The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

1=รายงานOBECQA-Sopit 2565 (ฉบับสมบูรณ์)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by junyasreemungkala, 2022-08-25 22:29:44

1=รายงานOBECQA-Sopit 2565 (ฉบับสมบูรณ์)

1=รายงานOBECQA-Sopit 2565 (ฉบับสมบูรณ์)

42

ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ดังแสดงในตาราง 2.1 ก ตวั วัดผลการดาเนนิ การ โรงเรยี นไดก้ าหนดแนวทางหรอื
ตวั วดั ผลการดาเนินการของโรงเรยี น โดยคานงึ ถึงประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธิผลของการดาเนินงานในเชงิ ระบบ ท้ัง

กระบวนการและผลลัพธ์ท่ีสอดคลอ้ งกบั วัตถปุ ระสงคต์ ามตวั ชว้ี ดั ตามแผนปฏิบัติงานของโรงเรียนและสอดคล้อง
กับทิศทางการจัดการศึกษาของโรงเรยี น 6 ด้าน ดงั น้ี

1) ด้านการนาองคก์ ร โดยพัฒนาคุณภาพการศึกษาใหเ้ ป็นไปตามวิสยั ทศั น์ พนั ธกิจและ
เปา้ ประสงค์ กาหนดตัววัดตามเปา้ ประสงค์เพือ่ ตรวจสอบผ้นู าองคก์ รสามารถบริหารจัดการบรรลเุ ป้าประสงค์

หรือไม่ รวมทัง้ กาหนดตวั วัดในการกากับดูแลองค์กรและการสนบั สนุนชมุ ชนในวงกวา้ ง การใชง้ บประมาณและ

การให้บรกิ ารสามารถตรวจสอบได้ กาหนดกจิ กรรม/โครงการ ตามแผนการดาเนนิ งานให้สอดคล้องกบั กลยทุ ธ์

โดยเจา้ หน้าที่การเงนิ รายงานตอ่ ผบู้ รหิ ารประจาวัน ควบคมุ การบริหารจัดการด้านการเงินตามกฎข้อบังคับ

2) ด้านกลยทุ ธ์ โดยพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาให้บรรลวุ ตั ถปุ ระสงคเ์ ชงิ กลยุทธ์ กาหนดตวั วัดผลทจ่ี ะ
ประเมนิ วตั ถปุ ระสงค์เชงิ กลยุทธ์ ดังแสดงในหมวด2 ตาราง 2.1 และการดาเนินงานโครงการตามแผนปฏบิ ตั กิ าร
ประจาปี ประเมนิ ความกา้ วหนา้ เทียบกับเปา้ หมาย 3 ปีการศึกษาในแตล่ ะกลยุทธ์ประกอบด้วย 5 กลยทุ ธด์ ัง

แสดงในหมวด 2 ตาราง 2.2 และตวั ชว้ี ดั สาคญั แสดงในหมวด 2 ตาราง 2.3

3) ดา้ นนกั เรยี นและผู้มสี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี โดยพัฒนาคุณภาพการศกึ ษาให้เป็นไปตามมาตรฐาน
ดา้ นผ้เู รียน กาหนดตวั วดั ผลที่จะวดั ความรู้ ทกั ษะความสามารถ คณุ ลกั ษณะของผู้เรียน สมรรถนะผ้เู รยี น ตลอด

ท้ังผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน ผลสอบระดบั ชาต(ิ O-NET) เปรยี บเทียบ 3 ปกี ารศึกษา โดยเทียบเคียงกับโรงเรยี น ปทุม

เทพวทิ ยาคาร ซ่ึงเป็นโรงเรียนคูพ่ ฒั นา ดงั ภาพประกอบที่ 7.1ก-13

4) ดา้ นบคุ ลากร โดยพฒั นาศักยภาพครแู ละบุคลากรทางการศึกษา ใหไ้ ด้มาตรฐานวชิ าชีพและ
มาตรฐานสากล กาหนดตัววัดการปฏิบตั ิงานของบคุ ลากร การพัฒนาบุคลากร ความกา้ วหนา้ ในวิชาชีพ

5) ด้านการปฏบิ ัตงิ าน โดยการกาหนดตวั วัดท่สี าคัญจากวัตถปุ ระสงค์เชิงกลยทุ ธ์ 16 ข้อได้ตวั วัด
สาคญั จานวน 6 ตัววัด ดงั นี้ 1) เพอื่ พัฒนาหลกั สตู รและการจัดการเรยี นรูไ้ ดม้ าตรฐานสากล2) เพอ่ื ส่งเสริมผู้เรียน
ให้เปน็ พลโลกและมีความเป็นเลิศทางวิชาการ 3)เพื่อพัฒนาครูและบคุ ลากรให้เป็นมืออาชีพ พร้อมรบั การ
เปล่ียนแปลง4) เพื่อพัฒนาสภาพแวดลอ้ มใหเ้ อื้อตอ่ การจัดการเรียนรู้5)เพอื่ บรหิ ารงานโดยมงุ่ การมสี ่วนร่วมในการ
บริหารจดั การศกึ ษาจากองคก์ รหลักและชุมชน6) เพื่อใหผ้ ้เู รียนมีสุขภาพดี มคี ณุ ธรรมตามแนวทางปรชั ญาของ
เศรษฐกิจพอเพียง โรงเรียนพฒั นาคุณภาพการศึกษาใหส้ อดคล้องดา้ นการม่งุ เน้นการดาเนนิ การ ระบบงาน 2
ระบบ ได้แก่ 1)ระบบการเรยี นการสอน 4 กระบวนการ คอื (1)กระบวนการพัฒนาหลักสูตร (2) กระบวนการจดั การ
เรียนการสอน(3)กระบวนการระบบดูแลชว่ ยเหลือนกั เรียน (4)กระบวนการพฒั นาครู และ2)ระบบสนับสนนุ 4
กระบวนการ คือ (1) กระบวนการจดั ทากลยุทธ์ (2) กระบวนการประกนั คุณภาพภายใน (3) กระบวนการพัฒนา
แหลง่ เรยี นรู้และสอ่ื ICT (4)กระบวนการนาองคก์ รส่โู รงเรียนคณุ ภาพช้ันนา ประเมินการปฏบิ ตั งิ านของบุคลากร
ตามข้นั ตอนของระบบอย่างสมา่ เสมอ เปรยี บเทยี บ 3 ปกี ารศึกษา เพื่อตรวจสอบการพฒั นาระบบงานและ
กระบวนการทางาน

6) ด้านความม่นั คงทางการเงนิ ไดท้ บทวนตามกิจกรรม/โครงการ ตามแผนการดาเนนิ งานให้
สอดคลอ้ งกับแผนปฏบิ ัติการประจาปกี ารศึกษา (พฤษภาคม - เมษายน) และปีงบประมาณ (ตุลาคม -กันยายน)

43

ควบคมุ การบริหารจดั การดา้ นงบประมาณการเงนิ ตามกฎระเบยี บข้อบงั คับของหน่วยงานตน้ สังกัด โดยมีระบบ
กากับ ตดิ ตาม และตรวจสอบจากหน่วยงานทง้ั ภายในและภายนอก

ก(2) ขอ้ มลู เชงิ เปรยี บเทยี บ (Comparative Data)
ในการดาเนินการโรงเรียนมีครูผู้รับผดิ ชอบงานแผนของกลุ่มสาระการเรียนรู้ กลมุ่ งานและกลมุ่ บรหิ าร

เกบ็ รวบรวมข้อมูลผลการดาเนนิ การ โครงการกิจกรรม และผลการใช้งบประมาณ ความพึงพอใจของนักเรยี น
ครู และผู้เกย่ี วขอ้ ง ขอ้ มลู ทรัพยากรบคุ คล ข้อมลู จากผลการวิจัยทเ่ี กยี่ วข้องและข้อมลู จากการทา Benchmarking
โรงเรยี นใชข้ ้อมลู เปรียบเทยี บกบั โรงเรียนปทมุ เทพวิทยาคารซึ่งเปน็ โรงเรยี นคแู่ ข่งโดยใช้ผลการทดสอบทาง
การศึกษาขัน้ พืน้ ฐานระดบั ชาติ (O-NET) ส่งไปยังหน่วยงานทเี่ กย่ี วขอ้ ง งานแผนงาน งานสารสนเทศของโรงเรียน
โดยข้อมูลต่างๆ ท่ีจัดเกบ็ จะตอบสนองกลยทุ ธข์ องโรงเรียน การรวบรวมสารสนเทศได้นาระบบกระบวนการจัดการ
ข้อมลู สารสนเทศ มาใช้ประกอบในการวเิ คราะหข์ อ้ มูล การสนบั สนุนแผนกลยุทธข์ องโรงเรียนให้พฒั นาขนึ้
เพื่อตอบสนองความต้องการได้ รวดเร็วในการใชข้ ้อมูลของผู้บริหารและหน่วยงานทเ่ี ก่ยี วขอ้ งดงั ภาพประกอบ 4.1ก(2)

หลกั สูตรสถานศึกษา กระบวนการเลอื กและใช้ข้อมลู เชงิ เปรยี บเทยี บ
ผลการแขง่ ขันระดบั ชาติ
ผลการสอบเขา้ ศกึ ษาต่อในระดับอดุ มศึกษา วิเคราะหข์ อ้ มูลสารสนเทศโรงเรียนปทมุ เทพวิทยาคาร
กระตุ้นและสร้างแรงผลกั ดัน เพ่ิมจุดแขง็

สารสนเทศเทยี บเคยี ง

อัตราการเข้าสมคั รศึกษาต่อ ม.1 และ ม.4 เปรียบเทยี บโรงเรียนปทุมเทพวทิ ยาคาร

ผลการทดสอบทางการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน คณะกรรมการ ไม่ผ่าน
ระดับชาติ บริหารพิจารณา

ผา่ น

ประกาศโรงเรียนคเู่ ปรยี บเทยี บ/จดุ แขง็ ของโรงเรียน

ภาพประกอบ 4.1ก(2) แสดงระบบการเลอื กและใชข้ อ้ มลู เชิงเปรยี บเทียบ

ก(3) ขอ้ มูลนักเรียนและผู้มสี ่วนไดเ้ สยี ( STUDENT and STAKEHOLDER Data ) โรงเรยี น
โซ่พสิ ยั พทิ ยาคม มีความตระหนักถึงความสาคัญของข้อมลู สารสนเทศ ว่ามสี ่วนสาคญั ตอ่ การวัดผลการ
ดาเนนิ การ การเกบ็ ข้อมลู ใหส้ อดคล้องกับกลยทุ ธข์ องโรงเรียน

วางแผนสารวจความพงึ พอใจ จดั เก็บขอ้ มลู
ของครู นักเรยี น ผู้ปกครอง ให้สอดคลอ้ งกบั กลยทุ ธ์
องค์กรหลักของโรงเรยี น
ของโรงเรยี น

ปรบั ปรุงระบบการวัดผล นามาวิเคราะห์ วางแผน
และรายงานผลการ กลยทุ ธ์/แผนปฏบิ ัตกิ าร

ดาเนินการสร้างนวตั กรรม

ภาพประกอบ 4.1ก(3) แสดงการเลือกและใช้ขอ้ มูลนักเรียนและผู้มีส่วนไดเ้ สีย

44

โรงเรยี นมีการวิเคราะห์ SWOT การสารวจความพึงพอใจของครู นักเรียน ผปู้ กครอง ผเู้ ก่ยี วข้อง และ
องคก์ รหลกั ของโรงเรยี น และมกี ารประเมินภายในปลี ะ 1 คร้งั ประเมินภายนอก 5 ปีตอ่ คร้ัง ตวั ชว้ี ัดใช้เกณฑจ์ าก
กลยุทธข์ องโรงเรยี นเป็นตัววัด โดยมีการปรบั ปรุงระบบการวัดผล การรายงานผลการดาเนินการ มผี รู้ บั ผิดชอบ
ในการติดตามและรายงานผล มีวธิ กี ารเลอื กและสร้างความมนั่ ใจและเชอื่ มั่น มกี ารจัดเกบ็ ข้อมูลสารสนเทศของ
นกั เรียนและผมู้ ีสว่ นได้ส่วนเสยี อย่างเปน็ ระบบ ทงั้ ในรปู เอกสารและบนเว็ปไซต์ของโรงเรยี น สามารถนาข้อมูลท่ี
จดั เก็บไว้มาวเิ คราะห์วางแผนกลยุทธ์ระยะ 3 ปี และแผนปฏิบตั ิการประจาปี รวมทง้ั ใชเ้ ปน็ ข้อมลู ในการตัดสนิ ใจ
สร้างนวตั กรรมใหมอ่ ย่างมปี ระสิทธิภาพและประสทิ ธิผล

ก(4) ความคลอ่ งตัวของการวัดผล (Measurment Agility)

วางแผนประชุมคณะกรรมการ จดั เกบ็ ข้อมูลเปน็ สารสนเทศ
บริหารกลุม่ สาระ หลายรปู แบบเพ่ือรองรบั

คณะกรรมการดาเนนิ งาน ความเปล่ยี นแปลง

ติดตามความก้าวหนา้ ในการ มีการประเมนิ ผลก่อน/ขณะ
บรหิ ารงานภายในองคก์ รใหท้ ันตอ่ ปฏิบตั ิงาน/หลงั ปฏบิ ตั งิ าน
ประเมนิ แผนงานโครงการ
ความต้องการ
ภาคเรียนละ 1 คร้ัง

ภาพประกอบ 4.1ก(4) แสดงกระบวนการทาให้ระบบวัดผลเออ้ื ใหเ้ กิดความคล่องตวั ขององค์กร

โรงเรียนจัดระบบวัดผลให้สามารถตอบสนองตอ่ ความต้องการและการเปล่ียนแปลงที่รวดเรว็ โดยวธิ กี าร
ประเมินแผนงาน โครงการ ปีละ 1 ครง้ั มกี ารสอบถามความพึงพอใจของผูร้ บั บรกิ าร หลังจากการปฏิบัตงิ านเสรจ็
สิ้น มกี ารประชุมคณะกรรมการแตล่ ะคณะ ได้แก่ คณะกรรมการสถานศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน คณะครแู ตล่ ะกลมุ่ สาระฯ
คณะกรรมการวชิ าการเดือนละ 2 ครงั้ คณะกรรมการฝา่ ยบรหิ ารสัปดาห์ละ 1 ครงั้ เพ่อื ติดตามความกา้ วหน้าใน
การบรหิ ารงานภายในองคก์ รใหท้ ันต่อความตอ้ งการและทิศทางของการศึกษาและการบรกิ ารอยเู่ สมอ ซึง่ การ
วัดผลดังกลา่ วได้มาจากข้อเสนอแนะและข้อคดิ เห็นของนักเรยี น ผปู้ กครอง ครู และผมู้ ีสว่ นเก่ยี วขอ้ งทกุ ฝา่ ย
รวมทง้ั นโยบายของกระทรวงศึกษาธกิ าร และสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน ตลอดจนโรงเรยี น ได้
มีการนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเขา้ มาใช้ในการวดั ผล มีการจัดเกบ็ ขอ้ มูลเกีย่ วกับพฤติกรรมการมาโรงเรียน
และข้อมูลผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนดว้ ยระบบ SGS school และระบบ School ICT สามารถประมวลผลเป็นสารสนเทศ
นามาใชใ้ นการพฒั นานักเรียน เปน็ รายบคุ คลเป็นระดับชั้น ระดบั โรงเรียน นอกจากนี้ยังมีการใช้ระบบอินเทอร์เนต็
และอนิ ทราเนต็ ในการเชอ่ื มโยงด้วยเครอื่ งแมข่ า่ ย ซง่ึ สามารถสง่ ผ่านขอ้ มูลของทุกกลุ่มสาระฯ ไปยังระบบ
ส่วนกลาง และนักเรียนสามารถตรวจสอบขอ้ มูลผลการเรียนรายบุคคล

ข การวิเคราะหแ์ ละทบทวนผลการดาเนนิ การ (PERFORMANCE ANALYSIS and Review)
โรงเรยี นโซพ่ ิสัยพิทยาคม มีการวเิ คราะห์และทบทวนผลการดาเนินการ โดยการรวบรวมขอ้ มลู และ

สารสนเทศ เพอ่ื ใหก้ ารแก้ปัญหาและการให้บริการทางการศึกษาตอบสนองความต้องการของนกั เรยี น ผปู้ กครอง
และผ้เู ก่ียวข้องอย่างมปี ระสิทธภิ าพและประสทิ ธิผล เรอ่ื งตา่ งๆ ท่ีมกี ารวิเคราะห์ ไดแ้ ก่ ผลการปฏบิ ตั งิ านบรรลุ
เปา้ หมายตามตัวชี้วดั ความสาเร็จ มีการวเิ คราะห์เปรยี บเทยี บการดาเนินการกับเป้าหมาย ตามระยะเวลาที่
กาหนด ในกรณตี วั ชีว้ ดั ใดวิเคราะหเ์ บื้องตน้ แลว้ พบวา่ ผลการดาเนินการไม่เป็นไปตามเป้าหมาย จะมีการวิเคราะห์
สาเหตุ ปัญหาและกาหนดแนวทางแก้ไข ผลการทดสอบและผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพ้ืนฐาน
ของนักเรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 และ 6 ผลการใช้จ่ายงบประมาณของกลมุ่ สาระการเรียนรู้ กล่มุ งานต่างๆ ผล
การปฏิบัติงานบุคลากรที่เหมาะสมกบั งาน รวมถงึ ความพึงพอใจของผ้รู บั บรกิ าร

45

ผลการวิเคราะห์การดาเนนิ งานมีการสอ่ื สารในการประชมุ วชิ าการ การประชมุ คณะกรรมการบริหาร การ
ประชุมครู โดยกล่มุ สาระการเรียนรู้ กล่มุ งาน เปน็ ผู้รบั ผดิ ชอบทจี่ ะนาขอ้ มูลและสารสนเทศไปใช้ประกอบการ
ปฏิบัติงาน แยกตามภารกิจความรบั ผิดชอบของงาน มีการส่ือสารแบบ 2 ทาง คอื การสอื่ สารโดยตรงกบั บุคลากร
ทเี่ ก่ยี วขอ้ ง ดว้ ยวาจาในที่ประชุม หรอื เปน็ เอกสารและสรุปผลการปฏบิ ตั งิ านประจาปี เมอ่ื สิน้ ปีการศึกษา

ค การปรับปรุงผลการดาเนนิ การ (PERFORMANCE Improvement)
ค(1) การแลกเปล่ยี นเรียนร้แู ละวธิ ปี ฏิบตั ทิ เ่ี ป็นเลศิ (Best Practices)

โรงเรียนได้ใช้นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ สานกั คณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน สานกั งาน
เขตพื้นที่การศกึ ษามัธยมศกึ ษาเขต 21 นโยบายโรงเรียน มติที่ประชมุ รายงานการวจิ ัย และภารกจิ หลักขององค์กร
เป็นวิธใี นการจดั ลาดบั ความสาคัญโดยมกี ารสือ่ สารแลกเปล่ยี นเรยี นรู้ ตงั้ แต่ฝ่ายบรหิ ารโรงเรียนลงมาสู่ ครู และ
บุคลากรในการถา่ ยทอดบทเรยี นในการปฏบิ ัตทิ ่ีเป็นเลิศ ผ่านการประชุมต่างๆ การถา่ ยทอดความรู้ข้ามองค์กร
ส่งเสริมใหบ้ ุคลากรเข้ารบั การอบรมเปน็ ประจาอย่างสม่าเสมอท้งั ในหนว่ ยงานและจากองคก์ รภายนอก

โรงเรียนจัดทาโครงการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนในแผนปฏิบัตกิ ารของโรงเรยี น มกี ิจกรรมท่ี
เกี่ยวข้องกับระบบการดูแลชว่ ยเหลือนักเรียน การเสริมสร้างทกั ษะชวี ติ และการคมุ้ ครองนักเรียน นอกจากน้ีได้
ขอ้ คิดเหน็ และข้อเสนอแนะจากนกั เรียน ผปู้ กครอง ครู ผเู้ ก่ียวข้อง และองค์กรหลกั ของโรงเรยี นมาปรับปรงุ และ
พฒั นางานเป็นประจา สง่ ผลใหร้ ะบบการดแู ลชว่ ยเหลือนักเรียนของโรงเรยี นได้รับการยอมรับเปน็ Best Practice
ของโรงเรยี น แสดงกระบวนการแลกเปลยี่ นเรยี นรู้วิธปี ฏิบัตทิ ่ีเปน็ เลศิ ดงั ภาพประกอบ 4.1ค(1)

ภาพประกอบ 4.1ค(1)แสดงกระบวนการแลกเปลีย่ นเรียนรวู้ ิธปี ฏบิ ัติท่เี ปน็ เลิศ
ค(2) ผลการดาเนนิ การในอนาคต (Future PERFORMANCE)

ในการกาหนดผลการดาเนินการในอนาคต โรงเรียนใช้ผลการดาเนินงานในรอบปีการศึกษาทผี่ า่ นมา
เป็นเกณฑใ์ นการดาเนินงานในปีการศกึ ษาถดั ไป มกี ระบวนการพิจารณา ดังภาพประกอบ 4.5

กาหนดเกณฑ์ ผลลัพธ์การดาเนินการ

รวบรวมสารสนเทศของโรงเรียน

วเิ คราะห์แนวโนม้ ของผลการปฏบิ ตั ิงานเพอื่ กาหนดค่าคาดการณ์

นาเสนอเพ่อื พจิ ารณา ไม่ผ่าน
อนมุ ัติ ผา่ น

นาส่กู ารปฏิบผตั ่าิ น

ภาพประกอบ 4.1ค(2) แสดงกระบวนการคาดการณ์ ผลการดาเนินการในอนาคต

46

โรงเรียนใชผ้ ลการดาเนนิ งานในรอบปกี ารศกึ ษาที่ผา่ นมาเปน็ เกณฑ์ในการดาเนินงานในปีการศึกษาถัดไป
โดยกาหนดนโยบายว่า ผลการสอบระดับชาตแิ ละผลการแข่งขันงานศิลปหัตถกรรมที่นักเรยี นได้ไปถึงระดบั ภาค
และระดบั ชาติในปถี ัดไปจะสูงกวา่ ปีทผ่ี ่านมาและสูงกวา่ โรงเรยี นค่แู ขง่ คือโรงเรียนปทุมเทพวทิ ยาคาร มกี ารทา
บนั ทึกขอ้ ตกลงความร่วมมือกบั คณะครู เพ่อื ยกระดบั คุณภาพการศกึ ษาม่งุ สู่วิสยั ทศั น์ พันธกจิ เป้าประสงค์ของ
โรงเรยี นซึ่งมุง่ เนน้ ความเป็นเลิศทางด้านวชิ าการ และผลการดาเนินงานมแี นวโนม้ สูงขึ้นจากปีทผี่ ่านมา โรงเรียนมี
การคาดการณผ์ ลการดาเนินงานตามกรอบระยะเวลาทั้งระยะสน้ั และระยะยาวหากไม่เป็นไปตามแผนกลยทุ ธ์
แผนปฏิบัติการ เชน่ ได้รบั นโยบายใหท้ าโครงการเรง่ ดว่ นซ่งึ ไม่อยใู่ นแผนปฏบิ ตั ิการโรงเรียนดาเนินการโดยขอ
ความเหน็ ชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาขน้ั พ้นื ฐานในการดาเนินการเรง่ ด่วนนั้น เพือ่ ใหค้ วามเหน็ ชอบ
ดาเนนิ การตามโครงการการปรับปรุงอยา่ งต่อเน่ืองและสร้างนวตั กรรม โรงเรียนไดน้ าข้อเสนอแนะจากคณะผู้
ประเมนิ โรงเรียน อาทิ จากคณะกรรมการประเมนิ คณุ ภาพจากหนว่ ยงานภายนอกมาวิเคราะหจ์ ากตัวช้ีวัด
จัดลาดบั ความสาคญั และสร้างนวตั กรรมด้านต่างๆ เช่น ดา้ นการบริหารจดั การด้านหลกั สตู ร มกี ารปรับปรุงเปน็
หลกั สตู รมาตรฐานสากล และปรบั ปรุง แผนงานโครงการ ให้สอดคลอ้ งกบั วิสัยทศั น์ พันธกจิ ของโรงเรียน

ค(3) การปรับปรุงอยา่ งตอ่ เนอ่ื งและนวตั กรรม (Continuous Improvement and
INNOVAโรTงเIรOียนNโ)ซ่พิสยั พทิ ยาคม มกี ารประชุมคณะกรรมการบริหาร โดยผเู้ ข้ารว่ มประชมุ คอื ผอู้ านวยการ
โรงเรียน รองผ้อู านวยการโรงเรียน ผ้ชู ว่ ยผู้อานวยการโรงเรยี น และหวั หน้ากลุม่ งาน หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้
ในทกุ คร้ังทม่ี กี ารประชุมจะมีการวางแผนการดาเนินงานและการสรปุ ผลการดาเนินงานทผ่ี ่านมา โดยหัวหนา้ กลุ่ม
งาน หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ จะนาขอ้ มูลท่ีวางแผนและสรปุ ไปเผยแพรใ่ นการประชมุ กลมุ่ งาน ประชุมกลมุ่
สาระการเรยี นรู้ในทุกครงั้ ทาให้คณะครแู ละบุคลากรท่ีเกย่ี วขอ้ งรบั ทราบข้อมลู ทัง้ หมด นอกจากการเผยแพร่ผล
การปฏบิ ตั ิงานในกลมุ่ งานหรอื ภายในโรงเรียนแล้ว ยังได้มีการนาผลการดาเนินงานแจ้งผา่ นเว็บไซตโ์ รงเรียนซง่ึ
เป็นอีกขน้ั ตอนการสอ่ื สาร ให้ได้ข้อมูลที่เปน็ แนวทางการดาเนนิ งานไปในทิศทางเดียวกนั โรงเรียนใช้หลักการ
ดาเนินการตามกระบวนการ P-D-C-A เพ่ือให้การดาเนนิ งานทุกส่วนเปน็ ระบบและสามารถนาข้อมลู จากการ
ดาเนินงานแลว้ มาปรับปรุงพฒั นาในงานอยู่เสมอจนเกิดเปน็ แนวปฏบิ ตั ทิ ีด่ ี

4.2 การจดั การความรู้ สารสนเทศ และเทคโนโลยสี ารสนเทศ (Knowledge Management,

Information and Information Technology) กาหนดความรู้เพอ่ื ใหบ้ รรลุเป้าหมาย

ก. ความรขู้ ององคก์ ร (Organization

Knowledge) สร้างและแสวงหาความรู้

ก(1) การจัดการความรู้ ( Knowledge

Management) รวบรวมและจัดเก็บความรูใ้ ห้เป็นระบบ จดั การ

โรงเรยี นโซ่พสิ ัยพทิ ยาคมมีกระบวนการ

ความรโู้ ดยใช้กระบวนการทเ่ี รียกว่า (KM : Knowledge วเิ คราะห์ความรู้
Management) เพือ่ ใหก้ ารแลกเปลยี่ นเรียนรู้มี

ประสิทธภิ าพ โดยมกี ระบวนการ ดังนี้ การเข้าถงึ ความรู้
3.1) การรวบรวมและถ่ายทอดความรู้ของครู

และผบู้ รหิ าร โรงเรียนมีแลกเปลย่ี นเรียนรูเ้ ป็นรายบคุ คล แบ่งปันและแลกเปล่ยี นความรู้ ไม่ผา่ น
เมอื่ ทุกคนใหเ้ หตผุ ลหรอื แสดงความคิดเหน็ แล้วจึงสรปุ
ประเมนิ ผล
รวมกันแล้วนาผลท่ีสรปุ นาไปใช้ เมือ่ นาไปใช้เสร็จส้นิ แลว้ ผา่ น
จะนาผลการประเมินกระบวนการที่นาไปใชม้ าปรับปรงุ
เรียกว่า การบารุงรกั ษาความรู้ จากนน้ั นากระบวนการที่ จดั ทารายงานและเผยแพรค่ วามรู้
ได้มาลาดบั ความสาคัญ เรียกขน้ั ตอนน้ีวา่ การถอดความรู้
ภาพประกอบ 4.2ก(1)

กระบวนการจัดการความรขู้ ององคก์ ร

47

และนามาแลกเปลีย่ นเรยี นรูอ้ ีกครงั้ มีการส่งเสริมครใู ห้ครอู บรม สมั มนา ศึกษาดูงาน ทัศนศึกษาท้ังในประเทศและ
ตา่ งประเทศอย่างตอ่ เน่ือง สนับสนุนครแู ละบุคลากรทางการศึกษาให้ศึกษาต่อ ทาผลงานทางวชิ าการ และงานวิจัยเพื่อ
พัฒนาตนเองในการเลื่อน วทิ ยฐานะ ส่งเสริมให้ครูเป็นวิทยากรท้ังภายในและภายนอกโรงเรยี น ในการถา่ ยทอด
ความรูม้ ีการนิเทศแบบกัลยาณมิตร มีการแลกเปล่ียนเรียนรู้โดยกระบวนการสรา้ งและแสวงหาความรู้ โดยการประชมุ
เพอ่ื แลกเปล่ยี นเรยี นรู้ ซ่ึงมีกระบวนการจัดการความรู้ (KM : Knowledge Management ) ในทุกกลมุ่ งาน เช่นการ
อบรม สัมมนา หรือการทากจิ กรรมต่างๆ ในทป่ี ระชมุ ครเู ป็นประจาทกุ เดือน กระบวนการจัดการเรียนการสอน IS ท่ีมี
คณุ ภาพ การบรหิ ารจัดการโดยประยุกต์ใช้วงจรคุณภาพ PDCA ของ Deming ในการบริหารจัดการสถานศึกษา มกี าร
บริหารท่มี ุ่งผลสัมฤทธิ์ (RBM) มาประยกุ ต์ใช้

3.2 การรวบรวมและถ่ายทอดความรู้ของนักเรียน มกี ารจัดแหล่งเรียนรู้ให้นักเรียนสบื ค้นด้วยตนเอง เช่น
DLIT Network TUPR ห้องสมดุ โรงเรยี น หอ้ งสมุดกลุม่ สาระการเรียนรู้ การจดั แสดงผลงานในนทิ รรศการวันวิชาการ
ของโรงเรียน การทัศนศกึ ษาในประเทศ การแลกเปลีย่ นเรียนรวู้ ัฒนธรรมในโรงเรยี นเครือข่ายและในต่างประเทศ
นอกจากนี้โรงเรียนยังมีความพร้อมในการจัดทาหลกั สูตรที่หลากหลายตามศกั ยภาพของนักเรยี น เชน่ แผนการเรียน
ภาษาต่างประเทศท่ี 2 ภาษาญ่ปี ุ่น ภาษาเกาหลี ภาษาจีนเป็นต้น อกี ท้ังยงั จัดกิจกรรมเสรมิ หลักสูตรเพอ่ื พัฒนา
คณุ ลักษณะของผเู้ รียนในทุกดา้ น

3.3 การถา่ ยทอดความรทู้ ่ีเก่ียวขอ้ งกบั โรงเรียน มีการแจง้ ขา่ วสารผา่ นครูทปี่ รึกษา การจัดกิจกรรม
Classroom Meeting การประชาสมั พันธเ์ ผยแพร่ข้อมูลขา่ วสารผ่านทางเว็บไซด์โรงเรียน ป้ายนิเทศ วารสารโรงเรียน
สารสนเทศโรงเรียน

3.4 โรงเรียนมวี ิธีการจัดการความรู้เพื่อให้สามารถระบุ แบง่ ปันและวธิ ปี ฏบิ ตั ิที่เป็นเลิศและเกิดการ
สร้างนวตั กรรม โดยกาหนดนโยบายให้มีการแลกเปลีย่ นเรยี นรู้ ในทกุ คร้ังทีม่ ีการประชมุ ครู ประชุมกลมุ่ สาระการเรียนรู้
ประชมุ กลุ่มบริหาร และส่งเสริมให้เกิดนวตั กรรมอย่างตอ่ เน่ือง

ก(2) การเรียนรรู้ ะดบั องคก์ ร (Organization LEARNING)
โรงเรียนโซ่พิสยั พิทยาคมให้ความสาคญั กับการเรียนรู้ระดบั องค์กรของบุคลากร โดยสรา้ งความ

ตระหนกั ในบทบาท หนา้ ทข่ี องบคุ ลากร ผ่านการแตง่ ต้ังคาสง่ั ใหป้ ฏบิ ัติหนา้ ท่ตี ามพรรณนางาน บคุ ลากรสามารถ
รับรู้ร่วมกนั ถงึ ความแตกต่างของบทบาทหนา้ ที่ เน้นการปฏบิ ตั ิงานอย่างเปน็ ลาดับขน้ั ตอน มีการรายงานผลผา่ น
หัวหน้างาน และผบู้ ริหารตามลาดบั มกี ารให้ขอ้ มูลยอ้ นกลบั มีการประชุมของกลมุ่ บริหารงาน มกี ารนิเทศติดตาม
แบบกลั ยาณมติ ร การจัดการความร้ดู ังกลา่ ว สง่ ผลใหบ้ คุ ลากรเกดิ การเรียนรู้ฝงั ลกึ ไปในวถิ ีการปฏบิ ัตงิ านของ
โรงเรียนสามารถดาเนินงานและปฏิบัติงานในทิศทางเดียวกัน

ข. ข้อมลู สารสนเทศและเทคโนโลยีสารสนเทศ (Data, Information and Information

Technology)

ข (1) คุณภาพของขอ้ มูลและสารสนเทศ (Data and Information Quality)
เพอ่ื ใหม้ นั่ ใจว่าขอ้ มูลและสารสนเทศ มีความแม่นยา ถกู ต้อง คงสภาพ เชอื่ ถือได้และเปน็ ปจั จบุ นั

โรงเรียนมวี ธิ กี ารดาเนินการโดย โรงเรียนมกี ารจัดทาแผนกลยทุ ธแ์ ละแผนปฏบิ ัติการประจาปี ในเรอ่ื งการปรับปรุง
พฒั นาเทคโนโลยีสารสนเทศ แหล่งเรยี นรู้สภาพแวดลอ้ มและการบรกิ าร ให้เอ้ือตอ่ การเรยี นรู้ พัฒนาระบบบริหาร
จัดการด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ เพ่ือใช้เปน็ เครื่องมือในการจัดกิจกรรมการเรยี นรแู้ ละการบรหิ ารโรงเรียน
สนบั สนุนการดาเนินงานในส่วนต่าง ๆ อยา่ งเป็นระบบ จัดทาเวบ็ ไซดข์ อง http : //www.Sopisai.ac.th เพอื่ เป็น
คลงั ข้อมลู ในการเผยแพรข่ ้อมูลขา่ วสารแบง่ ปันแลกเปลย่ี นเรียนรูส้ ู่นกั เรียน ผู้ปกครองและสาธารณะชนท่ัวไป
สามารถเข้าถึงขอ้ มูลทจ่ี ดั ทาไวส้ ามารถนาไปใชไ้ ด้จรงิ มีความถูกตอ้ งน่าเช่ือถอื ในด้านการบริหารจัดการขอ้ มูลนั้น
โรงเรยี นมีฐานขอ้ มลู ท่สี มบูรณ์ ซงึ่ ประเภทของระบบสารสนเทศของโรงเรยี นแบ่งออกเปน็ 5 ระบบ ได้แก่

48

1) ระบบสารสนเทศพืน้ ฐานของโรงเรียน 2) ระบบสารสนเทศทเี่ กี่ยวขอ้ งกบั ผูเ้ รยี น 3) ระบบสารสนเทศเพ่ือการ
บริหารวชิ าการ 4) ระบบสารสนเทศเพือ่ การบริหารจัดการ 5) ระบบสารสนเทศเพ่ือการรายงาน

ข(2) ความปลอดภยั ของขอ้ มูลและสารสนเทศ (Data and Information Security)
เพอ่ื ให้มั่นใจว่าขอ้ มลู และสารสนเทศ มีความปลอดภยั และเปน็ ความลับ โรงเรียนมีการตดิ ต้ัง

เครอ่ื งแม่ขา่ ย จานวน 3 เคร่ือง เพื่อสารองขอ้ มูล จดั ตัง้ ระบบ Firewall เพื่อปอ้ งกันการเข้าถงึ ข้อมลู ของผู้ไม่หวังดี

มกี ารจัดตงั้ ระบบ Internet Service Provider หรอื ผใู้ หบ้ ริการอินเทอร์เน็ตทม่ี ีเจา้ หน้าที่ดูแลระบบ 3 คน มีระบบ
ฮารด์ แวร์ ซอฟตแ์ วร์ทมี่ คี วามพร้อมใชง้ านอยา่ งตอ่ เนื่อง ปลอดภยั และมีประสทิ ธภิ าพ เพอ่ื ใช้ในการสรา้ ง
นวัตกรรมและกระบวนการวางแผนเชิงกลยุทธ์ของโรงเรยี น

ข(3) ความพรอ้ มใช้งานของ ข้อมูลและสารสนเทศ (Data and Information Availability)

โรงเรียนมีกระบวนการจดั การข้อมลู สารสนเทศ โดยมีการแตง่ ตงั้ ผู้ดแู ลระบบสารสนเทศ เพ่ือดูแลระบบสารสนเทศ

ใหพ้ ร้อมใชง้ านทุกสถานการณ์ โดยดแู ลระบบเครือข่ายสารสนเทศให้พร้อมใชง้ าน ไดแ้ ก่ ระบบ Internet และ

Intranet เว็บไซตข์ องโรงเรยี น http : //www.Sopisai.ac.th แต่งตงั้ คณะกรรมการดาเนนิ งานและกาหนด

ให้ทันสมยั และทนั เหตุการณ์อยู่เสมอ มีการดแู ลเครื่องแมข่ ่ายใหพ้ รอ้ ม ผู้รับผดิ ชอบ
กาหนดข้อมูลท่จี าเป็นในการสร้าง

ใชง้ านเสมอ โดยฝา่ ยคอมพวิ เตอรเ์ ป็นผ้ดู แู ล มีคาสงั่ มอบหมาย ฐานข้อมลู

ภาระงานอย่างชดั เจน มีเจา้ หน้าที่เฉพาะโดยไม่ต้องปฏบิ ตั ิ กาหนดการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู

งานสอน แตม่ หี นา้ ที่ดแู ลและแกไ้ ขปัญหาระบบคอมพิวเตอร์ รวบรวมขอ้ มลู

ในโรงเรียนทง้ั หมด อกี ทัง้ มีวศิ วกรผเู้ ชยี่ วชาญใหก้ ารดูแล ตรวจสอบความ ไมถ่ ูก
และแก้ไขปญั หาระบบคอมพวิ เตอรภ์ ายในโรงเรียนทัง้ หมด ถกู ต้องของขอ้ มูล
โรงเรยี นให้การสนับสนนุ เพ่ือพัฒนาระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ
ในองค์กรอย่างเต็มท่ี โดยการจัดการวสั ดุ ครภุ ณั ฑ์ Software ถูก
จัดทาข้อมูลสารสนเทศ

และ Hardware ท่ีมีความจาเป็น เหมาะสมทันสมัย นาไปใชง้ าน เผยแพร่

เพื่ออานวยความสะดวกแกบ่ ุคลากร และสรา้ งความเชอ่ื ม่นั ภาพประกอบ 4.2ข(3)
โดยโรงเรกยี รนะบวนการจดั ข้อมลู สารสนเทศพรอ้ มใชง้ าน
ในความปลอดภยั นอกจากนยี้ ังมีการดแู ลและพัฒนา
ระบบ Hardware Software ใหข้ ้อมลู สารสนเทศออนไลน์

มกี ารใชร้ ะบบ School ICT ในระบบงานหลักใช้ระบบ Ischool เพ่อื ใช้ในงานระบบดแู ล ชว่ ยเหลอื นกั เรียน ซึ่งจะมี

การกาหนดรหสั เฉพาะของแต่ละกลุ่มงาน จัดให้มหี อ้ งแมข่ า่ ย ท่ีปรับอณุ หภูมเิ หมาะแก่ Hardware ทีอ่ ยู่ในหอ้ ง

ตลอด 24 ช่วั โมง เพ่อื เป็นการชว่ ยบารุงรกั ษาอุปกรณใ์ ห้ใชไ้ ด้นาน มกี ารสรา้ งมาตรการตา่ งๆ เพ่อื รกั ษาความ

ปลอดภัย เชน่ สร้างความปลอดภยั ทางกายภาพ เพอื่ ปอ้ งกันผู้ทไี่ มเ่ ก่ียวขอ้ งเข้ามาในบรเิ วณซ่ึงอาจจะสร้างความ

เสยี หายแกร่ ะบบสารสนเทศและระบบคอมพิวเตอร์ ทาการใสบ่ ญั ชผี ู้ใช้ (Username) หรือรหัสผ่าน (Password)

มีระบบกล้องวงจรปิด อีกท้ังสร้างความตระหนักให้กับผู้ใช้งานระบบสารสนเทศและเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ การใช้

งานจัดให้มกี ารอบรมการใชง้ านให้กบั ผใู้ ช้ หรือบคุ ลากร เมอ่ื มีซอฟแวร์หรือระบบใหม่ๆ เพ่อื ให้งา่ ยกับการใชง้ าน

เชน่ อบรมการใชง้ านระบบ Authentication ซง่ึ เปน็ ระบบท่ีแสดงตวั ตน ในการใชง้ านอนิ เทอร์เน็ตตาม พ.ร.บ. วา่

ด้วย การกระทาความผดิ ทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 เปน็ ตน้ โรงเรยี นมวี ธิ กี ารดาเนินการใหเ้ กิดความพรอ้ มใช้

งานของข้อมูลสารสนเทศรวมถึงระบบ Hardware และ Software ทนั ต่อความต้องการ และทิศทางการศกึ ษาและ

49

บรกิ าร และทันต่อการเปลีย่ นแปลงของเทคโนโลยแี ละสภาพแวดลอ้ มของการปฏิบตั ิงานอยู่เสมอ การทาใหข้ ้อมูล
สารสนเทศพรอ้ มใช้งานและผูท้ เี่ กย่ี วขอ้ งเข้าถึงได้ ในการจดั เกบ็ ขอ้ มลู เป็น ภาระหนา้ ทคี่ วามรบั ผดิ ชอบของแต่ละ
งานที่รบั ผิดชอบโดยงานสารสนเทศโรงเรยี นเป็นหน่วยงานที่เป็นศูนยก์ ลาง จัดเก็บข้อมลู ของโรงเรียน โดยให้
คณะกรรมการสารสนเทศและครูคอมพวิ เตอร์เข้ามามบี ทบาท เชน่ การส่งข้อมูล การปรับปรงุ แก้ไขงานแตล่ ะงาน
ทางเว็บไซดข์ องโรงเรยี นเพให้การบริการแก่ผูเ้ ก่ียวขอ้ ง เขา้ ถงึ ขอ้ มลู เพอ่ื นาไปวางแผนการทางานรวมทง้ั เปน็ ขอ้ มลู
ในการตัดสนิ ใจ

ข(4) คุณลักษณะของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ (Hardware and Software Properties)
ฮาร์ดแวร์ (Hardware) โรงเรียนมกี ารบริหารจัดการฮาร์ดแวร์ใหม้ ีความเช่ือถอื ได้ ปลอดภัยและใช้งานงา่ ย
ดงั น้ี มีการจัดตั้งคณะกรรมการงานพฒั นาระบบเครือขา่ ยขอ้ มูลสารสนเทศเพื่อรบั ผิดชอบในการจดั การและดูแล
ทรัพยากรเทคโนโลยีสารสนเทศใหม้ ปี ระสิทธภิ าพ โรงเรียนมีการจัดจ้างบคุ ลากรทม่ี ีความเช่ยี วชาญดา้ นระบบ ICT
เพอ่ื รบั ผิดชอบดแู ลและพัฒนา ให้มปี ระสิทธิภาพ โรงเรียนจัดตงั้ ระบบ Internet Service Provider (ISP) จานวน 3
เครื่องให้ผู้ใช้บริการ นอกจากนีย้ ังมีระบบเครอื ข่าย โรงเรียน มีเครื่องแม่ข่ายใน การดาเนินการจัดเก็บข้อมูลทั้งหมด 3
เครือ่ ง เพ่อื ให้สามารถทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพและติดต้ังเคร่อื ง Firewall เพือ่ ตรวจสอบความผดิ ปกตใิ นการ
ทางานของระบบและความปลอดภัยของข้อมูล มีระบบสารองไฟฟา้ กรณีไฟฟา้ ดับ มีการจดั ทาแผนซ่อมบารงุ รักษา
อปุ กรณ์ตามอายุการใชง้ าน
ซอฟต์แวร์ (Software) มีการใช้ซอฟต์แวร์สาเร็จรูปเฉพาะด้าน ในงานทะเบียนวัดผล ใช้โปรแกรมลง SGS
ผลการเรยี นของนกั เรียนโดยครูผู้สอนดาเนินการ และนักเรยี นสามารถตรวจสอบผลการเรียนได้เอง ในอนิ เตอร์เน็ต
รวมท้ังซอฟต์แวร์ใน งานแผน มีการรายงานผลการดาเนินงานในแต่ละกลุ่มงานให้หน่วยงานท่เี กี่ยวข้องผา่ น
อนิ เตอร์เน็ต งานพสั ดุ งานบคุ ลากร มีโปรแกรมจดั เกบ็ ข้อมลู ตา่ งๆ เปน็ ระบบ โดยมกี ารจดั จ้างบคุ ลากรทม่ี คี วาม
เชี่ยวชาญดา้ นระบบ ICT เพ่ือรับผิดชอบดูแลและพัฒนาให้มปี ระสิทธภิ าพ มีความเชอ่ื ถือได้ ปลอดภัยและใช้งานง่าย
ข(5) ความพร้อมใช้งานในภาวะฉุกเฉนิ (Emergency Availability) ในกรณฉี กุ เฉิน โรงเรียนมกี าร
บรหิ ารจัดการให้ม่นั ใจวา่ ข้อมลู และสารสนเทศ รวมทั้งระบบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ มคี วามพรอ้ มใชง้ านอย่าง
ตอ่ เน่อื ง เพอื่ ตอบสนองนักเรยี นและผมู้ ีส่วนไดส้ ่วนเสียอย่างมีประสิทธิผล โรงเรียนได้นาโปรแกรมสาเรจ็ รปู เขา้ ช่วยใน
การบรหิ ารจัดการขอ้ มูลสารสนเทศ เช่น โปรแกรม School ICT ใชส้ าหรับงานวัดผล งานแผน และงานพัสดุ ซึ่ง
โปรแกรมน้ีเกบ็ ข้อมูลและการสารองข้อมูลไวบ้ นเคร่อื ง Server ของโรงเรยี น มคี วามพร้อมใช้งานอยา่ งตอ่ เนอื่ งและจะ
ไม่สญู หายหรือสามารถคืนสู่สภาพปกตมิ ีการต้ังคณะกรรมการงานพัฒนาระบบเครอื ข่ายขอ้ มลู สารสนเทศเพือ่ ดูแล
ระบบฮารด์ แวร์และซอฟต์แวร์ ใหม้ ีความพรอ้ มใช้งานอย่างตอ่ เนือ่ ง และจดั จ้างบุคลากรทีม่ ีความเช่ยี วชาญดา้ นระบบ
ICT ท่มี คี วามรู้ความชานาญ สามารถแกไ้ ขปัญหาไดท้ ันท่วงที จัดตั้งเครื่อง Server จานวน 3 เคร่ือง เพื่อสารองข้อมูล
ใช้เครอ่ื งสารองไฟในกรณที ่เี กิดปัญหาขัดขอ้ งของวงจรไฟฟ้า ใหร้ ะบบ Server ทางานได้อย่างตอ่ เนื่องและเป็นปกติ
และจดั ตั้งระบบ Firewall เพ่ือป้องกนั การสูญหายถกู ทาลาย จดั ตั้งระบบ Internet Service Provider (ISP) หาก ISP
เกิดขดั ขอ้ งไม่สามารถให้บริการได้จะใช้ ISP ที่เหลือสารองเพ่ือความพร้อมใช้งานในภาวะฉกุ เฉิน ในกรณีฉกุ เฉิน ให้ใช้
งานไดอ้ ย่างตอ่ เนอ่ื ง เพ่อื ตอบสนองนักเรยี นและผู้มีส่วนได้เสยี อย่างมปี ระสิทธิผล ดังภาพประกอบ 4.2ข(5)

50

แต่งตั้งคณะกรรมการ
ผู้ดแู ลระบบ/ผู้เช่ยี วชาญ
การจัดการฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์

Internet Network SERVER/ Hardware Software
CAT/UNNET/MOE NET เคร่อื งสารองไฟ/Firewall บารุงรกั ษา สารองข้อมูล Server
C

ไมผ่ ่าน ตรวจสอบ
จัดจา้ งผเู้ ชี่ยวชาญ
บารงุ รักษา/พฒั นา ผ่าน
ฮารด์ แวร/์ ซอฟตแ์ วร์ มคี วามเช่อื ถอื ได้ ปลอดภัยใชง้ านง่าย

และมีความพร้อมใช้งานในภาวะฉกุ เฉิน

ภาพประกอบ 4.2ข(5) การจัดการทรัพยากรสารสนเทศและเทคโนโลยีสารสนเทศ

51

หมวด 5

มงุ่ เน้นบุคลากร (Workforce)

5.1 สภาพแวดลอ้ มของบคุ ลากร (Workforce Environment)

โรงเรียนโซ่พสิ ยั พิทยาคมมีกระบวนการ สร้างสภาพแวดลอ้ มทเี่ อือ้ ให้เกดิ ประสิทธภิ าพ ประสิทธผิ ลและ

สนบั สนุนการปฏิบัตงิ านของบุคลากร โดยจัดระบบงานตามโครงสร้างการบรหิ ารงานของโรงเรยี น มีการกาหนด

บทบาทหนา้ ท่คี วามรบั ผดิ ชอบและมาตรฐานการปฏิบตั งิ านของทกุ งาน ครอบคลมุ ภาระงาน เพือ่ ใชเ้ ปน็ แนวทาง

ไปสู่เปา้ หมายสาคัญใหบ้ รรลผุ ลสาเร็จ ตามแผนภมู โิ ครงสรา้ งการบริหารงานและคาส่ังมอบหมายงานของโรงเรยี น

ก. ขดี ความสามารถและอตั รากาํ ลงั บุคลากร (Workforce Capability and Capacity)

ก (1) ขีดความสามารถและอัตรากาํ ลงั (Capability and Capacity)

โรงเรยี นโซ่พสิ ัยพทิ ยาคม บริหารและจัดการศึกษาภายใต้ “SOPIT Model” โดยอาศัยความรว่ มมือจาก

ทกุ ฝา่ ย S = System หมายถึง มกี ารบรหิ ารจดั การด้วยระบบคณุ ภาพ ท่ใี ช้วงจรควบคมุ คณุ ภาพ PDCA ของ

เดมมิง่ (Deming Cycle) เป็นตวั ควบคุม ได้แก่ P (Plan) ระบบทีม่ กี ารวางแผน D (Do) การนาแผนไปสู่การ

ปฏบิ ัติ C (Check) การประเมนิ ตรวจสอบ และ A (Act) การปรบั ปรุงผลการดาเนนิ การ O = Organization

ทุกคนในองค์กรเป็นหนงึ่ เดียวกนั เป็นองคก์ รทางการศกึ ษา ท่ีรว่ มกันพัฒนาให้มคี ณุ ภาพเป็นทยี่ อมรับของชุมชน

ก้าวสู่การเปน็ โรงเรียนมาตรฐานสากล P = Professional มคี วามเปน็ มอื อาชพี ที่สามารถปฏิบตั งิ านอยา่ งเต็ม

กาลงั ความสามารถ ตรงต่อเวลา มีคณุ ภาพและเกดิ ประสิทธผิ ลตามเป้าหมาย I= International บุคลากรทุกคน

มเี ปา้ หมาย เพือ่ สรา้ งผเู้ รยี นให้มคี วามเปน็ พลโลกที่มคี ณุ ภาพ T=Technology ทุกคนมีศักยภาพในการนา

เทคโนโลยีมาใชเ้ พอ่ื การบรหิ ารและจัดการเรยี นรู้ไดอ้ ยา่ งมี ขดี ความสามารถและอัตรากาํ ลงั บุคลากร
ประสทิ ธิภาพ มกี ารวิเคราะห์ความเปล่ียนแปลงของอัตรากาลัง

จากข้อมูลการเกษยี ณอายรุ าชการ แนวโน้มการขอย้ายเข้าและการ วเิ คราะห์ภาระงานในโรงเรียน

ขอยา้ ยออก การตอบสนองความตอ้ งการตามการปรับปรงุ หลักสูตร สาํ รวจบุคลากร
สถานศกึ ษาลว่ งหนา้ ในระยะยาวเปน็ เวลา 3 ปี โดยในทกุ ภาคเรียน

มีการวิเคราะห์ภาระงานตามโครงสรา้ งหลกั สูตรโรงเรยี น วางแผนกลยทุ ธใ์ ห้สอดคลอ้ งกับ
มาตรฐานสากล โครงสรา้ งการบรหิ ารงานโรงเรียนและเกณฑ์ เปา้ ประสงค์

อัตรากาลังขา้ ราชการครูตามเกณฑ์ ก.ค.ศ. สารวจบุคลากร อัตรากําลงั เกิน
วเิ คราะหท์ ักษะ สมรรถนะของกาลังคนทมี่ อี ยจู่ ากวุฒิการศึกษา
วทิ ยฐานะ ประสบการณ์ ความสามารถพิเศษ เพื่อคาดการณ์ ขาด
แนวโน้มการขอย้าย และการเกษียณอายุราชการ เพื่อตอบสนอง บรรจุ แตง่ ตัง้ รบั ย้าย

วิสัยทศั น์ พันธกิจ คา่ นยิ ม กลยุทธ์ โดยฝ่ายบริหารและหวั หน้ากลุ่ม จัดทําสารสนเทศ

สาระการเรียนรู้ รว่ มกันพจิ ารณาสรปุ เป็นความต้องการอตั รากาลัง ภาพประกอบ 5.1 ก (1)

ขาด/เกนิ ของโรงเรียน และทบทวนขอ้ มลู พืน้ ฐานอยา่ งสม่าเสมอ แสดงกระบวนการจัดการขดี ความสามารถ

แสดงดงั ภาพประกอบ 5.1 ก (1) และอตั รากาลัง ภายใต้ SOPIT Model

52

ก (2) บุคลากรใหม่ (New Workforce Members)
จากผลการวเิ คราะหอ์ ตั รากาลัง โรงเรียนแจง้ ความตอ้ งการอตั รากาลังไปยังสานกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษา
มัธยมศกึ ษาบึงกาฬ เพื่อขอรบั การบรรจแุ ตง่ ตัง้ หรือรบั ย้ายบุคลากร กรณไี มส่ ามารถบรรจหุ รือรับย้ายได้ โรงเรยี น
จะดาเนนิ การสรรหาบุคลากรโดยกาหนดคุณสมบตั ิตามสมรรถนะหลกั และสมรรถนะประจาสายงานท่ตี ้องการทา
การรับสมคั รบุคคลท่ีมีความรู้ความสามารถตามคุณสมบัตทิ ีก่ าหนด เมื่อมีการบรรจุแต่งตั้งหรือจ้างบุคลากรใหม่
มีการแต่งต้ังครูพ่เี ลี้ยง คณะกรรมการเตรยี มความพรอ้ มและพฒั นาอย่างเขม้ สาหรับครผู ้ชู ่วย เพอื่ ให้คาแนะนา
ชี้แนะ บคุ ลการใหม่จะไดร้ ับการต้อนรบั อยา่ งกลั ยาณมติ ร มกี ารแนะนาตัวต่อผ้รู ว่ มงานและนกั เรยี นเพอ่ื สร้าง
ความผกู พัน ไดร้ ับการนเิ ทศจากฝา่ ยบรหิ าร ชแ้ี จงแนวนโยบาย ถา่ ยทอดวัฒนธรรมองค์กร มีการกากบั ตดิ ตาม
โดยฝ่ายบรหิ าร หวั หนา้ กลุม่ สาระการเรยี นรแู้ ละผเู้ ก่ียวข้อง จดั สวสั ดกิ ารและสทิ ธิประโยชน์ เพื่อสรา้ งขวญั กาลังใจ
สนับสนนุ ให้เขา้ รบั การอบรม หรอื ศกึ ษาตอ่ และสง่ เสริมใหม้ ีความกา้ วหนา้ ในวชิ าชพี ตามเกณฑม์ าตรฐานตาแหนง่
สายงาน แสดงดังภาพประกอบ 5.1 ก (2)

ผลวิเคราะห์ขีดความสามารถ

กําหนดคณุ สมบัตติ ามสมรรถนะหลัก
และสมรรถนะประจําสาย

บรรจแุ ตง่ ตั้งโยกยา้ ย สรรหา อัตราจ้างตามระเบียบทางราชการ
ตามระเบียบ ก.ค.ศ. จัดจา้ ง

บรษิ ทั / MOU
เจา้ ของภาษาทสี่ อง

SOPIT บคุ ลากรใหม่
Model
ทบทวนองค์ประกอบของความผูกพันปฐมนิเทศ
โดยฝ่ายบริหารและหวั หนา้ กลุม่ สาระ

ฝา่ ย/งาน/กลมุ่ สาระมอบหมายงานและกาํ หนดภาระงาน

สร้างความผกู พัน ถา่ ยทอดวฒั นธรรมองคก์ รและวัฒนธรรมองคก์ รโรงเรียนในเครอื ข่าย

นิเทศกาํ กับ/ตดิ ตามการทาํ งาน โดยหัวหน้ากลุม่ สาระฯ ฝา่ ยบรหิ ารและผเู้ กยี่ วข้อง

ประเมนิ ประสทิ ธิภาพ ไมผ่ ่าน อบรม/พัฒนา
ประสทิ ธผิ ล

ผา่ น
ประสบความสําเรจ็ บรรลุวสิ ยั ทศั น์ พันธกิจปฏิบัตหิ น้าทอ่ี ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ

สรา้ งความผูกพนั
จดั ทาสารสนเทศ

ภาพประกอบ 5.1 ก (2) แสดงกระบวนการทเ่ี ก่ียวขอ้ งกับบุคลากร

ใหม่

53

ก (3) ความสําเรจ็ ในงาน (Work Accomplishment)

โรงเรยี นจัดโครงสร้างการบริหารงานตามกฎกระทรวง กาหนดหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารกระจายอานาจ

การบรหิ ารและการจดั การศึกษา พ.ศ. 2550 ตามขีดความสามารถของบคุ ลากรทม่ี ีอยู่ ซงึ่ ในแตล่ ะกลุ่มบริหาร

ประกอบดว้ ยงานตา่ ง ๆ ตามสายงาน ที่มีการกาหนดผ้รู บั ผิดชอบ โดยพจิ ารณาให้ตรงขีดความสามารถตาม

สมรรถนะหลกั และสมรรถนะประจาสาย กาหนดขอบข่ายภาระงานไวอ้ ยา่ งชัดเจน จัดทาคาสั่งมอบหมายงานให้

ทุกคนมีสว่ นร่วมในการปฏิบัตงิ าน สอบถามความพึงพอใจและความสนใจการเปลย่ี นกลุ่มงานปลี ะ 1 คร้งั กอ่ น

เริม่ ปกี ารศกึ ษาใหม่ พร้อมท้งั จดั ทาแผนพฒั นาบคุ ลากรอยา่ งต่อเนือ่ ง ท้งั รูปแบบพบหนา้ และรปู แบบออนไลน์

เพอ่ื สง่ เสรมิ และพัฒนาบุคลากรใหเ้ ป็นมืออาชพี ทัง้ ดา้ นการจดั การเรยี นรู้ การผลิตส่ือ นวตั กรรมทางการศกึ ษา

และการวจิ ัยในช้ันเรียน ตลอดจนความก้าวหนา้ ในวชิ าชีพดา้ นการขอมแี ละเลือ่ นวทิ ยฐานะ

ก (4) การจัดการเปลย่ี นแปลงดา้ นบุคลากร (Workforce Change Management)

โรงเรยี นมกี ารตรวจสอบและเตรยี มข้อมูลใหพ้ รอ้ มรบั การเปลย่ี นแปลงของอัตรากาลงั ตามความตอ้ งการ

ขีดความสามารถของบุคลากรอยู่เสมอ ในกรณีมกี ารแตง่ ต้ัง โยกยา้ ย มีข้าราชการเกษยี ณอายุ มกี ารลาเป็นระยะ

เวลานาน เช่น ลาคลอด ลาปว่ ย จะดาเนนิ การจัดหาบคุ ลากรใหม่มาทดแทนโดยการบรรจุ แต่งตั้งมอบหมายงาน

และเตรียมพฒั นาบุคลากรทม่ี อี ยู่ โดยจัดการประชุม การอบรมความรดู้ ้านตา่ ง ๆ ทงั้ ระยะสัน้ ระยะยาว การ

สัมมนา การศกึ ษาดงู าน ทั้งภายในภายนอกประเทศและ

ส่งเสรมิ ใหบ้ ุคลากรศกึ ษาตอ่ ในระดบั ท่สี ูงขึน้ เพอ่ื ใหเ้ กิด สรรหา มอบ
ทักษะการทางานที่เช่ยี วชาญ หลากหลาย สามารถทางานได้
หลายดา้ น เปดิ โอกาสใหม้ ีการปรับเปลีย่ นแผนงานไดต้ าม ปรับ หมายงาน
ความเหมาะสม ระหว่างการปฏิบัติงานมีการนเิ ทศแบบ ช่ัวโมง
กัลยาณมติ ร มกี ารประเมนิ ประสทิ ธภิ าพของบุคลากร มีการ พัฒนา
บริหารจัดการ เตรียมการในช่วงเวลาทีม่ ีการลดจานวน ฝึก บคุ ลากรท่ี
บุคลากรและยังไมส่ ามารถหาบคุ ลากรใหม่มาทดแทนได้ จะ ปฏบิ ัติงา
มีอยู่

แตง่ ตงั้ ครู
นเิ ทศ

ดาเนินการปรบั ชว่ั โมงการทางานใหก้ บั บุคลากรท่ีมีอย่หู รอื ภาพประกอบ 5.1 ก (4) แสดงการจัดการ
จดั จา้ งบุคลากรมาปฏบิ ตั ิหนา้ ทแ่ี ทน ดงั ภาพประกอบ เปลีย่ นแปลงของบคุ ลากร
5.1 ก (4)

ข บรรยากาศการทาํ งานของผปู้ ฏิบัตงิ าน (Workforce Climate)

ข (1) สภาพแวดลอ้ มของการทํางาน (Workplace Environment)

โรงเรยี นมวี ธิ ดี าเนนิ การตามกระบวนการ PDCA ภายใต้ระบบบรหิ ารคุณภาพการศึกษา SOPIT

Model โดยแต่งต้ังคณะกรรมการรบั ผิดชอบ มีการรับฟงั ความคดิ เห็นอยา่ งมสี ว่ นรว่ มของบคุ ลากรทกุ คน วางแผน

ดาเนนิ การตามแผนปฏบิ ัตกิ ารเนน้ ตอบสนองความตอ้ งการในจดุ สมดลุ ทเ่ี ป็นไปไดข้ องทุกช่วงวัย ตรวจสอบและ

ปรับปรุงผลการดาเนินงาน ใน 3 ปจั จยั คือ ด้านสขุ อนามยั ดา้ นความปลอดภัยและดา้ นสวัสดิการ ซ่ึงมี

รายละเอยี ดดังตาราง 5.1 ข (1)

54

ตาราง 5.1 ข (1) วิธีดาเนนิ การ ตวั วัดและเปา้ ประสงคข์ องการจดั สภาพแวดล้อมของโรงเรียน

ปัจจยั วิธีดําเนินการ ตวั ชี้วัด เปา้ ประสงค์
ด้านสขุ อนามยั 1. เพอื่ ให้สถานทที่ างานมคี วามสะอาด
1. ใหท้ กุ ฝ่ายงาน ดาเนนิ การ 1. จานวนฝา่ ยงานในโรงเรยี นที่จัด

ตามหลกั 5 ส สถานทที่ างานใหส้ ะอาดเรียบรอ้ ย เรยี บร้อย สะดวกต่อการปฏบิ ตั งิ าน
สะดวกตอ่ การปฏบิ ัตงิ าน

2.จดั ให้มีการตรวจ 2. ร้อยละของครแู ละบุคลากรทม่ี ี 2. เพอ่ื ใหค้ รแู ละบุคลากรทม่ี ีสขุ ภาพแข็งแรง

สขุ ภาพประจาปี ทกุ ปี สุขภาพแขง็ แรง สมบรู ณ์ พรอ้ มปฏบิ ตั ิงานอย่างมี

ประสิทธภิ าพ

3. การจัดใหม้ ีสถานที่ ออก 3. มสี ถานทีอ่ อกกาลงั กายและจานวน 3. เพ่อื ใหบ้ คุ ลากรมีสุขภาพกายและ

กาลังกาย บคุ ลากรร่วมออกกาลงั กาย สขุ ภาพจิตท่ีดี

4. การจ้างแมบ่ ้านทาความ 4. ความพงึ พอใจของบคุ ลากร 4. เพือ่ ใหบ้ ุคลากรมสี ุขภาพอนามยั ทีด่ ี
สะอาดประจาสานักงาน 5. คณุ ภาพของอาหารท่ใี ห้บรกิ าร
5. จัดระบบโภชนาการ 5. เพือ่ ใหบ้ ุคลากรได้รบั ประทานอาหารท่ีถกู
สุขลกั ษณะ
ด้านความปลอดภัย 6. ประสานเขตปกครองตรวจ 6. สถติ การใช้บรกิ ารห้องพยาบาล 6. เพอ่ื ให้บุคลากรมีสุขภาพอนามยั
ด้านสวัสดิการ สภาพแวดล้อม
7. ตรวจสอบคุณภาพน้าจาก 7. คณุ ภาพของน้าท่ีให้บรกิ าร ทดี่ ี
การโรงน้าของโรงเรียน 7. เพื่อให้ครูและบคุ ลากรมสี ุขภาพร่างกายท่ี
8. กรมควบคมุ โรคไม่ติดตอ่ 8. ผลการตรวจสอบพร้อมป้ายรบั รอง แขง็ แรง
ตรวจสอบคณุ ภาพนักเรยี น จากกรมควบคมุ โรคไม่ตดิ ต่อ 8. เพอื่ ใหค้ รูและบุคลากรท่มี สี ขุ ภาพแขง็ แรง
และวธิ ีการปฏบิ ัติงาน
9. จดั ใหม้ ีการประกันอุบตั เิ หตุ 9.รอ้ ยละของครแู ละบุคลากรที่มี 9. เพอื่ ให้ครูและบุคลากรมีสุขภาพแขง็ แรง
สุขภาพแขง็ แรง
1. จัดครเู วรเพอ่ื ตรวจตรา 1. รอ้ ยละของครูและบุคลากรมคี วาม 1. เพอ่ื ใหค้ รูและบุคลากรมคี วามปลอดภัย
ความเรียบรอ้ ยบริเวณต่างๆ ปลอดภัยในชีวติ และทรัพย์สนิ ในชวี ิตและทรัพยส์ นิ
ท้ังวัน เวลาราชการและ
วนั หยุด 2. ร้อยละของครแู ละบุคลากรมคี วาม 2. เพอ่ื ใหค้ รูและบคุ ลากรได้รับความ
2. จดั ระเบยี บการใชพ้ ื้นท่ี ปลอดภัยในชวี ิตและทรัพยส์ ิน ปลอดภยั
3. ไมเ่ กิดเหตกุ ารณ์รา้ ยแรง 3. เพอ่ื ใหค้ รูและบคุ ลากรได้รบั ความ
3. มคี รอู าศยั ในโรงเรยี น เพอ่ื ปลอดภยั
ดูแลโรงเรียน 4. ไม่เกดิ เหตกุ ารณ์ร้ายแรง 4. เพ่ือใหค้ รแู ละบคุ ลากรไดร้ ับความ
4. เจ้าหน้าที่ตารวจมาใหค้ วาม ปลอดภยั
ปลอดภัยชว่ งเช้า-เยน็ ทกุ เชา้ 5. ประสิทธภิ าพของอปุ กรณ์ไฟฟ้า มี
วนั องั คารมตี ารวจมาใหค้ วามรู้ ความปลอดภยั พรอ้ มใช้งาน 5. เพื่อให้ครูและบคุ ลากรไดร้ ับความ
5. มรี ะบบตรวจสอบ อปุ กรณ์ ปลอดภยั
ไฟฟ้า เป็นประจาสม่าเสมอ 1. เพ่ืออานวยความสะดวกในการปฏบิ ัตงิ าน
ของบุคลากร
1. การจดั หาอปุ กรณ์สนบั สนนุ 1. รอ้ ยละของความพึงพอใจของ

การปฏบิ ตั งิ าน บุคลากรในการปฏบิ ตั ิงาน

55

ตาราง 5.1 ข (1) วิธีดาเนินการ ตัววดั และเป้าประสงคข์ องการจัดสภาพแวดลอ้ มของโรงเรียน (ตอ่ )

ปัจจัย วธิ ีดาเนนิ การ ตวั ชี้วดั เป้าประสงค์
ด้านสวัสดกิ าร 2. จัดทาแบบฟอร์มตา่ งๆ เพอ่ื ใช้ 1. ความพงึ พอใจของ บคุ ลกร 1. เพ่อื อานวยความสะดวกให้การปฏิบัตงิ าน
ติดต่อส่ือสารในหน่วยงานของ
โรงเรียนให้บคุ ลากรไดร้ บั ความ ในการติดตอ่ สื่อสารภายใน มีความคลอ่ งตัว
สะดวก โรงเรียน
3. จัดยานพาหนะรถยนต์
สว่ นกลางใหบ้ ริการแกบ่ คุ ลากร 2. ร้อยละของความพงึ พอใจ 2. เพอ่ื อานวยความสะดวกแก่ครูและบคุ ลากร
4. จัดสวสั ดกิ ารใหค้ รแู ละบคุ ลกร ของบคุ ลากรท่ไี ด้รบั บรกิ าร 3. เพอ่ื สรา้ งขวัญและกาลงั ใจ
ทางการศกึ ษาดูงาน
3. ร้อยละของความพงึ พอใจ
ของบคุ ลากรที่ไดร้ ับบริการ

1. จดั สวัสดกิ ารบ้านพักครู 4. ร้อยละของความพงึ พอใจ 4. เพื่ออานวยความสะดวกแก่ครู
ของบคุ ลากร 5. เพอ่ื สรา้ งขวญั และกาลงั ใจ
2. จัดกจิ กรรมสงั สรรค์เนือ่ งใน
เทศกาลต่าง ๆ 5. ความพงึ พอใจของบุคลากร
ทไ่ี ด้รับบรกิ าร
3. มอบของที่ระลึกในวันสาคญั
ตา่ งๆ 6. ความพงึ พอใจของบคุ ลากร 6. เพ่อื สรา้ งขวญั และกาลงั ใจ
ทไี่ ดร้ บั บรกิ าร

ข (2) นโยบาย และสทิ ธปิ ระโยชน์ (Workforce Benefits and Policies)
โรงเรียนมนี โยบายและสทิ ธิประโยชน์.ในการจัดการบรกิ ารขน้ั พ้ืนฐานกับบคุ ลากรทกุ กลุม่ ด้วยความ

เสมอภาค เช่น การจดั ยานพาหนะส่วนกลางในการเดินทางไปราชการ การสนบั สนุนอุปกรณ์การจดั กิจกรรมการ
เรียนการสอนปกติและอปุ กรณ์สนบั สนุนการใชเ้ ทคโนโลยี ภาคเรียนละ 1 คร้ัง บรกิ ารจดั ทาเอกสาร มีเคร่อื ง
คอมพิวเตอร์ เครือ่ งพมิ พ์ ระบบ LAN ระบบ WIFI บรกิ ารหอ้ งสมุด หอ้ งพยาบาล และให้คาปรึกษาด้านสขุ ภาพ
การจัดตรวจสุขภาพประจาปแี กค่ รแู ละบคุ ลากร การตดิ ต้งั เครอื่ งปรบั อากาศห้องพักครู อาคารสานักงาน จัด
เคร่ืองวิทยุสอ่ื สารครบทกุ งานหลัก ตดิ ตั้งกลอ้ ง CCTV ท่ีดผู า่ นสมารท์ โฟนได้ บรกิ ารนา้ ด่มื ของโรงเรียน บรกิ ารมมุ
กาแฟเช้าบรเิ วณลงเวลาปฏบิ ัตงิ าน จดั ชุดเครอื่ งแบบและจดั ทาประกนั อบุ ตั ิเหตุหมใู่ หแ้ ก่ครแู ละบุคลากรทกุ คน
5.2 ความผูกพนั ของบคุ ลากร (Workforce Engagement)

ก. ความผูกพันและผลการปฏบิ ตั งิ านของบุคลากร (Workforce Engagement and

Performance)

ก (1) วฒั นธรรมองค์กร (Organization Culture)
วัฒนธรรมของโรงเรียนโซพ่ ิสยั พิทยาคม คือ บคุ ลากรโรงเรียนโซพ่ สิ ยั พทิ ยาคม รกั สามคั คี มศี รทั ธาใน
สถาบัน มงุ่ มน่ั พฒั นาการศกึ ษากา้ วสูม่ าตรฐานสากล ผบู้ รหิ ารและบุคลากร เปน็ แบบอยา่ งทดี่ ีในการปฏบิ ัตงิ าน
มกี ารเสรมิ สรา้ งวฒั นธรรมองค์กรทีม่ ลี กั ษณะเปิดกว้างทางการส่ือสาร มีกระบวนการพฒั นาเกิดผลการดาเนนิ การ
ทีด่ แี ละบคุ ลากรมคี วามผูกพันตอ่ โรงเรียน อยูก่ นั อยา่ งพ่ีนอ้ ง มีความเคารพรกั ใคร่ สามคั คี เคารพผูอ้ าวุโส จึงเปน็
ปัจจัยเกื้อหนุนทีก่ ่อใหเ้ กิดความผูกพนั ตอ่ โรงเรยี น สง่ ผลตอ่ พฤติกรรมการทางาน โดยมกี ารเสรมิ สร้างวัฒนธรรม
องค์กร ดังนี้

56

1. ระดมความคดิ จากบคุ ลากร เพื่อกาหนดวัฒนธรรมองค์กร
2. แต่งตั้งคณะทางานจดั ทาคู่มือการปฏบิ ัติงานและดาเนินการตามแผนงาน
3. ประเมนิ ความพึงพอใจต่อการปฏิบัตงิ านตามแนววัฒนธรรมองค์กรและสรปุ ผลการปฏบิ ตั งิ าน
4. ปรบั ปรุงและพฒั นาการปฏบิ ัตงิ าน ทาให้โรงเรียนม่นั ใจวา่ วฒั นธรรมองค์กรไดใ้ ช้ประโยชน์จากความ
หลากหลายของความคดิ บุคลากรทกุ คนมีส่วนรว่ มในวฒั นธรรมองค์กรอยา่ งแท้จริงสรปุ เปน็
ภาพประกอบ 5.2ก(1) ดงั นี้

ทบทวน

ดํารงไว้ ถา่ ยทอด

เผยแพร่ การสบื ทอดวฒั นธรรม ปลูกฝงั
องคก์ ร

เป็น ยกยอ่ ง สรา้ ง
แบบอย่าง ช่ืนชม แรงจูงใจ

ภาพประกอบ 5.2 ก(1) แสดงกระบวนการเสรมิ สรา้ งวัฒนธรรม

ก (2) ปจั จัยขับองเคคล์กร่ือนความผกู พนั (Drivers of Engagement)
องค์ประกอบของความผกู พัน ของโรงเรียนใช้หลกั บรหิ ารงานภายใตร้ ะบบบริหารคุณภาพการศกึ ษา
SOPIT Model ใช้ระบบดาเนินการบรหิ ารจัดการ โดยประประยุกตใ์ ช้วงจรคณุ ภาพ PDCA ของ Deming โดย
โรงเรียนบุคลากรใหม่ ทง้ั ครบู รรจุใหม่ ครูย้าย ครูอตั ราจา้ ง และบุคลากรสนบั สนุน โดยใชข้ ้อมลู ผลการสารวจ
ความคดิ เหน็ ตอ่ การสรา้ งความผกู พนั ของบคุ ลากร บนั ทกึ การนเิ ทศครู ขอ้ มูลจากการพดู คุย การสงั เกตอย่าง
ไม่เป็นทางการของผ้บู รหิ าร และหวั หนา้ งาน จากรนุ่ พีส่ รู่ ุ่นนอ้ ง โดยการสอนงาน การนเิ ทศการสอน การทางาน
ร่วมกนั เปน็ ทีม การดูแลเอาใจใส่ การร่วมแสดงความยนิ ดีชนื่ ชมในโอกาสพเิ ศษ เช่น การได้เลอื่ นวทิ ยฐานะ การ
สาเรจ็ การศกึ ษา การมอบของขวัญวนั เกดิ เกียรติบัตรครูดไี มม่ วี นั ลา การรว่ มแสดงความยนิ ดใี นพิธีมงคลสมรส
คลอดบุตร งานบวช การรว่ มแสดงความอาลัยในงานศพบดิ าหรอื มารดาของบคุ ลากร การสรา้ งความเข้าใจ การมี
ส่วนรว่ มในการวางแผนงาน รวมไปถงึ กระบวนการถ่ายทอดการทางานท่สี ง่ ผลต่อความผูกพันอย่างย่งั ยนื และ
ความพงึ พอใจของบคุ ลากรอย่างเป็นทางการและไมเ่ ป็นทางการ อาทเิ ช่น การกลับมารว่ มกจิ กรรมของทาง
โรงเรยี นในโอกาสตา่ ง ๆ ของขา้ ราชการครูและลกู จ้างท่ีเกษียณอายุราชการหรอื ย้ายไปทีอ่ นื่ ซึ่งเป็นผลเช่ือมโยงมา
จากการรว่ มกนั ขบั เคลอ่ื นภาระงานรับผิดชอบต่าง ๆ ในสถานศกึ ษา การเป็นแบบอย่างดา้ นการปฏิบัติงานของ

57

ผนู้ าและวัฒนธรรมองค์กร บรรยากาศในการทางานทเี่ อื้ออานวยตอ่ การเรียนร้แู ละปรับทศั นคติ พฤติกรรมของ
บคุ ลากร นาไปสูก่ ารพฒั นาและเปน็ องคก์ รอัจฉริยะ พรอ้ มทั้งนอ้ มนาหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งควบคไู่ ป
กบั การพัฒนาทางดา้ นวชิ าชพี และคุณภาพของการทางาน ก่อใหเ้ กิดความผกู พัน ส่งผลใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจท่ีดี
ระหวา่ งกันและความไวว้ างใจ รวมทัง้ ส่งผลให้เกดิ ความทุม่ เทแรงกายแรงใจและสตปิ ัญญา ในการทางาน เพ่ือ
พฒั นาโรงเรยี นไปสคู่ วามสาเร็จ บรรลุวสิ ัยทศั น์ พันธกิจ ดงั สรุปเปน็ ภาพประกอบ 5.2ก(2)

สร้างความผูกพนั

ทบทวนองค์ประกอบจองความผูกพัน

วิเคราะหอ์ งค์ประกอบของความผูกพัน

คัดเลือก/กําหนดองค์ประกอบของความผูกพนั /ความพึงพอใจ

เปน็ ทางการ จําแนกกจิ กรรม ไม่เป็นทางการ
ความผูกพัน

ตรวจสอบ ไม่เกิดความผกู พัน
ความผูกพัน

เกดิ ความผูกพัน
ประสบความสําเรจ็ บรรลวุ ิสยั ทัศน์ พนั ธกิจ

จดั ทาํ สารสนเทศ

ภาพประกอบ 5.2 ก (2) องค์ประกอบของความผูกพัน

ก (3) การประเมนิ ความผกู พันของบุคลากร (Assessment of Engagement)
โรงเรียนมแี ผนพัฒนาบคุ ลากรตอ่ เน่ืองทกุ ปี ท่ีถกู กาหนดจากปจั จัยทเ่ี ปน็ องค์ประกอบของความผูกพัน

โดยจดั ทาโครงการ กิจกรรมเสริมสรา้ งความผกู พนั ของบุคลากร วธิ ีประเมนิ อยา่ งไมเ่ ป็นทางการ ใช้วธิ ีการสงั เกต
การพบปะพูดคุย การทางานรว่ มกันเป็นทีม แกป้ ัญหา การสรา้ งความไว้เนอื้ เชื่อใจ โดยผ่านกจิ กรรมตา่ ง ๆ ทง้ั ใน
เวลางานและการสอ่ื สารชอ่ งทางอื่น ๆ เชน่ โทรศัพท์ อีเมล์ Facebook และ Line เพือ่ จะได้รับทราบข่าวของ
บคุ ลากร อาทเิ ช่น เรือ่ งสุขภาพ ครอบครวั การเดนิ ทาง การทางาน เป็นต้น จดั สวสั ดิการและส่ิงอานวยการ

58

สะดวกสบายในรปู แบบต่าง ๆ คา่ ตอบแทน รวมทั้งการให้รางวลั การสรา้ งแรงจงู ใน และสรา้ งโอกาสให้บคุ ลากรได้
กา้ วหนา้ ในหนา้ ท่ีการงาน นอกจากนโี้ รงเรยี นใชว้ ธิ ีการประเมนิ ความผูกพนั ของบุคลากรโดยพจิ ารณาจากตวั ช้วี ดั
อ่นื ๆ ไดแ้ ก่ สถติ ิการลา สถิติการยนื่ คาร้องขอย้าย สถติ ิการมาปฏิบัติหนา้ ทีข่ องบคุ ลากรในวนั หยดุ โดยไมม่ ีคาส่งั
การเสียสละเพ่ือองค์กรโดยการใช้รถยนต์สว่ นบุคคลไปราชการโดยไมผ่ กู พนั งบประมาณของทางโรงเรียน การ
กลบั มามอบสง่ิ ของและทนุ การศกึ ษาใหก้ ับโรงเรียนของศษิ ยเ์ ก่าและครเู ก่า จานวนศิษยเ์ กา่ ทเี่ ลอื กมาบรรจุและ
ขอยา้ ยมาปฏิบตั งิ านทีโ่ รงเรยี น มาสรุปเพอื่ ให้เป็นผลสะท้อนกลับถงึ ความผูกพันของบคุ ลากรทีม่ ีตอ่ โรงเรยี น

นอกจากนี้โรงเรียนนาผลการประเมินความผกู พนั ของบุคลากรเปน็ สว่ นหน่งึ ของการพจิ ารณาความสาเรจ็
ของโครงการตามแผนปฏิบตั กิ ารประจาปี ซง่ึ ผลการประเมนิ ความสาเรจ็ ของโครงการตามแผนปฏบิ ัติการอยใู่ น
ระดับสูงย่อมแสดงว่าความผูกพนั ของบคุ ลากรทีม่ ตี ่อโรงเรยี นอยใู่ นระดบั สงู ผลลัพธใ์ นดา้ นความผูกพนั โดยการ
สร้างขวญั และกาลงั ใจทม่ี ีผลช่วยกระตุน้ ใหบ้ ุคลากรพฒั นางานและรับผิดชอบงานท่ไี ดร้ บั มอบหมายใหม้ ี
ประสิทธิภาพมากยิ่งขนึ้ ซึง่ จะสง่ ผลตอ่ การพฒั นาองคก์ รใหย้ ัง่ ยืนสบื ตอ่ ไป

ก (4) การจัดการผลการปฏบิ ตั งิ าน (Performance Management)
โรงเรยี นใชห้ ลกั บรหิ ารงานภายใต้ระบบบรหิ ารคณุ ภาพการศกึ ษา SOPIT Model โดยมงุ่ ปฏิบตั งิ านตาม
แผนปฏบิ ัตกิ ารให้บรรลุวัตถปุ ระสงค์ เพอ่ื ความเปน็ เอกภาพ ประสบความสาเร็จตามเป้าหมายใหม้ ากท่สี ดุ เพอ่ื นา
ผลมาประกอบการพจิ ารณาเลอื่ นขนั้ เงนิ เดอื นตามเกณฑก์ ารประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏบิ ตั ิงาน
ของขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาอย่างโปรง่ ใส ตรวจสอบได้ โดยใช้หลักเกณฑข์ องสานกั งาน
คณะกรรมการข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา ท่กี าหนดตามมาตรฐานวชิ าชพี มาเป็นเกณฑห์ ลกั ในการ
ประเมินผลการปฏบิ ตั ิงาน มีการแจง้ ประชาสมั พนั ธ์ใหบ้ คุ ลากรทกุ ระดบั รบั ทราบเกีย่ วกับเกณฑก์ ารประเมนิ นชี้ ่วง
ต้นภาคเรียน มีการยกยอ่ งครูผู้มีผลงานดีเดน่ ครูผ้ปู ฏิบัติราชการดว้ ยความวิริยะอุตสาหะ ครูดศี รีโซ่พทิ ย์ เสนอชอ่ื
เพ่อื รับรางวลั เกยี รตยิ ศจากองคก์ รภายนอก เชน่ รางวัลหนึง่ แสนครูดี รางวลั ครูดีในดวงใจ ครผู มู้ ผี ลงานดีเด่น เป็น
การกระตุน้ ใหบ้ ุคลากรปฏบิ ตั ิหน้าทอี่ ยา่ งเตม็ กาลงั ความสามารถและประพฤติตนตามจรรยาบรรณครูและ
มาตรฐานวิชาชพี สร้างแรงจงู ใจโดยการสนับสนนุ งบประมาณเปน็ สวสั ดิการ เชน่ คา่ ใชจ้ า่ ยในการอบรมสัมมนา
ศึกษาดูงาน การเชญิ วิทยากรผู้ทรงคณุ วฒุ ิมาใหค้ วามรู้ตามความสนใจของครู เปน็ ตน้

ข. การพัฒนาบคุ ลากรและผนู้ ํา (Workforce and Leader Development)
ข (1) ระบบการเรยี นรูแ้ ละการพัฒนา (Learning and Development System)
โรงเรยี นสารวจ วิเคราะห์ความตอ้ งการของคณะครูและกาหนดสมรรถนะ ใหส้ อดคลอ้ งกบั หลกั
จรรยาบรรณวชิ าชีพและหลักเกณฑ์ของสานักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา เพื่อ
บรรลุผลสาเร็จตามกลยทุ ธแ์ ละแผนปฏบิ ัตกิ ารประจาปี นามาจัดทาแผนพัฒนาบุคลากร โดยม่งุ เนน้ การจดั
กิจกรรมสง่ เสรมิ และสนับสนนุ บคุ ลากรได้รับการพฒั นาตามโครงการพฒั นาครูและบคุ ลากรต่อเนอ่ื ง โดยรปู แบบ
พบหนา้ อยา่ งน้อย 2 คร้ังตอ่ ภาคเรียน พร้อมทง้ั สนบั สนุนและสง่ เสริมให้บุคลากรได้รบั การอบรม สมั มนา แบบ
ออนไลนต์ ่อเน่อื งตลอดภาคเรยี น การสรา้ งเครอื ขา่ ยการแลกเปลีย่ นเรยี นร้รู ะหวา่ งสถานศกึ ษา ทงั้ ในและนอก
ประเทศ หน่วยงานราชการ และสถานประกอบการเอกชน มีการกระตุน้ บคุ ลากรให้นาความรทู้ ักษะมาแลกเปลย่ี น

59

เรยี นรู้ระหว่างกันผา่ นกจิ กรรม PLC นาแนวการปฏบิ ัติงานทีด่ ีของหนว่ ยงานอ่นื ๆ ทเ่ี กย่ี วข้องมาพัฒนางาน สรา้ ง
นวตั กรรมใหม่ ควบคกู่ ับการพัฒนาการสอนอย่างมีคุณธรรม จรยิ ธรรม ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
โดยเน้นผู้เรียนและผู้มีสว่ นรว่ ม มกี ารถา่ ยโอนความรู้ โดยการเรียนรู้ระหว่างปฏิบัตงิ าน ให้มคี ณะทางานท่ีมวี ยั วุฒิ
คุณวฒุ ิ ประสบการณท์ ี่หลากหลายเพือ่ ถา่ ยทอดความรแู้ ละประสบการณร์ ่วมกนั เตรยี มบุคลากรทดแทนตาแหน่ง
หวั หน้างานสาคัญใหช้ ัดเจน เพอื่ ให้เกดิ การตอ่ เนื่องในการบริหารงาน รองรับกรณคี รูเกษียณอายรุ าชการ โยกยา้ ย
หรอื ลาออก และมกี ารประเมนิ ผลเมอื่ เสรจ็ สิ้นโครงการ นาผลการประเมินและติดตาม เสนอใหผ้ บู้ ริหารรบั ทราบ
และปรบั ปรุงผลการดาเนนิ ตามแผนพัฒนาบคุ ลากร สอดคล้องภาระงานและวชิ าชพี เปน็ ประจาทุกปี บคุ ลากรทุก
กลุ่มสาระการเรยี นรู้มีการสอบวัดระดับความรคู้ วามสามารถทางดา้ นภาษาอังกฤษโดยใชแ้ บบทดสอบ
มาตรฐานสากลทีใ่ ชอ้ ธิบายระดับความเช่ียวชาญทางภาษาตามกรอบ CEFR (Common European
Framework of Reference for Languages) เพื่อสอดรบั กบั นโยบายการพฒั นาความรูค้ วามสามารถดา้ น
ภาษาองั กฤษของบุคลากร

ข (2) ประสิทธผิ ลของการเรียนรูแ้ ละพฒั นา (Learning and Development Effectiveness)
โรงเรียนมกี ารจดั ทาแผนกลยทุ ธ์การพฒั นาครแู ละบุคลากร แผนพฒั นาบุคลากร ท่สี อดคล้องกับ
หลักเกณฑ์ของสานกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาและบริบทขององค์กร โดย
ผู้บริหารและคณะกรรมการฝ่ายบริหารมีการประชุม ตดิ ตามผลการดาเนินงานในระดบั ตา่ ง ๆ อย่างนอ้ ยสัปดาห์
ละ ครงั้ 1เพ่ือประเมนิ ประสทิ ธิภาพและประสทิ ธผิ ลของการเรียนรแู้ ละการพัฒนา จากผลลัพธด์ า้ นตา่ ง ๆ ของ
โรงเรยี น เช่น สถิติการศกึ ษาตอ่ และการเพม่ิ วฒุ กิ ารศึกษา สถติ กิ ารเลอ่ื นวทิ ยฐานะ สถิติการอบรมสัมมนา ทัศน
ศกึ ษาและการศกึ ษาดงู าน จานวนงานวิชาการ ผลงานวจิ ยั นวัตกรรมสื่อการสอน รวมถึงจานวนครทู ไี่ ดร้ บั รางวัล
เกยี รติยศตา่ ง ๆ ทั้งภายใน ภายนอกสถานศกึ ษา ผลสัมฤทธ์ิด้านผูเ้ รยี น ผลการสร้างเครอื ข่ายทางการศึกษา ผล
จากการประกนั คุณภาพภายใน และการประเมินภายนอกสถานศึกษา แสดงดังภาพประกอบ 5.6
ข (3) ความกา้ วหน้าในวิชาชีพ (Career Progression)
โรงเรียนมีการกาหนดระยะเวลาในการพฒั นาความก้าวหนา้ ของอาชพี (Career Path) แจง้ ให้ บคุ ลากร
ทกุ คนทราบเพือ่ เปน็ แนวทางใหบ้ ุคลากรวางแผนและพฒั นาตนเอง มีการส่งเสรมิ และสนบั สนุนใหบ้ ุคลากรไดร้ ับ
การพฒั นาทกั ษะ ความรู้ ความสามารถในการเตรยี มความพรอ้ มในการกา้ วไปสู่การมีวิทยฐานะที่สงู ขึ้น เม่อื มี
คุณสมบัติครบตามเกณฑ์ โดยให้โอกาสบคุ ลากร เข้าส่กู ระบวนการฝึกอบรม ศกึ ษาดูงานทัง้ ในดา้ นวชิ าการ ดา้ น
วชิ าชพี แลว้ นามาขยายผล สนบั สนุนใหศ้ กึ ษาตอ่ ระดบั การศกึ ษาทส่ี งู ขนึ้ ในสาขาทเี่ กยี่ วขอ้ ง เพอ่ื พัฒนาตนเองได้
ตามศกั ยภาพ ส่งเสรมิ ใหบ้ คุ ลากรมคี วามรอบรู้ในหนา้ ทีร่ บั ผิดชอบ จดั ทาผลงานทางวิชาการเพื่อพฒั นาวชิ าชีพอยู่
เสมอ เปิดโอกาสให้บคุ ลากรไดแ้ สดงความร้คู วามสามารถเพื่อพฒั นาศกั ยภาพการปฏบิ ัตงิ านในตาแหน่งที่สูงข้ึน
มีการแลกเปล่ยี นเรียนร้รู ะหวา่ งกนั ของครใู นเครอื ข่ายวิชาชพี ในพ้ืนท่แี ละระหวา่ งพนื้ ทท่ี วั่ ประเทศ มีการยกย่อง
ชมเชย สรา้ งขวัญกาลงั ใจแกผ่ มู้ ผี ลงาน ความสามารถ และความดคี วามชอบของบคุ ลากร อยูบ่ นพื้นฐานทชี่ ดั เจน
โปรง่ ใสและเป็นธรรม ซึ่งจะทาให้เกดิ ความเชอื่ มนั่ ในการบรหิ าร การวางแผนจดั เตรียมและพฒั นาผ้มู ีศกั ยภาพ สืบ
ทอดตาแหน่งหวั หนา้ งานตามโครงสร้างการบรหิ ารโรงเรยี น มแี นวปฏิบัตโิ ดยกาหนดวาระการดารงตาแหนง่ ไว้

60

อย่างชดั เจน กาหนดวิธกี ารสรรหาโดยการเลือกต้งั หรอื การแต่งต้ัง ในการสรรหาผ้ดู ารงตาแหน่งใหม่จะดาเนนิ การ
ล่วงหนา้ กอ่ นหมดวาระเพื่อใหเ้ กิดการเรยี นรูแ้ ละถา่ ยทอดงาน เพอ่ื ฝึกการทางานและพร้อมสาหรบั การทางาน
ตาแหน่งหวั หนา้ หรือผู้บรหิ ารในอนาคต มงี บประมาณสนับสนุนบคุ ลากรสร้างผลงานต่าง ๆ เช่นการทาวิจยั และ
การทาผลงานทางวิชาการ เปน็ ต้น แสดงดงั ภาพประกอบ 5.2 ข (3)

วางแผนสบื ทอดตําแหน่ง
 แตง่ ตง้ั
 เลือกต้ัง
 สรรหา

SOPIT สนับสนนุ ประเมิน ความก้าว
Model การศกึ ษา ผลการ KM / หนา้ ใน
นวตั อาชีพ
แผนกล แผนปฏิ โครงการ ตอ่ / พฒั นา กรรม
ยุทธ์ บัติการ พฒั นาครู สง่ เสริมให้
วเิ คราะห์ การ พฒั นา ทาผลงาน Career Path
เพือ่ พฒั นา บุคลากร และ วิชาการ
สารวจ กาหนด ครูและ ประจา บคุ ลากร
ความ บคุ ลากร
ต้องการ สมรรถนะ ปี
ของครู
และ
โรงเรียน

ภาพประกอบ 5.2 ข (3) แสดงการพฒั นาบคุ ลากรและผนู้ า

หมวด 6
การปฏิบตั กิ าร (Operations)
6.1 กระบวนการทางาน (Work Process)

ก. การออกแบบหลกั สูตรและกระบวนการ (Product and PROCESS Design)
โรงเรียนโซพ่ สิ ยั พิทยาคม มีรูปแบบการบรหิ ารความเปน็ เลศิ โดยใช้ SOPIT MODEL ในการกาหนด
กระบวนการทสี่ ร้างคณุ ค่าก่อให้เกิดประสิทธิผลสงู สุดตอ่ การบริหารหลกั สูตรการเรียนรแู้ ละความสาเรจ็ ของนักเรียน
โดยการวางแผนเชงิ กลยทุ ธ์เพอื่ ให้สนองตอ่ ความตอ้ งการของนกั เรียนผู้มสี ว่ นไดส้ ่วนเสียและบรรลทุ ศิ ทางการจดั
การศกึ ษาของโรงเรยี น (วสิ ัยทศั น์ พันธกจิ และเป้าประสงค)์ ในการออกแบบหลักสูตรและกระบวนการ โรงเรยี น
คานงึ ถึงความตอ้ งการของลกู คา้ และผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสีย สมรรถนะหลักของโรงเรยี น เพ่ือให้สอดคล้องกับวิสยั ทศั น์
พนั ธกิจ และค่านิยมขององคก์ ร
(1) ข้อกาหนดของหลักสูตรและกระบวนการทางาน (Product and PROCESS Requirement)
การจดั ทาขอ้ กาหนดท่ีสาคัญของหลกั สูตรและกระบวนการทางาน โดยการมสี ่วนร่วมของทุกภาคส่วน
ลักษณะทางานเป็นทีมในทกุ ระดบั โรงเรียนโซพ่ ิสยั พิทยาคม ไดน้ านวัตกรรม SOPIT Model มาใชใ้ นการบรหิ าร
คณุ ภาพดว้ ยกระบวนการ P-D-C-A เพอ่ื ขบั เคล่ือนองคก์ รใหบ้ รรลุวิสยั ทัศน์และผลลัพธ์ทว่ี างไว้ โดยใช้
กระบวนการหลกั และกระบวนการสนบั สนุน ดงั น้ี ได้กาหนดระบบหลกั ของการดาเนินงาน 2 ระบบ ไดแ้ ก่ 1)ระบบ
การเรยี นการสอน 4 กระบวนการ คอื (1)กระบวนการพัฒนาหลักสูตร (2) กระบวนการจัดการเรียนการสอน
(3)กระบวนการระบบดูแลชว่ ยเหลือนกั เรียน (4)กระบวนการพัฒนาครู 2)ระบบสนบั สนนุ 4 กระบวนการ คือ (1)
กระบวนการจัดทากลยทุ ธ์ (2) กระบวนการประกันคณุ ภาพภายใน (3) กระบวนการพัฒนาแหลง่ เรยี นรแู้ ละสอ่ื ICT
(4)กระบวนการนาองคก์ ร สโู่ รงเรียนคณุ ภาพชั้นนา ดังภาพ 6.1 ก (1)

ระบบและกระบวนการทางาน

ระบบการเรยี นการสอน ระบบสนบั สนนุ

กระบวนการพัฒนาหลักสตู รสสู่ ากล กระบวนการจัดทากลยทุ ธ์

กระบวนการจัดการเรยี น กระบวนการประกันคุณภาพภายใน
กระบวนการพัฒนาแหลง่ เรยี นรแู้ ละส่อื ICT
การสอน
ระบบดแู ลช่วยเหลือนักเรียน

กระบวนการพัฒนาครสู ูส่ ากล กระบวนการนาองค์กรสู่
โรงเรียนคุณภาพช้ันนา

ภาพประกอบ 6.1 ก (1) ระบบและกระบวนการทางาน
โรงเรยี นมวี ธิ ีการในการจดั ทาขอ้ กาหนดทีส่ าคญั ของหลักสูตรและกระบวนการทางานทีส่ าคญั โดยได้
ขอ้ มลู จากผ้เู รียน ผ้มู ีสว่ ยไดส้ ่วยเสีย คคู่ วามรว่ มมอื ท่เี ป็นทางการและไม่เป็นทางการ ข้อมูลเหล่านีไ้ ดจ้ ากการ
วเิ คราะห์จากแบบสอบถาม แบบสารวจ และข้อเสนอแนะ แลว้ นามาเปน็ ข้อกาหนดที่สาคัญขอกระบวนการ ดังนี้
1. ผูบ้ ริหารและครูในโรงเรียนชว่ ยกันศกึ ษาขอ้ มลู ตา่ งๆ ที่เกี่ยวข้องทัง้ ขอ้ มลู ในระดับนโยบายระเบียบการ
ปฏิบัติงาน ขอ้ เสนอแนะจากผรู้ บบริการ ผมู้ ีสว่ นไดส้ ่วนเสีย และผลการสารวจความพึงพอใจ
2. นาเสนอขอ้ กาหนดของกระบวนการทางานหลักเพ่อื พจิ ารณากระบวนการทางานหลักและพจิ ารณาหา
ข้อกาหนดท่ีสาคัญที่มผี ลตอ่ การดาเนินงานในกระบวนการน้ันๆ ต่อผู้บรหิ าร

62

3. ประชมุ ระดมความคิดเหน็ จากบคุ ลากรในโรงเรียน เพือ่ รว่ มพจิ ารณาจดั ทาขอ้ กาหนดทีส่ าคญั ของแต่
ละกระบวนการหลกั ดงั ตาราง 6.1 ก(1)
ตาราง 6.1 ก (1) ขอ้ กาหนดดา้ นหลกั สตู ร ปีการศกึ ษา 2561-2563

หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นโซพ่ สิ ยั พิทยาคม ขอ้ กาหนดของหลกั สูตรเม่ือจบการศกึ ษา
พทุ ธศักราช 2551(ฉบับปรับปรุง 2560)
-ตอ้ งได้รับการตดั สนิ ผลการเรยี นรายวชิ าในกลุ่มสาระภาษาตา่ งประเทศ(ภาษาองั กฤษ,
ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาตอนต้น ภาษาญ่ปี ุน่ ,ภาษาจนี ,ภาษาเกาหลี) เฉล่ียไม่นอ้ ยกว่า 2.0
หลักสูตรห้องเรยี นพเิ ศษ
แผนการเรียนภาษาเพ่อื การสอ่ื สาร - ตอ้ งไดร้ ับการตัดสินผลการเรียนรายวิชาในกลุ่มสาระวทิ ยาศาสตร์ และคณติ ศาสตร์
เฉลีย่ ไม่น้อยกวา่ 2.0
(English for Communication :EFC) -ต้องได้รับการตัดสินผลการเรยี นรายวิชาในกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์
เฉลี่ยไมน่ ้อยกว่า 2.0
หลักสตู รห้องเรยี นปกติ -ต้องไดร้ บั การตัดสนิ ผลการเรียนรายวิชาในกลมุ่ สาระภาษาไทย และสงั คมศึกษาฯ
1)แผนการเรยี นวทิ ยาศาสตร์-คณติ ศาสตร์ เฉลย่ี ไมน่ อ้ ยกว่า 2.0
-ต้องไดร้ บั การตัดสินผลการเรียนรายวชิ าในกลุ่มสาระศลิ ปะ เฉลย่ี ไม่น้อยกว่า 2.0
2)แผนการเรยี นวิทยาศาสตร์-คอมพิวเตอร์ -ตอ้ งไดร้ ับการตัดสินผลการเรยี นรายวชิ าในกลุ่มสาระสุขศึกษาพลศกึ ษา
และการงานอาชีพ เฉล่ียไม่นอ้ ยกว่า 2.0
3)แผนการเรียนภาษาไทย-สังคม
ขอ้ กาหนดของหลักสูตรเมอื่ จบการศกึ ษา
4)แผนการเรียนทศั นศลิ ป์-ดนตรี-นาฏศิลป์
5)แผนการเรียนกฬี า-การงานอาชีพ -ต้องไดร้ ับการตัดสนิ ผลการเรียนรายวชิ าในกลมุ่ สาระภาษาตา่ งประเทศ
เฉลย่ี ไมน่ ้อยกวา่ 2.0
หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นโซพ่ ิสัยพทิ ยาคม
พทุ ธศกั ราช 2551(ฉบับปรบั ปรงุ 2560) -ต้องได้รับการตดั สนิ ผลการเรยี นรายวิชาในกลุ่มสาระวทิ ยาศาสตรแ์ ละคณิตศาสตร์
เฉลีย่ ไม่น้อยกวา่ 2.0
ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย -ต้องได้รับการตดั สนิ ผลการเรยี นรายวิชาในกลุ่มสาระวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
หลักสูตรหอ้ งเรยี นพิเศษ เฉลย่ี ไมน่ ้อยกวา่ 2.0
แผนการเรียนภาษาเพอื่ การส่อื สาร -ต้องได้รบั การตัดสนิ ผลการเรยี นรายวชิ าในกลมุ่ สาระภาษาไทย และสงั คมศึกษาฯ
เฉล่ียไมน่ อ้ ยกวา่ 2.0
(English for Communication :EFC)
-ต้องได้รบั การตดั สนิ ผลการเรียนรายวชิ าในกล่มุ สาระสุขศกึ ษาพลศกึ ษาและการงาน
หลักสตู รหอ้ งเรยี นปกติ อาชีพ เฉลยี่ ไมน่ ้อยกว่า 2.0
1) แผนการเรยี นวทิ ยาศาสตร์-คณิตศาสตร์
- ห้องเรยี นเตรยี มแพทยพ์ ยาบาล -ตอ้ งไดร้ ับการตัดสินผลการเรยี นรายวิชา IS และวชิ าวทิ ยาการคานวณ
- หอ้ งเรยี นเตรยี มวศิ วกร เฉล่ียไม่นอ้ ยกว่า 2.0
- หอ้ งเรียนเตรยี มวทิ ยาศาสตร-์ เทคโนโลยี
2) แผนการเรยี นภาษาไทย-สงั คม ขอ้ มูล ณ วนั ที่ 16 พฤษภาคม 2565
- หอ้ งเรยี นเตรียมนิตศิ าสตร์ –รัฐศาสตร์
- ห้องเรียนเตรยี มครุศาสตร์
3) แผนการเรยี นการงานอาชพี
- หอ้ งเรยี นช่างอุตสาหกรรม
- หอ้ งเรียนคหกรรม

หลกั สูตรเทียบเคยี งโรงเรียนมาตรฐานสากล
- IS1 วชิ าการศึกษาคน้ คว้าและสารสนเทศ
- IS2 วชิ าการสอ่ื สารและการนาเสนอ
- IS3 การนาองค์ความรไู้ ปบรกิ ารสังคม
- วิชาวิทยาการคานวณ /เรียนรู้แบบโครงงาน

ก (2) แนวคิดการออกแบบ (Design Concepts)
โรงเรยี นมีวธิ ีการออกแบบหลกั สตู ร กระบวนการทางานเพ่อื ให้เปน็ ไปตามขอ้ กาหนดดงั ตาราง 6.1 ก (2)
ตาราง 6.1 ก (2) แนวคดิ การออกแบบหลักสตู รและกระบวนการทางานเพอื่ ใหเ้ ปน็ ไปตามขอ้ กาหนด

63

แนวคดิ การออกแบบ วตั ถปุ ระสงค์ ตวั วดั /ตัวชี้วดั เป้าหมาย
1.เพื่อใหค้ รู จดั การเรยี นรู้ ตาม ร้อยละ 95
ครศู กึ ษา วเิ คราะหห์ ลกั สตู รสถานศกึ ษา ข้อกาหนด ของหลกั สตู ร อย่าง 1. ผลการประเมนิ
ขอ้ กาหนดและกระบวนการการทางาน มี ประสทิ ธภิ าพ ประสทิ ธภิ าพการ รอ้ ยละ 95
ปฏบิ ัติหนา้ ทีข่ อง ครู ร้อยละ 95
จัดทากาหนดการจัดการเรยี นรู้ 2.เพ่ือส่งเสรมิ ให้ครูสรา้ ง ระดบั ดี ขึ้นไป
นวัตกรรมใหม่ ๆ ในการ จัดการ รอ้ ยละ 95
ออกแบบการจดั การเรียนรู้ เรียนรู้ 2. ร้อยละของครู ที่
จัดทาหนว่ ยการเรียนร้แู ละแผนการจดั การเรยี นรู้ สรา้ งนวตั กรรม/ สอื่
3. เพอื่ สง่ เสริมให้ครนู า ใหม่ ๆ
ครูออกแบบ จัดทานวตั กรรม สอื่ /เทคโนโลยี เทคโนโลยีใหม่ มาใชใ้ นการ
จดั การเรยี นรู้ 3. ร้อยละของครู ที่จดั
ครูจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ กจิ กรรม การเรยี นรู้
ดาเนินการนิเทศ กากับตดิ ตาม 4. เพอื่ พัฒนาผ้เู รียน โดยใช้ สื่อเทคโนโลยี
ใหม้ คี ณุ ภาพตามข้อ ใหม่
กาหนดของหลกั สตู ร รอ้ ยละ
98 4. ร้อยละของผเู้ รยี น ท่ี
จบหลักสตู ร

ซอ่ มเสริม

ประเมินผ ไมผ่ ่าน

ผ่าน ล

รายงานผลการจัดการเรยี นรู้

โรงเรียนมีวิธีการในการออกแบบหลกั สตู รและกระบวนการทางานเพือ่ ให้เป็นไปตามขอ้ กาหนดทีส่ าคญั
คือจดั ประชุมสร้างความเข้าใจแก่ครูและบุคลากร SOPIT Model ใช้วงจรควบคุมคุณภาพของเดมมิ่ง PDCA
กาหนดใหค้ รปู ระจาวชิ าออกแบบการจดั การเรียนรู้ ตามหลักสตู รทีเ่ นน้ ผเู้ รยี นเปน็ สาคัญ ส่งเสริมให้ครสู ร้าง
นวัตกรรม และนาส่ือเทคโนโลยีมาใช้ โดยวิเคราะหม์ าตรฐาน/ตวั ช้ีวดั เพ่อื จดั ทาแผนการจัดการเรยี นรู้ นาไปใชจ้ ดั
กิจกรรมการเรยี นรู้ในชั้นเรยี น มีผู้บริหาร ฝา่ ยวชิ าการ และหวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ นเิ ทศตดิ ตาม ครจู ดั การ
วดั ประเมนิ ผลการเรยี นรนู้ กั เรียนอยา่ งต่อเน่ือง กรณไี มผ่ า่ นตวั ชว้ี ัดใหจ้ ดั สอนซอ่ มเสรมิ /สอบแก้ตวั หรือเรียนซ้า
กาหนดใหค้ รทู ุกคนปฏบิ ัตใิ น แนวทางเดยี วกัน

การออกแบบ มีการนาเทคโนโลยีใหม่มาใช้เพ่อื ใหเ้ ป็นไปตามขอ้ กาหนดท่สี าคัญ 3 ระบบ เช่น เครอื ข่าย
สังคมออนไลน์ Line Facebook จดหมายข่าว ในการทาความเขา้ ใจในเร่ืองต่างๆ โดยเฉพาะการสร้างเครอื ขา่ ย
ไลนก์ ลุ่มผปู้ กครอง ไลนก์ ลมุ่ ครูในเขตพื้นท่บี รกิ าร ไลน์กลมุ่ นกั เรยี น ไลน์กลมุ่ ศิษย์เก่า ปรับปรุง Facebook ของ
โรงเรยี นใหท้ ันสมยั เปน็ ปัจจบุ นั ทาให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการ เพอ่ื ความเป็นเลิศของหลักสูตร
มีการวางแผนปรับกลยทุ ธก์ ารพฒั นาไปส่กู ารเตรียมความพรอ้ ม ท่ีจะเปน็ ประโยชน์ต่อการบริหารจัดการโรงเรยี น
มาตรฐานสากลผลลพั ธท์ าใหเ้ กดิ คุณคา่ ในมมุ มองทงั้ ของนกั เรียนและผ้มู ีส่วนได้สว่ นเสยี

ข. การจัดการกระบวนการ
ข (1) การนากระบวนการไปปฏิบตั ิ (PROCESS Implementation)
โรงเรยี นดาเนินการสรา้ งความเขา้ ใจ และความตระหนัก ใหค้ รูบคุ ลากรนากระบวนการไปปฏบิ ัติตามคู่มือ
และข้อกาหนดตา่ ง ๆ รวมทง้ั นเิ ทศ แลกเปลย่ี นเรียนรู้ สังเกตชน้ั เรียนของครู ประเมนิ ผลการปฏบิ ัติงานทกุ ภาค
เรยี น เพอื่ ให้มั่นใจวา่ การปฏิบตั ิงานเปน็ ไปตามวตั ถุประสงค์ ตวั ชีว้ ดั และเปา้ หมาย ดงั ตาราง 6.1 ข (1)

64

ตาราง 6.1 ข (1) การนากระบวนการไปปฏิบัติ วตั ถุประสงค์ ตัววดั /ตัวชวี้ ัด เปา้ หมาย
ร้อยละของครทู ี่ผลการ รอ้ ยละ 95
การนากระบวนการทางานสกู่ ารปฏิบัติ เพือ่ ให้เกดิ ผลลพั ธ์ ประเมนิ ประสิทธภิ าพ
ประชมุ ชี้แจงบคุ ลากรใหเ้ ข้าใจกระบวนการ ความสาเรจ็ ตามขอ้ กาหนด
และข้อกาหนดทสี่ าคญั ของหลกั สตู ร และ ของกระบวนการทางานท้ัง การปฏิบตั งิ านท้งั 2
2 ระบบ (ระบบการเรียน ระบบ ภาพรวมระดบั ดี
การนาหลกั สูตรสู่การปฏิบตั ิ การสอน และระบบ
สนบั สนนุ ) ขน้ึ ไป
แตง่ ตั้งคณะกรรมการนิเทศติดตาม

กาหนดขอบข่ายและปฏิทินนเิ ทศ

ดาเนินการนิเทศ กากบั ติดตาม ปรบั ปรงุ

ประเมินผล ไมบ่ รรลุ

บรรลุ
รายงานผล

ผลลัพธ์ความสาเรจ็ ตามข้อกาหนดและกระบวนการทางาน สง่ ผลใหน้ กั เรียนไดร้ บั การพัฒนาผลสมั ฤทธิ์

ทางการเรียน พฒั นากระบวนการคดิ วเิ คราะห์ มคี ณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ มีกจิ กรรมเสริมหลกั สตู รใหบ้ ริการท่ี

หลากหลายส่งผลให้นักเรียนมผี ลงานระดบั ชาตศิ กึ ษาต่อเพิ่มขึน้ ขึน้ ปี

ข (2) กระบวนการสนบั สนนุ (Support Process)กระบวนการสนบั สนนุ ระบบงานทง้ั 2 ระบบ ไดแ้ ก่
กระบวนการจดั ทากลยทุ ธ์ กระบวนการประกันคุณภาพภายใน กระบวนการพัฒนาแหลง่ เรยี นรแู้ ละสอื่ ICT และ

กระบวนการนาองคค์ วามรสู้ ูโ่ รงเรยี นคณุ ภาพช้ันนา ดังตาราง 6.1 ข (2)

ตาราง 6.1 ข (2) การกาหนดกระบวนการสนับสนุน

กระบวนการสนับสนุน วตั ถปุ ระสงค์ ตวั วดั /ตวั ชวี้ ดั เป้าหมาย
รอ้ ยละ 95
วิเคราะหข์ อบข่าย5งานทเี่ กีย่ วกับ เพอ่ื ใหเ้ กิดผลลัพธ์ ความสาเร็จ รอ้ ยละของครู
ตามขอ้ กาหนดของ 2 ระบบงาน ที่ปฏิบัติตาม
การสนบั สนนุ การใชห้ ลักสตู ร กระบวนการสนับสนนุ ที่สาคัญ ขอ้ กาหนดของ
กระบวนการ
กาหนดระบบงาน 2 ระบบ 4 กระบวนการ(กระบวนการ ทางานระบบ
สนับสนนุ
จดั ทากลยุทธ์ กระบวนการ มีประสทิ ธิภาพ
ระดับดขี ึ้นไป
แต่งตง้ั คณะทางานรับผดิ ชอบ ประกันคุณภาพภายใน
กระบวนการพัฒนาแหล่งเรียนรู้

จดั ทาคมู่ อื กระบวนการทางานทง้ั 4 กระบวนการ และสอ่ื ICT และ

กระบวนการนาองค์ความรสู้ ู่

ดาเนนิ งานตามขน้ั ตอนท่ีออกแบบ โรงเรยี นคณุ ภาพ

ชนั้ นา)

นิเทศ กากับตดิ ตาม ปรบั ปรงุ

สรุปผล ไมบ่ รรลุ

บรรลุ กระบว

รายงานผล

65

โรงเรียนได้วเิ คราะหส์ ภาพบรบิ ทงานท่เี ก่ียวข้องกับระบบหลัก เพ่ือกาหนดระบบงานสนับสนุน 4

กระบวนการ แตง่ ต้งั คณะกรรมการรับผดิ ชอบ จดั ทาคมู่ อื ปฏบิ ัติงาน ประชุมชแี้ จง กระบวนการทางานตาม

ขอ้ กาหนดเพื่อให้ ครแู ละบคุ ลากรเข้าใจ และปฏิบตั ิในทิศทางเดยี วกนั ด้วย SOPIT Model ใช้วงจรควบคุม

คณุ ภาพของเดมมิ่ง PDCA จัดให้มนี เิ ทศแลกเปลีย่ นเรยี นรู้ รายงานผลและประเมนิ ประสทิ ธิภาพการปฏบิ ตั ิ

หน้าท่ขี องครูทกุ ภาคเรียน ทาใหท้ ราบจดุ เดน่ จดุ ท่ีตอ้ งพัฒนาเพ่ือสนบั สนนุ การดาเนนิ งานของโรงเรียนบรรลุตาม

เป้าประสงค์

ข (3) การปรบั ปรุงหลักสูตรและกระบวนการ (Product and PROCESS)
โรงเรียนมวี ิธีการในการปรับปรุงหลักสูตรสถานศกึ ษาและกระบวนการ ให้ตรงกบั ความตอ้ งการของ

นกั เรยี น และผู้มสี ว่ นไดส้ ว่ นเสีย ดังตาราง ตาราง 6.1 ข (3) วตั ถุประสงค์ ตัววัด/ตัวช้วี ดั เปา้ หมาย
ตาราง 6.1 ข (3) การปรบั ปรุงหลกั สูตรและกระบวนการ

กระบวนการปรับปรุงหลักสูตร

แตง่ ต้งั คณะกรรมการนิเทศตดิ ตาม เพ่อื ปรบั ปรงุ หลักสตู รให้ รอ้ ยละของนักเรียน ร้อยละ 95
ประชุมคณะกรรมการวชิ าการ ครูทกุ คน วางแผน ตรงกับ ความต้องการของ และผู้มีสว่ นได้
นกั เรียน และผ้มู ี ส่วนได้ ส่วนเสียทมี่ ีความ
นิเทศติดตาม และสารวจความพึงพอใจ ส่วนเสยี (ผูป้ กครอง พึงพอใจต่อการ
ชมุ ชน และหน่วยงานที่ ปรับปรงุ หลักสูตร
เกี่ยวขอ้ ง)

วิเคราะห์ผลการนิเทศ

ดาเนนิ การนเิ ทศ กากบั ตดิ ตาม ปรับปรุง
ไม่บรรลุ
ประเมนิ ผล

กระบวนการ

บรรลุ
รายงานผล

โรงเรียนนาวงจรบริหารงานคุณภาพ PDCA มาใชป้ รบั ปรงุ ผลการดาเนินการของกระบวนการและ
ลดความแปรปรวน เมอ่ื ได้วางแผนงาน (P) นาไปปฏบิ ัติ (D) ระหวา่ งการปฏิบัติดาเนินการตรวจสอบ(C) ถา้ พบ
ปญั หา ทาการแกไ้ ขหรอื ปรบั ปรุง(A) การปรบั ปรงุ เริม่ จากการวางแผนกอ่ น วนรอบไปตามวงจร PDCA ผลลพั ธ์
ส่งผลใหก้ ารจัดการเรียนการสอนตามหลักสตู รสาเร็จตามข้อกาหนด นกั เรียนเปน็ คนเกง่ ดี มคี ณุ ลักษณะอนั พึง
ประสงค์ มีคุณภาพ ไดร้ ับการพฒั นาองค์รวม มีผลงานเชิงประจกั ษร์ ะดับชาติ นกั เรียนศกึ ษาตอ่ เพ่มิ มากข้ึนเป็นที่
พึงพอใจของนักเรียน ผู้มีสว่ นได้สว่ นเสยี และผเู้ ก่ยี วขอ้ งมากข้ึน

ค (1) การจดั การนวตั กรรม (INNOVATION Management)
โรงเรยี นมีวธิ กี ารดาเนินงานตามโอกาสเชิงกลยทุ ธ์ ทโ่ี รงเรยี นกาหนดเป็นความเสี่ยง ท่ผี า่ นการประเมินผล
ไดผ้ ลเสียอย่างรอบดา้ น ได้ดาเนนิ การจัดการนวตั กรรมตามขน้ั ตอนเพอ่ื ใหต้ รงกบั ความตอ้ งการของนักเรยี น และ
ผู้มสี ่วนไดส้ ว่ นเสยี ตาม SOPIT Model ใช้วงจรควบคุมคณุ ภาพของเดมมิ่ง PDCA ดังตาราง 6.1 ค (1)

66

ตาราง 6.1 ค (1) กระบวนการจดั การนวัตกรรม วตั ถุประสงค์ ตัววดั /ตวั ชวี้ ดั เป้าหมาย
ผลลพั ธ์ รอ้ ยละ 95
กระบวนการจัดการนวตั กรรม เพ่ือดาเนนิ การตาม ความสาเร็จ
โอกาสเชงิ กลยุทธ์ ของนวตั กรรม
วิเคราะหส์ ถานการณป์ ัจจบุ นั ที่โรงเรยี นกาหนด
สภาพแวดลอ้ มภายใน/ภายนอกโรงเรียน เปน็ ความเส่ียง การดาเนินงาน

ระบุปญั หาทก่ี าหนดเปน็ ความเส่ียง การจัดการนวัตกรรมดว้ ย SOPIT Model สง่ ผลใหค้ รมู ีความรู้
ความสามารถในการ ทางานอยา่ งมรี ะบบ ตามวงจรคณุ ภาพ PDCA
สรา้ งทางเลือก /วเิ คราะหโ์ อกาส นาเทคโนโลยีใหมม่ าใช้การจดั การเรียนการสอน ผลิตสอ่ื นวตั กรรม
และผลได้ ผลเสยี รอบด้าน วดั ประเมนิ ผล ระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาตอนตน้ โรงเรยี นได้จดั หลักสูตร
ให้นักเรียนได้เรียนตรงตามศักยภาพเพือ่ ใหน้ กั เรียนค้นพบความ
สรา้ งนวตั กรรม ถนัด ความสนใจ เปน็ พ้นื ฐานในการเลือกศกึ ษาต่อระดับช้ัน ม.
ปลาย ระดับชนั้ ม.ปลายจดั ประสบการณ์ 3 แผนการเรยี น ให้
สร้างความเข้าใจ / ความตระหนักให้แก่ นกั เรียน นกั เรยี นได้เลอื กเรียนตามความถนดั และอาชพี ท่ีสนใจในอนาคต
ครู บุคลากร และผู้เก่ยี วขอ้ ง จดั กจิ กรรมใหน้ ักเรยี นชนั้ ม.6 จาลองอาชพี เพ่อื ฝึกประสบการณ์
อาชีพท่ีถนดั เชน่ พยาบาล วิศวกรรม อาชพี ครู นักกฎหมาย ฯลฯ
ทดลองใชน้ วัตกรรม ไม่บรรลุ ทาใหน้ กั เรียนรู้จกั ตนเอง รูจ้ ักโลกของการศกึ ษาและอาชพี ผลลพั ธ์
ความสาเรจ็ ของนวตั กรรม สง่ ผลให้นักเรียนศึกษาเพิ่มขน้ึ เช่น
ประเมินผล นักเรยี นชั้น ม.6/1 ปกี ารศกึ ษา 2562 จานวน 37 คน ศึกษาต่อ
จานวน 32 คน คิดเป็นร้อยละ 86.49 เปน็ มหาวทิ ยาลยั ชัน้ นาร้อย
บรรลุ สรปุ ผล ละ 40.50 ซึ่งนักเรยี น และผูม้ ีสว่ นไดส้ ว่ นเสยี มคี วามพงึ พอใจระดับ
มากท่ีสดุ
รายงานผล นาไปใช้
พัฒนาต่อไป

6.2 ประสทิ ธิผลของการปฏบิ ตั ิการ (Operational Effectiveness)
ก. ประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธผิ ลของกระบวนการ (PROCESS Efficiency and

EFFECTIVENESS)

โรงเรียนมวี ิธกี ารควบคมุ ต้นทุนโดยรวมของการปฏิบตั ิงาน ไดว้ างระบบการใชง้ บประมาณและทรัพยากร

ท่ีได้รบั จัดสรรมาใช้ ในการจดั การเรยี นรู้ อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ โดยนาแนวปฏบิ ตั ริ ะบบการควบคุมภายในระบบ

ราชการของสานกั บัญชแี ละตรวจสอบ ภายในของกรมบญั ชกี ลางมาปรับใช้ตามบริบทของโรงเรียน เพ่อื ป้องกนั

ไมใ่ ห้เกดิ ของเสยี ความสญู เปล่า ความผิดพลาดของการใหบ้ ริการ การทางานซา้ หรือซับซ้อน ลดต้นทนุ

ค่าใช้จา่ ยในการดาเนินงาน เกิดความสมดลุ ระหวา่ งความจาเป็นกับความต้องการของนักเรยี น ดังตาราง 6.2 ก

ตาราง 6.2 ก ประสทิ ธภิ าพและประสิทธผิ ลของกระบวนการ 67

ประสิทธิภาพและประสทิ ธผิ ลของกระบวนการ วตั ถปุ ระสงค์ ตัววดั /ตัวชวี้ ดั เป้าหมาย
วิเคราะหส์ ภาพปัญหา ประสิทธภิ าพ ใน ร้อยละ 95
และแหลง่ ที่มาของรายได้ เพ่ือควบคมุ ต้นทนุ ให้ การควบคุม ตน้ ทุน
มีประสิทธิภาพ โดยรวม
ประชมุ คณะกรรมการฝ่ายบรหิ าร ใช้ประโยชน์จาก
ทรัพยากร และเวลา การดาเนินงาน
อยา่ งคุม้ คา่

กล่มุ สาระ/ งาน / ฝา่ ย เขียนงาน กิจกรรม โครงการตาม โรงเรยี นมกี ารวางแผนในการใช้งบประมาณอย่างค้มุ ค่า โปร่งใส มี
กลยุทธ์ มาตรฐานการศึกษาของ รร. การตรวจสอบอยา่ งเปน็ ระบบ เพือ่ ให้การใชง้ บประมาณและทรพั ยากรมี
ประสทิ ธภิ าพ สอดคลอ้ งตามความต้องการของนักเรียนและผู้ปกครอง
งานแผนงานสารสนเทศ ปรบั ปรุง โดยวิเคราะหส์ ภาพปญั หาและแหล่งท่มี าของรายไดจ้ ดั ประชมุ ชแ้ี จง ครู /
ไมผ่ า่ น บคุ ลากร เขียนโครงการเสนอให้คณะกรรมการพจิ ารณาอนุมตั ิ และ
ประเมินผล จัดสรรงบประมาณโดยคานึงถงึ ความจาเปน็ ก่อนหลัง ความคุม้ ค่าและ
ประโยชนท์ ไี่ ดร้ บั นเิ ทศ/ ตรวจสอบควบคุมการเบกิ จ่ายเปน็ ไปตาม
ผา่ น กระบวนการ ขนั้ ตอนและระเบียบของทางราชการเม่ือเสรจ็ สิน้ การดาเนินงาน มีการ
สรปุ รายงานผลโครงการ ระบุจดุ เดน่ จดุ ทีค่ วรพฒั นา เพื่อปรบั ปรงุ ในปี
ดาเนินงานตามแผนงาน/โครงการ ต่อไป

นิเทศ/ ตรวจสอบ/
ควบคมุ การ เบิกจ่าย

รายงานผล

การควบคุมต้นทนุ โดยรวมของการปฏบิ ตั ิงาน กจิ กรรม โครงการตา่ ง ๆ จะดาเนนิ การดว้ ยความรวดเรว็
คล่องตัว ลาดับความสาคัญกอ่ นหลัง บรรลุเป้าหมายทันเวลา โดยมกี ารวางแผนใช้ทรพั ยากรดา้ นตา่ ง ๆ อยา่ ง
คมุ้ คา่ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร ป้องกันไม่ใหเ้ กิดความสญู เปลา่ หรือผดิ พลาดของการให้บริการหรอื การ
ทางานท่ซี ับซอ้ น โดยจดั ทาคู่มือแนวทางการปฏบิ ัตงิ านท่ชี ัดเจนพร้อมกนั นี้ โรงเรยี นได้วดั ประสิทธภิ าพและจัด
กจิ กรรม สนบั สนนุ ส่งเสริม แกป้ ญั หานักเรียนท่ีเสยี่ งด้านการเรียน พฤติกรรม ใหจ้ บหลกั สูตรการศึกษาเพ่ิมขึน้
เพอ่ื ลดความสญู เสยี ผลติ ภาพของนักเรยี นให้นอ้ ยทีส่ ุด

นอกจากน้ีสง่ิ สาคัญ คือ โรงเรียนมกี ารวางแผนในการใชง้ บประมาณอย่างคุ้มคา่ โปรง่ ใส มีการตรวจสอบ
อย่างเป็นระบบเพ่อื ให้การใชง้ บประมาณและทรพั ยากรมปี ระสิทธิภาพ จดั ประชุมช้แี จงครู /บุคลากร เขียน
โครงการเสนอใหค้ ณะกรรมการพจิ ารณาอนมุ ัติ และจัดสรรงบประมาณโดยคานงึ ถึงความจาเป็นกอ่ นหลงั ความ
ค้มุ ค่าและประโยชนท์ ไ่ี ด้รับ การเบิกจ่ายเป็นไปตามข้ันตอนและระเบยี บของทางราชการ หลังการดาเนนิ การเสรจ็
ส้ิน มกี ารสรุปรายงานผลโครงการ ระบุจดุ เดน่ จุดที่ควรพัฒนาเพ่อื ปรับปรงุ ในปีตอ่ ไป ทุกงาน กจิ กรรม และ
โครงการท่จี ัดทาจะสอดคล้องกบั กลยุทธ์ และมาตรฐานการศึกษาของโรงเรยี น เพือ่ สรา้ งความสมดลุ ระหวา่ งความ
จาเปน็ ของการควบคุมตน้ ทุน กบั ความต้องการของนักเรยี น และผ้มู ีส่วนได้ สว่ นเสยี

68

ข. การจัดการห่วงโซ่อปุ ทาน (Supply-Chain Management)
โรงเรยี นมีวิธีการ มีระบบการจัดการห่วงโซอ่ ุปทานเพ่ือสนองความต้องการและความพึงพอใจของผู้เรียน

และผทู้ ี่มีสว่ นไดส้ ว่ นเสีย ดังตาราง 6.2 ข

ตาราง 6.2 ข การจัดการห่วงโซ่อุปทาน

กระบวนการ การจัดการห่วงโซอ่ ปุ ทาน วตั ถุประสงค์ ตวั วัด/ตวั ชวี้ ดั เปา้ หมาย

วางแผน เตรยี มความพร้อมด้านบุคลากร เพือ่ เตรยี ม ความพร้อม ผลการประเมิน ระดับดเี ยี่ยม
งบประมาณ อาคาร สถานที่ วสั ดุ ครภุ ณั ฑ์ และพฒั นาประสิทธิภาพ คณุ ภาพภายใน ดา้ น
การดาเนนิ การ การบริหาร
ระดมทรพั ยากร ดา้ น 4 M (คน เงนิ วสั ดุ จดั การ
วิธีปฏิบัตงิ าน)

กาหนดวิธีการดาเนนิ การ จดั ซ้ือจดั จ้าง
ตามระเบียบ อยา่ งมีประสิทธิภาพ คมุ้ ค่า

คัดเลอื กผูส้ ่งมอบทมี่ คี ุณสมบตั คิ รบถ้วน

ประเมินผลการดาเนนิ การสง่ มอบ ปรบั ปรุง
ผ่าน ไม่ผา่ น

นาทรัพยากรมาใชใ้ นการ ดาเนนิ การกับ
บริหาร ผู้ส่งมอบ
ตามขน้ั ตอน
จัดการศึกษา

ประเมนิ ผล ไม่ผ่าน

ผ่าน กระบวนการ

รายงานผล

โรงเรยี นมกี ารคดั เลือกผสู้ ่งมอบ(Supplier) ในด้านตา่ ง ๆ โดยคานึงถึงความตอ้ งการของครู บุคลากร
นกั เรยี นและผู้มีสว่ นไดส้ ่วนเสียเปน็ หลกั ผสู้ ่งมอบตอ้ งมคี ุณสมบัตทิ ่คี รบถว้ นตดิ ตามผลและตรวจสอบได้ มกี ารจดั
ประชุมเพ่อื ทาข้อตกลงและทาความเขา้ ใจให้มีแนวทางการดาเนนิ งานเป็นไปตามนโยบายและความจาเป็นของ
โรงเรียน มีการกาหนดระยะเวลาในการตรวจสอบและประเมนิ ผลในการดาเนนิ งานอยา่ งชัดเจน หากมสี ิ่งท่ีต้อง
ปรบั ปรุงจะมีการแจ้งขอ้ มูลยอ้ นกลับแกผ่ ้สู ่งมอบทนั ที เพอ่ื ใหส้ ามารถแก้ไขขอ้ ผดิ พลาดไดอ้ ยา่ งทันทว่ งที และหาก
ผ้สู ง่ มอบมผี ลการดาเนนิ งานท่ไี ม่ดี ไมม่ ีประสิทธิภาพหรอื ไมเ่ ป็นไปตามข้อตกลง โรงเรยี นจะมกี ารยกเลิกและทา
การคัดเลือกผู้สง่ มอบทเ่ี หมาะสมรายอ่นื ตอ่ ไป ผลลพั ธข์ องการจดั การห่วงโซอ่ ปุ ทาน สง่ ผลใหน้ กั เรยี นมีคณุ ภาพ
ตามมาตรฐานการศกึ ษาของโรงเรียนท้ังดา้ นการศกึ ษา มีทักษะชีวิต มีคุณลักษณะและคา่ นิยมทีพ่ ึงประสงค์

69

ค. การเตรยี มความพรอ้ มดา้ นความปลอดภยั และภาวะฉุกเฉนิ (Safety and Emergency

Preparedness)

ค (1) ความปลอดภัย (Safety)

โรงเรียนกาหนดวธิ ีการเพอื่ ใหเ้ กดิ สภาพแวดลอ้ มการปฏิบัตงิ านท่ีปลอดภัย ดงั ตาราง 6.2 ค (1)

ตาราง 6.2 ค (1) กระบวนการทาให้เกดิ สภาพแวดล้อมการปฏิบตั กิ ารทปี่ ลอดภยั

กระบวนการ การจัดสภาพแวดล้อม วัตถุประสงค์ ตัววัด/ตัวชว้ี ัด เปา้ หมาย

วเิ คราะห์ กาหนดนโยบายและมาตรการด้านความ เพื่อจัดอาคาร สถิตอิ ุบัตเิ หตทุ ่ี โรงเรียน ครบู ุคลากร
ปลอดภัย อาคารสถานท่ี และสภาพแวดล้อม สถานท่ีและ เกดิ ข้นึ ใน โรงเรียน ทางการศึกษาและ

แต่งตง้ั คณะกรรมการรับผดิ ชอบ สภาพแวดล้อม นกั เรยี น มีความ
และดูแลดา้ นความปลอดภัย ในโรงเรียนใหม้ ี ปลอดภยั ร้อยละ
ความปลอดภยั 100

การดาเนินงาน

โรงเรียนวิเคราะห์ตน้ เหตุของความลม้ เหลว กาหนด

สารวจสภาพปญั หา และความจาเปน็ มาตรการในการรกั ษาความปลอดภัย อาคารสถานที่ และ

สภาพแวดล้อมใหม้ ีความพรอ้ มตอ่ การใช้งานแบบมีส่วนรว่ ม

จดั ทาคูม่ อื การปฏบิ ัติงาน ระหวา่ งนกั เรยี น ครผู ู้ปกครอง ชมุ ชน และและภาคีเครอื ขา่ ย
แผนท่ีความปลอดภัย แต่งตัง้ ผูร้ ับผดิ ชอบ สารวจสภาพปญั หา จัดทาคู่มือ แผนท่ี
ความปลอดภัยภายในสถานศึกษา กาหนดมาตรการความ

ประชุมชแี้ จง/สร้างความเข้าใจ แนวปฏบิ ตั ิ ปลอดภยั จัดทาแผนงานโครงการ งบประมาณทเ่ี กย่ี วข้อง

จัดระบบดแู ลชว่ ยเหลอื นักเรียนเปน็ รายบคุ คล ประชุมชี้แจง

แก่ครู บคุ ลากร นักเรยี น ผเู้ กี่ยวข้อง ดาเนินการ เฝา้ ระวัง กาจดั จุดเส่ยี ง เชน่ ตดั แต่ง

ก่ิงตน้ ไม้ทวั่ บริเวณโรงเรียน เพอื่ ไม่ใหเ้ ป็นพน้ื ท่ีท่เี ป็น

ดาเนินการ /เฝ้าระวัง / ตรวจสอบ / อันตรายแก่นักเรยี น คุณครูและบุคลากร
ป้องกนั การเกิดอบุ ัติเหตุ การป้องกันอบุ ัตเิ หตุ โรงเรยี นมหี ้องพยาบาล

เวชภณั ฑ์พร้อมคุณครูประจาหอ้ งพยาบาล ตดิ ต้ังระบบ

แสงสวา่ งภายในโรงเรยี น ตรวจสอบและซอ่ มระบบไฟฟา้

นิเทศ กากับ ตดิ ตาม อยา่ งทัว่ ถึงมีความปลอดภยั อยเู่ สมอ ตรวจสอบความ
ปลอดภัยของอาหารให้มีคุณภาพ มปี ระโยชน์ตอ่ รา่ งกาย
ปรบั ปรงุ
ของผู้บริโภค มีการทาประกันอบุ ัติเหตุหม่ใู หน้ กั เรียนและ

ประเมินผล บคุ ลากรทุกคน ให้การเยยี วยา บารงุ ขวัญ ติดตงั้ กลอ้ งวงจร
ไมผ่ ่าน ปดิ ท่ีประตูเขา้ ออก โรงเรียน กาจดั ยงุ ลายเพอ่ื ป้องกนั
ผา่ น กระบวนการ
ไข้เลอื ดออกในสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคติดเชือ้

รายงานผล สรา้ งความยงั่ ยืน ไวรสั โคโรนา 2019 (Covid-19) จัดให้มกี ารคัดกรอง วัด

อุณหภมู บิ ุคลากรนักเรียน ผปู้ กครอง หรือผ้มู าตดิ ต่อราชการ

ตามมาตรการปอ้ งกันของโรงเรยี น มีการตรวจสอบ

นเิ ทศกากบั ติดตาม ประเมินผลอยา่ งต่อเนือ่ ง กรณเี กิดความชารุด เสยี หายตอ่ อุปกรณ์ หรือเกิดเหตมุ ีมาตรการรายงาน

เหตกุ บั ต้นสังกดั เป็น 2 ระยะได้แก่ รายงานระหวา่ งประสบเหตุ รายงานหลังประสบเหตุ จากนนั้ นาเสนอผู้บริหารทาการฟื้น

คนื สู่สภาพเดมิ โดยเร็ว ดาเนนิ การสรุป รายงานผลและสร้างความยง่ั ยืนตอ่ ไป

70

ค (2) การเตรียมความพร้อมต่อภาวะฉุกเฉนิ (Emergency Preparedness)
โรงเรยี นมีวิธีการเตรียมความพรอ้ มเพื่อรับมือต่อภัยพิบตั แิ ละภาวะฉกุ เฉิน ดงั ตาราง 6.2 ค (2)

ตาราง 6.2 ค (2) แสดงการเตรยี มความพรอ้ มตอ่ ภาวะฉุกเฉิน

กระบวนการ การเตรียมความพรอ้ ม วัตถปุ ระสงค์ ตัววัด/ตัวชว้ี ดั เปา้ หมาย
ต่อภาวะฉกุ เฉนิ
เพ่ือสร้างความรคู้ วาม ประสทิ ธภิ าพ ร้อยละ 100
กาหนดนโยบายการบรหิ ารและการจัดการ
วเิ คราะหค์ วามเสยี่ งจากภัยพบิ ตั ิ เข้าใจในการเอาตวั รอด ของการเตรียม

แต่งตั้งคณะกรรมการรับผดิ ชอบ และชว่ ยเหลือผู้อ่ืนเมอ่ื ความพรอ้ ม

สารวจลกั ษณะของพ้นื ท่ี และอาคารเรยี น เกดิ ภยั พิบัติ เมอื่ เกดิ ภยั พบิ ัติ

จดั ทาคูม่ ือการปฏบิ ัติงาน การดาเนินงาน
แผนที่ความปลอดภัย
วเิ คราะหภ์ าวะฉกุ เฉินที่คาดวา่ สามารถเกดิ ขนึ้ ได้ เช่น อทุ กภยั
ประชุมชแ้ี จง/สรา้ งตระหนกั /ความเขา้ ใจ
แนวปฏบิ ัติ แกค่ รู บุคลากร นักเรยี น อัคคภี ยั การโจรกรรม ภาวะโรคคระบาด หรอื ระบบเทคโนโลยีขดั ขอ้ ง

บูรณาการเรอื่ งการลดความเสย่ี ง กาหนดนโยบาย แตง่ ตัง้ คณะกรรมการรบั ผดิ ชอบ สารวจลักษณะของ
จากภัยพบิ ตั ิในหลกั สตู ร
พน้ื ที่ และอาคารเรียน จดั ทาคู่มือการปฏิบัตงิ าน แผนที่ความปลอดภยั
ดาเนนิ การปอ้ งกัน
ประชุมช้ีแจง/สร้างความตระหนัก ความเขา้ ใจ แนวปฏิบตั ิ แก่ครู
นเิ ทศ กากับ ติดตาม
บคุ ลากร นกั เรยี น บรู ณาการเรื่องการลดความเส่ียงจากภัยพบิ ัตใิ น

หลักสตู ร ดาเนนิ การป้องกนั ใหค้ วามรรู้ ปู แบบตา่ ง ๆ เช่น รณรงค์ให้

ตรวจสอบความเรียบร้อยในห้องเรียน ห้องปฏบิ ัตกิ าร ห้องทางาน กอ่ น

จะกลับบา้ น แตง่ ตงั้ ครูเวรรกั ษาการณท์ ั้งในวนั ราชการและ

วนั หยุดราชการ ตรวจสอบระบบไฟฟา้ ตดิ ต้งั ระบบป้องกันอัคคีภัย

(อปุ กรณ์ดบั เพลิง) ทุกอาคารและมกี ารตรวจสอบประสทิ ธิภาพทกุ เดือน

ติดระบบไฟฟา้ ทกุ อาคารและบรเิ วณทเี่ ป็นจุดอบั หรอื จุดเสย่ี งของโรงเรยี น

จัดใหม้ ีกุญแจสารองสาหรบั เปิดอาคารเรียนเพือ่ ไวใ้ ช้ยามฉุกเฉนิ จัดทา

หมายเลขโทรศพั ทท์ ่ีเก่ยี วขอ้ งกบั การแจ้งเหตุด่วนกากบั ติดตามการ

ดาเนินการ กรณเี กดิ ภยั พิบตั ิ ให้รายงานผู้บังคบั บญั ชาและต่อ

หน่วยงานตน้ สงั กดั แลว้ แตก่ รณี ผรู้ บั ผดิ ชอบประเมินความเสยี หายหรือ

ผลกระทบจากการเกิดภาวะฉกุ เฉิน ประชมุ ผู้เกยี่ วขอ้ งเพ่อื ดาเนนิ การ

ตามระเบียบของทางราชการ และประสานเครือข่ายพึ่งพาผู้สง่ มอบและ

ขอความชว่ ยเหลอื จากพันธมิตรหน่วยงานทีเ่ กย่ี วข้องเพอ่ื ช่วยเหลือฟ้ืนฟู

ใหค้ นื ส่สู ภาพเดมิ ในเวลารวดเรว็ การดาเนนิ การเตรียมความพร้อมใน

ทุกรูปแบบ ทาให้มคี วามมั่นใจว่าครู นกั เรียน และบคุ ลากรจะสามารถ

เอาตวั รอดและชว่ ยเหลือผอู้ ่นื ได้กรณีเกดิ ภยั พบิ ัติและภาวะฉกุ เฉินจริง

ประเมนิ ผล ปรับปรุง
ไมผ่ ่าน
กระบวนการ

ผ่าน

รายงานผล สรา้ งความยง่ั ยืน

222...122837 71
1.924.23.857
22..01280.53หมวดท่ี 7
1.29.612.753ผลลพั ธ์ (RESULTS)
2.2.1234.062
0.68 22..2239โรงเรยี นโซ่พิสัยพทิ ยาคม ใช้รปู แบบการบรหิ ารโรงเรยี นสู่ความเปน็ เลศิ โดยใช้ SOPIT Model ในการ
ขับเคลื่อนการดาเนนิ งาน ดว้ ยระบบงาน 2 ระบบ ไดแ้ ก่ 1)ระบบการเรียนการสอน 4 กระบวนการ คอื
(1)กระบวนการพฒั นาหลกั สูตร (2) กระบวนการจัดการเรียนการสอน(3)กระบวนการระบบดูแลชว่ ยเหลอื นักเรียน
(4)กระบวนการพัฒนาครู และ2)ระบบสนับสนนุ 4 กระบวนการ คอื (1) กระบวนการจดั ทากลยุทธ์ (2)
กระบวนการประกนั คุณภาพภายใน (3) กระบวนการพัฒนาแหลง่ เรียนรู้และส่อื ICT (4)กระบวนการนาองค์กร
ส่โู รงเรยี นคุณภาพชัน้ นา เพือ่ ใหบ้ รรลุวิสัยทศั นเ์ ป็นโรงเรียนมาตรฐานสากลบนพื้นฐานความเป็นไทยมีผลลพั ธ์จาก
การดาเนนิ งาน 5 ด้าน คอื ด้านหลกั สูตรและกระบวนการ ดา้ นนกั เรียนและผมู้ สี ่วนไดส้ ว่ นเสีย ดา้ นบุคลากร
ด้านการนาองคก์ รและการกากับดแู ลองคก์ ร ด้านการเงนิ และตลาด มรี ายละเอยี ดดงั นี้

7.1 ผลลัพธด์ ้านหลกั สตู รและกระบวนการ (Product and Process RESULTS):
7.1 ก ผลลพั ธด์ า้ นหลักสตู รและกระบวนการจดั การเรียนการสอนที่มงุ่ เน้นนกั เรยี น

(STUDENT Focused Product and PROCESS Result)

โรงเรยี นโซพ่ สิ ยั พิทยาคม ไดพ้ ฒั นาหลักสตู รทัง้ ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาตอนตน้ และระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษา
ตอนปลาย ภายใตก้ รอบโครงสรา้ งของหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ปรบั ปรุง
พุทธศกั ราช 2560) ตามความต้องการของนกั เรยี นและผู้มสี ่วนไดส้ ว่ นเสยี อยา่ งต่อเนือ่ ง โดยใช้สารสนเทศจาก
การรบั ฟังเสยี งของนักเรียนปัจจบุ นั นักเรียนในอนาคต และนกั เรยี นอดตี ผลลพั ธข์ องหลักสูตรดา้ นประสทิ ธภิ าพ
และประสทิ ธผิ ล ประเมินจากตวั ชว้ี ัดสาคัญ ดงั นี้

(1) ผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551
(ปรบั ปรุง พทุ ธศกั ราช 2560) ดังแสดงในภาพประกอบท่ี 7.1ก-1

32..5000
21..0500
01..0500
0.00

ม. 1 ม. 2 ม. 3 ม. 4 ม. 5 ม. 6

ปี 2561 2.18 1.94 2.08 2.17 2.14 2.29

ปี 2562 2.23 2.38 2.10 1.96 2.30 2.23

ปี 2563 2.27 2.57 2.53 2.53 2.62 0.68

ภาพประกอบท่ี 7.1ก-1 แสดงคา่ เฉลย่ี ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนรวมทกุ กล่มุ สาระการเรียนรู้ ของนกั เรียน
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1-6 ในระดบั ดขี ึน้ ไปการศกึ ษา 2561 – 2563

จากภาพประกอบท่ี 7.1 ก-1 แสดงคา่ เฉลี่ยผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นรวมทุกกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ของ
นกั เรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1-6 ในระดับดีข้นึ ไปการศกึ ษา 2561 – 2563 โดยพจิ ารณาจากผลการเรยี นเฉล่ียของ

72

นกั เรียนทม่ี ผี ลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นระดบั ดขี ้นึ ไป พบว่าปกี ารศกึ ษา 2563 ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นของนกั เรียนมี
ค่าเฉลีย่ เพม่ิ ขนึ้ ทุกระดับชน้ั

(2) ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นตามหลักสตู ร แกนกลางการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551
เทยี บเคียงมาตรฐานสากลในรายวิชาภาษาต่างประเทศ

3.00 1.22.9.01150
2.50 1.371.920.22
2.00 1.413.742.23
1.50 1.510.828.25
1.00
0.50 2.20.122.456
0.00 1.9225..3303

ปี 2561 ม.1 ม.2 ม.3 ม.4 ม.5 ม.6
2.10 1.37 1.43 1.88 2.24 1.95
ปี 2562 1.91 1.90 1.74 1.50 2.01 2.30
2.05 2.22 2.23 2.25 2.56 2.33
ปี 2563

จากภาพประกอบที่ 7.1ก-2 แสดงผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นรายวชิ าภาษาตา่ งประเทศ ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1-6
จากภาพประกอบท่ี 7.1ก-2 ปกี ารศกึ ษา 2561 – 2563 โดยพิจารณาจากผลการเรียนของนกั เรยี นท่ีมี

ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นระดับดีขนึ้ ไป พบว่า ปีการศึกษา 2563 ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนมีค่าเฉล่ยี เพ่ิมข้นึ ในทกุ
ระดับช้นั

3.00 1.22.8.08130 2.58 1.05 2.2.1204 2.29 1.301.99
2.50 2.026.69 2.81
2.00
1.50 1.37
1.00
0.50 ม.1 ม.2 ม.3 ม.4 ม.5 ม.6
0.00
2.10 1.05 2.29
ปี 2561
ปี 2562 2.03 2.69 2.24 1.37 1.30
ปี 2563
1.88 2.06 2.58 2.10 2.81 1.99

ภาพประกอบที่ 7.1ก-3 แสดงผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น รายวชิ าภาษาตา่ งประทศทสี่ อง(ภาษาเกาหลี ภาษาจนี
และภาษาญ่ีปุ่น) ในระดบั ดขี ้ึนไปของนักเรยี นช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 ปีการศึกษา 2561 – 2563

จากภาพประกอบที่ 7.1ก-3 แสดงผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนรายวิชาภาษาต่างประเทศท่สี อง (ภาษาเกาหลี

ภาษาจีนและภาษาญ่ีปนุ่ ) ชัน้ มธั ยมศึกษา ปีท่ี 1 - 6 ปีการศึกษา 2561 – 2563 โดยพจิ ารณาจากผลการเรยี น

เฉลยี่ ของนักเรยี นท่มี ีผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นระดับดีขน้ึ ไป พบว่า ปีการศึกษา 2563 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน

มีค่าเฉลย่ี เพ่มิ ขน้ึ ในระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 และชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6

73

(3) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นรายวิชาการศกึ ษาคน้ ควา้ ดว้ ยตนเอง (Independent Study : IS)
ตวั ชวี้ ัดที่สาคัญของโรงเรียนมาตรฐานสากลอีกหนง่ึ ตวั ชวี้ ดั คือ ผลลพั ธ์ของการจัดการเรยี นการสอน

รายวชิ าการศึกษาค้นคว้าดว้ ยตนเอง (Independent Study : IS) เป็นตัวชวี้ ดั การลา้ หนา้ ทางความคดิ ของ
นกั เรยี น ในระดับชนั้ มัธยมศึกษาตอนตน้ ได้จัดให้มกี ารเรียนการสอนในระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 ระดบั
มัธยมศึกษาตอนปลาย จัดใหม้ ีการเรียนการสอนในระดับช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 5 ซงึ่ ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นรายวิชา
การศกึ ษาคน้ คว้าดว้ ยตนเอง ปกี ารศึกษา 2561 – 2563 ดังภาพประกอบท่ี 7.1 ก-4

4.00 3.43
3.00 3.52
2.00 3.52
1.00 3.74
0.00 3.28
2.87
2561 2.84
2562 3.17
2563 3.77
3.41
2.54
3.47

ม.2 IS1 ม.2 IS2 ม.5 IS1 ม.5 IS2
3.43 3.74 2.84 3.41
3.52 3.28 3.17 2.54
3.52 2.87 3.77 3.47

ภาพประกอบที่ 7.1 ก-4 แสดงผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนรายวิชาการศึกษาคน้ คว้าด้วยตนเอง
(Independent Study : IS) ปีการศึกษา 2561 – 2563 ในระดับดีขนึ้ ไป

ภาพประกอบที่ 7.1 ก-4 แสดงผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนรายวิชาการศกึ ษาคน้ คว้าดว้ ยตนเอง
(Independent Study : IS) ปีการศกึ ษา 2561 – 2563 โดยพจิ ารณาจากผลการเรียนเฉล่ียของนกั เรียนท่ีมี
ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นระดับดีขนึ้ ไป พบวา่ รายวิชา IS1 มีค่าเฉลี่ยเพ่ิมขนึ้ ในทุกปกี ารศกึ ษาทงั้ ในระดับช้นั
มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 และ ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 รายวิชา IS2 ปีการศึกษา 2563 ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5
มคี ่าเฉลีย่ เพม่ิ ขึน้ สว่ นระดับชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 มคี ่าเฉลย่ี ลดลง แต่ยังมแี นวทางทจ่ี ะพฒั นาใหเ้ พมิ่ ขน้ึ ได้

(4) จานวนโครงงานที่ได้รบั ตัดสินผลการเรยี น ในระดับดขี ้ึนไป ดงั แสดงในภาพประกอบท่ี 7.1ก-5

88.57
90
81.63
85
91.3
93.55

ม.ตน้ ม.ปลาย

ปี 2561 88.57 85

ปี 2562 90 91.3

ปี 2563 81.63 93.55

ภาพประกอบที่ 7.1 ก-5 แสดงจานวนโครงงานทไ่ี ดร้ บั ตัดสนิ ผลการเรียนระดบั ดีขึ้นไป ปกี ารศึกษา 2561 – 2563

จากภาพประกอบท่ี 7.1 ก-5 พบวา่ จานวนโครงงานท่ีได้รับตัดสนิ ผลการเรียนระดับดีขึน้ ไป ระดับชนั้

74

มัธยมศึกษาตอนต้น ปกี ารศกึ ษา 2563 มคี า่ เฉลยี่ ลดลง ส่วนระดบั ชนั้ มัธยมศึกษาตอนปลายคา่ เฉลี่ยเพ่ิมข้ึน
ทกุ ปกี ารศกึ ษา

(5) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาวิทยาการคานวณ (Coding) ปีการศกึ ษา 2561-2563 ดงั แสดง
ในภาพประกอบที่ 7.1ก-6

100.00 69.00 85.75
80.00 36.75
60.00 ม.ปลาย
40.00 ม.ตน้ 85.75
20.00 69.00
0.00 36.75 55
52.5
ปี 2561

ปี 2562

ปี 2563

ภาพประกอบท่ี 7.1 ก-6 แสดงผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนรายวชิ าวทิ ยาการคานวณระดับดีขึน้ ไป
ปกี ารศึกษา 2561 –2563

จากภาพประกอบที่ 7.1 ก-6 แสดงผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนรายวชิ าวทิ ยาการคานวณ ปกี ารศกึ ษา 2561–
2563 โดยพจิ ารณาจากผลการเรียนเฉล่ียของนกั เรยี นท่มี ีผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนระดบั ดีขน้ึ ไป พบว่า ปกี ารศึกษา
2563 ระดับชน้ั มัธยมศึกษาตอนตน้ มผี ลการเรยี นเฉลีย่ เพ่ิมขึน้ ระดับชั้นมัธยมศกึ ษาตอนปลายมีผลการเรยี นเฉลยี่
ลดลง แต่ยังมแี นวทางทจี่ ะพฒั นาให้เพ่มิ ขน้ึ ได้

(6) จานวนนักเรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 3 และชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 6 ทผี่ ่านการประเมนิ คุณลักษณะ
อันพงึ ประสงคต์ ามหลกั สตู ร ปีการศึกษา 2561 – 2563 ดังแสดงในภาพประกอบที่ 7.1ก-7

100.00 93.47
98.00 90.00
96.00
94.00 95.40
92.00 95.14
90.00 94.86
88.00
86.00 99.23
84.00
ม.3 ม.6
2561 93.47 95.14
90.00 94.86
2562 95.40 99.23

2563

ภาพประกอบที่ 7.1 ก-7 แสดงผลการเปรียบเทยี บคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ของนักเรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 3
และช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 6 ท่ีได้รับการตัดสนิ ตงั้ แตร่ ะดบั ดขี ึ้นไป ปีการศกึ ษา 2561 –2563

จากภาพประกอบที่ 7.1 ก-7 ผลการเปรียบเทยี บคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ของนกั เรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปี
ที่ 3 และชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 ที่ไดร้ ับการตัดสินต้ังแตร่ ะดบั ดีข้ึนไป ปีการศกึ ษา 2561 –2563 พบว่า ปกี ารศกึ ษา
2563 สูงขึน้ ทัง้ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 และชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6

75

(7) จานวนนกั เรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 และช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 6 ท่ผี ่านการประเมนิ การอา่ น
ปีการศึกษา 2561 –2563 ดังแสดงในภาพประกอบที่ 7.1ก-8

100.00 92.21
98.00 88.98
96.00
94.00 95.41
92.00 94.88
90.00
88.00 95.87
86.00 99.22
84.00
82.00 ม.3 ม.6
92.21 94.88
ปี2561 88.98 95.87
95.41 99.22
ป2ี 562

ปี2563

ภาพประกอบท่ี 7.1 ก-8 แสดงผลการเปรียบเทยี บการประเมนิ การอา่ น ของนกั เรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 และ
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 ท่ีได้รับการตดั สนิ ต้งั แตร่ ะดบั ดีข้นึ ไป ปกี ารศึกษา 2561 –2563

จากภาพประกอบท่ี 7.1 ก-8 พบวา่ ปกี ารศึกษา 2563 มีค่าเฉลี่ยสงู ขึ้นทง้ั ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 และ
ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 และยงั พบอกี ว่า ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีแนวโนม้ สูงขน้ึ อยา่ งต่อเนือ่ ง

(8) จานวนนักเรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 และชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 6 ทีไ่ ด้รบั การตัดสนิ ผลการคิด
วิเคราะห์ตั้งแตร่ ะดบั ดีข้นึ ไป ปกี ารศกึ ษา 2561 –2563 ดังแสดงในภาพประกอบที่ 7.1ก-9

100.00 91.56
98.00 89.92
96.00
94.00 95.41
92.00 95.41
90.00
88.00 97.51
86.00 98.96
84.00
ม.3 ม.6
ป2ี 561 91.56 95.41
ป2ี 562 89.92 97.51
ป2ี 563 95.41 98.96

ภาพประกอบที่ 7.1ก-9 แสดงการเปรยี บเทยี บผลการคิดวเิ คราะห์ของนักเรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 3 และ
ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6ท่ีได้รับการตัดสินต้งั แตร่ ะดบั ดีขนึ้ ไป ปกี ารศกึ ษา 2561 –2563

จากภาพประกอบท่ี 7.1 -9 พบว่า ปกี ารศึกษา 2563 มคี ่าเฉลย่ี สูงขนึ้ ทงั้ ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 3 และชนั้
มัธยมศึกษาปที ่ี 6 และยังพบอกี วา่ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 มแี นวโนม้ สงู ข้นึ อย่างตอ่ เน่อื ง

(9) จานวนนักเรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 และช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 ที่ไดร้ ับการตดั สินผล
การส่อื ความหมายตั้งแต่ระดับดีขึ้นไป ปีการศึกษา 2561 –2563 ดงั แสดงในภาพประกอบที่ 7.1ก-10

76

100.00 91.72
98.00 89.92
96.00
94.00 95.41
92.00 93.78
90.00
88.00 95.58
86.00 99.22
84.00
ม.3 ม.6
ปี2561 91.72 93.78
ปี2562 89.92 95.58
ปี2563 95.41 99.22

ภาพประกอบท่ี 7.1 ก-10 แสดงการเปรียบเทียบการสื่อความหมายของนักเรียนชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 3 และ
มธั ยมศกึ ษาชน้ั ปีที่ 6 ทไ่ี ด้รบั การตดั สิน ต้ังแต่ระดับดีข้นึ ไป ปีการศกึ ษา 2561 –2563

จากภาพประกอบท่ี 7.1 ก-10 พบวา่ ปีการศกึ ษา 2563 มคี ่าเฉลี่ยสูงขึ้นทัง้ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 และช้นั
มธั ยมศึกษาปีที่ 6 และยงั พบอกี วา่ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 มแี นวโน้มสูงขนึ้ อยา่ งต่อเน่อื ง

(10) ผลการทดสอบระดบั ชาติขน้ั พื้นฐาน (O-NET) ดงั แสดงในภาพประกอบที่ 7.1ก-11

เปรยี บเทยี บคะแนนผลการสอบ O-NET ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3
ปีการศกึ ษา 2561-2563
52.11
52.08
52.64
26.42
28.61
29.37
26.08
22.08
21.64
35.13
28.57
28.13
60
40 ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์
20
0

ภาษาไทย

2561 52.11 26.42 26.08 35.13

2562 52.08 28.61 22.08 28.57

2563 52.64 29.37 21.64 28.13

ภาพประกอบที่ 7.1 ก-11 เปรยี บเทยี บคะแนนผลการสอบ (O-NET) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ตงั้ แต่ปีการศกึ ษา 2561-2563

77

จากภาพประกอบท่ี 7.1 ก-11 พบว่าปีการศกึ ษา 2563 มคี ่าเฉล่ียสูงขึน้ กว่าปีการศึกษา 2562 จานวน 2
รายวชิ า คอื รายวชิ าภาษาไทย และรายวชิ าภาษาอังกฤษ

เปรยี บเทยี บคะแนนผลการสอบ O-NET
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 ปีการศกึ ษา 2561-2563

43.1
39.13
41.10
32.65
32.66
33.91
24.13
23.96
23.95
24.62
19.76
20.62
27.58
25.87
29.61
60
40 สังคมศกึ ษา ภาษาองั กฤษ คณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์
20 32.65 24.13 24.62 27.58
0 32.66 23.96 19.76 25.87
33.91 23.95 20.62 29.61
ภาษาไทย
2561 43.1
2562 39.13
2563 41.10

ภาพประกอบท่ี 7.1 ก-12 เปรยี บเทียบคะแนนผลการสอบ (O-NET) ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 6
ตั้งแต่ปีการศึกษา 2561-2563

จากภาพประกอบที่ 7.1 ก-12 เมอ่ื เปรียบเทียบผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนผ่านการประเมินระดับชาติ
(O-NET) ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 พบวา่ ปีการศกึ ษา 2563 มีค่าเฉลี่ยสูงขน้ึ กวา่ ปกี ารศกึ ษา 2562 จานวน
4 รายวชิ า คอื รายวชิ าภาษาไทย สงั คมศึกษา คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์

(11) เปรียบเทียบกับค่แู ขง่ (โรงเรยี นปทมุ เทพวิทยาคาร)
โรงเรียนโซ่พิสัยพิทยาคมใชข้ อ้ มลู ในการเปรียบเทยี บและจัดลาดับการแขง่ ขันกับโรงเรยี นคูแ่ ขง่

(โรงเรียนปทุมเทพวิทยาคาร) 4 ประเดน็ ไดแ้ ก่ 1)เปรยี บเทยี บผลสัมฤทธิ์การทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ
ข้นั พื้นฐาน (O-NET) 2) การสอบเข้าศึกษาตอ่ ในระดบั อุดมศกึ ษา 3) ผลการแข่งขันทักษะวิชาการในงาน
ศิลปหัตถกรรมนักเรยี น และ 4) การเข้าศกึ ษาตอ่ ในระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 และ 4

เปรยี บเทยี บคะแนนผลการสอบ O-NET ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 3
ปกี ารศกึ ษา 2561-2563 กบั โรงเรียนคแู่ ข่ง

48.26
65.11

26.97
35.81

25.18
39.11

31.92
43.35
52.11
67.5

26.42
44.05

26.08
36.97
35.13
33.97
52.08
69.28

28.61
48.55

22.08
38.14

28.57
35.82
80
70 วทิ ย์ ภาษาไทย องั กฤษ คณิต วทิ ย์ ภาษาไทย องั กฤษ คณติ วิทย์
60 ปกี ารศึกษา 2562 ปีการศึกษา 2563
50 28.57
40 52.11 26.42 26.08 35.13 52.08 28.61 22.08 35.82
30 67.5 44.05 36.97 33.97 69.28 48.55 38.14
20
10
0

ภาษาไทย องั กฤษ คณติ

ปกี ารศึกษา 2561

โซ่พิสัยพทิ ยาคม 48.26 26.97 25.18 31.92

ปทุมเทพ 65.11 35.81 39.11 43.35

ภาพประกอบที่ 7.1 ก-13 ผลสัมฤทธ์ิการทดสอบทางการศึกษาแหง่ ชาติขั้นพ้ืนฐาน (O-NET) ของนักเรียนช้นั
มัธยมศึกษาปที ี่ 3 ปกี ารศกึ ษา 2561-2563 กบั โรงเรียนคู่แขง่ (โรงเรยี นปทุมเทพวทิ ยาคาร)

78

จากภาพประกอบที่ 7.1 ก-13 ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นผ่านการประเมินระดบั ชาติ (O-NET) ชนั้
มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 ปกี ารศึกษา 2561-2563 กับโรงเรียนคู่แข่ง พบวา่ ผลการทดสอบระดบั ชาติของโรงเรยี นโซพ่ ิสยั
พิทยาคมมีค่าเฉลีย่ สงู กวา่ โรงเรยี นคู่แขง่ และมีพฒั นาการทดี่ กี วา่ ในรายวชิ าวิทยาศาสตร์ ในปีการศกึ ษา 2562

เปรียบเทียบคะแนนผลการสอบ O-NET ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 6
ปีการศึกษา 2561-2563 กับโรงเรียนคู่แขง่

60 457.0.0658
50 332.6.7464
40 22.5936
30 19.6135.52
20 25.322.664

443.6.132
3322..6958
24.1339.5
24.306.23
273.15.891

39.1530.57
32.460.602
23.9637.26
19.7269.35
25.8376.64

10
0
ภาษาไท ภาษาไท ภาษาไท
ย สังคม องั กฤษ คณติ วิทย์ ย สงั คม อังกฤษ คณติ วิทย์ ย สงั คม องั กฤษ คณิต วทิ ย์

ปีการศกึ ษา2561 ปีการศึกษา2562 ปกี ารศกึ ษา2563

โซพ่ สิ ัยพิทยาคม 47.05 32.76 22.59 19.61 25.26 43.1 32.65 24.13 24.62 27.58 39.13 32.66 23.96 19.76 25.87

ปทมุ เทพ 50.68 36.44 36 35.52 32.64 46.32 32.98 39.5 30.3 31.91 50.57 40.02 37.26 29.35 36.64

ภาพประกอบที่ 7.1 ก-14 เปรียบเทียบผลการทดสอบระดบั ชาติ O-NET ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6
ปกี ารศกึ ษา 2561-2563 กบั คแู่ ขง่ (โรงเรยี นปทุมเทพวิทยาคาร)

จากภาพประกอบที่ 7.1 ก-14 เปรยี บเทียบผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนผ่านการประเมินระดับชาติ (O-NET)
ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 6 ปกี ารศึกษา 2561-2563 กับโรงเรียนคู่แข่งในระยะ 3 ปี พบว่าผลการทดสอบระดบั ชาติ
ของโรงเรียนโซ่พิสัยพิทยาคมมคี ่าเฉลี่ยตา่ กวา่ โรงเรียนคู่แขง่ ทุกรายวชิ า จาเปน็ ตอ้ งเรง่ พัฒนาและมแี นวโนม้
ทจ่ี ะเพ่ิมข้นึ ในปีการศกึ ษาตอ่ ไป

เปรยี บเทยี บข้อมูลการศกึ ษาต่อระดบั อุดมศึกษา ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 ปกี ารศึกษา 2561-2563 กบั โรงเรียนคู่แขง่

700 222 619
75 572
600 2308
2374
500 66.12020

400 165 566
93 521
300 1189
2373
200 817.0808

100 188 455
139 410
1290
1235
9100.095

0 ม.เอกชนสถาบๆนั อนื่ % ศกึ ษา สถาบันอ่นื % ศึกษา ม.เอกชนสถาบๆันอื่น % ศกึ ษา
ตอ่ ๆ ต่อ ต่อ
นกั เรยี นจบ ม.รฐั นักเรยี นจบ ม.รฐั ม.เอกชน นกั เรยี นจบ ม.รฐั

ปกี ารศึกษา2561 ปีการศกึ ษา2562 ปกี ารศกึ ษา2563

โซ่พิสยั พิทยาคม 222 75 38 34 66.22 165 93 19 33 87.88 188 139 19 13 90.95

ปทุมเทพ 619 572 20 27 100 566 521 18 27 100 455 410 20 25 100

ภาพประกอบที่ 7.1ก-15 แสดงร้อยละของนักเรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 ท่ีเรยี นจบและศึกษาตอ่
สถาบนั การศึกษาตา่ ง ๆ เปรยี บเทียบกบั โรงเรยี นคู่แข่ง ปีการศกึ ษา 2561 –2563

จากภาพประกอบที่ 7.1 ก-15 สรุปร้อยละของนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 6 โรงเรยี นโซ่พิสยั พิทยาคม

79

ปกี ารศึกษา 2561 –2563 ศกึ ษาต่อร้อยละ 66.22 , 87.88 และ 90.95 ตามลาดับ เมอื่ เปรียบเทยี บกบั โรงเรียน
ปทุมเทพวทิ ยาคาร ซึ่งเป็นโรงเรียนคู่แขง่ ปีการศึกษา 2561 –2563 รอ้ ยละของนักเรยี นโรงเรียนคู่แข่ง ศึกษาตอ่
คดิ เปน็ ร้อยละ 100 ทุกปีการศกึ ษา ซ่งึ สูงกวา่ นักเรียนโรงเรยี นโซพ่ ิสัยพิทยาคม

เปรียบเทียบข้อมลู จานวนเหรียญทองงานแขง่ ขนั ศลิ ปหตั กรรมระดับภาคและ
ระดับชาติปกี ารศึกษา 2560-2562 กับโรงเรียนคู่แข่ง

30 8
20 12
10 12
0
19
2561 14

26
1
0
0
0
0
0

โซพ่ สิ ยั พิทยาคม 8 2562 2563 2561 2562 2563
ระดับภาค ระดบั ชาติ
ปทมุ เทพ 12
12 14 100
19 26 000

ภาพประกอบที่ 7.1 ก-16 เปรียบเทยี บจานวนเหรียญทองในการแขง่ ขันศลิ ปหัตถกรรมระดับภาคและระดับชาติ
กบั โรงเรยี นปทมุ เทพวทิ ยาคาร ปีการศกึ ษา 2560 – 2562

จากภาพประกอบที่ 7.1 ก-16 ปกี ารศึกษา 2560 –2562 โรงเรยี นโซ่พิสัยพทิ ยาคมไดร้ ับรางวลั เหรยี ญ
ทองในการแข่งขันงานศลิ ปหัตถกรรมนักเรียนระดบั ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จานวน 8,12 และ14 เหรยี ญ
ตามลาดับ เมือ่ เปรยี บเทียบกบั โรงเรียนปทุมเทพวทิ ยาคาร ซ่ึงเป็นโรงเรียนคูแ่ ข่งได้รบั รางวลั เหรยี ญทองระดับภาค
จานวน 12, 19 และ 26 เหรียญ โรงเรียนโซพ่ ิสยั พิทยาคมเหนอื กวา่ โรงเรยี นปทุมเทพวิทยาคาร คือในปีการศกึ ษา
2560 ได้รบั เหรียญทองระดับชาติ 1 เหรยี ญ โรงเรียนโซพ่ สิ ยั พทิ ยาคม มีการพฒั นาอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง เชน่ เดียวกับ
โรงเรียนปทุมเทพวิทยาคาร

ข ผลลัพธด์ า้ นประสิทธิผลของกระบวนการทางาน (WORK PROCESS EFFECTIVENESS

RESULTS)

ข(1) ประสทิ ธิผลและประสิทธภิ าพของกระบวนการ (Process EFFECTIVENESS and
Efficiency) ประกอบด้วยตวั ชวี้ ดั ทสี่ าคัญ ดังน้ี

(1) ผลลพั ธด์ ้านประสิทธิภาพของหลักสูตรโรงเรียนโซ่พสิ ัยพทิ ยาคม แยกตามแผนการเรียน
ปีการศกึ ษา 2561 –2563

โรงเรียนไดด้ าเนนิ การพฒั นาหลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นโซพ่ ิสยั พิทยาคมทง้ั ระบบภายใต้กรอบ
โครงสรา้ งของหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐานพทุ ธศกั ราช 2551 (ปรับปรุง พุทธศักราช 2560) ตามความ
ตอ้ งการของนักเรียนและผู้มสี ว่ นได้สว่ นเสียอยา่ งตอ่ เนื่องโดยใช้สารสนเทศจากการรบั ฟังเสียงของนักเรยี นปจั จุบัน
และนักเรยี นในอนาคต เรมิ่ ใช้หลักสตู รในปกี ารศึกษา 2561 ผลลพั ธ์ของหลกั สตู รดา้ นประสทิ ธภิ าพและ
ประสทิ ธิผล ดงั ภาพประกอบที่ 7.1 ข-1

80

80 67.08
70 60.92
60 70.90
50 55.68
40 59.62
30 71.27
20 37.97
10 58.84
70.58
0 วิทยศาสตร์-คณิตศาสตร์
ปี2561 67.08 มนุษยศาสตร์-สงั คมศาสตร์ ครุศาสตร์
ป2ี 562 60.92 55.68 37.97
ป2ี 563 70.90 59.62 58.84
71.27 70.58

ภาพประกอบท่ี 7.1 ข-1 แสดงผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นของนกั เรียนระดบั ดขี นึ้ ไป แยกตามแผนการเรียน

ปกี ารศกึ ษา 2561 –2563 ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาตอนปลาย

จากภาพประกอบท่ี 7.1 ข-1 เม่ือทาการวดั ประสทิ ธภิ าพของหลักสตู รโรงเรยี นโซพ่ สิ ยั พิทยาคม
โดยใช้ SOPIT Model ในปีการศกึ ษา 2561 ได้ปรับโครงสรา้ งหลักสูตรแผนการเรยี นระดับมัธยมศึกษา
ตอนปลาย โดยเปิด 3 แผนการเรยี น 1) แผนการเรยี นวทิ ยาศาสตร์ –คณติ ศาสตร์ ห้อง 1 จดั ให้เรยี นวิชา
ภาษาอังกฤษกบั ครชู าวต่างชาติ 2) แผนการเรยี นมนุษยศ์ าสตร์-สังคมศาสตร์ แทนแผนการเรยี นศลิ ป์-ภาษา
3) แผนการเรียนครุศาสตร์ แทนแผนการเรยี นกฬี า-การงาน ปกี ารศึกษา 2561-2563 ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน
ของนกั เรยี นระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาตอนปลาย แยกตามแผนการเรยี น โดยใช้ค่าร้อยละของผลการเรียนระดบั ดีข้นึ ไป
พบวา่ ปกี ารศึกษา 2562 แผนการเรียนวทิ ยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ รอ้ ยละของผลการเรยี นระดับดขี ึ้นไป ลดลง
รอ้ ยละ 6.16 ส่วนปีการศึกษา 2563 เพมิ่ ขึน้ ร้อยละ 9.98 ส่วนแผนการเรียนมนุษย์ศาสตร์-สังคมศาสตร์ และ
แผนการเรียนครศุ าสตร์ รอ้ ยละของผลการเรียนเฉลย่ี ระดับดขี ้ึนไปเพิม่ ข้ึนทกุ ปีการศึกษา แสดงให้เหน็ วา่ การปรับ
โครงสรา้ งหลกั สตู รตามแผนการเรียนดังกลา่ วสอดคลอ้ งกบั ความรคู้ วามสามารถและความต้องการของนักเรียน
และผู้มสี ว่ นไดส้ ว่ นเสีย

(2) การจบการศกึ ษาภาคบงั คับและการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน ดังแสดงในภาพประกอบท่ี 7.1ข-2

แผนภมู แิ ท่งแสดงร้อยละของนักเรียนช้นั มัธยมศึกษาตอนต้นแผนการเรยี น
ท่ัวไปทีจ่ บการศกึ ษาภาคบงั คบั พร้อมรุ่น

95.00 ปี 2562 ปี 2563
90.00
85.00
80.00

ปี 2561

เป้าหมาย 85.00 85.00 90.00

นักเรียนทีจ่ บหลักสตู ร 92.21 87.58 92.92

ภาพประกอบที่ 7.1 ข-2 แสดงร้อยละของการจบการศึกษาภาคบังคบั พร้อมรนุ่ ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 3

81

จากภาพประกอบท่ี 7.1 ข-2 พบวา่ การจบการศกึ ษาภาคบังคบั ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3
เปรียบเทยี บปีการศกึ ษา 2561 กบั 2562 มคี า่ รอ้ ยละของการจบการศกึ ษาภาคบังคับลดลง แต่ปีการศกึ ษา 2560
เท่ากับ 92.92 ซึ่งคา่ รอ้ ยละมีแนวโน้มเพม่ิ มากขน้ึ อย่างเห็นไดช้ ัด และเม่อื เทยี บกบั คา่ เป้าหมาย พบว่ามีคา่ สงู กวา่
เป้าหมายที่ต้งั ไว้แสดงให้เห็นวา่ คณุ ภาพการจดั การเรยี นการสอนประสทิ ธภิ าพทาใหเ้ กดิ ผลลัพธ์ท่ดี ตี อ่ ผเู้ รียน

แผนภมู แิ ทง่ แสดงรอ้ ยละของนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาตอนปลาย
แผนการเรยี นทวั่ ไปท่ีจบการศกึ ษาพรอ้ มรนุ่

100.00 ปี 2561 ปี 2562 ปี 2563
95.00 85.00 85.00 90.00
90.00 88.71 91.67 96.91
85.00
80.00
75.00

เปา้ หมาย

นักเรยี นทีจ่ บหลกั สูตร

ภาพประกอบท่ี 7.1 ข-3 แสดงรอ้ ยละของการจบการศกึ ษาภาคบงั คับพรอ้ มรุน่ ของนักเรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 6
จากภาพประกอบท่ี 7.1 ข-3 ร้อยละของนกั เรียนระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 6 ท่จี บการศึกษาขนั้ พื้นฐาน

พรอ้ มรุ่นในปกี ารศกึ ษา 2561 –2563 เท่ากับ 88.71 , 91.67 และ 96.91 ตามลาดบั ซงึ่ คา่ รอ้ ยละมแี นวโนม้
เพมิ่ ข้ึนทุกปีการศึกษา และมคี า่ สูงกว่าเปา้ หมายทต่ี ั้งไว้ แสดงใหเ้ ห็นวา่ คณุ ภาพการจัดการเรียนการสอน
ประสทิ ธภิ าพทาใหเ้ กิดผลลพั ธท์ ีด่ ีตอ่ ผู้เรียน

(3) การเข้าศกึ ษาตอ่ ของนักเรยี นท่ีจบการศกึ ษาภาคบังคับและการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน

350 289
300 261
250 302.00
200 234
150 192
100
283
50 80.97
0 73.56
93.71
ปี 2561
ปี 2562 นักเรยี นทีจ่ บ เรียนต่อ ร้อยละ
ปี 2563 289 234 80.97
261 192 73.56
283 93.71
302.00

ภาพประกอบที่ 7.1 ข-4 แสดงจานวนนักเรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 ท่ีเรยี นจบหลักสตู รการศกึ ษาภาคบงั คบั
และศกึ ษาต่อในสถาบันการศึกษาตา่ งๆ ปกี ารศกึ ษา 2561 – 2563

จากภาพประกอบที่ 7.1 ข-4 จานวนนกั เรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 ทเี่ รียนจบและศึกษาต่อในถาบัน
การศกึ ษาตา่ ง ๆ ปกี ารศกึ ษา 2561 –2563 มากกว่าร้อยละ 90 ซ่งึ สูงกวา่ เกณฑท์ ่กี าหนด ปกี ารศกึ ษา 2562
นกั เรยี นศกึ ษาตอ่ ลดลง ร้อยละ 9.40 ปกี ารศึกษา 2563 ศกึ ษาตอ่ รอ้ ยละ 3.71 เพม่ิ ข้ึนรอ้ ยละ 20.15

82

172
165

302
139
145
100
80.81
87.88
53.2

ปี 2561 นักเรียนทจ่ี บ เรยี นตอ่ ร้อยละนักเรยี นทศี่ ึกษาตอ่
ปี 2562 172 139 80.81
ปี 2563 165 145 87.88
302 100 53.2

ภาพประกอบท่ี 7.1 ข-5 จานวนนกั เรียนที่เรียนจบหลกั สูตรช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ปีการศกึ ษา 2561 – 2563

เขา้ ศึกษาตอ่ ในระดบั อดุ มศึกษา
จากภาพประกอบที่ 7.1 ข-5 จานวนนกั เรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 6 ท่เี รียนจบและศึกษาตอ่ ในสถาบัน
การศกึ ษาตา่ ง ๆ ปกี ารศึกษา 2561 ร้อยละ 80.81 ปีการศึกษา 2562 ร้อยละ 87.88 เพม่ิ ขึ้น ร้อยละ 7.07
ปกี ารศึกษา 2563 รอ้ ยละ 49.41 ลดลง ร้อยละ 38.47 เหตุท่ีจานวนนกั เรยี นศึกษาต่อลดลง เน่ืองจากนกั เรยี น
รอระบบการศึกษาต่อสถาบันอดุ มศกึ ษา T-CAS รอบที่ 4 และจากสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เช้อื
ไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ทาใหน้ ักเรยี นไม่ไดร้ บั ความสะดวกในการสมคั รศึกษาต่อทัง้ ภาครัฐและเอกชน

ข(2) การเตรยี มความพร้อมตอ่ ภาวะฉุกเฉนิ (Emergency Preparedness)
โรงเรยี นโซ่พิสัยพทิ ยาคมมีวิธกี ารเตรยี มความพร้อมตอ่ ภาวะฉกุ เฉนิ 3 ขนั้ ตอน คอื ขน้ั ตอนที่ 1

การเตรียมความพร้อมก่อนเกิดภาวะฉุกเฉิน ขั้นตอนท่ี 2 การปฏิบตั ิการขณะเกดิ ภาวะฉกุ เฉิน ข้ันตอนที่ 3
การฟน้ื ฟูหลังเกดิ ภาวะฉุกเฉิน ผูร้ ับผิดชอบได้ดาเนนิ การทกุ ขั้นตอนดว้ ยความรอบคอบ มกี ารพ่ึงพาผู้สง่ มอบและ
ขอความชว่ ยเหลือจากพนั ธมติ ร หน่วยงานทเ่ี กยี่ วข้องในการดาเนนิ การช่วยเหลอื ฟ้นื ฟูให้คืนสสู่ ภาพเดิมในเวลา
รวดเร็วตามสถานการณ์ ให้ข้อมลู ย้อนกลบั ประชาสัมพนั ธ์ใหผ้ ู้เก่ยี วข้องทราบ และรายงานต่อหน่วยงานตน้ สังกดั
ผลจากการการเตรียมความพร้อมต่อภาวะฉุกเฉิน เม่ือเกดิ ภาวะฉุกเฉินทาให้แก้ปัญหาได้ทนั เวลา สง่ ผลกระทบ
นอ้ ยทส่ี ุด ผลการประมินความพึงพอใจ ดังภาพประกอบท่ี 7.1ข-6

96 94.7
94 93.4

92

90
87.8

88

86

84 ปี 2561 ปี 2562 ปี 2563
รอ้ ยละ 87.8 93.4 94.7

ภาพประกอบที่ 7.1ข-6 แสดงความพงึ พอใจในการเตรียมความพรอ้ มต่อภาวะฉุกเฉนิ ปีการศกึ ษา 2561 –2563

83

จากภาพประกอบที่ 7.1 ข-6 ผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี มคี วามพึงพอใจในการเตรียมความพร้อมตอ่ ภาวะฉกุ เฉนิ
ปกี ารศึกษา 2561 –2563 คา่ เฉลย่ี รอ้ ยละ 87.80, 93.40 และ 94.70 ตามลาดบั ซึ่งท้ัง 3 ปีการศึกษาผ้มู สี ่วนได้
สว่ นเสีย มีความพงึ พอใจในอยใู่ นระดบั มากท่ีสดุ

ค ผลลพั ธ์ดา้ นการจัดการหว่ งโซอ่ ุปทาน (Supply-Chain Management RESULTS)
การจัดการห่วงโซ่อปุ ทาน ดา้ นปัจจยั นาเข้ากระบวนการผลติ และผลผลิต ผสู้ ่งมอบ คอื ผู้ปกครอง

นักเรยี น บริษทั เอกชนต่าง ๆ โรงเรยี นประถมศึกษาในเขต นอกเขตพน้ื ทบี่ รกิ าร โรงเรยี นมัธยมศึกษาในพน้ื ท่ี
ใกลเ้ คยี ง หนว่ ยราชการทงั้ ภาครฐั และเอกชน ศษิ ย์เก่า ชมุ ชนทใ่ี ห้การสนบั สนุนทางดา้ นวชิ าการและวิชาชพี เกิด
ผลลัพธ์ท่สี นองความตอ้ งการและความพอใจของนกั เรยี นและผู้มสี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี นักเรียนจบหลกั สตู รเพ่ิมขึ้นอยา่ ง
มีคณุ ภาพ มีการส่งตอ่ ผูเ้ รยี นไปศึกษาต่อเพ่ิมมากขนึ้ ดงั ภาพประกอบท่ี 7.1 ค-1

83.5 79.2 79.26

16.5 20.8 20.74

นร.ช้นั ป. 6 ในเขตพ้นื ท่บี รกิ าร ร้อยละ ปี2561 รอ้ ยละ ปี2562 ร้อยละ ปี2563
นร.ชัน้ ป. 6 นอกเขตพ้นื ทบ่ี ริการ 83.5 79.2 79.26
16.5 20.8 20.74

ภาพประกอบที่ 7.1 ค-1 แสดงรอ้ ยละของนกั เรียนอนาคตเข้าศึกษาตอ่ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1

ปกี ารศึกษา 2561 –2563
จากภาพประกอบ 7.1ค-1 เปรยี บเทยี บนกั เรียนอนาคต เขา้ ศึกษาตอ่ ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1 ปกี ารศกึ ษา
2561 –2563 พบวา่ นกั เรียนในเขตพืน้ ท่บี ริการสมัครศกึ ษาต่อร้อยละ 83.50, 79.20 และ 79.26 นักเรียนนอกเขต
พน้ื ที่บรกิ ารสมคั รศกึ ษาต่อร้อยละ 16.50, 20.80 และ 20.74 ตามลาดบั ซึ่งนักเรียนและผมู้ ีส่วนได้ สว่ นเสยี เห็น
ความสาคัญของการศึกษามแี นวโน้มเพมิ่ ขน้ึ ทกุ ปกี ารศกึ ษา

120.00 92.09
100.00 2.79
80.00 5.12
60.00
40.00 91.39
20.00 2.62
5.99
0.00
-20.00 77.09
15.27
โซพ่ ิสยั พทิ ยาคม (รร.เดิม) 7.64
จบ ม.3 ในจงั หวัด
จบ ม.3 ตา่ งจงั หวดั ร้อยละ ปี2561 ร้อยละ ปี2562 ร้อยละ ปี2563
92.09 91.39 77.09
2.79 2.62 15.27
5.12 5.99 7.64

ภาพประกอบ 7.1ค-2 แสดงการเปรียบเทยี บนกั เรียนอนาคตเข้าศึกษาตอ่ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4
ปีการศกึ ษา 2561 –2563

84

จากภาพประกอบ 7.1ค-2 เปรียบเทยี บนักเรียนอนาคต เขา้ ศึกษาตอ่ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 ปกี ารศกึ ษา
2561 – 2563 พบว่านักเรียนช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 3 ในโรงเรียนเดิมสมคั รศกึ ษาต่อรอ้ ยละ 92.09, 91.39 และ
77.09 นกั เรียนนอกเขตพน้ื ทบ่ี ริการสมัครศึกษาต่อรอ้ ยละ 7.91, 8.61 และ 22.91 ตามลาดับ ซง่ึ นกั เรยี นและผู้มี
สว่ นได้ ส่วนเสียเหน็ ความสาคญั ของการศกึ ษามแี นวโนม้ สมคั รศกึ ษาเพมิ่ ข้ึนทกุ ปีการศกึ ษา

7.2 ผลลพั ธด์ ้านนักเรยี นและผมู้ ีส่วนได้สว่ นเสีย (Student and Stakeholder- Focused Results)
ก ผลลพั ธ์ดา้ นนักเรยี นและผู้มสี ่วนไดส้ ่วนเสีย (STUDENT and Stakeholder- Focused

RESULTS)

ก(1) ความพงึ พอใจของนกั เรยี นและผู้มสี ว่ นไดส้ ว่ นเสีย (STUDENT Satisfaction)
1.1) การจดั ประชมุ ผู้ปกครองนกั เรียน โรงเรยี นกาหนดใหจ้ ดั ประชมุ ผูป้ กครองนกั เรยี น

อยา่ งนอ้ ยปกี ารศกึ ษาละ 1 คร้ัง อยา่ งตอ่ เน่อื ง เพ่ือสร้างความเขา้ ใจความผกู พนั ของนักเรยี น ผปู้ กครองและ
โรงเรยี น ดงั ภาพประกอบ 7.2ก-1

2000 1690
1500 1056
1000 62.49

500 1738
0 1123
64.61
นักเรยี นทั้งหมด
จานวนผปู้ กครองทเ่ี ขา้ ร่วม 1663
ร้อยละผู้ปกครองท่เี ขา้ รว่ ม 1201
72.22

ปี 2561 ปี 2562 ปี 2563
1690 1738 1663
1056 1123 1201
62.49 64.61 72.22

ภาพประกอบ 7.2ก-1 เปรียบเทยี บการเขา้ รว่ มประชุมผปู้ กครองนกั เรยี น ปีการศึกษา 2561 –2563
จากภาพประกอบที่ 7.2ก-1 เปรียบเทยี บการเขา้ รว่ มประชุมผู้ปกครองนกั เรียน ปกี ารศกึ ษา 2561 –

2563 พบว่าผูป้ กครองเขา้ ร่วมประชมุ ร้อยละ 62.49, 64.61, และ 72.22 ตามลาดบั ซึ่งผ้ปู กครองใหค้ วามรว่ มมอื
เข้าร่วมประชุมเพมิ่ ข้นึ ทกุ ปี แสดงให้เห็นว่าผปู้ กครองเห็นความสาคัญ เอาใจใส่บตุ รหลาน ตอ้ งการทราบข่าวสาร
จากทางโรงเรยี น และมีความพงึ พอใจต่อระบบดูแลช่วยเหลอื นกั เรยี น

1.2) การเยย่ี มบ้านนกั เรียน โรงเรียนได้กาหนดให้มีการเยีย่ มบา้ นนักเรยี น ภาคเรยี นละ 1 ครงั้
อยา่ งต่อเนอ่ื ง เพือ่ สรา้ งความเข้าใจและความผกู พนั ของนกั เรียน ผปู้ กครอง ครูท่ปี รกึ ษาและโรงเรียน ดงั
ภาพประกอบ 7.2ก-2 - 7.2ก-3

85

2000 1705
1800 1676
1600 1738
1400 1615
1200 1675
1000 1621
1432
800 1676
600 1590
400 1615
200 1539
1615
0
83.99
ปี 2561 ภาคเรยี นท่ี 1 100
91.48
ปี 2561 ภาคเรยี นท่ี 2 100
91.88
ปี 2562 ภาคเรยี นที่ 1 99.63

ปี 2562 ภาคเรียนที่ 2 นร.ทัง้ หมด นร.ท่ไี ดร้ ับการเยย่ี มบ้าน ร้อยละของ นร. ทไี่ ด้รบั การเยย่ี มบ้าน
1705 1432 83.99
ปี 2563 ภาคเรยี นท่ี 1 1676 1676 100
1738 1590 91.48
ปี 2563 ภาคเรียนท่ี 2 1615 1615 100
1675 1539 91.88
1621 1615 99.63

ภาพประกอบ 7.2 ก-2 แสดงร้อยละของนักเรียนท่ีได้รับการเยี่ยมบ้านปกี ารศกึ ษา 2561 –2563
จากภาพประกอบ 7.2ก-2 เปรยี บเทยี บการเยีย่ มบา้ นนักเรยี น ปกี ารศึกษา 2561 –2563 พบวา่

นักเรยี นได้รบั การเยยี่ มบา้ นนอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 90 ในภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2561 และเพิ่มขึ้นมากกวา่ รอ้ ยละ 90
ตง้ั แตภ่ าคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2561 เป็นต้นมา โดยพบวา่ ในภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2561 และภาคเรยี นที่ 2
ปกี ารศึกษา 2562 นักเรียนไดร้ ับการเยี่ยมบา้ นครบ ร้อยละ 100 โดยผ้ปู กครองให้ความร่วมมอื และตอบข้อคาถาม
เปน็ อยา่ งดี แสดงใหเ้ ห็นว่าผู้ปกครองเหน็ ความสาคัญตอ่ การเยยี่ มบา้ นนักเรยี น ให้ความรว่ มมือ เอาใจใสต่ อ่
นักเรยี น และมคี วามพึงพอใจ ตอ่ ระบบดแู ลชว่ ยเหลอื นักเรียน

108 102
106 106
104
102 100
100 97
96
98 97
96
94 102
92 106
90
88 98
95
ปี 2561 ภาคเรยี นท่ี 1 96
ปี 2561 ภาคเรียนที่ 2
ปี 2562 ภาคเรียนท่ี 1 97
ปี 2562 ภาคเรยี นท่ี 2 100
ปี 2563 ภาคเรยี นที่ 1 100
ปี 2563 ภาคเรียนท่ี 2
98
97.94

100
100

ครทู ี่ปรกึ ษาทง้ั หมด ครูท่ีปรึกษาท่ีออกเย่ยี มบา้ น รอ้ ยละของครทู ปี่ รกึ ษาท่อี อกเยีย่ มบา้ น
102 102 100
106 106 100
100 98 98
97 95 97.94
96 96 100
97 97 100

ภาพประกอบ 7.2ก-3 แสดงร้อยละของครูท่ปี รึกษาทีอ่ อกเย่ียมบ้านนกั เรยี นปีการศึกษา 2561 –2563

86

จากภาพประกอบ 7.2ก-3 ร้อยละของครทู ี่ปรึกษาที่ออกเยีย่ มบา้ นนกั เรียน ปีการศึกษา 2561 –2563
พบวา่ ครทู ปี่ รกึ ษามคี วามรับผดิ ชอบ มงุ่ ม่ันตั้งใจ ออกเยีย่ มบา้ นนกั เรียนมากกว่าร้อยละ 97 สร้างความประทบั ใจ
ใหก้ บั นกั เรยี นผปู้ กครอง และชมุ ชน เป็นอย่างมาก

โรงเรยี นโซพ่ สิ ยั พทิ ยาคม กาหนดให้มีการประเมนิ ความพึงพอใจของนกั เรยี นและผูป้ กครองเพื่อนาผล
ทไี่ ด้มาใช้ในการพฒั นาปรับปรุงคณุ ภาพการใหบ้ ริการในเร่ืองตา่ ง ๆ ให้มีประสิทธิภาพและประสทิ ธิผล เพ่ือใช้ใน
การวางแผนกลยทุ ธเ์ พ่อื ตอบสนองความตอ้ งการ ความคาดหวังของนักเรยี นและผมู้ สี ่วนได้สว่ นเสียไดอ้ ยา่ ง
ทนั ทว่ งทีและเกิดประโยชน์สูงสดุ

ก(2) ความผกู พันของนักเรียนและผมู้ สี ่วนได้ส่วนเสีย (STUDENT and Stakeholder

ENGAGEMENT )

โรงเรยี นมกี ารจัดกิจกรรมท่เี สริมสรา้ งความผกู พันหลายรูปแบบ เชน่ กจิ กรรมไหวค้ รู กิจกรรม
ปฐมนเิ ทศ กิจกรรมกฬี าภายใน กิจกรรมวนั ขนึ้ ปใี หม่ กจิ กรรมชุมนุม สมาคมศษิ ยเ์ กา่ ประชมุ ครู ประชุม
ผูป้ กครอง กจิ กรรมศึกษาดงู านของบคุ ลากร เปน็ ต้น โดยส่งเสริมให้ บคุ ลากรภายในโรงเรียน นกั เรียน
ผปู้ กครองและชมุ ชนมสี ่วนรว่ มในการแสดงความคดิ เห็น มสี ว่ นรว่ มในการดาเนนิ งาน กิจกรรม โครงการตลอดจน
การพัฒนาองคก์ รร่วมกนั ประเมนิ จากตวั ชวี้ ดั สาคัญดงั นี้

2.1) จานวนนกั เรยี นทีเ่ รียนจบหลักสูตรมธั ยมศึกษาตอนตน้ สมัครเข้าศกึ ษาต่อในระดบั ช้ัน
มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 ท่ีโรงเรียนเดิม ปกี ารศกึ ษา 2561 –2563 ดังภาพประกอบ 7.2ก-4

400289
300 261
200 302
100 234
192
0 นร.ที่จบ 241
2561 289 80.97
2562 261 73.56
2563 302 88.60

เรียนตอ่ ม.4 ร้อยละ
234 80.97
192 73.56
241 88.60

ภาพประกอบ 7.2ก-4 แสดงจานวนนักเรยี นช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 3 ที่จบจากโรงเรยี นโซ่พสิ ัยพิทยาคม
สมคั รเรียนต่อชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 4

จากภาพประกอบ 7.2ก-4 จานวนนกั เรียนชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 3 ทจ่ี บจากโรงเรยี นโซ่พิสัยพิทยาคม
สมัครเรียนต่อช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 พบว่าในปีการศึกษา 2562 มคี ่ารอ้ ยละของการศึกษาต่อลดลง ทงั้ นเี้ พราะ
นักเรยี นเขา้ ศกึ ษาต่อทางสายอาชีพมากข้นึ และสถานศึกษาทางสายอาชพี อย่ใู กล้บ้าน อย่างไรก็ตาม ในปี
การศึกษา 2563 พบว่ามคี ่ารอ้ ยละการศกึ ษาตอ่ เพ่ิมขึ้น เพราะโรงเรียนมีการขบั เคลอื่ นการแนะแนวการศกึ ษา
ทง้ั ในคาบแนะแนวและการออกเย่ยี มบา้ นผู้ปกครอง ประกอบกับสถานการณก์ ารระบาดของโควิด 19 มีการกลับ
ภูมลิ าเนาของแรงงานมากขึน้ จงึ ส่งผลให้นกั เรยี นเข้าศึกษาตอ่ ที่โรงเรียนเดมิ เพิม่ ขึน้

87

2.2) จานวนนักเรียนทส่ี มคั รเขา้ ศึกษาในระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 และมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4
ปีการศึกษา 2561 –2563 ของโรงเรียนโซ่พิสัยพิทยาคมกบั โรงเรียนปทุมเทพวิทยาคาร ดงั ภาพประกอบท่ี 7.2ก-5

เปรยี บเทยี บข้อมูลการสมคั รเขา้ เรียน ม.1 ม.4 ปีการศกึ ษา 2561-2563 กับโรงเรยี นคเู่ ทยี บ

30 8
25 12
20 12
15 19
10 14
5 26
0
1
โซ่พิสยั พิทยาคม 0
ปทมุ เทพ 0
0
0
0

2561 2562 2563 2561 2562 2563
ระดบั ภาค ระดับชาติ

8 12 14 100
12 19 26 000

ภาพประกอบ 7.2ก-5 จานวนนักเรียนทสี่ มัครเข้าศึกษาในระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 และ
มัธยมศึกษาปีที่ 4 ปกี ารศึกษา 2561 –2563 กบั โรงเรยี นคู่แข่ง

จากภาพประกอบ 7.2ก-5 จานวนนกั เรียนที่สมคั รเรยี นตอ่ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 และชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4
โรงเรียนโซ่พสิ ยั พทิ ยาคมกับโรงเรยี นปทุมเทพวทิ ยาคาร พบว่าจานวนนกั เรียนสมคั รศึกษาตอ่ เพิ่มข้ึนอย่าง
ต่อเนื่องแสดงให้เหน็ วา่ ผปู้ กครองใหค้ วามไวว้ างใจ และมีความผกู พันกบั โรงเรยี นโซพ่ สิ ัยพิทยาคม

2.3) ทนุ ทรัพยจ์ ากผปู้ กครอง ครู ชุมชน และศิษย์เกา่ มอบให้โรงเรียน ปีการศึกษา 2561 – 2563
ดังภาพประกอบ 7.2ก-6

80 64

60 ปกี ารศึกษา 2562
64
40 36

20 5 ปีการศึกษา 2563
36
0
ปีการศึกษา 2561

จานวนทุน 5

ภาพประกอบ 7.2ก-6 จานวนทนุ การศกึ ษาทผี่ ู้ปกครอง ครู ชมุ ชน และศิษยเ์ กา่ มอบให้โรงเรยี น
ปกี ารศึกษา 2561 –2563

จากภาพประกอบ 7.2ก-6 พบวา่ จานวนทุนการศึกษาทีผ่ ู้ปกครอง ครู ชุมชน และศษิ ยเ์ ก่ามอบให้โรงเรียน
โซ่พสิ ัยพิทยาคม ปกี ารศกึ ษา 2561 –2563 จานวน 5, 64, และ 36 ทนุ เพราะความรกั ความผกู พนั ศรัทธาและ
เช่อื มั่นในการบรหิ ารจดั การของโรงเรียนโซพ่ สิ ัยพทิ ยาคมอกี ท้งั สมาคมศิษย์เก่าโรงเรยี นโซพ่ ิสัยพทิ ยาคม
เปน็ องคก์ รทเ่ี ขม้ แขง็ เป็นกาลงั สาคญั ในการสนับสนุน ส่งเสรมิ และพฒั นาโรงเรยี น

88

7.3 ผลลพั ธด์ า้ นบคุ ลากร (WORKFOGCE-Focused RESULT) :
ก. ผลลัพธ์ดา้ นบุคลากร (WORKFOGCE-Focused RESULT)
ก(1) ขีดความสามารถและอัตรากาลงั บุคลากร (WORKFOGCE CAPABILITY and

CAPACITY)
ปัจจุบันโรงเรยี นมีจานวนครูตอ่ นักเรียนเปน็ ไปตามเกณฑ์ ตามหนงั สอื สานักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ

0206.6/ว23 ลงวนั ที่ 23 ธนั วาคม 2563 โดยกาหนดจานวนครูต่อนกั เรยี นในโรงเรียนมัธยมศกึ ษา 1:20 โรงเรยี น
โซ่พิสยั พทิ ยาคมมีครูทม่ี ขี ีดความสามารถ มีทกั ษะตรงตามสาขาวิชา และครูมกี ารยกระดับความสามารถอยา่ ง
ตอ่ เนอ่ื ง ส่งผลตอ่ การจดั การเรียนการสอนได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ แสดงจานวนครูต่อนกั เรยี น สถิตคิ รมู วี ิทยฐานะ
และสถติ ิการศกึ ษาตอ่ ของครแู ละบุคลากรทางการศึกษาในระดับทส่ี ูงขนึ้ ดังภาพประกอบ 7.3ก-1 และ7.3ก-2

1.1) จานวนครูภาพรวมตามเกณฑ์

กราฟแสดงอตั ราครูต่อนักเรียน ปีการศกึ ษา 2561-2563

2000 1705 1738 1681

1500

1000

500 93 101 104
0 ปี 2562 ปี 2563
ปี 2561

จานวนครู 93 101 104

จานวนนักเรียน 1705 1738 1681

ภาพประกอบ 7.3ก-1 แสดงอัตราครูตอ่ นักเรียน ปีการศกึ ษา 2561-2563

จากภาพประกอบ 7.3ก-1 พบว่าโรงเรยี นโซ่พิสยั พิทยาคมมีอตั ราสว่ นครูตอ่ นกั เรียน ในปกี ารศกึ ษา
2561- 2563 ตามเกณฑ์ คือ 1:18, 1:18 และ 1:16 ตามลาดบั ช่วยใหค้ รสู ามารถดาเนินกจิ กรรมการเรียนการ
สอนและดูแลนกั เรียนไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ สง่ ผลตอ่ การจัดระบบดแู ลชว่ ยเหลอื นักเรยี น ทาใหโ้ รงเรยี นไดร้ ับ
รางวัลระบบดูแลชว่ ยเหลือนกั เรยี นประจาปี 2563 ประเภทสถานศกึ ษามธั ยมขนาดใหญ่ ระดับยอดเย่ยี ม

1.2) สถิติครทู ี่ได้รบั วิทยฐานะ

กราฟแสดงครูได้รบั วิทยาฐานะ ปีการศึกษา 2561- 2563

43512000000
ครูผชู้ ว่ ย ค.ศ.1 ค.ศ.2 ค.ศ.3 ค.ศ.4
30
26
10
17
30

47
10
12
10

22
20
26
1
1
0

2561 30 17 10 22 1

2562 26 30 12 20 1

2563 18 43 7 22 0

ภาพประกอบ 7.3ก-2 แสดงรอ้ ยละของครูได้รบั วทิ ยฐานะ ปกี ารศกึ ษา 2561-2563

89

จากภาพประกอบ 7.3ก-2 พบวา่ ในปีการศกึ ษา 2561-2563 รอ้ ยละของครูไดร้ บั การให้มีวิทยฐานะ
ครูมีการขอใหม้ วี ิทยฐานะทกุ ปกี ารศึกษา เนอื่ งจากโรงเรียนได้ส่งเสริมและสนบั สนุนให้ครทู ุกคนได้ทาผลงาน
ทางการศกึ ษาเพื่อพฒั นาตนเองและพัฒนาอาชพี อยา่ งตอ่ เนือ่ งทกุ ปี

1.3) สถิติการศกึ ษาตอ่ ของครูและบคุ ลากรทางการศึกษาในระดบั ท่ีสูงขึน้

กราฟแสดงระดบั วุฒิการศกึ ษา ปีการศึกษา 2561-2563

150 93 101 104 37 37 34 111
100
50 โท เอก
37 1
0 37 1
ตรี 34 1

2561 93

2562 101

2563 104

ภาพประกอบ 7.3ก-3 แสดงระดบั วฒุ ิการศึกษา ปีการศกึ ษา 2561-2563

จากภาพประกอบ 7.3ก-3 ในปีการศึกษา 2561-2563 โรงเรียนไดส้ ง่ เสรมิ และสนับสนนุ ใหค้ รูทกุ คนไดพ้ ัฒนา
ตนเองในด้านวิชาการการศกึ ษาในระดบั ปรญิ ญาตรี ปรญิ ญาโท และปรญิ ญาเอก

(2) บรรยากาศการทางาน ระดับปจั จุบนั และแนวโน้มของตวั วดั หรอื ตวั ช้วี ดั ทสี่ าคญั ดา้ นบรรยากาศ
การทางาน รวมถึงสขุ ภาพ ความปลอดภัย สวสั ดภิ าพ การบริการและสทิ ธิประโยชนส์ าหรบั บคุ ลากร โรงเรยี นไดม้ ี
การกากับ ติดตาม ดูแลการปฏิบัติงานของครู โดยใช้วิธกี ารสังเกต ใชแ้ บบสอบถามความพงึ พอใจในการทางาน
แบบวัดการเขา้ ร่วมกจิ กรรมของครอู ย่างสมา่ เสมอ เพอื่ สร้างบรรยากาศและส่งเสริมขวญั กาลงั ใจบคุ ลากรอย่าง
ต่อเนื่อง ดงั ภาพประกอบ 7.3ก-4

2.1) ความพึงพอใจของครตู ่อสถานท่ที างาน ดังภาพประกอบ 7.3ก-4

60 กราฟแสดงความพงึ พอในต่อสถานที่ปฏบิ ัตงิ าน
50 2 2
40 7 8 26
30 10 15 18
20 56 54
10 5 15 28

0 2.50% 2% 2 2.50%
9% 9% 3 33.76%
นอ้ ยที่สุด 13% 16.12% 3.80%
น้อย 73% 58.06% 23.37%
ปานกลาง 6.40% 36.36%
มาก 16.12%
มากทส่ี ดุ
ปี 2561 ปี 2562 ปี 2563
2
7 2.50% 2 2% 2 2.50%
10
56 9% 8 9% 26 33.76%
5
13% 15 16.12% 3 3.80%

73% 54 58.06% 18 23.37%

6.40% 15 16.12% 28 36.36%

ภาพประกอบ 7.3ก-4 แสดงความพงึ พอใจของครูและบคุ ลากรต่อสถานทท่ี างาน

90

จากภาพประกอบ 7.3ก-4 ความพึงพอใจของครแู ละบุคลากรต่อสถานทป่ี ฏิบตั ิงาน พบว่าครูและ
บุคลากรทางการศึกษามีความพงึ พอใจต่อบรรยากาศและสถานทใี่ นการทางาน ปกี ารศึกษา 2561-2563 อย่ใู น
ระดับมาก และมรี ้อยละของแนวโน้มความพึงพอใจในระดับมาก เพิ่มข้ึนอย่างตอ่ เนือ่ ง คอื .40 , 16.12 และ 36.36
ตามลาดบั แสดงใหเ้ หน็ วา่ ครูและบคุ ลากร มคี วามต้ังใจในการปฏิบตั งิ านอยา่ งมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธผิ ล
ท่ดี ีต่อคณุ ภาพนักเรยี น ครู โรงเรยี นและชมุ ชน ตามมาตรฐานและตวั ชว้ี ัดตามระบบประกนั คุณภาพภายในของ
โรงเรียน

2.2) สถติ กิ ารเข้าร่วมกิจกรรมโรงเรยี นของครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา
ดงั ภาพประกอบ 7.3ก-5

กราฟแสดงรอ้ ยละการเขา้ ร่วมกจิ กรรม

150%

100% 100% 100%
100%

50%

0% ปี 2562 ปี 2563
ปี 2561

ภาพประกอบ 7.3ก-5 แสดงรอ้ ยละการเข้าร่วมกิจกรรมโรงเรยี นของครูและบุคลากรทางการศกึ ษา

จากภาพประกอบ 7.3ก-5 รอ้ ยละของครแู ละบุคลากรทางการศึกษาท่ีเขา้ ร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของ
โรงเรียนในปกี ารศกึ ษา 2561-2563 พบว่าครูและบุคลากรทางการศกึ ษาเขา้ ร่วมกิจกรรมรอ้ ยละ 100 แสดงถึง
ความรัก ความสามัคคขี องครูและบคุ ลากรทางการศึกษาในการรว่ มพฒั นาและสรา้ งนกั เรียนใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพ
ตามเปา้ หมายอยา่ งตอ่ เนือ่ ง

ก(3) การทาใหบ้ ุคลากรมีความผกู พันระดบั ปจั จบุ นั และแนวโน้มของตวั วดั หรือตวั ชวี้ ัดที่สาคัญ
ดา้ นการพัฒนาบุคลากรและผู้นาองคก์ ร

โรงเรยี นมีการจัดกิจกรรมท่แี สดงออกถึงความรักความผูกพัน และสง่ เสริมการพัฒนาครูท้ังด้าน
การสอนและอาชีพอย่างสมา่ เสมอและตอ่ เนื่อง เชน่ งานรดน้าดาหัวผอู้ านวยการและครอู าวโุ ส งานมทุ ิตาจิต
การร่วมยนิ ดเี นือ่ งในวนั เกดิ การแสดงความยินดกี บั ความสาเร็จของบคุ ลากรท่ีไดร้ ับการเลอื่ นวทิ ยฐานะและ
การสาเรจ็ การศึกษาในระดบั ทีส่ ูงขน้ึ แสดงการสง่ เสรมิ และพฒั นาครูในด้านตา่ ง ๆ ดังภาพประกอบ 7.3ก-6

91

กราฟแสดงรอ้ ยละของการพัฒนาบุคลากร

120 100
100
100
100
100
100
100
100
100
100
100
100

100

80

60

40

20

0 คา่ ปี 2561 ปี 2562 ปี 2563
เปา้ หมาย

รอ้ ยละของหน่วยงานท่ีมคี รูและบุคลากรที่มีความรู้
ความสามารถตรงสาขาที่เหมาะสม 100 100 100 100

ร้อยละของครูที่มผี ลงานการสรา้ งนวตั กรรม 100 100 100 100

รอ้ ยลภะขอางพหนว่ปยงรานะทกสี่ รา้องมบาตร7ฐา.น3กากรป-ฏ6ิบตั ิงแานสดงร้อย10ล0ะของการพฒั 10น0าบุคลากรใน1ป0ีก0 ารศกึ ษา 2510601-2563

จากภาพประกอบ 7.3ก-6 พบว่า ในปี 2561-2563 ร้อยละของการพัฒนาบุคลากร ทั้งในดา้ นของ

หนว่ ยงานท่ีมคี วามรแู้ ละตรงสาขาท่เี หมาะสม ดา้ นครทู ีม่ ีผลงานการสรา้ งนวตั กรรมและด้านหน่วยงานทสี่ รา้ ง

มาตรฐานการปฏิบัติงาน มีค่าร้อยละ100 ทุกดา้ น และตรงตามเป้าหมายทต่ี ั้งไว้ แสดงให้เหน็ ถงึ ประสิทธภิ าพ

ในการทางานของครูและบุคลากรทีเ่ กยี่ วข้อง สง่ ผลให้ไดผ้ ลลพั ธท์ ด่ี ีตอ่ ผเู้ รยี น

7.4 ผลลัพธด์ า้ นการนาองคก์ รและการกากับดูแลองค์กร (Leadership and governance Results)
ก. ผลลพั ธด์ า้ นการนาองค์กร การกากบั ดูแลองคก์ รและความรบั ผดิ ชอบต่อสงั คม

(Leadership, governance and Societal Responsibility RESULTS)
ก(1) การนาองคก์ ร (Leadership)
โรงเรียนไดจ้ ดั ทาวสิ ยั ทศั น์ พนั ธกจิ เปา้ ประสงคแ์ ละค่านิยมขององค์กรรว่ มกบั บคุ ลากรทุกฝ่ายใน

โรงเรียน รวมถงึ บคุ ลากรทางการศึกษา คณะกรรมการสถานศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน เครอื ข่ายผผู้ ู้ปกครอง สมาคมศิษย์
เกา่ และสภานกั เรยี น เข้ามามสี ว่ นร่วมในการกาหนดวสิ ยั ทศั น์ และพันธกิจ เปา้ ประสงค์ และค่านยิ มของโรงเรยี น
ทาใหว้ ิสัยทัศน์ ได้รบั ความยอมรบั ละเป็นตัวกาหนดทศิ ทางการดาเนินงานของโรงเรยี น แสดงผลการนาองคก์ ร
สกู่ ารปฏบิ ัตเิ พ่ือบรรลวุ ิสยั ทัศน์ ตาราง 7.4ก-1

ตาราง 7.4ก-1 แสดงผลการนาองค์กรสู่การปฏิบัตเิ พ่ือบรรลุวิสยั ทศั นข์ องโรงเรยี น

ตัวชี้วดั ปีการศกึ ษา
2561 2562 2563

1. คา่ รอ้ ยละของงาน/โครงการทต่ี อบสนองต่อการบรรลวุ สิ ยั ทศั น์ ของโรงเรียน 90.55 92.77 95.07

2. จานวนครัง้ ท่ีมีการประชมุ /ส่อื สารเพ่อื ถ่ายทอดวสิ ัยทัศน์ พนั ธกจิ ส่กู ารปฏบิ ตั ขิ องบคุ ลากรใน 22 24 26

โรงเรียน

จากตาราง 7.4ก-1 พบว่า โรงเรียนมีโครงการทตี่ อบสนองตอ่ วิสัยทศั นข์ องโรงเรียนปีการศึกษา 2561-

2563 คดิ เป็นรอ้ ยละ 90.55,92.77 และ95.07 และมีการประชมุ ส่ือสารเพอื่ ถ่ายทอดวิสัยทัศน์ พันธกจิ สกู่ าร

ปฏิบัตขิ องบคุ ลากรในโรงเรยี นอย่างต่อเนอื่ งและเพิม่ ขน้ึ ทุกปี


Click to View FlipBook Version