The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้คำถาม R-C-A เพื่อพัฒนาทักษะชีวิต(โรงเรียนบ้านเปา)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by juthamassrijai, 2023-06-14 11:30:17

แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้คำถาม R-C-A เพื่อพัฒนาทักษะชีวิต

แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้คำถาม R-C-A เพื่อพัฒนาทักษะชีวิต(โรงเรียนบ้านเปา)

แบบประเมินพฤติกรรมและผลงานระหว่างเรียน เลขที่ ชื่อ-สกุล ความ ตั้งใจ (๔) ความ ร่วมมือ (๔) ความ มีวินัย (๔) คุณภาพ ของ ผลงาน (๔) การ นำเสนอ ผลงาน (๔) รวม (๒๐) ความหมาย ๑. ต้งัใจ หมายถึง ความมานะ อดทนท างานจนเสร็จ ( A ) ๒. ความร่วมมือ หมายถึง สมาชิกในกลุ่มให้ความร่วมมือท างานจนเสร็จ ( A ) ๓. ความมีวินัย หมายถึง ผลงาน หรือการท างานเป็ นระบบระเบียบเรียบร้อย สะอาด สวยงาม และ ไดเ้น้ือหาครบถ้วน ทันหรือตรงต่อเวลา ( A,K ) ๔. คุณภาพของผลงาน หมายถึง ผลงานเรียบร้อย สวยงาม เน้ือหาครบถว้น ภาษาที่ใชเ้หมาะสม ( P –Product, K ) ๕. การน าเสนอผลงาน หมายถึง การพูดอธิบายน าเสนอผลงานได้ตามล าดับ และเน้ือหาถูกต้อง ( P –Process, K ) เกณฑ์การประเมิน ๔ หมายถึงท าได้ดีมาก ๓ หมายถึง ท าได้ดี ๒ หมายถึงท าได้พอใช้ ๑ หมายถึง ควรปรับปรุง


แบบประเมินกระบวนการท างานกลุ่ม กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย วิชา ภาษาไทย ช้นัมธัยมศึกษาปีที่๓ กลุ่มที่ ……..... ที่ รายการประเมิน คะแนน ข้อคิดเห็น ๓ ๒ ๑ ๑. การก าหนดเป้าหมายร่วมกัน ๒. การแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ ๓. การปฏิบัติตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ๔. การประเมินและปรับปรุงผลงาน รวม ลงชื่อ ผู้ประเมิน ( นายปรีชา ก้อนค า ) เกณฑ์การประเมิน ๑๑ – ๑๒ = ดีมาก ๘ – ๑๐ = ดี ๕ – ๗ = พอใช้ ๐ – ๔ = ปรับปรุง


เกณฑ์การให้คะแนนกระบวนการทำงานกลุ่ม ประเด็นการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน/ระดับ ๓ ๒ ๑ ๑. การกำหนด – เป้าหมายร่วมกัน สมาชิกทุกคนมีส่วนร่วมใน การกำหนดเป้าหมายการ ทำงานอย่างชัดเจน สมาชิกส่วนใหญ่มี ส่วนร่วมในการกำหนด เป้าหมายในการทำงาน สมาชิกส่วนน้อยมี ส่วนร่วมในการกำหนด เป้าหมายในการทำงาน ๒. การแบ่งหน้าที่ รับผิดชอบ กระจายงานได้อย่าง ทั่วถึงและตรงตาม ความสามารถของสมาชิก ทุกคน กระจายงานได้ทั่วถึง แต่ไม่ ตรงตามความสามารถของ สมาชิก กระจายงานไม่ทั่วถึง ๓. การปฏิบัติหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย ทำงานได้สำเร็จตาม เป้าหมายที่ได้รับ มอบหมาย ตามระยะเวลา ที่กำหนด ทำงานได้สำเร็จตาม เป้าหมายแต่ช้ากว่าเวลาที่ กำหนด ทำงานไม่สำเร็จตาม เป้าหมาย ๔. การประเมินและ ปรับปรุงผลงาน สมาชิกทุกคนร่วม ปรึกษาหารือ ติดตาม ตรวจสอบและปรับ– ปรุงผลงานเป็นระยะ สมาชิกบางส่วนมีส่วนร่วม ปรึกษาหารือแต่ไม่ช่วย ปรับปรุงผลงาน สมาชิกบางส่วนไม่มี ส่วนร่วมปรึกษาหารือและไม่ ช่วยปรับปรุงผลงาน


แบบประเมินการน าเสนอผลงาน กลุ่มที่............................................................ ประเด็น ชื่อ – สกุล สมาชิก เน้ือหา ๔ กลวิธี การ น าเสนอ ๔ ข้นัตอน การ น าเสนอ ๔ การใช้ ภาษา ๔ การตอบ ค าถาม /เวลา ๔ รวมคะแนน ๒๐ ๑. ๒. ๓. ๔. ๕. ๖. ๗. ๘. ลงชื่อ......................................................ผู้ประเมิน ( นายปรีชา ก้อนค า ) วันที่......เดือน......................ปี................ เกณฑ์การประเมิน ๔ หมายถึง ดีมาก ๓ หมายถึง ดี ๒ หมายถึง พอใช้ ๑ หมายถึง ต้องปรับปรุง


เกณฑ์การประเมินการน าเสนอผลงาน ระดับ หัวข้อการพิจารณา/ระดับการปฏิบัติหรือพฤติกรรม เน้ือหา กลวิธีการน าเสนอ ข้นัตอนการ น าเสนอ การใช้ภาษา ตอบค าถาม/เวลา ๔ มีการเรียงล าดับ เน้ือหาได้ดี มีความต่อเนื่อง มีประโยชน์ ให้แง่คิด มีการนา เขา้สู่เน้ือ เรื่อง มีความ สัมพนัธ์กบัเน้ือ เรื่อง เร้าใจผู้ฟัง มีความมนั่ใจ มีการน าเสนอ อย่างต่อเนื่อง ราบรื่นเป็ นไป ตามข้นัตอน ออกเสียงถูกต้องตาม อักขรวิธีและดังชัดเจน ใช้ภาษาเหมาะสม เข้าใจง่าย มีการใช้ ส านวนโวหาร ตอบค าถามได้อย่าง มีภูมิรู้ และมีความ ชัดเจน มีแหล่ง อ้างอิง ใช้เวลาตามก าหนด ๓ มีการเรียงล าดับ เน้ือหาไดด้ี มีความต่อเนื่อง มีประโยชน์ ให้แง่คิดน้อย มีการนา เขา้สู่เน้ือ เรื่อง มีความ สัมพนัธ์กบัเน้ือ เรื่อง เร้าใจผู้ฟัง ไม่มีความมนั่ใจ ในการน าเสนอ การน าเสนอ ต่อเนื่อง มีการ ขา้มข้นัตอน บ้าง ออกเสียงถูกต้องตาม อักขรวิธีและดังชัดเจน ใช้ภาษาเหมาะสม เข้าใจง่าย ไม่มีการใช้ ส านวนโวหาร ตอบค าถามได้ ค่อนข้างชัด เจน มี แหล่งอ้างอิง ใช้เวลาเกินก าหนด ๑ นาที ๒ มีการเรียงล าดับ เน้ือหาไดด้ี มีความต่อเนื่อง มีประโยชน์น้อย ให้แง่คิดน้อย มีการนา เขา้สู่เน้ือ เรื่อง มีความ สัมพนัธ์กบัเน้ือ เรื่อง ไม่ เร้าใจ ผู้ฟัง ไม่มีความ มนั่ใจในการ น าเสนอ การน าเสนอ ต่อเนื่อง ไม่มี ข้นัตอนเป็ น ส่วนใหญ่ ออกเสียงถูกต้องตาม อักขรวิธีและดังชัดเจน ใช้ภาษาเข้าใจยาก ไม่ มีการใช้ส านวนโวหาร ตอบค าถามได้ไม่ ค่อยชัดเจน มีแหล่งอ้างอิงเป็ น บางส่วน ใช้เวลาเกินก าหนด ๒ นาที ๑ มีการเรียงล าดับ เน้ือหาไดด้ี ไม่มีความต่อเนื่อง มีประโยชน์น้อย ให้แง่คิดน้อย มีการน าเขา้สู่เน้ือ เรื่อง ไม่มีความ สัมพันธ์กบัเน้ือ เรื่อง ไม่เร้าใจ ผู้ฟัง ไม่มีความมนั่ใจ ในการน าเสนอ การน าเสนอ ไม่ต่อเนื่อง น าเสนอสับสน ออกเสียงถูกต้องตาม อักขรวิธีและดังชัดเจน ใช้ภาษาไม่เหมาะสม เข้าใจยาก ไม่มีการใช้ ส านวนโวหาร ตอบค าถามไม่ได้ เป็ น ส่วนใหญ่ ใช้เวลาเกินก าหนด ๕ นาที


แผนการจัดการเรียนรู้ วิชา คณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ปีการศึกษา 2565 ภาคเรียนที่ 2 นายพรชัย ค าฟู ต าแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูช านาญการพิเศษ (ครูผู้สอน) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านเปา ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถามศึกษาน่าน เขต 1 แผนจัดการเรียนรู้บูรณาการทักษะชีวิต


1. มาตรฐานการเรียนรู/ตัวชี้วัดหรือผลการเรียนรู มาตรฐาน ค 2.2 : เขาใจและวิเคราะหรูปเรขาคณิต สมบัติของรูปเรขาคณิต ความสัมพันธระหวางรูป เรขาคณิต และทฤษฎีบททางเรขาคณิต และนําไปใช ตัวชี้วัด มฐ.ค 2.2 ม.3/2 เขาใจและใชความรูเกี่ยวกับอัตราสวนตรีโกณมิติในการแกปญหา คณิตศาสตรและปญหาในชีวิตจริง 2. สาระสําคัญ/ความคิดรวบยอด อัตราสวนตรีโกณมิติ เปนอัตราสวนของความยาวของดานของรูปสามเหลี่ยมมุมฉากที่สัมพันธกับขนาดของ มุม ซึ่งเมื่อทราบขนาดของมุมและความยาวของดานใดดานหนึ่งของรูปสามเหลี่ยมมุมฉากแลว จะสามารถนํา ไปใช ในการหาความยาวของ ดานอื่น ๆ ของรูปสามเหลี่ยมมุมฉากนั้นได เราสามารถแกปญหาหรือสถานการณตาง ๆ ในชีวิตจริง โดยเฉพาะปญหาที่เกี่ยวของ กับระยะทางหรือความสูง โดยแปลงปญหาใหเปนแบบจําลองทาง เรขาคณิต แลวใชความรูเรื่องอัตราสวนตรีโกณมิติมาชวยในการแกปญหา 3. จุดประสงคการเรียนรู 2.1 ดานความรู (K) 1) นักเรียนสามารถนําความรูเกี่ยวกับอัตราสวนตรีโกณมิติไปใชในการแกปญหาในชีวิตจริง 2.2 ดานทักษะ/กระบวนการ (P) 1) การแกปญหา 2) การใหเหตุผล 3) การสื่อสาร การสื่อความหมาย และการนําเสนอ 4) การเชื่อมโยง 5) ความคิดริเริ่มสรางสรรค แผนจัดการเรียนรูบูรณาการทักษะชีวิต กลุมสาระการเรียนรูคณิตศาสตร รายวิชาคณติศาสตร รหัสวิชา ค23102 ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 หนวยการเรียนรูที่ 5 เรื่อง อัตราสวนตรีโกณมิติ เวลาเรียนทั้งหมด 8 ชั่วโมง แผนการเรียนรูที่ 1 เรื่อง การนําอัตราสวนตรีโกณมิติไปใชในการแกปญหา เวลาเรียน 4 ชั่วโมง ครูผูสอน นายพรชัย คําฟู วันที่สอน 18 – 21 มกราคม พ.ศ. 2566


2.3 ดานคุณลักษณะ(A) 1) ทํางานอยางเปนระบบ 2) มีระเบียบวินัย 3) มีความรอบคอบ 4) มีความรับผิดชอบ 5) มีความเชื่อมั่นในตนเอง 6) ชวยเหลือซึ่งกันและกัน 7) ตระหนักในคุณคาและมีเจตคติที่ดีตอวิชาคณติศาสตร 4. สาระการเรียนรู การนําอัตราสวนตรีโกณมิติไปใชในการแกปญหา จะตองแปลงปญหาในชีวิตจริงใหเปน แบบจําลองทางเรขาคณติจากนั้น จึงเลือกใชอัตราสวนตรีโกณมิติที่เหมาะสมในการแกปญหา 5. องคประกอบทักษะชีวิต 1. การตระหนักรูและเห็นคุณคา ในตนเองและผูอื่น - ยอมรับความแตกตางระหวางตนเองและ ผูอื่น - มีความความเชื่อมั่นในตนเองและผูอื่น 2. การคดิวิเคราะหตัดสินใจและแกปญหาอยางสรางสรรค - เลือกรับขอมูลขาวสารอยางไตรตรองและ รูเทาทันสังคมที่เปลี่ยนแปลง - ตัดสินใจในสถานการณตาง ๆ ที่เผชิญ อยางมีเหตุผลและรอบคอบ 3. การจัดการอารมณและความเครยีด - รูเทาทันอารมณตนเอง 4. การสรางสัมพันธภาพที่ดีกับผูอื่น - เปนผูฟงที่ดี - รูจักปฏิเสธเพื่อนในสถานการณเสี่ยงและ รูจักเตือนเพื่อนใหหลีกเลี่ยงความเสี่ยงหรือเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมไปในทางที่ถูกตอง


6. สมรรถนะสําคัญ 6.1 ความสามารถในการสื่อสาร 6.2 ความสามารถในการคิด 6.3 ความสามารถในการใชทักษะชีวิต 6.4 ความสามารถในการแกปญหา 7. คุณลักษณะอันพึงประสงค 7.1 ทํางานอยางเปนระบบ 7.2 มีระเบียบวินัย 7.3 มีความรอบคอบ 7.4 มีความรับผิดชอบ 7.5 มีความเชื่อมั่นในตนเอง 7.6 ชวยเหลือซึ่งกันและกัน 7.7 ตระหนักในคุณคาและมีเจตคติท่ดีตีอวิชาคณิตศาสตร 8. กระบวนการจัดการเรียนรู ชั่วโมงที่ 1 การแกปญหาโดยใชอัตราสวนตรีโกณมิติ 1. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับการหาคาอัตราสวนตรีโกณมิติจากรูปสามเหลี่ยม มุมฉากที่มุมใดมุมหนึ่งมีขนาดระหวาง 0 และ 90 โดยครูโชวใหนักเรียนดูคาของ ไซน โคไซน และแทนเจนต ของมมุดังกลาวในรูปแบบตาราง (ครูจัดทําสื่อตารางคามุมตาง ๆ เตรียมไวลวงหนา ) 2. ครูสนทนากับนักเรียนวา จากความรูเรื่องคาอัตราสวนตรีโกณมิติและรูปสามเหลี่ยมที่คลายกัน นักเรียน สามารถนํามาใชในการแกปญหาเกี่ยวกับการหาความยาวของดานและขนาดของมุมของรูปสามเหลี่ยมมุมฉากได โดยครูยกตัวอยางประกอบ 2-3 ตัวอยางให นักเรียนชวยกันหาคําตอบ ซึ่งครูคอยแนะนําและเขียนคําตอบใหนักเรียนบนกระดาน เชน ตัวอยางที่ 1 กําหนดใหรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก ABC มี Cˆ เปนมุมฉาก 30 ˆB องศา และ AC ยาว 6 เซนติเมตร จงหาความยาวของ AB และ BC A B C 6 ซม.


วิธีทํา หาความยาวของ AB เนื่องจาก AB AC sin 30 AB 6 0.5 0.5 6 AB ดังนั้น AB = 12 เซนติเมตร หาความยาวของ BC เนื่องจาก BC AC tan30 BC 6 0.577 0.577 6 BC BC 10.399 เซนติเมตร ตอบ AB ยาว 12 เซนติเมตร และ BC ยาวประมาณ 10.399 เซนติเมตร ชั่วโมงที่ 2 การแกปญหาโดยใชอัตราสวนตรีโกณมิติ (ตอ) ตัวอยางที่ 2 เด็กสองคนอยูหางจากตึกหลังหนึ่งซ่งึสูง 87 ฟุต โดยยืนอยูในแนวเดียวกันแตอยูตรงกันขามกัน และ วัดมุมเงยของเด็กทั้งสองคนไปยังหลังคาตึกได 60 องศา และ 45 องศา ตามลําดับ เด็กสองคนนี้ยืนหางกันกี่ฟุต วิธีทํา ให AB เปนความสูงของตึก C และ D เปนตําแหนงของเด็กสองคนซ่ึงยืนอยูในแนวเดียวกัน มุมเงยจากเด็กคนแรกคือ 60 ˆ ACB มุมเงยจากเด็กคนที่สอง คือ 45 ˆ ADB C A B D 87 ฟตุ 60 45


จากรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก ABC มี 90 ˆ ABC จะได CB AB tan 60 CB 87 3 3 87 CB 3 3 3 87 3 87 3 ดังนั้น CB = 29 3 ฟุต จากรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก ABD มี 90 ˆ ABD จะได BD AB tan 45 BD 87 1 ดังนั้น BD 87 ฟุต เนื่องจาก CD = CB + BD = 29 3 87 = (291.732) 87 = 50.228+87 = 137.228 ดังนั้น เด็กสองคนยืนหางกันประมาณ 137.228 ฟุต 4. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําแบบฝกหัดเปนการบาน โดยครูนัดวันเวลาสง


ชั่วโมงที่ 3 การแกปญหาโดยใชอัตราสวนตรีโกณมิติ (ตอ) ในการวัดระยะทางและความสูง วิชาตรีโกณมิติจะใหประโยชนอยางมากมาย เพราะไมจําเปนตอง ทําการวัดจริง เพียงแตทราบมุมท่เีกี่ยวของ เราก็สามารถหาระยะทางและความสูงของสิ่งตางๆ ไดเชน ภูเขา อาคาร เสาธง เปนตน เพียงแตเรายึดเสนระดับสายตา จะไดมุมสําคัญ 2 ชนิด คือ มุมยกขึ้นหรือ มุมเงย ( Angle of Elevation ) และมุมกดลงหรือมุมกม (Angle of Depression) ตัวอยางที่ 3 มารศรนีอนราบอยูบนหลังคาตึก 3 ชั้น สูง 11 เมตร มองเห็นวาวลอยอยูในอากาศ เปนมุมเงย 300 หากระยะทางจากตึกถึงจุดที่วาวลอยอยูเหนือศรีษะ หางกัน 30 เมตร วาวสูงกี่เมตร วิธีทํา 30 A 0 B 30 เมตร 11 เมตร ระยะความสูงที่ตองการหาคือ BC + 11 เมตร จากรูป มุมฉาก ABC จะได tan 300 = AB BC 3 1 = 30 BC BC = 30 3 1 = 30 3 3 = 3 10 = 1.732 10 = 1.732 เมตร วาวอยูสูงจากพื้น = 11 + 17.32 = 28.32 เมตร C


ชั่วโมงที่ 4 ทําแบบฝกหัด และใบงาน 1. ครูมอบหมายใหนักเรียนแบงกลุมทําแบบฝกหัดในหนังสือเรียน แลวออกมาเฉลยบนกระดาน โดยครูอธิบายเพิ่มเติม 2. ครูมอบหมายใหนักเรียนแบบฝกหัด เรื่องโจทยปญหาตรีโกณมิติ เสร็จแลวสงใหครูตรวจ 3. ครูแจงผลคะแนนการทดสอบของแตละคนพรอมกลาวชมเชย สวนคนที่ไดคะแนนนอยครูใหกําลัง นักเรียน 9. สนทนาดวยเทคนิคคําถาม R-C-A เพื่อพัฒนาทักษะชีวิต 9.1 ครูและนักเรียนรวมกันสรุปผผลการทํากิจกรรมเพื่อใหไดแนวขอสรุป ดังนี้ อัตราสวนตรีโกณมิติ เปน อัตราสวนของความยาวของดานของรูปสามเหลี่ยมมุมฉากที่สัมพันธกับขนาดของมุม ซึ่งเมื่อทราบขนาดของมุมและ ความยาวของดานใดดานหนึ่งของรูปสามเหลี่ยมมุมฉากแลว จะสามารถนํา ไปใชในการหาความยาวของ ดานอื่น ๆ ของรูปสามเหลี่ยมมุมฉากนั้นได เราสามารถแกปญหาหรือสถานการณตาง ๆ ในชีวิตจริง โดยเฉพาะปญหาที่ เกี่ยวของ กับระยะทางหรือความสูง โดยแปลงปญหาใหเปนแบบจําลองทางเรขาคณิต แลวใชความรูเรื่องอัตราสวน ตรีโกณมิติมาชวยในการแกปญหา 9.2 ครูสนทนาดวยคําถาม R – C – A เพื่อพัฒนาทักษะชีวิต การรูจักอารมณของตนเอง คําถามเพื่อสะทอน R 1. นักเรียนมีความรูสึกอยางไรเมื่อไดทราบวิธีการระยะหางของวัตถุหรือสิ่งของโดยการใช ความรูเรื่องอัตราสวนตรีโกณมิติ คําถามเพื่อการเชื่อมโยง C 1. นักเรียนเคยหาระยะหางของวัตถุหรือสิ่งของหรือไม อยางไร 2. ถาเคยหาวิธีอื่น เมื่อเทียบกับวิธีการของอัตราสวนตรีโกณมิติตางกันอยางไร คําถามเพื่อการปรับใช A 1. ถานักเรียนตองการวัดความสูงของตนไม บานเรือน หรือสิ่งปลูกสรางตางๆ นักเรียนสามารถ หาความสูงของสิ่งเหลานั้นไดหรือไมอยางไร 10. สื่อ และแหลงเรียนรู 1. แบบฝกหัดเรื่องโจทยปญหาอัตราสวนตรีโกณมิติ 2. หองสมุดโรงเรียน


11. การวัดและประเมินผล วิธีวัดผล เครื่องมือวัดผล เกณฑการประเมินผล 1. การทําแบบฝกหัด(K) แบบฝกหัด นักเรียนทุกคนทําถูกตองไมต่ํากวา รอยละ 60 ของคะแนนทั้งหมด 2. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติ กิจกรรมกลุม(P) แบบสังเกตพฤติกรรมการ ปฏิบัติกิจกรรมกลุม นักเรียนผานเกณฑการประเมิน ในระดับดีขึ้นไป 3. สังเกตพฤติกรรมทางการเรียน การสอน(A) แบบสังเกตพฤติกรรมทางการ เรียนการสอน นักเรียนผานเกณฑการประเมิน ในระดับดีขึ้นไป 4. ทักษะชีวิต แบบประเมินทกัษะชีวิต นักเรียนผานเกณฑการประเมิน ในระดับดีขึ้นไป เกณฑการประเมินผลจากการทําใบกิจกรรม ใบงาน แบบฝกปฏิบัติกิจกรรม ใชเกณฑดังนี้ 80% ขึ้นไป หมายถึง ดีมาก 70-79% หมายถึง ดี 60-69% หมายถึง ปานกลาง 50-59% หมายถึง ผาน ต่ํากวา 50% หมายถึง ปรับปรุง


12. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู ผลการจัดกิจกรรม ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปญหาที่พบ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………………… ขอเสนอแนะและแนวทาการแกปญหา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………… (………………………………………………………. ) (นายพรชัย คําฟู) ครูผูสอน 13. ความคิดเห็นของผูบริหาร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………… (นายพิเชษฐ ปญญาอุด) ผูอํานวยการโรงเรียนบานเปา


แบบประเมินดานความรู รายการประเมิน ดีมาก ดี พอใช ปรับปรุง 4 3 2 1 แบบฝกหัด ทําแบบฝกหัดได ถูกตองชวง 30 - 50 คะแนน ทําแบบฝกหัดได ถูกตองชวง 25 - 29 คะแนน ทําแบบฝกหัดได ถูกตองชวง 20 - 24 คะแนน ทําแบบฝกหัดไดต่ํา กวา 20 คะแนน เกณฑการประเมิน คะแนน 30 – 50 หมายถึง ดีมาก คะแนน 25 - 29 หมายถึง ดี คะแนน 20 - 24 หมายถึง พอใช ต่ํากวา 20 หมายถึง ปรับปรุง


แบบประเมินดานทักษะกระบวนการ กลุมที่(ชื่อกลุม).................................................................................................................................................. สมาชิกในกลุม 1....................................................................... 2....................................................................... 3........................................................................ 4........................................................................ คําชี้แจง ใหทําเครื่องหมาย ในชองที่ตรงกับความเปนจริง พฤติกรรมที่สังเกต คะแนน 4 3 2 1 1. การมีสวนรวมในการวางแผน 2. การปฏิบัติงานตามบทบาทหนาที่ 3. การใหความรวมมือในการทํางาน 4. การแสดงความคิดเห็น 5. การยอมรับความคดิเห็น รวม ลงชื่อ............................................................................ผูประเมิน .................../................../.................. เกณฑการใหคะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติเปนประจํา ให 4 คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติบอยครั้ง ให 3 คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติบางคร้งั ให 2 คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัตินอยครั้ง ให 1 คะแนน เกณฑการตัดสินคุณภาพ ชวงคะแนน ระดับคุณภาพ 18-20 13-17 8-12 5-7 ดีมาก ดี ปานกลาง ปรับปรุง


แบบประเมินดานคุณลักษณะอันพึงประสงค เลขที่ ชื่อ-สกุลของ ผูรับการประเมิน ทํางาน อยางเปน ระบบ ความ รอบคอบ ความ ตั้งใจเรียน ความ รับผิดชอ บ การให ความ รวมมือ รวม 4 4 4 4 4 20 เกณฑการใหคะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติเปนประจํา ให 4 คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติบอยครั้ง ให 3 คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติบางคร้งั ให 2 คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัตินอยครั้ง ให 1 คะแนน เกณฑการตัดสินคุณภาพ ชวงคะแนน ระดับคุณภาพ 18-20 13-17 8-12 5-7 ดีมาก ดี ปานกลาง ปรับปรุง


แบบประเมินทักษะชีวิต ชื่อ......................................................ชั้น....................................เลขที่.................. องคประกอบที่ พฤติกรรม ตัวชี้วัด ระดับการประเมิน 0 1 2 3 4 5 สรุป ระดับ 1. การตระหนักรูและ เห็นคุณคาในตนเอง และผอู่นื 1. ยอมรับความแตกตาง ระหวางตนเองและ ผูอื่น 2. มีความความเช่อืมั่นใน ตนเองและผูอื่น 1.1ยอมรับในความแตกตาง ทางความคิด ความรสูึก และ พฤติกรรม ของตนเองและ ผูอื่นไดอยางมีเหตผุล 1.2 กลาแสดงออกทาง ความคิด ความรูสึกและการ กระทําของ ตนเองดวยความ มั่นใจ 2. การคิดวิเคราะห ตัดสินใจ และ แกปญหาอยาง สรางสรรค 1. เลือกรับขอมูลขาวสาร อยางไตรตรองและ รูเทา ทันสังคมที่เปลยี่นแปลง 2.ตัดสินใจในสถานการณ ตาง ๆ ที่เผชิญ อยางมี เหตุผลและรอบคอบ 2.1 วิเคราะหประโยชนและ คุณคาของขอมูลขาวสาร เลือกใชขอมูล ขาวสารเพื่อ สรางภูมิความรูและการ ตัดสินใจเมื่อเผชิญ สถานการณรอบตัว 2.2 ตัดสินใจในสถานการณ ตาง ๆ ที่เผชิญดวยทางเลือก ที่เหมาะสมและไมเกิดผล กระทบตอตนเองและผูอื่น 3. การจัดการกับ อารมณและ ความเครียด 1. รูเทาทันอารมณตนเอง 3.1 จําแนกอารมณตางๆ ที่เกิดขึ้นกับตนเองได 3.2 แสดงอารมณความรสูกึ ของ ตนเองไดเหมาะสม 4. การสราง สัมพันธภาพที่ดีกับ ผูอื่น 1. เปนผูฟงที่ดี 2. รูจักปฏิเสธเพื่อนใน สถานการณเสี่ยงและ รูจัก เตือนเพื่อนใหหลีกเลี่ยง ความเสยี่งหรือ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไป ในทาง ที่ถูกตอง 4.1 ฟงผูอื่นอยางตั้งใจและ รับรูถึงความรสูกึและความ ตองการของผูพูด 4.2 ปฏิเสธเพื่อนใน สถานการณตาง ๆ ไดถูกตอง ตามขั้นตอน การปฏิเสธ รวม


ผลการประเมินทักษะชีวิต ชื่อ-สกุล ระดับคุณภาพทักษะชีวิต สรุป 1. การ ตระหนักรูและ เห็นคุณคาใน ตนเองและ ผูอื่น 2. การคิด วิเคราะห ตัดสินใจ และ แกปญหา อยาง สรางสรรค 3. การจัดการ กับอารมณและ ความเครียด 4. การสราง สัมพันธภาพที่ ดีกับผูอื่น รวม เกณฑรายองคประกอบ ใหนับคะแนนรายตัวชี้วัดนํามารวมกันแลวเทียบกับเกณฑดังนี้ 8 - 10 คะแนน ระดับ ดีมาก 5 - 7 คะแนน ระดับ พอใช 1 - 4 คะแนน ระดับ ปรับปรุง เกณฑผลการประเมิน รวมทุกองคประกอบ ใชเกณฑดังนี้ 31 - 40 คะแนน ระดับ ดี 20 - 30 คะแนน ระดับ พอใช 1 - 19 คะแนน ระดับ ปรับปรุง


แบบฝกหัด โจทยปญหาตรีโกณมิติ 1. เจมส จิรายุ ยืนอยูบนหนาผาริมฝงทะเล ซึ่งสูงจากระดับน้ําทะเล 100 เมตร มองเห็นเรือลําหนึ่งเปนมุมกม 30 องศา เรือลํานั้นอยูหางจากหนาผากี่เมตร 2. ณเดชตองการหาความสูงของเสาธงของโรงเรียนจึงทํามุมขนาด 45 องศา ถาขณะที่เล็งเขายืนอยู หางจากเสาธง 15 เมตร และความสูงจากพื้นดินถึงระดับ สายตาเขาเปน 1.8 เมตร จงหาความสูงของเสาธง 3. มารคยืนอยูหางจากบานหลังหนึ่งเปนระยะทาง 100 เมตร เขาเห็นเครื่องบิน เครื่องหนึ่งบินอยูเหนือหลังคาบาน พอดีและแนวที่เขามองเปนมุมเงย 60 องศา จงหาวาเคร่ืองบิน อยูสูงจากพื้นดินกี่เมตร


4. บันไดยาว 50 ฟุต พาดอยูกับกําแพง ปลายบันไดถึงขอบกําแพงพอดีถาบันไดทํามุม 60o กับกําแพง จงหาวา บันได อยูหางจากกําแพงเทาไร 5. ลูกเสือคนหนึ่งตองการหาความสูงของเสาธงของโรงเรียนจึงทํามุมขนาด 45 องศา ถาขณะที่เล็ง เขายืนอยูหาง จากเสาธง 10 เมตร และความสูงจากพื้นดินถึงระดับสายตาเขาเปน 1.5 เมตร จงหาความสูงของเสาธง 6. ธารทุนไทยยืนหางจากตึกแหงหนึ่ง 120 เมตร เมื่อมองไปบนยอดตึกเปนมุมเงยเทากับ 40๐ จงหาวาตึกนี้ สูงกี่เมตร


7. พิทักษไทย ยืนอยูบนหนาผาริมทะเล ซึ่งสูงจากระดับน้ําทะเล 75 เมตร มองเห็น เรือลําหนึ่งเปนมุมกม 30o จงหาวาเรืออยูหางจากหนาผาประมาณกี่เมตร 8. พาดบันไดไวกับกําแพงโดยใหปลายบันไดตอนบนจดขอบกําแพงพอดี บันไดยาว 6.5 เมตร และโคนบันไดอยู หางจากกําแพง 4 เมตร บันไดนี้ทํามุมกับพื้นดินประมาณกี่องศา และกําแพงสูงประมาณเทาใด 9. ถามุมเงยของสายตาของแมวที่กําลังมองนกซึ่งเกาะอยูบนกิ่งไมเทากับ 39 องศา และแมวอยูหางจากโคนตนไม 16 ฟุตจงหาระยะหางระหวางแมวตัวนี้กับนกที่เกาะอยูบนตนไม


10. เสนทแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยมผืนผารูปหนึ่งยาว 6 เซนติเมตร และทํามุม 55๐ กับดานกวางของรูปสี่เหลี่ยมนี้ จงหาความยาวและความกวางของรูปสี่เหลี่ยมผืนผารูปนี้


แผนการจัดการเรียนรู้ การงานอาชีพ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ ปีการศึกษา 2565 ภาคเรียนที่ 2 นายพงษ์ทัต กิติตุ้ย ต าแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูช านาญการ (ครูผู้สอน) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านเปา ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถามศึกษาน่าน เขต 1 แผนจัดการเรียนรู้บูรณาการทักษะชีวิต


1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดหรือผลการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ ง.1.1 เข้าใจการทำงาน มีความคิดสร้างสรรค์ มีทักษะกระบวนการทำงาน ทักษะ การจัดการ ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา ทักษะการทำงานร่วมกันและทักษะการแสวงหาความรู้ มีคุณธรรมและลักษณะนิสัยในการทำงาน มีจิตสำนึกในการใช้พลังงาน ทรัพยากร และสิ่งแวดล้อมเพื่อ การดำรงชีวิตและครอบครัว ตัวชี้วัด ง.1.1 ม.2/1 ใช้ทักษะการหาความรู้เพื่อพัฒนาการทำงาน ง.1.1 ม.2/2 ใช้ทักษะกระบวนการแก้ปัญหาในการทำงาน 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด ในการทำงานต้องมีทักษะต่าง ๆ เช่น ทักษะการแสวงหาความรู้ ทักษะกระบวนการแก้ไขปัญหา เพื่อให้ การทำงานมีประสิทธิภาพและสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 นักเรียนมีความรูความสามารถ ในการทำงาน และพัฒนางานของตนเองได้(K) 3.2 นักเรียนมีทักษะในการแสวงหาความรูและทักษะ กระบวนการแกปัญหาในการทำงาน (P) 3.3 นักเรียนมีความมุ่งมั่นในการทำงาน(A) 3.4 นักเรียนมีการสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น(ทักษะชีวิต) 4. สาระการเรียนรู้ สาระแกนกลาง - การแสวงหาความรู้ เพื่อพัฒนาการทำงาน - การทำงานโดยใช้กระบวนการแก้ปัญหา 5. องค์ประกอบทักษะชีวิต: การสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น พฤติกรรม 1. เป็นผู้ฟังที่ดี ตัวชี้วัดที่ 1 ฟังผู้อื่นอย่างตั้งใจและรับรู้ถึงความรู้สึกและความต้องการของผู้พูด แผนจัดการเรียนรู้บูรณาการทักษะชีวิต กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ รายวิชาการงานอาชีพ รหัสวิชา ง.22201 ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ทักษะในการทำงานเพื่อการดำรงชีวิต เวลาเรียนทั้งหมด 4 ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ทักษะเพื่อพัฒนาการทำงาน เวลาเรียน 1 ชั่วโมง ครูผู้สอน นายพงษ์ทัต กิติตุ้ย วันที่สอน.....................................


พฤติกรรม 2. รู้จักปฏิเสธเพื่อนในสถานการณ์เสี่ยงและ รู้จักเตือนเพื่อนให้หลีกเลี่ยงความเสี่ยงหรือเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมไปในทาง ที่ถูกต้อง ตัวชี้วัดที่ 2 ปฏิเสธเพื่อนในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ถูกต้องตามขั้นตอน การปฏิเสธ 6. สมรรถนะสำคัญ สมรรถนะที่ 2 ความสามารถในการคิด สมรรถนะที่ 3 ความสามารถในการแก้ปัญหา สมรรถนะที่ 4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 7. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มุ่งมั่นในการทำงาน 8. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ 1. ครูถามคำถามกระตุนความคิดนักเรียนว่า “หากต้องทำงานร่วมกับผู้อื่น อื่นควรนำทักษะ ใดมาใช้เพื่อให้สามารถทำงานลุล่วงตามที่ได้รับมอบหมายอย่างมีประสิทธิภาพ” 2. ครูนำสิ่งประดิษฐ์ของใช้ของตกแต่งจากวัสดุในท้องถิ่น มาให้นักเรียนได้สังเกตและเรียนรู จากตัวอย่าง 3. ครูถามคำถามชวนคิดกับนักเรียนว่า“นักเรียนมีวิธีใดบ้างที่จะสามารถทราบได้ว่าใน ท้องถิ่น ของตนเองมีการประดิษฐ์สิ่งของจากวัสดุอะไรบ้าง” ขั้นสอน 4. ครูให้นักเรียนแบงกลุม กลุ่มละ 4-5 คน ตามความเหมาะสม จากนั้นแบ่งหน้าที่กันศึกษา ความรูเรื่อง ทักษะเพื่อพัฒนาการทำงานในคลิปวีดีโอ “การแก้ปัญหาในการทำงานและ การทำงานด้วยความเสียสละ” https://www.youtube.com/watch?v=bB43TRhSGJk แล้วนักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายความรูตามหน้าที่ที่ตนเองได้รับผิดชอบให้เพื่อน ในกลุ่มฟัง 5. ครูมอบหมายให้นักเรียนแต่ล่ะกลุ่มออกแบบสิ่งประดิษฐ์ ที่มีอยู่ในท้องถิ่นของตนเอง พรอมแบ่งหน้าที่กันทำงาน เพื่อหาความรูเกี่ยวกับสิ่งสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนั้น 6. ครูให้นักเรียนแต่ล่ะกลุ่มออกมานำเสนอผลงานการออกแบบสิ่งประดิษฐ์จากท้องถิ่นของ ตนเอง ในรูปแบบใหม่ 7. ครูยกกรณีตัวอย่างให้นักเรียนแต่ล่ะกลุ่มได้ร่วมกันช่วยกันแกปัญหา และแต่ละกลุ่ม ร่วมกันใช้ทักษะกระบวนการแกปัญหาในการทำงาน และระบุด้วยว่าใช้ทักษะการ แสวงหาความรูอย่างไร ในการแกไขปัญหาจากสถานการณตามที่ครูได้ยกตัวอย่าง ขั้นสรุป นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรูเกี่ยวกับทักษะเพื่อการทำงาน


9. สนทนาด้วยเทคนิคคำถาม R-C-A เพื่อพัฒนาทักษะชีวิต คำถามเพื่อการสะท้อน(R) นักเรียนได้สังเกตไหมว่า ขณะทำงานร่วมกันกับเพื่อนมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง คำถามเพื่อการเชื่อมโยง(C) หลังจากทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีอะไรเกิดขึ้นบ้างในขณะที่นักเรียนช่วยกันทำงาน และ พฤติกรรมของตัวเรากับเพื่อนๆ เป็นอย่างไรบ้าง คำถามเพื่อการปรับใช้(A) ในชั่วโมงเรียนครั้งต่อไปหากนักเรียนพบเห็นพฤติกรรมอย่างนี้อีก นักเรียนจะมีแนวทาง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองและเพื่อนๆ อย่างไรบ้าง 10. สื่อ และแหล่งเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนวิชา การงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.2 หน่วยการเรียนรูที่ 1 ทักษะในการทำงาน เพื่อการดำรงชีวิต 2. สิ่งประดิษฐ์ของใช้ของตกแต่งจากวัสดุในท้องถิ่น 3. ใบงาน เรื่อง กระบวนการทำงาน 4.อินเตอร์เน็ต https://www.youtube.com/watch?v=bB43TRhSGJk 11. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ หลักฐาน เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1.นักเรียนมีความรู ความสามารถ ในการ ทำงาน และพัฒนางาน ของตนเองได้(K) จากการตรวจใบงาน ใบงาน เรื่องกระบวนการ ทำงาน ร้อยล่ะ 75 ของนักเรียน ผ่านเกณฑ์การประเมิน 2.นักเรียนมีทักษะในการ แสวงหาความรูและทักษะ กระบวนการแกปัญหาใน การทำงาน(P) ชิ้นงานและการนำเสนอ ผลงาน แบบประเมินชิ้นงานและ การนำเสนอผลงาน ร้อยล่ะ 75 ของนักเรียน ผ่านเกณฑ์การประเมิน 3.นักเรียนมีความมุ่งมั่น ในการทำงาน(A) สังเกตพฤติกรรม การ ทำงานของนักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานนักเรียน ร้อยล่ะ 75 ของนักเรียน ผ่านเกณฑ์การประเมิน 4.นักเรียนสร้าง สัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น ได้(ทักษะชีวิต) สังเกตพฤติกรรม แบบประเมินพฤติกรรม ร้อยล่ะ 80 ของนักเรียน ผ่านเกณฑ์การประเมิน


12. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ ผลการจัดกิจกรรม ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปัญหาที่พบ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ข้อเสนอแนะและแนวทาการแก้ปัญหา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………… ( นายพงษ์ทัต กิติตุ้ย ) ครูผู้สอน 13. ความคิดเห็นของผู้บริหาร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………… (นายพิเชษฐ์ ปัญญาอุด) ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านเปา


หน่วยการเรียนรู้ที่1 ทักษะในการทำงานเพื่อการดำรงชีวิต ใบงานที่1 ทักษะกระบวนการทำงาน คำชี้แจง ให้นักเรียนวิเคราะห์กรณีศึกษาเรื่อง การปลูกไม้ประดับ แล้วตอบคำถามที่กำหนดให้ถูกต้อง คำถาม เด็กชายอ้นและเพื่อน ๆ ได้ใช้ทักษะกระบวนการทำงานในการปลูกไม้ประดับอย่างไร จะอธิบาย พร้อม ยกตัวอย่าง ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................................................. .. ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ..................................................................................................................................................... ............................... กรณีศึกษาเรื่อง การปลูกไม้ประดับ เด็กชายอ้นรวมกลุ่มกับเพื่อนในห้องเรียนจำนวน 5 คน เพื่อปลูกไม้ประดับ โดยปฏิบัติงานตาม ขั้นตอน ดังนี้ 1. ประชุมกลุ่มเพื่อเลือกพันธุ์ไม้ประดับที่ต้องการปลูก และแบ่งหน้าที่กันทำงาน 2. เตรียมพันธุ์ไม้ประดับที่เพาะไว้ในถุงเพาะชำ จำนวน 10 ถุง 3. เตรียมกระถางพลาสติก ขนาด 8 นิ้ว จำนวน 10 ใบ 4. ผสมดินกับวัสดุอื่นๆ เช่น กาบมะพร้าวสับ ขุยมะพร้าว ปุ๋ยหมัก เป็นต้น ด้วยอัตราส่วน 1:1 ผสมคลุกเคล้า ให้เข้ากัน แล้วกองพักไว้ 5. นำกาบมะพร้าวสับใส่ลงในกระถางเพื่อปิดรูก้นกระถาง แล้วเติมดินผสมในข้อ 4 ลงไปเล็กน้อย 6. นำไม้ประดับที่เตรียมไว้ถอดออกจากถุงดำวางลงในกระถาง จัดโคนต้นให้อยู่กึ่งกลางกระถาง 7. เติมดินให้รอบโคนต้นจนเต็มกระถาง แล้วใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างกดดินรอบโคนต้นไม้ให้แน่น 8. รดน้ำให้ชุ่ม แล้วนำไปวางในที่ร่มแดดรำไร เด็กชายอ้นและเพื่อนในกลุ่มร่วมกันทำงานตามที่ได้รับมอบหมายและปลูกไม้ประดับคนละ 2กระถาง ทุกคน ตกลงกันว่าจะมารดน้ำโดยสลับกัน คนละ 1 วัน จนครบทั้ง 5 คน และจดบันทึกการทำงานทุกวัน เมื่อ ครบกำหนด 1 เดือน จึงรายงานสรุปผลการปฏิบัติงานส่งครู


เกณฑ์การประเมิน ด้านความรู้ รายการประเมิน ระดับคะแนน 5 4 3 2 1 ใบงาน ถูกต้อง ชัดเจน ครอบคลุมและ มีการเชื่อมโยง ให้เห็นเป็น ภาพรวม สอดคล้องกับ วัตถุประสงค์ ถูกต้อง ชัดเจน ครอบคลุม สอดคล้องกับ วัตถุประสงค์ ถูกต้อง ชัดเจน สอดคล้องกับ วัตถุประสงค์ แต่ยังไม่ ครอบคลุม ถูกต้อง ชัดเจน แต่ ยังไม่ครอบคลุม ถูกต้อง ไม่ ชัดเจน และยัง ไม่ครอบคลุม เกณฑ์การประเมิน 5 หมายถึง ดีมาก 4 หมายถึง ดี 3 หมายถึง ปานกลาง 2 หมายถึง พอใช้ 1 หมายถึง ปรับปรุง เกณฑ์การประเมินด้านทักษะกระบวนการ รายการประเมิน ระดับคะแนน 5 4 3 2 1 การปฏิบัติ กิจกรรมกลุ่ม สมาชิกทุกคนในกลุ่ม มีส่วนร่วมเพื่อให้งาน บรรลุตาม วัตถุประสงค์ สมาชิกส่วนใหญ่ใน กลุ่มมีส่วนร่วม เพื่อให้งานบรรลุ ตามวัตถุประสงค์ สมาชิกครึ่งหนึ่งใน กลุ่มมีส่วนร่วมเพื่อให้ งานบรรลุตาม วัตถุประสงค์ สมาชิกส่วนใหญ่ ในกลุ่มไม่มีส่วน ร่วมเพื่อให้งาน บรรลุตาม วัตถุประสงค์ สมาชิกทุกคน ส่วนใหญ่ในกลุ่ม ไม่มีส่วนร่วมใน การทำงาน การนำเสนอ ผลงาน นักเรียนนำความรู้ที่ รวบรวมได้ มา นำเสนอให้ผู้อื่นเข้าใจ ได้ดีมาก นักเรียนนำความรู้ ที่รวบรวมได้ มา นำเสนอให้ผู้อื่น เข้าใจได้ดี นักเรียนนำความรู้ที่ รวบรวมได้ มา นำเสนอให้ผู้อื่นเข้าใจ ได้พอสมควร นักเรียนนำ ความรู้ที่รวบรวม ได้ มานำเสนอให้ ผู้อื่นเข้าใจได้บ้าง นักเรียนไม่ สามารถนำเสนอ ผลงานให้ผู้อื่น เข้าใจได้ เกณฑ์การประเมิน 8-10 หมายถึง ดีมาก 6-7 หมายถึง ดี 5 หมายถึง ปานกลาง 3-4 หมายถึง พอใช้ 1-2 หมายถึง ปรับปรุง


เกณฑ์การประเมิน ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ รายการประเมิน ระดับคะแนน 5 4 3 2 1 มุ่งมั่นในการ ทำงาน ตั้งใจเรียน เอา ใจใส่และมี ความเพียร พยายามในการ เรียนรู้ มีส่วน ร่วมในการ เรียนรู้และเข้า ร่วมกิจกรรม ต่าง ๆ ดีมาก ตั้งใจเรียน เอาใจ ใส่และมีความ เพียรพยายามในการ เรียนรู้ มีส่วนร่วม ในการเรียนรู้และ เข้าร่วมกิจกรรม ต่าง ๆ ดี ตั้งใจเรียน เอาใจ ใส่และมีความ เพียรพยายามใน การเรียนรู้ มีส่วน ร่วมในการ เรียนรู้และเข้า ร่วมกิจกรรม ต่าง ๆ ปาน กลาง ตั้งใจเรียน เอา ใจใส่และมี ความเพียร พยายามในการ เรียนรู้ มีส่วน ร่วมในการ เรียนรู้และเข้า ร่วมกิจกรรม ต่าง ๆ พอใช้ ไม่ตั้งใจ เรียน ไม่มีส่วน ร่วมในการ เรียนรู้หรือไม่ เข้าร่วม กิจกรรมต่าง ๆ เกณฑ์การประเมิน 5 หมายถึง ดีมาก 4 หมายถึง ดี 3 หมายถึง ปานกลาง 2 หมายถึง พอใช้ 1 หมายถึง ปรับปรุง


แบบประเมินทักษะชีวิต ชื่อ......................................................ชั้น....................................เลขที่.................. องค์ประกอบ พฤติกรรม ตัวชี้วัด ระดับการประเมิน 0 1 2 3 4 5 สรุป ระดับ การสร้าง สัมพันธภาพที่ดี กับผู้อื่น 1. เป็นผู้ฟังที่ดี 2. รู้จักปฏิเสธเพื่อน ในสถานการณ์เสี่ยง และ รู้จักเตือนเพื่อน ให้หลีกเลี่ยงความ เสี่ยงหรือ เปลี่ยนแปลง พฤติกรรมไปในทาง ที่ถูกต้อง 4.1 ฟังผู้อื่นอย่างตั้งใจ และรับรู้ถึงความรู้สึก และความต้องการของ ผู้พูด 4.2 ปฏิเสธเพื่อนใน สถานการณ์ต่าง ๆ ได้ ถูกต้องตามขั้นตอน การ ปฏิเสธ รวม เกณฑ์รายองค์ประกอบ ให้นับคะแนนรายตัวชี้วัดนำมารวมกันแล้วเทียบกับเกณฑ์ดังนี้ 8 - 10 คะแนน ระดับ ดี 5 - 7 คะแนน ระดับ พอใช้ 1 - 4 คะแนน ระดับ ปรับปรุง


ผลการประเมินทักษะชีวิต เลขที่ ชื่อ-สกุล การสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น สรุป รวม เกณฑ์รายองค์ประกอบ ให้นับคะแนนรายตัวชี้วัดนำมารวมกันแล้วเทียบกับเกณฑ์ดังนี้ 8 - 10 คะแนน ระดับ ดี 5 - 7 คะแนน ระดับ พอใช้ 1 - 4คะแนน ระดับ ปรับปรุง เกณฑ์ผลการประเมิน รวมทุกองค์ประกอบ ใช้เกณฑ์ดังนี้ 8 - 10 คะแนน ระดับ ดี 5 - 7 คะแนน ระดับ พอใช้ 1 - 4 คะแนน ระดับ ปรับปรุง


รายงานผลการประเมินทักษะชีวิต ชั้น..............................................โรงเรียน........................................................... เกณฑ์การตัดสินภาพรวมทั้งห้องใช้คะแนนในช่องสรุปรวมกัน หารด้วยจำนวนนักเรียนแล้วเทียบกับเกณฑ์ดังนี้ 8 - 10 คะแนน ระดับ ดี 5 - 7 คะแนน ระดับ พอใช้ 1 - 4 คะแนน ระดับ ปรับปรุง เลขที่ ชื่อ ผลการประเมิน การสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น สรุป รวม


แผนการจัดการเรียนรู้ วิชา สุขศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ปีการศึกษา 2565 ภาคเรียนที่ 2 นายณัฐจักร์ สุทธิ ต าแหน่ง ครู (ครูผู้สอน) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 แผนจัดการเรียนรู้บูรณาการทักษะชีวิต โรงเรียนบ้านเปา ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถามศึกษาน่าน เขต 1


1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดหรือผลการเรียนรู้ มาตรฐาน พ 2.1 เข้าใจและเห็นคุณค่าตนเอง ครอบครัว เพศศึกษา และมีทักษะในการดำเนินชีวิต ตัวชี้วัด พ 2.1 ม.2/3 อธิบายวิธีป้องกันตนเองและหลีกเลี่ยงจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เอดส์ และการตั้งครรภ์โดย ไม่พึงประสงค์ 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การล่วงละเมิดทางเพศเป็นปัญหาทางสังคมที่เกิดขึ้นซึ่งมีผลกระทบต่อผู้ที่ถูกกระทำ มีผลเสีย ทั้งทางร่างกาย จิตใจ และสังคม ฉะนั้นนักเรียนควรต้องมีความรู้เกี่ยวกับสาเหตุปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อหาทางป้องกัน เมื่อเกิดปัญหา สามารถช่วยเหลือตนเองหรือขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ได้ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. ระบุสาเหตุ ปัญหา และวิธีป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศ (K) 2. แสดงบทบาทสมมุติในการหลีกเลี่ยงสถานการณ์เสี่ยงทางเพศและการล่วงละเมิดทางเพศ (P) 3. ตระหนักถึงสาเหตุและผลกระทบจากการล่วงละเมิดทางเพศ (A) 4. สาระการเรียนรู้ วิธีป้องกันตนเองและหลีกเลี่ยงจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โรคเอดส์ และการตั้งครรภ์ไม่พร้อม 1.วิเคราะห์สถานการณ์เสี่ยงทางเพศ 2.หลีกเลี่ยงสถานการณ์เสี่ยง 3. หลีกเลี่ยงสถานการณ์ยั่วยุอารมณ์ทางเพศ 5. องค์ประกอบทักษะชีวิต - คิดวิเคราะห์ตัดสินใจและแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค ตัวชี้วัดที่ 2 ตัดสินใจในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เผชิญ อย่างมีเหตุผลและรอบคอบ - แก้ปัญหาในสถานการณ์วิกฤตได้อย่าง เป็นระบบ ตัวชี้วัดที่3.1 แก้ปัญหาเมื่อเผชิญสถานการณ์วิกฤตอย่างไตร่ตรอง ตามขั้นตอนหลักการแก้ปัญหา แผนจัดการเรียนรู้บูรณาการทักษะชีวิต กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาพลศึกษา รายวิชาสุขศึกษา รหัสวิชา พ.22102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง วัยรุ่นกับเรื่องเพศ เวลาเรียนทั้งหมด 2 ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง การป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศ เวลาเรียน 2 ชั่วโมง ครูผู้สอน นายณัฐจักร์ สุทธิ วันที่สอน...............


6. สมรรถนะสำคัญ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการแก้ปัญหา 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 7. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมั่นในการทำงาน 8. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล 1. นักเรียนร่วมกันอ่านข่าวเกี่ยวกับเรื่องคดีน้องชมพู่ ถูกล่วงละเมิดทางเพศ แล้วตอบคำถาม ดังนี้ • ผู้ถูกล่วงละเมิดทางเพศและผู้ล่วงละเมิดทางเพศเป็นวัยใด (ผู้ถูกล่วงละเมิดทางเพศเป็นเด็ก ผู้ล่วงละเมิดทางเพศเป็นวัยรุ่น) • จากข่าวนี้นักเรียนคิดว่าผู้ล่วงละเมิดทางเพศจะถูกดำเนินคดีหรือไม่ (ตัวอย่างคำตอบ ถูกดำเนินคดี) • นักเรียนอ่านข่าวนี้แล้วรู้สึกอย่างไร และคิดว่าจะทำอะไร (ตัวอย่างคำตอบ กลัวการถูกล่วงละเมิดทางเพศ ต้องระวังตัว) 2. นักเรียนร่วมกันสนทนา โดยตอบคำถามกระตุ้นความสนใจ ดังนี้ • อะไรคือการล่วงละเมิดทางเพศ (ตัวอย่างคำตอบ การมีพฤติกรรมที่ละเมิดสิทธิของผู้อื่นในเรื่องเพศต่อร่างกาย อารมณ์ ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การตามรังควาน เปิดของลับ คอยติดตามเฝ้าดู ลูบคลำ หรือการล่วงเกินทางเพศ พยายามข่มขืน) 3. นักเรียนศึกษาความรู้และรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการวิเคราะห์สถานการณ์เสี่ยงทางเพศ หลีกเลี่ยง สถานการณ์เสี่ยง และหลีกเลี่ยงสถานการณ์ยั่วยุอารมณ์ทางเพศ จากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น หนังสือเรียน อินเทอร์เน็ต


ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้ 4. นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับลักษณะของการล่วงละเมิดทางเพศ โดยเขียนเป็นแผนภาพความคิด ดังตัวอย่าง 5. นักเรียนร่วมกันสรุปสาเหตุและผลกระทบจากการล่วงละเมิดทางเพศ โดยเขียนเป็นแผนภาพความคิด ลักษณะที่ไม่สัมผัสร่างกาย ลักษณะของการล่วงละเมิดทางเพศ พูดจาลวนลาม แอบดู โชว์ของลับ สำเร็จความใคร่ต่อหน้า ลูบคลำ สัมผัสอวัยวะเพศ การข่มขืน กระทำชำเรา ผลกระทบ ทางกาย ฆาตรกรรม บาดเจ็บ พิการ ตั้งครรภ์ไม่พร้อม ติดโรคทางเพศสัมพันธ์ เอดส์ ทางจิต ฆ่าตัวตาย ปัญหาทางจิต สภาวะหวาดระแวง วิตกกังวล ทางสังคม ปัญหาเรื้อรัง ซ้ำซ้อน เช่น ทารก อาจมีปัญหา และอาจเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ที่ไม่มีคุณภาพ ผลกระทบ สาเหตุการล่วงละเมิดทางเพศ 1. ไว้วางใจบุคคลคุ้นเคย และไม่รู้จัก 2. ที่อยู่ไม่เหมาะสม เช่น ชุมชนแออัด ใกล้แหล่งมั่วสุม 3. การกระตุ้นจากสื่อลามก 4. แต่งกายไม่เหมาะสม ไม่รักนวลสงวนตัว 5. เด็กรู้เท่าไม่ถึงการณ์ 6. สถานการณ์บีบบังคับ 7. ชอบเที่ยวกลางคืน สถานเริงรมณ์ ลักษณะสัมผัสร่างกาย ภายนอก การล่วงละเมิดทางเพศภายใน


6. นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์วิธีป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศและหลีกเลี่ยงสถานการณ์เสี่ยงทางเพศ โดย เขียนเป็นแผนภาพความคิด ดังตัวอย่าง ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ (Applying and Constructing the Knowledge) 7. นักเรียนแบ่งกลุ่มแสดงบทบาทสมมุติเกี่ยวกับการวิเคราะห์สถานการณ์เสี่ยง และทักษะปฏิเสธต่อการ มีเพศสัมพันธ์ และการล่วงละเมิดทางเพศ โดยจับสลากกลุ่มละ 1 หัวข้อ ดังนี้ 1) วิเคราะห์สถานการณ์เสี่ยงทางเพศ 2) ทักษะปฏิเสธเมื่อเพื่อนชวนไปงานวันเกิด 3) ทักษะปฏิเสธเมื่อเพื่อนชวนไปสถานบันเทิง 4) ทักษะปฏิเสธเมื่อเพื่อนชวนไปหอพัก วิธีป้องกันการล่วงละเมิด ทางเพศและหลีกเลี่ยง สถานการณ์เสี่ยงทางเพศ 2. หลีกเลี่ยงสถานการณ์เสี่ยง เมื่อวิเคราะห์สถานการณ์แล้ว ว่ามีความเสี่ยง ต้องรู้จักหลีกเลี่ยง เช่น การปฏิเสธ • ทักษะปฏิเสธให้ใช้น้ำเสียงที่จริงจัง และชัดเจน หนักแน่น เช่น ขอไม่ไปนะ ฉันมีธุระที่ต้องรีบไปทำ เรารู้สึกผิดที่ต้องโกหกพ่อแม่ 3. หลีกเลี่ยงสถานการณ์ยั่วยุ อารมณ์ทางเพศ เช่น แสดงท่าทาง หรือพฤติกรรมเชิญชวนให้ดูสื่อลามก หนังสือที่ยั่วยุอารมณ์ทางเพศ การเสพสารเสพติดมึนเมา 1. วิเคราะห์สถานการณ์เสี่ยงทางเพศ เช่น การถูกกระทำชำเรา ข่มขืน รุมโทรม 1.1 ต้องมีสติ ใช้เหตุผล 1.2 คิดล่วงหน้าว่าถ้าประสบเหตุ จะหาทางหนีอย่างไร 1.3 อย่าไว้ใจผู้อื่น แม้จะรู้จัก หรือไม่รู้จัก


8. นักเรียนวิเคราะห์ปัญหาและผลกระทบที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันต่อตนเอง ครอบครัว สังคม และโลก เขียนเป็นบันทึกข้อมูลลงในตาราง แล้วตอบคำถามในชิ้นงานที่ 5 เรื่อง ผลกระทบที่เกิดจากการมี เพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน 9. นักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่เข้าใจเป็นความรู้ร่วมกัน ดังนี้ การล่วงละเมิดทางเพศเป็นปัญหาทางสังคมที่เกิดขึ้นซึ่งมีผลกระทบต่อผู้ที่ถูกกระทำมีผลเสียทั้งทาง ร่างกาย จิตใจ และสังคม ฉะนั้นนักเรียนควรต้องมีความรู้เกี่ยวกับสาเหตุปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อหาทางป้องกัน เมื่อ เกิดปัญหาสามารถช่วยเหลือตนเองหรือขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ได้ ขั้นสื่อสารและนำเสนอ (Applying the Communication Skill) 10. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาแสดงบทบาทสมมุติตามหัวข้อที่ได้รับและมีการบันทึกภาพวิดีโอเพื่อนำไป เผยแพร่ 11. นักเรียนออกมานำเสนอตารางการบันทึกข้อมูลการวิเคราะห์ปัญหา และผลกระทบที่เกิดจากการมี เพศสัมพันธ์หน้าชั้นเรียน 12. นักเรียนร่วมกันอภิปรายสรุปเกี่ยวกับวิธีการทำงานให้เห็นการคิดเชิงระบบและวิธีการทำงาน ที่มีแบบแผน ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ (Self-Regulating) 13. นักเรียนนำคลิปวิดีโอการแสดงบทบาทสมมุติไปเผยแพร่บนสื่อออนไลน์ เพื่อเป็นแนวทางในการ ป้องกันตนเองในการหลีกเลี่ยงสถานการณ์เสี่ยงทางเพศและการถูกล่วงละเมิดทางเพศ 14. นักเรียนประเมินตนเอง โดยเขียนแสดงความรู้สึกหลังการเรียนและหลังการทำกิจกรรม ในประเด็น ต่อไปนี้ • สิ่งที่นักเรียนได้เรียนรู้ในวันนี้คืออะไร • นักเรียนมีส่วนร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากน้อยเพียงใด • เพื่อนนักเรียนในกลุ่มมีส่วนร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากน้อยเพียงใด • นักเรียนพึงพอใจกับการเรียนในวันนี้หรือไม่ เพียงใด • นักเรียนจะนำความรู้ที่ได้นี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง ครอบครัว และสังคมทั่วไปได้อย่างไร จากนั้นแลกเปลี่ยนตรวจสอบขั้นตอนการทำงานทุกขั้นตอนว่าจะเพิ่มคุณค่าไปสู่สังคม เกิดประโยชน์ต่อสังคมให้มากขึ้นกว่าเดิมในขั้นตอนใดบ้าง สำหรับการทำงานในครั้งต่อไป กิจกรรมนี้สร้างเสริมทักษะศตวรรษที่ 21 ด้านการสื่อสาร กิจกรรมนี้สร้างเสริมทักษะศตวรรษที่ 21 ด้านการร่วมมือทำงานเป็นทีม


9. สนทนาด้วยเทคนิคคำถาม R-C-A เพื่อพัฒนาทักษะชีวิต คำถามเพื่อการสะท้อน(R) - นักเรียนมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศ คำถามเพื่อการเชื่อมโยง(C) - ที่ผ่านมานักเรียนเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการถูกล่วงละเมิด หรือไม่อย่างไร คำถามเพื่อการปรับใช้(A) - นักเรียนมีแนวความคิดอย่างไรในการป้องกันตนเองไม่ให้ถูกคุกคามหรือถูกล่วงละเมิดทางเพศ 10. สื่อ และแหล่งเรียนรู้ 1. หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ของสถาบันพัฒนาคุณภาพ วิชาการ (พว.) 2. ข่าวเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศ 3. สลากหัวข้อสถานการณ์เสี่ยง 4. กล้องถ่ายวิดีโอ 5.แหล่งการเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน 11. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ หลักฐาน เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ระบุสาเหตุ ปัญหา และวิธีป้องกันการล่วง ละเมิดทางเพศ (K) คะแนนการทำ แบบทดสอบ แบบทดสอบ นักเรียนต้องผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 ขึ้นไป 2. แสดงบทบาทสมมุติใน การหลีกเลี่ยงสถานการณ์ เสี่ยงทางเพศและการล่วง ละเมิดทางเพศ (P) เกณฑ์การประเมิน แบบประเมิน นักเรียนต้องผ่านเกณฑ์ ระดับ 3 ขึ้นไป 3. ตระหนักถึงสาเหตุ และผลกระทบจากการ ล่วงละเมิดทางเพศ (A) เกณฑ์การประเมิน แบบประเมิน นักเรียนต้องผ่านเกณฑ์ ระดับ 3 ขึ้นไป


แบบประเมินกระบวนการทำงานกลุ่ม แบบประเมินชิ้นงาน เรื่อง ผลกระทบที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน รายการการประเมิน ระดับคุณภาพ 4 3 2 1 กระบวนการ ทำงานกลุ่ม มีการกำหนดบทบาท สมาชิกชัดเจน และมีการชี้แจงเป้าหมาย การทำงาน มีการปฏิบัติงานร่วมกัน อย่างร่วมมือร่วมใจ พร้อมกับการประเมินเป็น ระยะ ๆ มีการกำหนดบทบาท สมาชิกชัดเจน มีการชี้แจงเป้าหมาย อย่างชัดเจนและ ปฏิบัติงานร่วมกัน แต่ไม่มีการประเมิน เป็นระยะ ๆ มีการกำหนดบทบาท เฉพาะหัวหน้า ไม่มีการชี้แจงเป้าหมาย อย่างชัดเจน ปฏิบัติงานร่วมกัน ไม่ครบทุกคน ไม่มีการกำหนด บทบาทสมาชิก และไม่มีการชี้แจง เป้าหมาย สมาชิก ต่างคนต่างทำงาน รายการการประเมิน ระดับคุณภาพ 4 3 2 1 การวิเคราะห์ปัญหา และผลกระทบ ที่เกิดจากการ มีเพศสัมพันธ์ โดยไม่ป้องกัน วิเคราะห์ปัญหา และผลกระทบ ที่เกิดจากการ มีเพศสัมพันธ์ โดยไม่ป้องกัน ต่อตนเอง ครอบครัว สังคม และโลก จากปัญหาที่กำหนด ได้ถูกต้อง ครบถ้วน ชัดเจนด้วยตนเอง วิเคราะห์ปัญหา และผลกระทบ ที่เกิดจากการ มีเพศสัมพันธ์ โดยไม่ป้องกัน ต่อตนเอง ครอบครัว สังคม และโลก จากปัญหาที่กำหนด ได้ถูกต้อง อาจมีบางข้อ ที่ไม่ชัดเจน แต่สามารถ แก้ไขได้ด้วยตนเอง วิเคราะห์ปัญหา และผลกระทบ ที่เกิดจากการ มีเพศสัมพันธ์ โดยไม่ป้องกัน ต่อตนเอง ครอบครัว สังคม และโลก จากปัญหาที่กำหนดได้ ส่วนมากไม่ถูกต้อง ต้องอาศัยคำแนะนำ จากผู้อื่น วิเคราะห์ปัญหา และผลกระทบ ที่เกิดจากการ มีเพศสัมพันธ์ โดยไม่ป้องกัน ต่อตนเอง ครอบครัว สังคม และโลก จากปัญหาที่กำหนด ได้ไม่ถูกต้อง ต้องมีผู้อื่นคอยแนะนำ


12. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ ผลการจัดกิจกรรม ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปัญหาที่พบ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………………… ข้อเสนอแนะและแนวทาการแก้ปัญหา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………… (………………………………………………………. ) ครูผู้สอน 13. ความคิดเห็นของผู้บริหาร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. (นายพิเชษฐ์ ปัญญาอุด) ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านเปา


แบบทดสอบหลังเรียน ชื่อ ______________________________________________ เลขที่ _______ ชั้น ______ นักเรียนทำเครื่องหมาย X หน้าคำตอบที่ถูกต้อง 1. การวางตัวต่อกันในฐานะสุภาพชนควรปฏิบัติตนอย่างไร 1. ยอมรับและเคารพในสิทธิของผู้อื่นเสมอ 2. ตัดสินผู้อื่นจากรูปลักษณ์ภายนอก 3. บังคับให้ผู้อื่นเปิดเผยเพศสภาพ 4. ล้อเลียน กลั่นแกล้งผู้อื่น 2. พฤติกรรมในข้อใดควรนำไปปฏิบัติเพื่อเจตคติที่ดีในเรื่องเพศ 1 การนัดออกเดต 2 การกอดกันในที่สาธารณะ 3 การพูดคุยปัญหาทางเพศในครอบครัว 4 การดูการ์ตูนที่มีเนื้อหารุนแรงและเรื่องเพศ 3. การมีความเท่าเทียมระหว่างเพศในด้านการศึกษาส่งผลดีต่อสังคมอย่างไร 1 เศรษฐกิจของประเทศเจริญเติบโต 2 ช่วยลดอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากร 3 มีบุคลากรที่มีคุณภาพมาพัฒนาประเทศ 4 มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศเพิ่มมากขึ้น 4. ข้อใดมีโอกาสเสี่ยงต่อการมีเพศสัมพันธ์มากที่สุด 1 รับประทานอาหารกลางวันสองต่อสองที่โรงอาหาร 2 นั่งทำการบ้านด้วยกันในห้องเรียน 3 อยู่ในห้องนอนสองต่อสอง 4 เดินกลับบ้านทางเดียวกัน 5. ผลกระทบจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันข้อใดรุนแรงที่สุด 1 ตั้งครรภ์ 2 เป็นโรคเอดส์ 3 เป็นโรคซิฟิลิส 4 ถูกจับแต่งงาน 6. การตั้งครรภ์ไม่พร้อมส่งผลกระทบต่อครอบครัวอย่างไร 1 ต้องย้ายครอบครัวไปอยู่ชุมชนอื่น 2 ได้สมาชิกในครอบครัวเพิ่มขึ้น 3 ค่าใช้จ่ายในครอบครัวเพิ่มขึ้น 4 รายได้ของครอบครัวลดลง


7. การปฏิบัติตนตามสำนวนในข้อใดช่วยป้องกันและหลีกเลี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 1 ปากว่ามือถึง 2 เล่นหูเล่นตา 3 เจ้าชู้ประตูดิน 4 รักนวลสงวนตัว 8. สื่อในข้อใดที่มีอิทธิพลต่อเจตคติในเรื่องเพศของวัยรุ่นมากที่สุด 1 หนังสือพิมพ์ 2 โทรทัศน์ 3 วิทยุ 4 เกม 9. ถ้าเพื่อนชวนไปดูภาพยนตร์ลามก นักเรียนควรใช้คำพูดในข้อใด 1 “ดูได้ไม่นานนะ เพราะต้องรีบกลับบ้าน” 2 “เราไม่ดู เพราะไม่เหมาะกับวัยของเรา” 3 “ไม่อยากดู วันนี้อารมณ์ไม่ดี” 4 “ชื่อเรื่องอะไร สนุกหรือเปล่า” 10. ข้อใดช่วยป้องกันปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อม 1 รับประทานยาคุมกำเนิดทุกเดือนเพื่อป้องกันไว้ 2 หลีกเลี่ยงการไปเที่ยวตอนกลางคืนกับเพื่อน 3 ดูแลรักษาความสะอาดร่างกาย 4 ไม่คบเพื่อน


ชิ้นงานที่ 3 เรื่อง ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อเจตคติในเรื่องเพศ วันที่________เดือน_______________พ.ศ.___________ ชื่อ_____________________________เลขที่______ชั้น__________ นักเรียนอ่านสถานการณ์ที่กำหนดให้ วิเคราะห์ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อเจตคติในเรื่องเพศและผลที่เกิดขึ้น เขียนบันทึกข้อมูลลงในแผนภาพความคิด ได้__________คะแนน คะแนนเต็ม 10 คะแนน ตัวอย่าง ปัจจัยที่มีผลต่อเจตคติ ในเรื่องเพศ สื่ออินเทอร์เน็ต สถานการณ์ ชอบเข้าเว็บไซต์ดูวิดีโอลามก หมกมุ่นในเรื่องเพศ และอาจนำไปสู่ การทำพฤติกรรมเลียนแบบ 1. ปัจจัยที่มีผลต่อเจตคติ ในเรื่องเพศ (วัฒนธรรม) สถานการณ์ การสัมผัสร่างกายผู้อื่น นัดออกเดตกับผู้อื่น สองต่อสอง (อาจน าไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่ป้องกัน) 2. ปัจจัยที่มีผลต่อเจตคติ ในเรื่องเพศ (เพื่อน) สถานการณ์ แต่งกายล่อแหลม ไปเที่ยวกลางคืน กับเพื่อนเป็นประจำ (เกิดอันตรายทางเพศ การล่อลวงไปข่มขืน) ผลที่เกิดขึ้น ผลที่เกิดขึ้น ผลที่เกิดขึ้น


3. ปัจจัยที่มีผลต่อเจตคติ ในเรื่องเพศ (ครอบครัว) สถานการณ์ ห้ามพูดเรื่องเพศในครอบครัว (เกิดความเก็บกด เมื่อมีปัญหา เรื่องเพศ ไม่กล้าปรึกษาใคร จนปัญหาบานปลายรุนแรง) 4. ปัจจัยที่มีผลต่อเจตคติ ในเรื่องเพศ (สื่อโซเชียลมีเดีย) สถานการณ์ การแชร์ภาพลามกในเฟซบุ๊ก (หมกมุ่นในเรื่องเพศ อาจน าไปสู่การลอกเลียนแบบ ได้) ผลที่เกิดขึ้น ผลที่เกิดขึ้น


ชิ้นงานที่ 4 เรื่อง ปัญหาทางเพศของวัยรุ่น วันที่________เดือน_______________พ.ศ.___________ ชื่อ_____________________________เลขที่______ชั้น__________ นักเรียนวิเคราะห์สาเหตุพฤติกรรมที่อาจก่อให้เกิดปัญหาทางเพศของวัยรุ่น ผลที่เกิดขึ้น วิธีป้องกัน และแก้ปัญหา เขียนบันทึกลงในแผนภาพความคิด ได้__________คะแนน คะแนนเต็ม 10 คะแนน ผลที่เกิดขึ้น (ขาดความยบัย้งัชงั่ใจทางอารมณ์ เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ ท าให้เกิด ปัญหาอาชญากรรมทางเพศ เป็ นปัญหาต่อสังคม) วิธีป้องกันและแก้ปัญหา (ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เช่น เล่นดนตรี เล่นกีฬา ไม่ดื่มเครื่องดื่ม ผสมแอลกอฮอล์ ไม่เที่ยวกลางคืน) (การอ่านหนังสือการ์ตูน ลามก) (การไปเที่ยวกลางคืน) สาเหตุ ปัญหาทางเพศ ของวัยรุ่น


Click to View FlipBook Version