กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage
Explore
เปา หมายการเรียนรู
1. วิเคราะหว ิจารณว รรณคดเี ร่ืองมทั นะพาธา
2. วิเคราะหและประเมินคุณคาวรรณคดีเรอื่ งมัทนะ
พาธา ดานเนอ้ื หา วรรณศิลป และสังคม
3. สงั เคราะหข อ คดิ ทไี่ ดจ ากวรรณคดเี รอื่ งมทั นะพาธา
สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการส่อื สาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการแกป ญ หา
4. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวติ
คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค มัทนะพาธา
1. รักชาติ ศาสน กษัตริย เปนวรรณคดีผลงานพระราชนิพนธใน
2. ใฝเรียนรู พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา เจา อยหู วั ไดร บั
3. รกั ความเปน ไทย การยกยองจากวรรณคดีสโมสรวาเปนยอดของ
บทละครพดู คาํ ฉนั ท ดว ยความไพเราะของการเลอื กใช
กระตนุ ความสนใจ Engage òหนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ สํานวนภาษาท่ีส่ืออารมณ ความรูสึกของตัวละครและ
สอดแทรกคตสิ อนใจเรอื่ งความรกั ไดอ ยา งซาบซงึ้ กนิ ใจ
ครใู ชคําถามนําเขา สบู ทเรียน โดยถามเก่ยี วกบั
ภาพหนาหนว ย บทละครพดู คาํ ฉนั ท เรอ่ื ง มทั นะพาธา
ตวั ช้วี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
• นักเรียนคิดวา เรอ่ื งมทั นะพาธาเปนเร่ือง
เก่ยี วกบั อะไร • ท ๕.๑ ม.๔-๖/๑, ๓, ๔, ๖ • การวิเคราะห์และประเมินคุณคา่ วรรณคดีและวรรณกรรม
(แนวตอบ จากภาพหนาหนว ยที่เปน บทละครพูดคาํ ฉนั ท์ เร่ือง มทั นะพาธา
ดอกกหุ ลาบ นักเรียนอาจตอบวา เปน เร่ือง
เกีย่ วกบั ดอกกหุ ลาบ)
• ดอกกุหลาบเปนสัญลักษณของอะไร
(แนวตอบ เปน สญั ลกั ษณของความรัก ผูหญิง
ท่สี วยและฉลาด)
42
เกรด็ แนะครู
ครแู นะเกยี่ วกับบทละครพดู คาํ ฉนั ท เร่ือง มทั นะพาธาวา เปน พระราชนพิ นธ
เรื่องเอกในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจา อยหู ัว เปนบทละครพูดท่ีใช
คาํ ประพนั ธประเภทฉนั ทซ ึ่งเปน เรื่องทีแ่ ปลกและแตงยาก แตพ ระองคท รง
พระราชนพิ นธไดอยา งไพเราะ มีตัวละครและฉากสอดคลอ งกับวฒั นธรรม
ภารตะโบราณและผสมผสานเขา กบั เนอ้ื เรอ่ื งไดด ี ครคู วรใหน กั เรยี นไดอ า นเพอ่ื สรา ง
ความคนุ เคยกบั บทประพนั ธท ไ่ี พเราะดว ยตนเองและเปด โอกาสใหน กั เรยี นไดว จิ ารณ
บทประพันธอ ยา งกวา งขวาง
42 คูมอื ครู
กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain Engage
กระตนุ ความสนใจ
๑. คว�มเปน ม� ครชู วนนกั เรยี นสนทนาและใหน ักเรยี นแสดง
ความคดิ เหน็ ในประเดน็ ตอไปนี้
เ ร่ือง มมัทัทนนะะพพาาธธาา ห แรปอื ลตว�า่าน าคนวแาหมง่เจด็บอปกวกดุหหลราือบค มวาลี มกั เษดณือดะเรป้อ็นนบเพทรลาะะคครวพาูดมครา�ักฉ บนั ททล์ ะจคา� รนพวนดู ค ๕�า ฉอันงทก์ ์1
แบ่งเป็น ๒ ภาค คือ ภาคสวรรค์และภาคพ้ืนดิน เป็นบทพระราชนิพนธ์จากจินตนาการใน • นกั เรยี นเคยอานหรอื รูจ ักวรรณกรรมเรือ่ งใด
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงให้นางเอกของเรื่องมีนามว่า มัทนา ซ่ึงหมายถึง ที่เปน บทละครพดู และใครเปนผูแตง
ความล่มุ หลงหรือความรกั แทนค�าวา่ กพุ ฺชกะ ทแ่ี ปลวา่ ดอกกุหลาบ
บทละครพูดคา� ฉันท ์ เรอ่ื ง มทั นะพาธา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจา้ อยูห่ ัว ทรงเร่ิม • นกั เรยี นคิดวา “ดอกกุหลาบ” หมายถึงอะไร
พระราชนิพนธ ์ เมอื่ วนั ท ่ี ๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๖ ณ พระราชวงั พญาไทและเสรจ็ สมบูรณใ์ นวนั ที่ (แนวตอบ นักเรียนตอบไดห ลากหลาย
๑๘ ตุลาคม ปเี ดียวกนั เมือ่ พระราชนพิ นธ์เสรจ็ กพ็ ระราชทานแก่สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศกั ดศิ์ จี ขน้ึ อยูก บั ประสบการณข องนักเรียน เชน
พระวรราชชายา โดยแนวคดิ สา� คญั ของเรอ่ื ง เปน็ เรอื่ งทเี่ กย่ี วกบั ความรกั ความลมุ่ หลง ความเจบ็ ปวด ดอกกหุ ลาบเปน สญั ลักษณของการแสดง
ทกุ ข์ระทมเพราะความรกั ความรกั เปน ตน)
๒. ประวตั ผิ ูแตง่ สาํ รวจคน หา Explore
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๖) พระนามเดิมว่า สมเด็จเจ้าฟ้า 1. นักเรียนคนหาความเปนมาของบทละครพดู
มหาวชิราวุธ เป็นพระราชโอรสองค์ท่ี ๒๙ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คาํ ฉนั ท เรอื่ ง มทั นะพาธา และพระราชประวตั ิ
(รัชกาลที่ ๕) และเปน็ พระราชโอรสองค์ท่ี ๒ ในสมเดจ็ พระศรพี ชั รนิ ทราบรมราชนิ นี าถ พระองค์ ของรัชกาลท่ี 6 ดา นอกั ษรศาสตรเพ่มิ เติม
ทรงพระราชสมภพเมื่อวันท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๒๓ ทรงศึกษาในประเทศไทยจนพระชนมายุ
๑๔ พรรษา กเ็ สดจ็ ไปศกึ ษาทปี่ ระเทศองั กฤษ ตอ่ มาสมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าช เจา้ ฟา้ มหาวชริ ณุ หศิ 2. นักเรียนศึกษาลกั ษณะของฉันทแ ตละชนิดท่ี
สยามมกุฎราชกุมารเสด็จทิวงคต พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงสถาปนา ประพนั ธในบทละครพูดคําฉันท เรื่อง มัทนะ
พระองค์ข้ึนเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันที่ พาธา
๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๓๗ โดยมพี ระราชพธิ ที ก่ี รงุ เทพฯ จากนนั้ โปรดเกลา้ ฯ ใหพ้ ระยาเสมอใจราช
(ทองดี โชติกเสถียร) อัญเชิญประกาศสถาปนาฐานันดรศักด์ิ พร้อมเครื่องราชอิสริยยศและ 3. นกั เรียนศกึ ษาเนื้อเร่ืองยอจากแหลงเรยี นรู
ราชอิสริยาภรณ์ไปถวายสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมารที่ ตา งๆ เชน หนังสอื บทความ เว็บไซต เปน ตน
ประเทศองั กฤษ
พระองคท์ รงศกึ ษาวชิ าทหาร ณ โรงเรยี นทหารบกทแ่ี ซนดเ์ ฮซิ ต ์ และทรงฝก วชิ าทหารไดร้ บั อธบิ ายความรู Explain
เกยี รตบิ ตั รเปน็ นายทหารประจา� ณ กรมทหารราบเบาเดอรมั กองพนั ท ่ี ๑ ทอี่ ลั เตอรซ์ อท เมอ่ื พ.ศ.
๒๔๔๓ ทรงเขา้ ศกึ ษาดา้ นวชิ าประวตั ศิ าสตรแ์ ละวชิ ากฎหมาย ณ มหาวทิ ยาลยั ออกซฟอรด์ แตท่ รง 1. นักเรยี นสรุปความเปนมาของบทละครพดู
พระปรชี าสามารถดา้ นภาษาเปน็ พเิ ศษ จนสามารถแตง่ บทละครเปน็ ภาษาองั กฤษได ้ เมอื่ ทรงสา� เรจ็ คําฉนั ท เรอื่ ง มัทนะพาธา ลงสมุด
การศกึ ษา พระองค์เสดจ็ ประพาสยุโรปกอ่ นแลว้ จงึ เสดจ็ นวิ ัตประเทศไทย (แนวตอบ บทละครพดู คาํ ฉนั ท เรอ่ื ง มทั นะพาธา
พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา เจา อยูหัวทรง
43 พระราชนพิ นธแ ดส มเดจ็ พระนางเจา อนิ ทรศกั ด-์ิ
ศจี พระวรราชชายา แนวคิดของเรื่องเปน เร่อื ง
ทเ่ี กย่ี วกบั ความรกั ความลมุ หลง ความเจบ็ ปวด
ทกุ ขระทมเพราะความรกั )
2. ครสู ุม นกั เรยี น 2 - 3 คน มาเลาความเปน มา
ของบทละครพดู คําฉนั ท เร่ือง มัทนะพาธา
หนาชัน้ เรยี น
บูรณาการเชื่อมสาระ เกรด็ แนะครู
ครบู รู ณาการความรเู กย่ี วกบั ลกั ษณะของวรรณคดปี ระเภท ครูใหน ักเรียนศกึ ษาความเปนมาของบทละครพูดคาํ ฉันท เร่ือง มทั นะพาธา
บทละครพดู คาํ ฉนั ท เรอ่ื ง มทั นะพาธา เขา กบั กลมุ สาระการเรยี นรู จากแหลงเรียนรูต างๆ เพื่อใหน ักเรียนเขาใจเร่ืองราวทงั้ หมด ซง่ึ หนังสอื เรียนนํามา
ศลิ ปะ วชิ านาฏศลิ ป ครใู หน กั เรยี นสบื คน วา มผี ลงานพระราชนพิ นธ ใหเรียนเฉพาะองกแ รก ครูแนะใหนกั เรียนศึกษาองกอ นื่ ๆ อีก 4 องกเ พิ่มเติม
ในพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา เจา อยหู วั เรอ่ื งใดอกี บา งทน่ี าํ มาใช จากน้นั จึงเนน ยํ้าความเขาใจของนักเรียนดว ยการตง้ั คาํ ถามถึงแกนของเรือ่ ง
ในการแสดงทางนาฏศลิ ป โดยครแู นะใหน กั เรยี นอธบิ ายเกย่ี วกบั
การดดั แปลงบทประพนั ธท น่ี าํ ไปใชใ นการแสดงทางนาฏศลิ ปว า ตอ ง นกั เรยี นควรรู
คาํ นงึ ถงึ องคป ระกอบตา งๆ เชน ทา ราํ ดนตรี ฉาก เครอ่ื งแตง กาย
ตวั บท เปน ตน 1 บทละครพูดคําฉันท จาํ นวน ๕ องก เปนเรื่องราวเกย่ี วกบั ความรักของมัทนา
ชใี้ หเ หน็ ถงึ ทกุ ขข องความรกั หรอื โทษของความรกั พระราชนพิ นธใ นพระบาทสมเดจ็ -
ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ และจดั การแสดงตามลกั ษณะของละครเวที
โดยเนน ใหน กั เรยี นทกุ คนมสี ว นรว มในการจดั กจิ กรรม กลา แสดงออก
เนน ทกั ษะทเ่ี กย่ี วกบั ทางวรรณคดแี ละนาฏศลิ ป
พระมงกุฎเกลา เจาอยูหวั รัชกาลท่ี 6 (พ.ศ. 2424 - 2468) ทรงคดิ เคา โครงเรอื่ งดว ย
พระองคเอง ทรงพระราชดาํ ริใชคาํ ฉันทเปนบทละครพูด ซึง่ นับวา แปลกมากในทาง
วรรณคดีและแตงยากในทางภาษา จึงไดรับการยกยอ งจากวรรณคดีสโมสรใหเ ปน
หนังสือทแี่ ตงดี เปน เร่อื งทีม่ ตี วั ละครและฉากสอดคลองกนั รวมถึงวัฒนธรรม
ภารตะโบราณเขากบั เนื้อเรือ่ งเปนอยา งดี
คมู อื ครู 43
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
Explain
อธบิ ายความรู
1. นักเรยี นอธบิ ายสรุปพระราชประวตั ิพระบาท- เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๗ ได้ทรงผนวช ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อทรงลาสิกขา เสด็จประทับ
สมเดจ็ พระมงกฎุ เกลาเจาอยูห ัว รชั กาลที่ 6 ณ พระราชวงั สราญรมย ์ ทรงตงั้ สโมสรการประพันธช์ ือ่ ทวีปญั ญาสโมสรและออกหนังสือรายเดอื น
ดา นอักษรศาสตร โดยยกตัวอยางผลงานตางๆ ชอื่ ทวีปญั ญา เสดจ็ ขน้ึ ครองราชสมบตั ิเมอ่ื วนั ท ่ี ๒๓ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๔๕๓ ขณะมพี ระชนมายไุ ด้
ของพระองคท่ีนักเรียนรจู ักคนุ เคยประกอบ ๓๐ พรรษา พระองคท์ รงครองราชสมบัตไิ ด้ ๑๕ ปี และเสด็จสวรรคตเมื่อวนั ที ่ ๒๕ พฤศจิกายน
พ.ศ. ๒๔๖๘ พระชนมายุ ๔๕ พรรษา
2. นักเรยี นอธบิ ายลกั ษณะคาํ ประพันธใ นบทละคร วัตถุประสงค์ในการพระราชนิพนธ์บทละครพูดค�าฉันท์ เรื่อง มัทนะพาธา พระองค์ทรง
พูดคําฉันท เรือ่ ง มัทนะพาธา ตงั้ พระทยั ใหเ้ ปน็ หนงั สอื อา่ นกวนี พิ นธเ์ พอ่ื ความสนกุ สนานในด้านเนอ้ื หาและสอนใจโดยใหเ้ หน็ ถงึ
(แนวตอบ บทละครพูดคําฉนั ท เรื่อง มทั นะพาธา อานุภาพแห่งความรักซึ่งไม่ได้ให้แต่ความสุขสมหวังเท่าน้ัน แต่ความรักสามารถสร้างความทุกข ์
ประกอบดว ยกาพย 3 ชนิด ไดแก กาพยย านี 11 ความเจ็บปวด ผู้ที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความรักท่ีไม่ฟังค�าเตือนหรือค�าท้วงติงใดๆ จะต้องประสบ
กาพยฉบงั 16 และกาพยสรุ างคนางค 28 และ ความเจ็บปวด ความทกุ ขเ์ สมอ ดงั ค�าของพระฤๅษีกาละทรรศิน ท่ีกลา่ ววา่
ฉันท 21 ชนิด การเลอื กใชฉนั ทห ลายชนดิ ใน
การประพนั ธแ สดงใหเ หน็ พระปรีชาสามารถใน ความรักเหมือนโรคา บนั ดาลตาให้มดื มน
ดานอักษรศาสตร ทรงเปน ปราชญท ่นี ายกยอ ง) ไม่ยนิ และไม่ยล อปุ สัคคะใดใด
ความรักเหมือนโคถกึ กา� ลังคกึ ผิขงั ไว้
3. นกั เรยี นสรุปเรือ่ งยอดว ยสาํ นวนภาษาของ ก็โลดจากคอกไป บย่ อมอยู ่ ณ ทข่ี ัง
นักเรยี นเอง ถงึ หากจะผกู ไว ้ ก็ดึงไปดว้ ยกา� ลัง
ยิ่งหา้ มก็ย่ิงคลงั่ บ่หวนคดิ ถึงเจ็บกาย
ขยายความเขา ใจ Expand
นักเรียนยกตัวอยา งบทประพนั ธเ รื่องอื่นท่เี ปน ท งั้ รอ้ ยพแรกะว้ อแงลคะร์ทอ้ รยงกพรอรงะ ปกรวีชา่ า๒ส๐า๐ม เารรอ่ื ถงท เาชงน่ ด เ้ารนอื่ งอศักกษนุ รตศลาาส1 รตารม์ เกทยี รรงตม ์ิ บีผทลลงะาคนรพเรรอื่ ะงรเวานชสินวิพานนชิธ ์
พระราชนิพนธใ นพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา - ทรงใช้นามปากกาว่า อศั วพาหุ รามจิตติ พันแหลมศรอี ยุธยา นายแกว้ นายขวัญ พระขรรค์เพชร
เจา อยหู วั ทม่ี ีแนวคดิ เร่อื งเกีย่ วกบั ความรกั นายแกว้ ณ อยธุ ยา นอ้ ยลา ท่านราม ณ กรุงเทพ
บทละครพดู ค�าฉนั ท์ เร่อื ง มัทนะพาธา ไดจ้ ัดพิมพเ์ ผยแพรเ่ ปน็ คร้ังแรกเม่อื ป ี พ.ศ. ๒๔๖๗
(แนวตอบ นักเรียนสามารถยกตัวอยางได แล้วจัดแสดงเปน็ ละครพูดค�าฉนั ท ์ ตามคา� กราบบังคมทูลของพระญาตแิ ละพระสหาย โดยก�าหนด
หลากหลาย ครูพิจารณาบทประพันธทีน่ กั เรียน ให้ร้องเฉพาะตอนท่ีมีบทร้องเท่าน้ันและให้มีดนตรีคลอเบาๆ เม่ือเจรจาและมีเพลงหน้าพาทย์
ยกมาเปน ตัวอยา งวาแสดงใหเ หน็ ถึงความรักอยางไร ในการด�าเนนิ เรือ่ ง บทละครพูดค�าฉันท ์ เร่อื ง มทั นะพาธา ไดร้ ับการยกย่องจากวรรณคดีสโมสรวา่
เชน เรือ่ งศกนุ ตลา เปน ตน ) เป็นยอดของบทละครพดู คา� ฉนั ท ์ นอกจากนพ้ี ระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ยงั ทรงไดร้ บั
พระราชสมญั ญานามว่า สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า ซึง่ มคี วามหมายว่านักปราชญผ์ ู้ยิ่งใหญอ่ กี ดว้ ย
44
นักเรียนควรรู บรู ณาการเช่ือมสาระ
ครบู รู ณาการความรเู กี่ยวกับเรอื่ งการละครไทยกับกลุมสาระ
1 เรือ่ งศกนุ ตลา เปน เร่อื งทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลาเจาอยูหัวทรง การเรียนรูศิลปะ วิชานาฏศิลป ในประเดน็ เรื่องของวิวฒั นาการของ
พระราชนิพนธเ ปนบทละครราํ เมอ่ื พ.ศ.2455 โดยนําเน้ือเรือ่ งมาจากวรรณคดี การละครไทย ซึ่งบทละครพูดคําฉนั ท เร่ือง มทั นะพาธา เปนอกี เรอ่ื ง
อนิ เดยี ซ่ึงกาลิทาส รตั นกวีของอินเดียเปน ผปู ระพันธข ้ึน พระองคทรงมีกลวธิ ีการ หนงึ่ ที่นํามาใชในการแสดง โดยจัดเปน บทละครพูดคําฉันท ครูให
ประพันธท่มี บี ทพากยแ ละบทเจรจาแทรกไวดวย อนั เปน รูปแบบใหมท แี่ ตกตา ง นักเรยี นศึกษาเกย่ี วกบั ลักษณะของบทละครพูดดังกลา ว จากนนั้ ให
ไปจากบทละครราํ ของไทยในอดตี นกั เรียนเลอื กบทละครพดู คําฉนั ทต อนใดตอนหนึ่งในหนงั สือเรียนไปใช
เปน บทในการแสดงละครพดู คาํ ฉนั ท
ศกุนตลาเปน เร่อื งท่ีแทรกอยใู นมหากาพยมหาภารตะ กลาวถึงเรือ่ งราว
ความรกั ระหวางศกนุ ตลา ธดิ าเล้ียงของฤๅษีกณั วะ เปน ผมู ีความงามบรสิ ุทธิ์
ผุดผอง กับทา วทุษยันต กษตั ริยผ ูมคี ุณธรรม แตค วามรักของคนท้งั สองตอ งพบ
อุปสรรค เน่อื งมาจากผลคําสาปของฤๅษที ุรวาส การดําเนินเร่อื งมีความสนุกสนาน
ชวนใหต ิดตาม ท้ังยงั มโี วหารที่ไพเราะ งดงาม ชว ยเพิม่ อรรถรสในการอานใหม ี
มากยิง่ ข้นึ
44 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
ขยายความเขา ใจ Expand
๓. ลักษณะค�ำ ประพันธ์ ครสู ุม นักเรียน 2 - 3 คน มาเลาเร่ืองยอตอ กนั
หนาชน้ั เรียน
บทละครพูดค�ำฉนั ท์ เร่อื ง มทั นะพำธำ ประกอบดว้ ยกำพย์ ๓ ชนดิ คือ กำพย์ยำนี ๑๑
กำพย์ฉบัง ๑๖ กำพย์สุรำงคนำงค์ ๒๘ และฉันท์ ๒๑ ชนิด เช่น วิชชุมมำลำฉันท์ ๘ (แนวตอบ มทั นะพาธาเปน เรอื่ งสมมตวิ าเกิดใน
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ อุปชำติฉันท์ ๑๑ ภุชงคประยำตฉันท์ ๑๒ อินทวงศ์ฉันท์ ๑๒ อนิ เดยี โบราณ
วสันตดลิ กฉันท์ ๑๔ เปน็ ต้น
• องกท ี่ 1 เปน เหตุการณบ นสวรรค สเุ ทษณ
๔. เรอื่ งย่อ ใชเ วทมนตรส ะกดเรียกมัทนามา มทั นาพูดจาไม
รเู รอ่ื ง ทาํ ใหสุเทษณไมพ อใจ สัง่ ใหมายาวินคลาย
ภาคสวรรค์ กล่ำวถงึ สเุ ทษณ์เทพบุตร ซง่ึ ในอดีตกำลคือกษตั รยิ ์แหง่ แคว้นปัญจำล มัทนำ มนตรส ะกด แตเ มื่อนางมัทนาไดส ตกิ ็ยงั ปฏเิ สธ
เป็นรำชธิดำกษัตริย์แคว้นสุรำษฎร์ สุเทษณ์ได้ส่งทูตไปสู่ขอนำง แต่ท้ำวสุรำษฎร์ พระรำชบิดำ ความรกั ของสุเทษณเ หมอื นเดมิ สุเทษณโกรธจงึ
ของนำงไม่ยอมยกให้ สเุ ทษณ์จงึ ยกทัพไปรบท�ำลำยบ้ำนเมืองย่อยยับจบั พระรำชบิดำของนำงมำ สาปใหมัทนาไปเกิดเปน ดอกกหุ ลาบท่โี ลกมนษุ ย
เปน็ เชลยศกึ แลว้ จะใหป้ ระหำรชวี ติ ทำ้ วสรุ ำษฎร ์ แตม่ ทั นำขอไถช่ วี ติ พระรำชบดิ ำไว ้ โดยยนิ ยอมเปน็ สเุ ทษณส าปวาใหนางคืนกลบั มาเปนมนุษยไดแ ค
บำทบรจิ ำรกิ ำของสเุ ทษณ ์ พระบดิ ำของนำงจงึ รอดจำกพระอำญำ จำกนน้ั นำงมทั นำกป็ ลงพระชนม์ วันเพญ็ จนกวานางจะมีความรักจงึ จะพน จาก
ตนเอง แล้วไปบงั เกดิ เป็นเทพธิดำบนสวรรค ์ นำมวำ่ มทั นำ สว่ นท้ำวสเุ ทษณก์ ก็ ระท�ำพลกี รรมจน คาํ สาป แตหากนางทกุ ขเ พราะความรักแลวก็ให
ส�ำเร็จ เม่ือส้ินพระชนม์ก็ไปบังเกิดบนสวรรค์เช่นกัน ด้วยผลกรรมท่ีเคยได้นำงมำเป็นคู่ ท�ำให้มี วิงวอนตอพระองค พระองคจะชว ย)
โ อกำสณได พ้ วบมิ กำนันอขีกอ งแสตุเท่นษำณงม์เทัทนพำบกตุ ็ยรัง ไไมดม่ม้ ใีคี จนรักธรสรุเทพ1ษ์ เณทเ์พทบพุตบรตุ รเทเชพ่นธเดิดำิมที่เป็นบริวำรต่ำงมำบำ� เรอ
ขับกล่อมถวำย แต่ถึงกระนั้นสุเทษณ์เทพบุตรก็ไม่มีควำมสุข เพรำะพระองค์รักนำงมัทนำแต่ไม่ ตรวจสอบผล Evaluate
อำจสมหวงั ในรกั เพรำะทำ� กรรมไว้ในอดตี พระองคจ์ ึงใหว้ ิทยำธรชอ่ื มำยำวนิ ใชเ้ วทมนตร์คำถำไป
สะกดใหน้ ำงมทั นำมำยงั วมิ ำนของพระองค ์ ฝำ่ ยนำงมทั นำเมอื่ ถกู เวทมนตรส์ ะกดมำ สเุ ทษณจ์ ะตรสั 1. นกั เรียนยกตวั อยา งบทประพันธท ่ีเปน ผลงาน
ถำมอยำ่ งไร นำงกท็ วนคำ� ถำมเชน่ นนั้ ทกุ ครงั้ ไป จนสเุ ทษณเ์ ทพบตุ รขดั พระทยั รสู้ กึ เหมอื นตรสั กบั พระราชนพิ นธใ นรัชกาลท่ี 6 ทมี่ แี นวคดิ
หุ่นยนต์จึงให้มำยำวินคลำยมนตร์ เมื่อนำงมัทนำรู้สึกตัวก็ตกใจกลัวท่ีล่วงล้�ำเข้ำมำถึงวิมำนของ เกยี่ วกบั ความรกั ได
สุเทษณ์เทพบุตร สุเทษณ์เทพบุตรถือโอกำสฝำกรัก นำงมัทนำแสดงควำมจริงใจว่ำนำงไม่ได้รัก
สุเทษณ์เทพบุตร จึงไม่อำจรับรักได้ เมื่อได้ยินดังนั้น สุเทษณ์เทพบุตรก็รู้สึกกร้ิวนำงมัทนำเป็น 2. นกั เรยี นเลา เรอื่ งยอ บทละครพูดคําฉนั ท
อย่ำงมำก จึงสำปให้นำงมัทนำจุติจำกสวรรค์ไปเป็นดอกกุหลำบในเมืองมนุษย์และให้โอกำสนำง เร่อื ง มทั นะพาธา องกที่ 1 ตอกันได
เป็นมนุษย์ได้เม่ือถึงคืนวันเพ็ญเพียงหนึ่งวันหนึ่งคืนเท่ำนั้น เมื่อใดที่นำงมีรักเม่ือนั้นจึงจะพ้น
คำ� สำปกลำยรำ่ งเปน็ มนษุ ยไ์ ดต้ ำมปกต ิ และหำกเมอ่ื ใดทน่ี ำงมที กุ ขเ์ พรำะรกั กใ็ หน้ ำงกลำ่ วออ้ นวอน
พระองค์จะยกโทษทัณฑ์ให้ ดังนั้น จึงอำจกล่ำวได้ว่ำ สำเหตุของปมขัดแย้งในเร่ืองคือ สุเทษณ์
รักนำงมัทนำแต่นำงไม่รักตอบ
ภาคพืน้ ดิน พระฤๅษีไดข้ ดุ เอำต้นกหุ ลำบจำกป่ำหมิ วนั มำปลูกไว้ใกล้กบั อำศรม เม่ือถงึ คืน
วันเพ็ญนำงจะปรำกฏโฉมเป็นมนุษย์มำคอยปรนนิบัติรับใช้พระฤๅษี วันหนึ่งท้ำวชัยเสนกษัตริย์
45
ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกรด็ แนะครู
การที่สุเทษณเทพบตุ รไดสงทูตไปสูขอมัทนา แตท าวสรุ าษฎร ครูใหน กั เรียนสบื คน ลกั ษณะของฉันทแตละชนดิ ทใ่ี ชเปน คาํ ประพนั ธในเรอ่ื ง
ไมย อมยกนางให จึงยกทพั ไปทําลายบานเมอื งของนาง พฤติกรรม มทั นะพาธา จากนัน้ นําเสนอรปู แบบของฉนั ทชนิดตา งๆ ตามทนี่ ักเรยี นไดสืบคน
ของสุเทษณแ สดงใหเ หน็ อะไร ครูใหน กั เรยี นแลกเปลย่ี นความรเู ร่อื งรปู แบบฉนั ทและนักเรียนทาํ กจิ กรรมรว มกัน
แนวตอบ ความรกั ทไี่ มส มหวังเปนบอเกิดความอาฆาตพยาบาท โดยครยู กชือ่ ฉนั ทใ นบทละครพูดคาํ ฉันท เร่ือง มัทนะพาธามา 1 - 2 ชนิด แลวให
จองเวรจองกรรมกัน ทาํ ใหข าดสตยิ ง้ั คิด ทําในส่งิ ท่สี รา งความ นักเรียนรว มกันอธบิ ายรปู แบบของฉนั ทชนิดนัน้
เดือดรอนใหแ กผ อู ่ืน ทํารายคนรอบขา งหรือผทู ่ีคดิ วามกี าํ ลัง
ขัดขวางโดยไมร ผู ิดชอบวา ส่งิ ที่ทาํ ไปนนั้ สมควรหรือไม นกั เรยี นควรรู
1 คนธรรพ เปน ชาวสวรรคพ วกหน่ึง มคี วามเชยี่ วชาญทางดา นดนตรแี ละ
การขบั รอง พจนานุกรม ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ระบุวา เปนบรวิ ารของ
ทา วธตรฐ ซง่ึ เปนทา วจตุมหาราชประจาํ ทศิ บรู พา คนธรรพม ีแตเพศชายคกู ับ
อปั สระหรืออัปสร ซึ่งเปน เพศหญงิ ลว นและเปนชาวสวรรคเชนกัน ในตาํ นาน
พระพุทธศาสนากลาววา คนธรรพเกิดจากตน ไมท ่ีมกี ล่นิ หอม
คมู อื ครู 45
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain
กระตนุ ความสนใจ Engage
นักเรียนยกตวั อยางสญั ลกั ษณแทนความรกั แหง่ นครหสั ดนิ เสดจ็ ประพาสปา่ และมาถงึ อาศรมพระฤๅษ ี เมอ่ื ถงึ คนื วนั เพญ็ ทนี่ างมทั นากลายรา่ ง
(แนวตอบ ตัวอยา งเชน ดวงใจ แกว ตา เปน็ มนษุ ย ์ นางไดพ้ บกบั ทา้ วชัยเสนก็เกิดความรักตอ่ กนั พระฤๅษจี ึงจัดพธิ ีอภเิ ษกให้
ดอกกหุ ลาบ เปน ตน) ท้าวชัยเสนได้พานางกลับเมือง ท้าวชัยเสนรักใคร่หลงใหลนางมัทนามากท�าให้นางจัณฑี
มเหสีหึงหวง อิจฉาริษยา จึงท�าอุบายให้ท้าวชัยเสนเข้าใจผิดว่านางมัทนาเป็นชู้กับทหารเอก
สาํ รวจคน หา Explore นางมัทนาจึงถูกสั่งประหารชีวิตแต่เพชฌฆาตสงสารจึงปล่อยนางไป นางมัทนากลับไปอาศรม
และวงิ วอนขอใหส้ เุ ทษณเ์ ทพบตุ รชว่ ย สเุ ทษณเ์ ทพบตุ รไดข้ อความรกั นางอกี ครงั้ หนง่ึ แตน่ างปฏเิ สธ
1. นกั เรยี นศกึ ษาลกั ษณะนสิ ยั ของตวั ละครในเรอื่ ง สุเทษณเ์ ทพบตุ รจงึ สาปนางให้เป็นดอกกุหลาบไปตลอดชวี ิต
ดงั นี้
• สเุ ทษณ ๕. เนื้อเร่อื ง
• มทั นา
• มายาวนิ มัทนะพาธา ตอน สเุ ทษณ์ฝากรกั นางมทั นา
[ก่อนเปิดม่าน ตัวละคอนเหล่านี้ต้องพร้อมอยู่บนเวที คือ : สุเทษณะเทพบุตร์, เอกเขนกอยู่
2. นักเรยี นศึกษาการเปด เรอ่ื ง ดําเนินเรื่อง และ บนเตียงที่บนมุขเด็จ, มีนางอับสรอยู่งานพัดคน ๑; จิตระเสนนั่งอยู่หน้ามุขเด็จ, และมีบริวารของ
การปด เรือ่ งของบทละครพูดคาํ ฉันท เรอื่ ง สุเทษณ์น่ังรายเป็นแถวทั้ง ๒ ข้างเวที; กลางเวทีมีพวกคนธรรพ์ส�าหรับ ๑, ถือช่อดอกไม้ท้ัง ๒ มือ
มทั นะพาธา ทุกคน. พิณพาทย์ท�าเพลงโหมโรงจนถึงเวลาควรจะเปิดม่าน, จึ่งท�าเพลงเหาะ. พอเปิดม่าน,
พวกคนธรรพ์ก็เรม่ิ ร้องและร�าอย่างแบบรา� โคม, ดนตรเี ลน่ คลอเสียงไปตลอด, ไม่ตอ้ งรับ.]
อธบิ ายความรู Explain ในโบราณกาลมีเมืองใหญเ่ มืองหนึง่ ชอื่ กรุงธรรมปุระ พระราชาทรงนามท้าวมหาพล
นกั เรียนอธิบายการเปดเร่ืองของบทละครพูด- ๏ บทรอ้ งของคนธรรพ์
คาํ ฉันท เร่อื ง มทั นะพาธา ตอน สเุ ทษณฝากรกั (ล�าเหาะ.)
นางมัทนา ๏ ขา้ บาทผภู้ ักด ี ตอ่ ธลุ พี ระบาทา [ยานี, ๑๑.]
พรอ้ มกันถวายอา- เศยี ระพาทแดเ่ ทวัน
(แนวตอบ บทละครพูดคําฉันท เรอ่ื ง มัทนะพาธา ๏ ขอจงเสวยสขุ นิราศทกุ ขไ์ ร้โรคนั -
เปด เร่ืองดวย ตอน สุเทษณฝากรักนางมัทนา ตะรายแลภยนั - ตะรายาอยา่ ยายี
ลกั ษณะของการเปดเรื่องในบทละครพดู จะให ๏ พระองคท์ รงมคี ณุ กะตะบญุ บาระมี
รายละเอยี ดเกยี่ วกบั ฉาก สถานที่ เวลาอยา งชดั เจน บ�าเพ็ญในอต-ี ตะกาลดลผลไพบลู ย์
เครอื่ งประกอบฉากทเี่ ดน ๆ ฉากเปด เรอื่ งกลา วถงึ ๏ ชาติก่อนเปน็ สุกษัตร ์ เถลงิ รัฐราไชสรู ย์
“สเุ ทษณะเทพบตุ ร, เอกเขนกอยบู นเตยี งทบ่ี นมขุ เดจ็ ” ในวงศะประยรู สรุ ะแมนแคว้นปญั จาล
บอกรายละเอยี ดเก่ียวกบั ตัวละครในเรอ่ื ง มีใครบาง ๏ 1ทรงธรรมล�า้ มะนุษ ฤทธริ ทุ มหาศาล
แตไมไ ดบ อกลกั ษณะรปู รางของตวั ละครเพราะไมใช
ตอนแรกทเ่ี รม่ิ เรอ่ื ง)
บา� เพญ็ พะลกี าร ทุกอย่างงามตามวสิ ัย
๏ ครั้นถงึ เวลาควร ภมู ศิ วรจากไผท
เสด็จสุราลยั เสวยสุขในแดนสรวง
46
เกรด็ แนะครู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
ขอ ใดสอดคลอ งกบั บทประพนั ธตอไปน้ี
ครูแนะลักษณะตัวละครมทั นาใหน ักเรียนนาํ ไปใชพิจารณาพฤตกิ รรมตา งๆ “ชาติกอ นเปน สกุ ษตั ร เถลิงรฐั ราไชสูรย
ในบทประพันธวา นางมทั นาเปนหญิงทมี่ คี วามเพยี บพรอ มดวยคณุ สมบัติและ ในวงศะประยรู สุระแมนแควน ปญ จาล”
รูปสมบตั ิ รัชกาลท่ี 6 ทรงพรรณนาความงามของมทั นาวางามราวรูปปน ของ 1. บญุ วาสนาของสุเทษณเ ทพบตุ ร
องคว ศิ วกรรมา ซงึ่ เปนเทพแหง การชา ง ความงามของนางงามกวานางอ่นื ๆ 2. ความเปนมาของสเุ ทษณเทพบุตร
ในวรรณคดี ครใู หน กั เรียนยกบทประพนั ธที่พรรณนาถงึ ความงามของมัทนา 3. บทบาท หนา ทีข่ องสเุ ทษณเทพบตุ ร
4. ชวี ิตความเปน อยขู องสุเทษณเทพบตุ ร
นกั เรยี นควรรู
วิเคราะหค ําตอบ บทประพันธขางตน กลา วถึงความเปนมาของ
1 พะลี ปกติเขยี นวา “พลี” หมายความวา การบวงสรวง เคร่อื งบวงสรวง สว ย สุเทษณเทพบตุ ร ซ่ึงในอดตี กาลเปน กษตั ริยแ หงแควนปญ จาล
การบชู า (ตามแบบมี 5 คือ ญาติพลี สงเคราะหญ าติ อติถิพลี ตอนรับแขก เปตพลี
ทาํ บุญอทุ ิศใหผูต าย ราชพลี ถวายเปนหลวง มีเสยี ภาษี อากร เปน ตน เทวตาพลี ตอบขอ 2.
ทาํ บุญอทุ ิศใหเ ทวดา และแบงเปน 2 อยา ง คือ ธรรมพลี อทุ ิศกุศลให และอามิสพลี
ใหสงิ่ ของ)
46 คูมอื ครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
๏ เหล่าขา้ พ่ึงพระเดช ปกปอ้ งเกศขา้ ทัง้ ปวง 1. นักเรียนแบง กลมุ กลุม ละ 4 - 5 คน ใหจ ับ
จ่งึ พร้อมณแดดวง ภักดีหมายถวายพร สลากตัวละครในเรื่อง คือ สุเทษณ มัทนา
๏ สงิ่ ใดพระประสงค์ จงสทิ ธนิ ริ ันดร มายาวนิ
ใดองคจ์ อมอมร ไม่โปรดปรานเรง่ ผ่านไปฯ
สเุ ทษณ์. เหวยจิตระเสน มงึ บังอาจเลน่ ลอ้ กไู ฉน? 2. นักเรยี นแตล ะกลุมรวมกันอภิปรายลกั ษณะ
[สุรางคณา, ๒๘.] นสิ ยั ของตัวละครตามท่ีจับสลากได
จิตระเสน. เทวะ, ขา้ บาท จะบังอาจใจ ท�าเชน่ นัน้ ไซร้ ไดบ้ พ่ ึงมี. 3. ตัวแทนของแตล ะกลุม นําเสนอหนาชั้นเรียน
สเุ ทษณ.์ เช่นนน้ั ท�าไม พวกมึงมาให้ พรกูบดั น,ี้ วา่ ประสงคใ์ ด ใหส้ มฤด?ี มงึ รู้ 4. หลังการอภปิ รายตวั ละครของแตละกลมุ
อยนู่ ี่ ว่ากูเศรา้ จิต เพราะไมไ่ ด้สม จิตท่ใี ฝ่ชม, อกกรมเนอื งนิตย์.
จติ ระเสน. ตูข้าภักด ี ก็มีแต่คิด เพอ่ื ใหท้ รงฤทธ์ ิ โปรดทกุ ขณะ. ครูสรุปความรู ความเขา ใจ โดยใหน กั เรียน
สุเทษณ์. กูไมพ่ อใจ! ไลค่ นธรรพ์ไป บัดนี้เทยี วละ อย่ามวั รอรง้ั . ตอบคําถาม ดงั ตอ ไปนี้
จติ ระเสน. เอว�เทวะ! (หันไปสั่งคนธรรพ์) เออพอแล้วนะ, พวกเจ้าจงไป. (พวก • สุเทษณ. “เชนนนั้ ทําไม พวกมงึ มาให พรกู
คนธรรพถ์ วายบงั คมแลว้ เขา้ โรง) ขา้ บาทไดเ้ ตรยี ม อบั สรเสงยี่ ม สงา่ งามไว้
เพ่ือรอ้ งและร�า บา� เรอเทพไท, แม้โปรดจะได้ เรียกมาบัดนี.้ บดั น,้ี วาประสงคใด ใหสมฤดี? มงึ รอู ยนู ่ี
สุเทษณ์. เอาเถิดลองดู เผือ่ วา่ ตวั กู จะคอ่ ยสขุ .ี วา กเู ศราจติ เพราะไมไดส ม จติ ทใ่ี ฝช ม,
จิตระเสน. (เรยี ก) คณาอับสร ผฟู้ อ้ นรา� ดี, ออกมาบัดนี ้ รา� ถวายกร. อกกรมเนอื งนติ ย.” จากบทเจรจาขา งตน
(พิณพาทย์ท�าเพลงเร็ว. คณะอับสรร�าออกมาถึงกลางเวที, ลา, แล้วร�าและร้องบท แสดงใหเ ห็นวา สุเทษณมีบคุ ลกิ ลักษณะ
ต่อไปน,้ี และดนตรเี ลน่ คลอเสยี งไปตลอด, ไม่ตอ้ งรบั .) อยางไร
(แนวตอบ เนอ้ื ความขางตน แสดงใหเหน็ วา
๏ บทร้องของอับสร สเุ ทษณเปนตวั ละครทมี่ ีความมงุ มั่น จรงิ จงั
(ลา� นางนาค.) โดยเฉพาะเรื่องความรักทม่ี ตี อมทั นา รสู กึ
๏ เหล่าขา้ คณาอบั สร กม้ เกศยอกร [ฉบงง, ๑๖.] โศกเศรา เสียใจ และพาลหงุดหงดิ อารมณ
บังคมพระเทพรงั สรรค์ 47 เสยี ใสบริวาร แสดงความไมพอใจออกมา
๏ พ�านกั เนาสขุ ทุกวัน พระคุณอนันต์ ทันทเี มื่อความรกั ไมเปนดงั่ ใจหวงั )
อเนกประดุจโพธ์ิทอง • ในเรือ่ งกลาวถงึ หลักธรรมใดและจะนํามาใช
๏ อันพระเมตตาเนอื งนอง ประดุจลออง กบั เรอื่ งความรักไดหรอื ไม อยางไร
วะรณุ ระร่นื รวยเยน็ (แนวตอบ หลกั ธรรมพรหมวิหาร 4 ไดแ ก
วายรุ �าเพ๏ย 1ช่ืนพใรจะกรุณาแนเ่ หน็ ดิประดุจเป็น 1. เมตตา คอื ความปรารถนาใหผ อู น่ื ไดร บั สขุ
2. กรณุ า คือ ความปรารถนาใหผูอืน่ พน ทุกข
๏ พระมุทิตาแน่วใน ขา้ บาทจง่ึ ได้ 3. มทุ ติ า คอื ความยนิ ดีเมื่อผูอนื่ ไดดี
มานะเปน็ นติ ยใ์ นงาน 4. อุเบกขา คอื การรูจกั วางเฉย
โดยหลักพรหมวิหาร 4 นี้ สามารถนํามาใช
ไดกับความรัก คอื มีความเมตตา กรณุ า
หรอื มีมทุ ติ า เมื่อเขาไมรักตอบก็จงปรารถนา
ใหเขามคี วามสุข ซ่งึ จะทาํ ใหดาํ เนินชีวิต
ตอ ไปไดอ ยา งมคี วามสุข)
ขอใดไมได กลา วถงึ หลกั ธรรม ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT เกรด็ แนะครู
1. อันพระเมตตาเนืองนอง ประดจุ ลออง ครใู หน กั เรียนรว มกันพจิ ารณาถึงการนําหลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนามาใช
วะรณุ ระรนื่ รวยเย็น ในการกลา วสรรเสรญิ องคสุเทษณ โดยครูชใี้ หนักเรยี นเห็นการโยงความคดิ ทาง
2. พระมทุ ติ าแนวใน ขา บาทจง่ึ ได พระพุทธศาสนาเขา กบั เน้อื เร่ืองน้ัน เปนสงิ่ ท่สี ะทอ นใหเ ห็นอทิ ธิพลของพระพทุ ธ-
มานะเปน นติ ยในงาน ศาสนาในวรรณคดไี ทย เหน็ การผสมกลมกลนื ระบบความคิด ความเชอื่ ของคนใน
3. ผนู ีม้ คี วามรูช ิน เชิงชาญโยคนิ สงั คมกบั วรรณคดี เปนการสรา งคณุ คาใหก ับวรรณคดี นอกเหนือไปจากความไพเราะ
และเช่ยี วอาถรรพวิทยา ทางวรรณศิลป
4. พระกรุณาแนเห็น ดิประดุจเปน
วายุราํ เพยชนื่ ใจ นกั เรยี นควรรู
วิเคราะหคาํ ตอบ หลกั ธรรมทปี่ รากฏในบทประพนั ธ มดี งั นี้ 1 ราํ เพย เปน คาํ กรยิ าทใี่ ชก บั ลม ในบทประพนั ธใ ชว า “วายรุ าํ เพย” หมายความวา
ขอ 1. เมตตา ขอ 2. มทุ ติ า และขอ 4. กรณุ า ขอ ทไ่ี มไ ดก ลา ว พัดออ นๆ เร่ือยๆ มักพากลิน่ หอมของดอกไมม าดวย
ถงึ หลกั ธรรม คอื ขอ 3. แตก ลา วถงึ พระเวทคมั ภรี อ าถรรพวทิ ยา
คูม ือครู 47
ตอบขอ 3.
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
นักเรียนยกบทประพันธทพ่ี รรณนาถงึ ความงาม ๏ พระอเุ บกขาสมาน จิตใหเ้ บกิ บาน
ของมัทนา บ ่ เสื่อม บ่ สูญภกั ดี
๏ เจา้ นายองคใ์ ดในตรี โลกฤๅจะมี
(แนวตอบ บทประพันธท ีพ่ รรณนาถึงความงาม เหมอื นพระผนู้ ่งั เกศา
ของมัทนามีความวา ๏ ขอพ1ึ่งยคุ ลบาทา ไปจนเวลา
“งามผิวประไพผอง กลทาบศภุ าสุพรรณ, ประจวบเมือ่ กัลปบ์ รรลัยฯ
งามแกม แฉลม ฉนั พระอรณุ แอรม ละลาน. (เพลงเรว็ : อับสรจบั ระบ�าสกั สามท่าแลว้ , สเุ ทษณ์ยกมือห้าม, จิตระเสน. ก็สัง่ พวกนาง
งามเกศะดําขํา กลนํ้า ณ ทอ งละหาน, ใหเ้ ลกิ การระบา� , และพวกนางถวายบงั คมแลว้ , พณิ พาทยท์ า� ลา, พวกอบั สรเขา้ โรง. พวกเทพ
งามเนตรพนิ ศิ ปาน สุมณมี ะโนหะรา;”) บรวิ ารก็คลานเข้าโรงไปด้วย.)
• จากบทประพันธทพ่ี รรณนาถึงความงามของ จิตระเสน. อนั นางอบั สรศร ี รา� มดิ ีประการใด, [ยานี, ๑๑.]
ขอเทวะฤทธไิ์ ด ้ โปรดต�านติ ปิ ระทาน,
มทั นามลี ักษณะเดนทางวรรณศลิ ปอยา งไร สุเทษณ์. ดีแล้วทง้ั การร�า และล�าน�าขบั รอ้ งหวาน,
(แนวตอบ มีการซํ้าคาํ คําวา “งาม” ซึ่งเปน ทัง้ ดนตรีประสาน ก็ฟังเพราะเสนาะดี;
การเนนยาํ้ ความหมายของคาํ นี้ใหเห็นภาพ แต่กทู ่ีใจเศร้า และงึมเหงาอยู่เช่นนี้
ความงามของมทั นาชดั เจนย่ิงขึน้ และยังมี ตวั เจา้ กร็ ดู้ ี ว่าเหตนุ ้นั เป็นฉันใด.
การใชภ าพพจนอ ปุ มาแสดงใหเหน็ ความงาม จติ ระเสน. ขา้ ทราบและพลอยโศก, อันโรครักนหี้ นักใจ;
ของมทั นา ดังนี้ เปรียบผวิ วางามดงั่ ทอง แตใ่ นสุราลัย สรุ างคด์ กี ม็ ถี ม
โดยใชค ําเปรียบวา “กล” เปรียบแกม วาแดง ขา้ เช่ือว่าพระองค ์ ประสงค์นางสอางชม
งามเหมอื นแสงอรณุ ใชค ําเปรยี บเทยี บวา คงได้สมั ฤทธสิ์ ม หทัยแทท้ ุกนงคราญ.
“ฉัน” เปรียบผมดํางามเหมอื นทอ งน้าํ ใชคาํ สุเทษณ์. จนรางิงอใดย ู่นณะ เแจม้าเนอกยา ร2 ผจิ ะเชยสมัครสมาน [อนิ ทวงส์, ๑๒.]
เปรยี บวา “กล” และเปรยี บวาตาของนางงาม ก็จะสทิ ธสิ มฤด,ี
เหมือนแกว ใชคาํ เปรียบวา “ปาน”)
เวน้ เดยี วก็แตโ่ ฉม มะทะนาวิสุทธิศรี
ผูเ้ ลิศสรุ างคม์ ี วรรปู วิเลขวิไล
แตเ่ ห็นอนงคร์ า- มะประเสริฐวิเศษวิสยั
ไม่มอี นงค์ใด นะจะเทยี บจะเทียมจะทนั ;
งามผวิ ประไพผอ่ ง กลทาบศุภาสพุ รรณ,
งามแก้มแฉล้มฉนั พระอรุณแอร่มละลาน.
งามเกศะดา� ข�า กลน้า� ณ ทอ้ งละหาน,
งามเนตรพ์ นิ ศิ ปาน สมุ ณมี ะโนหะรา;
งามทรวงสลา้ งสอง ววรรุบถนัลสสุมะโนรสชุมะาม-าศ3;
48 ลเี ลดิ ประเสรฐิ กวา่
นักเรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
ขอใดทีผ่ ูพูดแสดงความเหน็ ใจ
1 กลั ป หรอื กปั ท้งั นตี้ ามคตขิ องพราหมณ อายขุ องโลกตั้งแตเมอ่ื พระพรหม 1. ขา เชือ่ วา พระองค ประสงคน างสอางชม
สรางเสรจ็ จนถงึ เวลาทไ่ี ฟประลยั กัลปลา งโลก ซง่ึ ไดแกชวงเวลากลางวนั วันหน่งึ 2. คงไดสัมฤทธิส์ ม หทัยแทท ุกนงคราญ
ของพระพรหม คือ 1,000 มหายคุ (เทา กับ 4,320,000,000 ปมนุษย) เม่ือส้ินกลั ป 3. ขาทราบและพลอยโศก อนั โรครักนี้หนกั ใจ
พระอศิ วรจะลางโลกดว ยไฟประลยั กัลป โลกจะไรส ิ่งมชี วี ิตและอยูในความมดื มน 4. แตใ นสรุ าลัย สรุ างคด ีก็มีถม
จนถึงรงุ เชา ของวนั ใหม แลว พระพรหมก็จะสรางโลกเปนการข้นึ ตน กลั ปใหม
โลกจะถกู สรางและถูกทาํ ลายเชนน้สี ลับกันตลอดอายขุ องพระพรหม วเิ คราะหคาํ ตอบ ขอทก่ี ลา วถงึ ผูท่ีมคี วามทุกขทเี่ กดิ จากความรกั
2 แมนการ ท่ีอยขู องเทวดา ซึ่งกค็ ือ สวรรค พลอยทําใหผ พู ูดรูสึกเหน็ ใจไปดว ย คอื “ขาทราบและพลอยโศก
3 สะโรชะมาศ สะโรชา แปลวา ดอกบวั สวน มาศ แปลวา ทอง สะโรชะมาศ อันโรครกั นหี้ นักใจ” ตอบขอ 3.
จงึ มคี วามหมายวา ดอกบัวทอง
48 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
งามเอวอนงคร์ าว สุระศิลปิชาญฉลาด นักเรียนถอดคาํ ประพนั ธ แลวตอบคาํ ถามจาก
เกลากลึงประหน่ึงวาด วรรูปพไิ ลยพะวง; บทประพนั ธตอ ไปนี้
งามกรประหน่งึ งวง สุระคชสเุ รนทะทรง,
นวยนาฏวิลาศวง ดจุ ะร�าระบ�าระเบง; “ไปท่ัวทุกแดนสามหมด; ในฟากฟา จรด
ซ้า� ไพเราะนา�้ เสยี ง อรเพยี งพริ มประเลง, จนถึงขอบนะภาลัย;
ไดฟ้ งั ก็วงั เวง บ มิวา่ งมิวายถวลิ . ไปทัว่ แดนมนษุ ยสดุ ไกล บ เวน แหงใด,
นางใดจะมเี ทียบ มะทะนา ณ ฟา้ ณ ดิน, กระทง่ั ยงั ขอบจักกะวาฬ;
เปน็ ยอดและจอดจิน- ตะนะแน่ว ณ อก ณ ใจ. ไปทั่วในแดนบาดาล, ทัว่ ทุกสถาน
ทุกถนิ่ จนจบภพไตร.”
(จิตระรถออก, ไปไหวส้ เุ ทษณ,์ แล้วหมอบคอยฟงั รบั สงั่ .) (แนวตอบ บทประพนั ธข างตน มคี วามวา คนหา
สุเทษณ์. ออ้ , จติ ระรถเจา้ ไป ตามทก่ี ูใช้, หญงิ งามในท่ัวทกุ สามแดน คอื แดนสวรรค
[ฉบงง, ๑๖.] แดนมนุษย และแดนบาดาล)
• กวใี ชฉนั ทช นดิ ใด มคี วามสอดคลอง
ส�าเรจ็ ประสงคฤ์ ๅหวา?
จิตระรถ. เทวะ, ขา้ บาทไคลคลา ตามองคม์ หา เหมาะสมกับเนอ้ื หาหรือไม อยางไร
ฤษีผ้นู ามนารท, (แนวตอบ จากบทประพันธขางตน กวีใช
ไปทว่ั ทกุ แดนสามหมด; ในฟากฟา้ จรด อนิ ทวงสฉันท 12 เปน ฉนั ทท ่มี สี าํ เนยี ง
จนถงึ ขอบนะภาลัย; ไพเราะประดจุ เสยี งปข องพระอินทร มีลลี า
ไปทวั่ แดนมนุษสดุ ไกล บ ่ เว้นแห่งใด, สะบัดสะบิ้งมากกวา อินทรวิเชียรฉนั ท
กระทง่ั ยงั ขอบจกั กะวาฬ; เหมาะสมสําหรับการแตงเพ่อื แสดงความ
ไปท่วั ในแดนบาดาล, ทวั่ ทุกสถาน ในใจ)
ทุกถ่นิ จนจบภพไตร. ข้าบาทกไ็ ด้
ไปถงึ ซง่ึ แคว้นแดนใด,
มวาาดเพรปูือ่ ถอวนางยคมง์ หามศิ งรอ1; น,
ขอองคอ์ มร
จงทอดพระเนตรร์ ปู า
สุเทษณ์. มาเถดิ น�ารูปขึน้ มา, และจงเจรจา
แถลงซ่ึงลกั ษณ์ให้ก.ู
(จติ ระรถเรยี กคนใชใ้ หน้ า� รูปออกมา, แลว้ เอาขนึ้ ไปถวายสุเทษณท์ อดพระเนตรพ์ ลาง,
จติ ระรถแถลงลกั ษณะแห่งรูปไปพลาง.)
จิตระรถ. ประถมกร็ ูปเท- วะธิดาสง่าตรู, [อุปชาต,ิ ๑๑.]
มนี ามะเรียกยู- วะสุมาลิโศภน.
งามเนตร์และเกศแก้ม กลดอกกะมลสน-
49
ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู
ขอ ใดเปน คําประพนั ธก ลาวถึงความงาม
1. สะขพี ระเทวี มหษิ บี ดีสรู บทละครพดู คําฉันท เรอ่ื ง มัทนะพาธา องกท่ี 1 เนอ้ื เร่อื งกลาวถึงการทีส่ ุเทษณ
2. ประถมก็รปู เท- วะธิดาสงาตรู พรรณนาเก่ียวกบั ความงามของมัทนา โดยครูยกตวั อยา งใหน กั เรยี นฟง เชน วิเลข
3. ขาองคอมุ าศรี สุระอคั คะเทวนิ วไิ ลย สอาง วิสุทธศิ รี วิลาศ เปน ตน ครใู หน ักเรยี นรวบรวมคาํ ศัพทท ม่ี ีความหมายวา
4. นางชา งประเลงขบั วรศัพทะเรงิ รมย “งาม” ท่สี เุ ทษณใชพรรณนาถึงมทั นา จากน้ันนกั เรียนรว มกนั อภปิ รายเก่ยี วกบั การใช
คาํ หลาก ซง่ึ เปนลกั ษณะเดน ทางภาษา โดยครนู ําการอภปิ รายวาทาํ ใหว รรณคดีไทย
วเิ คราะหค าํ ตอบ แตล ะขอถอดคาํ ประพันธ ไดดงั นี้ ขอ 1. มีความงดงามในเรือ่ งการสรรคาํ นกั เรียนชวยกนั แสดงความคดิ เหน็
เปน พระสหายขององคเทวี ขอ 2. รปู แรกเปน รูปของหญงิ ทีส่ งา งาม
โดยคาํ วา “ตร”ู มคี วามหมายวา งาม ขอ 3. เปน ขา รบั ใชข องพระอมุ า นกั เรียนควรรู
และขอ 4. นางเปนผทู บ่ี รรเลงและขบั รองดนตรไี ดไ พเราะย่ิง ขอ ท่ี
1 มหิศร อา นวา มะ-หิด-สอน หรอื มะ-หิ-สวน หมายถงึ ผเู ปนใหญย ่งิ เลือนมา
กลา วถงึ ความงาม คอื “ประถมกร็ ปู เท- วะธดิ าสงา ตร”ู ตอบขอ 2. จาก มเหศวร หมายถงึ พระศวิ ะ หรอื พระเจาแผนดนิ
คมู อื ครู 49
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
Engage Explain
อธบิ ายความรู
นกั เรยี นจบั คกู บั เพอื่ นตอบคาํ ถามประเดน็ ตอ ไปนี้ ธิสิ่งประเสริฐปน กิรยิ าสง่าศรี
• จติ ระรถเสนอวิธแี กไ ขบรรเทาความเศราใจ วธวู เิ ศษเป็น วระเทพะนารี
ขา้ องคอ์ มุ าศร ี สุระอัคคะเทวนิ ,
ของสุเทษณเ ทพบุตรอยางไร และไดผล เนาคีรไิ กลาศ. อะ๊ ฉะนั้นจะจงจิน-
หรือไม เพราะเหตใุ ด บ ่ มคิ วรคนงึ ถงึ .
(แนวตอบ จิตระรถเสนอใหสุเทษณเ ทพบตุ ร สุเทษณ์. สิริรา่ งสอางซง่ึ
มองหาหญิงงามคนอ่นื เพอื่ ทจี่ ะไดล ืมมัทนา ตะนาจะราคิน, จะประเทยี บ บ ่ แพ้ใคร.
ทป่ี ฏิเสธความรักทสี่ เุ ทษณม ใี ห วธิ กี ารของ กละภาพพเิ ศษไซร้,
จติ ระรถ คอื ตองการใหส ุเทษณล ืมมทั นา จติ ระรถ. ทุตียะรูปนาง ยละรา่ นระตพี นู .
เมื่อสเุ ทษณเพอถึงความงามของมัทนา แสนงามและหากถงึ มหิษีบดีสรู
จติ ระรถก็ชว ยแสวงหานางทม่ี คี วามงาม นางชื่อวเิ ลขา อ๊ะมคิ วรจะม่งุ หมาย.
ทดั เทยี มดังที่สเุ ทษณเ พอถงึ แตก ็ไมไ ดผ ล วโิ รจน์วไิ ลใคร หริราชะนารายณ,์
เพราะสเุ ทษณไมอ าจลมื มทั นาได) กจ็ ะทรงพระโกรธา.
สะขพี ระเทว ี 1 อระเทพะกัญญา,
ขยายความเขา ใจ Expand สะวเิ ลขวิไลวรรณ;
ผสู้ ิงณไวกูณฐ์. อมะราวดีสวรรค์,
จากวิธีการแกไ ขปญหาเรอื่ งความรกั ของ สุเทษณ์. พะสะกนธะชวนชม,
จติ ระรถ นักเรยี นรวมกันแสดงความคดิ เหน็ วรศัพทะเริงรมย์
หลอ่ นเป็นกา� นลั แหง่ กม็ คิ วรจะมุง่ มาด.
• วิธกี ารของจิตระรถจะไดผลเหมือนกันทกุ คน จะมุ่ง ณ โฉมฉาย ธมิ หทิ ธ์กิ �าแหงกาจ,
หรอื ไม เพราะเหตุใด จะประหัดประลัยลาน.
(แนวตอบ วิธีการของจติ ระรถอาจไดผลหรอื จติ ระรถ. ฉะนั้นถวายรูป วรราชะนงคราญ,
ไมไดผ ลก็ได ทั้งน้ขี ้นึ อยูก ับผทู ่กี าํ ลงั ตกอยูใน ชื่อเมนะกาภา วรเขตตะกาศี;
ความรกั ดังสเุ ทษณวา พรอมท่ที าํ ใจหรือไม ข้าเห็น ณ สวนกลาง วมิ ะลาสุนารี,
ยอมรับความผดิ หวังไดหรอื ไม หากเปนอยา ง วิจติ รว์ ิศษิ ฎ์สรร- จะติน้นั บ่ พงึ หา,
สเุ ทษณท่ียึดตดิ อยูกับคนทไ่ี มรักตอบกจ็ ะ นางชา่ งประเลงขบั สุระเทวะกญั ญา.
ทําใหเ ปน ทุกข เพราะมัวแตพยายามคิดหา เปรอองคส์ ุโรดม. ดุจะกากะเปรยี บหงส์
หนทางทีจ่ ะใหไดค รอบครองความรักของนาง
โดยไมฟง คําปฏิเสธของนาง ดังน้นั วธิ กี าร สเุ ทษณ์.
ของจติ ระรถทห่ี ารปู หญงิ งามมาใหสเุ ทษณดู ท้าวศกั ระทรงฤท-
เพอื่ จะไดล ืมนางมัทนาจงึ ไมเกดิ ผลใดๆ ใคร ผทิ รงพโิ รธอาจ
ทคี่ ดิ อยา งสเุ ทษณกจ็ ะเปน เชนน)ี้
จิตระรถ. ฉะนน้ั ถวายรปู
หน่อนาถะผู้ผา่ น
ปรากฎพระนามนาง
วสิ ุทธิ์วศิ ษิ ฎท์ ี่
พระโฉม บ่ แพโ้ ฉม
สุเทษณ.์ แพ้ยอดฤดขี ้า
50
เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
ขอ ใดผพู ดู ไมไ ด กลา วชมความงาม
ครูแนะความรูเกีย่ วกบั คําสมาสทพ่ี บในเนอ้ื หาของเรื่องบทละครพดู คําฉนั ท 1. พระโฉม บ แพโ ฉม สุระเทวะกญั ญา
เรื่อง มัทนะพาธาวา นอกจากคาํ ศัพทท่ีเปน คาํ สมาสมาจากภาษาบาลแี ลว 2. ลเี ลดิ ประเสรฐิ กวา วรบุ ลสะโรชะมาศ
ยังมกี ารสรา งคําดว ยวิธีสมาสขน้ึ เอง ซง่ึ มี 2 ลกั ษณะ ดงั นี้ 3. งามเกศะดาํ ขาํ กลน้ํา ณ ทอ งละหาน
4. แพย อดฤดขี า ดจุ ะกากะเปรียบหงส
• คําสมาสทีไ่ มม ีสนธิ เชน สุรภพ สรรพวทิ ยา เปน ตน
• คาํ สมาสทม่ี ีสนธิ เชน สโุ รดม มาจาก สุร+อุดม วโรดม มาจาก วร+อุดม วเิ คราะหค ําตอบ กลา วชมความงามโดยใชคาํ ตา งๆ ทช่ี ัดเจน
ดังนี้ ขอ 1. มีคําวา “บ แพ” ขอ 2. มีคาํ วา “ประเสรฐิ กวา ”
นโรดม มาจาก นร+อุดม เปน ตน ขอ 3. มคี วามวา ผมดาํ งามเหมือนทองน้ํา และขอ 4. กลาววา
งามไมเ ทา คนทข่ี ารกั เปรยี บเหมอื นกาดอ ยกวานางท่ขี า รกั ซึง่ เปน
นกั เรยี นควรรู
ดังหงส ตอบขอ 4.
1 ไวกณู ฐ ทีป่ ระทับของพระนารายณ เชน ผสู งิ ณ ไวกูณฐ และหมายถงึ
พระนารายณท แ่ี บง ภาคลงมา เชน “ซ่ึงจะใหนารายณล งไป ก็ตอ งในไวกณู ฐ
อวตาร” (รามเกียรต์ิ ในรชั กาลท่ี 1) ในท่ีน้หี มายถงึ ท่ีประทบั ของพระนารายณ
50 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
Explain
อธบิ ายความรู
นักเรียนอธบิ ายคาํ ปฏเิ สธของสุเทษณท ่ไี มช ื่น
ชอบภาพวาดนางตางๆ ทจี่ ิตระรถเอาใหช มวา สม
จติ ระรถ. น่รี ปู ธดิ าท้าว วรเกาศกิ าพงศ์ เหตุสมผลหรือไม อยางไร นกั เรียนยกบทประพันธ
นรินทะราชทรง บุระกานยฺ ะกพุ ฺชา,
ประกาศพระนามเรยี ก วรเรณกุ าภา. ประกอบการอธิบาย
(แนวตอบ คําปฏิเสธของสเุ ทษณไมสมเหตสุ มผล
สุเทษณ์. เปรยี บโฉมวเิ ลขา มะทะนา บ ่ แพน้ าง. แตท งั้ น้ีเร่อื งความรสู ึก เปนสง่ิ ท่ไี มส ามารถใช
จิตระรถ. นรี่ ูปธิดารา- ชะวทิ รรภะโศภางค,์
พระนามอนงค์นาง ทมะยนั ตบิ ังอร. เหตุผลมาตดั สินไดว า ถูกหรือผิด แตแ สดงใหเ หน็ วา
เม่ือรกั แลว หากไมสมหวงั กต็ อ งทกุ ขใจเปน ธรรมดา
สเุ ทษณ.์ จะมวั สา� แดงรปู อระเนา ณ ดนิ ดอน, ดังบทประพันธ
หวงั หาสงา่ งอน ฤ จะเปรียบธิดาสรวง.
จิตระรถ. ถข้าววาายดพวรเิ ะลปขิ่นา สรวง1, อระงาม ณ แดนปวง, สุเทษณ. “ปวงรปู เจา วาดมาน้ี เปนรูปนารี
และก็สุดจะโปรดปราน ที่ลวนประเสรฐิ เลิศงาม;
แตก ูดทู กุ นงราม ก็ยังเหน็ ทราม
แอลนั ะเหรูป็น ธณดิ า บนาาด- าล2, คะและลกู อสรู หาญ,
ดนวุ าดถวายไว้ กวานารรี ัตนมัทนา. เทียมเทา มทั นา
ฉะนน้ั แมไมอาจหา
เพ่อื ทอดพระเนตรเ์ ล่น, ตละตนกผ็ อ่ งใส; กจู ะกลา วชมเชย?
จะควรมิควรไซร ้ ฤ กส็ ุดจะปราน.ี
(จิตระรถส่งรูปถวายสุเทษณ์, และสุเทษณ์รับไปดูผาดๆ, แล้วส่งคืนให้แก่จิตระรถ, เปน กรรมกแู ลว เจา เอย, จาํ ตอ งชวดเชย
จติ ระรถสง่ ให้คนใชน้ า� เขา้ โรงไป.) ทรี่ ักสมคั รจรงิ ใจ.”)
สเุ ทษณ.์ ปวงรูปเจ้าวาดมาน้ ี เปน็ รูปนาร ี [ฉบงง, ๑๖.]
ทลี่ ว้ นประเสริฐเลิศงาม; ขยายความเขา ใจ
แต่กดู ูทกุ นงราม ก็ยังเห็นทราม Expand
กวา่ นารีรัตนม์ ัทนา. นกั เรยี นรวบรวมชอ่ื และทมี่ าของรปู วาดหญงิ งาม
ฉะนน้ั แม้ไมอ่ าจหา เทยี มเทา่ มัทนา ทีจ่ ติ ระรถนาํ มาใหส ุเทษณดูวามีกค่ี น ใครบา ง
ฤๅกจู ะกล่าวชมเชย?
เปน็ กรรมกแู ล้วเจ้าเอย, จ�าตอ้ งชวด3เชย (แนวตอบ จากท่ีจติ ระรถนําภาพวาดของ
ท่ีรักสมคั รจริงใจ. หญิงงามท่ัวทงั้ สามแดนมาใหสเุ ทษณไ ดท รง
จิตระรถ. ฉะน้ันตอ้ งคิดแกไ้ ข โดยอุบายให้ พจิ ารณานนั้ มี 6 นาง ดังนี้
พระองคไ์ ดส้ มจนิ ดา.
สเุ ทษณ.์ จะแกฉ้ นั ใดเลา่ หวา? กูหมดปญั ญา. • นางสุมาลิ หรอื สมุ าลี แหงเขาไกรลาศ
จิตระรถ. ข้าบาทขอทลู บัดนี้ เปนขา รบั ใชพ ระอุมา ชายาพระอิศวร
ยามขา้ เทยี่ วไปถงึ ท ่ี ขุนโขดครี ี
ศรีมนั ทะระงามงอน, • นางวเิ ลขา แหง เขาไวกณู ฐ เปนนางกํานัล
ของพระนารายณ
51
• นางเมนะกาภา นางขับลาํ ขององคส โุ รดม
• นางวิมะลา หรอื วิมาลา แหง ตะกาศี
• นางวรเรณกุ าภา ธิดาทา วเกาศิกาพงศ
แหงเมอื งกานยะกุพชา
• นางทมะยันติ ธดิ าทาววิทรรภ)
ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นกั เรยี นควรรู
“ฉะนน้ั ตอ งคดิ แกไข โดยอุบายให 1 สรวง คาํ นาม ฟา สวรรค เทวดา คาํ กรยิ า เซน บชู า บน
พระองคไดสมจินดา” 2 บาดาล เปน ชอ่ื เรยี กแผน ดนิ ตา งๆ ใตแ ผน ดนิ เปน ทอี่ ยขู องบรรดานาค แทตย
ยกั ษ ฯลฯ ในไตรภมู กิ ถา กลา วถงึ พภิ พนาควา อยใู ตพ นื้ ดนิ ชมพทู วปี ลกึ ลงไป 8,000 วา
ขอ ใดเปนเจตนาของผูพดู แสดงวา บาดาลทงั้ หลายอยใู ตแ ผน ดนิ ชมพทู วปี สงู กวา ขมุ นรกทงั้ หลาย สว นในบทละคร
1. ผูพดู ตองการใหค วามชวยเหลือ เรอ่ื งรามเกยี รตก์ิ ลา วถงึ เหตกุ ารณท เี่ มอื งบาดาลไวอ กี ตอนหนง่ึ เมอ่ื ทา วไมยราพไดค รอง
2. ผูพ ดู ตอ งการขอความชวยเหลือ เมอื งบาดาลกร็ บั อาสาทศกณั ฑไ ปทาํ ศกึ กบั พระราม
3. ผูพดู ตองการแสดงปญ หา 3 ชวด เปน คาํ พอ งความหมาย มคี วามหมาย ดงั น้ี
4. ผพู ดู ตอ งการใชอุบาย
วเิ คราะหค ําตอบ จากบทประพนั ธข า งตน ตองการใหค วาม • ชอ่ื ปท ี่ 1 ของรอบปน กั ษตั ร มหี นเู ปน สญั ลกั ษณ
ชว ยเหลอื โดยการใชอบุ าย คาํ ประพันธทีส่ นบั สนุนหรือช้ีให • ผดิ หวงั ไมไ ดด งั หวงั
เห็นวา ตองการใหค วามชวยเหลือ คอื “ใหพระองคไดสมจนิ ดา” • พอ หรอื แมข องปู ยา ตา ยาย หรอื ใชว า ทวด
ตอบขอ 1.
คูมือครู 51
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Evaluate
Engage Explain Explain Expand
อธบิ ายความรู
นกั เรียนอธบิ ายเกยี่ วกับวธิ กี ารแกป ญ หาของ
จิตระรถ
• เมื่อการแนะนําหญิงงามจากทต่ี า งๆ ได้พบหนึ่งวิทยาธร เรอื งวทิ ยากร,
มีนามว่ามายาวนิ ;
แกส เุ ทษณไ มสาํ เร็จ จิตระรถแนะนาํ วิธใี ด ผ้นู ีม้ ีความรู้ชนิ เชิงชาญโยคนิ 1
(แนวตอบ จติ ระรถไดแนะนาํ มายาวนิ ซึ่งเปน
วิทยาธรตนหนึง่ ทม่ี ีความชาํ นาญใชเวทมนตร และเชีย่ วอาถรรพณว์ ิทยา,
รูจ้ ักใชโ้ ยคะนิทรา ไปผูกหทยา
สะกดจติ เรยี กผูท อ่ี ยูหา งไกลใหมาหาได แหง่ ผู้ที่อย่แู ม้ไกล,
ซ่งึ แนะใหส เุ ทษณใ ชเ รียกมัทนามาหา
ดังบทประพนั ธ อาจร่ายมนตร์เรยี กมาได.้
สุเทษณ.์ อ๊ะ! จรงิ หรอื ไฉน?
“ไดพบหนงึ่ วิทยาธร เรืองวิทยากร, จิตระรถ. ขา้ บาทได้เห็นเองแลว้
มนี ามวา มายาวิน;
ผนู ี้มีความรูชิน เชิงชาญโยคนิ สุเทษณ.์ ถ้าจรงิ เขากเ็ ป็นแก้ว!
จิตระรถ. ขา้ บาททราบแล้ว
และเชีย่ วอาถรรพณว ิทยา, จ่งึ กล้านา� ตวั เขามา
รูจ ักใชโยคะนทิ รา ไปผกู หทยา
แหงผทู ่ีอยแู มไกล, สเุ ทษณ.์ พามาดว้ ยแล้วหรือหวา?
จิตระรถ. หมอเอกนั้นมา
อาจรา ยมนตรเ รียกมาได.”) คอยอยู่ข้างนอกพระลาน.
ขยายความเขา ใจ Expand ขอไดโ้ ปรดให้ทา� การ ลองเวทชา� นาญ
ช�านถิ วายสักครัง้ .
สเุ ทษณ์. เจา้ พดู ชวนกใู ห้หวัง! แมไ้ ม่สมดัง
นกั เรียนยกบทประพนั ธจ ากวรรณคดเี รอ่ื งอ่ืนที่ ปากว่าจะทา� ฉันใด? อยู่แล้วจง่ึ ได้
แสดงใหเ หน็ ความเชือ่ เรอ่ื งเวทมนตร จติ ระรถ. ขา้ บาทเช่ือแน่แกใ่ จ เผื่อพระทรงเดช
กล้าพามาเฝา้ ทลู เกศ. ชั่วดกี ็นา่
(แนวตอบ นักเรยี นยกบทประพันธจ ากวรรณคดี ขอโปรดทดลองดูเวท,
ทมี่ ีความเชอื่ เรือ่ งเวทมนตรคาถาไดหลายเรอื่ ง เชน จะไดด้ งั พระจินตนา. แตไ่ ม่อยากทกั
ลิลิตพระลอ พระอภัยมณี ขนุ ชางขุนแผน เปนตน สเุ ทษณ.์ ดีละ, เรียกเขาเข้ามา จรงิ อยู่พอที่
ตัวอยางจากเรอ่ื งขุนชา งขุนแผน ตอน ขนุ ชา งถวาย จะลองให้เหน็ ประจักษ.์
ฎกี า เปนตอนท่พี ลายงามลอบขน้ึ เรอื นขุนชางเพอ่ื ไป (จติ ระรถถวายบังคมแลว้ เข้าโรงไป.)
ลักพานางวนั ทอง ดงั ความวา จติ ระเสน. เทวะ! ขา้ สงสัยนัก,
52 อยากทว้ งต่อหนา้ สารถ.ี
“จงึ รา ยมนตราสะกด เวทมนตรน์ ัน้ เขาอาจมี
เสอื่ มหมดอาถรรพณท ฝ่ี ง อยู จะเรียกเอาใครใครมา;
ภตู พรายนายขนุ พลวงิ่ พรา งพรู
คนผใู นบา นกซ็ านเซอะ
ทงั้ ชายหญงิ งว งงมลม หลบั
นอนควา่ํ ทบั หงายกา ยกนั เปรอะ
จปี่ ลาคาไฟมนั ไหลเลอะ
โงกเงอะงยุ งมไมส มประด”ี )
ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
เกร็ดแนะครู
ครูแนะความรเู ร่อื งการใชเ วทมนตรส ะกดใจทพี่ บในวรรณคดีไทยวา มาจาก ขอใดใชคาํ ถามเชิงวาทศิลป แมไ มสมดงั
ตัวละครทเ่ี ปนอมนุษย หมายถงึ ตัวละครท่ไี มใชเ ทพและมนุษย มอี ทิ ธฤิ ทธิ์ เกงกลา 1. เจาพดู ชวนกใู หห วงั ! เทยี มเทามทั นา
สามารถ มีอํานาจเหนอื มนุษยท่วั ไป แตตํา่ กวา เทพเจาทป่ี รากฏ ไดแ ก ยักษ ผีเสอ้ื นาํ้ อาจดลหัทยา
อสรู คนธรรพ วิทยาธร กนิ รี ภตู ผีปศ าจ และผีกองกอย ซ่งึ ตัวละครประเภทนเ้ี ปน ปากวาจะทาํ ฉนั ใด? ชว ยเปลือ้ งราํ คาญ
ตวั ละครที่ไดรับอทิ ธิพลมาจากศาสนาพราหมณ-ฮินดเู ปน สว นใหญ และจะมลี กั ษณะ 2. ฉะน้นั แมไ มอ าจหา
รปู รา งทเ่ี คยมปี รากฏมาแลว ในวรรณคดเี รอ่ื งอน่ื ๆ เชน ยกั ษ วทิ ยาธร กนิ รี เปน ตน
ครใู หน กั เรียนบอกช่อื วรรณคดีไทยท่ีมีความเชือ่ เรือ่ งเวทมนตร ฤๅกูจะกลาวชมเชย
3. ทา นมเี วทมนตรค าถา
ใครใครไดห มดฤๅไฉน?
4. หากเราจะขอใหทา น
จะไดละหรอื วา มา
นักเรยี นควรรู วิเคราะหค าํ ตอบ ขอ 1. ขอ 3. และขอ 4. ผพู ดู ถามโดยตอ งการ
คาํ ตอบ แตก ารใชคําถามเชิงวาทศลิ ป คอื การถามโดยไมต องการ
1 โยคิน เปน ภาษาสันสกฤต แปลวา ผปู ฏบิ ตั ติ ามลทั ธิโยคะ นกั บวชผูปฏบิ ตั ิ คาํ ตอบ ดังขอ 2. ท่ีผพู ดู เพยี งแตบอกเลาความตอ งการ
ตามลัทธิโยคะ
ตอบขอ 2.
52 คมู อื ครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
Explain
อธบิ ายความรู
แตจ่ ะบังคบั หทั ยา ให้รกั นั้นข้า นักเรียนแสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกบั การตดั สนิ
ยงั นกึ ระแวงแคลงนกั . ใจของสเุ ทษณท ีเ่ หน็ ดวยกับจติ ระรถ
หากเรยี กโฉมยงนงลักษณ์ มาแล้วไม่ภัก-
ดอิ ยูเ่ ป็นขา้ บทมาลย์, (แนวตอบ การท่ีสุเทษณเห็นดวยกับจิตระรถทใี่ ช
กจ็ ะกลบั กลายเป็นการ เส่อื มเกียรตวิ ิศาล เวทมนตรสะกดมทั นา เพราะคดิ วา ตนมโี อกาส
ขององค์พระจอมเทวนั . ที่จะไดรับความรกั จากมัทนา จงึ เหน็ ดว ยโดย
สุเทษณ์. เจ้าพูดถกู ทกุ ส่งิ อนั , แต่กอู ัดอนั้ ไมไ ดไตรตรองวาจะเกดิ ผลอยา งไรตามมา
อุระดว้ ยรกั รงึ ใจ, ดังความวา
ฉะน้ันถึงอย่างไรไร เพยี งแต่ใหไ้ ด้ “ดีละ, เรยี กเขาเขามา ชัว่ ดกี น็ า
จะลองใหเ ห็นประจกั ษ” )
เห็นวรพกั ตร์เลศิ งาม ขยายความเขา ใจ Expand
แห่งมัทนานงราม, ก็อาจมคี วาม
ประโมทย์มนัสสมถวิล. 1. นกั เรยี นหาบทเพลงทเ่ี กยี่ วขอ งกบั ความรกั ที่
ไมส มหวงั และการแยง ชงิ ความรกั โดยไมส นใจ
(จติ ระรถพามายาวนิ ออกมา, มายาวนิ เปน็ วทิ ยาธร นุ่งห่มหนังเสือ.) ความรสู กึ ของอกี ฝา ย
จติ ระรถ. เทวะ, นมี่ ายาวนิ มาเฝา้ บดิน- (แนวตอบ นักเรียนยกบทเพลงไดห ลากหลาย
ทะด้วยมะโนภักด.ี ข้นึ อยกู บั ความสนใจของนกั เรียน ทั้งนีน้ กั เรยี น
สเุ ทษณ.์ ขอบใจทีม่ าคราน;้ี เขาวา่ ทา่ นมี บอกเหตผุ ลประกอบการยกบทเพลงทส่ี นใจดว ย)
ซึ่งโยคะวิทยาชาญ.
หากเราจะขอใหท้ า่ น ชว่ ยเปลื้องร�าคาญ 2. นกั เรยี นรว มกนั อภปิ รายเกย่ี วกบั ลกั ษณะของ
จเทะวไดะ,ล้ อะันหเรวอื ทวว่าิทมยาา. 1 บทเพลงทเ่ี พอื่ นยกมาวา มแี นวคดิ เกยี่ วกบั ความ
มายาวนิ . ข้ารูเ้ รยี นมา รกั อยา งไร
เต็มใจจะใช้ฉลอง (แนวตอบ ครกู ระตนุ ใหน กั เรยี นทกุ คนมสี ว นรว ม
พระเดชพระคณุ ลออง ธลุ ีบาทลอง ในการแสดงความคดิ เหน็ และเรยี นรมู มุ มอง
จนเตม็ สติปัญญา. ความคดิ เหน็ ทแ่ี ตกตา งกนั เพอ่ื ใหน กั เรยี นได
สุเทษณ.์ ทา่ นมีเวทมนตร์คาถา อาจดลหทั ยา สง่ั สมความรแู ละประสบการณจ ากการอภปิ ราย
ใครใครไดห้ มดฤๅไฉน? ครงั้ น)ี้
มายาวิน. จะทูลเทวะเกรงดู ประหนงึ่ ตทู นงไป, [ภชุ งคปั ปะยาตร,์ ๑๒.]
จะงา� เง่ือน บ ทลู ไซร ้ กเ็ หมือนปดิ วิชาการ
พระจงโปรดประทานซึ่ง อภยั ขา้ จะทลู สาร,
และความจริงวิชาการ กม็ อี ยู่ประจา� ตน.
อถรรพเ์ วทะเจนอย่,ู และมนตร์ครูกไ็ ด้สน
53
ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นักเรยี นควรรู
“ฉะนนั้ ถงึ อยางไรๆ เพยี งแตใ หไ ดเ ห็นวรพกั ตรเ ลิดงามแหงมทั นา 1 เวทวิทยา ความลว งรใู นพระเวท ซงึ่ พระเวทเปน คมั ภรี ทางศาสนาที่พวก
นงรามก็อาจมคี วามประโมทยม นัสสมถวลิ ” พราหมณไ ดร วบรวมข้นึ จากบทเพลงสวดในเวลาทําศึกและการสังเวย เรียกวา
“ฤคเวท” โดยไดพ ูดถงึ สภาพสังคมของชาวอารยนั พง่ึ มาจารึกเปนตวั อักษรหลังการ
ขอความขา งตน ใชค ําประพันธในขอใด ปรนิ ิพพานของพระพุทธเจารวมพนั ปแ ลว จากฤคเวทพวกพราหมณไ ดข ยายเปน
1. รา ยสุภาพ 4 คัมภีร เรยี กวา “จตุเพทางคศาสตร” ไดแก
2. กาพยฉ บงั 16
3. อนิ ทรวเิ ชยี รฉันท 11 • ฤคเวท บทสวดสรรเสรญิ เทพเจา
4. กาพยสุรางคนางค 28 • สามเวท บทสวดออนวอนในพิธบี ชู ายญั ตางๆ
วิเคราะหคําตอบ ขอ ความขา งตนเปน ลักษณะคําประพันธ • ยชรุ เวท บทเพลงขับสาํ หรบั สวดหรือรอ งเปน ทาํ นองบูชายญั
ประเภทกาพยฉ บัง 16 จํานวน 2 บท ซ่งึ หมายความวา แตละบท • อาถรรพเวท วา ดว ยอาคมทางไสยศาสตร เปนคมั ภรี ทีก่ ลา วถงึ ในเร่อื ง
มจี าํ นวนคาํ 16 คาํ แบง เปน 3 วรรค วรรคแรกมี 6 คํา วรรคท่ีสอง
มี 4 คาํ และวรรคที่สามมี 6 คาํ ตอบขอ 2.
คมู ือครู 53
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
Engage Explain
อธบิ ายความรู
นักเรยี นอธิบายเกีย่ วกบั ตัวละคร “มายาวนิ ”
และตอบคําถาม
(แนวตอบ มายาวินเปนวทิ ยาธรท่เี ช่ียวชาญใน มโนจ�าและซ�า้ ค้น คดเี พม่ิ บ เคลมิ้ หลง.
เวทวทิ ยา โดยเฉพาะอาถรรพเวท ดังวา ฉะน้ันอาจจะผกู จติ - ตะใครไดป้ ระดจุ จง,
“พระจงโปรดประทานซึง่ อภยั ขา จะทลู สาร, และใชโ้ ยคะแล้วคง จะเรยี กใหต้ ระบงึ มา
และความจรงิ วชิ าการ กม็ อี ยปู ระจาํ ตน. บ นานแม้จะอยู่ถงึ ณ เขาจกั กะวาฬา,
อถรรพเ วทะเจนอย,ู และมนตรครกู ไ็ ดสน ฤ อยสู่ รวง ฤ อยนู่ า- คะโลกต�่า ณ บาดาล.
มโนจาํ และซาํ้ คน คดเี พม่ิ บ เคลม้ิ หลง.”) จะเปน็ หญิง ฤ เปน็ ชาย กเ็ รยี กดายมิยากนาน,
• เวทมนตรทม่ี ายาวนิ จะทํานนั้ มีอํานาจอยา งไร เพราะใครเลยจะทนทาน พระอาถัพพะมนตรไ์ หว.
(แนวตอบ เวทมนตรของมายาวินสะกดจิตให ฉะน้นั แมพ้ ระองคม์ ี ประสงค์ให้ดนไู ซร้
คนท่ีตองการพบมาหาไดโ ดยเรว็ ไมวาจะอยู ประชุมมนตระเรยี กใคร ก็โปรดมพี ระบญั ชา.
รอบโลก สวรรค หรอื บาดาล ไมวา จะเปน ชาย สเุ ทษณ.์ อผูเ้นั ลตศิ ัวเเลรอาสนร ี้ จริต ใจนอ่ ชอน้ั ยก่ทู า่ี มโาฉ มพมะะจทร1ะฟนาาก,ฟ า้ บ ่ มใี ครท นั [สุรางคณา, ๒๘.]
หรอื หญิง ก็สามารถทําไดโ ดยงาย เพราะไมม ี
ผูใดจะทนฝนมนตรส ะกดนไ้ี ด) ต้ังแตเ่ รามา เกิดในฟากฟ้า พภิ พภูมสิ วรรค์,
เราเหน็ ต้องจิต คดิ อยากเชยขวญั แต่โอ้นางน้ัน
ขยายความเขา ใจ Expand หล่อนไมป่ ลงใจ.
นกั เรียนรวมกนั อภิปรายเกยี่ วกับความรกั กับ 54 มายาวนิ . ขา้ บาทเล็งดู ด้วยญาณกร็ ู้ นางนคี้ ือใคร,
การเสยี่ งทาย ดดู วง พ่ึงคุณไสย เปน การกระทาํ ท่ี อีกทง้ั รู้เลศ วา่ เหตไุ ฉน นงรามจ่งึ ไม่
ไมดีเพราะเหตใุ ด
ปลงใจยนิ ดี.
(แนวตอบ ความรักควรเกิดจากความสมคั รใจ
ยินยอมของทงั้ สองฝาย การพงึ่ เวทมนตรค าถา สุเทษณ.์ ร้วู า่ อย่างไร?
ดงั ทสี่ ุเทษณใ หม ายาวินทาํ น้นั เปนการบังคบั ฝนใจ มายาวนิ . หากทูลความไซร ้ จงโปรดปราน.ี
มทั นาใหตอบสนองตามที่ตนตอ งการ ซึ่งเปน ส่ิงที่ สุเทษณ.์ เอาเถดิ อยา่ เกรง, เรง่ บอกบดั น ้ี มีเหตรุ า้ ยดี
ไมถ กู ตอ ง) จงเล่ามาพลัน.
มายาวนิ . เมือ่ คร้ังพระองคเ์ ป็น วรราชะราชนั [อนิ ทะวิเชยี ร, ๑๑.]
ครองเขตประเทศขณั - ฑะวสิ ุทธิปัญจาล,
ตรัสใชอ้ มาตย์เป็น วรฑตู ะทูลสาร
ถึงราชะผผู้ า่ น นรชาตส์ิ ุราษฎรง์ าม,
ขอองคธ์ ดิ าชื่อ มะทะนาวไิ ลราม
เป็นราชนิ ตี าม วรราชประเพณ;ี
แตท่ ้าวสรุ าษฎรไ์ ซร้ บ มยิ อมและยนิ ดี
ใหซ้ งึ่ พระบตุ ร,ี พระก็ทรงพระโกรธา.
นกั เรียนควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ
1 กามาพะจร เปน ภาษาบาลี มาจาก กาม+อวจร ซงึ่ “อสจร” แปลวา แดน นกั เรยี นอา นเนอ้ื เรอ่ื งบทละครพดู คาํ ฉนั ท เรอ่ื ง มทั นะพาธา แลว
บรเิ วณ เขต หรอื อาจเรยี กวา กามาพจรสวรรค เปน สถานทเี่ ลศิ ดวยดีดว ยกามคุณ ยกบทประพนั ธท ส่ี ะทอ นใหเ หน็ เกย่ี วกบั ความเชอ่ื ของคนในสงั คม
ทงั้ 5 หรอื โลกของเทวดา หมายถึง สวรรคท ยี่ ังเกี่ยวขอ งในกาม มี 6 ช้ัน คือ 1 เรอ่ื ง บนั ทกึ ลงในสมดุ และนาํ มาแลกเปลย่ี นเรยี นรกู นั ในชน้ั เรยี น
1. จาตมุ หาราชิกา กิจกรรมทา ทาย
2. ดาวดงึ ส
3. ยามา นักเรยี นอา นเนื้อเรือ่ งบทละครพูดคาํ ฉันท เรอ่ื ง มทั นะพาธา
4. ดสุ ิต แลวระบคุ วามเช่อื ท่ปี รากฏในเรอื่ ง 1 เรื่อง จากนน้ั ศึกษาคน ควาวา
5. นมิ มานรดี มวี รรณคดเี รอ่ื งใดบา งทม่ี คี วามเชอ่ื ดงั กลา ว โดยยกบทประพนั ธ
6. ปรนิมมติ วสวัตดี ประกอบ บันทกึ ลงในสมดุ และแลกเปล่ียนเรียนรูก นั ในชน้ั เรียน
54 คูม อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Evaluate
Engage Explain Expand Explain
ตรัสเกณฑพ์ หลกอง อธบิ ายความรู
ยกไปประชติ รา-
โจมตบี รุ ีป่น ชจตะบรุ งรุ ควี ะโรเสดนมา.21 นกั เรยี นอธบิ ายเกย่ี วกบั ส่ิงท่ีมายาวนิ เลาให
จบั ได้นโรดม สเุ ทษณฟงเรือ่ งความหลงั เมอื่ ภพชาตกิ อ น
จง่ึ มพี ระโองการ บ ่ มิทนทลายล่ม,
แตห่ ากธดิ ามา นรนาถสรุ าษฎร์มา; (แนวตอบ ในอดีตกาลสเุ ทษณเทพบตุ ร คือ
ยอมเป็นวะธบู าท จะประหารพระชวี า, กษตั รยิ แ หง แควนปญจาล สว นมทั นาเปนพระธดิ า
ไถโ่ ทษะชีวนั และประนอมมโนฉันท,์ ของกษัตริยแหงแควน สุราษฎร สเุ ทษณห ลงใหลนาง
ฝา่ ยนางกย็ อมตาม บริจารกิ านนั ท์. จงึ ไดส ง ทตู ไปสขู อนาง แตท า วสรุ าษฎรไ มย กให
พอ่ รอดพระชนมา กจ็ ะงดพระอาญา. สเุ ทษณจ งึ ยกกองทพั ไปตบี า นเมอื งของทา วสรุ าษฎร
ครั้นนางเสดจ็ ถงึ วรราชะบญั ชา, จนยอยยบั และจับทา วสรุ าษฎรม าเปน เชลยกอนจะ
กม้ เกศและกราบท่ ี กเ็ พราะลูกสภิ ักดี. ตดั สินประหาร แตม ทั นาไดท ลู ขอชีวิตพระบิดาไว
แลว้ ทูลแถลงโดย วรมาละกาศรี โดยยอมเปน บาทบรจิ าริกาของสเุ ทษณ ทําใหท า ว
ว่าองค์พระนงคราญ ทวบิ าทพระภูบาล, สุราษฎรอดชีวิต จากน้ันนางก็ไดป ลงชีวิตตวั เอง
แตไ่ ด้ปะฏญิ ญา สริ ิสจั จะวาทหวาน และไดม าเกดิ เปน ขา รบั ใชบ นสวรรค สว นสเุ ทษณเ อง
ว่าจักมิยอมให้ บ มอิ ยากจะขัดไท้, กท็ ําพลกี รรมจนสาํ เร็จไดเกดิ บนสวรรคแ ละไดม า
คร้งั นแี้ หละสดุ แสน วรสจั จะมนั่ ไว้ พบกบั มทั นา แตด ว ยกรรมท่ีทาํ ตอ มทั นาในอดีต
เพราะว่าบดิ ารกั นรฝืนฤดีรัก. ทาํ ใหนางยงั คงปฏิเสธสเุ ทษณเชน เดมิ )
จ่งึ ยอมถวายตวั จะประดักประเดดิ นัก,
ขององคช์ นกนา- จะ บ รอดพระชนมา, ขยายความเขา ใจ Expand
เสรจ็ กจิ จะการด ี และกไ็ ถพ่ ระโทษา
กราบบาทยุคลตน ถะ บ ตอ้ งมลายชนม.์ นกั เรยี นอธบิ ายเกย่ี วกบั ความเชอ่ื เรอ่ื งพรหมลขิ ติ
วา่ พลางยุพาชัก กรณียะเปน็ ผล, หรอื การเกดิ มาคกู นั พรอมแสดงความคิดเห็นใน
แทงตรงพระทรวงตาย มะทะนาจะลาตาย. ประเด็นตอไปนี้
ตายแลว้ ก�าเนิดใน วรขคั คะแพรวพราย
ฝา่ ยองค์พระภมู ี เฉพาะพกั ตร์พระภูม.ี • พรหมลขิ ติ มีความหมายอยา งไร
จนได้สา� เรจ็ ผล สรุ ภพพศิ ษิ ฎ์น;ี้ (แนวตอบ พรหมลิขติ หมายถึง อาํ นาจที่
มาพบและรกั กัน กบ็ า� เพญ็ พะลกี รรม,์ กําหนดความเปน ไปของชวี ติ ถือกันวา
แต่กรรมพระท�าไว ้ จรดล ณ แดนสวรรค์ พระพรหมเขียนไวท่หี นา ผากของเด็กซึง่ เกิด
เพราะวะเคยสิเนหา. ได 6 วนั )
ณ พระชาติอ์ ดีตมา
• นกั เรยี นเช่อื เก่ียวกบั พรหมลขิ ิตหรอื การเกิด
มาคูกันหรอื ไม อยา งไร
(แนวตอบ นกั เรยี นตอบไดห ลากหลายข้ึนอยู
กับเหตุผลของนกั เรยี นแตล ะคน)
55
ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เกร็ดแนะครู
ขอ ใดไมใช แนวคิดเก่ยี วกบั คา นยิ มในสงั คมไทย
1. จึง่ ยอมถวายตวั และก็ไถพ ระโทษา ครใู หน ักเรยี นทํากิจกรรมเก่ยี วกับแนวคดิ เร่อื งพรหมลขิ ิตเพม่ิ เตมิ โดยให
ขององคช นกนา- ถะ บ ตอ งมลายชนม นักเรยี นเขียนแสดงความคิดเห็นเรอ่ื ง “กรรมลิขติ ” ซ่ึงเปนแนวคิดทีเ่ ปนคติทาง
2. มาพบและรักกัน เพราะวะเคยสิเนหา พระพุทธศาสนา โดยโยงถึงเรือ่ งเกยี่ วกบั ความรกั การทเ่ี กิดมาแลว ไดม าพบกนั
แตกรรมพระทําไว ณ พระชาติ์อดีตมา แตไ มไดครองคกู นั เก่ียวกบั เรื่องกรรมลิขิตหรือไม อยา งไร
3. แลว ทูลแถลงโดย สริ ิสจั จะวาทหวาน
วาองคพ ระนงคราญ บ มิอยากจะขดั ไท นกั เรียนควรรู
4. ฝายองคพระภมู ี ก็บาํ เพ็ญพะลีกรรม
จนไดส ําเร็จผล จรดล ณ แดนสวรรค 1 จตุรงคะเสนา ปกติเขยี นวา จตรุ งคเสนา มาจาก จตรุ งค+เสนา หมายถงึ
กองทัพมกี ําลัง 4 เหลา คือ เหลาชาง เหลา รถ เหลา มา เหลาราบ หรอื จตุรงคินีเสนา
วเิ คราะหค ําตอบ แนวคดิ ท่ีปรากฏในบทประพันธ มดี ังน้ี ขอ 1. 2 วโรดม อา นวา วะ-โร-ดม เปน ภาษาบาลี มาจาก วร+อตุ ตฺ ม แปลวา ประเสรฐิ สดุ
ความกตญั ู ขอ 2. เวรกรรม ขอ 3. การพูดจาไพเราะออนหวาน
สวนขอ 4. การทําพลกี รรมไมใชคานิยมของสงั คมไทยที่นบั ถือ คมู อื ครู 55
พระพทุ ธศาสนา ตอบขอ 4.
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Evaluate
Engage Explain Explain Expand
อธบิ ายความรู
นักเรยี นอธิบายเกีย่ วกับพิธกี รรมท่มี ายาวินทาํ
วา สะทอนความเช่ืออยา งไร ขอ้ งขัดและขวางหน้า บ่ มิใหพ้ ระสมจนิ ต.์
(แนวตอบ พิธกี รรมทมี่ ายาวนิ ทําสะทอนใหเห็น อนั ถอ้ ยดนูทลู ฤ กส็ จั จะทงั้ ส้ิน,
ขอองค์พระผปู้ นิ่ สรุ เทวะปรานี.
ความเชอื่ ในศาสนาพราหมณ-ฮนิ ดใู นสงั คมไทยท่ี สเุ ทษณ์. ท่ีทา่ นเลา่ ไซร้ เราขอขอบใจ ทที่ ่านไมตร,ี [สุรางคณา, ๒๘.]
สบื ทอดมาแตโ บราณ ศาสนาพราหมณเขา มาปะปน และเราขอเพยี ง เส่ยี งเคราะหด์ ทู ี เผอื่ โชคจะมี
อยูใ นคตคิ วามเชื่อและวฒั นธรรมไทยหลายรปู แบบ ดีได้สกั ครา.
ดังนี้
มายาวิน. แลว้ แต่จะโปรด, ไม่ทรงพิโรธ ก็บุญหนกั หนา;
• ความเชอื่ ในเทพเจา มเี ทพเจาหลายองคใน ขอประทานไฟ จะไดบ้ ชู า.
ศาสนาพราหมณท่ีกลายมาเปน ที่เคารพนับถือของ
ชาวไทย เชน พระพรหมทค่ี นไทยนิยมไปกราบไหว จิตระรถ. (ร้องตะโกนสัง่ ไปในโรง.) เอ1าของออกมา ตามท่ีส่งั ไว้.
บนบาน พระอศิ วร พระพิฆเนศวร เทพแหงศิลปะ
หรือพระอนิ ทร ซึง่ ปรากฏในวรรณคดไี ทยหลายเร่ือง (คนใช้นา� เคร่ืองท�าพิธีออกมา, คือบายศรี ๑, หวั หม,ู เปด็ , ไก,่ มะพร้าวออ่ น, ขนั เหม
อยางไรก็ตาม หากพิจารณาจากคณุ ลักษณะเฉพาะ สา� หรบั จดุ ไฟ, และเทยี นชะนวนจดุ ไฟพรอ้ ม; ของเหลา่ นเี้ อาไปตงั้ ตรงหนา้ มายาวนิ , และมคี น
ของเทพแตล ะองค ตามตํานานเทวกําเนิดแลว เอาหญ้าคามาทอดแล้วเอาหนังกวางปูบนหญ้าคาเป็นอาสนะ มายาวินขึ้นนั่งขัดสมาธิ์บน
กจ็ ะพบวาอปุ นสิ ัยของเทพเหลา น้ี สะทอนถงึ ภาวะ อาสนะ, จุดไฟในขันเหม, แล้วกล่าวค�าบูชาตอ่ ไปน้.ี )
หมนุ เวยี นของโลก โดยเรม่ิ จากพระอศิ วร ซึ่งมักให
พรคนท่บี ําเพ็ญตบะแกก ลา ผไู ดรับพรกม็ ักลืมตวั ใช [สทั ทฺ ลุ ลฺ วิกฺกิฬิต, ๑๙.]
อิทธฤิ ทธ์ิ กอความวุน วาย ความทุกขร อ นแกสังคม
จนพระนารายณตองลงมาปราบดว ยวธิ ลี างโลกดวย มายาวนิ . โอมบงั คมพระคเณศะเทวะศิวะบุตร ์ ฆ่าพฆิ ฺนะส้นิ สุด ประลยั ;
ไฟประลยั กัลป ตอ จากนน้ั พระพรหมกจ็ ะสรางโลก อ้างามกายะพระพรายประหนึง่ ระวอิ ทุ ยั , กอ้ งโกญจะนาทให้ สะหรรษ์;
ขึน้ ใหมห มุนเวียนไปเชน น้ี เป็นเจ้าสปิ ปะประสทิ ธิ์วิวธิ ะวรรณ วิทยฺ าวเิ ศษสรร-พะสอน;
ยามข้ากอบกรณีย์พิธมี ะยะบวร, จงโปรดประทานพร ประสาท,
• ความเชื่อในเร่ืองเวทมนตรค าถา ยนั ต โอมนารายะณะเทพเถลิงอุระคะอาสน์, ขขี่ นุ สุบรรณร์ าช จรัล;
ความเช่ือในโชคลาง และการดฤู กษย าม เปนตน ) ถอื ศงั ข์จักระคะทาธรณผิ ัน ปราบยักษะกมุ ภัณฑ ์ มะลาย;
เช่ียวชาญโยคะวธิ พี ระพรี ะอภปิ ราย ดลกจิ จะทงั้ หลาย สะมิทธ.์ิ
ยามข้ากอบกรณยี ์พธิ ีมะยะวจิ ติ ร ์ จงสมมะโนสทิ -ธิเทอญ.
(พณิ พาทยท์ �าเพลงสาธุการ. มายาวินไหวบ้ ูชาสีท่ ศิ , แล้วร่ายมนตร์ตอ่ ไป.)
ขยายความเขา ใจ [วิชชฺ ุมฺมาลา, ๘.]
อ้าสองเทเวศร์ โปรดเกศขา้ บาท ทรงฟงั ซ่ึงวาท ที่กราบทลู เชญิ ,
Expand โปรดชว่ ยดลใจ ทรามวยั ใหเ้ พลนิ จนลมื ขวยเขนิ แลว้ รบี เร็วมา.
ดว้ ยเดชเทพไท้ ทรามวัยรูปงาม จงไดท้ ราบความ ขา้ ขอนี้นา,
นกั เรยี นยกตัวอยา งพธิ ีกรรมตา งๆ ของศาสนา แมค้ ดิ คัดขนื ฝนื มนตร์คาถา ขอให้นิทรา เขา้ สงึ ถึงใจ
พราหมณ- ฮินดูทีพ่ บในสังคมไทย มาเถดิ นางมา อยา่ ช้าเชอ่ื งช้อย ตขู า้ นีค้ อย ตอ้ นรับทรามวยั ,
(แนวตอบ พธิ ีกรรมตางๆ เชน พธิ โี ลช งิ ชา
ซงึ่ เปน พธิ กี รรมตอ นรบั เทพเจา ของพราหมณ อ้านางโศภา อย่าชา้ มาไว ตูขา้ สั่งให้ โฉมตรูรีบจร.
พธิ แี รกนาขวญั พธิ ีดืม่ นํา้ พระพิพัฒนส ตั ยา พธิ ีขอฝน โฉมยงอยา่ ขัด รีบรดั มาเถดิ ขืนขัดคงเกิด ในทรวงเร่ารอ้ น,
พิธสี ะเดาะเคราะห การตง้ั ศาลพระภมู ิ ตลอดจน มาเรว็ บดั นี้ รีบลลี าจร มาเร็วบังอร ข้าเรียกนางมา.
พธิ ีกรรมตางๆ ท่ีใชน้าํ เปน สว นประกอบสาํ คญั เชน 56
การรดนา้ํ มนต รดนาํ้ สังขในพิธแี ตงงาน การเจิมแปง ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
กระแจะ เปนตน )
นกั เรียนควรรู
1 บายศรี คําวา “บายศร”ี เกิดจากคาํ 2 คาํ รวมกัน คอื “บาย” เปน ภาษาเขมร “ทท่ี านเลาไซร เราขอขอบใจ ท่ที านไมตรี,
แปลวา ขา ว และคําวา “ศร”ี เปนภาษาสนั สกฤต แปลวา มง่ิ ขวญั สิริมงคล และเราขอเพียง เส่ยี งเคราะหด ทู ี เผ่ือโชคจะมดี ไี ดส กั ครา.”
รวมความแลว “บายศร”ี ก็คือ ขา วขวัญหรอื ขา วที่มสี ริ มิ งคล เราจึงพบวาตัวบายศรี
มักจะมีขา วสกุ เปน สว นประกอบ คําประพันธข า งตน สะทอ นความเชอื่ เร่ืองใด
1. จับยามสามตา เชือ่ โชคลาง จันทรกะลา ศูนยกะลา
ประวตั ิความเปนมาของบายศรีน้ันไมม หี ลักฐานแนน อน แตมีขอ สนั นิษฐาน 2. เชอื่ ถือโชคลาง เสย่ี งโชค เสยี่ งเคราะห
วา นาจะมีมาตัง้ แตสมยั อยธุ ยาแลว เนื่องจากมกี ารกลาวถึงบายศรีในวรรณกรรม 3. เชื่อดวงชะตาราศี ตาดไี ดต ารายเสยี
มหาชาติคําหลวง กณั ฑม หาราช ซึ่งแตง ในสมัยอยุธยาวา “แลว ธ กใ็ หบอกบายศรี 4. เสี่ยงเคราะห ทํานายโชคชะตาราศี
บอกม่งิ ” อีกท้งั ศิลปวตั ถุตูลายรดนาํ้ สมยั อยุธยากป็ รากฏเรื่องราวเกีย่ วกบั บายศรี วิเคราะหค าํ ตอบ จากบทเจรจาขางตน จะเห็นไดว าผพู ดู มี
อยางไรกด็ ี เชอ่ื วาบายศรนี นี้ าจะไดคตมิ าจากพราหมณแ นนอน เพราะบายศรี เจตนาท่ีจะเสย่ี งเคราะห โดยหวังวาจะโชคดีสมประสงคในสงิ่ ที่
ตองใชใบตองเปน หลัก ซึ่งตามคตขิ องพราหมณเช่ือวาใบตองเปนของบรสิ ุทธิส์ ะอาด ปรารถนา ตอ งการจะเสยี่ งโชค เสีย่ งเคราะห แสดงใหเ ห็นวา
ไมม ีมลทนิ ของอาหารเกาแปดเปอ นเหมอื นถวยชาม จงึ นาํ มาทาํ ภาชนะใสอาหาร
เปน รปู กระทง ตอ มาจึงไดมีการประดบั ประดาตกแตง ใหสวยงามขนึ้ โดยทั่วไป ผพู ูดมีความเชอื่ เรอ่ื งโชคลาง ตอบขอ 2.
บายศรจี ะแบงออกเปน 2 ประเภท คอื บายศรขี องราษฎร และบายศรขี องหลวง
56 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
Explain
อธบิ ายความรู
1 1. จากหนา 57 นกั เรยี นอธบิ ายสงิ่ ทเี่ กดิ ขนึ้ กบั มทั นา
(มายาวินประนมมือและนั่งบริกรรม. พิณพาทย์ท�าเพลงตระสันนิบาต. ทุกๆ คน (แนวตอบ ส่งิ ที่เกิดขน้ึ แสดงใหเห็นวามทั นา
ต้ังตาคอยมองดู พอถึงรัวท้ายตระ มัทนาเดินออกมา, ตาจ้องเป๋งไม่แลดูใคร และกิริยา ถูกบงั คบั ใหต อ งทาํ ตามที่สเุ ทษณสั่ง โตตอบ
อาการเปน็ อยา่ งคนทย่ี งั หลบั อย,ู่ และพดู หรอื แสดงกริ ยิ าอยา่ งคนทฝี่ นั . สเุ ทษณล์ กุ จากบลั ลงั ก์ โดยไมรูสึกตวั )
ลงมาต้อนรบั ดว้ ยความยินดี, แต่ครัน้ เห็นมทั นาจังงงั อยู่ ไม่ยม้ิ แยม้ ก็ชงัก, แลว้ หันไปพูดกบั
มายาวิน.) 2. นกั เรยี นอธบิ ายลกั ษณะทางวรรณศลิ ปท โ่ี ดดเดน
สเุ ทษณ์. นางมาแล้วไซร ้ แตว่ ่าฉนั ใด จ่งึ ไมพ่ ดู จา [สุรางคณา, ๒๘.] ของเนอ้ื เรอ่ื งที่ประพันธด ว ยวสันตดิลกฉนั ท 14
มายาวนิ . นางยงั งงงวย ด้วยฤทธม์ิ นตรา, แตว่ า่ ตขู า้ จะแกบ้ ัดน้ี. ในหนา 57 น้ี
(พดู สง่ั มทั นา) (แนวตอบ มีการเลนคําในลกั ษณะการลอ ความ
ดูก่อนสุชาตา มะทะนาวไิ ลศรี, [อนิ ทะวิเชยี ร, ๑๑.] การเลนคาํ ในลกั ษณะนจ้ี ะเปล่ยี นตาํ แหนง คํา
ยามองค์สเุ ทษณ์ม ี วรพจน์ประการใด, หรือความ หรือคงตําแหนงไวแ หงใดแหงหน่งึ
นางจงท�านลู ตอบ มะธรุ ส ธ ตรสั ไซร;้ ดังบทเจรจาวา
เข้าใจมเิ ขา้ ใจ ฤ ก็ตอบพะจพี ลัน. สุเทษณ. รกั จรงิ มจิ ริง ฤ ก็ไฉน อรไท บ
มัทนา. เข้าใจละเจ้าขา้ , ผวิ ะองค์สเุ ทษณน์ นั้ แจงการ?
ตรัสมาดฉิ ันพลัน จะเฉลยพระวาที. มทั นา. รกั จรงิ มจิ รงิ กส็ รุ ะชาญ ชยะโปรดสถานใด?
สเุ ทษณ.์ อ้าโฉมวิไลยะสุปฺริยา มะทะนาสุรางคศ์ ร,ี [วสนั ตะดลิ ก, ๑๔.] จากบทเจรจาทยี่ กมาเปน ตวั อยางมีการเลน
พี่รักและกอบอภิระตี บ มเิ วน้ สเิ น่ห์หนัก; คาํ วา “รักจริงมจิ รงิ ” และลอความกัน เปน
บอกหนอ่ ยเถอะว่าดะรุณิเจา้ ก็จะยอมสมัครรัก. ประโยคคําถามเหมือนกนั ซึ่งสอดคลองกบั
มัทนา. ตูข้าสมคั ร ฤ มสิ มัคร ก็มขิ ัดจะคล้อยตาม. เนือ้ เรื่องท่มี ทั นากําลังพูดจามนึ งงเพราะถูก
สุเทษณ์. จริงฤๅนะเจ้าสุมะทะนา วจะเจา้ แถลงความ? มนตรส ะกด)
มัทนา. ขา้ ขอแถลงวะจะนะตาม สุระเทวะโปรดปราน.
สุเทษณ.์ รกั จรงิ มจิ รงิ ฤ ก็ไฉน อรไท บ ่ แจง้ การ? ขยายความเขา ใจ Expand
มัทนา. รกั จริงมจิ ริงก็สุระชาญ ชยะโปรดสถานใด?
สเุ ทษณ์. พี่รกั และหวงั วธุจะรกั และ บ ทอด บ ทง้ิ ไป. นกั เรยี นยกสํานวนเก่ียวกบั ความรกั ที่เปน
มัทนา. พระรักสมคั ร ณ พระหทัย ฤ จะทอดจะทง้ิ เสยี ? ความรกั ขางเดยี ว พรอมอธิบายความเปนมา
สุเทษณ.์ ความรกั ละเห่ียอุระระทด เพราะมิอาจจะคลอเคลีย. ของสาํ นวนท่ียกมา
มทั นา. ความรักระทดอุระละเหีย่ ฤ จะหายเพราะเคลยี คลอ?
สุเทษณ์. โอโ้ อ๋กระไรนะมะทะนา บ มิตอบพะจีพอ? (แนวตอบ นักเรียนตอบไดห ลากหลาย เชน
มทั นา. โอโ้ อ๋กระไรอะมระง้อ มะทะนามิพอด!ี รกั เขาขา งเดียวขาวเหนยี วน่ึง ซง่ึ หมายถงึ
สเุ ทษณ.์ เสียแรงสเุ ทษณ์นะประดพิ ทั ธ ์ มะทะนา บ เปรมปรีด์.ิ ตนขาวเหนียวในนาทีย่ นื ตายน่งึ เพราะขาดน้าํ
มัทนา. แมข้ า้ บ เปรมปรฺ ยิ ะฉะน ี้ ผจิ ะโปรดก็เสียแรง. มาเล้ยี งกจ็ ะตาย จงึ มปี ระโยคตอวา น้ําทว มไมถ ึง
สุเทษณ์. โอร้ ปู วไิ ลยะศภุ ะเลศิ บ มคิ วรจะใจแข็ง ตายแหงแก เปนตน )
มทั นา. โอร้ ูปวิไลยะมละแรง ละก็จ�าจะแขง็ ใจ. 57
ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT นักเรียนควรรู
การใชเวทมนตรสะกดเพ่อื ใหอ ีกฝายรกั ตอบเปนหนทางท่คี วรทาํ 1 พณิ พาทย เปน เพลงหนาพาทย แบง ตามฐานนั ดรออกเปน 2 ชนิด คอื
หรอื ไม อยา งไร 1. หนาพาทยธรรมดา ใชบ รรเลงประกอบกริ ยิ า อารมณข องตัวละครที่เปน
แนวตอบ เวทมนตรคาถาบงั คับรา งกายได แตบังคบั จิตใจไมไ ด
โดยเฉพาะเรอ่ื งความรกั จงึ เปนเรื่องทีไ่ มควรทาํ เราไมส ามารถ สามัญชน เปน เพลงหนา พาทยไมบังคับความยาว การจะหยดุ ลงจบ หรือเปล่ยี น
เปล่ยี นใจของผอู ื่นได เราควรทาํ ใจยอมรบั ไมควรโกรธเคือง เพลง ผบู รรเลงจะตองดูทา รําของตวั ละครเปนหลกั เพลงหนาพาทยช นดิ นโี้ ดยมาก
หากความรักที่เรามใี หอกี ฝายไมสามารถมอบคืนใหได อยาได ใชกับการแสดงลิเกหรอื ละคร เชน เพลงเสมอ เพลงเชดิ เพลงรัว เพลงโอด เปน ตน
ทํารา ยคนท่ีรกั เพยี งเพราะเขาไมร กั ตอบ การใชเ วทมนตรบงั คับ
เทา กบั เปน การหลอกตวั เองวาอีกฝา ยรักตอบ กไ็ มทําใหฝายใด 2. หนาพาทยช ้นั สูง ใชบ รรเลงประกอบกิรยิ า อารมณของตัวละครผูส ูงศกั ด์ิ
มีความสขุ หรอื เทพเจา ตา งๆ เปนเพลงหนา พาทยประเภทบงั คับความยาว ผูรําจะตองยึด
ทํานองและจงั หวะของเพลงเปนหลักสาํ คัญ จะตัดใหส้ันหรอื เติมใหยาวตามใจชอบ
ไมไ ด โดยมากใชก ับการแสดงโขน ละคร และใชใ นพธิ ไี หวค รู ครอบครดู นตรีและ
นาฏศลิ ป เชน เพลงตระนอน เพลงกระบองกัน เพลงตระบรรทมสินธุ เพลงบาท
สกุณี เพลงองคพ ระพิราพ โดยเฉพาะอยางยิง่ เพลงอนงคพระพิราพ ถอื กนั วาเปน
เพลงหนา พาทยช ั้นสูงสุดในบรรดาเพลงหนา พาทยท ัง้ หลาย
คมู ือครู 57
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
Engage Explain
อธบิ ายความรู
นกั เรยี นอธบิ ายผลของการใชเวทมนตรสะกด (สุเทษณ์จ้องดูนาง, แต่นางยังคงตาลอยไม่จับตาอยู่, สุเทษณ์ออกฉงน, จึ่งลองพูด
มทั นา ไปอกี .)
สุเทษณ์. หากพี่จะกอดวธแุ ละจุม- พิตะเจา้ จะวา่ ไร?
• เหตุใดสเุ ทษณจ งึ สง่ั ใหมายาวนิ คลายมนตร มทั นา. ข้าบาทจะขดั ฤ กม็ ิได้ ผพิ ระองค์จะทรงปอง.
สะกดมัทนา สุเทษณ์. ว่าแตจ่ ะเตม็ ฤดิ ฤ หาก ดนกุ อดและจบู น้อง?
(แนวตอบ เพราะเวทมนตรที่มายาวิน มทั นา. เตม็ ใจมเิ ตม็ ดนกุ ็ตอ้ ง ปฏิบัตริ ะเบยี บดี.
ใชก บั มัทนาน้นั ไมไ ดผล เห็นจากการทีม่ ัทนา (สเุ ทษณ์ไมพ่ อใจในค�าตอบของนาง, จงึ่ หันไปพูดกบั มายาวิน.)
ตอบสเุ ทษณวกไปวนมา จนทําใหส ุเทษณโกรธ สเุ ทษณ์. แนะ่ มายาวิน เหตใุ ดยพุ นิ จ่ึงเปน็ เช่นน?ี้ [สุรางคณา, ๒๘.]
สั่งใหมายาวินคลายมนตรใหมทั นา สุเทษณ ดูราวมะเมอ เผลอเผลอฤดี ประดจุ ไมม่ ี ชวี ติ จติ ใจ,
นนั้ ตองการใหมัทนารกั ตนจากใจจรงิ ใหส มกับ คราใดเราถาม หล่อนกย็ อ้ นความ เหมอื นเช่นถามไป,
ท่สี เุ ทษณรักนาง ดงั บทเจรจาวา ดังน้ีจะยวน ชวนเชยฉันใด กเ็ ปรยี บเหมือนไป พดู กับห่นุ ยนต์.
“เสียแรงเรารกั สมัครใจครนั อยากใหนางนนั้ มายาวิน. เทวะ, ท่ีนาง อาการเป็นอยา่ ง นเี้ พราะฤทธม์ิ นตร;์
สมคั รรกั ตอบ. ผกู จติ ดว ยมนตร แลวตามใจ โยคะอนั ขลงั บังคบั ไดจ้ น ใหต้ อบยบุ ล ไดต้ ามตอ้ งการ
ตน ฝายเดยี วมิชอบ, เราใฝล ะโบม ประโลม แตจ่ ะบังคับ ใครใครให้กลับ มโนวญิ ญาณ,
ใจปลอบ ใหนางนึกชอบ นกึ รักจรงิ ใจ. ฉะนน้ั ให้ชอบใหช้ งั ยืนยงั อยนู่ าน ย่อมจะเป็นการ สุดพ้นวิสัย
ทา นครู คลายเวทมนตรดู อยา ชา ร่าํ ไร, หากว่าพระองค์ มพี ระประสงค์ อยู่เพยี งจะให้
หากเราโชคดี คร้งั นค้ี งได สทิ ธส์ิ มดงั ใจ; นงคราญฉลอง รองพระบาทไซร้ ขา้ อาจผูกใจ ไวด้ ว้ ยมนตรา.
รีบคลายมนตรา.”)
ขยายความเขา ใจ Expand มใิ ห้นงรัตน์ ด้ือดงึ ขง้ึ ขดั ซ่งึ พระอชั ฌา,
บังคบั ใหย้ อม ประนอมเป็นข้า บาทบริจา ริกาเทวญั .
นักเรียนแสดงความคดิ เหน็ ในประเดน็ ตอไปนี้ สเุ ทษณ์. อะ๊ ! เราไม่ขอ ได้นางละหนอ โดยวธิ ีนัน้ !
• จากเร่อื งราวในอดีตกาลของสุเทษณกับ เสยี แรงเรารกั สมัครใจครัน อยากให้นางนัน้ สมคั รรกั ตอบ.
ผกู จิตด้วยมนตร์ แล้วตามใจตน ฝ่ายเดยี วมิชอบ,
นางมทั นา นักเรยี นคิดวา เหตทุ ี่มทั นา เราใฝล่ ะโบม ประโลมใจปลอบ ให้นางนึกชอบ นึกรกั จรงิ ใจ.
ไมร ักตอบสเุ ทษณเปน เพราะความแคนเคือง ฉะน้ันทา่ นคร ู คลายเวทมนตรด์ ู อยา่ ชา้ รา่� ไร,
ที่สุเทษณกระทาํ ตอบา นเมืองและบิดาของ หากเราโชคดี คร้ังน้คี งได้ สทิ ธ์ิสมดังใจ; รบี คลายมนตรา.
นางหรอื ไม อยางไร มายาวนิ . เอว� เทวะ.
(แนวตอบ จะเห็นไดวา เรอ่ื งราวในอดตี กาล (มายาวินประนมมอื แล้วรา่ ยมน1ตร์ต่อไปนี)้
มเี พยี งสุเทษณเ ทานั้นท่ีทราบเรื่องราวจาก อันเวทอาถรรพณ์ ทพี่ ันผกู จิต [วิชชฺ มุ มฺ าลา, ๘.]
มายาวิน มัทนาไมไดรดู วย ซง่ึ หมายความวา
นางปฏเิ สธความรกั ของสเุ ทษณโ ดยไมเ กยี่ วกบั แห่งนางม่ิงมิตร อยบู่ ัดนน้ี า,
ความเคยี ดแคนในอดีตกาลท่สี ุเทษณไ ด จงเคลอ่ื นคลายฤทธ์ิ จากจิตกัญญา
ทํารายนางและพระบิดาของนาง จงึ สรุปไดวา คลายคลายอย่าชา้ สวัสดสี วาหาย!
เรอื่ งราวในอดตี กาลไมใ ชเหตุทีม่ ัทนาไมรัก
สุเทษณ) 58
นกั เรยี นควรรู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT
สเุ ทษณ. โอโอกระไรนะมะทะนา บ มติ อบพจีพอ?
1 เวทอาถรรพณ เปน พระเวททสี่ ซี่ ง่ึ เขยี นขนึ้ มาในภายหลงั ประกอบดว ยบทสวด มทั นา. โอโ อก ระไรอะมระงอ มะทะนามพิ อดี!
คาถาเก่ยี วกับไสยศาสตร เปนพระเวทชนิดพิเศษเรียกวา “ฉันท” อนั มไิ ดถกู จดั ขอใดสอดคลองกับบทเจรจาขางตน
อยใู นไตรเพทเพราะไมม ีสวนเก่ียวของกบั การประกอบพิธบี ูชายัญแตอยา งใด 1. คาํ ตอบของมัทนาตรงไปตรงมา
อาถรรพเวทนถ้ี ือวาเปน ความรทู ่ปี รากฏแกพ วกพราหมณอัธวรรยุ พระเวทตอนนี้ 2. ทรรศนะของมทั นาขัดแยงกบั สเุ ทษณ
มีความเกี่ยวของกบั ไสยศาสตร บทสวดตา งๆ อันมจี ดุ ประสงคเ พอ่ื ขจดั โรคและ 3. มทั นากลาวยอกยอนเลียนคาํ สเุ ทษณ
ภยั พบิ ตั ิ ทงั้ กลาวรวมถึงหนาทขี่ องกษตั รยิ แ ละสัจธรรมขัน้ สงู 4. มัทนากลาวเนน ความตองการของตนเองมากเกินไป
วิเคราะหค าํ ตอบ จากบทเจรจาขางตน จะเห็นไดวาลักษณะ
คมั ภรี พ ระเวทแตล ะคัมภีรน ้ันจะแบง ออกเปน 2 ตอนใหญๆ คือ มันตระ การถามตอบระหวางสุเทษณและมัทนามีความยอกยอน คอื
และพราหมณะ “มันตระ” หรือ “มนตร” จะรวบรวมบทสวดท่ีกลา วถึงเทพเจา แหง นางมัทนาตอบสเุ ทษณโ ดยเลยี นคําสุเทษณ ตอบขอ 3.
ปญ ญา สุขภาพ ความมัง่ ค่งั และความมอี ายยุ ืน รวมถึงบทสวดออนวอนเพ่อื ขอ
ทาสบรวิ าร สตั วเ ลีย้ ง บุตร ชยั ชนะในสงคราม หรือแมก ระทงั่ การขอใหยกเลิก
ซึง่ บาปทงั้ ปวงอนั ไดกระทาํ ลงไป บางทีกเ็ รยี กวา สงั หติ า หมายถงึ บทสวดหรือ
มนตรท ่ีใชในการทาํ พธิ บี ชู าน่ันเอง
58 คูม อื ครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
Explain
อธบิ ายความรู
(พิณพาทย์ท�าเพลงรวั มายาวินยกมือไหว้ แล้วเสกเป่าไปทางมัทนา. ฝา่ ยมทั นาคอ่ ยๆ นกั เรยี นอธบิ ายอาการของมทั นาทถี่ กู มนตรส ะกด
รู้สกึ ตัว, เอามือลูบตาเหมือนคนตน่ื นอน, และพอจบรัวกพ็ อไดส้ ติบรบิ ูรณ.์ บดั น้นี างเหลยี ว พรอ มยกบทประพันธป ระกอบการอธิบาย
แลไปเห็นสเุ ทษณก์ ็ตกใจ, ตงั้ ท่าเหมอื นจะหนีไป, แต่สุเทษณ์ขวางทางไว้.)
สเุ ทษณ์. วอชิ้ามช1ปุัทรนะาโโชฉตมอิ ฉัมาพย ร เฉิดช่วงดังสาย [ฉบงง, ๑๖.] • หลงั คลายมนตรส ะกดแลว มทั นาเปน อยา งไร
(แนวตอบ หลังจากมายาวนิ คลายมนตรส ะกด
ไหนไหนกเ็ จา้ สายสมร มาแล้วจะรอ้ น ใหม ทั นา นางหันไปเหน็ สเุ ทษณก็ตกใจและ
จะรนและรีบไปไหน? ตงั้ ทาจะหนี สเุ ทษณจ งึ รีบขวางทางไว
มทั นา. เทวะ, อันขา้ นีไ้ ซร้ มานอี่ ยา่ งไร มัทนากลา วขออภัยสเุ ทษณท ่ีตนรุกเขา มาถึง
บ ทราบส�านกึ สกั นิด; ที่อยขู องสเุ ทษณโ ดยไมรตู วั แตเ ม่ือรูวา เขา
จ�าไดว้ ่าข้าสถิต ในสวนมาลิศ2 มาเพราะถกู มนตรสะกดกโ็ กรธและตอ วา
และลมรา� เพยเชยใจ, สเุ ทษณทีท่ าํ ใหต นตองอบั อายชาวสวรรค
ท้ังหลาย แลว นางกร็ อ งไหเสยี ใจ)
แต่อยดู่ ีดที ันใด บงั เกิดรอ้ นใน ขยายความเขา ใจ Expand
อุระประหนงึ่ ไฟผลาญ,
รอ้ นจนสดุ ทที่ นทาน แรงไฟในราน3 นักเรยี นอภปิ รายในประเด็นตอ ไปน้ี
กล็ ม้ ลงสิน้ สมฤด.ี • นักเรยี นคดิ วา สเุ ทษณค าดหวงั อะไรหลงั จาก
ฉันใดมาไดแ้ หง่ นี้? หรือว่าไดม้ ี
ผใู้ ดไปอมุ้ ข้ามา? ทใ่ี หมายาวินคลายมนตรมทั นา
ขอพระองค์จงเมตตา และงดโทษข้า (แนวตอบ สุเทษณย ังมีความหวงั ใหมัทนา
ผูบ้ ุกรกุ ถึงลานใน. รกั ตอบ โดยพยายามพดู จาเกีย้ วพาราสี
สุเทษณ์. อา้ อรเอกองคอ์ ุไร พจ่ี ะบอกให้ แสดงความรักใครต อมทั นา แตน างกไ็ ม
เจา้ ทราบคดีดังจนิ ต์; ยนิ ยอม โดยลักษณะนิสยั ของสเุ ทษณม ี
พี่เองใช้มายาวิน ใหเ้ ชญิ ยพุ นิ ความหยิง่ ในศักดศ์ิ รี คอื หากนางไมยนิ ยอม
มาที่นี้ด้วยอาถรรพณ์ พรอมใจ สเุ ทษณก็ไมพอใจเชนกนั จงึ หวังวา
มัทนา. เหตใุ ดพระองค์ทรงธรรม์ จึง่ ท�าเชน่ นัน้ เมอื่ คลายมนตรแ ลว เกย้ี วพานางอาจทาํ ให
ใหข้ า้ พระบาทตอ้ งอาย รกั ตอบ ดังความวา “หากเราโชคดี คร้งั น้ี
แก่หมชู่ าวฟา้ ทงั้ หลาย? โอพ้ ระฦๅสาย คงได สทิ ธ์ิสมดังใจ; รีบคลายมนตรา.”)
พระองค์จงทรงปรานี.
(มทั นารอ้ งไห.้ พิณพาทยท์ �าเพลงโอด. สุเทษณ์ปลอบ.)
สุเทษณ์. อา้ ยอดสเิ นหา มะทะนาวสิ ทุ ธศิ รี, [อินทวงส์, ๑๒.]
อยา่ ทรงพระโศกี วรพักตร์จะหม่นจะหมอง.
พ่นี น้ี ะรกั เจ้า และจะเฝา้ ประคบั ประคอง
59
ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT เกรด็ แนะครู
“อา อรเอกองคอ ุไร พจ่ี ะบอกให
เจาทราบคดดี งั จนิ ต; ” ครูจัดกจิ กรรมการอา นบทละครพูดคาํ ฉันท เรื่อง มทั นะพาธา เพอ่ื ใหน ักเรียน
ขอใดเปน ลกั ษณะเดนของคําประพนั ธข า งตน อานวรรณคดีเร่ืองนีอ้ ยา งมีอรรถรส โดยจดั กิจกรรมเก่ียวกบั บทเจรจาในเร่อื ง
1. การเลนเสยี งวรรณยกุ ต ใหน กั เรยี นฝก อา นใสอ ารมณข องตวั ละครใหเ หมาะสม สอดคลอ งกบั เนอ้ื เรอื่ ง โดยครู
2. การเลน เสยี งสมั ผสั สระ ยกตอนใดตอนหน่งึ ในเรอื่ งทม่ี กี ารเจรจาโตตอบกันอยางนาสนใจมาเปน แบบฝก
3. การเลน เสียงสัมผัสพยญั ชนะ การอา น จากนัน้ แบงนกั เรียนใหอานออกเสียงตามบทเจรจาของตัวละครในเรือ่ ง
4. การเลน เสยี งสมั ผัสทง้ั เสยี งสระและพยญั ชนะ
วิเคราะหค ําตอบ จากคําประพนั ธขา งตนมีลกั ษณะเดน ในการ นกั เรยี นควรรู
เลน เสียงพยญั ชนะ จากวรรค “อาอรเอกองคอ ไุ ร” มีการเลน เสียง
1 วชิ ชุ หรอื วิชชุดา วชิ ชตุ า หมายถึง แสงไฟฟา สายฟา
สมั ผัสพยญั ชนะภายในวรรค เสยี ง /อ/ ตอบขอ 3.
2 สวนมาลศิ สวนดอกไม
3 ราน ในความวา “แรงไฟในราน กล็ ม ลงสิน้ สมฤดี” คือ แรงไฟทาํ ใหแตกราว
มอี าํ นาจในการทาํ ลาย
คูม ือครู 59
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
Engage Explain
อธบิ ายความรู
1. นกั เรียนอธิบายลักษณะทางวรรณศลิ ปใ นตอนท่ี คชู่ ิดสนทิ นอ้ ง บ่ มิใหร้ ะคางระคาย.
สุเทษณพ ยายามเกลีย้ กลอมมัทนา พรี่ กั วะธูนวล บ ่ มิควรระอาละอาย,
(แนวตอบ บทเจรจาของสเุ ทษณใชคําประพนั ธ รอูปนั เนจา้ารวิกไิ ลบั 1รชาาวย ฤส ุรกะค็แวสรรจ้งะปรร่วะมจจติ 2ะปรรักะ.จกั ษ์,
อนิ ทวงศฉ นั ท เปน ฉนั ทท่เี หมาะกับบทระบาย
ความในใจ แสดงความอัดอ้ันตันใจ ดงั ท่ีสุเทษณ ธมาคิ ดวาร3 จธะ สร้ารง้ารงกัอ งค ์ เพราะพะธพู ิถีพิถัน;
ไดระบายความรกั มากมายของตนทม่ี ีตอ อรเพราพสิ ทุ ธสิ รรพ์
มัทนา กลาวอา งโนม นา วใจนางใหรบั ความรกั ไวเ้ พอื่ จะผูกพนั - ธนะจิตตะจองฤด.ี 4
ของตน) อันพส่ี ิบุญแล้ว
กเ็ ผอญิ ประสบสุรี
2. นกั เรียนอธบิ ายลกั ษณะทางวรรณศิลปในตอนท่ี และรักสมัครมี มนะมุง่ ทะนุถนอม.
มทั นากลา วโตต อบไมย อมรบั ความรกั ของสเุ ทษณ ขอโฉมเฉลาปลง พระฤดปี ระนีประนอม.
(แนวตอบ บทเจรจาของมัทนาใชค ําประพันธ รบั รกั และยนิ ยอม ดนรุ ักสมัครสมาน.
วสนั ตดิลกฉนั ท คือ ฉันทที่มลี ีลาประดุจ หากนางมขิ ้องขดั ประดิพัทธ์ประสมประสาน
ด่งั สายฝน มีทวงทาํ นองสละสลวย ใชพ รรณนา ทั้งสองจะสุขนาน มนะจอ่ บ จืด บ จาง.
ส่งิ สวยงาม ซึ่งเหมาะกบั บทของมทั นาท่กี ลา ว อ้าช่วยระงบั ดบั ทุขะพีร่ ะคายระคาง;
ปฏเิ สธสุเทษณดว ยความละมุนละมอ ม คอยๆ พร่ี กั อนงคน์ าง ผมิ สิ มฤดีถวลิ ,
พูดจา ระมัดระวงั ไมใ หสุเทษณโกรธเคอื งท่ตี น เหมือนพมี่ ไิ ดค้ ง วรชวี ะชีวิติน-
ตอบปฏเิ สธ) ทรยี ์ไซร้ บ่ ใฝจ่ ิน- ตะนะห่วงและห่อนนิยม.
ขยายความเขา ใจ Expand ชีพอยู่กเ็ หมอื นตาย, เพราะมิวายระทวยระทม
ทกุ ข์ยากและกรากกรม อุระชา้� ระก�าทว.ี
จากบทเจรจาของมัทนาท่ีปฏเิ สธความรกั ของ อ้าฟังดนเู ถิด มะทะนาและตอบวจี
สเุ ทษณ นกั เรียนวเิ คราะหประเดน็ คาํ ถามตอไปนี้ พอให้ดนนู ้ี สุขะรื่นระเริงระรวย.
มทั นา. ฟงั ถอ้ ยดา� รสั มะธุระวอน ดนุนี้ผเิ อออวย. [วสนั ตะดิลก, ๑๔.]
• นักเรียนคดิ วา มทั นามีลักษณะนสิ ัยอยา งไร จักเป็นมสุ าวะจะนะด้วย บ มติ รงกะความจริง.
(แนวตอบ จากการท่ีมัทนากลา วปฏเิ สธสเุ ทษณ อนั ชายประกาศวะระประทาน ประดพิ ัทธะแดห่ ญิง,
แมว าสเุ ทษณจ ะเวาวอนเพยี รพยายามขอ หญงิ ควรจะเปรมกะมะละยงิ่ ผวิ ะจิตตะตอบรกั ;
ความรกั จากนาง แตนางก็ปฏเิ สธ ซึ่งแสดงให แต่หากฤด ี บ อะภริ มย์ จะเฉลยฉะนัน้ จกั
เหน็ วา มทั นาเปน หญิงทมี่ คี วามจริงใจ เป็นปดและลวงบุรษุ ะรกั ก็จะหลงละเลิงไป.
แมจ ะกลวั แตก ไ็ มโกหก หลอกลวง แสรงวารกั ตูข้าพระบาทสิสจุ ริต บ มิคดิ จะปดใคร,
นางบอกความในใจอยางตรงไปตรงมา) จง่ึ หวงั และมงุ่ มะนะสะใน วรเมตตะธรรมา.
อันว่าพระองคก์ รณุ ะข้อย ฤ กค็ วรจะปรดี า,
อกี ควรฉลองวรมหา กรณุ าธคิ ณุ ครัน;
60
นกั เรยี นควรรู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT
“อันชายประกาศวะระประทาน ประดิพัทธะแดหญิง
1 วิไล งาม คําทม่ี ีความหมายเหมือนคาํ นี้ เชน วลิ าวณั ย วิลาส สะคราญ หญงิ ควรจะเปรมกะมะละยงิ่ ผวิ ะจิตตะตอบรกั
มาโนชญ รจเรข รจนา รุจริ า อําไพ ลออ พะงา เพรศิ เปน ตน แตหากฤดี บ อภริ มย จะเฉลยฉะนัน้ จกั
2 ประจิต สรางหรอื ทําขนึ้ มา เปนปดและลวงบรุ ุษะรัก ก็จะหลงละเลงิ ไป”
3 ธาดา พระพรหม ขอ ใดสอดคลองกับบทประพันธข า งตน
4 สรุ ี ในความวา “ก็เผอญิ ประสบสุรี” หมายถึง นางฟานางสวรรค นางผมู ี 1. ปฏิเสธความรกั ของอกี ฝาย
ความงดงาม 2. ปฏเิ สธทีจ่ ะบอกความในใจ
3. ปฏิเสธท่จี ะบอกความจริง
มุม IT 4. ปฏเิ สธคาํ สัญญา
ศึกษาเกี่ยวกบั คมั ภรี พ ระเวทตางๆ ของศาสนาพราหมณ-ฮินดเู พิ่มเติม ไดที่ วเิ คราะหค ําตอบ จากบทประพนั ธเ ปน การกลาวปฏเิ สธ
http://www.siamganesh.com/india02.html โดยกลา ววา หากตอบวา รักก็นบั วาเปนการโกหก ดงั น้ัน จึงเทา กบั
60 คูมอื ครู เปน การปฏเิ สธความรักของอีกฝา ย ตอบขอ 1.
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
Explain
อธบิ ายความรู
ดังน้ีคะนงึ ฤ กร็ ะบม อุระแหง่ กระหมอ่ มฉนั , นกั เรยี นอธิบายเกีย่ วกับบทเจรจาของมทั นา
ทต่ี น บ อาจจะอภิวนั - ทะนะตอบพระวาจา • มัทนามนี าํ้ เสยี งอยางไรเมือ่ ปฏเิ สธความรัก
ให้ถูกประดจุ สรุ ะประสงค์, ผวิ ะทรงพระโกรธา,
หมอ่ มฉันกโ็ อนศิระ ณ บา- ทะยุคลและกราบกราน. สเุ ทษณ
สุเทษณ.์ ทหี่ ล่อนมิยินยอม มะนะรกั สมัครสมาน, [อนิ ทวงส,์ ๑๒.] (แนวตอบ แมมทั นาจะกลาวยืนยนั ปฏเิ สธ
มคี สู่ ะมรมาน อภิรมย ์ ฤ เป็นไฉน? ความรักของสุเทษณ แตน างกใ็ ชถ อยคําที่
มัทนา. หมอ่ มฉัน บ มีบุรุษผู้ ประดิพัทธะใดใด, [วสนั ตะดลิ ก, ๑๔.] ออนนอมถอมตน แสดงความซาบซึง้ ท่ีสุเทษณ
เป็นโสด บ มมี ะนะสะใฝ่ อภิรมย ์ ฤ สมรส. รกั ใคร แตห ากนางกลาวตอบรบั แสดงวานาง
สุเทษณ์. เช่นนนั้ กเ็ ชิญฟงั ดนกุ ลา่ วสิเนหะพจน์, [อินทวงส์, ๑๒.] เปนหญิงที่โกหก ซ่งึ เปน การหลกี เลี่ยงการใช
ถอยคาํ ทีบ่ ่นั ทอนความรูส ึกของอกี ฝาย)
เจ้างามประเสรฐิ หมด กม็ คิ วรฤดีจะดา� . ขยายความเขา ใจ Expand
มทั นา. หมอ่ มฉันสดบั มะธรุ ะถ้อย ก็สา� นึกเสนาะคา� , [วสนั ตะดิลก, ๑๔.]
แต่ต้องทา� นูลวะจะนะซ�้า ดุจะไดท้ า� นูลมา. ครูสุม นกั เรยี น 2 - 3 คน แสดงความคดิ เห็นใน
สุเทษณ์. นี่เจา้ มิยอมรับ รสะรักฉะนนั้ ฤ จ๋า? [อินทวงส,์ ๑๒.] ประเด็นตอ ไปนี้
ตัวฉันจะเลวสา- หะสะดว้ ยประการไฉน?
มัทนา. อ้าองค์พระผ้สู ุระวิศษิ ฏ,์ พระจะผดิ สะถานใด? [วสันตะดิลก, ๑๔.] • หากนกั เรยี นเปน สเุ ทษณเ มอ่ื เหน็ วา มทั นา
หมอ่ มฉันสิทรามเพราะ บ่ มิได้ อนวุ ตั นพ์ ระบัณฑรู . ไมรกั ตอบ นักเรียนจะทําอยางไร
สุเทษณ์. ยิ่งฟังพะจศี ร ี ทกร็ุขะะ1ตทปี ว่ รมะรมะวทลมปหระะทมยั ูล!, [อนิ ทวงส์, ๑๒.] (แนวตอบ นักเรยี นตอบไดหลากหลายขึ้นอยู
ยง่ิ ขดั ก็ยิ่งพูน สริ ิลักษะณาวไิ ล, กับประสบการณและเหตผุ ลของแตล ะคน
อ้าเจา้ ลา� เพาพกั ตร์ ครูชใ้ี หนกั เรียนเหน็ วา ความรกั ควรเกดิ จาก
พ่จี วนจะคลั่งไคล ้ สตเิ พอื่ พะวงอนงค.์ ความรสู ึกของทงั้ สองฝาย จึงจะเปน ความรกั
มทั นา. โอโ้ อ๋ละเหี่ยอรุ ะสดบั วรศัพทะทา่ นทรง [วสนั ตะดลิ ก, ๑๔.] ที่มีความสขุ )
ออ้ ยอิ่งแสดงวรประสง- คะ ณ ตัวกระหมอ่ มฉนั ;
อยากใคร่สนองพระวรสุน- ทวสะจุรเรคสิตณุ วปยอรปเะนรตกะิชนโมญฺ ั้นทา,2า3,
จนใจเพราะผดิ คติสธุ รรม์
ขอใหพ้ ระองคอ์ ะมะระเท-
หมอ่ มฉันจะขอประณตะลา สรุ ะราชลลิ าศไป.
(มทั นากราบแล้วตงั้ ท่าจะไป, แต่สุเทษณ์จับข้อมอื ไวด้ ว้ ยกริ ยิ าออกจะโกรธ.)
สเุ ทษณ์. ช้ากอ่ น! หลอ่ นจะไปไหน? [ฉบงง, ๑๖.]
มัทนา. 4 หม่อมฉนั อยไู่ ป
ก็เครอ่ื งแตท่ รงร�าคาญ
สเุ ทษณ.์ ใครหนอบอกแกน่ งคราญ ว่าพรี่ า� คาญ?
61
ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT นักเรยี นควรรู
คําประพันธในขอใดส่อื ถงึ การใหค ําม่นั สัญญา
1. อนั พส่ี บิ ญุ แลว ก็เผอิญประสบสุรี 1 ทขุ ะ ทกุ ขะ ในทน่ี ต้ี องการเสยี งลหุวา “ทุ” ซึ่งเปนพยางคแ รก
2. และรกั สมคั รมี มนะมงุ ทะนถุ นอม 2 ประติชฺญา อา นวา ประ-ตดิ -ยา หมายความวา คําม่นั สญั ญา
3. ขอโฉมเฉลาปลง พระฤดปี ระนีประนอม 3 ประโมทา คอื คาํ วา “ปราโมทย” มีความหมายวา ยนิ ดี
4. รับรกั และยนิ ยอม ดนุรักสมัครสมาน 4 เครอ่ื งแต ในความวา “ก็เคร่อื งแตทรงราํ คาญ” หมายความวา ก็มแี ตจ ะทรง
ทาํ ใหรําคาญ
วิเคราะหคําตอบ คําประพันธทสี่ อ่ื ถงึ การใหค าํ มนั่ สัญญา คอื
“และรกั สมัครมี มนะมงุ ทะนุถนอม” หมายถงึ เมอื่ รกั แลวก็จะเฝา มมุ IT
ถนอม ซง่ึ เปน ลกั ษณะของการใหคาํ สญั ญาวาจะปฏบิ ตั ดิ วย
อยา งไร ในขณะทขี่ อ 3. และขอ 4. ส่อื ถงึ การขอใหต กลงปลงใจ ศกึ ษาเกยี่ วกับเนื้อเร่ืองบทละครพดู คําฉนั ท เร่ือง มัทนะพาธาทัง้ 5 องกเพ่ิมเตมิ
ไดท่ี http://www.reurnthai.com/wiki/มัทนะพาธา
ตอบขอ 2.
คมู ือครู 61
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
Engage Explain
อธบิ ายความรู
นักเรยี นตอบคาํ ถามจากประเด็นตอ ไปน้ี มัทนา. หมอ่ มฉนั สงั เกตเองเหน็ .
• นักเรยี นคิดวา เพราะเหตใุ ดมัทนาจงึ ไมตอบ สเุ ทษณ.์ เออ! หลอ่ นนีม้ าล้อเล่น! อันตัวพีเ่ ป็น
คนโง่ฤๅบา้ ฉนั ใด? ทลู อย่างจรงิ ใจ
รบั ความรักของสเุ ทษณ มทั นา. หมอ่ มฉนั เคารพเทพไท ชวนชกั ชมเชย
(แนวตอบ เหตทุ มี่ ทั นาไมตอบรับสเุ ทษณไ มใช ก็ บ มิทรงเชอื่ เลย, ธิบดีปรา-
เพราะนางกาํ ลังรักใครอยู แตเ ปนเพราะนาง กลบั ทรงด�ารัสเฉลย มากมวลแล้วไซร้
ไมไ ดรักสเุ ทษณ ไมคดิ วา ตนจะอยูครองคกู บั และชดิ สนิทเสนหา. สักกรี่ าตรี?
คนทตี่ นไมไดร ักได) พระองค์ทรงเป็นเทวา นอนโศกเศรา้ สรอ้ ย
• นกั เรียนคดิ วา สเุ ทษณน าเห็นใจหรอื ไม กฏเกยี รติยศเกรยี งไกร, สัจจาหนึง่ คอื
เพราะเหตใุ ด มสี าวสุรางค์นางใน ขอสมพาสไซร้
(แนวตอบ สุเทษณน าเหน็ ใจทท่ี กุ ขร ะทมเพราะ ในพระพมิ านมณ,ี โปรดข้าน้อยนดิ ,
รกั มทั นาอยฝู า ยเดียว แตเ ม่อื สเุ ทษณใชว ธิ ี จะโปรดปรานข้าบาทนี ้
และอาํ นาจบงั คับฝนใจมัทนาก็เปน การกระทาํ และเมอ่ื พระเบือ่ ขา้ น้อย, [กมล, ๑๒.]
ทีไ่ มนา เหน็ ใจ หากสุเทษณยอมรับกบั ความ จะมติ อ้ งนัง่ ละหอ้ ย
เจ็บปวดและเขา ใจอีกฝา ย สเุ ทษณจ ะนา ชะเงอ้ ชะแงแ้ ลหรือ? ชฤ ิชกชิ รา่ ะงบจิด�านกรรระจบาว,น1ความ.
เหน็ ใจมาก) หมอ่ มฉนั นเี้ ป็นผถู้ อื
ว่าแมม้ ริ ักจรงิ ใจ, บ มิตอบ ณ ค�าถาม,
ขยายความเขา ใจ Expand ถึงแม้จะเป็นชายใด กะละเล่นสา� นวนหวน.
กจ็ ะมยิ อมพรอ้ มจิต. จะสดับดนชู วน,
ครใู หน กั เรียนจัดกลมุ กลุมละ 3 คน แสดง ดงั นีข้ อเทพเรอื งฤทธ์ ิ ชนะหล่อนทะนงใจ.
บทบาทสมมติเปน ตวั ละคร สเุ ทษณ มัทนา และ ข้าบาทขอบงั คมลา. และสมคั รสมรไซร,้
มายาวนิ โดยเลือกเอาบทประพันธต อนท่ีมีตัวละคร สุเทษณ.์ (ตวาด) อเุ หม่! วนดิ านวิ าสสวรรค์
ทง้ั 3 ตวั น้ี มาแสดงบทบาทสมมติ ทั้งน้นี กั เรียน มะทะนาชะเจ้าเลห่ ์
เลือกตามความสนใจและแสดงแนวคดิ ของเร่ือง ตะละคา� อวุ าทา
ความรกั ทีต่ างไปจากเนอ้ื เรื่อง ดนถุ ามกเ็ จา้ ไซร้
วนิดาพยายาม
กแ็ ละเจา้ มิเต็มจิต
ผิวะให้อนงค์นวล
บ่ มยิ อมจะรว่ มรัก
กด็ ะนจู ะยอมให ้
62
เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT สัจจาหน่งึ คอื
“หมอ มฉนั นเี้ ปน ผถู อื
ในการทาํ กิจกรรมการแสดงบทบาทสมมติ หลงั จบการแสดงครูใหนักเรียนที่ วาแมม ริ กั จริงใจ
แสดงเปนตวั ละครตา งๆ ในเร่อื ง คือ สุเทษณ มัทนา และมายาวิน แสดงมุมมอง ถึงแมจ ะเปน ชายใด ขอสมพาศไซร
ความรกั ของตัวละครนน้ั ๆ แสดงใหเห็นถงึ ลักษณะนสิ ยั ใจคอทีม่ ผี ลตอ การตดั สินใจ กจ็ ะมยิ อมพรอมจิต”
เร่ืองความรัก และสรปุ ใหเห็นวาความรักในลกั ษณะดังกลา วนําไปสูอะไร และ ขอ ใดกลาวถกู ตอง
นักเรยี นจะสามารถนาํ มาเปน อุทาหรณไ ดห รอื ไม 1. การวางตัวเปน กุลสตรี
2. เปนตวั อยา งหญิงไทยในดา นการวางตัว
นักเรียนควรรู 3. ไมห ลงใหลกบั คํายกยอของชายหนุม
4. มคี วามหย่ิงในศกั ด์ิศรี มจี ติ ใจม่นั คง ไมรกั ก็ไมหลอกลวงให
1 กระบดิ กระบวน เปนคํานาม หมายถึง ช้นั เชงิ เชน ทําจริตกระบิดกระบวน ฝา ยชายเขา ใจผิด
สะบ้ิงสะบัด (รา ยยาวมหาเวสสันดรชาดก กัณฑช ชู ก) หากเปนคํากรยิ า หมายถงึ
แกลงทําชน้ั เชงิ เหมือนไมเ ต็มใจ เชน อยา กระบิดกระบวนนักเลย ในที่น้ีหมายถงึ วิเคราะหคาํ ตอบ จากบทประพันธผพู ูดกลา วถงึ ตนเองวา เปนผู
แตละคาํ ทีพ่ ูดมากล็ ว นแลว แตย อ นความไปมา รกั ษาคาํ พูด หากไมร กั จรงิ ก็ไมข อครองคูด วย หากมีชายท่ไี มไดร กั
มาขอใหรักก็จะไมยอม ซงึ่ แสดงใหเ ห็นวาผูพ ูดยึดศกั ดิ์ศรี สจั จะ
62 คมู อื ครู
และไมหลอกใหฝายชายเขาใจผดิ วา มีใจ ตอบขอ 4.
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
ผวิ ะนางเผอิญชอบ มรอุ ื่นก็ข้าพลนั นกั เรยี นตอบคําถามจากประเด็นตอไปนี้
จะทรุ นทุรายศลั - ยะ บ ่ อยากจะยนิ ยล; • เพราะเหตใุ ดมัทนาจงึ ถกู สาปใหไปเกิด
เพราะฉะน้ันจะให้นาง จุติส่ ู ณ แดนคน,
ทมะวทบิ ะทนจาะปตรรู ะบ์ สางทค1 ์ตน จะกา� เนิด ณ รูปใด? ในโลกมนษุ ย
ฤ จะเป็นอะไรไซร้, (แนวตอบ เพราะนางปฏเิ สธความรกั
วธเุ ลือกจะตามใจ และจะสาปประดุจสรร; ของสเุ ทษณ โดยอา งวา กลวั จะเสยี ใจเพราะ
จะสถติ ฉะน้นั กว่า จะสา� นกึ ณ โทษทัณฑ์ สเุ ทษณน ั้นมีนางสนมมากมาย ซ่ึงสุเทษณ
และผวิ อนดนพู ลัน จะประสาทพระพรให้ รวู า เปนเพยี งการกลา วอา งทน่ี างไมร ักตน จึง
วนดิ าจรลั กลับ ณ ประเทศสรุ าลยั ; ลงโทษมทั นาใหน างไดร บั รูความทกุ ขทรมาน
ก็จะชอบสะถานใด วธตุ อบดนมู า. จากความรกั โดยใหนางไปเกิดในโลกมนุษย
มัทนา. อา้ เทพศกั ด์ิสิทธ์ิซง่ึ พระจะลงพระอาญา, [สาลินี, ๑๑.] และใหมัทนาเปน ผเู ลอื กเองวา จะเกดิ เปน
ข้าเปน็ แตเ่ พยี งข้า บ มมิ งุ่ จะอวดดี. อะไร)
หมอ่ มฉนั นอ่ี าภัพ และกโ็ ชค บ่ พึงมี, • นางมทั นาตองการเกิดเปนอะไร
วรบาทพระจอมแมน. (แนวตอบ นางมัทนาตอ งการเกิดเปน ดอกไม
จะประจบและตอบแทน ท่ีมีกลนิ่ หอมระรวยเพื่อบชู าจอมเทพ)
คณนาประมวลมี.
จึง่ ไมไ่ ด้รองศร ี ฤดขิ ้า ณ บดั น้ี. ขยายความเขา ใจ Expand
อันทรงเมตตาควร รุจเิ รขวิไลวรรณ,
คุณทา่ นท่มี ากแสน จะประสทิ ธ์ิประสาทพนั ธ์ุ
อนั โปรดใหเ้ ลอื กตาม ธะระรน่ื ระรวยหอม. นักเรียนรว มกันแสดงความคิดเหน็ ในประเด็น
ขอเป็นซ่ึงมาล ี กจ็ ะได้ประณตน้อม ตอไปนี้
สุดแทแ้ ตจ่ อมสรวง สุระบ่มบ�าเพญ็ บุญ,
ขอเพยี งให้มีคนั - • นกั เรียนคิดวา นอกจากดอกกุหลาบแลว
ดว้ ยกลนิ่ ของขา้ บาท แมลรทุะปรงรพะรโยะชกนาร ์ บญุ ่ .อยหู่ มัน2. มีสิ่งใดบางทมี่ ทั นาควรไปเกดิ ใหตอ งประสงค
ใจนติ ยบ์ ชู าจอม ของสุเทษณ
ข้าขอแต่เพียงให้ เราจะยอมสรร- [ฉบงง, ๑๖.] (แนวตอบ นกั เรียนตอบไดห ลากหลายขน้ึ อยู
ใหข้ า้ ไดท้ �าคณุ นางนถี้ วลิ กับเหตผุ ลของนกั เรยี น ครเู นนใหน ักเรียน
สุเทษณ.์ ทเ่ี จ้างอนง้อขอน้นั ท่งี ามทั้งสี เขา ใจเพิ่มเตมิ วา ประสงคของสุเทษณ คือ
พะสิทธดิ งั ใจจินต์. ตองการใหนางไดป ระสบพบเจอความรัก
ดรู าทา่ นมายาวนิ , เพอ่ื ใหนางรบั รูวา ความทุกขท รมานจาก
ความรักท่ไี มสมหวงั เปน อยา งไร)
จะถอื รปู เป็นมาล.ี
กบ็ ุปผาอยา่ งใดมี
อีกท้งั มีกล่นิ สง่ ไกล?
63
“ขอเปนซ่ึงมาลี ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู
รจุ เิ รขวิไลวรรณ”
“ขอเพยี งใหม คี ัน- ธะระร่ืนระรวยหอม” ครูใหนกั เรียนรวมกนั แสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกับดอกไมตางๆ ที่สามารถใช
“ใจนิตยบ ูชาจอม สุระบมบําเพญ็ บุญ” เปน สญั ลกั ษณข องความรัก และใหน ักเรียนรวบรวมชื่อดอกไมท ่มี คี วามหมาย
“ใหขาไดท ําคุณ และประโยชน บ อยูหมัน” โดยอธิบายลักษณะดอกไมทีน่ กั เรยี นรวบรวมมา ชว ยกนั พิจารณาวา เหตใุ ดจึงมี
ขอใดสอดคลองกับขอ ความขางตน การใหความหมายเชน นัน้ เชน ดอกเขม็ มีความหมายวา ปญญาฉลาดหลกั แหลม
1. ควรทาํ สง่ิ ที่เปนคุณประโยชนแ กตนเองและผูอ นื่ ท้ังน้ีเพราะดอกเขม็ มลี ักษณะเปน ชอดอกเลก็ ๆ มีความยาวเรียวแหลมเหมอื นเขม็
2. ควรสรา งบญุ กศุ ลดวยการชว ยเหลอื ผูอืน่
3. ควรขยนั ทาํ งาน อยา มวั อยูเ ฉย นักเรียนควรรู
4. ควรทําประโยชนใ หแ กส ังคม
1 ทวิบทจะตูรบ าท ทวบิ ท แปลวา สัตวส องเทา และจะตรู บ าทหรอื จตรุ บาท
วเิ คราะหค ําตอบ จากบทประพันธ หมายความวา นอกจากจะ แปลวา สัตวส เี่ ทา
ขอเปน ดอกไมที่งามแลว ขอเปน ดอกไมท่มี ีกลนิ่ หอมดว ย จะมีใจ 2 อยหู มนั อยอู ยา งไมมีประโยชน
บูชาองคเทพ ใหไ ดท าํ คุณประโยชน ไมอยูเ ฉย ดังน้ัน เนื้อความ
ขางตนจึงสอดคลองกบั ขอ 1. ควรทาํ สิง่ ทเี่ ปนคุณประโยชนแก คูม ือครู 63
ตนเองและผูอน่ื ตอบขอ 1.
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
Engage Explain
อธบิ ายความรู
ครูสุมนักเรยี นใหวเิ คราะหค ําประพันธตอไปน้ี แตต่ อ้ งใหม้ ีหนามไว ้ ปอ้ งกนั มใิ ห้
“แตตอ งใหม หี นามไว ปอ งกันมิให เหล่าเดรจั ฉานผลาญยับ.
เหลาเดรจั ฉานผลาญยบั .” มายาวนิ . เทวะ! อนั ไมง้ ามสรรพ มลี กั ษณ์ต้องกบั
จากคํากลาวของสุเทษณ ใหนกั เรยี นวิเคราะห ใพนรนะนัอทงคะด์โนา� รทสั ยนา้นัน1มศีร,ี
เจตนาของสุเทษณ 2
(แนวตอบ จากคํากลา วขางตน หากพจิ ารณา ธ โปรดเป็นยอดมาลา.
อาจเหน็ วาสุเทษณเปนหวงมัทนา ไมอ ยากใหถ ูก องคพ์ ระศจี
พวกสัตวท้งั หลายทําลาย แตในอีกทางหนง่ึ
สุเทษณอาจไมอ ยากใหม ัทนาถกู ทําลาย เพราะจะไม เหน็ มีแตใ่ นฟากฟา้ , ในแดนคนหา
เปนไปตามประสงคทีอ่ ยากใหนางไดพ บรักและรับรู ไมน้ ้ีมิได้แหง่ ไหน.
ความทกุ ขทไี่ มสมหวงั ในรักนนั้ ) สุเทษณ์. ไม้น้มี ีนามฉันใด? ท่านจงเลา่ ให้
เราทราบซงึ่ ลกั ษณ์แถลง.
มายาวนิ . ไม้เรียกผะกากุพ-ฺ ชะกะสีอรุณแสง [อนิ ทะวิเชียร, ๑๑.]
ขยายความเขา ใจ Expand ปานแกม้ แฉล้มแดง ดรุณี ณ ยามอาย;
1. นกั เรยี นยกบทประพนั ธท อ่ี ธบิ ายถงึ ดอกกหุ ลาบ ดอกใหญแ่ ละเกสร มสุวธคุรสน3ขธจะรมไากกลม;าย,
อยทู่ น บ วางวาย
(แนวตอบ บทประพนั ธท ่อี ธบิ ายถึงดอกกหุ ลาบ อีกทง้ั สะพร่งั หนาม ดจุ ะเขม็ ประดบั ไว้
ความวา
“ไมเรียกผะกากุพ-ฺ ชะกะสีอรณุ แสง ผ้ึงเขียวสิบนิ ไขว ่ บ มใิ คร่จะห่างเหิน.
อนั กพุ ชฺ ะกาหอม, บรโิ ภคอร่อยเพลิน,
ปานแกม แฉลม แดง ดรณุ ี ณ ยามอาย; รสหวานสหิ วานเชิญ นรลิม้ เพราะเลศิ รส;
ดอกใหญและเกสร สวุ คนธะมากมาย,
อยูทน บ วางวาย มธรุ สขจรไกล; กนิ แล้วระงับตรี พธิ ะโทษะหายหมด,
คอื ลมและดลี ด ทษุ ะเสมหะเสือ่ มสรรพ;์
อกี ทั้งสะพร่งั หนาม ดุจะเข็มประดบั ไว อกี ทั้งเจริญกา- มะคณุ าภิรมย์นัน4ท,์
ผง้ึ เขยี วสิบินไขว บ มิใครจะหางเหนิ .”
2. นักเรยี นหาภาพดอกกุหลาบทน่ี กั เรยี นชน่ื ชอบ เยน็ ในอุราพลัน, และระงับพยาธี.
สเุ ทษณ์. ดีละ, จะให้มารศรี เปน็ ดอกไม้นี ้ [ฉบงง, ๑๖.]
หรือวาดภาพดอกกหุ ลาบ จากนัน้ ใหนักเรยี น โฉมยงจะวา่ ฉนั ใด?
แตงคาํ ประพนั ธอธบิ ายลกั ษณะของดอกกหุ ลาบ
ดว ยฉนั ทช นดิ ใดกไ็ ด อยางนอย 2 บท มัทนา. ไหนไหนจะเป็นดอกไม,้ หมอ่ มฉนั พอใจ
เปน็ ดอกทอี่ อกนามมา.
ข้าขอกม้ เกศวนั ทา ท่ีจอมเทวา
การญุ ใหเ้ ลอื กเชน่ น้ี.
สเุ ทษณ.์ ด้วยอา� นาจอทิ ธ์ฤิ ทธ ี อันประมวลมี
ณ ตวั กผู ูแ้ รงหาญ,
64
นกั เรียนควรรู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
ขอใดใชภาพพจน
1 นนั ทะโนทยาน หรือนันทวนั เปนชื่ออทุ ยานของพระอนิ ทร มี 4 แหง คอื 1. ดอกใหญและเกสร สุวคนธะมากมาย
นนั ทวนั ปารสุ กวัน จติ รลดาวัน และมสิ กวัน ตงั้ อยูทางทิศตะวันออกของสวรรค 2. อยทู น บ วางวาย มธุรสขจรไกล
ชน้ั ดาวดึงส ในสวนดา นทีใ่ กลกับตัวเมอื งมีสระใหญ 2 สระ สระหน่งึ มีช่อื วา 3. อีกท้งั สะพรง่ั หนาม ดุจะเขม็ ประดบั ไว
สระนนั ทาโบกขรณี อีกสระหน่งึ มชี ือ่ วา จลุ นนั ทาโบกขรณี กลา วกนั วา หากเทวดา 4. ผงึ้ เขียวสบิ ินไขว บ มิใครจ ะหางเหิน
ทีม่ ที ุกขใ จเขาไปชมสวนนนั ทวัน ความทุกขน น้ั จะมลายหายไปหมดสน้ิ
2 ศจี เปน ชายาองคห น่ึงของพระอนิ ทร วิเคราะหค ําตอบ ขอท่ใี ชภ าพพจน คอื “อีกทั้งสะพรัง่ หนาม
3 มธุรส เปน คํานาม หมายถึง นา้ํ ผ้งึ รสหวาน ออย คาํ วิเศษณ หมายถงึ ไพเราะ ดุจะเขม็ ประดับไว” ใชภาพพจนอ ุปมา โดยเปรียบหนามของ
ในทน่ี ีค้ วามวา “มธรุ สขจรไกล” จึงหมายถึงความหอมหวานฟงุ ไปไกล ดอกไมว า เหมือนเขม็ มีคาํ วา “ดจุ ะ” หรือดจุ เปน คําแสดง
4 พยาธี ความเจบ็ ไข เชน โรคาพยาธิ ชาตชิ ราพยาธิ เปนตน
ความเปรียบ ตอบขอ 3.
64 คูมอื ครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
ขยายความเขา ใจ Expand
กสู าปมัทนานงคราญ ใหจ้ ตุ 1ผิ ่าน นักเรยี นอานเนอื้ เรอ่ื งในหนา 65 ครสู ุมนกั เรยี น
ไปจากสุราลัยเลศิ , 2 - 3 คน แสดงความคดิ เห็น ดังน้ี
สูแ่ ดนมนษุ ย์และเกดิ เปน็ มาลเี ลิศ
อันเรยี กวา่ กพุ ฺชะกะ, • เมอื่ ใดมัทนาจงึ จะพนจากคําสาปให
ใหเ้ ป็นเช่นนัน้ กวา่ จะ ร้สู กึ อุระ กลายเปนดอกกุหลาบ
ระอเุ พราะรกั รงึ เขญ็ . (แนวตอบ มัทนาจะพนจากการถูกสาป
ทุกเดือนเม่ือถึงวันเพญ็ ให้นางนเ้ี ปน็ เมื่อนางไดพ บความรักทแ่ี ทจ รงิ และคนท่ี
มนษุ ยอ์ ย่กู า� หนดมี 2 นางรกั รกั นางตอบ แตเ มอื่ ใดกต็ ามทน่ี างทกุ ข
ทรมานเพราะความรกั ก็ใหนางวิงวอนสาํ นึก
เพยี งหนงึ่ ทวิ าราตรี; ในโทษ แลว สเุ ทษณจ ะนํานางกลบั สวรรค)
ความรกั บุรษุ เมอื่ ใด, แตห่ ากนางมี ตรวจสอบผล Evaluate
เม่อื นัน้ แหละให้ทรามวยั คงรูปอยู่ไซร้ 1. นักเรยี นทองบทอาขยานท่ีนักเรยี นประทับใจ
บ คืนกลับเป็นบปุ ผา. จากเนือ้ เรอ่ื งได
หากรกั ชายแลว้ มัทนา บ มสี ุขา
ภิรมยเ์ พราะเริดรา้ งรัก, 2. นักเรียนยกบทประพันธจ ากเนื้อเรื่องและแตง
และนางเปน็ ทกุ ข์ยิ่งนัก จนเหลือท่จี ัก ฉนั ทท อ่ี ธิบายถึงลักษณะของดอกกหุ ลาบได
อดทนอยอู่ ีกตอ่ ไป,
เมอื่ นน้ั ผวิ ่าอรไท กล่าววอนเราไซร้ 3. นกั เรียนแสดงบทบาทสมมติจากบทละครพดู
คาํ ฉันท เร่ือง มทั นะพาธาได
เราจ่ึงจะงดโทษทณั ฑ.์
นางมทะนา จุตอิ ย่านาน [จติ ระปทา, ๘.]
จงมะละฐาน สุระแมนสวรรค์,
ไปเถอะกา� เนิด ณ หมิ าวนั
ดังดนลุ ่นั วจสิ าปไว้!
(พิณพาทย์ทา� เพลงคุกพาทย,์ สุเทษณแ์ ผลงฤทธิ์, ฟา้ แลบแวบวาบตลอดเพลง. พอถงึ
รัวทา้ ย มัทนารอ้ งกรด๊ี และลม้ ลงกบั พนื้ .)
(ปดิ มา่ น.)
65
ขอใดไมใช คุณสมบัตขิ อง “กพุ ฺชกะ”ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นกั เรยี นควรรู
1. วนิ ิดาพยายาม กะละเลนสาํ นวนหวล 1 จตุ ิ คําวา “จตุ ิ” มักใชเขาคกู ับ “ปฏิสนธิ” และ “อุบตั ”ิ ตามรูปศัพท แปลวา
2. กินแลวระงบั ตรี พธิ ะโทษะหายหมด “การเคลื่อน” คอื เคล่อื นจากภพหนงึ่ ไปสูอ กี ภพหนึง่ หรอื เคลอื่ นจากโลกหน่ึงไปสูอีก
3. อีกทั้งเจรญิ กา- มะคุณาภริ มยน นั ท โลกหนึง่ เมือ่ รวมความแลว ก็คือ “ตาย” นั่นเอง ตามปกติถา เรานําเอาคาํ วา “จุติ”
4. เย็นในอุราพลัน และระงบั พยาธี มาใช เรามิไดใชก ับมนษุ ยท วั่ ๆ ไป และก็มิไดใ ชกบั บรรดาสัตวนรก เปรต อสุรกาย
หรอื สตั วด ิรจั ฉานอื่นๆ จะใชกบั เทวดาหรอื พรหมเทานนั้ เชน เทวดาจตุ จิ ากสวรรค
วิเคราะหคําตอบ ขอ ทไ่ี มใ ชค ณุ สมบตั ขิ อง “กพุ ชฺ กะ” หรอื กหุ ลาบ มาเกิดในโลก หรอื พระโพธสิ ตั วจ ุติจากสวรรคชั้นดสุ ติ มาปฏิสนธใิ นพระครรภ
คอื ขอ 1. วนิ ดิ าพยายาม กะละเลน สาํ นวนหวล ซงึ่ มคี วามหมาย พระนางสิริมหามายา เปนตน เมือ่ “จตุ ิ” แลว กต็ อง “ปฏสิ นธิ” ทนั ที จากนัน้ จงึ
วา นอ งกําลงั พูดจาเลน สํานวน คือ ไมพดู อยา งตรงไปตรงมา สวน “อบุ ัติ” หรอื เกิดน่นั เอง
ขอ อื่นๆ ลวนเปนคุณสมบตั ิของ “กุพฺชกะ” ทง้ั สน้ิ ดงั น้ี ขอ 2. กนิ
แลวชว ยระงับตรโี ทษ คือ โรคลม ดี และเสมหะ ขอ 3. ชว ยบํารุง การใชคาํ วา “จตุ ”ิ มกั มคี วามเขาใจผดิ ทนี่ ํามาใชใ นความหมายวา “เกิด”
อยบู อ ยๆ เชน “เขาจตุ เิ ปนมนษุ ย” ก็หมายความวา “เขาเกดิ เปน มนุษย” ทีจ่ รงิ แลว
รายกาย และขอ 4. ทําใหช ืน่ ใจและระงบั โรคได ตอบขอ 1. จะตองบอกวา “เขาจตุ ิมาเกดิ เปน มนุษย” คอื เขาตายแลว มาเกดิ เปนมนษุ ย
และในท่ีนก้ี ต็ องหมายถึงตายจากเทวโลกหรือพรหมโลกเทา น้ัน
2 หน่งึ ทวิ าราตรี “ทิวา” หมายถงึ วนั “ราตร”ี หมายถงึ คนื “หนึ่งทวิ าราตร”ี
คือ หนง่ึ วันหนง่ึ คืน
คูมอื ครู 65
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
กระตนุ ความสนใจ Engage
ครูและนกั เรียนสนทนาเกี่ยวกบั คาํ ศัพทท ่ีใชใ น ๖. คำ�ศัพท์ ควำมหมำย
การประพนั ธคาํ ประพนั ธประเภทฉนั ท และครถู าม
นกั เรยี นวา คำ� ศพั ท์ เท่ียวไปถงึ
ตาย (มักใชแ้ กเ่ ทวดา)
• เพราะเหตใุ ดคาํ ประพนั ธป ระเภทฉันท จรดล บรเิ วณโดยรอบของโลก ท่วั โลก
จึงมักใชคาํ บาลีสันสกฤต จตุ ิ ขน้ึ เช่น เถลิงราชย์ เถลิงอา� นาจ
(แนวตอบ เพราะคาํ ประพนั ธประเภทฉันท จักกะวาฬ (จักรวาล) นางแกว้
มกั ใชคาํ ตาย ซ่งึ คาํ บาลสี ันสกฤตมลี ักษณะ เถลงิ หญงิ รับใช้
เสยี งสัน้ เปนคาํ ตายตรงตามความตองการ นารรี ตั น์ ปรากฏชัด อาจเป็นทางตาหรือทางใจก็ได้ เช่น ประจักษ์แก่ตา
ตามคาํ ประพันธประเภทฉนั ท) บริจาริกา ประจกั ษ์แกใ่ จ
ประจักษ์ ความรกั ใคร่ ผูกพัน
สาํ รวจคน หา Explore หา้ ล�าดบั ที่ ๕
ประดิพทั ธ์ การใหค้ า� มนั่ สญั ญาหรอื การแสดงการยนื ยนั โดยถอื เอาสง่ิ ศกั ดสิ์ ทิ ธ์ิ
นักเรียนศึกษาคนหาคําบาลแี ละคาํ สนั สกฤตท่ีมี ปัญจา, ปัญจ และความสจุ ริตเป็นทต่ี ั้ง
ในบทละครพดู คําฉันท เรอื่ ง มัทนะพาธา ปฏิญญา แผน่ ดนิ
การบวงสรวง การบูชา
อธบิ ายความรู Explain ไผท1 ทีอ่ ยขู่ องเทวดา สวรรค์
พะลี (พลี) มลี ายงาม มลี ายสกุ ใส
นักเรียนรวบรวมคาํ ศัพทในเนื้อเรือ่ งทีเ่ ปน คาํ รังสรรค์ ออ่ นใจ
บาลีและคาํ สันสกฤต อยางละ 5 คาํ รจุ เิ รข เลิศ ยอดเยยี่ ม ดยี ิ่ง ประเสริฐ
ละเหยี่ หญิงสาว
(แนวตอบ ตัวอยา งคําศัพทท ีเ่ ปน คําบาลแี ละคาํ ววิธศ ุษิ วฎธ2์ู ทอ่ี ยู่ของเทวดา สวรรค์
สนั สกฤต สุราลยั นางสวรรค์
สุรางค์ ดอกไม ้ ดอกมะลิ
• คาํ บาลี เชน สจั จะ ปะฏญิ ญา กจิ จะ วรขคั คะ สุมณี สมุ นา ท�าตาม ประพฤติตาม ปฏบิ ตั ิตาม
กัญญา เปนตน อนวุ ตั น์
• คําสันสกฤต เชน สวรรค พิศษิ ฏ พระโทษา 66
พกั ตร กรรม เปน ตน)
ขยายความเขา ใจ Expand
นักเรียนยกบทประพันธ 1 - 2 บท ที่มที งั้ คาํ บาลี
และคาํ สนั สกฤต แลว จาํ แนกคาํ บาลแี ละคาํ สนั สกฤต
ตรวจสอบผล Evaluate
นกั เรยี นจําแนกคาํ บาลแี ละคาํ สันสกฤตจาก
บทประพนั ธที่นกั เรยี นยกมาได
เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
“หมอมฉันสทิ รามเพราะ บ มิได อนุวัตนพระบณั ฑรู ”
ครูขยายขอบเขตความรูเกี่ยวกับเรื่องศัพทในวรรณคดีไทยของนกั เรยี น โดยการ ขอใดกลา วถูกตองในคาํ ประพันธข า งตน
ใหนักเรยี นศึกษาคน ควาคําที่มีความหมายเหมอื นกนั ซ่ึงเปน ที่นยิ มในการแตง คํา 1. ไมอาจรักตอบผเู ปน ใหญ
ประพนั ธของกวีไทย หากนกั เรยี นเกิดความติดขัดสงสัยในความหมายของคาํ ศพั ท 2. ไมเ กรงกลวั ตอคําพดู ของผเู ปน ใหญ
จะสงผลใหน กั เรยี นไมสามารถเขาใจเนื้อเรอื่ ง และไมร สู กึ ซาบซ้งึ ในรสวรรณคดี 3. ไมย นิ ยอมทจ่ี ะเปน ชายาของผเู ปน ใหญ
ขาดสุนทรยี ะในการอานวรรณคดดี วย 4. ไมต องการใหผูเปนใหญบ งั คับฝน ใจใหอ ยูใตอ ํานาจ
วเิ คราะหค ําตอบ จากคําประพนั ธกลาวถงึ วา หมอมฉนั ไมดี
นักเรียนควรรู เพราะไมอ าจทาํ ตามความประสงคข องพระผเู ปน ใหญได ขอ ที่กลา ว
ถกู ตอ งในคาํ ประพันธข า งตน คือ ไมอ ยากรักตอบพระผูเปนใหญ
1 ไผท แผนดิน คําทมี่ ีความหมายเหมือนคําน้ี หรอื ท่เี รียกวา คําพอง พิจารณาจากคําวา “อนุวตั น” ซงึ่ หมายถงึ ยอมทาํ ตาม ในบริบท
ความหมาย เชน พสธุ า หลา พิภพ ธรณี ภูมิ ธรณี ปฐพี ธาตรี ธรา เปน ตน หมายถึง ไมต อบรับความรักของพระผเู ปน ใหญ ตอบขอ 1.
2 วธู หญิงสาว คาํ ท่มี คี วามหมายเหมอื นคํานี้ เชน สตรี นงพาล ดรณุ ี อนงค
นงคราญ กัลยา กัญญา กนั ยา นารี เปน ตน
66 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Engage
กระตนุ ความสนใจ
๗. บทวเิ คร�ะห์ ครูและนกั เรียนแลกเปลีย่ นความคดิ เห็น
เกี่ยวกับมุมมองความรกั โดยครใู หน กั เรียนเตรยี ม
๗.๑ คุณคา่ ด้านเนือ้ หา กระดาษขึน้ มา 1 แผน จากนัน้ ใหน ักเรียนเขียน
นยิ ามความรักลงบนกระดาษ
๑) รปู แบบ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระราชนพิ นธบ์ ทละครพดู
คา� ฉนั ท์ เร่อื ง มัทนะพาธา ดว้ ยคา� ประพนั ธ์ประเภทกาพยแ์ ละฉันท ์ การเลอื กถอ้ ยคา� และรปู แบบ สาํ รวจคน หา Explore
ค�าประพนั ธ์มคี วามเหมาะสมกบั เน้อื หา ทา� ใหผ้ อู้ ่านเกดิ ความรู้สึกคล้อยตาม เกดิ ความประทับใจ
อยากติดตามอ่าน เช่น เมื่อมายาวินเล่าเรื่องราวในอดีตถวายสุเทษณ์ว่า เหตุใดมัทนาจึงไม่รัก 1. นักเรียนศึกษาคณุ คาดา นเนอื้ หา คุณคา ดาน
สุเทษณ์ ทรงเลือกใช้อินทรวิเชียรฉนั ทท์ ม่ี ีท่วงท�านองเร็วเหมาะแกก่ ารเลา่ ความหรอื บรรยายเรื่อง วรรณศลิ ป และคุณคา ดานสงั คมของบทละคร
กสว่รน้ิวมเนัทอ้ื นหาานต้ันอในชส้กเุ มทลษฉณันฝ์ ทา1์ซกร่ึงกัมมีคทั�าคนราุ นลน้ั หใชุ ว้ จส�านั นตวดนลิ เทกฉ่ากนั ันทแซ์ ตง่ึ ม่ขทีึ้นว่ตง้นทว�ารนรอคงดอ้วอ่ ยนคห�าลวาหนุ จเมึงอ่ืมสีทเุ �าทนษอณง์ พดู คาํ ฉันท เร่ือง มัทนะพาธา
กระแทกกระทัน้ ถ่ายทอดอารมณ์โกรธเกรี้ยวได้ดี
2. นกั เรียนศึกษาเก่ียวกบั ปมปญหา การคลายปม
๒) องค์ประกอบของเรื่อง ปญหา และจุดจบของเรื่อง
๒.๑) สาระ สาระหรอื แกน่ สา� คัญของเรอื่ งมอี ย ู่ ๒ ประการ คอื ทรงปรารถนา
อธบิ ายความรู Explain
จะกล่าวถึงต�านานดอกกุหลาบ ซ่ึงเป็นดอกไม้ที่สวยงามแต่ไม่เคยมีต�านานทางเทพนิยาย จึง
พระราชนพิ นธใ์ หด้ อกกหุ ลาบมกี า� เนดิ จากนางฟา้ ทถี่ กู สาปใหจ้ ตุ ลิ งมาเกดิ เปน็ ดอกไมช้ อื่ ดอกกพุ ชฺ กะ นักเรยี นศกึ ษาเกี่ยวกบั องคประกอบของ
คือ ดอกกหุ ลาบ และแก่นสา� คญั อีกประการหนงึ่ คือ เพ่อื แสดงความเจ็บปวดอันเกิดจากความรกั บทละครพดู คาํ ฉันท เรื่อง มทั นะพาธา จากน้ัน
ใหเ้ หน็ วา่ ความรกั นนั้ มอี านภุ าพอยา่ งยง่ิ ผใู้ ดมคี วามรกั กอ็ าจเกดิ ความหลงขนึ้ ดว้ ย ทรงใชช้ อื่ เรอ่ื ง อธบิ ายปมปญ หาของเรอ่ื ง การคลายปมปญ หา
วา่ มัทนะพาธา อันเป็นช่ือตวั ละครเอกของเร่อื งนี้ ซงึ่ แปลว่า ความเจ็บปวดหรอื ความเดอื ดร้อน และจดุ จบของเรื่อง
อนั เกดิ จากความรัก
(แนวตอบ ปมปญ หาของเรอ่ื ง คอื สเุ ทษณห ลงรกั
๒.๒) โครงเร่ือง มัทนะพาธาเป็นบทละครพูดค�าฉันท์ท่ีพระบาทสมเด็จ มทั นาแตน างไมร ักตอบ สุเทษณก ริ้วมากสาปให
พเรรอ่ื ะงมใดง กโุฎดยเกมลีก้าาเรจผ้ากู อเยรือู่่หงัวใทหร้มงีคควิดาโมคขรัดงแเรยื่อ้งงซเ่ึงอเงป น็ ไปมม่ไปดัญ้ใชห้เานขื้ออเงรเ่ือรงอ่ื หง2รคืออื ต สัดุเตทอษนณม์เาทจพาบกตุ วรรหรลณงครดักี มัทนาเปนดอกกหุ ลาบไปเกิดในโลกมนษุ ย ซึ่งนาํ ไป
นางมัทนา แต่นางไม่รักตอบจงึ สาปนางเป็นดอกกุพชฺ กะ (กหุ ลาบ) ปมปัญหาต่อมาคือ นางมทั นา สูการคลายปม คือ มทั นาพบรกั กับชยั เสน แตม ี
พบรักกับท้าวชัยเสน แต่ก็ต้องพบอุปสรรคเพราะนางจัณฑีมเหสีของท้าวชัยเสนวางอุบายให้ นางจณั ฑคี อยขัดขวาง มทั นาเจ็บปวดเพราะ
ท้าวชัยเสนเข้าใจนางมัทนาผิด สุดท้ายนางมัทนาได้พบกับสุเทษณ์เทพบุตรแต่ก็ปฏิเสธความรัก ความรกั วงิ วอนขอใหสเุ ทษณม ารับไปสวรรค
ของสุเทษณ์เทพบุตรเชน่ เคย เร่ืองจึงจบลงดว้ ยความสูญเสยี และความเจ็บปวดด้วยกนั ทุกฝา่ ย สุเทษณข อความรกั มัทนาอีกคร้ัง มทั นาปฏิเสธ
สุเทษณส าปนางใหเปน ดอกกหุ ลาบตลอดไป
๒.๓) ตวั ละคร ในบทละครพดู คา� ฉันท ์ เรื่อง มทั นะพาธา มีตัวละครหลักท่สี า� คัญ จดุ จบของเรอ่ื ง คอื สเุ ทษณไมส มหวังในรกั
ดังน้ี มัทนาเปน ดอกกหุ ลาบตลอดไป ชยั เสนสูญเสีย
คนรกั และนางจณั ฑีเจบ็ ปวดเพราะความรัก)
สุเทษณ์ เปน็ คนหมกมุน่ ในตณั หาราคะ เจ้าอารมณ์ เอาแตใ่ จตนเอง และ
ไม่คา� นึงถึงความรูส้ กึ ของผอู้ ืน่ ดังบทประพนั ธ์
67
ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู
“เวทมนตรนนั้ เขาอาจมี จรงิ อยพู อท่ี
จะเรยี กเอาใครใครมา; ครจู ดั กจิ กรรมทบทวนความรขู องนกั เรยี น โดยครูยกเร่อื งการใชด อกกหุ ลาบ
แตจะบังคบั หทั ยา ใหร ักน้นั ขา เปน สญั ลักษณแทนความรกั ท่เี จบ็ ปวด ความรักท่ไี มส มหวัง ครแู นะใหน ักเรียนยก
ยังนึกระแวงแคลงนัก.” ดอกไมชนิดอื่นท่ีสอ่ื ความหมายตา งๆ หรอื เปนสญั ลกั ษณแ ทนความรูสกึ เชน
ขอใดกลา วไมถ ูกตอ ง เกยี่ วกับบทประพนั ธขางตน ดอกมะลแิ ทนความรักที่บรสิ ุทธ์ิ ดอกเข็มแทนความมสี ตปิ ญ ญาเฉยี บแหลม
1. ความรักสาํ คัญที่ใจ รวบรวมและบันทึกลงในสมดุ จากน้ันนํามาแลกเปล่ียนเรียนรูก ันระหวางเพ่ือนๆ
2. รกั แลวก็ยากท่จี ะตดั ใจ ในหองเรยี น
3. ความรกั นัน้ ยากทีจ่ ะบงั คับกนั ได
4. เวทมนตรค าถาเรยี กใหคนมาหาได นักเรยี นควรรู
วิเคราะหคาํ ตอบ บทประพนั ธข า งตนเช่อื วา เวทมนตรน ้ันมอี ํานาจ 1 กมลฉนั ท ฉันทท ี่มีลลี ากลอมใหเ พลดิ เพลิน เหมาะสาํ หรับการใชบรรยาย
ที่จะเรยี กใครๆ ใหมาหาได แตหากบงั คบั ใจใหรกั นั้นสงสัยวา อาจ ความหรอื ดาํ เนินเรอ่ื ง
เปน ไปไมได ดังนน้ั สรปุ วา เวทมนตรบงั คับไดแตก าย แตบงั คับใจ 2 ปมปญหาของเร่ือง คอื ความขัดแยง ทเี่ กิดในเรอ่ื งทําใหเร่ืองราวนาตดิ ตามวา
จะดาํ เนินไปอยา งไรและมกี ารคลคี่ ลายปญ หาอยางไร
ไมไ ด ตอบขอ 3.
คมู อื ครู 67
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
นกั เรยี นอธิบายความรกั ของตวั ละครแตล ะตวั สเุ ทษณ์. เหวยจติ ระเสน มึงบงั อาจเลน่ ลอ้ กูไฉน?
ดงั นี้ จติ ระเสน. เทวะ, ขา้ บาท จะบงั อาจใจ ทา� เช่นน้ันไซร ้ ได้บพ่ ึงม.ี
สเุ ทษณ.์ เวช่าน่ กนเู ศั้นรท้าา�จไิตม เพพวรกาะมไึงมมไ่ าดใส้หม้ พ จริตกทบู ใี่ ดั ฝนช่ ี้,ม ว, า่ อปกรกะรสมง1เคนใ์ ือดง นใหิต้สยม.์ ฤดี? มึงรู้อยนู่ ่ี
• สเุ ทษณ
(แนวตอบ สุเทษณม คี วามรักขา งเดียว พยายาม จิตระเสน. ตขู ้าภักดี กม็ ีแต่คิด เพอ่ื ให้ทรงฤทธิ ์ โปรดทุกขณะ.
ทจ่ี ะใหไดม าซง่ึ ความรักของฝา ยตรงขาม สุเทษณ์. กูไม่พอใจ! ไล่คนธรรพไ์ ป บัดนีเ้ ทยี วละ อย่ามวั รอรัง้ .
แตขณะเดยี วกันดวยลักษณะนิสัยรกั ศักด์ิศรี
จึงตองการความรักท่มี าจากใจ ไมยอมรบั มัทนา เป็นคนซ่ือตรง ไม่มีเล่ห์เหล่ียม ไม่พูดโป้ปด ปากกับใจตรงกัน
ความรักทม่ี าจากความจาํ ยอมหรือฝน ใจ คดิ เหน็ อยา่ งไรกพ็ ดู ไปอยา่ งนน้ั ไมเ่ สแสรง้ แตค่ วามจรงิ ทนี่ างพดู ทา� ใหน้ างตอ้ งไดร้ บั ความลา� บาก
ความรกั ของสุเทษณ คือ ไมไดก ็ทาํ ลาย) ทุกขร์ ะทมใจ ดงั บทประพันธ์
• มัทนา ฟังถ้อยด�ารสั มะธรุ ะวอน ดนุนผี้ เิ อออวย.
(แนวตอบ เร่ืองความรกั มทั นามคี วามมุงมน่ั จักเปน็ มุสาวะจะนะด้วย บ มติ รงกะความจริง.
ดึงดนั ไมแ พสุเทษณเ ชน กนั แมว าสุเทษณได อันชายประกาศวะระประทาน ประดิพทั ธะแด่หญงิ ,
เกย้ี วพา สัญญาอยางไร มทั นาก็ไมยนิ ยอม หญิงควรจะเปรมกะมะละย่งิ ผิวะจิตตะตอบรัก;
รับรกั ของสเุ ทษณ จึงนําไปสกู ารลงโทษสาป แตห่ ากฤดี บ อะภิรมย ์ จะเฉลยฉะนน้ั จกั
ใหก ลายเปน ดอกกหุ ลาบ) เปน็ ปดและลวงบรุ ษุ ะรัก กจ็ ะหลงละเลงิ ไป.
ตูข้าพระบาทสสิ ุจรติ บ มิคิดจะปดใคร,
จ่ึงหวงั และมงุ่ มะนะสะใน วรเมตตะธรรมา.
๒.๔) ฉากและบรรยากาศ ฉากทป่ี รากฏในเรอ่ื งตอนทเ่ี รยี น คอื วมิ านของสเุ ทษณ์
เทพบุตร กวีทรงบรรยายฉากและบรรยากาศได้เหมาะสมและสอดคล้องกับสุเทษณ์เทพบุตร
ผู้ซึ่งหมกมุ่นอยู่ในตัณหาราคะ โดยวิมานของสุเทษณ์เทพบุตรรายล้อมไปด้วยเทพบริวาร
คนธรรพ์ นางอปั สร ทตี่ า่ งมาบ�ารงุ บ�าเรอขับกลอ่ มถวาย
๒.๕) กลวิธีการแต่ง การด�าเนินเรื่องใช้กลวิธีให้วิทยาธรมายาวินเป็นผู้เล่า
อดีตชาติของสุเทษณ์เทพบุตรและด�าเนินเรื่องโดยแสดงให้เห็นลักษณะของสุเทษณ์เทพบุตร
ผู้เป็นใหญ่ มีบุญ มีอ�านาจวาสนา และมีบริวารพร่ังพร้อม ควรท่ีจะเสวยสุขในวิมานของตนเอง
แตก่ ลบั เอาแต่ใจตน หมกมนุ่ ในตณั หาราคะ แค่นางเทพธดิ าท่ปี ระดบั บารมีอยกู่ ็มากมายลน้ เหลอื
จะเสวยสขุ อยา่ งไรก็ได ้ แต่กไ็ มพ่ อใจ
68
เกรด็ แนะครู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดTชะกะสีอรุณแสง
“ไมเรยี กผะกากุพ-ฺ
ครจู ดั ใหน กั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ อยา งหลากหลายเกยี่ วกบั ประเดน็ เรอื่ งความรกั ปานแกม แฉลม แดง ดรณุ ี ณ ยามอาย;
โดยใหน กั เรียนเสนอวิธีแกป ญหาเร่ืองความผดิ หวังจากความรกั ครแู นะใหน กั เรยี น ดอกใหญแ ละเกสร สุวคนธะมากมาย,
นําธรรมะมาเปน แนวทางในการแกป ญ หา ใหนักเรยี นแสดงความคดิ เหน็ เก่ียวกับ อยทู น บ วางวาย มธุรสขจรไกล”
แนวทางการแกปญ หาความรกั ทไ่ี มส มหวงั วา นักเรยี นเห็นดว ยหรือไม อยา งไร ขอใดเปน รสวรรณคดขี องบทประพนั ธข า งตน
โดยครอู าจเชอ่ื มโยงเขา กบั สภาพสังคมในปจ จุบัน การถา ยทอดความรสู ึกท่เี รยี ก 1. เสาวรจนี
วา “ความรกั ” ผานสอื่ ตา งๆ ท้ังโทรทัศน หนังสือ อินเทอรเ นต็ นกั เรียนพจิ ารณาวา 2. นารีปราโมทย
คนในสังคมไดร ับอิทธพิ ลเกยี่ วกับเร่อื งความรักอยา งไรบาง จากการเสพสอ่ื เหลา นีเ้ ปน 3. พโิ รธวาทงั
ประจาํ หรือนําไปสแู รงบันดาลใจในการสรา งงานวรรณกรรมของคนรุนใหมอยา งไร 4. สัลลาปง คพิไสย
นกั เรียนควรรู วิเคราะหค าํ ตอบ บทประพนั ธข า งตน เปนบททพี่ รรณนาถงึ
ความงามของดอกกหุ ลาบทีม่ ีสีแดงเหมอื นแสงอรณุ และแกม
1 กรม ระทม เจ็บอยูภายในเร่อื ยไป เชน กรมใจ กรมหนอง (กลัดหนอง) หญงิ สาวยามอาย ดอกขนาดใหญม กี ลนิ่ หอมฟงุ ไปไกล เปน กระบวน
เปน ตน หรอื เรยี ก “ตรม” ชมความงามของดอกกุหลาบเปรยี บเทียบกับหญงิ สาว คือ
68 คูม อื ครู รสเสาวรจนี ตอบขอ 1.
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
ศิลปะการด�าเนินเร่ืองเปรียบให้เห็นชายท่ีร่�ารวยด้วยเงิน อ�านาจวาสนา อยากได้อะไร นกั เรยี นอธิบายกลวธิ ใี นการดําเนินเรอื่ งของ
ก็จะต้องเอาให้ได้ เม่ือไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนตร์ต้องเอาด้วยคาถา ผู้หญิง บทละครพูดคาํ ฉันท เร่ือง มทั นะพาธา
จึงเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพราะไม่มีอะไรจะไปต่อสู้และก็มีไม่น้อยท่ีหญิงหลงไปติดในวิมานของ
คนร่า� รวย การด�าเนนิ เรื่องก�าหนดให้สเุ ทษณส์ าปนางมทั นาให้เปน็ ดอกกุหลาบ ต่อเมอ่ื ถึงคนื เพญ็ (แนวตอบ บทละครพดู คาํ ฉนั ท เรอื่ ง มทั นะพาธา
จะเป็นมนุษย์หน่ึงวันกับหน่ึงคืน หากมีความรักเมื่อใดจึงจะเป็นมนุษย์ หากนางมีทุกข์เพราะรัก มลี กั ษณะการเลา เรื่องเพือ่ บอกเลา ความเปนมาของ
ก็ให้กล่าวอ้อนวอนสุเทษณ์จึงจะยกโทษให้ ก็เพราะสุเทษณ์หวังว่าเมื่อนางต้องระทมเพราะ ดอกกหุ ลาบวา เปน สญั ลกั ษณข องความรกั ทไ่ี มส มหวงั
ความรักไม่สมหวังก็คงจะเห็นใจคนท่ีหลงรักตนและคงจะยินดีรับรักสุเทษณ์บ้าง แต่สุเทษณ์ การดําเนนิ เรอ่ื งใชบทเจรจาของตวั ละคร ซงึ่ แสดง
คาดการณ์ผิดเพราะเรื่องจบลงด้วยนางมัทนาอ้อนวอนขอให้รักของนางสมหวัง สุเทษณ์ขอให้ ใหเ ห็นลกั ษณะของตวั ละครไดเ ปนอยา งดี อกี ท้ัง
นางรบั รกั กถ็ กู ปฏิเสธอกี จึงโกรธแคน้ และสาปนางใหเ้ ปน็ ดอกกหุ ลาบชั่วนิรันดร์ นาํ ไปสกู ารดําเนินเรอื่ งดวย เหน็ ไดจ ากการเจรจา
บริวารของสุเทษณ์เทพบุตรเป็นคนธรรพ์คือ จิตระรถ จิตระเสน มีหน้าที่บ�ารุงบ�าเรอให้ โตต อบกนั ทําใหเกิดความไมพอใจ ดังทสี่ เุ ทษณ
เจ้านายมคี วามสขุ มคี วามพอใจ ดงั นน้ั จงึ ท�าทุกอยา่ งเพอ่ื เอาใจผ้เู ป็นนาย เช่น เสาะแสวงหา ขอความรกั จากมทั นา แตม ัทนากลับปฏเิ สธดวย
หญงิ งามมาเสนอสนองกเิ ลสตณั หา ใหว้ ทิ ยาธรมายาวนิ ใชเ้ วทมนตรส์ ะกดนางมทั นามาใหส้ เุ ทษณ ์ ถอยคาํ ประนปี ระนอม แตย ึดม่ันจดุ ยืนอยา ง
หากสเุ ทษณม์ คี วามปรารถนาในตวั นาง ตอ้ งการนางกจ็ ะใชเ้ วทมนตรบ์ งั คบั ฝนื ใจ บรวิ ารประเภทน้ี แนวแนทจ่ี ะปฏิเสธสุเทษณ ทาํ ใหส เุ ทษณไมพอใจ
ก็มมี ากในสังคมซ่ึงมีสว่ นท�าให้เกดิ ความเดอื ดรอ้ นและเสยี หายได้ อยา งมาก สาปใหม ัทนาเปน ดอกกหุ ลาบ)
ส�าหรับนางมัทนาเป็นคนตรง เป็นคนซื่อ คิดอย่างไรก็พูดอย่างน้ัน ไม่รักก็บอก
ตรงๆ ไม่หลอกลวง ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม พูดแต่ความจริง ฉะนั้น ถ้าหญิงใดตกอยู่ในฐานะอย่าง ขยายความเขา ใจ Expand
นางมทั นาจงึ ตอ้ งระวงั ตวั หลกี หนชี ายผมู้ ากดว้ ยราคะใหห้ า่ งไกล กวกี า� หนดใหน้ างถกู สาปกลายเปน็
ดอกไมค้ อื กหุ ลาบ ซงึ่ สวยงามมหี นามแหลมคมเปน็ เกราะปอ้ งกนั ตนใหพ้ น้ จากมอื ผหู้ กั หาญรานกงิ่ 1. นักเรียนทํากิจกรรมแสดงความคดิ เหน็ เร่อื ง
เดด็ ดอกไปเชยชม ดอกกหุ ลาบเปน็ สญั ลกั ษณแ์ ทนหญงิ สาวทรี่ ปู สวยยอ่ มเปน็ ทหี่ มายปองของชาย ความรักใหสอดคลองสัมพันธก ับบทละครพูด
ทั่วไป ถา้ หญิงสาวรูปงามมคี วามเฉลยี วฉลาด ร้ทู ันเล่ห์เหล่ยี ม ย่อมสามารถเอาตวั รอดจากชายที่ คําฉนั ท เรื่อง มัทนะพาธา โดยจัดใหม ีการ
จงใจจะมาหยามเกยี รตหิ รอื หม่นิ ศกั ดิ์ศรไี ด้ หากบงั อาจลว่ งเกนิ กจ็ ะตอ้ งถูกหนามตา� จนเจบ็ ปวดได้ โตว าที นักเรียนแบง เปน 2 ฝา ย จากนัน้ รวมกัน
กาํ หนดญตั ตทิ ี่เก่ยี วของกบั ความรกั เชน
๗.๒ คณุ ค่าด้านวรรณศลิ ป์ ควรเลอื กคนทรี่ กั เราดีกวา คนท่ีเรารกั เปน ตน
สง ตวั แทนแตละฝายโตว าที
๑) การสรรค�า เป็นการเลือกใชค้ �าท่สี ่อื ความคดิ และอารมณไ์ ดอ้ ยา่ งงดงาม ดังน้ี
๑.๑) การใชค้ า� ใหเ้ หมาะสมกบั ประเภทของคา� ประพนั ธ ์ กวมี คี วามเชย่ี วชาญดา้ น 2. นักเรียนทรี่ ว มฟงการโตวาที บันทึกความรู
ลงสมุด
ฉนั ทลกั ษณย์ งิ่ สามารถแตง่ บทเจรจาของตวั ละครให1เ้ ปน็ ค�าฉนั ทไ์ ดอ้ ยา่ งคมคาย เชน่ บทเกย้ี วพาราสี
ของสเุ ทษณก์ บั มทั นา แตง่ ดว้ ยวสนั ตดลิ กฉนั ท ์ ๑๔ มกี ารสลบั ตา� แหนง่ คา� เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความไพเราะ
ได้อยา่ งยอดเย่ียม
69
ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู
“ความรกั เหมอื นโรคา บันดาลตาใหม ดื มน”
ขอ ใดสอดคลองกับคาํ ประพันธขา งตน ในการทํากจิ กรรมขยายความเขาใจ ครูแนะใหน กั เรียนศึกษาเกย่ี วกบั หลักการ
1. อนั ความรกั ของชายนห้ี ลายช้ัน พูดโตว าที มารยาทในการพูด คุณธรรมในการพูด โดยเนน ใหนกั เรยี นรูจกั การใช
เขาวารกั รักนัน้ ประการใด เหตผุ ลสนับสนุนความคดิ เหน็ ในการเสนอหรือการคาน ในขณะเดียวกันนักเรียน
2. เขายอ มเปรียบเทยี บความเมื่อยามรกั ที่ฟง เพ่ือนอภปิ รายโตว าทกี ็นาํ หลักการฟง อยา งมีวจิ ารณญาณและมารยาทใน
แตน า้ํ ผักตม ขมชมวา หวาน การฟงมาเปนพ้ืนฐานสําหรบั การมสี ว นรวมในการทํากจิ กรรมน้ี
3. อันรสตาลหวานละมา ยคลา ยพมุ พวง
พีเ่ จบ็ ทรวงชํา้ อกเหมือนตกตาล นกั เรยี นควรรู
4. แมน ใครรกั รกั มงั่ ชังชังตอบ
ใหร อบคอบคิดอา นนะหลานหนา 1 วสนั ตดลิ กฉันท ๑๔ ใชแตงบทเกยี้ วพาราสี บทชมความงามของธรรมชาติ
บานเมอื ง สตรี บทชมคุณงามความดี หรือบทแสดงความโศกเศราได
วเิ คราะหคาํ ตอบ จากคําประพันธช ี้ใหเห็นถงึ ผลรายทเ่ี กดิ จาก
ความรกั ขอทม่ี ีความหมายสอดคลอง คอื คูม อื ครู 69
“อนั รสตาลหวานละมา ยคลา ยพมุ พวง พเ่ี จบ็ ทรวงชา้ํ อกเหมอื นตกตาล”
ตอบขอ 3.
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Evaluate
Engage Explain Explain Expand
อธบิ ายความรู
นกั เรยี นอธิบายเก่ียวกบั ประเดน็ ทางวรรณศลิ ป
ดังน้ี
• นกั เรยี นพิจารณาวา การใชภ าษาและรปู แบบ สเุ ทษณ์. พรี่ ักและหวงั วธจุ ะรัก และ บ ทอด บ ทิง้ ไป.
คําประพันธส งผลตอการดาํ เนินเรื่องอยางไร มัทนา. พระรักสมัคร ณ พระหทยั ฤ จะทอดจะท้งิ เสยี ?
(แนวตอบ รูปแบบคาํ ประพันธประเภทฉันท สุเทษณ.์ ความรักละเหี่ยอุระระทด เพราะมิอาจจะคลอเคลีย.
ชนดิ ตางๆ เปนฉนั ทท่ีนยิ มแตงกนั มาแต มัทนา. ความรกั ระทดอรุ ะละเหีย่ ฤ จะหายเพราะเคลียคลอ?
โบราณ โดยองกที่ 1 ท่ีนํามาใหเรียนมฉี นั ท 1 ๑.๒) การใช้ค�าโดยค�านึงถึงเสียง อันเกิดจากการเล่นเสียงสัมผัสคล้องจอง
7 ชนดิ คือ อนิ ทรวิเชียรฉนั ท วสนั ตดิลกฉันท และการหลากคา� ท�าให้เกิดความไพเราะ เชน่ ตอนที่มายาวินร่ายมนตร์
วิชชมุ มาลาฉนั ท อินทวงศฉนั ท กมลฉนั ท
สาลนิ ีฉนั ท และจติ รปทาฉันท ซึ่งนอกจากคํา อา้ สองเทเวศร์ โปรดเกศข้าบาท ทรงฟังซึง่ วาท ท่ีกราบทลู เชญิ ,
ประพนั ธประเภทฉนั ทแลว ยังมีการใชกาพย โปรดชว่ ยดลใจ ทรามวยั ใหเ้ พลนิ จนลืมขวยเขนิ แล้วรบี เรว็ มา.
ชนิดตางๆ ไดแก กาพยย านี กาพยฉ บงั และ ด้วยเดชเทพไท ้ ทรามวัยรปู งาม จงไดท้ ราบความ ข้าขอนีน้ า,
กาพยส รุ างคนางค ซ่ึงสงผลตอการดาํ เนิน แมค้ ดิ ขัดขืน ฝนื มนตร์คาถา ขอให้นทิ รา เข้าสงึ ถงึ ใจ
เรอื่ ง คือ ตอนท่ตี องการจังหวะเสียงและ มาเถดิ นางมา อย่าชา้ เชอ่ื งช้อย ตขู า้ นคี้ อย ตอ้ นรบั ทรามวัย,
ความคลองจองก็ใชกาพย และตอนใดท่ีเนน อ้านางโศภา อยา่ ชา้ มาไว ตขู า้ สั่งให ้ โฉมตรูรีบจร.
อารมณมากก็มักใชฉ นั ท เชน ตอนท่ี
สเุ ทษณก ลา วตดั พอที่มัทนาไมยอมรับรกั ตน โฉมยงอยา่ ขดั รบี รดั มาเถดิ ขืนขดั คงเกิด ในทรวงเร่ารอ้ น,
และมัทนากลา วตอบนนั้ ใชวสันตดลิ กฉนั ท มาเรว็ บัดนี้ รีบลีลาจร มาเรว็ บังอร ข้าเรยี กนางมา.
ซ่ึงทําใหถ อยคาํ มจี งั หวะรวดเร็วเหมาะแกการ
กลาวโตตอบกัน เปน ตน) ขอ้ ความข้างตน้ มีการเล่นเสยี งสมั ผสั ใน ทั้งสัมผัสสระและสมั ผสั อักษร
สมั ผัสสระ เชน่ วัย - ให ้ สงึ - ถงึ
ชา้ - มา
ขยายความเขา ใจ Expand สมั ผัสอกั ษร เช่น รบี - เร็ว ด้วย - เดช เทพ - ไท ้ ขา้ - ขอ
คิด - ขัด - ขืน ช้า - เชอื่ ง - ช้อย
นกั เรยี นยกบทประพนั ธท แ่ี สดงใหเ หน็ การใชค าํ ขา้ - คอย ยง - อยา่ รบี - รดั
โดยคาํ นงึ ถงึ เสยี ง นอกจากน ี้ ยงั มกี ารหลากคา� โดยใชค้ า� ทมี่ คี วามหมายถงึ ผหู้ ญงิ ไวห้ ลายคา� ไดแ้ ก่
(แนวตอบ ตัวอยา งเชน ตอนทีส่ เุ ทษณเจรจาขอ ทรามวยั โฉมตร ู โฉมยง บังอร เปน็ ต้น
ความรกั จากมัทนา
“ย่งิ ฟงพะจศี รี กร็ ะตีประมวลประมูล, ๒) การใช้โวหาร ผู้แต่งใช้อุปมาโวหารในการกล่าวชมความงามของมัทนา
ยิ่งขดั ก็ย่งิ พูน ทขุ ะทว มระทมหะทยั ! เป็นการให้ภาพความงามอย่างไม่มีที่ติ ทั้งผิวพรรณที่ผุดผ่องดั่งทองทา แก้ม ผม นัยน์ตา
อา เจาลาํ เพาพักตร สิริลักษะณาวิไล, ทรวดทรงองคเ์ อว ทา� ใหผ้ ้อู ่านมองเห็นภาพความงามของมัทนาเด่นชดั ข้นึ ดังบทประพนั ธ์
พ่จี วนจะคลั่งไคล สติเพอื่ พะวงอนงค.”
สัมผสั เสยี งสระ เชน (พะ)จี-ศร,ี เจา-(ลํา)เพา,
(พะ)วง-อนงค สัมผสั เสยี งพยญั ชนะ เชน ประมวล- 70
ประมูล, ทุก-ทวม-(ระ)ทม-(หะ)ทัย, (ลาํ )เพา-พักตร,
คลง่ั -ไคล, เพือ่ -พะ(วง))
ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
เกรด็ แนะครู
วรรณคดีเปนมรดกทางวฒั นธรรมของไทยทม่ี มี าแตโบราณ ในการสอนวรรณคดี “ไมเ รยี กผะกากุพฺ- ชะกะสอี รณุ แสง
ครูจงึ ควรเนน ใหน ักเรียนเกดิ ความซาบซ้งึ รูค ุณคา ของวรรณคดี โดยมีจดุ ประสงค ปานแกมแฉลม แดง ดรุณี ณ ยามอาย;”
เพื่อชว ยกันทํานุบํารุงรกั ษามรดกนีไ้ วใหคงอยตู ลอดไป กิจกรรมท่ีจะชวยใหน กั เรยี น การใชคําทสี่ ละสลวยในบทนม้ี คี วามไพเราะในดานใดบา ง
ซาบซึง้ รูค ณุ คาของวรรณคดี เชน ครูยกคาํ ประพันธท ี่ไพเราะขนึ้ มาวิจารณ โดยใช แนวตอบ บทประพันธข า งตนมีการใชโ วหารภาพพจนอุปมา ใช
หลักการวจิ ารณวรรณคดีจากหนังสอื เรยี น เปนตน คําวา “ปาน” แสดงความเปรยี บเทียบ โดยเปรยี บสีของดอกกุหลาบ
แดงสวยเหมอื นแกม ของหญิงสาวยามอาย ซงึ่ การใชความเปรยี บ
ดงั กลา วทาํ ใหเ กดิ จนิ ตภาพอยา งชดั เจนถงึ ความงามของดอกกหุ ลาบ
นักเรยี นควรรู และหญงิ สาว
1 การหลากคํา การใชคาํ ท่มี คี วามหมายคลา ยคลึงกนั แตเ ขียนตา งกนั
เพอื่ ไมใ หค าํ ซา้ํ ซาก นอกจากน้ี ปจ จบุ นั มกี ารศกึ ษาคาํ พอ ง โดยแบง ออกเปน 3 กลมุ
คือ คําพองรูป คําพองเสยี ง และคาํ พองความหมาย หรือคาํ พอ งความ
70 คูม อื ครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
งามผวิ ประไพผ่อง กลทาบศุภาสพุ รรณ, นกั เรยี นอธิบายเกีย่ วกบั ความเชอ่ื ทป่ี รากฏใน
งามแกม้ แฉล้มฉนั พระอรุณแอร่มละลาน. สังคมไทย ดงั นี้
งามเกศะดา� ขา� กลนา้� ณ ท้องละหาน,
งามเนตร์พนิ ิศปาน สุมณมี ะโนหะรา; • ความเชื่อทป่ี รากฏอยใู นบทละครพูดคาํ ฉนั ท
งามทรวงสลา้ งสอง วรถนั สุมนสุมา- เร่อื ง มทั นะพาธายังคงปรากฏอยใู นปจ จบุ นั
ลเี ลดิ ประเสรฐิ กวา่ วรบุ ลสะโรชะมาศ; หรือไม เพราะเหตุใด
งามเอวอนงคร์ าว สรุ ะศิลปชิ าญฉลาด (แนวตอบ ยังคงปรากฏอยูในปจจุบัน ไมว า
เกลากลงึ ประหนง่ึ วาด วรรปู พิไลยพะวง; จะเปน ความเช่ือเรอ่ื งชาตภิ พ ความเชื่อเร่ือง
งามกรประหนึง่ งวง สรุ ะคชสุเรนทะทรง, ทาํ บญุ มากจะไดไ ปเกดิ ในสวรรค หรอื ความ
นวยนาฏวิลาศวง ดุจะรา� ระบ�าระเบง; เชอ่ื เร่อื งผลกรรม เพราะความเช่ือเหลาน้ี
เปน ความเชอ่ื ทไ่ี ดร บั อทิ ธพิ ลมาจากพระพทุ ธ-
๗.๓ คณุ ค่าด้านสงั คม ศาสนาซงึ่ เปน ศาสนาประจําชาตทิ ี่คนไทย
ผูกพนั มาอยา งยาวนาน)
๑) สะทอ้ นใหเ้ หน็ ความเชอื่ ของสงั คมไทย เช่น
๑.๑) ความเชอื่ เรอ่ื งชาตภิ พ เชน่ เมอ่ื ชาตกิ อ่ นนางมทั นาไดป้ ลงพระชนมต์ วั เอง ขยายความเขา ใจ Expand
จงึ ไดม้ าเกิดบนสวรรคซ์ งึ่ เปน็ ภพภูมิใหม่ ดังบทประพนั ธ์ นกั เรยี นทําสมุดบนั ทึกคาํ สอนทใ่ี หแ งคดิ
เกีย่ วกับความรกั จากแหลง เรยี นรอู ื่นๆ
ว่าพลางยุพาชกั วรขคั คะแพรวพราย
แทงตรงพระทรวงตาย เฉพาะพักตรพ์ ระภมู ี. (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถยกคาํ สอนได
ตายแลว้ ก�าเนดิ ใน สรุ ภพพศิ ษิ ฎน์ ;ี้ หลากหลายขึน้ อยูก ับประสบการณและเหตผุ ล
ฝา่ ยองคพ์ ระภมู ี กบ็ า� เพ็ญพะลกี รรม,์ ของนักเรยี น เชน
๑.๒) ความเช1่อื เรือ่ งทา� บญุ มาก จะได้ไปบังเกดิ ในสวรรค์ เชน่ เมื่อคร้งั สเุ ทษณ์ “อยาหวงั วาจะไดรับความรกั จากคนท่ีคุณรกั
ยงั เปน็ มนษุ ยไ์ ด้กระทา� พลีกรรม เม่ือตายไปจงึ ไปเกิดในสวรรค์ ดังบทประพนั ธ์ เพราะคนทคี่ ณุ รัก ไมไ ดร ักคุณหมดทุกคน”
(คาํ สอนทานพทุ ธทาสภกิ ขุ))
ทรงธรรมลา้� มะนุษ ฤทธริ ทุ มหาศาล
บ�าเพ็ญพะลกี าร ทุกอยา่ งงามตามวสิ ัย
ครน้ั ถงึ เวลาควร ภูมิศวรจากไผท
เสดจ็ สรุ าลัย เสวยสขุ ในแดนสรวง
๑.๓) ความเชอื่ เรอ่ื งทา� กรรมใดย่อมได้รบั ผลกรรมน้นั เชน่ นางมทั นาไม่รบั รัก
สเุ ทษณ ์ เปน็ เพราะเคราะหก์ รรมเมอื่ ชาตกิ อ่ นทสี่ เุ ทษณไ์ ดเ้ คยจะประหารชวี ติ พระราชบดิ าของนาง
แต่นางขอไถ่ชีวติ พระราชบดิ าไว้ แลว้ นางกป็ ลงพระชนม์ตัวเอง ผลกรรมคร้ังนน้ั จึงส่งผลตามมา
ดังบทประพนั ธ์
71
“งามผวิ ประไพผอ ง ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นักเรียนควรรู
กลทาบศภุ าสพุ รรณ,
งามแกมแฉลม ฉนั พระอรณุ แอรม ละลาน.” 1 พลีกรรม การบูชาหรอื พธิ บี ชู าซึ่งคําวา พลี เปนคําทีม่ าจากภาษาบาลสี ันสกฤต
ขอใดใชภาพพจนต า งจากคําประพนั ธขา งตน หมายถงึ เครื่องบวงสรวง การบวงสรวง ซง่ึ สามารถแบง ได 5 อยาง ดังนี้
1. ปานแกมแฉลม แดง ดรณุ ี ณ ยามอาย
2. อกี ทั้งสะพรงั่ หนาม ดจุ ะเข็มประดับไว 1. ญาตพิ ลี เปนการสงเคราะหญ าติ
3. นางใดจะมเี ทียบ มะทะนา ณ ฟา ณ ดิน 2. อตถิ พิ ลี เปนการตอ นรบั แขก
4. ซํา้ ไพเราะนํ้าเสียง อรเพียงพิรมประเลง 3. เปตพลี เปนการอุทิศสว นบุญสวนกศุ ลใหแกผูทล่ี ว งลบั ไปแลว
4. ราชพลี เปนการใหแ กค นหมมู าก สวนรวม
วิเคราะหคาํ ตอบ จากบทประพันธข า งตน กวีใชภ าพพจนอ ปุ มา 5. เทวตาพลี เปนการอุทศิ สว นบญุ สวนกศุ ลใหแ กเทวดา
มคี าํ วา “กล” ซง่ึ หมายถงึ วา เหมอื น คือ มผี ิวงามเหมอื นทองคาํ
แกม กแ็ ดงงามระเร่อื เหมอื นพระอาทติ ยก ําลงั ขน้ึ ขอ ท่ีไมม ีการใช คมู อื ครู 71
ภาพพจน คอื ขอ 3. “นางใดจะมเี ทียบ มะทะนา ณ ฟา ณ ดิน”
ไมม ีหญิงใดจะงามไปกวา มัทนา สวนขออืน่ ๆ มีคาํ ทีแ่ สดง
ความเปรียบ ดังนี้ ขอ 1. คําวา “ปาน” ขอ 2. คาํ วา “ดุจะ”
หรือ ดุจ ขอ 4. คาํ วา “เพียง” ตอบขอ 3.
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
Engage Explain
อธบิ ายความรู
นกั เรียนอธบิ ายคณุ คาดานสงั คมในบทละครพดู แตก่ รรมพระทา� ไว้ ณ พระชาต์อิ ดตี มา
คําฉันท เรอื่ ง มัทนะพาธา ในประเดน็ ตอไปนี้ ข้องขัดและขวางหน้า บ่ มใิ ห้พระสมจินต.์
• จากเนื้อเร่อื งซึง่ เปน องกท ี่ 1 ของบทละคร ๑.๔) ความเชือ่ เรอ่ื งเวทมนตร์ การท�าเสน่ห์เลห่ ก์ ล เชน่ มายาวนิ ได้อธบิ ายถึง
พูดคาํ ฉันท นักเรยี นคดิ วา สะทอ นใหเหน็ เวทมนตร ์ คาถาทใี่ ชผ้ กู จิต เรยี กคนให้มาหาได ้ ดังบทประพันธ์
ธรรมชาตขิ องมนษุ ยในเร่ืองใดมากท่สี ุด
เพราะเหตใุ ด อถรรพเ์ วทะเจนอย,ู่ และมนตรค์ รูก็ได้สน
(แนวตอบ เรอ่ื งความรกั ทไ่ี มส มหวัง เพราะ มโนจา� และซ้�าคน้ คดเี พิม่ บ เคลิ้มหลง.
รักฝา ยเดยี ว และไมไ ดรกั คนท่ีรักตนเอง ฉะน้นั อาจจะผกู จติ - ตะใครไดป้ ระดุจจง,
ธรรมชาติของมนุษยต องการความรกั และใช้โยคะแล้วคง จะเรยี กให้ตระบึงมา.
ตองการเปนท่ียอมรับจนกลายเปน การยดึ ตดิ ที่
จะตองใหไดมาครอบครอง แมไ มไ ดมาครอบ ๒) สะท้อนให้เห็นธรรมชาติของมนุษย์ โดยแสดงให้เห็นว่าการมีรักเป็นทุกข์
ก็ไมอ าจละวางจนนาํ ไปสูความทกุ ขทเ่ี กดิ แก อย่างยง่ิ ตรงตามพุทธวจนะที่ว่า ทีใ่ ดมรี กั ทน่ี ั่นมที ุกข ์ ดงั ความรักของตัวละครตอ่ ไปน้ี
ตนเองและผูอ่นื )
๒.๑) สุเทษณ์รักนางมัทนา เมื่อไม่สมหวังในรักก็เป็นทุกข์ แม้เม่ือได้เสวยสุข
ขยายความเขา ใจ Expand เปน็ เทพบตุ รกย็ งั รกั นางมทั นาอย ู่ ทา� ทกุ อยา่ งเพอ่ื ใหไ้ ดน้ างมา แตเ่ มอ่ื ไมส่ มหวงั กพ็ รอ้ มทจี่ ะทา� ลาย
นักเรยี นบอกขอคดิ จากบทละครพดู คาํ ฉนั ท ๒.๒) ทา้ วสรุ าษฎรร์ กั ลกู และรกั ศกั ดศ์ิ ร ี พรอ้ มทจ่ี ะปกปอ้ งศกั ดศิ์ รขี องตนและลกู
เรื่อง มทั นะพาธาที่นกั เรียนเหน็ วา สามารถนาํ ไป แมจ้ ะรวู้ ่าสู้ไมไ่ ด้ ต้องตายแนน่ อนกพ็ ร้อมทจ่ี ะตอ่ สู้ รกั ของพอ่ แมเ่ ป็นรกั ทีบ่ รสิ ุทธเิ์ ทีย่ งแท้
ปรบั ใชในชวี ติ ได
๒.๓) มทั นารกั พระราชบดิ า นางจงึ ยนิ ยอมทา้ วสเุ ทษณเ์ พอื่ ปกปอ้ งพระราชบดิ า
• นกั เรยี นนาํ ขอ คดิ ทไ่ี ดไ ปใชใ นชวี ติ จรงิ อยา งไร รักศกั ดิ์ศรีและรักษาสจั จะ เม่อื ทา� ตามสญั ญาแล้วจงึ ฆา่ ตัวตาย รกั ของมทั นาเปน็ ความรักที่แท้จรงิ
(แนวตอบ นักเรียนตอบไดห ลากหลายขนึ้ อยกู ับ
เหตผุ ลและประสบการณข องนักเรยี น ทั้งน้ี ๒.๔) นางจัณฑีรักท้าวชัยเสน ความรักนี้เป็นความรักที่มีความใคร่ ความหลง
ครแู นะนําวา เร่ือง มทั นะพาธาใหข อคดิ เรอ่ื ง อยดู่ ้วย จึงมีความรู้สกึ หวงแหน โกรธแค้นเมอื่ ถูกแย่งคนรกั พร้อมทีท่ า� ทกุ อยา่ งเพือ่ แยง่ คนรักคืน
ความรักวา เปนสง่ิ ทเ่ี กิดขึน้ ไดใ นชีวติ จรงิ ของ
ทุกคน ทกุ คนมโี อกาสทจ่ี ะประสบกบั ความรัก ๓) สะท้อนข้อคิดเพ่ือน�าไปใช้ในการด�าเนินชีวิต กวีก�าหนดให้นางมัทนาถูกสาป
ทไี่ มสมหวังเหมือนเรื่องนี้ ดงั น้ัน นักเรยี น กลายเป็นดอกไม้ช่ือ กุพฺชกะ (กุหลาบ) ซ่ึงสวยงาม แต่มีหนามแหลมคมเป็นเกราะป้องกันตน
จึงควรพิจารณาและนําเรอื่ งราวความรักใน ให้พ้นจากมือผู้หักหาญรานก่ิงเด็ดดอกไปเชยชม ดอกกุหลาบจึงเป็นสัญลักษณ์แทนหญิงสาว
เรื่อง มทั นะพาธามาเปนอทุ าหรณ พงึ ระวัง ท่ีรูปสวย ย่อมเป็นท่ีหมายปองของชายทั่วไป หนามแหลมคมเปรียบเหมือนสติปัญญา ดังน้ัน
และมสี ติ อยาปลอ ยใหเปน เรอื่ งของอารมณ ถ้าหญิงสาวรูปงามมีความเฉลียวฉลาด รู้ทันเล่ห์เหลี่ยม ย่อมสามารถเอาตัวรอดจากชายที่จงใจ
ความรสู กึ เพยี งอยา งเดียว ใหค าํ นงึ ถงึ ผลราย จะหยามเกยี รติหรือหม่ินศกั ดิศ์ รีได้
ทอ่ี าจเกดิ ตามมา) บทละครพูดค�ำฉ1ันท์ เรื่อง มัทนะพำธำ ถือเป็นวรรณคดีเร่ืองเยี่ยมและได้รับ
กำรยกยอ่ งจำกวรรณคดสี โมสรใหเ้ ปน็ ยอดแหง่ บทละครพดู คำ� ฉนั ท ์ โดยนอกจำกวรรณคดเี รอื่ งน้ี
จะใหค้ วำมเพลดิ เพลนิ จำกเนอื้ หำทช่ี วนตดิ ตำมและวรรณศลิ ปอ์ นั ไพเรำะแลว้ ยงั ใหข้ อ้ คดิ เกยี่ วกบั
ควำมรกั จงึ สมควรที่จะศกึ ษำวรรณคดีอยำ่ งพนิ ิจพิเครำะห์ เพื่อใหเ้ กดิ ประโยชนแ์ ก่ผูอ้ ำ่ น
72
นักเรียนควรรู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
ขอใดเปน ประโยคความซอ น
1 วรรณคดสี โมสร พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา เจา อยูห วั รัชกาลท่ี 6 1. มัทนามาจากศัพท มทน หมายถงึ ความลมุ หลงหรอื ความรกั
ทรงพระกรณุ าโปรดเกลาฯ ใหตั้ง “วรรณคดีสโมสร” ข้นึ เม่ือวันท่ี 23 กรกฎาคม 2. มทั นะพาธาเปนเรือ่ งสมมตแิ ละเลาเก่ียวกบั บอเกดิ ของความรัก
พทุ ธศักราช 2457 เพ่อื สง เสริมการแตง หนงั สอื ใหถ กู ตอ งตามหลักภาษาไทย 3. บทละครพูดคําฉันท เร่ือง มัทนะพาธาเปน เรือ่ งราวเกีย่ วกับ
โดยคดั เลอื กหนังสือท่แี ตง ดี มีสาระประโยชน เพอื่ ประกาศยกยอ งหนงั สือนั้น และ ความรกั ทไี่ มส มหวงั
พระราชทานพระบรมราชานญุ าตใหประทบั ตราพระราชลญั จกรรูปพระคเณศ 4. มทั นะพาธาเปนบทละครพูดคําฉันทเ พียงเรอ่ื งเดยี วทรี่ ัชกาลท่ี 6
หนังสอื ทก่ี ําหนดใหไดร ับการพิจารณาตามความหมายในพระราชกฤษฎกี าต้งั ทรงพระราชนิพนธ
วรรณคดีสโมสรแบง เปน 5 ประเภท คอื วเิ คราะหค ําตอบ ขอทีเ่ ปน ประโยคความซอน คือ ขอ 4. มัทนะ-
พาธาเปน บทละครพดู คาํ ฉนั ทเพยี งเรอ่ื งเดยี วที่รชั กาลที่ 6 ทรง
1. กวนี พิ นธ คอื เปนโคลง ฉนั ท กาพย กลอน พระราชนพิ นธ โดยแยกประโยคไดว า “มัทนะพาธาเปน บทละคร
2. ละครไทย คือ แตงเปนกลอนแปด มีกาํ หนดหนา พาทย ฯลฯ พดู คาํ ฉนั ทเพียงเรื่องเดยี ว” และมีประโยคยอ ยวา “รชั กาลที่ 6
3. นิทาน คอื เร่อื งราวอันผกู ข้ึนและแตง เปนรอ ยแกว ทรงพระราชนิพนธ” ตอบขอ 4.
4. ละครพดู คอื ละครแบบไทย ไดมาจากตะวันตก เปนละครทไ่ี มแตงเครอ่ื ง
อยางละครรํา แตแตงตัวตามสภาพชีวิตจรงิ แสดงกริ ยิ า ทาทางอยา งคนจรงิ ๆ และ
จดั ฉากจรงิ ๆ ตามเนอ้ื เรือ่ ง (พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา เจาอยหู ัวโปรดรเิ รมิ่ ข้นึ )
72 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand
Evaluate
ตรวจสอบผล
Evaluate
ค�าถามประจ�าหนว่ ยการเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นยกแงค ดิ คาํ สอนที่สอดคลอ งกับ
แกน เรือ่ งมทั นะพาธาได
๑. นักเรยี นคดิ ว่าพฤติกรรมการแสดงความรกั ของสุเทษณท์ ก่ี ระท�าต่อนางมัทนา
เหมาะสมหรอื ไม ่ อย่างไร 2. นักเรยี นบอกขอ คดิ จากบทละครพูดคําฉนั ท
เร่ือง มัทนะพาธาท่สี ามารถนําไปปรบั ใชใ นชีวิต
๒. นกั เรียนคิดว่าลกั ษณะของดอกกุหลาบเหมือนกบั ลักษณะของหญิงสาวอยา่ งไร จรงิ ได
๓. จงแสดงความคิดเหน็ เก่ยี วกบั ความรกั ของตัวละครในวรรณคดีเรอ่ื ง มทั นะพาธา
หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู
วา่ เหตุใดจงึ เกดิ ความทกุ ข์
๔. เพราะเหตุใดวรรณคดเี รื่อง มทั นะพาธา จึงไดร้ ับยกย่องจากวรรณคดสี โมสร 1. สมุดบนั ทกึ เก่ียวกับแงคิดคาํ สอนเร่ืองความรัก
2. การแตงคาํ ประพนั ธ
ให้เป็นยอดของบทละครพดู คา� ฉนั ท์ 3. การทอ งบทอาขยาน
๕. นกั เรียนไดร้ บั ข้อคดิ หรือสาระทเ่ี ปน็ ประโยชนอ์ ยา่ งไร จากการอา่ นวรรณคดีเร่อื ง 4. การแสดงบทบาทสมมติ
5. การโตว าทีในประเด็นทส่ี อดคลอ งกบั แนวคิด
มัทนะพาธา
ของบทละครพูดคําฉันท เร่ือง มทั นะพาธา
กจิ กรรมสร้างสรรคพ์ ฒั นาการเรยี นรู้
๑. อภิปรายในหวั ขอ้ “รักอย่างไรไม่ให้เปน็ ทุกข์”
๒. แสดงบทบาทสมมตจิ ากบทละครพดู คา� ฉนั ท ์ เรอ่ื ง มทั นะพาธา ตอนสเุ ทษณฝ์ ากรกั
นางมทั นา
๓. ศกึ ษาค้นควา้ บทละครพูดคา� ฉันท์ เรอ่ื ง มทั นะพาธา ในตอนอืน่ ๆ แล้ววเิ คราะห์วา่
มีข้อคิดอะไร สามารถนา� มาประยุกต์ใชใ้ นชีวิตประจา� วนั ได้อยา่ งไร
73
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. พฤติกรรมการแสดงความรกั ของสเุ ทษณท ่ีกระทําตอมัทนาไมเ หมาะสม โดยการขอใหวทิ ยาธรมายาวนิ ใชเ วทมนตรสะกดเรียกนางมา โดยทน่ี างไมรูส ึกตัว
เมอื่ มัทนาปฏเิ สธ สุเทษณกโ็ กรธจึงสาปใหนางไปเกิดเปน ดอกกหุ ลาบในโลกมนษุ ย
2. ลักษณะของกุหลาบมคี วามเหมอื นกับลักษณะของหญิงสาว มีสชี มพูแดงเหมือนแกม สตรเี วลาอาย กหุ ลาบดอกใหญม เี กสร มกี ลน่ิ หอมขจรไกล และทนทาน
มีหนามแหลม มกั มีหมูแ มลง ผ้ึง แมลงภูบ นิ ตอม เหมือนหญงิ สาวทส่ี วยแลวมกั จะมชี ายมาหมายปอง
3. ความคดิ เหน็ เกยี่ วกับความรกั ของตวั ละครในเรื่องมทั นะพาธาท่ีเกิดความทกุ ข ดังนี้ สเุ ทษณเปน ทกุ ขเ พราะไมส มหวังในรัก จณั ฑีเปน ทุกขเ พราะสามหี มดรกั
มทั นาเปน ทกุ ขเพราะสามีท่รี ัก ชยั เสนเปนทุกขเ พราะสญู เสียนางผเู ปนท่ีรัก
4. เพราะใชค ําประพนั ธประเภทฉนั ทหลากหลายชนิดมาแตงเปนบทละครพูดท่ีแสดงถงึ อารมณ ความรูส กึ ของตวั ละครไดอยางดีเย่ียม มกี ารเลอื กใชถอยคําที่
สละสลวย การวางโครงเรือ่ งทีช่ วนใหต ิดตาม อีกทง้ั ยังใหขอคิด คติสอนใจเก่ียวกบั ความรักไดเปน อยางดี
5. เม่อื มีความรกั จะตอ งใชสติ คํานึงถึงความถกู ตอ ง อยาใหอ ารมณอ ยเู หนอื เหตุผล
คมู ือครู 73
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage
Explore
เปาหมายการเรียนรู
1. วเิ คราะหวจิ ารณว รรณคดเี รื่องลลิ ติ ตะเลงพา ย
2. วิเคราะหล ักษณะเดนของวรรณคดเี รอื่ ง
ลลิ ิตตะเลงพา ย เชื่อมโยงกับการเรยี นรทู าง
ประวัตศิ าสตรและวถิ ชี ีวิตของสังคมในอดตี
3. วิเคราะหแ ละประเมินคุณคา วรรณคดีเรื่องลิลิต
ตะเลงพา ยดา นเน้ือหา วรรณศิลป และสังคม
4. สงั เคราะหข อ คดิ จากวรรณคดเี รอื่ งลลิ ติ ตะเลงพา ย
สมรรถนะของผเู รยี น
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกปญ หา
4. ความสามารถในการใชท ักษะชวี ิต
คุณลักษณะอันพงึ ประสงค óหน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ลลิ ติ ตะเลงพาย
1. รกั ชาติ ศาสน กษัตริย ลลิ ติ ตะเลงพา ย พระนพิ นธใ นสมเดจ็ พระมหาสมณเจา
2. ใฝเ รยี นรู กรมพระปรมานุชิตชิโนรส เปนวรรณคดี
3. รักความเปนไทย ตวั ช้วี ดั เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระนเรศวรมหาราช โดย
กลาวถึงสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทํา
กระตนุ้ ความสนใจ Engage • ท ๕.๑ ม.๔-๖/๑, ๒, ๓, ๔ ยทุ ธหตั ถกี ับพระมหาอุปราชาของพมาจนไดรับชัยชนะ
ช้ีใหเห็นถึงการรักษาเอกราชของบรรพบุรุษไทย ทําให
ครนู าํ แผน วซี ดี ภี าพยนตรเ รอ่ื งตาํ นานสมเดจ็ - ผอู านเกดิ ความรกั ชาติและมจี ิตสาํ นึกทีด่ ี
พระนเรศวรมหาราชมาใหน กั เรยี นชม แลว ชวน
นกั เรยี นสนทนาในประเดน็ ตอ ไปน้ี สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
• ภาพยนตรเ รือ่ งนม้ี แี นวคิดสําคัญใดบาง • การวเิ คราะหแ์ ละประเมินคณุ คา่ วรรณคดีและวรรณกรรม
(แนวตอบ ความจงรักภกั ดีตอชาติ กษตั ริย เรื่อง ลิลติ ตะเลงพา่ ย
และความสามคั คีกนั ของคนในชาติ การสดุดี
วีรกรรมของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช)
74
เกรด็ แนะครู
การเรยี นการสอนวรรณคดเี รอ่ื งลลิ ติ ตะเลงพา ยนนั้ ครคู วรใหน กั เรยี นคน ควา ขอ มลู
เพม่ิ เตมิ โดยเฉพาะขอ มลู ทางประวตั ศิ าสตร รวมถงึ จดุ ประสงคใ นการแตง บทประพนั ธ
ในสมยั รตั นโกสนิ ทร โดยใชเ นอื้ หาเกยี่ วกบั พระมหากษตั รยิ ใ นสมยั อยธุ ยา ซง่ึ เปน
ลกั ษณะหนงึ่ ของการเฉลมิ พระเกยี รตขิ องพระมหากษตั รยิ ซึง่ ถอื วาเปน วรรณคดใี น
ลักษณะยอพระเกยี รติ นอกจากจะมเี น้อื หาสรรเสรญิ พระเกยี รติของพระมหากษตั รยิ
ยงั ทาํ หนา ทบ่ี นั ทกึ เหตกุ ารณแ ผน ดนิ ในเชงิ ประวตั ศิ าสตรแ ละสรรเสรญิ พระเกยี รตขิ อง
พระมหากษตั รยิ เชน วรรณคดเี รือ่ งลิลิตยวนพาย เพลงยาวเฉลมิ พระเกยี รติ หรอื
โคลงเฉลมิ พระเกยี รตติ า งๆ รวมถงึ วรรณคดเี รอ่ื ง ลลิ ติ ตะเลงพา ยอกี ดว ย
นอกจากนี้ วรรณคดีท่ตี อ งการบันทกึ เร่อื งราวสาํ คญั บางประการ เชน โคลงชะลอ
พระพทุ ธไสยาสน เปน ตน ถอื เปน หนงึ่ ในการจาํ แนกวรรณคดตี ามลกั ษณะเนอ้ื หา ครคู วร
ชแี้ นะใหน กั เรยี นคน หาเนอื้ หาเกยี่ วกบั ลกั ษณะวรรณคดเี ฉลมิ พระเกยี รตเิ พม่ิ เตมิ เพอื่ ให
นักเรยี นมีความรู ความเขาใจเกีย่ วกบั เน้อื หาของวรรณคดีประเภทตา งๆ มากย่ิงขึ้น
74 คมู่ อื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
Engage
กระตนุ้ ความสนใจ
๑. คลลิ ตวิ ต�ะเมลงเพปา่ ย1น เปมน็ ว�รรณคดเี ฉลมิ พระเกยี รต2ิ ครูใหน กั เรียนพจิ ารณาภาพประกอบพระบรม-
ราชานสุ าวรยี ส มเด็จพระนเรศวรมหาราชใน
หนงั สือเรยี น จากน้นั ครูใชค าํ ถามนาํ เขาเนอื้ เรื่อง
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยท่ีด�าเนินเรื่อง
ตามพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา เริ่มต้ังแต่ • นกั เรียนคดิ วา พระบรมราชานสุ าวรยี
สมเด็จพระมหาธรรมราชาเสด็จสวรรคต จนถึง สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชมคี วามเกย่ี วของ
ตอนที่สมเด็จพระนเรศวรทรงกระท�ายุทธหัตถีกับ กับวรรณคดเี ร่อื งลิลติ ตะเลงพายอยางไร
พระมหาอุปราชาของพม่า และพระมหาอุปราชา (แนวตอบ เน้ือเรือ่ งเปน การเฉลมิ พระเกยี รติ
สิน้ พระชนมใ์ น พ.ศ. ๒๑๓๕ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซ่ึงมี
สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระปรมานชุ ติ วตั ถปุ ระสงคเ ชน เดียวกับการสรา งพระบรม-
ชิโนรสทรงพระนิพนธ์เรื่องน้ีเพื่อเฉลิมพระเกียรติ ราชานุสาวรียส มเด็จพระนเรศวรมหาราช
สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช โดยแตง่ ทา� นองเดยี วกบั เปนการเทดิ พระเกียรตอิ งคสมเดจ็ -
พระนเรศวรมหาราช)
ยวนพา่ ยโคลงด้นั หรือโคลงยวนพ่าย ซึง่ มีมากอ่ น พระบรมราชานุสาวรียส มเด็จพระนเรศวรมหาราช สา� รวจคน้ หา Explore
ตงั้ แตส่ มัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ณ มหาวทิ ยาลัยนเรศวร จงั หวัดพษิ ณุโลก
๒. ประวัติผแู ตง่ นกั เรียนแบงกลมุ เปน 4 กลมุ ศึกษาความรู
พน้ื ฐานของวรรณคดเี รอื่ งลลิ ติ ตะเลงพา ยในประเดน็
ผทู้ รงพระนพิ นธเ์ รอื่ ง ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย คอื สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระปรมานชุ ติ ชโิ นรส สาํ คญั ตางๆ ตอไปนี้
เป็นพระราชโอรสองคท์ ่ี ๒๘ ในพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รชั กาลท่ี ๑)
พระมารดา คอื เจา้ จอมมารดาจุ้ย ตอ่ มาไดเ้ ลอ่ื นเป็น “ทา้ วทรงกนั ดาล” เปน็ ต�าแหน่งผรู้ ักษาการ • กลุมที่ 1 ความเปน มาของวรรณคดเี รอื่ งลลิ ติ
คลงั ใน เป็นท่ไี วว้ างพระราชหฤทัยในพระบาทสมเด็จ ตะเลงพา ย
พระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั (รชั กาลท ่ี ๓) ประสตู เิ มอ่ื วนั เสาร์
เดอื นอ้าย ขน้ึ ๕ ค่�า ปีจอ จลุ ศักราช ๑๑๕๒ ตรงกับ • กลมุ ที่ 2 ประวัตผิ ูแตง สมเด็จพระมหา-
วนั ท่ ี ๑๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๓๓๓ และมพี ระนามเดิม สมณเจา กรมพระปรมานชุ ิตชิโนรส
วา่ พระองค์เจ้าวาสกุ รี
เมอ่ื ป ี พ.ศ. ๒๓๔๕ ในสมยั รชั กาลท ่ี ๑ พระองค์ • กลุม ที่ 3 ลกั ษณะคาํ ประพนั ธป ระเภทลลิ ติ
• กลมุ ที่ 4 เร่อื งยอของวรรณคดีเรื่องลลิ ติ
ตะเลงพาย
ทรงผนวชเปน็ สามเณรเมอ่ื พระชนมายเุ พยี ง ๑๒ พรรษา
และจ�าพรรษาอยู่ท่ีวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
ราชวรมหาวหิ าร ทรงเปน็ ศษิ ยข์ องสมเดจ็ พระพนรตั น ์
พระรปู สมเดจ็ พระมหาสมณเจา กรมพระปรมานชุ ติ ชโิ นรส (แก้ว) พระองค์เจ้าสามเณรวาสุกรีประทับจ�าพรรษา
ณ พระตา� หนกั วาสกุ รี กรงุ เทพฯ และศึกษาอยใู่ นวัดพระเชตพุ นฯ จนส้นิ รัชกาลที ่ ๑
75
ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นกั เรยี นควรรู
ขอใดเปนจดุ ประสงคของการแตง เรอื่ งลิลิตตะเลงพาย
1. ปางปน ธเรศอํารุง โลกเลีย้ ง 1 ลลิ ติ ตะเลงพา ย ไดร บั การยกยอ งอยใู นลลิ ติ ชน้ั สงู เสมอดว ยลลิ ติ ยวนพา ย
2. บรรจงเสาวเลขแลว หลายคุง ขวบฤๅ และลลิ ติ พระลอ สมเดจ็ พระมหาสมณเจา กรมพระปรมานชุ ติ ชโิ นรสทรงแทรกบทชมไม
3. ทาํ นกุ เชตุพนผดงุ เผดิมตกึ เต็มเอย ชมนก ชมเนอ้ื และครวญสวาทไวป ระมาณ 1 ใน 5 ของเนอ้ื เรอ่ื งทง้ั หมด ตวั ละคร
4. เฉลิมพระเกียรตผิ านเผา เจาจกั รพรรดิแผนสยาม สาํ คญั ไดแ ก สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช พระมหาอปุ ราชา และสมเดจ็ พระวนั รตั
2 วรรณคดีเฉลิมพระเกยี รติ หรอื เรยี กอกี อยา งวา วรรณคดยี อพระเกยี รติ หมายถงึ
วเิ คราะหคําตอบ คําประพันธใ นแตล ะขอถอดความได ดงั นี้ การเฉลมิ พระเกยี รติของพระมหากษตั รยิ วรรณคดยี อพระเกียรตนิ อกจากจะมเี นอื้ หา
ขอ 1. เมอ่ื ครงั้ ทพี่ ระเจา แผน ดนิ ไดค รองราชย ขอ 2. เรอ่ื งลลิ ติ สรรเสริญพระเกียรตขิ องพระมหากษัตรยิ แ ลว ยังทาํ หนาทีบ่ นั ทกึ เหตุการณแ ผนดิน
ตะเลงพา ยนไ้ี ดแ ตง มานานหลายป ขอ 3. ตง้ั แตบ รู ณะวดั พระเชตพุ น- ในเชงิ ประวตั ิศาสตรเ ปนการสรรเสรญิ พระเกียรตขิ องพระมหากษัตริย เนื้อหา
วมิ ลมงั คลาราม ขอ 4. เฉลมิ พระเกยี รตกิ ษตั รยิ ผ ยู ง่ิ ใหญแ หง สยาม ลักษณะเชนนป้ี รากฏอยใู นวรรณคดีหลายเรือ่ ง เชน ลิลิตยวนพาย เพลงยาว
ขอ ทแี่ สดงใหเ หน็ จดุ มงุ หมายของการแตง คอื “เฉลมิ พระเกยี รตผิ า นเผา เฉลิมพระเกยี รติ หรือโคลงเฉลมิ พระเกียรติตา งๆ รวมทง้ั วรรณคดที ี่ตองการบนั ทึก
เรือ่ งราวสาํ คัญบางประการ เชน โคลงชะลอพระพทุ ธไสยาสน เปน ตน ถอื เปนหนงึ่
เจา จกั รพรรดแิ ผน สยาม” ตอบขอ 4. ในการจําแนกวรรณคดตี ามลักษณะเน้ือหา
ค่มู ือครู 75
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู้
นักเรยี นกลุมท่ี 1 มานาํ เสนอความเปน มาของ สมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลท่ี ๒) ได้ทรงผนวชเป็น
วรรณคดีเรื่องลลิ ติ ตะเลงพา ยในประเดน็ ตอ ไปนี้ พระภิกษุเมื่อปีมะแม พ.ศ. ๒๓๕๔ ทรงได้รับพระสมณฉายาว่า “สุวัณณรังษี” ทรงผนวชอยู่ได ้
๓ พรรษา สมเด็จพระพนรัตน์อธิบดีสงฆ์วัดพระเชตุพนฯ ถึงแก่มรณภาพ เม่ือพระบาทสมเด็จ
• เพราะเหตใุ ดลลิ ติ ตะเลงพายจึงถูกจัดวา เปน พระพทุ ธเลิศหลา้ นภาลยั (รัชกาลท ่ี ๒) เสดจ็ พระราชดา� เนินมาทว่ี ัดพระเชตุพนฯ พระองค์โปรด
วรรณคดเี ฉลมิ พระเกยี รติ แต่งตั้งให้พระองค์เจ้าพระ “สุวัณณรังษี” เป็นพระราชาคณะและอธิบดีสงฆ์ วัดพระเชตุพนฯ
(แนวตอบ เร่ืองลลิ ติ ตะเลงพา ยเปน เรอื่ งหนึ่ง ตอ่ มาทรงไดร้ ับเล่ือนขน้ึ เป็นเจ้าต่างกรม คอื “กรมหมนื่ นุชิตชโิ นรส ศรีสคุ ตขัตติยวงศ”์ และดา� รง
ท่พี ระบาทสมเด็จพระนั่งเกลาเจา อยูห ัวทรง พระยศน้ีอยจู่ นส้ินรัชกาลของพระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจ้าอยู่หัว (รัชกาลท่ ี ๓)
โปรดเกลาฯ ใหสมเดจ็ พระมหาสมณเจา เม่ือพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลท่ี ๔) เสด็จข้ึนเสวยราชสมบัติแล้ว
กรมพระปรมานุชติ ชโิ นรสทรงพระนพิ นธขน้ึ มีพระบรมราชโองการประกาศเลือ่ น “กรมหมนื่ นชุ ติ ชโิ นรส ศรีสุคตขตั ติยวงศ”์ ให้ดา� รงต�าแหนง่
เพอื่ จารึกลงบนแผนหินออนและนําไปประดับ สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก ณ วนั ศกุ ร์ ขึ้น ๔ ค�่า เดอื น ๙ ปีกุน จลุ ศักราช ๑๒๑๓ (พ.ศ. ๒๓๙๔)
ไวทีว่ ัดพระเชตุพนวิมลมงั คลาราม เพอ่ื ให และได้เลื่อนพระอิสริยยศสูงข้ึนตามล�าดับ คือ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ประชาชนทวั่ ไปและคนรนุ หลงั ไดศ ึกษา ทรงสถาปนากรมสมเด็จพระปรมานชุ ติ ชิโนรสเปน็ “สมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานชุ ติ
เลาเรียน หาความรไู ดโดยสะดวก ทง้ั นีท้ ี่ ชโิ นรส” เมือ่ วันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๔
ทรงพระนพิ นธล ลิ ติ ตะเลงพา ยขน้ึ ดว ยจดุ พระองค์ทรงเช่ียวชาญท้ังคดีโลกและคดีธรรม และเช่ียวชาญด้านอักษรศาสตร์เป็น
มงุ หมายเฉลมิ พระเกียรติสมเด็จพระนเรศวร อยา่ งยิ่ง มผี ลงานพระนพิ นธ์ต่างๆ มากมาย เชน่ กฤษณาสอนน้องคา� ฉนั ท์ พระปฐมสมโพธกิ ถา
มหาราชแหง กรงุ ศรอี ยธุ ยาทท่ี รงชนะการทาํ ศกึ ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก ๑๑ กัณฑ ์ สรรพสทิ ธิค์ �าฉนั ท์ สมทุ รโฆษคา� ฉันท ์ เป็นต้น และเปน็
ยทุ ธหัตถีกับพระมหาอปุ ราชา ดังเนื้อความวา พระอาจารยข์ องเจ้านายหลายพระองค ์ เชน่ รัชกาลท่ ี ๓ และรชั กาลท่ี ๔
“...เฉลิมพระเกยี รติแผน เผา เจา จักรพรรดิ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส มีพระชนมายุอยู่ในสมัยรัชกาลท่ี ๔
แผน สยาม สมญานามนฤเบศ นเรศวรนรนิ ทร. ..” เพยี ง ๒ พรรษา กป็ ระชวรดว้ ยพระโรคชราและสิ้นพระชนม์เม่ือวันศกุ ร์ เดอื นอา้ ย ขึ้น ๙ ค่า� ปีฉลู
สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทรงมีวีรกรรม เบญจศก จุลศักราช ๑๒๑๕ เวลาบา่ ย ๓ โมง ตรงกบั วนั ท ่ี ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๓๙๖ สริ ริ วม
ดานการรบและเปน วีรบุรุษของชาตไิ ทย พระชนมายุได ้ ๖๔ พรรษา พระองค์อยู่ในสมณเพศเกอื บจะตลอดพระชนมช์ พี รวมระยะเวลาใน
ดังนั้น ลลิ ติ ตะเลงพายจงึ จัดวา เปนวรรณคดี รม่ กาสาวพสั ตร์ได ้ ๕๒ พรรษา
เฉลมิ พระเกียรต)ิ
สรรพส์ าระ สงครามยทุ ธหัตถี
• เพราะเหตุใดลิลติ ตะเลงพา ยจึงถกู จัดวา เปน
วรรณคดีในเชงิ ประวัติศาสตร สงครามยุทธหัตถี เป็นการรบแบบกษัตริย์ในสมัยโบราณ
(แนวตอบ ลลิ ติ ตะเลงพายเปน วรรณคดีทนี่ ํา ดงั ทสี่ มเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทรงกระทา� กบั พระมหาอปุ ราชาแหง่
เนอื้ หามาจากบันทึกพระราชพงศาวดาร พม่า การท�ายทุ ธหตั ถีจะใช้ชา้ งเป็นพาหนะ โดยแมท่ ัพน่ังอย่บู นคอ
กรุงศรีอยุธยาฉบับพนั จนั ทนุมาศ (เจมิ ) ป ชา้ ง ถอื ของา้ วเปน็ อาวธุ และมผี ทู้ นี่ งั่ อยบู่ นกบู คอยโบกหางนกยงู เปน็
พ.ศ. 2133 เปน เรือ่ งราวการชนะศึกยุทธหตั ถี สัญญาณซ้ายขวา ส่วนควาญช้างจะอยู่ท้ายช้าง ท่ีเท้าช้างทั้งสี่มี
ของสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทที่ รงทาํ ศกึ กบั นายทหารพร้อมอาวุธคอยรกั ษา เรยี กวา่ จาตรุ งคบาท
พระมหาอปุ ราชา พระราชโอรสของพระเจา
นนั ทบเุ รง กษตั รยิ แ หง พมา โดยแทรก 76
จนิ ตนาการบทครวญอาลยั ของพระมหา
อุปราชาไวใ นเน้ือเร่ือง จงึ ทาํ ใหการอานบันทกึ
ทางประวตั ศิ าสตรน มี้ คี วามนา สนใจยิ่งขึ้น)
เกรด็ แนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
การแทรกบทครวญอาลยั ของพระมหาอปุ ราชาในวรรณคดีเร่ือง
ครูผูสอนควรเพิ่มเตมิ ความรู ความเขาใจเกย่ี วกบั คณุ คา ของวรรณคดีเร่ือง ลิลติ ตะเลงพา ย สงผลอยา งไรตอ วรรณคดเี รื่องนใ้ี นฐานะบนั ทึก
ลิลติ ตะเลงพา ย โดยเนน ชแี้ จงลักษณะเดน ของลลิ ติ ตะเลงพายใหน กั เรียนฟง ดังน้ี ทางประวัตศิ าสตร
1. ชวยเทิดพระเกยี รตพิ ระมหาอปุ ราชา
1. เน้อื เร่ือง เปน ประวตั ศิ าสตรตอนสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงทาํ ยทุ ธหตั ถี 2. ชว ยใหบ นั ทึกทางประวัตศิ าสตรม คี วามนา สนใจยิง่ ข้นึ
กับพระมหาอปุ ราชา นบั เปน ตอนทส่ี าํ คญั ของไทย 3. ชวยนําเสนอขอ เท็จจรงิ ทางประวตั ิศาสตรไดเ ดนชดั ยิ่งขึ้น
4. ชว ยใหบ นั ทกึ ทางประวตั ศิ าสตรม คี วามเปน วรรณคดมี ากยงิ่ ขน้ึ
2. ลลิ ติ ตะเลงพายมรี สทางวรรณคดีครบท้ัง 9 รส (รสวรรณคดีตามตําราบาลี วเิ คราะหคาํ ตอบ ชวยใหบนั ทกึ ทางประวตั ิศาสตรมีความนาสนใจ
สนั สกฤต) ดงั นี้ 1. ศฤงคารรส รสแหงความรกั 2. หาสยรส รสแหงความ ย่งิ ขน้ึ เปนคาํ ตอบท่ีถกู ตอ งท่ีสุด เนอ่ื งจากการบันทกึ ประวตั ศิ าสตร
ขบขัน 3. รทุ รรส รสแหงความโกรธ 4. วรี รส รสแหง ความกลาหาญในการรบ ในรูปแบบวรรณคดี นอกจากจะกลาวถงึ อารมณ ความรสู กึ จากการ
5. พีภัตสรส รสแหง ความรงั เกียจ ชิงชัง 6. กรณุ ารส รสแหง ความเมตตา ตคี วามของผูแตงแลว ยงั ชว ยใหเ นื้อหาทางประวัตศิ าสตรม ีความ
สงสาร 7. อพั ภูตรส รสแหงความประหลาดใจ 8. ภยานกรส รสแหงความกลวั นาสนใจมากยง่ิ ขึ้น สว นในขออน่ื ๆ นนั้ ไมไ ดเนน ความสาํ คญั ของ
9. ศานติรส รสแหงความสงบ งานบันทึกทางดา นประวตั ศิ าสตร ตอบขอ 2.
3. ใหค วามรเู ก่ยี วกับความคดิ ความเช่ือตางๆ ในสมัยกอน เชน การจดั ทพั
การแตง กายของกษตั รยิ การเคลือ่ นพล เปน ตน
4. เปนวรรณคดที ่ีทาํ ใหเกิดความรกั และเสียสละเพ่อื ชาติ
76 คูม่ อื ครู
กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand
Explain Evaluate
อธบิ ายความรู้
Explain
๓. ลลิลกัิตตษะเณลงพะ่าคย1เำ�ป็นปวรรระณพคดนั ีแนธว์ประวัติศาสตร2์และเป็นวรรณกรรมเฉลิมพระเกียรติ 1. นักเรยี นกลมุ ที่ 2 นาํ เสนอประวตั ิผแู ตง
สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระปรมานชุ ิต-
ชโิ นรสหนาช้ันเรียน เพื่อนๆ บันทึกความรูท่ี
นบั เปน็ วรรณคดที มี่ งุ่ สดดุ วี รี กรรมดา้ นการรบของวรี บรุ ษุ ของชาต ิ คอื สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ไดจากการนําเสนอลงสมดุ
แต่งเป็นลิลิตสุภาพ ประกอบด้วยร่ายสุภาพและโคลงสุภาพ อันได้แก่ โคลงสองสุภาพ
โคลงสามสภุ าพ และโคลงสส่ี ภุ าพ สลบั กนั ตามความเหมาะสมของเนอื้ หา โดยเรมิ่ ตน้ ดว้ ยรา่ ยสภุ าพ 2. นกั เรยี นกลุมที่ 3 นําเสนอลกั ษณะคาํ ประพันธ
ซึ่งมีเน้ือหายอพระเกียรติและชื่นชมความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมือง โดยแต่งให้ค�าสุดท้ายของ ประเภทลิลิต
บทประพนั ธ์บทต้น สง่ สัมผสั มายงั ค�าท่ี ๑ หรอื คา� ท ่ี ๒ หรอื คา� ท ี่ ๓ ของบทต่อไป เช่อื มกันอย่างน้ี (แนวตอบ ลลิ ติ เปน คาํ ประพนั ธป ระเภทรอ ยกรอง
ตลอดทง้ั เรื่อง เรยี กวา่ เขา้ ลลิ ติ ผสม ซึ่งประกอบดว ยรา ยกบั โคลง เม่อื ครงั้ ที่
ลักษณะคา� ประพนั ธ์ของลิลิตตะเลงพา่ ย มดี ังนี้ เจา พระยาพระคลัง (หน) เปน หลวงสรวิชติ
๑) ร่ายสุภาพ ไดแ ตงเรื่อง “เพชรมงกฎุ ” ในสมัยธนบรุ ี
ร่ายสุภาพบทหนึ่งจะมีกี่วรรคก็ได้ วรรคหนึ่งมี ๕ ค�า ค�าสุดท้ายของทุกวรรค โดยใชโคลงและรา ยแตงผสานตอ เนื่องกัน
ตอ้ งสัมผัสกบั คา� ท ี่ ๑, ๒ หรอื ๓ ของวรรคตอ่ ๆ ไป เป็นเชน่ น้ีตลอด และจบลงด้วยโคลงสองสภุ าพ ซง่ึ ใชค าํ วา “ลิลติ ” ตามท่ไี ดป รากฏในความวา
ดังแผนผังและตวั อย่างบทประพนั ธ์ ดงั น้ี “...ขอ ยจะนพิ นธล ิลิต โดยตาํ นานนติ ยบุราํ
ในปกรณาํ เวตาล และนิทานเปนประถม...”
่้ ่ ้ ่้ (( จึงใชเรยี กบทนพิ นธท แ่ี ตงดวยโคลงผสาน
สลบั กับรายตอ เน่อื งกันไปต้ังแตนนั้ มา เชน
ตัวอยา่ ง ศรสี วสั ดเิ ดชะ ชนะราชอรนิ ทร ์ ยนิ พระยศเกรกิ เกรยี ง เพยี งพกแผน่ ฟากฟา้ ลลิ ิตโองการแชง นา้ํ ลิลติ พระลอ ลิลิตที่มี
หล้าล่มเลื่องชัยเชวง เกรงพระเกียรติระย่อ ฝ่อใจห้าวบมิหาญ ..... เถกิงพระเกียรติฟุ้งฟ้า แตงในวรรณคดีไทย โดยการจาํ แนกตาม
ลอื ตรลบแหลง่ หลา้ โลกลว้ นสดดุ ี ประเภทของโคลงและรา ยทนี่ าํ มาแตง มี
2 ประเภท คอื ลลิ ติ สุภาพ ซงึ่ ประกอบดวย
๒) โคลงสองสภุ าพ โคลงสุภาพและรายสุภาพ และลลิ ติ ดน้ั
โคลงสองสุภาพมีสามวรรค วรรคหนง่ึ และวรรคสองมีวรรคละหา้ ค�า วรรคท่สี ามมสี ีค่ �า ประกอบดวย โคลงดัน้ กบั รา ยดั้น วรรณคดี
และค�าสร้อยสองคา� บังคบั เอกโทในวรรค ดงั แผนผังและตัวอย่างบทประพันธ ์ ดงั น้ี เรอื่ งลิลิตตะเลงพา ยแตง คาํ ประพันธด ว ย
ลลิ ติ สภุ าพ มจี าํ นวนทงั้ สนิ้ 439 บท โคลงสภุ าพ
่้ ่้ ในลิลติ ตะเลงพา ยมีท้งั โคลงสองสภุ าพ
่้ (( โคลงสามสุภาพ และโคลงสส่ี ภุ าพ)
ตวั อย่าง โคลงสองเป็นอยา่ งน้ ี แสดงแกก่ ุลบตุ รชี้
เชน่ ใหเ้ ห็นเลบง แบบนา
77
ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นกั เรียนควรรู
คําประพันธในขอใดมีคําตายมากทสี่ ุด
1. อา จอมจกั รพรรดิผู เพ็ญยศ 1 ลิลติ ตะเลงพาย แตง ดวยคาํ ประพันธประเภทลิลติ สภุ าพ ลักษณะคาํ ประพนั ธ
2. แมพ ระเสยี เอารส แกเ สี้ยน แตงสลับกันระหวางรายสภุ าพกบั โคลงสภุ าพ ท้ังหมด 439 บท แบง เปนโคลงสอง
3. จกั เจ็บอรุ ะระทด ทกุ ขใหญ หลวงนา สภุ าพ 45 บท โคลงสามสุภาพ 10 บท โคลงสสี่ ุภาพ 335 บท และรายสุภาพ
4. ถนัดดงั่ พาหาเหยี้ น หนั่ กล้งิ ไกลองค จาํ นวน 49 บท ระยะเวลาในการนิพนธ เรมิ่ นพิ นธต้งั แต พ.ศ. 2359 และจบใน
พ.ศ. 2375 ใชเ วลานานถึง 16 ป
วิเคราะหคําตอบ คําตาย คือ คําที่ประกอบดวยเสียงสระส้ันใน 2 วรรณคดีแนวประวตั ิศาสตร วรรณคดนี อกจากจะเปนเรื่องแตง แลว วรรณคดี
แม ก กา (ยกเวน อาํ ใอ ไอ เอา) และคาํ ทม่ี ตี วั สะกดในมาตรา ยังเปนเครื่องมอื สําคัญในการบนั ทกึ ประวัติศาสตรใหคนรุนหลังไดศ ึกษาเร่อื งราว
แม กก กด กบ เชน นกกระจอกกับนกกระปดู จกิ พรกิ ในการแตง ความรู ความคดิ อารมณ ความรูส กึ รวมถงึ สภาพสงั คมของคนรนุ กอ นหนา ได
โคลงทกุ ชนิดใชค าํ ตายแทนตําแหนง ท่ตี อ งใชคําวรรณยกุ ตเอก การศึกษาวรรณคดใี นเชงิ ประวัติศาสตรน้ันมจี ดุ มงุ หมาย ดงั ตอ ไปน้ี 1. เพอ่ื ให
ขอ 1. มี 4 คาํ ขอ 2. มี 2 คํา ขอ 3. มี 7 คํา และขอ 4. มี 2 คาํ ทราบกําเนิดของวรรณคดแี ตละเรอื่ ง 2. เพอื่ ใหท ราบพัฒนาการทางสติปญญา
รวมถงึ พลังทางปญ ญาของคนในชาติ โดยแสดงออกในรูปศลิ ปกรรมประเภทตา งๆ
ดงั นั้น ขอ ที่ 3 มีคําตายมากทสี่ ดุ ตอบขอ 3. รวมถงึ งานวรรณกรรมดวย 3. เพอ่ื ใหทราบเหตกุ ารณท ี่มอี ทิ ธิพลตอการสรา งสรรค
วรรณคดี ไมว าจะเปน สภาพสังคมและวฒั นธรรมทรี่ วมยคุ สมยั กบั กวี
คูม่ ือครู 77
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
Explain
อธบิ ายความรู้
นักเรยี นศกึ ษาแผนผังลกั ษณะคาํ ประพันธ ๓) โคลงสามสภุ าพ
และตวั อยา งโคลงสภุ าพในลิลติ ตะเลงพา ย ซงึ่ ไดแก โคลงสามสภุ าพ มจี า� นวนวรรคเพม่ิ จากโคลงสองสภุ าพอกี หนง่ึ วรรค โดยคา� สดุ ทา้ ยของ
โคลงสองสภุ าพ โคลงสามสุภาพ และโคลงสส่ี ภุ าพ วรรคแรก ส่งสัมผัสไปยังค�าที่สามของวรรคที่ ๒ ค�าสุดท้ายของวรรคท่ี ๒ สัมผัสกับค�าสุดท้าย
นักเรยี นสรปุ ความแตกตางของโคลงสภุ าพทง้ั ของวรรคท่ ี ๓ บงั คับ เอก โท ดงั แผนผังและตวั อย่างบทประพนั ธ ์ ดังนี้
สามชนิด
่้ ่้
(แนวตอบ โคลงสองสภุ าพกบั โคลงสามสภุ าพมี ่้ ((
จํานวนคณะเทากัน คือ 1 บท มี 2 บาท แตใ นบาท
ท่ี 2 ของโคลงสามสภุ าพมี 2 วรรค สวนโคลงสอง ตวั อย่าง โคลงสามแปลกโคลงสอง ตามท�านองท่ีแท้
สภุ าพมีวรรคเดียว สมั ผัสบังคับของโคลงสองสุภาพ วรรคหนึง่ พึงเติมแล้ เล่ห์นจ้ี งยล เย่ียงเทอญ
มแี หงเดียว คอื คาํ สดุ ทายของวรรคแรกสัมผัสกบั
คาํ สุดทา ยของวรรคท่สี อง สว นโคลงสามสภุ าพมี ๔) โคลงสส่ี ุภาพ
สมั ผสั บังคบั 2 แหง คือ คําสดุ ทา ยของวรรคแรก โคลงสี่สุภาพมีสี่บาท บาทละสองวรรค วรรคหน้าห้าค�า วรรคหลังสองค�า เฉพาะ
สัมผัสกบั คาํ ที่ 1, 2 หรือ 3 ของวรรคท่ี 2 และคาํ วรรคหลงั บาทท ี่ ๔ ม ี ๔ ค�า ค�าสรอ้ ยมีได้ทา้ ยบาทท ่ี ๑ และ ๓ มบี งั คบั เอก ๗ แหง่ โท ๔ แห่ง
สดุ ทา ยของวรรคท่ี 2 สมั ผัสกบั คาํ สุดทายของวรรค ค�าเอก โท ในวรรคท ี่ ๑ บาทท่ ี ๑ นน้ั สลับที่กนั ได้
ที่ 3 โคลงส่ีสภุ าพมีจาํ นวนคณะ คอื 1 บท มี 4 บาท สว่ นในตา� แหนง่ ทตี่ อ้ งการคา� เอกอาจใชค้ า� ตายหรอื คา� เสยี งสนั้ แทนได ้ แตห่ า้ มใชค้ า� ตาย
วรรคหนามี 5 คาํ สว นวรรคหลงั มี 2 คาํ ยกเวน ในค�าที ่ ๔ วรรคหลังของบาทท่ี ๔ บงั คับ เอก โท ดังแผนผังและตัวอยา่ งบทประพนั ธ์ ดังน้ี
วรรคที่ 2 และ 6 มี 4 คํา มีสมั ผัสบงั คับ 2 แหง
ดงั แผนผัง หนา 78)
ขยายความเขา้ ใจ Expand ่้ ((
่
นกั เรยี นยกคาํ ประพนั ธป ระเภทลลิ ติ จากวรรณคดี ่้
เร่อื งอื่น เชน ลลิ ติ ยวนพาย ลลิ ิตพระลอ เปน ตน ่ ่( (
ใหตรงกับแผนผังลักษณะคาํ ประพันธโ คลงสุภาพใน ่้
ลิลิตตะเลงพาย ทั้งโคลงสองสภุ าพ โคลงสามสุภาพ ่้
และโคลงสส่ี ุภาพ ตวั อย่าง อา้ จอมจกั รพ2รรดผิ ู้
1
(แนวตอบ ครูพิจารณาการยกตัวอยางคาํ ประพนั ธ แมพ้ ระเสียเอารส เพ็ญยศ 3
ใหตรงตามรปู แบบของโคลงสภุ าพชนิดตางๆ) จกั เจบ็ อุระระทด
ถนัดดัง่ พาหาเหย้ี น แก่เสี้ยน
ทกุ ขใ์ หญ ่ หลวงนา
ห่นั กลิ้งไกลองค์
78
นกั เรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
“สองสุรยิ พงศผา นหลาขับคเชนทรบ า ยหนา แขกเจา จอมตะเลงแลนา”
1 เพญ็ โดยทวั่ ไปหมายถงึ เตม็ สว นในบทประพนั ธนี้ ใชเพอ่ื แสดงพระเกียรติ ขอความขา งตนเปน คาํ ประพนั ธประเภทใด
ของพระมหากษตั ริย รวมถึงสรรเสรญิ พระเกยี รติของพระมหากษัตริย และแสดง 1. โคลงสองสุภาพ
พระบารมขี องพระมหากษัตริยวา เปย มลน ไปดวยพระบารมี 2. โคลงสามสภุ าพ
2 เอารส หรอื ใชวา โอรส หมายถงึ ลกู ชาย (เปนคําราชาศพั ทใชแกเ จานาย) 3. โคลงสี่สุภาพ
ในภาษาบาลี คําวา โอรส หมายถงึ ผูเกดิ แตอ ก 4. รา ยสภุ าพ
3 เสยี้ น ขา ศกึ เชน “สระทกุ ขร าษฎรร อนเส้ียน” ในวรรณคดเี รื่อง นิราศนรินทร
คาํ โคลง หรอื “เหือดเสี้ยนศึก สยาม ส้นิ นาฯ” ในวรรณคดเี รือ่ งลิลิต วเิ คราะหคาํ ตอบ จากจํานวนคําทัง้ หมดของขอความขางตนมี
ตะเลงพา ย 16 คาํ ทัง้ นพ้ี ิจารณาตําแหนง คําเอก คําโท จึงควรเปนดงั น้ี
“สองสรุ ยิ พงศผ านหลา ขับคเชนทรบ า ยหนา
แขกเจา จอมตะเลง แลนา”
ตรงคําวา “แลนา” เปน คาํ สรอ ยซงึ่ มีหรอื ไมม กี ็ได ลักษณะ
คําประพันธข างตนนเ้ี ปน โคลงสองสภุ าพ ตอบขอ 1.
78 คมู่ อื ครู
กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain
อธบิ ายความรู้ Explain
๔. เร่ืองย่อ นกั เรยี นกลุมท่ี 4 นาํ เสนอเร่ืองยอของ
วรรณคดเี ร่อื งลลิ ิตตะเลงพา ยโดยเลา ตอกนั
เร่ืองตะเลงพ่ายนี้ ค�าว่า ตะเลง หมายถึง มอญ พ่าย แปลว่า แพ้ ค�าว่า ตะเลงพ่าย
แปลตามตัวอักษรคอื มอญแพ้ แตพ่ มา่ เปน็ ผปู้ กครองมอญอยู่ คา� ว่าตะเลงในที่นจี้ งึ หมายถงึ พมา่ (แนวตอบ นกั เรยี นสรปุ เร่ืองยอทเี่ พอ่ื นนําเสนอ
เปน สาํ นวนภาษาของนักเรยี นเอง)
และมอญเปน็ ผแู้ พส้ งคราม เรอื่ งนม้ี ี ๑๒ ตอน เรม่ิ เรอื่ งดว้ ยการกลา่ วถงึ การสนิ้ พระชนมข์ องสมเดจ็ ขยายความเขา้ ใจ Expand
พระมหาธรรมราชาธริ าช สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทรงขน้ึ ครองราชยโ์ ดยมสี มเดจ็ พระเอกาทศรถ
เป็นพระมหาอุปราช พระเจ้าหงสาวดีทรงทราบข่าวไทยผลัดเปลี่ยนแผ่นดินใหม่ก็ปรารภจะมาตี นกั เรยี นพจิ ารณาเรื่องยอของวรรณคดีเรือ่ ง
แไทลยะมเพลี ่ือาหงสยงังั่ หเชริงณ 1 ์จแงึ ตมถ่ ีพกู รพะรราะรชาบชัญบชดิ าาใปหร้พามระามส2ห จางึ อจปุ า� รใจายชกายทกพั ทมพั าตมไีาทตยไี ท เยม อ่ื พลราะนมาหงสาอนปุมรแาลชว้ ากฝย็ นั กรท้าพัย ลิลติ ตะเลงพา ยเปรยี บเทียบกบั ลิลิตยวนพา ยใน
เขา้ มาทางเมืองกาญจนบรุ ี ประเดน็ ตอ ไปน้ี
ฝ่ายสมเด็จพระนเรศวรปรารภจะไปตีเขมร
คร้ันรู้ข่าวก็ทรงเตรียมการสู้ศึกพม่า ทรงตรวจ • การต้งั ช่อื เรอ่ื ง
และตระเตรียมกองทัพ พระมหาอุปราชาทรง • จุดมงุ หมาย (การเฉลิมพระเกียรติ
ปรึกษาการศึก แล้วยกทัพเข้ามาปะทะทัพหน้า
ของไทย ส่วนสมเด็จพระนเรศวรก็ทรงปรึกษา พระมหากษตั รยิ )
เพอื่ หาทางเอาชนะขา้ ศกึ เมอื่ ทพั หลวงเคลอื่ นพล • การเร่ิมเร่ือง (เรม่ิ เรื่องดว ยบทไหวครู)
ช้างทรงของสมเด็จพระนเรศวรและช้างทรงของ • การกลา วถงึ ความเปน มาของการแตง วา
สมเด็จพระเอกาทศรถก�าลังตกมัน ก็เตลิดเข้าไป
ในวงล้อมของข้าศกึ ณ ต�าบลตระพังตรุ สมเด็จ แตงเพอ่ื อะไร มีวตั ถปุ ระสงคใดบา ง
พระนเรศวรทรงกระท�ายุทธหัตถีกับพระมหา และอยางไร
• บทสง ทา ยเปนบทสรปุ เน้อื ความ
ภาพจติ รกรรมฝาผนงั การทา� ยทุ ธหัตถรี ะหวา่ ง ตรวจสอบผล Evaluate
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชกบั พระมหาอปุ ราชา
ณ วัดสุวรรณดาราราม จงั หวัดพระนครศรีอยุธยา
อุปราชา ส่วนสมเด็จพระเอกาทศรถนั้นทรงกระท�ายุทธหัตถีกับมางจาชโรและได้รับชัยชนะ 1. นักเรียนอธิบายลักษณะคําประพนั ธประเภท
ท ั้งสองสพมรเะดอ็จงพค์ รเะมน่อื เพรศรวะมรทหรางอปุปูนราบช�าาเหถูกนฟ็จ3ทันขหาาดรคแอลชะป้างร ึกกษอางโททัพษหนงาสยาทวัพดกีนแ็าตยกกพองา่ ทยกี่ตลาับมไชป้างทรง โคลงสุภาพชนิดตางๆ ในวรรณคดีเรอ่ื ง
เข้าไปในกองทัพพม่าไม่ทัน สมเด็จพระวันรัตทูลขอพระราชทานอภัยโทษแทนแม่ทัพนายกอง ลิลติ ตะเลงพายได
ท้งั หมด สมเด็จพระนเรศวรกโ็ ปรดพระราชทานอภัยโทษให้ โดยให้ยกทพั ไปตที วายและตะนาว4ศรี
เเปปน็็นกเมารือแงกขต้ ึ้นวั5 จสามกเนดนั้ ็จไพดรท้ ะรนงจเรดั ศกวารรจทึงา� ทนรบุ งา� รรับงุ หทวัูตเเมชอื ียงงทใาหงมเห่แนลอืะ เเรจื่อา้ งเมจอืบงลเงชดยี ้วงใยหกมาม่รายสอวพารมะภิ เกกั ดียข์ิรตอิ 2. นักเรียนยกคําประพนั ธป ระเภทลิลติ จาก
สมเด็จพระนเรศวร ตอนท้ายกล่าวถึงธรรมะส�าหรับพระเจ้าแผ่นดินและบอกจุดมุ่งหมายใน วรรณคดีเร่ืองอืน่ ใหต รงกบั แผนผงั ลกั ษณะ
การแตง่ บอกชอื่ ผแู้ ตง่ สมยั ทแี่ ตง่ และคา� อธษิ ฐานของผทู้ รงพระนพิ นธ ์ คอื ขอใหบ้ รรลโุ ลกตุ รธรรม คาํ ประพันธโ คลงสุภาพในลิลิตตะเลงพายได
3. นักเรยี นเปรียบเทียบความเหมอื นและความตาง
ระหวา งวรรณคดเี ร่อื งลลิ ติ ตะเลงพายกับเร่ือง
ลิลติ ยวนพายจากการอา นเรื่องยอ ได
แตถ่ ้ายงั เวยี นว่ายตายเกิดอยู่ก็ขอให้ได้เป็นกวีทุกชาติไป
79
ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นกั เรยี นควรรู
“จึ่งไทเทเวศอา ง สมมตุ ิ
มิ่งมหิศวรมกฎุ เกศหลา 1 ลางสงั หรณ ลางทีด่ ลใจทาํ ใหเชอื่ วา อาจจะมเี หตุดีหรือเหตรุ ายเกดิ ข้นึ เชน
เถลิงภพแผนอยธุ - ยายง่ิ ยศแฮ จง้ิ จกตกมาตายตอ หนา เชือ่ วา เปนลางสงั หรณจะทําใหเ กิดเหตุรา ย เปนตน
แสดงพระเดชฟงุ ฟา เฟองดา วดินไหว” 2 ปรามาส อา นวา ปรฺ า-มาด หมายถึง ดูถูก มคี าํ พองรูป ซง่ึ เปน คาํ ภาษาบาลี
บทประพนั ธขา งตน บาทใดแสดงจดุ ประสงคในการแตงเร่อื ง เขยี นวา ปรามาส อา นวา ปะ-รา-มาด หมายถึง การจบั ตอ ง การลูบคลํา
ลิลิตตะเลงพา ย
1. บาทท่ี 1 2. บาทท่ี 2 3 ปนู บาํ เหนจ็ รางวลั คา เหน่ือย คา ความชอบเปน พิเศษ เชน ปูนบําเหน็จ
3. บาทท่ี 3 4. บาทที่ 4 เงนิ ตอบแทนที่ไดท าํ งานมา ซึ่งจา ยครัง้ เดียวเมื่อออกจากงาน เปนตน ภาษา
กฎหมาย หมายถงึ เงินตอบแทนความชอบทไ่ี ดรบั ราชการมา ซง่ึ จายคร้งั เดยี วเม่ือ
วิเคราะหคําตอบ บาททแี่ สดงจดุ ประสงคใ นการแตง คอื บาทที่ 4 ออกจากงาน ในบทประพันธน ้ี หมายถึง รางวัลทีเ่ ปนผลตอบแทนความดีความ
“แสดงพระเดชฟงุ ฟา เฟอ งดา วดินไหว” มีเน้อื หาสรรเสรญิ ชอบจากการทําศกึ
พระเกียรติ หรอื ยอพระเกียรติของพระมหากษตั รยิ ส อดคลองกับ
จุดประสงคใ นการแตง วรรณคดเี รอ่ื งลิลติ ตะเลงพา ยมากทีส่ ดุ 4 สวามิภกั ดิ์ ยอมตนหรือมอบตนอยูใตอ าํ นาจ เชน ขาศกึ เขามาสวามภิ ักด์ิ
สามภิ ักดิ์ กว็ า เปน คาํ สมาสแบบมีสนธิ มาจากคําวา สฺวามินฺ + ภกตฺ ิ ในภาษา
ตอบขอ 4. สันสกฤต หมายถงึ ความซื่อตรงตอเจา
5 เมืองขึ้น เมอื งที่เปนขาขอบขัณฑสีมา คูม่ ือครู 79
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ครสู นทนากับนักเรียน และใหนักเรยี นชวยกัน ๕. เน้อื เรอื่ ง
ตอบคําถาม ดงั นี้
ล ลิ ติ ตเนะ่ืองเลจางกพลลิ า่ิตยตะเลงพ่าย1 มคี วามยาวมาก ไม่อาจเรียนได้จบในเวลาจา� กัด จึงไดน้ า� มา
• นกั เรียนคิดวา วรรณคดที แ่ี ตง เปน ลิลิต ให้เรียนเพียงบางตอน ตอนใดท่ีข้ามไปได้ใส่เครื่องหมาย “ฯลฯ” ให้เป็นที่สังเกต โดยมี
เหมาะกบั เนอื้ เรอื่ งทม่ี ลี กั ษณะใด เพราะเหตใุ ด บทประพนั ธท์ รี่ วมไว้ทงั้ ส้ิน ๑๒ ตอน ดงั น้ี
(แนวตอบ เหมาะกบั เร่อื งที่ตอ งการเลาเร่อื ง
และเปน เรอ่ื งทเี่ กยี่ วกบั กษตั รยิ มคี วามสงา งาม)
สา� รวจคน้ หา Explore ตอน ๑
เรม่ิ บทกวี
นกั เรยี นแบงกลุมเปน 6 กลมุ แตละกลมุ ศกึ ษา หลา้ ล่มเ๏ร๑ล่า ื่อยงศชรยั ีสเชววัสงด 2ิเเดกรชงะพ รชะนเกะยี รราตชิรอะรยิน่อท ฝร์ ่อใยจินหพ้ารว ะบย ศมเหิการญิกเ กลราียญงใ จแเพกียลง้วพ บก แมผิก่นลฟา้ าบก ฟค้า้า
วรรณคดีลลิ ิตตะเลงพายจากหนงั สอื เรียนกลุม ละ อาตมอ์ อกรงค๑์ บ คงอาตม์ออกฤทธ์ิ๒ ทา้ วท่ัวทิศทว่ั เทศ ไทท้ ุกเขตทุกดา้ ว น้าวมกุฎมานบ
2 ตอน ดงั นี้ น้อมพิภพมานอบ มอบบัวบาทวิบุล อดุลยานุภาพ ปราบดัสกรแกลนกลัว หัวหั่นหาย
กายกลาด ดาษเต็มท่งเต็มดอน พม่ามอญพ่ายหนี ศรีอโยธยารมเยศ พิเศษสุขบ�าเทิง
• กลุมที่ 1 ศกึ ษาตอน 1 เริม่ บทกวี สเย�า็นเรพิงิภราพชดสับถยาุคน สสน�าุกรสาญบสราีมชา3ส ถสิต�่า เสพนิพาินธโอภบคเสกมลบ้า ัตสิ ่�าพสิพนัฒมเนฝ์โ้าภฝค่าสยมในบ ูรณส่�า์ พพลูนไกพริภเกพรดิกับหเขา็ญญ
และตอน 2 เหตกุ ารณทางกรงุ หงสาวดี สา่� พลสารสินธพ สบศาตราศรเพลิง เถกงิ พระเกยี รตฟิ ุ้งฟา้ ลือตรลบแหล่งหล้า โลกลว้ นสดุด ี
โคลง๏๒ ๔ บญุ เจา้ จอมภพพน้ื
• กลมุ ที่ 2 ศึกษาตอน 3 พระมหาอุปราชา แผ่นสยาม
ยกทพั เขา เมอื งกาญจนบุรี และตอน 4 แสยงพระยศยินขาม ขาดแกลว้
สมเดจ็ พระนเรศวรทรงปรารภเรอ่ื งตเี มอื งเขมร พระฤทธิ์ดั่งฤทธ์ิราม รอนราพณ์ แลฤๅ๓
ราญ๏๓อ รริ ไาพชรแนิ ผทว้ ร นา ศ เพ้ียง แผกแพ้ทกุ ภาย
• กลุมท่ี 3 ศกึ ษาตอน 5 สมเดจ็ พระนเรศวร พระดั่งองค์อวตาร พลมาร
ทรงเตรยี มการสูศกึ มอญ และตอน 6 แตก่ ี้
พระนเรศวรทรงตรวจเตรยี มทัพ แสนเศกิ ห่อนหาญราญ รอฤทธิ์ พระฤๅ
ดาล๏๔ต ระเดสรก็จเดเสชวลยี ้ ศ ว รรเยศอ้าง ประลาตหล้าแหลง่ สถาน
• กลุมท่ี 4 ศกึ ษาตอน 7 พระมหาอปุ ราชา ไอศรู ย ์ สรวงฤๅ
ทรงปรกึ ษาการศกึ แลวยกทัพเขาปะทะทพั เย็นพระยศปูนเดอื น เด่นฟ้า
หนา ของไทย และตอน 8 สมเด็จพระนเรศวร เกษมสุขส่องสมบูรณ์ บานทวปี
ทรงปรึกษายุทธวธิ เี อาชนะขา ศกึ สวา่ งทกุ ข์ทุกธเรศหลา้ แหลง่ ล้วนสรรเสรญิ
ฯลฯ
• กลมุ ที่ 5 ศึกษาตอน 9 ทพั หลวงเคลอ่ื นพล ๑
ชางทรงสมเดจ็ พระนเรศวรและสมเด็จพระ ๒ บ ค้าอาตม์ออกรงค ์ ไมก่ ล้าปรากฏตัวออกสู้รบ
เอกาทศรถฝา เขาไปในกองทัพขา ศึก และ ๓ บ คงอาตมอ์ อกฤทธ์ิ ไม่กลา้ อยูส่ ู้หนา้ และแสดงฤทธิ์
ตอน 10 ยุทธหตั ถี และชยั ชนะของไทย พระฤทธิ์ดง่ั ฤทธริ์ าม รอนราพณ์ แลฤๅ ฤทธ์ิของพระมหากษตั รยิ ์สยามน้ัน เทยี บได้เทา่ กบั ฤทธ์ิของพระรามทีป่ ราบทศกณั ฐ์ลงได้
• กลมุ ที่ 6 ศกึ ษาตอน 11 สมเดจ็ พระนเรศวร
ทรงสรางสถปู และปนู บาํ เนจ็ ทหาร
และตอน 12 ขอพระราชทานอภยั โทษ
80
นกั เรียนควรรู บูรณาการเชอ่ื มสาระ
ครูบรู ณาการความรูเร่ืองการแตง กายของตัวละครในเรอื่ ง
1 ลลิ ิตตะเลงพา ย ในประวัตศิ าสตรอ าจจะจดบันทกึ ไวเ พยี งไมก ี่บรรทดั ผอู า นก็ ลลิ ิตตะเลงพายเช่อื มกับกลุมสาระการเรียนรูศ ลิ ปะ วชิ านาฏศิลป
อาจจะอา นขา มๆ ไปโดยไมท นั สงั เกตและจดจาํ ถา ไดอ า นลลิ ติ ตะเลงพา ยจะจาํ เรอ่ื ง จากเนือ้ เร่ืองทม่ี ีการพรรณนาเกีย่ วกับเคร่อื งทรงของตัวพระและ
ยุทธหัตถีไดด ขี นึ้ และยงั เหน็ ความสําคัญของเหตกุ ารณบานเมืองในตอนนน้ั อีกดว ย ตัวนาง ซง่ึ จะใหร ายละเอยี ดเกีย่ วกบั เครื่องแตงกายในสมยั กอ น
เพราะผอู า นไดร บั รสแหงความสขุ ความบันเทิงใจในขณะทีอ่ า นลลิ ิตตะเลงพา ยท่ีนาํ ไดชัดเจนยิง่ ข้ึน การกลา วถึงองคป ระกอบของเครือ่ งแตง กาย
เรือ่ งราวทางประวตั ศิ าสตรม าเปนพน้ื ฐานในการแตง อยา งไรก็ตามลิลิตตะเลงพาย วธิ ีการสวมใส และความงดงามของเคร่อื งแตง กายที่กวีพรรณนา
มิใชเ อกสารวชิ าการสาํ หรบั อางอิงทางประวตั ิศาสตร ตรงกนั ขามประวัติศาสตรต าง ไดอยางประณตี
หากทเ่ี ปนเอกสารอางองิ ของวรรณกรรม ดงั นั้น การใชว รรณกรรมเปน เอกสารอา งอิง
ทางประวตั ิศาสตรจึงอาจคลาดเคลอ่ื นได
2 เชวง อา นวา ชะ-เวง ใชใ นบทประพนั ธป ระเภทกลอน หมายถึง ความรงุ เรือง
เล่ืองลอื รากศัพทมาจากภาษาเขมรคําวา เฌวฺ ง มคี วามหมายวา ปรีชารงุ เรอื ง
3 สีมา เขต แดน เครื่องหมายบอกเขตโบสถ มกั ทาํ ดวยแผน หินหรอื
หลักหิน เปน ตน เรียกวา ใบพทั ธสีมา ใบสีมา หรอื ใบเสมา กว็ า
80 ค่มู ือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู้
ตอน ๒ นักเรียนกลมุ ที่ 1 นาํ เสนอเก่ยี วกับการเร่มิ
เหตุการณ์ทางกรุงหงสาวดี บทกวีในประเด็นคาํ ถามตอ ไปน้ี
กิดาการ๏ร3๖ า่ ฝ ย่าฝยา่พยสพุธราะรอนอคกรรทาศิ ม๑ัญ ว ่าขอณั ดฑิศ์เวขรตกดษ้าัตวรอาัส ดมงห1 หาธงรสรามวรดาีบชเุ นรศริน 2รท่ัวรร4เู้ ์ หเจตา้ ุ ปบถ มพิหินงึ ท แรห์ผ่ง่าเนอทกิ วอีปึง
ดับชนมชีพพิราลัย เอารสไทนฤเบศ นเรศวรเสวยศวรรยา แจ้งกิจจาตระหนัก จ่ึงพระปิ่น • ในเนื้อความตอนเริม่ บทกวกี ลาวถึงสิง่ ใด
ปเปกั ลธ่ียานษรตารชี บ รุเยีรีตัยนววหิวงาสทาช ธิง ฉกัตบ็ ร5ัญ เชพาื่อพกิภษาษัต รดิยว้์สยอมงวสลู้ มบา ตรย้าางกรรู้เ หวต่านุผลค รรคาวมรินยทารต์ รผพลลัดไแปผเ่นยือดนิน และกลา วถึงอยางไร
เตือนประยุทธ์เอาเปรียบ แม้นไป่เรียบเป็นที โจมจู่ยีย่�าภพ๒ เสนีนบนึกชอบ ระบอบเบ้ือง (แนวตอบ การเริม่ บทกวี หรือบทไหวครบู างที
บรรหาร ธ กเ็ ออื้ นสารเสาวพจน์ แดเ่ อารสยศเยศ องค์อิศเรศอุปราช ให้ยกยาตราทัพ กับนคร กเ็ รยี กบทชมพระนคร ซึง่ การชมพระนครนนั้
เชยี งใหม ่ เปน็ พยหุ ใหญห่ า้ แสน ไปเหยยี บแดนปราจนิ ๓ บตุ รทา่ นยนิ ถอ้ ถอ้ ย ขอ้ ยผขู้ า้ บาทบงส ์ุ นอกจากจะกลาวถงึ บุญญาธิการและ
โหรควรคงท�านาย ทายพระเคราะห์ถึงฆาต ฟังสารราชเอารส ธ กผ็ ะชดบัญชา เจา้ อยุธยามี พระบรมเดชานุภาพของพระมหากษตั รยิ
บตุ ร ลว้ นยงยทุ ธ์เชย่ี วชาญ หาญหกั ศึก บ มิยอ่ ต่อสูศ้ ึก บ มิหยอน ไปพ่ กั วอนว่าใช้ ให้ ธ หวง ธ แลว ยงั กลาวถึงศิลปะอันเปนเอกลกั ษณ
หา้ ม แม้นเจ้าครา้ มเคราะห์กาจ จงอย่ายาตรยุทธนา เอาพัสตราสตร ี สวมอินทรยี ์สรา่ งเคราะห์ ของไทยแทรกไวดวย ไมวา จะเปน ดา น
ธ ตรัสเยาะเยี่ยงขลาด องค์อุปราชยินสาร แสนอัประมาณมาตย์มวล นวลพระพักตร์ผ่อง สถาปตยกรรมหรือประติมากรรม บทนี้กวี
เผือด เลอื ดสลดหมดคล�้า ช้�ากมลหมองมัว กลวั พระอาชญายอบ นอบประณตบทมูล ทูลลา จะแสดงฝมอื อยา งเต็มท่ีในการกลาวถึง
ไท้ลีลาศ ธ กป็ ระกาศเกณฑพ์ ล บอกยบุ ล บ่ มิหึง ถึงเชียงใหมต่ ระบดั เร่งแจงจดั จตรุ งค ์ ลงมา สิ่งเหลา น้ี ลลี าการเขยี นบทไหวค รูจะแสดง
สูห่ งสา แลว้ ธ ให้หาเมอื งออก บอกทกุ แดนทกุ ดา้ ว บอกทกุ ท้าวทกุ เทศ ท่ัวทุกเขตทุกขอบ ความสามารถสว นตวั ของกวแี ตล ะคนออกมา
รอบสีมามณฑล ทราบนุสนธิ์ทุกแห่ง ต่างตกแต่งแสะสาร แสนยาหาญมหิมา คลาบรรลุ บทนําในลิลิตตะเลงพา ย กลาวถึงอาํ นาจ
เวยี งราช แลสระพราศสระพรง่ั คงั่ คับนบั เหลอื ตรา ตา่ งภาษาต่างเพศ พเิ ศษสรรพแตง่ ตน ของสิ่งศักด์สิ ิทธิ์ เทพเจา ที่เคารพนบั ถอื
ขา้ ศกึ ยลแสยงฤทธ ์ิ บพติ ร ธ เทยี บทัพหลวง โดยกระทรวงพยุหบาตร จักยาตราตรูเ่ ช้า เสดจ็ ทวั่ ทุกเขตสารทิศ กลา วถงึ พระเกียรตยิ ศของ
คนื เขา้ นิเวศไท้ เกรยี มอรุ ะราชไหม้ หม่นเศรา้ ศรสี ลาย อยนู่ า พระมหากษัตรยิ แสดงความเคารพนบนอบ
โคลง๏๗ ๒ พระผาดผายสูห่ อ้ ง วา เปน ผูมฤี ทธิ์เกรียงไกรทีช่ นะขาศกึ กลา ว
หนุม่๏๘เ หนปา้ วพงประรสะนนมมนบเกล้า หาอนุชนวลน้อง ชมความเจรญิ รงุ เรืองของบานเมือง เมอื่ คร้ัง
เหตุการณสําคัญทกี่ รุงศรอี ยุธยาทําศึกกบั
อยถู่ ๏๙า้ ทลูกสรนตรอะงกองกอดแก้ว งามเสงย่ี มเฟยี้ มเฝ้า พมา และเอาชนะได กลา วถงึ ความรม เยน็
เปนสุขของบา นเมืองในสมัยนัน้ ซ่ึงสะทอน
คลา๏๑ด๐ เคจลา� า้ ใคจลจารสจมากรสร้อย เรยี มจกั ร้างรสแคล้ว ใหเห็นถึงสิ่งท่ีเปนแรงบันดาลใจทมี่ อี ทิ ธพิ ล
ตอกวี เพราะวรรณคดเี ปน เคร่อื งหมายที่
แสดงใหเ หน็ ถึงความสงบสุขของบานเมอื ง
และความเปน ไปของแผน ดิน)
ห่อนช้าคืนสม แม่แล อยูแ่ มอ่ ย่าละห้อย
๑ ฯลฯ
๒
๓ พสุธารออกทิศ แผน่ ดินดา้ นตะวันออกของพมา่ หมายถงึ เมอื งไทย 81
แม้นไปเ่ รยี บเป็นที โจมจยู่ ีย�่าภพ แมม้ ีเหตกุ ารณ์ไม่เรียบรอ้ ย ก็เป็นโอกาสทจี่ ะยกเข้าโจมตี
แดนปราจนิ แผ่นดินทศิ ตะวนั ออก (ของพมา่ ) หมายถงึ เมอื งไทย
ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นกั เรียนควรรู
“แมนเจาครามเคราะหก าจ จงอยา ยาตรยุทธนา เอาพัสตราสตรี 1 ขัณฑเขตดา วอัสดง เมืองทางทศิ ตะวันตก มาจากคําวา ขณั ฑ ซึ่งหมายถึง
สวมอินทรียสรางเคราะห” ภาค สว นคาํ วา ดา ว หมายถงึ แดน ประเทศ เชน คนตา งดา ว หรอื ดา น เชน ดา วทา ย
เปน ตน ใชว า ดา นทาย และคาํ วา อัสดง หมายถงึ ตกไป ใชแกพระอาทติ ย เชน
ขอ ใดเปนน้ําเสยี งผพู ูด อาทติ ยอ สั ดง ภาษาสนั สกฤตใชว า อสฺตมฺ
1. เครง เครยี ดเอาจริงเอาจงั
2. ประชดประชนั 2 บุเรศ หรอื บุรี รากศพั ทม าจากภาษาบาลี คําวา ปุร หมายถงึ เมอื ง
3. วิตกกงั วลใจ
4. ลอเลยี น 3 กดิ าการ อาการเลา ลือ เสียงสรรเสริญ ขา วเล่อื งลือ บางทีเขยี นเปน กิฎาการ
วิเคราะหค าํ ตอบ จากเนื้อความขา งตน เปน คาํ กลาวของพระเจา กม็ ี ดังปรากฏในตน ฉบบั วรรณคดเี รื่องลิลิตตะเลงพา ย เชน “แหงเออกองึ กิฎาการ”
หงสาวดที ่ีตรัสกบั พระมหาอุปราชาวา ถา พระมหาอปุ ราชากลัว เปนการสรา งคาํ ดว ยวิธกี ารสมาสอยางมีสนธิ จากคําวา กติ ฺติ + อาการ
เคราะหม ากนกั ก็จงเอาผานุงสตรีมาสวมใสใหสิ้นเคราะห ซงึ่ เปน
คาํ กลา วท่ีตอวา วา ขี้ขลาด โดยประชดวาใหเ อาผา นุงสตรมี าใส 4 นรนิ ทร พระราชา เปนการสรางคําดวยวิธกี ารสมาสอยางมสี นธิ จากคําวา นร
ซงึ่ เปน ทรี่ กู นั ดวี า บรุ ษุ ยอ มไมน งุ ผา สตรี คาํ กลา วเชน นจี้ งึ เตม็ ไปดว ย + อนิ ทฺ รฺ หรอื นร + อศี หรอื นร + อศี รฺ หรอื นร + อศี วฺ ร เปน คาํ พอ งรปู ดงั ตอ ไปนี้
นรินทร นรศิ นรศิ ร นริศวร ซงึ่ เปนคาํ ภาษาสันสกฤต
น้ําเสียงประชดประชัน ตอบขอ 2.
5 ฉัตร โดยทัว่ ไปหมายถงึ เครื่องสงู ชนดิ หนึง่ มีรูปคลายรม ทซี่ อ นกัน
คู่มอื ครู 81
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู้
นักเรียนกลุมท่ี 1 ศึกษาเน้อื เรือ่ ง ตอน 2 ร่าย
เหตกุ ารณท างกรงุ หงสาวดีในประเด็นตอไปน้ี ๏๒๓
เสร็จเสาวนีย์สง่ั สนม เนอื งบงั คมคา� ราช พระบาท บ ทนั นทิ รา จวนเวลาลว่ งสาง
• สาเหตขุ องการยกทัพมอญไปกรุงศรีอยธุ ยา พ้ืนนภางค์เผือดดาว แสงเงินขาวขอบฟ้า แสงทองจ้าจับเมฆ รังสีเฉกฉายฉัน ไก่แก้วขัน
คืออะไร ธมยเจา้อกื้อรรยยกแยแลกะจิ่น้วยว้ ตเา กดรบยเุล๒หูรบ 3ว ช่าตแาหายหอบแว4มไคว้พอเรวฑสงลียูรทองยาใบ์เบสรอ ือเจคาง่ึงยรจบือขรรจวัสมัลร ไ ยทส์ท ะธรรอริ ังตาิ้งบชรพ๑ัตวัส รนยตวุรปริภยร์พูษาะรติตพรร1 าณยลสงัย นทรสับ่สีรอรเยพงดง 2ลส ชาังา�ฉพวรลาะิศอลอพงเงพฉรคาวร์ ยียบะพง อนอรงางค้อนค์เย พ์ ท มรรชิศกงาแสุฎยุคพทไหนรร้วธวง์
(แนวตอบ เพราะกรงุ ศรอี ยุธยากําลงั อยใู นชวง เทรดิ เกศ อยา่ งอศิ เรศรามัญ สรรเปน็ รปู อุรเคนทร์ เพญพะพานแผเ่ ศยี ร แสงวเิ ชยี รช่อช่วง
ของการผลัดเปลี่ยนแผน ดนิ สถานการณ ธา� มรงคร์ ว่ งรงุ้ พราย รายนพรตั น์ชชั วาล เครื่องอลงการโอ่อ่า งามสง่าขตั ตเิ ยศ พระแสดงเดช
บานเมอื งวุนวาย เพอ่ื จะเปนฝา ยไดเปรียบจงึ ผงั ผาย กุมแสงกรายกรนาด ยุรยาตรอยา่ งไกรสร๓ จากศขี รคหู า ลีลายงั วงั ราช ไหวบ้ ัวบาท
ควรยกทพั ไปในชว งน้ี จึงเหน็ ชอบตรงกนั ให บิตุรงค์ ขอลาองค์ทา่ นไท ้ ไปเผดจ็ ดัสกรให้ เหอื ดเสีย้ นศกึ สยาม สน้ิ นา
พระมหาอปุ ราชากับเจาเมอื งเชยี งใหม
ยกทัพกาํ ลงั พลหาแสนคนไปในครงั้ นี้) โคลง ๒
๏๒๔
• พระมหาอปุ ราชายนิ ยอมในการสศู ึกครง้ั นี้ พระฟังความลูกทา้ ว ลาเสด็จศกึ ด้าว
หรือไม เพราะเหตุใด ดัง่ เบื้องบรรหาร
(แนวตอบ พระมหาอปุ ราชาทรงไมเตม็ พระทัย
ทจี่ ะสศู กึ ในครั้งน้ี ดว ยโหรทํานายวาดวงชะตา โคลง ๓
ถงึ ฆาต แตก ไ็ มอ าจขดั พระราชบดิ าและดว ย ๏๒๕
ขตั ตยิ มานะของกษัตรยิ จึงจําตอ งนาํ ทัพไปยัง ภูบาลอ้ืนอา� นวย อวยพระพรเลศิ ลน้
กรุงศรอี ยุธยา) จงอยธุ ย์อย่าพ้น แห่งเงื้อมมือเทอญ พอ่ นา
โคลง ๔
๏๒๖
จงเจริญชเยศดว้ ย เดชะ
ชาวอยธุ ยอ์ ยา่ พะ พอ่ ได้
จงแพ้พินาศพระ วริ ิยภาพ พอ่ นา
ชนะแดส่ องทา่ นไท ้ ธิราชเจา้ จอมสยาม
๏๒๗ สงครามความเศกิ ซ้ึง แสนกล
แต่ตนื้
จงพ่ออยา่ ยินยล
อย่าลองคะนองตน ตามชอบ ท�านา
การศกึ ลกึ เลห่ พ์ น้ื ล่อเล้ยี วหลอกหลอน
๑ ธริ าช พบในฉบับสมดุ ไทย แต่ในฉบบั พมิ พเ์ ป็น “อปุ ราช”
๒ ชายไหวยอ้ ยยะยาบ ตามฉบับสมุดไทย แตใ่ นฉบบั พิมพ์ “ย้อย” เปน็ “ห้อย”
๓ อยา่ งไกรสร บางฉบับเปน็ ยา่ งไกรสร
82
นกั เรียนควรรู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
คาํ ประพันธใ นขอ ใดไมกลาวถึง เครอ่ื งแตง กายของกษัตริย
1 ทรงบวรวภิ ษู ติ ทรงเครอ่ื งกษตั รยิ แ ลว มดี งั นี้ ภษู า หมายถงึ เครอ่ื งนงุ หม ผา ทรง 1. ฉลองพระองคเ พริศแพรว
ชายแครง หมายถงึ ผา หอ ยทบั หนา ขาทงั้ 2 ขา ง สนบั เพลา หมายถงึ กางเกง สังวาล 2. สนบั เพราพิศพรายพรอ ย
หมายถงึ สรอยเคร่ืองประดับชนิดหนงึ่ ใชคลองเฉวยี งบา ตาบทิศ หมายถึง ตาบท่ี 3. สอดสงั วาลเฉวียงองค
ติดกับสงั วาลอยูทสี่ ะเอวและขางหลัง ชฎา หมายถงึ เคร่อื งสวมศีรษะรปู คลา ยมงกุฎ 4. เครื่องอลงการโออ า
ทับทรวง หมายถงึ เคร่อื งประดับชนดิ หนง่ึ เรียกวา “ตาบ” รปู สีเ่ หลย่ี มขนมเปยกปนู วเิ คราะหคาํ ตอบ ขอ ท่ีกลาวถงึ เครื่องแตง กายของกษัตริยมดี งั นี้
ฝงเพชรพลอย ติดอยตู รงที่ไขวสงั วาล สะพายแลง ทบั หนาอก ปนเหนง หมายถึง ขอ 1. คาํ วา “ฉลองพระองค” หมายถงึ เสอ้ื ขอ 2. คาํ วา “สนบั เพลา”
เขม็ ขดั หมายถงึ กางเกง ขอ 3. คาํ วา “สงั วาล” หมายถงึ สรอ ยเครอ่ื งประดบั
2 ยรรยง งามสงา กลา หาญ ชนดิ หนงึ่ ใชค ลอ งเฉวยี งบา และขอ 4. เครื่องอลงการ หมายถงึ
3 เกยรู สรอ ยออน สายสรอ ย ทองตนแขน กาํ ไล รากศัพทมาจากภาษาบาลี เครือ่ งตกแตง หรือเครือ่ งประดับ ซึง่ มคี วามโออ า แตไ มไ ดร ะบวุ า เปน
สนั สกฤต เครื่องประดบั ตกแตง อะไร ตอบขอ 4.
4 ตาบ เครอื่ งประดบั คอหรอื อกเปน แผน ๆ ถา เปน ตาบสาํ หรบั มา ประดบั ทหี่ นา ผาก
82 คู่มอื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู้
๏๒๘ จงแจ้งแห่งเหตุเบื้อง โบราณ นกั เรยี นกลมุ ท่ี 1 นาํ เสนอการสรปุ ความ ตอน 2
เหตกุ ารณท างหงสาวดใี นประเด็นตอ ไปน้ี
เป็นประโยชนย์ ทุ ธการ กลา่ วไว้
เอาใจทหารหาญ เรงิ รนื่ อยูน่ า • พระเจากรุงหงสาวดีทรงส่งั สอนพระมหา-
อย่า๏๒ร๙ ะคหนนป่งึ นรใพู้ กยลหุ ้ เศ ิกไสร ้ เกลอื กกลัว้ ขลาดเขลา อุปราชาและใหโอวาทอยางไร
สบสถาน (แนวตอบ พระเจากรงุ หงสาวดีทรงสง่ั สอน
เจนจติ วทิ ยาการ กาจแกลว้ ใหพระมหาอุปราชาเขมแข็ง และใหโอวาท
รเู้ ชงิ พิชยั ชาญ ชุมคา่ ย ควรนา 8 ประการ ดังน้ี
อาจ๏๓จ๐ ักรหอนนึง่ รรณูบ้ แา� เผห้วน จ็ ให้ แผกแพพ้ ังหนี 1. “จงพอ อยา ยนิ ยล แตต ้นื ” คอื อยา หูเบา
ขนุ พล 2. “อยา ลองคะนองตน ตามชอบ ทาํ นา” คือ
อนั สมรรถมือผจญ จดื เสย้ี น อยา ทําอะไรตามใจตนเอง
อย่าหยอ่ นวิรยิ ะยล อย่างเกยี จ 3. “เอาใจทหารหาญ เรงิ รน่ื อยนู า” คอื รจู กั
แปด๏๓๑ป ระจกงจา�ารคก�าลพเทอ่ ยี้ ไซร ร ้ ถอ่ งแทท้ างแถลง เอาใจทหาร
จงประสทิ ธส์ิ มพร ส่งั สอน 4. “อยา ระคนปนใกล เกลอื กกลวั้
พอ่ ให้ ขลาดเขลา” คือ อยา คบคนโง
จงเรอื งพระฤทธิร์ อน อริราช 5. “หนงึ่ รพู ยุหเศกิ ไสร สบสถาน” คือ รอบรู
จงพอ่ ลุลาภได้ เผดจ็ ด้าวแดนสยาม ในการจัดกระบวนทัพและยุทธศาสตร
6. “รเู ชงิ พชิ ยั ชาญ ชมุ คา ย ควรนา” คอื รหู ลกั
๏ร๓๒า่ ย ยเสรุ รยจ็ าสตง่ัรค1ยวงั าเกมยโอชวัยา ทเส ไนทา ้ ธใน ปเตระรสยี ามททพัพร ะสพรรร พแดพ่ภลูธหร้าเสอิบารหสม ืน่ธ กขป็ นุ รคะชณหต่นื รหับาคญ�า แอกา� ลลว้า พชิ ยั สงคราม
7. “หนง่ึ รบู าํ เหนจ็ ให ขนุ พล” คอื มอบความดี
ทา้ วลีลาศ ความชอบแกแ มท พั นายกองทส่ี รา งความดี
ปขทับักรงเชศค้าวชงตแาฉธกัตา้วรรพ4ฉยัทารนธรกฉยาองย อรคอลลรงาักบยตรค2าแชชกบร้วาิมแทเกยกมายตก ราคาญว จาคญนลีพ่์ เคยเยคุหครคื่อัดลงทาพ้คาุดยลตเาทดาียนแ3บคต ลก้วเแส ตคด่งล็จ ้ายแย่าขคง่งเลหส้าียทยียนอบางยทหทอลแเังนกสตลาว้รร ความชอบอยางเหมาะสม
8. “อยา หยอนวริ ยิ ะยล” คือ อยา เกยี จคราน)
ย่างเยื้องธงทอง แลนา ฯลฯ
โคลง๏๔ ๑๒ ถบั ถงึ ทวารกรงุ แก้ว เดยี รดาษพลคลาดแคล้ว
คล่า� คลา้ ยคลาขบวน
โคลง๏๔ ๒๓ ดว่ นเดินโดยโขลนทวาร5 พวกพลหาญแห่หนา้
ลว้ นทแกล้วทกลา้ กลาดกลมุ้ เกลอื่ นสถล มารคนา
ฯลฯ
83
ขอ สอบ O-NET นักเรียนควรรู
ขอ สอบป ’52 ออกเก่ียวกับลกั ษณะคาํ ประพันธในลลิ ติ ตะเลงพาย
ขอความตอ ไปน้ีเมือ่ จดั วรรคถูกตอ งตามฉนั ทลักษณจ ะเปน 1 ยุรยาตร หรอื ยรู ยาตร ใชใ นบทกลอน หมายถึง เดิน อาจแผลงเปน ยวรยาตร
คาํ ประพันธชนิดใด หรอื ยวั รยาตร กม็ ี
“เสดจ็ พน ทวาเรศขามคูเวยี งหวน่ั ฤทัยทานเพียงจักวา พระองค 2 อลงกต ตกแตง ประดับประดา ภาษาบาลใี ชวา อลงกฺ ต สว นสันสกฤตใชวา
กอ็ อนเอยี งเอนอาสนอกระรัวมัวหนา สั่นสานเสยี วแสยง” อลกํ ฺฤต
1. โคลง 2. กลอน 3 พุดตาน โดยท่วั ไปหมายถงึ ชอื่ ไมพ มุ ชนดิ Hibiscus mutabilis L. ในวงศ
3. ฉันท 4. ราย Malvaceae ใบมขี น ขอบใบหยักเวา ดอกสขี าวแลวเปลยี่ นเปน สีชมพู แตใน
วเิ คราะหค าํ ตอบ พิจารณาจาํ นวนคาํ และตําแหนงคาํ เอก คาํ โท บทประพันธน้ี หมายถงึ เครอ่ื งทรงสําหรบั กษัตรยิ
ซึ่งตาํ แหนง คําเอกหากไมใ ชค ําท่ีมวี รรณยกุ ตเอกจะใชคําตายแทน 4 เศวตฉตั ร ฉตั รขาว ใชเปน เครอ่ื งหมายแหงความเปนพระเจา แผนดิน เปนตน
สามารถจัดขอ ความขางตน เปน โคลงสี่สุภาพได ดังนี้ รากศัพทม าจากภาษาสนั สกฤตใชว า เศวฺ ตจฺฉตรฺ หมายถงึ ฉัตรขาว
เสดจ็ พนทวาเรศขา ม คเู วียง 5 โขลนทวาร ประตทู ท่ี าํ ตามพธิ ไี สยศาสตร เปน ซมุ ประตทู ท่ี าํ ดว ยตน ไมและใบไม
หวน่ั ฤทยั ทา นเพียง จักวา สําหรบั ใหทหารท่ีจะออกศกึ ลอดผาน มีพราหมณน ่งั รา นสูงที่ประตแู ตละดาน
พระองคก็ออ นเอียง เอนอาสน คอยพรมนาํ้ มนต เปน การบาํ รุงขวญั ทหารใหเ ปน สวัสดมิ งคลแกก องทัพทอ่ี อกศึก
อกระรัวมวั หนา สนั่ สานเสยี วแสยง
ตอบขอ 1. ค่มู ือครู 83
กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู้
นักเรียนกลุมท่ี 2 มานําเสนอเหตุการณ ตอน 3
พระมหาอปุ ราชายกทพั เขาเมืองกาญจนบรุ ี ตอน ๓
จากประเดน็ คําถามตอ ไปนี้ พระมหาอปุ ราชายกทัพเขา้ เมอื งกาญจนบุรี
• นกั เรียนอธิบายลักษณะเนอื้ เรอื่ งของลิลติ
โคลง ๒
ตะเลงพา ย ตอน พระมหาอุปราชายกทัพเขา ๏๕๓
เมอื งกาญจนบุรี ยกพลผา่ นด่านกว้าง เสียงสนั่นมา้ ช้าง
กึกกอ้ งทางหลวง
(แนวตอบ วรรณคดีเรอ่ื งลิลติ ตะเลงพา ย ตอน
โคลง ๓ สามองค1์มีแหง่ ห้ัน
พระมหาอุปราชายกทัพเขาเมืองกาญจนบุรี ๏๕๔
มีทํานองนิราศ คือ เมื่อพระมหาอปุ ราชา ลว่ งลดุ า่ นเจดีย์ เพื่อรรู้ าวทาง
แดนตอ่ แดนกนั นน้ั แหง่ อยุธเยศหลา้
เดินทาง พระองคร สู กึ เศราทต่ี องพลดั พราก ๏๕๕ ขบั พลวางเขา้ แหล่ง
จากนางผเู ปน ท่ีรกั ระหวา งเดนิ ทางทามกลาง มืดคลมุ้ มวั มล ยงิ่ นา
แลธลุ ฟี ้งุ ฟา้
ธรรมชาติท่สี วยงามไดค รา่ํ ครวญหานาง
ดงั ความวา ฯลฯ
โคลง ๔
“พระครวญพระคราํ่ ไห โหยหา ๏๗๙
พลางพระพศิ พฤกษา กง่ิ เกย้ี ว มาเดยี วเปล่ยี วอกอา้ อายสู
พสถิศติโพอน้ยูเ่พอฤอ้ กงษค์ด์พู บ2ู ละห้อย
กลกรกนษิ ฐนา- รรี ตั น เรยี มฤๅ บานเบกิ ใจนา
ยามตระกองเอวเอยี้ ว โอบออ มองคเ รยี ม”) พลางคะนงึ นชุ น้อย แนง่ เน้ือนวลสงวน
ฯลฯ
84
นักเรยี นควรรู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
“มาเดยี วเปล่ียวอกอา อายสู
1 ดา นเจดียสามองค พระเจดยี สามองคน ี้เดิมเรียกวา “หินสามกอง” เปน ที่ สถิตอยเู อองคด ู ละหอย
สักการะของคนไทย โดยทว่ั ไปกอนเดินทางออกจากเขตแดนไทยเขาสเู ขตแดน พิศโพนพฤกษพ บู บานเบกิ ใจนา
พมา ตอมาในป พ.ศ. 2472 พระศรีสุวรรณครี ี เจาเมอื งสังขละบุรไี ดเปน ผนู ําชาว พลางคะนงึ นชุ นอ ย แนงเนือ้ นวลสงวน”
บานกอ สรา งเจดยี ขนาดเลก็ สามองคดงั ท่เี หน็ ในปจจุบัน นอกจากนี้ ดานเจดยี ส าม ขอความใดตรงกบั คาํ ทข่ี ีดเสน ใต
องคย ังเปน ชอ งทางเดินทพั ท่สี าํ คัญของไทยและพมา ในอดีต ปจ จุบันบริเวณดา น 1. พระมหาอปุ ราชาชมดอกไมแลวคิดถงึ นางผเู ปนทร่ี ัก
เจดียส ามองคมรี านขายสินคา จากประเทศพมา นักทอ งเท่ยี วสามารถขา มชายแดน 2. พระมหาอุปราชาอยูไ กลจากเมอื งแลว คิดถงึ นางผเู ปนท่ีรัก
เขา ไปชมตลาดพญาตองซู ซ่ึงเปนตลาดชายแดนท่ีมีการจาํ หนายสินคา ของพมา 3. พระเอกาทศรถชน่ื ชมขบวนทพั แลว หวนคิดถงึ นางผูเปนท่รี ัก
2 พบู ใชใ นบทกลอน หมายถงึ หนา ดอกไม เชน “พบบู านประสานสี” เปน ตน 4. พระเอกาทศรถเพลดิ เพลินในการเดินทัพทามกลางสัตวป า
หรอื เปนคําวเิ ศษณ หมายถึง งาม ขาว ดอ น นอกจากนี้ ยังมีอีกหนง่ึ ความหมาย นอยใหญ
คอื หมายถงึ กาย หรอื ตวั รากศพั ทม าจากภาษาบาลีสนั สกฤต คําวา วปุ การใช
คาํ วา พบู ในบทประพันธข า งตนสามารถตีความหมายไดอ ยางหลากหลาย โดย วเิ คราะหค าํ ตอบ จากบทประพันธขา งตน “มาเดยี ว” หมายถงึ
เฉพาะอยางยง่ิ เมือ่ พิจารณาคําวา พบู รวมกบั บรบิ ทในบทประพันธข างตน พระมหาอปุ ราชามาทพั โดยไมม นี างผเู ปน ทร่ี กั มาดว ย “พบ”ู หมายถงึ
ดอกไม และ “นุชนอ ย” หมายถงึ นางผูเปนทีร่ ัก รวมความไดวา
84 คู่มอื ครู
พระมหาอุปราชาชมดอกไมแลวคิดถงึ นางผูเปน ท่ีรกั ตอบขอ 1.
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
โหยหา อธบิ ายความรู้
ก่ิงเกี้ยว
๏๘๐ รีรัตน์ เรยี มฤๅ นกั เรียนกลมุ ท่ี 2 นาํ เสนอเก่ียวกับประเดน็
โอบออ้ มองค์เรียม ทางวรรณศิลป ตอน 3 พระมหาอุปราชายกทพั
พระครวญพระครา่� ไห้ แหนงนอน ไพรฤๅ เขา เมอื งกาญจนบุรี ดังนี้
พลางพระพศิ พฤกษา เศกิ ไสร้
กลกรกนษิ ฐนา- เสมอช่อื ไม้นา • นกั เรียนอธบิ ายลักษณะวรรณศลิ ปท่มี ี
แมน่ แม้นทรวงเรยี ม การเลน คําและเนื้อเร่อื งเปน ทํานองนริ าศ
ยามตระกองเอวเอ้ยี ว รุมกาม (แนวตอบ ดงั โคลงบทท่ี 88 มกี ารเลน คาํ และ
ลวกรอ้ น
๏๘๖ สลัดไดใดสลัดนอ้ ง ฯลฯ เยาว์ยั่ว แย้มฤๅ เน้อื เรอ่ื งเปนทํานองนิราศ
อกอนั้ กนั แสง
เพราะเพื่อมาราญรอน ยามสาย “สายหยุดหยดุ กลนิ่ ฟงุ ยามสาย
หา่ งเศรา้ สาย บ หยุดเสนห ห าย หางเศรา
สละสละสมร วางเทวษ ราแม่ กีค่ ืนกว่ี นั วาย วางเทวษ ราแม
นึกระกา� นามไม้ หยดุ ได้ฉนั ใด
๏๘๗ ไมโ้ รกเหมือนโรคเร้า ถวิลทกุ ขวบคํา่ เชา หยุดไดฉ นั ใด”
จากโคลงทย่ี กมามกี ารเลน คาํ คาํ วา “สายหยดุ ”
ไฟว่าไฟราคลาม
นางแย้มหน่ึงแย้มยาม ซ่งึ หมายถงึ ดอกไมช ่ือสายหยดุ เปนคาํ นาม
และอกี ความหมายของคาํ วา “สาย” หมายถงึ
ตูมด่งั ตมู ตขี ้อน
๏๘๘ สายหยุดหยดุ กลิน่ ฟ้งุ ชวงเวลา 9 โมงถึง 10 โมง และคาํ วา “หยดุ ”
เปน คํากริยา ท่หี มายถงึ ชะงกั หรอื เลิก
สาย บ ่ หยดุ เสน่หห์ าย
กค่ี ืนกวี่ ันวาย โคลงบทน้ีเปนทาํ นองนริ าศ เปน ตอนท่ี
พระมหาอปุ ราชาครํ่าครวญถึงนางผเู ปน ท่รี กั
ถวิลทุกขวบคา่� เช้า วา คดิ ถึงนางทกุ ค่าํ เชา ไมเ คยหยุดคดิ ถึง)
ฯลฯ
85
ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT เกรด็ แนะครู
สลัดไดใดสลดั นอ ง แหนงนอน ไพร ครูเพิ่มเติมความรเู กย่ี วกับลักษณะคาํ ประพันธประเภทนิราศ หากพิจารณา
เพราะเพือ่ มาราญรอน เศกิ ไสร
สละสละสมร เสมอชอ่ื ไมนา ดานเน้ือหาแลว มีการนําความหมายของวรรณคดีนริ าศมาใชใ นการกลา วถงึ ขนบ
ในการประพนั ธ แสดงภาวะทางอารมณในการพรรณนาความทกุ ขแ ละความเศรา
นกึ ระกาํ นามไม แมน แมนทรวงเรยี ม ท่ีเกิดจากการรา งรกั เปน แกน เร่อื ง ครคู วรช้ีแนะใหน ักเรยี นเหน็ วา วรรณคดนี ิราศ
บทประพนั ธขา งตน เดนในขอใด
1. อพั ภาส 2. สทั พจน ประกอบดว ยลกั ษณะสาํ คญั 3 ประการ ดงั ตอ ไปน้ี
1. การเคลือ่ นท่ี โดยเปน การเคล่อื นท่ขี องบุคคลและเวลา โดยการเคลอื่ นทีข่ อง
3. บุคคลวตั 4. การเลน คาํ บคุ คล คอื การเดนิ ทางพรากจากสถานท่ีทเ่ี คยอยูอาศัย พบไดในวรรณคดีนริ าศ
วิเคราะหคําตอบ บทประพันธขางตน มกี ารเลน คํา คาํ วา “สลัด” ท่วั ไป สวนการเคลือ่ นท่ีของเวลา เชน การเปล่ียนแปลงของฤดูกาลตา งๆ พบไดใน
มี 2 ความหมาย คอื “สลัดได” ชือ่ ไมพมุ ตนเปนเหล่ียม มีหนาม วรรณคดเี รอ่ื ง โคลงทวาทศมาส เปนตน
ไมม ใี บ กบั “สลดั ” เปน คาํ กรยิ า หมายความวา ทาํ ใหส งิ่ ใดสงิ่ หนง่ึ 2. การครํา่ ครวญ อาจเปนการครา่ํ ครวญถึงนางอันเปนทร่ี กั ซึ่งพบในวรรณคดี
ท่ีติดอยใู หหลุดไปโดยวิธสี ะบัด ซดั หรือกระพือ และอกี คํา คือ ทั่วไป หรืออาจครา่ํ ครวญถึงพระมหากษตั รยิ เชน นริ าศกวางตงุ เปนตน
คาํ วา “สละ” ที่หมายถึง ชอื่ ไมล กั ษณะเปนกอคลายระกาํ และอีก 3. การใชธรรมชาติทพ่ี บเหน็ ตลอดการเดินทางเปน สอ่ื เปรยี บเทียบ ไมวาจะ
เปน การเปรยี บเทียบความเศราอันเกดิ จากการรางรัก โดยใชกลวธิ ที างวรรณศิลป
ความหมาย คือ การละท้งิ ดังน้นั จงึ ตอบขอ 4. 85ทงั้ การพองเสยี ง พองคาํ รวมถึงสอ่ื อารมณ ความรูสกึ ผา นธรรมชาติที่กวี
เดินทางผา น คมู่ ือครู
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู้
นกั เรยี นกลมุ ที่ 2 รวมกนั ตอบคาํ ถามใน ๏๑๒๗ พลมอญเมลิ มดื ท้อง รถั ยา
ประเด็นตอไปนี้
อเนกนกิ รอาชา ชาติชา้ ง
• ฝายเมืองกาญจนบรุ ีรูไดอ ยา งไรวากองทัพ 1เททวียนวทธอวงชั 2เแถลอื สกลท้าองต า เปลอื ยปลาบ
ที่เคลื่อนมาเปนกองทพั ของพระมหาอปุ ราชา เฟ่ืองฟา้ ปลิวปลาย
(แนวตอบ สงั เกตจากฉตั รทมี่ ี 5 ชน้ั ดงั ความวา
“...หวงั กอกจิ ดัสกรแกพ ระนครตระหนกั รา่ ย
เห็นฉัตรปกหาชั้น กั้นบนเบอ้ื งหลังสาร ๏๑๒๘
เขาก็ทราบการโดยขนาดวา อปุ ราชขุนทัพ...”) ฝ่ายนครกาญจน๑ จัดขุนพลพวกด่าน ผ่านไปสืบเอาเหตุ ในขอบเขตรามัญ
เขาก็พากันรบี รดั ลัดเลด็ ลอดเลาะดง ตรงไปทางแมก่ ษตั รยิ ๒์ จดั กนั ซุม่ เปน็ กอง มองเอาเหตุ
• ชาวเมอื งเปน อยางไรเม่อื รูขา ววาทัพพมา วเแอ่ากาอ่พผุปรลระ านชยคขลรุนนตทิกรัพระรห านเมรัก็ัวญ ร ีบเหเกด็นลินฉับแัตมนรา3ป่นบักนอหันก้าต ช์นแ้ันอด งอกเอถ้ันกื่อบญนนา 4เผบเก่าื้อนลงื่เอหผนล้ามัง สาเจทาร้าั่ว นอเคอขรกากทกา็ทิศญร จาหนบวบกังุารกิรน่อโ ดกยิยจินขดยนัสุบกาดลร5
กาํ ลงั เคล่ือนมา รข้ตู่ารวลศอึกด ไพพิรลน่ึกาลยา ญเขขาวทัญัง้ หแลหาลยกต รกิแนัส กขกวมัญลเกทีย่ ะงทก้านิ วเ ผือรน้าวเผออื ุรดะ๓ข ุเนลเือมดือสงล ดเหคืมอดงใหจนร้าา6 ษบฎ เรห์ท็นุกถผา้ ู้
(แนวตอบ ตางพากนั ต่ืนตระหนก ท้งิ บานเรือน
อพยพหนไี ปอยทู ี่อืน่ )
ตอ่ รบ รูว้ า่ ทบ บ มทิ าน รู้วา่ ราญ บ มิรอด คดิ เททอดครัว๔แตก แหกหนีหนา้ อย่าพะ เขากม็ ละ
บ้านเมือง เปลืองเปล่าผู้หมู่ชน๕ ชวนกันซนกันซุก บุกป่าดงป่าแดง แฝงเอาเหตุเอาผล
ยลกระแหน่เศกิ ไสร้ เพ่ือลงลักษณะให ้ สง่ ทา้ วแถลงความ ทา่ นนา
โคลง ๔
๏๑๒๙
ชาวสยามครา้ มเศกิ สิ้น ทั้งผอง
นายและไพรไ่ ป่ปอง รบร้า
อพยพหลบหลกี มอง เอาเหตุ๖
ซุกซ่อนห่อนให้ข้า ศึกไดไ้ ปเปน
รา่ ย
๏๑๓๐
ส่วนนเรนทรสมญา มหาอุปราชรามัญ ธ ก็ให้เร่งผันพลผ้าย ย้ายมาโดยทาง
เถอ่ื น ทพั หน้าเคลือ่ นพลเดนิ ลุลา� กระเพนิ ๗บ มิหึง จึงพระยาจิดตอง ใหพ้ ลกรองเวฬ ู ปูเปน็
สะพานผ่านชล เรง่ เดินพลขา้ มฟาก มากนกิ รค่งั คาม พวกชาวสยามเห็นตระหนัก จงึ่ ลงลกั ษณ์
๑ นครกาญจน เมืองกาญจนบรุ ี
๒ แมก่ ษตั รยิ ์ ชือ่ แมน่ �า้ ในเขตจังหวัดกาญจนบุรี
๓ ขวญั เกี่ยงกนิ เผอื นเผือด กลัวจนขวัญหนดี ีฝอ่
๔ คดิ เททอดครวั คิดถา่ ยเทครัวหนหี รอื อพยพครอบครัว
๕ เปลอื งเปล่าผูห้ ม่ชู น ว่างคน บา้ นเมืองวา่ งคน
๖ เหตุ (ในความวา่ เอาเหตุ) เร่อื งราว ข่าวคราว
๗ ล�ากระเพนิ ลา� น�า้ ชื่อ กระเพิน
86
นกั เรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
คาํ ประพนั ธใ นขอ ใดไมมี คําซอ น
1 เทยี ว ชื่อธงทม่ี รี ปู ลกั ษณะคลายกระบอก ทวิ ก็วา 1. ชาวสยามครามเศกิ ส้ิน ทง้ั ผอง
2 ธวัช ธง 2. นายและไพรไปปอง รบรา
3 ฉตั ร เครอ่ื งกัน้ เปน รม ซอนชนั้ มรี ะบาย มตี ้ังแต 3 ช้นั ถงึ 9 ชั้น แตละชน้ั ของ 3. อพยพหลบหลกี มอง เอาเหตุ
ฉัตรเปน จํานวนเลขค่ี คือ 3 ช้นั 5 ช้ัน 7 ชัน้ และ 9 ชน้ั ฉตั ร 5 ชั้นแสดง 4. ซุกซอ นหอนใหขา ศึกไดไปเปน
พระอสิ รยิ ยศของพระมหาอปุ ราช สว นพระมหาเศวตฉตั รมี 9 ชน้ั หมุ ดว ยผา ขาว
มรี ะบาย 3 ช้ัน ขลบิ ทองแผล วด มียอดเปน ราชกกธุ ภัณฑของพระมหากษัตริย วิเคราะหค าํ ตอบ คําประพนั ธท มี่ คี ําซอน มีดังน้ี ขอ 2. คาํ วา รบ
4 ออกญา เปนบรรดาศกั ดชิ์ น้ั สงู ที่พระราชทานในสมยั อยธุ ยา สงู กวาออกพระ รา (รา มีความวา รบ) ขอ 3. คาํ วา หลบหลกี และขอ 4. คาํ วา
เขา ใจวามาจากเขมร ซุกซอน ขอ ทไี่ มม ีคาํ ซอ น คือ ขอ 1. แมจะมเี สยี งพยัญชนะ
5 ยบุ ล ขอความ เรื่องราว ตน เสียงเดียวกนั ในคําวา เศิกสิน้ ซ่งึ หมายความวา ศึกจบสน้ิ แลว
6 ขวญั เก่ียงกนิ เผือนเผือด เลือดสลดหมดหนา ขวัญหายหนเี ขาปา จนหนาซดี ไมไดเปนคาํ ซอน ตอบขอ 1.
ปจจบุ ันใชส าํ นวนวา ขวญั หนีดีฝอ ขวัญกระเจิง
86 คมู่ ือครู
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู้
สารส่ือ ใสช่ อื่ ท่วั ตวั ขนุ ถ้วนทกุ มุลทกุ นาย รายเรื่องราชรปิ ู ยกพยูหเหยยี บแดน แตง่ ขุนแผน 1. นักเรยี นอานเนือ้ เร่อื งลลิ ติ ตะเลงพา ย หนา 87
เปน็ ทูต รดู เอาสารมาบอก แดออกญามหาด ทูลบัวบาทมหบิ าล เขาก็รับสารข้นึ ม้า รบี มา แลว บนั ทกึ รายละเอยี ดของเหตุการณใ นเร่อื ง
เร็วฤๅช้า บอกข้อเข็ญความ ทา่ นนา ลงสมุด
โคลง ๒ 2. ครูขออาสาสมคั ร 3 - 4 คน ชวยกันบรรยาย
๏๑๓๑ รายละเอียดของเหตุการณท เี่ กิดข้ึนใหเ พอ่ื นๆ
กองทพั ตามกนั เตา้ เสียงสนน่ั ล่นั เท้า ในหอ งฟง
พ่างพืน้ ไพรพงั เพกิ ฤๅ (แนวตอบ เม่อื กองทัพพมาเดนิ ทางมาถึงเมือง
กาญจนบุรี กพ็ บวา เมอื งรางปราศจากผคู น
โคลง ๔ ไมมผี ใู ดออกมาตานทัพพมา บานเรือนกร็ าง
๏๑๓๒ ผคู น ไมม ีคนอาศยั จะถามใครกไ็ มได เพราะ
ดลยงั เวยี งดา่ นดา้ ว วโด่ายงวมา้ ี ง1 ชาวเมืองรทู นั วาทัพพมาจะยกมา ตางพากนั
เมอื งชอื่ กาญจนบุร ี หนอี อกนอกเมอื งไปหมดแลว จงึ ไดห ยุดทพั
ผใู้ ด บ ่ ออกต ี ตอบต่อ ทพั นา พกั แรม 1 คนื ระหวา งนนั้ องคพ ระมหาอปุ ราชา
ยลแตเ่ หย้าเรอื นรา้ ง อย2่ไู รใ้ ครแรม กค็ ร่าํ ครวญ คิดถงึ นางผูเปนทร่ี กั ทีจ่ ากมา)
๏๑๓๓ สอดแนมจักจบั ถอ้ ย
ไถค่ วาม
ฤๅ บ่ ได้ชาวสยาม สกั ผู้
จักสืบจกั เสาะถาม เหตุหอ่ น รแู้ ฮ
รวู้ า่ ชาวเมอื งร ู้ เล่หแ์ ล้วหลีกหนี
๏๑๓๔ ธ กก็ รธี าทพั เขา้ เนาเมือง
สวาทไหม้
ปค�ารนะทึงนบั ชุ อไยปูแ่ เ่ รปมลคอื ืนง3 เค อื ง จิตทา่ น ถวิลนา
ขนุ่ แค้นคบั ทรวง
เจ็บอรุ ะราชไข้ บงั อร
๏๑๓๕ ระลวงร�าลึกอา้
ยลแต่แสงศศธิ ร ถอ่ งฟา้
แสงจนั ทร์ บ่ สอ่ งสมร หมดเทวษ
ถวิล บ่ ลืมนวลหน้า แมแ่ ม้นนวลจันทร์
๏๑๔๐ พระฝนื ทุกข์เทวษกล�้า ฯลฯ 4
แกลค่ รว5ญ
ขับคชบทจรจวน
บรรลุพนมทวน๑ 6 จักเพล้
เถอื่ นท่ ี นน้ั นา
เหตุอนาถหนักเอ้ อาจให้ชนเหน็
๑ พนมทวน ตา� บลพนมทวน
87
ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT นักเรียนควรรู
“คํานงึ นชุ ไปเ ปลอื ง จิตทาน ถวลิ นา
เจ็บอุระราชไข ขุนแคนคับทรวง” 1 วา งวา ง วา งวา ง วางเปลา
ขอใดกลาวถงึ ความรสู ึกของผูพดู ไมถ ูกตอ ง 2 ไถ การไตถาม
1. คิดถึงจนเหมอื นจะปวยไข 3 เปลอื ง หมด สิน้ ในความวา “คํานึงนชุ ไปเปลอื ง จิตทา น ถวิลนา”
2. ความคดิ ถึงทไ่ี มมหี มดสิ้น หมายความวา คะนึงถึงนางไมรูห มดความคดิ ถึง
3. ความคิดถงึ ท่ที าํ ใหโ กรธเคอื ง 4 แกล ใกล เกือบ “แกลครวญ” คอื ใกลครา่ํ ครวญ เกอื บถงึ ครํา่ ครวญ
4. ความคดิ ถึงทเ่ี ต็มแนนอยูในอก 5 เพล ตัดคํามาจาก คาํ วา โพลเ พล ในความวา “จวนจกั เพล” จึงหมายความวา
จวนพลบคํ่า
วิเคราะหคาํ ตอบ ขอ ทไี่ มใ ชค วามรสู ึกของผพู ูด คอื ความคิดถึง 6 เอ หน่งึ สําคัญ
ทีท่ ําใหโกรธเคอื ง เพราะผูพูดไมไ ดโ กรธเคือง เพียงแตไมส บายใจ
รูสึกคบั อกคบั ใจ ตอบขอ 3.
ค่มู ือครู 87
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู้ เวหา หนเฮย
พดั คลุ้ม
นักเรียนอา นเนื้อเร่อื งหนา 88 แลว ชวยกันตอบ ๏๑๔๑ คชขาด ลงแฮ
คําถามในประเด็นตอ ไปนี้ เกล่อื นเพีย้ งจักรผัน
• นักเรียนคดิ วา เนอ้ื เร่ืองในหนา 88 สะทอน เกดิ เปน็ หมอกมดื ห้อง เสียวดวง แดเอย
ลมชอื่ เวรัมภา ตกต้อง
ความเช่ือเร่อื งใด หวนหอบหักฉตั รา ส่นั ซีด พกั ตร์นา
(แนวตอบ คนไทยมคี วามเช่อื วา ถา ขณะ เรยี กใหโ้ หรทาย
แลธลุ ีกลัดกลุม้
เดินทางมสี ง่ิ ใดเสยี หายหรือแตกหกั หมายถึง ๏๑๔๒ พระพลนั เหน็ เหตุไซร ้ เเจหนตไหุ ส้ายว 1ศาสตรแ์ ฮ
ลางราย จะเกดิ เหตุการณท ี่ไมด ี ดงั เนอื้ เร่อื งใน
ถนดั ดง่ั ภูผาหลวง เกรงโทษ ท่านนา
หนา 88 โคลงบทที่ 141 เปน ตอนที่ กระหม่ากระเหมน่ ทรวง เกลอื่ นร้ายกลายดี
พระมหาอุปราชายกทัพมาถึงเมอื งพนมทวนก็ ฉุกเขญ็
หนักหฤทยั ท่านรอ้ ง ดอกไท้
เกดิ ลมเวรัมภาพัดอยา งรนุ แรง และลมไดพดั ๏๑๔๓ ทง้ั หลายลว้ นจบแจ้ง ใจเจบ็ พระเอย
หวนตรลบหอบฉตั รประจาํ องคพ ระมหาอปุ ราชา เผดจ็ เส้ียนศึกสยาม
เหน็ ตระหนักแน่ใน ฯลฯ
ตกลงมาหกั พระองคทรงตกพระทยั มาก เรยี ก จกั ทูล บ่ ทูลไท ฟังหู หนึ่งนา
โหรมาทาํ นายทนั ที ซงึ่ โหรไดทํานายบา ยเบยี่ ง ซ่งึ พรอ้ ง
เสนอแต่ดีกลบรา้ ว ธรพรั่น อย่นู า
เร่อื งไมใหรา ยแรงดังท่คี ิด ความวา ๏๑๔๔ เหตุนี้ผิวเช้าชวั่ แต่แพด้ สั กร
“เกดิ เปนหมอกมืดหอ ง เวหา หนเฮย ฯลฯ
เกิดเมอื่ ยามเยน็ ด ี ไทถวลิ อยเู่ ฮย
ลมชอ่ื เวรัมภา พดั คลุม อย่าขุ่นอย่าลา� เค็ญ จดื สรอ้ ย
หวนหอบหักฉตั รา คชขาด ลงแฮ บติ เุ รศ พระแฮ
แลธลุ กี ลัดกลุม เกลอ่ื นเพยี้ งจกั รผนั ”) พระจักลุลาภได้ เทวษไห้โหยหา
เพ็ญยศ
๏๑๔๗ ครัน้ ฟงั บพิตรเพีย้ ง แก่เสย้ี น
ทกุ ขใ์ หญ่ หลวงนา
หูหนงึ่ แหนงคา� ส ู หัน่ กลิ้งไกลองค์
ไปไ่ วห้ ฤทยั ภ ู
นกึ เรง่ กริ่งเกรงตอ้ ง
๏๑๕๐ สระเทินสระทกแท้
ฤๅใครค่ ลายใจจนิ ต์
คา� นึงนฤบดินทร ์
พระเร่งลานละห้อย
๏๑๕๑ อา้ จอมจักรพรรดิผู้
แมพ้ ระเสียเอารส
จกั เจ็บอรุ ะระทด
ถนดั ด่ังพาหาเห้ียน
88
เกรด็ แนะครู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT
“พระพลันเหน็ เหตุไซร เสียวดวง แดเอย
ครคู วรเพม่ิ เติมความรเู กี่ยวกับสภาพสงั คมและวฒั นธรรมในยุคสมยั ของผูแตง ถนดั ดัง่ ภผู าหลวง ตกตอ ง
วรรณคดี เพ่อื ใหน กั เรียนสามารถนาํ คณุ คา ทางสงั คมและวฒั นธรรมในแตละยุคสมัย กระหมา กระเหมนทรวง ส่ันซดี พักตรนา
มาปรบั ใชใ นการพจิ ารณาคณุ คา ของวรรณคดี โดยครชู แ้ี นะใหน กั เรยี นคน ควา เกย่ี วกบั หนักหฤทยั ทานรอง เรยี กใหโ หรทาย”
คา นยิ ม ประเพณี วถิ ชี ีวิตทีม่ คี วามสืบเนอ่ื งกบั วฒั นธรรม ประเพณีในแตล ะยุคสมัย ขอ ใดไมใช อารมณ ความรูสึกทปี่ รากฏในบทประพนั ธขา งตน
ใหน กั เรยี นเกดิ ความเขา ใจและสามารถนาํ องคค วามรดู งั กลา วไปปรบั ใชใ นการพฒั นา 1. หนกั ใจ 2. พรนั่ ใจ
ความคดิ และการตีความบทประพันธไดลกึ ซ้ึงยิ่งข้ึน นอกจากนย้ี ังชวยใหน กั เรียน 3. หวั่นใจ 4. รอ นใจ
มเี จตคตทิ ่ดี ใี นการศึกษาวรรณคดแี ละศกึ ษาวรรณคดีโดยไมยดึ ติดกับความคดิ ของ
ตนเองเปนหลกั วเิ คราะหคาํ ตอบ ความรอ นใจไมใ ชอ ารมณ ความรสู กึ ทป่ี รากฏ
ในบทประพนั ธ สว นขอ อนื่ ๆ ปรากฏอารมณ ความรสู กึ ดงั ตอ ไปนี้
นักเรียนควรรู ขอ 1. หนกั ใจ จากบทประพนั ธท ว่ี า “เสยี วดวง แดเอย” “ถนดั ดง่ั
ภผู าหลวง ตกตอ ง” และ “หนกั หฤทยั ” สว นขอ 2. พรน่ั ใจ และขอ 3.
1 เหตหุ าว เหตรุ า วถึงแตกหัก หวนั่ ใจ จากบทประพนั ธท ว่ี า “กระหมา กระเหมน ทรวง สนั่ ซดี
88 ค่มู อื ครู พกั ตรน า” ตอบขอ 4.
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู้
๏๑๕๒ ณรงคน์ เรศวร์ดา้ ว ดสั กร จากการอานเนอ้ื เร่ือง นกั เรยี นรวมกันตอบ
คําถามในประเด็นตอ ไปน้ี
ใครจกั อาจออกรอน รบสู้
เสียดายแผ่นดินมอญ พลันมอด ม้วยแฮ • จากโคลงบทท่ี 150 - 156 แสดงใหเห็น
เหต ุ บ ่ มีมือผู้ จออ่นื มตถ้านวัลทยา์1นเขญ็ ลักษณะนสิ ัยของพระมหาอุปราชาอยา งไร
๏๑๕๓ เอ็นดูภูธเรศเจา้ ยกบทประพนั ธประกอบ
ทดแท้ (แนวตอบ นกั เรียนแสดงความคิดเห็นได
เปลยี่ วอรุ ะราชรนั - หลากหลาย โดยครูชี้แนะลักษณะนิสยั ของ
พระชนมช์ ราครนั ครองภพ พระเอย พระมหาอุปราชาทนี่ กั เรยี นควรยึดเปน แบบ
เกรงบพติ รจักแพ้ เพล่ียงพล้า� ศึกสยาม อยา งในการปฏิบัติตน เรือ่ งความกตญั ู
๏๑๕๔ สงครามครานหี้ นกั ใจเจบ็ ใจนา และความหนกั แนนในอารมณ การควบคุม
อกโอ้ ความวติ กกังวล การเตรียมใจใหพ รอม
เรยี มเร่งแหนงหนาวเหน็บ เผชญิ หนา กับความลาํ บากท่ีจะเกิดข้นึ
ลกู ตาย ฤ ใครเก็บ ผีฝาก2 พระเอย การตระหนกั ในหนาที่ทีต่ อ งรับผิดชอบ
ผจี ักเท้งท่ีโพล ้ ดงั บทประพนั ธ
๏๑๕๕ พระเนานคั เรศอา้ ที่เพลใ้ ครเผา “พระคุณตวงเพยี บพ้นื ภูวดล
เอองค์ เต็มตรลอดแหลง บน บอ นใต
ฤๅ บ่ มใี ครคง ครู่ ้อน พระเกิดพระกอ ชนม ชบุ ชีพ มานา
จกั รจิ ักเรมิ่ รงค ์ ฤๅล ุ แลว้ แฮ เกรง บ ทนั ลูกได กลบั เตา ตอบสนอง”)
พระจกั ข่นุ จักข้อน จักแค้นคับทรวง
๏๑๕๖ พระคณุ ตวงเพียบพื้น ภวู ดล
บ่อนใต้
เตม็ ตรลอดแหลง่ บน
พระเกดิ พระก่อชนม์ ชบุ ชีพ มานา
เกรง บ่ ทันลกู ได ้ กลบั เตา้ ตอบสนอง
ฯลฯ
ร่าย
๏๑๕๘
เม่ือน้ันเจ้าธานินทร์ บุรินทรศักดิ์สีมา ทุกบุราราชอาณาเขต ประเทศนคร
สิงห์สรรค์๑ ศรีสุพรรณ๒ทุกพาย เขาก็ขยายครัวครอก ซอกไปซ่อนไปซุก บุกป่าแดงป่าดง
แล้วก็ลงลกั ษณ์ข่าวสาร สง่ อาการเหตุหา้ ว มาบังคมทลู ท้าว ธริ าชผู้ผา่ นถวลั ย ์ แลนา
๑ นครสงิ ห์สรรค์ สิงห์บรุ ี สรรคบ์ รุ ี (อยใู่ นชยั นาท)
๒ ศรีสพุ รรณ สพุ รรณบรุ ี
89
ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู
“สงครามครานีห้ นกั ใจเจ็บ ใจนา
เรยี มเรงแหนงหนาวเหนบ็ อกโอ ครูเนนใหนกั เรียนไดเ ปดกวางทางความคดิ และนาํ เสนอมมุ มองหรือความเขาใจ
ลูกตาย ฤ ใครเกบ็ ผีฝาก พระเอย ของนกั เรยี นจากบทประพนั ธ การตคี วามวรรณคดีดว ยความคดิ เหน็ ใหมๆ ดว ย
ผีจักเทงที่โพล ที่เพลใ ครเผา” พน้ื ฐานความเขา ใจทางวฒั นธรรมในแตละยุคสมัย ยอมสรา งความเขา ใจสาํ หรบั
บทประพนั ธขางตน แสดงความรูสึกอยา งไร ผูอา นไดอยางลกึ ซึง้ และการตคี วามทมี่ คี วามหลากหลาย รวมถงึ การแลกเปลย่ี น
1. หวนั่ ใจ ความคิดอยางหลากหลาย ยอ มสง ผลใหว รรณคดีมคี ณุ คารว มยคุ สมัยในสงั คม
2. เศรา ใจ ปจจบุ ันได และเปน วธิ ีการสืบทอดคุณคาของวรรณคดไี ดเปนอยางดี
3. แคน ใจ
4. เปลย่ี วใจ
นักเรียนควรรู
วิเคราะหค าํ ตอบ จากขอ 4. เปลย่ี วใจ หมายถงึ ความรสู กึ
วา เหว พจิ ารณาจากบทประพนั ธทีว่ า “เรยี มเรงแหนงหนาวเหนบ็ 1 ถวัลย ครอง หรอื ผา นราชสมบัติ จอมถวัลย จงึ หมายความวา จอมผผู านราช
สมบัติ หรือจอมกษตั ริย
อกโอ” และ “ผีจกั เทง ท่ีโพล ท่เี พลใ ครเผา” ตอบขอ 4.
2 ที่โพลที่เพล หรอื ทีโ่ พลเพล ทีแ่ ยกคาํ เชนน้เี พราะรูปแบบคําประพันธทเ่ี ปนโคลง
มีความหมายวา ที่มดื มัวเปลา เปลี่ยว
คู่มือครู 89
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู้
1. นกั เรียนกลมุ ท่ี 2 นําเสนอประเด็นคําถาม ตอน ๔
จากตอน 4 สมเดจ็ พระนเรศวรทรงปรารภ สมเด็จพระนเรศวรทรงปรารภเร่อื งตีเมอื งเขมร
เร่ืองตีเมอื งเขมร ดงั นี้
• อธบิ ายเหตกุ ารณเ มอื่ สมเด็จพระนเรศวร โคลง ๔ บูรพา ภพ1แฮ
มหาราชทรงข้นึ ครองราชย ๏๑๕๙
(แนวตอบ เมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรง ปา่ งน้ันนฤเบศเบื้อง
ขึ้นครองราชยเปนใหญ บุญบารมีดง่ั พระราม เฉลมิ พิภพอโยธยา ฆยิ่งพผ2เขู้ ่น เข็ญเฮย
ทเี่ อาชนะทศกณั ฐไ ด ขาวการผลัดแผนดินรูถงึ พออระก3เอดเชรนดทง่ั รราร์ มั่วรราู ้
กษัตริยเ มอื งอื่น ตางพากันเตรียมทัพทําศกึ ๏๑๖๐ เร่งร้าวราญสมร
ในขณะทเี่ หตกุ ารณใ นอยธุ ยาสงบ ดว ยสมเดจ็ - ภธู รสถติ ทอ้ ง โรงธาร ทา่ นฤๅ
พระนเรศวรมหาราชทรงเอาใจใสท ุกขส ขุ ของ เถลงิ มขุ พิมาน๑ มาศแต้ม
ราษฎร บา นเมืองรม เยน็ เปนสขุ และทรงมี มนตรีชุลีกราน กราบแนน่ เนืองนา
พระราชดาํ รัสทจ่ี ะยกทัพไปยึดเขมร) บัด บ ดศี วรแยม้ โอษฐ์เออื้ นปราศรัย
• สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชมวี ธิ กี ารจดั การกบั ๏๑๖๑ ไต่ถามถึงทุกข์ถ้อย ทวยชน
เมอื งเขมรอยา งไร แก่ท้าว
(แนวตอบ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงมี ต่างสนองเสนอกล
พระราชดํารสั ถงึ การยกทพั ไปตเี มอื งเขมรวา พระดดั คดีดล รโดายษเฎยรี่ย์รง้อ ยนกุ หด่อนิ์ น4ามี
จะยกไปท้งั ทางบกและทางเรือ ซ่งึ ทัพเรือน้ัน เย็นอุระฤๅร้าว
ใหเกณฑไพรพลทางใตไปตเี มืองพุทไธธานี- ๏๑๖๒ นฤบดีด�ารัสดว้ ย การยุทธ์
มาศหรอื เมอื งบันทายมาศ และเมอื งปา สัก
หรือเมืองบาสัก เพราะเมอื งเหลา นั้นเปน เมือง ซึ่งจกั ยอกัมพชุ แผ่นโพน้
ชายทะเล จากน้ันใหเ ขา ลอ มเมอื งหลวงไว พลบกยกเอาอตุ ดมโชค ชัยนา
แตพระองคก ท็ รงหว งวา หากพมายกทัพมา นับดฤษถีนี้โนน้ แนน่ ั้นวนั เมอื
จะไมมใี ครรักษาเมือง) ๏๑๖๓ พลเรอื พลรบทอ้ ง ทางชลา
2. นกั เรียนบนั ทึกความรลู งสมดุ เกณฑ์แต่พลพารา ปกั ษใ์ ต้
ไปตีพุทไธธา- นมี าศ๒ เมอื งเฮย
ตีปา่ สัก๓เสร็จให้ เร่งลอ้ มขอมหลวง
อสั ดง
๑๏๖๔ พระหว่ งแตศ่ กึ เส้ยี น รัว่ หลา้ ๔
เกรงกระลบั กอ่ รงค์
คอื ใครจกั คุมคง ควรคู่ เขญ็ แฮ
อาจประกนั กรุงถา้ ทัพข้อยคนื ถงึ
๑ มขุ พิมาน พระท่นี ั่ง
๒ พทุ ไธธานมี าศ เมอื งพทุ ไธมาศในประเทศเขมร เรยี กอีกอย่างหน่ึงวา่ บนั ทายมาศ
๓ ปรวั่่าหสลกั า้ เ มลือ่วงงลบ�้าาเสขกั า้ มตา้ังใอนยแูฝ่ ผงั่ น่ ซด้านิยของแมน่ า้� บาสัก เป็นเมืองชายทะเล ปจั จบุ นั อย่ใู นเขตเมอื งฮาเตยี นของเวยี ดนาม
๔
90
นักเรียนควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
คาํ ประพันธข อ ใดแสดงถึงพระบารมีของพระมหากษตั รยิ
1 นฤเบศเบอ้ื ง บรู พา ภพ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช 1. ไตถ ามถงึ ทกุ ขถ อ ย ทวยชน
2 รามราฆพ เปนตวั ละครเอกของวรรณคดเี รอ่ื งรามเกยี รติ์ เปน องคอ วตารของ 2. ตางสนองเสนอกล แกท าว
พระนารายณ เมอ่ื พิจารณาบทประพันธจ ะเห็นไดวา ในบทประพันธนเ้ี ปน การกลาว 3. พระดดั คดีดล โดยเยี่ยง ยุกดิ์นา
เปรยี บเทยี บพระบารมขี องพระนเรศวรมหาราชวา มคี วามยง่ิ ใหญด งั เชน พระบารมขี อง 4. เยน็ อรุ ะฤๅราว ราษฎรรอ นหอ นมี
พระรามซงึ่ สอ่ื ถึงพระนารายณ เทพตามคตขิ องศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู
3 อเรนทร มาจากคาํ วา อรนิ ทร หมายถึง ผเู ปนใหญฝ ายขา ศกึ หรอื ฝายศตั รู วเิ คราะหค ําตอบ ขอ ที่ 4 “เยน็ อรุ ะฤๅราว ราษฎรร อนหอนม”ี
มกั หมายถึง พระราชา หรอื เจา เมืองใหญของฝายตรงกันขาม บทประพันธข า งตน กลาวถงึ ความสงบสขุ ของบา นเมืองและ
4 หอ น เคย เชน “ไปห อ นเหลือคดิ ขา คิดผดิ แมนา” จากวรรณคดีเรื่องลลิ ิต
พระลอ เปนตน แตในคําประพนั ธบ างคราวใชแทนคําวา ไม เชน “สาลิกา มาตาม ปราศจากทกุ ขข องราษฎร ตอบขอ 4.
คู ชมกนั อยูสูสมสมร แตพ น่ี ีอ้ าวรณ หอ นเหน็ เจา เศรา ใจครวญ” จากบทเหชมนก ใน
วรรณคดเี รอ่ื งกาพยเ หเ รอื พระนพิ นธในเจาพระธรรมธิเบศร
90 คู่มอื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู้
๏๑๖๕ ระพึงพิเคราะหผ์ ู้ ภักด ี ท่านนา นักเรียนกลุม ที่ 2 นาํ เสนอประเด็นคาํ ถาม
กาจแกล้ว จากตอน 4 สมเด็จพระนเรศวรทรงปรารภ
คือพระยาจกั ร ี 1 เรอื่ งตีเมืองเขมร ดงั นี้
ตเมกกอลไบอืถมกงิ่ง2ช 3า้เมคอื ลงาเคฮืนย
พระตรสั แดม่ นตร ี • สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงตดั สิน
กจู กั ไกลกรงุ แก้ว เพ่ิมพอ้ ง พระทัยอยา งไร
ครอเคร่า กเู ฮย (แนวตอบ สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชมีพระ
๑๏๖๖ เยยี วพน้ื ภพแผ่นด้าว ปกหลา้ แหล่งสยาม ราชดาํ รสั สง่ั ใหเกณฑหัวเมอื งปกษใตท ัพหนงึ่
ริพบิ ตั ิพนู ภยั เสียที เพอื่ ไปตเี มืองเขมร และมีพระราชโองการ
สกู นั นครใจ ห่อนชา้ ส่งั มุขมนตรีผใู หญใ หอยูรกั ษาพระนครรอ
กูจกั พลันคนื ปอ้ ง มาขวบ นี้เลย พระองคใ นขณะที่พระองคย กทัพไปเขมร
แนแ่ ทก้ ูทาย และตรัสถึงทัพพระเจาหงสาวดีวา ทัพทแ่ี ตก
๑๏๖๗ สงครามพึง่ แผกแพ ้ บรรหาร หนเฮย คร้งั นเ้ี ปนทพั ท่ีจะตอ งใชเวลาบํารงุ ชางมา
แตกเมื่อต้นปไี ป ใส่เกล้า ร้ีพล ซ่งึ จะกลบั ลงในปน ีเ้ ห็นจะไมทนั
บ ร้างกระลบั ม ี จนถับ ถึงแฮ พระองคท รงคาดวา ถา มีกเ็ ปน ปหนา ซึ่งใน
มีกม็ ีปีหนา้ บอกเบอื้ งเคอื งเขญ็ ขณะนน้ั เจาเมืองกาญจนบุรเี ขาเฝา ทูลให
ทราบวาทัพพมายกมาถงึ เมอื งกาญจนบุรแี ลว
๑๏๖๘ ทัง้ หลายสดบั ถอ้ ยท่าน จึงตอ งเตรยี มทพั สูกบั พมา )
ยัง บ่ เย้ือนสนองสาร
บดั ทูตนครกาญ
พระยาอมาตยน์ า� เฝา้
ฯลฯ
โคลง ๒
๏๑๗๐
พระเปรมปราโมทยไ์ ซร้ ซึง่ บดนิ ทร์ดาลได้
สดบั เบื้องบอกรงค์ แถลงยุบลเหตหุ ้าว
๏๑๗๑ ธ ให้หาองค์น้องทา้ ว แลนา
ทา่ นแจง้ ทกุ อัน
ตอน ๕
สมเด็จพระนเรศวรทรงเตรียมการสู้ศึกมอญ
รา่ ย แล้ว ธ บรรหาร4ตระบัด ว่าเราจัดจตุรงค์ จะไปยงยอยุทธ์ ยังกัมพุชพารา5
๏๑๗๒
ศึกมอญมาชงิ ควัน กนั บ ใหไ้ ปออก บอกให้เตา้ โดยตก ควรจกั ยกไปยุทธ์ เป็นมหสุ สวมหนั ต์
ปันเอาชัยชิงช่ืน๑ แล้ว ธ ก็อื้นออกพจน์ พระราชกฎประกาศ แก่เมืองราชบุรี เกณฑ์โยธี
ห้าร้อย คะค้อยไปซุ่มซ่อน ดูศึกผ่อนพลเดิน ผ่านล�ากระเพินโดยสะพาน เพ่งพลหาญ
๑ ปนั เอาชัยชงิ ช่ืน แยง่ เอาชยั ชนะใหไ้ ด้ก่อน 91
“ระพงึ พเิ คราะห ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT นกั เรียนควรรู
ผภู กั ดี ทา นนา
คือพระยาจกั รี กาจแกลว 1 มนตรี ทปี่ รกึ ษา ผูแนะนาํ ท่ีปรึกษาราชการ ขา ราชการชน้ั ผใู หญ นิยมใชเปน
พระตรสั แดมนตรี มอบมิ่ง เมืองเฮย สวนทา ยของสมาส เชน องคมนตรี รฐั มนตรี เทศมนตรี รากศัพทมาจากภาษาบาลี
กจู กั ไกลกรงุ แกว เกลอื กชา คลาคืน” สนั สกฤตวา มนฺตี
ขอใดสอดคลองกบั บทประพนั ธขางตน 2 เกลอื ก เกรง สัน หาก ถา แม บางที เผอ่ื วา มกั ใชว า เกลือกวา เชน แมอยา
1. ทรงเปน กษัตรยิ ทร่ี ักความยตุ ิธรรม สามานยดว ยวาจา มันจะตามถอยคําเขา มาประสมประสาน เกลือกวา เหยอ่ื มัน
2. ทรงใชค นไดเหมาะกับงาน สาธารณแ มจ ะอดสู จากรา ยยาวมหาชาตหิ รือมหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑช ูชก
3. ทรงมีจติ ใจโอบออ มอารี 3 ไถง อานวา ถะไหงฺ หมายถงึ ตะวัน วัน รากศพั ทมาจากภาษาเขมรคาํ วา ไถงฺ
4. ทรงชาํ นาญในการรบ 4 บรรหาร ใชในบทกลอน โดยแผลงมาจากคําวา บรหิ าร หมายถึง เฉลย กลาว
แก ตรัสสั่ง
วเิ คราะหค าํ ตอบ จากบทประพันธขางตน มีความวา สมเดจ็ - 5 มหุสสวมหนั ต อานวา มะ-หดุ -สะ-วะ-มะ-หัน แปลวา มหรสพอันยิง่ ใหญ
พระนเรศวรมหาราชทรงใครครวญวาพระยาจกั รคี วรทจี่ ะอยูรักษา กษัตริยส มยั กอนถือวา การสงครามเปน มหรสพที่สนุกสนาน โดยเฉพาะการกระทาํ
พระนคร ในขณะท่ีพระองคย กทัพไปจากกรุง ขอ ท่ีสอดคลอ งกบั ยุทธหัตถี เปนการแสดงความสามารถและบุญบารมสี วนพระองค
ความน้ี คอื ขอ 2. ขออ่นื แมจะเปนบุคลิกลกั ษณะของสมเดจ็ -
ค่มู ือครู 91
พระนเรศวรมหาราช แตไ มไ ดก ลา วถงึ ในบทประพนั ธน ้ี ตอบขอ 2.