The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

สรุปผลการดำเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ

สรุปผลการดำเนินงาน ชุดที่ 25

- ๙๒ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ กรมสรรพากรให้ข้อมูลว่า ได้ด าเนินการตามยุทธศาสตร์ นโยบายด้าน งบประมาณ ตามวิสัยทัศน์ พันธกิจ และยุทธศาสตร์ โดยปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ประมาณ การรายได้ที่ จ านวนเงิน ๒,๐๒๙,๑๐๐ ล้านบาท มีงบประมาณเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ จ านวนเงิน ๑๕๓,๐๐๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ ๘.๒ โดยกรมสรรพากรได้ ด าเนินการตามแผนการจัดเก็บรายได้ให้มีประสิทธิภาพ พัฒนาระบบจัดเก็บและตรวจสอบเงิน ภาษีในเชิงลึก ติดตามผู้ยื่นแบบแสดงรายการให้ปฏิบัติตามกฎหมาย กรมศุลกากรให้ข้อมูลว่า กรมศุลกากรได้ประมาณการรายได้ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ จ านวนเงิน ๑๐๕,๕๐๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ร้อยละ ๕.๕ เนื่องจากการจัดเก็บรายได้ปรับตัวดีขึ้น โดยในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ประมาณการจัดเก็บไว้ จ านวนเงิน ๒๖,๐๐๐ ล้านบาท จัดเก็บได้จริง จ านวนเงิน ๒๖,๓๐๖ ล้าน บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑.๒ ปัจจุบันกรมศุลกากรได้มีการน าเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ ช าระเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ และให้ช าระภาษี ณ จุดเดียว ส านักงานบริหารหนี้สาธารณะให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันหนี้สาธารณะต่ออัตรา การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) คิดเป็นร้อยละ ๕๙.๙๗ ซึ่งคาดว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ หากมีการด าเนินการกู้ยืมเงินเต็มเพดานหนี้สาธารณะต่ออัตรา การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) จะคิดเป็นร้อยละ ๖๒.๑๖ ส านักงบประมาณให้ข้อมูลว่า การจัดท างบประมาณรายจ่ายประจ าปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบแนวทางการจัดท างบประมาณและปฏิทิน งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ซึ่งประกอบด้วย การทบทวนและการวางแผนงบประมาณ การจัดท า งบประมาณ และการอนุมัติงบประมาณ ปัจจุบันอยู่ระหว่างส านักงบประมาณพิจารณา รายละเอียดงบประมาณเพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ ในวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๕ ซึ่งแนวทางการจัดท างบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ จะต้องสอดคล้อง กับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคง แผนการปฏิรูปประเทศ นโยบายส าคัญ ของรัฐบาล เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และแผนปฏิบัติราชการของกระทรวง พร้อมน้อมน า หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นแนวทางในการจัดสรรงบประมาณ โดยค านึงถึง ความจ าเป็น ภารกิจ ความต้องการในพื้นที่ และแผนพัฒนาพื้นที่ตามความต้องการของ ประชาชน กรมสรรพสามิตให้ข้อมูลว่า ประมาณการเป้าหมายการจัดเก็บภาษีตั้งเป้าหมาย จากยอดปีที่ผ่านมา พิจารณาประกอบกับมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) และ มาตรการการด าเนินการ ผลการจัดเก็บรายได้ภาษีสรรพสามิต เดือนตุลาคม ๒๕๖๔ ถึงเดือน มกราคม ๒๕๖๕ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ประมาณการตามเอกสารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จ านวนเงิน ๕๙๗,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท คือ ประมาณการตามเอกสารงบประมาณ รายจ่าย ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ รวมมาตรการปรับโครงสร้างภาษี จ านวนเงิน ๓๔,๒๐๐ ล้าน


- ๙๓ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ บาท ประกอบด้วย ภาษีน้ ามันและผลิตภัณฑ์น้ ามัน จ านวนเงิน ๒๒,๒๐๐ ล้านบาท ภาษีสุรา จ านวนเงิน ๕,๕๐๐ ล้านบาท ภาษีรถจักรยานยนต์ จ านวนเงิน ๕๐๐ ล้านบาท ภาษีแบตเตอรี่ จ านวนเงิน ๒,๐๐๐ ล้านบาท และภาษีเครื่องไฟฟ้า จ านวนเงิน ๔,๐๐๐ ล้านบาท และเมื่อหัก รายได้ของมาตรการดังกล่าว ท าให้ประมาณการตามเอกสารงบประมาณรายจ่ายคงเหลือ จ านวน เงิน ๕๖๒,๘๐๐ ล้านบาท ที่ประชุมได้ตั้งข้อสังเกตว่า การยกเว้นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ท าให้เกิด ภาระงบประมาณกับรัฐส่วนกลาง เมื่อด าเนินการจัดเก็บจะให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดท า และบริหารงบประมาณไม่เป็นภาระกับรัฐบาลกลาง และแสดงความเห็นว่า ปัญหาเศรษฐกิจใน ปัจจุบันส่งผลกระทบต่อการด ารงชีวิตของประชาชน การใช้งบประมาณในปัจจุบันไม่สามารถ กระตุ้นเศรษฐกิจได้เท่าที่ควร และเสนอแนะให้ส านักงบประมาณจัดท ารายงานการด าเนินการ ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ โดยรวบรวมข้อมูลจากหน่วยรับงบประมาณ และก าหนดมาตรการในการติดตามตรวจสอบ อย่างจริงจัง เพื่อแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ครั้งที่ ๘๐ วันพุธที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “ศึกษาและติดตามการบริหารงบประมาณของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ของกรุงเทพมหานคร” ที่ประชุมได้มีการพิจารณาศึกษาและติดตามการบริหารงบประมาณของ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวของกรุงเทพมหานคร โดยได้รับข้อมูลจากกรุงเทพมหานครว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในช่วงแรกบริษัทในเครือบีทีเอสกรุ๊ปเป็นผู้ด าเนินการลงทุนก่อสร้าง และได้รับสัมปทานในการเดินรถถึง พ.ศ. ๒๕๗๒ ต่อมามีโครงการสร้างส่วนต่อขยายจาก โครงการเดิม คือ ช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต และช่วงแบริ่ง – สมุทรปราการ ซึ่งที่มา ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวและกระบวนการรับโอนทรัพย์สินและภาระหนี้สินจากการ รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่งกรุงเทพมหานครได้รับโอนทรัพย์สินจากการ รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงแบริ่ง – สมุทรปราการ และได้ตั้งงบประมาณเพื่อจ่ายดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมตามสัญญาที่ท าร่วมกับ กระทรวงการคลัง ส าหรับในส่วนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต ปัจจุบันการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย อยู่ระหว่างสรุปภาระค่าใช้จ่าย ให้กรุงเทพมหานครซึ่งจะได้มีการจัดท าบันทึกข้อตกลงเพิ่มเติมและจัดท าสัญญ ากับ กระทรวงการคลังต่อไป ปัจจุบัน การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และกรุงเทพมหานคร อยู่ระหว่างการจัดท าร่างบันทึกข้อตกลง (เพิ่มเติม) ฉบับที่ ๑ ว่าด้วยการจ าหน่ายทรัพย์สินและ โอนภาระทางการเงิน โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศ ไทยให้กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ ร่างบันทึกข้อตกลง (เพิ่มเติม) ฉบับที่ ๑ ว่าด้วยการจ าหน่าย


- ๙๔ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ทรัพย์สินและโอนภาระทางการเงินข้างต้น ยังไม่สามารถสรุปภาระทางการเงินให้แล้วเสร็จได้ เนื่องจากกรุงเทพมหานครยังไม่ได้แจ้งผลการพิจารณาแนวทางการด าเนินการตามเงื่อนไขการ อนุญาตให้เข้าพื้นที่กรณีการติดตั้งสะพานเหล็กแยกหทัยราษฎร์และแยกพุทธมณฑลสาย ๒ เมื่อมีการแก้ไขสัญญาสัมปทานและมีการพิจารณาในส่วนของอัตราค่าโดยสาร ซึ่งมีการพิจารณาครอบคลุมในมิติต่าง ๆ อาทิ ภาระค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ ภาระ ค่าใช้จ่ายของกรุงเทพมหานครที่รับโอนทรัพย์สินและภาระทางการเงินจากการรถไฟฟ้าขนส่ง มวลชนแห่งประเทศไทย โดยงานโยธาที่กรุงเทพมหานครได้รับมอบจากการรถไฟฟ้าขนส่ง มวลชนแห่งประเทศไทย รัฐบาลไม่มีการจัดสรรงบประมาณอุดหนุนแก่กรุงเทพมหานคร ดังนั้น จึงมีการก าหนดค่าโดยสารสูงสุดไว้ไม่เกิน ๖๕ บาท ซึ่งปกติราคาตั๋วโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว มีการก าหนดไว้ที่ ๔๔ บาท และจะมีการคิดราคาตั๋วโดยสารเพิ่มเติมในการใช้บริการส่วน ต่อขยายในอัตรา ๑๕ บาท รวมเป็น ๕๙ บาท และประเด็นส่วนต่างราคา ๖ บาท จะเป็น ราคาตั๋วโดยสารในการใช้บริการส่วนต่อขยายที่มีการเพิ่มเติมภายหลังคือ ในช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต ซึ่งก าลังอยู่ในกระบวนการพิจารณาก าหนด แต่ค่าโดยสารรวมทั้งหมดแล้ว จะต้องไม่เกิน ๖๕ บาท ซึ่งการคิดค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวพิจารณาจากระยะทางการเดิน รถ ภาระทางการเงินจากการกู้เงินกระทรวงการคลัง ประกอบการหลักการค านวณอัตรา ค่าโดยสารของส านักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร กระทรวงคมนาคม ดัชนีราคา ผู้บริโภค และประมาณการจ านวนผู้โดยสาร และการพิจารณาราคาค่าตั๋วโดยสารจะมีการ พิจารณาก าหนดโดยยึดผลประโยชน์และลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนเป็นหลัก ครั้งที่ ๘๑ วันพุธที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “การติดตามการบริหารงบประมาณประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ และ พ.ศ. ๒๕๖๕ และแนวทางการจัดท างบประมาณประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖” ที่ประชุมได้มีการพิจารณาการติดตามการบริหารงบประมาณประจ าปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ และพ.ศ. ๒๕๖๕ และแนวทางการจัดท างบประมาณประจ าปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยได้รับข้อมูลจากการรถไฟ แห่งประเทศไทยว่า งบประมาณประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ มีงบประมาณทั้งสิ้น จ านวน เงิน ๑๗,๙๗๘.๘๖๘๗ ล้านบาท จ าแนกเป็นงบลงทุน จ านวนเงิน ๕,๕๖๓.๒๔๖๒ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๓๐.๙๔ และงบประจ า จ านวนเงิน ๑๒,๔๑๕.๖๒๒๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๙.๐๖ โดยมีการรับโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณจากการประปาส่วนภูมิภาค จ านวนเงิน ๑๐.๙๗๐๑ ล้านบาท และกรมทางหลวงชนบทเงิน ๐.๙๐๐๐ ล้านบาท มายังโครงการรถไฟความเร็วสูงสาม สนามบิน ในรายการค่าเวนคืนที่ดิน จ านวนเงิน ๑๑.๘๗๐๑ ล้านบาท ท าให้มีงบประมาณ รายจ่ายประจ าปี ๒๕๖๔ (หลังมีโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณ) ณ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ งบประมาณทั้งสิ้น จ านวนเงิน ๑๗,๙๙๐.๗๓๘๘ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จ านวนเงิน ๑๖,๐๔๔.๔๓๖๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๙.๑๘ คงเหลืองบประมาณ จ านวนเงิน


- ๙๕ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๑,๙๔๖.๓๐๑๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑๐.๘๒ นอกจากนี้ ยังมีเงินกันจากปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ที่ตั้งมาเบิกจ่ายใน ปี ๒๕๖๕ มีงบประมาณทั้งสิ้น จ านวนเงิน ๑,๒๗๕.๒๑๐๒ คิดเป็น ร้อยละ ๗.๐๙ จ าแนกเป็นงบลงทุน จ านวนเงิน ๗๔๑.๑๒๐๖ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๕๘.๑๒ และงบประจ า จ านวนเงิน ๕๓๔.๐๘๙๖ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๑.๘๘ และงบกลาง ปี ๒๕๖๔ มีงบประมาณทั้งสิ้น จ านวนเงิน ๕๖๘.๒๒๘๓ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จ านวนเงิน ๔๔๕.๕๗๑๙ ล้านบาท คงเหลือ จ านวนเงิน ๑๒๒.๖๕๖๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๗๘.๔๑ งบประมาณประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ มีงบประมาณทั้งสิ้น จ านวนเงิน ๑๘,๒๓๙.๐๔๐๓ ล้านบาท จ าแนกเป็นงบลงทุน จ านวนเงิน ๑๒,๓๓๙.๔๗๗๕ ล้านบาท คิดเป็น ร้อยละ ๖๗.๖๕ และงบประจ า จ านวนเงิน ๕,๘๙๙.๕๖๒๘ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๓๒.๓๕ ส่วนค าของบประมาณประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ งบประมาณทั้งสิ้น จ านวนเงิน๖๕,๓๓๔.๐๑๙๘ ล้านบาท และคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ งบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ให้จัดสรรงบประมาณให้การรถไฟ แห่งประเทศไทย จ านวนเงิน๒๒,๗๒๗ ล้านบาท ที่ประชุมได้ตั้งข้อสังเกตว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ส านักงานการตรวจ เงินแผ่นดินได้ตั้งข้อสังเกตว่าการแสดงข้อมูลขัดกับข้อเท็จจริงและไม่แสดงหลักฐานอันแสดงให้ เห็นถึงภาวะหนี้สะสมของการรถไฟแห่งประเทศไทยที่มีประจ าทุกปีงบประมาณ การรถไฟ แห่งประเทศไทยควรที่จะพัฒนาเพื่อไม่ให้เกิดข้อสังเกตตามที่ส านักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ ที่จะส่งผลกับการของบประมาณประจ าปีงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณ ด้วย และตั้งข้อสังเกตว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยควรที่จะจัดตั้งบริษัทลูกของการรถไฟ แห่งประเทศไทย เพื่อจะให้เอกชนผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะในการให้บริการเชิงพาณิชย์ ในรูปแบบสมัยใหม่ในการหารายได้เข้าการรถไฟแห่งประเทศไทยแทนการขอรับสนับสนุน งบประมาณจากภาครัฐเป็นหลัก ครั้งที่ ๘๒ วันพุธที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “พิจารณาความคืบหน้าการบริหารงบประมาณภายใต้โครงการภายใต้ พระราชก าหนดเงินกู้เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจสังคมที่ได้รับผลกระทบ จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ กรอบวงเงิน ๑.๙ ล้านล้านบาท และพระราชก าหนดให้อ านาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ กรอบวงเงิน ๕ แสนล้านบาท ของจังหวัดสกลนคร” ที่ประชุมได้มีการพิจารณาความคืบหน้าการบริหารงบประมาณภายใต้โครงการ ภายใต้พระราชก าหนดเงินกู้เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจสังคมที่ได้รับ ผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ กรอบวงเงิน ๑.๙ ล้านล้านบาท และพระราชก าหนดให้อ านาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา


- ๙๖ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ เศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ กรอบวงเงิน ๕ แสนล้านบาท ของจังหวัดสกลนคร โดยได้เชิญสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสกลนครเข้าร่วมประชุมด้วย ได้รับข้อมูลจากจังหวัดสกลนคร ดังนี้ จังหวัดสกลนครได้รับจัดสรรงบประมาณภายใต้พระราชก าหนดเงินกู้เพื่อแก้ไข ปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา ๒๐๑๙ จ านวน ๒ ครั้ง คือ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ เป็นโครงการภายใต้กรอบนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ จ านวน ๕ โครงการ งบประมาณ จ านวนเงิน ๖๙,๔๒๐,๐๐๐ บาท ด าเนินการเบิกจ่ายแล้วเสร็จ จ านวน ๕ โครงการ งบประมาณ จ านวนเงิน ๖๕,๕๑๐,๔๕๐.๓๙ บาท คิดเป็นร้อยละ ๙๔.๓๗ และส่งคืนเงินเหลือ จ่าย งบประมาณ จ านวนเงิน ๓,๙๐๙,๕๔๙.๖๑ บาท คิดเป็นร้อยละ ๕.๖๓ และตามมติ คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๖๔ ในโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็ง ของเศรษฐกิจฐานรากภายใต้กลุ่ม แผนงาน/โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ท้องถิ่นและชุมชนบนพื้นฐานของ โอกาสและศักยภาพของท้องถิ่น ระดับ พื้นที่ กรอบวงเงิน ๔๕,๐๐๐ ล้านบาท จ านวน ๗๑ โครงการ งบประมาณ จ านวนเงิน ๓๑๐,๖๖๔,๐๐๐ บาท จ านวน ๗๑ โครงการ งบประมาณ จ านวนเงิน ๓๑๐,๖๖๔,๐๐๐ บาท ประกอบด้วย ส านักงานพัฒนาฝีมือ แรงงานสกลนคร จ านวน ๑ โครงการ งบประมาณ จ านวนเงิน ๔๙๖,๕๐๐ บาท องค์การบริหาร ส่วนจังหวัดสกลนคร จ านวน ๗ โครงการ งบประมาณ จ านวนเงิน ๔๑,๖๕๔,๐๐๐ บาท เทศบาลต าบล/องค์การบริหารส่วนต าบล จ านวน ๖๓ โครงการ งบประมาณ จ านวนเงิน ๒๖๘,๔๙๓,๕๐๐ บาท สรุปการด าเนินงานแผนงาน/โครงการ มีโครงการขอขยายระยะเวลา ด าเนินการและระยะเวลาการเบิกจ่าย จ านวน ๓๘ โครงการ งบประมาณ จ านวนเงิน ๑๔๔,๓๖๔,๗๐๐ บาท คิดเป็นร้อยละ ๔๖.๔๗ มีการยกเลิกโครงการเนื่องจากพื้นที่ด าเนินการ ไม่มีความพร้อม จ านวน ๑ โครงการ งบประมาณ จ านวนเงิน ๖,๘๔๘,๐๐๐ บาท คิดเป็นร้อยละ ๒.๒๐ โดยได้มีการขอขยายระยะเวลาด าเนินการเบิกจ่ายซึ่งคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่าย เงินกู้ได้แจ้งผลการพิจารณาปรับระยะเวลาด าเนินการไปยังกระทรวงมหาดไทยแล้ว เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๖๔ ก่อหนี้ผูกพันแล้ว จ านวน ๖๓ โครงการ งบประมาณ จ านวนเงิน ๒๖๘,๔๖๒,๒๐๐ บาท คิดเป็นร้อยละ ๘๖.๕๕ ยังไม่ก่อหนี้ผูกพัน จ านวน ๗ โครงการ งบประมาณ จ านวนเงิน ๔๑,๗๐๕,๓๐๐ บาท คิดเป็นร้อยละ ๑๓.๔๕ เบิกจ่ายงบประมาณแล้ว จ านวน ๑๖ โครงการ งบประมาณ จ านวนเงิน ๔๑,๔๓๒,๗๐๐ บาท คิดเป็นร้อยละ ๑๓.๓๖


- ๙๗ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ยังไม่มีก ารเบิ ก จ่ายงบป ระม าณ จ าน วน ๕๕ โค รงก าร งบป ระม าณ จ าน วนเงิน ๒๖๓,๙๓๔,๒๐๐ บาท คิดเป็นร้อยละ ๘๔.๙๕ มีเงินเหลือจ่าย งบประมาณ จ านวนเงิน ๕,๒๙๗,๑๐๐ บาท คิดเป็นร้อยละ ๑.๗๑ ปัญหาอุปสรรคคือรายละเอียดการจัดสรรงบประมาณ ไม่ตรงกับปริมาณงานจึงต้องเสนอให้ส านักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและ คณะรัฐมนตรีพิจารณาส่งผลให้การอนุมัติงบประมาณล่าช้า ที่ประชุมได้ตั้งข้อสังเกตว่า ระยะเวลาการด าเนินโครงการต้องแล้วเสร็จในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๕ ซึ่งอาจท าให้หลายโครงการไม่สามารถด าเนินการได้ทันตามก าหนด ระยะเวลา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงควรบูรณาการการท างานร่วมกันเพื่อหาแนวทางการแก้ไข ปัญหา โดยเฉพาะในกลุ่ม ๙ จังหวัดซึ่งมีการพิจารณาอนุมัติงบประมาณล่าช้า ซึ่งหากไม่สามารถ เบิกจ่ายงบประมาณได้ จะส่งผลกระทบเกิดความเสียหายกับประชาชน ที่ประชุมจึง มีมติให้มีหนังสือกราบเรียนนายกรัฐมนตรีถึงข้อเสนอของคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและ ติดตามการบริหารงบประมาณ ให้รัฐบาลพิจารณาก าหนดให้หน่วยงานของรัฐขยายระยะเวลา การเบิกจ่ายงบประมาณตามพระราชก าหนดให้อ านาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยเฉพาะโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากภายใต้ กลุ่มแผนงาน/โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนบนพื้นฐานของโอกาสและศักยภาพ ของท้องถิ่นระดับพื้นที่ กรอบวงเงิน ๔๕,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อให้หน่วยงานของรัฐสามารถใช้เงิน งบประมาณอย่างต่อเนื่อง เกิดประโยชน์สูงสุด และมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ อย่างรวดเร็ว ช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ ครั้งที่ ๘๓ วันพุธที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “ติดตามการบริหารงบประมาณประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ และ พ.ศ. ๒๕๖๕ และแนวทางการจัดท างบประมาณประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ความ คืบหน้าการขยายอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อรองรับผู้โดยสารในอนาคต และ มาตรการรับมือในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19)” ที่ประชุมได้มีการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จ ากัด (มหาชน) และมาตรการรับมือในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดยได้รับข้อมูลจากบริษัทท่าอากาศยานไทย จ ากัด (มหาชน) ว่า บริษัท การท่าอากาศยานไทย จ ากัด (มหาชน) เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ที่ด าเนินธุรกิจโดยใช้งบประมาณจากรายได้ของตนเอง ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณจาก ภาครัฐ ปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ด าเนินการเบิกจ่ายงบลงทุน ๔๙,๔๐๕ ล้านบาท รายได้ ๗,๑๘๕ ล้านบาท ค่าใช้จ่าย ๒๓,๕๙๕ ล้านบาท มีก าไรสุทธิ ๑๖,๔๑๐ ล้านบาท ประมาณการปี พ.ศ. ๒๕๖๕ เบิกจ่ายงบลงทุน ๑๑,๓๑๗ ล้านบาท รายได้ ๒๐,๓๕๗ ล้านบาท ค่าใช้จ่าย ๓๕,๔๙๕ ล้านบาท มีก าไร ๑๕,๑๓๘ ล้านบาท งบประมาณขอตั้งปี พ.ศ. ๒๕๖๖ งบลงทุน ๓๑,๒๘๑ ล้านบาท


- ๙๘ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ รายได้ ๔๘,๔๖๗ ล้านบาท ค่าใช้จ่าย ๔๓,๗๐๖ ล้านบาท ก าไร ๔,๗๖๑ ล้านบาท รวมรายการ สัญญาเช่าเงินทุน เช่น การปรับปรุงบัญชีค่าเช่าที่พัสดุ เป็นเงิน ๓๙,๓๓๕ ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัท การท่าอากาศยานไทย จ ากัด (มหาชน) ได้มีการปรับลดค่าใช้จ่ายให้สอดคล้องกับ สถานการณ์ปัจจุบันและใช้ประมาณการค่าใช้จ่ายที่ปรับลดมาแล้วมาเป็นฐานในการจัดท า งบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๖๖ สถิติเดือนมีนาคม ๒๕๖๕ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีอัตราผู้โดยสารเพิ่มขึ้น วันละ ๗,๐๐๐ – ๙,๐๐๐ คน โดยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีมาตรการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดยด าเนินการตามประกาศ เรื่อง แนวปฏิบัติในการให้บริการ ผู้โดยสารส าหรับเส้นทางการบินระหว่างประเทศและภายในประเทศในระหว่างสถานการณ์ การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ด าเนินการตามมาตรฐานความ ปลอดภัย ป้องกันโรค COVID-19 เพื่อรองรับสุขภาพดีวิธีใหม่ (COVID Free Setting) ของ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข โดยจัดให้มีการตั้งจุดคัดกรองผู้โดยสาร ณ ทางเข้า-ออก อาคารผู้โดยสาร พร้อมตั้งป้าย QR code Application “ไทยชนะ” และแฟ้มเอกสารลงนาม ชื่อส าหรับผู้เข้าใช้บริการท่าอากาศยาน ด าเนินการติดสติ๊กเกอร์แสดงจุด Social Distancing ภายในท่าอากาศยาน ด าเนินการดูและและท าความสะอาดสถานที่ภายในท่าอากาศยานอย่าง สม่ าเสมอ เช่น ความสะอาดพื้นที่และวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในบริเวณอาคารที่มีผู้สัมผัสเป็น จ านวนมาก โดยก าหนดรอบการท าความสะอาดอย่างน้อยทุก ๆ ๑ ชั่วโมง เช่น เก้าอี้นั่ง ราวบันได ปุ่มกดลิฟต์รถเข็นสัมภาระ มือจัดประตูและอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในห้องน้ า เคาน์เตอร์ หรือ บริเวณอื่นที่มีความเสี่ยงและปรับปรุงแผนการท าความสะอาด ด าเนินการเพิ่มรอบการน าขยะ มูลฝอยออกจากอาคาร และก าจัดขยะมูลฝอยทุกวัน ครั้งที่ ๘๔ วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2565 พิจารณาเรื่อง “ติดตามความคืบหน้าการบริหารงบประมาณในการจัดหาวัคซีนและ การแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019” ที่ประชุมได้มีการพิจารณาติดตามความคืบหน้าการบริหารงบประมาณในการ จัดหาวัคซีนและการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยได้รับ ข้อมูลจากกรมควบคุมโรคว่า กรมควบคุมโรคได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อด าเนินการตาม ภารกิจและอ านาจหน้าที่ตามแหล่งงบประประมาณดังนี้ ตามพระราชบัญญัติงบประมาณ รายจ่ายประจ าปี ค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาและจัดการภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข จ านวน เงิน ๒๕.๕๓ ล้านบาท ตามงบกลาง พ.ศ. ๒๕๖๕ รายการการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ค่าบริหารจัดการวัคซีนบริจาค จ านวน ๔,๓๖๙,๓๑๐ โดส) จ านวนเงิน ๙๙.๖๓ ล้านบาท และตามพระราชบัญญัติการกู้เงิน จ านวนเงิน ๕ แสนล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จ านวนเงิน ๓๕,๐๖๐.๒๑ ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง เตรียมรองรับการแพร่ระบาดหรือ


- ๙๙ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ การกลายพันธุ์ ลดความรุนแรงและการเสียชีวิตในประชากรทุกกลุ่มอายุ และเพื่อขับเคลื่อน เศรษฐกิจ ทุกภาคส่วนรองรับการเปิดประเทศ ส่วนแผนในการบริหารจัดการสถานการณ์โรคโควิด ๑๙ ในระยะต่อไป ทางด้านสาธารณสุขด าเนินการเร่งรัดการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ให้ได้มากกว่าร้อยละ ๖๐ เปอร์เซ็นต์ ปรับปรุงระบบการเผ้าระวัง มุ่งเน้นการระบาดที่เป็นกลุ่มและผู้ป่วยปอดอักเสบ ผ่อนคลายมาตรการส าหรับผู้เดินทางจากต่างประเทศ และปรับแนวทางแยกกักตัวผู้ป่วย รวมถึง ผู้มีความเสี่ยงสูง ทางด้านการแพทย์ ปรับแนวทางการดูแลรักษาแบบผู้ป่วยนอก (OPD) และ ดูแลผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงอาการรุนแรง รวมทั้งภาวะ Long Covid ทางด้านกฎหมายและ สังคม บริหารจัดการให้ทุกหน่วยงานให้สอดคล้องกับการปรับตัวเข้าสู่ Post Pandemic ผ่อนคลายมาตรการทางสังคม ลดการจัดการเดินทางและการรวมตัวของคนจ านวนมากและ ประชาสัมพันธ์ให้ทุกส่วนสร้างความรู้ความเข้าใจและพฤติกรรมให้ประชาชนสามารถด าเนิน ชีวิตร่วมกับโควิด ๑๙ อย่างปลอดภัย ที่ประชุมได้ตั้งข้อสังเกตว่า ควรสนับสนุนให้ประชาชนป้องกันตนเองจากการแพร่ ระบาด ด้วยการให้ประชาชนเข้าถึงชุดตรวจ ATK และอนุญาตให้มีการน าเข้าชุดตรวจ ATK จากต่างประเทศ และควรมีแนวทางการรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้คลอบคลุม กับประชาชนทุกคน โดยทุกคนสามารถเข้าถึงยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) ครั้งที่ ๘๕ วันพุธที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “พิจารณาติดตามการบริหารงงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงิน ส ารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็น ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕” ที่ประชุมได้มีการพิจารณารายละเอียดงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการ เงินส ารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็น ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕ โดยได้รับ ข้อมูลจากส านักงบประมาณว่า หลักเกณฑ์การบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลางรายการเงิน ส ารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็น ให้กระท าได้ในกรณีเป็นรายจ่ายเพื่อการป้องกันหรือ แก้ไขสถานการณ์อันมีผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน หรือความมั่นคงของรัฐ เป็นรายจ่ายที่จ าเป็นต้องจ่ายเพื่อการเยียวยาหรือบรรเทาความเสียหายจากภัยพิบัติสาธารณะ ร้ายแรง โดยในการขอรับจัดสรรงบประมาณหน่วยงานรับงบประมาณจะต้องจัดท ารายละเอียด ที่เกี่ยวข้อง ชี้แจงเหตุผลความจ าเป็น ระบุวัตถุประสงค์การใช้จ่ายงบกลาง แผนปฏิบัติงานและ แผนการใช้จ่ายงบประมาณ เมื่อหน่วยรับงบประมาณด าเนินการแล้วเสร็จจะต้องเสนอรัฐมนตรี เพื่อให้ความเห็นชอบเสนอค าขอมายังส านักงบประมาณ เมื่อรัฐมนตรีเห็นชอบแล้วเสนอ เรื่องมายังส านักงบประมาณเพื่อพิจารณาความเหมาะสมของวงเงินที่จะใช้จ่ายและเสนอ นายกรัฐมนตรี


- ๑๐๐ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ที่ประชุมได้สอบถามในรายละเอียดแผนงานโครงการทุกโครงการที่ใช้ งบประมาณรายจ่ายกลาง รายการส ารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็น ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕ โดยเห็นว่า ควรเลื่อนการพิจารณาศึกษาการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบ กลาง รายการเงินส ารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็น ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ – ๒๕๖๕ เป็นครั้งถัดไปในวันอังคารที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๖๕ เพื่อให้ส านักงบประมาณจัดเตรียม เอกสารประกอบการพิจารณาคณะกรรมาธิการให้แล้วเสร็จ ครั้งที่ ๘๖ วันอังคารที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “ศึกษาการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินส ารองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็น ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ – ๒๕๖๕ และการใช้เงินกู้ ตามพระราชก าหนดให้อ านาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔” ที่ประชุมได้มีการสอบถามส านักงบประมาณถึงเอกสารชี้แจงรายละเอียด แผนงานโครงการทุกโครงการที่ใช้งบประมาณรายจ่ายกลาง รายการส ารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจ าเป็น ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕ โดยเห็นว่า ควรเลื่อนการพิจารณาศึกษา การบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินส ารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็น ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ – ๒๕๖๕ ส านักงบประมาณให้ข้อมูลว่าในการจัดท าเอกสารรายละเอียดงบประมาณ รายจ่ายงบกลาง รายการเงินส ารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็น นายกรัฐมนตรีได้มีบัญชา ให้ผู้อ านวยการส านักงบประมาณพิจารณาเรื่องดังกล่าว โดยด าเนินการให้ถูกต้องตาม รัฐธรรมนูญ กฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการได้พิจารณาการใช้เงินกู้ตามพระราชก าหนดให้ อ านาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติด เชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยได้รับข้อมูลจากส านักงานสภาพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติว่า ส านักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมีบทบาท ในการพิจารณากลั่นกรองโครงการที่ใช้เงินกู้ตามพระราชก าหนด ส าหรับข้อมูลการอนุมัติ โครงการสถานะการเบิกจ่าย ณ วันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๕ ขณ ะนี้มีโครงการที่ผ่าน การกลั่นกรองของคณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้และเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติแล้ว จ านวน ๖๙ โครงการ วงเงินที่อนุมัติจ านวน ๔๒๕,๙๖๐ ล้านบาท มีผลการเบิกจ่ายแล้วจ านวน ๓๕๔,๗๕๖ ล้านบาท แผนงานโครงการกลุ่มที่ ๑ จ านวน ๓๓ โครงการ วงเงินที่อนุมัติจ านวน ๑๕๐,๐๐๐ ล้านบาท แผนงานโครงการกลุ่มที่ ๒ การช่วยเหลือชดเชยเยียวยาประชาชนและ ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ มีกรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติจ านวน ๑๖๐,๐๐๐ ล้านบาท ส่วนแผนงานโครงการที่ ๓ การกระตุ้นเศรษฐกิจการบริโภค การลงทุน การรักษาระดับการจ้างงาน


- ๑๐๑ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ อนุมัติไปจ านวน ๑๑๕,๐๐๐ ล้านบาท ปัจจุบันมีการเบิกจ่ายไปแล้วร้อยละ ๘๓ คงเหลือกรอบ วงเงินที่จะสามารถอนุมัติเพิ่มเติมได้อีก ๗๔,๐๐๐ ล้านบาท ครั้งที่ ๘๗ วันพุธที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “พิจารณาติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณในการประมูลโครงการ บริหารและด าเนินการท่อส่งน้ าสายหลักในภาคตะวันออกของกรมธนารักษ์” ที่ประชุมได้มีการพิจารณา เรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับงบประมาณในโครงการ บริหารและด าเนินการท่อส่งน้ าสายหลักในภาคตะวันออกของกรมธนารักษ์ โดยได้รับข้อมูลจาก กรมธนารักษ์ว่า โครงการระบบท่อส่งน้ าสายหลักในภาคตะวันออก ประกอบด้วย ระบบท่อส่งน้ า หมายถึง อาคารสถานีสูบน้ า สถานียกระดับน้ า ท่อส่งน้ า เครื่องจักรตลอดจนส่วนต่อและ อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในโครงการ ซึ่งเป็นทรัพย์สินของกรมธนารักษ์ที่ได้รับมอบจากหน่วยงานของ รัฐที่จัดสร้างโดยใช้งบประมาณของหน่วยงานนั้น ๆ รวมมูลค่าทั้ง ๓ โครงการเป็นเงิน ๓,๑๘๒.๑๕ ล้านบาท (ราคาประเมินปัจจุบัน ๑,๑๘๙.๗๙ ล้านบาท ได้แก่ 1. โครงการท่อส่งน้ าดอกกราย ในปี พ.ศ. ๒๕๓๖ กรมธนารักษ์ได้รับมอบ ทรัพย์สินโครงการท่อส่งน้ าดอกกรายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยท่อส่งน้ าดิบ ๓ โครงการย่อย คือ โครงการท่อส่งน้ าดอกกราย-มาบตาพุด จังหวัดระยอง โครงการท่อส่งน้ า สายมาบตาพุด-สัตหีบ จังหวัดระยอง และโครงการท่อส่งน้ าหนองค้อ-แหลมฉบัง (ระยะที่ ๑) จังหวัดชลบุรี มูลค่าโครงการรวม จ านวนเงิน ๗๒๒.๐๙ ล้านบาท กรมธนารักษ์ได้ให้ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ าภาคตะวันออก จ ากัด (East Water) เช่า/บริหารตาม กฎหมายที่ราชพัสดุ มีก าหนดระยะเวลา ๓๐ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๓๗ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ 2. โครงการท่อส่งน้ าหนองปลาไหล-หนองค้อ วันที่ ๓ เมษายน ๒๕๔๐ กรมโยธาธิการและผังเมืองได้ส่งมอบทรัพย์สินโครงการท่อส่งน้ าหนองปลาไหล-หนองค้อ มูลค่าโครงการ จ านวนเงิน ๒,๒๐๕.๑๙ ล้านบาท ให้กรมธนารักษ์ กรมธนารักษ์ได้ส่งมอบให้ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ าภาคตะวันออก จ ากัด (East Water) ด าเนินการไป ล่วงหน้าก่อน เป็นเงินค่าเช่าตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๑-๒๕๖๔ รวมทั้งสิ้น ๒๐๙.๖ ล้านบาท 3. โครงการท่อส่งน้ าหนองค้อ-แหลมฉบัง (ระยะที่ ๒) วันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๔๑ กรมโยธาธิการและผังเมืองได้ส่งมอบทรัพย์สินโครงการท่อส่งน้ าหนองค้อ-แหลมฉบัง (ระยะ ที่ ๒) มูลค่าโครงการ ๒๕๔.๘๗ ล้านบาท ให้กรมธนารักษ์ กรมธนารักษ์ได้ส่งมอบให้ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ าภาคตะวันออก จ ากัด (East Water) ด าเนินการไปพลางก่อน และเรียกเก็บค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์เช่นเดียวกับโครงการท่อส่งน้ าหนองปลาไหล-หนองค้อ


- ๑๐๒ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ซึ่งโครงการที่ ๑ จะหมดสัญญาในปี ๒๕๖๖ จึงต้องมีกระบวนการในการท า สัญญ าฉบับใหม่ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ กรมธนารักษ์จึงได้จัดจ้างสถาบันวิจัยและพัฒนา แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในการศึกษาและวิเคราะห์โครงการจัดหาประโยชน์ระบบท่อส่ง น้ าสายหลักในภาคตะวันออกจากเอกชนเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการที่ราชพัสดุ ในวงเงินค่าจ้าง ๖.๔ ล้านบาท ซึ่งหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้จัดท ารายงานผลการศึกษา วิเคราะห์แนวทางและการก าหนดผลประโยชน์ตอบแทนในการจัดให้เอกชนเช่า/บริหารระบบ ท่อส่งน้ าสายหลักในภาคตะวันออก ตามนัยกฎกระทรวงการจัดหาประโยชน์ที่ราชพัสดุ พ.ศ. ๒๕๖๔ ประกอบกับระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการคัดเลือกเอกชนเพื่อจัดหา ประโยชน์ที่ราชพัสดุที่มีราคาเกินห้าร้อยล้านบาท พ.ศ. ๒๕๖๔ จากนั้น ที่ประชุมได้มีการสอบถามถึงรายละเอียดการคัดเลือกเอกชน เพื่อเข้าร่วมโครงการที่อาจมีข้อโต้แย้งเรื่องความโปร่งใส เป็นธรรม โดยตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับ การคัดเลือกเอกชนเพื่อเข้าร่วมโครงการควรใช้วิธีการประมูล เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดการแข่งขัน อย่างเป็นธรรม และตั้งข้อสังเกตถึงผลการศึกษาวิเคราะห์แนวทางและการก าหนดผลประโยชน์ ตอบแทนในการจัดให้เอกชนเช่า/บริหาร ระบบท่อส่งน้ าสายหลักในภาคตะวันออกอาจเอื้อ ต่อเอกชนบางราย ซึ่งคณะกรรมาธิการมีมติให้นัดประชุมเพื่อพิจารณาติดตามการบริหาร งบประมาณโครงการบริหารและด าเนินการท่อส่งน้ าสายหลักในภาคตะวันออกของกรมธนารักษ์ อีกครั้ง ในวันพฤหัสบดีที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๕ ครั้งที่ ๘๘ วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “พิจารณาติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณในการประมูลโครงการ บริหารและด าเนินการท่อส่งน้ าสายหลักในภาคตะวันออกของกรมธนารักษ์” ที่ประชุมได้มีการพิจารณาโครงการจัดหาประโยชน์ระบบท่อส่งน้ าสายหลัก ในภาคตะวันออกต่อเนื่องจากการประชุมในคราวที่แล้ว โดยได้รับข้อมูลจากกรมธนารักษ์ว่า คณะกรรมการที่ราชพัสดุเห็นชอบในกระบวนการคัดเลือกและมีการตั้งคณะกรรมการคัดเลือก โดยการด าเนินการเป็นไปตามพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. ๒๕๖๒ และกฎกระทรวงการใช้ ประโยชน์ในที่ราชพัสดุ ซึ่งได้มีการเจรจากับผู้ที่ได้รับสิทธิ์ที่ผ่านการคัดเลือกเกี่ยวกับเรื่อง ผลประโยชน์ต่างๆ เพื่อที่จะน าร่างสัญญาส่งให้ส านักงานอัยการสูงสุดเป็นผู้ตรวจร่าง หลังจาก นั้นมีการเจรจาต่อรองกับฝ่ายบริษัทที่จะเข้ามาเป็นคู่สัญญารายใหม่ เมื่อได้ข้อยุติในเรื่องเงื่อนไข ต่างๆ อย่างชัดเจนแล้ว ได้น าส่งให้ส านักงานอัยการสูงสุดเห็นชอบในส่วนของร่างสัญญา ซึ่งมีข้อ กังวลเกี่ยวกับบริษัท East Water ที่มีการฟ้องร้องเรื่องกระบวนการคัดเลือกในครั้งที่ ๑ ว่าการ ยกเลิกการคัดเลือกเป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งคดีนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของ ศาลปกครองกลาง แต่ไม่มีค าสั่งของศาลปกครองให้ชะลอด าเนินการไว้ก่อนหรือคุ้มครอง ชั่วคราว คณะกรรมการที่ราชพัสดุจึงได้ลงมติเห็นชอบให้ด าเนินการต่อไป เนื่องจากว่าเมื่อผ่าน กระบวนการพิจารณาคัดเลือกมามีแนวทางคือเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับผลการคัดเลือก


- ๑๐๓ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ กรมธนารักษ์จึงได้เชิญทางบริษัท East Water ไปร่วมประชุมด้วย เพื่อชี้แจงท าความเข้าใจกัน และเตรียมการในเรื่องของการส่งมอบและได้ท าหนังสือไปถึงบริษัท East Water แล้วว่าให้ เตรียมการในเรื่องของการส่งมอบ แต่การส่งมอบในครั้งนี้ คือ โครงการหนองปลาไหล-หนองค้อ โครงการหนองค้อ-แหลมฉบังระยะที่ ๒ แต่โครงการแรกคือโครงการท่อส่งน้ าดอกกรายจะหมด สัญญาในปี ๒๕๖๖ นั่นคือยังไม่มีการส่งมอบ ส่วนประเด็นเรื่องสถานะของบริษัท East Water เดิมเป็นรัฐวิสาหกิจ เพราะฉะนั้นสัญญาฉบับแรกเป็นสัญญาที่ภาครัฐท ากับรัฐวิสาหกิจ ดังนั้น จึงไม่มีการก าหนด รายละเอียดที่เข้มงวด เพราะถือว่าเป็นภาครัฐด้วยกัน ต่อมาประมาณปี ๒๕๓๙ บริษัทก็ได้มี การเปลี่ยนแปลงโครงการทุนพ้นจากสถานะรัฐวิสาหกิจถึงแม้ภาครัฐจะถือหุ้นอยู่ก็ตาม ในโครงการท่อส่งน้ าโครงการที่ ๒ และโครงการที่ ๓ ที่ไม่มีการเซ็นสัญญาสืบเนื่องจาก เมื่อไม่เป็นรัฐวิสาหกิจก็ไม่สามารถที่จะท าสัญญากันแบบเดิมได้ต้องเข้าสู่กระบวนการของ กฎหมายว่าด้วยการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนแต่ยังไม่สามารถที่จะด าเนินการแล้วเสร็จ เมื่อโครงการที่ ๑ จะหมดสัญญาในปี ๒๕๖๖ ส่วนโครงการที่ ๒ โครงการที่ ๓ ไม่มีสัญญา จึงได้ด าเนินการเป็นคราวเดียวกันน ามาสู่กระบวนการคัดเลือกเอกชนภายใต้พระราชบัญญัติ ที่ราชพัสดุ พ.ศ. ๒๕๖๒ และกฎกระทรวง ที่ประชุมมีข้อสังเกตว่า แม้ระบบท่อส่งน้ าในภาคตะวันออกจะอยู่ในความ รับผิดชอบของกรมธนารักษ์ แต่เกี่ยวข้องกับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกซึ่งมีกฎหมายพิเศษ รองรับและเป็นเรื่องของการบริหารจัดการที่เป็นโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศ ในเขตนิคม อุตสาหกรรม หรือการบริหารจัดการในเรื่องน้ า ควรที่ด าเนินการเป็นรูปแบบเดียวกันกับ กฎหมายในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งประเด็นดังกล่าว ส านักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพิเศษภาคตะวันออก ให้ข้อมูลว่ามีการท างานร่วมกับส านักงานคณะกรรมการนโยบายน้ าแห่งชาติ (สทนช.) มาโดยตลอด มีการท าแผนร่วมกันทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยคณะกรรมการนโยบายเขตพิเศษภาคตะวันออก จะเป็นก าหนดว่ามีความต้องการในเรื่องต่าง ๆ มากน้อยแค่ไหน และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นผู้ด าเนินการ หากจะสนับสนุนหรืออ านวยความสะดวกในการพัฒนาพื้นที่ EEC ให้เกิด การบูรณาการกัน คณะรัฐมนตรีอาจจะก าหนดให้หน่วยงานของรัฐ หรือหน่วยงานใดหน่วยงาน หนึ่งหรือส านักงานเป็นผู้ด าเนินงานแต่เพียงหน่วยงานเดียวก็ได้ ซึ่งกรณีโครงการนี้เป็นเรื่องเดิม ซึ่งมีความผูกพันกับภาคเอกชน จึงอาจต้องมีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง คณะกรรมาธิการมีมติให้นัดประชุมเพื่อพิจารณาติดตามการบริหารงบประมาณ โครงการบริหารและด าเนินการท่อส่งน้ าสายหลักในภาคตะวันออกของกรมธนารักษ์อีกครั้ง ในวันพฤหัสบดีที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๕


- ๑๐๔ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ครั้งที่ ๘๙ วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “พิจารณาติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณในการประมูลโครงการ บริหารและด าเนินการท่อส่งน้ าสายหลักในภาคตะวันออกของกรมธนารักษ์” ที่ประชุมได้มีการพิจารณาโครงการจัดหาประโยชน์ระบบท่อส่งน้ าสายหลัก ในภาคตะวันออกต่อเนื่องจากการประชุมในคราวที่แล้ว โดยได้รับข้อมูลในประเด็นปริมาณน้ า และค่าน้ าว่าการใช้น้ าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยมีแหล่งน้ า ๓ แห่ง คือจาก บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ าภาคตะวันออก จ ากัด บริษัทเอกชนซึ่งน าน้ าดิบมาขาย ให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และจากบ่อน้ าในนิคมอุตสาหกรรมเองซึ่งนิคม อุตสาหกรรมมาบตาพุดมีบ่อน้ า จ านวน ๒ แห่ง โดยนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดมีความต้องการ ใช้น้ า ๘๐ ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง มีความต้องการใช้น้ าปริมาตร ๘๙ ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ซึ่งอัตราค่าน้ าดิบอยู่ระหว่าง ๑๔.๕๐-๑๖.๐๐ บาทต่อลูกบาศก์เมตร และจ าหน่วยผู้ประกอบการในราคา ๒๕-๒๗ บาทต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนนิคมอุตสาหกรรม ของเอกชนจะมีแหล่งน้ าดิบของตนเอง ทั้งนี้ อัตราค่าน้ าของนิคมอุตสาหกรรมของเอกชน จะอยู่ในการพิจารณาควบคุมของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งราคาค่าน้ าที่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ าภาคตะวันออก จ ากัด (มหาชน) จ าหน่ายให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ปัจจุบันก าหนดราคา ดังนี้ น้ าเพื่อการอุปโภคบริโภค ราคา ๙.๙๐ บาทต่อลูกบาศก์เมตร น้ าเพื่อผู้ประกอบอุตสาหกรรม โรงงานทั่วไป ราคาปริมาตร ๑๑.๕๐-๑๒.๕๐ บาทต่อลูกบาศก์เมตร ราคาจะแตกต่างออกไป ในกรณีกลุ่มอุตสาหกรรมบางรายซึ่งต้องการรับประกันการใช้น้ า หรือกลุ่มลูกค้าที่ใช้น้ าชั่วคราว โดยบริษัทด าเนินการซื้อน้ าจากกรมชลประทานในอัตราปริมาตร ๐.๕๐ บาทต่อลูกบาศก์เมตร ซื้อน้ าจากเอกชนในอัตราปริมาตร ๔.๕๐ บาทต่อลูกบาศก์เมตร และมีการพัฒนาบ่อกักเก็บน้ า ของตนเอง และได้ข้อมูลเกี่ยวกับการค านวณมูลค่าโครงการจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ว่าจากการศึกษาได้ประเมินมูลค่าโครงการทั้งสิ้น จ านวน ๒,๘๕๒.๖๑ ล้านบาท โดยเป็นมูลค่า การลงทุนภาครัฐ จ านวน ๑,๖๓๐.๗๖ ล้านบาท ประกอบด้วย ที่ดิน ๖๒๕.๗๘ ล้านบาท และ อาคารสิ่งปลูกสร้าง ๑,๐๐๔.๙๘ ล้านบาท ที่ประชุมได้ตั้งข้อสังเกตว่า มูลค่าทรัพย์สินในการลงทุนจากงบประมาณของรัฐ ซึ่งเอกชนได้ประโยชน์อาจเข้าข่ายการทุนร่วมกันระหว่างรัฐและเอกชน การค านวณมูลค่าการ ลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนจะต้องพิจารณาค านวณทั้งหมด ไม่ใช่ค านวณเพียงท่อหรือ โครงสร้าง ควรจะพิจารณารวมมูลค่าโครงการอย่างอื่นด้วย ซึ่งประเด็นการคิดค านวณมูลค่า โครงการเป็นประเด็นข้อสงสัยของสังคมทั่วไปว่ามีการหลีกเลี่ยงพระราชบัญญัติการร่วมลงทุน ระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. ๒๕๖๒


- ๑๐๕ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ครั้งที่ ๙๐ วันพุธที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “พิจารณาติดตาม ตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณในโครงการทัวร์เที่ยวไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” ที่ประชุมได้มีการพิจารณาติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณในโครงการ ทัวร์เที่ยวไทย เนื่องจากได้รับเรื่องร้องเรียนว่า มีบริษัทน าเที่ยวทุจริตโดยหาผลประโยชน์จาก โครงการ ซึ่งได้รับข้อมูลจาก สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศว่า การท่องเที่ยว แห่งประเทศไทยได้ก าหนดขั้นตอนและเงื่อนไขการใช้สิทธิอย่างชัดเจนในหน้าเว็บไซด์ รวมถึง การตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ที่บริษัทน าเที่ยวจะต้องส่งกลับมาเพื่อเบิกค่าใช้จ่าย ตามเงื่อนไขอยู่แล้ว รวมถึงยังมีระบบการยืนยันตัวตนผ่านแอปเป๋าตังค์ ไม่ว่าจะเป็นที่ ร้านอาหารต่าง ๆ ก็ต้องมีการยืนยันตัวตน และโรงแรมที่พักก็จะมีการสแกนยืนยันตัวตน ผ่านแอปเป๋าตังค์ ซึ่งจะมีต้องมีการตรวจสอบทุกขั้นตอนในการเดินทางน าเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยให้ข้อมูลว่า มีมาตรการในการป้องกันในทาง ทุจริตหรือส่อไปในทางที่หาประโยชน์โดยมิชอบ มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทั้งหมด ๔ ชุด คือ ๑) คณะกรรมการในการตรวจสอบความคุ้มค่าของรายการน าเที่ยว ๒) คณะกรรมการฝ่าย ปฏิบัติการตรวจสอบความถูกต้องก่อนจ่ายเงิน ๓) คณะกรรมการฝ่ายปฏิบัติการเพื่อตรวจสอบ รายก ารขอเบิ ก จ่ ายก รณีรายก ารน าเที่ ยวที่ไม่เป็นไป ต ามเงื่อนไขที่ ก าหน ด แล ะ ๔) คณะกรรมการเพื่อตรวจสอบในการน าเที่ยวในกรณีที่เสนอขายแล้วที่อยู่ในระหว่าง การเดินทางท่องเที่ยวตามโครงการ ในส่วนประเด็นข้อร้องเรียนกรณีการด าเนินโครงการที่ไม่เป็นไปตาม วัตถุประสงค์นั้น ขณะนี้ได้มีการร้องเรียนเข้ามาโดยไม่ได้ปรากฏชื่อผู้ร้องเรียน โดยลักษณะ เป็นหนังสือถึงรัฐมนตรี ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยก็ได้ด าเนินการร้องขอให้ต ารวจ ท่องเที่ยวด าเนินการไปตรวจสอบให้แล้ว และได้มีการรายงานกลับมาว่ายังไม่พบความผิดปกติ ซึ่งได้ท าหนังสือเรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเพื่อทราบแล้ว ครั้งที่ ๙๑ วันพฤหัสบดีที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “พิจารณาติดตาม ตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณในโครงการทัวร์เที่ยวไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” ที่ประชุมพิจารณา รายละเอียดหลักเกณฑ์การด าเนินการ เนื่องจากพบ ข้อร้องเรียนว่ามีกรณีบริษัทน าเที่ยวโอนเงินให้กับประชาชนและประชาชนโอนเงินซื้อโปรแกรม ท่องเที่ยว โดยประชาชนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และบริษัทน าเที่ยวไปเบิกงบประมาณจ านวน ร้อยละ ๔๐ จากรัฐ ประเด็นข้อร้องเรียนคือ บริษัทน าเที่ยวสามารถด าเนินการน าเที่ยวได้จริง โดยใช้งบประมาณเพียง ๒,๙๙๙ บาท แต่มีการเบิกจ่ายเงินกับรัฐน าจ านวนสูงกว่ารายการ ที่ด าเนินการจริงจ านวนมาก หรือกรณีบริษัทน าเที่ยวด าเนินการเก็บค่าน าเที่ยวในอัตราที่สูงกว่า ความเป็นจริงท าให้รัฐต้องเสียงบประมาณส่วนต่างมากขึ้น ซึ่งเมื่อพิจารณาในกรณีดังกล่าว


- ๑๐๖ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ จะเห็นได้ว่ารัฐได้รับความเสียหาย ก า รติ ด ต าม ต ร ว จ ส อ บ ก า ร ร่ ว ม โครงการจึงมีความส าคัญ อย่างไรก็ ตาม ในภาพรวมโครงการทัวร์เที่ยว ไท ย มี ก า รข ย าย ระ ย ะ เวล าก า ร ด าเนินการและเบิกจ่ายงบประมาณ โด ยมีม ติคณ ะ รัฐมน ต รีให้ ขย าย ระยะเวลาได้ จึงขอสอบถามความ คืบหน้าการด าเนินการตามข้อเสนอ ของคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ ในการเสนอให้ขยาย ระยะเวลาในการเบิกจ่ายงบประมาณกลุ่มแผนงาน/โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชน บนพื้นฐานของโอกาสและศักยภาพของท้องถิ่นระดับพื้นที่ กรอบวงเงิน ๔๕,๐๐๐ ล้านบาท ตามพระราชก าหนดให้อ านาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจาก การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ที่ประชุมมีมติ ให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยรวบ รวมสรุปข้อมูล ผู้ประกอบการน าเที่ยวที่เข้าร่วมโครงการทัวร์เที่ยวไทย ตลอดจนข้อมูลประชาชนผู้ใช้สิทธิเข้า ร่วมโครงการทั้งหมด ณ วันสิ้นสุดโครงการ วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๕ เสนอต่อ คณะกรรมาธิการ ครั้งที่ ๙๒ วันพุธที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “ติดตาม ตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จ ากัด (มหาชน)” ที่ประชุมพิจารณ า โครงการระบบตรวจสอบและคัด กรองผู้โดยสารล่วงหน้า (APSS) และ ประมวลผลรายการข้อมูลส าหรับ ฐานข้อมูลการเดินทางของผู้โดยสาร (PNR) ได้มีการประกวดราคาด้วยวิธี อิเล็กทรอนิกส์ เมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๓ ต่อมา บริษัท ท่าอากาศยาน ไท ย จ ากัด (มห าชน ) ได้ ยกเลิก ประกาศงานจ้างให้บริการระบบ ตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสาร ล่วงหน้า (APSS) และประมวลผลรายการข้อมูลส าหรับฐานข้อมูลการเดินทางของผู้โดยสาร


- ๑๐๗ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ (PNR) เนื่องจากมีเอกชนสนใจเข้าร่วมการประมูลเพียงรายเดียว และมีการด าเนินการจัดท า TOR ใหม่ ต่อมาวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๓ ได้มีการประกาศเชิญชวนให้เอกชนเข้าร่วมการ ประมูลอีกครั้ง และได้ผู้ชนะการประมูล คือ คอนซอร์เตียม สกาย-โส ซึ่งประกอบด้วย บริษัท สกายไอซีที จ ากัด (มหาชน) และบริษัท โสมาภา อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จ ากัด (มหาชน) ทั้งนี้ ระบบตรวจสอบคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้าเดิมมีการใช้งานได้ตามปกติอยู่แล้ว เพราะสาเหตุใด จึงมีการเร่งรีบด าเนินการจัดซื้อจัดจ้างทั้งที่อยู่ในช่วงวิกฤติปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ส่วนโครงการ จ้างงานให้บริการระบบบริการผู้โดยสาร ขึ้นเครื่อง (Common Use Passenger Processing System: CUPPS) ด าเนินการจัดซื้อจัด จ้างโดยวิธีเฉพาะเจาะจง และมีข้อสงสัยว่าอาจมีการจัดท า TOR ที่เอื้อประโยชน์แก่เอกชน ที่ประชุมมีมติ มอบหมายให้คณะอนุกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตาม การบริหารงบประมาณโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ในคณะกรรมาธิการศึกษาการ จัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ด าเนินการพิจารณาศึกษาการใช้ งบประมาณของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จ ากัด (มหาชน) และรายงานให้คณะกรรมาธิการ ทราบ จ านวน ๓ โครงการ ประกอบด้วย ๑) โครงการระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (APSS) และ ประมวลผลรายการข้อมูลส าหรับฐานข้อมูลการเดินทางของผู้โดยสาร (PNR) ๒) โครงการงานจ้างระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (Common Use Passenger Processing System: CUPPS) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ๓) โครงการงานจ้างระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (Common Use Passenger Processing System: CUPPS) ครั้งที่ ๙๓ วันพฤหัสบดีที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “ติดตาม ตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณในโครงการจ้างตรวจสอบ เครื่องตรวจจับสารเสพติด อาวุธและวัตถุระเบิด (GT200) ของกองทัพบก” ที่ประชุมพิจารณา ตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณกองทัพบกได้ด าเนินการ ตามกฎหมายต่อบริษัทเอกชนคู่สัญญาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยฟ้องคดีต่อบริษัทเอกชน คู่สัญญาใน ๒ ศาล เพื่อให้ครอบคลุมในมิติด้านกฎหมาย คือ คดีอาญาฐานฉ้อโกง และคดี ทางปกครองฐานความผิดเกี่ยวกับสัญญา ซึ่งการด าเนินคดีของศาลมีความคืบหน้ามาอย่าง ต่อเนื่องจากกระบวนการ ต่อประเด็นสงสัยว่าเหตุใดกองทัพบกตั้งงบประมาณเพื่อใช้ตรวจสอบ เครื่อง GT200 ทั้งที่ศาลฎีกามีค าพิพากษานั้น เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เนื่องจากเป็นการ น าข้อมูลขั้นตอนที่กองทัพบกด าเนินการ ในห้วงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ มาเชื่อมโยงกับ ค าพิพากษาศาลฎีกาที่เกิดขึ้นในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๖๕ ต่อประเด็นว่าเหตุใดไม่น าค าพิพากษา ในคดีอาญามาใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีปกครองเพื่อจะได้ไม่ต้องส่งเครื่องไปตรวจสอบนั้น ในขณะกองทัพบกตั้งงบประมาณเพื่อจ้างตรวจสอบในปี พ.ศ. ๒๕๖๔ นั้นคดีอาญายังไม่ถึงที่สุด


- ๑๐๘ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบเครื่อง GT200 เป็นไปตามความเห็นของส านักงานอัยการสูงสุด เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๔ ซึ่งถือเป็นสิ่งส าคัญต่อคดีปกครองในขณะนั้น กองทัพบก จึงจ าเป็นต้องมีการจ้างตรวจสอบเครื่อง GT200 ดังกล่าว ทั้งนี้ การตั้งงบประมาณ ในการตรวจสอบเครื่อง GT200 งบประมาณ ๗.๕๗ ล้านบาท เป็นการตั้งงบประมาณก่อน ห้วงเวลาที่ศาลฎีกาจะมีค าพิพากษาและเป็นไปตามกระบวนการแสวงหาพยานหลักฐาน ประกอบคดี ภายใต้ข้อแนะน าจากหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายและวิทยาศาสตร์ และปัจจุบันคดีเป็นที่ยุติ ก็ได้ด าเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมายเพื่อมุ่งให้ทางราชการได้รับ ค่าเสียหายชดเชย เพื่อรักษาประโยชน์ของกองทัพและประเทศเป็นส าคัญ โดยการฟ้องร้อง ด าเนินคดีเครื่อง GT200 ของกองทัพบกได้ด าเนินการทั้งคดีอาญาและคดีปกครอง โดยระหว่าง ปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ขั้นตอนทางคดี ข อง ศ า ล อ า ญ าได้ มี ค ว า ม คืบหน้าถึงขั้นศาลอุทธรณ์มีค า พิพากษาเมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ ให้จ าเลยมีความผิดฐาน ฉ้อโกง รวมทั้งให้มีการคืนเงิน จ านวน ๖๘๒,๖๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ ๗.๕ ต่อ ปีคืนให้กองทัพบก ในขณะที่ ความคืบหน้าทางคดีปกครอง ใน ขณ ะนั้ น ร ะห ว่ างเดื อ น สิงหาคม ๒๕๕๔ จนถึงสิ้นปี พ.ศ. ๒๕๖๓ อยู่ในขั้นตอนการรวบรวมเอกสาร หลักฐานของกองทัพบกส่งให้ส านักงานอัยการ สูงสุดเพื่อด าเนินขั้นตอนทางคดีปกครอง ในเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ กรมสรรพาวุธทหารบก ซึ่งเป็นหน่วยรับผิดชอบโดยตรง จึงมีหนังสือ ที่ กห ๐๔๔๓/๕๐๖ ลงวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๔ ที่ประชุมมีมติ ให้กองทัพบก ส านักงานอัยการสูงสุด และส านักงานพัฒนา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการไปใช้ในการ ด าเนินโครงการจ้างตรวจสอบเครื่องตรวจจับสารเสพติด อาวุธและวัตถุระเบิด (GT200) และ เมื่อกองทัพบกและส านักงานอัยการสูงสุดมีหนังสือโต้ตอบเป็นที่ยุติในการยืนยันความจ าเป็น ในการตรวจสอบพิสูจน์เครื่องตรวจจับสารเสพติด อาวุธและวัตถุระเบิด (GT200) แล้ว ให้จัดส่งส าเนาให้คณะกรรมาธิการ


- ๑๐๙ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ครั้งที่ ๙๔ วันพุธที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “ติดตาม ตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณในโครงการบริหารและด าเนิน กิจการท่อส่งน้ าสายหลักในภาคตะวันออกของกรมธนารักษ์” ที่ประชุมพิจารณา ข้อเท็จจริงตามอ านาจหน้าที่ที่ได้มีการตรวจสอบอยู่ ๓ ประเด็น คือ ๑. ตรวจสอบกระบวนการคัดเลือกว่าเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ๒. การตรวจสอบทางกายภาพระบบท่อส่งน้ า สถานีสูบน้ า และสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อประโยชน์ในการส่งมอบและรับมอบโดยมิให้เกิดผลกระทบต่อการจัดท าระบบ สาธารณูปโภค หรือผู้ใช้น้ า และ ๓. พิจารณาข้อมูลปริมาณน้ าที่ส่งให้แก่ผู้ใช้น้ าเปรียบเทียบกับ ลักษณะทางกายภาพของท่อส่งน้ าว่ารายได้ที่น าส่งเป็นไปอย่างเหมาะสมหรือไม่เพียงใด แล้วก็ ให้รายงานภายใน ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๕ ซึ่งเมื่อครบก าหนดวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๕ ได้รายงานเป็นข้อสรุปดังนี้ ข้อที่ ๑ จากการตรวจสอบกระบวนการคัดเลือกและจากหลักฐานที่ ปรากฏเชื่อได้ว่าการด าเนินการ ต่ าง ๆ ชอบ ด้ วยกฎห ม าย โดยประเด็นในการตรวจสอบ ใน ข้อ ๒ และข้อ ๓ เนื่องจาก มีรายละเอียดของเอกสารและ ต้องใช้ในการด าเนินการมาก คณะกรรมการตรวจสอบ ฯ จึง เสนอให้กระทรวงการคลังให้ กรมธนารักษ์ด าเนินการต่อไป โดยประเด็นตรวจสอบในข้อ ๒ นั้ น จ ะ เป็ น ก ารต รวจสอบ ข้อเท็จจริงของท่อที่เป็นของส่วนของกรมธนารักษ์และท่อของทางบริษัท อีสท์วอเตอร์จ ากัด (มหาชน) ที่สร้างขึ้นมาเอง ซึ่งมีความยาวและมีปริมาณที่ต้องตรวจสอบเยอะ จึงต้องใช้เอกสาร และการลงพื้นที่ข้อเท็จจริงตรวจสอบเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่เป็นที่ยุติ แต่เนื่องจากก าหนดเวลา ที่ได้ก าหนดไว้ต้องสรุปผลการตรวจสอบให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๕ มีระยะเวลาที่ไม่เพียงพอต่อการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ ส่วนประเด็นตรวจสอบในข้อ ๓ นั้น จะเป็นการตรวจสอบในรายละเอียดการใช้น้ าของต้นทาง แล ะป ล ายท างส าห รับ ลูกค้ าของท างบ ริษัท อีสท์ วอเตอ ร์ จ ากัด (มห าชน ) ด้ วย ซึ่งจะต้องขอเอกสารย้อนหลังจ านวนมากและก าลังด าเนินการขอเอกสาร แต่ตอนนี้เนื่องจาก เราเสนอให้ทางกรมธนารักษ์ด าเนินการต่อเนื่องจากเป็นภารกิจของกรมธนารักษ์อยู่แล้ว ในการด าเนินการ โดยได้มีการขยายระยะเวลาตรวจสอบไปอีก ๓๐ วัน ในการด าเนินการ ขณะนี้ ก าลังรอรวบรวมเอกสารและลงพื้นที่


- ๑๑๐ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ที่ประชุมมีมติเพื่อให้มีการพิจารณาติดตาม ตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณ ในโครงการบริหารและด าเนินกิจการท่อส่งน้ าสายหลักในภาคตะวันออกของกรมธนารักษ์ อย่างรอบด้าน เห็นควรให้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกมาพิจารณาครั้งหนึ่ง ประกอบด้วย กระท รวงการคลัง กรมธน ารักษ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ส านักงานอัยการสูงสุด และนายยุทธนา หยิมการุณ อดีตอธิบดีกรมธนารักษ์ ครั้งที่ ๙๕ วันพุธที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “ติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณในโครงการบริหารและด าเนิน กิจการท่อน้ าสายหลักในภาคตะวันออก ของกรมธนารักษ์” ที่ประชุมพิจารณา ร่างสัญญาการบริหารและด าเนินกิจการแนวท่อส่งน้ าสาย ตะวันออก ส านักงานอัยการสูงสุดได้พิจารณาโดยค านึงถึงข้อเท็จจริงและผลประโยชน์ของรัฐ เป็นส าคัญ โดยมีความกังวลในเรื่องการส่งมอบทรัพย์สินตามโครงการ ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏว่า ยังอยู่ในการครอบครองของบริษัท อีสวอเตอร์ จ ากัด (มหาชน) ซึ่งอยู่ระหว่างการ ด าเนินคดี กับคณะกรรมการคัดเลือกกับกรมธนารักษ์ในศาลปกครอง เนื่องจากมีข้อสัญญาก าหนด ให้คู่สัญญาฝ่ายรัฐต้องส่งมอบทรัพย์สินให้กับบริษัทวงษ์สยามก่อสร้าง จ ากัด ซึ่งส านักงาน อัยการสูงสุดมีข้อสังเกตทั้งหมด จ านวน ๑๓ ข้อ โดยกรมธนารักษ์ควรด าเนินจัดท าเอกสาร เกี่ยวกับการเจรจาเพื่อจะให้เป็นข้อยุติในเรื่องการส่งมอบ การเข้าพื้นที่ การประเมินสถานะ หรือสภาพของระบบท่อส่งน้ าซึ่งเป็นทรัพย์สินของคู่สัญญาในขณะส่งมอบ ระยะเวลาและวิธีการ ส่งมอบทรัพย์สินในรูปแบบที่ได้รับความเห็นชอบจากบริษัท อีสวอเตอร์ จ ากัด (มหาชน) เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้โครงการด าเนินการไปอย่างต่อเนื่องราบรื่นและท าให้ กรมธนารักษ์สามารถปฏิบัติตามสัญญาได้ เพราะหากกรมธนารักษ์ไม่สามารถส่งมอบทรัพย์สิน


- ๑๑๑ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ได้อาจเกิดปัญหาฟ้องร้องด าเนินคดีได้ในภายหลัง ส่วนข้อสังเกตอื่น ๆ ก็เป็นข้อควรระมัดระวัง เช่น ควรพิจารณาเอกสารแนบท้ายต่าง ๆ หรือรายละเอียดที่เจรจากับคู่สัญญาให้สอดคล้องกับ การร่างสัญญา ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการจากการพิจารณารายงานการตรวจสอบของ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการบริหารจัดการระบบท่อส่งน้ าสายหลักในภาคตะวันออก พบว่าได้รายงานวิธีการขั้นตอนในการด าเนินการตามกรอบกฎหมายในการจัดซื้อจัดจ้าง ปริมาณการส่งมอบการพัฒนาแหล่งน้ าดิบ โดยรายงานไม่มีผลบังคับที่จะต้องด าเนินการ คณะกรรมาธิการจึงควรจะได้พิจารณาติดตามตรวจสอบโครงการบริหารและด าเนินกิจการ ท่อน้ าสายหลักในภาคตะวันออกของกรมธนารักษ์ คณะกรรมการคัดเลือกได้ใช้ดุลยพินิจในการแบ่งช าระค่าแรกเข้าเดิมมีการ ก าหนดเงินแรกเข้าให้จ่ายคราวเดียว แต่เมื่อได้เอกชนผู้ได้รับคัดเลือกปรากฏว่ามีการแบ่งจ่าย เป็น ๔๐ : ๖๐ จึงตั้งข้อสังเกตว่า ใน TOR ครั้งที่ ๒ ได้ก าหนดการแบ่งจ่ายเงินแรกเข้าหรือไม่ เนื่องจากอาจเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ อาจท าให้รัฐเสียประโยชน์ได้ เนื่องจากเป็นเงิน จ านวนมาก และการก าหนดลักษณะดังกล่าวจะเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อเอกชนบางรายหรือไม่ ที่ประชุมมีมติให้กรมธนารักษ์ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการบริหาร จัดการระบบท่อส่งน้ าสายหลักในภาคตะวันออก รับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของ คณะกรรมาธิการไปใช้ในการด าเนินการตามอ านาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน ครั้งที่ ๙๖ วันพุธที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “ติดตาม ตรวจสอบการใช้งบประมาณประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง รายการเงินส ารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็น กรณีจัดสรรงบประมาณให้แก่ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในโครงการช่วยเหลือเกษตรกร ที่ประสบปัญหาจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙)” ที่ประชุมพิจารณา สถานการณ์ที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์โควิด ๑๙ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างจะรุนแรง โดยเฉพาะในช่วงหลังโควิด ๑๙ ที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะในส่วนเกษตรกรจะประสบปัญหาดังกล่าวทางกระทรวงก็ได้มีการเสนอขอ งบประมาณจากงบกลางเป็นรายการเงินส ารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็นเพื่อด าเนินงาน ส าหรับโครงการที่จะช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบปัญหาจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา ๒๐๑๙ โดยน าเสนอคณะรัฐมนตรีและมีมติ เมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๕ จ านวน ๕ โครงการ วงเงินรวมจ านวน ๒,๐๕๑ ล้านบาท โดยมีสถาบันอุดมศึกษาได้รับการจัดสรร งบประมาณจ านวน ๔ สถาบัน ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จ านวน ๒ โครงการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน จ านวน ๑ โครงการ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ านวน ๑ โครงการ และมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม จ านวน ๑ โครงการ


- ๑๑๒ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ การพิจารณาโดยมีอ านาจในการพิจารณาแล้วแต่วงเงินถ้าวงเงินไม่ถึง จ านวน ๑๐ ล้านบาท เป็นอ านาจผู้อ านวยการส านักงบประมาณที่จะเสนอให้นายกรัฐมนตรีทราบ ถ้าวงเงินเกิน จ านวน ๑๐ ล้านบาท เป็นขั้นตอนของการเสนอนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ตามวงเงิน ในส่วนกระทรวงที่เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณในครั้งนี้กระทรวงได้เสนอ ของบ กล างผ่ าน รัฐมนต รีม าถึงส านั กงบป ระม าณ แล ะเกณ ฑ์ในก ารพิจ ารณ าของ ส านักงบประมาณว่าด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนามีประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อน เป็ น จ า น ว น ม า ก มี แ รงง า น คื น ถิ่ น โด ย เฉ พ า ะใน ภ าค อีสานมีจ านวนมาก เมื่ อ ก ลั บ ม า พื้ น ที่ ครอบครัวจะมีที่ดินมี อาชีพท าเกษตรกรรม อยู่แล้ว เพราะฉะนั้น จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ น าเอ าม าใช้ใน ก าร วิเคราะห์ประกอบกับ ก ร ะ ท ร ว ง ข อ นั้ น สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในเรื่องของการแก้ไขปัญหาความยากจนแบบพุ่งเป้าที่เน้นการ สนับสนุนและพัฒนาในด้านการพัฒนาศักยภาพและความต้องการของประชาชนสอดคล้องกับ พื้นที่มีศักยภาพของกระทรวงการ โดยมหาวิทยาลัยจะมีศักยภาพในเรื่องของการถ่ายทอดการ เรียนการสอนและมีองค์ความรู้ที่พร้อมที่จะน าไปใช้ในการพัฒนา จึงมีการพิจารณาในแต่ละ มหาวิทยาลัยว่ามหาวิทยาลัยนั้น ๆ มีองค์ความรู้ที่เปิดการเรียนการสอนที่เกี่ยวข้องกับการ ด าเนินโครงการหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องจ าเป็นที่จะต้องได้รับการแก้ไข และหน่วยงานที่จะเข้าไป ช่วยก็มีศักยภาพพอที่จะเข้าไปด าเนินการได้ แต่ในขณะเดียวกันในการพิจารณาก็ได้ค านึงถึงว่า หน่วยงานหลัก และที่ประชุมมีมติคณะกรรมาธิการขอเอกสารการด าเนินการเพิ่มเติม


- ๑๑๓ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ครั้งที่ ๙๗ วันพุธที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “ติดตาม ตรวจสอบการใช้งบประมาณประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง รายการเงินส ารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็น กรณีจัดสรรงบประมาณให้แก่ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในโครงการช่วยเหลือเกษตรกร ที่ประสบปัญหาจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙” ที่ประชุมพิจารณาติดตามการบริหารงบประมาณของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและน วัตกรรม ได้รับ จัดสรรเงินกู้จากพ ระราชก าหนดให้อ าน าจ กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบ จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ และพระราชก าหนดให้อ านาจ กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรน า ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ .ศ . ๒๕๖๔ ป ระกอบด้ วย พ ระ ราชก าหน ดให้ อ าน าจ กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบ จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ได้รับอนุมัติ ๒ แผนงาน เป็น แผนงาน/โครงการกลุ่มที่ ๑ ได้รับอนุมัติ จ านวน ๑๖ โครงการ วงเงิน ๕๓๔ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จ านวน ๔๔๗ ล้านบาท ด าเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว และแผนงาน/โครงการกลุ่มที่ ๓ ได้รับ อนุมัติ จ านวน ๕ โครงการ วงเงิน ๑๐,๙๖๒ ล้านบาท ด าเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้รับอนุมัติ งบประมาณตามพระราชก าหนดให้อ านาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและ สังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ได้รับอนุมัติ แผนงาน/โครงการกลุ่มที่ ๑ ได้รับอนุมัติ จ านวน ๑๒ โครงการ วงเงิน ๒,๕๘๓.๘๘ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว ๖๓๙.๑๘ ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างด าเนินการ โดยมีโครงการ เช่น โครงการเพิ่ม


- ๑๑๔ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ศักยภาพการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ โครงการปรับปรุงโรงพยาบาลสุทธาเวช และจัดหาครุภัณฑ์ทางการแพทย์เพื่อรองรับการให้บริการผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ โครงการความเป็นเลิศในการดูแลผู้ป่วยโควิด ๑๙ แบบครบวงจรในโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ โครงการเพิ่มศักยภาพการรักษาพยาบาลผู้ป่วยจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ โครงการจัดเตรียมพื้นที่ส าหรับผู้ดูแลผู้ป่วยโรคติดเชื้อ COVID-19 ที่มีอาการวิกฤติและ กึ่งวิกฤต โรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ เป็นต้น แผนงาน/โครงการ กลุ่มที่ ๒ และ ๓ ได้รับอนุมัติ รวม ๓ โครงการ วงเงิน ๑๐,๐๘๖ ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างด าเนินโครงการ โดยมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ส าคัญในการพิจารณากลั่นกรองข้อเสนอโครงการ คือ โครงการ ต้องมีความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่ก าหนดไว้ในข้อ ๑๓ ของระเบียบส านักนายกรัฐมนตรีฯ ที่ประชุมมีมติ คณะกรรมาธิการพิจารณามีมติเดินทางไปศึกษาดูงาน ติดตาม ตรวจสอบการใช้งบประมาณประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง รายการเงินส ารองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็น กรณีจัดสรรงบประมาณให้แก่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบปัญหาจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา ในวันจันทร์ที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ณ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ อ าเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ ๙๘ วันพฤหัสบดีที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “ศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณรายจ่ายประจ าปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ - ๒๕๖๖ และศึกษาแนวทางการบูรณาการหมายเลขรับแจ้งเหตุ ฉุกเฉินแห่งชาติ ของกรุงเทพมหานคร” ที่ประชุมพิจารณา การบริหารรายจ่ายกรุงเทพมหานคร และเรื่องแนวทาง การบูรณาการหมายเลขแจ้งเหตุแห่งชาติ โดยจะน าเรื่องศูนย์รับแจ้งเหตุมาพิจารณาก่อน เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดภารกิจในการชี้แจงคณะอื่นด้วย ซึ่งเรื่องนี้คณะกรรมาธิการ ศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ ได้มีการจัดสัมมนา โดยเชิญหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องมาร่วมสัมมนา ได้ระดมความคิดเห็นจากผู้ว่าราชการจังหวัด นายกองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นทุกระดับ และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะได้มีการบูรณาการจัดตั้งศูนย์รับ แจ้งเหตุเป็นหมายเลขเดียว คือ ๑๙๑ เป็นหมายเลขฉุกเฉินแห่งชาติ ซึ่งกรรมาธิการเห็นว่า กรุงเทพมหานคร เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ เกี่ยวข้องกับประชาชนและ ชุมชนเป็นจ านวนมาก และจะเป็นต้นแบบในการบริหารจัดการ การแก้ไขปัญหา ให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นในรูปแบบอื่นๆ ทั่วประเทศ รวมทั้งส านักงานต ารวจแห่งชาติจะรับทราบ ข้อมูลในการที่จะไปจัดท าข้อก าหนดขอบเขตงาน (TOR) ระบบในอนาคตจะมีหมายเลขเดียว (single number) คือ ๑๙๑ จะรับการแจ้งเหตุ ในทุก ๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกู้ภัย กู้ชีพ รวมถึงการดับเพลิง ก็จะมาทดแทน ๑๙๙ ในระบบนี้ จะมีระบบที่แสดงผลข้อมูลภายในเรียกว่า cat terminal คือ ตัวข้อมูล ณ ศูนย์ ๑๙๑ เมื่อได้รับ


- ๑๑๕ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ การแจ้งเหตุเพลิงไหม้จะไปปรากฏและแจ้งเตือนหรือเรียกกับศูนย์ดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร โดยอัตโนมัติ ถ้าผู้รับสาย (call taker) ได้ผ่านการอบรม ก็เสมือนเป็นตัวแทนว่าเป็นผู้รับแจ้ง ตรง ๑๙๙ แต่ถ้าหากมีการสอบถามเรื่องวิชาการหรือข้อมูลอื่นเพิ่มเติม จะสามารถสลับสาย ได้ทันที หรือประชุม ๓ สายร่วมกัน ดังนั้น การที่ชี้แจงว่าจะท าให้การท างานล่าช้า คงเป็น ไปไม่ได้เพราะเป็นการท าหน้าที่แทนกัน ซึ่งต้องมีการพูดคุยหารือกันอีกครั้ง ในการเปลี่ยนแปลง ระบบเดิมเป็นระบบใหม่ ขณะเดียวกันที่ตัวรถดับเพลิง หน่วยปฏิบัติการที่ออกไปจะมีตัว cat mobile for respond unit ซึ่งจะเห็นตัวแผนพิกัดในเหตุที่แจ้งด้วย ครั้งที่ ๙๙ วันพุธที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “พิจารณาติดตามการใช้จ่ายในโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน โทรคมนาคมกิจกรรมที่ ๑ การขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุม ทั่วประเทศเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศ (โครงการเน็ตประชารัฐ)” ที่ ป ร ะ ชุ ม พิจารณ า โครงการยกระดับ โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม กิ จ ก ร ร ม ที่ ๑ ก า ร ข ย า ย โครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็ว สูงให้ครอบคลุมทั่วประเทศเพื่อ สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจ ภายในประเทศ เป็นโครงการ ยกระดับโครงสร้างพื้น ฐาน โท ร ค ม น า ค ม ให้ ค น ไท ย ทุ ก ห มู่ บ้ า น เข้ า ถึง แ ล ะ ใช้ ป ระโยชน์จากอินเทอร์เน็ต ความเร็วสูงได้ทั่วถึงและเท่า เทียมกันได้ทุกที่ ทุกเวลา ทั่วประเทศ โดยด าเนินการในพื้นที่ห่างไกล ไม่มีศักยภาพในเชิง พาณิชย์และยังไม่มีการบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เพื่อประโยชน์ด้านการศึกษา การ สาธารณสุข ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม การบริการภาครัฐ เป็นต้น ในวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๙ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการการด าเนินโครงการ และในวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๙ คณะรัฐมนตรีได้รับทราบการก าหนดหมู่บ้านเป้าหมายของโครงการให้เป็นพื้นที่ Zone C กล่าวคือ เป็นพื้นที่ไม่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์และไม่มีบริการ ครอบคลุมหมู่บ้าน จ านวน ๔๐,๔๓๒ หมู่บ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ไม่ซ้ าซ้อนกับโครงการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐาน โดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม ในวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๙ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ แนวทางการด าเนินโครงการเน็ตประชารัฐ โดยมอบหมายให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจซึ่งเป็น


- ๑๑๖ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านโครงข่ายโทรคมนาคมเป็นผู้ด าเนินการในลักษณะการเบิกจ่าย งบประมาณแทนกัน และมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมด าเนินการขยาย โครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุม ๒๔,๗๐๐ หมู่บ้าน โดยใช้เงินงบประมาณ รายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ และมอบหมายให้ส านักงานคณะกรรมการกิจการ กระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติด าเนินการในหมู่บ้านที่เหลือ เพิ่มเติมอีก จ านวน ๑๕,๗๓๒ หมู่บ้าน โดยใช้งบประมาณโครงการจัดให้มีบริการโทรคมนาคม พื้นฐานให้ทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม (USO) งบประมาณในการด าเนินงานเป็นวงเงิน งบประมาณ ๑๓,๐๐๐ ล้าน เป็นค่าติดตั้งโครงข่ายและอุปกรณ์ จ านวน ๗,๔๒๗ ล้านบาท และ เป็นค่าบ ารุงรักษาและบริการอินเตอร์เน็ต จ านวน ๒,๔๒๐ ล้านบาท รวมใช้งบประมาณ จ านวน ๙,๘๔๘ ล้านบาท นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้จัดกิจกรรมส่งเสริมการสร้างการรับรู้ การใช้ประโยชน์โครงข่าย การใช้งาน การอบรมประชาชนมากกว่าหนึ่งล้านคน การพัฒนา แอปพลิเคชั่น เครือข่ายเน็ตอาสาประชารัฐ และการประเมินโครงการ ใช้วงเงิน จ านวน ๘๔๔ ล้านบาทในส่วนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับผิดชอบด าเนินการโครงการเน็ต ประชารัฐ จ านวน ๒๔,๗๐๐ หมู่บ้าน เป็นการด าเนินการขยายโครงข่าย Fiber Optic จาก Node ของหน่วยงานภาครัฐไปยัง ๒๔,๗๐๐ หมู่บ้านเป้าหมาย และจัดให้มีจุดให้บริการอินเทอร์เน็ต แบบไร้สาย (Wi-Fi) หมู่บ้านละ ๑ จุด ความเร็ว ๓๐/๑๐ Mbps และติดตั้งโครงข่ายแล้วเสร็จ ในวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๐ ณ ปัจจุบันมีภาพรวมการติดตั้งเน็ตประชารัฐ ประกอบด้วย เน็ตประชารัฐ ดศ./ทีโอที จ านวน ๒๔,๗๐๐ หมู่บ้าน เน็ตห่างไกล กสทช. จ านวน ๑๕,๗๓๒ หมู่บ้าน และเน็ตชายขอบ กสทช. จ านวน ๓,๙๒๐ หมู่บ้าน และจ านวนหมู่บ้านที่มีบริการ อินเตอร์เน็ตแล้ว จ านวน ๓๐,๖๓๕ หมู่บ้าน รวมมีจ านวนหมู่บ้านทั้งสิ้น จ านวน ๗๔,๙๘๗ หมู่บ้าน ที่ประชุมมีมตินัดประชุมเพื่อติดตามการบริหารงบประมาณโครงการยกระดับ โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมกิจกรรมที่ ๑ การขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ให้ครอบคลุมทั่วประเทศเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศ (โครงการเน็ตประชารัฐ) อีกครั้งหนึ่ง ในวันพุธที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๖๕ ครั้งที่ ๑๐๐ วันพุธที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “ติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณในโครงการยกระดับโครงสร้าง พื้นฐานโทรคมนาคมกิจกรรมที่ ๑ การขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุม ทั่วประเทศเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศ (โครงการเน็ตประชารัฐ)” ที่ประชุมพิจารณา ส านักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการ โทรทัศน์ และกิจการ โทรคมนาคมแห่งชาติชี้แจงว่า การด าเนินโครงการจัดให้มีสัญญาณ โทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ชายขอบ (Zone C+) และพื้นที่ ห่างไกล (Zone C)


- ๑๑๗ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นผู้ก าหนดพื้นที่เป้าหมาย ในการด าเนินการ โดยมีจ านวนหมู่บ้านเป้าหมายทั่วประเทศจ านวน ๗๔,๙๘๗ หมู่บ้าน ซึ่งอยู่ ในความรับผิดชอบของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จ านวน ๒๔,๗๐๐ หมู่บ้าน และอยู่ในความรับผิดชอบของส านักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการ โทรคมนาคมแห่งชาติจ านวน ๑๙,๖๕๒ หมู่บ้าน การด าเนินโครงการจัดให้มีสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการอินเตอร์เน็ต ความเร็วสูงในพื้นที่ชายขอบ และพื้นที่ห่างไกล ของส านักงานคณะกรรมการกิจการกระจาย เสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม รับผิดชอบด าเนินโครงการจัดให้มีสัญญาณ โทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ชายขอบ ซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกลมาก จ านวน ๓,๙๒๐ หมู่บ้าน และ รับผิดชอบด าเนินโครงการจัดให้ มีบริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ใน พื้ น ที่ ห่ างไ ก ล จ า น ว น ๑๕,๗๓๒ หมู่บ้าน ในการด าเนิน โครงการ ส านักงานคณะกรรมการ กิจการกระจายเสียง กิจการ โทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม จ าแนกสัญญาด าเนินการตาม ภูมิภาค ใช้วิธีคัดเลือกผู้ด าเนินการ ด้ ว ย วิ ธี ก า ร ป ร ะ ก ว ด ร า ค า การด าเนินการปัจจุบันยังคงเหลืออีก ๒ สัญญา โดยมี ๒๕๓ จุดบริการ ซึ่งด าเนินการล่าช้า โดย มีคู่สัญญาคือ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จ ากัด (มหาชน) ซึ่งปัจจุบันส านักงานคณะกรรมการ กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการ โทรคมนาคมแห่งชาติก าลังด าเนินการแก้ไข สัญญาและเตรียมประกวดราคาอีกครั้งหนึ่ง และคาดว่าจะด าเนินการแล้วเสร็จภายใน สิ้นปี ๒๕๖๕ ครั้งที่ ๑๐๑ วันพุธที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “เรื่องพิจารณาติดตามการบริหารงบประมาณของกองทุนพัฒนาดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม และกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ” ที่ประชุมพิจารณา การด าเนินการของส านักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล การบริหารกองทุน และค่าใช้จ่ายอื่นตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการก าหนด สถานะทางด้าน การเงินของกองทุน ยอดยกมา ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ มีงบประมาณ จ านวนเงิน ๙,๓๖๖,๔๑๖,๐๒๘.๘๕ บาท เงินเหลือ ณ วันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕ สามารถน าไปใช้ได้ จ านวน


- ๑๑๘ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ เงิน ๑,๑๗๒,๐๙๕,๕๔๔.๐๔ บาท ขั้นตอนการเปิดรับข้อเสนอโครงการหรือกิจกรรมของกองทุน คณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมต้องให้ความเห็นชอบ กรอบนโยบายการให้ทุนประจ าปีงบประมาณ กรอบวงเงินงบประมาณ จัดให้มีการประกาศ เปิดรับข้อเสนอโครงการหรือกิจกรรม หลักเกณฑ์การพิจารณาโครงการหรือกิจกรรมที่ขอรับ การส่งเสริม สนับสนุน ให้ความช่วยเหลือและการให้ทุนอุดหนุนการวิจัยและพัฒนา และเกณฑ์ การประเมินคะแนน พร้อมทั้งระยะเวลาเปิดรับทุน แต่งตั้งคณะท างานวิเคราะห์โครงการหรือ กิจกรรมของกองทุน ประจ าปีงบประมาณ เปิดรับข้อเสนอโครงการหรือกิจกรรมของกองทุน เมื่อปิดรับข้อเสนอจึงตรวจสอบแบบ ค าขอรับทุนให้แล้วเสร็จและท าหนังสือแจ้งแก้ไขไปยัง ผู้ขอรับ เมื่อผู้ขอรับทุนด าเนินการแก้ไขจะได้จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุน เพื่อพิจารณาโครงการที่มีค าขอวงเงินมากกว่า ๑๐ ล้านบาท และรับทราบโครงการที่มีค าขอ วงเงินน้อยกว่า ๑๐ ล้านบาท พิจารณาโดยคณะอนุกรรมการพิจารณา จากนั้นจัดให้มีประชุม คณะอนุกรรมการกลั่นกรองพิจารณาโครงการ คณะท างานวิเคราะห์โครงการจัดท าบทวิเคราะห์ โครงการตามกรอบนโยบายการให้ทุนที่ได้รับมอบหมายแล้วกองทุนแจ้งท าหนังสือแจ้งผล การพิจารณาโครงการและหน่วยงานจัดส่งข้อตกลงมายังกองทุน ผู้รับทุนต้องจัดเตรียมเอกสาร หลักฐานประกอบการท าสัญญารวมถึงงวดงาน และแผนการเบิกจ่ายเงิน ภายใน ๑๕ วัน ท าการนับจากวันที่กองทุนได้รับข้อตกลงหน่วยงานท าสัญญารับทุนจากกองทุน ภาพรวม การเบิกจ่ายงบประมาณ ปี พ.ศ. ๒๕๖๒ มีงบประมาณอนุมัติ จ านวนเงิน ๑๔๖,๕๕๙,๐๖๘.๔๐ บาท เบิกจ่ายงบประมาณ จ านวนเงิน ๑๑๙,๕๕๖,๒๕๗.๙๘ บาท ในสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ มีงบประมาณอนุมัติ จ านวนเงิน ๓๘๙,๕๔๙,๘๕๔.๑๘ บาท เบิกจ่ายงบประมาณ จ านวนเงิน ๓๓๙,๑๘๔,๗๒๗.๓๑ บาท ปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ครั้งที่ ๑ มีงบประมาณอนุมัติ จ านวนเงิน ๑,๔๘๗,๕๘๙,๐๗๕ บาท เบิกจ่ายงบประมาณ จ านวนเงิน ๑,๐๕๐,๓๙๒,๑๖๐.๕๖ บาท ปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ครั้งที่ ๒ มีงบประมาณอนุมัติ จ านวนเงิน ๕๘๘,๘๕๖,๙๑๐ บาท เบิกจ่ายงบประมาณ จ านวนเงิน ๔๘๑,๕๓๔,๘๙๕.๒๓ บาท ปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ส าหรับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ 5G ในส่วนของการต่อยอดการใช้ประโยชน์ ของเทคโนโลยี 5G มีงบประมาณอนุมัติ จ านวนเงิน ๒๕๕,๐๔๖,๐๑๙ บาท เบิกจ่าย งบประมาณ จ านวนเงิน ๖๘,๑๔๓,๘๐๕.๗๐ บาท และปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ครั้งที่ ๑ มีงบประมาณ อนุ มั ติ จ าน วน เงิน ๒ ,๘ ๘ ๑ ,๔ ๕ ๖ ,๕ ๖ ๐ บ าท เบิ ก จ่ ายงบป ระม าณ จ าน วน เงิน ๑,๐๓๗,๘๐๒,๕๗๑ บาท ปัญหาอุปสรรคที่ประสบในการด าเนินการ คือ ผู้รับทุนยังขาดองค์ ความรู้ การด าเนินการของกองทุนยังอยู่ในช่วงเริ่มก่อตั้งจึงยังจะต้องมีการพัฒนาปรับปรุง การด าเนินการ ประกอบการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ บางโครงการมีการด าเนินการปรับปรุงสัญญาท าให้การด าเนินโครงการที่ขอรับทุนล่าช้ากว่า ก าหนด ปัจจุบันกองทุนมีอัตราก าลังข้าราชการไม่เพียง ซึ่งกองทุนอยู่ระหว่างการรับสมัครเพิ่ม และจะด าเนินการแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการด าเนินการของกองทุน


- ๑๑๙ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ที่ประชุมมีมติ ก าหนดประชุมเพื่อพิจารณาติดตามการบริหารงบประมาณของ กองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม อีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ได้รับทราบข้อมูลรายละเอียด แผนงานและโครงการที่ครบถ้วน ครั้งที่ ๑๐๒ วันพุธที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “ติดตามการบริหารงบประมาณรายจ่ายประจ าปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ (งบลงทุนค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง) ของส านักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาขอนแก่น” ที่ประชุมพิจารณา กรอบวงเงินที่ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นกรอบวงเงินประมาณที่ถูกตั้งขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ และมีการจัดสรรใน ปี พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยมีการขอตั้งงบประมาณผ่านการกรอกข้อมูลผ่านระบบเว็บไซต์ของส านักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐานที่มีข้อสั่งการที่ชัดเจนและมีการน าส่งข้อมูลในการขอจัดตั้ง ในภาพรวม ของงบประมาณงบลงทุน ค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้างก็จะเป็นการปรับปรุงซ่อมแซม แบ่งเป็น ๓ ลักษณะ คือ ลักษณะที่ ๑ เป็นงบโรงเรียนปกติลักษณะที่ ๒ เป็นงบโรงเรียนคุณภาพ ประจ าต าบลโรงเรียน และลักษณะที่ ๓ เป็นงบโรงเรียนตามพระราชด าริ ซึ่งจะมีกรอบ ตามหนังสือสั่งการ ในส่วนการก ากับติดตามประมาณรายจ่ายประจ าปีโดยกลุ่มนโยบายและแผน ผ่านในระบบ e-budget แบบ Real Time สามารถตรวจสอบได้ กลุ่มบริหารทรัพย์ได้มีการ ตรวจสอบการเบิกจ่ายงบประมาณให้ค าแนะน ากลุ่มโรงเรียนต่าง ๆ ที่ท าหน้าที่ในการ ด าเนินการมีหน่วยตรวจสอบภายในที่มีการสั่งการโดยผู้อ านวยการเขตพื้นที่ออกใบก ากับติดตาม และให้ค าแนะน าในการเบิกจ่ายงบประมาณประจ าปีให้เป็นไปตามระเบียบ


- ๑๒๐ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ การตั้งงบประมาณที่ไม่เกินโรงเรียนละ ๕๐๐,๐๐๐ บาท เป็นความเห็นของ คณะกรรมการที่รับการแต่งตั้งโดยเกิดจากตัวแทนของโรงเรียนขนาดใหญ่ โรงเรียนพิเศษขนาด เล็ก กลาง และใหญ่ และมีมติร่วมกันมาเนื่องจากว่าเขตพื้นที่ ในปี ๒๕๖๔ ไม่ได้รับงบประมาณ ในการปรับปรุงซ่อมแซม โดยในปี ๒๕๖๓ -๒๕๖๔ เป็นช่วงโควิด-๑๙ (COVIC – 2019) ส่วนที่ ๑ กรอบวงเงินที่ขอรับการจัดสรรเป็นโรงเรียนทั่วไป จ านวน ๔๗ โรงเรียน เป็นสิ่งก่อสร้างที่ได้ ก าหนดกรอบจัดตั้งงบประมาณ จ านวน ๒๗,๑๔๒,๙๐๐ บาท แต่ทุกโรงเรียนในสังกัดได้ท าค า ขอมาทั้งหมด จ าน วน ๑๓๖ รายการ งบป ระม าณ ที่โรงเรียนขอจัดตั้งม า จ าน วน ๑๖๖,๐๐๘,๐๐๐ ล้านบาท เกินกรอบวงเงิน ๘๓ ล้านบาทส่วนที่ ๒ โรงเรียนคุณภาพประจ า ต าบลโรงเรียน จ านวน ๓๖ โรงเรียน มีกรอบการจัดตั้งงบประมาณ จ านวน ๒๑,๑๔๓,๒๐๐ บาท แต่โรงเรียนขอจัดตั้งงบประมาณ จ านวน ๑๖๐,๑๕๓,๐๐๐ บาท เกินกรอบวงเงิน ๘๖ ล้านบาท โดยส่วนใหญ่นโยบายที่ผ่านมาขอส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ประชุมมีมติ ให้ก าหนดการพิจารณาศึกษา เรื่อง “ติดตามการบริหาร งบประมาณรายจ่ายประจ าปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ (งบลงทุน ค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง) ของส านักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาขอนแก่นอีกครั้งหนึ่ง ครั้งที่ ๑๐๓ วันพุธที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “ติดตามการบริหารงบประมาณโครงการทัวร์เที่ยวไทยของการท่องเที่ยว แห่งประเทศไทย รอบที่ ๒” ที่ประชุมพิจารณา คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้ และอนุมัติโครงการ ทัวร์เที่ยวไทยของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และให้ขยาย ระยะเวลาสิ้นสุดโครงการเป็นเดือนตุลาคม ๒๕๖๕ และขยายระยะเวลาเบิกจ่ายเงินเป็นเดือน ธันวาคม ๒๕๖๕ ซึ่งโครงการทัวร์เที่ยวไทยมีวัตถุประสงค์เพื่อเร่งผลักดันมาตรการช่วยเหลือและ เยียวยาผู้ประกอบธุรกิจด้านการท่องเที่ยวตลอดจนห่วงโซ่อุปทานที่ได้รับผลกระทบ และ เป็นการฟื้นฟูภาคธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศที่ซบเซาอันเนื่องมาจากการระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ในการเข้าร่วมโครงการทัวร์เที่ยวไทย ในระยะที่ ๒ ผู้ประกอบการธุรกิจน าเที่ยวรายเดิมจะมีการส่งรายการน าเที่ยวใหม่หรือเปิดจองรายการน า เที่ยวเดิม โดยมีการเริ่มออกเดินทางในวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ ผู้ประกอบธุรกิจน าเที่ยวรายใหม่จะต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ทัวร์เที่ยวไทย และส่งรายการน า เที่ยวระหว่างวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ถึงวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๕ ส่วนประชาชนที่ประสงค์ เข้าร่วมโครงการ ต้องด าเนินการลงทะเบียนและซื้อรายการน าเที่ยว ตั้งแต่วันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕ และออกเดินทางระหว่างวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ ผู้ประกอบการธุรกิจน าเที่ยวที่ร่วมโครงการต้องจดทะเบียนก่อนวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓ และมี การต่ออายุอย่างต่อเนื่องจนจบโครงการ ยินยอมในเงื่อนไขหลักเกณฑ์ของโครงการ เปิดใช้ บริการหรือมีช่องทางรับช าระเงินออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชั่นถุงเงิน และลงทะเบียนเข้าร่วม


- ๑๒๑ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ โครงการผ่านเว็บไซต์ทัวร์เที่ยวไทย ในการเตรียมรายการน าเที่ยว รายการท่องเที่ยวต้องมี รายการไม่น้อยกว่า ๓ วัน ๒ คืน มีการเดินทางข้ามจังหวัดและพักค้างคืนในจังหวัดที่ไม่เป็น จุดเริ่มต้นการเดินทาง มีการส่งรายการน าเที่ยวได้สูงสุด ๓๐ รายการผ่านเว็บไซต์ทัวร์เที่ยวไทย มีการแบ่งรูปแบบการให้บริการ ราคา และเงื่อนไขการเดินทาง พร้อมโครงการราคาทุนและ ค่าบริหารจัดการไม่เกินร้อยละ ๑๕ รายการน าเที่ยว ๑ รายการต้องผูกกับหมายเลขโทรศัพท์ ๑ หมายเลขเท่านั้น โดยสามารถขยายได้ ๕ เครื่อง ราคาที่แสดงในรายการน าเที่ยวจะต้องรวม ค่าที่พัก ค่าบริการอื่น และรวมภาษีทั้งหมดแล้ว หากมีรายการน าเที่ยวเดียวกัน ระยะเวลา เดินทางท่องเที่ยวต้องไม่ทับซ้อนกัน หนึ่งบริษัทน าเที่ยวต่อนักท่องเที่ยวไม่เกิน ๑,๐๐๐ ราย โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยต้องตรวจสอบและอนุมัติรายการน าเที่ยวภายในระยะเวลา ประมาณ ๒๑ วัน ที่ประชุมมีมติขอรายละเอียดข้อมูลรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจน าเที่ยวทั้งหมด ที่เข้าร่วมโครงการทัวร์เที่ยวไทยที่มีรายการน าเที่ยวโดยมีจังหวัดอุบลราชธานีเป็นจังหวัดต้นทาง เกี่ยวกับจ านวนรายการการท่องเที่ยว รายชื่อนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่รายการน าเที่ยวมีจังหวัด อุบลราชธานีเป็นจังหวัดต้นทาง รายละเอียดเกี่ยวกับผู้ประกอบธุรกิจน าเที่ยว รายการน าเที่ยว ทุกรายการของทุกบริษัท รายละเอียดการสแกนและการเช็คอินจุดท่องเที่ยวของทุกบริษัท รายละเอียดเกี่ยวกับการท าธุรกรรมทางการเงินของนักท่องเที่ยว วันและเวลาการโอนเงิน เข้าบัญชีของนักท่องเที่ยว และรายละเอียดเกี่ยวกับผู้โอนเงินเข้าบัญชีนักท่องเที่ยว โดยให้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย บูรณาการการท างานร่วมกับธนาคารกรุงไทย จ ากัด (มหาชน) เพื่อจัดส่งข้อมูลให้คณะกรรมาธิการ


- ๑๒๒ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ครั้งที่ ๑๐๔ วันพฤหัสบดีที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “ติดตามการบริหารงบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๖๕ และการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ของส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และส านักงานคณะกรรมการการ อาชีวศึกษา” ที่ประชุมพิจารณา การจัดตั้งงบประมาณประจ าปีในระบบการท างานของ ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานนั้น ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จะตั้งงบประมาณทั้งงบประมาณในส่วนนี้ที่ที่เป็นประเด็น คือ งบลงทุน โดยมีคู่มือการจัดตั้ง งบประมาณประจ าปีที่แจ้งว่าโรงเรียนในสังกัดของส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จ านวน ๒๙,๐๐๐ โรงเรียน ว่าการขอตั้งงบประมาณประจ าปีนั้นมีเกณฑ์อย่างไร เช่น เรื่องของ ความขาดแคลน เรื่องของจ านวนนักเรียน เรื่องของสิ่งก่อสร้างที่ช ารุดทรุดโทรมเสื่อมสภาพ เป็น ต้น ไปยังเขตพื้นที่การศึกษาและโรงเรียนในสังกัดให้ด าเนินการขอจัดตั้งงบประมาณประจ าปี ซึ่งโรงเรียนทั้งหมดก็ด าเนินการจัดตั้งงบประมาณประจ าปีโดยโรงเรียนก็จะมีคณะกรรมการ สถานศึกษาขั้นพื้นฐานหรือที่เรียกว่าคณะกรรมการโรงเรียนร่วมกับผู้อ านวยการโรงเรียนว่า โรงเรียนใดที่จะขอใช้งบประมาณปรับปรุงซ่อมแซมหรือจัดสร้างหรือครุภัณฑ์ก็จะต้องเข้าสู่การ พิจารณาของคณะกรรมการโรงเรียน และจัดส่งมาให้เขตพื้นที่การศึกษา เมื่อถึงเขตพื้นที่ การศึกษาก็จะมีการตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งเพื่อพิจารณาค าขอของโรงเรียนต่าง ๆ ในเขตพื้นที่ การศึกษาว่ามีความจ าเป็น ความเดือดร้อน ความเหมาะสมและตอบโจทย์การพัฒนาคุณภาพ การศึกษา ตอบสนองนโยบายการศึกษาของประเทศในเขตพื้นที่หรือไม่ ซึ่งจะมีการประมวลผล และส่งมาที่ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น พื้นฐาน ก็จะมีคณะกรรมการชุดหนึ่งที่จะพิจารณากลั่นกรองอีกชั้นหนึ่ง เพื่อความรอบคอบใน


- ๑๒๓ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ การด าเนินการทั้งหมดนี้ โดยใช้ระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ทั้งหมดที่ได้รับจากเขตพื้นที่ จ านวน ๒๔๕ เขต ที่ประกอบไปด้วยโรงเรียนประถมและมัธยม หลังจากนั้นก็จะประมวลผล และส่งค าขอทั้งหมดนี้ไปที่ส านักงบประมาณ เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ขอค าขอตั้ง งบประมาณและน าเข้าสู่เป็นร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจ าปี และเข้าสู่ กระบวนการตามที่กฎหมายก าหนด คือ เข้าวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวาระหนึ่งและ คณะกรรมาธิการวิสามัญ ฯ และคณะอนุกรรมาธิการวิสามัญ ฯ เมื่อพิจารณาเสร็จแล้วก็จะน าเข้าสู่ วาระที่ ๒และ๓ ตามล าดับ เพื่อประกาศออกมาเป็นพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจ าปี ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานก็ได้จัดสรรงบประมาณที่อยู่ในเล่มขาว คาดแดงไปให้กับเขตพื้นที่มัธยมศึกษาขอนแก่นที่เป็นประเด็นอยู่ เมื่อการจัดสรรไปถึงเขตพื้นที่ แล้ว เขตพื้นที่ก็จะต้องแจ้งการจัดสรรออกไปยังสถานศึกษาตามรายชื่อที่ระบุอยู่ใน พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจ าปี ส่วนขั้นตอนการด าเนินการจัดซื้อจัดจ้างนั้น เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้มอบอ านาจการจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมดนี้ให้กับ ผู้อ านวยการโรงเรียนและมีอ านาจเท่ากับเลขาธิการ ฯ ในการจัดซื้อจัดจ้างตามกระบวนการ ซึ่ง จะเป็นหน้าที่ของโรงเรียนที่ได้รับจัดสรรงบประมาณด าเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามกฎหมายว่า ด้วยการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบกระทรวงการคลัง และระเบียบส านักงบประมาณที่เกี่ยวข้อง ทั้งหมดโดยเขตพื้นที่การศึกษาจะเป็นผู้ก ากับดูแลและติดตาม ให้การด าเนินการจัดซื้อจัดจ้าง เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายตามล าดับขั้นตอนการบริหารงบประมาณของส านักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ประชุมมีมติ ๑. คณะกรรมาธิการอนุญาตให้นายวิศิษฎ์ มุ่งนากลาง รองผู้อ านวยการ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาขอนแก่น ส าเนาเอกสารข้อร้องเรียนของนายเอกราช ช่างเหลา เพื่อด าเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปตามที่ร้องขอ ๒. คณะกรรมาธิการตั้งคณะท างานในการลงพื้นที่ตรวจสอบการด าเนิน โครงการของโรงเรียน


- ๑๒๔ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ครั้งที่ ๑๐๕ วันพุธที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “ติดตามการบริหารงบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง รายการเงินส ารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็น เพื่อก่อสร้าง ปรับปรุง ซ่อมแซม ถนนและพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ าที่อยู่ในความรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งได้รับความเสียหายจากสาธารณภัยหรือเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน ในพื้นที่ วงเงินงบประมาณ ๕,๒๘๒,๕๗๐,๑๐๐ บาท” ที่ประชุมพิจารณา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับความเสียหายจากสา ธารณภัย หรือมีความประสงค์ที่จะด าเนินการก่อสร้าง ปรับปรุง ซ่อมแซม ถนนและแหล่งกัก เก็บน้ าให้อยู่ในสภาพที่ใช้การได้เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน โดยมีการเสนอ โครงการต่อส านักงบประมาณ จ านวน ๖๙ จังหวัด เป็นโครงการทั้งสิ้น ๔,๓๔๘ โครงการ วงเงิน งบประมาณ จ านวน ๘,๒๖๖,๙๗๖,๓๐๐ บาท นายกรัฐมนตรีเห็นชอบและคณะรัฐมนตรีอนุมัติ จ านวน ๖๙ จังหวัด จ านวน ๒,๐๘๖ โครงการ วงเงิน ๕,๒๘๒,๕๗๐,๑๐๐ บาท โดยมีหน่วยงาน ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณ ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด จ านวน ๑๒ จังหวัด จ านวน ๔๑๔ โครงการ งบประมาณ จ านวน ๕๒๘,๔๙๘,๑๐๐ บาท เทศบาลนคร จ านวน ๑ จังหวัด จ านวน ๒ โครงการ งบประมาณ จ านวน ๒๐,๙๘๙,๐๐๐ บาท เทศบาลเมือง จ านวน ๑๐ จังหวัด จ านวน ๑๙ โครงการ งบประมาณ จ านวน ๖๗,๑๙๒,๑๐๐ บาท เทศบาล ต าบล และองค์การบริหารส่วนต าบล จ านวน ๖๘ จังหวัด จ านวน ๑,๖๕๑ โครงการ งบประมาณ จ านวน ๔,๖๖๕,๘๙๐,๙๐๐ บาท แบ่งเป็น เทศบาลต าบล จ านวน ๕๘ จังหวัด จ านวน ๔๓๐ โครงการ งบประมาณ ๑,๒๓๐,๒๔๓,๘๐๐ บาท องค์การบริหารส่วนต าบล จ านวน ๖๘ จังหวัด จ านวน ๑,๒๒๑ โครงการ งบประมาณ ๓,๔๓๕,๖๔๗,๑๐๐ บาท โดยมี หลักเกณฑ์การเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณประกอบด้วย องค์การบริการส่วนจังหวัด


- ๑๒๕ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ อยู่ในพื้นที่ประกาศพื้นที่ประสบสาธารณภัยและประกาศเขตการให้ความช่วยแหลือ ช่วงตั้งแต่ เดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ที่ประชุมมีมติที่จะติดตามการบริหารงบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง รายการเงินส ารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็น เพื่อก่อสร้าง ปรับปรุง ซ่อมแซมถนนและพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ าที่อยู่ในความรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น ซึ่งได้รับความเสียหายจากสาธารณภัยหรือเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ ประชาชนในพื้นที่ วงเงินงบประมาณ ๕,๒๘๒,๕๗๐,๑๐๐ บาท โดยจะได้ลงพื้นที่และเชิญ หน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบประมาณเข้าร่วมประชุม ครั้งที่ ๑๐๖ วันพฤหัสบดีที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “ติดตามการบริหารงบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง รายการเงินส ารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการ ด าเนินการ โครงการพัฒนาอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ให้ชุมชนดีพร้อมวงเงินงบประมาณ ๑,๒๔๙ ล้านบาท” ที่ประชุมพิจารณา โครงการชื่อโครงการพัฒนาอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ให้ชุมชน ดีพร้อมสืบเนื่องมาจากในปีงบประมาณ ๒๕๖๕ ในช่วงประมาณเดือนมีนาคมจนถึงประมาณ เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โดยผู้บริหารได้มองเห็นว่าหลังจาก สถานการณ์โควิด - ๑๙ ประชาชนในต่างจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่เป็นเกษตรกรรม จะได้รับ ผลกระทบค่อนข้างมาก ไม่ว่า จะเป็นเรื่องของรายได้ลดลง แ ล ะ มี ร า ย จ่ า ย ใน ก า ร ใ ช้ ชีวิตประจ าวันในเพิ่มมากขึ้น จึงมีแน วคิ ดใน ก ารที่ จะท า อย่างไรให้ประชาชนที่ได้รับ ผลกระทบ หลังจากเหตุการณ์ สถ านการณ์โควิด-๑๙ ได้มี คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยทาง ก รม ส่งเส ริม อุ ต ส าห ก ร รม มีวิธีในการที่จะท าให้ชุมชนใน พื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ มีการพัฒนาตนเอง มีอาชีพ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเราเรียกว่า เจ็ดวิธี ปั้นชุมชนดีพร้อม ซึ่งจะมีทั้งแผนการพัฒนาชุมชน การพัฒนาคนในชุมชน แบรนด์ชุมชน เครื่องจักรเทคโนโลยีต่างๆที่จะท าให้ประชาชนสามารถที่จะน าเอาผลิตผลต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่ ของตนเองหรืออยู่รอบข้างตัวเอง มาท าการแปรรูปและเพิ่มมูลค่า เพื่อน าไปเป็นผลิตภัณฑ์แล้ว น าไปสู่เรื่องการตลาด นอกจากนี้ยังจะมีเรื่องของเงินทุนหมุนเวียนที่ทางกรมส่งเสริม


- ๑๒๖ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ อุตสาหกรรม มีเงินทุนหมุนเวียนให้กับพี่น้องประชาชนในลักษณะเป็นสินเชื่อ มีเงินกู้ยืมเงินคิด อัตราดอกเบี้ยด้วย ซึ่งได้ด าเนินการน าร่องในพื้นที่ ๗ จังหวัด เป้าหมาย ณ ช่วงนั้น มีเป้าหมาย จ านวน ๒,๐๐๐ คน โดยใช้งบประมาณเหลือจ่ายของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ วงเงินงบประมาณ จ านวน ๓๕ ล้านบาท (สามสิบห้าล้านบาทถ้วน) ลักษณะการด าเนินการ เป็นการฝึกอาชีพพื้นฐานลักษณะก็คือจะเป็นการรีวิวจากประชาชนที่ได้ท าเกษตรกรรม เมื่อมาอบรมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับงบประมาณ ๑,๓๐๐.๗๖๓๘ ล้านบาท ผลการเบิกจ่าย ณ ปัจจุบัน คือ ๑๑.๕๐ เปอร์เซ็นต์ประมาณ ๑๑๕ ล้าน ผูกพันสัญญาที่ด าเนินการไปแล้ว ๑.๘๑๕๖ ผลการ เบิกจ่ายและผูกพันสัญญารวมแล้วเป็น จ านวน ๑๑๗.๒๐๒๖ ล้านบาท คิดเป็นประมาณ ๑๑.๖๘ เปอร์เซ็นต์ ยังมีงบประมาณ ที่ยังคงต้องเบิกจ่ายอยู่ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเบิกจ่าย อยู่ยังไม่ได้ตัดยอด GFMIS ท าให้ยอดคงเหลือ ณ ปัจจุบัน จ านวน ๘๘๖.๕๖๑๒ ล้านบาท ที่ประชุมมีมติที่ประชุมมีมติ ให้หน่วยงานดังกล่าวข้างต้นด าเนินการ ตามข้อคิดเห็น ข้อสังเกต ข้อร้องเรียน และพิจารณาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ด าเนินการ ตรวจสอบตามอ านาจหน้าที่ต่อไป ครั้งที่ ๑๐๗ วันพุธที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “ติดตามการบริหารงบประมาณโครงการพัฒนาทักษะสร้างความรู้ด้าน เทคโนโลยีสารสนเทศสู่สังคมดิจิทัล ในกองทุนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดย ทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม (กองทุน USO) ของส านักงานคณะกรรมการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ” ที่ประชุมพิจารณา กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (USO) มีวัตถุประสงค์ในการจัดให้มีบริการ โทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงในพื้นที่ชนบท พื้นที่ที่มีผลตอบแทนการลงทุนต่ า พื้นที่ที่ยังไม่มี การบริการหรือมีแต่ไม่ทั่วถึงหรือเพียงพอต่อความต้องการ โดยเงินงบประมาณได้มาจากการ จัดเก็บจากผู้ประกอบการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม และน ามาจัดท าโครงการตามแผนประจ าปีและมีการทบทวนแผนงานทุกระยะเวลา ๒ ปี ปัจจุบันการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อด าเนินโครงการพัฒนาทักษะสร้างความรู้ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศสู่สังคมดิจิทัลในภารกิจบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและ บริการเพื่อสังคม อยู่ระหว่างการประกวดราคาซึ่งยังไม่ได้รับผู้รับจ้าง ซึ่งมีเอกสารพิจารณา จ านวนมากถึงสามหมื่นกว่าหน้า โดยมีกลุ่มเป้าหมายไม่ต่ ากว่าห้าแสนคน ทั้งนี้ ปัจจุบันกองทุน วิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์ สาธารณะ (USO) มีงบประมาณประมาณ ๓,๐๐๐ กว่าล้านบาท) และคาดว่าเมื่อเข้าสู่แผนการ จัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม ฉบับที่ ๓ คาดว่า จะมีงบประมาณ จ านวน ๘,๐๐๐ ล้านบาท


- ๑๒๗ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ที่ประชุมมีมติส่งรายละเอียดโครงการพัฒนาทักษะสร้างความรู้ด้านเทคโนโลยี สารสนเทศสู่สังคมดิจิทัล ในกองทุนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการ เพื่อสังคม (กองทุน USO) ของส านักงานคณะกรรมการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ไปให้ส านักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และส านักงานคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติพิจารณาตรวจสอบ และให้ส านักงานคณะกรรมการ กระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติพิจารณาตรวจสอบและ พิจารณาระงับการด าเนินโครงการ ครั้งที่ ๑๐๘ วันพุธที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “ติดตามการบริหารงบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ งบ กลาง รายการเงินส ารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็น โครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ ประสบปัญหาจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) วงเงิน งบประมาณ ๒,๐๕๔,๐๕๓,๙๐๐ บาท ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและ นวัตกรรม” ที่ประชุมพิจารณา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและ นวัตกรรม ติดภารกิจที่มหาวิทยาลัยราชภัฎจังหวัดล าปาง ร่วมกับกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) จึงไม่สามารถมาชี้แจงได้ ที่ประชุมมีมติเลื่อนการประชุมไปในครั้งต่อไปเนื่องจาก รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ติดภารกิจและผู้ชี้แจงไม่สามารถให้ข้อมูล ด้านนโยบายได้


- ๑๒๘ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ครั้งที่ ๑๐๙ วันพฤหัสบดีที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๕ ๑ พิจารณาเรื่อง “ติดตามการใช้จ่ายงบประมาณในโครงการน าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตาม ตัว (EM) มาใช้กับผู้กระท าความผิดเพื่อเป็นมาตรการทางเลือกแทนการลงโทษจ าคุกของ กรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม” ที่ประชุมพิจารณา โครงการน าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตามตัว (EM) มาใช้กับ ผู้กระท าความผิดเพื่อเป็นมาตรการทางเลือกแทนการลงโทษจ าคุกของกรมคุมประพฤติ เป็นโครงการที่ด าเนินการเพื่อลดความแออัดของผู้ต้องขังในช่วงพักการลงโทษ ซึ่งอุปกรณ์มี คุณสมบัติและประสิทธิภาพตามที่กรมคุมประพฤติก าหนด ในการใช้อุปกรณ์สามารถ ลดค่าใช้จ่ายภาครัฐที่จะต้องใช้ในการดูแลนักโทษเด็ดขาดในเรือนจ าต่อคนต่อปีอยู่ที่ประมาณ จ านวนเงิน ๒๑,๒๐๐ บาทต่อคน นอกจากนั้น ผู้กระท าผิดใช้มาตรการนี้ยังสามารถออกมา ท างานสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ ที่ผ่านมามีการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตามตัว (EM) มาใช้ กับผู้กระท าความผิดเพื่อเป็นมาตรการทางเลือกแทนการลงโทษจ าคุกจ านวนกว่า ๙๔,๔๒๓ ราย โดยมีการหมุนเวียนใช้อุปกรณ์ซ้ า ซึ่งผู้กระท าผิดและญาติให้การยอมรับมาตรการนี้กว่าร้อยละ ๙๐ และพบว่าผู้กระท าผิดมีพฤติกรรมดีขึ้น กรมคุมประพฤติได้มีการจัดตั้งศูนย์ควบคุม อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวเพื่อควบคุมการปฏิบัติการ โดยมีการบริหารให้สอดคล้อง มีประสิทธิภาพ และพัฒนาระบบเทคโนโลยีให้ทันสมัย โดยบริษัทเอกชนผู้ให้เช่าเป็นผู้ดูแล โดยภาพรวมโครงการน าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตามตัว (EM) มาใช้กับผู้กระท าความผิดเพื่อเป็น มาตรการทางเลือกแทนการลงโทษจ าคุกได้รับการยอมรับจากภาครัฐและสังคม ซึ่งมีผู้กระท าผิด ที่เข้าร่วมโครงการแสดงความคิดเห็นว่าการใช้อุปกรณ์ติดตามตัวไม่เป็นอุปสรรคในการด าเนินชีวิต ที่ประชุมมีมติว่าเพื่อให้การพิจารณาเกิดความรอบคอบ ได้ข้อมูลที่ครบถ้วน สมบูรณ์จึงมีมติให้เชิญกรมคุมประพฤติเข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมาธิการเพื่อพิจารณาติดตาม การใช้จ่ายงบประมาณในโครงการน าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตามตัว (EM) มาใช้กับผู้กระท า ความผิดเพื่อเป็นมาตรการทางเลือกแทนการลงโทษจ าคุกของกรมคุมประพฤติ อีกครั้งหนึ่ง ๒ พิจารณาเรื่อง“งบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๕ - พ.ศ. ๒๕๖๖ และงบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง รายการเงินส ารองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็นของจังหวัดสกลนคร” ที่ประชุมพิจารณา ภาพรวมงบประมาณ รายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลางรายการเงินส ารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็น จังหวัดสกลนคร โดยแบ่งออกเป็น ๒ ระยะ คือ ๑. ระยะที่ ๑ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ า เพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วงปี ๒๕๖๕ โดยเสนอของบประมาณโครงการผ่าน ระบบของส านักงานทรัพยากรน้ าแห่งชาติ จ านวน ๓๖๑ โครงการ งบประมาณ จ านวน ๔๒๐ ล้านบาท จากค าขอดังกล่าวคณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๕ (ครั้งที่ ๑)


- ๑๒๙ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ อนุมัติโครงการให้จังหวัดสกลนคร จ านวน ๗๔ โครงการ งบประมาณ จ านวน ๖๗ ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการของส านักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสกลนคร จ านวน ๑๔ โครงการ งบประมาณ จ านวน ๔ ล้านบาท (สี่ล้านบาท) โครงการของอ าเภอ จ านวน ๗ อ าเภอ จ านวน ๔๑ โครงการ งบประมาณ จ านวน ๒๑ ล้านบาท (ยี่สิบเอ็ดล้านบาท) โครงการขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร จ านวน ๑๙ โครงการ งบประมาณ จ านวน ๒๑ ล้านบาท ๒. ระยะที่ ๒ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการทรัพยากรน้ าในช่วงฤดูฝน ปี ๒๕๖๕ และการจัดเก็บน้ าเพื่อฤดูแล้ง ปี ๒๕๖๕-๒๕๖๖ จังหวัดสกลนครเสนอโครงการผ่าน ระบบของส านักงานทรัพยากรน้ าแห่งชาติ จ านวน ๕๑๘ โครงการ งบประมาณ จ านวน ๔๖๐ ล้านบาท จากค าขอดังกล่าวคณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๕ (ครั้งที่ ๒) อนุมัติโครงการให้จังหวัดสกลนคร จ านวน ๙ โครงการ งบประมาณ จ านวน ๒๑๕ ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการของอ าเภอสว่างแดนดิน จ านวน ๑ โครงการ งบประมาณ จ านวน ๑๐ ล้านบาท โครงการของเทศบาลต าบล และองค์การบริหารส่วนต าบล ในพื้นที่ ๕ แห่ง จ านวน ๕ โครงการ งบประมาณ จ านวน ๒ ล้านบาท โครงการขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร จ านวน ๖ โครงการ งบประมาณ จ านวน ๒๐๔ ล้านบาท องค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร ได้รับงบประมาณตามมติคณะรัฐมนตรี จ านวน ๓ ครั้ง แบ่งเป็นครั้งที่หนึ่ง เมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม๒๕๖๕ จ านวน ๑๙ โครงการ ครั้งที่สอง เมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๕ จ านวน ๓ โครงการ และครั้งที่สาม เมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๕ จ านวน ๓ โครงการ ในส่วนของโครงการต่าง ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๕ ได้มีการยกเลิกโครงการเนื่องจากน้ าท่วมบริเวณโครงการและปัญหาเรื่องคณะกรรมการ ก าหนดราคากลางไม่ได้ ท าให้การจัดซื้อจัดจ้างยกเลิก จ านวน ๑๗ โครงการ ด าเนินการได้ ๒ โครงการ ส่วนของมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๕ ได้รับอนุมัติโครงการก าจัด วัชพืชผักตบชวาและวัชพืชของหนองหาร จ านวน ๑๘๐ ล้านบาท โครงการก าจัดผักตบชวาและ วัชพืชที่เป็นสิ่งกีดขวางทางน้ า จ านวน ๒ ล้านบาท และโครงการก าจัดผักตบวัชพืชของ อ าเภออากาศอ านวย จ านวน ๒๐ ล้านบาท รวมงบประมาณ จ านวน ๒๐๓ ล้านบาท ๓ พิจารณาศึกษา “ติดตามการใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ของเทศบาลต าบลตองโขบ อ าเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร” ที่ประชุมพิจารณา การด าเนินงานต่าง ๆ ได้ด าเนินการภายใต้เทศ บัญญัติ ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จ านวนเงิน ๙๑ ล้านบาท และได้ด าเนินการเบิกจ่ายภายใต้เทศบัญญัติแบ่งออกเป็น งบด าเนินการ งบ บุคลากร งบกลาง งบลงทุน งบเงินอุดหนุนอื่น ตามเรื่องร้องเรียนโครงการจิตอาสาศาสนพิธี โดยมีวิทยากรวันละไม่เกิน ๕ คน วงเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นผู้แทนจากส านักงานวัฒนธรรม จังหวัดด าเนินการตามเทศบัญญัติ และไม่มีการแจกจ่ายต้นกัญชา มีเพียงรูปกัญชาบนกระเป๋าผ้า


- ๑๓๐ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ที่มอบให้กับผู้เข้าร่วมประชุม ส่วนการจัดท าป้ายต้อนรับจ านวน ๒ จุด จุดละ ๒,๕๐๐ บาทนั้น มาจากค่าใช้จ่ายส่วนตัว ที่ประชุมมีมติ ติดตาม ตรวจสอบการบริหารงบประมาณ งบประมาณ รายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ - พ.ศ. ๒๕๖๖ และงบประมาณรายจ่ายประจ าปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง รายการเงินส ารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็นของ จังหวัดนครพนม และจังหวัดสกลนคร ครั้งที่ ๑๑๐ วันพุธที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “ติดตามการใช้จ่ายงบประมาณในโครงการน าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตามตัว (EM) มาใช้กับผู้กระท าความผิดเพื่อเป็นมาตรการทางเลือกแทนการลงโทษจ าคุก ของกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม” ที่ประชุมพิจารณา การด าเนินการโครงการน าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตามตัว (EM) มาใช้กับผู้กระท าความผิดเพื่อเป็นมาตรการทางเลือกแทนการลงโทษจ าคุกของกรมคุมประพฤติ อยู่ระหว่างการรออนุมัติให้มีการเผยแพร่ประกาศประกวดราคา การก าหนดร่างขอบเขตงาน จึงยังไม่มีผลจนกว่าผู้ยื่นซองและผู้ชนะจะท าสัญญา ซึ่งร่างขอบเขตงานได้มีการเผยแพร่ ในเว็บไซต์ของกรมบัญชีกลางและมีการท าประชาพิจารณ์แล้ว โดยจะมีการยื่นข้อเสนอราคา ในวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ โดยร่างขอบเขตงานมีเนื้อหาเป็นไปตามกฎหมาย และเมื่อได้


- ๑๓๑ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ผู้ยื่นซองแล้วจะได้มีการคัดเลือกตามระบบโดยการจัดซื้อจัดจ้างด าเนินการด้วยระบบe-bidding ทั้งนี้ ปัจจุบันยังไม่ทรายรายละเอียดผู้ยื่นซองประกวดราคา โครงการน าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตามตัว (EM) มาใช้กับผู้กระท าความผิดเพื่อ เป็นมาตรการทางเลือกแทนการลงโทษจ าคุกของกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม ได้มี การศึกษาดูงานและพิจารณาเห็นว่าด้วยเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เอกชนรับจ้าง จะต้องพิจารณาดูแลอุปกรณ์ตามเทคโนโลยี สิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป และตามเงื่อนไขที่ก าหนด ในขอบเขตงานซึ่งได้มีการประชาพิจารณ์แล้ว ๓ ครั้ง และได้มีการประกาศเผยแพร่ร่างขอบเขต งานแล้ว ทั้งนี้ หากพบว่าไม่มีผู้ยื่นเสนอราคาก็จะไม่ต้องพิจารณาตามขอบเขตงาน โดยปัจจุบัน ยังไม่พบผู้โต้แย้งขอบเขตงานในครั้งนี้ อนึ่ง การประกาศประกวดราคาครั้งแรกมีบริษัทเข้า ลักษณะตามขอบเขตงานมากกว่าหนึ่งราย ส่วนในประเด็นอื่น ๆ กรมคุมประพฤติจะได้พิจารณา รับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการเพื่อน าปฏิบัติตามหน้าที่และอ านาจโดยจะได้บูรณาการ ร่วมกับกรมบัญชีกลาง ที่ประชุมมีมติขอเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การให้คะแนนในการ จัดซื้อจัดจ้างในโครงการน าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตามตัว (EM) มาใช้กับผู้กระท าความผิดเพื่อ เป็นมาตรการทางเลือกแทนการลงโทษจ าคุกของกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม ทั้ง หลักเกณฑ์ด้านราคาและเทคนิค รายละเอียดเอกชนที่เข้าท าสัญญาและเอกชนที่ไม่ได้ท าสัญญา และมีมติให้รวบรวมเอกสารเกี่ยวกับการพิจารณาติดตามการบริหารงบประมาณโครงการน า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตามตัว (EM) มาใช้กับผู้กระท าความผิดเพื่อเป็นมาตรการทางเลือกแทน การลงโทษจ าคุกของกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม และส่งเรื่องดังกล่าวให้คณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๑๑ วันพุธที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ๑. พิจารณ าเรื่อง “ติดตามความคืบหน้าการบริหารงบประมาณ รายจ่ายประจ าปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง รายการเงินส ารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการด าเนินการ โครงการพัฒนาอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ให้ชุมชนดีพร้อม วงเงินงบประมาณ ๑,๒๔๙ ล้านบาท (หนึ่งพันสองร้อยสี่สิบเก้าล้านบาท) ของกรมส่งเสริม อุตสาหกรรม” ที่ประชุมพิจารณา โครงการพัฒนาอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ให้ชุมชนดีพร้อม ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากคณะรัฐมนตรี ๑,๒๔๙ ล้านบาท แต่หลังจากนั้นได้มีการปรับ ลดงบประมาณต่าง ๆ ลงมา ซึ่งปัจจุบันได้รับจัดสรรงบประมาณทั้งสิ้นจ านวน ๑,๐๐๓.๗๖๓๘ ล้านบาท โดยเป้าหมายเพื่อการเสริมสร้างอาชีพให้กับประชากรในชุมชนจ านวน ๗๐๐,๐๐๐ คน ใน ๔๐๐ พื้นที่ ซึ่งระยะเวลาด าเนินการจะสิ้นสุดในเดือนธันวาคม ๒๕๖๕ นี้ ทั้งนี้มีการแบ่ง หลักสูตรออกเป็น ๔ หลักสูตร ในหลักสูตรที่ ๑ เกี่ยวกับการพัฒนาทักษะอาชีพพื้นฐานด้าน การผลิต เป้าหมาย ๓๕๐,๐๐๐ คน ได้มีการด าเนินการแล้วเสร็จในเดือนกันยายน ๒๕๖๕


- ๑๓๒ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ส่วนหลักสูตรที่เหลือและเป้าหมายที่เหลือจ านวน ๓๕๐,๐๐๐ คน ได้แก่ หลักสูตรที่ ๒ หลักสูตร ที่ ๓ และหลักสูตรที่ ๔ เป็นการด าเนินการโดยวิธีการจัดจ้างที่ปรึกษา ซึ่งแผนการด าเนินงาน จะแล้วเสร็จในเดือนธันวาคม ๒๕๖๕ โดยในหลักสูตรที่ ๒ เกี่ยวกับการพัฒนาทักษะอาชีพ ด้านการบริการ หลักสูตรที่ ๓ เกี่ยวกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ และหลักสูตรที่ ๔ เป็นการต่อยอดทักษะที่จ าเป็นต่อการประกอบธุรกิจ ทั้งนี้จากเป้าหมายทั้งหมดจ านวน ๗๐๐,๐๐๐ คน ได้มีการกระจายพื้นที่ไปใน ๕ ภาคทั่วประเทศ ด าเนินการไปแล้ว ภาคเหนือจ านวน ๑๐๑,๒๐๐ คน คิดเป็นร้อยละ ๒๕ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ านวน ๘๕,๐๑๗ คน คิดเป็นร้อยละ ๒๑ ภาคกางจ านวน ๑๐๐,๓๑๒ คน คิดเป็นร้อยละ ๒๓ ภาคตะวันออกจ านวน ๒๑,๖๐๐ คน คิดเป็นร้อยละ ๑๐ ภาคใต้ จ านวน ๔๕,๖๕๗ คน คิดเป็นร้อยละ ๑๒ ทั้งนี้ทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้รับฟัง ความคิดเห็นจากคณะกรรมาธิการและได้มีการปรับแผนการด าเนินการในพื้นที่ ซึ่งมีแผนจะ ขยายให้ผลการด าเนินการครอบคลุมในพื้นที่ ๗๗ จังหวัดทั่วประเทศ ผลการด าเนินงานจากงบประมาณทั้งหมด ๑,๐๐๓.๗๖๓๘ ล้านบาท ผลการ เบิกจ่าย ๓๑๑.๑๔๑๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๓๑ ผูกพันสัญญา ๘๐.๙๒๒๙ ล้านบาท คิดเป็น ร้อยละ ๘.๐๖ การส ารองเงิน ๕๙๙.๘๒๐๖ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๕๙.๗๖ มีการผูกพัน ๑๑๐ สัญญา มีการลงนามสัญญาได้แล้วประมาณร้อยละ ๖๐ ของวงเงินทั้งหมด ซึ่งผลลัพธ์ ณ ปัจจุบันในเรื่องของความพึงพอใจ ได้มีการสอบถามผู้ที่เข้าร่วมโครงการ ผู้ประกอบการ


- ๑๓๓ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ มีความมั่นใจว่าจะได้น าความรู้ไปฝึกฝนใช้ในชีวิตประจ าวันได้ ร้อยละ ๙๙ และร้อยละ ๙๘ จะสามารถน าความรู้ไปสร้างอาชีพได้ และสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ประมาณร้อยละ ๗๓ ซึ่งทั้งนี้ได้มีการจัดจ้างบบริษัทในการประเมินผลการด าเนินงานเชิงลึก โดยเข้าไปส ารวจหลังจาก ผู้เข้าร่วมโครงการได้รับการอบรม ๓ เดือน มีการน าความรู้ไปใช้อย่างไร ที่ประชุมมีมติแต่งตั้งคณะท างานศึกษาและติดตามการบริหารงบประมาณ ในโครงการพัฒนาอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ให้ชุมชนดีพร้อม ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เพื่อพิจารณาศึกษาติดตามการบริหารงบประมาณในโครงการพัฒนาอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ ให้ชุมชนดีพร้อม ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ในพื้นที่จังหวัดอ านาจเจริญและจังหวัดอุบลราชธานี ๒ พิจารณา “ติดตามการใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง รายการเงินส ารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็น โครงการช่วยเหลือเกษตรกร ที่ประสบปัญหาจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-2019) วงเงินงบประมาณ ๒,๐๕๔,๐๕๓,๙๐๐ บาท ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม” ที่ประชุมพิจารณา โครงการต่าง ๆ มีระยะเวลาที่ต้องท าภายใน ๓ – ๔ เดือน ซึ่งท าให้บางโครงการพิจารณ าแล้วอาจจะด าเนินการไม่ทันการจึงคืนงบประมาณไป โดยมหาวิทยาลัยแม่โจ้คืนงบประมาณ ๖๐๐ ล้านบาทและโดยรวมคืนคลังไปทั้งหมด ๖๖๖ ล้านบาท งบประมาณที่มีอยู่ตอนนี้คือ ๑,๓๘๕ ล้านบาทงบประมาณที่ใช้ไปแล้วคือ ๕๘๐ ล้านบาท และ ๘๐๕ ล้านบาท อยู่ในงบประมาณเหลื่อมปีที่ขอขยายเวลาในการท างาน อันที่จริงโครงการนี้ มหาวิทยาลัยเป็นผู้ริเริ่มท าโครงการ โดยแนวทางการท างานกระทรวงคือให้มหาวิทยาลัย ด าเนินการเรื่องต่าง ๆ เอง เนื่องจากมหาวิทยาลัยมีระเบียบหรือพระราชบัญญัติของตนเอง ยกเว้น ถ้ ามีเรื่องร้องเรียน ท างก ระท รวงก็ต้องต รวจสอบ และได้มีหนังสือ ก าชับ ให้สถาบันอุดมศึกษาซึ่งได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่าย งบกลางหรือรายการเงินส ารอง จ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็น ให้ด าเนินการโครงการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีและหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วน ในทุกขั้นตอน พร้อมทั้งได้ก าชับให้รายงานผลการด าเนินการตามแผนปฏิบัติงานและแผนการ ใช้จ่ายงบประมาณไปยังส านักงบประมาณและส านักปลัดกระทรวงภายใน ๑๕ วันนับตั้งแต่ วันสิ้นไตรมาสและวันที่ได้ใช้จ่ายงบประมาณแล้วเสร็จโดยเคร่งครัด รวมทั้งได้น าแผนการ ติดตามและตรวจสอบโครงการที่ขอรับการจัดสรรงบประมาณ งบกลาง รายการเงินส ารองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็นทุกโครงการบรรจุเพิ่มเติมในแผนการตรวจราชการ พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการตรวจติดตามชี้แจง แนะน าหรือท าความเข้าใจกับหน่วยงาน ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงบประมาณที่ยังไม่ได้ถูกใช้ไป จะลงไป ตรวจสอบอย่างเคร่งครัด ทั้งประเด็นจ านวนวันอบรมหรือจ านวนมื้ออาหาร แนวทางการอบรม ซึ่ง ณ เวลานี้เหลืองบประมาณเหลี่ยมปี ๘๐๐ ล้านบาท ที่ยังต้องเข้าไปตรวจสอบแต่ยังไม่มี


- ๑๓๔ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ รายงานการใช้เงิน ปัจจุบันมี ๓ โครงการที่ด าเนินการต่อ จ านวนโครงการเหล่านี้ก็กระจาย อยู่ในที่ต่าง ๆ แต่ของมหาวิทยาเทคโนโลยีราชมงคลอีสานอยู่ในพื้นที่นครราชสีมา จึงมีการท า กิจกรรมในพื้นที่มากขึ้น ทั้งนี้ทางกระทรวงไม่ได้ละเลย มีการติดตามความคืบหน้า โดยเฉพาะ อย่างยิ่งมหาวิทยาสารคาม มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม และมหาวิทยาเทคโนโลยีราชมงคล อีสาน ครั้งที่ ๑๑๒ วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “ติดตามการบริหารงบประมาณในการช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านและ ประเทศอื่น ๆ ในด้านการเงิน และวิชาการ พร้อมความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจกับ ประเทศเพื่อนบ้านของส านักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน” ที่ประชุมพิจารณาว่า กระทรวงการคลังมีภารกิจอ านาจหน้าที่ในการให้ความ ช่วยเหลือทางการเงินและวิชาการที่เกี่ยวโยงกับการช่วยเหลือทางการเงินในการร่วมมือพัฒนา เศรษฐกิจแก่รัฐบาล รัฐวิสาหกิจ หรือสถาบันการเงิน ของรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้านรวม ๗ ประเทศ คือ กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม ภูฏาน ศรีลังกา และติมอร์เลสเต ให้การร่วมมือ พัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านตามกรอบความร่วมมือทั้งทวิภาคี และพหุภาคี เช่น GMS ACMECS BIMSTEC เป็นต้น รวบรวมข้อมูล ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย และจัดท าเสนอแนะเกี่ยวกับ การก าหนดหรือการด าเนินนโยบายและมาตรการการร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อน บ้าน และประสานการใช้อ านาจหน้าที่หรือการด าเนินการของหน่วยงานของรัฐ องค์การหรือ หน่วยงานในประเทศหรือต่างประเทศ และภาคเอกชน ที่เกี่ยวข้องเพื่อบูรณาการการร่วมมือ พัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งการด าเนินงานของส านักงานสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐ โดยมีรูปแบบการสนับสนุนด้านการเงิน คือ การกู้ยืมเงินแบบ มีเงื่อนไข การให้เงินเปล่า และเป็นหุ้นส่งในการลงทุน การสนับสนุนด้านวิชาการ คือ การศึกษา ส ารวจออกแบบตามมาตรฐานสากล ถ่ายทอดความรู้ผ่านรูปแบบการฝึกอบรม ปัจจุบันมี โครงการที่ด าเนินการแล้วกว่า ๘๐ โครงการ เป็นงบประมาณกว่า ๑๘,๐๐๐ ล้านบาท แบ่งประเภทโครงการประกอบด้วย ๑) โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน/โครงการที่ลดปัญหา ความยากจน ๒) โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีลักษณะความเชื่อมโยงโดยตรง/โครงการ พัฒนาสิ่งแวดล้อม/โครงการที่ใช้ความรู้เชิงปฏิบัติการของไทย ๓) โครงการฟื้นฟูหรือป้องกัน ที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติและภัยธรรมชาติ และ ๔) โครงการโครงสร้างพื้นฐานที่มีผลตอบแทน โดยมีระยะเวลาให้กู้ ๕-๓๐ ปี ระยะเวลาปลอดหนี้ไม่เกิน ๑๐ ปี การช าระดอกเบี้ย ๒ ครั้งต่อปี ค่าบริหารจัดการ ร้อยละ ๐.๑๕ ของวงเงินให้กู้ ทั้งนี้ โครงการต่าง ๆ จะต้องมีผู้รับเหมาและ ที่ปรึกษาหลักเป็นบริษัทไทย และต้องใช้สินค้าและบริการของไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๐ ของวงเงินโครงการ สาขาความร่วมมือ ประกอบด้วย สาขาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล สาขาการอ านวยความสะดวกด้านการค้าและโลจิสติกส์ สาขาการเชื่อมโยงระบบคมนาคมขนส่ง สาขาการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สาขาการพัฒนาเมือง ชนบท และการพัฒนาสาธารณูปโภค


- ๑๓๕ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ สาขาเชื่อมโยงระบบพลังงาน สาขาพัฒนาพลังงานทดแทน สาขาพัฒนาด้านสาธารณสุข และสาขาการพัฒนาระบบจัดการของเสีย ภาพรวมโครงการความร่วมมือทางการเงินและ ทางวิชาการ ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๔๘-๒๕๖๕ รวมงบประมาณทั้งสิ้น ณ เดือนตุลาคม ๒๕๖๕ จ านวน ๒๑,๒๙๙.๘๓ ล้านบาทประกอบด้วย ความร่วมมือทางการเงิน จ านวน ๒๘ โครงการ มูลค่า ๒๐,๙๒๗.๖๙ ล้านบาท ที่ประชุมมีมติ ให้ส านักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านรับ ความเห็นของคณะกรรมาธิการไปพิจารณาปรับใช้ในการด าเนินงานของส านักงาน ครั้งที่ ๑๑๓ วันพุธที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ พิจารณ าเรื่อง “ติดตามการบริหารงบประมาณด้านการปราบปรามอาชญากรรม ทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี” ที่ประชุมพิจารณ า การด าเนินงานของส านักงานปลัดกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประกอบด้วย ๕ โครงการ ๑) โครงการศูนย์ประสานงานและแก้ไขข่าว ปลอม (Anti Fake News Center : AFNC) โดยได้รับการจัดสรรงบประมาณประจ าปี พ.ศ. ๒๕๖๔ จ านวนเงิน ๙๓,๖๑๐,๐๐๐ บาท งบประมาณประจ าปี พ.ศ. ๒๕๖๕ จ านวนเงิน ๗๙,๙๘๕,๐๐๐ บาท และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ จ านวนเงิน ๘๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๒) โครงการพัฒนาและเพิ่ม ประสิทธิภาพการช่วยเหลือ ประชาชนด้ านคดี และภั ย ออนไลน์ตามพระราชบัญญัติ ว่าด้านการกระท าความผิด เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ โดย ได้รับการจัดสรรงบประมาณปี พ .ศ . ๒ ๕ ๖ ๖ จ าน วน เงิน ๙,๒๔๗,๘๐๐ บาท ส่วนใน ปีงบประมาณประจ าปี พ.ศ. ๒๕๖๔ และ ๒๕๖๕ ไม่ได้รับ การจัดสรรงบประมาณ ๓) โครงการจัดหาชุดอุปกรณ์/โปรแกรม เพิ่มประสิทธิภาพงานตรวจพิสูจน์หลักฐานทางเทคโนโลยี สารสนเทศ ได้รับการจัดสรรงบประมาณประจ าปี พ.ศ. ๒๕๖๔ จ านวนเงิน ๕,๐๕๐,๐๐๐ บาท งบประมาณประจ าปี พ.ศ. ๒๕๖๕ จ านวนเงิน ๖๖๕,๓๐๐ บาท และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ จ านวนเงิน ๒,๙๔๘,๙๐๐ บาท ๔) ค่าจ้างเหมาเฝ้าระวังเว็บไซต์ผิดกฎหมาย ได้รับการจัดสรร งบประมาณประจ าปี พ.ศ. ๒๕๖๔ จ านวเงิน ๙,๙๓๘,๗๔๑.๔๐ บาท งบประมาณประจ าปี พ.ศ. ๒๕๖๕ จ านวนเงิน ๙,๙๓๘,๗๔๑.๔๐ บาท และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ จ านวนเงิน


- ๑๓๖ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ๙,๙๓๘,๗๔๑.๔๐ บาท ๕) โครงการอบรม สัมมนา สร้างเครือข่าย การรู้ทันภัยออนไลน์ และ ส่งเสริมความรู้ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระท าความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ได้รับการจัดงบประมาณประจ าปี พ.ศ.๒๕๖๖ จ านวนเงิน ๒๔๙,๘๐๐ บาท ครั้งที่ ๑๑๔ วันพุธที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “พิจารณาศึกษาการบริหารงบประมาณของกองทุนในกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม และส านักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ในด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี” ที่ประชุมพิจารณา กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ ซึ่งกองทุนมีวัตถุประสงค์ในการด าเนินการ ให้ประชาชนได้รับบริการด้านกิจการกระจายเสียง โทรทัศน์ และโทรคมนาคม อย่างทั่วถึง ส่งเสริมชุมชนและสนับสนุนผู้ประกอบกิจการบริการชุมชน ส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนา ทรัพยากรสื่อสาร ส่งเสริมสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาด้านกิจการกระจายเสียง โทรทัศน์ โทรคมนาคม ส่งเสริมสนับสนุนความสามารถในการรู้ทันสื่อเทคโนโลยีด้านการใช้คลื่นความถี่ เทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีสิ่งอ านวยความสะดวกส าหรับผู้พิการ ผู้สูงอายุ หรือ ผู้ด้อยโอกาส ตลอดจนอุตสาหกรรมโทรคมนาคม และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ส่งเสริมสนับสนุน การพัฒนาบุคลากรด้านกิจการกระจายเสียง โทรทัศน์ โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ ส่งเสริมสนับสนุนการด าเนินการขององค์กรซึ่งท าหน้าที่จัดท ามาตรฐานทางจริยธรรมของ การประกอบอาชีพ สนับสนุนส่งเสริมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการกระจายเสียง โทรทัศน์


- ๑๓๗ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ โทรคมนาคม จัดสรรเงินให้แก่กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ และ สนับสนุนการใช้ คลื่นความถี่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด รวมทั้งสนับสนุนการทดแทน ชดใช้ หรือจ่ายค่าตอบแทน การถูกเรียกคืนคลื่นความถี่ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการใช้คลื่นความถี่ องค์ประกอบ ของคณะกรรมการบริหารกองทุน ประกอบด้วยกรรมการโดยต าแหน่งและกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิ โดยมีประธานคณะกรรมกกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการ โทรคมนาคมแห่งชาติเป็นประธานคณะกรรมการ คณะกรรมการบริหารกองทุน ประกอบด้วย คณะอนุกรรมการ ๖ คณะ คือ ๑) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและแผน มีหน้าที่ในการ จัดท าแผนแม่บท จัดท าหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินกองทุน เป็นต้น ๒) คณะอนุกรรมการ กลั่นกรองงบประมาณ ชุดที่ ๑ ท าหน้าที่วิเคราะห์กลั่นกรองโครงการที่ควรได้รับการส่งเสริม และสนับสนุนตามมาตรา ๕๒ (๑) (๓) (๔) ๓) คณะอนุกรรมการกลั่นกรองงบประมาณ ชุดที่ ๒ ท าหน้าที่วิเคราะห์กลั่นกรองโครงการที่ควรได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนตามมาตรา ๕๒ (๒) (๖) ๔) คณะอนุกรรมการติดตามและประเมินผล ท าหน้าที่ติดตามและประเมินผลโครงการและ การใช้จ่ายเงินให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ๕) คณะอนุกรรมการบริหารความเสี่ยง ท าหน้าที่ จัดท าหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการลงทุน และการบริหารความเสี่ยง และ ๖) คณะอนุกรรมการ บริหารทรัพย์สินทางปัญญา ท าหน้าที่จัดท าระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการ IP และ เสนอแนะแนวทางการประเมินมูลค่าทรัพย์สินทางปัญญา กองทุนมีแหล่งที่มา ๔ แหล่ง คือ ๑) ทุนประเดิมที่รัฐจัดสรรให้ เงินได้จากการประมูลคลื่น เงินได้รับการจัดสรรจาก รายได้ ส านักงาน เงินค่าปรับทางปกครอง เงินหรือทรัพย์ที่มีผู้มอบให้ เงินและทรัพย์สินที่โอนจากกอง ทุนเดิม ดอกผลของกองทุน และเงินทรัพย์สินอื่น ๒) รายได้ไม่เกินร้อยละ ๑.๕ ของรายได้ ผู้รับใบอนุญาต Broadcast ตามขั้นบันได ๓) รายได้ร้อยละ ๒.๕ ของรายได้ผู้รับใบอนุญาต โทรคมนาคม และ ๔) เงินรายได้ที่ได้จากการจัดสรรคลื่นความถี่ที่ได้รับคืนตามมาตรา ๒๗ (๑๒/๑) ภายหลังการหักค่าใช้จ่าย ที่ประชุมมีมติ ให้ส านักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ส านักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ส านักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ส านักงานส่งเสริมเศรษฐกิจ ดิจิทัลรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการไปพิจารณาด าเนินการ ตลอดจนบูรณาการ การท างานร่วมกันในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี ครั้งที่ ๑๑๕ วันพุธที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “ติดตามการบริหารงบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ และปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ของส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน” ที่ประชุมพิจารณา โครงการจัดซื้อพัสดุ ครุภัณฑ์ การศึกษา ให้แก่โรงเรียน ในระดับประถมศึกษาสังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา การจัดตั้งงบประมาณ ในการจัดซื้อพัสดุ ครุภัณฑ์ การศึกษา จะเริ่มต้นจากหน่วยงานที่ต้องการใช้งบประมาณเสนอ


- ๑๓๘ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ขอรับการจัดสรรงบประมาณ ซึ่งหากเป็นพัสดุ ครุภัณฑ์ ที่เกี่ยวกับการเรียนการสอน โรงเรียน จะเป็นผู้เสนอต่อส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา โดยระบุรายการพัสดุ ครุภัณฑ์ ตามความต้องการของโรงเรียน และเมื่อได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว ส านักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาจะแจ้งผลการจัดสรรงบประมาณให้โรงเรียนทราบ และด าเนินการจัดซื้อ พัสดุ ครุภัณฑ์ การศึกษารายการต่าง ๆ ต่อไป ทั้งนี้ ในกระบวนการจัดซื้อดังกล่าว ส านักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่ได้เป็นผู้ก าหนดราคากลางของพัสดุ ครุภัณฑ์ การศึกษา รายการใด เนื่องจากผู้ก าหนดราคากลางของพัสดุ ครุภัณฑ์จะเป็นอ านาจของคณะกรรมการ ก าหนดราคากลาง ส่วนรายการพัสดุ ครุภัณฑ์ การศึกษาพร้อมราคา (Shopping List) ซึ่งเป็น เอกสารที่ส่งมาจากส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานนั้น ไม่ได้เป็นราคากลาง ของพัสดุ ครุภัณฑ์ แต่เป็นราคาที่น าขึ้นเว็บไซต์ของหน่วยงานเพื่อการท าประชาพิจารณ์เท่านั้น การด าเนินโครงการจัดซื้อพัสดุการศึกษาให้แก่โรงเรียนประถมศึกษาในสังกัด ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เป็นใช้งบประมาณประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ – ๒๕๖๖ ซึ่งเป็น การด าเนินการในแผนงาน พื้นฐานด้านการพัฒนาและ เสริมสร้างศักยภาพทรัพยากร มนุษย์ และแผนงานยุทธศาสตร์ พัฒนาคุณภาพการศึกษาและ การเรียนรู้ ซึ่งในปีงบประมาณ ๒๕๕๖ มีการด าเนินการจัดซื้อ จ านวน ๑๑,๕๐๓ รายการ เป็นเงิน ๘๒๒,๔๖๘,๒๐๐ บาท ส่ วนปีงบป ระมาณ ๒๕๖๖ มีการด าเนินการจัดซื้อจ านวน ๗,๙๖๔ รายการ เป็นเงิน ๘๖๗,๑๑๐,๔๐๐ บาท ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานควรมีนโยบายกระจายอ านาจให้ ผู้อ านวยการโรงเรียนเป็นผู้ด าเนินการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุ ครุภัณฑ์ ทางการศึกษา โดยให้ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเป็นผู้ก ากับดูแลกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างให้มี ความถูกต้องตามกฎหมาย ที่ประชุมมีมติ ให้ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานรับความเห็น ของคณะกรรมาธิการไปพิจารณาปรับใช้ในการด าเนินงานของส านักงาน


- ๑๓๙ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ครั้งที่ ๑๑๖ วันพุธที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “ศึกษาการบริหารงบประมาณด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาอาชญากรรม และยาเสพติด” ที่ประชุมพิจารณา ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ได้รับจัดสรรงบประมาณ จ านวนเงิน ๖,๑๒๙,๒๓๒,๓๐๐ บาท ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ได้รับจัดสรรงบประมาณ จ านวนเงิน๔,๒๖๑,๖๙๕,๔๐๐ บาท และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ได้รับจัดสรรงบประมาณ จ านวนเงิน ๔,๑๘๗,๕๔๓,๖๐๐ บาท ซึ่งงบประมาณได้รับจัดสรรมีแนวโน้มลดลงในขณะที่ ปัญหายาเสพติดยังส่งผลกระทบต่อชุมชนและสังคม งบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๖๖ จ าแนกภารกิจ งานได้ ๓ ด้าน คือ ด้านการป้องกัน ด้านปราบปราม และด้านการบ าบัดรักษา ซึ่งได้จัดสรร งบประมาณ จ านวนเงิน ๑,๔๐๕.๓๖๐ ล้านบาท จ านวนเงิน ๑,๖๓๑.๗๙๒๘ ล้านบาท และจ านวนเงิน ๑,๑๕๐.๓๙๐๘ ล้านบาท ตามล าดับ โครงสร้างกลไกการป้องกันและ แก้ไขปัญหายาเสพติด ประกอบด้วย คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ดูแล ในระดับนโยบาย ศูนย์อ านวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติดูและในระดับ อ านวยการ และในระดับพื้นที่ ก าหนดให้มีศูนย์อ านวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กรุงเทพมหานคร/จังหวัด ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันแลปราบปรามยาเสพติดเขต/อ าเภอ และ ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การบริหารงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด เป็นงบประมาณแบบบูรณา การ โดยมีส านักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเป็นหน่วยงานหลัก และ รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ก ากับดูแล การบริหารงบประมาณเป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการ บริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ และระเบียบว่าด้วยการโอนงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ และงบประมาณรายจ่ายบุคลากรระหว่างหน่วยรับงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งวางหลักว่า


- ๑๔๐ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ เมื่อสิ้นไตรมาสที่สองของปีงบประมาณ ให้ส านักงบประมาณตรวจสอบผลการใช้จ่าย งบประมาณของหน่วยรับงบประมาณ หากปรากฏว่ามีรายจ่ายบูรณาการที่ไม่เป็นไปตาม แผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้หน่วยงานเจ้าภาพ คือ ส านักงาน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด แจ้งต่อรองนายกรัฐมนตรีที่ก ากับดูแลพิจารณา ที่ประชุมมีมติให้ส านักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ส านักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรมสุขภาพจิต ส านักงานต ารวจแห่งชาติ กรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และส านักงบประมาณ รับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการ ไปพิจารณาปรับใช้ในการบูรณาการการท างาน และงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด ในกรณีได้รับจัดสรรงบประมาณในการด าเนินการไม่เพียงพอ อาจจัดท าค าขอรับจัดสรรงบกลาง เพื่อน างบประมาณที่ได้รับมาบริหารงบประมาณเพิ่มเติม ครั้งที่ ๑๑๗ วันพฤหัสบดีที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๕ พิจารณาเรื่อง “แผนการด าเนินงานภายใต้งบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ และผลการด าเนินการในรอบปีที่ผ่านมาของคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท า และติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร” ที่ประชุมพิจารณา ความคืบหน้าของผลการด าเนินงานของคณะกรรมาธิการ ศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ งบประมาณ ปี พ.ศ. ๒๕๖๕ และปี พ.ศ. ๒๕๖๖ มีดังต่อไปนี้๑. หนังสือของคณะกรรมาธิการที่ลงนามข้อสังเกตถึงหน่วยงานต่าง ๆ ๒) รายงานคณะกรรมาธิการที่มีมติเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร๓.) การศึกษาดูงานและสัมมนา ของคณะกรรมาธิการ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จ านวน ๒๖ ครั้ง และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ที่ได้ด าเนินการแล้ว จ านวน ๖ ครั้ง ๔.)การตั้งคณะอนุกรรมาธิการ ๗ คณะ


- ๑๔๑ - สรุปผลการด าเนินงานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ และคณะท างานจ านวน ๗ คณะ ๕.) เรื่องร้องเรียน ระหว่าง ปี พ.ศ. ๒๕๖๔ – ๒๕๖๕ มีจ านวน ๒๕ เรื่อง ด าเนินการพิจารณาแล้ว จ านวน ๑๕ เรื่อง ยังไม่มีการพิจารณา จ านวน ๑๐ เรื่อง ๖.) คณะกรรมาธิการมีการประชุม จ านวน ๔๑ ครั้ง ๗.) คณะกรรมาธิการเดินทางศึกษาดูงาน ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ระหว่างวันอังคารที่ ๒๕ ถึงวันศุกร์ที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๕ ๘.) คณะกรรมาธิการเข้าเยี่ยมคารวะและเจริญสัมพันธไมตรีกับเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาวประจ าประเทศไทย ของคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดท าและ ติดตามการบริหารงบประมาณ เมื่อวันอังคารที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๕ ณ สถานเอกอัครราชทูต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ๙.) การขอรับอนุมัติเงินจัดสรรของคณะกรรมาธิการ สามัญสภาผู้แทนราษฎร ไตรมาส ๓ – ๔ ๑๐) การโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจ าปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ (งบคงเหลือ) จ านวน ๕,๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อด าเนินการจัดสรรให้กับ ส านักบริการทางการแพทย์ประจ ารัฐสภา ๑๑.)คณะกรรมาธิการขอเข้าเฝ้าทูลถวายสักการะและ ขอประทานพรจากสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เนื่องในวารดิถีขึ้นปีใหม่ ๑๒.)การจัดสรรงบประมาณของคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ งบเงินอุดหนุน ค่าใช้จ่ายบุคลากร และค่าใช้จ่ายด าเนินงาน ไตรมาสที่ ๑ และ ไตรมาสที่ ๒ ระยะเวลา ๖ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ – วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๖ ที่ประชุมมีมติ ๑. ให้ฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมาธิการเร่งรัดเพื่อสอบถามถึงแผนงานของ กรรมาธิการจะด าเนินการจัดสัมมนาตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมาธิการตาม กรอบหน้าที่และอ านาจของคณะกรรมาธิการ ๒. ให้เสนอรายงานผลการศึกษาของคณะอนุกรรมาธิการศึกษาการบริหาร งบประมาณการด าเนินโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ ๒ ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่ด าเนินการเสร็จแล้วต่อสภาผู้แทนราษฎรด้วย ๓. ให้เพิ่มเติมกรอบหน้าที่และอ านาจ และบุคคลและผู้แทนหน่วยงานของรัฐ เพิ่มเติม ในคณะท างานศึกษาการจัดท าและติดตามการบริหารงบประมาณงบกลาง ในจังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดยโสธร จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดนครพนม จังหวัดสกลนคร ดังนี้ - เพิ่มเติมกรอบหน้ าที่และอ าน าจในคณ ะท างาน ให้ครอบคลุมถึง จังหวัดสงขลา จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา


Click to View FlipBook Version