The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

สรุปผลการดำเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ

สรุปผลการดำเนินงาน ชุดที่ 25

- ๔๒ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ เมื่อหน่วยงาน กสทช. หักกลบลบหนี้แล้ว ต้องส่งให้กองทุนดิจิทัล จ านวนร้อยละ ๑๕ (๓) และ (๔) เป็นเงินการจัดสรรคลื่นความถี่ของ กสทช. ร้อยละ ๑๕ (๕)เงินที่ กสทช. โอนให้ตามมาตรา ๒๕ (๖) เงินที่มีผู้บริจาคให้ (๗) ทรัพย์สินที่ตกเป็นของกองทุนและค่าตอบแทน ค่าบริหาร และดอกผล ส่วนเรื่องการใช้เงินจะปรากฏอยู่ในมาตรา ๒๖ คือ การสนับสนุนส่งเสริมให้หน่วยงานของรัฐ ลูกค้าของกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีทั้งรัฐ เอกชน และบุคคลทั่วไป คือ ๑) ประชาชนในการด าเนินการพัฒนาดิจิทัล การให้ความช่วยเหลือต้องให้เกิดประโยชน์กับ สาธารณะ ไม่เป็นการแสวงหาก าไร ไม่เป็นการท าลายการแข่งขัน ๒) เป็นเรื่องการจัดสรรเป็น ทุนอุดหนุนให้กับส านักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ในกรณีที่ไม่สามารถที่จะขอเงินงบประมาณแผ่นดินได้ ๓) ค่าใช้จ่ายในการด าเนินงานของ ส านักงานส่งเสริมดิจิทัล ๔) การใช้บริหารกองทุนในการจ้างลูกจ้าง พนักงานเข้ามาท างาน ที่ประชุมพิจารณาถึงความซ้ าซ้อนในการบริหารงบประมาณเงินทุนว่ามีความ ซ้ าซ้อนกับหน่วยงานอื่นหรือไม่ หลักเกณฑ์การสนับสนุนงบประมาณ เงื่อนไข ข้อเสนอโครงการ ต้องไม่ซ้ าซ้อนกับการขอรับการจัดสรรเงินงบประมาณประจ าปีและกองทุนอื่น รายละเอียด การติดตามประเมินผลการด าเนินโครงการ บทบาทของพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พิจารณาเรื่อง “การจัดท าและบริหารงบประมาณของส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ปี ๒๕๖๓ และปี ๒๕๖๔” ที่ประชุมพิจารณาว่า คณะกรรมาธิการควรสนับสนุนด้านงบประมาณเพื่อความ เจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาอย่างยั่งยืนต่อไป และทางคณะกรรมาธิการจะมีการจัดสัมมนา เพื่อถวายความรู้แก่พระสังฆาธิการในจังหวัดสกลนคร จ านวน ๘๐๐ รูป หัวข้อสัมมนา เรื่อง “การบูรณาการบริหารงบประมาณในกิจการพระพุทธศาสนาอย่างยั่งยืน”ในวันจันทร์ที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๓ ณ วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร อ าเภอเมือง จังหวัดสกลนคร และจัดสัมมนา ณ จังหวัดหนองบัวล าภู จ านวน ๔๐๐ รูป หัวข้อสัมมนา เรื่อง “บทบาทของพระสงฆ์กับการ แก้ไขปัญหาสังคมในยุคใหม่”ในวันอาทิตย์ที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ณ วัดสว่างอารมณ์ อ าเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวล าภูและที่ประชุมมีให้ส านักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ช่วย ด าเนินการในการนิมนต์พระสังฆาธิการในการเข้าร่วมสัมมนา จัดเตรียมพิธีกรรมทาง พระพุทธศาสนา รวมทั้ง ปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ ตามความเหมาะสม ณ จังหวัดสกลนคร และ จังหวัดหนองบัวล าภู ครั้งที่ ๓๖ วันพุธที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๓ พิจารณ าเรื่อง “พิจารณ าการบริหารงบประมาณตามแผนงานบูรณ าการป้องกัน ปราบปราม และบ าบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด” ที่ประชุมพิจารณาได้รับข้อมูลว่า ส านักงานคณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามยาเสพติด เป็นหน่วยงานหลักในแผนงานบูรณาการป้องกัน ปราบปราม และ


- ๔๓ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ บ าบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด โดยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบทั้งสิ้น จ านวน ๙ กระทรวง ๒๖ หน่วยงาน และ ๒ ส่วนราชการ เป็นหน่วยรับงบประมาณ มีการเบิกจ่ายงบประมาณตามแผน บูรณาการป้องกัน ปราบปราม และบ าบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด ดังนี้ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ได้รับงบประมาณ ๔,๙๐๙.๗๑๔๒ ล้านบาท เบิกจ่าย ๔,๗๑๙.๐๖๖๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๓.๑๒ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้รับงบประมาณ ๕,๒๕๖.๓๗๓๑ ล้านบาท เบิกจ่าย ๕,๑๐๕.๒๙๗๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๗.๑๓ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ได้รับงบประมาณ ๔,๘๓๒.๘๑๙๘ ล้านบาท เบิกจ่าย ๓,๓๓๗.๗๐๓๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๘.๒๒ และได้มีการโอนงบประมาณ ตามพระราชบัญญัติโอนงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จ านวน ๔๐๖.๗๗๑๔ ผลการด าเนินงานที่ส าคัญ คือ ได้มีการร่วมมือจากเพื่อนบ้านทั้ง ๖ ประเทศ ปฏิบัติการร่วมสามเหลี่ยมทองค า ๑๕๑๑ โดยมีการปฏิบัติการ จ านวน ๗,๙๕๐ ครั้ง ท าลาย แหล่งผลิต แหล่งพักยาได้ ๒๙ แห่ง เป็นสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ประกอบด้วย สารตั้งต้น จ านวน ๑๕.๕ ตัน กาเฟอีน จ านวน ๑๐.๑ ตัน และเคมีภัณฑ์อื่น ๆ จ านวน ๑,๐๔๖.๓ ตัน ยาเสพติด ประกอบด้วย ยาบ้า จ านวน ๓๒๔.๓ ล้านเม็ด ไอซ์ จ านวน ๑๓.๕ ตัน เฮโรอีน จ านวน ๑.๗ ตัน และคีตามีน จ านวน ๐.๖ ตัน การปราบปราม มีการจัดกุมด าเนินคดี ๒๗๕,๐๑๕ คดี ผู้ต้องหา จ านวน ๒๘๖,๔๓๑ คน มีการสกัดกั้นใน ๑๕ จังหวัด ๔๐ อ าเภอ ๑๙ ช่องทาง เป็นยาบ้า จ านวน ๑๕๙.๖ ล้านเม็ด ไอซ์ จ านวน ๑๐.๕๑ ตัน คิดเป็นร้อยละ ๕๐.๑ ของของกลางที่ยึดได้ทั่ว ประเทศ มีการปราบปรามรายส าคัญ ๗๖,๗๕๓ คดี มีผู้ต้องหา จ านวน ๘๕,๔๑๓ คน คิดเป็น ร้อยละ ๒๙.๘ มีการลดแหล่งแพร่ระบาดใน ๒๓,๑๔๐ หมู่บ้าน/ชุมชน ด าเนินการใน ๑๘,๓๒๘ หมู่บ้าน/ชุมชน คิดเป็นร้อยละ ๗๙.๒ จับด าเนินคดี จ านวน ๘,๕๑๒ คน ส่งบ าบัดรักษา จ านวน ๒,๗๖๕ คน การลดความเดือดร้อนของประชาชน สายด่วน ๑๓๘๖ พบเรื่องร้องเรียน ๑๔,๗๗๗ เรื่อง การบ าบัดรักษา มีการบ าบัดรักษาผู้เสพ ผู้ติดทุกระบบ จ านวน ๑๔๓,๕๗๓ ราย มี การติดตามดูแลผู้ผ่านการบ าบัดรักษา จ านวน ๑๖๑,๓๐๐ ราย ลดอันตรายจาการใช้ ยาเสพติด จ านวน ๒๘,๘๘๗ ราย ลดผลกระทบจากผู้เสพยาเสพติด จ านวน ๕,๕๓๒ ราย มีการ ช่วยเหลือผู้ผ่านการบ าบัดรักษา จ านวน ๒,๗๗๖ ราย และมีการบ าบัดรักษาโดยชุมชน ใน ๗๖ จังหวัด ๗๒๐ แห่ง จ านวน ๙๐๑ ราย ที่ประชุมได้พิจารณารายละเอียดตัวชี้วัดการด าเนินการโครงการปราบปราม ยาเสพติด โครงการป้องกันยาเสพติด และโครงการบ าบัดรักษายาเสพติด แนวโน้มปัญหายาเสพ ติดตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ จนถึงปัจจุบัน การบูรณาการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รายละเอียด การจัดสรรงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาล รายละเอียด ครุภัณฑ์วิทยาศาสตร์ รายการเครื่องลิควิดโครมาโทกราฟ แมสสเปคโทรมิเตอร์ และเครื่องเอชพีแอลซีเอ็มเอส กิจกรรม ติดตามผู้ป่วยที่ผ่านการบ าบัดรักษายาเสพติด และกลุ่มเสี่ยงที่มีประวัติเสพยาเสพติด


- ๔๔ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ค่าติดตามผู้ผ่านการบ าบัดฟื้นฟู จ านวน ๑๑๐,๐๐๐ ราย และที่ประชุมมีมติให้ส านักงาน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุข และส านักงานต ารวจแห่งชาติ รับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการไปปรับใช้ในการด าเนินงาน ครั้งที่ ๓๗ วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๓ พิจารณาเรื่อง “พิจารณาปรึกษาหารือเกี่ยวกับการจัดสัมมนา เรื่อง “การจัดท าและการ บริหารงบประมาณลุ่มน้ าโขง เลย ชี มูล เพื่อความสมบูรณ์ของภาคอีสาน” ที่ประชุมได้รับทราบข้อมูลว่า ผลการวิเคราะห์พื้นที่แก้ไขปัญหาอุทกภัยและ ภัยแล้งอย่างเป็นระบบ (Area Based) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ านวน ๑๖ พื้นที่ จ านวน ๑๒.๕๘๕ ล้านไร่ ๑๔ พื้นที่ปัญหา จ านวน ๑๑.๘๑ ล้านไร่ ๒ พื้นที่พัฒนา จ านวน ๐.๗๘๕ ล้านไร่ เป้าหมายใหม่โครงการส าคัญ ปี ๒๕๖๔ - ๒๕๖๖ รวม ๕๕๗ โครงการ วงเงินเบื้องต้น ๘.๗๙ แสนล้านบาท โดยเป็นการเพิ่มน้ าต้นทุน จ านวน ๒,๙๗๔ ล้านลูกบาศก์เมตร ผันน้ า จ านวน ๓,๘๔๑ ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นที่รับประโยชน์ จ านวน ๖.๒๗ ล้านไร่ ลดพื้นที่น้ าท่วม จ านวน ๖.๐๕ ล้านไร่ ลุ่มต่ าชะลอน้ า จ านวน ๒,๓๒๐ ล้านลูกบาศก์เมตร แผนการบริหาร จัดการทรัพยากรน้ า ๒๐ ปี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบด้วย พัฒนาพื้นที่ต้นน้ า กลางน้ า พื้นที่เกษตรน้ าฝน ฟื้นฟูป่าต้นน้ า/อนุรักษ์ดินและน้ า โคกหนองน้ าโมเดล/พัฒนาน้ าใช้บาดาล แหล่งน้ าขนาดเล็ก/ฝายชะลอน้ า กรมทรัพยากรน้ ามีแผนงาน/โครงการ แหล่งน้ าในพื้นที่กลุ่มลุ่มน้ า โขง ตะวันออกเฉียงเหนือ ชี มูล ปีงบประมาณ ๒๕๖๓ - ๒๕๖๔ ประกอบด้วย ๑. ลุ่มน้ าโขงตะวันออกเฉียงเหนือ จ านวน ๓๑ โครงการ งบประมาณ ๔๕๘.๘๙๕๐ ล้านบาท ๒. ลุ่มน้ าชี จ านวน ๓๗ โครงการ งบประมาณ ๘๑๓.๒๗๒๙ ล้านบาท ๓. ลุ่มน้ ามูล จ านวน ๒๒ โครงการ งบประมาณ ๔๓๗.๖๒๙๗ ล้านบาท รวมทั้งสิ้น ๙๐ โครงการ งบประมาณทั้งสิ้น จ านวน ๑,๗๐๙.๗๙๗๖ ล้านบาท กรมชลประทาน มีงบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ แผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ า วงเงิน ๔๕,๕๖๕.๐๒๘๕ ล้านบาท ประกอบด้วย ๑. โครงการปรับปรุงงานชลประทาน งบประมาณ วงเงิน ๖,๗๑๐.๓๕๑๖ ล้านบาท ๒. โครงการจัดหาแหล่งน้ าและเพิ่มพื้นที่ชลประทาน งบประมาณ วงเงิน ๒๐,๒๐๙.๖๐๙๗ ล้านบาท ๓. โครงการป้องกันและบรรเทาภัยจากน้ า งบประมาณ วงเงิน ๘,๓๖๕.๘๗๘๖ ล้านบาท ๔. โครงการจัดการคุณภาพน้ า งบประมาณ วงเงิน ๒๗๗.๒๒๘๔ ล้านบาท ๕. โครงการชลประทานขนาดใหญ่ งบประมาณ วงเงิน ๑๐,๐๐๑.๙๖๐๒ ล้านบาท


- ๔๕ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ กรมทรัพยากรน้ าบาดาล ให้ข้อมูลว่า งบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ แผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ า วงเงิน ๑,๒๗๖.๕๗๒๑ ล้านบาท ประกอบด้วย ๑. การจัดการน้ าอุปโภคบริโภค วงเงิน ๓๒๐.๔๑๗๗ ล้านบาท ๒. น้ าเพื่อการเกษตร วงเงิน ๙๒๒.๘๙๔๘ ล้านบาท ๓. บริหารจัดการทรัพยากรน้ า วงเงิน ๓๓.๒๕๙๖ ล้านบาท ที่ประชุมพิจารณาว่า ในการจัดสัมมนา เรื่อง “การจัดท าและการบริหาร งบประมาณลุ่มน้ าโขง เลย ชี มูล เพื่อความสมบูรณ์ของภาคอีสาน” ของคณะกรรมาธิการ ครั้งนี้มีความส าคัญอย่างยิ่ง จึงต้องขอความร่วมมือจากส านักงานทรัพยากรน้ าแห่งชาติ กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ าบาดาล กรมทรัพยากรน้ า และวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่ต้องสนับสนุนข้อมูลในการสัมมนา ผ่านทางคณะท างานที่จะตั้งขึ้น เพื่อการด าเนินการจัดสัมมนาครั้งนี้ ครั้งที่ ๓๘ วันพุธที่ ๒ กันยายน ๒๕๖๓ พิจารณาเรื่อง “พิจารณาศึกษาการบริหาร งบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต่อกรณีการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง” ที่ประชุมพิจารณาได้รับข้อมูลว่า พระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นกฎหมายจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่มายกเลิกและทดแทนภาษีบ ารุง ท้องที่และภาษีโรงเรือนและที่ดินให้เกิดความเป็นธรรมและเป็นประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี ในระยะยาว โดยเฉพาะฐานที่ดินที่จะมีราคาสูงมากขึ้นซึ่งจะต้องปรับฐานการคิดราคาทรัพย์สิน จากราคาประเมินทุก ๔ ปี เพื่อให้ท้องถิ่นมีภาษีเพียงพอส่งผลให้มีอิสระในการใช้จ่าย โดยฐาน ภาษีพิจารณาจากมูลค่าที่ดินสิ่งปลูกสร้างอาคารชุด ผู้เสียภาษีคือ เจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดิน


- ๔๖ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ คอนโดมิเนียม ผู้จัดเก็บคือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การปฏิบัติจะด าเนินการโดยองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นส ารวจโดยใช้บูรณาการข้อมูลกับกรมธนารักษ์ และกรมที่ดิน เพื่อประเมิน โดยจัดท าบัญชีเพื่อประกาศให้คนที่พื้นที่ทราบ และให้มีสิทธิร้องขอแก้ไขกรณีข้อมูลไม่ถูกต้อง ต่อมาจึงจัดส่งราคาประเมิน อัตราภาษีและแบบประเมินภาษีให้กับผู้เสียภาษี หากผู้เสียภาษี ไม่เห็นด้วยก็สามารถอุทธรณ์คัดค้าน และช าระภาษีในเดือนเมษายนของทุกปี โดยปีนี้ได้ขยาย ระยะเวลาการเสียภาษีถึงเดือนสิงหาคม โดยพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๒ และมีกฎหมายล าดับรองที่เกี่ยวข้อง จ านวน ๑๙ ฉบับ อัตราการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมีรายละเอียด คือ พื้นที่ เกษตรกรรมจัดเก็บภาษีในอัตราร้อยละ ๐.๑๕ บ้านพักอาศัยจัดเก็บภาษีในอัตราร้อยละ ๐.๓ พื้นที่อื่น ๆ พื้นที่รกร้างว่างเปล่าจัดเก็บภาษีในอัตราร้อยละ ๑.๒ โดยในที่รกร้างว่างเปล่าจะ เพิ่มอัตราร้อยละ ๐.๓ ทุก ๓ ปี แต่อัตราภาษีรวมไม่เกินร้อยละ ๓ อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการ บรรเทาผลกระทบต่อประชาชนและภาคธุรกิจในช่วงเวลานี้ ได้มีการปรับลดภาษีในกรณีที่ดิน ประกอบการเกษตร ถ้าเจ้าของเป็นบุคคลธรรมดา กฎหมายก าหนดให้ระยะเวลา ๒ ปีแรก จะได้รับการยกเว้นการจัดเก็บภาษี ในกรณีเจ้าของเป็นนิติบุคคล จะเสียภาษีในอัตราร้อยละ ๐.๐๑ กรณีที่อยู่อาศัย หากมูลค่าราคาประเมินทุนทรัพย์ ๕ ล้านบาท คิดเป็นค่าภาษี ๕๐๐ บาท แต่เมื่อลดภาษีร้อยละ ๙๐ แล้วจะช าระภาษีเพียง ๑๐๐ บาทส าหรับบ้านหลังหลักที่เจ้าของ ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นบุคคลธรรมดาและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน จะได้รับยกเว้นมูลค่าฐาน ภาษีไม่เกิน ๕๐ ล้านบาท และ ๑๐ ล้านบาท กรณีเป็นเจ้าของสิ่งปลูกสร้างแต่ไม่ได้เป็นเจ้าของ ที่ดินส าหรับบ้านหลังอื่น หากมูลค่าประเมินทุนทรัพย์ ๕ ล้านบาท จะเสียภาษีในอัตราร้อยละ ๐.๐๒ คิดเห็น คิดเป็นค่าภาษี ๑,๐๐๐ บาท แต่เมื่อลดภาษีร้อยละ ๙๐ แล้วจะช าระภาษีเพียง ๑๐๐ บาท กรณีที่ดิน รกร้างว่างเปล่ารวมถึงกรณีที่ใช้ประโยชน์ประกอบการพาณิชยกรรม หรืออุตสาหกรรม หากมูลค่าราคาประเมินทุนทรัพย์ ๕ ล้านบาท จะเสียภาษีในอัตราร้อยละ ๐.๓ คิดเป็นค่าภาษี ๑๕,๐๐๐ บาท แต่เมื่อลดภาษีร้อยละ ๙๐ แล้ว จะช าระภาษีเพียง ๑,๕๐๐ บาท ที่ประชุมพิจารณ าสอบถามรายละเอียดผู้รับผิดชอบในการประเมินภาษี รายละเอียดข้อมูลเปรียบเทียบระหว่างอัตราการจัดเก็บภาษีแบบเดิมและแบบใหม่ เหตุผล ในการก าหนดระยะเวลาช าระภาษี เกณฑ์การจ าแนกที่ดินเพื่อเกษตรกรรม แนวทางในการ จัดเก็บที่ดินรกร้างว่างเปล่าไม่สามารถพัฒนาได้แนวทางการประเมินภาษีในกรณีมีบ้านที่พัก อาศัย ๒ หลัง ในพื้นที่เดียวกัน แนวทางการจัดเก็บภาษีในกรณีพื้นที่เกษตรกรรมของนายทุน ซึ่งมีเกษตรกรเช่าพื้นที่ท าการเกษตร


- ๔๗ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ที่ประชุมมีมติ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะเร่งรัดในการสร้างความรู้ความเข้าใจ ในการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้กับประชาชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อ านวย ความสะดวกกับประชาชนในการช าระภาษีบูรณาการการท างาน และข้อมูลการจัดเก็บภาษี และสิ่งปลูกสร้างที่จัดเก็บได้จริงเพื่อจะได้น ามาประเมินก าหนดปรับอัตราภาษีให้เหมาะสมและ เป็นธรรม และควรก าหนดระยะเวลาในการช าระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นก าหนด ระยะเวลาเดียวกันทั่วประเทศ ครั้งที่ ๓๙ วันพุธที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๓ พิจารณาเรื่อง “พิจารณาติดตามการด าเนินงานของคณะกรรมาธิการ ปี พ.ศ. ๒๕๖๓” ที่ประชุมพิจารณาผลการด าเนินงานของคณะกรรมาธิการ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ มีรายละเอียด ดังนี้ - การประชุมคณะกรรมาธิการ จ านวน ๓๘ ครั้ง - ศึกษาดูงานและสัมมนา จ านวน ๒๓ ครั้ง ประกอบด้วย ๑. ศึกษาดูงาน ณ ส านักงบประมาณ ๒. สัมมนา จ านวน ๒ ครั้ง - สัมมนา ณ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก - สัมมนา ณ ศาลากลางจังหวัดยโสธร จังหวัดยโสธร ๓. ศึกษาดูงาน ณ กระทรวงการคลัง กรุงเทพมหานคร ๔. ศึกษาดูงาน ณ จังหวัดอุบลราชธานีและกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนล่าง ๒ ๕. ศึกษาดูงาน ณ จังหวัดสกลนครและจังหวัดขอนแก่น ๖. ศึกษาดูงาน ณ จังหวัดขอนแก่น ๗. ศึกษาดูงาน ณ จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดล าพูน ๘. ศึกษาดูงาน ณ ห้องเทวะวงศ์วโรปการ ชั้น ๕ อาคาร ๑ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ส านักงานใหญ่) กรุงเทพมหานคร ๙. ศึกษาดูงาน ณ จังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดชัยภูมิ ๑๐. สัมมนา ณ โรงเรียนโพธารามวัฒนาเสนี จังหวัดราชบุรี ๑๑. ศึกษาดูงาน ณ จังหวัดเชียงราย ๑๒. ศึกษาดูงานและสัมมนา ณ จังหวัดนครสวรรค์ ๑๓. ศึกษาดูงาน ณ จังหวัดอุดรธานี จังหวัดหนองบัวล าภู ๑๔. สัมมนา ณ อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อ าเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ๑๕. ศึกษาดูงานและสัมมนา ณ จังหวัดสงขลา ๑๖. ศึกษาดูงานและสัมมนา ณ จังหวัดสกลนคร ๑๗. สัมมนา ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร กรุงเทพมหานคร


- ๔๘ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๑๘. สัมมนา ณ วัดสว่างอารมณ์ อ าเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวล าภู ๑๙. สัมมนา ณ จังหวัดลพบุรี และกาญจนบุรี ๒๐. สัมมนา ณ เบนซ์ทองหล่อ คลับ โชว์รูมเบนซ์ทองหล่อ กรุงเทพมหานคร ๒๑. ศึกษาดูงานและสัมมนา ณ จังหวัดระยอง ๒๒. สัมมนา ณ โรงแรมมิราเคิล กรุงเทพมหานคร ๒๓. สัมมนา ณ จังหวัดหนองบัวล าภู (ล าน้ าโขง เลย ชี มูล เพื่อความสมบูรณ์ ของภาคอีสาน) ครั้งที่ ๔๐ วันพุธที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ พิจารณาเรื่อง “พิจารณาศึกษาเรื่องร้องเรียนการช่วยเหลือชาวไร่อ้อยให้ได้รับปัจจัยการ ผลิตตามนโยบายของรัฐบาล” ที่ประชุมรายละเอียดเรื่องร้องเรียนการช่วยเหลือชาวไร่อ้อยให้ได้รับปัจจัย การผลิตตามนโยบายรัฐบาลได้รับข้อมูลว่า ตามที่รัฐบาลได้มีโครงการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่ อ้อยเพื่อซื้อปัจจัยการผลิต ฤดูการผลิต ๒๕๖๒/๒๕๖๓ ระยะเวลาด าเนินการเดือนมิถุนายน ๒๕๖๓ -กันยายน ๒๕๖๓ โดยจะต้องเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียน และท าสัญญากับโรงงานอ้อยด้วย โดยโครงการมีงบประมาณตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข คือ ๑)วงเงินงบประมาณ ๖,๕๐๐ ล้านบาท เป็นการช่วยเหลือชาวไร่อ้อยที่ส่งอ้อย เข้าโรงงานทุกราย อัตราตันละไม่เกิน ๘๕ บาท รายละไม่เกิน ๕,๐๐๐ ตัน ๒)วงเงินงบประมาณ ๓,๕๐๐ ล้านบาท เป็นการช่วยเหลือชาวไร่อ้อย ที่ตัดอ้อยสดเข้าโรงงานทุกตันอ้อยในอัตราตันละไม่เกิน ๙๒ บาท ไม่จ ากัดจ านวน เป้าหมายคือ เกษตรที่ขึ้นทะเบียนกับส านักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ าตาล ทราย และเป็นคู่สัญญากับโรงงาน จากการด าเนินโครงการดังกล่าวพบว่า ในการสนับสนุนปัจจัยการผลิตตันละ ๘๕ บาท ใช้งบประมาณ จ านวน ๖,๓๒๑ ล้านบาท การสนับสนุนปัจจัยการผลิตตันละ ๙๒ บาท ใช้งบประมาณ จ านวน ๓,๔๕๗ ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การเข้าร่วมโครงการดังกล่าวเกษตรกร ชาวไร่อ้อยจะต้องขึ้นทะเบียนก่อนวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๓ ซึ่งโดยปกติจะมีการขึ้นทะเบียน เกษตรกรชาวไร่อ้อย ๒ ครั้ง คือ ในช่วงปิดหีบอ้อยคือช่วงเดือนพฤษภาคม และก่อนเปิดหีบอ้อย คือช่วงเดือนพฤศจิกายน อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ได้มีการเปิดขึ้นทะเบียนเกษตรชาวไร่ อ้อย ในระหว่างวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๓ – ๓๐ มกราคม ๒๕๖๓ จากการด าเนินโครงการ ดังกล่าว พบว่า เกษตรกรหลายรายประสบปัญหาไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับส านักงานคณะกรรมการ อ้อยและน้ าตาลทราย เนื่องจากเป็นเกษตรปลูกอ้อยรายใหม่ ไม่ได้รับทราบข้อมูลข่าวสาร การประชาสัมพันธ์ ขาดความเข้าใจต่อระบบราชการ เข้าใจระยะเวลาร่วมโครงการคลาดเคลื่อน ท าให้เกษตรกรกลุ่มดังกล่าวไม่สามารถเข้าร่วมโครงการดังกล่าวได้


- ๔๙ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ที่ประชุมพิจารณ าว่าเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อเกษตรกร กระทรวง อุตสาหกรรมอาจเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อบรรเทาความ เดือดร้อนให้กับเกษตรกร ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะได้ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรและโรงงาน เข้าใจกฎเกณฑ์และระเบียบการเข้าร่วมโครงการ ทั้งนี้ ปัจจุบันบริบทโลกได้มีการเปลี่ยนแปลง อย่างมาก อุตสาหกรรมน้ าตาลไม่ได้มีผลผลิตเพียงน้ าตาล ในอนาคตจึงควรมีแนวทางเพื่อให้ ผลประโยชน์ตกแก่เกษตรกร ในการเสนอแก้ไขพระราชบัญญัติอ้อยและน้ าตาล พ.ศ. ๒๕๒๗ ควรจะค านึงถึงผลิตภัณฑ์ทั้งระบบเกี่ยวกับอ้อย มุ่งเน้นการมุ่งคุ้มครองผู้ผลิตและเกษตรกร ส านักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ าตาลจะต้องทบทวนบทบาท และหาแนวทางในการพัฒนา เพื่อลดบทบาทในการอุดหนุนของรัฐบาลต่อไป ที่ประชุมมีมติ มีหนังสือกราบเรียนนายกรัฐมนตรีให้คณะรัฐมนตรีทบทวนมติ คณะรัฐมนตรีในโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่ อ้อยเพื่อซื้อปัจจัยการผลิต ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๒/๒๕๖๓ หรือจัดสรรงบประมาณประจ าปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง ในการช่วยเหลือเกษตรกรที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการช่วยเหลือ เกษตรกรชาวไร่อ้อยเพื่อซื้อปัจจัยการผลิต ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๒/๒๕๖๓ ครั้งที่ ๔๑ วันพุธที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ พิจารณาเรื่อง “ภาพรวมการจัดท าและการบริหารงบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕” ที่ประชุมพิจารณาได้รับข้อมูลว่า ส านักงบประมาณขอเสนอแนวทางการจัดท า งบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ เพื่อให้หน่วยรับ งบประมาณใช้เป็นแนวทางประกอบการวางแผนการด าเนินงานและก าหนดแผนการปฏิบัติงาน ให้สอดคล้องกับกระบวนการจัดท างบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ พระราชบัญญัติวิธีการ งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดท าร่างกฎหมายและ การประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๖๒ ตลอดจนมติคณะรัฐมนตรี และระเบียบ ที่เกี่ยวข้อง โดยมีสาระส าคัญและขั้นตอน เกี่ยวกับ แนวทางการจัดท างบประมาณรายจ่าย ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ปฏิทินงบประมาณ รายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ กระบวนการจัดท างบประมาณ กระบวนการอนุมัติงบประมาณ ที่ประชุมได้ตั้งข้อสังเกตและมีข้อเสนอแนะต่อภาพรวมการจัดท าและบริหาร งบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ดังนี้ - หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดท าและบริหารงบประมาณรายจ่ายประจ าปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ควรพิจารณาการจัดสรรงบลงทุนให้แก่หน่วยรับงบประมาณต่าง ๆ ต้องสามารถสร้างรายได้ให้แก่รัฐอย่างแท้จริง


- ๕๐ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ - หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดท าและบริหารงบประมาณรายจ่ายประจ าปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ควรพิจารณาให้หน่วยงานที่มีเงินนอกงบประมาณ น าเงินนอก งบประมาณมาใช้ร่วมกับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรร - การพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรับงบประมาณ ควรมีการรับฟัง ความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเนื่องจากเป็นผู้แทนของ ปวงชนชาวไทยที่ได้รับทราบปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน - การจัดสรรงบลงทุนให้แก่หน่วยรับงบประมาณควรมีรายละเอียดที่ชัดเจน เกี่ยวกับการด าเนินการเพื่อการลงทุนหรือเพื่อการพัฒนาประเทศ - ส านักงบประมาณควรมีการเปิดเผยข้อมูลให้พร้อมส าหรับการน าไปวิเคราะห์ ด้วยเครื่องมือชนิดต่าง ๆ และควรเปิดเผยรายละเอียดในการจัดสรรงบประมาณให้หน่วย รับงบประมาณด้วย - การประมาณการรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรด าเนินการโดยให้ ท้องถิ่นแต่ละแห่งประมาณการรายได้ด้วยตนเอง และหน่วยงานที่ก ากับดูแลเป็นผู้รวบรวม ข้อมูลและน ามาวิเคราะห์เพื่อสรุปเป็นประมาณการรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในภาพรวม - ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นปีแรกที่มีการด าเนินการรับฟังความคิดเห็น ของประชาชนในพื้นที่ ดังนั้น ส านักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีการรับฟังความ คิดเห็นของคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ ประกอบด้วย คณะกรรมาธิการมีมติให้ส านักงบประมาณ ส านักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ ส านักงานเศรษฐกิจการคลัง และส านักงานบริหารหนี้สาธารณะรับ ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการไปพิจารณาด าเนินการต่อไป ครั้งที่ ๔๒ วันพุธที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ พิจารณาเรื่อง “พิจารณาศึกษาเรื่องร้องเรียนขอความเป็นธรรมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ด าเนินการตามสัญญาติดตั้งเครื่องมือตรวจอากาศอัตโนมัติ ระบบวินด์เชียร์ (LLWAS) ในท่า อากาศยานกระบี่” ที่ประชุมพิจารณาได้รับข้อมูลว่า บริษัท เอเชียเมท จ ากัด มีหนังสือลงวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๓ เพื่อขอความเป็นธรรมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด าเนินการตามสัญญาติดตั้ง เครื่องมือตรวจอากาศระบบวินด์เชียร์ (LLWAS) เนื่องจากบริษัทได้เป็นคู่สัญญ ากับ กรมอุตุนิยมวิทยามากว่า ๖๐๐ วัน ยังไม่ได้รับการอนุมัติเข้าไปติดตั้งเครื่องมือตรวจอากาศ อัตโนมัติ ระบบวินเชียร์ ซึ่งมีประโยชน์คือ ยกระดับความน่าเชื่อถือของท่าอากาศยานเพื่อให้ เป็นไปตามข้อก าหนดของ ICAO ใช้ส าหรับแจ้งเตือนเครื่องบินหากเกิดเหตุการณ์วินด์เชียร์ ในขณะที่เครื่องบินขึ้นและลงจอดเพื่อป้องกันความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นกับชีวิตของผู้โดยสาร ที่ใช้บริการเครื่องบิน และเป็นเครื่องมือส าหรับตรวจวัดสภาพอากาศบริเวณทางวิ่งเพื่อเป็น


- ๕๑ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ข้อมูลให้กับหอบังคับการบิน ขั้นตอนการขออนุญาตจัดตั้งเครื่องมือตรวจสอบอากาศ ด าเนินการโดยกรมอุตุนิยมวิทยายื่นหนังสือเพื่อขอพื้นที่แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมท่าอากาศยาน ในกรณีสนามบินทั่วไป หรือบริษัท ท่าอากายานไทย จ ากัด (มหาชน) ในกรณีสนามบินนานาชาติ จากนั้น กรมอุตุนิยมวิทยาจะยื่นหนังสือเพื่อขอตั้งเครื่องมือ ต่อส านักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เพื่อรวบรวมข้อมูลการติดตั้งเครื่องมือ และ ยื่นเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเพื่อพิจารณาลงนามอนุมัติ แล้วส านักงาน การบินพลเรือนแห่งประเทศไทยจะออกหนังสืออนุมัติจัดตั้งเครื่องมือและกรมอุตุนิยมวิทยา จะออกหนังสือส่งมอบพื้นที่ให้บริษัทเข้าด าเนินการ ตามสัญญาเลขที่ สข. ๑๐๙/๒๕๖๒ ระยะเวลาตามสัญญา ๔๕๐ วัน ซึ่งขณะนี้ใช้เวลาในการขอเข้าพื้นที่เป็นเวลาประมาณ ๖๐๐ วัน ยังคงไม่ได้รับอนุมัติ โดยบริษัทได้ท าหนังสือทวงถามการส่งมอบพื้นที่ต่อกรมอุตุนิยมวิทยาหลาย ครั้งแต่ก็ยังไม่ได้รับอนุญาตเพื่อเข้าพื้นที่ติดตั้งเครื่องมือได้ จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัด การส่งมอบพื้นที่โดยเร็ว ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้ นายสุรทิน พิจารณ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ ตั้งกระทู้ถามแยกเฉพาะเรื่องความล่าช้าในการอนุมัติการติดตั้งเครื่องมือตรวจอากาศอัตโนมัติ ระบบวินด์เชียร์ (LLWAS) ในท่าอากาศยานกระบี่ ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ครั้งที่ ๔๓ วันพุธที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๖๓ พิจารณาเรื่อง “พิจารณาศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณตามแผนงาน โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงแบริ่งสมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต พร้อมประเด็นการขยายสัญญาสัมปทาน การเดินรถไฟฟ้า”


- ๕๒ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ที่ประชุมพิจารณาได้รับทราบข้อมูลว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ขณะนี้ แบ่งออกเป็น ๒ ระยะ ดังนี้ ระยะแรก สายสีส้มส่วนตะวันออก อยู่ระหว่างการก่อสร้างงาน โครงสร้าง งานโยธา และในส่วนของสายสีส้มตะวันตก อยู่ระหว่างการประกวดราคาตาม พระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. ๒๕๖๒ ส่วนรายละเอียดความคืบหน้า การด าเนินงานโครงการรถไฟฟ้าจะให้ผู้ที่รับผิดชอบน าเสนอต่อที่ประชุม ในส่วนของโครงการ รถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันออก คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติโครงการเมื่อ ๙ เมษายน ๒๕๕๙ เป็นระบบรถรางไฟฟ้า (Heavy Rail) ระยะทาง ๒๒.๕๗ กิโลเมตร โดยเริ่มจากสถานีศูนย์ วัฒนธรรม มาตามเส้นพระราม ๙ รามค าแหง และมีนบุรี จ านวนสถานี ๑๗ สถานี คือ สถานีใต้ ดิน ๑๐ สถานี และสถานียกระดับ ๗ สถานี รวมถึงปล่องระบายอากาศระหว่างสถานีและ อาคารระบายอากาศ รวม ๑๑ แห่ง อาคารศูนย์ซ่อมบ ารุงและอาคารจอดรถ จ านวน ๑ แห่ง ส่วนเรื่องการด าเนินงานก่อสร้างงานโยธา มี ๖ สัญญา ประกอบด้วย สัญญาที่ ๑ - ๓ ส่วนของ งานออกแบบและก่อสร้างอุโมงค์ทางวิ่งและสถานีใต้ดิน สัญญาที่ ๔ งานทางวิ่งและสถานี ยกระดับ สัญญาที่ ๕ งานก่อสร้างอาคารศูนย์ซ่อมบ ารุงและอาคารจอดรถ และสัญญาที่ ๖ งานออกแบบและก่อสร้างระบบราง ในส่วนของเงินลงทุน รวมทั้งสิ้น ๗๙,๒๒๑.๒๔ ล้านบาท ความก้าวหน้างานโดยรวม ณ เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๓ คิดเป็นร้อยละ ๗๒.๗๔ ซึ่งเร็วกว่า แผนคิดเป็นร้อยละ ๐.๙๓ ความก้าวหน้าการเบิกจ่ายงานโยธา ณ เดือนตุลาคม ๒๕๖๓ คิดเป็น ร้อยละ ๕๙.๙๑ ซึ่งเป็นไปตามแผนงานโครงการ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันตก เดิมจะเริ่มจากศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยไปยังตลิ่งชัน คณะกรรมการจัดระบบการจราจร ทางบก เห็นชอบเมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ให้สิ้นสุดเส้นทางที่สถานีบางขุนนนท์ก่อน ในระยะแรก (เส้นทางซ้อนทับสายสีแดง) เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างสายสีแดงของการรถไฟ แห่งประเทศไทยและสายสีน้ าเงินที่เปิดเดินรถแล้ว ในส่วนส าคัญของสายสีส้มจะมีศูนย์ซ่อม บ ารุงอยู่ที่ห้วยขวางติดกับสายสีน้ าเงิน มีที่จอดรถอยู่ ๒ จุด อยู่ในส่วนตะวันออกมีอาคาร ๑๐ ชั้น ตรงสถานีคลองบ้านม้า) และมีลานจอดรถประมาณ ๕๐๐ คัน อยู่ในพื้นที่สถานีการ รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. ส่วนสายตะวันออกอยู่ระหว่างการด าเนินการ ก่อสร้าง ระยะทาง ๒๒.๕ กิโลเมตร ประกอบด้วยใต้ดิน ๒๗ กิโลเมตร และยกระดับ ๘.๙ กิโลเมตร ส่วนสายตะวันตกยังไม่ได้ด าเนินการก่อสร้าง เป็นใต้ดินตลอดสาย จ านวน ๑๓.๔ กิโลเมตร เพราะฉะนั้นทั้งสายสีส้มที่จะด าเนินการในเรื่องการเดินรถ รวมทั้งเส้น ประมาณ ๓๖ กิโลเมตร คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๓ เห็นชอบ ในรูปแบบการลงทุนและด าเนินการในส่วนสายสีส้มใน ๒ มิติ คือ เรื่องการเดินรถ เห็นชอบเรื่อง ให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในงานจัดหาระบบและการเดินรถทั้งสายตะวันออกและตะวันตก เป็นรูปแบบเดียวกัน ซึ่งรวมถึงให้เอกชนด าเนินการก่อสร้างในส่วนตะวันตกที่ยังไม่ได้ก่อสร้าง ที่เป็นใต้ดินตลอดสายด้วย รูปแบบจะเป็นการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน เป็นการให้ เอกชน ร่วมลงทุนในกิจก ารของรัฐ (Public Private Partnership ห รือ PPP) ต ามมติ คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๓ งบประมาณในส่วนตะวันออก จ านวน


- ๕๓ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๑๑๓,๒๗๙ ล้านบาท รัฐลงทุนแล้ว อยู่ระหว่างด าเนินการก่อสร้าง คาดว่าจะสามารถเปิดเดินรถ ได้ประมาณปลายปี ๒๕๖๗ ส่วนงบประมาณในส่วนตะวันตก จ านวน ๑๒๒,๐๔๑ ล้านบาท ยังไม่ได้ก่อสร้าง คาดว่าจะสามารถเปิดเดินรถได้ประมาณต้นปี ๒๕๗๐ ที่ประชุมพิจารณาข้อก าหนด หลักเกณฑ์ต่าง ๆ ในร่างขอบเขตของงาน รายละเอียดความเห็นของส านักอัยการสูงสุด ความก้าวหน้าในการก่อสร้าง รายละเอียด การเปลี่ยนแปลงขอบเขตของงาน (TOR) และหลังการเปลี่ยนแปลงขอบเขตของงาน (TOR) เกี่ยวกับ ขั้นตอน แผนงานหรือแนวทางที่จะด าเนินการต่อไปในระหว่างที่รอศาลปกครองก าลัง พิจารณาตัดสิน ที่ประชุมมีข้อสังเกตให้กรมบัญชีกลาง ส านักงบประมาณ และหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ควรหามาตรการหรือแนวทางในการควบคุมการด าเนินงานของหน่วยงานต่างๆ โดยออกระเบียบ กฎเกณฑ์ให้ชัดเจน เช่น เมื่อมีการก าหนดรายละเอียดจัดท าขอบเขตของงาน มีมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว ไม่ควรที่จะเปลี่ยนแปลงข้อก าหนดรายละเอียดการจัดท า ขอบเขตของงานในภายหลัง และควรมีการท าประชาพิจารณ์ให้ตรงกับข้อก าหนดการจัดท า ขอบเขตของงาน ซึ่งจะท าให้เป็นบรรทัดฐานการประมูลการจัดซื้อจัดจ้างทั่วประทศ เพื่อความ โปร่งใสของหน่วยงานภาครัฐ ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร และการรถไฟฟ้า ขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ที่ด าเนินการในเรื่องนี้ ควรพิจารณาค าคัดค้านของกระทรวง คมนาคมในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างรอบคอบ โดยให้ยึดประโยชน์ของประชาชนและ ประเทศชาติเป็นหลัก ครั้งที่ ๔๔ วันพุธที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ พิจารณาเรื่อง “พิจารณาติดตามการบริหารงบประมาณของส านักงานการปฏิรูปที่ดิน เพื่อเกษตรกรรม”


- ๕๔ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ที่ประชุมพิจารณาได้รับข้อมูลว่า พระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ ก าหนดให้ ส านักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) มีอ านาจในการจัดสรร ที่ดินเพื่อปฏิรูปซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ที่ได้รับมอบมาจากกรมป่าไม้มาด าเนินการปฏิรูปเป็นที่ดิน เพื่อเกษตรกรรมซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ ๕๐ ล้านไร่ แต่มีการส่งคืนพื้นที่บางส่วนเนื่องจาก ไม่เหมาะสมต่อการท าเกษตรกรรมและเป็นป่าสมบูรณ์ จึงเหลือพื้นที่เพื่อการปฏิรูปที่ดิน อยู่ประมาณ ๔๐ ล้านไร่ ส่วนการด าเนินงานที่ผ่านมาได้จัดสรรที่ดินให้แก่เกษตรกรแล้ว ประมาณ ๓๕ ล้านไร่ เหลือเนื้อที่อีกประมาณ ๕ ล้านไร่ ส าหรับพื้นที่ที่เป็นปัญหาเนื่องจากเดิม มีการส่งมอบพื้นที่ชุมชนเดิมติดมาด้วยประมาณร้อยละ ๑๐ ของพื้นที่ ๔๐ ล้านไร่ ท าให้พื้นที่ ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ไม่สามารถจัดสรรได้เนื่องจากติดขัดเรื่องปัญหาข้อกฎหมาย จึงต้องมี การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เนื่องจากพระราชบัญญัติการปฏิรูป ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๓๐ ก าหนดว่า นอกจากการจัดสรรที่ดินให้แก่ เกษตรกรหรือสถาบันเกษตรกร ให้ ส.ป.ก. มีอ านาจจัดสรรที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ให้แก่ บุคคลใดเช่า เช่าซื้อ ซื้อ หรือเข้าท าประโยชน์ เพื่อใช้ส าหรับกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือ เกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประกาศก าหนด ในราชกิจจานุเบกษาได้ ส่วนหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการอนุญาตหรือการให้ผู้ได้รับ อนุญาตถือปฏิบัติให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการก าหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ซึ่งกฎหมายดังกล่าวมีขอบเขตกว้างเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ใช้ดุลพินิจได้อย่างกว้าง ท าให้ ที่ผ่านมาประสบปัญหาการใช้ดุลพินิจที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ไม่เป็นไปในแนวทางเดียวกัน จึงต้องมีการปรับปรุงกฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งการแก้ไขดังกล่าวไม่ได้เป็นการลด สิทธิของประชาชนที่มีอยู่เดิม แต่เป็นการช่วยให้กฎหมายมีความชัดเจนมากขึ้น ส่งผลให้การใช้ ดุลพินิจเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ประกอบกับเป็นการสนับสนุนให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง มากขึ้นจากการที่ประชาชนในชุมชนมีพื้นที่ส าหรับประกอบกิจการที่สนับสนุนการเกษตร ในชุมชนได้ ที่ประชุมพิจารณากรณีการด าเนินการในพื้นที่ชุมชนเดิม รายละเอียดประกาศ คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม การด าเนินการในพื้นที่อ าเภอภูพาน อ าเภอเต่างอย จังหวัดสกลนคร แนวทางในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และวิธีการในการควบคุมและ ตรวจสอบการใช้ดุลพินิจ มาตรการในการสนับสนุนให้เกษตรกรรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชน และขอเอกสารตารางเปรียบเทียบระหว่างประกาศคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ฉบับเดิมและฉบับใหม่ เหตุผลในการแก้ไข ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น


- ๕๕ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ พิจารณาเรื่อง “พิจารณาติดตามการบริหารงบประมาณของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช” ที่ประชุมพิจารณาได้รับข้อมูลว่า การขออนุญาตก่อสร้างบริเวณพื้นที่อุทยาน ต้องด าเนินการตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต้องมีการด าเนินการร่วมกับพนักงานเจ้าหน้าที่ แต่หากเป็นโครงการขนาดใหญ่จะต้องมีกระบวนการเพิ่มถอนความเป็นพื้นที่อุทยานเพื่อให้เป็น พื้นที่ป่าสงวนและด าเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งขั้นตอนการขออนุญาตก่อสร้าง สามารถด าเนินการควบคู่ไปกับการขออนุมัติงบประมาณได้ แต่ทางปฏิบัติส่วนใหญ่จะให้ได้รับ การอนุมัติงบประมาณแล้วจึงเริ่มด าเนินการขออนุญาตใช้พื้นที่อุทยานท าให้เพิ่มระยะเวลาที่ใช้ ในการด าเนินโครงการ ทั้งนี้ขั้นตอนการขออนุญาตด าเนินการในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติ จะต้องด าเนินการท าเรื่องขอใช้พื้นที่มายังส านักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ในเขตพื้นที่ ซึ่งส านักบริหาร พื้นที่อนุรักษ์จะใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบไม่เกิน ๑๕ วัน และส่งเรื่องต่อไปยังส านักอุทยาน แห่งชาติเพื่อตรวจสอบอีกครั้ง ปัญหาที่พบส่วนใหญ่ คือ ผู้เสนอโครงการมีความไม่พร้อม ในหลายด้าน เช่น ไม่มีแบบของโครงการ ไม่มีรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) หรือเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ท าให้ต้องมีการส่งเอกสารกลับไปแก้ไขเพื่อให้ด าเนินการถูกต้อง ส่งผลให้ระยะเวลาที่ใช้ในการด าเนินการเพิ่มมากขึ้น โดยหากเป็นกรณีที่เอกสารครบถ้วน สมบูรณ์จะใช้ระยะเวลาในการขออนุญาตประมาณ๒ เดือน ส่วนผลการด าเนินงานในปีที่ผ่านมา มีการอนุญาตให้ด าเนินการในพื้นที่ จ านวน ๒๖ เรื่อง จากเรื่องที่ยื่นมาทั้งหมด จ านวน ๗๐ เรื่อง เนื่องจากเอกสารไม่ครบถ้วนสมบูรณ์และไม่ด าเนินการแก้ไข ที่ประชุมพิจารณาว่ากรมอุทยานมีหนังสือเวียนขอให้ส านักงานพระพุทธศาสนา แห่งชาติแจ้งให้วัดหรือส านักสงฆ์ที่ตั้งบริเวณอุทยาน แจ้งขออนุญาตใช้พื้นที่อุทยานแห่งละไม่ เกิน ๑๕ ไร่ แต่การประชาสัมพันธ์ยังท าได้ไม่ดีเท่าที่ควร เนื่องจากมีหลายวัดไม่ทราบว่าต้องแจ้ง ขออนุญาต สอบถามกรณีมีนายทุนบุกรุกบริเวณอุทยานแห่งชาติที่จังหวัดมุกดาหาร จ านวน ๓,๗๐๐ ไร่การด าเนินการกรณีสร้างถนนในบริเวณพื้นที่อุทยาน ครั้งที่ ๔๕ วันพุธที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๓ พิจารณาเรื่อง “พิจารณาการติดตามการบริหารงบประมาณประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ถึง ๒๕๖๔ และแนวทางการจัดท างบประมาณประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ พร้อมแผนงาน/โครงการที่มีวัตถุประสงค์ที่ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับ ผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ภายใต้กรอบวงเงิน ๔๐๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามพระราชก าหนดให้อ านาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของกรมทางหลวง” ที่ประชุมได้รับข้อมูลว่า กรมทางหลวงมีภาพรวมการเบิกจ่ายงบประมาณ ประจ าปีงบประมาณ ๒๕๖๓ งบประมาณทั้งสิ้น ๑๐๕,๘๒๔.๒๑ ล้านบาท แบ่งเป็นรายจ่าย


- ๕๖ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ประจ า ๕,๙๗๘.๘๓ ล้านบาท และรายจ่ายลงทุน ๙๙,๘๔๕.๓๘ ล้านบาท การบริหาร งบประมาณ ปี ๒๕๖๔ งบประมาณทั้งสิ้น ๑๒๕,๙๔๖.๙๒ ล้านบาท จ าแนกตามงบรายจ่าย งบลงทุน ๑๑๙,๖๗๔.๒๗ ล้านบาท งบด าเนินงาน ๖๖๖.๗๘ ล้านบาท งบอุดหนุน ๒.๒๙ ล้านบาท งบรายจ่ายอื่น ๖๑๕,๖๐ ล้านบาท งบบุคลากร ๔,๙๘๗.๙๙ ล้านบาท และค าของบประมาณ รายจ่ายประจ าปี พ.ศ. ๒๕๖๕ จ านวน ๓๘๔,๓๖๘ ล้านบาท แยกเป็นแผนงานบูรณาการพัฒนา ด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ ๒๕๘,๑๒๒ ล้านบาท แผนงานพื้นฐาน ๘๕,๕๓๑ ล้านบาท แผนงานบูรณาการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ๑๔,๑๓๑ ล้านบาท แผนงานบูรณาการพื้นที่ ระดับภาค ๑๔,๗๕๓ ล้านบาท แผนงานบูรณาการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ๕,๕๔๓ ล้านบาท และแผนงานบุคลากรภาครัฐ ๖,๒๘๘ ล้านบาท ที่ประชุมพิจารณาว่าไม่ควรที่จะน างบลงทุนที่มีอยู่อย่างจ ากัดไปลงทุน ในโครงการใหม่ของกรมทางหลวงที่มีความซ้ าซ้อนกับระบบรางที่ก าลังด าเนินการในปัจจุบัน ท าให้ไม่เป็นการน างบประมาณไปใช้อย่างคุ้มค่าและมีความซ้ าซ้อนในด้านระบบคมนาคม ควรพิจารณาแก้ไขปัญหารถติดขัดในเส้นทางพหลโยธินเชื่อมต่อถนนเส้นล าลูกกา ควรปฏิบัติ ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ กรมทางหลวงไม่ควรที่จะตั้ง งบประมาณในการด าเนินการเผื่อไว้เป็นจ านวนมากเนื่องจากงบลงทุนของประเทศมีอยู่อย่าง จ ากัด และที่ประชุมมีมติให้ให้กรมทางหลวงเร่งรัดในการด าเนินงานของโครงการ เพื่อให้เป็นไป ตามแผนงาน/โครงการ ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ ครั้งที่ ๔๖ วันพุธที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๓ พิจารณาเรื่อง “พิจารณาศึกษาการจัดท าและการบริหารงบประมาณเกี่ยวกับแผนการย้าย สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือหมอชิต ๒ และแผนการก่อสร้างสถานีบริการ ขนส่งแห่งใหม่ (หมอชิตเก่า)” ที่ประชุมพิจารณาได้รับข้อมูลว่าในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๐๓-๒๕๔๑ สถานีขนส่ง ผู้โดยสารกรุงเทพฯ ส าหรับเส้นทางสายเหนือและสายตะวันออกเฉียงเหนือ หรือสถานีหมอชิต ตั้งอยู่บนเนื้อที่ จ านวน ๖๓ ไร่ ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร เป็นที่ดินที่เวนคืนโดยกรมขนส่งทางบก โดยในปี พ.ศ. ๒๕๓๖ กรุงเทพมหานครต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่ในพื้นที่บริเวณสวนจตุจักร เพื่อใช้ก่อสร้างโรงจอดและอู่ซ่อมบ ารุงรถไฟฟ้า BTS จึงได้เจรจากับกรมธนารักษ์ กรมขนส่งทาง บก และบริษัทขนส่ง จ ากัด โดยจัดท าบันทึกข้อตกลงร่วมกันให้กรมขนส่งทางบกส่งมอบพื้นที่ สถ านี ขน ส่งห ม อชิตขน าด ๖๓ ไร่ ให้ แก่ก รม ธน ารักษ์ ก รม ธน ารักษ์ ด าเนิน ก าร ให้กรุงเทพมหานครเช่าใช้พื้นที่ส่วนด้านหลังของสถานีขนส่งหมอชิตขนาด ๔๐ ไร่ เพื่อก่อสร้าง อาคารโรงจอดและซ่อมบ ารุงรถไฟฟ้า BTS และกรมธนารักษ์จะหาเอกชนมาลงทุนพัฒนาพื้นที่ ส่วนด้านหน้าของสถานีขนส่งหมอชิตขนาด ๒๓ ไร่ที่เหลืออยู่ ส าหรับอาคารที่สร้างขึ้นใหม่ บนที่ดินสถานีขนส่งหมอชิต ให้มีการกักพื้นที่ในชั้นที่ ๑ และ ๒ รวมพื้นที่ทั้งสิ้น ๑๐๐,๐๐๐ ตารางเมตร ให้แก่กรมขนส่งทางบกเพื่อใช้ในภารกิจการเป็นสถานีขนส่งโดยสารหรือภารกิจอื่น ๆ


- ๕๗ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ของกรมขนส่งทางบก ในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการให้มีการด าเนินการ และให้กระทรวงการคลังด าเนินการให้ถูกต้องและน าเสนอโครงการตามพระราชบัญญัติว่าด้วย การให้เอกชนเข้าร่วมหรือด าเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ ต่อมามีการยกเลิก พระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมหรือด าเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ และกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งคณะกรรมการตามมาตรา ๗๒ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการ ให้เอกชนเข้าร่วมหรือด าเนินกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยให้คณะกรรมการพิจารณายกเลิก สัญญา การแก้ไขสัญญาและให้สัญญามีผลใช้บังคับต่อไป วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๑ ที่ประชุม คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการโครงการพัฒนาที่ราชพัสดุบริเวณสถานขนส่งหมอชิต ตามกระทรวงการคลังเสนอ โดยมอบหมายให้กรมธนารักษ์ไปเจรจากับเอกชนคู่สัญญา และ บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ป ระชุมพิ จ ารณ ารายล ะเอียดค ว ามคืบหน้ าของนโยบ าย ทิศท าง ความเหมาะสมจ าเป็น ผลกระทบและประโยชน์ที่ได้เกิดขึ้น ในการย้ายสถานีขนส่งผู้โดยสาร กรุงเทพ (จตุจักร) หรือหมอชิต ๒ กลับมาสถานีบริการขนส่งแห่งเดิม (หมอชิตเก่า) โดยการ พิจารณ าด าเนินโครงการจะต้องพิจารณ าก าหนดทิศทางการพัฒนาชัดเจน ค านึงถึง ความเชื่อมโยงระบบรางทั้งระบบ ความคุ้มค่าในการลงทุน และอ านวยความสะดวกในการ เดินทางของประชาชน โดยยึดประโยชน์ประชาชนเป็นหลัก และที่ประชุมมีมติมอบหมาย ให้คณะอนุกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณโครงการโครงสร้าง พื้นฐานขนาดใหญ่ พิจารณาศึกษาการจัดท าและการบริหารงบประมาณเกี่ยวกับแผนการ ย้ายสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือหมอชิต ๒ และแผนการก่อสร้างสถานีบริการ ขนส่งแห่งใหม่ (หมอชิตเก่า) ครั้งที่ ๔๗ วันพุธที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๔ พิจารณาเรื่อง “ติดตามความคืบหน้าแผนงาน/โครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้น เศรษฐกิจตามพระราชก าหนดให้อ านาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของจังหวัด”


- ๕๘ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ที่ประชุมพิจารณาได้รับข้อมูลว่า โครงการตามพระราชก าหนดเงินกู้ของจังหวัด เป็นโครงการที่อยู่ภายใต้แผนงาน ๓.๒ แผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนบนพื้นฐานของ โอกาสและศักยภาพของท้องถิ่น ทางคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้พิจารณาและ เสนอคณะรัฐมนตรี จ านวน ๓ ครั้ง ครั้งที่ ๑ เสนอคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ อนุมัติ ๑๕๗ โครงการ วงเงิน ๘๘๔,๖๕๒,๐๖๘ บาท ครั้งที่ ๒ เสนอคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๓ อนุมัติ ๕๓ โครงการ วงเงิน ๑๔๒,๓๘๖,๕๕๔ บาท ครั้งที่ ๓ เสนอ คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ อนุมัติ ๘๖ โครงการ วงเงิน ๓๕๗,๗๒๔,๕๓๔ บาท รวมโครงการที่ได้อนุมัติให้จังหวัด จ านวน ๒๙๖ โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้น จ านวน ๑,๓๘๔,๗๓๖,๑๕๖ บาท โครงการที่อนุมัติ ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการที่เกี่ยวกับการสร้างงาน สร้างอาชีพ การพัฒนายกระดับทางด้านการเกษตร พัฒนาการท่องเที่ยว โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ครอบคลุมกลุ่มเกษตรกร ประชาชน และผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ขนาดของโครงการ งบประมาณ เริ่มตั้งแต่ ๑๐๐,๐๐๐ - ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ขึ้นอยู่กับข้อเสนอของโครงการ เกี่ยวกับความเข้มข้นของโครงการ โครงการที่มีขนาดใหญ่จะเป็นโครงการที่เป็นการท างาน ร่วมกันระหว่างจังหวัดกับสถาบันวิชาการหรือเป็นการประยุกต์ใช้ทางด้านวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี การเข้าไปยกระดับตัวสินค้าและผลิตภัณฑ์ หรือไปช่วยยกระดับหรือพัฒนาอาชีพ ให้กับคนที่อยู่ในชุมชน สถานภาพส่วนใหญ่ได้ส่งโครงการไปที่กรมบัญชีกลางแล้ว อยู่ในขั้นตอน ที่เตรียมการเบิกจ่าย ที่ประชุมพิจารณารายละเอียดการเสนอค าของบประมาณ ผลการเบิกจ่าย และ รายละเอียดการกันเงิน ตามพระราชก าหนดเงินกู้ของกระทรวงมหาดไทยซึ่งประสบปัญหาเรื่อง กรอบระยะเวลา ส่งผลให้เกิดความไม่รอบคอบในการเสนอโครงการ ท าให้โครงการที่เสนอขอ ไม่ตอบสนองความต้องการและแก้ไขปัญหาของประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง การบริหาร งบประมาณเพื่อช่วยเหลือภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบมีงบประมาณไม่เพียงพอ การอนุมัติ งบประมาณควรค านึงถึงสภาพความเป็นอยู่ วิถีชีวิต รายละเอียดความคืบหน้าเกี่ยวกับการให้ อ านาจของธนาคารแห่งประเทศไทยในการสนับสนุนสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ ดอกเบี้ยต่ า (Soft loan) ธนาคารแห่งประเทศไทย ควรใช้กลไกของธนาคารในการให้ธนาคาร พาณิชย์ กระทรวงการคลัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งรัฐบาล มีการปรับปรุงเงื่อนไขหรือ นโยบาย เพื่อให้มีการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะผู้ประกอบการ รายย่อย หรือบุคคล ให้เข้าถึงแหล่งเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ า เพื่อให้เศรษฐกิจมีการกระตุ้น และขับเคลื่อนต่อไปและความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ การด าเนินงานของ หน่วยงานต้องท าตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด


- ๕๙ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ครั้งที่ ๔๘ วันพุธที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๖๔ พิจารณาเรื่อง “การจัดท าค าของบประมาณรายจ่าย ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕” ที่ประชุมได้รับข้อมูลว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้พิจารณาจัดท าตัวเลข ทางด้านเศรษฐกิจ ในเดือนธันวาคม ๒๕๖๓ โดยได้ด าเนินการจัดท าตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจ เพื่อประมาณการตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจ ในปี ๒๕๖๔ อัตราการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ ร้อยละ ๓.๒ และในปี ๒๕๖๕ อัตราการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ ร้อยละ ๔.๘ ก่อนที่จะมีการ เกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รอบ ๒ มีอัตราการแพร่ระบาดรุนแรง มากกว่ารอบแรก จึงต้องน าข้อมูลที่ได้รับมาพิจารณาทบทวนอีกครั้ง พร้อมกับหามาตรการ เยียวยา มาตรการฟื้นฟู ที่คณะรัฐมนตรีน ามาใช้ซึ่งคาดการณ์ว่าหากได้รับวัคซีนแล้ว จะท าให้ เศรษฐกิจในปี ๒๕๖๕ จะกลับมาฟื้นตัวที่มีอัตราการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ ร้อยละ ๔.๘ และเงินเฟ้อ ร้อยละ ๑ ผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว และสถานการณ์โลกที่มีผลทางด้านเศรษฐกิจ เช่น การเลือกตั้งที่ได้ผู้น าของประเทศสหรัฐอเมริกา และด้านอื่น ๆ จะเริ่มปรับตัวดีขึ้น ส านักงานเศรษฐกิจการคลังได้คาดการณ์เศรษฐกิจได้พิจารณาจัดท าตัวเลข ทางด้านเศรษฐกิจในปี ๒๕๖๕ ไปในทิศทางเดียวกับธนาคารแห่งประเทศไทย ส านักงาน สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและส านักงบประมาณ ร่วมกันพิจารณาจัดท า ตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจเพื่อประมาณการด้านรายรับ และรายจ่าย เพื่อเป็นกรอบในการจัดท า ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ ๒๕๖๕ โดยจะน าตัวเลข ทางด้านเศรษฐกิจในปี ๒๕๖๓ น ามาฐานในการพิจารณาด้านรายได้และรายจ่าย ในปี ๒๕๖๕ ที่ผ่านมาได้ประมาณการตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจ ๒๕๖๔ แต่ผลการจัดเก็บรายได้ ต่ ากว่า ประมาณการ เนื่องเกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และคาดการณ์ว่า ในปี ๒๕๖๕ การจัดเก็บรายได้จะต่ ากว่าประมาณการ ร้อยละ ๑๐ ในปี ๒๕๖๔ ธนาคารแห่งประเทศไทย ส านักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติส านักงานเศรษฐกิจการคลัง และส านักงบประมาณ กระบวนการจัดท างบประมาณ ปี ๒๕๖๕ อยู่บนข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) จ านวน ๑๗.๓ ล้านล้านบาท ได้มา จากประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจไทยในปี ๒๕๖๓ อัตราการเจริญเติบโต ติดลบร้อยละ ๖ ปี ๒๕๖๔ อัตราการเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจ ร้อยละ ๔ และปี ๒๕๖๕ อัตราการเจริญเติบโต ด้านเศรษฐกิจ ร้อยละ ๓.๕ ซึ่งเป็นตัวเลขก่อนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ จึงต้องน าตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจด้านต่าง ๆ มาพิจารณาทบทวนอีกครั้ง โดยน าปัจจัยที่มีผลกระทบ ดังนี้ ๑. จ านวนผู้ติดเชื้อภายในประเทศ ๒. มาตรการควบคุม การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของภาครัฐ ๓. การเตรียมมาตรการเยียวยา และฟื้นฟู เช่น มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ มาตรการช่วยเหลือผู้ประกันตน และ มาตรการลดค่าครองชีพ และคาดการณ์ตัวเลขการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ ในปี ๒๕๖๕ มีแนวโน้มเริ่มปรับตัวสูงขึ้นและเงินกู้จ านวน ๑ ล้านล้านบาทที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและ


- ๖๐ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ สังคมแห่งชาติรับผิดชอบ งบประมาณที่ยังไม่ได้เบิกจ่ายจ านวนมาก สามารถโอนงบประมาณ ในส่วนที่เหลือ จากบัญชีที่ ๑ โอนไปบัญชีที่ ๒ หรือ จากบัญชีที่ ๒ โอนไปบัญชีที่ ๑ เพื่อให้เกิด ความยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ที่ประชุมพิจารณารายละเอียด จ านวนเงินกู้ตามพระราชก าหนด ๓ ฉบับ เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ จ านวน ๑ ล้านล้านบาท รวมกับจ านวนเงินงบประมาณรายจ่าย ประจ าปีงบประมาณ ๒๕๖๔ เป็นเงินจ านวน ๔ ล้านล้านบาท ความคืบหน้าการใช้จ่าย ตามแผนงาน โครงการ ต่าง ๆ หลักเกณฑ์ในการพิจาณา และการพิจาณาถึงความจ าเป็น เร่งด่วนของแผนงาน โครงการ ต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็นว่า โครงการ แผนงาน ที่ได้รับ อนุมัติงบประมาณตาม ตามพระราชก าหนด ๓ ฉบับ เพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยาและฟื้นฟู เศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ จ านวน ๑ ล้านล้านบาท พบว่ามีการเบิกจ่ายงบประมาณตามที่โครงการ แผนงาน ได้รับอนุมัติ ไปเป็น จ านวนน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับงบประมาณที่ได้รับ เหตุใดที่มาที่ไปของสัดส่วนรายจ่ายงบ ลงทุน จึงต่ ากว่างบประมาณขาดดุลของปี ๒๕๖๕ ซึ่งเมื่อย้อนมาพิจารณาเปรียบเทียบกับ งบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ ของปี ๒๕๖๓ และปี ๒๕๖๔ ไม่พบรายจ่ายงบลงทุน ที่มีสัดส่วนต่ ากว่ารายจ่ายงบประมาณขาดดุล และเสนอแนะให้ปรับลดงบประมาณรายการ งบด าเนินการบางรายการที่ไม่จ าเป็น ในค าของบประมาณในปี ๒๕๖๕ ทั้งนี้ การจัดท า งบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ ๒๕๖๕ ต้องการให้เพิ่มเนื้อหาในส่วนของที่มาที่ไปใน การจัดท างบประมาณรวมถึงรายจ่ายลงทุนที่ก าหนดไว้ไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของงบประมาณ รายจ่ายประจ าปีงบประมาณ ๒๕๖๕ และเพิ่มรายละเอียดของงบลงทุนที่เสนอของบประมาณ ครั้งที่ ๔๙ วันพุธที่ ๓ กุมภาพันธ์๒๕๖๔ พิจารณาเรื่อง พิจารณาศึกษาการบริหารงบประมาณในการจัดหาวัคซีนเพื่อป้องกันโรคติด เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ให้แก่ประชาชน” ที่ประชุมได้รับทราบข้อมูลว่า รายละเอียดงบประมาณ สถานะความคืบหน้า ของแผนงาน/โครงการ ที่มีวัตถุประสงค์ในการจัดหาวัคซีนเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ให้แก่ประชาชน มีการแบ่งแนวทางด าเนินการ ๓ แบบให้ด าเนินการ ไปพร้อมๆกันทั้ง ๓ แนวทาง ดังนี้ ๑. การวิจัยพัฒนาในประเทศและการท าความร่วมมือวิจัยกับต่างประเทศได้รับ การจัดสรรประมาณงบกลางจ านวน ๙๙๕.๐๒๕๐ ล้านบาท โดยมีการจัดสรรงบประมาณ ให้คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในส่วนของการวิจัยวัคซีนแบบ mRNA จ านวน ๓๙๘.๗๘ ล้านบาท ๒. การท าความร่วมมือวิจัยกับต่างประเทศ ในการรับเทคโนโลยีแบบ เวกเตอร์ ไวรัส (Viral vector) ของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ งบประมาณจ านวน ๕๙๕.๒๓ ล้านบาท


- ๖๑ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ มีผลการเบิกจ่ายจ านวน ๓๕๗.๗๔ ล้านบาท และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ มีการจัดสรรงบประมาณตามพระราชก าหนดเงินกู้ เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาและฟื้นฟู เศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพื่อสนับสนุนภาครัฐและภาคเอกชนในการวิจัยจ านวน ๑,๘๑๐.๖๘ ล้านบาท โดยแบ่งเป็น ๑) บริษัทไบโอเนท-เอเชีย จ ากัด จ านวน ๖๕๐ ล้านบาท ๒) ส านักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จ านวน ๒๐๐ ล้านบาท ๓) บริษัทไบยาไตรโตฟาร์มและ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จ านวน ๑๖๐ ล้านบาท ๔) มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีพระจอมเกล้า จ านวน ๕๖๒ ล้านบาท ๕) องค์การเภสัชกรรม จ านวน ๑๕๖.๘ ล้านบาท และ ๖) บริษัท องค์การเภสัชกรรม-เมอร์ริเออร์ชีววัตถุ จ ากัด (GPO-MBP)จ านวน ๘๑.๘๘ ล้านบาท ๓. การจัดซื้อ จัดหา น ามาใช้ในประเทศ มีการขอมติคณะรัฐมนตรี ในการ อนุมัติงบกลางในการจองวัคซีนจากบริษัทแอสตราเซเนกา (Astra Zeneca) จ านวน ๒,๓๗๙.๔๓ ล้านบาท และในวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๖๔ มีการอนุมัติงบกลางเพิ่มเติม เป็นค่าภาษีมูลค่าเพิ่มจ านวน ๑๖๖.๕๓ ล้านบาท และการจ่ายเงินล่วงหน้าในการจองวัคซีน ของบริษัทแอสตราเซเนกาประมาณ ร้อยละ ๖๐ ของมูลค่าวัคซีน ราคาประมาณ ๕ เหรียญ ดอลลาร์สหรัฐต่อโดส มีการเบิกจ่ายงบประมาณไปแล้วจ านวน ๒,๑๑๐.๑๔ ล้านบาท ที่ประชุมพิจารณาหลักเกณฑ์ในการพิจารณาและคุณสมบัติของวัคซีนแต่ละ ยี่ห้อของแต่ละบริษัท รายละเอียดงบประมาณจ านวน ๖๖ ล้านบาทที่ใช้ในการสนับสนุน อุดหนุนให้กับเอกชนเพื่อให้เขามีการถ่ายทอดเทคโนโลยีมาให้ที่ประเทศไทย ความคืบหน้าใน การจัดหาวัคซีน รายละเอียดการบริหารงบประมาณจ านวน ๑,๔๔๙ ล้านบาทที่สนับสนุนการ ผลิตวัคซีน เวกเตอร์ไวรัส (Viral vector)และรายละเอียดการเสนอขายวัคซีน จ านวน ๑๓ ล้านโดส ครั้งที่ ๕๐ วันพุธที่ ๑๐ กุมภาพันธ์๒๕๖๔ พิจารณาเรื่อง “ติดตามการบริหารงบประมาณเพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ขับรถแท็กซี่ที่ได้รับ ผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)”” ที่ประชุมพิจารณาได้รับร้องเรียนว่า ผู้ขับรถแท็กซี่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ ท าให้มาตรการในการพักช าระหนี้ที่มีอยู่เดิม ไม่เพียงพอ เนื่องจากเป็นการพักช าระเงินต้นแต่ไม่ได้รับการพักช าระดอกเบี้ย และดอกเบี้ยถูก น าไปรวมเพื่อช าระในงวดถัดจากงวดสุดท้าย ซึ่งมีจ านวนดอกเบี้ยประมาณ ๕๐,๐๐๐ บาทต่อคัน นอกจากนี้ หลักเกณฑ์ในการเข้าร่วมโครงการพักช าระหนี้ของสถาบันการเงินหรือผู้ประกอบ ธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-Bank) มีเงื่อนไขที่แตกต่างกันในแต่ละบริษัท เช่น บางบริษัท ก าหนดว่าต้องไม่มีการค้างช าระค่างวดเกินกว่า ๒ งวด ท าให้ผู้ขับรถแท็กซี่ส่วนใหญ่ไม่เข้า เงื่อนไขได้รับความช่วยเหลือ และการระบาดระลอกใหม่ยังไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลงในเร็ววันนี้ จึงต้องการมาตรการในการช่วยเหลือเรื่องการเช่าซื้อรถแท็กซี่เพิ่มเติม และตามที่ธนาคาร แห่งประเทศไทยออกหนังสือ ธปท.ฝนส.(๐๑)ว.๖๔๘/๒๕๖๓ เรื่อง มาตรการการให้


- ๖๒ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยเพิ่มเติมในช่วงสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ระยะที่ ๒ เพื่อขอความร่วมมือสถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-Bank) ในการออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้เช่าซื้อเพิ่มเติม ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบธุรกิจ จัดให้มีทางเลือกการให้ความช่วยเหลือตามมาตรการขั้นต่ าแก่ลูกหนี้ตามความเหมาะสม พร้อมทั้งให้ลูกหนี้สามารถเลือกมาตรการในการเข้าร่วมที่สอดคล้องกับความเสี่ยงและ ความสามารถในการช าระหนี้ของตนเองได้แต่ในทางปฏิบัติผู้ประกอบธุรกิจไม่มีการจัดให้มี ทางเลือกส าหรับการช าระหนี้แก่ลูกหนี้ นอกจากนี้ กระบวนการในการอนุมัติเข้าร่วมมาตรการ ใช้ระยะเวลานาน ท าให้มีลูกหนี้หลายรายที่ไม่สามารถช าระหนี้ได้อยู่ระหว่างรอการอนุมัติ เมื่อถึงก าหนดช าระหนี้แล้วไม่มีการช าระหนี้ท าให้กลายเป็นลูกหนี้ผิดนัดไม่เข้าเงื่อนไขเข้าร่วม โครงการได้ โดยเสนอมาตรการในการช่วยเหลือผู้ขับรถแท็กซี่ ดังนี้ ๑) ให้ลูกหนี้สามารถเลือก มาตรการในการช่วยเหลือได้ตามหนังสือของของธนาคารแห่งประเทศไทย ๒) เลื่อนการช าระ หนี้ออกไป ๓ เดือน โดยไม่มีดอกเบี้ยขณะพักการช าระหนี้ ๓) ขยายระยะเวลาการช าระหนี้ หลังจากมาตรการพักช าระหนี้ครบ ๓ เดือน โดยกลับมาช าระหนี้แบบขั้นบันได ต่อไปอีก ๙ เดือน แล้วน าเงินที่ยังค้างช าระน าไปเป็นค่างวดต่อท้ายงวดสุดท้ายของสัญญา ๔) เลื่อนการ ช าระค่างวด ๖ เดือน โดยน าเงินที่ค้างช าระค านวณรวมเป็นค่างวดต่อไปอีก ๑๒ – ๒๔ งวด ๕) ให้ผู้ประกอบธุรกิจน าระบบดิจิทัลมาใช้บูรณาการในการยื่นค าร้องและอนุมัติค าร้องเพื่อลด ระยะเวลาในการด าเนินการ ส่วนเหตุที่เสนอให้มีมาตรการพักช าระหนี้ ๓ - ๖ เดือน เนื่องจาก เป็นช่วงระยะเวลารอการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้แพร่หลาย ที่ประชุมพิจารณาว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีบทบาทในการก ากับดูแลทั้ง สถาบันการเงินและผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-Bank) โดยการก าหนด มาตรการ เพื่อให้ภาคส่วนต่าง ๆ น าไปใช้ เนื่องจากวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโค โรนา 2019 ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อหลายภาคส่วน แม้ว่าวงเงินของธนาคารออมสินจะ หมดลงก็ควรแสวงหามาตรการในการช่วยเหลืออย่างอื่นเพิ่มเติม รายละเอียดวิธีการค านวณ ดอกเบี้ยในมาตรการพักช าระหนี้ประเด็นเรื่องความเชื่อมั่นของผู้ใช้บริการรถแท็กซี่เป็นสิ่งที่มี ความส าคัญ จึงเสนอให้ภาครัฐออกนโยบายสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนทั่วไปในการใช้บริการ รถแท็กซี่ โดยอาจใช้งบประมาณจากกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) ของ กรมการขนส่งทางบก นอกจากนี้ ควรออกมาตรการให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถพักการช าระหนี้ เงินต้นในช่วงเวลานี้ได้โดยเหลือเพียงการช าระเพียงดอกเบี้ย และน าเงินจ านวนดังกล่าวเพิ่มเป็น งวดต่อท้ายสัญญา ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้คณะอนุกรรมาธิการติดตามการบริหาร งบประมาณที่ไม่เป็นไปตามนโยบายและยุทธศาสตร์พิจารณาศึกษาการบริหารงบประมาณ เกี่ยวกับมาตรการเยียวยาผู้ขับรถแท็กซี่ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของโรคติด เชื้อไวรัสโคโรนา 2019


- ๖๓ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ครั้งที่ ๕๑ วันพุธที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔ พิจารณาเรื่อง “การบริหารงบประมาณโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิต ตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” งบประมาณจ านวน ๔,๗๘๗.๙๑๖ ล้านบาท และโครงการ ๑ ต าบล ๑ กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ งบประมาณ จ านวน ๙,๘๐๕.๗๐๗ ล้านบาท” ที่ประชุมพิจารณาได้รับข้อมูลว่า โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนา คุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” งบประมาณจ านวน ๔,๗๘๗.๙๑๖ ล้านบาท เป็นโครงการสร้างเสริมการเรียนรู้โดยน้อมน าปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โคก หนอง นา โมเดล เพื่อให้เป็นต้นแบบในการเรียนรู้ และกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นเพื่อเพิ่ม รายได้ ด าเนินการใน ๗๓ จังหวัด ประกอบด้วย ๗ กิจกรรม คือ ๑.กิจกรรมอบรมเพิ่มทักษะระยะสั้นการพัฒนากสิกรรมสู่ระบบเศรษฐกิจ พอเพียงรูปแบบ โคก หนอง นา โมเดล มีกลุ่มเป้าหมายรวมทั้งสิ้นจ านวน ๓๕,๐๐๙ คน งบประมาณ ๒๔๐,๖๓๒,๒๐๐ บาท ๒.กิจกรรมสร้างพื้นที่เรียนรู้ชุมชนต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิต ระดับต าบล จ านวน ๓๓๗ ครัวเรือน แบ่งเป็น พื้นที่ ๑๐ ไร่ จ านวน ๒๓ ครัวเรือน/แปลง และพื้นที่ ๑๕ ไร่ จ านวน ๓๑๔ ครัวเรือน/แปลง งบประมาณ ๓๕๙,๓๔๙,๐๐๐ บาท ๓.กิจกรรมสร้างรายได้รายเดือน ให้แก่ เกษตรกร บัณฑิตจบใหม่ กลุ่มแรงงาน ที่อพยพกลับท้องถิ่นและชุมชน งบประมาณทั้งสิ้น ๙๙๒,๓๐๔,๐๐๐ บาท ๔.กิจกรรมกระตุ้นการบริโภคภาคครัวเรือนและเอกชนผ่านกิจกรรมการพัฒนา และสนับสนุนพื้นที่ครัวเรือนต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิต งบประมาณ ๔๙๖,๘๔๐,๐๐๐ บาท สถานที่ด าเนินการ พื้นที่ครัวเรือนต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิต จ านวน ๒๔,๘๔๒ แปลง ๕. บูรณาการร่วมพัฒนาพื้นที่ระดับต าบล กลุ่มเป้าหมาย ครัวเรือนพื้นที่เรียนรู้ ชุมชนต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิต รวม ๓๓๗ คน งบประมาณ ๕๗๗,๘๙๓,๐๐๐ บาท ๖. พัฒนาการสร้างมาตรฐานผลผลิต การแปรรูปและการตลาดตามมาตรฐาน อินทรีย์วิถีไทย งบประมาณ ๔,๘๘๙,๘๐๐ บาท ๗. สร้างระบบโปรแกรมและระบบฐานข้อมูลระบบ Digital รองรับ Local Economy งบประมาณ จ านวน ๙,๘๐๕.๗๐๗ ล้านบาท ที่ประชุมพิจารณาว่า รายละเอียดขั้นตอนการอนุมัติแผนงาน โครงการ และ การเบิกจ่ายงบประมาณพื้นที่ด าเนินการโครงการโคก หนอง นา โมเดล ในส่วนของต าบล จ านวน ๓๘๘ กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการจ านวน ๙๘๘ คน ไม่สอดคล้องกัน และ การจ้าง แรงงานของโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์ สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” และโครงการ ๑ ต าบล ๑ กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ มีความซ้ าซ้อน ของการจ้างแรงงาน การพิจารณามอบหมายภารกิจ แผนงาน โครงการ ต่าง ๆ เพื่อเสนอขอรับ งบประมาณ ระหว่างกรมพัฒนาชุมชน และส านักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ใช้หลักเกณฑ์อย่างไร ในการพิจารณาแผนงาน โครงการต่าง ๆ ตรงกับความต้องการของ


- ๖๔ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ เกษตรกร สภาพปัญหาและอุปสรรคในการบูรณการร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ แผนงาน โครงการ และความคืบหน้าการฝึกอบรมจ านวนสองพันกว่าล้านบาท ของกรมพัฒนา ชุมชน ครั้งที่ ๕๒ วันพุธที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๔ พิจารณาเรื่อง “ติดตาม ตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณ จ านวน ๖๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท ในโครงการจ้างปรับปรุงระบบสถานีโทรทัศน์เพื่อการศึกษาและพัฒนาอาชีพพร้อมระบบ ห้องเรียนอัจฉริยะ ๗๗ จังหวัด ของส านักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา” ที่ประชุมพิจารณาได้รับข้อมูลว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ส านักงาน คณะกรรมการการอาชีวศึกษาได้รับงบประมาณในกระบวนการปฏิรูปการเรียนรู้และพัฒนา ผู้เรียนด้านอาชีวศึกษาที่ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ ๒๑ แผนงานยุทธศาสตร์ คุณภาพการอาชีวศึกษาและการเรียนรู้ ในงบรายจ่ายอื่นตามโครงการภายใต้แผนงานและ งบรายจ่ายนี้คือ โครงการที่ได้รับปรับปรุงระบบสถานีโทรทัศน์เพื่อการศึกษาและพัฒนาอาชีพ พร้อมระบบห้องเรียนอัจฉริยะ ๗๗ จังหวัด ของส านักคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ซึ่งจะเป็น โครงการที่ด าเนินการต่อเนื่องมีจ านวนวงเงินที่ได้รับจัดสรร จ านวน ๒๔ ล้านบาท และได้ ประสบปัญหาเรื่องสถานการณ์โควิค ซึ่งท าให้การจัดการเรียนการสอนในสถานการณ์ปกติไม่ได้ บางช่วงต้องจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคของ ศูนย์บริหารสถานการร์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019(ศบค.) ดังนั้น จึงมีความ จ าเป็นที่จะต้องด าเนินการในโครงการนี้เพิ่มเติมในกิจกรรมที่สนับสนุนการจัดการเรียนการสอน แบบออนไลน์ให้กับสถานศึกษาต่าง ๆ ซึ่งอาชีวศึกษามีสถานศึกษาในสังกัด ๔๒๙ แห่ง ซึ่งมีหลายๆแห่ง ที่มีความขาดแคลนในเรื่องของสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศที่จะใช้การจัดการเรียน การสอนออนไลน์ เพื่อการจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพได้เทียบเท่าหรือเท่ากับการ สอนในสถานศึกษา ดังนั้นจึงมีความจ าเป็นที่ต้องโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณในรายการต่าง ๆ ซึ่งงบประมาณรายการต่างๆ ที่น ามาโอนเปลี่ยนแปลงจะเป็นงบประมาณลักษณะการจัด ประชุมสัมมนาหรือฝึกอบรมหรือนิเทศติดตาม ซึ่งในช่วงนี้เกิดสถานการณ์โควิดไม่สามารถ ด าเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องมีการชะลอไว้ตามมาตรการของภาครัฐ โดยได้น าเงิน งบประมาณจากส่วนอื่นที่ยังไม่ได้ใช้ จ านวน ๕๖ ล้านบาท มาสมทบกับโครงการเกี่ยวกับ เรื่องการเรียนการสอนแบบออนไลน์ โดยปัจจุบันเป็นการโอนเปลี่ยนแปลงรายการมาอยู่ใน งบประมาณ ๖๘ ล้านบาท โดยน าเงินงบประมาณที่ ๑ จ านวน ๑๒ ล้านบาท มาสมทบกับ งบประมาณโครงการปกติที่ได้รับจัดสรรงบประมาณ แต่ยังไม่ได้ด าเนินการในไตรมาส ๑ และ ๒ เนื่องจากสถานการณ์โควิดอีก ๕๖ ล้านบาท รวมเป็นจ านวนเงิน ๖๘ ล้านบาท ซึ่งในขณะนี้ได้ ด าเนินการจัดสรรงบประมาณให้แก่สถานศึกษาที่ยื่นแผนเสนอความต้องการเข้ามาโดยมีความ ขาดแคลน ในเรื่องของการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ในด้านใดบ้าง เพื่อที่จะได้น า งบประมาณมาสนับสนุนสถานศึกษาไปด าเนินการจัดการเรียนการสอนต่อไป


- ๖๕ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ที่ประชุมพิจารณา รายละเอียดวิธีการการจัดสรรงบประมาณ การโอน เปลี่ยนแปลงงบประมาณ การอนุมัติงบประมาณ รายละเอียดการด าเนินการ และขอ รายละเอียดแผนงาน/งบประมาณ ๕๐๐,๐๐๐ บาท จากส านักงานคณ ะกรรมการ การอาชีวศึกษา ครั้งที่ ๕๓ วันพุธที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๔ พิจารณาเรื่อง “ติดตาม ตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณในโครงการจ้างปรับปรุงระบบ สถานีโทรทัศน์เพื่อการศึกษาและพัฒนาอาชีพ พร้อมระบบห้องเรียนอัจฉริยะ ๗๗ จังหวัด ของส านักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา” งบประมาณจ านวน ๔,๗๘๗.๙๑๖ ล้านบาท และโครงการ ๑ ต าบล ๑ กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ งบประมาณ จ านวน ๙,๘๐๕.๗๐๗ ล้านบาท” ที่ประชุมพิจารณาได้รับเรื่องร้องเรียนว่า ขอให้ตรวจสอบการโอนเปลี่ยนแปลง งบประมาณรายจ่ายประจ าปี๒๕๖๔ โครงการจ้างปรับปรุงระบบสถานีโทรทัศน์เพื่อการศึกษา และพัฒนาอาชีพพร้อมระบบห้องเรียนอัจฉริยะ ๗๗ จังหวัด เพื่อรองรับ กับสถานการณ์ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา COVID-19 ซึ่งเข้าข่าย ว่ามีการกระท าความผิดตาม พระราชบัญญัติเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐปี๒๕๔๒ และกฎหมายอื่น ที่เกี่ยวข้อง ที่ประชุมได้รับค าชี้แจงว่าโครงการมีการตั้งงบประมาณภายใต้แผนยุทธศาสตร์ พัฒนาคุณภาพการศึกษาและ การเรียนรู้จากเอกสารงบประมาณ คือโครงการปฏิรูป กระบวนการเรียนรู้และพัฒนาผู้เรียนอาชีวะที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ ๒๑ มีโครงการย่อยทั้งหมด ๑๑ โครงการ แต่เป็นโครงการย่อยซึ่งอยู่ ในเอกสารประกอบหมายเลข ๑ ในปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ได้รับงบประมาณภายใต้โครงการประมาณ ๑๔๒ ล้านบาท แต่เป็น ๑๑ โครงการย่อย ซึ่งแต่ละโครงการย่อยตามรายละเอียดในเอกสาร และส านัก งบประมาณจัดสรรให้ร้อยละ ๕๐ ไปด าเนินการจ านวน ๗๑ ล้านบาทเศษ มีการโอน เปลี่ยนแปลงงบประมาณจ านวน ๕๖ ล้านบาท ไปใส่ในรายการที่ ๗ อีกจ านวน ๕๖ ล้านบาท โดยเดิมทีเดียวมีกิจกรรมอยู่เพียงกิจกรรมเดียว รายการที่ ๗ เอกสารประกอบหมายเลข ๒ มีการโอนงบประมาณจ านวน ๑๐ รายการ จ านวนเงิน ๕๖ ล้านบาท ไปเพิ่มในรายการที่ ๑๑ จ านวน ๕๖ ล้านบาทรวมกับรายการเดิม ๒๔ ล้านบาทเป็นงบประมาณจ านวน ๘๐ ล้านบาท ในกิจกรรมใหม่ โดยมีที่มาจากการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณจ านวน ๑๐ รายการ เพิ่มเติม ในรายการกิจกรรมที่ ๒ โครงการปรับปรุงระบบสถานีโทรทัศน์ เพื่อการศึกษาและพัฒนาอาชีพ พร้อมระบบห้องเรียนอัจฉริยะ ๗๗ จังหวัด การปรับปรุงโดยแต่ละมหาวิทยาลัยอาชีวะมีการ ขอรับจัดสรรงบประมาณจ านวน ๕๐๐,๐๐๐ บาท


- ๖๖ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ครั้งที่ ๕๔ วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๔ พิจารณาเรื่อง “พิจารณาติดตามความคืบหน้าในการบริหารงบประมาณเพื่อจัดหาวัคซีน และการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา COVID 2019” ที่ประชุมพิจารณาได้ข้อมูลว่า ตามพระราชก าหนดให้อ านาจกระทรวงการคลัง กู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ วงเงิน ๔๕,๐๐๐ ล้านบาท โครงการที่ได้รับอนุมัติ ๒๕,๘๒๕.๘๘ ล้านบาท ๑. จ าแนกตามกระทรวง (นอกกระทรวงสาธารณสุข จ านวน ๖๕๐.๕๖ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๒.๕๒ และกระทรวง สาธารณสุข ๒๕,๑๗๕.๓๒ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๗.๔๘) ๒. จ าแนกตามแผนงาน ดังนี้ ๑. แผนงานที่ ๑ ค่าเยียวยา ค่าชดเชย ค่าเสี่ยงภัยอาสาสมัครธารณสุข จ านวน ๔,๗๒๖.๓๘ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑๘.๓๐ ๒. แผนงานที่ ๒ จัดหาวัคซีน ห้องปฏิบัติการ จ านวน ๒,๖๕๕.๓๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑๐.๒๘ ๓. แผนงานที่ ๓ การบ าบัดรักษา ป้องกัน ควบคุมโรค และการวิจัย จ านวน ๖,๗๖๔.๙๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๒๖.๑๙ ๔. แผนงานที่ ๔ เตรียมสถานพยาบาลในการรักษา และกักตัวผู้มีความเสี่ยง ติดเชื้อ จ านวน ๑๐,๑๘๒.๗๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๓๔.๔๓ ๕. แผนงานที่ ๕ รับมือสถานการณ์ฉุกเฉินการระบาดของ COVID 2019 จ านวน ๑,๔๙๖.๕๗ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๕.๘๐ ผลการเบิกจ่ายที่ได้รับการจัดสรร จ านวน ๑๙,๑๘๕.๙๔ ล้านบาท ณ วันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๔ รอการจัดสรร จ านวน ๒๕ โครงการ จ านวน ๖,๖๓๙.๙๔ ล้านบาท ๑. แผนงานที่ ๒ จัดหายา วัคซีน และห้องปฏิบัติการ จ านวน ๑๒ โครงการ ๓๒๐.๓๐ ล้านบาท ๒. แผนงานที่ ๓ การบ าบัดรักษา ป้องกัน ควบคุมโรค และการวิจัย จ านวน ๑ โครงการ ๑๒.๕ ล้านบาท ๓. แผนงานที่ ๔ เตรียมสถานพยาบาลในการรักษา และกักตัวผู้มีความเสี่ยง ติดเชื้อ จ านวน ๑๑ โครงการ ๖,๒๑๗.๒๓ ล้านบาท ๔. แผนงานที่ ๕ รับมือสถานการณ์ฉุกเฉินการระบาดของ COVID 2019 จ านวน ๑ โครงการ ๘๙.๙๑ ล้านบาท สภาพปัญหาและอุปสรรคในการบริหารจัดการวัคซีน คือ ชนิดของวัคซีน มีตัวเลือกไม่ได้หลากหลายตามความคาดหวังของสังคม ปัญหาข่าวลวง ข่าวปลอม เป็นอุปสรรค ในการสร้างความเชื่อมั่นต่อการบริหารจัดการวัคซีน และประเด็นอาการไม่พึงประสงค์ ของผู้ได้รับการฉีดวัคซีน ส่วนแนวทางการจัดหาวัคซีนโควิด 19 ส าหรับประเทศไทย ๒๕๖๕


- ๖๗ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ มีนโยบายการจัดหาวัคซีนโควิด 19 เพื่อให้ครอบคลุมประชาชนทุกคนในประเทศไทย คือ การเพิ่มจ านวนวัคซีนจากเป้าหมายเดิม ๑๐๐ ล้านโดส เป็น ๑๕๐ ล้านโดส การเร่งท างาน เชิงรุก เพื่อให้การเจรจาสั่งซื้อวัคซีนมีความคืบหน้าที่เร็วขึ้น และการปรับแนวทางการฉีดวัคซีน โดยเร่งฉีดวัคซีนเข็มแรกให้ประชาชนจ านวนมากที่สุด ที่ประชุมพิจารณาว่า รายละเอียดแนวทางในการบริหารจัดการฉีดวัคซีน แนวทางการเพิ่มความรู้ให้กับประชาชนเกี่ยวกับประโยชน์ของการฉีดวัคซีน และขอให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องส่งข้อมูลเกี่ยวกับแผนการจัดหาวัคซีนและแผนการฉีดวัคซีน จนถึงสิ้นปี ๒๕๖๔ ครั้งที่ ๕๕ วันจันทร์ที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๔ พิจารณาเรื่อง “พิจารณาภาพรวมการจัดท างบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ของกระทรวงคมนาคม” ที่ประชุมพิจารณ าได้รับทราบข้อมูลว่า งบประมาณ รายจ่ายประจ าปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ของกระทรวงคมนาคม ประกอบด้วย ๘ ส่วนราชการและ ๕ รัฐวิสาหกิจ โดยส่วนราชการที่ได้รับงบประมาณสูงสุด ดังนี้ ๑) กรมทางหลวง ได้รับ งบประมาณ จ านวน ๑๑๕,๔๒๒ ล้านบาท ลดลงจากเดิมร้อยละ ๘ ๒) กรมทางหลวงชนบท ได้รับงบประมาณปี ๒๕๖๕ จ านวน ๔๖,๒๔๐ ล้านบาท ลดลงจากเดิมร้อยละ ๕ ๓) กรมท่า อากาศยาน ได้รับงบประมาณโดยประมาณ จ านวน ๕,๒๐๐ ล้านบาท ลดลงจากเดิมร้อยละ ๙ ส าหรับรัฐวิสาหกิจที่ได้รับงบประมาณสูงสุด ได้แก่ การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้รับงบประมาณ จ านวน ๑๘,๓๘๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๔๐๐ ล้านบาท ผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ภาพรวม ของกระทรวงคมนาคมได้รับงบประมาณ ๑๙๗,๐๐๐ ล้านบาท เป็นงบรายจ่ายลงทุน ๑๕๙,๐๐๐ ล้านบาท ปัจจุบันนี้รวมเบิกจ่าย และ ใบสั่งซื้อ/สัญญา (PO) เบิกจ่ายแล้วประมาณ ร้อยละ ๙๖.๗ ปัญหาอุปสรรคในการด าเนินงาน ๑) เรื่องการร้องเรียน การคัดค้าน หรือการ ต่อต้านของประชาชนในบางพื้นที่ ๒) เป็นเรื่องของการขาดสภาพคล่องของผู้รับเหมาท าให้ ผู้รับเหมาท างานล่าช้าแล้วทิ้งงาน ๓) เป็นปัญหาเรื่องการรื้อย้ายสาธารณูปโภค ซึ่งในการปฏิบัติ เราก็จะมีการเตรียมการล่วงหน้า และเตรียมความพร้อมในการก่อสร้างกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๔) สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ซึ่งพบปัญหาทั้งในเรื่องของวัสดุ ก่อสร้างและแรงงานในการก่อสร้าง ที่ประชุมพิจารณารายละเอียดและแนวทางในการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ การบริหารจัดการเงินนอกงบประมาณ การพิจารณาก าหนดจุดตัด จุดกลับรถ นโยบายในการ สนับสนุนนักธุรกิจไทยในการขุดทรายริมแม่น้ าโขง และขอรายงานการศึกษาโครงการและ รายละเอียดการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณของหน่วยงานในกระทรวงคมนาคม


- ๖๘ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ครั้งที่ ๕๖ วันพุธที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๔ พิจารณาเรื่อง “ภาพรวมการจัดท างบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ของกระทรวงคมนาคม ในมิติพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดร้อยเอ็ด” ที่ประชุมพิจารณาได้รับทราบข้อมูลว่า แผนงาน/โครงการของกรมทางหลวง ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ของจังหวัดกาฬสินธุ์ ขอนแก่น มหาสารคาม และร้อยเอ็ด มีดังนี้ จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้รับงบประมาณ รวมทั้งหมด ๗๔๙.๑๐ ล้านบาท แบ่งออกเป็นแผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ จ านวน ๔๖๓.๓๔ ล้านบาท แผนงานพื้นฐานด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน จ านวน ๒๘๕.๗๕ ล้านบาท จังหวัดขอนแก่น ได้รับงบประมาณ รวมทั้งหมด ๒,๓๔๔.๙๕ ล้านบาท แบ่งออกเป็นแผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ จ านวน ๑๕๙๑.๕๓ ล้านบาท แผนงานพื้นฐานด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน จ านวน ๗๕๓.๔๑ ล้านบาท จังหวัดมหาสารคาม ได้รับงบประมาณ รวมทั้งหมด ๑,๒๗๐.๕๙ ล้านบาท แบ่งออกเป็นแผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ จ านวน ๖๓๑.๒๙ ล้านบาท แผนงานพื้นฐานด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน จ านวน ๖๓๙.๒๙ ล้านบาท จังหวัดร้อยเอ็ด ได้รับงบประมาณ รวมทั้งหมด ๑,๕๒๓.๖๕ ล้านบาท แบ่งออกเป็นแผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ จ านวน ๑,๑๘๓.๙๑ ล้านบาท แผนงานพื้นฐานด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน จ านวน ๓๓๙.๗๓ ล้านบาท ปัญหา อุปสรรคในการด าเนินการ เช่น การรื้อย้ายต้นไม้ สาธารณูปโภคที่อยู่ ในบริเวณพื้นที่การก่อสร้างทางหลวง การจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินเพื่อการก่อสร้างทางหลวง ตามโครงการเร่งด่วน การคัดค้านหรือต่อต้านการก่อสร้างทางหลวงของประชาชนกลุ่มต่างๆ ส่วนแนวทางในการแก้ไข คือ การประสานแจ้งข้อมูลโครงการล่วงหน้าเพื่อวางแผน ด้านงบประมาณของหน่วยงานสาธารณูปโภค การเจรจาปรองดองกับเจ้าของที่ดินในเขตที่มี การก่อสร้างหรือการปรับปรุงรูปแบบการก่อสร้าง เพื่อลดความจ าเป็นในการจัดการกรรมสิทธิ์ ที่ดิน การจัดท าการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชนเพิ่มเติม เพื่อหาข้อสรุป ในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน ที่ประชุมพิจารณาการมีส่วนร่วมของประชาชนในการด าเนินโครงการ ปัญหา การขาดแคลนไฟแสงสว่างในทางหลวงชนบท รายละเอียดการด าเนินการถนนเลี่ยงเมืองชุมแพ ช่วงศรีบุญเรือง –ชุมแพ –กรุงเทพมหานครถนนเชื่อมระหว่างจังหวัดกาฬสินธุ์ - จังหวัดอุดรธานี และจังหวัดขอนแก่น ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๒๗ ระหว่างสี่แยกสมเด็จ – ดงแหลม แยกค าใหญ่ - แยกดงแหลม – ล าพันชาด ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๐๔๖ จังหวัดร้อยเอ็ด – อ าเภอกุฉินารายณ์จังหวัดกาฬสินธุ์การขยายช่องทางจราจรทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๑๑๖ จากอ าเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ดไปจังหวัดกาฬสินธุ์และจังหวัดขอนแก่น ทางหลวง


- ๖๙ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ แผ่นดินหมายเลข ๒๑๑๖ ขอนแก่น – อ าเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด สัญญาไฟจราจร แยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๐๔๓ ช่วงแยกอุ่มเม้า ถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๑๑๖ จากขอนแก่น – โพนทอง ช่วงอ าเภอบ้านบ่อ จังหวัดกาฬสินธุ์ ถึงอ าเภอโพนทอง และที่ประชุม มีมติให้ฝ่ายเลขานุการรวบรวมข้อเสนอแนะจัดท าเป็นหนังสือส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ครั้งที่ ๕๗ วันพุธที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔ พิจารณาเรื่อง “การบริหารงบประมาณโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่” ที่ประชุมได้รับร้องเรียนว่า กรณีการก่อสร้างรถไฟทางคู่ส่งผลกระทบกับประชาชน ซึ่งในการประมูลหลายครั้งที่ผ่านมาไปได้ด้วยดี ในการประมูลครั้งนี้พบว่าผลการประมูลออกมา ใกล้เคียงกับราคากลางมาก และพบว่า มีการไปยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๖๐ มติคณะรัฐมนตรีที่ออกตามข้อเสนอ Supper Board จัดซื้อจัดจ้าง ที่ซึ่งสาเหตุของการมีมติ คือว่าจะท าให้เกิดการแข่งขันเสรี ท าให้เกิดการแข่งขันได้มาก ผูกขาด Lock Spec ได้ง่าย การคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย ด้วยวิธีการนี้ท าให้การแข่งขัน ซึ่งที่ประชุมพิจารณ ารายละเอียด งบประมาณที่ใช้ด าเนินการ การเปลี่ยนแปลงแนวทางมติ Supper Board ที่แบ่งงานเป็นส่วน ๆ เพื่อให้เกิดการแข่งขัน และรายละเอียดการด าเนินการประกวดราคา ครั้งที่ ๕๘ วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔ พิจารณาเรื่อง “ติดตามการจัดท างบประมาณรายจ่ายประจ าปี พ.ศ. ๒๕๖๕ ในมิติพื้นที่ จังหวัดมุกดาหาร นครพนม และสกลนคร ของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท” ที่ประชุมพิจารณาได้รับข้อมูล กรมทางหลวงมีแผนงานงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ของจังหวัดมุกดาหาร นครพนม และสกลนคร มีดังนี้ จังหวัดมุกดาหาร ได้รับงบประมาณ รวมทั้งหมด ๓๒๒.๗๒ ล้านบาท แบ่งออกเป็นแผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ จ านวน ๒๑๘.๕๐ ล้านบาท แผนงานพื้นฐานด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน จ านวน ๑๐๔.๒๒ ล้านบาท จังหวัดนครพนม ได้รับงบประมาณ รวมทั้งหมด ๒,๔๗๐.๒๔ ล้านบาท แบ่งออกเป็นแผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ จ านวน ๑,๘๖๗.๐๓ ล้านบาท แผนงานพื้นฐานด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน จ านวน ๖๐๓.๒๑ ล้านบาท จังหวัดสกลนคร ได้รับงบประมาณ รวมทั้งหมด ๓,๘๑๗.๑๖ ล้านบาท แบ่งออกเป็นแผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ จ านวน ๒,๙๗๕.๙๖ ล้านบาท แผนงานพื้นฐานด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน จ านวน ๘๔๑.๒๐ ล้านบาท กรมทางหลวงชนบท ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ในจังหวัด จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดนครพนม จังหวัดสกลนคร ดังนี้


- ๗๐ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ จังหวัดมุกดาหาร ได้รับงบประมาณ รวมทั้งหมด ๑๗๗.๙๖ ล้านบาท แบ่งออกเป็นงานก่อสร้างทางและสะพาน จ านวน ๑๐๘.๖6 ล้านบาท งานบ ารุงรักษาทางและ สะพาน จ านวน ๒๕.๘ ล้านบาท งานอ านวยความปลอดภัยทางและสะพาน จ านวน ๑๖.๕ ล้านบาท จังหวัดนครพนม ได้รับงบประมาณ รวมทั้งหมด ๔๑๗ ล้านบาท แบ่งออกเป็น งานก่อสร้างทางและสะพาน จ านวน ๒๗๐ ล้านบาท งานบ ารุงรักษาทางและสะพาน จ านวน ๑๒๑ ล้านบาท งานอ านวยความปลอดภัยทางและสะพาน จ านวน ๒๕.๒ ล้านบาท จังหวัดสกลนคร ได้รับงบประมาณ รวมทั้งหมด ๕๑๙ ล้านบาท แบ่งออกเป็น งานก่อสร้างทางและสะพาน จ านวน ๓๑๗ ล้านบาท งานบ ารุงรักษาทางและสะพาน จ านวน ๑๑๓ ล้านบาท งานอ านวยความปลอดภัยทางและสะพาน จ านวน ๑๐๒ ล้านบาท พิจารณาเรื่อง “ติดตามการจัดท างบประมาณรายจ่ายประจ าปี พ.ศ. ๒๕๖๕ ในมิติพื้นที่ จังหวัดหนองคาย หนองบัวล าภู เลย อุดรธานี และบึ งกาฬ ของกรมทางหลวงและ กรมทางหลวงชนบท” ที่ประชุมพิจารณ าได้ข้อมูลว่าแผนงาน/โครงการของกรมทางหลวง ในร่าง พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ของจังหวัดหนองคาย หนองบัวล าภู เลย อุดรธานี และบึงกาฬ มีดังนี้ จังหวัดหนองคาย ได้รับงบประมาณ รวมทั้งหมด ๖๐๓.๒๓ ล้านบาท แบ่งออกเป็นแผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ จ านวน ๓๖๙.๗๔ ล้านบาท แผนงานพื้นฐานด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน จ านวน ๒๓๓.๔๙ ล้านบาท จังหวัดหนองบัวล าภู ได้รับงบประมาณ รวมทั้งหมด ๖๑๕.๔๕ ล้านบาท แบ่งออกเป็นแผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ จ านวน ๔๖๗.๖๓ ล้านบาท แผนงานพื้นฐานด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน จ านวน ๑๔๗.๘๑ ล้านบาท จังห วัดเลย ได้รับงบป ระม าณ รวมทั้งหมด ๑ ,๑๒๑ .๒๙ ล้านบ าท แบ่งออกเป็นแผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ จ านวน ๖๔๕.๑๑ ล้านบาท แผนงานพื้นฐานด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน จ านวน ๔๗๖.๑๗ ล้านบาท จังหวัดอุดรธานี ได้รับงบประมาณ รวมทั้งหมด ๑,๑๐๖.๕๔ ล้านบาท แบ่งออกเป็นแผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ จ านวน ๖๖๕.๓๓ ล้านบาท แผนงานพื้นฐานด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน จ านวน ๔๔๑.๒๑ ล้านบาท จังหวัดบึงกาฬ ได้รับงบประมาณ รวมทั้งหมด ๑,๓๑๑.๖๒ ล้านบาท แบ่งออกเป็นแผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ จ านวน ๑,๑๓๙.๙๔ ล้านบาท แผนงานพื้นฐานด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน จ านวน ๑๗๑.๖๘ ล้านบาท


- ๗๑ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ กรมทางหลวงชนบท ให้ข้อมูลว่าภาพรวมของ ๕ จังหวัดในร่างพระราชบัญญัติ งบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ แยกประเภทงานออกเป็น ประเภทที่ ๑ งานก่อสร้างทางและสะพาน ประเภทที่ ๒ งานบ ารุงทางและสะพาน และประเภทที่ ๓ อ านวยความปลอดภัยงานทางและสะพาน จังหวัดหนองคาย ประเภทที่ ๑ งานก่อสร้างทางและสะพาน จ านวน ๖ โครงการ งบประมาณ ๑๐๔ ล้านบาท ประเภทที่ ๒ งานบ ารุงทางและสะพาน จ านวน ๘ โครงการ งบประมาณ ๑๑๐.๑ ล้านบาท รวมจ านวนโครงการทั้งสิ้น ๑๔ โครงการ งบประมาณ ๒๑๔.๑ ล้านบาท จังหวัดหนองบัวล าภูประเภทที่ ๑ งานก่อสร้างทางและสะพาน จ านวน ๓ โครงการ งบประมาณ ๖๕.๔ ล้านบาท ประเภทที่ ๒ งานบ ารุงทางและสะพาน จ านวน ๔ โครงการ งบประมาณ ๗๔.๔ ล้านบาท ประเภทที่ ๓ อ านวยความปลอดภัยงานทางและสะพาน จ านวน ๒ โครงการ วงเงิน ๓๐.๓ ล้านบาท รวมจ านวนโครงการทั้งสิ้น ๙ โครงการ งบประมาณ ๑๗๐.๑ ล้านบาท จังหวัดเลย ประเภทที่ ๑ งานก่อสร้างทางและสะพาน จ านวน ๓ โครงการ งบประมาณ ๗๔.๑ ล้านบาท ประเภทที่ ๒ งานบ ารุงทางและสะพาน จ านวน ๘ โครงการ งบประมาณ ๑๓๙.๕ ล้านบาท ประเภทที่ ๓ อ านวยความปลอดภัยงานทางและสะพาน จ านวน ๔ โครงการ วงเงิน ๘๖.๑ ล้านบาท รวมจ านวนโครงการทั้งสิ้น ๑๕ โครงการ งบประมาณ ๒๙๙.๗ ล้านบาท จังหวัดอุดรธานีประเภทที่ ๑ งานก่อสร้างทางและสะพาน จ านวน ๘ โครงการ งบประมาณ ๑๑๓.๘ ล้านบาท ประเภทที่ ๒ งานบ ารุงทางและสะพาน จ านวน ๔ โครงการ งบประมาณ ๗๗.๑ ล้านบาท รวมจ านวนโครงการทั้งสิ้น ๑๒ โครงการ งบประมาณ ๑๙๑ ล้านบาท จังหวัดบึงกาฬ ประเภทที่ ๑ งานก่อสร้างทางและสะพาน จ านวน ๓ โครงการ งบประมาณ ๙๓ ล้านบาท ประเภทที่ ๒ งานบ ารุงทางและสะพาน จ านวน ๖ โครงการ งบประมาณ ๙๖.๒ ล้านบาท รวมจ านวนโครงการทั้งสิ้น ๙ โครงการ งบประมาณ ๑๘๙.๒ ล้านบาท ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการด าเนินการรวบรวมข้อเสนอแนะ ของที่ประชุมจัดท าเป็นหนังสือข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการเพื่อเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ครั้งที่ ๕๙ วันพุธที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔ พิจารณาเรื่อง “พิจารณาติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณในการให้บริการศูนย์ หัวใจและหลอดเลือดของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี” ที่ประชุมพิจารณาได้รับเรื่องร้องเรียนว่า ศูนย์หัวใจและหลอดเลือดของ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีมีการท า สัญญาร่วมบริการหัวใจและหลอดเลือดกับบริษัทเอกชนรายหนึ่ง ปัญหา คือ เมื่อเอาสัญญาที่ท า กับบริษัทเอกชนรายนั้นมาเทียบกับสัญญาอื่นๆ ที่โรงพยาบาลของรัฐท ากับบริษัทเอกชน เช่น โรงพยาบาลพัทลุง โรงพยาบาลบางพลี โรงพยาบาลระยอง มีข้อสังเกต คือ โครงสร้างการแบ่งรายได้


- ๗๒ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ และโครงสร้างข้อผูกพันในการรับกับค่าใช้จ่ายมีความกังวล คือ จะมีการขาดทุนตั้งแต่แรก ซึ่งต้องการให้คณะกรรมาธิการตรวจสอบในเชิงลึก ในประเด็น ดังต่อไปนี้ ๑) ในการร่วมให้บริการศูนย์หัวใจ และหลอดเลือด ตามรายละเอียดในสัญญา ดังกล่าวข้างต้น โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เป็นผู้รับผิดชอบในด้านงบประมาณ และค่าใช้จ่ายในการด าเนินงานเป็นสัดส่วนที่สูงมาก แต่ในสัญญาบริษัทคู่สัญญากลับแบ่งรายได้ ให้แก่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เพียงร้อยละ ๒๐ ด้วยส่วนแบ่งรายได้เพียง ร้อยละ ๒๐ หากต้องแบกรับต้นทุน และค่าใช้จ่ายที่มากขนาดนี้ ท าให้คาดเดาได้ว่ามหาวิทยาลัย เทคโนโลยีสุรนารี มีแนวโน้มสูงมากที่จะขาดทุนจากการร่วมให้บริการศูนย์หัวใจและหลอดเลือด กับบริษัทเอกชนคู่สัญญารายนี้ จึงตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดจึงมีการตกลงท าสัญญาที่โรงพยาบาล ต้องแบกรับกับค่าใช้จ่ายเป็นจ านวนมาก แต่ได้รับการแบ่งรายได้เพียงแค่ร้อยละ ๒๐ ซึ่งหาก เทียบเคียงกับสัญญาร่วมให้บริการศูนย์หัวใจและหลอดเลือด ของโรงพยาบาลอื่น เช่น โรงพยาบาลพัทลุง โรงพยาบาลบางพลี หรือโรงพยาบาลระยอง การที่โรงพยาบาลได้รับ ส่วนแบ่งรายได้ในอัตราที่ไม่สูงนักหรือรับในอัตราที่ตกลงกัน บริษัทเอกชนคู่สัญญ า เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย และต้นทุนในการให้บริการแทบทั้งสิ้น เช่น Holter Echo IABPEST Temporary Pacemaker ยาและเวชภัณฑ์ ค่าน้ า ค่าไฟ ค่าตรวจห้องปฏิบัติการ ค่าตรวจพิเศษ เป็นต้น และยังต้องจ่ายค่าเช่าสถานที่ให้กับโรงพยาบาลพัทลุง ต่างหากอีกด้วย แต่ในส่วนของ โรงพยาบาล มทส. เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง ขอให้อธิการบดี นายกสภามหาวิทยาลัย ได้เปิดเผยงบการเงิน โครงสร้างต้นทุน ตั้งแต่ด าเนินการมีการใช้จ่ายงบประมาณอย่างไร ผลก าไรขาดทุน จ านวนรายได้ที่ได้รับร้อยละ ๒๐ เพียงพอต่อค่าจ่ายหรือไม่อย่างไร ๒) ตามระเบียบมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการ คัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน ในโครงการมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี พ.ศ.๒๕๖๑ ในข้อ ๘ ในการด าเนินโครงการ สภามหาวิทยาลัยจะแต่งตั้งคณะกรรมการด าเนินการ เพื่อพิจารณา ข้อก าหนด และขอบเขตโครงการ (Term of Reference : TOR) ให้ความเห็นชอบในข้อเสนอ โครงการ และหลักการร่างสัญญาร่วมลงทุนของโครงการ ตลอดจนด าเนินการคัดเลือกเอกชน ในการร่วมลงทุน จึงขอให้คณะกรรมาธิการ ตรวจสอบการด าเนินการในสัญญาร่วมให้บริการ ศูนย์หัวใจ และหลอดเลือดของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี นั้นเป็นไป ตามระเบียบของมหาวิทยาลัยหรือไม่ มีการท าขอบเขตโครงการ (Term of Reference : TOR) อย่างไร และเหตุใดจึงคัดเลือกบริษัทเอกชนคู่สัญญารายนี้ ทั้ง ๆ ที่เป็นบริษัทเพิ่งก่อตั้งได้ไม่นานนี้ ขอเอกสารเกี่ยวกับการคัดเลือกดังกล่าว ๓) จังหวัดนครราชสีมา ปัจจุบันมีโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญในการรักษา โรคหัวใจและหลอดเลือดในระดับประเทศอยู่แล้ว นั่นคือ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จะเป็นการดีกว่าหรือไม่ หากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี น างบประมาณ ที่มีอยู่อย่างจ ากัด ไปพัฒนาศูนย์บริการทางการแพทย์ในด้านอื่น ที่จังหวัดนครราชสีมาและ จังหวัดใกล้เคียง ที่มีความขาดแคลนแทนที่จะเอางบประมาณไปพัฒนาศูนย์บริการโรคหัวใจ


- ๗๓ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ และหลอดเลือด ที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี สามารถส่งต่อผู้ป่วยไปรับการรักษา ที่โรงพยาบาลนครราชสีมา ที่มีความเชี่ยวชาญ และความพร้อมในระดับที่สูงกว่า และห้อง เกี่ยวกับรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด ถ้าหากแพทย์ต้องการใช้ เพราะเหตุใดถึงจ่ายค่าเช่า ให้กับบริษัทเอกชนรายนี้ ทั้งๆ เป็นสินทรัพย์ เครื่องมือของโรงพยาบาล เป็นเงินงบประมาณ แผ่นดินที่โรงพยาบาลจัดซื้อ โดยมีข้ออ้างว่า เอกชนต้องเป็นผู้ดูแลรักษาห้องดังกล่าว ๔) นอกจากนี้ ตามค าสั่งโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ที่ ๘๕/๒๕๖๐ เรื่อง หลักเกณฑ์การคิดค่าธรรมเนียมแพทย์ ได้ระบุเอาไว้ในข้อที่ ๒ ว่า การคิดค่าธรรมแพทย์ ของ “ศัลยแพทย์ผู้ช่วย” คิดได้ไม่เกิน ๒๐% ของค่าธรรมเนียมแพทย์ศัลยแพทย์เป็นหลัก แต่จากการผ่าตัดในโครงการผ่าตัดหัวใจ ๓๐ ดวง ๓๐ ปี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี พบว่า มีการเบิกจ่ายค่าธรรมเนียมแพทย์ให้กับศัลยกรรมผู้ช่วย ในอัตราศัลยแพทย์หลัก จึงขอให้ คณะกรรมาธิการ พิจารณาสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ โรงพยาบาลวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี อาศัยระเบียบใดจึงสามารถเบิกค่าธรรมเนียมแพทย์ที่ไม่สอดคล้องกับค าสั่งที่ ๘๕/๒๕๖๐ ได้ ที่ประชุมพิจารณาใน ๔ ประเด็น คือ ๑) ส่วนแบ่งรายได้ที่บริษัทเอกชน แบ่งรายให้แก่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี เพียงร้อยละ ๒๐ ทั้งๆ ที่แทบไม่ได้ลงทุน ๒) การคัดเลือก มีความโปร่งใส หรือมีข้อก าหนดขอบเขตงาน (TOR) หรือไม่ ๓) ความซ้ าซ้อนของงานและ ไม่มีการบูรณาการกับโรงพยาบาลมหาราชซึ่งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง และ ๔) ค่าธรรมเนียม ของแพทย์ที่สูงเกินจริงใช้ศัลยแพทย์ผู้ช่วยมาเบิกในอัตราการแพทย์ ครั้งที่ ๖๐ วันพฤหัสบดีที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔ พิจารณาเรื่อง “พิจารณาศึกษาติดตามการจัดท างบประมาณรายจ่ายประจ าปี พ.ศ. ๒๕๖๕ ในมิติพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ชัยภูมิ และสุรินทร์ ของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท” ที่ประชุมพิจารณาได้รับข้อมูลว่า กรมทางหลวงมีแผนงานงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จังหวัดนครราชสีมา ชัยภูมิ และสุรินทร์มีดังนี้ จังหวัดนครราชสีมา ได้รับงบประมาณ รวมทั้งหมด ๖,๐๘๐.๐๘ ล้านบาท แบ่งออกเป็นแผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ จ านวน ๕,๑๑๓.๗๑ ล้านบาท แผนงานพื้นฐานด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน จ านวน ๙๖๖.๓๖ ล้านบาท จังหวัดชัยภูมิ ได้รับงบประมาณ รวมทั้งหมด ๑,๐๙๘.๘๐ ล้านบาท แบ่งออกเป็นแผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ จ านวน ๗๗๑.๑๕ ล้านบาท แผนงานพื้นฐานด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน จ านวน ๓๒๗.๖๕ ล้านบาท จังหวัดสุรินทร์ ได้รับงบประมาณ รวมทั้งหมด ๑,๖๖๖.๔๒ ล้านบาท แบ่งออกเป็นแผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ จ านวน ๘๓๓.๖๐ ล้านบาท แผนงานพื้นฐานด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน จ านวน ๘๓๒.๘๑ ล้านบาท ผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจ าปี พ.ศ.๒๕๖๔ ได้รับการจัดสรร งบประมาณทั้งสิ้น ๑๒๕,๙๔๖.๙๓ ล้านบาท มีการเบิกจ่ายแล้ว ๗๑,๗๒๐.๗๙ ล้านบาท คิดเป็น


- ๗๔ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ร้อยละ ๕๖.๙๕ มีการลงนามท าสัญญาแล้วแต่รอการเบิกจ่าย ๓๑,๖๖๒.๗๕ ล้านบาท คิดเป็น ร้อยละ ๒๕.๑๔ และยังไม่มีการลงนามท าสัญญาแล้วแต่รอการเบิกจ่าย ๒๒,๕๖๓.๙๑ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑๗.๙๑ ผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจ าปี พ.ศ.๒๕๖๓ ได้รับการจัดสรร งบประมาณทั้งสิ้น ๑๑๓,๘๘๓.๔๓ ล้านบาท มีการเบิกจ่ายแล้ว ๑๐๑,๕๔๒.๓๗ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๕.๙๕ มีการลงนามท าสัญญาแล้วแต่รอการเบิกจ่าย ๓,๓๔๑.๑๖ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๓.๑๖และยังไม่มีการลงนามท าสัญญาแล้วแต่รอการเบิกจ่าย ๙๔๐.๒๑ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๘๙ ปัญหาและอุปสรรคในการด าเนินการ เช่น การรื้อย้ายต้นไม้ สาธารณูปโภค ที่อยู่ในบริเวณพื้นที่การก่อสร้างทางหลวง การจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินเพื่อการก่อสร้างทางหลวง ตามโครงการเร่งด่วน การคัดค้านหรือต่อต้านการก่อสร้างทางหลวงของประชาชนกลุ่ม ในการจัดสรรงบประมาณของกรมทางหลวงชนบทในแต่ละจังหวัดมีแนวทาง และหลักเกณฑ์ คือ ๑) การกระจายงบประมาณโดยดูจากจ านวนประชากรในแต่ละจังหวัด ๒) จ านวนโครงข่ายความรับผิดชอบของในแต่ละพื้นที่ ๓) จ านวนความหนาแน่นของจราจรในแต่ ละเส้นทาง และ๔) จ านวนจุดเสี่ยงอันตรายในแต่ละพื้นที่จ านวนมากน้อยแตกต่างกัน ที่ประชุมพิจารณาแล้วมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการด าเนินการรวบรวม ข้อเสนอแนะของที่ประชุมจัดท าเป็นหนังสือข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการเพื่อเสนอ ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ครั้งที่ 61 วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม 2564 พิจารณาเรื่อง “ติดตามการจัดท างบประมาณรายจ่ายประจ าปี พ.ศ. 2565 ในมิติพื้นที่ จังหวัดนครราชสีมา ชัยภูมิ และสุรินทร์ ของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท” ที่ประชุมได้พิจารณาถึงแนวทางในการจัดท าและการบริหารงบประมาณ รายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทในมิติ พื้นที่จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดชัยภูมิ และจังหวัดสุรินทร์ โดยมีการเชิญสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรของจังหวัดที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมเพื่อสะท้อนปัญหาและอุปสรรคของประชาชน ในพื้นที่ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องน าข้อเสนอแนะมาบูรณาการในการจัดท าและบริหาร งบประมาณต่อไป


- ๗๕ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ครั้งที่ 62 วันพฤหัสบดีที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๔ พิจารณาเรื่อง “ความคืบหน้าในการบริหารงบประมาณเพื่อจัดหาวัคซีนวัคซีนโควิดไฟเซอร์ (Pfizer) และการจัดหาชุดตรวจคัดกรองแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019 ด้วย Antigen Test Kit (ATK)” ที่ประชุมได้มีการพิจารณาแผนการบริหารจัดการวัคซีนของหน่วยงานรัฐ ที่เกี่ยวข้อง โดยได้รับข้อมูลจากกรมควบคุมโรคว่า ณ วันที่ ๒๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ มีผู้ได้รับ การฉีดวัคซีนแล้วทั้งหมดจ านวน ๒๘,๘๓๕,๕๘๐ คน โดยมีเป้าหมายในการฉีดวัคซีนให้ ครอบคลุมร้อยละ ๗๐ ของประชากรทั้งประเทศ และมีแผนการจัดหาวัคซีนใน พ.ศ. ๒๕๖๔ รวมจ านวนทั้งหมด ๑๐๘.๗ ล้านโดส แบ่งออกเป็นวัคซีน AstraZeneca จ านวน ๔๕.๗ ล้านโดส วัคซีน Sinovac จ านวน ๓๑.๕ ล้านโดส วัคซีน Pfizer จ านวน ๓๑.๕ ล้านโดส และแผนการ จัดหาวัคซีนในปี ๒๕๖๕ อีกจ านวน ๑๒๐ ล้านโดส แบ่งออกเป็น วัคซีน AstraZeneca จ านวน ๕๐ ล้านโดส วัคซีน Pfizer จ านวน ๕๐ ล้านโดส และวัคซีนอื่นๆ อีกจ านวน ๒๐ ล้านโดส ส่วนคณะกรรมาธิการได้สอบถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาการบริหารจัดการวัคซีน ที่ยังไม่เพียงพอ และครอบคลุมกลุ่มเสี่ยง


- ๗๖ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ครั้งที่ 63 วันพฤหัสบดีที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔ พิจารณาเรื่อง “รับรองบันทึกการประชุม” ที่ประชุมได้มีการพิจารณาบันทึกการประชุมและรับรองบันทึกการประชุม จ านวน ๑๕ ครั้ง ได้แก่ ครั้งที่ ๔๗ วันพุธที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๖๔, ครั้งที่ ๔๘ วันพุธที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๖๔, ครั้งที่ ๔๙ วันพุธที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔, ครั้งที่ ๕๐ วันพุธที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔, ครั้งที่ ๕๑ วันพุธที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔, ครั้งที่ ๕๒ วันพุธที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๔, ครั้งที่ ๕๓ วันพุธที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๔, ครั้งที่ ๕๔ วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๔, ครั้งที่ ๕๕ วันจันทร์ที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๔, ครั้งที่ ๕๖ วันพฤหัสบดีที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๔, ครั้งที่ ๕๗ วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๔, ครั้งที่ ๕๘ วันพุธที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔, ครั้งที่ ๕๙ วันพฤหัสบดีที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔, ครั้งที่ ๖๐ วันพุธที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔, ครั้งที่ ๖๑ วันพุธที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ครั้งที่ 64 วันพุธที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๔ พิจารณาเรื่อง “การบริหารงบประมาณต่อกรณีการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่าย ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ (งบคงเหลือ)” ที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่องงบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ (งบคงเหลือ) ของคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหาร งบประมาณ ในกรณีการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณ ให้ส านักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อน างบประมาณไปด าเนินการจัดซื้อชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้านสาธารณสุขเพื่อแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ และเนื่องจากส านักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรมีข้อจ ากัดด้านบุคคลากร จึงเสนอแนะให้มี


- ๗๗ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ จุดบริการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรน่าเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้บริการกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อลด ความแออัดในการตรวจหาเชื้อ ส านักงบประมาณให้ข้อมูลว่า กรณีงบประมาณของคณะกรรมาธิการสามัญ ประจ าสภาผู้แทนราษฎร จ านวน ๓๕ คณะ ซึ่งได้รับการจัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ (งบคงเหลือ) ในส่วนของค่าใช้จ่ายการด าเนินการของคณะกรรมาธิการสามัญ สภาผู้แทนราษฎร ส านักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ถือเป็นหน่วยรับงบประมาณหนึ่ง จึงต้องปฏิบัติตามตาม ที่ นร ๐๗๐๒/ว ๑๒๗ ลงวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๔ ภายใต้ภารกิจและ อ านาจหน้าที่ของหน่วยงานรับงบประมาณให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นการโอน เปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ (งบคงเหลือ) เพื่อน า งบประมาณดังกล่าวมาด าเนินการจัดซื้อชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ให้กับประชาชน ทั่วไป ไม่สอดคล้องกับภารกิจและอ านาจหน้าที่ของส านักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะหน่วยรับงบประมาณ ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งไม่มีความเชี่ยวชาญในการด าเนินการ ส านักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ให้ข้อมูลว่าการพิจารณาการโอน เปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ (งบคงเหลือ) เพื่อน า งบประมาณมาจัดซื้อชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) และอุปกรณ์อื่น ๆที่เกี่ยวข้องด้าน สาธารณสุขเพื่อแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ไม่สามารถ ด าเนินการได้ทันที โดยต้องน างบประงบประมาณของแต่ละหน่วยงานภายในมารวบรวมไว้ ส่วนกลางก่อน หากประสงค์เบิกจ่ายงบประมาณจากการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่าย ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ (งบคงเหลือ) ส านักบริการทางการแพทย์ประจ ารัฐสภาต้อง ด าเนินการจัดท าหนังสือขอรับงบประมาณ เพื่อน างบประมาณจัดซื้อชุดตรวจ Antigen Test


- ๗๘ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ Kit (ATK) และอุปกรณ์อื่น ๆ โดยจะด าเนินการปรึกษาหารือถึงแนวทางการจัดซื้อชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) กับส านักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งจะต้องมีการระบุถึงเหตุผลและ ความจ าเป็นเร่งด่วนต่อไป ครั้งที่ 65 วันพุธที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๖๔ พิจารณาเรื่อง “รายละเอียดแผนงาน/โครงการ กิจกรรม ที่ขอรับการจัดสรรงบประมาณ ในการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากภายใต้กลุ่มแผนงาน/ โครงการ ฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนบนพื้นฐานของโอกาสและศักยภาพของท้องถิ่น : ระดับพื้นที่ วงเงิน ๔๕,๐๐๐ ล้านบาท ของจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดสกลนคร และจังหวัด มุกดาหาร” ที่ประชุมได้มีการพิจารณาถึงกรอบการด าเนินงาน “โครงการพัฒนาและ เสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก” โดยส านักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติให้ข้อมูลว่า โครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ตามแผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชน เป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการสร้างงาน สร้างอาชีพ โดยต้องเป็นโครงการหรือกิจกรรมที่มีลักษณะ ดังนี้ ๑.) พัฒนาสินค้า ท่องเที่ยว บริการ และการค้า เช่น สินค้า OTOP ท่องเที่ยวชุมชน/ในประเทศ การค้าส่ง การค้าปลีก เป็น ต้น ๒) ยกระดับประสิทธิภาพและสร้างมูลค่าเพิ่มด้านการเกษตรเช่น เกษตรปลอดภัย เกษตร อินทรีย์ เป็นต้น ๓) ส่งเสริมและพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน เช่น อบรมอาชีพระยะสั้น อบรมยกระดับฝีมือ ๔) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการปรับตัวและ พัฒนากิจกรรมทาง เศรษฐกิจของชุมชน เช่น ถนนในหมู่บ้านแหล่งน้ าขนาดเล็ก โดยแผนงาน โครงการดังกล่าวต้อง มาจากความต้องการของพื้นที่ ผ่านการมีส่วนร่วมของประชาชนรวมทั้งพิจารณาข้อมูล TPMAP มาประกอบการจัดท าโครงการ และต้องด าเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม ๒๕๖๔ โดยมีกรอบวงเงินจัดสรรงบประมาณ ดังนี้ จังหวัดเชียงใหม่ มีกรอบวงเงินจัดสรร 933,047,204 บาท จังหวัดเชียงใหม่ เสนอจ านวน 356 โครงการ วงเงิน 880,595,031 บาท เห็นควรสนับสนุนทั้งสิ้น (งบเงินกู้) จ านวน 253 โครงการ วงเงิน 415,962,768 บาท คิดเป็น ๔๕ เปอร์เซ็นต์ ของวงเงินจัดสรร เกิดการจ้างงาน 5,163 คน และมีประชาชนได้รับประโยชน์ ไม่น้อยกว่า 435,209 คน จังหวัดสกลนคร กรอบวงเงินจัดสรร 613,880,236 บาท จังหวัดสกลนคร เสนอจ านวน 119 โครงการ วงเงิน 608,923,690 บาท เห็นควรสนับสนุนทั้งสิ้น (งบเงินกู้) จ านวน 71 โครงการ วงเงิน 310,664,000 บาท คิดเป็นร้อยละ ๕๑ เปอร์เซ็นต์ เกิดการ จ้างงาน 4,228 คน และประชาชนได้รับประโยชน์ ไม่น้อยกว่า 242,860 คน


- ๗๙ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ จังหวัดมุกดาหาร กรอบวงเงินจัดสรร 440,965,149 บาท จังหวัดมุกดาหาร เสนอจ านวน 275 โครงการ วงเงิน 440,905,165 บาท เห็นควรสนับสนุนทั้งสิ้น (งบกลาง) จ านวน 246 โครงการ วงเงิน 219,045,900 บาท คิดเป็นร้อยละ ๕๐ เปอร์เซ็นต์ เกิดการ จ้างงาน 5, 562 คน และประชาชนได้รับประโยชน์ ไม่น้อยกว่า 445,460 คน ครั้งที่ 66 วันพฤหัสบดีที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๔ พิจารณาเรื่อง “ติดตามความคืบหน้าการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจ าปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ (งบคงเหลือ) ของคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตาม การบริหารงบประมาณ” ที่ประชุมได้มีการพิจารณ าติดตามความคืบหน้าการโอนเปลี่ยนแปลง งบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ (งบคงเหลือ) ของคณะกรรมาธิการ ศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ เพื่อน างบประมาณไปด าเนินการจัดซื้อ ชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้านสาธารณสุขเพื่อแก้ปัญหา การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ โดยส านักการคลังและงบประมาณ ส านักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ให้ข้อมูลว่า ตามที่คณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ได้มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ สผ ๐๐๑๗.๐๖/๕๑๐๐ ลงวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๔ ให้ส านักการคลัง ฯ รายงานความคืบหน้าการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจ าปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ (งบคงเหลือ) จ านวน ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อสนับสนุนงบประมาณ ให้กับส านักบริการทางการแพทย์ประจ ารัฐสภา ในการด าเนินการตามอ านาจและหน้าที่ ด้านการสนับสนุนและการแก้ไขปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย ๒ โครงการ คือ โครงการจ้างหน่วยงานภายนอกตรวจคัดกรองหาเชื้อ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เป็นเงินจ านวน ๒,๖๔๐,๐๐๐ บาท และโครงการจัดซื้ออุปกรณ์ ในการตรวจหาเชื้อโควิด – ๑๙ จ านวน ๑๑ รายการ เป็นเงิน ๒,๓๖๐,๐๐๐ บาท ซึ่งส านัก การคลังและงบประมาณได้ด าเนินการโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณดังกล่าว จากค่าใช้จ่ายด าเนินงานของคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหาร งบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร โดยอาศัยอ านาจของหัวหน้าส่วนราชการ ตามระเบียบรัฐสภา ว่าด้วยการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ข้อ ๑๗ ทั้งนี้ การจัดซื้อจัดจ้างค่าใช้จ่ายดังกล่าว ยังด าเนินการไม่แล้วเสร็จในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ส านักการคลังและงบประมาณ จึงได้ด าเนินการกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามหนังสือกระทรวงการคลังที่ กค ๐๔๐๒.๕/ว ๑๓๑ ลงวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๔ ซึ่งขณ ะนี้อยู่ในระหว่างขั้นตอน การด าเนินการของพัสดุ โดยแบ่งงบประมาณออกเป็น ๒ ส่วน ได้แก่ ๑.) งบประมาณ จ านวน ๒.๕ ล้านบาท ส าหรับการจ้างบริษัทจากภายนอก (Outsource) ด าเนินการตรวจคัดกรอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บุคคลที่เกี่ยวข้องกับวงงานรัฐสภาและผู้ติดตาม ประมาณจ านวน


- ๘๐ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๕,๐๐๐ คน และ ๒.) ด าเนินการจัดซื้อชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) จ านวน ๑๐,๐๐๐ ชุด เป็นเงินจ านวน ๒,๓๖๐,๐๐๐ บาท และอุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อสนับสนุนการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ครั้งที่ 67 วันพุธที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๔ พิจารณาเรื่อง “การจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณในการบริหารจัดการน้ า และการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟู เยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย” ที่ประชุมได้มีการพิจารณาศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ ในการบริหารจัดการน้ า และการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟู เยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จากอุทกภัย โดยส านักงานทรัพยากรน้ าแห่งชาติ ให้ข้อมูลว่า แผนบูรณาการบริหารจัดการ ทรัพยากรน้ า เป็นการบูรณาการการท างานด้านทรัพยากรน้ า ทั้งต้นน้ า กลางน้ า และปลายน้ า ของหน่วยงานด้านน้ า รวม ๔๘ หน่วยงาน จาก ๑๓ กระทรวง และ ๗๖ จังหวัด รวมถึงองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาด้านน้ าของประเทศสอดคล้องกับ ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี เพื่อเพิ่มความมั่นคงด้านน้ าของประเทศ เพิ่มผลิตภาพของน้ าทั้งระบบให้ มีการใช้น้ าอย่างประหยัด สร้างมูลค่าของน้ าให้แม่น้ าล าคลองและแหล่งน้ าธรรมชาติได้รับการ อนุรักษ์ ฟื้นฟู ให้มีระบบนิเวศน์ที่ดีสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ ด้านการเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน รวมถึงแผนปฏิรูป ประเทศ ด้านธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมชลประทาน ให้ข้อมูลว่า รายละเอียดงบประมาณการบริหารจัดการ ทรัพยากรน้ าในงบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๕ จ าแนกตามแผนงานและ ประเภทงบประมาณรายจ่าย จ านวนเงิน ๗๗,๑๔๓.๔๓๓๙ ล้านบาท ส าหรับแนวทางการ บริหารจัดการทรัพยากรน้ าเพื่อรองรับสถานการณ์อุทกภัยในปี พ.ศ. ๒๕๖๔ มีมาตรการในการ บริหารจัดการน้ าในฤดูฝน เพื่อให้ปริมาณน้ าต้นทุนในอ่างเก็บน้ ามีเพียงพอส าหรับการใช้น้ า ตลอดฤดูฝนปี พ.ศ. ๒๕๖๔ และเก็บกักไว้ใช้ในฤดูแล้ง ปี พ.ศ. ๒๕๖๔/๒๕๖๕ เพื่อการอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศให้เพียงพอตลอดทั้งปี และวางแผนป้องกันอุทกภัย โดยการ วิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงน้ าท่วมซ้ าซาก/พื้นที่เกษตรกรเสี่ยงน้ าท่วม ก าหนดผู้รับผิดชอบในพื้นที่ต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบรวมทั้งประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่ และจัดสรรทรัพยากร กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้ข้อมูลว่า งบประมาณในการป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัยเพื่อรองรับสถานการณ์อุทกภัย ในงบประมาณรายจ่ายประจ าปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ วงเงินงบประมาณ ๔,๖๕๓.๖๒๐๖ ล้านบาท ปัจจุบันเตรียมความ พร้อมในการรองรับอุทกภัยปี พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยด าเนินการแต่งตั้งคณะท างานติดตาม สถานการณ์ การจัดท าแผนเผชิญเหตุอุทกภัยพิบัติ ส ารวจพื้นที่อุทกภัย และการเตรียมเครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การแจ้งเตือนการระบายน้ า และการเพิ่มพื้นที่ รองรับน้ า จัดสรรเครื่องจักรกลสาธารณภัยประจ าศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ทั้ง ๑๘ เขต ในทุกภูมิภาคของประเทศไทยคลอบคลุมทั้ง ๗๖ จังหวัด


- ๘๑ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ คณะกรรมาธิการได้สอบถามเกี่ยวกับงบประมาณและกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ในโครงการจัดซื้อเครื่องสูบน้ าด้วยระบบไฮโดรลิก ประจ าศูนย์ชลประทาน จ านวน ๘ แห่งให้กับ กรมชลประทาน จ านวนเงิน ๓,๒๐๒ ล้านบาท ผู้แทนจากส านักงานทรัพยากรน้ าแห่งชาติ ชี้แจงว่า กรมชลประทานขอรับ งบประมาณในส่วนของงบกลาง ปี พ.ศ. ๒๕๖๔ จ านวน ๓ ครั้งได้แก่ ครั้งที่ ๑ วันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๔ จ านวนเงิน ๔๒๖ ล้านบาท ครั้งที่ ๒ วันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๔ จ านวน ๒,๘๕๔ รายการ เป็นเงินจ านวนเงิน ๓,๒๔๘ ล้านบาท ครั้งที่ ๓ วันที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๔ จ านวน ๓,๓๐๐ รายการ เป็นเงินจ านวนเงิน ๓,๘๕๑ ล้านบาท รวมทั้งสิ้น ครั้งที่ ๑ - ๓ ผลการเบิกจ่ายงบประมาณทั้งสิ้น จ านวน ๗,๕๒๕ ล้านบาท ครั้งที่ 68 วันพุธที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ พิจารณาเรื่อง “ติดตามการบริหารงบประมาณการบริหารจัดการน้ าในรายการงบกลาง รายการเงินส ารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็น ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ - พ.ศ. ๒๕๖๕” ที่ประชุมได้มีการพิจารณาศึกษาการบริหารงบประมาณการบริหารจัดการน้ า ในรายการงบกลางรายการเงินส ารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็น ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ - พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยได้รับข้อมูลจากส านักงานทรัพยากรน้ าแห่งชาติว่า งบกลาง รายการเงินส ารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็นประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ – พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยปฏิบัติตามแผนแม่บทน้ า ๒๐ ปี ๓ ด้าน โดยงบกลาง รายการเงินส ารองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็น ประจ าปีงบประมาณ ปี พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อบรรเทาผลกระทบจาก การขาดแคลนน้ าและการเกิดอุทกภัย ได้รับการจัดสรรงบประมาณทั้งหมด จ านวน ๒๓,๒๘๖ รายการ


- ๘๒ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ งบประมาณ จ านวนเงิน ๒๓,๒๖๔.๓๐ ล้านบาท แบ่งออกเป็นโครงการด้านแหล่งน้ า จ านวน ๒๓,๒๕๗ แห่ง งบประมาณ จ านวนเงิน ๒๐,๐๒๕.๘๗ ล้านบาท แล้วเสร็จ จ านวน ๒๐,๘๒๔ แห่ง ยกเลิกจ านวน ๒,๔๓๓ แห่ง และรายการครุภัณฑ์ จ านวน ๙ รายการ งบประมาณ จ านวนเงิน ๓,๒๓๘.๔๓ ล้านบาท แล้วเสร็จ จ านวน ๒๕ รายการ ยกเลิกจ านวน ๒ แห่งในส่วนของงบกลาง รายการเงินส ารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็น ประจ าปีงบประมาณ ปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ได้รับ การจัดสรรงบประมาณทั้งหมด จ านวน ๖,๒๐๖ รายการ งบประมาณ จ านวนเงิน ๗,๖๖๙.๕๖ ล้านบาท แบ่งออกเป็นโครงการด้านแหล่งน้ า จ านวน ๖,๑๕๘ รายการ งบประมาณ จ านวนเงิน ๖,๖๘๒.๒๐ ล้านบาท และรายการครุภัณฑ์ จ านวน ๔๘ รายการ เป็นเงินจ านวน ๙๘๗.๓๘ ล้านบาท คณะกรรมาธิการได้สอบถามถึงแนวทางการจ่ายเงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ จากการเกิดอุทกภัยของงบกลางกรมชลประทานรายการเงินส ารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือ จ าเป็น ประจ าปีงบประมาณ ปี พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการเกิดอุทกภัย ผู้แทนจากกรมชลประทาน ชี้แจงว่า การจ่ายเงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ จากการเกิดอุทกภัยของงบกลางกรมชลประทานรายการเงินส ารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือ จ าเป็น ประจ าปีงบประมาณ ปี พ.ศ. ๒๕๖๓ อยู่ในระหว่างด าเนินการและ ติดตาม ตรวจสอบ วิธีการเยียวยา และรวบรวมข้อมูลผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเกิดอุทกภัยขออนุมัติงบประมาณ ต่อกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต่อไป ที่ประชุมได้ตั้งข้อสังเกตว่า ๑) การขอรับงบกลาง รายการเงินส ารองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็นของหน่วยงานต่าง ๆ มีความซ้ าซ้อนกับงบประมาณที่ได้รับ ตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ ๒) การใช้งบกลางของ งบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันงบประมาณ ให้ทันก่อนสิ้นปีงบประมาณ ครั้งที่ 6๙ วันพุธที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ พิจารณาเรื่อง “ติดตามความคืบหน้าในการพัฒนาเขตพิเศษภาคตะวันออก โครงสร้าง พื้ น ฐ าน เชื่ อ มโย งก า รเดิน ท า งคมน าคม ข น ส่ งแ ล ะโล จิ ส ติ กส์ ข อ งส านั ก งาน คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.)” ที่ประชุมมีมติให้เลื่อนการ พิจารณาติดตามความคืบหน้าในการพัฒนาเขต พิเศษภ าคตะวันออก โครงสร้างพื้น ฐาน เชื่อมโยงการเดินทางคมนาคมขนส่งและโลจิ สติกส์ ของส านักงานคณะกรรมการนโยบาย เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ไปใน ครั้งถัดไป คือ วันพุธที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๔


- ๘๓ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ครั้งที่ ๗๐ วันพุธที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ พิจารณาเรื่อง “ติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของโครงการจัดหาและติดตั้งระบบ วิทยุสื่อสารดิจิทัล ระยะที่ ๑ , ๒ และ ๓ งบประมาณจ านวนเงิน๑๓,๒๖๒ ล้านบาท ของส านักงานต ารวจแห่งชาติ” ที่ประชุมได้มีการพิจารณาติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของ โครงการจัดหาและติดตั้งระบบวิทยุสื่อสารดิจิทัล ระยะที่ ๑ , ๒ และ ๓ งบประมาณจ านวนเงิน ๑๓,๒๖๒ ล้านบาท ของส านักงานต ารวจแห่งชาติ โดยได้รับข้อมูลจากส านักเทคโนโลยีและ สารสนเทศ ส านักงานต ารวจแห่งชาติว่า โครงการจัดหาและติดตั้งระบบวิทยุ PS-LTE ของ ส านักงานต ารวจแห่งชาติ มีประโยชน์ในการปฏิบัติงานกับเจ้าหน้าที่ โดยระยะที่ 1 งบประมาณ จ านวนเงิน ๓,๔๐๘ ล้านบาท เป็นการจัดหาลูกข่ายจ านวน 15,000 เครื่อง เพื่อแจกจ่ายต ารวจ สายงานปราบปราม รายงานควบคุมฝูงชน และศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 ติดตั้ง Cell Site ๑๗๐ สถานี ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ระยะที่ 2 งบประมาณ 4,340 ล้านบาท ติดตั้ง Cell Site ๑๗๕ สถานี เป็นการติดตั้งขยายพื้นที่การใช้งานไปยังจังหวัดใหญ่ที่มีประชากรมาก ทั่วประเทศ เป็นการจัดหาลูกข่ายจ านวน ๓๐,000 เครื่อง แจกจ่ายให้หน่วยงานในพื้นที่ และระยะที่ ๓ งบประมาณจ านวนเงิน 5,514 ล้านบาท ที่ประชุมได้ตั้งข้อสังเกตว่า ๑) TOR ไม่ได้ผ่านขั้นตอนการประชาพิจารณ์ ๒) จัดซื้อโดยวิธีพิเศษ ๓) การส่งมอบงานและอุปกรณ์ไม่ตรงตามที่ก าหนดไว้ใน TOR ๔) ล็อกสเปกอุปกรณ์ ๕) ในการขยายโครงข่าย อุปกรณ์โครงข่าย และสถานีฐานไม่สามารถ เชื่อมต่อกับผลิตภัณฑ์ยี่ห้ออื่นได้ ๖) สัญญาณวิทยุไม่ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการ ๗) สัญญาณเสียง และการรับส่งข้อมูลมีคุณภาพต่ า และ ๘) อุปกรณ์วิทยุแบบพกพาหรือเครื่องลูกข่ายมีราคาสูง เกินจริง ครั้งที่ ๗๑ วันพุธที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ พิจารณาเรื่อง “ศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณของกรมส่งเสริมการปกครอง ท้องถิ่น” ที่ประชุมได้มีการพิจารณาศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น โดยได้รับข้อมูลว่ากรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นว่า งบประมาณเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ภาพรวม งบประมาณเงินอุดหนุนของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (เทศบาลต าบลและองค์การ บริหารส่วนต าบล) ตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ทั้งสิ้น จ านวนเงิน ๒๓๒,๔๔๕.๒๖๘๔ ล้านบาท ตามแผนงานยุทธศาสตร์ส่งเสริมการกระจาย อ านาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แบ่งออกเป็นเงินอุดหนุนทั่วไป จ านวนเงิน ๑๙๒,๖๙๗.๘๙๕๖ ล้านบาท และเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ จ านวนเงิน ๓๙,๗๔๗.๓๗๒๘ ล้านบาท และตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ ๒๕๖๕ ทั้งสิ้น จ านวนเงิน


- ๘๔ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๒๑๗,๕๒๓.๒๐๔๒ ล้านบาท (ลดลงจ านวนเงิน ๑๔,๙๒๒.๐๖๔๒ ล้านบาท คิดเป็น – ๖.๔๒ เปอร์เซ็นต์) ตามแผนงานยุทธศาสตร์ส่งเสริมการกระจายอ านาจให้แก่องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น จ านวนเงิน แบ่งออกเป็นเงินอุดหนุนทั่วไป จ านวนเงิน ๑๘๒,๒๗๔.๓๑๘๒ ล้านบาท (ลดลง จ านวนเงิน ๑๐,๔๒๓.๕๗๗๔ ล้านบาท คิดเป็น – ๕.๔๑ เปอร์เซ็นต์) และเงินอุดหนุน เฉพาะกิจ จ านวนเงิน ๓๕,๒๔๘.๘๘๖๐ ล้านบาท (ลดลง จ านวนเงิน ๔,๔๙๘.๔๘๖๘ ล้านบาท คิดเป็น – ๑๑.๓๒ เปอร์เซ็นต์) กระบวนการจัดท างบประมาณเงินอุดหนุนที่จัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น ปี พ.ศ. ๒๕๖๖ (เทศบาลต าบลและองค์การบริหารส่วนต าบล) เมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จัดท าหนังสือด่วนที่สุด ที่ มท ๐๘๑๐.๘/ว ๒๓๗๓ ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ แจ้งให้องค์กรปกครองท้องถิ่นต่าง ๆ ด าเนินการเตรียมความ พร้อมการจัดท าค าขอตั้งงบประมาณเงินอุดหนุนประจ าปี พ.ศ. ๒๕๖๖ พร้อมก าหนดแนว ทางการจัดท าค าขอรับการสนับสนุนงบประมาณเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ ประจ าปี พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยมีระยะเวลา ดังนี้ ๑. ระหว่างวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๔ หน่วยรับงบประมาณ (เทศบาลต าบลและองค์การบริหารส่วนต าบล) ด าเนินการบันทึกค าขอ งบเงินอุดหนุนเฉพาะกิจในระบบ SOLA และจัดท าเอกสารโครงการตามแบบที่ก าหนด ๒. ระหว่างวันที่ ๘ ถึง ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ด าเนินการแจ้งจังหวัด ให้พิจารณากลั่นกรองค าขอของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยบันทึกข้อมูลที่กลั่นกรองแล้ว ในระบบ SOLA พร้อมส่งเอกสารให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นในระหว่างวันที่ ๑๖ ถึง ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ พิจารณาความเหมาะสมและจัดล าดับความส าคัญค าขอรับการ สนับสนุนงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๓. ระหว่างวันที่ ๔ ถึง ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕ กรมส่งเสริมการปกครอง ท้องถิ่นบันทึกค าขอตั้งงบประมาณ (เงินอุดหนุนทั่วไปและเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ) ในระบบ e-Budgeting ของส านักงบประมาณ คณะกรรมาธิการตั้งข้อสังเกตดังนี้ ๑. การจัดท างบประมาณและการจัดสรรงบประมาณควรให้หน่วยรับ งบประมาณมีระยะเวลาจัดท างบประมาณเพิ่มขึ้นเพื่อให้การจัดสรรงบประมาณและการใช้จ่าย งบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ๒. ควรมีแนวทางการพิจารณาแผนงาน โครงการ (เงินอุดหนุน) เพื่อลดความเหลื่อมล้ า ของแต่ละพื้นที่ ๓. ควรปรับปรุงโครงสร้างการขอรับเงินอุดหนุนของงบประมาณรายจ่ายประจ าปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖


- ๘๕ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ครั้งที่ ๗๒ วันพุธที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๔ พิจารณาเรื่อง “ติดตามความคืบหน้าในการพัฒนาเขตพิเศษภาคตะวันออก โครงสร้าง พื้ น ฐ าน เชื่ อ มโย งก า รเดิน ท า งคมน าคม ข น ส่ งแ ล ะโล จิ ส ติ กส์ ข อ งส านั ก งาน คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.)” ที่ประชุมได้มีการพิจารณาติดตามความคืบหน้าในการพัฒนาเขตพิเศษ ภาคตะวันออก โครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงการเดินทางคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ ของ ส านักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) โดยได้รับข้อมูลว่า แผนการด าเนินงานของส านักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ปัจจุบันอยู่ในระยะที่ ๓ ชักชวนนักลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่เพื่อยกระดับ เศรษฐกิจและสังคมให้กับประชาชนและชุมชน งบประมาณที่ได้รับ (ปี พ.ศ. ๒๕๖๑ – พ.ศ. ๒๕๖๔) จ านวนเงิน ๒,๓๐๔ ล้านบาท คิดเป็น ๕.๑ เปอร์เซ็นต์ ของการลงทุนที่อนุมัติแล้ว ในอีอีซี และงบบูรณาการ (ปี พ.ศ. ๒๕๖๑ – พ.ศ. ๒๕๖๔) จ านวนเงิน ๘๒,๐๐๐ ล้านบาท คิดเป็น ๒.๘ เปอร์เซ็นต์ ของงบบูรณาการ และคิดเป็น ๐.๑ เปอร์เซ็นต์ของการลงทุนที่ อนุมัติแล้วในอีอีซี ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้วจ านวนเงิน ๑,๖๐๕,๒๔๑ ล้านบาท คิดเป็น ๙๔ เปอร์เซ็นต์ ของเป้าหมายจ านวนเงิน ๑.๗ ล้านล้านบาท ที่ประชุมได้ตั้งข้อสังเกตว่า การขยายโครงการลงทุนไปยังพื้นที่ภาคอีสานควร พิจารณาปัจจัยด้านต่าง ๆ อย่างรอบด้านเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าด้านการลงทุน และการก่อสร้าง รถไฟความเร็วสูงในบริเวณพื้นที่รถไฟรางคู่ ควรพิจารณาด้วยความรอบครอบ เพื่อให้เกิดความ คุ้มค่าด้านการลงทุน ที่ประชุมมีมติให้ติดตาม ตรวจสอบการบริหารงบประมาณ และติดตาม ความคืบหน้าในการพัฒนาเขตพิเศษภาคตะวันออก โครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงการเดินทาง คมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ ของส านักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษ ภาคตะวันออกเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุดในการบริหารงบประมาณ ครั้งที่ ๗๓ วันพฤหัสบดีที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๔ พิจารณาเรื่อง “ศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณปายจ่ายประจ าปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ – พ.ศ. ๒๕๖๖ ของกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และกรม ชลประทาน” ที่ประชุมได้มีการพิจารณาศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ รายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ – พ.ศ. ๒๕๖๖ ของกรมทางหลวง กรมทางหลวง ชนบท และกรมชลประทาน โดยได้รับข้อมูล ดังนี้ กรมชลประทานมีแนวทางการจัดท างบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยค านึงถึงความต้องการในพื้นที่ และแผนพัฒนาพื้นที่ กระบวนการมีส่วนร่วม ของประชาชน และการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาความพร้อมในการ ด าเนินงาน ความคุ้มค่าในการจ่ายงบประมาณ และผลสัมฤทธิ์ในการบริหารจัดการภาครัฐ


- ๘๖ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ กรมทางหลวงชนบทมีแนวทางการจัดท างบประมาณรายจ่ายประจ าปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ด าเนินการจัดท าแผนพัฒนาและปรับปรุงโครงข่ายทางหลวงชนบท โดยพิจารณาแต่ละสายทาง ช่วงไหนควรด าเนินการก่อสร้าง บ ารุงรักษา และอ านวย ความปลอดภัย ตามหลักเกณฑ์ที่แต่ละประเภทงานก าหนด ด าเนินการจัดท าบัญชีรายชื่อ โครงการและเรียงล าดับความส าคัญ กรมทางหลวง ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จ านวนเงิน ๑๑๓,๓๔๘.๐๔๘๖ ล้านบาท แบ่งออกเป็น แผนงานบูรณาการ เขตพัฒนาพิเศษ ภาคตะวันออก จ านวนเงิน ๖,๐๑๗.๖๖๒๕ ล้านบาท แผนงานบุคลากรภาครัฐ จ านวนเงิน ๔,๙๒๖.๐๐๖๖ ล้านบาท แผนงานพื้นฐานด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน จ านวนเงิน ๒๙,๑๑๘.๙๗๓๕ ล้านบาท แผนงานบูรณการการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบ โลจิสติกส์ จ านวนเงิน ๗๓,๒๘๕.๔๐๖๐ ล้านบาท ครั้งที่ ที่ ๗๔ วันพุธที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๔ พิจารณาเรื่อง “ติดตามความคืบหน้าในการพัฒนาเขตพิเศษภาคตะวันออก โครงสร้าง พื้ น ฐ าน เชื่ อ มโย งก า รเดิ น ท า งค ม น าค ม ข น ส่ งแ ล ะโล จิ ส ติ ก ส์ ข อ งส านั ก ง าน คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.)” ที่ประชุมได้มีการพิจารณาติดตามความคืบหน้าในการพัฒนาเขตพิเศษภาค ตะวันออก โครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงการเดินทางคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ของส านักงาน คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) โดยได้รับข้อมูลจาก สกพอ. ว่า ปัจจุบันด าเนินงานอยู่ในระยะที่ ๓ ชักชวนนักลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ เพื่อยกระดับเศรษฐกิจและสังคมให้กับป ระชาชนและชุมชน งบป ระม าณ ที่ได้รับ (ปี พ.ศ. ๒๕๖๑ – พ.ศ. ๒๕๖๔) จ านวนเงิน ๒,๓๐๔ ล้านบาท คิดเป็น ๕.๑ เปอร์เซ็นต์ ด้านรถไฟความเร็วสูงเชื่อม ๓ สนามบิน วงเงินลงทุน จ านวน ๒๗๖,๕๖๑ ล้านบาท ผลประโยชน์ที่ภาครัฐจะได้รับจ านวนเงิน ๓๗,๖๐๓ ล้านบาท (พื้นที่ TOD รายได้ค่าโดยสาร หลังสัมปทาน ภาษี) ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ จ านวน ๓๔๓,๒๖๒ ล้านบาท (ลดต้นทุน ทางด้านโลจิสติกส์ของประเทศ การถ่ายทอดเทคโนโลยีชั้นสูง และทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของรัฐ) แผนการด าเนินงานโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ และ อู่ตะเภา) ด าเนินการลงนามสัญญา เมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ แบ่งออกได้เป็น ๓ ระยะ ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า ๒๐๑๙ มีผลต่อ ปริมาณผู้โดยสาร และเอกชนคู่สัญญา มีหนังสือจ านวน ๖ ฉบับ หารือผลกระทบโครงการ โดยขอแบ่งช าระค่าสิทธิ ในการเดินรถ ARL หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมปรึกษาหารือจ านวน ๑๓ ครั้ง เพื่อหาแนวทางแก้ไขต่อไป


- ๘๗ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินมีปัญหาเรื่องการช าระค่าให้สิทธิ ร่วมลงทุนในโครงการแอร์พอร์ตเรลลิงก์ เนื่องจากผลกระทบสถานการณ์โควิด -19 ส านักงาน คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) พิจารณาแล้วเห็นว่าเอกชน ต้องรับภาระด้านดอกเบี้ย และการค้างจ่ายไม่มีผลกระทบต่อการเดินรถไฟฟ้า ที่ประชุมตั้งข้อสังเกตว่า โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าเชื่อมสามสนามบิน ควรก าหนดแนวทาง กฎ ระเบียบให้ชัดเจนเพื่อไม่ให้เกิดความสงสัยหรือจุดบกพร่อง จึงมีมติ ให้ติดตาม ตรวจสอบการบริหารงบประมาณ และติดตามความคืบหน้าในการพัฒนาเขตพิเศษ ภาคตะวันออก โครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงการเดินทางคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ ของส านักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและ ประโยชน์สูงสุดในการบริหารงบประมาณ ครั้งที่ ๗๕ วันพุธที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๔ พิจารณาเรื่อง “ศึกษาการบริหารงบประมาณ เพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบธุรกิจขนาด กลางและขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙” ที่ประชุมได้มีการพิจารณาการบริหารงบประมาณ เพื่อช่วยเหลือเยียวยา ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา ๒๐๑๙ โดยได้รับข้อมูลจากสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยว่า ภาพรวมผู้ประกอบการ mSMEs จ านวน ๓,๑๔๘,๗๓๙ ราย คิดเป็นร้อยละ ๙๙.๕๔ แบ่งออกเป็น ผู้ประกอบการระดับธุรกิจ ขนาดย่อย (Micro) M จ านวน ๒,๖๙๕,๗๐๖ ราย เกิดการจ้างงานจ านวน ๕,๗๗๙,๔๖๒ คน คิดเป็นร้อยละ ๘๕.๒๒ ธุรกิจขนาดย่อย (small) S จ านวน ๔๐๙,๔๕๘ ราย เกิดการจ้างงาน จ านวน ๓,๘๔๖,๒๓๙ คน คิดเป็นร้อยละ ๑๒.๙๔ ธุรกิจขนาดกลาง (Medium) M จ านวน ๔๓,๕๗๕ ราย เกิดการจ้างงานจ านวน ๒,๒๐๙,๗๖๗ คน คิดเป็นร้อยละ ๑.๓๘ ระดับ ธุรกิจขนาด ใหญ่ (Large) L จ านวน ๑๔,๔๐๕ ราย เกิดการจ้างงานจ านวน ๔,๙๕๔,๑๘๘ คน คิดเป็นร้อยละ ๐.๔๖ สภาพปัญหาที่ผ่านมาหน่วยงานราชการจ านวนมากด าเนินการสนับสนุนผู้ประกอบการ วิสาหกิจชุมชน แต่ขาดการบูรณนาการร่วมกัน และพบว่ามีการด าเนินงาน ผลกระทบต่อผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศ ไทยจากการระบาดของโรคไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เช่น สินค้าที่แปรรูปจากภาคการเกษตร อุตสาหกรรมประมงและสัตว์น้ า รวมถึงผู้ให้ธุรกิจด้านการบริการ ไม่สามารถหาช่องทางการ จ าหน่ายท าให้สินค้าเกิดการเน่าเสียหรือหมดอายุ และขาดเงินทุนหมุนเวียนและข้อจ ากัดในการ เข้าหาแหล่งเงินทุนจากภาครัฐหรือภาคเอกชน โดยธนาคารแห่งประเทศไทยให้ข้อมูลว่า การด าเนินงานที่ผ่านมาประสบปัญหา มาตรการให้ความช่วยเหลือไม่ครอบคลุมผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับ ผลกระทบ และแนวทางลดการส ารองเงินของธนาคาร แต่อาจมียอดหนี้เสียเพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงต้องบริหารจัดการอย่างสมดุลและระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ


- ๘๘ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ครั้งที่ ๗๖ วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “ศึกษาและติดตามการบริหารงบประมาณต่อการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์ แอฟริกาในสุกร (ASF) และมาตรการในการเฝ้าระวังป้องกันโรคไข้หวัดนกของประเทศไทย” ที่ประชุมได้มีการพิจารณาติดตามการบริหารงบประมาณต่อการแพร่ระบาด ของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) และมาตรการในการเฝ้าระวังป้องกันโรคไข้หวัดนกของ ประเทศไทย โดยได้รับข้อมูลจากกรมปศุสัตว์ว่า รายละเอียดเกี่ยวกับงบประมาณและแผนงาน ในการด าเนินการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ของประเทศ ไทย งบประมาณรายจ่ายประจ าปี 2564 จ านวนเงิน ๔๐,968,๐๐๐ ล้านบาท มีกิจกรรมหลัก การเฝ้าระวังทางห้องปฏิบัติการปีละ ๕๐,๐๐๐ ตัวอย่าง คิดเป็นงบประมาณทั้งสิ้น ๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าน้ ามันส าหรับการปฏิบัติงานส าหรับเจ้าหน้าที่ทั้งส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค จ านวนเงิน 15,000,000 บาท และงบประมาณรายจ่ายประจ าปี 2565 ได้รับการจัดสรรจ านวนเงิน 7,000,000 บาท ผลการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อแก้ปัญหาโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) จากงบประมาณปกติของกรมปศุสัตว์ จ านวนเงิน 1.5 ล้านบาท และงบกลางรายการเงินส ารอง จ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็นได้ด าเนินการชดใช้ราคาสุกรที่ถูกท าลายไปแล้วแก่เกษตรกร จ านวน 3,239 ราย สุกรจ านวน 112,768 ตัว เป็นจ านวนเงินทั้งสิ้น 470,277,968.75 บาท คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบกลาง วันที่ ๑๑ มกราคม 2565 เพื่อเป็นค่าชดใช้ราคาสุกรที่ถูก ท าลายแก่เกษตรกรจ านวนเงิน 574,111,263 บาท ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนขอรับการจัดสรร งบประมาณจากส านักงบประมาณ ที่ประชุมได้สอบถามถึง แนวทางในการชดเชยเยียวยาสุกรที่ติดโรคตายและ สุกรที่ยังไม่ติดโรคตายแต่ต้องด าเนินการฝังกลบเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของ โรคระบาดที่เกิดขึ้น ซึ่งท าให้เกษตรกรต้องเสียค่าใช้จ่ายจ านวนมาก ผู้แทนจากอธิบดีกรมปศุสัตว์ ชี้แจงว่า กรณีของเกษตรกรรายย่อย ถ้ามีการแจ้ง เจ้าหน้าที่ถึงความเสียหายจากโรคระบาดก็จะมีการจ่ายค่าชดเชยความเสียหาย โดยกรมปศุสัตว์ ได้ให้ความส าคัญเรื่องโรคระบาดในสัตว์เป็นวาระแห่งชาติในการแก้ไขปัญหา ให้ความส าคัญกับ เกษตรกรรายย่อยเป็นล าดับแรก ครั้งที่ ๗๗ วันพุธที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “ศึกษาและติดตามการบริหารงบประมาณต่อการควบคุมปริมาณและ ราคาเนื้อสุกรในประเทศ” ที่ประชุมได้มีการพิจารณาศึกษาและติดตามการบริหารงบประมาณต่อการ ควบคุมปริมาณและราคาเนื้อสุกรในประเทศ เนื่องจากปัญหาขาดแคลนเนื้อสุกรท าให้ราคาเนื้อ สุกรเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และสอบถามถึงมาตรการในการควบคุมก ากับดูแลราคา ซึ่งได้รับ


- ๘๙ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ข้อมูลจากกรมปศุสัตว์ว่า ปัญหาการขาดแคลนเนื้อสุกรกรมปศุสัตว์จะด าเนินการตรวจสอบ ๒ ประเด็น ได้แก่ ๑. สุกรขาดแคลนหรือไม่ โดยร่วมกับกระทรวงมหาดไทยในการตรวจสอบ ฟาร์มเลี้ยงสุกร ๒. ส ารวจตรวจสอบปริมาณสุกรในห้องเย็น โดยร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ เช่น กระทรวงพาณิชย์ทั้งนี้ กรมปศุสัตว์มีอ านาจหน้าที่ในการตรวจสอบเรื่องสุขอนามัยเป็นหลัก เช่น การตรวจสอบใบอนุญาตการน าสุกรมาเก็บในห้องเย็น ส่วนผลจากการตรวจสอบห้องเย็น โดยการลงพื้นที่ตั้งแต่วันที่ ๒๐ – ๒๕ มกราคม ๒๕๖๕ และร่วมมือกับหลายภาคส่วนด าเนิน ตรวจสอบห้องเย็น จ านวน ๗๗๓ แห่ง ตรวจพบซากสุกร ทั้ง สิ้ น ๑ ๘ ,๗ ๒ ๗ ,๘ ๒ ๔ กิโลกรัม ทั้งนี้ อัตราการ บ ริ โ ภ ค สุ ก ร อ ยู่ ที่ ๒ ๐ กิ โล ก รั ม /ค น /ปี ดัง นั้ น ปริมาณซากสุกรที่ตรวจพบ จึงคาดว่าจะเพียงพอกับการ ให้ ป ร ะ ช า ช น บ ริโภ ค ได้ จ านวน ๙๓๖,๓๙๑ คน/ปี ซึ่งกระบวนการผลิตมีการ เคลื่อนย้ายหมูเข้าโรงฆ่าสัตว์ประมาณ ๓๖๐,๐๐๐ ตัว/สัปดาห์ดังนั้น คาดว่าจะมีปริมาณเนื้อสุกร เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส าหรับเรื่องราคาสุกรที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น จากการติดตามของกรมการค้าภายใน ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๖๔ พบว่าจ านวนสุกรที่เข้าสู่ระบบลดน้อยลง ส่งผลให้ปริมาณ ความต้องการมากกว่าปริมาณสุกรที่มีอยู่ ราคาสุกรเนื้อแดงจึงเริ่มขยับสูงขึ้นตามราคาสุกรมีชีวิต หน้าฟาร์มตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๖๔ ซึ่งที่ผ่านมากรมการค้าภายในมีการหารือร่วมกับผู้เลี้ยง สุกร และร้านค้าต่าง ๆ ให้มีการตรึงราคาและไม่ฉวยโอกาสในการขึ้นราคาสุกรเนื้อแดงที่ไม่ สอดคล้องกับราคาต้นทุน ซึ่งต้นทุนที่ปรับสูงขึ้นมาจากต้นทุนการเลี้ยงสุกรที่ปรับสูงขึ้นจากเดิม ต้นทุนอยู่ที่ประมาณ ๗๕ บาท/กิโลกรัม ปัจจุบันปรับราคาต้นทุนขึ้นมาเป็น ๘๐ – ๑๐๐ บาท/ กิโลกรัม ส่งผลให้ราคาสุกรเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งกรมการค้าภายในมีการตรวจสอบการขายปลีกและ ราคาขายหน้าฟาร์มให้สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริงและไม่มีการฉวยโอกาสขึ้นราคา อย่างไรก็ ตามการแก้ปัญหาทั้งหมดต้องมีการบูรณาการกับหลายหน่วยงาน ซึ่งที่ประชุมได้มีมติให้ พิจารณาศึกษาความคืบหน้าการติดตามการบริหารงบประมาณต่อการควบคุมปริมาณและราคา เนื้อสุกรในประเทศอีกครั้งในการประชุมครั้งถัดไปในวันพุธที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕


- ๙๐ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ครั้งที่ ๗๘ วันพุธที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “ศึกษาและติดตามการบริหารงบประมาณต่อการควบคุมปริมาณและราคา เนื้อสุกรในประเทศ” ที่ประชุมได้มีการพิจารณาถึงประเด็นความคืบหน้าของสถานการณ์ในการ ควบคุมโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร การควบคุมปริมาณและราคาเนื้อสุกรในประเทศ รวมถึง สถานการณ์ไข้หวัดนกของกรมปศุสัตว์ โดยได้รับข้อมูลจากกรมปศุสัตว์ว่า กรมปศุสัตว์ได้ ด าเนินการติดตามการควบคุมโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรในประเทศไทยมาโดยตลอดตั้งแต่ ก่อนที่เกิดเหตุการณ์แพร่ระบาด รวมถึงการพบการแพร่ระบาดในประเทศจีน เมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๖๑ หากประเทศใดมีการพบโรคก็จะมีการระงับการน าเข้าจากประเทศนั้นการ น าเข้าสุกรและลูกสุกรจากประเทศนั้น ๆ และหลังจากเกิดเหตุที่ประเทศจีน กรมปศุสัตว์ได้มี การร่วมมือกับทั้งภาครัฐเอกชน องค์กรวิชาชีพสัตวบาล นักวิชาการจากสถาบันอุดมศึกษา และ สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ร่วมกันออกมาตรการต่าง ๆ ในการที่จะเฝ้าระวังป้องกันอย่าง ต่อเนื่อง โดยสัดส่วนที่มีการถือครองสุกรแล้วมีผลกระทบต่อการบริโภคของประเทศค่อนข้างสูง คือ รายกลางกับรายใหญ่ และพบว่าถ้าภาคเอกชนและเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรได้มีการปรับตัวใน การบริหารความเสี่ยงมีการลดขนาดฟาร์ม ลดความหนาแน่นของการเลี้ยงและมีการย้ายฐาน การผลิตจากที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคหรือมีความเสี่ยงสูงไปในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่ า และความปลอดภัย ส่วนปัญหาเรื่องการขาดแคลนเนื้อสุกรในตลาด กรมการค้าภายในให้ข้อมูลว่า โดยได้มีติดตามสถานการณ์ภาวะตลาดสุกรมาและเริ่มเกิดปัญหามาตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๖๔ ซึ่งราคาเริ่มปรับสูงขึ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๔ ถึงเดือนมกราคม ๒๕๖๕ ระยะเวลา ๔ เดือน ส่งผลให้ราคาสุกรมีชีวิตก็ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน จากการติดตามสถานการณ์


- ๙๑ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ซึ่งภาวะการขาดแคลนในระบบ ท าให้ราคาสูงขึ้นในระยะนั้น จึงมีสัญญาณเกิดความวิตก ในระบบตลาดนัดท าให้ราคาก็สูงขึ้นและผู้เลี้ยงสุกรในระยะนั้นยังมีความวิตกของการระบาด ของเชื้อโรคในสุกร ซึ่งกรมการค้าภายในได้มีมาตรการทางกฎหมายที่ออก เมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๕ ก าหนดมาตรการในการควบคุมการส่งออกสุกรมีชีวิตในระยะเวลา ๓ เดือน พร้อมกับ มีมาตรการควบคุมโดยก าหนดให้ผู้ครอบครองสุกรมีชีวิต ตั้งแต่ ๕๐๐ ตัวขึ้นไป และ ผู้ครอบครองเนื้อสุกรตั้งแต่จ านวน ๕ ตันขึ้นไป ต้องแจ้งปริมาณการครอบครองให้ทราบ เมื่อมีการควบคุมปริมาณได้คงที่แล้ว รวมทั้งมีการระบายสินค้าออกตลาดอย่างต่อเนื่อง ท าให้ ราคามีแนวโน้มต่ าลง การซื้อขายในตลาดก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน ครั้งที่ ๗๙ วันพุธที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “พิจารณาศึกษาภาพรวมการจัดท าและการบริหารงบประมาณรายจ่าย ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖” ที่ประชุมได้มีการพิจารณาศึกษาภาพรวมการจัดท าและการบริหารงบประมาณ รายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยหน่วยงานที่คณะกรรมาธิการเชิญเข้าร่วมประชุม ได้ให้ข้อมูล ดังนี้ กระทรวงการคลังให้ข้อมูลว่า ในการจัดท างบประมาณรายจ่ายประจ าปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ขณะนี้ได้เริ่มมีการประชุมร่วมกันระหว่างกระทรวงการคลัง ส านักงบประมาณ ส านักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่ง ประเทศไทย ได้ตั้งสมมติฐานเศรษฐกิจ โดยคาดการณ์อัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวม ของประเทศ (GDP) ที่ร้อยละ ๓.๗


Click to View FlipBook Version