กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Engage
กระตนุ ความสนใจ
เม่ือพระยาตาก (สิน) ตีค่ายโพธ์ิสามต้นข1องสุก้ีพระนายกองได้แล้ว ก็ให้กระท�าพิธี ครูนําภาพภมู ปิ ญ ญาไทยสมยั อยุธยา เชน
ขุดพระบรมศพของพระเจ้าเอกทัศข้ึนมาถวายพระเพลิงตามพระราชประเพณี ภายหลังจากถวาย วดั พระศรสี รรเพชญ วดั ไชยวฒั นาราม เครอื่ งทอง
พระเพลิงพระบรมศพแลว้ พระยาตาก (สิน) เหน็ วา่ สภาพของกรุงศรีอยุธยาช�ารุดทรุดโทรมมาก วัดราชบูรณะ เปนตน มาใหนักเรยี นดู จากนน้ั
จึงเลือกต้ังราชธานีแห่งใหม่ท่ีกรุงธนบุรีแทน ตั้งคาํ ถามกระตนุ ความสนใจ เชน
และได้กระท�าพิธีบรมราชาภิเษกเป็นพระมหา-
กษัตริย์ตามขตั ตยิ ราชประเพณี ทรงมพี ระนาม • นกั เรยี นรจู กั ภาพนห้ี รอื ไม เปน ภาพอะไร
• ภาพดงั กลาวมีความเก่ยี วของกบั อาณาจักร
อยธุ ยาอยา งไร
วา่ สมเดจ็ พระบรมราชาท ี่ ๔ แต่ในปจั จบุ นั นยิ ม สาํ รวจคน หา Explore
เรียกพระนามของพระองค์ว่า สมเด็จพระเจ้า
ตากสนิ มหาราช
ครใู หนกั เรยี นศึกษาเก่ียวกบั ความหมายของ
õ. Àมู ปิ ญั ญาáละวฒั นธรรมäทย ภมู ปิ ญ ญาและวฒั นธรรมไทย และปจ จยั ทมี่ อี ทิ ธพิ ล
ÊÁÂÑ ÍÂ¸Ø ÂÒ ตอการสรา งสรรคภ มู ิปญ ญาและวฒั นธรรมไทย
สมยั อยุธยาจากหนังสอื เรยี น หนา 53-54 และ
5.๑ ความหมายของภมู ปิ ญั ญา จากแหลงการเรียนรูตางๆ เพ่ิมเตมิ
และวฒั นธรรม ภาพวาดพระยาตาก (สนิ ) นาำ ทพั เขา้ ตคี า่ ยพมา่ ทโ่ี พธสิ์ ามตน้
(ภาพจากหนงั สือโคลงภาพพระราชพงศาวดารฯ) อธบิ ายความรู Explain
ภมู ิปัญญา หมายถึง ความรู้ ความคิด
ความเชอื่ ความสามารถ ความชดั เจน ที่กลุ่มชนได้จากประสบการณท์ สี่ ่ังสมไวใ้ นการปรบั ตัวและ
การด�ารงชีิวิตในสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมทางสังคมและวัฒนธรรมที่ได้มีการ ครใู หนักเรียนแสดงความคดิ เห็นเกีย่ วกบั
พัฒนาสืบสานกันมา นอกจากนี้ ภูมิปัญญายังเป็นผลของการใช้สติปัญญาปรับตัวเข้ากับสภาวะ ความหมายของภมู ิปญญาและวัฒนธรรมไทย
ต่างๆ ในพื้นที่ของกลุ่มชนท่ีต้ังหลักแหล่งถิ่นฐานอยู่ และได้แลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมกับชุมชน
กลมุ่ อน่ื จากพน้ื ทส่ี ง่ิ แวดลอ้ มอนื่ ที่ไดม้ กี ารตดิ ตอ่ สมั พนั ธก์ นั แลว้ รบั เอาหรอื ปรบั เปลยี่ นนา� มาสรา้ ง (แนวตอบ ภูมิปญ ญา หมายถงึ ความรู ความคดิ
ประโยชน์หรือแกป้ ญั หาได้ในส่งิ แวดล้อมและสังคมวฒั นธรรมของชุมชนกลุ่มน้นั ๆ ความเชื่อ ความสามารถ ความชัดเจน ทีก่ ลุมชน
ส�าหรบั วัฒนธรรมนนั้ มคี วามหมายรวมถงึ ระบบความเช่อื ระบบคุณคา่ และวิถชี วี ิตท้ังหมด ไดจ ากประสบการณท ส่ี ั่งสมไวใ นการปรบั ตัว
ดงั นนั้ ภมู ปิ ญั ญาไทยทงั้ หลายจงึ ไดร้ บั การสงั่ สมอยู่ในวฒั นธรรมไทยนน่ั เอง การศกึ ษาเรอ่ื ง และการดาํ รงชีวติ ในสภาพแวดลอ มธรรมชาติ
ภมู ิปญั ญาไทยสมัยอยุธยาถอื ได้ว่าเปน็ การสะทอ้ นถึงวฒั นธรรมของคนไทยสมยั อยุธยาด้วย และส่งิ แวดลอมทางสงั คมและวัฒนธรรมท่ีไดมกี าร
การท่อี าณาจักรอยุธยาดา� รงความมน่ั คงและเจรญิ รุ่งเรอื งมาถงึ ๔๑๗ ป ี สะทอ้ นให้เห็นถงึ พัฒนาสบื สานกนั มา นอกจากนี้ ภูมปิ ญ ญายังเปน
พัฒนาการด้านต่างๆ อันแสดงให้เห็นถึงสติปัญญา ความรู้ ความคิด และการปรับตัวให้เข้ากับ ผลของการใชส ตปิ ญ ญาปรับตัวเขากับสภาวะตา งๆ
สภาพแวดลอ้ มทเี่ ปลย่ี นแปลงไปตามกาลเวลาของคนไทยสมยั อยธุ ยาไดเ้ ปน็ อยา่ งด ี ซง่ึ ความสามารถ ในพื้นทีข่ องกลมุ ชนท่ีตง้ั หลักแหลง ถ่ินฐานอยู
ในการแกป้ ญั หาทเ่ี กดิ ขน้ึ และมผี ลกระทบทงั้ ตอ่ ตนเองและตอ่ สงั คมสว่ นใหญ ่ ตลอดจนความสามารถ และไดแ ลกเปล่ียนทางวฒั นธรรมกับชุมชนกลุมอน่ื
ในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้อย่างเหมาะสม แสดงให้เห็นว่าสังคมไทยสมัยอยุธยา
ไดส้ รา้ งสรรคภ์ มู ิปญั ญาและวฒั นธรรมอันมีคุณคา่ ของคนไทยเอาไว้ส�าหรบั อนชุ นรุน่ หลงั ตอ่ มา สว นวัฒนธรรม หมายถงึ สิ่งท่ีมนษุ ยสรา งขึน้
ทั้งทเ่ี ปนรปู ธรรมและนามธรรม ซึ่งแสดงออกถงึ
53 ความเจริญงอกงาม ความเปนระเบียบเรียบรอ ย
ความกลมเกลียวกา วหนา ของชาติ ตลอดจน
ศีลธรรมอนั ดขี องประชาชน ดงั นั้น ภมู ิปญญาไทย
จึงไดร บั การสัง่ สมอยใู นวฒั นธรรมไทย)
บูรณาการเช่อื มสาระ นกั เรียนควรรู
ครูสามารถนาํ เนื้อหาเรือ่ ง ภมู ิปญญาและวัฒนธรรมไทย ไปบูรณาการ 1 คายโพธ์สิ ามตน ปจ จุบนั อยใู นพนื้ ท่ขี องตําบลพทุ เลาและตาํ บลโพธิส์ ามตน
เชอื่ มโยงกบั สาระหนาท่ีพลเมอื ง วัฒนธรรม และการดําเนนิ ชวี ติ ในสังคม อาํ เภอบางปะหนั จงั หวัดพระนครศรอี ยุธยา ในประวัตศิ าสตรเปน พน้ื ทีท่ ีอ่ ยูใ น
หวั ขอความรูเ ก่ยี วกับวฒั นธรรม ทมี่ าของวัฒนธรรม เพอ่ื ใหน กั เรียนไดเรียนรู เสน ทางเดนิ ทัพของขาศกึ ทเี่ ขา ตีกรุงศรีอยธุ ยา ดังเชน ใน พ.ศ. 2309 กองทพั
ความหมายของวัฒนธรรม และเหน็ คุณคาและความสาํ คัญของวฒั นธรรมและ ของเนเมยี วสีหบดีไดเ ขามาต้ังคายใหญทีโ่ พธ์ิสามตน หรอื ภายหลังเสียกรุงแลว
ภมู ิปญญาไทย ทัง้ น้เี พ่อื ประโยชนในการเสรมิ สรางความสัมพนั ธอ ันดีในสังคม คา ยโพธ์สิ ามตนถือวา เปน กองบัญชาการใหญของพมาท่ีควบคุมดแู ลกรงุ ศรีอยุธยา
โดยมสี ุกี้พระนายกอง (เดมิ ชื่อ นายทองสุก เปนชาวไทยเชอ้ื สายมอญ) เปน แมทัพ
กจิ กรรมสรา งเสรมิ
ครใู หน กั เรยี นสบื คน ความหมายของวฒั นธรรมและภมู ปิ ญ ญาไทยเพมิ่ เตมิ บรู ณาการอาเซียน
จากหนังสือเรยี น มาคนละ 5 ความหมาย จากนั้นบันทกึ ขอ มลู ลงสมุด
จดงานสง ครผู สู อน ครแู นะนาํ ใหน ักเรยี นศกึ ษาภูมิปญญาและวฒั นธรรมของประเทศเพอ่ื นบา น
ในอาเซียน เพอ่ื จะไดร ูจ กั วฒั นธรรมของประเทศเพื่อนบานทมี่ คี วามหลากหลาย
ซงึ่ การจะสรา งอตั ลกั ษณอ าเซยี นเพอ่ื ใหเ กดิ ความเปน อนั หนงึ่ อนั เดยี วกนั นน้ั จาํ เปน
ทีจ่ ะตอ งเรยี นรูเรอ่ื งราวของประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งจะชวยสงเสริมประโยชน
ในเร่อื งของการเชือ่ มความสมั พันธระหวางประเทศสมาชิกดว ยกัน
คูม อื ครู 53
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ครซู ักถามนักเรียนเก่ยี วกบั ปจจัยทม่ี อี ิทธพิ ล 5.2 ปจั จยั ทม่ี อี ทิ ธพิ ลตอ่ การสรา้ งสรรคภ์ มู ปิ ญั ญาและวฒั นธรรมไทย
ตอการสรางสรรคภ มู ปิ ญญาและวัฒนธรรมไทย สมยั อยธุ ยา
สมัยอยธุ ยา
(แนวตอบ ปจจยั ท่มี อี ิทธพิ ลตอการสรา งสรรค การสร้างสรรคภ์ มู ปิ ญั ญาและวฒั นธรรมไทยสมัยอยุธยาเกิดข้นึ จากปัจจัยต่างๆ ดังน ี้
ภมู ปิ ญญาและวัฒนธรรมไทยมหี ลายปจจัย เชน
ปจจัยลักษณะทางภมู ิศาสตรและสงิ่ แวดลอม ๑) ลกั ษณะทำงภมู ิศำสตรแ์ ละส่งิ แวดลอ้ ม อยธุ ยาและบรรดาหัวเมอื งชนั้ ในและ
ปจ จัยลักษณะทางสงั คมและวัฒนธรรม ปจ จัย
การรับอทิ ธิพลจากภายนอก เปนตน) ชั้นนอกมีสภาพดินฟ้าอากาศเหมาะส�าหรับการเพาะปลกู และการค้าขาย ตลอดจนผลิตภัณฑ์จาก
ป่าไมซ้ ึง่ เกี่ยวขอ้ งกบั ชีวติ ประจา� วัน จึงส่งเสรมิ ให้มีการคดิ คน้ ภมู ิปัญญาไทยสา� หรบั การเล้ียงชีพ
2. ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละ 6 คน ใหส มาชกิ
แตละคนเลือกหมายเลขประจาํ ตัว 1, 2, 3, 4, ด้วยชนช้นั มลู ๒น)า ยลแ1กั ลษะชณนะชทั้นำไงพสรงั ่ 2คมมกี าแรลนะับวถฒั ือนพธรระพรมุท ธอศยาธุ สยนาาปรกวคมรทองั้ งศแาบสบนสางัพครมาศหกัมดณนิ ์ า- ฮปนิ รดะกูดอว้ บย
5 และ 6 จากนั้นใหน กั เรยี นศึกษาตวั อยา ง
การสรา งสรรคภ มู ิปญ ญาและวัฒนธรรมไทย การสรา้ งสรรคภ์ มู ปิ ญั ญาไทยเกยี่ วกบั การควบคมุ กา� ลงั คนใหเ้ ปน็ ระเบยี บเพอ่ื ควบคมุ พฤตกิ รรมของ
สมยั อยุธยาในหัวขอ ตอ ไปน้ี คนในสงั คมใหอ้ ยรู่ ว่ มกนั อยา่ งสงบสขุ โดยใชก้ ศุ โลบายทางศาสนาเปน็ เครอ่ื งมอื อบรมสงั่ สอนผคู้ น
หมายเลข 1 ภมู ปิ ญญาและวัฒนธรรมไทย นับเปน็ ตัวอยา่ งภูมปิ ญั ญาไทยท่ีไดร้ ับจากปจั จัยด้านสงั คมและวัฒนธรรม
ในการสรา งรปู แบบการปกครอง
ใหเ หมาะสมกบั คนไทย ๓) กำรรบั อิทธพิ ลจำกภำยนอก การทอ่ี ยุธยาตดิ ต่อคา้ ขายกับชาวต่างชาต ิ จงึ มี
หมายเลข 2 ภมู ปิ ญญาและวัฒนธรรมไทย
ในการวางระบบการควบคุม จโอนกกาลสาไยดเเ้ ปรยีน็ นภรมู ภู้ ปิ มู ัญปิ ญญั าญไทาขยอท3ง่ีมชีคนณุ ชปาตระเิ หโยลชา่ นน์ใน้ั นแทล่สีะดุนา� มาปรบั ใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชนก์ บั คนไทยสมยั นนั้
กําลงั คน
หมายเลข 3 ภมู ิปญ ญาและวฒั นธรรมไทย 5.3 ตัวอยา่ งการสร้างสรรคภ์ มู ิปญั ญาและวฒั นธรรมไทยสมัย
ในการสรางทีอ่ ยอู าศัย อยุธยา
หมายเลข 4 ภมู ปิ ญญาและวฒั นธรรมไทย
ในการบาํ บดั รกั ษาคนไข ๑) ภมู ปิ ญั ญำและวฒั นธรรมไทยในกำรสรำ้ งรปู แบบกำรปกครองใหเ้ หมำะสม
หมายเลข 5 ภมู ปิ ญญาและวฒั นธรรมไทย กับคนไทย สังคมไทยในสมัยอยุธยามีความเช่ือว่าการปกครองบ้านเมืองต้องมีพระมหากษัตริย์
ในการปลูกฝงศลี ธรรมใหแ ก
สังคม เป็นผู้มีอ�านาจสูงสุดในการปกครองบ้านเมืองนับต้ังแต่การสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี
หมายเลข 6 ภมู ปิ ญญาและวัฒนธรรมไทย เป็นต้นมา เมื่อสังคมไทยรับเอาคติความเชื่อเก่ียวกับความส�าคัญและความศักด์ิสิทธ์ิขององค์
ดา นศลิ ปกรรม พระมหากษัตริย์ว่าพระองค์ทรงเป็นเทพเจ้าตามความเชื่อในศาสนาพราหมณ์ - ฮินดูมาจากเขมร
ใหสมาชิกแตละคนศึกษาหวั ขอทีต่ นไดรับ ซงึ่ เขมรรบั ตอ่ จากอนิ เดยี โดยไทยเรยี กเปน็ สมมตเิ ทพ พระมหากษตั รยิ เ์ ปรยี บเสมอื นองคพ์ ระศวิ ะ
มอบหมาย แลวผลดั กนั ถายทอดความรูใ ห (อิศวร) หรอื พระวิษณุ (นารายณ์) ท่ีอวตารลงมาเกิดเพ่อื คมุ้ ครองมนษุ ย ์ ดังนั้น พระมหากษัตริย์
เพอื่ นๆ ในกลมุ ฟงจนทกุ คนเขาใจเปนอยางดี ของอยธุ ยาจงึ เป็นสมมติเทพที่มคี วามศกั ดสิ์ ิทธิ์ มีอ�านาจเหนือกวา่ มนุษยท์ ง้ั ปวง และเพื่อท่จี ะให้
จากนั้นแตล ะกลมุ สง ตวั แทนออกมานําเสนอ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นสมมติเทพอันศักดิ์สิทธิ์ จึงต้องอาศัยวิธีการและการวางกฎเกณฑ์ต่างๆ
สาระสําคัญท่หี นาชน้ั เรียน เพ่ือแสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงเป็นเทพเจ้า มีพระบรมเดชานุภาพและมีความศักด์ิสิทธิ์จริงๆ
สมควรท่ที ุกคนจะต้องใหค้ วามเคารพเพอื่ ความเป็นสวัสดิมงคลแกต่ นเอง
ส�าหรับการวางระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆ เก่ียวกับความส�าคัญของพระมหากษัตริย์
มีหลายประการ ดังต่อไปน ี้
54
นกั เรียนควรรู ขอสอบ O-NET
ขอสอบป ’51 ออกเก่ียวกบั การสรา งสรรคภ มู ิปญญาไทย
1 ชนชน้ั มลู นาย หรอื ชนช้นั ปกครอง ประกอบดว ย พระมหากษตั รยิ ทรงเปน ผูน าํ การประกอบอาชพี ของคนไทยมีผลตอ การสรางสรรคภ ูมิปญญา ตรงกบั
และมีอํานาจสูงสุดในสังคม พระบรมวงศานุวงศห รือเจา นาย และขนุ นาง เปนกลไก ขอความในขอใด
สําคญั ในการบรหิ ารราชการตา งๆ 1. เมอื่ เสร็จหนานา ผูหญงิ ทอผา ผชู ายตเี หล็ก
2 ชนชั้นไพร หรอื ชนชนั้ ทีถ่ ูกปกครอง ประกอบดวย ไพร ซึง่ เปนประชากร 2. อยบู านทานอยาน่งิ ดดู าย ปนววั ปนควายใหลกู ทานเลน
สวนใหญของอาณาจักร และทาส ซึง่ มสี ถานะตาํ่ สุดในสงั คม 3. ฝนทัง่ ใหเ ปน เขม็
3 ภมู ปิ ญ ญาไทย ภมู ปิ ญ ญาไทยทไ่ี ดร บั อทิ ธพิ ลจากตา งชาตมิ หี ลายดา น ไมว า 4. ผัวหาบ เมยี คอน
จะเปน ดา นการปกครอง เชน คตคิ วามเชอื่ ทวี่ า พระมหากษตั รยิ ท รงเปน สมมตเิ ทพ วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 1. จากคาํ พงั เพยแตโ บราณวา “เมอ่ื เสรจ็ หนา นา
ซงึ่ อยธุ ยารบั อทิ ธพิ ลทางศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดจู ากอนิ เดยี ผา นทางเขมร ความเปน ผูหญงิ ทอผา ผชู ายตีเหลก็ ” สะทอนใหเ ห็นถึงการประกอบอาชีพของคนไทย
ธรรมราชาของพระมหากษตั รยิ กไ็ ดร บั อทิ ธพิ ลมาจากพระพทุ ธศาสนานกิ ายเถรวาท สว นใหญที่ทําเกษตรกรรม เมอ่ื เสร็จจากการทํานาและเกยี่ วขาวแลว หัวหนา
ลทั ธลิ งั กาวงศจ ากลงั กา ดา นสถาปต ยกรรม เชน การสรา งพระปรางคท ว่ี ดั ไชยวฒั นา ครอบครัวซึง่ เปนผชู ายจะใชเ วลาตเี หล็กเพ่ือทาํ มดี พรา จอบ เสยี ม เปนตน
รามตามแบบศลิ ปะเขมร การสรา งพระนารายณร าชนเิ วศนท ไ่ี ดร บั อทิ ธพิ ลจากตะวันตก สวนผูหญงิ ก็จะทอผา จักสานเคร่ืองใชตา งๆ และไดพัฒนางานทีต่ นทําใหม ี
ดา นนาฏศลิ ป เชน การเลน ดกึ ดาํ บรรพห รอื โขนทไี่ ดร บั อทิ ธพิ ลจากเขมร ดา นประณตี ศลิ ป ลวดลายสวยงามจนกลายเปน ภมู ิปญญาไทย ซง่ึ ตอ งอาศัยความประณตี
เชน การผลิตเครอื่ งเบญจรงคท ไี่ ดร บั อทิ ธพิ ลจากจนี อดทน และละเอียดออน จากท่ีกลาวมาจึงแสดงใหเ ห็นถึงการสรา งสรรค
ภมู ิปญ ญาไทยทเ่ี กี่ยวขอ งกับการประกอบอาชีพของคนไทย
54 คมู อื ครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
๑. จัดให้พระมหากษัตริย์ทรงมีท่ีประทับสูงกว่าคนอ่ืนๆ ให้สมกับที่พระองค์ทรง ครูซกั ถามนกั เรยี นถงึ ภูมปิ ญญาในการสราง
เป็นสมมตเิ ทพ รปู แบบการปกครองใหเ หมาะสมกบั คนไทยสมยั
๒๓.. มทีกี่ปารระสทรบั า้ ขงอพงรอะงรคาช์พวรงัะส1ม�าหหารกับษพัตรระยิ มจ์ หะาไมกต่ษ้งัตั อรยิย่ปู์ แะปลนะภกาบั ยบใคุนคพลรทะร่ัวาไชปวงั จะต้องมี อยุธยาวามลี กั ษณะอยางไร และมีอทิ ธิพลตอ
สงั คมไทยในปจจบุ ันเชน ไร จากนัน้ ใหแ ตล ะกลุม
พกฎระเกองณคฑท์ ์แรงลเะปพน็ ิธสีกมรมรมตเิตท่าพงๆ โ ดทยม่ีแพีสดรางหใหม้เณห็นเ์2ปวน็่า สง ตัวแทนออกมาตอบทห่ี นาชัน้ เรียน
ผู้ประกอบพระราชพธิ ีถวาย
๔. มีการใช้ราชาศัพท์ส�าหรับ (แนวตอบ รปู แบบการปกครองในสมัยอยุธยา
พระมหากษัตรยิ ์ใหแ้ ตกตา่ งไปจากบคุ คลทั่วไป จะมีพระมหากษัตริยเปน ผูมพี ระราชอาํ นาจสูงสุด
๕. มกี ารวางระเบยี บแบบแผน ในการปกครอง ท้งั นี้โดยรับคติความเช่ือในศาสนา
ส�าหรับบุคคลทั่วไปในการปฏิบัติตนต่อองค์ พราหมณ-ฮินดทู วี่ า พระมหากษตั รยิ ทรงเปน
พระมหากษัตริย์เป็นการเฉพาะ หรือที่เรียกว่า สมมติเทพ เปนเทพเจา ท่ีอวตารลงมาเพื่อปกครอง
กฎมณเฑียรบาล ถ้าผู้ใดละเมิดก็จะมีโทษทาง มนษุ ย ดงั นั้นจึงตอ งมกี ารวางระเบยี บกฎเกณฑ
อาญา เปน็ ตน้ ตา งๆ เพื่อแสดงใหเหน็ ถึงความศกั ดิ์สิทธขิ์ อง
พระราชวงั โบราณจาำ ลองของกรงุ ศรอี ยธุ ยา จดั แสดงภายใน พระมหากษตั รยิ เชน มกี ารสรา งพระราชวงั ตา งๆ
นอกจากน ี้ พระมหากษตั รยิ จ์ ะตอ้ ง ศูนยศ์ กึ ษาประวัตศิ าสตร์อยธุ ยา เพ่อื ใหเปนที่ประทับของพระมหากษัตริย
ทรงไวซ้ งึ่ ทศพธิ ราชธรรมตามหลกั พระพทุ ธศาสนาทก่ี ลายเปน็ พระราชประเพณมี าตงั้ แตส่ มยั สโุ ขทยั มพี ราหมณเ ปน ผูประกอบพธิ กี รรม มกี ารใช
จึงย่ิงเป็นการส่งเสริมให้พระมหากษัตริย์ทรงมีความเป็นสมมติเทพและธรรมราชาสมกับที่คนไทย ราชาศพั ทส ําหรับพระมหากษัตรยิ เปนตน
ชืน่ ชมและกราบไหว้บชู าพระมหากษตั ริยด์ ว้ ยความจงรักภกั ดอี ย่างแทจ้ ริง ขณะเดยี วกันพระมหากษัตรยิ จ ะตองประพฤติ
เมื่อกฎเกณฑ์ต่างๆ ได้กลายเป็นประเพณีของสังคมไทยท่ีคนไทยจะต้องปฏิบัติต่อ พระองคตามหลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนาดวย
พระมหากษัตริย์ด้วยความเคารพ พระมหากษัตริย์ของไทยจึงเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทุก เพือ่ ดแู ลราษฎรใหม คี วามสุข ดว ยเหตนุ ี้
พระมหากษัตริยจ ึงเปน ศูนยร วมจิตใจของคนไทย
เรือ่ ยมาต้ังแตอดีตจนถึงปจจุบัน)
หมเู่ หลา่ และทรงเปน็ ประมขุ ของอาณาจกั รไทยตลอดมา การสรา้ งประเพณกี ารปกครองของคนไทย
สมัยอยุธยาเก่ียวกับองค์พระมหากษัตริย์ทรงเป็นสมมติเทพจึงเป็นภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย
ท่ีมีคุณค่าต่อสังคมไทย และสถาบันพระมหากษัตริย์ได้กลายเป็นสถาบันหลักท่ีส�าคัญของชาติ
ในระยะหลังต่อมาจนถงึ ปจั จุบัน
๒) ภูมิปัญญำและวัฒนธรรมไทยในกำรวำงระบบกำรควบคุมก�ำลังคน เมื่อ
เรมิ่ ตน้ สถาปนาอาณาจกั รอยธุ ยาและเรมิ่ แผข่ ยายอา� นาจการปกครองทวั่ บรเิ วณลมุ่ แมน่ า้� เจา้ พระยา
ของกลมุ่ คนไทย ปญั หาสา� คญั ในการสรา้ งบา้ นเมอื งกค็ อื ทา� อยา่ งไรจงึ จะทา� ใหก้ ลมุ่ คนไทยสามารถ
อยู่รวมกันได้เป็นกลุ่มก้อนเพ่ือสร้างอาณาจักรให้มีความเข้มแข็งและมั่นคง ไม่กระจัดกระจายกัน
ออกไป เพราะยงั มจี �านวนพลเมอื งไม่มากนักและยากต่อการควบคมุ ใหร้ วมอยู่กันเป็นกลุ่มไดห้ าก
เกดิ สงคราม
55
บรู ณาการเชอ่ื มสาระ นักเรยี นควรรู
ครูสามารถนําเนือ้ หาเร่อื ง ภูมปิ ญ ญาและวฒั นธรรมไทยในการสราง 1 พระราชวงั เปนท่ีตัง้ ศนู ยก ลางอํานาจของพระนคร แบงออกเปน 3 สว นใหญๆ
รูปแบบการปกครองใหเ หมาะสม ไปบรู ณาการเชื่อมโยงกับสาระหนาที่พลเมอื ง ไดแ ก เขตพระราชฐานชัน้ นอก พืน้ ทสี่ วนใหญ คอื ทอ งสนามหลวง เขตพระราชฐาน
วัฒนธรรม และการดาํ เนนิ ชวี ติ ในสังคม หวั ขอ วฒั นธรรมทเ่ี กี่ยวของกบั ชัน้ กลาง เปนทีต่ ง้ั ของพระมหาปราสาท ซึ่งเปนท่ีประทับและเสดจ็ ออกวา ราชการ
พระมหากษตั ริย เพอื่ ทีน่ ักเรยี นจะไดต ระหนักถงึ ความสาํ คัญของสถาบัน เชน พระที่น่ังสรรเพชญปราสาท พระทีน่ ง่ั สรุ ยิ าศนอ มรินทร และ เขตพระราชฐาน
พระมหากษตั ริยในสงั คมไทย ชนั้ ใน เปน ทป่ี ระทบั สว นพระองคข องพระมหากษตั รยิ พระมเหสี พระบรมวงศานวุ งศ
ทเี่ ปน สตรี และพระราชโอรสทยี่ งั ทรงพระเยาว เชน พระทนี่ งั่ บรรยงคร ตั นาสน
หรอื พระทนี่ งั่ ทา ยสระ พระทน่ี งั่ ตรมี ขุ เปน ตน
2 พราหมณ เชน พราหมณเ ปา สงั ข เปน สญั ลกั ษณข องการเสดจ็ มาของพระนารายณ
พราหมณไ กวบณั เฑาะว แสดงถงึ การเสดจ็ มาของพระศวิ ะหรอื พระอศิ วร เปน ตน
มุม IT
ศึกษาคนควา ขอมูลเพิ่มเตมิ เก่ียวกบั พระราชพธิ ที พี่ ระมหากษัตริยท รงปฏบิ ัติ
ไดท ี่ http://www.identity.opm.go.th
คูม อื ครู 55
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ สง ตวั แทนมาตอบคาํ ถาม ดงั น้นั เพื่อมิให้ผู้คนต้องกระจัดกระจายกันออกไป จงึ มีความจ�าเป็นต้องจดั ระบบการ
ในประเดน็ ทวี่ า เพราะเหตใุ ดจึงตองมกี ารวางระบบ ควบคุมก�าลังคนหรือไพร่พลให้อยู่ภายใต้พระราชอ�านาจของพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นผู้น�าของ
การควบคมุ กาํ ลังคน และภูมิปญญาดังกลา วกอให อาณาจักรได้อย่างมั่นคง ความสามารถในการวางระบบการควบคุมก�าลังคนให้อยู่รวมกันเป็น
เกดิ ประโยชนตออาณาจักรอยุธยาอยา งไร กล่มุ ก้อนได้ของสงั คมไทยสมยั อยุธยาจงึ เป็นภมู ปิ ัญญาและวัฒนธรรมไทยท่ีส�าคัญอยา่ งหนง่ึ
การจดั ระบบการควบคมุ กา� ลงั คนของอยธุ ยาเรม่ิ ตน้ ดว้ ยการแบง่ กลมุ่ ชนออกเปน็ กลมุ่
(แนวตอบ เพราะวาอาณาจักรอยุธยามอี าณาเขต เล็กๆ แตล่ ะกลุม่ จะมีหัวหนา้ ของตนเพ่อื ความสะดวกในการเกณฑ์ไพรพ่ ลไปท�าสงคราม กฎหมาย
กวางขวาง มีจาํ นวนประชากรมากขึ้น ไมว า จะมา ที่ตราขึ้นมาใช้มุ่งให้ผู้คนในแต่ละกลุ่มต้องไปลงทะเบียนกับหัวหน้า เป็นคนในสังกัดของหัวหน้า
จากการกวาดตอนผูค นภายหลังสงครามสนิ้ สุด ผู้ใดท่ีไม่ไปลงทะเบียนกับหัวหน้าถือว่ามีความผิดและจะไม่ได้รับความคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สิน
หรือจากการผนวกดินแดนตา งๆ เขาไวดวยกนั ของตนจากพระมหากษัตริย์ การควบคุมก�าลังคนในสังกัดตามกฎหมายจึงมีบุคคล ๒ ประเภท
ดังนนั้ เพอื่ ใหควบคุมดแู ลประชากรไดอยางทว่ั ถึง ได้แก่ บุคคลท่ีเป็นหัวหน้ากลุ่ม เรียกว่า นายหรือมูลนาย กับบุคคลท่ีลงทะเบียนไว้กับหัวหน้า
เปนกลุม เปน กอน จึงตองมีการวางระบบการควบคมุ ของกลมุ่ เรยี กว่า ไพร่ นอกจากน้ ี กฎหมายยงั บังคบั ใหม้ ูลนายมีหนา้ ท่ีรบั ผิดชอบความประพฤติ
กําลังคนใหอยูภายใตพ ระราชอาํ นาจของพระมหา- ของบุคคลที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของตน ขณะเดียวกันก็ต้องให้ความคุ้มครองคนในสังกัดของตนให้
กษตั ริย ดว ยการแบงกลมุ คนออกเปน กลุมเลก็ ๆ ไดร้ บั ความเป็นธรรมดว้ ย ดงั น้ัน ไพร่ที่ขึน้ อยู่ในสังกัดจงึ ให้ความเคารพย�าเกรงมลู นายของตน
แตละกลุม จะมหี วั หนา หรือมลู นายเปนผดู ูแลไพรพ ล จส ตมสุุหดพม รภะก์ 2กลราใมโนหมสมหม าัยกดสา� ไกมทับเยดด ็จ3ทแู พ้งัลสรฝะอา่ บงยรกทมรหมไาตเรปร โน็ กลกรกรมนมกาใลถหาไญโดห ่้มแมีกล า1แะรแลตตะั้งส่ลอมะัคกุหรรนมมาหจยาะกเปส รกนะ�าากกบอบั ดบดี ดูแ๒ว้ ลย ฝกตา่ ร�ายมแพเหลลนก็เร่งๆอื หนไดแล้แาลกยะ่
ของตน โดยกฎหมายอยุธยากาํ หนดใหไพรตอ ง กรม แต่ละกรมก็จะแบ่งออกเป็นหลายกอง ในแต่ละกองจะจัดออกเป็นหมู่ บรรดาขุนนางที่รับ
สงั กดั มูลนาย และมลู นายจะตองใหค วามคุมครอง ราชการอยู่ในกรม กอง และหมูต่ ่างกม็ ีไพรท่ ี่ลงทะเบียนไว้กับตน ไพร่ท่ีอยู่ในสังกัดจึงตอ้ งประจ�า
คนในสังกัดของตนใหไ ดร บั ความเปน ธรรมดวย อยู่ในกรม กอง และหมนู่ น้ั ๆ ดว้ ย ดงั นน้ั ในกรมหนงึ่ ๆ กจ็ ะมที ง้ั มลู นายและไพรซ่ งึ่ เจา้ กรมสามารถ
นอกจากนี้ ในการปกครองสวนกลาง จะแบง เปน บงั คับบญั ชาให้คนเหล่านปี้ ฏบิ ัติตามวัตถุประสงคข์ องตน
สมุหพระกลาโหมดแู ลฝา ยทหาร และสมหุ นายก นอกจากน้ี ยังมีพระสุรัสวดีท�าหน้าที่เป็นผู้ถือบัญชีไพร่ของทุกๆ กรมและขึ้นตรงต่อ
ดแู ลฝายพลเรอื นรวมท้ังจตุสดมภ แตล ะกรมจะแบง พระมหากษตั รยิ ์ แต่ละกรมจะแบ่งออกเป็นฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรอื นดูแลอยู่ในกรมน้นั ๆ ดังน้ัน
ออกเปนกรมเลก็ ๆ กอง หมู ซง่ึ ตา งก็มีไพรใ นสงั กดั เมื่อใดที่พระมหากษัตริย์ทรงต้องการเกณฑ์ไพร่พลออกไปท�าสงครามก็สามารถระดมก�าลังคน
ของตน การวางระบบเหลา นีก้ อใหเกดิ ประโยชน ได้ทันที ระบบการควบคุมก�าลังคนในสมัยอยุธยาจึงมีลักษณะของภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย
ตออาณาจกั ร ทาํ ใหส ามารถควบคุมกําลังคนไดเปน อยา่ งหนึ่ง จนกระทงั่ เมื่อไทยเขา้ ส่ยู ุคปรบั ปรงุ ประเทศใหท้ ันสมยั ระบบการควบคมุ ก�าลังคนสมัย
กลุมกอ น ซ่ึงจะชวยใหอาณาจักรมีความเขมแข็ง อยุธยายังคงมีอิทธิพลต่อการจัดระบบการบริหารราชการแผ่นดินท้ังข้าราชการฝ่ายทหารและ
และมั่นคง) พลเรอื นอยู่ไม่น้อย แม้กระทั่งในปจั จบุ ันระบบการบริหารการควบคุมหน่วยราชการก็ยังคงใชอ้ ยู่
๓) ภมู ปิ ญั ญำาและวฒั นธรรมไทยในกาำรสราำ้ งทอ่ี ยอู่ าำศยั การปลกู สรา้ งเรอื นอนั
เปน็ ทอ่ี ยอู่ าศยั ของชาวอยธุ ยาสอดคลอ้ งกบั การดา� รงชวี ติ แบบชมุ ชนรมิ นา้� และในพน้ื ทรี่ าบลมุ่ และ
สอดคลอ้ งกบั ครอบครวั ของคนไทยสมยั นัน้ ที่อาศัยอยเู่ ปน็ ครอบครวั ใหญ ่
5656
นกั เรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET
1 กรมกลาโหม ในพระไอยการตําแหนง นาทหารหวั เมืองกาํ หนดใหกรมกลาโหม ระบบการควบคุมกําลงั คนหรือระบบมูลนาย-ไพร มีความสําคัญตอ
มีกรมยอยท่ขี นึ้ สังกัด 2 กรม คือ กรมกลาโหมฝายเหนือ มพี ระธรรมไตรโลกสมหุ - อาณาจักรอยธุ ยาอยางไร
พระกลาโหมเปนเจา กรม ถอื ศักดินา 3,000 และกรมกลาโหมฝายพลําภงั มีหลวง แนวตอบ เนอื่ งจากกาํ ลงั คนเปน ปจ จยั สาํ คญั ในการสรา งอาํ นาจทางการเมอื ง
ศรเี สาวราชภกั ดสี มหุ พระกลาโหมเปน เจากรม ถือศักดนิ า 2,400 กรมกลาโหมนี้ เปน กําลังของกองทพั ยามเกิดสงคราม รวมทั้งเปน แรงงานใหก ับทางราชการ
ปจ จบุ นั คอื กระทรวงกลาโหม ในการทาํ กิจกรรมตางๆ ดังนัน้ สมัยอยุธยาจงึ คิดวิธกี ารควบคุมกาํ ลังคนขน้ึ
2 จตุสดมภ ในสมยั อยธุ ยากําหนดดวงตราประจาํ ตาํ แหนงเสนาบดีกรมเมือง คือ ทเี่ รียกวา ระบบมูลนาย-ไพร โดยกฎหมายกําหนดใหไพรตอ งขึ้นทะเบยี น
ตราพระยมราชขี่สงิ ห เสนาบดกี รมวงั คือ ตราเทพยดาขีพ่ ระนนธกิ าร เสนาบดีกรมคลัง สังกัดมลู นายตามกรมกองตางๆ ซึ่งมูลนายจะตอ งมหี นา ท่ีรบั ผิดชอบความ
คือ ตราบัวแกว สวนตราเสนาบดกี รมนามีถงึ 9 ดวง เชน ตราพิทยาธรถือดอกจงกลนี ประพฤตขิ องไพรท่อี ยใู ตบงั คบั บัญชาของตน ขณะเดยี วกันกต็ อ งใหความ
ตราพระพิรณุ ขน่ี าคทรงเครอ่ื งยืนหลังนาคราช ตราเทพยุดาทรงเครอ่ื งยืนบนแทน ถอื คมุ ครองคนในสงั กัดใหไ ดรับความเปนธรรมดว ย สวนไพรกต็ อ งใหค วาม
เสนเชือก ตราเทพยดุ าทรงเครอ่ื งนงั่ ในบศุ บกหลงั หงส เปนตน เคารพยําเกรงและรับใชม ูลนายของตนเปน การตอบแทน โดยพระมหากษตั ริย
ทรงมอบหมายใหกรมสุรัสวดีทาํ หนาที่เปนผูถือบญั ชไี พรข องทกุ กรมและขนึ้
3 กรมมหาดไทย แบง เปน 4 กรม ไดแก กรมมหาดไทยฝายเหนือ กรมมหาดไทย ตรงตอ พระมหากษตั รยิ วธิ กี ารควบคมุ กาํ ลงั คนดงั กลา วทาํ ใหอ ยธุ ยาสามารถ
ฝายพลาํ ภัง กรมมหาดไทยฝา ยตาํ รวจภธู ร และกรมมหาดไทยฝายตาํ รวจภบู าล ควบคมุ คนใหอ ยรู วมกนั เปน กลมุ กอ นและสะดวกแกก ารปกครองดแู ล รวมทง้ั
กรมมหาดไทยน้ปี จจุบันคือ กระทรวงมหาดไทย สามารถรวบรวมกาํ ลงั พลในการทาํ สงครามปอ งกนั อาณาจกั รไดท ันทว งที
56 คมู อื ครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
ในการสร้างที่อยู่อาศัยจะค�านึงถึงประโยชน์ใช้สอยของพ้ืนที่ โดยมีหลังคาทรงจ่ัว 1. ครูใหนักเรียนรวมกนั แสดงความคิดเหน็ วา
สามเหลยี่ มสงู ชว่ ยลดความรอ้ นจากหลงั คาสพู่ น้ื หอ้ งไดด้ ี เครอ่ื งมงุ หลงั คามกั ใชว้ สั ดใุ นทอ้ งถนิ่ เชน่ การสรา งบานเรือนของอยุธยามีความ
แฝก หญ้าคา จาก ไม ้ กระเบือ้ งดินเผา เปน็ ต้น ช่วยกนั ความรอ้ นนอกหลงั คาส่ตู ัวเรือน ทา� ให้ใน สอดคลองกับสภาพภูมิศาสตรอยา งไร
เรอื นไมอ่ บอ้าว ชายคาท่ยี ื่นยาวออกไปช่วยปอ้ งกนั ฝนสาดเข้าหนา้ ต่างและกนั แสงแดดทีร่ ้อนจดั (แนวตอบ การสรา งบานแบบเรือนไทยของ
ใต้ถนุ เรอื นสูงช่วยปอ้ งกนั น้�าท่วมได ้ เนือ่ งจากพืน้ ท่บี รเิ วณลุ่มแมน่ �้าเจา้ พระยาเปน็ ทร่ี าบลมุ่ เมอื่ ชาวอยธุ ยามีความสอดคลอ งกบั การดํารงชวี ิต
ถงึ ฤดูนา�้ เหนอื หลาก น้า� จะท่วมทกุ ปี แบบชมุ ชนริมนา้ํ และเหมาะกับพ้นื ทีร่ าบลมุ
เรือนสามารถแบง่ ออกตามลักษณะของผอู้ ยอู่ าศัยได ้ ๒ ลกั ษณะ ดังน้ี โดยมกี ารทาํ หลงั คาทรงจัว่ สามเหลยี่ มสูง
เพ่ือชวยลดความรอนจากหลังคาสูพนื้ หอ งไดดี
เรยี กว่า เรเือรอืนนเคขรอ่อื งงขสนุ บั น ำ1เปงน็ เรือนชั้นเดียว เรอื นของไพร่ เครื่องมงุ หลงั คากใ็ ชว ัสดุที่มีอยใู นทอ งถิ่น เชน
เรียกว่า เรือนเคร่ืองผูก เป็นสิ่งก่อสร้าง แฝก หญา คา จาก ไม กระเบอ้ื งดนิ เผา เปน ตน
ใต้ถุนสูง สร้างด้วยวัสดุที่แข็งแรงและทนทาน แบบง่ายๆ เป็นเรือนชั้นเดียวใต้ถุนเต้ีย แต่อยู่ นอกจากนย้ี งั ทําชายคายน่ื ยาวออกไปเพ่ือชวย
เชน่ ไม้สัก ไมเ้ นื้อแข็ง การสร้างตวั เรือนจะใช้ เหนือพื้น จึงท�าให้ป้องกันน�้าท่วมได้ การใช้ ปองกนั ฝนสาดเขามาและกนั แสงแดดรอ นจัด
วิธีสับสอดเข้าปากไม้ ร้อยยึดด้วยเดือยหรือลูก ใต้ถุนเต้ียก็เพ่ือป้องกันมิให้ตัวเรือนถูกพายุ มกี ารสรางใตถุนเรอื นสูงเพื่อปอ งกนั นํ้าทว ม
สลกั ซง่ึ สะดวกตอ่ การร้อื ถอนออกแล้วสามารถ พัดโค่นได้ฉับพลัน เพราะปลูกสร้างด้วยวัสดุ เน่อื งจากพ้ืนท่บี ริเวณลุม แมน ้าํ เจา พระยา
นา� ไปประกอบใหมไ่ ดต้ ามเดมิ ลกั ษณะของเรอื น ไม่ถาวร เช่น ไม้ไผ่ การยึดโครงสร้างของ เปน ท่ีราบลุม เมือ่ ถงึ ฤดูนํ้าหลาก น้าํ จะทว ม
อาจเปน็ เรือนหมู่ สามารถติดต่อถงึ กนั หรอื อาจ ตัวเรือนมักใช้ตอกหรือหวายมัด มักจะปลูก เกาะเมืองทกุ ป)
อยู่รวมกันในบริเวณเดียวกัน เพราะขุนนางมัก เปน็ การชว่ั คราว ถา้ ไพรม่ ฐี านะสงู ขนึ้ สามารถใช้
เปน็ หวั หนา้ ครอบครวั ใหญ่ ทอ่ี ย่อู าศยั แบบขนุ นางได้ 2. ครใู หนักเรียนคน ควา เพ่มิ เตมิ เกี่ยวกบั
ววิ ฒั นาการของบานเรือนไทยสมัยกอ นจนถงึ
สมยั ปจจบุ นั แลว นาํ ขอมูลมาอภิปรายรว มกนั
ในช้นั เรยี น
ดังน้ัน วิธีการสร้างที่อยู่อาศัยของชาวอยุธยาที่เหมาะสมกับฐานะทางสังคมและ
สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติจนกลายเป็นแบบอย่างมาจนถึงปัจจุบัน นับได้ว่าเป็น
ภูมปิ ัญญาและวฒั นธรรมไทยในการสรา้ งที่อยู่อาศัยอยา่ งหนึ่ง ดังจะเหน็ ไดจ้ ากการสรา้ งบา้ นแบบ
เรอื นไทย ในภาคกลางของไทยซ่ึงยงั คงมีใหเ้ ห็นอยู่ในปัจจบุ ัน
๔) ภูมิปัญญำและวฒั นธรรมไทยในกำรบ�ำบัดรกั ษำคนไข ้ การแพทยแ์ ผนไทย
สมัยอยธุ ยาถอื ไดว้ า่ เปน็ ภมู ปิ ัญญาและวฒั นธรรมไทยอย่างหน่ึงในการแกป้ ัญหาโรคภยั ไข้เจบ็ ของ
ผคู้ นในสงั คม โดยมพี ้นื ฐานมาจากความเชอื่ ความร้ ู ความคดิ และการยอมรบั รว่ มกันของคนใน
สงั คม จนสามารถตอบสนองสังคมในการแกไ้ ขปญั หาสุขภาพมาเปน็ ระยะเวลานานนบั ตั้งแตส่ มยั
อยธุ ยาจนถึงปัจจุบัน
57
ขอสอบ O-NET นกั เรยี นควรรู
ขอสอบป ’51 ออกเกย่ี วกับภูมปิ ญ ญาไทยดา นการสรา งท่ีอยูอาศัย
วฒั นธรรมดา นท่อี ยูอาศัยของคนไทยในสมัยกอนจะคลา ยคลงึ กัน 1 เรือนเครือ่ งสับ หรือทเ่ี รยี กกันวา เรอื นฝากระดาน ท่ีเรียกวา เรอื นเคร่ืองสับ
โดยมกั จะสรางบานเรือนใตถ ุนสงู มหี ลงั คาลาดชนั เพราะสาเหตุใด เพราะเคร่อื งมือทใี่ ชส วนใหญ ไดแก มีดเหน็บ หรอื มีดตอกชนิดหวั ใหญ ขวาน
1. อทิ ธพิ ลดานความเชื่อ 2. ภมู หิ ลังทางประวตั ศิ าสตร ส่วิ ชนดิ ตา งๆ ในสมยั อยธุ ยาสามารถซ้ือวัสดสุ ําหรับปลกู เรอื นไดจ ากยานตางๆ
3. อุปนสิ ัยใจคอ 4. สภาพแวดลอ มทางภูมศิ าสตร เชน บา นนางเอยี น เลือ่ ยไมส กั ทาํ ฝาเรอื น ปรงุ เรอื นฝากระดาน บา นกระเบื้อง
วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. การสรา งบา นเรือนอยอู าศยั ของคนไทย ทํากระเบ้อื งขาย เปน ตน
สมัยโบราณจะมีความสัมพนั ธก ับสภาพแวดลอมทางภูมศิ าสตร เชน คนไทย
ทต่ี ้ังบานเรอื นอยูบ ริเวณทร่ี าบลมุ รมิ ฝง แมนา้ํ จาํ เปน ตอ งสรา งบานที่มใี ตถ นุ สูง
เพือ่ ปอ งกนั นํ้าทว มในฤดูนํ้าหลาก มหี ลงั คาทรงจ่วั สามเหลี่ยมสงู ทช่ี วยลด เบศรู ณรากษารฐกิจพอเพยี ง
ความรอ นจากหลังคาสูพ ้ืนหอ งไดด ี รวมทง้ั มหี นา ตางเพอ่ื ใหมีลมพัด
คลายจากความรอนอบอา วจากสภาพภมู ิอากาศของไทยทีอ่ ยใู นเขตรอน
สว นบา นตามชายฝง ทะเลซ่ึงมีพื้นดินเปนดินปนทราย กจ็ ะใชแทง หินหรอื ครขู ออาสาสมคั รนักเรยี นอธิบายหลักการสาํ คัญของหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ
พอเพียง จากนั้นครใู หน กั เรยี นอีกคนยกตัวอยา งภมู ิปญ ญาและวฒั นธรรมไทย
ไมฝงลงในดินกอ นจะนําเสาบา นมาวางเพือ่ ปอ งกนั บานทรดุ และจากการ สมัยอยุธยาทสี่ อดคลอ งกบั หลักการของปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง แลวใหน ักเรยี น
ทตี่ องเผชิญกับฝนตกชุก มลี มแรง จึงสรา งหลังคาเตี้ยลาดชันเพอื่ ลดการ
ปะทะของแรงลม รว มกันแสดงความคดิ เหน็ วา จะสามารถนําหลกั การดังกลา วมาปรบั ใชใ น
ชวี ติ ประจาํ วนั ไดอ ยา งไร
คูม ือครู 57
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ครูซกั ถามนักเรยี นวา คนไทยสมยั อยุธยามี รับผิดช อบเปก็นารสวัดาสง่วระนเ บ1แียสบดแงบใบหแ้เหผ็นนถขึงอกงาระรบอาบศกัยาครแวพามทรยู้ท์สี่หมลัยาอกยหุธลยาายจนอันมีเกกาิดรจจัดากตก้ังหารนท่วดยลงาอนง
วธิ กี ารบําบดั รกั ษาโรคอยางไร และเมอ่ื เทยี บกบั ปรับปรุงแกไ้ ข และแสวงหาแนวทางสา� หรบั แกไ้ ขการเจ็บไข้ได้ปว่ ยของบคุ คลซ่งึ ตลอดชีวิตจะตอ้ ง
การรกั ษาโรคในสมยั ปจ จบุ นั มคี วามแตกตา งกนั ได้ประสบกบั ตนเองไมว่ ่าจะมากหรอื นอ้ ยก็ตาม จนสามารถบา� บัดรกั ษาโรคภยั ไข้เจบ็ ตา่ งๆ ได้โดย
หรอื ไม อยางไร มีเจ้าหน้าท่ีรับผิดชอบเกี่ยวกับการบ�าบัดรักษาคนไข้แตกต่างกันไป เช่น แพทย์รักษาโรคท่ัวไป
(แนวตอบ การรักษาโรคในสมยั อยุธยาจะเปน แพทยร์ กั ษาโรคท่ีเกดิ ข้ึนกบั เดก็ แพทย์รกั ษาโรคตา แพทยร์ ักษาบาดแผลตา่ งๆ แพทย์รักษาโรค
การแพทยแผนไทยทจ่ี ัดเปน ภมู ปิ ญญาและ ดว้ ยการนวด และผทู้ ่ที �าหนา้ ท่ีจดั เตรยี มยา แสวงหาสมุนไพร เปน็ ตน้
วฒั นธรรมไทยในการแกปญ หาโรคภยั ไขเจบ็ นอกจากนยี้ ังมีหนว่ ยงานดูแลเกยี่ วกับการเกบ็ รักษายาสมุนไพร จา� แนกหมวดหม่ยู า 2
ของคนในสงั คม ซง่ึ มีพื้นฐานมาจากความเชื่อ ควบคุมมาตรฐานยา ผลิตยา และต�าราแพทยห์ ลวง หนว่ ยงานน ี้ เรียกว่า โรงพระโอสถ ทัง้ ยงั มี
ความรู ความคดิ และการยอมรับรว มกันของ ชสถาวาบน้าทนี่ข า3กยรโะอจสาถยสอมยนุู่ตไาพมรชทุม่ปี ชรนะทชวั่าไชปน สเพามือ่ าทร�าถกซาื้อรรเคกั รษื่อางโปรครุงตยาาม รมะบหี บมกอาหรลแวพงท หยแ์มผอนพไรทะย และหมอ
คนในสังคม โดยการแพทยแผนไทยสมัยอยุธยา องคค์ วามรเู้ กยี่ วกบั การแพทยข์ องไทยในสมยั อยธุ ยาจดั เปน็ ภมู ปิ ญั ญาและวฒั นธรรม
จะมีการจดั ตัง้ หนว ยงานรบั ผิดชอบเปน สัดสว น เกย่ี วกบั แพทยแ์ ผนไทยทมี่ กี ารสบื ทอดองคค์ วามรดู้ งั กลา่ วมาจนกระทง่ั ถงึ ปจั จบุ นั นบั เปน็ ผลดตี อ่
เชน แบงเปนกรมแพทยย า กรมหมอยา การแพทย์แผนปัจจุบันของไทยที่น�าความรู้ทางการแพทย์แผนไทยโบราณมาใช้บ�าบัดรักษาคนไข้
กรมหมอนวด เปน ตน นอกจากนี้ยังมีหนวยงาน อกี ทางหน่ึงดว้ ย
ดแู ลเกี่ยวกบั การเก็บรักษายาสมนุ ไพร ทเี่ รียกวา
โรงพระโอสถ และมีสถานที่ขายโอสถสมุนไพร ๕) ภูมิปัญญำและวัฒนธรรมไทยในกำรปลูกฝังศีลธรรมให้กับสังคม สังคม
กระจายอยูทวั่ ไปในชมุ ชนเพื่อทาํ การรักษาโรค ไทยสมัยอยุธยาลว้ นมีความศรัทธาต่อพระพทุ ธศาสนาอยา่ งเหนยี วแน่น การไปวดั เพื่อทา� บญุ และ
ตามระบบการแพทยแผนไทย และเม่ือเทียบกบั ฟังธรรมจากพระภิกษุสงฆ์ถือเป็นประเพณีส�าคัญของพุทธศาสนิกชน อย่างไรก็ตาม การท�าบุญ
การรกั ษาโรคในสมยั ปจจุบนั แลวจะมีความ รักษาศลี และฟังธรรมในบางครั้ง ผู้ฟังก็อาจไมส่ จู้ ะเขา้ ใจแต่กศ็ รัทธาตามๆ กนั ไป ดังนั้น การนา�
แตกตา งกันตรงท่วี ธิ ีการรกั ษา โดยปจ จุบันจะมี หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนามาประยกุ ต์ใชใ้ หเ้ กดิ เปน็ เรอ่ื งราวทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั พระพทุ ธศาสนา และ
อปุ กรณเครอ่ื งมือรกั ษาโรคทที่ ันสมยั ใชเ วลา เมอ่ื พระภกิ ษสุ งฆน์ า� ไปเทศนอ์ ธบิ ายใหค้ นทฟี่ งั ธรรมไดเ้ กดิ ความซาบซงึ้ และเหน็ คณุ คา่ ของการฟงั
ไมน านในการรกั ษา มยี าเมด็ ท่รี บั ประทาน แ ละนา� ไปปฏดบิ ังัตนกิ นั้ จ็ ะกเากรดิ ทเป่เี จน็ ้าผฟลา้ ดธีตรร่อมสธังเิคบมศ (เจา้ ฟ้ากุง้ ) 4พระราชโอรสในสมเดจ็ พระบรมราชาธิราช
ไดง า ยและเห็นผลรวดเร็วกวายาสมุนไพร ที่ ๓ (พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ) ทรงนพิ นธ์หนังสือพระมาลยั ค�าหลวง ที่เน้ือหากล่าวถงึ พระมาลัย
แตในชนบทบางแหงก็ยงั มีการใชส มนุ ไพรใน ซึง่ เปน็ พระภิกษุสงฆ์ผู้ปฏิบัติธรรมได้เสด็จลงไปโปรดสตั ว์ในแดนนรก เมอื่ เสด็จขึ้นมาจากนรกได้
การรกั ษาโรคควบคไู ปกับการรกั ษาแผนปจจบุ ัน พบกับพระอนิ ทร์ในสวรรค ์ จึงไดม้ ีการสนทนาถงึ เรอ่ื งการท�าความดีและผลของการกระท�าความดี
ดว ยเชนกัน) ตา่ งๆ หลงั จากนน้ั พระมาลยั จงึ นา� เนอื้ ความเหลา่ นน้ั กลบั มาเทศนาโปรดมนษุ ย ์ พระมาลยั คา� หลวง
จึงเป็นผลิตผลทางภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย เพราะเม่ือพระภิกษุสงฆ์น�าไปเทศน์ให้ชาวบ้าน
2. ครแู ละนกั เรยี นสนทนารวมกันถึงภมู ปิ ญญา ฟงั กด็ ี หรอื มผี อู้ า่ นหนงั สอื พระมาลยั คา� หลวงกด็ ี เทา่ กบั วา่ ผฟู้ งั และผอู้ า่ นไดร้ บั คา� สอนทางพระพทุ ธ
และวัฒนธรรมไทยในการปลูกฝงศีลธรรมใหกับ
คนในสังคม จากนน้ั สมุ นักเรยี น 2-3 คน
แสดงความคิดเหน็ วา พระพุทธศาสนา
มคี วามสาํ คญั ตอคนไทยอยางไร
ศาสนาทเี่ กี่ยวขอ้ งกบั การรกั ษาศีลและการปฏบิ ัติธรรม อนั จะสง่ ผลดตี อ่ ผู้ปฏิบตั ิ
58
นักเรยี นควรรู บูรณาการเช่อื มสาระ
ครูสามารถนําเนอื้ หาเรอ่ื ง ภมู ปิ ญ ญาและวฒั นธรรมไทยในการปลกู ฝง
1 การจดั ตง้ั หนว ยงานรบั ผดิ ชอบเปน สดั สว น ดังจะเหน็ ไดจ ากพระไอยการตําแหนง ศีลธรรมใหกับสังคม ไปบรู ณาการเชอ่ื มโยงกบั วิชาพระพุทธศาสนา หัวขอ
นาพลเรือนและพระไอยการตําแหนงนาทหารหวั เมืองที่ตราขึน้ ในสมยั สมเดจ็ พระบรม- ความสาํ คัญของพระพุทธศาสนา หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา หนา ท่ี
ไตรโลกนาถ ไดม ีการแตงต้งั แพทยข้นึ ในราชการ มยี ศและตําแหนง โดยแบง ออกเปน ชาวพทุ ธ เพื่อทนี่ กั เรียนจะไดเ ห็นคุณคาและความสาํ คัญของพระพุทธศาสนา
กรมตา งๆ เชน กรมหมอยา กรมหมอกุมาร กรมหมอนวด กรมหมอยาตา เปน ตน ในการเปนรากฐานของวัฒนธรรมไทยและเปน เครือ่ งมือในการกลอมเกลาจิตใจ
2 ยา มีมากมายหลายขนาน ดังจะทราบไดจากตําราโอสถพระนารายณ ซงึ่ ไดร ับ ของผูคนในสังคมเพอ่ื การอยูรวมกันอยา งสงบสุข และครแู นะนําใหนักเรยี น
การรวบรวมขน้ึ ในสมยั สมเดจ็ พระนารายณมหาราช และไดร ับความเช่ือถอื ในหมู ปฏิบตั ิตนเปน ชาวพทุ ธท่ีดใี นการเขา รวมพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา
หมอยามาจนถึงสมยั รตั นโกสินทร และนําผลการปฏิบัติมานาํ เสนอในชัน้ เรยี น
3 หมอชาวบา น หรือหมอเชลยศกั ดิ์ บําบัดอาการปว ยไขในเบอ้ื งตน ดว ยการนวด
โดยใชเทาเหยียบไปบนรางกายคนไขเ พอ่ื ใหเสน สายยดื รวมถงึ การใหยาดวย
4 เจา ฟา ธรรมธเิ บศ (เจา ฟา กงุ ) ทรงดาํ รงตําแหนงกรมพระราชวังบวรสถานมงคล
พระองคแรกในสมัยพระเจา อยูหวั บรมโกศ ทรงเปน กวีเอกนิพนธบทเหเรอื และบทเห
ตา งๆ เชน บทเหเ รือ่ งกากี บทเหส ังวาส รวมท้งั กาพยห อ โคลงนิราศธารทองแดง
58 คูมือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
การใชว้ รรณกรรมของพระพทุ ธศาสนาสอนคนใหร้ จู้ กั บาปบญุ คณุ โทษ นบั เปน็ ความชาญ ครูใหน กั เรียนยกตวั อยา งภมู ปิ ญญาไทยทาง
ฉลาดในการปลูกฝังคนไทยให้ท�าดีเว้นชั่ว โดยผ่านทางหนังสือพระมาลัยค�าหลวง ซง่ึ ในปจั จบุ นั ดานศิลปกรรมสมยั อยธุ ยาท่ีนกั เรยี นรูจกั พรอมทัง้
ยงั มปี ระเพณสี อนคนทย่ี งั มชี วี ติ อยดู่ ว้ ย การสวดพระมาลยั หนา้ ศพทตี่ งั้ บา� เพญ็ กศุ ลทวี่ ดั หรอื ทบ่ี า้ น อธบิ ายความสาํ คญั หรอื คณุ คาของภูมิปญ ญาและ
หรอื พระภกิ ษสุ งฆก์ อ็ าจนา� สาระสา� คญั ในหนงั สอื พระมาลยั คา� หลวงไปเทศนส์ ง่ั สอนคนได้ ความงดงามทางทัศนศลิ ป
มหี ลายสาขา ๖เ)ช น่ ภ ูมสถิปาัญปญตั ยำกแรลรมะว ปัฒรนะตธิมรารกมรไรทมย 1จดติ ้ำรนกศรริลมป 2กปรรระณม ีตศศิลลิ ปปก เรปรน็มตไท้นยในสมัยอยุธยา (แนวตอบ ภูมปิ ญ ญาทางดานศลิ ปกรรมไทย
สมยั อยุธยามีมากมาย เชน
ศลิ ปกรรมไทยสมยั อยธุ ยาเปน็ รากฐานสา� คญั อยา่ งหนง่ึ ในการเรยี นประวตั ศิ าสตร์ไทย
สมยั อยธุ ยา ผลงานทางดา้ นศลิ ปกรรมของศลิ ปนิ ไทยสมยั อยธุ ยาไดก้ อ่ ใหเ้ กดิ ความงามและคณุ คา่ • เครอื่ งทองกรพุ ระปรางคว ัดราชบรู ณะ
ของภมู ปิ ญั ญาและวฒั นธรรมไทย อนั จะทา� ใหผ้ สู้ นใจชว่ ยกนั รกั ษาหวงแหนสมบตั ขิ องชาตเิ พอื่ เปน็ มคี วามสําคญั อยางยิ่งในฐานะทเ่ี ปนกรุ
เกียรตปิ ระวตั ิของชาติไทยสืบไป เกาแกท ีร่ วบรวมผลงานศลิ ปกรรมไทย
สถาปตั ยกรรมในสมยั อยธุ ยาสว่ นใหญเ่ ปน็ สงิ่ กอ่ สรา้ งในพระพทุ ธศาสนา เพราะคนไทย สมยั โบราณอนั ทรงคณุ คา ทั้งทางดาน
ตั้งแต่สมัยก่อนหน้าที่จะสถาปนาอาณาจักรอยุธยาจนถึงสมัยอยุธยาล้วนมีความเล่ือมใสศรัทธา ประวัตศิ าสตรและโบราณคดี เครอ่ื งทอง
ในพระพทุ ธศาสนาเป็นอย่างมาก ดังนั้น ส่ิงก่อสรา้ งตา่ งๆ จึงสร้างข้ึนอยา่ งสดุ ความคดิ สดุ ฝีมอื ท่ีพบ เชน พระคชาธารทองคาํ ประดบั
และใช้วสั ดทุ ีด่ ที ีส่ ดุ ทส่ี า� คัญ เช่น เจดีย ์ พระปรางค์ โบสถ ์ วิหาร มณฑป หอระฆัง หอไตร เปน็ ต้น อญั มณี ซ่งึ ชา งไทยไดออกแบบโดยถอด
นอกจากน้ี สงิ่ ก่อสร้างทเี่ กยี่ วข้องกบั พระมหากษตั รยิ ์ เชน่ พระราชวัง พระทน่ี ่งั ต่างๆ ยอ่ มกระทา� รปู แบบเหมอื นกับชางจรงิ งวงชูใบไม
ขน้ึ อยา่ งสุดฝมี อื เช่นเดียวกัน เพราะเป็นสง่ิ ก่อสร้างส�าหรบั องค์สมมติเทพ มีสัปคบั และกําไลขอเทา ท้ังสี่ เคร่อื งประดับ
ศรี ษะและรอบฐานทําเปน ลวดลายประดับ
3 อญั มณี ศิราภรณส ตรี เปน งานถกั เสนทอง
โดยทําเปน มวนเปน เสน เลก็ ๆ แลวนาํ มา
วดั พระศรสี รรเพชญ์ เปน็ วดั สาำ คญั ในเขตพระราชวงั หลวงเทยี บไดก้ บั วดั พระศรรี ตั นศาสดาราม กรงุ เทพมหานคร โดยสมเดจ็ ถักเชอ่ื มตอเปน รปู กลบี บัว มลี วดลายอยู
พระบรมไตรโลกนาถโปรดใหส้ ร้างขน้ึ เพ่ือเปน็ ท่สี าำ หรบั ประกอบพธิ ีสาำ คญั ต่างๆ จงึ เป็นวัดทไ่ี มม่ พี ระสงฆ์จาำ พรรษา รอบขางและมเี สน ขอบทองท่แี สดงใหเ หน็ ถงึ
ความเบาบาง จัดเปน เครอ่ื งทองที่ใชเทคนคิ
59 วิธใี นการทาํ ชนั้ สงู ของชา งอยธุ ยา
• จิตรกรรมฝาผนังรปู อดีตพระพุทธเจา
ในกรงุ พระปรางควัดราชบูรณะ
เปน ศิลปกรรมทม่ี คี ุณคา สาํ หรบั การศึกษา
คน ควา ทางประวตั ิศาสตรหรือศาสตรอ ่ืนๆ
ซึง่ การใชส ีของงานจติ รกรรมจะเนน สแี ดง
เปน หลัก โดยใชทั้งการวาดเสนและลงพนื้
สีดาํ ประกอบดว ย ที่นาสนใจก็คอื การใช
ทองคาํ เปลวปดบนรปู อดตี พระพทุ ธเจา
เพือ่ เนนวาเปน บุคคลสําคญั ภายในภาพน้ัน)
แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด นักเรยี นควรรู
การสรา งสรรคศลิ ปวัฒนธรรมของชาวไทยสมยั อยุธยาไดร บั อทิ ธิพล 1 ประตมิ ากรรม ในชวงแรกนิยมสรา งพระพทุ ธรูปศิลปะแบบอทู อง เชน
จากขอ ใดมากทส่ี ุด พระพุทธรปู องคใ หญท ่ีวดั พนัญเชงิ ตอ มาสมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถครองราชสมบตั ิ
ทีเ่ มอื งพิษณโุ ลก ประติมากรรมในยุคนจี้ ึงไดร ับอทิ ธิพลจากศลิ ปะสุโขทัย
1. พระพุทธศาสนา
2. การประกอบอาชพี 2 จิตรกรรม ในชวงแรกไดร ับอทิ ธพิ ลมาจากศิลปะลพบุรี สุโขทัย และลังกา
3. ธรรมชาตทิ ง่ี ดงาม รวมอยูดวยกนั เปน ภาพที่มีลกั ษณะแข็งและหนัก ใชส ีดาํ ขาว และแดง เชน
4. อารยธรรมตะวันตก ภาพเขยี นบนผนงั กรพุ ระปรางคว ัดราชบูรณะ ในระยะหลังจิตรกรรมจะเปนภาพวาด
เก่ียวกับเรื่องไตรภมู ิ ซ่งึ มีภาพพทุ ธประวัติรวมอยดู วย และแสดงใหเหน็ ถึงการรบั
วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 1. เนื่องจากพระพทุ ธศาสนาเปน ศาสนาที่ อิทธิพลจากศลิ ปะสุโขทัยมากข้ึนโดยเฉพาะภาพวาดท่ีมีการระบายดว ยสีหลายสี
คนไทยสมัยอยุธยาสว นใหญน ับถอื งานศลิ ปวฒั นธรรมตางๆ จงึ ไดร ับ 3 วดั พระศรสี รรเพชญ เปนสถานทปี่ ระดษิ ฐานพระศรสี รรเพชญ พระพุทธรูป
แรงบนั ดาลใจจากพระพทุ ธศาสนา อีกทั้งพระมหากษัตรยิ ท รงใหก ารอปุ ถัมภ สาํ คญั ของพระนคร เปน สถานทปี่ ระกอบพระราชพธิ สี าํ คญั ตา งๆ ของพระมหากษตั รยิ
ดังจะเห็นไดจากการสรางวัดวาอาราม พระพุทธรูป งานจติ รกรรมเก่ยี วกับ และพระบรมวงศานวุ งศ เชน พระราชพธิ ถี อื นา้ํ พระพพิ ฒั นส ตั ยา เปน ตน รวมทง้ั เปน
พุทธประวัติ ชาดก ตพู ระธรรม ธรรมาสนส ําหรับพระสงฆแ สดงธรรมเทศนา ทีบ่ รรจพุ ระบรมอัฐขิ องพระมหากษตั ริยและพระอฐั ขิ องพระบรมวงศานวุ งศ
หรอื ประเพณที ่ีสืบทอดมาจากสุโขทยั อันเก่ยี วเนือ่ งในพระพทุ ธศาสนา เชน ภายในวดั มีพระเจดียทรงกลมขนาดใหญต งั้ เรยี งกนั 3 องค คนั่ ดวยพระมณฑป
ประเพณกี ารสรา งวัดในเขตพระราชวัง ประเพณกี ารบวช ประเพณีการ ซง่ึ ปจ จบุ ันไดพ ังทลายลงเหลอื แตส วนฐาน
ทอดกฐิน เปนตน คูมอื ครู 59
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Expand Evaluate
Explain
อธบิ ายความรู
1. ครูใหน ักเรยี นดูภาพจากหนังสือเรยี น หนา 60 ประตมิ ากรรมสมยั อยธุ ยาเปน็ การปน้ั การแกะสลกั และการหลอ่
จากนนั้ อภิปรายรว มกนั ถึงความสาํ คัญหรือ เปน็ รปู ตา่ งๆ เนอื่ งจากคนไทยนบั ถอื พระพทุ ธศาสนาดว้ ยความศรทั ธา
คณุ คา ของภมู ปิ ญญาไทยดังกลาว และมีความเชื่อเกี่ยวกับศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู ศิลปินไทยสมัย
อยุธยาจงึ ไดส้ รา้ งประตมิ ากรรมเน่อื งในศาสนาได้อย่างสวยงาม
2. ครูใหน กั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ รวมกนั ถงึ จิตรกรรมสมัยอยุธยาล้วนเป็นภาพเขียนสี นิยม
แนวทางการอนรุ กั ษภ มู ปิ ญ ญาและวฒั นธรรมไทย เขียนเป็นพุทธบูชาตามผนังโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ
ทางดา นศลิ ปกรรมใหค งอยูคูส งั คมไทย จากนนั้ ในคูหาภายในองคพ์ ระปรางค์ สถปู เจดยี ์ และในสมุดไทย
ใหนักเรยี นสรปุ สาระสําคญั ลงสมุดจดงานสง ครู
ผสู อน
ขยายความเขา ใจ Expand เปน็ ตน้ ภาพจิตรกรรมเหล่าน้ลี ว้ นมคี ุณค่าทางหลกั วชิ าการ
เป็นแบบอย่างงานศิลปะท่ีมีเอกลักษณ์เฉพาะ และยัง
เป็นความรู้ท่ีแสดงให้เห็นถึงความเป็นมาทาง
ครูใหนักเรียนเขยี นเรียงความเกย่ี วกับผลงาน ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ศาสนา วัฒนธรรม
ทางศิลปกรรมไทยสมยั อยุธยาท่ขี า พเจา ชนื่ ชอบ และจารตี ประเพณีอันมมี าแตโ่ บราณดว้ ย
มากที่สดุ ความยาวไมเ กนิ 1 หนา กระดาษรายงาน พระพุทธรูปทรงเคร่ือง 1ประดิษฐานภายในอุโบสถวัดหน้า 2ส่วนประณีตศิลปเป็นศิลปะประเภท
จากน้นั ออกมานาํ เสนอหนาชนั้ เรียน เเคครรอื่่ืองงทใชอง้ 3ทเคมี่ รฝี ื่อมี งอื ปสรวะยดงับามตแกลแะตป่งร ะณเคตี ร เื่อปงน็ เตงินน้
พระเมรุ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สันนิษฐานว่าสร้างขึ้น
ในสมยั สมเด็จพระเจา้ ปราสาททอง
อนั สะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ ภมู ปิ ญั ญาและวฒั นธรรมของไทย ศลิ ปะประเภทงานฝมี อื ของไทยสมยั อยธุ ยา
มีความเจริญรุ่งเรืองอยา่ งมาก เพราะชา่ งสามารถประดิษฐล์ วดลายสวยงามไดอ้ ย่างวิจิตรบรรจง
ผลงานดา้ นศลิ ปกรรมสาขาตา่ งๆ ในสมยั อยุธยา ล้วนแต่ไดร้ บั การสรา้ งสรรคข์ ึ้นด้วย
ความสวยงาม ประณีต ซึ่งสะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ วธิ คี ิด ความสามารถและความชา� นาญของศลิ ปิน ท้ัง
ยังเป็นหลักฐานทางประวตั ศิ าสตร์และโบราณคดี ตลอดจนวฒั นธรรมของผคู้ นในสมยั น้นั นับเปน็
ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยท่ีส�าคัญอย่างหน่ึงในสมัยอยุธยา ซ่ึงเป็นพ้ืนฐานศิลปกรรมไทย
สมัยหลงั ต่อมา และเปน็ มรดกตกทอดทมี่ คี ุณคา่ ตอ่ วฒั นธรรมไทยในปัจจุบันอีกด้วย
๗) ภมู ปิ ญั ญำในกำรอยรู่ ว่ มกนั ทำ่ มกลำงควำมหลำกหลำยทำงสงั คม กรงุ ศรอี ยธุ ยา
ตั้งอยู่ระหว่างจีนกับอินเดีย จึงเป็นเมืองท่าท่ีส�าคัญของโลกในขณะนั้น รวมท้ังเป็นที่รวมของ
หมชู่ นหลากหลายเชอ้ื ชาตแิ ละวฒั นธรรม ชาวตา่ งชาตทิ เ่ี ขา้ มาอยู่ในกรงุ ศรอี ยธุ ยาไดต้ งั้ เปน็ ชมุ ชน
ของชนชาตติ น ทีส่ า� คัญ มีดังน้ี
(๑) ชมุ ชนชาวจนี ชาวจนี สว่ นใหญน่ บั ถอื พระพทุ ธศาสนาและลทั ธขิ งจอื๊ มอี าชพี
คา้ ขาย และมคี วามชา� นาญในการเดนิ เรอื จนไดร้ บั มอบหมายใหเ้ ปน็ ผคู้ วบคมุ เรอื หลวงทนี่ า� คณะทตู
บรรณาการของอยุธยาไปจีน ชาวจีนหลายคนได้รับราชการในต�าแหน่งสูงๆ เช่น พระศรีพิพัฒน์
ต�าแหนง่ หัวหน้ากรมทา่ พระยายมราช ตา� แหน่งเสนาบดกี รมเมอื ง เป็นตน้
6๐
นกั เรียนควรรู บูรณาการเชื่อมสาระ
ครูสามารถนาํ เนอ้ื หาเรอื่ ง ภูมิปญญาและวัฒนธรรมไทยดานศลิ ปกรรม
1 พระพทุ ธรปู ทรงเครอื่ ง มพี ทุ ธลกั ษณะโดดเดน เปน เอกลักษณเฉพาะของสมยั ไปบูรณาการเช่ือมโยงกับกลุมสาระการเรยี นรศู ิลปะ วชิ าทัศนศิลป หวั ขอ
สมเดจ็ พระเจาปราสาททอง คอื มพี ระขนงโกง เปลือกพระเนตรใหญ พระนาสิกงมุ ผลงานทัศนศิลปสมัยอยธุ ยา เพือ่ ใหน ักเรยี นไดเห็นคณุ คาและความงดงาม
ทรงเครื่องทรงซงึ่ ประกอบดวย มงกุฎ กุณฑล กรองศอ สงั วาล 2 เสน เฉวยี งพระองั สา ของภูมปิ ญญาดานศลิ ปกรรมสมัยอยุธยา นอกจากน้ียังสะทอ นใหเ หน็ ถงึ
ทงั้ สอง ทบั ทรวง พาหรุ ัด ทองพระกร และทองพระบาท ความเชอ่ื และความเลือ่ มใสศรทั ธาของคนไทยสมัยอยธุ ยาท่ีมตี อ พระพุทธ-
2 เครอื่ งใช เชน เคร่อื งเบญจรงค ใชส หี ลกั อยู 5 สี ไดแก สแี ดง เหลือง ขาว ดาํ ศาสนาและความจงรักภกั ดีตอ พระมหากษตั รยิ จนทาํ ใหเ กดิ การสรา งสรรค
เขียวหรอื นา้ํ เงนิ เปนเครอ่ื งถว ยทสี่ ่ังทํามาจากจีน แตลวดลายสสี นั เปน ฝม อื เขียนของ ภูมปิ ญ ญาท่ีเปน มรดกทางวฒั นธรรมไทยข้ึนเปน จํานวนมาก
ชางไทย ขั้นตอนการทาํ คอื ไทยสั่งเครือ่ งถว ยกระเบ้ืองขาวจากจีน จากน้นั ชางไทย
เขยี นลายไทยลงบนเคร่อื งถว ย แลวสงกลบั ไปเผาท่จี ีน กจิ กรรมทา ทาย
3 เครอื่ งทอง มีการพบเคร่อื งทองมากกวา 2,000 รายการ ทองคาํ
นํ้าหนักกวา 100 กิโลกรัม และยงั พบพระพมิ พกวา แสนองคท่ีกรพุ ระปรางค ครใู หน กั เรยี นสบื คน เกยี่ วกบั ภมู ปิ ญ ญาทางดา นศลิ ปกรรมอยธุ ยาเพมิ่ เตมิ
วัดราชบูรณะ โดยพระพิมพส ว นหน่ึงไดใหประชาชนเชา บชู าเพ่ือนํารายไดมาเปนทุน จากนนั้ ใหน กั เรยี นจดั ทาํ สมดุ ภาพภมู ปิ ญ ญาไทยในหวั ขอ “ศลิ ปกรรมอยธุ ยา
สรางพิพิธภณั ฑสําหรับเก็บรักษาโบราณวตั ถุเหลา น้ี ซึ่งตอมาไดต ้ังช่ือวา ลา้ํ คา ควรเมอื ง” และนาํ เสนอทหี่ นา ชนั้ เรยี น
พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหงชาติ เจา สามพระยา
60 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Evaluate
Expand Expand
ขยายความเขา ใจ
(๒) ชุมชนชาวญี่ปุ่น ชาวญ่ีปุ่นนับถือลัทธิชินโตและพระพุทธศาสนา ส่วนหนึ่ง 1. ครใู หนกั เรยี นจัดทําแผน พับเก่ยี วกับภูมิปญ ญา
มอี าชพี คา้ ขาย บางสว่ นไดส้ มคั รเปน็ กองทพั อาสาสมคั รชาวญปี่ นุ่ จนไดด้ า� รงตา� แหนง่ พระเสนาภมิ ขุ ในการอยรู ว มกันทา มกลางความหลากหลาย
มีศักดินา ๑,๐๐๐ ไร่ เป็นเจ้ากรมอาสาญี่ปุ่น และมีอาสาสมัครญ่ีปุ่นคนหน่ึงรบชนะหลายครั้ง ทางสงั คมสมัยอยธุ ยา ท่ปี ระกอบดว ยขอ มลู
จนได้รับพระราชทานยศเป็นถึงออกญาเสนาภมิ ุข และภาพประกอบตกแตง ใหส วยงาม
แลวนําเสนอหนาชั้นเรียน
(๓) ชุมชนชาวโปรตุเกส ชาวโปรตุเกสนับถือคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก
สว่ นใหญเ่ ปน็ พอ่ คา้ เอกชน รบั ราชการ เปน็ ทหารอาสา (รบั จา้ ง) และลา่ มผเู้ ชย่ี วชาญ ชาวโปรตเุ กส 2. ครทู ดสอบความรเู กี่ยวกบั ความหลากหลาย
ยังไดน้ �าภูมิปัญญาสมัยใหมม่ าใช้ในอยุธยา เช่น การผ่าตัดคนไข ้ การก่อสร้างอาคารสูงแบบก่ออฐิ ทางสังคมไทยสมัยอยุธยา ดวยการให
ถือปูน การตดั ถนน การวางผังเมือง เปน็ ตน้ นกั เรียนทํากจิ กรรมท่ี 2.9 จากแบบวดั ฯ
ประวัตศิ าสตร ม.2
(๔) ชุมชนชาวฝร่ังเศส ชาวฝร่ังเศสที่เดินทางมาถึงอยุธยาเป็นพวกแรก คือ
พวกบาทหลวงท่ีมาเผยแผค่ รสิ ตศ์ าสนา ตอ่ มา คือ พวกพอ่ คา้ ทา� ให้อยุธยาได้รบั วฒั นธรรมและ ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ
ภมู ปิ ญั ญาสมยั ใหมจ่ ากชาวฝรงั่ เศสหลายอยา่ ง เชน่ การกอ่ สรา้ งราชธานที ลี่ พบรุ ี การทา� นา�้ ประปา ประวัตศิ าสตร ม.2 กจิ กรรมที่ 2.9
ท่พี ระราชวังลพบรุ ี การฝึกหัดทหารอยุธยาให้ชา� นาญยทุ ธวธิ แี บบฝรง่ั เศส เปน็ ตน้ หนวยที่ 2 พฒั นาการของอาณาจกั รอยธุ ยา
(๕) ชมุ ชนชาวแขก ชาวแขกมหี ลายเชอ้ื ชาติ แต่นบั ถอื ศาสนาอสิ ลามเหมอื นกนั กิจกรรมท่ี ๒.๙ ใหนักเรียนดูภาพการสรางสรรคภูมิปญญาและวัฒนธรรม คะแนนเต็ม คะแนนทไี่ ด
เชน่ แขกเซน็ (เปอรเ์ ชยี ) แขกมวั ร ์ แขกมกั กะสนั แขกมลาย ู เปน็ ตน้ และแขกอนิ เดยี ทน่ี บั ถอื ศาสนา ของอยุธยาท่ีกําหนดให แลวเติมขอความใหถูกตองและ
ตฮนิ�าแดหู แนขง่ สกูงเห ลเช่า่นน ีเ้ ขแา้ขมกาเคซ้าน็ ขชาายว เบปาองรค์เชนียตทงั้ ห่ชี ่อื้าง คเฉา้ ขกาอยะจหนมรดั �่า ร1เวขย้า รบบั ารงาคชนกเาขรา้ จรนับไรดาเ้ชปกน็ าถรงึจเนจไา้ ดพ้รรบั ะยยศา ñð
เฉกอะหมดั รัตนาธบิ ดี สมหุ นายก เป็นตน้
ทา่ มกลางความหลากหลายทางเชอื้ ชาตแิ ละวฒั นธรรมของชมุ ชนตา่ งๆ แตท่ กุ คน สมบรู ณ (ส ๔.๓ ม.๒/๓)
สามารถดา� รงชวี ติ อยรู่ ว่ มกนั ไดใ้ นสงั คมอยธุ ยา มกี ารแลกเปลย่ี นวฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาระหวา่ งกนั
ขณะทพี่ ระมหากษตั รยิ อ์ ยธุ ยากท็ รงเออื้ เฟอ้ื และอนญุ าตใหส้ ามารถดา� เนนิ ชวี ติ อยไู่ ดอ้ ยา่ งปกตสิ ขุ ความสําคญั ตอ ชาตทิ ส่ี งผลจนถึงปจ จบุ ัน ………………………
นับได้ว่าสังคมไทยสมัยอยุธยาเป็นสังคมที่สามารถผสมผสานความหลากหลายทางเช้ือชาต ิ ...................ก....ร...ุง...ศ....ร....ีอ....ย...ุธ...ย....า...เ.ป....น.....ศ....ูน....ย....ก....ล....า...ง...ท....า...ง...ก....า...ร....ค....า..ท....่ี.ส....ํา...ค....ัญ.......
วัฒนธรรมและภูมิปัญญาต่างๆ ให้เข้ากันได้เป็นอย่างดี และเป็นแบบอย่างของสังคมไทยสมัย
ต่อมาอกี ด้วย ..จ....ึง...ก....ล....า...ย...เ..ป....น....ท....ี่ร....ว...ม...ข...อ....ง...ก....ล....ุม....ช...น....ห....ล....า...ก....ห....ล....า...ย...เ..ช...้ือ....ช...า...ต....ิ ....เ..ช...น.......
..ช...า...ว...ญ.....ี่.ป...ุ.น.....ท....่ีไ...ด....เ..ข....า...ม...า...อ....า...ศ....ัย....อ....ย...ู.เ..ป....น.....ก....ล....ุม.........จ....น....ก.....ล....า...ย...เ..ป.....น.......
..ห....ม...บู....า...น....ช...า...ว..ญ.....ป่ี....นุ.......ส....ว..น.....ห....น....ง่ึ...ม....อี ...า...ช...พี ....ค...า...ข...า..ย......ส....ว...น....ห....น.....งึ่ ...ส....ม...คั....ร......
..เ..ป...น. ....ก....อ...ง...ท....พั....อ....า...ส....า..ช...า...ว...ญ.....ปี่ ....นุ .......ห....ร...อื....เ.ข...า...ร...บั....ร....า..ช...ก....า...ร......ท....าํ...ใ..ห....เ..ก....ดิ ......
กองทหารอาสาญ่ีปนุ ในกองทัพอยุธยา ..ก....า...ร...แ...ล....ก....เ..ป....ล....ยี่ ...น.....ภ...มู....ปิ....ญ.....ญ....า...แ...ล....ะ...ว...ัฒ.....น....ธ....ร...ร...ม....ร...ะ...ห....ว...า...ง...ก....ัน.................
..................อ....า...จ....ก....ล.....า...ว...โ...ด....ย....ส....ร....ุป.....ไ..ด.....ว....า...แ...ม....ส.....ัง....ค....ม....อ....ย...ุธ....ย....า...จ...ะ...ม....ีค.....ว...า...ม....ห....ล....า...ก....ห.....ล....า...ย....ท....า...ง....เ..ช...ื้อ....ช...า...ต....ิ.....ว...ัฒ......น.....ธ...ร....ร....ม.....
.แ....ล....ะ..ภ....ูม....ิป....ญ.....ญ.....า.......แ....ต....ท....ุก....ค....น.....ส....า...ม....า...ร...ถ....ด....ํา...ร....ง...ช...ีว...ิต....อ....ย...ู.ร...ว...ม....ก....ัน.....ไ..ด.........อ....ย...ุธ....ย...า...จ....ึง...เ..ป....น.....ส....ัง....ค....ม...ท....่ี.ผ...ส....ม....ผ....ส....า...น.....ค....ว...า...ม.....
.ห....ล....า...ก....ห....ล...า...ย...แ....ล...ะ...เ..ป...น. ....แ...บ....บ....อ....ย...า...ง...ข...อ...ง...ส.....งั ...ค....ม...ไ...ท....ย...ใ...น....ส....ม....ยั ...ต....อ...ม....า..อ....กี....ด....ว ..ย.............................................................................................
เฉลยฉบับ .....................................................................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................................................................
กล่าวโดยสรุป อาณาจกั รอยุธยามีพัฒนาการยาวนานถงึ ๔๑๗ ป ี พระมหากษตั รยิ ์ ความสําคัญตอ ชาตทิ ี่สง ผลจนถงึ ปจ จุบนั ………………………
...................ง...า...น....ป....ร...ะ...ณ.....ตี....ศ....ลิ....ป....ป....ร...ะ...เ.ภ....ท....เ..ค....ร...อื่....ง...ใ...ช... ...เ.ค....ร....อ่ื ...ง...ป....ร....ะ..ด....บั.......
และราษฎรไทยในสมัยอยุธยาได้สร้างสรรค์สิ่งที่มีคุณค่าให้กับสังคมไทยท้ังในด้านการเมือง ..เ..ค....ร....ื่อ....ง...เ..ง...ิ.น.........เ..ค....ร....ื่อ...ง....ท....อ....ง........ส....ะ...ท.....อ...น.....ใ...ห....เ..ห....็น.....ถ....ึง....ภ...ู.ม...ิป.....ญ.....ญ.....า.....
..ว...ฒั.....น.....ธ...ร...ร....ม...ข...อ....ง...ไ..ท....ย........ท....ี่ล....ว ..น.....ไ..ด....ร....บั....ก....า...ร...ส....ร....า...ง...ส....ร...ร....ค....ข...น้ึ....ด....ว...ย......
การปกครอง เศรษฐกิจ สังคม ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตลอดจนภูมิปัญญาและ ..ค....ว...า...ม....ส....ว...ย....ง...า...ม.........ป....ร...ะ...ณ.....ี.ต....บ....ร....ร....จ...ง........ซ....ึ่ง....ส....ะ...ท....อ....น....ใ...ห.....เ.ห....็.น....ถ....ึง......
..ว...ธิ ...คี ....ดิ ........ค....ว...า..ม....ส....า...ม...า...ร...ถ....แ...ล....ะ...ค....ว...า..ม....ช...ํา...น....า...ญ.....ข...อ...ง....ศ...ลิ....ป....น.........ท....้ัง...ย...งั......
วฒั นธรรมไทย อนั มผี ลตอ่ ความเจรญิ กา้ วหนา้ ของอาณาจกั รอยธุ ยาทม่ี มี ากขนึ้ ตามลา� ดบั กอ่ น เคร่อื งทองทเ่ี ปน เคร่อื งราชปู โภคสมัยอยุธยา ..เ..ป....น....ห....ล....ัก....ฐ....า...น....ท....า...ง...ป....ร....ะ...ว..ัต....ิศ....า...ส....ต....ร....แ...ล....ะ...โ..บ.....ร...า...ณ.....ค....ด....ีท....ี่ส.....ํา...ค....ัญ.......
.เ..ป.....น....พ....ื้.น....ฐ....า...น.....ข...อ....ง...ศ....ิล....ป....ก.....ร...ร....ม....ส....ม....ัย....ห....ล....ัง...ต.....อ...ม....า........แ...ล....ะ...เ..ป....น.....ม....ร....ด....ก....ต....ก....ท....อ....ด....ท....่ี.ม...ีค....ุ.ณ.....ค.....า...ต....อ....ว...ัฒ.....น.....ธ...ร....ร....ม...ไ...ท....ย......
ในปจ จบุ นั อีกดว ย.....................................................................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................................................................
(พจิ ารณาคาํ ตอบของนักเรยี น โดยใหอยูใ นดุลยพินิจของครูผูสอน)
๒๖
จะถึงการส้ินสุดยุคที่กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี การสร้างสรรค์ความเจริญท้ังหลายเหล่านี้
ได้กลายเป็นแบบอย่างและได้รับการสานต่อจากสังคมไทยในสมัยหลังต่อมาจนถึงปัจจุบัน
เนื่องจากความเจริญทางด้านต่างๆ เหล่านี้ยังคงมีคุณค่าและคุณประโยชน์ต่ออนุชนรุ่นหลัง
ส�าหรับการพฒั นาชาตไิ ทยสบื ต่อไปในอนาคต 6๑
แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ นกั เรยี นควรรู
จากคาํ กลา วทว่ี า “กรงุ ศรอี ยธุ ยาเสมอื นจําลองสรวงสวรรคล งมาไว 1 เฉกอะหมดั เฉกอะหมดั หรือ เชคอะหมัด กูมี เปนวงศช ้ันที่ 1 ของ
บนพื้นโลก” นักเรยี นเหน็ ดว ยหรือไม เพราะเหตใุ ด ตระกูลบุนนาค เดินทางมายังกรงุ ศรอี ยุธยาในรชั สมยั สมเด็จพระเจาทรงธรรม
แนวตอบ เห็นดวย ดังจะทราบไดจ ากหลักฐานทางประวตั ศิ าสตรซ ง่ึ เปน มคี วามสามารถทางการคาขาย จนไดรับยกยองเปนมหาเศรษฐีคนหนึง่ ใน
ประจักษพ ยานใหคนรุนหลงั ไดเหน็ และรับทราบถึงความเจริญรงุ เรอื งและ กรุงศรอี ยุธยา ตอ มาไดแตง งานกบั หญงิ ไทย และรบั ราชการจนไดรับการแตง ตง้ั
ความสวยงามของกรุงศรีอยธุ ยา ราชธานีของไทยในอดีต ไมว า จะเปน เปน ขนุ นางกรมทาขวา ช่อื วา พระยาเฉกอะหมดั รัตนราชเศรษฐี เจา กรมทา ขวาวา ที่
เครอื่ งทองทเ่ี ปนเคร่อื งราชปู โภคสมัยอยุธยาซ่ึงขดุ พบทกี่ รุพระปรางค พระยาจุฬาราชมนตรี ตอมาไดเลื่อนตําแหนง เปน เจา พระยาพระคลัง ภายหลงั
วัดราชบูรณะ ซง่ึ ประกอบดวยวัตถลุ ้ําคา ท่ีประเมนิ คามิได หรอื พระพุทธรูป ไดร ับโปรดเกลา ฯ แตงตงั้ ใหดาํ รงตําแหนง สมหุ นายก ทเ่ี จาพระยาเฉกอะหมัด
ทรงเครื่อง พระประธานในวดั หนาพระเมรุ ท่ยี ังเหลอื รอดจากการถกู ทาํ ลาย อรรคมหาเสนาบดกี รมมหาดไทย และในสมัยสมเดจ็ พระเจา ปราสาททอง
เมือ่ ครง้ั เสียกรงุ ลวนแสดงใหเหน็ ถึงฝมอื ของชา งศลิ ปไทยสมยั อยุธยา ไดเลือ่ นยศเปน เจา พระยาบวรราชนายกเอกออุ รรคมหาเสนาบดี อภัยพริ ิย-
ที่สรา งสรรคผ ลงานตา งๆ อันสะทอนถงึ ความเจริญรงุ เรอื งของอยุธยาไดเปน ปรากรมพาหสุ มหุ นายก ถือศักดนิ า 10,000
อยา งดี หรือหลักฐานประเภทบันทึกของชาวตางชาติ เชน จดหมายเหตุ
วนั วลติ จดหมายเหตลุ าลแู บร ทบี่ รรยายใหเ หน็ ถึงสภาพของกรุงศรอี ยธุ ยา คมู อื ครู 61
ท่ีประกอบดวย พระราชวงั วดั วาอาราม บานเรอื น ถนนหนทาง วถิ ชี วี ิตของ
ผูคน เปน ตน ก็ทําใหคนรนุ หลงั จนิ ตนาการไดถงึ ความเจรญิ รงุ เรอื งของ
กรงุ ศรีอยุธยาในอดีตไดแจมชัดยิง่ ขึน้
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Evaluate
Expand Expand
ขยายความเขา ใจ
1. ครใู หนักเรยี นศึกษาเสน เวลา (Timeline) แสดง ÍÂ¸Ø ÂÒà˵¡Ø ÒóÊÒí ¤ÑÞã¹ÊÁÑÂ
เหตกุ ารณส ําคัญทางประวตั ิศาสตรในสมยั
อยธุ ยา จากหนังสอื เรียน หนา 62-63 แลว ให òððö òððø
นกั เรียนอภิปรายสาระสาํ คญั รวมกัน
สุโขทัยถูกผนวกรวมเขา้ กับอยุธยา สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ
2. จากนนั้ ครยู กตวั อยา งเหตกุ ารณท างประวตั ศิ าสตร ทรงผนวชท่วี ดั จุฬามณี
ทส่ี าํ คญั มา 2-3 เหตกุ ารณ แลว ใหน กั เรยี นชว ยกนั
อธบิ ายรายละเอยี ดของเหตกุ ารณแ ละผลของ
เหตุการณท ี่มตี อ อาณาจักรอยธุ ยามาพอสังเขป
ñøùó ñùù÷ òðùñ
สมเดจ็ พระมหาจักรพรรดิ
สมเดจ็ พระรามาธิบดีท่ี ๑ สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ และสมเดจ็ พระสุริโยทยั
(อู่ทอง) สถาปนากรงุ ศรอี ยุธยา โปรดให้ต รากฎหมายศกั ดินา เปน็ การ ทรงน�าํ ทัพออกรบกบั กองทพั 2
พ.ศ. ปฏิรูปการปกครองสมัยอยุธยา พระเจา้ ตะเบง็ ชะเวตี้
๑๘๐๐ แหง่ หงสาวดี
ñùòù
๒๐๐๐
สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าชที่ ๑
ตเี มืองเชยี งใหม่ ñù÷ô
สมทเดร็จงพยกระทบพั รไมปรตาีกชัมาธพริ ชู าาช ท1แ ่ีล๒ะ
ทรงแตง่ ตง้ั ราชบตุ รปกครอง
พระนามวา่ พระอินทราชา
๑๙๐๐
ñùòñ òðõô
สมเดจ็ พระบรมราชาธิราชท ี่ ๑ ทรงยกทัพไปตี โปรตุเกสเปน็ ประเทศตะวนั ตกชาติแรก
ท่ีเขา้ มาเจรญิ สัมพันธไมตรกี บั อยธุ ยา
เมอื งก�าํ แพงเพชรของสโุ ขทยั ñùöò
ในสมยั สมเดจ็ พระรามาธบิ ดที ่ี ๒
สมเดจ็ พระอนิ ทราชาเสด็จไประงบั เหตุขดั แย้ง
ของหัวเมืองเหนอื โดยโปรดแตง่ ตั้งใหพ้ ระยาบาลเมือง òðøñ
ครองเมอื งพิษณโุ ลก และพระยารามครองเมืองสโุ ขทยั
สมเดจ็ พระชยั ราชาธริ าชทรง
ñùö÷ ยกทพั ไปปอ้ งกันเมอื งเชยี งกราน
สมเดจ็ พระอนิ ทราชาสวรรคต เจา้ อา้ ยพระยาและเจ้า ยพี่ ระยา นับเป็น การทํา� สงครามกับพม่าคร้ังแรก
แยง่ ชิงราชสมบัติและสนิ้ พระชนมท์ ้งั คู ่ เจา้ สามพระยาจงึ ไดเ้ สวย 3
òðøø
ราชสมบัติ ทรงพระนามวา่ สมเดจ็ พระบรมราชาธิราชที่ ๒
สมเดจ็ พระชยั ราชาธริ าชทรง
ยกทพั ไปตีเชียงใหมถ่ งึ ๒ ครง้ั
๖๒62
นักเรยี นควรรู บูรณาการเชื่อมสาระ
ครสู ามารถนําเน้ือหาเก่ียวกบั เหตกุ ารณสําคัญทางประวตั ศิ าสตรใ นสมัย
1 กมั พชู า จากนน้ั กัมพูชาก็ยายเมอื งหลวงไปอยูท่ีปาสาณ และพนมเปญตามลาํ ดบั อยธุ ยา ไปบรู ณาการเชอื่ มโยงกับกลมุ สาระการเรียนรูภาษาไทย โดยให
เพราะเกรงวาจะถกู อยุธยาคกุ คามอกี จนกระทงั่ ใน พ.ศ. 2071 จงึ ยายเมอื งหลวงไปอยู นกั เรยี นนําเหตุการณท างประวตั ศิ าสตรใ นสมัยอยธุ ยาท่ีเกดิ ขน้ึ ในชวงเวลา
ที่เมอื งละแวก ตง้ั แตการสถาปนากรงุ ศรีอยธุ ยาเปน ราชธานีของสมเดจ็ พระรามาธบิ ดที ี่ 1
2 พระเจา ตะเบง็ ชะเวต้ี เปนกษตั ริยพมา พระองคท ี่ 2 แหง ราชวงศต องอู ยคุ สมัย (อทู อง) ใน พ.ศ. 1893 จนถงึ การเสียกรุงศรอี ยุธยาครั้งที่ 2 ใน พ.ศ. 2310
ของพระองคไดครอบครองอาณาจักรพมา ทงั้ ตอนบนและตอนลางลุมนา้ํ อิระวดี โดยมี มาเรียบเรยี งรอ ยตอกัน โดยใชท ักษะการเขียนเรียงความเปน พ้ืนฐาน หรืออาจ
มหาอปุ ราชาบเุ รงนอง และเมงเยสหี ตู รว มกนั สรา งอาณาจกั รใหย ง่ิ ใหญ และยา ยเมอื งหลวง เพ่มิ เติมรายละเอียดของเหตกุ ารณสําคญั ทางประวัตศิ าสตรน อกเหนอื จาก
จากตองอมู ายงั กรงุ หงสาวดี ในสมยั ของพระองคพ มา ไดย กกองทพั มาตเี มอื งเชยี งกราน ซง่ึ ท่ีมอี ยูในเสน เวลา (Timeline) หนา 62-63 ก็ได จากน้นั ออกมานําเสนอผลงาน
เปน เมอื งขนึ้ ของไทยใน พ.ศ.2081 นบั เปน การทาํ สงครามกบั กรงุ ศรอี ยธุ ยาครง้ั แรก หนาช้ันเรยี น
3 สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าชท่ี 2 หรอื ภายหลงั ตอ มาไดโ ปรดใหส รา งเจดียขึ้น 2 องค
บริเวณสะพานปา ถานซึ่งเปน บรเิ วณที่เจา อายกบั เจา ย่ีพระเชษฐาของพระองคปะทะ
กนั จนสนิ้ พระชนม เพอื่ บาํ เพญ็ พระราชกศุ ล และโปรดใหจดั การถวายเพลงิ พระศพใน
บรเิ วณใกลๆ น้ัน ซง่ึ ตอ มาไดสถาปนาเปนวัดราชบรู ณะ
62 คมู อื ครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Expand Evaluate
ขยายความเขา ใจ Expand
ÍÂ¸Ø ÂÒเปนอาณาจกั รทม่ี คี วามสาํ คญั และยงิ่ ใหญใ นประวตั ิศาสตรไทย 1. ครตู ั้งประเด็นคาํ ถามวา ในชว งเวลาท่ี
กรงุ ศรีอยุธยาเปนราชธานีของไทยตัง้ แต
เปนศูนยกลางทส่ี าํ คัญของอํานาจทางการเมอื ง เศรษฐกจิ และสงั คมของอาณาจกั รไทย พ.ศ. 1893-2310 ไดเ กดิ เหตุการณสาํ คัญ
ตลอดระยะเวลา ๔๑๗ ป ท่กี รงุ ศรอี ยุธยาเปน ราชธานี มีเหตกุ ารณส าํ คญั เกิดขึน้ มากมาย อะไรขนึ้ บา ง จากนั้นใหน ักเรียนไปสบื คน
เพ่ิมเตมิ จากแหลง การเรียนรูตางๆ เชน
ทงั้ ท่ีนาํ ไปสูความเจริญรุง เรอื ง และความเสื่อมของอาณาจักร หอ งสมุดโรงเรยี น หอสมดุ แหงชาติ ขอมลู ทาง
อนิ เทอรเน็ต เปนตน แลวนาํ ขอมลู มาปรบั ปรงุ
òññò òòùö เพิ่มเตมิ ลงในเสนเวลา (Timeline) หนา 62-63
สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓ ใหส มบรู ณ
เสียกรุงศรอี ยุธยาคร้ังท่ี ๑ โปรดใหอาราธนาพระอบุ าลี พระอรยิ มุนี
พรอ มคณะสงฆไปบวชใหกลุ บตุ ร 2. ครูใหน ักเรียนตอบคาํ ถามประจําหนวย
òñò÷ ในลงั กาทวีป พระพุทธศาสนาในลังกา 11 การเรียนรู
ถูกฟน ฟูข้นึ มาใหม เรียกวา ลทั ธสิ ยามวงศ
พระนเรศวรทรงประกาศ òñ÷õ òóðò
อิสรภาพจากพมา ที่เมืองแครง ทพั พมา ลอ มกรงุ ศรอี ยุธยา พระเจา
สมเด็จพระเจา ปราสาททอง อลองพญาถูกปนใหญแตกใสบ าดเจ็บสาหสั
òñóø โปรดใหสรา งพระราชวงั บางปะอิน จงึ ยกทัพกลับ และสวรรคตระหวางทาง
สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช òòòó ตรวจสอบผล Evaluate
ทรงยกทัพไปตเี มอื งหงสาวดี พอ คาชาวฝรง่ั เศสเขา มา
เปน ครงั้ แรก ตง้ั สถานีการคาใน 1. ครูตรวจเรยี งความเก่ียวกบั ผลงานทาง
กรุงศรีอยุธยาครัง้ แรก ศลิ ปกรรมไทยสมยั อยุธยาที่นักเรียนช่ืนชอบ
๒๑๐๐ òòòø 22 มากทสี่ ดุ
òóðù
เชอวาเลียร เดอ โชมองต 2. ครตู รวจแผน พับเกยี่ วกับภูมปิ ญ ญาและ
ราชทูตฝรั่งเศสคนแรก ชาวบา นบางระจนั รวมตัวกนั ตอสู วฒั นธรรมไทยสมยั อยธุ ยา
เดินทางเขา มาเจรญิ กบั พมา นาน ๕ เดือน จงึ เสยี คาย
สมั พันธไมตรีกบั อยุธยา 3. ครูสงั เกตพฤติกรรมความมีสว นรว มในการ
๒๓๐๐ ตอบคาํ ถามและการแสดงความคดิ เห็นของ
๒๒๐๐ นกั เรียน
òñðö òòñö òòóñ òóñð
สมเดจ็ พระมหาจักรพรรดิ สงั ฆราชปลลนู ําพระราชสาสน พระเพทราชายึดอํานาจ เสียกรุงศรอี ยุธยาครงั้ ที่ ๒
ทรงประนีประนอม ของพระเจาหลยุ สที่ ๑๔ และ และสถาปนาตนเองเปน
กับพระเจา บุเรงนอง ศภุ อักษรของสนั ตะปาปา กษัตริย ทรงพระนามวา òòô÷
เคลเมนตท่ี ๙ เขามาถวาย สมเดจ็ พระเพทราชา
โดยมอบพระราเมศวร สมเดจ็ พระนารายณม หาราช พนั ทา ยนรสิงหเตม็ ใจถกู ประหารชวี ติ
เปน องคป ระกนั พรอ ม แมจะไดรบั พระราชทานอภัยโทษแลว
òñô÷ ก็ตาม
ชา งเผือก ๔ เชือก
(สงครามชางเผือก) - ทูตฮอลันดาเขา เฝา สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ๖๓
และเจราจาทําการคา กับอยธุ ยาคร้งั แรก
òñóó - สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทรงยกทพั
ไปตเี มอื งองั วะ และพระองคไดท รงพระประชวร
สมเดจ็ พระนเรศวร และสวรรคตทเี่ มอื งหาง
มหาราชเสดจ็ ข้ึนครองราชย
òñóõ
และพระมหาอปุ ราชา
ยกทพั มาคร้ังแรก สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงทํายุทธหัตถี
ชนะพระมหาอปุ ราชาแหง หงสาวดี
แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETดิ นักเรียนควรรู
ในการศึกษาเหตกุ ารณสาํ คัญทางประวตั ิศาสตรไทยในสมัยอยุธยา 1 ลทั ธสิ ยามวงศ หรอื สยามนิกาย เปน หน่งึ ในพระพทุ ธศาสนานกิ ายเถรวาท
นักเรยี นไดร บั แงคิดอะไรบา ง ในศรลี ังกาทม่ี ผี ูใ หการยอมรับนบั ถือเปนจํานวนมากสบื ตอมาเปนเวลาเกอื บ 300 ป
แนวตอบ ทําใหเราไดเรียนรูวา ในชว งเวลาท่ีกรุงศรอี ยุธยาเปน ราชธานี นับถงึ ปจจุบัน
ของไทยนับตงั้ แตร ะหวาง พ.ศ. 1893-2310 ไดเ กดิ เหตุการณส าํ คญั ทาง 2 เชอวาเลยี ร เดอ โชมองต ในการเดนิ ทางมายงั กรงุ ศรีอยธุ ยา เชอวาเลยี ร เดอ
ประวตั ิศาสตรข นึ้ มากมาย ไมวา จะเปน ดา นการเมอื งการปกครอง เศรษฐกจิ โชมองต ไดบ ันทกึ เร่ืองราวไว โดยพิมพเ ผยแพรเมื่อ พ.ศ. 2229 และมกี ารแปลเปน
สงั คม และความสัมพนั ธร ะหวางประเทศ ซึ่งแสดงใหเ ห็นถึงพฒั นาการความ ภาษาไทยเม่อื พ.ศ. 2428 โดยเจา พระยาภาสกรวงศ (พร บนุ นาค) ซึง่ หอพระสมุด
เจริญรงุ เรืองของอยุธยาในอดตี โดยคนไทยสมัยอยธุ ยาไดพยายามเสริมสราง วชิรญาณไดนาํ มาพิมพเผยแพรใ นประชมุ พงศาวดาร ภาคท่ี 12
อาณาจักรของตนใหเปนปกแผน มั่นคงและมคี วามมงั่ คงั่ ทางเศรษฐกิจ แมว า
อาณาจกั รอยธุ ยาจะมีความเจริญรงุ เรอื งมากเพยี งใดกต็ าม แตท า ยทีส่ ุดดวย บรู ณาการอาเซียน
ปจ จยั ภายนอกและปจจยั ภายในก็สง ผลใหอ ยุธยาเกิดความออนแอ จนเปน
สาเหตทุ ีน่ ําไปสูการลม สลายของอาณาจกั ร อยางไรก็ดี อิทธิพลความเจริญ ครูใหน กั เรยี นคน ควาเก่ยี วกบั เรอ่ื งราว เหตกุ ารณท างประวตั ิศาสตรข องประเทศ
ของอยธุ ยากไ็ ดก ลายเปนแบบอยางในการปกครองราชอาณาจักรไทย สมาชิกอาเซยี นทีเ่ กิดขึ้นรวมสมัยกบั ประวตั ศิ าสตรไทยสมยั อยธุ ยา แลว นําขอมลู
สมยั หลังตอมาท้ังในสมยั ธนบรุ ีและสมยั รตั นโกสนิ ทร จดั ทําเปน เสน เวลา (Timeline) ใหเห็นพัฒนาการทางประวตั ศิ าสตร
คูมือครู
63
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Elaborate
Evaluate Evaluate
ตรวจสอบผล
ครตู รวจสอบความถูกตอ งในการตอบคาํ ถาม ค าํ ถามประจ าํ หนว่ ยการเรียนรู้
ประจาํ หนวยการเรียนรู
๑. การสถาปนาอาณาจักรอยุธยาได้ส�าเรจ็ เกดิ จากปัจจัยอะไรบา้ ง
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู ๒. ความมน่ั คงและความเจรญิ รงุ่ เรืองของอาณาจกั รอยธุ ยาท่ยี นื ยาวถึง ๔๑๗ ป ี เนื่องจากมี
1. การจัดนิทรรศการเกย่ี วกับความเจรญิ รุงเรอื ง ปจั จัยใดสนับสนนุ
และความเสอื่ มของอาณาจักรอยธุ ยา ราชธานี ๓. พฒั นาการของอาณาจกั รอยธุ ยาในด้านการเมืองการปกครอง เศรษฐกจิ สงั คม และความ
ของไทยในอดีต
สมั พนั ธ์ระหวา่ งประเทศมีลักษณะเปน็ อย่างไร จงสรปุ มาพอสงั เขป
2. เรียงความเกี่ยวกบั ผลงานทางศลิ ปกรรมในสมยั ๔. ก ารเสียกรุงศรีอยธุ ยาครง้ั ที่ ๑ และคร้งั ท่ ี ๒ เกดิ จากสาเหตใุ ด และไทยสามารถกู้เอกราช
อยุธยาที่นักเรยี นชนื่ ชอบมากท่ีสดุ
ในแตล่ ะครง้ั ไดอ้ ยา่ งไร
3. แผนพับเกย่ี วกบั ภมู ิปญญาและวัฒนธรรมไทย ๕. ภูมปิ ัญญาและวัฒนธรรมไทยสมยั อยุธยามีความส�าคญั ตอ่ การพัฒนาชาติไทยอย่างไร
สมัยอยุธยา
กจิ กรรมสร้างสรรคพ์ ัฒนาการเรยี นรู้
กจิ กรรมท ่ี ๑ ให้นักเรียนท�าผังมโนทัศน์วิเคราะห์ปัจจัยท่ีส่งผลต่อความเจริญรุ่งเรืองของ
อาณาจกั รอยธุ ยา แล้วนา� ผลงานมาน�าเสนอหน้าช้ันเรียน
กิจกรรมที่ ๒ ให้นกั เรียนแบ่งกลมุ่ กลุม่ ละ ๕ - ๖ คน ชว่ ยกันจดั ทา� เสน้ เวลา (Timeline)
แสดงพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของอาณาจักรอยุธยา ทั้งด้านการเมือง
การปกครอง เศรษฐกิจ สงั คม ความสมั พันธ์ระหวา่ งประเทศ รวมทงั้ การ
เสียกรงุ ศรีอยุธยาครัง้ ท่ี ๑ การเสียกรุงศรอี ยธุ ยาครง้ั ท ่ี ๒ และการกเู้ อกราช
จากน้ันน�าเสนอผลงานหน้าช้ันเรียนและจัดป้ายนิเทศเผยแพร่ความรู้ให้แก่
สมาชิกในโรงเรียน
กิจกรรมที ่ ๓ ให้นักเรียนจัดท�าข้อมูลและภาพประกอบเก่ียวกับภูมิปัญญาและวัฒนธรรม
ไทยสมยั อยุธยามาคนละ ๑ ผลงาน แล้วนา� เสนอหนา้ ช้นั เรยี น
64
แนวตอบ คําถามประจําหนว ยการเรียนรู
1. เกิดจากหลายปจ จัย เชน การมีเมืองสุพรรณบุรีและเมืองลพบรุ เี ปน ฐานอํานาจสําคัญและใหก ารสนับสนนุ ทาํ เลท่ีตัง้ ของกรุงศรอี ยุธยาทเ่ี หมาะแกการเพาะปลูก
และการคาขายกับตา งชาติ การเสื่อมอํานาจของอาณาจักรเขมร เปน ตน
2. มีหลายปจ จยั เชน สภาพภูมิประเทศของอาณาจกั รอยุธยาท่เี หมาะแกก ารเกษตรกรรมและตดิ ตอ คาขายกบั ดนิ แดนอ่นื การมที รพั ยากรธรรมชาติอุดมสมบรู ณโดยเฉพาะ
ผลิตผลจากปา การมีผูนาํ ทม่ี พี ระปรชี าสามารถทางการปกครอง การสรางความสัมพนั ธท างการทตู กบั ตางชาติ เปนตน
3. • ดานการปกครอง มีลักษณะเปน สมมติเทพและความเปน ธรรมราชาเชน เดียวกบั ในสมยั สุโขทัย และมีอคั รเสนาบดฝี ายทหารและฝายพลเรือนแบง หนา ทีก่ ันรับผดิ ชอบ
• ดา นเศรษฐกิจ เศรษฐกจิ ของอยุธยาข้ึนอยูกบั เกษตรกรรมและพาณิชยกรรม
• ดา นสงั คม สังคมอยธุ ยาเปนสังคมศกั ดินาทมี่ ีพระมหากษตั รยิ เปนเจา ของศกั ดนิ าและทรงพระราชทานศกั ดินาใหแ กค นทง้ั ปวง นับตงั้ แตพระบรมวงศานุวงศ ขุนนาง
ไพร ทาส และพระภิกษุสงฆ กลมุ บุคคลเหลานมี้ บี ทบาทหนา ท่ีและความรับผดิ ชอบในสงั คมแตกตา งกันไป
• ดานความสัมพันธระหวางประเทศ มีท้งั เผชญิ หนา ทางทหาร การเจรจาทางการทตู การถวงดุลอํานาจ การคา เพ่อื ความมั่นคงและความเจริญรงุ เรืองของอาณาจกั ร
4. การเสยี กรงุ ศรอี ยุธยาครั้งที่ 1 เกิดจากหลายสาเหตุ เชน การแตกความสามคั คภี ายใน การมีขนุ นางเปนไสศึกใหแ กศตั รู เปนตน แตไ ทยสามารถกเู อกราชไดด วย
พระปรีชาสามารถของพระนเรศวร สวนการเสียกรุงศรีอยุธยาคร้ังที่ 2 เกดิ จากหลายสาเหตเุ ชน กัน เชน การแยง ชิงอํานาจกันเองในหมผู นู ํา การขาดความชาํ นาญ
ในการทาํ สงครามขนาดใหญ การปรบั เปลย่ี นแผนการรบของพมา เปน ตน แตไ ทยสามารถกูเ อกราชไดดวยความสามารถทางการรบของพระยาตาก (สิน)
5. ภูมปิ ญญาและวฒั นธรรมไทย ไดรบั การสรา งสรรคขนึ้ เพือ่ นํามาใชแ กป ญหาในการดาํ รงชวี ติ ของคนในสังคม ดังนัน้ จึงเปนมรดกอนั ลา้ํ คาของคนไทยท่คี นไทยควรอนุรกั ษ
ไวใหค งอยคู ูชาตไิ ทยตอไป
64 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Expore Explain
Engage Expand Evaluate
เปาหมายการเรยี นรู
๓หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี
1. อธิบายการสถาปนาอาณาจกั รธนบรุ ีได
พฒั นาการของ 2. วิเคราะหปจจัยท่มี ผี ลตอ ความเจรญิ รงุ เรือง
อาณาจกั รธนบรุ ี
ของอาณาจกั รธนบุรีได
3. วิเคราะหพัฒนาการของอาณาจกั รธนบรุ ีได
4. ระบภุ มู ปิ ญ ญาและวัฒนธรรมไทยสมยั ธนบรุ ี
และอทิ ธพิ ลของภูมปิ ญ ญาตอการพฒั นา
ชาตไิ ทยได
ตัวชว้ี ัด สมรรถนะของผูเ รยี น
● วเิ คราะหพ์ ฒั นาการของอาณาจกั รอยธุ ยาและ 1. ความสามารถในการส่อื สาร
ธนบุรีในดา้ นต่างๆ (ส ๔.๓ ม.๒/๑) 2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใชทักษะชีวติ
● ระบภุ มู ปิ ญั ญาและวฒั นธรรมไทยสมยั อยธุ ยา
และธนบรุ ี และอทิ ธพิ ลของภมู ปิ ญั ญาดงั กลา่ ว คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค
ต่อการพัฒนาชาตไิ ทยในยคุ ต่อมา
(ส ๔.๓ ม.๒/๓) 1. มีวนิ ัย
2. ใฝเ รยี นรู
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง 3. ซอื่ สัตยสุจริต
4. มงุ ม่นั ในการทํางาน
● การสถาปนาอาณาจกั รธนบรุ ี
● ภูมปิ ัญญาและวฒั นธรรมไทยสมยั ธนบุรี
พระบรมราชานสุ าวรยี สมเดจ็ พระเจา ตากสินมหาราช ณ วงเวยี นใหญ กรุงเทพมหานคร กระตนุ ความสนใจ Engage
¶§Ö áÁÇŒ Ò‹ ÍÒ³Ò¨¡Ñ ø¹ºÃØ ¨Õ дÒí çÍÂä‹Ù ´àŒ ¾ÂÕ §»ÃÐÁÒ³ ñõ »¡‚ ç ครูเลาเรื่องราวโดยยอในการกอบกูเอกราชของ
ʹÔé Ê´Ø ÊÁÂÑ ¸¹ºÃØ Õ áµ¸‹ ¹ºÃØ ¡Õ Áç ¾Õ ²Ñ ¹Ò¡ÒôҌ ¹µÒ‹ §æ ÍÂÒ‹ §ÃÇ´àÃÇç ·§éÑ พระยาตาก (สนิ ) เจา เมอื งตาก ใหนกั เรียนฟง
´ÒŒ ¹¡ÒÃàÁÍ× §¡Òû¡¤Ãͧ àÈÃɰ¡¨Ô 椄 ¤Á áÅФÇÒÁÊÁÑ ¾¹Ñ ¸Ã ÐËÇÒ‹ § จากนน้ั ตัง้ คาํ ถามกระตนุ ความสนใจของนักเรียน
»ÃÐà·È Í¡Õ ·§éÑ Â§Ñ ä´ÁŒ ¡Õ ÒÃÊÃÒŒ §ÊÃäÀ ÁÙ »Ô Þ˜ ÞÒáÅÐÇ²Ñ ¹¸ÃÃÁä·Â เชน
Í¹Ñ Êз͌ ¹ãËàŒ Ë¹ç ¶§Ö ¤ÇÒÁà¨ÃÞÔ Ã§Ø‹ àÃÍ× §¢Í§ÍÒ³Ò¨¡Ñ ø¹ºÃØ ãÕ ¹ÃÐÂÐ
àÇÅÒ˹è§Ö ä´àŒ »š¹Í‹ҧ´Õ • นักเรยี นคิดวา การกอบกเู อกราชของ
พระยาตาก (สิน) กอ ใหเกิดประโยชน
Í‹ҧäáçµÒÁ ÍҳҨѡø¹ºØÃÕ¡çઋ¹à´ÕÂǡѺÍҳҨѡà ตอ บานเมืองอยางไร
ÍÂØ¸ÂÒ·èÕµŒÍ§àÊè×ÍÁÍíҹҨŧ㹷èÕÊØ´ à¾ÃÒФÇÒÁÂØ‹§ÂÒ¡¢Í§ (แนวตอบ ทําใหบานเมอื งเปน อิสระจากการ
ʶҹ¡ÒóÀ ÒÂã¹ ¶§Ö áÁÇŒ Ò‹ ÍÒ³Ò¨¡Ñ ø¹ºÃØ ¨Õ Ðä´ÃŒ ºÑ ¡ÒÃʶһ¹Ò¢¹éÖ ยึดครองของพมา)
ÀÒÂËÅ§Ñ ¡ÒÃàÊÂÕ ¡Ã§Ø ÈÃÍÕ ÂØ¸ÂÒã¹ ¾.È. òóñð ·‹ÒÁ¡ÅÒ§ÊÀÒÇÐ
¡Ò÷Òí ʧ¤ÃÒÁ»¡»Í‡ §ÍÒ³Ò¨¡Ñ áµç ÒÁ ᵡ‹ Êç з͌ ¹ãËàŒ Ë¹ç ¶§Ö ¤ÇÒÁ
àÊÂÕ ÊÅÐáÅФÇÒÁÃÑ¡ªÒµ¢Ô ͧ¤¹ä·Âã¹ÊÁÂÑ ¹¹éÑ ä´´Œ Õ
เกร็ดแนะครู
ครูควรจัดกิจกรรมการเรยี นรูเ พ่ือใหนักเรียนสามารถวเิ คราะหพ ฒั นาการ
ของอาณาจักรธนบุรใี นดา นตา งๆ และระบภุ มู ปิ ญญาและวัฒนธรรมไทยสมัยธนบรุ ี
และอทิ ธพิ ลของภูมิปญ ญาดงั กลาวตอการพฒั นาชาตไิ ทย โดยเนน การพฒั นาทกั ษะ
กระบวนการ เชน ทกั ษะการคิด กระบวนการกลมุ และกระบวนการสบื สอบ
ดงั ตัวอยางตอ ไปน้ี
• ครูแบง กลมุ นกั เรยี นเพื่อใหชว ยกันศึกษาความรูพ ฒั นาการของอาณาจกั รธนบุรี
ในดา นตา งๆ จากหนงั สือเรยี น แลวชวยกันอธบิ ายความรูผานกจิ กรรม
การเรียนรูท่คี รกู าํ หนด จากน้นั ชว ยกันจดั นทิ รรศการประวตั ศิ าสตรไทย
สมัยธนบุรีที่มเี สนเวลา (Timeline) ประกอบ
คูม ือครู 65
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain
กระตนุ ความสนใจ Engage
ครเู ปดเพลง เจาตาก ของแอด คาราบาว ñ. ¡ÒÃʶһ¹ÒÍÒ³Ò¨¡Ñ ø¹ºØÃÕ
ใหนักเรียนฟง จากนั้นตง้ั คาํ ถาม เชน
เมอื่ พระยาตาก (สิน) ขับไล่กองทัพพมา่ ออกไปจากกรงุ ศรอี ยธุ ยาไดแ้ ล้วก็ใหค้ นไปอัญเชญิ
• เมอ่ื ฟง เพลงน้แี ลว นักเรียนเกดิ ความรสู กึ ใด พระบรมวงศานวุ งศข์ องสมเด็จพระทน่ี ั่งสรุ ิยามรินทร ์ (พระเจ้าเอกทัศ) ทีพ่ ากนั ลภ้ี ยั มาพา� นกั อยูท่ ่ี
• นักเรียนไดรบั สาระสาํ คญั และแงค ดิ อะไร เมอื งลพบรุ มี าไวท้ กี่ รงุ ธนบรุ ี และกระทา� การขดุ พระบรมศพของสมเดจ็ พระทน่ี งั่ สรุ ยิ ามรนิ ทรข์ น้ึ มา
ถวายพระเพลิงตามพระราชประเพณี
จากเนือ้ เพลงดังกลา ว ภายหลังจากถวายพระเพลิงพระบรมศพแล้ว พระยาตาก (สิน) ได้ตรวจสภาพท่ัวไปของ
กรุงศรีอยุธยาทั้งหมดแล้วเห็นว่าปราสาทราชมณเฑียร ต�าหนักใหญ่น้อยท้ังอาวาส วิหาร และ
สาํ รวจคน หา Explore บ้านเรือนชาวพระนครถูกข้าศึกเผาท�าลายเสียหายเป็นอันมาก ที่ยังดีนั้นเหลืออยู่น้อย ส่วนใหญ่
มแี ตซ่ ากปรกั หกั พงั และทรดุ โทรมเกนิ กวา่ จะฟน้ื คนื ใหด้ ดี งั เดมิ จงึ ตดั สนิ ใจเลอื กกรงุ ธนบรุ เี ปน็ ทตี่ งั้
1. ครอู ธบิ ายเชือ่ มโยงใหนักเรียนเขาใจวา ราชธานีแหง่ ใหม่
ภายหลังจากการเสียกรงุ ศรอี ยธุ ยาครั้งที่ 2
ใน พ.ศ. 2310 ไดเ พยี งไมนาน คนไทย แผนทแ่ี สดงอาณาเขตของกรุงธนบรุ ใี นสมยั สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราช
ก็สามารถกอบกเู อกราชกลับคนื มาได
และสถาปนากรงุ ธนบุรีเปน ราชธานีแหง ใหม คลองบางลา� พู น
2. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 5-6 คน คลองบางกอกน้อย ๔ ชุมชนลาว 1
คละกันตามความสามารถ เพื่อศึกษาคนควา
เกีย่ วกบั พฒั นาการของอาณาจักรธนบรุ ี คลองบางกอกนอ้ ย เเมน่ ้า� เจ้าพระยา คลองโรงไหม ๕ ชุมชนมลายู วดั สลกั
จากหนังสือเรยี น หนา 66-80 ในประเดน็ วดั อมรนิ ทราราม
ดงั ตอไปนี้ วดั ระฆัง ๖ ชุมชนจีน คลองคูเมอื ง 2
1. การสถาปนาอาณาจักรธนบรุ ี
2. ปจ จัยที่มผี ลตอความเจรญิ รงุ เรอื งของ คลองมอญ ๓ ๗ ชมุ ชนเวยี ดนาม เรือนเจ้าพระยาจกั รี
อาณาจักรธนบรุ ี คลองนครบา๒ล ทขอ่ีอยงขู่อนุาศนัยาง
3. พฒั นาการทางประวัตศิ าสตรข องอาณาจกั ร
ธนบรุ ี ๑ คลองตลาด
4. การเสอื่ มอาํ นาจของอาณาจกั รธนบรุ ี คลองโอ่งอ่าง
วดั ท้ายตลาด
อธบิ ายความรู Explain
1. ครูใหเ วลานักเรียนแตล ะกลุมศึกษาคน ควา วดั เเจ้ง 3 พระราชวงั พระเจา้ กรงุ ธนบรุ ี 4
จากนัน้ สง ตัวแทนมานาํ เสนอสาระสาํ คัญ
ที่หนา ชน้ั เรยี น 66 วดั โพธิ์
2. ครูใหน ักเรียนดูแผนทจี่ ากหนงั สอื เรยี น หนา 66 สถานท่สี า� คัญ
จากนน้ั อภปิ รายรวมกนั ถึงอาณาเขตของ วดั
กรงุ ธนบรุ ใี นสมยั สมเดจ็ พระเจา ตากสนิ มหาราช
นักเรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET
เหตผุ ลท่พี ระยาตาก (สนิ ) ตัดสนิ ใจยา ยท่ีตง้ั ราชธานีใหมภ ายหลังจาก
1 วดั สลกั หรอื ปจจบุ ัน คือ วดั มหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ประชาชนทวั่ ไปนยิ ม กูเอกราชไดแ ลวเปน เพราะอะไร
เรียกวา วดั มหาธาตุ เปนวัดสรา งขน้ึ ในสมัยอยธุ ยา ในสมยั ธนบุรี วดั สลกั มฐี านะเปน แนวตอบ เพราะกรุงศรอี ยธุ ยาไมเหมาะที่จะเปน ราชธานขี องไทยอีกตอไป
พระอารามหลวง โดยเปน ที่พํานกั ของพระราชาคณะมาตลอดสมัยท่ีกรุงธนบุรีเปน ไมว าจะเปนสภาพของกรุงศรอี ยธุ ยาท่ีทรุดโทรมเสยี หายอยา งมากจนยากที่
ราชธานี จะฟน ฟขู ึน้ มาใหม ซง่ึ จะตองใชกําลังคน กาํ ลังทรพั ย และเวลาในการบรู ณะ
2 เรอื นเจา พระยาจกั รี ปจจบุ ันเปนหอไตรวดั ระฆังโฆสิตาราม โดยเจา พระยาจกั รี ซอ มแซมมาก ประกอบกับขา ศึกก็รูชัยภมู ขิ องกรงุ ศรอี ยธุ ยาเปน อยางดีแลว
เม่อื ครั้งรับราชการในสมัยธนบุรีไดใ ชเปน ตําหนักที่ประทบั แผนการปอ งกันกรงุ ศรีอยธุ ยาจึงไมเ ปน ความลบั แกข า ศกึ อกี ตอไป อกี ทง้ั
3 วดั แจง หรือปจจบุ ัน คือ วัดอรุณราชวราราม เดิมชอ่ื วดั มะกอก เปน วัดโบราณ กรุงศรีอยุธยาเปนเมอื งใหญ ซึ่งไมเพยี งพอที่รี้พลของพระยาตาก (สิน)
ท่ีมีมาต้ังแตสมัยอยธุ ยา เมือ่ กรงุ ธนบรุ เี ปน ราชธานี วัดแหง น้ไี ดเปน วดั ในเขต ทม่ี ีจํานวนนอ ยจะรักษาเมืองและตอสูก ับขา ศึกได เพราะขณะนั้นยังตอง
พระราชฐานโดยมีฐานะเปน พระอารามหลวง เผชญิ กับขาศึกที่รกุ รานอยู และคนไทยกย็ งั แตกแยกกระจดั กระจายเปนกก
4 วดั โพธ์ิ ปจจบุ ัน คอื วัดพระเชตพุ นวมิ ลมังคลาราม เดิมชื่อ วัดโพธาราม เปน เหลา ดวยเหตุผลดังกลาวมา พระยาตาก (สนิ ) จึงเล็งเห็นวาทางเลือก
ชาวบา นท่วั ไปนยิ มเรยี ก วัดโพธิ์ เปนวดั โบราณทม่ี ีมาตั้งแตสมยั อยธุ ยา ในสมยั ธนบุรี ท่ีดีที่สดุ สําหรับสถานการณของไทยในขณะน้นั กค็ อื การหาทําเลทีต่ ัง้ เพอ่ื สราง
วัดโพธารามตัง้ อยบู นฝง ตะวนั ออกของแมน้าํ เจา พระยา มีฐานะเปนพระอารามหลวง ราชธานีแหง ใหมขนึ้ มาแทนและไดตัดสนิ ใจเลือกกรุงธนบรุ ที ีม่ ที าํ เลทต่ี ัง้
โดยมีพระราชาคณะปกครอง เหมาะสมเปน ราชธานแี หง ใหม
66 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
การทีพ่ ระยาตาก (สิน) ตดั สนิ ใจเลอื กกรุงธนบุรเี ป็นราชธานแี หง่ ใหม่เนือ่ งจาก 1. ครูต้ังประเดน็ คาํ ถามเก่ียวกับการสถาปนา
๑. รี้พลของพระยาตาก (สิน) ที่มีอยู่ไม่พอจะรักษากรุงศรีอยุธยาไว้ต่อสู้กับข้าศึกท่ียังมี อาณาจักรธนบรุ ีใหน ักเรยี นตอบ เชน
ก�าลังกล้าแข็งอยู่ได้ และกองทัพพม่าก็รู้ชัยภูมิของกรุงศรีอยุธยาแล้วเป็นอย่างดี ประกอบกับ • เพราะเหตใุ ดพระยาตาก (สนิ ) จึงไมต ัง้
กรงุ ศรีอยธุ ยาทรดุ โทรมมากจนยากจะฟื้นฟูได ้ จึงไม่เหมาะจะเป็นราชธานตี อ่ ไป กรงุ ศรอี ยุธยาเปน ราชธานอี ีก
อปุ สรร๒ค.ข กอรงุงขธา้ นศบกึ ุรทีไจ่ีมะ่หเขา่ ง้าไมกาลโจจมากตกี รขุงณศระอีเดยยี ุธวยกาัน เโมดอืยงตธงั้ นอบยู่บุรเีรปเิ วน็ ณเมทือ่ีมงีนปา้�้อลมกึ ปอรยาู่ใกกาลร1ท้ทะี่มเขีล นนาดับยเป่อมน็ (แนวตอบ เพราะกรงุ ศรอี ยุธยาเสียหายมาก
พอเพียงกับก�าลังพลของพระยาตาก (สิน) ที่จะรักษาเมืองไว้ได้ หรือถ้าจ�าเป็นก็ถอยทัพกลับไป จนยากที่จะบูรณะใหกลับมาดีดงั เดมิ
จันทบุรไี ดไ้ มย่ าก นอกจากนี้ กรุงธนบรุ ีอยู่ติดทะเล สามารถตดิ ต่อค้าขายและซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ อกี ทั้งกรงุ ศรอี ยุธยาเปนเมอื งใหญเ กนิ กวา
จากพอ่ ค้าตา่ งชาตไิ ดง้ า่ ย ที่จะรักษาไวไ ดด ว ยกาํ ลงั คนทมี่ อี ยู
ด้วยเหตุน้ี พระยาตาก (สิน) จึงน�าไพร่พลมาต้ังราชธานีแห่งใหม่ที่กรุงธนบุรีและกระท�า จาํ นวนนอ ย ประกอบกับขาศกึ รทู ศิ ทาง
พธิ บี รมราชาภเิ ษกเปน็ พระมหากษตั รยิ ์ ทรงพระนามวา่ สมเดจ็ พระบรมราชาท ่ี ๔ แตค่ นทว่ั ไป ทจี่ ะเขามาตกี รุงศรีอยุธยาแลว ดัวยเหตุผล
เรยี กวา่ สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชหรอื สมเดจ็ พระเจา้ กรงุ ธนบรุ ี อาณาจกั รธนบรุ มี คี วามรงุ่ เรอื ง ดงั กลา วมา กรงุ ศรอี ยุธยาจึงไมเหมาะแก
มาเป็นเวลา ๑๕ ปี ก็สิ้นสุดความเป็นราชธานีลง และเร่ิมต้นราชธานีใหม่ที่กรุงรัตนโกสินทร์ การเปนราชธานีของไทยอีก)
ภายใตร้ าชวงศจ์ ักรีใน พ.ศ.๒๓๒๕ • ทําไมพระยาตาก (สนิ ) จงึ ตัดสนิ ใจเลอื ก
กรงุ ธนบุรีเปน ราชธานีแหงใหมข องไทย
๒. ปจั จยั ที่มผี ลต่อความเจริญรงุ่ เรืองของอาณาจักรธนบุรี (แนวตอบ มหี ลายเหตุผล ไดแ ก กรงุ ธนบุรี
เปน เมืองปอ มปราการทม่ี ีขนาดยอม
ภายหลังจากที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้สถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานีใน พ.ศ. ซ่ึงพอเพยี งกับกาํ ลงั คนที่จะรักษาเอาไวได
๒๓๑๑ เป็นตน้ มา อาณาจกั รธนบุรกี ็เรม่ิ มีความเปน็ ปึกแผน่ มกี ารขยายพระราชอาณาเขตออกไป หรือถา จาํ เปนก็ถอยทพั กลบั ไปจันทบรุ ีได
อย่างกว้างขวาง การค้าขายกับต่างประเทศโดยเฉพาะการค้าขายกับพ่อค้าจีนก็ขยายตัวมากขึ้น ไมย าก อีกทง้ั ตัง้ อยูบ รเิ วณที่มนี า้ํ ลึกใกล
มกี ารพัฒนาด้านต่างๆ เช่น การเมืองการปกครอง เศรษฐกจิ สังคม ความสมั พันธร์ ะหวา่ งประเทศ ทะเล ซึ่งเปนอปุ สรรคของขาศึกที่จะเขามา
การสรา้ งสรรค์ภมู ิปัญญาและวัฒนธรรมไทยตามล�าดับ โจมตแี ละยังสะดวกในการติดตอคา ขายกับ
ตางชาติ นอกจากน้ี การทีก่ รุงธนบรุ ตี ้ังอยู
เรื่องนา่ รู้ ไมไกลจากราชธานเี ดมิ มากนกั จึงเปน แหลง
รวบรวมผูคนไดด ี)
พระนามของสมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราช
2. ครูใหน ักเรยี นวาดเสน ทางการกอบกูเอกราช
จากหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรท์ ป่ี รากฏพระนามของสมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชมอี ยมู่ ากมาย เชน่ ของพระยาตาก (สนิ ) จนถงึ การตัง้ ราชธานี
๑. พพรระะรราาชชพกาำงหศนาวดดขาอรงฉพบรบัะพเจรา้ ะกรรางุ ชธหนตับถรุ เวี ลา่ ขดาว้ ยเรศยี ลี กสวกิา่ ขสาม2 เเดรยีจ็ กพวรา่ ะบพรรมะรเจาา้ชการทงุ ่ี ธ๔นบรุ ี แหง ใหมทกี่ รุงธนบรุ ลี งในแผนที่โครงราง
๒. ประเทศไทย จากน้ันนําเสนอหนาชน้ั เรียน
๓. ศุภอักษรเสนาบดีกรุงธนบุรีกำากับพระราชสาสน์ท่มี ีถึงอัครเสนาบดีกรุงศรีสัตนาคนหุต เรียกว่า
พระศรสี รรเพชญ
๔. หนังสือต้ังเจ้านครศรีธรรมราชในสมัยธนบุรี (พบสำาเนาในสมัยรัชกาลท่ี ๕) เรียกว่า สมเด็จ
พระศรสี รรเพชญ แตท่ น่ี ยิ มใชก้ นั อยใู่ นปจั จบุ นั คอื สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชหรอื สมเดจ็ พระเจา้ กรงุ ธนบรุ ี
๕. พระราชพงศาวดารกรงุ กมั พชู า เรยี กวา่ พระเจา้ ตาก (สนิ )
67
กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู
ครูต้งั ประเด็นเกยี่ วกับเหตผุ ลท่ที ําใหพ ระยาตาก (สนิ ) ตดั สนิ ใจเลอื ก ครอู าจนาํ แผนที่กรงุ ธนบุรสี มัยสมเดจ็ พระเจาตากสนิ มหาราชมาใหน ักเรยี นดู
กรุงธนบรุ ีเปนราชธานแี หงใหม จากนัน้ ใหน กั เรียนคน ควา คําตอบจากแหลง แลวชี้ใหน กั เรยี นเห็นขอดขี องทาํ เลทต่ี งั้ ของกรุงธนบรุ แี ละขอเสียท่ที ําใหร ชั กาลที่ 1
การเรยี นรตู างๆ เพมิ่ เติม แลว จัดทําเปนผงั มโนทัศนนาํ เสนอหนา ชนั้ เรยี น ทรงตัดสนิ ใจยายราชธานีไปยงั ฝง ตะวนั ออกในภายหลงั ตอ มา
กิจกรรมทาทาย นักเรยี นควรรู
ครูใหนกั เรยี นวิเคราะหเ กย่ี วกบั ปจจยั ท่ีทาํ ใหพ ระยาตาก (สนิ ) ตัดสินใจ 1 เมอื งปอ มปราการ โดยมีปอ มวไิ ชยประสทิ ธิ์ หรือเดิมเรียกวา ปอมวิไชเยนทร
เลือกกรงุ ธนบรุ ีเปน ราชธานแี หง ใหม แลว เปรยี บเทียบกับปจ จัยท่ที ําให เปน ปอ มปราการของเมอื งบางกอกหรือธนบรุ ี ปอ มนส้ี รา งขึน้ ในสมยั สมเดจ็
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (อูทอง) ทรงเลอื กกรุงศรีอยธุ ยาเปนราชธานี พระนารายณมหาราช คร้ันในสมยั ธนบรุ ี สมเดจ็ พระเจาตากสนิ มหาราชโปรดให
วา มีความเหมือนหรอื แตกตา งกนั อยา งไร โดยใหส รปุ ผลการวเิ คราะหลงใน ปรบั ปรุงปอ มและพระราชทานชื่อวา ปอมวไิ ชยประสทิ ธิ์
สมุดจดงานสงครผู สู อน 2 พระราชกาํ หนดของพระเจา กรงุ ธนบรุ วี า ดว ยศลี สกิ ขา ตราขึ้นเม่ือ พ.ศ. 2316
เปนกฎหมายวาดวยวัตรปฏบิ ัติในทางธรรมวินยั ของพระภกิ ษสุ งฆ ถือเปน ตน ฉบับ
กฎหมายพระสงฆฉ บับแรกของไทย
คมู ือครู 67
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
ครูใหนักเรียนชว ยกนั แสดงความคิดเห็นวา การทอี่ าณาจกั รธนบรุ มี คี วามเจริญรุง่ เรืองเพราะมปี ัจจัยส�าคญั ดังนี้
การท่อี าณาจักรธนบุรสี ามารถฟน ฟบู า นเมอื ง ความเขม้ แขง็ ทางดา้ นการทหาร
ใหกลับคนื สสู ภาพปกติและมคี วามเจริญรงุ เรอื ง หลงั จากการเสียกรงุ ศรอี ยธุ ยาใน พ.ศ. ๒๓๑๐ สมเด็จพระเจ้าตากสนิ มหาราชไดท้ รงรวบรวม
ทง้ั น้ีเปนเพราะปจ จยั ใด ชุมนุมต่างๆ ที่ต้ังตัวเป็นใหญ่เข้ามาอยู่ภายใต้อ�านาจของพระองค์ได้เป็นผลส�าเร็จ นอกจากนี้
พระองค์ยังมีแม่ทัพท่ีมีความสามารถ เช่น สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก เจ้าพระยาสุรสีห์
(แนวตอบ มหี ลายปจ จยั เชน พระยาพิชัย (ดาบหัก) เปน็ ต้น และการท่รี ฐั ตา่ งๆ ไมส่ ามารถรบชนะธนบรุ ไี ด้เหมอื นสมัยอยุธยา
• ปจจยั ทางความเขม แข็งดานการทหาร ก่อนจะเสยี กรงุ ทา� ใหอ้ �านาจทางทหารของธนบรุ ีเปน็ ทนี่ ่าเกรงขามของข้าศกึ สง่ ผลให้ธนบรุ ีขยาย
อาณาเขตออกไปได้กวา้ งขวางมากข้ึน
โดยสมเด็จพระเจา ตากสนิ มหาราชทรงมี
แมทพั ทีม่ คี วามสามารถ เชน สมเดจ็ นโยบายฟน้ื ฟเู ศรษฐกจิ
เจาพระยามหากษัตริยศึก เจา พระยาสุรสีห ในระยะแรกของการสถาปนาอาณาจกั รธนบรุ ี เศรษฐกจิ ของธนบรุ ตี กตา่� ลงมาก สบื เนอื่ งมาจาก
พระยาพชิ ัย (ดาบหกั ) เปน ตน ซงึ่ นอกจาก สงครามเสยี กรงุ ศรอี ยธุ ยา สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชทรงใชน้ โยบายแกไ้ ขปญั หาดา้ นเศรษฐกจิ
จะทาํ ใหข า ศึกไมอ าจรกุ รานไทยไดงายแลว อย่างเร่งด่วน เช่น การแก้ปัญหาเรื่องขาดแคลนข้าวสาร ข้าวเปลือก การอาศัยพ่อค้าส�าเภาจีน
ธนบุรยี งั สามารถขยายอาณาเขตออกไป ช่วยแก้ไขให้การค้าฟื้นตัว การส่งเสริมให้ราษฎรท�านา เพาะปลูก เป็นต้น เศรษฐกิจจึงได้เริ่ม
ไดก วางขวางมากขนึ้ ฟ้ืนตัวอยา่ งรวดเรว็
• ปจ จยั ทางนโยบายฟน ฟเู ศรษฐกิจ
โดยสมเดจ็ พระเจา ตากสินมหาราชทรงดําเนิน นโยบายฟน้ื ฟพู ระพทุ ธศาสนา
นโยบายแกไ ขปญหาเศรษฐกจิ อยางเรงดวน สมเด็จพระเจ้า1ตากสินมหาราชทรงให้ความส�าคัญกับพระพุทธศาสนาเป็นอย่างย่ิง โดยเฉพาะ
เชน การรับซ้ือขา วสาร เพือ่ นาํ มาแจกจาย ทรงฟน้ื ฟคู ณะสงฆท์ เี่ สอื่ มโทรมลงไปมากเมอื่ คราวสงครามเสยี กรงุ ศรอี ยธุ ยาใหเ้ จรญิ รงุ่ เรอื งดงั เดมิ
ใหแกราษฎร การอาศยั พอ คา ชาวจีนชวย เพราะพระพทุ ธศาสนาถอื เปน็ หลกั สา� หรบั การดา� เนนิ ชวี ติ ของคนไทยในสมยั นนั้ ถา้ คณะสงฆม์ คี วาม
แกไขใหก ารคาฟน ตัว การสง เสรมิ ใหร าษฎร มัน่ คงและเคร่งครดั ตอ่ การรกั ษาศีล ประพฤติธรรม ก็จะช่วยจรรโลงสังคมไทยสมยั นน้ั ได้มาก
ทาํ นา เพาะปลูก เปนตน
• ปจจยั ทางนโยบายฟน ฟพู ระพุทธศาสนา ดว้ ยปจั จยั สา� คญั ทงั้ ๓ ประการ ทา� ใหก้ รงุ ธนบรุ มี คี วามเจรญิ รงุ่ เรอื งขนึ้ อยา่ งรวดเรว็ ถงึ แมว้ า่
โดยสมเดจ็ พระเจาตากสนิ มหาราชทรงฟน ฟู จะมีระยะเวลาเพียง ๑๕ ปเี ทา่ นั้น
คณะสงฆท เ่ี สอ่ื มโทรมลงเมอื่ คราวเสยี กรงุ
ใหเจรญิ รงุ เรอื งดงั เดิม) ๓ . พตฒัลอดนระายกะเาวรลาทที่าอางณปาจรักะรวธนัตบศิ ุรีมาีกสรุงตธรนบข์ ุรอ2ีเปง็นอราาชณธานาีขจอกั งไรทธยเนป็นบเวรุ ลีา ๑๕ ปี (พ.ศ.
๒๓๑๐ - ๒๓๒๕) ในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้มีพัฒนาการทางด้านต่างๆ ไม่ว่า
จะเป็นด้านการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ สังคม ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมท้ังการ
สร้างสรรค์ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยตามสภาพแวดล้อมของบ้านเมืองที่อยู่ในภาวะสงคราม
ขณะนั้น ซ่ึงมรี ายละเอียดโดยสรุป ดงั ต่อไปน้ี
68
นกั เรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET
“ถึงแมว า กรุงธนบรุ ีจะเปนราชธานขี องไทยเพยี งชว งระยะเวลาสน้ั ๆ แค
1 ฟน ฟคู ณะสงฆ เชน ทรงแตง ตัง้ พระสงั ฆราชาคณะสําหรับดแู ลพระสงฆใ หตงั้ 15 ป แตก พ็ ัฒนาบานเมอื งใหมีความเจรญิ รงุ เรืองขึน้ มาได” จากขอความ
อยูใ นธรรม ทรงสง เสริมใหพ ระภกิ ษุ สามเณร ไดศ กึ ษาพระไตรปฎ ก โปรดใหสราง ดังกลาว นกั เรียนเหน็ ดว ยหรือไม จงยกเหตผุ ลสนบั สนนุ
วหิ าร กฏุ ิสาํ หรบั คณะสงฆเ ปนจาํ นวนมาก ทรงจางใหช างจารพระไตรปฎ กในใบลาน แนวตอบ เหน็ ดวย ดังจะเหน็ ไดจ ากพระราชกรณยี กจิ ของสมเด็จพระเจา
จบทั้ง 84,000 พระธรรมขนั ธ ทรงชาํ ระพระสงฆท่ีขาดศลี ธรรมวินยั เปนตน ตากสินมหาราชทีท่ รงปฏบิ ัติในดา นตา งๆ ไมวา จะเปนดา นการเมือง ทท่ี รง
2 กรงุ ธนบรุ ี ชื่อทางการในฐานะเปนราชธานี คือ กรุงเทพมหานคร บวรทวาราวดี ปราบปราม ปองกนั และขยายอาณาเขตของอาณาจักรใหก วา งขวาง
ศรีอยุธยามหาดิลกภพนพรตั น ราชธานบี ุรีรมยอ ุดมพระราชมหาสถาน สวนชื่อ ทาํ ใหอาํ นาจทางการเมืองของกรงุ ธนบรุ มี ีความมน่ั คงและเขมแข็งมากข้ึน
กรุงธนบรุ ีเปนช่อื เรียกทั่วๆ ไปอยา งไมเปน ทางการ กรงุ ธนบุรีตงั้ อยูทเี่ มืองธนบุรเี ดิม ดานเศรษฐกจิ ทรงใชน โยบายแกไ ขปญหาเศรษฐกจิ ตางๆ ที่กําลงั ประสบ
ซ่ึงเมืองธนบรุ ีหรอื เมืองบางกอกมีความสาํ คัญมาต้งั แตส มัยอยธุ ยา ในฐานะเปน จนทําใหเ ศรษฐกิจของกรงุ ธนบรุ ีเริม่ ฟน ตวั ขนึ้ ตามลาํ ดับ ดานศาสนา
เมอื งหนา ดา นทางทะเล โดยปรากฏช่อื ในพระราชพงศาวดารสมยั สมเดจ็ พระมหา ทรงฟน ฟศู าสนาโดยชําระความบริสทุ ธ์ขิ องพระสงฆ โปรดใหม ีการคัดลอก
จกั รพรรดิวา เมอื งธนบรุ ศี รมี หาสมทุ ร แตคนทั่วไปนยิ มเรียก ธนบรุ ี ความสําคญั พระไตรปฎก มกี ารสรา งพระอโุ บสถ วหิ าร และบรู ณะวดั วาอารามตา งๆ
ของเมอื งธนบรุ ีเพ่มิ มากขน้ึ เม่อื การคากับตางประเทศเจริญรุงเรืองในสมัยสมเด็จ ดา นศลิ ปวฒั นธรรม มกี ารสรา งพระราชวงั กรงุ ธนบรุ ี มกี ารแตงวรรณกรรมบา ง
พระนารายณม หาราช พระองคโปรดใหกองทหารฝรัง่ เศสสรางปอ มขนึ้ สองฝงของ โดยสมเด็จพระเจา ตากสนิ มหาราชทรงพระราชนพิ นธเ องและกวีคนอ่นื ๆ
แมน า้ํ เพื่อปอ งกันขาศึกทม่ี าทางทะเล เรียกวา ปอมวิไชเยนทร แตง ข้นึ ดวย เชน บทพระราชนิพนธเรอ่ื งรามเกยี รติ์บางตอน โคลงยอ
พระเกยี รตพิ ระเจา กรุงธนบรุ ี นิราศกวางตุง เปนตน
68 คูมือครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
๓.๑ พัฒนาการดา้ นการเมอื งการปกครอง 1. ครูทดสอบความรูโดยใหน กั เรียนแบง ออกเปน
กลุมใหม กลมุ ละ 4 คน แตล ะคนมหี มายเลข
การเมืองการปกครองของอาณาจักรธนบุรีในภาวะสงครามภายหลังการเสียกรุงศรีอยุธยา ประจําตวั 1, 2, 3, 4 เพอื่ ตอบคําถามเกีย่ วกับ
มีลักษณะ ดงั นี้ พัฒนาการทางประวัตศิ าสตรของอาณาจักร
ธนบรุ ีในดา นตางๆ จากบตั รคําถามท่ี
๑) การสร้างความเปนปก แผ่นของอาณาจกั รธนบุรี ภายหลงั เสียกรงุ ศรอี ยธุ ยา ครูเตรียมไว โดยใหปฏบิ ตั กิ ิจกรรม ดงั นี้
สมาชกิ หมายเลข 1 อานคําถาม
ใน พ.ศ. ๒๓๑๐ ขณะท่ีพระยาตาก (สิน) ได้รวบรวมไพร่พลและอาวุธยุทโธปกรณ์ตั้งม่ันอยู่ท่ี สมาชิกหมายเลข 2 วิเคราะหคาํ ถาม
กเมรือุงธงจนันบทุรีเบปุร็นีกร่อานชทธี่จาะนเีพขร้า้อมมากกอับบกกระู้กทรุ�งาศพริธีอีบยรุธมยราาใชหา้พภ้นิเษจาก1กขเึ้นงื้เอปม็นมพือรขะอมงหพามก่าษไัตดร้ ิยแ์นลั้นะส ถบารปรดนาา และหาคาํ ตอบ
หัวเมืองต่างๆ ที่รอดพ้นจากการรุกรานของพม่าก็พยายามตั้งตัวเป็นใหญ่เหนือหัวเมืองอ่ืนๆ สมาชิกหมายเลข 3 ตรวจสอบคําตอบ
จนกระทั่งมีชุมนุมต่างๆ ที่ตั้งตัวเป็นใหญ่ท้ังหมด ๕ ชุมนุม รวมทั้งชุมนุมของสุก้ีพระนายกอง สมาชิกหมายเลข 4 นําเสนอคําตอบของกลมุ
ที่พม่าปล่อยให้ท�าหน้าที่เก็บทรัพย์สิน กวาดต้อนเชลยส่งไปยังพม่า รวมท้ังหมด ๖ ชุมนุม
ดังนี้ 2. ครแู จกบตั รคําถามเกยี่ วกับพฒั นาการดาน
การเมืองการปกครอง โดยคาํ ถาม เชน
แผนทีแ่ สดงท่ีตงั้ ของชุมนมุ ทม่ี อี ิทธพิ ลในต้นสมยั ธนบรุ ี • นอกจากชุมนุมพระยาตาก (สนิ ) แลว
ยังมีชุมนมุ คนไทยใดอกี บา งทต่ี ั้งตวั เปนใหญ
มชีเจุม้านพมุ รเะจฝา้ าพง ร(ะเฝรืาองน) 2 พระยชามุพนิษมุ ณุโลก และแตละชุมนมุ ตัง้ มั่นอยูทใ่ี ด
สเปว็นางหควั บหุรนี3า้ อยทู่ ี่เมือง มี พ ร ะ ย า พิ ษ ณุ โ ล ก • การปราบปรามชุมนมุ ตา งๆ ไดเ ปน
(เรอื ง) เปน็ หวั หนา้ อยทู่ ่ี ผลสาํ เรจ็ กอ ใหเกิดผลดตี อ กรุงธนบุรี
เมอื งพษิ ณโุ ลก อยางไร
• หลังการสถาปนากรงุ ธนบุรี สมเดจ็ พระเจา
ชุมนุมพระยาตาก พษิ ณโุ ลก ชมุ นุมเจา้ พิมาย ตากสินมหาราชทรงปกครองอาณาจกั ร
(สิน) อยธุ ยา อยา งไร
มีกรมหม่ืนเทพพิพิธ
มสี มเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ พระราชโอรสในสมเดจ็
มหาราชเปน็ หวั หนา้ อยทู่ ี่ พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
กรุงธนบรุ ี เปน็ หัวหนา้ อยทู่ เี่ มือง
พิมาย
ชมุ นุมเจ้า พชระุมนนาุมยสกุกอ้ี ง
นครศรีธรรมราช มีสุก้ีพระนายกองเป็น
หัวหน้า อยู่ที่ค่ายโพธิ์
(มหีเนจ้า)ู4 นเปคน็ รหศวัรหีธรนรา้ ม อรยาทู่ช ี่ สามตน้ ดา้ นเหนอื ของ
กรงุ ศรีอยธุ ยา
เมอื งนครศรธี รรมราช
6๙
กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรยี นควรรู
ครูใหน ักเรยี นสืบคน เกี่ยวกบั แผนการดาํ เนนิ การของพระยาตาก (สิน) 1 พธิ บี รมราชาภเิ ษก ทางราชการไดกาํ หนดใหว นั ท่ี 28 ธันวาคมของทุกป
ในการปราบปรามชมุ นุมคนไทยตางๆ ทตี่ ง้ั ตัวเปน ใหญ โดยนาํ ขอมูลจดั ทาํ เปนวนั รําลึกการขึ้นครองราชยข องสมเด็จพระเจา ตากสินมหาราช ซึ่งมกี ารจดั
เปนบันทกึ ผลการคนควาสงครผู ูสอน พระราชพธิ ถี วายราชสกั การะแดพระบรมราชานุสาวรยี สมเด็จพระเจา ตากสิน
มหาราช ทีว่ งเวียนใหญ ฝง ธนบรุ ี
กจิ กรรมทาทาย
2 เจา พระฝาง (เรอื น) เปนประมุขของคณะสงฆท เ่ี มืองสวางคบรุ ี อยูทวี่ ัดพระฝาง
ครใู หนักเรยี นวาดเสนทางการปราบปรามชมุ นมุ คนไทยตา งๆ ที่ตงั้ ตัว ตง้ั ตวั เปน เจา ขน้ึ ทงั้ ๆ ทเี่ ปน พระ ชาวบา นนยิ มเรยี กวา เจา พระฝาง มวี ทิ ยาคม และมี
เปน ใหญล งในแผนทโี่ ครงรา งประเทศไทย พรอ มทงั้ จดั ทาํ เสน เวลา (Timeline) ผูนับถือมากวาเปนผูว ิเศษ
แสดงเหตกุ ารณส าํ คญั ทางประวัตศิ าสตรท่ีเกิดขึน้ ในชว งทดี่ ําเนนิ การ
ปราบปราม ตกแตงระบายสใี หส วยงาม แลว นาํ เสนอท่หี นา ชั้นเรียน 3 เมอื งสวางคบรุ ี อยูเ หนอื เมอื งพชิ ัย มอี าณาเขตตอ แดนเมอื งแพร- นา น
และเมืองหลวงพระบาง ปจจุบนั อยูใ นเขตอําเภอพชิ ยั จงั หวดั อุตรดิตถ
4 เจา นครศรธี รรมราช (หน)ู ชาวบา นนยิ มเรยี กวา เจานคร เปน เชื้อสายเจา เมอื ง
นครศรีธรรมราช เขาถวายตวั รับราชการจนไดเ ปน ปลดั เมืองนครศรีธรรมราช ตอมา
พระยานครเดมิ มคี วามผิดจนตอ งออกจากตําแหนง พระปลดั ไดร้งั ราชการจนเสยี
กรงุ ศรีอยธุ ยา จึงไดตง้ั ตัวเปน เจา แทน
คูม อื ครู 69
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ครูใหเวลานกั เรียนแตละกลุมระดมความคดิ อย่างไรก็ดีเพ่ือความเป็นปึกแผ่นในการท�าศึกกับพม่าต่อไป สมเด็จพระเจ้าตากสิน
ในการตอบคาํ ถาม จากนั้นสงตวั แทนออกมา มหาราชทา� การปราบปรามชมุ นมุ ตา่ งๆ ทตี่ ง้ั ตนเปน็ ใหญจ่ นอยภู่ ายใตพ้ ระราชอา� นาจของพระองค์
ตอบหนาชน้ั เรยี น ได้ส�าเรจ็ ทา� ให้อาณาเขตของอาณาจกั รธนบุรขี ยายกวา้ งออกไปมากขน้ึ ในขณะเดยี วกันกส็ ะทอ้ น
ให้เห็นถึงความเป็นเอกภาพทางการเมืองภายในของไทยในยุคที่มีกรุงธนบุรีเป็นราชธานีในระยะ
2. เม่อื แตล ะกลมุ ตอบครบ ครเู ฉลยคําตอบ เร่มิ แรกได้ดีพอสมควร
(แนวตอบ
• ชมุ นุมเจาพระฝาง ตัง้ มั่นอยทู ีเ่ มืองสวางคบรุ ี ๒) ลกั ษณะของการปกครองอาณาจกั ร หลงั จากทสี่ มเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราช
ชุมนมุ เจาพระยาพษิ ณโุ ลก ต้งั มน่ั อยทู ่ีเมือง
พิษณุโลก ชุมนมุ เจา พิมาย ตัง้ มนั่ อยทู ่ีเมือง สถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานีได้แล้ว ต้องทรงจัดการดูแลปกครองหัวเมืองต่างๆ ท่ียังมีผู้คน
พิมาย ชมุ นมุ สกุ พี้ ระนายกอง ตง้ั มนั่ อยทู ่ี อาศยั อย่ ู เพอ่ื ประโยชน์ในการรวบรวมก�าลังคนส�าหรบั ใชใ้ นการผลิตและการทา� สงคราม พระองค์
คา ยโพธส์ิ ามตน ดานเหนือของกรงุ ศรอี ยธุ ยา ทรงตง้ั ขา้ ราชการออกไปรกั ษาหวั เมอื งใหญน่ อ้ ยทงั้ หลายทมี่ ผี คู้ นพอจะรวมตง้ั เปน็ เมอื งไดโ้ ดยเรว็
และชมุ นุมเจา นครศรธี รรมราช ตง้ั มนั่ อยทู ่ี ได้แก่ กรงุ เกา่ (กรงุ ศรอี ยธุ ยาเดิม) ลพบรุ ี อ่างทอง ฉะเชงิ เทรา ระยอง จนั ทบรุ ี ตราด นครชัยศร ี
เมอื งนครศรธี รรมราช สมทุ รสงคราม เพชรบรุ ี รวมทงั้ หมด ๑๐ เมอื งในระยะแรก ตอ่ มาภายหลงั จากปราบชมุ นมุ การเมอื ง
• ทาํ ใหค นไทยรวมตัวกนั ไดเ ปน ปก แผน กอ ให ตา่ งๆ ไดอ้ ย่างราบคาบภายใน พ.ศ. ๒๓๑๓ พระราชอาณาเขตของอาณาจักรธนบุรีก็เร่ิมกลบั คืนสู่
เกดิ เอกภาพทางการเมอื งภายใน และสามารถ สภาพเดมิ ในสมยั อยธุ ยา ยกเวน้ เมอื งตะนาวศร ี เมอื งมะรดิ หวั เมอื งลา้ นนาทต่ี กอยกู่ บั พมา่ สว่ น
ทจ่ี ะรวมกาํ ลังกันเพ่อื ปอ งกันการรกุ รานของ เขมร ลา้ นชา้ ง มลาย ู ซงึ่ เคยเปน็ ประเทศราชยงั เปน็ อสิ ระอย ู่ ทงั้ นเ้ี ปน็ เพราะกรงุ ธนบรุ มี ภี าระสา� คญั
ขา ศกึ ได นอกจากนย้ี งั ทําใหก รุงธนบรุ ไี ด ในการขับไล่กองทัพพม่าให้พ้นไปจากอาณาเขตของอาณาจักรธนบุรี ขณะเดียวกันก็ต้องเตรียม
เมืองข้นึ ของกรุงศรอี ยธุ ยาเขา มาไวใน การปอ้ งกนั กองทพั พม่าทอ่ี าจหวนกลับมารกุ รานไทยอกี ดว้ ย
พระราชอาณาเขตท้งั หมด ยกเวนบางเมอื ง
ทีย่ ังแข็งเมืองอยู เสน้ เวลา
• พระองคท รงต้ังขาราชการออกไปรักษา แสดงการปราบชมุ นมุ ตา่ งๆ ของสมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราช
หัวเมืองใหญนอยทง้ั หลายท่มี ผี คู นพอจะ
รวมตง้ั เปนเมืองโดยเรว็ ไดแ ก กรงุ เกา ตกไี รดมเ้ มหือมงืน่ พเิมทาพ๒ยพ๓ขิพ๑อ๑ธิง1 ๒๓๑๓
(กรุงศรีอยธุ ยาเดิม) ลพบุรี อางทอง
ฉะเชิงเทรา ระยอง จันทบุรี ตราด นครชยั ศรี เปยมึดรอื าเมงบสือเจวงาา้ พงพิษครณบะฝรุ ุโลแีางกละ 2
สมทุ รสงคราม และเพชรบรุ ี รวมเปน 10 เมอื ง
ในระยะแรก ตอมาหลังจากปราบชุมนุม พ.ศ. ๒๓๑๐ ๒๓๑๑ ๒๓๑๒ ๒๓๑๓
ตา งๆ ไดแ ลว พระราชอาณาเขตของกรงุ ธนบรุ ี
ก็เรม่ิ กลบั คนื สสู ภาพเดิมในสมัยอยุธยา)
๒๓๑๐ ๒๓๑๒
ตีไดค้ ่ายโพธิ์สามตน้ ตไี ดเ้ มืองนครศรธี รรมราช
ของสกุ พ้ี ระนายกอง
70
นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET
ภายหลังท่ีสมเดจ็ พระเจาตากสนิ มหาราชทรงกอบกเู อกราชไดส าํ เร็จ
1 กรมหมนื่ เทพพพิ ธิ ชาวบา นเรยี กวา เจา พมิ าย เปน โอรสในสมเดจ็ พระเจา อยูหัว ขอ ใดนบั วา เปน จดุ เรม่ิ ตนของการรวบรวมพระราชอาณาจักรทแี่ ตกแยก
บรมโกศท่ีเกดิ แตพ ระสนม ครน้ั เมอ่ื สมเดจ็ พระเจา อยหู ัวบรมโกศสวรรคต กรมหมื่น ใหเปนอันหนึง่ อนั เดียวกนั
เทพพพิ ิธไดส นบั สนนุ ใหเจาฟาอุทุมพร ซึง่ ดาํ รงตาํ แหนงกรมพระราชวงั บวรสถานมงคล 1. ปราบปรามกลมุ ชมุ นมุ ตา งๆ
หรอื วงั หนา ไดครองราชสมบตั ิ แตเ จาฟาอุทุมพรทรงยกราชสมบัติใหแกเ จา ฟาเอกทัศ 2. รบชนะดนิ แดนตางๆ ใกลเคยี ง
และในสมยั สมเด็จพระเจา อยหู ัวเอกทัศ กรมหมืน่ เทพพพิ ธิ ไดท รงผนวชและตอ มา 3. สถาปนากรงุ ธนบรุ ีเปนราชธานี
คดิ กบฏ จึงถูกเนรเทศไปอยูลงั กา ภายหลังไดท ราบขา วทพั พมา ลอมกรุง จึงหาโอกาส 4. จดั ระบบการปกครองใหเ ปน ระเบียบ
หลบหนีมาอยุธยาอกี โดยมาอยทู เี่ มอื งมะรดิ เมอื งเพชรบรุ ี และเมืองจนั ทบรุ ี ตามลาํ ดบั วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. เมือ่ สมเดจ็ พระเจา ตากสินมหาราชทรง
ตอมาชาวเมืองไดพากันมาสวามิภกั ดเ์ิ พ่ือใหเปนหัวหนา สูก ับทัพพมา จนหลังเสยี กรุง กอบกเู อกราชจากพมา ไดแลว พระองคท รงเห็นถึงความจําเปน อยางเรง ดว น
กรมหม่นื เทพพพิ ิธไดไ ปต้งั ตัวเปนเจาขึน้ ทเี่ มืองพมิ าย นครราชสีมา ในการรวบรวมกลุมชุมนมุ ซง่ึ ต้งั ตวั เปน ใหญตามที่ตางๆ เขามาไวภายใต
2 ปราบเจา พระฝาง เมอื งสวางคบรุ ี และยดึ เมอื งพษิ ณโุ ลก ทาํ ใหธนบุรจี ดั การ พระราชอํานาจ เพื่อเสริมสรา งเอกภาพและความเปน ปก แผน ของพระราช-
หวั เมอื งเหนอื ไดท ง้ั หมด ซงึ่ หัวเมืองเหนอื ในขณะนั้น ไดแก พษิ ณโุ ลก สวางคบรุ ี อาณาจกั ร จะไดผ นกึ กาํ ลงั กันตอสูกับขาศึกได โดยเร่มิ จากปราบปรามชุมนมุ
พิชยั (เดมิ เรียกวา ทงุ ย้งั บางโพธิ์ ปจ จบุ นั อยูในจงั หวดั อตุ รดิตถ) สวรรคโลก สโุ ขทัย พระยาพษิ ณโุ ลก ชุมนมุ เจา พิมาย ชมุ นมุ เจานครศรธี รรมราช และชุมนมุ
กาํ แพงเพชร และนครสวรรค เจา พระฝางเปนแหง สดุ ทา ย ซง่ึ สมเดจ็ พระเจา ตากสนิ มหาราชทรงปราบปราม
กลมุ ชุมนมุ ทัง้ 4 กลุมเปน ผลสาํ เร็จใน พ.ศ. 2313
70 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
สา� หรบั ลกั ษณะการปกครองสมยั ธนบรุ นี า่ จะยงั คงยดึ แบบอยา่ งสมยั อยธุ ยาตอนปลาย 1. ครใู หน กั เรียนดแู ผนผังเกี่ยวกบั การบรหิ าร
เป็นหลัก โดยมีสาระสา� คญั ดงั นี้ ราชการแผนดนิ สว นหัวเมืองจากหนังสอื เรยี น
หนา 71 จากนั้นใหช ว ยกันแสดงความคดิ เห็น
๒.๑) การบริหารราชการแผ่นดินส่วนกลาง มีกรุงธนบุรีเป็นราชธานี โดยมี วาหวั เมืองทั้ง 3 ประเภทมคี วามสาํ คัญตอ
พระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ พระประมขุ และมพี ระราชอา� นาจสงู สดุ ทรงเปน็ สมมตเิ ทพและธรรมราชา การปกครองของอาณาจกั รธนบุรีอยา งไร
มีอคั รมหาเสนาบดี ๒ ตา� แหน่ง คือ สมุหพระกลาโหม ดแู ลงานฝา่ ยทหารทั่วไป และสมหุ นายก
ดแู ลงานฝา่ ยพลเรอื นทวั่ ไปและมอี า� นาจปกครองหวั เมอื งฝา่ ยเหนอื ทง้ั ฝา่ ยทหารและพลเรอื น และ 2. ครูใหน กั เรียนสรุปสาระสาํ คัญเก่ียวกับ
เสนาบดีกรมคลังนอกจากรับผิดชอบการคลังแล้วยังต้องดูแลฝ่ายทหารและพลเรือนในหัวเมือง พัฒนาการดานการเมืองการปกครอง
(รชกับารยผมทดิ วชะังเอ)ล2 บพตเะรหวะมันยอืาอนศอรสกธีมแรัยลรอะมหยรุธัวายชเมาหตือรองือฝนโก่าปยษลใาาตธย้เิบ พได่ิมดี ข(แ้ ก้ึนกร ่ดมพ้วครยละ งัยส)า �ายแหมลรระับพาจชรต ะ(ุสยกาดรพมมลนภเค์หทรรพบือ าก(ลกรร)ม 1มพทนั้งรา ะ)ย๔า ธมรรีเสมนาธาบิบดดีี สมัยธนบรุ ีลงสมดุ จดงานสงครูผสู อน
๒.๒) การบริหารราชการแผ่นดินสว่ นหัวเมอื ง ในสมัยธนบรุ ี การจดั การบริหาร 3. ครูทดสอบความรูข องนกั เรยี น โดยใหทํา
ราชการแผ่นดินส่วนหัวเมืองยังคงยึดหลักเกณฑ์เดียวกันกับสมัยอยุธยา โดยมีการแบ่งหัวเมือง กจิ กรรมที่ 3.2 จากแบบวดั ฯ ประวตั ศิ าสตร ม.2
ออกเป็นประเภทต่างๆ เพือ่ สะดวกในการปกครอง ๓ ประเภท ดงั นี้
ใบงาน ✓ แบบวดั ฯ แบบฝกฯ
ประวตั ิศาสตร ม.2 กิจกรรมที่ 3.2
หนว ยท่ี 3 พัฒนาการของอาณาจักรธนบุรี
กจิ กรรมตามตัวชี้วดั คะแนนเตม็ คะแนนท่ีได
กจิ กรรมท่ี ๓.๑ ใหน กั เรยี นเตมิ ขอ ความลงในชอ งวา งใหไ ดใ จความสมบรู ณ ñð
(ส ๔.๓ ม.๒/๑)
๑. ชุมนุมเจา พระฝาง ศูนยก ลางอยู เมอื งสวางคบรุ ี............................................................................................................................................
หัวหนาชุมนมุ เจาพระฝาง.........................................................................................................................................
ราชธาน� ๒. ชุมนุมเจานครศรธี รรมราช ศูนยก ลางอยู.............เ..ม...ือ....ง...น....ค....ร....ศ....ร...ีธ....ร...ร...ม....ร...า...ช.....................................................................
หัวหนา ชุมนุม.................เ..จ...า...น....ค....ร....ศ....ร...ีธ....ร...ร...ม....ร...า...ช......(..ห....น.....ู)........................................................
๓. ชมุ นมุ พระยาพิษณโุ ลก ศูนยกลางอยู เมอื งพิษณโุ ลก............................................................................................................................................
หวั หนาชุมนมุ .................พ....ร...ะ...ย....า..พ....ษิ.....ณ.....โุ..ล....ก.......(..เ..ร....อื ...ง...)...............................................................
๔. ชมุ นุมเจาพมิ าย ศนู ยก ลางอยู เมืองพมิ าย............................................................................................................................................
หัวหนาชมุ นมุ กรมหมน่ื เทพพิพิธ.........................................................................................................................................
๕. ชุมนุมสกุ ี้พระนายกอง ศนู ยกลางอยู....................ค....า..ย....โ..พ....ธ...สิ์....า...ม....ต...น.......ด....า...น....เ..ห....น....อื....ข..อ....ง...ก....ร...งุ....ศ...ร....อี...ย....ธุ ...ย...า...............
หวั หนา ชมุ นมุ สุก้ีพระนายกอง.........................................................................................................................................
๖. ชุมนมุ พระยาตาก (สิน) ศนู ยก ลางอยู กรุงธนบรุ ี............................................................................................................................................
หัวหนา ชุมนมุ .................ส....ม....เ.ด....็จ....พ....ร...ะ...เ..จ...า...ต....า...ก....ส....นิ....ม....ห....า..ร....า...ช................................................. เฉฉบลับย
๗. ลกั ษณะการปกครองในสมัยธนบรุ ียึดแบบอยางมาจาก........ส....ม....ัย...อ....ย...ุธ...ย....า..ต....อ....น....ป....ล....า...ย........................................
๘. ในสมยั ธนบรุ ไี ดม กี ารแบง หวั เมอื งออกเปน ……………………………………๓………………………………..หวั เมอื ง ไดแ ก
หัวเมอื งช้นั ใน หมายถึง.....เ..ม....ือ....ง...ท....ี่ต....้ั.ง...อ....ย...ู.ไ..ม....ไ...ก....ล....จ....า...ก....ร....า...ช...ธ...า...น.....ี ....โ...ด....ย....ม...ี.ผ...ูร....ั้ง....เ.ม....ือ....ง...แ....ล....ะ...ค....ณ.....ะ..
หัวเมืองชั้นใน หวั เมอื งชน้ั นอก หวั เมอื งประเทศราช .ก....ร...ม....ก...า...ร....เ.ม....อื...ง....ร...ับ....น.....โ..ย....บ....า...ย...แ...ล....ะ...ค....าํ ..ส.....ง่ั ...จ...า...ก....ส....ว...น.....ก....ล....า..ง........................................................
เป็นเมืองที่อยู่ไม่ไกลจาก
ราชธานี ไม่มีผู้ว่าราชการเมือง (เมอื งพระยามหานคร) เป็นเมืองต่างชาติต่างภาษา หวั เมืองชัน้ นอก หมายถงึ .....เ..ม....อื ...ง...ท....ตี่....งั้...อ....ย...ไู...ก....ล...จ....า...ก....ร...า...ช...ธ...า...น....ี...ม...เี..จ...า...เ..ม...อื....ง...ป....ก....ค....ร...อ....ง......ม...เี..ม...อื....ง...ใ..ห....ญ....
หรือเจ้าเมืองปกครอง มีแต่ผู้ร้ัง .น....อ....ย...ข...้นึ....ต....ร....ง...อ....กี ....ต...อ....ห....น....ง่ึ.........................................................................................................................
เมืองและคณะกรมการเมืองรับ
นโยบายและค�าส่ังจากเสนาบดี หวั เมืองประเทศราช หมายถึง.....เ..ม....ือ...ง...ท....ต่ี....อ....ง...ส....ง....เ.ค....ร....อื่...ง....ร...า...ช...บ....ร...ร....ณ.....า...ก....า...ร.......ต....น.....ไ..ม....เ..ง...ิน.........ต....น ....ไ...ม...ท....อ....ง..
จากสว่ นกลางโดยตรง เมอื งเหลา่ น้ี เปน็ เมอื งทอ่ี ยไู่ กลออกไปจาก ที่ต้องส่งเคร่ืองราชบรรณาการ .ม...า...ถ....ว..า...ย....พ....ร...ะ...ม...ห....า...ก....ษ....ตั....ร...ยิ.......เ.ช....น .......ก....ัม...พ....ูช....า.....ห....ล....ว...ง...พ....ร....ะ..บ....า...ง......เ..ป....น....ต....น.............................
จัดเป็นเมอื งจัตวา
ราชธาน ี มเี จา้ เมอื งปกครองพรอ้ ม ต้นไมเ้ งนิ ตน้ ไมท้ องมาถวายแด่ ๙. ในสมยั ธนบุรกี ษัตรยิ ท รงมสี ถานะเปน .....ส....ม....ม...ต....เิ..ท....พ....แ...ล....ะ...ธ...ร...ร....ม...ร....า..ช...า................................................................................
๑๐. สมเด็จพระเจาตากสินมหาราชทรงแตงต้ังขาราชการออกไปรักษาหัวเมืองใหญนอยตอไปน้ี
กรุงศรีอยุธยาเดิม ลพบุรี อางทอง ฉะเชิงเทรา ระยอง จันทบุรี ตราด นครชัยศรี
ทงั้ คณะกรมการเมอื ง มจี ตสุ ดมภ์ พระมหากษตั รยิ ท์ ก่ี รงุ ธนบรุ ี เมอื ง สมทุ รสงคราม เพชรบรุ ี เพราะ .....เ..ม...ือ....ง...ท....ั้ง....ห....ล....า...ย...เ..ห....ล....า...น....ี้.....ม...ี.จ...ํา...น.....ว...น....ผ....ูค....น....ม....า...ก....พ....อ....ท....่ีจ...ะ...ร....ว...ม...ต....ัว...ก....ัน.....ต....ั้ง..
.บ....า...น....เ..ม...อื....ง...ไ...ด....เ.ร....็ว...แ...ล....ะ..อ....า..จ....ท....าํ...ใ..ห....เ..ก....ิด....ค....ว...า..ม....ว...ุน ....ว...า...ย...ใ...น....ก....า...ร...แ....ย...ง...ช...งิ....อ...าํ...น....า...จ...................................................................................
เหมอื นกบั ราชธาน ี มเี มอื งใหญน่ อ้ ย ที่ส�าคัญ ได้แก่ กัมพูชา หลวง
................................................................................................................................................................................................................................................
ขยังนึ้ แตบรง่งอเปกี ็นตอ่หหัวนเมง่ึ ือหงวัเอเมกอื 3งโเทห ลาต่ นรี ้ี พระบาง เวียงจนั ทน ์ จ�าปาศักด์ิ ๓๕
เหมือนสมยั อยุธยา
7๑
แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tดิ นักเรยี นควรรู
การปกครองในสมยั ธนบรุ มี ลี กั ษณะอยา งไร จงอธบิ ายมาพอเขาใจ 1 กรมนครบาล หรือกรมเวียงในจตสุ ดมภต ั้งแตส มัยสมเดจ็ พระรามาธบิ ดีท่ี 1
แนวตอบ ลักษณะการปกครองของอาณาจักรธนบรุ ี ยังคงยดึ แบบอยาง (อูทอง) จนมาถงึ สมยั สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถจึงไดเ ปลยี่ นชอื่ เปน กรมนครบาล
มาจากสมยั อยธุ ยาตอนปลาย ซึง่ แบง ออกเปน การบริหารราชการแผนดิน 2 กรมวงั เปนกรมใหญทีส่ ดุ ในบรรดาจตสุ ดมภท้งั 4 เนือ่ งจากมีหนา ทเ่ี ก่ยี วกับ
สว นกลาง มีกรงุ ธนบรุ เี ปนราชธานี โดยมพี ระมหากษตั รยิ ท รงเปนพระประมขุ พระมหากษตั ริย จาํ เปน ตอ งอารกั ขาพระองคใหปลอดภัยและตองอํานวยความ
และมพี ระราชอาํ นาจสงู สดุ ทรงเปน ทงั้ สมมตเิ ทพและธรรมราชา มอี คั รเสนาบดี สะดวกสบายแกพระองค เพอ่ื ทรงใชพระราชอํานาจในการบริหารราชการแผน ดนิ
2 ตาํ แหนง คอื สมหุ พระกลาโหมดแู ลงานฝา ยทหาร และสมหุ นายกดแู ลงาน ใหด ําเนินไปไดโดยสะดวกและรวดเร็ว อกี ทง้ั ยงั ตองเทดิ ทนู พระเกียรติและพระบรม
ฝา ยพลเรอื น และปกครองหัวเมอื งฝายเหนอื ท้ังฝา ยทหารและฝายพลเรอื น เดชานภุ าพ ซง่ึ ถือวาเปนสมมติเทพใหสมบูรณอ กี ดว ย ดังน้นั กรมวังจงึ แบง ออก
และจตุสดมภก ็มเี สนาบดีทง้ั 4 รับผิดชอบเหมอื นสมัยอยธุ ยาตอนปลาย เปนกรมยอยหลายสบิ กรม เชน กรมฉางขา วบาตร กรมสวนหลวง กรมหมอนวด
แตเ สนาบดกี รมคลงั มหี นา ทร่ี บั ผดิ ชอบหวั เมอื งเพม่ิ ขนึ้ สว นการบรหิ ารราชการ กรมลอ มพระราชวัง กรมโหร กรมราชบณั ฑิต กรมธรรมการ กรมสังฆการี
แผน ดินสวนหัวเมืองยงั คงยึดรปู แบบเดยี วกบั สมัยอยธุ ยา โดยแบง หวั เมอื ง กรมพระแสงตน กรมมาตน กรมชา งสบิ หมู เปน ตน
ออกเปนหัวเมอื งช้นั ใน หัวเมืองชั้นนอก และหัวเมอื งประเทศราช 3 หวั เมอื งเอก เชน เมอื งพษิ ณุโลก และเมืองนครศรธี รรมราช
คมู อื ครู 71
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ตอ ไปครูแจกบตั รคาํ ถามเกีย่ วกับพฒั นาการ ๓.๒ พัฒนาการด้านเศรษฐกิจ
ดา นเศรษฐกจิ โดยคําถาม เชน
• ปญหาเศรษฐกิจท่ีเกิดข้นึ ในสมัยธนบรุ ี ตลอดระยะเวลา ๑๕ ป ี ระหวา่ ง พ.ศ. ๒๓๑๐ - ๒๓๒๕ สมเด็จพระเจา้ ตากสนิ มหาราชทรง
เกดิ จากสาเหตใุ ด ตอ้ งเผชญิ กบั ปญั หาความมน่ั คงและปลอดภยั ของราชอาณาจกั รกบั ปญั หาดา้ นเศรษฐกจิ ทพ่ี ระองค์
• สมเด็จพระเจาตากสนิ มหาราชทรงแกไ ข ตอ้ งทรงแกไ้ ขปญั หาเหลา่ นี้ใหล้ ลุ ว่ งโดยเรว็ โดยเฉพาะทางดา้ นเศรษฐกจิ สภาพของความอดอยาก
ปญหาเศรษฐกิจที่เกดิ ขนึ้ ดว ยวิธกี ารใด และขาดแคลนเคร่ืองอุปโภคบริโภคของอาณาประชาราษฎร์และบรรดาไพร่พลของพระองค์
2. ครูใหเวลานกั เรียนแตล ะกลุมระดมความคดิ ๑) สาเหตสุ า� คญั ท่ีท�าให้เกิดปญั หาเศรษฐกิจ มีดงั น้ี
ในการตอบคาํ ถาม จากน้นั สงตัวแทนออกมา
ตอบหนาชน้ั เรยี น ๑. การทีพ่ มา่ ยกทพั มาตกี รุงศรีอยธุ ยาและกวาดตอ้ นผู้คน เสบียงอาหาร มาใช้
ในการสงคราม ท�าให้เกดิ การขาดแคลนเครือ่ งอุปโภคบริโภค
3. เมอื่ แตละกลมุ ตอบครบ ครเู ฉลยคาํ ตอบ ๒. การท�าสงครามปราบปรามชุมนุมของกลุ่มการเมืองต่างๆ ขณะเดียวกันต้อง
(แนวตอบ ท�าสงค รามก ับพม๓า่ ม. ใานโดรยะยตะลแอรดก ขจงึอสง่งกผาลรกสรระ้าทงรบาตช่อธภาานวีใะหทมา่ งเพศรระษรฐากชจิ วขังอ1 งกธานรบปรุูนี บ�าเหน็จรางวัล
• เกดิ จากหลายสาเหตุ ที่สาํ คญั ไดแก แก่แมท่ พั นายกอง และการบ�ารงุ พระพทุ ธศาสนา จ�าเป็นต้องใช้ทรัพยส์ นิ เงนิ ทองจ�านวนมาก
การยกทัพมาตีกรุงศรอี ยธุ ยาของพมา
ในคราวสงครามเสียกรงุ การทาํ สงคราม ๒) นโยบายแกไ้ ขปญั หาเศรษฐกจิ สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชทรงแกไ้ ขปญั หา
ปราบปรามชุมนุมตางๆ และตองทําสงคราม
กับพมา ดวย รวมท้ังการใชทรัพยสนิ เงินทอง เศรษฐกจิ ท่กี า� ลังเผชิญอย่ ู ดังนี้
จาํ นวนมากในการสรา งพระราชวงั ใหม ๑. ทรงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเกี่ยวกับความอดอยากและขาดแคลนด้วยการซ้ือ
และปูนบําเหน็จแมทัพนายกองตา งๆ ขา้ วสารจากพอ่ คา้ สา� เภาจนี ในราคาทแี่ พง แลว้ พระราชทานขา้ วสารใหแ้ กบ่ รรดาขา้ ราชการ ทหาร
• เชน ทรงแกไ ขปญหาความอดอยาก พลเรอื นท้ังไทยและจีน คนละ ๑ ถงั ต่อ ๒๐ วนั ทา� ใหร้ าษฎรมกี �าลงั ประกอบอาชพี ของตน
และขาดแคลนดว ยการซื้อขาวสารจากพอ คา
ชาวจีนและพระราชทานใหแ กราษฎร โปรดให ภาพวาดจินตนาการสมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชทรงแกป้ ัญหาการขาดแคลนอาหารด้วยการซอื้ ข้าวสารจากพ่อค้าชาวจีน
ขา ราชการทัง้ ผใู หญแ ละผนู อ ยทํานาปละ มาแจกจา่ ยใหแ้ กร่ าษฎร
2 คร้ัง ทรงปราบปรามโจรผรู ายที่ปลนสะดม
พอ คาและราษฎร ทรงเปด โอกาสใหมกี าร 7๒
ประมูลผกู ขาดเกบ็ คาภาคหลวง และ
ขดุ ทรพั ยท ี่ชาวบานฝง ซอ นไวตามบา นเรือน
รวมท้ังสงเสรมิ ใหพอคา ชาวจนี เขามาคาขาย
มากขึน้ เปน ตน )
4. ครูชมเชยนักเรียนทใ่ี หความรวมมอื ในการ
ปฏิบัติงานกลมุ เปน อยา งดี
5. ครใู หน ักเรียนสรปุ สาระสาํ คัญเกย่ี วกับ
พัฒนาการดา นเศรษฐกิจสมัยธนบุรี
ลงสมดุ จดงานสงครูผสู อน
เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET
ขอ ใดเปน วิธีการทสี่ มเด็จพระเจา ตากสินมหาราชทรงใชใ นการแกไ ขปญหา
ครูแนะนาํ ใหนักเรยี นจดบนั ทึกสาระสาํ คญั เกี่ยวกบั วิธกี ารแกไ ขปญ หาทางดาน เฉพาะหนา เรื่องการขาดแคลนขา วของราษฎร
เศรษฐกิจในสมยั ธนบรุ ี ทีเ่ รยี กวา การทาํ โนต ยอ (short note) เพอ่ื ประโยชนใ นการ 1. เรง รดั ใหไพรทํานา
ทบทวนภายหลัง ทาํ ใหจ ดจําไดงาย ไมหลงลมื 2. เกณฑห ัวเมอื งสงขาวใหแกราชการ
3. จดั สง ปน คาบศิลาเพือ่ แลกกับขา วท่ีจนี
นักเรยี นควรรู 4. สัง่ ซอื้ ขาวจากตา งประเทศมาแจกใหแกราษฎร
วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. เพ่ือแกไขปญหาเฉพาะหนา เกยี่ วกับ
1 พระราชวัง พระราชวงั หลวงสรางขึ้นทางฝง ตะวันตกของแมน้าํ เจาพระยาในพ้นื ที่ ความอดอยากและขาดแคลนขา วของราษฎร สมเด็จพระเจาตากสินมหาราช
ทเี่ คยเปน ท่ีตัง้ ของปอมวไิ ชเยนทรเ ดมิ (ซึง่ ภายหลังเปลยี่ นชื่อเปน ปอ มวิไชยประสิทธ์)ิ ทรงซ้ือขาวสารจากพอ คาสาํ เภาจีนในราคาทแ่ี พงถงึ ถงั ละ 3-5 บาท
อาณาเขตของพระราชวังในสมัยนน้ั มพี นื้ ที่ต้ังแตปอมวิไชยประสิทธิข์ ้นึ มาจนถึง แลวพระราชทานใหแ กบรรดาขนุ นาง ทหาร และพลเรอื นท้งั ไทยและจีน
คลองเหนอื วดั อรุณราชวราราม (คลองนครบาล) โดยรวมวดั แจง (วดั อรุณราชวราราม) คนละ 1 ถงั ตอ 20 วัน นอกจากพระราชทานขาวสารแกร าษฎรแลว พระองค
และวดั ทา ยตลาด (วัดโมลโี ลกยาราม) เขา ไปในเขตพระราชวงั ดว ย ยังไดพระราชทานเสื้อผาเคร่อื งนงุ หม ใหอีกดวย
72 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
๒. โปรดให้ข้าราชการทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อยท�านาปีละ ๒ คร้ัง1ใน พ.ศ. ๒๓๑๑ 1. ครแู จกบัตรคําถามเกย่ี วกับพฒั นาการ
เป็นการแกไ้ ขปัญหาการขาดแคลนข้าวสาร ดานสังคม โดยคําถาม เชน
๓. ทรงรับสั่งให้ขา้ ราชการและชาวบา้ นจบั หนูมาส่งกรมพระนครบาล ทา� ใหห้ นูท่ี • โครงสรางทางสงั คมไทยสมยั ธนบุรี
กัดกินขา้ วในย้งุ ฉางมจี า� นวนลดลง ประกอบดว ยชนช้ันใดบาง
๔. ทรงปราบปรามโจรผู้ร้ายที่ปล้นสะดมพ่อค้าและประชาชน โดยจัดกองทหาร • แตละชนชั้นดังกลา วขา งตน มีบทบาทหนาท่ี
ออกลา ดตระ เวนต๕ร.ว เจปตดิ รโาอแกลาะสใใชหม้ ม้ ากี ตารรกปารระขมนั้ ลู เผดกู็ดขขาาดดเแกกบ็ ผ่คู้ทา่ ภี่ปารคะพหลฤวตงติ 2ขนดุเปท็นรโพั จยรท์ผชี่รู้ ้าายวบา้ นฝงั ซอ่ น ในสงั คมอยา งไร
ไวต้ ามบา้ นเรือนภายหลังเสร็จสงครามเสยี กรงุ จนได้เงินเป็นจา� นวนมาก • นักเรยี นสามารถสรปุ ลักษณะของสงั คมไทย
๖. ส่งเสรมิ ให้บรรดาพ่อคา้ โดยเฉพาะพอ่ ค้าจีนไดเ้ ขา้ มาคา้ ขายมากข้ึน สมัยธนบุรีไดว าอยา งไร
จากพระบรมราโชบายของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทางด้านเศรษฐกิจดังกล่าว
ท�าให้เศรษฐกิจของธนบรุ ฟี น้ื ตวั ขึน้ มาเปน็ ลา� ดับ 2. ครูใหเ วลานักเรียนแตละกลมุ ระดมความคดิ
ในการตอบคาํ ถาม จากนัน้ สง ตัวแทนออกมา
๓.๓ พัฒนาการด้านสังคม ตอบหนาชัน้ เรยี น
สังคมไทยสมัยธนบุรมี ีองค์ประกอบของโครงสร้างทางสงั คม ดังตอ่ ไปนี้ 3. เมือ่ แตละกลมุ ตอบครบ ครูเฉลยคาํ ตอบ
(แนวตอบ
• ประกอบดวย พระมหากษัตริย พระบรม-
วงศานวุ งศ ขนุ นาง ไพร และทาส
พกรษะตั มรหิยา์ และมชี นชัน้ พเิ ศษในสงั คมดว ย คอื พระสงฆ
ัสงคมไทยสมัยธน ุบ ีร พระบรม ทรงเป็นพระประมุขของราชอาณาจักร มีพระราชอ�านาจสูงสุด มีสถานะเป็น • พระมหากษตั ริย ทรงเปน พระประมขุ ของ
วงศานวุ งศ์ สมมตเิ ทพและธรรมราชาเช่นเดยี วกับสมัยอยธุ ยา
พระญาติใหญน่ อ้ ยของพระมหากษตั รยิ ์ เรยี กวา่ เจา้ นาย มศี กั ดนิ าแตกตา่ งกนั ไป อาณาจกั ร มพี ระราชอาํ นาจสงู สดุ พระบรม-
ขนุ นาง ผู้มีหน้าท่ีบริหารราชการแผ่นดินตามพระบรมราชโองการของพระมหากษัตริย ์ วงศานุวงศ หรือเรียกวา เจานาย มหี นา ท่ี
มีศักดนิ า ยศ ราชทินนาม และตา� แหนง่ ชว ยพระมหากษตั รยิ ใ นการปกครอง ขนุ นาง
มหี นาทีบ่ รหิ ารราชการแผนดินตามพระบรม-
ราชโองการของพระมหากษัตรยิ ไพรห รอื
ราษฎร มีหนา ท่ตี อ งถกู เกณฑแ รงงานให
ไพร่ ราษฎรทั้งหลายทต่ี ้องถกู เกณฑแ์ รงงาน แบง่ ออกเป็น ไพร่หลวงและไพรส่ ม กับทางราชการ และทาส มหี นา ทร่ี ับใช
มูลนายของตนจนกวาจะไดรับการไถตัว
ทาส ชนชนั้ ทอ่ี ยตู่ า่� สดุ ในสงั คม อาจเปน็ ไพรท่ ข่ี ายตวั หรอื เชลยศกึ ทาสบางประเภท 3 ใหพ น จากความเปนทาส สาํ หรบั พระสงฆ
มีหนา ทใ่ี นการสงั่ สอนและเผยแผธรรมะ
สามารถไถต่ นเองได้ • เปนสังคมศกั ดินาท่ปี ระกอบดว ยชนชัน้ ตางๆ
แตล ะชนชน้ั จะมศี ักดินาเปนเครอื่ งกําหนด
สังคมไทยสมัยโบราณมีลักษณะของความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในสังคมท่ีมีหน้าที่และ สิทธแิ ละหนาท่ขี องบุคคลในสังคม)
ความรับผิดชอบแตกต่างกันระหว่างมูลนายกับไพร่ มูลนายในท่ีนี้จะหมายถึง พระมหากษัตริย ์ 4. ครูชมเชยนักเรียนทใ่ี หความรวมมอื ในการ
พระบรมวงศานุวงศ์ และขุนนาง นอกจากน้ี ในสังคมไทยยังมีพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ปฏิบัติงานกลมุ เปนอยางดี
เป็นผู้ที่ได้รับการเคารพนับถือจากบุคคลทุกหมู่เหล่าในสังคม นับตั้งแต่พระมหากษัตริย์ลงมาถึง 5. ครใู หน ักเรยี นสรปุ สาระสาํ คัญเก่ยี วกับ
ทาสสามารถอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ได้ จึงมฐี านะพิเศษเช่นเดียวกบั สมยั อยุธยา พัฒนาการดานสังคมสมัยธนบุรีลงสมดุ จดงาน
7๓
แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tิด สง ครผู สู อน
นกั เรยี นควรรู
ในสมัยธนบุรีไดมกี ารกวดขันการขนึ้ ทะเบยี นไพรอ ยางเขม งวด ทงั้ นเี้ พือ่ อะไร 1 ทาํ นาปล ะ 2 ครงั้ ทงั้ นาปและนาปรงั ใน พ.ศ. 2311 เพื่อแกไ ขปญหา
1. ปอ งกนั การทาํ จารกรรม ขาดแคลนขาว เพราะขา วสารราคาแพงมากถงึ เกวียนละ 2 ชงั่ ราษฎรจงึ ไดรับ
2. สะดวกในการจัดเก็บภาษี ความเดือดรอ นมาก
3. เกณฑพลงายยามมีศึกสงคราม 2 คา ภาคหลวง คาสทิ ธิซึ่งกฎหมายกาํ หนดใหผไู ดร บั อนญุ าตทําการหาประโยชน
4. เอาไวเ ปนแรงงานในการทาํ เกษตรกรรม จากทรพั ยากรของรฐั โดยตอ งชําระใหแ กร ัฐ
3 ทาสบางประเภท เชน ทาสสินไถ ทไ่ี ปกหู นีย้ ืมสินมาแลว ตนเองตองตกเปน ทาส
วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. ในสมยั ธนบรุ บี านเมอื งอยูในชวงภาวะ ตอ มาเมอ่ื มเี งินกส็ ามารถมาไถถอนตัวเองใหเปนอสิ ระได นอกจากน้ี ทาสยงั มโี อกาส
ทจ่ี ะไดร ับการไถตัวใหพ นจากความเปน ทาสในกรณีตา งๆ เชน ถา นายเงินอนุญาต
สงคราม เพื่อเปน การกวดขนั การขน้ึ ทะเบยี นไพรเ พอ่ื ใหเกณฑพลไดงา ย ใหท าสบวชเปนพระภิกษุ สามเณร หรือนางชี หรือถา นายใชใ หท าสไปทาํ สงคราม
ในยามสงครามหรือทําราชการ ทางราชการจงึ ไดมกี ารออกพระราชกาํ หนด แลว ถูกจับเปนเชลยและหนรี อดมาได หรอื ถาทาสฟองนายวา เปนกบฏและสอบสวน
บทลงโทษไพรท่ไี มย อมไปสกั เลกสังกดั มูลนาย หรือไพรท ีท่ าํ เหลก็ ปลอมข้ึนมา ไดค วามสตั ย หรือถา ญาติพ่นี องของนายและนายไดท าสสาวเปน ภรรยา กถ็ อื วา
สักเลกเพอ่ื ผลประโยชนข องตนเอง หรอื ผูทเ่ี กียจครา นไมยอมเปน ทหาร
ซง่ึ จะมีโทษหนกั ถึงข้นั ประหารชีวิต
หลุดพน จากความเปน ทาส เปน ตน
คูมือครู 73
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ครแู จกบัตรคาํ ถามเก่ียวกบั พัฒนาการดาน สังคมไทยสมัยธนบุรีเป็นสังคมท่ีต้องเผชิญกับศึกสงครามติดต่อกัน ดังนั้น ในบางครั้ง
ความสัมพนั ธร ะหวางธนบุรกี ับรฐั ทอ่ี ยใู กลเ คียง ไพร่หลวงมิได้ผลัดเปลี่ยนกัน เข้าเดือน - ออกเดือน เป็นเวลานานติดต่อกัน ท�าให้ไพร่หลวงได้รับ
โดยเรม่ิ จากความสมั พนั ธก บั ลา นนา คาํ ถาม เชน ความเดอื ดรอ้ นในบางครง้ั แตด่ ้วยความเข้มแข็งและกล้าหาญของสมเด็จพระเจ้าตากสนิ มหาราช
• ลักษณะความสัมพนั ธระหวางธนบรุ กี บั สงั คมไทยจึงสามารถดา� รงอย่ไู ด้เป็นปกตติ ลอดระยะเวลา ๑๕ ปี
ลานนาเปนแบบใด
• เพราะเหตใุ ดธนบรุ ีถงึ ตองการทจ่ี ะไดลา นนา ๓.๔ พฒั นาการด้านความสมั พนั ธร์ ะหว่างประเทศ
เขามาไวในอาํ นาจ นโยบายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งประเทศของไทยในสมยั ธนบรุ มี ลี กั ษณะของการเผชญิ หนา้ ทาง
ทหาร การแผข่ ยายอา� นาจ การแบ่งแยกและปกครอง รวมท้งั การทูตบรรณาการ เปน็ ตน้ ทง้ั น้เี พอื่
2. ครใู หเ วลานกั เรียนแตละกลุมระดมความคิด ประโยชนท์ างดา้ นความมนั่ คงและปลอดภยั จากการรกุ รานของขา้ ศกึ รวมทงั้ เพอื่ ประโยชนท์ างดา้ น
ในการตอบคาํ ถาม จากนั้นสง ตวั แทนออกมา เศรษฐกจิ และการค้าของอาณาจักรธนบรุ ดี ้วย
ตอบหนาชนั้ เรยี น
๑) ลกั ษณะความสัมพันธร์ ะหวา่ งธนบุรกี ับรฐั ทีอ่ ยู่ใกลเ้ คยี ง แบ่งออกได ้ ดงั นี้
3. เมื่อแตล ะกลุมตอบครบ ครเู ฉลยคาํ ตอบ ๑.๑) ความสัมพันธ์กับล้านนา เนื่องจากล้านนาถูกพม่าปกครองในฐานะเป็น
(แนวตอบ เมอื งประเทศราชอกี ครง้ั หนง่ึ ใน พ.ศ. ๒๓๐๖ โดยทอี่ ยธุ ยาไมส่ ามารถปอ้ งกนั ได ้ และอกี ๔ ปตี อ่ มา
• เปนการขยายอาํ นาจทางการทหารเขาไป กรงุ ศรอี ยธุ ยาก็เสียแกพ่ มา่ ใน พ.ศ. ๒๓๑๐
ครอบครอง เพอื่ มิใหพมาใชลานนาเปน แหลง ต่อมาในสมัยธนบุรี ระหว่างปลาย พ.ศ. ๒๓๑๓ ถึงต้น พ.ศ. ๒๓๑๔ สมเด็จ
สะสมกาํ ลงั เขา มารกุ รานไทยและเปน พนั ธมติ ร พระเจ้าตากสินมหาราชทรงส่งกองทัพข้ึนไปตีเชียงใหม่แต่ไม่ประสบความส�าเร็จ จึงจ�าเป็นต้อง
เชน ใน พ.ศ. 2317 สมเด็จพระเจาตากสนิ ยกทัพกลับธนบุรี ใน พ.ศ. ๒๓๑๗ สมเด็จ
มหาราชทรงยกทพั ไปโจมตีพมาใหอ อกไปจาก พระเจ้าตากสินมหาราชทรงส่งกองทัพขึ้นไปตี
เมืองเชยี งใหมไ ดสาํ เร็จ และแตง ตง้ั เจานาย เชยี งใหมเ่ ปน็ ครง้ั ท ่ี ๒ ไดเ้ ปน็ ผลสา� เรจ็ และทรง
ฝา ยเหนือใหป กครองลานนากันเอง ตอมา เใกเจจหัน้า้า้เเเเจอมม้างือือน งงาโเลยดช�าลียยป้างทาในรงหนง มแาพ่ ตไรทพ่งะยตรยะเั้งาปยใวหา็นิเว้ชพผัยียู้รปวระกงปยศคารารกา3คอการงาวอลริลง้า 2ะเ1นมเเปปนือ็็นนาง
ใน พ.ศ. 2319 พมา ตีไดเมืองเชยี งใหม ลา� พูน สงครามครง้ั นธ้ี นบุรไี ดเ้ ชียงใหม่ ล�าพนู
สมเดจ็ พระเจา ตากสนิ มหาราชจงึ โปรดให ล�าปาง และน่านเข้ามาอยู่ในราชอาณาจกั ร
เจา พระยาสุรสหี ค มุ กองทพั เมอื งเหนือไปตี ต่อมาใน พ.ศ. ๒๓๑๙ พมา่ ได้
เมืองเชียงใหมค นื ไดเปนผลสาํ เรจ็ ยกทัพมาตีเชียงใหม่ สมเด็จพระเจ้าตากสิน
• เพราะตอ งการใหลา นนาเปนดินแดนกันชน มหาราชโปรดให้เจ้าพระยาสุรสีห์คุมกองทัพ
จากพมา อีกทง้ั ตอ งการขยายอํานาจปกครอง หัวเมืองเหนือยกไปตีเมืองเชียงใหม่คืนได้เป็น
ลานนาซงึ่ เปนดนิ แดนของคนไทยดว ยกัน
ในฐานะเมืองประเทศราช)
4. ครชู มเชยนกั เรยี นทใ่ี หความรวมมือในการ
ปฏบิ ตั ิงานกลุมเปนอยา งดี
พระยากาวิละ รับราชการด้วยความจงรักภักดีมาต้ังแต่ ผลสา� เร็จ
สมัยธนบุรถี งึ ตน้ รตั นโกสินทร์
7๔
นักเรียนควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ
1 พระยากาวลิ ะ เปน บตุ รเจาฟาชายแกว ซ่ึงพระเจาองั วะตั้งใหเ ปนเจา นคร ครใู หนกั เรียนสรปุ ลักษณะความสมั พนั ธระหวางธนบุรกี บั ลานนา
ลําปาง จึงเรียกวา เจา ฟาชายแกว มีบุตรชาย 7 คน (เรยี กวา เจา เจด็ ตน) บุตรสาว โดยจดั ทําในรูปแบบผังมโนทศั น จากนั้นนําเสนอผลงานทหี่ นาชนั้ เรียน
3 คน รวม 10 คน ซงึ่ หน่ึงในนน้ั คือ กาวิละ ไดเ ปนผรู ้ังเมอื งนครลาํ ปางแทนบิดา
เมื่อเขามาสวามภิ กั ดิ์ตอ ไทย สมเด็จพระเจาตากสินมหาราชจึงทรงแตงต้ังใหเปน กจิ กรรมทาทาย
พระยานครลาํ ปาง (ตอมาในสมัยรชั กาลที่ 1 ไดเปน เจา เมืองเชยี งใหม)
2 พระยาวเิ ชยี รปราการ เดิมเปน พระยาจา บาน เปน ทา วพระยาเมืองเชยี งใหม ครูใหน ักเรยี นสบื คนเพ่มิ เติมเก่ยี วกับประวตั ิและบทบาทของพระยา
ระดับผูใ หญค นหนงึ่ ไดรวมมอื กบั พระยากาวิละ พาชาวเมืองเชยี งใหมและชาวเมือง กาวิละ ซงึ่ ไดรบั การสถาปนาจากสมเด็จพระเจาตากสินมหาราชใหเ ปน
ลาํ ปางมาสวามภิ กั ดิต์ อสมเดจ็ พระเจาตากสนิ มหาราช จงึ โปรดใหพระยาจา บาน เจาผคู รองนครลาํ ปาง และในสมยั รัตนโกสนิ ทรรัชสมัยพระบาทสมเดจ็
เปนพระยาวเิ ชยี รปราการ เจาเมืองเชียงใหม พระพทุ ธยอดฟา จฬุ าโลกมหาราชทรงสถาปนาใหเ ปน พระเจา เชยี งใหม
3 พระยาวยั วงศา ซึง่ แตเดมิ เปน เจาเมอื งลาํ พนู เมื่อสมเด็จพระเจา ตากสิน เปน ใหญใ นลานนา 57 หัวเมอื ง จากนนั้ นําเสนอขอมลู ในรูปแบบตางๆ
มหาราชยกทัพมาตเี มืองเชียงใหมใน พ.ศ. 2317 จงึ ไดสวามภิ ักดต์ิ อ สมเดจ็ พระเจา ที่หนา ช้นั เรียน
ตากสนิ มหาราช จึงโปรดใหเปนพระยาวยั วงศาครองเมืองลาํ พูนตามเดิม
74 คมู ือครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
๑.๒) ความสัมพันธ์กบั พมา่ ในสมัยธนบรุ ีไทยต้องทา� สงครามรบพ่งุ กบั พม่ารวม 1. ตอ ไปครแู จกบัตรคาํ ถามเกีย่ วกับความสมั พันธ
๑๐ ครั้งด้วยกัน มีท้ังท่ีส�าคัญและไม่ส�าคัญ จุดประสงค์ส�าคัญก็เพื่อป้องกันราชธานีและหัวเมือง ระหวา งธนบุรีกบั พมา คาํ ถาม เชน
ตา่ งๆ ให้พ้นจากการรุกรานของพมา่ ซ่ึงสรุปได้ ดังนี้ • ความสัมพนั ธระหวา งธนบรุ กี บั พมา
มลี กั ษณะอยางไร
เสน้ เวลา • จงยกตวั อยางความสัมพันธระหวา งธนบุรี
แสดงการทาํ สงครามกบั พมา่ ในสมยั ธนบรุ ี กับพมาในลักษณะขางตนมาพอสงั เขป
๒พ๓.ศ๑๐. ๒๓๑๐ 2. ครูใหเวลานักเรียนแตละกลมุ ระดมความคิด
- ตคี า่ ยพมา่ ท่ีโพธสิ์ ามต้น ก่อนท่ีจะมกี ารสถาปนากรุงธนบรุ ีเปน็ ราชธาน ี ในการตอบคําถาม จากนน้ั สง ตวั แทนออกมา
ขแตอก่งฝถ็ ่าอื ยวไา่ ทอยยภู่ในายสหมลัยังธเนสบยี 1รุกี รเงุพศรราอี ะยกธุายรราบแคกรพ่ ง้ั มน่าพ้ี ระยาตาก (สนิ ) เปน็ ผูน้ า� ตอบหนาชัน้ เรยี น
- รบกับพม่าที่ค่ายบางกุ้ง เขตแดนระหว่างเมืองสมุทรสาครและราชบุรี
หลงั จากทีต่ ีคา่ ยโพธิ์สามตน้ ได้ไมน่ าน 3. เม่อื แตละกลมุ ตอบครบ ครเู ฉลยคาํ ตอบ
๒๓๑๒ ๒๓๑๓ (แนวตอบ
• เปน การทาํ สงครามตอ กัน โดยระหวา ง
- ร บกับพมา่ เมื่อพมา่ ตเี มืองสวรรคโลก กองทพั พมา่ แตกพ่ายหนีไป พ.ศ. 2310-2319 ไทยทาํ ศกึ สงครามกบั พมา
- ร บกับพมา่ เมอ่ื คร้งั สมเดจ็ พระเจา้ ตากสินมหาราชยกทพั ไปตีเชยี งใหมเ่ ปน็ คร้ังแรก แตไ่ มป่ ระสบผลส�าเรจ็ หลายคร้ัง ท้งั น้ีเพือ่ ปอ งกนั ราชอาณาจักรให
ปลอดภัย
๒๓๑๔ ๒๓๑๕ • เชน พ.ศ. 2310 ไทยสมยั ธนบุรรี บกับพมา
- รบกบั พม่าเมอ่ื พมา่ ตีเมอื งพชิ ยั แตท่ ัพพม่ากลบั ถกู ตีแตกพ่ายไป ทค่ี ายบางกุง พ.ศ. 2315 รบกบั พมา ทมี่ าตี
เมอื งพิชัย พ.ศ. 2317 รบกบั พมา ทีบ่ างแกว
๒๓๑๖ เมอื งราชบรุ ี พ.ศ. 2318 รบกับพมาทีเ่ ขา
- ร บกับพม่าเม่อื พม่ายกทัพไปตเี มอื งพชิ ัยเปน็ ครั้งท ่ี ๒ แต่ทพั พม่าถูกตีแตกพ่ายกลับไป มาตีหวั เมอื งเหนือ โดยพมา มีอะแซหวุนก้ี
๒๓๑๖ ๒๓๑๗ เปนแมทพั สวนไทยมีแมท พั คนสําคญั คือ
เจาพระยาจักรี พ.ศ. 2319 รบกบั พมา ที่มา
- รบกบั พมา่ เมอื่ ไทยยกทพั ไปตเี ชยี งใหมเ่ ปน็ ครง้ั ท ี่ ๒ ในครง้ั นนั้ ไดเ้ มอื งเชยี งใหม่ ตีเมอื งเชียงใหม ฝายไทยมีเจา พระยาสรุ สีห
ลา� พูน ล�าปาง กลบั มาอยู่ในราชอาณาจักร เปนแมท ัพคุมทัพหวั เมอื งเหนอื สมทบกับ
- รบกบั พมา่ ทีบ่ างแกว้ เมืองราชบรุ ี กองทัพพมา่ ถกู ตแี ตกพ่ายกลับไป พระยากาวลิ ะ เจา เมอื งลาํ ปาง ยกทัพไปตี
เมืองเชยี งใหมค ืนได เปนตน )
๒๓๑๘ -๒ ๓เ ป๑น็ ๘การรบกบั2พมา่ คร้งั ส�าคัญ เป็นศึกใหญ่กว่าทกุ ครง้ั ในสมัยกรงุ ธนบรุ ี เมื่อครัง้
อะแซหวุน่ กแ้ี มท่ พั พมา่ ยกทัพมาตีหวั เมืองเหนอื ฝา่ ยธนบรุ มี แี มท่ พั หน้าท่ีสา� คัญ 4. ครูชมเชยนกั เรยี นทีใ่ หค วามรวมมอื ในการ
คอื เจา้ พระยาจักรี (ต่อมาคอื พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟา้ จุฬาโลกมหาราช) ปฏิบัตงิ านกลุม เปน อยา งดี
และเจ้าพระยาสุรสหี ์ (บญุ มา) รบกนั หลายครั้ง แต่พม่ายึดเมอื ง
๒๓๒๐ พิษณุโลกไมไ่ ด้ จึงถอยทพั กลบั ไป
๒๓๑๙
- ร บกบั พมา่ เมอ่ื พมา่ ตเี มอื งเชยี งใหม ่ สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ
มหาราชโปรดให้เจ้าพระยาสุรสีห์คุมทัพหัวเมืองเหนือขึ้นไป
๒๓๒๒ สมทบกบั พระยากาวลิ ะ เจา้ เมอื งลา� ปาง ยกทพั ไปตเี มอื งเชยี งใหม่
คนื ไดส้ า� เรจ็ และโปรดใหท้ งิ้ เมอื งเชยี งใหมเ่ ปน็ เมอื งรา้ ง จนถงึ สมยั
รตั นโกสนิ ทรจ์ งึ ได้ตัง้ ข้นึ ใหม่
๒๓๒๔
แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETดิ นกั เรยี นควรรู
ลกั ษณะความสัมพนั ธร ะหวา งไทยสมัยธนบรุ ีกับพมา เปน ไปตามขอ ใด 1 คา ยบางกงุ คา ยทหารจีนทส่ี มเด็จพระเจา ตากสินมหาราชโปรดใหท หารจีน
1. การเผยแผศาสนา ไปตัง้ อยูที่ตําบลบางกงุ ริมแมน า้ํ แมก ลอง บรเิ วณเมืองสมทุ รสงครามตอ แดนเมือง
2. การติดตอ คาขายกัน ราชบรุ ี ปจ จุบนั ต้งั อยูใกลก บั วัดบางกุง อาํ เภอบางคนที จังหวัดสมทุ รสงคราม
3. การทําสงครามสูร บกนั 2 อะแซหวนุ กี้ แมทพั คนสาํ คัญของพมาทยี่ กทพั มาตหี ัวเมอื งฝา ยเหนือเม่ือ พ.ศ.
4. การแลกเปลีย่ นวัฒนธรรมตอ กัน 2318 ในสมัยสมเดจ็ พระเจา ตากสินมหาราช อะแซหวนุ กผี้ นู ี้เคยเปนแมท พั ใหญ
ของพมาไปตอสูกับกองทพั จีนจนไดร ับชัยชนะมาแลว
วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. ในสมยั ธนบุรไี ทยตองทาํ สงครามกบั พมา
บรู ณาการอาเซยี น
รวมถงึ 10 คร้งั ดวยกนั โดยมจี ดุ หมายเพือ่ ปองกันราชธานแี ละหัวเมอื งตา งๆ
ใหร อดพน จากการรุกรานของพมา สงครามคร้งั สําคญั เชน ตีคา ยพมา ครแู นะนําใหนักเรยี นไปศึกษาคนควาเพม่ิ เตมิ เก่ยี วกบั ความสัมพันธร ะหวาง
ท่โี พธิส์ ามตน ใน พ.ศ. 2310 กอนการสถาปนากรงุ ธนบรุ เี ปน ราชธานี รบกับ ไทยสมัยธนบุรีกับชาตติ า งๆ ในอาเซียน เพื่อทน่ี กั เรยี นจะไดเรยี นรูเร่อื งราว
พมา ท่ีคายบางกงุ ระหวา งเมืองสมุทรสงครามและราชบุรีใน พ.ศ. 2310 เหตุการณทางประวัติศาสตรไวเ ปนพนื้ ฐาน เปนการรูจ กั และเขา ใจชาติอน่ื
รบกับพมาท่มี าตเี มืองพชิ ัยใน พ.ศ. 2315 รบกบั พมาทีบ่ างแกว เมืองราชบุรี เพื่อสง เสริมใหเกิดความเขา ใจอนั ดรี ะหวา งกนั
ใน พ.ศ. 2317 รบกบั พมา ทมี่ าตหี วั เมอื งเหนอื ใน พ.ศ. 2318 โดยมอี ะแซหวนุ ก้ี
เปนแมท ัพพมา รบกบั พมา ทมี่ าตเี มืองเชยี งใหมใน พ.ศ. 2319 เปนตน
คูมือครู 75
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ตอ ไปครูแจกบตั รคาํ ถามเกีย่ วกบั ความสัมพันธ ตลอดเวลาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๑๐ - ๒๓๑๙ อาณาจักรธนบุรีต้องท�าสงครามป้องกัน
ระหวา งธนบรุ กี บั ลานชาง โดยคาํ ถาม เชน พระราชอาณาจักรท่ีถูกกองทัพพม่าคุกคาม โดยท่ีกองทัพพม่าไม่ประสบผลส�าเร็จในการยึดครอง
• ธนบรุ มี ีความสัมพันธก ับลานชาง ธนบุรี นบั ไดว้ า่ อา� นาจทางทหารของธนบุรมี ีความเข้มแข็งจนพม่าไม่อาจเอาชนะได้
ในลกั ษณะใด
• จงยกตวั อยา งเหตกุ ารณท างประวัตศิ าสตร ๑.๓) ความสมั พนั ธก์ บั ลา้ นชา้ ง สบื เนอ่ื งมาจากพระยานางรอง เจา้ เมอื งนางรอง
ท่แี สดงใหเ หน็ ถึงความสัมพนั ธในลักษณะ เมืองข้ึนของเมืองนครราชสีมา น�าเอาเมืองนางรองไปข้ึนต่อเจ้าโอ เจ้าเมืองนครจ�าปาศักด์ิ ซ่ึง
ดงั กลา วขา งตน ตงั้ ตนเปน็ อสิ ระใน พ.ศ. ๒๓๑๙ ดงั นนั้ สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชจงึ โปรดใหเ้ จา้ พระยาจกั รยี กทพั
ไปตเี มอื งนางรอง ต่อมาใน พ.ศ. ๒๓๒๐ ไดโ้ ปรดใหเ้ จา้ พระยาสุรสหี ย์ กทพั ไปปราบนครจา� ปาศกั ด์ิ
2. ครูใหเวลานกั เรียนแตล ะกลมุ ระดมความคดิ ที่เตรียมยกทัพมาตีเมืองนครราชสีมา หรือเมืองใดเมืองหนึ่ง มีผลท�าให้ธนบุรีได้เมืองนางรอง
ในการตอบคําถาม จากน้นั สงตวั แทนออกมา จ�าปาศักด์ิ เมืองโขง อัตตะปือ สุรินทร์ สังขะ และขุขันธ์เป็นเมืองข้ึน ภายหลังเสร็จสงคราม
ตอบหนาชั้นเรียน สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชโปรดใหเ้ ลื่อนเจ้าพระยาจกั รเี ป็นสมเด็จเจา้ พระยามหากษัตริยศ์ กึ
ต่อมาใน พ.ศ. ๒๓๒๑ เจา้ นครเวยี งจนั ทน์แหง่ ลา้ นชา้ งไดส้ ่งกองทพั มาจับพระวอ
3. เมอ่ื แตละกลุม ตอบครบ ครเู ฉลยคําตอบ เสนาบดเี มอื งเวยี งจนั ทน ์ ทพ่ี าสมคั รพรรคพวกหนมี าออ่ นนอ้ มตอ่ กรงุ ธนบรุ ี โดยมาตง้ั มน่ั อยทู่ ด่ี อน
(แนวตอบ มดแดงรมิ แมน่ า�้ มูล จนพระวอเสยี ชวี ิต สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชโปรดให้สมเดจ็ เจา้ พระยา
• เปน ความสัมพันธดา นการเมอื งดว ยการขยาย มหากษตั รยิ ศ์ กึ กบั เจา้ พระยาสรุ สหี ย์ กทพั ไปตเี มอื งเวยี งจนั ทน์ไดเ้ ปน็ ผลสา� เรจ็ ทา� ใหธ้ นบรุ ไี ดเ้ มอื ง
อาํ นาจเขาไปครอบครอง เวยี งจันทน ์ หลวงพระบาง และหวั เมอื งอนื่ ๆ ทอ่ี ยู่ตดิ กบั อาณาจกั รญวนเปน็ หวั เมืองประเทศราช
• สาํ หรับความสมั พันธด านการเมืองดว ยการ มนอรกกตจ)า1 กกนับี้ พสรมะบเดา็จงเ 2จซ้า่งึ พปรระะยดาิษมฐหาานกอษยัตทู่ ร่ีเิยม์ศอื ึกงไเวดีย้องัญจเันชทิญนพ์มราะยพังุทกรธุงมธหนาบมรุ ณี ีรัตนปฏิมากร (พระแก้ว
ขยายอํานาจเขา ไปครอบครองเริ่มขึน้ ใน พ.ศ.
2320 เมอ่ื สมเดจ็ พระเจา ตากสนิ มหาราชทรง สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้อัญเชิญพระแก้วมรกต (ภาพเล็ก) และพระบางจากเมืองเวียงจันทน์มายังกรุงธนบุรี
สงกองทพั ไปตีเมอื งจําปาศกั ดิ์ ทเ่ี ตรยี มยก (ภาพจากหนงั สือโคลงภาพพระราชพงศาวดารฯ)
ทัพมาตีเมอื งนครราชสีมา ทาํ ใหธ นบุรไี ด
เมอื งตางๆ เปนเมอื งขน้ึ เชน เมืองนางรอง 76
จาํ ปาศักด์ิ โขง อัตตะปอ สุรนิ ทร สงั ขะ
และขขุ นั ธ ตอมาใน พ.ศ. 2321 สมเด็จ
พระเจา ตากสินมหาราชทรงสง กองทพั ไป
ตเี มืองเวยี งจนั ทน ดวยเหตุทเ่ี จาเมอื ง
เวยี งจันทนไ ดจับพระวอ เสนาบดีเมอื ง
เวยี งจนั ทนท ีพ่ าพวกมาสวามิภักด์ติ อไทย
ประหารชีวิต ทาํ ใหธ นบรุ ไี ดเ มอื งเวียงจนั ทน
หลวงพระบาง และหัวเมืองอน่ื ๆ ทอี่ ยูติดกบั
ญวนเปน เมอื งประเทศราช)
4. ครชู มเชยนักเรียนที่ใหค วามรวมมอื ในการ
ปฏบิ ัติงานกลุมเปน อยา งดี
นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET
ขอใดไมใช ลกั ษณะความสัมพันธข องไทยสมัยธนบรุ ีกบั รัฐท่ีอยใู กลเ คียง
1 พระพทุ ธมหามณรี ตั นปฏมิ ากร (พระแกว มรกต) เปนพระพุทธรปู คบู านคเู มอื ง 1. เปนพันธมิตร
ของคนไทย ตามตํานานเลาวา เม่ือ พ.ศ. 1978 สมัยพระเจา สามฝง แกนแหงลานนา 2. การทําสงคราม
สถูปใหญในเมืองเชยี งรายถูกฟา ผา ลง พบวามีพระพุทธรูปลงรกั ปด ทองอยูข างใน 3. การขยายอทิ ธพิ ล
จึงอญั เชญิ ไปไวในวิหาร ตอ มาปูนปน กะเทาะออกปรากฏเปน พระพทุ ธรูปแกว สีเขียว 4. การเจรจาทางการทตู
มรกต จงึ โปรดใหอญั เชิญมาสเู มืองเชียงใหม แตช างทใี่ ชอญั เชญิ กลับหันเหไป วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. สําหรับความสัมพันธระหวา งรัฐท่อี ยูใกลเ คยี ง
เมอื งลาํ ปางถงึ 3 ครัง้ จึงตอ งยอมใหไปประดษิ ฐานที่เมืองลาํ ปาง เปนเวลา 32 ป กบั ไทยสมยั ธนบุรีจะมีอยูห ลายลกั ษณะ เชน กบั พมา จะเปนการทาํ สงคราม
ตอ มาในสมยั พระเจาตโิ ลกราชจึงใหอ ญั เชญิ มาสูเชียงใหม เปน เวลา 84 ป และได ตอ สกู ัน สวนลานนา ลานชา ง (ลาว) เขมร ไทยพยายามจะแผขยายอาํ นาจ
ประดษิ ฐานอยูท เี่ มอื งหลวงพระบาง 12 ป และเมอื งเวียงจันทนอีก 214 ป จนกระท่งั เขาไปครอบครองและบางคร้ังกเ็ ปน พนั ธมิตรดว ย สาํ หรับมลายู ไทยใหตั้งตวั
สมเดจ็ เจาพระยามหากษัตรยิ ศ ึกคุมกองทัพไปรบเวยี งจันทนและไดอัญเชญิ พระแกว เปน อสิ ระเน่ืองจากไมมีเวลาและจํานวนคนนอ ยเกินกวา ท่จี ะไปปราบ อีกท้ัง
มรกตกับพระบางมากรงุ ธนบรุ ดี วย มลายกู ย็ งั อยูไกลเกนิ ไป
2 พระบาง ในสมยั รัชกาลท่ี 1 พระราชทานพระบางใหกลับคืนไปอยทู ่ีเมอื ง
เวยี งจันทน ตอมาในสมยั รชั กาลที่ 3 อัญเชญิ กลับมาประดษิ ฐานที่วดั พระศรีรตั น-
ศาสดารามและวัดจักรวรรดริ าชาวาส (วดั สามปลื้ม) และในสมยั รชั กาลท่ี 4
พระราชทานใหไ ปประดษิ ฐานไวท เี่ มืองหลวงพระบาง
76 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
1. ครแู จกบตั รคาํ ถามเกย่ี วกบั ความสมั พนั ธ
ระหวางธนบรุ ีกับเขมร และธนบรุ กี บั หัวเมือง
๑.๔) ความสมั พนั ธก์ บั เขมร หลงั กรงุ ศรอี ยธุ ยาเสยี แกพ่ มา่ ใน พ.ศ. ๒๓๑๐ เขมร มลายู คาํ ถาม เชน
ยงั คงเป็นอสิ ระจากไทย คร้นั ถึง พ.ศ. ๒๓๑๒ สมเด็จพระเจา้ ตากสนิ มหาราชจึงโปรดใหย้ กกองทพั • ภายหลงั การเสียกรงุ ความสัมพนั ธร ะหวาง
ไปตีเมอื งเสยี มราฐและพระตะบองไดท้ ้งั ๒ เมือง
ใน พ.ศ. ๒๓๑๓ สมเด็จพระนารายณร์ าชา กษัตรยิ ์เขมร ส่งั ให้กองทัพเขมรโจมตี ธนบรุ ีกับเขมรเปน อยา งไร
เมืองตราด เมืองจันทบุรี แต่ถูกกองทัพจันทบุรีตีแตกพ่ายกลับไป ต่อมาสมเด็จพระเจ้าตากสิน • การแยงชงิ อาํ นาจภายในเขมรในชวงปลาย
มหาราชจงึ โปรดให้ยกกองทพั ไปตเี ขมร ได้เมอื งบันทายมาศ และเตรียมการเขา้ ตีเมืองพนมเปญ
เแมลือะงโปบรันดทใาหยเ้ จเพา้ พชรระ ยสามจเกัดร็จียพกรทะพันไาปราตยไี ณดเ้ ์รมาอื ชงาพ1เหระ็นตสะู้ไบมอ่ไงด ้ เจมึงอื ทงิ้งโพเมธือิสงัตบวัน ์ ทเมาือยงเบพรชิบรูรหณน์ ีไปจวพนึ่งจญะวถนึง สมัยธนบุรี มผี ลตอความสมั พันธร ะหวา ง
สมเดจ็ พระเจา้ ตากสินมหาราชทรงตไี ดเ้ มืองพนมเปญและทรงอภิเษกพระรามราชา พระราชวงศ์ ธนบุรีกับเขมรอยา งไร
ของสม เด็จพ ระนตารอ่ ามยาณเก์รดิ ากชาารเแปย็นง่ กชษงิ ตัอา�รนยิ า์เขจ2มในรอแาลณะขาจน้ึ กัตรรเงขตม่อรธ กนษบตั ุรรี ยิ เ์ ขมรทธ่ี นบรุ ีใหก้ ารสนบั สนนุ • ธนบรุ มี คี วามสมั พนั ธกบั หัวเมอื งมลายู
จึงถูกส�าเร็จโทษใน พ.ศ. ๒๓๒๒ ทา� ให้เขมรตกอยภู่ ายใต้อทิ ธพิ ลของญวน สมเดจ็ พระเจา้ ตากสิน ในลักษณะใด
มหาราชจึงโปรดใหส้ มเดจ็ เจ้าพระยามหากษัตริยศ์ ึกและเจา้ พระยาสุรสีหย์ กทพั ไปตีเขมรใน พ.ศ. 2. ครูใหเวลานักเรียนแตล ะกลมุ ระดมความคิด
ก๒ร๓ม๒ข๓นุ อแินลทะรเพมิทื่อกัตษีเข์ 3มพรรไะดร้แาลช้วโอโปรสรดข้ึนใหเป้สน็มกเดษ็จตั เรจยิ้า์คพรรอะงยเาขมมหร ากแษตัต่ในรทิยสี่์ศดุึกสจงัดคกราารมอกภบั ิเษเขกมใรหค้เจรัง้้านฟัน้ ้า ในการตอบคําถาม จากนั้นสงตัวแทนออกมา
ต้องยุติลง เพราะทางกรุงธนบุรีเกิดจลาจล สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกจึงจ�าเป็นต้องยกทัพ ตอบหนาชั้นเรียน
กลับกรงุ ธนบุรี 3. เม่ือแตล ะกลุมตอบครบ ครเู ฉลยคําตอบ
(แนวตอบ
• เปน ความสัมพันธใ นดานการเมืองดว ยการ
ขยายอํานาจทางการทหารเขาไปครอบครอง
เพราะภายหลงั การเสยี กรุง เขมรไดต ง้ั ตวั
เปน อสิ ระ สมเด็จพระเจา ตากสินมหาราช
จึงสงกองทัพไปตีเขมรใน พ.ศ. 2312 จนได
หัวเมอื งเขมรบางสว น และยกไปตีอีกครงั้
ใน พ.ศ. 2314 เพราะเขมรหันไปใกลช ิด
กับญวน
• จากการแยงชิงอํานาจในเขมร สง ผลใหเ ขมร
อยใู ตอ ทิ ธพิ ลของญวน สมเดจ็ พระเจา ตากสนิ
มหาราชจึงโปรดใหส มเดจ็ เจาพระยา
มหากษตั ริยศกึ และเจา พระยาสุรสีหย กทัพ
ไปตีเขมรใน พ.ศ. 2323 แตไ มสําเร็จ
ดว ยเพราะกรุงธนบรุ ีเกิดการจลาจล
สมเดจ็ พระเจ้าตากสนิ มหาราชโปรดให้ทหารตั้งคา่ ยล้อมเมืองและเข้าโจมตีเมอื งบันทายมาศหรอื พุทไธมาศ เมืองหน้าด่าน ฝายไทยจึงตองยกทพั กลบั
ส�าคัญของเขมรทางด้านอ่าวไทย ด้วยเหตุเพราะเจ้าเมืองบันทายมาศ ซึ่งเป็นเช้ือสายญวนกระด้างกระเด่ืองต่อไทย • ไมค อยมีความสมั พนั ธตอ กัน ดว ยเพราะ
(ภาพจากหนงั สอื โคลงภาพพระราชพงศาวดารฯ) สมเดจ็ พระเจา ตากสินมหาราชทรงไมม ี
เวลาพอทีจ่ ะปราบปรามหัวเมอื งมลาย)ู
77
4. ครชู มเชยนกั เรียนทใี่ หความรวมมือในการ
ปฏิบัติงานกลมุ เปนอยางดี
แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ
นักเรียนควรรู
ไทยในสมยั ธนบุรีมีความสมั พันธกับเขมรในลักษณะใด จงอธบิ ายมาพอสงั เขป 1 สมเดจ็ พระนารายณร าชา หลงั จากหนไี ปพงึ่ ญวนแลว ตอมาญวนเกดิ จลาจล
แนวตอบ ไทยสมยั ธนบรุ มี คี วามสมั พันธก ับเขมรในลกั ษณะการขยายอทิ ธิพล สมเดจ็ พระนารายณร าชา (นกั องตน) จงึ ไดข อปรองดองกบั พระรามราชา (นกั องนน)
ทางการทหารเขาไปครอบครอง โดยใน พ.ศ. 2312 สมเดจ็ พระเจา ตากสนิ สมเดจ็ พระเจาตากสนิ มหาราชจงึ โปรดใหพ ระรามราชาครองเขมร ทรงตง้ั สมเดจ็
มหาราชโปรดใหยกทพั ไปตีไดเมอื งเสียมราฐและพระตะบอง ใน พ.ศ. 2313 พระนารายณร าชาเปน พระมหาอุปโยราช และใหนกั องธรรมเจา นายอกี องคห นงึ่
เขมรไดโจมตเี มืองตราด จันทบุรี แตถกู กองทพั จนั ทบรุ ตี แี ตกพา ยกลับไป เปน มหาอปุ ราช เหตกุ ารณใ นเขมรจงึ สงบลง
ตอมาสมเด็จพระเจา ตากสินมหาราชโปรดใหย กทัพไปตเี ขมร ไดเมอื ง 2 การแยง ชงิ อาํ นาจ สืบเนอ่ื งจากมหาอปุ ราช (นกั องธรรม) ถูกลอบฆา
บนั ทายมาศ และเตรยี มการเขา ตเี มอื งพนมเปญ และโปรดใหเ จาพระยาจักรี และพระมหาอปุ โยราชสนิ้ พระชนมเ พราะโรคปจ จบุ นั บรรดาขนุ นางเขมรจึงคดิ การ
ยกทัพไปตไี ดเมอื งพระตะบอง โพธสิ ตั ว บริบรู ณ จวนจะถึงบันทายเพชร เปนกบฏจบั สมเด็จพระรามราชาสําเรจ็ โทษ แลว อญั เชญิ ใหนกั องเอง พระโอรส
กษัตริยเ ขมรเหน็ สไู มไดจึงหันไปพึ่งญวณ สมเด็จพระเจาตากสนิ มหาราช ในพระมหาอปุ โยราช ซึ่งมพี ระชนมายเุ พียง 4 พรรษา ข้ึนครองราชยแ ทน
จึงตไี ดเมืองพนมเปญ ตอ มาเขมรเกิดการแยงชิงอาํ นาจกนั เอง ทําใหเขมร 3 เจา ฟา กรมขนุ อนิ ทรพทิ กั ษ พระนามเดมิ วา จยุ ทรงดาํ รงตําแหนง
อยใู ตอ ทิ ธพิ ลของญวณ สมเด็จพระเจาตากสินมหาราชจึงโปรดใหส มเด็จ พระมหาอุปราชในสมเด็จพระเจา ตากสนิ มหาราช เมื่อเกิดเหตุการณจ ลาจลใน
พระเจา ยามหากษตั ริยศกึ และเจา พระยาสรุ สีหยกทัพไปตีเขมรใน พ.ศ. 2323 กรงุ ธนบรุ ี เจา ฟา กรมขุนอนิ ทรพิทักษยงั คงประทับที่เขมร เมอ่ื ผลดั เปล่ียนแผนดิน
แตเ พราะกรงุ ธนบุรเี กิดการจลาจล สมเด็จเจา พระยามหากษตั รยิ ศกึ จึงตอง ไดท รงถกู สําเร็จโทษตามพระราชบิดา ทรงเปน ตน ราชสกุลสนิ สขุ และอินทรโยธนิ
ยกทัพกลบั กรงุ ธนบรุ ี
คมู ือครู 77
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ครแู จกบัตรคําถามเกย่ี วกับความสัมพนั ธ ๑.๕) ความสมั พนั ธก์ บั หวั เมอื งมลาย ู หลงั กรงุ ศรอี ยธุ ยาเสยี แกพ่ มา่ ใน พ.ศ. ๒๓๑๐
ระหวางธนบรุ ีกับจนี คําถาม เชน หัวเมืองมลายไู ด้ตง้ั ตนเปน็ อิสระเรื่อยมาตลอดสมยั ธนบุร ี สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชทรงไม่มี
• ไทยสมยั ธนบรุ ีมกี ารติดตอ สมั พนั ธก ับจนี เวลาพอทจ่ี ะไปปราบหวั เมอื งมลายใู หม้ าออ่ นนอ้ มได ้ มเี พยี งคดิ อบุ ายใหเ้ จา้ พระยานครศรธี รรมราช
เพื่อจุดประสงคใ ด ไปขอยมื เงินเมืองไทรบุรแี ละเมืองปัตตานีสา� หรับซื้อเครื่องอาวุธยทุ โธปกรณ์ เมอื งละ ๑,๐๐๐ ชั่ง
• ภายหลงั จากสมเด็จพระเจาตากสนิ มหาราช เพอ่ื หยงั่ ทา่ ทขี องเมอื งมลายทู ง้ั ๒ เมอื ง แตท่ งั้ เมอื งไทรบรุ แี ละเมอื งปตั ตานกี ไ็ มย่ อมใหย้ มื สมเดจ็
ข้นึ ครองราชสมบัตแิ ลว ทรงติดตอ สมั พันธ พระเจ้าตากสินมหาราชก็มิไดท้ รงยกทัพไปตหี วั เมอื งมลายูแต่อย่างใด
กบั จนี อยางไร
๒) ลกั ษณะความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งธนบรุ กี บั ดนิ แดนอน่ื ๆ ในทวปี เอเชยี สว่ นใหญ่
2. ครูใหเวลานกั เรียนแตล ะกลุมระดมความคดิ
ในการตอบคําถาม จากนน้ั สงตวั แทนออกมา มคี วามสัมพันธ์ในเรอื่ งการค้าขาย พอ่ คา้ ต่างชาตทิ เี่ ขา้ มาค้าขาย เช่น จีน อนิ เดีย และเปอร์เซีย
ตอบหนาชั้นเรียน เปน็ ต้น แตท่ ีม่ คี วามส�าคัญต่ออาณาจกั รธนบรุ ี คือ จนี จงึ ขอกลา่ วเน้นไปทคี่ วามสัมพันธ์กับจีน
เป็นหลัก
3. เมอื่ แตละกลมุ ตอบครบ ครูเฉลยคาํ ตอบ ความสัมพันธร์ ะหว่างไทยกับจนี สมัยธนบรุ ยี ังคงมีลกั ษณะเหมือนกบั สมยั อยุธยา คือ
(แนวตอบ เป็นความสัมพันธ์ทางการค้าในระบบบรรณาการ ซ่ึงตามธรรมเนียมการข้ึนครองราชสมบัติของ
• เพื่อการคา ในระบบบรรณาการ พระมหากษัตริย์ไทยในสมัยน้ัน คือ จะต้องแจ้งข่าวไปให้ทางราชส�านักจีนรับทราบเพื่อให้การ
• ทรงสงทตู ไปจีนหลายคร้งั ทง้ั ใน พ.ศ. 2314 รบั รองเพอ่ื ฝ่ายไทยจะได้สิทธิพเิ ศษทางการค้ากบั จีน
และ พ.ศ. 2318 เพ่ือแจง ขา วการข้นึ ภายหลังสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเสด็จขึ้นครองราชสมบัติแล้วทรงส่งทูตไปจีน
ครองราชยไ ปใหทางราชสาํ นกั จีนทราบ หลายครง้ั ใน พ.ศ. ๒๓๑๔ และ พ.ศ. ๒๓๑๘ แตจ่ นี ยงั มิไดใ้ ห้การรบั รองฐานะของพระองค ์ ขณะนนั้
เพอื่ ใหการรับรองฐานะของพระองค จีนมีการปกครองโดยราชวงศ์ชิงของพวกแมนจู มีจักรพรรดิเฉียนหลงซึ่งมีพระปรีชาสามารถ
แตทางจีนเห็นวา การขนึ้ ครองราชยไมถ ูกตอง ปกครองอยู่ จนี เห็นว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชแยง่ ชงิ ราชสมบัต ิ จึงเป็นพระมหากษัตริยท์ ่ี
และชอบธรรม จึงยังไมใ หการรบั รอง ไม่ถูกต้องและชอบธรรม โดยที่จีนยังไม่เข้าใจสถานการณ์ท่ีเกิดขึ้นในไทยขณะนั้นได้ชัดเจนพอ
จนตอ มาภายหลังถงึ ยอมรับทีจ่ ะสราง ใจหงึ ไไ้ มทย่ยอเอมารมบั ารทอา�งดฐนิานปะนื ขแอลงะสนมา� เมดจา็ หพลระอ่ เปจนืา้ ตใหากญสไ่ นิดมต้ หามารลาา� ชด บัแต จจ่ นนี กกรย็ ะอทมง่ั ถขงึา ยพก.า�ศม. ะ๒ถ๓นั ๒แ๔ล1 ะจกนี รจะทงึ ระบัเหรลอก็ง
สมั พันธไมตรกี บั ธนบรุ )ี ฐานะการเป็นกษัตริย์ของสมเด็จพระเจา้ ตากสนิ มหาราช
การท่ธี นบรุ ีมีความสัมพนั ธก์ ับจีนกอ่ ให้เกิดผลดีในดา้ นต่างๆ เชน่ ด้านเศรษฐกิจของ
4. ครชู มเชยนักเรยี นท่ใี หความรว มมือในการ ธนบรุ ี เนอ่ื งจากพ่อค้าจนี เดินทางเขา้ มาค้าขายไดส้ ะดวก ทา� ให้เศรษฐกจิ สามารถฟื้นตวั ได้รวดเรว็
ปฏบิ ตั งิ านกลมุ เปน อยางดี ดา้ นการเมอื ง ทา� ใหฐ้ านะของสมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชมคี วามชอบธรรมและมน่ั คง ดา้ นความ
มั่นคง ท�าให้ธนบุรีสามารถซื้อยุทธปัจจัย เช่น ก�ามะถันและกระทะเหล็กจากจีน เพ่ือน�ามาท�า
ปืนใหญ่ไว้ต่อสู้กับข้าศึกศัตรูโดยเฉพาะกับพม่าส�าหรับป้องกันราชอาณาจักร เป็นต้น นอกจากนี้
การที่จีนให้การรับรองฐานะการเป็นกษัตริย์ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชใน พ.ศ. ๒๓๒๔
ย่อมส่งผลให้ผู้อ่ืนที่พ�านักอยู่ในกรุงธนบุรีก่อนแล้วได้ส่งเสริมให้คนจีนอพยพเข้ามาอาศัยอยู่ใน
เมืองไทยมากขึ้นดว้ ย อนั เป็นผลดีทางด้านเศรษฐกิจของไทยในระยะหลังตอ่ มา
78
เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET
การทธ่ี นบุรมี กี ารติดตอสัมพันธก ับจนี กอใหเ กิดผลดตี ออาณาจกั รอยางไร
ครูแนะนําใหนักเรียนสืบคนขอ มลู ชาวจีนท่เี ขา มาตงั้ ถนิ่ ฐานในแผน ดนิ สยาม แนวตอบ กอ ใหเกิดผลดหี ลายดา น เชน ดา นเศรษฐกิจ เนือ่ งจากพอ คา จีน
สมัยธนบรุ ี โดยขอมูลประกอบดวย ประวตั ิความเปน มา บทบาท/หนาท่ี เชอ้ื สาย เดนิ ทางเขามาคา ขายในธนบุรไี ดสะดวกและไดผ ลกําไรตอบแทนงดงาม
ในปจ จุบัน หรอื อาจมีภาพประกอบดว ยกไ็ ด จากน้นั นําขอมูลและภาพมาจัดทาํ เปน จึงทาํ ใหเศรษฐกิจของธนบุรสี ามารถฟนตวั ไดอ ยางรวดเรว็ ดา นการเมือง
เสน เวลา (Timeline) ตกแตงใหสวยงาม แลว นําเสนอหนาชัน้ เรียน ทาํ ใหฐานะของสมเดจ็ พระเจา ตากสนิ มหาราชมคี วามชอบธรรมและมั่นคง
และนอกจากพอคาชาวจีนแลว ยงั มชี าวจีนบางสว นอพยพเขา มาตง้ั ถิน่ ฐาน
นักเรียนควรรู ในธนบุรแี ละรบั ราชการในราชสาํ นกั ไทยดว ย ดา นความมนั่ คง ทาํ ใหธนบุรี
สามารถซอ้ื ยทุ ธปจ จัย เชน กาํ มะถนั และกระทะเหลก็ จากจนี เพ่อื นํามาทาํ
1 พ.ศ. 2324 ราชทตู ไทยไดอ ญั เชญิ พระราชสาสนเ พ่ือถวายรายงานตอ จกั รพรรดิ เปนปนใหญไวตอ สกู บั ขา ศกึ เพอ่ื ปอ งกันอาณาจกั ร ดานวัฒนธรรม จากการ
จีนถึงชัยชนะท่สี มเด็จพระเจาตากสนิ มหาราชมีตอ พมา และกราบทูลขอพระราชทาน ทีพ่ อ คา ชาวจีนและชาวจนี บางสวนอพยพเขามา กไ็ ดน าํ วฒั นธรรมจนี เขามา
ตราต้ัง ซ่ึงจกั รพรรดจิ นี ก็ทรงมีพระบรมราชานุญาตและโปรดใหด แู ลบรรดาทูตเปน เผยแพรในไทยสมยั ธนบุรีดวยเชนกนั เปนตน
อยางดี รวมทั้งยอมใหม สี ทิ ธิพิเศษทางการคา ขายไดเ ชนเดียวกับในสมัยอยธุ ยา
78 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
กรุงศรีอยุธยา๓แ)กพ่ลมัก่าษแณล้วะ คบว้านามเมสอื ัมงวพนุ่ ันวาธย์ร ะชหาววต่าะงวธันนตบกจุรึงีกไับปคชา้าขตาิตยยะวังดันินตแกด นภแาถยบหอลื่นัง1 หจาลกงั จเสาีกย 1. ครูแจกบตั รคาํ ถามเก่ียวกับความสัมพนั ธ
สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชสถาปนากรงุ ธนบรุ ี ระหวา งธนบรุ ีกับองั กฤษ คําถาม เชน
เปน็ ราชธาน ี พระองคท์ รงสง่ เสรมิ การคา้ ขายกบั • ไทยสมัยธนบรุ มี กี ารติดตอสัมพนั ธก ับ
จนี เปน็ สา� คญั สา� หรบั การตดิ ตอ่ กบั ชาตติ ะวนั ตก อังกฤษในลกั ษณะใด
น้นั มาเริ่มต้นในสมยั รัตนโกสินทร์ตอนต้น • นอกจากอังกฤษแลว ธนบุรยี งั ตดิ ตอสมั พันธ
ในสมยั ธนบรุ ไี ดม้ คี วามสมั พนั ธก์ บั กับชาตติ ะวันตกใดอกี
องั กฤษ แตม่ ไิ ดเ้ ปน็ การคา้ ขายกบั พอ่ คา้ องั กฤษ
เหมือนสมัยอยุธยา มีเพียงพ่อค้าชาวอังกฤษ 2. ครูใหเวลานกั เรียนแตล ะกลมุ ระดมความคดิ
ชทอ่ืี่ไท รยอ้ เยรเียอกกวฟ่าร ากนปซตสิ ัน ไเลหตล ์ (็กF 2raซn่ึงcทisา งLรigาhชtส) �าหนรอัืก ในการตอบคําถาม จากนั้นสง ตวั แทนออกมา
กรุงธนบุรีติดต่อให้เป็นผู้จัดหาอาวุธมาให้ไทย ตอบหนาช้นั เรียน
สา� หรบั ใช้ต่อส้กู บั พม่า ภายหลังฟรานซิส ไลต์ รปู ปนั ฟรานซสิ ไลต์ หรอื กปต นั เหลก็ ตงั้ อยภู่ ายในปอ มปน
ผู้นี้ได้รับพระราชทานยศเป็นพระยาราชกปิตัน คอรน์ วอลลสิ (Fort Cornwallis) ทเ่ี มอื งปน งั ประเทศมาเลเซยี 3. เมอื่ แตละกลมุ ตอบครบ ครเู ฉลยคําตอบ
ในฐานะท่ีมีความดีความชอบเป็นผู้จัดหาอาวุธ เป็นพ่อค้าชาวอังกฤษท่ีเข้ามามีบทบาทในกิจการค้าขาย (แนวตอบ
ให้กับไทย แถบหัวเมืองมลายู และได้จัดหาอาวุธปนมาถวายสมเด็จ • มกี ารตดิ ตอกันนอยเมอื่ เทยี บกับชาติอืน่ ๆ
พระเจ้าตากสินมหาราช รวมทั้งได้พัฒนาเกาะปนังขึ้นเป็น ซง่ึ เปน ความสมั พันธดานความม่นั คง
เมืองและเป็นเจา้ เมืองปน ังคนแรก โดยชาวอังกฤษบางคนไดเ ขา มาชวยทาํ ธุระ
ใหราชการไทยจนมคี วามดคี วามชอบ เชน
กล่าวโดยสรุป พัฒนาการทางด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทยสมัยธนบุรี รอ ยเอกฟรานซิส ไลต หรือทไ่ี ทยเรียกวา
สว่ นใหญจ่ ะเกยี่ วขอ้ งกบั อาณาจกั รเพอื่ นบา้ นใกลเ้ คยี ง เพราะเปน็ ชว่ งทไ่ี ทยตอ้ งเผชญิ กบั ภยั สงคราม กปตนั เหลก็ ไดเปนผจู ดั หาอาวุธปนมาให
กับอาณาจักรเพื่อนบ้านภายหลังกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าใน พ.ศ. ๒๓๑๐ ท้ังน้ีเพื่อความมั่นคง ตามที่ราชสาํ นักไทยตองการ จงึ ไดรับ
และปอ้ งกนั อาณาจกั รใหพ้ น้ จากการยดึ ครองของขา้ ศกึ ศตั ร ู ขณะเดยี วกนั กข็ ยายพระราชอาณาเขต พระราชทานยศเปนพระยาราชกปต ัน
ออกไปให้กวา้ งขวางเพอ่ื ความมั่นคงของอาณาจักร • ความสัมพนั ธท ่ีธนบุรมี ตี อ ชาติตะวันตกอนื่
สา� หรับความสัมพันธก์ ับอาณาจักรอ่ืนๆ ในทวปี เอเชียก็ม ี ทีส่ า� คัญมากส�าหรับธนบุรี นอกจากองั กฤษจะเปน ความสมั พนั ธสั้นๆ
คือ ความสัมพันธ์กับจีน เพื่อผลประโยชน์ทางด้านการค้า ส่วนความสัมพันธ์กับชาติตะวันตก เพยี งครัง้ คราว ไดแ ก ฮอลนั ดา โดยใน พ.ศ.
ยงั มไิ ดเ้ รมิ่ ตน้ เพราะพอ่ คา้ ชาวตะวนั ตกไปคา้ ขายในบรเิ วณอน่ื ๆ แทนหลงั เสยี กรงุ ศรอี ยธุ ยาแกพ่ มา่ 2313 ชาวฮอลนั ดาจากเมอื งปตตาเวีย
และยงั ไมไ่ ด้กลบั เขา้ มาคา้ ขายอีกในสมยั ธนบรุ ี และแขกเมอื งตรงั กานไู ดเขาเฝาและนํา
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าอาณาจักรธนบุรีจะยังมิได้มีความสัมพันธ์กับชาติตะวันตก ปนคาบศิลามาถวายสมเดจ็ พระเจา ตากสิน
ในทางการทตู แตส่ มเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชกท็ รงเปดิ โอกาสใหบ้ รรดาบาทหลวงชาตติ ะวนั ตก มหาราช และโปรตเุ กส โดยชาวโปรตเุ กส
ท่ีนับถือคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก เช่น ฝร่ังเศส เข้ามาเผยแผ่ศาสนาได้ในธนบุรี และ และแขกมวั รจ ากเมอื งสรุ ตั ซ่ึงเปนเมืองข้ึน
บางครงั้ กม็ โี อกาสเขา้ เฝา้ สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชตอ่ หนา้ พระทน่ี ง่ั ดว้ ย โดยบาทหลวงเหลา่ น้ี ของโปรตุเกสในอินเดยี ไดน ําสนิ คา เขา มา
ได้มีโอกาสแลกเปลย่ี นความคิดเหน็ และกราบทูลเก่ยี วกับเร่อื งศาสนาแดพ่ ระองค์ คาขายกบั ไทย)
4. ครชู มเชยนักเรยี นทีใ่ หค วามรว มมือในการ
ปฏบิ ตั ิงานกลมุ เปนอยางดี
7๙
กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรยี นควรรู
ครูใหน ักเรียนจดั ทําตารางแสดงลกั ษณะความสมั พันธระหวางประเทศ 1 ดินแดนแถบอ่ืน โดยหนั ไปแสวงหาอาณานคิ มและการคา ในอนิ เดยี เชน องั กฤษ
ในประเด็นตอ ไปนี้ หนั ไปแสวงหาอาณานคิ มแถบเมอื งทา ตา งๆ ในอนิ เดยี พมา หรอื ฝรงั่ เศสหนั ไปสนใจ
การคา แถบอนิ เดยี เปน ตน
• ไทยสมยั ธนบุรีกับรัฐทอี่ ยูใกลเ คียง 2 กปต นั เหลก็ แผลงมาจากคาํ วา Captain Light ชอื่ เดมิ คอื รอ ยเอกฟรานซสิ ไลต
• ไทยสมยั ธนบุรกี บั ดนิ แดนอื่นๆ ในทวีปเอเชยี เปน พอคาชาวอังกฤษที่มบี ทบาทในกิจการคาขายแถบหัวเมืองมลายรู ะหวา ง
• ไทยสมยั ธนบุรกี ับชาติตะวนั ตก รชั สมัยสมเด็จพระเจาตากสนิ มหาราชและรัชกาลท่ี 1 กปตันเหล็กไดเ ขา มาตงั้
จากนน้ั นาํ เสนอขอ มูลที่หนาช้ันเรียน บา นเรือนทาํ การคา ขายอยทู ่ีเกาะถลาง บางครั้งกร็ ับหนา ทตี่ ิดตอซ้อื ขายอาวุธปน
ใหแกส มเดจ็ พระเจาตากสินมหาราช ตอ มากปตันเหลก็ ไดย า ยไปอยทู ีเ่ มืองกัลกตั ตา
กิจกรรมทาทาย และดว ยเหตทุ เี่ ปน ผมู คี วามคนุ เคยกบั ชาวพน้ื เมอื งแถบมลายู จงึ ไดท าํ หนา ทดี่ าํ เนนิ การ
ใหองั กฤษไดม ีอาณานิคมในแถบนัน้ โดยเจรจากบั สุลตานแหงไทรบุรีขอเชาเกาะปนงั
ครใู หนักเรยี นวเิ คราะหล กั ษณะความสมั พันธระหวางประเทศของไทย เปนผลสาํ เร็จใน พ.ศ. 2329 จนไดรับการแตง ตง้ั จากรฐั บาลองั กฤษใหเ ปนผวู า ราชการ
สมยั ธนบุรกี ับชาติตางๆ เม่อื เทียบกบั สมยั อยุธยา วามคี วามเหมอื นหรือ เกาะปนงั และกปต นั เหล็กไดพฒั นาเกาะปนังจนกลายเปน เมอื งการคา ทส่ี าํ คัญ
แตกตางกนั อยา งไร โดยเขียนลงสมุดจดงานสงครูผสู อน และต้ังชื่อใหมวา เกาะปริ้นซ ออฟ เวลส เพ่ือเปน เกียรติแกเจา ชายเวลสแ หง องั กฤษ
(ภายหลังมาเลเซยี ไดร บั เอกราชจากอังกฤษ เกาะปนังก็กลับมามีชือ่ เดิมอกี ครง้ั )
คมู ือครู 79
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Expand Evaluate
Explain
อธบิ ายความรู
1. ครูใหน กั เรยี นในช้ันเรยี นรวมกนั อภิปราย ๔. การเส่ือมอÓนาจของอาณาจักรธนบรุ ี
เกย่ี วกับการเส่ือมอํานาจของอาณาจักรธนบรุ ี
จากน้นั สรปุ สาระสําคญั นาํ สงครูผสู อน การเส่ือมอ�านาจของอาณาจักรธนบุรีมีสาเหตุมาจากเหตุการณ์จลาจลในกรุงธนบุรี หรือที่
เรียกวา่ กบฏพระยาสรรค์ เมอื่ พ.ศ. ๒๓๒๕
2. ครขู ออาสาสมคั รนักเรยี นออกมาสรุปความรู ข นุ สรุ ะเ1 หนตาุกยาบรนุ ณน์นาี้สคืบ บเนา้ น่ือแงมมา่ลจาา2 กกับชขาวุนกแรกุงว้เก น่า้อ ง(กพรรุงะศยราีอสยรรุธคย์ าคเดุมิมส)ม ัคกรลพุ่มรหรคนพ่ึงควิดกเทป�า็นกกาบรปฏล น้ไดจ้แวนก ่
เกยี่ วกบั พัฒนาการทางประวัตศิ าสตรของ พระยาอนิ ทรอภยั ผรู้ กั ษาเมอื งกรงุ เกา่ ทง้ั นส้ี บื เนอ่ื งจากพระวชิ ติ ณรงคซ์ งึ่ รบั ผกู ขาดเกบ็ ภาคหลวง
อาณาจกั รธนบรุ ตี ง้ั แตเ รมิ่ การสถาปนากรงุ ธนบรุ ี ขดุ ทรพั ยท์ ีก่ รุงเก่าปีละ ๕๐๐ ช่งั ได้ไปบังคบั เรยี กเอาเงินจากราษฎรอยา่ งไมเ่ ปน็ ธรรม เป็นเหตใุ ห้
จนถงึ การเส่ือมอํานาจของอาณาจกั รธนบรุ ี ชาวกรุงเก่าเดือดร้อนอย่างหนัก การปล้นจวนเมืองของพวกกบฏในคร้ังนั้น พระยาอินทรอภัยสู้
เพ่ือเปน การทบทวนความรทู ่ีไดศึกษามาแลว
ทงั้ หมด
ขยายความเขา ใจ Expand ไม่ได้จงึ หลบหนมี ายงั กรุงธนบรุ ี สมเด็จพระเจ้าตากสนิ มหาราชทรงทราบจงึ รับส่ังใหพ้ ระยาสรรค์
ไปสบื สวนเอาตวั ผรู้ า้ ยมาลงโทษ แตก่ ลบั ถกู ขนุ แกว้ ซงึ่ เปน็ นอ้ งชายเกลย้ี กลอ่ มใหเ้ ปน็ พวกดว้ ยและ
ยกยอ่ งให้พระยาสรรค์เป็นแม่ทัพยกมาตกี รงุ ธนบรุ ี
ครูใหนักเรียนชว ยกันจัดนทิ รรศการเกีย่ วกบั ในท่ีสุดพระยาสรรค์กับพวกสามารถปล้นพระราชวังได้ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช3ทรง
ประวตั ศิ าสตรไทยสมยั ธนบรุ ี พรอ มทงั้ เสน เวลา ยอมแพ้และทรงรับจะผนวช จงึ ถกู ควบคมุ ไวท้ ่ีโบสถว์ ดั อรณุ ราชวราราม พรอ้ มกันนัน้ พระยาสรรค์
(Timeline) เรยี งลาํ ดับเหตุการณสาํ คัญทาง ได้ประกาศตนเป็นผู้รักษาพระนครเพื่อรอให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกกลับมาจากราชการ
ประวตั ิศาสตร เปนเวลา 2 สปั ดาห ทัพท่เี ขมร พระยาสรรค์ได้ปลดปลอ่ ยผทู้ ถี่ ูกจองจา� ไวร้ อลงพระราชอาญา ทา� ใหผ้ ู้ที่ถกู ปลดปล่อย
ตรวจสอบผล Evaluate ออกมาล้างแค้นพวกที่เคยเป็นโจทก์ จนเกิดการฆ่าฟันกันไปทั่วพระนคร โดยไม่มีผู้ใดจะท�าให้
เหตกุ ารณ์ยุตลิ งได้
1. ครปู ระเมินผลการจดั นิทรรศการเกยี่ วกับ ขณะนั้นพระยาสุริยอภัยซ่ึงเป็นหลานของสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้ยกทัพเมือง
ประวตั ิศาสตรไ ทยสมยั ธนบรุ ีของนกั เรยี น นครราชสมี าเขา้ มาถงึ กรงุ ธนบรุ ี เนอื่ งจากไดร้ บั คา� สง่ั จากสมเดจ็ เจา้ พระยามหากษตั รยิ ศ์ กึ ซง่ึ ไดร้ บั
โดยประเมนิ จากเน้อื หาสาระท่ีนํามาจัด ข่าวจลาจลให้เขา้ มาแกไ้ ขสถานการณใ์ นกรุงธนบรุ ี จนกระทง่ั สามารถจบั กมุ ผกู้ ่อการไวไ้ ด้ทั้งหมด
นิทรรศการ รูปแบบการจดั และความสวยงาม พระยาสุริยอภัยให้จัดการสึกสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชและน�ามาควบคุมไว้ เพื่อมิให้เกิด
เหตกุ ารณย์ ุ่งยากขึน้ อกี
2. ครสู งั เกตพฤติกรรมความมสี ว นรวมในการ เมอ่ื สมเดจ็ เจา้ พระยามหากษตั รยิ ศ์ กึ เดนิ ทางจากราชการทพั ในเขมรกลบั มาถงึ กรงุ ธนบรุ แี ลว้
ตอบคาํ ถามและการแสดงความคิดเหน็ ของ จงึ จดั การไต่สวนเหตกุ ารณท์ ี่เกิดขน้ึ ทัง้ หมดโดยปรกึ ษาขนุ นางขา้ ราชการท้งั ปวง ตา่ งลงความเห็น
นกั เรียน
ว่าเพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาอันจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ของบ้านเมือง จึงให้น�าสมเด็จ
พระเจา้ ตากสนิ มหาราชไปสา� เรจ็ โทษดว้ ยทอ่ นจนั ทน ์ สวรรคตเมอ่ื พ.ศ. ๒๓๒๕ พระชนมายไุ ด ้ ๔๘
พรรษา
ถึงแม้ว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชจะทรงปกครองบ้านเมืองเป็นระยะเวลาประมาณ
๑๕ ป ี แตพ่ ระองคก์ ท็ รงอทุ ศิ พระวรกาย ตลอดจนพระปรชี าสามารถและความกลา้ หาญ ทา� นบุ า� รงุ
และฟน้ื ฟรู าชอาณาจักรของไทยจนกระท่งั เป็นปกึ แผน่ และม่นั คงอย่างรวดเรว็
80
นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET
1. กบฏพระยาสรรค
1 ขนุ สรุ ะ เดิมชอ่ื เพง กอ นเสยี กรงุ ศรอี ยธุ ยาไดเดนิ ทางมาอาศยั อยทู ่ีบา น 2. การจลาจลท่กี รงุ เกา
หลวงยกกระบตั ร เมืองราชบุรี ในสมยั ธนบรุ ไี ดฝ ากตัวรับราชการกบั พระยายมราช 3. สมเด็จพระเจา ตากสนิ มหาราชเสด็จออกผนวช
(ทองดวง) จงึ ไดรบั แตง ต้ังใหเปนขุนสุรสงคราม คร้นั กรุงธนบุรเี กดิ การจลาจล 4. เจา พระยามหากษตั ริยศ กึ ปราบดาภเิ ษกเปนพระมหากษัตริย
จึงมาชวนนายบุนนาค บา นแมลา รวมมอื กนั ยึดเมืองกรงุ เกา และคุมกําลงั มาชว ย จากขอ มลู ขา งตน ใหเรียงลําดบั เหตกุ ารณปลายสมัยธนบรุ ใี หถูกตอง
พระยาสรุ ิยอภยั แกไขสถานการณในกรงุ ธนบรุ ีเปน ผลสําเรจ็ ตอ มาในสมัยรชั กาลที่ 1 1. 2, 1, 3, 4 2. 4, 2, 3, 1
ขุนสรุ สงครามไดร ับแตงตง้ั เปนพระยาสีหราชเดโชชยั 3. 3, 1, 4, 2 4. 4, 1, 3, 2
2 นายบุนนาค บา นแมลา ในสมยั รชั กาลที่ 1 ไดร ับแตงต้ังเปนเจาพระยาพลเทพ
(บุนนาค) เดิมอยบู านแมล ากรุงเกา ตนคิดตกี รุงธนบรุ ี และตอมาในสมัยรัชกาลท่ี 2 วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. ในชว งปลายสมัยธนบรุ ี ใน พ.ศ. 2324
ไดถกู ลงโทษประหารชวี ติ
3 สมเดจ็ พระเจา ตากสนิ มหาราช เม่ือทรงเห็นวาไมมีทางเอาชนะพระยาสรรคไ ด เกิดเหตจุ ลาจลท่กี รงุ เกา สมเดจ็ พระเจาตากสินมหาราชโปรดใหพ ระยาสรรค
จึงโปรดใหค ณะสงฆ ซ่งึ ประกอบดว ย สมเดจ็ พระสังฆราช สมเดจ็ พระวันรัต ไประงับเหตุ แตก ลับไปเขากบั ผกู อ จลาจล แลวยกกองกําลังมายึดพระนคร
และพระรตั นมุนไี ปเจรจากบั พระยาสรรคข อยอมแพ แลวพระองคจะทรงผนวช ไวได จากนัน้ สมเดจ็ พระเจาตากสินมหาราชทรงผนวช เม่ือสมเด็จเจาพระยา
มหากษัตรยิ ศึกทราบขา วจงึ เรง เดนิ ทางกลับมาแกไ ขปญ หา บรรดาขุนนาง
80 คมู ือครู เหน็ ควรใหสาํ เรจ็ โทษสมเด็จพระเจา ตากสนิ มหาราช และพรอมใจกันอัญเชิญ
ใหส มเดจ็ เจา พระยามหากษตั ริยศ กึ ปราบดาภเิ ษกข้นึ ครองราชสมบัติ
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Engage
กระตนุ ความสนใจ
๕. ภมู ปิ ัญญาและวัฒนธรรมไทยสมยั ธนบรุ ี ครูสมุ นักเรียนออกมายกตัวอยา งภูมิปญญา
หรอื วฒั นธรรมไทยทนี่ กั เรยี นรูจักและพบเหน็
สบื เนอ่ื งมาจากภมู ปิ ญั ญา หมายถงึ ความร ู้ ความคดิ ความเชอื่ ความสามารถ ความชดั เจน ในชวี ิตประจําวัน จากนั้นซกั ถามถึงความสําคญั
ทกี่ ลมุ่ ชนนั้นไดจ้ ากประสบการณท์ ี่สัง่ สมไว้ในการปรบั ตวั และการดา� รงชวี ิตในสภาพแวดล้อมทาง ของภูมิปญญาและวฒั นธรรมไทยดังกลาว
ธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ มทางสงั คมและวฒั นธรรมท่ีไดม้ กี ารพฒั นาสบื สานกนั มา ขณะทว่ี ฒั นธรรม
กม็ คี วามหมายรวมถงึ ระบบความเชอ่ื ระบบคณุ คา่ และวถิ ชี วี ติ ทง้ั หมด ดงั นนั้ ภมู ปิ ญั ญาไทยสมยั สาํ รวจคน หา Explore
ธนบุรีจึงได้รับการสั่งสมอยู่ในวัฒนธรรมไทยนั้นเอง การศึกษาเร่ืองภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย
สมัยธนบุรีจึงถือได้ว่ามีความผสมกลมกลืนอยู่ในส่วนเดียวกัน โดยจะขอยกตัวอย่างถึงลักษณะ 1. ครูอธิบายเชอื่ มโยงถึงภมู ิปญ ญาและ
ภมู ิปัญญาและวัฒนธรรมไทยสมัยธนบรุ พี อสังเขป ดงั น้ี วัฒนธรรมไทยสมยั ธนบุรวี า แมว าสมยั ธนบุรี
จะมีระยะเวลาเพียงแค 15 ป แตคนไทย
๑) ภมู ปิ ญั ญาและวฒั นธรรมไทยในการพจิ ารณาทา� เลทตี่ ง้ั ของราชธานี การท่ี สมัยธนบรุ ีก็ไดสรา งสรรคภมู ปิ ญ ญาและ
วฒั นธรรมไทยไวดวยเชนกนั โดยภมู ปิ ญญา
กรุงธนบรุ ตี ัง้ อยู่ริมแม่น�้าและยงั อยู่ใกล้กบั ทะเลอกี ด้วย รวมท้งั การตั้งบา้ นเรือนของคนไทยแต่เดิม และวัฒนธรรมไทยบางอยา งไดร บั สบื ทอด
มกั จะอยรู่ มิ นา้� เพอ่ื สะดวกในการตดิ ตอ่ คา้ ขาย ดงั นนั้ การทสี่ มเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชทรงเลอื ก มาจากสมยั อยธุ ยา หรอื บางอยา งรบั อทิ ธิพล
ชัยภูมิให้เมืองธนบุรีเป็นราชธานีแห่งใหม่ของคนไทยเพ่ือป้องกันมิให้ถูกพม่าโจมตีได้อีกเหมือน มาจากตา งชาติ และบางอยา งกค็ ดิ คนข้ึนเอง
กรงุ ศรอี ยธุ ยาจงึ เปน็ ภมู ปิ ญั ญาอยา่ งหนงึ่ นอกจากน ี้ การพจิ ารณาถงึ สภาพแวดลอ้ มทางธรรมชาติ
และการด�ารงชีวติ ของผ้คู นกส็ ะท้อนถึงวัฒนธรรมในการตั้งถนิ่ ฐานของคนไทยประการหนึ่งดว้ ย 2. จากนัน้ ครใู หน ักเรียนศึกษาเกย่ี วกบั ภูมปิ ญญา
การยดึ ทา� เลเมอื งธนบรุ เี ปน็ ทตี่ งั้ ของราชธานีในขณะนน้ั เพราะเมอื งธนบรุ ตี งั้ อยรู่ มิ ปาก และวฒั นธรรมไทยสมยั ธนบุรีจากหนงั สือเรียน
แมน่ า้� เจา้ พระยา บรเิ วณแถบนเ้ี ปน็ นา้� ลกึ ใกลท้ ะเล ถา้ ขา้ ศกึ ยกมาทางบกไมม่ ที พั เรอื เปน็ กา� ลงั ดว้ ย หนา 81-86 และจากแหลง การเรียนรตู า งๆ
แล้วก็ยากจะเข้ามาตีกรุงธนบุรีได้ ประกอบกับเมืองธนบุรีมีป้อมปราการมาตั้งแต่สมัยอยุธยาและ เพมิ่ เตมิ แลวสนทนาถงึ สาระสาํ คญั รวมกัน
เป็นเมืองขนาดย่อม ทัพบกและทัพเรือของธนบุรีย่อมสามารถรักษาราชธานีไว้ได้ แต่ถ้ารักษา
ไม่ได้ ก็สามารถยกทัพกลับไปต้ังมั่นอยู่ท่ีเมืองจันทบุรีดังเดิม นอกจากนี้ การที่กรุงธนบุรีตั้งปิด อธบิ ายความรู Explain
ปากนา้� ยอ่ มปอ้ งกนั มิใหห้ วั เมอื งฝา่ ยเหนอื ทงั้ ปวงที่ไมไ่ ดอ้ ย่ใู ตอ้ า� นาจของธนบรุ สี ามารถไปมาคา้ ขาย
หรือแสวงหาอาวุธจากต่างประเทศได้ยากข้ึน ขณะที่ทางธนบุรีสะดวกต่อการค้าขายทางทะเล ครใู หน กั เรยี นในชนั้ เรยี นชว ยกนั อธบิ ายลกั ษณะ
กับตา่ งประเทศ และสามารถแสวงหาอาวธุ ได้งา่ ยเพราะอยู่ตดิ ทะเล ของภมู ิปญญาและวัฒนธรรมไทยในการพจิ ารณา
เลอื กทําเลทต่ี ้ังของราชธานี แลวขอตัวแทน
ลักษณะภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยเกี่ยวกับการพิจารณาท�าเลท่ีตั้งของราชธานี นกั เรียนออกมาสรปุ สาระสาํ คัญบนกระดานดํา
ธนบุรีได้มีอิทธิพลต่อการพิจารณาท�าเลที่ต้ังของศูนย์ส�าคัญของทางราชการในการพัฒนาประเทศ หนาช้ันเรยี น
ในสมัยปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งท�าเลที่ต้ังท่ีอยู่ใกล้ทะเลและเหมาะสมกับการป้องกันประเทศ
เหชร่นือ เปป็นัจทจุบ่ีตัน้ังฐกาานรทที่จัพังเหรือวัดแชละลสบนุราีเหมมบาินะขสนมาสด�าใหหรญับ่ เปเช็น่นศูน ทย์ก่าเลราืองแกหารลผมลฉิตบทังา 1งฐดา้านนทอัพุตเสราือหสกัตรหรีมบ2
สนามบินอู่ตะเภา เป็นต้น ความเหมาะสมของท�าเลท่ีตั้งของชลบุรีและการเห็นความส�าคัญของ
จังหวัดชลบุรีจึงเป็นภูมิปัญญาในลักษณะเดียวกันกับภูมิปัญญาในการพิจารณาท�าเลท่ีตั้งของ
ราชธานีทเ่ี มืองธนบรุ ี
8๑
กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรยี นควรรู
ครใู หน กั เรยี นสรปุ สาระสาํ คญั เกยี่ วกบั ลกั ษณะภมู ปิ ญ ญาและวฒั นธรรม 1 ทา เรอื แหลมฉบงั พ้นื ทบี่ รเิ วณแหลมฉบังเหมาะแกการกอสรา งทา เรอื นํ้าลึก
ไทยในการเลอื กทาํ เลที่ตั้งของราชธานธี นบรุ ี โดยจดั ทําเปนแผนผงั ความคิด เนอ่ื งจากอยตู อนในอา วไทย คลืน่ ลมนอ ย ดินใตพ ืน้ ทะเลเปนทราย ขดุ ลอกไมยาก
สงครูผสู อน อีกทัง้ ยงั มพี ืน้ ที่ราบชายฝง สาํ หรบั ขยายเปนพ้นื ทีห่ ลงั ทาเรอื ไดมากดวย
2 ฐานทพั เรอื สัตหบี เหตผุ ลท่เี ลอื กอาํ เภอสตั หบี เปน ทีต่ ั้งฐานทพั เรอื เนอ่ื งจาก
กจิ กรรมทา ทาย อา วสตั หีบเปน อาวใหญ นํา้ ลกึ เหมาะแกการฝก ซอ มยิงตอรปโด และเกาะนอ ยใหญ
ทีอ่ ยูรายรอบสามารถบังคลืน่ ลมไดดี รวมท้งั เรือภายนอกไมส ามารถมองเห็นฐานทพั
ครใู หนักเรยี นยกตัวอยางเมืองหรือศนู ยราชการของไทยในปจ จบุ นั ไดเลย จึงเหมาะแกการจอดพกั เรือรบ
ทีไ่ ดร ับอทิ ธพิ ลของภูมปิ ญ ญาและวฒั นธรรมไทยในการพจิ ารณาทาํ เลทต่ี ้งั
ของกรงุ ธนบุรี พรอ มทง้ั วิเคราะหวา เมืองหรอื ศนู ยราชการดังกลาวมีความ มมุ IT
สําคัญในการพัฒนาประเทศไทยอยา งไร โดยสรุปลงสมดุ จดงานสง ครูผูสอน
ศึกษาคน ควา ขอมลู เพิ่มเติมเกย่ี วกับกรงุ ธนบรุ ี ไดท ่ี http://www.wangderm
palace.org เวบ็ ไซตม ูลนธิ ิอนรุ ักษโ บราณสถานในพระราชวังเดมิ กองบัญชาการ
กองทัพเรอื
คมู อื ครู 81
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
ครูสุมนักเรยี นใหแ สดงความคดิ เห็นเกีย่ วกบั ๒) ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยในการปรับตัวเพ่ือแก้ปัญหาการด�ารงชีวิต
ภูมิปญ ญาและวฒั นธรรมไทยในการปรับตวั
เพ่อื การดาํ รงชีวิตวามีลกั ษณะอยางไร และเกิดผลดี การเรม่ิ ตน้ ชมุ ชนแหง่ ใหมข่ องคนไทยสมยั ธนบรุ ไี ดป้ ระสบกบั ภาวะสงครามและการขาดแคลนขา้ ว
ตอสงั คมไทยสมยั น้นั อยางไร ซ่ึงเป็นปัจจัยส�าคัญในการด�ารงชีวิตของคนไทย ดังน้ัน การขาดแคลนข้าวของธนบุรีในขณะนั้น
จึงเป็นปญั หาของสังคมไทย
(แนวตอบ ปญหาการดํารงชวี ติ สมัยธนบุรที ีส่ ําคญั ภูมิปัญญาในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรีได้กล่าวว่าเม่ือ
กค็ ือ การขาดแคลนขาวสาํ หรับบรโิ ภคเน่ืองจาก สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงต้องการใช้เมืองธนบุรีเป็นราชธานี ทรงพบว่าขณะนั้นผู้คน
ภัยสงคราม ดังนัน้ จงึ เกดิ ภูมปิ ญญาในการแกไข พากันอดอยากหวิ โหยเพราะขาดแคลนขา้ วส�าหรบั บรโิ ภค เน่ืองจากขา้ วมรี าคาแพง ขณะเดียวกัน
ปญ หาดงั กลา ว โดยสมเดจ็ พระเจาตากสนิ มหาราช ก็ไม่สามารถท�านาข้าวได้พอกับผู้คน พระองค์ทรงแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการโปรดให้ผู้คนที่
ทรงใชน โยบายตา งๆ เชน ทรงซอ้ื ขา วในราคาแพง อดอยากเข้ามารับพระราชทานข้าวปลาอาหาร พลเรือนและทหารไทยจีนเข้ามารับพระราชทาน
จากพอ คาชาวจนี มาแจกจา ยใหแ กราษฎร ทาํ ให ข้าวสารคนละ ๑ ถังต่อ ๒๐ วัน ขณะนั้นข้าวสารท่ีพ่อค้าส�าเภาน�ามาขายมีราคาแพงมาก แต่
พอ คา ชาวจนี นาํ ขา วมาขายเปน จาํ นวนมาก สง ผลให พระองคก์ ท็ รงซอ้ื ขา้ วสารแจกจา่ ยราษฎร ทา� ใหบ้ รรดาพอ่ คา้ สา� เภานา� ขา้ วมาขายเพอ่ื หวงั กา� ไรเปน็
ขา วในทอ งตลาดมีราคาถกู ลง ทรงใหขาราชการ จ�านวนมาก เมอ่ื ข้าวสารในทอ้ งตลาดมีมากจึงส่งผลใหข้ ้าวสารมรี าคาถูกลง
ทัง้ หลายทาํ นาเพ่ิมปล ะ 2 ครง้ั ทัง้ นาปแ ละนาปรัง นอกจากน้ี พระองค์ก็ทรงให้บรรดาข้าราชการท้ังผู้ใหญ่และผู้น้อยหันไปท�านาเพิ่ม
ทาํ ใหมีขา วในปรมิ าณมากขึ้น ทรงใหข า ราชการ ปลี ะ ๒ ครั้ง ทง้ั นาปแี ละนาปรัง ท�าให้มีข้าวบริโภคเพม่ิ ขน้ึ ครั้นเม่อื เกดิ หนชู ุกชุมกดั กนิ ขา้ วใน
และราษฎรจับหนูท่ีกัดกินขา วมาสง กรมนครบาล ยุ้งฉางและทรัพย์สินของราษฎรเสียหายก็ทรงมีรับส่ังให้บรรดาข้าราชการและราษฎรดักจับหนูมา
ทําใหจํานวนหนลู ดลง ซ่ึงสง ผลดีตอการปลกู และ สง่ กรมนครบาล ท�าให้จ�านวนหนลู ดลง ซงึ่ เป็นผลดตี ่อการปลูกและเกบ็ เก่ยี วข้าว
เกบ็ เกี่ยวขา ว นอกจากน้ี ทรงมีรับสงั่ ใหขุดพน้ื ท่ี ส�าหรับนอกคูเมืองท้ังสองฟากฝั่งซ่ึงเดิมเป็นที่สวนปลูกพืชผักผลไม้ก็ทรงมีรับสั่งให้
นอกคูเมอื งท้งั สองฟากฝงออกเปน ทีท่ องนา เรยี กวา ขดุ ออกเปน็ ทท่ี อ้ งนา เรยี กวา่ ทะเลตม เพอื่ ไวท้ า� นาใกลพ้ ระนคร สา� หรบั เปน็ เสบยี งในยามขาดแคลน
ทะเลตม เพอื่ ไวท ํานาใกลพระนครสําหรบั เปน เสบยี ง ขา้ ว แต่เม่ือมขี า้ ศกึ ยกมากส็ ามารถท�าเป็นท่ีตั้งคา่ ยไวต้ อ่ ส้กู ับข้าศกึ ได้
อาหารในยามขาดแคลนและปอ งกนั ภัยจากขา ศึก ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยในการปรับตัวเพ่ือแก้ปัญหาการด�ารงชีวิตโดยเฉพาะ
เปนตน ) เรื่องการแก้ปัญหาการขาดแคลนข้าวสมัยธนบุรียังสามารถน�ามาใช้ได้ในสมัยปัจจุบัน เช่น ใน
หหลนาูในยพนานื้ ขท้าท่ี วผี่ ลกผารลทติ า�ขนา้ าวปเสลี ยี ะห า๒ย -เ พ๓ร าคะรหง้ั นเพนู ่อืา เกพม็ ิ่มกี ผาลรผรลณิตร งหค์รใหอื ร้กบัารปหระาทวิธาทีนา�หนนานู ในาเทพ่ดี อ่ื อลนด1เปพรื่อะขชยาากยร
พนื้ ทปี่ ลูกข้าว เป็นต้น ล้วนแต่เป็นภูมิปญั ญาในการแก้ปัญหาการขาดแคลนข้าวได้ทัง้ สิ้น
๓) ภมู ปิ ญั ญาและวฒั นธรรมไทยในการปลกู ฝงั ศลี ธรรมใหก้ บั สงั คม เนอ่ื งจาก
สังคมไทยสมัยธนบุรีมีพระพุทธศาสนาเป็นหลักคิดในการด�าเนินชิีวิต ดังน้ัน พระมหากษัตริย์จึง
ทรงเป็นองค์พุทธศาสนูปถัมภก ทรงแก้ไขปัญหาความหย่อนยานในศีลวัตรของพระภิกษุสงฆ์ให้
เป็นภิกษุที่มีศีลบริสุทธ์ิดังเดิม เพ่ือจะได้เป็นที่พึ่งทางจิตใจของผู้คนในสังคม ขณะเดียวกันการที่
จะให้ผู้คนในสังคมเกรงกลัวต่อบาปและหันมาท�าความดีตามหลักค�าสอนทางพระพุทธศาสนาน้ัน
ควรจะตอ้ งมีวธิ ปี ลกู ฝังความคิดเหล่าน้ีใหซ้ ึมซบั เขา้ ไปในจติ ใจของผู้คน
828๒
นกั เรียนควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ
1 วธิ ีทํานาในที่ดอน หรือการปลูกขาวไร เปนการปลูกขา วบนที่ดอนและไมม ีนํา้ ขงั ครใู หนักเรียนวเิ คราะหว าภมู ิปญ ญาและวัฒนธรรมไทยในการปรบั ตวั
เชน เชิงภเู ขา ชาวนาจะใชวธิ ปี ลกู แบบหยอด โดยปลกู ในชว งตนฤดฝู นและเกบ็ เกี่ยว เพื่อแกไ ขปญ หาการดํารงชีวติ ในเรอ่ื งการขาดแคลนขาวมอี ทิ ธพิ ลตอ
ไดใ นปลายฤดฝู น ชาตไิ ทยในปจ จบุ ันอยางไร และภมู ิปญ ญาดงั กลา วกอใหเ กิดผลดีอยา งไร
โดยเขียนคาํ ตอบลงสมดุ จดงานสงครูผสู อน
บเศรู ณรากษารฐกิจพอเพียง
ปญญาหรือความรคู วามเขาใจถือเปนเง่ือนไขสําคญั ของหลักปรชั ญา
เศรษฐกิจพอเพยี ง เพราะคนมคี วามรทู ถี่ ูกตอ งและลกึ ซึง้ ในเรอื่ งท่ีปฏิบัตจิ ะชวย
พัฒนาและแกปญหาไดอยางมปี ระสิทธิภาพ
ครูสมมตสิ ถานการณวา ถา นักเรียนมีชีวติ อยูในสมยั ธนบุรี นักเรยี นจะนาํ
หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งไปปรับใชใ นการดาํ รงชวี ติ อยา งไร โดยใหเ ขยี นเปน
เรยี งความ 1-2 หนา กระดาษ A4
82 คมู อื ครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
ครูซักถามนกั เรยี นเกีย่ วกบั ภูมปิ ญญาและ
วัฒนธรรมไทยในการปลูกฝง ศลี ธรรมใหกับสงั คม
ดว้ ยเหตนุ ี้ สมยั ธนบรุ จี งึ มกี ารวาดภาพเกยี่ วกบั ไตรภมู หิ รอื โลกทง้ั สาม ไดแ้ ก ่ สวรรคภ์ มู ิ และภูมปิ ญญาและวฒั นธรรมไทยในการปรบั ตวั
มนุษยภูมิ และนรกภูมิ เรียกว่า สมุดภาพไตรภูมิ เพ่ือปลูกฝังให้คนไทยเกิดความเช่ือในเร่ือง ประสานสัมพนั ธก ับชาวตา งชาติ เชน
บาปบญุ คณุ โทษ อนั จะนา� มนษุ ย์ไปเกดิ ในภมู ิใด • สมุดภาพไตรภมู มิ ีอทิ ธพิ ลตอวถิ ชี วี ิตของ
ภูมหิ นงึ่ ตามการกระทา� (กรรม) ของตนขณะที่ คนไทยสมัยนน้ั อยา งไร
มชี วี ติ อยู่ในโลกมนษุ ย ์ นบั เปน็ ภมู ปิ ญั ญาในการ (แนวตอบ สมดุ ภาพไตรภูมิ หรือโลกท้งั สาม
สงั่ สอนใหค้ นประพฤตแิ ตก่ รรมด ี ละเวน้ ความชว่ั ไดแก สวรรคภ ูมิ มนุษยภมู ิ และนรกภมู ิ
ดว้ ยการใหเ้ หน็ ภาพสวรรค ์ โลกมนษุ ย ์ และนรก นับเปน ภูมิปญญาในการสงั่ สอนคนให
จากการวาดภาพของจติ รกรยอ่ มไดผ้ ลดกี วา่ การ ประพฤติแตความดี ละเวน ความชัว่
ปลกู ฝังด้วยค�าพดู เพียงอยา่ งเดยี ว และอิทธพิ ล ดวยการใหเหน็ ภาพสวรรค โลกมนษุ ย
ของภมู ปิ ญั ญาเกย่ี วกบั การปลกู ฝงั ใหท้ า� ความดี และนรก ซ่ึงมผี ลตอวิถีชวี ิตของคนไทย
ละเวน้ ความชวั่ ดว้ ยภาพของสวรรคแ์ ละนรกยงั คง สมัยน้นั ใหเ กรงกลวั ตอ การทําบาป และ
มีอิทธิพลต่อสังคมไทยในปัจจุบัน เช่น มีการ หม่นั สรา งความดี เพ่อื ท่ตี ายไปแลว จะได
วาดภาพไตรภมู ิไว้ตามผนังโบสถแ์ ละวหิ ารตาม ไปอยบู นสวรรค)
วัดต่างๆ เพื่อจะได้เป็นเครื่องเตือนใจให้คนท�า สมดุ ภาพไตรภมู ทิ เี่ ขยี นขนึ้ ในรชั สมยั สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ
มหาราช จัดเป็นวรรณกรรมทางพระพทุ ธศาสนาทส่ี อนให้ • การทีค่ นไทยสมยั ธนบรุ ีไดส รา งสมั พนั ธอันดี
แตค่ วามดแี ละละเวน้ ความชว่ั เพอ่ื ทเ่ี มอ่ื ตายไป มนษุ ย์ท�าแต่ความดี ละเวน้ ความชว่ั กบั ชาวตา งชาติ สง ผลดีตอ ชาตไิ ทยอยางไร
แลว้ จะได้ขึน้ สวรรค ์ ไมต่ กนรก เป็นตน้ (แนวตอบ ชาวตา งชาตทิ ่คี นไทยสมัยธนบุรี
๔) ภมู ปิ ญั ญาและวฒั นธรรมไทยในการปรบั ตวั ประสานสมั พนั ธก์ บั ชาวตา่ งชาติ มีความสมั พนั ธอันดีดวย เชน จนี มอญ
แมว้ า่ ในสมยั ธนบรุ บี า้ นเมอื งตกอยู่ในภาวะสงคราม แตส่ งั คมไทยสมยั ธนบรุ กี ม็ ชี าวตา่ งชาตเิ ขา้ มา ฝรัง่ เศส โดยสมเด็จพระเจา ตากสนิ มหาราช
อาศยั อยรู่ ว่ มกนั กบั คนไทยไดเ้ ปน็ อยา่ งด ี จงึ เปน็ การสะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ ภมู ปิ ญั ญาและวฒั นธรรมไทย ทรงมพี อ คาชาวจีนชว ยเหลอื ทางดา นเสบียง
ในสมยั นน้ั ทส่ี ามารถปรบั ตวั หลอมรวมกนั ไดร้ ะหวา่ งคนไทยกบั ชนชาตติ า่ งๆ เชน่ จนี มอญ ฝรงั่ เศส อาหาร อกี ทั้งโปรดใหท หารจีนไปตัง้ คา ย
เปน็ ตน้ อยูที่บา นบางกงุ เมอื งสมุทรสงคราม รวมท้งั
คนไทยกบั คนจีนในสงั คมไทยสมัยธนบุรตี า่ งกม็ คี วามสัมพันธ์อนั ดี เพราะท้ังสองฝา่ ย เมืองพระประแดงและปากน้าํ ก็ทาํ ให
นับถือพระพุทธศาสนาเหมือนกันถึงแม้จะต่างนิกายก็ตาม แม้แต่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช บานเมอื งมคี วามเขม แขง็ มั่นคงยิ่งขนึ้
กท็ รงมเี ชอื้ สายจนี ทางพระบดิ า อกี ทงั้ ทหารไทยและจนี ตา่ งรว่ มมอื กนั ในการสรู้ บกบั พมา่ สว่ นพอ่ คา้ สวนพวกมอญทเ่ี ขา มาพ่ึงพระบรม-
จีนก็ช่วยเหลือทางด้านเสบียงอาหาร นอกจากน้ี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชยังทรงไว้วาง โพธิสมภาร สมเดจ็ พระเจา ตากสนิ มหาราช
พระราชหฤทยั ใหท้ หารจนี ไปตง้ั คา่ ยรกั ษาเขตแดนอยทู่ บ่ี า้ นบางกงุ้ เมอื งสมทุ รสงคราม ทรงแตง่ ตงั้ กท็ รงใหไปต้งั บา นเรือนอยแู ขวงเมอื งนนทบรุ ี
ใ ห้พระยาพชิ ัยสจา� ีนห รเบั ปพ็นวทกี่โมกอษญาธ1เิบมดอื่ ลีคงรไงั้ ปทตสี่ ง้ัมคงิ ่ารยาทมีเ่ญั มพอื งรพอ้ มระนปารยะไแพดรงท่ แงั้ ลปะวปงาพกานค�้าร อเปบน็ครตวั้นมอญอพยพ เมอื งสามโคก (ปจจบุ นั อยูใ นจงั หวัด
เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร พระองค์ก็ทรงมีรับสั่งให้ข้าหลวงไปรับมาถึงกรุงธนบุรีแล้วโปรด ปทุมธาน)ี ก็ทําใหไ ทยมจี ํานวนคนเพิ่มข้ึน
ให้ตง้ั บา้ นเรอื นอยแู่ ขวงเมอื งนนทบุรีบ้าง เมอื งสามโคก (ปจั จุบนั อยู่ในจงั หวดั ปทุมธาน)ี บ้าง และ เพอ่ื นํามาใชแ รงงานใหแ กร าชการตอไป
สําหรับฝรง่ั เศส สมเดจ็ พระเจา ตากสิน
มหาราชทรงใหก ารอุปถัมภบ าทหลวง
8๓ ฝรงั่ เศสเปนอยางดี กท็ าํ ใหไทยไดเรยี นรู
วฒั นธรรมตะวนั ตกและไมเกิดความขดั แยง
แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETดิ จนเปนภยั ตอบา นเมอื ง)
นักเรยี นควรรู
สมุดภาพไตรภมู ิสมยั ธนบุรี แสดงใหเ ห็นถงึ ภูมปิ ญ ญาในการปลกู ฝง 1 พวกมอญ ในสมัยธนบรุ ีมชี าวมอญไดหนภี ยั จากพมาและอพยพเขา มาไทย
ศีลธรรมใหก ับสงั คมไทยอยางไร โดยมีพระยาเจงเปน หวั หนา ใหญ สาํ รวจไดช ายฉกรรจจาํ นวน 3,000 กวา คน
แนวตอบ สมดุ ภาพไตรภมู ทิ ส่ี มเดจ็ พระเจา ตากสินมหาราชโปรดใหสรางขน้ึ สมเดจ็ พระเจาตากสินมหาราชจงึ โปรดใหต ้งั บานเรือนอยูท่ีแขวงเมอื งนนทบุรี
เมือ่ พ.ศ. 2319 นบั เปนภมู ปิ ญญาไทยอยา งหนงึ่ ทป่ี ลูกฝง ใหคนไทยเกิด บานทา ทราย บา นบางตลาด บา นปากเกรด็ บา นสามโคก เมอื งปทมุ ธานี
ความเชือ่ ในเรอ่ื งบาปบุญคณุ โทษ ซึง่ จะนํามนุษยไ ปเกิดในภูมิใดภมู หิ นง่ึ
ตามการกระทาํ (กรรม) ของตนขณะที่ยังมชี ีวติ อยู ภาพวาดเก่ียวกบั สวรรค
โลกมนุษย และนรก มีสว นชว ยเตอื นใจใหผูช มคดิ ถงึ ผลแหง การทาํ ความดี บรู ณาการอาเซียน
และความชวั่ สาํ หรบั ไตรภูมซิ ง่ึ เปน ท่รี จู ักกันดีมีอยหู ลายสํานวน เชน
ไตรภูมพิ ระรว งหรอื ไตรภูมกิ ถาสมัยสโุ ขทัย ไตรภูมิโลกวนิ ิจฉยั สมยั รัชกาลท่ี 1 ครอู ธบิ ายเพิ่มเติมใหนักเรียนเขา ใจวา ใน พ.ศ. 2524 โครงการวรรณกรรม
หนงั สือภาพไตรภมู ิ เชน แผนที่ไตรภูมโิ ลกสณั ฐานสมัยอยธุ ยา แผนท่ไี ตรภูมิ อาเซยี นไดพ ิจารณาใหสมาชิกอาเซยี นคดั เลอื กวรรณกรรมท่มี ีคณุ คา ของตน
สมยั กรงุ รัตนโกสินทร สมดุ ภาพไตรภมู ฉิ บบั หลวงสมยั กรุงธนบรุ ี เปน ตน และจัดแปลเปน ภาษาอังกฤษ โดยคณะทํางานโครงการวรรณกรรมอาเซียนฝา ยไทย
ไดค ัดเลอื กแปลวรรณกรรมเรอื่ ง ไตรภูมิพระรว งหรอื ไตรภมู กิ ถาสมยั สโุ ขทยั ซ่ึงเปน
หนังสือเลม แรกทีไ่ ดรบั การจัดพิมพเ มือ่ พ.ศ. 2528 ในชุดวรรณกรรมอาเซียน ตอ มา
ไดน าํ มาเรียบเรยี งถอดความใหเ ขา ใจงา ยและจดั พมิ พใ นชอ่ื วา ไตรภมู กิ ถา
ฉบับถอดความ คมู ือครู 83
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
ครูใหน กั เรียนยกตวั อยา งภมู ิปญ ญา โปรดใหห้ ลวงบ�าเรอภกั ด ิ์ มอญท่อี ยมู่ าตง้ั แตส่ มัยอยธุ ยาเป็นพระยารามัญวงศ์ เรยี กว่า จักรีมอญ
และวัฒนธรรมไทยดานศลิ ปกรรม พรอมทัง้ ควบคมุ กองมอญใหมท่ ง้ั ปวง มอญเหลา่ นี้ไดร้ บั พระราชทานไมต่ อ้ งเสยี อากรผา่ นดา่ นและอากรตลาด
ความสําคัญของภมู ปิ ญ ญาดังกลาว ในการคา้ ขาย
ส�าหรับชาวฝรั่งเศสโดยเฉพาะคณะบาทหลวงนิกายโรมันคาทอลิกได้รับการต้อนรับ
(แนวตอบ แมวา สมยั ธนบุรจี ะมรี ะยะเวลา จากสังคมไทยเป็นอย่างดี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงพระราชทานเงิน ยานพาหนะ
ไมยาวนานมาก และสวนใหญจ ะใชเ วลาในการ และท่ีดินส�าหรับสรา้ งโบสถ์ของชาวครสิ ต ์ รวมท้ังเสด็จไปเยีย่ มบาทหลวงฝรงั่ เศสดว้ ยพระองคเ์ อง
ฟน ตวั และปองกันบา นเมือง แตก ็มกี ารสรา งสรรค ทรงใหค้ วามอปุ ถมั ภแ์ กบ่ รรดาบาทหลวงเปน็ อยา่ งด ี การทพี่ ระมหากษตั รยิ ท์ รงเออ้ื อาทรตอ่ บรรดา
ภูมปิ ญญาและวัฒนธรรมไทยดานศิลปกรรมอยบู าง บาทหลวงชาวฝร่ังเศสซึ่งมีวัตถุประสงค์เพ่ือการเผยแผ่คริสต์ศาสนาเท่าน้ัน จึงไม่ท�าให้เกิดความ
เชน ขัดแย้งระหว่างคนไทยกับชาวฝร่ังเศส แสดงให้เห็นถึงขันติธรรมทางศาสนาของพระมหากษัตริย์
และราษฎรไทยในสมัยธนบุรไี ดเ้ ป็นอยา่ งดี
• ทองพระโรงกรุงธนบรุ ี สรางขึ้นเมื่อประมาณ นอกจากนี้ การที่คนไทยในสมัยธนบุรีได้ให้ความรักและความเอ้ืออาทรต่อคนต่าง
พ.ศ. 2311 อาคารนม้ี รี ูปทรงแบบไทย เผา่ พนั ธ ์ุ ตา่ งลทั ธแิ ละความเชอื่ กบั คนไทย แสดงใหเ้ หน็ ถงึ วฒั นธรรมอนั ดงี ามของคนไทยทมี่ คี วาม
ประกอบดว ยพระท่นี ง่ั สององคเ ชอ่ื มตอกัน โอบออ้ มอาร ี ขณะเดยี วกนั กเ็ ปน็ ภมู ปิ ญั ญาในการแสวงหามติ รท่ีใกลช้ ดิ และมคี วามจรงิ ใจซง่ึ จะเปน็
ไดแก พระทีน่ ั่งองคทศิ เหนอื เรยี กวา กา� ลงั สา� คญั ในการสรา้ งความเขม้ แขง็ ใหก้ บั อาณาจกั รและสงั คมไทย ภมู ปิ ญั ญาและวฒั นธรรมไทย
ทอ งพระโรงหรอื วนิ ิจฉัย และพระท่ีน่ังองค ดงั กล่าวในสมัยธนบรุ กี ย็ ังคงมคี วามสา� คัญและสืบทอดมาถึงคนไทยในสมัยปัจจุบนั
ทิศใต เรยี กวา พระท่ีนัง่ ขวาง
๕) ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยด้านศิลปกรรม เน่ืองจากสมัยธนบุรีเป็นระยะ
• สมดุ ภาพไตรภมู ิ โดยสมเด็จพระเจา ตากสิน เวลาในช่วงสัน้ ๆ ประมาณ ๑๕ ปี ขณะเดียวกนั ธนบรุ ีต้องตกอยู่ในภาวะสงครามตลอดเวลา ดงั น้ัน
มหาราชโปรดใหชาง 4 คนเขยี นภาพไตรภูมิ ภมู ิปญั ญาและวฒั นธรรมด้านศลิ ปกรรมจึงพอมอี ยบู่ า้ งตามแบบอยา่ งในสมัยอยธุ ยา ทสี่ �าคัญ เชน่
เมอ่ื พ.ศ. 2319 โดยมสี มเด็จพระสงั ฆราช การกอ่ สรา้ งพระราชวงั การบรู ณปฏสิ งั ขรณแ์ ละ
(ศรี) วัดบางหวา ใหญคอยกํากบั การเขียน สร้างวัดวาอาราม ซึ่งเสื่อมโทรมมาตั้งแต่สมัย
ใหถกู ตองตามพระบาลี แลวคัดพระบาลลี ง อยุธยา ตลอดจนภาพเขยี นในหนงั สอื สมดุ ไทย
ประกอบภาพดวย ทําใหประชาชนมี เรอื่ งไตรภูม ิ เป็นตน้
ความเขาใจในเรื่องนรก สวรรค และหม่ันทํา ส�าหรับภาพเขียนเรื่องไตรภูมินี้
แตกรรมดี ละเวนกรรมชัว่ แสดงออกถงึ ภมู ปิ ญั ญาในการสรา้ งสรรคผ์ ลงาน
ของชา่ งเขยี น ทแ่ี สดงออกถงึ ความละเอยี ดออ่ น
• พระแทน บรรทมของสมเดจ็ พระเจาตากสนิ
มหาราชในวิหารเลก็ วดั อินทาราม ทําดว ย
ไมกระดาน 2 แผนประกอบกัน กวาง 1.76
เมตร ยาว 2.48 เมตร และหนา 5 เซนตเิ มตร)
12 ของเส้นสีและความรู้สึกทางด้านอารมณ์จาก
ภาพทเ่ี ขยี น นบั เปน็ ภมู ปิ ญั ญาในการเขยี นภาพ
ท้องพระโรงกรุงธนบุรีในเขตพระราชวังเดิม ซ่ึงสมเด็จ ซึ่งเขียนขึ้นมาจากแนวคิดของช่างเขียนไทย
พระเจ้าตากสินมหาราชโปรดให้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นท่ี สมัยธนบรุ โี ดยเฉพาะ
ทรงงาน ทบี่ รรทมและวา่ ราชการเมอ่ื สถาปนากรงุ ธนบรุ เี ปน็
ราชธานี ปัจจุบันอยู่ในบริเวณกองบญั ชาการกองทัพเรอื
8๔
นกั เรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET
“คนไทยมีความรกั และความเออ้ื อาทรใหกับคนตางชาตติ างภาษาอยา ง
1 ทองพระโรงกรุงธนบรุ ี สรางขน้ึ เมือ่ ประมาณ พ.ศ. 2311 เปน อาคารทรงไทย เสมอภาคกัน” คํากลา วน้หี ากใชกับสังคมไทยสมัยธนบุรี นกั เรียนเห็นดวย
ช้นั เดยี วแบบตรีมุข ประกอบดวยพระทน่ี ง่ั 2 องคเชือ่ มตอกัน ไดแก พระท่นี ั่ง หรือไม จงยกเหตผุ ลสนบั สนนุ
องคทิศเหนอื เรยี กวา ทอ งพระโรงหรือวินิจฉยั ใชเ ปน ทีว่ า ราชการและประกอบ แนวตอบ เหน็ ดว ย โดยคนตางชาตติ า งภาษาท่ีเขามาอาศัยอยูท่กี รุงธนบรุ ี
พระราชพธิ สี ําคัญ และพระทีน่ ัง่ องคทศิ ใต เรียกวา พระทีน่ งั่ ขวาง ใชเปน ทป่ี ระทบั จะไดร บั การตอ นรบั หรอื ความสมั พนั ธท ดี่ จี ากคนไทย ดงั จะเหน็ ไดจ าก ชาวจนี
สวนพระองคของพระมหากษัตรยิ ในปจ จบุ นั กองทัพเรอื ไดใ ชท องพระโรงภายใน ทแ่ี มจ ะนบั ถอื พระพุทธศาสนาตา งนกิ าย แตทหารไทยและจนี กร็ วมแรงรวมใจ
พระทนี่ ่ังองคท ศิ เหนือเปนสถานทจี่ ัดงานและประกอบพิธสี าํ คัญเปน ประจาํ กนั สูรบกบั ขาศกึ สว นพอ คาจนี ก็ชวยเหลือเรอื่ งเสบยี งอาหาร หรือฝา ยไทย
สว นพระทนี่ ง่ั ขวาง ใชเปน หองรบั รองบุคคลสาํ คญั และเปน หอ งประชมุ ในบางโอกาส ก็ใหท หารจนี ไปตัง้ คายรกั ษาเขตแดนอยูท บี่ า นบางกุง เมืองสมุทรสงคราม
2 พระราชวงั เดิม ในสมยั ธนบรุ ีเปน พระราชวังหลวง ตอ มาเม่อื รัชกาลท่ี 1 ชาวมอญ ที่สมงิ รามญั พาครอบครวั มอญอพยพเขา มายงั กรุงธนบุรี ก็ไดรับ
ทรงยา ยราชธานีไปอยูทางฝง ตะวนั ออกของแมน ํ้าเจาพระยา พระราชวังกรุงธนบรุ ี โปรดเกลา ฯ ใหไ ปตง้ั บา นเรอื นอยตู ามทต่ี า งๆ เชน เมอื งนนทบรุ ี เมอื งสามโคก
จงึ ไดรับการเรียกขานวา พระราชวังเดมิ นบั แตนนั้ มา โดยรัชกาลที่ 1 โปรดเกลาฯ หรือแมแ ต ชาวตะวนั ตก โดยเฉพาะคณะบาทหลวงกไ็ ดรับการตอ นรบั อยางดี
ใหพระบรมวงศานุวงศทีไ่ ดร ับความไวว างพระทัยมาประทบั ทีพ่ ระราชวงั เดมิ เชน สมเด็จพระเจา ตากสนิ มหาราชทรงพระราชทานเงนิ ยานพาหนะ และ
เนือ่ งจากมคี วามสาํ คัญทางยทุ ธศาสตร จึงตองมีผูดูแลรักษา ปจ จุบนั เปนที่ต้ังของ ทีด่ นิ สําหรบั สรา งโบสถ ทรงใหความอปุ ถมั ภแกบ รรดาบาทหลวง เปน ตน
กองบัญชาการกองทัพเรือ
84 คูม ือครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
àÊÃÔÁÊÒÃÐ สมเดจ็ พระเจา ตากสินมหาราช 1. ครูใหนกั เรยี นศึกษาเกี่ยวกับการทํานุบํารุง
พระพุทธศาสนาของสมเดจ็ พระเจา ตากสนิ
กับการทํานุบํารุงพระพุทธศาสนา มหาราชจากเสริมสาระ หนา 85 แลว สนทนา
ถึงสาระสาํ คญั รวมกนั
สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราช
2. ครใู หน กั เรยี นยกตัวอยางพระราชกรณยี กจิ
ทรงมีพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างมาก ของสมเดจ็ พระเจา ตากสินมหาราชทเ่ี ปน
ทง้ั การทา� นบุ า� รงุ พระพทุ ธศาสนาทงั้ ในดา้ นถาวรวตั ถุ การทาํ นบุ ํารุงพระพทุ ธศาสนา แลว แสดง
และในด้านของการประพฤติปฏิบัติธรรม เพ่ือการ ความคดิ เหน็ รว มกันวา พระราชกรณียกจิ
ด�ารงไว้สา� หรบั พระพทุ ธศาสนาจะไดเ้ จริญรุ่งเรือง ดงั กลา วมสี ว นสาํ คัญในการพัฒนาชาตไิ ทย
อยา งไร
๑. การทำานุบำารุงพระพุทธศาสนาทางด้าน
ถาวรวตั ถุ จะเหน็ ไดเ้ มอื่ ครงั้ ทที่ รงเคลอื่ นทพั ออกจาก
กรุงศรีอยุธยามาตั้งพักอยู่ท่ีเมืองธนบุรีใน พ.ศ.
๒๓๑๑ พระองคท์ รงสละพระราชทรพั ยส์ รา้ งพระวหิ าร ขยายความเขา ใจ Expand
ห1ทรรืองเนมอ่ืิมคนรตั้ง์ พระแทน บรรทมของสมเด็จพระเจาตากสินมหาราช
เสนาสนะ กฏุ ิสงฆ์เปน็ จา� นวนมากมาย ประดษิ ฐานอยใู นวิหารเล็กขางอุโบสถวดั อินทาราม ครใู หน กั เรียนเขียนเรียงความบรรยาย
เสด็จไปปราบเมืองนครศรีธรรมราช ความรสู ึกท่มี ีตอพระราชกรณียกจิ ในการทํานุบาํ รงุ
พระภิกษุ สามเณร ชี ในเมืองนครศรีธรรมราช พระเจดยี บ รรจุพระบรมอัฐิ พระพทุ ธศาสนาของสมเดจ็ พระเจา ตากสิน
มารับพระราชทานขา้ วสารรูปละ ๑ ถงั และเงนิ รปู ละ สมเด็จพระเจาตากสนิ มหาราช มหาราช ความยาวไมเกนิ 1 หนา กระดาษรายงาน
ร๑วมบทาัง้ ทโปรทด่ีขใาหดบ้ ผรู ้าณสปบฏงสิจังีวขรรกณ็ท2์อรุโงบถสวถายวผิห้าาไรตศรจาีลวรา แลวออกมานาํ เสนอทหี่ นาชน้ั เรยี น
การเปรยี ญ กุฏิ
๒. การทำานุบำารุงพระพุทธศาสนาด้วยการ
สง่ เสรมิ การประพฤตปิ ฏบิ ตั ธิ รรม ทงั้ พระภกิ ษสุ งฆ์
และราษฎรทัว่ ไป ดังจะเห็นได้จากการทีโ่ ปรดใหท้ า�
สารบญั ชพี ระภกิ ษสุ งฆ์ เพอื่ จะตรวจสอบดวู า่ พระสงฆ์
รปู ใดเลา่ เรยี นพระไตรปฎ กมากนอ้ ยเพยี งใด พระองค์
ก็จะทรงถวายผ้าไตรจีวรชนิดดี แล้วพระราชทาน
จตุปัจจัยแก่พระเณรท่ีเล่าเรียนมากน้อยตามล�าดับ
คร้ันเมื่อเสด็จไปปราบเจ้าพระฝางใน พ.ศ. ๒๓๑๓
ทรงให้ตรวจสอบว่าพระสงฆ์รูปใดปฏิบัติผิดไปจาก
พระธรรมวินัย ก็ใหส้ กึ ห้ามบวชอกี ต่อไป
ใน พ.ศ. ๒๓๑๙ พระองค์เสดจ็ ไปทรงศีล บ�าเพญ็ สมาธิ วดั อนิ ทาราม
และทรงประทบั แรมทวี่ ดั บางยเี่ รอื นอก (วดั อนิ ทารามในคลอง ซง่ึ สมเดจ็ พระเจา ตากสนิ มหาราช
บางหลวง) เป็นเวลา ๑๕ วนั ทรงใหส้ รา้ งกุฏิ บรู ณปฏสิ ังขรณ์ เสดจ็ มาทรงศลี บาํ เพญ็ พระกรรมฐาน
พระพทุ ธรปู พระเจดยี ์ วหิ าร เสรจ็ แลว้ ทรงอาราธนาพระภกิ ษสุ งฆ์
ฝา ยคณะวปิ สั สนามาพา� นกั อยใู่ นกฏุ ทิ พี่ ระองคท์ รงจดั สรา้ งถวาย 8๕
และทรงถวายพระราโชวาทแกพ่ ระภกิ ษสุ งฆเ์ หลา่ นน้ั เพอ่ื จะไดเ้ ปน็
หลกั ในการจรรโลงพระพุทธศาสนาต่อไป
แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETดิ นักเรยี นควรรู
การชําระสังฆมณฑลในสมัยธนบุรี สว นใหญจ ะเนนหนกั ในเร่ืองใด 1 เมอื่ ครงั้ เสด็จไปปราบเมอื งนครศรีธรรมราช ใน พ.ศ. 2312 สมเดจ็ พระเจา
1. สรางพระพุทธรปู ตากสนิ มหาราชทรงมีรับส่งั ขอยืมพระไตรปฎกจากเมอื งนครศรธี รรมราชบรรทุกเรือ
2. คัดลอกพระไตรปฎก เขามาคดั ลอกในกรงุ ธนบุรี และในปถ ดั มาเมื่อเสด็จไปปราบชุมนมุ เจาพระฝาง
3. ปฏิสังขรณวดั วาอาราม ไดโ ปรดใหนําพระไตรปฎกมาตรวจสอบกบั ตนฉบับท่ีไดจ ากเมืองนครศรธี รรมราช
4. วตั รปฏบิ ัติของพระสงฆ ซึง่ นบั เปนประโยชนอ ยางย่งิ ในการสังคายนาพระไตรปฎ กในภายหลงั ตอ มา
2 บรู ณปฏสิ งั ขรณ รวมถึงวดั วาอารามตา งๆ และโปรดใหย กฐานะขึน้ เปน
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เนื่องจากเม่อื คร้ังยกทัพไปปราบชมุ นุม พระอารามหลวง เชน วัดหงสร ตั นาราม วดั อรุณราชวราราม วดั อินทาราม เปนตน
เจา พระฝาง สมเดจ็ พระเจา ตากสินมหาราชทรงเห็นวา พระสงฆใ นหัวเมือง มมุ IT
ฝายเหนอื มวั หมอง ขาดจากความเปนภกิ ษสุ งฆ จงึ ตองชาํ ระกิจการของ
พระสงฆใ หอ ยใู นพระธรรมวนิ ยั และลงโทษพระสงฆท ผี่ ดิ พระธรรมวนิ ยั รา ยแรง ศกึ ษาคน ควา ขอ มลู เพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั วดั อนิ ทาราม ไดท ี่ http://www.intaram.org
ทําใหพระสงฆกลบั มาบรสิ ุทธ์ิและเปนปกติสุขขน้ึ นอกจากนย้ี ังทรงแตงต้ัง
สมณศกั ดแิ์ กพระสงฆท่ที รงภมู ิความรูใหไ ปประจาํ ตามหัวเมอื งตางๆ ดว ย คมู ือครู 85
เมื่อหมคู ณะสงฆป ระพฤตปิ ฏบิ ัติศาสนกจิ ถกู ตอ งตามวนิ ัยสงฆ จึงเปน ท่ี
ศรัทธาเลือ่ มใสของปวงประชาราษฎร สงั คมท่วี ุน วายก็สุขสงบ ชวยให
การปกครองราชอาณาจกั รเปน ไปดว ยความเรยี บรอ ย
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Evaluate
Expand Expand
ขยายความเขา ใจ
1. ครูใหน ักเรยี นจัดทาํ รายงานเกย่ี วกบั ภมู ิปญ ญา ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยด้านศิลปกรรมสมัยธนบุรีได้ส่งผลดีต่อการพัฒนาการ
และวัฒนธรรมไทยสมัยธนบุรนี อกเหนอื จาก ท่องเที่ยวของไทยในสมัยปัจจุบัน ทั้งยังเป็นแหล่งการเรียนรู้ทางด้านประวัติศาสตร์และศิลปะ
ในหนงั สอื เรยี น พรอ มทง้ั วเิ คราะหถ งึ อทิ ธพิ ลของ วเชัด่นร ะฆผลังโงฆานสกิตาารรบามูรณ 1 วปัดฏหิสงังสข์รรัตณน์อาุโรบาสมถ 2 กเรจุงดเียท์ พแมลหะาวนิหคารรข อแงลวะัดผบลางงายน่ีเกรือารนสอรก้าหงรวือัดวดัดออยินเขทาาแรกาม้ว 3
ภมู ิปญญาตอการพัฒนาชาตไิ ทยในปจจบุ ัน จังหวดั ตาก เป็นต้น ซ่งึ ยังคงหลงเหลืออยูม่ าถึงปจั จุบนั
2. ครูทดสอบความรูของนกั เรียนเกี่ยวกบั กลาวโดยสรุป นับต้ังแตการสถาปนาอาณาจักรธนบุรีจนถึงการสิ้นสุดอํานาจ
ภมู ปิ ญญาและวฒั นธรรมไทยสมัยธนบรุ ี (พ.ศ. ๒๓๑๑ - ๒๓๒๕) มีระยะเวลาประมาณ ๑๕ ปเทานั้น ขณะเดียวกันบานเมืองตกอยูใน
โดยใหท ํากิจกรรมที่ 3.6 จากแบบวดั ฯ ภาวะสงครามมาโดยตลอด แตอ าณาจักรธนบรุ ีก็มพี ัฒนาการในดา นตางๆ เชน ดานการเมอื ง
ประวตั ศิ าสตร ม.2 การปกครอง เศรษฐกิจ สังคม ความสมั พนั ธระหวางประเทศ ภมู ปิ ญ ญาและวฒั นธรรมไทย
ในดา นตา งๆ เปน ตน สง ผลใหธ นบรุ สี ามารถขยายอาณาเขตออกไปไดอ ยา งกวา งขวาง มคี วาม
ใบงาน ✓ แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ เขมแข็งและม่ันคงเปนปกแผน เศรษฐกิจที่เคยเสื่อมโทรมก็สามารถฟนตัวข้ึนใหมไดอยาง
ประวัตศิ าสตร ม.2 กจิ กรรมที่ 3.6 รวดเรว็ พมา ไมส ามารถเขา มาประชดิ กรงุ ธนบรุ ี บรรดาหวั เมอื งประเทศราชเมอ่ื ครง้ั ตง้ั ตวั เปน
หนวยที่ 3 พัฒนาการของอาณาจกั รธนบรุ ี อสิ ระสมยั เสียกรุงศรีอยธุ ยาใน พ.ศ. ๒๓๑๐ ก็กลบั มาอยูใตอํานาจของธนบุรดี งั เดิม แสดงให
เหน็ ถึงความเขมแข็งในการปองกันอาณาจักรไดเ ปน อยา งดี นอกจากน้ี ยงั สามารถสรางสรรค
กจิ กรรมท่ี ๓.๖ ใหนักเรียนยกตัวอยางภูมิปญญาและวัฒนธรรมไทยสมัย คะแนนเตม็ คะแนนทไ่ี ด ภูมปิ ญ ญาและวัฒนธรรมข้นึ มาไดถึงแมวา จะอยใู นชวงเวลาอันส้ันกต็ าม
ธนบุรี โดยแยกเปนประเภทใหชัดเจนไดใจความถูกตอง
ñð
สมบรู ณ (ส ๔.๓ ม.๒/๓)
ภ....ูม....ิป....ญ.....ญ....า...ใ...น....ก....า...ร....เ.ล....ือ....ก....ท....ํา...เ..ล....ท....ี่ต....ั้ง...ร....า..ช....ธ...า...น....ีใ...ห....อ...ย....ูร...ิม....แ...ม....น....้ํา........เ.พ....่ือ....ป....อ....ง...ก....ัน....
ไ...ม...ใ...ห....ถ ...กู....พ....ม....า...โ..จ....ม...ต....ี...อ...กี....ท....งั้...ม....ที....า...ง...อ...อ....ก....ส....ทู....ะ..เ..ล....ท....าํ...ใ..ห....ม....คี ....ว...า..ม....ส....ะ..ด....ว...ก....ใ...น....ด....า...น....
ก....า...ร....ค.....า...ข...า...ย........ซ....่ึง...ภ....ูม....ิป.....ญ.....ญ.....า...น....ี้.ไ..ด.....ม...ีอ....ิท....ธ....ิพ....ล....ต.....อ....ก....า...ร....เ..ล...ื.อ...ก.....ท....ํา...เ..ล....ท....ี่ต....ั้ง....ใ...น....
ป....จ....จ...ุบ....นั........เ..ช...น .......ก....า...ร...ต....้งั...ฐ....า..น.....ท....ัพ....เ..ร...ือ....ใ..น.....จ...ัง....ห....ว..ดั....ช...ล....บ.....รุ ...ี...เ..ป...น.....ต....น...............................
เฉฉบลบั ย ภมู ปิ ญ ญาและ ภ....ูม....ิป....ญ.....ญ.....า...ใ..น.....ก....า...ร...ป....ร....ับ....ต....ัว...เ..พ....ื่อ....แ...ก....ป....ญ.....ห....า...ก....า...ร....ด....ํา..ร....ง...ช...ี.ว..ิ.ต........ใ...น....ส.....ม...ัย....ธ...น.....บ....ุร...ี
วฒั นธรรมไทย ป....ร....ะ...ส....บ.....ภ...า...ว...ะ...ข...า...ด....แ....ค....ล....น.....ข...า...ว...ซ...ึ่.ง...เ..ป....น.....อ....า..ห.....า..ร....ห....ล....ัก....ข....อ...ง....ค....น.....ไ..ท....ย.........ส....ม....เ..ด....็จ...
สมยั ธนบรุ ี พ....ร....ะ..เ..จ...า...ต....า..ก....ส....น.ิ ....ม...ห....า...ร...า...ช...ท....ร...ง...แ...ก....ไ...ข...ป...ญ.....ห....า...เ.ฉ....พ....า...ะ...ห...น.....า.....ด....ว...ย...ก....า...ร...ซ....อื้ ...ข...า..ว...ส....า...ร...
แจกจา ยใหแ กราษฎร.......................................................................................................................................................................
ภ....มู...ปิ....ญ ....ญ.....า..ด....า..น.....ศ...ลิ....ป....ก...ร....ร...ม......เ.น.....อ่ื ...ง...จ...า...ก....ส...ม....ยั...ธ...น....บ....รุ...ตี....อ...ง...เ..ผ...ช...ญิ.....ก...บั....ภ....า..ว...ะ..ส....ง...ค....ร...า...ม...
ด....งั...น....ัน้........ภ...มู....ปิ ...ญ.....ญ.....า..ท....า...ง...ด....า ..น.....ศ...ลิ....ป....ก....ร...ร...ม....จ...ึง...พ....อ...ป....ร....า..ก....ฏ....บ....า..ง...ต....า...ม...แ...บ....บ....อ....ย...า...ง...ใ..น....
ส....ม....ัย...อ...ย....ุธ...ย...า.......เ..ช...น........ก....า...ร...ก....อ...ส....ร...า...ง...พ....ร...ะ...ร...า...ช...ว...ัง...แ...ล....ะ..ว...ัด........ก....า..ร....เ.ข...ีย...น.....ภ...า...พ....ไ..ต....ร...ภ....ูม...ิ
ท....น่ี ....บั....ไ...ด....ว..า...เ..ป...น.....แ...น....ว...ค....ิด...ข...อ....ง...ช...า..ง...เ..ข...ยี ...น....ไ...ท....ย...ส....ม...ยั....ธ...น....บ....ุร...ีโ...ด....ย...เ..ฉ...พ....า...ะ.............................
ภ....มู...ปิ....ญ.....ญ....า...ใ..น.....ก....า..ร....ป...ร....บั....ต....วั ..ป....ร...ะ...ส....า...น....ส....มั...พ....น.ั ....ธ...ก....บั....ช...า..ว...ต....า..ง....ช...า..ต....ิ...ใ..น....ส.....ม...ยั...ธ...น.....บ....รุ...ี
ส....ว...น.....ใ..ห....ญ.....ม....คี ....ว..า...ม....ส....มั ...พ....นั.....ธ...ก....บั....ช...า...ว...ต....า ..ง....ช...า...ต...ใิ...น....เ..ร....อื่ ...ง...ก....า...ร...ค....า...ข...า...ย......ไ...ด...แ....ก.... ..จ....นี....
อ....ิน....เ..ด....ยี......แ...ล....ะ...เ..ป...อ....ร...เ..ซ....ยี ......ส....ง...ผ....ล....ใ..ห....เ..ศ....ร...ษ.....ฐ...ก....จิ....ข...อ...ง...ธ....น....บ....รุ....ีฟ....น ....ต....วั...ไ..ด....ร....ว...ด....เ.ร....ว็.....
.......................................................................................................................................................................
ภ....มู...ปิ....ญ.....ญ.....า..ใ...น....ก....า..ร....ป....ล...ก.ู ...ฝ....ง ...ศ....ลี ...ธ....ร...ร...ม....ใ..ห....ก....บั....ส....งั...ค....ม......ส....งั....ค...ม....ไ..ท....ย....ใ..น....ส....ม....ยั...ธ...น.....บ....รุ...ี
ม....พี ....ร...ะ...พ....ทุ....ธ...ศ....า...ส....น....า...เ..ป...น.....ห....ล....กั ....ใ..น....ก....า...ร...ด....าํ...เ..น....นิ.....ช...วี ...ติ ......ซ....ง่ึ ...พ....ร...ะ...ม...ห....า...ก....ษ....ตั....ร...ยิ....ท....ร...ง...
เ..ป....น ....อ....ง...ค....พ ....ทุ....ธ....ศ...า...ส....น.....ูป....ถ....ัม...ภ....ก.......ท....ร....ง...แ...ก....ไ...ข...ค....ว..า...ม....ห....ย...อ...น.....ย...า...น.....ใ..น.....ศ....ีล...ว...ตั....ร....ข...อ...ง...
พระภกิ ษสุ งฆ.......................................................................................................................................................................
๔๐
86
นกั เรียนควรรู ขอ สอบ O-NET
ขอสอบป ’51 ออกเกย่ี วกบั ความสาํ คญั ของภูมิปญญาไทย
1 วัดระฆงั โฆสิตาราม วัดโบราณเมอ่ื คร้งั กรุงศรีอยุธยาเปนราชธานี เดมิ เรยี กวา ภูมปิ ญญาไทยเปนสมบตั ขิ องชาติทีค่ นไทยทุกคนจะตอ งอนรุ กั ษ สงเสริม
วัดบางหวา ใหญ (หรือบางวา ใหญ) คูกบั วัดบางหวา นอย (ปจ จบุ นั คือ วัดอมรนิ ทราราม) และเผยแพรใ หค นในชาติไดเรยี นรู เนอื่ งจากเหตผุ ลในขอ ใด
ในสมยั ธนบุรีสมเด็จพระเจา ตากสินมหาราชโปรดใหยกฐานะเปนพระอารามหลวง 1. เปนของเกา แกตกทอดมาชา นาน
และเปนท่ปี ระทบั ของสมเด็จพระสังฆราช 2. เปนสวนหนึ่งของประวตั ิศาสตรชาติไทย
2 วัดหงสร ตั นาราม วดั โบราณสรางในสมัยอยุธยา เดมิ เรียกวา วดั เจสวั หง หรอื 3. เปนหนา ทีต่ ามกฎหมายของคนไทย
วดั เจาสัวหง หรือวัดเจา ขรัวหง ซึ่งเรียกตามช่อื เศรษฐีชาวจนี ชอื่ หง ในสมัยธนบรุ ี 4. เปนมรดกทรพั ยสินทางปญ ญาของชาติ
พระบรมวงศานุวงศใ นสมเด็จพระเจา ตากสนิ มหาราชเสดจ็ มาทรงศกึ ษาพระธรรม วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ภูมปิ ญ ญาไทยเกดิ จากการส่งั สมความรู
และทรงบาํ เพญ็ พระราชกุศลอยูเ สมอ เชน พระเจาลกู ยาเธอ กรมขุนอนิ ทรพิทักษ ประสบการณท ผี่ านกระบวนการเรยี นรู เลือกสรร ปรงุ แตง พฒั นามาต้งั แต
เปนตน บรรพบรุ ุษ แลวถา ยทอดมาสูคนรนุ หลงั เพอ่ื ใชแ กป ญหาและพฒั นาวิถชี วี ิต
3 วัดดอยเขาแกว หรอื วัดดอยขอยเขาแกว หรอื วัดพระเจาตาก เปนวดั เสีย่ งทาย ของคนไทยใหเ หมาะสมกบั สภาพแวดลอ มตามยคุ สมัย จงึ จัดเปน มรดกทาง
บารมขี องสมเด็จพระเจา ตากสินมหาราชเม่ือครัง้ ดาํ รงตําแหนง พระยาตาก ทรัพยส นิ ทางปญญาของชาตทิ ่ีคนไทยทกุ คนควรมีสว นรวมในการศึกษา
ปจจุบนั วัดนไ้ี ดร ับการขนึ้ ทะเบยี นเปน โบราณสถานเม่ือ พ.ศ. 2478 อนุรกั ษ และเผยแพรภูมปิ ญ ญาไทยใหคงอยูคกู ับสังคมไทยสบื ไป
86 คมู ือครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Expand Evaluate
ขยายความเขา ใจ Expand
แเสสเแนสดสนเงดวเเลงวหเาลตหากุตากุ ราณรณสาํส คําญัคญั ในในสมสยัมธัยนธนบุรบี รุ ี ๒โใปนรล๒๓บรทาํ๒ใโเ๒๓๑นปดกปร๒ลกา๓๓๑๖บรใทิดงาําบัเ๒๓ห๑๗ด๑กธปงสกาเ๓๑๖ตรใ๘ดิชงงาบั ห๗แร๑รธคงสียเมลตาร๘ชรงงแกระวรคาใียมหนลาฎนิมรงกะาวมาใหัยศหนนฎินมขคึกมามหัยศอรอากนขคงั้กึมงยะลทพอรแอวากับั้ง่ีงซยาะรล๒ทมพแดะวหับ่ีสาซาวรว๒ไมเดงยะหนุดปฆสาวววเกไนเงยตัชนุดปี้ฆขวรียเกน อตัปชง้ีขงรใฏยี หธอปงบิ นงมใฏัตหธบบิ ินลมรุ ตั าํบี ิพลรุ าํีนู พนู 1. ครูใหนกั เรยี นศึกษาเสน เวลา (Timeline)
----๒- --๒๓พไกโเปทสข----๒-จปม๒---รมา๓๑รรปตพเธิา-๒-รข๓งุสไพกเปทโสขดาง๓ทโแฮไนเ๑ีบไี๑รพรจปดมธ๒---ดปาบยดรํามดา๓แ๑รรตปพเาิธอข๑ะาํรร๒านรรใขมงุเส็จดกางรส๓ชบเคโทแฮไนเ๑ไบีีไปมง๑รลกหพร๓ระดธมดปาบบยดพดําตาดแกําปมุาลอขช๑จ็ะาํรรัน๒นฝเรขนรใมเค็จกอืรใเสรชรุมบเคอไรปมงนรลากหนมุร๓าดระคหมาบดพตปีเาดังกําเะปมุางลชชือจ็นันฝเร็จงขปุมขรนาพายคพือเใเรุรมทลบฎอรนรายางนุมาจมาดรบาคหานเุมปกีเัดรงเะอางรชแตภือปัพกชจกง็จขวปาุมรนาพาศอียพารเทเทละบฎกลยรางาจตราิเทกจมบาปจนเะามุาํลิกตรษอรพัแตังภปัพพกใาชจกะาวาาาทาชพัศนอีรารานทเะะกกกมกกลรากจตรรเิทกนไปมิจาะามธราํลิบาตไษากพังัพปใ็ยาทะานขเาสาบทาชัพงคนาจปราานาะอจนกรกมกกึดกรตน้ึนไินําไคมิานยปมปธรรบาถตไาุงงากูป็ยทดนขเนเสบีเรงคศเมาจปาีวรธพแกาแอจนเีมขรปดึรต้นึินําไคศาแนมยปปรราาถนหตาลคงุลงูรอืมดบันเปนเีรรศีธเลมมยีอืวรธพแกแีเมะบะาะรขปงรบรศีธาแรมลพะราานหชแงฝเลรคอลพรือมุร๒บั๒ปนรรสทรีธลามะยพือารขมุะบางะาะรี๓งรมบรธีษิ,ดรยีลพะรชะชแงฝเเงรอ๒ิษกพนรุม๒๒๒๑รรสทกราเงมมะณพาทรขมุางีเจ๕๐๓ณรมมุราิษ,กดียเารชมะรหเง๒ษิกรนมมบ็๒ุโคา๑ช๐ะกรรพเงมมณาุโทลงือาเชจ๕๐ณชุมรือะรจาแกลเาฐมรสหิษกกกรงมบ็ุโทคง้ัาบช๐าวงะรลกพาุโลถยงอืไราษณชกชสราอืะจแําลระฐเดสิษเะกกากักงทอัง้อัตบาอรววยงพลกโุบปถดยไรษณตทกาลาสยาราาํรืมะเด่อืเะอากัวนไรงออตัยิวกอรวูยพกุุโคบปแดวยกตาคาทธุาลายราแืมเอ่ืัมไอกวนไรรบงปิยวกูกุ(ตซดคแวยกภอืจาคปาธุุรนแเมัง่ึไการบปีรญี(ตซดสกภอืจปรุนมหง่ึาารีีญ สรกยัา มหตานารยัาน้ั )ตนานั้ ) (ไ๒อจพทาัญ๓กรย(จไ๒อ๒พเทะาเยัญช๓มแ๑กรยกิญ๒เกะือเยชทมแพว๑งกญิพักเมอื รทวไพวงระียพัปเมพกรวงตไตระทุจยีปีเพก)นังมธตตุทจมกทอืีเ)ันมธับหนงมกทเือพามวับหนงมรายี เพามณะยวงมบรงัจาียีรกณะายนังตั บงรังจทรีนงุกานััตนปธงรทนนุงฏพนปธบิมนรฏรุาพอบีมิกมรุรราอ ีทกม้งัรทง้ั แสดงเหตุการณสาํ คญั ทางประวตั ิศาสตร
กภ๒ไเกทรา๓ดิุงยไเ๒ภกย๒กทธจรยหา๓ดินล๓งุยยกล๒ธจาบยหทงั จนล๓กรุตลพั ลาบเีทองักไจุรตพัปงไิดลีเดยอกตไกุตเปงไดิีเามดยขกิตรกอืตุเมาจีเามงขริกลรรเือรมหาจาสบงรจลรลยี เรเหลาสงัมพบจจลียรรเลาังมาพากจฐระราเาาขกฐะมเขรมร ในสมัยธนบุรี จากน้ันสมุ เหตุการณส าํ คญั
ท่เี กดิ ขนึ้ ในชวงเวลาใดเวลาหน่ึง แลวให
นกั เรยี นชวยกนั อธิบายรายละเอยี ดของ
เหตกุ ารณนน้ั โดยสังเขป
2. ครใู หนักเรียนตอบคาํ ถามประจาํ หนว ย
การเรียนรู
ตรวจสอบผล Evaluate
พ.ศพ..ศ๒.๓๒๑๐๓๑๐ ๒๓๒๓๐๒๐ ๒๓๒๓๕๒๕ 1. ครตู รวจรายงานเก่ียวกบั ภมู ิปญ ญา
และวัฒนธรรมไทยสมยั ธนบุรี
2. ครูตรวจเรยี งความเกย่ี วกับพระราชกรณยี กิจ
ในการทํานบุ ํารงุ พระพทุ ธศาสนาของสมเด็จ
พระเจา ตากสินมหาราช
3. ครสู งั เกตพฤตกิ รรมความมีสวนรว มในการ
ตอบคําถามและการแสดงความคิดเหน็ ของ
นกั เรยี น
พรพะยราะตยาากตขา(อกสขงิน(สอส)กุงินสต้พี )ุกคี รตี้พาะีคยนรโาาะพยนยธโกาพ์สิยอ๒ธากงม๓์สิแอ๒าต๑ตงม๓แน๐กต๑ตน๐ก ซึง่ ซอ--ย่ึงฟโอ--ทูปรยีป่รฟโาทูปดนนร่ปีรใาังซหดนนนิสชใงัําซหานปไสิ ชงลําน เาตปไขนงลนียเกสหตขนนมสรยี กสบัหุดือ๔นมสเภกรขับดุือปา๔คาเภกพตนขมปาคไันา๒าพตตจนมเถ๓หรัดไันวา๒ตภ๑จลทเาถ๓หรัดมู๙ก็ยําวภ๑ลทิาูม๙ก็ยําิ เกิดเกกิดารกจาลรจาจลลาจในลกในร๒ุงกธร๓น๒งุ ๒ธบ๓๔นรุ๒บี ๔ุรี
- ส-มสขเดมนุ ็จขเนดเุนาพจจ็ นงาิธเพาพจีบขงาริธรากพสะีบมขรยลถรารรา-กสาบัะาชมารมยลนถสจชากร-าบัหามากชาาามนกสจาชาภรกเดหรมารกกาาิเสาณก็จษาาษภรเชดมเรรกกตัิเคจสากณจ็ษณษขรวาชมาเกตัิยาคึ้นพจชรกณขมศรวาเทรีพาปยิา้ึนพกึวชะรพัรมศนนุยเไทรีพาปทดกึวาวพะหพัรนมเ่ีนุยราไราขมทดับยาวพหะหมณม่เีใราอมารขมนบัรยหัญกะหมเณกใอใมาษพานเหรรญัชกหกัตอ่ื๒ุงเกกใษพญิาษธเรหแรร๓ชกตัยินื่อ๒งุตักจะก ๒ิญษธศรทแบารไ๓ร๕ิยนขึกกตัยิกจะําุร๒ศทบาีรไ๕ขกึกยิําุรี
--มโทั-จป-มอรรโทัาจรปดดสจอรรใาใหารดบดนสสจยใาทขแใหกบนสอตณยททขแงรกะพัคอตตณนทํางไรันะ้ันพัปคปตนไาํปไรผนั ด้นัปปะรูส สดไปราผําดงับะบรเสู สสดราพนําจ็างบับเคลสสรรพนรอาน็จาคจลชยสรพ ํารอามกนรปจชย๒าาพอาํารมกถ๓มรปศแ๒าวาอ๒กากัหราถ๓มศแบั๐ดยวง๒กกัห์ิา1บั๐ดยง ์ิ
๘๗๘๗
แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด นกั เรยี นควรรู
ภายใตการปกครองของสมเดจ็ พระเจาตากสินมหาราช ภาพรวมของ 1 จําปาศกั ดิ์ ปจ จบุ ันน้ีเปน เมอื งอยูใ นแขวงจําปาศักด์ิ ทางภาคใตข องสาธารณรฐั
พัฒนาการทางประวตั ศิ าสตรไ ทยสมยั ธนบรุ ีเปน อยา งไร จงอธิบายมาพอเขาใจ ประชาธิปไตยประชาชนลาว ตวั เมืองต้ังอยูบนฝง ขวาของแมน าํ้ โขง ในอดตี เคยเปน
แนวตอบ ชวงเวลาทส่ี มเดจ็ พระเจาตากสินมหาราชทรงปกครองบานเมือง ศนู ยก ลางการปกครองในฐานะรฐั เอกราชชว่ั ระยะเวลาหนง่ึ กอ นทจ่ี ะตกอยใู ตก าร
นบั ได 15 ป (พ.ศ. 2310-2325) ในระยะเวลาดังกลาว พระองคไดท รงบําเพญ็ ปกครองของไทย ภายหลงั ไดต กเปน อาณานคิ มของฝรง่ั เศส เมอื่ ฝรงั่ เศสแบง เขต
พระราชกรณียกิจทเี่ ปน ประโยชนแกช าตบิ า นเมืองและพสกนิกรมากมาย อาณานคิ มในอนิ โดจนี เมอื งจาํ ปาศกั ดไิ์ ดเ ขา รวมอยกู บั พระราชอาณาจักรลาว
ไมวาจะเปน การยกทัพออกไปทาํ สงครามปราบปรามขาศึกท่เี ขา มารุกราน (หลวงพระบาง เวียงจนั ทน และจาํ ปาศักด)ิ์ ใน พ.ศ. 2484 เกดิ สงครามอนิ โดจีน
และขยายอํานาจทางการเมอื งและการทหารออกไปนอกราชอาณาจกั ร ระหวา งไทยกับฝรั่งเศส ผลของสงครามฝายไทยไดเ มืองจาํ ปาศักดค์ิ นื มา เมอื่ สน้ิ สุด
เพอื่ ความปลอดภยั ของบา นเมอื ง ในขณะเดยี วกนั พระองคก ต็ อ งทรงแกป ญ หา สงครามโลกครั้งท่ี 2 ใน พ.ศ. 2488 ไทยตองคนื เมืองจําปาศักด์ิใหแ กฝรงั่ เศส
เศรษฐกจิ ทที่ รดุ โทรมใหฟ น ตวั รวมทงั้ ทรงทาํ นบุ าํ รงุ ฟน ฟสู งั คมและวฒั นธรรม และฝร่ังเศสปกครองตอมาจนกระท่ังประเทศลาวไดรบั เอกราชใน พ.ศ. 2497 หลงั จาก
ใหเจรญิ งอกงามเพ่ือความสงบสขุ ของคนไทย จนสง ผลใหราชอาณาจักร ไดร ับเอกราช ประเทศลาวมชี อ่ื เรยี กวา พระราชอาณาจกั รลาว และแบงการปกครอง
ฟน ตวั อยางรวดเร็ว ทง้ั ทางดา นการเมือง เศรษฐกจิ สังคมและวฒั นธรรม สวนทองถ่ินเปน แขวงตางๆ เมอื งจําปาศกั ดิจ์ ดั ต้ังเปนแขวงจาํ ปาศกั ดิ์ จนถงึ
หลงั จากที่ทรุดโทรมมามากจากสงครามเสียกรงุ ศรอี ยธุ ยาครง้ั ท่ี 2 พ.ศ. 2310 พ.ศ. 2518 เมอ่ื มีการเปลีย่ นแปลงการปกครอง ไดเปล่ียนชื่อประเทศเปน สาธารณรฐั
ประชาธปิ ไตยประชาชนลาว เมอื งจาํ ปาศักด์ยิ ังคงอยูในสถานภาพเดมิ จนถงึ ปจจบุ ัน
คูมอื ครู 87
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Elaborate
Evaluate Evaluate
ตรวจสอบผล
ครตู รวจสอบความถูกตองในการตอบคาํ ถาม ค าํ ถามประจ าํ หนว่ ยการเรียนรู้
ประจาํ หนว ยการเรียนรู
๑. เ พราะเหตใุ ดหลงั จากทพ่ี ระยาตาก (สนิ ) กอู้ สิ รภาพไดแ้ ลว้ จงึ ตดั สนิ ใจยา้ ยราชธานมี าอยทู่ ่ี
หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู กรงุ ธนบรุ ี
1. การจดั นิทรรศการเกี่ยวกบั ประวตั ศิ าสตรไทย ๒. ก ารทก่ี รงุ ธนบรุ สี ามารถพฒั นาจนอาณาจกั รมคี วามมนั่ คงเขม้ แขง็ และเศรษฐกจิ ฟน้ื ตวั อยา่ ง
สมัยธนบรุ ี รวดเรว็ เกดิ จากปจั จัยใดบา้ ง
2. รายงานเกีย่ วกบั ภูมิปญ ญาและวฒั นธรรมไทย ๓. เ พราะเหตใุ ดการจดั การปกครองและการสรา้ งสรรคศ์ ลิ ปวฒั นธรรมในสมยั ธนบรุ จี งึ ยงั คงยดึ
สมยั ธนบรุ ี แบบอย่างมาจากสมยั อยธุ ยา
๔. พฒั นาการของอาณาจกั รธนบรุ ีในด้านต่างๆ มลี ักษณะอย่างไร จงอธิบายมาพอสงั เขป
๕. การเสื่อมอา� นาจของอาณาจักรธนบรุ ีเกดิ จากสาเหตุใด
กจิ กรรมสร้างสรรคพ์ ฒั นาการเรียนรู้
กจิ กรรมท่ี ๑ ใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู เพม่ิ เตมิ เกยี่ วกบั การสถาปนาอาณาจกั รธนบรุ ี ปจั จยั
ท่ีมีผลต่อความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักร พัฒนาการทางประวัติศาสตร์
รวมถึงการเส่ือมอ�านาจของอาณาจักร จากนั้นอภิปรายร่วมกันในชั้นเรียน
แลว้ สรปุ ผลการอภิปรายลงในสมุดรายงานส่งครผู ู้สอน
กจิ กรรมท่ี ๒ ให้นักเรียนเขียนเรียงความภายใต้หัวข้อ “สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
กบั การกเู้ อกราชของชาตไิ ทย” ความยาวไมเ่ กิน ๑ หน้ากระดาษรายงาน
กิจกรรมที่ ๓ ใหน้ ักเรียนชว่ ยกันจัดนิทรรศการเกีย่ วกับประวตั ิศาสตร์ไทยสมยั ธนบุรี เป็น
เวลา ๒ สปั ดาห์
88
แนวตอบ คาํ ถามประจําหนวยการเรียนรู
1. เพราะกรงุ ศรอี ยธุ ยาเสียหายมากจนยากเกนิ กวาจะบูรณะใหก ลับมาดีดังเดิม อกี ท้ังขาศกึ รชู ยั ภมู ิของกรงุ ศรีอยุธยาเปนอยา งดี นอกจากน้ี ตองใชคนเปน จํานวนมาก
ในการดแู ลรกั ษากรุงศรอี ยุธยา ซ่ึงจาํ นวนคนของพระยาตาก (สิน) มไี มเ พยี งพอ ดงั น้นั พระยาตาก (สิน) จึงตัดสินใจยายราชธานไี ปอยูทก่ี รุงธนบรุ ี
2. มหี ลายปจจยั เชน ปจจัยทางความเขม แข็งดา นการทหาร โดยสมเดจ็ พระเจาตากสนิ มหาราชมีแมท ัพทีม่ ีความสามารถหลายคน เชน สมเด็จเจา พระยามหากษตั รยิ ศ กึ
เจาพระยาสรุ สีห พระยาพิชัย (ดาบหัก) เปน ตน ทําใหขาศึกไมส ามารถเขามายดึ ครองได ปจ จยั ทางนโยบายฟน ฟเู ศรษฐกิจตางๆ เชน การรับซอ้ื ขาวสารจากพอคา
ชาวจนี มาแจกจา ยใหแกราษฎร การสงเสริมใหร าษฎรทาํ นา เพาะปลกู กท็ ําใหเศรษฐกจิ ฟนตวั ไดเรว็ ปจ จยั ทางนโยบายฟน ฟพู ระพทุ ธศาสนา เชน การฟน ฟคู ณะสงฆ
การบูรณปฏิสังขรณวัดวาอารามตางๆ กช็ ว ยใหพระพทุ ธศาสนากลบั มาเจรญิ รงุ เรืองดงั เดมิ
3. เพราะจะไดไมเ สียเวลาในการคิดรูปแบบเพื่อใชในการปกครองและสรางศิลปวฒั นธรรมข้ึนมาใหม ทั้งทร่ี ูปแบบเกา ครงั้ กรงุ ศรอี ยุธยาดอี ยูแ ลว จะไดมีเวลาในการฟน ฟู
และปองกนั บา นเมอื งจากขาศึกทเี่ ขามารกุ ราน
4. ดา นการเมอื งการปกครอง สมเด็จพระเจาตากสินมหาราชทรงรวบรวมไพรพ ลในการปราบปรามชุมนุมตา งๆ ทีต่ ั้งตัวเปน ใหญภายหลังจากเสยี กรุงเปนผลสาํ เร็จ
ทาํ ใหบ า นเมืองเปนปกแผน และจดั การปกครองหวั เมอื งตางๆ ตามรูปแบบสมัยอยธุ ยาตอนปลาย รวมทงั้ ใชเวลาในการปอ งกันอาณาจักรจากการรกุ รานของขา ศกึ
ดานเศรษฐกจิ ทรงใชนโยบายตางๆ เพอื่ แกไขปญ หาเศรษฐกจิ ทีเ่ ผชญิ อยู เชน รบั ซ้ือขา วสารจากพอ คาชาวจีนมาแจกจา ยใหแ กราษฎร ใหขาราชการทง้ั หลายทาํ นา
ปละ 2 ครั้ง สงเสริมใหพอ คา ชาวจนี เขามาคาขายมากข้ึน เปน ตน ดา นสังคม ยงั คงเปน สงั คมศกั ดนิ าเหมอื นเชน สมัยอยธุ ยา ดา นความสัมพันธระหวา งประเทศ
ธนบรุ มี คี วามสมั พนั ธกับชาติตา งๆ ในลกั ษณะแตกตา งกันไป เชน การขยายอาํ นาจทางการทหาร การคาในระบบบรรณาการ การทําสงครามปอ งกันอาณาจกั ร
5. เกิดจากเหตุการณจลาจลที่กรงุ ธนบรุ ี ทเี่ รยี กวา กบฏพระยาสรรค
88 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Expore Explain
Engage Expand Evaluate
เปาหมายการเรยี นรู
๔หนวยการเรยี นรูท่ี
1. วิเคราะหป ระวตั ิและผลงานของบุคคลสําคัญ
ประวัติและผลงาน ในสมัยอยธุ ยาได
ของบคุ คลสาํ คญั
ในการสรางสรรค 2. วเิ คราะหป ระวัตแิ ละผลงานของบคุ คลสําคญั
ในสมัยธนบรุ ีได
ชาติไทย
สมรรถนะของผเู รยี น
1. ความสามารถในการสอื่ สาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใชทักษะชีวติ
ตัวช้วี ดั คุณลักษณะอนั พึงประสงค
● ระบภุ มู ปิ ญ ญาและวฒั นธรรมไทยสมยั อยธุ ยา 1. มีวนิ ยั
และธนบรุ ี และอทิ ธพิ ลของภมู ปิ ญ ญาดงั กลา ว 2. ใฝเ รยี นรู
ตอ การพัฒนาชาติไทยในยุคตอมา 3. ซือ่ สตั ยส จุ ริต
(ส ๔.๓ ม.๒/๓) 4. มุงม่ันในการทาํ งาน
สาระการเรยี นรแู กนกลาง กระตนุ ความสนใจ Engage
● วรี กรรมของบรรพบรุ ษุ ไทย ผลงานของบคุ คล พระบรมราชานุสาวรยี สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ครูใหน ักเรียนยกตัวอยา งบุคคลสาํ คญั ของไทย
สาํ คญั ของไทยทมี่ สี ว นสรา งสรรคช าตไิ ทย เชน บรเิ วณทุงภูเขาทอง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สมยั อยุธยาหรือสมัยธนบรุ ี ทม่ี สี ว นสรา งสรรค
- สมเดจ็ พระสรุ ิโยทัย ชาตไิ ทย โดยใหบอกวาบคุ คลดงั กลาวมีบทบาท
- สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ã¹»ÃÐÇµÑ ÈÔ ÒʵÃÍ Â¸Ø ÂÒáÅлÃÐÇµÑ ÔÈÒʵø ¹ºÃØ ÅÕ ÇŒ ¹áÊ´§ ตอชาติไทยอยา งไร
- สมเด็จพระนารายณมหาราช ãËŒàËç¹¶Ö§¤ÇÒÁàÊÕÂÊÅÐ ¡ÅŒÒËÒÞ Í´·¹ áÅÐࢌÁá¢ç§¢Í§¾ÃÐ
- สมเดจ็ พระเจาตากสนิ มหาราช ÁËÒ¡ÉµÑ ÃÂÔ ¢¹Ø ¹Ò§ áÅЪÒǵ‹Ò§ªÒµ·Ô èÊÕ ÃÒŒ §ÊÃä¼ ŧҹÍѹ໚¹ (แนวตอบ สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทรงเปน
- สมเดจ็ เจา พระยามหากษตั รยิ ศ กึ (ทองดว ง) ¤Ø³»ÃÐ⪹µ‹ÍªÒµÔä·ÂÁÒâ´ÂµÅÍ´ ·Ñé§ã¹ÂÒÁ·èÕºŒÒ¹àÁ×ͧµ¡ พระมหากษัตรยิ ผูม ีพระปรชี าสามารถทางการรบ
- เจา พระยาสรุ สีห (บุญมา) ÍÂÙ‹ã¹ÀÒÇÐʧ¤ÃÒÁËÃ×Íã¹ÀÒÇл¡µÔ ઋ¹ ¡Ò÷íÒʧ¤ÃÒÁáÅÐ เปน ผูกอบกูเอกราชหลงั จากเสยี กรุงศรอี ยุธยา
´Òí à¹¹Ô ¹âºÒ·ҧ¡Ò÷µÙ à¾Í×è Ã¡Ñ ÉÒàÍ¡ÃÒª¢Í§ªÒµäÔ ·Â ËÃÍ× ¡Òà ครัง้ ที่ 1 และเมือ่ ครองราชยแลว พระองคก ็ทรง
ÇÒ§ÃÒ¡°Ò¹·Ò§´ÒŒ ¹¡ÒÃàÁ×ͧ¡Òû¡¤Ãͧ ໚¹µ¹Œ ¤ÇÒÁÊÒÁÒö ทาํ สงครามปองกันอาณาจกั รดวยความกลาหาญ
¤ÇÒÁàÊÂÕ ÊÅÐ áÅФÇÒÁ¡ÅÒŒ ËÒޢͧº¤Ø ¤ÅÊÒí ¤ÞÑ àËÅÒ‹ ¹¹éÑ ·Òí ãËŒ เด็ดขาดมาโดยตลอด)
ª¹ªÒµÔä·ÂÊÒÁÒö´íÒçÍ‹Ùä´ŒÁÒ¨¹¶Ö§»˜¨¨ØºÑ¹ ´Ñ§¹éѹ »ÃÐÇѵÔ
áÅмŧҹ¢Í§º¤Ø ¤ÅÊÒí ¤ÞÑ ¢Í§ä·Âã¹ÊÁÂÑ ÍÂ¸Ø ÂÒáÅÐÊÁÂÑ ¸¹ºÃØ Õ
¨Ö§à»š¹áººÍ‹ҧãˌᡋ͹ت¹ÃØ‹¹ËÅѧ·Õè¨ÐÊÌҧ¤Ø³»ÃÐ⪹ãˌᡋ
»ÃÐà·ÈªÒµÍÔ Ñ¹à»š¹·ÃÕè ¡Ñ ÂèÔ§¢Í§¤¹ä·ÂÊ׺ä»
เกร็ดแนะครู
ครคู วรจดั กิจกรรมการเรียนรเู พื่อใหน กั เรยี นสามารถระบุภมู ปิ ญ ญา
และวัฒนธรรมไทยสมัยอยุธยาและธนบุรี และอทิ ธพิ ลของภูมปิ ญ ญาดงั กลา ว
ตอการพัฒนาชาตไิ ทยในยุคตอมาได โดยเนน การพฒั นาทกั ษะกระบวนการตางๆ
เชน ทกั ษะการคดิ กระบวนการกลุม และกระบวนการสืบสอบ ดังตัวอยางตอไปน้ี
• ครูแบงกลุมนักเรยี นเพอ่ื ใหช ว ยกนั ศึกษาประวัตแิ ละผลงานของบคุ คลสาํ คญั
ในสมยั อยุธยาทก่ี ลมุ ตนรบั ผดิ ชอบ จากหนงั สอื เรยี นและแหลง การเรียนรู
ตางๆ แลว สงตัวแทนนําเสนอความรแู ละชวยกันตอบคําถามท่คี รูกําหนด
จากนัน้ ศกึ ษาความรูเพ่ิมเตมิ เพอ่ื แสดงละครเกยี่ วกบั ชีวประวตั แิ ละผลงาน
ของบคุ คลสําคญั ในสมยั อยธุ ยา
คมู อื ครู 89
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain
กระตนุ ความสนใจ Engage
ครนู ําภาพบุคคลสําคญั สมยั อยุธยา เชน สมเดจ็ ñ. ประวµั áิ Åะ¼Åงาน¢ÍงºคØ คÅสÓคัÞãนสมยั Íย¸Ø ยา
พระนเรศวรมหาราช สมเดจ็ พระนารายณม หาราช
เปน ตน มาใหน กั เรยี นดู แลวซกั ถามวา เปน บุคคลใด 1.1 สมเด็จพระรามาธิบดที ี ่ 1 (อทู อง)
ในประวตั ิศาสตร และนกั เรยี นรูจักบคุ คลดงั กลา ว
ในแงมุมใด เสน เวลา
แสดงเหตกุ ารณส าํ คญั ในสมยั สมเดจ็ พระรามาธบิ ดที ่ี ๑ (อทู อง)
สาํ รวจคน หา Explore ๑พ๘.ศ๙๐. สมเดจ็ พระรามาธบิ ดที ี่ ๑ (อทู่ อง) ทรงเปน็
พระมหากษัตริย์ไทยที่สถาปนากรุงศรีอยุธยา
ครใู หนกั เรียนแบง กลมุ ออกเปน 9 กลุม คละกัน เป็นราชธานีเม่ือ พ.ศ. ๑๘๙๓ และด�ารงอยู่ได้
ตามความสามารถ เพื่อศึกษาเกีย่ วกับประวัติ อย่างย่ังยืนเป็นเวลานานถึง ๔๑๗ ปี การที่
และผลงานของบุคคลสําคัญในสมัยอยุธยา พระองค์ทรงเลือกท�าเลส�าหรับต้ังเมืองราชธานี
จากหนงั สือเรียน หนา 90-104 และจาก ๑ท๘รง๙ส๓ถาปนากรงุ ศริอี ยธุ ยา1เป็นราชธานี ซ่ึงเป็นศูนย์รวมของคนไทยในสมัยน้ันได้อย่าง
แหลง การเรยี นรูตางๆ เพิม่ เติม ในประเดน็ ตอไปนี้ ๑๘๙๕ เหมาะสม ทา� ใหก้ รงุ ศรอี ยธุ ยาเจรญิ รงุ่ เรอื งอยา่ ง
รวดเร็วจนกลายเป็นแหล่งรวมศิลปวัฒนธรรม
กลมุ ท่ี 1 สมเดจ็ พระรามาธบิ ดที ่ี 1 (อูท อง) ไทยสมัยอยุธยาอย่างต่อเน่ืองและเป็นมรดก
กลุมที่ 2 สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ ตกทอดมาถึงคนไทยในปจจบุ ัน
กลมุ ที่ 3 สมเด็จพระสรุ โิ ยทยั พระราชกรณียกิจที่ส�าคัญของสมเด็จ
กลุมท่ี 4 สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ๑๘๙๖ พระรามาธบิ ดที ่ี ๑ (อทู่ อง) สว่ นใหญจ่ ะเนน้ หนกั
กลมุ ท่ี 5 สมเดจ็ พระนารายณมหาราช ไปด้านการเมืองการปกครอง ทีเ่ ห็นเดน่ ชัด คอื
กลมุ ที่ 6 สมเด็จพระเพทราชา ๑๙๐๐ โ๑ป๙ร๐ด๐ใหส้ ถาปนาวัดพทุ ไธศ2วรรย์ ทรงน�าเอารูปแบบการปกครองแบบ จตุสดมภ
กลมุ ท่ี 7 ออกญาโกษาธิบดี (ปาน)
กลุมท่ี 8 ลาลแู บร โปรดให้สถาปนาวัดปา แก้ว
กลุมท่ี 9 เยเรเมียส ฟาน ฟลีต
แตละกลุมสงตัวแทนมาจบั สลากหมายเลขกลุม จากเขมรมาปรับใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน ท�าให้การปกครองอาณาจักรมีระบบ
จากนั้นศกึ ษาเน้อื หาทีก่ ลมุ ตนรับผดิ ชอบจนทุกคน แบบแผนและรดั กมุ ยงิ่ ขนึ้ และสบื เนอ่ื งมาถงึ สมยั รตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ ยกเวน้ จะมีการ
เกิดความเขา ใจ ปรับปรุงบ้างในบางคร้ัง สมเด็จพระรามาธิบดีท่ี ๑ (อู่ทอง) ทรงประสานประโยชน์
ใหเ้ กดิ ขนึ้ ในหมคู่ นไทยในเมอื งสพุ รรณบรุ ี กรงุ ศรอี ยธุ ยา และลพบรุ ี จนสามารถรวมตวั
กนั และผนกึ กา� ลงั เพอื่ ขยายอาณาเขตของอาณาจกั รอยธุ ยาในระยะแรกๆ ใหก้ วา้ งขวาง
ออกไปมากยิ่งขึ้น นับเป็นนโยบายทางการปกครองที่ส�าคัญอย่างหน่ึง นอกจากน้ี
อธบิ ายความรู Explain พระองคท์ รงรบั ลทั ธเิ ทวราชาจากเขมรมาดดั แปลงใหส้ อดคลอ้ งกบั ลกั ษณะวฒั นธรรม
1. ครูใหน ักเรียนกลมุ ท่ี 1 สงตัวแทนออกมา ของคนไทย ทเ่ี รยี กวา่ สมมตเิ ทพ นอกจากความเปน็ ธรรมราชา เพอื่ ทา� ใหพ้ ระมหากษตั รยิ ์
นาํ เสนอสาระสาํ คญั ท่หี นา ชนั้ เรียน จากนนั้ กลายเป็นสถาบันทางการเมืองท่ีส�าคัญของชาติไทย นับแต่นั้นเป็นต้นมาสถาบัน
เปดโอกาสใหน ักเรียนทม่ี ีขอ สงสยั ซกั ถาม พระมหากษัตริย์ได้กลายเป็นศูนย์รวมแห่งอ�านาจและ
และอธบิ ายจนเขา ใจ พระบร3มราชานุสาวรียสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ เปน็ หลกั ยดึ เหนยี่ วทางดา้ นจติ ใจของราษฎรตลอดมา
2. ครสู นทนากบั นกั เรียนเพอ่ื รวมกันสรุปความรู (อูทอง) ปฐมกษตั ริยแหงกรุงศรอี ยุธยา
ทไ่ี ดรับจากการศึกษา
๙๐
นักเรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET
บทบาทสําคญั ของสมเดจ็ พระรามาธิบดที ี่ 1 (อทู อง) ท่ที ําใหอ าณาจักร
1 สถาปนากรุงศรอี ยุธยา สมเด็จพระรามาธบิ ดีที่ 1 (อทู อง) ทรงสถาปนา อยุธยามีความเจริญรงุ เรอื งคอื ดา นใด จงอธิบายโดยยกเหตผุ ลประกอบ
กรุงศรอี ยุธยาขนึ้ ทบ่ี รเิ วณหนองโสนหรือบงึ ชีขนั (ปจ จุบันเรยี ก บงึ พระราม) เนอื่ งจาก แนวตอบ พระราชกรณียกจิ ที่สาํ คัญของสมเดจ็ พระรามาธบิ ดีท่ี 1 (อูทอง)
พระเจา อทู องทรงเห็นวาทาํ เลท่ตี ง้ั เหมาะสม มีแมน ํา้ ลอมรอบ และเปนบริเวณท่ีมี สว นใหญจะเนนหนักดา นการเมอื งการปกครอง โดยพระองคท รงรบั เอา
ตนโสนมาก ดังนัน้ ดอกโสนจึงเปน ดอกไมป ระจําจังหวดั พระนครศรอี ยุธยาดว ย รปู แบบการปกครองแบบจตสุ ดมภ ท่ปี ระกอบดว ย กรมเวยี ง กรมวงั กรมคลงั
2 วัดปาแกว พระราชพงศาวดารระบวุ า พระเจาอูทองโปรดใหขดุ พระศพเจาแกว และกรมนา จากเขมรมาปรบั ใชในการปกครอง ทําใหก ารปกครองอาณาจักร
เจา ไทย สนั นษิ ฐานวา เปน เชือ้ พระวงศข องพระเจา อูทอง ซ่ึงทวิ งคตดวยอหวิ าตกโรค มรี ะบบแบบแผนและรัดกมุ ยงิ่ ขนึ้ นอกจากนพ้ี ระองคยังทรงรับลัทธเิ ทวราชา
ข้นึ เผา โดยบรเิ วณที่ปลงพระศพใหส ถาปนาพระเจดียแ ละวหิ ารเปนพระอาราม จากเขมรมาดดั แปลงใหสอดคลองกบั วฒั นธรรมของคนไทย ทเี่ รียกวา
พระราชทานชอื่ วา วัดปา แกว (ปจจบุ ันคอื วดั ใหญชัยมงคล) และโปรดใหต ้ังเปน สมมติเทพ ทาํ ใหฐ านะของพระมหากษตั รยิ มีความศักดสิ์ ิทธิ์และมีอํานาจ
สาํ นกั สงฆ เรยี กวา คณะปาแกว เหนอื ผคู นท้งั ปวงในพระราชอาณาจักร สถาบนั พระมหากษตั รยิ จ ึงกลายเปน
3 พระบรมราชานสุ าวรียส มเดจ็ พระรามาธบิ ดีท่ี 1 (อทู อง) ประดษิ ฐานอยรู ะหวา ง สถาบันทางการเมืองท่สี ําคัญของไทย เปนศนู ยร วมจติ ใจของราษฎรนบั แตน ั้น
บงึ พระรามกับวัดพระศรสี รรเพชญ สรา งข้นึ ระหวา ง พ.ศ. 2511-2513 เพ่ือระลึกใน เปนตนมาจนถงึ ปจ จบุ นั
พระมหากรณุ าธคิ ณุ ของสมเดจ็ พระรามาธบิ ดที ่ี 1 (อทู อง) ผทู รงสถาปนากรงุ ศรอี ยธุ ยา
ที่ตําบลหนองโสนใน พ.ศ. 1893
90 คมู ือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
1.๒ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ 1. ครใู หนักเรียนกลุม ท่ี 2 สงตัวแทนออกมา
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงเป็นพระมหากษัตริย์อยุธยาที่ทรงบ�าเพ็ญคุณประโยชน์ นําเสนอสาระสาํ คัญทหี่ นา ชน้ั เรียน จากนนั้
ให้กับบ้านเมืองหลายประการ สว่ นใหญม่ ักเกย่ี วขอ้ งกบั ระบบการปกครองแผ่นดนิ ทัง้ สิน้ เปดโอกาสใหนกั เรียนทม่ี ีขอ สงสัยซักถาม
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงปฏิรูปการปกครองคร้ังส�าคัญ ซ่ึงได้กลายเป็นรากฐานทาง และอธบิ ายจนเขาใจ
การปกครองอาณาจักรในสมัยต่อมา โดยพระองค์โปรดให้ตั้งอัครมหาเสนาบดี ๒ ต�าแหน่ง คือ
สมุหพระกลาโหม มหี นา้ ท่ีรับผิดชอบกิจการฝา ยทหารท่วั ราชอาณาจักร และ สมหุ นายก มีหนา้ ที่ 2. ครูสมุ นกั เรยี นอธบิ ายเกีย่ วกบั พระราชประวตั ิ
รบั ผิดชอบกจิ การฝา ยพลเรอื นทัว่ ราชอาณาจกั รรวมท้งั จตสุ ดมภ์อีกด้วย และพระราชกรณียกจิ ของสมเด็จพระบรม-
นอกจากน้ียังมีการแบ่งหัวเมืองออกเป็นหัวเมืองช้ันใน หัวเมืองช้ันนอก และหัวเมือง ไตรโลกนาถมาพอสังเขป
ประเทศราชเพอื่ ประโยชน์ในการปกครองใหร้ ดั กมุ ยง่ิ ขนึ้ มกี ารแบง่ หวั เมอื งขนาดใหญแ่ ละขนาดเลก็ (แนวตอบ สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถทรง
หตานม่ึงลอา�อดกับเปค็นวาแมขสว�างค ตัญ�า บคลอื แหลวั ะเมหือมงบู่ เา้อนก1 โเทพ อ่ื ตครวี แามละสจะตัดววาก ในนอกกาจราคกวนบนั้คยุมงักแา� บล่งงั กคานรดป้วกยครองหวั เมือง เปนพระมหากษตั ริยอ ยุธยาพระองคท่ี 8
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงมีบทบาทส�าคัญย่ิงในการสร้างความผสมกลมกลืนระหว่าง ทรงครองราชยเปน เวลานานท่ีสุดในบรรดา
อาณาจักรสุโขทัยกับอาณาจักรอยุธยาให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยพระองค์เสด็จไปประทับท่ี พระมหากษตั รยิ อ ยธุ ยาท้งั หมด คือ 40 ป
เมืองพิษณุโลก ซึ่งเคยเป็นเมืองลูกหลวงของสุโขทัยมาก่อน และเน่ืองจากพระราชมารดาของ พระองคมีพระนามเดมิ วา พระราเมศวร
พระองค์ทรงมีเช้ือสายราชวงศ์สุโขทัย ท�าให้ชาวสุโขทัยรู้สึกว่าสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงมี ทรงเปน พระราชโอรสของเจาสามพระยา
ความสัมพันธ์ทางเครือญาติกับพระราชวงศ์สุโขทัย เม่ือพระองค์เสด็จมาประทับท่ีเมืองพิษณุโลก สวนพระมารดาเปนเจา หญิงจากราชวงศ
และทรงออกผนวชทวี่ ดั จฬุ ามณีเชน่ เดียวกับที่พระมหาธรรมราชาที่ ๑ สุโขทัย ดงั นนั้ พระองคจ งึ เปน เชือ้ สายของ
(ลิไทย) ของสุโขทัยทรงผนวชที่วัดปามะม่วง ชาวสุโขทัยจึงให้ ทงั้ ฝายอยุธยาและราชวงศส ุโขทัย เมือ่ มี
ความเคารพพระองค์เชน่ เดยี วกบั เจา้ นายพระองคห์ น่งึ ในราชวงศ์ พระชนมายุ 7 พรรษา ไดเสดจ็ ขนึ้ ไป
สโุ ขทัย ทา� ให้สโุ ขทัยกับอยธุ ยารวมตวั กันไดอ้ ย่างเป็นปก แผ่น ประทบั ทเ่ี มืองพษิ ณุโลกใน พ.ศ. 1991
ในเวลาตอ่ มา และเมื่อพระชนมายุ 17 พรรษา เสด็จจาก
การทสี่ มเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถเสดจ็ ไปประทบั ท่ี เมืองพษิ ณโุ ลกมาครองราชย ณ กรุงศรีอยุธยา
เมืองพิษณุโลกก็เพื่อพระองค์ได้ทรงจัดการปกครอง และระหวา ง พ.ศ. 2006-2031 ไดเสด็จไป
หวั เมอื งตา่ งๆ ในอาณาจักรสุโขทัยเดมิ ให้เรียบร้อยและ ประทบั ที่เมอื งพษิ ณโุ ลกอกี คร้ังหนึ่งนานถงึ
เพื่อป้องกันหัวเมืองฝายเหนือของอยุธยาให้พ้นจาก 25 ป ทรงมีบทบาทสําคัญในฐานะเปน ผรู วม
กกาฎรมโณจมเฑตีขยี อรบงลา้าล2นขนน้ึ าใชดใ้้วนยร านชอสกา� จนากัก นที้ า�พใรหะท้ อรงาคบ์ทแรนงช่ตดัรา อาณาจกั รสุโขทัยเขา เปน สว นหน่งึ ของ
ว่าในบรรดาพระราชโอรสของพระมหากษัตริย์ อาณาจักรอยุธยา อีกท้งั ทรงปฏริ ูปการปกครอง
ทุกพระองค์น้นั พระองค์ใดมีฐานะสูงกวา่ ก็จะได้ พระบรมรูปสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ผูวางรากฐาน ของอยธุ ยาใหม คี วามเปน ระเบยี บและรดั กมุ
ทางการปกครองของอยธุ ยาอยางเปนระบบและรัดกุม มากขนึ้ ทรงตรากฎหมายศกั ดินาและ
กฎมณเฑยี รบาล นอกจากน้ี พระองคยงั ทรง
พระราชนพิ นธวรรณกรรมทีส่ ําคัญ 2 เร่ือง
คือ มหาชาติคําหลวงและลิลิตยวนพาย)
สืบสนั ตติวงศต์ ่อไปในอนาคต
๙1
แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tดิ นักเรียนควรรู
ผลงานการสรา งความสมคั รสมานสามคั ครี ะหวา งคนไทยทส่ี โุ ขทยั กบั อยธุ ยา 1 แขวง ตําบล และหมูบาน แขวงมหี ม่นื แขวงเปน หวั หนา ตาํ บลมกี ํานนั เปน
เปนพระราชกรณยี กจิ ทีส่ าํ คญั ของพระมหากษตั ริยพ ระองคใด หัวหนา และหมบู านมผี ใู หญบ านปกครองดูแล
1. สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (อูท อง) 2 กฎมณเฑยี รบาล หรือกฎมณเทยี รบาล เดมิ กฎมณเฑยี รบาลเปนตาํ รา
2. สมเด็จพระบรมราชาธริ าชท่ี 1 (ขุนหลวงพงัว่ ) ราชประเพณที ี่พวกพราหมณนําเขา มาสอนตามคัมภรี มนูธรรมศาสตรของอนิ เดีย
3. สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ โบราณ แตไมมหี ลักฐานชัดเจนวา ไทยรบั มาใชคร้ังแรกตงั้ แตส มยั ใด ตามหลกั ฐาน
4. สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าชท่ี 3 ทีป่ รากฏ ไดม ีการตรากฎมณเฑยี รบาลครง้ั แรกในสมัยสมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ
เพ่อื กําหนดลําดบั ช้ันพระราชวงศและระเบยี บประเพณใี นราชสาํ นักใหเ ปนแบบแผน
วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. โดยสมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถทรงสราง กวาแตก อ น และไดถ อื ปฏิบตั ิสืบตอ กนั มา ตน ฉบับกฎมณเฑยี รบาลฉบับทต่ี ราข้นึ
ในสมยั สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถนนั้ ไดสูญหายไปเม่อื ครงั้ เสยี กรงุ ศรีอยธุ ยา
ความผสมกลมกลนื ระหวางอาณาจกั รสโุ ขทัยกับอาณาจกั รอยธุ ยาใหเ ปน พ.ศ. 2310 ตอมาในสมัยรัชกาลที่ 1 โปรดเกลา ฯ ใหน กั ปราชญร าชบัณฑิตรวบรวม
อนั หนึง่ อนั เดียวกัน ดว ยการเสด็จไปประทบั ที่เมอื งพษิ ณโุ ลกซึ่งเคยเปน บรรดากฎหมายเกา ท่ีกระจัดกระจายอยใู นท่ตี างๆ แลวชาํ ระและจัดเปน หมวดหมู
เมอื งลกู หลวงของสุโขทยั มากอ น นอกจากนี้ พระองคทรงมพี ระมารดาเปน รวมเขา เปน ชดุ เดยี วกนั เรยี กวา กฎหมายตราสามดวง ซึ่งมีกฎมณเฑียรบาลรวม
เจาหญิงจากราชวงศสโุ ขทัย ในระหวา งประทบั อยทู ี่เมอื งพิษณุโลก พระองค อยดู ว ย แตไ มสมบูรณ จนกระทัง่ ในสมัยรชั กาลท่ี 6 โปรดใหตรากฎมณเฑียรบาล
ไดท รงออกผนวชทว่ี ัดจุฬามณีตามรอยพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไทย) และ เพ่มิ เติมหลายฉบับ
ทรงใหม ีการบรู ณะฟนฟวู ดั เชน วัดพระศรีรตั นมหาธาตุ ซง่ึ เปนที่ประดษิ ฐาน คูมือครู 91
พระพุทธชนิ ราช พระพุทธรปู องคส ําคญั ในเมืองพิษณโุ ลก ดงั นั้น จงึ สง ผลให
สโุ ขทยั กบั อยุธยารวมตัวกันไดอ ยา งเปน ปกแผน ในเวลาตอ มา