The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

บาลีไวยากรณ์ (วัดโสธร)

ค่มู ือบาลีไวยากรณ์ ๔๑
สานักเรียนวัดโสธรวราราม

กติปยศัพท์

กติปยศัพท์ ได้แก่ ศัพท์เล็กน้อย หรือศัพท์ที่เร่ียราด มีวิธีแจกเฉพาะตน
ต่างหาก ไม่ท่ัวไปแก่ศัพท์ อ่ืน เรียกวา่ กติปยศัพท์ หรือ ปกณิ ณกศัพท์.

มี ๑๒ ศัพท์ คือ อตฺต, พฺรหฺม, ราช, ภควนฺตุ, อรหนฺต, ภวนฺต, สตฺถ,ุ
ปิ ตุ, มาตุ, มน, กมฺม, โค.

อตฺต (ตน) เป็ นปุงลงิ ค์ อย่างเดียว มเี ฉพาะฝ่ ายเอกวจนะ แจกอยา่ งน้ี

เอก
ป. อตฺตา
ทุ. อตฺตาน
ต. อตฺตนา
จ. อตฺตโน
ปญ.ฺ อตฺตนา
ฉ. อตฺตโน
ส. อตฺตนิ
อา. อตฺต
ถา้ ตอ้ งการใชเ้ ป็น พหุวจนะ ใหค้ วบดว้ ย จ ศัพท์
เช่น อตฺตา จ อตฺตา จ อจิ ฺฉนฺติ.

๔๒ สำนกั เรียนวดั โสธรวราราม
คู่มือบาลไี วยากรณ์

พรฺ หฺม (พรหม) เป็ นปุงลงิ ค์ แจกอยา่ งน้ี

เอก. พหุ.

ป. พฺรหฺมา พฺรหฺมาโน

ท.ุ พฺรหฺมาน พฺรหฺมาโน

ต. พฺรหฺมนุ า พฺรหฺเมหิ พฺรหฺเมภิ

จ. พฺรหฺมุโน พฺรหฺมาน

ปญ.ฺ พฺรหฺมุนา พฺรหฺเมหิ พฺรหฺเมภิ

ฉ. พฺรหฺมโุ น พฺรหฺมาน

ส. พฺรหฺมนิ พฺรหฺเมสุ

อา. พฺรหฺเม พฺรหฺมาโน

ราช (พระราชา) เป็ นทฺวลิ ิงค์ (๒ ลิงค)์ ในปุงลงิ ค์ แจกอยา่ งน้ี

เอก. พหุ.

ป. ราชา ราชาโน

ท.ุ ราชาน ราชาโน

ต. รญฺญา ราชูหิ ราชูภิ

จ. รญฺโญ ราชิโน รญฺญí ราชูน

ปญ.ฺ รญฺญา ราชูหิ ราชูภิ

ฉ. รญฺโญ ราชิโน รญฺญí ราชูน

ส. รญฺเญ ราชินิ ราชูสุ

อา. ราช ราชาโน

ราช ศพั ท์ ในอติ ถลี งิ ค์ เป็น ราชินี แจกอยา่ ง นารี (นาง)

คูม่ อื บาลีไวยากรณ์ ๔๓
สานกั เรยี นวดั โสธรวราราม

ศัพท์สมาส มี ราช ศัพท์ เป็ นทสี่ ุด แจกอย่าง มหาราช ดังนี้

เอก. มหาราชาย มหาราชตฺถ พหุ.
ป. มหาราชา มหาราชมฺหา มหาราชา มหาราชาโน
ทุ. มหาราช มหาราเช
ต. มหาราเชน มหาราชมฺหิ มหาราเช มหาราเชหิ มหาราเชภิ
จ. มหาราชสฺส มหาราชาน
ปญฺ. มหาราชสฺมา มหาราเชหิ มหาราเชภิ
ฉ. มหาราชสฺส มหาราชาน
ส. มหาราชสฺมึ มหาราเชสุ
อา. มหาราช มหาราชาโน

ศัพท์เหล่านี้ แจกเหมือน มหาราช

อนุราช พระราชานอ้ ย นาคราช นาคผพู้ ระราชา

อภิราช พระราชายง่ิ มคิ ราช เน้ือผพู้ ระราชา

อปุ ราช อปุ ราช สุปณฺณราช ครุฑผพู้ ระราชา

จกฺกวตฺติราช พระราชาจกั รพรรดิ หสราช หงส์ผพู้ ระราชา

เทวราช เทวดาผพู้ ระราชา

๔๔ สำนักเรยี นวัดโสธรวราราม
คมู่ อื บาลไี วยากรณ์

ภควนฺตุ (พระผู้มพี ระภาค) เป็ นปุงลงิ ค์ แจกอยา่ งน้ี

เอก. ภควนฺเต พหุ. ภควนฺโต
ป. ภควา ภควา ภควนฺตา ภควนฺโต
ท.ุ ภควนฺต ภควนฺเต ภควนฺเตภิ
ต. ภควตา ภควนฺเตหิ ภควนฺตาน
จ. ภควโต ภควต ภควนฺเตภิ
ปญ.ฺ ภควตา ภควนฺเตหิ ภควนฺตาน
ฉ. ภควโต ภควต
ส. ภควติ ภควนฺเตสุ ภควนฺโต
อา. ภคว ภควนฺตา

ศัพท์เหล่านี้ แจกเหมือน ภควนฺตุ

อายสฺมนฺตุ คนมีอายุ คุณวนฺตุ คนมีคุณ

จกขฺ มุ นฺตุ คนมีจกั ษุ ชุติมนฺตุ คนมีความโพลง

ธิติมนฺตุ คนมีปัญญา ธนวนฺตุ คนมีทรัพย์

ปญญฺ วนฺตุ คนมีปัญญา ปุญญฺ วนฺตุ คนมีบุญ

พนฺธุมนฺตุ คนมีพวกพอ้ ง สติมนฺตุ คนมีสติ

คาวา่ ภควนฺตา ภควนฺเต ภควนฺโต น้นั มีวิธีใช้ไม่เหมือนกนั

 ภควนฺตา ภควนฺเต ใชเ้ ป็น ทฺวิวจนะ สาหรับกล่าวถึงคน ๒ คน

 ภควนฺโต ใชเ้ ป็น พหุวจนะ สาหรับกล่าวถึงคนมาก ต้งั แต่ ๓ คนขนึ้ ไป.

คู่มือบาลีไวยากรณ์ ๔๕
สานกั เรียนวดั โสธรวราราม

อรหนฺต (พระอรหนั ต์) เป็ นทฺวิลงิ ค์ (๒ ลิงค)์

แจกเหมือน ภควนฺตุ แปลกแต่ ป. เอก. อรหา อรห เทา่ น้นั

ในปุงลงิ ค์ แจกอยา่ งน้ี

เอก. พหุ.

ป. อรหา อรห อรหนฺตา อรหนฺโต

ทุ. อรหนฺต อรหนฺเต อรหนฺโต

ต. อรหตา อรหนฺเตหิ อรหนฺเตภิ
จ. อรหโต อรหต อรหนฺตาน

ปญฺ. อรหตา อรหนฺเตหิ อรหนฺเตภิ
ฉ. อรหโต อรหต อรหนฺตาน

ส. อรหติ อรหนฺเต อรหนฺเตสุ
อา. อรห อรหา อรหนฺตา อรหนฺโต

อรหนฺต ในอติ ถลี งิ ค์ เป็น อรหนฺตี แจกอยา่ ง นารี.

ภวนฺต (ผู้เจริญ) เป็ นทฺวลิ งิ ค์ ในปุงลงิ ค์ แจกอยา่ งน้ี

เอก. พหุ.

ป. ภว ภวนฺตา ภวนฺโต

ทุ. ภวนฺต ภวนฺเต ภวนฺโต

ต. ภวตา โภตา ภวนฺเตหิ ภวนฺเตภิ

จ. ภวโต โภโต ภวต ภวนฺตาน

ปญฺ. ภวตา โภตา ภวนฺเตหิ ภวนฺเตภิ

ฉ. ภวโต โภโต ภวต ภวนฺตาน

ส. ภวนฺเต ภวนฺเตสุ

อา. โภ ภวนฺตา ภวนฺโต โภนฺตา โภนฺโต

ภวนฺต ในอิตถีลิงค์ เป็น ภวนฺตี แจกอยา่ ง นารี.

๔๖ สำนกั เรียนวดั โสธรวราราม
คู่มอื บาลไี วยากรณ์
สตฺถุ (พระศาสดา) เป็ นปุงลงิ ค์ แจกอยา่ งน้ี

เอก. สตฺถุนา พหุ. สตฺถาเรภิ
ป. สตฺถา สตฺถุโน สตฺถาโร สตฺถาเรภิ
ทุ. สตฺถาร สตฺถาโร
ต. สตฺถารา สตฺถโุ น สตฺถาเรหิ
จ. สตฺถุ สตฺถาราน
ปญฺ. สตฺถารา สตฺถาเรหิ
ฉ. สตฺถุ สตฺถาราน
ส. สตฺถริ สตฺถาเรสุ
อา. สตฺถา สตฺถาโร

ศัพท์เหล่านี้ แจกเหมือน สตฺถุ

กตฺตุ ผทู้ า เนตุ ผนู้ าไป

ขตฺตุ ผขู้ ดุ ภตฺตุ ผเู้ ล้ียง, ผวั

ญาตุ ผรู้ ู้ วตฺตุ ผกู้ ลา่ ว

ทาตุ ผใู้ ห้ โสตุ ผฟู้ ัง

นตฺตุ หลาน หนฺตุ ผฆู้ ่า

ปิ ตุ (บดิ า) เป็ นปงุ ลงิ ค์ แจกอยา่ งน้ี

เอก. พหุ.
ป. ปิ ตา ปิ ตโร
ท.ุ ปิ ตร ปิ ตโร
ต. ปิ ตรา ปิ ตุนา ปิ ตเรหิ ปิ ตเรภิ ปิ ตหู ิ ปิ ตูภิ

คู่มอื บาลีไวยากรณ์ ๔๗
สานักเรยี นวัดโสธรวราราม

จ. ปิ ตุ ปิ ตุโน ปิ ตราน ปิ ตูน

ปญ.ฺ ปิ ตรา ปิ ตเรหิ ปิ ตเรภิ ปิ ตหู ิ ปิ ตูภิ

ฉ. ปิ ตุ ปิ ตุโน ปิ ตราน ปิ ตนู

ส. ปิ ตริ ปิ ตเรสุ ปิ ตสู ุ

อา. ปิ ตา ปิ ตโร

 ภาตุ พช่ี าย นอ้ งชาย, ชามาตุ ลกู เขย แจกเหมือน ปิ ตุ

 ในอาลปนะ เอก. ใช้ ตาต, พหุ. ใช้ ตาตา แทน.

มาตุ (มารดา) เป็ น อติ ถลี งิ ค์ แจกอยา่ งน้ี

เอก. พหุ.

ป. มาตา มาตโร

ท.ุ มาตร มาตโร

ต. มาตรา มาตุยา มาตราหิ มาตราภิ มาตูหิ มาตูภิ

จ. มาตุ มาตุยา มาตราน มาตนู

ปญ.ฺ มาตรา มาตราหิ มาตราภิ มาตูหิ มาตูภิ

ฉ. มาตุ มาตยุ า มาตราน มาตนู

ส. มาตริ มาตราสุ มาตสู ุ

อา. มาตา มาตโร

 ธีตุ ธิดา แจกเหมือน มาตุ
 ในอาลปนะ เอก. ใช้ อมฺม, พหุ. ใช้ อมฺมา แทน.

๔๘ สำนักเรยี นวัดโสธรวราราม
คมู่ ือบาลีไวยากรณ์

มโนคณะศัพท์

ศัพท์ ๑๒ ศัพท์ มี มน ศัพท์เป็ นต้น เรียกวา่ มโนคณะ เพราะเป็ นหมู่แห่ง

มน ศัพท์ มีวิธีแจกเหมือน มน ศัพท์.

แต่วิธีแจกน้นั กไ็ ม่ต่างกบั อ การันต์ ในปงุ ลิงค์ และ นปงุ สกลงิ ค์

แปลกกนั อยู่ ๕ วภิ ตั ติ คือ

 นา กบั สฺมา เป็น อา,
 ส ท้งั ๒ เป็น โอ,

 สฺมึ เป็น อิ แลว้ ลง ส อาคม เป็น สา, เป็น โส, เป็น สิ,
เอา อ เป็น โอ ไดบ้ า้ ง เหมือนคาวา่

อทาเน กุรุเต มโน. (ชโน ชน) ยอ่ มทา ซึ่งใจ ในความไม่ให้

ยโส ลทฺธา น มชฺเชยฺย. (ชโน ชน) ไดแ้ ลว้ ซ่ึง ยศ ไม่พงึ เมา เป็นตน้ .

อีกอยา่ งหน่ึง เม่ือศัพท์เหล่านีเ้ ข้าสมาสแล้ว เอาสระทีส่ ุดของตนเป็ น โอ ได้

เหมือนคาวา่ มโนคโณ หมูแ่ ห่งมนะ, อโยมย ของบุคคลทาดว้ ยเหลก็ , เตโชธาตุ

ธาตคุ ือไฟ, สิโรรุโห อวยั วะท่ีงอกบนหวั (ผม) เป็นตน้ .

กล่มุ ศัพท์มโนคณะ (๑๒ ศัพท์)

มน ใจ เตช เดช

อย เหลก็ ปย น้านม
อุร อก ยส ยศ

เจต ใจ วจ วาจา

ตป ความร้อน วย วยั

ตม มืด สิร หวั

มน เป็ นได้ ๒ ลิงค์ คือ ปุงลงิ ค์และนปงุ สกลงิ ค์ นอกน้นั เป็ นปงุ ลงิ ค์อย่างเดยี ว

คู่มือบาลไี วยากรณ์ ๔๙
สานกั เรยี นวดั โสธรวราราม
ตัวอย่างการแจก มโนคณะศัพท์
มเนภิ
มน (ใจ) ในปุงลงิ ค์ แจกอยา่ งน้ี มเนภิ

เอก. พหุ.

ป. มโน มนา

ท.ุ มน มเน

ต. มนสา มเนหิ

จ. มนโส มนาน

ปญ.ฺ มนสา มเนหิ

ฉ. มนโส มนาน

ส. มนสิ มเนสุ

อา. มน มนา

มน (ใจ) ในนปงุ สกลงิ ค์ แจกอยา่ งน้ี

เอก. พหุ.

ป. มน มนานิ

ท.ุ มน มนานิ

ต. มนสา มเนหิ มเนภิ

จ. มนโส มนาน

ปญฺ. มนสา มเนหิ มเนภิ

ฉ. มนโส มนาน

ส. มนสิ มเนสุ

อา. มน มนานิ

๕๐ สำนักเรยี นวดั โสธรวราราม
ค่มู อื บาลไี วยากรณ์

กมฺม (กรรม) ในนปุงสกลงิ ค์ แจกอยา่ งน้ี

เอก. พหุ.

ป. กมฺม กมฺมานิ

ท.ุ กมฺม กมฺมานิ

ต. กมฺมนุ า กมฺเมหิ กมฺเมภิ

จ. กมฺมุโน กมฺมาน

ปญ.ฺ กมฺมนุ า กมฺเมหิ กมฺเมภิ

ฉ. กมฺมุโน กมฺมาน

ส. กมฺมนิ กมฺเมสุ

อา. กมฺม กมฺมานิ

โค (โค) สามัญ ไม่นิยมว่า ตวั ผู้ หรือ ตวั เมีย แจกอยา่ งน้ี

เอก. พหุ. คาเวหิ คาเวภิ
ป. โค คาโว คาวาน
ทุ. คาว คาวุí คาโว คาเวหิ คาเวภิ
ต. คาเวน โคหิ โคภิ คาวาน
จ. คาวสฺส คุนฺน คาเวสุ
ปญ.ฺ คาวสฺมา คาวมฺหา คาวา โคหิ โคภิ
ฉ. คาวสฺส คุนฺน
ส. คาวสฺมึ คาวมฺหิ คาเว โคสุ
อา. คาว คาโว

โค เมื่อเป็น ปงุ ลงิ ค์ แปลงเป็น โคณ แจกอยา่ ง ปุริส เมื่อเป็น อติ ถีลงิ ค์
แปลงเป็น คาวี แจกอยา่ ง นารี.

คูม่ ือบาลีไวยากรณ์ ๕๑
สานกั เรียนวดั โสธรวราราม

ศัพท์พเิ ศษ ๖ ศัพท์ คือ

ปมุ ชาย มฆว ชื่อพระอินทร์

สา หมา (ไมน่ ิยมวา่ ตวั ผู้ ตวั เมีย) ยุว ชายหนุ่ม

สข เพือ่ น อทฺธา กาลยดื ยาว

ข้อควรรู้ (ไม่ท่อง)
๑. ปุม เป็น ปงุ ลงิ ค์ มีที่ใชบ้ า้ งแต่ ป. เอก. ปมุ า.
๒. สา เป็ นคากลาง ๆ ไม่นิยมว่าตัวผู้ตัวเมีย เหมือน โค ศพั ท์ มีที่ใชแ้ ต่
ป. เอก. สา ใน ปงุ ลงิ ค์ ใชเ้ ป็น สุนข ใน อติ ถลี งิ ค์ ใชเ้ ป็น สุนขี.
๓. อทฺธา เป็น ปุงลงิ ค์ มีท่ีใชแ้ ต่ ป. เอก. อทฺธา, ทุ. อทฺธาน, ต. อทฺธุนา,
จ. ฉ. อทฺธุโน, ส. อทฺธาเน.
๔. มฆว เป็น ปงุ ลงิ ค์ มีที่ใชแ้ ต่ ป. มฆวา.
๕. ยุว เป็ น ทฺวิลิงค์ ใน ปุงลงิ ค์ ใชม้ ากแต่ ป. เอก. ยุวา, ใน อิตฺถีลงิ ค์
เป็น ยวุ ตี แจกตาม นารี.
๖. สข เป็น ทฺวิลิงค์ ในปงุ ลิงค์ ใชม้ ากแต่ เอก. ป. สขา ในอิตถีลิงค์
เป็น สขี แจกตาม อี การันตใ์ นลิงคน์ ้นั

๕๒ สำนกั เรียนวดั โสธรวราราม
คมู่ ือบาลไี วยากรณ์

สังขยาคณุ นาม

ศัพท์ท่ีเป็ นเครื่องกาหนดนับนามนาม ชื่อ สังขยา.

สังขยา แบ่งเป็น ๒ คือ ปกตสิ ังขยา ๑ ปรู ณสังขยา ๑.

ปกติสังขยา นับโดยปกติเป็ นต้นว่า หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า, สาหรับ

นบั นามนามให้รู้ว่ามปี ระมาณเท่าใด เหมือนคาพดู ในภาษาของเราวา่ คนผหู้ น่ึง,

ถือสมุด ๒ เล่ม, ดินสอขาว ๓ แท่ง, ดินสอฝรั่ง ๔ แท่ง, กระดาษ ๕ แผ่น,
เดินไป เป็นตน้ .

ส่วน ปูรณสังขยาน้ัน สาหรับนับนามนามที่เต็มในที่น้ัน ๆ คือ นับเป็ น

ช้ัน ๆ เป็ นต้นว่า ที่หนึ่ง ที่สอง ท่ีสาม ที่ส่ี ท่ีห้า เหมือนคาพูดในภาษาของเรา

ว่า บุตรชายท่ี ๑ ของผูม้ ีช่ือ, ไปเรียนหนังสืออยู่ในสานกั ครูท่ี ๒, พอถึงปี ที่ ๓,

กส็ อบไดป้ ระโยคท่ี ๔, ยงั ไม่ถึงช้นั ท่ี ๕, เป็นตน้ .

ปกติสังขยานี้ ในคมั ภีร์ศัพทศาสตร์ ทา่ นแบ่งเป็น ๒ พวก คือ

๑) ต้งั แต่ เอก ถึง จตุ จดั เป็น สัพพนาม

๒) ต้งั แต่ ปญฺจ ไป จดั เป็น คณุ นาม.

ส่วน ปูรณสังขยา เป็น คุณนามแท้.

วธิ นี ับปกติสังขยา อยา่ งน้ี

เอก ๑ สตฺต ๗

ทฺวิ ๒ อฏฺ ° ๘

ติ ๓ นว ๙

จตุ ๔ ทส ๑๐

ปญฺจ ๕ เอกาทส ๑๑

ฉ ๖ ทฺวาทส, พารส ๑๒

๕๓

คมู่ ือบาลีไวยากรณ์ สานกั เรยี นวดั โสธรวราราม

เตรส ๑๓ อฏฺ °ตฺตึส ๓๘
จตทุ ฺทส, จุทฺทส
ปญฺจทส, ปณฺณรส ๑๔ เอกูนจตฺตาฬีส, อนู จตฺตาฬีส ๓๙
โสฬส
สตฺตรส ๑๕ จตฺตาฬีส, ตาฬีส ๔๐
อฏฺ °ารส
เอกูนวีสต,ิ อูนวสี ๑๖ เอกจตฺตาฬีส ๔๑
วีส, วีสติ
เอกวีสติ ๑๗ เทฺวจตฺตาฬีส ๔๒
ทฺวาวีสติ, พาวีสติ
เตวสี ติ ๑๘ เตจตฺตาฬีส ๔๓
จตวุ ีสติ
ปญจฺ วีสติ ๑๙ จตุจตฺตาฬีส ๔๔
ฉพฺพสี ติ
สตฺตวีสติ ๒๐ ปญจฺ จตฺตาฬีส ๔๕
อฏฺ °วสี ติ
เอกนู ตฺตสึ , อนู ตฺตึส ๒๑ ฉจตฺตาฬีส ๔๖
ตสึ , ตึสติ
เอกตฺตึส ๒๒ สตฺตจตฺตาฬีส ๔๗
ทฺวตฺตสึ , พตฺตสึ
เตตฺตึส ๒๓ อฏฺ °จตฺตาฬีส ๔๘
จตตุ ฺตสึ
ปญจฺ ตฺตสึ ๒๔ เอกูนปญญฺ าส, อูนปญฺญาส ๔๙
ฉตฺตึส
สตฺตตฺตสึ ๒๕ ปญฺญาส, ปณณฺ าส ๕๐

๒๖ สฏฺ °ี ๖๐
๒๗ สตฺตติ ๗๐

๒๘ อสีติ ๘๐

๒๙ นวตุ ิ ๙๐

๓๐ เอกนู สต ๙๙

๓๑ สต ๑๐๐

๓๒ สหสฺส ๑,๐๐๐

๓๓ ทสสหสฺส ๑๐,๐๐๐

๓๔ สตสหสฺส, ลกฺข ๑๐๐,๐๐๐

๓๕ ทสสตสหสฺส ๑,๐๐๐,๐๐๐

๓๖ โกฏิ โกฏิ (๑๐,๐๐๐,๐๐๐)

๓๗

๕๔ สำนกั เรียนวัดโสธรวราราม
ค่มู อื บาลีไวยากรณ์

เอกสังขยา เป็น เอกวจนะอย่างเดยี ว

เอกสัพพนาม เป็น ทฺววิ จนะ (เป็นไดท้ ้งั เอกวจนะ และพหุวจนะ)

ต้งั แต่ ทวฺ ิ (๒) จนถึง อฏฺ °ารส (๑๘) เป็น พหุวจนะอย่างเดียว เป็ น ๓ ลิงค์
ต้งั แต่ เอกนู วีสติ (๑๙) จนถึง อฏฺ °นวตุ ิ (๙๘) เป็น เอกวจนะ อติ ถลี งิ ค์
อย่างเดียว แม้เข้ากับศัพท์ท่เี ป็ นพหุวจนะลงิ ค์อ่ืน ก็คงอยู่อย่างน้นั ไม่เปลี่ยนไปตาม.

เอก ศัพท์ แจกอยา่ งน้ี

ปงุ ลงิ ค์ อติ ถลี งิ ค์

เอก. เอก.

ป. เอโก เอกา

ทุ. เอก เอก

ต. เอเกน เอกาย

จ. เอกสฺส เอกาย

ปญฺ. เอกสฺมา เอกมฺหา เอกาย

ฉ. เอกสฺส เอกาย

ส. เอกสฺมึ เอกมฺหิ เอกาย

 เอก ศัพท์ ใน นปุงสกลงิ ค์ แจกเหมือน ในปุงลงิ ค์ แปลกแต่ ป. เอก

เท่าน้นั . เอก ศพั ทน์ ้ี ถ้าเป็ น สังขยา แจกอย่างนี.้

 เอก ศัพท์ ถา้ เป็ น สัพพนาม แจกไดท้ ้งั ๒ วจนะ เหมือน ย ศัพท์

ท่ีจะกล่าวข้างหน้า แปลกจาก ย ศัพท์บ้างเล็กน้อย ในอิตถีลิงค์ เอก. จ. ฉ.

เอกสิ ฺสา, ส. เอกสิ ฺส.

คมู่ อื บาลีไวยากรณ์ ๕๕
สานักเรียนวดั โสธรวราราม

ทฺวิ ศัพท์ (๒) อภุ ศัพท์ (ท้งั สอง) ท้งั ๓ ลงิ ค์ แจกแบบเดียวกนั อยา่ งน้ี

พหุ. พหุ.
ป. เทฺว อโุ ภ
ท.ุ เทฺว อโุ ภ
ต. ทฺวีหิ อุโภหิ
จ. ทฺวินฺน อุภินฺน
ปญฺ. ทฺวีหิ อโุ ภหิ
ฉ. ทฺวินฺน อภุ ินฺน
ส. ทฺวสี ุ อโุ ภสุ

ติ ศัพท์ แจกอยา่ งน้ี
ปงุ ลงิ ค์ อติ ถีลงิ ค์

พหุ. พหุ.

ป. ตโย ติสฺโส
ท.ุ ตโย ติสฺโส
ต. ตีหิ ตีหิ

จ. ติณฺณ ติณฺณนฺน ติสฺสนฺน

ปญ.ฺ ตีหิ ตีหิ

ฉ. ติณฺณ ติณฺณนฺน ติสฺสนฺน

ส. ตีสุ ตีสุ

ติ ศัพท์ ใน นปงุ สกลงิ ค์ แจกเหมือนใน ปุงลงิ ค์ แปลกแต่ ป. ท.ุ ตีณิ เท่าน้นั .

๕๖ สำนักเรยี นวดั โสธรวราราม
คมู่ อื บาลีไวยากรณ์

จตุ ศัพท์ แจกอยา่ งน้ี
ปุงลงิ ค์ อติ ถลี งิ ค์

พหุ. จตโุ ร พหุ.
ป. จตฺตาโร จตโุ ร จตสฺโส
ทุ. จตฺตาโร จตสฺโส
ต. จตหู ิ จตูหิ
จ. จตุนฺน จตสฺสนฺน
ปญฺ. จตหู ิ จตูหิ
ฉ. จตุนฺน จตสฺสนฺน
ส. จตสู ุ จตูสุ

จตุ ศัพท์ ใน นปุงสกลงิ ค์ แจกเหมือนใน ปงุ ลงิ ค์ แปลกแต่ ป. ท.ุ จตฺตาริ
เทา่ น้นั .

ปญฺจ ศัพท์ ท้งั ๓ ลงิ ค์ แจกอยา่ งน้ี

พหุ. (ลบ โย)
ป. ปญฺจ (ไม่ทีฆะ)
ทุ. ปญฺจ (ไมท่ ีฆะ)
ต. ปญฺจหิ
จ. ปญฺจนฺน
ปญฺ. ปญฺจหิ
ฉ. ปญฺจนฺน
ส. ปญฺจสุ

คูม่ อื บาลไี วยากรณ์ ๕๗
สานกั เรียนวดั โสธรวราราม

ต้งั แต่ ฉ (๖) ถงึ อฏฺ °ารส (๑๘) แจกเหมือน ปญฺจ.
เอกนู วสี (๑๙) ใน อติ ถีลงิ ค์ แจกอยา่ งน้ี

เอก.

ป. เอกนู วีส (ลงนิคคหิต)

ทุ. เอกนู วสี

ต. เอกนู วีสาย

จ. เอกูนวสี าย

ปญฺ. เอกนู วสี าย

ฉ. เอกูนวสี าย

ส. เอกนู วสี าย

 ต้งั แต่ วีส (๒๐) ถึง ปญฺญาส (๕๐) แจกเหมือน เอกูนวสี (๑๙).

 ต้งั แต่ เอกนู วีสติ (๑๙) ถึง อฏฺ °ตฺตึสติ (๓๘) และต้งั แต่ เอกูนสตฺตติ
(๖๙) ถึง อฏฺ °นวตุ ิ (๙๘) แจกตามแบบ อิ การันต์ ใน อติ ถีลงิ ค์ (รตฺติ) เฉพาะ
ฝ่ าย เอกวจนะ.

 ต้งั แต่ เอกูนสฏฺ °ี (๕๙) ถึง อฏฺ °สฏฺ °ี (๖๘) แจกตามแบบ
อี การันต์ ใน อติ ถีลงิ ค์ (นารี) เฉพาะฝ่ าย เอก

สรุปสังขยา (ใหท้ ่องจา)

(๑) จดั ปกติสังขยา ลงใน นามศัพท์ ดงั น้ี

ต้งั แต่ เอก (๑) ถึง จตุ (๔) เป็น สัพพนาม

ต้งั แต่ ปญจฺ (๕) ถึง อฏฺ °นวุติ (๙๘) เป็น คุณนาม

ต้งั แต่ เอกนู สต (๙๙) ข้ึนไป เป็น นามนาม

 ปูรณสังขยา ท้งั หมด เป็น คณุ นาม

๕๘ สำนักเรยี นวัดโสธรวราราม
คมู่ อื บาลไี วยากรณ์

(๒) จดั ปกติสังขยา ลงใน ลงิ ค์ ดงั น้ี

ต้งั แต่ เอก (๑) ถึง อฏฺ°ารส (๑๘) เป็น ได้ ๓ ลงิ ค์

ต้งั แต่ เอกนู วสี ติ (๑๙) ถึง อฏฺ°นวุติ (๙๘) เป็น อติ ถลี งิ ค์

ต้งั แต่ เอกูนสต (๙๙) ข้ึนไป เป็น นปุงสกลงิ ค์

 ปูรณสังขยา ท้งั หมด เป็น ได้ ๓ ลงิ ค์

(๓) จดั ปกติสังขยา ลงใน วจนะ ดงั น้ี

เอก สังขยา เป็น เอกวจนะ

ต้งั แต่ ทฺวิ (๒) ถึง อฏฺ °ารส (๑๘) เป็น พหุวจนะ

ต้งั แต่ เอกูนวสี ติ (๑๙) ถึง อฏฺ °นวตุ ิ (๙๘) เป็น เอกวจนะ

ต้งั แต่ เอกูนสต (๙๙) ข้ึนไป เป็น ได้ ๒ วจนะ

 ปรู ณสังขยา ท้งั หมด เป็น เอกวจนะ

(๔) กาหนด แบบแจก ของ ปกติสังขยา ดงั น้ี

ต้งั แต่ เอก (๑) ถึง ปญจฺ (๕) มี แบบแจกของตนเอง

ต้งั แต่ ฉ (๖) ถึง อฏฺ °ารส (๑๘) แจกเหมือน ปญฺจ (๕)

ต้งั แต่ เอกูนวสี ติ (๑๙) ถึง อฏฺ °นวุติ (๙๘) แจก ตามการันต์

ในลงิ ค์น้นั ๆ ไดแ้ ก่

๑) ลงทา้ ยดว้ ยสระ อะ แจกเหมือน เอกนู วสี (๑๙)

๒) ลงทา้ ยดว้ ยสระ อิ แจกเหมือน รตฺติ (ราตรี) เฉพาะฝ่ ายเอกวจนะ

๓) ลงทา้ ยดว้ ยสระ อี แจกเหมือน นารี (นาง) เฉพาะฝ่ายเอกวจนะ

ต้งั แต่ เอกูนสต (๙๙) ขนึ้ ไป แจกเหมือน กุล (ตระกลู ) เป็นไดท้ ้งั ๒ วจนะ

เฉพาะ โกฏิ แจกเหมือน รตฺติ (ราตรี).

ค่มู อื บาลไี วยากรณ์ ๕๙
สานักเรยี นวัดโสธรวราราม

ปรู ณสังขยา นบั ในลงิ ค์ท้งั ๓ อยา่ งน้ี

ปุงลงิ ค์ อติ ถลี งิ ค์ นปุงสกลงิ ค์ คาแปล

ป°โม ป°มา ป°ม ท่ี ๑

ทตุ ิโย ทตุ ิยา ทตุ ิย ท่ี ๒

ตติโย ตติยา ตติย ท่ี ๓

จตตุ ฺโถ จตตุ ฺถี จตตุ ฺถา จตตุ ฺถ ที่ ๔

ปญฺจโม ปญฺจมี ปญฺจมา ปญฺจม ที่ ๕

ฉฏฺ โ° ฉฏฺ°ี ฉฏฺ°า ฉฏฺ°í ท่ี ๖
สตฺตโม สตฺตมี สตฺตมา สตฺตม ท่ี ๗

อฏฺ °โม อฏฺ°มี อฏฺ°มา อฏฺ°ม ที่ ๘

นวโม นวมี นวมา นวม ท่ี ๙

ทสโม ทสมี ทสมา ทสม ที่ ๑๐

เอกาทสโม เอกาทสี เอกาทสึ เอกาทสม ที่ ๑๑

ทฺวาทสโม พารสโม ทฺวาทสี พารสี ทฺวาทสม พารสม ที่ ๑๒

เตรสโม เตรสี เตรสม ท่ี ๑๓

จตุทฺทสโม จตทุ ฺทสี จตุทฺทสึ จตทุ ฺทสม ท่ี ๑๔

ปณฺ ณรสโม ปณฺณรสี ปณฺณรสึ ปณฺณรสม ที่ ๑๕

โสฬสโม โสฬสี โสฬสม ที่ ๑๖

สตฺตรสโม สตฺตรสี สตฺตรสม ที่ ๑๗

อฏฺ °ารสโม อฏฺ °ารสี อฏฺ °ารสม ท่ี ๑๘
เอกูนวีสติโม เอกูนวสี ติมา เอกนู วสี ติม ท่ี ๑๙

วสี ติโม วสี ติมา วีสติม ที่ ๒๐

ปรู ณสังขยา แจกตามแบบ การันต์ใน ๓ ลงิ ค์ ศพั ทใ์ ด เป็นลิงคใ์ ด มีการันต์
อยา่ งใด ก็แจกตามแบบลิงคน์ ้นั ตามแบบการันตน์ ้นั .

๖๐ สำนักเรียนวัดโสธรวราราม
คู่มือบาลไี วยากรณ์

สัพพนาม

สัพพนาม น้นั แบง่ เป็น ๒ คือ
ปรุ ิสสัพพนาม ๑ วิเสสนสัพพนาม ๑.

ปุริสสัพพนาม
ปุริสสัพพนาม เป็ นศัพท์สาหรับใช้แทนชื่อคนและส่ิงของท่ีออกช่ือ
มาแล้วข้างต้น เพ่ือจะไม่ให้เป็ นการซ้าซาก. นับตามบุรุษท่ีท่านจัดไว้ใน
อาขยาต เป็น ๓ คือ ๑) ต ศพั ท์ ๒) ตุมฺห ศพั ท์ ๓) อมฺห ศพั ท์
๑) ต ศัพท์ ที่ต้นน้ันเป็ น ป°มปุริส หรือ ประถมบุรุษ (ชายท่ี ๑)
สาหรับออกช่ือคนและสิ่งของ ที่ผู้พูดออกชื่อถึง เช่นคาในภาษาของเราว่า
“เขา” เป็ นไตรลิงค์ ที่ว่าน้ีประสงคเ์ อา ต ศัพท์ ที่ท่านใชแ้ ต่ลาพงั อย่างเดียว
เป็นประถมบรุ ุษ.
ต ศัพท์ ท่ีประกอบดว้ ยนามนามท่ีเป็นประถมบุรุษก็ดี ดว้ ย ตุมฺห และ
อมฺห ศพั ทก์ ็ดี เป็น วิเสสนสัพพนาม.
๒) ตุมฺห ศัพท์ ท่ี ๒ น้นั เป็น มชฺฌิมปุริส หรือ มัธยมบุรุษ (ชายมีใน
ท่ามกลาง) สาหรับออกชื่อคนที่ผู้พูด ๆ กับคนใด สาหรับออกชื่อคนน้ัน เช่นคา
ในภาษาของเราว่า “เจ้า, ท่าน, สู, เอง, มึง” ตามคาสูงและต่า, แต่ในภาษา
บาลีไม่มีคาสูงคาต่าอยา่ งน้ี ใช้ ตุมฺห ศัพท์อย่างเดียว ต่างกันเพียงวิภัตติและ
วจนะเทา่ น้นั .
๓) อมฺห ศัพท์ ที่ ๓ น้ัน เป็ น อุตฺตมปุริส หรือ อุตตมบุรุษ (ชาย
สูงสุด) สาหรับใช้ออกช่ือผู้พูด เช่นคาในภาษาของเราวา่ “ฉัน, ข้า, ก”ู ตามคา
ท่ีสูงและต่า, แต่ในภาษาบาลีไม่มีคาสูงคาต่าอย่างน้ี ใช้ อมฺห ศัพท์อยา่ งเดียว
ต่างกนั เพยี งวภิ ตั ตแิ ละวจนะ เหมือน ตุมฺห ศพั ท์ เทา่ น้นั .

คูม่ อื บาลไี วยากรณ์ ๖๑
สานกั เรยี นวดั โสธรวราราม

วเิ สสนสัพพนาม
วิเสสนสัพพนามน้ัน คล้าย ๆ กับคุณนาม แต่มีวิธีแจกไม่เหมือน
คณุ นาม แบ่งเป็ น ๒ คือ อนิยม ๑ นยิ ม ๑.
ศพั ท์เหล่าน้ี คือ ย, อญฺญ, อญฺญตร, อญฺญตม, ปร, อปร, กตร, กตม,
เอก, เอกจฺจ, สพพฺ , ก,ึ อติ ร เป็น อนิยม.
ต, เอต, อมิ , อมุ (๔ ศพั ทน์ ้ี) เป็น นยิ ม.
ย ศัพท์น้ัน พิจารณาเห็นว่า ไม่เป็ นอนิยมแท้ทีเดียว เพราะเข้ากับ
ตมุ ฺห อมฺห ศพั ทก์ ็ได้ แต่เม่ือประสงคแ์ ปล ย ศัพท์ วา่ “ใด” แลว้ ก็ดูเหมือน
เป็น อนิยมแท้.
วิเสสนสัพพนาม ๒ อย่าง ท่ีกล่าวมาแล้วน้ี เป็ นไตรลิงค์ แจกได้ท้ัง
๓ ลิงค์ ในสัพพนามท้งั ปวงไม่มอี าลปนะ.

วิธีแจกปุริสสัพพนาม
ต ศัพท์ ใน ปุงลงิ ค์ แจกอยา่ งน้ี

เอก. พหุ. เนส เนสาน
ป. โส เต เนส เนสาน
ทุ. ต น เต เน
ต. เตน เตหิ
จ. ตสฺส อสฺส เตส เตสาน
ปญฺ. ตสฺมา อสฺมา ตมฺหา เตหิ
ฉ. ตสฺส อสฺส เตส เตสาน
ส. ตสฺมึ อสฺมึ ตมฺหิ เตสุ

๖๒ สำนกั เรียนวดั โสธรวราราม
คมู่ อื บาลีไวยากรณ์

ต ศัพท์ ใน อติ ถลี งิ ค์ แจกอยา่ งน้ี

เอก. ติสฺสา ติสฺสาย พหุ. ตาสาน
ป. สา ตา ตาสาน
ทุ. ต น ติสฺสา ติสฺสาย ตา
ต. ตาย อสฺส ติสฺส ตาหิ
จ. ตสฺสา อสฺสา ตาส
ปญฺ. ตาย ตาหิ
ฉ. ตสฺสา อสฺสา ตาส
ส. ตาย ตสฺส ตาสุ

ต ศัพท์ ใน นปงุ สกลงิ ค์ แจกเหมือน ใน ปงุ ลงิ ค์ แปลกแต่ ป. เอก. ต,
พหุ. ตานิ, ท.ุ พหุ. ตานิ เท่าน้นั .
ข้อควรจา :-

ต ศัพท์ เป็นไดท้ ้งั ปุริสสัพพนาม และวิเสสนสัพพนาม
๑. ถา้ เป็น ปุริสสัพพนาม แปลวา่ เขา (ท่าน, เธอ), มัน เช่น
อาจริโย ม นิจฺจ โอวทติ. โส หิ มยฺห วฑุ ฺฒึ อาสึสติ. อาจารย์ ยอ่ มสอน ซ่ึง
กระผม เป็นประจา. เพราะวา่ ท่าน หวงั อยู่ ซ่ึงความเจริญ ของกระผม.
๒. ถา้ เป็น วิเสสนสัพพนาม

๒.๑ เรียงไวห้ นา้ นามนาม แปลวา่ “น้นั ” เช่น
โย โส ภควา อรห สมฺมาสมฺพุทฺโธ (โหติ).
พระผมู้ ีพระภาคเจา้ พระองค์น้นั ใด เป็นพระอรหนั ต์
เป็นผตู้ รัสรู้ชอบไดโ้ ดยพระองคเ์ อง (ยอ่ มเป็น).

คู่มือบาลีไวยากรณ์ ๖๓
สานักเรียนวัดโสธรวราราม

๒.๒. เรียงไวห้ นา้ ตุมฺห ศัพท์ แปลวา่ “น้นั ” เช่น

โส ตฺว ปาลึ อุเทสสิ. อ.ท่านน้นั ยอ่ มทอ่ งทบทวน ซ่ึงพระบาลี.

๒.๓ เรียงไวห้ นา้ อมฺห ศัพท์ แปลวา่ “น้นั ” เช่น

โส อห ปาลึ อุคฺคณฺหามิ. อ.กระผมน้นั ยอ่ มเรียน ซ่ึงพระบาลี.

ตมุ ฺห (ท่าน) ท้ังปงุ ลงิ ค์ และอติ ถีลงิ ค์ แจกอย่างเดียวกนั อยา่ งน้ี

เอก. พหุ.

ป. ตฺว ตวุ ตุมฺเห โว

ท.ุ ต ตฺว ตุว ตุมฺเห โว

ต. ตยา ตฺวยา เต ตมุ ฺเหหิ โว

จ. ตุยฺห ตมุ ฺห ตว เต ตุมฺหาก โว

ปญ.ฺ ตยา ตุมฺเหหิ

ฉ. ตยุ ฺห ตมุ ฺห ตว เต ตุมฺหาก โว

ส. ตยิ ตฺวยิ ตุมฺเหสุ

อมฺห (เรา) ท้งั ปุงลงิ ค์ และอิตถลี งิ ค์ แจกเป็ นอย่างเดยี วกนั อยา่ งน้ี

เอก. พหุ.

ป. อห มย โน

ทุ. ม มม อมฺเห โน

ต. มยา เม อมฺเหหิ โน

จ. มยฺห อมฺห มม มม เม อมฺหาก อสฺมาก โน

ปญฺ. มยา อมฺเหหิ

ฉ. มยฺห อมฺห มม มม เม อมฺหาก อสฺมาก โน

ส. มยิ อมฺเหสุ

๖๔ สำนกั เรยี นวดั โสธรวราราม
ค่มู อื บาลีไวยากรณ์

วิธีแจกวเิ สสนสัพพนาม (อนิยม)

ย ศัพท์ (ใด) ในปงุ ลงิ ค์ แจกอยา่ งน้ี

เอก. พหุ.

ป. โย เย

ท.ุ ย เย

ต. เยน เยหิ

จ. ยสฺส เยส เยสาน

ปญฺ. ยสฺมา ยมฺหา เยหิ

ฉ. ยสฺส เยส เยสาน

ส. ยสฺมึ ยมฺหิ เยสุ

ย ศัพท์ (ใด) ในอติ ถีลงิ ค์ แจกอย่างนี้

เอก. พหุ.

ป. ยา ยา

ท.ุ ย ยา

ต. ยาย ยาหิ

จ. ยสฺสา ยาส ยาสาน

ปญฺ. ยาย ยาหิ

ฉ. ยสฺสา ยาส ยาสาน

ส. ยสฺส ยาสุ

ย ศัพท์ ใน นปงุ สกลงิ ค์ แจกเหมือน ปงุ ลงิ ค์ แปลกแต่ ป. เอก. ยí,

พหุ. ยาน,ิ ท.ุ พหุ. ยานิ เท่าน้นั .

คู่มอื บาลีไวยากรณ์ ๖๕
สานกั เรยี นวัดโสธรวราราม

ศัพท์เหล่านี้ แจกเหมือน ย ศัพท์

อญฺญ อ่ืน กตม คนไหน

อญฺญตร คนใดคนหน่ึง เอก คนหน่ึง, พวกหน่ึง

อญฺญตม คนใดคนหน่ึง เอกจฺจ บางคน, บางพวก

ปร อื่น อภุ ย ท้งั สอง

อปร อื่นอีก สพพฺ ท้งั ปวง

กตร คนไหน อติ ร นอกน้ี

กึ ศัพท์ (ไม่ทอ่ ง)

กึ ศัพท์ (ใคร, อะไร) คงเป็นรูป กึ อยแู่ ตใ่ น นปุí. ป. ทุ. เอก. เท่าน้นั

นอกน้นั แปลงเป็ น ก แลว้ แจกแบบ ย ศัพท์ ท้งั ๓ ลงิ ค์

กึ ศัพท์ ที่แจกด้วยวิภัตติในไตรลิงค์น้ี มี จิ อยู่ท้ายศัพท์ แปลว่า

“น้อย” บา้ ง “บางคน หรือ บางส่ิง” บา้ ง เป็นคาใหว้ ่าซ้าสองหน เหมือนใน

ภาษาของเราเขียนรูป “ๆ” (ไมย้ มก) ดงั น้ีบา้ ง อุ.ว่า “ โกจิ ปุริโส อ.ชายบางคน

หรือ อ.ใคร ๆ” “กาจิ อิตฺถี อ.หญิงบางคน หรือ อ.หญิงไร ๆ” “กิญฺจิ วตฺถุ

อ.ส่ิงของนอ้ ยหน่ึง หรือ อ.ส่ิงของบางสิ่ง”

ถา้ เป็นพหุวจนะ แปลว่า “บางพวก หรือ บางเหล่า” อุ.วา่ “เกจิ ชนา

อ.ชน ท . บ างพ วก, ก าจิ อิ ตฺ ถี อ.ห ญิ ง ท . บ างพ วก , กานิ จิ กุลานิ

อ.ตระกลู ท. บางเหล่า”

ถา้ มี ย นาหน้า มี จิ อยู่หลัง แปลว่า “คนใดคนหน่ึง หรือ สิ่งใดสิ่ง

หนึ่ง” อุ.ว่า “โย โกจิ เทโว วา มนุสฺโส วา. อ. เทวดาหรือ หรือว่า อ. มนุษย์ คน

ใดคนหน่ึง, ยา กาจิ เวทนา อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนา. อ. เวทนา อยา่ งใดอย่าง

หน่ึง ลว่ งแลว้ หรือ หรือยงั ไมม่ า หรือวา่ เกิดข้ึนเฉพาะแลว้ ., ยงฺกิญฺจิ วิตฺต อิธ วา

หุร วา. อ.ทรัพยเ์ ครื่องปล้ืมใจ อนั ใดอนั หน่ึง ในโลกน้ีหรือ หรือวา่ ในโลกอื่น”.

๖๖ สำนักเรียนวัดโสธรวราราม
คู่มือบาลไี วยากรณ์

ท้ัง ย ท้ัง ก น้ี แจกดว้ ยวิภตั ติใด ๆ ก็ต้องเปล่ียนเป็ นรูปวิภัตติน้ัน ๆ

แล้วเอา จิ ไว้ท้ายศัพท์ เหมือนดังน้ี เอก. ทุ. ยงฺกิญฺจิ, ต. เยน เกนจิ,

จ. ยสฺส กสฺสจิ, พหุ. ป. ทุ. เย เกจิ, ต. เยหิ เกหจิ ิ, จ. เยส เกสญจฺ ิ เป็นตน้ .

วิธีแจกวิเสสนสัพพนาม (นิยม)

เอต ศัพท์ (นน่ั ) ใน ปุงลงิ ค์ แจกอยา่ งน้ี

เอก. พหุ.

ป. เอโส เอเต

ทุ. เอต เอน เอเต

ต. เอเตน เอเตหิ

จ. เอตสฺส เอเตส เอเตสาน

ปญ.ฺ เอตสฺมา เอตมฺหา เอเตหิ

ฉ. เอตสฺส เอเตส เอเตสาน

ส. เอตฺสฺมึ เอตมฺหิ เอเตสุ

เอต ศัพท์ (นน่ั ) ใน อติ ถีลงิ ค์ แจกอยา่ งน้ี

เอก. พหุ.

ป. เอสา เอตา

ท.ุ เอต เอน เอตา

ต. เอตาย เอตาหิ

จ. เอตสฺสา เอติสฺสา เอติสฺสาย เอตาส เอตาสาน

ปญฺ. เอตาย เอตาหิ

ฉ. เอตสฺสา เอติสฺสา เอติสฺสาย เอตาส เอตาสาน

ส. เอตสฺส เอติสฺส เอตาสุ

เอต ศัพท์ ใน นปงุ สกลงิ ค์ แจกเหมือนในปุงลงิ ค์ แปลกแต่ เอก. ป. เอต,
พหุ. ป. ท.ุ เอตานิ เท่าน้นั .

คู่มอื บาลีไวยากรณ์ ๖๗
สานกั เรียนวัดโสธรวราราม

อมิ ศัพท์ (น้ี) ใน ปุงลงิ ค์ แจกอยา่ งน้ี

เอก. พหุ.

ป. อย อิเม

ทุ. อิม อิเม

ต. อิมินา อเนน อิเมหิ

จ. อิมสฺส อสฺส อิเมส อิเมสาน

ปญ.ฺ อิมสฺมา อิมมฺหา อสฺมา อิเมหิ

ฉ. อิมสฺส อสฺส อิเมส อิเมสาน

ส. อิมสฺมึ อิมมฺหิ อสฺมึ อิเมสุ

อมิ ศัพท์ (น้ี) ใน อติ ถลี งิ ค์ แจกอยา่ งน้ี

เอก. พหุ.

ป. อย อิมา

ทุ. อิม อิมา

ต. อิมาย อิมาหิ

จ. อิมิสฺสา อิมิสฺสาย อสฺสา อิมาส อิมาสาน

ปญฺ. อิมาย อิมาหิ

ฉ. อิมิสฺสา อิมิสฺสาย อสฺสา อิมาส อิมาสาน

ส. อิมิสฺส อสฺส อิมาสุ

อมิ ศัพท์ ใน นปุงสกลงิ ค์ แจกเหมือนใน ปุงลงิ ค์ แปลกแต่ เอก.
ป. อทิ , ทุ. อทิ อมิ , พหุ. ป. ทุ. อมิ านิ เท่าน้นั .

๖๘ สำนักเรียนวัดโสธรวราราม
คมู่ ือบาลีไวยากรณ์

อมุ ศัพท์ (โนน้ ) ใน ปงุ ลงิ ค์ แจกอยา่ งน้ี

เอก. พหุ.

ป. อมุ อมู

ท.ุ อมุí อมู

ต. อมนุ า อมูหิ

จ. อมุสฺส อมโุ น อมสู อมสู าน

ปญ.ฺ อมุสฺมา อมมุ ฺหา อมหู ิ

ฉ. อมสุ ฺส อมโุ น อมูส อมูสาน

ส. อมสุ ฺมึ อมุมฺหิ อมสู ุ

อมุ ศัพท์ (โนน้ ) ใน อติ ถีลงิ ค์ แจกอยา่ งน้ี

เอก. พหุ.
อมู
ป. อมุ อมู
ท.ุ อมุí อมูหิ
ต. อมยุ า อมสู อมสู าน
จ. อมุสฺสา อมูหิ
ปญ.ฺ อมุยา อมูส อมูสาน
ฉ. อมุสฺสา อมสู ุ
ส. อมุสฺส

อมุ ศัพท์ ใน นปุงสกลิงค์ แจกเหมือนใน ปุงลิงค์ แปลกแต่ ป. ทุ.

เอก. อทุí, พหุ. อมูนิ เท่าน้ัน ท่ีเป็ น อทุí น้ัน ใน นปุ.í เอา อมุ กับ สิ หรือ อí

เป็น อทุí.

อมุ ศัพท์ ที่อาเทส เป็น อสุ บา้ ง อมุ และ อสุ ท้งั ๒ น้ี ถ้ามี ก

ต่อท้าย เป็ น อมุก อสุก ดงั น้ี แจกตามแบบ ย ศัพท์ท้งั ๓ ลงิ ค์.

ค่มู ือบาลีไวยากรณ์ ๖๙
สานกั เรยี นวดั โสธรวราราม

อพั ยยศัพท์

ศัพท์อีกจาพวกหน่ึง แจกด้วยวิภัตติท้ัง ๗ แปลงรูปไปต่าง ๆ เหมือน
นามศัพท์ท้งั ๓ ไม่ได้ คงรูปอย่เู ป็ นอย่างเดยี ว เรียกวา่ อพั ยยศัพท์.

อพั ยยศพั ทน์ ้ี มี ๓ ประเภท คือ อปุ สัค ๑ นิบาต ๑ ปัจจัย ๑.

อปุ สัค

อุปสัคน้ัน สาหรับใช้นาหน้านามและกิริยา ให้วิเศษข้ึน เม่ือนาหน้า

นาม มีอาการคล้ายคุณศัพท์ เม่ือนาหน้ากริ ิยา มีอาการคล้ายกริ ิยาวิเสสนะ.

อุปสคั มี ๒๐ ตัว ดงั น้ี

อติ ยงิ่ เกิน ลว่ ง

อธิ ยงิ่ ใหญ่ ทบั

อนุ นอ้ ย ภายหลงั ตาม

อป ปราศ หลีก

อปิ หรือ ปิ ใกล้ บน

อภิ ยง่ิ ใหญ่ เฉพาะ ขา้ งหนา้

อว หรือ โอ ลง

อา ทวั่ ยง่ิ กลบั ความ

อุ ข้ึน นอก

อปุ เขา้ ไป ใกล้ มน่ั

ทุ ชวั่ ยาก

นิ เขา้ ลง

นิ ไมม่ ี ออก

ป ทวั่ ขา้ งหนา้ ก่อน ออก

ปฏิ เฉพาะ ตอบ ทวน กลบั

๗๐ กลบั ความ แจง้ สำนกั เรยี นวดั โสธรวราราม
คู่มือบาลีไวยากรณ์ รอบ กบั
วิเศษ งาม ตา่ ง
ปรา พร้อม ดี
ปริ ดี ง่าย
วิ

สุ

อทุ าหรณ์ (ไม่ตอ้ งท่อง)

อติ

อติสุนฺทโร ดียงิ่ ดีเกิน อติกฺกมติ ยอ่ มกา้ วล่วง.

อธิ

อธิสกฺกาโร สกั การะยง่ิ อธปิ ติ นายใหญ่ อธเิ สติ ยอ่ มนอนทบั .

อนุ

อนุนายโก นายกนอ้ ย อนุโช ผเู้ กิดภายหลงั อนุคจฺฉติ ย่อมไปตาม.

อป

อปเนติ ย่อมนาไปปราศ อปคจฺฉติ ยอ่ มหลีกไป

อปิ หรือ ปิ

อปิ กจฺโฉ ใกลร้ ักแร้ อปิ กณฺโณ ใกลห้ ู อปิ ธาน เครื่องวางขา้ งบน (ฝาปิ ด)

ปิ ทหติ ยอ่ มวางขา้ งบน (ปิ ด).

อภิ

อภิปฺปสนฺโน เล่ือมใสยงิ่ แลว้ อภิภู ผเู้ ป็นใหญ่ อภชิ ฺฌา ความเพง่ เฉพาะ

อภิกฺกโม ความกา้ วไปขา้ งหนา้ .

อว หรือ โอ

อวสí ิโร มีหวั ลง โอตรติ ยอ่ มหยงั่ ลง.

คมู่ ือบาลไี วยากรณ์ ๗๑
สานักเรยี นวัดโสธรวราราม

อา

อาปูรติ ยอ่ มเตม็ ทว่ั อาภาติ ยอ่ มสวา่ งยง่ิ

คจฺฉติ ยอ่ มไป อาคจฺฉติ ยอ่ มมา

เนติ ยอ่ มนาไป อาเนติ ยอ่ มนามา.

อุ

อคุ ฺคจฺฉติ ยอ่ มข้ึนไป อปุ ปฺ โถ นอกทาง.

อปุ

อุปจินาติ ย่อมเขา้ ไปสงั่ สม อปุ คจฺฉติ ย่อมไปใกล้ อุปาทิยติ ยอ่ มถือมน่ั .

ทุ

ทคุ ฺคนฺโธ กล่ินชว่ั ทกุ ฺกร ทายาก.

นิ

นคิ จฺฉติ ย่อมเขา้ ถึง นิกุชฺฌติ ยอ่ มงอเขา้ นขิ นฺติ ยอ่ มขดุ

นิทหติ ยอ่ มต้งั ลง (ยอ่ มฝัง).

นิ

นิรนฺตราโย ไม่มีอนั ตราย นิกฺกฑฺฒติ ยอ่ มฉุดออก.



ปชานาติ ยอ่ มรู้ทว่ั ปาเชติ ยอ่ มไปขา้ งหนา้ (ยอ่ มขบั ไป)

ปภวติ ยอ่ มเกิดก่อน, ยอ่ มมีก่อน ปคฺฆรติ ยอ่ มไหลออก

ปฏิ

ปติฏฺ°าติ ยอ่ มต้งั อยเู่ ฉพาะ ปฏิวจน คาตอบ
ปฏิโสต ทวนกระแส ปจฺจาคจฺฉติ ยอ่ มกลบั มา.

ปรา

ชโย ความชนะ ปราชโย ความแพ้

ภโว ความเจริญ ปราภโว ความฉิบหาย.

๗๒ สำนักเรยี นวัดโสธรวราราม
คู่มือบาลไี วยากรณ์

ปริ

ปริญฺญา ความรอบรู้ ปริพฺภมติ ย่อมหมุนรอบ.

วิ

วิชานาติ ยอ่ มรู้วิเศษ, ยอ่ มรู้แจง้ วิวิโธ มีอยา่ งต่างๆ.



สญฺจรติ ย่อมเท่ียวไปพร้อม, ยอ่ มเที่ยวไปกบั สญฺฉวี มีผวิ ดี.

สุ

สุนกฺขตฺต ฤกษด์ ี สุเนตฺโต คนมีตางาม สุกร ทางา่ ย.

อุปสัคมี ๓ ชนิด คือ
๑. อุปสัคสังหารธาตุ ไดแ้ ก่ อุปสัคเม่ือใชน้ าหนา้ ธาตุประกอบเป็นกิริยาศพั ท์
แลว้ ทาใหค้ าแปลของธาตเุ ดิมเปลี่ยนไปผิดจากรูปเดิม คือจะใชค้ าแปลของธาตุ
เดิมไมไ่ ด้ เช่น ภู หรือ หุ ธาตุใน ความมี, ความเป็ น

ภวติ ย่อมมี, ย่อมเป็ น อนุ อุปสัคสงั หาร เป็น อนุโภติ ย่อมเสวย
ภวติ ย่อมมี, ย่อมเป็ น อภิ อุปสัคสังหาร เป็น อภิภวติ ย่อมครอบงา
โหตุ ย่อมมี, ย่อมเป็ น ป อุปสคั สงั หาร เป็น ปโหติ ย่อมเพยี งพอ.
๒. อุปสัคเบียนธาตุ ไดแ้ ก่ อุปสัคเม่ือใชน้ าหนา้ ธาตุประกอบเป็ นกิริยาศพั ท์
แล้ว ทาให้คาแปลของธาตุเดิมเปล่ียนไปบ้างเล็กน้อย กลับความนิดหน่อย
พอสงั เกตตน้ เคา้ ของธาตุเดิมไดอ้ ยู่ เช่น
คมฺ ธาตุ ในความไป
คจฺฉติ ย่อมไป อา อุปสัคเบียนธาตุ เป็น อาคจฺฉติ ย่อมมา
ชิ ธาตุ ในความชนะ
ชินาติ ย่อมชนะ ปรา อปุ สัคเบียน เป็น ปราชยติ ย่อมแพ้

คู่มือบาลีไวยากรณ์ ๗๓
สานกั เรียนวัดโสธรวราราม

กมฺ ธาตุ ในความกา้ วไป
กมติ ย่อมก้าวไป ปฏิ อปุ สคั เบียน เป็น ปฏิกฺกมติ ย่อมถอยกลบั .
๓. อุปสัคคล้อยตามธาตุ ไดแ้ ก่อปุ สคั เมื่อใชน้ าหนา้ ธาตุ ประกอบเป็นกิริศพั ท์
แลว้ ไมท่ าใหค้ าแปลของธาตุเดิมเปลี่ยนไป แต่สนบั สนุนส่งเสริมทาใหธ้ าตมุ ี
ความหมายแรงข้ึนกวา่ เดิม เช่น

กรฺ ธาตุ ในความทา
กโรติ ย่อมทา อนุ อปุ สคั คลอ้ ยตามธาตุ เป็น อนุกโรติ ย่อมทาตาม

รมฺ ธาตุ ในความยนิ ดี
รมติ ย่อมยนิ ดี อภิ อปุ สัคคลอ้ ยตามธาตุ เป็น อภิรมติ ย่อมยนิ ดีย่ิง

ญา ธาตุ ในความรู้
ชานาติ ย่อมรู้ วิ อุปสคั คลอ้ ยตามธาตุ เป็น วิชานาติ ย่อมรู้แจ้ง.
นิ มีอยู่ ๒ ศัพท์ คือ

๑) นิ ที่แปลวา่ เข้า, ลง เวลาใชน้ าหนา้ นามหรือกิริยา คง นิ ไวเ้ ฉย ๆ เช่น
นิมุคฺโค ดาลงแลว้ , นิคจฺฉติ ยอ่ มเข้าถึง, นวิ าโส ความเข้าอยู่ เป็นตน้

๒) นิ ท่ีแปลวา่ ไม่มี, ออก เวลาใชน้ าหนา้ นามหรือกิริยา มีวิธี ๒ อยา่ ง คอื
๒.๑) การซ้อน เช่น นิพฺภโย (นิ+ภโย) ไม่มีภยั , นิกฺขนฺโต (นิ+ขนฺโต)

ออกแลว้ , นิกฺกฑฺฒติ (นิ+กฑฺฒติ) ยอ่ มคร่าออก เป็นตน้
๒.๒) การ ลง ร อาคม เช่น นิรนฺตราโย (นิ+อนฺตราโย) ไม่มีอนั ตราย,

ถ้าอยู่หน้า ร หรือ ห จะซอ้ นหรือลง ร อาคม ไม่ได้ ในที่เช่นน้ีต้องทีฆะ อิ ท่ี
นิ เป็น อี เช่น นีหรณ(นิ+หรณ) การนาออก, นีรโส(นิ+รโส) ไม่มีรส, นีโรโค
(น+ิ โรโค) ไม่มีโรค เป็นตน้

๗๔ สำนกั เรยี นวดั โสธรวราราม
คูม่ ือบาลไี วยากรณ์

นิบาต

นิบาต น้นั ใชส้ าหรับลงในระหว่าง นามศัพท์บา้ ง กริ ิยาศัพท์บา้ ง

มี ๑๕ ประเภท คือ

๑. นิบาตบอก อาลปนะ ๙. นิบาตบอก ความปริกปั

๒. นิบาตบอก กาล ๑๐. นิบาตบอก ความถาม

๓. นิบาตบอก ท่ี ๑๑. นิบาตบอก ความรับ

๔. นิบาตบอก ปริจเฉท ๑๒. นิบาตบอก ความเตือน

๕. นิบาตบอก อุปมาอุปไมย ๑๓. นิบาตสาหรับผูกศัพท์และประโยคมี

๖. นิบาตบอก ประการ อรรถเป็ นอเนก

๗. นิบาตบอก ปฏเิ สธ ๑๔. นิบาตสักว่าเป็ นเครื่องทาบทให้เต็ม

๘. นิบาตบอก ความได้ยนิ เล่าลือ ๑๕. นิบาตมีเนื้อความต่าง ๆ

นบิ าตบอก อาลปนะ

นิบาตบอกอาลปนะ มี ๑๐ ตัว คือ ยคฺเฆ ภนฺเต ภทนฺเต ภเณ
อมฺโภ อาวโุ ส เร อเร เห เช.

ยคฺเฆ
เป็นคาสาหรับผู้น้อยพูดกับผู้สูงศักด์ิ เช่น พระเจา้ แผน่ ดิน, และ บ่าวใช้พูด
กบั นาย แปลวา่ “ขอเดชะ”.

ภนฺเต, ภทนฺเต
๒ ศพั ท์น้ี เป็ นคาสาหรับ คฤหัสถ์ เรียก บรรพชิต ด้วยความเคารพ
หรือบรรพชิตผู้อ่อนพรรษากว่า เรียกบรรพชิตผู้แก่กว่า แปลว่า“ข้าแต่ท่านผู้
เจริญ”.

ค่มู อื บาลีไวยากรณ์ ๗๕
สานกั เรยี นวดั โสธรวราราม

ภเณ
เป็นคาสาหรับคนสูงกว่าพูดกบั คนผู้ที่อยู่ในบงั คบั ของตน เช่น พระเจา้
แผน่ ดินรับส่งั แก่ขา้ ราชการ, แปลวา่ “แน่ะพนาย”.

อมฺโภ
เป็นคาสาหรับเรียกชายด้วยวาจาอนั อ่อนหวาน แปลวา่ “แน่ะผ้เู จริญ”.

อาวโุ ส
เป็นคาสาหรับบรรพชิตทมี่ ีพรรษามากกว่า เรียกบรรพชิตทีม่ พี รรษา
น้อยกว่า และสาหรับบรรพชิตเรียกคฤหัสถ์ แปลวา่ “ดูก่อนท่านผู้มอี ายุ”.

เร, อเร
๒ ศพั ทน์ ้ี เป็นคาสาหรับร้องเรียกคนเลวทราม แปลวา่ “เว้ย, โว้ย”.

เห
เป็นคาสาหรับร้องเรียกคนเลว แปลวา่ “เฮ้ย”.

เช
เป็นคาสาหรับนายเรียกหญิงสาวใช้ แปลวา่ “แน่ะแม่, แน่ะสาวใช้”.

อถ คร้ังน้นั นบิ าตบอก กาล วนั วาน
ปาโต เชา้ หิยฺโย วนั พรุ่ง
ทิวา วนั เสฺว บดั เด๋ียวน้ี
สาย เยน็ สมฺปติ ต่อไป
สุเว ในวนั อายตึ

๗๖ สำนักเรยี นวัดโสธรวราราม
คู่มอื บาลไี วยากรณ์
นบิ าตบอก ที่
อุทฺธ เบ้ืองบน อโธ เบ้ืองต่า
อปุ ริ เบ้ืองบน เหฏฺ °า ภายใต้
อนฺตรา ระหวา่ ง โอร ฝั่งใน
อนฺโต ภายใน ปาร ฝ่ังนอก
ตโิ ร ภายนอก หุร โลกอ่ืน
พหิ ภายนอก สมฺมขุ า ต่อหนา้
พหทิ ฺธา ภายนอก ปรมฺมุขา ลบั หลงั
พาหริ า ภายนอก รโห ที่ลบั

นิบาตบอก ปริจเฉท

กวี เพียงไร ยาวตา มีประมาณเพียงใด

ยาว เพยี งใด ตาวตา มีประมาณเพยี งน้นั

ตาว เพยี งน้นั กติ ฺตาวตา มีประมาณเท่าใด

ยาวเทว เพียงใดนนั่ เทียว เอตฺตาวตา มีประมาณเทา่ น้นั

ตาวเทว เพยี งน้นั นนั่ เทียว สมนฺตา โดยรอบ

วยิ ราวกะ นบิ าตบอก อปุ มาอุปไมย
อวิ เพยี งดงั เสยฺยถา ฉนั ใด
ยถา ฉนั ใด ตถา ฉนั น้นั
เอว ฉนั น้นั

คู่มือบาลไี วยากรณ์ ๗๗
สานักเรียนวดั โสธรวราราม

นิบาตบอก ประการ

เอว ดว้ ยประการน้นั กถ ดว้ ยประการไร

ตถา ดว้ ยประการน้นั

น ไม่ นบิ าตบอก ปฏเิ สธ นนั่ เทียว
โน ไม่ เอว เวน้
มา อยา่ วนิ า พอ
ว เทียว อล

นบิ าตบอก ความได้ยนิ คาเล่าลือ

กริ ไดย้ นิ วา่ สุท ไดย้ นิ วา่

ขลุ ไดย้ นิ วา่

เจ หากวา่ นบิ าตบอก ปริกปั ถา้ วา่
ยทิ ผวิ า่ อถ ชื่อแมไ้ ฉน
สเจ ถา้ วา่ อปฺเปว นาม กระไรหนอ
ยนฺนูน

๗๘ สำนกั เรยี นวัดโสธรวราราม
คู่มอื บาลีไวยากรณ์
มิใช่หรือ
นบิ าตบอก ความถาม หรือวา่
หรือวา่
กึ หรือ, อะไร นนุ อยา่ งไรน้ี

กถ อยา่ งไร อุทาหุ

กจฺจิ แลหรือ อาทู

นุ หนอ เสยยฺ ถีท

นบิ าตบอก ความรับ

อาม เออ อามนฺตา เออ

นิบาตบอก ความเตือน

องิ ฆฺ เชิญเถิด หนฺท เอาเถิด

ตคฺฆ เอาเถิด

นิบาต สาหรับผกู ศัพท์และประโยคมอี รรถเป็ นอเนก

จ ดว้ ย, อน่ึง, ก็, จริงอยู่ ปน ส่วนวา่ , ก็

วา หรือ, บา้ ง อปิ แม,้ บา้ ง

หิ ก,็ จริงอย,ู่ เพราะวา่ อปิ จ เออก็

ตุ ส่วนวา่ , ก็ อถวา อีกอยา่ งหน่ึง

นิบาต สักว่าเป็ นเคร่ืองทาบทให้เต็ม

นุ หนอ โข แล

สุ สิ วต หนอ

เว เวย้ หเว เวย้

โว โวย้

คู่มอื บาลีไวยากรณ์ ๗๙
สานักเรยี นวดั โสธรวราราม

นบิ าต มเี นื้อความต่าง ๆ

อญฺญทตฺถุ โดยแท้ อาวี แจง้
อโถ อน่ึง อุจฺจ สูง
อทฺธา แน่แท้ อติ ิ เพราะเหตุน้นั , วา่ ...ดงั น้ี,
อวสฺส แน่แท้
อโห โอ ดว้ ยประการน้ี, ดงั น้ีแล, ช่ือวา่
อารา ไกล กญิ จฺ าปิ แมห้ น่อยหน่ึง, แมโ้ ดยแท้
นีจ ต่า กวฺ จิ บา้ ง
นูน แน่ มิจฺฉา ผดิ
นานา ตา่ งๆ มุธา เปลา่
ปจฺฉา ภายหลงั มุสา เทจ็
ปฏฺ °าย จาเดิม สกึ คราวเดียว
ปภูติ จาเดิม สตกฺขตฺตí ร้อยคร้ัง
ปุน อีก สทฺธึ พร้อม, กบั
ปนุ ปฺปนุ บอ่ ยๆ สณิก ค่อยๆ
ภิยโฺ ย ยง่ิ สย เอง
ภยิ ฺโยโส โดยยง่ิ สห กบั
สาม เอง

๘๐ สำนกั เรียนวดั โสธรวราราม
คมู่ ือบาลไี วยากรณ์

ปัจจัย

ปัจจัยน้ัน ใช้สาหรับลงท้ายนามศัพท์ เป็ นเคร่ืองหมายวิภัตติบ้าง
ลงท้ายธาตุ เป็ นเคร่ืองหมายกริ ิยาบา้ ง.

ปัจจยั มี ๒๒ ตวั แบ่งเป็น ๔ หมวด อยา่ งน้ี

๑) โต ปัจจัย เป็นเคร่ืองหมาย ตตยิ าวิภัตติ แปลวา่ “ข้าง”
เป็นเครื่องหมาย ปัญจมวี ิภัตติ แปลวา่ “แต่” เป็นตน้ ดงั น้ี

สพฺพโต แต่ – ท้งั ปวง ปรุ โต ขา้ งหนา้
อญฺญโต แต่ – อ่ืน ปจฺฉโต ขา้ งหลงั
อญฺญตรโต แต่ – อนั ใดอนั หน่ึง ทกฺขิณโต ขา้ งขวา
อติ รโต แต่ – นอกน้ี วามโต ขา้ งซา้ ย
ยโต แต่ – ใด เอกโต ขา้ งเดียว

๒) ปัจจยั ท้งั หลาย ๙ ตวั น้ี คือ ตฺร, ตฺถ, ห, ธ, ธิ, ห,ึ ห, หญิ ฺจน, ว
ใชเ้ ป็นเครื่องหมาย สตฺตมีวภิ ัตติ แปลตาม สตฺตมี ดงั น้ี

สพฺพตฺร ใน – ท้งั ปวง กตฺถ ใน – ไหน
สพฺพตฺถ ใน – ท้งั ปวง กห ใน – ไหน
สพฺพธิ ใน – ท้งั ปวง กหุ ึ ใน – ไหน
อธิ ใน – น้ี กุหิญจฺ น ใน – ไหน
อหิ ใน – น้ี กฺว ใน – ไหน

ค่มู ือบาลีไวยากรณ์ ๘๑
สานกั เรยี นวัดโสธรวราราม

๓) ปัจจยั ท้งั หลาย ๗ ตวั น้ี คือ ทา, ทาน,ิ รหิ, ธุนา, ทาจน, ชฺช, ชฺชุ
ใชเ้ ป็นเคร่ืองหมาย สตฺตมีวิภัตติ ลงใน กาล ดงั น้ี

สพฺพทา ในกาลท้งั ปวง กรหจิ ในกาลไหนๆ
สทา ในกาลทกุ เม่ือ กทุ าจน ในกาลไหน
อทิ านิ ในกาลน้ี, เด๋ียวน้ี อชฺช ในวนั น้ี
เอตรหิ ในกาลน้ี, เดี๋ยวน้ี สชฺชุ ในวนั มีอยู่
อธุนา ในกาลน้ี, เมื่อก้ี ปรชฺชุ ในวนั อ่ืน

๔) ปัจจยั ที่เป็นกิริยากิตก์ ๕ ตวั คือ ตเว, ต,íุ ตูน, ตฺวา, ตฺวาน
กบั ท้งั ปัจจยั ท่ีแปลงออกจาก ตฺวา เป็น อพั ยยะ แจกด้วยวิภัตติไม่ได้ อุ. ดงั น้ี

กาตเว เพอื่ อนั ทา
กาตุí ความทา, เพอ่ื อนั ทา
กาตูน ทาแลว้
กตฺวา ทาแลว้
กตฺวาน ทาแลว้

จบนามและอพั ยยศัพท์

๘๒ สำนกั เรียนวัดโสธรวราราม
คู่มอื บาลไี วยากรณ์

อาขยาต

ศัพท์กล่าวกริยา คือ ความทา เป็ นต้นว่า ยืน เดนิ น่ัง นอน กนิ ด่ืม
ทา พดู คดิ เป็นตน้ ช่ือวา่ อาขยาต.

ในอาขยาตน้นั ทา่ นประกอบด้วย วิภตั ติ กาล บท วจนะ บุรุษ ธาตุ
วาจก ปัจจยั เพ่ือเป็ นเครื่องหมายเนื้อความใหช้ ดั เจน.

วภิ ตั ติ
วิภัตตนิ ้นั ท่านจาแนกไวเ้ พ่ือเป็ นเครื่องหมายให้รู้ กาล บท วจนะ บรุ ุษ
จดั เป็น ๘ หมวด ในหมวดหน่ึง ๆ มี ๑๒ วิภตั ติ อยา่ งน้ี

๑. วตฺตมานา

บอก ปัจจุบนั กาล แปลวา่ อย่,ู ย่อม, จะ

ปรัสสบท อตั ตโนบท

ปุริส. เอก. พหุ. เอก. พหุ.

ป. ติ อนฺติ เต อนฺเต

ม. สิ ถ เส วฺเห

อุ. มิ ม เอ มฺเห

ข้อควรจา :- แปลง อนฺติ เป็น เร เช่น วุจฺจเร บา้ ง, ใช้ เต แทน ติ เช่น ชายเต,
ใช้ อนฺเต แทน อนฺติ เช่น ปจุ ฺฉนฺเต บา้ ง, ใช้ เอ แทน มิ เช่น อิจฺเฉ บา้ ง.

ค่มู ือบาลีไวยากรณ์ ๘๓
สานกั เรยี นวดั โสธรวราราม

๒. ปญฺจมี

บอก ความบงั คับ, ความหวงั , ความอ้อนวอน แปลวา่ จง, เถิด, ขอ-จง

ปรัสสบท อตั ตโนบท

ปรุ ิส. เอก. พหุ. เอก. พหุ.

ป. ตุ อนฺตุ ต อนฺต

ม. หิ ถ สฺสุ วฺโห

อ.ุ มิ ม เอ อามฺหเส

ข้อควรจา :- ใช้ ต แทน ตุ เช่น ชยต บา้ ง, ลง หิ ลบ หิ ไดเ้ ช่น คจฺฉาหิ เป็น คจฺฉ,

ใช้ สฺสุ แทน หิ เช่น กรสฺสุ, หิ มิ ม ทีฆะทา้ ยธาตุท้งั ปวง เช่น ปจ = ปจาหิ, ปจามิ, ปจาม.

๓. สตฺตมี

บอก ความยอมตาม, ความกาหนด, ความราพงึ แปลวา่ ควร, พงึ , พงึ

ปรัสสบท อตั ตโนบท

ปุริส. เอก. พหุ. เอก. พหุ.

ป. เอยยฺ เอยฺยุí เอถ เอร

ม. เอยยฺ าสิ เอยยฺ าถ เอโถ เอยฺยวฺโห

อุ. เอยฺยามิ เอยยฺ าม เอยฺย เอยฺยามฺเห

ข้อควรจา :- ลบ ยฺย คงไวแ้ ต่ เอ เช่น กเร บา้ ง, ใช้ เอถ แทน เอยยฺ เช่น ลเภถ บา้ ง,
แปลง เอยฺย เป็น อา เช่น กยิรา (ยิร ปัจจยั ) บา้ ง, ใช้ เอยฺย แทน เอยฺยามิ เช่น ปจุ ฺเฉยยฺ บา้ ง,
แปลง เอยฺยาม เป็น เอมุ เช่น ทกเฺ ขมุ บา้ ง.

๘๔ สำนักเรยี นวัดโสธรวราราม
ค่มู อื บาลไี วยากรณ์

๔. ปโรกฺขา

บอก อดีตกาลไม่มีกาหนด แปลวา่ “แล้ว”

ปรัสสบท อตั ตโนบท

ปรุ ิส. เอก. พหุ. เอก. พหุ.

ป. อ อุ ตฺถ เร

ม. เอ ตฺถ ตฺโถ วโฺ ห

อุ. อ มฺห อึ มฺเห

ข้อควรจา :- วิภตั ติน้ีมีใชเ้ พียง อาห, อาหุ.
อาห = พฺรู ธาตใุ นความกล่าว+อ ปัจจยั +อ ปโรกฺขาวิภัตติ แปลง พฺรู เป็น อาห,
อาหุ = พรฺ ู ธาตุ+อ ปัจจยั +อุ ปโรกฺขาวิภัตติ แปลง พฺรู เป็น อาห.
อาหสุ = พฺรู ธาตุ+อ ปัจจยั +อุí อชั ชัตตนวี ิภัตติ แปลง พฺรู เป็น อาห แปลง อุí เป็น อสุ.

๕. หยิ ตฺตนี

บอก อดีตกาลต้งั แต่วานนี้ แปลวา่ “แล้ว” ถา้ มี อ อยหู่ นา้ แปลวา่ “ได้ - แล้ว”

ปรัสสบท อตั ตโนบท

ปรุ ิส. เอก. พหุ. เอก. พหุ.

ป. อา อู ตฺถ ตฺถุí

ม. โอ ตฺถ เส วหฺ

อุ. อ มฺห อึ มฺหเส

ข้อควรจา :- อา วิภตั ติ รัสสะเป็น อ ในหมวดธาตุท้งั ปวงไดบ้ า้ ง เช่น
อโวจ, อวจ, อทฺทส เป็นตน้ .

คู่มอื บาลไี วยากรณ์ ๘๕
สานกั เรียนวัดโสธรวราราม

๖. อชฺชตฺตนี

บอก อดีตกาลต้งั แต่วันนี้ แปลว่า “แล้ว” ถา้ มี อ อยหู่ นา้ แปลวา่ “ได้ - แล้ว”

ปรัสสบท อตั ตโนบท

ปรุ ิส. เอก. พหุ. เอก. พหุ.

ป. อี อุí อา อู

ม. โอ ตฺถ เส วฺห

อ.ุ อึ มฺหา อ มฺเห

ข้อควรจา :- วิภตั ติหมวดน้ีมกั ลง ส และ อ อาคม,
อี วิภตั ติ เมื่อประกอบกบั ธาตุ รัสสะเป็น อิ เช่น กริ เป็นตน้ ลง ส อาคม เช่น อกาสิ เป็นตน้ ,
อุí วิภตั ติ แปลงเป็น อึสุ เช่น กรึสุ แปลงเป็น อสุ ลง ส อาคม เช่น อกสุ, อคมสุ เป็นตน้ ,
โอ มธั ยมบุรุษ เอกวจนะใช้ อี วิภตั ติ แทน, มธั ยมบุรุษ พหุวจนะ (ตฺถ) และ อุตตมบุรุษ
พหุวจนะ (มฺหา) ลง อิ อาคมทา้ ยธาตุเสมอ เฉพาะ ลภฺ ธาตุ แปลง อี เป็น ตฺถ คือ อลตฺถ แปลง อึ
เป็น ตฺถ คือ อลตฺถ ไดบ้ า้ ง.

๗. ภวิสฺสนฺติ

บอก อนาคตกาลแห่งปัจจุบนั แปลวา่ “จกั ”

ปรัสสบท อตั ตโนบท

ปุริส. เอก. พหุ. เอก. พหุ.
สฺสนฺเต
ป. สฺสติ สฺสนฺติ สฺสเต สฺสวเฺ ห
สฺสามฺเห
ม. สฺสสิ สฺสถ สฺสเส

อ.ุ สฺสามิ สฺสาม สฺส

๘๖ สำนกั เรยี นวดั โสธรวราราม
ค่มู อื บาลไี วยากรณ์

ข้อควรจา :- ตอ้ งลง อิ อาคม ทา้ ยธาตุหนา้ วิภตั ติก่อนประกอบวิภตั ติหมวดน้ี
ใช้ สฺส แทน สฺสามิ บา้ ง, เช่น กริสฺส คมิสฺส เป็นตน้ ,
วิภตั ติฝ่ายปรัสสบท ลบ สฺส เหลือไวเ้ พียง ติ อนฺติ สิ ถ มิ ม
ลงหลงั ในหมวดธาตุเหล่าน้ี คือ
วสฺ ธาตุ แปลงเป็น วจฺฉ อุทาหรณ์ วสฺ + สฺสติ = วจฺฉติ
วจฺ ธาตุ แปลงเป็น วกฺข อุทาหรณ์ วจฺ + สฺสติ = วกฺขติ
ลภฺ ธาตุ แปลงเป็น ลจฺฉ อุทาหรณ์ ลภฺ + สฺสติ = ลจฺฉติ
ทิสฺ ธาตุ แปลงเป็น ทกฺข อุทาหรณ์ ทิสฺ + สฺสติ = ทกฺขติ
กรฺ ธาตุ แปลงเป็น กาห อุทาหรณ์ กรฺ + สฺสติ = กาหติ

๘. กาลาตปิ ตฺติ

บอกอนาคตกาลแห่งอดตี แปลวา่ “จกั -แล้ว” ถา้ มี อ อยหู่ นา้ แปลวา่ “จักได้-แล้ว”

ปรัสสบท อตั ตโนบท

ปุริส. เอก. พหุ. เอก. พหุ.

ป. สฺสา สฺสสุ สฺสถ สฺสึสุ

ม. สฺเส สฺสถ สฺสเส สฺสวฺเห

อุ. สฺส สฺสามฺหา สฺส สฺสามฺหเส

ข้อควรจา :- ลง อิ อาคม ทา้ ยธาตุก่อนประกอบวิภตั ติหมวดน้ี สฺสา รัสสะเสมอ

เช่น กริสฺส, อภวิสฺส เป็นตน้

คู่มือบาลไี วยากรณ์ ๘๗
สานักเรยี นวดั โสธรวราราม

(ขอ้ ควรรู้) อาคมในอาขยาต

ในอาขยาตมีอาคม ๕ ตวั คอื อ อิ ส ห อ ลงในหมวดธาตุ ดงั น้ี
๑) อ อาคม ลงหน้าธาตุ ที่ประกอบวิภตั ติหมวด หยิ ตฺตนี อชฺชตฺตนี

และ กาลาตปิ ตฺติ อทุ าหรณ์ อทฺทส, อทสุ, อลภิสฺส เป็นตน้

๒) อิ อาคม ลงหลงั ธาตุและปัจจัยที่ประกอบวิภตั ติหมวด อชฺชตฺตนี

ภวสิ ฺสนฺติ และ กาลาติปตฺติ อุทาหรณ์ วสิมฺหา, สุณิสฺสาสิ, ลภิสฺสามิ, ลภิสฺสา
เป็ นตน้

๓) ส อาคม ลงหลงั ธาตุ ท่ีประกอบวิภตั ติหมวด อชฺชตฺตนี

อทุ าหรณ์ ปติฏฺ°าสิ, วาเจสิ, วเทสิ เป็นตน้
๔) ห อาคม ใช้ลงประจาเฉพาะกบั °า ธาตุ (แปลงเป็น ติฏฺ °) ใชล้ ง

ไดไ้ มน่ ิยมวิภตั ติ อุทาหรณ์ ปติฏฺ°ห,ิ อปุ ฏฺ°เหยฺย, อปุ ฏฺ°หน, ปติฏฺ°หนฺโต
เป็ นตน้

๕) อ อาคม ลงต้นธาตุ ในหมวด รุธฺ ธาตุ แลว้ แปลงเป็นพยญั ชนะ

ท่ีสุดวรรคน้นั ๆ อทุ าหรณ์ รุนฺธติ (รุธí ฺ+ติ), ภญุ ฺชติ (ภíชุ ฺ+ติ) เป็นตน้

กาล

ในอาขยาตน้นั แบ่งกาลทีเ่ ป็ นประธานได้ ๓ คือ กาลที่เกิดข้ึนจาเพาะหนา้
เรียกวา่ ปัจจุบันกาล ๑ กาลล่วงแลว้ เรียกวา่ อดีตกาล ๑ กาลยงั ไม่มาถึง
เรียกวา่ อนาคตกาล ๑.

๘๘ สำนกั เรยี นวัดโสธรวราราม
ค่มู อื บาลไี วยากรณ์

กาลท้งั ๓ น้นั แบ่งใหล้ ะเอียดออกอีก

ปัจจุบันกาล

จดั เป็น ๓ คือ ปัจจุบนั แท้ ๑ ปัจจุบนั ใกลอ้ ดีต ๑ ปัจจุบนั ใกลอ้ นาคต ๑.

อดีตกาล

จดั เป็น ๓ เหมือนกนั คอื ลว่ งแลว้ ไม่มีกาหนด ๑ ลว่ งแลว้ วานน้ี ๑ ล่วงแลว้ วนั น้ี ๑.

อนาคตกาล จดั เป็น ๒ คือ อนาคตของปัจจุบนั ๑ อนาคตของอดีต ๑.

๑. วตฺตมานา

บอก ปัจจบุ ันกาล แปลวา่ อยู่, ย่อม, จะ

๑. ปัจจุบนั แท้ แปลวา่ “อยู่”

อทุ าหรณ์ ภิกฺขุ ธมฺม เทเสติ. อ. ภิกษุ แสดงอยู่ ซ่ึงธรรม.

๒. ปัจจุบันใกล้อดตี แปลวา่ “ย่อม”

อทุ าหรณ์ กุโต นุ ตฺว อาคจฺฉสิ. อ. ท่าน ย่อมมา แต่ท่ีไหน หนอ.

๓. ปัจจบุ ันใกล้อนาคต แปลวา่ “จะ”

อุทาหรณ์ กึ กโรมิ. อ. ขา้ จะทา ซ่ึงอะไร.

๒. ปญจฺ มี

บอก ความบงั คบั , ความหวัง, ความอ้อนวอน แปลวา่ จง, เถดิ , ขอจง

๑. บอก ความบังคับ แปลวา่ “จง”

อทุ าหรณ์ เอว วเทห.ิ อ. เจา้ จงวา่ อยา่ งน้ี.

๒. บอก ความหวัง แปลวา่ “เถิด”

อุทาหรณ์ สพฺเพ สตฺตา อเวรา โหนฺตุ. อ. สัตว์ ท. ท้งั ปวง เป็นผมู้ ีเวรหามิไดเ้ ถิด.

๓. บอก ความอ้อนวอน แปลวา่ “ขอจง”

อุทาหรณ์ ปพฺพาเชถ ม ภนฺเต.ขา้ แต่ท่านผูเ้ จริญ อ. ทา่ น ท. ขอจงยงั ขา้ พเจา้

ใหบ้ วช.

คู่มือบาลไี วยากรณ์ ๘๙
สานักเรียนวัดโสธรวราราม

๓. สตฺตมี
บอก ความยอมตาม, ความกาหนด, ความราพงึ แปลวา่ ควร, พงึ , พงึ
๑. บอก ความยอมตาม แปลวา่ “ควร”
อุทาหรณ์ ภเชถ ปุริสุตฺตเม. อ. ชน ควรคบ ซ่ึงบุรุษสูงสุด ท.
๒. บอก ความกาหนด แปลวา่ “พงึ ”
อุทาหรณ์ ปญุ ฺญญฺเจ ปุริโส กริยา. ถา้ วา่ อ. บรุ ุษ พงึ ทา ซ่ึงบุญไซร้.
๓. บอก ความราพงึ แปลวา่ “พึง”
อทุ าหรณ์ ยนฺนูนาห ปพฺพชฺเชยฺย. ไฉนหนอ อ. เรา พงึ บวช.

๔. ปโรกฺขา
บอก อดตี กาลไม่มีกาหนด แปลวา่ “แล้ว”
อทุ าหรณ์ เตนาห ภควา. ดว้ ยเหตนุ ้นั อ. พระผมู้ ีพระภาคเจา้ ตรัสแล้ว (อยา่ งน้ี).
เตนาหุ โปราณา. ดว้ ยเหตุน้นั (อ.อาจารย)์ มีในปางก่อน ท. กล่าวแล้ว.

๕. หิยตฺตนี
บอก อดตี กาลต้งั แต่วานนี้ แปลวา่ “แล้ว” ถา้ มี อ อยู่หน้า แปลวา่ “ได้ - แล้ว”
อทุ าหรณ์ ขโณ โว มา อปุ จฺจคา. อ. ขณะ อยา่ ไดเ้ ขา้ ไปลว่ งแล้ว ซ่ึงทา่ น ท.

เอว อวจ. อ. ขา้ ได้กลา่ วแล้ว อยา่ งน้ี.

๖. อชฺชตฺตนี
บอก อดตี กาลต้งั แต่วันนี้ แปลวา่ “แล้ว” ถา้ มี อ อย่หู น้า แปลวา่ “ได้ - แล้ว”
อทุ าหรณ์ เถโร คาม ปิ ณฺฑาย ปาวิสิ. อ. พระเถระ เขา้ ไปแล้ว สู่บา้ น เพอื่ บิณฑะ.

เอวรูป กมฺม อกาสึ. อ. ขา้ ได้ทาแล้ว ซ่ึงกรรม มีอยา่ งน้ีเป็นรูป.

๙๐ สำนกั เรยี นวัดโสธรวราราม
คูม่ ือบาลีไวยากรณ์

๗. ภวิสฺสนฺติ
บอก อนาคตกาลแห่งปัจจุบนั แปลวา่ “จัก”
อุทาหรณ์ ธมฺม สุณิสฺสาม. อ. ขา้ ท. จกั ฟัง ซ่ึงธรรม.

๘. กาลติปตฺติ
บอก อนาคตกาลแห่งอดีต
แปลวา่ “จัก - แล้ว”, ถา้ มี อ อยู่หน้า แปลวา่ “จกั ได้ - แล้ว”
อุทาหรณ์ โส เจ ยาน ลภิสฺสา อคจฺฉิสฺสา. ถา้ วา่ อ. เขา จักไดแ้ ล้ว ซ่ึงยานไซร้
อ. เขา จักได้ไปแล้ว.

บท

วิภัตติน้ัน แบ่งเป็ น ๒ บท คือ ปรัสสบท บทเพื่อผูอ้ ื่น ๑ อัตตโนบท
บทเพอื่ ตน ๑.

ปรัสสบท เป็นเคร่ืองหมายให้รู้กริ ิยาที่เป็น กตั ตวุ าจก และ เหตกุ ตั ตุวาจก.
อัตตโนบท เป็ นเครื่องหมายให้รู้กิริยาท่ีเป็ น กัมมวาจก ภาววาจก และ
เหตกุ มั มวาจก.
แต่จะนิยมลงเป็ นแน่ทีเด่ียวก็ไม่ได้ บางคราว ปรัสสบท เป็ นกัมมวาจกและ
ภาววาจกกม็ ี เหมือนคาบาลีวา่ สทิโส เม น วิชฺชติ. อ. คนเช่นกบั ดว้ ยเรา อนั
ใครๆ ยอ่ มหาไมไ่ ด,้ น จ ลพภฺ ติ รูเป. อน่ึง อนั ใครๆ ยอ่ มไมไ่ ด้ ในรูป เป็นตน้ .
บางคราว อตั ตโนบท เป็ นกตั ตวุ าจกกม็ ี เหมือนคาวา่ ปิ ยโต ชายเต
โสโก ความโศก ยอ่ มเกิด แตข่ องท่ีรัก เป็นตน้ .


Click to View FlipBook Version