43 6. จัดทำรูปเล่มเครื่องมือรวบรวมข้อมูลแต่ละชนิดที่ทำการแก้ไขแล้วตามคำแนะนำของ ผู้เชี่ยวชาญ การหาประสิทธิภาพเชิงประจักษ์ดำเนินการต่อจากผลการหาประสิทธิภาพเชิงเหตุผล 1. นำเครื่องมือรวบรวมข้อมูลแต่ละชนิดที่จัดทำเป็นรูปเล่มแล้วมาหาค่าความเชื่อมั่น (Reliability) โดยทดลองใช้กับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวัดบ้านเกาะ อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นคนละกลุ่มกับกลุ่มที่เป็นเป้าหมายการวิจัย การหาค่าความเชื่อมั่นใช้วิธีการหาค่า สัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค (Cronbach’s Alpha Coefficient) โดยมีเกณฑ์ประเมินผ่านทั้งฉบับ ที่ 0.7 ถ้าน้อยกว่าต้องทำการปรับปรุงเครื่องมือใหม่ 2. ปรับปรุงเครื่องมือรวบรวมข้อมูลแต่ละชนิดหากพบว่าค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาต่ำกว่า 0.7 3. ยกเว้นแบบทดสอบ จัดทำรูปเล่มเครื่องมือรวบรวมข้อมูลแต่ละชนิด พร้อมสำหรับ การนำไปทดลองใช้กับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวัดบ้านเกาะ อำเภอพิชัย จังหวัด อุตรดิตถ์ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายการวิจัย สำหรับแบบทดสอบนั้น เมื่อทำการประเมินความเที่ยงตรงและความเชื่อมั่นแล้ว ก่อน นำไปทดลองใช้กับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ซึ่งเป็นกลุ่มที่เป้าหมายการวิจัย ต้องดำเนินการ ต่อจากข้อ 3 เพื่อหาค่าความยากง่าย และค่าอำนาจ การจำแนกต่อดังนี้ 4. นำแบทดสอบแต่ละข้อมาวิเคราะห์ความยากง่ายด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป ข้อคำถามที่ดีของแบบทดสอบประเภท 4 ตัวเลือกจะมีค่าความยากง่ายระหว่าง 0.20 – 0.80 (สุมาลี จันทร์ชะลอ. 2542) ถ้าเป็นประเภทแบบถูก-ผิด จะมีค่าความยากง่ายระหว่าง 0.60–0.95 (Nunnally.1967; อ้างถึงใน เยาวดีรางชัยกุลวิบูลย์ศรี. 2552) 5. นำแบบทดสอบแต่ละข้อมาวิเคราะห์ค่าอำนาจการจำแนกโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป 6. จัดทำรูปเล่มของแบบทดสอบ พร้อมสำหรับการนำไปทดลองใช้กับนักเรียนระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวัดบ้านเกาะ อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายการวิจัย ข้อตกลง เนื่องด้วยปัจจัยจำกัดบางประการเช่นเดียวกับดังกล่าวแล้วในหัวข้อ “วิธีการ สร้างและหาคุณภาพของนวัตกรรม” จึงสร้างข้อตกลงว่า การวิจัยครั้งนี้จะละเว้นการหาประสิทธิภาพ เชิงประจักษ์ซึ่งประกอบด้วย การหาค่าความเชื่อมั่นของเครื่องมือรวบรวมข้อมูลทุกชนิด การหาค่าความ ยากง่าย และค่าอำนาจการจำแนกซึ่งเฉพาะสำหรับแบบทดสอบ
44 การดำเนินการรวบรวมข้อมูล 1. ทำหนังสือถึงคณบดีคณะครุศาสตร์เพื่อร้องขอให้ออกหนังสือราชการถึงผู้อำนวยการโรงเรียน โรงเรียนวัดบ้านเกาะ อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์เพื่อขออนุญาตที่จะทดลองใช้แบบฝึกเสริมทักษะ ร่วมกับเทคนิค TAI จัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อปรับปรุงหรือพัฒนาผลการเรียนรู้เรื่องการคูณ การหาร เศษส่วนของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 2. ประชุม ชี้แจง และสร้างข้อตกลงกับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เกี่ยวการทดลอง ใช้แบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI จัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อปรับปรุงหรือพัฒนาผลการเรียนรู้ เรื่องการคูณ การหารเศษส่วน กับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 3. จัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อปรับปรุงหรือพัฒนาผลการเรียนรู้เรื่องการคูณ การหารเศษส่วน กับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยทดลองใช้แบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI 4. ทำการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ภายหลังการ จัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อปรับปรุงหรือพัฒนาผลการเรียนรู้เรื่องการคูณ การหารเศษส่วน โดยทดลองใช้ แบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI 5. ให้นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ตอบแบบสอบถามวัดระดับความพึงพอใจจากการ จัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อปรับปรุงหรือพัฒนาผลการเรียนรู้เรื่องการคูณ การหารเศษส่วน โดยทดลองใช้ แบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI การวิเคราะห์ข้อมูล 1. การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาคุณภาพและประสิทธิภาพของเครื่องมือการวิจัย 1.1 ความเหมาะสมของแบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI วิเคราะห์ด้วยค่าเฉลี่ย และ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิธีการวิเคราะห์ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป 1.2 ความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาของเครื่องมือรวบรวมข้อมูลแต่ละชนิด วิเคราะห์ด้วยค่าดรรชนี ความสอดคล้องหรือ IOC วิธีการวิเคราะห์ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป 1.3 ความยากง่ายของแบบทดสอบแต่ละข้อ วิเคราะห์ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป 1.4 ค่าอำนาจการจำแนกของแบบทดสอบ วิเคราะห์ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป 2. การวิเคราะห์ข้อมูลการวิจัย 2.1 ผลการเรียนรู้ของนักเรียน วิเคราะห์ด้วยค่าคะแนนเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2.2 ระดับผลการเรียนรู้ของนักเรียน วิเคราะห์โดยการเปรียบเทียบร้อยละของค่าคะแนน เฉลี่ยกับระดับผลการเรียนรู้ตามประเมินผ่านระดับชั้นเรียน
45 2.3 ผลการทดลองใช้แบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI วิเคราะห์ด้วยวิธีการทางสถิติ One -Sample t Test ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ α 0.05 หรือที่ระดับความเชื่อมั่น 95% วิธีการ วิเคราะห์ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป 2.4 ระดับความพึงพอใจ วิเคราะห์ด้วยค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิธีการวิเคราะห์ ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป 2.5 เกณฑ์ประเมินระดับความพึงพอใจของนักเรียน วิเคราะห์ด้วยช่วงระดับค่าเฉลี่ยตาม เกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (2553) การนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล นำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยตาราง พร้อมทั้งบรรยายเป็นความเรียงประกอบ
บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล การวิจัยเรื่องการพัฒนาผลการเรียนรู้ด้านการคิดวิเคราะห์จากเรื่องการคูณและการหารเศษส่วน ของนักเรียนชั้นป.5 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TAI และแบบฝึกเสริมทักษะ ผู้วิจัย เสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลตามประเด็นของวัตถุประสงค์การวิจัย ดังนี้ 1. เพื่อสร้างแบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI สำหรับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เพื่อพัฒนาผลการเรียนรู้ด้านการคิดวิเคราะห์ จากเรื่อง การคูณและการหารเศษส่วน สำหรับนักเรียน ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 2. เพื่อการศึกษาผลการทดลองใช้แบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI สำหรับการจัด กิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผลการเรียนรู้ด้านการคิดวิเคราะห์ จากเรื่องการคูณและการหาร เศษส่วน สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 3. เพื่อศึกษาระดับความพึงพอใจของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการทดลองใช้ แบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI จัดกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผลการเรียนรู้ด้านการ คิดวิเคราะห์ จากเรื่องการคูณและการหารเศษส่วน ผลการพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI 1. นวัตกรรมที่สร้าง เป็นแบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI นำเสนอโดยแผนการเรียนรู้ทั้งหมด 4 แผน แต่ละ แผนใช้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ในเรื่องการคูณและการหารเศษส่วน ซึ่งใช้เวลาแผนละ 2 ชั่วโมง รายละเอียดของแบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI แสดงแล้วดังภาคผนวกที่ 1 2. การหาประสิทธิภาพของนวัตกรรม 2.1 การหาประสิทธิภาพเชิงเหตุผล (Rational Approach) เมื่อประเมินความเหมาะสม ของแบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI ด้วยแบบประเมินความเหมาะสมจากผู้เชี่ยวชาญจำนวน 3 คน ผลการประเมินแสดงดังตารางที่ 1
47 ตารางที่ 1 : แสดงรายการประเมินความเหมาะสมของแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผลการเรียนรู้ด้านการคิดวิเคราะห์ จากเรื่อง การคูณและการหารเศษส่วน ของนักเรียนชั้น ป.5โรงเรียนวัดบ้านเกาะ โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI ประเด็นที่ประเมิน รายการประเมิน ̅ . มาตรฐานการเรียนรู้ ระบุมาตรฐานการเรียนรู้ถูกต้อง ตรงตามเนื้อหา 5.00 0.00 มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด/สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีความเชื่อมโยงกันอย่าง เหมาะสม 4.00 1.00 ตัวชี้วัด เขียนตัวชี้วัดถูกต้อง ตรงตามเนื้อหา 5.00 0.00 ระบุสิ่งที่ครูผู้สอนต้องจัดเตรียมและปฏิบัติในการใช้แบบฝึก เสริมทักษะอย่างละเอียด ครบถ้วน 4.33 0.57 ระบุบทบาทของครูผู้สอนในการใช้ชุดกิจกรรมได้อย่าง ครบถ้วน 4.67 0.57 สาระสำคัญ เขียนสาระสำคัญถูกต้อง ครอบคลุม 4.33 0.57 เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน 5.00 0.00 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 3.67 0.57 มีความชัดเจน เข้าใจง่าย 4.33 0.57 จุดประสงค์การเรียนรู้ พฤติกรรมที่ระบุในจุดประสงค์การเรียนรู้มีความชัดเจน สามารถวัดได้ 3.67 0.57 จุดประสงค์การเรียนรู้มีความสอดคล้องสัมพันธ์กับสาระการ เรียนรู้ 4.00 1.00 จุดประสงค์การเรียนรู้พัฒนานักเรียนด้านความรู้ทักษะ กระบวนการและเจตคติ 3.67 0.57 ภาษาที่ใช้มีความชัดเจน เข้าใจง่าย 4.33 0.57 สมรรถนะนักเรียน มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด สมรรถนะสำคัญของนักเรียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีความเชื่อมโยงกันอย่าง เหมาะสม 4.33 0.57 สมรรถนะมีความสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 4.33 1.15 สาระการเรียนรู้ (เนื้อหา) ระบุสาระการเรียนรู้ครบถ้วนและสัมพันธ์กับแผนการจัดการ เรียนรู้ 5.00 0.00 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 4.00 1.00 มีความยากง่ายเหมาะสมกับชั้นเรียน 5.00 0.00 น่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อผู้เรียน 4.67 0.57
48 ตารางที่ 1 :แสดงรายการประเมินความเหมาะสมของแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผลการเรียนรู้ด้านการคิดวิเคราะห์จาก เรื่อง การคูณและการหารเศษส่วน ของนักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนวัดบ้านเกาะ โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI (ต่อ) ประเด็นที่ประเมิน รายการประเมิน ̅ . รูปแบบวิธีการจัด ประสบการณ์เรียนรู้ สอดคล้องกับสาระการเรียนรู้ 4.67 0.57 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 4.67 0.57 ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม 4.33 0.57 ลำดับขั้นการจัด ประสบการณ์เรียนรู้ กำหนดกิจกรรมการเรียนการสอนเหมาะสมกับเวลาเรียน และสภาพห้องเรียน 3.67 1.15 กิจกรรมการเรียนรู้มีความเหมาะสม ครบถ้วนทุกขั้นตอน ตามที่ระบุในแผนการจัดการเรียนรู้ 4.67 0.57 กิจกรรมการเรียนรู้เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมกระบวนการคิด และเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ 4.33 0.57 กิจกรรมการเรียนรู้เป็นไปตามขั้นตอนตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ กระบวนการจัดการเรียนรู้ 4.67 0.57 แบบฝึกเสริมทักษะ มีความชัดเจน ทั้งคำชี้แจง คำสั่ง ง่ายต่อการเข้าใจ 4.67 0.57 ระดับเนื้อหาเหมาะกับระดับพื้นฐานความสามารถของ ผู้เรียน 5.00 0.00 กำหนดเวลาที่ใช้ในแบบฝึกเสริมทักษะให้เหมาะสม 3.67 1.52 มีการวัดและประเมินหรือสังเกตพฤติกรรมเด็กอย่าง สม่ำเสมอเพื่อประเมินว่าเด็กมีทักษะแล้ว 4.00 0.00 มีคำตอบที่ชัดเจน 3.33 2.08 สามารถเสริมประเมินความก้าวหน้าและความรู้ของนักเรียน ได้ 4.67 0.57 เป็นไปตามลำดับขั้นตอนการเรียนรู้ สอดคล้องกับวิธีการ เรียนรู้และความแตกต่างระหว่างบุคคล 4.33 0.57 การวัดและประเมินผล ระบุวิธีการวัดประเมินผลอย่างชัดเจน 4.00 0.00 ระบุเครื่องมือสำหรับการวัดผลประเมินผลอย่างชัดเจน 4.00 0.00 ระบุเกณฑ์การประเมินผลอย่างชัดเจน 3.67 1.52 วิธีการวัดผลประเมินผลมีความสัมพันธ์กับจุดประสงค์การ เรียนรู้ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสมรรถนะที่สำคัญ ของผู้เรียน 4.67 0.57 การกำหนดเกณฑ์ประเมินผ่านผลการเรียนรู้ระดับบุคคลมี ความเหมาะสม 4.00 1.00 การกำหนดเกณฑ์ประเมินผ่านผลการเรียนรู้ระดับชั้นเรียนมี ความเหมาะสม 4.33 0.57
49 จากตารางที่ 1 พบว่า แต่ละประเด็นมีค่าเฉลี่ยตั้งแต่ 3.33 - 5.00 ซึ่งมีบางข้อที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ประเมินขึ้นต่ำคือ 3.50 จึงถือว่าข้อนั้นไม่มีความเหมาะสม ส่วนข้อที่ผ่านเกณฑ์ประเมินขั้นต่ำคือ 3.50 ถือว่ามีความเหมาะสม 2.2 การหาประสิทธิภาพเชิงประจักษ์(Empirical Approach)วิธีการหาประสิทธิภาพ เชิงประจักษ์ของแบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAIจะใช้วิธีการเทียบกับเกณฑ์ประสิทธิภาพ E1 /E2 = 70/70 โดยนำแบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI ที่หาประสิทธิภาพเชิงเหตุผลแล้วไปทดลองกับกลุ่มนักเรียนที่ เป็นคนละกลุ่มกับกลุ่มตัวอย่างหรือกลุ่มเป้าหมายการวิจัย แต่ตามข้อตกลงดังระบุในบทที่ 3 ว่า เนื่อง ด้วยปัจจัยจำกัดบางประการคือ โรงเรียนวัดบ้านเกาะ เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก ซึ่งสำหรับนักเรียนระดับชั้น ป. 5 เปิดการเรียนการสอนเพียงชั้นเรียนเดียวและมีนักเรียนจำนวนทั้งสิ้น 25 คน การทำวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัย ขอละเว้นการหาประสิทธิภาพเชิงประจักษ์ของแบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAIดังข้อตกลงแล้วในบทที่ 3 การพัฒนาผลการเรียนรู้ 1. คะแนนผลการเรียนรู้ จากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องการคูณและการหารเศษส่วน โดยทดลองใช้แบบฝึกเสริม ทักษะร่วมกับเทคนิค TAI กับกลุ่มตัวอย่าง คะแนนผลการเรียนรู้ของกลุ่มตัวอย่าง แสดงดังตารางที่ 2 ตารางที่ 2: แสดงคะแนนผลการเรียนรู้เรื่องการคูณและการหารเศษส่วน จากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้กิจกรรมการ เรียนรู้โดยทดลองใช้แบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI กับกลุ่มตัวอย่างคะแนนเต็มเท่ากับ 60 คะแนน นักเรียน (คน) ค่าคะแนน คิดเป็นร้อยละ 1 29/60 48.3 2 34/60 56.7 3 37/60 61.7 4 37/60 61.7 5 41/60 68.3 6 45/60 75.0 7 47/60 78.3 8 49/60 81.7 9 55/60 91.7 10 54/60 90.0 11 29/60 48.3 12 54/60 90.0 13 32/60 53.3 14 60/60 100
50 ตารางที่ 2: แสดงคะแนนผลการเรียนรู้เรื่องการคูณและการหารเศษส่วน จากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้กิจกรรมการ เรียนรู้โดยทดลองใช้แบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI กับกลุ่มตัวอย่าง คะแนนเต็มเท่ากับ 60 คะแนน (ต่อ) นักเรียน (คน) ค่าคะแนน คิดเป็นร้อยละ 15 37/60 61.7 16 56/60 93.3 17 60/60 100 18 60/60 100 19 59/60 98.3 20 48/60 80.0 21 59/60 98.3 22 47/60 78.3 23 43/60 71.7 24 49/60 81.7 25 30/60 50.0 รวมจำนวน 25 คน รวมค่าคะแนนทั้งหมด = 1151 รวมร้อยละค่าคะแนน = 1918.3 ค่าคะแนนเฉลี่ย = 46.04 = 10.63 ร้อยละค่าคะแนนเฉลี่ย = 76.73 = 17.71 จากตารางที่ 2 พบว่า ภายหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องการคูณและการหารเศษส่วน โดย ทดลองใช้แบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI กับกลุ่มตัวอย่างพบว่า ค่าคะแนนรวมผลการเรียนรู้ เท่ากับ 1151 คะแนน คิดเป็นค่าคะแนนเฉลี่ยผลการเรียนรู้ระดับชั้นเรียนร้อยละ 76.73 และส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 17.71 2. การเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ จากการเปรียบเทียบผลการเรียนรู้เรื่องการคูณและการหารเศษส่วน ระหว่างจัดกิจกรรมการ เรียนรู้โดยทดลองใช้แบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI กับโดยการใช้การจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีสาธิต และวิธีการจำลองสถานการณ์ เมื่อใช้ร้อยละค่าคะแนนเฉลี่ยผลการเรียนรู้ระดับชั้นเรียนจากการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ด้วย 2 นวัตกรรมการเรียนรู้ที่แตกต่างกันเป็นเกณฑ์เปรียบเทียบ ผลการวิเคราะห์ เปรียบเทียบแสดงดังตารางที่ 3
51 ตารางที่ 3: แสดงผลการเปรียบเทียบร้อยละค่าคะแนนเฉลี่ยระดับชั้นเรียนและระดับผลการเรียนรู้เรื่องการคูณและ การหารเศษส่วน ของกลุ่มตัวอย่างจำนวน 25 คน ซึ่งถูกจัดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องโดยทดลองใช้แบบฝึก เสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI และโดยการใช้การจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีสาธิตและวิธีการจำลอง สถานการณ์เมื่อกำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ α0.05 หรือที่ระดับความเชื่อมั่น 95% และระดับผล การเรียนรู้กำหนดตามเกณฑ์ของ สพฐ. ตารางที่ 3.1 One –Sample Statistics ร้อยละค่าคะแนนเฉลี่ยและระดับผลการเรียนรู้จาก นวัตกรรมการเรียนรู้เดิมก่อนทำการวิจัย ร้อยละค่าคะแนนเฉลี่ยและระดับผลการเรียนรู้จาก นวัตกรรมการเรียนรู้ที่สร้างหรือพัฒนา ร้อยละค่าคะแนนเฉลี่ย ระดับผลการเรียนรู้ ร้อยละค่าคะแนนเฉลี่ย ระดับผลการเรียนรู้ 51.65 พอใช้ 76.73 ดี ตารางที่ 3.2 One –Sample Statistics t df P-value Confidence Level (%) 7.080 24 0.000 95 จากผลการวิเคราะห์ตารางที่ 3.1 พบว่า 2.1 โดยทดลองใช้แบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI กลุ่มตัวอย่างมีค่าคะแนนเฉลี่ยผล การเรียนรู้ระดับชั้นเรียนร้อยละ 76.73 ซึ่งสูงกว่า ค่าคะแนนเฉลี่ยผลการเรียนรู้ระดับชั้นเรียนจากการจัด กิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิธีสาธิต และวิธีการจำลองสถานการณ์คือ ร้อยละ 51.65 จึงอธิบายว่า การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยทดลองใช้แบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI มีผลต่อการพัฒนาผล การเรียนรู้เรื่องการคูณและการหารเศษส่วนของกลุ่มตัวอย่าง 2.2 เมื่อเปรียบเทียบระดับผลการเรียนรู้ตามเกณฑ์ของ สพฐ. พบว่า การจัดกิจกรรมการ เรียนรู้โดยใช้วิธีสาธิต และวิธีการจำลองสถานการณ์ มีผลการเรียนรู้ระดับชั้นเรียนที่ระดับ พอใช้และ โดยทดลองใช้แบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI มีผลการเรียนรู้ระดับชั้นเรียนที่ระดับ ดีซึ่งสูงกว่า ระดับผลการเรียนรู้จากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิธีสาธิต และวิธีการจำลองสถานการณ์จึง อธิบายว่า การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยทดลองใช้แบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI มีผลต่อการ พัฒนาระดับผลการเรียนรู้เรื่องการคูณและการหารเศษส่วนของกลุ่มตัวอย่าง 2.3 ตามเกณฑ์ของครูพี่เลี้ยง กำหนดเกณฑ์ประเมินผ่านระดับชั้นเรียนที่ร้อยละค่าคะแนน 60 สำหรับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยทดลองใช้แบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI มีค่าคะแนนเฉลี่ย ผลการเรียนเรียนรู้ระดับชั้นเรียนร้อยละ 76.73 ซึ่ง สูงกว่าเกณฑ์ประเมินผ่านระดับชั้นเรียน จึงอธิบาย ว่า การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยทดลองใช้แบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI ทำให้ผลการเรียนรู้ ของกลุ่มตัวอย่าง ผ่านเกณฑ์ประเมินผ่านระดับชั้นเรียน 2.4 เมื่อใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูปทำการวิเคราะห์เปรียบเทียบร้อยละค่าคะแนน เฉลี่ยผลการเรียนรู้ระดับชั้นเรียนเรื่องการคูณและการหารเศษส่วน จากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วย 2 นวัตกรรมการเรียนรู้ที่แตกต่างกันด้วย One-Sample t-Test แบบ 2 ทาง จากตารางที่ 3.2 พบว่า t มี
52 ค่าเท่ากับ 7.080 df มีค่าเท่ากับ 24 ค่า P-valueเท่ากับ 0.00 ซึ่งน้อยกว่าระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ α0.05 หรือที่ระดับความเชื่อมั่น 95% จึงอธิบายว่า 1. ร้อยละค่าคะแนนเฉลี่ยผลการเรียนรู้ระดับชั้นเรียนของกลุ่มตัวอย่างจากการจัด กิจกรรมการเรียนรู้โดยทดลองใช้แบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI และโดยการใช้วิธีสาธิต และ วิธีการจำลองสถานการณ์แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ α0.05 หรือที่ระดับความเชื่อมั่น 95% 2. เนื่องจากร้อยละค่าคะแนนเฉลี่ยผลการเรียนรู้ระดับชั้นเรียนของกลุ่มตัวอย่างจาก การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยทดลองใช้แบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI สูงกว่าค่าเดียวกันแต่จัด กิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิธีสาธิต และวิธีการจำลองสถานการณ์ดังนั้น การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่อง การคูณและการหารเศษส่วน โดยการทดลองใช้แบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI มีผลต่อการพัฒนา ผลการเรียนรู้ของกลุ่มตัวอย่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ α0.05 หรือที่ระดับความเชื่อมั่น 95% ระดับความพึงพอใจ จากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้การพัฒนาผลการเรียนรู้ด้านการคิดวิเคราะห์จากเรื่องการคูณและ การหารเศษส่วนของนักเรียนชั้นป.5 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TAI และแบบฝึกเสริมทักษะ โดยการทดลองใช้แบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI กับนักเรียนชั้นป.5 ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียน ที่1 จำนวน 25 คน ซึ่งเป็นกลุ่มตัวอย่าง ผู้วิจัยต้องการศึกษาระดับความพึงพอใจของของกลุ่มตัวอย่างที่มีต่อ การทดลองใช้นวัตกรรมการเรียนรู้ดังกล่าว ผลการวิเคราะห์ระดับความพึงพอใจ แสดงดังตารางที่ 4 ตารางที่ 4: แสดงระดับความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่าง ที่มีต่อการทดลองใช้แบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI จัด กิจกรรมการเรียนรู้เรื่องการคูณและการหารเศษส่วน เพื่อพัฒนาผลการเรียนรู้ด้านการคิดวิเคราะห์ ประเด็นและรายการที่ประเมิน ̅ . ระดับความพึงพอใจ เนื้อหารายวิชา 1.มีการลำดับเนื้อหาอย่างต่อเนื่องและเหมาะสมเข้าใจง่าย 2.96 1.020 ปานกลาง 2.ไม่ซ้ำซ้อนกับวิชาอื่น 2.64 1.114 ปานกลาง 3.มีความเหมาะสมตามวัตถุประสงค์ของรายวิชา 3.00 0.764 ปานกลาง 4.มีความเหมาะสมกับระยะเวลาเรียน 3.12 0.927 ปานกลาง รวม 2.93 0.956 ปานกลาง การจัดการเรียนการสอน 1.มีความสุขในการเรียน 2.80 0.957 ปานกลาง 2.เอกสาร/สื่อการสอนประกอบการจัดการเรียนการสอนมีความ เหมาะสม 2.96 1.020 ปานกลาง 3. บรรยากาศในการเรียนมีความเหมาะสมในการเรียน 2.80 1.155 ปานกลาง รวม 2.85 1.044 ปานกลาง
53 ตารางที่ 4: แสดงระดับความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่าง ที่มีต่อการทดลองใช้แบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI จัด กิจกรรมการเรียนรู้เรื่องการคูณและการหารเศษส่วน เพื่อพัฒนาผลการเรียนรู้ด้านการคิดวิเคราะห์(ต่อ) ประเด็นและรายการที่ประเมิน ̅ . ระดับความพึงพอใจ ครูผู้สอน 1.มีบุคลิกภาพที่น่าเชื่อถือ 2.76 1.091 ปานกลาง 2.มีความตรงต่อเวลา 2.80 1.080 ปานกลาง 3.อธิบายเนื้อหาสาระเข้าใจง่าย 3.12 1.013 ปานกลาง 4.เลือกกิจกรรมกิจกรรมในห้องเรียนที่มีความเหมาะสมและสอดคล้อง กับบทเรียน 2.80 1.291 ปานกลาง 5.สร้างบรรยากาศในห้องเรียนให้น่าสนใจ 3.00 1.080 ปานกลาง 6.กระตุ้นให้นักเรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนการสอน 2.60 1.225 ปานกลาง รวม 2.84 1.300 ปานกลาง เทคนิคและวิธีการสอน 1.มีการสอดแทรกข้อคิดเห็นด้านคุณธรรมจริยธรรม และความ รับผิดชอบ 2.80 0.913 ปานกลาง 2.ใช้เทคนิควิธีสอนต่าง ๆ เพื่อให้นักเรียนเกิดความสนใจและติดตาม การสอน 3.08 1.038 ปานกลาง 3.มีการสอดแทรกประสบการณ์และอธิบายวิธีการนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ 2.64 0.907 ปานกลาง 4.ให้นักเรียนซักถาม แสดงความคิดเห็น และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ตามความเหมาะสม 3.24 1.091 ปานกลาง รวม 2.94 0.987 ปานกลาง สื่อการเรียนรู้ 1.คำแนะนำมีความชัดเจน เข้าใจง่าย 3.00 1.000 ปานกลาง 2.สอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้ 2.68 0.852 ปานกลาง 3.มีเนื้อหายากง่ายที่เหมาะสม 3.08 0.759 ปานกลาง 4.มีรูปแบบและภาพประกอบที่สวยงามน่าสนใจ 2.52 1.085 ปานกลาง 5.มีตัวอย่างและคำชี้แจงชัดเจน 2.96 0.978 ปานกลาง รวม 2.84 0.934 ปานกลาง การวัดและประเมิน 1.มีส่วนร่วมในการประเมินผลการเรียน 2.96 1.060 ปานกลาง 2.มีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน 3.16 0.943 ปานกลาง 3.มีการประเมินผลการเรียนรายบุคคลและรายกลุ่ม 3.40 1.291 ปานกลาง 4.ทราบผลการเรียนรู้ของตนและของกลุ่ม 3.12 0.781 ปานกลาง รวม 3.16 1.018 ปานกลาง รวมทั้งหมด 2.92 0.197 ปานกลาง
54 จากตารางที่ 4 พบว่า เมื่อวิเคราะห์โดยภาพรวม กลุ่มตัวอย่าง มีความพึงพอใช้ต่อการทดลองใช้เมื่อ ประเมินความเหมาะสมของแบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI ด้วยแบบประเมินความเหมาะสมจาก ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 3คน ผลการประเมินแสดงดังตารางที่ 4 จัดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องการคูณและการหาร เศษส่วน ที่ระดับปานกลาง( ̅ = 2.92 . = 0.197) แต่เมื่อวิเคราะห์เป็นรายด้านโดยเรียงลำดับระดับค่าเฉลี่ยจาก ระดับมากสุดไปหาน้อยสุด 3 ลำดับ พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจต่อด้านการวัดและประเมิน(̅ = 3.16 =1.018) สูงสุด มีความพึงพอใจระดับปานกลาง รองลงมาคือด้านเทคนิคและวิธีการสอน (̅ = 2.94 = 0.987) มีความ พึงพอใจระดับปานกลางและลำดับสุดท้ายคือเนื้อหารายวิชา(̅ = 2.93 = 0.956) มีความพึงพอใจระดับ ปานกลาง
บทที่ 5 สรุป อภิปราย และข้อเสนอแนะผลการวิจัย สรุปผลการวิจัย เป้าหมายของการวิจัยเพื่อต้องการพัฒนาผลการเรียนรู้เรื่องการพัฒนาผลการเรียนรู้ด้านการคิด วิเคราะห์จากเรื่องการคูณและการหารเศษส่วนของนักเรียนชั้นป.5 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ด้วยเทคนิค TAI และแบบฝึกเสริมทักษะ ของกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ของนักเรียนระดับชั้น ป.5 โรงเรียนวัดบ้านเกาะ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 ซึ่งเป็นกลุ่มตัวอย่าง ทั้งนี้เพราะว่าจากการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ด้วยวิธีสาธิตและวิธีการจำลองสถานการณ์พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีผลการเรียนรู้ที่ระดับ พอใช้เมื่อเทียบกับเกณฑ์ของ สพฐ. ซึ่งระดับผลการเรียนรู้ดังกล่าวต่ำกว่าระดับดี ซึ่งเป็นเกณฑ์ประเมิน ผ่านระดับชั้นเรียน ด้วยสาเหตุดังกล่าว ผู้สอนจึงต้องการทำการวิจัยเพื่อพัฒนาผลการเรียนรู้เรื่องการ พัฒนาผลการเรียนรู้ด้านการคิดวิเคราะห์จากเรื่องการคูณและการหารเศษส่วนของนักเรียนชั้นป.5 โดยใช้ การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TAI และแบบฝึกเสริมทักษะ โดยอาศัยแนวคิด ทฤษฎี หลักการ วิธีการ ของพจนา เบญจมาศ (2558) ซึ่งเป็นผลจากการ ทบทวนเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องผู้สอนจึงสร้างแบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิคTAI พร้อมทั้ง กำหนดสมมติฐานการวิจัยว่าการทดลองใช้แบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิคTAI จัดกิจกรรมการเรียนรู้จะ มีผลต่อการพัฒนาผลการเรียนรู้เรื่องการพัฒนาผลการเรียนรู้ด้านการคิดวิเคราะห์จากเรื่องการคูณและการ หารเศษส่วนของนักเรียนชั้น ป.5 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TAI และแบบฝึกเสริม ทักษะ และระดับความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่าง เมื่อจัดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องการพัฒนาผลการเรียนรู้ด้านการคิดวิเคราะห์จากเรื่องการคูณ และการหารเศษส่วนของนักเรียนชั้น ป.5 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TAI และแบบฝึก เสริมทักษะ กับกลุ่มตัวอย่างโดยทดลองใช้แบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิคTAI พบว่า 1. กลุ่มตัวอย่างมีผลการเรียนรู้เพิ่มขึ้นจากเดิม 2. ผลการเรียนรู้ของกลุ่มตัวอย่างผ่านเกณฑ์ประเมินผ่านระดับชั้นเรียน 3. ผลการเรียนรู้ของกลุ่มตัวอย่างอยู่ที่ระดับดีเมื่อเทียบกับเกณฑ์ของ สพฐ. ซึ่งสูงกว่าระดับผล การเรียนรู้เดิม 4. เมื่อเปรียบผลการเรียนรู้ของกลุ่มตัวอย่างกับเกณฑ์ดี ช่วงร้อยละของคะแนน 65 - 79 ซึ่ง เป็นเกณฑ์ของ สพฐ. ด้วย One – Sample t Test พบว่า ระดับผลการเรียนรู้ของกลุ่มตัวอย่างสูงกว่า เกณฑ์ที่เทียบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ α 0.05 หรือที่ระดับความเชื่อมั่น 95 %
56 5. เมื่อทำการประเมินระดับความพึงพอใจซึ่งกำหนดเป็น 6 ด้าน ประกอบด้วยด้านเนื้อหา รายวิชา ด้านการจัดการเรียนการสอน ด้านครูผู้สอน ด้านเทคนิคและวิธีการสอน ด้านสื่อการเรียนรู้ ด้านการวัดและประเมิน พบว่า เมื่อวิเคราะห์โดยภาพรวม กลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรม การเรียนรู้โดยที่ระดับปานกลาง และมีความพึงพอใช้เฉพาะต่อการใช้แบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI ที่ระดับปานกลาง จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวข้อ 1 -5 สรุปว่า การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยทดลอง ใช้แบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI มีผลต่อการพัฒนาผลการเรียนรู้เรื่องการคูณและการหาร เศษส่วนของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวัดบ้านเกาะ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติα 0.05 หรือที่ระดับความเชื่อมั่น 95% และมีความพึงพอใจโดยภาพรวมที่ ระดับปานกลาง อภิปรายผลการวิจัย จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวในบทที่ 4 ประเด็นที่จะหยิบยกขึ้นมาสู่การอภิปราย ผลการวิจัยประกอบด้วย ผลการพัฒนาผลการเรียนรู้ของนักเรียน และระดับความพึงพอใจของนักเรียน เป็นต้น แต่ละประเด็นดังกล่าว นำมาอภิปราย ดังนี้ 1.ผลการพัฒนาผลการเรียนรู้ของนักเรียน จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลในบทที่ 4 พบว่า นักเรียนมีผลการเรียนรู้ต่อการทดลองใช้แบบฝึก เสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI จัดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องการคูณและการหารเศษส่วน ที่ระดับดีทั้งนี้ เป็นเพราะว่า ผู้เรียนได้ทำกิจกรมกลุ่ม ร่วมกับแบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI ผู้เรียนจะมีการ ตรวจคำตอบและทราบผลคะแนนนของตนเองทันที รวมถึงทราบความผิดพลาดของตนเองในการทำ แบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI ในแต่ละเรื่องที่ทำ แล้วจะเกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ ช่วยกัน อธิบายข้อสงสัยกับเพื่อนภายในกลุ่มของตนเอง ทำให้เมื่อเรียนจบทั้ง 10 แบบฝึกแล้ว ผู้เรียนเกิด กระบวนการเรียนรู้กับเพื่อน และการเรียนรู้ด้วยตนเองมากขึ้น ซึ่งผลดังกล่าวสอดคล้องกับวิธีการการ เรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TAI ของ Slavin (2533) ที่กล่าวว่า การจัดการเรียนการสอนตามรูปแบบ ของ TAI (Team Assisted Individualization) เป็นการจัดการเรียนรู้ที่ผสมผสานระหว่างการเรียน แบบร่วมมือ (Cooperative learning) และการสอนรายบุคคล (Individualized instruction) เข้าด้วยกัน ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับการเรียนรายบุคคลโดยใช้ลักษณะการเรียนเป็นกลุ่มให้ นักเรียนในกลุ่มทำการศึกษาและเรียนรู้ร่วมกัน ช่วยกันดำเนินการเรียนและมีการตรวจสอบร่วมกัน มี การร่วมมือช่วยเหลือกันเพื่อบรรลุเป้าหมายของการเรียน โดยผู้สอนจะให้ความเป็นอิสระแก่นักเรียนที่ จะหาความรู้จากเพื่อนในกลุ่ม นอกจากนี้ผลการวิเคราะห์ดังกล่าวยังสอดคล้องกับงานวิจัยของ พจนา เบญจมาศ (2558) ที่ทำการวิจัยเรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ โดยใช้การ
57 เรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องสมการเชิง เส้นตัวแปรเดียว สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 ผลการวิจัย พบว่า ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว โดยการเรียนรู้ แบบร่วมมือเทคนิค TAI สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 85.26/86.17 ซึ่ง สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ 80/80 นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับงานวิจัยของพัชรา ท้วมลี้ (2558) ที่ทำ การวิจัยเรื่อง ผลการใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณที่มีการทด สำหรับนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ ผลการวิจัยพบว่า แบบฝึกเสริมทักษะ คณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณที่มีการทดมีประสิทธิภาพ 81.06 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ประสิทธิภาพตัวแรกที่ตั้ง ไว้ 80 และสอดคล้องกับงานวิจัยของ ฒิชากร ปริญญากาญจน์ (2561) ที่ทำการวิจัยเรื่อง การพัฒนา ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TAI เพื่อพัฒนาผลการเรียนรู้ เรื่องการบวกและการลบเลข ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทดลองใช้ชุด กิจกรรมร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TAI ผลการวิจัยพบว่า ผลการทดลองใช้ชุด กิจกรรมการเรียนรู้ พบว่า ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียน และให้ความสนใจในกระบวนการกลุ่ม จากการอภิปรายผลการวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวข้างต้น จึงลงข้อสรุปว่า การจัดกิจกรรมการ เรียนรู้เรื่องการคูณและการหารเศษส่วน โดยการทดลองใช้แบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI มีผล ต่อผลการพัฒนาผลการเรียนรู้ของนักเรียน ซึ่งสอดคล้องกับสมมติฐานการวิจัยที่กำหนดขึ้นคือ การจัด กิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TAI และแบบฝึกเสริมทักษะ มีผลต่อ การพัฒนาผลการเรียนรู้ เรื่องการคูณและการหารเศษส่วนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 2. ระดับความพึงพอใจของนักเรียน จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลในบทที่ 4 พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการทดลองใช้ แบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI จัดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องการคูณและการหารเศษส่วน ที่ระดับ ปานกลาง ทั้งนี้เป็นเพราะว่านักเรียนได้เรียนรู้ร่วมกันเป็นกลุ่ม สมาชิกทุกคนในกลุ่มต่างให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อให้กลุ่มของตนเองประสบความสำเร็จตามที่ได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ร่วมกัน นักเรียนมีความสนุกสนานในการเรียน ซึ่งผลดังกล่าวสอดคล้องกับแนวคิดความพึงพอใจของ รงทอง พนธารา (2550) ที่กล่าวว่า ความพึงพอใจ หมายถึง ความรู้สึกหรือทัศนคติของบุคคลที่มีต่อ สิ่งใดสิ่งหนึ่ง อันเกิดจากพื้นฐานของการรับรู้ ค่านิยม และประสบการณ์ที่แต่ละบุคคลได้รับและเกิดขึ้นก็ ต่อเมื่อสิ่งนั้นสามารถตอบสนองความต้องการให้แก่บุคคลนั้นได้ ซึ่งระดับความพึงพอใจของแต่ละบุคคล ย่อมมีความแตกต่างกันไป นอกจากนี้ผลการวิเคราะห์ดังกล่าวยังสอดคล้องกับงานวิจัยของ พจนา เบญจมาศ (2558) ที่ทำการวิจัยเรื่องทำการวิจัยเรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 ต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์เรื่องสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว โดย
58 ใช้วิธีการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI ผลการวิจัยพบว่า ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว โดยใช้วิธีการเรียนรู้ แบบร่วมมือเทคนิค TAI สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับงานวิจัยของฒิชากร ปริญญากาญจน์ (2561) ที่ทำการวิจัยเรื่อง การพัฒนา ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TAI เพื่อพัฒนาผลการเรียนรู้ เรื่องการบวกและการลบเลข ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความ พึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการใช้ชุดกิจกรรม ผลการวิจัยพบว่า มีความพึงพอใจ ในชุดกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกับการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค TAI อยู่ในระดับมาก และสอดคล้องกับ งานวิจัยของภัทรลดา ประมาณพล (2560) ที่ทำการวิจัยเรื่อง การพัฒนาชุดกิจกรรม เรื่อง จำนวนนับ และการบวก การลบ การคูณ การหาร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้เทคนิค TAI โดยมี วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความพึงพอใจ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีต่อชุดกิจกรรมเรื่อง จำนวนนับ และการบวก การลบ การคูณ การหาร โดยใช้เทคนิค TAI ผลการวิจัยพบว่า ความพึงพอใจ ต่อชุดกิจกรม เรื่อง จำนวนนับ และการบวก การลบ การคูณ การหาร โดยใช้เทคนิค TAI มีค่าเฉลี่ย 2.92 ซึ่งมีความพึงพอใจอยู่ในระดับปานกลาง จากการอภิปรายผลการวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวข้างต้น จึงลงข้อสรุปว่า การจัดกิจกรรมการ เรียนรู้เรื่องการคูณและการหารเศษส่วน โดยการทดลองใช้แบบฝึกเสริมทักษะร่วมกับเทคนิค TAI มีผล ต่อระดับความพึงพอใจของนักเรียน ซึ่งสอดคล้องกับสมมติฐานการวิจัยที่กำหนดขึ้นคือ การจัดกิจกรรม การเรียนรู้โดยใช้ การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TAI และแบบฝึกเสริมทักษะ เรื่องการคูณ และการหารเศษส่วนมีผลต่อระดับความพึงพอใจ ข้อเสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะการใช้ประโยชน์ผลการวิจัย 1.1 การจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TAI และแบบฝึก เสริมทักษะ ไม่ควรให้นักเรียนจัดกลุ่มกันเอง ทั้งนี้เพราะส่วนใหญ่คนเก่งจะอยู่กับคนเก่ง และคนเรียน อ่อนจะเกิดเจตคติที่ไม่ดีต่อการทำกิจกรรมกลุ่ม เนื่องจากไม่มีคนเลือกเข้ากลุ่ม ดังนั้นครูควรหาวิธีการ จัดกลุ่มนักเรียนให้คละความสามารถ 1.2 การจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TAI และแบบฝึก เสริมทักษะ ครูควรอธิบายบทบาทหน้าที่ของสมาชิกภายในกลุ่ม ข้อตกลงในการทำกิจกรรมร่วมกัน และ ขั้นตอนการให้คะแนนอย่างชัดเจน เพื่อกระตุ้นให้สมาชิกในกลุ่มช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
59 2. ข้อเสนอแนะการศึกษาเพิ่มเติมหรือทำวิจัยต่อยอด 2.1 ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TAI และแบบฝึกเสริมทักษะ ผสมผสานกับวิธีการสอนอื่น ๆ ทั้งนี้เพื่อพัฒนารูปแบบการเรียนรู้แบบ ร่วมมือด้วยเทคนิค TAI และแบบฝึกเสริมทักษะให้เข้ากับยุคสมัย สังคมปัจจุบัน
60 เอกสารอ้างอิง กระทรวงศึกษาธิการ. (2545). หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544. กรุงเทพฯ : กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ _______. (2551ก). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมชน สหกรณ์การแกษตรแห่งประเทศไทย _______. (2551ข). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมชน สหกรณ์การแกษตรแห่งประเทศไทย จำเนียร แซ่เล่า. (2561). การพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องการคูณ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่4. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.ska2.go.th/reis/data/research/25640617_154652_7128.pdf? fbclid=IwAR2CWjH_Su95lIeZqqhv08EVzZJEznzz1oejm2nQyunpHIzv6NuA3glBzx4 ชวลิต ชูกำแพง. (2550). การประเมินการเรียนรู้. มหาสารคาม : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม _______. (2551). การพัฒนาหลักสูตาการสอน. มหาสารคาม : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ฒิชากร ปริญญากาญจน์. (2561). การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วย เทคนิค TAI เพื่อพัฒนาผลการเรียนรู้เรื่องการบวกและการลบเลขของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่2. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://ithesisir.su.ac.th/dspace/bitstream/123456789/2231/1/57253401.pdf ?fbclid=IwAR0qfD4i53a7Rhg69OuyiWL_Yq9g1G72NMSwcng8PyVfwVeIFU46_wtzZV8 ดวงกลม สินเพ็ง. (2551). การพัฒนาผู้เรียนสู่สังคมแห่งการเรียนรู้เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดวงแสง ณ นคร. (2549). การใช้สื่อการสอน. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรามคำแหง ทิศนา แขมมณี. (2545). 14 วิธีการสอนสำหรับครูมืออาชีพ. (พิมพ์ครั้งที่ 4). กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย _______. (2550). ศาสตร์การสอน. (พิมพ์ครั้งที่ 6). กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พจนา เบญจมาศ. (2558). การพัฒนาแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. (ออนไลน์). แหล่งที่มา :file:///C:/Users/CITs/Downloads/Podjana%20Benjamas%20(1).pdf
61 นพพร ธนะชัยขันธ์. (2552). สถิติเพื่อการวิจัย. เชียงราย : คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏ เชียงราย บุญชุม ศรีสะอาด. (2556). การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 9 กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น ประภาพรรณ เส็งวงศ์. (2551). การพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ด้วยการวิจัยในชั้นเรียน. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯซ อี.เค.บุ๊คส์. ประสาท อิศรปรีดา. (2547). สารัตถะจิตวิทยาการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 4. มหาสารคาม : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัย มหาสารคาม ภัทรลดา ประมาณพล. (2560). การพัฒนาชุดกจิกรรม เรื่องจำนวนนับ และการบวกการลบ การคูณ การหาร สำหรับนักเรียนชันประถมศึกษาปีที่6 โดยใช้เทคนิค TAI. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://etheses.rbru.ac.th/pdf-uploads/allfile-264-file01-2018-08-23-09-46- 44.pdf?fbclid=IwAR32yrP7_bMhL-DnwuPcT_FKMFujjNqP8B0REV0YMb6ZPWxIc9XUd8f3oW4 ยุพิน พิพิธกุล. (2549). การสอนคณิตศาสตร์สำหรับประถม. กรุงเทพฯ: ม.ป.พ. รัตนะ บัวสนธิ์. (2552). การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมทางการศึกษา. กรุงเทพทหานคร คำสมัย. ราชบัณฑิตยสถาน. (2546). พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ: อักษรเจริญทัศน์ วิชัย วงษ์ใหญ่ (2525). พัฒนาหลักสูตรและการสอน-มิติใหม่. พิมพ์ครั้งที่ 3 กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น. สุนันทา สุนทรประเสริฐ. (2545). การผลิดชุดการสอน. ชัยนาท: ชมรมพัฒนาความรู้ด้านระเบียบกฎหมาย. Artzt, A. F. a. C., M. Newman,. (1990). Cooperative Learning The Mathematics Teacher. Slavin, R. E. (1987). Cooperative Learning and Coopretive. School Educational, 24(2), 1024. Slavin, R. E. (1995). Cooperative Learning(Vol. 2). London: Allyn and Bacon.
62 ภาคผนวก
63 ภาคผนวกที่ 1 แผนการจัดการเรียนรู้โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TAI
64 แผนการจัดการเรียนรู้ รหัส ค 15101 รายวิชาคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้เรื่อง เศษส่วน ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 จํานวน 4 คาบ/สัปดาห์ แผนการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องการคูณเศษส่วน เวลา 2 คาบ ชื่อผู้สอน ......................................................... โรงเรียน………………… วันที่.............เดือน...................พ.ศ. .................. คะแนนเก็บ.........คะแนน มาตรฐานการเรียนรู้ ค1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจำนวนระบบจำนวนการดำเนินการของจำนวนผลที่ เกิดขึ้นจากการดำเนินการสมบัติของการดำเนินการและนำไปใช้ ตัวชี้วัด ค 1.1 ป.5/4 หาผลคูณผลหาร ของเศษส่วนและจำนวนคละ สาระสําคัญ การคูณจำนวนนับกับเศษส่วนทำได้โดยนำจำนวนนับคูณกับตัวเศษโดยตัวส่วนยังคงเดิม จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. ด้านความรู้ (Knowledge) นักเรียนสามารถอธิบายการหาผลคูณของจำนวนนับกับเศษส่วนได้ 2. ด้านทักษะ/กระบวนการ (Process/Products) นักเรียนสามารถแสดงการหาผลคูณของจำนวนนับกับเศษส่วนได้ 3. ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (Attitude) ส่งเสริมให้นักเรียนมุ่งมั่นในการทำงาน สมรรถนะนักเรียน - ความสามารถในการคิด - ความสามารถในการแก้ปัญหา สาระการเรียนรู้(เนื้อหา) - การคูณจำนวนนับกับเศษส่วนทำได้โดยนำจำนวนนับคูณกับตัวเศษโดยตัวส่วนยังคงเดิม - เศษส่วนของจำนวนนับ สามารถเขียนในรูปการณ์คูณเศษส่วนได้คือ จำนวนนับคูณด้วย เศษส่วน
65 รูปแบบวิธีการจัดประสบการเรียนรู้ รูปแบบการสอนใช้เทคนิค TAI (Slavin, 2533) ประกอบด้วย 8 ขั้นตอน 1. การจัดกลุ่ม 2. การทดสอบเพื่อจัดระดับ 3. เนื้อหาและวัสดุหลักสูตร 4. การเรียนเป็นกลุ่ม 5. คะแนนกลุ่มและความสำเร็จของกลุ่ม 6. การสอนกลุ่มย่อย 7. การทดสอบแบบฝึกเสริมทักษะ 8. การสอนร่วมกันทั้งชั้นเรียน ลําดับขั้นการจัดประสบการณ์เรียนรู้ 1. ขั้นการจัดกลุ่ม ครูจัดกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 4-5 คน โดยสมาชิกในกลุ่มจะประกอบด้วย นักเรียนเก่ง ปานกลาง อ่อน และคละเพศกัน 2. ขั้นการทดสอบเพื่อจัดระดับ ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนเพื่อตรวจสอบความเหมาะสมในการเรียนเนื้อหา โดยจะ จัดตามลำดับของคะแนนที่ได้ 3. ขั้นเนื้อหาและวัสดุหลักสูตร 3.1 ครูอธิบายการคูณเศษส่วนด้วยจำนวนนับ สามารถหาผลคูณได้ 2 วิธี ได้แก่ วิธีที่ 1 นำจำนวนนับคูณกับตัวเศษ ตัวส่วนคงเดิม วิธีที่ 2 นำตัวส่วนไปหารจำนวนนับ แล้วคูณกับตัวเศษ เช่น 10 × 1 5 เท่ากับเท่าไหร่
66 3.2 ครูอธิบายวิธีการหาคำตอบของเศษส่วน 3.3 ครูอธิบายเรื่อง เศษส่วนของจำนวนนับ สามารถเขียนในรูปการณ์คูณเศษส่วนได้ คือ จำนวนนับคูณด้วยเศษส่วน เช่น 3.4 ครูอธิบายวิธีการหาคำตอบของเศษส่วน 4. ขั้นการเรียนเป็นกลุ่ม 4.1 ครูให้สมาชิกในแต่ละกลุ่มจับคู่กันเพื่อเช็คหรือตรวจสอบความถูกต้องซึ่งกันและกัน 4.2 นักเรียนศึกษาเอกสารแนะนำบทเรียนและถามหากไม่เข้าใจ 4.3 นักเรียนแต่ละคนเริ่มทำแบบฝึกเสริมทักษะแล้วให้เพื่อนร่วมกลุ่มตรวจคำตอบตามด้านหลัง ของแบบฝึกเสริมทักษะ ถ้าพบว่านักเรียนไม่ผ่านข้อใดกลุ่มจะต้องอธิบายหรือสอนให้เข้าใจก่อนที่จะถาม ครูจนกว่าจะผ่านและทำแบบฝึกเสริมทักษะต่อไป
67 5. ขั้นคะแนนกลุ่มและความสำเร็จของกลุ่ม ในวันสุดท้ายของแต่ละสัปดาห์ ครูจะรวบรวมคะแนนกลุ่ม ซึ่งได้จากการเอาคะแนนซึ่งสมาชิกแต่ ละคนได้รับจากการทำแบบฝึกเสริมทักษะ มาหาคะแนนเฉลี่ยของกลุ่ม เกณฑ์การให้รางวัลเป็น 3 ระดับ คือ กลุ่มที่ได้คะแนนสูงสุดเป็นกลุ่มชนะเลิศ (Super Team) กลุ่มที่ได้คะแนนปานกลางเป็นกลุ่มรอง ชนะเลิศ (Great Team) และกลุ่มที่ได้คะแนนน้อยเป็นกลุ่มดี (Good Team) กลุ่มชนะเลิศและรอง ชนะเลิศก็จะได้รับใบรับรองเป็นรางวัล 6. ขั้นการสอนกลุ่มย่อย ครูจะใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ในการสอนกลุ่มย่อยทุกวัน โดยเลือกนักเรียนจากกลุ่มต่างๆ ที่เรียนเนื้อหาเดียวกันมารวมกันเพื่อให้ข้อแนะนำ 7. ขั้นการทดสอบแบบฝึกเสริมทักษะ ให้นักเรียนทำการทดสอบแบบฝึกเสริมทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ โดยนักเรียนจะได้รับใบ ความรู้ในแบบฝึกเสริมทักษะไปศึกษาที่บ้านเพื่อเตรียมตัวก่อนทำการทดสอบ 8. ขั้นการสอนร่วมกันทั้งชั้นเรียน ครูสรุปว่าการคูณจำนวนนับกับเศษส่วนทำได้โดยนำจำนวนนับคูณกับตัวเศษโดยตัวส่วนยังคงเดิม และครูสรุปว่าเศษส่วนของจำนวนนับสามารถเขียนในรูปการณ์คูณเศษส่วนได้คือจำนวนนับคูณด้วย เศษส่วน สื่อ/ แหล่งการเรียนรู้ แบบฝึกเสริมทักษะรายวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
68 การวัดและประเมินผล 1. กรอบการวัดและประเมินผล กําหนดกรอบการวัดและประเมินผลดังตาราง ตาราง: แสดงกรอบการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ (ข้อที่) วิธีการวัดผล เครื่องมือวัดผล เกณฑ์การประเมิน 1. นักเรียนสามารถหา ผลคูณของจำนวนนับกับ เศษส่วนได้(K) - ทำแบบฝึกเสริมทักษะ คณิตศาสตร์ ที่ 1 - ทำแบบฝึกเสริมทักษะ คณิตศาสตร์ ที่ 2 การคูณเศษส่วน - แบบฝึกเสริมทักษะ คณิตศาสตร์ที่ 1 - แบบฝึกเสริมทักษะ คณิตศาสตร์ที่ 2 การคูณเศษส่วน นักเรียนทำแบบฝึก เสริมทักษะถูกต้อง ร้อยละ 70 ขึ้นไป 2. นักเรียนสามารถแสดง การหาผลคูณของจำนวน นับกับเศษส่วนได้(P) - ทำแบบฝึกเสริมทักษะ คณิตศาสตร์ที่ 1 - ทำแบบฝึกเสริมทักษะ คณิตศาสตร์ที่ 2 การคูณเศษส่วน - แบบฝึกเสริมทักษะ คณิตศาสตร์ที่ 1 - แบบฝึกเสริมทักษะ คณิตศาสตร์ที่ 2 การคูณเศษส่วน นักเรียนทำแบบฝึก เสริมทักษะถูกต้อง ร้อยละ 70 ขึ้นไป 3. ส่งเสริมให้นักเรียน มุ่งมั่นในการทำงาน (A) สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม นักเรียนมีพฤติกรรม การเรียนรู้ระดับดี
69 2. เกณฑ์การประเมิน 2.1 เกณฑ์การประเมินคะแนนรูบริค (Rubric Score) ใช้เกณฑ์ประเมินโดยเขียนตัวรูบริคแบบ แยกให้คะแนนเป็นรายข้อ (Analytical Rubric Score) ดังตาราง ตาราง: แสดงเกณฑ์การประเมินคะแนนรูบริคเขียนโดยเขียนตัวรูบริค แบบแยกให้คะแนนเป็นรายข้อ จุดประสงค์ เกณฑ์การให้คะแนน 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง) 1. นักเรียนสามารถหา ผลคูณของจำนวนนับ กับเศษส่วนได้(K) นักเรียนทำแบบ ฝึกเสริมทักษะ ถูกต้องร้อยละ 70 ขึ้นไป นักเรียนทำแบบ ฝึกเสริมทักษะ ถูกต้องร้อยละ 60 - 69 นักเรียนทำแบบ ฝึกเสริมทักษะ ถูกต้องร้อยละ 50 - 59 นักเรียนทำแบบ ฝึกเสริมทักษะ ถูกต้องน้อยกว่า ร้อยละ 50 2. นักเรียนสามารถ แสดงการหาผลคูณ ของจำนวนนับกับ เศษส่วนได้(P) นักเรียนทำแบบ ฝึกเสริมทักษะ ถูกต้องร้อยละ 70 ขึ้นไป นักเรียนทำแบบ ฝึกเสริมทักษะ ถูกต้องร้อยละ 60 - 69 นักเรียนทำแบบ ฝึกเสริมทักษะ ถูกต้องร้อยละ 50 - 59 นักเรียนทำแบบ ฝึกเสริมทักษะ ถูกต้องน้อยกว่า ร้อยละ 50 3. ส่งเสริมให้นักเรียน มุ่งมั่นในการทำงาน (A) นักเรียนมีส่วน ร่วมในการทำ กิจกรรม มีส่วน ร่วมในการแสดง ความคิดเห็น ทำงานตามที่ ได้รับมอบหมาย นักเรียนมีส่วน ร่วมในการทำ กิจกรรม มีส่วน ร่วมในการแสดง ความคิดเห็น นักเรียนมีส่วน ร่วมในการทำ กิจกรรม บ้าง เป็นบางครั้ง นักเรียนไม่ให้ ความร่วมมือใน การทำกิจกรรม 2.2 เกณฑ์กำหนดระดับมาตรฐานผลการเรียนรู้ กําหนดเกณฑ์แบบแยกเป็นรายด้านคือ ด้าน ความรู้ ด้านทักษะกระบวนการ และด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ แต่ละด้านกําหนดระดับมาตรฐานผล การเรียนรู้เป็น 4 ระดับคือ ระดับดีมาก ระดับดี ระดับพอใช้ และระดับต้องปรับปรุง แต่ละระดับมาตรฐาน กําหนดเกณฑ์การประเมินจากคะแนนรูบริคเต็ม ดังนี้ มีคะแนนรูบริคอย่างน้อยร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม มีมาตรฐานผลการเรียนรู้ที่ระดับดีมาก มีคะแนนรูบริคร้อยละ 60 - 69 ของคะแนนเต็ม มีมาตรฐานผลการเรียนรู้ที่ระดับ ดี มีคะแนนรูบริคร้อยละ 50 - 59 ของคะแนนเต็ม มีมาตรฐานผลการเรียนรู้ที่ระดับ พอใช้
70 มีคะแนนรูบริคน้อยกว่าร้อยละ 50ของคะแนนเต็ม มีมาตรฐานผลการเรียนรู้ที่ระดับ ต้องปรับปรุง 2.3 เกณฑ์ประเมินผลผ่านการเรียนรู้ใช้เกณฑ์ประเมินแบบแยกเป็นรายด้านคือด้านความรู้ ด้านทักษะกระบวนการ และด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ แต่ละด้านกําหนดเกณฑ์ประเมินผ่านผลการ เรียนรู้โดย อิงระดับมาตรฐานผลการเรียนรู้ ดังนี้ ระดับบุคคล นักเรียนต้องมีผลการเรียนรู้อย่างน้อยตั้งแต่ระดับมาตรฐานดีถือว่า ผ่านการประเมิน (ประกันผลการเรียนรู้ของนักเรียน) ระดับชั้นเรียน มีจํานวนนักเรียนอย่างน้อยร้อยละ 60 ของจํานวนทั้งหมดมีผลการเรียนรู้อย่าง น้อยตั้งแต่ ระดับมาตรฐานดีถือว่าการจัดประสบการณ์เรียนรู้บรรลุตามจุดประสงค์การเรียนรู้ที่กําหนดใน แผนการจัดการเรียนรู้(ประกันการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของครู) 2.4 เกณฑ์การตัดสินคะแนนเก็บ จํานวนคะแนนที่เก็บ 15 คะแนน จากคะแนนรวมทั้งหมด 60 คะแนน เกณฑ์การคิดคะแนนเก็บคํานวณดังนี้ จํานวนคะแนนเก็บของนักเรียน = จํานวนคะแนนจากการวัดและประเมินผล จํานวนคะแนนเก็บของแผน จํานวนคะแนนเต็มจากทุกกิจกรรมรวมกัน 3. ผลการประเมิน จําแนกผลการประเมินผลการเรียนรู้เป็นรายด้านคือ ด้านความรู้ ด้านทักษะ กระบวนการ และด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ดังนี้ 3.1 ด้านความรู้ ระดับบุคคล จํานวนนักเรียนทั้งหมด......คนมีผลการเรียนรู้อยู่ที่ระดับมาตรฐานดีมากจํานวน.........คน คิดเป็นร้อยละ.....ที่ระดับมาตรฐาน ดี จํานวน......คน คิดเป็นร้อยละ... ที่ระดับมาตรฐานพอใช้ จํานวน......คน คิดเป็นร้อยละ.....และ ที่ระดับมาตรฐานต้องปรับปรุง จํานวน......คน คิดเป็นร้อยละ...... ระดับชั้นเรียน นักเรียนที่มีผลการเรียนรู้อย่างน้อยตั้งแตร่ะดับมาตรฐาน......จํานวน.......คน ถือว่า ผ่านเกณฑ์การประเมินผลการเรียนรู้คิดเป็นร้อยละ.....และมีนักเรียนที่มีผลการเรียนรู้ต่ำกว่าระดับ มาตรฐาน.......จํานวน......คนถือว่าไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินผลการเรียนรู้คดิเป็นร้อยละ.......ดังนั้น ถือว่า การจัดประสบการเรียนรู้ด้านความรู้ของแผนการจัดการเรียนรู้▢ ประสบความสําเร็จ ▢ ไม่ประสบ ความสําเร็จตามจุดประสงค์การเรียนรู้ 3.2 ด้านทักษะกระบวนการ ระดับบุคคลจํานวนนักเรียนทั้งหมด........คน มีผลการเรียนรู้อยู่ที่ระดับมาตรฐาน ดีมากจํานวน..........คน คิดเป็นร้อยละ.....ระดับมาตรฐาน ดี จํานวน......คน คิดเป็นร้อยละ... ที่ระดับมาตรฐาน พอใช้ จํานวน......คน คิด เป็นร้อยละ.....และที่ระดับมาตรฐาน ต้องปรับปรุง จํานวน......คน คิดเป็นร้อยละ......
71 ระดับชั้นเรียน นักเรียนที่มีผลการเรียนรู้อย่างน้อยตั้งแต่ระดับมาตรฐาน......จํานวน.......คน ถือว่าผ่าน เกณฑ์การประเมินผลการเรียนรู้คิดเป็นร้อยละ.....และมีนักเรียนที่มีผลลการเรียนรู้ต่ำกว่าระดับมาตรฐาน....... จํานวน......คนถือว่าไม่ผ่าน เกณฑ์การประเมินผลการเรียนรู้คิดเป็นร้อยละ.......ดังนั้น ถือว่าการจัดประสบการณ์ เรียนรู้ด้านทักษะกระบวนการของแผนการจัดการเรียนรู้ ▢ ประสบความสําเร็จ ▢ ไม่ประสบความสําเร็จตาม จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับบุคคลจํานวนนักเรียนทั้งหมด........คนมผีลการเรียนรู้อยู่ที่ระดับมาตรฐาน ดีมากจํานวน..........คน คิดเป็นร้อยละ.....ระดับมาตรฐาน ดี จํานวน......คน คิดเป็นร้อยละ... ที่ระดับมาตรฐาน พอใช้ จํานวน......คน คิด เป็นร้อยละ.....และที่ระดับมาตรฐาน ต้องปรับปรุง จํานวน......คน คิดเป็นร้อยละ...... ระดับชั้นเรียน นักเรียนที่มีผลการเรียนรู้อย่างน้อยตั้งแต่ระดับมาตรฐาน......จํานวน.......คน ถือว่าผ่าน เกณฑ์การประเมินผลการเรียนรู้คิดเป็นร้อยละ.....และมีนักเรียนที่มีผลการเรียนรู้ต่ำกว่าระดับมาตรฐาน....... จำนวน......คนถือว่าไม่ผ่าน เกณฑ์การประเมินผลการเรียนรู้คิดเป็นร้อยละ.......ดังนั้นถือว่าการจัดประสบการณ์ เรียนรู้ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของ แผนการจัดการเรียนรู้ ▢ ประสบความสําเร็จ ▢ ไม่ประสบ ความสำเร็จตามจุดประสงค์การเรียนรู้
72 บันทึกหลังแผน ผลการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ปัญหา/อุปสรรค ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ..........................................ผู้บันทึก (...............................................) ........../..................../.............
73 บันทึกความเห็นของผู้ตรวจสอบแผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ลงชื่อ..................................................... ( ....................................... ) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ ........../..................../.............. บันทึกความเห็นของผู้ช่วยผู้อํานวยการกลุ่มบริหารวิชาการ ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ลงชื่อ..................................................... ( ....................................... ) ผู้ช่วยผู้อำนวยการกลุ่มบริหารวิชาการ ........../..................../.............. บันทึกความเห็นของของผู้บริหาร ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ลงชื่อ..................................................... ( ....................................... ) ผู้อำนวยการโรงเรียน ........../..................../..............
74
75
76
77
78
79
80
81
82 แผนการจัดการเรียนรู้ รหัส ค 15101 รายวิชาคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้เรื่อง เศษส่วน ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 จํานวน 4 คาบ/สัปดาห์ แผนการเรียนรู้ที่ 2 เรื่องการคูณเศษส่วนกับเศษส่วน เวลา 2 คาบ ชื่อผู้สอน ......................................................... โรงเรียน………………… วันที่.............เดือน...................พ.ศ. .................. คะแนนเก็บ.........คะแนน มาตรฐานการเรียนรู้ ค1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจำนวนระบบจำนวนการดำเนินการของจำนวนผลที่ เกิดขึ้นจากการดำเนินการสมบัติของการดำเนินการและนำไปใช้ ตัวชี้วัด ค 1.1 ป.5/4 หาผลคูณผลหาร ของเศษส่วนและจำนวนคละ สาระสําคัญ การคูณเศษส่วนกับเศษส่วนใช้วิธีนำตัวเศษคูณกับตัวเศษและตัวส่วนคูณกับตัวส่วนหรือ ถ้าตัวเศษ และตัวส่วนมีตัวประกอบร่วมให้นำตัวประกอบร่วมมาหารทั้งตัวเศษและตัวส่วนก่อน จึงหาผลคูณ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. ด้านความรู้ (Knowledge) นักเรียนสามารถอธิบายการหาผลคูณของเศษส่วนกับเศษส่วนได้ 2. ด้านทักษะ/กระบวนการ (Process/Products) นักเรียนสามารถแสดงการหาผลคูณของเศษส่วนกับเศษส่วนได้ 3. ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (Attitude) ส่งเสริมให้นักเรียนมุ่งมั่นในการทำงาน สมรรถนะนักเรียน - ความสามารถในการคิด - ความสามารถในการแก้ปัญหา สาระการเรียนรู้(เนื้อหา) การคูณเศษส่วนกับเศษส่วน ทำได้โดยนำตัวเศษคูณกับตัวเศษและตัวส่วนคูณกับตัวส่วน รูปแบบวิธีการจัดประสบการเรียนรู้ รูปแบบการสอนใช้เทคนิค TAI (Slavin, 2533)
83 ประกอบด้วย 8 ขั้นตอน 1. การจัดกลุ่ม 2. การทดสอบเพื่อจัดระดับ 3. เนื้อหาและวัสดุหลักสูตร 4. การเรียนเป็นกลุ่ม 5. คะแนนกลุ่มและความสำเร็จของกลุ่ม 6. การสอนกลุ่มย่อย 7. การทดสอบแบบฝึกเสริมทักษะ 8. การสอนร่วมกันทั้งชั้นเรียน ลําดับขั้นการจัดประสบการณ์เรียนรู้ 1. ขั้นการจัดกลุ่ม ครูจัดกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 4-5 คน โดยสมาชิกในกลุ่มจะประกอบด้วย นักเรียนเก่ง ปาน กลาง อ่อน และคละเพศกัน 2. ขั้นการทดสอบเพื่อจัดระดับ ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนเพื่อตรวจสอบความเหมาะสมในการเรียนเนื้อหา โดย จะจัดตามลำดับของคะแนนที่ได้ 3. ขั้นเนื้อหาและวัสดุหลักสูตร 3.1 ครูอธิบายการหาส่วนที่แรเงาซ้อนกัน ดังนี้
84 3.2 ครูอธิบายวิธีการคูณเศษส่วนกับเศษส่วน 4. ขั้นการเรียนเป็นกลุ่ม 4.1 ครูให้สมาชิกในแต่ละกลุ่มจับคู่กันเพื่อเช็คหรือตรวจสอบความถูกต้องซึ่งกันและกัน 4.2 นักเรียนศึกษาเอกสารแนะนำบทเรียนและถามหากไม่เข้าใจ 4.3 นักเรียนแต่ละคนเริ่มทำแบบฝึกเสริมทักษะแล้วให้เพื่อนร่วมกลุ่มตรวจคำตอบตาม ด้านหลังของแบบฝึกเสริมทักษะ ถ้าพบว่านักเรียนไม่ผ่านข้อใดกลุ่มจะต้องอธิบายหรือสอนให้เข้าใจก่อนที่ จะถามครูจนกว่าจะผ่านและทำแบบฝึกเสริมทักษะต่อไป 5. ขั้นคะแนนกลุ่มและความสำเร็จของกลุ่ม ในวันสุดท้ายของแต่ละสัปดาห์ ครูจะรวบรวมคะแนนกลุ่ม ซึ่งได้จากการเอาคะแนนซึ่งสมาชิก แต่ละคนได้รับจากการทำแบบฝึกเสริมทักษะ มาหาคะแนนเฉลี่ยของกลุ่ม เกณฑ์การให้รางวัลเป็น 3 ระดับ คือ กลุ่มที่ได้คะแนนสูงสุดเป็นกลุ่มชนะเลิศ (Super Team) กลุ่มที่ได้คะแนนปานกลางเป็นกลุ่ม รองชนะเลิศ (Great Team) และกลุ่มที่ได้คะแนนน้อยเป็นกลุ่มดี (Good Team) กลุ่มชนะเลิศและรอง ชนะเลิศก็จะได้รับใบรับรองเป็นรางวัล 6. ขั้นการสอนกลุ่มย่อย ครูจะใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ในการสอนกลุ่มย่อยทุกวัน โดยเลือกนักเรียนจากกลุ่ม ต่างๆ ที่เรียนเนื้อหาเดียวกันมารวมกันเพื่อให้ข้อแนะนำ 7. ขั้นการทดสอบแบบฝึกเสริมทักษะ ให้นักเรียนทำการทดสอบแบบฝึกเสริมทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์โดยนักเรียนจะได้รับใบ ความรู้ในแบบฝึกเสริมทักษะไปศึกษาที่บ้านเพื่อเตรียมตัวก่อนทำการทดสอบ
85 8. ขั้นการสอนร่วมกันทั้งชั้นเรียน ครูสรุปว่าการคูณเศษส่วนกับเศษส่วน ทำได้โดยนำตัวเศษคูณกับตัวเศษและตัวส่วนคูณกับตัวส่วน สื่อ/ แหล่งการเรียนรู้ แบบฝึกเสริมทักษะรายวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 การวัดและประเมินผล 1. กรอบการวัดและประเมินผล กําหนดกรอบการวัดและประเมินผลดังตาราง ตาราง: แสดงกรอบการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ (ข้อที่) วิธีการวัดผล เครื่องมือวัดผล เกณฑ์การประเมิน 1.นักเรียนสามารถหาผลคูณ ของเศษส่วนกับเศษส่วนได้ (K) - ทำแบบฝึกเสริม ทักษะคณิตศาสตร์ที่ 3 การคูณเศษส่วน - ทำแบบฝึกเสริม ทักษะคณิตศาสตร์ที่ 4 การคูณเศษส่วน - แบบฝึกเสริมทักษะ คณิตศาสตร์ที่ 3 การ คูณเศษส่วน -แบบฝึกเสริมทักษะ คณิตศาสตร์ที่ 4 การ คูณเศษส่วน นักเรียนทำแบบฝึก เสริมทักษะถูกต้อง ร้อยละ 70 ขึ้นไป 2.นักเรียนสามารถแสดงการ หาผลคูณของเศษส่วนกับ เศษส่วนได้ (P) - ทำแบบฝึกเสริม ทักษะคณิตศาสตร์ที่ 3 การคูณเศษส่วน - ทำแบบฝึกเสริม ทักษะคณิตศาสตร์ที่ 4 การคูณเศษส่วน - แบบฝึกเสริมทักษะ คณิตศาสตร์ที่ 3 การ คูณเศษส่วน -แบบฝึกเสริมทักษะ คณิตศาสตร์ที่ 4 การ คูณเศษส่วน นักเรียนทำแบบฝึก เสริมทักษะถูกต้อง ร้อยละ 70 ขึ้นไป 3. ส่งเสริมให้นักเรียนมุ่งมั่นใน การทำงาน (A) สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม นักเรียนมีพฤติกรรม การเรียนรู้ระดับดี
86 2. เกณฑ์การประเมิน 2.1 เกณฑ์การประเมินคะแนนรูบริค (Rubric Score) ใช้เกณฑ์ประเมินโดยเขียนตัวรูบริคแบบ แยกให้คะแนนเป็นรายข้อ (Analytical Rubric Score) ดังตาราง ตาราง: แสดงเกณฑ์การประเมินคะแนนรูบริคเขียนโดยเขียนตัวรูบริค แบบแยกให้คะแนนเป็นรายข้อ จุดประสงค์ เกณฑ์การให้คะแนน 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง) 1. นักเรียนสามารถหา ผลคูณของเศษส่วนกับ เศษส่วนได (K) นักเรียนทำแบบ ฝึกเสริมทักษะ ถูกต้องร้อยละ 70 ขึ้นไป นักเรียนทำแบบ ฝึกเสริมทักษะ ถูกต้องร้อยละ 60 - 69 นักเรียนทำแบบ ฝึกเสริมทักษะ ถูกต้องร้อยละ 50 - 59 นักเรียนทำแบบ ฝึกเสริมทักษะ ถูกต้องน้อยกว่า ร้อยละ 50 2. นักเรียนสามารถ แสดงการหาผลคูณของ เศษส่วนกับเศษส่วนได้ (P) นักเรียนทำแบบ ฝึกเสริมทักษะ ถูกต้องร้อยละ 70 ขึ้นไป นักเรียนทำแบบ ฝึกเสริมทักษะ ถูกต้องร้อยละ 60 - 69 นักเรียนทำแบบ ฝึกเสริมทักษะ ถูกต้องร้อยละ 50 - 59 นักเรียนทำแบบ ฝึกเสริมทักษะ ถูกต้องน้อยกว่า ร้อยละ 50 3. ส่งเสริมให้นักเรียน มุ่งมั่นในการทำงาน (A) นักเรียนมีส่วน ร่วมในการทำ กิจกรรม มีส่วน ร่วมในการแสดง ความคิดเห็น ทำงานตามที่ ได้รับมอบหมาย นักเรียนมีส่วน ร่วมในการทำ กิจกรรม มีส่วน ร่วมในการแสดง ความคิดเห็น นักเรียนมีส่วน ร่วมในการทำ กิจกรรม บ้าง เป็นบางครั้ง นักเรียนไม่ให้ ความร่วมมือใน การทำกิจกรรม 2.2 เกณฑ์กำหนดระดับมาตรฐานผลการเรียนรู้ กําหนดเกณฑ์แบบแยกเป็นรายด้านคือ ด้าน ความรู้ ด้านทักษะกระบวนการ และด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ แต่ละด้านกําหนดระดับมาตรฐานผล การเรียนรู้เป็น 4 ระดับคือ ระดับดีมาก ระดับดี ระดับพอใช้ และระดับต้องปรับปรุง แต่ละระดับมาตรฐาน กําหนดเกณฑ์การประเมินจากคะแนนรูบริคเต็ม ดังนี้ มีคะแนนรูบริคอย่างน้อยร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม มีมาตรฐานผลการเรียนรู้ที่ระดับดีมาก มีคะแนนรูบริคร้อยละ 60 - 69 ของคะแนนเต็ม มีมาตรฐานผลการเรียนรู้ที่ระดับ ดี
87 มีคะแนนรูบริคร้อยละ 50 - 59 ของคะแนนเต็ม มีมาตรฐานผลการเรียนรู้ที่ระดับ พอใช้ มีคะแนนรูบริคน้อยกว่าร้อยละ 50ของคะแนนเต็ม มีมาตรฐานผลการเรียนรู้ที่ระดับ ต้องปรับปรุง 2.3 เกณฑ์ประเมินผลผ่านการเรียนรู้ใช้เกณฑ์ประเมินแบบแยกเป็นรายด้านคือด้านความรู้ ด้านทักษะกระบวนการ และด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ แต่ละด้านกําหนดเกณฑ์ประเมินผ่านผลการ เรียนรู้โดย อิงระดับมาตรฐานผลการเรียนรู้ ดังนี้ ระดับบุคคล นักเรียนต้องมีผลการเรียนรู้อย่างน้อยตั้งแต่ระดับมาตรฐานดีถือว่า ผ่านการประเมิน (ประกันผลการเรียนรู้ของนักเรียน) ระดับชั้นเรียน มีจํานวนนักเรียนอย่างน้อยร้อยละ 60 ของจํานวนทั้งหมดมีผลการเรียนรู้อย่าง น้อยตั้งแต่ ระดับมาตรฐานดีถือว่าการจัดประสบการณ์เรียนรู้บรรลุตามจุดประสงค์การเรียนรู้ที่กําหนดใน แผนการจัดการเรียนรู้(ประกันการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของครู) 2.4 เกณฑ์การตัดสินคะแนนเก็บ จํานวนคะแนนที่เก็บ 15 คะแนน จากคะแนนรวมทั้งหมด 60 คะแนน เกณฑ์การคิดคะแนนเก็บคํานวณดังนี้ จํานวนคะแนนเก็บของนักเรียน = จํานวนคะแนนจากการวัดและประเมินผล จํานวนคะแนนเก็บของแผน จํานวนคะแนนเต็มจากทุกกิจกรรมรวมกัน 3. ผลการประเมิน จําแนกผลการประเมินผลการเรียนรู้เป็นรายด้านคือ ด้านความรู้ ด้านทักษะ กระบวนการ และด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ดังนี้ 3.1 ด้านความรู้ ระดับบุคคล จํานวนนักเรียนทั้งหมด......คนมีผลการเรียนรู้อยู่ที่ระดับมาตรฐานดีมากจํานวน.........คน คิดเป็นร้อยละ.....ที่ระดับมาตรฐาน ดี จํานวน......คน คิดเป็นร้อยละ... ที่ระดับมาตรฐานพอใช้ จํานวน......คน คิดเป็นร้อยละ.....และ ที่ระดับมาตรฐานต้องปรับปรุง จํานวน......คน คิดเป็นร้อยละ...... ระดับชั้นเรียน นักเรียนที่มีผลการเรียนรู้อย่างน้อยตั้งแตร่ะดับมาตรฐาน......จํานวน.......คน ถือว่า ผ่านเกณฑ์การประเมินผลการเรียนรู้คิดเป็นร้อยละ.....และมีนักเรียนที่มีผลการเรียนรู้ต่ำกว่าระดับ มาตรฐาน.......จํานวน......คนถือว่าไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินผลการเรียนรู้คดิเป็นร้อยละ.......ดังนั้น ถือว่า การจัดประสบการเรียนรู้ด้านความรู้ของแผนการจัดการเรียนรู้▢ ประสบความสําเร็จ ▢ ไม่ประสบ ความสําเร็จตามจุดประสงค์การเรียนรู้
88 3.2 ด้านทักษะกระบวนการ ระดับบุคคลจํานวนนักเรียนทั้งหมด........คน มีผลการเรียนรู้อยู่ที่ระดับมาตรฐาน ดีมากจํานวน..........คน คิดเป็นร้อยละ.....ระดับมาตรฐาน ดี จํานวน......คน คิดเป็นร้อยละ... ที่ระดับมาตรฐาน พอใช้ จํานวน......คน คิด เป็นร้อยละ.....และที่ระดับมาตรฐาน ต้องปรับปรุง จํานวน......คน คิดเป็นร้อยละ...... ระดับชั้นเรียน นักเรียนที่มีผลการเรียนรู้อย่างน้อยตั้งแต่ระดับมาตรฐาน......จํานวน.......คน ถือว่าผ่าน เกณฑ์การประเมินผลการเรียนรู้คิดเป็นร้อยละ.....และมีนักเรียนที่มีผลลการเรียนรู้ต่ำกว่าระดับมาตรฐาน....... จํานวน......คนถือว่าไม่ผ่าน เกณฑ์การประเมินผลการเรียนรู้คิดเป็นร้อยละ.......ดังนั้น ถือว่าการจัดประสบการณ์ เรียนรู้ด้านทักษะกระบวนการของแผนการจัดการเรียนรู้ ▢ ประสบความสําเร็จ ▢ ไม่ประสบความสําเร็จตาม จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับบุคคลจํานวนนักเรียนทั้งหมด........คนมผีลการเรียนรู้อยู่ที่ระดับมาตรฐาน ดีมากจํานวน..........คน คิดเป็นร้อยละ.....ระดับมาตรฐาน ดี จํานวน......คน คิดเป็นร้อยละ... ที่ระดับมาตรฐาน พอใช้ จํานวน......คน คิด เป็นร้อยละ.....และที่ระดับมาตรฐาน ต้องปรับปรุง จํานวน......คน คิดเป็นร้อยละ...... ระดับชั้นเรียน นักเรียนที่มีผลการเรียนรู้อย่างน้อยตั้งแต่ระดับมาตรฐาน......จํานวน.......คน ถือว่าผ่าน เกณฑ์การประเมินผลการเรียนรู้คิดเป็นร้อยละ.....และมีนักเรียนที่มีผลการเรียนรู้ต่ำกว่าระดับมาตรฐาน....... จำนวน......คนถือว่าไม่ผ่าน เกณฑ์การประเมินผลการเรียนรู้คิดเป็นร้อยละ.......ดังนั้นถือว่าการจัดประสบการณ์ เรียนรู้ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของ แผนการจัดการเรียนรู้ ▢ ประสบความสําเร็จ ▢ ไม่ประสบ ความสำเร็จตามจุดประสงค์การเรียนรู้
89 บันทึกหลังแผน ผลการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ปัญหา/อุปสรรค ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ..........................................ผู้บันทึก (...............................................) ........../..................../.............
90 บันทึกความเห็นของผู้ตรวจสอบแผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ลงชื่อ..................................................... ( ....................................... ) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ ........../..................../.............. บันทึกความเห็นของผู้ช่วยผู้อํานวยการกลุ่มบริหารวิชาการ ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ลงชื่อ..................................................... ( ....................................... ) ผู้ช่วยผู้อำนวยการกลุ่มบริหารวิชาการ ........../..................../.............. บันทึกความเห็นของของผู้บริหาร ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ลงชื่อ..................................................... ( ....................................... ) ผู้อำนวยการโรงเรียน ........../..................../..............
91
92