทางเดียวเพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉล่ียที่มากกว่าสองกลุ่ม ใช้ระดับความเชื่อมั่น
๙๕ % จะยอมรบั ตามสมมติฐานท่ตี ง้ั ไว้ตอ่ เมอ่ื คา่ Sig. น้อยกวา่ ๐.๐๕

๗๖

ตารางที่ ๔.๑๙ ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตาม
ทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู
จาํ แนกตาม อายุ

ความคดิ เหน็ แหล่งขอ้ มลู SS df MS (n=๑๓๒)
๓.๐๘ ๓.๐๐ ๑.๐๓ F Sig
ระหว่างกลมุ่ ๑๑๑.๖๕ ๑๒๘.๐๐ .๘๗ ๑.๑๘ .๓๒

ดา้ นความรบั ผดิ ชอบ ภายในกลุ่ม ๑๑๔.๗๓ ๑๓๑.๐๐ .๒๐ .๓๖ .๗๘
.๕๙ ๓.๐๐ .๕๔
รวม ๖๘.๗๒ ๑๒๘.๐๐ .๕๙ .๖๒
๖๙.๓๑ ๑๓๑.๐๐ .๔๘
ระหวา่ งกลุ่ม ๑.๔๕ ๓.๐๐ .๘๒ ๑.๓๕ .๒๖
๑๒๘.๐๐
ดา้ นการอทุ ิศตน ภายในกลุ่ม ๑๐๔.๔๕ ๑๓๑.๐๐ ๑.๙๘ .๗๗ .๕๑
๑๐๕.๙๑ ๓.๐๐ ๑.๔๖
รวม ๕.๙๔ ๑๒๘.๐๐ .๔๘ .๗๐
๑๘๗.๔๑ ๑๓๑.๐๐ ๑.๑๔
ดา้ นการเป็นแบบอยา่ ง ระหว่างกลุม่ ๑๙๓.๓๕ ๓.๐๐ ๑.๔๙ ๑.๑๖ .๓๓
ที่ดี ภายในกลุ่ม ๓.๔๓ ๑๒๘.๐๐
รวม ๑๙๑.๐๑ ๑๓๑.๐๐ .๒๖ ๑.๖๐ .๑๙
๑๙๔.๔๔ ๓.๐๐ .๕๓
ระหวา่ งกลุม่ ๑๒๘.๐๐ ๑.๑๐ .๓๕
.๗๗ ๑๓๑.๐๐ .๖๕
ด้านมนุษยส์ มั พนั ธ์ ภายในกลุ่ม ๖๘.๑๗ ๓.๐๐ .๕๖
๖๘.๙๔ ๑๒๘.๐๐
รวม ๑.๙๔ ๑๒๘.๐๐ .๘๘
๗๑.๗๓ ๓.๐๐ .๕๕
ด้านความเป็น ระหว่างกล่มุ ๗๓.๖๘ ๑๒๘.๐๐
ธรรมาธิปไตย ภายในกลมุ่ ๒.๖๕ ๑๓๑.๐๐ .๔๔
รวม ๗๐.๖๒ ๓.๐๐ .๔๐
๗๓.๒๗ ๑๒๘.๐๐
ระหว่างกลุ่ม ๑.๓๒ ๑๓๑.๐๐
๕๑.๒๐
ดา้ นวิสัยทัศน์ ภายในกลุ่ม ๕๒.๕๒

รวม

ด้านความสามารถ ระหวา่ งกลมุ่
ทางการบรหิ าร ภายในกลมุ่

รวม

ระหวา่ งกลมุ่

ด้านหลักพรหมวหิ าร ๔ ภายในกลมุ่

รวม

ระหวา่ งกลุม่

ภาพรวม ภายในกล่มุ

รวม

๗๗

จากตารางท่ี ๔.๑๙ พบว่า ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมือง
ของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัด
หนองบัวลําภู จําแนกตาม อายุ

พบว่า พระสงฆ์ที่มีอายุแตกต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของ
นักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู
โดยภาพรวม ไม่แตกต่างกนั ซ่ึงไมเ่ ปน็ ตามสมมติฐานท่ตี ง้ั ไว้

สมมติฐานที่ ๒ พระสงฆ์มีพรรษาต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของ
นักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู
แตกต่างกนั

การเปรียบเทียบ ใช้สถิติ F-test (One-way ANOWA) ในการทดสอบความ แปรปรวน
แบบทางเดียวเพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉล่ียท่ีมากกว่าสองกลุ่ม ใช้ระดับความเชื่อม่ัน
๙๕% จะยอมรบั ตามสมมตฐิ านที่ตงั้ ไวต้ อ่ เมอื่ ค่า Sig. นอ้ ยกว่า ๐.๐๕

ตารางที่ ๔.๒๐ ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตาม
ทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู
จาํ แนกตาม พรรษา

การปฏบิ ัติ แหลง่ ขอ้ มูล SS df MS (n=๑๓๒)
๖.๙๓ ๓.๐๐ ๒.๓๑ F Sig
ระหว่างกลมุ่ ๑๐๗.๘๐ ๑๒๘.๐๐ .๘๔ ๒.๗๔ .๐๕*

ด้านความรับผิดชอบ ภายในกลุ่ม ๑๑๔.๗๓ ๑๓๑.๐๐ ๓.๓๖ ๗.๒๕ .๐๐*
๑๐.๐๗ ๓.๐๐ .๔๖
รวม ๕๙.๒๔ ๑๒๘.๐๐ ๔.๗๗ ๐๐*
๖๙.๓๑ ๑๓๑.๐๐ ๓.๕๕
ระหว่างกลมุ่ ๑๐.๖๕ ๓.๐๐ .๗๔ .๗๒ .๕๔
๙๕.๒๖ ๑๒๘.๐๐
ดา้ นการอทุ ศิ ตน ภายในกลมุ่ ๑๐๕.๙๑ ๑๓๑.๐๐ ๑.๐๖ ๑.๔๑ .๒๔
๓.๑๙ ๓.๐๐ ๑.๔๙
รวม ๑๙๐.๑๖ ๑๒๘.๐๐
๑๙๓.๓๕ ๑๓๑.๐๐ ๒.๐๘
ดา้ นการเป็นแบบอยา่ ง ระหว่างกลุม่ ๖.๒๓ ๓.๐๐ ๑.๔๗
ทีด่ ี ภายในกล่มุ ๑๘๘.๒๑ ๑๒๘.๐๐
รวม ๑๙๔.๔๔ ๑๓๑.๐๐

ระหวา่ งกล่มุ

ดา้ นมนุษยสัมพันธ์ ภายในกลุ่ม

รวม

ดา้ นความเปน็ ระหว่างกลุ่ม
ธรรมาธปิ ไตย ภายในกลุ่ม
รวม

๗๘

การปฏิบตั ิ แหล่งขอ้ มลู SS df MS F Sig

ระหวา่ งกล่มุ ๖.๙๐ ๓.๐๐ ๒.๓๐ ๔.๗๕ .๐๐*

ดา้ นวสิ ยั ทศั น์ ภายในกลุ่ม ๖๒.๐๔ ๑๒๘.๐๐ .๔๘

รวม ๖๘.๙๔ ๑๓๑.๐๐

ดา้ นความสามารถ ระหวา่ งกลุ่ม ๖.๒๓ ๓.๐๐ ๒.๐๘ ๓.๙๔ .๐๑*
ทางการบริหาร ภายในกลมุ่ ๖๗.๔๕ ๑๒๘.๐๐ .๕๓
รวม ๗๓.๖๘ ๑๓๑.๐๐

ดา้ นหลกั พรหมวิหาร ระหวา่ งกลมุ่ ๗.๗๗ ๓.๐๐ ๒.๕๙ ๕.๐๖ .๐๐*
๔ ภายในกลุ่ม ๖๕.๔๙ ๑๒๘.๐๐ .๕๑
รวม ๗๓.๒๗ ๑๓๑.๐๐

ระหว่างกลมุ่ ๖.๐๕ ๓.๐๐ ๒.๐๒ ๕.๕๕ .๐๐*

ภาพรวม ภายในกลมุ่ ๔๖.๔๗ ๑๒๘.๐๐ .๓๖

รวม ๕๒.๕๒ ๑๓๑.๐๐

*มนี ยั สาํ คัญทางสถติ ิท่รี ะดบั ๐.๐๕

จากตารางท่ี ๔.๒๐ พบว่า ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมือง
ของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัด
หนองบัวลําภู จําแนกตาม พรรษา

พบว่า พระสงฆ์ท่ีมีพรรษาแตกต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของ
นักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู
โดยภาพรวม แตกตา่ งกันอยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถติ ทิ รี่ ะดับ ๐.๐๕ ซึ่งเปน็ ตามสมมติฐานทต่ี ้ังไว้

เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า พระสงฆ์ที่มีพรรษาแตกต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะ
ผู้นําทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง
จังหวัดหนองบัวลําภู ด้านความรับผิดชอบ ด้านการอุทิศตน ด้านการเป็นแบบอย่างที่ดี ด้าน
วิสัยทัศน์ ด้านความสามารถทางการบริหาร และด้านหลักพรหมวิหาร๔ แตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญ
ทางสถิติที่ระดับ ๐.๐๕ ส่วนด้านการเป็นแบบอย่างที่ดี ด้านมนุษยสัมพันธ์ ด้านความเป็น
ธรรมาธปิ ไตย ไมแ่ ตกตา่ งกัน

ดังน้ัน จึงทําการทดสอบความแตกต่างเป็นรายคู่ ด้วยวิธีการของ LSD. (Least
Significant Difference) และนําเสนอในรปู ตารางประกอบการบรรยาย ดังนี้

๗๙

ตารางท่ี ๔.๒๑ แสดงค่าเฉลี่ยรายคู่ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของ
นักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง
จังหวดั หนองบวั ลาํ ภู ด้านความรับผิดชอบ จาํ แนกตาม พรรษา

(n=๑๓๒)

ระดบั พรรษา ต่ํากว่า ๕ พรรษา ๖-๑๕ พรรษา ๑๖-๒๕ พรรษา ๒๖ พรรษาขนึ้ ไป

X ๓.๓๕ ๓.๖๑ ๒.๙๙ ๓.๔๐

ต่าํ กว่า ๕ พรรษา ๓.๓๕ - -.๒๖ .๓๗ -.๐๕

๖-๑๕ พรรษา ๓.๖๑ - .๖๒* .๒๑

๑๖-๒๕ พรรษา ๒.๙๙ - -.๔๒*

๒๖ พรรษา ขนึ้ ไป ๓.๔๐ -

*มีนยั สําคัญทางสถิตทิ ี่ระดบั ๐.๐๕

จากตารางที่ ๔.๒๑ พบว่า พระสงฆ์ที่มีอายุแตกต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทาง
การเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัด
หนองบัวลําภู ด้านความรับผิดชอบ จําแนกตาม พรรษา แตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติท่ีระดับ
๐.๐๕ มจี ํานวน ๒ คู่ ไดแ้ ก่

พระสงฆ์ท่ีมีพรรษา ๖-๑๕ พรรษา มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของ
นักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู
แตกตา่ งจากพระสงฆ์ท่ีมีพรรษา ๑๖-๒๕ พรรษา

พระสงฆ์ที่มีพรรษา ๑๖-๒๕ พรรษา มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของ
นักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู
แตกต่างจากพระสงฆท์ ี่มพี รรษา ๒๖ พรรษา ขึน้ ไป นอกนั้นไม่พบความแตกตา่ งรายคู่

ตารางท่ี ๔.๒๒ แสดงค่าเฉลี่ยรายคู่ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของ
นักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง
จังหวดั หนองบัวลาํ ภู ดา้ นการอุทศิ ตน จําแนกตามพรรษา

(n=๑๓๒)

ระดับพรรษา ตํ่ากว่า ๕ พรรษา ๖-๑๕ พรรษา ๑๖-๒๕ พรรษา ๒๖ พรรษา ขนึ้ ไป

X ๔.๒๕ ๓.๙๕ ๔.๔๘ ๓.๘๕

ตํา่ กว่า ๕ พรรษา ๔.๓๘ - -.๐๓ .๗๑* .๓๒

๖-๑๕ พรรษา ๔.๔๑ - .๗๓* .๓๕

๑๖-๒๕ พรรษา ๓.๖๘ - -.๓๙*

๒๖ พรรษา ขนึ้ ไป ๔.๐๖ -

*มนี ยั สําคัญทางสถติ ิทร่ี ะดบั ๐.๐๕

๘๐

จากตารางท่ี ๔.๒๒ พบว่า พระสงฆ์ท่ีมีอายุแตกต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทาง
การเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัด
หนองบัวลําภู ด้านการอุทิศตน จําแนกตาม พรรษา แตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติท่ีระดับ
๐.๐๕ มีจาํ นวน ๓ คู่ ได้แก่

พระสงฆ์ท่ีมีพรรษา ตํ่ากว่า ๕ พรรษา มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของ
นักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู
แตกต่างจากพระสงฆ์ที่มพี รรษา ๑๖-๒๕ พรรษา

พระสงฆ์ที่มีพรรษา ๖-๑๕ พรรษา มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของ
นักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู
แตกตา่ งจากพระสงฆท์ ี่มีพรรษา ๑๖-๒๕ พรรษา

พระสงฆ์ที่มีพรรษา ๑๖-๒๕ พรรษา มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของ
นักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู
แตกตา่ งจากพระสงฆท์ ่ีมีพรรษา ๒๖ พรรษา ขึ้นไป นอกนน้ั ไมพ่ บความแตกต่างรายคู่

ตารางท่ี ๔.๒๓ แสดงค่าเฉลี่ยรายคู่ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของ
นักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง
จงั หวัดหนองบวั ลําภู ดา้ นการเปน็ แบบอยา่ งที่ดี จาํ แนกตาม พรรษา

(n=๑๓๒)

ระดบั พรรษา ตา่ํ กวา่ ๕ พรรษา ๖-๑๕ พรรษา ๑๖-๒๕ พรรษา ๒๖ พรรษา ขน้ึ ไป

X ๓.๒๒ ๔.๐๕ ๓.๓๐ ๓.๗๔

ตาํ่ กวา่ ๕ พรรษา ๓.๒๒ - -.๘๓* -.๐๘ -.๕๒

๖-๑๕ พรรษา ๔.๐๕ - .๗๕* .๓๑

๑๖-๒๕ พรรษา ๓.๓๐ - -.๔๔*

๒๖ พรรษา ขน้ึ ไป ๓.๗๔ -

*มนี ยั สําคญั ทางสถติ ทิ ี่ระดับ ๐.๐๕

จากตารางที่ ๔.๒๓ พบว่า พระสงฆ์ท่ีมีพรรษาแตกต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นํา
ทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง
จงั หวัดหนองบัวลําภู ด้านการเป็นแบบอย่างที่ดี จําแนกตาม พรรษา แตกตา่ งกันอย่างมีนัยสาํ คญั ทาง
สถติ ิทร่ี ะดับ ๐.๐๕ มีจํานวน ๓ คู่ ไดแ้ ก่

พระสงฆ์ท่ีมีพรรษา ตํ่ากว่า ๕ พรรษา มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของ
นักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู
แตกตา่ งจากพระสงฆ์ทมี่ ีพรรษา ๖-๑๕ พรรษา

๘๑

พระสงฆ์ที่มีพรรษา ๖-๑๕ พรรษา มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของ
นักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู
แตกต่างจากพระสงฆ์ทมี่ ีพรรษา ๑๖-๒๕ พรรษา

พระสงฆ์ท่ีมีพรรษา ๑๖-๒๕ พรรษามีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของ
นักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู
แตกตา่ งจากพระสงฆท์ ม่ี ีพรรษา ๒๖ พรรษา ขึ้นไป นอกนั้นไม่พบความแตกตา่ งรายคู่

ตารางท่ี ๔.๒๔ แสดงค่าเฉล่ียรายคู่ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของ
นักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง
จังหวัดหนองบวั ลาํ ภู ดา้ นวสิ ัยทัศน์ จาํ แนกตามพรรษา

(n=๑๓๒)

ระดบั พรรษา ตา่ํ กวา่ ๕ พรรษา ๖-๑๕ พรรษา ๑๖-๒๕ พรรษา ๒๖ พรรษา ขน้ึ ไป

X ๔.๔๐ ๔.๓๕ ๓.๘๒ ๔.๑๖

ตํา่ กวา่ ๕ พรรษา ๔.๔๐ - -.๒๔ .๔๔* .๑๒

๖-๑๕ พรรษา ๔.๓๕ - .๖๘* .๓๗

๑๖-๒๕ พรรษา ๓.๘๒ - -.๓๑*

๒๖ พรรษา ขนึ้ ไป ๔.๑๖ -

*มีนยั สําคญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั ๐.๐๕

จากตารางท่ี ๔.๒๔ พบว่า พระสงฆ์ท่ีมีพรรษาแตกต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นํา
ทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง
จงั หวัดหนองบัวลําภู ด้านวสิ ัยทศั น์ จําแนกตาม พรรษา แตกตา่ งกนั อย่างมนี ัยสําคญั ทางสถิติทีร่ ะดับ
๐.๐๕ มีจาํ นวน ๓ คู่ ได้แก่

พระสงฆ์ที่มีพรรษา ต่ํากว่า ๕ พรรษา มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของ
นักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู
แตกต่างจากพระสงฆท์ ี่มพี รรษา ๑๖-๒๕ พรรษา

พระสงฆ์ท่ีมีพรรษา ๖-๑๕ พรรษา มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของ
นักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู
แตกตา่ งจากพระสงฆ์ท่ีมพี รรษา ๑๖-๒๕ พรรษา

พระสงฆ์ท่ีมีพรรษา ๑๖-๒๕ พรรษามีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของ
นักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู
แตกต่างจากพระสงฆ์ท่มี ีพรรษา ๒๖ พรรษา ข้ึนไป นอกน้ันไม่พบความแตกตา่ งรายคู่

๘๒

ตารางท่ี ๔.๒๕ แสดงค่าเฉล่ียรายคู่ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของ
นักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จัง
หวงั หนองบัวลําภู ดา้ นความสามารถทางการบรหิ าร จาํ แนกตาม พรรษา

(n=๑๓๒)

ระดบั พรรษา ตํ่ากวา่ ๕ พรรษา ๖-๑๕ พรรษา ๑๖-๒๕ พรรษา ๒๖ พรรษา ขน้ึ ไป

X ๔.๔๐ ๔.๓๕ ๓.๘๒ ๔.๑๖

ตํ่ากว่า ๕ พรรษา ๔.๔๐ - .๐๕ .๕๘* .๒๔

๖-๑๕ พรรษา ๔.๓๕ - .๕๓* .๑๙

๑๖-๒๕ พรรษา ๓.๘๒ - -.๓๔*

๒๖ พรรษา ขนึ้ ไป ๔.๑๖ -

*มีนยั สําคัญทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั ๐.๐๕

จากตารางท่ี ๔.๒๕ พบว่า พระสงฆ์ท่ีมีพรรษาแตกต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นํา
ทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง
จังหวัดหนองบัวลําภู ด้านความสามารถทางการบริหาร จําแนกตาม พรรษา แตกต่างกันอย่างมี
นัยสําคญั ทางสถิติท่ีระดบั ๐.๐๕ มีจํานวน ๓ คู่ ไดแ้ ก่

พระสงฆ์ที่มีพรรษา ตํ่ากว่า ๕ พรรษา มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของ
นักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู
แตกต่างจากพระสงฆ์ท่มี ีพรรษา ๑๖-๒๕ พรรษา

พระสงฆ์ท่ีมีพรรษา ๖-๑๕ พรรษา มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของ
นักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู
แตกต่างจากพระสงฆท์ ี่มพี รรษา ๑๖-๒๕ พรรษา

พระสงฆ์ท่ีมีพรรษา ๑๖-๒๕ พรรษา มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของ
นักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู
แตกตา่ งจากพระสงฆท์ ี่มีพรรษา ๒๖ พรรษา ขน้ึ ไป นอกน้นั ไมพ่ บความแตกต่างรายคู่

๘๓

ตารางท่ี ๔.๒๖ แสดงค่าเฉล่ียรายคู่ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของ
นักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จัง
หวงั หนองบวั ลาํ ภู ด้านหลักพรหมวิหาร ๔ จาํ แนกตาม พรรษา

(n=๑๓๒)

ระดับพรรษา ตา่ํ กวา่ ๕ พรรษา ๖-๑๕ พรรษา ๑๖-๒๕ พรรษา ๒๖ พรรษา ขนึ้ ไป

X ๔.๕๗ ๔.๓๙ ๓.๘๗ ๔.๒๖

ตํา่ กวา่ ๕ พรรษา ๔.๕๗ - .๑๘ .๗๐* .๓๑

๖-๑๕ พรรษา ๔.๓๙ - .๕๒* .๑๒

๑๖-๒๕ พรรษา ๓.๘๗ - -.๓๙*

๒๖ พรรษา ขนึ้ ไป ๔.๒๖ -

*มนี ัยสําคญั ทางสถิตทิ รี่ ะดบั ๐.๐๕

จากตารางที่ ๔.๒๖ พบว่า พระสงฆ์ที่มีพรรษาแตกต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นํา
ทางการเมืองของนักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง
จังหวัดหนองบัวลําภู ด้านหลักพรหมวิหาร ๔ จําแนกตาม พรรษา แตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทาง
สถติ ทิ ่รี ะดับ ๐.๐๕ มจี ํานวน ๓ คู่ ไดแ้ ก่

พระสงฆ์ท่ีมีพรรษา ตํ่ากว่า ๕ พรรษา มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของ
นักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู
แตกตา่ งจากพระสงฆท์ ีม่ ีพรรษา ๑๖-๒๕ พรรษา

พระสงฆ์ท่ีมีพรรษา ๖-๑๕ พรรษา มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของ
นักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู
แตกตา่ งจากพระสงฆท์ มี่ ีพรรษา ๑๖-๒๕ พรรษา

พระสงฆ์ท่ีมีพรรษา ๑๖-๒๕ พรรษา มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของ
นักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู
แตกต่างจากพระสงฆ์ท่ีมีพรรษา ๒๖ พรรษา ขนึ้ ไป นอกน้ันไม่พบความแตกต่างรายคู่

สมมติฐานที่ ๓ พระสงฆ์มีตําแหน่งต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของ
นักการเมืองตามทรรศนะของพระสงฆ์ในเขตการปกครองคณะสงฆ์อําเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลําภู
แตกตา่ งกนั

การเปรียบเทียบ ใช้สถิติ F-test (One-way ANOWA) ในการทดสอบความ แปรปรวน
แบบทางเดียวเพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยที่มากกว่าสองกลุ่ม ใช้ระดับความเชื่อมั่น
๙๕% จะยอมรบั ตามสมมตฐิ านท่ีตั้งไว้ต่อเมื่อค่า Sig. นอ้ ยกว่า ๐.๐๕


Click to View FlipBook Version