The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

1=รายงานOBECQA-Sopit 2565 (ฉบับสมบูรณ์)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by junyasreemungkala, 2022-08-25 22:29:44

1=รายงานOBECQA-Sopit 2565 (ฉบับสมบูรณ์)

1=รายงานOBECQA-Sopit 2565 (ฉบับสมบูรณ์)

รายงานวิธกี ารและผลการดาเนินงาน

ตามเกณฑร์ างวัลคุณภาพแหง่ สานักงานคณะกรรมการ
การศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน (OBECQA)
ประจาปี 2563

โรงเรียนโซ่พสิ ัยพทิ ยาคม
ตาบลโซ่ อาเภอโซ่พสิ ัย จังหวดั บงึ กาฬ
สานักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษามัธยมศกึ ษาบงึ กาฬ
สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ

แผนภมู โิ ครงสรา้ งสายงานการบรหิ ารโรงเรียนโซ่พสิ ัยพิทยาคม

ผ้อู านวยการโรงเรยี น คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพน้ื ฐาน

สมาคมศิษยเ์ กา่ โรงเรยี นโซพ่ ิสัยพทิ ยาคม สมาคมผู้ปกครองและครโู รงเรยี นโซ่พิสัยพทิ ยาคม
เครอื ข่ายผู้ปกครอง

รองผ้อู ำนวยกำรโรงเรยี น รองผอู้ ำนวยกำรโรงเรยี น รองผู้อำนวยกำรโรงเรยี น

กลุ่มบริหารวิชาการ กลุ่มบริหารบคุ คล กลุ่มบริหารแผนงาน และ กลุ่มบรหิ ารทว่ั ไป
และงานธรุ การ งบประมาณ และกิจการนักเรยี น

กล่มุ งานสง่ เสริมวชิ าการ กลุม่ งานบคุ ลากร กลุ่มงานแผนงานและ กล่มุ งานอาคารสถานที่
- งานพฒั นาหลกั สูตร/ - งานนเิ ทศ และพฒั นาบคุ ลากร นโยบาย - งานอาคารสถานทีส่ ่ิงแวดล้อม
- งานประเมนิ ผลการปฏิบัตงิ าน - งานแผนงานและจดั องคก์ ร - งานสาธารณปู โภคและปรบั ซ่อม
- นงนานหวั หนา้ กลุ่มสาระการ - งานวนิ ยั ข้าราชการ - งานควบคุมภายใน
- งานอัตรากาลงั - งานประกนั คุณภาพการศึกษา บารุง
เรียนรู้ - งานบรรจุ แตง่ ตงั้ ยา้ ย ลาออก - งานสง่ เสริมเศรษฐกจิ พอเพยี ง กลุม่ งานบรกิ าร
- งานจดั การเรยี นการสอน -- งานคณะกรรมการสถานศกึ ษา กลมุ่ งานการเงนิ และบัญชี - งาน งานส่งเสรมิ สุขภาพอนามยั
- งานหอ้ งสมุด /แหล่งเรยี นรู้ - งานการลา / ไปราชการ - งานการเงิน งานโภชนาการและคุม้ ครอง
- งานขวัญกาลังใจ - งานบริหารงานบัญชี ผูบ้ ริโภค
กลมุ่ งานพัฒนาผู้เรยี น - งานขอ้ มูลทะเบียนประวตั คิ รู - งานจดั หาและจดั เกบ็ รายได้
- งานลกู เสือ เนตรนารี - งานขอเคร่อื งราชอสิ รยิ าภรณ์ - งานสวสั ดิการครู - งานโรงเรยี นกับชมุ ชน
- งานแนะแนว - งานขอมบี ัตร ขอคารบั รอ้ ง - งานนโยบายเรยี นฟรี - งานระดมทรัพยากรเพื่อการศกึ ษา
- งานกิจกรรมสง่ เสรมิ วิชาการ - งานตรวจสอบ ตดิ ตาม - งานโสตทศั นศกึ ษา/ประชาสัมพนั ธ์
ปรับวฒุ ิ รายงาน - งานธนาคารขยะโรงเรียน
/ชุมนุม กล่มุ งานสานกั งาน กลมุ่ งานพัสดุและสินทรพั ย์
- งานกจิ กรรม นศท - งานจัดตั้งงบประมาณ กลมุ่ งานกิจการนกั เรยี น
ผ้อู านวยการ - งานจดั หา จัดซอื้ จัดจา้ ง - งานสง่ เสริมคณุ ธรรม จริยธรรม
กลมุ่ งานทะเบียน- - งานธุรการโรงเรียน - งานทะเบียนพัสดแุ ละครุภณั ฑ์ - งานสง่ เสรมิ ประชาธปิ ไตยนกั เรยี น
วดั ผล. - งานรบั รอง - งานรายงานพัสดปุ ระจา
- งานทะเบียนและเทยี บโอน - งานบ้านพกั ครู / บา้ นพกั - งานจาหน่ายพสั ดุ ครภุ ัณฑ์ และสภานักเรียน
- งานวดั ประเมนิ ผล - งานบรกิ ารรถโรงเรยี น - งานระบบดูแลช่วยเหลอื นกั เรียน
- งานรับนกั เรียน นกั เรยี น กลุ่มงาน IT / ICT - งานส่งเสริมประเพณี/วันสาคญั
- งานประชุมประจาเดือน - งานขอ้ มลู สารสนเทศโรงเรียน - งานป้องกัน แก้ไขปญั หาเสพตดิ
กลุม่ งานวิจัย ผลิตสื่อ - งานวนิ ยั และพฤตกิ รรมนกั เรียน
นวัตกรรม - งานธนาคารโรงเรยี น - งาน website /facebook
- งานวิจยั ในชัน้ เรยี น - งานประกนั ชีวติ นักเรียน
- งานพฒั นาส่ือ นวัตกรรม โรงเรยี น - งานจราจรในโรงเรียน
เทคโนโลยี - งานระบบดแู ลรถรบั สง่ /
- กล่มุ งานควบคมุ
คณุ ภาพการศกึ ษา ยานพาหนะ นกั เรียน
- งานนเิ ทศวชิ าการ

นักเรยี น

คำอภธิ ำนศพั ท์

SOPIT Model

หมายถึง รปู แบบการบริหารงานของโรงเรียนโซ่พิสัย ท่นี ามาใช้ กากับ ติดตามและตรวจสอบ
ประสิทธภิ าพของการปฏิบตั งิ านของโรงเรยี น มี 5 องคป์ ระกอบ ดังน้ี

S = System หมายถึง มีการบรหิ ารจัดการด้วยระบบคณุ ภาพ ทีใ่ ช้วงจรควบคุมคณุ ภาพของเดมมง่ิ
(Deming Cycle) เป็นตัวควบคมุ ไดแ้ ก่ ระบบทมี่ ีการวางแผน (Plan) การนาแผนไปสกู่ ารปฏิบตั ิ (Do) การ
ประเมินตรวจสอบ (Check) และการปรับปรงุ ผลการดาเนนิ การ (Act) หรอื PDCA

O = Organization หมายถงึ บุคลากรของโรงเรยี นทกุ คนต้องมององคก์ รเปน็ องค์กรเดยี วกนั เปน็
องคก์ รทางการศึกษา ทเี่ กิดจากการรว่ มคดิ ร่วมทา ร่วมแกป้ ญั หาและรว่ มพัฒนาองค์กร ใหม้ ีคุณภาพเป็นท่ี
ยอมรบั ของชมุ ชนและผเู้ ก่ยี วขอ้ งส่กู ารเป็นโรงเรยี น มาตรฐานสากล

P = Professional หมายถงึ บุคลากรของโรงเรียนทกุ คนมีความเปน็ มอื อาชีพ สามารถปฏบิ ัตงิ านได้
อย่างเต็มกาลังความสามารถ ตรงตอ่ เวลา มีคุณภาพและเกดิ ประสิทธผิ ลตามเปา้ หมาย

I = International หมายถึงบคุ ลากรของโรงเรียนทุกคน มองเป้าหมายการพฒั นาผู้เรียนส่คู วามเปน็
พลโลกมีคณุ ภาพและมาตรฐานทัดเทยี มกับนานาชาติ

T = Technology หมายถงึ กา้ วลา้ ทางเทคโนโลยี บุคลากรของโรงเรียนทกุ คน มคี วามรู้
ความสามารถในการนาเทคโนโลยีมาใช้เพื่อการบริหารจัดการและการเรียนรูไ้ ดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ

หลกั สูตร (Product Offerings)
หมายถงึ หลกั สูตรท่ีโรงเรียนโซ่พิสยั พิทยาคมสร้างข้นึ จาก ความตอ้ งการของผปู้ กครอง ชมุ ชน

สงั คมและการวเิ คราะหบ์ ริบทของโรงเรยี น นโยบายของสพม. และสพฐ. ทป่ี รับเปลย่ี นไป ซง่ึ ปจั จบุ นั โรงเรยี น
โซพ่ ิสยั พิทยาคม กาลังใชอ้ ยู่ 2 หลักสูตร ดงั นี้

1) หลักสูตรสถานศกึ ษาตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐานพุทธศกั ราช 2551
ฉบับปรับปรุง 2560 ในระดับชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 3 และมธั ยมศึกษาปีท่ี 6 กาลงั ศึกษาอยู่

2) หลกั สูตรเทยี บเคียงหลักสูตรโรงเรยี นมาตรฐานสากล เรมิ่ ใช้ในปกี ารศกึ ษา 2561 ซึ่งปัจจบุ ัน
มีนกั เรยี นในระดับช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 1 และปีที่ 2 และระดับชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 และปีท่ี 5 กาลังศึกษาอยู่

กำรประเมินประสทิ ธภิ ำพ
หมายถึง การวัดและประเมินผลกระบวนการปฏบิ ตั ิงาน ตามโครงสร้างการบริหาร และกิจกรรม /

โครงการภายใตแ้ ผนกลยุทธ์ โดยใช้องคป์ ระกอบตาม SOPIT MODEL

กำรประเมนิ ประสทิ ธผิ ล
หมายถึง การวดั และประเมนิ ผลการดาเนินการตามตวั ช้ีวดั เทยี บกับ คา่ เป้าหมายของ

โรงเรียน ตามโครงสรา้ งการบริหารงาน และกจิ กรรม / โครงการ ภายใตแ้ ผนกลยุทธ์ โดยใช้องคป์ ระกอบตาม

SOPIT MODEL

ระบบงำน
หมายถงึ การดาเนนิ การของหน่วยงาน ตามโครงสรา้ งการบรหิ ารงาน และกิจกรรม / โครงการ

ภายใตแ้ ผนกลยุทธ์ท่ใี ช้เป็นกรอบแนวคดิ เพอื่ เปน็ แนวทางการดาเนินการ

กระบวนกำร
หมายถงึ ลาดบั ขน้ั ตอนการปฏิบตั ิท่หี นว่ ยงาน ตามโครงสร้างการบริหารงาน หรอื ผู้รบั ผดิ ชอบ

กิจกรรม / โครงการ ภายใตแ้ ผนกลยุทธ์ตามองค์ประกอบ SOPIT MODEL

คำนำ

โรงเรียนโซพ่ ิสัยพิทยาคมได้ขับเคลอ่ื นการบริหารจัดการใหเ้ ป็นโรงเรียนช้ันนาท่ีมีความพร้อมสูโ่ รงเรียน
ดมี ีมาตรฐานสากล (World-Class Standard School) มีความมุ่งหวังท่ีจะพัฒนาผูเ้ รียนให้มคี ุณภาพเทียบเท่า
มาตรฐานสากล โดยโรงเรียนไดพ้ ัฒนาระบบบริหารจดั การโรงเรียนด้วยระบบคุณภาพ ตามเกณฑ์รางวัล
คณุ ภาพแห่งสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน (OBECQA) ซึง่ มีการพัฒนาปรับปรุงมาตลอด ได้
ประเมินตนเองภายใตส้ ภาวะแวดล้อมท่ีเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง มุ่งเน้นผลการดาเนินการตามกลยุทธ์ของ
โรงเรียนในมุมมองเชิงระบบท่ีครอบคลุมและบูรณาการ การบริหารจัดการกบั ผลการดาเนินการโดยรวมของ
โรงเรียน

รายงานการบริหารโรงเรียนโซพ่ ิสัยพิทยาคม ตามเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งสานักงานคณะกรรมการ
การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (OBECQA) ของโครงการโรงเรียนมาตรฐานสากล ปี 2561-2563 เป็นรายงานการ
ประเมินตนเองตามเปา้ หมายของโรงเรียนและมีความมุ่งม่ันท่ีจะพัฒนาตนเองสู่ความเป็นเลิศอย่างต่อเน่ือง

ขอขอบคุณผู้ท่ีมีส่วนเกี่ยวขอ้ งในการดาเนินการพฒั นาเพ่ือยกระดับการศึกษาทั้งระบบ
ของโรงเรียนโซพ่ สิ ัยพิทยาคม ในครั้งน้ีเป็นอย่างสูง และหวังวา่ รายงานฉบับน้ีจะเป็นแนวทางในการดาเนินงาน
ของผู้บริหาร ครู และบคุ ลากรทางการศึกษา และผู้ที่มีส่วนเก่ียวข้องในการพฒั นาคุณภาพการศึกษาใหเ้ ป็นไป
ตามมาตรฐานคุณภาพการศึกษาสู่การเป็นโรงเรียนมาตรฐานสากลต่อไป

(นายชวนะ ทวีอุทิศ)
ผูอ้ านวยการโรงเรียนโซ่พสิ ัยพิทยาคม



สารบญั

คำนำ หน้า

คำอภธิ ำนศัพท์ ก

สำรบัญ ข

สำรบญั ตำรำง ง

สำรบญั ภำพ ฉ

โครงรา่ งองค์กร (Organizational Profile) 1

1. ลกั ษณะองค์กร (Organization Description) 1

ก. สภำพแวดล้อมขององคก์ ร (Organizational Environment) 1

ข. ควำมสัมพนั ธ์ระดบั องคก์ ร (Organizational Relationships) 7

2. สภำวกำรณข์ ององค์กร (Organizational Situation) 8

ก. สภำพแวดลอ้ มของกำรแข่งขัน (Competitive Environment) 8

ข. บริบทเชงิ กลยุทธ์ (Strategic Context) 9

ค. ระบบกำรปรบั ปรงุ ผลกำรดำเนินงำน (Performance Improvement System) 10

หมวด 1 การนาองคก์ ร (Leadership) 11

1.1 กำรนำองคก์ รโดยผู้นำระดบั สงู (Senior Leadership) 11

ก. วสิ ยั ทัศน์ พันธกิจ และคำ่ นยิ ม (Vision, Mission and Values) 12

ข. กำรส่ือสำรและผลกำรดำเนินกำรของโรงเรียน (Communication and Organizational

Performance) 15

1.2 กำรกำกับดูแลองคก์ รและควำมรบั ผิดชอบตอ่ สังคม (Governance and Societal Responsibilities) 16

ก. กำรกำกบั ดแู ลโรงเรยี น (Organizational GOVERNANCE) 16

ข. กำรประพฤตปิ ฏบิ ัติตำมกฎหมำยและมีจริยธรรม (Legal and ETHICAL BEHAVIOR) 17

ค. ควำมรับผดิ ชอบต่อสงั คม (Societal Responsibilities) 19

หมวด 2 กลยุทธ์ (Strategy) 21
2.1 กำรจัดทำกลยุทธ์ (Strategy Development)

ก. กระบวนกำรจดั ทำกลยทุ ธ์ (Strategy Development PROCESS) 21

ข. วตั ถปุ ระสงคเ์ ชิงกลยุทธ์ (STRATEGIC OBJECTIVES) 25

2.2 กำรนำกลยุทธไ์ ปสู่กำรปฏิบัติ (Strategy Implementation) 26

ก. กำรจัดทำแผนปฏบิ ัตกิ ำรและกำรถำ่ ยทอดสกู่ ำรปฏบิ ตั ิ (ACTION PLAN Development and

Development) 26

ข. กำรปรบั เปลีย่ นแผนปฏบิ ตั ิกำร (ACTION PLAN Modification) 30

หมวด 3 นักเรยี นและผูม้ สี ว่ นได้ส่วนเสยี (Student and Stakeholder) 31

3.1 เสยี งของนกั เรียนและผมู้ สี ว่ นได้สว่ นเสีย (Voice of the Student and Stakeholder) 31

ก. กำรรบั ฟงั นกั เรียนและผู้มีสว่ นไดส้ ว่ นเสยี (Student and Stakeholder Listening) 31

ข. กำรประเมนิ ควำมพึงพอใจและควำมผูกพันของนักเรียนและผู้มสี ่วนได้ส่วนเสีย (Determination of

Student and Stakeholder Satisfaction and Engagement) 34

3.2 ควำมผูกพนั ของนกั เรยี นและผู้มีสว่ นได้สว่ นเสยี (Student and Stakeholder Engagement) 34



สารบญั (ตอ่ ) หน้า

ก. หลกั สูตรและกำรสนบั สนุนนกั เรยี นและผูม้ ีส่วนได้ส่วนเสยี (Product Offerings Student
and Stakeholder Support) 34
ข. กำรสรำ้ งควำมสมั พันธ์กับนักเรียนและผู้มีส่วนไดส้ ว่ นเสีย (Building Student and
Stakeholder Relationships) 37
หมวด 4 การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ (Measurement, Analysis and Knowledge
41
Management)

4.1 กำรวดั กำรวิเครำะห์ และกำรปรับปรงุ ผลกำรดำเนนิ กำรของโรงเรียน (Measurement, Analysis
and Improvement of Organization Performance) 41
ก. กำรวัดผลกำรดำเนินกำร (PERFORMANCE MEASUREMENT) 41
ข. กำรวิเครำะหแ์ ละทบทวนผลกำรดำเนนิ กำร (PERFORMANCE ANALYSIS and Review) 44
ค กำรปรบั ปรุงผลกำรดำเนนิ กำร (PERFORMANCE Improvement) 45
4.2 กำรจดั กำรควำมรู้ สำรสนเทศ และเทคโนโลยสี ำรสนเทศ (Knowledge Management,
Information and Information Technology) 46
ก. ควำมรูข้ ององคก์ ร (Organization Knowledge) 46
ข. ขอ้ มูลสำรสนเทศและเทคโนโลยีสำรสนเทศ (Data Information and Information Technology) 47
53
หมวด 5 บุคลากร (Workforce)
5.1 สภำพแวดลอ้ มของบคุ ลำกร (Workforce Environment) 51
ก. ขีดควำมสำมำรถและอตั รำกำลงั บคุ ลำกร (Workforce Capability and Capacity) 51
ข. บรรยำกำศกำรทำงำนของผปู้ ฏบิ ตั ิงำน (WORKFORCE Climate) 55
5.2 ควำมผูกพนั ของบุคลำกร (Workforce Engagement) 57
ก. ควำมผูกพันและผลกำรปฏบิ ัติงำนของบคุ ลำกร (WORKFORCE ENGAGEMENT and
PERFORMANCE) 57
ข กำรพัฒนำบคุ ลำกรและผ้นู ำ (WORKFORCE and Leader Development) 60
62
หมวด 6 ระบบการมงุ่ เนน้ ระบบปฏบิ ตั ิการ (Operations)
6.1 กระบวนกำรทำงำน (Work Process) 62
ก. กำรออกแบบหลกั สูตรและกระบวนกำร (Product and PROCESS Design) 62
ข. การจดั การกระบวนการ (PROCESS Management) 64
ค. กำรจดั กำรนวัตกรรม (INNOVATION Management) 66
6.2 ประสิทธิผลของกำรปฏบิ ตั กิ ำร (Operational Effectiveness) 67
ก. ประสิทธิภำพและประสิทธผิ ลของกระบวนกำร (PROCESS Efficiency and
EFFECTIVENESS) 67
ข. กำรจัดกำรหว่ งโซอ่ ปุ ทำน (Supply-Chain Management) 69
ค. กำรเตรียมควำมพร้อมด้ำนควำมปลอดภยั และภำวะฉกุ เฉิน (Safety and Emergency
Preparedness) 71
72
หมวด 7 ผลลพั ธ์ (RESULTS) 72
7.1 ผลลัพธ์ดำ้ นหลกั สูตรและกระบวนกำร (Product and Process RESULTS)
7.2 ผลลัพธด์ ำ้ นนักเรยี นและผ้มู สี ว่ นได้สว่ นเสยี (Student and Stakeholder- Focused Results) 85
7.3 ผลลพั ธ์ด้ำนบุคลำกร (WORKFOGCE-Focused RESULT) 89
7.4 ผลลพั ธ์ดำ้ นกำรนำองคก์ รและกำรกำกบั ดแู ลองค์กร (Leadership and governance Results) 92
7.5 ผลลัพธ์ด้ำนกำรเงินและตลำด (Financial and Market Results) 98

สารบญั ตาราง ง

ตำรำง ก(1) ข้อกำหนดด้ำนหลักสตู ร ปีกำรศึกษำ 2561-2563 หนำ้
ตำรำง ก(2) วตั ถปุ ระสงค์เชิงกลยทุ ธ์ 1
ตำรำง ก(4) แสดงจำนวนครูและบคุ ลำกรโรงเรียนโซ่พิสยั พิทยำคม 3
ตำรำง ก(5) แสดงขอ้ มูลอำคำรเรยี น อำคำรประกอบ หอ้ งปฏิบัตกิ ำรและหอ้ งพิเศษตำ่ งๆ 4
ตำรำง ก(6) กฎระเบยี บข้อบังคับ 5
ตำรำง ข(1) วัตถุประสงคเ์ ชงิ กลยุทธ์/ควำมทำ้ ทำยและควำมไดเ้ ปรยี บเชิงกลยทุ ธ์ 6
ตำรำง 2.1ก(3) กำรวเิ ครำะห์กลยทุ ธ์/ควำมทำ้ ทำยและควำมไดเ้ ปรียบเชิงกลยุทธ์ 10
ตำรำง 2.1ข(1) ตำรำงแสดงวัตถุประสงค์เชิงกลยทุ ธ์ท่สี อดคล้องกบั กลยุทธ์ 24
ตำรำง 2.2ก(1) กำรวำงกรอบแผนกลยทุ ธ์ ที่ระบตุ วั ชว้ี ัดและเปำ้ หมำยควำมสำเร็จ 25
ตำรำง 3.1ก(2) วธิ ีกำรรับฟงั ผ้เู รียนและผ้มู ีสว่ นได้สว่ นเสีย 29
ตำรำง 3.2ก(2) กำรจดั กำรศกึ ษำและบริกำรอื่น ทีส่ ง่ เสริมกำรเรยี นรู้และกำรสนับสนุนนกั เรียน 33
ตำรำง 3.2ก(3) แสดงขน้ั ตอนกำรจำแนกนกั เรยี น 35
ตำรำง 4.1ก(1) แสดงตัววัด/ตวั ชีว้ ดั ทส่ี ำคญั 37
ตำรำง 5.1ข(1) วิธดี ำเนินกำร ตวั วดั และเป้ำประสงคข์ องกำรจดั สภำพแวดลอ้ มของโรงเรียน 42
ตำรำง 6.1ก(1) ขอ้ กำหนดด้ำนหลกั สตู ร ปีกำรศกึ ษำ 2561-2563 56
ตำรำง 6.1ก (2) แนวคดิ กำรออกแบบหลกั สตู รและกระบวนกำรทำงำนเพ่อื ใหเ้ ป็นไปตำมขอ้ กำหนด 63
ตำรำง 6.1ข (1) กำรนำกระบวนกำรไปปฏิบตั ิ 63
ตำรำง 6.1ข (2) กำรกำหนดกระบวนกำรสนบั สนนุ 64
ตำรำง 6.1ข (3) กำรปรับปรงุ หลกั สตู รและกระบวนกำร 65
ตำรำง 6.1ค (1) กระบวนกำรจดั กำรนวตั กรรม 66
ตำรำง 6.2ก ประสิทธิภำพและประสทิ ธผิ ลของกระบวนกำร 67
ตำรำง 6.2ข กำรจัดกำรห่วงโซอ่ ปุ ทำน 68
ตำรำง 6.2ค(1) กระบวนกำรทำให้เกดิ สภำพแวดล้อมกำรปฏิบตั กิ ำรทป่ี ลอดภยั 69
ตำรำง 6.2ค(2) แสดงกำรเตรียมควำมพรอ้ มต่อภำวะฉกุ เฉิน 70
ตำรำง 7.4ก-1 แสดงผลกำรนำองคก์ รสกู่ ำรปฏิบตั ิเพ่ือบรรลวุ สิ ัยทัศนข์ องโรงเรยี น 71
ตำรำง 7.4ก-2 ผลกำรประเมินควำมพึงพอใจของผเู้ รียนและผูม้ สี ว่ นได้ส่วนเสยี ตอ่ หลักสูตรโครงกำร 92
94
หอ้ งเรียนพเิ ศษและกิจกรรมพเิ ศษ 95
ตำรำง 7.4ก-3 ผลกำรประเมินควำมพงึ พอใจของชุมชนต่อกำรสนับสนนุ และให้บรกิ ำรชมุ ชน 96
ตำรำง 7.4ข-1 แสดงผลควำมสำเร็จของกำรปฏบิ ตั ิงำนสรปุ ตำมโครงกำร ปีกำรศึกษำ 2561-2563 97
ตำรำง 7.4ข-2 แสดงผลควำมสำเรจ็ ของกำรปฏิบัติติงำน สรปุ ตำมกลยุทธ์ ปี 2561-2563 98
ตำรำง 7.4ข-3 แสดงผลควำมสำเร็จกำรส่งเสริมสมรรถนะหลกั ของโรงเรยี น 99
ตำรำง 7.5ก-1 แสดงกำรใช้งบประมำณในกำรดำเนนิ กำรและผลสำเรจ็ ในกำรดำเนินกำร
100
ปกี ำรศึกษำ 2561-2563
ตำรำง 7.5ก-2 แสดงอตั รำสว่ นร้อยละของนักเรียนทร่ี ับตอ่ นักเรียนที่สมคั รเขำ้ เรยี นในระดบั ระดับช้ัน

มัธยมศึกษำปที ่ี 1 และระดบั ช้ันมธั ยมศึกษำปที ี่ 4

สารบัญภาพ จ

1.1(1) แสดงควำมสัมพันธข์ ององคป์ ระกอบของกำรนำองค์กรโรงเรยี นโซ่พิสัยพิทยำ หน้ำ
1.1(2) แสดงรปู แบบกำรบรหิ ำรงำนแบบ SOPIT Model 11
1.1ก(1) ขั้นตอนกำรจดั ทำวสิ ัยทัศน์ พนั ธกิจและค่ำนิยม (Vision, Mission and Values) 12
1.1ก(2) กำรสง่ เสรมิ กำรประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ ำมกฎหมำยและอยำ่ งมจี รยิ ธรรม 12
1.1ก(3) แสดงกระบวนกำรสร้ำงโรงเรียนโซ่พสิ ยั พิทยำคมท่ีประสบควำมสำเร็จ 13
1.1ข(1) กำรทำใหเ้ กดิ กำรปฏิบตั งิ ำนอย่ำงจรงิ จงั (Focus on Action) 14
1.2ก(1) ระบบกำรกำกบั ดูแลองคก์ ร (GOVERNANCE System) 15
1.2ค(1) แสดงวิธีกำรดำเนินกำรด้ำนควำมรบั ผิดชอบตอ่ สงั คมวงกว้ำงและกำรสนับสนนุ ชมุ ชน 16
1.2ค(2) แสดงวิธีกำรดำเนนิ กำรดำ้ นกำรสนบั สนุนชมุ ชน (Community Support) 19
2.1ก(1) แสดงกระบวนกำรวำงแผนกลยทุ ธ์ 20
2.1ก(2) แสดงองคป์ ระกอบนวตั กรรม SOPIT Model 21
2.2ก(1) แสดงกระบวนกำรจดั ทำแผนปฏบิ ตั ิกำรประจำปี 23
2.2ก(2) แสดงกระบวนกำรนำแผนปฏบิ ตั กิ ำรไปปฏบิ ัติ 27
3(1) กระบวนกำรสร้ำงกำรรบั ฟงั นักเรยี นและผมู้ สี ่วนได้ส่วนเสียและควำมผกู พัน 27
3.1ก(2) กระบวนกำรรบั ฟงั นกั เรียนและผูม้ ีสว่ นได้ส่วนเสีย 31
3.2ข(1) กระบวนกำรสรำ้ งควำมสัมพันธ์กับผู้เรยี นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสยี 32
3.2ข(2) กระบวนกำรจดั กำรขอ้ รอ้ งเรยี น 38
4(1) แสดงระบบกำรวัด กำรวิเครำะห์ และกำรจัดกำรควำมรู้ 39
4.1ก(2) แสดงระบบกำรเลือกและใชข้ ้อมลู เชงิ เปรียบเทียบ 41
4.1ก(3) แสดงกำรเลือกและใช้ขอ้ มลู นกั เรยี นและผู้มสี ว่ นได้ส่วนเสีย 43
4.1ก(4) แสดงกระบวนกำรทำใหร้ ะบบวดั ผลเอ้อื ให้เกดิ ควำมคล่องตวั ขององคก์ ร 43
4.1ค(1) แสดงกระบวนกำรแลกเปล่ยี นเรยี นรู้วธิ ปี ฏิบตั ทิ ี่เปน็ เลิศ 44
4.1ค(2) แสดงกระบวนกำรคำดกำรณผ์ ลกำรดำเนินกำรในอนำคต 45
4.2ก(1) กระบวนกำรจดั กำรควำมรขู้ ององค์กร 45
4.2ข(3) กระบวนกำรจดั ขอ้ มูลสำรสนเทศพร้อมใช้งำน 46
4.2ข(5) กำรจดั กำรทรัพยำกรสำรสนเทศและเทคโนโลยีสำรสนเทศ 48
5.1 ก(1) แสดงกระบวนกำรจดั กำรขดี ควำมสำมำรถและอตั รำกำลงั ภำยใต้ SOPIT Model 50
5.1 ก(2) แสดงกระบวนกำรทีเ่ กยี่ วข้องกบั บุคลำกร 51
5.1 ก(4) แสดงกำรจดั กำรเปลีย่ นแปลงของบุคลำกร 54
5.2 ก(1) แสดงกระบวนกำรเสรมิ สร้ำงวัฒนธรรมองคก์ ร 55
5.2 ก(2) องค์ประกอบของควำมผกู พัน 58
5.2 ข(3) แสดงกำรพฒั นำบุคลำกรและผู้นำ 59
6.1 ก(1) ระบบและกระบวนกำรทำงำน 61
7.1 ก-1 แสดงค่ำเฉลี่ยผลสัมฤทธ์ทิ ำงกำรเรียนรวมทกุ กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ นกั เรยี น ม.1-6 ในระดบั ดี 62
7.1ก-2 แสดงผลสมั ฤทธิท์ ำงกำรเรียนรำยวชิ ำภำษำต่ำงประเทศ ชั้นมัธยมศกึ ษำปีท่ี 1-6 72
7.1ก-3 แสดงผลสมั ฤทธ์ิทำงกำรเรียน รำยวชิ ำภำษำตำ่ งประทศทสี่ อง ม.1-6 73
7.1 ก-4 แสดงผลสัมฤทธิท์ ำงกำรเรียนรำยวิชำกำรศึกษำค้นคว้ำด้วยตนเอง (IS) ในระดับดขี นึ้ ไป 73
74



สารบัญภาพ (ตอ่ ) หนำ้

7.1 ก-5 แสดงจำนวนโครงงำนทีไ่ ด้รบั ตัดสนิ ผลกำรเรียนระดับดีข้ึนไป ปกี ำรศกึ ษำ 2561 – 2563 74

7.1 ก-6 แสดงผลสมั ฤทธ์ิทำงกำรเรยี นรำยวชิ ำวทิ ยำกำรคำนวณระดับดขี น้ึ ไปปีกำรศกึ ษำ 2561 –2563 75

7.1 ก-7 แสดงผลกำรเปรยี บเทียบคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ของนักเรยี น ม.3 และ ม.6 ระดับดขี นึ้ ไป 75

7.1 ก-8 แสดงผลกำรเปรียบเทียบกำรประเมนิ กำรอำ่ น ของนกั เรยี น ม.3 และ ม.6 ระดับดขี ้ึนไป 76

7.1ก-9 แสดงกำรเปรียบเทยี บผลกำรคิดวิเครำะหข์ องนักเรียน ม.3 และ ม.6 ระดบั ดขี ึ้นไป 76

7.1 ก-10 แสดงกำรเปรยี บเทยี บกำรสื่อควำมหมำยของนกั เรียน ม.3 และ ม.6 ระดับดีขนึ้ ไป 77

7.1 ก-11 เปรยี บเทยี บคะแนนผลกำรสอบ (O-NET) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 3 ปี 2561-2563 77

7.1 ก-12 เปรียบเทยี บคะแนนผลกำรสอบ (O-NET) ของนักเรียนชนั้ มัธยมศกึ ษำปีท่ี 6 ปี 2561-2563 78

7.1 ก-13 เปรยี บเทยี บผลกำรทดสอบระดับชำติ (O-NET) ช้ันมัธยมศกึ ษำปีท่ี 3 (โรงเรยี นปทุมเทพวิทยำคำร) 78

7.1 ก-14 เปรยี บเทียบผลกำรทดสอบระดับชำติ O-NET ชั้นมัธยมศกึ ษำปที ่ี 6 (โรงเรยี นปทุมเทพวทิ ยำคำร) 79

7.1ก-15 แสดงร้อยละของนกั เรียนชน้ั มธั ยมศึกษำปีที่ 6 ทเี่ รยี นจบและศกึ ษำตอ่ เทยี บคู่แขง่ 79

7.1 ก-16 เปรียบเทียบจำนวนเหรยี ญทองในกำรแขง่ ขันศลิ ปหัตถกรรมระดับภำคและระดบั ชำติ เทียบคแู่ ขง่ 80

7.1 ข-1 แสดงผลสัมฤทธิท์ ำงกำรเรยี นของนักเรยี น ม.ปลำย ระดับดขี ึ้นไป แยกตำมแผนกำรเรียน 81

7.1 ข-2 แสดงรอ้ ยละของกำรจบกำรศึกษำภำคบังคบั พรอ้ มรนุ่ ของนกั เรยี นชน้ั มธั ยมศึกษำปที ี่ 3 81

7.1 ข-3 แสดงร้อยละของกำรจบกำรศกึ ษำภำคบงั คับพรอ้ มรุน่ ของนกั เรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษำปที ี่ 6 82

7.1 ข-4 แสดงจำนวนนักเรยี นชน้ั มัธยมศึกษำปีท่ี 3 ที่เรยี นจบหลักสตู รกำรศึกษำภำคบังคับ 82

7.1 ข-5 จำนวนนักเรียนทีเ่ รยี นจบ ม.6 เข้ำศกึ ษำต่อในระดับอดุ มศึกษำปกี ำรศกึ ษำ 2561 – 2563 83

7.1 ข-6 แสดงควำมพงึ พอใจในกำรเตรยี มควำมพรอ้ มต่อภำวะฉุกเฉนิ ปกี ำรศึกษำ 2561 –2563 83

7.1 ค-1 แสดงร้อยละของนกั เรียนอนำคตเขำ้ ศกึ ษำต่อชนั้ มัธยมศึกษำปที ่ี 1 ปีกำรศึกษำ 2561 –2563 84

7.1 ค-2 แสดงกำรเปรยี บเทียบนักเรยี นอนำคตเข้ำศกึ ษำต่อชน้ั มัธยมศึกษำปีท่ี 4 ปี 2561 –2563 84

7.2ก-1 เปรยี บเทียบกำรเขำ้ รว่ มประชมุ ผู้ปกครองนกั เรียน ปกี ำรศึกษำ 2561 –2563 85

7.2ก-2 แสดงรอ้ ยละของนักเรยี นทีไ่ ด้รบั กำรเยย่ี มบำ้ นปกี ำรศกึ ษำ 2561 –2563 86

7.2ก-3 แสดงร้อยละของครทู ่ีปรกึ ษำท่อี อกเย่ียมบำ้ นนกั เรียนปกี ำรศึกษำ 2561 –2563 86

7.2ก-4 แสดงจำนวนนกั เรียนทจี่ บช้นั มัธยมศกึ ษำปที ี่ 3 เรยี นต่อที่เดิม (ม.4) 87

7.2ก-5 จำนวนนกั เรยี นท่ีสมัครเขำ้ ศึกษำในระดับชั้น ม.1 และ ม.4 ปี 2561 –2563 กบั โรงเรียนคู่แข่ง 88

7.2ก-6 จำนวนทุนกำรศกึ ษำทผี่ ู้ปกครอง ครู ชุมชน และศิษย์เกำ่ มอบให้โรงเรยี น 88

7.3ก-1 แสดงอตั รำครตู อ่ นกั เรยี น ปีกำรศกึ ษำ 2561-2563 89

7.3ก-2 แสดงร้อยละของครูได้รับวทิ ยฐำนะ ปีกำรศึกษำ 2561-2563 89

7.3ก-3 แสดงระดบั วฒุ ิกำรศึกษำ ปีกำรศึกษำ 2561-2563 90

7.3ก-4 แสดงควำมพงึ พอใจของครูและบุคลำกรต่อสถำนทท่ี ำงำน 90

7.3ก-5 แสดงร้อยละกำรเข้ำรว่ มกิจกรรมโรงเรยี นของครูและบคุ ลำกรทำงกำรศึกษำ 91

7.3ก-6 แสดงรอ้ ยละของกำรพัฒนำบุคลำกรในปีกำรศกึ ษำ 2561-2563 92

7.5ก-1 แสดงประสทิ ธิภำพของกำรบรหิ ำรด้ำนกำรเงนิ ใหบ้ รรลตุ ำมวัตถปุ ระสงค์ 99

7.5ก-2 แสดงรอ้ ยละของหนว่ ยงำนทบ่ี รหิ ำรงบประมำณตำมทไี่ ด้รับจดั สรรและดำเนินโครงกำร/ 100

กจิ กรรมบรรลผุ ลสำเรจ็ ตำมเปำ้ หมำย

7.5ก-3 แสดงประสทิ ธภิ ำพของกลไกสรำ้ งควำมสัมพนั ธ์นกั เรยี นในอนำคต 100

โครงรา่ งองคก์ ร

(Organizational Profile)

1. ลกั ษณะองคก์ ร (Organizational Description)
โรงเรียนโซ่พิสยั พทิ ยาคม ต้ังอยู่เลขที่ 394 หมทู่ ี่ 13 ตาบลโซ่ อาเภอโซพ่ ิสยั จังหวดั บึงกาฬ รหสั ไปรษณีย์

38170 มีพื้นที่ทัง้ หมด 65 ไร่ 1 งาน 41 ตารางวา เปน็ โรงเรยี นขนาดใหญพ่ ิเศษ เปิดสอนตงั้ แต่ระดับช้นั
มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ถงึ ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 เปดิ ทาการเรยี นการสอนครงั้ แรกเม่อื วันที่ 2 มถิ ุนายน พ.ศ.2518
โทรศัพท์ 042485055, Website : www.sopisai.ac.th ปัจจุบนั มนี ายชวนะ ทวอี ทุ ิศ เปน็ ผูอ้ านวยการโรงเรียน

ก. สภาพแวดล้อมขององคก์ ร (Organizational Environment)
(1) หลกั สูตร (Product Offerings )

โรงเรยี นโซ่พิสัยพิทยาคมมหี ลกั สูตรทีใ่ ช้ในการจัดการเรยี นการสอนท่ีสาคญั 2 หลกั สตู ร คอื 1)
หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นโซ่พสิ ยั พิทยาคมตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐานพทุ ธศกั ราช 2551
(ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ.2560)จดั การเรยี นการสอนในหอ้ งเรียนปกติและ2)หลักสตู รห้องเรยี นพเิ ศษ ท่เี นน้ ภาษาเพ่ือ
การสอ่ื สาร (English for Communication :EFC) สอนโดยครูชาวตา่ งชาติ โรงเรียนไดพ้ ฒั นาหลกั สตู รท่ีเทยี บเคียง
หลักสตู รโรงเรียนมาตรฐานสากลไดเ้ ปดิ สอนวชิ าการศกึ ษาคน้ คว้าและสารสนเทศ (IS1) วชิ าการสอ่ื สารและการ
นาเสนอ(IS2) และวชิ าการนาองคค์ วามรไู้ ปบริการสังคม(IS3) เปดิ สอนรายวชิ าวทิ ยาการคานวณทกุ ระดับชั้น
จัดการเรยี นรู้แบบโครงงาน ซ่งึ มรี ายละเอยี ด ดังนี้
ตาราง ก (1) ข้อกาหนดด้านหลักสตู ร ปีการศึกษา 2561-2563

หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นโซ่พิสัยพิทยาคม ข้อกาหนดของหลกั สูตรเม่อื จบการศึกษา
พทุ ธศักราช 2551(ฉบบั ปรับปรุง 2560)
-ต้องไดร้ ับการตดั สินผลการเรียนรายวชิ าในกล่มุ สาระภาษาตา่ งประเทศ(ภาษาอังกฤษ,
ระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาตอนต้น ภาษาญี่ปนุ่ ,ภาษาจีน,ภาษาเกาหลี) เฉล่ียไมน่ ้อยกวา่ 2.0
หลกั สตู รหอ้ งเรยี นพเิ ศษ
แผนการเรยี นภาษาเพอื่ การสื่อสาร - ตอ้ งได้รบั การตัดสนิ ผลการเรียนรายวิชาในกลมุ่ สาระวทิ ยาศาสตร์ และคณติ ศาสตร์
(English for Communication :EFC) เฉลย่ี ไมน่ อ้ ยกว่า 2.0
หลกั สูตรห้องเรยี นปกติ -ต้องไดร้ บั การตัดสินผลการเรยี นรายวิชาในกลุม่ สาระวิทยาศาสตร์
1)แผนการเรยี นวทิ ยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ เฉล่ียไม่นอ้ ยกว่า 2.0
-ตอ้ งได้รบั การตดั สินผลการเรยี นรายวชิ าในกลุม่ สาระภาษาไทย และสงั คมศกึ ษาฯ
2)แผนการเรียนวิทยาศาสตร์-คอมพวิ เตอร์ เฉลย่ี ไม่นอ้ ยกวา่ 2.0
-ต้องได้รับการตดั สินผลการเรียนรายวชิ าในกลุ่มสาระศลิ ปะ เฉล่ยี ไมน่ ้อยกวา่ 2.0
3)แผนการเรียนภาษาไทย-สงั คม -ตอ้ งไดร้ บั การตัดสินผลการเรยี นรายวชิ าในกลมุ่ สาระสุขศึกษาพลศกึ ษา
และการงานอาชีพ เฉลย่ี ไมน่ ้อยกวา่ 2.0
4)แผนการเรียนทัศนศิลป์-ดนตรี-นาฏศิลป์
5)แผนการเรียนกฬี า-การงานอาชพี -ตอ้ งไดร้ ับการตัดสินผลการเรียนรายวิชาในกลุ่มสาระภาษาตา่ งประเทศ
เฉลย่ี ไม่นอ้ ยกวา่ 2.0
ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
หลกั สตู รหอ้ งเรยี นพเิ ศษ -ตอ้ งไดร้ ับการตัดสนิ ผลการเรยี นรายวชิ าในกล่มุ สาระวิทยาศาสตร์และคณติ ศาสตร์
แผนการเรยี นภาษาเพอ่ื การส่ือสาร เฉลี่ยไม่น้อยกว่า 2.0
(English for Communication :EFC) -ตอ้ งไดร้ บั การตดั สนิ ผลการเรียนรายวิชาในกลุม่ สาระวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
เฉลย่ี ไมน่ อ้ ยกว่า 2.0
หลกั สูตรห้องเรยี นปกติ
1) แผนการเรียนวทิ ยาศาสตร์-คณติ ศาสตร์
- หอ้ งเรียนเตรียมแพทย์พยาบาล
- หอ้ งเรียนเตรียมวศิ วกร
- ห้องเรียนเตรยี มวิทยาศาสตร-์ เทคโนโลยี

2

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นโซพ่ ิสัยพิทยาคม ขอ้ กาหนดของหลักสูตรเมื่อจบการศึกษา
พทุ ธศกั ราช 2551(ฉบับปรับปรุง 2560) -ตอ้ งได้รบั การตดั สินผลการเรียนรายวิชาในกลมุ่ สาระภาษาไทย และสงั คมศกึ ษาฯ
เฉลีย่ ไม่นอ้ ยกว่า 2.0
2) แผนการเรยี นภาษาไทย-สงั คม
- หอ้ งเรยี นเตรยี มนติ ศิ าสตร์ –รฐั ศาสตร์ -ต้องได้รับการตดั สินผลการเรยี นรายวชิ าในกลมุ่ สาระสุขศึกษาพลศกึ ษาและการงาน
- ห้องเรยี นเตรียมครศุ าสตร์ อาชพี เฉล่ียไมน่ อ้ ยกว่า 2.0

3) แผนการเรียนการงานอาชพี -ต้องไดร้ บั การตัดสินผลการเรยี นรายวชิ า IS และวชิ าวทิ ยาการคานวณ
- หอ้ งเรียนช่างอุตสาหกรรม เฉล่ยี ไมน่ อ้ ยกวา่ 2.0
- ห้องเรยี นคหกรรม
ขอ้ มลู ณ วนั ที่ 16 พฤษภาคม 2565
หลกั สตู รเทียบเคยี งโรงเรยี นมาตรฐานสากล
- IS1 วิชาการศึกษาคน้ คว้าและสารสนเทศ
- IS2 วิชาการส่ือสารและการนาเสนอ
- IS3 การนาองคค์ วามรู้ไปบรกิ ารสังคม
- วิชาวิทยาการคานวณ /เรยี นรู้แบบโครงงาน

โรงเรยี นโซ่พิสัยพิทยาคมมบี ริการสง่ เสริมการเรียนรแู้ ละบรกิ ารทางการศกึ ษาจดั เพม่ิ เตมิ ใหแ้ ก่ผเู้ รยี น

ได้แก่ ใหผ้ ้เู รยี นเรียนภาษาอังกฤษฟงั พดู ทุกระดับชั้นและเรยี นภาษาทสี่ อง (ภาษาญ่ีปุน่ , เกาหลี, จนี ) ใน

ระดับชน้ั ทีเ่ รยี นแผนการเรยี นวิทยาศาสตร์ –คณติ ศาสตรท์ ุกระดับชนั้ โดยโรงเรียนไดจ้ ัดกิจกรรมเพ่มิ เติมเป็นไป

ตามโครงสรา้ งหลกั สูตรสถานศกึ ษาท่ีสอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551

โดยจัดกจิ กรรมแนะแนว กจิ กรรมลกู เสือ กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์ และกิจกรรมชุมนุม

กลไกที่โรงเรยี นใช้ในการจดั การการเรียนการสอนให้นกั เรียนจบการศกึ ษาอย่างมีคณุ ภาพตาม

หลักสูตรซง่ึ ในขอ้ กาหนดการจบการศึกษาของโรงเรียน นอกจากจะเป็นไปตามเกณฑ์การจบการศกึ ษาตาม

หลกั สูตรสถานศกึ ษาทส่ี อดคล้องกบั หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐานพุทธศักราช 2551 และฉบบั ปรบั ปรุง

พ.ศ.2560 แลว้ นน้ั โรงเรียนไดเ้ พิม่ เตมิ ขอ้ กาหนดการจบการศกึ ษาในระดับช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 และปที ่ี 2 และ

ระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 และปที ี่ 5 ที่มกี ารเพิ่มหลักสตู รโรงเรยี นมาตรฐานสากล โดยมขี ้อกาหนดเพิ่มเตมิ

ดงั ตาราง ก (1)

(2) วิสัยทศั น์ พนั ธกิจ และคา่ นิยม (VISION, MISSION and VALUES)

วสิ ยั ทศั น์ (VISION) คือ “โรงเรียนโซ่พสิ ยั พิทยาคม มงุ่ จัดการศกึ ษาสู่การเป็นโรงเรยี นมาตรฐานสากล

บนพ้ืนฐานความเปน็ ไทย” ภายในปี 2565

พันธกจิ (MISSION) ไดก้ าหนดไว้ 5 ข้อ ดงั น้ี

1. พฒั นาผเู้ รียนสู่ความเป็นพลโลกบนพน้ื ฐานความเปน็ ไทย

2. พฒั นาหลักสูตรทห่ี ลากหลายตามความสนใจของผเู้ รียน

3. ส่งเสริมและพัฒนาครูและบุคลากรทางการศกึ ษาสมู่ อื อาชพี

4. ส่งเสรมิ สนบั สนุนการบริหารจดั การดว้ ยระบบคณุ ภาพ

5. ส่งเสริมเครอื ข่ายร่วมพฒั นาศักยภาพผ้เู รยี น

กลยุทธ์ (STRATEGIC)

1. สร้างผ้เู รียนสูค่ วามเปน็ พลโลกบนพ้ืนฐานความเปน็ ไทย

2. สร้างหลกั สูตรทหี่ ลากหลายตามความสนใจของผเู้ รียน

3. ส่งเสรมิ พัฒนาครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาสู่มอื อาชพี

3

4. สง่ เสริมสนับสนนุ การบรหิ ารจัดการด้วยระบบคุณภาพ

5. สรา้ งเครอื ขา่ ยรว่ มพฒั นาศกั ยภาพผู้เรียน
วตั ถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ (STRATEGIC OBJECTIVES)

โรงเรียนโซ่พิสยั พทิ ยาคม ได้กาหนดวตั ถปุ ระสงค์เชงิ กลยุทธส์ อดคลอ้ งกับพันธกจิ ในการดาเนินงานตาม
กลยุทธข์ องโรงเรยี นโดยใชน้ วัตกรรม SOPIT Model เปน็ ตัวขบั เคลอ่ื นตามกลยทุ ธ์ ดงั นี้

ตาราง ข (2) วตั ถุประสงคเ์ ชงิ กลยุทธ์ วัตถปุ ระสงค์เชิงกลยุทธ์
1.เพอ่ื พฒั นาหลักสูตรและการจดั การเรยี นรู้ได้มาตรฐานสากล
กลยุทธร์ ะดับองค์กร/ระดับแผนงาน
กลยทุ ธ์ที่ 1สร้างผเู้ รียนส่คู วามเปน็ พลโลกบนพืน้ ฐานความเป็นไทย 2.เพื่อสง่ เสริมผเู้ รยี นใหเ้ ป็นพลโลกและมีความเป็นเลิศทางวิชาการ
แผนงานที่ 1 พฒั นาผ้เู รยี นส่คู วามเปน็ พลโลกบนพน้ื ฐานความเปน็ ไทย
3.เพ่ือสง่ เสรมิ ระบบดูแลชว่ ยเหลอื นักเรยี นท่เี ข้มแขง็

กลยุทธท์ ี่ 2 สร้างหลักสูตรทห่ี ลากหลายตามความสนใจของผเู้ รียน 4.เพื่อพฒั นาหลกั สตู รทห่ี ลากหลาย(สสู่ ากล) ตามความสนใจของผ้เู รยี น
แผนงานท่ี 2 พฒั นาหลักสตู รท่ีหลากหลายตามความสนใจของผเู้ รยี น
กลยทุ ธท์ ่ี 3 ส่งเสริมพฒั นาครูและบุคลากรทางการศึกษาสู่มืออาชพี 5.เพ่อื พฒั นาครแู ละบุคลากรใหเ้ ป็นมอื อาชีพ พร้อมรับการเปล่ียนแปลง
แผนงานที่ 3 พัฒนาครแู ละบุคลากรทางการศึกษาสมู่ ืออาชพี 6.เพอื่ สรา้ งผลงานทางวิชาการสอ่ื สารภาษาองั กฤษได้
7.เพอ่ื สง่ เสริมการใชส้ อื่ เทคโนโลยใี นการศึกษาคน้ ควา้ และจดั การเรยี น
กลยทุ ธท์ ี่ 4 สง่ เสริมสนับสนนุ การบริหารจดั การดว้ ยระบบคุณภาพ การสอน
แผนงานท่ี 4 พฒั นา สนบั สนุนการบริหารจัดการด้วยระบบคุณภาพ 8. เพอื่ ส่งเสริมการวิจัยเพ่อื แกป้ ญั หาหรือพัฒนาผเู้ รียน
9. เพื่อออกแบบกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลาย
กลยทุ ธ์ท่ี 5 สร้างเครอื ขา่ ยรว่ มพฒั นาศกั ยภาพผเู้ รยี น 10.เพื่อจดั สภาพแวดล้อมให้เอ้ือต่อการจัดการเรียนรู้
แผนงานท่ี 5 พัฒนาการสร้างเครือข่ายรว่ มพฒั นาศกั ยภาพผเู้ รียน 11. เพอ่ื บริหารจัดการศกึ ษาของโรงเรียนตามมาตรฐานประกนั คุณภาพ
การศกึ ษา
12.เพอ่ื บริหารจดั การศกึ ษาทม่ี ุ่งเน้นการมีส่วนร่วม
13. เพ่ือนเิ ทศ กากบั ตดิ ตามการดาเนินงานของบุคลากรพฒั นาการศึกษา
ใหเ้ ข้มแขง็
14.เพ่ือส่งเสรมิ และสนับสนนุ ความร่วมมือกับเครอื ข่ายการศึกษาและชมุ ชน
ดา้ นแลกเปล่ยี นเรยี นรู้ ทรัพยากรและบคุ คล
15. เพื่อบรหิ ารงานโดยมงุ่ การมสี ว่ นร่วมในการบรหิ ารจดั การศึกษาจาก
องค์กรหลกั และชุมชน
16.เพ่ือให้ผู้เรียนมีสขุ ภาพดี มีคณุ ธรรมตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพยี ง

คาขวญั ศกึ ษาดี มวี ินัย ใฝ่กีฬา รักษาสตั ย์
ปรัชญา ปญั ญา ชวี ติ งั วโิ รเจติ ” ปัญญา คอื แสงสวา่ งแห่งชวี ติ ”
อตั ลักษณ์โรงเรยี น (ปี 2561-2563) ศลิ ปะดี กีฬาเด่น เนน้ วิชาการ และปี 2565 “เป็นคนดี มีปญั ญา”
คา่ นยิ ม (VALUES) ใชช้ อ่ื ยอ่ ของโรงเรยี น คอื โซ่พิทย์ เป็นคาภาษาอังกฤษว่า SOPIT Model ที่ถอื
เปน็ นวตั กรรมองค์กร ทโ่ี รงเรยี นนามาใชเ้ ป็นองค์ประกอบทส่ี าคัญในการกากับ ติดตามและตรวจสอบ
ประสทิ ธิภาพของการปฏิบัติงานของโรงเรียน มี 5 องค์ประกอบ คือ
S = System หมายถงึ มกี ารบริหารจัดการด้วยระบบคณุ ภาพ ทใี่ ช้วงจรควบคุมคณุ ภาพของ
เดมมง่ิ (Deming Cycle) เป็นตวั ควบคุม ได้แก่ ระบบที่มีการวางแผน (Plan) การนาแผนไปสูก่ ารปฏบิ ตั ิ (Do)
การประเมินตรวจสอบ (Check) และการปรบั ปรงุ ผลการดาเนนิ การ (Act) หรอื PDCA

4

O = Organization หมายถึงบุคลากรของโรงเรียนทกุ คนต้องมององคก์ รเป็นองค์กรเดียวกนั เป็นองค์กร

ทางการศกึ ษา ทเี่ กิดจากการร่วมคิด ร่วมทา รว่ มแก้ปญั หาและรว่ มพัฒนาองคก์ ร ใหม้ ีคุณภาพเปน็ ท่ยี อมรับของ

ชุมชนและผเู้ กีย่ วข้องสกู่ ารเปน็ โรงเรยี นมาตรฐานสากล

P = Professional หมายถงึ บคุ ลากรของโรงเรียนทุกคนมีความเป็นมืออาชีพ สามารถปฏิบตั ิงานได้อยา่ ง

เตม็ กาลงั ความสามารถ ตรงตอ่ เวลา มีคุณภาพและเกิดประสิทธิผลตามเป้าหมาย

I = International หมายถึงบุคลากรของโรงเรยี นทกุ คน มองเป้าหมายการพฒั นาผูเ้ รียนสคู่ วามเปน็ พลโลก

มีคุณภาพและมาตรฐานทดั เทียมกบั นานาชาติ

T = Technology หมายถึงก้าวลา้ ทางเทคโนโลยี บุคลากรของโรงเรยี นทุกคน มคี วามรู้ ความสามารถใน

การนาเทคโนโลยีมาใชเ้ พ่ือการบรหิ ารจดั การและการเรียนรู้ไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ

วัฒนธรรมองค์กร : บุคลากรมีความรักความผูกพันกบั โรงเรยี น มีความเคารพ ช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั ให้เกยี รตผิ ู้

อาวุโสกวา่ มคี วามสามคั คี เสยี สละ รว่ มคดิ ร่วมทา รักองค์กรเหมอื นบ้าน

(3) สมรรถนะหลกั ของโรงเรยี น (Core Competencies) สมรรถนะหลกั ของโรงเรียนทสี่ าคัญ คือ

1.สมรรถนะด้านการเรียนการสอน1) มีการพฒั นาหลกั สตู รท่ีหลากหลายตามความสนใจของผูเ้ รียน2) จัดการ

เรียนการสอนภาษาตา่ งประเทศภาษาองั กฤษและภาษาที่สอง3)ครสู ามารถการใช้เทคโนโลยเี พื่อการเรียนการสอน

(4) ลักษณะโดยรวมของบุคลากร (WORKFORCE Profile)
ตาราง ค (4) แสดงจานวนครแู ละบุคลากรโรงเรยี นโซพ่ ิสยั พทิ ยาคม

บุคลากร ปีการศกึ ษา 2561 ปกี ารศึกษา 2562 ปกี ารศกึ ษา 2563
1. เพศ ชาย จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ

38 36.19 43 37.72 46 41.07

หญิง 67 63.81 71 62.28 66 58.93

2. ประเภท ผ้บู รหิ าร 3 2.86 3 2.63 5 4.46

ครูปฏบิ ัตกิ าร 77 73.33 86 75.44 85 75.89

พนกั งานราชการ 10 9.52 10 8.77 6 5.36

ครอู ัตราจ้าง 5 4.76 6 5.26 7 6.25
ครูตา่ งชาติ 2 1.90 1 0.88 1 0.89

ครธู รุ การ 1 0.95 1 0.88 1 0.89
ลกู จา้ งประจา 1 0.95 1 0.88 1 0.89

ลูกจา้ งชว่ั คราว 6 5.71 6 5.26 6 5.36

3. วุฒิการศึกษา ต่ากวา่ ปริญญาตรี 7 6.67 7 6.14 7 6.25
ปริญญาตรี 60 57.14 69 60.53 68 60.71

ปริญญาโท 37 35.24 37 32.46 36 32.14
ปรญิ ญาเอก 1 0.95 1 0.88 1 0.89

4. วทิ ยฐานะ ไมม่ วี ิทยฐานะ 25 23.81 25 21.93 22 19.64
ครูผูช้ ว่ ย 30 28.57 26 22.81 18 16.07

ค.ศ.1 17 16.19 30 26.32 43 38.39
ค.ศ.2 10 9.52 11 9.65 7 6.25

ค.ศ.3 22 20.95 21 18.42 22 19.64

ค.ศ.4 1 0.95 1 0.88 - -

5

บุคลากร ปีการศึกษา 2561 ปกี ารศึกษา 2562 ปีการศึกษา 2563
5. อายุ อายุ 20-35 ปี จานวน รอ้ ยละ จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ

55 52.38 62 54.39 56 50.00

อายุ 36-45 ปี 31 29.52 32 28.07 34 30.36

อายุ 46 ปี ขนึ้ ไป 19 18.10 20 17.54 22 19.64

6. ประสบการณ์ จานวน 0-10 ปี 78 74.28 89 78.07 89 79.46

จานวน 11-20 ปี 12 11.43 11 9.65 10 8.93

จานวน 21 ปีขน้ึ ไป 15 14.29 14 12.28 13 11.61

จานวนบุคลากรรวม 105 114 112
: งานบุคคล ขอ้ มูล ณ 10 มิถุนายน 2565

ปัจจัยสาคัญท่ที าใหบ้ ุคลากรมุ่งมัน่ ในการทางานเพอื่ บรรลวุ สิ ยั ทศั นแ์ ละพนั ธกจิ ของโรงเรียนนอกจาก

สทิ ธิประโยชน์ตามระเบียบราชการทบี่ คุ ลากรควรได้รับ โรงเรียนไดจ้ ดั สวสั ดิการด้านการศึกษาดงู าน ทศั นศกึ ษา

การฝกึ อบรม การประกนั อุบัติเหตุใหแ้ กบ่ ุคลากรทุกคนและมกี ารสร้างขวัญกาลงั ใจในโอกาสตา่ ง ๆ เสมอื น

ครอบครัวเดยี วกัน รว่ มกนั กาหนดเปา้ หมายสคู่ วามสาเร็จ ตามความคาดหวังของผปู้ กครองและชุมชน รว่ มกัน

ทางานเป็นทีม ร่วมคดิ รว่ มทา รว่ มกันแกป้ ญั หา และมีการพฒั นาบคุ ลากรทางการศกึ ษาเพือ่ มีภาวะผู้นาทาง

วชิ าการอยา่ งตอ่ เน่ือง มคี ณะกรรมการบรหิ ารโรงเรยี นประกอบดว้ ย ผูบ้ ริหารสถานศึกษา รองผอู้ านวยการ ผู้ช่วย

ผู้อานวยการ และหวั หนา้ กลุม่ สาระการเรยี นรู้ทจ่ี ัดตง้ั ให้ทาหนา้ ที่เจรจาสิทธปิ ระโยชน์กับโรงเรียน

(5) สนิ ทรพั ย์ (Assets) โรงเรียนโซ่พิสัยพิทยาคม มพี ้นื ทีท่ ง้ั หมด 65 ไร่ 1 งาน 41 ตารางวา ประกอบด้วยอาคาร

สถานท่ี ส่ือ เทคโนโลยี และอุปกรณ์ทสี่ าคญั ของโรงเรยี น ดังตาราง ง (5)

ตาราง ง (5) แสดงขอ้ มูลอาคารเรยี น อาคารประกอบ หอ้ งปฏิบตั ิการและหอ้ งพิเศษตา่ งๆ

ที่ ประเภทสินทรัพย์ จานวน ที่ ประเภทสินทรพั ย์ จานวน
อาคารสถานท่ี
หอ้ งปฏิบตั ิการ/ห้องพเิ ศษ 3
1 อาคารเรยี น 1
2 หอ้ งเรียน 4 28 หอ้ งปฏิบัตกิ ารวิทยาศาสตร์ 1
3
3 หอประชุม 40 29 หอ้ งปฏิบัติการดนตรไี ทย 1

4 อาคารโรงฝกึ งาน(คหกรรม,อุตสาหกรรม,เกษตรกรรม) 2 30 ห้องปฏบิ ัติการทางภาษา

5 สนามฟตุ บอล 3 31 หอ้ งปฏิบตั กิ ารคอมพิวเตอร์

1 32 หอ้ งนาฏศิลป์

6 สนามกีฬา 3 33 ห้องดนตรีสากล 1

7 ถงั เก็บนา้ 3 34 หอ้ ง ASEAN 1
1
8 ศาลาพักร้อน 1 35 หอ้ งประชาสมั พันธ์ 1
1
9 รถตแู้ ละรถกระบะ 2 36 หอ้ งธนาคารนกั เรยี น 1
1
10 ห้องน้าชาย 30 37 หอ้ งกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น 1
1
11 ห้องนา้ หญิง 30 38 หอ้ งนักศึกษาวิชาทหาร 1
1
12 บา้ นพักครู 8 39 หอ้ งกิจการนักเรยี น 1
1
13 บ้านพักครู 8 ครอบครัว(แบบแฟลต 8 หน่วย) 1 40 หอ้ งแนะแนว 1
1
14 เสาธงชาติ 1 41 หอ้ งพยาบาล

15 บ่อเลีย้ งปลา 3 42 ห้องสมดุ

อปุ กรณ์การเรยี นการสอนด้าน ICT 43 หอ้ งสหกรณร์ ้านคา้

16 เครอื่ งคอมพวิ เตอรแ์ บบตั้งโต๊ะ(PC) เพื่อการเรยี นการสอน 120 44 ห้องแผนงานสารสนเทศ

17 คอมพวิ เตอร์โน้ตบ้คุ เพอื่ การบรหิ าร 3 45 หอ้ งบริหาร ธรุ การ

18 เครอื่ ง Server 2 46 ห้องวชิ าการ

19 กลอ้ งถา่ ยภาพ digital 2 47 ห้องประชมุ เลก็

6

ที่ ประเภทสนิ ทรพั ย์ จานวน ที่ ประเภทสินทรัพย์ จานวน

ด้านอาคารสถานท่ี หอ้ งปฏบิ ัตกิ าร/ห้องพิเศษ

20 วิทยุสื่อสาร 20 48 หอ้ งพัสดุ 1

21 เคร่ืองถา่ ยเอกสาร 1 49 หอ้ งพักครู 8 กลุม่ สาระการเรยี นรู้ 8

22 อปุ กรณ์เครือข่าย Videoconference// 1 50 ห้องรักษาความปลอดภัยเวรยาม 1

23 กล้องวงจรปดิ 7 51 ห้องศูนยก์ ารเรียนเศรษฐกิจพอเพียง 1

24 Projector 11 52 ห้องจริยธรรม 1

25 Active Board 2 53 เครื่องดนตรีไทย 33

26 Smart TV 40 54 เครอ่ื งดนตรสี ากล 8
27 ปร้นิ เตอร์ 12

งานพสั ด:ุ ข้อมูล ณ วันท่ี 10 มิถนุ ายน 2565

(6) กฎระเบยี บข้อบงั คบั (Regulatory Requirements)

กฎระเบยี บข้อบังคับ ข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษาของโรงเรยี นโซ่พิสยั พทิ ยาคม มีหน้าที่

ปฏิบตั ติ ามกฎหมาย ทม่ี กี ารปรบั ใชใ้ หเ้ ป็นปัจจุบนั เสมอ โดยถือแนวปฏิบัติ ดงั น้ี

ตาราง จ (6) กฎระเบียบข้อบงั คบั

ประเภท กฎหมายระเบียบ ข้อบังคับ มาตรฐานจรรยาบรรณวิชาชพี หน่วยงาน
1.กฎระเบยี บด้านอาชวี อนามัย ท่ีกากบั ดูแล
และความปลอดภยั -มาตรการรกั ษาความปลอดภยั ในสถานศึกษา พระราชบญั ญัตคิ ้มุ ครองเด็ก พ.ศ.2546
2.ขอ้ กาหนดด้านมาตรฐานการ และพระราชบญั ญัตวิ า่ ดว้ ยการกระทาความผิดเกี่ยวกบั คอมพวิ เตอร์ พ.ศ.2550 สพฐ.
ประกนั คุณภาพการศึกษา สพฐ.
-กฎกระทรวงว่าดว้ ยระบบหลักเกณฑแ์ ละวิธีการประกันคุณภาพการศกึ ษาภายในสถานศึกษา
3. กฎระเบยี บ เกี่ยวกับหลกั สตู ร ระดับการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พ.ศ.2553 มาตรฐานการประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษา 2562 สพฐ.
การจดั การเรียนการสอน และ และเกณฑก์ ารประกันคณุ ภาพการศึกษาภายนอก โรงเรียน
การบรกิ ารเสรมิ พิเศษ โซ่พิสยั พิทยาคม
-พระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และทแ่ี กไ้ ขเพิม่ เติม (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ.2545 สพฐ.
4. กฎระเบียบเก่ยี วกับการ
ปฏบิ ตั งิ านทางการศึกษา (ฉบบั ที่ 3) พ.ศ.2553 พระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาภาคบังคบั พ.ศ.2545 สานกั นายกรฐั มนตรี

5. กฎระเบียบขอ้ บงั คับ -หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 หลักสตู รโรงเรยี นมาตรฐานสากล
ดา้ นการเงินและสงิ่ แวดลอ้ ม
หลกั สูตรสถานศึกษา ตัวชวี้ ดั และมาตรฐานการศึกษา โรงเรยี นโซ่พิสัยพทิ ยาคม

-ระเบยี บข้อบังคับคูม่ ือนักเรียนและผู้ปกครองโรงเรยี นโซพ่ ิสยั พทิ ยาคมพระราชบญั ญตั ริ ะเบียบ
ข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 และท่ีแก้ไขเพม่ิ เติม หลกั เกณฑแ์ ละวิธีการ
ใหข้ ้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษามแี ละเล่ือนวทิ ยฐานะ พ.ศ.2552
-ระเบยี บวา่ ด้วยจรรยาบรรณครมู าตรฐานวิชาชพี ครกู ฎกระทรวงกาหนดหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการ
กระจายอานาจการบริหารและการจัดการศึกษา พ.ศ.2550
-ระเบียบสานกั นายกรัฐมนตรวี า่ ดว้ ยงานสารบรรณ พ.ศ.2526และระเบียบ
กระทรวงศกึ ษาธกิ ารว่าดว้ ยการบรหิ ารจดั การและขอบเขตการปฏบิ ตั ิหนา้ ทข่ี องสถานศกึ ษาขน้ั
พื้นฐานที่เป็นนิติบคุ คลในสังกดั เขตพื้นทกี่ ารศกึ ษา พ.ศ.2546

-ระเบียบสานกั นายกรัฐมนตรวี ่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และท่ีแกไ้ ขเพมิ่ เติม ระเบยี บว่าด้วย
การบรหิ ารงบประมาณ พ.ศ.2555 ระเบียบสานักงบประมาณวา่ ดว้ ยการเบกิ เงนิ ค่ารบั รอง
คา่ ใชจ้ า่ ยอ่ืนที่จาเป็น เน่อื งในการเดินทางไปราชการและ ค่ายานพาหนะในลักษณะเหมาจ่าย
ในการเดินทางไปราชการต่างประเทศช่ัวคราว พ.ศ.2527 ซ้อมความเขา้ ใจเรอ่ื งการใชจ้ า่ ย
งบประมาณรายจ่ายรายการกอ่ หนีผ้ กู พนั ข้ามปีงบประมาณ (ท่ี นร 0704/ว54 ลว 13 ก.พ. 56)
จรรยาบรรณของผปู้ ฏบิ ัตงิ านด้านพสั ดุ พ.ศ.2543 ระเบยี บสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการ
พัสดุ วิธอี ิเลคทรอนิกส์ พ.ศ.2549 ระเบยี บสานกั นายกรัฐมนตรี วา่ ด้วยการพสั ดุ พ.ศ.2538
ฉบับท่ี 7 การปรบั ปรุงหลกั เกณฑ์ แนวทาง และวิธปี ฏบิ ตั ิในการเปดิ เผยราคากลางของทาง
ราชการ ระเบยี บการเบิกจ่ายเงนิ จากคลงั การเก็บรกั ษาเงนิ และการนาเงินส่งคลัง พ.ศ. 2551
ระเบยี บกระทรวงการคลงั ว่าดว้ ยการเบกิ จา่ ยเงนิ สวสั ดิการเกีย่ วกับการรกั ษาพยาบาล
พ.ศ. 2545 พระราชกฤษฎกี าเงนิ สวสั ดิการเกยี่ วกบั การรักษาพยาบาล พ.ศ.2553 ระเบียบ
กระทรวงการคลังวา่ ดว้ ย การเบกิ จา่ ยเงนิ สวัสดกิ ารเกยี่ วกบั การศกึ ษาของบตุ ร พ.ศ. 2551
และระเบียบกระทรวงการคลงั วา่ ด้วยการเบกิ คา่ ใชจ้ ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. 2550

7
ข. ความสัมพนั ธ์ระดับองค์กร (Organizational Relationships)

(1) โครงสรา้ งองค์กร (Organizational Structure)
โรงเรยี นโซพ่ สิ ยั พิทยาคมมกี ารบรหิ ารจัดการโดยกาหนดโครงสรา้ งโรงเรียนออกเป็น 4 กลมุ่ งาน ไดแ้ ก่

1)กลุม่ บริหารงานวิชาการ 2)กลมุ่ บริหารงานแผนและงบประมาณ 3)กลุ่มบริหารงานบคุ คล 4)กลมุ่ บริหารงาน
ท่ัวไป บริหารจัดการทง้ั 4 กลุ่มงานบนพนื้ ฐานของหลักการวา่ ดว้ ยการบริหารกจิ การบา้ นเมอื งและสงั คมที่ดีซงึ่
เรยี กกนั โดยท่วั ไปว่า “ธรรมาภิบาล” และใช้ SOPIT Model มาเป็นตัวขบั เคล่อื น เพ่อื เสรมิ สร้างความเขม้ แข็ง
ใหก้ บั โรงเรยี นในฐานะทเี่ ป็นนิตบิ ุคคล โดยมีเปา้ หมายในการจดั การศกึ ษาคอื สร้างผเู้ รียนใหม้ ีคุณภาพเป็นไปตาม
วสิ ยั ทศั น์ของโรงเรยี นทม่ี ่งุ จัดการศกึ ษาส่กู ารเปน็ โรงเรียนมาตรฐานสากลบนพ้นื ฐานความเป็นไทย อีกทัง้ มีองค์กร
ทใ่ี หก้ ารกากบั ดูแล สง่ เสรมิ และสนบั สนนุ ในการบริหารจดั การศึกษา ได้แก่1)คณะกรรมการสถานศกึ ษา
ขน้ั พ้ืนฐานของโรงเรียน 2) สมาคมศษิ ย์เกา่ ครู และผ้ปู กครองนกั เรยี นโรงเรยี นโซพ่ ิสยั พทิ ยาคม 3) เครือขา่ ย
ผ้ปู กครองและชมุ ชนโรงเรยี นโซ่พิสยั พิทยาคม

ระบบการรายงานระหว่างคณะกรรมการกากบั ดูแลองค์กร ผ้นู าระดับสูง หน่วยงานตน้ สงั กัด
คณะกรรมการสถานศกึ ษาข้นั พ้นื ฐานมีบทบาทสาคัญในการกากับ ดูแลและติดตามการดาเนนิ งาน

ของโรงเรยี น รวมทัง้ สนับสนุนส่งเสรมิ การบริหารจดั การศึกษามีการกากบั ดแู ลการดาเนนิ งานระหว่าง
คณะกรรมการบรหิ ารโรงเรยี นและคณะกรรมการแตล่ ะฝา่ ยให้การสง่ เสรมิ สนับสนนุ อยา่ งเป็นระบบโดย
คณะกรรมการสถานศึกษาเปน็ ผกู้ าหนดนโยบายระดบั องค์กรและติดตามความคืบหนา้ ในการดาเนินงานทสี่ าคญั
ตา่ งๆ โดยมีคณะกรรมการงานประกนั คณุ ภาพการศึกษา ทาหน้าทตี่ ิดตาม ตรวจสอบการปฎิบัตงิ านของฝ่าย
บรหิ ารเสนอแนวทางหรอื กาหนดมาตรการในการปรับปรุงคุณภาพเพื่อเพิม่ ประสิทธิภาพการดาเนนิ งานของ
สถานศึกษาดว้ ยการปรึกษาคณะกรรมการบริหารโรงเรยี นและหวั หนา้ กลมุ่ สาระทุกกลุ่มสาระในการประชุมทุก
เดอื นเพือ่ หารอื พิจารณากลนั่ กรองขอ้ เสนอแนะเร่อื งตา่ งๆ กอ่ นนาเสนอคณะกรรมการสถานศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐานของ
โรงเรยี น ตามลาดับขั้น
(2) นกั เรยี นและผ้มู สี ่วนได้สว่ นเสีย (SUDENTS and STAKEHOLDERS)

นักเรยี น โรงเรยี นโซ่พิสยั พิทยาคมรบั สมคั รนกั เรยี นในเขตพ้ืนท่บี ริการของโรงเรียน ประกอบดว้ ย
โรงเรียนในอาเภอโซ่พิสยั 12 โรงเรยี น แยกเปน็ โรงเรยี นใน ตาบลโซ่ 7 โรงเรียน ตาบลเหล่าทอง 3 โรงเรยี น ตาบล
คาแกว้ 2 โรงเรยี นและโรงเรียนนอกเขตพนื้ ทบี่ รกิ ารที่มีความต้องการเขา้ ศึกษาชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 1 และ
ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 และจัดข้อกาหนดด้านหลกั สตู รใหก้ ับผู้เรียน ดังตาราง ก (1)

ในการจดั นักเรยี นเข้าเรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 โรงเรยี นได้จัดนักเรียนเป็น 2 กลุ่มคือกลมุ่ นักเรียน
ห้องเรยี นพเิ ศษท่ีผูป้ กครองสนใจเข้าร่วมโครงการสง่ เสริมการเรียนรภู้ าษาองั กฤษโดยเจ้าของภาษา และกล่มุ
นกั เรยี นหอ้ งเรียนปกติ โรงเรียนจดั นักเรยี นเข้าเรยี นตามลาดับผลคะแนนรวมท่ีไดจ้ ากการทดสอบ 5 รายวิชาหลัก
คอื วิชาภาษาไทย คณิตศาสตร์ ภาษาองั กฤษ วทิ ยาศาสตร์ สังคมศกึ ษา และทดสอบการอ่าน เขียนภาษาไทย
เพอ่ื จัดห้องเรยี นเฉพาะนกั เรยี นทอ่ี า่ นไมอ่ อก เขียนไมค่ ลอ่ ง และจัดคาบสอนเสรมิ ภาษาไทย สปั ดาห์ละ 2 คาบ .
ในคาบแนะแนวและชมุ นุม ส่วนการจดั นักเรยี นเขา้ เรียนในช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 โรงเรียนได้ใหน้ ักเรยี นเลอื กเรียน
ตามแผน ตามลาดับคะแนนท่ีนักเรียนทาการทดสอบตามแผนทนี่ กั เรยี นเลือก

8
ผู้มีส่วนไดส้ ่วนเสยี โรงเรยี นไดก้ าหนดผู้มสี ว่ นไดส้ ่วนเสยี ไว้ 3 กลุ่ม คอื 1) ผมู้ สี ่วนได้สว่ นเสียภายใน
องค์กร ได้แก่ ผ้บู ริหารทกุ ระดบั ครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาทุกคน คณะกรรมการสถานศกึ ษา ภาคีเครอื ขา่ ย 2)
ผมู้ ีสว่ นไดส้ ่วนเสียโดยตรงในการรบั บริการ เชน่ นกั เรียน ผู้ปกครอง ผ้รู ับบรกิ าร พันธมิตร ผู้รับจ้าง และผู้ขายใน
การจัดซือ้ จดั จา้ งตามระเบียบพสั ดุ เปน็ ต้น และ 3) ผูม้ ีสว่ นไดส้ ว่ นเสียในสังคมแต่อยู่นอกองคก์ ร เชน่ สานักงาน
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน สานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษา สถาบนั การศกึ ษาตา่ ง ๆ กลมุ่ การเมอื งท่ีเป็น
ทางการและไม่เปน็ ทางการ องคก์ รทางศาสนา ชมุ ชน เปน็ ตน้
(3) ผสู้ ง่ มอบและพนั ธมติ ร (Suppliers and PARTNERS)
ผสู้ ง่ มอบ คอื สถานศกึ ษาในเขตพื้นทบ่ี รกิ าร วทิ ยากรทอ้ งถิน่ และครชู าวต่างชาติ มหี น้าที่ในการให้

ความรู้เฉพาะสาขาวชิ าแกน่ กั เรยี น

พันธมติ ร คือ โรงเรียน วดั ในเขตอาเภอโซพ่ ิสัย ธนาคารออมสนิ ในรูปแบบธนาคารโรงเรยี น โรงพยาบาลโซ่

พสิ ัยท่คี อยสนับสนนุ เกยี่ วกับงานอนามยั ของโรงเรยี น สถานตี ารวจภธู รโซพ่ สิ ยั ทีส่ นับสนนุ ดา้ นความปลอดภยั ของ

นักเรยี น องค์กรบริหารสว่ นตาบลโซพ่ ิสยั ท่สี นบั สนุนในดา้ นงบประมาณในการจดั โครงการต่าง ๆ ของโรงเรียน

บริษทั ทีโอที จากดั เปน็ องคก์ รท่ีคอยอานวยความสะดวกดา้ นเครือข่ายอนิ เตอร์เน็ต เพือ่ การจัดการเรียนการสอน

และการบริหารจัดการในสถานศึกษา

ผใู้ ห้ความร่วมมอื (COLLABORATORS) ชมรมศษิ ย์เกา่ ท่ไี ด้ข้นึ ทะเบยี นจัดตั้งเพ่อื สนับสนนุ โรงเรียน

ในการชว่ ยระดมทนุ เพ่ือการศกึ ษา ชมรมภาษาอังกฤษส่อู าเซยี นเปน็ ชมรมอิสระไมไ่ ด้ข้ึนทะเบยี นเกดิ จากการ

รวมตวั ของผู้ปกครองนกั เรียนท่ตี ้องการใหบ้ ตุ รหลานตนเองได้เรยี นภาษาองั กฤษกบั เจา้ ของภาษา โดยดาเนนิ การ

ตั้งแต่จดั หาและจ่ายค่าตอบแทนใหค้ รชู าวตา่ งชาตโิ ดยตรง

2. สภาวการณ์ขององคก์ ร (Organizational Situation)
ก. สภาพแวดล้อมด้านการแขง่ ขนั (Competitive Environment)
(1) ลาดับในการแข่งขัน (Competitive Position) โรงเรยี นได้กาหนดโรงเรยี นท่ีเปน็ คู่เทียบเคียงหรอื

คแู่ ขง่ คือโรงเรยี นปทุมเทพวทิ ยาคาร สังกดั สานกั งานเขตพืน้ ทกี่ ารศกึ ษามธั ยมศึกษาหนองคายซึ่งเป็นโรงเรียน

ขนาดใหญ่พเิ ศษ ข้อมูลทใ่ี ช้ในการเปรียบเทียบและจัดลาดับการแขง่ ขนั ปีการศกึ ษา 2561-2563 ดังนี้
1) ผลสมั ฤทธกิ์ ารทดสอบทางการศกึ ษาแห่งชาตขิ ้นั พน้ื ฐาน (O-NET) ของนกั เรยี นชน้ั มธั ยมศึกษา ปี

ท่ี 3 และชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 ปกี ารศกึ ษา 2561-2563 กบั โรงเรยี นค่แู ขง่ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 ปกี ารศกึ ษา
2561-2563 กบั โรงเรียนคูแ่ ข่ง พบว่าผลการทดสอบระดบั ชาติของโรงเรียนโซ่พสิ ัยพิทยาคมมคี ่าเฉลี่ยสงู กวา่
โรงเรียนคแู่ ขง่ และมีพฒั นาการท่ีดีกวา่ ในรายวชิ าวทิ ยาศาสตรใ์ นปกี ารศกึ ษา 2562และเปรยี บเทยี บผลการ
ทดสอบระดบั ชาติ O-NET ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 ปีการศึกษา 2561-2563 กับโรงเรยี นปทมุ เทพวิทยาคาร พบว่า
ผลการทดสอบระดับชาติของโรงเรยี นโซพ่ สิ ัยพิทยาคมมคี า่ เฉล่ียตา่ กวา่ โรงเรยี นคูแ่ ข่ง ทุกรายวิชา จาเปน็ ตอ้ งเร่ง
พฒั นาและมีแนวโน้มทจี่ ะเพ่มิ ขึ้นในปีการศกึ ษาต่อไป (หมวดท่ี 7ภาพประกอบ7.1ก-13)

2) การสอบเข้าศกึ ษาต่อในระดับอดุ มศึกษาปีการศึกษา 2561-2563 พบวา่ นักเรียนโรงเรยี น

โซพ่ ิสยั พทิ ยาคมมอี ตั ราการสอบเขา้ ศกึ ษาต่อในระดับอดุ มศึกษาเพ่ิมขนึ้ ทุกปี และเมื่อเปรยี บเทยี บกบั โรงเรียน

คู่แข่ง ร้อยละของนักเรยี นโรงเรียนคูแ่ ข่งศึกษาตอ่ รอ้ ยละ 100 ทกุ ปกี ารศกึ ษาซ่ึงสงู กวา่ นกั เรียนโรงเรียน

โซพ่ สิ ัยพิทยาคม (หมวดที่ 7 ภาพประกอบ 7.1ข-4)

9

3) ผลการแข่งขนั ทักษะวิชาการในงานศิลปหตั ถกรรมนกั เรยี น ปีการศึกษา 2560 –2562 โรงเรียน

โซพ่ ิสัยพิทยาคมไดร้ บั รางวลั เหรยี ญทองในการแข่งขันงานศลิ ปหตั ถกรรมนักเรยี นระดับภาคตะวันออกเฉียงเหนอื

จานวน 8,12 และ14 เหรียญตามลาดบั เมื่อเปรียบเทยี บกบั โรงเรียนปทมุ เทพวิทยาคาร ซ่ึงเป็นโรงเรียนคู่แขง่ ไดร้ ับ

รางวลั เหรยี ญทองระดบั ภาค จานวน 12, 19 และ 26 เหรยี ญ โรงเรียนโซ่พิสัยพทิ ยาคมเหนือกวา่ โรงเรยี นปทมุ เทพ

วทิ ยาคาร คือในปกี ารศกึ ษา 2560 ได้รับเหรียญทองระดบั ชาติ 1 เหรียญ (หมวดที่ 7 ภาพประกอบ 7.1ก-16 )

4) จานวนนกั เรยี นตอ่ ชนั้ เรียน จากขอ้ มลู จานวนนกั เรยี นตอ่ ชนั้ เรียน นักเรยี นเข้าศกึ ษาตอ่ ชั้นมธั ยมศกึ ษา

ปที ี่ 1 และช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 พบวา่ จานวนนกั เรียนสมัครศึกษาต่อเพิม่ ข้นึ อยา่ งต่อเน่ืองแสดงใหเ้ ห็นวา่

ผู้ปกครองให้ความไวว้ างใจและมคี วามผูกพันกบั โรงเรยี นโซ่พสิ ยั พิทยาคม (หมวดท่ี 7 ภาพประกอบ .7.2 ก-5)

(2) การเปลยี่ นแปลงความสามารถในการแข่งขนั (Competitiveness Changes)
การเปล่ยี นแปลงทส่ี าคญั ทีเ่ กิดขนึ้ ได้แก่ การสอบวัดมาตรฐานระดับชาติ (O-NET) การเข้าศกึ ษาต่อใน

ระดับมหาวทิ ยาลัย ทาใหม้ ีโอกาสสรา้ งนวตั กรรมและความรว่ มมอื เชน่ จดั โครงสร้างการบริหารงานให้ครอบคลุม

ตามภาระงาน มรี ะบบการตดิ ตอ่ ส่ือสารโดยใช้เทคโนโลยที ท่ี นั สมยั ให้ขวญั และกาลังใจแก่บคุ ลากรอยา่ งสม่าเสมอ

มีการบริหารจดั การท่ยี ดื หย่นุ เปลยี่ นแปลงตามความเหมาะสม แต่ก็ยงั มีปจั จยั ทสี่ ง่ ผลกระทบตอ่ สภาพการแขง่ ขนั

คอื บคุ ลากรมภี าระงานหลายงาน และซา้ ซอ้ น ขาดการขยายผล ความรู้และประสบการณ์ทไี่ ดร้ ับจากการอบรม

สมั มนา นโยบายจดั การศึกษามีการเปลีย่ นแปลงตามสถานการณ์ทางการเมอื ง
ปัจจัยสาคญั ทีส่ ง่ ผลต่อความสาเรจ็ เมือ่ เทยี บกับโรงเรียนในระดบั เดียวกนั รวมทง้ั ผลกระทบจากการ

เปล่ยี นแปลงท่เี กิดขนึ้ ต่อสภาพการแขง่ ขัน มีดังนี้ 1) โรงเรียนมีความพร้อมของทรัพยากรทางการศกึ ษา ท้ังดา้ นครู
และบคุ ลากร งบประมาณ วัสดอุ ุปกรณ์และการบริหารจดั การ 2) ครมู ศี กั ยภาพ มกี ารปรบั เปลีย่ นวิธีการสอน
มนี วตั กรรมและแนวทางการจดั การเรยี นรู้ท่ีมมี าตรฐาน 3) ครูและบคุ ลากร นักเรยี น ผูป้ กครองมีความร่วมมอื
ร่วมแรง รว่ มใจ อุทศิ เวลา เสียสละและมุง่ มั่นในการเรยี นรู้ ในการฝึกทักษะอยา่ งสม่าเสมอ 4) โรงเรยี นมีการจดั
กิจกรรมและโครงการท่สี ง่ เสรมิ การเรียนร้ทู ี่มปี ระสิทธภิ าพและพฒั นาผูเ้ รยี นอยา่ งต่อเนอื่ ง 5) ผลจากการ
จดั การศกึ ษาและความสามารถในการแข่งขนั ของโรงเรียนส่งผลให้โรงเรียนไดร้ บั การยอมรับและความรว่ มมือจาก
ผู้ปกครอง ชมุ ชน หนว่ ยงานต้นสังกดั และไดร้ บั การรบั รองจากองค์กรภายนอก
(3) แหลง่ ขอ้ มูลเชงิ เปรียบเทียบ (Comparative Data)

โรงเรียนไดจ้ ัดทาขอ้ มลู สารสนเทศเพือ่ ใชใ้ นการวางแผนการจัดการศกึ ษาและพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษา
เทยี บกับโรงเรียนปทุมเทพวทิ ยาคาร โดยได้รวบรวมขอ้ มลู เกย่ี วกับ ผลสัมฤทธิท์ างการเรียน ผลการสอบเขา้ ศกึ ษา
ต่อในสถาบัน อุดมศกึ ษา คะแนนการสอบ O-NET ผลการประเมนิ ภายนอกรอบสาม รอบส่ีของ สมศ.
ผลการประเมินคณุ ภาพการศกึ ษาภายในสถานศกึ ษาและข้อมูลจากหนว่ ยงานตา่ ง ๆ มาวเิ คราะห์เพ่อื วางแผนและ
กาหนดแนวทางในการพฒั นา ปรบั ปรุงคุณภาพของการจดั การศึกษาใหม้ ีประสทิ ธิภาพมากยง่ิ ข้นึ

ข. บรบิ ทเชิงกลยทุ ธ์ (Strategic Context)
ความทา้ ทายและความได้เปรยี บเชงิ กลยุทธ์ทสี่ าคญั ของโรงเรยี น ทีส่ ง่ ผลตอ่ การพัฒนาผูเ้ รียนและ

ส่งผลต่อความยงั่ ยืนขององคก์ ร ดา้ นการจัดการเรยี นรู้ ด้านบคุ ลากร และดา้ นความสมั พนั ธก์ ับชุมชนท่สี ง่ ผล

กระทบต่อความย่ังยนื ขององคก์ ร ดงั นี้

10

ตาราง ฉ (2) วัตถุประสงคเ์ ชงิ กลยทุ ธ์/ความทา้ ทายและความไดเ้ ปรียบเชิงกลยุทธ์

ความท้าทาย ความไดเ้ ปรยี บเชิงกลยทุ ธ์ วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์
ดา้ นการศึกษาและการเรยี นรู้ ทีส่ อดรบั ความท้าทาย
การพัฒนาหลกั สูตรและการจดั การเรียนรู้ 1. โรงเรยี นมกี ารจัดการศกึ ษาเน้นวชิ าการและกิจกรรม 1. เพ่อื พัฒนาหลกั สูตรและการ
ให้ได้มาตรฐานสากล ตลอดจนพฒั นาผเู้ รยี น ที่หลากหลาย ตอ่ เน่อื งสม่าเสมอ มหี ลกั สตู รท่หี ลากหลาย จดั การเรียนร้ไู ดม้ าตรฐานสากล
ให้เป็นพลโลกและมีความเปน็ เลศิ ทาง ให้ผเู้ รยี นเลอื กเรยี นตาม ความถนัดและความสนใจ 2. เพอื่ ส่งเสริมผู้เรียนใหเ้ ป็นพลโลก
วชิ าการ 2.การจัดการศึกษาดา้ นภาษาองั กฤษ ญ่ีปุ่น เกาหลีและจีน และมีความเป็นเลิศทางวชิ าการ
3. มแี หลง่ เรยี นรู้ท่ีหลากหลาย ส่ือ อปุ กรณแ์ ละเทคโนโลยี
ด้านบุคคล ที่ทนั สมัย 3.เพ่ือพัฒนาครูและบคุ ลากรใหเ้ ปน็
การพัฒนาครูและบคุ ลากรใหเ้ ป็นมอื อาชพี 4.มีระบบดูแลชว่ ยเหลือนักเรยี นทีเ่ ข้มแขง็ มืออาชีพ พร้อมรบั การเปล่ียนแปลง
5. โรงเรยี นมจี านวนครูในแต่ละกลุ่มสาระเพยี งพอและมีวฒุ ิ
ดา้ นทรพั ยากร การศกึ ษาตรงตามสาขาวชิ าที่สอนมีทีมงานทเ่ี ขม้ แข็ง 4. เพือ่ พัฒนาสภาพแวดล้อมให้เออื้ ตอ่
การจดั บรรยากาศโรงเรยี นพัฒนา อาคาร 6.ครูและบคุ ลากรมีความพร้อมในการปฏิบัตหิ น้าท่ี มีความรู้ การจัดการเรยี นรู้
สถานท่ี ภมู ทิ ัศน์ แหลง่ เรียนรู้ และ ความสามารถเฉพาะดา้ น
เทคโนโลยีเอ้อื ตอ่ การเรยี นรู้ 7. มีการจดั อบรมและพฒั นาบคุ ลากรอย่างต่อเน่ือง 5.เพื่อบรหิ ารงานโดยมงุ่ การมสี ว่ นรว่ มใน
ดา้ นความรับผิดชอบต่อสังคม 8. มีบรรยากาศการทางานแบบกลั ยาณมติ ร การบริหารจดั การศกึ ษาจากองคก์ รหลกั
การพฒั นาประสทิ ธภิ าพ 9. ผบู้ รหิ ารมีวสิ ัยทัศน์ พรอ้ มรบั การเปลย่ี นแปลง และชุมชน
ระบบบริหารจดั การศกึ ษา 10. มีการถ่ายทอดประสบการณ์ในการทางาน 6. เพือ่ ใหผ้ เู้ รียนมสี ุขภาพดี มีคณุ ธรรม
ตามหลักธรรมาภิบาล โดยม่งุ หมาย โดยเนน้ ผลสัมฤทธขิ์ องผ้เู รียนเป็นสาคญั ตามแนวทางปรชั ญาของเศรษฐกจิ
ให้ผ้เู รยี นมสี ขุ ภาพดี มีคณุ ธรรมตามแนวทาง 11.มีบรรยากาศและสงิ่ แวดล้อมที่เออื้ ต่อการเรยี นรู้ พอเพยี ง
ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 12.สือ่ เทคโนโลยที ท่ี ันสมยั และเพียงพอตอ่ จานวนผู้เรียน

13. โรงเรียนได้รบั ความรว่ มมือจากชุมชนและ หน่วยงาน
ทเี่ กีย่ วขอ้ งในการสนับสนนุ กิจกรรมตา่ งๆ ของโรงเรียน
อยา่ งเข้มแขง็
14. ใช้หลักธรรมาภิบาลในการบรหิ ารจัดการภายในโรงเรียน
15.ผเู้ รยี นมคี ณุ ลกั ษณะตามทีส่ งั คมต้องการ

ค. ระบบการปรับปรงุ ผลการดาเนินการ (Performance Improvement System)
โรงเรียนโซพ่ ิสัยพิทยาคมได้บริหารจัดการตามโครงสร้างการบรหิ ารที่มบี ทบาทหนา้ ทค่ี วามรบั ผดิ ชอบ

และมาตรฐานการปฏิบตั งิ านเป็นกรอบในการกากับและปรบั ปรุงผลการดาเนนิ การและการดาเนนิ งานตามแผน
กลยทุ ธภ์ ายใต้แผนปฏบิ ตั ิการประจาปี โดยมีเป้าหมายสาคญั ตามมาตรฐานการจัดการศกึ ษาขน้ั พื้นฐานของ
โรงเรยี นทม่ี ตี วั ช้วี ดั และค่าเปา้ หมายเปน็ ตัวกาหนดความสาเรจ็ ของผลการดาเนนิ การของโรงเรียน ได้ใช้ระบบการ
ปรับปรุงผลการดาเนินการ ดังนี้ 1) ระบบประกันคณุ ภาพการศกึ ษาทีใ่ ชท้ บทวน กากับ และประเมนิ คุณภาพ
ทั้งภายในและภายนอกเปน็ เครอ่ื งมือในการปรับปรงุ ผลการดาเนนิ การอยา่ งต่อเนื่อง 2) ระบบการประเมิน
ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นของสถาบนั ทดสอบทางการศึกษาแหง่ ชาติ (องคก์ ารมหาชน) นามาใช้ในการปรับปรงุ
คณุ ภาพการจัดการเรยี นการสอนในแตล่ ะกลมุ่ สาระการเรียนรู้ 3) ระบบการประเมินประสิทธิภาพการดาเนนิ งาน
ของหน่วยงานและการดาเนินกจิ กรรม/โครงการ/แผนงาน ตามแผนปฏิบัติการประจาปี และการพัฒนาคณุ ภาพ
การศึกษาข้ันพน้ื ฐานโรงเรียนโซ่พิสยั พิทยาคมโดยใช้ SOPIT Model เปน็ เครือ่ งมือประเมนิ 4) ระบบการประเมนิ
ประสิทธผิ ลโดยใชม้ าตรฐานการปฏิบตั ิงานของหน่วยงานตามโครงสรา้ งการบรหิ ารและใช้มาตรฐานการจัด
การศึกษา ตวั ชวี้ ัด และคา่ เป้าหมาย เปน็ เครื่องมอื ในการประเมินเพือ่ นาไปสู่การปรับปรุงผลการดาเนนิ การส่คู วาม
โรงเรียนมาตรฐานสากลระดับชาติต่อไป

11

หมวด 1
การนาองคก์ ร (Leadership)

1.1 การนาองค์กรโดยผ้นู าระดับสงู (Senior Leadership)
โรงเรียนโซ่พสิ ัยพทิ ยาคมมรี ะบบการนาองค์กรตามทศิ ทางการจัดการศึกษาที่มุ่งสู่วิสยั ทัศน์ พันธกิจ

เปา้ ประสงค์ และใช้ค่านิยมและวฒั นธรรมองคก์ รเปน็ พลังขบั เคล่อื นทสี่ าคญั โดยคานึงถึงองคป์ ระกอบสาคญั
ดา้ นผูเ้ รียน ครู บุคลากรและผูม้ ีสว่ นได้สว่ นเสยี รวมถึงผู้สง่ มอบ พันธมิตรและผูใ้ ห้ความร่วมมอื ทกุ สว่ นทต่ี ้อง
เข้าใจถงึ ทิศทางการจัดการศกึ ษา บนพน้ื ฐานของกฎระเบยี บข้อบังคบั และจรรยาบรรณวชิ าชีพครู ผา่ นการส่อื สาร
หลายทิศทางเพ่ือสร้างความเข้าใจอนั ดีต่อกนั ในการดาเนินงาน มีการกากับดแู ลองค์กรผ่านระบบการปรบั ปรุง
และการวดั ผลการดาเนินการโดยใช้ SOPIT Model เป็นเครื่องมอื ในการกากับ ตดิ ตาม ตรวจสอบประสทิ ธภิ าพ
การดาเนินการ และใชม้ าตรฐานการปฏิบตั ิงาน มาตรฐานการจัดการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน ตัวช้ีวดั และค่าเปา้ หมาย
เปน็ หลกั ในการวัดประสิทธผิ ล เพอ่ื ใหบ้ รรลวุ สิ ยั ทศั น์ท่ีกาหนด ดงั ภาพประกอบ 1.1 - 1.2

แผนงานประจา แผนกลยทุ ธ์

ทิศทางการจัดการศกึ ษา

วสิ ยั ทัศน์ พันธกิจ เปา้ ประสงค์
กฎหมายและ
จรรยาบรรณครู การสร้างองคก์ ร
ท่ยี งั ยนื

การประพฤติ การส่อื สาร การปฏิบตั ิ
ตามกฎหมายและ อย่างจริงจงั
จรรยาบรรณ

ครแู ละบคุ ลาการทางการศึกษา
ผูม้ สี ว่ นไดส้ ่วนเสีย ผสู้ ่งมอบ พันธมิตร และผู้ใหค้ วามร่วมมือ

ระบบการกากับ ระบบการวดั ผล
SOPIT Model การดาเนนิ การ

ความผาสกุ ของคนในสงั คมในวงกว้าง / การสนบั สนุนชุมชน

ภาพประกอบ 1.1(1) แสดงความสมั พันธ์ขององคป์ ระกอบของการนาองค์กรโรงเรียนโซ่พิสัยพิทยา
ผู้มสี ว่ นได้ส่วนเสยี ของโรงเรยี น ได้แก่ผู้บรหิ ารทคุกมรพะิทดยับาคครมูและบุคลากรทางการศึกษาทุกคน คณะกรรมการ
สถานศึกษา ภาคีเครือข่าย นักเรียน ผู้ปกครอง ผู้รับบรกิ าร พันธมิตร ผรู้ บั จา้ ง ผ้ขู ายในการจัดซ้อื จัดจ้างตามระเบียบ
พัสดุ สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน สานกั งานเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษา สถาบนั การศกึ ษาต่าง ๆ กลุ่มการเมือง
ที่เป็นทางการและไมเ่ ปน็ ทางการ องค์กรทางศาสนา ชุมชน เปน็ ต้น

12

รปู แบบการบริหารงานแบบ SOPIT Model

วสิ ยั ทศั น์

“โรงเรยี นโซพ่ ิสัยพิทยาคม มงุ่ จดั การศึกษาส่กู ารเป็นโรงเรียนมาตรฐานสากล บนพน้ื ฐานความเป็นไทย”

SOPIT Model

กลุ่มบริหารวิชาการ กลุม่ บรหิ ารบคุ คล กลุม่ บริหารงบประมาณ กล่มุ บรหิ ารทว่ั ไป

มาตรฐานการ มาตรฐานการจัด ตัวช้วี ดั
ปฏิบัตงิ าน การศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน ค่าเป้าหมาย

7.1 ผลลัพธ์ 7.2 ผลลพั ธด์ ้าน 7.3 ผลลัพธ์ด้าน 7.4 ผลลพั ธด์ ้าน 7.5 ผลลัพธด์ ้าน
ด้านหลกั สตู ร นกั เรยี นและผู้มี บุคลากร การนาองคก์ รและ การเงนิ การตลาด
และกระบวนการ ส่วนได้ส่วนเสยี การกากับดูแล

ภาพประกอบ 1.1(2) แสดงรูปแบบการบรหิ ารงานอแงบคก์บรSOPIT Model

ก. วิสัยทศั น์ พันธกิจ และค่านยิ ม (Vision, Mission and Values)

ก(1) วิสัยทศั น์ พนั ธกจิ และคา่ นิยม (Vision, Mission and Values)

ผบู้ ริหารโรงเรยี นโซ่พิสัยพทิ ยาคม แตง่ ตัง้ คณะกรรมการวเิ คราะห์สภาพปจั จบุ ัน ปญั หา
ไดด้ าเนินการจัดทาวสิ ัยทศั น์ พนั ธกจิ และ และความตอ้ งการของสถานศึกษา
ค่านยิ มองคก์ ร โดยการศึกษาจดุ เด่น

จุดด้อย (SWOT) ท่ไี ดจ้ ากการสารวจ จดั ประชมุ เชงิ ปฏิบตั ิการ
ความพงึ พอใจและความต้องการของนักเรยี น วิเคราะหจ์ ดุ แข็ง จุดออ่ น โอกาสและอุปสรรค(SWOT)

ผปู้ กครอง เครือขา่ ยผ้ปู กครอง นกั เรยี น ครูและ กาหนดวิสัยทศั น์ พนั ธกจิ คา่ นิยม
บุคลากรทางการศกึ ษา คณะกรรมการ

สถานศึกษาขนั้ พื้นฐาน ชมุ ชนและผูท้ มี่ สี ่วน เสนอคณะกรรมการสถานศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน
เกย่ี วข้อง โดยใชว้ ิธีการจัดประชมุ ผู้ปกครองทุก
ภาคเรียน และประชุมคณะกรรมการการ ประชมุ และ ปรับปรงุ /แกไ้ ข
สถานศึกษาขัน้ พืน้ ฐานทกุ ภาคเรียน แล้วนา พิจารณเาหน็ ชอบ ไมเ่ หน็ ชอบ
ความคาดหวงั มมุ มองของทุกภาคสว่ น มา
วเิ คราะห์ความเชอ่ื มโยง จดั สาดับความสาคญั ประกาศใชผ้ า่ นเวบ็ ไซต์ ส่อื ออนไลน์

ของประเดน็ ปญั หาและความต้องการ คัดเลือก จดั ทาแผนกลยทุ ธ์ ระยะ 3 ปี
สภาพปญั หาเรง่ ดว่ นและคลอ้ งคล้องกับสภาพ

ปัจจบุ นั บรบิ ทโรงเรียนและความตอ้ งการของ จัดทาแผนปฏบิ ตั กิ ารประจาปี
ชมุ ชนและสงั คม ดังภาพประกอบ 1.1ก(1)

ภาพประกอบ 1.1ก(1)

ข้นั ตอนการจดั ทาวสิ ยั ทศั น์ พนั ธกจิ และคา่ นิยม (Vision, Mission and Values)

13

โดยโรงเรยี นแตง่ ตง้ั คณะกรรมการวิเคราะหส์ ภาพแวดล้อมภายใน โดยใชก้ ระบวนการ 2S4M

(Structure and policy, Service and products, Man, Money, Material, Management) ดาเนนิ การ

วิเคราะห์สภาพบริบทของโรงเรียน สภาพปัญหาความต้องการของชมุ ชน และผู้มีสว่ นได้ส่วนเสีย ความพรอ้ มของ

โรงเรียน ความเปลีย่ นแปลงของสงั คม นโยบายต้นสงั กัด นาเสนอที่ประชมุ ครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้น

พ้ืนฐาน เพือ่ รว่ มกนั กาหนดวิสัยทัศน์ พันธกจิ เป้าประสงคแ์ ละค่านิยมของโรงเรยี น นาผลทีไ่ ด้เสนอต่อท่ีประชมุ

คณะกรรมการสถานศกึ ษาข้ันพ้ืนฐานเพือ่ ขอความเหน็ ชอบ และประกาศใช้ เผยแพร่ ผ่านเว็บไซด์ ปิดประกาศ

ผ้บู รหิ ารนาวสิ ยั ทศั น์สกู่ ารปฏบิ ัติโดยจดั ประชมุ ครูเพ่ือชี้แจงรายละเอยี ดและถ่ายทอดแกน่ ักเรยี น จดั ประชุม

หัวหน้ากลุม่ สาระการเรยี นรู้ หวั หนา้ งาน เพอื่ ช้ีแจงและจัดทาแผนพฒั นากลยุทธ์ และแผนปฏิบตั ิการประจาปี

ต่อไป

ก(2) การส่งเสรมิ การประพฤติปฏิบัติตามกฎหมายและอย่างมจี ริยธรรม (Promoting Legal

and Ethical Behavior)

ผู้บรหิ ารมคี วามสาคัญต่อ แต่งต้ังคณะกรรมการกลมุ่ งานบรหิ าร
การสง่ เสริมใหเ้ กิดการประพฤตปิ ฏิบัติ ตามโครงสร้างสายงาน

ตามกฎหมายและมจี รยิ ธรรมของครู คณะกรรมการกลุ่มงานบรหิ าร ศึกษาและ รวมรวมระเบยี บ ขอ้ บงั คบั
และบุคลากร โดยได้กาหนดเป็นนโยบาย ประกาศและแนวปฏิบัติเกยี่ วกับการบรหิ ารงานโรงเรียน
และได้มอบหมายใหก้ ลุ่มบริหารงาน
บุคคล จัดทาแผนพัฒนาบุคลากร รา่ งคูม่ ือแนวทางการ่าปงฏคบิ ู่มตั อื ิงราา่นงป/หรระอื กปารศะกาศของสถานศกึ ษา

เพอ่ื สง่ เสริมให้บคุ ลากรประพฤติปฏิบตั ิ จัดประชมุ ชีแ้ จง แนวทางการดาเนินงาน ทาข้อตกลงร่วมกนั
ตนตามกฎระเบียบ กฎหมาย และมี

จริยธรรม เพือ่ ให้บรรลุผลสาเรจ็ ตามกล จัดทจาดั คปู่มรอืะช/ ุมทชาป้ีแจระงกแานศวขทอางงสกถาารนดศาเึกนษินางานนาเทสานขออ้ ผจ่าตนกเวล็บงไซต์
ยุทธแ์ ละแผนปฏิบตั ิการประจาปี โดยมี โรร่วงมเรกยี ันน
กระบวนการดาเนินงาน ดงั ภาพ
ครแู ละบุคลากร นาไปปฏบิ ัติ

ประกอบ 1.1ก(2) นิเทศ และกากบั ติดตาม
และการปฏบิ ัติตนของผู้บริหาร

โรงเรยี น ท่ีเปน็ การสง่ เสริม และแสดงถึง ผลการนเิ ทศ กากับ ไมผ่ ่าน ปรับปรงุ /แกไ้ ข
ความมุ่งม่นั ในการประพฤติปฏิบตั ิตาม
กฎหมายและอย่างมีจริยธรรมนั้น คอื การปฏบิ ตั ิ ติดตามผา่ น
ตามระเบยี บของทางราชการ ตามมาตรฐาน ยกย่อง ชมเชย
วชิ าชีพ จัดทาคู่มอื ปฏบิ ตั งิ าน จัดประชมุ ช้ีแจง
มอบเกียรติบตั ร ใหร้ างวลั

แนวปฏบิ ัติท่มี ผี ลบงั คบั ใชก้ บั ครแู ละ บุคลากร ภาพประกอบ 1.1ก(2)
สรา้ งความเขา้ ใจในการปฏิบตั ิหนา้ ท่ดี ้วย การสง่ เสรมิ การประพฤติปฏบิ ัติตามกฎหมายและอย่างมี
ความรับผิดชอบ ซ่ือสัตย์สจุ ริต มีวินัยและ จริยธรรม (Promoting Legal and Ethical Behavior)
จรรยาบรรณ ตามวชิ าชพี ครู จดั อบรมให้

ครมู ีวทิ ยฐานะท่สี งู ขน้ึ พัฒนาศกั ยภาพของครู มอบหมายงานทีต่ รงกับความสามารถและความชานาญ ตรงกบั

หนา้ ท่ี ทไี่ ด้รับมอบหมาย สรา้ งค่านิยมท่ดี ีงาม สง่ เสริมคณุ ธรรมจริยธรรมแก่ครูและนักเรียน จัดใหม้ กี าร

14

แลกเปล่ยี นเรยี นรู้ รับฟงั ความคดิ เหน็ ข้อเสนอแนะ เพอ่ื นาไปปรบั ปรุงและคน้ หาวธิ ปี ฏบิ ตั ิทเ่ี ป็นเลิศ จนโรงเรียน
ไดร้ ับการยอมรบั จากผูป้ กครองและชมุ ชม

ก (3) การสรา้ งโรงเรยี นที่ประสบความสาเรจ็ (Creating a successful Organization )
ผูบ้ ริหารไดก้ าหนดเปา้ หมายในการสร้างโรงเรียนทปี่ ระสบความสาเร็จ ให้เกิดความยั่งยืน โดยกาหนด
วสิ ัยทัศน์ พนั ธกจิ และค่านยิ ม จดั ทาแผนพัฒนาสถานศกึ ษาระยะปานกลาง 3 ปี จดั ทามาตรฐานการศึกษาของ
โรงเรียน และมาตรฐานการปฏิบัติงานของครแู ละบคุ ลากร ด้วยวธิ กี ารสร้างบรรยากาศ การถ่ายทอดความรู้ การ
พัฒนาทงั้ ในระดบั บคุ คลและโรงเรียน มกี ารกากับ นิเทศ ตดิ ตาม ประเมนิ ผล ดว้ ย SOPIT Model และจดั ทาเป็น
องคค์ วามรู้ ประชาสมั พันธเ์ ผยแพร่ โดยมกี ระบวนการ ดังภาพประกอบ 1.1ก(3)

กาหนดทศิ ทางการดาเนนิ งาน ตามนโยบายและวิสยั ทัศน์ พันธกจิ
เปา้ หมาย

กาหนดโครงสรา้ ง และระบบงานภายในสถานศกึ ษา

1) สร้างบรรยากาศเพ่ือใหเ้ กดิ การปรบั ปรุง ประชมุ ชแี้ จง สรา้ งความเข้าใจ แนวทางการดาเนนิ งาน
ผลการดาเนินงาน ดาเนนิ การสรา้ งบรรยากาศ การถา่ ยทอดความรู้ การพัฒนา

2) สร้างนวตั กรรมการปฏิบตั งิ านและ การกากับ นเิ ทศ ตดิ ตาม ไมผ่ ่าน
การพฒั นาครูและบุคลากรทางการศกึ ษา ประเมนิ ผล SOPIT Model

3) สร้างบรรยากาศเพอ่ื ใหเ้ กดิ การเรียนรแู้ ละ
ถ่ายทอดระดบั โรงเรยี นและบคุ คล

4) การพัฒนาเสริมสรา้ งทกั ษะความเปน็ ผู้นาให้กบั
ครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา

ผ่าน

รายงานผลการดาเนนิ งาน

ภาพประกอบ 1.1ก (3) แสดงกระบวนการสร้างโรงเรียนโซ่พิสยั พิทยาคมที่ประสบความสาเร็จ

จากภาพประกอบ 1.1ก (3) วธิ กี ารสร้างโรงเรยี นให้ประสบความสาเรจ็ อย่างยั่งยืน 4 วิธีการ คอื 1) สร้าง
บรรยากาศเพ่อื ให้เกิดการปรบั ปรุงผลการดาเนนิ งาน ได้แก่ พัฒนาแหล่งเรยี นรู้ พัฒนาระบบอินเตอร์เน็ตและ
เทคโนโลยี พฒั นาหอ้ งสมุด พฒั นาหอ้ งศนู ยก์ ารเรียนรกู้ ล่มุ สาระการเรียนรู้ตา่ งๆ ติดตั้งโปรเจคเตอร์ สมาร์ททวี ีทกุ
ห้องเรียน จัดให้มีเครอื่ งคอมพิวเตอรแ์ บบพกพาเพื่อความสะดวกในการใช้งาน 2) สร้างนวตั กรรมการปฏบิ ตั ิงาน
และการพฒั นาครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา โดยจัดให้มีการถา่ ยทอดความรู้ (KM) ท่ีเป็น Best Practice เช่น
งานวิจัย จัดให้มกี ารกระจายอานาจและมอบหมายงานให้ทา เกิดการเรียนรู้เพอ่ื เพ่ิมพนู ศกั ยภาพท้ังภายในองค์กร
และระหวา่ งองค์กร โดยมีการสร้างเครอื ขา่ ยโรงเรยี นในเครือเตรียมอดุ มศึกษา พัฒนาการตามโครงการ DLIT จดั
ปฐมนเิ ทศครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษาใหม่ เพอื่ เปน็ การถา่ ยทอดความรูเ้ ก่ยี วกบั องคก์ ร และแนวปฏบิ ตั แิ ละสิทธิ
ประโยชน์ตา่ งๆ และจดั ใหม้ กี ล่มุ งานวิจัยและพฒั นาคุณภาพการศึกษา เพ่ือใหค้ าแนะนาและสนบั สนนุ การสรา้ ง
นวัตกรรม จดั อบรมบคุ ลากรอยา่ งตอ่ เนอื่ งเพ่ือสรา้ งองค์ความรดู้ า้ นการสรา้ งนวตั กรรมและการทาวิจัยสนบั สนนุ
ใหบ้ คุ ลากรแลกเปล่ยี นความรู้ สรา้ งองคค์ วามรู้ใหม่และถ่ายทอดองค์ความรู้ใหมใ่ หก้ ับเพอื่ นครู 3) สรา้ ง
บรรยากาศเพื่อใหเ้ กิดการเรยี นรใู้ นระดบั ระดบั บคุ คลและระดบั โรงเรยี น ให้บุคลากรในโรงเรยี นได้ รว่ มคดิ ร่วมทา
ซึ่งจะมีผลให้เกดิ บรรยากาศทด่ี ใี นโรงเรียน เชน่ การสร้างคณุ ภาพงาน (Quality Control) การทางานเป็นทีม
(Teamwork) กจิ กรรม 5 ส กจิ กรรมขอ้ เสนอแนะ (Suggestion System) การนิเทศภายในโรงเรียน การพฒั นา
องค์กร(Organization Development) กระบวนการกล่มุ เป็นตน้ โดยโรงเรียนจะนามาส่งเสรมิ การสรา้ ง

15

บรรยากาศทีด่ ี ภายใต้ระบบบรหิ ารคุณภาพการศกึ ษาโดยใช้ SOPIT Model 4) พัฒนาเสรมิ สรา้ งทกั ษะความ
เปน็ ผนู้ าใหก้ บั ครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา โดยพฒั นาความรขู้ องรองผอู้ านวยการผชู้ ว่ ยผู้อานวยการ โดยการ
ปรบั เปลี่ยนหมนุ เวียนงานเพอื่ ให้เกิดการเชอื่ มโยงของแตล่ ะงานอย่างมปี ระสิทธิภาพ มองเหน็ ภาพองค์รวมของ
องค์กรอยา่ งชัดเจน และนาไปสู่การแกไ้ ขปญั หาได้อย่างถูกต้องผู้รวมทงั้ เปน็ การส่งเสรมิ ความกา้ วหนา้ เพ่ือพัฒนา
เป็นผ้นู าในอนาคตของโรงเรียนต่อไป และพัฒนาความรูข้ องบุคลากร โดยการกาหนดมาตรฐานการปฏิบัติงานของ
แต่ละงานและรายบุคคล มกี ารวเิ คราะห์และปรับปรุงกระบวนงาน เพอื่ ให้เกิดเปน็ มาตรฐานการปฏิบตั ิงาน ซ่งึ ทา
ใหบ้ คุ ลากรสามารถปฏิบัติงานแทนกันได้

ข. การสอ่ื สารและผลการดาเนนิ การของโรงเรียน (Communication and Organizational

Performance)

ข (1) การสอ่ื สาร (Communication)
การสือ่ สารเพ่อื การบรหิ ารภายในโรงเรยี น เปน็ การส่อื สารในลกั ษณะของสอ่ื สารแบบบนลงล่าง
(Downward Communication) โดยเร่ิมจากผู้บริหาร ลงไปส่หู วั หนา้ งาน หวั หนา้ กล่มุ สาระการเรียนรู้ และลงสู่
ครู และนักเรยี นตามลาดบั ซงึ่ ขอ้ มูลจะอยใู่ นรปู ประกาศ หรือข้อความ โดยใช้วธิ กี ารการประชมุ และแจง้ ผ่าน
ชอ่ งทางโซเซียล เช่น Line สาหรับภายในสถานศึกษา และ Facebook ของโรงเรยี น ซ่งึ เปน็ ช่องทางประชาสมั พนั ธ์
สาหรบั ภายในสถานศึกษาและภายนอกสถานศึกษา
ข (2) การทาใหเ้ กิดการปฏิบัติงานอยา่ งจริงจัง (Focus on Action)
ผบู้ ริหารมกี ารกระตุ้นใหบ้ ุคลากร ให้เกิดการปฏิบตั กิ ารอย่างจรงิ จงั โดยการกาหนดภาระงานความ
ตอ้ งการและตามความสามารถของแตล่ ะบคุ คล และแตง่ ต้งั ให้ดาเนินงานตลอดปกี ารศึกษา โดยมาตรฐานในการ
ปฏิบตั งิ านเพอื่ ใหไ้ ดผ้ ลการดาเนนิ งานท่ีดีขององคก์ รด้วยการนาคา่ นยิ ม SOPIT Model มาเปน็ กระบวนการ
ขบั เคล่อื น โดยเน้นระบบคณุ ภาพ PDCA ซึ่งเปน็ องค์ประกอบหลัก ด้วยข้ันตอน ดังน้ี

วเิ คราะห์ภาระงานและความสามารถของบุคลากร

ออกคาส่ังแต่งตงั้ ตามโครงสร้างสายงาน

ดาเนินงานตามบทบาทและหน้าทท่ี ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
จัดทารายงานผลการประเมนิ ตนเองรายบคุ คล(SAR)

กากบั ตดิ ตามผลการดาเนนิ งาน ปรบั ปรงุ /แกไ้ ข
ไม่บรรลุ
ผลการดาเนินงานบรรลุ
ตามเปา้ หมาย
บรรลุ

รายงานผลการดาเนนิ การ

ภาพประกอบ 1.1ข(1) การทาใหเ้ กดิ การปฏิบตั ิงานอย่างจริงจัง (Focus on Action)

การขับเคล่ือนการปฏบิ ัติหนา้ ที่ของครแู ละของบุคลากร ทาให้เกดิ การเรยี นรู้ในการปฏิบตั หิ นา้ ท่อี ย่างมี
ประสทิ ธภิ าพ มกี ารสรา้ งนวัตกรรมในการออกแบบและการจดั การเรยี นรู้ การจดั ทารายงานผลการประเมินตนเอง

16

รายบคุ คล ( Personal Self-Assessment Report : SAR) เพอื่ ใช้เป็นสารสนเทศรองรับการปฏบิ ตั หิ นา้ ทข่ี องครู
ทุกภารกิจท่ีได้รบั การมอบหมาย นามาใชป้ ระกอบการประเมนิ ประสทิ ธภิ าพและการเลือ่ นขน้ั เงนิ เดอื น
องคป์ ระกอบในการทาให้เกดิ การปฏิบตั หิ น้าทอ่ี ย่างจรงิ จงั มีความสอดคลอ้ งใหก้ ับวตั ถปุ ระสงค์ และ สามารถ
ทาให้ภารกจิ ทุกอย่างของโรงเรยี นดาเนนิ ไปอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพทงั้ องค์กร

1.2 การกากับดแู ลองคก์ รและความรบั ผดิ ชอบต่อสังคม (Governance and Societal Responsibilities)

ก. การกากบั ดแู ลโรงเรียน (Organizational GOVERNANCE)

ก (1) ระบบการกากบั ดูแลองค์กร (GOVERNANCE System)
โรงเรยี นโซพ่ ิสยั พทิ ยาคม ดาเนนิ งานภายใต้การการบริหารของผอู้ านวยการโรงเรียน โดยมวี ิสัยทัศน์

พนั ธกจิ เป็นเป้าหมายในการดาเนนิ งานรว่ มกนั

การถา่ ยทอดนโยบายของโรงเรยี น จะเปน็ ประชมุ คณะกรรมการการบริหารงานโรงเรยี น ซงึ่ แบ่ง

โครงสรา้ งการบริหารงานของโรงเรยี นเป็น 4 กลุ่มงาน ไดแ้ ก่ กลมุ่ งานบรหิ ารงานแผน และงบประมาณ

กลมุ่ งานบรหิ ารงานบุคคล กลุ่มงานบริหารวชิ าการ และกลมุ่ บริหารงานท่ัวไปและกจิ การ โดยมรี องผู้อานวยการ

และผู้ชว่ ยผู้อานวยการโรงเรียนเป็นผกู้ ากับดูแล รวมท้ังมีคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน เขา้ มามีบทบาทใน

การวางแผนการดาเนนิ งาน ร่วมตรวจสอบ ประเมนิ ผล และกากบั ตดิ ตามผลการดาเนินงานของโรงเรยี นโดย และ

มีการถ่ายทอดนโยบายลงไปยงั ครูและบุคลากรท่ีมีความรู้ ความสามารถตรงกับภาระงานตามลาดบั ผา่ น

ชอ่ งทางการประชมุ ชอ่ งทางการสื่อสาร เชน่ Line ของโรงเรียน และ Line กล่มุ งาน โดยทุกกลมุ่ งานจะมที ศิ ทางใน

การดาเนนิ งานภายใต้วิสัยทัศน์ พันธกจิ เดยี วกนั มีภาระรับผิดชอบตอ่ แผนกลยุทธ์ การใชง้ บประมาณ มีความ

โปร่งใสของการดาเนินการ และปกป้องผลประโยชน์ ผูบ้ ริหารโรงเรียน มอบหมายนโยบายของโรงเรยี น
ของนกั เรียนและผ้มู สี ว่ นได้สว่ นเสียร่วมกัน ประชมุ คณะกรรมการบรหิ ารงานโรงเรียน

ในการดาเนนิ งานทุกกล่มุ งาน มีเปา้ หมาย

เดยี วกนั คอื SOPIT Model ทอ่ี ย่ภู ายใตว้ ิสยั ทัศน์ แตง่ ตง้ั คณะทางานและมอบหมายงาน ปรบั ปรงุ /แกไ้ ข
พันธกจิ เดยี วกนั ในแตล่ ะกลมุ่ จะมีระบบการตดิ ตาม

ประเมินผลการปฏิบตั ิงาน ไดแ้ ก่ แบบประเมิน กากับดูแล ติดตามและประเมินผล

ประสทิ ธภิ าพความพึงพอใจของกลุม่ งาน แบบรายงาน ผลการดาเนนิ งานบรรลุ ไมบ่ รรลุ
ตา่ งๆ ตามโครงสรา้ งสายงาน ดา้ นครูและบุคลากร ตามเป้าหมาย
ทางการศึกษา มกี ารจัดทารายงานผลการปฏบิ ัติงาน
ปี ละ 2 คร้งั และรายงานการประเมินตนเองของครู บรรลุ

รายงานผลการดาเนินการ
และพัฒนาตอ่ ยอด และเผยแพร่

(SAR) ประจาทุกปี สว่ นด้านผู้บรหิ ารมีการรายงาน ภาพประกอบ 1.2ก(1)

ผา่ นคารบั รองการปฏิบัติงาน ดังภาพประกอบ 1.2ก(1)ระบบการกากบั ดแู ลองค์กร (GOVERNANCE System)

ผูบ้ ริหารใชห้ ลกั ธรรมาภบิ าล ( Good Governance ) .ในการบรหิ ารควบคุมภายใน และการประกนั

คณุ ภาพการศกึ ษา สรา้ งความตระหนักให้ครูและบุคลากรทางการศกึ ษา ในบทบาทหนา้ ทแี่ ละความรับผดิ ชอบใน

การดาเนนิ ตามมาตรฐานการศกึ ษา มรี ะบบนเิ ทศ กากับ ติดตามผล พัฒนาและปรบั ปรุงคณุ ภาพของงานอยา่ ง

ต่อเนื่อง โดยเน้นผลสมั ฤทธิ์และความสาเรจ็ ของงานเป็นหลกั กาหนดใหม้ ีการรายงานผลการดาเนินงานตาม

17

ตวั ช้ีวดั ทส่ี อดคลอ้ งกับมาตรฐานการศึกษา และแผนปฏบิ ัตกิ าร อยา่ งน้อยภาคเรียนละ 1 ครง้ั แตง่ ตงั้ ผู้ตรวจสอบ
ภายใน เพอื่ ตรวจสอบการรบั จา่ ยเงนิ และการจดั ซ้ือพสั ดุ ประจาวนั รายงานผ้บู รหิ ารทราบ

ก (2) การประเมินผลการดาเนนิ การ (PERFORMANCE Evaluation)
จากระบบการกากับดูแลองคก์ ร ผรู้ บั ผิดชอบงานตามโครงสรา้ งสายงานทัง้ 4 ฝา่ ย หรอื ผู้รับผดิ ชอบงาน
พิเศษ เม่อื ดาเนนิ งานเสรจ็ สน้ิ แลว้ ทกุ ฝา่ ยจะต้องรายงานผลการดาเนินงานทกุ ครงั้ เพอ่ื ตรวจสอบประสทิ ธิภาพ
และประสิทธผิ ลว่า ได้ดาเนินงานบรรลุเป้าหมายตามทก่ี าหนดหรอื ไม่ ซง่ึ ผลทีไ่ ด้จะนาไปสกู่ ารทบทวน การ
ปรับปรุงคณุ ภาพสถานศึกษาต่อไป และผลการดาเนินงานท่ีได้น้ี สถานศึกษาได้ดาเนินรวบรวมจดั ทาเป็นรายงาน
การประเมนิ ตนเองของสถานศึกษา (Self -Assessment Report) เพอ่ื รายงานหน่วยงานต้นสงั กัด ปีละ 1 ครัง้
เพ่อื เปน็ การประกนั คุณภาพของสถานศกึ ษา นอกจากน้ี หนว่ ยงานต้นสังกัด หรอื สานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษา
มธั ยมศกึ ษาบึงกาฬ จะดาเนินการนเิ ทศ กากับ ตดิ ตามความพร้อมของสถานศกึ ษาก่อนจัดการศกึ ษาทกุ ภาคเรียน
ในดา้ นครูผสู้ อน โรงเรยี นจดั ให้มีการประเมินผลการดาเนินการ โดยให้ครแู ละบุคลากรทางการศึกษา
จดั ทารายงานผลการปฏิบัตงิ านทุกภาคเรียน หลงั ดาเนินการจัดการเรียนการสอน และดาเนนิ งานตามภารกจิ ท่ี
ไดร้ บั หมอบหมายตามโครงสร้างสายงาน และต้องมกี ารรายงานการประเมนิ ตนเองทกุ ปี
ในด้านนกั เรียน และผูป้ กครอง หรอื ผู้มสี ่วนได้ สว่ นเสีย โรงเรียนจัดใหม้ กี ารประเมินผลเพือ่ ตรวจสอบ
ระดบั การเรียนของนกั เรยี น โดยการจัดสอบภาคเรยี นละ 2 คร้ัง ผลที่ได้จะนามาพฒั นาปรบั ปรงุ คณุ ภาพการจดั
การศกึ ษา และดา้ นผู้ปกครองหลังจากจัดกจิ กรรมเสรจ็ ส้นิ ไมว่ ่าจะเปน็ การประชมุ ผปู้ กครอง หรอื การร่วม
กจิ กรรมของโรงเรียนทกุ ครง้ั จะตอ้ งประเมินความพึงพอใจของกจิ กรรมโดยผปู้ กครอง และผู้มีสว่ นได้ ส่วนเสีย
ทุกครง้ั และผลท่ีได้จากการประเมิน อาจจะเปน็ ข้อเสนอแนะตา่ ง ๆ สถานศึกษาจะนามารวบรวมเป็นประเด็นใน
การพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาตอ่ ไป
ข. การประพฤตปิ ฏบิ ัตติ ามกฎหมายและมจี ริยธรรม (Legal and ETHICAL BEHAVIOR)
ข (1) การประพฤติปฏบิ ตั ิตามตามกฎหมายและระเบียบข้อบงั คับ (Legal and Regulatory

Behavior)

ผบู้ ริหารโรงเรยี นโซ่พสิ ัยพิทยาคม ได้กาหนดนโยบาย แนวปฏบิ ตั ิเพือ่ สง่ เสรมิ การประพฤตปิ ฏิบตั ติ าม
กฎหมายและระเบียบขอ้ บงั คบั ทางการศึกษา และยดึ หลักธรรมมาภบิ าลในการบริหารงาน และพยายามลด
ผลกระทบในเชิงลบต่อสังคม เพอ่ื ป้องกันความเสยี่ งหรือผลกระทบเชงิ ลบในโรงเรียน

ในดา้ นการพฒั นาหลกั สูตรการจดั การศกึ ษา โรงเรยี นพยายามลดผลกระทบในเชิงลบตอ่ สังคม เพอ่ื
ป้องกนั ความเส่ียงหรอื ผลกระทบเชิงลบในโรงเรียน โดยการจดั การเรียนการสอนให้สอดคล้องกับสภาพทอ้ งถ่นิ
กาหนดให้ชมุ ชนเขา้ มามสี ่วนรว่ มในการกาหนดหลกั สูตร โดยโรงเรียนไดด้ าเนินการสารวจความพึงพอใจ และ
ความต้องการของนักเรยี น ผู้ท่มี สี ่วนได้สว่ นเสยี และหนว่ ยงานท้องถน่ิ เพอ่ื ศกึ ษาวเิ คราะห์และนาผลมาปรับปรงุ
และพฒั นาหลกั สตู ร เพอื่ ให้สอดคล้องกบั สภาพของชุมชน และความต้องการของตลาดแรงงาน ทนั สมยั และ
เทยี บเคยี งมาตรฐานสากล และเพอ่ื สร้างความ เชอ่ื มัน่ ใหผ้ ้มู ีสว่ นได้ ส่วนเสีย ในการจดั การศึกษาของโรงเรยี น
จากนัน้ ดาเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการจดั ทาและพฒั นาหลักสูตร ปรบั ปรงุ หลกั สูตร นาเสนอตอ่ คณะกรรมการ
การสถานศึกษาขน้ั พน้ื ฐานพิจารณา หากพจิ ารณาแลว้ ไมผ่ ่าน คณะกรรมการจะต้องปรับปรุงพฒั นาจนเป็นที่

18

พอใจ และมคี ุณภาพสามารถนามาใช้ในการจัดการเรียนการสอนตอ่ ไป หากผา่ นแล้ว จะประกาศเป็นหลักสูตร
ใหม่ตอ่ ไป

จากกระบวนการพฒั นาหลกั สตู ร โรงเรยี นโซ่พสิ ัยพิทยาคมมีหลักสูตรท่ีใช้ในการจดั การเรียนการสอน
ทใ่ี ชป้ ัจจุบนั 2 หลกั สตู ร คอื 1) หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นโซ่พสิ ัยพิทยาคมตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ข้นั พนื้ ฐานพุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ.2560)จดั การเรียนการสอนในห้องเรยี นปกตแิ ละ 2)หลักสตู ร
ห้องเรียนพเิ ศษ ทเ่ี น้นภาษาเพือ่ การสอ่ื สาร (English for Communication :EFC) สอนโดยครูชาวตา่ งชาติ
โรงเรยี นไดพ้ ฒั นาหลักสูตรท่ีเทียบเคยี งหลกั สูตรโรงเรยี นมาตรฐานสากลได้เปิดสอนวชิ าการศึกษาค้นคว้าและ
สารสนเทศ (IS1) วิชาการสอ่ื สารและการนาเสนอ(IS2) และวิชาการนาองค์ความรไู้ ปบริการสังคม(IS3) เปิดสอน
รายวิชาวิทยาการคานวณทกุ ระดบั ชนั้ จดั การเรยี นรแู้ บบโครงงาน นอกจากนโ้ี รงเรียนโซพ่ สิ ยั พิทยาคมมบี รกิ าร
สง่ เสรมิ การเรยี นรู้และบริการทางการศึกษาจดั เพ่มิ เตมิ ให้แก่ผู้เรียน ได้แก่ ใหผ้ ู้เรียนเรียนภาษาองั กฤษฟัง พดู
ทุกระดับชั้นและเรียนภาษาทสี่ อง (ภาษาญีป่ ุ่น, เกาหล,ี จนี ) ในระดับช้นั ท่ีเรียนแผนการเรียนวทิ ยาศาสตร์ –
คณิตศาสตร์ทุกระดับชน้ั โดยโรงเรียนได้จัดกจิ กรรมเพมิ่ เติมเป็นไปตามโครงสร้างหลักสตู รสถานศึกษาท่ี
สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 โดยจัดกจิ กรรมแนะแนว กจิ กรรมลูกเสอื
กิจกรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณะประโยชน์ และกิจกรรมชมุ นุม

ข (2) การประพฤตปิ ฏบิ ตั ิอย่างมีจริยธรรม (ETHICAL BEHAVIOR)
สาหรับครูและบคุ ลากรทางการศึกษาของโรงเรียน 1) ทางโรงเรยี นกาหนดให้แตล่ ะกลุม่ งานรวบรวมและ
จัดใหม้ ีคูม่ ือการปฏบิ ัตติ ามระเบยี บท่ีเก่ียวข้องกบั การบริหารจัดการในแตล่ ะกลุ่มงาน 2) ส่งเสริมเขา้ รบั การอบรม
ด้านกฎหมายและวนิ ัยราชการทีเ่ กยี่ วข้องกบั การปฏบิ ตั ิงาน เพื่อให้ครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาเกิดความ
ตระหนกั ในการปฏิบัตงิ านตามกฎระเบียบขอ้ บงั คับ โดย 3) ผู้บริหารได้ปฏิบตั ิตนเปน็ แบบอย่างและกากับติดตาม
ให้ครูและบุคลากรทางการศึกษา ปฏิบตั ิตามกฎระเบยี บขอ้ บังคับ หลักจรยิ ธรรมและจรรยาบรรณวิชาชพี และ
ดาเนนิ การต่อการประพฤติปฏิบัติทีข่ ดั ต่อการประพฤตปิ ฏิบตั ติ ามกฎระเบยี บขอ้ บงั คบั หลกั จริยธรรม และ
จรรยาบรรณวชิ าชพี โดยปฏบิ ัติตามพระราชบัญญัติระเบยี บขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา คู่มอื ปฏบิ ตั ิ
ราชการ ระเบียบและแนวปฏิบัตขิ องโรงเรยี น ไดแ้ ก่ การลงเวลาปฏบิ ตั ิราชการ การปฏบิ ัตหิ นา้ ท่คี รูเวรประจาวนั
การอยเู่ วรยามรกั ษาการณท์ ั้งตอนกลางวันและตอนกลางคนื การขออนญุ าตออกนอกโรงเรยี น การลา การบนั ทกึ
ขอไปราชการ โดยมรี ะบบควบคมุ ภายใน การประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา และ4) มกี ารสง่ เสริมกจิ กรรมดา้ น
จริยธรรม การเสริมแรงสร้างขวัญกาลงั ใจใหก้ บั ครแู ละบุคลากรทางการศึกษา ไดแ้ ก่ ร่วมกิจกรรมแหเ่ ทยี นพรรษา
และวันสาคัญทางศาสนา มอบเกียรตบิ ัตรครไู ม่มวี ันลา รว่ มกจิ กรรมวนั เกดิ
สาหรบั นักเรยี นและผมู้ สี ว่ นไดส้ ่วนเสยี โรงเรยี นไดด้ าเนินการสาหรบั นักเรียน คอื 1) กาหนดใหท้ ุกกลมุ่
สาระการเรยี นรจู้ ัดการเรียนการสอนในหอ้ งเรียน โดยสอดแทรกคณุ ธรรม จริยธรรม และค่านยิ มอนั พงึ ประสงค์ให้
ผเู้ รียน 2) ปลกู ฝงั ให้ผู้เรียนมนี สิ ยั รกั การอา่ น ศกึ ษาค้นคว้าและแสวงหาความร้จู ากหอ้ งสมดุ และแหลง่ เรยี นรู้
ส่อื ตา่ ง ๆ 3) จัดอบรมมารยาทไทยเพ่อื ให้ผเู้ รยี นเป็นผู้มีระเบยี บวนิ ยั การอ่อนนอ้ มถอ่ มตน 4) จดั โครงการและ
กจิ กรรมอย่างหลากหลาย ท่เี สรมิ สรา้ งทักษะชวี ติ แกน่ ักเรียน ได้แก่ กิจกรรม สอร. กจิ กรรมสวดมนตไ์ หว้พระ

19

กจิ กรรมดูแลเขตพนื้ ที่ กิจกรรมวนั สาคญั ของชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ และ 5) จัดทาคู่มือสาหรบั นักเรียนและ

ผปู้ กครองโรงเรียนโซพ่ สิ ยั พทิ ยาคม ทก่ี ลา่ วถงึ ระเบียบปฏบิ ตั ิและขอ้ บงั คับของโรงเรยี น เช่น กฎระเบียบการวดั ผล

ประเมินผลการเรยี น ระเบียบวา่ ดว้ ยการแตง่ กายของนกั เรยี น ระเบียบวา่ ดว้ ยปฏบิ ตั ิประจาวันของนกั เรียน

ระเบยี บว่าด้วยการตัดคะแนนความประพฤตขิ องนกั เรียน พ.ศ. 2561 และสาหรบั ผมู้ สี ่วนได้ส่วนเสีย คอื ผปู้ กครอง

โรงเรยี นมีข้อปฏิบตั ิท่ีผปู้ กครองควรทราบและให้ความร่วมมอื นอกจากนี้ โรงเรียนมีคณะกรรมการคอยกากับ

ติดตามโดยใช้ SOPIT Model ในการทบทวนและประเมนิ ประสทิ ธิภาพของกจิ กรรมและประเมนิ ประสิทธผิ ลตาม
คา่ เปา้ หมายทกี่ าหนด เพ่ือนาผลมาวเิ คราะห์ ปรบั ปรุง พฒั นาเพอ่ื ใหเ้ กิดความตอ่ เน่อื งของการดาเนินการต่อไป

ค. ความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม (Societal Responsibilities)
ค(1) ความผาสกุ ของสงั คม
โรงเรียนมแี ผนพัฒนาความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม โดยการสร้างเครอื ข่ายความรูใ้ ห้กับสังคมในวงกวา้ ง

เพอ่ื ใหเ้ กิดการพัฒนาองคค์ วามรใู้ ห้กับองคก์ รรอบด้านโดยมีวธิ ีการ ดงั น้ี

1. ใหค้ วามรว่ มมอื กับโรงเรียนและหนว่ ยงานต่าง ๆ ที่ขอความอนเุ คราะหบ์ คุ ลากรของโรงเรยี นในการเข้า

ร่วมเป็นวทิ ยากรให้ความรู้ เชน่ การจดั นิทรรศการใหค้ วามรู้ในกิจกรรมสอบ O-NET
2. จดั ทาบันทกึ ขอ้ ตกลงความรว่ มมอื (MOU) กับโรงเรียนและหน่วยงานภายนอก เพือ่ แลกเปล่ยี นเรยี นรู้

ในดา้ นตา่ ง ๆ เช่น การทาบันทกึ ขอ้ ตกลงความรว่ มมอื กบั โรงเรียนในสหวิทยาเขต

3. ใหค้ วามร่วมมอื กบั มหาวทิ ยาลัยตา่ ง ๆ เชน่ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี มหาลยั ราชภฏั สกลนคร

มหาวิทยาลัยนครพนม เพือ่ ให้นักศึกษาฝึกประสบการณไ์ ด้เขา้ มาฝกึ ประสบการณ์วิชาชพี ครู

4. ใหค้ วามร่วมมอื กับโรงเรียน และหน่วยงานตา่ ง ๆ ในการใชส้ ถานทขี่ องโรงเรยี นเพือ่ เปน็

แหลง่ เรยี นรู้ ศึกษาดงู าน สนามสอบ หรอื จัดกจิ กรรมตา่ ง ๆ

5. พัฒนาโรงเรียนให้เปน็ สังคมแหง่ การ วเิ คราะห์บรบิ ทโรงเรียน สภาพแวดล้อมของชมุ ชน สังคม เรียนรู้
ด้านการเป็นสถานศกึ ษาพอเพียง ดา้ นการอนรุ ักษ์ แต่งต้ังผูร้ ับผดิ ชอบ
ศิลปวัฒนธรรม ดา้ นคณุ ธรรมจริยธรรม โรงเรียนได้

ตระหนักถึงความรบั ผดิ ชอบตอ่ สังคมโดยมี กาหนดโครงการ/กจิ กรรม แนวทางการดาเนนิ งาน ปรบั ปรุง/แกไ้ ข
เปา้ หมายในการดาเนินงานให้นักเรียน ครแู ละ จัดประชุมชีแ้ จง สรา้ งความเขา้ ใจทกุ ภาคสว่ น
บุคลากรทางการศึกษาเข้าใจถงึ การนาหลกั

ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงไปประยกุ ต์ใช้ในการ ดาเนินงานตามโครงการ

ดาเนนิ ชวี ิตประจาวันและเชญิ ชวนผู้อืน่ ทั้งใน ผลการดาเนนิ งาน ไม่บรรลเุ ปา้ หมาย
ครอบครวั และในชุมชนปฏบิ ัติตาม เป็นการสร้าง

เครอื ข่ายความร่วมมอื ภายใต้โครงการ โดยมีวธิ กี าร บรรลเุ ป้าหมาย
ดาเนนิ การ ดงั ภาพประกอบ 1.2ค(1) รายงานผลการดาเนินการ

ภาพประกอบ 1.2ค(1)
แสดงวธิ ีการดาเนินการดา้ นความรบั ผดิ ชอบต่อ

สงั คมวงกว้างและการสนับสนนุ ชุมชนทสี่ าคญั

20

ค (2) การสนบั สนนุ ชุมชน (Community Support)
โรงเรยี นได้ให้การสนับสนนุ กจิ กรรมของชุมชน การบรกิ ารสงั คมในดา้ นต่าง ๆ ท้งั การออกไปชว่ ยเหลือ ไป
สง่ เสรมิ สนบั สนุนโดยตรงจากทางโรงเรียน และออกไปรว่ มสนับสนนุ กิจกรรมของชุมชนตามท่ีรอ้ งขอ โดยมี
หน่วยงานรับผิดชอบทปี่ รากฏในโครงสรา้ ง มกี ารประเมนิ ประสิทธภิ าพการให้บริการโดย ใช้ SOPIT Model และ
ประเมินประสิทธผิ ลในด้านความพงึ พอใจ เชน่ จดั อบรมให้ความรู้ บรกิ ารด้านการเปน็ วิทยากร บรกิ ารด้าน
การศึกษาดงู าน บริการด้านสอื่ นวตั กรรมการเรยี นรู้ บรกิ ารแหล่งเรียนรู้ ด้านอาคารสถานท่ี เชน่ ห้องประชุม
สนามกีฬา อาคารเรยี น และดา้ นกิจกรรมชมุ ชน เช่น ประเพณสี งกรานต์ บญุ บงั้ ไฟ ประเพณลี อยกระทง และได้นา
นักเรยี นนาฏศิลป์ชว่ ยงานชมุ ชนในโอกาสต่าง ๆ เป็นตน้ ซึ่งการดาเนินงาน ดังภาพประกอบท่ี 1.2ค(2)

กาหนดโครงการ/กจิ กรรมการดาเนินงาน
แต่งตัง้ ผ้รู บั ผดิ ชอบ

วางแผนการดาเนนิ งาน

นเิ ทศ กากบั ตดิ ตามประเมนิ ผล ไมบ่ รรลุ
ผลการดาเนินงาน เปา้ หมาย

บรรลุเปา้ หมาย
รายงานผลการดาเนินการ

ภาพประกอบ 1.2ค(2) แสดงวธิ กี ารดาเนนิ การดา้ นการสนับสนุนชุมชน (Community Support)

21

หมวด 2
กลยุทธ์ (Strategy)

2.1 การจดั ทากลยทุ ธ์ (Strategy Development)
ก. กระบวนการจัดทากลยุทธ์ (Strategy Development PROCESS)

ในการจัดทาแผนพัฒนาคุณภาพการศกึ ษาซึง่ ใชห้ ลักการวางแผนกลยทุ ธ์ โรงเรยี นได้นาแนวดาเนนิ การตาม
กฎกระทรวงวา่ ด้วยระบบ หลกั เกณฑ์ และวิธีการประกนั คุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา พ.ศ.2553 เป็น
กรอบในการจดั ทา เพ่ือใหส้ อดคล้องกับมาตรฐาน ตวั ชวี้ ดั เป้าหมายในการประกันคุณภาพการศกึ ษา

(1) กระบวนการวางแผนกลยุทธ์ (Strategy Planning PROCESS)
โรงเรียนโซ่พสิ ัยพทิ ยาคมไดม้ กี ารวางแผนกลยทุ ธ์เพอ่ื นาโรงเรียนก้าวสู่วิสยั ทศั น์ที่ต้องการในอนาคต ซ่ึงมี
กระบวนการวางแผน 3 ข้ันตอน คือ 1) ขัน้ การเตรียมการ 2) ขนั้ ทบทวนกลยุทธ์ และ3) ขน้ั วางแผนกลยุทธ์
ภาพประกอบ 2.1 ก (1) แสดงกระบวนการวางแผนกลยทุ ธ์

ศึกษาสภาพปัจจบุ นั ปญั หาและความจาเปน็ ประเมิน โรงเรียนจดั ทาแผนกลยทุ ธ์ กาหนดการดาเนินการ 3
ต้องการ สถานภาพ ขัน้ ตอน ดงั น้ี
โรงเรียน
วิเคราะหจ์ ดุ แข็ง จดุ อ่อน โอกาสและอุปสรรค ขั้นเตรียมการ
- แต่งตงั้ คณะกรรมการดาเนนิ งาน
กาหนดวสิ ยั ทัศน์ ค่านิยม พันธกิจ เป้าประสงค์ - รวบรวมข้อมลู จากผูม้ ีสว่ นไดส้ ว่ นเสยี ในการบรหิ าร
จดั การโรงเรียน
SOPIT ทาประชาพจิ ารณ์ - ศึกษานโยบายกระทรวง/สพฐ./สพม.21 /มาตรฐาน
Model การประกนั คุณภาพการศกึ ษา ของ สพฐ. และ สมศ.
แนวทางเป้าหมายการดาเนนิ งานโรงเรยี นคณุ ภาพ
ไมเ่ ห็นด้วย ปรับปรงุ ประจาตาบลและโรงเรียนมาตรฐานสากล
ผลการทาประชาพิจารณ์ /พัฒนา
ขน้ั ทบทวนกลยุทธ์
เหน็ ดว้ ย - วเิ คราะห์ความตอ้ งการของผู้รบั บรกิ ารและผมู้ ีสว่ น
จัดทาแผนกลยทุ ธ์ ระยะ 3 ปี ไดส้ ว่ ยเสยี
- วิเคราะห์ SWOT ปจั จยั ภายใน ภายนอก โอกาส
จัดทาแผนปฏิบัติการประจาปี อปุ สรรค จดุ แขง็ จุดอ่อน
- ทบทวนผลการดาเนินงานในรอบปที ผี่ ่านมา
วดั วเิ คราะห์ ทบทวนและประเมนิ ผล ปรบั ปรงุ - จดั เตรยี มประเด็นที่วิเคราะหใ์ นปจั จัยแต่ละดา้ นทั้ง
/พฒั นา 6 ดา้ น ท่มี ีค่าบวก และ ลบ ไปให้คา่ คะแนน ใน
ไมบ่ รรลุ ขั้นตอน ประเมนิ สถานภาพสถานศึกษา
นาแผนสกู่ ารปฏบิ ัติ
ข้นั วางแผนกลยทุ ธ์
บรรลุ - กาหนดวิสัยทัศน์ คา่ นิยม พนั ธกจิ เปา้ ประสงค์
รายงานผลการดาเนินงาน กาหนดกลยุทธ์
- จดั ทาแผนกลยทุ ธฉ์ บบั รา่ ง / ตรวจสอบแผนกลยทุ ธ์
ฉบับร่างขอความเหน็ ชอบจากคณะกรรมการ
สถานศึกษาขน้ั พ้นื ฐานโรงเรียนโซพ่ ิสัยพิทยาคม/
จัดพมิ พ์แผนกลยทุ ธฉ์ บบั สมบูรณ์ และเผยแพร่ / นา
แผนสู่การปฏบิ ัติ ตรวจสอบประเมนิ ปรบั ปรงุ /พัฒนา
ต่อเนอ่ื ง รายงานผลการดาเนินงาน

22

ข้ันตอนการจัดทาแผนกลยุทธ์ของโรงเรียนได้ดาเนินการ ดงั น้ี 1.จัดประชุมเชงิ ปฏิบัติการให้คณะทางานได้
รว่ มกันจัดทาแผนกลยทุ ธ์ของโรงเรยี น 2. ดาเนนิ การตามขน้ั ตอนการจดั ทาแผนกลยุทธ์ ดังนี้2.1 วเิ คราะหน์ โยบาย
โรงเรียนมาตรฐานสากลเชือ่ มโยงกับนโยบายของกระทรวง ,สพฐ. สพม.21 นโยบายของโรงเรียนและกฎกระทรวง
ฯว่าดว้ ยงานประกันคุณภาพการศกึ ษา 2.2 ประเมนิ สถานภาพของโรงเรยี น โดยการวิเคราะห์ภารกิจและผลผลิต
หลัก วิเคราะห์ สภาพแวดล้อมทง้ั ภายในและภายนอก การทา SWOT เพอ่ื คน้ หาจดุ แข็ง จดุ อ่อน โอกาส อปุ สรรค
2.3 นาข้อมูลทไ่ี ดม้ ากาหนดทิศทางของโรงเรียนในการกาหนดวิสยั ทัศน์ พันธกจิ เปา้ ประสงค์ นามาสู่การกาหนด
กลยทุ ธข์ องโรงเรียนวา่ โรงเรยี น เราจะทาอะไร จะทาไดอ้ ยา่ งไร ผู้มสี ่วนไดส้ ว่ นเสยี จะได้ประโยชน์อะไร 2.4 นากล
ยทุ ธ์หลักของโรงเรียนมาจัดทากรอบกลยทุ ธ์ โดยกาหนดวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ ตัวชวี้ ดั สภาพปัจจบุ ัน เป้าหมาย
ระยะ 3 ปี และกาหนดกลยทุ ธ์รเิ ริม่ เพือ่ เช่ือมโยงสแู่ ผนการปฏิบัตกิ ารต่อไป

การกาหนดความทา้ ทายกลยุทธ์และความไดเ้ ปรียบเชิงกลยทุ ธ์ กาหนดมาจากการวเิ คราะห์จดุ แข็ง
จดุ ออ่ น วิเคราะหโ์ อกาส และอปุ สรรค แนวโนม้ การเปล่ยี นแปลงในอนาคตที่สาคัญของโรงเรียนโซ่พิสัยพิทยาคม มี
4 ดา้ น ได้แก่ 1) ดา้ นการจดั การหลกั สูตร2) ดา้ นทรพั ยากรบคุ ลากร 3) ด้านความรับผดิ ชอบตอ่ สงั คมในวงกว้าง 4)
ด้านปฏบิ ัตกิ าร การกาหนดกรอบเวลาวางแผนระยะสัน้ ดว้ ยการทาแผนปฏบิ ตั กิ ารประจาปีถดั ไปใหแ้ ล้วเสร็จก่อน
แผนปฏบิ ตั ิการประจาปีปจั จบุ ันสิ้นสดุ ลงล่วงหน้า 1 เดอื น ส่วนระยะยาวคือการจัดทาแผนกลยทุ ธ์ 3 ปี มจี ัด
ประชมุ สรา้ งความรคู้ วามเขา้ ใจเนน้ การมสี ่วนรว่ มกบั คณะกรรมการแผนงานโรงเรยี นและบุคลากรทุกฝ่ายให้
จัดทาใหแ้ ล้วเสร็จล่วงหน้า 1 ภาคเรียน มีการวางแผนดาเนินกจิ กรรมของแต่ละโครงการตามแผนปฏิบตั กิ าร
ราชการมีความคล่องตวั (Organizational Agility) ในการดาเนินงานและสามารถยืดหยุ่น (Operational
Flexibility) ปรับเปลี่ยนงบประมาณท่ตี งั้ ไว้ในแผนปฏิบัติราชการได้ตามสถานการณท์ ่อี าจจะเปลยี่ นแปลงใน
อนาคตไดโ้ ดยสามารถทาบนั ทึกข้อความขอเปลยี่ นแปลงงบประมาณเพื่อเสนอต่อผบู้ รหิ าร และเมือ่ ส้ินสุดการ
ดาเนินการตามแผนปฏบิ ตั ริ าชการผ้รู บั ผดิ ชอบโครงการทกุ โครงการไดม้ กี ารรายงานและนาผลมาพัฒนาใหด้ ยี ิ่งขนึ้
เพ่ือนาไปสกู่ ารปฏิบัติใหส้ อดคลอ้ งกบั กรอบเวลา

(2) นวัตกรรม (INNOVATION)
ในกระบวนการวางแผนกลยุทธ์โรงเรยี นได้ร่วมกนั วิเคราะห์ค่านิยมของโรงเรียน และไดน้ วตั กรรม

เรยี กวา่ “SOPIT Model” ซงึ่ เป็นนวัตกรรมที่โรงเรยี นนามาใช้เป็นตัวขับเคลอื่ นในการกากบั ติดตาม ตรวจสอบ
การดาเนินงานทั้งในชว่ งการจัดทาแผนกลยุทธ์ และการนาแผนส่กู ารปฏบิ ตั ิ ตลอดถงึ ใชก้ ากบั ติดตาม
ตรวจสอบการดาเนนิ งานของกลุ่มงานท้งั 4 กล่มุ งานหลักของโรงเรียน นวตั กรรม SOPIT Model มอี งค์ประกอบ
เพ่อื การกากบั ตดิ ตาม ตรวจสอบ 5 องค์ประกอบ คือ 1) S = System หมายถึงมกี ารทางานอยา่ งเป็นระบบโดยใช้
วงจรคุณภาพ PDCA มาเปน็ กรอบในการดาเนนิ การ 2) O = Organization ทุกคนต้องมององคก์ รเป็นองค์กร
เดียวกัน ท่เี กิดจากการรว่ มคดิ รว่ มทา รว่ มแกป้ ญั หาและรว่ มพฒั นาให้เป็นองคก์ รทางการศึกษา 3) P =
Professional ทกุ คนต้องทางานอย่างเตม็ กาลังเต็มความสามารถ มีความเป็นมืออาชีพ 4) I = International
ทุกคนตอ้ งมองเป้าหมายเพอ่ื สรา้ งผู้เรียนให้มีความเปน็ พลโลก และ 5) T = Technology ทุกคนมกี ารนา
เทคโนโลยมี าใช้เพอื่ การบริหารจดั การและการเรยี นรู้ และในการวิเคราะห์เพ่อื ค้นหาจดุ เด่น จุดดอ้ ย โอกาสและ
อปุ สรรคของโรงเรยี นเพือ่ เปน็ ข้อมลู ในการกาหนดโอกาสเชงิ กลยุทธ์ของโรงเรยี น ดงั นี้ 1.โรงเรียนตงั้ อยใู่ นแหล่ง

23

ชุมชน ธรุ กิจ รา้ นค้า 2. ผู้ปกครองมคี วามนยิ มความศรัทธาต่อโรงเรยี น 3. องค์กรในชมุ ชน มีสว่ นร่วมส่งเสริม
สนบั สนุนในการจัดการศกึ ษา 4. บุคลากรมีความรู้ ความสามารถตรงตามสายงานทปี่ ฏบิ ตั ิ 5. โรงเรยี นจดั กิจกรรม
การเรยี นรู้ท่หี ลากหลายสง่ เสรมิ การเรยี นการสอนด้านภาษา(ภาษาองั กฤษ และภาษาทสี่ อง (ญปี่ นุ่ ,เกาหลี,จนี )

และความถนดั สนใจดา้ นอาชีพ 6. มกี ารบรหิ ารจัดการท่ีเป็นระบบคล่องตัว ตรวจสอบได้ 7. ผูบ้ รหิ ารมีคุณธรรมมี
ภาวะผู้นามีความสามารถในการบรหิ ารจัดการแมจ้ ะมีแนวโนม้ ความท้าทาย/ความเส่ียง1)ด้านปัญหาสภาพ
ครอบครัวแตกแยกมีแนวโนม้ สูงขึ้น 2. สภาพเศรษฐกจิ ของครอบครัวอยู่ในระดบั ปานกลาง เน่อื งจากผู้ปกครอง

สว่ นใหญ่มอี าชีพทางเกษตรกรรมและรับจ้าง 3. การใชส้ ือ่ เทคโนโลยใี นทางท่ีไม่เหมาะสม 4. การเปล่ยี นแปลง
นโยบายการจัดการศึกษา 5. นโยบายลดอัตรากาลังดา้ นบุคลากรเม่อื เทยี บเคยี งกับโรงเรยี นคู่เทียบคือโรงเรียน
ปทุมเทพวทิ ยาคาร โรงเรยี นจงึ เลือก ใชโ้ อกาสเชิงกลยทุ ธท์ ี่สาคญั ในการออกแบบหลกั สตู รด้วยกิจกรรมการเรียนรู้
ท่หี ลากหลาย สง่ เสรมิ กิจกรรมการเรยี นการสอนด้านภาษาและดา้ นอาชีพ และใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ มา

รวบรวมขอ้ มูลสารสนเทศเกีย่ วกบั สภาพแวดล้อมภายในและสภาพแวดล้อมภายนอกของสถานศกึ ษาตา่ ง ๆ
เพ่อื ใหเ้ กิดความคล่องตัวในการดาเนนิ งาน นอกจากน้ี ในการนาแผนสูก่ ารปฏบิ ตั ิ ในรปู ของกิจกรรมของโครงการ
ต่าง ๆ โรงเรยี นคาดหวังวา่ จะได้นวตั กรรมที่เป็นแบบอย่างในการแก้ปัญหาหรือพัฒนาผ้เู รยี น พฒั นางานจนเกดิ
เป็น Best practice ทเ่ี ปน็ แบบอยา่ งได้

Technology หมายถึง ทุกคนมีการนา System หมายถึง มีการทางานอย่างเป็น
เทคโนโลยมี าใชเ้ พือ่ การบริหารจัดการ ระบบโดยใชว้ งจร PDCA มาเปน็ กรอบใน
และการเรยี นรู้ การดาเนินงาน

International หมายถงึ ทกุ คนตอ้ งมอง Organization หมายถึง ทกุ คนต้องมอง
เป้าหมายเพ่อื สร้างผ้เู รยี นใหม้ คี วามเปน็ พลโลก องคก์ รเป็นองคก์ รเดยี วกนั ท่เี กิดจากการรว่ ม
คิด รว่ มทา รว่ มพฒั นา ให้เปน็
องคก์ รทางการศึกษา

Professional หมายถึง ทุกคนตอ้ ง
ทางานอย่างเตม็ กาลงั เตม็ ความสามารถ
ตรงต่อเวลา มคี วามเปน็ มืออาชีพ

ภาพประกอบ 2.2 ก (2) แสดงองคป์ ระกอบนวัตกรรม SOPIT Model

(3) การวเิ คราะหแ์ ละกาหนดกลยทุ ธ์ (Strategy Considerations)
กระบวนการวิเคราะหแ์ ละกาหนดกลยทุ ธ์ โรงเรียนไดน้ าปัจจัยสาคัญ ได้แก่ จดุ แข็ง จุดออ่ น โอกาส

และอุปสรรคของโรงเรียนท่ไี ดม้ าจากการระดมความคดิ เห็นจากผเู้ กีย่ วขอ้ งทงั้ ภายในและภายนอกโรงเรียน มาเปน็
ข้อมูลในการวเิ คราะหแ์ ละกาหนดกลยทุ ธ์ ดังน้ี

1) การรวบรวมข้อมลู สาคญั ประกอบดว้ ยนโยบายของรัฐบาล แผนการศึกษาแห่งชาตพิ ระราชบญั ญัติ
การศกึ ษา หลักสูตรสถานศกึ ษา ระบบประกนั คณุ ภาพการศึกษา และอน่ื ๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ ง นามาจดั ทาเป็นกรอบหลกั
ในการกาหนด การทบทวน วิสยั ทัศน์ พนั ธกจิ และเป้าประสงคข์ องโรงเรียน

24

2) วิเคราะห์จดุ แข็ง จดุ ออ่ น ดว้ ยการวเิ คราะหต์ ามแบบ 2S4M เพื่อให้รู้จักตนเอง และสารวจสภาพแวดล้อม

ภายนอก แบบ STEP ซ่งึ เปน็ การวเิ คราะห์โอกาส - อปุ สรรค ของโรงเรยี น โดยทาการ SWOT Analysis เพือ่

กาหนดความท้าทายและความได้เปรยี บเชงิ กลยทุ ธ์

3) วเิ คราะหส์ ัญญาณบ่งชีก้ ารเปลยี่ นแปลงที่สาคัญด้านเทคโนโลยี บริการทางการศกึ ษา สถิติจานวน

นักเรยี น ประชากรในชมุ ชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสยี การวางแผนพฒั นาบุคลากรเพือ่ รองรบั การเกษียณอายุราชการ

การพฒั นาองค์กรด้านเทคโนโลยี วฒั นธรรมองคก์ ร มาเปน็ ขอ้ มลู ประกอบการวางแผนเพ่ือพิจารณาความยง่ั ยืน

ขององค์กร

4) การประเมนิ ความสามารถในการปฏิบตั ติ ามกลยทุ ธ์ในปีการศกึ ษาที่ผา่ นมาจากรายงานผลดาเนินงาน

ของโครงการตา่ ง ๆ ของโรงเรียน

5) การนาแนวทางไปปฏบิ ัติ ใชก้ ระบวนการประชมุ ปรกึ ษาหารอื หาทางเลือกกลยุทธ์ทีเ่ ป็นโอกาส

ทจี่ ะประสบความสาเร็จมากท่สี ุดเพ่ือให้บรรลเุ ป้าประสงคท์ กี่ าหนดไว้

6) การปรบั ปรงุ แลกเปลี่ยนเรยี นรู้ พฒั นา ดาเนินการโดยกลมุ่ งานนโยบายและแผนงานทบทวน

กระบวนการและรบั ฟงั ข้อคิดเห็นจากนกั เรียนผมู้ ีส่วนได้ส่วนเสีย มีการตรวจสอบข้อมูลเพ่อื ความม่นั ใจในขอ้ มลู

ในการกาหนดกลยทุ ธ์ โรงเรยี นกาหนดกลยุทธ์โดยสรา้ งทางเลอื กในระดบั โรงเรียน ระดับแผนงานและระดบั

โครงการ และจัดทากรอบแผนกลยุทธ์เพื่อให้มีทางเลอื กในการดาเนนิ งานท่เี หมาะสม มปี ระสทิ ธภิ าพต่อทิศ

ทางการดาเนินงานของโรงเรียน ใชว้ ัตถปุ ระสงคส์ าคญั เปน็ ตวั ต้ังในการกาหนดกลยุทธ์ ในแต่ละวตั ถุประสงค์จะ

กาหนดตัววัด/ตวั ชี้วดั สาคญั เปา้ หมายความสาเร็จในแตล่ ะตัวชว้ี ดั ของแตล่ ะรอบระยะเวลาตามแผน และกาหนด

กลยุทธ์ของโรงเรยี นจานวน 5 กลยทุ ธห์ ลักและ 16 วตั ถุประสงค์( ดังตาราง 2.2) เพ่อื ความสาเร็จตาม

วตั ถุประสงค์เชงิ กลยุทธท์ ่ีสอดรับความท้าทายและความได้เปรียบเชงิ กลยุทธ์ ดังตาราง 2.1

ตาราง 2.1 การวเิ คราะห์กลยทุ ธ์/ความทา้ ทายและความไดเ้ ปรยี บเชิงกลยทุ ธ์
วตั ถุประสงคเ์ ชงิ กลยทุ ธ์
ความท้าทาย ความได้เปรยี บเชงิ กลยทุ ธ์ ทีส่ อดรับความท้าทาย

ด้านการศกึ ษาและการเรียนรู้ 1. โรงเรียนมีการจดั การศกึ ษาเน้นวชิ าการและกจิ กรรม 1. เพ่ือพฒั นาหลักสูตรและการ
การพฒั นาหลักสูตรและการจดั การ ท่ีหลากหลาย ตอ่ เน่ืองสม่าเสมอ มีหลักสตู รทหี่ ลากหลาย จัดการเรียนรูไ้ ด้มาตรฐานสากล
เรียนรู้ให้ไดม้ าตรฐานสากล ใหผ้ ู้เรยี นเลอื กเรียนตาม ความถนดั และความสนใจ 2. เพื่อส่งเสรมิ ผ้เู รยี นใหเ้ ป็นพลโลก
ตลอดจนพัฒนาผเู้ รียนใหเ้ ปน็ พล 2.การจดั การศกึ ษาดา้ นภาษาองั กฤษ ญ่ปี นุ่ เกาหลีและจีน และมคี วามเปน็ เลิศทางวิชาการ
โลกและมคี วามเป็นเลิศทางวชิ าการ 3. มีแหล่งเรยี นรูท้ ห่ี ลากหลาย ส่ือ อุปกรณแ์ ละเทคโนโลยี

ทีท่ นั สมัย

4.มีระบบดแู ลชว่ ยเหลือนกั เรียนที่เขม้ แขง็

ดา้ นบุคคล 5. โรงเรยี นมีจานวนครใู นแต่ละกลุ่มสาระเพยี งพอและมวี ฒุ ิ 3.เพ่ือพัฒนาครูและบคุ ลากรให้เปน็
การพัฒนาครแู ละบุคลากรให้เปน็
มอื อาชีพ การศกึ ษาตรงตามสาขาวชิ าที่สอนมีทมี งานทีเ่ ข้มแข็ง มืออาชพี พรอ้ มรบั การเปลยี่ นแปลง

6.ครูและบุคลากรมคี วามพรอ้ มในการปฏบิ ตั หิ น้าท่ี มคี วามรู้

ความสามารถเฉพาะดา้ น

7. มกี ารจัดอบรมและพัฒนาบคุ ลากรอย่างตอ่ เน่ือง

8. มบี รรยากาศการทางานแบบกัลยาณมิตร

9. ผูบ้ ริหารมีวสิ ยั ทศั น์ พรอ้ มรบั การเปล่ยี นแปลง

10. มกี ารถา่ ยทอดประสบการณ์ในการทางาน

โดยเนน้ ผลสมั ฤทธข์ิ องผ้เู รียนเป็นสาคัญ

ดา้ นทรพั ยากร 11.มีบรรยากาศและส่ิงแวดลอ้ มที่เออื้ ต่อการเรียนรู้ 4. เพือ่ พฒั นาสภาพแวดลอ้ มให้เออื้
การจัดบรรยากาศโรงเรยี นพัฒนา 12.ส่ือเทคโนโลยที ่ีทนั สมยั และเพยี งพอตอ่ จานวนผเู้ รียน ต่อการจดั การเรยี นรู้
อาคารสถานท่ี ภูมิทัศน์ แหลง่

เรียนรู้ และเทคโนโลยีเอือ้ ตอ่ การ

เรยี นรู้

25

ดา้ นความรบั ผดิ ชอบต่อสงั คม 13. โรงเรยี นไดร้ บั ความรว่ มมือจากชุมชนและ หน่วยงาน 5.เพื่อบรหิ ารงานโดยมงุ่ การมสี ว่ น
การพัฒนาประสิทธภิ าพ ท่เี ก่ยี วข้องในการสนับสนนุ กจิ กรรมตา่ งๆ ของโรงเรยี น ร่วมในการบรหิ ารจัดการศึกษาจาก
ระบบบริหารจดั การศึกษา อยา่ งเขม้ แขง็ องคก์ รหลักและชุมชน
ตามหลกั ธรรมาภิบาล โดยมุ่งหมาย 14. ใชห้ ลกั ธรรมาภิบาลในการบรหิ ารจดั การภายในโรงเรียน 6. เพือ่ ใหผ้ ู้เรยี นมสี ุขภาพดี มี
ใหผ้ เู้ รียนมีสุขภาพดี มีคุณธรรมตาม 15.ผเู้ รยี นมคี ณุ ลักษณะตามทีส่ ังคมตอ้ งการ คณุ ธรรมตามแนวทางปรัชญาของ
แนวทางปรัชญาของเศรษฐกิ เศรษฐกิจพอเพยี ง
พอเพียง

(4) ระบบงานและสมรรถนะหลกั ของโรงเรียน (WORK SYSTEMS and CORE COMPETENCIES)
โรงเรยี นโซ่พิสัยพิทยาคม ได้นานวัตกรรม SOPIT Model มาใช้ในการบริหารคณุ ภาพด้วยกระบวนการ

P-D-C-A ในการตัดสินใจเรอื่ งระบบงาน 2 ระบบ ได้แก่ 1)ระบบการเรยี นการสอน 4 กระบวนการ คือ

(1)กระบวนการพฒั นาหลกั สตู ร (2) กระบวนการจดั การเรียนการสอน(3)กระบวนการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรยี น

(4)กระบวนการพัฒนาครู และ2)ระบบสนบั สนุน 4 กระบวนการ คือ (1) กระบวนการจัดทากลยุทธ์ (2)

กระบวนการประกนั คณุ ภาพภายใน (3) กระบวนการพัฒนาแหลง่ เรยี นรูแ้ ละสอื่ ICT (4)กระบวนการนาองค์กร

สู่โรงเรยี นคณุ ภาพชั้นนา

โรงเรียนระดมความคดิ เห็นจากคณะกรรมการบริหารโรงเรียนและบรหิ ารหลักสูตรกาหนดสมรรถนะหลกั

ของโรงเรียน คอื การจัดหลกั สูตรการเรียนการสอนทีห่ ลากหลายตามศกั ยภาพของนักเรียน โดยมีส่อื อุปกรณ์ท่ี

ทันสมัย และการสร้างเครอื ขา่ ยการจดั การศกึ ษา มีสว่ นร่วมกบั ชุมชน มกี ารแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการ

แกป้ ญั หา โดยยึดการทางานตามสมรรถนะหลักดา้ นบคุ ลากร ท่ปี ระกอบด้วย เน้นการทางานร่วมกนั เปน็ ทีม

มุ่งเน้นพัฒนาประสิทธิภาพ และใช้เทคโนโลยอี ย่างสรา้ งสรรค์

ข. วตั ถุประสงคเ์ ชงิ กลยทุ ธ์ (STRATEGIC OBJECTIVES)
(1).วัตถุประสงค์เชิงกลยทุ ธ์ทีส่ าคัญ ( KEY STRATEGIC OBJECTIVES
โรงเรียนได้กาหนดกลยทุ ธใ์ นการพฒั นาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียน ตามวิสยั ทศั น์ที่ม่งุ จัดการศึกษาสู่

การเป็นโรงเรียนมาตรฐานสากลบนพื้นฐานของความเป็นไทย และกาหนดวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ท่ีสาคัญท่ี

สอดคลอ้ งกับกลยทุ ธ์ในการพฒั นาคุณภาพการศึกษาของโรงเรยี น ดังตาราง 2.2

ตาราง 2.2 ตารางแสดงวตั ถุประสงคเ์ ชิงกลยุทธท์ ่สี อดคลอ้ งกบั กลยุทธ์

กลยุทธ์ระดับองคก์ ร/ระดับแผนงาน วตั ถุประสงค์เชงิ กลยุทธ์
กลยุทธ์ท่ี 1สร้างผูเ้ รียนสูค่ วามเป็นพลโลกบนพนื้ ฐานความเปน็ ไทย 1.เพ่อื พัฒนาหลักสตู รและการจัดการเรยี นรูไ้ ด้มาตรฐานสากล
2.เพ่ือสง่ เสริมผู้เรยี นให้เปน็ พลโลกและมีความเปน็ เลศิ ทางวิชาการ
แผนงานท่ี 1 พฒั นาผู้เรยี นสคู่ วามเป็น พลโลกบนพนื้ ฐานความเปน็ ไทย
3.เพอ่ื ส่งเสรมิ ระบบดูแลชว่ ยเหลือนักเรยี นทเ่ี ขม้ แขง็

กลยทุ ธ์ที่ 2 สร้างหลกั สตู รทีห่ ลากหลายตามความสนใจของผ้เู รยี น 4.เพ่ือพฒั นาหลกั สูตรท่หี ลากหลาย(สูส่ ากล) ตามความสนใจของผ้เู รียน
แผนงานที่ 2 พฒั นาหลกั สตู รทห่ี ลากหลายตามความสนใจของผู้เรียน

กลยทุ ธ์ที่ 3 สง่ เสรมิ พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาสู่มืออาชพี 5.เพื่อพฒั นาครูและบุคลากรให้เปน็ มืออาชพี พรอ้ มรบั การเปลย่ี นแปลง
แผนงานที่ 3 พัฒนาครูและบคุ ลากรทางการศึกษาสูม่ ืออาชีพ 6.เพ่ือสรา้ งผลงานทางวิชาการส่อื สารภาษาองั กฤษได้
7.เพ่อื สง่ เสริมการใชส้ ่ือเทคโนโลยใี นการศกึ ษาค้นควา้ และจัดการเรยี น
กลยุทธท์ ี่ 4 ส่งเสรมิ สนบั สนนุ การบริหารจัดการดว้ ยระบบคณุ ภาพ การสอน
แผนงานที่ 4 พัฒนา สนบั สนุนการบรหิ ารจดั การด้วยระบบคุณภาพ 8. เพื่อส่งเสรมิ การวจิ ัยเพ่ือแกป้ ัญหาหรอื พฒั นาผู้เรยี น
9. เพือ่ ออกแบบกระบวนการเรยี นรทู้ ี่หลากหลาย

10.เพอ่ื จัดสภาพแวดลอ้ มให้เอือ้ ตอ่ การจดั การเรียนรู้
11. เพอื่ บริหารจัดการศกึ ษาของโรงเรียนตามมาตรฐานประกนั คณุ ภาพ
การศกึ ษา
12.เพื่อบรหิ ารจัดการศกึ ษาท่ีมงุ่ เนน้ การมีสว่ นร่วม
13. เพือ่ นเิ ทศ กากบั ติดตามการดาเนนิ งานของบุคลากรพฒั นาการศกึ ษา
ใหเ้ ขม้ แข็ง

26

กลยุทธ์ระดับองคก์ ร/ระดับแผนงาน วัตถุประสงค์เชงิ กลยุทธ์
กลยทุ ธท์ ่ี 5 สรา้ งเครือขา่ ยร่วมพฒั นาศักยภาพผู้เรียน 14.เพ่อื สง่ เสริมและสนบั สนนุ ความร่วมมือกับเครือข่ายการศึกษาและชมุ ชน
ดา้ นแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทรัพยากรและบุคคล
แผนงานที่ 5 พัฒนาการสรา้ งเครอื ขา่ ยรว่ มพฒั นาศักยภาพผ้เู รียน
15. เพ่อื บริหารงานโดยมงุ่ การมีสว่ นรว่ มในการบรหิ ารจดั การศกึ ษา

จากองคก์ รหลกั และชมุ ชน
16.เพอ่ื ให้ผู้เรียนมีสขุ ภาพดี มคี ุณธรรมตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจ

พอเพยี ง

(2) การพจิ ารณาวัตถุประสงคห์ ลักเชงิ กลยุทธ์ (Strategic Objectives Considerations)
กระบวนการจัดทาแผนกลยทุ ธ์ตามตาราง 2.2 แสดงถึงการเช่ือมโยงการบริหารจัดการกับกระบวนการวางแผน

เชงิ กลยุทธ์ มีการนาข้อมูลและปจั จยั ต่างๆ ของโรงเรยี นเข้ามาเป็นสว่ นหน่ึงของการจัดทาแผนกลยุทธ์ต้ังแตข่ ัน้ ตอนมี

การรวบรวมข้อมูลและการนาขอ้ มลู ท่สี าคญั มากาหนดการท้าทายเชงิ กลยุทธ์และความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ซึ่งจาก
กระบวนการจัดทาแผนกลยทุ ธ์สามารถระบุวัตถุประสงคเ์ ชงิ กลยุทธ์ ท่มี ผี ลกระทบต่อโรงเรียนทั้งในระยะส้ันและระยะ
ยาวในแต่ละประเดน็ อย่างชัดเจน

งานแผนงานและงานที่เกีย่ วขอ้ งทุกกลุ่มงาน/กลุ่มสาระฯดาเนินการตามข้ันตอนกระบวนการจัดทาแผนกลยุทธ์

ระดมสมองจากผู้บริหารและครู เพ่อื ร่วมกันพิจารณากล่ันกรองความเหมาะสมและผา่ นการอนมุ ัติแผน กลยุทธจ์ าก
คณะกรรมการสถานศึกษา ทาให้ม่ันใจวตั ถุประสงค์เชิงกลยุทธ์มีความสอดคล้องสมดุล

วัตถุประสงค์เชิงกลยทุ ธ์และกลยุทธ์เป็นการวิเคราะหโ์ ดยใช้ข้อมลู จากแหล่งต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกโดย
พจิ ารณาร่วมกันในเชิงบูรณาการของคณะกรรมการบริหารโรงเรยี น คณะกรรมกรบริหารหลักสูตรและคณะกรรมการ

สถานศึกษาขั้นพ้ืนฐานของโรงเรียนเพ่ือกาหนดทิศทางและวัตถุประสงคเ์ ชงิ กลยุทธ์อย่างครบถว้ น สอดคลอ้ งสมดุลกับ
วตั ถุประสงค์เชิงกลยุทธ์และกลยุทธท์ ผี่ ่านการพิจารณาจะทาการสื่อสารให้กบั กลมุ่ งาน/กลุ่มสาระฯภายในโรงเรยี นเพื่อ
นาไปเป็นแนวทางในการกาหนดแผนพัฒนาของแต่ละกลุ่มงานกลุ่มสาระการเรียนรู้ ให้สอดคล้องบูรณาการรว่ มกัน

2.2 การนากลยทุ ธไ์ ปสู่การปฏิบตั ิ (Strategy Implementation)
ก. การจดั ทาแผนปฏบิ ตั กิ ารและการถ่ายทอดสกู่ ารปฏบิ ัติ (ACTION PLAN Development and

Development)
(1) การจดั ทาแผนปฏิบัตกิ าร (Action Plan Development)

โรงเรยี นมีกระบวนการในการจัดทาแผนปฏบิ ัติการ โดยโรงเรียนเผยแพร่แผนกลยุทธ์ใหบ้ คุ ลากรทราบ โดย
มคี ณะผ้บู ริหาร หวั หนา้ งาน หวั หน้ากล่มุ สาระการเรยี นรู้ ครแู ละบคุ ลากรทเี่ กยี่ วข้อง เพื่อรว่ มกันทบทวนผลการ
ดาเนินงาน กาหนดร่างการจดั ทาแผนเพอื่ กาหนดทศิ ทางการจดั ทาแผนปฏบิ ัตกิ ารประจาปที ี่เหมาะสม ตอบสนอง
กลยทุ ธ์ ผา่ นการกล่ันกรองจากฝา่ ยบริหาร คณะกรรมการจดั ทาแผนปฏบิ ตั ิการประจาปี และผา่ นความเห็นชอบ

จากคณะกรรมการสถานศึกษาฯ แล้วจงึ ถ่ายทอดนโยบายลงสู่การปฏิบัตงิ านของบคุ ลากรทุกฝา่ ย
ดังภาพประกอบ 2.3 ก(1)

27

ภาพประกอบ 2.3 ก(1) แสดงกระบวนการจดั ทาแผนปฏบิ ัตกิ ารประจาปี
(2) การนาแผนปฏิบตั ิการไปปฏบิ ัติ (Action Plan Implementation)

โรงเรียนนาแผนปฏิบัติการไปส่กู ารปฏบิ ตั ิโดยการประชมุ ชแี้ จงบคุ ลากรทกุ คนโดยสร้างความรู้
ความเข้าใจของผู้เกี่ยวข้องให้รับทราบก่อนนาแผนปฏิบัตกิ ารไปดาเนินงานใหถ้ กู ต้อง มกี ารสรุปรายงานผลการ
ดาเนนิ งาน ภาคเรียนละ 1 ครัง้ และสรุปในภาพรวมเมื่อสน้ิ ปงี บประมาณเพอ่ื จัดทารายงานการประเมนิ ตนเอง
ประจาปีเผยแพรผ่ ทู้ เ่ี กีย่ วขอ้ งทราบตอ่ ไป ดงั ภาพประกอบ 2.4 ก(2)

ผูร้ บั ผิดชอบโครงการ/กิจกรรม ขออนมุ ัติดาเนินงาน/งบประมาณ

ไมผ่ ่าน แผนงานตรวจสอบ
ไม่ผ่าน งบประมาณ
ไม่ผ่าน มใี นแผน
ไมผ่ า่ น
หวั หนา้ งาน/หวั หนา้ กล่มุ สาระฯ
พิจารณาความเหมาะสม
ผ่าน

รองผูอ้ านวยตามสายงาน
พจิ ารณาความเหมาะสม

ผ่าน

ผู้อานวยการโรงเรยี น
พิจารณาความเหมาะสม

แตง่ ต้งั คณะกรรมการดาเนินงาน

ประชุมหรือเตรยี มความพรอ้ มการดาเนินงานและวางแผนสารองกรณีฉกุ เฉนิ

ดาเนนิ งานตามท่ีกาหนด

ผรู้ ับผดิ ชอบสรปุ รายงานผลการดาเนนิ การตามตวั ชวี้ ัด

ภาพประกอบ 2.4 ก(2) แสดงกระบวนการนาแผนปฏบิ ตั ิการไป
ปฏบิ ัติ

28

(3) การจัดสรรทรพั ยากร (Resource Allocation)
โรงเรยี นจดั ทางบประมาณจาก2 สว่ น ไดแ้ ก่ งบประมาณเงนิ อดุ หนนุ รายหวั และงบประมาณจากการ

ระดมทรพั ยากร แบบมุง่ เน้นผลงานตามกลยทุ ธ์ ซึง่ สอดคลอ้ งกบั พันธกิจ และเปา้ ประสงคใ์ นการดาเนินงานเพ่อื ผลลัพธ์ทมี่ ี
ประสิทธิภาพและประสิทธิผล ตอบสนองตัวชว้ี ัดอย่างชัดเจน โดยใช้วงจรคณุ ภาพ PDCA ควบคมุ ในทกุ ขั้นตอน ต้ังแต่
การวางแผน การดาเนินงาน การควบคมุ ความเสย่ี ง การติดตามตรวจสอบ และประเมินผลการใช้จา่ ยงบประมาณให้
เป็นไปตามเป้าหมายท่ีกาหนดไว้

โรงเรียนจัดสรรงบประมาณตามความจาเป็นซึ่งผ่านการอภปิ รายถึงความสอดคล้องกบั แผนงาน กลยุทธ์
และตัวชี้วดั ความสาเร็จ โดยคณะกรรมการจัดทาแผนปฏิบตั ิการประจาปี คานึงถงึ ประสิทธิภาพในการใชง้ บประมาณใน
ปที ่ผี ่านมา ยึดหลักการจัดสรรให้ท่ัวถึงและเป็นธรรม ปฏิบัติตามแนวสานกั งานนโยบายและแผน กระทรวงศกึ ษาธิการ
คอื จัดสรรงบประเภทวิชาการ ร้อยละ 60 ประเภทบริหารทวั่ ไป รอ้ ยละ 30 และงบสารองจ่ายรอ้ ยละ 10 เพ่อื ให้มน่ั ใจ
สภาวะการเงินในกรณีทีม่ ีการเปลี่ยนแปลงด้านทรพั ยากรและอืน่ ๆ พรอ้ มใช้ในการสนบั สนุนให้แผนปฏิบตั ิการประสบ
ความสาเรจ็ มกี ารดาเนินการ ดังนี้ 1) แต่งตงั้ เจา้ หน้าทง่ี านนโยบายและแผนงาน งานการเงิน งานบัญชี และงานพัสดุ เพ่ือ
ประสานงานในการควบคมุ การใช้งบประมาณตามโครงการ และจัดทาสรปุ การจดั สรรงบประมาณประจาปีเพือ่ ขอความ
เห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐานของโรงเรียน

(4) แผนด้านบคุ คลากร (Workforce Plans)
โรงเรยี นบริหารทรัพยากรบุคคลโดยยึดบทบาทหนา้ ทเ่ี ป็นหลกั (Role Based) กระจายและมอบอานาจ

ตามความแตกตา่ งของบุคคล สนบั สนุนใหบ้ ุคลากรพฒั นาตนเอง โดยเฉพาะการพัฒนาท่ีเก่ยี วข้องกับภาระงาน
ทรี่ ับผิดชอบ มกี ารถ่ายโอน ความรู้ และทกั ษะในงานทรี่ บั ผิดชอบให้เพอื่ นร่วมงานในรูปแบบของการจัดการความรู้ เพอ่ื
การพัฒนาทีย่ ั่งยืน ทาให้สามารถปฏบิ ตั งิ านแทนกันได้ มีการวางแผนอตั รากาลงั ทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพอื่ ป้องกัน
การขาดแคลนบุคลากร ชว่ ยให้หนว่ ยงานบรรลุเป้าหมายความสาเรจ็ ท่ีตั้งไว้ ตามหลกั การ “สรรหา พัฒนา รกั ษาไว้
ใชป้ ระโยชน์”

(5) ตัววดั ผลการดาเนินการ (PERFORMANCE MEASURES)
โรงเรยี นประเมนิ ผลการปฏบิ ตั ริ าชการตามคารบั รองทไี่ ดจ้ ัดทาขอ้ ตกลงกบั หน่วยงานต้นสังกัด จดั ทา

รายงานผลการดาเนินงานเสนอต่อผบู้ ริหาร คณะกรรมการสถานศกึ ษาข้ันพ้ืนฐานโรงเรยี นโซ่พสิ ัยพทิ ยาคม สมาคม
ผปู้ กครองและครู มกี ารตรวจสอบการดาเนินงานจากตัวช้ีวัด (KPI) ดว้ ยวงจรคณุ ภาพ PDCA เพื่อให้บรรลุเปา้ หมาย
ของโรงเรียน มีการควบคุม กากับ ติดตามการดาเนินงานตามโครงการ มีการจัดทารายงานผลการดาเนินงานและการใช้
งบประมาณ ทาให้เห็นผลสัมฤทธิโ์ ดยรวมอย่างชัดเจน มีการรายงานผลการประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษาตอ่
สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา เผยแพร่แก่ผูม้ ีส่วนได้สว่ นเสียท่ีสาคัญเปน็ ประจาทุกปี และเผยแพร่ทาง
เว็บไซต์ของโรงเรียน โดยใช้กระบวนการ ดงั น้ี 1) ผบู้ รหิ ารสรา้ งความเขา้ ใจกับผมู้ ีส่วนได้ส่วนเสีย ในการจัดการศึกษาของ
โรงเรยี น 2) ประสานงานกับทุกภาคส่วน เพื่อระดมทรัพยากรในการจัดการศึกษา 3) จัดทาแผนงาน/โครงการให้สอดคลอ้ ง
ตน้ สงั กัด. และกาหนดผ้รู ับผิดชอบ 4) ติดตามการดาเนินงานและการใช้จา่ ยงบประมาณให้มีประสิทธภิ าพ และ 5)
วเิ คราะห์ผลการดาเนินงานเพื่อทราบผลความค้มุ คา่ ในการลงทุน แสดงการวางกรอบแผน กลยทุ ธท์ ีร่ ะบุตวั ชวี้ ดั และ
เปา้ หมายความสาเร็จ ดงั ตาราง 2.3 ก (5)

29

ตาราง 2.3 ก(5) แสดงการวางกรอบแผนกลยุทธ์ ทรี่ ะบุตัวชี้วัดและเปา้ หมายความสาเร็จ

กลยุทธ์ ตวั ชวี้ ดั เปา้ หมาย
ปี ปี ปี
กลยุทธ์ที่ 1 สร้างผูเ้ รียน 1. รอ้ ยละของนกั เรยี นที่จบการศกึ ษาระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ และระดับ 2561 2562 2563
สู่ความเป็นพลโลกบน มัธยมศกึ ษาตอนปลาย
พื้นฐานความเปน็ ไทย 2. รอ้ ยละของผลสมั ฤทธิ์ในกลุ่มวิชาหลักของนักเรยี น ม.3/ม.6 จากการทดสอบ 80 85 90
แผนงานท่ี 1 พัฒนา ระดับชาตเิ พ่มิ ขน้ึ ไมน่ อ้ ยกว่ารอ้ ยละ 5 เม่ือเทียบกับค่ากลาง
ผ้เู รยี น ส่คู วามเป็น พลโลก 3. รอ้ ยละของรางวัลทไ่ี ดร้ บั จากการแข่งขนั ทักษะวิชาการในระดบั ภมู ิภาค 345
บนพนื้ ฐานความเปน็ ไทย ระดับประเทศ ระดับนานาชาติ
4. รอ้ ยละของนกั เรยี นที่สามารถสือ่ สาร 2 ภาษาไดใ้ นระดบั ดขี ึน้ ไป 234
กลยทุ ธ์ท่ี 2 สรา้ งหลกั สูตร 5. ร้อยละของนกั เรยี นท่มี ีความคิดสรา้ งสรรค์ สามารถใช้ความคดิ ระดับสูงวางแผน
ท่หี ลากหลายตามความ จดั การสเู่ ป้าหมายในระดบั ดขี ้ึนไป 30 40 50
สนใจของผเู้ รยี น 6. ร้อยละของนกั เรียนทส่ี ามารถใช้สือ่ เทคโนโลยใี นการสืบค้นและเรยี นรู้ 30 40 50
แผนงานที่ 2 พัฒนา 7. ร้อยละของนักเรียน ม.6 ทสี่ ามารถศกึ ษาตอ่ ในระดบั อดุ มศึกษาหรือประกอบ
หลกั สูตรทห่ี ลากหลายตาม อาชีพและเพ่ิมข้ึนทกุ ปี 60 70 80
ความสนใจของผเู้ รยี น 8. ร้อยละของนักเรยี นทท่ี ากจิ กรรมสาธารณประโยชน์ 10 20 30
กลยทุ ธท์ ่ี 3 สง่ เสริม 9. ร้อยละของนักเรยี นท่มี คี ุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคต์ ามหลักสูตร
พัฒนาครแู ละบุคลากร 1.ร้อยละของนักเรียนทส่ี มัครเข้าเรยี นแต่ละหลักสตู รตามความสนใจ 60 70 80
ทางการศึกษาสูม่ ืออาชพี 2.ร้อยละของความพึงพอใจของนกั เรยี นท่ีมีตอ่ การจดั หลกั สูตรทหี่ ลากหลาย 80 85 90
แผนงานท่ี 3 พฒั นาครู 90 95 98
และบุคลากรทางการศกึ ษา 1.รอ้ ยละของครูทม่ี ีผลงานทางวิชาการผา่ นการประเมินในระดับตา่ งๆ 89 93 98
สู่มืออาชพี 2.รอ้ ยละของครูทสี่ ามารถส่อื สารภาษาองั กฤษได้
กลยุทธท์ ี่ 4 สง่ เสริม 3.ร้อยละของครูใช้ส่อื เทคโนโลยีในการศึกษาคน้ ควา้ และจดั การเรียนการสอน 80 85 85
สนบั สนุนการบริหารจัดการ 4.ร้อยละของครูใช้การวจิ ัยเพ่อื แกป้ ัญหาหรอื พัฒนาผู้เรยี น 10 15 20
ดว้ ยระบบคณุ ภาพ 5. ร้อยละของครอู อกแบบกระบวนการเรยี นร้ทู ี่หลากหลาย 80 90 100
แผนงานที่ 4 พฒั นา 5 10 15
สนับสนนุ การบริหารจดั การ 1. ร้อยละของมาตรฐานการศึกษาท่ผี ่านการประเมนิ ระดับดีมาก 80 90 100
ด้วยระบบคณุ ภาพ 2. รอ้ ยละความพงึ พอใจของครแู ละของผู้เก่ยี วขอ้ งต่อการบรหิ ารจัดการศกึ ษาของ
กลยทุ ธ์ที่ 5 สรา้ ง โรงเรยี นระดบั มากข้ึนไป 123
เครือขา่ ยร่วมพฒั นา 3. ร้อยละของบคุ ลากร กลุ่มงาน กล่มุ สาระการเรยี นรทู้ ่ีไดร้ บั การนเิ ทศ กากับ 75 80 85
ศกั ยภาพผู้เรียน ติดตาม
แผนงานท่ี 5 พฒั นาการ 80 90 100
สร้างเครือข่ายรว่ มพัฒนา 1.รอ้ ยละของความพึงพอใจที่ชุมชนเครือให้ความร่วมมอื ในกจิ กรรมตา่ งๆ ท้ังในและ
ศักยภาพผเู้ รยี น นอกโรงเรียน 90 95 98

30

(6) การคาดการณ์ผลการดาเนินการ (PERFORMANCE PROJECTION
โรงเรียนดาเนนิ การเปรยี บเทียบผลการดาเนินงานปี 2561 –2563 สารสนเทศ การติดตามประเมินผล จาก
ระบบคณุ ภาพภายในโรงเรยี น ผลการประเมินภายนอก (สมศ.) มาวางแผน วิเคราะหก์ าหนดตวั บ่งช้ีท่สี าคัญ คอื 1)
ลาดับทใี่ นการแข่งขันของคุณภาพการศกึ ษาท่จี ัดลาดบั ของสพม.21 โรงเรียนคาดการณ์วา่ จะตอ้ งติด 1 ใน 5 จาก
คะแนนสอบรวมทกุ วิชาของคะแนน O-NET เปน็ แผนการดาเนินการระยะสนั้ 2) ผลการสอบระดับชาติมีผลการ
ทดสอบคะแนน O-NET ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 3 และชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 ตอ้ งสูงกว่าค่าเฉลีย่ ของระดับประเทศและ
ไดร้ ้อยละ 50 ข้ึนไป 3) ผลการสอบเขา้ มหาวิทยาลยั ของโรงเรยี น ต้องเพ่ิมขึน้ ทุกปี 4) ผลงานและรางวัลท่ีโรงเรยี น
ครผู ้บู รหิ ารหรือนกั เรยี นไดร้ บั การคัดเลือกเปน็ ตัวแทนการแข่งขัน ระดับภาค ระดับประเทศในแต่ละปี5) ผลสมั ฤทธ์ิ
ทางการเรียนของนกั เรียนตามคา่ มาตรฐานท่ีกลุ่มสาระการเรยี นรู้ตง้ั ไว้และต้องสงู กวา่ ปี ทผ่ี า่ นมา 6) สง่ เสรมิ การ
ส่ือสารภาษาต่างประเทศภาษาอังกฤษท่ีเรยี นกบั เจ้าของภาษาและเรยี นรายวชิ าเพ่มิ เตมิ ภาษาที่สอง(ภาษาญ่ปี ่นุ ,
เกาหล,ี จนี )ด้วยการเปิดหลักสตู รโครงการห้องเรียนพเิ ศษ (EFC) มีนกั เรยี นให้ความสนใจสมัครเรียนเพม่ิ ขน้ึ ทุกปี
โรงเรียนต้ังคณะกรรมการพจิ ารณาการตั้งคา่ เป้าหมายผลสาเรจ็ การดาเนินงานในแผนกลยทุ ธ์และมาตรฐาน
การศึกษา ดังตาราง 2.4 โดยนาผลการดาเนินงานท่ีผา่ นมา 3 ปี มาหาค่าเฉลี่ยเพ่อื เป็นขอ้ มูลฐานในการคาดการณ์ผลที่
คาดวา่ จะเกิดข้ึนในอีก 3 ปขี ้างหนา้ หากกอ่ นดาเนินการ หรือระหวา่ งการดาเนินการได้คาดการณ์แลว้ วา่ ประสิทธิผลทไี่ ด้
อาจไมเ่ ป็นไปตามเป้าหมาย ผูป้ ฏบิ ตั ิจาเป็นต้องปรับปรุงการดาเนินการ ซง่ึ ถอื เปน็ ความท้าทายในการทาให้ผลการปฏิบตั ิ
เปน็ ไปตามเปา้ ประสงค์ทต่ี ั้งไว้ ผรู้ บั ผิดชอบรวบรวมผลการดาเนินงานตามตวั ชีว้ ัดและจัดทารายงานผลการดาเนินงาน
เพอ่ื นาผลท่ีได้มาพิจารณาจัดทาแผนในปีต่อไป
ข. การปรบั เปลี่ยนแผนปฏิบัตกิ าร (ACTION PLAN Modification)
ผรู้ บั ผดิ ชอบโครงการสามารถปรับเปล่ียนแผนปฏิบัติการได้ใน 2 กรณี คือ
1. กรณที ไ่ี ม่สามารถปฏบิ ตั ไิ ด้ตามทีก่ าหนด เช่น ปรับเปล่ียนกจิ กรรม ระยะเวลา งบประมาณ ผรู้ ับผิดชอบ
โครงการ ไมต่ รงตามแผนปฏบิ ตั ิการประจาปี ผู้รบั ผิดชอบโครงการต้องเขียนบันทึกข้อความขออนมุ ตั ิปรบั แผนงานเสนอ
ผอู้ านวยการ เม่อื อนมุ ัติแลว้ งานแผนงานและนโยบาย เป็นผู้ติดตามการใชง้ บประมาณ
2. กรณีทมี่ ีความจาเปน็ ตอ้ งจัดทาโครงการทีไ่ ม่ได้กาหนดไว้ในแผนปฏบิ ตั ิการ หรอื กรณีมีความจาเป็น
เร่งดว่ น เขยี นบันทกึ ขอ้ ความขออนมุ ตั ิปรับเพมิ่ โครงการนอกแผนปฏิบัติการ ระบงุ บประมาณ เม่ือโครงการไดร้ ับการ
ลงนามและอนุมตั งิ บประมาณแลว้ ผรู้ บั ผดิ ชอบจึงดาเนนิ งานตามข้ันตอนต่อไป โครงการท่ีผ่านการอนุมัติแล้ว ให้
ผรู้ บั ผิดชอบโครงการถ่ายสาเนาเอกสารโครงการ/กิจกรรมใหง้ านแผนงานและนโยบาย 1 ชุด เพอ่ื ปรบั แผนปฏิบัติการ
และติดตามประเมินผลการใชง้ บประมาณ

31

หมวดท่ี 3
นกั เรียนและผู้มสี ว่ นไดส้ ่วนเสยี (Student and Stakeholder)

โรงเรียนโซ่พสิ ัยพิทยาคมเป็นโรงเรยี นประจาอาเภอทีม่ ศี กั ยภาพในการจัดการบริหารสถานศึกษา
ทาใหผ้ ้ปู กครองและชมุ ชนใหค้ วามไว้วางใจ จงึ สง่ บุตรหลานเข้าเรียน เพราะเห็นวา่ โรงเรยี นกาหนดเปา้ หมาย
ในการบริหารจัดการไว้อยา่ งชดั เจน โดยใชห้ ลักการบรหิ ารจดั การด้วย SOPIT Model ในการขับเคล่ือน
การดาเนินงาน และควบคุมคุณภาพของเดมมิ่ง PDCA เปดิ โอกาสใหผ้ มู้ ีส่วนไดส้ ว่ นเสยี ไดแ้ สดงความคิดเหน็
และมสี ว่ นรว่ มในการจัดการศึกษาให้เกิดผลสมั ฤทธิ์มตี ่อนักเรยี นและผู้มีส่วนเกย่ี วข้องในการพัฒนาการเรียน
การสอนของโรงเรียน ดังนน้ั โรงเรยี นจงึ ได้กาหนดหลักสูตรและแนวทางในการพัฒนาความเปน็ เลศิ ทางวชิ าการ
ตอบสนองความถนดั และศักยภาพของผ้เู รยี น ม่งุ เนน้ ผลผลิตและผลลัพธท์ ี่มคี ณุ ภาพตามมาตรฐานสากล
มีการรบั ฟงั และสร้างความสมั พนั ธ์กับผู้เรียนและผูม้ ีส่วนไดส้ ว่ นเสียทง้ั อดตี ปจั จุบัน และอนาคต ดงั
ภาพประกอบที่ 3.1

ภาพประกอบท่ี 3.1 กระบวนการสร้างการรับฟงั นกั เรียนและผ้มู ีส่วนไดส้ ่วนเสียและความผูกพัน
จากภาพประกอบท่ี 3.1 แสดงให้เห็นวา่ โรงเรียนโซ่พิสัยพิทยาคมมีกระบวนการสร้างการรับฟังนักเรียน
และผู้มสี ่วนได้สว่ นเสียและความผกู พนั โดยมีการรวบรวมขอ้ มูล เพอ่ื ให้ได้ขอ้ มูลสารสนเทศที่สามารถนาไป
ปฏิบตั ิไดม้ ีวธิ กี ารท่เี หมาะสมในการรบั ฟงั เสียงของนกั เรยี นและผูม้ สี ว่ นได้สว่ นเสีย มีการดาเนนิ การอยา่ งเป็น
ระบบและมีประสิทธภิ าพ
3.1 การรับฟงั นกั เรยี นและผ้มู สี ว่ นไดส้ ่วนเสยี (VOICE OF THE STUDENT and

Stakeholder)

ก. การรับฟังผู้เรยี นและผูม้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสีย (STUDENT and Stakeholder Listening)
ก (1) การรบั ฟังผ้เู รยี นและผมู้ ีส่วนได้สว่ นเสยี ในปจั จุบัน
โรงเรียนโซ่พิสยั พทิ ยาคม ใช้วิธีการสมั ภาษณ์ การสอบถาม และการประชุมผ้เู รยี นและผู้มสี ว่ นไดเ้ สีย
เพ่ือให้ไดส้ ารสนเทศที่สามารถนามาปฏิบตั ไิ ด้ นอกจากน้โี รงเรยี นยังมีเว็บบอร์ด E-mail Facebook

32
เว็บไซต์ http://sopisai.ac.th ของโรงเรยี นเพอ่ื ใช้ตดิ ตอ่ ผู้เรียนและผู้มีส่วนไดส้ ว่ นเสยี ในการส่ือสารและรับฟงั
ผู้เรยี นและผ้มู ีส่วนไดส้ ่วนเสีย สาหรบั ครูผสู้ อนได้ใช้ Facebook ในการตดิ ตอ่ สือ่ สารกับผ้เู รยี น เพ่ือให้
กิจกรรมการเรยี นการสอนบรรลุเปา้ หมายที่วางไวย้ ่ิงข้ึน และใช้เป็นสื่อในการรบั ฟังความคดิ เหน็ ของผ้เู รยี น
นอกเหนอื จากในห้องเรยี น ตลอดจนผมู้ สี ่วนได้ส่วนเสียท่มี ไิ ด้พบปะโดยตรง ในส่วนของความแตกตา่ งของ
วธิ กี ารรับฟังระหวา่ งผเู้ รยี น คือ วิธีการสมั ภาษณ์ สาหรบั ผ้มู ีสว่ นไดส้ ่วนเสียใชว้ ิธีการประชมุ

ก(2) การรบั ฟังผู้เรียนและผมู้ สี ่วนไดส้ ว่ นเสยี ในอนาคต
โรงเรยี นโซ่พสิ ัยพิทยาคม ได้ใชว้ ธิ ีการสนทนา สอบถาม สมั ภาษณ์ การประชมุ เพือ่ ใหไ้ ดข้ ้อมูล
สารสนเทศ ทีน่ าไปส่กู ารปฏบิ ตั ิในปัจจุบันและเพอ่ื วางแผนในอนาคตเก่ยี วกับด้านหลกั สูตร บรกิ ารท่ีส่งเสรมิ
การเรยี นรู้ และบริการการศึกษาอนื่ ๆ การสนบั สนนุ ผู้เรียน และผู้มสี ว่ นได้ส่วนเสยี โดยฝ่ายท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั
เรือ่ งน้ัน ๆ มกี ารประเมินผลการดาเนินการกิจกรรม / โครงการต่าง ๆ จากแบบสอบถาม แบบประเมินและ
Web board เพอื่ รวบรวมและวเิ คราะห์ข้อรอ้ งเรียน เพ่ือนาไปสูก่ ารปรบั ปรุง การประเมินโดยแบบประเมิน
แบบสอบถาม จะเกบ็ ขอ้ มูลจากผู้เขา้ ร่วมกจิ กรรม / โครงการและการประชุมร่วมกบั ผู้มีส่วนไดส้ ว่ นเสีย ทาให้
มั่นใจไดว้ ่าจะทาใหไ้ ด้ข้อมลู สารสนเทศที่สามารถนาไปใชเ้ พื่อตอบสนองความตอ้ งคาดหวังของผบู้ ริการและผู้
มสี ว่ นได้สว่ นเสยี และเพอ่ื ให้เกดิ การกลา่ วถึงองค์กรในทางท่ีดี ดังภาพประกอบ 3.1ก(2)

ภาพประกอบท่ี 3.1ก(2) กระบวนการรับฟังนกั เรยี นและผมู้ สี ว่ นได้สว่ นเสีย
จากภาพประกอบที่ 3.1ก(2) แสดงใหเ้ ห็นวา่ โรงเรยี นโซพ่ สิ ยั พิทยาคมมกี ระบวนการในการรับฟัง
นักเรยี นและผมู้ ีส่วนได้ส่วนเสีย โดยมีการรวบรวมขอ้ มลู เพอื่ ใหไ้ ดข้ ้อมลู สารสนเทศท่ีสามารถนาไปปฏบิ ตั ไิ ด้ มี
วิธีการทเี่ หมาะสมในการรบั ฟังเสียงของนกั เรียนและผมู้ สี ่วนได้ส่วนเสยี มกี ารดาเนนิ การอยา่ งเปน็ ระบบและมี
ประสิทธภิ าพ

33

ตารางที่ 3.1ก(2) วธิ ีการรับฟังผู้เรยี นและผูม้ ีส่วนไดส้ ่วนเสีย

แหลง่ ขอ้ มูล เครอื่ งมือ วิธกี าร ผลทไ่ี ด้รับ
1.นกั เรียนปจั จบุ ัน 1. แบบสอบถาม 1. การประเมนิ การเรยี นการสอน ความคดิ เหน็ ความตอ้ งการและ
ขอ้ เสนอแนะต่าง ๆ
(ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 1-6) 2. แบบสมั ภาษณ์ 2. การประเมนิ รายวชิ า ทีเ่ ปน็ ประโยชน์ตอ่ การปรับปรุง การ
จดั การเรยี นการสอน บรกิ าร
3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรม 3. การประชมุ นกั เรยี นแต่ละระดบั ช้นั ใน การศึกษาอื่น ๆ ที่พงึ มเี พอ่ื ส่งเสรมิ
4. แบบประเมนิ คาบ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คาบประชมุ การเรยี นรใู้ หแ้ ก่นักเรยี นรวมถึงการ
พฒั นาหลกั สูตร
5. บนั ทกึ การประชมุ คณะกรรมการ ระดบั
ความคิดเห็นต่อทศิ ทางวชิ าชพี และ
นักเรียน 4. การรวบรวมความคดิ เหน็ ของนกั เรยี น การจดั การเรยี น การสอน บริการ
การศึกษา อื่น ๆ ท่ีพงึ มีเพอ่ื สง่ เสรมิ
6. สอ่ื สงั คมออนไลน์และ เทคโนโลยี ในการร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียน การเรยี นรู้ให้แกน่ กั เรยี น รวมถึง การ
พฒั นาหลกั สตู ร
บนเว็บไซด์ 5. การประชุมคณะกรรมการนกั เรียน
ความคดิ เหน็ ความตอ้ งการและ
2. ครูและบุคลากร 1. แบบสอบถาม - มกี ารอบรม ประชมุ สัมมนาครู และ ข้อเสนอแนะตา่ ง ๆ ทเ่ี ปน็ ประโยชน์
ต่อการ ปรบั ปรงุ การจดั การเรยี นการ
ทางการศกึ ษา 2. แบบสัมภาษณ์ บคุ ลากรทางการศึกษาของ โรงเรียน สอน บริการการศกึ ษาอืน่ ๆ ท่ีพงึ มี
3. จดหมายข่าว/วารสาร - ประชมุ คณะกรรมการวชิ าการ อย่าง เพือ่ ส่งเสรมิ การ เรยี นร้ใู หแ้ ก่นักเรียน
รวมถงึ การพัฒนาหลกั สตู ร
4. ติดตอ่ ดว้ ยตนเอง นอ้ ยสปั ดาห์ละ 1 ครง้ั
ความคาดหวงั และขอ้ มูลอืน่ ๆ
5. บันทกึ การประชมุ ประกอบการพจิ ารณาในการจัดการ
เรยี นการสอนและบริการการศึกษา
6.สือ่ สงั คมออนไลนแ์ ละ เทคโนโลยี อนื่ ๆ ทีส่ ง่ เสริมการเรยี นรูข้ องผ้เู รยี น
บนเวบ็ ไซด์
ข้อมลู ปัจจยั ที่มผี ลต่อความสาเร็จของ
3. ศิษยเ์ ก่า 1. แบบสอบถาม 1.สารวจความเห็นและการศกึ ษาตอ่ ของ โรงเรยี นและ สภาพการแข่งขันของ
โรงเรียน
2. จดหมาย นกั เรยี นทจ่ี บการศกึ ษาในแตล่ ะปี
3. จดหมายข่าว/วารสาร การศึกษา เพือ่ นามาบรรจใุ นหลกั สูตรหรือเพือ่
พฒั นาหลกั สูตรให้สอดคลอ้ ง
4. ติดตอ่ ดว้ ยตนเอง 2. ตัวแทนสมาคมศษิ ย์เก่ารว่ ม แสดง เพ่ือเรียนรู้และนามาใช้ ประกอบใน
การกาหนดหรอื พัฒนาหลักสูตร
5. ประชมุ ศษิ ย์เกา่ /สมาคมศษิ ย์เก่า ฯ ความคิดเหน็ ต่อทศิ ทางและ การจดั การ ต่อไป

6. โทรศัพท์ เรียนการสอนของ โรงเรียนโซ่พิสัยพิทยา

7. สื่อสงั คมออนไลน์และ เทคโนโลยี คม

บนเว็บไซด์

4. ผู้ปกครอง 1. แบบสอบถาม -ประชมุ ผ้ปู กครองและเครือขา่ ย

2. จดหมาย ผ้ปู กครอง อยา่ งน้อยภาคเรยี น

3. จดหมายขา่ ว/วารสาร ละ 1 ครง้ั

4. เยยี่ มบ้านนักเรยี น - สารวจความคาดหวงั และ

5. โทรศัพท์ คาแนะนาในการจดั การหลกั สตู ร และ

6. ประชุมผปู้ กครอง ความต้องการจากโรงเรยี น ในการจัด

7. สื่อสงั คมออนไลนแ์ ละ เทคโนโลยี การศกึ ษาและระบบ ดแู ลชว่ ยเหลือ

บนเวบ็ ไซด์ นักเรียน

5. นกั เรยี นอนาคต 1. แบบสอบถาม จานวนนักเรียน กลุ่มเปา้ หมายที่เขา้

(กลมุ่ เป้าหมาย) 2. แนะแนวการเข้าศกึ ษาต่อ ศึกษาตอ่

6. กฎหมาย ระเบียบ กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคบั ที่ ทบทวนข้อกาหนดกฏเกณฑ์
ข้อบังคบั ทเี่ กย่ี วขอ้ ง เกีย่ วขอ้ ง ตา่ ง ๆ ท่เี กี่ยวขอ้ งและจาเปน็
7. หลักสตู รของสถาบัน หลักสูตรการจดั การศกึ ษา วเิ คราะห์หลกั สูตร
อนื่

34

ข. การประเมนิ ความพงึ พอใจและความผูกพันของผู้เรียนและผู้มสี ่วนไดส้ ว่ นเสยี

(Determination of Student and Stakeholder Satisfaction and Engagement)

ข (1) ความพงึ พอใจ และความผูกพนั
โรงเรียนโซพ่ สิ ยั พทิ ยาคม มวี ิธกี ารในการประเมนิ ความพึงพอใจและความผูกพนั และผู้มีสว่ นไดส้ ว่ น
เสีย โดยมกี ล่องแสดงความคดิ เห็น ชอ่ งทางผา่ นเว็บไซต์ วิธกี ารสารวจโดยใชแ้ บบสอบถาม การรับข้อรอ้ งเรียน
เพ่ือนาผลท่ีได้ไปพิจารณา ปรบั ปรุง พัฒนา ในโอกาสตอ่ ไป ความแตกตา่ งกนั ของวธิ ีการระหวา่ งผ้เู รียนทม่ี ี
ปัญหาและผมู้ ีส่วนได้สว่ นเสีย โรงเรยี นได้รับฟงั ความคิดเหน็ ของผปู้ กครองรบั ฟงั ข้อเสนอแนะคาแนะนาตา่ ง ๆ
รบั ฟงั ข้อมูลของผ้เู รยี นทมี่ ปี ญั หาเปน็ รายบคุ คลจากผู้ปกครองและแกป้ ัญหาโดยใชร้ ะบบการดูแลชว่ ยเหลอื
นักเรยี นนาสารสนเทศและขอ้ มูลป้อนกลับท่เี กีย่ วขอ้ งจากนักเรียน ผู้รับบริการและผมู้ สี ่วนได้สว่ นเสยี ทงั้ ใน
อดีต ปจั จบุ นั และอนาคตมาใชโ้ ดยนาเขา้ พิจารณาในทีป่ ระชมุ กรรมการบรหิ าร เพอื่ มาใชว้ างแผน ดา้ นการ
บรกิ าร การปรบั ปรุงพฒั นาระบบปฏบิ ตั ิงาน กระบวนการปฏบิ ัติงาน และการพฒั นาการบริการใหม่ ๆ เพ่ือให้
เกิดการมุง่ เนน้ นักเรียน ผ้รู บั บรกิ ารและผมู้ ีส่วนไดส้ ว่ นเสียให้มากยิง่ ข้ึนและเพื่อสนองตอบความต้องการ และ
สรา้ งความพึงพอใจแกผ่ รู้ บั บรกิ ารใหด้ ยี ง่ิ ขึ้น
ข (2) ความไม่พงึ พอใจเชงิ เปรียบเทยี บกบั คแู่ ขง่
โรงเรียนโซ่พสิ ัยพทิ ยาคม ใชว้ ิธีการสนทนา สอบถาม สัมภาษณ์ ในการประเมินความไมพ่ งึ พอใจ
ผู้เรยี นและผ้มู สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี และนาผลทไี่ ดไ้ ปใช้ ปรับปรงุ แกไ้ ขหลกั สูตร บริการทสี่ ง่ เสรมิ การเรียนรู้และการ
บรกิ ารการศึกษาอื่น ๆ เพ่อื ตอบสนองความต้องการ ของผู้เรียนและผมู้ สี ว่ นได้ส่วนเสยี เพ่อื ใหผ้ เู้ รียนและผูม้ ี
ส่วนไดส้ ว่ นเสียพึงพอใจต่อไป การรวบรวมข้อมลู ดงั กลา่ วนัน้ โรงเรียนมีการรวบรวมข้อมลู ทุกปกี ารศึกษา โดย
งานประกนั คุณภาพการศึกษาสามารถประเมินได้ พิจารณาจากผลท่ีรวบรวมไดก้ ับเปา้ หมายทต่ี ้องการและ
การเปรียบเทียบผลทไี่ ดใ้ นแตล่ ะปี

3.2 ความผกู พนั ของผ้เู รยี นและผมู้ สี ่วนไดส้ ว่ นเสีย (Student and Stakeholder Engagement)
ก.หลักสตู รและการสนับสนนุ ผเู้ รียนและผมู้ สี ว่ นไดเ้ สีย (Product Offerings Student and
Stakeholder Support)
ก (1) หลักสูตร
โรงเรียนโซ่พสิ ยั พิทยาคม ไดน้ านวตั กรรม SOPIT Model มาใช้ในการบรหิ ารคุณภาพด้วย
กระบวนการ P-D-C-A ในการตัดสนิ ใจเรอ่ื งระบบงาน 2 ระบบ ได้แก่ 1)ระบบการเรยี นการสอน 4
กระบวนการ คือ(1)กระบวนการพัฒนาหลักสูตร (2) กระบวนการจัดการเรียนการสอน(3)กระบวนการระบบ
ดูแลชว่ ยเหลอื นักเรยี น (4)กระบวนการพัฒนาครู และ2)ระบบสนับสนนุ 4 กระบวนการ คอื (1) กระบวนการ
จดั ทากลยทุ ธ์ (2) กระบวนการประกนั คณุ ภาพภายใน (3) กระบวนการพฒั นาแหล่งเรียนร้แู ละส่ือ ICT
(4)กระบวนการนาองค์กรสโู่ รงเรียนคณุ ภาพชนั้ นา
ซง่ึ ระบบการเรยี นการสอนที่เก่ียวข้องกบั การออกแบบหลกั สตู รน้ัน โรงเรยี นดาเนินการเน้นการมสี ่วน
ร่วมของทุกฝา่ ย โดยผ่านความเห็นชอบและกากบั ตดิ ตามจากคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพนื้ ฐาน ก่อนนา
หลกั สตู รสถานศึกษาไปใชซ้ งึ่ วธิ ีการ และกระบวนการการออกแบบ การจดั ทาข้อกาหนดท่สี าคัญของหลกั สตู ร
ไดอ้ ธิบายไว้ใน หมวด 6 ตาราง 6.1ก (1)

35

โรงเรยี นมีวิธีการสง่ เสรมิ การเรยี นรแู้ ละการสรา้ งนวตั กรรมใหส้ อดคลอ้ งกับหลกั สูตรและการบริการ

ทางการศึกษาเพือ่ ตอบสนองความต้องการ และความคาดหวงั ของนักเรียนปจั จบุ ันและนกั เรียนในอนาคต โดย

สามารถสรุปกิจกรรมตา่ งๆ ได้ดงั นี้

1. การบริการจัดการหลักสตู รท่ีเออ้ื ต่อความพร้อมและความเหมาะสมของนักเรยี น จัดโปรแกรม

การเรยี นทหี่ ลากหลายเปน็ ไปตามนโยบายของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร หลักสูตรสถานศกึ ษา หลกั สูตรท้องถ่ิน

โดยการจดั วิชาพ้ืนฐาน วิชาเพ่มิ เตมิ (ตามความสนใจของนกั เรยี น) กจิ กรรมแนะแนว กิจกรรมชมุ นุม/ชมรม

และกิจกรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์

2. การจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนของครูผูส้ อนทุกกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ทม่ี งุ่ เน้นให้นักเรียนได้ปฏบิ ตั ิ

จรงิ และเกดิ การเรียนร้ดู ้วยตนเองอย่างมปี ระสิทธภิ าพ มีการวจิ ยั ในชั้นเรยี นเพอ่ื พฒั นาและแกไ้ ขปัญหา

นกั เรียนอยา่ งตรงจดุ และมกี ารพฒั นานวัตกรรมตามหลกั สตู รท่ีกาหนด ตรงตามหลักวิชาการเพ่อื พัฒนา

การศึกษา และการให้บรกิ ารทางการศึกษา

3. การจัดกิจกรรมแนะแนวให้กับนกั เรียนปจั จุบนั เพื่อศึกษาต่อ และนกั เรียนในอนาคตทีเ่ หมาะสมกับ

ความต้องการ บริเวณโรงเรยี นในเขตพื้นท่ีบริการ เพือ่ ให้ข้อมลู ข่าวสารตอบสนองความคาดหวังของกลุม่

นกั เรยี น เพ่อื เป็นการดงึ ดูดนกั เรียนกลุ่มใหม่และการเพ่ิมสัดสว่ นการตลาดใหม้ ากข้ึน

โรงเรียนโซ่พสิ ัยพทิ ยาคมใช้วธิ กี ารประชาสมั พนั ธ์เชิงรุก โดยอาศยั ชอ่ งทางตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ เวบ็ ไซต์

โทรศัพท์ โทรสาร E-mail ป้ายประชาสัมพันธ์ วารสารโรงเรยี น เสยี งตามสาย หนังสือเชญิ หนังสอื ราชการ

และป้ายประชาสมั พันธข์ องท้องถ่ิน ในการทาให้ผู้เรยี นและผมู้ ีสว่ นไดส้ ว่ นเสยี สามารถตดิ ต่อกับโรงเรียนและ

ใหข้ ้อมลู ป้อนกลับเกี่ยวกบั หลกั สูตร/แผนการเรยี น บริการทสี่ ่งเสรมิ การเรียนรแู้ ละบรกิ ารการศึกษาอื่น ๆ และ

สนับสนนุ ผเู้ รยี นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสยี รปู แบบและกลไกการสอ่ื สารที่สาคญั ในการสนับสนุนผ้เู รยี นและผมู้ ี

สว่ นได้ส่วนเสียมีอะไรบา้ งและมคี วามแตกต่างกนั อย่างไร ระหว่างผู้เรยี นและผู้มสี ว่ นไดส้ ่วนเสยี แต่ละกลุ่ม

ก (2) การสนบั สนุนนกั เรยี นและผู้มสี ว่ นได้สว่ นเสีย (STUDENT and Stakeholder Support)

โรงเรียนโซ่พิสัยพทิ ยาคมมีบรกิ ารท่สี ่งเสริมการเรยี นรู้และบรกิ ารทางการศึกษาของโรงเรียนเพอื่

สนับสนนุ นกั เรยี น ให้ไดร้ ับการพฒั นาคณุ ภาพนักเรยี นและสนองตอบกลยุทธข์ องโรงเรยี น ดังตารางตอ่ ไปน้ี

ตารางท่ี 3.2ก(2) การจัดการศกึ ษาและบรกิ ารอื่น ที่ส่งเสรมิ การเรยี นรู้และการสนบั สนนุ นกั เรียน

ที่ การสนับสนนุ นักเรยี นและ กลุม่ เปา้ หมาย วิธกี าร ผลท่ไี ด้
ผมู้ ีสว่ นได้ส่วนเสีย

ระดับชนั้ มัธยมศึกษาตอนตน้

หลกั สตู รหอ้ งเรยี นพิเศษ จดั กจิ กรรมส่งเสริมผเู้ รยี นที่มี นกั เรยี นไดร้ บั การพัฒนาและ
ความสามารถพเิ ศษ ทกั ษะทางวขิ าการเพ่มิ พิเศษ และ
แผนการเรียนภาษาเพือ่ การส่ือสาร -นักเรียนระดบั ช้นั ด้านภาษา วิทยาศาสตร์ ได้รับการส่งเสรมิ สนับสนนุ ใหไ้ ป
มธั ยมศึกษาตอนตน้ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี นาเสนอผลงานทางวชิ ากร และ
(English for Communication :EFC) -นกั เรียนระดบั ช้ัน ศลิ ปะ ดนตรนี าฏศิลป์ กฬี า การ การแขง่ ขนั ในระดบั เขตพน้ื ทฯ่ี
มัธยมศกึ ษาตอน งานอาชพี ใหไ้ ด้รับการพฒั นา ระดับจังหวดั ระดับภาค และ
หลกั สตู รห้องเรยี นปกติ ปลาย อย่างเต็มศกั ยภาพ ระดบั ประเทศ

1)แผนการเรียนวทิ ยาศาสตร-์ คณติ ศาสตร์

2)แผนการเรียนวทิ ยาศาสตร-์ คอมพิวเตอร์

3)แผนการเรียนภาษาไทย-สงั คม

4)แผนการเรยี นทศั นศลิ ป-์ ดนตรี-นาฏศลิ ป์

5)แผนการเรยี นกฬี า-การงานอาชพี

36

ที่ การสนับสนุนนกั เรยี นและ กลมุ่ เปา้ หมาย วิธีการ ผลทีไ่ ด้
ผ้มู สี ว่ นไดส้ ่วนเสยี

1 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย
หลักสตู รห้องเรียนพิเศษ

แผนการเรียนภาษาเพอ่ื การสอื่ สาร นกั เรยี นระดบั ช้ัน จัดกจิ กรรมส่งเสริมผูเ้ รียนทีม่ ี นกั เรยี นไดร้ บั การพัฒนาและ
(English for Communication :EFC) มธั ยมศึกษาตอนต้น ความสามารถพิเศษ ทกั ษะทางวขิ าการเพิ่มพเิ ศษ และ
-นักเรียนระดบั ช้นั ด้านภาษา วิทยาศาสตร์ ไดร้ ับการสง่ เสริม สนับสนนุ ใหไ้ ป
หลกั สูตรห้องเรยี นปกติ มธั ยมศึกษาตอน คณติ ศาสตร์ และเทคโนโลยี นาเสนอผลงานทางวิชากร และ
1) แผนการเรียนวิทยาศาสตร์-คณติ ศาสตร์ ปลาย ศิลปะ ดนตรนี าฏศลิ ป์ กีฬา การ การแขง่ ขันในระดับเขตพนื้ ทฯ่ี
งานอาชพี ใหไ้ ด้รบั การพัฒนา ระดับจังหวัด ระดับภาค และ
- หอ้ งเรยี นเตรยี มแพทยพ์ ยาบาล อยา่ งเต็มศักยภาพ ระดบั ประเทศ
- หอ้ งเรยี นเตรียมวศิ วกร
- ห้องเรียนเตรียมวิทยาศาสตร-์ เทคโนโลยี
2) แผนการเรยี นภาษาไทย-สงั คม

- ห้องเรียนเตรยี มนติ ศิ าสตร์ –รฐั ศาสตร์

- ห้องเรียนเตรียมครศุ าสตร์

3) แผนการเรียนการงานอาชพี

- หอ้ งเรียนชา่ งอตุ สาหกรรม

- หอ้ งเรียนคหกรรม

หลกั สตู รเทียบเคียงโรงเรียน

มาตรฐานสากล

- IS1 วชิ าการศึกษาคน้ ควา้ และสารสนเทศ

- IS2 วิชาการสอ่ื สารและการนาเสนอ

- IS3 การนาองคค์ วามรไู้ ปบรกิ ารสงั คม

- วชิ าวทิ ยาการคานวณ /เรยี นรูแ้ บบ

โครงงาน

2 -การเสริมศักยภาพด้วยการขบั เคลื่อนปรชั ญา -ครู นกั เรยี น และ จดั กจิ กรรมโดยนาหลักปรชั ญา สรา้ งนกั เรยี นใหเ้ ปน็ ผู้มจี ิต
ของเศรษฐกิจพอเพียงสู่สถานศึกษา บคุ ลากรทางการ ของเศรษฐกจิ พอเพียงไป สาธารณะ มีนิสยั พอเพียง รู้จักการ
-โครงการธนาคารโรงเรียน เพือ่ ส่งเสรมิ การ ศึกษาโรงเรยี น ประยุกต์ใช้ในการจดั การเรยี น เก็บออม ใฝเ่ รียนรู้ และมที กั ษะ
ออม โซ่พสิ ยั พทิ ยาคม การสอน และกิจกรรมพัฒนา ชีวติ โดยจัดกจิ กรรมท่หี ลากหลาย
ผู้เรยี น ใหน้ กั เรียนไดฝ้ กึ ปฏิบัติ

3 -ระบบดแู ลช่วยเหลือนกั เรียนเรียนเปน็ - ครู นกั เรียนโรงเรยี น การเยย่ี มบ้านนกั เรยี น -ครู นักเรียนและผู้มีสว่ นได้สว่ น
การเยย่ี มบ้านนกั เรยี นเป็น โซพ่ สิ ัยพทิ ยาคม การรจู้ กั นักเรยี นเปน็ รายบุคคล เสียมคี วามผกู พันซ่ึงกันและกัน
รายบุคคล - ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย มกี ารบนั ทกึ ขอ้ มลู ของนักเรียน - ครไู ดท้ ราบปญั หาและเห็นสภาพ
แต่ละคนเพื่อสง่ เสริม ป้องกัน ความเป็นอยู่ทแี่ ท้จรงิ ของนกั เรยี น
ดูแลพัฒนาแกไ้ ขปญั หาสง่ ตอ่ แตล่ ะคน สามารถแก้ไขปัญหาได้
ตรงจดุ

4 -การพัฒนาคณุ ธรรมจรยิ ธรรมของนกั เรยี น -นกั เรยี นโรงเรยี นโซ่ จดั กิจกรรมสง่ เสรมิ คุณลักษณะ นกั เรยี นมคี ุณธรรมจรยิ ธรรมและ

โรงเรียนโซ่พิสัยพทิ ยาคม พสิ ัยพทิ ยาคม อนั พงึ ประสงคต์ ามหลกั สตู ร มี ค่านิยมที่พงึ ประสงค์ผ่านโครงการ/

-คา่ ยคณุ ธรรม จริยธรรม สาหรับนักเรยี น ม. ความเออ้ื อาทร ความกตัญญู กิจกรรมอย่างหลากหลายรูปแบบ

ต้น/ปลาย กตเวที ยอมรับความคดิ และ โดยเน้นการนาเอา หลกั ปรชั ญา

-โครงการโรงเรยี นวิถพี ทุ ธ วฒั นธรรมทแ่ี ตกตา่ ง สรา้ งความ ของเศรษฐกจิ พอเพียงมาพัฒนา

-โครงการโรงเรียนสจุ ริต ตระหนกั รู้คณุ คา่ ของ และบรหิ ารจัดการ

-หลกั สูตรตา้ นทุจรติ ศกึ ษา การอยรู่ ่วมกันรว่ มอนรุ กั ษ์ และ

-ลกู เสือกองร้อยพเิ ศษ พัฒนาคุณค่าของส่ิงแวดลอ้ ม

37

ที่ การสนบั สนนุ นกั เรยี นและ กลุ่มเป้าหมาย วธิ กี าร ผลท่ีได้
ผู้มสี ว่ นไดส้ ่วนเสีย
-กาหนดกรอบแนวคดิ และแนวทาง
5 -การส่งเสริมและพฒั นาด้านเทคโนโลยี -ครู นกั เรียน และบุคลากร จัดทาแผนพฒั นาระบบข้อมูล ในการพัฒนา ICT เพือ่ การพฒั นา
ทางการศกึ ษาโรงเรียน สารสนเทศและเทคโนโลยี คุณภาพการศึกษาของโรงเรียน
สารสนเทศ และการส่อื สารทเ่ี ออ้ื ตอ่ การ โซ่พสิ ยั พิทยาคม ทางการศึกษาในการบรหิ าร -การให้ความรว่ มมือกบั ชุมชนใน
-สมาคมผู้ปกครองและครู จัดการและการจดั การศึกษา การ ใช้ ICT ในการประชาสมั พันธ์
เรยี นรู้และการบริหารจัดการ โรงเรียนโซ่พิสยั พทิ ยาคม และการจัดการแหลง่ เรียนรู้
-เครือขา่ ยผูป้ กครอง

ก (3) การจาแนกนกั เรยี น (STUDENT Segmentation)
โรงเรยี นโซพ่ สิ ัยพทิ ยาคมใชส้ ารสนเทศเกี่ยวกบั นักเรยี น ตลาด และหลกั สูตร ในการจาแนกกล่มุ

นกั เรยี น ส่วนตลาดปัจจุบนั และตลาดอนาคต ซง่ึ กล่มุ นักเรยี นปจั จุบนั และผมู้ ีสว่ นไดส้ ว่ นเสยี ได้แก่ นักเรียน

ระดบั ชั้น มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ นักเรียนระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย นักเรียนอดตี ได้แก่ นักเรยี นท่ีจบ

การศกึ ษาช้ัน มธั ยมศึกษาปีที่ 3 และนกั เรยี นทจี่ บการศึกษามธั ยมศึกษาปีท่ี 6 นักเรียนอนาคต ไดแ้ ก่ นกั เรยี น

ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 6 นักเรียนมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 ในเขตพนื้ ท่ีและนอกเขตพ้ืนท่ีบรกิ าร ทส่ี มคั รเข้าศกึ ษาตอ่

ระดับช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 1 และนกั เรยี นช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 โดยสามารถสรุปไดต้ ามตารางท่ี 3.2ก(3) ดังนี้

ตารางท่ี 3.3 ก(3) แสดงขนั้ ตอนการจาแนกนักเรยี น

กาหนดกลุ่มเปา้ หมาย นักเรียนปัจจุบัน นกั เรียนอดตี กลมุ่ นักเรียน นกั เรยี นคแู่ ขง่
ของตลาด (P) นักเรยี นอนาคต

1. กาหนดกล่มุ เป้าหมายของ - นักเรียนระดับ - โรงเรยี นในเขตพนื้ ทบี่ ริการและนอกเขต โรงเรยี นปทมุ เทพ
ตลาด(P) ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1
- นกั เรยี นระดบั พ้นื ทีบ่ ริการ วิทยาคาร
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3
- นกั เรยี นระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1

- นักเรียนระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 3

2. ศกึ ษาความตอ้ งการ - ตอ้ งการศกึ ษาตอ่ สร้างความ - โรงเรียนไดร้ ับการยอมรบั ความตอ้ งการทางการ
ของตลาด (D) ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ผูกพัน - ตรงตามความต้องการของกลุ่ม ศกึ ษา
ระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 เปา้ หมาย

3. วเิ คราะหน์ ักเรยี นให้ ผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น - - ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น -
สอดคลอ้ งกบั หลักสูตร (C) - แผนการเรยี นท่ีผา่ นมา - แผนการเรยี นทีผ่ ่านมา -
- ความสามารถพเิ ศษ - ความสามารถพิเศษ
4. การสร้างโอกาส - ความประพฤติ - ความประพฤติ
ในการเตบิ โต (A) - จานวนนกั เรยี นในแตล่ ะ
หอ้ ง - - เพิม่ จานวนนักเรียนในแตล่ ะห้อง
- แผนการเรียนที่ตรงตาม - ขยายแผนการเรียนทต่ี รงตาม
ความตอ้ งการของนักเรยี น ความตอ้ งการของนักเรยี น

ข.การสร้างความสัมพนั ธ์กบั ผูเ้ รียนและผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสีย (Building Student and

Stakeholder Relationships)

ข (1) การสร้างความสมั พนั ธ์ (Relationship Management)
การสรา้ งและจัดการกับความสัมพนั ธท์ ่มี ีต่อนกั เรยี นใหบ้ รรลุผลสาเรจ็ โดยจดั กจิ กรรมท่เี น้นการมีส่วนร่วม
และเสรมิ สร้างความสมั พันธ์ ความรกั และความผูกพนั ของบคุ ลากรของโรงเรยี นกบั นักเรยี นและชุมชน ดงั นี้

38
1. กิจกรรมทส่ี ่งเสริมและสร้างความเข้าใจอันดขี องโรงเรยี นทีม่ ีต่อนกั เรยี นใหม่ เช่น กิจกรรมการเรียนรู้
และการเรียนปรับพ้ืนฐานของนกั เรยี นใหม่ กิจกรรมส่งเสรมิ การอา่ น กจิ กรรมปฐมนิเทศนกั เรียน
2. กิจกรรมทต่ี อบสนองความตอ้ งการและความคาดหวังของนักเรยี นในแต่ละช่วงเวลา ตามแผน
ปฏิบตั งิ านประจาปกี ารศึกษา จะกาหนดกจิ กรรมตา่ งๆ ท่สี ง่ เสรมิ สานสัมพันธอ์ ันดีกบั โรงเรียน เช่น กิจกรรม
โครงการของกลมุ่ สาระการเรยี นรตู้ ่างๆ 8 กลมุ่ สาระ และกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน
3. กิจกรรมระบบการดแู ลช่วยเหลือนกั เรยี น มีแบบแผนและข้ันตอนหลักตามหลกั วิชาการ มีคมู่ อื การ
ทางานของครูทีป่ รกึ ษา การดูแลนกั เรยี นอยา่ งใกล้ชดิ มีการกาหนดกจิ กรรมการพฒั นานักเรยี นท่ีทาใหค้ รแู ละ
นกั เรยี นมคี วามสัมพนั ธท์ ี่ดีตอ่ กัน การประสานงานรว่ มกนั กับผปู้ กครอง หน่วยงาน องค์กร ชุมชน ตลอดจนผทู้ ่ี
มคี วามเช่ียวชาญในสาขาตา่ งๆ ที่เกี่ยวขอ้ ง เพือ่ สนบั สนนุ ส่งเสริม แก้ไข พัฒนานักเรียนอยา่ งเหมาะสม
4. กจิ กรรมแนะแนวเชิงรกุ ท่ีม่งุ สูอ่ นาคตและผลสมั ฤทธ์ขิ องนักเรียนการแนะแนวตอ่ ทางการศกึ ษา การ
สอบเข้าเรียนในมหาวทิ ยาลัยท้ังของรฐั และของเอกชนได้เป็นจานวนมาก และมสี ถิตกิ ารสอบเข้าเรียนตอ่ เป็น
ประจาทกุ ปี การประกอบอาชีพ การจัดสรรเงินทุนการศึกษาใหก้ ับนกั เรียน (ดงั ภาพประกอบ ในหมวด 7)
5. กิจกรรมการสรา้ งความสัมพนั ธก์ ับนกั เรียน ผปู้ กครอง และชมุ ชน เชน่ การประชมุ ผปู้ กครอง
นักเรยี นภาคเรียนละ 1 ครงั้ การประชุมเครือขา่ ยผ้ปู กครองนกั เรียน การเยยี่ มบา้ นนกั เรียนเปน็ ต้น ซึ่งแต่ละ
กจิ กรรมเน้นการสร้างความสัมพันธ์อนั ดีระหว่างโรงเรียนกับนกั เรียนทาให้ทราบถงึ ความต้องการและสภาพ
ปญั หา ในการทจ่ี ะสนบั สนุน สง่ เสริม พฒั นา และแกไ้ ขไดอ้ ย่างเหมาะสมสรปุ ดังภาพประกอบท่ี 3.2ข(1)

ภาพประกอบที่ 3.2ข(1) กระบวนการสรา้ งความสมั พนั ธ์กับผูเ้ รยี นและผมู้ ีส่วนได้สว่ นเสยี
จากภาพประกอบที่ 3.2ข(1) แสดงให้เห็นวา่ โรงเรียนโซ่พิสัยพิทยาคมมีกระบวนการสร้างความสมั พันธ์กบั
ผู้เรียนและผมู้ ีสว่ นได้สว่ นเสีย โดยมกี ารรวบรวมข้อมูล เพอื่ ใหไ้ ดข้ ้อมูลสารสนเทศทสี่ ามารถนาไปปฏบิ ัตไิ ด้ มี

39
วิธีการทเี่ หมาะสมในการสรา้ งความสมั พันธ์กับผ้เู รยี นและผู้มีส่วนไดส้ ว่ นเสีย มกี ารดาเนนิ การอย่างเป็นระบบ
และมีประสทิ ธิภาพ

ข (2) การจัดการกบั ขอ้ ร้องเรียน (Complaint Management)
โรงเรยี นโซ่พสิ ัยพทิ ยาคมมีวธิ กี ารในการจัดการกับข้อรอ้ งเรียนท่ีได้รบั อย่างมปี ระสิทธภิ าพ และ
ทนั ทว่ งที สง่ ผลตอ่ ความเชอ่ื มั่นของนักเรียน ผู้ปกครอง ศษิ ย์เกา่ และผู้รับนักเรยี นเพอื่ ไปศกึ ษาต่อรวมท้ัง
เสรมิ สรา้ งความพึงพอใจและความผกู พนั มีการรับฟงั ความคดิ เห็น ข้อร้องเรยี น ขอ้ เสนอแนะ และชี้แจงแก้ไข
ปญั หาโดยตรงในทนั ที กรณปี ัญหาซับซอ้ นและเก่ียวขอ้ งกบั บคุ คลอ่ืนๆ ซึ่งจาเป็นต้องมีการสบื สวน สอบสวน
หาข้อเทจ็ จรงิ กจ็ ะดาเนินตามข้ันตอนวิธีการท่ีโรงเรยี นกาหนดอยา่ งเรง่ ด่วน โดยฝ่ายกิจการนักเรียนจะ
ประสานความร่วมมอื กบั ผทู้ เ่ี กยี่ วขอ้ งทกุ ฝา่ ยอยา่ งเปน็ ระบบท้ังนี้เพ่อื เสรมิ สร้างความพงึ พอใจ และความ
ผกู พนั ใหเ้ กิดข้ึนกบั นักเรยี นและผ้มู สี ่วนได้สว่ นเสียโดยใชก้ ารส่อื สาร 2 ทาง ดังนี้
1. ทางตรง ผ้นู าระดับสงู ของโรงเรียนจะเชญิ ผ้รู ้องเรียนมาพบเป็นการสว่ นตวั และชี้แจงข้อร้องเรยี น
โดยละเอยี ด ชดั เจน และโปรง่ ใส มีข้อมลู รองรบั ที่ถูกต้อง และหาแนวทางแกไ้ ขรว่ มกนั
2. ทางอ้อม กลมุ่ บรหิ ารงานตา่ งๆ รวบรวมขอ้ ร้องเรียนจากชอ่ งทางตา่ งๆ เช่น Facebook, Line, E-
mailจดหมาย, โทรศพั ท์, โทรสาร, กล่องรับฟังความคดิ เห็น, การประชมุ ต่างๆ เชน่ ประชมุ ผ้ปู กครองนักเรียน
ประชุมเครอื ขา่ ยผู้ปกครองนักเรยี น สรุปและนาเขา้ ทปี่ ระชมุ บรหิ ารเพือ่ หาแนวทางปรบั ปรงุ แกไ้ ข และแจง้ ผล
ให้ผรู้ อ้ งเรยี นทราบต่อไป สรุปเป็นภาพประกอบที่ 3.2ข(2) ดังตอ่ ไปน้ี

ภาพประกอบท่ี 3.2ข(2) กระบวนการจัดการขอ้ รอ้ งเรยี น

40

ในการจดั การข้อร้องเรยี นนั้น ผนู้ าระดับสูงของโรงเรยี นได้มอบหมายให้รองผูอ้ านวยการฝ่ายกจิ การ
นักเรียน ดาเนินการส่อื สาร ช้ีแจงให้ทกุ ฝา่ ยรับทราบทางการประชมุ ผปู้ กครองนักเรียน มกี ารจัดทาวารสาร
เผยแพร่มกี ารประชาสัมพนั ธบ์ นเว็บไซด์ของโรงเรียนอยา่ งท่ัวถึง โดยสามารถอธบิ ายข้ันตอนตามภาพประกอบ
ท่ี 3.2ข(2) ได้ดังนี้

1. กาหนดชอ่ งทางในการรบั ข้อรอ้ งเรียน/ขอ้ สงสยั เชน่ เขียนชอื่ เรือ่ งตามแบบฟอรม์ มกี ล่องรับฟงั
ความคิดเห็น มเี วบ็ บอรด์ รบั ทราบจากการโทรศพั ท์ E-mail จดหมาย และรบั ทราบด้วยวาจา เสียงบ่น ขา่ วลือ
เป็นตน้

2. จาแนกข้อรอ้ งเรียน/ขอ้ สงสัยแต่ละประเภท ตามระดบั ความสาคญั ความจาเปน็ เรง่ ดว่ น
3. รายงานผู้นาระดับสงู ของโรงเรยี นใหร้ ับทราบ
4. ประชมุ ปรึกษาเพอื่ ศึกษาวิเคราะห์ข้อรอ้ งเรยี น/ข้อสงสัย ตรวจสอบหาสาเหตแุ ละแนวทางแก้ไข
5. กรณีท่ขี อ้ ร้องเรยี นตอ้ งแก้ไขโดยอาศยั กฎ ระเบยี บ โรงเรยี นจะสง่ เรอ่ื งไปให้คณะกรรมการของ
สานกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษาไดด้ าเนนิ การตอ่ ไป
6. กาหนดระยะเวลาตอบกลับแกผ่ ู้รอ้ งเรยี นในแต่ละชว่ งของการรับข้อรอ้ งเรยี น/ข้อสงสัย
7. ดาเนนิ การแกไ้ ข โดยต้องมกี ารติดตามผล และบันทึกผลเป็นระยะ หากไมส่ ามารถแก้ไขปัญหาตาม
ข้อร้องเรยี น/ขอ้ สงสยั ได้ จะต้องมีการส่งข้อมูลยอ้ นกลับเพ่อื วเิ คราะหข์ ้อรอ้ งเรียน/ข้อสงสัยอีกครั้งทง้ั นี้บุคลากร
ทกุ คนในโรงเรียนมีหน้าท่ีรบั ฟังขอ้ ร้องเรียนผ่านช่องทางตา่ งๆ โดยใชค้ มู่ ือการแกไ้ ขปัญหาซงึ่ บคุ ลากรทุกระดบั
มีอานาจแก้ไขปัญหาได้ทนั ที ปัญหาทจี่ าเป็นเรง่ ด่วนจะตอ้ งรายงานใหผ้ ้นู าระดบั สงู ของโรงเรยี นทราบทนั ที ซึ่ง
ฝ่ายบรหิ ารจะจดั ประชุมอยา่ งเร่งดว่ นทีส่ ุด มีการติดตามอย่างใกล้ชดิ โดยฝ่ายกิจการนกั เรยี นหัวหน้างานระบบ
การดูแลช่วยเหลอื นกั เรียน และหวั หนา้ งานทีเ่ กี่ยวข้องรวบรวมวเิ คราะหข์ อ้ รอ้ งเรยี นรายงานฝา่ ยบริหารทกุ ภาค
เรยี น ฝ่ายบริหารจะจดั ประชมุ เพือ่ จัดทาโครงการพฒั นาคณุ ภาพ สง่ ผลให้เกดิ โครงการพฒั นาจานวนมาก
นกั เรยี นและผูม้ ีสว่ นไดส้ ว่ นเสยี มคี วามพงึ พอใจต่อกระบวนการแกไ้ ขปัญหาเพมิ่ ข้ึน โรงเรยี นได้ทบทวน
กระบวนการการแกไ้ ขข้อรอ้ งเรยี นทกุ ปี ผา่ นระบบประกนั คณุ ภาพภายใน ส่งผลใหเ้ กิดการพฒั นาข้ึนในองค์กร

หมวด 4
การวัด การวิเคราะห์ และการจดั การความรู้

(Measurement, Analysis and Knowledge Management)

เพอื่ ให้บรรลุ วิสยั ทศั น์ พนั ธกิจ และเปา้ ประสงค์ โรงเรยี นโซพ่ ิสัยพทิ ยาคมไดก้ าหนดระบบการวดั การ
วิเคราะห์และการจัดการความรู้ โดยการกาหนดตัววัดทส่ี าคัญ กาหนดเกณฑก์ ารวดั สร้างและตรวจสอบเครื่องมอื
การวดั และทบทวน ดาเนนิ การวัดตามเกณฑท์ ีก่ าหนด เก็บเป็นข้อมูลสารสนเทศรายปี นาไปเทยี บเคียงกับ
โรงเรียนคู่แขง่ มกี ารแลกเปลยี่ นเรยี นรู้ และประเมินผล นาผลประเมินที่ไดแ้ ละวิธกี ารที่ใชแ้ ล้วเกิดผลดี เก็บเปน็
ฐานข้อมลู สารสนเทศ (KM) เพอ่ื ใช้ในการตดั สนิ ใจจดั ทาแผนปฏบิ ตั ิการประจาปี เพื่อปรับปรุงและพัฒนาในปี
ต่อ ๆ ไป ดังภาพประกอบ 4(1)

กาหนดตัววัดท่สี าคัญของโรงเรียนท่สี อดคลอ้ งกับหมวด 1-6

กาหนดเกณฑ์การวัดตวั วัด

สรา้ งเครอื่ งมอื วิเคราะหแ์ ละทบทวน ปรบั ปรงุ
ตรวจสอบเคร่ืองมอื วัด ไมผ่ า่ น

ดาเนินการวัดตามเกณฑท์ กี่ าหนด
นาเสนอเป็นสารสนเทศรายปี

เทยี บโรงเรยี นปทมุ เทพวทิ ยาคาร

แลกเปลย่ี นเรยี นรู้

ไมผ่ ่าน ประเมนิ ผลลัพธ์ ผา่ น
นาเสนอผลลัพธ์

ภาพประกอบ 4(1) แสดงระบบการวัด การวิเคราะห์ และการจดั การความรู้
4.1 การวัด การวเิ คราะห์และการปรบั ปรุงผลการดาเนินการของโรงเรียน (Measurement, Analysis

and Improvement of Organization Performance)

ก. การวัดผลการดาเนินการ (PERFORMANCE MEASUREMENT)
ก (1) ตัววัดผลการดาเนนิ การ (PERFORMANCE MEASURE)
โรงเรียนดาเนนิ การเลอื กและรวบรวมตัววดั สาคัญจากแผนกลยทุ ธ์ 5 กลยทุ ธ์ วตั ถุประสงค์เชงิ กลยุทธ์
จานวน 16 ข้อ ไดเ้ ลอื กตวั วัดสาคัญ 6 ตัววัด ดังนี้ 1) เพื่อพัฒนาหลักสูตรและการจัดการเรียนร้ไู ด้มาตรฐานสากล

2) เพื่อส่งเสริมผูเ้ รียนให้เปน็ พลโลกและมคี วามเปน็ เลิศทางวิชาการ 3)เพอ่ื พัฒนาครูและบคุ ลากรให้เป็นมอื อาชพี
พรอ้ มรบั การเปลีย่ นแปลง4) เพ่ือพัฒนาสภาพแวดลอ้ มให้เอ้อื ตอ่ การจัดการเรียนรู้5)เพอื่ บรหิ ารงานโดยมุง่ การมี
สว่ นร่วมในการบริหารจดั การศกึ ษาจากองค์กรหลกั และชุมชน6) เพ่ือใหผ้ ูเ้ รยี นมีสขุ ภาพดี มีคณุ ธรรมตามแนวทาง


Click to View FlipBook Version