The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by TAN RUNNING, 2021-07-21 04:27:47

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ฯ ป.5 เทอม2

ilovepdf_merged

57

7. การวัดและประเมินผล

รายการวัด วธิ กี าร เครอ่ื งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ

7.1 ประเมนิ ระหว่าง

การจดั กจิ กรรม

การเรียนรู้

1) กจิ กรรมนาสู่ - ตรวจสมดุ ประจาตัว - สมุดประจาตัว หรอื - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์
การเรียน หรอื แบบฝึกหัด ป.5 เล่ม 2

วทิ ยาศาสตร์ ป.5

เลม่ 2

2) ผลบันทึกการ - ตรวจสมุดประจาตัว - สมดุ ประจาตัว หรอื - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์
ปฏิบตั ิกจิ กรรมที่ 1 หรอื แบบฝึกหัด ป.5 เลม่ 2

ดอกอญั ชนั เปลี่ยน วิทยาศาสตร์ ป.5

สี เล่ม 2

3) กจิ กรรมหนูตอบได้ - ตรวจสมดุ ประจาตัว - สมดุ ประจาตวั หรอื - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์
หรือแบบฝกึ หัด ป.5 เล่ม 2

วทิ ยาศาสตร์ ป.5

เล่ม 2

4) กจิ กรรมท้าทาย - ตรวจสมดุ ประจาตัว - สมดุ ประจาตวั หรือ - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์
การคดิ ข้ันสูง หรือแบบฝกึ หดั ป.5 เล่ม 2

วิทยาศาสตร์ ป.5

เล่ม 2

5) การเปลย่ี นแปลงที่ - ตรวจใบงานท่ี 5.5.1 - ใบงานที่ 5.5.1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

ผันกลับไดแ้ ละ

ผนั กลับไมไ่ ด้ของ

สาร

6) กิจกรรมสรปุ - ตรวจสมดุ ประจาตัว - สมุดประจาตัว - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

สาระสาคญั ประจา

บทท่ี 3

การเปล่ียนแปลงท่ี

ผนั กลับไดแ้ ละ

ผนั กลับไมไ่ ดข้ อง

สาร

58

รายการวัด วธิ ีการ เครื่องมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
7) กิจกรรมฝึกทักษะ - ตรวจสมุดประจาตัว - สมดุ ประจาตวั หรือ - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
หรอื แบบฝกึ หัด แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์
บทที่ 3 วทิ ยาศาสตร์ ป.5 ป.5 เล่ม 2 - ระดับคุณภาพ 2
การเปลย่ี นแปลงท่ี เล่ม 2 ผ่านเกณฑ์
ผันกลบั ได้และ - แบบประเมินการ
ผันกลับไม่ไดข้ อง - ประเมนิ การนาเสนอ นาเสนอผลงาน - ระดบั คุณภาพ 2
สาร ผลงาน/ผลการปฏบิ ัติ ผ่านเกณฑ์
8) การนาเสนอ กจิ กรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
ผลงาน/ผลการ - สงั เกตพฤตกิ รรม การทางานรายบคุ คล - ระดบั คณุ ภาพ 2
ปฏิบัติกจิ กรรม การทางานรายบคุ คล - แบบสงั เกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์
9) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม การทางานกลุ่ม - ระดบั คุณภาพ 2
ทางานรายบคุ คล การทางานกลุ่ม - แบบประเมิน ผา่ นเกณฑ์
10) พฤตกิ รรมการ - สังเกตความมีวนิ ัย คณุ ลักษณะ
ทางานกลุ่ม รับผิดชอบ ใฝ่เรยี นรู้ อันพึงประสงค์ - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
11) คุณลกั ษณะ และมุง่ ม่นั ในการ
อนั พึงประสงค์ ทางาน - แบบทดสอบหลงั เรียน - ระดับคณุ ภาพ 2
หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 5 ผ่านเกณฑ์
7.2 การประเมินหลงั เรยี น - ตรวจแบบทดสอบ การเปลยี่ นแปลง
- แบบทดสอบ หลังเรียน หน่วยการ
หลังเรยี น หนว่ ยการ เรยี นรทู้ ี่ 5 - แบบประเมนิ ช้นิ งาน/
เรยี นรทู้ ่ี 5 การเปลีย่ นแปลง ภาระงาน (รวบยอด)
การเปล่ยี นแปลง - ตรวจชิ้นงาน
ใบความรู้ เรอื่ ง
7.3 การประเมนิ ช้นิ งาน/ การเปลี่ยนแปลงที่ผัน
ภาระงาน (รวบยอด) กลบั ไดแ้ ละผันกลับ
ไมไ่ ดข้ องสาร
ในชีวิตประจาวนั

59

8. สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้

8.1 ส่อื การเรยี นรู้
1) หนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 2 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 5 การเปลย่ี นแปลง
2) แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 5 การเปล่ียนแปลง
3) ใบงานท่ี 5.5.1 เรอื่ ง การเปลยี่ นแปลงที่ผันกลบั ไดแ้ ละผันกลบั ไมไ่ ดข้ องสาร
4) วัสดุ-อุปกรณท์ ใ่ี ชใ้ นกิจกรรมที่ 1 ดอกอัญชันเปลีย่ นสี
5) PowerPoint เรอ่ื ง การเปลย่ี นแปลงท่ีผันกลับได้และผนั กลับไม่ได้ของสาร
6) กระดาษสเี หลอื ง และสแี ดง
7) QR Code เร่ือง การเปลีย่ นแปลงทผ่ี นั กลบั ได้
8) สมุดประจาตัวนักเรียน

8.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) หอ้ งเรียน
2) อินเทอรเ์ น็ต

60

ใบงานท่ี 5.5.1

เร่ือง การเปล่ยี นแปลงท่ีผันกลับไดแ้ ละผนั กลับไมไ่ ด้ของสาร

การเปล่ียนแปลงท่ีผันกลับได้ คอื อะไร
...................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................

การเปล่ียนแปลงท่ผี นั กลับไมไ่ ด้ คืออะไร
...................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................

ให้นกั เรยี นทาเคร่อื ง √ หน้าขอ้ ความทกี่ ล่าวถูกตอ้ งและทาเครอื่ งหมาย X หนา้ ข้อความที่ผดิ
................. 1) การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของน้า เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้
................. 2) การเปลยี่ นแปลงทางเคมีของสารทุกชนิด เปน็ การเปลี่ยนแปลงท่ีผันกลับไม่ได้
................. 3) การเผาไหม้ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับไม่ได้
................. 4) การเปลี่ยนสีของดอกอัญชัน เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับไม่ได้
................. 5) การเกิดสนมิ เหลก็ เป็นการเปลีย่ นแปลงท่ีผันกลับได้
................. 6) การเกิดสนิมเหล็ก เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้เช่นเดียวกับการเผาไหม้
................. 7) การเปลี่ยนสีของดอกอัญชัน เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้เช่นเดียวกับ

การเชน่ เดียวกบั การหลอมเหลวของสสาร

61 เฉลย

ใบงานที่ 5.5.1

เรื่อง การเปล่ยี นแปลงท่ีผันกลับได้และผนั กลับไมไ่ ดข้ องสาร

การเปลย่ี นแปลงที่ผนั กลบั ได้ คืออะไร
การเปลี่ยนแปลงท่ผี นั กลับได้ คือ การทีส่ ารเม่อื เกดิ การเปลี่ยนแปลงแล้ว สามารถเปลี่ยนกลับ
เปน็ สารเดมิ ได้ เชน่ การหลอมเหลว การกลายเปน็ ไอ

การเปลย่ี นแปลงท่ผี ันกลับไม่ได้ คืออะไร
การเปลีย่ นแปลงทผ่ี นั กลบั ไม่ได้ คอื การทส่ี ารเม่อื เกิดการเปล่ียนแปลงแลว้ ไม่สามารถกลับ
เป็นสารเดมิ ได้ เช่น การเผาไหม้ การเกดิ สนมิ

ใหน้ ักเรียนทาเครอื่ ง √ หน้าขอ้ ความที่กล่าวถกู ต้องและทาเครือ่ งหมาย X หนา้ ข้อความท่ีผดิ
........√..... 1) การเปลยี่ นแปลงทางกายภาพของนา้ เปน็ การเปลย่ี นแปลงที่ผันกลับได้
........X..... 2) การเปล่ยี นแปลงทางเคมขี องสารทุกชนิด เป็นการเปลยี่ นแปลงท่ีผนั กลบั ไมไ่ ด้
........√..... 3) การเผาไหม้ เป็นการเปล่ียนแปลงที่ผันกลับไม่ได้
........X..... 4) การเปล่ียนสีของดอกอัญชัน เปน็ การเปลี่ยนแปลงทผี่ ันกลับไม่ได้
........X..... 5) การเกดิ สนิมเหลก็ เปน็ การเปล่ียนแปลงท่ีผนั กลบั ได้
........X..... 6) การเกดิ สนมิ เหล็ก เปน็ การเปลยี่ นแปลงท่ีผนั กลบั ได้เชน่ เดยี วกบั การเผาไหม้
........√..... 7) การเปลี่ยนสขี องดอกอัญชัน เป็นการเปลี่ยนแปลงท่ีผันกลบั ได้

เช่นเดียวกับการเชน่ เดยี วกับการหลอมเหลวของสสาร

62

ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
ใบความรู้ เรอื่ ง การเปลีย่ นแปลงทีผ่ ันกลบั ได้และผนั กลับไม่ได้ของสารในชวี ิตประจาวัน

คาชแี้ จง : นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ ๆ ละ 3 คน ช่วยกันสารวจเกี่ยวกบั เร่อื ง การเปลย่ี นแปลงทผ่ี นั กลับได้ของสาร
หรือการเปล่ยี นแปลงท่ผี นั กลับไม่ไดข้ องสารที่เกิดขึน้ ในชีวิตประจาวนั จากน้นั รวบรวมขอ้ มลู และ
จดั ทาเปน็ ใบความรู้ พรอ้ มตกแต่งให้สวยงาม

63

9. ความเหน็ ของผูบ้ รหิ ารสถานศึกษาหรือผู้ท่ไี ด้รับมอบหมาย

ขอ้ เสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชอ่ื
( .................................
................................ )
ตาแหน่ง
.......

10. บนั ทึกผลหลงั การสอน

 ดา้ นความรู้

 ด้านสมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น

 ด้านคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอน่ื ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมที่มีปญั หาของนกั เรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )

 ปญั หา/อุปสรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 6 แหลง่ นา้ และลมฟ้าอากาศ
แผนฯ ท่ี 1 แหล่งนำ้ บนโลก

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 1

แหลง่ นา้ บนโลก

เวลา 2 ชว่ั โมง

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีวดั

ว 3.2 ป.5/1 เปรยี บเทยี บปรมิ าณน้าในแตล่ ะแหลง่ และระบปุ ริมาณน้าทีม่ นษุ ยส์ ามารถน้ามาใช้
ประโยชน์ได้จากข้อมูลทีร่ วบรวมได้

2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

1. เปรียบเทยี บปริมาณน้าในแต่ละแหล่งได้ (K)
2. เปรียบเทยี บปรมิ าณน้าจดื และน้าเค็มบนโลกได้ (K)
3. ปฏิบัตกิ ิจกรรมเพื่อระบุสัดส่วนของนา้ ท่ปี กคลมุ ผิวโลกได้อย่างถูกต้องและเปน็ ล้าดับขันตอน (P)
4. มีความใฝ่เรียนร้แู ละใหค้ วามรว่ มมอื ในการทา้ กิจกรรมกล่มุ (A)

3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นร้ทู อ้ งถ่ิน
พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
โลกมีทังนา้ จืดและนา้ เค็มซึง่ อยู่ในแหล่งนา้ ตา่ ง ๆ
ทมี่ ที งั แหลง่ นา้ ผิวดนิ เช่น ทะเล มหาสมุทร บึง แมน่ ้า
และแหล่งน้าใต้ดิน เช่น น้าในดิน และน้าบาดาล
น้าทงั หมดของโลก แบง่ เป็นนา้ เค็ม ประมาณร้อยละ
97.5 ซึ่งอยู่ใน มหาสมุทรและแหล่งน้าอื่น ๆ และ
ที่เหลื อ อีก ปร ะมา ณ ร้อย ละ 2 .5 เป็น น้ า จื ด
ถ้าเรียงล้าดับปรมิ าณน้าจืดจากมากไปน้อยจะอยู่ท่ี
ธารนา้ แขง็ และพืชน้าแข็ง น้าใต้ดิน ชันดินเยือกแข็ง
คงตัวและน้า แข็งใต้ดิน ทะเลสาบ ความชืนในดิน
ความชืนในบรรยากาศ บึง แม่น้า และนา้ ในสิง่ มชี ีวติ

4. สาระสา้ คญั /ความคดิ รวบยอด

โลกของเรามีน้าปกคลุมเป็นส่วนใหญ่ของพืนผวิ โลกทังหมด โดยมีทังแหล่งน้าเค็มและแหลง่ น้าจืด
ซึ่งมคี วามส้าคญั ตอ่ การด้ารงชีวิตของส่ิงมชี วี ิต เราจึงต้องใชน้ า้ อยา่ งประหยดั และค้มุ ค่า

101

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 แหล่งน้าและลมฟา้ อากาศ
แผนฯ ที่ 1 แหลง่ น้ำบนโลก

5. สมรรถนะส้าคัญของผเู้ รยี นและคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

สมรรถนะสา้ คัญของผู้เรียน คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. มวี นิ ัย รบั ผดิ ชอบ

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรยี นรู้

1) ทกั ษะการสงั เกต 3. มุ่งม่นั ในการท้างาน

2) ทกั ษะการสา้ รวจค้นหา

3) ทักษะการใชจ้ า้ นวน
4) ทักษะการรวบรวมขอ้ มลู

5) ทกั ษะการจดั กระท้าเเละส่ือความหมายข้อมลู

3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา

4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. กจิ กรรมการเรียนรู้

 แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

ช่วั โมงท่ี 1

ขันนา้

ขันที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
1. ครูทักทายกับนกั เรยี น แล้วแจง้ จดุ ประสงค์การเรียนรใู้ ห้นกั เรียนทราบ จากนันนักเรียนทา้
แบบทดสอบก่อนเรียน หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 6 แหลง่ น้าและลมฟา้ อากาศ เพ่ือวัดความร้เู ดมิ ของ
นกั เรยี นกอ่ นเขา้ สกู่ ิจกรรม
2. นกั เรยี นอ่านสาระสา้ คัญและดูภาพ หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 แหลง่ นา้ และฟา้ อากาศ จากหนังสือเรียน
วทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2 จากนันครูกระต้นุ ความสนใจโดยใช้ค้าถามวา่ “ภำพนีมีแหลง่ น้ำ
หรือไม่ ถำ้ มแี หล่งนำ้ นกั เรียนคิดว่ำ เป็นแหลง่ นำ้ จืดหรอื แหล่งน้ำเค็ม เพรำะอะไร” โดยให้นกั เรยี น
ชว่ ยกันตอบค้าถามอย่างอิสระโดยไมม่ กี ารเฉลยวา่ ถกู หรือผิด
(แนวตอบ : มีแหล่งน้ำ เป็นแหลง่ น้ำจดื เพรำะมตี น้ ไม้ขนึ ทังสองฝ่ังของแมน่ ้ำ)

102

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 6 แหลง่ น้าและลมฟา้ อากาศ
แผนฯ ท่ี 1 แหลง่ นำ้ บนโลก

3. นักเรยี นดูภาพในบทท่ี 1 แหล่งนา้ เพ่ือชีวิต จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 2 จากนันครู
ถามคา้ ถามสา้ คัญประจา้ บทว่า “นกั เรียนคิดวำ่ น้ำมีควำมสำ้ คัญกับมนุษยห์ รือไม่อย่ำงไร”
แล้วให้นักเรยี นแตล่ ะคนรว่ มกนั อภปิ รายแสดงความคิดเหน็ เพอื่ หาคา้ ตอบ
(แนวตอบ : แหลง่ นำ้ มคี วำมส้ำคัญกบั มนษุ ย์ เช่น แหล่งนำ้ จืดเป็นน้ำทีน่ ำ้ มำบริโภคและอุปโภค
กำรคมนำคมขนสง่ เป็นที่อยขู่ องสัตวน์ ้ำ ซง่ึ มนุษย์น้ำมำเปน็ อำหำร เปน็ แหลง่ ทอ่ งเทย่ี ว เปน็ ตน้ )

4. นักเรียนเรียนรู้ค้าศัพท์ทีเ่ กย่ี วขอ้ งกับการเรยี นในบทท่ี 1 แหล่งนา้ เพอื่ ชีวิต จากหนังสือเรยี น
วทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2 โดยครูขออาสาสมคั รนกั เรยี น จา้ นวน 1 คน ใหเ้ ป็นผอู้ ่านนา้
และใหน้ กั เรียนทอี่ ยใู่ นชนั เรยี นเปน็ ผอู้ า่ นตามทลี ะคา้ ดงั นี

Sea (ซ)ี ทะเล
Freshwater (‘เฟรชวอเทอ) แหล่งนา้ จดื
Marine (มะ'รีน) แหล่งน้าเคม็

5. ครใู ห้นกั เรียนแตล่ ะคนทา้ กิจกรรมน้าสู่การเรยี น โดยศึกษาภาพ แล้วตอบค้าถาม
ลงในสมดุ ประจา้ ตัวนกั เรยี น หรือแบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2
(หมำยเหตุ : ครูเร่ิมประเมนิ นกั เรยี น โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมกำรท้ำงำนรำยบคุ คล)

ขนั สอน

ขนั ท่ี 2 สา้ รวจคน้ หา (Explore)
1. นกั เรียนจับค่กู ับเพอื่ นในชันเรียน ตามความสมคั รใจ จากนันครนู า้ ลกู โลกจา้ ลอง มาใหน้ กั เรยี นดู
แลว้ ให้นกั เรียนแต่ละคู่ช่วยกนั เปรยี บเทียบส่วนที่เป็นพืนน้า พนื ดิน และระบุแหล่งน้าทตี่ นเองรจู้ ัก
มาใหม้ ากท่ีสดุ แล้วชว่ ยกนั จ้าแนกประเภทของแหลง่ นา้ เหลา่ นนั โดยอาจตงั เกณฑใ์ นการจา้ แนก
เชน่ นา้ จืดและน้าเคม็ นา้ ผวิ ดินและนา้ ใตด้ นิ แหล่งนา้ ธรรมชาติ แหลง่ น้าที่มนุษย์สรา้ งขนึ เปน็ ตน้
(หมำยเหตุ : ครเู รมิ่ ประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรทำ้ งำนกลุม่ )
2. ครขู ออาสาสมคั รนักเรียน จ้านวน 2 คู่ ออกมานา้ เสนอผลการจ้าแนกประเภทของแหลง่ น้าโดยใช้
เกณฑ์ทีต่ นเองกา้ หนดขึนหน้าชันเรยี น คู่ละ 1 เกณฑ์ แล้วเพ่อื นในห้องช่วยกันตรวจสอบวา่
สามารถจ้าแนกประเภทของแหล่งนา้ ตามเกณฑน์ นั ๆ ไดห้ รอื ไม่
3. เม่ือนกั เรยี นนา้ เสนอเสรจ็ ครูแบ่งกลุ่มนกั เรยี นโดยใหน้ กั เรยี นหยิบลูกอมสีต่าง ๆ คนละ 1 เมด็
แล้วให้นกั เรียนท่ีมีเปลือกลกู อมสีเดียวกันอยู่กลุ่มเดยี วกัน ซึ่งแต่ละกลุ่มจะมสี มาชิกในกลุ่ม 5 คน
4. เมื่อนักเรยี นแบ่งกลุ่มเรยี บร้อยแล้ว ครูให้นักเรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกันศึกษาขอ้ มูลเกยี่ วกับ
เรื่อง แหล่งน้าและการอนุรักษ์น้า จากหนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2 หรอื แหล่งการเรยี นรู้
ตา่ ง ๆ เชน่ อนิ เทอร์เน็ต

103

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 6 แหล่งนา้ และลมฟ้าอากาศ
แผนฯ ที่ 1 แหลง่ น้ำบนโลก

5. ครจู ัดเตรยี มวสั ดุ-อุปกรณ์ท่ใี ชใ้ นกจิ กรรมที่ 1 แหลง่ นา้ บนโลก จากหนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตร์

ป.5 เล่ม 2 มาวางไว้หนา้ ชันเรยี น ดงั นี

- สีไม้ 1 กลอ่ ง - ไมบ้ รรทัด 1 อนั

- ดนิ สอ 1 แท่ง - กระดาษแขง็ แผน่ ใหญ่ 1 แผ่น

- แผนท่ีโลกขนาด 10*15 เซนติเมตร

6. นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม (กลมุ่ เดมิ ) จากนันให้นกั เรยี นแต่ละกลุม่ จดั เตรียมอปุ กรณ์ที่ใช้ในกจิ กรรมที่ 1

แหล่งนา้ บนโลก จากหนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 2

7. ครูแจ้งจุดประสงค์ของกจิ กรรมท่ี 1 แหล่งน้าบนโลก ใหน้ ักเรียนทราบ เพ่อื เป็นแนวทางการปฏิบตั ิ

กจิ กรรมท่ีถกู ตอ้ ง

8. นักเรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกนั ปฏบิ ตั ิกิจกรรมท่ี 1 แหล่งนา้ บนโลก ตอนที่ 1 โดยปฏบิ ตั ิกจิ กรรม ดังนี
1) ศึกษาขันตอนการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมจากหนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 2 อย่างละเอียด

หากมขี อ้ สงสัยให้สอบถามครู

2) รว่ มกนั ก้าหนดปัญหาและตังสมมติฐานในการปฏบิ ัติกิจกรรม แลว้ บันทกึ ผลลงในสมดุ ประจา้ ตวั

นักเรยี น หรือแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2

3) รว่ มกันปฏิบัติกิจกรรมตามขันตอนให้ครบถว้ นและถกู ตอ้ งทกุ ขันตอน จากนนั บันทกึ ผลลงใน

สมดุ ประจา้ ตัวนกั เรียน หรือแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2

(หมำยเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมนิ นกั เรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมกำรท้ำงำนกล่มุ )

9. นักเรียนแต่ละกล่มุ ร่วมกนั วิเคราะหผ์ ลการปฏิบัติกจิ กรรม แลว้ อภิปรายผลและสรปุ ผลการทดลอง

ช่วั โมงที่ 2

ขันสอน

ขนั ที่ 2 สา้ รวจค้นหา (Explore) (ตอ่ )
10. นักเรียนแบ่งกลุ่ม (กลมุ่ เดมิ ) จากชว่ั โมงทีผ่ า่ นมา จากนันใหน้ กั เรียนแต่ละกลุม่ ร่วมกันศกึ ษา
ค้นควา้ ข้อมลู เกย่ี วกบั เร่อื ง ปริมาณน้าจดื น้าเค็ม และปริมาณน้าทมี่ นษุ ยส์ ามารถนา้ มาใช้
ประโยชนไ์ ด้ จากหนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2 หรอื แหล่งการเรยี นรู้ตา่ ง ๆ เชน่
อินเทอร์เน็ต หอ้ งสมุด
11. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ร่วมกนั ระดมความคิดเพอื่ เปรียบเทียบปริมาณน้าจดื และน้าเค็ม จากนนั
วาดภาพ หรือติดภาพ พรอ้ มระบุปรมิ าณนา้ ทมี่ นษุ ย์สามารถน้ามาใชป้ ระโยชน์ได้ ลงในกระดาษ
แขง็ แผ่นใหญ่ พรอ้ มตกแตง่ ให้สวยงาม
(หมำยเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤตกิ รรมกำรท้ำงำนกลมุ่ )

104

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 6 แหล่งน้าและลมฟ้าอากาศ
แผนฯ ที่ 1 แหลง่ นำ้ บนโลก

ขนั ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
12. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ออกมานา้ เสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหน้าชนั เรียน เพอ่ื แลกเปล่ยี นความคิด
จนครบทุกกลุ่ม ในระหวา่ งท่นี ักเรยี นน้าเสนอครคู อยใหข้ ้อเสนอแนะเพ่ิมเตมิ เพ่ือให้นกั เรียน
มคี วามเข้าใจทถ่ี ูกต้อง
(หมำยเหตุ : ครูเริ่มประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบประเมนิ กำรนำ้ เสนอผลงำน)
13. นกั เรยี นและครูร่วมกนั สรปุ ความรทู้ ีไ่ ดจ้ ากการปฏิบัติกจิ กรรมที่ 1 แหลง่ น้าบนโลก
14. นกั เรียนแต่ละคนท้ากิจกรรมหนูตอบได้ จากหนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2 โดยตอบค้าถาม
ลงในสมดุ ประจา้ ตัวนกั เรียน หรือแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2

ขนั ที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
15. นักเรียนแบง่ กลมุ่ (กลุ่มเดมิ ) จากนันให้แต่ละกลมุ่ รว่ มกนั ศึกษาคน้ คว้าข้อมูลเกยี่ วกบั
เร่อื ง แหล่งน้าบนโลก จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2 หรือแหลง่ การเรยี นรตู้ ่าง ๆ
เชน่ อินเทอร์เนต็ หอ้ งสมุด
16. ครูตังประเดน็ คา้ ถามกระตนุ้ ความคิดนักเรียน โดยใหน้ กั เรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั อภปิ รายแสดง
ความคดิ เห็นเพื่อหาคา้ ตอบ ดงั นี
- แหลง่ น้าบนโลกมปี ริมาณนา้ จืดมากกว่าปริมาณนา้ เค็มหรอื ไม่ อย่างไร
(แนวตอบ : มีปริมำณนำ้ เคม็ มำกกว่ำปริมำณนำ้ จดื ส่วนใหญ่นำ้ บนผวิ โลกเป็น ทะเล มหำสมทุ ร)
- นา้ มีความจา้ เปน็ ตอ่ การดา้ รงชวี ติ ของส่งิ มีชวี ติ ในดา้ นใดบ้าง
(แนวตอบ : ด้ำนอปุ โภคและบรโิ ภค)
- นา้ บนโลกปกคลมุ พนื ทเ่ี ทา่ ไรของพืนท่ผี วิ โลกทังหมด
(แนวตอบ : พืนท่ี 3 ใน 4 ส่วนของพนื ทผี่ ิวโลกทงั หมด)
17. ครูสมุ่ นักเรียน จ้านวน 4 คน ให้ยกตวั อยา่ งแหล่งนา้ บนโลก ดงั นี
 คนที่ 1 ใหย้ กตัวอย่างแหลง่ นา้ ผวิ ดนิ 2 ตวั อย่าง
 คนที่ 2 ใหย้ กตวั อยา่ งแหลง่ นา้ ใตด้ ิน 2 ตัวอยา่ ง
 คนท่ี 3 ให้ยกตัวอยา่ งแหล่งน้าจืด 2 ตวั อยา่ ง
 คนที่ 4 ใหย้ กตวั อย่างแหล่งน้าเคม็ 2 ตวั อยา่ ง
18. ครเู ปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนซักถามเนอื หาเกย่ี วกบั เร่ือง แหลง่ น้าบนโลก และให้ความรเู้ พ่มิ เตมิ
จากคา้ ถามของนักเรียน โดยครใู ช้ PowerPoint เร่อื ง แหล่งน้าบนโลก ในการอธบิ ายเพ่มิ เติม

105

หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 6 แหล่งนา้ และลมฟ้าอากาศ
แผนฯ ท่ี 1 แหล่งน้ำบนโลก

ขันสรปุ

ขนั ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูตรวจสอบผลการทา้ แบบทดสอบก่อนเรียนของหน่วยการเรยี นรู้ท่ี 6 แหล่งน้าและลมฟา้ อากาศ
เพ่อื ตรวจสอบความเข้าใจกอ่ นเรียนของนักเรียน
2. ครูประเมนิ ผลนักเรยี น โดยการสังเกตพฤตกิ รรมการตอบค้าถาม พฤติกรรมการทา้ งานรายบุคคล
พฤติกรรมการทา้ งานกลุ่ม และจากการน้าเสนอผลการท้ากจิ กรรมหน้าชันเรยี น
3. ครูตรวจสอบผลการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมที่ 1 แหลง่ นา้ บนโลก ในสมุดประจา้ ตวั นกั เรียน หรือแบบฝกึ หดั
วทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2
4. ครตู รวจสอบผลการท้ากจิ กรรมหนูตอบได้ ในสมดุ ประจา้ ตัวนกั เรยี น หรือแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์
ป.5 เลม่ 2
5. นักเรียนและครรู ่วมกันสรุปเก่ยี วกบั แหล่งนา้ บนโลก ซ่งึ ไดข้ อ้ สรุปรว่ มกนั วา่ “โลกของเรำมนี ้ำ
ปกคลุมเป็นส่วนใหญ่ของพนื ผิวโลกทังหมด โดยมีทงั แหล่งนำ้ เคม็ และแหลง่ น้ำจืด ซง่ึ มคี วำมสำ้ คัญ
ตอ่ กำรดำ้ รงชวี ิตของสง่ิ มีชวี ติ ”

7. การวัดและประเมนิ ผล

รายการวัด วิธกี าร เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมนิ
- ประเมนิ ตาม
7.1 การประเมนิ ก่อนเรียน - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 สภาพจริง
- แบบทดสอบ - ตรวจแบบทดสอบ แหล่งนา้ และลมฟ้า
อากาศ - ร้อยละ 60
ก่อนเรียน หน่วยการ ก่อนเรยี น หน่วยการ ผ่านเกณฑ์
- สมดุ ประจา้ ตวั หรือ
เรยี นรทู้ ่ี 6 แหล่งน้า เรยี นรทู้ ่ี 6 แหล่งน้าและ แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ - รอ้ ยละ 60 ผา่ น
ป.5 เล่ม 2 เกณฑ์
และลมฟ้าอากาศ ลมฟา้ อากาศ - สมุดประจ้าตวั หรอื
แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์
7.2 ประเมินระหวา่ ง ป.5 เล่ม 2

การจัดกจิ กรรม

การเรยี นรู้

1) กจิ กรรมน้าสู่ - ตรวจสมดุ ประจ้าตวั หรือ

การเรยี น แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์

ป.5 เลม่ 2

2) ผลบันทึกการ - ตรวจสมุดประจ้าตัว หรอื

ปฏบิ ัติกจิ กรรมท่ี 1 แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์

แหลง่ น้าบนโลก ป.5 เล่ม 2

106

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 6 แหลง่ น้าและลมฟ้าอากาศ
แผนฯ ที่ 1 แหล่งน้ำบนโลก

รายการวัด วิธกี าร เครือ่ งมือ เกณฑก์ ารประเมิน
3) กจิ กรรมหนตู อบได้ - ตรวจสมดุ ประจา้ ตัว - สมุดประจา้ ตัว หรือ - ร้อยละ 60
แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ ผา่ นเกณฑ์
ป.5 เล่ม 2 ป.5 เลม่ 2
- แบบประเมนิ การ - ระดบั คุณภาพ 2
4) การนา้ เสนอผลงาน/ - ประเมินการน้าเสนอ นา้ เสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์
ผลการปฏิบตั ิ ผลงาน/ผลการปฏิบตั ิ
กิจกรรม กจิ กรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดับคุณภาพ 2
- สงั เกตพฤตกิ รรม การทา้ งานรายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์
5) พฤติกรรมการ การท้างานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤตกิ รรม
ท้างานรายบคุ คล การทา้ งานกลมุ่ - ระดบั คุณภาพ 2
- แบบประเมิน ผา่ นเกณฑ์
6) พฤตกิ รรมการ - สงั เกตพฤติกรรม คณุ ลกั ษณะ - ระดับคุณภาพ 2
ท้างานกลุ่ม การท้างานกลมุ่ อนั พงึ ประสงค์ ผ่านเกณฑ์
- สงั เกตความมีวินยั
7) คณุ ลกั ษณะ รับผิดชอบ ใฝเ่ รียนรู้
อนั พึงประสงค์ และมุ่งมน่ั ในการ
ท้างาน

8. สอื่ /แหลง่ การเรยี นรู้

8.1 ส่อื การเรยี นรู้
1) หนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 6 แหล่งนา้ และลมฟา้ อากาศ
2) แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 6 แหล่งนา้ และลมฟ้าอากาศ
3) วสั ดุ-อุปกรณ์ท่ีใชใ้ นกจิ กรรมท่ี 1 แหลง่ น้าบนโลก
4) PowerPoint เรื่อง แหลง่ น้าบนโลก
5) ลูกอมสตี ่างๆ
6) ลูกโลกจา้ ลอง
7) สมุดประจ้าตวั นักเรยี น

8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องเรยี น
2) ห้องสมุด
3) อนิ เทอรเ์ น็ต

107

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 6 แหล่งน้าและลมฟ้าอากาศ
แผนฯ ที่ 1 แหลง่ น้ำบนโลก

9. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศกึ ษาหรือผูท้ ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย

ขอ้ เสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชือ่
( .................................
................................ )
ตา้ แหน่ง
.......

10. บนั ทึกผลหลังการสอน

 ด้านความรู้

 ดา้ นสมรรถนะส้าคัญของผเู้ รียน

 ด้านคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางวิทยาศาสตร์

 ด้านอื่น ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤติกรรมท่ีมปี ญั หาของนักเรียนเปน็ รายบคุ คล (ถา้ มี))

 ปญั หา/อุปสรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

108

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 6 แหล่งนา้ และลมฟา้ อากาศ
แผนฯ ท่ี 2 การใชน้ า้ อย่างประหยดั และการอนุรกั ษน์ ้า

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 2

การใช้น้าอย่างประหยดั และการอนรุ กั ษ์นา้

เวลา 2 ชว่ั โมง

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชวี ดั

ว 3.2 ป.5/2 ตระหนกั ถึงคุณค่าของนา้ โดยน้าเสนอแนวทางการใชน้ า้ อย่างประหยัดและการอนรุ กั ษ์นา้

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

1. ระบุปรมิ าณน้าทม่ี นษุ ย์สามารถนา้ มาใชป้ ระโยชน์ได้ (K)
2. สืบค้นขอ้ มูลและเสนอแนะแนวทางการใชน้ า้ อยา่ งประหยดั และการอนรุ กั ษน์ า้ ได้ (P)
3. ให้ความร่วมมอื ในการทา้ กจิ กรรมกล่มุ และมีความรบั ผดิ ชอบในการสง่ งานตรงเวลา (A)

3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถนิ่
พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
น้าจืดที่มนษุ ย์น้ามาใชไ้ ด้มปี ริมาณนอ้ ยมากจงึ ควร
ใช้น้าอยา่ งประหยัดและร่วมกันอนรุ ักษ์น้า

4. สาระส้าคญั /ความคดิ รวบยอด

โลกของเรามีน้าปกคลุมเป็นส่วนใหญ่ของพืนผิวโลกทังหมด โดยมีทังแหล่งน้าเค็มและแหล่งน้าจืด
ซ่ึงมีความส้าคัญต่อการดา้ รงชีวิตของสิง่ มีชีวิต น้าจดื ที่มนุษยน์ ้ามาใชไ้ ด้มีปริมาณน้อยมาก เราจงึ ตอ้ งใช้น้า
อยา่ งประหยัดและรว่ มกนั อนุรักษน์ ้า

5. สมรรถนะส้าคญั ของผเู้ รียนและคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

สมรรถนะส้าคัญของผู้เรียน คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มวี ินัย รับผิดชอบ

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรียนรู้

1) ทักษะการส้ารวจค้นหา 3. ซือ่ สัตย์ สจุ รติ

2) ทกั ษะการทา้ งานร่วมกัน 4. มงุ่ มน่ั ในการทา้ งาน

3) ทกั ษะการลงความเหน็ จากข้อมูล

4) ทักษะการจดั กระทา้ และส่อื ความหมายข้อมลู

3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต

4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

109

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 6 แหลง่ นา้ และลมฟ้าอากาศ
แผนฯ ที่ 2 การใช้นา้ อย่างประหยดั และการอนรุ ักษน์ ้า

6. กิจกรรมการเรียนรู้

 แนวคิด/รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

ชั่วโมงท่ี 1

ขันนา้

ขนั ที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage)

1. ครทู กั ทายกบั นกั เรียน จากนันครูทบทวนความรูเ้ ดิมของนักเรยี นเกยี่ วกับแหล่งน้าบนโลก
2. ครูนา้ แปรงฟนั และแก้วนา้ มาให้นักเรียนดู จากนนั ครูตงั ประเดน็ คา้ ถามกระตุ้นความสนใจ

นกั เรียน โดยให้นักเรยี นแต่ละคนรว่ มกนั อภปิ รายแสดงความคิดเห็นโดยไม่มีการเฉลยว่าถกู หรอื ผิด
ดังนี
- ขณะที่นักเรยี นแปรงฟัน นกั เรยี นใช้น้าในการแปรงฟนั ประหยดั หรือไม่

(แนวตอบ : นกั เรยี นอาจตอบว่า ใชน้ า้ อยา่ งประหยัด)
- นักเรียนมวี ิธีการประหยดั นา้ ในการแปรงฟันได้อยา่ งไรบา้ ง

(แนวตอบ : นักเรยี นอาจตอบว่า ใช้แกว้ รองน้าน้ามาแปรงฟัน ปิดก๊อกน้าเมอ่ื ยงั ไมใ่ ชน้ า้ )
3. ครูนา้ ลกู บอลมาจ้านวน 1 ลกู จากนนั ครูสง่ ลกู บอลให้นกั เรยี นแลว้ ให้นักเรียนสง่ ต่อไปเรอ่ื ย ๆ

ถา้ ไดย้ ินเสยี งนกหวดี ใหห้ ยุดส่งลูกบอลทันที ลกู บอลอยู่ที่ใครคนนันตอ้ งยืนขนึ แล้วบอกวธิ กี ารใช้
นา้ อย่างประหยัดในชีวติ ประจา้ วันมา 1 วธิ ี ให้กบั เพ่ือนในหอ้ งฟังซ่ึงเพอื่ นที่ฟงั จะต้องจดค้าตอบ
ลงในสมุดประจา้ ตัวนกั เรียน

ขนั สอน

ขนั ท่ี 2 ส้ารวจค้นหา (Explore)
1. ครูจดั เตรียมวสั ดุ-อปุ กรณท์ ่ใี ช้ในกจิ กรรมที่ 2 คณุ ค่าของน้า จากหนงั สอื เรียนวิทยาศาสตร์
ป.5 เลม่ 2 มาวางไวห้ นา้ ชันเรยี น ดงั นี
- กระดาษแขง็ แผน่ ใหญ่ 1 แผ่น
- กระดาษ A4 10-20 แผ่น
- สีไม้ 1 กล่อง
2. นักเรียนแบง่ กลมุ่ ๆ ละ 5 คน ตามความสมคั รใจ จากนนั ให้นักเรียนแต่ละกล่มุ จัดเตรียมอุปกรณ์
ที่ใช้ในกิจกรรมที่ 2 คุณค่าของน้า จากหนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2

110

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 6 แหล่งนา้ และลมฟา้ อากาศ
แผนฯ ท่ี 2 การใชน้ า้ อยา่ งประหยดั และการอนรุ ักษน์ ้า

3. ครแู จ้งจดุ ประสงค์ของกจิ กรรมที่ 2 คณุ ค่าของน้า ใหน้ ักเรยี นทราบ เพือ่ เป็นแนวทางการปฏิบตั ิ
กิจกรรมท่ีถูกตอ้ ง

4. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั ปฏิบตั ิกจิ กรรมที่ 2 คณุ ค่าของนา้ ตอนท่ี 1 โดยใหแ้ ต่ละกลมุ่ ช่วยกนั
สืบค้นข้อมลู เก่ยี วกบั วิธกี ารใช้นา้ อย่างประหยัด แลว้ บันทกึ ลงในสมดุ ประจ้าตวั นักเรียน หรอื
แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 2

5. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันอภปิ รายแสดงความคิดเห็นเพอ่ื เลือกวิธกี ารใชน้ า้ อยา่ งประหยัดมา 2 วธิ ี
จากนนั นา้ มาจดั ทา้ เป็นแผน่ พบั ความรู้ เรือ่ ง วิธกี ารใชน้ ้าอยา่ งประหยดั
(หมายเหตุ : ครูเริม่ ประเมนิ นกั เรยี น โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทา้ งานกล่มุ )

ชวั่ โมงท่ี 2

ขันสอน

ขนั ท่ี 2 สา้ รวจค้นหา (Explore)
6. นักเรียนแบ่งกล่มุ (กลุ่มเดมิ ) จากช่ัวโมงท่ผี า่ นมา จากนันให้นักเรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกันปฏบิ ัติ
กิจกรรมที่ 2 คณุ ค่าของน้า ตอนที่ 2 โดยใหแ้ ตล่ ะกลุม่ ช่วยกันสืบคน้ ข้อมูลเกีย่ วกบั วธิ ีการ
อนุรกั ษน์ า้ แล้วบันทกึ ลงในสมุดประจา้ ตวั นักเรียน
7. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันระดมความคิด แล้วเลือกวธิ ีการอนรุ ักษ์น้ามา 1 วธิ ี จากนันวาดภาพ
หรือติดภาพประกอบลงในกระดาษแขง็ พร้อมตกแตง่ ใหส้ วยงาม
(หมายเหตุ : ครเู ร่ิมประเมนิ นกั เรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทา้ งานกลมุ่ )

ขันที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
8. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมาน้าเสนอผลการปฏบิ ัติกจิ กรรมหนา้ ชนั เรยี น ในระหว่างทนี่ ักเรยี น
น้าเสนอครคู อยให้ขอ้ เสนอแนะเพิ่มเติม เพ่อื ใหน้ ักเรยี นมีความเขา้ ใจท่ถี กู ต้อง
(หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมินนกั เรียน โดยใชแ้ บบประเมินการน้าเสนอผลงาน)
9. นักเรียนและครูรว่ มกนั สรปุ ความรู้ที่ได้จากการปฏิบัติกิจกรรมที่ 2 คณุ คา่ ของน้า
10. นกั เรยี นแต่ละคนท้ากจิ กรรมหนูตอบได้ จากหนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2 โดยตอบค้าถาม
ลงในสมดุ ประจา้ ตวั นักเรยี น หรอื แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2

111

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 6 แหลง่ นา้ และลมฟา้ อากาศ
แผนฯ ท่ี 2 การใชน้ า้ อย่างประหยัดและการอนรุ กั ษน์ ้า

ขันที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
11. นกั เรียนจบั ค่กู ับเพื่อนในชนั เรยี น ตามความสมัครใจ โดยใช้โทรศพั ทม์ ือถือสแกน QR Code
เรอ่ื ง การใช้นา้ อย่างประหยดั
12. ครขู ออาสาสมคั รนกั เรยี น จา้ นวน 6 คน ให้ยกตัวอยา่ งการใช้น้าอย่างประหยัดและคุ้มคา่ รวมถึง
การอนรุ กั ษ์นา้ ดังนี
 คนท่ี 1-3 ให้ยกตัวอย่างการใช้น้าอยา่ งประหยดั และคมุ้ ค่า คนละ 1 ตวั อยา่ ง
 คนที่ 4-6 ใหย้ กตวั อย่างการอนรุ ักษ์น้า คนละ 1 ตัวอยา่ ง
13. ครูเปดิ โอกาสให้นกั เรยี นซกั ถามเนือหาเก่ยี วกบั เร่อื ง การใชน้ า้ อยา่ งประหยดั และการอนุรกั ษน์ า้
และใหค้ วามรเู้ พม่ิ เตมิ จากคา้ ถามของนกั เรยี น โดยครูใช้ PowerPoint เรอ่ื ง การใชน้ ้าอย่าง
ประหยดั และการอนุรกั ษน์ ้า ในการอธบิ ายเพ่ิมเติม
14. นักเรียนแตล่ ะคนเขียนสรปุ สาระสา้ คญั ประจ้า บทท่ี 1 แหล่งน้าเพือ่ ชวี ติ โดยเขยี นเปน็ แผนผงั
มโนทัศน์ ลงในสมุดประจา้ ตวั นกั เรียน
15. นักเรียนแต่ละคนทา้ กิจกรรมฝกึ ทกั ษะ บทท่ี 1 แหลง่ นา้ เพอ่ื ชีวิต จากหนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์
ป.5 เล่ม 2 ลงในสมดุ ประจา้ ตวั นกั เรยี น หรอื แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 2
16. นกั เรียนแบง่ กลุ่ม ๆ ละ 3-4 คน ตามความสมัครใจ จากนนั ให้สมาชกิ ภายในกล่มุ ช่วยกันออกแบบ
และประดษิ ฐ์เคร่อื งกรองน้าเสีย เพอื่ น้าน้าเสยี กลบั มาใช้ใหม่ได้

ขันสรปุ

ขนั ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. นักเรียนแตล่ ะคนดูตารางตรวจสอบตนเอง จากหนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 2
จากนนั ครถู ามนักเรยี นเปน็ รายบคุ คลตามรายการข้อ 1-5 เพอื่ เปน็ การตรวจสอบความรู้
ความเขา้ ใจของนกั เรียนหลังจากการเรยี นจบบทท่ี 1 แหลง่ น้าเพอื่ ชีวิต
2. ครปู ระเมินผล โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบค้าถาม พฤติกรรมการทา้ งานรายบคุ คล
พฤติกรรมการทา้ งานกลมุ่ และจากการนา้ เสนอผลการท้ากจิ กรรมหนา้ ชันเรียน
3. ครูตรวจสอบผลการปฏิบัติกิจกรรมท่ี 2 คุณคา่ ของนา้ ในสมดุ ประจา้ ตวั นกั เรียน หรอื แบบฝึกหัด
วิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 2
4. ครูตรวจสอบผลการทา้ กิจกรรมหนูตอบได้ ในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์
ป.5 เล่ม 2
5. ครูตรวจผลการท้ากิจกรรมสรุปสาระส้าคญั ประจา้ บทที่ 1 แหลง่ น้าเพือ่ ชีวิต ในสมดุ ประจ้าตวั
นักเรียน
6. ครูตรวจสอบผลการท้ากิจกรรมฝึกทกั ษะ บทท่ี 1 แหล่งนา้ เพ่ือชีวิต ในสมุดประจา้ ตัวนกั เรยี น
หรอื แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2

112

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 6 แหลง่ น้าและลมฟ้าอากาศ
แผนฯ ที่ 2 การใช้น้าอยา่ งประหยดั และการอนุรักษน์ ้า

7. ครตู รวจชินงาน/ผลงาน จกิ ซอวก์ ารเกิดวฏั จักรน้า ของนกั เรียนแตล่ ะกลมุ่
8. นกั เรยี นและครูร่วมกนั สรปุ เกีย่ วกบั การใช้นา้ อยา่ งประหยดั และการอนุรักษน์ ้า ซ่งึ ได้ข้อสรุป

ร่วมกันวา่ “การใชน้ า้ อยา่ งประหยดั และการอนรุ ักษ์นา้ เชน่ ควรตรวจสอบรอยรว่ั ของทอ่ นา้ ใน
บ้าน ใช้อปุ กรณป์ ระหยัดนา้ เพอ่ื ลดปริมาณการใช้นา้ เชน่ ชกั โครกประหยดั น้า ฝกั บวั ประหยัดนา้
ก๊อกประหยัดน้า หัวฉดี ประหยัดน้า เป็นตน้ ”

7. การวัดและประเมินผล

รายการวดั วธิ ีการ เคร่อื งมือ เกณฑ์การประเมนิ

7.1 ประเมนิ ระหว่าง - สมดุ ประจา้ ตวั หรอื - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์
การจัดกจิ กรรม ป.5 เล่ม 2 - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์

การเรยี นรู้ - สมดุ ประจา้ ตวั หรือ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์
1) ผลบันทกึ การ - ตรวจสมดุ ประจ้าตวั ป.5 เล่ม 2 - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์

ปฏบิ ัติกจิ กรรมท่ี 2 หรือแบบฝึกหดั - สมุดประจา้ ตัว - ระดบั คณุ ภาพ 2
ผ่านเกณฑ์
คุณคา่ ของนา้ วทิ ยาศาสตร์ ป.5 - สมุดประจา้ ตวั หรือ
แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ - ระดบั คณุ ภาพ 2
เล่ม 2 ป.5 เลม่ 2 ผา่ นเกณฑ์

2) กิจกรรมหนตู อบได้ - ตรวจสมดุ ประจ้าตัว - แบบประเมนิ การ
นา้ เสนอผลงาน
หรอื แบบฝกึ หัด
- แบบสังเกตพฤติกรรม
วทิ ยาศาสตร์ ป.5 การท้างานรายบคุ คล

เลม่ 2

3) กจิ กรรมสรปุ - ตรวจสมดุ ประจา้ ตัว

สาระส้าคญั ประจา้

บทที่ 1 แหลง่ น้า

เพอ่ื ชีวติ

4) กิจกรรมฝึกทักษะ - ตรวจสมดุ ประจ้าตัว

บทที่ 1 แหล่งน้า หรือแบบฝกึ หดั

เพื่อชวี ติ วทิ ยาศาสตร์ ป.5

เล่ม 2

5) การน้าเสนอ - ประเมินการน้าเสนอ

ผลงาน/ผลการ ผลงาน/ผลการปฏบิ ตั ิ

ปฏิบัติกิจกรรม กจิ กรรม

6) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม

ทา้ งานรายบคุ คล การทา้ งานรายบุคคล

113

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 6 แหลง่ นา้ และลมฟ้าอากาศ
แผนฯ ที่ 2 การใชน้ ้าอย่างประหยดั และการอนุรกั ษน์ ้า

รายการวดั วิธีการ เครอ่ื งมอื เกณฑ์การประเมิน
7) พฤตกิ รรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คณุ ภาพ 2
การท้างานกลมุ่ การท้างานกลมุ่ ผา่ นเกณฑ์
ท้างานกลุ่ม - สังเกตความมวี นิ ัย - แบบประเมิน - ระดับคณุ ภาพ 2
8) คณุ ลักษณะ รับผดิ ชอบ ใฝเ่ รียนรู้ คุณลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์
และมุ่งมน่ั ในการ อนั พึงประสงค์
อันพงึ ประสงค์ ทา้ งาน - ระดบั คณุ ภาพ 2
- ตรวจผลงาน - แบบประเมินชินงาน/ ผ่านเกณฑ์
7.2 การประเมนิ ชนิ งาน/ การประดิษฐเ์ ครื่อง ภาระงาน (รวบยอด)
ภาระงาน (รวบยอด) กรองน้าเสีย

8. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้

8.1 ส่ือการเรยี นรู้
1) หนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 2 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 6 แหลง่ น้าและลมฟา้ อากาศ
2) แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 6 แหลง่ น้าและลมฟ้าอากาศ
3) วัสดุ-อุปกรณท์ ่ีใช้ในกจิ กรรมที่ 2 คณุ คา่ ของน้า
4) PowerPoint เรอ่ื ง การใชน้ ้าอยา่ งประหยดั และการอนุรักษน์ ้า
5) แปรงฟนั และแกว้ นา้
6) ลูกบอล
7) สมุดประจา้ ตวั นกั เรียน

8.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) ห้องเรียน
2) หอ้ งสมดุ
3) อินเทอร์เน็ต

114

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 6 แหลง่ นา้ และลมฟ้าอากาศ
แผนฯ ท่ี 2 การใชน้ า้ อยา่ งประหยดั และการอนรุ กั ษน์ า้

ชินงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
การประดษิ ฐ์เครือ่ งกรองน้าเสยี

คา้ ชแี จง : นกั เรียนแบ่งกลุ่ม ๆ 3-4 คน จากนนั ให้แตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกันออกแบบและประดิษฐเ์ คร่ืองกรองน้าเสีย
เพอื่ นา้ น้าเสียกลบั มาใชใ้ หม่ได้

115

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 6 แหล่งนา้ และลมฟา้ อากาศ
แผนฯ ท่ี 2 การใช้นา้ อยา่ งประหยัดและการอนรุ ักษน์ า้

9. ความเห็นของผบู้ รหิ ารสถานศึกษาหรอื ผู้ท่ีไดร้ ับมอบหมาย

ขอ้ เสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชือ่
( .................................
................................ )
ตา้ แหน่ง
.......

10. บันทกึ ผลหลังการสอน

 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะส้าคญั ของผู้เรยี น

 ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางวิทยาศาสตร์

 ด้านอน่ื ๆ (พฤตกิ รรมเด่น หรือพฤติกรรมที่มีปัญหาของนกั เรียนเปน็ รายบุคคล (ถ้าม)ี )

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

116

หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 6 แหลง่ นา้ และลมฟา้ อากาศ
แผนฯ ท่ี 3 การเกดิ เมฆและหมอก

แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 3

การเกดิ เมฆและหมอก

เวลา 3 ชว่ั โมง

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ัด

ว 3.2 ป.5/4 เปรียบเทียบกระบวนการเกดิ เมฆ หมอก น้าคา้ ง และนา้ ค้างแข็ง จากแบบจ้าลอง

2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

1. อธบิ ายการเกิดเมฆและหมอกได้ (K)
2. เปรยี บเทยี บการเกิดเมฆและหมอกได้ (K)
3. ปฏิบตั กิ จิ กรรมการเกดิ เมฆและหมอกได้อย่างถูกต้องและเปน็ ลา้ ดับขันตอน (P)
4. ใหค้ วามรว่ มมอื ในการท้ากจิ กรรมกลมุ่ และมคี วามรบั ผิดชอบในการส่งงานตรงเวลา (A)

3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนร้ทู อ้ งถิ่น
พจิ ารณาตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษา
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
ไอน้าในอากาศจะควบแน่นเป็นละอองนา้ เล็ก ๆ
โดยมีละอองลอย เช่น เกลือ ฝุ่นละออง ละอองเรณู
ของดอกไม้ เป็นอนุภาคแกนกลาง เมื่อละอองน้า
จ้านวนมากเกาะกลมุ่ รวมกันลอยอยู่สูงจากพืนดินมาก
เรียกวา่ เมฆ แต่ละอองน้าทเี่ กาะกลุ่มรวมกันอยใู่ กล้
พืนดิน เรียกว่า หมอก ส่วน ไอน้าท่ีควบแน่นเป็น
ละอองน้าเกาะอยู่บนพืนผิววัตถุใกล้พืนดิน เรียกว่า
น้าค้าง ถ้าอุณหภูมิใกล้พืนดินต้่ากว่าจุดเยือกแข็ง
น้าค้างก็จะกลายเปน็ นา้ คา้ งแข็ง

4. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

เมฆ เกิดจากไอน้าในอากาศจะควบแนน่ เป็นละอองนา้ เล็ก ๆ โดยมีละอองลอย เชน่ เกลอื ฝุ่นละออง
ละอองเรณูของดอกไม้ เป็นอนุภาคแกนกลาง เมื่อละอองน้าจ้านวนมากเกาะกลุ่มรวมกันลอยอยู่สงู จาก
พนื ดินมาก แตล่ ะอองนา้ ทเ่ี กาะกลมุ่ รวมกนั ลอยอย่ใู กลพ้ นื ดนิ เรยี กวา่ หมอก

117

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 6 แหล่งนา้ และลมฟา้ อากาศ
แผนฯ ท่ี 3 การเกิดเมฆและหมอก

5. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี นและคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มีวนิ ัย รับผิดชอบ

2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรียนรู้

1) ทักษะการวัด 3. ซ่ือสตั ย์ สุจรติ

2) ทักษะการสงั เกต 4. มุ่งมั่นในการทา้ งาน

3) ทกั ษะการทดลอง
4) ทักษะการตังสมมติฐาน

5) ทักษะการสร้างแบบจ้าลอง

6) ทักษะการท้างานรว่ มกัน

7) ทกั ษะการกา้ หนดและควบคุมตวั แปร

8) ทกั ษะการตีความหมายข้อมลู และลงขอ้ สรปุ

3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต

4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

6. กิจกรรมการเรียนรู้

 แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

ชว่ั โมงที่ 1

ขัน้ นา

ขน้ั ที่ 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engage)

1. ครูทกั ทายกบั นกั เรยี น แล้วแจ้งจุดประสงค์การเรยี นรู้ทีจ่ ะเรยี นให้นักเรยี นทราบ
2. ครสู นทนากับนกั เรียนเกี่ยวกบั เรือ่ ง เมฆและหมอก จากนนั ครใู หน้ ักเรียนแต่ละคนสังเกตเมฆบน

ท้องฟ้า แล้วตงั ประเด็นคา้ ถามกระตนุ้ ความสนใจนักเรียน โดยใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนร่วมกันอภิปราย
แสดงความคิดเหน็ อยา่ งอิสระโดยไม่มีการเฉลยว่าถูกหรอื ผิด ดังนี
- เมฆเกิดขึนไดอ้ ย่างไร

(แนวตอบ : นักเรียนอาจตอบวา่ ไอนา้ ในอากาศจะควบแนน่ เป็นละอองน้าเล็ก ๆ โดยมลี ะออง
ลอย เช่น เกลือ ฝนุ่ ละออง ละอองเรณูของดอกไม้ เปน็ อนุภาคแกนกลาง เม่ือละอองนา้ จา้ นวน
มากเกาะกล่มุ รวมกันลอยอย่สู งู จากพืนดนิ มาก)

118

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 6 แหลง่ น้าและลมฟ้าอากาศ
แผนฯ ท่ี 3 การเกิดเมฆและหมอก

- เมฆทน่ี ักเรียนเหน็ มรี ูปรา่ งเหมอื นกนั หรอื แตกตา่ งกนั อยา่ งไร
(แนวตอบ : นักเรียนอาจตอบวา่ เมฆมรี ูปร่างแตกต่างกนั ขึนอยูก่ บั จินตนาการของแตล่ ะคน)

- นอกจากเมฆแล้ว ในชว่ งเวลาเชา้ มักจะเกดิ อะไรขึน
(แนวตอบ : นกั เรียนอาจตอบว่า หมอก น้าคา้ ง)

- หมอกเกิดขนึ ไดอ้ ยา่ งไร
(แนวตอบ : นักเรยี นอาจตอบวา่ ไอน้าท่คี วบแนน่ เป็นละอองน้าเกาะอยู่บนพนื ผวิ วตั ถุใกล้พนื ดนิ
เรยี กว่า นา้ คา้ งถ้าอุณหภมู ิใกลพ้ นื ดนิ ตา่้ กวา่ จุดเยือกแขง็ น้าคา้ งก็จะกลายเปน็ นา้ ค้างแข็ง)

3. นักเรียนดภู าพในบทท่ี 2 ปรากฏการณ์ลมฟา้ อากาศ จากหนงั สอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2
จากนันครูถามคา้ ถามส้าคญั ประจา้ บทวา่ “เมฆและหมอกแตกต่างกันอย่างไร” โดยให้นักเรยี น
แต่ละคนร่วมกนั อภปิ รายเพื่อหาค้าตอบ
(แนวตอบ : เมฆและหมอกมลี ักษณะแตกตา่ งกนั คือ เมฆจะลอยอยูส่ งู จากพนื ดินมาก และ
มีลักษณะเป็นกลมุ่ กอ้ นสขี าว สว่ นหมอกจะลอยอยใู่ กล้พืนดนิ และมีลักษณะคลา้ ยควันสขี าว
ท้าให้เกิดทวิ ทัศน์ทีส่ วยงาม)

4. นักเรยี นเรยี นรู้ค้าศพั ทท์ ่ีเก่ียวขอ้ งกับการเรียนในบทท่ี 2 ปรากฏการณ์ลมฟ้าอากาศ จากหนังสอื
เรยี นวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2 โดยครูขออาสาสมัครนักเรยี น จา้ นวน 1 คน ให้เป็นผู้อา่ นนา้
และใหน้ กั เรยี นท่อี ยูใ่ นชนั เรียนเป็นผูอ้ า่ นตามทลี ะคา้ ดงั นี

Cloud (เคลาด) เมฆ

Fog (ฟ็อก) หมอก

River ('รีฟเวอ) แม่น้า

5. นักเรยี นท้ากจิ กรรมน้าส่กู ารเรยี น จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2 แลว้ ตอบค้าถาม
ลงในสมดุ ประจาตัวนกั เรยี น หรอื แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 2
(หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมนิ นกั เรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทา้ งานรายบุคคล)

ข้ันสอน

ข้ันที่ 2 สารวจคน้ หา (Explore)
1. นกั เรยี นจับคู่กับเพอ่ื นในชันเรยี น ตามความสมัครใจ จากนันให้นักเรียนแตล่ ะคู่ร่วมกนั ศกึ ษา
คน้ ควา้ ข้อมลู เกี่ยวกับ เรือ่ ง เมฆและหมอก จากหนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2
หรอื แหลง่ การเรยี นรู้ตา่ ง ๆ เชน่ อนิ เทอรเ์ น็ต

119

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 แหล่งน้าและลมฟ้าอากาศ
แผนฯ ที่ 3 การเกดิ เมฆและหมอก

2. นักเรียนแตล่ ะคู่รว่ มกนั อภปิ รายเร่ืองท่ีไดศ้ ึกษา จากนันให้นักเรียนแต่ละคนเขยี นสรุปความรู้

ทีไ่ ดจ้ ากการศกึ ษาค้นคว้าลงในสมุดประจ้าตัวนกั เรียน เพื่อนา้ ส่งครทู ้ายช่ัวโมง

(หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมินนกั เรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการท้างานกลมุ่ )

3. ครูตังประเดน็ ค้าถามกระต้นุ ความสนใจนักเรียน โดยให้แตล่ ะครู่ ่วมกันอภปิ รายเพอ่ื หาค้าตอบ ดงั นี

- ลมฟ้าอากาศ หมายถึงอะไร

(แนวตอบ : ลมฟา้ อากาศ หมายถงึ สภาพอากาศรอบ ๆ ตัวเราท่ีเปล่ียนไปในแต่ละช่วงเวลา)

- ปรากฏการณล์ มฟ้าอากาศที่เกิดมาจากการเปล่ยี นแปลงสถานะของนา้ มอี ะไรบ้าง

(แนวตอบ : เมฆ หมอก นา้ ค้าง น้าคา้ งแข็ง เป็นต้น)

- ในการพยากรณอ์ ากาศและการวางแผนในการใชช้ วี ติ ประจา้ วัน เราควรสงั เกตจากอะไร

(แนวตอบ : เมฆ)
4. ครจู ดั เตรียมวสั ดุ-อุปกรณท์ ีใ่ ช้ในกิจกรรมที่ 1 กระบวนการเกดิ เมฆและหมอก จากหนงั สอื เรียน

วทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2 มาวางไว้หน้าชันเรียน ดงั นี

- นา้ แขง็ 1 แกว้ - นา้ รอ้ น 200 มิลลิลิตร

- ธูป 2 ดอก - ไม้ขีดไฟ 1 กลัก

- บีกเกอรข์ นาด 250 มลิ ลิลิตร 2 ใบ - กระบอกตวงขนาด 100 มลิ ลิลิตร 1 ใบ

- จานกระเบืองหรอื กระจกนาฬิกา (ขนาดปดิ ปากบีกเกอรไ์ ด)้ 2 ใบ

5. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 5 คน ตามความสมัครใจ จากนนั ให้นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ จดั เตรยี มอุปกรณ์

ท่ใี ช้ในกจิ กรรมท่ี 1 กระบวนการเกิดเมฆและหมอก จากหนงั สอื เรียนวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2

6. ครแู จง้ จุดประสงคข์ องกจิ กรรมท่ี 1 กระบวนการเกิดเมฆและหมอก ให้นกั เรยี นทราบ เพือ่ เป็นแนว

ทางการปฏบิ ัติกจิ กรรมท่ถี ูกตอ้ ง

7. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมท่ี 1 กระบวนการเกิดเมฆและหมอก โดยปฏบิ ัตกิ จิ กรรม

ดงั นี

1) ศกึ ษาขันตอนการปฏิบตั ิกิจกรรมจากหนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 2 อยา่ งละเอยี ด

หากมีขอ้ สงสัยใหส้ อบถามครู

2) รว่ มกนั กา้ หนดปัญหาและตงั สมมตฐิ านในการปฏบิ ัติกจิ กรรม แลว้ บันทกึ ผลลงในสมดุ ประจา้ ตวั

นกั เรียน หรือแบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 2

3) ร่วมกันปฏบิ ตั ิกจิ กรรมตามขันตอนใหค้ รบถว้ นและถูกต้องทกุ ขันตอน จากนนั บันทกึ ผลลงใน

สมดุ ประจ้าตัวนกั เรียน หรือแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 2

(หมายเหตุ : ครเู ริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการท้างานกลุ่ม)
8. นักเรียนแตล่ ะกลุม่ รว่ มกนั วเิ คราะห์ผลการปฏิบัตกิ จิ กรรม แลว้ อภปิ รายผลและสรปุ ผลการทดลอง

120

หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 6 แหล่งน้าและลมฟา้ อากาศ
แผนฯ ที่ 3 การเกิดเมฆและหมอก

ช่ัวโมงที่ 2-3

ขนั้ สอน

ขัน้ ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
9. นักเรียนแตล่ ะกล่มุ ออกมานา้ เสนอผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรมหน้าชนั เรียน เพ่อื แลกเปลีย่ นความคดิ
จนครบทุกกลุ่ม ในระหว่างทน่ี กั เรียนน้าเสนอครูคอยให้ขอ้ เสนอแนะเพม่ิ เติม เพื่อให้นักเรยี น
มคี วามเข้าใจท่ีถกู ต้อง
(หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมินนักเรียน โดยใช้แบบประเมินการน้าเสนอผลงาน)
10. นกั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ทไ่ี ด้จากการปฏบิ ัติกิจกรรมท่ี 1 กระบวนการเกดิ เมฆและหมอก
11. นกั เรยี นแตล่ ะคนทา้ กจิ กรรมหนูตอบได้ จากหนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 2 โดยตอบค้าถาม
ลงในสมุดประจา้ ตัวนกั เรียน หรอื แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 2

ขัน้ ท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
12. ครูน้าบัตรข้อความเก่ียวกับเมฆและหมอก ใสไ่ ว้ในกล่อง แลว้ นา้ มาวางไว้หนา้ ชันเรยี น จากนนั ครู
แบ่งนักเรียนออกเป็นสองฝา่ ย โดยให้แตล่ ะฝ่ายสง่ ตัวแทนออกมากลุ่มละ 1 คน แล้วเลอื กวา่ ฝา่ ยใด
จะได้ทายก่อน
13. ตัวแทนฝ่ายท่ีได้เลน่ ก่อน หยิบบตั รขอ้ ความในกลอ่ ง อา่ นข้อความให้เพือ่ นฟัง แล้วใหเ้ พอื่ นทาย
ถ้าทายถูกจะได้ข้อละ 2 คะแนน ถ้าทายผิดจะไม่ไดค้ ะแนน สลบั กนั เลน่ จนหมดบตั รข้อความทีค่ รู
เตรียมไว้ ซงึ่ ตวั อย่างบัตรขอ้ ความ มดี งั นี
- เมฆเกิดขึนได้อย่างไร
(แนวตอบ : เมฆเกิดจากไอนา้ ในอากาศควบแน่นเป็นละอองนา้ ขนาดเล็กจ้านวนมาก
เมื่อละอองนา้ จา้ นวนมากเกาะกล่มุ รวมกนั ลอยอยู่สูงจากพนื ดินมาก)
- เมฆ แบง่ ออกเป็นก่รี ะดบั ใช้เกณฑอ์ ะไรบา้ งในการแบง่ เมฆ
(แนวตอบ : เมฆ แบ่งออกเปน็ 3 ระดับ โดยพิจารณาจากความสูง)
- เมฆคิวมลู สั มลี ักษณะอยา่ งไร
(แนวตอบ : มลี กั ษณะเปน็ ก้อนขนาดคล้ายภเู ขาหรอื ดอกกะหลา่้ มสี ีขาว)
- ถา้ พบเมฆควิ มลู สั แสดงว่าสภาวะอากาศเป็นอยา่ งไร
(แนวตอบ : สภาวะอากาศดี ท้องฟา้ มีสนี ้าเงนิ เขม้ พบในฤดูรอ้ น)
- หมอกเกดิ ขนึ ได้อยา่ งไร
(แนวตอบ : หมอกเกดิ จากไอนา้ ในอากาศควบแน่นเป็นละอองนา้ ขนาดเล็กจ้านวนมาก
เมื่อละอองน้าจ้านวนมากเกาะกลุม่ รวมกันลอยอยู่ใกล้พนื ดิน)

121

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 6 แหล่งน้าและลมฟา้ อากาศ
แผนฯ ท่ี 3 การเกิดเมฆและหมอก

- หมอกท้าให้เกิดอันตรายหรอื ไม่อยา่ งไร
(แนวตอบ : หากมลี ะอองนา้ มาก หมอกจะย่ิงหนามาก ท้าให้การมองเหน็ ของเราลดลง
อาจเปน็ สาเหตุหน่งึ ของการเกดิ อุบัติเหตุในการเดินทาง)

14. ครูสุม่ เลขท่ีนกั เรยี น จา้ นวน 3 คน ให้ยกตัวอย่างเมฆในแต่ละชนั ดงั นี
 คนที่ 1 ใหย้ กตัวอย่างเมฆชันสงู
 คนท่ี 2 ให้ยกตัวอย่างเมฆชนั กลาง
 คนที่ 3 ให้ยกตัวอยา่ งเมฆชนั ต้่า

15. ครูเปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นซักถามเนือหาเกย่ี วกับ เรอ่ื ง การเกิดเมฆและหมอก และให้ความรู้
เพม่ิ เตมิ จากคา้ ถามของนกั เรยี น โดยครูใช้ PowerPoint เรื่อง การเกิดเมฆและหมอก
ในการอธบิ ายเพิ่มเติม

16. นกั เรยี นแตล่ ะคนท้าใบงานที่ 6.3.1 เรื่อง เมฆและหมอก จากนนั ครสู ่มุ นกั เรียน 4 คน
ออกมาน้าเสนอค้าตอบของตนเอง โดยครใู หน้ กั เรยี นร่วมกนั พิจารณาวา่ คา้ ตอบใดถกู ตอ้ ง
จากนนั ครูเฉลยค้าตอบท่ีถกู ต้องให้นกั เรยี น

ข้นั สรุป

ขั้นท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครปู ระเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบค้าถาม พฤตกิ รรมการท้างานรายบคุ คล
พฤติกรรมการทา้ งานกลมุ่ และจากการนา้ เสนอผลการทา้ กจิ กรรมหนา้ ชนั เรียน
2. ครตู รวจสอบผลการปฏบิ ัติกจิ กรรมที่ 1 กระบวนการเกดิ เมฆและหมอก ในสมดุ ประจา้ ตัวนักเรียน
หรอื แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2
3. ครูตรวจสอบผลการทา้ กิจกรรมหนูตอบได้ ในสมดุ ประจา้ ตวั นักเรียน หรือแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์
ป.5 เล่ม 2
4. ครูตรวจสอบผลการท้าใบงานที่ 6.3.1 เรื่อง เมฆและหมอก
5. นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรุปเก่ียวกับการเกดิ เมฆและหมอก ซ่ึงได้ข้อสรุปร่วมกนั ว่า “ไอนา้ ในอากาศ
จะควบแน่นเป็นละอองน้าเลก็ ๆ โดยมีละอองลอย เชน่ เกลอื ฝุ่นละออง ละอองเรณขู องดอกไม้
เปน็ อนุภาคแกนกลาง เม่อื ละอองนา้ จ้านวนมากเกาะกลมุ่ รวมกนั ลอยอยสู่ งู จากพนื ดนิ มาก
เรียกวา่ เมฆ แตล่ ะอองน้าท่ีเกาะกล่มุ รวมกนั อยู่ใกล้พืนดนิ เรยี กว่า หมอก”

122

หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 แหล่งนา้ และลมฟา้ อากาศ
แผนฯ ที่ 3 การเกดิ เมฆและหมอก

7. การวดั และประเมนิ ผล

รายการวดั วธิ ีการ เครือ่ งมือ เกณฑ์การประเมนิ

7.1 ประเมนิ ระหวา่ ง

การจดั กจิ กรรม

การเรยี นรู้

1) กิจกรรมน้าเขา้ สู่ - ตรวจสมุดประจ้าตวั - สมดุ ประจา้ ตวั หรือ - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์
การเรียน หรอื แบบฝกึ หัด ป.5 เล่ม 2
วทิ ยาศาสตร์ ป.5

เลม่ 2

2) ผลบันทึกการ - ตรวจสมุดประจ้าตวั - สมดุ ประจา้ ตัว หรอื - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์
ปฏิบตั ิกิจกรรมท่ี 1 หรอื แบบฝึกหดั ป.5 เล่ม 2

กระบวนการเกดิ วิทยาศาสตร์ ป.5

เมฆและหมอก เลม่ 2

3) กิจกรรมหนตู อบได้ - ตรวจสมดุ ประจ้าตัว - สมุดประจ้าตวั หรือ - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์
หรอื แบบฝกึ หัด ป.5 เลม่ 2

วทิ ยาศาสตร์ ป.5

เล่ม 2

4) เมฆและหมอก - ตรวจใบงานท่ี 6.3.1 - ใบงานที่ 6.3.1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- แบบประเมินการ - ระดบั คุณภาพ 2
5) การนา้ เสนอผลการ - ประเมนิ การนา้ เสนอ นา้ เสนอผลงาน
- แบบสังเกตพฤตกิ รรม ผ่านเกณฑ์
ปฏิบัติกิจกรรม ผลปฏบิ ตั ิกจิ กรรม การทา้ งานรายบคุ คล - ระดบั คณุ ภาพ 2
- แบบสงั เกตพฤติกรรม
6) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤตกิ รรม การทา้ งานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์
- แบบประเมิน - ระดับคณุ ภาพ 2
ท้างานรายบคุ คล การทา้ งานรายบคุ คล คณุ ลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์
อนั พงึ ประสงค์ - ระดับคณุ ภาพ 2
7) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม ผ่านเกณฑ์

ทา้ งานกลมุ่ การท้างานกลุม่

8) คุณลกั ษณะ - สงั เกตความมวี ินยั

อนั พึงประสงค์ รับผดิ ชอบ ใฝ่เรียนรู้

และมุง่ มน่ั ในการ

ทา้ งาน

123

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 6 แหล่งน้าและลมฟา้ อากาศ
แผนฯ ท่ี 3 การเกดิ เมฆและหมอก

8. สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้

8.1 ส่ือการเรยี นรู้
1) หนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 แหลง่ น้าและลมฟา้ อากาศ
2) แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 6 แหล่งน้าและลมฟ้าอากาศ
3) ใบงานที่ 6.3.1 เรื่อง เมฆและหมอก
4) วัสดุ-อุปกรณท์ ีใ่ ชใ้ นกจิ กรรมท่ี 1 กระบวนการเกิดเมฆและหมอก
5) PowerPoint เร่อื ง การเกิดเมฆและหมอก
6) บตั รข้อความเกีย่ วกับเมฆและหมอก
7) สมดุ ประจ้าตวั นกั เรียน

8.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) ห้องเรียน
2) อินเทอรเ์ นต็

124

หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 6 แหลง่ น้าและลมฟา้ อากาศ
แผนฯ ท่ี 3 การเกิดเมฆและหมอก

ใบงานที่ 6.3.1

เรอ่ื ง เมฆและหมอก

คาช้แี จง : ให้นักเรยี นพิจารณาข้อความที่กาหนดให้แลว้ ทาเคร่ืองหมาย  หน้าขอ้ ความทีถ่ ูกต้อง
ทาเครื่องหมายผดิ  หน้าขอ้ ความที่ไมถ่ กู ตอ้ ง

1. ไอน้าในอากาศจะควบแน่นเป็นละอองน้าเล็ก ๆ โดยมีละอองลอย เช่น เกลอื ฝุ่นละออง
ละอองเรณูของดอกไม้ เปน็ อนุภาคแกนกลาง

2. เมื่อละอองน้าจานวนมากเกาะกลมุ่ รวมกันลอยอยู่สูงจากพื้นดินมาก เรยี กวา่ หมอก

3. ละอองนา้ ท่ีเกาะกลุม่ รวมกันอยใู่ กลพ้ น้ื ดนิ เรยี กวา่ เมฆ

4. เมฆแบ่งออกเปน็ 3 ระดับ โดยพิจารณาจากความสงู ของฐานเมฆ

5. เมฆอัลโตคิวมลู สั เปน็ เมฆช้ันต่า

6. เมฆทที่ าให้ฝนตกพร่า คือ เมฆนิมโบสเตรตสั

7. เมฆทท่ี าให้เกดิ ฝนฟ้าคะนอง คอื เมฆคิวมูโลนมิ บัส

8. เมฆทีม่ ีลักษณะแผ่นคล้ายผ้าห่ม คือ เมฆสเตรตัส

9. ในวนั อากาศดมี องเหน็ ท้องฟ้าสีน้าเงินเขม้ มองเหน็ เมฆเป็นริ้วคลา้ ยขนนก คือ
เมฆซรี ร์ ัส

10. หากมลี ะอองน้ามาก หมอกจะยิ่งหนามาก ทาใหก้ ารมองเห็นของเราลดลง อาจเป็น
สาเหตหุ นงึ่ ของการเกิดอบุ ัติเหตุในการเดินทาง

125

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 6 แหล่งนา้ และลมฟา้ อากาศ
แผนฯ ท่ี 3 การเกิดเมฆและหมอก

ใบงานท่ี 6.3.1 เฉลย

เร่ือง เมฆและหมอก

คาช้แี จง : ใหน้ ักเรยี นพจิ ารณาขอ้ ความท่กี าหนดให้แลว้ ทาเคร่ืองหมาย  หน้าข้อความทีถ่ กู ต้อง
ทาเคร่อื งหมายผิด  หนา้ ข้อความท่ไี มถ่ กู ต้อง

 1. ไอนา้ ในอากาศจะควบแน่นเป็นละอองน้าเล็ก ๆ โดยมีละอองลอย เช่น เกลอื ฝุ่นละออง

ละอองเรณขู องดอกไม้ เป็นอนภุ าคแกนกลาง
เมฆ

 2. เมือ่ ละอองน้าจานวนมากเกาะกล่มุ รวมกันลอยอยู่สงู จากพืน้ ดินมาก เรยี กว่า หมอก
 3. ละอองนา้ ท่ีเกาะกลมุ่ รวมกันอย่ใู กลพ้ ื้นดนิ เรยี กว่า เมฆ หมอก

 4. เมฆแบ่งออกเปน็ 3 ระดบั โดยพิจารณาจากความสูงของฐานเมฆ

 5. เมฆอัลโตคิวมูลัส เปน็ เมฆชั้นต่า เมฆชัน้ กลาง

 6. เมฆท่ที าใหฝ้ นตกพรา่ คือ เมฆนมิ โบสเตรตัส

 7. เมฆทท่ี าให้เกิดฝนฟา้ คะนอง คือ เมฆคิวมูโลนิมบสั

 8. เมฆทีม่ ีลกั ษณะแผน่ คล้ายผ้าห่ม คอื เมฆสเตรตัส

 9. ในวนั อากาศดมี องเหน็ ท้องฟา้ สีน้าเงนิ เขม้ มองเหน็ เมฆเปน็ รวิ้ คล้ายขนนก คอื

เมฆซีรร์ สั

 10. หากมีละอองน้ามาก หมอกจะย่งิ หนามาก ทาใหก้ ารมองเหน็ ของเราลดลง อาจเปน็

สาเหตหุ นึง่ ของการเกิดอบุ ัติเหตใุ นการเดนิ ทาง

126

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 6 แหล่งนา้ และลมฟา้ อากาศ 
แผนฯ ท่ี 3 การเกดิ เมฆและหมอก

บัตรข้อความ

เมฆเกิดข้นึ ได้อย่างไร
เมฆแบง่ ออกเป็นกรี่ ะดับใชเ้ กณฑ์

อะไรบ้างในการแบง่ เมฆ
เมฆคิวมูลัส มีลกั ษณะอย่างไร
ถา้ พบเมฆคิวมลู สั แสดงว่าสภาวะ

อากาศเปน็ อย่างไร
หมอกเกดิ ข้นึ ได้อย่างไร

127

หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 6 แหลง่ นา้ และลมฟ้าอากาศ 
แผนฯ ท่ี 3 การเกดิ เมฆและหมอก

หมอกทาให้เกิดอันตรายหรอื ไม่
อย่างไร

128

หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 แหลง่ น้าและลมฟ้าอากาศ
แผนฯ ท่ี 3 การเกดิ เมฆและหมอก

9. ความเห็นของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาหรือผูท้ ไ่ี ดร้ ับมอบหมาย

ขอ้ เสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชื่อ
( .................................
................................ )
ตาแหน่ง
.......

10. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน

 ด้านความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสา้ คญั ของผ้เู รียน

 ด้านคุณลักษณะอนั พึงประสงค์

 ด้านความสามารถทางวิทยาศาสตร์

 ด้านอน่ื ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมทมี่ ีปัญหาของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้ามี))

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแก้ไข

129

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 6 แหลง่ นา้ และลมฟา้ อากาศ
แผนฯ ที่ 4 การเกิดน้าค้างและน้าค้างแขง็

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 4

การเกดิ นา้ คา้ งและนา้ คา้ งแขง็

เวลา 2 ชัว่ โมง

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีวดั

ว 3.2 ป.5/4 เปรยี บเทียบกระบวนการเกดิ เมฆ หมอก น้าคา้ ง และน้าค้างแขง็ จากแบบจา้ ลอง

2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

1. อธบิ ายการเกิดนา้ คา้ งและน้าคา้ งแข็งได้ (K)
2. เปรยี บเทียบเกิดนา้ ค้างและนา้ คา้ งแข็งได้ (K)
3. ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมการเกิดนา้ ค้างและนา้ ค้างแข็งได้อย่างถกู ต้องและเป็นล้าดบั ขันตอน (P)
4. ให้ความร่วมมือในการท้ากจิ กรรมกลุ่มและมีความรับผิดชอบในการส่งงานตรงเวลา (A)

3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรูท้ ้องถ่ิน
พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา
สาระการเรียนร้แู กนกลาง
ไอน้าในอากาศจะควบแน่นเป็นละอองนา้ เล็ก ๆ
โดยมีละอองลอย เช่น เกลือ ฝุ่นละออง ละอองเรณู
ของดอกไม้ เป็นอนุภาคแกนกลาง เมื่อละอองน้า
จา้ นวนมากเกาะกลุม่ รวมกันลอยอย่สู ูงจากพนื ดินมาก
เรียกวา่ เมฆ แตล่ ะอองน้าทีเ่ กาะกลุ่มรวมกันอยู่ใกล้
พืนดิน เรียกว่า หมอก ส่วน ไอน้าที่ควบแน่นเป็น
ละอองน้าเกาะอยู่บนพืนผิววัตถุใกล้พืนดิน เรียกว่า
น้าค้าง ถ้าอุณหภูมิใกล้พืนดินต่้ากว่าจุดเยือกแข็ง
นา้ คา้ งก็จะกลายเป็นนา้ ค้างแขง็

4. สาระส้าคญั /ความคิดรวบยอด

ไอนา้ ทค่ี วบแน่นเปน็ ละอองน้าเกาะอยบู่ นพืนผิววัตถุใกล้พืนดิน เรียกว่า น้าคา้ ง ถ้าอุณหภูมใิ กล้
พนื ดินต้า่ กว่าจดุ เยอื กแข็งน้าคา้ งก็จะกลายเปน็ นา้ ค้างแขง็

130

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 6 แหลง่ นา้ และลมฟา้ อากาศ
แผนฯ ที่ 4 การเกิดน้าค้างและน้าค้างแข็ง

5. สมรรถนะสา้ คญั ของผูเ้ รยี นและคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

สมรรถนะส้าคัญของผู้เรยี น คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. มวี นิ ัย รับผดิ ชอบ

2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รยี นรู้

1) ทกั ษะการสังเกต 3. ซ่ือสตั ย์ สุจริต

2) ทกั ษะการทดลอง 4. มงุ่ มนั่ ในการทา้ งาน

3) ทักษะการตงั สมมติฐาน
4) ทกั ษะการสร้างแบบจ้าลอง

5) ทักษะการทา้ งานรว่ มกัน

6) ทักษะการก้าหนดและควบคมุ ตัวแปร

7) ทักษะการตีความหมายขอ้ มลู และลงข้อสรปุ

8) ทักษะการจัดกระท้าและส่ือความหมายข้อมูล

3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต

4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

6. กิจกรรมการเรียนรู้

 แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

ช่ัวโมงท่ี 1

ขนั น้า

ขันที่ 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engage)

1. ครูทกั ทายกับนกั เรียน แล้วแจง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ทจ่ี ะเรยี นใหน้ ักเรยี นทราบ
2. ครนู า้ บัตรภาพน้าค้าง และน้าค้างแขง็ มาใหน้ ักเรียนดู โดยครูติดไวบ้ นกระดาน ดงั นี

131

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 6 แหลง่ น้าและลมฟ้าอากาศ
แผนฯ ท่ี 4 การเกดิ นา้ คา้ งและนา้ คา้ งแข็ง

3. จากนันครตู ังประเดน็ ค้าถามกระต้นุ ความสนใจนักเรียนจากบัตรภาพ โดยใหน้ ักเรยี นแต่ละคน
ร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระโดยไม่มีการเฉลยวา่ ถูกหรอื ผิด ดงั นี
- นา้ คา้ งเกดิ ขนึ ได้อยา่ งไร
(แนวตอบ : นา้ คา้ ง เกิดจากไอน้าทคี่ วบแน่นเปน็ ละอองนา้ เกาะอยบู่ นพืนผิววัตถุใกล้พนื ดนิ )
- น้าคา้ งแขง็ เกดิ ขนึ อย่างไร
(แนวตอบ : นา้ ค้างแขง็ เกิดจากนา้ ค้างอุณหภมู ใิ กลพ้ นื ดินต่้ากวา่ จดุ เยือกแข็งน้าค้างกจ็ ะ
กลายเป็นนา้ ค้างแข็ง)
- น้าค้างและนา้ คา้ งแข็งเหมือนกันหรอื แตกตา่ งกนั อย่างไร
(แนวตอบ : แตกตา่ งกันนา้ ค้างมีสถานะเป็นของเหลว แตน่ ้าคา้ งแขง็ มีสถานะเปน็ ของแขง็ )

ขนั สอน

ขันที่ 2 สา้ รวจคน้ หา (Explore)

1. ครจู ัดเตรียมวสั ดุ-อปุ กรณ์ท่ีใชใ้ นกจิ กรรมท่ี 2 กระบวนการเกดิ นา้ ค้างและนา้ คา้ งแขง็

จากหนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 2 มาวางไว้หนา้ ชันเรยี น ดังนี

- เกลอื 1 ถงุ - ชอ้ นโตะ๊ 1 คนั

- แกว้ สแตนเลส 2 ใบ - นา้ แขง็ 1 แก้ว

- บัตรภาพน้าคา้ งและน้าคา้ งแขง็ 1 ชุด

2. นักเรยี นแบง่ กล่มุ โดยครูเตรียมสลากหมายเลขกลุม่ 1-5 จากนันให้นกั เรยี นแตล่ ะคนออกมาหยบิ

สลาก ซ่งึ นกั เรยี นทีไ่ ดห้ มายเลขเดียวกนั จะอยู่กลุม่ เดยี วกนั ซงึ่ แต่ละกลุ่มจะมีสมาชิกภายใน

กลุ่ม 5 คน

3. นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ จดั เตรยี มอปุ กรณ์ทใ่ี ชใ้ นกิจกรรมท่ี 2 กระบวนการเกิดนา้ คา้ งและน้าค้างแข็ง

จากหนงั สอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2

4. ครแู จง้ จุดประสงค์ของกิจกรรมที่ 2 กระบวนการเกดิ น้าค้างและน้าคา้ งแข็ง ใหน้ ักเรียนทราบ

เพือ่ เป็นแนวทางการปฏิบตั กิ จิ กรรมทถ่ี ูกตอ้ ง

5. นักเรียนแต่ละกลมุ่ ร่วมกันปฏบิ ตั ิกิจกรรมที่ 2 กระบวนการเกิดนา้ คา้ งและน้าค้างแข็ง โดยปฏบิ ตั ิ

กิจกรรม ดงั นี

1) ศกึ ษาขันตอนการปฏบิ ตั ิกิจกรรมจากหนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2 อยา่ งละเอยี ด

หากมขี อ้ สงสยั ใหส้ อบถามครู

2) รว่ มกนั ก้าหนดปญั หาและตังสมมตฐิ านในการปฏิบัติกิจกรรม แล้วบันทึกผลลงในสมดุ ประจา้ ตวั

นักเรยี น หรอื แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2

132

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 6 แหล่งนา้ และลมฟา้ อากาศ
แผนฯ ที่ 4 การเกิดนา้ ค้างและนา้ ค้างแขง็

3) ร่วมกนั ปฏิบัติกิจกรรมตามขนั ตอนให้ครบถว้ นและถกู ต้องทกุ ขนั ตอน จากนันบนั ทกึ ผลลงใน
สมดุ ประจ้าตัวนักเรยี น หรือแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 2

(หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทา้ งานกลมุ่ )
6. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ร่วมกนั วเิ คราะหผ์ ลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม แลว้ อภปิ รายผลและสรุปผลการทดลอง

ชว่ั โมงท่ี 2

ขันสอน

ขนั ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explain)
7. นกั เรียนแต่ละกลุ่มออกมาน้าเสนอผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหนา้ ชันเรยี น เพ่อื แลกเปลีย่ นความคดิ
จนครบทุกกลมุ่ ในระหว่างท่ีนักเรยี นน้าเสนอครูคอยใหข้ ้อเสนอแนะเพมิ่ เติม เพอ่ื ให้นักเรยี น
มีความเข้าใจทถี่ ูกต้อง
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมนิ นกั เรยี น โดยใชแ้ บบประเมินการน้าเสนอผลงาน)
8. นกั เรียนและครูร่วมกนั สรปุ ความรทู้ ไ่ี ดจ้ ากการปฏบิ ัติกิจกรรมท่ี 2 กระบวนการเกดิ น้าคา้ ง
และนา้ คา้ งแข็ง
9. นกั เรียนแตล่ ะคนทา้ กจิ กรรมหนตู อบได้ จากหนังสอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2 โดยตอบคา้ ถาม
ลงในสมดุ ประจ้าตวั นกั เรยี น หรอื แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2
10. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มศึกษาคน้ ควา้ ข้อมลู เพ่ิมเติมเก่ยี วกับ เรอ่ื ง นา้ ค้างและน้าค้างแข็ง จากหนงั สือ
เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 2 หรือแหลง่ การเรยี นรู้ตา่ ง ๆ เชน่ อินเทอรเ์ น็ต ห้องสมุด
แล้วนา้ ความรู้ท่ไี ดม้ าร่วมกันอภปิ รายและบันทึกขอ้ มลู ลงในสมุดประจา้ ตัวนักเรียน
11. ครูส่มุ เลขท่นี กั เรียน จา้ นวน 2-3 คน ใหอ้ า่ นผลการค้นควา้ ของตนเองใหเ้ พ่อื น ๆ ฟงั

ขนั ที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
12. ครตู ังประเดน็ คา้ ถามกระต้นุ ความคิดนกั เรยี น โดยให้นักเรียนแต่ละกลมุ่ รว่ มกันอภิปราย
แสดงความคิดเห็นเพอื่ ค้าตอบ ดังนี
- เราจะพบน้าคา้ งไดท้ ีใ่ ดบ้าง
(แนวตอบ : จะพบนา้ ค้างได้ตอนเชา้ ตรู่ ซึ่งจะเกาะอยบู่ นใบหญา้ บนใยแมงมุมท่ขี ึงอยู่ตามต้นไม้)
- น้าค้างท่ีพบบนใยแมงมุมมีลกั ษณะอยา่ งไร
(แนวตอบ : มีลกั ษณะเหมอื นเพชรเม็ดเล็ก ๆ ร้อยกันเป็นพวง)

133

หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 6 แหล่งนา้ และลมฟา้ อากาศ
แผนฯ ที่ 4 การเกิดน้าคา้ งและนา้ ค้างแข็ง

- การเกิดน้าคา้ งแข็งส่งผลอย่างไรบ้าง
(แนวตอบ : อาจส่งผลท้าใหผ้ ลผลติ ทางการเกษตรเสียหาย และหากเกดิ เป็นจ้านวนมาก
ตดิ ตอ่ กนั หลายวนั อาจเปน็ สาเหตุหน่ึงของอุบตั เิ หตบุ นถนนได้)

- นา้ คา้ งแข็งท่ีเกดิ ขนึ ทางภาคเหนือเรยี กวา่ อะไร
(แนวตอบ : เหมยขาบ หรอื แม่คะนิง)

13. ครูอธิบายให้นกั เรียนเข้าใจเก่ยี วกบั เรือ่ ง นา้ ค้างแขง็ วา่ “นา้ คา้ งแข็งจะเกิดในชว่ งฤดหู นาว
ทางภาคเหนือของประเทศไทย หรอื ท่เี รียกวา่ เหมยขาบ หรือแม่คะนงิ อยู่บนดอยสูง ๆ ท้าให้มี
นักท่องเที่ยวเดินทางไปชมเปน็ จ้านวนมาก”

14. ครูเปิดโอกาสใหน้ กั เรยี นซักถามเนอื หาเกี่ยวกบั เร่ือง การเกิดนา้ ค้างและน้าค้างแข็ง และใหค้ วามรู้
เพิม่ เตมิ จากคา้ ถามของนักเรยี น โดยครูใช้ PowerPoint เรอ่ื ง การเกดิ น้าคา้ งและนา้ ค้างแข็ง
ในการอธิบายเพม่ิ เติม

15. นกั เรยี นแต่ละคนท้าใบงานที่ 6.4.1 เรอ่ื ง น้าค้างและนา้ คา้ งแขง็ จากนนั ครูสุ่มนกั เรยี น 2 คน
ออกมาน้าเสนอค้าตอบของตนเอง โดยครใู ห้นกั เรียนร่วมกนั พจิ ารณาวา่ คา้ ตอบใดถูกตอ้ ง
จากนนั ครูเฉลยค้าตอบทถี่ กู ตอ้ งใหน้ ักเรียน

ขันสรุป

ขันท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครปู ระเมินผล โดยการสงั เกตพฤตกิ รรมการตอบค้าถาม พฤตกิ รรมการท้างานรายบุคคล
พฤติกรรมการทา้ งานกลุม่ และจากการนา้ เสนอผลการท้ากิจกรรมหนา้ ชนั เรยี น
2. ครตู รวจสอบผลการปฏบิ ัติกิจกรรมที่ 2 กระบวนการเกดิ น้าค้างและนา้ คา้ งแขง็ ในสมุดประจา้ ตวั
นักเรยี น หรอื แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2
3. ครูตรวจสอบผลการท้ากิจกรรมหนตู อบได้ ในสมุดประจ้าตวั นักเรียน หรอื แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์
ป.5 เล่ม 2
4. ครูตรวจสอบผลการท้าใบงานที่ 6.4.1 เรอ่ื ง นา้ ค้างและน้าคา้ งแข็ง
5. นกั เรยี นและครูร่วมกนั สรุปเกยี่ วกับการเกิดน้าค้างและน้าค้างแขง็ ซงึ่ ไดข้ ้อสรุปรว่ มกนั ว่า
“นา้ ค้างเกดิ จากการกลน่ั ตัวเม่อื ไอน้าในอากาศกระทบกบั บริเวณผวิ วัตถุทเ่ี ย็นกว่า และนา้ ค้างแข็ง
เกิดจากอากาศทเี่ ยน็ จัด ซึ่งอุณหภูมลิ ดลงอยา่ งตอ่ เนือ่ งจนถึงจดุ ต้า่ กวา่ จดุ เยือกแข็ง นา้ ค้างก็จะ
เกิดการแขง็ ตวั กลายเป็นน้าคา้ งแข็ง”

134

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 6 แหล่งนา้ และลมฟ้าอากาศ
แผนฯ ที่ 4 การเกิดน้าค้างและน้าค้างแขง็

7. การวดั และประเมินผล

รายการวัด วิธกี าร เคร่ืองมือ เกณฑ์การประเมิน

7.1 ประเมนิ ระหว่าง

การจัดกจิ กรรม

การเรยี นรู้

1) ผลบันทกึ การ - ตรวจสมุดประจ้าตัว - สมดุ ประจ้าตวั หรอื - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์
ปฏบิ ตั ิกิจกรรมท่ี 2 หรอื แบบฝกึ หัด ป.5 เลม่ 2
กระบวนการเกิด วทิ ยาศาสตร์ ป.5

นา้ ค้างและน้าคา้ ง เล่ม 2

แขง็

2) กิจกรรมหนตู อบได้ - ตรวจสมดุ ประจา้ ตัว - สมุดประจ้าตัว หรอื - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์
หรอื แบบฝกึ หัด ป.5 เล่ม 2

วทิ ยาศาสตร์ ป.5

เล่ม 2

3) น้าคา้ งและน้าค้าง - ตรวจใบงานท่ี 6.4.1 - ใบงานที่ 6.4.1 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

แข็ง

4) การน้าเสนอผลการ - ประเมินการนา้ เสนอ - แบบประเมินการ - ระดับคณุ ภาพ 2
น้าเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์
ปฏิบตั ิกิจกรรม ผลปฏิบตั ิกจิ กรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
การท้างานรายบุคคล - ระดับคณุ ภาพ 2
5) พฤตกิ รรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ผา่ นเกณฑ์
ท้างานรายบคุ คล การท้างานรายบคุ คล การทา้ งานกล่มุ
- แบบประเมนิ - ระดบั คณุ ภาพ 2
6) พฤตกิ รรมการ - สงั เกตพฤติกรรม คุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์
อนั พงึ ประสงค์ - ระดบั คุณภาพ 2
ท้างานกลุม่ การท้างานกลมุ่ ผ่านเกณฑ์

7) คุณลักษณะ - สงั เกตความมวี นิ ัย

อันพงึ ประสงค์ รับผิดชอบ ใฝเ่ รยี นรู้

และมุ่งมน่ั ในการ

ท้างาน

135

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 6 แหลง่ นา้ และลมฟ้าอากาศ
แผนฯ ที่ 4 การเกิดนา้ ค้างและนา้ คา้ งแข็ง

8. สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้

8.1 ส่ือการเรียนรู้
1) หนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 6 แหลง่ นา้ และลมฟา้ อากาศ
2) แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 6 แหล่งน้าและลมฟ้าอากาศ
3) ใบงานท่ี 6.4.1 เรอ่ื ง น้าคา้ งและน้าค้างแขง็
4) วสั ดุ-อุปกรณ์ที่ใชใ้ นกิจกรรมที่ 2 กระบวนการเกดิ นา้ ค้างและน้าคา้ งแข็ง
5) PowerPoint เรอ่ื ง การเกดิ น้าค้างและนา้ คา้ งแขง็
6) บตั รภาพน้าคา้ ง และน้าคา้ งแขง็
7) สลากหมายเลขกลุ่ม 1-5
8) สมดุ ประจา้ ตวั นกั เรยี น

8.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) หอ้ งเรียน
2) ห้องสมดุ
3) อนิ เทอรเ์ น็ต

136

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 6 แหลง่ นา้ และลมฟา้ อากาศ
แผนฯ ที่ 4 การเกิดน้าค้างและนา้ ค้างแขง็

ใบงานที่ 6.4.1

เรอ่ื ง น้าคา้ งและน้าคา้ งแข็ง

ค้าชีแจง : ใหน้ ักเรยี นพจิ ารณาภาพท่กี ้าหนดให้ แลว้ อธบิ ายใตภ้ าพมาพอสงั เขป
1.

.........................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................

2.

.........................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................

137

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 6 แหลง่ นา้ และลมฟา้ อากาศ
แผนฯ ท่ี 4 การเกิดน้าค้างและนา้ ค้างแขง็

ใบงานที่ 6.4.1 เฉลย

เรอ่ื ง น้าคา้ งและน้าคา้ งแข็ง

คา้ ชแี จง : ให้นกั เรียนพิจารณาภาพทก่ี ้าหนดให้ แล้วอธบิ ายใตภ้ าพมาพอสงั เขป
1.

น้าคา้ งเกดิ จากเมื่ออากาศท่ีอยู่ใกล้พืนดินในเวลากลางคืนเยน็ ลงเรว็ กว่าอากาศบนท้องฟ้า
จงึ ทา้ ให้ไอน้าควบแนน่ เป็นละอองน้าเกาะอย่บู นใยแมงมุม มีลักษณะเหมอื นเพชรเม็ดเล็ก ๆ รอ้ ยกัน
เปน็ พวง

2.

นา้ คา้ งแขง็ เกิดจากเม่ืออณุ หภมู ใิ กลพ้ นื ดินตา่้ กว่าจดุ เยือกแขง็ นา้ ค้างจะแขง็ ตวั กลายเป็น
นา้ คา้ งแข็งเกาะอยู่บนใบไม้

138

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 แหล่งนา้ และลมฟา้ อากาศ 2 
แผนฯ ที่ 4 การเกดิ น้าค้างและนา้ ค้างแข็ง 4

สลากหมายเลข

1

3
5

139

หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 แหลง่ น้าและลมฟา้ อากาศ 
แผนฯ ท่ี 4 การเกิดน้าค้างและนา้ คา้ งแขง็

บัตรภาพน้าคา้ ง และน้าคา้ งแข็ง

140

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 6 แหลง่ น้าและลมฟา้ อากาศ
แผนฯ ที่ 4 การเกิดน้าค้างและน้าคา้ งแข็ง

9. ความเหน็ ของผู้บรหิ ารสถานศึกษาหรือผทู้ ่ไี ด้รับมอบหมาย

ข้อเสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชอ่ื
( .................................
................................ )
ตา้ แหน่ง
.......

10. บนั ทึกผลหลังการสอน

 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสา้ คัญของผ้เู รียน

 ดา้ นคุณลักษณะอนั พึงประสงค์

 ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ดา้ นอ่นื ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมทมี่ ีปญั หาของนักเรียนเปน็ รายบคุ คล (ถา้ มี))

 ปญั หา/อุปสรรค

 แนวทางการแก้ไข

141

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 6 แหล่งน้าและลมฟา้ อากาศ
แผนฯ ท่ี 5 การเกิดหยาดนา้ ฟา้

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 5

การเกดิ หยาดน้าฟ้า

เวลา 3 ช่ัวโมง

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี ดั

ว 3.2 ป.5/5 เปรียบเทียบกระบวนการเกดิ ฝน หิมะ และลกู เหบ็ จากข้อมลู ท่ีรวบรวมได้

2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายการการเกิดหยาดนา้ ฟา้ ได้ (K)
2. เปรียบเทยี บกระบวนการเกิดฝน หมิ ะและลกู เหบ็ ได้ (K)
3. ปฏิบตั กิ ิจกรรมการเกดิ หยาดน้าฟ้าได้อย่างถกู ต้องและเปน็ ล้าดับขันตอน (P)
4. ให้ความรว่ มมอื ในการท้ากจิ กรรมกลุม่ และมคี วามรบั ผิดชอบในการสง่ งานตรงเวลา (A)

3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นร้ทู อ้ งถิ่น
พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
ฝน หิมะ ลูกเห็บ เป็นหยาดน้าฟ้าซ่ึงเป็นน้าที่มี
สถาน ะต่าง ๆ ที่ตกจากฟ้าถึงพืนดิน ฝน เกิดจา ก
ละอองนา้ ในเมฆทีร่ วมตัวกันจนอากาศไมส่ ามารถพยุง
ไว้ได้จึงตกลงมา หิมะเกดิ จากไอน้าในอากาศระเหิด
กลับเปน็ ผลึกน้าแข็ง รวมตัวกนั จนมนี ้าหนักมากขึนจน
เกินกว่าอากาศจะพยุงไว้จงึ ตกลงมา ลกู เห็บเกิดจาก
หยดน้าที่เปลี่ยนสถานะเป็นน้าแขง็ แล้วถูกพายพุ ัด
วนซา้ ไปซ้ามาในเมฆฝนฟ้าคะนองท่ีมีขนาดใหญแ่ ละ
อยูใ่ นระดับสูงจนเปน็ ก้อนน้าแขง็ ขนาดใหญ่ขึนแลว้ ตก
ลงมา

4. สาระส้าคัญ/ความคดิ รวบยอด

ฝนเกดิ ไอน้าในอากาศควบแนน่ เปน็ ละอองน้าเลก็ ๆ เม่ือละอองน้าจา้ นวนมากในเมฆรวมตวั กันจน
อากาศไม่สามารถพยุงไว้ได้จงึ ตกลงมาเป็นฝน หิมะเกิดจากไอน้าในอากาศระเหิดกลับเป็นผลึกน้าแข็ง
รวมตัวกันจนมีน้าหนกั มากขึนจนเกินกว่าอากาศจะพยุงไว้จงึ ตกลงมา ลูกเห็บเกิดจากหยดน้าที่เปลี่ยน
สถานะเป็นน้าแข็ง แล้วถูกพายุพัดวนซ้าไปซา้ มาในเมฆฝนฟ้าคะนองท่ีมขี นาดใหญ่และอยู่ในระดับสูง
จนเปน็ ก้อนน้าแขง็ ขนาดใหญข่ ึนแล้วตกลงมา

142

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 6 แหล่งน้าและลมฟ้าอากาศ
แผนฯ ท่ี 5 การเกิดหยาดน้าฟา้

5. สมรรถนะสา้ คัญของผเู้ รียนและคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

สมรรถนะสา้ คัญของผู้เรยี น คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. มีวินยั รบั ผิดชอบ

2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รียนรู้

1) ทกั ษะการสังเกต 3. ซือ่ สัตย์ สุจริต

2) ทกั ษะการทดลอง 4. มุ่งมน่ั ในการทา้ งาน

3) ทกั ษะการตงั สมมติฐาน
4) ทักษะการท้างานร่วมกนั

5) ทักษะการลงความเหน็ จากข้อมลู

6) ทกั ษะการจดั กระท้าและส่อื ความหมายข้อมลู

3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต

4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. กิจกรรมการเรียนรู้

 แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

ชวั่ โมงที่ 1

ขนั น้า

ขันท่ี 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage)

1. ครทู ักทายกบั นกั เรยี น แลว้ แจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ท่จี ะเรยี นใหน้ กั เรยี นทราบ
2. ครูน้าบัตรภาพฝนตก ลูกเหบ็ ตก และหมิ ะตก มาให้นักเรยี นดู โดยครูติดไว้บนกระดาน ดังนี

143


Click to View FlipBook Version