กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู้
1. นกั เรยี นกลมุ ท่ี 3 รว มกนั อภปิ รายประเดน็ ความรู
ตอน 5 สมเดจ็ พระนเรศวรทรงเตรียมการสูศึก
มอญ โดยยกบทประพันธท ีแ่ สดงใหเ หน็ บุคลิก เห็นเสร็จ ให้ระเห็จเข้าห่ัน บั่นเรือกขาดเป็นท่อน ค่อนพวนขาดเป็นทุ่น๑ เถกิงกรานกรุ่น
พลวกเผา อย่าให้เขาจบั ได้ เขากระทา� ดัง่ ไท้ ธิราชเออ้ื นโองการ สง่ั นา
ลักษณะนสิ ัยทีก่ ลาหาญของสมเด็จพระนเรศวร- โคล๑ง๏๗ ๓๔ นฤบาลสารเสรจ็ อา้ ง
มหาราช ไป่ทนั หึงแฮ
(แนวตอบ ถบั ทูตทุกเขตขัณฑ์ ด่านด้าว
สงิ หส์ รรคส์ ุพรรณบรร- ลถุ ่นิ ทา่ นนา
“จอมสยามขามศกึ ไซร ไปม ี เขา๑เ๏๗ร๔ง่ นบ�าดเฝีศา้ รู ทสา้ ่ังวใ ห อ้ า่ น ถ่ังถอ้ ยแถลงทลู
บานกมลเปรมปรีดิ์ ปราบเส้ียน สารา
สองสรุ ยิ กษัตรยี ตรสั ตอ กนั แฮ
หาเลศมลายศกึ เหยี้ น หั่นหา วหายคม” พระราช๒รบั บญั ชา ท่านไซร้
แถลงลักษณะทุกธา- นีบอก มานา
โคลงบทนี้แสดงวา สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช เสน๑๏อ๗๕ย ุบบลัดขมา่ อวญใกแลล ้ ่น มา้ ลาด1 ศึกตัง้ ในแดน
ทรงมคี วามกลาหาญ ไมห วนั่ เกรงตอขาศกึ เลยแขวง
ไมวา จะเปนศกึ เขมรหรือศกึ พมากต็ าม)
2. นกั เรยี นพิจารณาบทประพนั ธต อไปนี้ แลวตอบ วเิ ศษชัยชาญ๓แสดง ขา่ วซ�้า
เขาน�าอกั ษรแถลง ถวายดับ น้ันนา
คาํ ถาม พร๑ะ๏๗เ๖ร ่งชจ่ืนอมฤสๅชย้�าา มข า ม๔ศกึ ไซร ้ ท่ขี อ้ เข็ญความ
“สมเด็จผายโอษฐอ้ืน ปรึกษา ไปม่ ี
แดภมิ ุขมาตยา ทวั่ ผ”ู บานกมลเปรมปรีด์ิ ปราบเสี้ยน
• จากคําประพนั ธข า งตน แสดงใหเห็น สองสรุ 2ิยกษัตรีย์ ตรสั ต่อ กนั แฮ
คณุ ลกั ษณะใดของสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช หาเ๑๏ล๗๗ศ มสลมาเยดศจ็ กึ ผเาหยยี้ โนอ ษฐอ์ ้นื ห่นั หา้ วหายคม
(แนวตอบ จากบทประพนั ธข า งตน แสดงใหเ หน็ ปรึกษา
แดภ่ มิ ขุ มาตยา ทั่วผู้
วา สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทรงเปนผนู ํา จกั โรมอรริ า- มัญเมอ่ื นี้แฮ
ทีร่ อบคอบ กอนจะตดั สินพระทัยอะไรทรงฟง
ความเหน็ ของเหลาขนุ นางทง้ั หลาย ซ่ึงเปน รบั ท๑๏๗่ีถ๘ ิ่นทฤงั้ๅสมู้ วล หมู่ม า ตย์ซอ้ ง นอกไซร้ ไหน๕ควร
คุณสมบตั ิที่ดขี องการเปนผูนํา) สารพลัน
ทลู พระจอมจรรโลง เลือ่ งหล้า
แถลงลกั ษณะปางบรรพ์ มาเทียบ ถวายแฮ
แนะทค่ี วรเสด็จค้า๖ เศกิ ไซร้ไกลกรุง
ฯลฯ
๑
๒ คอ่ นพวนขาดเปน็ ทุ่น ทา� ลายเชือก (ทมี่ ัดสะพานเรือก) ให้ขาดลอยเปน็ ทนุ่
๓ พระราช เปน็ ชื่อยอ่ ของขนุ นาง ต�าแหนง่ พระราชมหี ลายชือ่ เชน่ ราชวงั สนั เปน็ ทหาร ราชวรนิ ทร ์ เปน็ ตา� รวจ เปน็ ตน้
๔ วิเศษชัยชาญ ปัจจุบันเป็นอา� เภออย่ใู นจังหวดั อา่ งทอง
๕ ขาม ตามฉบับสมดุ ไทย แตใ่ นฉบับพมิ พ ์ “ขาม” เป็น “ครา้ ม”
ไหน ตามฉบับสมุดไทย แต่ในฉบับพิมพ ์ “ไหน” เปน็ “ใน” ท่ถี ูกน่าจะเปน็ “ไหน” เพราะความข้างตน้ บาทที่วา่ “รับทีถ่ นิ่ ”
๖ ก็เปน็ “ใน” อยแู่ ล้ว ความไมส่ นทิ เทา่ “ไหน”
ค้า ตามฉบับสมดุ ไทย แต่ในฉบับพิมพ์ “คา้ ” เป็น “ร้า”
92
เกร็ดแนะครู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT
“จอมสยามขามศกึ ไซร ไปม ี
ครคู วรจัดกิจกรรมทีส่ งเสริมทกั ษะทางภาษา โดยใหนกั เรียนรวมกันอภิปรายถึง บานกมลเปรมปรดี ิ์ ปราบเส้ียน
ความสามารถทางภาษาของกวีท่ีทําใหวรรณคดีเรอ่ื งลิลติ ตะเลงพา ยมคี วามโดดเดน สองสุรยิ กษตั รยี ตรสั ตอ กนั แฮ
ในการใชภ าษา ดงั น้ี ครคู วรแนะใหน กั เรยี นพจิ ารณาภาษาวา กวสี ามารถใชภ าษาเพอ่ื หาเลศมลายศกึ เหี้ยน หัน่ หา วหายคม”
ใหไ ดร สทางวรรณคดี เพอ่ื จงู ใจ เพอ่ื ความตดิ ใจและประทบั ใจ ทาํ ใหผ อู า นสามารถ จากบทประพนั ธ ขอ ใดเปน ความรสู กึ ของผูพูด
สงั เกตจดจาํ นาํ ไปใช กอใหเ กิดการใชภาษาทด่ี ี เปนแบบอยางทดี่ ที ัง้ การใชค ํา 1. ความเครงเครียด 2. ความเหมิ หาญ
การใชโวหาร 3. ความสําราญ 4. ความสงสยั
นกั เรียนควรรู วเิ คราะหค ําตอบ จากบทประพันธข างตน ขอทแี่ สดงใหเห็น
ความรูส กึ ของผพู ูดอยางชัดเจน คือ ความเหิมหาญ ซึง่ พจิ ารณา
1 มา ลาด ขบั มา ลาดตระเวน ในความวา “บดั มอญแลน มา ลาด เลยแขวง” ขบั มา ไดจ ากความวา “บานกมลเปรมปรดี ์ิ ปราบเส้ยี น” ทง้ั นพ้ี จิ ารณา
ตระเวนเลยเขา มาในเขตเมอื ง
2 เลศ อุบาย ในความบาทนีก้ ลาวถงึ หาอบุ ายทาํ ลายศกึ ใหขาดหมด ตัดความ จากบริบทของการสูศึกรว มดวย ตอบขอ 2.
ฮกึ เหิม ใหห มดอํานาจ
92 คู่มือครู
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู้
๏๑๘๐ 1. นักเรียนกลมุ ท่ี 3 รว มกันอภปิ รายประเดน็
ความรู ตอน 5 สมเด็จพระนเรศวรทรงเตรียม
โทไทท้ รงสดบั ถ้อย ทูลถวาย การสูศึกมอญ ดวยการยกบทประพนั ธท ี่
ถกู ห1ฤทยั ทา่ นผาย โอษฐ์พร้อง
สูตรกิ ต็ รงหมาย เหมือนตร ิ ตนู า แสดงถงึ การจดั ทัพของสมเดจ็ พระนเรศวร
ตริ ๑๏บ๘๑ ่ ต่าภงูธกรันสตั่งใ้อหง้เ ท ีย บ ต่อนา�้ ใจตู มหาราช
โยธ ี ทัพแฮ (แนวตอบ ตวั อยา งบทประพันธทแี่ สดงถึงการจัด
หา้ หม่ืนหมายบัญช ี เรียกได้ ทัพของสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช
เกณฑ์เมอื งจัตวาตร๑ี
ย่สี ิบ๑๏๘ส๒ ามบเรมรือหงาใรตใ้ ห ้จ ัดผู ้ เไตตรรยีตบร2วตจั้ง ตเออ่ าฉนานา๒ “บรรหารใหจดั ผู อาจอง
เอาพระศรีไสนรงค ฤทธหิ์ า ว
อาจอง เปน จอมพยหุ ยง ไปย่วั ยุทธแ ฮ
เอาพระศรไี สนรงค๓์ ฤทธหิ์ า้ ว นาํ นิกรทพั ทา ว ออกรารอนเข็ญ
เป็นจอมพยหุ ยง ไปย่ัว ยทุ ธแ์ ฮ
น�าน๑๏๘ิก๓ รทพพั ระทเา้ หวน็ จัก เ ปล่ยี วขา้ ง ออกร้ารอนเข็ญ พระเหน็ จกั เปล่ยี วขา ง ขุนพล
ขนุ พล เยยี ว บ มีเพอื่ นผจญ จงึ่ ใช
จึง่ ใช้ พระราชฤทธานนต หนึง่ ชว ย กนั นา
เยียว บ่ มเี พือ่ นผจญ หนงึ่ ชว่ ย กนั นา เปน ปลัดทพั ให ศกึ สูทงั้ สอง”
เพปร็น๑ะ๏๘ปร๔ าลชัดกฤทอทพังธห3ใาหนน้ า้ นนตฤ ๔์ น าถตัง้ ศกึ สทู้ ้ังสอง
เสรจ็ สาร สั่งแฮ เนอ้ื ความขา งตน สรปุ ไดว า ใหพ ระยาศรไี สนรงค
หักกล้า เปนแมท พั และพระราชฤทธานนตเ ปน ปลดั ทพั
เร็วเร่งห�้าหัน่ หาญ มนั รอด ไซรฤ้ ๅ ถาหากสูไมไดพ ระองคจ ะออกสูในภายหลัง)
บ ่ แตก บ ่ ตา้ นทาน ศกึ ร้ายภายหลงั
กูจัก๑๏๘อ๕ อกทโ้ังรสมอรงา้ ร บั ถ อ้ ยท่าน ทลู ลา แลเฮย 2. นักเรยี นบันทกึ ความเขาใจสมุด
ย่างย้าย
ยกพยุหแสนยา วายถนิ่
โดยแดนทรุ าธวา ทุ่งกว้างทางหลวง
ถงึ ท๑๏๘ห่ี ๖ นอปงวสงรทา่ พั ยป๕ทลกูา้ ยค า่ ยสร้าง กลางสมร
ภูมิพยุหไกรสร ศึกตง้ั
เสนาพลากร
คอยจักยอยุทธย์ ้ัง อตยา่ งู่ถรา้ น่ื4ท าเรงิงเขแญฮ
๑ เมอื งจัตวาตรี เมืองช้นั ส่ ี ช้นั สาม การปกครองของไทยสมยั กอ่ นแบ่งหัวเมืองตามความสา� คญั ออกเปน็ เมอื งเอก เมืองโท เมืองตรี
๒ เเมตรอื ยีงบจตัตว้งั าต อ่ (ดฉูกานฎหเมตราียยมตไรวาเ้สปาน็มทดพัวงห)น้า
ศรีไสนรงค์ ราชทนิ นามตา� แหน่งหน่งึ
๓ หรานชอฤงทสธรา่านย นตตา� ์ บรลาชหทนนิอนงสาามหตรา� า่แยห นในง่ เหขนตึง่ จงั หวัดสุพรรณบุรี
๔
๕
93
ขอ ใดเปน การแสดงความเหน็ ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นักเรียนควรรู
1. บ แตก บ ตานทาน มนั รอด ไซร 1 ตริ คดิ ตรึกตรอง
กูจกั ออกโรมรา ศึกรายภายหลัง 2 เตรยี บ เทยี บ ในความวา “เตรียบตงั้ ตอฉาน” หมายความวา จดั ไวเสรจ็
2. สูตริก็ตรงหมาย เหมอื นตริ ตนู า จัดไวพ รอม
ตริ บ ตางกนั ตอง ตอนํ้าใจตู 3 ปลัดทพั ปลัด หมายถงึ ผูม ีตาํ แหนงหนาทร่ี องจากผทู มี่ ีตาํ แหนงหนาทเ่ี หนือตน
3. พระราชฤทธานนต หน่งึ ชว ย กนั นา โดยตรง ปลดั ทพั คือ รองแมทพั
เปนปลัดทัพให ศกึ สทู งั้ สอง 4 ถา เปน คําโทโทษ ในทนี่ ี้หมายถึงคาํ วา “ทา ” หมายความวา รอคอย ปจ จบุ ัน
4. เกณฑเ มอื งจัตวาตรี ไตรตรวจ เอานา มกั ใชเขาคูกบั “คอย” หรือ “รอ” เปน คอยทา รอทา
ยสี่ บิ สามเมืองใต เตรียบตัง้ ตอ ฉาน
วเิ คราะหคําตอบ ขอท่ีเปนการแสดงความเหน็ คอื ขอ 2. มุม IT
มีความวา ทานมีความคดิ ตรงกบั เรา ซงึ่ ความคดิ น้ีถกู ใจเรา
ซึง่ เปน การแสดงความเหน็ วา เหน็ ดวยตรงกัน สว นขออื่นๆ เปน ศึกษาเก่ียวกบั ความรเู ร่ืองการตงั้ ทพั ตามตําราภูมิตา งๆ ในเรือ่ งลิลิตตะเลงพาย
เพม่ิ เติม ไดท ี่ http://www.vcharkarn.com/vblog/18896
ลักษณะของการบอกเลา หรือเปน คาํ สัง่ ใหป ฏิบัตติ าม ตอบขอ 2. คมู่ อื ครู
93
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู้
นักเรยี นคิดวา ความเชอื่ เร่อื งฤกษย ามมคี วาม ร่าย ตอน ๖
จาํ เปนตอ การทาํ ศึกอยางไร พระนเรศวรทรงตรวจเตรียมทพั
(แนวตอบ การที่สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทรง ๏๑๘๗ กษณะนั้นนเรนทร์ไท้ ธ ให้โหรหามหุติฤกษ์ ซ่ึงจะเบิกพยุหบาตรา จึ่งพระโหราผู้รู้
รับสัง่ ใหหลวงญาณโยคโลกทีปหาฤกษย ามในการ
ออกศึกสงคราม ซง่ึ ตรงกบั วนั อาทติ ย ข้นึ สิบเอ็ดคํ่า โศลก หลวงญาณโยคโลกทปี รบี คา� นวณทา� นาย ถวายพยากรณแ์ กไ่ ท้ ทา้ ว ธ ได้จตรุ งคโชค อาจ
เดือนยี่เวลาแปดโมงสามสบิ นาทีซ่ึงเปนฤกษออกศึก ปราบโลกลาญรงค์ เชิญบาทบงสุ์เสด็จคลา จากอโยธยายามเช1้า เข้ารวิวารมหันต์ วันสิบเอ็ด
ตรงกบั บทประพันธวา
ขึน้ ค�่า๑ ยา่� รงุ่ สองนาฬิกา๒ เศษสงั ขยาหา้ บาท ในบษุ ยมาสดฤษถี ศรสี วัสดีฤกษ์อุดม บรมนรินทร์
“...จากอโยธยายามเชา เขารววิ ารมหนั ต ดาลสดับ ธ ให้ตรวจทพั เตรียมพล โดยชลมารคพยหู่ ์ สู่ต�าบลปากโมก คร้นั ณ วันโชควันยาม
วนั สบิ เอ็ดขน้ึ คา่ํ ยํ่ารงุ สองนาฬกา เศษสงั ขยา พยุหสงครามเขาตรวจ ทกุ หมหู่ มวดสรรพเสร็จ จึง่ สมเดจ็ ภูวนาถ กบั บรมราชอนชุ า ธ ก็สรงธารา
หา บาท โดยบษุ ยมาสดฤษถ.ี ..” เสาวรภย ์ ตรลบสคุ นธก�าจร ทรงบวรวิภษู า รตั พสั ตราตรูเนตร ชายแครงเทศเถอื กพร้อย ชายไหว
ห้อยเห็นเพรา พิศสนับเพลายรรยง ฉลองพระองค์แลเลิศ ทับทรวงเพริศพรายพริ้ง สะอ้ิงรัตน
ในตําราพชิ ัยสงครามจะมีเรอื่ งเกีย่ วกบั วชิ า ไพฑูรย์ แก้วเกยูรสวมหัตถ์ แสงนพรัตน์มลังเมลือง เรืองธ�ามรงค์รุ้งร่วง ช่วงพรรเหาเก้าแก้ว
โหราศาสตรแ ทรกอยแู ละมอี ิทธพิ ลอยางย่งิ ในการทาํ แพร้วพรายน้ิวอัษฎางค์ พลางสองกษัตริย์สวมทรง อลงกตกาญจนมกุฎ แสงเพชรผุดพุ่งแพร้ว
สงคราม ดงั นั้น จึงตองมโี หราจารยป ระจาํ กองทพั แก้วเก้ากอบแกมมาศ นาดกรกรายทายธนู ดูสองเจ้าจอมสยาม เฉกลักษมณ์รามรอนราพณ์
เปรียบประดจุ ดวงตาของกองทพั โดยกาํ หนดวา ปราบอเรนทร์ทุกดา้ ว พลางบพิตรโทท้าว ท่านเยอ้ื งยงั ฉนวน น้า� นา
ผทู ที่ าํ หนา ทต่ี อ งมดี วงชะตาใหค ณุ แกพ ระมหากษตั รยิ
หรอื ประมขุ ของประเทศ นอกจากนน้ั การคัดเลือก ฯลฯ
ทหารเขาประจาํ ในกองทัพตอ งนําชอ่ื ของคนเหลา น้นั
มาคํานวณทางมหาทักษาพยากรณซ งึ่ เปนวชิ า โคลง ๔ 2 เพรยี งสมยั
โหราศาสตรแ ขนงหน่ึงเพอื่ หาตวั เลขมาใชเปน กกึ ก้อง
ชื่อ เชน เลข 1 ชอื่ ครฑุ นาม เลข 2 ช่อื พยัคฆนาม ๏๑๙๗ ครั้นควรพชิ ยั ฤกษพ์ รอ้ ม
เปน ตน แลวจึงใหผมู ีนามตา งๆ เหลานั้นเขา ประจาํ
ตําแหนง ของกระบวนทพั ) โหรคระหมึ ๓มอ้ งชยั
พฤฒิพราหมณพ์ รอกมนตรไ์ สย๔ สงั ข์เปา่ ถวายนา
แตรตรลบเสียงซ้อง แซซ่ ั้นบรรสาน
ฯลฯ
ร่าย
๏๒๐๐
พลันขยายพยุหบาตรา คลาเข้าโขลนทวาเรศ สงฆ์สวดชเยศพุทธมนต์ ปราย
ประชลเฉลิมทัพ ตามต�ารับราชรณยุทธ์ โบกกบี่ธุชคลาพล ยลนาวาดาดาษ ดูสระพราศ
สระพรั่ง คั่งคับขอบคงคา แลมเหาฬาร์พันลึก อธึกท้องแถวธาร ถับถึงสถานปากโมก จึ่ง
พระจอมโลกลือเดช เสด็จเถลิงนิเวศวังทาง พลาง ธ ให้ตรวจเตรียมพล โดยสถลพยุหบาตร
๑ วนั สบิ เอ็ดขน้ึ ค�่า วันข้นึ สิบเอด็ ค่า�
๒ ย�า่ รุ่งสองนาฬิกา เวลาสองโมงเชา้
๓ คระหมึ ในสมดุ ไทยและในฉบบั พมิ พเ์ กา่ ๆ เปน็ “คฤหมึ ” แบบเรียนคร้ังที ่ ๑ เป็น “ครหึม” แบบเรยี นครัง้ ตอ่ ๆ มาเป็น “คระหมึ ” ทเี่ ป็น
๔ “กระหมึ ” ก็มี
พรอกมนตรไ์ สย ร่ายมนตรต์ ามคมั ภีร์ไสยศาสตร์
94
นกั เรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT
คาํ ประพนั ธใ นขอ ใดเปน การคํานวณเวลาแบบโบราณ
1 เขา รววิ ารมหนั ต วันสบิ เอด็ ขนึ้ ค่ํา ย่าํ รุง สองนาฬก า เศษสังขยาหาบาท 1. เขา รวิวารมหนั ต
ในบุษยมาสดฤษถี มีความหมาย ดังน้ี 2. วนั สบิ เอด็ ข้ึนคา่ํ
3. ย่ํารงุ สองนาฬก า
• เขารวิวารมหันต หมายถึง วนั อาทติ ย 4. เศษสังขยาหา บาท
• วันสิบเอด็ ข้นึ คา่ํ หมายถึง ข้ึน 11 ค่าํ วเิ คราะหค ําตอบ ขอ 4. สงั ขยาเปน การคํานวณหรือการนบั ตัวเลข
• ยํา่ รงุ สองนาฬกา หมายถึง เวลา 08.00 น. แบบบาลีสนั สกฤต แตเ มือ่ นาํ มาใชก บั เวลากแ็ ปลไดว า เกินมาไมถวน
• เศษสังขยาหาบาท คือ สงั ขยา การนบั การคํานวณ และ 1 บาท เทา กบั เศษสังขยาหา บาท หมายถงึ เวลา 30 นาที ตอบขอ 4.
6 นาที ดังนั้น เศษสังขยาหาบาท จงึ หมายถงึ เวลา 30 นาที
• ในบุษยมาสดฤษถี หมายถงึ เดอื นย่ี หรือเดอื นมกราคม
2 พิชยั ฤกษ เปน สว นหนงึ่ ในตําราพชิ ยั สงครามท่ีจดั ทาํ เสรจ็ เมอื่ ป พ.ศ. 2041
ปจ จุบนั สญู หายไปเกือบหมดคงเหลอื อยูเพยี งกฎหมายอาญาศกึ และไดม ีการแกไ ข
เพ่ิมเติมหลายครง้ั ครัง้ หลังสดุ ในรัชสมยั พระบาทสมเด็จพระนง่ั เกลาเจาอยหู วั
เนอ้ื ความแบง เปน 3 ตอน คอื สาเหตขุ องสงคราม อุบายสงครามกบั ยทุ ธศาสตร
และยทุ ธวธิ ี มกี ารดนู มิ ติ ฤกษย ามและการทาํ เลขยนั ต แตง เปน คาํ กลอนเพอ่ื ใหจ าํ งา ย
94 คูม่ อื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู้
บอกพระราชก�าหนด กฎแก่ขุนทัพขุนพล จักยกพหลยาตรา ในเวลาล่วงค�่า ย�่าสิบเอ็ด นกั เรยี นรว มกันตอบคาํ ถาม ดงั ตอ ไปนี้
สามบาท ครัน้ เข้าราษตรีสมัย ภูวไนยตรสั ตริการ ซง่ึ จะรอนราญอรริ าช ดว้ ยภมิ ุขมาตยากร • นกั เรยี นยกคาํ ประพันธแ สดงใหเ หน็ ความ
จนจันทรลับเลื่อน เคล่ือนเข้าตติยยาม เจ้าจอมสยามไสยาสน์ เหนือบรมอาสน์ก่องแก้ว
คลา้ ยคลา้ ยสบิ ทมุ่ แคล้ว ทา่ นเคลมิ้ หลบั ฝนั ใฝ่นา เช่ือจากการทํานายความฝน ที่ปรากฏใน
วรรณคดเี รื่องลิลิตตะเลงพา ย
โคลง ๔ (แนวตอบ ตวั อยา งบทประพันธทีส่ ะทอ น
๏๒๐๑ ความเช่อื จากการทํานายความฝน
เทวญั แสดงเหตใุ ห้ หสังลหั่งลร น้ เห1น็ แฮ
ไเหห็นลกลบระวแนสาสดาอคนร2 “ทนั ใดดลิ กเจา จอมถวัลย
แดนตก ทิศนา สรางผทมถวิลฝน หอนรู
พระแตเ่ พ่งฤๅพน้ ที่น�้านองสาย พระหาพระโหรพลัน พลางบอก ฝน นา
๏๒๐๒ พระกรายกรยา่ งเยอ้ื ง จรลี เร็วเรงทายโดยกระทู ทถี่ อ ยตูแถลง”)
ลยุ มหาวาร ี เรย่ี วกวา้ ง
พอพานพะกุมภลี ์ หนง่ึ ใหญ่ ไสร้นา
โถมปะทะเจ้าชา้ ง จักเคย้ี วขบองค์
๏๒๐๓ พระทรงแสงดาบแกว้ กับกร
เฟือ่ งน�า้
โจมประจญั ฟนั ฟอน
ต่างฤทธิ์ต่างรบรอน ราญชีพ กนั แฮ
สระท้านทุกถิน่ ทา่ ถ้า� ท่งทอ้ งชลธี
๏๒๐๔ นฤบดีโถมถบี ส้ ู ศึกธาร
มอดม้วย
ฟอนฟาดสุงสมุ าร 3 หายเหือด แห้งแฮ
สายสินธ์ซุ ึ่งนองพนานต ์
พระเร่งปรดี าด้วย เผดจ็ เสีย้ นเศิกกษยั
๏๒๐๕ ทนั ใดดลิ กเจ้า จอมถวลั ย์
สรา่ งผทมถวลิ ฝนั ห่อนรู้
พระหาพระโหรพลัน พลางบอก ฝันนา
เร็วเรง่ ทายโดยกระท้ ู ที่ถอ้ ยตูแถลง
๏๒๐๖ พระโหรเหน็ แจง้ จบ ในมลู ฝนั แฮ
ถวายพยากรณท์ ลู แดไ่ ท้
สบุ ินบดนิ ทร์สูร ฝนั ใฝ ่ นน้ั ฤๅ
หากเทพสังหรให ้ ธริ าชรู้เป็นกล
95
ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT นกั เรยี นควรรู
“พระโหรเห็นแจงจบ ในมลู ฝนแฮ
ถวายพยากรณทูล แดไท 1 หลั่งลน เหน็ กระแสสาคร หลั่งลน หมายความวา เห็นน้ําทีไ่ หลทว มแผนดนิ
สุบนิ บดินทรสรู ฝน ใฝ น้นั ฤๅ 2 วนาดอน ปาดอน
หากเทพสงั หรให ธริ าชรเู ปนกล” 3 พนานต มาจาก พน+อันต แปลวา ปา
ขอ ใดคือใจความสาํ คัญของบทประพนั ธข า งตน
1. การคาํ นวณฤกษยาม คมู่ ือครู 95
2. พยากรณก ารเดินทัพ
3. ฝนเปน ลางบอกเหตุ
4. เทพสงั หรณใหน ิมติ
วเิ คราะหค ําตอบ บทประพนั ธข า งตน กลา วถงึ โหรถวายคาํ ทาํ นาย
ความฝนแกส มเดจ็ พระนเรศวรมหาราชวา ทท่ี รงสบุ ินนั้นเปน
เพราะเทพเทวดาตอ งการใหร เู หตทุ จ่ี ะเกดิ ขน้ึ ในภายหนา ดงั นนั้
ใจความสําคัญของบทประพนั ธ คือ เปน ลางบอกเหตุ ตอบขอ 3.
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู้
นกั เรียนจับคกู นั และยกตัวอยางคาํ ประพนั ธ ๏๒๐๗ นสุ นธซิ์ ่ึงน่านน�้า นองพนา สณฑ์เฮย
ทแี่ สดงปรากฏการณเหนือธรรมชาติและเชอื่ วา ทว่ มไซร้
เปน บุญบารมขี องกษตั รยิ หนปัจฉมิ ทศิ า
คอื ทัพอริรา- มัญหมู่ น้นี า
(แนวตอบ “สองขตั ตยิ ายรุ ยาตร ยงั เกยราชหอทพั สม๒ด๏๐่งั ๘ ลกั เหษตณุแฝ์ สนั ดไงทแ ้ ห ง่ ราชพอ้ ง ธเรศนน้ั อยา่ แหนง
ขุนคชขับชางเทียบ ทวยหาญเพยี งแผน ภู ดูมหมิ า ไดแ้ กอ่ ุปราชา ภยั ชลา
ดาดาษ สระพราศพรอมโดยขบวน องคอดิศวร เชษฐ์ผู้
สองกษัตริย คอยนฤขัตรพชิ ัย บัดเด๋ียวไททฤษฎี สงครามซงึ่ เสดจ็ ครา นใี้ หญ ่ หลวงแฮ
พระศรีสารรี กิ บรมธาตุ ไขโอภาสโศภติ ชวงชวลติ แท๒จ้๏๐กั ๙ ถึงซยงึ่ ุทผจธส์ญ้ ู อรริ า ชด้วย ศกึ ชา้ งสองชน
พางผล สม เกลย้ี งกลกุกอ ง ฟองฟา ฝา ยทักษิณ เดชะ
ผนิ แวดวงตรงทัพ นับคํารบสามครา เปน เพื่อพระเดโชชนะ ศึกน้า�
ทักษิณาวรรตเวียน วา ยฉวดั เฉวยี นอมั พร ผานไป คอื องคอ์ มิตรพระ จกั มอด เมอื เฮย
อดุ รโดยดา ว พลางบพติ รโททา ว ทา นตง้ั สดดุ ี อยนู า” พเพรร๒ะ๏า๑จ๐ะ กั พไเรลบะล่ื่้อหุยงตัลบถารญ์หมา1ข กัต หต�า้ยิ ท์ อ่ งท้อง หน่ั ดว้ ยขอคม
จากคําประพันธที่ยกมา เกดิ เหตุการณทต่ี างพากัน แถวธาร
มองเหน็ พระศรีสารีรกิ บรมธาตปุ รากฏสอ งแสงเรือง รปิ ู บ่ รอราญ เศกิ ไสร้
งามลอยหมนุ เวียนรอบกองทพั เปนทกั ษณิ าวรรต 3 ฤทธร์ิ าช เลยพอ่
รอบ แลว วนไปทางทศิ เหนือ ซ่งึ บนั ดาลใหส มเด็จ พระจกั ชาญชเยศได้ ด่งั ท้าวใฝ่ฝัน
พระนเรศวรมหาราชทรงตัดสนิ พระทยั ไปทางน้นั )
โคล๒ง๏๑ ๑๒ คร้นั บดนิ ทร์ดาลได ้ สดบั พยากรณไ์ ท้
• จากเนอ้ื เรอ่ื งท่ยี กมาสะทอนคตคิ วามเชื่อ ธิรา๒๏ช๑๒แ ผเว้ปพรนูมเปกรษีดมิ์ปราโมทยแ์ ท้
อยา งไร กล๒่า๏๑ว๓ ต้อพงรตะาพมลฝนัันทรงเครื่องต้น2 เพราะพระโหรหากแก้
(แนวตอบ คาํ ประพันธท ย่ี กมาขา งตน สะทอ น
ความเชอื่ เรอ่ื งลางบอกเหตุ ปรากฏการณ แห๒ล๏๑ง่ ๔ หลสา้มคเดวรจ็ ชอมน ชุ ชานนื่ อ้นงาแกว้ งามประเสริฐเลิศลน้
ทางธรรมชาตทิ ่เี ปนมงคล คอื มีแสงสวา ง
เวยี นรอบกองทัพ 3 รอบ จงึ เช่ือวาเปนแสง เพรศิ พรอ้ มเพราตา ยงิ่ แฮ ทรงสภุ าภรณแ์ พรว้
นาํ ทางไปสูช ัยชนะ)
๒ร๏๑่า๕ ย สองขัตติยายุรยาตร ยังเกยราชหอทัพ ขุนคชขับช้างเทียบ ทวยหาญเพียงแผ่นภู
ดมู หิมาดาดาษ สระพราศพร้อมโดยขบวน องคอ์ ดิศวรสองกษัตรยิ ์ คอยนฤขตั รพิชัย บัดเด๋ยี วไท
ทฤษฎ ี พระศรีสารีริกบรมธาตุ ไขโอภาสโศภติ ชว่ งชวลติ พ่างผล สม้ เกล้ยี งกลกุกอ่ ง ฟอ่ งฟา้ ฝา่ ย
ทักษิณ ผินแวดวงตรงทัพ นับค�ารบสามครา เป็นทักษิณาวรรตเวียน ว่ายฉวัดเฉวียนอัมพร
ผา่ นไปอดุ รโดยด้าว พลางบพิตรโทท้าว ท่านตั้งสดุด ี อยู่นา
ฯลฯ
96
เกร็ดแนะครู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
1. เบ้อื งบรมขตั ติยทอ งทอ ง แถวธาร
ครแู นะความรูใหนักเรยี นเพ่ิมเติมจากเหตกุ ารณท ่ีสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรง 2. พระจกั ไลลยุ ลาญ เศิกไสร
สบุ นิ ไปวา ไดต อสูก ับจระเขในนา้ํ แลวฆา จระเขตายเปน พระสุบินทเ่ี รียกวา 3. ริปู บ รอราญ ฤทธิร์ าช เลยพอ
“เทพสังหรณ” จากความวา “เทวัญแสดงเหตุให สังหร เหน็ แฮ” แสดงใหเ ห็นถึง 4. พระจกั ชาญชเยศได ด่ังทา วใฝฝ น
ความเชอ่ื เกยี่ วกบั ลางบอกเหตุ ซง่ึ นาํ ไปสกู ารตดั สนิ พระทยั และขวญั กาํ ลงั ใจในการทาํ ศกึ คําประพันธใ นขอใดมีคาํ ที่หมายถงึ “รบ”
พระสบุ ินของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเปน ลางดที ่จี ะเอาชนะศัตรใู นการทาํ ศกึ ครงั้ นี้ 1. ขอ 1. ขอ 2.
2. ขอ 2. ขอ 3.
นกั เรยี นควรรู 3. ขอ 3. ขอ 4.
4. ขอ 1. ขอ 4.
1 ลาญ ทาํ ลายใหแ ตกพา ย ลุยไลข า ศึกใหแ ตกพายไปทเี ดียว
2 เคร่อื งตน เครอื่ งทรงสําหรับพระเจา แผน ดินในพระราชพิธี เชน พระราชพิธี วิเคราะหค าํ ตอบ คําประพนั ธท ีม่ ีคาํ ท่หี มายถึง “รบ” คือ
บรมราชาภิเษก เรยี กเต็มวา ฉลองพระองคเคร่ืองตน รวมทง้ั ใชเรยี กของใช ของเสวย
สาํ หรบั พระเจา แผนดนิ ขอ 2. คาํ วา “ลาญ” และขอ 3. คําวา “ราญ” ตอบขอ 2.
96 คู่มือครู
กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู้
โคล๒ง๏๑ ๘๔ พระเปรมปราโมทยน์ ้อม ฯลฯ วนั ทนา นกั เรยี นกลมุ ที่ 4 รว มกนั ศกึ ษาเนอื้ เรอ่ื ง ตอน 7
ฤทธิแ์ กลว้ พระมหาอปุ ราชาทรงปรกึ ษาการศึกแลวยกทัพเขา
พลางพระทรงไอยรา นภุ าพ๑ พน้ แฮ ปะทะทัพหนา ของไทยในประเด็นตอ ไปน้ี
พระคเชนทร์ชอ่ื ไชยยา แผกแพ้ทุกพาย
เอิกฤทธิ์ • พระมหาอปุ ราชาทรงวางแผนการรบครง้ั น้ี
อาจ๒๏๑เข๙ น่ พคลชาศยกึ ปแรผาว้ บ ไ ตรจักร๒อา้ ง ทั่วไซร้ อยา งไร
วรเสด็จ ทรงนา (แนวตอบ พระมหาอปุ ราชาทรงศกึ ษากาํ ลงั พล
อาจปราบคชทกุ ทิศ ธิราชเจ้าจอมสยาม ของไทยวา มจี าํ นวนเทา ไร ซง่ึ ไดค าํ ตอบวา
เอกาทศรถอิศ ประมาณสิบเจ็ด สบิ แปดหมื่นหรอื หนึง่ แสน
น�าคเชนทเรศไท ้ เจด็ หม่นื หน่งึ แสนแปดหม่นื ซึ่งนอ ยกวา
ทพั พมามากนกั จึงปรึกษาแมท พั นายกองวา
ตอน ๗ ทพั ทย่ี กมานน้ั เปน ทพั จากพระนครเปน ทพั ใหญ
พระมหาอุปราชาทรงปรึกษาการศึกแล้วยกทัพเขา้ ควรจะตที พั แรกทย่ี กมาน้ีใหแ ตกยับเยนิ
ไปกอ น จะไดเปนการงา ยในภายหลงั ทจี่ ะ
ปะทะทัพหน้าของไทย ยดึ กรงุ ศรอี ยธุ ยา จากนน้ั จงึ มบี ัญชาสง่ั ให
๒ร๏๒า่ ๘ ย ฝ่ายกองตระเวนรามญั อนั ขนุ ศกึ ธ ใช้ ให้เอามา้ มาลาด คอยขา่ วราชริป ู ดทู พั ชาว เตรียมพลในเวลา 3 ยามใหพรอม แลวตี
11 นาฬก า หรอื 5 ทมุ เคล่ือนทัพใหไปสวา ง
พระนคร จักออกรอนออกรบ จักออกทบออกทาน เอาอาการมาบอก แม้ บ ออกต่อติด จักประชิด ขางหนา )
เพมวือกงพถหึง ล1หจึงมสู่มมา้ ิง อหะา้ คร้อรย้านมาขมุนอกงอคงว ารมอ งยสลมสิงยเาปม่อย๓าปตลรัดททพั ัพ อยกูท่ับา่สรมับิงรซาายยคมา่ ่วยน ข อทบั้งหสานมอดงส่วนรา่ เยด2เินรพียบล
พยหู ์ ดูกองหนา้ กองหลวง แลทัง้ ปวงทราบเสร็จ เร็วระเหจ็ ไปทลู แดนเรศูรอุปราช ครนั้ พระบาท
ได้สดับ ธ ก็ทราบสรรพโดยควร ว่านเรศวรกษัตรา กับเอกาทศรุถ ยกมายุทธ์แย้งรงค์ แล้ว
พระองค์ตรัสถาม สามสมิงนายกองม้า ถ้าจักประมาณพลไกร สักเท่าใดดูตระหนัก ตรัสซ�้าซัก
เขาสนอง ว่าพลผองทั้งเสร็จ ประมาณสิบเจ็ดสิบแปดหมื่น ดูดาษด่ืนท่งกว้าง คร้ันเจ้าช้างทรง
สดับ ธ ก็ตรัสแก่ขุนทัพขุนกอง ว่าซึ่งสองกษัตริย์กล้า ออกมาถ้ารอรับ เป็นพยุหทัพใหญ่ยง
คคง่อเยขเาบนา้อแยรกงเวบ่าาเรมาือ มเารก็วกเรว่งา่ ฮเือขเาขห้าลหา้อยมส ่วนล้อ มจก�าเรรุงาเดทว่ พนทจวโู่ าจรมัต 3ิ โหชิงมเหอกัาฉเอัตารแตตัด่แเรขก็ญ ตเใีหห็น้แไตดก้เวยียน่ งย4โด่อยย
สะดวก แล้ว ธ สั่งพวกขุนพล เทียบพหลทุกทัพ สรรพแต่สามยามเสร็จ ตีสิบเอ็ดนาฬิกา
จกั ยาตราทพั ขนั ธ ์ กันเอารุง่ ไว้หนา้ ๔ เรว็ เรง่ จดั อยา่ ชา้ พร่งุ เชา้ เราต ี เทอญนา
๑ ไชยยานภุ าพ ชา้ งทรงของสมเดจ็ พระนเรศวร
๒ ปราบไตรจกั ร ชา้ งทรงของสมเด็จพระเอกาทศรถ
๓ สมงิ อะครา้ น ตามฉบับสมุดไทย แต่ในฉบบั สมดุ พมิ พ์เปน็ “สมงิ ครา้ น” คา� “สมิงเป่อ” ตามฉบับสมุดพิมพ์ แต่ในฉบบั สมดุ ไทยเป็น
“สมิงเปอ” ได้สอบในพระราชพงศาวดารของหมอบรัดเลยม์ คี วามวา่ ดังนี ้ “ฝา่ ยสมงิ จกั ตราน สมิงเปว สมงิ ทรายมอญ นายกองมา้
๔ คอยเหต ุ เห็นกองทัพหนา้ และกองทัพหลวง ดังน้นั ” ช่อื ตา่ งกนั อยดู่ ังนี้
กนั เอารงุ่ ไว้หน้า ไปสว่างเอาขา้ งหน้า
97
ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นักเรยี นควรรู
คาํ ประพันธใ นขอ ใดไมม ี คําทมี่ คี วามหมายวา “ชา ง”
1. อาจเขน คชศึกแผว แผกแพทุกพาย 1 พหล เปนคําวเิ ศษณ หมายความวา หนาแนน ในคําประพนั ธมคี วามหมายวา
2. พลางพระทรงไอยรา ฤทธแ์ิ กลว กองทพั หรอื กระบวนพล
3. นาํ คเชนทเรศไท ธริ าชเจาจอมสยาม 2 หนองสรา ย ตาํ บลหนองสาหรา ย อยทู างทศิ ตะวนั ตกของอาํ เภอศรปี ระจนั ต ใน
4. หอบธมุ างคจ างจา จรสั ดา วแดนสมร จังหวดั สพุ รรณบุรี อยูเหนือเจดียยทุ ธหตั ถีขน้ึ ไปประมาณ 150 เสน (20 วา
เปน 1 เสน)
วเิ คราะหค าํ ตอบ คาํ ที่มคี วามหมายวา “ชาง” ไดแก คาํ วา “คช” 3 ทวารตั ิ ยอ มาจาก ทวารวดี คือ กรงุ เทพทวารวดศี รีอยธุ ยา หมายถงึ กรุงเกา
ในขอ 1. คาํ วา “ไอยรา” ในขอ 2. คาํ วา “คเชนท” ในขอ 3. สว นขอ 4. บัดนี้
“หอบธมุ างคจ างจา จรสั ดา วแดนสมร” หมายความวา หอบเอาฝนุ 4 เวยี ง วัง เมอื ง กําแพง
ตรลบไปทําใหส วางขึ้นมาจนมองเห็นสนามรบ ไมมคี าํ ทม่ี ี
ความหมายวา “ชาง” ตอบขอ 4.
คู่มอื ครู 97
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู้
นกั เรียนกลมุ ท่ี 4 รว มกนั ตอบคาํ ถามตอ ไปน้ี โคล๒ง๏๒ ๙๔ เสนีรบั ถอ้ ยท่าน ทกุ ตน
• ฉากการรบระหวา งไทยกบั พมา มีความ ตา่ งเร่งตรวจเตรียมพล ทกุ ผู้
พลหาญหน่ื หนรณ เรงิ รา่ น อยแู่ ฮ
โดดเดนทางดานฉนั ทลกั ษณอ ยางไรบาง คอ๒ย๏๓จ๐ กั ขคบัรนั้เคยยี่ าวมสสู้ ิบ เ อด็ แลว้ เข่นเสี้ยนศึกสยาม
(แนวตอบ ฉากการรบระหวา งไทยกับพมา องค์อัครอุปราชา เวลา ลเุ อย
ถอื วาเปนตอนท่มี ีความโดดเดนทางดาน โสรจสรงรสธารา หน่อไท้
ฉนั ทลักษณม ากท่ีสุด กวีไดสรรคาํ เหมาะกบั เฉลมิ วิเลปนล์ ูบไล ้ รวยรน่ื ฉมนา
การพรรณนาฉากการรบไดอยา งไพเราะ ฯลฯ เฟือ่ งฟุ้งเสาวคนธ์
ทง้ั รสคําและรสความ โดยการใชค ําอพั ภาส ๏๒๓๘ ภเู บนทรบ์ ่ายบาทขึ้น เกยหอ
ทีม่ ีการซาํ้ เสยี งพยญั ชนะตน ดงั ความวา กาจกล้า
“...สองฝา ยยันยืนยทุ ธ อุดองึ โหเอาฤกษ ขี่คชชื่อพทั ธกอ เขาเงือด เงอ้ื แฮ
เอิกอึงเหเ อาชยั สาดปน ไฟยะแยง แผลงปน บ่ เขด็ บ่ ขามขอ เสอื กเสอื้ งส่ายเสย
พษิ ยะยงุ พงุ หอกใหญค ะควา ง ขวา งหอกซัด มันตกติดหลังหน้า
คะไขว ไลคะคลุกบุกบนั เงื้อดาบฟน ฉะฉาด ฯลฯ
งา งา วฟาดฉะฉับ...” ซงึ่ ทาํ ใหเห็นภาพการ อนสุ นธ๒สิ๏ร๖า่ัง่๗ ยไทส ้ ่วธน ใพหร้ยะายตารศยรกีไโสยธน ี รองอคก์ โจสมอตงีตขัดุนศคกึ ง คแวตบย่ ทามัพ1ด กึ กเัดบินพพรละ รเารชง่ ขฤวทาธยาขนวนนเตต์ รยีทมรทาพับ
เคลือ่ นไหวแบบเรง รบี และมีการเลนคําซ้ํากัน
หลายที่ ดังความวา “...อกุ ตอ อุกเขา รา สรรพห้าหมื่นโดยมี ตนพระยาศรีข่ีคช ปรากฏชื่อมาตงค์ พลายสุรงคเดชะ เมืองสิงหะ
กลา ตอ กลา ชงิ บ่ัน กลัน่ ตอ กล่ันชิงรอน ปีกขวา ออกญาสรรค์ปีกซ้าย เห็จคชผ้ายทุกมุล๑ ขุนผู้คู่ก�ากับ เป็นทัพหลังพรั่งพฤนท์
ศรตอศรยงิ ยืน ปนตอ ปน ยิงยนั กทุ ัณฑตา ง ข่ีคชินทรพาหะ นามชนะจ�าบัง รังปีกป้องกองขวา พระยาวิเศษชัยชาญ ขุนหาญปีกอุดร
ตอบโต โลต อโลตอต้งั ดัง้ ตอดัง้ ตอติด
เขนประชิดเขนสู ตาวคูคตู าวตอ หอกหนั เทจัพ้าเนมคือรงชนัยนนทา์ปทีก ขกวอาง หตนร้าีเสอนาจาโเกจม้ากปอรงะ2 จลัญ�า ลใอหง้พเหรละ่ายอาาสสุพาร รสณ�่าผศ้าายสพตยราู่หค์ รผบู้ปมีกือซ ้าถยือเกมรือะงลธับน
รอ หอกรบั งาวงา จับงาวประจัญ ทวนผดั ผัน
ทวนทบ รบอลวนอลเวง ตาง บ เกรง บ กลวั กระลอก หอกดาบปืนแสะสาร แสนยาหาญแน่นขนัด รัดเร่งเท้า๒เร่งเทา โดยล�าเนาล�าดับ
ตวั ตอ ตวั ชิงมลาง ชา งตอ ชา งชิงชน คนตอ ถับถึงโคกเผาเข้า๓ พอยามเช้ายังสาย หมายประมาณโมงครบ ประทบทัพรามัญ ประทัน
คนตอ รบ...” ซง่ึ เปน ลักษณะของการถวงเสียง ทัพพม่า ขับทวยกล้าเข้าแทง ขับทวยแขงเข้าฟัน สองฝ่ายยันยืนยุทธ์ อุดอึงโห่เอาฤกษ์
ดวยการใชคําซาํ้ เพอื่ ยํ้าใหเ หน็ ภาพเหตุการณ เอิกอึงเห่เอาชัย สาดปืนไฟยะแย้ง แผลงปืนพิษยะยุ่ง พุ่งหอกใหญ่คะคว้าง ขว้างหอก
ท่ีกาํ ลังเกิดขน้ึ ไดช ดั เจนและมีความตอ เนอื่ ง ซัดคะไขว ่ ไลค่ ะคลุกบุกบนั เง้ือดาบฟนั ฉะฉาด ง่างา้ วฟาดฉะฉับ ขับปกี ซา้ ยเข้าดา ขบั ปีก
โดยใหอ ารมณ ความรสู ึกจากเบาไปหาหนัก ขวาเข้าแดก แยกกันออกโรมรัน ปันกันออกโรมรณ ทนสู้ศึก บ่ มิดล อดสู้ศึก บ่ มิลาด
และหนักข้ึนเรอื่ ยๆ เปนกลวธิ ที างภาษา
เหมาะสมกบั เน้อื หาและรูปแบบทใ่ี ชรา ย อปาืนจตต่อ่อปอืนาจยเิงขย้าันรุก กอุทุกัณตฑ่อ3อ์ตุก่าเงขต้าอร้าบ โตกล้ ้าโตล่อ่ตก่อลโ้าลช่ติง่อบต่ันั้ง กดลั้ง่ันตต่อ่อดกั้งลต่ัน่อชติงิดรอ นเข นศปรรตะ่อชศิดรยเขิงนยืนสู้
ในการบรรยายเหตกุ ารณสูร บ)
๑ เหจ็ คชผ้ายทกุ มุล นายทหารทุกคนขีช่ า้ งไป
๒ เท้า ตามฉบบั สมดุ ไทยทั้ง ๓ ฉบับ แต่ในสมดุ พิมพ์ท้ัง ๓ ฉบบั เป็น “เทา” คงจะเป็นดว้ ยตกโทตามๆ กันไป
๓ โคกเผาเขา้ ชอ่ื ตา� บลในจงั หวัดสพุ รรณบุรี
98
นกั เรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
“...อกุ ตอ อกุ เขา รา กลา ตอ กลา ชิงบัน่ กล่นั ตอ กลนั่ ชงิ รอน
1 ยาม การนับโมงยามแบบโบราณนั้นแบง เวลากลางคนื ออกเปน 4 ยาม กลาง ศรตอ ศรยงิ ยืน ปน ตอปนยิงยนั ...”
วัน 4 ยาม การนับโมงยามแบบโบราณในเวลากลางคนื มีดังนี้ ขอใดไมใ ช ลกั ษณะทางวรรณศลิ ปข องขอความขางตน
1. ใชค ําท่ีทาํ ใหเ กดิ จินตภาพ
• ปฐมยาม (ยามตน ) จากยามคา่ํ ไปถึง 3 ทมุ (18.00-21.00 น.) 2. ใชการซํา้ คาํ ในวรรคเดียวกัน
• ทตุ ยิ ยาม (สองยาม) จาก 3 ทุม ไปจนถงึ 6 ทมุ (21.00-24.00 น.) 3. ใชค ําท่มี เี สยี งสมั ผสั พยญั ชนะ
• ตติยยาม (สามยาม) จาก 6 ทุม ไปจนถงึ 9 ทมุ (24.00-03.00 น.) 4. ใชคาํ ท่ขี ึน้ ตน วรรคเปนคําตายทัง้ หมด
• ปจ ฉมิ ยาม (สยี่ าม) จาก 9 ทุม ไปจนถึงยํา่ รุง (03.00-06.00 น.) วเิ คราะหค ําตอบ ขอ 1. ใชคาํ ทีท่ าํ ใหเหน็ การตอ สูกนั อยา งตอ
2 ตรเี สนาเกา กอง สามทพั จดั เปน เกากอง ซงึ่ ตา งมปี ก ซายขวา เน่อื ง ขอ 2. การซา้ํ คาํ ในวรรค ไดแก คําวา อกุ กลา กล่นั ศร
ทั้งสามกองจึงเปนเกา กอง คือ และปน ขอ 3. เสยี งสัมผสั ของพยญั ชนะ ไดแก ยงิ -ยืน, ยิง-ยัน
• ทพั หลวง “พระยาศรไี สนรงค” ขอ 4. คาํ ทีข่ นึ้ ตนวรรคมีคาํ ตายคําเดียว คอื คาํ วา “อกุ ” จึง
• ทัพหลงั “พระยาฤทธานนต” ไมใ ชล กั ษณะทางวรรณศิลปของขอ ความขา งตน ตอบขอ 4.
• ทัพหนา “พระยาสุพรรณ”
3 กุทัณฑ หรือ เกาทณั ฑ หมายถงึ ธนู
98 คมู่ อื ครู
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู้
ตาวค่คู ตู่ าวตอ่ หอกหนั ร่อหอกรบั งา้ วง่าจบั งา้ วประจญั ทวนผัดผันทวนทบ รบอลวนอลเวง นักเรยี นกลมุ ท่ี 4 รว มกันตอบคาํ ถามตอไปนี้
ตา่ ง บ เกรง บ กลัว ตวั ต่อตวั ชงิ มลา้ ง ช้างตอ่ ช้างชงิ ชน คนตอ่ คนต่อรบ ของา้ วทบทะ๑กนั • ฉากการปะทะกันระหวางทพั พมา กบั ทัพไทย
ตา่ งฟันต่างปอ้ งปดั วางสนดั หลังสาร ขานเสียงคกึ กึกก้อง ว่องต่อว่องชงิ ชัย ไวต่อไวชิงชนะ
ม้าไทยพะม้ามอญ ต่างเข้ารอนเข้าโรม ทวนแทงโถมทวนทบ หอกเข้ารบรอหอก หลอกล่อไล่ ในหนา 98 - 99 มีลกั ษณะทางวรรณศลิ ปท่ี
ไขวแ่ คว้ง แย้งธนเู หน่ียวนา้ ว ห้าวตอ่ ห้าวหกั หาญ ชาญตอ่ ชาญหักเชีย่ ว เรยี่ วตอ่ เรย่ี วหกั แรง โดดเดน อยางไร
แขงต่อแขงหักฤทธ์ิ ต่างประชิดฟอนฟัน ต่างประชันฟอนฟาด ล้วนสามารถมือทัด ล้วน (แนวตอบ บทบรรยายการปะทะกันระหวาง
สามรรถมือทาน ผลาญกันลงเต็มหล้า ผร้ากันลงเต็มแหล่ง แบ่งกันตายลงครัน ปันกันตาย ทัพพมากบั ทัพไทยมีลกั ษณะวรรณศลิ ปที่
ลงมาก ตากเต็มทง่ เตม็ เถ่อื น ตากเตม็ เผอื่ นเตม็ พง ท่ยี ังคง บ มยิ ู่ ท่ียังอยู่ บ มิหย่อน ต่างต่อกร โดดเดน คือ การถวงเสียงดว ยการใชคําซ้ํา
ฮกึ ฮอื ต่างตอ่ มอื ฮึกฮัก หนกั หนุนแน่นมาหนา ดาหนุนแนน่ มาดาษ บ่ รขู้ ยาดย่อทพั บ่ รู้ขยบั ลกั ษณะนที้ าํ ใหเ กิดความสมดลุ ของเสยี ง
ย่อศึก คะคึกเขา้ ตอ่ แกล้ว คะแคล้วเข้าต่อกล้า ต่างชงิ ฆา่ ชงิ หนั่ ต่างชงิ บั่นชิงฟนั ปนั กันยิง และยํา้ ความรูสกึ นนั้ ๆ ใหห นกั แนน หรอื
กันแผลง ปันกนั แทงกนั พุง่ ยอยทุ ธ์ยุ่ง บ มแิ ตก แยกยุทธ์แยง้ บ มิพัง ทวยหน้าหลงั ตอ้ นผา้ ย เบาข้นึ ดงั บทประพนั ธ
ทวยขวาซ้ายต้อนพล เข้าผจญจู่โจม โหมหักหาญราญรบ ต่างท่าวทบระนับ ต่างท่าวทับ “...ตาวคูคตู าวตอ หอกหันรอ กหอกรับ
งาวงา จบั งาวประจญั ทวนผัดผันทวนทบ
ระนาด บ้างตนขาดหวั หวน้ิ บา้ งขาดน้ิ แขนเด็ด บ อยากเข็ดอยากเกรง บ อยากเยงอย1ากย่าน รบอลวนอลเวง ตา ง บ เกรง บ กลวั ตวั ตอ ตวั
ชงิ มลา ง ชา งตอ ชา งชงิ ชน คนตอ คนตอ รบ...”
บัดมอญม่านมาหลาย รายกันโอบกันอ้อม ล้อมกระหนาบหน้าหลัง ไทยประนังน้อยแง่ และอาจมีบางคร้ังเสียงซา้ํ ท่ีใชถ วงอาจไมไ ด
แผอ่ อกรบ บ มริ อด ถอดถอยท้อรอรับ มอญขยับยกตาม หลามเหลือล้นพลเตา้ เสยี งปืน อยูในวรรคหรือบาทเดียวกนั เปน เพราะ
ตึงตื่นเร้า เรง่ ครน้ื เครงครกึ อยูน่ า การเลน คําซํ้าหรือเสยี งซา้ํ นั่นเอง เชน
โคล๒ง๏๖๘๒ พันลึกลม่ ลั่นฟา้ “...ตางทาวทบระนับ ตางทา วทับระนาด
เฉกอสนุ ีผา่ หลา้ บา งตนขาดหัวหวนิ้ บา งขาดน้ิ แขนขาด...”
แห๒ล๏๖่ง๙ เพด้ียงั งตพรกลพบงั โลกแล้ แลนา เปน ตน)
ชน๒ะ๏๗ผ๐ ใู้ ดสดอางลฝา่ ยหาญใช่ชา้ ฤๅ บ่ ร้างรแู้ พ้ • นักเรยี นคิดวา การวางแผนรบของพระมหา-
ฉงนนา อุปราชาประสบความสําเรจ็ หรือไม อยา งไร
ต่อแกล้วในกลาง คอื สีหสูส้ หี กล้า (แนวตอบ ฝายกองทพั ไทยปะทะกับกองทพั
สมรนา พมา ทงั้ สองฝา ยสกู ันตัวตอ ตัวดว ยอาวุธ
ตอน ๘ ชนิดเดียวกัน ตางฝา ยตา งสญู เสีย ลม ตาย
สมเด็จพระนเรศวรทรงปรกึ ษายุทธวิธเี อาชนะข้าศกึ เปนจาํ นวนมาก แตทหารทเ่ี หลอื ก็ยงั คง
โเรคียล๒บง๏๗๑พ๔ ิรปิย2าพงลอพุภรยั รภคเู ์บศเบ้ือง ตอ สกู นั อยางไมก ลวั ตาย อยางไรกต็ ามดว ย
ทเจวียยนทจชิ วาบกรรว3นิว้อรมรณ บรู พถ์ วลั ย ราชย์แฮ วา กองทพั พมามีไพรพลจํานวนมากกวา
พรั่งพรอ้ ม สามารถตามตโี อบลอ มกองทพั ฝา ยไทยไวได
รางเรอื่ แลฤๅ ทาํ ใหฝายไทยตอ งถอย ขณะทฝ่ี า ยพมาก็
ฯลฯ นอบนิว้ เสนอทลู รุกตาม จึงเห็นวาฝายพมา เอาชนะศึกใน
ชวงนไี้ ด)
๑ ทบทะ ตามฉบับสมุดไทย ๒ ฉบับ แต่สมุดไทยอีกฉบับหน่ึง กับฉบับพิมพ์ท้ัง ๓ ฉบับ เป็น “ปะทะ” โดยผู้แต่งตัดพยางค์หน้า
“ปะ” เหลอื แค่ “ทะ” สว่ นค�าวา่ “ทบ” กส็ นั นิษฐานวา่ มาจาก “กระทบ” โดยผู้แต่งตดั พยางค์หน้า “กระ” ออกเช่นเดียวกนั
99
ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู
“พนั ลึกลมลนั่ ฟา เฉกอสนุ ีผา หลา
แหลงเพี้ยงพกพงั แลนา ลกั ษณะการถว งเสยี งดว ยคําซ้าํ เปน ลักษณะเดนของรา ยสภุ าพในลลิ ิตตะเลงพา ย
ดังตรลบโลกแล ฤๅ บ รา งรูแ พ ครแู นะใหนักเรียนยกบทประพันธทม่ี ีลกั ษณะน้ีเพ่มิ เตมิ เพ่อื ใหนักเรียนเห็นภาพและ
ชนะผูใ ดดาล ฉงนนา” รายละเอียดของฉากการสรู บ ซง่ึ เปน ฉากท่ีกวสี ามารถใชภาษาในการส่อื บรรยากาศ
คาํ ประพันธขา งตนใชภาพพจนใ ด เหตุการณท ี่ใหอ ารมณส อดคลอ งกบั เนอ้ื เรอื่ ง เปน ภาพของทหารทง้ั สองฝา ยตอ สกู นั
1. ภาพพจนอุปมา ดว ยความฮกึ เหมิ กลา หาญ
2. ภาพพจนส ทั พจน
3. ภาพพจนบ ุคคลวตั นกั เรยี นควรรู
4. ภาพพจนอปุ ลกั ษณ
1 ประนงั ประชมุ รวม ในความวา “ไทยประนงั นอ ยแง” ฝา ยไทยรวมกนั อยนู อ ยคน
วิเคราะหคาํ ตอบ บทประพันธข า งตน ใชภ าพพจนอุปมา โดยมี 2 พิรยิ คนกลา นกั รบ
คําแสดงความเปรยี บ คาํ วา “เฉก” ซึง่ เปรียบการสูรบกันวามีเสียง 3 ทชิ ากร พราหมณ “ทวยทชิ ากร” หมายความวา พวกพราหมณ
ดังสน่ันเหมือนฟา ผากอ งไปทว่ั ตอบขอ 1. คู่มือครู 99
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู้
นกั เรียนกลุมที่ 4 นําเสนอประเดน็ ที่เกย่ี วกับ ๏๒๗๒ เชญิ ไทย้ รู ยาตรเตา้ เตียงสนาน
ตอน 8 สมเดจ็ พระนเรศวรทรงปรกึ ษายุทธวิธี
เอาชนะขา ศึก ดงั น้ี ถวายมุทธาภิสิตธาร เพรยี กพร1้อง
ศวิ เวทวษิ ณบุ รรสาน
• สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทรงวางแผนการ สังขโ์ สรจ สรงแฮ
รบอยา งไร เมอื่ กองทพั ไทยลา ถอยไมเ ปน มหรทึกครกึ เครงกอ้ ง เกริกหลา้ หว่ันไหว
กระบวน ฯลฯ
(แนวตอบ สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทรง
ปรกึ ษากับแมทัพนายกอง และทรงเหน็ ดวย ร่าย
กับการสงไพรพ ลทพั หนาไปกอ น เพ่ือใหขา ศึก ๏๒๗๗
ออ นกาํ ลังลงกอน แลว จึงจะสง ทัพหลวงตาม ฝ่ายชีพ่อทวิชาชาติ ราชปุริโสดม พรหมพิทยาจารย์ เบิกโขลนทวารโดย
ไปเสรมิ แตสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรง กระทรวง ปวงละว้าเซ่นไก่ ไขว่สรวงพลีผีสาง พลาง ธ ส่งแสงอาชญา แด่หลวงมหาวิชัย
เลง็ เห็นวา ทัพไทยกําลงั พายอยู ถา สง ไปอกี ใจทระนงองอาจ ยาตรตัดไม้ข่มนาม ตามต�ารับไสยเพท บัดนฤเบศทรงสดับ เสียงปืนทัพ
จะแตกพายเปน ครงั้ ที่สอง พระองคจงึ ทรง แย้งยุทธ ์ สุดอ�าเภอเลอโสต๑ โปรดโองการ 2ธ ใช้ ใหห้ มนื่ ทิพเสนา เห็จอาชาเรว็ รีบ ถีบไปสบื
เห็นวา ควรวางแผนใหทพั ไทยลาถอยลงมา
อยา งเร็ว เพื่อลวงใหท ัพพมา ไดใจคิดวา ไทย เอาการ เขารบั สารข้นึ มา้ ควบ บ ชา้ บ หึง ถงึ ท่ีทวยพลทพั รับพลางถอยพลางลา่ มอญพมา่
กาํ ลงั จะพายแพ ทพั พมา ไมล วงรกู ลศึกก็จะรีบ ตามติด ประชิดไล่อลวน ผจญรับอลหมา่ น ผา่ นทอ้ งทง่ ท้องนา ดามาโดยแดนผล ู ดูคะคลา
ติดตามมาตอี ยา งรวดเร็ว ซึง่ จะทําใหฝายไทย คะคลา�่ บ ่ รกู้ ส่ี า่� สบั สน เขาเอาตนหมน่ื หนงึ่ ๒ ซงึ่ เนาในกองทพั กลบั มา้ นา� มาเฝา้ จง่ึ พระพทุ ธเจา้ 3
ตลบหลงั ตีไดโดยงา ย)
อยู่หัว ตรัสถามตัวหมื่นพล เยียใดกลจึ่งพ่าย เขาจ�าหน่ายเหตุสนอง ว่าเผือผองผาดผ้าย
ท้ายดอนเผาธัญญา๓ พอนาฬิกาหน่ึงนับ ปะทะทัพดัสกร เข้าราญรอนรุมรุก คลุกคลีกัน
หน่นั หนา ปวงปจั จามติ รมาก หลากทุกคราทกุ ครง้ั ตง้ั ตนตอ่ บ มคิ ง ตรงตนต่อ บ มิหยุด
เหลือจักย4ุทธจ์ ่งึ ลาด ครน้ั พระบาทยนิ สาร ธ ก็บรรหารตระบดั ตรสั ปรึกษาหาเลศ แห่งเหตุ
เพโทบาย ถ้วนทุกนายทุกมุล ท่ัวทุกขุนหมู่มาตย์ คาดความคิดทั้งมวล ควรยศใดใครเห็น
จักเข่นเข็ญให้มอด จักขอดเข็ญให้ม้วย ด้วยถ่ายเทเล่ห์ไหน วาน5เขือไขอย่าอ�า เขาขานค�า
ท่านถาม สงครามคราน้ีหนัก เชิญเสด็จพักพลหมั้น แต่งทัพซั้นไปหน่วง ถ่วงศึกไว้จงหนา
ชราัยมชือ7อลบง กธ่อ กนต็ไสรสัร้ ตอไวบ้สมักนคตรรั้ง ี รตั้งรรออง คพดอีดไแู ดผ้ทกีจ6 ึ่งฝยา่ ายตเรรา แยตกกพย่นยุหยับบ าจตกั รสอง่อทกพั รไาปญท าเนห ็นพคอวพรลกอายร
ฉานสองซ้�า ค้�า บ อย่ ู บ หยดุ ชอบถอยทรุดอย่าร้ัง๔ ให้ศึกพล้ังเสยี เชงิ โดยละเลงิ ใจอาจ
ยาตรตามติดผิดขบวน ควรเรายกออกโรม โหมหักหาญราญรงค์ คงช�านะเศิกไสร้ ได้ด้วย
งา่ ยด้วยงาม เขายนิ ความยลชอบ นอบประณตแด่ไท ้ ธ ใหห้ มน่ื ทพิ เสนา กับหมื่นราชามาตย์
เหินหยั ราชรีบร้อน ไปเตือนต้อนกองนา่ เรว็ เร่งล่าอย่ารงั้ ทวยพหลทวั่ ทั้ง ทราบขอ้ บรรหาร
ทา่ นนา
๑ สดุ อ�าเภอเลอโสต สดุ เขตท่จี ะได้ยินชดั เจน คือ ได้ยินเพยี งแว่วๆ
๒ เขาเอาตนหม่นื หนง่ึ เอาทหารชัน้ ขุนหมื่นมาหนึง่ คน
๓ ดอนเผาธญั ญา ตา� บลโคกเผาขา้ ว
๔ ชอบถอยทรดุ อยา่ รงั้ ทางทถี่ ูกน่าจะถอยร่นเรื่อยๆ อย่ารั้งรออยู่
100
นักเรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
ขอใดไมช ี้ ใหเ ห็นวาตองการความเหน็
1 โสรจ เปน คาํ กริยา แปลวา อาบ สรง ชําระ ทําใหสะอาด 1. ธ กบ็ รรหารตระบัด ตรสั ปรึกษาหาเลศ แหงเหตเุ พโทบาย
2 บ หึง ไมน าน 2. ควรยศใดใครเห็น จกั เขนเข็ญใหม อด จักขอดเข็ญใหม วย
3 ผาดผา ย เดินกองทพั 3. จ่งึ พระพุทธเจาอยูหัว ตรัสถามตวั หมน่ื พล เยียใดกลจ่ึงพา ย
4 เพโทบาย อบุ ายกลศกึ 4. เขาขานคําทา นถาม สงครามคราน้หี นัก เชิญเสดจ็ พกั พลหมนั้
5 ซ้นั เปนคาํ กริยา แปลวา ตีถี่ๆ ตีกระชน้ั คาํ วิเศษณ แปลวา ซํ้า รีบ เรว็ วิเคราะหคําตอบ ขอทแ่ี สดงใหเหน็ วา ตอ งการความเหน็ มีดงั นี้
ในความวา “แตง ทพั ซ้นั ไปหนว ง” มีความหมายวา แตง ทพั ซ้ําไปหนว งขาศกึ ไว ขอ 1. ตรสั ปรกึ ษาเพอื่ หาอบุ าย ดงั นนั้ จงึ ตอ งการความเหน็ ขอ 2.
6 แผก แตกตาง แยกออก แตกออก ถามวา ใครทม่ี คี วามเหน็ วา จะใหท าํ อยา งไร ขอ 3. ตอ งการทราบวา
7 ฉาน เปน คาํ นาม แปลวา ขา งหนา ลาน คาํ กริยา แปลวา แตก ในความวา เหตุใดอบุ ายที่วางไวจงึ ลม สว นขอ 4. ตอบคําถามท่ที านถาม
“พอพลอยฉานสองซํา้ ” แปลวา กพ็ อดีพลอยแตกซํ้ามาเปน คร้งั ที่สอง ดังนั้นจึงตอบขอ 4.
100 คู่มอื ครู
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู้
โคลง ๒ นกั เรยี นกลุม ท่ี 5 นําเสนอประเดน็ ท่เี ก่ียวกบั
๏๒๗๘ ตอน 9 ทพั หลวงเคลอื่ นพล ชางทรงสมเดจ็ -
บ นานต่างตนผา้ ย ไป บ่ รอรง้ั ท้าย พระนเรศวรและสมเดจ็ พระเอกาทศรถฝา เขาไป
ถ่ีเทา้ ผาดผงั มานา ในกองทัพขา ศึก ดังน้ี
๏๒๗๙ ผนั หลงั แล่นแผผ่ า้ น บ มีผู้อยตู่ า้ น
หนึ่งนา • ในตอนน้เี กดิ ปรากฏการณใ ดกับทพั ไทย
ตอ่ สูส้ ักตน เห็นไทยผนั หนหี นา้ ท่ีเชอ่ื วา เปน นิมิตหมายทดี่ ี
(แนวตอบ ขณะทสี่ มเด็จพระนเรศวรมหาราช
โคลง ๓ ตน่ื ต1อ้ นแตกฉาน น่านนา ทรงรอฤกษเคลอื่ นทัพหลวงอยนู ้ัน ไดบงั เกิด
๏๒๘๐ เมฆกอ นใหญล อยอยูทางทศิ เหนือ แตแลว
พวกพลทพั รามัญ เท่ห์กลไทยใชน่ อ้ ย ทอ งฟาก็กลับแลดแู จมกระจาง ดวงอาทิตย
ไป บ ่ หยุดยัง้ ชา้ เร่งเต้าตนี ตาม มานา สองแสงจา เปนนิมติ หมายท่ีแสดงถึงพระบรม
๏๒๘๑ ไปแ่ จง้ การแห่งเลห่ ์ บ เปน็ ทพั เป็นขบวนแท้ เดชานภุ าพ และเปนการบงชถ้ี ึงการจะไดร ับ
ไลล่ ้า� ระส�่าระสาย ยง่ิ นา ชัยชนะในการทําศกึ ครัง้ น้ี จากนั้นสมเดจ็
ตา่ งเร่งตดิ เร่งต้อย ประมาทประมาณหม่นิ หมน้ั พระนเรศวรมหาราชและสมเด็จพระ
๏๒๘๒ แลหลงั หลามเหลือนบั ชืน่ หน้ามาสรลม สรลอนนา เอกาทศรถจึงไดเคลอ่ื นกระบวนพล
แบบเกลด็ นาคตามตาํ ราพิชยั สงครามและ
ถวลิ ว่าพา่ ยจริงแล ้ เขาปะทะกบั ทพั ขา ศึก)
๏๒๘๓ หมายละเลิงใจอาจ
เบาเรง่ เบาเชิงชนั้
ตอน ๙
ทัพหลวงเคลื่อนพล ชา้ งทรงสมเด็จพระนเรศวรและ
สมเดจ็ พระเอกาทศรถฝ่าเขา้ ไปในกองทพั ขา้ ศึก
โคลง ๔
๏๒๘๔
เบื้องบรมจักรพรรดิเกล้า กษัตรา
เถลิงพิภพทวารา เกร่นิ แกลว้
สถยิ เกยรตั นราชา อาสน์โอ่ องค์เอย
คอ๒ย๏๘ฤ๕ กษบ์เดั บดกิ ลยวทุ ลธา์แหผกว้2ช อ้ื แผ่นพืน้ หาวหน๑
แหง่ ทิศพายัพยล ชระอบั อยู่แฮ
เยือกฟ้า
เมผลยักผแ่อลงกภราะณลุเามยศกจ3ร้าะ ลับ ลิวลง่ ไปเฮย
แจ่มแจ้งแสงฉาน
๑ คอยฤกษ์เบิกยุทธแ์ ผ้ว แผ่นพ้ืนหาวหน คอยฤกษด์ ทู ้องฟ้าปลอดโปร่งเมือ่ ไรจะไดเ้ คลื่อนทัพ
101
“บัดดลวลาหกชือ้ ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกรด็ แนะครู
ชระอบั อยแู ฮ
แหง ทศิ พายพั ยล เยือกฟา ครทู บทวนความรู ความเขา ใจในเนอื้ เรอื่ งลลิ ติ ตะเลงพา ย ตอน ทพั หลวงเคลอื่ นพล
มลักแลกระลายกระลับ ลวิ ลง ไปเฮย ชา งทรงสมเดจ็ พระนเรศวรและสมเดจ็ พระเอกาทศรถฝา เขา ไปในกองทพั ขา ศกึ
เผยผองภาณเุ มศจา แจม แจง แสงฉาน” โดยใหน ักเรียนจัดกลมุ ปรกึ ษาหารอื กนั เก่ียวกับความรเู ร่ืองการเคลือ่ นทพั แลวให
ขอ ใดเปน ความหมายของคําวา “กระลายกระลบั ” นกั เรียนรวมกันเรียงลาํ ดับเหตกุ ารณต ้งั แตการจัดทพั จนถึงตอนทท่ี พั พาย โดยเขียน
1. ลบั หายไปอยา งชาๆ เรียงลําดบั เปน ขอ ๆ พรอมท้งั รว มกันสรปุ สาเหตทุ ี่ทาํ ใหท ัพพา ย
2. แหลกสลาย นักเรียนควรรู
3. กลบั กลาย
4. มลาย
1 เทห ตดั คาํ มาจากคาํ วา “สนเทห ” ในความวา “เทหก ลไทยใชนอย”
วเิ คราะหค ําตอบ บทประพันธกลา วถงึ เหตกุ ารณท ท่ี องฟามืดมวั หมายความวา อุบายนาฉงนของไทยมิใชนอ ย
กอ นจะเกิดแสงสวา งจา คําวา “กระลายกระลับ” มคี วามหมายวา
กลับกลาย จากบาทที่ 3 ถอดความไดวา บัดเดย๋ี วกลับกลายแลดู 2 วลาหก เมฆ ในความวา “บัดดลวลาหกช้ือ ชระอบั อยูแฮ” หมายความวา
เมฆมดื มวั
โปรง โลง ลว่ิ ไป ตอบขอ 3.
3 ภาณเุ มศ มาจาก ภานุมา+อศี สกรรถ แปลวา พระอาทิตย 101
คู่มือครู
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู้
นักเรยี นกลุม ท่ี 5 นาํ เสนอประเด็นท่เี ก่ยี วกบั คอื ๒ร๏๘ะ๖ เบคยี ัคบนราัตนนตอน์ นิ ฤทรนาลิส 1รา้ ง ราคนิ
ตอน 9 ทพั หลวงเคลอ่ื นพล ชา งทรงสมเดจ็ พระนเรศวร นบักรสิษทุ ัตธริส์2สรวา่สั งดมิเลดทชไินด ้ ดาดไว้
มหาราชและสมเดจ็ พระเอกาทศรถฝา เขา ไปใน ถ่องโทษ อยนู่ า
กองทพั ขาศึก ดังน้ี โชคชศ้ี ภุ ผล
• เพราะเหตใุ ดสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและ ฯลฯ
สมเดจ็ พระเอกาทศรถจงึ ตกอยูในวงลอมของ
ขา ศกึ ถตับรับ4ปตะรท๒ะร๏๘ะา่ ห๙ ยไนพเักครสินล�าท่ื อเรนน์ ียพงสล ่วตเนสาหีมยัสงเ กฆดลิ้อน็ ดงอกนุภลาัยอค๒ง 3๑ป เจืนต้าศาพึกกร เะตอย็ มึกาทเไอช่ งิกยแกาถ้อนวงุภเกถาาื่ อพหน ล เจเเก้รา่พงลค่ื อร�าะนรยกนา5ลเปร่ นียรแากบสมไนันต ยราชจทันักั พหร ู
(แนวตอบ เหตทุ ส่ี มเด็จพระนเรศวรมหาราชและ ชูหางแล่น แปร้นแปร๋แลคะไขว่ บาทย่างใหญ่ดุ่มด่วน ป่วนกิริยาร่าเริง บ�าเทิงมันครั่นครึก
สมเดจ็ พระเอกาทศรถตกอยใู นวงลอ มของขา ศกึ เข้าสู้ศึกโรมราญ ควาญคัดท้าย บ มิอยู่ วู่วางวิ่งฉับฉิว ปลิวประเล่ห์ลมพาน ส่�าแสะสาร
เพราะชางพระท่ีนงั่ ของทัง้ สองพระองค คอื แสนยา ขวาซา้ ยแซงหนา้ หลัง ท้ังทวยพลตนขุน ถว้ นทกุ มลุ มวลมาตย์ ยาตร บ ทันโทท้าว
เจาพระยาไชยานภุ าพและเจา พระยา ด้าวศึกสู้สองสาร๓ ราญศึกสู้สองไท้๔ ไร้พิริยะแห่ห้อม รพะรเ้อมมียแร6หต่กมลู่ดาัสงกครว ามญอคญช พกม�า่าหดนาดดื่นส ี่
ปราบไตรจักรไดย นิ เสยี งฆอ ง เสยี งกลอง โดยเสด็จ เห็จเข้าใกล้กองหน้า ข้าศึกดูดาษเดียร ธ
กส็ งเสยี งรอ งดว ยความคึกคะนอง เพราะกาํ ลงั เดนิ ดุจคล่ืนคลาฟอง นองนา่ นในอรรณเวศ ตรัสทอดพระเนตรเนืองบร ไลโ่ รมรอนทวยสยาม
ตกมัน ควาญชางบงั คับไวไ มได ทาํ ใหชางทงั้ 2 หลามเหลืองหลั่งค่ังคับ ซับซ้อนแทรกสับสน ยล บ เป็นทัพเป็นกอง ธ ก็ไสสองสารทรง
ชาง ตกเขา ไปอยใู นวงลอมของฝา ย ตรงเข้าถีบเข้าแทง ด้วยแรงมันแรงกาย หงายงาเสยสารเศิก เพิกพังพ่ายบ่ายตน ปนปะไป
พระมหาอปุ ราชา เกิดการตะลมุ บอนวุนวาย
มีฝนุ ตลบตางฝา ยตางมองไมเ หน็ เหมือน
ตกอยูในเวลากลางคนื )
ไขว่คว้าง ช้างศึกได้กล่ินมัน หันหัวหกตกกระหม่า บ่ากันเลี่ยงกันหลบ ประทบประทะ
อลวน สองคชชนชาญเชี่ยว เร่ยี วรณรงค์เริงแรง แทงถีบฉดั ตะลมุ บอน พม่ามอญตายกลาด
ข้าศึกสาดปืนโซรม โรมกุทัณฑ์ธนู ดูด่ังพรรษาซ้อง ไป่ตกต้องตนสาร ธุมาการเกิดกระลบ
อบอลเวงฟากฟ้า ด ู บ ่ รู้จักหนา้ หน่งึ สนิ้ แสงไถง แลนา
โคลง ๔
๏๒๙๐
จง่ึ ไทเทเวศอ้าง สมมุติ
มงิ่ มหศิ วรมกุฎ เกศหลา้
เถลงิ ภพแผน่ อยุธ- ยายงิ่ ยศแฮ
แสดงพระเดชฟ้งุ ฟ้า เฟ่อื งดา้ วดินไหว
๑ เคล่ือนพลตามเกล็ดนาค แบบแผนการเคลื่อนทัพตามต�าราพิชัยสงครามซ่ึงบอกไว้ว่าวันใดนาคจะหันหัวไปทางทิศใด ถ้ายกทัพ
๒ วันนัน้ กต็ ้องเดินไปในทิศทางเดยี วกันกับทห่ี างของนาคหนั ไป จึงจะเกดิ สริ ิมงคล
หสั ดินอภุ ยั ช้างทง้ั คู่ คือ เจา้ พระยาไชยานภุ าพ และเจา้ พระยาปราบไตรจักร
๓ ดา้ วศกึ สสู้ องสาร ช้างทัง้ สองเขา้ ไปสู้ในแดนของขา้ ศึก
๔ ราญศึกส้สู องไท้ สองพระองคส์ กู้ บั ข้าศกึ
102
นกั เรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT
ขอ ใดใชภาพพจนก ารเคลือ่ นไหว
1 อนิ ทนลิ แกวสนี ้ําเงิน ในความวา “คือระเบียบรัตนอนิ ทนลิ ดาดไว” 1. เสด็จยา งเหยียบหลังสาร
หมายความวา ดูดั่งเอาแกว อินทนิลมาเรียงดาดไว 2. อลงกตแกวแกมกาญจน
2 นกั ษัตร ในที่นี้ คือ ฤกษ เปน ฤกษบ อกความสวัสดแี ละเดชะ นบั วา เปน โชค 3. เครอื่ งพดุ ตานตกแตง
อํานวยผลอนั ดงี าม 4. รเู ชิงพชิ ัยชาญ
3 เคลอื่ นพลตามเกลด็ นาค เปน การเคลอื่ นทพั ตามตาํ ราพชิ ยั สงครามซงึ่ บอกไวว า วิเคราะหค ําตอบ ขอทแ่ี สดงใหเห็นภาพพจนการเคลอ่ื นไหว คือ
วันใดหวั นาคจะหนั ไปทางทศิ ใด ในการยกกองทพั นัน้ จะตอ งเดินทัพไปทางทิศเดียว ขอ 1. เสด็จยา งเหยยี บหลังสาร ซึง่ เปนการเคล่อื นไหวที่กําลังจะ
กบั ทศิ ทางทีห่ ัวนาคหนั ไปจงึ จะเปน สิริมงคลแกกองทพั ทรงชา ง เพ่ือเตรียมออกศึก ขอ 2. และขอ 3. เปน นามวลี กลา วถึง
4 ถับ พลนั ทันใด เครอื่ งประดบั ตกแตงทพั การจัดกองทัพ ซ่งึ ในตาํ ราพชิ ยั สงคราม
5 คํารน คาํ ราม กระหึม ระบุชดั เจนวา กระบวนพยุหยาตราทัพตอ งประกอบดวยรวิ้ ขบวน
6 ระเมยี ร มองดู เหน็ ขนาบขนานของเหลาทหารตามลาํ ดับ ขอ 4. รูเ ชิงพิชัยชาญ
กไ็ มไดแ สดงใหเหน็ ความเคลือ่ นไหวของสง่ิ ใด ตอบขอ 1.
102 คูม่ อื ครู
กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
โชยงการ 1 อธบิ ายความรู้
กฉชม้นัลา2สน ์ 3แลนา
๏๒๙๑ ภูวไนยผายโอษฐอ์ ้นื นักเรียนรว มกันตอบคาํ ถามตอ ไปน้ี
สดบั ถ้อยตแู ถลง • สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทรงประกาศกับ
แกเ่ ทพทุกถน่ิ สถาน มาอุบตั ิ
โสฬสพรหมพิมาน สบื เชื้อ เทวดาบนสวรรคท้ัง 6 ชัน้ อยา งไร
เชญิ ช่วยชุมโสตซัน้ ตรเั ยศ ยืนนา (แนวตอบ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรง
๏๒๙๒ ซึ่งแสร้งรังสฤษฏ์ให้ ก่อสรา้ งแสวงผล ประกาศกับเทวดาท้ังหลายบนสวรรคทั้ง 6
นภา ดลฤๅ ช้นั และชั้นพรหมโลก 16 ชนั้ ทรงเอย วาจา
ในประยูรเศวตฉัตร มืดม้วย วา พระองคเปน กษัตรยิ ค รองราชสมบัตกิ ็
หวังผดุงบวรรตั น- ทวยเศกิ สมรแฮ ดวยหวังวาใหท ํานุบาํ รงุ พระศาสนา เหตุใด
ท�านกุ พระศาสนเ์ กื้อ ด่ังนีแ้ หนงฉงาย เทวดาจงึ ไมบ นั ดาลใหท อ งฟาสวา งเปด ทาง
โอษฐ์พระ ใหม องเหน็ ขา ศกึ ไดช ดั เจน เมอ่ื ตรสั จบกเ็ กดิ
ใสส๒๏ร๙๓ว า่ กงธลุมใดา ไ4 ป่ชว่ ย แผว้ ต่นื ฟา้ พายใุ หญ พดั หอบเอาฝุน และควนั หายไป
มลักเล็งเหลา่ พาธา พานพดั หาวแฮ ทองฟา ก็กลับมาสวา งดังเดมิ ทาํ ใหท อด
เห็นตระหนกั เนตรด้วย จรัสด้าวแดนสมร พระเนตรเหน็ สนามรบและฝา ยขา ศึก ทรง
ธ�ารง สารแฮ เห็นพระมหาอปุ ราชาทก่ี าํ ลังประทับยนื ใตต น
ดาล๒๏๙ม5๔ หาพวอาวตาะย วรว า กยอ์ า้ ง เทรดิ เกล้า ขอ ย มที หารลอ มรอบ และเครอ่ื งสงู ครบครนั )
ทรหึงทรหวลพะ- อปุ ราช แลฤๅ • สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงสังเกตอะไร
หอบธมุ างคจ์ างจา้ แตต่ ัง้ ตาแสวง จึงทราบวา ใครเปน พระมหาอปุ ราชา
๏๒๙๕ ภูธรเมลิ อมติ รไท้ ทฤษฎี แลนา (แนวตอบ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรง
หนง่ึ ไสร้ ทอดพระเนตรทช่ี างทรงของศัตรูทม่ี ีการ
บคร่ จบวสนิบ หบก่ จฉวตั บรอ6ทงรคง์ เรยี งคัง่ ขูเฮย ประดับตกแตงอยา งชา งทรงของกษตั ริย)
ข่อยชี้เฌอนาม
พลางเร่งขบั คชเต้า คะเนนึก อย่นู า
๏๒๙๖ โดยแขวงขวาทศิ ทา้ ว นกั โนน้
แลหลาก หลายแฮ
เบถัดล งิธฉ เัตหรน็ จขัตนุรุ พกริร ียี ์ 7 เพ่งเพย้ี นพิศวง
หนแห่งฉายาไม้
๏๒๙๗ ป่ินสยามยลแท้ท่าน
ถวลิ วา่ ขุนศึกส�า-
ทวยทพั เทยี บพนั ลกึ
ครบเคร่อื งอุปโภคโพน้
103
ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นักเรยี นควรรู
“ภูธรเมิลอมติ รไท ธํารง สารแฮ” และ
“ครบเคร่อื งอุปโภคโพน เพง เพี้ยนพิศวง” 1 โชยงการ คาํ พูดของพระราชา ซง่ึ ในทน่ี คี้ อื สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
คาํ ประพันธขา งตนเปน ตอนท่ีสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรง เปน คําทต่ี ัดมาจากคาํ วา “ราโชยงการ”
ทราบวา ผใู ดเปนพระมหาอปุ ราชา ซึ่งแสดงใหเห็นพระปรีชาสามารถ 2 ฉช้ัน ฉ แปลวา หก ฉช้ัน จงึ หมายถึง หกช้นั ฟา ไดแ ก สวรรคห กชัน้ คือ จาตุ
อยา งไร มหาราชกิ า ดาวดึงส ยามะ ดุสิต นิมมานรดี ปรนิมมติ วสวัตดี
3 กมลาสน มาจาก กมล+อาสน แปลวา ผมู ีดอกบัวเปน ทนี่ ่ัง ซึง่ หมายถึง
แนวตอบ จากคาํ ประพนั ธข า งตน แสดงใหเ หน็ วา สมเดจ็ พระนเรศวร พระพรหม
มหาราชทรงมคี วามชางสงั เกต แยกแยะ พจิ ารณาความแตกตา ง 4 ธุมา ควนั ในความวา “ใสสรสวา งธมุ า มืดมว ย” หมายถึง ควนั มดื ใหหมดไป
ของชางทรงและส่ิงแวดลอมรอบขาง เมือ่ สังเกตเคร่ืองทรงที่มี 5 ดาล มาจาก บันดาล หมายถงึ เกดิ ลมพัดครนื้ ครัน่ ในทอ งฟา
เครือ่ งราชูปโภค หรอื เครอื่ งสูงทีม่ อี ยรู อบๆ จงึ แนพ ระทัยวา เปน 6 บ จวน บ จวบ ไมใกลแ ละไมพบ
พระมหาอปุ ราชา แสดงใหเหน็ วา พระองคทรงมีประสบการณ 7 จัตุรพริ ีย พลสเี่ หลา ไดแ ก พลเดนิ เทา พลชา ง พลมา และพลรถ
และความเช่ยี วชาญในการรบ
ค่มู อื ครู 103
กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู้
นักเรยี นกลุมท่ี 5 นําเสนอประเด็นคาํ ถามจาก โคลง ๒
ตอน 10 ยทุ ธหตั ถี และชยั ชนะของไทย ดงั นี้ ๏๒๙๘
สองสรุ ิยพงศ๑์ ผา่ นหล้า ขบั คเชนทรบ์ ่ายหน้า
• สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงมีวิธีการ แขกเจา้ จอมตะเลง แลนา พกั ตร์ท่านผอ่ งฤๅเศรา้
เอาชนะในสถานการณท ่ีตกเปน ฝา ยเสยี ๏๒๙๙ ไป่เกรงประภาพเท่าเผ้า โซรมปืนไฟไปต่ อ้ ง
เปรียบอยางไร
(แนวตอบ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงใช สูเ่ ส้ยี นไป่หน ี หนา้ นา
วาทศิลปใ นการเชญิ ชวนใหพ ระมหาอปุ ราชา ๏๓๐๐ ไพรีเรง่ สาดซอ้ ง
มาทํายุทธหัตถี ดังบทประพนั ธตอ ไปน้ี
“พระพ่พี ระผผู า น ภพอตุ - ดมเอย ต่ืนเตา้ แตกฉาน ผ้านนา
ไปช อบเชษฐยนื หยุด รมไม
เชิญราชรวมคชยุทธ เผยอเกียรติ ไวแฮ ตอน ๑๐
สบื กวาสองเราไสร สดุ ส้ินม”ี ยทุ ธหัตถี และชยั ชนะของไทย
สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชตรัสดวยนํา้ เสียง
ไพเราะ สุภาพวาพระพผ่ี ูค รองราชสมบัตทิ ี่ โคลง ๔
อุดมสมบรู ณ ทาํ ไมพ่ีผยู ่ิงใหญจ งึ มายนื รออยู ๏๓๐๑
ใตต นไม เชญิ มาทําศึกยทุ ธหตั ถใี หเปน เกยี รติ นฤบาลบพิตรเผา้ ภวู นา ยกแฮ
แกเราทัง้ สอง ใหเปน ที่เลอื่ งลอื สบื ตอไปหลงั ผายสหิ นาทกถา ท่านพรอ้ ง
จากนี้) ไพเราะราชสุภา- ษขุน่ิตแสค่ือน้ สคา�ารไนข1า
เสนอ บ่ มขี ้อขอ้ ง ยแา่หนลแ่งตกะลเว้ ล2ง โลกฤๅ
๏๓๐๒ อ้าไทภธู เรศหล้า
เผยพระยศยนิ เยง
สิบทิศท่ัวลือละเวง หว่นั เดช ท่านนา
ไป่เรมิ่ รอฤทธ์ิแผว้ เผือดกล้าแกลนหนี
๏๓๐๓ พระพพ่ี ระผูผ้ ่าน ภพอุต- ดมเอย
รม่ ไม้
ไปช่ อบเชษฐย์ นื หยดุ
เชิญราชรว่ มคชยทุ ธ ์ เผยอเกียรต ิ ไวแ้ ฮ
สบื กวา่ สองเราไสร้ สดุ สน้ิ ฤๅมี
๏๓๐๔ หัสดีรณเรศอา้ ง อวสาน นนี้ า
นับอนาคตกาล หอ่ นพ้อง
ขัตตยิ ายทุ ธ์บรรหาร คชค่ ู กนั แฮ
คงแตเ่ ผือพ่นี ้อง ตราบฟ้าดนิ กษยั
๑ สองสรุ ยิ พงศ์ สมเด็จพระนเรศวรกบั สมเดจ็ พระเอกาทศรถ
104
เกร็ดแนะครู ขอ สอบ O-NET
ขอสอบป ’51 ออกเกีย่ วกบั บุคลกิ ภาพของผพู ูดจากคําประพันธ
ครชู ใ้ี หน กั เรยี นเหน็ คณุ สมบตั ขิ องสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช เรอื่ งการเปน คน จากคําประพันธตอไปนี้ ขอใดไมอ าจอนมุ านไดว าเปน บุคลิกภาพ
ชา งสงั เกตและมีไหวพรบิ ทรงเปนพระมหากษัตริยท่มี ีพระปรชี าสามารถทางดาน ของผพู ูด
การรบมีความกลา หาญ สติปญญา และมไี หวพริบเปนเลศิ ดวยเหตนุ ที้ ําใหพ ระองค “พระพพี่ ระผูผา น ภพอุต- ดมเอย
ทรงสามารถแกไ ขสถานการณอ ันคับขนั ในชวงทต่ี กอยูใ นวงลอมของพมาได ครู ไปช อบเชษฐย นื หยดุ รมไม
ใหน ักเรียนรวมกนั อธบิ ายถึงคณุ สมบตั ิขอนีว้ า มีสว นชวยใหส มเด็จพระนเรศวร เชญิ ราชรวมคชยุทธ เผยอเกียรติ ไวแฮ
มหาราช ทรงแกไขสถานการณใ นเรือ่ งไดอ ยา งไร จากน้นั ใหนักเรยี นรวบรวม สบื กวา สองเราไสร สดุ สน้ิ ฤๅมี”
คุณสมบัตขิ อ อน่ื ๆ ของบุคคลในเรอื่ งที่สง ผลตอ การดาํ เนนิ เรือ่ ง 1. กลาหาญ 2. เจา โวหาร
3. สภุ าพ 4. ถอ มตน
นกั เรยี นควรรู วเิ คราะหค ําตอบ จากบทประพันธข า งตนอนมุ านไดว า ผูพ ดู
กลาหาญ เพราะเชื้อเชญิ ใหมกี ารทํายุทธหัตถี เปนเจาโวหารในการ
1 บ มีขอของ ขนุ แคนคาํ ไข ไมใ หมีขอ ขัดเคอื งในถอยคาํ ท่กี ลาวเลย โนม นา วใหอ กี ฝา ยรบั คาํ เชญิ ถา ไมอ ยากถกู กลา วหาวา เปน คนขขี้ ลาด
2 ยา นแกลว ความในบาทนวี้ า พระยศแผไ ป ใครไดย นิ กค็ รน่ั ครา มถงึ ความเกรงกลา และเปนผูท มี่ ีความสุภาพ จากที่ใชค ําวา “พระพ่”ี แตไ มอ าจอนุมาน
ไดวาผูพดู ถอมตน เพราะไมไ ดกลา วถงึ ความดอ ยกวาของตนแต
104 คู่มือครู อยา งใด ตอบขอ 4.
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
105 อธบิ ายความรู้
๏๓๐๕ ไว้เป็นมหรสพซ้อง สุขศาน1ต์ิ นกั เรียนรว มกนั ตอบคาํ ถามเกยี่ วกบั วรรณศิลป
ดังตอ ไปนี้
สา� หรบั ราชสา� ราญ เร่ิมรัง้
บ�าเทิงหฤทยั บาน ประดยิ ทุ ธ์ น้นั นา • กวใี ชโวหารภาพพจนในการพรรณนา
เสนอเนตรมนษุ ย์ต้ัง แต่หล้าเลอสรวง ฉากตอสูอ ยางไร
๏๓๐๖ ปวงไท้เทเวศท้ัง พรหมาน (แนวตอบ กวมี ีความสามารถในการใชโวหาร
ภาพพจนท ําใหเ นือ้ เรือ่ งเดนชดั ขึน้ ดงั โคลง
ชเชมญิ ชปนื่ รคะชชรมุ �าใบนาสญถ2 า น ทนี่ ี้ บทที่ 311
ตูต่อ กนั แฮ “งามสองสุรยิ ราชล้ํา เลอพศิ นาพอ
ใครเชย่ี วใครชาญช ี้ ชเยศอ้างอวยเฉลิม พา งพัชรินทรไพจติ ร ศกึ สรา ง
๏๓๐๗ หวงั เริ่มคุณเกยี รติก้อง กลางรงค์ ฤๅรามเรมิ่ รณฤทธิ์ รบราพณ แล
ทกุ เทศทุกทิศอาง อ่นื ไทไ ปเทยี ม”
ยืนพระยศอยูค่ ง คูห่ ล้า จากโคลงขา งตน กวีไดเปรียบสองกษัตรยิ
สงครามกษัตรยิ ์ทรง ภพแผน่ สองฤๅ ผูย ่งิ ใหญว า งามเลศิ ลํา้ ย่งิ นกั ประหนง่ึ
สองราชรอนฤทธิ์ร้า เรอ่ื งรู้สรเสรญิ พระอินทรกบั ทา วไพจติ ราสรู ทําสงครามกนั
๏๓๐๘ ดา� เนินพจนพากยพ์ ร้อง พรรณนา หรอื ไมก็เหมอื นสงครามระหวา งพระรามกบั
ทศกณั ฐ ซึ่งไมม ีกษัตรยิ ใ ดจะเทียบเทียมได)
องค์อัครอปุ ราชา ท่านแจง้
กอบเกดิ ขัตติยมา- นะนึก หาญเฮย • จากโคลงบทที่ 305 กลาวถงึ การทํา
ขบั คชเข้ายุทธ์แย้ง ด่วนดว้ ยโดยถวิล ยุทธหัตถอี ยางไร
๏๓๐๙ หัสดินปิ่นธเรศไท ้ โททรง (แนวตอบ กลา ววาการทํายุทธหัตถีเปนการ
ละเลนท่รี ืน่ เรงิ มาต้งั แตโบราณ เปน ความ
คอื สมทิ ธมิ าตงค๑์ หน่ึงอ้าง บันเทงิ ใจท่ีจะสูก นั ตอสายตาหมคู นทั้งหลาย
หน่ึงคอื คริ ิเมขล์๒มง- คลอาสน์ มารเอย ในแผน ดนิ จะเหน็ ไดว า กวีกลาวในลกั ษณะ
เศียรส่ายหงายงาควา้ ง ไเบชขา� ดิวรแ่ด3ู คา�้ 4ว้งแทงโถม เชญิ ชวนใหเ ห็นวา การสกู ันเปนเรื่องปกติ
๏๓๑๐ สองโจมสองจจู่ ้วง ธรรมดาของกษัตรยิ )
สองขตั ติยสองขอชู
กระลงึ กระลอกด ู ไวว่อง นักนา
ควาญขบั คชแขง่ ค้า� เขน่ เขย้ี วในสนาม
๏๓๑๑ งามส5องสุรยิ ราชลา้� เลอพศิ นาพ่อ
ศกึ สร้าง๓
พ่างพชั รินทรไพจิตร
ฤๅรามเร่มิ รณฤทธิ์ รบราพณ ์ แลฤๅ๔
ทกุ เทศทุกทศิ อา้ ง อน่ื ไทไ้ ปเ่ ทียม
๑ สมิทธิมาตงค์ ชา้ งมีฤทธิ์พร้อม คือ ชา้ งพระอนิ ทร์
๒ คิริเมขล์ ชื่อชา้ งทรงของวสวัตตีมาร ทีม่ าผจญพระพทุ ธเจา้ ณ โพธบิ ัลลังก์
๓ พ่างพชั รินทรไพจิตร ศึกสร้าง เปรยี บเสมือนศึกระหว่างพระอินทร์กบั ทา้ วไพจิตราสูร
๔ ฤๅรามเร่มิ รณฤทธ์ิ รบราพณ์ แลฤๅ หรอื เหมือนพระรามเร่ิมรบกบั ทศกัณฐ์
ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT นักเรียนควรรู
“หสั ดีรณเรศอา ง อวสาน นน้ี า 1 รง้ั รัง ตงั้ เริ่มรงั้ จึงหมายความวา เรมิ่ ตัง้ แตตน มา ความในโคลงบทน้กี ลาวถงึ
นับอนาคตกาล หอ นพอ ง” การชนชางวา มไี วเปน มหรสพเพื่อความสนกุ สนาน เพลดิ เพลนิ เปนเครื่องพระสาํ ราญ
ขอ ใดสอดคลองกับคําประพนั ธท ี่ยกมา พระทยั ของกษตั รยิ นกั รบตัง้ แตต นมา โดยเปนการกลาวทเี่ ห็นวาการรบเปน กฬี าท่ี
1. การรบโดยใชอาวุธดา มยาว สนกุ สนาน ทาทาย
2. การทําพิธพี ลีกรรม 2 คชราํ บาญ การรบกนั ดว ยชา ง ซงึ่ คอื การชนชา ง
3. การทําพิธีอศั วเมธ
4. การทาํ ยทุ ธหตั ถี
3 บาํ รู ประงากนั หมายถงึ ชา งเอางาตอ งาเขา ปะทะกนั
วิเคราะหคาํ ตอบ “หัสดี” แปลวา ชาง “รณเรศ” แปลวา รบ
“หสั ดรี ณเรศ” จงึ หมายความวา รบดว ยชาง ขอทม่ี คี วามหมายวา 4 เชดิ ดาํ้ ลกั ษณะการชดู า มของา ว
รบดว ยชาง คอื ขอ 4. การทํายทุ ธหัตถี เพราะคาํ วา “หัตถ”ี เปน
5 พชั รนิ ทร พระอินทรผ ทู มี่ วี ัชระหรือสายฟา เปนอาวธุ ในบาททีว่ า “พางพชั รนิ ทร
คาํ บาลีมคี วามหมายอยา งเดยี วกันกับคาํ วา “หสั ดี” ตอบขอ 4. ไพจิตร ศึกสรา ง” หมายถึง การรบกันระหวา งสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชกับ
พระมหาอปุ ราชานด้ี งั่ พระอนิ ทรก บั ทา วไพจติ ราสรู หรอื ทา วเวปจติ ราสรู ทาํ ศกึ กนั โดย
ทา วไพจิตราสรู นั้นมักยกทัพมารบกับพระอนิ ทร เพื่อชงิ สวรรคช นั้ ดาวดึงสค ืน
เนือ่ งจากถกู พระอินทรแยงชงิ ไป
คู่มอื ครู 105
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู้
ครสู มุ นักเรียน 2 - 3 คน ออกมาอธบิ ายกลวธิ ี ๏๓๑๒ ขนุ เสียมสามรรถต้าน ขุนตะเลง
การบรรยายฉากยทุ ธหัตถีระหวา งสมเดจ็ หย่อนหา้ ว
พระนเรศวรมหาราชกบั พระมหาอปุ ราชา ขนุ ต่อขนุ ไป่เยง องั กุศ ไกวแฮ
ยอหัตถเ์ ทิดลบองเลบง ท่านสู้ศึกสาร
• การกระทาํ ยทุ ธหตั ถรี ะหวา งสมเดจ็ พระนเรศวร งาม๓๏เ๑ร๓ ง่ งคาชมยโทานทขา้ ัตว ติเ ยศเบ้อื ง ออกถวัลย์
มหาราชกบั พระมหาอปุ ราชาประกอบดว ย โถมปะทะไปท่ ัน เหยียบยง้ั
เหตกุ ารณใ ดบาง อยา งไร สารทรงราชรามัญ ลงลา่ ง แลนา
(แนวตอบ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชสามารถ เสย๓๏ส๑1๔า่ ยดทา� า้ เยนทินนั หตนท์ นุ ้งั ถ นัดได ้ คูค่ �้าคางเขิน
ตานพระมหาอุปราชาได ท้งั สองพระองคสกู นั เชงิ ชดิ
อยา งมไิ ดเกรงกลัวและไมม ีฝา ยใดยอมลดละ หน่อนเรนทรทิศ ตกดา้ ว
ทรงกวัดแกวง พระแสงของา วอยางคลองแคลว เสดจ็ แสดงวราฤทธ์ ิ ร�าร่อน ขอแฮ
สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทรงตา นทาน ฟอ๓น๏๑ฟ๕ าเดบแ้อื สงงนขัน้ อนงา้ฤวน าถผ้ ู อยู่เพี้ยงจกั รผัน
การรกุ ของพระมหาอปุ ราชาไวไ ด ดงั วา เบ่ยี งพระมาลาผิน สยามนิ ทร์
“เพราะพระหัตถห ากปอง ปดดวยขอทรง” ศสั ตราวธุ อรนิ ทร ์ ห่อนพอ้ ง
ขณะเดยี วกนั ชา งทรงของสมเด็จพระนเรศวร เพร๓๏า๑๖ะ พบรัดะหมงัตคถล์หพา่ากหปไ์อ้ ทง้ ฤๅถกู องคเ์ อย
มหาราชก็เอ้ียวหวั หลบ และชางทรงของทงั้ แวง้ เหวยี่ งเบี่ยง๑เศียรสะบดั ปดั ดว้ ยขอทรง
สองพระองคก ็งัดสกู ัน ตา งกเ็ งยหงายใหตอ ง อกุ คลกุ พลกุ เงยงัด ทวารัติ
ถอย ทําใหช า งทรงของพระมหาอปุ ราชาเสยี เบน๓๏๑บ๗ ่ายพหลงอายยพแหล�า้งนเพใหลยี ้ ก3ถ้าทา่ น ตกใต้
จงั หวะเพล่ยี งพลํา้ พระนเรศวรมหาราชจึง บถพนัดร๓ะัดร๏๑เาพ๘ด ชรชฟะอพาอรุ รดาังะ6รแสแาสา5สนขงดพร้อา้งนลดว- แ ล 4ย ก
ทรงฟาดพระแสงพลพาย ซึ่งเปนพระแสง คอคช เศกิ แฮ2
ของา วประจําพระองคฟาดลงบนพระอังสา
ดานขวาของพระมหาอปุ ราชา ทาํ ใหพระมหา ทว่ งท้อทถี อย๒
อปุ ราชาสิ้นพระชนมลงบนคอชา ง) ในรณ
พ่าย๓ฟอ้ น
เอนพระองคล์ งทบ เผดจ็ ค ู่ เข็ญแฮ
เหนอื คอคชซอนซบ ขาดด้าวโดยขวา
วายชวิ าตม์สุดสิน้ ยลสยบ
ทา่ วด้นิ
สสังู่ฟเา้วเชสวย7สวรรค์
๑ เบี่ยง ตามฉบบั สมุดไทย ๒ ฉบับ แตอ่ กี ฉบบั หน่งึ กบั สมดุ พิมพท์ งั้ ๓ ฉบับ ไมม่ ีคา� วา่ “เบยี่ ง” ซง่ึ จะไพเราะกว่าถา้ มคี �าน้ี
๒ ทว่ งทอ้ ทีถอย เสยี ทา่ ตอ้ งถอย
๓ แสงพลพา่ ย อ่านว่า แสง - พน - ละ - พ่าย ช่ือพระแสงของ้าวของสมเดจ็ พระนเรศวร ในปัจจุบนั จะเขียนว่า แสนพลพา่ ย
106
นกั เรียนควรรู ขอ สอบ O-NET
ขอสอบป ’52 ออกเกีย่ วกับคาํ ไวพจน
1 หนอ ลกู ดังนน้ั บาททีก่ ลา ววา “หนอนเรนทรทศิ ตกดาว” คอื โอรสของ ขอ ใดไมได กลาวถงึ “ชาง”
กษัตริยท ่ีเปนประเทศทางทิศตะวันตก ซึ่งกค็ อื พระมหาอปุ ราชา 1. งามเรง งามโททา ว ทานสูศ กึ สาร
2 ทวงทอ ทีถอย เปนการใชค าํ ท่มี ีวรรณยุกตเอกโทตรงกบั คาํ ประพนั ธ 2. สารทรงราชรามัญ ลงลาง แลนา
ซึง่ ปกตเิ ปน “ทว งทที อถอย” คอื มีทวงทตี อ งทอ ถอย หรอื เสียทา ทําใหต อ งถอย 3. ไพเราะราชสุภา ษิตส่อื สารนา
3 เพลยี ก ในท่ีนี้มคี วามหมายวา พลาด 4. ตรึงอกพกตกขว้าํ อยูเบอ้ื งบนสาร
4 ดล ถึง ในความวา “พระเดชพระแสดงดล เผดจ็ คู เขญ็ แฮ” หมายความวา ถงึ วเิ คราะหคาํ ตอบ ขอ 1. กลาวถึงการสูศกึ ชาง คอื การทํา
ตัดคลู ําบาก คือ ถึงที่สุดในการเอาชนะคูตอ สู ยุทธหตั ถีระหวางสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชกบั พระมหาอปุ ราชา
5 ขอ น เปน คาํ โทโทษ ปกตใิ ชว า “คอ น” ซงึ่ มคี วามหมายวา มากกวา ครง่ึ เกอื บเตม็ เชนเดยี วกบั ขอ 2. กลา วถึงชางทรงของพระมหาอปุ ราชา ขอ 4.
6 อรุ า อก รากศัพทมาจากภาษาบาลีสันสกฤต คาํ วา อรุ ส มคี วามวา สน้ิ บนหลังชา ง ดังน้ัน ขอ ทไ่ี มไ ดกลาวถงึ ชา ง คอื
7 เสวย ครอง อาทิ เสวยราชย รากศัพทม าจากภาษาเขมรคําวา โสฺวย “ไพเราะราชสภุ า ษติ ส่อื สารนา” เพราะ “สาร” ในท่ีนหี้ มายถึง
ขอ ความหรอื ถอ ยคํา ตอบขอ 3.
106 ค่มู ือครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
ไทยไผท อธบิ ายความรู้
ชีพมลา้ ง
๏๓๑๙ บนั้ ทา้ ยคชาธเรศ1ทา้ ว รีราช แลนา นกั เรียนอธบิ ายความรูทางดา นวรรณศิลปของ
ตอกตอ้ งตนสลาย บทประพนั ธ
ถงึ พิราลัยลาญ นฤบาล • นกั เรยี นพจิ ารณาโคลงส่ีสุภาพในวรรณคดี
เพราะเพอื่ พพิ ธิ ไพ- 2 ยาตรเต้า เรือ่ งลิลติ ตะเลงพา ยวามีความโดดเดน
โซร๓๏ม๒๐ส าฝด่าตยรอางดคปอ์ ืนศิ ขววร้านงา ถนอ้ ง ฤทธร์ิ าช แลฤๅ อยางไร
เขน่ คา�้ บา� รู (แนวตอบ ลกั ษณะโคลงสส่ี ภุ าพของ
แสดงยศค3ชยุทธยาน เชงิ ชน สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระปรมานชุ ิต
เทิดใต้ ชิโนรสมีลกั ษณะโดดเดน คอื เลน เสยี งสัมผัส
มางจาชโรราญ เซซวด ไปแฮ
เรว็ ๓เ๏ร๒๑่ง คบเชัดนภทธู รเรเขศ้าพ า่ ห์ได ้ เพลี่ยงพล้งั เสียที
ของอน พยญั ชนะขามวรรค คือ สมั ผสั คําระหวาง
บ่ันเกลา้ คําสุดทายของวรรคหนากบั คําแรกหรอื คาํ
ลงลา่ งงา้ งโททนต ์ เมือชพี แลเฮย ทส่ี องของวรรคหลงั ในบาทเดียวกนั ดังบท
พัชเนียง๑เบีย่ งเบนตน พน่ี ้องสองไท
หวั ๓ป๏๒่นั ๒ หภนั มูขมีา้ งอื ใงหา่ ้ ง้า ว จุลจกั ร๒ ประพนั ธ
ท่าวซ�า้ “ฝา ยองคอศิ วรนาถนอง นฤบาล
ปนื ปา่ ย เอาเอย แสดงยศคชยทุ ธยาน ยาตรเตา
ฟนั ฟาดขาดคอบร อยู่เบื้องบนสาร มางจาชโรราญ ฤทธิ์ราช แล
อินทรยี ์ซบกญุ ชร เดโช
เผย๓๏พ๒๓ ระทเกนั ียใรดตกิผล่าานงคเผชา้ เ จ้า ทา่ นทา้ ว๔ เร็วเรง คเชนทรเขา เขน คํา้ บําร”ู )
ผา่ นแผ ่ ภพนา
มลายชพิ ิตลาญทกั ศกึ สเู้ สยี สอง๕
เหลือหลามเหล่าปรปักษ ์
ตรงึ๓๏อ๒๔ก พพกรตะกร๓าขญวอ้�าร ริ าชดว้ ย
สีท่ าสสนองบาทโท
พระยศยิ่งภิยโย
สองรอดโดยเสดจ็ ด้าว
๑ พัชเนียง ชื่อช้างของมางจาชโร
๒ เจ้าจุลจักร จกั รพรรดิองค์เลก็ คอื สมเดจ็ พระเอกาทศรถ
๓ ตก ตามฉบบั สมุดไทยฉบับหนง่ึ กบั สมดุ พิมพ์ แตส่ มดุ ไทยอกี ๒ ฉบบั คา� วา่ “ตก” เปน็ “ตน”
๔ สท่ี าสสนองบาทโท ท่านท้าว ผคู้ อยรบั ใช ้ ๔ คน ที่โดยเสดจ็ สมเดจ็ พระนเรศวร และสมเด็จพระเอกาทศรถ หมายถึงกลางช้าง ๒ คน
๕ และควาญ ๒ คน ศึกส้เู สียสอง ผู้ตามเสด็จใกลช้ ดิ ในการศกึ ครง้ั น ้ี รอดชีวติ ๒ คน ตาย ๒ คน
สองรอดโดยเสดจ็ ด้าว
107
“พระราญอรริ าชดวย เดโช ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู
ส่ที าสสนองบาทโท ทา นทาว ครแู นะความรูเ ก่ียวกบั วรรณศลิ ปเพิ่มเติม โดยอธิบายเก่ียวกบั ลักษณะการเลน
พระยศย่งิ ภิยโย ผานแผ ภพนา เสยี งสัมผสั ในโคลงสี่สุภาพ ดังน้ี สมั ผัสอักษรระหวา งคาํ สดุ ทา ยของวรรคหนากบั
สองรอดโดยเสด็จดา ว ศึกสูเ สยี สอง” คาํ แรกของวรรคหลังในบาทเดียวกนั เรยี กวา “คาํ นสิ สัย” สว นสัมผัสระหวา งตัว
คาํ ประพนั ธท ีข่ ีดเสน ใตหมายถงึ ใคร สดุ ทายของวรรคหนากับคาํ ทสี่ องของวรรคหลงั ในบาทเดียวกัน เรยี กวา “คาํ นสิ สติ ”
1. จอมกษตั รยิ
2. ทาสเดนิ เทา สคี่ น นกั เรยี นควรรู
3. กลางชางและควาญชาง
4. ชางทรงในการรบของกษตั รยิ 1 บนั้ ทา ยคชาธเรศ ควาญทายพระทน่ี ่งั พระเจา แผนดนิ ในท่ีนี้คอื สมเดจ็ พระ
นเรศวรมหาราช
วิเคราะหค ําตอบ คาํ วา “ทาส” คาํ ประพนั ธ หมายถึง ผคู อยรับ 2 ขวาง หมายถึง ยงิ ในความวา “โซรมสาดตราดปน ขวาง ตอกตองตนสลาย”
ใช ซึ่งมี 4 คน โดยเปนผูทค่ี อยรบั ใชส มเดจ็ พระนเรศวรมหาราช หมายความวา ยิงปน กราดเขา ไปถกู ตัว
และสมเดจ็ พระเอกาทศรถในการทาํ ศึก จึงหมายถึง กลางชา ง 2 3 มางจาชโร เปน ชอ่ื ทหารพมา พเ่ี ล้ียงของพระมหาอุปราชา
คน ควาญชา ง 2 คน ตอบขอ 3. ค่มู อื ครู 107
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
Engage Explain
อธบิ ายความรู้
นักเรยี นกลุมที่ 6 นาํ เสนอเกย่ี วกับเน้อื หา ๓ร๏๒่า๕ ย จึ่งกองพยุหทวยทัพ สรรพหลังหน้าขวาซ้าย ผ้ายมาทันธิบดินทร์ ขณะ
ตอนท่ี 11 สมเด็จพระนเรศวรทรงสรา งสถูปและ อรินทรพินาศ ขาดคอคชสองเสร็จ ต่างรีบระเห็จเข้าโรม โหมหักหาญราญรุก บุกบั่นฟัน
ปูนบําเหน็จทหาร ดงั นี้ แทงฆ่า พม่ามอญไทยใหญ่ ไล่มล้างลาวดาษดวน ไล่มล้างยวนดาษด่ืน ตื่นกันแตกกันตาย
หลายเหลือนับเนืองนอง กองก่ายกายรายหัว ตัวขาแขนเด็ดดาษ กลาดกลางท่งกลางเถ่ือน
• การท่ีสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงสรา ง เกลื่อนกลางดงกลางดอน แล่นซอกซอนซนซุก บุกทุกพายพ่ายแพ้ เพราะพระเดชท่านแท ้
สถูปแสดงถึงอะไร และสือ่ ถงึ เรอ่ื งใดเปน หากใหข้ าดเขญ็ แลนา
สําคญั
(แนวตอบ การสรางสถูปทเี่ ปน ผลมาจากการ โคล๓ง๏๒ ๖๒ เห็นประภาพเจ้าช้าง เชยี่ วกวา่ เชยี่ วเหลอื อา้ ง
สรู บฆา ฟนกนั สรา งไวเ ปน อนุสรณส ถานที่
เปน ทรี่ ูจักและจดจาํ กันในภายภาคหนา )
ขยายความเขา้ ใจ Expand เอิก๓๏อ๒๗ือ้ อขศั วจัญรหรยน ์ ดี ยฝี ิ่งอ่ นพา้น พวกอเรนทร์ดว่ นดน้
1. นักเรียนรว มกันอภปิ รายในประเด็นตอไปน้ี ดดั ดนั้ ทางทวน ไปนา ฯลฯ
• นักเรียนคดิ วา การปนู บาํ เหนจ็ รางวัลใหแก
ทหารทีช่ นะสงครามดังท่สี มเด็จพระนเรศวร โคล๓ง๏๒ ๙๔ นฤบดีดา� รสั ให ้ ขนุ พล
มหาราชทรงทาํ นนั้ สะทอ นคานิยมใดในสงั คม ควบพยุหพหล ไล่มลา้ ง
สมัยน้นั เสรจ็ เสด็จสูต่ า� บล ถ่ินทพั ท่านนา
(แนวตอบ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรง ปนู ชอบกอบชื่อชา้ ง คูค่ ้า� เขน่ เขญ็
ปนู บําเหน็จ พระราชทานยศถาบรรดาศักดิ์ ฯลฯ
เคร่ืองอปุ โภค บรโิ ภค เสอื้ ผา เงนิ ทองแกเ จา
รามราฆพกลางชา งกบั ขนุ ศรคี ชคง ควาญ ตอน ๑๑
ฝา ยนายมหานภุ าพ ควาญชาง หมืน่ ภักดศี วร สมเด็จพระนเรศวรทรงสร้างสถปู และปูนบ�าเหน็จทหาร
กลางชา งไดส นิ้ ชีพในศกึ นก้ี ใ็ หพ ระราชทาน โคล๓ง๏๓ ๒๔ ราชาชเยศอนื้
ความดีความชอบแกบตุ รและภรรยาของทั้ง โองการ
คู ซ่งึ ไดสูจนเอาชนะขาศึกเคียงขา งพระองค รงั สฤษฎพ์ ระสถปู สถาน ท่ีมลา้ ง
สะทอนใหเห็นความเปนผนู าํ ของสมเด็จพระ ขนุ เข็ญครู่ �าบาญ สวมศพ ไวแ้ ฮ
นเรศวรมหาราชวา เมื่อเสร็จการศกึ และไดร บั หนตระพังตรสุ ร้าง สืบหลา้ แหล่งเฉลมิ
ชัยชนะแลวควรมีการสรา งขวญั และกาํ ลังใจ
ใหผ ูใ ตบังคบั บัญชา ดว ยการพระราชทาน ๓ร๏๓า่ ๓ ย เสร็จเร่ิมรณแล้วไสร้ ธ ให้เจ้าเมืองมล่วน ถ้วนทั้งคชหมอควาญ จ�าทูลสาร
ความดี ความชอบ)
เสียรงค์ องค์อุปราชเอารส ขาดคอคชลาญชีพ รีบเร็วยาตรอย่าหึง ไปแจ้งอึงกฤษฎาการ
2. ครสู มุ นกั เรยี น 2 - 3 คน ออกมาสรปุ ความเขา ใจ แดม่ หบิ าลผู้เผา้ เจา้ แผน่ ภพหงสา แล้ว ธ ใหค้ ลาพยุหทัพ กลับคนื ครองครอบเหลา้ เถลงิ อยุธย
หนา ชั้นเรยี น เย็นเกล้า ทว่ั ถ้วนทวยสยาม สิ้นนา
108
เบศรู ณรากษารฐกิจพอเพยี ง ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
“ราชาชเยศอ้นื โองการ
จากเหตกุ ารณการปนู บําเหน็จรางวัลใหแ กทหารของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช รังสฤษฎพระสถูปสถาน ทีม่ ลาง
แสดงใหเห็นถึงการจัดการทรัพยสินของกษัตริยท่ีทรงใชไปในการใดบาง และเพื่อ ขนุ เข็ญครู ําบาญ สวมศพ ไวแฮ
ประโยชนใ นดา นใด จากนัน้ ใหน กั เรียนวางแผนคาใชจ ายของนกั เรยี นในแตล ะเดอื น หนตระพงั ตรุสราง สบื หลาแหลง เฉลมิ ”
โดยทาํ บญั ชรี ายรบั - รายจา ยประกอบใหช ดั เจน เพอ่ื ใหส ามารถปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรม ขอ ใดเปน จดุ ประสงคของบทประพันธข า งตน
การใชจ า ยที่เกนิ ความจําเปน ได 1. เพอื่ แสดงความกตัญู
2. เพอื่ เปนการระลึกถึงความดีของผูต าย
3. เพ่อื เปนการเฉลิมพระเกียรตใิ นวรี กรรม
4. เพ่ือแสดงใหเ ห็นถงึ สิ่งกอ สรา งอนั สวยงาม
วเิ คราะหคาํ ตอบ ขอ ท่เี ปน จดุ ประสงคข องบทประพนั ธขา งตน
คือ สรา งเพื่อเปนการเฉลิมพระเกียรติในวรี กรรม ดงั ความวา
“สืบหลา แหลง เฉลิม” ตอบขอ 3.
108 ค่มู อื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู้
โคล๓ง๏๓ ๔๔ กรุงราม1ฤทธิเ์ ฟ่อื งฟ้า ฟภู พ นกั เรยี นรวมกันพจิ ารณาบทประพนั ธ จากนั้น
ตระบดั บพิตรปรารภ ชอบพน้ รว มกันตอบคําถาม ตอไปนี้
เจา้ รามราฆพ๑ คงค ู่ เสดจ็ นา
ต�าแ๓๏๓ห๕ นง่กกุญลชารงวชร้าพงต่า้นห ์ทา้ ย ตอ่ ด้วยดัสกร “...ปวงมนตรีนายทัพ สรรพทกุ ตนทกุ ตัว
เถลงิ งาน กลวั อเรนทรเ หลือลน พน ยง่ิ พระราชอาชญา
องคอ์ นชุ นฤบาล บัน่ เส้ยี น ไปยาตราพลขนั ธ ทันเสด็จดา วรณรงค มละสาร
ขุนศรีคชคง๒ชาญ ชเยศ ยง่ิ นา ทรงสองเตา เขาทามกลางปจ นึก ถึงสศู กึ มีชเยศ
สคนุณ๓อ๏ข๓ง๖อ บบาส2ตทออยงบผาบตจร�าญยเหอุทรนธริ ็จเ์ าท ชีย้ ดนว้ ย เพอื่ นไทใ้ นรณ เสร็จสรรพ โทษขนุ ทพั ทง้ั มวล ควรประการใด
โดยเสดจ็ ไสร. ..”
ทา่ นให้
ครบเครอ่ื งอุปโภคเสรจ็ ทุกสง่ิ สรรพแฮ • เน้อื ความขางตน กลา วถงึ เร่อื งใด
เงิน๓๏แ๓๗ล ะแทลอว้ งเทผายสพใจชน ้ ารถซ้ัน อกี ทง้ั ทวยเชลย (แนวตอบ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรง
บรรหาร กลา วกับแมท ัพนายกองท่กี ลัวขา ศึกยงิ่ กวา
ยกชอบกอบบ�านาญ ทม่ี ้วย อาญาแผนดินที่ตามเสดจ็ ไมท ัน ทําใหท รง
ตกอยูทา มกลางวงลอมของศตั รู โดยทไ่ี มม ี
ไพรพลตดิ ตาม ควรจะลงโทษขนุ พลนน้ั
อยา งไร)
นายมหานุภาพควาญ กลางคช หนึ่งนา ขยายความเขา้ ใจ Expand
ทหมรพั๓น่ื๏๓ยภ๘ ์สกั ่ิงบดศดัศี รดวสี ลร�าดดรว้�าดย3ร ัส ใ ห้ ศกึ ส้เู สียตน
ปนู ยศ 1. จากเนื้อความขางตน นกั เรียนรว มกนั อภิปราย
ทัว่ ทง้ั ในประเด็นเก่ียวกับลักษณะเดน ทางวรรณศลิ ป
บตุ รทารทา่ นแทนทด ตค่อวาเหมงช้าอเบผา่ เเขฉาลนิม4า ดังนี้
สมทภ่ี กั ดีตง้ั • เนอื้ ความขา งตน มีการใชค ําถามเชงิ วาทศลิ ป
อยา งไร
ร่าย๓๏๓๙ วเา่พอิ่มรบิรา�าเชหรนปิ จ็ ู เยสกรพจ็ ไยซูหรเ้ หธย ยี ใบหเเ้ ขชตญิ พปรระะอเวัยศกชา6ารนศเกึ ว5 ียปงชรกึัย ษพาโรทะษบขาทุนไททพั ธส รทร้งั พสทองง้ั (แนวตอบ เมอื่ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ทรงถามวาจะใหม ีการลงโทษขุนพลทตี่ าม
มวลหมู่มาตย์ เสดจ็ ไมทันอยางไร ทรงไมไ ดคาดหวงั
ปองพระศาสน์อ�ารุง ผดุงชุมชีทวิชาติ ทั่วทวยราษฎร์ประชา ไป่ระอาออกท้อ ข้อล�าเค็ญ คําตอบ แตท รงแสดงใหเ หน็ วาขนุ พลนัน้
พระองค์ ทรงพระอุตสาหภาพ เสด็จปราบราชอรี ปวงมนตรีนายทัพ สรรพทุกตนทุกตัว มีความผิด ในความเหน็ ของพระองคสมควร
กลวั อเรนทร์เหลอื ล้น พน้ ยิง่ พระราชอาชญา ไปย่ าตราพลขันธ์ ทันเสด็จดา้ วรณรงค ์ มละสาร ทจ่ี ะถกู ลงโทษอยา งยิ่ง)
ทรงสองเต้า๓ เข้าท่ามกลางปัจนึก ถึงสู้ศึกหัสดี มีชเยศเสร็จสรรพ โทษขุนทัพท้ังมวล
ควรประการใดไสร้ โดยระบอบแบบไว ้ แตเ่ บื้องโบราณ รตี นา 2. ครูสมุ นกั เรยี น 2 - 3 คน ออกมาสรุปเนอ้ื หา
ฯลฯ หนา ชั้นเรยี น
๑
๒ เจา้ รามราฆพ ตา� แหนง่ กลางช้างทรงของสมเดจ็ พระนเรศวร 109
๓ ขุนศรีคชคง ตา� แหน่งท้ายช้างทรงของสมเดจ็ พระเอกาทศรถ
มละสารทรงสองเตา้ ปลอ่ ยใหท้ ้ังสองพระองค์เสดจ็ โดยลา� พังกบั ชา้ งพระท่นี ง่ั
ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นักเรยี นควรรู
คาํ ประพนั ธในขอใดไมส อ่ื ความ วา กําลงั พูด
1. บัดดลดํารัสให ปนู ยศ 1 กรงุ ราม หรือเมอื งพระราม หมายถงึ พระนครศรอี ยธุ ยา ซง่ึ มีชือ่ พองกับ
2. คุณขอบตอบบําเหนจ็ ทา นให เมืองอโยธยาของพระรามในเรือ่ งรามเกียรติ์
3. แลว เผยพจนารถซ้นั บรรหาร 2 คุณขอบ ขอบคณุ ขอบใจ สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทรงพระราชทาน
4. ตระบัดบพติ รปรารภ ชอบพน บําเหน็จตอบแทนผูท่มี ีความดีความชอบดวยความขอบใจ
3 สํารด ผา คาดเอวปกดว ยดน้ิ เงนิ แลง ทองแลง เปน ลวดลายตา งๆ แบบ
วเิ คราะหคําตอบ คําประพันธท ่สี อ่ื ความวา กําลังพดู มดี งั น้ี โบราณใชเปน เครือ่ งประกอบอยา งหนึง่ ที่แสดงศกั ด์ิ หรือหมายถงึ ผา แฝง
ขอ 1. “บัดดลดํารสั ” หมายความวา พดู ขนึ้ มาทันใด ขอ 3. 4 เผาเฉลิม การสงเสริมใหต ระกูลเจริญรงุ เรืองตอไป
“เผยพจนารถ” หมายความวา กลาวหรือเอยวาจา ขอ 4.
“ตระบัด” หมายถึง ทนั ใด “ตระบดั บพติ รปรารภ” หมายความวา 5 พระอัยการศกึ กฎหมายวาดวยการทําศึก ในความของเน้ือเรือ่ งตอนนี้วา ให
กลา วขน้ึ มาทนั ใด ขอทไี่ มไ ดส ื่อวา กําลังพูด คอื ขอ 2. ท่แี สดง เอากฎหมายอยั การศกึ มาปรกึ ษาโทษนายทัพ
6 ประเวศ การเขา มา การเขาถึง การเขาสู
การขอบคุณดว ยการใหบาํ เหนจ็ ตอบขอ 2.
คมู่ ือครู 109
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
Engage Explain
อธบิ ายความรู้
นกั เรยี นกลมุ ท่ี 6 นาํ เสนอประเดน็ เกย่ี วกบั เนอ้ื หา โคล๓ง๏๔ ๓๒ ถวายพิพากษาซั้น 1
ตอนที่ 12 ขอพระราชทานอภยั โทษ ดังน้ี แห๓่ง๏๔เ๔บ ื้อคง�าบนนั งึ ทนกึ กึ บ โาทปษใกนลา ้
ด�ารัสโดยเหตุห้นั
• สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงคาดโทษ
ขนุ พลท่ตี ามเสดจ็ ไมท ันอยา งไร ตจวร3บุต๓๏๔รเ๕ข ึง้ า้ตกครา�วาหรกงนขดดัง พ หมรนันุ่ก2อ่เนพยาญ็นาแท ้ วนั บณั รสไี ซร้
(แนวตอบ ทรงเห็นวา ใกลวันพระแลว ควรระงับ
โทษประหารไวก อ นจึงสงั่ ขงั จากนน้ั เม่อื มี พันธนาไว้แล้
การนมิ นตพระสงฆมารวมพธิ ีมงคลเฉลิมชยั
ในวันรุงขนึ้ สมเด็จพระวันรัตไดม กี ารทูลถาม โคล๓ง๏๔ ๖๓ ตั้งแตป่ าฏิบท ล่วงอุโบสถเสรจ็ แลว้
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเกยี่ วกบั การสูศึก เร่งสฤษฏ์โทษอย่าแคลว้ คลาดดา้ วดา� เนนิ บทนา
ท่ที รงเอาชนะได พระนเรศวรมหาราชไดเลา ตอน ๑๒
ถึงแมท ัพนายกองท่ีละเลยหนาทีว่ า เสดจ็ ตาม ขอพระราชทานอภยั โทษ
ไมท ัน ทําใหตอ งตกอยใู นวงลอมของศตั รู พอเสรจ็๓ร๏๔ า่จ๗ ย่งึ สไปมเ่เดก็จินพกราะลวทนั ่ารตัน4 สวั่งดั ปกา่ แรกะว้ทแ่ังคแลร้วมคสลิบาห ก้าบั คร่�าา ชายค�่าณสอะงสนงฆา์ ฬยิก่ีสบิาปหล้าอางยค ์สทอ�างงแนผนงากย๑
และไดคาดโทษอัยการศึกประหารชีวิต ใหเ ปน
ทจ่ี ดจาํ วา อยาไดเ อาแบบอยาง)
ขยายความเขา้ ใจ Expand แฉกงาสานสรลา้ ย ผ้ายลยุ ังวงั ราช พบรพะิตบรากทร กธร รใพหุมน้ 5 มิ นชุตม ์บดรลรเพรชอื ิตนแรัตชน่มมชื่านฬ กข ุนตชกีอแื้นตอ่งวอยาสพนร ์
ลาดเจียม เตรียมเสร็จสงฆ์สู่สถิต
นักเรียนยกเน้อื ความทแี่ สดงใหเหน็ วา ถามขา่ วจรจอมภพ ซ่งึ เสดจ็ รบพารณ จนอเรนทรพนิ าศ ขาดคอคชในรงค์ จ่ึงพระองค์อิศเรศ
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชไมพอพระทยั แมทัพ บรรหารเหตจุ า� บงั จอมสงฆฟ์ ังซ้ันขาน พระราชสมภารมีชัย ใดทวยบาทมลู ิกา ตอ้ งอาชญา
นายกองท่ีตามเสด็จไมท ัน ยมินนั เแหห็นนเศงิก สตรระัสทแกส ดตงรโะดดยกดดับาล รวะ่ารนัวา ยยิ่งทกัพวท่ากั้งลผัวอสงว าเมกศิ ณ6 บฑ ์เเขต้า้ากตอดิ งตพูตยอ้ ูหย ์ มโลยะมแสตอ่ขงอ้ ตยูตส่ออเงขค็ญน
เขา้ โรมรณราวศิ ในอมิตรหม่กู ลาง แสนเสนางคเ์ นอื งบร จนราญรอนไอยเรศ ลชุ เยศมฤตยู
(แนวตอบ เนอ้ื ความทส่ี มเดจ็ พระนเรศวรมหาราช จึ่งไดด้ หู น้ามัน เพือ่ มหนั ตบารเมศ เบอื้ งบเุ รศบา� รงุ ผดุงเดชเผอื 7พ่นี อ้ ง ผ8ิ บ พอ้ งบญุ บรู พ ์
ไมพอพระทัยแมท พั นายกองที่ตามเสดจ็ ไมท นั คอื
“...ปวงมนตรนี ายทพั สรรพทกุ ตนทกุ ตวั กลวั อเรนทร ไอศูรย์ศูนย์เสียมภพ ตรลบเลื่องขามนามตะเลง ลือละเวงธาษตรี เป็นธรณีหงสา
เหลอื ลน พน ยง่ิ พระราชอาชญา ไปยาตราพลขนั ธ เสื่อมกฤตยาสยามยศ สาหสหากมากมวล ควรลงทัณฑ์ถึงม้วย ด้วยพระอัยการศึก
ทนั เสดจ็ ดา วรณรงค มละสารทรงสองเตา เขา ทา มกลาง จารกึ ช่อื ช่วั ฟา้ ไว้เป็นขนบภายหนา้ อยา่ ใหใ้ ครยล เย่ยี งนา
ปจ นกึ ถงึ สูศึกหสั ดี มีชเยศเสรจ็ สรรพ โทษขุนทพั
ทัง้ มวล ควรประการใดไสร โดยระบอบแบบไว โคล๓ง๏๔ ๘๔ สมเดจ็ พนรตั เจ้า จอมชี
แตเ บื้องโบราณ รีตนา”) ฉลองพจน์ราชวาท ี ทา่ นไท้
ทวยทลู ละอองธุล ี บวั บาท พระนา
พืน้ ภักดตี ่อใต้ บทเบ้อื งเรณู
๑ สองแผนก คอื แผนกวิปสั สนาธรุ ะ เรยี นกรรมฐาน กบั แผนกคันถธุระ เรียนพระปริยตั ธิ รรม
110
นกั เรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
เหตุผลของสมเดจ็ พระวันรตั ขอใด ท่ที าํ ใหสมเดจ็ พระนเรศวร
1 ดํารสั โดยเหตหุ นั้ ตรสั ใหเ ปนไปตามเหตนุ ้นั ทรงอนมุ ัตติ ามน้ัน คือ ให มหาราชพระราชทานอภัยโทษแกแ มท ัพนายกอง
ประหารชวี ิตนายทพั นายกองผูตามเสดจ็ ไมทันตามพระอยั การศึก 1. พระราชสมภารมชี ยั ใดทวยบาทมลู กิ า ตองอาชญายนิ แหนง
2 พรุก วันพรุงนี้ รงุ ขนึ้ 2. ควรลงทณั ฑถ ึงมว ย ดว ยพระอยั การศกึ
3 ตรุ อานวา ตรฺ ุ ในท่ีนีม้ ีความหมายวา ท่ขี ังคน ตะราง เรอื นจํานักโทษ คุก 3. บ เตาตดิ ตตู อย มละแตข อยสองคน เขาโรมรณราวิศ
4 สมเดจ็ พระวนั รัต เปนเจา คณะใหญใ นพระสงฆฝ ายอรัญวาสี (ผูอ ยปู า) คอื 4. ในอมิตรหมูก ลาง แสนเสนางคเนืองบร จนราญรอนไอยเรศ
ฝายเรียนวิปส สนา บดั น้เี ปนตําแหนงเจาคณะใหญท างใต วเิ คราะหค ําตอบ สมเด็จพระวันรัตกลาวถามสมเด็จพระนเรศวร
5 กรกรรพุม ประนมมอื มหาราชวา ในเมื่อพระองคท รงชนะศกึ สงครามแลว เหตใุ ด
6 สวามิศ มาจาก สวามี + อีศ แปลวา นายใหญ ผูยิ่งใหญ แมท ัพนายกองจงึ ตองไดรับโทษดว ย จึงทาํ ใหส มเดจ็ พระนเรศวร
7 ละเวง เสยี งเสนาะ กอ ง กงั วาล ฟุง เฟอ ง ฟุงไป มหาราชพระราชทานอภยั โทษใหแมท พั นายกอง ตอบขอ 1.
8 ธาษตรี แผนดนิ หรอื โลก
110 คู่มือครู
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู้
๏๓๔๙ ดผู ิดไปร่ กั ท้าว ไป่เกรง 1. นกั เรียนรว มกนั ตอบคําถามในประเดน็ ตอ ไปน้ี
หอ่ นพ้อง • สมเด็จพระวันรัตแสดงเหตุผลอยางไร
แผกระบอบแต่เพรง สมเด็จพระนเรศวรมหาราชจึงทรง
พระเดชหากแสดงเอง อา� นาจ พระนา พระราชทานอภยั โทษใหแ กขุนพลทหารที่มี
เสนอทุกทวย ธ เรศกอ้ ง เกยี รติอ้างอศั จรรย์ ความผิด
ฯลฯ (แนวตอบ สมเดจ็ พระวนั รตั ทรงทลู เร่อื งราวที่
๏๓๕๗ พระตรีโลกนาถแผว้ เผดจ็ มาร สมเด็จพระนเรศวรมหาราชชนะศกึ เปรยี บกับ
พ่ีนอ้ ง เรอื่ งที่พระพุทธเจา (พระตรีโลกนาถ) ทรง
เเสฉกดพ็จไรระพ้ รริาิยชะส1รมาภญา ร อรินาศ ลงนา ชนะพระยาวสวตั ตีมาร สมเดจ็ พระนเรศวร
มหาราชเองเปรียบเหมือนพระพทุ ธเจา ท่ี
เสน๓๏อ๕๘พ รผะวิ ยหศลยานิ ยกพอ้ ยงหุ ยทุ ธร์ า้ เกียรตทิ ้าวทกุ พาย ทรงสามารถปราบขา ศกึ จนพา ยแพได โดย
ชนะอมติ รมวลมอญ โรมรอน ปราศจากกาํ ลงั พลชว ยเหลือ แสดงใหเหน็
ม่วั มลา้ ง กฤฎาภินหิ ารหรือบารมที ี่ทรงทาํ ไว ในการ
พระเดช บ ่ ดาลขจร เจรญิ ฤทธิ์ พระนา ชนะศึกคร้ังนี้ พระเกยี รตยิ ศของพระองค
เไพปือ่ท๓๏๕พ่วั ๙ รธะอ รเยราศา่ชไอกทอฤโกษทอฎมา้ นาง2 ัส นอ้ ย เอิกฟ้าดินไหว จะเปนท่เี ลอ่ื งลือประจักษไ ปทวั่ สารทศิ
หฤทยา ขอพระองคอ ยาไดเคืองพระทัยลงโทษขนุ พล
แต่ก้ี ผูกระทาํ การที่ทาํ ใหไมพ อพระทัยเลย)
ทกุ ทวยเทพคณา ชมุ ช่วย พระเอย
แสดงพระเดโชช้ี ชเยศไว้ในสนาม 2. ครูสุม นักเรียน 2 - 3 คน ออกมาสรุปเนือ้ หา
หนา ชน้ั เรียน
โคล๓ง๏๖ ๐๒ สมดง่ั ความตูพร้อง ขอบพติ รอยา่ ขอ้ ง
ขนุ่ ๓แ๏๖ค๑ ้นโเคดือยยงกบุ มลล3ถ อ่ ทงแ่าทน้ นา
ฤๅสนเทห่ ์เลห่ ์แล้ ขยายความเขา้ ใจ Expand
ถกู ถอ้ ยแถลงการ น้ีนา 1. นักเรียนยกบทประพนั ธท ีแ่ แสดงเหตุผลของ
สมเด็จพระวันรัตในการขอพระราชทาน
๓ร๏๖า่ ๒ ย ปางนฤบาลบดินทร์ ยินสมเด็จพระวันรัต จ�าแนกอรรถบรรยาย ถวาย อภยั โทษใหแกพลทหารทมี่ คี วามผดิ
วิสัชนาสาร โดยพิสดารพรรณนา เสนอสมญายศโยค พระบรมโลกโมลี ด้วยวิธีอุปมา (แนวตอบ ครูพิจารณาการยกบทประพันธข อง
แหง่ กฤษฎาภินิหาร ดาลมนสั ชมุ่ ชืน้ ตนื้ เต็มปรีด์ปิ ราโมทย์ โอษฐอ์ อกอื้นสาธู ชูพระกรกรรพมุ นักเรยี น)
ชุมทศนัขเหนอื ผาก เพอื่ ยนิ มลากเลอมาน เจา้ กขู านค�าขอบ ชอบทุกสง่ิ จริงถอ้ ย ถวิล บ่ แหนง
หนงึ่ น้อย แน่แท้ทางแถลง แลนา 2. ครสู มุ นกั เรยี นจาํ นวน 2 - 3 คน ออกมานาํ เสนอ
หนา ชนั้ เรยี น
111
ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู
“พระตรโี ลกนาถแผว เผด็จมาร
เฉกพระราชสมภาร พนี่ อ ง ครูใหน ักเรียนศกึ ษาเกยี่ วกบั กลวิธกี ารใชภ าษาในการแสดงความเปรียบเทียบใน
เสด็จไรพิริยะราญ อรินาศ ลงนา เรอ่ื งลลิ ติ ตะเลงพา ยวา มลี กั ษณะอยา งไร โดยครแู นะความรใู หน กั เรยี นฟง เพม่ิ เตมิ วา
เสนอพระยศยินกอง เกยี รตทิ า วทกุ พาย” เรอื่ งลลิ ติ ตะเลงพา ยเปน เรอื่ งทมี่ จี ดุ มงุ หมายเพอ่ื เฉลมิ พระเกยี รตขิ องพระมหากษตั รยิ
คาํ ประพันธขา งตนใชภาพพจนช นดิ ใด ดงั น้ัน การนาํ ความใดมาเปรยี บกับตวั หรอื การกระทําของพระมหากษัตริยยอ ม
1. อุปลกั ษณ 2. บคุ คลวตั เปรยี บเทยี บใหยิง่ ใหญเสมอ เพื่อแสดงใหเหน็ ถึงการเชิดชู เชน เปรียบเปนพระอนิ ทร
3. สัทพจน 4. อปุ มา พระราม
วิเคราะหค าํ ตอบ จากบทประพนั ธข างตน มกี ารใชค าํ แสดงความ นักเรยี นควรรู
เปรียบเทียบคําวา “เฉก” เปรยี บพระตรีโลกนาถ คือ พระพุทธเจา
ท่เี อาชนะมารเหมอื นกบั ท่พี ระราชสมภาร คอื สมเดจ็ พระนเรศวร 1 พริ ยิ ะ พล ทพั ในความวา “เสดจ็ ไรพ ริ ยิ ะราญ อรนิ าศ ลงนา” หมายความวา
มหาราชทรงเอาชนะขา ศกึ ได ใชภาพพจนอ ปุ มาแสดงการ เสดจ็ โดยไมมพี ลทหารยงั รบจนขา ศกึ แพพนิ าศลงได
เปรยี บเทียบ ตอบขอ 4. 2 พระราชกฤษฎา กจิ ท่ีทําแลว
3 ยุบล เร่อื ง คูม่ ือครู 111
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
Engage Explain
อธบิ ายความรู้
นกั เรยี นสรปุ ความเกย่ี วกบั คาํ ทลู ขอพระราชทาน โคล๓ง๏๖ ๓๔ แจง้ เหตุแห่งเหือดขึง้ ในมนัส
อภยั โทษของสมเดจ็ พระวันรตั จ่ึงพระวันรัตวัด ปสว่าา่แงกโ้วทษ1 ทา่ นนา
ถวายพรบวรศรสี วสั ด์ิ
(แนวตอบ สมเดจ็ พระวันรัตทลู ขอใหย กเวน โทษ นฤ๓ท๏๖ุก๔ ขท์นงั้ฤหภลยั าแยผท้วว ย บาทเบอื้ ง ผอ่ งพ้นอนั ตราย
แมท พั นายกอง ใหย ังคงตาํ แหนง เดิม โดยใหช ดใช บงกช
ความผิดดว ยการสง ไปรบทีเ่ มอื งตะนาวศรี
เมืองทวาย และเมืองมริดแทน)
ขยายความเขา้ ใจ Expand ควรโคตรโทษสาหส๑ อะครา้ ว
แต่ทลู ธลุ บี ท สนองบาท มานา
เพร๓๏ง๖พ๕ รละ่วองยั ถกึงาบทพ้าติวร๒ ผู้ ตราบไท้พระเจ้าหลวง๓
1. นักเรยี นรว มกันอภปิ รายในประเด็นตอ ไปนี้ คอื พุทธบรรษทั สรรพ ์ เถลงิ ถวัลย ราชยฤ์ ๅ
• การที่สมเด็จพระวนั รตั กลาวโนมนา วให สืบสร้าง
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงพระราชทาน เชิญงดอดอวยทณั ฑ ์ ทวยโทษ นน้ี า
อภัยโทษใหแมท พั นายกองทลี่ ะท้ิงหนา ท่ี เลย๓๏อ๖๖ย ่าไลวาเ้ พญอ่ืชผีพดมุงลเด้างช เจ้า หนง่ึ คร้งั ขอเผอื
แสดงใหเ หน็ ความสามารถในการใชโวหาร จอมปราณ
ของสมเด็จพระวนั รตั อยางไร กอ่ เกิดราชร�าบาญ ใหม่แม้
(แนวตอบ การยกเร่ืองทม่ี ีความสําคญั พูนเพมิ่ พระสมภาร เพญ็ ภพ พระนา
เทยี บเทาหรอื ยิ่งกวา มาเปรียบกบั การท่ี วาย บ ่ หวังตนแก ้ ชอบได้ไปม่ ๔ี
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงชนะศึกใน
ครั้งน้ีสรางความพอใจใหกับสมเด็จพระ ๓๏ร๖า่ ๗ ย นฤบดีดาลสดับอรรถ2 ซ่ึงพระวันรัตภิปราย ถวายพระพรอายาจน์ 3โทษมวล
นเรศวรมหาราช เปนส่ิงท่นี า ยกยองใน มาตยท์ กุ มลุ เพอ่ื การญุ บรริ กั ษ ์ ภกั ดใี นบาทบงส ์ุ จง่ึ พระองคอ์ นญุ าต พระราชทานโทษทง้ั ผอง
ปฏิภาณไหวพริบของสมเด็จพระวนั รัต) โดยอันครองคงยศ บรรหารพจนพาที ซง่ึ เจ้าชขี านขอ ข้อยยกยอโทษให ้ แขต้อ่ชโรอมบรใาชญ้ไปรราอวนิศ4
เอานครตะนาวศรี บุรีทวายมริด ถ่ายหนผิดหาชอบ ขุนสงฆ์ตอบค�าขาน
2. ครสู ุมนักเรียนจํานวน 2 - 3 คน ออกมานาํ เสนอ ไป่เป็นกิจตูตาม ใช่เง่ือนงามบรรพชิต โดยบพิตรอัธยา เบ้ืองบัญชาเชิงใช้ ขอลาไท้ลีลาศ
หนาช้นั เรียน ยังอาวาสเวียงวัด ตระบัดท่านจรลี พาเพื่อนชีอะคร้าว คืนสู่ด้าวอาราม เจ้าจอมสยาม
เสาวนยี ์ เนอื งมนตรีพ้นโทษ โปรดใหเ้ นาดา� แหน่ง แหง่ ฐานันดรยศ พระราชกา� หนดโดยดับ
ทพสูแ่ัพรดักเจนพ้าเิรศพีย5ิกร์เโทะดียยยบาปพทอรัดงะ ปคร่นิลัดัเงไส ปียรโมรังสมพอตลงะหสน้ารุ าหิยวชมศาื่นรตีเ ิ สตตรรีม็จัสร พิดเิภเหวา็จียษไงปพชโัจยหน มาจเ ่ึงวซชีย่งึ ไองมท6ตุ มวราาา7ตนยยค าเห รศมบ าังเยขคเตัลจสล้าีมาพายรเามะตือยรงาพอจยอักู่หกร ์ี
๑ ควรโคตรโทษสาหส ควรไดร้ บั โทษสาหสั ท้งั โคตร
๒ พระอยั กาท้าว ตา คอื สมเดจ็ พระมหาจักรพรรดิ
๓ พระเจา้ หลวง พระราชบดิ า คอื สมเด็จพระมหาธรรมราชาธริ าช
๔ วาย บ่ หวงั ตนแก้ ชอบไดไ้ ปม่ ี ไมม่ ใี ครเลยทไี่ มอ่ ยากจะทา� ความดคี วามชอบเพอ่ื แกต้ วั หรอื อาจหมายความวา่ ไมม่ ใี ครเลยยอมตาย
โดยไมค่ ดิ แกต้ วั
112
นักเรยี นควรรู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT
“ไวเพอื่ ผดงุ เดชเจา จอมปราณ
1 สวางโทษ หรือสรางโทษ คอื ถวายพระพรใหพ ระองคเ หอื ดหายโทสะ กอ เกดิ ราชรําบาญ ใหมแ ม
2 นฤบดดี าลสดบั อรรถ เผอญิ ทรงไดฟ งขอ ความที่ถูกพระทัย พูนเพ่ิมพระสมภาร เพ็ญภพ พระนา
3 อายาจน วอน ขอ แตใ นทนี่ ีเ้ ปน กิรยิ า อาการของพระสงฆชั้นผูใหญ วาย บ หวังตนแก ชอบไดไ ปม ”ี
ใชคําราชาศัพท ในความวา “ถวายพระพรอายาจน” จงึ หมายความวา ทลู หรือกลาว ขอ ใดเปนแนวคิดของบทประพนั ธข างตน
4 โรมราญราวิศ รมุ รบ โดยคาํ วา ราวศิ มาจาก ราวี + อศี เปน ราวศิ 1. ความจงรกั ภักดตี อ พระมหากษัตรยิ
5 พรกั พิรีย พรอ มดว ยพล 2. การเพิ่มพูนบารมี
6 ชไม ท้ังสอง คําวา “จงึ ชไมมาตยา” หมายถงึ นายทัพทงั้ สอง ในทีน่ ี้ คือ 3. ความกลาหาญ
เจาพระยาพระคลงั และเจาพระยาจักรี 4. การใหอ ภยั
7 อตุ รา ซาย เหนอื คําวา “อตุ รานคเรศ” หมายถึง หวั เมืองเหนือ ฝายเหนือ
วิเคราะหค ําตอบ บทประพันธขา งตนกลา ววา เพอ่ื ค้าํ จนุ จอม
112 ค่มู ือครู กษตั ริยเ ม่ือเกดิ ศกึ คร้ังใหม เพือ่ รกั ษาแผนดนิ ขององคกษตั รยิ
จงึ ไมควรลงโทษประหารโดยท่ยี ังไมมโี อกาสแกตวั ผพู ูดโนม นาว
เพื่อใหพระราชทานอภยั ตอบขอ 4.
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain
อธบิ ายความรู้ Explain
เลิกครัวครอกมาหลาย หมาย บ่ หมดท้ังผอง ตริไตรตรองคราวศึก เสื่อมหาญฮึกแบ่งเบา ครสู มุ นกั เรยี น 3 - 4 คน อภปิ รายบทจบของ
จกั โรมเราฤๅย่าน ฝีมอื ม่านมอญมวล ควรผดงุ ชนบท ปรากฏเกียรตยิ ืนยง๑ คงคู่กัลป์ประลยั เรือ่ งลิลิตตะเลงพายวา กวีกลาวถงึ ส่งิ ใดบาง
เฉลิมแหล่งไผทท่ัวด้าว แสดงพระยศไท้ท้าว ธิราชไวไ้ ปว่ าย นามมา
ฯลฯ (แนวตอบ กวีแสดงจุดมงุ หมายของการประพันธ
วา ตอ งการเฉลมิ พระเกยี รตยิ ศของสมเดจ็ พระนเรศวร
โคล๔ง๏๒ ๖๔ เสรจ็ แสดงพระยศเจา้ จอมอยธุ - ยาเอย มหาราชกษัตริยผ ยู ิ่งใหญแหง กรุงศรอี ยธุ ยาไวค ูบา น
องค์อดิศรสมมุติ เทพไท้ เมือง และกวีกลาวอยางถอมตวั ในเรอื่ งของลลี าการ
นเรศวรรตั นมกฎุ เกศกษตั ริย ์ สยามฤๅ ประพนั ธ ดงั วา “โดย บ เชี่ยวเชลงถอ ย ถอ งแท
หว๔งั ๏๒อ๗ ยู่คร่ ูงั ธเร เมิ่รศรจไวเร้ ข1อ ้าง ฟากฟ้าดนิ เฉลมิ แลฉงาย” ซึ่งเปนการกลา วแตเ พยี งขนบธรรมเนยี ม
อรรถา แถลงเอย เทา น้นั และไดส รุปในตอนทา ยวาเปนการบรรยาย
เสมอทิพยม์ าลย์ผกา เกบ็ ร้อย เลา เรอื่ งราวการทาํ ศกึ สงครามยทุ ธหตั ถขี องสองชาติ
ฉโดลยอ๔๏ ๒งบ๘ บ ่ เทบชรรยี่ ัชรวนยเชารลยา-งก ถ3ล อ้ ก ยา พยแ์ สร้ง ธิปผา่ น ภพฤ2ๅ สองกษตั รยิ และขอใหผ ูอ า นทงั้ หลายไดพ ิจารณา
ถ่องแทแ้ ลฉงาย หากมีขอ สงสัยหรอื ผดิ พลาดกข็ อใหแ กไ ขและรักษา
สมญา ไวแ้ ฮ ไวใหค งอยู ระบชุ อ่ื ตนเองไวโ ดยใชโ คลงกระทูวา
สมลักษณเ์ ลห่ เ์ สาวนา เรือ่ งรู้ “กรมหมนื่ นชุ ติ ชิโนรส ศรีสุคต ขัตติยวงศ”)
“ตะเลงพ่าย” เพอื่ ตะเลงปรา ชเยศ พระเอย ขยายความเขา้ ใจ Expand
เสน๔๏อ๒๙ฤ ทอธวิ์สยอพงรรคาณชสะ ู้ ปราชญพ์ ร้อม ศกึ ชา้ งกลางสมร
พิจารณ ์ เทอญพ่อ นักเรียนยกบทประพันธทกี่ วแี จงใหทราบวาเปน
เร่ืองเกยี่ วกับการสรู บกันของกษัตริย
ใดวิรธุ บรรหาร เหตดุ ว้ ย (แนวตอบ บทประพันธท่ีกวีแจง ใหท ราบวา เปน
จงเฉลิมแหลง่ พสุธาร เจริญรอด หึงแฮ
มล๔า๏๓ย๐ โลกกรอมยห่ามมื่นลนายุชมิต4้ว เยช ื้อ อรรถอนื้ อัญขยม เร่ืองเก่ยี วกับการสูรบกนั ดงั นี้
กวีวร “บรรยายกลกาพยแสรง สมญา ไวแ ฮ
ชิโนรส มง่ิ มหิศร เสกให้ สมลักษณเ ลห เ สวนา เร่ืองรู
ศรสี คุ ต พจนสนุ ทร เถลิงลกั ษณ์ น้ีนา “ตะเลงพา ย” เพอื่ ตะเลงปรา ชเยศ พระเอย
ขัตติยวงศ ์ ผจงโอษฐไ์ ว ้ สบื หลา้ อยา่ ศูนย์ เสนอฤทธสิ์ องราชสู ศกึ ชา งกลางสมร”)
ฯลฯ วาร ี โอฆ6ฤๅ
๏๔๓๗ ผวิ วงว่ายวฏั 5เวิ้ง ตรวจสอบผล Evaluate
บลุโลกตุ รโมล ี เลศิ ลน้
จงเจนจติ กว ี วรวากย ์ เฉลียวเอย 1. นักเรยี นสรุปสาระสาํ คญั ของวรรณคดีเรอื่ ง
ตราบล่วงบ่วงภพพ้น เผดจ็ เส้ียนเบียนสมร ลลิ ติ ตะเลงพา ยได
ฯลฯ
๑ ยืนยง ตามฉบับสมุดไทยฉบับหนงึ่ แต่อกี ฉบับหนงึ่ กับฉบับพมิ พ ์ คา� ว่า “ยนื ยง” เป็น “ยรรยง” 2. นักเรยี นอธบิ ายเกยี่ วกับประเด็นทางวรรณศลิ ป
ในบทประพนั ธได
113
3. นกั เรียนยกบทประพันธทส่ี อดคลอ งกบั
จุดมุงหมายของกวไี ด
“รังเร่ิมรจเรขอา ง ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT นักเรยี นควรรู
อรรถา แถลงเอย
เสมอทพิ ยม าลยผกา เก็บรอย 1 รจเรข การขดี เขยี น
ฉลองบทรัชนรา ธิปผาน ภพ 2 บทรัชนราธิปผาน ภพ พระคุณ พระบาท พระเจาแผนดิน
โดย บ เชยี่ วเชลงถอ ย ถองแทแ ลฉงาย” 3 เชลง เปน คาํ เขมร มีความหมายวา แตง หรอื ประพนั ธ
บทประพนั ธขา งตนมีลกั ษณะการแตง ตามขนบทางวรรณศิลป 4 กรมหมน่ื นชุ ติ เปน คาํ ขนึ้ ตน โคลงกระทขู องบทนี้ กระทโู คลง คอื “กรมหมนื่ นชุ ติ
อยา งไร ชิโนรส ศรสี คุ ต ขตั ตยิ วงศ” ตองอา นกระทกู อ นแลว จึงอานโคลง
5 วฏั มาจาก สงสารวัฏ คือ ยงั เวียนวา ยอยใู นสังสารวฏั หมายถงึ การเวียนตาย
แนวตอบ จากบทประพนั ธข างตน ถอดคําประพันธไ ดว า ในการ เวยี นเกดิ ในทีน่ ี้ เปรยี บดงั วายวนในหวงนา้ํ
แตง บทประพันธน ้เี ทยี บเทากับการรอยมาลาดอกไม ฉลองพระคณุ 6 โอฆ หวงน้ํา ในพระพุทธศาสนาหมายถงึ กเิ ลสทที่ วมทบั จิตใจของหมสู ตั ว
ของพระเจา แผน ดนิ โดยการประพนั ธย งั ไมเ ชย่ี วชาญนกั ตามที่กวี มี 4 อยา ง คือ 1. กาโมฆะ คือ กาม 2. ภโวฆะ คอื ภพ 3. ทิฏโฐฆะ คอื ทิฐิ
กลาวในบาทสดุ ทา ยวา “โดย บ เชีย่ วเชลงถอย ถองแทแ ลฉงาย” และ 4. อวิชโชฆะ คอื อวิชชา
เปน การกลา วถอมตนตามขนบในตอนทา ยเร่ือง คือ กวที ีม่ คี วาม
สามารถเปน เอกไมจําเปน ตอ งอวดตน และการประพันธง านนี้ คู่มอื ครู 113
นับวาเปน การฉลองพระคณุ พระเจา แผนดนิ
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ครูยกคําศัพทใหนักเรียนชวยกนั อธบิ าย ๖. ค�ำ ศพั ท์ ความหมาย
ความหมายตามท่ีปรากฏในเนือ้ เรอื่ ง ดังตอไปนี้
คา� ศพั ท์ ผกู ไมไ้ ผ่เป็นสะพานเรอื ก
• เศษสังขยาหา บาทเก่ียวขอ งกับอาหารหรอื กรองเวฬู ก่อสงครามทา� ให้บา้ นเมอื งเดือดร้อน
คาเงนิ หรอื ไม อยางไร ก่อรงค์รั่วหลา้ เวลาที่ล่วงผา่ นไปหยกๆ
(แนวตอบ คําวา “เศษสังขยาหาบาท” ไมได กี้ กลบั
มีความหมายถงึ ช่ืออาหารหรอื หนว ยเงินแต กระลับ ถอื กวดั แกวง่
อยางไร แตมีความหมายถึง การคํานวณ กระลึงกระลอก อาการเลา่ ลือ เสยี งสรรเสริญ ข่าวเลื่องลอื
เมอื่ มกี ารเคลื่อนทัพในวรรณคดเี รือ่ งลิลิต กิดาการ จระเข้
ตะเลงพา ย ในตอนทส่ี มเดจ็ พระนเรศวร กุมภีล์ ทีท่ �าไวส้ า� หรับพระเจา้ แผ่นดินเสดจ็ ก้าวข้นึ ลงในเวลาทรงช้างและ
มหาราชตรวจตราทพั จากความวา เกย พระราชยาน
“...ยา่ํ รุงสองนาฬกา เศษสังขยาหาบาท เกยท่ที �าเฉพาะในพธิ ีจะเสดจ็ กรธี าทัพออกศึก
ในบษุ ยมาสดฤษถ.ี ..” เกยชัย สรอ้ ยอ่อน สร้อยแขน ทองตน้ แขน กา� ไล
บทประพันธขา งตน กลา วถงึ เวลาแปดโมง เไกกยรสูรร1 ราชสีห์ท่ีตระกูลสูงสุดในบรรดาราชสีห์ ๔ จ�าพวก คือ
สามสิบนาที) ตณิ ราชสหี ์ กนิ หญา้ เปน็ อาหาร มขี นสแี ดง กาฬราชสหี ์ กนิ หญา้
ขัตติยมานะ เปน็ อาหาร มขี นสดี า� บณั ฑรุ าชสหี ์ กนิ เนอื้ เปน็ อาหาร มขี นสเี หลอื ง
สา� รวจคน้ หา Explore ขตั ติยายุทธ์ ไกรสรราชสีห ์ กินเนอ้ื เปน็ อาหาร มขี นสขี าว
ขุนศรี ความถอื ตนวา่ เป็นกษตั ริย์
นกั เรียนศกึ ษาคน ควา เกี่ยวกบั การสรางคํา ขนุ แผน การรบระหว่างกษัตรยิ ์
ท่ีมาของคาํ และความหมายของคาํ ศัพทใ นดา น ขุนเสยี ม นายทพั ท่ขี ่ีชา้ ง
ตางๆ ดงั รายละเอยี ดตอไปน้ี ต�าแหน่งนายด่านผู้น�าใบบอกหวั เมอื งเขา้ สกู่ รงุ
114 กษตั รยิ ์ไทย
• คําไทย
• คําภาษาบาลสี นั สกฤต
• คาํ ที่ยังคงความหมายเดมิ
• คําทีม่ ีความหมายเปลยี่ นไป
เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT วารี โอฆ
“ผิววงวายวฏั เวงิ้
วรรณคดีเรือ่ งลลิ ิตตะเลงพายมคี าํ ศพั ทแ ละถอ ยคํา สํานวนมากมาย ครูจงึ ควร บลุโลกตุ รโมลี เลศิ ลน”
ชีแ้ นะใหนักเรียนเห็นความสาํ คัญของการรบั รูความหมายของคาํ ศัพทใ หก วางขวาง ขอใดคอื คําอา นและความหมายของคําขดี เสน ใต
ท้งั นี้เพราะคาํ ศัพทใ นวรรณคดีเร่อื งลลิ ติ ตะเลงพา ยเปนคําศพั ทย าก เปน คําโบราณ 1. โลก-กุ-ตะ-ระ หมายถงึ พนโลก
ทไ่ี มมใี ชในปจ จบุ นั หรอื มปี รากฏอยูในวรรณคดเี ร่อื งนเ้ี ทาน้นั จงึ ยากแกการทาํ 2. โลก-กดุ -ตระ หมายถึง พน จากโลก
ความเขาใจ หากนกั เรยี นไมศึกษาใหลกึ ซ้ึงก็จะเปน อุปสรรคตอ การแปลความและ 3. โลก-กดุ -ระ หมายถึง หลุดไปจากโลก
การตคี วามได 4. โล-กุด-ตะ-ระ หมายถึง พน โลก
นกั เรียนควรรู วิเคราะหคําตอบ โคลงส่ีสภุ าพเปนคาํ ประพันธท่ีไมไดนบั จาํ นวน
พยางคแ ตน บั คําวา วรรคหนาของแตละบาทจะมี 5 คาํ และไมเนน
1 ไกรสร เปน ราชสหี ท่เี หนอื กวา ราชสีหท ัง้ หมด เพราะมีคุณพิเศษกวาราชสหี เสียงสมั ผัสในวรรคเหมอื นกลอนสุภาพ ในทีน่ ้จี งึ อา นโลกุตรวา
จาํ พวกอ่ืน การเปลง เสียงคํารามของไกรสรราชสีหจะดงั สนน่ั กึกกอ งโดยรอบไปถึง
3 โยชน ไกรสรราชสหี ป ระเสริฐกวาราชสหี อ กี 3 จําพวก คอื มีความสุภาพและ โล-กุด-ตะ-ระ หมายถงึ พน โลก ตอบขอ 4.
แกลวกลากวา
114 คมู่ ือครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู้
คำ� ศพั ท์ ควำมหมำย 1. นักเรียนพจิ ารณาการใชค ําศพั ทใ นเร่ืองลลิ ติ
โขลนทวาร ตะเลงพายในประเด็นตอ ไปนี้
ครอก ประตูป่า พิธบี �ารงุ ขวญั ทหารก่อนออกศกึ • การสรางคาํ ศัพทในลิลิตตะเลงพายมีการ
ฝงู ลูกสตั ว์ที่เกดิ รว่ มกันคราวเดยี ว ลกู ของทาสทเี่ กดิ ในเรือนเบ้ีย สรางคําลกั ษณะใดบา ง
ครอเคร่า1 เรียกว่า ลกู ครอก เจา้ โดยก�าเนดิ ตั้งแตช่ นั้ หมอ่ มเจา้ ชนั้ พระเจ้า (แนวตอบ วธิ ีสรา งคาํ ศพั ทในวรรณคดีไทย
ครี ีเมขล์ ลกู เธอ เรียกว่า เจ้าครอก เร่อื งลิลิตตะเลงพายและวรรณคดีหลายเรอ่ื ง
คอย ไดร ับอทิ ธิพลของภาษาบาลีสันสฤต ซึ่งไดร บั
โคกเผาขา้ ว ชอื่ ชา้ งของวสวตั ตีมาร มารทม่ี าผจญพระพุทธองค์ เพ่ือไมใ่ ห้ อทิ ธพิ ลมาจากศาสนาอกี ทหี นง่ึ วธิ สี รา ง
เครื่องพดุ ตาน ส�าเรจ็ เปน็ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า คําศพั ทในวรรณคดีเรอื่ งลิลิตตะเลงพา ย
ช่อื ตา� บลในเมอื งสพุ รรณบรุ ี จึงใชการสมาสคาํ โดยมากมักเปน การสมาส
ค้า ราชบลั ลงั ก์ท่ตี ั้งบนหลังช้างเรยี กวา่ พระคชาธารพดุ ตานทอง ทม่ี ีสนธิ เชน ทกั ษณิ าวรรต (ทกั ษิณ + วรรต)
จตุรงค์ ถ้าต้ังบนพระราชยานคานหาม เรียกว่า พระราชยานพุดตานทอง เปน ตน แตก็มบี างคําทส่ี มาสอยา งไมมสี นธิ
จตุรงคโชค ออกแสดง เก่งกล้า เชน่ บค้าอาตม์ออกรงค์ เชน ขตั ติยมานะ จตุรงคโชค เปนตน )
ทหารสีเ่ หลา่ คอื เหลา่ ช้าง เหล่าม้า เหลา่ รถ และเหล่าเดินเทา้
ฉม โชคสีป่ ระการเกยี่ วกับการยาตราทัพ คือ ๑. โชคดี ๒. วนั เดอื นปี 2. ครขู ออาสาสมัครจาํ นวน 2 - 3 คน ออกมา
ฉช้ัน ดี ๓. ก�าลงั ทหารเข้มแขง็ ๔. อาหารบริบูรณ์ นําเสนอหนาชน้ั เรยี น
กลนิ่ หอม เครอ่ื งหอม
ชชาายยไแหควร2ง (เจียระบาด) สวรรค์ ๖ ชั้น คอื จาตมุ หาราชกิ า ดาวดึงส์ ยามะ ดสุ ติ ขยายความเขา้ ใจ Expand
เชวง นมิ มานรดี ปรนมิ วสวัตดี
ซน้ั ผผ้าา้ หคา้อดยเดอา้ วนมหีชนาา้ ยหหนอ้ึง่ ยผทืนบัอยหูร่นะ้าหขวาา่ ทงง้ัชา๒ยแขค้ารงง3 1. นักเรียนนําความรเู รอ่ื งการสรางคํามาคน ควา
โซรม รุ่งเรือง เลื่องลือ คาํ ศพั ทจากเนือ้ เร่อื งเพิ่มเติม โดยนกั เรยี นหาคาํ
รีบ เร็ว ถี่ ตดิ ๆ กนั ท่ีขึน้ ตน ดว ยคําวา จต-ุ พรอ มบอกความหมาย
รมุ กัน ชว่ ยกนั (แนวตอบ ตวั อยา งเชน
• จตุบาท หมายความวา สัตวส ่ีเทา
115 • จตสุ ดมภ หมายความวา วิธจี ดั ระเบยี บ
ราชการบรหิ ารสวนกลางในสมยั โบราณ
โดยตัง้ กรม หรอื กระทรวงใหญข ้ึน 4 กรม
คอื กรมเมอื ง กรมวัง กรมคลงั และกรมนา
มเี สนาบดเี จา กระทรวงวา การในแตล ะกรมนนั้
• จตรุ พกั ตร หมายความวา พระพรหม เปน ตน )
2. ครขู ออาสาสมคั รจํานวน 2 - 3 คน ออกมา
นาํ เสนอหนาชนั้ เรียน
บรู ณาการเช่อื มสาระ นักเรียนควรรู
ครูบูรณาการความรเู ร่ืองเครอ่ื งแตง กาย ซ่งึ เปน คาํ ศพั ทท่พี บมาก 1 ครี เี มขล เปน ชื่อชางของพระยาวสวัตดีทขี่ ่มี าประจญกับพระพุทธเจา ในทน่ี ี้
ในเร่อื งลลิ ติ ตะเลงพา ย โดยใหน กั เรียนรวบรวมคาํ ศพั ทท ่ีเปนเครือ่ ง เปรยี บกบั ชางของพระมหาอุปราชา
แตงกายในการออกศึกสงครามในสมยั กอ น แลว บูรณาการความรู 2 ชายไหว หรอื หอ ยหนา คอื “ผา ปด ชายพก” โบราณมใี ชท ง้ั แบบผนื ตรง และแบบ
เขา กับกลมุ สาระการเรยี นรศู ลิ ปะ วชิ านาฏศลิ ป เรอื่ งเครอ่ื งแตง กาย “ผาทพิ ย” (ซ่งึ มลี ักษณะเหมอื นผาหอยหนาฐานชุกชพี ระพุทธรูป) และยงั มที ่ใี ชส ีพ้ืน
ของตวั ละคร โดยเฉพาะเครือ่ งแตงกายตัวพระ ซ่งึ มอี กี หลายอยาง ตา งจากหอยขางดวย ปจ จบุ ันจะใชแ ตแบบผืนตรง และมสี ีเดยี วกับหอยขางพน้ื ที่
ทีป่ รากฏในวรรณคดีเร่ืองลิลิตตะเลงพาย เชน ชายแครง ชายไหว บนหอยหนาสามารถวางลวดลายตา งๆ ไดอ ยา งอสิ ระตามแตจ ะออกแบบ หรอื อาจ
เปนตน นอกจากน้ี ยังมีเครื่องแตงกายอ่ืนๆ อีก เชน กาํ ไลเทา วางลายเปนรูป “สุวรรณกระถอบ” อยูตรงกลาง (โดยมากมกั ใชสีพ้นื เฉพาะตวั รปู
พระภษู า ฉลององค รัดสะเอว ปน เหนง กรองคอ ทับทรวง สุวรรณกระถอบเปนสเี หลอื งทอง) ชวงปลายผนื แบง เปน ชองกระจกวางลายประเภท
อินทรธนู พาหรุ ัด สงั วาล ตาบทศิ ชฎา ดอกไมเพชร กรรเจียกจร เดยี วกบั ทใ่ี ชในหอ ยขาง ปก แบบลายหนุน ดว ยดนิ้ โปรง และเล่อื มลอมตัวลายดวย
ดอกไมทดั อุบะ ธาํ มรงค แหวนรอบ ปะวะหลาํ่ กําไลแผงหรอื ทองกร ด้ินขอ ชายผืนตดิ ด้ินครยุ เงนิ
เปนตน 3 ชายแครง เคร่ืองแตงกาย เปน ผา หอยทบั หนาขาทั้ง 2 ขา ง
จากการเชอ่ื มสาระการเรยี นรูเ ขา กบั วชิ านาฏศลิ ปจะชวยให
นกั เรียนเห็นภาพของเหตกุ ารณ ตวั ละคร ฉาก บรรยากาศตางๆ
ไดส มจริงยง่ิ ขึน้ ชวยสงเสริมจินตภาพของนักเรยี นไดเ ปนอยางดี
คมู่ ือครู 115
กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
Engage Explain
อธบิ ายความรู้
1. นกั เรยี นพจิ ารณาความหมายของคาํ ศพั ทใ น คำ� ศพั ท์ ควำมหมำย
วรรณคดเี รอื่ งลลิ ติ ตะเลงพา ย แลว รว มกนั ตอบ ดสั กร
คาํ ถามตอ ไปนี้ ตกไถง ข้าศึก
• นกั เรียนคดิ วา ความหมายของคําศพั ทใน ตติยยาม ทิศตะวันตก
เร่ืองลลิ ิตตะเลงพา ยมีความเหมอื นหรอื ตา ง ตระบดั ยามท่ี ๓ คือตั้งแต่ ๖ ทุ่ม ถึง ๙ ทมุ่ (๒๔.๐๐ - ๐๓.๐๐ น.)
กับท่ีใชในปจจุบันหรือไม อยางไร ตาบ ประเด๋ียว บดั ใจ ทนั ใด พลันไป
(แนวตอบ คาํ ศพั ทในเรอื่ งนบ้ี างคํายังมีใชอยู เครอ่ื งประดบั รอบคอหรอื อก ตาบทิศ เป็นแผน่ ประดบั อก
ในปจจุบัน บางคาํ มเี พยี งในวรรณคดเี ทา น้นั เตา้ โยงสังวาลไว้ทงั้ ขา้ งหน้าและข้างหลงั
คําทม่ี ีความหมายเหมือนในปจจบุ ัน เชน ตสี ิบเอด็ ไป
แถลง ทวชิ าติ ดสั กร เปน ตน คาํ ทมี่ คี วามหมาย ถอ้ เวลาตีห้า (กอ่ นรุ่ง)
ตา งไปจากเดมิ หรือมคี วามหมายแคบเขา เชน ถบั โตต้ อบ
เตา ตสี ิบเอด็ ถอ เปน ตน) แถลง ทนั ใด เร็ว พลนั
เถกงิ บอกเลา่ แจง้
2. นักเรียนนาํ คาํ ศัพททร่ี วบรวมไดใ นขางตนมา เถือก สงู ศักด์ิ ร่งุ เรือง กกึ กอ้ ง
อธบิ ายความหมาย โดยทําเปน ตารางคําศัพท ทบ บ่ มทิ าน ดาษ ทว่ั ไป จา้ โพลง พราว บทประพนั ธใ์ ชก้ บั สที อง คอื ทองเถอื ก
สง ครู ทรหงึ ทรหวล เขา้ ไปต่อสู้กต็ า้ นทานไม่ได้
ทวิชาติ นาน เสียงเอ็ดอึง เสยี งดังปน่ั ปว่ น
ขยายความเขา้ ใจ Expand ทกั ษิณาวรรต ผเู้ กิดสองหน หมายถึง นกและพราหมณ์
เททอดครัว การเวยี นขวา เวยี นไปตามเขม็ นาฬกิ า
1. นักเรียนนาํ คําศัพทใ นบทเรียนทมี่ กี าร เทรดิ การถ่ายเทครอบครัว อพยพครอบครัว
เปลย่ี นแปลงความหมายตา งไปจากท่ีใชใ น เทีย้ ร เครอื่ งประดบั ศรี ษะ ยอดสนั้ ไมส่ งู อยา่ งชฎา รปู มงกฎุ มกี รอบหนา้
ปจ จบุ นั มา 4 - 5 คาํ จากน้ันเปรียบเทียบคํา ย่อม แลว้ ไปด้วย
ดังกลา วกับขอความหรอื ประโยคท่ีปรากฏตาม 116
สือ่ ตางๆ ในปจจุบัน เชน หนงั สอื บทความ
เว็บไซต เปน ตน
2. ครสู มุ นกั เรยี น 2 - 3 คน มานาํ เสนอหนา ชนั้ เรยี น
จากน้ันเพ่ือนๆ ในชั้น จดบนั ทึกความรูเ ร่ือง
คําศพั ทจากท่ีเพอ่ื นนํามาเสนอเพมิ่ เติม
เกรด็ แนะครู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT ขอยชี้เฌอนาม
คาํ ประพนั ธใ นขอ ใดมชี ่ือดอกไม เยาวย ว่ั แยม
ครูแนะความรูเรื่องตดั ไมข มนาม โดยครอู ธิบายทม่ี าของคาํ น้ซี งึ่ ปรากฏอยูใน 1. หนแหง ฉายาไม บานเบิก ใจนา
วรรณคดเี รือ่ งลลิ ิตตะเลงพายวา หากเปนพธิ ีหลวงจะเรยี กวา “พระราชพิธตี ดั ไม 2. นางแยมหน่ึงแยมยาม หมดเทวษ
ขม นาม” มกี ารตงั้ ปะราํ เอกิ เกรกิ สง่ิ ทขี่ าดไมไ ด คอื ตน กลว ยตานยี อดมว น (ใบยอด 3. พิศโพน พฤกษพ บู
ยงั ออ นอย)ู กบั ไมต อ งนามขา ศกึ ตามตาํ ราโบราณไมท ตี่ อ งนามขา ศกึ จะดแู คช อื่ อกั ษร 4. แสงจนั ทร บ สองสมร
ตวั หนา หรอื ไมท กี่ าํ หนดไว ตรงกบั วนั เกดิ เชน สะเดาตรงกบั คนเกดิ วนั พธุ และศกุ ร
ตอ งสรา งรปู ปน ทท่ี าํ จากดนิ ใตส ะพาน ดนิ ทา นา้ํ ดนิ ปา ชา อยา งละ 3 แหง พรอ มทง้ั วิเคราะหค าํ ตอบ ขอ 1. ขอ 3. และ ขอ 4. ไมม คี ําใดทเี่ ปนชอ่ื
เขยี นนามขา ศกึ ลงยนั ตก าํ กบั ปลกุ เสกตอ อกี 3 คนื รปู ปน นจ้ี ะถกู ตดั ดว ยมดี พรอ มกบั ดอกไม แตมีคําทม่ี คี วามหมายอน่ื ท่ใี กลเ คยี ง ดังนี้ ขอ 1. “เฌอ”
ตนกลว ยและไมตองนามในวันพิธี แปลวา ตน ไม ขอ 3. “พบ”ู แปลวา ดอกไม และขอ 4. “สมร”
เมือ่ ครูอธิบายที่มาของคาํ นีแ้ ลวใหน กั เรยี นพิจารณาวา พิธีกรรม ความเชอื่ นี้สง ผล นางงามผูซ ึง่ เปนทีร่ กั ขอ 2. มีชือ่ ดอกไมว า “นางแยม” ตอบขอ 2.
ตอขวัญและกาํ ลังทางทหารอยา งไร และใหนักเรียนศึกษาคนควาจากเนื้อเรอื่ งลิลิต
ตะเลงพา ยเพิม่ เติมวา มพี ธิ ีกรรมใดอกี บา งที่ตองทํากอนออกศึก เพื่อสรา งขวัญและ
กําลงั ใจแกทหาร
116 คมู่ ือครู
กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
Explain
อธบิ ายความรู้
คำ� ศพั ท์ ควำมหมำย 1. นกั เรยี นพจิ ารณาทีม่ าของคาํ ศพั ทใ นวรรณคดี
เทยี ว เรือ่ งลลิ ิตตะเลงพา ย ซง่ึ สวนมากเปนคําบาลี
ธาตรี เวียนไปมา หรือไปมาบ่อยๆ ธงรปู กระบอก สนั สกฤต จากนนั้ นกั เรยี นจบั คกู นั แลว พจิ ารณา
ธเรศ แผน่ ดิน โลก ท่ีมาของคํา
ธมุ างค์ พระเจ้าแผน่ ดนิ • คําใดเปน บาลี คาํ ใดเปนสนั สกฤต
นพรัตน์ ควนั ฝนุ่ (แนวตอบ ตวั อยางการจําแนกคําทีเ่ ปน ภาษา
บางทเี รยี กวา่ นวรตั นห์ รอื เนาวรตั น์ หมายถงึ แกว้ เกา้ ประการ คอื บาลีและสนั สกฤต
นกั ษัตร เพชร ทับทมิ มรกต บุษราคมั โกเมน นลิ มุกดา เพทาย ไพฑรู ย์ • คําศัพททีม่ าจากภาษาบาลี เชน ธุมางค
เนา ดาวฤกษ์ นพรัตน บณั รสี เปนตน
บรรหาร อยู่ • คาํ ศพั ทท ม่ี าจากภาษาสันสกฤต เชน
บัณรสี ตรัส สั่ง ธเรศ นกั ษตั ร บตุ รทาร บุษยมาสดฤษถี
วัน ๑๕ ค�า่ เป็นวนั อุโบสถ (วันพระ) ปราโมทย เปน ตน )
2. ครสู ุมนักเรียน 3 - 4 คู ออกมานาํ เสนอ
การจาํ แนกคําหนาช้นั เรียน และใหเ พ่ือนๆ
ในชน้ั เรียนจดบนั ทกึ คําศัพทท เี่ พ่อื นนาํ มาเสนอ
เพมิ่ เตมิ
บตุ รทาร ลกู เมีย ขยายความเขา้ ใจ Expand
บษุ ยมาสดฤษถี เดือนย่ี คือ ราวเดือนมกราคม
ปจั จามติ ร ข้าศกึ นกั เรยี นรว มกันอภิปรายความสาํ คัญของ
ประนงั นอ้ ยแง่ มคี นอยรู่ วมกนั นอ้ ยคน ภาษาบาลสี นั สกฤตในคําประพันธ
ประพาฬ รัตนะหรอื แกว้ ชนดิ หนึ่งสีแดงอ่อน • การใชค ําภาษาบาลีสันสกฤตในวรรณกรรม
ประลาต หนไี ป ยอพระเกียรตมิ ีความเหมาะสมอยางไร
ปราโมทย์ บันเทงิ ใจ ปลืม้ ใจ (แนวตอบ การใชค าํ บาลีสันสกฤตใน
ปาฏบิ ท วนั ขน้ึ ๑ ค่�า หรือแรม ๑ คา่� วรรณกรรมยอพระเกียรติ จากความเชอ่ื ท่ีวา
ผ้าย เดนิ เปน คําทีศ่ ักด์สิ ิทธิ์ ภาษาบาลเี ปน ภาษาท่ี
เผือด จางไป หมองไป พระพุทธองคใชเผยแผพ ระธรรมคาํ สอน
สวนภาษาสนั สกฤตเปน ภาษาทใี่ ชใ นศาสนา
พราหมณ - ฮินดู เชื่อวา เปน ภาษาของเทพเจา
ดังนนั้ คําที่มาจากภาษาบาลีสันสกฤตจึงมี
ความเหมาะสมทจี่ ะใชในวรรณกรรมท่เี ชิดชู
พระเกยี รตขิ องพระมหากษตั รยิ อีกท้ังการ
117 ใชคําบาลีสันสกฤตยังชวยใหมกี ารใชค ํา
ในการประพันธมากข้ึน)
คําประพันธในขอใดหมายถงึ วนั พระขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT บรู ณาการอาเซยี น
1. เขา รววิ ารมหนั ต วันสิบเอ็ดข้นึ คา่ํ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉยี งใตน ับถอื พระพุทธศาสนา และการทาํ กิจกรรม
2. คํานึงนกึ บาปใกล วนั บณั รสีไซร ทางศาสนาในวนั พระ ซงึ่ี ในสมยั พทุ ธกาลเปน วนั ทพี่ ระพทุ ธองคอ นญุ าตใหม กี ารประชมุ
3. ยาํ่ รงุ สองนาฬก า เศษสังขยาหา บาท พระสงฆ วัน 8 คา่ํ 15 ค่ํา และอนญุ าตใหพระภกิ ษุสงฆประชมุ สนทนาและแสดง
4. ในบุษยมาสดฤษถี ศรีสวัสดฤี กษอ ุดม ธรรมเทศนาแกป ระชาชน โดยตามพระไตรปฎ กเรยี กวนั พระวา วนั อโุ บสถ (วนั 8 คา่ํ )
หรือวันลงอโุ บสถ (วัน 14 หรอื 15 คํา่ ) แลวแตกรณี ในประเทศไทยปรากฏหลกั ฐาน
วเิ คราะหค ําตอบ วนั พระกําหนดโดยถือการเปลีย่ นแปลงของ วา ไดมีประเพณีวันพระมาตัง้ แตสมัยสุโขทยั
พระจนั ทร จากเดือนเตม็ ดวงจนถงึ เดอื นมดื และกลับเปน เดือนเต็ม
ดวงอกี ครง้ั โดยคนื พระจนั ทรเต็มดวงเรียก ขนึ้ 15 ค่าํ พระจนั ทร ซึง่ ในปจ จุบนั คงเหลอื ธรรมเนยี มปฏิบัตอิ ยูแตเฉพาะประเทศท่นี บั ถือพระพทุ ธ-
คอยๆ ดบั นบั แรม 1 คา่ํ 2 คํ่า ตามลําดบั ถงึ 15 คํ่า เปน วนั ศาสนาเถรวาท เชน ศรลี งั กา พมา ไทย ลาว และเขมร (ในอดตี ประเทศเหลาน้ี
พระจนั ทรดบั พอดี จากน้นั เริม่ นับขึ้นจากวนั ขนึ้ 1 คา่ํ 2 คาํ่ จนถงึ ถอื วนั พระเปน วนั หยดุ ราชการ) โดยพทุ ธศาสนกิ ชนเถรวาทนบั ถอื วา วนั นเ้ี ปน วนั สาํ คญั
ขน้ึ 15 คา่ํ เปน วนั พระจนั ทรเ ตม็ ดวงอกี ครง้ั หนงึ่ เปน อันครบรอบ ทจ่ี ะถอื โอกาสไปวดั เพือ่ ทาํ บญุ ถวายภตั ตาหารแดพระสงฆและฟง พระธรรมเทศนา
1 เดือน ในท่นี ้ี วันบณั รสี หมายถึง วันพระ ซง่ึ ตรงกับ “คาํ นึงนึก ครูใหนักเรยี นศกึ ษาคน ควา วาประเทศในอาเซยี นทนี่ ับถอื พระพทุ ธศาสนามกี าร
ประกอบกจิ กรรมทางศาสนาในวนั พระอยา งไรบา ง ใหน กั เรยี นมานาํ เสนอแลกเปลย่ี น
บาปใกล วันบณั รสไี ซร” ตอบขอ 2. ความรูก ันในชั้นเรียน
คูม่ ือครู 117
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Explain Expand
อธบิ ายความรู้
นักเรยี นรวมกนั ตอบคําถามเก่ียวกบั คําศพั ทใ น คา� ศพั ท์ ความหมาย
เรือ่ งลลิ ิตตะเลงพาย ดังตอไปนี้
แผ้ว ท�าใหเ้ ตยี น สะอาด หรอื หมดสิน้ ไป หมดจด บริสุทธ์ิ
• นกั เรียนคดิ วา การเลือกใชค ําศพั ทใ นเร่อื งมี พก แผน่ ดิน พลิก คว�่า
ความเหมาะสมหรอื ไม อยางไร พบู กาย ตัว หน้า ดอกไม้ งาม ขาว
(แนวตอบ เหมาะสม เพราะคณุ คา ของวรรณศลิ ป พยหุ , พยู่ห์ กระบวน หม่ ู กองทัพ
ในวรรณคดีน้นั จะเดน ชดั อยูทีก่ ารเลือกใชคาํ พลวก พลัก่ ออกมา ทะลักออกมา เพราะเครอ่ื งปดิ กน้ั หลุดออก
การสรางศพั ทข องกวีกเ็ พือ่ ที่จะส่ือความรูสึก พวน เชือกเกลยี วขนาดใหญ ่ แนว
นกึ คดิ ออกมาไดอ ยา งเตม็ ท่ี และตามแบบฉบบั พชั รินทร์ พระอนิ ทร์
ของตวั เอง ทงั้ ถอยคาํ สาํ นวน และโวหาร พาหา แขน
รวมทง้ั กลวธิ กี ารส่อื ภาษา การสรรคํา การใช พิชัย ความชนะ
คาํ ศพั ทข องกวที าํ ไดห ลายวธิ ี เชน การแผลงคาํ พพิ ฒั น์ ความเจรญิ
การตัดคํา การเพมิ่ คําหรอื พยางค การใชคาํ
เอกโทษ คําโทโทษ การสลับเสยี งของคาํ
รวมทั้งการคิดคําศพั ทตา งๆ ขนึ้ มาใหม ทง้ั ใน
ลกั ษณะของสญั ลกั ษณ บุคลาธิษฐาน จงึ กลา ว
ไดว า การใชภาษาของกวีนบั วา เปน ภาษาท่ี
รุมรวยถอ ยคําโดยแท)
ขยายความเขา้ ใจ Expand พพิ ธิ ตา่ งๆ กัน
พริ ยิ ะ ทหาร นกั รบ คนกลา้
นกั เรียนพจิ ารณาเนือ้ เรื่องลิลิตตะเลงพา ย แลว ไพรินทร์ ขา้ ศึก (ทเ่ี ป็นกษตั รยิ ์)
ยกเนอื้ ความทม่ี กี ารใชคาํ เอกโทษ คําโทโทษ พริ าลยั ตาย ใชแ้ กเ่ จ้าประเทศราช สมเดจ็ เจา้ พระยา
(แนวตอบ ตัวอยา งเน้อื ความทม่ี กี ารใชค าํ เอกโทษ พลุก ชงาอ่ื ชรา้ัตงนะ1ชนิดหน่ึง สีเหลืองแกมเขียว น�า้ ตาล และเทา
คาํ โทโทษมรี ายละเอียด ดังตอไปนี้ ไพฑรู ย์ ปดิ กน้ั บงั
• การใชค ําเอกโทษ เฟีย้ ม ดวงอาทิตย์
“กองหนาอาจโจมประจญั ภาณมุ าศ ท่ปี รึกษา ผแู้ นะนา� ท่ีปรกึ ษาราชการ ขา้ ราชการชน้ั ผ้ใู หญ่
ใหพ ระยาสพุ รรณผา ยพยหู พปู ก ซา ยเมอื งธน” มนตรี
ในท่นี ้ีเขยี นใหต รงรูปวรรณยกุ ตจ ึงใช
คาํ เอกโทษวา “พู” ซ่ึงปกติเขยี นวา “ผ”ู 118
• การใชค ําโทโทษ
“ผันหลังแลน แผผ าน บ มผี อู ยตู า น
ตอ สูส กั ตน หน่งึ นา”
ในท่นี ี้เขียนใหต รงรปู วรรณยุกตจ งึ ใชค ํา
เอกโทษวา “ผา น” ซงึ่ ปกติเขียนวา “พาน”
แปลวา ไมเปน ระเบียบ พลกุ พลา น)
ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT
นกั เรียนควรรู คําทข่ี ดี เสน ใตในขอใดที่มคี ําศพั ทห มายถงึ พระอินทร
1. เบ่ยี งพระมาลาผิน หอ นพอ ง
1 รตั นะ แกว ทีถ่ ือวามีคาย่ิง รวมถึง คน สตั ว หรือส่งิ ของทถ่ี อื วาวเิ ศษและ 2. ไพรีสาดซอง โซรมปนไพไปต อ ง
มีคา มาก เชน รตั นะ 7 ของพระเจาจกั รพรรดิ ไดแ ก 3. พางพชั รนิ ทรไพจิตร ศกึ สรา ง
4. ฤๅรามเริม่ รณฤทธิ์ รบราพณ แลฤๅ
1. จักรรตั นะ หมายถึง จักรแกว
2. หตั ถิรัตนะ หมายถึง ชางแกว วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. พระมาลา แปลวา หมวก ขอ 2. ไพรี
3. อัสสรัตนะ หมายถงึ มาแกว แปลวา ขาศกึ ขอ 3. พัชรินทร มาจาก พัชร + อนิ ทร ซงึ่ แปลวา
4. มณิรตั นะ หมายถงึ มณีแกว พระอนิ ทร และขอ 4. รณฤทธ์ิ แปลวา การรบ ดงั นน้ั ขอ ทม่ี ี
5. อติ ถีรตั นะ หมายถงึ นางแกว ความหมายวา พระอนิ ทร คือ “พางพัชรินทรไพจติ ร ศกึ สราง”
6. คหปตริ ตั นะ หมายถึง ขนุ คลังแกว
7. ปริณายกรตั นะ หมายถงึ ขุนพลแกว ตอบขอ 3.
หรอื ในความหมายวา ของประเสรฐิ สดุ ของยอดเยยี่ ม เชน รัตนะ 3 คอื
พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ เปนแกว อันประเสริฐสดุ ของพทุ ธศาสนกิ ชน และใช
ประกอบคําอน่ื หมายถึง ยอดเยี่ยมในพวกนัน้ ๆ เชน บุรุษรัตน นารรี ตั น รัตนกวี
เปน ตน
118 คมู่ ือครู
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู้
คำ� ศพั ท์ ควำมหมำย 1. นักเรยี นอธบิ ายการใชค ําศัพทท่ีอา งถึงจาก
มุทธาภสิ ิตธาร วรรณคดีเร่อื งอื่น โดยยกบทประพันธป ระกอบ
น�้าสรงในพิธีพราหมณ์ส�าหรับงานพระราชพิธีมงคล เรียกอีกชื่อ • การอางถงึ วรรรณคดีเรอื่ งอ่ืนท่ีปรากฏใน
มหุดฤิ กษ์ คอื นา�้ มุรธาภเิ ษก วรรณคดเี รอ่ื ง ลลิ ิตตะเลงพา ย มสี าเหตุ
แมก่ ษตั ริย์ ฤกษ์ดี ยามดี มาจากอะไร พรอ มยกตัวอยา งประกอบ
เมิล ชอื่ แมน่ ้�าในเขตกาญจนบุรี (แนวตอบ การอา งถึงวรรณคดีเรอ่ื งอน่ื เปน
ยรรยง มอง ดู เพราะกวีไดร บั อทิ ธิพลทางความคดิ
ยอ งามสงา่ กล้าหาญ ความเชอ่ื เชน บางตอนทม่ี าจากเร่อื ง
ย่าน ตี รามเกียรติ์ ดังบทประพนั ธต อไปน้ี
ย�า่ สบิ เอ็ดสามบาท ทอ้ ถอย “งามสองสุริยราชลํา้ เลอพศิ นาพอ
เยีย่ งยุกด์ิ สบิ เอด็ ทมุ่ เทยี บได้กบั เวลาตหี ้ากับ ๑๘ นาที (๑ บาท = ๖ นาที) พา งพัชรนิ ทรไพจติ ร ศกึ สรา ง
เยยี ว ยุติธรรม รามเรมิ่ รณฤทธ์ิ รบราพณ แลฤๅ
ราพณ์ แม้วา่ ผวิ ่า ทกุ เทศทกุ ทิศอา ง อืน่ ไทไ ปเทียบ
รามราฆพ ยักษ์ ชอื่ เรียกทศกณั ฐ์ นอกจากนี้ ยงั สะทอ นใหเ หน็ ตาํ นาน
รังสฤษฏ์ พระราม กลางช้างของพระนเรศวร ความเชอ่ื ในคมั ภรี โ บราณดงั ทีป่ รากฏวา
รรปิตั 1พู สั ตร์ สร้าง แต่งตง้ั “พา งพชั รนิ ทรไพจติ ร ศกึ สราง”
เรอื ก ผ้าสแี ดง ผา้ ยอ้ มสแี ดง สา� หรบั ท�าผ้าคาด เข็มขัด พชั รนิ ทร หมายถึง พระอนิ ทร สวนไพจิตร
ข้าศกึ คอื ไพจติ ราสูรหรือพญาอสูรเวปจิตติ ซงึ่ มัก
ลบอง ไม้ไผ่ท่ีผ่าออกเป็นซีกๆ แล้วถักด้วยหวายส�าหรับปูพ้ืนหรือ จะยกทัพมารบกับพระอนิ ทร เพื่อชิงสวรรค
ละเลิง ก้นั เปน็ ร้วั พน้ื ที่ลาดหรือปูด้วยไมถ้ กั หวาย ชั้นดาวดึงสคนื เน่อื งจากถกู พระอนิ ทร
แบบแผน แบบฉบบั แต่ง ท�า แยง ชิงไป)
เหลงิ จนลมื ตวั เพราะลา� พองหรือคึกคะนอง
2. ครขู ออาสาสมัครนักเรยี นจํานวน 2 - 3 คน
119 ออกมานาํ เสนอหนาช้นั เรียน
ขยายความเขา้ ใจ Expand
นักเรยี นนาํ คําศัพทหนา 119 ท่ีปรากฏใน
วรรณคดีและวรรณกรรมเรอื่ งอื่น แลว อธบิ ายท่มี า
ของคําศัพทน นั้
(แนวตอบ คาํ วา “ราพณ” เปนคําศพั ทท่พี บไดใน
วรรณคดเี รือ่ ง รามเกียรต์ิ เปน ช่ือเรยี กทศกัณฑ)
ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู
คําท่ีขีดเสนใตใ นบทประพันธตอไปนีส้ ัมพนั ธก บั ขอใด
“รามเร่ิมรณฤทธ์ิ รบราพณ แล” ครูใหนักเรยี นฝก อา นตีความเนือ้ เรือ่ งทีม่ ลี กั ษณะคําประพันธป ระเภทรอ ยกรอง
1. เมอื่ น้ัน ทาวทศพกั ตรชาญสมร โดยเรมิ่ จากการคน หาความหมายของคาํ ศพั ทใ นเนอื้ เรอ่ื งซง่ึ มจี าํ นวนมากและเปน ศพั ท
2. เมอ่ื นน้ั องคพ ระจกั รกฤษณอดศิ ร ยาก ครใู หน กั เรยี นยกบทประพนั ธอ าจเปน โคลงหรอื รา ย แลว รวบรวมคาํ ศพั ทเ หลา นน้ั
3. เมื่อนนั้ พระกฤษณรุ ักษณเรืองศรี มาอธบิ ายความหมาย จากนนั้ ใหน กั เรยี นถอดคาํ ประพนั ธเ ปน ความเรยี งใหส ละสลวย
4. เม่อื นั้น พระสุรยิ ว งศองคนารายณทรงจกั ร ครแู นะเพมิ่ เตมิ วา การถอดคาํ ประพนั ธท ด่ี นี น้ั ตอ งอาศยั การตคี วามบรบิ ทเปน พนื้ ฐาน
คือ นกั เรยี นจะตอ งรคู ําศพั ทค วบคูกับการตีความบริบททช่ี วยสอื่ ใหเ ขา ใจความหมาย
วิเคราะหคําตอบ จากคําประพันธ ของคําศัพท โดยเฉพาะเมอ่ื มกี ารแปลงคาํ ศัพทตางๆ ใหเ ขา กับรูปแบบคาํ ประพันธ
“รามเร่ิมรณฤทธ์ิ รบราพณ แล”
ถอดคําประพนั ธไดว า พระรามสูรบกบั ทศกณั ฐ นกั เรียนควรรู
คําวา ราพณ หมายถึง “ทศกัณฐ” ขอ ท่กี ลาวถึงทศกัณฐ ซง่ึ มี
ลกั ษณะสบิ หนายสี่ บิ มือ คือ “เม่ือน้นั ทา วทศพักตรช าญสมร” 1 ริปู ขาศึก คาํ ทมี่ ีความหมายเหมือนคาํ นี้หรอื คําพอ งความหมายของคาํ น้ี เชน
เศิก ดสั กร ปจ นึก เส้ียนพารา อริ ปรปก ษ เส้ียนหนาม อมติ ร ไพรี ขา ศกึ
โดยคําวา “ทศพักตร” หมายถึง ทศกณั ฐ ตอบขอ 1. เส้ียนหนาม หลักตอ เปนตน
คมู่ ือครู 119
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
Expand Expand
ขยายความเขา้ ใจ
1. นกั เรยี นจบั คู กลมุ ละ 3 คน รวบรวมคาํ ศพั ท คา� ศพั ท์ ความหมาย
จากเรอื่ งลลิ ติ ตะเลงพา ยทม่ี คี วามหมายตรงตาม ละเวง
ท่ีกําหนดให ดังตอไปน้ี เลบง เฟ่ืองฟุ้ง เสยี งเสนาะ
• มา แล่นมา้ ลาด การเลน่ การศึกถือเป็นการกีฬาสา� หรับกษตั ริย์
(แนวตอบ ไดแ ก คาํ วา สินธพ หยั ) โลกุตร ขบั ม้าลาดตระเวน
• กษัตรยิ ล�ากะเพิน พน้ วิสยั ของโลก
(แนวตอบ ไดแ ก คําวา นราธปิ ขนุ เสียม ธเรศ) วลาหก ชือ่ ลา� น�้าในเขตกาญจนบุรี
• ขา ศกึ วิเชยี ร เมฆ
(แนวตอบ ไดแ ก คําวา เสี้ยน ริปู ดสั กร วบิ ลุ สายฟ้า เพชร อาวุธพระอนิ ทร์
ไพรนิ ทร) วภิ ูษติ เตม็ กว้างขวาง มาก
วเิ ลปน์ แต่งแล้ว ประดับแลว้
2. นกั เรียนรว มกันหาคาํ ศพั ทอ ื่นๆ ท่มี คี วามหมาย เวรัมภา การทา การลบู ไล้ เครอ่ื งลูบไล้
ตรงตามทก่ี าํ หนดใหเพิ่มเตมิ ลมพายุทพี่ ัดหมุนด้วยอ�านาจแห่งเวรกรรม เป็นลมร้ายที่พดั พา
(แนวตอบ คําท่ีมคี วามหมายวา มา กษัตรยิ เศวตฉัตร ให้บ้านเมอื งพนิ าศ
โศศรลเพก1ลงิ ฉัตรสขี าว เครือ่ งก้นั รม่ สีขาว เคร่อื งหมายสา� หรับกษัตรยิ ์
ขาศกึ มดี งั นี้ สมร ปืนไฟ
• มา เชน พาชี อศั วะ อาชา อสั ดร อัศว หยั สรวง คา� ประพันธส์ ันสกฤต คา� ขับร้องสรรเสรญิ เกียรติ
เปนตน สมิทธิมาตงค์ ร่วมตาย การรบ ดวงใจ ผู้หญิง
• กษัตรยิ เชน นโรดม มหบิ าล ราชา ภูมินทร สระเทินสระทก สวรรค์
นฤบาล วภิ ู เปนตน สะอ้งิ ชา้ งมีฤทธ์ ิ คอื ชา้ งเอราวณั ของพระอนิ ทร์
• ขาศกึ เชน อริ ปจจามิตร ปรปก ษ อรนิ ทร ประหมา่ พร่นั พรงึ
ขา เศกิ ไพรี ไพเรนทร เปน ตน ) 120 สายคาดเอว สรอ้ ยตวั
3. ครขู ออาสาสมคั รนักเรียนจาํ นวน 2 - 3 คน
ออกมานําเสนอหนา ช้ันเรียน
เกรด็ แนะครู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT
คําประพันธในขอ ใดมีความหมายวา “สราง” และ “แตง ตงั้ ”
ครูอธบิ ายใหน ักเรยี นเขาใจวา การใชคําราชาศพั ทใ นเร่อื งลลิ ิตตะเลงพา ยในการ 1. เสนอฤทธส์ิ องราชสู ศึกชางกลางสมร
บรรยายวาเรอ่ื งลลิ ิตตะเลงพา ยเปนเรอ่ื งที่มีมาตง้ั แตส มยั อยธุ ยาตอนตน ภาษาท่ใี ช 2. จงเฉลมิ แหลงพสธุ า เจรญิ รอด หงึ แฮ
จึงเปน ภาษาถ่ิน ประกอบกบั เปนเรอื่ งราวของกษัตริย คาํ ทใ่ี ชจ งึ เปนราชาศัพทท ่ีตอ ง 3. เสมอทพิ ยม าลยผ กา เก็บรอ ย
บรรยายการตอสูข องกษัตริย ซึ่งภาษาที่ใชนอกจากจะเหมาะสมกบั เนอ้ื เรอื่ งและ 4. รงั สฤษฎพระสถูปสถาน ท่มี ลา ง
รปู แบบแลว ยังตองเปน ถอยคาํ ทท่ี าํ ใหเ กดิ ความไพเราะ สรา งอารมณ ความรสู ึก
ใหผูอ านทราบถงึ พระเกยี รตยิ ศอนั ยงิ่ ใหญข องสมเด็จพระนเรศวรมหาราช วิเคราะหค าํ ตอบ ถอดคําประพนั ธใ นแตล ะขอ ไดดังนี้ ขอ 1.
สองกษตั ริยส ูศ กึ ชางท่ีกลางสมรภูมิ ขอ 2. จงฉลองแผน ดินให
นักเรียนควรรู เจรญิ มน่ั คงยาวนาน ขอ 3. เหมอื นเกบ็ หมมู วลดอกไมม ารอ ย ขอ 4.
สรา งพระสถูปท่รี บราฆาฟนกนั ตาย ดังนน้ั ขอทมี่ คี วามหมายถงึ
1 โศลก คําประพันธใ นวรรณคดีสนั สกฤต 4 บาท เปน 1 บท ตามปกตมิ ีบาทละ
8 พยางค การแตงโศลกนน้ั จะดจู ังหวะเปน หลกั แตล ะบาทแบงเปน 2 จังหวะ สรางและการแตงต้ัง คอื ขอ 4. ตอบขอ 4.
จังหวะละ 4 พยางค ไมเครงครัดในเร่ืองคาํ ครุ คําลหุ หรือสัมผัสของฉันทในตํารา
120 ค่มู ือครู
กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
Expand Expand
ขยายความเขา้ ใจ
คา� ศพั ท์ ความหมาย 1. นักเรยี นรวมกนั ยกบทประพันธท มี่ ีคําศพั ทท ี่
สลัดได1 นกั เรยี นสนใจ 3 - 4 คาํ เชน คาํ ทมี่ พี ยญั ชนะตน
สวัสดิ ชือ่ พรรณไม้ชนดิ หนง่ึ เสยี งเดียวกนั เปนตน นาํ มาใชใ นการแตงเปน
สังขยา ความด ี ความงาม ความเจริญ โคลงสสี่ ภุ าพ คนละ 1 บท โดยนกั เรยี นแตง เรอื่ ง
สังวาล การนบั การคา� นวณ ท่เี ชิดชพู ระเกียรตขิ องพระมหากษตั รยิ ไ ทย
สร้อยตัว เป็นเคร่อื งประดับชนิดหนงึ่ เหมอื นสายสร้อย
สาร ใช้คล้องสะพาย 2. นกั เรยี นนาํ คาํ ประพนั ธท น่ี กั เรยี นแตง มานาํ เสนอ
สายหยุด ช้าง หนาช้นั เรยี น เพ่ือแลกเปลย่ี นเรียนรกู นั
ชือ่ พรรณไมเ้ ลือ้ ย ดอกคลา้ ยกระดังงา มกี ลิ่นหอม
ส�ารด พอสายก็หมดกลน่ิ 3. นกั เรียนแตงโคลงสี่สภุ าพใหถกู ตองตาม
ลายของเสื้อครุย ผ้าทีป่ กั อย่างเดียวกับลายของเสือ้ ครุยใช ้ ฉันทลกั ษณแ ละเน้อื หา
สนิ ธพ คาดเอว บางทีเรียกวา่ สมรด
สบิ ทุ่ม มา้ พนั ธุด์ ี 4. นกั เรยี นนาํ โคลงทเี่ พ่อื นแตงมาฝก การวิเคราะห
สีมา ตสี ่ี วจิ ารณ และการประเมนิ คา งานวรรณกรรม โดย
สคุ นธ์ธาร เขต แดน เครอื่ งหมายของอาณาเขตโบสถ์ ยดึ หลกั เกณฑจากหนงั สือเรยี นหลกั ภาษาและ
สุงสุมาร นา�้ หอม การใชภาษา
เสนดั จระเข้
เสย้ี น ปืน 5. นักเรียนทาํ ตารางประเมินผลงานการแตงโคลง
เสนอสนองกล ข้าศึก ของเพอ่ื น โดยมอี งคป ระกอบ ดงั น้ี
หน้ั กราบทลู ถวายความคดิ เห็นตา่ งๆ • การใชภาษา
หัย (ภาษาถ่นิ เหนอื ) น้ัน • เน้ือหามีการนาํ เสนอแนวคิดตามทีก่ ําหนด
ม้า • รปู แบบคาํ ประพันธที่เปนโคลงส่ีสภุ าพ
121
ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู
ขอใดมีความหมายแตกตางจากขออ่ืน ครูแนะความรูเ กย่ี วกับคําศพั ทท่เี ปนชอ่ื พันธุไ มใ นวรรณคดีเรอ่ื งลิลติ ตะเลงพา ย
1. ทรงคชเอราวณั ใหน ักเรยี นฟง วา พันธไุ มท่ปี รากฏในเรือ่ ง ไดแก มะปราง รัก ชอ งนางคลี่ อโศก
2. ขึ้นทรงกุญชรสงา งาม อบเชย ขานาง กระทมุ เกด เลบ็ มอื นาง ตอง (กระทอ น) ชงโค มะเดื่อ ซอ นกลน่ิ
3. ควาญชางคชสารนั่งรอ ตาด สลาลิง (หมากลิง) สวาด สลดั ได สละ รวก (ไผ) มะไฟ นางแยม มะตมู
4. ทรงสนิ ธพมโนมยั หยั รณ สายหยดุ สุกรม นมสวรรค ครใู หน กั เรยี นจดบันทึกชอื่ พนั ธุไมเ หลา นล้ี งสมดุ
วเิ คราะหคาํ ตอบ ขอ 1. หมายถงึ ชา งท่งี ดงามและมีพลงั อํานาจ
เหมือนชางเอราวณั ขอ 2. กญุ ชร หมายถงึ ชา ง ขอ 3. กลาวถงึ นักเรียนควรรู
ควาญชาง และขอ 4. คําวา สินธพ หมายถึง มาพนั ธุ มโนมัย
และหยั หมายถงึ มา เชน กัน ดงั นน้ั ขอ ท่แี ตกตา ง คอื ขอที่ 1 สลดั ได เปนพนั ธุไ มป ระดบั อีกชนดิ หน่ึง ท่เี ปนพืชสมุนไพรรักษาโรคได ตน พชื
ชนิดน้ี เมอ่ื นํามาใชจ ะตอ งมีความระมัดระวงั เปนอยา งมาก เพราะสว นท่เี ปน ลําตน
กลาวถึง มา ตอบขอ 4. ก่งิ กาน ดอกของสลดั ไดจะมยี าง และยางนจ้ี ะมีพิษคอนขางรุนแรง แตหากใชให
ถูกวิธกี จ็ ะใหป ระโยชนม าก
ค่มู ือครู 121
กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
Expand
ขยายความเขา้ ใจ
1. นกั เรยี นบอกความหมายของคาํ ศพั ทท เ่ี ปน คาํ คา� ศพั ท์ ความหมาย
วเิ ศษณใ นเรอื่ งลลิ ติ ตะเลงพา ยทยี่ กมา 5 คาํ หา้ ว กรา้ ว แก ่ กลา้ มุทะลุ มเี สียงดัง
และแตง กลอนสภุ าพ 1 บท หึง นาน
(แนวตอบ ตวั อยางคําศพั ทท่ีเปน คาํ วิเศษณ เชน หนื่ เหิมใจ ยินดี ร่าเรงิ ชน่ื ชม
• ถับ แปลวา ทนั ใด เร็ว พลัน อดุล ช่งั ไม่ได้ ไมม่ อี ะไรเปรยี บ ไม่มีอะไรเท่า
• เผอื ด แปลวา จางไป อรนิ ทร์ ผู้เป็นใหญ่ฝ่ายข้าศึก มักหมายถึงพระราชาหรือเจ้าเมืองของ
• ทรหึงทรหวล แปลวา นาน เสียงเอ็ดองึ ฝ่ายตรงขา้ ม
เสียงดังปนปว น อลงการ การตกแต่ง การประดับ เครือ่ งตกแต่ง เครือ่ งประดับ
• หา ว แปลวา กรา ว แก กลา มทุ ะลุ มเี สียงดงั งามด้วยเคร่ืองประดับ
• เถกงิ แปลวา สงู ศกั ด์ิ รุงเรือง กกึ กอง) อวตาร แบง่ ภาคลงมาเกดิ การลงมาเกดิ การแบง่ ภาคมาเกดิ
ออกญา1 (ใช้กับพระนารายณ์)
2. ครพู จิ ารณาการนําคําศัพทท ่ีนักเรยี นยกมาแตง ต�าแหน่งหัวหน้าข้าราชการ บรรดาศักด์ิช้ันสูงที่พระราชทานใน
คําประพนั ธใ หถ ูกตอง ตรงตามความหมายของ ออกอเรนทร์ สมัยอยธุ ยา
คําและฉนั ทลกั ษณ อสั ดง ศัตรูทางทิศตะวนั ออก คือ เขมร
อปั ระมาณ ทศิ ตะวนั ตก ตกไป
ตรวจสอบผล Evaluate อุรเคนทร์ อบั อาย
ไอศูรย์ ง ู พญานาค2
1. นกั เรียนรวบรวมคาํ ศัพทท่มี าจากภาษาบาลี อนสุ นธิ ความเปน็ เจ้าเป็นใหญ ่ ความเปน็ พระเจา้ แผน่ ดนิ อา� นาจ
สนั สกฤต ภาษาเขมร ท่ปี รากฏในวรรณคดี ต่อเนื่อง
เรอื่ งลลิ ติ ตะเลงพา ย พรอ มกบั อธบิ ายความหมาย
ของคาํ ศัพทนั้น
2. นกั เรยี นแตง คําประพันธป ระเภทกลอนสุภาพ
ชนดิ คาํ วิเศษณจ ากคําศัพทในบทเรียนได
122
นักเรียนควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
1 ออกญา บรรดาศกั ด์ิชั้นสงู ทีพ่ ระราชทานในสมยั อยธุ ยา สูงกวา “ออกพระ” “สองธาํ รงราชประยูร พนู โภไคยในกรงุ ผดุงภูแผนสยาม
เขา ใจวามาจากเขมร โดยคาํ วา “ออก” ทีเ่ ติมหนา บรรดาศักดส์ิ มัยโบราณ มกั เปนคาํ นามสทุ ัศนเทพนคร บวรทวาราวดี ศรอี ยุธเยศยง ดิลกอลงกตภพ
แสดงความอาวุโสในบรรดาศกั ดน์ิ นั้ แตยังไมไ ดเลื่อนขน้ึ ไปยังบรรดาศกั ด์ิที่สูงกวา นพรัตนราชธานี บูรรี มยสถาน...”
ขอใดมคี ําทม่ี คี วามหมายเหมือนคําวา “อลงกต”
2 พญานาค เปน สตั วใ นเทพนยิ ายจาํ พวกหนงึ่ คมั ภรี ป รุ าณะตา งๆ ของอนิ เดยี 1. พรายแพรวแกว นว้ิ ทา น มรงค
กลา ววา นาคเปน สตั วค รงึ่ เทพ มหี นา เหมอื นมนษุ ยแ ละมหี างเหมอื นงู ลาํ คอแผอ อกไปได 2. นพรัตนร ตั นควรคง คหู ลา
เหมอื นงเู หา แผพ งั พาน ในวรรณคดเี รอ่ื งลลิ ติ โองการแชง นาํ้ ซง่ึ เปน วรรณคดสี มยั อยธุ ยา 3. มาลาลกั ษณะผจง กรวกิ วาลแฮ
ตอนตน กลา วถงึ “นาค” โดยเรยี กนาควา เงอื ก คอื งู ตามคตขิ องอนิ เดยี ทวี่ า พระศวิ ะ 4. เสร็จเสดจ็ สูเกยถา ฤกษผายพลหาญ
มนี าคเปน สงั วาล ความวา
“โอมปรเมศวรา ผายผาหลวงอะครา ว วิเคราะหค ําตอบ ขอความขางตน กลา วถึง สองกษตั ริยทรงบํารุง
ทา วเสดจ็ เหนอื ววั เผอื ก เอาเงอื กเกยี้ วขา ง แผนดินสยาม คาํ วา “อลงกตภพ” หมายความวา บานเมอื งที่แตง
อา งทดั จนั ทรเ ปน ปน ...” งดงาม” ดงั นน้ั คาํ วา “อลงกต” จงึ มคี วามหมายวา แตง ซง่ึ เหมอื น
กับคําวา “ผจง” ในขอ 3. ที่ถอดความไดว า หมวกประดับดว ย
ขนนกการเวก ตอบขอ 3.
122 ค่มู อื ครู
กกรระตะตนุ้ E้นุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore Engage
กระตนุ้ ความสนใจ
๗. บทวเิ คร�ะห์ ครูสนทนาซกั ถามกระตนุ ความสนใจ ดงั นี้
• นกั เรยี นทราบหรือไมว า กอ นการประพันธ
๗.๑ คณุ คา่ ดา้ นเน้ือหา
เร่ืองลิลิตตะเลงพายมีวรรณคดีลลิ ิตเรื่องใด
๑) รูปแบบ ลิลิตตะเลงพ่ายแต่งเป็นลิลิตสุภาพ ประกอบด้วยร่ายสุภาพและโคลง (แนวตอบ รูปแบบของลลิ ติ นั้นมมี าตั้งแตสมัย
สภุ าพ ได้แก ่ โคลงสองสภุ าพ โคลงสามสภุ าพ และโคลงสี่สุภาพสลับกนั ตามความเหมาะสมของ อยธุ ยา และลิลติ ทเ่ี ปน แบบฉบับของลิลติ
เน้ือหา ลิลิตตะเลงพ่ายเป็นวรรณคดีแนวประวัติศาสตร์และเป็นวรรณกรรมเฉลิมพระเกียรติที่ ก็คอื ลิลิตยวนพา ย เปน การเฉลมิ พระเกยี รติ
มงุ่ สดดุ วี รี กรรมของสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช การทผี่ แู้ ตง่ เลอื กใชค้ า� ประพนั ธป์ ระเภทรา่ ยสภุ าพ สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ แตกตา งกนั ท่ี
และโคลงสุภาพในงานประพันธ์ จึงนับว่าเหมาะสมอย่างย่ิงเพราะค�าประพันธ์ทั้งสองประเภทนี้ ลักษณะของลิลติ คือ ลิลติ ยวนพา ยนั้นแตง
นยิ มใชใ้ นการพรรณนาเร่ืองราวที่สงู ส่ง ศักดิส์ ทิ ธิ์ เปนลลิ ิตดนั้ ซึง่ ประกอบดวยรายดนั้ และ
โคลงสีด่ ้ันบาทกุญชร)
๒) องคป์ ระกอบของเรอื่ ง
๒.๑) สาระ แก่นส�าคัญของลิลิตตะเลงพ่าย คือ การยอพระเกียรติสมเด็จ สา� รวจคน้ หา Explore
พระนเรศวรมหาราชในด้านพระปรีชาสามารถทางการรบ โดยการกระท�าสงครามยุทธหัตถีกับ 1. นกั เรียนแบงกลุมจํานวน 6 กลุม แตล ะกลุม
พระมหาอุปราชาแห่งกรุงหงสาวดีและได้รับชัยชนะอย่างงดงาม นอกจากพระปรีชาสามารถ รว มกันศกึ ษาคุณคา ดานเนื้อหาของลลิ ติ
ททาศงพกธิ ารรารชบธแรลรว้ ม ผ ๑แู้ ๐ต ง่ ปยรงั ไะดกเ้านร1น้ สพังรคะหปวรตัชี ถาสุ ๔าม ปารรถะกในาดร า้ แนลกะาจรกัปรกวครรรอดงิวแัตลระ พ๑ร๒ะ จปรรยิ ะวกตั ารรอนั กอปรดว้ ย ตะเลงพาย ในประเดน็ องคป ระกอบของเรอื่ ง
จากหนังสอื เรียน หนา 123-127 ดังน้ี
๒.๒) โครงเรอ่ื ง ลลิ ติ ตะเลงพา่ ยเปน็ วรรณคดเี ฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระนเรศวร • กลุม ท่ี 1 สาระของเร่ือง
มหาราช ซ่งึ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานชุ ิตชิโนรสทรงนา� มาจากประวตั ิศาสตร ์ โดย • กลุม ท่ี 2 โครงเร่อื ง
มีขอบเขตก�าหนดเน้ือหาไว้เพียงเรื่องการท�าสงครามยุทธหัตถี แต่เพื่อมิให้เน้ือเร่ืองขาดชีวิตชีวา • กลมุ ที่ 3 ตัวละครสมเดจ็ พระนเรศวร
จึงทรงเพิ่มเติมเรื่องที่ไม่ใช่การสงครามเข้าไป เน้ือหาที่ส�าคัญเป็นหลักของเร่ือง “ตะเลงพ่าย” • กลมุ ท่ี 4 ตัวละครพระมหาอปุ ราชา
คือการด�าเนินความตามเค้าเร่ืองในพงศาวดาร ได้แก่ การท�าสงคราม การต่อสู้แบบยุทธหัตถี • กลุมที่ 5 ฉากและบรรยากาศ
การจัดทัพ และรายละเอียดต่างๆ ซ่ึงเป็นไปตามต�าราพิชัยสงครามและโบราณราชประเพณี • กลมุ ที่ 6 กลวิธีการแตง
ทกุ อยา่ ง สา� หรบั เนอื้ หาทเ่ี ปน็ สว่ นเพม่ิ เตมิ หรอื สว่ นเสรมิ เรอื่ ง คอื สว่ นทปี่ ระพนั ธเ์ ปน็ ลกั ษณะนริ าศ
ซึ่งมีการพรรณนาเก่ียวกับการเดินทางและการคร่�าครวญอาลัยถึงนางผู้เป็นที่รักผ่านบทบาทของ 2. นักเรียนศกึ ษาประเดน็ ตอไปนี้
พระมหาอุปราชา • การสรรคาํ
• การใชโ วหาร
๒.๓) ตวั ละคร • ธรรมชาตขิ องมนษุ ย
สมเด็จพระนเรศวร • ขนบธรรมเนียมประเพณี
(๑) มีความเป็นนักปกครองที่ดี ทรงเลือกใช้คนโดยพิจารณาจากคุณวุฒิ • ความเชอ่ื ของสงั คมไทย
• ขอคดิ เพอื่ นําไปใชในการดาํ รงชวี ิต
รวมถงึ ทรงปรับปรงุ ต�าราพชิ ยั สงครามจากของเดมิ ใหเ้ หมาะสม และรัดกุมมากยิง่ ข้ึน นอกจากนี้ • เหตุการณสําคัญทางประวัตศิ าสตร
จากบทประพนั ธบ์ างตอนยงั แสดงใหเ้ หน็ วา่ ทรงเปน็ นกั ปกครองทพี่ รอ้ มรบั ฟงั ความเหน็ ของขนุ นาง
และข้าราชบรพิ าร ดงั บทประพันธ์
123
บูรณาการเชอ่ื มสาระ นกั เรียนควรรู
ครูบูรณาการเช่ือมความรเู ร่อื งหลักธรรมะของผปู กครอง 1 ทศพธิ ราชธรรม 10 ประการ เปน ธรรมะทบ่ี ญั ญัตขิ น้ึ กอ นสมยั พทุ ธกาล
อันไดแ ก ทศพิธราชธรรม 10 ประการ สงั คหวัตถุ 4 ประการ อาจกลา วไดวา เปน ปรัชญาทางการเมืองการปกครองของโลกตะวนั ออกท่วี างกรอบ
และจกั รวรรดิวตั ร 12 ประการ เขากับกลมุ สาระการเรียนรู ปฏบิ ตั หิ รือธรรมนูญของผมู อี าํ นาจปกครอง ตอมานักปราชญท างพระพทุ ธศาสนาได
สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรอ่ื งเกีย่ วกบั หลกั ธรรมของ รบั เขา ไวเ ปน ธรรมะในศาสนาของตน
ผปู กครองทช่ี ว ยคาํ้ จนุ ใหป ระเทศชาตสิ งบสขุ ซงึ่ เปน สง่ิ ทมี่ มี าตงั้ แต
สมยั โบราณ ผปู กครองบานเมอื งยดึ ถอื หลกั ธรรมดังกลาวมาเปน จารีตประเพณีในสังคมไทยมักเนนยาํ้ ถงึ ทศพธิ ราชธรรม 10 ประการของ
เวลานาน โดยเหน็ ไดจ ากคณุ ธรรม ภาระหนา ทข่ี องสมเดจ็ พระนเรศวร ผปู กครองบา นเมืองเปนพเิ ศษ ในพระราชพธิ บี รมราชาภิเษกหรือพระราชพิธีเฉลมิ
มหาราชและสมเดจ็ พระเอกาทศรถในวรรณคดเี รอ่ื ง ลลิ ติ ตะเลงพา ย พระชนมพรรษา สมเด็จพระราชาคณะผูถวายพระธรรมเทศนามงคลวิเศษกถา
ครูเชอื่ มโยงหลักธรรมดงั กลา วใหส อดคลอ งกับคณุ ลักษณะของ กจ็ ะตองนําธรรมดงั กลา วมาอธิบายขยายความ แสดงถวายพระมหากษตั รยิ อยู
ทัง้ สองพระองค แลวใหนกั เรยี นสรปุ ประเดน็ นลี้ งสมุด เสมอ การละเลยหรือหละหลวมในวตั รปฏิบัตเิ หลาน้ี เช่ือกันวา จะกอ ใหเกิดความ
ระสาํ่ ระสายในโครงสรา งแหง อาํ นาจทงั้ เบ้อื งบนและเบ้ืองลา ง จนกระทงั่ ในที่สุดอาจ
กอใหเ กิดความวุน วายแกส ังคมมนษุ ยหรือบานเมืองได
คู่มือครู 123
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู้
1. นกั เรยี นกลมุ ที่ 1 สงตวั แทนออกมาอธบิ าย ๏ ทั้งมวลหมูม่ าตยซ์ อ้ ง สารพลนั
สาระสาํ คญั ของเรอ่ื ง ซึง่ กลา วถงึ การยอ เลือ่ งหล้า
พระเกียรตสิ มเดจ็ พระนเรศวรมหาราชท้ังใน ทลู พระจอมจรรโลง มาเทียบ ถวายแฮ
ดานการรบและดา นการปกครอง จากนนั้ บนั ทึก แถลงลกั ษณะปางบรรพ ์ เศกิ ไซร้ไกลกรุง
ความรลู งสมดุ แนะทค่ี วรเสด็จค้า ทลู ถวาย
(แนวตอบ พระปรีชาสามารถของสมเด็จพระ โอษฐ์พร้อง
นเรศวรมหาราชดา นการปกครองและการรบ ๏ โทไทท้ รงสดบั ถ้อย เหมอื นตริ ตูนา
มีดังนี้ ต่อน�้าใจตู
• ดานการปกครอง ภายหลงั ที่สมเดจ็ พระ ถูกหฤทัยทา่ นผาย
นเรศวรมหาราชไดข ึน้ เสวยราชสมบตั ิ ทรง สูตรกิ ต็ รงหมาย
เตรียมไพรพ ลยกทัพไปตีเมอื งละแวก แตเ มือ่ ตร ิ บ่ ต่างกนั ตอ้ ง
ทรงทราบขา ววา ทัพพระมหาอุปราชาและเจา
เมอื งเชยี งใหมย กมากท็ รงเปลยี่ นแผนโจมตที พั ทรงรอบรู้เรื่องกระบวน(๒ศ)ึกม ีคกวาารมจเัดปทน็ ัพน กั รกบา รสเคมลเดื่อจ็นพทรัพะน เกราศรวตรท้ังครง่าเยปต็นานมกั ตร�าบรทาีแ่ พทิช้จัยริงส งเคพรราามะ1
หงสาวดีแทน ท้ังนี้เพราะทรงยอมรับฟง ความ ทส่ี า� คญั คอื พระองคม์ คี วามกลา้ หาญ เดด็ เดยี่ ว ไมห่ วน่ั เกรงตอ่ ขา้ ศกึ แมจ้ ะอยใู่ นลกั ษณะเสยี เปรยี บ
คดิ เหน็ ของเหลาขุนนาง และทรงมคี วามเปน ก็ไม่เกรงกลัว แต่กลับใช้บุคลิกภาพอันกล้าหาญของพระองค์เผชิญกับข้าศึกด้วยพระทัยท่ีมั่นคง
ผูนําสงู ในการตัดสนิ ใจ ควบคมุ พลทหารอยา ง เข้มแขง็ ดังบทประพันธ์
เขม งวด เปนท่เี คารพยําเกรงของผูใ ตบ ังคบั
บัญชา ดังเห็นไดจ ากเมอ่ื การศึกจบลง ๏ สองสรุ ิยพงศผ์ ่านหลา้ ขบั คเชนทร์บ่ายหน้า
แลวทรงมคี ําส่งั ใหลงโทษแมทัพนายกองทต่ี าม พกั ตร์ท่านผ่องฤๅเศรา้
เสด็จไมทัน แขกเจา้ จอมตะเลง แลนา โซรมปนื ไฟไป่ต้อง
• ดา นการรบ ทรงเชีย่ วชาญดา นการรบยิ่งนกั
ทรงวางแผนในการทาํ ศึกอยางรอบคอบ ๏ ไปเ่ กรงประภาพเท่าเผ้า
สามารถแกไ ขสถานการณที่ประสบปญ หา
หรือเปน ฝา ยเสยี เปรยี บได) สู่เสย้ี นไปห่ น ี หนา้ นา
2. นักเรยี นกลมุ ท่ี 2 สง ตวั แทนออกมาอธิบาย ๏ ไพรเี รง่ สาดซ้อง
โครงเรอ่ื งของลิลิตตะเลงพา ย ในประเด็นของ
การเติมสีสันลงในสงครามยทุ ธหัตถี ดวยการ ตนื่ เต้าแตกฉาน ผ้านนา
พรรณนาฉากการรบ การจดั ทพั ซง่ึ มกี ลวิธี
การใชภาษาทม่ี ีความโดดเดนดา นวรรณศิลป (๓) มีพระปรีชาญาณ คือ ความฉลาด รอบรู้ มีไหวพริบ สมเด็จ
คอื นาํ เสนอเนอ้ื หาทาํ นองนริ าศผา นการ พระนเรศวรทรงมีพระปรีชาญาณในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการท�าศึกสงคราม
พรรณนาอารมณ ความรสู กึ ของพระมหาอปุ ราชา พระองค์ทรงสุขุม รอบคอบ ท�าการศึกโดยไม่วู่วามขาดสติ ทรงพิจารณาอุบายกลศึกด้วย
จากนัน้ นกั เรียนบันทกึ ความรูลงสมุด ความรู้และประสบการณ์อยา่ งแทจ้ ริง ตอนทแ่ี สดงใหเ้ หน็ ความมีพระปรีชาญาณของพระองค ์ เชน่
ตอนทพ่ี ระองค์ตกอยใู่ นวงลอ้ มของข้าศกึ พระองค์ทรงเหน็ นายทพั ฝ่งั ตรงข้ามท่ีข่ชี า้ งมฉี ัตรกน้ั ถงึ
กสิบ็เหห็นกนคานยสทิบัพหคกนเชหือนกึ่ง ขยี่ชา้ากงทม่ีจีฉะัตแรยกก้ันแอยยะู่ใไตด้ร้ว่ม่าใไคมร้ขเ่อปย็น2 ใคมรีพ ลแทตห่ดา้วรยสพ่ีเรหะลป่ารเีชรียาญงราาณยอแยลู่จะช�าน่างวสนังมเกาตก
จงึ คาดว่านายทัพคนนัน้ คอื พระมหาอุปราชาแน่นอน จึงตรงเข้าไปทรงทา้ พระมหาอปุ ราชากระทา�
ยุทธหัตถีด้วยวาจาสุภาพ อ่อนโยนและให้เกียรติ ซึ่งแสดงถึงพระปรีชาญาณและไหวพริบของ
พระองค์อยา่ งดยี ่งิ ดงั บทประพนั ธ์
124
นกั เรยี นควรรู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
ขอใดไมใช ลกั ษณะของโครงเร่อื ง
1 ตําราพิชัยสงคราม เปนตาํ ราทม่ี ีเนอ้ื หาเกย่ี วกับยทุ ธศาสตรและยทุ ธวิธกี ารรบ 1. เปน พงศาวดารดา นการทาํ สงครามยทุ ธหตั ถี
เชน การรุก การต้ังรบั การแปรขบวนทัพ การใชอบุ ายทาํ ลายขาศกึ บางตํารามัก 2. เปน วรรณคดเี ฉลิมพระเกยี รติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ใสเ นอ้ื หาท่ีเปนความเช่อื ทางดานโหราศาสตรเขามาประกอบ เชน การดฤู กษยาม 3. เปน ตาํ ราพชิ ัยสงครามตามพระราชประเพณีการจดั ทัพ
เคลอ่ื นทัพ การทําพิธีขม ขวญั ขาศึก และบาํ รงุ ขวญั ฝา ยตน รูปแบบการประพันธ 4. พระมหาสมณเจา กรมพระปรมานุชิตชโิ นรสนิพนธเรือ่ งราว
มีทงั้ รอยแกว และรอ ยกรอง ตามประวตั ิศาสตร
2 ขอย เปน ไมต นขนาดเลก็ ถงึ กลาง สูง 5 -15 เมตร ไมผลัดใบ ลําตนคอ นขาง วเิ คราะหคําตอบ โครงเรอ่ื ง คอื ลาํ ดบั หรอื ทศิ ทางของเรอ่ื งทว่ี างไว
คดงอ เปน ปุมปม รปู ทรง (เรือนยอด) พุม กลม แนนทึบ พบทัว่ ไปในทรี่ าบ ในปา เปน กรอบ เปน แนวทางในการสรางเรื่อง ขอทีจ่ ัดไดวาเปน ลกั ษณะ
เบญจพรรณแลง จนถงึ ปาดิบแลง ทว่ั ไป ซึ่งเปนพนื้ ท่สี ูงจากระดับน้าํ ทะเลปานกลาง โครงเร่ือง ไดแ ก ขอ 1. กรอบเรือ่ งเก่ียวกบั สงครามยุทธหัตถี ขอ 2.
20 - 600 เมตร พบในลาว พมา เขมร ทิศทางของเร่อื ง คอื เฉลมิ พระเกยี รติสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช
ขอ 4. พระมหาสมณเจา กรมพระปรมานชุ ิตชโิ นรสทรงวางกรอบ
เนอ้ื ไมข อ ยในสมยั โบราณนยิ มนาํ มาทาํ กระดาษขอ ย ลาํ ตน ปลูกเปนแนวกันลม ของเรอื่ งตามประวัติศาสตร ขอ ทไ่ี มใชลกั ษณะโครงเรื่อง คอื ขอ 3.
ปองกนั การพังทลายของหนาดนิ ใหความรม รืน่ หรือนํามาปลกู เปนไมดัด ไมแ คระ ตําราพิชัยสงครามซง่ึ เปน รายละเอียดในเร่อื ง ตอบขอ 3.
ของไทยมาแตโ บราณจนถึงปจ จุบนั และเชอ่ื กนั วา ปลกู ตน ขอ ยไวป ระจําบา นจะ
ทาํ ใหเกดิ ความมั่นคง ชวยปองกันศตั รูจากภายนอกได
124 คมู่ อื ครู
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู้
๏ ปนิ่ สยามยลแท้ทา่ น คะเนนึก อยนู่ า 1. นักเรยี นกลุม ที่ 3 สง ตวั แทนออกมาอธิบาย
นกั โนน้ ลักษณะตัวละครสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช
ถวลิ วา่ ขนุ ศึกส�า- แลหลาก หลายแฮ ดังน้ี
ทวยทัพเทยี บพันลึก เพ่งเพี้ยนพิศวง • สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ครบเครือ่ งอปุ โภคโพน้ (แนวตอบ พระองคท รงเปนทงั้ นกั ปกครองที่ดี
ทรงมีความเปนนักรบและมีพระปรชี าญาณ)
พระมหาอุปราชา
(๑) เป็นลูกกตัญญู พระมหาอุปราชาทรงเกรงสมเด็จพระนเรศวรใน 2. นกั เรียนกลมุ ท่ี 4 สงตัวแทนออกมาอธบิ าย
เรอ่ื งฝมี อื และความอาจหาญ แตจ่ า� เปน็ ตอ้ งยกทพั มาตกี รงุ ศรอี ยธุ ยา เพราะขดั พระบรมราชโองการ ลักษณะตัวละครพระมหาอปุ ราชา ดงั นี้
ไม่ได้ ในระหว่างเดินทัพมาได้เกิดลางร้ายต่างๆ พระมหาอุปราชาเกิดความโศกเศร้าเสียพระทัย • พระมหาอปุ ราชา
เพราะไม่มนั่ พระทัยวา่ จะไดร้ ับชยั ชนะ ท�าใหท้ รงห่วงใยพระราชบดิ ายิ่งนัก ข้อความท่แี สดงให้เห็น (แนวตอบ พระมหาอุปราชาน้นั บุคลกิ ของ
ความกตญั ญูของพระมหาอุปราชา คือ ตอนทีค่ ร�า่ ครวญถงึ พระราชบิดาว่าจะว้าเหวแ่ ละขาดคู่คดิ พระองคทรงเปน พระโอรสท่ีกตญั ู
ในการทา� สงคราม และพระองค์เองกไ็ มส่ ามารถทดแทนบุญคุณของพระบดิ าได้ ดังบทประพนั ธ์ มพี ระทยั ออ นไหว แตมขี ัตตยิ มานะถอื ตวั
วาเปนกษตั รยิ และตระหนกั ในหนาทีข่ อง
๏ พระเนานคั เรศอา้ เอองค์ ตนเปนอยา งดี แมจ ะทรงหวาดหวั่นจาก
ครู่ ้อน การทาํ นายทายทกั แตดว ยขตั ติยมานะของ
ฤๅ บ ่ มีใครคง ฤๅลุ แลว้ แฮ กษัตรยิ ทรงพยายามขม ใจสู ไมทอ ถอยทจ่ี ะ
จกั รจิ กั เรมิ่ รงค์ จักแค้นคับทรวง เอาชนะ)
พระจกั ข่นุ จักข้อน ภวู ดล
บอ่ นใต้
๏ พระคณุ ตวงเพยี บพ้นื ชบุ ชพี มานา
กลับเตา้ ตอบสนอง
เตม็ ตรลอดแหลง่ บน
พระเกิดพระก่อชนม ์
เกรง บ่ ทนั ลกู ได้
(๒) มีพระทัยอ่อนไหว พระมหาอุปราชาทรงระทมทุกข์มาก ไม่ต้องการ
ออกรบ เพราะเสียขวัญก�าลังใจจากการที่โหรท�านายว่าจะถึงฆาต สูญเสียความภูมิใจในฐานะ
พระราชโอรสแหง่ กษตั รยิ ห์ งสาวด ี เพราะถกู เยาะเยย้ ใหอ้ บั อายในทปี่ ระชมุ ขนุ นาง พระองคท์ รงมแี ต่
ความเศร้าโศกเสียพระทัยทีต่ ้องจากบา้ นเมอื ง จากความสขุ สบายทเ่ี คยไดร้ ับ เมอ่ื ใช้ชวี ติ อยู่ในวัง
พรั่งพร้อมดว้ ยพระสนม เพราะเปน็ คนทอี่ อ่ นไหวในอารมณ์ ท�าให้ระทมทกุ ข์ ขณะเดินทางก็คิดถงึ
นางอันเป็นที่รักด้วยความอาลัยอาวรณ์ตลอดเวลา พบเห็นส่ิงใดก็อดไม่ได้ท่ีจะน�ามาเปรียบเทียบ
กับความรกั ความคิดถงึ ทพ่ี ระองคม์ ใี หแ้ กพ่ ระสนม ดงั บทประพนั ธ์
125
ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เกร็ดแนะครู
คาํ ประพนั ธใ นขอ ใดมลี กั ษณะทางวรรณศลิ ปโ ดดเดน ทส่ี ดุ
1. พระเนานคั เรศอา เอองค ครแู นะใหน กั เรยี นพจิ ารณาลักษณะนสิ ยั ของตัวละครในเรื่องวา มลี กั ษณะนิสยั
2. บ มใี ครคง คูรอน อยางไร จากน้ันจัดกิจกรรมสงเสรมิ ความรู ความเขา ใจเก่ยี วกบั การศกึ ษาวรรณคดี
3. จักริจักเริม่ รงค ลุ แลว แฮ เรอ่ื งลิลิตตะเลงพายวาการประพนั ธวรรณคดเี ร่อื งนไ้ี มเ พยี งแตแสดงขอมูลทาง
4. พระจกั ขนุ จักขอน จกั แคนคบั ทรวง ประวตั ศิ าสตรเพ่อื ใหไดความรูเทา นั้น แตเปนการถา ยทอดอารมณ ความรูสึกแทรก
1. ขอ 1. กับ 2. เขา ไปดวย เมือ่ อานแลวจะกอใหเ กดิ ความรูสกึ ตอบสนอง มอี ารมณร ว มในความทุกข
2. ขอ 3. กบั 4. ของตวั ละครทีเ่ ปน ฝา ยตรงขาม เกิดความเห็นอกเห็นใจในฐานะมนุษย ซึ่งแสดงให
3. ขอ 2. กับ 3. เห็นคุณคา ของวรรณกรรมอยา งแทจ รงิ ท่ีไดทาํ หนาทข่ี องการจรรโลงใจ สามารถขาม
4. ขอ 1. กบั 4. เขตแดนแหง เช้อื ชาตไิ ปได
วเิ คราะหคําตอบ ขอทม่ี ีลักษณะทางวรรณศลิ ปโ ดดเดน ทส่ี ดุ คือ คมู่ อื ครู 125
ขอ 3. กบั ขอ 4. การเลน คาํ ซา้ํ กันหลายที่ คําวา “จกั ” และมีเสียง
สมั ผสั อักษรในวรรค ดังนี้ ขอ 3. จักริ-จักเริ่ม, ร-ิ เริ่ม-รงค และ
ฤๅ-ลุ-แลว ขอ 4. จักขนุ -จกั ขอน และ แคน -คบั ตอบขอ 2.
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู้
นกั เรียนอธิบายเปรยี บเทียบการทําศึกของ ๏ มาเดยี วเปล่ยี วอกอ้า อายสู
พระนเรศวรมหาราชและพระมหาอปุ ราชาใน สถิตอยเู่ อ้องคด์ ู ละหอ้ ย
ประเดน็ ตอไปนี้ พศิ โพน้ พฤกษ์พบู บานเบกิ ใจนา
พลางคะนึงนุชนอ้ ย แน่งเน้ือนวลสงวน
• จํานวนไพรพ ล ๏ พระครวญพระคร�่าไห้ โหยหา
(แนวตอบ ฝา ยพระมหาอุปราชาจะไดเ ปรยี บ พลางพระพศิ พฤกษา กง่ิ เก้ียว
เรอื่ งจาํ นวนไพรพลทีม่ มี ากกวา เพราะมีทัพ กลกรกนิษฐนา- รีรตั น ์ เรยี ม
จากเชียงใหมเขา ชวยในการทาํ ศึก มจี ํานวน ยามตระกองเอวเอ้ียว โอบอ้อมองคเ์ รียม
ไพรพ ลมากกวาฝายสมเด็จพระนเรศวร
มหาราช 2 - 3 เทา ซงึ่ ทาํ ใหฝ ายสมเดจ็ (๓) มีขัตติยมานะ1 คือ การถือตัวว่าเป็นกษัตริย์ ถึงแม้พระมหาอุปราชา
พระนเรศวรมหาราชเสยี เปรยี บในเรอ่ื งนี)้ จะมีความประหวั่นพร่ันพรึงว่าจะต้องสูญเสียชีวิตในการท�าศึกสงคราม และมีความโศกเศร้า
สกั เพยี งใด แตด่ ว้ ยขตั ตยิ มานะ พระองคก์ เ็ ดนิ ทพั ไปดว้ ยความหยงิ่ ทะนงในพระองคเ์ อง ขตั ตยิ มานะ
• ขวญั กําลงั ใจ ของพระองค์ท�าให้เมื่อพระองค์ทราบแน่ชัดว่าผู้ใดเป็นจอมทัพฝ่ายไทย ก็วางแผนท�าศึกทันที
(แนวตอบ ในการศกึ ครัง้ นี้มีการทาํ นายทายทัก ทงั้ ๆ ที่ยงั มคี วามหวาดหว่นั ในพระทยั อย ู่ ดังบทประพนั ธ์
อยหู ลายคร้งั ทงั้ คร้งั ท่เี ปนความฝนบาง ครัง้ ที่
เปน ปรากฏการณท างธรรมชาตบิ าง และกอน ...ครั้นพระบาทได้สดับ ธ ก็ทราบสรรพโดยควร ว่านเรศวรกษัตรา กับเอกาทศรุถ
การสูศึกบาง โดยสรปุ แลวฝา ยสมเดจ็ พระ ยกมายุทธ์แย้งรงค์ แล้วพระองค์ตรัสถาม สามสมิงนายกองม้า ถ้าจักประมาณพลไกร
นเรศวรมหาราชจะไดร ับคําทํานายท่ดี ี เมื่อ สักเท่าใดดูตระหนัก ตรัสซ้�าซักเขาสนอง ว่าพลผองทั้งเสร็จ ประมาณสิบเจ็ดสิบแปดหม่ืน
เปรียบเทียบกบั พระมหาอปุ ราชา ซ่ึงเสียขวญั ดูดาษดื่นท่งกว้าง คร้ันเจ้าช้างทรงสดับ ธ ก็ตรัสแก่ขุนทัพขุนกอง ว่าซ่ึงสองกษัตริย์กล้า
กําลงั ใจตงั้ แตกอนเสดจ็ ออกจากเมือง เพราะ ออกมาถ้ารอรับ เป็นพยุหทัพใหญ่ยง คงเขาน้อยกว่าเรา มากกว่าเขาหลายส่วน จ�าเรา
โหรทํานายวา จะชะตาขาด ทาํ ใหทรงเกิด ด่วนจู่โจม โหมหักเอาแต่แรก ตีให้แตกย่นย่อย ค่อยเบาแรงเบามือ เร็วเร่งฮือเข้าห้อม
ความวติ กกงั วลตลอดชว งการทาํ ศึก) ล้อมกรุงเทพทวารัติ ชิงเอาฉัตรตัดเข็ญ เห็นได้เวียงโดยสะดวก แล้ว ธ ส่ังพวกขุนพล
เทยี บพหลทุกทัพ สรรพแต่สามยามเสร็จ ตสี ิบเอด็ นาฬิกา จกั ยาตราทพั ขนั ธ ์ กนั เอารุ่งไวห้ นา้
เรว็ เรง่ จดั อย่าชา้ พรุง่ เช้าเราตี เทอญนา
๒.๔) ฉากและบรรยากาศ ฉากทปี่ รากฏในเรอ่ื งตอนทเ่ี รยี น คอื เหตกุ ารณภ์ ายใน
เมืองมอญและบรรยากาศระหว่างการเดินทัพของพระมหาอุปราชาจากเมืองมอญสู่กาญจนบุรี
ผู้แตง่ ไดบ้ รรยายฉากและบรรยากาศไดส้ มจริงสอดคล้องกบั เนื้อเรื่อง ดังบทประพนั ธ์
126
เกรด็ แนะครู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT
“พระครวญพระคร่าํ ไห โหยหา
ครชู ี้ใหนกั เรียนเห็นวาเนื้อเร่อื งลิลติ ตะเลงพายไดเ พิ่มบางสวนที่ตางไปจาก พลางพระพศิ พฤกษา ก่ิงเก้ยี ว
พระราชพงศาวดาร คือ บททพ่ี ระมหาอุปราชาไดครํ่าครวญ พรรณนาถึงนางผูเปน กลกรกนษิ ฐนา- รรี ตั น เรยี ม
ทีร่ กั และพระราชบดิ าดวยความเศรา โศก คะนึงหา อาลยั อาวรณ ครูใหนักเรียนยก ยามตระกองเอวเอีย้ ว โอบออ มองคเ รยี ม”
บทประพันธท ีม่ ลี ักษณะดังกลา ว แลว รวมกนั อภปิ รายวา การแทรกอารมณ ความรสู กึ ขอใดไมอาจอนมุ าน ไดจากบทประพนั ธข างตน
ของตัวละครในเรอ่ื งชว ยใหเ ร่อื งนาสนใจ นาติดตามมากข้นึ กวา การแสดงขอมูลทาง 1. ทรงอยูห า งจากนางผเู ปนท่ีรกั
ประวตั ศิ าสตรอ ยา งเดียว 2. ทรงเศรา โศกแทนนางผูเปน ที่รัก
3. ทรงรสู ึกอาลัยรักถงึ นางผูเ ปน ทรี่ ัก
นกั เรยี นควรรู 4. ทรงจินตนาการวาไดใกลชิดกับนางผูเปนท่ีรัก
1 ขัตตยิ มานะ ในวรรณคดมี กั กลา วถงึ ขตั ตยิ มานะของพระมหาอปุ ราชา แมเ กดิ วเิ คราะหคําตอบ บทประพันธขา งตนเปนตอนท่ีพระมหาอปุ ราชา
ลางสงั หรณห รือโหรพยากรณว า จะเกิดเหตรุ ายกบั พระองค แตพระองคก็ยังทรงมี ตองยกทพั มาทําศึก พระองคจ งึ ทรงคราํ่ ครวญหานางผูเปน ท่ีรัก
ขัตติยมานะมุง มน่ั ในสงิ่ ทพ่ี ระองคท รงตดั สินพระทัยแลว มุงมั่นทจี่ ะทาํ หนาท่ขี อง ขอ ทไี่ มอาจอนุมานไดจากบทประพนั ธข า งตน คอื ทรงเศรา โศก
พระมหาอปุ ราชาใหล ลุ วงไป แทนนางผเู ปน ทร่ี ัก เพราะไมไดกลา วถึงความเศรา โศกของนาง
126 คู่มือครู ตอบขอ 2.
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู้
เหตุการณ์ภายในเมอื งมอญ 1. นักเรยี นกลุมที่ 5 สงตวั แทนมาอธบิ ายฉาก
๏ ฝ่ายพระนครรามัญ ขัณฑ์เขตด้าวอสั ดง หงสาวดบี ุเรศ รว่ั รเู้ หตุ บ มิหงึ แหง่ เอิกองึ และบรรยากาศ ซึง่ สมเด็จพระมหาสมณเจา
กรมพระปรมานชุ ติ ชโิ นรสทรงบรรยายไดอยา ง
กดิ าการ ฝา่ ยพสุธารออกทศิ วา่ อดิศวรกษตั รา มหาธรรมราชนรินทร์ เจา้ ปถพินทรผ์ ่านทวปี สมจริงและสอดคลองกบั เน้ือเรื่อง
ดับชนมชีพพิราลัย เอารสไทนฤเบศ นเรศวรเสวยศวรรยา แจ้งกิจจาตระหนัก จึ่งพระปิ่น (แนวตอบ ฉากและบรรยากาศในเร่อื งลิลิต
ปกั ธาษตร ี บรุ ีรตั นหงสา ธ กบ็ ัญชาพิภาษ ดว้ ยมวลมาตยากร วา่ นครรามนิ ทร์ ผลดั แผ่นดิน ตะเลงพา ยมีความสมจรงิ โดยเหตกุ ารณ
เปล่ียนราช เยียววิวาทชิงฉัตร เพ่ือกษัตริย์สองสู้ บ ร้างรู้เหตุผล ควรยาตรพลไปเยือน ตอนทาํ ศกึ สงครามใชคาํ ที่แสดงความฮกึ เหิม
เตือนประยุทธ์เอาเปรียบ แม้นไป่เรียบเป็นที โจมจู่ยีย่�าภพ เสนีนบนึกชอบ ระบอบเบื้อง และตอ สกู นั อยา งหา วหาญ ทาํ ใหผูอานเกิด
บรรหาร ธ ก็เออ้ื นสารเสาวพจน์ แด่เอารสยศเยศ องค์อศิ เรศอุปราช ให้ยกยาตราทพั กับนคร ความรสู กึ ต่ืนเตน และฉากที่กวพี รรณนา
เชียงใหม ่ เปน็ พยุหใหญห่ ้าแสน ไปเหยียบแดนปราจนิ ... ความงามของธรรมชาติก็สรา งความรนื่ รมยใ ห
การเดินทัพของพระมหาอปุ ราชาจากเมอื งมอญสู่กาญจนบรุ ี แกผูอ าน สวนยามทกุ ขโศกก็ใชคําทส่ี ื่ออารมณ
๏ ล่วงลดุ ่านเจดยี ์ สามองค์มแี ห่งหั้น เศรา ไดลกึ ซึ้ง ดังวา
เพือ่ รรู้ าวทาง “พระครวญพระครํา่ ไห โหยหา
แดนต่อแดนกันนัน้ แหง่ อยธุ เยศหลา้ พลางพระพิศพฤกษา กิ่งเกี้ยว
มืดคลุม้ มัวมล ยง่ิ นา กลกรกนษิ ฐนา- รีรัตน เรยี ม
๏ ขับพลวางเขา้ แหลง่ ยามตระกองเอวเอย้ี ว โอบออมองคเรยี ม”
2. นกั เรยี นกลุมที่ 6 สง ตวั แทนออกมาอธบิ าย
แลธุลฟี งุ้ ฟ้า
ฯลฯ
ด�าเนินเรื่องตามธร๒ร.ม๕เ)นกียลมวนิธิยีกมาใรนแกตา่งรแสตม่ง1เ ดก็จลพ่ารวะคมือห าเสรม่ิมณด้วเจย้าบ ทกสรดมุดพี รมะีเปนร้ือมเรา่ือนงุชแิตลชะิโตนอรนสทท้ารยง กลวธิ ีในการแตง จากนัน้ นกั เรยี นบันทกึ
กล่าวสดุดีสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และจบด้วยการกล่าวถึงจุดมุ่งหมายของกวี บอกชื่อ ความรู ความเขาใจลงสมุด
ความเป็นมา และค�าอธิษฐานของพระองค์ท่าน การน�าเสนอเร่ือง พระองค์ไม่ได้สอดแทรก (แนวตอบ กลวธิ กี ารแตงเร่ืองลลิ ติ ตะเลงพา ย
ค�าวิพากษ์วิจารณใ์ ดๆ ลงไป คือ ไม่น�าตวั ตนของกวไี ปสอดแทรกในเรอื่ ง กวแี ตงเนือ้ หาไดอยา งเหมาะสม โดยนําขอเทจ็
การสร้างและให้บทบาทบุคคลในเร่ือง กวีมุ่งแสดงให้เห็นพระบรมเดชานุภาพ จรงิ จากเรอื่ งราวทางประวตั ศิ าสตรม าผสมผสาน
ขคา�อพงสูดมโดเดย็จใชพ้หรละนกั จเรติ ศววิทรยมา2หในารกาาชร ทจ้าึงพมรีกะมารหแาทอรุปกรเารช่ือางอออิทกธริปบา ฏแิหลาะรคิยว ์ามพกรละปา้ หรีชาญาส าดมังานร้นัถ ในบกทาบราใทช้ กบั เนอื้ หาทกี่ วสี รา งสรรคข น้ึ เปน ผูเลา เรอ่ื ง
ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จึงเป็นประดุจสมมติเทพและเป็นบุคคลตามอุดมคติ เพราะแม้ โดยดําเนนิ เรอ่ื งตามธรรมเนยี มการแตงลลิ ิต
จะมีพระบรมเดชานุภาพมาก แต่พระองค์ก็มิได้ทรงยึดมั่นทางความคิดของพระองค์เองเป็นใหญ ่ ที่เริม่ ตนดวยบทสดุดนี าํ เรื่อง เนือ้ เรอื่ ง และ
ในการทา� สงครามกต็ รสั ปรกึ ษาแมท่ พั นายกองและพระองคก์ เ็ ปน็ ผยู้ ดึ มน่ั ในพระพทุ ธศาสนา เมอื่ จะ กลา วสรปุ จบเรอ่ื ง และมกี ารแทรกบทพรรณนา
ทรงลงโทษประหารชวี ิตทหารทีต่ ดิ ตามพระองค์ไม่ทัน ก็ใหร้ อจนพ้นจากวนั พระเสียก่อน และเมอ่ื ทเี่ กย่ี วกบั อารมณ ความรสู กึ ของพระมหาอปุ ราชา
ไดฟ้ งั คา� ขอพระราชทานอภยั โทษจากสมเดจ็ พระวนั รตั กพ็ ระราชทานอภยั โทษใหโ้ ดยไมม่ ที ฐิ ิ ทา� ให้ โดยไมสง ผลใหโครงเร่อื งผดิ เพ้ยี นแตอยา งใด)
พระเกยี รตคิ ุณของพระองคป์ รากฏเด่นชดั ย่ิงขน้ึ
127
ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT นักเรียนควรรู
“หวังเรม่ิ คุณเกยี รตกิ อ ง กลางรงค
ยนื พระยศอยูค ง คหู ลา 1 ธรรมเนยี มนยิ มในการแตง เปนลักษณะสําคญั อันเปน ความนิยมและลักษณะ
สงครามกษัตรยิ ท รง ภพแผน สอง เฉพาะในวรรณคดีไทย ซงึ่ เปนไปตามแบบแผนจารีตนยิ มซึง่ ปฏบิ ตั ิสบื ตอ กันมา อาทิ
สองราชรอนฤทธร์ิ า เรือ่ งรูสรเสริญ” เชน การขึ้นตนเรื่องใหมกี ารไหวค รู มบี ทชมนกชมไมในขณะเดนิ ทาง มบี ทแตงองค
ขอ ใดคอื ใจความสําคญั ของบทประพันธ ทรงเคร่อื ง บทชมโฉม หรือบทชมทพั ในเรอื่ งทมี่ ีการรบ ตอนลงทายของเรอ่ื งก็นิยม
1. การทําสงครามครง้ั น้ีจะเปน เกียรติยศแกกษัตรยิ ทัง้ สอง บอกความมงุ มั่นหรือแทรกคา นยิ มแบบไทยๆ เจตนาการแตง ของกวี แทรกอุปนิสยั
2. การทาํ สงครามครัง้ น้ีผคู นจะพากันสรรเสริญผทู ี่ชนะ ซ่งึ เปนลักษณะโดยรวมของคนไทย
3. กษัตริยทัง้ สองจะเปน ที่สรรเสริญของฝายตรงขาม 2 จิตวทิ ยา วชิ าทวี่ า ดว ยจติ เปนวิทยาศาสตรแ ขนงหนงึ่ วา ดว ยปรากฏการณ
4. กษตั รยิ ท ง้ั สองจะสูก ันอยางทัดเทยี ม พฤตกิ รรม และกระบวนการของจิต ปจ จุบนั มีการนําหลกั จิตวทิ ยามาใชใ นการ
ศึกษาวรรณคดี ดว ยการประยกุ ตความรู ความเขาใจดังกลา วมาใชในการพจิ ารณา
วิเคราะหค าํ ตอบ ใจความสาํ คัญของบทประพันธขางตน คือ พฤติกรรมของตวั ละครวา การกระทาํ ของตวั ละครมีความสมเหตสุ มผลหรือไม
การทาํ สงครามคร้งั น้จี ะเปนเกียรติยศแกกษัตริยทั้งสอง จงึ ได อยา งไร และมุงเนนไปท่กี ารพจิ ารณาบุคลิกภาพและพฤตกิ รรมของตวั ละครเปน
หลัก โดยพจิ ารณาวาบทประพันธส ะทอ นลักษณะนสิ ยั ของตัวละครอยา งไร มคี วาม
เชอื้ เชญิ อีกฝายใหมาสูก ัน ตอบขอ 1. คงเสนคงวาหรอื ไม เนน ความสมจรงิ เปนหลกั ซ่ึงในบทวิเคราะหขา งตนเปนการนาํ
หลกั จติ วิทยามาใชในการพจิ ารณาบทสนทนาของตัวละคร คูม่ ือครู 127
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู้
1. นักเรียนอธบิ ายวรรณศิลปเรื่องการสรรคํา ๗.๒ คุณค่าดา้ นวรรณศิลป์
พรอมยกตัวอยางบทประพนั ธประกอบการ
อธบิ าย ๑) การสรรค�า ลลิ ิตตะเลงพา่ ย เปน็ วรรณคดมี รดกลา�้ ค่าทคี่ นไทยควรศึกษาเพอ่ื ให้
(แนวตอบ เรือ่ งลิลิตตะเลงพา ย สมเด็จ- เกิดความภูมิใจในวีรกรรมของนักรบไทยและภูมิใจในภาษาไทยที่กวีใช้ถ่ายทอดเรื่องราวได้อย่าง
พระมหาสมณเจา กรมพระปรมานชุ ติ ชโิ นรส มีคุณค่าทางด้านวรรณศลิ ป ์ ด้วยการเลอื กใช้ถอ้ ยค�าได้อย่างไพเราะ ดงั น้ี
เลือกคํามาใชไดเ หมาะสมกับเนื้อเร่ือง โดย
เลือกสรรคําอยางประณตี ทําใหส่ือความได ๑.๑) การใชค้ า� ทเี่ หมาะแกเ่ นอ้ื เรอื่ งและฐานะของบคุ คล กวเี ลอื กใชค้ า� ทแี่ สดงฐานะ
ชดั เจน และยังเนนความไพเราะของการเลน ของบุคคล ดงั บทประพนั ธ์
เสยี ง สัมผสั ทง้ั สัมผัสสระและสมั ผัสพยญั ชนะ ๏ เบอื้ งนัน้ นฤนาถผ้ ู สยามนิ ทร์
ตลอดจนการเลน เสียงวรรณยกุ ต ดังบทประพนั ธ เบยี่ งพระมาลาผนิ หอ่ นพอ้ ง
“สองโจมสองจจู วง บาํ รู ศัสตราวุธอรินทร์ ฤๅถูก องค์เอย
สองขัตติยสองขอชู เชิดดา้ํ เพราะพระหตั ถ์หากปอ้ ง ปดั ดว้ ยขอทรง
กระลงึ กระลอกดู ไววอ ง นกั นา จากโคลงบทน้ี กวีเลือกใช้ค�าที่มีศักดิ์ค�าสูง แสดงให้เห็นฐานะของบุคคล
ควาญขับคชแขง ค้ํา เขน เขย้ี วในสนาม”
จากโคลงทย่ี กมาน้ี กวีใชค ําวา “โจม” “จ”ู และก่อใหเ้ กดิ ความไพเราะ เช่น
นฤนาถ หมายถึง กษัตรยิ ์
และ “จวง” ใหความหมายสอดรบั กนั คอื สยามนิ ทร์ หมายถึง กษัตริย์สยาม (กษตั รยิ ์อยธุ ยา)
หมายความวา กระทาํ ดวยกําลังแรง และเมื่อ พระมาลา หมายถงึ หมวก
ขยายความหมายดวยคําวา “บาํ รู” จึงแสดง ศตั ราวธุ อรินทร์ หมายถึง อาวุธของขา้ ศกึ
ใหเ ห็นภาพวา สรู บกันอยา งเตม็ กาํ ลงั เตม็ ความ องค ์ หมายถึง สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช
สามารถ สว นคําวา “กระลงึ กระลอก” หมายถงึ พระหัตถ์ หมายถงึ มือ
การขยบั อาวุธพระแสงกลับไปกลบั มา แสดงให ขอทรง หมายถงึ ขอสับสา� หรับบงั คบั ชา้ ง อย่ใู ต้คอของงา้ ว
เหน็ วา กษัตรยิ ท้งั สองกวัดแกวงอาวธุ อยาง ๑.๒) การใช้ค�าโดยค�านึงถึงเสียง ความไพเราะของถ้อยค�าหรือความงามของ
คลอ งแคลว ชาํ นาญ) ถ้อยคา� น้ัน พิจารณาท่ีการใช้สัมผสั การเล่นคา� เลน่ ความ การเลียนเสียงธรรมชาติ เป็นตน้ ลิลติ
ตะเลงพา่ ยมีการใชค้ �าท่ีมีเสียงเสนาะ ดงั น้ี
2. ครูขออาสาสมัครจํานวน 2 - 3 คน ออกมาสรปุ (๑) มกี ารใชส้ มั ผสั สระและสมั ผสั พยญั ชนะในคา� ประพนั ธท์ กุ บท ทา� ใหเ้ กดิ
ความเขาใจหนา ชัน้ เรียน
ความไพเราะ ดังบทประพันธ์
...ถับถึงโคกเผาเข้า พอยามเช้ายังสาย หมายประมาณโมงครบ ประทบทัพรามัญ
ประทันทพั พม่า ขบั ทวยกลา้ เข้าแทง ขับทวยแขงเขา้ ฟนั สองฝ่ายยันยนื ยุทธ ์ อุดอึงโหเ่ อาฤกษ ์
เอกิ องึ เหเ่ อาชยั สาดปนื ไฟยะแยง้ แผลงปนื พษิ ยะยงุ่ พงุ่ หอกใหญค่ ะควา้ ง ขวา้ งหอกซดั คะไขว่
ไลค่ ะคลกุ บกุ บัน เงอ้ื ดาบฟนั ฉะฉาด งา่ ง้าวฟาดฉะฉับ...
128
เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT
บทประพันธบาทใดตอไปน้ที มี่ ีกลวธิ ีการใชค ําเพอ่ื เนนยํา้ ความ
ครูควรเพิม่ เตมิ ความรูเกยี่ วกบั คุณคา ทางวรรณศิลปจากกลวธิ ีการสรรคํา ดงั นี้ หมายและอารมณ ความรสู กึ ไดเ ดนชดั ท่ีสุด
การสรรคาํ คอื การเลือกใชค ําใหเ หมาะสมกับบทประพนั ธ หมายรวมถึงการเลอื ก 1. พระเนานัครเรศอา เอองค
คํา วลี ภาพพจน ท่ีไมไดใชก นั โดยท่วั ไปในชวี ิตประจาํ วัน การสรรคําทด่ี ีตอ งเลือกใช 2. ฤๅ บ มีใครคง ครู อ น
คาํ ทส่ี งา งาม ถา ยทอดความรสู กึ ของกวแี ละสง จนิ ตนาการไปสผู อู า นได ครคู วรชแ้ี นะ 3. จักรจิ ักเร่มิ รงค ลุ แลว แฮ
นกั เรยี นเก่ยี วกับการสรรคาํ เพื่อเสียง ดวยการเลนเสียงสัมผัสใน มีทัง้ สมั ผสั สระและ 4. พระจกั ขนุ จกั ขอ น จักแคนคับทรวง
สัมผัสอักษร โดยคําสัมผัสในจะชวยใหบ ทประพนั ธเ กดิ เสียงเสนาะ อานไดอ ยา ง
ลน่ื ไหล และมคี วามไพเราะ ซึ่งสัมผัสสระนยิ มใชในบทประพนั ธท่ตี อ งการรอ ยเรียง วเิ คราะหค าํ ตอบ คาํ ประพันธขอ 4. “พระจกั ขนุ จกั ขอ น จกั แคน
เสยี งสมั ผสั ใหม คี วามเกย่ี วเนอื่ งสมั พนั ธก นั ทาํ ใหเ กดิ เสยี งเสนาะทใ่ี หค วามรสู กึ นมุ นวล คับทรวง” มกี ลวธิ กี ารเลนเสยี ง เลน คํา เพอ่ื เนน ย้ําความหมายและ
ในขณะทก่ี ารใชส ัมผสั อกั ษรจะทําใหเ กิดเสียงทม่ี คี วามหนักแนนกวาสัมผัสสระ อารมณ ความรูสกึ ที่มคี วามเดนชัดมากท่สี ุด สังเกตไดจ ากการซ้ํา
การสรรคาํ มาใชในบทประพันธอ ยางเหมาะสม สงผลใหเ กดิ ความไพเราะของเสียง คาํ วา “จัก” และการเลน เสยี งสัมผัสอักษรเดียวกัน ไดแ ก คําวา
สัมผัส นับเปน เอกลกั ษณส าํ คญั ในวัฒนธรรมการใชภ าษา เหตนุ คี้ วามเขา ใจเก่ียวกับ
เสยี งสมั ผสั จึงถอื เปน พ้ืนฐานสําคัญในการเขา ใจคุณคา ทางวรรณศิลป ซ่งึ ชวยให ขนุ ขอ น แคน คับ ซงึ่ เปนคเู สยี งเดยี วกัน ตอบขอ 4.
นกั เรยี นสามารถทําความเขา ใจบทประพันธไ ดอ ยางลึกซงึ้ ชดั เจน
128 คู่มอื ครู
กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู้
นกั เรยี นอธบิ ายกลวธิ ีทางวรรณศิลปเรอื่ งการ
ใชค าํ โดยคํานึงถงึ ความไพเราะของเสียง ดงั นี้
สมั ผสั สระ ไดแ้ ก่ เผา - เขา้ เขา้ - เชา้ สาย - หมาย ครบ - ทบ • การใชเสียงสัมผัสสระและสมั ผสั พยญั ชนะ
(รา)มญั - (ประ)ทนั พมา่ - กลา้ แทง - แขง ฟนั - ยนั
ยทุ ธ ์ - อดุ ฤกษ ์ - เอกิ ชยั - ไฟ แยง้ - แผลง ในบทประพันธทุกบท
ยงุ่ - พงุ่ ควา้ ง - ขวา้ ง ไขว ่ - ไล ่ คลกุ - บกุ (แนวตอบ คําประพนั ธทง้ั รายและโคลง กวีใช
บนั - ฟนั ฉาด - ฟาด คาํ ที่มเี สยี งสมั ผสั กนั ในวรรคและขามวรรค
สมั ผสั พยญั ชนะ ไดแ้ ก ่ ถบั - ถงึ โคก - เขา้ ยาม - ยงั หมาย - (ประ)มาณ - โมง
(ประ)ทบ - ทพั (ประ)ทนั - ทพั ขบั - เขา้ ทวย - แทง ซ่ึงมที ้งั เสียงสระและเสยี งพยญั ชนะ ทาํ ให
คาํ ประพนั ธม คี วามไพเราะ อกี ทง้ั การสง เสยี ง
ขบั - แขง - เขา้ ยนั - ยนื - ยทุ ธ ์ อดุ - องึ - เอา สัมผัสกนั ในลักษณะนี้ ยงั ชวยสื่อความหมาย
เอกิ - องึ - เอา ยะ - แยง้ ยะ - ยงุ่ ขวา้ ง - ไขว่
บกุ - บนั ฉะ - ฉาด งา่ - งา้ ว ฉะ - ฉบั อีกดว ย คือ เปนชุดคาํ ทม่ี คี วามหมายไดดี
ใกลเ คยี งกนั เชน โจม จู จวง เปนตน)
(๒) มีการใช้สัมผัสพยญั ชนะเดียวกนั เกือบทั้งวรรค ดังบทประพนั ธ์ • การใชส ัมผัสพยญั ชนะเสียงเดยี วกันในวรรค
๏ กรตระกองกอดแก้ว เรียมจกั รา้ งรสแคลว้ (แนวตอบ การใชส มั ผสั พยญั ชนะเสยี งเดยี วกนั
คลาดเคลา้ คลาสมร อยแู่ มอ่ ยา่ ละห้อย ทาํ ใหบทประพนั ธม ีความไพเราะโดยไมเ สีย
ความ แสดงใหเหน็ ความสามารถของกวี
๏ จา� ใจจรจากสรอ้ ย ทางดา นภาษา)
หอ่ นช้าคนื สม แม่แล • การใชสัมผัสสระในแตละวรรคของโคลง
วรรคท ่ี ๑ ไดแ้ ก ่ กร - กอง - กอด - แก้ว แตล ะบาทคลายกลบท
วรรคที่ ๒ ได้แก ่ เรยี ม - รา้ ง - รส (แนวตอบ การใชสัมผัสสระในวรรคของ
วรรคท ี่ ๓ ได้แก ่ คลาด - เคล้า - คลา โคลงแตละบท คอื คาํ ท่ีสมั ผสั กันจะเปน คํา
วรรคท ี่ ๑ ได้แก่ จ�า - ใจ - จร - จาก ท่ีอยชู ิดกนั ในวรรคนนั้ ดงั บทประพนั ธ
วรรคท่ ี ๒ ได้แก ่ อย ู่ - อยา่ “ชาวสยามครา มเศกิ ส้ิน ทง้ั ผอง
(๓) มกี ารใชส้ มั ผสั สระในแต่ละวรรคคลา้ ยกลบท ดงั บทประพันธ์ นายและไพรไ ปปอง รบรา
๏ ชาวสยามครา้ มเศกิ สน้ิ ทั้งผอง อพยพหลบหลกี มอง เอาเหตุ
นายและไพรไ่ ปป่ อง รบรา้ ซกุ ซอนหอนใหขา ศึกไดไ ปเปน”)
อพยพหลบหลีกมอง เอาเหตุ
ซกุ ซ่อนห่อนให้ข้า ศกึ ไดไ้ ปเป็น
บาทท่ ี ๑ ไดแ้ ก่ สยาม - คร้าม
บาทท่ี ๒ ไดแ้ ก ่ ไพร ่ - ไป่
บาทท ่ี ๓ ไดแ้ ก ่ (อพ)ยพ - หลบ
บาทท่ ี ๔ ไดแ้ ก่ ซอ่ น - หอ่ น ได้ - ไป
129
ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู
ขอ ใดมกี ลวธิ กี ารเลนคาํ สอดคลอ งกบั คําประพนั ธตอไปนี้
“พระจกั ขนุ จักขอน จกั แคนคบั ทรวง” กอ นใชวธิ กี ารจัดกิจกรรมดวยการตอบคําถามเก่ยี วกบั ความไพเราะจากเสยี ง
1. สองโจมสองจูจ ว ง บํารู สัมผสั ในบทประพันธน ้ัน ครผู ูสอนควรอานบทประพันธท ่ีใชว ธิ กี ารเลน เสียง เลน คาํ
สองขตั ตยิ สองขอชู เชิดดํ้า ในลกั ษณะตา งๆ ทงั้ สัมผัสนอก สมั ผัสใน รวมถงึ การใชคาํ เลียนเสียงธรรมชาตินน้ั
2. งามสองสุริยราชล้าํ เลอพศิ ครูผสู อนควรอา นบทประพันธห รือใหน ักเรียนไดศกึ ษาบทประพันธอ ยางหลากหลาย
พา งพัชรินทรไพจิตร ศกึ สราง เพอื่ ใหนกั เรยี นไดว ิเคราะหความแตกตางของบทประพันธแตล ะชนิด นกั เรยี น
3. พระพี่พระผูผา น ภพอตุ - ดมเอย สามารถต้ังขอสังเกตไดด ว ยตนเอง จากนนั้ จงึ ตัง้ สมมติฐานในการวเิ คราะห
ไปชอบเชษฐยืนหยดุ รมไม แลว จงึ พิจารณาความแตกตางและสรางหลักการสังเกตไดดว ยตนเอง
4. พระหวงแตศกึ เสย้ี น อัสดง
เกรงกระลบั กอ รงค รว่ั หลา ครแู ละนกั เรียนปฏบิ ัติกจิ กรรมโดยมขี น้ั ตอน ดงั ตอ ไปน้ี 1. ครอู านบทประพนั ธ
ทมี่ ีเสยี งสัมผสั ในและสมั ผสั นอก รวมถงึ บทประพนั ธทีไ่ มม ีเสยี งสมั ผสั ในใหนักเรยี น
วิเคราะหค าํ ตอบ บทประพันธขางตน มีกลวธิ ีการเลน เสยี ง เลน คาํ ฟงอยา งละ 1 ตวั อยา ง พรอมบอกดวยวา บทประพันธดังกลา วมลี กั ษณะเสียงสมั ผสั
โดยการซา้ํ คําวา “จกั ” และการเลนเสียงสมั ผัสอักษรเดียวกนั ประเภทใด 2. ครนู าํ บทประพันธบ ทอืน่ ที่มีลกั ษณะเสยี งสมั ผสั แบบเดียวกนั มาอา น
ไดแก คําวา ขนุ ขอ น แคน คบั ซ่งึ สอดคลอ งกับขอ ท่ี 1. ที่มกี าร ใหน ักเรยี นฟง พรอ มใหนกั เรียนบอกลกั ษณะเสยี งสัมผัสจากบทประพันธ 3. ครูนาํ
เลน คํา คําวา “สอง” และมีเสยี งสัมผัสอกั ษรเดียวกัน ไดแก คาํ วา บทประพนั ธมาอา นใหน กั เรียนฟง พรอ มใหน ักเรยี นบอกวาบทประพันธด ังกลาวมี
โจม จู จวง ตอบขอ 1. 129เสยี งสัมผัสแบบใด 4. ครใู หน ักเรยี นยกตวั อยางท่ีสอดคลอ งกนั
คูม่ อื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู้
1. นกั เรียนอธิบายวรรณศิลปเ รอื่ งการเลน คํา
พรอ มยกตวั อยา งบทประพนั ธป ระกอบการอธบิ าย
(แนวตอบ การเลน คาํ หมายถงึ การนาํ คาํ คาํ หนงึ่ (๔) การเล่นค�า เพื่อให้มีความลึกซึ้งและเกิดอารมณ์กระทบใจผู้อ่าน
โดยใช้ค�าที่ออกเสียงเหมือนกัน แต่มีความหมายแตกต่างกันมาบรรยายเร่ืองและความรู้สึก
ซง่ึ มหี ลายความหมายมาใชใ นการแตง บทประพนั ธ ของกวี ดงั บทประพนั ธ์
ลกั ษณะพเิ ศษของลิลิตตะเลงพา ย คอื กวีเลนคาํ
ทีไ่ มอยใู นบงั คบั ฉันทลักษณ เลนคาํ ในลกั ษณะ ๏ สลดั ไดใดสลัด1น้อง แหนง2นอน ไพรฤๅ
คาํ พองเสยี งและคําพองรูป เชน สเพลระา3สะลเพะสอื่ มมรา ราญรอน เศิกไสร้
“ไมโ รกเหมือนโรคเรา รมุ กาม เสมอช่ือ ไมน้ า
ไฟวาไฟราคลาม ลวกรอน นึกระก�านามไม ้ แม่นแมน้ ทรวงเรยี ม
นางแยมหนึ่งแยมยาม เยาวยว่ั แยม ฤๅ ...
ตูมดั่งตูมตีขอ น อกอัน้ กนั แสง” ๏ สายหยดุ หยดุ กลน่ิ ฟุ้ง ยามสาย
จากโคลงที่ยกมามที งั้ การเลน คําพองเสยี งและ สาย บ ่ หยดุ เสน่หห์ าย หา่ งเศร้า
คาํ พองรูป คาํ พองเสียง ไดแก ไมโ รก-โรค และ ก่คี ืนกีว่ ันวาย วางเทวษ ราแม่
คาํ พองรูป ไดแ ก คาํ วา “ไฟ” ในความหมายวา ถวลิ ทกุ ขวบค�่าเช้า หยดุ ไดฉ้ นั ใด
ความรอ นใจกบั ความปรารถนา คาํ วา “แยม ”
ในความหมายวา เผยอหรอื คลี่ คําวา “ตมู ” (๕) การเลียนเสียงธรรมชาติ คือ การใช้ตัวอักษรสร้างเสียงที่มีลักษณะ
ในความหมายวา คาํ เลียนเสยี งที่ดงั สน่นั กับ คล้ายเสียงทีเ่ กดิ จากธรรมชาต ิ ดงั บทประพนั ธ์
ตวั ผพู ดู นอกจากน้ยี ังมกี ารซํา้ คําขึ้นตนบาท ...เจา้ พระยาไชยานุภาพ เจา้ พระยาปราบไตรจักร ตรบั ตระหนักส�าเนียง เสยี งฆ้อง
เพ่อื เนน นํา้ หนักของสารทตี่ อ งการสื่อ ตวั อยาง กลองปืนศึก อึกเอกิ กอ้ งกาหล เรง่ ค�ารนเรียกมนั ชนั หู ชหู างแลน่ แปร้นแปร๋แลคะไขว.่ ..
เชน ซา้ํ คาํ วา “จง” เนน วา ใหท ําตามทส่ี อน
นํ้าเสยี งบอกความบังคับ หรอื อาจเปน
โคลงกระทู “จง” (๖) การใช้ค�าอัพภาส คือ การซ้�าเสียงอักษร ได้แก่ พยัญชนะต้นและ
จงจาํ คําพอไซร ส่งั สอน เสยี งสระอะลงหนา้ ค�าศัพท์ ทา� ให้เกดิ ความไพเราะ ดงั บทประพนั ธ์
จงประสทิ ธ์ิสมพร พอ ให ...สาดปืนไฟยะแย้ง แผลงปืนพิษยะยุ่ง พุ่งหอกใหญ่คะคว้าง ขว้างหอกซัดคะไขว่
จงเรืองพระฤทธิ์รอน อริราช ไล่คะคลกุ บุกบัน เง้ือดาบฟันฉะฉาด ง่างา้ วฟาดฉะฉับ...
จงพอลลุ าภได เผดจ็ ดา วแดนสยาม)
2. ครขู ออาสาสมคั รจํานวน 2 - 3 คน ออกมา ๒) การใช้โวหาร กวีเลือกใช้ถ้อยค�าในการบรรยาย พรรณนาและเปรียบเทียบ
สรปุ ความเขา ใจหนา ช้นั เรียน ไดอ้ ยา่ งเหมาะสมกบั เน้ือเร่อื ง ทา� ให้ผู้อา่ นมองเห็นภาพชดั เจน ดงั นี้
๒.๑) การใช้ค�าให้เกิดจินตภาพ เช่น การใช้ค�าท่ีแสดงให้เห็นภาพการต่อสู้
อย่างห้าวหาญของพลทหารทั้งสองฝ่ายท่ีผลัดกันรุกรับขับเคี่ยวกันด้วยอาวุธหลากหลาย
ทัง้ ขอ ง้าว ทวน หอก ธนู จนตา่ งฝ่ายต่างลม้ ตายไปเป็นจ�านวนมาก ดงั บทประพนั ธ์
130
นักเรยี นควรรู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT
คาํ ประพนั ธใ นขอ ใดใชค ําอัพภาสเปน กลวธิ ีในการประพันธ
1 สลดั ทาํ ใหส่งิ ใดสิ่งหน่งึ ทีต่ ดิ อยใู หหลุดไปโดยวิธสี ะบัด ซัด หรือกระพอื เปน ตน 1. ดคู ะคลาํ คะคล่ํา บ รูกส่ี า่ํ สบั สน
เชน สลดั รองเทา ใหห ลดุ จากเทา เมน สลดั ขน เขาสลดั มดี สน้ั ไปทคี่ ตู อ สู ไกส ลดั ขนปก 2. กองทพั ตามกันเตา เสียงสนั่นล่นั เทา
โดยปรยิ ายหมายถงึ อาการทีค่ ลา ยคลึงเชน นน้ั เชน สลดั รัก เปน ตน ซ่งึ หากพจิ ารณา 3. อดุ องึ โหเอาฤกษ เอิกองึ โหเอาชยั
จากบทประพนั ธนี้มคี วามหมายวา กวไี มสามารถสลดั รัก สลัดความคิดถงึ จากนาง 4. ศรตอ ศรยิงยนื ปน ตอ ปนยิงยนั
อันเปน ทีร่ กั ได
2 แหนง หมาง ระแวง เชน แหนงกนั คอื หมางใจกนั แหนงความ คอื ระแวงความ วิเคราะหค ําตอบ จากคําประพันธในขอ 1. “ดูคะคลําคะคลา่ํ
3 สละ ตามความหมายเปน คาํ ทมี่ ีทม่ี าจากภาษาอินโดนีเซยี วา สะลกั (SALAK) บ รูก ่สี ่าํ สับสน” มกี ารใชค าํ อพั ภาสเปน กลวธิ กี ารซ้ําคาํ รูปแบบ
หมายถึง ตน ไมค ลายระกาํ รสหวาน เนอื้ กรอบ การเอารสหวานของสละอินโดนเี ซีย หน่ึง โดยกรอ นเสยี งของคาํ ขา งหนา ใหส้ันลงเพือ่ เพ่มิ จังหวะและ
หรือสละชวามาใชจาํ แนกวา ระกาํ เปร้ียว เรียกวา ระกาํ ระกําหวาน เรียกวา สละ จนิ ตภาพ มกั ใชใ นบทประพันธท แ่ี สดงการเคล่อื นไหวอยางรวดเร็ว
เชน น้ี ทาํ ใหเ ขา ใจวา คนไทยจาํ นวนนอ ยมากทีร่ จู ัก สละ ของไทยเราเอง และทาํ ให
คําวา สละ มีความหมายสับสน อาทิ ฉากการสรู บ ตอบขอ 1.
130 คูม่ ือครู
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู้
1. นกั เรียนอธบิ ายเนื้อความทย่ี กมาวา มกี ารใช
คําอยางไร “...สาดปนไฟยะแยง แผลงปน พษิ
... คนต่อคนต่อรบ ของา้ วทบทะกนั ต่างฟันตา่ งป้องปัด วางสนดั หลงั สาร ขานเสยี ง ยะยงุ พงุ หอกใหญค ะควา ง ขวา งหอกซดั คะไขว
คกึ กึกก้อง วอ่ งต่อว่องชิงชัย ไวตอ่ ไวชงิ ชนะ ม้าไทยพะม้ามอญ ต่างเข้ารอนเขา้ โรม ทวนแทง ไลค ะคลุกบกุ บนั เงอื้ ดาบฟนฉะฉาด งา งา ว
โถมทวนทบ หอกเขา้ รบรอหอก หลอกล่อไลไ่ ขว่แควง้ แยง้ ธนเู หนีย่ วน้าว หา้ วตอ่ ห้าวหกั หาญ ฟาดฉะฉบั ขับปก ซา ยเขา ดา ขบั ปกขวา
ชาญตอ่ ชาญหักเชีย่ ว เรย่ี วตอ่ เรย่ี วหกั แรง แขงต่อแขงหักฤทธ ิ์ ตา่ งประชิดฟอนฟนั ตา่ งประชัน เขาแดก....”
ฟอนฟาด ล้วนสามารถมอื ทดั ลว้ นสามรรถมือทาน ผลาญกนั ลงเตม็ หล้า ผรา้ กนั ลงเต็มแหล่ง (แนวตอบ เนื้อความท่ยี กมาขา งตน แสดงใหเ หน็
แบง่ กนั ตายลงครนั ปันกนั ตายลงมาก ตากเต็มท่งเตม็ เถอ่ื น ตากเตม็ เผ่อื นเต็มพง... การใชคําใหเ กิดจินตภาพ มีความโดดเดนใน
นอกจากนผ้ี แู้ ตง่ ใชค้ า� พรรณนา การสรู้ บ ทา� ใหผ้ อู้ า่ นเหน็ ภาพชา้ งทรงของ การใชค าํ อพั ภาส คือ เพม่ิ จงั หวะในการดาํ เนิน
ท้ังสองพระองค์ต่างสะบัดเหวี่ยงกันไปมา ผลัดเปลี่ยนกันได้ทีแต่ก็ไม่มีผู้ใดยอมแพ้ ช้างทรงของ เร่ืองใหร ูสึกวา เหตุการณเ กิดข้ึนตอ เน่ืองกนั )
สมเด็จพระนเรศวรไดล้ า่ ง พระมหาอุปราชากเ็ พล่ยี งพลา้� สมเดจ็ พระนเรศวรฟนั พระมหาอปุ ราชา 2. นกั เรยี นอธิบายการใชโ วหารเปรยี บเทียบใน
ด้วยพระแสงของ้าวขาดสะพายแล่ง พระวรกายของพระมหาอุปราชาค่อยๆ เอนลงซบกบั คอชา้ ง ลิลติ ตะเลงพาย พรอ มยกตวั อยางประกอบการ
และสนิ้ พระชนมบ์ นคอชา้ งนน่ั เอง ตอนนนี้ อกจากจะเหน็ ภาพการรบอยา่ งสงา่ งามแคล่วคล่องวอ่ งไว อธิบาย
สมเป็นกษัตริยข์ องทง้ั สองพระองค์ ชว่ งสดุ ท้ายยงั เหน็ ภาพการส้นิ พระชนม์ของพระมหาอปุ ราชา (แนวตอบ การใชโ วหารอปุ มาในลลิ ติ ตะเลงพาย
ท่คี ่อยๆ เอนพระองค์ลงซบกบั คอชา้ ง เปน็ ภาพท่ีหดหแู่ ละสะเทือนใจ ดงั บทประพันธ์ ทําใหการพรรณนาเหตุการณใ นเรอื่ งมคี วาม
๏ พลอยพลา้� เพลียกถา้ ท่าน ในรณ เดน ชดั มากขน้ึ เชน
บัดราชฟาดแสงพล- พ่ายฟอ้ น “พระพลันเห็นเหตไุ ซร เสียวดวง แดเอย
พระเดชพระแสดงดล เผด็จค ู่ เข็ญแฮ ถนัดดั่งภูผาหลวง ตกตอ ง
ถนดั พระองั สาขอ้ น ขาดด้าวโดยขวา กระหมากระเหมน ทรวง ส่นั ซีด พักตรนา
พระราม1ยามต่อสู้ก๒ับ.ท๒ศ) กกัณารฐใ์ ชข้โา้วศหึกาศรัตโดรยูทก่พี าา่ รยเแปพรียไ้ ปบเเหทมียือบน พวล่าสยกัมษเด์ ็จสพมรเดะจ็นพเรรศะวนรเรมศีฤวทรธก์ิเ็เหหมมืออื นน หนกั หฤทยั ทานรอง เรยี กใหโ หรทาย”
องค์พระนารายณ์อวตารลงมา ดังบทประพันธ์ จากโคลงขางตน ความวา พระมหาอปุ ราชา
ตกพระทัย รสู กึ หนกั ใจด่งั มีภเู ขาใหญม าทับอก
จงึ ทรงใหโหรทํานาย จะเห็นไดวา กวีใชคําวา
“ดง่ั ” เปรยี บเทยี บเหตุการณท พี่ ระมหาอุปราชา
๏ บญุ เจา้ จอมภพพนื้ แผ่นสยาม ทรงเหน็ วาความหนกั ใจน้นั มมี ากเหมอื น
แสยงพระยศยนิ ขาม ขาดแกล้ว ภเู ขาใหญตกมาทับอก)
พระฤทธด์ิ ่งั ฤทธร์ิ าม รอนราพณ ์ แลฤๅ
ราญอรริ าชแผว้ แผกแพท้ ุกภาย
พลมาร
๏ ไพรนิ ทรนาศเพยี้ ง แต่ก้ี
พระดง่ั องค์อวตาร รอฤทธ ิ์ พระฤๅ
แสนเศิกห่อนหาญราญ ประลาตหลา้ แหลง่ สถาน
ดาลตระดกเดชล้ี
131
ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT เกรด็ แนะครู
“บัดราชฟาดแสงพล- พา ยฟอ น
พระเดชพระแสดงดล เผดจ็ คู เขญ็ แฮ” ในการจดั การเรยี นการสอนเกีย่ วกับจนิ ตภาพจากภาพเคล่ือนไหวในบทประพันธ
บทประพันธข างตน กลา วถึงอาวธุ ชนิดใด วรรณคดีนน้ั นกั เรียนสามารถพิจารณาองคประกอบของวรรณคดใี นประเดน็ ตา งๆ
1. พระแสงปน รวมกัน ตง้ั แตก ารศกึ ษาคําศพั ทท่ีกวนี าํ มาเรียบเรียงเพ่ือสือ่ จินตภาพ กวมี กั ใช
2. พระแสงขรรค คําศัพทท สี่ ้ัน กระชบั แสดงถึงการเคลอื่ นไหวอยางฉับไว การสรรคํามาใชใน
3. พระแสงของาว บทประพนั ธน อกจากจะใหคณุ คา ดานความหมายแลว ยังสงผลตอความไพเราะ
4. พระแสงดา มยาว ของเสยี งสมั ผสั และจงั หวะที่ไดจ ากการเรียบเรียงคาํ บทประพนั ธท ่แี สดงภาพ
การสูร บในวรรณคดีเรือ่ ง ลลิ ติ ตะเลงพายจึงมีความสมบรู ณทางวรรณศิลปอ ยางยิง่
วเิ คราะหคําตอบ พระแสงทกี่ ลาวถงึ ในบทประพันธม ีลกั ษณะ
การใชแ บบ “ฟาด” อยางมที ีทา มีจงั หวะ และเปน อาวธุ ทเ่ี หมาะ นักเรียนควรรู
สาํ หรบั การสกู นั บนหลงั ชา ง ซง่ึ กค็ อื พระแสงของา ว ตอบขอ 3. 1 มีฤทธิเ์ หมือนพระราม ขอความนีส้ ะทอนความเช่ือวา พระมหากษัตริยทรง
เปน สมมตเิ ทพ ซง่ึ พระรามเปน องคอวตารของพระนารายณ
คู่มือครู 131
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
Expand Expand
ขยายความเขา้ ใจ
นักเรียนพิจารณาบทประพนั ธ แลวรว มกนั ตอบ
คําถามตอไปน้ี
“อาจอมจกั รพรรดิผู เพ็ญยศ ๒.๓) การใช้ถ้อยค�าสร้างอารมณ์และความรู้สึก แม้ลิลิตตะเลงพ่ายเป็นเร่ือง
แมพ ระเสยี เอารส แกเสี้ยน เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และยอพระเกียรติพระมหากษัตริย์ แต่ด้วยความปรีชาในด้านภาษาอย่าง
จักเจบ็ อรุ ะระทด ทกุ ขใ หญ หลวงนา ลึกซึ้งของกวี กวีสามารถใช้ถ้อยค�า ท�าให้ผู้อ่านเกิดความสะเทือนอารมณ์ เกิดความรู้สึกเห็นใจ
ถนัดด่งั พาหาเหย้ี น หั่นกลง้ิ ไกลองค” สะเทือนใจ เจบ็ ปวด โศกเศรา้ ได้ตามจุดมุง่ หมายของกวี ดงั นี้
• นักเรียนคิดวา คาํ ประพนั ธขา งตน ใชถอยคาํ
สรา งอารมณและความรสู ึกอยางไร (๑) การใช้ถ้อยค�าให้เกิดความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ เช่น ตอนท่ีพระมหา
(แนวตอบ จากโคลงขางตนเปน ตอนที่ อุปราชาเคล่ือนกระบวนทัพ ขณะเดินทางมีการชมธรรมชาติ ชมพรรณไม้ต่างๆ โดยการน�า
ชื่อต้นไม้ ดอกไมม้ าเล่นค�าใหส้ ัมพันธก์ ับอารมณ์ ความรสู้ กึ ของพระมหาอปุ ราชา ดังบทประพนั ธ์
พระมหาอปุ ราชาครํ่าครวญถึงพระราชบดิ าวา ๏ สลัดไดใดสลัดน้อง แหนงนอน ไพรฤๅ
หากตอ งสญู เสยี พระโอรสเพราะศัตรู เศิกไสร้
พระราชบดิ าของพระองคจะทุกขเศรา เพียงใด เพราะเพ่ือมาราญรอน เสมอชือ่ ไมน้ า
คงเหมือนแขนขาดออกจากตัว คาํ ประพนั ธ สละสละสมร แม่นแม้นทรวงเรียม
ใชถ อ ยคาํ พรรณนาใหเกิดอารมณเ ศรา นกึ ระกา� นามไม้ ยามสาย
สะเทอื นใจ เปนการพรรณนาถึงความรสู ึก ห่างเศรา้
เศราและอาลยั รักของพระมหาอปุ ราชา ๏ สายหยดุ หยุดกลิน่ ฟงุ้ วางเทวษ ราแม่
ทค่ี ิดถึงความรูสึกของพระราชบิดา หาก หยดุ ไดฉ้ นั ใด
สาย บ่ หยุดเสนห่ ห์ าย
กีค่ นื ก่ีวนั วาย
ถวิลทกุ ขวบคา่� เช้า
พระองคตอ งพายแพสิน้ พระชนม ซ่งึ เปน สิง่ (๒) การใช้ถ้อยค�าใหเ้ กดิ อารมณ์สะเทอื นใจ เช่น ตอนทพ่ี ระมหาอปุ ราชา
ทที่ าํ ใหเกดิ ความรูสกึ เศรา โศกย่ิงนกั เพราะ เพล่ียงพล�้าในการศึก สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงใช้พระแสงของ้าวฟันพระมหาอุปราชาท่ี
เปนความรสู กึ หว งใยพระราชบดิ าวา จะทรง พระองั สาขวาขาดสะพายแลง่ จนพระวรกายแยกออกจากกนั และสน้ิ พระชนมช์ พี ซบอยบู่ นคอชา้ ง
เปนอยา งไร แสดงใหเ หน็ ถงึ ความกตัญูของ จนผ้อู ่านเกิดอารมณ์สะเทอื นใจไปกับภาพทจี่ นิ ตนาการตาม ดงั บทประพันธ์
พระองค)
๏ พลอยพล�า้ เพลยี กถา้ ทา่ น ในรณ
พ่ายฟอ้ น
บัดราชฟาดแสงพล- เผดจ็ คู่ เข็ญแฮ
พระเดชพระแสดงดล ขาดด้าวโดยขวา
ถนดั พระอังสาข้อน ยลสยบ
ท่าวดิน้
๏ อุรารานร้าวแยก สังเวช
สฟู่ า้ เสวยสวรรค์
เอนพระองค์ลงทบ
เหนือคอคชซอนซบ
วายชวิ าตมส์ ุดส้ิน
132
เกร็ดแนะครู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT
ขอ ใดใชถอยคาํ แสดงความรูส กึ ตา งจากขอ อ่นื
ครูผูส อนควรเพมิ่ เติมความรู ความเขาใจเกยี่ วกบั คณุ คา ทางวรรณศลิ ปจาก 1. กรตระกองกอดแกว เรยี มจักรางรสแคลว
การใชถ อยคําในการสรา งอารมณ ความรูสกึ ทเ่ี กดิ จากบทประพันธ โดยนักเรียนควร คลาดเคลา คลาสมร
ทําความเขาใจสารในบทอา นอยา งชัดเจนกอ นเปนอนั ดบั แรก ครผู สู อนควรชแี้ นะ 2. จําใจจรจากสรอ ย อยูแมอยา ละหอย
นกั เรยี นวา การที่นักเรียนจะสามารถเขาใจความคิดและประสบการณท ี่ปรากฏใน หอ นชา คนื สม แมแ ล
บทอานไดถูกตอ งตามเจตนาของผูแตงไดน นั้ ผูอา นตองทาํ ความเขาใจเนือ้ หาใน 3. พระครวญพระคราํ่ ไห โหยหา
บทอา นอยางถอ งแทเ สียกอ น ดว ยการพจิ ารณาความหมายนับต้งั แตร ะดบั คํา พลางพระพิศพฤกษา ก่ิงเกี้ยว
ตลอดจนจุดมงุ หมาย ทศั นคติ และนา้ํ เสยี งของผูแตง ผอู า นตองสรางจินตภาพ 4. เปรมปรดี ์ิปราโมทยแ ท เพราะพระโหรหากแก
จากการอา น เชน การทําความเขา ใจสหี นา ทาทาง อารมณ ความรสู กึ ของตวั ละคร กลาวตองตามฝน
ในบทประพันธทอ่ี าน ฉากท่ีปรากฏ รวมทัง้ องคประกอบอน่ื ท่ีปรากฏจากประสาท
สัมผัส ไมวา จะเปนรูป รส กลิน่ เสียง หรือบรรยากาศ ความทกุ ข เศรา เจบ็ ปวด วเิ คราะหคําตอบ ขอ 1. ขอ 2. และขอ 3. กวใี ชถ อ ยคาํ แสดง
เปน ตน ครผู สู อนควรชแี้ นะนกั เรยี นวา การทาํ ความเขา ใจอารมณ ความรสู กึ ทป่ี รากฏ ความโศกเศรา โดยรําพงึ ถงึ นางผูเปน ทีร่ ัก ขอท่ีใชถอ ยคําแสดง
ในบทประพันธจ ะมีความชดั เจนมากยงิ่ ขึ้นหากนกั เรยี นไดศ ึกษาบทประพนั ธดวย ความรสู กึ ตา งจากขออน่ื คอื ขอ 4. เพราะเปนถอยคาํ ทแ่ี สดง
การอา นออกเสียง เพ่ือจบั จงั หวะลลี าและอารมณ ความรูส กึ จากบทประพันธ
ความรสู กึ ยินดี ตอบขอ 4.
132 คมู่ อื ครู
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
Expand Expand
ขยายความเขา้ ใจ
ครูสุมนกั เรยี น 2-3 คน มานาํ เสนอบทประพันธ
ทมี่ ีความโดดเดน ทางวรรณศิลปใ นดานการ
(๓) การใช้ถ้อยค�าให้เกิดความรู้สึกอับอาย เช่น ตอนพระเจ้าหงสาวดี พรรณนาใหเ ห็นภาพ
มีพระราชบัญชาให้พระมหาอุปราชายกทัพมาตีไทย พระมหาอุปราชาได้ทูลพระเจ้าหงสาวดีว่า (แนวตอบ นักเรยี นยกบทประพนั ธไ ดหลากหลาย
จะมีเคราะห์ไม่ตอ้ งการออกรบ จงึ ถกู พระเจา้ หงสาวดตี รัสประชดด้วยถอ้ ยคา� ทท่ี า� ให้เกิดความรูส้ กึ ครคู วรช้แี นะโดยยกประพนั ธตอ ไปน้เี ปน
อบั อายว่าใหเ้ อาเครื่องแต่งกายหญงิ มาสวมใส ่ ดังบทประพันธ์ ตัวอยางใหน กั เรียนพิจารณาเพ่มิ เตมิ
...ธ กเ็ ออื้ นสารเสาวพจน์ แด่เอารสยศเยศ องคอ์ ิศเรศอปุ ราช ใหย้ กยาตราทัพ กับนคร “อรุ ารานราวแยก ยลสยบ
เชยี งใหม ่ เปน็ พยหุ ใหญห่ า้ แสน ไปเหยยี บแดนปราจนิ บตุ รทา่ นยนิ ถอ้ ถอ้ ย ขอ้ ยผขู้ า้ บาทบงส ์ุโหร เอนพระองคลงทบ ทาวด้ิน
ควรคงทา� นาย ทายพระเคราะหถ์ งึ ฆาต ฟงั สารราชเอารส ธ กผ็ ะชดบญั ชา เจา้ อยธุ ยามบี ตุ ร ลว้ น เหนอื คอคชซอนซบ สงั เวช
ยงยทุ ธเ์ ชย่ี วชาญ หาญหกั ศกึ บ มยิ อ่ ตอ่ สศู้ กึ บ มหิ ยอน ไปพ่ กั วอนวา่ ใช ้ ให ้ ธ หวง ธ หา้ ม แมน้ เจา้ วายชวิ าตมส ดุ ส้นิ สูฟา เสวยสวรรค”
คร้ามเคราะหก์ าจ จงอย่ายาตรยทุ ธนา เอาพัสตราสตรี สวมอินทรยี ส์ รา่ งเคราะห ์ ธ ตรัสเยาะ โคลงส่สี ุภาพบทน้ีมเี นื้อความพรรณนาถึงภาพ
เย่ียงขลาด องค์อุปราชยินสาร แสนอัประมาณมาตย์มวล นวลพระพักตร์ผ่องเผือด เลือดสลด พระมหาอุปราชาส้นิ พระชนมบ นคอชา ง
หมดคล�้า ชา�้ กมลหมองมวั ... เมื่อพระมหาอุปราชาตอ งพระแสงของาวของ
(๔) การใชถ้ อ้ ยคา� แสดงความโศกเศรา้ เชน่ ตอนทลี่ มเวรมั ภาพดั ฉตั รของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทพ่ี ระอุระหรือท่ีอก
พระมหาอุปราชาตกมาหัก พระองค์ทรงพระทัยเสียและโศกเศร้าว่าหากพระองค์ส้ินพระชนม์ชีพ จากน้นั พระมหาอุปราชาก็คอ ยๆ เอนพระองค
พระราชบิดาจะเป็นอยา่ งไร และใครจะปลงพระศพให้พระองค์ ดงั บทประพนั ธ์ ฟุบแนบลงไปบนคอชา ง ภาพการสนิ้ พระชนม
ของพระมหาอปุ ราชาชวนใหเ กดิ ความเศรา สลด
หดหู ดวงวิญญาณของพระองคไ ดเสด็จลอยขึน้
๏ เอ็นดภู ูธเรศเจา้ จอมถวัลย์ ไปสถติ ที่สวรรคช้นั ฟา)
ทดแท้ 2. นกั เรียนบันทึกความรูลงในสมุด
เปล่ยี วอุระราชรนั - ครองภพ พระเอย
พระชนมช์ ราครนั เพลีย่ งพล�้าศกึ สยาม
เกรงบพติ รจักแพ้ ใจเจ็บ ใจนา
อกโอ้
๏ สงครามคราน้หี นกั ผฝี าก พระเอย
ท่เี พล้ใครเผา
เรยี มเร่งแหนงหนาวเหน็บ เอองค์
ลูกตาย ฤ ใครเก็บ ค่รู อ้ น
ผจี กั เทง้ ทโ่ี พล ้ ฤๅล ุ แล้วแฮ
จักแคน้ คบั ทรวง
๏ พระเนานัคเรศอ้า
ฤๅบม่ ีใครคง
จักรจิ ักเร่ิมรงค์
พระจักขุ่นจกั ข้อน
133
ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู
“เสยี ดายคฤหาสนห อ ง หอทอง
ยามวโิ ยคยทุ ธปอง ปราบเส้ยี น ในการจดั การเรียนการสอนเกี่ยวกบั กลวธิ ีการใชภ าษาเพอ่ื ใหเ กิดจินตภาพ
จักคนื บคืนครอง ฤๅแน ไฉนนา ในบทประพนั ธน ัน้ ครผู ูสอนควรเรม่ิ ตนจากการใหความหมายของคาํ วา จินตภาพ
หนกั หฤทัยทานเที้ยร เทวษตืน้ ตันทรวง” ซ่ึงหมายถึงภาพท่เี กดิ จากความนึกคิดหรือทค่ี ดิ วาควรจะเปนเชนนน้ั หรอื เปน
บทประพันธขา งตนแสดงรสวรรณคดใี ด ภาพลกั ษณ ซึ่งภาษาองั กฤษใชว า image จากนัน้ จึงใหค วามรู ความเขา ใจ
1. เสาวรจนี เกย่ี วกบั จนิ ตภาพในการสอ่ื สารจากบทประพนั ธ ในการตคี วามสารจากบทประพนั ธน น้ั
2. นารีปราโมทย นกั เรียนตอ งนาํ ประสบการณก ารอา นมารวมพจิ ารณาสารจากบทอา นดว ย ทงั้ ใน
3. พิโรธวาทัง ดา นความคดิ อารมณ และความรสู กึ การสรา งสรรคบ ทประพนั ธข องกวใี นแตล ะบท
4. สัลลาปง คพสิ ยั หรอื คําพูดของตัวละครน้ัน เกิดจากการผสมผสานความคิด อารมณ และความรสู กึ
จากบทประพนั ธ แลว ถา ยทอดสบู ทประพนั ธ เพอื่ สอื่ สารเนอ้ื หาสผู อู า น ผอู า นจงึ ควร
วเิ คราะหค ําตอบ บทประพนั ธข า งตน มรี สวรรณคดีสัลปงคพิสัย พจิ ารณานาํ้ เสยี งในบทกววี า กวนี าํ เสนอในลกั ษณะเชน ไร เนอ่ื งจากการนาํ เสนอในบท
กลาวพรรณนาความทุกขท ีต่ องจากเมืองไปออกรบ โดยไมอ าจรู ประพนั ธแ ตละบทยอ มมคี วามแตกตา งกนั ไปตามบรบิ ท นักเรยี นจึงจะมคี วามเขาใจ
วาจะไดก ลับเมอื งเม่อื ใด ซงึ่ เปน บทประพันธแสดงความเศรา โศก เกี่ยวกบั รสภาพ ซึ่งหมายถงึ เสยี งทาํ ใหเกิดภาพ ในแตละคาํ จะแฝงไปดวยภาพ
เมอ่ื นกั เรียนอา นออกเสียงก็จะยง่ิ ชว ยใหเ หน็ ภาพท่ีมีความแตกตางกันไปขึน้ อยูกับวา
ครา่ํ ครวญ ราํ พนั ตอบขอ 4. จะใหเกดิ ภาพอยางไร
คมู่ ือครู 133
กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Evaluate
Engage Expand Expand
ขยายความเขา้ ใจ
นกั เรยี นพจิ ารณาคณุ คา ดา นสงั คมในลลิ ติ ตะเลงพา ย ๗.๓ คุณคา่ ทางสงั คม
เร่ืองธรรมชาติของมนษุ ย แลว ตอบคาํ ถาม
๑) สะทอ้ นให้เห็นธรรมชาตขิ องมนุษย์ เช่น
• นกั เรยี นคดิ วา กวแี สดงใหเ หน็ ความเปน พระเจ้าหงสาวดีตรัสประชดพระมหาอุปราชาว่า กษัตริย์ของกรุงศรีอยุธยาทรง
ธรรมชาตขิ องมนษุ ยในตัวละครหรอื ไม มีพระราชโอรสที่กล้าหาญไม่ครั่นคร้ามต่อการท�าศึกสงคราม แต่พระราชโอรสของพระองค์เป็น
อยางไร คนขลาดเขลา ทา� ให้พระมหาอปุ ราชาทรงอบั อายและเกรงกลวั พระราชอาญา จึงเกดิ ขัตติยมานะ
(แนวตอบ ธรรมชาติของมนษุ ยเ ปนสง่ิ ท่ีเกดิ ขึน้ ยอมกระท�าตามพระราชประสงค์ของพระราชบดิ า ดงั บทประพนั ธ์
กบั มนุษยทุกคน ในเรอ่ื งลิลติ ตะเลงพายกวไี ด
พรรณนาถึงความเปนธรรมชาตขิ องมนุษย ...องค์อุปราชยินสาร แสนอัประมาณมาตย์มวล นวลพระพักตร์ผ่องเผือด
เพอื่ ใหม คี วามสมจรงิ ยงิ่ ขน้ึ เชน เรอื่ งความกลวั เลอื ดสลดหมดคลา�้ ช้�ากมลหมองมัว กลวั พระอาชญายอบ นอบประณตบทมูล ทลู ลาไท้ลีลาศ
เปนตอนท่ีพระมหาอปุ ราชาไดฟง คําทาํ นาย ธ กป็ ระกาศเกณฑพ์ ล บอกยบุ ล บ ่ มหิ งึ ...
วา พระองคจะสิ้นพระชนมใ นการทําศกึ กับ
พระนเรศวร ซ่ึงความกลัวเปน ธรรมชาตโิ ดย สมเด็จพระนเรศวรเม่ือตกอยู่ในวงล้อมของข้าศึก ทรงใช้วาทศิลป์ตรัสเชิญ
ปกติทว่ั ไปของมนษุ ย แตดวยบทบาทหนา ที่ พระมหาอุปราชามารบตัวต่อตัว เพ่ือเป็นเกียรติยศและศักด์ิศรีของท้ังสองพระองค์ สืบต่อไป
ของกษัตรยิ ท าํ ใหพ ระองคทรงขม ความกลวั ภายหน้าจะไม่มีการรบทีก่ ลา้ หาญเยยี่ งนอ้ี ีก ดงั บทประพันธ์
แลวทําหนา ทีข่ องพระองค)
๏ พระพพ่ี ระผผู้ า่ น ภพอุต- ดมเอย
• นกั เรยี นคดิ วา ในเรอื่ งลลิ ติ ตะเลงพา ย ไปช่ อบเชษฐ์ยนื หยุด ร่มไม้
ตวั ละครมีการใชจติ วิทยาหรือไม อยางไร เชิญราชรว่ มคชยทุ ธ ์ เผยอเกยี รต ิ ไวแ้ ฮ
(แนวตอบ ลลิ ติ ตะเลงพายมีเนอื้ หาบางตอนที่ สืบกว่าสองเราไสร้ สุดสิ้นฤๅมี
แสดงใหเหน็ การใชจ ิตวิทยา ดังตอนทสี่ มเด็จ
พระนเรศวรมหาราชกบั สมเดจ็ พระเอกาทศรถ ตอนทสี่ มเดจ็ พระนเรศวรทรงพโิ รธแมท่ พั นายกองทตี่ ามเสดจ็ เขา้ สนามรบไมท่ นั
ทรงตกอยใู นวงลอ มขาศกึ สมเดจ็ พระนเรศวร จึงตรัสสั่งประหารชีวิต สมเด็จพระวันรัต วัดป่าแก้วขอพระราชทานอภัยโทษ โดยยกเหตุผลว่า
มหาราชทรงแกไขสถานการณค บั ขันดว ยการ เป็นเพราะเทพยดาบันดาลให้เป็นไป เพ่ือให้พระองค์แสดงพระบรมเดชานุภาพให้ปรากฏ
กลา วเชญิ พระมหาอุปราชามาทาํ ศกึ ยทุ ธหัตถี ค�ากล่าวถูกพระทัยสมเด็จพระนเรศวรจึงพระราชทานอภัยโทษให้ แต่ต้องไปท�าการศึกแก้ตัวโดย
ทรงกลา วสรรเสรญิ ถึงความยิ่งใหญแ ละชอ่ื ให้น�าทพั ไปตีเมืองเมาะตะมะและตะนาวศรี
เสยี งอันเล่อื งลอื ของพระมหาอุปราชา แลว
ทรงใชค ําถามเชิงวาทศิลปวา “ไปชอบเชษฐ ๏ พระตรโี ลกนาถแผ้ว เผด็จมาร
ยนื หยุด รม ไม” ซง่ึ เปนการพดู กดดนั พระมหา เฉกพระราชสมภาร พี่น้อง
อุปราชาทา มกลางเหลา ทหารมากมาย เพอื่ ไม เสด็จไรพ้ ริ ิยะราญ อรนิ าศ ลงนา
ใหเสยี เกียรตนิ กั รบ พระมหาอปุ ราชาจึงทรง เสนอพระยศยินก้อง เกียรติท้าวทกุ พาย
ตกลงท่จี ะทาํ ศึกยทุ ธหตั ถี เหน็ ไดวา สมเดจ็
พระนเรศวรมหาราชทรงใชจิตวิทยาเปน เครอ่ื ง 134
มอื อยา งหนงึ่ ในการสศู ึกและใชใ นเชงิ รกุ )
เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
ขอใดเปน คตคิ วามเชอ่ื ทีม่ คี วามแตกตา งจากขอ อืน่
ครคู วรเพิม่ เติมความรู ความเขาใจเก่ียวกับการประยุกตใชห ลกั จติ วิทยาในการ 1. ใจทรนงองอาจ ยาตรตดั ไมข ม นาม
ศกึ ษาวรรณคดี โดยในระดับชั้นน้ีการนําหลกั จติ วทิ ยามาใชใ นการพจิ ารณา 2. ดวนเดนิ โดยโขลนทวาร พวกพลหาญแหหนา
บทประพันธ จะมุง เนน ไปที่การพิจารณาบุคลกิ ภาพและพฤติกรรมของตัวละคร 3. ปวงละวา เซนไก ไขวสรวงพลีผีสาง
เปนหลกั วา ตวั ละครดงั กลาวสะทอนภาวะความเปนมนษุ ยหรอื แสดงภาวะความเปน 4. ฝายพอทวชิ าชาติ ราชปุริโสดม พรหมพทิ ยาจารย
มนษุ ยผ า นกลวธิ ีทางภาษาอยางไร โดยบทประพันธข า งตน สะทอนลกั ษณะนิสยั ของ
ตวั ละครอยางไร มีความคงเสนคงวาหรอื ไม และการตัดสินใจ รวมถงึ พฤติกรรม วิเคราะหคําตอบ ขอ ทมี่ คี วามเชอ่ื ตา งจากขอ อนื่ คอื “ปวงละวา
ตา งๆ ของตวั ละครมคี วามสมเหตุสมผลหรือไม อยางไร ถือเปน การพจิ ารณากลวิธี เซน ไก ไขวส รวงพลผี สี าง” สะทอ นคตคิ วามเชอื่ เกยี่ วกบั ผี สว นขอ
ทางวรรณศลิ ป ในการถา ยทอดเนอ้ื หาของตวั ละครทมี่ ลี กั ษณะสมจรงิ สง ผลตอ คณุ คา
ทางวรรณศลิ ปท ่ีปรากฏในวรรณคดีมากยง่ิ ขึ้น การพิจารณาวรรณคดีเรอื่ งตางๆ อน่ื ๆ สะทอ นคตคิ วามเชอ่ื ของศาสนาพราหมณ - ฮนิ ดู ตอบขอ 3.
ดว ยแนวความคดิ น้ีเปนการพจิ ารณาข้นั พนื้ ฐานโดยการใชหลกั การทางจิตวิทยา
มาใชในการวเิ คราะห วจิ ารณต ัวละครเทา น้ัน ครคู วรช้แี นะนกั เรียนเพิ่มเติมวา
การวิเคราะห วิจารณว รรณคดีตามหลกั จิตวิทยาในระดับชน้ั ทีส่ ูงข้นึ ไปน้นั จะมี
การใชหลกั จิตวทิ ยาในการพิจารณาผูแ ตง วรรณคดีและลักษณะสากลของมนุษย
134 คู่มอื ครู
กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
Expand Expand
ขยายความเขา้ ใจ
1. จากความเช่อื เปน เหตุบอกเรือ่ งรา ยในลลิ ิต
๏ ผวิ หลายพยหุ ยุทธ์รา้ โรมรอน ตะเลงพา ย นกั เรียนควรนาํ มาปรบั ใชใน
ชนะอมิตรมวลมอญ ม่วั มลา้ ง ชีวติ จริงอยา งไร
พระเดช บ่ ดาลขจร เจริญฤทธ์ิ พระนา (แนวตอบ ความเช่อื เรอ่ื งโชคลางสามารถนาํ มา
ไปท่ัว ธ เรศออกอ้าง เอิกฟา้ ดินไหว เปนแนวการปองกันตัวเองใหตั้งอยูบนความ
๒) สะท้อนให้เห็นขนบธรรมเนียมประเพณี ขนบธรรมเนียมในการศึก ไมป ระมาท ไมควรนาํ ความจากคาํ ทาํ นายเรื่อง
ทป่ี รากฏในเรอ่ื ง ไดแ้ ก ่ การประสาทและใหโ้ อวาท การสรา้ งขวญั กา� ลงั ใจแกท่ หารและความเดด็ ขาด รา ยๆ มาบน่ั ทอนกําลงั ใจในการดําเนนิ ชวี ติ )
ในการรบ ความรู้เกย่ี วกบั ต�าราพิชัยสงคราม การจดั ทพั ต้งั ทพั ประเพณ ี และพธิ กี รรมเกีย่ วกบั 2. นักเรียนยกตัวอยา งบทประพันธจ ากลิลิต
สงคราม เช่น พิธีโขลนทวารตัดไม้ข่มนาม ดังท่ีปรากฏในบทประพันธ์ที่กล่าวถึงพิธีโขลนทวาร ตะเลงพายท่ีสะทอนความเชือ่ เร่ืองลางบอกเหตุ
ซง่ึ เปน็ พธิ บี า� รงุ ขวญั ทหารกอ่ นออกศกึ ทา� ใหเ้ หลา่ ทหารตา่ งฮกึ เหมิ และมกี า� ลงั ใจ โดยจะมพี ระสงฆ์ (แนวตอบ ตวั อยางเชน โคลงบทท่สี ะทอ น
สวดพระพุทธมนต์และประพรมน้า� พระพทุ ธมนตใ์ ห ้ ดงั บทประพนั ธ์ ความเชอื่ เรอื่ งความฝน ของคนไทยวา มคี วามฝน
4 อยาง ไดแก 1. บุพพนมิ ิต 2. จติ นิวรณ
3. เทพสังหรณ 4. ธาตุโขภ โดยในโคลงท่ียก
๏ พลันขยายพยุหบาตรา คลาเข้าโขลนทวาเรศ สงฆ์สวดชเยศพุทธมนต์ มาเชอื่ วาความฝน ทเี่ กดิ ขนึ้ นน้ั เพราะเทวดา
ปรายประชลเฉลิมทัพ ตามต�ารับราชรณยุทธ์ โบกกบี่ธุชคลาพล ยลนาวาดาดาษ บนั ดาล ดงั ความวา
ดสู ระพราศสระพรงั่ คงั่ คบั ขอบคงคา แลมเหาฬารพ์ นั ลกึ อธึกท้องแถวธาร... “พระโหรเห็นแจงจบ ในมลู ฝนแฮ
ถวายพยากรณท ลู แดไท
ของบรรพบรุ ษุ ๓ ค)ว าสมะเชทอื่อ้ เนรอื่ใหงคเ้ หวาน็ มคฝวนั าบมอเชกเอ่ื หขตอ ุ คง2วสางั มคเมชไอ่ื ทเรยอ่ื1 คงโวชาคมลเชาองื่ ทคปี่วารมากเชฏอ่ืในเรเอ่ืรองื่ คง า� ไทดาแ�้ นกา ่ คยวทาามยเทชกอัื่ สุบนิ บดนิ ทรส ูร ฝน ใฝ นั้นฤๅ
ของโหร เชน่ ตอนทสี่ มเดจ็ พระนเรศวรทรงพระสบุ นิ จงึ ตรสั ใหห้ าพระโหราจารยเ์ พอ่ื ทา� นายนมิ ติ หากเทพสงั หรณใ ห ธริ าชรูเปน กล”)
ดงั บทประพนั ธ์
๏ ทันใดดลิ กเจ้า จอมถวลั ย์
สร่างผทมถวลิ ฝัน หอ่ นรู้
พระหาพระโหรพลนั พลางบอก ฝนั นา
เร็วเร่งทายโดยกระท ู้ ทีถ่ ้อยตแู ถลง
๔) สะท้อนข้อคิดเพื่อน�าไปใช้ในการด�าเนินชีวิต ลิลิตตะเลงพ่ายได้แสดง
คณุ ธรรมดา้ นตา่ งๆ ทมี่ คี ณุ คา่ ตอ่ การดา� เนนิ ชวี ติ เชน่ ความรบั ผดิ ชอบตอ่ หนา้ ท ่ี ความเมตตากรณุ า
ความนอบน้อม การให้อภัย โดยสอดแทรกอยู่ในบทประพันธ์ ผู้อ่านจะสามารถซึมซับคุณธรรม
เหลา่ นผี้ า่ นความงามของภาษา สามารถจรรโลงใจผอู้ า่ นได ้ เชน่ ตอนทพ่ี ระเจา้ นนั ทบเุ รงทรงสอน
การศกึ แกพ่ ระมหาอปุ ราชา กเ็ ปน็ ขอ้ คดิ ทมี่ คี ณุ คา่ อยา่ งยงิ่ ตอ่ การดา� เนนิ ชวี ติ ดงั บทประพนั ธ์
135
ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT นกั เรียนควรรู
“ทันใดดลิ กเจา จอมถวัลย 1 ความเชือ่ ของสงั คมไทย ในปจจบุ ันยงั คงปรากฏความเชอ่ื โชคลาง ฝนบอกเหตุ
สรา งผทมถวลิ ฝน หอ นรู คาํ ทาํ นายตา งๆ เสฐยี รโกเศศ ไดอ ธบิ ายความหมาย ถงึ ความเชอื่ ดว ยความรสู กึ เกรงขาม
พระหาพระโหรพลัน พลางบอก ฝน นา ในสิง่ ท่ีเขาใจวา อยเู หนือธรรมชาติ หรือในสง่ิ ลกึ ลบั อันไมส ามารถจะทราบไดด ว ย
เร็วเรง ทายโดยกระทู ท่ีถอยตแู ถลง” เหตุผลตาหลกั ของวิทยาศาสตร และส่งิ นนั้ อาจใหดหี รอื ใหร า ยแกผทู เี่ ชอ่ื กไ็ ด เม่อื มี
จากบทประพันธข อ ใดแสดงความเช่ือของคนไทย ความเช่ือและความรสู ึกเชน น้ีแลว ก็สาํ แดงความเช่ือและความรูส กึ นั้นออกมา
1. ความเช่ือเรอ่ื งการนบั ถอื บรรพบุรษุ เปน รปู พิธีรีตองอันเนือ่ งดวยคาถาอาคมและเวทมนตร เพือ่ อํานวยประโยชนใ ห
2. ความเชอื่ เรื่องลางบอกเหตุ แกต นในทางดแี ละทางชว่ั
3. ความเชอื่ เรอ่ื งการจดั ทัพ
4. ความเชื่อเรือ่ งฤกษย าม 2 ความฝนบอกเหตุ ตามความเชือ่ โบราณความฝน ทเ่ี ปน จรงิ ได ประกอบดวย
เหตุแหง ฝน 2 ประเภท คือ บพุ พนมิ ิตและเทพสังหรณ ซ่งึ เกดิ ขนึ้ ในยามสดุ ทาย
วเิ คราะหค ําตอบ จากบทประพันธขา งตน กลา วถึงความเชอื่ เทาน้ันตามคตโิ บราณสาเหตุของความฝน มี 4 ประการ คือ
เกยี่ วกบั ความฝนที่ใหโหรทาํ นายวา จะเกดิ เหตอุ ะไรข้ึนในอนาคต 1. บพุ พนิมติ ฝนบอกเหตลุ วงหนา
ขา งหนา ท้งั นเ้ี พราะเชือ่ วา เปนลางบอกเหตุสิ่งท่กี ําลงั จะเกดิ ขนึ้ 2. จติ นิวรณ ฝน เพราะจิตผกู พนั เปน หว ง ฝนท่ีเกดิ จากความกังวลใจ
3. เทพสงั หรณ ฝนเพราะเทวดาดลใจใหร ลู ว งหนา
ตอบขอ 2.
4. ธาตโุ ขภ ฝนเพราะธาตุตา งๆ ในรางกายไมป กติ คมู่ ือครู 135
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Evaluate
Engage Expand Expand
ขยายความเขา้ ใจ
1. นกั เรียนรวมกนั อภิปรายในประเดน็ ตอ ไปนี้ ๏ หน่งึ รพู้ ยุหเศกิ ไสร้ สบสถาน
• นกั เรียนคดิ วา วรรณคดเี ร่อื งลลิ ิตตะเลงพา ย เจนจติ วทิ ยาการ กาจแกล้ว
นั้น เปน แรงบันดาลใจใหน กั เรยี นรกั ชาติ รูเ้ ชิงพชิ ยั ชาญ ชุมค่าย ควรนา
และเทดิ ทนู สถาบันพระมหากษตั ริย อาจจักรอนรณแผว้ แผกแพพ้ งั หนี
หรอื ไม อยา งไร ขุนพล
(แนวตอบ นักเรยี นสามารถอภปิ รายไดอ ยา ง ๏ หน่ึงรบู้ �าเหนจ็ ให้ จดื เสยี้ น
กวา งขวางขึ้นอยูกับเหตผุ ลและประสบการณ อันสมรรถมอื ผจญ อยา่ งเกยี จ
ของนักเรยี น ครูแนะแนวตอบใหน ักเรยี น อยา่ หยอ่ นวริ ิยะยล ถ่องแทท้ างแถลง
โดยใหน กั เรยี นพิจารณาบุคลกิ ลักษณะ แปดประการกลเที้ยร
ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทีพ่ ระองคทรง
เปน นักปกครองท่ีดี มคี วามเปนนกั รบ ทรงมี ๕) แสดงเหตกุ ารณ์สา� คัญทางประวตั ศิ าสตร์ ลลิ ติ ตะเลงพ่ายไดอ้ ธบิ ายเหตุการณ์
ความฉลาด มีไหวพริบ ไมข าดสติ และทรงมี ในประวัตศิ าสตร์ ตงั้ แตก่ ารส้นิ พระชนมข์ องสมเดจ็ พระมหาธรรมราชา สมเดจ็ พระนเรศวรทรงขนึ้
วาทศิลป) ครองราชย ์ พระเจา้ หงสาวดมี พี ระราชบญั ชาใหพ้ ระมหาอปุ ราชายกทพั มาตไี ทย จนนา� มาสกู่ ารทา�
• บุคลิกลักษณะเดน ของสมเดจ็ พระนเรศวร ยทุ ธหตั ถรี ะหวา่ งสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชกบั พระมหาอปุ ราชา และพระนเรศวรมหาราชทรงได้
มหาราชและพระมหาอปุ ราชาในดานใดที่ รับชัยชนะ จากนั้นพระองค์ทรงปูนบ�าเหน็จแก่ทหารและปรึกษาโทษนายทัพนายกองท่ีตามเสด็จ
นักเรยี นคดิ วาควรนาํ มาเปน แบบอยา งในการ เข้าไปร่วมรบไม่ทัน แล้วสมเด็จพระวันรัตได้ทูลขอพระราชทานอภัยโทษให้ โดยต้องไปตีทวาย
ดาํ เนนิ ชวี ิต และตะนาวศรเี ป็นการแกต้ ัว จงึ นับไดว้ ่าลลิ ติ ตะเลงพา่ ยเปน็ เอกสารสา� คัญทางประวตั ศิ าสตร์อย่าง
(แนวตอบ นกั เรียนสามารถตอบไดห ลากหลาย หนึ่งท่ีให้ความรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์การท�ายุทธหัตถีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกับพระมหา
ขึน้ อยูกบั เหตุผลของนักเรยี น เชน การมี อุปราชา
ไหวพรบิ ปฏิภาณ สามารถแกไขสถานการณ
ดวยสติ โดยครแู นะเพ่มิ เติมวา การมีความ วรรณคดีเร่ืองลิลิตตะเลงพ่าย เป็นวรรณคดีที่ผู้อ่านจะต้องมีความรู้พื้นฐาน
สามารถไมว า เรือ่ งใดกต็ าม ลว นเกดิ จาก เกย่ี วกบั คา� ศัพทท์ ้ังภาษาบาลี สันสกฤต เขมร ค�าไทยโบราณ ต้องวิเคราะหแ์ ละหาความหมาย
ความสนใจและตง้ั ใจจรงิ ท้ังน้ี หากนกั เรียน ของคา� ศพั ทย์ าก จงึ จะสามารถตคี วามไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง วรรณคดเี รอื่ งนนี้ อกจากจะมคี วามไพเราะ
อยากเปน คนเกง มีความสามารถ นกั เรยี นตอ ง ในด้านวรรณศิลป์อย่างยอดเยี่ยมแล้ว ผู้อ่านยังจะได้รับความรู้ทางด้านสังคม วัฒนธรรม
มคี วามมงุ มนั่ พยายามในการทาํ สง่ิ สงิ่ นน้ั ) ประวัติศาสตร ์ และขอ้ คิดทส่ี ามารถนา� ไปปรับใชใ้ นชวี ิตได้อีกด้วย
2. นกั เรียนรว มกนั อภิปรายในประเด็น “บรรพบุรุษ 136
ของไทยแตโบราณมีท้งั ความเสยี สละและความ
กลาหาญ”
(แนวตอบ นักเรียนอาจตอบไดห ลากหลาย และ
ยกตวั อยางบรรพบุรุษมากมาย ครคู วรชแ้ี นะ
ใหก ลาวถงึ สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชในดาน
ความเสยี สละและความกลาหาญ)
เกร็ดแนะครู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT
“พระคณุ ตวงเพยี บพน้ื ภวู ดล
ครทู บทวนความรเู กย่ี วกบั วรรณคดเี ฉลมิ พระเกยี รตแิ ละวรรณคดปี ระวตั ศิ าสตร เต็มตรลอดแหลงบน บอนใต
เพมิ่ เตมิ วา เนอื้ หาของวรรณคดปี ระเภทนเี้ ปน ไปตามความยดึ มนั่ ในสถาบนั ของชาติ พระเกิดพระกอชนม ชบุ ชีพ มานา
ความฝง ใจในพระมหากรณุ าธคิ ณุ และพระบรมเดชานภุ าพเปน สว นผลกั ดนั หรอื เปน เกรง บ ทันลูกได กลบั เตาตอบสนอง”
แรงบนั ดาลใจของกวี การเฉลมิ พระเกยี รตนิ น้ั นอกจากจะออกมาในรปู แบบของ ขอใดคือเจตนาของผูพ ดู
วรรณคดปี ระเภทนโี้ ดยตรงแลว ยงั แทรกอยใู นวรรณคดปี ระเภทอนื่ อกี มาก ไมว า อยใู นบท 1. ตอ งการกลาวลา
ไหวค รู บทชมพระนคร หรอื แทรกไวใ นความรสู กึ ของตวั ละคร บางครงั้ กอ็ อกมาในรปู 2. ตองการกลบั เมือง
ของการใหโ อวาทของตวั ละครทแ่ี ทรกความรสู กึ อนั ลกึ ซง้ึ ตอ องคพ ระมหากษตั รยิ 3. ตอ งการทดแทนคณุ
4. ตอ งการแสดงความเคารพนับถอื
มุม IT
วเิ คราะหค าํ ตอบ บทประพนั ธขา งตนถอดความไดว า พระคณุ
ศกึ ษาความเปรยี บเก่ยี วกบั พระมหากษัตรยิ ในวรรณคดยี อพระเกียรติ ของผูท เ่ี ลย้ี งดมู านน้ั ย่ิงใหญเ ทยี บเทา ผนื แผนดิน คอยชุบเลยี้ ง
สมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยาถงึ กรงุ รตั นโกสนิ ทรต อนตน เพมิ่ เตมิ ไดท ่ี http://thesis.swu.ac.th/ ขน้ึ มาจนเตบิ ใหญ ลูกกลวั วาจะไมไดตอบแทนบุญคุณ ซ่ึงแสดง
swuthesis/Tha(M.A.)/Pramote_S.pdf ใหเหน็ แนวคิดเร่ืองความกตัญู สอดคลอ งกับเจตนาของผูพูด
136 คู่มอื ครู ทีต่ อ งการทดแทนคณุ ตอบขอ 3.
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand
Evaluate
ตรวจสอบผล
Evaluate
คา� ถามประจา� หน่วยการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนสรุปสาระสาํ คัญของคุณคา จาก
วรรณคดี เรอ่ื งลลิ ิตตะเลงพา ยได
๑. จากบทประพนั ธ์ท่ีว่า
๏ หนงึ่ รบู้ า� เหน็จให้ ขนุ พล 2. นักเรียนอธิบายเกย่ี วกับคณุ คาดา นวรรณศลิ ป
อนั สมรรถมอื ผจญ จดื เส้ยี น ท้ังการสรรคําและการใชโวหารได
อยา่ หย่อนวิรยิ ะยล อย่างเกยี จ
3. นักเรียนสรปุ ขอ คดิ จากวรรณคดี เรือ่ งลลิ ิต
ตะเลงพาย แลว นาํ มาปรับใชใ นชวี ิตประจําวัน
แปดประการเท้ียร ถ่องแท้ทางแถลง หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู
เปน็ ค�าสอนทกี่ ล่าวถงึ เรื่องใดบ้างและสามารถน�ามาใชใ้ นชีวติ ประจ�าวนั ไดอ้ ย่างไร
๒. วรรณคดีเรื่องลลิ ิตตะเลงพ่ายใหค้ วามรู้เก่ยี วกบั ความเช่ือในสมัยอยธุ ยาอย่างไรบา้ ง 1. การยกคาํ ประพันธจากลิลิตเร่อื งอนื่ ใหต รงกบั
๓. วรรณคดีเรื่องลิลิตตะเลงพ่ายมีข้อคิดที่เหมาะจะน�ามาประยุกต์ใช้ในเหตุการณ์ แผนผงั ลกั ษณะคําประพันธป ระเภทโคลงสุภาพ
บ้านเมืองในปัจจุบนั อย่างไร ในลลิ ิตตะเลงพาย
2. การยกคาํ ประพนั ธไดตรงกบั จุดมุง หมายของกวี
3. การถอดคําประพนั ธ
4. บนั ทกึ คาํ ศพั ทท ่อี างถงึ วรรณคดเี ร่ืองอนื่
5. การสรุปขอคดิ ทไ่ี ดจ ากเร่ือง
กจิ กรรมสรา้ งสรรค์พฒั นาการเรยี นรู้
๑. ศกึ ษาคน้ ควา้ เกยี่ วกบั พธิ กี รรมและความเชอ่ื ทป่ี รากฏในวรรณคดเี รอ่ื งลลิ ติ ตะเลงพา่ ย
๒. จงอภิปรายในหวั ข้อ “การปกป้องเอกราชของบรรพบุรษุ ไทย”
๓. ให้เขียนเรียงความเรือ่ ง “พระราชกรณียกจิ ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช”
137
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรยี นรู
1. คําสอนจากบทประพันธทกี่ ลาวถงึ คาํ สอน 8 ประการ ซึง่ เปนบทประพันธต ัง้ แตโ คลงบทท่ี 28 - 30 มคี ําสอน ดงั นี้ 1. เอาใจทหาร 2. อยาขลาด 3. อยา โงเขลา
เบาความ 4. รจู ักกระบวนศกึ 5. รูวชิ า 6. รวู ธิ ตี ้ังคาย 7. บําเหนจ็ นายทัพ และ 8. ตองพากเพยี ร สําหรบั ขุนพลท่ีจะออกศึก นกั เรยี นสามารถนํามาปรบั ใชใน
ชีวติ ประจาํ วันได คอื อยาเกียจครา น มคี วามตัง้ ใจแนวแนในส่ิงที่ทํา หมนั่ ศึกษาวิชาความรู
2. วรรณคดเี ร่อื งลิลติ ตะเลงพา ยแสดงความเชอื่ ในสมัยอยธุ ยาเปน ความเช่ือทีม่ ีมาแตบ รรพบุรษุ ความเชอ่ื เรื่องความฝนบอกเหตุ ความเชือ่ เรื่องโชคลาง
เช่อื คําทาํ นายทายทักของโหร การนับฤกษยามในการทาํ ศกึ
3. นกั เรียนตอบไดห ลากหลาย แตค รูชใี้ หน กั เรียนเหน็ ถงึ ลักษณะเดน ของวรรณคดีท่มี ีขอ มลู ทางประวัตศิ าสตรและมีแนวคิดในการเทดิ พระเกียรตพิ ระมหากษัตริย
เชน การเชดิ ชพู ระเกียรตขิ องมหากษัตรยิ ไทย เปนตน
คมู่ ือครู 137
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage
Explore
เปา หมายการเรยี นรู
1. วิเคราะหว จิ ารณว รรณคดตี ามหลกั การวิจารณ
เบอ้ื งตน
2. วเิ คราะหล กั ษณะเดน ของวรรณคดเี ชอ่ื มโยงกับ
การเรียนรทู างประวตั ศิ าสตรแ ละวถิ ีชวี ิตของ
สงั คมไทยในอดีต
3. วเิ คราะหและประเมนิ คณุ คาดานวรรณศลิ ป
ของวรรณคดใี นฐานะทเ่ี ปน มรดกทางวัฒนธรรม
ของชาติ
4. สงั เคราะหข อ คิดจากวรรณคดีเพื่อนาํ ไป
ประยกุ ตใ ชใ นชีวติ จรงิ
5. ทองจําและบอกคณุ คาบทอาขยานตามทก่ี าํ หนด
และบทรอ ยกรองทีม่ คี ุณคาตามความสนใจและ
นาํ ไปใชอา งอิง
สมรรถนะของผเู รียน ôหนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ คมั ภรี ฉ นั ทศาสตร
แพทยศาสตรส งเคราะห
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
2. ความสามารถในการคิด เปนตําราแพทยของไทยโบราณ
3. ความสามารถในการแกป ญ หา ซ่ึงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว
4. ความสามารถในการใชท ักษะชีวติ ทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหรวบรวมไว ซึ่งเปน
ฉบับสมบรู ณเ มอื่ พระยาพศิ ณปุ ระสาทเวชเปน ผรู เิ รม่ิ
คุณลักษณะอันพงึ ประสงค จดั พมิ พ โดยมเี นอื้ หาเกยี่ วกบั แพทยแ ผนไทย ใหค วามรู
เกยี่ วกบั อาการแทรกซอนตางๆ ของโรค และยงั ส่ังสอน
1. ใฝเ รียนรู เก่ยี วกบั จรรยาบรรณของแพทย
2. มุง มัน่ ในการทํางาน
3. รกั ความเปนไทย คมั ภรี ฉ นั ทศาสตร แพทยศ าสตรส งเคราะห
ตวั ชวี้ ัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง
• ท ๕.๑ ม.๔-๖/๑, ๒, ๓, ๔, ๕, ๖ • กำรวเิ ครำะห์และประเมินคณุ คำ่ วรรณคดแี ละวรรณกรรม
เรอ่ื ง คมั ภีร์ฉันทศาสตร์ แพทย์ศาสตรส์ งเคราะห์
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ครสู นทนาซกั ถามกระตนุ ความสนใจ ดงั ตอ ไปนี้ 138
• นกั เรียนคิดวา การรักษาดวยแพทยแ ผนไทย
ในสมยั กอ นมีลกั ษณะอยา งไร และมคี วาม
สาํ คัญอยา งไร
เกรด็ แนะครู
หนว ยการเรยี นรนู ี้ ครูควรจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนโดยเนนใหน กั เรียนได
แสดงความคดิ เหน็ ที่มีตอบทประพันธหรือวรรณคดที ี่นักเรียนอาน จากนัน้ จงึ รวมกัน
อภปิ รายแสดงความคิดเหน็ และรว มอภิปรายแลกเปลี่ยนกัน เพอ่ื ใหนกั เรยี นได
เปดใจกวา งในการแสดงความคิดเห็น พรอ มยอมรบั ความคดิ เหน็ ของบคุ คลอื่นอยาง
หลากหลายและกวางขวาง เปน การสรางบรรยากาศการเรียนการสอนท่ีมีความเปน
ประชาธิปไตย
ครูควรใหน กั เรียนศกึ ษาคน ควา เพ่ิมเตมิ เกย่ี วกบั สภาพสงั คมและวฒั นธรรมใน
แตล ะยคุ สมยั ทงั้ ความรดู า นคา นยิ ม ประเพณี วถิ ชี วี ติ เพอื่ ใหน ักเรียนเกิดความเขาใจ
และสามารถนําองคความรดู งั กลา วไปปรับใชใ นการพฒั นาความคิดและการตีความ
บทประพันธไ ดลึกซึ้งยงิ่ ขนึ้ เพ่อื ใหน ักเรียนมเี จตคติทด่ี ใี นการศกึ ษา โดยไมย ดึ ตดิ กบั
ความคดิ ของตนเองเปน หลกั การตคี วามวรรณคดดี ว ยความคิดเหน็ ใหมๆ ยอ มสง ผล
ใหน ักเรยี นเกดิ ความเขา ใจและยอมรบั คณุ คา ของวรรณคดี และเปนการสืบทอดคุณคา
ของวรรณคดไี ดเปน อยา งดี
138 คู่มือครู
กกรระตะตนุ้ Eุ้นnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain Engage
กระตนุ้ ความสนใจ
๑. ความเปน็ มา นกั เรยี นรวมกันพจิ ารณาบทประพนั ธ จากนน้ั
ครสู นทนาซกั ถามกระตนุ ความสนใจ ดงั ตอ ไปนี้
ในมหามงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
บรมนาถบพติ รทรงเจรญิ พระชนมพรรษา ๗๒ พรรษา ในป ี พ.ศ. ๒๕๔๒ รฐั บาลไดจ้ ดั งานเฉลมิ พระเกยี รติ “ชวยฝนไพลใหเ หลวเร็วเรว็ เขา
น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นราชสักการะ ในการนี้คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและ อเี ปลเอาขันลางหนา ออกมาน่ี
จดหมายเหตุ ได้พิจารณาเห็นชอบให้หน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ ส�านักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แกตักนา้ํ ร่ํารดหมดราคี
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ ์ จดั พมิ พห์ นงั สอื เปน็ ทรี่ ะลกึ ใน ชวยขดั สโี ซมขมนิ้ สิน้ เปน ชาม”
นามของรฐั บาล แพทยศ์ าสตรส์ งเคราะห ์ ภมู ปิ ญั ญาทางการแพทย ์ และมรดกทางวรรณกรรมของชาติ
กรมวชิ าการไดแ้ ตง่ ตงั้ คณะกรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิ มศี าสตราจารย ์ (พเิ ศษ) ดร. ชลธริ า สตั ยาวฒั นา • นักเรยี นคิดวา บทประพันธข างตนแสดงถงึ
เป็นประธานของคณะท�างาน แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ ภูมิปัญญาทางการแพทย์และมรดกทาง คณุ คา ทางภูมิปญ ญาของไทยในดานใดบาง
และภูมิปญ ญาดงั กลา วยงั มีความสําคัญใน
สังคมไทยปจจบุ ันหรือไม อยางไร
วรรณกรรมของชาต ิ ในฉบับเฉลิมพระเกียรตินี้ ได้น�าต้นฉบับแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ของพระยา สา� รวจคน้ หา Explore
พิศณปุ ระสาทเวช เล่มท ่ี ๑ พิมพค์ ร้ังที ่ ๒ ร.ศ. ๑๒๘ และเลม่ ที ่ ๒ พมิ พ์ครงั้ ที่ ๑ ร.ศ. ๑๒๖ มา
จดั พมิ พข์ น้ึ ใหม ่ โดยจดั ทา� สว่ นอธบิ ายตา่ งๆ เพม่ิ เตมิ เพอื่ ใหเ้ ขา้ ใจงา่ ยและใหเ้ หมาะสมแกก่ าลสมยั
ในการเผยแพร่องค์ความรู้ในแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ให้เกิดประสิทธิภาพ จึงได้ใช้สื่อท่ีผลิตด้วย นักเรียนสืบคน ขอมลู เก่ียวกบั ความเปน มา
วทิ ยาการสมัยใหม่ในรปู แบบซีดรี อม (มัลตมิ เี ดยี ) ประกอบคู่กับหนงั สอื ด้วย ประวัติผแู ตง และลกั ษณะคําประพันธ
หนังสือแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ฉบับหลวง รวบรวมพิมพ์โดยพระยาพิศณุประสาทเวช อธบิ ายความรู้ Explain
โดยได้รับพระอนุญาตจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ารงราชานุภาพ สภานายก
หอพระสมุดวชิรญาณในขณะนั้น ในการน�ามาเป็นแบบฉบับนี้๑ กอปรด้วยองค์ความรู้อันเป็น 1. ครสู มุ นกั เรยี น 1 - 2 คน ออกมานาํ เสนอเนอื้ หา
ภูมิปัญญาตะวันออกผสานกับภูมิปัญญาไทยด้านเวชกรรมและเภสัชกรรม อีกท้ังยังเป็นหนังสือ ดงั ตอ ไปน้ี
ท่ีแฝงไว้ด้วยปรัชญาอันมีคุณค่า สมบูรณ์ด้วยเนื้อหาที่ครอบคลุมท้ังจักรวาลวิทยา โลกทัศน ์ • นกั เรยี นคดิ วา คัมภีรฉ ันทศาสตร
และวิธีคิดของคนโบราณ รวมไปถึงระบบความเชื่อ พิธีกรรม คาถา และวิธีเยียวยาแผนโบราณ แพทยศ าสตรส งเคราะหมีเน้ือหาเกี่ยวกบั
เหมาะส�าหรับผู้สนใจจะได้ศึกษาค้นคว้าวิจัยต่อไปให้แตกฉานทั้งในเชิงสหวิทยาการและท่ีเป็น อะไรบาง และเนอื้ หาดังกลาวมีคุณคา และ
วิชาชพี โดยตรง ความสาํ คัญตอสังคมและวัฒนธรรมไทย
อยางไร
๒. ประวตั ผิ แู้ ตง่ (แนวตอบ นําเสนอองคความรทู างแพทย
พระยาพิศณุประสาทเวช (คง ถาวรเวช) เกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๖ ประวัติในวัยเยาว์ของ แผนไทย ดานเวชกรรมและเภสัชกรรม
ทา่ นไม่ปรากฏรายละเอยี ด แตจ่ ากหนังสอื นทิ านโบราณคด ี เรือ่ ง “ตง้ั โรงพยาบาล” พระนิพนธ์ใน เน้อื หาดงั กลา วมคี วามสาํ คัญยิ่ง โดยทาํ
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดา� รงราชานภุ าพ ทรงเลา่ ไวว้ ่า “หมอคง” เคยเป็นศิษย์ของ หนา ทส่ี ะทอนคณุ คา ทางภมู ิปญญาของ
พระยาประเสริฐศาสตร์ธ�ารง ซึ่งเป็นหมอที่มีชอ่ื เสยี งไดร้ ับพระมหากรุณาธคิ ุณโปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ ป็น คนไทยสมัยโบราณ ท้งั ความรทู างดานการ
แพทย และคติความเชอื่ รวมถึงประเพณี
๑ เกบ็ ความจากประวัตพิ ระยาพิศณุประสาทเวช เรยี บเรียงโดย ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.ชลธิรา สตั ยาวฒั นา จากหนงั สือแพทยศ์ าสตร์ พธิ ีกรรมที่ปรากฏในบทประพนั ธ นอกจากนี้
สงเคราะห์ภูมิปญั ญาทางการแพทยแ์ ละมรดกทางวรรณกรรมของชาต.ิ หน้า ๒๓ - ๓๐. ยังเปนแนวทางการเผยแพรความรดู า น
สาธารณสุขใหกับประชาชนไดอกี ดว ย)
139
ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT 2. นกั เรยี นบนั ทกึ ความเขา ใจลงในสมดุ
เกรด็ แนะครู
ขอ ใดกลา วถงึ เรอื่ ง คมั ภรี ฉ นั ทศาสตร แพทยศ าสตรส งเคราะห ในการจดั กิจกรรมกระตุนความสนใจครคู วรเนนการทบทวนความรู ความเขาใจ
ไมถ กู ตอ ง ของนกั เรยี นในหนว ยการเรยี นรนู ้ี ดว ยการกระตนุ ความคดิ ของนกั เรยี นใหเ กดิ การเรยี นรู
และทบทวนองคความรูเดมิ เกยี่ วกบั การบําบดั รักษาดวยวถิ ที างแบบแพทยแผนไทย
1. ใหค วามรทู างคตคิ วามเชอื่ ทปี่ รากฏในวรรณคดเี รอ่ื งอน่ื ๆ ดงั ตวั อยา งทยี่ กมาเปน วธิ กี ารบาํ บดั รกั ษาดว ยยาสมนุ ไพร
2. สะทอ นภมู ปิ ญ ญาทางการแพทย ปรากฏในวรรณคดเี รือ่ ง ขนุ ชา ง ขนุ แผน ตอนทพ่ี ลายงามเดินทางไปพบกับ
3. นาํ เสนอองคค วามรดู า นการแพทยแ ผนไทย นางทองประศรีผเู ปน ยา แลว เกิดความเขาใจผดิ เนอ่ื งจากนางทองประศรคี ิดวา
4. เปน แบบอยา งทดี่ ขี องคาํ ประพนั ธป ระเภทกาพยฉ บงั 16
วเิ คราะหค ําตอบ เปน แบบอยางที่ดขี องคําประพนั ธป ระเภท พลายงามเปน ขโมยเขามาขโมยผลไมในสวน จึงเกิดการทุบตที าํ รายจนบาดเจ็บ
กาพยฉ บงั 16 เปน คาํ ตอบท่ีไมถูกตอ ง เนอ่ื งจากบทประพนั ธเ รอื่ ง เมอ่ื เขาใจกันแลว นางทองประศรจี ึงไดหายามารกั ษาพลายงามผูเ ปน หลานจนหาย
คัมภีรฉ นั ทศาสตร แพทยศาสตรส งเคราะห มลี ักษณะคาํ ประพนั ธ จากอาการบาดเจบ็
ประเภทกาพยย านี 11 ในตอนคาํ นาํ หรือตอนเปดเร่ือง และใช ครูควรชใี้ หนักเรียนเหน็ วา วรรณคดเี ร่ืองตางๆ มกั สอดแทรกองคค วามรูเ กีย่ วกบั
คาํ ประพนั ธป ระเภทรายสภุ าพเมอ่ื กลาวถึงลกั ษณะของทบั วิถีชีวติ ในอดตี เอาไว ดงั เชน บทประพันธท่ียกมาขา งตน จากน้ันครจู งึ เชื่อมโยงเขาสู
8 ประการ สว นขอ อน่ื ๆ น้ันเปน คณุ คา ท่ปี รากฏในวรรณคดเี รอ่ื งนี้ เน้อื หาในบทเรียนน้ีวา การรกั ษาโรคภัยไขเ จ็บของคนไทยในอดีตเปนอยางไร และมี
วิธีการรกั ษาอยา งไร ซ่งึ ไดเกบ็ รวบรวมไวใ นตําราที่นักเรียนจะไดศกึ ษาในบทเรยี น
ตอบขอ 4. ตอไป คู่มือครู 139
กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explore Evaluate
Engage Explain Explain Expand
อธบิ ายความรู้
1. นกั เรยี นรว มกนั แสดงความคดิ เหน็ ตอ ไปนี้
• นกั เรยี นคิดวา คัมภีรฉ ันทศาสตร แพทย์ใหญป่ ระจำ� โรงพยำบำลศริ ริ ำช (โรงพยำบำลวงั หลงั ) พระยำประเสรฐิ ศำสตรธ์ ำ� รงไดค้ ดั เลอื ก
แพทยศาสตรสงเคราะหสะทอ นภูมิปญญา “หมอคง” ให้เป็นหมอรองประจำ� โรงพยำบำลต้ังแตแ่ รกก่อต้งั
ของสังคมและวฒั นธรรมไทยอยางไร เมื่อกิจกำรของโรงพยำบำลศิริรำชได้รับควำมนิยมมำกขึ้น กรมพยำบำลจึงต้ังโรงพยำบำล
(แนวตอบ นอกจากองคความรทู างการแพทย เพิ่มข้ึนตรงหน้ำวังบูรพำภิรมย์เป็นโรงพยำบำลสำมัญเรียกว่ำ โรงพยำบำลบูรพำ หมอคงจึงย้ำย
แผนไทย ทงั้ ดานเวชกรรมและเภสัชกรรมท่ี มทำ�ำปหรนะ้ำจท�ำ่ีเอปย็นทู่ หนี่ ม่ันอหเมลือ่วปงระหมมำอณปรพะจ.ศ�ำโ.ร๒ง๔พ๓ยำ๖บำแลละไแดลเ้ ะลเ่ือปน็นบหรมรอดเำชศลักยดศ์เิ ักปดน็ 1ิ์ “ขนุ ประสารเวชสิทธิ”์
ปรากฏในคัมภรี ฉันทศาสตร แพทยศาสตร รับรักษำไข้ท่ัวไปตำม
สงเคราะหแ ลว ตําราดงั กลา วยังแฝงไวดวย ที่มีคนไปรักษำ โดยใช้ควำมรู้ในวิชำแพทย์สมัยใหม่ท่ีใช้ในโรงพยำบำลผสำนกับควำมรู้ตำมต�ำรับ
ภูมิปญ ญา และคุณคาทางดา นปรชั ญา ไบทรยรดโบำรศำักณด2ทิเ์ ปี่ไน็ดล้ศ�ำึกดษบั ำกเลร่ำะเทรั่งยี เนปมน็ ำ“พหรมะอยคางพมศิ ชี ณื่อุปเสรียะสงโาดท่งเดวงัชแ”ละเปน็ ทเ่ี คำรพยกยอ่ ง ทำ� ใหไ้ ด้เลื่อน
มีเน้อื หาครอบคลมุ ทัง้ จักรวาลวทิ ยา โลกทัศน พ.ศ. ๒๔๔๙ ได้เกิดโรคระบำดตำมหัวเมืองแถบจังหวัดลพบุรีและจังหวัดนครรำชสีมำ
วธิ คี ดิ ของคนโบราณ รวมไปถงึ ระบบความเชอื่ พระยำพิศณุประสำทเวชได้รับควำมไว้วำงพระรำชหฤทัยจำกพระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ำ
พธิ กี รรม คาถา และวธิ เี ยยี วยาดว ยความรู เจ้ำอยู่หัวโปรดเกล้ำฯ ให้ไปด�ำเนินกำรตรวจรักษำและระงับโรคระบำด ท�ำให้ได้แนวคิดเก่ียวกับ
ทางการแพทยแ ผนโบราณ เหมาะสาํ หรบั ต�ำรำบรรดำแพทย์พื้นบ้ำนที่มีอยู่ในแต่ละท้องถ่ินซึ่งคัดลอกกันต่อๆ มำ พบว่ำอยู่ในสภำพท่ี
การสืบคนคณุ คา ทางภูมิปญญา และการนํา ลบเลือน ผิดเพ้ียน จึงเกิดควำมคิดรวบรวมคัมภีร์แพทย์ข้ึนไว้ให้เป็นคัมภีร์ที่สมบูรณ์ ครบถ้วน
องคความรูดังกลาวมาประยุกตใ ชในวิชาชีพ โดยได้รับพระอนุเครำะห์จำกสมเด็จพระเจ้ำบรมวงศ์เธอ กรมพระยำด�ำรงรำชำนุภำพ สภำนำยก
นอกจากนี้ ยังสะทอนคุณคาทางภมู ปิ ญ ญา หอพระสมดุ วชิรญำณในขณะนั้น แล้วรวบรวมพิมพ์เป็นหนงั สือเรื่อง “แพทยศ์ าสตร์สงเคราะห์”
ดา นภาษาที่ใชในการถา ยทอดเนอ้ื หาของ
วรรณคดีไดเปนอยา งดี) ๓. ลกั ษณะค�ำ ประพนั ธ์
• นกั เรยี นคดิ วา การรวบรวมองคความรูดา น คัมภรี ฉ์ ันทศำสตร์ แพทยศ์ ำสตรส์ งเครำะห์ เฉพำะตอนท่คี ัดมำศกึ ษำ ได้แก่ ตอนเปดิ เร่อื ง
การแพทยท กี่ ระจดั กระจายใหอ ยูในตาํ รา ทเ่ี ปน็ บทไหวค้ รแู ละตอนทก่ี ลำ่ วถงึ จรรยำบรรณของแพทยน์ ้ี ผเู้ ขยี นแตง่ โดยใชค้ ำ� ประพนั ธป์ ระเภท
ฉบับเดียวสงผลดีตอ วถิ ชี ีวติ ของผคู นในสงั คม กำพย์ยำนี ๑๑ ดังแผนผังและตัวอยำ่ งบทประพนั ธ์ ดงั นี้
ไทยอยางไร
(แนวตอบ ชว ยบันทกึ และเผยแพรอ งคค วามรู
ดา นการแพทยท มี่ คี วามถกู ตอ ง และถา ยทอด
ใหป ระชาชนสามารถนําไปบาํ บดั รกั ษาไดอ ยาง
ถูกตอ ง เหมาะสม)
2. ครสู มุ นกั เรยี น 2 คน สรปุ ความรู
ตัวอ ยา่ ง ข้าขอประนมหดั ถ์ พระไตรรตั นนาถา
ขยายความเขา้ ใจ Expand ตรโี ลกอมรมา อภิวาทนาการ
อนึ่งขา้ อัญชลี พระฤๅษผี ู้ทรงญาณ
1. นักเรยี นยกบทประพันธจ ากวรรณคดีเรือ่ งอ่นื แปดองค์เธอมีฌาน โดยรอบรใู้ นโรคา
ท่สี ะทอ นคณุ คา ทางภมู ิปญ ญาของสังคมและ 140
วัฒนธรรมไทย
2. ครสู ุมนักเรียน 2 - 3 คน ออกมานําเสนอ
จากน้นั บันทึกความเขา ใจลงในสมุด
ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT
เกร็ดแนะครู
ครูควรเพม่ิ เตมิ ความรู ความเขาใจเก่ยี วกับความหมายและความสําคัญของภาพ เม่อื พจิ ารณาตามลักษณะฉนั ทลักษณ ขอความใดมีลกั ษณะ
สะทอนทางภมู ิปญ ญา หากแปลตามศพั ทแลวยอ มหมายถึงพนื้ ความรู ความสามารถ คําประพนั ธป ระเภทกาพยย านี 11
ในทน่ี หี้ มายถงึ ความรพู น้ื ฐานของสงั คมและวัฒนธรรมไทยเกี่ยวกบั การแพทยแ ผนไทย
ซ่ึงถือเปนมรดกทางภูมิปญ ญาทีท่ รงคณุ คา เกิดจากการส่ังสมองคความรูจากอดีต 1. หนง่ึ บงั คับไวว า กมุ ารากุมารีลม อกตสี ีขางฟด ชอกชํ้าขดั ใน
การศกึ ษาคมั ภรี ฉ ันทศาสตร แพทยศาสตรส งเคราะหยอมสะทอ นมรดกทางภมู ิปญ ญา กายาอยูน านมาจบั ไขต วั รอ นไปเปน เพลา
ทงั้ ในดานองคค วามรูทางการบําบัดรักษาโรค และภูมิปญ ญาทางภาษาจากตัวบท
วรรณคดไี ดเ ปนอยางดี 2. ไหวครกู ุมารภจั ผเู จนจดั ในคัมภรี เวชศาสตรบรรดามีใหทาน
ทวั่ แกนรชน
3. หนง่ึ กําเดาเปน ตนไขทําใหไ อปวดหวั ท่ัวตัวเปน เปลวรอน
นอนสะทอนถอนใจใหญดูหายใจตดิ จะสั้น
4. หนง่ึ ทรางทบั สํารอกอาจารยบ อกไวแจง สาํ รอกแหง กุมาร
มีอาการสี่อยางเหลอื งเขยี วบางเสมหะเปนเม็ดมะเขอื ก็มี
นกั เรยี นควรรู
วิเคราะหค าํ ตอบ กาพยยานี 11 จะพจิ ารณาจากสมั ผสั ของ
1 หมอเชลยศกั ด์ิ หมอท่ไี มไดข้นึ ทะเบียน ขอความและจํานวนคาํ จากการแบงวรรคตอน สามารถแบง
วรรคตอนตามลกั ษณะฉันทลักษณไ ด ดงั น้ี
2 บรรดาศกั ด์ิ ฐานนั ดรศกั ด์ทิ พี่ ระราชทานแกข า ราชการหรอื บุคคลทวั่ ไป “ไหวครูกุมารภัจ ผูเจนจัดในคมั ภีร
140 คู่มือครู เวชศาสตรบรรดามี ใหทานทว่ั แกน รชน” ตอบขอ 2.
กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
๔. เรอื่ งย่อ 1. ครูขออาสาสมคั ร 2 - 3 คน ออกมาแสดง
ความคิดเห็น ดงั ตอ ไปนี้
แพทย์ศำสตร์สงเครำะห์ ตอน คัมภีร์ฉันทศำสตร์ เร่ิมต้นเปิดเร่ืองด้วยบทไหว้ครู • นกั เรยี นคดิ วา การใชค ําประพันธป ระเภท
ซึ่งเรียบเรียงโดย พระยำวิชยำธิบดี (กล่อม) ผู้ว่ำรำชกำรเมืองจันทบุรี ต่อจำกนั้นกล่ำวถึง กาพยย านี 11 และรา ยสภุ าพในการประพนั ธ
ควำมส�ำคัญของแพทย์และคุณสมบัติท่ีพึงมี รวมถึงสิ่งท่ีไม่ควรกระท�ำ ซึ่งโดยทั่วไปท่ีมักจะมี วรรณคดีที่มีลักษณะเนอ้ื หาประเภทสารคดี
ควำมประมำท ควำมถือดี อวดดี ควำมริษยำ ควำมโลภ ควำมเห็นแก่ตัว ควำมหลงตัว และ มคี วามเหมาะสมหรอื ไม อยางไร สง ผลดี
ควำมไม่เสมอภำคในกำรให้กำรรักษำคนรวยกับคนจน ซ่ึงแต่งเป็นกำพย์ยำนี ๑๑ ต่อจำกน้ัน ตอกลวธิ ีการสอ่ื สารหรือไม อยา งไร
จะเป็นเนอื้ หำซ่ึงแบง่ เปน็ ๑๙ ตอน คือ (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอยางหลากหลายขึน้ อยูกบั เหตผุ ลของ
๑. ลกั ษณะทบั ๘ ประกำร นกั เรียน)
๒. พระคมั ภีร์ตกั กะศิลำ
๓. สมมติฐำนกำ� เนิดไข้ 2. นักเรียนบันทกึ ความเขาใจลงในสมดุ
๔. ลักษณะอำกำรไขท้ ่เี ขำ้ เพศเปน็ โทษ ๔ อยำ่ ง ขยายความเขา้ ใจ Expand
๕. ลชกัีพษจณร1ะใหน้�ำร้ ะนวมังดในแี กลำะรชรัว่ ะบำย2ยำ
๖. ลลตักกั�ำรษษำณณยำะะแรปัตก่วนง้ส3ธนั ๘ำนตบิปุทำรั้งตะห4กส้ำำอรงคลองและอหิวำตกโรค 1. นกั เรยี นยกบทประพันธท มี่ ีลักษณะคําประพนั ธ
๗. สอดคลองกบั วรรณคดเี รือ่ ง คมั ภีรฉนั ทศาสตร
๘. แพทยศาสตรส งเคราะห พรอมอธบิ ายคุณคา
๙. ทางวรรณศิลปท้งั ดา นภาษา เนื้อหา
๑๐. ลักษณะสมุฏฐำน 5 และรปู แบบจากบทประพนั ธ
๑๑. ลกั ษณะอติสำร 6 ภาพประกอบคัมภรี ฉ์ นั ทศาสตร์
๑๒. ลักษณะมรณะญำณสตู ร วาดโดย นายธรรมศกั ด์ิ เอ้ือรักสกุล 2. ครสู มุ นกั เรียน 2 - 3 คน ออกมานาํ เสนอ
๑๓. โรคภยั ตำ่ งๆ แหง่ กุมำร ลกั ษณะซำง7ต่ำงๆ หนา ชน้ั เรยี น จากนนั้ นกั เรยี นบนั ทกึ ความเขา ใจ
๑๔. ลักษณะกำ� เนิดซำง ลงในสมดุ
๑๕. ลกั ษณะรปู ทำรก ตรวจสอบผล Evaluate
๑๖. ลกั ษณะซำงตัง้
๑๗. ลกั ษณะตำนโจร 1. นกั เรียนสามารถสรปุ สาระสาํ คญั เกยี่ วกบั ความ
๑๘. ลกั ษณะธำตุทั้ง ๔ เปนมา ประวัตผิ แู ตง และลกั ษณะคาํ ประพันธ
๑๙. ตอนลงท้ำย จากเรอื่ ง คัมภรี ฉ ันทศาสตร แพทยศาสตร
ท่นี ำ� มำเป็นบทเรยี นน้ี ไดค้ ดั เลอื กเฉพำะตอนขนึ้ ตน้ ท่ีเป็นบทไหวค้ รู แต่งโดย พระยำวิชยำ สงเคราะห
ธบิ ดี (กลอ่ ม) และตอนทก่ี ลำ่ วถงึ ควำมส�ำคญั ของแพทย์และจรรยำบรรณทแี่ พทย์พึงปฏิบตั ิ
2. นักเรยี นยกบทประพนั ธท่ีสะทอ นคุณคา ทาง
141 ภูมปิ ญ ญาของสังคมและวฒั นธรรมไทย
3. นกั เรียนยกบทประพนั ธท ่ีมีลักษณะคาํ ประพันธ
สอดคลอ งกบั วรรณคดเี ร่ือง คัมภรี ฉันทศาสตร
แพทยศ าสตรสงเคราะห พรอมอธบิ ายคณุ คา
ทางวรรณศิลปไ ด
ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นักเรยี นควรรู
“ขาขอประนมหัดถ พระไตรรัตนนาถา 1 ชีพจร อาการท่เี สนเลือดเตนอยตู ามรางกาย เชน ทขี่ อมอื
ตรีโลกอมรมา อภิวาทนาการ
อนงึ่ ขา อญั ชลี พระฤๅษผี ทู รงญาณ 2 ระบาย ผอ นออกไป เชน ระบายสนิ คา ระบายนาํ้ ระบายความทุกข หรือ
แปดองคเ ธอมฌี าน โดยรอบรใู นโรคา หมายถึง ถายออก เชน ระบายทอง ระบายอากาศ เปน ตน
ไหวค ณุ อศิ วเรศ ท้ังพรหมเมศทุกชน้ั ฟา 3 ปว ง โรคลงราก หรือโรคระบาดมีอาการทองรวงและอาเจยี น
สาปสรรคซ งึ่ หวา นยา ประทานท่ัวโลกธาตร”ี
ขอใดไมปรากฏ ในบทประพนั ธขางตน 4 สนั นิบาต เรียกไขช นดิ หนึ่งมอี าการส่นั เทิ้ม ชกั กระตกุ และเพอวา ไข
1. พระรตั นตรัย สันนิบาต เชน ไขสนั นิบาตลูกนก ไขสนั นิบาตหนา เพลิง เปนตน ปรากฏในบท
2. แนวทางการรักษาโรค ประพันธเปน ลกั ษณะไขสนั นบิ าตสองคลอง
3. เทพเจา ในศาสนาพราหมณ - ฮินดู 5 สมฏุ ฐาน ทเี่ กดิ ทีต่ ั้ง เหตุ อาทิ สมุฏฐานของโรค โรคน้ีมจี ิตเปนสมฏุ ฐาน
4. การกลาวยกยองผทู ีม่ ีคณุ ทางดา นการแพทย
6 อตสิ าร อาการของการเจ็บไขท ่เี ขา ขดี ตาย หรอื โรคลงแดง
วเิ คราะหคาํ ตอบ เน่ืองจากบทประพนั ธขางตน เปน บทประณาม
พจนมเี น้ือหากลาวถงึ ผมู พี ระคุณในการสรา งสรรคภ มู ปิ ญ ญาทาง 7 ซาง ชื่อโรคชนดิ หนงึ่ ตามตําราแพทยแ ผนโบราณวาเปน แกเดก็ เล็ก
ดา นการแพทย ประกอบดว ย พระรัตนตรัยฤๅษผี ทู รงญาณแปด
141มลี ักษณะเกิดเปนเมด็ ขึน้ ในปากในคอ ลนิ้ เปน ฝา มีอาการ อาทิ ไมก ินนม
องค เทพเจา ในศาสนาพราหมณ - ฮินดู ตอบขอ 2. คมู่ ือครู