The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงการโรงเรียนคุณธรรม สพฐ 2 ดาว

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by banhuaythongfan school, 2023-10-05 01:50:42

โครงการโรงเรียนคุณธรรม สพฐ 2 ดาว

โครงการโรงเรียนคุณธรรม สพฐ 2 ดาว

1


๑ คำนำ รายงานผลการดำเนินงานโครงการโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. ฉบับนี้ จัดทำขึ้นเพื่อรายงาน ผลการดำเนินงานผลการดำเนินงานโครงการโรงเรียนคุณธรรม สพฐ.ของโรงเรียนบ้านห้วยท้องฟานที่ได้เล็งเห็นถึง ความสำคัญในการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ให้เกิดกับนักเรียนผ่านการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยบูรณาการ ในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ซึ่งปรากฏอยู่ในมาตรฐานการเรียนรู้ของหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 อีกทั้งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้กำหนดนโยบาย โรงเรียนคุณธรรม ซึ่งโรงเรียนบ้าน ห้วยท้องฟานถือเป็นภารกิจที่ต้องดำเนินงานตามนโยบาย ไปสู่การปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้นจึงได้ประชุมร่วมกัน วางแผนกับภาคีเครือข่าย โดยมีคณะครูและบุคลากรทางการศึกษา นักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนบ้านห้วยท้องฟานและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย กำหนดวิธีการปฏิบัติงานให้บรรลุตามวัตถุประสงค์เป็นไป อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล การดำเนินงานตามนโยบายโรงเรียนคุณธรรมของ สพฐ.ไปสู่การปฏิบัติ รายงานผลการดำเนินงานโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. ฉบับนี้เกิดจากผลการดำเนินงานตามนโยบาย โรงเรียนคุณธรรมของ สพฐ.ไปสู่การปฏิบัติ ข้อมูลที่จะนำไปใช้ในการพัฒนานักเรียนและสถานศึกษา ผู้จัดทำได้รวบรวมข้อมูลสารสนเทศ ที่เป็นผลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานโรงเรียนคุณธรรม ตั้งแต่การศึกษา สภาพบริบทของโรงเรียน การกำหนดคุณธรรมอัตลักษณ์ การดำเนินงาน การประเมินผล และการสะท้อน ผลการดำเนินงานได้อย่างแท้จริง โดยโรงเรียนได้จัดทำรูปเล่มประกอบเล่มรายงานเพิ่มเติม ๔ ด้าน คือ ด้านโรงเรียน ด้านผู้บริหาร ด้านครู และด้านนักเรียน ขอขอบคุณ นายยศภัค จรัสศุภชยา ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 3 นางณัฐพร พ่วงเฟื่อง ศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษ คณะครูและบุคลากรทางการศึกษา กรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง นักเรียน ผู้ที่ให้ความร่วมมือ ไว้ ณ โอกาสนี้ เป็นอย่างสูงที่ให้การสนับสนุน ส่งเสริมกิจกรรมต่างๆ ของ โรงเรียนจนสำเร็จตามวัตถุประสงค์ด้วยดีทุกกิจกรรม โรงเรียนบ้านห้วยท้องฟาน


๒ สารบัญ เรื่อง หน้า ๑. ใบสมัครยกระดับคุณภาพโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. ระดับ ๓ ดาว 3 2. แผนที่ของโรงเรียน 4 3. แบบรายงานการดำเนินกิจกรรมโครงการโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. ระดับ ๒ ดาว 5 4. การดำเนินงานโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. ตามเกณฑ์ระดับ 2 ดาว 7 5. ตารางคุณธรรมอัตลักษณ์ของโรงเรียนบ้านห้วยท้องฟาน 8 6. ตารางแสดงข้อมูลการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ที่บูรณาการคุณธรรมอัตลักษณ์ 13 7. แผนการจัดการเรียนรู้ที่บูรณาการคุณธรรมอัตลักษณ์ 15-44 8. โครงงานคุณธรรมระดับห้องเรียน 45 9. นวัตกรรมสร้างสรรค์คนดี THONGFAN MODEL (ด้านบริหาร) 102 10. นวัตกรรมธงคุณธรรมนำวินัย อนาคตสดใสด้วยกระดานดาว (ด้านการจัดการเรียนการสอน) 113 11. แบบประเมินพฤติกรรมที่พึงประสงค์ตามคุณธรรมอัตลักษณ์ 134 12. ผลการดำเนินงาน 141 13. ภาคผนวก 147-154


๓ การดำเนินงานโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. ตามเกณฑ์ ระดับ ๒ ดาว ๑.โรงเรียนสมัครเข้ารับการยกระดับเป็นโรงเรียนคุณธรรม สพฐ.ระดับ ๒ ดาว ใบสมัคร ยกระดับคุณภาพโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. ปีการศึกษา 25๖5 โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ข้อมูลทั่วไป ชื่อสถานศึกษา โรงเรียนบ้านห้วยท้องฟาน ตำบล/แขวง ท่าสะแก อำเภอ/เขต ชาติตระการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 3 รหัสไปรษณีย์ 65170 โทรศัพท์ โทรสาร - สมัครเข้ารับการยกระดับ ระดับ 2 ดาว ระดับ 3 ดาว ระดับ 4 ดาว ระดับ 5 ดาว โรงเรียนผ่านการตรวจสอบคุณภาพ ระดับ 1 ดาว ตามประกาศของ สพป.พิษณุโลก เขต 3 ที่......................../........................ลงวันที่.................เดือน..................................................พ.ศ......................... แล้วมีความประสงค์ขอรับการยกระดับคุณภาพโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. ระดับ 2 ดาว จำนวนครู/อาจารย์ทั้งหมด 20 คน จำนวนนักเรียน 120 คน, จำนวน 11 ห้องเรียน ชื่อผู้บริหารโรงเรียน ว่าที่ร้อยตรีคัมภีร์ ทองจันทร์ หมายเลขโทรศัพท์ 081 0457300 อีเมล์- ผู้รับผิดชอบโครงการ นางสาวปราณี คุ้มผล หมายเลขโทรศัพท์ 087 74545966 อีเมล์[email protected] ชื่อนวัตกรรม สร้างสรรค์คนดี ของโรงเรียน คือ THONG FAN MODEL,ธงคุณธรรมนำวินัย อนาคตสดใสด้วย กระดานดาว


๔ รูปถ่าย/รูปวาด แผนที่ของโรงเรียน ลงชื่อว่าที่ร้อยตรี..................................... (คัมภีร์ ทองจันทร์) ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านห้วยท้องฟาน


๕ แบบรายงานการดำเนินกิจกรรม โครงการโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. โรงเรียนบ้านห้วยท้องฟาน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต ๓ จังหวัดพิษณุโลก อำเภอชาติตระการ ตำบลท่าสะแก ระดับดาวดวงที่ 2 ประจำปีการศึกษา 2565 ผลการดำเนินงานเซิงปริมาณ ข้อมูลด้านบริบทเบื้องต้น ๑. สภาพแวดล้อม บรรยากาศของโรงเรียน และสภาพชุมชนใกล้เคียง สภาพแวดล้อม ชื่อโรงเรียน โรงเรียนบ้านห้วยท้องฟาน ตั้งอยู่หมู่ที่ ๘ ตำบลบ้านท่าสะแก อำเภอชาติตระการ จังหวัด พิษณุโลก รหัสไปรษณีย์ ๖๕๑๗๐ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต ๓ เปิดสอน ตั้งแต่ระดับก่อนประถมศึกษา (อนุบาล ๒) ถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ จำนวน ๑๑ ห้องเรียน เขตพื้นที่บริการ ๒ หมู่บ้าน คือ หมู่ ๖ บ้านศรีจันทร์ และหมู่ 8ห้วยท้องฟานหมู่ เป็นแหล่งชุมชน บริเวณ ใกล้เคียงโดยรอบ โรงเรียนเป็นทุ่งนา และร้านค้า บ้านเรือน อาชีพหลักของคนในชุมชน คือ เกษตรกรรม รับจ้าง และค้าขาย บรรยากาศของโรงเรียน โรงเรียนมีบรรยากาศ ร่มรื่น สะอาด สวยงามน่าอยู่ เอื้อต่อการเรียนรู้ ปลอดภัย ห้องเรียนสะอาดเป็น ระเบียบเรียบร้อย ครูและนักเรียนมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ครูรักและเมตตานักเรียน นักเรียนรักและเคารพครู บุคลากรในโรงเรียนมีสัมพันธภาพที่ดีต่อกันผู้บริหารใช้หลักธรรมาภิบาลเพื่อให้ครูทำงานร่วมกันอย่างมี ความสุข โรงเรียนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัวและชุมชน


๖ ภาพชุมชนใกล้เคียง โรงเรียนบ้านห้วยท้องฟานตั้งอยู่ในเขตตำบลท่าสะแกซึ่งเป็นชุมชนขนาดใหญ่เขตบริการของ โรงเรียน มีจำนวน 2 หมู่บ้าน ได้แก่ ๑. บ้านศรีจันทร์ หมู่ ๖ และ ๒.ห้วยท้องฟานหมู่ ๘ โดยรอบโรงเรียนจะเป็นสังคม เกษตรกรรม มีวัดเป็นศูนย์รวมจิตใจ คือ วัดบ้านห้วยท้องฟาน และวัดเนินโคกสูง สถานการณ์เสี่ยง/ปัญหาด้านคุณธรรมของโรงเรียน โรงเรียนบ้านห้วยท้องฟาน เป็นโรงเรียนขนาดกลาง แต่ละคนก็มาจากหลายครอบครัว จึงทำให้ นักเรียนแต่ละคนนั้นมีนิสัยและพฤติกรรมที่แตกต่างกันออกไป ประกอบ กับนักเรียนบางส่วนขาดการดูแลเอา ใจใส่จากครอบครัว เพราะอาศัยอยู่กับตา-ยาย หรือผู้ปกครองอื่นที่ไม่ใช่บิดามารดา อีกทั้งผู้ปกครองต้องทำมา หากิน จึงไม่มีเวลาและไม่ได้ใส่ใจเรื่องความประพฤติที่ดีของนักเรียนเท่าที่ควร จึงทำ ให้นักเรียนมีพฤติกรรมไม่ พึงประสงค์ ได้แก่ นักเรียนทำผิดระเบียบวินัยของโรงเรียน ไม่มีสัมมาคารวะ ไม่ตั้งใจเรียน ปัญหานักเรียนติด โทรศัพท์มือถือ ติดเกมส์ออนไลน์ เป็นต้น ซึ่งผู้ปกครองมุ่งหวังจะให้โรงเรียนดูแล ช่วยแก้ไขปัญหา และปลูกฝัง พฤติกรรมที่ดีงามให้แก่นักเรียน


๗ การดำเนินงานโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. ตามเกณฑ์ระดับ 2 ดาว โรงเรียนบ้านห้วยท้องฟาน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลกเขต ๓ ๑. โรงเรียนบ้านห้วยท้องฟานสมัครเข้ารับการยกระดับเป็นโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. ระดับ 2 ดาว โรงเรียนมีการรายงานผลการจัดกิจกรรม ๑ ดาว ทั้งหมด จำนวน ๙ ข้อ ตามเกณฑ์ตรวจสอบคุณภาพ ๕ ระดับ โรงเรียนมีจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปี โดยจัดกิจกรรม ค่ายคุณธรรม จริยธรรม เพื่อให้นักเรียน และ ผู้เข้ารับการอบรมทุกคน มีความรู้ความเข้าใจในหลักธรรมของศาสนาเท่าที่จําเป็นต่อการดำรงชีวิต อย่างถูกต้องและเพียงพอ นําหลักธรรมนั้นมาปฏิบัตินชีวิตประจำวัน เช่น มีระเบียบ วินัย ขยันอดทน ซื่อสัตย์สุจริต รับผิดชอบและกตัญญูกตเวที เป็นต้น จนเกิดเป็นคุณธรรมประจำชีวิต มีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัย และสงบเย็น ดำเนินชีวิตเป็นแบบอย่างที่ดีงามแก่ผู้อื่นและมีส่วนร่วมในการสืบทอดพระพุทธศาสนา ประเพณี และวัฒนธรรมอันดีงามของชาติ ไว้เป็นมรดกอันล้ำค่าของคนไทยสืบไป 2. โรงเรียนบ้านห้วยท้องฟานได้จัดทำรายงานผลการจัดกิจกรรมการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. เอกสารประกอบ 2.1 ได้ดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติราชการประจำปี มีการประชุม วางแผน ให้ทุกฝ่ายจัดทำโครงงาน บูรณาการ ด้านการจัดกิจกรรมไว้ในแผน โครงการ กิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียน ตลอดจนนำมาใช้ในการ ปฏิบัติงานภายในโรงเรียน โดยประชุมชี้แจงให้ครูทุกคนรับทราบและมอบหมายผู้รับผิดชอบอย่างชัดเจน ๒.๒.โรงเรียนดำเนินการค้นหาปัญหา สาเหตุ กำหนดพฤติกรรมเชิงบวกและคุณธรรมในการแก้ปัญหา กำหนดกิจกรรมอย่างสร้างสรรค์ ผู้บริหาร ครู บุคลากรและนักเรียนปฏิบัติตามคุณธรรมอัตลักษณ์ของโรงเรียน หรือกรอบแนวคิดโรงเรียนคุณธรรม สพฐ.


ตามตารางคุณธรรมอัตลักษณ์ของโรงเรียนบ้านห้วยท้องฟานดังนี้ คุณธรรม เป้าหมาย พผู้บริหาร วินัยดี 1.การแต่งกายเรียบร้อยเป็นแบบอย่างที่ดี 2.มาโรงเรียนแต่เช้า 3.ปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับของทาง ราชการ อย่างเคร่งครัดเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ๔.เป็นผู้ที่มีความสุภาพอ่อนโยน ยิ้มง่าย ไหว้ ทักทาย 1.แต่งกายสุ๒.มาโรงเรียน๓.พูดจาสุภานักเรียน ๔.ปฏิบัติตามกฎระเบียบข๕.มีพฤติกรรทักทาย มีพอเพียง 1.ประหยัดน้ำ ไฟฟ้ากระดาษ ใช้อย่างรู้คุณค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด 2.ใช้จ่ายสมฐานะ เป็นแบบอย่างในการเก็บออม แก่ผู้ใต้บังคับบัญชา ๓.ใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทาง ในการดำเนินชีวิต 1.ปิดน้ำ-ปิด๒.ใช้กระดาษ3.ไม่ใช้จ่ายเ๔.ใช้หลักปรัดำเนินชีวิต รู้รับผิดชอบ ๑.มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ บริหารงานด้วย ความโปรงใส ตรวจสอบได้ 2.ปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ 1.ปฏิบัติการ๒.เข้าสอนตร


๘ พฤติกรรมบ่งชี้เชิงบวก ครู นักเรียน ภาพเรียบร้อย นแต่เช้า าพอ่อนโยนต่อเพื่อนร่วมงานและต่อ มกฎระเบียบของทางราชการ และ ของโรงเรียน รมให้ความเคารพเพื่อนร่วมงาน ยิ้มง่าย ไหว้ 1.แต่งกายถูกระเบียบ ๒.มาโรงเรียนแต่เช้า-เข้าเรียนตรงตาม เวลา ๓.เดินเข้าแถว ต่อแถวเป็นระเบียบ 4.วางสิ่งของต่างๆ เข้าที่เรียบร้อย เช่น การวางรองเท้า (ส้นชนตึก) ๕.ไม่รับประอาหารในเวลาเรียน ๖.เคารพเชื่อฟังคุณครู ไม่แกล้งน้อง เคารพพี่ ๗.ยิ้มง่าย ไหว้ทักทาย ๘.พูดจาสุภาพ ดไฟ หลังใช้งาน ษ อย่างรู้คุณค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด กินฐานะ รู้จักเก็บออม รัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางในการ 1.ใช้จ่ายประหยัดรู้จักเก็บออม 2.นักเรียนช่วยกันประหยัดน้ำประหยัดไฟโรงเรียน ใช้อย่างรู้คุณค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด ๓.ใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต รสอนอย่างเต็มกำลังความสามารถ รงเวลา 1.ตั้งใจเรียน-ส่งงานตามกำหนด ๒.ทิ้งขยะลงถัง เก็บขยะโดยไม่รอคำสั่ง จากครู


3.เป็นแบบอย่างที่ดีต่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ๓.ทำงานที่ไดความสามาร


๙ ด้รับมอบหมายด้วยความเต็มใจ สุด รถ ๓.ทำความสะอาดเวรประจำห้องเรียน และเขตรับผิดชอบอย่างเต็มกำลัง ความสามารถ


๑๐ โรงเรียนบ้านห้วยท้องฟาน ดำเนินการค้นหาปัญหา สาเหตุ กำหนดพฤติกรรมบ่งชี้เซิงบวกและ คุณธรรม ใน การแก้ปัญหากำหนดกิจกรรมอย่างสร้างสรรค์ ผู้บริหาร ครู บุคลากร และนักเรียนปฏิบัติ ตาม คุณธรรมอัตลักษณ์ของโรงเรียนหรือกรอบแนวคิดโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. โดยเริ่มจากให้คุณครูที่รับผิดชอบ โครงการเข้า รับการอบรมและนำมาขยายผลแจ้งให้คณะครูทราบในที่ประชุม คณะครู มีการประชุมวางแผนกำหนด ผู้รับผิดชอบในแต่ละกิจกรรม ประชุมร่วมกันในการวิเคราะห์หาปัญหา สาเหตุของปัญหาด้านคุณธรรมของ นักเรียนและกำหนดพฤติกรรมบ่งชี้เซิงบวกและคุณธรรม ในการแก้ปัญหากำหนดกิจกรรมอย่างสร้างสรรค์ ผู้บริหาร ครู บุคลากร และนักเรียนปฏิบัติ ตามคุณธรรมอัตลักษณ์ของโรงเรียนหรือกรอบแนวคิดโรงเรียน คุณธรรม สพฐ.และมอบหมายให้ครูดำเนินการจัดทำโครงงานคุณธรรม โดยให้ครูปรึกษาหารือกับนักเรียนเพื่อ จัดทำ โครงงานคุณธรรมระดับชั้นเรียนในทุกระดับชั้น ทั้งนี้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้มีบทบาทดังนี้ ๑. ผู้บริหาร ครูและบุคลากร โดยการระดมความคิดเห็นประชุมครูเพื่อร่วมกันค้นหาปัญหาสาเหตุ กำหนดพฤติกรรมบ่งชี้เชิงบวกและคุณธรรมในการแก้ปัญหากำหนดกิจกรรมอย่างสร้างสรรค์ ผู้บริหารครูบุคลากร และ นักเรียน ๒. นักเรียนโดยการให้นักเรียนระดมความคิดเห็นตามแต่ละชั้นเรียน โดยมีครูที่ปรึกษาเป็นพี่เลี้ยงใน การดำเนินกิจกรรมเพื่อร่วมกันค้นหาปัญหาสาเหตุกำหนดพฤติกรรมบ่งชี้เชิงบวกและคุณธรรมใน การแก้ปัญหา กำหนดกิจกรรมอย่างสร้างสรรค์ผู้บริหาร ครูบุคลากร และนักเรียน


๑๑ ๓. ผู้ปกครองโดยการให้คณะกรรมการสถานศึกษาและตัวแทนผู้ปกครองของแต่ละชั้นเรียนมาร่วม ประชุมและระดมความคิดเห็นในโรงเรียนและตามแต่ละชั้นเรียนโดยมีครูที่ปรึกษาเป็นพี่เลี้ยงใน การดำเนินกิจกรรมเพื่อร่วมกันค้นหาปัญหาสาเหตุกำหนดพฤติกรรมบ่งชี้เชิงบวกและคุณธรรมใน การแก้ปัญหากำหนดกิจกรรมอย่างสร้างสรรค์ผู้บริหาร ครูบุคลากร และนักเรียน ๒.3. โรงเรียนมีการจัดค่ายยุวชนคนคุณธรรม โรงเรียนมีการจัดค่ายยุวชนคนคุณธรรมตามโครงการคุณธรรมนำความรู้ โดยมีการจัดกิจกรรมค่าย คุณธรรมให้กับนักเรียนอย่างน้อย ปีละ ๑ ครั้งเพื่อเป็นการทบทวนกระบวนการจัดทำโครงงานคุณธรรม และ แนวทางการดำเนินกิจกรรมโครงการโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. ให้แก่คุณครูและนักเรียน


๑๒ ๒.4. โรงเรียนจัดกิจกรรมคืนคุณธรรมสู่ห้องเรียน โรงเรียนมีการบูรณาการกิจกรรมคืนคุณธรรมสู่ห้องเรียนร่วมกับการจัดการเรียนการสอนในรายวิชา ต่างๆและการทำโครงงานคุณธรรมของแต่ละห้องเรียนที่นักเรียนได้ร่วมกันคิดและลงมือปฏิบัติจริงในการ แก้ปัญหาร่วมกัน เพื่อให้เกิดคุณธรรมอัตลักษณ์ของโรงเรียน ดังนี้ คุณธรรม ชื่อโครงงาน ผู้รับผิดชอบ(นักเรียน) คุณธรรมที่ ๑ มีวินัย 1. เด็กน้อยเดินสวยสร้างได้ด้วยตัวเรา 2. เก็บรองเท้าถูกที่เป็นศรีแก่ตน 3. เดินอย่างมดห้ามคดเหมือนงู 4. วางรองเท้าให้ถูกที่ เป็นคนดีศรีห้วยท้องฟาน 5. วางรองเท้าให้ถูกที่เป็นเด็กดีมีวินัย 6. รองเท้าที่รัก มักอยู่ถูกที่ 7. ส้นชนตึกฝึกวินัย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มัธยมศึกษาปี่ที่ 1 มัธยมศึกษาปี่ที่ 2 มัธยมศึกษาปี่ที่ 3 คุณธรรมที่ ๒ ความรับผิดชอบ 1. ทิ้งขยะให้ถูกที่เป็นคนดีของสังคม 2. สะอาดสมวัย สดใสไร้ขยะ 3. ท้องฟานเลม่อนคลีน 4. ไข่เค็มสมุนไพร 5. มือน้อยร้อยถักรักพอเพียง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ชั้นอนุบาล – ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-5 กลุ่มรักพอเพียง คุณธรรมที่ ๓ พอเพียง 1. เถ้าแก่น้อยห้วยท้องฟาน 2. เขตพื้นที่สะอาด 3. ห้องเรียนสวยด้วยมือเรา 4. ผักสวนครัวรั้วรอบโรงเรียน 5. เด็กน้อยเพาะเห็ด อนุบาล 2,อนุบาล 3 กลุ่มตาวิเศษห้วยท้อง ฟาน กลุ่มคนดีศรีห้วยท้องฟาน ชั้นประถมศึกษาปี่ที่1- มัธยมศึกษาปีที่ 3 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ๒.5. นักเรียนมีพฤติกรรมตามคุณธรรมอัตลักษณ์หรือกรอบแนวคิดโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. นักเรียนมีการพัฒนาตนเองตามคุณธรรมอัตลักษณ์ของโรงเรียน และลงมือปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ทำงานเป็นทีมโดยใช้กระบวนการกลุ่ม รู้จักการเป็นผู้นำผู้ตามที่ดี มีทักษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา ได้แก่ การประหยัด พลังงานไฟฟ้า โดยการปิดไฟ-พัดลม ปิดน้ำ เมื่อไม่ใช้งาน การเดินแถวไปเรียน ไปรับประทาน อาหารอย่างเป็นระเบียบ รักษาความสะอาด ทิ้งขยะลงถังขยะ เก็บขยะโดยไม่รอคำสั่งจากครูเป็นต้น


๑๓ 2.6.ครูมีแผนการจัดการเรียนรู้บูรณาการคุณธรรมอัตลักษณ์หรือกรอบแนวคิดโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. โดยผ่านโครงงานหรือกิจกรรมอื่น ๆ ครูมีแผนการจัดการเรียนรู้ที่มีการบูรณาการคุณธรรมอัตลักษณ์หรือตามกรอบแนวคิดโรงเรียน คุณธรรม สพฐ. และ คุณลักษณะที่พึงประสงค์เชื่อมโยงสู่เนื้อหาสาระในรายวิชาที่สอน รวมทั้งการปฏิบัติจริง ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การทำงานกลุ่ม การทำโครงงาน การศึกษาค้นคว้าอิสระตามความสนใจ ผสมผสาน กับการมีส่วนร่วมในการลงมือปฏิบัติจริงผ่านโครงงานคุณธรรมระดับห้องเรียนโครงการ กิจกรรมเสริมหลักสูตร ต่าง ๆ ของโรงเรียน และกิจกรรมพิเศษอื่น ๆ เพื่อเป็นการฝึกอุปนิสัยที่ดีให้กับนักเรียนตลอดเวลาจนติดเป็น นิสัย ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้ดังนี้ ตารางแสดงข้อมูลการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ที่บูรณาการคุณธรรมอัตลักษณ์ ที่ ชื่อ-นามสกุล รายวิชา หน่วยการเรียนรู้ คุณธรรม อัตลักษณ์ ระดับชั้น 1 นางสาวชญาภา ธรรม มา ภาษาไทย รู้จักคำนำเรื่อง - วินัยดี - มีความรับผิดชอบ ป.1 2 นางเดือนฉาย รอดปัน นา สังคมศึกษา หน้าที่ของ สมาชิกในชุมชน - วินัยดี - พอเพียง - มีความรับผิดชอบ ป.2 3 นางสาวอันธิกา แก้ววงศ์ ภาษาไทย คำควบกล้ำแท้ ร ล ว - วินัยดี - มีความรับผิดชอบ ป.3 4 นางสาวอัญชลี อินสาย วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี Coding - วินัยดี ป.3 5 นายภาณุวัฒน์ สมสนิท สังคมศึกษา สิทธิเด็ก - วินัยดี - พอเพียง - มีความรับผิดชอบ ป.4 6 นางยุวรีย์ ตาสุรินทร์ วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี หน้าที่ของดอก - วินัยดี - มีความรับผิดชอบ ป.4 7 นายศุภณัฐ จันทร์สง่า วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ลักษณะของหิน และการจำแนก หิน - วินัยดี ป.6 8 นางหลิวฟ้า สมฤทธิ์ ภาษาไทย เรียนรู้คำนำใช้ - วินัยดี - พอเพียง - มีความรับผิดชอบ ป.6 9 นายกิตติศักดิ์ สีลาสม วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี การใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ - วินัยดี - พอเพียง - มีความรับผิดชอบ ม.2 10 นายวุฒิชัย หล่ออินทร์ พลศึกษา การหยุดลูกบอล - วินัยดี ม.3


๑๔ 11 นางหทัยชนก วัฒนวนา พงษ์ ภาษาไทย อักษรย่อ - วินัยดี - พอเพียง - มีความรับผิดชอบ ป.5 12 นางสาวปราณี คุ้มผล สังคมศึกษา การมีส่วนร่วมใน กระบวนการ ประชาธิปไตย - วินัยดี - พอเพียง - มีความรับผิดชอบ ป.3 13 นายวิเชิญ เนตรแสงสี พลศึกษา การเคลื่อนไหว ร่างกายอยู่กับที่ - วินัยดี - พอเพียง - มีความรับผิดชอบ ป.3


๑๕ แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย (รายวิชา ท ๑๑๑๐๑) ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ ตามหา เวลา ๑๑ ชั่วโมง เรื่อง รู้จักคำนำเรื่อง เวลา ๑ ชั่วโมง 1. มาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ 1 การอ่าน มาตรฐาน ท๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิด เพื่อนำไปใช้ในการตัดสินใจแก้ปัญหา ในการ ดำเนินชีวิตและมีนิสัยรักการอ่าน สาระที่ 4 หลักการใช้ภาษาไทย มาตรฐาน ท 4.1 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและ พลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ 2. ตัวชี้วัด ท ๑.๑ ป.๑/๑ อ่านออกเสียงคำ คำคล้องจอง และข้อความสั้นๆ ท 1.1 ป.1/๘ มีมารยาท ในการอ่าน ท 4.1 ป.1/1 บอกและเขียนพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ และเลขไทย ท. 4.1 ป.1/2 เขียนสะกดคำและบอกความหมายของคำ ๓. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การเรียนรู้คำ ผู้เรียนต้องเรียนทั้งในด้านองค์ประกอบหลักการแจกรูปสะกดคำ ความหมายและ หลักการใช้ จึงจะสามารถนำคำไปใช้ได้ถูกต้องตามสถานการณ์ 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรียนอ่านออกเสียงและสะกดคำได้ ๒. นักเรียนอ่านแจกลูกสะกดคำได้ ๓. นักเรียนบอกความหมายของคำได้ 4. นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้และร่วมกิจกรรม 5. สาระการเรียนรู้ ๑ สาระการเรียนรู้แกนกลาง - การอ่านออกเสียง และบอกความหมายของคำพื้นฐาน - พยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์


๑๖ - การสะกดคำการแจกลูก และการอ่านเป็นคำ ๒ สาระการเรียนรู้ย่อย - รู้จักคำนำเรื่อง - การอ่านแจกลูกสะกดคำ 6. สมรรถนะของผู้เรียน ๑. มีความสามารถในการสื่อสาร (ฟัง พูด อ่าน เขียน) ๒. ความสามารถในการคิด (บอกความหมาย) ๓. ความสามารถในการดำรงชีวิต (ทำงานกลุ่มและทำงานร่วมกับผู้อื่นได้) ๗. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการทำงาน 8. บูรณาการกับคุณธรรมอัตลักษณ์โรงเรียน 1. วินัยดี 2. มีความรับผิดชอบ 9. กิจกรรมการเรียนรู้ (๕ ขั้นตอน) รูปแบบการจัดการเรียนรู้ : กระบวนการเรียนรู้แบบรวมพลัง 5 ขั้นตอน Co 5 Steps ขั้นที่ ๑ นำเสนอสิ่งเร้าและระบุคำถามสำคัญ (๑๐ นาที) ๑. นักเรียนและครูร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับเรื่อง เพื่อนกัน ๒. ครูนำกระดึง กระพรวน มาให้นักเรียนดู ขั้นที่ ๒ ขั้นแสวงหาสารสนเทศ และวิเคราะห์ (๑๐ นาที) ๓. ครูร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับภาพในบทเรียน ดังนี้ -นักเรียนสนทนาเกี่ยวกับภาพ นักเรียนรู้จักหรือไม่ มีลักษณะอย่างไร -นักเรียนดูภาพในบทเรียน ในช่วง “รู้จักคำ นำความเรื่อง” -ให้นักเรียนแสดงท่าทางประกอบคำที่ปรากฏในเรื่อง เช่น เดิน ขั้นที่ ๓ อภิปรายและสร้างความรู้ (20 นาที) ๔. นักเรียนฟังครูอ่านเรื่องหรือเล่าเรื่อง “ตามหา” จากบทเรียนโดยเน้นมารยาทในการฟัง โดยนักเรียนตอบคำถามปากเปล่าดังนี้ -เรื่องเป็นเรื่องของใครกับใคร - กำลังทำอะไร - อยู่ที่ไหน -เมื่อไรและเป็นอย่างไร ๕. นักเรียนทุกคนฝึกอ่านจากภาพจากบัตรความรู้ “รู้จักคำ นำความเรื่อง” ตามครู พร้อมกัน ว่าอ่านอย่างไร จนคล่อง โดยให้นักเรียนยกมือตอบคำถามอย่างทีระเบียบวินัย


๑๗ ขั้นที่ ๔ ขั้นสื่อสารและสะท้อนคิด (15 นาที) ๖. ครูเขียนคำบนกระดานให้นักเรียนฝึกอ่านคำจนคล่อง ๗. นักเรียนทำใบงาน จับคู่รูปภาพกับคำ ขั้นที่ ๕ ขั้นประยุกต์และตอบแทนสังคม ( 5 นาที) ๘. มอบหมายให้นักเรียนไปฝึกอ่านคำจากหนังสือภาษาพาทีในช่วง “รู้จักคำ นำความ เรื่อง” เป็นการบ้าน 10. สื่อ/ แหล่งเรียนรู้ 1. ลูกกระดึง ลูกพรวน 2. บัตรภาพ 3. ใบงานจับคู่รูปภาพกับคำ 4. หนังสือภาษาพาที ๑1. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ๑. แบบสังเกตพฤติกรรมการอ่าน ๒. แบบประเมินพฤติกรรมการเรียน ๓. แบบกรอกคพแนนใบงาน ๔. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ .


๑๘ แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียน คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด √ ลงในช่องที่ตรง กับระดับคะแนน ลำดับ ที่ ชื่อ - สกุล ของ นักเรียน การแสดง ความคิดเห็น วินัยดี มีความ รับผิดชอบ การมีส่วนร่วม ในการเรียน รวม คะแนน 16 คะแนน 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 เกณฑ์การให้คะแนน ช่วงคะแนน 16-14 หมายถึง ระดับ ดี (3) ช่วงคะแนน 11-13 หมายถึง ระดับ พอใช้ (2) ช่วงคะแนน 8-10 หมายถึง ระดับ ปรับปรุง (1) ผ่านเกณฑ์การประเมินที่ ระดับ 2 ขึ้นไป


๑๙ แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา วิชาพลศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ทักษะฟุตบอล เวลา 20 ชั่วโมง เรื่อง การหยุดลูกบอล เวลา ๑ ชั่วโมง 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน สาระที่ 3 การเคลื่อนไหว การออกกำลังกาย การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากล มาตรฐาน พ3.1 เข้าใจ มีทักษะในการเคลื่อนไหว กิจกรรมทางกาย การเล่นเกม และกีฬา มาตรฐาน พ3.2 รักการออกกำลังกาย การเล่นเกม และการเล่นกีฬา ปฏิบัติเป็นประจำอย่าง สม่ำเสมอ มีวินัย เคารพสิทธิ กฎ กติกา มีน้ำใจเป็นนักกีฬา มีจิตวิญญาณในการแข่งขันและชื่นชม สุนทรียภาพของการกีฬา 2. ตัวชี้วัด พ 3.1 ม.4-6/1 วิเคราะห์ความคิดรวบยอดเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวรูปแบบต่างๆในการเล่นกีฬา พ 3.1 ม.4-6/3เล่นกีฬาไทย กีฬาสากลบุคคล/คู่ กีฬาประเภททีม อย่างน้อย 1 ชนิด พ 3.2 ม.4-6/1 ออกกำลังกายและเล่นกีฬาที่เหมาะสม และใช้ความสามารถของตนเองเพิ่ม ศักยภาพของทีม ลดความเป็นตัวตนคำนึงถึงผลที่เกิดต่อสังคม ๓. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การหยุดลูกบอลได้อย่างชำนาญนั้น จะช่วยให้ทีมมีโอกาสได้ครอบครองลูกบอลและดำเนินการเล่นได้ อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าหยุดลูกบอลไม่ดี ไม่ชำนาญแล้วก็จะกลายเป็นจุดด้อยของทีม ทำให้ทีมเสียโอกาสใน การครอบครองลูกบอลไป ดังนั้นนักกีฬาฟุตบอลจึงจำเป็นต้องพยายามฝึกซ้อม ให้เกิดความชำนาญ และความ คล่องตัวในการหยุดลูกบอลโดยเป็นธรรมชาติ 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจการหยุดลูกบอลด้วยหน้าขา หน้าอก และศีรษะได้ 2. นักเรียนสามารถปฏิบัติการหยุดลูกบอลด้วยหน้าขาได้ 3. นักเรียนสามารถปฏิบัติการหยุดลูกบอลด้วยหน้าอกได้ 4. นักเรียนสามารถปฏิบัติการหยุดลูกบอลด้วยศีรษะได้ 5. นักเรียนเข้าเรียนตรงเวลา 6. นักเรียนแต่งกายถูกระเบียบที่กำหนด 7. นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียน


๒๐ 8. นักเรียนตั้งใจฝึกปฏิบัติ 9. นักเรียนปฏิบัติตามหลักการ 5. สาระการเรียนรู้ 1. การหยุดลูกบอลด้วยหน้าขา 2. การหยุดลูกบอลด้วยหน้าอก 3. การหยุดลูกบอลด้วยศีรษะ 4. วินัยในการฝึกหยุดลูกบอลแบบต่างๆ 6. สมรรถนะของผู้เรียน ๑. มีความสามารถในการสื่อสาร ๒. ความสามารถในการคิด ๓. ความสามารถในการดำรงชีวิต ๗. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นในการทำงาน 8. บูรณาการกับคุณธรรมอัตลักษณ์โรงเรียน 1. วินัยดี 9. กระบวนการจัดการเรียนรู้ 9.1 ขั้นเตรียม (5 นาที) 9.1.1 นักเรียนเข้าแถวตอนเรียง 1 5 แถวๆละ 6 คน ตามลำดับไหล่ โดยแบ่งกลุ่มคละ นักเรียนเก่ง ปานกลาง อ่อน เพื่อช่วยเหลือกัน ดังแผนผัง หมายเหตุ © หมายถึง ครู หมายถึง ผู้นำกลุ่ม หมายถึง นักเรียน ©


๒๑ 9.1.2 ผู้นำกลุ่มแต่ละกลุ่มสำรวจความพร้อมของสมาชิก การแต่งกาย และสุขภาพแล้ว รายงานครูทราบ โดยนักเรียนที่ไม่สบายให้เป็นผู้สังเกต และเป็นผู้ช่วยครู 9.1.3 ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบก่อน 9.1.4 นักเรียนอบอุ่นร่างกาย โดยการยืด-เหยียดกล้ามเนื้อ 10 ท่า (เหมือนกับใบความรู้ ที่ 5.3 เรื่อง การยืด – เหยียดกล้ามเนื้อ ของกีฬาฟุตบอล) 9.1.5 นักเรียนวิ่งเหยาะๆ รอบสนาม 2 รอบ 9.1.6 เมื่อนักเรียนวิ่งครบ ให้นักเรียนมานำยืดกล้ามเนื้อ 10 ท่า 9.2ขั้นอธิบายและสาธิต (5 นาที) ครูอธิบายและสาธิตวิธีการเตะลูกบอลโดยให้นักเรียนออกมาสาธิตร่วมกับครู ดังนี้ 9.2.1 การหยุดลูกบอลด้วยหน้าขา (ใบความรู้ที่ 10.1 เรื่องการหยุดลูกบอลด้วยหน้าขา) 9.2.2 การหยุดลูกบอลด้วยหน้าอก (ใบความรู้ที่ 10.2 เรื่องการหยุดลูกบอลด้วยหน้าอก) 9.2.3 การหยุดลูกบอลด้วยศีรษะ (ใบความรู้ที่ 10.3 เรื่องการหยุดลูกบอลด้วยศีรษะ) 9.3ขั้นฝึกหัดหรือปฏิบัติ (20 นาที) 9.3.1 นักเรียนจับคู่ หันหน้าเข้าหากัน ตามพื้นที่ ที่ครูจัดไว้ให้ 9.3.2 นักเรียนฝึกการเตะลูกบอลแบบต่างๆ โดย 9.3.2.1 นักเรียนปฏิบัติตามใบกิจกรรมที่ 10.1 เรื่องการหยุดลูกบอลด้วยหน้าขา 9.3.2.2 นักเรียนปฏิบัติตามใบกิจกรรมที่ 10.2 การหยุดลูกบอลด้วยหน้าอก 9.3.2.3 นักเรียนปฏิบัติตามใบกิจกรรมที่ 10.3 การหยุดลูกบอลด้วยศีรษะ 9.4ขั้นนำไปใช้ (15 นาที) 9.4.1 แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละเท่ากัน 9.4.2 ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเล่นเกมการหยุดลูกบอลแบบต่างๆ (ใบกิจกรรมที่ 10.4 เรื่องเกม การหยุดลูกบอลแบบต่างๆ) 9.5ขั้นสรุป (5 นาที) 9.5.1 นักเรียนออกมานำคลายกล้ามเนื้อ โดยการยืด-เหยียด ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปข้อ สำคัญของการหยุดลูกบอลแบบต่างๆ ดังนี้ 9.5.1.1 การหยุดลูกบอลด้วยหน้าขา ตามองดูลูกบอล เมื่อลูกบอลลอยมาในระยะที่จะหยุดได้ แล้ว ให้ยกเข่าข้างที่จะหยุดขึ้นและผ่อนขาลงตามแรงของลูกเล็กน้อย 9.5.1.2 การหยุดลูกบอลด้วยหน้าอกตามองดูลูกบอล ให้ยกตัวขึ้นทันที เมื่อลูกบอลกำลังลอยมา เกือบจะกระทบหน้าอก โดยเกร็งกล้ามเนื้อส่วนอกและย่อเข่า ลูกบอลสัมผัสกับหน้าอก ให้ผ่อนตัวลง (แบบ เอนหลัง) กางแขนออก แล้วปล่อยลูกบอลลงสู่พื้น 9.5.1.3 การหยุดลูกบอลด้วยศีรษะตามองดูลูกบอล ยืดตัว เงยหน้าขึ้นเมื่อลูกบอลกระทบ หน้าผาก ให้ย่อตัวลงหรืออาจจะกระโดดขึ้นหยุดก็ได้ ลำคอเกร็งอย่าให้เงยไปข้างหลังหรือกระแทกไปข้างหน้า 9.5.2 นักเรียนออกมานำคลายกล้ามเนื้อ โดยการยืด-เหยียด 9.5.3 ครูแนะนำเว็บไซต์ให้นักเรียนไปศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมด้วยตนเองได้ เช่น www.siamsport.co.th , www.sat.or.th และ www.football.com


๒๒ 10.สื่อและแหล่งการเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบการสอนวิชาฟุตบอล 1 2. ใบความรู้ที่ 10.1 เรื่องการหยุดลูกบอลด้วยหน้าขา 3. ใบความรู้ที่ 10.2 เรื่องการหยุดลูกบอลด้วยหน้าอก 4. ใบความรู้ที่ 10.3 เรื่องการหยุดลูกบอลด้วยศีรษะ 5. ใบกิจกรรมที่ 10.1 เรื่องการหยุดลูกบอลด้วยหน้าขา 6. ใบกิจกรรมที่ 10.2 เรื่องการหยุดลูกบอลด้วยหน้าอก 7. ใบกิจกรรมที่ 10.3 เรื่องการหยุดลูกบอลด้วยศีรษะ 8. ใบกิจกรรมที่ 10.4 เกมการหยุดลูกบอลแบบต่างๆ 9. ลูกฟุตบอล 10.สนามฟุตบอล 11.กรวยจาน 12.เว็บไซต์www.siamsport.co.th , www.sat.or.th และ www.football.com 11.การวัดและประเมินผล 1. วิธีวัดและประเมินผล 2. ประเมินการสังเกตพฤติกรรม 3. ประเมินทักษะการหยุดลูกบอล 12.เครื่องมือวัดและประเมินผล 1. แบบสังเกตพฤติกรรม 2. แบบประเมินทักษะการหยุดลูกบอล 13. เกณฑ์การประเมินผล แบบสังเกตพฤติกรรมเรื่องการหยุดลูกบอล มีเกณฑ์คะแนนดังนี้ ดีมาก = 4 ดี = 3 พอใช้ = 2 ปรับปรุง= 1 แบบประเมินทักษะเรื่องการหยุดลูกบอล มีเกณฑ์คะแนนดังนี้ ดีมาก = 4 ดี = 3 พอใช้ = 2 ปรับปรุง= 1


๒๓ แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียน คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด √ ลงในช่องที่ตรง กับระดับคะแนน ลำดับ ที่ ชื่อ - สกุล ของ นักเรียน การแสดง ความคิดเห็น วินัยดี การมีส่วนร่วม ในการเรียน รวม คะแนน 12 คะแนน 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 เกณฑ์การให้คะแนน ช่วงคะแนน 12-10 หมายถึง ระดับ ดี (3) ช่วงคะแนน 7-9 หมายถึง ระดับ พอใช้ (2) ช่วงคะแนน 4-6 หมายถึง ระดับ ปรับปรุง (1) ผ่านเกณฑ์การประเมินที่ ระดับ 2 ขึ้นไป


๒๔ แผนการจัดการเรียนรู้รายชั่วโมง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 รายวิชา วิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง หินและซากดำดำบรรพ์ เวลา 18 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ลักษณะของหินและการจำแนกหิน เวลา 1 ชั่วโมง 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระที่ 3 กระบวนการเปลี่ยนแปลงของโลก มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก และบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศโลก รวมทั้งผลต่อสิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อม ตัวชี้วัด ว 3.2 ป. 6/1 เปรียบเทียบระบวนการเกิดหินอัคนี หินตะกอน และหินแปร และอธิบายวัฏ จักรจากแบบจำลอง ว 3.2 ป. 6/2 บรรยายและยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์ของหินและแร่ในชีวิตประจำวัน จากข้อมูลที่รวบรวมได้ 2.สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การจำแนกประเภทของหิน ลักษณะคุณสมบัติของหิน การเปลี่ยนแปลงของหิน การเกิดธรณีพิบัติภัย ที่มีผลต่อ มนุษย์และสภาพแวดล้อมในท้องถิ่น หินแต่ละชนิด สามารถจำแนกได้โดยใช้ลักษณะภายนอกเป็นเกณฑ์ หรือ อาจจำแนกตามลักษณะการเกิดได้ ซึ่งหินแต่ละชนิด สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้แตกต่างกันขึ้นอยู่กับสมบัติ ของหินชนิดนั้น 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 อธิบายองค์ประกอบของหินได้ 3.2 อธิบายการนำหินแต่ละประเภทไปใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสมได้ 3.3 สืบค้นประเภทของหิน และการเกิดได้ 3.4 เขียนแผนภาพการเกิดหินอัคนี หินตะกอน และหินแปรได้ 3.5 บอกประโยชน์ของหินแต่ละชนิด


๒๕ 3.6ผู้เรียนมีความมุ่งมั่นในการทำงานมีจิตวิทยาศาสตร์และสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่าง ความสุข 4.สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ 1)ประเภทของหิน 2)การเปลี่ยนแปลงของหิน 3)ธรณีพิบัติภัยที่มีผลต่อมนุษย์และสภาพแวดล้อมในท้องถิ่น 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 1) ทักษะการสังเกต 2) ทักษะการสำรวจ 3) ทักษะการจำแนกประเภท 4) ทักษะการเปรียบเทียบ 5) ทักษะการสื่อความหมาย 6) ทักษะการลงความคิดเห็นจากข้อมูล 7) ทักษะกระบวนการสืบค้น 4.3 คุณลักษณะ คุณธรรมจริยธรรมและค่านิยม 1) มีความสนใจใฝ่รู้ 2) ความรับผิดชอบ ความมุ่งมั่น อดทน 3) ความมีเหตุผล 4) ความรอบคอบ 5) ความซื่อสัตย์ 6) ร่วมแสดงความคิดเห็นและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น 5.กิจกรรมการเรียนรู้(5 ขั้นตอน) ขั้นที่ 1 เสนอสิ่งเร้าและระบุคำถาม 1. ครูนำแผนภาพ แสดงการเกิดวัฏจักรของหิน มาให้นักเรียนดู แล้วตั้งประเด็นคำถามให้นักเรียนช่วยกันตอบ เช่น - หินหินอัคนี หินตะกอน และหินแปร มีลักษณะเหมือนกันหรือแตกต่างกันอย่างไร 2. จากนั้นครูถามนักเรียนเกี่ยวกับประโยชน์ของหินแต่ละชนิดว่ามีประโยชน์แตกต่างกันหรือไม่อย่างไร ขั้นที่ 2 แสวงหาสารสนเทศและวิเคราะห์ 1. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็น 4 กลุ่ม ให้นักเรียนทำการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการจำแนกประเภทของหินโดยใช้ ลักษณะขององค์ประกอบและสมบัติของหินเป็นเกณฑ์จากแหล่งเรียนรู้ที่ครูกำหนด สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับหิน พร้อมทั้งให้ทุกกลุ่มอภิปรายถึงประโยชน์ของหินแต่ละชนิดได้ 2. จากนั้นให้นักเรียนบันทึกลงในใบบันทึกกิจกรรมที่ 37 และบันทึกผลเรื่องประโยชน์ของหินลงในกิจกรรมที่ 38 3. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายและถามนักเรียนดังนี้ นักเรียนจะใช้เกณฑ์ใดในการบอกองค์ประกอบตามประเภทของหิน (ลักษณะเนื้อหิน) นักเรียนจะใช้อุปกรณ์ใดช่วยในการสังเกตลักษณะของตัวอย่างหิน (แว่นขยาย)


๒๖ จากนั้นให้แต่ละกลุ่มศึกษากิจกรรมที่ 37เรื่ององค์ประกอบของหินและ38เรื่องประโยชน์ของหิน แล้วบันทึก ผลลงในใบกิจกรรมที่ 37และ38 ตามลำดับ ขั้นที่ 3 อภิปรายและสร้างความรู้ 1.ครูให้ตัวแทนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการสืบค้นหน้าชั้นเรียนเพื่อเปรียบเทียบและตรวจสอบความถูกต้อง 2. ครูให้นักเรียนเขียนแผนภาพกระบวนการเกิดหินอัคนี หินตะกอนและหินแปร ให้ได้แผนภาพดังนี้ 3. ครูให้นักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบของของหิน 4. ครูให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนนำเสนอผลการทำกิจกรรมหน้าชั้นเรียน 5. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลการทำกิจกรรม โดยครูถามคำถามหลังทำ กิจกรรมดังนี้ หินที่นักเรียนสังเกตได้แก่หินชนิดใดบ้าง (หินแกรนิต หินปูน หินอ่อน หินชนวน หินบะซอลต์ หินกรวดมน) หินชนิดใดบ้างที่จัดเป็นหินอัคนี (หินแกรนิต หินบะซอลต์) หินชนิดใดบ้างที่จัดเป็นหินตะกอน (หินปูน หินกรวดมน) หินชนิดใดบ้างที่จัดเป็นหินแปร (หินอ่อน หินชนวน) นักเรียนใช้เกณฑ์องค์ประกอบใดในการจำแนกประเภทของหินออกเป็นหินอัคนี หินตะกอน หินแปร และหินแต่ละประเภทมีลักษณะแตกต่างกันอย่างไร (ใช้ลักษณะเนื้อหินเป็นเกณฑ์ ในการจำแนก ประเภทของหิน โดยหินอัคนีเกิดจากการเย็นตัวของหินหนืดทั้งภายในและภายนอกเปลือกโลก หินตะกอน เกิดจากการสะสม ของตะกอนในที่ต่าง ๆ และหินแปรเกิดจากหินอัคนีและหินตะกอนที่ได้รับความร้อนและ แรงกดดันสูงมากภายในโลก)


๒๗ กิจกรรมนี้สรุปผลได้อย่างไร (หินแต่ละชนิดมีลักษณะแตกต่างกัน โดยเราสามารถจำแนกหินออกเป็น 3 ประเภท คือ 1.หินอัคนี 2. หินตะกอน และ 3. หินแปร) ถ้าต้องการนำหินไปใช้ในการสร้างถนน ควรเลือกหินชนิดใด (หินบะซอลต์) ถ้าต้องการนำหินไปใช้ในการทำปูนขาว ควรเลือกหินชนิดใด (หินปูน) ถ้าต้องการนำหินไปใช้ในการทำหินประดับ ควรเลือกหินชนิดใด(หินอ่อน หินทราย หินกรวดมน) จากนั้นให้นักเรียนตอบคำถามหลังทำกิจกรรมในใบงานที่ 30 6. ครูให้นักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกับลักษณะและการนำไปใช้ประโยชน์ของหินอัคนี หินตะกอน และ หินแปร ขั้นที่ 4 สื่อสารและสะท้อนความคิด 1. ครูให้นักเรียนเขียนแผนภาพการจำแนกประเภทของหิน โดยใช้ลักษณะและองค์ประกอบ ของหินเป็นเกณฑ์ 2. ครูให้นักเรียนจัดทำสมุดภาพโดยหาภาพหรือวาดภาพประโยชน์ของหินในท้องถิ่นพร้อมข้อความบรรยาย ประโยชน์ของหินจากภาพ 3. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสรุปสิ่งที่เข้าใจแล้วออกมานำเสนอแผนภาพหน้าชั้นเรียน ขั้นที่ 5 ประยุกต์และตอบแทนสังคม 1. ครูประเมินการเรียนรู้ของนักเรียนดังนี้ สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนขณะทำงานร่วมกัน สังเกตการตอบ คำถามของนักเรียนในชั้นเรียน การตอบคำถามในใบบันทึกกิจกรรม ประเมินการทำกิจกรรมของนักเรียนและ ประเมินแผนภาพการจำแนกประเภทของหิน ประโยชน์ของหินโดยใช้ลักษณะและองค์ประกอบของหินเป็น เกณฑ์ และนำผลงานของแต่ละกลุ่มร่วมกันจัดบอร์ดป้ายนิเทศหาความรู้ 6. สื่อและแหล่งเรียนรู้ 1. แผ่นภาพกระบวนการเกิดหิน 3 ประเภท 2. หินตัวอย่าง 2 ชนิด ได้แก่ หินอ่อนและหินแกรนิต 3. ใบบันทึกกิจกรรมที่ 37 เรื่ององค์ประกอบของหิน 4. ใบบันทึกกิจกรรมที่ 38 เรื่องประโยชน์ของหิน 7. การวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 1. การตรวจผลงาน เกณฑ์ประเมินการตรวจผลงาน ผ่านระดับดีขึ้นไป 2.ประเมินการปฏิบัติ กิจกรรมรายบุคคล แบบประเมินการปฏิบัติกิจกรรม รายบุคคล ผ่านระดับดีขึ้นไป 3.ประเมินการปฏิบัติ กิจกรรมรายกลุ่ม แบบประเมินการปฏิบัติกิจกรรม รายกลุ่ม ผ่านระดับดีขึ้นไป 4.ประเมินเจตคติ ทางวิทยาศาสตร์ แบบประเมินเจตคติทางวิทยาศาสตร์ ผ่านระดับพอใช้ขึ้นไป 5. การสืบค้น แบบประเมินการสืบค้น ผ่านระดับดีขึ้นไป 8. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1) นักเรียนมีความสามารถในการสื่อสาร


๒๘ 2) นักเรียนมีความสามารถในการคิด 3) นักเรียนมีความสามารถในการแก้ปัญหา 4) นักเรียนมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 9. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1) มีความซื่อสัตย์ มีความมุ่งมั่นในการทำงาน 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) มีจิตสาธารณะ 10. คุณธรรมอัตลักษณ์สถานศึกษา 1) ความมีวินัย 11. ชิ้นงาน/ภาระงาน 1) รายงานผลการศึกษาเรื่องหินและการเปลี่ยนแปลง ได้แก่ ลักษณะของหิน การจำแนกหิน องค์ประกอบของหิน ประโยชน์ของหิน การเปลี่ยนแปลงของหินในธรรมชาติ การกร่อนของหิน และธรณีพิบัติภัย 2) รายงานการทดลอง และสังเกตลักษณะของหิน การจำแนกหิน องค์ประกอบของหิน ประโยชน์ ของหิน การเปลี่ยนแปลงของหินในธรรมชาติ การกร่อนของหิน และธรณีพิบัติภัยและบันทึกผลจากการ ทดลอง 3) รายงานการศึกษาเรื่องหินและการเปลี่ยนแปลง 4) แผนภาพความคิดสรุปเกี่ยวกับกระบวนการเปลี่ยนแปลงของหิน 5) การนำเสนอรายงาน 12. การวัดและประเมินผล 12.1 วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 1. การทดสอบ แบบทดสอบ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 60 2. การตรวจผลงาน เกณฑ์ประเมินการตรวจผลงาน ผ่านระดับดีขึ้นไป 3.ประเมินการทดลอง เกณฑ์ประเมินการปฏิบัติการทดลอง ผ่านระดับดีขึ้นไป 4.ประเมินการปฏิบัติ กิจกรรมรายบุคคล แบบประเมินการปฏิบัติกิจกรรม รายบุคคล ผ่านระดับดีขึ้นไป 5.ประเมินการปฏิบัติ กิจกรรมรายกลุ่ม แบบประเมินการปฏิบัติกิจกรรม รายกลุ่ม ผ่านระดับดีขึ้นไป 6.ประเมินเจตคติ ทางวิทยาศาสตร์ แบบประเมินเจตคติทางวิทยาศาสตร์ ผ่านระดับพอใช้ขึ้นไป 7. การสืบค้น แบบประเมินการสืบค้น ผ่านระดับดีขึ้นไป 8.การสำรวจ เกณฑ์ประเมินการสำรวจ ผ่านระดับดีขึ้นไป


๒๙ 12.2 การประเมินผล 12.2.1 เกณฑ์การประเมินผลงาน รายการ ประเมิน ระดับคะแนน 4 3 2 1 1.ความถูกต้อง มีความถูกต้อง ชัดเจนสมบูรณ์ ครบถ้วน ผลงานส่วนใหญ่ ถูกต้องครบถ้วน ผลงานมีความ ถูกต้องเป็น บางส่วน มีความถูกต้องเป็น ส่วนน้อย 2. ความสะอาด เรียบร้อย สวยงาม ผลงานสะอาด เรียบร้อย สวยงาม ไม่มีรอยขีดลบ ผลงานสะอาด เรียบร้อย มีรอยขีดลบน้อย ผลงานบางส่วนไม่ สะอาด ไม่เรียบร้อย ผลงานส่วนใหญ่ไม่ สะอาด ไม่เรียบร้อย 3. ตรงต่อเวลา ส่งงานตรงเวลาที่ กำหนด ส่งงานช้ากว่า กำหนด 1 วัน ส่งงานช้ากว่า กำหนด 2 วัน ส่งงานข้ากว่า กำหนดเกิน 2 วัน 4. การเชื่อมโยง และความคิด สร้างสรรค์ คิดแปลกใหม่ เชื่อมโยงสัมพันธ์สิ่ง ต่าง ๆ ได้อย่าง ถูกต้อง คิดแปลกใหม่ เชื่อมโยงสัมพันธ์ สิ่งต่าง ๆ ได้อย่าง ถูกต้องเป็นส่วน ใหญ่ คิดแปลกใหม่ เชื่อมโยงสัมพันธ์ สิ่งต่าง ๆ ได้อย่าง ถูกต้องเป็น บางส่วน คิดแปลกใหม่ เชื่อมโยงสัมพันธ์สิ่ง ต่าง ๆ ได้อย่าง ถูกต้องเป็นส่วน น้อย เกณฑ์การตัดสินระดับคุณภาพ คะแนน 9 – 10 คะแนน หมายถึง ดีมาก คะแนน 7 – 8 คะแนน หมายถึง ดี คะแนน 5 – 6 คะแนน หมายถึง พอใช้ คะแนน 1 – 4 คะแนน หมายถึง ปรับปรุง 12.2.2 เกณฑ์ประเมินการทดลอง ประเด็นการ ประเมิน ระดับคะแนน 5 4 3 2 1 1.วิธีการทดลอง กำหนดวิธีการและ ขั้นตอนถูกต้อง เลือกใช้เครื่องมือและ กำหนดวิธีการ และขั้นตอน ถูกต้อง การ กำหนดวิธีการ และขั้นตอนยังไม่ ครอบคลุม กำหนดวิธีการและ ขั้นตอนยังไม่ ต้องให้ความ ช่วยเหลืออย่างมาก ในการกำหนด


๓๐ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆได้ อย่างถูกต้อง เลือกใช้เครื่องมือ และวัสดุอุปกรณ์ ต่างๆยังไม่ เหมาะสม เลือกใช้เครื่องมือ และวัสดุอุปกรณ์ ต่างๆยังไม่ เหมาะสม ถูกต้อง ต้องให้ ความช่วยเหลือ วิธีการ ขั้นตอน และ การใช้เครื่องมือ 2.การ ปฏิบัติการ ทดลอง ดำเนินการทดลอง เป็นขั้นตอนได้ถูกต้อง ครบถ้วน และใช้ อุปกรณ์ต่างๆได้อย่าง ถูกต้อง ดำเนินการ ทดลองเป็น ขั้นตอน และใช้ อุปกรณ์ต่างๆได้ อย่างถูกต้อง ดำเนินการ ทดลองเป็น ขั้นตอน และใช้ อุปกรณ์ต่างๆได้ อย่างถูกต้องถ้า ให้คำแนะนำ ต้องให้ความ ช่วยเหลือในการ ดำเนินการทดลอง เป็นขั้นตอน และใช้ อุปกรณ์ต่างๆ ต้องให้ความ ช่วยเหลืออย่างมาก ในการดำเนินการ ทดลองเป็นขั้นตอน และใช้อุปกรณ์ ต่างๆ 3.ความ คล่องแคล่ว ในขณะปฏิบัติ กิจกรรม มีความคล่องแคล่วใน การทดลอง และใช้ อุปกรณ์ในการ ดำเนินการทดลองได้ อย่างถูกต้อง เหมาะสมปลอดภัย เสร็จทันตามเวลาที่ กำหนด มีความ คล่องแคล่วใน การทดลอง และ ใช้อุปกรณ์ ดำเนินการ ทดลองได้อย่าง ปลอดภัย มีความ คล่องแคล่วใน การทดลอง และ ใช้อุปกรณ์ ดำเนินการ ทดลองได้อย่าง ปลอดภัยถ้าให้ คำแนะนำ ทำการทดลองไม่ ทันตามเวลาที่ กำหนด เนื่องจาก ขาดความ คล่องแคล่วในการ ใช้อุปกรณ์ ทำการทดลองไม่ทัน ตามเวลาที่กำหนด และทำอุปกรณ์ เครื่องใช้แตกหัก เสียหาย 4.การนำเสนอ บันทึกผลการทดลอง สรุปผลการทดลองได้ อย่างถูกต้อง สมบูรณ์ รัดกุม และบันทึกการ นำเสนอเป็น บันทึกผลการ ทดลอง สรุปผล การทดลองได้ อย่างถูกต้อง และบันทึกการ นำเสนอเป็น ขั้นตอน บันทึกผลการ ทดลอง สรุปผล การทดลองได้ อย่างถูกต้อง แต่ บันทึกการ นำเสนอยังไม่เป็น ขั้นตอน ต้องชี้แนะในการ บันทึกผลการ ทดลอง สรุปผลการ ทดลอง และ การ นำเสนอจึงจะ สามารถปฏิบัติได้ ต้องให้ความ ช่วยเหลืออย่างมาก ในการบันทึกผลการ ทดลอง และการ นำเสนอ เกณฑ์การตัดสินคุณภาพการสังเกต คะแนน 16 - 20 คะแนน หมายถึง ดีมาก คะแนน 11 - 15 คะแนน หมายถึง ดี คะแนน 6 - 10 คะแนน หมายถึง พอใช้ คะแนน 1 - 5 คะแนน หมายถึง ปรับปรุง


๓๑ 12.2.3 เกณฑ์ประเมินนักเรียนรายบุคคล คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด √ ลงในช่องที่ตรง กับระดับคะแนน ลำดับ ที่ ชื่อ - สกุล ของ นักเรียน การแสดง ความคิดเห็น วินัยดี การมีส่วนร่วม ในการเรียน รวม คะแนน 12 คะแนน 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 เกณฑ์การให้คะแนน ช่วงคะแนน 12-10 หมายถึง ระดับ ดี (3) ช่วงคะแนน 7-9 หมายถึง ระดับ พอใช้ (2) ช่วงคะแนน 4-6 หมายถึง ระดับ ปรับปรุง (1) ผ่านเกณฑ์การประเมินที่ ระดับ 2 ขึ้นไป


๓๒ 12.2.4 แบบประเมินการสังเกตการปฏิบัติกิจกรรมรายกลุ่ม ชื่อกลุ่ม........................................................................................ เรื่อง........................................................................................ ลำดับที่ ชื่อกลุ่ม พฤติกรรม/ ระดับคะแนน รวม ความ สนใจ ในการ ทำ กิจกรร ม การมี ส่วน ร่วมใน การ แสดง ความ คิดเห็น การ ตอบ คำถาม การ ยอมรับ ฟัง ความ คิดเห็น ของ ผู้อื่น ทำงาน ตามที่ ได้รับ มอบห มาย 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 เกณฑ์การตัดสิน คะแนน 13 - 15 หมายถึง ดี คะแนน 9 - 12 หมายถึง พอใช้ คะแนน 5 - 8 หมายถึง ปรับปรุง 12.2.5 แบบประเมินเจตคติทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง.............................................. ปีการศึกษา........................


๓๓ ชื่อ – สกุล .............................................. เลขที่ ......... ชั้น ................โรงเรียน............................... ที่ พฤติกรรม / ลักษณะบ่งชี้ ระดับคุณภาพ หมายเหตุ 5 4 3 2 1 1 1. ความสนใจใฝ่รู้หรือความอยากรู้อยากเห็น -มีความสนใจและพอใจใคร่สืบเสาะแสวงหาความรู้ ในสถานการณ์และปัญหาใหม่ๆอยู่เสมอ -มีความกระตือรือร้นต่อกิจกรรมและเรื่องต่างๆ -ชอบทดลองค้นคว้า -ชอบสนทนา ซักถาม ฟัง อ่าน เพื่อให้ได้รับความรู้เพิ่มขึ้น 2 2. ความรับผิดชอบ ความมุ่งมั่น อดทน และเพียรพยายาม -ยอมรับผลการกระทำของตนเองทั้งที่เป็นผลดีและผลเสีย -ทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สมบูรณ์ตามกำหนดและตรงต่อเวลา -เว้นการกระทำอันเป็นผลเสียหายต่อส่วนรวม ทำงานเต็ม ความสามารถ -ไม่ท้อถอยในการทำงาน เมื่อมีอุปสรรคหรือล้มเหลว มีความอดทนแม้การดำเนินการแก้ปัญหาจะยุ่งยากและใช้เวลา 3 3. ความมีเหตุผล -ยอมรับในคำอธิบายเมื่อมีหลักฐานหรือข้อมูลสนับสนุนอย่าง เพียงพอ -พยายามอธิบายสิ่งต่างๆในแง่เหตุและผล ไม่เชื่อโชคลางหรือคำ ทำนายที่ไม่สามารถอธิบายตามวิธีทางวิทยาศาสตร์ได้ -อธิบายหรือแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล -ตรวจสอบความถูกต้องหรือความสมเหตุสมผลของแนวคิดต่างๆกับ แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ -รวบรวมข้อมูลอย่างเพียงพอก่อนจะลงข้อสรุปเรื่องราวต่างๆ 4 ความมีระเบียบรอบคอบเห็นคุณค่าของความมีระเบียบและรอบคอบ - นำวิธีหลายๆวิธี มาตรวจสอบผลหรือวิธีการทดลอง - มีความละเอียดถี่ถ้วนในการทำงาน - มีการวางแผนในการทำงานและจัดระบบทำงาน - ตรวจสอบความเรียบร้อยหรือคุณภาพของเครื่องมือ ก่อนทำการทดลอง - ทำงานได้อย่างมีระเบียบและเรียบร้อย 5 ความซื่อสัตย์เสนอความจริงถึงแม้จะเป็นผลที่แตกต่างจากผู้อื่น - เห็นคุณค่าของการเสนอข้อมูลตามความจริง -บันทึกข้อมูลตามความจริงและไม่ใช้ความคิดเห็น ของตนเองไปเกี่ยวข้อง


๓๔ ที่ พฤติกรรม / ลักษณะบ่งชี้ ระดับคุณภาพ หมายเหตุ 5 4 3 2 1 - ไม่แอบอ้างผลงานของผู้อื่นว่าเป็นของตนเอง 6 ความใจกว้าง ร่วมแสดงความคิดเห็นและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น รับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ ข้อโต้แย้ง หรือข้อคิดเห็นที่มีเหตุผลของผู้อื่น -ไม่ยึดมั่นในความคิดเห็นของตนเอง และยอมรับการเปลี่ยนแปลง -รับฟังความคิดเห็นที่ตนเองยังไม่เข้าใจและพร้อมที่จะทำความเข้าใจ -ยอมพิจารณาข้อมูลหรือความคิดที่ยังสรุปแน่นอนไม่ได้ และพร้อมที่ จะหาข้อมูลเพิ่มเติม เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ คะแนนเฉลี่ย 4.21 - 5.00 หมายถึง ดีมาก คะแนนเฉลี่ย 3.41 - 4.20 หมายถึง ดี คะแนนเฉลี่ย 2.61 - 3.40 หมายถึง พอใช้ คะแนนเฉลี่ย 1.81 – 2.60 หมายถึง ควรปรับปรุง คะแนนเฉลี่ย 1.00 – 1.80 หมายถึง ไม่ผ่านเกณฑ์ 12.2.6 เกณฑ์ประเมินการสำรวจ ประเด็นการ ประเมิน ระดับคุณภาพ 4 3 2 1 1. การเลือกใช้ อุปกรณ์/ เครื่องมือในการ สำรวจ เลือกใช้อุปกรณ์ได้ ถูกต้อง เหมาะสม และ สอดคล้องกับวิธีการ สำรวจทุกขั้นตอน เลือกใช้อุปกรณ์ได้ ถูกต้องและ สอดคล้องกับวิธีการ สำรวจเป็นส่วนใหญ่ เลือกใช้อุปกรณ์ได้ ถูกต้องบางส่วนและ สอดคล้องกับวิธีการ สำรวจเป็นบาง ขั้นตอน เลือกใช้อุปกรณ์ไม่ ถูกต้องและไม่ สอดคล้องกับวิธีการ สำรวจ 2.การดำเนินการ สำรวจ สามารถดำเนินการ สำรวจได้ครบถ้วนตาม ขั้นตอน ถูกต้อง เหมาะสม ด้วยวิธีการที่ หลากหลาย สามารถดำเนินการ สำรวจได้ครบถ้วน ตามขั้นตอน ถูกต้อง เหมาะสม สามารถดำเนินการ สำรวจได้ตามขั้นตอน และถูกต้อง แต่ยังไม่ เหมาะสม สามารถดำเนินการ สำรวจได้ตามขั้นตอน 3.การจัดจำแนก ประเภทข้อมูล สามารถจัดจำแนก จัดหมวดหมู่สิ่งที่ทำการ สำรวจได้ถูกต้อง ครบถ้วนและ เหมาะสม สามารถจัดจำแนก จัดหมวดหมู่ สิ่งที่ทำ การสำรวจได้ถูกต้อง สามารถจัดจำแนก จัดหมวดหมู่ สิ่งที่ทำ การสำรวจได้ถูกต้อง เป็นบางส่วน สามารถจัดจำแนก ประเภทของสิ่งที่ทำ การสำรวจเป็น หมวดหมู่ได้ตามเกณฑ์ ที่ครูแนะนำ


๓๕ 4. การบันทึกผล การสำรวจตาม ข้อเท็จจริง บันทึกข้อมูลได้ ถูกต้อง ครบถ้วน มีรายละเอียดชัดเจน บันทึกข้อมูลได้ ถูกต้อง ครบถ้วน มีรายละเอียดเป็น บางส่วน บันทึกข้อมูลได้ ถูกต้อง ครบถ้วน บันทึกข้อมูลได้ ครบถ้วน แต่ ขาดรายละเอียด 5. ความปลอดภัย ขณะทำการ สำรวจ สำรวจด้วยความ ระมัดระวังและสามารถ แนะนำเพื่อนเพื่อให้เกิด ความปลอดภัยได้ สำรวจด้วยความ ระมัดระวัง ครูต้อง ดูแลและชี้แนะเป็น บางครั้ง สำรวจด้วยความ ระมัดระวัง ครูต้อง ดูแลและชี้แนะ บ่อยครั้ง ขาดความระมัดระวัง ทำให้เกิดอันตราย ขณะที่สำรวจ เกณฑ์การตัดสินการสำรวจ คะแนน 16 - 20 คะแนน หมายถึง ดีมาก คะแนน 11 - 15 คะแนน หมายถึง ดี คะแนน 6 - 10 คะแนน หมายถึง พอใช้ คะแนน 1 - 5 คะแนน หมายถึง ปรับปรุง 12.2.7 แบบประเมินกิจกรรมการสืบค้น เรื่อง................................................ ชื่อ – สกุล ...................................................... เลขที่ ......... ชั้น ................ รายการประเมิน ระดับคุณภาพ หมายเหตุ 1 2 3 4 1. เนื้อหาครบถ้วนตรงตามประเด็น 2. ความถูกต้องของเนื้อหาสาระ 3. ภาษาถูกต้องเหมาะสม 4. ค้นคว้าจากแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย 5. รูปแบบการนำเสนอน่าสนใจ 6.ประเมินปรับปรุงและแสดงความรู้สึกต่อ ชิ้นงาน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพการสืบค้น คะแนน 19 - 24 คะแนน หมายถึง ระดับดีมาก คะแนน 13 - 18 คะแนน หมายถึง ระดับดี คะแนน 7 - 12 คะแนน หมายถึง ระดับพอใช้ คะแนน 1 - 6 คะแนน หมายถึง ระดับปรับปรุง


๓๖ แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สาระที่ 2 หน้าที่พลเมือง หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 สมาชิกที่ดีของชุมชน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง สิทธิเด็ก จำนวน 1 ชั่วโมง มาตรฐานการเรียนรู้ ส 2.1 เข้าใจและปฏิบัติตนตามหน้าที่ของการเป็นพลเมืองดี มีค่านิยมที่ดีงามและธำรงรักษา ประเพณีและวัฒนธรรมไทย ดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมไทยและสังคมโลกอย่างสันติสุข ตัวชี้วัด ป.4/3 วิเคราะห์สิทธิพื้นฐานที่เด็กทุกคนพึงได้รับตามกฎหมาย สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด สิทธิเด็ก หมายถึง บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบรูณ์ แต่ไม่รวมถึงผู้ที่บรรลุนิติภาวะด้วยการสมรส มี อำนาจอันชอบธรรมที่จะกระทำการใดๆ ได้อย่างอิสระ โดยได้รับการรับรองคุ้มครองจากกฎหมายดังนั้น นักเรียนควรศึกษาเรื่องสิทธิเด็กเพื่อตระหนักและทำความเข้าใจสิทธิของตนเองมากขึ้น จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรียนสามารถอธิบายสิทธิพื้นฐานที่เด็กทุกคนพึงได้รับตามกฎหมาย พร้อมยกตัวอย่างประกอบได้ 2. นักเรียนสามารถวิเคราะห์ข่าวเกี่ยวกับสิทธิพื้นฐานของเด็กได้ 3. นักเรียนทำกิจกรรมเสร็จภายในเวลาที่กำหนด และส่งงานครบตามเวลาที่กำหนด


๓๗ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน บูรณาการกับคุณธรรมอัตลักษณ์โรงเรียน 1. วินัยดี 2. พอเพียง 3. มีความรับผิดชอบ กิจกรรมการเรียนรู้(60นาที) ขั้นนำ (5-10นาที) 1. ครูนำข่าวเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิเด็กมาให้นักเรียนวิเคราะห์และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสิทธิ พื้นฐานของเด็กทุกคนที่พึงได้รับตามกฎหมาย 2. ครูอธิบายเชื่อมโยงให้นักเรียนเข้าใจว่า มนุษย์ทุกคนมีศักดิ์ศรีมาตั้งแต่กำเนิด และมีสิทธิเท่าเทียมกัน ตามกฎหมายจึงต้องเตรียมเด็กให้พร้อมที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยตนเองในสังคม ขั้นสอน (45นาที) 1.ครูแบ่งกลุ่มให้นักเรียนออกเป็น5กลุ่มกลุ่มละ4-5คนจากนั้นให้นักเรียนศึกษาเรื่อง สิทธิเด็ก 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มจับคู่กันเป็น 2 คู่ ให้แต่ละคู่นำข่าวเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิเด็ก (หามาล่วงหน้า) มา วิเคราะห์แล้วตอบคำถามในใบงาน เรื่อง การละเมิดสิทธิเด็ก 3. นักเรียนแต่ละคู่นำคำตอบในใบงาน ของคู่ตนเองมาเล่าให้เพื่อนอีกคู่หนึ่งภายในกลุ่มฟัง แล้วช่วยกัน เพิ่มเติมในส่วนที่บกพร่อง 4. ครูสุ่มเรียกนักเรียน 4-5 คน ออกมานำเสนอใบงานหน้าชั้นเรียน ครูตรวจสอบความถูกต้องและให้ ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ขั้นสรุป (5นาที) 1. ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปความรู้เกี่ยวกับสิทธิพื้นฐานสำหรับเด็กตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่า เมื่อ นักเรียนรู้จักสิทธิของตนเองแล้ว ก็ควรรักษาสิทธิของตน ไม่ควรสละสิทธิของตนให้เสียเปล่า และไม่ ควรละเมิดสิทธิของผู้อื่น โดยให้นักเรียนยกมือตอบคำถามอย่างทีระเบียบวินัย สื่อการสอน / แหล่งการเรียนรู้ หนังสือเรียน สังคมศึกษา ป.4 ชิ้นงาน / ภาระงาน - ใบงาน เรื่อง การละเมิดสิทธิเด็ก


๓๘ การวัดและประเมินผล สิ่งที่จะประเมิน สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ใบงาน เรื่อง การละเมิดสิทธิเด็ก วิธีการวัดและประเมินผล รายการประเมิน (จุดประสงค์การเรียนรู้) วิธีการประเมิน เครื่องมือประเมิน เกณฑ์การวัดผล นักเรียนสามารถอธิบาย สิทธิพื้นฐานที่เด็กทุกคน พึงได้รับตามกฎหมาย พร้อมยกตัวอย่าง ประกอบได้(K) สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม ตรวจใบงาน เรื่อง การ ละเมิดสิทธิเด็ก แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม แบบบันทึกคะแนน ผ่านเกณฑ์คุณภาพใน ระดับ 2 ขึ้นไป นักเรียนสามารถ วิเคราะห์ข่าวเกี่ยวกับ สิทธิพื้นฐานของเด็ก ได้(P) สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม ตรวจใบงาน เรื่อง การ ละเมิดสิทธิเด็ก แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม แบบบันทึกคะแนน ผ่านเกณฑ์คุณภาพใน ระดับ 2 ขึ้นไป ส่งงานตรงเวลาที่กำหนด (A) การสังเกตพฤติกรรมการ ส่งงานตรงเวลา แบบสังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์คุณภาพใน ระดับ 2 ขึ้นไป เกณฑ์การประเมิน ประเด็นการ ประเมิน ระดับคุณภาพ ดี(3) พอใช้(2) ปรับปรุง(1) ค่าน้ำหนัก นักเรียนสามารถ อธิบายสิทธิพื้นฐาน ที่เด็กทุกคนพึง ได้รับตามกฎหมาย พร้อมยกตัวอย่าง ประกอบได้(K) นักเรียนสามารถ อธิบายสิทธิพื้นฐาน ที่เด็กทุกคนพึง ได้รับตามกฎหมาย พร้อมยกตัวอย่าง ประกอบได้ถูกต้อง ครบถ้วนทุก ประเด็น นักเรียนสามารถ อธิบายสิทธิพื้นฐาน ที่เด็กทุกคนพึง ได้รับตามกฎหมาย พร้อมยกตัวอย่าง ประกอบได้ถูกต้อง เป็นส่วนใหญ่ นักเรียนสามารถ อธิบายสิทธิพื้นฐาน ที่เด็กทุกคนพึง ได้รับตามกฎหมาย พร้อมยกตัวอย่าง ประกอบได้ถูกต้อง เป็นเพียงส่วนน้อย 3 นักเรียนสามารถ วิเคราะห์ข่าว เกี่ยวกับสิทธิ พื้นฐานของเด็ก ได้(P) นักเรียนสามารถ วิเคราะห์ข่าว เกี่ยวกับสิทธิ พื้นฐานของเด็กได้ ถูกต้องครบถ้วนทุก ประเด็น นักเรียนสามารถ วิเคราะห์ข่าว เกี่ยวกับสิทธิ พื้นฐานของเด็กได้ ถูกต้องเป็นส่วน ใหญ่ นักเรียนสามารถ วิเคราะห์ข่าว เกี่ยวกับสิทธิ พื้นฐานของเด็กได้ ถูกต้องเป็นเพียง บางส่วน 2


๓๙ ส่งงานตรงเวลาที่ กำหนด(A) ส่งงานตรงตาม เวลาที่กำหนด ชิ้นงานเรียบร้อย ส่งงานตรงตาม เวลาที่กำหนด ชิ้นงานไม่เรียบร้อย ส่งงานไม่ตรงตาม เวลาที่กำหนด ครูต้องติดตาม 1 เกณฑ์คุณภาพ ช่วงคะแนน 18-13 หมายถึง ระดับ ดี(3) ช่วงคะแนน 12-8 หมายถึง ระดับ พอใช้(2) ช่วงคะแนน 6-1 หมายถึง ระดับ ปรับปรุง(1) ผ่านเกณฑ์การประเมินที่ ระดับ 2 ขึ้นไป แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด √ ลงในช่องที่ตรง กับระดับคะแนน ลำดั บที่ ชื่อ - สกุล ของ นักเรีย น การแสดง ความคิดเห็น วินัยดี พอเพียง มีความ รับผิดชอบ การมีส่วน ร่วมในการ ปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม คะแน น 20 คะแน น 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1


๔๐ เกณฑ์การให้คะแนน ช่วงคะแนน 20-18 หมายถึง ระดับ ดี (3) ช่วงคะแนน 14-17 หมายถึง ระดับ พอใช้ (2) ช่วงคะแนน 10-13 หมายถึง ระดับ ปรับปรุง (1) ผ่านเกณฑ์การประเมินที่ ระดับ 2 ขึ้นไป แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การเขียนโปรแกรมและการตรวจสอบข้อผิดพลาด ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง Coding จำนวน 1 ชั่วโมง 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอน และเป็นระบบใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหาได้ อย่างมีประสิทธิภาพ รู้เท่าทัน และมีจริยธรรม 2. ตัวชี้วัด ว 4.2 ป.3/2 เขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือสื่อเกม และตรวจหาข้อผิดพลาด 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. พิจารณาการเขียนโปรแกรมสั่งให้ตัวละครไปยังจุดสิ้นสุดได้ (K) 2. ลงมือเขียนโปรแกรมสั่งให้ตัวละครทำงานได้ (P) 3. เห็นประโยชน์ของการเขียนโปรแกรมสั่งให้ตัวละครทำงาน (A)


๔๑ 4. สาระสำคัญ การเขียนโปรแกรม คือ การเขียนชุดคำสั่งด้วยภาษาคอมพิวเตอร์แต่ปรับอยู่ในรูปของเกม โดยผู้ใช้งาน เพื่อกำหนดลำดับการทำงานตัวละครทำงานตามขั้นตอนที่ออกแบบไว้ และเมื่อเขียนโปรแกรมเสร็จแล้ว จำเป็นต้องตรวจสอบโปรแกรมว่า โปรแกรมที่เขียนขึ้นได้ผลลัพธ์ตรงตามที่ต้องการหรือไม่ หากผลลัพธ์ ไม่ เป็นไปตามที่ต้องการหรือมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น ควรทำการตรวจสอบและแก้ไขข้อผิดพลาดนั้นให้ถูกต้อง 5. สาระการเรียนรู้ - การเขียนโปรแกรมเป็นการสร้างลำดับของคำสั่ง - ตัวอย่างโปรแกรม เช่น เขียนโปรแกรมที่สั่งให้ตัวละครไปยังจุดสิ้นสุดได้ - การตรวจหาข้อผิดพลาด ทำได้โดยตรวจสอบคำสั่งที่แจ้งข้อผิดพลาด หรือหากผลลัพธ์ไม่ เป็นไปตามที่ ต้องการให้ตรวจสอบการทำงานทีละคำสั่ง - ซอฟต์แวร์หรือสื่อที่ใช้ในการเขียนโปรแกรม เช่น ใช้บัตรคำสั่งแสดงการเขียนโปรแกรม, Code.org 6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 6.1. ความสามารถในการสื่อสาร 6.2. ความสามารถในการคิด 6.2.1) ทักษะการสำรวจค้นหา 6.3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 7. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย รับผิดชอบ 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 8. การบูรณาการเข้ากับคุณธรรมอัตลักษณ์สถานศึกษา ความมีวินัย 1. มีความตั้งใจในการศึกษาหาความรู้ มีความขยันใฝ่เรียนรู้ 2. นักเรียนมีความตั้งใจปฏิบัติกิจกรรม 9. กิจกรรมการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน ขั้นที่ 1 ขั้นที่ 1 เสนอสิ่งเร้าและระบุคำถาม (10 นาที) 1. ครูพูดคุยเกี่ยวกับ เกม Coding ให้นักเรียนช่วยกันตอบคำถามตามประเด็นที่ครูกำหนด และสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับ Coding คืออะไร 2. ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ เมื่อนักเรียนเรียนจบ นักเรียนสามารถ 1. พิจารณาการเขียนโปรแกรมสั่งให้ตัวละครไปยังจุดสิ้นสุดได้ (K) 2. ลงมือเขียนโปรแกรมสั่งให้ตัวละครทำงานได้ (P) 3. เห็นประโยชน์ของการเขียนโปรแกรมสั่งให้ตัวละครทำงาน (A) ขั้นที่ 2 แสวงหาสารสนเทศและวิเคราะห์ (5 นาที) นักเรียนแบ่งกลุ่ม 3 กลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน คละความสามารถ ฉลาด ปานกลาง อ่อน แล้วให้ สมาชิกแต่ละคนตั้งใจศึกษาหาความรู้แลกเปลี่ยนความรู้กันเกี่ยวกับ Coding


๔๒ ขั้นที่ 3 อภิปรายและสร้างความรู้ (25 นาที) 1. สมาชิกแต่ละคนมารับใบกิจกรรม เรื่อง unplugged coding (เดินเที่ยวในเมือง) 2. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับ Coding พร้อมยกตัวอย่างใบกิจกรม แก้มยุ้ยจอมซน นำนักเรียน ช่วยกันแก้ปัญหา จากสถานการณ์ที่ยกตัวอย่างให้ ( เช่น ให้แก้มยุ้ย เดินขวา เดินขึ้น เดินซ้าย แล้ว ช่วยกัน ตอบว่าระหว่างเส้นทางเดินของแก้มยุ้ย เจออะไรบ้าง ) 3. ครูอธิบายเพิ่มเติมความสำคัญของ Coding และให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม ทำกิจกรรมเรื่อง unplugged coding ช่วยกันแก้ไขปัญหาการเดินทางจากสถานการณ์ที่ยกตัวอย่าง 3 ข้อ โดยนักเรียน ภายในกลุ่ม สามารถ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นแตกต่างกันได้ 4. เมื่อนักเรียนแต่ละกลุ่มทำกิจกรรมเสร็จแล้ว ส่งตัวแทนนักเรียนแต่ละกลุ่ม มานำเสนอผลงาน ตัวเองหน้าชั้นเรียน 5. แลกเปลี่ยนกันอภิปรายผลงานแต่ละกลุ่ม มีความเห็นต่างกันอย่างไร 6. ครูช่วยอภิปรายเสริมเพิ่มเติมความรู้เกี่ยวกับ Coding ขั้นที่ 4 สื่อสารและสะท้อนคิด (10 นาที) ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับ Coding นักเรียนสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ได้อย่างไร (ช่วยฝึกให้คิดอย่างเป็นระบบ เป็นเหตุเป็นผล รู้จักแก้ไขปัญหาในชีวิตประจำวันได้ เช่น นักเรียนตื่นสายแก้ไขโดย สำรวจตัวเอง และการปรับพฤติกรรม เพื่อให้ตื่นเช้ามากขึ้น ) ขั้นที่ 5 ประยุกต์และตอบแทนสังคม (10 นาที) ครูเชื่อมโยงความรู้ “การระบุปัญหาและสาเหตุของปัญหา” โดยใช้คำถาม - นักเรียนคิดว่าในชุมชนหรือท้องถิ่นของเรามีปัญหาอะไรบ้างที่สามารถนำหลักการ Coding เข้าไปช่วยแก้ไข ได้ 10. สื่อและแหล่งการเรียนรู้ 1. ใบความรู้ Coding 2. ใบกิจกรม แก้มยุ้ยจอมซน 3. ใบกิจกรรมเรื่อง unplugged coding (เดินเที่ยวในเมือง) 11. การวัดและประเมินผล 11.1. การวัดผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 1. พิจารณาการเขียนโปรแกรมสั่งให้ ตัวละครไปยังจุดสิ้นสุดได้ (K) -การอภิปรายหน้าชั้น เรียน -แบบประเมินการตอบ คำถาม การอภิปราย -ระดับคุณภาพ 2 ผ่าน เกณฑ์ 2. ลงมือเขียนโปรแกรมสั่งให้ตัว ละครทำงานได้ (P) -ตรวจการทำ กิจกรรม -แบบประเมินกิจกรรม -ระดับคุณภาพ 2 ผ่าน เกณฑ์ 3. เห็นประโยชน์ของการเขียน โปรแกรมสั่งให้ตัวละครทำงาน (A) -การสังเกต พฤติกรรม -แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ -ระดับคุณภาพ 2 ผ่าน เกณฑ์


๔๓ 11.2. เกณฑ์การประเมิน ประเด็นการ ประเมิน ระดับคุณภาพ น้ำหนัก ระดับ 4 (ดีมาก) ระดับ 3 (ดี) ระดับ 2 (พอใช้) ระดับ 1 (ควรปรับปรุง) การตอบคำถาม การอภิปราย -อธิบายเนื้อหาถูกต้อง ชัดเจน พร้อมให้ เหตุผลที่หนักแน่น และมีข้อมูลที่ เฉพาะเจาะจง -มีส่วนร่วมในแสดง ความคิดเห็นทุกครั้ง -ตอบคำถามได้ ถูกต้อง ชัดเจน -เสียงดัง ฟังชัด มี ความมั่นใจในตนเอง -อธิบายเนื้อหาถูกต้อง ชัดเจน พร้อมให้ เหตุผลที่หนักแน่น และมีข้อมูลที่ เฉพาะเจาะจง -ตอบคำถามได้ ถูกต้อง ชัดเจน -มีความมั่นใจใน ตนเอง -อธิบายเนื้อหาถูกต้อง แต่ไม่ ชัดเจน และให้ เหตุผลไม่เพียง -มีส่วนร่วมในแสดง ความคิดเห็นบ้าง บางครั้ง -ตอบคำถามได้แต่ยัง ไม่ค่อยชัดเจน -ไม่ค่อยมีความมั่นใจ ในตนเอง -อธิบายเนื้อหา ถูกต้อง แต่ไม่ ชัดเจน และให้ เหตุผลไม่เพียง -ไม่แสดงความ คิดเห็นเลย -ตอบข้อคำถามไม่ ถูกต้อง -ไม่มีความมั่นใจใน ตนเอง


๔๔ 11.3. เกณฑ์การตัดสิน -รายบุคคล นักเรียนมีคะแนนในระดับ 2 ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์การประเมิน -รายกลุ่ม ร้อยละ.....80......ของจำนวนนักเรียนทั้งหมดมีผลการเรียนรู้ไม่ต่ำกว่าระดับ 2ถือว่า ผ่าน ประเด็นการ ประเมิน ระดับคุณภาพ น้ำหนัก ระดับ 4 (ดีมาก) ระดับ 3 (ดี) ระดับ 2 (พอใช้) ระดับ 1 (ควรปรับปรุง) กิจกรรม -บอกแหล่งที่มาของ การตอบคำถามได้ -นำความรู้ที่ได้มาจัด กระทำให้เกิดแนวคิด ใหม่ ตามสถานการณ์ ได้ถูกต้อง -จำนวนที่ได้จากการ ทำโจทย์ ชัดเจน สื่อ ความหมายได้ตรงตาม เนื้อหากิจกรรม -บอกแหล่งที่มาของ การตอบคำถามได้ -นำความรู้ที่ได้มาจัด กระทำให้เกิดแนวคิด ใหม่ ตามสถานการณ์ ได้ถูกต้อง -จำนวนที่ได้จากการ ทำโจทย์ ชัดเจน สื่อ ความหมายได้ตรง บางส่วนตามเนื้อหา กิจกรรม -บอกแหล่งที่มาของ การตอบคำถามได้ -นำความรู้ที่ได้มาจัด กระทำให้เกิดแนวคิด ใหม่ ตามสถานการณ์ ได้ถูกต้อง -บอกแหล่งที่มา ของการตอบ คำถามได้ บางส่วน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ -ตั้งใจและรับผิดชอบ ในการทำงานให้ สำเร็จ -ทุ่มเททำงาน อดทน ไม่ย่อท้อต่อปัญหา และอุปสรรคในการ ทำงาน -พยายามแก้ปัญหา และอุปสรรคในการ ทำงานให้สำเร็จ -ตั้งใจและรับผิดชอบ ในการ ทำงานให้ สำเร็จ -ทุ่มเททำงาน อดทน ไม่ย่อท้อต่อปัญหา และอุปสรรคในการ ทำงาน -ไม่ค่อยตั้งใจและ ไม่ค่อยมีความ รับผิดชอบในการ ทำงาน -ทุ่มเททำงาน อดทน ไม่ย่อท้อ ต่อปัญหา และอุปสรรคในการ ทำงาน -ไม่ค่อยตั้งใจและ ไม่ค่อยมีความ รับผิดชอบในการ ทำงาน


๔๕ แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด √ ลงในช่องที่ตรง กับระดับคะแนน ลำดับ ที่ ชื่อ - สกุล ของ นักเรียน การแสดง ความคิดเห็น วินัยดี การมีส่วนร่วม ในการ ปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม คะแนน 12 คะแนน 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 เกณฑ์การให้คะแนน ช่วงคะแนน 12-10 หมายถึง ระดับ ดี (3) ช่วงคะแนน 7-9 หมายถึง ระดับ พอใช้ (2) ช่วงคะแนน 4-6 หมายถึง ระดับ ปรับปรุง (1) ผ่านเกณฑ์การประเมินที่ ระดับ 2 ขึ้นไป


๔๖ 2.7. มีโครงงานคุณธรรมระดับห้องเรียน โรงเรียนมีผลงานโครงงานคุณธรรมระดับห้องเรียนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล 2 ถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 3 โดยฝ่ายบริหาร และฝ่ายบริหารงานวิชาการมีการประชุมคณะครูทั้งโรงเรียน และผู้เกี่ยวข้องชี้แจงให้ รับทราบนโยบายและรูปแบบการจัดกิจกรรมโครงงานคุณธรรมของห้องเรียน โดยให้ครูประจำชั้นเป็นที่ปรึกษา โครงงานคุณธรรม ทั้งนี้จะ บูรณาการเป็นโครงงานของห้องเรียนหรือในรายวิชาก็ได้แต่ต้องมีการสอดแทรก คุณธรรมจริยธรรมและคุณธรรมอัตลักษณ์ลงสู่กระบวนการจัดการเรียนรู้เพิ่มเติมด้วย คุณธรรม ชื่อโครงงาน ผู้รับผิดชอบ(นักเรียน) คุณธรรมที่ ๑ มีวินัย 1. เด็กน้อยเดินสวยสร้างได้ด้วยตัวเรา 2. เก็บรองเท้าถูกที่เป็นศรีแก่ตน 3. เดินอย่างมดห้ามคดเหมือนงู 4. วางรองเท้าให้ถูกที่ เป็นคนดีศรีห้วยท้องฟาน 5. วางรองเท้าให้ถูกที่เป็นเด็กดีมีวินัย 6. รองเท้าที่รัก มักอยู่ถูกที่ 7. ส้นชนตึกฝึกวินัย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มัธยมศึกษาปี่ที่ 1 มัธยมศึกษาปี่ที่ 2 มัธยมศึกษาปี่ที่ 3 คุณธรรมที่ ๒ ความรับผิดชอบ 1. ทิ้งขยะให้ถูกที่เป็นคนดีของสังคม 2. สะอาดสมวัย สดใสไร้ขยะ 3. ท้องฟานเลม่อนคลีน 4. ไข่เค็มสมุนไพร 5. มือน้อยร้อยถักรักพอเพียง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ชั้นอนุบาล – ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-5 กลุ่มรักพอเพียง คุณธรรมที่ ๓ พอเพียง 1. เถ้าแก่น้อยห้วยท้องฟาน 2. เขตพื้นที่สะอาด 3. ห้องเรียนสวยด้วยมือเรา 4. ผักสวนครัวรั้วรอบโรงเรียน 5. เด็กน้อยเพาะเห็ด อนุบาล 2,อนุบาล 3 กลุ่มตาวิเศษห้วยท้อง ฟาน กลุ่มคนดีศรีห้วยท้องฟาน ชั้นประถมศึกษาปี่ที่1- มัธยมศึกษาปีที่ 3 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6


๔๗ โครงงานคุณธรรมประจำชั้นเรียน นักเรียนระดับชั้นอนุบาลปีที่ 2-3 ของโรงเรียนบ้านห้วยท้องฟาน 1. ชื่อโครงงานคุณธรรม “เถ้าแก่น้อย ห้วยท้องฟาน” 2. ผู้รับผิดชอบโครงงาน • นักเรียนระดับชั้นอนุบาลปีที่ 2-3 3. ที่ปรึกษาโครงงาน • ผู้บริหารสถานศึกษา ว่าที่ร้อยตรีคัมภีร์ ทองจันทร์ • ครูที่ปรึกษาระดับชั้นอนุบาลปีที่ 2-3 4. หลักการและเหตุผล ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาที่ชี้แนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของ ประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐให้ดำเนินไปในทางสายกลาง เพื่อให้ก้าวทันต่อโลกในยุคโลกาภิวัตน์ ซึ่งภายในสภาวการณ์ปัจจุบัน นักเรียนส่วนใหญ่มีพฤติกรรม การใช้เงินอย่างไม่เห็นคุณค่า ไม่มีเหตุผล ฟุ่มเฟือย ลุ่มหลงในค่านิยมทางวัตถุ และเทคโนโลยีทั้งที่ยัง ไม่สามารถหารายได้ด้วยตนเอง จึงส่งผลให้พ่อแม่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูมากขึ้น นอกจากนั้นนักเรียนขาดการเตรียมความพร้อมสำหรับการดำเนินชีวิตในอนาคต จึงทำให้เมื่อถึงเวลา จำเป็นที่จะต้องใช้เงินไม่สามารถหาเงินได้ ทำให้พ่อแม่ต้องเดือดร้อน โรงเรียนบ้านห้วยท้องฟานได้ตระหนักถึงความสำคัญดังกล่าวจึงได้น้อมนำหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มาเป็นแนวทางในการแก้ปัญหา ด้วยโครงงานคุณธรรม “เถ้าแก่น้อย ห้วยท้องฟาน” โดยส่งเสริมให้นักเรียนรู้จักบริหารจัดการการใช้ เงิน มีทักษะและเป้าหมายที่ชัดเจนในการออม เห็นคุณค่าของการออม มีทักษะในการบริหาร งบประมาณ รู้จักคุณค่าของเงินและสิ่งของ มีวิธีคิดที่จะพิจารณาในการใช้เงิน รู้จักการออม รู้จัก กระบวนการออมเงิน สามารถนำกระบวนการต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้นไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน อย่างเหมาะสมกับวัย รู้จักการใช้เงินให้เป็นประโยชน์มากที่สุด อันจะส่งผลให้การดำเนินชีวิตใน อนาคตเป็นคนที่มีคุณภาพ 5. วัตถุประสงค์ 1) เพื่อให้นักเรียนรู้จักวางแผนในการใช้จ่ายเงิน และมีวินัยในการใช้จ่ายเงิน 2) เพื่อต่อยอดการเรียนรู้ทักษะกางวางแผนจัดการด้านการเงินให้กับนักเรียน 3) เพื่อส่งเสริมให้ผู้บริหาร ครู บุคลากรและนักเรียนได้ตระหนักถึงการออม และใช้เงินอย่างถูก วิธี มีความเข้าใจในการดำเนินชีวิตอย่างพอเพียงตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง 4) เพื่อส่งเสริมทักษะความคิดสร้างสรรค์ในการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า และเกิด ประโยชน์สูงสุดภายใต้แนวคิด “รู้หา รู้เก็บ รู้ใช้ รู้จักให้” 5) เพื่อสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน ความมีน้ำใจ และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้กับคนอื่น ๆให้เกิดขึ้น ภายในโรงเรียนและชุมชน ให้ขยายผลต่อไปในสังคมและประเทศชาติ


Click to View FlipBook Version