สำนักกรรมาธิการ 1 สำนักงานเลขาธิการสภาผูแทนราษฎร รายงานผลการศึกษา คณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพ�่อเศรษฐกิจและสังคม สภาผูแทนราษฎร การใชประโยชนและการกำกับดูแลดาวเทียม ประเภทวงโคจรไมประจำที่ (NGSO)
รายงานผลการศึกษา เรื่อง การใช้ประโยชน์และการกำกับดูแลดาวเทียม ประเภทวงโคจรไม่ประจำที่ (NGSO) ของคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สภาผู้แทนราษฎร สำนักกรรมาธิการ ๑ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
naznssui~i-dni3doais insnuuinu 44 w B rmznenarwsmswbiiooazfinu ani(~rnusiwgs OPdUalU b'4'l.J b6Urn("ls%l fl79 LWW 1 oomoo pli~dddsz~ueni jrrwusiwgs ynd b~. ild nf'd bo (~Guailj~dszdiil :ur?8d om ~UUI~U bkbb d~~q~~~~~ I~'R.IU~~.IANS~~SSUI"~~~I~ Tnsnuuinu uaz~Biiardarplsw~iiorra~Z9nu aniirrwusiwgs rioPw"gw~r"id rra~diuisniu.u'spJ"~~~ni~d~zyuani~rr~usiwgs w.pl. bkbb $8 do (md %unisnszM'iiienis Y QoismiaauwidarAeo?~s9 w?aAnwidodn q da~ua~nis~i;rra~urraznis~muim'iunisdoais d44 ., B insnuuinu uazrnniuiaunona~worws~~iiorraz~~nu I% $~n53~15nisnaziiY dsznauk~~ a. uwaiaEaui j11'iBns6 dsz.siunazns%u1"5n13 4 d b. P~IU~UIU I%w~~LR~IY~~~ sosdsz~iunazn3su15nis nuwwu9 m. Guron ~plswb~9d uz?qassa sosd3z5iunaznssui"5nis nudaa9 d. uiuQnu ~Q'~LPIW sasdszsiunaznssui"5nis nudaiu k. uiudnsdyZ qnuGim$aqa sosdsz8iunaznssui"5nis nudd 5. uiuasossn ndudszqu dsasiudd?nwinmzns~ui"5nis 4. uiu615 suinuiyascu' w"d?nmazn3sui"5nis d. uiuasi?~ iaun~lju dd?nwinaznssu1"5ni3 d. PIIUVIQ'~~~' ?qZ? dd?nwinaznssu1"5nis ao. u~uuw +ai~uWb dGnwinaznssui"5nis ma. uiunqwgi GurnanRnu' ~d?nwimazn~~ui3ni3 ob. uiunina'n plqqswa dd?nwinaznssu1"5m om. uiuau~iiust? nu0812u$ iawnnaznssui"5m ad. UI~~IX~IWIW~ '2sni~~Wb iawnnaznssui"5ni~ a&. UIU ~~~ocu L~U~SS~B~ ra"11iyniswazns3ui~ni3
ก รายนามคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นางสาวกัลยา รุ่งวิจิตรชัย ประธานคณะกรรมาธิการ นายสยาม หัตถสงเคราะห์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง พันเอก เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สอง นายนิคม บุญวิเศษ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สาม นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สี่ นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ นายดล เหตระกูล รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่ห้า นายสราวุธ อ่อนละมัย ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ นายชาญวิทย์ วิภูศิริ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ นายภาควัต ศรีสุรพล ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม กรรมาธิการ นายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ โฆษกคณะกรรมาธิการ นายเสมอกัน เที่ยงธรรม เลขานุการคณะกรรมาธิการ
ข รายนามที่ปรึกษา ผู้ชำนาญการ นักวิชาการ และเลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ ๑. นายศักดิ์ สมบุญโต ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการ ๒. นางสาวอารีรัตน์ เลาพหล ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการ ๓. นางสาวนิศาชล จันทร์เงิน ผู้ชำนาญการประจำคณะกรรมาธิการ ๔. นางสาวอัจจิมา ศิริอ่อน นักวิชาการประจำคณะกรรมาธิการ ๕. นายกิตติ สุนทรมโนกุล นักวิชาการประจำคณะกรรมาธิการ ๖. นายธาดา โอฬาริก เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ ๗. นายธีระชาติ ก่อตระกูล เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ ๘. นายศิลป์วิชญ์ น้อยสมมิตร เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ ๙. นายกิตตินันท์ พจน์ประสาท เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ ๑๐. นายพันธสร กฤษฎาธิวุฒิ เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ ๑๑. นายอัฏฐพร ดำรงกุล เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ ๑๒. นายพิศฐ์ศักดิ์ เครือไชย เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ ๑๓. นายยอดยิ่ง ชุมแสง ณ อยุธยา เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ ๑๔. นางสาวกมลชนก วรรณวิจิตร เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ ๑๕. นางสาวสุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ ๑๖. นายนาคร วรกานนท์ เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ ๑๗. นายณัฐวุธ จุลกะเศียน เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ ๑๘. นางสาวรินนภา คุณะวัฒน์สถิต เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ ๑๙. นายธนกฤต แก้วนุ้ย เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ ๒๐. นางสาวธนัชพร พงษ์โภคา เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ ๒๑. นางสาวปัณณ์นิตรา ธัญญ์ธนาวิทย์ เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ ๒๒. นางอลิน สืบภู่ เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ ๒๓. นางสาวอภิญญา กลิ่นประทุม เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ ๒๔. นายขยล ตันติชาติวัฒน์ เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ ๒๕. นางสาวนันทนัช วัชรธรรม เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ
ค รายนามที่ปรึกษา ผู้ชำนาญการ นักวิชาการ และเลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ ๒๖. นายรัฐพงศ์ ระหงษ์ เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ ๒๗. นางสาวนันท์นิชา ธานินทร์สุรวุฒิ เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ ๒๘. นางสาวอรนี จันทะพันธ์ เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ ๒๙. นางสาวศิรินาถ หลักทอง เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ ๓๐. นายขจรศักดิ์ น้อยประดิษฐ์ เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ รายนามที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการ (ไม่มีค่าตอบแทน) ๑. นายนพ ชีวานันท์ ๒. นางสาวภาดาท์ วรกานนท์ ๓. นางทรงพร โกมลสุรเดช ๔. นายเฉลิมชัย วิรุณสาร ๕. นายยอด ชินสุภัคกุล ๖. นายกัญจนาภา ประสิทธิลาโภ ๗. นายไพศาล อิทธิธรรม ๘. พลโท ปรัญชา เฉลิมวัฒน์ ๙. นายอภิจิต เจริญเวชชการ ๑๐. นายชัยทัต แซ่ตั้ง ๑๑. นายปริญญา จารวิจิตร ๑๒. นายสรร ก่อนันทวัฒน์ ๑๓. นายเจษฎา วิริยะสุนทรพันธ์ ๑๔. พันตำรวจเอก เกรียงไกร พุทไธสง ๑๕. ร้อยตำรวจเอกหญิง วาวจุฑา แสงนภา ๑๖. นางสาวแคทลียา เดลแมร์ ๑๗. นายชาญวิทย์ มุนิกานนท์ ๑๘. นายภิมาน อภิพัฒนะมนตรี ๑๙. นายอัมรินทร์ พิมพ์หนู
ง รายนามคณะอนุกรรมาธิการกิจการอวกาศเพื่อเศรษฐกิจและความมั่นคง ในคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พันเอก เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ประธานคณะอนุกรรมาธิการ นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง นายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนที่สอง นางสาวภัคธภา ฉัตรโกเมศ อนุกรรมาธิการ นางสาวอรดา เทพยายน อนุกรรมาธิการ นางสาวศุภธิดา พรหมพยัคฆ์ อนุกรรมาธิการ รศ. มนตรี วิบูลยรัตน์ อนุกรรมาธิการ นายอนุชิต นราวลัยกุล อนุกรรมาธิการ นายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ อนุกรรมาธิการ ร้อยโท เจษฎา ศิวรักษ์ เลขานุการคณะอนุกรรมาธิการ
จ รายนามที่ปรึกษาประจำคณะอนุกรรมาธิการกิจการอวกาศเพื่อเศรษฐกิจและความมั่นคง ในคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายเศกสิทธิ์ เสงี่ยมศักดิ์ นางสาวนิศาชล จันทร์เงิน นายณัฐธนัท ฤทัยรุ้ง นายภูมิธนินท์ สวัสดิ์โกสิน นายศิริชัย สุขสันติชัย นายประชา มานะบุตร นางสาวสุรินทร์ธร ศิธรกุล ร.ต.อ. หญิง วาวจุฑา แสงนภา นายวุฒิ นนทฤทธิ์ นายณัฎฐพัฒน์ ธีรนันทวาณิช นางสาวอาภาวดี นันตรี ผศ. จิรศิลป์ จยาวรรณ นายชาญวิทย์ มุนิกานนท์ นายชาญ กุลถาวรากร นางสาวแคทรียา เดลแมร์ นางสาวพิรดา เตชะวิจิตร์
ฉ รายนามที่ปรึกษาประจำคณะอนุกรรมาธิการกิจการอวกาศเพื่อเศรษฐกิจและความมั่นคง ในคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ต่อ) นายชัยวัฒน์ งามศักดิ์ทวีชัย ผศ. สุทธิศักดิ์ จันทวงษ์โส ผศ. สิริภิญญ์ อินทรประเสริฐ นายทรงตระกูล โสมคำ นายกุลบุตร โกเมนกุล นายกฤษณ์ คุนผลิน ผศ. กฤษฎา ศรีแผ้ว นายบวรรัตน์ กาญจนรัตน์ นายเสริมศักดิ์ อยู่เย็น รศ. ทศนัย ชุ่มวัฒนะ นายโพธิวัฒน์ งามขจรวิวัฒน์ นายอัมรินทร์ พิมพ์หนู นางสาวอุมาพร อรรคทัย นายพันธ์ศักดิ์ จันทร์ปัญญา นายอิทธิศักดิ์ ดาราฉาย นายจริงใจ เชาว์ชาติ
ช รายนามคณะทำงานเพื่อการศึกษาวิจัยการใช้ประโยชน์และการกำกับดูแล ดาวเทียมประเภทวงโคจรไม่ประจำที่ (NGSO) ในคณะอนุกรรมาธิการกิจการอวกาศเพื่อเศรษฐกิจและความมั่นคง ในคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ๑. ร้อยโท เจษฎา ศิวรักษ์ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ๒. นายแสงเทียน เชิดชิด เป็นรองหัวหน้าคณะทำงาน ๓. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ชูเกียรติ น้อยฉิม เป็นที่ปรึกษาคณะทำงาน ๔. ผู้ช่วยศาสตราจารย์จิรศิลป์ จยาวรรณ เป็นที่ปรึกษาคณะทำงาน ๕. นายอัมรินทร์ พิมพ์หนู เป็นคณะทำงาน ๖. นางสาวพิรดา เตชะวิจิตร์ เป็นคณะทำงาน ๗. นายชัยวัฒน์ งามศักดิ์ทวีชัย เป็นคณะทำงาน ๘. นางสาวอาภาวดี นันตรี เป็นคณะทำงาน และเลขานุการคณะทำงาน
ซ รายงานการศึกษา ของคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สภาผู้แทนราษฎร ---------------------------------------- ตามที่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๒๑ (สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่หนึ่ง) วันพุธที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๒ ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้ลงมติตั้งคณะกรรมาธิการ การสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้มีหน้าที่ และอำนาจตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙๐ (๓๔) ในการกระทำ กิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใด ๆ ที่เกี่ยวกับการส่งเสริมและการพัฒนา ด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งกรรมาธิการคณะนี้ ประกอบด้วย ๑. นางสาวกัลยา รุ่งวิจิตรชัย ประธานคณะกรรมาธิการ ๒. นายสยาม หัตถสงเคราะห์ รองประธานคณะกรรมาธิการคนที่หนึ่ง ๓. พันเอก เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานคณะกรรมาธิการคนที่สอง ๔. นายนิคม บุญวิเศษ รองประธานคณะกรรมาธิการคนที่สาม ๕. นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สี่ ๖. นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ ๗. นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ ๘. นายสราวุธ อ่อนละมัย ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ ๙. นายชาญวิทย์ วิภูศิริ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ ๑๐. นายนพ ชีวานันท์ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ ๑๑. นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ ๑๒. นายภาควัต ศรีสุรพล ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ ๑๓. นายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ โฆษกคณะกรรมาธิการ ๑๔. นางสาวภาดาท์ วรกานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการ ๑๕. นายเสมอกัน เที่ยงธรรม เลขานุการคณะกรรมาธิการ
ฌ ต่อมากรรมาธิการได้ขอลาออกจากตำแหน่งกรรมาธิการและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดังนี้ ๑. นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ได้ขอลาออกจากตำแหน่งกรรมาธิการ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ และในคราวการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๙ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ที่ประชุมเห็นชอบให้ตั้ง นายดล เหตระกูล เป็นกรรมาธิการ แทนตำแหน่งที่ว่าง ๒. นายนพ ชีวานันท์ ได้ขอลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๕ และในคราวการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๔ ครั้งที่ ๒๐ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๖ ที่ประชุม เห็นชอบให้ตั้ง นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม เป็นกรรมาธิการ แทนตำแหน่งที่ว่าง ๓. นางสาวภาดาท์ วรกานนท์ ได้ขอลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันอังคารที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๕ ทำให้ตำแหน่งกรรมาธิการว่างลง บัดนี้ คณะกรรมาธิการได้ดำเนินการพิจารณาศึกษาเรื่อง การใช้ประโยชน์และ การกำกับดูแลดาวเทียมประเภทวงโคจรไม่ประจำที่ (NGSO) จึงขอรายงานผลการพิจารณา ศึกษาเรื่องดังกล่าวต่อสภาผู้แทนราษฎร ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๑๐๔ ดังนี้ ๑. การดำเนินงาน ๑.๑ คณะกรรมาธิการได้มีมติแต่งตั้ง นายพิศณุ พลพืชน์ ผู้บังคับบัญชากลุ่มงาน คณะกรรมาธิการ การสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักกรรมาธิการ ๑ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเลขานุการ ประจำคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙๓ วรรคสี่ เมื่อวันศุกร์ที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ นายพิศนุ พลพืชน์เกษียณอายุราชการ ปัจจุบันจึงยังไม่มีผู้ทำหน้าที่ เป็นผู้ช่วยเลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ ๑.๒ คณะกรรมาธิการได้มีมติตั้งคณะอนุกรรมาธิการขึ้นคณะหนึ่ง เพื่อพิจารณา ศึกษาแนวโน้มและผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อประเทศไทย จากการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสารที่เกี่ยวข้องกับกิจการอวกาศ รวมทั้งศึกษาและเปรียบเทียบนโยบายและหลักเกณฑ์ ต่าง ๆ ของต่างประเทศ และกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อเป็นแนวทางในการกำหนดนโยบาย หลักเกณฑ์ และกฎหมายของประเทศให้มีความเหมาะสมและสอดรับกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และเพื่อให้เกิดการสนับสนุนและพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่เกี่ยวข้อง กับกิจการอวกาศในประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงศึกษาการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ
ญ และเทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคม Beyond 5G ที่กำลังเชื่อมต่อกันในอนาคตอันใกล้ ตลอดจนการเสนอ Roadmap ขั้นต้น เพื่อพัฒนาโครงการศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยี ขั้นสูงด้านกิจการอวกาศ และ Beyond 5G เพื่อให้สอดคล้องกับโครงการพัฒนาระเบียง เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) พร้อมทั้งการขอข้อมูล เอกสาร หรือการเชิญหน่วยงาน หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล ข้อคิดเห็น และดำเนินการ ในเรื่องอื่น ๆ ตามที่คณะกรรมาธิการมอบหมาย ทั้งนี้ ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙๖ ซึ่งคณะอนุกรรมาธิการคณะนี้ ประกอบด้วย ๑. พันเอก เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ประธานคณะอนุกรรมาธิการ ๒. นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง ๓. นายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนที่สอง ๔. รองศาสตราจารย์มนตรี วิบูลยรัตน์ อนุกรรมาธิการ ๕. นางสาวศุภธิดา พรหมพยัคฆ์ อนุกรรมาธิการ ๖. นางสาวอรดา เทพยายน อนุกรรมาธิการ ๗. นางสาวภัคธภา ฉัตรโกเมศ อนุกรรมาธิการ ๘. นายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ อนุกรรมาธิการ ๙. นายอนุชิต นราวลัยกุล อนุกรรมาธิการ ๑๐. ร้อยโท เจษฎา ศิวรักษ์ เลขานุการคณะอนุกรรมาธิการ ๒. วิธีการพิจารณาศึกษา ๒.๑ คณะกรรมาธิการได้จัดให้มีการประชุม จำนวน ๑๕ ครั้ง ๒.๒ คณะกรรมาธิการได้ดำเนินการโดยเชิญหน่วยงานมาให้ข้อมูลข้อเท็จจริง และประกอบการพิจารณา ดังนี้ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ๑. นายปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาเทคโนโลยี อวกาศและภูมิสารสนเทศ ๒. นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนา เทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ ๓. นายตติยะ ชื่นตระกูล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนา เทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ
ฎ ๔. นายดำรงฤทธิ์ เนียมหมวด รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนา เทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ ๕. นางสาวปราณปริยา วงค์ษา ผู้อำนวยการสำนักเครือข่ายองค์ความรู้ ๖. นายสุวัฒน์ ศรีเศวต หัวหน้าโครงการพัฒนา Onboard Flight Software ๗. นายสรทัศน์ หลวงจอก หัวหน้าฝ่ายสร้างเสริมภาพลักษณ์องค์กร ๘. นายจักรี พรหมบริสุทธิ์ เจ้าหน้าที่สื่อสารองค์กร ๙. นางสาวจันทิมา อัศวโชคชัย หัวหน้าฝ่ายเครือข่ายวิชาการ ในประเทศ ๑๐. นางสาววิลาวัณย์ พิพัฒน์จิรัฐิติกาลนักยุทธศาสตร์ชำนาญการ ๑๑. นายณัฐดนัย ธรรมสิทธิ์ นักวิชาการฝึกอบรม สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการ โทรคมนาคมแห่งชาติ นางสาวอาภาวดี นันตรี นิติกรปฏิบัติการระดับกลาง สำนักกิจการดาวเทียมสื่อสาร ระหว่างประเทศ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๑. นางภาวิณา อัศวมณีกุล ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ๒. นายกิตติพงษ์ ทิสยากร นักวิเคราะห์นโยบายและแผน ชำนาญการ ๓. นางสาวอรณัฐ วงษ์สุวรรณ นักวิเคราะห์นโยบายและแผน ปฏิบัติการ สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย นายพรสุข ม้วนหรีด กรรมการ ศูนย์อวกาศและจรวดแห่งชาติสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย นายกฤษณ์ คุนผลิน ผู้แทนศูนย์อวกาศและจรวด แห่งชาติสหรัฐ
ฏ ศูนย์เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย (Asian Disaster Preparedness Center – ADPC) นายพีรนันท์ โตวชิราภรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายภูมิศาสตร์ และสารสนเทศ นักเรียนทุนจากโครงการทุนการศึกษาค้นพบนักบินอวกาศไทย รุ่นที่ ๓ (Discover Thailand’s Astronaut Scholarship Program EP.3) ๑. นักเรียนนายเรืออากาศ จิรภัทร คำนิล สาขาวิศวกรรมอากาศยาน โรงเรียนนายเรืออากาศ นวมินทกษัตริยาธิราช ๒. นายถิรวัฒน์ บุญสร้าง นักศึกษาคณะวิศวกรรมหุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง ๓. นางสาวชนิศา พร้อมพัฒนภักดี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา โรงเรียนกำเนิดวิทย์จังหวัดระยอง วิทยาลัยอุตสาหกรรมการบินนานาชาติ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง ๑. ผู้ช่วยศาสตราจารย์เสริมศักดิ์ อยู่เย็น คณบดีวิทยาลัยอุตสาหกรรมการบิน นานาชาติ ๒. นางสาวพิรดา เตชะวิจิตร์ รักษาการผู้ช่วยคณบดี วิทยาลัยอุตสาหกรรมการบิน นานาชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเหล้าพระนครเหนือ ๑. รองศาสตราจารย์อุดมเกียรติ นนทแก้ว คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ ๒. นายพงศธร สายสุจริต อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรม เครื่องกลและการบิน – อวกาศ คณะวิศวกรรมศาสตร์
ฐ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน จังหวัดนครราชสีมา คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี ๑. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ศตคุณ เดชพันธ์ คณบดี ๒. ผู้ช่วยศาสตราจารย์นัฐวุฒิ ทิพย์โยธา รองคณบดีฝ่ายบริหาร ๓. นายประจวบ อินระวงศ์ รองคณบดีฝ่ายวิชาการและวิจัย ๔. นางสาวพรสวรรค์ ทองใบ รองคณบดีฝ่ายแผนและประกัน คุณภาพ ๕. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ธัชชัย พุ่มพวง รองคณบดีฝ่ายนวัตกรรม และจัดหารายได้ ๖. ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุภาธิณี กรสิงห์ ผู้ช่วยคณบดี ๗. ผู้ช่วยศาสตราจารย์อุบล สุริพล ผู้ช่วยคณบดี ๘. ผู้ช่วยศาสตราจารย์มงคล คูพิมาย ผู้ช่วยคณบดี ๙. ผู้ช่วยศาสตราจารย์วัชรพล นาคทอง ผู้ช่วยคณบดี ๑๐. นางสาวสุกัญญา เชยโพธิ์ ผู้ช่วยคณบดี ๑๑. ผู้ช่วยศาสตราจารย์พลเทพ เวงสูงเนิน ผู้ช่วยคณบดี ๑๒. ผู้ช่วยศาสตราจารย์พีรวัส คงสง หัวหน้าสาขาวิศวกรรมวัสดุ ๑๓. ผู้ช่วยศาสตราจารย์เสกสรรค์ พลศรี อาจารย์ประจำสาขาวิศวกรรม โทรคมนาคมดาวเทียมและอวกาศ ๑๔. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ปิยดนัย บุญไมตรีอาจารย์ประจำสาขาวิศวกรรม โทรคมนาคมดาวเทียมและอวกาศ ๑๕. ผู้ช่วยศาสตราจารย์คมเดช ภาพัฒนบุรี อาจารย์ประจำสาขาวิศวกรรม โทรคมนาคมดาวเทียมและอวกาศ ๑๖. นายสฤษดิ์ ติยะวงษ์สุวรรณ อาจารย์ประจำสาขาวิศวกรรม ระบบราง ๑๗. นางสาวกรกต เลิศชัยพงศ์ อาจารย์ประจำสาขาสหวิศวกรรม และการแพทย์บูรณาการ ๑๘. นายวาริน ชุบขุนทด อาจารย์ประจำสาขาสหวิศวกรรม และการแพทย์บูรณาการ ๑๙. ผู้ช่วยศาสตราจารย์จาริณี จงปลื้มปิติอาจารย์ประจำสาขาวิศวกรรม เครื่องกลเกษตรอัจฉริยะ และระบบขนส่ง
ฑ คณะวิทยาศาตร์และศิลปศาสตร์ นายชาคริต นวลฉิมพลี คณบดี มหาวิทยาลัยสยาม ๑. นางสาวนันทพร ดำรงพงศ์ ผู้ช่วยอธิการบดี ๒. พลอากาศเอก มานัต วงษ์วาทย์ ที่ปรึกษา วิทยาลัยเทคนิคเวียงป่าเป้า ๑. นายเรวัตร แก้วทองมูล ผู้อำนวยการ วิทยาลัยเทคนิคเวียงป่าเป้า ๒. นายเชาวรัช ศิริอำมาต รองผู้อำนวยการ ฝ่ายบริหารทรัพยากร ๓. นางสาวสุชาดา ถึกสถิต รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร กิจการนักศึกษา ๔. นายวันชัย วิเศษวงษา หัวหน้างานศูนย์ข้อมูล ๕. นางสาวศิราพักตร์ เสริฐสม หัวหน้าแผนกสามัญ ๖. นางสาวนิภาพร กันก๋อง หัวหน้าแผนงาน ๗. นางสาวญฐอร อ้วนล่ำ หัวหน้างานบุคลากร ๘. นายปรีดา ศรีทุมมา หัวหน้างานสื่อฯ ๙. นายพุธวัน นาควานิช ผู้ชำนาญการวิศวกรรม โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ๑. นายศุภกิจ จิตคล่องทรัพย์ ผู้อำนวยการโรงเรียนกรุงเทพ คริสเตียนวิทยาลัย ๒. นายอดิเรก พิทักษ์ อาจารย์กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ๓. นางสาวสุดฤทัย สัจติประเสริฐ หัวหน้าฝ่ายวิชาการ ๔. นายธนิน ลิมปะพันธุ์ นักเรียนโครงการ BCC Space ๕. นายธัญพิสิษฐ์ สว่างเนตร นักเรียนโครงการ BCC Space ๖. นายชยธร ฉัตรธนพรโยธิน นักเรียนโครงการ BCC Space ๗. นายภูมิสิทธิ์ ประมวลพรสถิต นักเรียนโครงการ BCC Space ๘. นายกันต์ โศภณกิจ นักเรียนโครงการ BCC Space
ฒ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ๑. นายเอกชัย ภัคดุรงค์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานกลยุทธ์ และกิจการองค์กร ๒. นายปรีดา ศิลป์วิทยารักษ์ ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจและองค์กรสัมพันธ์ ๓. นายพุธวัน นาควานิช ผู้เชี่ยวชาญวิศวกรรม สำนักกิจการ ดาวเทียมสื่อสารระหว่างประเทศ ๔. นายพลวิชญ์ ขยันงาน นักชำนาญการความรับผิดชอบต่อสังคม บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ๑. นางสาวจินดาภรณ์ มโนวรรณา ผู้จัดการฝ่ายภูมิภาค ๒ ๒. นายยศวีร์ นิรันดร์วิชย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด และพัฒนาธุรกิจทรู เฮลท์ แอปพลิเคชัน MorDee Solutions ๓. นายศักดิ์ชัย งามประเสริฐ Health Compliance, Audit & Solution Delivery ๔. นางสาวรินนภา คุณะวัฒน์สถิต ผู้เชี่ยวชาญแผนกรัฐกิจสัมพันธ์ ๕. นายอริญชย์ พฤกษานุศักดิ์ หัวหน้าทีมเทคโนโลยีการเกษตร ทรูดิจิทัลกรุ๊ป บริษัท เทโรสเปซ จำกัด ๑. นายอิทธิศักดิ์ ดาราฉาย กรรมการบริษัท ๒. นายจริงใจ เชาวน์ชาติ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการปฏิบัติ ให้เป็นไปตามกฎระเบียบ บริษัท บารามิซี่ จำกัด ๑. นายจุลเกียรติ สินชัยชูเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ๒. นายคณิต คำแสน Marketing Communication ๓. นางสาวกัญญารัตน์ ฤากิจ Marketing Intelligence ๔. นางสาวชยานันท์ รติวิทยกุล Branding Academy Strategist บริษัท พัชร์ ฟู้ด อินเทลลิเจ้น จำกัด นางสาวปรางศิริ เมษะมาน กรรมการ บริษัท ซิกเนเจอร์ มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ เทคโนโลยี จำกัด นางสาวพรรณวิลาส ชัยเชาวรัตน์ กรรมการผู้จัดการ
ณ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ๑. นางสาวทิพภอร สุขสราญฤดี Head of Customer Engagement ๒. นางสาวอริสา ลิมปยารยะ Senior Section Manager ๓. นายดนูพัฒน์ รัตนบันรินทร์ Customer Engagement Supervisor บริษัท ASTROBERRY จำกัด นายสืบสกุล สุวรรณทัต รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิว สเปซ แอนด์ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด ๑. นายวรายุทธ เย็นบำรุง กรรมการและประธานฝ่ายบริหาร ๒. นายศมาธร เทียนกิ่งแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี ๓. นายปรมัตถ์ วรรณภิระ ผู้จัดการฝ่ายกฎหมาย ๔. นางสาววรรรภา ธิอุโมงค์ ผู้จัดการฝ่ายบริหารธุรกิจ ๕. นายศุภณัชย์ ลิมจิตติ วิศวกร ๖. นายกรินทร์ โรจน์จิรธนินท์ หัวหน้าฝ่ายการสื่อสาร บริษัท Galaxy Space (ประเทศจีน) ๑. นางสาวอิซาเบล ชาง หลิว Vice President ๒. นายปีเตอร์ เหอผิง หวาง Director of International Business Development ๓. นายเพ็ง หวัง Head of Communication Networks Department ๔. นางสาวศุกลรัตน์ ชวนสมบูรณ์สินธุ์ Project Coordination Manager ๓. ผลการพิจารณาศึกษา คณะกรรมาธิการขอรายงานผลการพิจารณาศึกษาเรื่อง การใช้ประโยชน์และ การกำกับดูแลดาวเทียมประเภทวงโคจรไม่ประจำที่ (NGSO) โดยคณะกรรมาธิการได้มอบหมาย ให้คณะอนุกรรมาธิการกิจการอวกาศเพื่อเศรษฐกิจและความมั่นคง ดำเนินการพิจารณาศึกษา กรณีดังกล่าว ซึ่งคณะกรรมาธิการได้พิจารณารายงานของคณะอนุกรรมาธิการด้วยความละเอียด รอบคอบแล้ว และได้มีมติให้ความเห็นชอบกับรายงานดังกล่าว โดยถือเป็นรายงานการศึกษา ของคณะกรรมาธิการ จากการพิจารณาศึกษาเรื่องดังกล่าวข้างต้น คณะกรรมาธิการจึงขอเสนอ รายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการโดยมีรายละเอียดตามรายงานท้ายนี้ เพื่อให้ สภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาให้ความเห็นชอบ เพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการตามสมควรต่อไป ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนสืบไป
ด บทสรุปผู้บริหาร อุตสาหกรรมดาวเทียมของโลกกำลังเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญ การพัฒนา เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องประกอบกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ผู้ประกอบการ ในอุตสาหกรรมดาวเทียมจำเป็นต้องปรับตัวและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง ดังกล่าว และหากดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและเท่าทันก็จะสามารถพลิกฟื้น สถานการณ์ของธุรกิจและเศรษฐกิจอวกาศให้ดียิ่งขึ้นได้โดยเฉพาะภาคการให้บริการดาวเทียม ที่มีแนวโน้มรายได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้บริษัท Euroconsult ผู้ทำการสำรวจในธุรกิจ ประเภทนี้ได้คาดการณ์ว่า ธุรกิจจะเริ่มกลับมาเติบโตขึ้นได้ในปี๒๕๖๕ ด้วย ๒ ปัจจัยหลัก ด้วยกัน คือ ๑) การเปลี่ยนผ่านของดาวเทียมวงโคจรประจำที่ GSO แบบดั้งเดิม ไปสู่ High Throughput Satellite (HTS) อย่างแพร่หลาย และการเติบโตของผู้ประกอบการดาวเทียม วงโคจรไม่ประจำที่ NGSO รายใหญ่อย่างบริษัท Space Exploration Technologies Corporation หรือบริษัท สเปซ เอ็กซ์(SpaceX) ผู้ให้บริการส่งดาวเทียมและเป็นผู้ผลิตดาวเทียมบรอดแบนด์ บริการเครือข่ายสัญญาณอินเตอร์เน็ตจากกลุ่มดาวเทียม Starlink ที่ในปัจจุบันได้ส่งดาวเทียม ขึ้นให้บริการแล้วจำนวนกว่า ๓,๐๐๐ ดวง และบริษัท OneWeb ผู้พัฒนาดาวเทียม OneWeb Satellite Constellation ที่ในปัจจุบันได้ให้บริการดาวเทียมอินเตอร์เน็ต จำนวน ๓๙๔ ดวง และจากบริษัทอื่น ๆ ดาวเทียมเพื่อการสื่อสารมีความสำคัญอย่างมากต่ออุตสาหกรรมดาวเทียมโดยรวม เนื่องจากสามารถประยุกต์ใช้ได้หลากหลายรูปแบบ จึงมีดาวเทียมที่ให้บริการประเภทนี้ จำนวนมากในอดีตดาวเทียมสื่อสารจะถูกนำไปใช้เพื่อการให้บริการประเภทบรอดคาสต์ (BSS) ได้แก่ การส่งสัญญาณภาพระหว่างประเทศหรือข้ามทวีป เช่น การถ่ายทอดสดการแข่งขัน ฟุตบอลผ่านดาวเทียม เป็นต้น แต่ในปัจจุบันการใช้งานดาวเทียมสื่อสารเพื่อรับส่งข้อมูล ทั้งดาวเทียมประเภท GSO และประเภท NGSO กำลังได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งนอกจาก เทคโนโลยีจะตอบโจทย์ความต้องการการใช้งานแล้ว ต้นทุนในการพัฒนาก็เริ่มต่ำลงและ เกิดการแข่งขันกันมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อใช้งานร่วมกับคลื่นความถี่ย่าน Ka – band (๒๔-๔๐ GHz) ที่มีช่วงความถี่สูงขึ้นนั้น ทำให้ดาวเทียมสามารถทำ Bandwidth ได้เพิ่มขึ้น และต้นทุน ต่อความจุลดลง รวมทั้งมีคุณภาพของสัญญาณที่ดีขึ้นจนเกือบเทียบเคียงกับโครงข่ายภาคพื้นดินได้ นอกจากนี้การพัฒนาของเทคโนโลยีจรวดนำส่งที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่ (Reusable Rocket) และการผลิตดาวเทียมขนาดเล็กที่มีต้นทุนต่ำลง ทำให้เกิดการสร้างโครงข่ายดาวเทียม ประเภท NGSO ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น หรือ Satellite Constellation เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว โดยสรุปคือการให้บริการดาวเทียมที่น่าสนใจในปัจจุบัน มีอยู่ ๕ ประเภทด้วยกัน ได้แก่
ต ๑) ดาวเทียม Broadcast หรือ การให้บริการสัญญาณโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมถือเป็นบริการหลัก ที่สร้างรายได้สูงสุดในภาคธุรกิจการให้บริการดาวเทียม ๒) ดาวเทียม Broadband หรือ การให้บริการบรอดแบนด์ผ่านดาวเทียม หรือดาวเทียมอินเตอร์เน็ตนั่นเอง ดาวเทียมประเภทนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลซึ่งไม่อยู่ในพื้นที่ให้บริการของโครงข่าย ภาคพื้นดิน (Unserved) หรือได้รับบริการที่คุณภาพไม่ดีเท่าที่ควร (Underserved) รวมไปถึง เจ้าหน้าที่ภาครัฐ หน่วยงานความมั่นคง บุคลากร ทางการแพทย์ (Telemedicine) หรือ ภาคส่วนอื่นที่จำเป็นต้องสื่อสารในกรณีที่เกิดเหตุภัยพิบัติ๓) ดาวเทียมสื่อสารกับอากาศยาน ๔) ดาวเทียมสื่อสารในทะเล และ ๕) ดาวเทียมอินเทอร์เน็ตเพื่อสรรพสิ่ง (Internet of Things : IoT) โดยข้อมูลจาก Transparency Market Research (TMR) เมื่อปีพ.ศ. ๒๕๖๔ ได้คาดการณ์ว่า ในปีพ.ศ. ๒๕๗๔ มูลค่าของตลาดระบบ IoT ผ่านดาวเทียม หรือ Satellite IoT จะอยู่ที่ ประมาณ ๖.๔ พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ ๒๒ ต่อปีตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๖๔ – ๒๕๗๔ ดังนั้น การเริ่มต้นพัฒนาดาวเทียมประเภท NGSO ในรูปแบบกลุ่มดาวเทียม LEO Constellation จึงมีความจำเป็นเร่งด่วน เนื่องจากหากเทคโนโลยีและธุรกิจทั่วโลกขยับไปใช้ ดาวเทียมสื่อสารประเภท LEO Constellation จะทำให้ประเทศไทยพัฒนายากลำบากยิ่งขึ้น และต้องวิ่งตามเทคโนโลยีในต่างประเทศ รวมทั้งจะมีค่าใช้จ่ายสูงเมื่อต้องใช้บริการดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำนักงาน กสทช. จะต้องมีนโยบายและการประกาศบังคับใช้ให้สิทธิวงโคจรต่ำ ประเภทนี้เพื่อการสื่อสารโทรคมนาคม ซึ่งหากประเทศไทยยังนิ่งเฉยจะทำให้ผู้ประกอบการไทย ถูกเอารัดเอาเปรียบและเกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันต่อไปในอนาคต โดยประเทศชาติ จะเป็นผู้เสียเปรียบรายงานการศึกษาวิจัยการใช้ประโยชน์และการกำกับดูแลดาวเทียมประเภท ไม่ประจำที่ NGSO ฉบับนี้ จึงเสนอให้เกิดโครงการนำร่องเพื่อเป็นการเริ่มต้นในการพัฒนา กลุ่มดาวเทียม LEO Constellation เพื่อประโยชน์ด้านการแพทย์ทางไกลและการขอ ความช่วยเหลือฉุกเฉิน อันนำมาซึ่งการช่วยเหลือชีวิตมนุษย์ และยังเป็นการเรียนรู้ในเทคโนโลยี ดาวเทียม LEO Constellation การพัฒนาบุคลากร การพัฒนางานฝีมือ และการสร้างงาน สร้างอาชีพ และยกระดับประชาชนในประเทศได้ต่อไป
ถ สารบัญ หน้า รายนามคณะกรรมาธิการ ก รายนามคณะอนุกรรมาธิการ ง รายงานการศึกษา ซ บทสรุปผู้บริหาร ด สารบัญ ถ สารบัญภาพ ธ สารบัญตาราง บ บทที่ ๑ บทนำ ๑ ๑.๑ หลักการและเหตุผล:ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา ๑ บทที่ ๒ การใช้ประโยชน์ดาวเทียมประเภทวงโคจรไม่ประจำที่ (NGSO) ๕ ๒.๑ ดาวเทียมประเภทวงโคจรประจำที่ (GSO) ๕ ๒.๒ ดาวเทียมประเภทวงโคจรไม่ประจำที่ (NGSO) ๗ ๒.๓ การใช้ประโยชน์ดาวเทียมประเภท NGSO ในต่างประเทศ ๑๑ ๒.๓.๑ กิจการอวกาศด้านดาวเทียมประเภท NGSO ในต่างประเทศ ๑๑ ๒.๔ การใช้ประโยชน์ดาวเทียมประเภท NGSO ในประเทศไทย ๑๙ ๒.๔.๑ กิจการอวกาศด้านดาวเทียมประเภท NGSO ในประเทศไทย ๑๙ บทที่ ๓ การกำกับดูแลดาวเทียมประเภทวงโคจรไม่ประจำที่ (NGSO) ๒๙ ๓.๑ การกำกับดูแลดาวเทียมประเภท NGSO ในต่างประเทศ ๒๙ ๓.๑.๑ สาธารณรัฐประชาชนจีน ๒๙ ๓.๑.๒ ญี่ปุ่น ๓๐ ๓.๑.๓ สหราชอาณาจักร ๓๔ ๓.๒ การกำกับดูแลดาวเทียมประเภท NGSO ในประเทศไทย ๔๑ ๓.๒.๑ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ ๔๑ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
ท สารบัญ (ต่อ) หน้า บทที่ ๔ การวิเคราะห์สภาพปัญหาและผลกระทบ ๔๘ ๔.๑ ความสามารถการพัฒนาดาวเทียมประเภท NGSO ๔๘ ภาครัฐและภาคเอกชนในประเทศไทย ๔.๒ ผลกระทบจากดาวเทียมประเภท NGSO ๕๕ ๔.๒.๑ ผลกระทบด้านสังคม ๕๙ ๔.๒.๒ ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ๕๙ บทที่ ๕ บทสรุป ๖๑ ๕.๑ การศึกษาและพัฒนาดาวเทียมประเภท NGSO ที่เริ่มได้ทันทีในประเทศไทย ๖๒ ๕.๑.๑ โครงการนำร่อง LEO Constellation ๖๒ ๕.๑.๒ หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่สามารถให้การสนับสนุน ๖๗ ๕.๒ บทสรุปรายงานการศึกษา ๗๖ ๕.๓ ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการ ๗๘ เอกสารอ้างอิง ๗๙ ภาคผนวก ๘๑ ภาคผนวก ก คำสั่งแต่งตั้ง ๘๒ ภาคผนวก ข ภาพกิจกรรม ๙๕ ภาคผนวก ค รายนามผู้จัดทำ ๙๙
ธ สารบัญภาพ หน้า ภาพที่ ๑ Small-satellite Launch Demand ๒ ภาพที่ ๒ ปริมาณดาวเทียมประเภท GSO และ NGSO ในอวกาศ ๔ ภาพที่ ๓ ดาวเทียมประเภทวงโคจรประจำที่ Geosynchronous Orbit (GSO) ๖ ภาพที่ ๔ ดาวเทียมไทยคม ๘ ๗ ภาพที่ ๕ ประเภทของวงโคจร (Orbit Types) ๘ ภาพที่ ๖ ดาวเทียมไทยโชต ๙ ภาพที่ ๗ แนวโน้มรายได้ของอุตสาหกรรมดาวเทียมทั่วโลก ๑๒ ภาพที่ ๘ จำนวนดาวเทียมประเภท NGSO ตั้งแต่ปี๒๕๕๕ - ๒๕๖๔ ๑๓ ภาพที่ ๙ รูปแบบการให้บริการดาวเทียม IoT ๑๕ ภาพที่ ๑๐ แนวโน้มการเติบโตและเปลี่ยนแปลงของดาวเทียมระบบ GSO และ NGSO ๑๗ ภาพที่ ๑๑ คาดการณ์ผลกระทบเชิงเศรษฐกิจอุตสาหกรรมดาวเทียม พ.ศ. ๒๕๖๓ - ๒๕๗๘ ๒๐ ภาพที่ ๑๒ การให้บริการดาวเทียมประเภท NGSO ในปัจจุบัน ๒๒ และแนวโน้มการใช้งานในอนาคต ภาพที่ ๑๓ Rideshare vs. Dedicated Services Forecast ๒๓ ภาพที่ ๑๔ มูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและสังคมของอุตสาหกรรมอวกาศโลก ปีพ.ศ. ๒๕๖๑ ๒๔ ภาพที่ ๑๕ มูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและสังคมของอุตสาหกรรมอวกาศไทย ปีพ.ศ. ๒๕๖๑ ๒๕ ภาพที่ ๑๖ ภูมิทัศน์ยุคเศรษฐกิจอวกาศใหม่ (New Space Economy Landscape) ๒๖ ภาพที่ ๑๗ ดาวเทียม BCCSAT ของนักเรียนมัธยม โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ๒๗ ภาพที่ ๑๘ ทีมเยาวชนโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัยผู้พัฒนาดาวเทียม BCCSAT-1 ๒๘ ภาพที่ ๑๙ การพัฒนาดาวเทียมโดยวิศวกรไทย ณ ประเทศอังกฤษ (โครงการTHEOS-2) ๔๘ ภาพที่ ๒๐ แนวทางในการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรของประเทศ ๔๙
น สารบัญภาพ (ต่อ) หน้า ภาพที่ ๒๑ Ripple Effects from Thai Space Consortium ๕๐ ภาพที่ ๒๒ TSC Project Timeline ๕๑ ภาพที่ ๒๓ ผลกระทบการประกอบกิจการดาวเทียมประเภท NGSO ในประเทศไทย ๖ มิติ ๕๖ ภาพที่ ๒๔ ตัวอย่างสถานีรับสัญญาณดาวเทียมประเภท NGSO ๕๘ ภาพที่ ๒๕ ตัวอย่างดาวเทียม 6U CubeSat Constellation ๖๓ ภาพที่ ๒๖ ตราสัญลักษณ์สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ ๖๗ (องค์การมหาชน) ภาพที่ ๒๗ ศูนย์ประกอบและทดสอบดาวเทียมแห่งชาติNational Assembly ๖๘ Integrationand Test (AIT) ณ อุทยานรังสสรค์นวัตกรรมอวกาศ ภาพที่ ๒๘ ตราสัญลักษณ์สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ ๖๙ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ภาพที่ ๒๙ ตราสัญลักษณ์กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ๗๐ ภาพที่ ๓๐ ตราสัญลักษณ์ศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีอวกาศและวิจัย ๗๒ ภาพที่ ๓๑ ตราสัญลักษณ์บริษัท ไทยคม จำกัด(มหาชน) ๗๓ ภาพที่ ๓๒ พื้นที่ให้บริการดาวเทียมไทยคมในปัจจุบัน ๗๔ ภาพที่ ๓๓ ตราสัญลักษณ์บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติจำกัด(มหาชน) ๗๕
บ สารบัญตาราง หน้า ตารางที่ ๑ หน่วยงานกำกับดูแลและให้อนุญาตใช้งานความถี่กลุ่มดาวเทียม ๔๐ ประเภท NGSO ในต่างประเทศ ตารางที่ ๒ เครือข่ายในการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศภายในประเทศ ๕๓ และที่เชื่อมโยงกับต่างประเทศ ตารางที่ ๓ แผนการดำเนินงานและระยเวลาการดำเนินงาน ๖๔
บทที่ ๑ บทนำ หลักการและเหตุผล ๑.๑ ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๖๐ บัญญัติว่า รัฐต้อง รักษาไว้ซึ่งคลื่นความถี่และสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมอันเป็นสมบัติของชาติ เพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน และมาตรา ๒๗ (๑) แห่งพระราชบัญญัติ องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรร คลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการ โทรคมนาคม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้กำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติหรือ สำนักงาน กสทช. มีอำนาจหน้าที่ จัดทำแผนการบริหารสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมและดำเนินการให้เป็นตามแผน และแผนดังกล่าวต้องสอดคล้องกับนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคมในนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งเป็นแผนแม่บทหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของประเทศ ระยะ ๒๐ ปี(พ.ศ. ๒๕๖๑ – ๒๕๘๐) ยุทธศาสตร์ที่ ๑ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ประสิทธิภาพสูงให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยมีแผนงานกำหนดให้มีนโยบายการบริหาร กิจการดาวเทียมของประเทศ ที่กำหนดทิศทาง การขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล แผนปฏิบัติการด้านโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีดิจิทัล ระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐) การพัฒนากลุ่มโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีดิจิทัลพื้นฐาน หรือกลุ่ม Hard & Soft Infrastructure โดยมีประเด็นด้านโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยี สื่อสารดาวเทียม (Satellite) และยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง กำหนดให้มีการส่งเสริม การวิจัยและพัฒนากิจการอวกาศ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอย่างต่อเนื่อง สามารถแข่งขันและลดการพึ่งพาหรือนำเข้าจากต่างประเทศได้อย่างเหมาะสม รวมทั้ง สามารถสนับสนุนนโยบายและยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศได้ โดยในปัจจุบัน ข้อมูลจากสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ระบุว่า ในระหว่าง ปี พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๖๒ การเติบโตของกลุ่มดาวเทียมวงโคจรไม่ประจำที่ (Non-Geostationary Orbit : NGSO) ที่เน้นการลงทุนในวงโคจรต่ำ (Low Earth Orbit : LEO) จะมีการส่งดาวเทียม LEO จำนวน ๑,๐๖๖ ดวง เพิ่มขึ้นจากเดิมในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๕๑ - ๒๕๖๑ ที่มีการส่งดาวเทียม วงโคจรต่ำ LEO จำนวนเพียง ๔๓๗ ดวง โดยทั้งหมดเป็นการส่งดาวเทียมขนาดเล็ก
๒ เพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ และอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Internet of Things - IoTs) ทั้งนี้จากแผนภูมิแท่งได้บอกปริมาณความต้องการส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจร ตั้งแต่ ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ - ๒๕๗๓ ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นถึงประมาณ ๒,๕๐๐ ดวง/ปี ในปี พ.ศ. ๒๕๗๓ (ค.ศ. ๒๐๓๐) ภาพที่ ๑ Small-satellite Launch Demand (ที่มา: UK Spaceport Business Case Evaluation, [2]) โดยรูปแบบการให้บริการอุตสาหกรรมดาวเทียมแบบใหม่ เน้นการให้บริการ ดาวเทียมเพื่อส่งผ่านข้อมูลและสัญญาณเพื่อให้บริการด้านการวิเคราะห์สภาพอากาศ และการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศฉลับพลัน (Climate Changes) ดาวเทียมสำรวจ ทรัพยากรเพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการบริหารจัดการป้องกันภัยพิบัติต่าง ๆ รวมทั้งดาวเทียม ระบุพิกัดสำหรับอุตสาหกรรมขนส่งและธุรกิจร้านค้า ซึ่งกลุ่มการให้บริการเหล่านี้ส่งผลให้ เกิดผู้ประกอบการที่เป็น Startup ลงทุนในธุรกิจดาวเทียมและเกิดบริการดาวเทียม เชิงพาณิชย์ในรูปแบบใหม่มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้บริการดาวเทียมขนาดเล็ก (Small Satellite) ในรูปแบบเครือข่าย LEO Constellation คือ การส่งดาวเทียม จำนวนหลายพันดวงเพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตบอร์ดแบนด์ บริการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) บริการดาวเทียมสำรวจ และบริการดาวเทียมระบุพิกัด เทคโนโลยีเครือข่าย ดาวเทียม (Constellation) หรือกลุ่มดาวเทียมขนาดเล็กเป็นทางเลือกสำหรับระบบ ดาวเทียมในอนาคตที่มีขีดความสามารถ ในการตอบสนองความต้องการในการส่งข้อมูล ที่ต้องการความเร็ว ปริมาณการรับส่งข้อมูล และการพัฒนาด้านคุณภาพการรับส่งสัญญาณ
๓ เพื่อรองรับระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทั้งในปัจจุบันและอนาคต ตลอดจนมีค่า Latency ต่ำถึงระดับ ๕ - ๕๐ มิลลิวินาที (ms) ใกล้เคียงกับเทคโนโลยี 5G โดยเทคโนโลยีเครือข่าย ดาวเทียมวงโคจรระดับต่ำ (LEO Constellation) ได้รับความสนใจ เนื่องจากสามารถตอบสนอง บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ไร้สาย โดยสามารถรับส่งสัญญาณครอบคลุมพื้นทั่วโลก เพื่อมุ่งหวังให้บริการในทุกอุตสาหกรรมที่ใช้ระบบสั่งการอัตโนมัติและให้บริการสัญญาณ ไปยังโทรศัพท์เคลื่อนที่ ปัจจุบันหลายประเทศได้มีนโยบายส่งเสริมให้เกิดอุตสาหกรรมดาวเทียมแบบใหม่ ภายในประเทศ ทั้งนี้ อุตสาหกรรมดาวเทียมจะส่งผลให้เกิดการสร้างนวัตกรรม ฝึกทักษะ แรงงานขั้นสูง เพื่อพัฒนาดาวเทียม พัฒนาชิ้นส่วนดาวเทียม พัฒนาระบบภาคพื้นดิน พัฒนาระบบนำส่ง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูง อันส่งผลให้เกิดมูลค่าการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ ภายในประเทศ และส่งเสริมให้เกิดระบบนิเวศเศรษฐกิจอวกาศในประเทศ เนื่องจาก เศรษฐกิจอวกาศเป็นสิ่งที่จะช่วยเพิ่มการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ในประเทศ ยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตเทคโนโลยีของประเทศไปสู่การผลิต การเชื่อมโยงระบบ และการทดสอบระบบต่าง ๆ ที่เป็นส่วนประกอบของดาวเทียม ยานอวกาศ ระบบรับส่ง สัญญาณภาคพื้นดิน (Ground Support Equipment) จรวดนำส่ง อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ การพัฒนาระบบประยุกต์ (Application) และอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม ดาวเทียมที่อยู่ในวงโคจรระดับต่ำจะต้องใช้ดาวเทียมหลายดวงเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่าย เพื่อให้มีพื้นที่ครอบคลุมทั่วโลก และอายุการใช้งานสั้นประมาณ ๓ - ๕ ปี ทั้งนี้ บริษัทที่เป็นผู้นำ เทคโนโลยีทั้งด้านดาวเทียม LEO Constellation เช่น บริษัท SpaceX ของสหรัฐอเมริกา ผู้ให้บริการระบบดาวเทียมอินเทอร์เน็ต Starlink บริษัท Amazon ของสหรัฐอเมริกา ผู้ให้บริการระบบดาวเทียม Kuiper Project และยังมีบริษัท Commsat ของสาธารณรัฐ ประชาชนจีน บริษัท SES Networks, LeoSat ของราชรัฐลักเซมเบิร์ก บริษัท OneWeb ของประเทศสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรให้บริการระบบดาวเทียม OneWeb และบริษัท Viasat มีแผนจะให้บริการดาวเทียม Viasat-3 เป็นต้น ทั้งนี้ ในหลายบริษัท มีการพัฒนาดาวเทียมวงโคจรระดับปานกลาง (Medium Earth Orbit : MEO) โดยประเทศไทย ได้เปิดตลาดให้ดาวเทียมต่างชาติสามารถให้บริการในประเทศได้ โดยผู้ที่สนใจสามารถ ขออนุญาตได้ตามประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้ช่องสัญญาณ ดาวเทียมต่างชาติในการให้บริการในประเทศ เป็นการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาโครงสร้าง พื้นฐานด้านดิจิทัลเพื่อรองรับการพัฒนาในภาคการเกษตรและภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ การศึกษาวิจัยแนวทางการใช้ประโยชน์ของดาวทียม NGSO หรือ LEO Constellation ของอุตสาหกรรมในต่างประเทศ รวมทั้งรูปแบบการกำกับดูแลการให้บริการดาวเทียม
๔ จะสามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมภายในประเทศ และเป็นแนวทางในการพัฒนา การใช้ประโยชน์ดาวเทียมประเภทดังกล่าว อาทิ การให้บริการกลุ่มดาวเทียมอินเทอร์เน็ต ในพื้นที่ห่างไกล (Satellite Internet for Remote Area) การสื่อสารดาวเทียมเพื่อการแพทย์ ทางไกล (LEO Constellation for Telemedicine) เช่น พื้นที่ที่ยากแก่การเข้าถึงหรือ เสี่ยงอันตรายต่อการรับเชื้อจากผู้ป่วย หรือการรับส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ ผ่านดาวเทียม (SOS - Emergency Response Satellite) และรวมไปถึงการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานด้านการพัฒนาดาวเทียม ห้องปฏิบัติการ การพัฒนาบุคลากร (Capacity Building) อันส่งผลไปยังการประกอบอาชีพ การสร้างรายได้ และการส่งเสริมเศรษฐกิจ อวกาศต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ยังเป็นการศึกษาในส่วนของแนวทางการกำกับดูแล ที่จะสามารถนำมาใช้ในเชิงนโยบายการส่งเสริมระบบนิเวศเศรษฐกิจอวกาศด้านการพัฒนา ดาวเทียม อันจะเป็นการเตรียมความพร้อมและส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมดาวเทียม ให้มีความรู้ความเข้าใจ แนวโน้ม ทิศทาง เพื่อการนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดการบูรณการร่วมกันทุกภาคส่วน และส่งเสริมอุตสาหกรรมอวกาศให้เติบโตให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนา ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสื่อสารดาวเทียม (Satellite Communications) และยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง รวมทั้งสามารถสนับสนุนนโยบาย และยุทธศาสตร์สำคัญต่าง ๆ ของประเทศได้ต่อไป ภาพที่ ๒ ปริมาณดาวเทียมประเภท GSO และ NGSO ในอวกาศ (ที่มา: https://spacenews.com/) แนวดาวเทียมสื่อสารในวงโคจร GEO (จัดเป็นดาวเทียมประเภท GSO) กลุ่มดาวเทียมอินเตอร์เน็ตและอื่น ๆ ในวงโคจร LEO (จัดเป็นดาวเทียมประเภท NGSO)
ทที่ ๒ การใช้ประโยชน์ดาวเทียมประเภทวงโคจรไม่ประจำที่ (NGSO) ๒.๑ ดาวเทียมประเภทวงโคจรประจำที่ (GSO) ในบทนี้จะเป็นรายงานการศึกษาเพื่อทำความเข้าใจในลักษณะของดาวเทียม ประเภทวงโคจรประจำที่ GSO รวมทั้งยกตัวอย่างดาวเทียมประเภทนี้เพื่อใช้ ในการเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างดาวเทียมประเภทวงโคจรประจำที่และวงโคจร ไม่ประจำที่ NGSO โดยจากการศึกษาพบว่า ดาวเทียมประเภทวงโคจรประจำที่ หรือ Geosynchronous Orbit (GSO) เป็นดาวเทียมที่อยู่ในวงโคจรที่มีระยะทางห่างจากพื้นโลก ๓๕,๗๘๖ กิโลเมตร หรือประมาณ ๓๖,๐๐๐ กิโลเมตร โดยดาวเทียมประเภท GSO นี้ จะมีความเร็วในการหมุนรอบโลกหรือระยะเวลาการเคลื่อนที่โคจรใน ๑ คาบวงโคจร ดาวเทียม จะเท่ากับของการหมุนของโลกใน ๑ รอบ หรือ ๑ วัน คือ ใช้ดาวเทียมประเภท GSO จะใช้เวลาในการโคจรครบรอบใน ๑ วงโคจร เท่ากับ ๒๓ ชั่วโมง ๕๖ นาที ๔ วินาที ซึ่งเท่ากับเวลาที่โลกหมุนรอบตัวเอง นั่นเอง ทำให้สามารถสังเกตได้ว่าดาวเทียมดวงนั้น ๆ จะปรากฏนิ่งในตำแหน่งเดิมตลอดเวลา หรือที่เรียกว่า ดาวเทียมค้างฟ้า โดยจะเรียก ดาวเทียมประเภทนี้ว่าเป็นดาวเทียมวงโคจรประจำที่ GSO ซึ่งดาวเทียมประเภท GSO ที่อยู่ในแนวระนาบเส้นศูนย์สูตรของโลก หรือ Equatorial Plane ส่วนใหญ่จะเป็น ดาวเทียมสื่อสารหรือดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา และจะถูกเรียกว่า ดาวเทียมวงโคจรค้างฟ้า หรือดาวเทียม GEO (Geostationary Earth Orbit) เนื่องจากในตำแหน่งดังกล่าวจะสามารถ มองเห็นโลกได้ในมุม ๑๒๐ องศา และมีพื้นที่จากมุมมองดาวเทียมส่วนใหญ่เป็นแผ่นดิน ที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นมากกว่าบริเวณขั้วโลก แสดงตำแหน่งของดาวเทียมประเภท GSO ตามภาพที่ ๓ ดังต่อไปนี้
๖ ภาพที่ ๓ ดาวเทียมประเภทวงโคจรประจำที่ Geosynchronous Orbit (GSO) (ที่มา: https://www.schoolphysics.co.uk/) ประเทศไทยมีการใช้งานดาวเทียมประเภท GSO หรือดาวเทียมวงโคจร GEO ในรูปแบบของดาวเทียมสื่อสาร ได้แก่ ดาวเทียมไทยคม ซึ่งกำกับดูแลโดย บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) โดยคำว่า “ไทยคม” (Thaicom) เป็นชื่อพระราชทาน ที่พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร (พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน โดยย่อมาจาก Thai Communications ในภาษาอังกฤษ ดาวเทียมไทยคม เป็นโครงการดาวเทียมสื่อสารเพื่อการให้บริการสื่อสาร ผ่านช่องสัญญาณดาวเทียม โดยเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๔ กระทรวงคมนาคม (ในเวลานั้น) ต้องการจัดหาดาวเทียมเพื่อรองรับการขยายตัวด้านการสื่อสารของประเทศ แต่ในเวลานั้น ประเทศไทยยังไม่มีดาวเทียมเป็นของตนเอง จึงจำเป็นต้องเช่าดาวเทียมสื่อสารจาก ประเทศอื่นในการใช้งานช่องสัญญาณ ซึ่งทำให้เกิดความไม่สะดวกและสูญเสียเงินออกนอก ประเทศเป็นจำนวนมาก แต่เนื่องจากการจัดสร้างดาวเทียมต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก จึงได้มีการเปิดประมูลเพื่อให้สัมปทานแก่บริษัทเอกชนเข้ามาดำเนินการแทนการใช้ งบประมาณจากภาครัฐ และบริษัท ชินวัตร แซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) (ต่อมาเปลี่ยนชื่อ เป็น บริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ตามลำดับ) เป็นผู้ได้รับสัมปทานในเวลานั้น ๓๖,๐๐๐ กม. ๓๖,๐๐๐ กม. ๓๖,๐๐๐ กม.
๗ ภาพที่ ๔ ดาวเทียมไทยคม ๘ (ที่มา: บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน)) ๒.๒ ดาวเทียมประเภทวงโคจรไม่ประจำที่ (NGSO) จากที่กล่าวข้างต้นดาวเทียมประเภทวงโคจรประจำที่ หรือ Geostationary Orbit (GSO) จะอยู่ที่ระดับความสูงประมาณ ๓๖,๐๐๐ กิโลเมตรเหนือพื้นโลก ซึ่งที่ความสูงระดับนี้ จะทำให้ความเร็วของดาวเทียมในการโคจรครบรอบใน ๑ คาบ มีค่าเท่ากับการหมุนครบรอบ ของโลกใน ๑ รอบ หรือ ๑ วัน กล่าวคือ หมุนครบรอบใน ๑ คาบวงโคจรด้วยระยะเวลา ที่เท่ากัน จึงทำให้เห็นดาวเทียมประเภท GSO เปรียบเสมือนเป็นดาวเทียมค้างฟ้า ซึ่งในขณะเดียวกันดาวเทียมที่มีความสูงจากพื้นโลกต่ำกว่านั้น (และดาวเทียมที่มีความสูง มากกว่านั้น แต่ในรายงานฉบับนี้จะกล่าวเฉพาะดาวเทียมที่มีความสูงต่ำกว่าดาวเทียม ประเภท GSO เท่านั้น) ซึ่งจะมีลักษณะเป็นดาวเทียมประเภทวงโคจรไม่ประจำที่ หรือ NonGeostationary Orbit : NGSO นั่นเอง
๘ ภาพที่ ๕ ประเภทของวงโคจร (Orbit Types) (ที่มา: https://ar.javamem.com/pictures/satellite-orbits-leo-meo-geo) โดยดาวเทียมประเภทวงโคจรไม่ประจำที่ NGSO คือ กลุ่มดาวเทียมที่อยู่ ในตำแหน่งที่มีความเร็วในการหมุนครบรอบใน ๑ คาบ ไม่เท่ากันกับการหมุนครบรอบ ของโลก ซึ่งส่วนใหญ่ทั้งหมดจะโคจรครบรอบได้เร็วกว่าการโคจรของโลกในหนึ่งวัน ยกตัวอย่างเช่น ดาวเทียมไทยโชต (THAICHOTE) หรือดาวเทียม THEOS ที่กำกับดูแลโดย สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (สทอภ.) จัดเป็น ดาวเทียมประเภท NGSO ที่อยู่ในกลุ่มวงโคจรต่ำ หรือ Low Earth Orbit (LEO) มีความสูง จากพื้นโลกประมาณ ๘๒๒ กิโลเมตร ทำให้ดาวเทียมมีความเร็วในวงโคจรประมาณ ๗,๔๐๐ เมตรต่อวินาที จึงทำให้สามารถโคจรรอบโลกได้จำนวนประมาณ ๑๔ รอบ ใน ๑ วัน และดาวเทียมวงโคจรต่ำ LEO จะถูกจัดเป็นดาวเทียมประเภท NGSO
๙ ภาพที่ ๖ ดาวเทียมไทยโชต (ที่มา: สทอภ.) สมการคำนวณหาเวลาการเคลื่อนของดาวเทียมใน ๑ รอบวงโคจร = √ = 1 2 ( + ) 3 2 = 2( + ) 3 2 1 2 โดยที่ คือ ความเร็วในการเคลื่อนที่ของดาวเทียม (. −1 ) μ คือ ค่าคงที่แรงโน้มถ่วง Earth Gravitational Constant = 3.98574405096e14 (3 . −2 ) a คือ ระยะกึ่งแกนเอกของวงโคจร semi-major axis (m) คือ ความเร็วเชิงมุมของดาวเทียม (. −1 ) คือ ระยะทางจากพื้นโลกถึงดาวเทียม () คือ รัศมีของโลกถึงดาวเทียม () คือ ระยะเวลาเคลื่อนที่ของดาวเทียมในหนึ่งรอบวงโคจรorbital period ()
๑๐ โดยดาวเทียมประเภท NGSO สามารถแบ่งกลุ่มได้ตามช่วงระยะความสูงจากพื้นโลกได้ ดังต่อไปนี้ ๑) ที่ระดับความสูงวงโคจรจากพื้นโลกปานกลาง (Medium Earth Orbit : MEO) อยู่ระหว่าง ๘,๐๐๐ ถึง ๒๐,๐๐๐ กิโลเมตรเหนือพื้นโลก ๒) ที่ระดับความสูงวงโคจรจากพื้นโลกต่ำ (Low Earth Orbit: LEO) อยู่ที่ระดับ ความสูงระหว่าง ๔๐๐ ถึง ๒,๐๐๐ กิโลเมตรเหนือพื้นโลก ดาวเทียมประเภท NGSO จะเคลื่อนผ่านห้วงอวกาศเหนือท้องฟ้าของแต่ละ ประเทศอยู่ตลอดเวลา ซึ่งไม่อยู่ประจำที่และจะโคจรกลับมาในบริเวณเดิมซึ่งอาจต้องใช้ เวลาหลายวัน (Repeat Cycle) ทำให้หากต้องการที่จะใช้ข้อมูลอย่างต่อเนื่องจากดาวเทียม ประเภทนี้ จำเป็นที่จะต้องส่งดาวเทียมขึ้นวงโคจรจำนวนมากและโคจรเรียงรับส่งสัญญาณ อย่างต่อเนื่องกันเพื่อให้สามารถรับส่งสัญญาณได้ตลอดเวลา โดยจะเรียกกลุ่มดาวเทียม เหล่านี้ว่า LEO Constellation หรือ MEO Constellation ที่มีหน้าที่แตกต่างกันไป ตามพันธกิจที่ได้กำหนดขึ้น ในปัจจุบัน ความก้าวหน้าในการพัฒนาและผลิตดาวเทียมขนาดเล็กประเภท Microsatellite และ CubeSat สามารถกระทำได้ในระยะเวลาอันสั้นและมีประสิทธิภาพสูง รวมทั้งความสามารถในการส่งดาวเทียมในปัจจุบันที่เทคโนโลยีมีความแม่นยำและมีต้นทุนต่ำ ในการนำส่ง อาทิ จรวดนำส่งที่สามารถนำมาใช้ได้อีก (Reusable Rocket) ของบริษัท สเปซ เอ็กซ์ ทำให้สามารถส่งดาวเทียมได้ครั้งละจำนวนมาก ๆ และบ่อยครั้งมากขึ้น จึงส่งผลให้ธุรกิจดาวเทียมประเภท NGSO กำลังเป็นที่สนใจของนักลงทุนและผู้ประกอบการ ในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO Constellation) หรือ ผู้ให้บริการดาวเทียมประเภท NGSO แบบประจำที่ (Fixed Satellite Services) ที่ไม่ใช่ ดาวเทียมประเภท GSO รวมทั้งความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเสาอากาศและเทอร์มินัล (Terminal Gateway) ยังช่วยให้สามารถใช้คลื่นความถี่ ๕๐/๔๐ GHz สำหรับทั้งเครือข่าย GSO BSS (Broadcasting Satellite Services) และระบบ Non-GSO FSS (Fixed Satellite Services) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีกลุ่มดาวเทียม LEO Constellation ในปัจจุบัน มีแนวโน้มที่จะให้บริการ ครอบคลุมพื้นที่โลกทั้งหมดด้วยการเชื่อมต่อและให้บริการแบนด์วิธสูง (Bandwidth) ประมวลผลข้อมูลปริมาณมาก และมีการหน่วงเวลา (Latency) น้อยที่สุด ซึ่งเทคโนโลยี เหล่านี้สามารถรองรับการเติบโตของระบบโทรศัพท์ 5G (IMT-2020/5G) และระบบ อินเตอร์เน็ตเพื่อสรรพสิ่ง (Internet of Things) ที่เป็นเครือข่ายของการเชื่อมต่ออุปกรณ์
๑๑ ในชีวิตประจำวันต่าง ๆ เข้าด้วยกันและแบ่งปันข้อมูลเพื่อการใช้ชีวิตที่สะดวกสบายขึ้น หรือ เรียกได้ว่าเป็นการช่วยสร้างสังคมอัจฉริยะในปัจจุบันนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีความจำเป็นที่จะต้องส่งเสริมการพัฒนาและการใช้เทคโนโลยีใหม่ สำหรับดาวเทียมประเภท NGSO แบบ FSS ที่ความถี่สูงกว่า ๓๐ GHz การให้บริการแบบ FSS ที่ต้องใช้เทคโนโลยีใหม่ที่สูงกว่า ๓๐ GHz นี้ จะเป็นยุคของการใช้งานกลุ่มดาวเทียม วงโคจรต่ำ (LEO Constellation) โดยตรง ซึ่งในอนาคตอันใกล้การใช้งานดาวเทียม ทั้งประเภท GSO แบบ BSS และประเภท NGSO แบบ FSS หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะต้อง อนุญาตให้เปิดใช้งานคลื่นความถี่และนำเทคโนโลยีความถี่วิทยุและดาวเทียมสื่อสารใหม่ ๆ มาใช้ ในขณะเดียวกันการรับประกันการใช้สเปกตรัมคลื่นความถี่วิทยุจากดาวเทียม LEO Constellation ในอนาคตก็จะต้องมีประสิทธิภาพด้วย เช่น ระบบจะต้องสามารถทำงาน ได้เต็มที่และมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้โดยปราศจากการปิดกั้นด้วยกฎระเบียบการบังคับใช้ คลื่นความถี่ (Radio Regulations : RR) รวมถึงข้อกำหนดที่อนุญาตให้เครือข่ายระบบ GSO และระบบ NGSO สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ก่อให้เกิดการรบกวน ทางวิทยุ (Interference Inflicted) ที่เป็นอันตรายต่อกันและกัน ตลอดจนการส่งเสริม นโยบายน่านฟ้าเสรี (Open Sky Policy) เพื่ออนุญาตให้ดาวเทียมอินเทอร์เน็ตจากต่างประเทศ สามารถให้บริการในประเทศได้ และการอนุญาตให้โดรนสามารถรับส่งสัญญาณ จากดาวเทียมและบินให้บริการภายในประเทศได้ต่อไป ๒.๓ การใช้ประโยชน์ดาวเทียม NGSO ในต่างประเทศ ๒.๓.๑ กิจการอวกาศด้านดาวเทียมประเภท NGSO ในต่างประเทศ อุตสาหกรรมดาวเทียมของโลกกำลังเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญ การพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ประกอบกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมดาวเทียมจำเป็นต้องปรับตัวและพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว และหากดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและเท่าทัน ก็จะสามารถพลิกฟื้นสถานการณ์ของธุรกิจและเศรษฐกิจอวกาศให้ดียิ่งขึ้นได้ โดยเฉพาะ ภาคการให้บริการดาวเทียมที่มีแนวโน้มรายได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ บริษัท Euroconsult ผู้ทำการสำรวจในธุรกิจประเภทนี้ได้คาดการณ์ว่า ธุรกิจจะเริ่ม กลับมาเติบโตขึ้นได้ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๕ ด้วย ๒ ปัจจัยหลักด้วยกัน คือ ๑) การเปลี่ยนผ่านของดาวเทียมวงโคจร ประจำที่ GSO แบบดั้งเดิม ไปสู่ High Throughput Satellite (HTS) อย่างแพร่หลาย และ ๒) การเติบโตของผู้ประกอบการดาวเทียมวงโคจรไม่ประจำที่ NGSO รายใหญ่ อย่างบริษัท Space Exploration Technologies Corporation หรือบริษัท สเปซ เอ็กซ์ (SpaceX)
๑๒ ผู้ให้บริการส่งดาวเทียมและเป็นผู้ผลิตดาวเทียมบรอดแบนด์บริการเครือข่ายสัญญาณ อินเทอร์เน็ตจากกลุ่มดาวเทียม Starlink ที่ในปัจจุบันได้ส่งดาวเทียมขึ้นให้บริการแล้ว จำนวนกว่า ๓,๐๐๐ ดวง และบริษัท OneWeb ผู้พัฒนาดาวเทียม OneWeb Satellite Constellation ที่ในปัจจุบันได้ให้บริการดาวเทียมอินเทอร์เน็ต จำนวน ๓๙๔ ดวง และจากบริษัทอื่น ๆ แสดงตามภาพที่ ๗ ภาพที่ ๗ แนวโน้มรายได้ของอุตสาหกรรมดาวเทียมทั่วโลก (ที่มา: BryceTech, [10]) 127 128 129 127 123 118 59 113 120 125 130 135 208 261 269 277 271 271 - 50 100 150 200 250 300 2015 2016 2017 2018 2019 2020 Revenue (in Billion USD) Satellite Services Ground Equipment Satellite Manufacturing Launch Industry Satellite Industry
๑๓ ภาพที่ ๘ จำนวนดาวเทียมประเภท NGSO ตั้งแต่ปี ๒๕๕๕ - ๒๕๖๔ (ที่มา: AEC Advisory Pte. Ltd, [9]) ดาวเทียมเพื่อการสื่อสารมีความสำคัญอย่างมากต่ออุตสาหกรรมดาวเทียม โดยรวม เนื่องจากสามารถประยุกต์ใช้ได้หลากหลายรูปแบบ จึงมีดาวเทียมที่ให้บริการ ประเภทนี้จำนวนมาก ในอดีตดาวเทียมสื่อสารจะถูกนำไปใช้เพื่อการให้บริการประเภท บรอดคาสต์ (BSS) ได้แก่ การส่งสัญญาณภาพระหว่างประเทศหรือข้ามทวีป เช่น การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลผ่านดาวเทียม เป็นต้น แต่ในปัจจุบันการใช้งานดาวเทียม สื่อสารเพื่อรับส่งข้อมูลทั้งดาวเทียมประเภท GSO และประเภท NGSO กำลังได้รับความนิยม เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งนอกจากเทคโนโลยีจะตอบโจทย์ความต้องการการใช้งานแล้ว ต้นทุนในการพัฒนา ก็เริ่มต่ำลงและเกิดการแข่งขันกันมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อใช้งานร่วมกับคลื่นความถี่ย่าน Ka - Band (๒๔-๔๐ GHz) ที่มีช่วงความถี่สูงขึ้นนั้น ทำให้ดาวเทียมสามารถทำ Bandwidth ได้เพิ่มขึ้น และต้นทุนต่อความจุลดลง รวมทั้งมีคุณภาพของสัญญาณที่ดีขึ้นจนเกือบ เทียบเคียงกับโครงข่ายภาคพื้นดินได้ นอกจากนี้ การพัฒนาของเทคโนโลยีจรวดนำส่ง ที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่ (Reusable Rocket) และการผลิตดาวเทียมขนาดเล็ก ที่มีต้นทุนต่ำลง ทำให้เกิดการสร้างโครงข่ายดาวเทียมประเภท NGSO ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น
๑๔ หรือ Satellite Constellation เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว โดยสรุปคือการให้บริการดาวเทียม ที่น่าสนใจในปัจจุบัน มีอยู่ ๕ ประเภทด้วยกัน ได้แก่ (๑) ดาวเทียม Broadcast หรือ การให้บริการสัญญาณโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ถือเป็นบริการหลักที่สร้างรายได้สูงสุดในภาคธุรกิจการให้บริการดาวเทียม (ข้อมูลของ BryceTech) ในปีพ.ศ. ๒๕๖๓ พบว่าบริการนี้สร้างรายได้ถึงร้อยละ ๗๕ ของมูลค่า ในภาคธุรกิจบริการดาวเทียมทั้งหมด แต่กำลังมีแนวโน้มที่ลดลงตามพฤติกรรมของผู้บริโภค ที่เปลี่ยนไป เช่น การดูรายการทีวีผ่านระบบอินเทอร์เน็ตแทนการดูจากโทรศัพท์ เป็นต้น (๒) ดาวเทียม Broadband หรือ การให้บริการบรอดแบนด์ผ่านดาวเทียม หรือ ดาวเทียมอินเทอร์เน็ตนั่นเอง ดาวเทียมประเภทนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่อาศัย อยู่ในพื้นที่ห่างไกลซึ่งไม่อยู่ในพื้นที่ให้บริการของโครงข่ายภาคพื้นดิน (Unserved) หรือได้รับ บริการที่คุณภาพไม่ดีเท่าที่ควร (Underserved) รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ภาครัฐ หน่วยงาน ความมั่นคง บุคลากรทางการแพทย์ (Telemedicine) หรือภาคส่วนอื่นที่จำเป็นต้องสื่อสาร ในกรณีที่เกิดเหตุภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉิน เพราะในช่วงเวลาวิกฤตการสื่อสารผ่านดาวเทียม อาจเป็นเพียงช่องทางเดียวที่สามารถกระทำได้ เป็นต้น (๓) ดาวเทียมสื่อสารกับอากาศยาน (Aeronautical Mobility Services) การให้บริการเพื่อการสื่อสารในขณะเคลื่อนที่ (Mobility Services) ทั้งในทะเล (Maritime Applications) และบนอากาศ (Aeronautical Applications) ซึ่งโครงข่ายภาคพื้นดิน ยังเข้าไม่ถึงข้อมูลของบริษัทผู้ผลิตและให้บริการดาวเทียม Viasat ในสหรัฐอเมริกาคาดการณ์ ไว้เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ว่า รายได้ของบริษัทในธุรกิจบรอดแบนด์ประจำที่ จะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ ๓ ต่อปี ในขณะที่รายได้จากธุรกิจ Mobility Services (เช่น เรือ เครื่องบิน หรือรถยนต์ เป็นต้น) จะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ ๑๒ ต่อปี จากปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ไปจนถึงปีพ.ศ. ๒๕๗๓ การให้บริการด้าน Mobility Services จะมีความสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งทางด้านการสื่อสารระหว่างบุคคล (เช่น การให้บริการอินเทอร์เน็ต) และการสื่อสาร ระหว่างอุปกรณ์ (เช่น การตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์ขณะเดินทาง หรือ การติดตามสินค้า ในระหว่างการขนส่ง เป็นต้น) ผู้โดยสารบนเครื่องบินส่วนใหญ่ที่มีโทรศัพท์มือถือหรือ คอมพิวเตอร์Notebook ย่อมต้องการเชื่อมต่อและใช้งานอินเตอร์เน็ตที่ราคาและคุณภาพ ของสัญญาณอยู่ในระดับที่เหมาะสม (๔) ดาวเทียมสื่อสารในทะเล (Maritime Mobility Services) การเดินทาง ในทะเลจำเป็นต้องใช้การสื่อสารเพื่อวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย เช่น เพื่อเข้าถึงและส่งต่อ ข้อมูลที่จำเป็นต่อการเดินเรืออย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทาง สภาพภูมิอากาศ หรือสภาพเครื่องยนต์ของเรือก็ตาม เพื่อปฏิบัติตามกฎระเบียบขององค์กรกำกับดูแลกิจการ
๑๕ เดินเรือนั่นเอง รวมทั้งเพื่อการสื่อสารของลูกเรือและผู้โดยสารทั้งหมด การให้บริการ บรอดแบนด์ผ่านดาวเทียมในกิจการเดินเรือนี้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ทั้งบนย่านความถี่ L-band (Inmarsat และ Iridium) และการให้บริการแบบ Very Small Aperture Terminal (VSAT) บนย่านความถี่ C-band และ Ku-band อย่างไรก็ดี คุณภาพ ของสัญญาณบนย่านความถี่เหล่านี้ยังไม่ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะบนเส้นทางที่มีเรือจำนวนมาก ซึ่งมีความจำเป็นที่ต้องใช้ Bandwidth จำนวนที่เพียงพอ ผู้ให้บริการดาวเทียม (เช่น Inmarsat, Telenor, Intelsat, O3b, และ Viasat) จึงต้องพัฒนาระบบโดยการนำดาวเทียม เทคโนโลยี HTS มาใช้งาน เพื่อให้สามารถให้บริการบรอดแบนด์คุณภาพสูงภายใต้ต้นทุนต่ำได้ (๕) ดาวเทียมอินเทอร์เน็ตเพื่อสรรพสิ่ง (Internet of Things : IoT) โดยข้อมูลจาก Transparency Market Research (TMR) เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ได้คาดการณ์ว่า ในปี พ.ศ. ๒๕๗๔ มูลค่าของตลาดระบบ IoT ผ่านดาวเทียม หรือ Satellite IoT จะอยู่ที่ ประมาณ ๖.๔ พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ ๒๒ ต่อปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๖๔ – ๒๕๗๔ ภาพที่ ๙ รูปแบบการให้บริการดาวเทียม IoT (ที่มา: https://iot.electronicsforu.com/)
๑๖ จึงเห็นได้ว่าความต้องการใช้งานดาวเทียมมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในอนาคตอันใกล้ โดยบริษัท Euroconsult ซึ่งเป็น ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอวกาศ ได้คาดการณ์การพัฒนาและเติบโตของดาวเทียมประเภท GSO และ NGSO ออกเป็น ๓ ช่วง (แสดงตามภาพที่ ๑๐) ได้แก่ A. การพัฒนาเทคโนโลยี Ultra-High Throughput Satellite (UHTS) บนดาวเทียม GSO (S-curve) ที่เทคโนโลยีมีความเสถียรและมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ในช่วง ๕ ปีข้างหน้า ทำให้ดาวเทียมมี Bandwidth หรือความจุเพิ่มขึ้น ในขณะที่ต้นทุน ต่อความจุลดลงและทำให้สามารถมีคุณภาพเทียบเคียงกับโครงข่ายภาคพื้นดินได้ B. การพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องของดาวเทียม NGSO (Startup Phase) ถึงแม้ต้นทุนการให้บริการจะยังค่อนข้างสูง แต่คาดว่าในอีก ๕ - ๑๐ ปีข้างหน้าจะลดลง อย่างมีนัยสำคัญ และมีบทบาทสำคัญในตลาดทั้งในด้านความจุ (Bandwidth/Capacity) และมูลค่าตลาด (Market Value) C. การส่งเสริมอุตสาหกรรมดาวเทียมร่วมกันของดาวเทียม GSO และ NGSO โดยดาวเทียม GSO จะเป็นโครงสร้างหลักของธุรกิจดาวเทียมด้วยต้นทุน การให้บริการที่ไม่สูงนัก ในขณะที่ดาวเทียม NGSO ซึ่งมีจุดเด่นด้านความหน่วงสัญญาณ (Latency) ที่ต่ำกว่า จะสามารถให้บริการในตลาดใหม่ ๆ ได้ โดยคาดการณ์ว่าในปี พ.ศ. ๒๕๗๓ มูลค่าตลาดของดาวเทียม GSO และ NGSO จะใกล้เคียงกัน โดยดาวเทียม GSO จะมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณร้อยละ ๖๐ และดาวเทียม NGSO จะอยู่ที่ประมาณ ร้อยละ ๔๐ ของมูลค่าตลาดทั้งหมด
๑๗ ภาพที่ ๑๐ แนวโน้มการเติบโตและเปลี่ยนแปลงของดาวเทียมระบบ GSO และ NGSO (ที่มา: Euroconsult) จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปประกอบกับการพัฒนา ของเทคโนโลยี เป็นปัจจัยกระตุ้นให้ปริมาณความต้องการการใช้บริการดาวเทียม ของประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากการวิจัยพบว่า อุปสงค์ของดาวเทียมความจุสูง (HighThroughput Satellite : HTS) ของตลาดโลกจะเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยอัตราเติบโตสะสม เฉลี่ยร้อยละ ๓๔ ซึ่งสอดคล้องกับอุปทานที่มีอัตราเติบโตสะสมเฉลี่ยร้อยละ ๓๕ ในช่วงระหว่างปีพ.ศ. ๒๕๕๙ - ๒๕๖๒ และในช่วงปีพ.ศ. ๒๕๕๙ - ๒๕๖๙ จะมีอัตรา การเติบโตสะสมเฉลี่ยถึงร้อยละ ๒๙ ต่อปี ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดโลก ในขณะที่ อุปทานของประเทศไทยมีเพียงดาวเทียมไทยคม ๔ ที่เป็นดาวเทียมแบบความจุสูง และจะหมดอายุทางวิศวกรรมในปี พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยในขณะนี้ยังไม่มีแผนการพัฒนา สร้างใหม่เพื่อทดแทน จึงเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของกิจการดาวเทียมประเทศไทยที่ภาครัฐ ต้องมีแนวทางในการส่งเสริมและกระตุ้นให้เกิดการขยายอุปทานให้เพียงพอเพื่อรองรับ ปริมาณความต้องการใช้ดาวเทียมในอนาคตต่อไป
๑๘ จากการศึกษาวิจัยของ บริษัท เออีซี แอดไวซอรี่ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้รับว่าจ้างโครงการการศึกษาธุรกิจดาวเทียมประเภท NGSO ของ สำนักงานคณะกรรมการ กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๖๕ ได้สรุปแบบพอสังเขปได้ดังนี้ว่า การให้บริการดาวเทียมในอนาคตส่วนใหญ่ จะเป็นดาวเทียมบรอดแบนด์ จากการประเมินความต้องการการใช้บริการ บรอดแบนด์ ผ่านดาวเทียมของประเทศไทยจนถึงปี พ.ศ. ๒๕๗๘ สามารถแบ่งความต้องการออกเป็น ๒ ลักษณะ ได้แก่ การให้บริการบรอดแบนด์ประจำที่ผ่านดาวเทียม และการให้บริการ แบบ Earth Station in Motion (ESIM) ๑) การให้บริการบรอดแบนด์ประจำที่ผ่านดาวเทียม : ปัจจุบันประเทศไทย มีจำนวนครัวเรือนที่เข้าถึงบริการบรอดแบนด์บนโครงข่ายประจำที่ (Fixed Broadband) เพียงร้อยละ ๕๗ แต่จากพฤติกรรมผู้บริโภคและภาคธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปประกอบกับ แผนพัฒนาโครงข่ายสื่อสารบรอดแบนด์แห่งชาติที่ส่งเสริมและผลักดันให้ประชากร ร้อยละ ๙๕ สามารถเข้าถึงบริการบรอดแบนด์ได้จะเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้น ให้ความต้องการใช้บริการบรอดแบนด์ประจำที่ผ่านดาวเทียมสูงขึ้น จนอยู่ที่ระดับ 96 Gbps ในปี พ.ศ. ๒๕๗๘ ๒) การให้บริการ Earth Station in Motion (ESIM) : คือ บริการบรอดแบนด์ ผ่านดาวเทียมบนยานพาหนะหรือแพลตฟอร์มที่เคลื่อนที่ได้ (เช่น เครื่องบิน เรือ หรือ รถไฟ เป็นต้น) โดยใช้จานดาวเทียมชนิดพิเศษที่ถูกออกแบบขึ้นมาโดยเฉพาะ และสามารถแบ่งออก ได้เป็น ๓ ชนิด ได้แก่ Maritime (M-ESIM) Aeronautical ESIM (A-ESIM) และ Land ESIM (L-ESIM) ที่ให้บริการในทะเล บนอากาศ และบนภาคพื้นดิน ตามลำดับ ทั้งนี้ บริการดังกล่าว จะช่วยกระตุ้นการขยายตัวของอุตสาหกรรมดาวเทียมและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับ ประเทศไทยในอนาคตได้ โดยคาดว่าความต้องการใช้บริการ ESIM ของประเทศไทยจะอยู่ที่ ประมาณ 143 Gbps ในปี พ.ศ. ๒๕๗๘ ดังรายละเอียด ต่อไปนี้ ๒.๑) Maritime (M-ESIM) : จากการศึกษาความต้องการใช้งาน อินเทอร์เน็ตในตลาดการเดินเรือของประเทศไทย อ้างอิงข้อมูลจากกรมเจ้าท่าพบว่า ในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ มีจำนวนเรือที่จดทะเบียนประมาณ ๗๕,๐๐๐ ลำ โดยประเมินว่า มีเรือที่ขนาดใหญ่กว่า ๒๔ เมตรซึ่งสามารถติดตั้งจานดาวเทียมเพื่อให้บริการ ESIM ได้ อยู่ประมาณ ๔๓,๕๐๐ ลำ และใช้งานอินเทอร์เน็ตอยู่ที่ 0.6 Gbps หากอ้างอิงอัตรา การเติบโตเฉลี่ยของการใช้อินเทอร์เน็ตบนเรือในระยะ ๑๐ ปีข้างหน้า จากการคาดการณ์ ของ Euroconsult จะอยู่ที่ร้อยละ ๒๖ ต่อปี โดยอาศัยปัจจัยการกระตุ้นจากจำนวนเรือ ที่เพิ่มขึ้นประกอบกับความต้องการยกระดับการให้บริการและนำเทคโนโลยีมาใช้ใน
๑๙ การบริหารจัดการเส้นทางการเดินเรือของผู้ประกอบการ แล้วปริมาณความต้องการ จะเพิ่มขึ้นเป็น 12 Gbps ในปี พ.ศ. ๒๕๗๘ ๒.๒) Aeronautical ESIM (A-ESIM) : จากการประเมินปริมาณ การใช้งานอินเทอร์เน็ตบนเครื่องบินต่อลำของ Northern Sky Research (NSR) อยู่ที่ 100 Mbps และการประเมินจำนวนเครื่องบินจากสายการบินพาณิชย์หลักของประเทศไทย ในปี พ.ศ. ๒๕๗๘ จะอยู่ที่ ๔๑๑ ลำ (เพิ่มขึ้นร้อยละ ๕ ต่อปี) ที่ปรึกษาคาดการณ์ว่า ความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมในตลาดการบินจะอยู่ที่ 41 Gbps ในปี พ.ศ. ๒๕๗๘ ๒.๓) Land ESIM (L-ESIM): จากการรวบรวมข้อมูลจำนวนยานพาหนะ ทางบก (เช่น รถยนต์ รถบรรทุก และรถตู้ เป็นต้น) จากกรมการขนส่งทางบก จำนวนรถไฟ จากการรถไฟแห่งประเทศไทยและการประเมินอัตราการเพิ่มขึ้นของจำนวนยานพาหนะ ดังกล่าวและรถไฟความเร็วสูงในอนาคต (เฉพาะที่สามารถให้บริการ ESIM ได้) พบว่า มีความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมในตลาดอยู่ที่ 90 Gbps ในปี พ.ศ. ๒๕๗๘ ๒.๔ การใช้ประโยชน์ดาวเทียม NGSO ในประเทศไทย ๒.๔.๑ กิจการอวกาศด้านดาวเทียมประเภท NGSO ในประเทศไทย จากผลการวิจัยด้านธุรกิจอุตสาหกรรมดาวเทียมของประเทศไทยพบว่า มูลค่าทางเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมดาวเทียม (GDP) ในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ อยู่ที่ประมาณ ๓๒,๑๐๐ ล้านบาท ซึ่งลดลงเฉลี่ยร้อยละ ๕ ต่อปีโดยเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๖๑ มีมูลค่า อยู่ที่ ๓๕,๖๐๐ ล้านบาท นั้น มีสาเหตุหลักเนื่องจาก บมจ. ไทยคม ซึ่งเป็นผู้สร้างรายได้หลัก ในอุตสาหกรรมดาวเทียมของประเทศไทยมีจำนวนดาวเทียมที่ให้บริการลดลงจาก การปลดระวางดาวเทียมไทยคม ๕ เมื่อวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกอบกับ การยกเลิกสัญญาของลูกค้าต่างประเทศและลูกค้าทีวีดิจิทัลในประเทศบางราย ในช่วงไตรมาส ๓ ของปี พ.ศ. ๒๕๖๒ นอกจากนี้ ผลกระทบเชิงเศรษฐกิจจากอุตสาหกรรมดาวเทียมของประเทศไทย ตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงปี พ.ศ. ๒๕๗๘ เป็นไปได้ด้วยสมมติฐาน ๓ กรณี ดังต่อไปนี้ • กรณีสถานการณ์ปกติ (Base Case) หมายถึง ภาครัฐมีนโยบาย การส่งเสริม อุตสาหกรรมดาวเทียมในระดับที่เหมาะสมและสามารถ เพิ่มอุปทาน (Capacity) เพื่อรองรับปริมาณความต้องการ 239 Gbps ได้อย่างเพียงพอ ส่งผลให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ๒๑๕,๐๐๐ ล้านบาท ในปี พ.ศ. ๒๕๗๘
๒๐ • กรณีสถานการณ์ดีที่สุด (Best Case) หมายถึง ภาครัฐมีนโยบาย การส่งเสริมอุตสาหกรรมในระดับสูงจนส่งผลให้เกิดการขยายตัว ทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง ๒๕๙,๐๐๐ ล้านบาท ในปี พ.ศ. ๒๕๗๘ • กรณีสถานการณ์เลวร้าย (Worst Case) หมายถึง ภาครัฐไม่มีนโยบาย การส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ชัดเจน มูลค่าทางเศรษฐกิจจะเติบโตเพียง ๖๙,๐๐๐ ล้านบาท เท่านั้น ภาพที่ ๑๑ คาดการณ์ผลกระทบเชิงเศรษฐกิจอุตสาหกรรมดาวเทียม พ.ศ. ๒๕๖๓ - ๒๕๗๘ (ที่มา: บริษัท AEC Advisory, [9]) จากรายงานการศึกษาวิจัยในเบื้องต้นของ บริษัท เออีซี แอดไวซอรี่ (ประเทศไทย) จำกัด สามารถนำบางส่วนของรายงานมาใช้เพื่อเป็นข้อมูลในการศึกษา วิจัยการใช้ประโยชน์และการกำกับดูแลดาวเทียมประเภท NGSO รายงานฉบับนี้ได้ เนื่องด้วยเนื้อหารายงานของบริษัทเป็นการรวบรวมภาพกว้างของข้อมูลจากบริษัทที่ปรึกษา ในต่างประเทศ เช่น Euroconsult และ TMR เป็นต้น ซึ่งอาจยังไม่ใช่ข้อมูลดิบที่ได้โดยตรง จากหน่วยงานผู้รับผิดชอบ หรือ หน่วยงาน กสทช. ในแต่ละประเทศ นอกจากนี้ยังมีในเรื่อง รายละเอียดทางเทคโนโลยีดาวเทียมที่จำเป็นต้องศึกษาเพื่อใช้ในการกำหนดระเบียบ และวิธีการให้อนุญาตใช้งานดาวเทียมประเภท NGSO ในประเทศไทย หรือการทำ Satellite Filing ได้ ยกตัวอย่างเช่น แนวทางการคำนวณและกำหนดมาตรฐาน Efficiency Power Flux Density (EPFD) ที่จะเป็นตัวกำหนดและควบคุมให้เกิดความเท่าเทียมกัน
๒๑ ของผู้ประกอบการดาวเทียมไทยและดาวเทียมต่างประเทศที่จะเข้ามาให้บริการในประเทศไทยได้ หรือแนวทางการกำกับดูแลดาวเทียมประเภท NGSO ในแต่ละวงโคจร เช่น ของบริษัท SpaceX ให้บริการดาวเทียมบรอดแบนด์ที่ระดับความสูง ๕๕๐ กิโลเมตร และบริษัท OneWeb ให้บริการที่ความสูง ๑,๒๐๐ กิโลเมตร ดังนั้น การขอ Satellite Filing จะต้องมี ความแตกต่างและการมีวิธีการวิเคราะห์อย่างไร เป็นต้น การพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศในประเทศไทยที่ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนา ดาวเทียม ระบบรับส่งสัญญาณภาคพื้นดินหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเซนเซอร์ เพื่อรองรับการทำงานต่าง ๆ ส่งผลให้เกิดการเติบโตในเศรษฐกิจอวกาศหรือ Space Economy อย่างต่อเนื่องและมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอวกาศ ทั้งในระดับอุตสาหกรรมต้นน้ำ อุตสาหกรรมปลายน้ำ และภาคธุรกิจต่าง ๆ โดยอุตสาหกรรม อวกาศและอุตสาหกรรมดาวเทียมเป็นอุตสาหกรรมแห่งเทคโนโลยีอวกาศที่มีความเฉพาะทาง ที่กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะมีความต้องการที่เฉพาะเจาะจง เช่น การใช้บริการนำส่งดาวเทียม สู่วงโคจร (Launcher Services) การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์เพื่อการใช้ประโยชน์ จากดาวเทียม (Satellite Applications) การผลิตดาวเทียม (Satellite Manufacturing) และการพัฒนาโครงสร้างภาคพื้นดิน (Ground Control and Equipment Manufacturing) เป็นต้น โดยที่ส่วนใหญ่การเติบโตของเศรษฐกิจอวกาศใหม่ หรือ New Space Economy เป็นผลมาจากการดำเนินกิจกรรมด้านอวกาศของหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา โดยองค์การบริหารการบินแห่งชาติหรือ National Aeronautics and Space Administration (NASA) ได้ดำเนินการส่งคนไปสถานีอวกาศนานาชาติInternational Space Station (ISS) ด้วยการว่าจ้างบริษัทเอกชน ชื่อ สเปซ เอ็กซ์ (SpaceX) ให้ดำเนินการร้อยละ ๑๐๐ เต็มรูปแบบ รวมทั้งการส่งดาวเทียมอินเทอร์เน็ตขึ้นสู่วงโคจร LEO ภายใต้ชื่อโครงการ Starlink ที่เป็นการเริ่มต้นอย่างชัดเจนของการใช้ประโยชน์ดาวเทียมประเภท NGSO หรือการลงทุนในภารกิจการสำรวจอวกาศเพื่อความพยายามในการตั้งฐานการวิจัย บนดวงจันทร์ในโครงการ Artemis Program เป็นต้น นอกจากนี้หลายประเทศยังมีความสนใจ ในการพัฒนาดาวเทียมเพื่อรองรับระบบอินเทอร์เน็ต 5G ด้วยดาวเทียมประเภท Space IDC และเป็นหนึ่งในเป้าหมายการดำเนินงานของ บริษัท ทีโอทีจำกัด (มหาชน) ที่มีแผนจะส่ง ดาวเทียมจำนวนมากในปีพ.ศ. ๒๕๖๔ และปีต่อๆไปด้วยเช่นกัน
๒๒ ภาพที่ ๑๒ การให้บริการดาวเทียมประเภท NGSO ในปัจจุบัน และแนวโน้มการใช้งานในอนาคต (ที่มา:https://www.itu.int/) จากที่กล่าวมา จะพบว่าธุรกิจและอุตสาหกรรมอวกาศ หรือ อุตสาหกรรม ดาวเทียมกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ และความพยายาม ในการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการขยายธุรกิจและอุตสาหกรรมดังกล่าว จะเป็นตัวขับเคลื่อน สำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจอวกาศมีความมั่นคงและยั่งยืน ความสอดคล้องต่อการพัฒนา เทคโนโลยีอวกาศต่าง ๆ เพื่อรองรับเศรษฐกิจอวกาศใหม่ หรือ New Space Economy ของโลกในยุคปัจจุบันและอนาคต จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจอวกาศในระดับนานาชาติ เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทั้งนี้เป้าหมายธุรกิจที่เป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิด New Space Economy ในระดับสากล ได้แก่ ธุรกิจนำส่งดาวเทียม (Satellite Launch) ธุรกิจดาวเทียม อินเทอร์เน็ต (Satellite Internet) ธุรกิจที่เกิดจากการสำรวจอวกาศ (Deep Space Exploration) ธุรกิจการส่งอุปกรณ์และเพย์โหลดไปดวงจันทร์ (Lunar Landing) ธุรกิจ การทำเหมืองแร่ในอวกาศ (Asteroid Mining) ธุรกิจการเก็บขยะอวกาศ (Space Debris) ธุรกิจการสำรวจทรัพยากรโลก (Earth Observation) ธุรกิจการสนับสนุนงานวิจัยในอวกาศ (Space Research) ธุรกิจการผลิตอุปกรณ์และชิ้นส่วนในอุตสาหกรรมอวกาศ (Manufacturing) และธุรกิจการท่องเที่ยวในอวกาศ (Space Tourism) NGSO satellites ดาวเทียมประเภท NGSOทั้งระดับ LEO และ MEO จะโคจรรอบ โลกได้จำนวนมากกว่า ๑ รอบ/วัน ในขณะที่ดาวเทียม GSO จะ เคลื่อนที่ใกล้เคียงกับความเร็วที่ โลกหมุน จึงทำให้เสมือนอยู่ NGSO ดาวเทียม NGSO มีลักษณะการทำงานทั้งแบบดาวเทียมเดี่ยวและ ดาวเทียมกลุ่ม constellation เช่น ดาวเทียมบรอดแบรนด์ หรือ ดาวเทียมอินเทอร์เน็ต เป็นต้น
๒๓ ภาพที่ ๑๓ Rideshare vs. Dedicated Services Forecast (ที่มา: UK Spaceport Business Case Evaluation, [2]) จากภาพที่ ๑๓ การศึกษาข้อมูลทางสถิติข้างต้น จะพบว่าตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๕๖๓ จนถึง พ.ศ. ๒๕๗๓ (ระยะเวลาอีก ๑๐ ปีข้างหน้า) จะมีความต้องการส่งดาวเทียมขึ้นสู่ วงโคจรสูงขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มตั้งแต่ประมาณ ๓๐๐ ดวง จนถึง ๑,๒๐๐ ดวง โดยเศรษฐกิจ ที่เกิดจากอุตสาหกรรมอวกาศทั่วโลกปีพ.ศ. ๒๕๖๓ เติบโตขึ้นประมาณร้อยละ ๑.๔ คิดเป็น มูลค่าราว ๓๗๑ พันล้านเหรียญสหรัฐ และคิดเป็นการเติบโตในอุตสาหกรรมดาวเทียม ได้ประมาณร้อยละ ๗๓ ของรายได้ที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดยกลุ่มการผลิตอุปกรณ์ภาคพื้นดิน เติบโตขึ้นประมาณ ๑๓๕.๓ พันล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ธุรกิจประเภทดาวเทียม บรอดแบนด์ที่เป็นการเชื่อมต่อสัญญาณดาวเทียมอินเทอร์เน็ตกับสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ อื่น ๆ มีการใช้งานเติบโตขึ้นร้อยละ ๑๐ คิดเป็นมูลค่าราว ๒.๘ พันล้านเหรียญสหรัฐ ด้วยการส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรไปแล้ว จำนวนกว่า ๑,๒๐๐ ดวงเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรก ของ พ.ศ. ๒๕๖๔ นี้เท่านั้น จากการศึกษาของ สทอภ. ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมอวกาศจะเป็นกลไก สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งนานาประเทศ ได้มีนโยบายที่ชัดเจนในการพัฒนาอุตสาหกรรมอวกาศทุกห่วงโซ่คุณค่า เพื่อมุ่งหวัง ให้ประเทศของตนเป็นประเทศมหาอำนาจทางเทคโนโลยีและทางเศรษฐกิจ โดยที่เศรษฐกิจ อวกาศ หรือ Space Economy ถือได้ว่าเป็นทิศทางเศรษฐกิจใหมของโลกที่มีมูลค่าสูง ซึ่งในป พ.ศ. ๒๕๖๑ ได้มีการประเมินมูลคาของเศรษฐกิจอวกาศไวสูงถึง ๓๖๖ พันล้าน เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ ๑๑ ล้านล้านบาท แสดงรายละเอียดตามภาพที่ ๑๔ ต่อไปนี้