หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ความหลากหลายของส่งิ มชี วี ติ
แผนฯ ท่ี 3 ศึกษากล่มุ พืชดอก
อนั พงึ ประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ และมุง่ ม่นั คุณลกั ษณะ ผ่ำนเกณฑ์
ในกำรทำงำน อันพึงประสงค์
8. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้
8.1 ส่อื การเรยี นรู้
1) หนังสือเรียนวทิ ยำศำสตร์ ป.4 เลม่ 1 หน่วยกำรเรยี นรู้ท่ี 1 ควำมหลำกหลำยของส่ิงมชี ีวติ
2) แบบฝึกหดั วิทยำศำสตร์ ป.4 เลม่ 1 หน่วยกำรเรียนรทู้ ่ี 1 ควำมหลำกหลำยของส่ิงมชี ีวติ
3) บัตรภำพพืชดอกชนิดต่ำงๆ เช่น ทำนตะวัน ชบำ กลว้ ยไม้ ขำ้ วโพด กล้วย เป็นตน้
4) วสั ดุ-อุปกรณ์กำรทดลองในกจิ กรรมที่ 3 เชน่ แวน่ ขยำย เปน็ ตน้
5) ใบงำน 1.3 เรอื่ ง พืชใบเลี้ยงเด่ียวและพืชใบเลย้ี งคู่ท่ีชอบ
6) PowerPoint เร่อื ง พืชใบเลย้ี งเดีย่ วและพืชใบเล้ียงคู่
7) ตวั อย่ำงใบพืช เชน่ ใบข้ำวโพด ใบชบำ เป็นต้น
8) แผนภำพลกั ษณะภำยนอกของต้นทำนตะวนั
9) แผนภำพลกั ษณะภำยนอกของต้นข้ำวโพด
10) สมดุ ประจำตัวนกั เรยี น
8.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) ห้องเรียน
2) หอ้ งสมุด
3) อนิ เทอร์เน็ต
46
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 ความหลากหลายของสง่ิ มีชีวติ
แผนฯ ท่ี 3 ศึกษากลุ่มพืชดอก
แผนภาพ ตน้ ขา้ วโพด
47
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 ความหลากหลายของสง่ิ มีชีวติ
แผนฯ ที่ 3 ศึกษากลุ่มพืชดอก
แผนภาพ ตน้ ทานตะวนั
48
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 ความหลากหลายของสิ่งมชี วี ติ
แผนฯ ที่ 3 ศึกษากลมุ่ พชื ดอก
ใบงานท่ี 1.3
เรื่อง พชื ใบเล้ียงเดยี่ วและพืชใบเลี้ยงคู่ท่ชี อบ
คาชีแ้ จง : ใหน้ กั เรยี นวาดภาพพชื ใบเลย้ี งเด่ียวและพืชใบเล้ยี งคทู่ ่ีชอบ โดยบอกช่อื ชนิดนน้ั
พรอ้ มระบายสีใหส้ วยงาม
พืชดอกทฉ่ี นั ชอบคือ เป็นพชื ดอกประเภท
49
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ความหลากหลายของสง่ิ มชี วี ติ เฉลย
แผนฯ ท่ี 3 ศึกษากลุ่มพืชดอก
ใบงานท่ี 1.3
เรอื่ ง พชื ใบเล้ียงเดยี่ วและพืชใบเลีย้ งคู่ทช่ี อบ
คาช้แี จง : ใหน้ กั เรยี นวาดภาพพืชใบเลีย้ งเด่ียวและพืชใบเลย้ี งคู่ท่ชี อบ โดยบอกชอ่ื ชนดิ น้ัน
พร้อมระบายสใี หส้ วยงาม
พืชดอกทฉ่ี นั ชอบคือ เป็นพชื ดอกประเภท
50
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 ความหลากหลายของสิง่ มีชีวติ
แผนฯ ท่ี 3 ศึกษากลมุ่ พืชดอก
9. ความเหน็ ของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษาหรอื ผู้ท่ีไดร้ ับมอบหมาย
ข้อเสนอแนะ
ลงชอ่ื .................................
( ................................ )
ตาแหนง่ .......
10. บันทึกผลหลงั การสอน
ด้ำนควำมรู้
ดำ้ นสมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น
ด้ำนคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
ด้ำนควำมสำมำรถทำงวทิ ยำศำสตร์
ดำ้ นอ่นื ๆ (พฤตกิ รรมเด่น หรอื พฤติกรรมทมี่ ปี ญั หำของนักเรยี นเปน็ รำยบุคคล (ถำ้ มี))
ปัญหำ/อปุ สรรค
แนวทำงกำรแก้ไข
51
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 ความหลากหลายของส่ิงมชี ีวติ
แผนฯ ท่ี 4 ความหลากหลายของสตั ว์
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 4
ความหลากหลายของสัตว์
เวลา 6 ช่วั โมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้วี ัด
ว 1.3 ป.4/3 จำแนกสัตวอ์ อกเปน็ สตั วม์ กี ระดูกสนั หลงั และสัตวไ์ มม่ ีกระดกู สันหลัง โดยใชก้ ำรมี
กระดกู สนั หลงั เป็นเกณฑ์ โดยใชข้ ้อมลู ที่รวบรวมได้
ป.4/4 บรรยำยลกั ษณะเฉพำะท่ีสังเกตได้ของสตั ว์มกี ระดกู สันหลังในกลุ่มปลำ กลุม่ สตั ว์
สะเทนิ นำสะเทินบก กลุม่ สตั ว์เลอื ยคลำน กลุม่ นก และกลุม่ สัตว์เลยี งลูกดว้ ย
นำนม และยกตัวอย่ำงสิ่งมชี ีวติ ในแตล่ ะกลุม่
2. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. สงั เกตและบรรยำยลักษณะเฉพำะทีส่ ังเกตได้ของสตั ว์มีกระดูกสันหลังได้ (K)
2. จำแนกสตั ว์ออกเปน็ สตั ว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ไมม่ กี ระดูกสนั หลัง โดยใช้กำรมกี ระดกู สนั หลังเปน็
เกณฑ์ได้ (P)
3. ปฏิบัติกจิ กรรมเพอ่ื จำแนกสัตว์ออกเป็นกลุ่มได้ถูกตอ้ งตำมขนั ตอน (P)
4. มีควำมสนใจและกระตอื รือรน้ ในกำรเรียนรู้ (A)
3. สาระการเรยี นรู้
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรูท้ ้องถน่ิ
- ใช้กำรมีกระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์ในกำรจำแนก พิจำรณำตำมหลักสตู รของสถำนศกึ ษำ
สตั วม์ กี ระดกู สนั หลงั และสัตวไ์ ม่มีกระดูกสันหลัง
- สัตว์มกี ระดูกสันหลงั มีหลำยกลุ่ม ไดแ้ ก่ กลมุ่ ปลำ
กลุ่มสัตว์สะเทินนำสะเทนิ บก กล่มุ สัตว์เลือยคลำน
กลุม่ นก และกลมุ่ สตั ว์เลียงลกู ดว้ ยนำนม
4. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
สัตว์ต่ำงๆ มีมำกมำยหลำยชนิด ในกำรจำแนกสัตว์ออกเปน็ กลุ่มสำมำรถใช้กำรมกี ระดูกสันหลังเป็น
เกณฑ์ จงึ จำแนกสัตว์ได้เปน็ สตั วม์ ีกระดูกสนั หลังและสัตว์ไม่มีกระดูกสนั หลงั
สัตว์มีกระดกู สนั หลงั มีหลำยกลุ่ม ไดแ้ ก่ กลุ่มปลำ กลุ่มสัตว์สะเทนิ นำสะเทินบก กลุ่มสัตวเ์ ลือยคลำน
กลุม่ นก และกล่มุ สัตวเ์ ลยี งลูกดว้ ยนำนม ซง่ึ สตั วแ์ ตล่ ะกลมุ่ จะมีลักษณะเฉพำะท่ีสังเกตได้แตกตำ่ งกนั ไป
51
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 ความหลากหลายของส่ิงมชี ีวติ
แผนฯ ท่ี 4 ความหลากหลายของสัตว์
5. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียนและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1. ควำมสำมำรถในกำรสอื่ สำร 1. มวี นิ ยั
2. ควำมสำมำรถในกำรคดิ 2. ใฝ่เรยี นรู้
1) ทกั ษะกำรสงั เกต 3. มุ่งมนั่ ในกำรทำงำน
2) ทักษะกำรสำรวจค้นหำ
3) ทักษะกำรรวบรวมขอ้ มูล
4) ทักษะกำรจำแนกประเภท
5) ทกั ษะกำรสรปุ อ้ำงอิง
6) ทักษะกำรใหเ้ หตุผล
7) ทักษะกำรคิดวเิ ครำะห์
3. ควำมสำมำรถในกำรแก้ปญั หำ
4. ควำมสำมำรถในกำรใช้ทกั ษะชวี ิต
5. ควำมสำมำรถในกำรใช้เทคโนโลยี
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
แนวคิด/รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนิค : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
ชั่วโมงท่ี 1
ขันนำ
ขน้ั กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
1. ครใู หน้ กั เรยี นดภู ำพสตั ว์ 5 ชนดิ จำกหนังสอื เรยี นวิทยำศำสตร์ ป.4 เลม่ 1 หน้ำ 17 แล้วให้ร่วมกัน
อภิปรำย ดงั นี
1) จำกภำพ เปน็ สตั ว์ชนดิ ใด นักเรยี นรจู้ กั สัตว์ทงั 5 ชนดิ นหี รือไม่
(แนวตอบ : ช้าง ปู นก ต๊กั แตน และวัว )
2) นกั เรยี นคิดว่ำ สตั ว์ทัง 5 ชนดิ นี มลี กั ษณะเหมอื นกนั หรือแตกต่ำงกันอย่ำงไรบำ้ ง
(แนวตอบ : ขึ้นอยกู่ ับคาตอบของนักเรียน ให้อยู่กับดุลยพินิจของครผู ู้สอน)
(หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมนิ นกั เรยี น โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล)
52
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 ความหลากหลายของสงิ่ มีชีวติ
แผนฯ ท่ี 4 ความหลากหลายของสัตว์
ขนั สอน
ขั้นสารวจคน้ หา (Explore)
1. ครูใหน้ ักเรยี นอำ่ นขอ้ มลู ในหวั ขอ้ ท่ี 3 ควำมหลำกของสัตว์ จำกหนงั สอื เรยี นวทิ ยำศำสตร์ หน้ำ 17
2. ครูถำมนกั เรียนเพอ่ื กระตุ้นควำมคิดว่ำ สัตว์แต่ละชนิดมีโครงสร้ำงภำยในร่ำงกำยเหมอื นกันหรือ
ตำ่ งกนั อยำ่ งไร โดยให้นกั เรยี นช่วยกนั แสดงควำมคิดเห็นได้อย่ำงอิสระ
3. ครสู นทนำกับนกั เรียนว่ำ นกั เรียนเคยสังเกตหรือไม่วำ่ บริเวณบ้ำน โรงเรียน หรือชมุ ชนทน่ี ักเรยี น
อำศัยอยูน่ ันมีสตั วอ์ ะไรบำ้ ง แลว้ ให้นกั เรยี นชว่ ยกันยกตัวอยำ่ ง
4. ครูอธิบำยเพ่ิมเติมว่ำ จากการสงั เกตบริเวณบ้าน โรงเรียน หรือในชุมชน เราจะพบสัตว์ต่างๆ
มากมายท้งั ที่มีขนาดเลก็ และขนาดใหญ่ ท้ังทอี่ าศยั อยูบ่ นบกและอาศยั อย่ใู นน้า ทั้งท่ีมขี าและไม่มี
ขา ดังน้นั เพ่อื ให้สามารถศึกษาเกี่ยวกับสัตว์ต่างๆ ได้สะดวกขึ้น นกั วิทยาศาสตร์จงึ จาแนกสัตว์
ออกเปน็ กลมุ่ โดยใช้การมกี ระดูกสนั หลงั เปน็ เกณฑ์
5. ครูสนทนำกับนักเรยี นเก่ยี วกับลักษณะของสตั ว์ท่ีมีกระดูกสันหลัง โดยใหน้ ักเรียนจับคู่กับเพื่อน
(เพศเดียวกัน) แล้วให้นักเรยี นคนหนึ่งชีกระดูกสนั หลงั ของเพ่ือนวำ่ อยู่บรเิ วณใดของร่ำงกำย จำกนัน
ให้นกั เรยี นลองใชม้ อื คลำแนวกระดกู สนั หลงั ของตนเอง
6. ให้นกั เรียนชว่ ยกนั อธิบำยลกั ษณะของกระดูกสนั หลัง จำกนันครูอธบิ ำยเพมิ่ เติมใหน้ ักเรียนเขำ้ ใจว่ำ
กระดกู สนั หลงั เปน็ กระดูกท่ีมีลักษณะตอ่ กันเปน็ ข้อๆ และทาหน้าทเ่ี ปน็ แกนกลางของร่างกาย
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนกั เรยี น โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกล่มุ )
7. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มกลุ่มละ 4 คน โดยครูใช้วิธีกำรจบั สลำกหมำยเลขกลุม่ กลมุ่ ที่ 1-10 หำก
นักเรียนคนใดจับสลำกได้หมำยเลขใดก็ใหไ้ ปอยูท่ ่ีกลุ่มนนั จำกนันครใู ห้นักเรียนแต่ละคนเขำ้ กลุ่ม
ของตนเอง แล้วใหน้ ักเรยี นแต่ละกลมุ่ ไปช่วยกันศกึ ษำวธิ กี ำรทำกิจกรรมท่ี 4 กำรจัดกล่มุ สัตว์ ตอน
ที่ 1-2 จำกหนงั สือเรยี นวทิ ยำศำสตร์ หน้ำ 18 พรอ้ มกับเตรยี มวัสดุ-อปุ กรณส์ ำหรับกำรทำกิจกรรม
ในชวั่ โมงถดั ไปใหค้ รบถ้วน
ชั่วโมงท่ี 2
ขน้ั สารวจค้นหา (Explore) (ต่อ)
8. ครูให้นกั เรียนศึกษำควำมรู้จำก PPT เร่ือง ควำมหลำกหลำยของสัตว์ จำกนนั สนทนำกับนกั เรยี น
เก่ียวกับกำรเตรียมตัวและกำรเตรียมวัสดุ-อุปกรณ์สำหรับกำรทำกจิ กรรมของนกั เรียนแตล่ ะกลุ่ม
9. ครูให้นกั เรียนแต่ละกลุม่ แตล่ ะกลุ่มทำกิจกรรมที่ 4 เร่อื ง กำรจดั กลมุ่ สัตว์ ตอนท่ี 1 โดยปฏบิ ตั ิ ดังนี
1) ให้ศึกษำขนั ตอนกำรทำกจิ กรรมที่ 4 เร่ือง กำรจดั กลุ่มสัตว์ ตอนที่ 1 จำกหนงั สือเรียน
วิทยำศำสตร์ หนำ้ 18 อยำ่ งละเอียด หำกมขี อ้ สงสัยให้สอบถำมครู
53
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ความหลากหลายของสิง่ มชี วี ติ
แผนฯ ท่ี 4 ความหลากหลายของสัตว์
2) สมำชิกแต่ละกลุ่มร่วมกันกำหนดปัญหำและตังสมมตฐิ ำนล่วงหน้ำก่อนกำรทำกิจกรรม
แล้วบันทกึ ลงในแบบฝึกหดั วิทยำศำสตร์ หนำ้ 18
3) แตล่ ะกลุ่มนำสตั ว์ 3 ชนดิ ทนี่ งึ่ สกุ แลว้ ได้แก่ กุง้ หอย และปลำทู มำทำกิจกรรม โดยวำง
สตั วล์ งในถำด จำกนันสังเกตลักษณะภำยนอกของสตั ว์ แลว้ บันทึกผล
4) ศึกษำลักษณะภำยในของสัตว์โดยใชม้ ดี ผำ่ ตัดตัวสัตวต์ ำมแนวยำว แล้วบนั ทกึ ผล
5) รวบรวมข้อมลู จำกนนั อภิปรำยผลกำรทำกิจกรรมและสรปุ ผลรว่ มกนั ภำยในกลุ่ม
(หมายเหตุ : ครเู ร่ิมประเมนิ นักเรยี น โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ )
10. ครูสุ่มเรียกนักเรียน 2-3 กล่มุ ให้ออกมำนำเสนอผลกำรทำกิจกรรมหน้ำชันเรียน จำกนันรว่ มกัน
อภปิ รำยและสรปุ ผลกำรทำกิจกรรมในชันเรียน
ช่ัวโมงท่ี 3
ขัน้ สารวจคน้ หา (Explore) (ต่อ)
11. ครูสนทนกับนักเรยี นเกี่ยวกับผลกำรทำกิจกรรมในกำรสำรวจโครงสรำ้ งภำยนอกและโครงสรำ้ ง
ภำยในของปลำทู หอย และก้งุ จำกชัว่ โมงท่ีแล้ว จำกนันขออำสำสมัครนักเรยี น 1-2 ใหส้ รปุ อีกครัง
เพื่อทบทวนร่วมกันว่ำ ปลามีกระดูกเป็นข้อๆ อยู่ภายในลาตวั จึงจดั เปน็ สตั ว์มกี ระดกู สันหลงั สว่ น
กงุ้ และหอยเมอ่ื ผ่าดแู ลว้ ไมพ่ บกระดกู ภายในลาตวั จงึ จดั เปน็ สัตวไ์ มม่ กี ระดกู สนั หลงั
12. ครตู ังคำถำมกระตุ้นควำมคิด โดยให้นักเรยี นร่วมกนั แสดงควำมคดิ เหน็ ดงั นี
1) นักเรียนคิดว่ำ สัตวม์ ีกระดูกสันหลังกับสัตว์ไม่มีกระดูกสนั หลัง มลี ักษณะแตกต่ำงกัน
อย่ำงไรบำ้ ง
(แนวตอบ : สตั ว์มีกระดูกสนั หลงั มีกระดกู แขง็ เป็นแกนกลางของลาตวั ส่วนสัตวไ์ ม่มี
กระดกู สันหลังเปน็ สตั วท์ ่ไี มม่ กี ระดูกแขง็ เปน็ แกนกลางของลาตัว)
2) สัตว์ชนดิ ใดบ้ำงเป็นสัตว์มกี ระดกู สนั หลัง สตั วช์ นดิ ใดบำ้ งเป็นสัตว์ไมม่ ีกระดูกสนั หลงั
(แนวตอบ : สัตวม์ กี ระดูกสันหลงั เช่น สนุ ัข กระตา่ ย แมว งู จระเข้ ลงิ เพนกวิน เป็นต้น
สัตวไ์ ม่มีกระดูกสันหลงั เช่น กงิ้ กอื หอยทาก มด แมงปอ เปน็ ตน้ )
13. ครใู ห้นกั เรยี นจับกลมุ่ เดมิ จำกชั่วโมงกอ่ น แล้วให้แต่ละกลุ่มทำกจิ กรรมท่ี 4 เรอื่ ง กำรจดั กล่มุ สตั ว์
ตอนที่ 2 โดยปฏิบตั ิ ดังนี
1) ให้ศึกษำขันตอนกำรทำกจิ กรรมท่ี 4 เร่ือง กำรจดั กลุ่มสัตว์ ตอนที่ 2 จำกหนังสอื เรยี น
วทิ ยำศำสตร์ หน้ำ 19 อย่ำงละเอียด หำกมขี อ้ สงสัยให้สอบถำมครู
54
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ความหลากหลายของสิง่ มชี ีวติ
แผนฯ ที่ 4 ความหลากหลายของสตั ว์
2) แต่ละกลุ่มช่วยกันสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับสัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ไม่มีกระดูสัน
หลังจำกแหล่งกำรเรียนรู้ตำ่ งๆ เชน่ หอ้ งสมดุ หนังสอื อนิ เทอร์เน็ต เป็นตน้ จำกนันนำ
ข้อมูลทีไ่ ด้มำสรปุ ร่วมกนั
3) แตล่ ะกลมุ่ ส่งตัวแทนรบั บตั รภำพสตั ว์ตำ่ งๆ จำกครู กลุม่ ละ 8-10 ภำพ จำกนันใหช้ ่วยกัน
สงั เกตโครงสร้ำงและลักษณะของสัตวใ์ นภำพ
4) ช่วยกันจัดกลุ่มสัตว์ในภำพ โดยใชก้ ำรมกี ระดูกสนั หลงั เป็นเกณฑ์ หรือจำกเกณฑอ์ ่ืนๆ ท่ี
สมำชกิ ในกลุม่ ชว่ ยกนั คิด
5) นำข้อมลู กำรจัดกลุ่มสัตวม์ ำจัดทำแผนผัง แผนภำพ หรืออ่นื ๆ ลงในกระดำษแข็งแผ่น
ใหญ่แลว้ ตกแตง่ ใหส้ วยงำม จำกนนั ส่งตัวแทนนำเสนอหน้ำชนั เรียน
(หมายเหตุ : ครเู รมิ่ ประเมินนกั เรยี น โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ )
14. ครูสุ่มเรียกนักเรียน 2-3 กลุ่ม ให้ออกมำนำเสนอผลกำรทำกิจกรรมหนำ้ ชนั เรยี น จำกนันร่วมกัน
อภปิ รำยและสรุปผลกำรทำกิจกรรมภำยในชนั เรยี น
ช่วั โมงท่ี 4
ขัน้ อธิบายความรู้ (Explain)
1. ครูใหแ้ ต่ละกลุม่ ผลัดกนั ออกมำนำเสนอผลกำรจดั กลุ่มสัตว์ จำกนนั ใหน้ กั เรียนร่วมกันอภปิ รำยจนได้
ขอ้ สรปุ ว่ำ สัตว์บางชนิดมกี ระดกู ต่อกันเปน็ ขอ้ ๆ ทาหนา้ ท่ีเปน็ แกนกลางของร่างกาย เชน่ ปลา แมว
วัว เปน็ ต้น และสตั ว์บางชนิดไม่มีกระดกู ตอ่ กันเป็นข้อๆ ทาหน้าทเี่ ป็นแกนกลางของ รา่ งกาย เช่น
กงุ้ หมกึ ผีเสอ้ื เป็นต้น จากลักษณะเชน่ นี้ จงึ สามารถนามาใชเ้ ป็นเกณฑ์ในการจาแนกสัตว์ออกเป็น
2 ประเภท ไดแ้ ก่ สัตวม์ กี ระดูกสนั หลัง และสตั วไ์ มม่ ีกระดกู สนั หลัง
ขันสรุป
ขัน้ ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
1. ครูให้นกั เรียนแต่ละคนทำกจิ กรรมหนูตอบได้จำกหนงั สือเรียนวิทยำศำสตร์ หน้ำ 10 ลงในสมุด
ประจำตวั นกั เรยี นหรือทำในแบบฝกึ หัดวทิ ยำศำสตร์ หนำ้ x
2. ครูให้นักเรียนรว่ มกันอภปิ รำยว่ำ นอกจำกกำรใช้เกณฑ์กำรมกี ระดกู สนั หลงั แล้ว นักเรียนสำมำรถ
จดั กลุม่ สัตว์โดยใช้เกณฑ์อื่นอกี ได้หรือไม่ อย่ำงไร จำกนันครูให้นักเรยี นร่วมกนั แสดงควำมคดิ เห็น
อย่ำงอิสระ
(แนวตอบ : ข้ึนอยู่กับดลุ ยพินิจของครูผูส้ อน)
(หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมินนกั เรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล)
55
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ความหลากหลายของสิง่ มีชีวติ
แผนฯ ท่ี 4 ความหลากหลายของสตั ว์
3. ครูใหน้ ักเรียนทุกคนศึกษำข้อมูลในหัวข้อ 3.1 สตั วม์ ีกระดูกสันหลงั และสัตว์ไมม่ ีกระดูกสันหลัง
จำกหนงั สือเรียนวิทยำศำสตร์ หน้ำ 20
4. ครูใหน้ ักเรียนแตล่ ะคนทำกิจกรรมพัฒนำกำรเรียนรู้ท่ี 3 จำกหนังสือเรียนวิทยำศำสตร์ หนำ้ 20
โดยให้ทำลงใสสมดุ ประจำตัวนักเรียน หรือทำในใบงำนที่ 1.4 เร่ือง จำแนกสัตว์มกี ระดูกสันหลัง
ท่ีครแู จกให้ โดยให้ดภู ำพสัตวแ์ ล้วจำแนกว่ำเป็นสตั ว์มีกระดกู สันหลังประเภทใด พรอ้ มใหเ้ หตุผล
ประกอบ
(หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมนิ นกั เรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล)
5. ครูให้นักเรยี นดูวีดิทัศน์สำรคดีเก่ียวกับสตั ว์มีกระดูกสันหลัง จำกนันครูนำบัตรภำพ ปลำ กบ
จระเข้ นก และสุนขั มำให้นักเรียนดู และร่วมกันอภิปรำยว่ำ เรำควรแบ่งสัตว์มกี ระดูกสนั หลัง
เปน็ กี่ประเภท โดยสงั เกตได้จำกอะไร โดยให้นกั เรียนชว่ ยกันคดิ และอธิบำยคำตอบร่วมกนั
(แนวตอบ : ข้ึนอยู่กับดุลยพินิจของครูผสู้ อน เช่น เราจัดประเภทของสัตว์มีกระดกู สันหลัง โดยดู
จากลักษณะสาคัญในการเคลอ่ื นท่ี การหายใจ และการสืบพนั ธุ)์
6. ครใู ห้นักเรยี นศึกษำควำมรู้เพมิ่ เติมเกี่ยวกบั ประเภทของสัตว์มีกระดูกสันหลัง จำกหนังสือเรยี น
วิทยำศำสตร์ หน้ำ 21-26
7. ครูให้นักเรียนแบง่ กลุ่มตำมควำมสมัครใจ กลุ่มละ 3-4 คน เพ่อื ทำกิจกรรมพัฒนำกำรเรยี นรู้ท่ี 4
จำกหนงั สือเรียนวิทยำศำสตร์ หน้ำ 26 โดยให้ทำลงใสสมดุ ประจำตัวนักเรยี น หรือทำในใบงำนท่ี
1.5 เรอื่ ง วเิ ครำะหล์ กั ษณะของสตั วม์ กี ระดกู สนั หลงั ท่ีครูแจกให้ โดยให้ร่วมกันวิเครำะหล์ ักษณะ
ของสัตว์และจำแนกว่ำเป็นสตั วม์ ีกระดูกสนั หลังประเภทใด และยกตวั อยำ่ งช่อื สัตว์ประเภทนี
(หมายเหตุ : ครเู ร่ิมประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ )
8. ครูสุ่มเรียกตัวแทนนกั เรียน 5 คน จำกกลุ่มต่ำงๆ ออกมำนำเสนอผลกำรทำกิจกรรมทหี่ น้ำชัน
เรยี นคนละ 1 ข้อ โดยครเู ฉลยคำตอบท่ีถูกต้อง พรอ้ มอธิบำยเพอ่ื ให้นกั เรียนเกดิ ควำมเขำ้ ใจ
ชว่ั โมงท่ี 5
ขั้นขยายความเข้าใจ (Elaborate) (ต่อ)
9. ครูให้นักเรียนดูวดี ิทัศน์สำรคดีเกี่ยวกับสัตว์ไมม่ ีกระดกู สันหลัง จำกนันครูนำบัตรภำพฟองนำ
แมงกะพรนุ พยำธใิ บไม้ ไส้เดือน ดำวทะเล หอยแครง ผเี สือ มำใหน้ กั เรียนดู และรว่ มกนั อภิปรำย
ว่ำ เรำแบ่งสตั วไ์ มม่ ีกระดูกสนั หลังได้เป็นกี่ประเภท โดยสังเกตได้จำกอะไร
(แนวตอบ : ข้นึ อย่กู ับดุลยพนิ จิ ของครูผสู้ อน)
10. ครใู ห้นักเรียนศึกษำควำมรู้เพิ่มเตมิ เกยี่ วกับประเภทของสัตวม์ กี ระดูกสันหลัง จำกหนังสือเรียน
วทิ ยำศำสตร์ หนำ้ 27-29
56
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 ความหลากหลายของสิ่งมชี ีวติ
แผนฯ ท่ี 4 ความหลากหลายของสัตว์
11. ครูให้นักเรียนแตล่ ะคนทำกจิ กรรมพฒั นำกำรเรยี นรู้ท่ี 5 จำกหนงั สือเรียนวิทยำศำสตร์ หน้ำ 30
โดยให้ทำลงใสสมุดประจำตัวนักเรียน หรือทำในใบงำนที่ 1.6 เร่ือง จำแนกสัตว์มีกระดกู สันหลัง
และสัตว์ไม่มีกระดูกสนั หลัง ท่ีครแู จกให้ โดยให้ดูภำพและจำแนกว่ำ สัตวช์ นดิ ใดเปน็ สตั ว์มีกระดูก
สนั หลงั หรือสัตว์ไมม่ ีกระดกู สันหลงั พรอ้ มกับบอกเหตุผลประกอบ
(หมายเหตุ : ครูเริม่ ประเมินนกั เรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล)
12. ครสู ุ่มเรยี กตวั แทนนกั เรยี นประมำณ 5-6 คน ออกมำนำเสนอผลกำรทำกิจกรรมที่หน้ำชนั เรยี น
โดยให้ครูอธบิ ำยเสรมิ เพ่ิมเตมิ เพอ่ื ให้นักเรยี นเกดิ ควำมเขำ้ ใจมำกยิ่งขึน
13. ครูถำมคำถำมท้ำทำยกำรคิดขันสูง จำกหนังสือเรียนวิทยำศำสตร์ หน้ำ 12 แล้วให้นักเรียน
ชว่ ยกนั นำควำมรู้ที่ไดจ้ ำกกำรศึกษำและทำกิจกรรมมำตอบคำถำม ดังนี
ถำ้ นำสนุ ัขและเตำ่ ไปอยูด่ ว้ ยกันในบริเวณท่มี อี ุณหภมู ิต่ำ นักเรยี นคดิ วำ่ อุณหภมู ิภำยใน
ร่ำงกำยของสัตวท์ ัง 2 ชนดิ นี จะแตกตำ่ งกนั หรือไม่ เพรำะอะไร
(แนวตอบ : แตกต่างกนั เพราะสุนขั เป็นสัตวเ์ ล้ียงลกู ด้วยนา้ นม จดั เปน็ สตั ว์เลือดอุน่ มี
อณุ หภูมริ ่างกายคงท่ี ไมเ่ ปล่ียนแปลงไปตามสภาพแวดล้อม ส่วนเตา่ เปน็ สัตว์เลอื้ ยคลาน
จัดเป็นสัตว์เลอื ดเย็น มีอณุ หภูมิรา่ งกายเปลย่ี นไปตามสภาพแวดล้อมท่ีอาศัยอยู่ ดังน้ัน
เม่ือนาเตา่ ไปอยใู่ นบริเวณทีม่ ีอุณหภูมิตา่ อุณหภมู ภิ ายในร่างกายของเตา่ จะตา่ ลงไปด้วย)
(หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล)
14. ครูให้นักเรียนชว่ ยกนั พูดสรุปเกี่ยวกับลกั ษณะสำคญั ของสตั วม์ กี ระดูกสันหลงั และสตั ว์ไมม่ ีกระดูก
สนั หลงั จำกนันครูอธิบำยเสรมิ เพิม่ เตมิ ในส่วนที่บกพร่อง
ชั่วโมงท่ี 6
ขน้ั ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) (ตอ่ )
15. ครสู นทนำกับนกั เรียนเพื่อทบทวนควำมร้คู วำมเขำ้ ใจเก่ียวกับเนือหำท่ีไดเ้ รยี นผ่ำนมำจำกหนว่ ย
กำรเรียนรทู้ ี่ 1 บทที่ 1 กลมุ่ สิ่งมชี ีวติ โดยส่มุ เรียกช่ือนักเรียนใหอ้ อกมำเล่ำว่ำตนเองได้รับควำมรู้
อะไรบำ้ ง
(หมำยเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนรำยบคุ คล)
16. ให้นักเรียนเขยี นสรปุ ควำมร้เู ก่ียวกบั เร่อื งที่ได้เรยี นมำจำกบทที่ 1 ในรูปแบบต่ำงๆ เชน่ แผนภำพ
แผนผงั ควำมคดิ เป็นต้น ลงในสมุดประจำตัวนักเรยี นหรืออำจทำกิจกรรมสรปุ ควำมรูป้ ระจำบทท่ี
1 ในแบบฝกึ หัดวิทยำศำสตร์ หน้ำ 20
17. นกั เรียนทำกจิ กรรมฝึกทักษะบทท่ี 1 จำกหนังสือเรยี นวิทยำศำสตร์ หนำ้ 31-33 ขอ้ 1-8 ลงใน
สมุดประจำตัวนกั เรียน หรอื ทำในแบบฝึกหดั วิทยำศำสตร์ หนำ้ 21-24
18. นักเรียนแต่ละคนทำกจิ กรรมท้ำทำยกำรคดิ ขันสูงในแบบฝกึ หดั วทิ ยำศำสตร์ หนำ้ 25
57
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 ความหลากหลายของสิง่ มชี ีวติ
แผนฯ ที่ 4 ความหลากหลายของสัตว์
19. ให้นักเรยี นแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ 3-4 คน จำกนันศึกษำกิจกรรมสรำ้ งสรรค์ผลงำนจำกหนังสือเรียน
หนำ้ 33 แล้วใหป้ ฏบิ ัติกจิ กรรมโดยมีขนั ตอน ดังนี
ใหร้ วบรวมภำพพืชจำกหนงั สอื ต่ำงๆ หรอื นติ ยสำรตำ่ งๆ ทีไ่ มใ่ ชแ้ ล้ว
นำภำพพชื ทีร่ วบรวมไดม้ ำจัดทำเป็นโมบำยแขวนหนำ้ ตำ่ ง เพอื่ จำแนกกลมุ่ พชื
ตกแต่งให้สวยงำม แลว้ นำเสนอหนำ้ ชันเรยี น พร้อมอธิบำยเกณฑท์ ่ใี ชใ้ นกำรจัดกลมุ่ พืช
(หมำยเหตุ : ครูเริม่ ประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนกลุม่ )
ข้ันตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ใหน้ ักเรียนดตู ำรำงตรวจสอบตนเอง จำกหนังสือเรียนวิทยำศำสตร์ หน้ำ 30 จำกนนั ครูถำมนกั เรียน
เป็นรำยบุคคลตำมรำยกำรข้อ 1-5 จำกตำรำง เพื่อเป็นกำรตรวจสอบควำมรู้ควำมเข้ำใจของ
นกั เรยี นหลังจำกกำรเรียน หำกนกั เรียนคนใดตรวจสอบตน เองโดยให้อยใู่ นเกณฑท์ ค่ี วรปรับปรงุ ให้
ครูทบทวนบทเรยี นหรือหำกิจกรรมอนื่ ซอ่ มเสรมิ เพอื่ ให้นกั เรียนมคี วำมรคู้ วำมใจในบทเรียนมำกขึน
2. ครูประเมินผลนกั เรยี น โดยกำรสงั เกตพฤติกรรมกำรตอบคำถำม พฤตกิ รรมกำรทำงำนรำยบุคคล
พฤติกรรมกำรทำงำนกลุม่ และจำกกำรนำเสนอผลกำรทำกิจกรรมหน้ำชนั เรียน
3. ครูตรวจสอบผลกำรทำกิจกรรมท่ี 4 เรื่อง กำรจัดกลุ่มสัตว์ ในสมุดประจำตัวนักเรียน หรือใน
แบบฝกึ หดั วิทยำศำสตร์ หน้ำ 18
4. ครตู รวจสอบผลกำรทำกิจกรรมหนูตอบได้ในสมดุ ประจำตวั นักเรียน หรอื ในแบบฝึกหัดวทิ ยำศำสตร์
หนำ้ 19
5. ครูตรวจสอบผลกำรทำกจิ กรรมพฒั นำกำรเรยี นรูท้ ี่ 3 4 และ 5 ในสมุดประจำตวั นักเรียน หรอื ใน
ใบงำนท่ี 1.4 1.5 และ 1.6
6. ครูตรวจสอบผลกำรทำกิจกรรมสรุปควำมรู้ประจำบทที่ 1 ในสมุดประจำตัวนักเรยี น หรอื ใน
แบบฝกึ หัดวิทยำศำสตร์ หนำ้ 20
7. ครตู รวจสอบผลกำรทำกจิ กรรมฝกึ ฝนทกั ษะบทที่ 1 ในสมดุ ประจำตวั นกั เรยี น หรือในแบบฝึกหัด
วิทยำศำสตร์ หน้ำ 21-24
8. ครตู รวจสอบผลกำรทำกิจกรรมท้ำทำยกำรคดิ ขนั สงู ในแบบฝึกหัดวิทยำศำสตร์ หนำ้ 25
9. ครูตรวจชนิ งำนโมบำยแขวนจำแนกกล่มุ พชื และกำรนำเสนอชนิ งำน/ผลงำน หน้ำชันเรียน
58
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 ความหลากหลายของสิง่ มีชีวติ
แผนฯ ท่ี 4 ความหลากหลายของสตั ว์
7. การวดั และประเมินผล
รายการวดั วิธกี าร เครอื่ งมอื เกณฑ์การประเมิน
- แบบประเมินชินงำน/ - ระดบั คุณภำพ 2
7.1 การประเมนิ ชิน้ งาน/ - ตรวจผลงำนโมบำยแขวน ผ่ำนเกณฑ์
ภำระงำน
ภาระงาน (รวบยอด) จำแนกกลมุ่ พืช
7.2 ประเมนิ ระหวา่ ง
การจดั กจิ กรรม
การเรยี นรู้
1) ผลบันทึกกำรทำ - ตรวจสมดุ ประจำตวั หรือ - สมดุ ประจำตวั หรือ - รอ้ ยละ 60
กิจกรรมท่ี 4 แบบฝกึ หัดวทิ ยำศำสตร์ แบบฝกึ หัดวทิ ยำศำสตร์ ผ่ำนเกณฑ์
ป.4 เลม่ 1 หน้ำ 18 ป.4 เล่ม 1 หนำ้ 18
2) กจิ กรรมพฒั นำกำร - ตรวจสมดุ ประจำตวั หรอื - สมดุ ประจำตวั หรือใบ - ร้อยละ 60
เรียนรู้ท่ี 3 4 และ 5 ใบงำนท่ี 1.4 1.5 และ งำนท่ี 1.4 1.5 และ ผำ่ นเกณฑ์
1.6 1.6
3) กิจกรรมหนตู อบได้ - ตรวจสมุดประจำตัว หรือ - สมดุ ประจำตวั หรือ - รอ้ ยละ 60
แบบฝกึ หัดวิทยำศำสตร์ แบบฝกึ หัดวิทยำศำสตร์ ผำ่ นเกณฑ์
ป.4 เลม่ 1 หน้ำ 19 ป.4 เลม่ 1 หน้ำ 19
4) กิจกรรมสรุปควำมรู้ - ตรวจสมุดประจำตัว หรอื - สมุดประจำตัว หรือ - รอ้ ยละ 60
ประจำบทท่ี 1 แบบฝึกหัดวทิ ยำศำสตร์ แบบฝึกหัดวทิ ยำศำสตร์ ผ่ำนเกณฑ์
ป.4 เล่ม 1 หน้ำ 20 ป.4 เลม่ 1 หนำ้ 20
5) กิจกรรมฝกึ ทักษะ - ตรวจสมดุ ประจำตวั หรอื - สมุดประจำตัว หรอื - รอ้ ยละ 60
บทที่ 1 แบบฝกึ หัดวทิ ยำศำสตร์ แบบฝึกหดั วิทยำศำสตร์ ผ่ำนเกณฑ์
ป.4 เล่ม 1 หนำ้ 21-24 ป.4 เลม่ 1 หน้ำ 21-24
6) กจิ กรรมทำ้ ทำยกำร - ตรวจสมุดประจำตัว หรือ - สมดุ ประจำตัว หรอื - ร้อยละ 60
คิดขนั สงู แบบฝึกหัดวทิ ยำศำสตร์ แบบฝกึ หดั วทิ ยำศำสตร์ ผำ่ นเกณฑ์
ป.4 เลม่ 1 หนำ้ 25 ป.4 เลม่ 1 หน้ำ 25
7) กำรนำเสนอผลงำน/ - ประเมินกำรนำเสนอ - แบบประเมนิ กำร - ระดับคณุ ภำพ 2
ผลกำรทำกจิ กรรม ผลงำน/ผลกำรทำ นำเสนอผลงำน ผ่ำนเกณฑ์
กิจกรรม
8) พฤตกิ รรม - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คณุ ภำพ 2
กำรทำงำนรำยบุคคล ผำ่ นเกณฑ์
กำรทำงำน กำรทำงำนรำยบุคคล
รำยบคุ คล
9) พฤตกิ รรม - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดับคุณภำพ 2
59
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 ความหลากหลายของสิง่ มชี ีวติ
แผนฯ ที่ 4 ความหลากหลายของสตั ว์
กำรทำงำนกลุ่ม กำรทำงำนกลุม่ กำรทำงำนกลมุ่ ผ่ำนเกณฑ์
10) คุณลกั ษณะ - สังเกตควำมมวี นิ ัย - แบบประเมิน - ระดับคณุ ภำพ 2
ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมัน่ คุณลกั ษณะ
อันพึงประสงค์ ในกำรทำงำน อนั พึงประสงค์ ผ่ำนเกณฑ์
8. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้
8.1 สอ่ื การเรยี นรู้
1) หนังสอื เรียนวิทยำศำสตร์ ป.4 เล่ม 1 หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 1 ควำมหลำกหลำยของสิ่งมชี ีวติ
2) แบบฝึกหดั วิทยำศำสตร์ ป.4 เล่ม 1 หน่วยกำรเรยี นร้ทู ่ี 1 ควำมหลำกหลำยของสิ่งมีชีวติ
3) วสั ดุ-อุปกรณ์กำรทดลองในกจิ กรรมที่ 4 เชน่ ปลำทู ก้งุ และหอยท่นี ่ึงสกุ แลว้ เปน็ ตน้
4) วัสดุ-อุปกรณ์ในกำรทำกิจกรรมสร้ำงสรรค์ผลงำน เชน่ เชอื ก หลอดพลำสตกิ กระดำษสี เปน็ ตน้
5) ใบงำนท่ี 1.4 เรือ่ ง จำแนกสตั ว์มีกระดูกสนั หลัง
6) ใบงำนที่ 1.5 เร่ือง วเิ ครำะหล์ ักษณะของสตั ว์มีกระดูกสันหลัง
7) ใบงำนท่ี 1.6 เรื่อง จำแนกสตั วม์ กี ระดกู สันหลงั และสตั วไ์ ม่มีกระดกู สนั หลัง
8) วดี ทิ ัศนส์ ำรคดีเกีย่ วกบั สตั วม์ กี ระดูกสันหลังและสัตวไ์ มม่ ีกระดูกสนั หลงั
9) PowerPoint เรอ่ื ง ควำมหลำกหลำยของสตั ว์
10) บัตรภำพสัตว์มีกระดกู สันหลัง เช่น ปลำ กบ จระเข้ นก สุนัข เปน็ ตน้
11) บัตรภำพสตั วไ์ ม่มีกระดูกสนั หลัง เช่น แมงกะพรนุ ไส้เดอื น ดำวทะเล หอยแครง ผเี สอื เป็นต้น
12) กระดำษแขง็ แผน่ ใหญ่
13) สมดุ ประจำตวั นักเรยี น
8.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) ห้องเรยี น
2) ห้องสมุด
3) อินเทอรเ์ น็ต
60
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 ความหลากหลายของสิง่ มชี วี ติ
แผนฯ ที่ 4 ความหลากหลายของสตั ว์
ตวั อยา่ งบตั รภาพ สตั วม์ ีกระดกู สนั หลงั
61
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 1 ความหลากหลายของสงิ่ มีชวี ติ
แผนฯ ท่ี 4 ความหลากหลายของสตั ว์
ตวั อยา่ งบตั รภาพ สตั วไ์ ม่มีกระดูกสนั หลงั
62
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ความหลากหลายของสง่ิ มีชีวติ
แผนฯ ท่ี 4 ความหลากหลายของสตั ว์
ใบงานท่ี 1.4
เร่อื ง จาแนกสัตวม์ ีกระดกู สันหลงั
ดูภาพแลว้ บอกชอ่ื สตั ว์ จากน้นั จาแนกว่าเป็นสัตว์มกี ระดูกสนั หลงั ประเภทใด พรอ้ มให้เหตผุ ล
1. สัตว์ชนดิ นี้ คือ 2. สตั วช์ นิดนี้ คอื 3. สัตว์ชนิดนี้ คือ
เป็นสตั ว์มีกระดกู สันหลงั ประเภท เปน็ สตั วม์ ีกระดูกสันหลงั ประเภท เป็นสตั ว์มกี ระดกู สนั หลงั ประเภท
4. สตั วช์ นดิ น้ี คอื 5. สัตวช์ นดิ น้ี คือ 6. สัตว์ชนิดนี้ คอื
เปน็ สตั ว์มีกระดกู สนั หลงั ประเภท เปน็ สัตวม์ กี ระดกู สันหลงั ประเภท เปน็ สัตว์มีกระดูกสนั หลังประเภท
7. สัตว์ชนิดน้ี คอื 8. สตั ว์ชนดิ นี้ คอื 9. สตั วช์ นดิ น้ี คอื
เปน็ สตั วม์ กี ระดูกสนั หลงั ประเภท เปน็ สัตวม์ ีกระดูกสันหลังประเภท เปน็ สัตวม์ ีกระดูกสนั หลังประเภท
63
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 ความหลากหลายของสิ่งมชี ีวติ เฉลย
แผนฯ ที่ 4 ความหลากหลายของสัตว์
ใบงานท่ี 1.4
เร่อื ง จาแนกสตั ว์มีกระดูกสนั หลงั
ดูภาพแลว้ บอกชือ่ สตั ว์ จากนนั้ จาแนกวา่ เปน็ สตั ว์มีกระดกู สนั หลังประเภทใด พรอ้ มใหเ้ หตุผล
1. สัตว์ชนิดน้ี คอื แมว 2. สตั ว์ชนิดน้ี คอื นก 3. สตั ว์ชนิดน้ี คอื งู
เป็นสัตว์มีกระดกู สนั หลังประเภท เป็นสตั วม์ ีกระดูกสันหลงั ประเภท เป็นสตั วม์ กี ระดกู สันหลงั ประเภท
สตั วเ์ ลยี งลกู ด้วยนำนม นก สัตว์เลือยคลำน
4. สตั ว์ชนดิ นี้ คือ กบ 5. สัตวช์ นิดน้ี คอื ปลำทอง 6. สตั ว์ชนดิ น้ี คอื ม้ำนำ
เป็นสตั วม์ กี ระดกู สันหลังประเภท เป็นสตั ว์มีกระดกู สนั หลังประเภท เปน็ สตั ว์มีกระดูกสันหลงั ประเภท
สตั วส์ ะเทนิ นำสะเทนิ บก ปลำ ปลำ
7. สตั วช์ นิดน้ี คอื คำ้ งคำว 8. สัตวช์ นิดนี้ คอื ไก่ 9. สตั วช์ นดิ นี้ คอื เต่ำ
เปน็ สัตว์มีกระดกู สันหลงั ประเภท เป็นสตั ว์มีกระดกู สันหลังประเภท เปน็ สัตวม์ กี ระดูกสนั หลงั ประเภท
สัตวเ์ ลียงลกู ด้วยนำนม นก สัตว์เลอื ยคลำน
64
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 ความหลากหลายของสงิ่ มชี วี ติ
แผนฯ ท่ี 4 ความหลากหลายของสัตว์
ใบงานที่ 1.5
เร่ือง วเิ คราะหล์ ักษณะของสัตวม์ ีกระดกู สันหลงั
นักเรียนแบ่งกลุ่ม จากน้ันให้แน่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์ลักษณะของสัตว์ และจาแนกว่า
เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลงั ประเภทใด และยกตัวอย่างชื่อสตั ว์ประเภทนั้น
ลาดับ ลกั ษณะของสตั ว์ การหายใจ การสืบพนั ธุ์ ชนดิ ของสตั ว์
1 เป็นสัตว์เลอื ดเยน็ ไมม่ ขี ำ ไม่มี ใช้ปอด - ออกลูกเป็นไข่ท่มี ีเปลือก
ขน มเี กลด็ แข็งและแห้ง แข็งหุ้ม
2 เป็นสัตวเ์ ลือดเย็น มคี รีบ ใช้เหงือก - มีกำรปฏิสนธภิ ำยนอก
ผิวหนังเปน็ เมือกลื่นๆ - สว่ นใหญ่ออกลูกเปน็ ไข่
3 เป็นสัตวเ์ ลือดอุ่น มตี อ่ มนำนม ใช้ปอด - มกี ำรปฏิสนธิภำยใน
ผวิ หนงั มขี นปกคลมุ ตำม - ออกลกู เป็นตัว
รำ่ งกำย
4 เป็นสัตวเ์ ลือดเยน็ มีผวิ หนัง ใชป้ อดและ - มีกำรปฏิสนธภิ ำยนอก
เปียกชนื ตลอดเวลำ มีขำ 2 คู่ ผวิ หนงั - ออกลูกเปน็ ไข่ทม่ี วี ้นุ หมุ้
5 เปน็ สตั ว์เลือดอ่นุ มีขนเปน็ แผง ใช้ปอด - มีกำรปฏสิ นธิภำยใน
ปกคลมุ ลำตัว ขำคหู่ น้ำพฒั นำ - ออกลูกเป็นไขท่ มี่ เี ปลอื ก
ไปเปน็ ปกี มขี ำ 2 ขำ แข็งหุ้ม
65
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 ความหลากหลายของสงิ่ มีชวี ติ
แผนฯ ที่ 4 ความหลากหลายของสตั ว์
ใบงานที่ 1.5 เฉลย
เร่ือง วเิ คราะห์ลักษณะของสตั วม์ ีกระดกู สนั หลงั
นกั เรียนแบ่งกลุ่ม จากน้ันให้แน่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์ลักษณะของสัตว์ และจาแนกว่า
เปน็ สัตว์มีกระดกู สันหลังประเภทใด และยกตัวอย่างชอ่ื สตั วป์ ระเภทน้ัน
ลาดับ ลักษณะของสตั ว์ การหายใจ การสบื พันธ์ุ ชนิดของสตั ว์
1 เป็นสตั ว์เลอื ดเยน็ ไมม่ ีขำ ไม่มี ใช้ปอด - ออกลูกเปน็ ไข่ทม่ี เี ปลอื ก กลุม่ สตั วเ์ ลอื ยคลำน
ขน มเี กลด็ แข็งและแห้ง แข็งหุม้ เช่น งเู หำ่ งูเขียว
งูจงอำง
2 เปน็ สตั วเ์ ลือดเย็น มคี รีบ ใช้เหงอื ก - มีกำรปฏสิ นธิภำยนอก กลมุ่ ปลำ เช่น
ผวิ หนงั เปน็ เมอื กล่นื ๆ - สว่ นใหญ่ออกลกู เป็นไข่ ปลำชอ่ น
ปลำดุก ปลำกดั
3 เปน็ สตั วเ์ ลือดอุ่น มตี ่อมนำนม ใช้ปอด - มีกำรปฏสิ นธิภำยใน
ผิวหนงั มีขนปกคลมุ ตำม - ออกลูกเปน็ ตวั กลุ่มสัตว์เลียงลกู ดว้ ย
รำ่ งกำย นำนม เช่น
4 เป็นสัตวเ์ ลือดเย็น มีผิวหนงั ใชป้ อดและ - มกี ำรปฏสิ นธภิ ำยนอก ลิง วัว มำ้
เปียกชืนตลอดเวลำ มขี ำ 2 คู่ ผวิ หนงั - ออกลกู เป็นไขท่ ่มี วี ุ้นหมุ้ กลุ่มสัตวส์ ะเทนิ นำ
สะเทินบก
5 เป็นสัตวเ์ ลอื ดอ่นุ มีขนเป็นแผง ใช้ปอด - มกี ำรปฏิสนธิภำยใน เชน่ กบ คำงคก
- ออกลกู เป็นไข่ทม่ี ีเปลือก เขียด องึ่ อ่ำง
ปกคลมุ ลำตวั ขำคู่หน้ำพัฒนำ แขง็ ห้มุ
ไปเปน็ ปีก มีขำ 2 ขำ กลุ่มนก เช่น
เปด็ ไก่ นก
66
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ความหลากหลายของสิ่งมีชวี ติ
แผนฯ ที่ 4 ความหลากหลายของสัตว์
ใบงานที่ 1.6
เรอื่ ง จาแนกสัตวม์ ีกระดูกสนั หลังและสตั ว์ไมม่ ีกระดูกสันหลงั
ดูภาพแล้วจาแนกวา่ สัตว์ชนิดเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลัง และสัตว์ชนิดใดเป็นสัตว์ไม่มี
กระดกู สนั หลงั พรอ้ มให้เหตุผลประกอบ
1) 2) 3)
4) 5) 6)
1. สตั วม์ กี ระดูกสันหลัง ไดแ้ ก่
เพราะ
2. สตั ว์ไม่มกี ระดกู สนั หลัง ได้แก่
เพราะ
67
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 ความหลากหลายของสิง่ มชี วี ติ เฉลย
แผนฯ ท่ี 4 ความหลากหลายของสตั ว์
ใบงานท่ี 1.6
เรอ่ื ง จาแนกสัตวม์ ีกระดูกสันหลงั และสตั วไ์ มม่ กี ระดูกสนั หลัง
ดูภาพแล้วจาแนกว่า สัตว์ชนิดเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลัง และสัตว์ชนิดใดเป็นสัตว์ไม่มี
กระดกู สนั หลงั พร้อมใหเ้ หตผุ ลประกอบ
1) 2) 3)
4) 5) 6)
1. สัตว์มกี ระดูกสันหลงั ได้แก่ 1) ไก่ 4) ปลำ 6) สุนัข
เพราะ มีกระดกู ที่เป็นแกนของร่างกายอยู่ภายในลาตัว
2. สตั ว์ไม่มกี ระดูกสนั หลงั ไดแ้ ก่ 2) กงุ้ 4) หอยทำก 6) หมึก
เพราะ ไมม่ กี ระดูกท่เี ป็นแกนของรา่ งกายอยูภ่ ายในลาตวั
68
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 1 ความหลากหลายของสิ่งมชี ีวติ
แผนฯ ที่ 4 ความหลากหลายของสตั ว์
9. ความเห็นของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษาหรือผู้ท่ีได้รับมอบหมาย
ข้อเสนอแนะ
ลงชอ่ื .................................
( ................................ )
ตาแหนง่ .......
10. บนั ทกึ ผลหลังการสอน
ด้ำนควำมรู้
ด้ำนสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น
ด้ำนคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
ด้ำนควำมสำมำรถทำงวทิ ยำศำสตร์
ด้ำนอ่ืน ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรือพฤติกรรมท่มี ีปัญหำของนักเรยี นเปน็ รำยบุคคล (ถำ้ มี))
ปญั หำ/อุปสรรค
แนวทำงกำรแก้ไข
69
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 ความหลากหลายของสง่ิ มชี ีวติ
แผนฯ ที่ 5 หน้าทข่ี องสว่ นต่างๆ ของพชื ดอก
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 5
หนา้ ทขี่ องส่วนตา่ งๆ ของพืชดอก
เวลา 2 ชวั่ โมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ดั
ว 1.2 ป.4/1 บรรยายหนา้ ทข่ี องราก ลาตน้ ใบ และดอก ของพชื ดอก โดยใชข้ ้อมูลทร่ี วบรวมได้
2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. สงั เกตและบรรยายหน้าทีข่ องสว่ นต่างๆ ของพืชดอกได้ (K)
2. เปรยี บเทียบพชื ดอกท่ีมลี ักษณะโครงสรา้ งเหมือนกันและแตกตา่ งกนั ได้ (P)
3. มีความสนใจและกระตอื รอื รน้ ในการเรยี นรู้ (A)
3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรูท้ ้องถ่ิน
พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา
สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
ส่วนตา่ งๆ ของพืชดอก ทาหน้าทีแ่ ตกตา่ งกัน
4. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
พืชดอกมีสว่ นต่าง ๆ ท่ีสาคัญ ไดแ้ ก่ ราก ลาต้น ใบ ดอก ผล และเมลด็ ซ่ึงส่วนต่าง ๆ เหล่านี้จะทา
หนา้ ท่ตี ่างกันไป
5. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียนและคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. มวี นิ ยั
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รียนรู้
1) ทักษะการสงั เกต 3. มงุ่ ม่ันในการทางาน
2) ทกั ษะการสรปุ อ้างอิง
3) ทักษะการระบุ
4) ทักษะสารวจคน้ หา
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
69
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 ความหลากหลายของส่งิ มชี ีวติ
แผนฯ ที่ 5 หน้าทีข่ องสว่ นตา่ งๆ ของพืชดอก
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
ช่ัวโมงที่ 1
ขน้ั นา
ขัน้ กระตุน้ ความสนใจ (Engage)
1. ครูทักทายกบั นักเรยี น แลว้ แจ้งผลการเรยี นรู้ท่จี ะเรียนในวนั น้ีให้นกั เรียนทราบ
2. ครกู ระตุ้นความสนใจของนักเรียนเกี่ยวกบั เร่อื งท่ีจะเรียนในวันนี้ โดยใหน้ กั เรียนดูตน้ พชื ตัวอย่าง
(ตน้ มะเขือเทศที่ยงั อ่อนอยู่) ทีค่ รูเตรยี มไว้ จากนัน้ ครูตั้งคาถามกระตุ้นความคิดว่า เมอ่ื พืชมีการ
เจริญเตบิ โตจะทาให้โครงสร้างของพชื มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ อยา่ งไร แล้วให้นกั เรียนช่วยกัน
ระดมความคิดในการตอบคาถาม
(แนวตอบ : เช่น มกี ารเปลีย่ นแปลง ตน้ พืชจะมีโครงสร้างส่วนต่างๆ ครบ ไดแ้ ก่ ราก ลาต้น ใบ
ดอก และผล)
ครูถามคาถามสาคญั ประจาบทจากหนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หน้า 34 วา่ ส่วนต่างๆ
ของพืชมีหนา้ ทีเ่ หมอื นกนั หรอื แตกตา่ งกนั อย่างไร แลว้ ใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั อธบิ ายคาตอบ
(แนวตอบ : โครงสร้างส่วนตา่ งๆ ของพชื ทาหน้าทแ่ี ตกต่างกัน)
(หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมินนักเรียน โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล)
3. ครใู ห้นักเรียนศึกษาภาพและเรียนรูค้ าศพั ท์ที่เก่ยี วข้องกับการเรียนในบทที่ 2 จากหนงั สือเรยี น
วิทยาศาสตร์ หน้า 34 โดยครเู ป็นผู้อา่ นนาและใหน้ ักเรยี นอ่านตาม แล้วให้นกั เรียนเขยี นคาศัพท์
ลงในใบงานท่ี 1 ดังน้ี (สโตมา) ปากใบ
Stoma
Guard cell (กาด เซ็ล) เซลลค์ ุม
Xylem (ไซเลม็ ) ท่อลาเลยี งนา้
Phloem (โฟลเอม็ ) ทอ่ ลาเลยี งอาหาร
Photosynthesis (โฟโทซนิ ’ธซิ ิส) การสังเคราะหด์ ้วยแสง
70
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 ความหลากหลายของสิง่ มชี ีวติ
แผนฯ ที่ 5 หนา้ ทขี่ องส่วนตา่ งๆ ของพืชดอก
4. ครูแจกใบงานท่ี 1.7 เร่ือง คาศัพทโ์ ครงสรา้ งสว่ นต่างๆ ของพืชดอก ใหน้ ักเรียนนากลบั ไปทาเป็น
การบ้าน โดยให้วาดภาพหรือติดภาพของคาศัพท์ขา้ งต้น จากนั้นหาข้อมูลเก่ียวกบั หน้าทขี่ อง
คาศพั ท์นนั้ แล้วนามาส่งในช่วั โมงถัดไป
5. ครใู ห้นกั เรียนแต่ละคนวาดภาพต้นพชื ดอก พร้อมระบุโครงสร้างต่างๆ และหน้าทข่ี องส่วนต่างๆ
ของพืชดอกลงในสมุดประจาตัวนักเรียน หรือให้ทากิจกรรมนาสู่การเรียนในแบบฝึกหัด
วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หน้า 27
(หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมนิ นกั เรยี น โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล)
ขัน้ สอน
ขั้นสารวจคน้ หา (Explore)
1. ครูให้นกั เรียนร่วมกนั ศกึ ษาข้อมลู และภาพพืชในหัวข้อ หน้าทีข่ องสว่ นต่างๆ ของพืชในหนังสือเรยี น
วทิ ยาศาสตร์ ป.4 หน้า 35 แล้วถามคาถามเพอ่ื ทบทวนความรู้เดมิ ว่า ส่วนต่างๆ ของพืชทาหน้าท่ี
อะไรบา้ ง
(แนวคาตอบ : หนา้ ทตี่ ่างกัน คอื
ราก – ดดู ซมึ นาและแร่ธาตใุ นดนิ
ลาต้น - ชูก่ิง กา้ น ใบ ให้ไดร้ ับแสงแดด และเปน็ ทางลาเลียงนาและอาหาร
ใบ - สร้างอาหาร
ดอก - ช่วยในการสืบพันธุ์
ผล - หอ่ ห้มุ เมลด็ )
2. ให้นักเรียนร่วมกันอภปิ รายเพือ่ ใหไ้ ด้ข้อสรุปวา่ ราก ลาตน้ ใบ ดอก ผลและเมลด็ มีหน้าท่ีอะไรบ้าง
ช่ัวโมงท่ี 2
ข้ันสารวจค้นหา (Explore)
3. ครูนาภาพโครงสรา้ งภายนอกของพชื มาติดบนกระดาน แล้วให้นักเรียนสังเกตและร่วมกนั แสดง
ความคดิ เห็นจากภาพว่า หมายเลข 1-5 เป็นโครงสรา้ งส่วนใดของพืช
4. ครสู ุ่มนักเรียน 5-6 คน ให้ออกมาแสดงความคิดเห็นหน้าช้ันเรียน จากน้ันให้นกั เรยี นแต่ละคนใน
หอ้ งยกตัวอยา่ งตน้ พืชดอกท่ีนักเรียนรู้จกั มาคนละ 1 ชนดิ
71
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 ความหลากหลายของสิ่งมีชีวติ
แผนฯ ที่ 5 หนา้ ทขี่ องส่วนต่างๆ ของพืชดอก
5. ครแู บ่งนักเรยี นเป็นกลุม่ กลมุ่ ละ 4 คน คละกันตามความสามารถ คือ เก่ง-ค่อนข้างเก่ง-ปานกลาง-
อ่อน ให้แตล่ ะกลุม่ ร่วมกันศกึ ษาความร้เู รื่อง โครงสร้างสว่ นต่างๆ ภายนอกของพืช จาก PPT เร่ือง
หนา้ ท่ีของส่วนต่างๆ ของพืชดอก จากนน้ั ใหแ้ ต่ละกลุ่มนาขอ้ มูลมาอภิปรายและสรุปรว่ มกันภายใน
กลุ่ม แล้วจัดทาเป็น แผนผัง แผนภาพ หรืออ่ืนๆ ลงในกระดาษแข็ง เพื่อสรปุ ความรู้เก่ียวกับ
โครงสรา้ งสว่ นต่างๆ ภายนอกของพืชและหน้าทข่ี องส่วนตา่ งๆ เหลา่ นัน้
(หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม)
ขั้นอธิบายความรู้ (Explain)
1. ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุม่ ส่งตัวแทนออกมานาเสนอผลงานของกลุ่มหนา้ ชนั้ เรยี น โดยครสู ่มุ จับสลาก
เลอื กนักเรียนทีละกลุ่ม
2. นักเรยี นแตล่ ะก่มุ ออกมานาเสนอผลงานหนา้ ชน้ั เรยี น จากน้ันรว่ มกันสรุปขอ้ มลู
3. ครใู ห้นกั เรียนแต่ละกลุม่ ร่วมกันตอบคาถามกระตุ้นความคิดวา่ ลกั ษณะโครงสร้างภายนอกของพืช
แตล่ ะชนดิ เหมือนกันหรือไม่ จากนน้ั ขออาสาสมคั รนักเรยี น 3-4 คน จากกลุ่มต่างๆ ใหต้ อบคาถาม
(แนวคาตอบ : ไม่เหมือนกัน เพราะพืชต่างชนิดกนั ลักษณะโครงสรา้ งส่วนต่างๆ ภายนอกก็จะ
แตกต่างกนั ด้วย)
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมนิ นกั เรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ )
ขน้ั สรุป
ขั้นขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
ครูถามคาถามกระตุ้นความคิดนักเรยี น โดยให้นกั เรียนภายในชั้นเรียนแสดงความคิดเห็นและ
อภิปรายคาตอบรว่ มกนั ดงั น้ี
1) นักเรียนคิดวา่ โครงสรา้ งภายนอกของพืชส่วนใดสาคัญท่ีสุด เพราะอะไร
2) ตน้ มะเขอื กบั ต้นถ่วั มลี กั ษณะโครงสร้างภายนอกทเี่ หมือนกันหรือไม่ อยา่ งไร
3) โครงสรา้ งสว่ นตา่ งๆ ของพชื มีความสาคญั ตอ่ การเจริญเติบโตของพชื หรอื ไม่ อยา่ งไร
(แนวตอบ : ขนึ อยู่กบั คาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ จิ ของครูผสู้ อน)
(หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมินนกั เรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล)
ขั้นตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรปุ เก่ียวกบั ลักษณะโครงสร้างส่วนต่างๆ ภายนอกของพืชดอกว่า โครงสร้าง
ภายนอกของพืชดอกท่ีสาคัญ ได้แก่ ราก ลาต้น ใบ ดอก และผล ซึ่งโครงสร้างเหล่านีทาหน้าท่ี
แตกต่างกนั และมกี ารทางานประสานกนั เปน็ ระบบ จึงทาใหพ้ ืชสามารถดารงชวี ติ อยู่ได้
72
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 1 ความหลากหลายของสงิ่ มีชวี ติ
แผนฯ ที่ 5 หนา้ ทขี่ องส่วนตา่ งๆ ของพืชดอก
2. ครปู ระเมินผลนักเรยี น โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤติกรรมการทางานรายบุคคล
พฤติกรรมการทางานกลุ่ม และจากการนาเสนอผลการทากิจกรรมหน้าชัน้ เรียน
3. ครูตรวจสอบผลการทาใบงานท่ี 1.7 เรอ่ื ง คาศัพทโ์ ครงสร้างส่วนต่างๆ ของพชื ดอก
4. ครูตรวจผลการวาดภาพตน้ พชื ดอกในสมดุ ประจาตวั นักเรยี น หรือตรวจผลการทากิจกรรมนาสู่การ
เรยี นในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ หน้า 27
7. การวดั และประเมินผล
รายการวัด วธิ ีการ เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
7.1 ประเมนิ ระหว่าง
การจดั กิจกรรม
การเรียนรู้
1) การวาดภาพพืชดอก - ตรวจสมดุ ประจาตัว หรือ - สมดุ ประจาตวั หรือ - รอ้ ยละ 60
แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ผ่านเกณฑ์
หรอื กิจกรรมนาสู่การ แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หน้า 27
เรยี น ป.4 เลม่ 1 หนา้ 27
2) คาศัพท์โครงสร้าง - ตรวจใบงานท่ี 1.7 - ตรวจใบงานท่ี 1.7 - ร้อยละ 60
ส่วนต่างๆ ของพชื ผ่านเกณฑ์
ดอก - ประเมนิ การนาเสนอ - แบบประเมินการ
ผลการทากจิ กรรม นาเสนอผลงาน - ระดับคุณภาพ 2
3) การนาเสนอผล ผา่ นเกณฑ์
การทากจิ กรรม
รายการวดั วธิ ีการ เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมนิ
4) พฤตกิ รรม - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ 2
การทางานรายบคุ คล การทางานรายบคุ คล
การทางาน ผ่านเกณฑ์
รายบคุ คล - สงั เกตพฤตกิ รรม
5) พฤตกิ รรม การทางานกลุม่ - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คณุ ภาพ 2
การทางานกลุ่ม - สงั เกตความมวี นิ ัย การทางานกลมุ่ ผา่ นเกณฑ์
6) คุณลกั ษณะ ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น - แบบประเมิน
อนั พึงประสงค์ ในการทางาน คุณลักษณะ - ระดับคณุ ภาพ 2
อนั พงึ ประสงค์ ผา่ นเกณฑ์
73
หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 1 ความหลากหลายของสง่ิ มีชีวติ
แผนฯ ที่ 5 หน้าทีข่ องส่วนตา่ งๆ ของพชื ดอก
8. สอื่ /แหลง่ การเรียนรู้
8.1 สอื่ การเรียนรู้
1) หนงั สอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ความหลากหลายของสิง่ มชี วี ติ
2) แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ความหลากหลายของสิ่งมชี วี ติ
3) ภาพโครงสรา้ งภายนอกของพืช เช่น ต้นทานตะวัน ตน้ มะเขอื เทศ เปน็ ต้น
4) ใบงานท่ี 1.7 เรอ่ื ง คาศพั ทโ์ ครงสรา้ งสว่ นต่างๆ ของพืชดอก
5) PowerPoint เรื่อง หน้าท่ีของส่วนตา่ งๆ ของพืชดอก
6) กระดาษแขง็ แผ่นใหญ่
7) สมุดประจาตัวนกั เรยี น
8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) หอ้ งเรยี น
2) ห้องสมดุ
3) อนิ เทอรเ์ นต็
74
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 ความหลากหลายของส่ิงมีชีวติ
แผนฯ ที่ 5 หน้าทีข่ องสว่ นตา่ งๆ ของพืชดอก
ใบงานท่ี 1.7
เรอื่ ง คาศพั ท์โครงสรา้ งส่วนตา่ งๆ ของพืชดอก
คาช้แี จง : ใหน้ ักเรยี นวาดภาพหรือติดภาพโครงสร้างส่วนต่าง ๆ ของพชื ดอก พรอ้ มบอกหน้าที่
ของโครงสร้างสว่ นน้ัน
คาศัพท:์
คาอ่าน:
คาแปล:
หนา้ ท่:ี
คาศพั ท์:
คาอ่าน:
คาแปล:
หน้าที่:
คาศพั ท:์
คาอา่ น:
คาแปล:
หนา้ ที่:
75
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ความหลากหลายของส่ิงมชี วี ติ คาศพั ท์:
แผนฯ ที่ 5 หนา้ ทขี่ องสว่ นตา่ งๆ ของพชื ดอก คาอ่าน:
คาแปล:
หนา้ ท่ี:
คาศัพท:์
หน้าท่ี: คาอา่ น:
คาแปล:
76
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 ความหลากหลายของสิ่งมีชวี ติ เฉลย
แผนฯ ท่ี 5 หนา้ ที่ของสว่ นตา่ งๆ ของพืชดอก
ใบงานที่ 1.7
เร่ือง คาศพั ท์โครงสร้างส่วนต่างๆ ของพชื ดอก
คาชีแ้ จง : ใหน้ ักเรียนวาดภาพหรือติดภาพโครงสรา้ งส่วนต่าง ๆ ของพชื ดอก พร้อมบอกหน้าที่
ของโครงสร้างสว่ นนนั้
คาศัพท์: STOMA ”
..
คาอา่ น: สโตรมา .
..
คาแปล: ปากใบ .
..
หนา้ ท่ี: หายใจ โดยมีการแลกเปล่ยี นแกส๊ ทางปากใบ และคายน้าออกมา ซ่ึงพืชจะ
คายน้าออกมาในรูปของไอนา้ ผ่านทางปากใบ .
คาศัพท์: XYLEM ”
..
คาอ่าน: ไซเล็ม .
..
คาแปล: ท่อลาเลยี งน้า .
..
หนา้ ที่: ท่อลาเลยี งน้า ทาหนา้ ทลี่ าเลยี งน้าและแรธ่ าตไุ ปยงั สว่ นต่าง ๆ ของพชื และ
ลาเลยี งนา้ ไปสู่ใบของพชื เพอื่ ใชใ้ นกระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง .
คาศพั ท:์ PHLOEM ”
..
คาอ่าน: โฟลเอ็ม .
..
คาแปล: ท่อลาเลียงอาหาร .
..
หนา้ ท:่ี ทอ่ ลาเลยี งอาหาร ทาหนา้ ทลี่ าเลียงอาหารทส่ี รา้ งจากใบไปเล้ยี งส่วนต่างๆ
ของพืช 77 .
หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 1 ความหลากหลายของส่ิงมชี วี ติ
แผนฯ ที่ 5 หนา้ ที่ของส่วนต่างๆ ของพืชดอก
คาศัพท:์ STEM ”
..
คาอ่าน: สะเต็ม .
..
คาแปล: ลาตน้ .
..
หนา้ ที:่ ลาต้น ทาหนา้ ที่ชกู ิง่ ก้าน ใบ เป็นทางผ่านในการลาเลยี งนา้ และแร่ธาตุท่รี าก .
ดดู ขน้ึ มา และเปน็ ทางผา่ นลาเลียงอาหารท่สี รา้ งจากใบไปเลีย้ งส่วนตา่ ง ๆ ของพืช .
คาศัพท:์ ROOT ”
..
คาอา่ น: รทู .
..
คาแปล: ราก .
..
หนา้ ท่:ี ราก ทาหนา้ ทีย่ ดึ ลาตน้ ของพืช ให้ต้ังบนดินไดโ้ ดยไมใ่ หล้ ้ม รวมทงั้ ดดู นา้ .
และแร่ธาตใุ นดนิ ไปเลย้ี งส่วนต่าง ๆ ของพชื .
78
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 1 ความหลากหลายของสิ่งมชี ีวติ .................................
แผนฯ ท่ี 5 หน้าทข่ี องสว่ นตา่ งๆ ของพืชดอก ................................ )
9. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศกึ ษาหรือผู้ท่ไี ด้รับมอบหมาย .......
ข้อเสนอแนะ
ลงช่ือ
(
ตาแหน่ง
10. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน
ด้านความรู้
ด้านสมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น
ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
ดา้ นความสามารถทางวิทยาศาสตร์
ดา้ นอ่ืน ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรือพฤติกรรมท่ีมีปญั หาของนักเรียนเป็นรายบุคคล (ถา้ ม)ี )
ปัญหา/อปุ สรรค
แนวทางการแก้ไข
79
หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 1 ความหลากหลายของสิง่ มีชวี ติ
แผนฯ ท่ี 6 ศกึ ษาท่อลาเลยี งของพืช
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6
ศึกษาท่อลาเลียงของพืช
เวลา 3 ชั่วโมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้ีวัด
ว 1.2 ป.4/1 บรรยายหนา้ ทข่ี องราก ลาต้น ใบ และดอก ของพชื ดอกโดยใช้ขอ้ มูลทร่ี วบรวมได้
2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. สงั เกตและบรรยายหนา้ ที่รากและลาต้นของพชื ดอกได้ (K)
2. สงั เกตและอธิบายเกย่ี วกับโครงสรา้ งของทอ่ ลาเลียงภายในต้นพชื ได้ (K)
3. ปฏบิ ัติกิจกรรมการทดลองเพ่อื อธิบายหน้าที่ท่อลาเลียงของพืชได้ครบทุกขนั้ ตอน (P)
4. รับผิดชอบตอ่ หน้าท่ที ไี่ ดร้ ับมอบหมาย (A)
3. สาระการเรียนรู้
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถ่นิ
รากพืช ทาหน้าที่ดดู นา้ และแร่ธาตุไปสู่ลาต้น พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา
สว่ นลาต้นพืช ทาหน้าทล่ี าเลียงน้าสง่ ตอ่ ไปยังส่วน
ตา่ งๆ ของพืช
4. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
รากเป็นโครงสร้างของพืชท่อี ยู่ใตด้ นิ และแผข่ ยายออกไป เพือ่ ยึดลาต้นใหต้ ัง้ อยูบ่ นดนิ รากมีหน้าทดี่ ูด
นา้ และแรธ่ าตุจากดินข้นึ ไปสู่สว่ นต่างๆ ของพืชโดยผา่ นทางลาต้น ส่วนลาต้นมีหน้าทลี่ าเลียงนา้ แร่ธาตุ
และอาหาร ไปเล้ยี งส่วนต่างๆ ของพืช โดยภายในลาตน้ ของพชื มีทอ่ ลาเลยี ง ซึ่งประกอบดว้ ยทอ่ ลาเลียงน้า
และท่อลาเลียงอาหาร เพ่อื ลาเลียงน้าและแรธ่ าตจุ ากดิน และลาเลียงอาหารจากใบพืช
5. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี นและคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. มวี ินยั
2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รยี นรู้
1) ทกั ษะการสงั เกต 3. มุง่ มน่ั ในการทางาน
79
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 ความหลากหลายของสงิ่ มีชวี ติ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
แผนฯ ท่ี 6 ศกึ ษาท่อลาเลยี งของพืช
2) ทกั ษะการตัง้ สมมตฐิ าน
3) ทักษะการทดสอบตงั้ สมมตฐิ าน
4) ทกั ษะการใหเ้ หตผุ ล
5) ทกั ษะการรวบรวมขอ้ มลู
6) ทักษะสรุปอา้ งอิง
สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
ชวั่ โมงท่ี 1
ขั้นนา
ขน้ั กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
1. ครูตั้งประเด็นคาถามเพื่อทบทวนความรู้เดิมของนกั เรียนจากการเรยี น รู้ในชว่ั โมงทีผ่ า่ นมา โดยให้
นักเรยี นยกมอื เพือ่ ตอบคาถาม ดังน้ี
1) โครงสรา้ งภายนอกของพืชประกอบดว้ ยส่วนใดบา้ ง
2) นกั เรยี นคดิ วา่ รากมีความสาคัญตอ่ การดารงชีวติ ของพชื หรือไม่ อยา่ งไร
3) นักเรียนคิดว่า พชื แต่ละชนดิ จะมีลกั ษณะของรากเหมือนกนั หรอื แตกตา่ งกนั อย่างไร
4) ลาต้นมคี วามสาคัญต่อการเจริญเติบโตของพชื อย่างไร
5) ลาต้นของพชื แตล่ ะชนิดเหมอื นกันหรือแตกต่างกนั อยา่ งไร
6) นกั เรียนคิดวา่ เพราะเหตุใดลาตน้ ของพืชแตล่ ะชนิดจึงไมเ่ หมอื นกนั
(แนวตอบ : พิจารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยให้อยู่ในดลุ ยพนิ จิ ของครผู ู้สอน)
(หมายเหตุ : ครเู รมิ่ ประเมินนกั เรยี น โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล)
2. ครูแจง้ ช่ือเร่ืองทจ่ี ะเรยี นรู้และผลการเรียนรใู้ ห้นกั เรยี นทราบ
3. ครูนาบัตรภาพรากและลาตน้ ของพืชลกั ษณะต่างๆ มาให้นักเรียนดู แลว้ อธิบายเพ่ิมเตมิ เก่ียวกับ
หน้าที่ของรากและลาต้น เพ่ือเช่ือมโยงเข้าสู่การทากิจกรรมวา่ รากเป็นโครงสร้างของพืชท่ี
เจริญเติบโตลงดินและแผ่ขยายออกไป ซึ่งมีลักษณะแตกต่างกันออกไปตามชนิดของพืช ส่วน
80
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 ความหลากหลายของสงิ่ มีชวี ติ
แผนฯ ที่ 6 ศกึ ษาทอ่ ลาเลยี งของพืช
ภายในลาต้นมที ่อลาเลยี ง ทาหน้าทลี่ าเลียงนา้ แร่ธาตุ และอาหาร ไปเลี้ยงสว่ นต่างๆ ของพชื ลา
ตน้ พชื แตล่ ะชนิดมีลกั ษณะแตกต่างกนั ออกไป
4. ครูให้นักเรียนเล่นเกมหอยแบ่งฝาเพื่อตอ้ งการแบ่งกลุ่มนกั เรียนออกเป็นกล่มุ กลุ่มละ 4 คน โดยครู
อธบิ ายวธิ กี ารเล่นใหน้ ักเรยี นฟัง จากนั้นใหน้ กั เรียนเล่นเกม 2-3 ครั้งจนไดก้ ลุ่มครบทกุ คน โดยมี
วธิ ีการเลน่ ดงั นี้
ครูให้นักเรียนแตล่ ะคนคิดว่าตนเองต้องการเป็นตัวหอย หรอื ตอ้ งการเป็นฝาหอย โดยครู
จะออกคาส่ังแล้วใหน้ ักเรียนว่งิ ไปรวมกลุ่มกัน ซงึ่ กาหนดให้นักเรียนที่ยืนล้อมวง คือ ฝาหอย
และนกั เรยี นที่อยู่ในวง คือ ตวั หอย ทั้งนนี้ กั เรยี นคนใดที่ไม่มกี ลุ่ม หรือนกั เรียนกลุ่มใดมีจานวน
ฝาหอย หรือจานวนตัวหอยไมค่ รบตามจานวนทีค่ รูออกคาส่ัง จะถกู นาออกมาทากิจกรรมพิเศษ
ด้วยวิธกี ารตา่ งๆ เช่น การเตน้ ตามเพลง การรอ้ งเพลง หรอื อ่ืนๆ ตามความเหมาะสม ตวั อยา่ ง
การออกคาสั่งของครู เชน่
1) มีหอย 2 ตวั อยใู่ นฝา 4 ฝา 2) มีฝา 6 ฝา ล้อมหอย 3 ตัว 3) ฝาเปล่ียนหอย
5. เมื่อแบ่งกล่มุ นักเรยี นแลว้ ครูให้นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ กลบั ไปชว่ ยกนั เตรียมอุปกรณ์และศึกษาข้ันตอน
การทากจิ กรรมที่ 1 เรอ่ื ง หนา้ ทขี่ องสว่ นต่างๆ ของพืช ตอนที่ 2 จากหนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.4
เลม่ 1 หน้า 36-37 มาล่วงหน้ากอ่ นการทากิจกรรมในชัว่ โมงถัดไป
ชั่วโมงที่ 2
ขั้นสอน
ข้ันสารวจคน้ หา (Explore)
1. ครทู บทวนความรู้เดิมเกยี่ วกับรากและลาต้นของพืชใหน้ ักเรยี นฟัง จากนนั้ ให้นักเรียนชว่ ยกันระดม
ความคดิ เก่ียวกับหน้าท่ีของราก และลาต้นของพืชว่า มกี ระบวนการลาเลียงนา้ และธาตอุ าหาร
อยา่ งไร
2. ครูให้นักเรียนรวมกลุ่มเดิมท่ไี ด้แบ่งไวเ้ ม่ือชั่วโมงท่ีแล้ว จากนั้นครูแจ้งจุดประสงคข์ อง ในการทา
กจิ กรรม แล้วใหน้ ักเรียนทากจิ กรรมท่ี 1 เรื่อง หน้าที่ของส่วนตา่ งๆ ของพืช ตอนที่ 2 จากหนงั สือ
เรยี นวิทยาศาสตร์ หนา้ 36-37
3. ครูใช้รปู แบบการเรียนรแู้ บบร่วมมือ เทคนคิ LT มาจัดกระบวนการเรียนรู้ โดยกาหนดให้สมาชิกแต่
ละคนภายในกลุม่ มบี ทบาทหน้าที่ของตนเอง ดงั น้ี
สมาชิกคนที่ 1 : ทาหนา้ ทเี่ ตรียมอปุ กรณต์ า่ งๆ
สมาชกิ คนท่ี 2 : ทาหนา้ ทอี่ า่ นลองทาดู ทาความเขา้ ใจ และนามาอธิบายให้ สมาชกิ
ภายในกลมุ่ ฟัง
สมาชกิ คนที่ 3 : ทาหน้าท่บี ันทกึ ผลการทดลอง
สมาชกิ คนที่ 4 : ทาหน้าท่ีนาเสนอผลการทดลอง
81
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ความหลากหลายของสิ่งมชี ีวติ
แผนฯ ท่ี 6 ศกึ ษาท่อลาเลยี งของพชื
4. ครูให้สมาชิกของแตล่ ะกลุ่มช่วยกนั กาหนดปัญหาและต้ังสมมติฐานล่วงหน้าก่อนการทากิจกรรม
จากนน้ั รว่ มกันปฏิบัตกิ ิจกรรมตามข้นั ตอน ดังน้ี
1) สมาชิกคนท่ี 1 เตรียมและตรวจสอบอุปกรณท์ ั้งหมดทใ่ี ชใ้ นการทากิจกรรม
2) สมาชกิ คนท่ี 2 อธิบายวธิ ที ากิจกรรมให้เพ่ือนภายในกล่มุ ฟัง เพ่ือให้ปฏิบัติตามไดถ้ ูกต้อง
3) สมาชิกทกุ คนในกลุ่มชว่ ยกันลงมือทากจิ กรรมโดยนาต้นเทียนมาลา้ งรากให้สะอาด แล้ว
สังเกตลักษณะของรากและลาต้น จากน้ันคาดคะเนว่า เม่ือนารากและลาต้นของต้น
เทียนไปแช่ในน้าหมึกสีแดงทิ้งไว้ 30 นาที จะเกิดผลอย่างไร แล้วให้สมาชิกคนที่ 3
บันทกึ ผลลงในสมดุ หรือแบบฝกึ กจิ กรรมวิทยาศาสตร์ ป.4 หน้า 4
4) สมาชกิ ทุกคนช่วยกันทากิจกรรมเพ่ือตรวจสอบผลการคาดคะเน โดยเทน้าหมึกสีแดง 10
มิลลิลิตร ลงในบีกเกอร์ท่ีมนี า้ เปล่าอยู่ 100 มิลลิลิตร แล้วนาตน้ เทยี นแช่ท้ิงไว้ จากนั้น
นาไปวางตากแดดทิง้ ไว้ประมาณ 30 นาที
5) เมอ่ื ครบ 30 นาที ให้นักเรียนนาลาต้นของตน้ เทยี นมาตัดตามขวางและตามยาว จากนั้น
ใชแ้ ว่นขยายหรอื กลอ้ งจลุ ทรรศนส์ อ่ งดลู ักษณะภายในของลาตน้ แล้วให้สมาชิกคนที่ 3
บันทึกผลลงในสมดุ หรือแบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หนา้ 30
6) สมาชิกแต่ละกล่มุ รว่ มกนั อภปิ รายและสรปุ ผลการทากิจกรรมภายในกลุ่ม
5. ครตู ัง้ คาถามหลังการทากจิ กรรมเพื่อใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุม่ รว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ ดังน้ี
1) ก่อนและหลังนาลาต้นของต้นเทียนไปแช่ในน้าหมึกสีแดง ลาตน้ ของต้นเทยี นมีลกั ษณะ
อยา่ งไร
(แนวตอบ : ก่อนแช่ลาต้นมลี กั ษณะสีเขยี วใส หลังแช่ลาตน้ มลี กั ษณะสีแดงใส)
2) เมอื่ นาลาต้นของตน้ เทียนมาตัดตามขวางและตามยาว นกั เรียนสังเกตเห็นลกั ษณะภายใน
ลาตน้ ของตน้ เทยี นเป็นอยา่ งไร และมสี ่วนประกอบอะไรบา้ ง
(แนวตอบ : ภายในลาตน้ ของตนเทียนมีโครงสร้างท่ีเรยี กวา่ ทอ่ ลาเลยี ง ซงึ่ ประกอบด้วย
ท่อลาเลยี งน้าและทอ่ ลาเลียงอาหาร)
(หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมนิ นักเรียน โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ )
ขัน้ อธบิ ายความรู้ (Explain)
1. ครใู หน้ กั เรียนศึกษาข้อมูลเกี่ยวกบั รากและลาต้นของพชื รวมถงึ ทอ่ ลาเลียงของพชื จากหนงั สือเรยี น
วทิ ยาศาสตร์ หน้า 38-39 หรอื แหล่งการเรียนรู้อน่ื ๆ เช่น ห้องสมุด อนิ เทอร์เนต็ เป็นต้น แล้วให้นา
ข้อมูลทไ่ี ดม้ ารวบรวมและสรุปผลกับการทากจิ กรรม
82
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 ความหลากหลายของสิง่ มชี ีวติ
แผนฯ ที่ 6 ศกึ ษาทอ่ ลาเลียงของพชื
2. ครูให้แต่ละกลุ่มส่งตวั แทน (สมาชกิ คนที่ 4 ของกลุ่ม) ออกมานาเสนอผลการทดลอง เพ่ือตรวจสอบ
ความรู้ของนกั เรียนหลังการทากิจกรรมที่ 1 โดย โดยครสู ุ่มจับสลากเลือกนักเรียนทีละกลมุ่ ให้
ออกมานาเสนอหนา้ ช้นั เรียน
3. ตัวแทนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอผลงานหน้าช้ันเรียน จากน้ันร่วมกันอภิปรายความรู้เกี่ยวกับ
หน้าที่รากและลาต้นของพชื ว่า จากการทากจิ กรรมเม่ือนกั เรียนสงั เกตลาตน้ ที่ตัดตามขวางจะเห็น
ว่ามีสแี ดงอยู่เปน็ จดุ ๆ ซ่งึ เกดิ จากการท่ีรากดูดนา้ สีแดงขนึ้ ไปสู่ลาต้น ท่เี ปน็ เช่นนเ้ี พราะภายในลาต้น
จะมีท่อเล็กๆ อยู่ เรียกวา่ ท่อลาเลียง เม่อื รากพชื ดูดน้าและแร่ธาตจุ ากดิน ท่อลาเลียงน้าจะนาน้า
และแรธ่ าตขุ น้ึ ไปเพ่อื เลีย้ งสว่ นตา่ งๆ ของพชื
(หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมนิ นักเรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม)
ชั่วโมงท่ี 3
ขน้ั สรปุ
ขัน้ ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
1. ครแู ละนกั เรียนช่วยกนั สรปุ ผลการทดลองของชวั่ โมงท่ีแล้วอกี คร้ัง เพ่อื เปน็ การทบทวนทบทวน
2. ครตู ั้งคาถามเพื่อต่อยอดในการทดลองวา่ รากและลาต้นมีความสาคัญต่อการเจรญิ เติบโตของพืช
อยา่ งไรอีกบ้าง นอกเหนือจากขอ้ มูลท่ไี ดจ้ ากการทากจิ กรรมทผ่ี ่านมา จากนน้ั ให้นักเรียนแต่ละคน
สบื คน้ ขอ้ มูลจากแหลง่ การเรยี นรู้ตา่ งๆ
3. ให้นักเรยี นจบั คู่กนั โดยใช้เทคนคิ เพ่ือนคคู่ ิด เพ่อื แลกเปล่ียนความคิดเห็นเกี่ยวกบั เร่ืองที่สืบค้นมา
จากน้ันร่วมกันสรุปความรู้
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมนิ นักเรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม)
4. ครูสุม่ เลือกนกั เรียน 2-3 คู่ ให้ออกมานาเสนอข้อมูลที่ได้จากการสืบคน้ และให้นักเรียนทั้งห้อง
รว่ มกันอภปิ รายและสรปุ ผล
5. ครูถามคาถามท้ายทายการคดิ ขั้นสูง จากหนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 37 แล้วให้นกั เรยี นชว่ ยกัน
อภิปรายและสรปุ คาตอบรว่ มกนั ดังน้ี
รากเป็นส่วนของพชื ที่ทาหนา้ ทีด่ ูดน้าและแรธ่ าตุไปเล้ยี งสว่ นตา่ งๆ ของพืช หากพชื ไม่มีราก
พืชจะสามารถดารงชีวิตอยไู่ ดห้ รอื ไม่ เพราะเหตใุ ด
(แนวตอบ : สามารถดารงชีวิตอยู่ได้ เพราะหากพืชไมม่ ีราก แต่ต้นพืยังมีลาต้นอยู่ ซ่ึง
ภายในลาต้นพืชมที อ่ ลาเลียงที่สามารถลาเลยี งน้าและแรธ่ าตไุ ปสู่สว่ นตา่ งๆ ของพชื ได้ จึง
ทาให้พืชสามารถดารงชวี ติ อย่ไู ด้)
83
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ความหลากหลายของส่งิ มีชีวติ
แผนฯ ท่ี 6 ศกึ ษาท่อลาเลียงของพชื
(หมายเหตุ : ครปู ระเมนิ นกั เรยี น โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล)
6. ครูให้นักเรียนทากิจกรรมหนูตอบได้จากหนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 37 ลงในสมุดประจาตัว
นกั เรยี น หรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ หน้า 31
ขัน้ ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูใหน้ ักเรยี นช่วยกนั ตอบคาถามเพื่อสรุปความเขา้ ใจหลังเรียนวา่ รากและลาต้นมีการทางานที่
ประสานกันเปน็ ระบบ อย่างไร
(แนวตอบ : รากของพชื ดูดนา้ และแรธ่ าตุจากดินผ่านท่อลาเลียงภายในลาต้นของพืช เพื่อนาไปเล้ียง
สว่ นตา่ งๆ ของพชื )
2. ครปู ระเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล
พฤติกรรมการทางานกลมุ่ และจากการนาเสนอผลการทากจิ กรรมหนา้ ช้นั เรียน
3. ครูตรวจสอบผลการทากจิ กรรมที่ 1 เร่อื ง หน้าท่ขี องส่วนตา่ งๆ ของพืช ในสมดุ ประจาตัวนักเรยี น
หรือในแบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ หน้า 30
4. ครตู รวจสอบผลการทากิจกรรมหนูตอบได้ในสมดุ ประจาตวั นกั เรียน หรอื ในแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์
หนา้ 31
7. การวัดและประเมนิ ผล
รายการวดั วิธีการ เคร่ืองมือ เกณฑก์ ารประเมิน
7.1 ประเมนิ ระหวา่ ง
การจดั กิจกรรม
การเรียนรู้
1) ผลบนั ทึกการทา - ตรวจสมดุ ประจาตัว หรือ - สมดุ ประจาตัว หรอื - ร้อยละ 60
แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ ผ่านเกณฑ์
กจิ กรรมท่ี 1 แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หนา้ 30
ป.4 เล่ม 1 หน้า 30
2) กิจกรรมหนูตอบได้ - ตรวจสมดุ ประจาตวั หรือ - สมดุ ประจาตัว หรอื - ร้อยละ 60
แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์
รายการวดั ป.4 เลม่ 1 หน้า 31 แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ผ่านเกณฑ์
3) การนาเสนอผล
วธิ กี าร ป.4 เลม่ 1 หน้า 31
การทากิจกรรม - ประเมินการนาเสนอ
4) พฤตกิ รรม ผลการทากจิ กรรม เคร่อื งมือ เกณฑก์ ารประเมิน
- สงั เกตพฤติกรรม
การทางาน การทางานรายบุคคล - แบบประเมนิ การ - ระดับคุณภาพ 2
นาเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์
- แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ 2
การทางานรายบคุ คล ผ่านเกณฑ์
84
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 ความหลากหลายของส่ิงมีชีวติ
แผนฯ ที่ 6 ศึกษาท่อลาเลียงของพชื
รายบุคคล - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดับคณุ ภาพ 2
5) พฤตกิ รรม การทางานกลมุ่ การทางานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์
- สังเกตความมีวนิ ยั - แบบประเมนิ
การทางานกลุ่ม ใฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ มนั่ คณุ ลักษณะ - ระดบั คุณภาพ 2
6) คุณลกั ษณะ ในการทางาน อนั พึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์
อนั พึงประสงค์
8. ส่อื /แหลง่ การเรยี นรู้
8.1 สื่อการเรยี นรู้
1) หนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 1 ความหลากหลายของสงิ่ มีชีวิต
2) แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต
3) วัสดุ-อปุ กรณก์ ารทดลองในกจิ กรรมท่ี 1 เชน่ ตน้ เทยี น นา้ หมึกสีแดง มดี บีกเกอร์ เป็นต้น
4) บัตรภาพรากและลาตน้ ของพชื ชนดิ ต่างๆ
5) PowerPoint เรอ่ื ง หนา้ ทข่ี องสว่ นต่างๆ ของพชื ดอก
6) สมดุ ประจาตวั นักเรียน
8.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) ห้องเรียน
2) ห้องสมุด
3) อนิ เทอร์เน็ต
85
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ความหลากหลายของสิ่งมีชวี ติ
แผนฯ ที่ 6 ศึกษาทอ่ ลาเลียงของพืช
9. ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผู้ท่ีได้รับมอบหมาย
ขอ้ เสนอแนะ
ลงชอ่ื .................................
( ................................ )
ตาแหนง่ .......
10. บนั ทึกผลหลังการสอน
ดา้ นความรู้
ด้านสมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น
ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์
ด้านอ่ืน ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤติกรรมท่มี ีปัญหาของนักเรยี นเปน็ รายบุคคล (ถา้ มี))
ปญั หา/อปุ สรรค
แนวทางการแก้ไข
86
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 ความหลากหลายของสิง่ มีชวี ติ
แผนฯ ท่ี 7 การคายนา้ ของพชื
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 7
การคายนา้ ของพชื
เวลา 2 ชวั่ โมง
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีวัด
ว 1.2 ป.4/1 บรรยายหนา้ ท่ีของราก ลาต้น ใบ และดอก ของพชื ดอกโดยใชข้ อ้ มลู ท่ีรวบรวมได้
2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. สงั เกตและบรรยายหน้าทใ่ี บของพืชดอกได้ (K)
2. ปฏิบัติกจิ กรรมเพอ่ื อธิบายการคายนาของพชื ได้ครบถว้ นตามขันตอน (P)
3. ใหค้ วามรว่ มมอื ในการทากิจกรรมและรบั ผิดชอบต่องานท่ีไดร้ ับมอบหมาย (A)
3. สาระการเรียนรู้
สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถนิ่
ใบพืช ทาหนา้ ท่สี ร้างอาหาร อาหารที่พชื สร้าง พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษา
ขนึ คอื นาตาล ซ่ึงจะถูกสะสมไว้ในรปู แปง้
4. สาระส้าคัญ/ความคดิ รวบยอด
ใบเป็นโครงสร้างท่ีสาคัญของพืช ทาหน้าท่ีสร้างอาหาร และหายใจซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนแก๊ส
เช่นเดียวกับคนและสัตว์ ใบของพืชทาหนา้ ที่คายนา ซึ่งการคายนามปี ระโยชน์ตอ่ พืช เพราะช่วยทาให้เกิด
การลาเลียงนาและแรธ่ าตุอย่างตอ่ เนอื่ ง
5. สมรรถนะส้าคญั ของผู้เรยี นและคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
สมรรถนะส้าคญั ของผเู้ รียน คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มีวินยั
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รียนรู้
1) ทักษะการสงั เกต 3. มุ่งม่ันในการทางาน
2) ทกั ษะการตงั สมมตฐิ าน
3) ทกั ษะการทดสอบสมมตฐิ าน
4) ทักษะการสรปุ อ้างอิง
86
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 1 ความหลากหลายของสิ่งมีชีวติ
แผนฯ ที่ 7 การคายน้าของพชื
5) ทกั ษะการให้เหตุผล
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. กิจกรรมการเรียนรู้
แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
ชวั่ โมงท่ี 1
ขันนา
ขันกระตุ้นความสนใจ (Engage)
1. ครูนาภาพรปู ร่างลักษณะของใบมาใหน้ ักเรียนดู แล้วสนทนากับนักเรียนว่า นักเรียนเคยสงั เกต
หรือไม่วา่ ใบของพชื ส่วนใหญ่มีลักษณะอยา่ งไร
(แนวตอบ : ขึน้ อยู่กับสิ่งทีน่ กั เรยี นสังเกตเห็น เชน่ ใบสีเขียว ใบเรยี วยาว เป็นเส้นขนาน เป็นตน้ )
2. ครูให้นกั เรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคิดว่า ลกั ษณะท่แี ตกต่างกนั ของใบพชื ขนึ อยู่กบั สงิ่ ใด
(แนวตอบ : ชนดิ ของใบพชื )
(หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมนิ นกั เรียน โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล)
ขนั สอน
ขันส้ารวจคน้ หา (Explore)
1. ครูแบง่ กลุ่มใหน้ ักเรียนกลุ่มละ 3-4 คน ใหม้ ีความสามารถคละกัน (เก่ง-ค่อนข้างเก่ง-ปานกลาง-
ออ่ น) จากนันให้แต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาความรู้เรื่อง ใบของพืช จากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ เช่น
หนังสอื เรยี น หอ้ งสมดุ อินเทอรเ์ น็ต เปน็ ต้น
2. เม่ือสืบค้นข้อมูลไดแ้ ล้ว ครใู ห้สมาชกิ แต่ละคนในกลุ่มนาความรู้ท่ไี ด้จากการศึกษามาอภปิ ราย
ร่วมกนั โดยผลดั กนั เลา่ ทลี ะคนเรียงตามลาดบั แบบเล่าเรื่องรอบวงในประเด็นสาคญั ดงั นี
โครงสรา้ งสาคัญของใบ
หน้าทส่ี าคญั ของใบ
3. ครูแจกใบงานท่ี 1.8 เรอ่ื ง ใบของพชื ให้นกั เรียนแต่ละคนทา จากนันให้สมาชกิ แต่ละคนในกลุ่มผลัด
กันอธบิ ายคาตอบในใบงานที่ 1.8 โดยเรียงตามลาดับทีละคนแบบเลา่ เร่อื งรอบวง
87
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 ความหลากหลายของสง่ิ มชี ีวติ
แผนฯ ที่ 7 การคายนา้ ของพชื
ขันอธบิ ายความรู้ (Explain)
ครูให้ตัวแทนแต่ละกล่มุ ออกมานาเสนอผลการทากิจกรรมหน้าชนั เรยี น จากนัน ครูเฉลย
คาตอบในใบงานท่ี 1.8 แลว้ ใหส้ มาชกิ แต่ละกลมุ่ ตรวจสอบผลงาน พรอ้ มปรบั ปรุงแก้ไขใหถ้ ูกตอ้ ง
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม)
ขันสรุป
ขนั ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
1. ครถู ามคาถามกระตนุ้ ความคิดวา่ จากนนั สมุ่ เลือกนกั เรียนตามลาดับเลขท่ี 2-3 ให้ตอบคาถาม ดังนี
1) ใบมคี วามสาคัญต่อการดารงชีวติ ของพชื อย่างไร
(แนวตอบ : สรา้ งอาหาร แลกเปลย่ี นแกส๊ และคายนา้ )
2) การคายนาของพืชมีประโยชน์อย่างไร
(แนวตอบ : ช่วยให้ใบพืชมีความชมุ่ ชื้น ช่วยลดความร้อนในใบ และลาตน้ พชื )
(หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมนิ นักเรยี น โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล)
ขันตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูใหน้ ักเรียนชว่ ยกันอภิปรายความรจู้ ากการทากจิ กรรมจนได้ขอ้ สรุปว่า ใบเป็นโครงสร้างทสี่ าคัญ
ของพืช มีลักษณะแตกตา่ งกนั ไปตามชนิดของพืช ใบมีหน้าท่สี ร้างอาหารมาใช้ในการเจริญเติบโต
ของพชื หายใจ และคายน้า
2. ครปู ระเมินผลนกั เรียน โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล
พฤติกรรมการทางานกลมุ่ และจากการนาเสนอผลการทากจิ กรรมหน้าชนั เรียน
3. ครตู รวจสอบผลการทาใบงานที่ 1.8 เร่ือง ใบของพืช
ชั่วโมงท่ี 2
ขันนา
ขันกระต้นุ ความสนใจ (Engage)
ครูสนทนากับนกั เรียนว่า พืชคายนาได้อย่างไร และด้วยวธิ ีใด จากนันให้นกั เรียนชว่ ยกันตอบ
คาถามอยา่ งอสิ ระ โดยทค่ี รยู ังไม่เฉลยคาตอบ
(แนวตอบ : ข้ึนอยกู่ ับคาตอบของนักเรียน ใหอ้ ยู่ในดลุ ยพินิจของครผู ูส้ อน)
88
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 1 ความหลากหลายของสิ่งมีชีวติ
แผนฯ ที่ 7 การคายน้าของพชื
ขันสอน
ขนั สา้ รวจค้นหา (Explore)
1. ใหน้ ักเรียนจับกลุม่ กัน (กลุ่มเดมิ จากช่ัวโมงที่ 1) ร่วมกันสืบค้นความรู้เรื่อง การคายนาของใบไม้
จากหนังสอื เรียน หอ้ งสมดุ และแหล่งข้อมูลอ่นื ๆ จากนันร่วมกนั สรปุ ข้อมลู
2. ครแู จง้ จุดประสงค์การทดลองใหน้ ักเรียนฟัง เพ่ือให้นักเรยี นมีความรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกับการคายนา
ของใบไม้จากนันถามคาถามเพ่ือกระตุ้นความคิดของนักเรยี นก่อนทากิจกรรมว่า พชื มีการหายใจ
หรอื ไม่ และหายใจอย่างไร
(แนวตอบ : พชื หายใจผ่านรปู ากใบ ซ่ึงอยทู่ ท่ี ้องใบ โดยรปู ากใบจะเปิดเพ่ือเป็นทางผา่ นของนา้ และ
อากาศ)
3. ครูมอบหมายใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มทากิจกรรมท่ี 2 เรื่อง การคายนาของพืช ตอนที่ 1-2 จาก
หนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หนา้ 40-41 เพอ่ื ศกึ ษาการคายนาของใบ โดยปฏบิ ัตกิ จิ กรรม
ดังนี
1) ศึกษาขนั ตอนการทากิจกรรมที่ 2 เร่ือง การจัดกลุ่มพืช ตอนท่ี 1-2 จากหนังสือเรียน
วทิ ยาศาสตร์ หน้า 40-41 อย่างละเอยี ด หากมีขอ้ สงสยั ให้สอบถามครู
2) สมาชิกแต่ละกลุ่มร่วมกันตังปัญหาและตังสมมตฐิ านก่อนการทากจิ กรรม แล้วบันทึกผล
ลงในแบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หน้า 34
3) ทากิจกรรมตามขันตอน แล้วบันทึกผล จากนัน ร่วมกันอภิปรายและสรุปผลการทา
กจิ กรรม
(หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมินนักเรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทางานกล่มุ )
4. ให้ครูคอยดูแลนักเรียนอย่างใกล้ชิดตลอดระยะเวลาท่ีปฏบิ ัติกิจกรรมและให้คาแนะนาในสว่ นที่
บกพรอ่ ง
ขันอธิบายความรู้ (Explain)
1. ครใู ห้นกั เรียนแต่ละกล่มุ ส่งตัวแทนออกมานาเสนอผลการทดลองหนา้ ชนั เรียน แล้วให้เพอื่ นกลุ่มอ่ืน
ชว่ ยเสนอแนะเพิม่ เติมในส่วนทแ่ี ตกต่าง
2. ครูตรวจสอบความถูกต้องและใหน้ กั เรียนอภปิ รายร่วมกนั จนได้ขอ้ สรปุ วา่ พืชมีการคายนา้ และการ
คายน้าของพชื มีผลต่อการลาเลยี งน้าของพืช สังเกตจากภายในถุงพลาสติกที่ครอบกิ่งไมท้ ่ีมีใบมี
หยดน้าเกาะท่ีข้างถงุ และน้าในหลอดทดลองมีปริมาตรลดลง ส่วนภายในถงุ พลาสตกิ ทีค่ รอบกิ่งไม้ท่ี
ไม่มีใบไม่มีการเปล่ียนแปลง
ขนั สรุป
ขนั ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
89
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 ความหลากหลายของสิง่ มชี วี ติ
แผนฯ ที่ 7 การคายนา้ ของพืช
1. ครูให้นักเรยี นแต่ละกล่มุ ดู PPT เรือ่ ง การคายนาของพชื และศึกษาเนือหาเพม่ิ เตมิ จากหนังสือเรียน
วิทยาศาสตร์ หน้า 44 รวมทังศึกษาข้อมลู เพ่ิมเติมจากส่ือดิจิทัลจากหนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า
44 โดยให้ใช้โทรศพั ท์มือถอื สแกน QR Code เร่อื ง การคายนาของพืช จากนันร่วมกนั สรปุ ความรู้ที่
ได้จากการศกึ ษา
(หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ )
2. ครูถามคาถามท้าทายการคิดขันสูงจากหนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 44 แล้วให้นักเรยี นร่วมกัน
ตอบคาถามอยา่ งอิสระ โดยครคู อยเฉลยและอธบิ ายเพมิ่ เติม ดังนี
นกั เรียนคิดว่า ส่วนตา่ งๆ ของพชื สามารถทาหน้าท่ีแทนใบไดห้ รอื ไม่ เพราะอะไร
(แนวตอบ : ไม่ได้ เพราะส่วนตา่ งๆ ของพืชมีหน้าที่แตกต่างกนั ไป โดยใบทาหน้าทสี่ รา้ ง
อาหาร เนอ่ื งจากมีคลอโรฟิลล์ และทาหน้าท่หี ายใจ และคายน้า ซึ่งภายในโครงสร้างของ
ใบมีใบปาก ทาหน้าท่ีในการแลกเปลี่ยนแก๊สตา่ งๆ จากภายนอกและภายในใบพืช และปาก
ใบกท็ าหนา้ ที่คายน้าเพอ่ื ลดอุณหภูมิภายในตน้ พืช)
3. ครูใหน้ ักเรียนแต่ละคนทากจิ กรรมหนูตอบได้จากหนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์ หน้า 41 ลงในสมุด
ประจาตวั นกั เรียน หรอื ทาในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ หน้า 35
(หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล)
ขันตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูให้นกั เรยี นรว่ มกันสรปุ เกีย่ วกับการคายนาของพชื โดยใหค้ รูอธิบายเสริมในส่วนที่บกพร่อง
2. ครปู ระเมินผลนักเรยี น โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล
พฤตกิ รรมการทางานกล่มุ และจากการนาเสนอผลการทากิจกรรมหน้าชนั เรียน
3. ครูตรวจผลการทาใบงานที่ 1.8 เรอ่ื ง ใบของพืช
4. ครตู รวจสอบผลการทากจิ กรรมท่ี 2 เร่อื ง การคายนาของพืช ในสมดุ ประจาตัวนักเรียน หรือใน
แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ หน้า 34
5. ครตู รวจสอบผลการทากิจกรรมหนูตอบได้ในสมดุ ประจาตวั นกั เรียน หรือในแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์
หนา้ 35
7. การวัดและประเมินผล
รายการวัด วธิ ีการ เคร่อื งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ
- สมุดประจาตวั หรือ - ร้อยละ 60
7.1 ประเมนิ ระหว่าง
การจัดกจิ กรรม
การเรยี นรู้
1) ผลบนั ทึกการทา - ตรวจสมดุ ประจาตวั หรอื
90
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ความหลากหลายของส่ิงมชี ีวติ
แผนฯ ท่ี 7 การคายนา้ ของพชื
กจิ กรรมท่ี 2 แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ ผา่ นเกณฑ์
2) ใบของพืช ป.4 เลม่ 1 หน้า 34
- ตรวจใบงานที่ 1.8 ป.4 เลม่ 1 หน้า 34
- ใบงานท่ี 1.8 - ร้อยละ 60
ผ่านเกณฑ์
3) กิจกรรมหนตู อบได้ - ตรวจสมดุ ประจาตัว หรือ - สมุดประจาตัว หรือ - ร้อยละ 60
แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์
4) การนาเสนอผล ป.4 เล่ม 1 หน้า 35 แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ ผา่ นเกณฑ์
การทากิจกรรม - ประเมนิ การนาเสนอ
ผลการทากิจกรรม ป.4 เล่ม 1 หน้า 35
5) พฤตกิ รรม - สงั เกตพฤตกิ รรม
การทางาน การทางานรายบคุ คล - แบบประเมนิ การ - ระดับคุณภาพ 2
รายบคุ คล
- สังเกตพฤติกรรม นาเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์
6) พฤติกรรม การทางานกลุ่ม
การทางานกลุม่ - สังเกตความมวี ินัย - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ 2
ใฝเ่ รียนรู้ และมงุ่ มัน่
7) คณุ ลกั ษณะ ในการทางาน การทางานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์
อันพงึ ประสงค์
- แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ 2
การทางานกล่มุ ผา่ นเกณฑ์
- แบบประเมิน
คณุ ลักษณะ - ระดับคุณภาพ 2
อันพึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์
8. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้
8.1 สอ่ื การเรยี นรู้
1) หนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 ความหลากหลายของสง่ิ มีชีวิต
2) แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 ความหลากหลายของสงิ่ มชี ีวติ
3) วสั ดุ-อปุ กรณก์ ารทดลองในกิจกรรมที่ 2 เช่น ดินนามนั ถุงพลาสตกิ หลอดทดลอง เป็นตน้
4) PowerPoint เรือ่ ง การคายนาของพชื
5) QR Code เร่ือง การคายนาของพืช
6) ใบงานที่ 1.8 เรือ่ ง ใบของพชื
7) ต้นพืชขนาดไมใ่ หญ่มาก
8) ภาพรูปรา่ งลักษณะของใบ
9) สมุดประจาตัวนกั เรียน
8.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) ห้องเรียน
2) อนิ เทอร์เน็ต
91