The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือครู ประวัติ ม.2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by รพินทร์ ไพรวัลย์, 2021-07-14 23:24:50

คู่มือครู ประวัติ ม.2

คู่มือครู ประวัติ ม.2

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Engage

กระตนุ ความสนใจ

เม่ือพระยาตาก (สิน) ตีค่ายโพธ์ิสามต้นข1องสุก้ีพระนายกองได้แล้ว ก็ให้กระท�าพิธี ครูนําภาพภมู ปิ ญ ญาไทยสมยั อยุธยา เชน
ขุดพระบรมศพของพระเจ้าเอกทัศข้ึนมาถวายพระเพลิงตามพระราชประเพณี ภายหลังจากถวาย วดั พระศรสี รรเพชญ วดั ไชยวฒั นาราม เครอื่ งทอง
พระเพลิงพระบรมศพแลว้ พระยาตาก (สิน) เหน็ วา่ สภาพของกรุงศรีอยุธยาช�ารุดทรุดโทรมมาก วัดราชบูรณะ เปนตน มาใหนักเรยี นดู จากนน้ั
จึงเลือกต้ังราชธานีแห่งใหม่ท่ีกรุงธนบุรีแทน ตั้งคาํ ถามกระตนุ ความสนใจ เชน
และได้กระท�าพิธีบรมราชาภิเษกเป็นพระมหา-
กษัตริย์ตามขตั ตยิ ราชประเพณี ทรงมพี ระนาม • นกั เรยี นรจู กั ภาพนห้ี รอื ไม เปน ภาพอะไร
• ภาพดงั กลาวมีความเก่ยี วของกบั อาณาจักร

อยธุ ยาอยา งไร

วา่ สมเดจ็ พระบรมราชาท ี่ ๔ แต่ในปจั จบุ นั นยิ ม สาํ รวจคน หา Explore
เรียกพระนามของพระองค์ว่า สมเด็จพระเจ้า
ตากสนิ มหาราช
ครใู หนกั เรยี นศึกษาเก่ียวกบั ความหมายของ
õ. Àมู ปิ ญั ญาáละวฒั นธรรมäทย ภมู ปิ ญ ญาและวฒั นธรรมไทย และปจ จยั ทมี่ อี ทิ ธพิ ล
ÊÁÂÑ ÍÂ¸Ø ÂÒ ตอการสรา งสรรคภ มู ิปญ ญาและวฒั นธรรมไทย
สมยั อยุธยาจากหนังสอื เรยี น หนา 53-54 และ
5.๑ ความหมายของภมู ปิ ญั ญา จากแหลงการเรียนรูตางๆ เพ่ิมเตมิ
และวฒั นธรรม ภาพวาดพระยาตาก (สนิ ) นาำ ทพั เขา้ ตคี า่ ยพมา่ ทโ่ี พธสิ์ ามตน้
(ภาพจากหนงั สือโคลงภาพพระราชพงศาวดารฯ) อธบิ ายความรู Explain
ภมู ิปัญญา หมายถึง ความรู้ ความคิด
ความเชอื่ ความสามารถ ความชดั เจน ที่กลุ่มชนได้จากประสบการณท์ สี่ ่ังสมไวใ้ นการปรบั ตัวและ
การด�ารงชีิวิตในสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมทางสังคมและวัฒนธรรมที่ได้มีการ ครใู หนักเรียนแสดงความคดิ เห็นเกีย่ วกบั
พัฒนาสืบสานกันมา นอกจากนี้ ภูมิปัญญายังเป็นผลของการใช้สติปัญญาปรับตัวเข้ากับสภาวะ ความหมายของภมู ิปญญาและวัฒนธรรมไทย
ต่างๆ ในพื้นที่ของกลุ่มชนท่ีต้ังหลักแหล่งถิ่นฐานอยู่ และได้แลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมกับชุมชน
กลมุ่ อน่ื จากพน้ื ทส่ี ง่ิ แวดลอ้ มอนื่ ที่ไดม้ กี ารตดิ ตอ่ สมั พนั ธก์ นั แลว้ รบั เอาหรอื ปรบั เปลยี่ นนา� มาสรา้ ง (แนวตอบ ภูมิปญ ญา หมายถงึ ความรู ความคดิ
ประโยชน์หรือแกป้ ญั หาได้ในส่งิ แวดล้อมและสังคมวฒั นธรรมของชุมชนกลุ่มน้นั ๆ ความเชื่อ ความสามารถ ความชัดเจน ทีก่ ลุมชน
ส�าหรบั วัฒนธรรมนนั้ มคี วามหมายรวมถงึ ระบบความเช่อื ระบบคุณคา่ และวิถชี วี ิตท้ังหมด ไดจ ากประสบการณท ส่ี ั่งสมไวใ นการปรบั ตัว
ดงั นนั้ ภมู ปิ ญั ญาไทยทงั้ หลายจงึ ไดร้ บั การสงั่ สมอยู่ในวฒั นธรรมไทยนน่ั เอง การศกึ ษาเรอ่ื ง และการดาํ รงชีวติ ในสภาพแวดลอ มธรรมชาติ
ภมู ิปญั ญาไทยสมัยอยุธยาถอื ได้ว่าเปน็ การสะทอ้ นถึงวฒั นธรรมของคนไทยสมยั อยุธยาด้วย และส่งิ แวดลอมทางสงั คมและวัฒนธรรมท่ีไดมกี าร
การท่อี าณาจักรอยุธยาดา� รงความมน่ั คงและเจรญิ รุ่งเรอื งมาถงึ ๔๑๗ ป ี สะทอ้ นให้เห็นถงึ พัฒนาสบื สานกนั มา นอกจากนี้ ภูมปิ ญ ญายังเปน
พัฒนาการด้านต่างๆ อันแสดงให้เห็นถึงสติปัญญา ความรู้ ความคิด และการปรับตัวให้เข้ากับ ผลของการใชส ตปิ ญ ญาปรับตัวเขากับสภาวะตา งๆ
สภาพแวดลอ้ มทเี่ ปลย่ี นแปลงไปตามกาลเวลาของคนไทยสมยั อยธุ ยาไดเ้ ปน็ อยา่ งด ี ซง่ึ ความสามารถ ในพื้นทีข่ องกลมุ ชนท่ีตง้ั หลักแหลง ถ่ินฐานอยู
ในการแกป้ ญั หาทเ่ี กดิ ขน้ึ และมผี ลกระทบทงั้ ตอ่ ตนเองและตอ่ สงั คมสว่ นใหญ ่ ตลอดจนความสามารถ และไดแ ลกเปล่ียนทางวฒั นธรรมกับชุมชนกลุมอน่ื
ในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้อย่างเหมาะสม แสดงให้เห็นว่าสังคมไทยสมัยอยุธยา
ไดส้ รา้ งสรรคภ์ มู ิปญั ญาและวฒั นธรรมอันมีคุณคา่ ของคนไทยเอาไว้ส�าหรบั อนชุ นรุน่ หลงั ตอ่ มา สว นวัฒนธรรม หมายถงึ สิ่งท่ีมนษุ ยสรา งขึน้
ทั้งทเ่ี ปนรปู ธรรมและนามธรรม ซึ่งแสดงออกถงึ
53 ความเจริญงอกงาม ความเปนระเบียบเรียบรอ ย
ความกลมเกลียวกา วหนา ของชาติ ตลอดจน
ศีลธรรมอนั ดขี องประชาชน ดงั นั้น ภมู ิปญญาไทย
จึงไดร บั การสัง่ สมอยใู นวฒั นธรรมไทย)

บูรณาการเช่อื มสาระ นกั เรียนควรรู

ครูสามารถนาํ เนื้อหาเรือ่ ง ภมู ิปญญาและวัฒนธรรมไทย ไปบูรณาการ 1 คายโพธ์สิ ามตน ปจ จุบนั อยใู นพนื้ ท่ขี องตําบลพทุ เลาและตาํ บลโพธิส์ ามตน
เชอื่ มโยงกบั สาระหนาท่ีพลเมอื ง วัฒนธรรม และการดําเนนิ ชวี ติ ในสังคม อาํ เภอบางปะหนั จงั หวัดพระนครศรอี ยุธยา ในประวัตศิ าสตรเปน พน้ื ทีท่ ีอ่ ยูใ น
หวั ขอความรูเ ก่ยี วกับวฒั นธรรม ทมี่ าของวัฒนธรรม เพอ่ื ใหน กั เรียนไดเรียนรู เสน ทางเดนิ ทัพของขาศกึ ทเี่ ขา ตีกรุงศรีอยธุ ยา ดังเชน ใน พ.ศ. 2309 กองทพั
ความหมายของวัฒนธรรม และเหน็ คุณคาและความสาํ คัญของวฒั นธรรมและ ของเนเมยี วสีหบดีไดเ ขามาต้ังคายใหญทีโ่ พธ์ิสามตน หรอื ภายหลังเสียกรุงแลว
ภมู ิปญญาไทย ทัง้ น้เี พ่อื ประโยชนในการเสรมิ สรางความสัมพนั ธอ ันดีในสังคม คา ยโพธ์สิ ามตนถือวา เปน กองบัญชาการใหญของพมาท่ีควบคุมดแู ลกรงุ ศรีอยุธยา
โดยมสี ุกี้พระนายกอง (เดมิ ชื่อ นายทองสุก เปนชาวไทยเชอ้ื สายมอญ) เปน แมทัพ
กจิ กรรมสรา งเสรมิ

ครใู หน กั เรยี นสบื คน ความหมายของวฒั นธรรมและภมู ปิ ญ ญาไทยเพมิ่ เตมิ บรู ณาการอาเซียน
จากหนังสือเรยี น มาคนละ 5 ความหมาย จากนั้นบันทกึ ขอ มลู ลงสมุด
จดงานสง ครผู สู อน ครแู นะนาํ ใหน ักเรยี นศกึ ษาภูมิปญญาและวฒั นธรรมของประเทศเพอ่ื นบา น
ในอาเซียน เพอ่ื จะไดร ูจ กั วฒั นธรรมของประเทศเพื่อนบานทมี่ คี วามหลากหลาย
ซงึ่ การจะสรา งอตั ลกั ษณอ าเซยี นเพอ่ื ใหเ กดิ ความเปน อนั หนงึ่ อนั เดยี วกนั นน้ั จาํ เปน
ทีจ่ ะตอ งเรยี นรูเรอ่ื งราวของประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งจะชวยสงเสริมประโยชน
ในเร่อื งของการเชือ่ มความสมั พันธระหวางประเทศสมาชิกดว ยกัน
คูม อื ครู 53

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

1. ครซู ักถามนักเรียนเก่ยี วกบั ปจจัยทม่ี อี ิทธพิ ล 5.2 ปจั จยั ทม่ี อี ทิ ธพิ ลตอ่ การสรา้ งสรรคภ์ มู ปิ ญั ญาและวฒั นธรรมไทย
ตอการสรางสรรคภ มู ปิ ญญาและวัฒนธรรมไทย สมยั อยธุ ยา
สมัยอยธุ ยา
(แนวตอบ ปจจยั ท่มี อี ิทธพิ ลตอการสรา งสรรค การสร้างสรรคภ์ มู ปิ ญั ญาและวฒั นธรรมไทยสมัยอยุธยาเกิดข้นึ จากปัจจัยต่างๆ ดังน ี้
ภมู ปิ ญญาและวัฒนธรรมไทยมหี ลายปจจัย เชน
ปจจัยลักษณะทางภมู ิศาสตรและสงิ่ แวดลอม ๑) ลกั ษณะทำงภมู ิศำสตรแ์ ละส่งิ แวดลอ้ ม อยธุ ยาและบรรดาหัวเมอื งชนั้ ในและ
ปจ จัยลักษณะทางสงั คมและวัฒนธรรม ปจ จัย
การรับอทิ ธิพลจากภายนอก เปนตน) ชั้นนอกมีสภาพดินฟ้าอากาศเหมาะส�าหรับการเพาะปลกู และการค้าขาย ตลอดจนผลิตภัณฑ์จาก
ป่าไมซ้ ึง่ เกี่ยวขอ้ งกบั ชีวติ ประจา� วัน จึงส่งเสรมิ ให้มีการคดิ คน้ ภมู ิปัญญาไทยสา� หรบั การเล้ียงชีพ
2. ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละ 6 คน ใหส มาชกิ
แตละคนเลือกหมายเลขประจาํ ตัว 1, 2, 3, 4, ด้วยชนช้นั มลู ๒น)า ยลแ1กั ลษะชณนะชทั้นำไงพสรงั ่ 2คมมกี าแรลนะับวถฒั ือนพธรระพรมุท ธอศยาธุ สยนาาปรกวคมรทองั้ งศแาบสบนสางัพครมาศหกัมดณนิ ์ า- ฮปนิ รดะกูดอว้ บย
5 และ 6 จากนั้นใหน กั เรยี นศึกษาตวั อยา ง
การสรา งสรรคภ มู ิปญ ญาและวัฒนธรรมไทย การสรา้ งสรรคภ์ มู ปิ ญั ญาไทยเกยี่ วกบั การควบคมุ กา� ลงั คนใหเ้ ปน็ ระเบยี บเพอ่ื ควบคมุ พฤตกิ รรมของ
สมยั อยุธยาในหัวขอ ตอ ไปน้ี คนในสงั คมใหอ้ ยรู่ ว่ มกนั อยา่ งสงบสขุ โดยใชก้ ศุ โลบายทางศาสนาเปน็ เครอ่ื งมอื อบรมสงั่ สอนผคู้ น
หมายเลข 1 ภมู ปิ ญญาและวัฒนธรรมไทย นับเปน็ ตัวอยา่ งภูมปิ ญั ญาไทยท่ีไดร้ ับจากปจั จัยด้านสงั คมและวัฒนธรรม
ในการสรา งรปู แบบการปกครอง
ใหเ หมาะสมกบั คนไทย ๓) กำรรบั อิทธพิ ลจำกภำยนอก การทอ่ี ยุธยาตดิ ต่อคา้ ขายกับชาวต่างชาต ิ จงึ มี
หมายเลข 2 ภมู ปิ ญญาและวัฒนธรรมไทย
ในการวางระบบการควบคุม จโอนกกาลสาไยดเเ้ ปรยีน็ นภรมู ภู้ ปิ มู ัญปิ ญญั าญไทาขยอท3ง่ีมชีคนณุ ชปาตระเิ หโยลชา่ นน์ใน้ั นแทล่สีะดุนา� มาปรบั ใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชนก์ บั คนไทยสมยั นนั้
กําลงั คน
หมายเลข 3 ภมู ิปญ ญาและวฒั นธรรมไทย 5.3 ตัวอยา่ งการสร้างสรรคภ์ มู ิปญั ญาและวฒั นธรรมไทยสมัย
ในการสรางทีอ่ ยอู าศัย อยุธยา
หมายเลข 4 ภมู ปิ ญญาและวฒั นธรรมไทย
ในการบาํ บดั รกั ษาคนไข ๑) ภมู ปิ ญั ญำและวฒั นธรรมไทยในกำรสรำ้ งรปู แบบกำรปกครองใหเ้ หมำะสม
หมายเลข 5 ภมู ปิ ญญาและวฒั นธรรมไทย กับคนไทย สังคมไทยในสมัยอยุธยามีความเช่ือว่าการปกครองบ้านเมืองต้องมีพระมหากษัตริย์
ในการปลูกฝงศลี ธรรมใหแ ก
สังคม เป็นผู้มีอ�านาจสูงสุดในการปกครองบ้านเมืองนับต้ังแต่การสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี
หมายเลข 6 ภมู ปิ ญญาและวัฒนธรรมไทย เป็นต้นมา เมื่อสังคมไทยรับเอาคติความเชื่อเก่ียวกับความส�าคัญและความศักด์ิสิทธ์ิขององค์
ดา นศลิ ปกรรม พระมหากษัตริย์ว่าพระองค์ทรงเป็นเทพเจ้าตามความเชื่อในศาสนาพราหมณ์ - ฮินดูมาจากเขมร
ใหสมาชิกแตละคนศึกษาหวั ขอทีต่ นไดรับ ซงึ่ เขมรรบั ตอ่ จากอนิ เดยี โดยไทยเรยี กเปน็ สมมตเิ ทพ พระมหากษตั รยิ เ์ ปรยี บเสมอื นองคพ์ ระศวิ ะ
มอบหมาย แลวผลดั กนั ถายทอดความรูใ ห (อิศวร) หรอื พระวิษณุ (นารายณ์) ท่ีอวตารลงมาเกิดเพ่อื คมุ้ ครองมนษุ ย ์ ดังนั้น พระมหากษัตริย์
เพอื่ นๆ ในกลมุ ฟงจนทกุ คนเขาใจเปนอยางดี ของอยธุ ยาจงึ เป็นสมมติเทพที่มคี วามศกั ดสิ์ ิทธิ์ มีอ�านาจเหนือกวา่ มนุษยท์ ง้ั ปวง และเพื่อท่จี ะให้
จากนั้นแตล ะกลมุ สง ตวั แทนออกมานําเสนอ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นสมมติเทพอันศักดิ์สิทธิ์ จึงต้องอาศัยวิธีการและการวางกฎเกณฑ์ต่างๆ
สาระสําคัญท่หี นาชน้ั เรียน เพ่ือแสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงเป็นเทพเจ้า มีพระบรมเดชานุภาพและมีความศักด์ิสิทธิ์จริงๆ
สมควรท่ที ุกคนจะต้องใหค้ วามเคารพเพอื่ ความเป็นสวัสดิมงคลแกต่ นเอง
ส�าหรับการวางระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆ เก่ียวกับความส�าคัญของพระมหากษัตริย์
มีหลายประการ ดังต่อไปน ี้

54

นกั เรียนควรรู ขอสอบ O-NET
ขอสอบป ’51 ออกเก่ียวกบั การสรา งสรรคภ มู ิปญญาไทย
1 ชนชน้ั มลู นาย หรอื ชนช้นั ปกครอง ประกอบดว ย พระมหากษตั รยิ  ทรงเปน ผูน าํ การประกอบอาชพี ของคนไทยมีผลตอ การสรางสรรคภ ูมิปญญา ตรงกบั
และมีอํานาจสูงสุดในสังคม พระบรมวงศานุวงศห รือเจา นาย และขนุ นาง เปนกลไก ขอความในขอใด
สําคญั ในการบรหิ ารราชการตา งๆ 1. เมอื่ เสร็จหนานา ผูหญงิ ทอผา ผชู ายตเี หล็ก
2 ชนชั้นไพร หรอื ชนชนั้ ทีถ่ ูกปกครอง ประกอบดวย ไพร ซึง่ เปนประชากร 2. อยบู านทานอยาน่งิ ดดู าย ปนววั ปนควายใหลกู ทานเลน
สวนใหญของอาณาจักร และทาส ซึง่ มสี ถานะตาํ่ สุดในสงั คม 3. ฝนทัง่ ใหเ ปน เขม็
3 ภมู ปิ ญ ญาไทย ภมู ปิ ญ ญาไทยทไ่ี ดร บั อทิ ธพิ ลจากตา งชาตมิ หี ลายดา น ไมว า 4. ผัวหาบ เมยี คอน
จะเปน ดา นการปกครอง เชน คตคิ วามเชอื่ ทวี่ า พระมหากษตั รยิ ท รงเปน สมมตเิ ทพ วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 1. จากคาํ พงั เพยแตโ บราณวา “เมอ่ื เสรจ็ หนา นา
ซงึ่ อยธุ ยารบั อทิ ธพิ ลทางศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดจู ากอนิ เดยี ผา นทางเขมร ความเปน ผูหญงิ ทอผา ผชู ายตีเหลก็ ” สะทอนใหเ ห็นถึงการประกอบอาชีพของคนไทย
ธรรมราชาของพระมหากษตั รยิ  กไ็ ดร บั อทิ ธพิ ลมาจากพระพทุ ธศาสนานกิ ายเถรวาท สว นใหญที่ทําเกษตรกรรม เมอ่ื เสร็จจากการทํานาและเกยี่ วขาวแลว หัวหนา
ลทั ธลิ งั กาวงศจ ากลงั กา ดา นสถาปต ยกรรม เชน การสรา งพระปรางคท ว่ี ดั ไชยวฒั นา ครอบครัวซึง่ เปนผชู ายจะใชเ วลาตเี หล็กเพ่ือทาํ มดี พรา จอบ เสยี ม เปนตน
รามตามแบบศลิ ปะเขมร การสรา งพระนารายณร าชนเิ วศนท ไ่ี ดร บั อทิ ธพิ ลจากตะวันตก สวนผูหญงิ ก็จะทอผา จักสานเคร่ืองใชตา งๆ และไดพัฒนางานทีต่ นทําใหม ี
ดา นนาฏศลิ ป เชน การเลน ดกึ ดาํ บรรพห รอื โขนทไี่ ดร บั อทิ ธพิ ลจากเขมร ดา นประณตี ศลิ ป ลวดลายสวยงามจนกลายเปน ภมู ิปญญาไทย ซง่ึ ตอ งอาศัยความประณตี
เชน การผลิตเครอื่ งเบญจรงคท ไี่ ดร บั อทิ ธพิ ลจากจนี อดทน และละเอียดออน จากท่ีกลาวมาจึงแสดงใหเ ห็นถึงการสรา งสรรค
ภมู ิปญ ญาไทยทเ่ี กี่ยวขอ งกับการประกอบอาชีพของคนไทย
54 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

๑. จัดให้พระมหากษัตริย์ทรงมีท่ีประทับสูงกว่าคนอ่ืนๆ ให้สมกับที่พระองค์ทรง ครูซกั ถามนกั เรยี นถงึ ภูมปิ ญญาในการสราง
เป็นสมมตเิ ทพ รปู แบบการปกครองใหเ หมาะสมกบั คนไทยสมยั
๒๓.. มทีกี่ปารระสทรบั า้ ขงอพงรอะงรคาช์พวรงัะส1ม�าหหารกับษพัตรระยิ มจ์ หะาไมกต่ษ้งัตั อรยิย่ปู์ แะปลนะภกาบั ยบใคุนคพลรทะร่ัวาไชปวงั จะต้องมี อยุธยาวามลี กั ษณะอยางไร และมีอทิ ธิพลตอ
สงั คมไทยในปจจบุ ันเชน ไร จากนัน้ ใหแ ตล ะกลุม
พกฎระเกองณคฑท์ ์แรงลเะปพน็ ิธสีกมรมรมตเิตท่าพงๆ โ ดทยม่ีแพีสดรางหใหม้เณห็นเ์2ปวน็่า สง ตัวแทนออกมาตอบทห่ี นาชัน้ เรียน
ผู้ประกอบพระราชพธิ ีถวาย
๔. มีการใช้ราชาศัพท์ส�าหรับ (แนวตอบ รปู แบบการปกครองในสมัยอยุธยา
พระมหากษัตรยิ ์ใหแ้ ตกตา่ งไปจากบคุ คลทั่วไป จะมีพระมหากษัตริยเปน ผูมพี ระราชอาํ นาจสูงสุด
๕. มกี ารวางระเบยี บแบบแผน ในการปกครอง ท้งั นี้โดยรับคติความเช่ือในศาสนา
ส�าหรับบุคคลทั่วไปในการปฏิบัติตนต่อองค์ พราหมณ-ฮินดทู วี่ า พระมหากษตั รยิ ทรงเปน
พระมหากษัตริย์เป็นการเฉพาะ หรือที่เรียกว่า สมมติเทพ เปนเทพเจา ท่ีอวตารลงมาเพื่อปกครอง
กฎมณเฑียรบาล ถ้าผู้ใดละเมิดก็จะมีโทษทาง มนษุ ย ดงั นั้นจึงตอ งมกี ารวางระเบยี บกฎเกณฑ
อาญา เปน็ ตน้ ตา งๆ เพื่อแสดงใหเหน็ ถึงความศกั ดิ์สิทธขิ์ อง
พระราชวงั โบราณจาำ ลองของกรงุ ศรอี ยธุ ยา จดั แสดงภายใน พระมหากษตั รยิ  เชน มกี ารสรา งพระราชวงั ตา งๆ
นอกจากน ี้ พระมหากษตั รยิ จ์ ะตอ้ ง ศูนยศ์ กึ ษาประวัตศิ าสตร์อยธุ ยา เพ่อื ใหเปนที่ประทับของพระมหากษัตริย
ทรงไวซ้ งึ่ ทศพธิ ราชธรรมตามหลกั พระพทุ ธศาสนาทก่ี ลายเปน็ พระราชประเพณมี าตงั้ แตส่ มยั สโุ ขทยั มพี ราหมณเ ปน ผูประกอบพธิ กี รรม มกี ารใช
จึงย่ิงเป็นการส่งเสริมให้พระมหากษัตริย์ทรงมีความเป็นสมมติเทพและธรรมราชาสมกับที่คนไทย ราชาศพั ทส ําหรับพระมหากษัตรยิ  เปนตน
ชืน่ ชมและกราบไหว้บชู าพระมหากษตั ริยด์ ว้ ยความจงรักภกั ดอี ย่างแทจ้ ริง ขณะเดยี วกันพระมหากษัตรยิ จ ะตองประพฤติ
เมื่อกฎเกณฑ์ต่างๆ ได้กลายเป็นประเพณีของสังคมไทยท่ีคนไทยจะต้องปฏิบัติต่อ พระองคตามหลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนาดวย
พระมหากษัตริย์ด้วยความเคารพ พระมหากษัตริย์ของไทยจึงเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทุก เพือ่ ดแู ลราษฎรใหม คี วามสุข ดว ยเหตนุ ี้
พระมหากษัตริยจ ึงเปน ศูนยร วมจิตใจของคนไทย
เรือ่ ยมาต้ังแตอดีตจนถึงปจจุบัน)

หมเู่ หลา่ และทรงเปน็ ประมขุ ของอาณาจกั รไทยตลอดมา การสรา้ งประเพณกี ารปกครองของคนไทย
สมัยอยุธยาเก่ียวกับองค์พระมหากษัตริย์ทรงเป็นสมมติเทพจึงเป็นภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย
ท่ีมีคุณค่าต่อสังคมไทย และสถาบันพระมหากษัตริย์ได้กลายเป็นสถาบันหลักท่ีส�าคัญของชาติ
ในระยะหลังต่อมาจนถงึ ปจั จุบัน

๒) ภูมิปัญญำและวัฒนธรรมไทยในกำรวำงระบบกำรควบคุมก�ำลังคน เมื่อ
เรมิ่ ตน้ สถาปนาอาณาจกั รอยธุ ยาและเรมิ่ แผข่ ยายอา� นาจการปกครองทวั่ บรเิ วณลมุ่ แมน่ า้� เจา้ พระยา
ของกลมุ่ คนไทย ปญั หาสา� คญั ในการสรา้ งบา้ นเมอื งกค็ อื ทา� อยา่ งไรจงึ จะทา� ใหก้ ลมุ่ คนไทยสามารถ
อยู่รวมกันได้เป็นกลุ่มก้อนเพ่ือสร้างอาณาจักรให้มีความเข้มแข็งและมั่นคง ไม่กระจัดกระจายกัน
ออกไป เพราะยงั มจี �านวนพลเมอื งไม่มากนักและยากต่อการควบคมุ ใหร้ วมอยู่กันเป็นกลุ่มไดห้ าก
เกดิ สงคราม

55

บรู ณาการเชอ่ื มสาระ นักเรยี นควรรู

ครูสามารถนําเนือ้ หาเร่อื ง ภูมปิ ญ ญาและวฒั นธรรมไทยในการสราง 1 พระราชวงั เปนท่ีตัง้ ศนู ยก ลางอํานาจของพระนคร แบงออกเปน 3 สว นใหญๆ
รูปแบบการปกครองใหเ หมาะสม ไปบรู ณาการเชื่อมโยงกับสาระหนาที่พลเมอื ง ไดแ ก เขตพระราชฐานชัน้ นอก พืน้ ทสี่ วนใหญ คอื ทอ งสนามหลวง เขตพระราชฐาน
วัฒนธรรม และการดาํ เนนิ ชวี ติ ในสังคม หวั ขอ วฒั นธรรมทเ่ี กี่ยวของกบั ชัน้ กลาง เปนทีต่ ง้ั ของพระมหาปราสาท ซึ่งเปนท่ีประทับและเสดจ็ ออกวา ราชการ
พระมหากษตั ริย เพอื่ ทีน่ ักเรยี นจะไดต ระหนักถงึ ความสาํ คัญของสถาบัน เชน พระที่น่ังสรรเพชญปราสาท พระทีน่ ง่ั สรุ ยิ าศนอ มรินทร และ เขตพระราชฐาน
พระมหากษตั ริยในสงั คมไทย ชนั้ ใน เปน ทป่ี ระทบั สว นพระองคข องพระมหากษตั รยิ  พระมเหสี พระบรมวงศานวุ งศ
ทเี่ ปน สตรี และพระราชโอรสทยี่ งั ทรงพระเยาว เชน พระทนี่ งั่ บรรยงคร ตั นาสน
หรอื พระทนี่ งั่ ทา ยสระ พระทน่ี งั่ ตรมี ขุ เปน ตน
2 พราหมณ เชน พราหมณเ ปา สงั ข เปน สญั ลกั ษณข องการเสดจ็ มาของพระนารายณ
พราหมณไ กวบณั เฑาะว แสดงถงึ การเสดจ็ มาของพระศวิ ะหรอื พระอศิ วร เปน ตน

มุม IT

ศึกษาคนควา ขอมูลเพิ่มเตมิ เก่ียวกบั พระราชพธิ ที พี่ ระมหากษัตริยท รงปฏบิ ัติ
ไดท ี่ http://www.identity.opm.go.th
คูม อื ครู 55

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ สง ตวั แทนมาตอบคาํ ถาม ดงั น้นั เพื่อมิให้ผู้คนต้องกระจัดกระจายกันออกไป จงึ มีความจ�าเป็นต้องจดั ระบบการ
ในประเดน็ ทวี่ า เพราะเหตใุ ดจึงตองมกี ารวางระบบ ควบคุมก�าลังคนหรือไพร่พลให้อยู่ภายใต้พระราชอ�านาจของพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นผู้น�าของ
การควบคมุ กาํ ลังคน และภูมิปญญาดังกลา วกอให อาณาจักรได้อย่างมั่นคง ความสามารถในการวางระบบการควบคุมก�าลังคนให้อยู่รวมกันเป็น
เกดิ ประโยชนตออาณาจักรอยุธยาอยา งไร กล่มุ ก้อนได้ของสงั คมไทยสมยั อยุธยาจงึ เป็นภมู ปิ ัญญาและวัฒนธรรมไทยท่ีส�าคัญอยา่ งหนง่ึ
การจดั ระบบการควบคมุ กา� ลงั คนของอยธุ ยาเรม่ิ ตน้ ดว้ ยการแบง่ กลมุ่ ชนออกเปน็ กลมุ่
(แนวตอบ เพราะวาอาณาจักรอยุธยามอี าณาเขต เล็กๆ แตล่ ะกลุม่ จะมีหัวหนา้ ของตนเพ่อื ความสะดวกในการเกณฑ์ไพรพ่ ลไปท�าสงคราม กฎหมาย
กวางขวาง มีจาํ นวนประชากรมากขึ้น ไมว า จะมา ที่ตราขึ้นมาใช้มุ่งให้ผู้คนในแต่ละกลุ่มต้องไปลงทะเบียนกับหัวหน้า เป็นคนในสังกัดของหัวหน้า
จากการกวาดตอนผูค นภายหลังสงครามสนิ้ สุด ผู้ใดท่ีไม่ไปลงทะเบียนกับหัวหน้าถือว่ามีความผิดและจะไม่ได้รับความคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สิน
หรือจากการผนวกดินแดนตา งๆ เขาไวดวยกนั ของตนจากพระมหากษัตริย์ การควบคุมก�าลังคนในสังกัดตามกฎหมายจึงมีบุคคล ๒ ประเภท
ดังนนั้ เพอื่ ใหควบคุมดแู ลประชากรไดอยางทว่ั ถึง ได้แก่ บุคคลท่ีเป็นหัวหน้ากลุ่ม เรียกว่า นายหรือมูลนาย กับบุคคลท่ีลงทะเบียนไว้กับหัวหน้า
เปนกลุม เปน กอน จึงตองมีการวางระบบการควบคมุ ของกลมุ่ เรยี กว่า ไพร่ นอกจากน้ ี กฎหมายยงั บังคบั ใหม้ ูลนายมีหนา้ ท่ีรบั ผิดชอบความประพฤติ
กําลังคนใหอยูภายใตพ ระราชอาํ นาจของพระมหา- ของบุคคลที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของตน ขณะเดียวกันก็ต้องให้ความคุ้มครองคนในสังกัดของตนให้
กษตั ริย ดว ยการแบงกลมุ คนออกเปน กลุมเลก็ ๆ ไดร้ บั ความเป็นธรรมดว้ ย ดงั น้ัน ไพร่ที่ขึน้ อยู่ในสังกัดจงึ ให้ความเคารพย�าเกรงมลู นายของตน
แตละกลุม จะมหี วั หนา หรือมลู นายเปนผดู ูแลไพรพ ล จส ตมสุุหดพม รภะก์ 2กลราใมโนหมสมหม าัยกดสา� ไกมทับเยดด ็จ3ทแู พ้งัลสรฝะอา่ บงยรกทมรหมไาตเรปร โน็ กลกรกรมนมกาใลถหาไญโดห ่้มแมีกล า1แะรแลตตะั้งส่ลอมะัคกุหรรนมมาหจยาะกเปส รกนะ�าากกบอบั ดบดี ดูแ๒ว้ ลย ฝกตา่ ร�ายมแพเหลลนก็เร่งๆอื หนไดแล้แาลกยะ่
ของตน โดยกฎหมายอยุธยากาํ หนดใหไพรตอ ง กรม แต่ละกรมก็จะแบ่งออกเป็นหลายกอง ในแต่ละกองจะจัดออกเป็นหมู่ บรรดาขุนนางที่รับ
สงั กดั มูลนาย และมลู นายจะตองใหค วามคุมครอง ราชการอยู่ในกรม กอง และหมูต่ ่างกม็ ีไพรท่ ี่ลงทะเบียนไว้กับตน ไพร่ท่ีอยู่ในสังกัดจึงตอ้ งประจ�า
คนในสังกัดของตนใหไ ดร บั ความเปน ธรรมดวย อยู่ในกรม กอง และหมนู่ น้ั ๆ ดว้ ย ดงั นน้ั ในกรมหนงึ่ ๆ กจ็ ะมที ง้ั มลู นายและไพรซ่ งึ่ เจา้ กรมสามารถ
นอกจากนี้ ในการปกครองสวนกลาง จะแบง เปน บงั คับบญั ชาให้คนเหล่านปี้ ฏบิ ัติตามวัตถุประสงคข์ องตน
สมุหพระกลาโหมดแู ลฝา ยทหาร และสมหุ นายก นอกจากน้ี ยังมีพระสุรัสวดีท�าหน้าที่เป็นผู้ถือบัญชีไพร่ของทุกๆ กรมและขึ้นตรงต่อ
ดแู ลฝายพลเรอื นรวมท้ังจตุสดมภ แตล ะกรมจะแบง พระมหากษตั รยิ ์ แต่ละกรมจะแบ่งออกเป็นฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรอื นดูแลอยู่ในกรมน้นั ๆ ดังน้ัน
ออกเปนกรมเลก็ ๆ กอง หมู ซง่ึ ตา งก็มีไพรใ นสงั กดั เมื่อใดที่พระมหากษัตริย์ทรงต้องการเกณฑ์ไพร่พลออกไปท�าสงครามก็สามารถระดมก�าลังคน
ของตน การวางระบบเหลา นีก้ อใหเกดิ ประโยชน ได้ทันที ระบบการควบคุมก�าลังคนในสมัยอยุธยาจึงมีลักษณะของภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย
ตออาณาจกั ร ทาํ ใหส ามารถควบคุมกําลังคนไดเปน อยา่ งหนึ่ง จนกระทงั่ เมื่อไทยเขา้ ส่ยู ุคปรบั ปรงุ ประเทศใหท้ ันสมยั ระบบการควบคมุ ก�าลังคนสมัย
กลุมกอ น ซ่ึงจะชวยใหอาณาจักรมีความเขมแข็ง อยุธยายังคงมีอิทธิพลต่อการจัดระบบการบริหารราชการแผ่นดินท้ังข้าราชการฝ่ายทหารและ
และมั่นคง) พลเรอื นอยู่ไม่น้อย แม้กระทั่งในปจั จบุ ันระบบการบริหารการควบคุมหน่วยราชการก็ยังคงใชอ้ ยู่

๓) ภมู ปิ ญั ญำาและวฒั นธรรมไทยในกาำรสราำ้ งทอ่ี ยอู่ าำศยั การปลกู สรา้ งเรอื นอนั

เปน็ ทอ่ี ยอู่ าศยั ของชาวอยธุ ยาสอดคลอ้ งกบั การดา� รงชวี ติ แบบชมุ ชนรมิ นา้� และในพน้ื ทรี่ าบลมุ่ และ
สอดคลอ้ งกบั ครอบครวั ของคนไทยสมยั นัน้ ที่อาศัยอยเู่ ปน็ ครอบครวั ใหญ ่

5656

นกั เรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET

1 กรมกลาโหม ในพระไอยการตําแหนง นาทหารหวั เมืองกาํ หนดใหกรมกลาโหม ระบบการควบคุมกําลงั คนหรือระบบมูลนาย-ไพร มีความสําคัญตอ
มีกรมยอยท่ขี นึ้ สังกัด 2 กรม คือ กรมกลาโหมฝายเหนือ มพี ระธรรมไตรโลกสมหุ - อาณาจักรอยธุ ยาอยางไร
พระกลาโหมเปนเจา กรม ถอื ศักดินา 3,000 และกรมกลาโหมฝายพลําภงั มีหลวง แนวตอบ เนอื่ งจากกาํ ลงั คนเปน ปจ จยั สาํ คญั ในการสรา งอาํ นาจทางการเมอื ง
ศรเี สาวราชภกั ดสี มหุ พระกลาโหมเปน เจากรม ถือศักดนิ า 2,400 กรมกลาโหมนี้ เปน กําลังของกองทพั ยามเกิดสงคราม รวมทั้งเปน แรงงานใหก ับทางราชการ
ปจ จบุ นั คอื กระทรวงกลาโหม ในการทาํ กิจกรรมตางๆ ดังนัน้ สมัยอยุธยาจงึ คิดวิธกี ารควบคุมกาํ ลังคนขน้ึ

2 จตุสดมภ ในสมยั อยธุ ยากําหนดดวงตราประจาํ ตาํ แหนงเสนาบดีกรมเมือง คือ ทเี่ รียกวา ระบบมูลนาย-ไพร โดยกฎหมายกําหนดใหไพรตอ งขึ้นทะเบยี น
ตราพระยมราชขี่สงิ ห เสนาบดกี รมวงั คือ ตราเทพยดาขีพ่ ระนนธกิ าร เสนาบดีกรมคลัง สังกัดมลู นายตามกรมกองตางๆ ซึ่งมูลนายจะตอ งมหี นา ท่ีรบั ผิดชอบความ
คือ ตราบัวแกว สวนตราเสนาบดกี รมนามีถงึ 9 ดวง เชน ตราพิทยาธรถือดอกจงกลนี ประพฤตขิ องไพรท่อี ยใู ตบงั คบั บัญชาของตน ขณะเดยี วกันกต็ อ งใหความ
ตราพระพิรณุ ขน่ี าคทรงเครอ่ื งยืนหลังนาคราช ตราเทพยุดาทรงเครอ่ื งยืนบนแทน ถอื คมุ ครองคนในสงั กัดใหไ ดรับความเปนธรรมดว ย สวนไพรกต็ อ งใหค วาม
เสนเชือก ตราเทพยดุ าทรงเครอ่ื งนงั่ ในบศุ บกหลงั หงส เปนตน เคารพยําเกรงและรับใชม ูลนายของตนเปน การตอบแทน โดยพระมหากษตั ริย
ทรงมอบหมายใหกรมสุรัสวดีทาํ หนาที่เปนผูถือบญั ชไี พรข องทกุ กรมและขนึ้
3 กรมมหาดไทย แบง เปน 4 กรม ไดแก กรมมหาดไทยฝายเหนือ กรมมหาดไทย ตรงตอ พระมหากษตั รยิ  วธิ กี ารควบคมุ กาํ ลงั คนดงั กลา วทาํ ใหอ ยธุ ยาสามารถ
ฝายพลาํ ภัง กรมมหาดไทยฝา ยตาํ รวจภธู ร และกรมมหาดไทยฝายตาํ รวจภบู าล ควบคมุ คนใหอ ยรู วมกนั เปน กลมุ กอ นและสะดวกแกก ารปกครองดแู ล รวมทง้ั
กรมมหาดไทยน้ปี จจุบันคือ กระทรวงมหาดไทย สามารถรวบรวมกาํ ลงั พลในการทาํ สงครามปอ งกนั อาณาจกั รไดท ันทว งที

56 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

ในการสร้างที่อยู่อาศัยจะค�านึงถึงประโยชน์ใช้สอยของพ้ืนที่ โดยมีหลังคาทรงจ่ัว 1. ครูใหนักเรียนรวมกนั แสดงความคิดเหน็ วา
สามเหลยี่ มสงู ชว่ ยลดความรอ้ นจากหลงั คาสพู่ น้ื หอ้ งไดด้ ี เครอ่ื งมงุ หลงั คามกั ใชว้ สั ดใุ นทอ้ งถนิ่ เชน่ การสรา งบานเรือนของอยุธยามีความ
แฝก หญ้าคา จาก ไม ้ กระเบือ้ งดินเผา เปน็ ต้น ช่วยกนั ความรอ้ นนอกหลงั คาส่ตู ัวเรือน ทา� ให้ใน สอดคลองกับสภาพภูมิศาสตรอยา งไร
เรอื นไมอ่ บอ้าว ชายคาท่ยี ื่นยาวออกไปช่วยปอ้ งกนั ฝนสาดเข้าหนา้ ต่างและกนั แสงแดดทีร่ ้อนจดั (แนวตอบ การสรา งบานแบบเรือนไทยของ
ใต้ถนุ เรอื นสูงช่วยปอ้ งกนั น้�าท่วมได ้ เนือ่ งจากพืน้ ท่บี รเิ วณลุ่มแมน่ �้าเจา้ พระยาเปน็ ทร่ี าบลมุ่ เมอื่ ชาวอยธุ ยามีความสอดคลอ งกบั การดํารงชวี ิต
ถงึ ฤดูนา�้ เหนอื หลาก น้า� จะท่วมทกุ ปี แบบชมุ ชนริมนา้ํ และเหมาะกับพ้นื ทีร่ าบลมุ
เรือนสามารถแบง่ ออกตามลักษณะของผอู้ ยอู่ าศัยได ้ ๒ ลกั ษณะ ดังน้ี โดยมกี ารทาํ หลงั คาทรงจัว่ สามเหลยี่ มสูง
เพ่ือชวยลดความรอนจากหลังคาสูพนื้ หอ งไดดี
เรยี กว่า เรเือรอืนนเคขรอ่อื งงขสนุ บั น ำ1เปงน็ เรือนชั้นเดียว เรอื นของไพร่ เครื่องมงุ หลงั คากใ็ ชว ัสดุที่มีอยใู นทอ งถิ่น เชน
เรียกว่า เรือนเคร่ืองผูก เป็นสิ่งก่อสร้าง แฝก หญา คา จาก ไม กระเบอ้ื งดนิ เผา เปน ตน
ใต้ถุนสูง สร้างด้วยวัสดุที่แข็งแรงและทนทาน แบบง่ายๆ เป็นเรือนชั้นเดียวใต้ถุนเต้ีย แต่อยู่ นอกจากนย้ี งั ทําชายคายน่ื ยาวออกไปเพ่ือชวย
เชน่ ไม้สัก ไมเ้ นื้อแข็ง การสร้างตวั เรือนจะใช้ เหนือพื้น จึงท�าให้ป้องกันน�้าท่วมได้ การใช้ ปองกนั ฝนสาดเขามาและกนั แสงแดดรอ นจัด
วิธีสับสอดเข้าปากไม้ ร้อยยึดด้วยเดือยหรือลูก ใต้ถุนเต้ียก็เพ่ือป้องกันมิให้ตัวเรือนถูกพายุ มกี ารสรางใตถุนเรอื นสูงเพื่อปอ งกนั นํ้าทว ม
สลกั ซง่ึ สะดวกตอ่ การร้อื ถอนออกแล้วสามารถ พัดโค่นได้ฉับพลัน เพราะปลูกสร้างด้วยวัสดุ เน่อื งจากพ้ืนท่บี ริเวณลุม แมน ้าํ เจา พระยา
นา� ไปประกอบใหมไ่ ดต้ ามเดมิ ลกั ษณะของเรอื น ไม่ถาวร เช่น ไม้ไผ่ การยึดโครงสร้างของ เปน ท่ีราบลุม เมือ่ ถงึ ฤดูนํ้าหลาก น้าํ จะทว ม
อาจเปน็ เรือนหมู่ สามารถติดต่อถงึ กนั หรอื อาจ ตัวเรือนมักใช้ตอกหรือหวายมัด มักจะปลูก เกาะเมืองทกุ ป)
อยู่รวมกันในบริเวณเดียวกัน เพราะขุนนางมัก เปน็ การชว่ั คราว ถา้ ไพรม่ ฐี านะสงู ขนึ้ สามารถใช้
เปน็ หวั หนา้ ครอบครวั ใหญ่ ทอ่ี ย่อู าศยั แบบขนุ นางได้ 2. ครใู หนักเรียนคน ควา เพ่มิ เตมิ เกี่ยวกบั
ววิ ฒั นาการของบานเรือนไทยสมัยกอ นจนถงึ
สมยั ปจจบุ นั แลว นาํ ขอมูลมาอภิปรายรว มกนั
ในช้นั เรยี น

ดังน้ัน วิธีการสร้างที่อยู่อาศัยของชาวอยุธยาที่เหมาะสมกับฐานะทางสังคมและ
สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติจนกลายเป็นแบบอย่างมาจนถึงปัจจุบัน นับได้ว่าเป็น
ภูมปิ ัญญาและวฒั นธรรมไทยในการสรา้ งที่อยู่อาศัยอยา่ งหนึ่ง ดังจะเหน็ ไดจ้ ากการสรา้ งบา้ นแบบ
เรอื นไทย ในภาคกลางของไทยซ่ึงยงั คงมีใหเ้ ห็นอยู่ในปัจจบุ ัน

๔) ภูมิปัญญำและวฒั นธรรมไทยในกำรบ�ำบัดรกั ษำคนไข ้ การแพทยแ์ ผนไทย

สมัยอยธุ ยาถอื ไดว้ า่ เปน็ ภมู ปิ ัญญาและวฒั นธรรมไทยอย่างหน่ึงในการแกป้ ัญหาโรคภยั ไข้เจบ็ ของ
ผคู้ นในสงั คม โดยมพี ้นื ฐานมาจากความเชอื่ ความร้ ู ความคดิ และการยอมรบั รว่ มกันของคนใน
สงั คม จนสามารถตอบสนองสังคมในการแกไ้ ขปญั หาสุขภาพมาเปน็ ระยะเวลานานนบั ตั้งแตส่ มยั
อยธุ ยาจนถึงปัจจุบัน

57

ขอสอบ O-NET นกั เรยี นควรรู
ขอสอบป ’51 ออกเกย่ี วกับภูมปิ ญ ญาไทยดา นการสรา งท่ีอยูอาศัย
วฒั นธรรมดา นท่อี ยูอาศัยของคนไทยในสมัยกอนจะคลา ยคลงึ กัน 1 เรือนเครือ่ งสับ หรือทเ่ี รยี กกันวา เรอื นฝากระดาน ท่ีเรียกวา เรอื นเคร่ืองสับ
โดยมกั จะสรางบานเรือนใตถ ุนสงู มหี ลงั คาลาดชนั เพราะสาเหตุใด เพราะเคร่อื งมือทใี่ ชส วนใหญ ไดแก มีดเหน็บ หรอื มีดตอกชนิดหวั ใหญ ขวาน
1. อทิ ธพิ ลดานความเชื่อ 2. ภมู หิ ลังทางประวตั ศิ าสตร ส่วิ ชนดิ ตา งๆ ในสมยั อยธุ ยาสามารถซ้ือวัสดสุ ําหรับปลกู เรอื นไดจ ากยานตางๆ
3. อุปนสิ ัยใจคอ 4. สภาพแวดลอ มทางภูมศิ าสตร เชน บา นนางเอยี น เลือ่ ยไมส กั ทาํ ฝาเรอื น ปรงุ เรอื นฝากระดาน บา นกระเบื้อง
วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. การสรา งบา นเรือนอยอู าศยั ของคนไทย ทํากระเบ้อื งขาย เปน ตน
สมัยโบราณจะมีความสัมพนั ธก ับสภาพแวดลอมทางภูมศิ าสตร เชน คนไทย
ทต่ี ้ังบานเรอื นอยูบ ริเวณทร่ี าบลมุ รมิ ฝง แมนา้ํ จาํ เปน ตอ งสรา งบานที่มใี ตถ นุ สูง
เพือ่ ปอ งกนั นํ้าทว มในฤดูนํ้าหลาก มหี ลงั คาทรงจ่วั สามเหลี่ยมสงู ทช่ี วยลด เบศรู ณรากษารฐกิจพอเพยี ง
ความรอ นจากหลังคาสูพ ้ืนหอ งไดด ี รวมทง้ั มหี นา ตางเพอ่ื ใหมีลมพัด
คลายจากความรอนอบอา วจากสภาพภมู ิอากาศของไทยทีอ่ ยใู นเขตรอน
สว นบา นตามชายฝง ทะเลซ่ึงมีพื้นดินเปนดินปนทราย กจ็ ะใชแทง หินหรอื ครขู ออาสาสมคั รนักเรยี นอธิบายหลักการสาํ คัญของหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ
พอเพียง จากนั้นครใู หน กั เรยี นอีกคนยกตัวอยา งภมู ิปญ ญาและวฒั นธรรมไทย
ไมฝงลงในดินกอ นจะนําเสาบา นมาวางเพือ่ ปอ งกนั บานทรดุ และจากการ สมัยอยุธยาทสี่ อดคลอ งกบั หลักการของปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง แลวใหน ักเรยี น
ทตี่ องเผชิญกับฝนตกชุก มลี มแรง จึงสรา งหลังคาเตี้ยลาดชันเพอื่ ลดการ
ปะทะของแรงลม รว มกันแสดงความคดิ เหน็ วา จะสามารถนําหลกั การดังกลา วมาปรบั ใชใ น
ชวี ติ ประจาํ วนั ไดอ ยา งไร
คูม ือครู 57

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

1. ครูซกั ถามนักเรยี นวา คนไทยสมยั อยุธยามี รับผิดช อบเปก็นารสวัดาสง่วระนเ บ1แียสบดแงบใบหแ้เหผ็นนถขึงอกงาระรบอาบศกัยาครแวพามทรยู้ท์สี่หมลัยาอกยหุธลยาายจนอันมีเกกาิดรจจัดากตก้ังหารนท่วดยลงาอนง
วธิ กี ารบําบดั รกั ษาโรคอยางไร และเมอ่ื เทยี บกบั ปรับปรุงแกไ้ ข และแสวงหาแนวทางสา� หรบั แกไ้ ขการเจ็บไข้ได้ปว่ ยของบคุ คลซ่งึ ตลอดชีวิตจะตอ้ ง
การรกั ษาโรคในสมยั ปจ จบุ นั มคี วามแตกตา งกนั ได้ประสบกบั ตนเองไมว่ ่าจะมากหรอื นอ้ ยก็ตาม จนสามารถบา� บัดรกั ษาโรคภยั ไข้เจบ็ ตา่ งๆ ได้โดย
หรอื ไม อยางไร มีเจ้าหน้าท่ีรับผิดชอบเกี่ยวกับการบ�าบัดรักษาคนไข้แตกต่างกันไป เช่น แพทย์รักษาโรคท่ัวไป
(แนวตอบ การรักษาโรคในสมยั อยุธยาจะเปน แพทยร์ กั ษาโรคท่ีเกดิ ข้ึนกบั เดก็ แพทย์รกั ษาโรคตา แพทยร์ ักษาบาดแผลตา่ งๆ แพทย์รักษาโรค
การแพทยแผนไทยทจ่ี ัดเปน ภมู ปิ ญญาและ ดว้ ยการนวด และผทู้ ่ที �าหนา้ ท่ีจดั เตรยี มยา แสวงหาสมุนไพร เปน็ ตน้
วฒั นธรรมไทยในการแกปญ หาโรคภยั ไขเจบ็ นอกจากนยี้ ังมีหนว่ ยงานดูแลเกยี่ วกับการเกบ็ รักษายาสมุนไพร จา� แนกหมวดหม่ยู า 2
ของคนในสงั คม ซง่ึ มีพื้นฐานมาจากความเชื่อ ควบคุมมาตรฐานยา ผลิตยา และต�าราแพทยห์ ลวง หนว่ ยงานน ี้ เรียกว่า โรงพระโอสถ ทัง้ ยงั มี
ความรู ความคดิ และการยอมรับรว มกันของ ชสถาวาบน้าทนี่ข า3กยรโะอจสาถยสอมยนุู่ตไาพมรชทุม่ปี ชรนะทชวั่าไชปน สเพามือ่ าทร�าถกซาื้อรรเคกั รษื่อางโปรครุงตยาาม รมะบหี บมกอาหรลแวพงท หยแ์มผอนพไรทะย และหมอ
คนในสังคม โดยการแพทยแผนไทยสมัยอยุธยา องคค์ วามรเู้ กยี่ วกบั การแพทยข์ องไทยในสมยั อยธุ ยาจดั เปน็ ภมู ปิ ญั ญาและวฒั นธรรม
จะมีการจดั ตัง้ หนว ยงานรบั ผิดชอบเปน สัดสว น เกย่ี วกบั แพทยแ์ ผนไทยทมี่ กี ารสบื ทอดองคค์ วามรดู้ งั กลา่ วมาจนกระทง่ั ถงึ ปจั จบุ นั นบั เปน็ ผลดตี อ่
เชน แบงเปนกรมแพทยย า กรมหมอยา การแพทย์แผนปัจจุบันของไทยที่น�าความรู้ทางการแพทย์แผนไทยโบราณมาใช้บ�าบัดรักษาคนไข้
กรมหมอนวด เปน ตน นอกจากนี้ยังมีหนวยงาน อกี ทางหน่ึงดว้ ย
ดแู ลเกี่ยวกบั การเก็บรักษายาสมนุ ไพร ทเี่ รียกวา
โรงพระโอสถ และมีสถานที่ขายโอสถสมุนไพร ๕) ภูมิปัญญำและวัฒนธรรมไทยในกำรปลูกฝังศีลธรรมให้กับสังคม สังคม
กระจายอยูทวั่ ไปในชมุ ชนเพื่อทาํ การรักษาโรค ไทยสมัยอยุธยาลว้ นมีความศรัทธาต่อพระพทุ ธศาสนาอยา่ งเหนยี วแน่น การไปวดั เพื่อทา� บญุ และ
ตามระบบการแพทยแผนไทย และเม่ือเทียบกบั ฟังธรรมจากพระภิกษุสงฆ์ถือเป็นประเพณีส�าคัญของพุทธศาสนิกชน อย่างไรก็ตาม การท�าบุญ
การรกั ษาโรคในสมยั ปจจุบนั แลวจะมีความ รักษาศลี และฟังธรรมในบางครั้ง ผู้ฟังก็อาจไมส่ จู้ ะเขา้ ใจแต่กศ็ รัทธาตามๆ กนั ไป ดังนั้น การนา�
แตกตา งกันตรงท่วี ธิ ีการรกั ษา โดยปจ จุบันจะมี หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนามาประยกุ ต์ใชใ้ หเ้ กดิ เปน็ เรอ่ื งราวทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั พระพทุ ธศาสนา และ
อปุ กรณเครอ่ื งมือรกั ษาโรคทที่ ันสมยั ใชเ วลา เมอ่ื พระภกิ ษสุ งฆน์ า� ไปเทศนอ์ ธบิ ายใหค้ นทฟี่ งั ธรรมไดเ้ กดิ ความซาบซงึ้ และเหน็ คณุ คา่ ของการฟงั
ไมน านในการรกั ษา มยี าเมด็ ท่รี บั ประทาน แ ละนา� ไปปฏดบิ ังัตนกิ นั้ จ็ ะกเากรดิ ทเป่เี จน็ ้าผฟลา้ ดธีตรร่อมสธังเิคบมศ (เจา้ ฟ้ากุง้ ) 4พระราชโอรสในสมเดจ็ พระบรมราชาธิราช
ไดง า ยและเห็นผลรวดเร็วกวายาสมุนไพร ที่ ๓ (พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ) ทรงนพิ นธ์หนังสือพระมาลยั ค�าหลวง ที่เน้ือหากล่าวถงึ พระมาลัย
แตในชนบทบางแหงก็ยงั มีการใชส มนุ ไพรใน ซึง่ เปน็ พระภิกษุสงฆ์ผู้ปฏิบัติธรรมได้เสด็จลงไปโปรดสตั ว์ในแดนนรก เมอื่ เสด็จขึ้นมาจากนรกได้
การรกั ษาโรคควบคไู ปกับการรกั ษาแผนปจจบุ ัน พบกับพระอนิ ทร์ในสวรรค ์ จึงไดม้ ีการสนทนาถงึ เรอ่ื งการท�าความดีและผลของการกระท�าความดี
ดว ยเชนกัน) ตา่ งๆ หลงั จากนน้ั พระมาลยั จงึ นา� เนอื้ ความเหลา่ นน้ั กลบั มาเทศนาโปรดมนษุ ย ์ พระมาลยั คา� หลวง
จึงเป็นผลิตผลทางภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย เพราะเม่ือพระภิกษุสงฆ์น�าไปเทศน์ให้ชาวบ้าน
2. ครแู ละนกั เรยี นสนทนารวมกันถึงภมู ปิ ญญา ฟงั กด็ ี หรอื มผี อู้ า่ นหนงั สอื พระมาลยั คา� หลวงกด็ ี เทา่ กบั วา่ ผฟู้ งั และผอู้ า่ นไดร้ บั คา� สอนทางพระพทุ ธ
และวัฒนธรรมไทยในการปลูกฝงศีลธรรมใหกับ
คนในสังคม จากนน้ั สมุ นักเรยี น 2-3 คน
แสดงความคิดเหน็ วา พระพุทธศาสนา
มคี วามสาํ คญั ตอคนไทยอยางไร

ศาสนาทเี่ กี่ยวขอ้ งกบั การรกั ษาศีลและการปฏบิ ัติธรรม อนั จะสง่ ผลดตี อ่ ผู้ปฏิบตั ิ

58

นักเรยี นควรรู บูรณาการเช่อื มสาระ
ครูสามารถนําเนอื้ หาเรอ่ื ง ภมู ปิ ญ ญาและวฒั นธรรมไทยในการปลกู ฝง
1 การจดั ตง้ั หนว ยงานรบั ผดิ ชอบเปน สดั สว น ดังจะเหน็ ไดจ ากพระไอยการตําแหนง ศีลธรรมใหกับสังคม ไปบรู ณาการเชอ่ื มโยงกบั วิชาพระพุทธศาสนา หัวขอ
นาพลเรือนและพระไอยการตําแหนงนาทหารหวั เมืองที่ตราขึน้ ในสมยั สมเดจ็ พระบรม- ความสาํ คัญของพระพุทธศาสนา หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา หนา ท่ี
ไตรโลกนาถ ไดม ีการแตงต้งั แพทยข้นึ ในราชการ มยี ศและตําแหนง โดยแบง ออกเปน ชาวพทุ ธ เพื่อทนี่ กั เรียนจะไดเ ห็นคุณคาและความสาํ คัญของพระพุทธศาสนา
กรมตา งๆ เชน กรมหมอยา กรมหมอกุมาร กรมหมอนวด กรมหมอยาตา เปน ตน ในการเปนรากฐานของวัฒนธรรมไทยและเปน เครือ่ งมือในการกลอมเกลาจิตใจ
2 ยา มีมากมายหลายขนาน ดังจะทราบไดจากตําราโอสถพระนารายณ ซงึ่ ไดร ับ ของผูคนในสังคมเพอ่ื การอยูรวมกันอยา งสงบสุข และครแู นะนําใหนักเรยี น
การรวบรวมขน้ึ ในสมยั สมเดจ็ พระนารายณมหาราช และไดร ับความเช่ือถอื ในหมู ปฏิบตั ิตนเปน ชาวพทุ ธท่ีดใี นการเขา รวมพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา
หมอยามาจนถึงสมยั รตั นโกสินทร และนําผลการปฏิบัติมานาํ เสนอในชัน้ เรยี น
3 หมอชาวบา น หรือหมอเชลยศกั ดิ์ บําบัดอาการปว ยไขในเบอ้ื งตน ดว ยการนวด
โดยใชเทาเหยียบไปบนรางกายคนไขเ พอ่ื ใหเสน สายยดื รวมถงึ การใหยาดวย
4 เจา ฟา ธรรมธเิ บศ (เจา ฟา กงุ ) ทรงดาํ รงตําแหนงกรมพระราชวังบวรสถานมงคล
พระองคแรกในสมัยพระเจา อยูหวั บรมโกศ ทรงเปน กวีเอกนิพนธบทเหเรอื และบทเห
ตา งๆ เชน บทเหเ รือ่ งกากี บทเหส ังวาส รวมท้งั กาพยห อ โคลงนิราศธารทองแดง

58 คูมือครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

การใชว้ รรณกรรมของพระพทุ ธศาสนาสอนคนใหร้ จู้ กั บาปบญุ คณุ โทษ นบั เปน็ ความชาญ ครูใหน กั เรียนยกตวั อยา งภมู ปิ ญญาไทยทาง
ฉลาดในการปลูกฝังคนไทยให้ท�าดีเว้นชั่ว โดยผ่านทางหนังสือพระมาลัยค�าหลวง ซง่ึ ในปจั จบุ นั ดานศิลปกรรมสมยั อยธุ ยาท่ีนกั เรยี นรูจกั พรอมทัง้
ยงั มปี ระเพณสี อนคนทย่ี งั มชี วี ติ อยดู่ ว้ ย การสวดพระมาลยั หนา้ ศพทตี่ งั้ บา� เพญ็ กศุ ลทวี่ ดั หรอื ทบ่ี า้ น อธบิ ายความสาํ คญั หรอื คณุ คาของภูมิปญ ญาและ
หรอื พระภกิ ษสุ งฆก์ อ็ าจนา� สาระสา� คญั ในหนงั สอื พระมาลยั คา� หลวงไปเทศนส์ ง่ั สอนคนได้ ความงดงามทางทัศนศลิ ป

มหี ลายสาขา ๖เ)ช น่ ภ ูมสถิปาัญปญตั ยำกแรลรมะว ปัฒรนะตธิมรารกมรไรทมย 1จดติ ้ำรนกศรริลมป 2กปรรระณม ีตศศิลลิ ปปก  เรปรน็มตไท้นยในสมัยอยุธยา (แนวตอบ ภูมปิ ญ ญาทางดานศลิ ปกรรมไทย
สมยั อยุธยามีมากมาย เชน
ศลิ ปกรรมไทยสมยั อยธุ ยาเปน็ รากฐานสา� คญั อยา่ งหนง่ึ ในการเรยี นประวตั ศิ าสตร์ไทย
สมยั อยธุ ยา ผลงานทางดา้ นศลิ ปกรรมของศลิ ปนิ ไทยสมยั อยธุ ยาไดก้ อ่ ใหเ้ กดิ ความงามและคณุ คา่ • เครอื่ งทองกรพุ ระปรางคว ัดราชบรู ณะ
ของภมู ปิ ญั ญาและวฒั นธรรมไทย อนั จะทา� ใหผ้ สู้ นใจชว่ ยกนั รกั ษาหวงแหนสมบตั ขิ องชาตเิ พอื่ เปน็ มคี วามสําคญั อยางยิ่งในฐานะทเ่ี ปนกรุ
เกียรตปิ ระวตั ิของชาติไทยสืบไป เกาแกท ีร่ วบรวมผลงานศลิ ปกรรมไทย
สถาปตั ยกรรมในสมยั อยธุ ยาสว่ นใหญเ่ ปน็ สงิ่ กอ่ สรา้ งในพระพทุ ธศาสนา เพราะคนไทย สมยั โบราณอนั ทรงคณุ คา ทั้งทางดาน
ตั้งแต่สมัยก่อนหน้าที่จะสถาปนาอาณาจักรอยุธยาจนถึงสมัยอยุธยาล้วนมีความเล่ือมใสศรัทธา ประวัตศิ าสตรและโบราณคดี เครอ่ื งทอง
ในพระพทุ ธศาสนาเป็นอย่างมาก ดังนั้น ส่ิงก่อสรา้ งตา่ งๆ จึงสร้างข้ึนอยา่ งสดุ ความคดิ สดุ ฝีมอื ท่ีพบ เชน พระคชาธารทองคาํ ประดบั
และใช้วสั ดทุ ีด่ ที ีส่ ดุ ทส่ี า� คัญ เช่น เจดีย ์ พระปรางค์ โบสถ ์ วิหาร มณฑป หอระฆัง หอไตร เปน็ ต้น อญั มณี ซ่งึ ชา งไทยไดออกแบบโดยถอด
นอกจากน้ี สงิ่ ก่อสร้างทเี่ กยี่ วข้องกบั พระมหากษตั รยิ ์ เชน่ พระราชวัง พระทน่ี ่งั ต่างๆ ยอ่ มกระทา� รปู แบบเหมอื นกับชางจรงิ งวงชูใบไม
ขน้ึ อยา่ งสุดฝมี อื เช่นเดียวกัน เพราะเป็นสง่ิ ก่อสร้างส�าหรบั องค์สมมติเทพ มีสัปคบั และกําไลขอเทา ท้ังสี่ เคร่อื งประดับ
ศรี ษะและรอบฐานทําเปน ลวดลายประดับ
3 อญั มณี ศิราภรณส ตรี เปน งานถกั เสนทอง
โดยทําเปน มวนเปน เสน เลก็ ๆ แลวนาํ มา
วดั พระศรสี รรเพชญ์ เปน็ วดั สาำ คญั ในเขตพระราชวงั หลวงเทยี บไดก้ บั วดั พระศรรี ตั นศาสดาราม กรงุ เทพมหานคร โดยสมเดจ็ ถักเชอ่ื มตอเปน รปู กลบี บัว มลี วดลายอยู
พระบรมไตรโลกนาถโปรดใหส้ ร้างขน้ึ เพ่ือเปน็ ท่สี าำ หรบั ประกอบพธิ ีสาำ คญั ต่างๆ จงึ เป็นวัดทไ่ี มม่ พี ระสงฆ์จาำ พรรษา รอบขางและมเี สน ขอบทองท่แี สดงใหเ หน็ ถงึ
ความเบาบาง จัดเปน เครอ่ื งทองที่ใชเทคนคิ
59 วิธใี นการทาํ ชนั้ สงู ของชา งอยธุ ยา

• จิตรกรรมฝาผนังรปู อดีตพระพุทธเจา
ในกรงุ พระปรางควัดราชบูรณะ
เปน ศิลปกรรมทม่ี คี ุณคา สาํ หรบั การศึกษา
คน ควา ทางประวตั ิศาสตรหรือศาสตรอ ่ืนๆ
ซึง่ การใชส ีของงานจติ รกรรมจะเนน สแี ดง
เปน หลัก โดยใชทั้งการวาดเสนและลงพนื้
สีดาํ ประกอบดว ย ที่นาสนใจก็คอื การใช
ทองคาํ เปลวปดบนรปู อดตี พระพทุ ธเจา
เพือ่ เนนวาเปน บุคคลสําคญั ภายในภาพน้ัน)

แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด นักเรยี นควรรู

การสรา งสรรคศลิ ปวัฒนธรรมของชาวไทยสมยั อยุธยาไดร บั อทิ ธิพล 1 ประตมิ ากรรม ในชวงแรกนิยมสรา งพระพทุ ธรูปศิลปะแบบอทู อง เชน
จากขอ ใดมากทส่ี ุด พระพุทธรปู องคใ หญท ่ีวดั พนัญเชงิ ตอ มาสมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถครองราชสมบตั ิ
ทีเ่ มอื งพิษณโุ ลก ประติมากรรมในยุคนจี้ ึงไดร ับอทิ ธิพลจากศลิ ปะสุโขทัย
1. พระพุทธศาสนา
2. การประกอบอาชพี 2 จิตรกรรม ในชวงแรกไดร ับอทิ ธพิ ลมาจากศิลปะลพบุรี สุโขทัย และลังกา
3. ธรรมชาตทิ ง่ี ดงาม รวมอยูดวยกนั เปน ภาพที่มีลกั ษณะแข็งและหนัก ใชส ีดาํ ขาว และแดง เชน
4. อารยธรรมตะวันตก ภาพเขยี นบนผนงั กรพุ ระปรางคว ัดราชบูรณะ ในระยะหลังจิตรกรรมจะเปนภาพวาด
เก่ียวกับเรื่องไตรภมู ิ ซ่งึ มีภาพพทุ ธประวัติรวมอยดู วย และแสดงใหเหน็ ถึงการรบั
วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 1. เนื่องจากพระพทุ ธศาสนาเปน ศาสนาที่ อิทธิพลจากศลิ ปะสุโขทัยมากข้ึนโดยเฉพาะภาพวาดท่ีมีการระบายดว ยสีหลายสี

คนไทยสมัยอยุธยาสว นใหญน ับถอื งานศลิ ปวฒั นธรรมตางๆ จงึ ไดร ับ 3 วดั พระศรสี รรเพชญ เปนสถานทปี่ ระดษิ ฐานพระศรสี รรเพชญ พระพุทธรูป
แรงบนั ดาลใจจากพระพทุ ธศาสนา อีกทั้งพระมหากษัตรยิ ท รงใหก ารอปุ ถัมภ สาํ คญั ของพระนคร เปน สถานทปี่ ระกอบพระราชพธิ สี าํ คญั ตา งๆ ของพระมหากษตั รยิ 
ดังจะเห็นไดจากการสรางวัดวาอาราม พระพุทธรูป งานจติ รกรรมเก่ยี วกับ และพระบรมวงศานวุ งศ เชน พระราชพธิ ถี อื นา้ํ พระพพิ ฒั นส ตั ยา เปน ตน รวมทง้ั เปน
พุทธประวัติ ชาดก ตพู ระธรรม ธรรมาสนส ําหรับพระสงฆแ สดงธรรมเทศนา ทีบ่ รรจพุ ระบรมอัฐขิ องพระมหากษตั ริยและพระอฐั ขิ องพระบรมวงศานวุ งศ
หรอื ประเพณที ่ีสืบทอดมาจากสุโขทยั อันเก่ยี วเนือ่ งในพระพทุ ธศาสนา เชน ภายในวดั มีพระเจดียทรงกลมขนาดใหญต งั้ เรยี งกนั 3 องค คนั่ ดวยพระมณฑป
ประเพณกี ารสรา งวัดในเขตพระราชวัง ประเพณกี ารบวช ประเพณีการ ซง่ึ ปจ จบุ ันไดพ ังทลายลงเหลอื แตส วนฐาน
ทอดกฐิน เปนตน คูมอื ครู 59

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Expand Evaluate
Explain
อธบิ ายความรู

1. ครูใหน ักเรยี นดูภาพจากหนังสือเรยี น หนา 60 ประตมิ ากรรมสมยั อยธุ ยาเปน็ การปน้ั การแกะสลกั และการหลอ่
จากนนั้ อภิปรายรว มกนั ถึงความสาํ คัญหรือ เปน็ รปู ตา่ งๆ เนอื่ งจากคนไทยนบั ถอื พระพทุ ธศาสนาดว้ ยความศรทั ธา
คณุ คา ของภมู ปิ ญญาไทยดังกลาว และมีความเชื่อเกี่ยวกับศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู ศิลปินไทยสมัย
อยุธยาจงึ ไดส้ รา้ งประตมิ ากรรมเน่อื งในศาสนาได้อย่างสวยงาม
2. ครูใหน กั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ รวมกนั ถงึ จิตรกรรมสมัยอยุธยาล้วนเป็นภาพเขียนสี นิยม
แนวทางการอนรุ กั ษภ มู ปิ ญ ญาและวฒั นธรรมไทย เขียนเป็นพุทธบูชาตามผนังโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ
ทางดา นศลิ ปกรรมใหค งอยูคูส งั คมไทย จากนนั้ ในคูหาภายในองคพ์ ระปรางค์ สถปู เจดยี ์ และในสมุดไทย
ใหนักเรยี นสรปุ สาระสําคญั ลงสมุดจดงานสง ครู
ผสู อน

ขยายความเขา ใจ Expand เปน็ ตน้ ภาพจิตรกรรมเหล่าน้ลี ว้ นมคี ุณค่าทางหลกั วชิ าการ
เป็นแบบอย่างงานศิลปะท่ีมีเอกลักษณ์เฉพาะ และยัง
เป็นความรู้ท่ีแสดงให้เห็นถึงความเป็นมาทาง
ครูใหนักเรียนเขยี นเรียงความเกย่ี วกับผลงาน ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ศาสนา วัฒนธรรม
ทางศิลปกรรมไทยสมยั อยุธยาท่ขี า พเจา ชนื่ ชอบ และจารตี ประเพณีอันมมี าแตโ่ บราณดว้ ย
มากที่สดุ ความยาวไมเ กนิ 1 หนา กระดาษรายงาน พระพุทธรูปทรงเคร่ือง 1ประดิษฐานภายในอุโบสถวัดหน้า 2ส่วนประณีตศิลปเป็นศิลปะประเภท
จากน้นั ออกมานาํ เสนอหนาชนั้ เรียน เเคครรอื่่ืองงทใชอง้ 3ทเคมี่ รฝี ื่อมี งอื ปสรวะยดงับามตแกลแะตป่งร ะณเคตี ร เื่อปงน็ เตงินน้
พระเมรุ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สันนิษฐานว่าสร้างขึ้น
ในสมยั สมเด็จพระเจา้ ปราสาททอง

อนั สะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ ภมู ปิ ญั ญาและวฒั นธรรมของไทย ศลิ ปะประเภทงานฝมี อื ของไทยสมยั อยธุ ยา
มีความเจริญรุ่งเรืองอยา่ งมาก เพราะชา่ งสามารถประดิษฐล์ วดลายสวยงามไดอ้ ย่างวิจิตรบรรจง
ผลงานดา้ นศลิ ปกรรมสาขาตา่ งๆ ในสมยั อยุธยา ล้วนแต่ไดร้ บั การสรา้ งสรรคข์ ึ้นด้วย
ความสวยงาม ประณีต ซึ่งสะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ วธิ คี ิด ความสามารถและความชา� นาญของศลิ ปิน ท้ัง
ยังเป็นหลักฐานทางประวตั ศิ าสตร์และโบราณคดี ตลอดจนวฒั นธรรมของผคู้ นในสมยั น้นั นับเปน็
ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยท่ีส�าคัญอย่างหน่ึงในสมัยอยุธยา ซ่ึงเป็นพ้ืนฐานศิลปกรรมไทย
สมัยหลงั ต่อมา และเปน็ มรดกตกทอดทมี่ คี ุณคา่ ตอ่ วฒั นธรรมไทยในปัจจุบันอีกด้วย

๗) ภมู ปิ ญั ญำในกำรอยรู่ ว่ มกนั ทำ่ มกลำงควำมหลำกหลำยทำงสงั คม กรงุ ศรอี ยธุ ยา
ตั้งอยู่ระหว่างจีนกับอินเดีย จึงเป็นเมืองท่าท่ีส�าคัญของโลกในขณะนั้น รวมท้ังเป็นที่รวมของ
หมชู่ นหลากหลายเชอ้ื ชาตแิ ละวฒั นธรรม ชาวตา่ งชาตทิ เ่ี ขา้ มาอยู่ในกรงุ ศรอี ยธุ ยาไดต้ งั้ เปน็ ชมุ ชน
ของชนชาตติ น ทีส่ า� คัญ มีดังน้ี

(๑) ชมุ ชนชาวจนี ชาวจนี สว่ นใหญน่ บั ถอื พระพทุ ธศาสนาและลทั ธขิ งจอื๊ มอี าชพี
คา้ ขาย และมคี วามชา� นาญในการเดนิ เรอื จนไดร้ บั มอบหมายใหเ้ ปน็ ผคู้ วบคมุ เรอื หลวงทนี่ า� คณะทตู
บรรณาการของอยุธยาไปจีน ชาวจีนหลายคนได้รับราชการในต�าแหน่งสูงๆ เช่น พระศรีพิพัฒน์
ต�าแหนง่ หัวหน้ากรมทา่ พระยายมราช ตา� แหน่งเสนาบดกี รมเมอื ง เป็นตน้

6๐

นกั เรียนควรรู บูรณาการเชื่อมสาระ
ครูสามารถนาํ เนอ้ื หาเรอื่ ง ภูมิปญญาและวัฒนธรรมไทยดานศลิ ปกรรม
1 พระพทุ ธรปู ทรงเครอื่ ง มพี ทุ ธลกั ษณะโดดเดน เปน เอกลักษณเฉพาะของสมยั ไปบูรณาการเช่ือมโยงกับกลุมสาระการเรยี นรศู ิลปะ วชิ าทัศนศิลป หวั ขอ
สมเดจ็ พระเจาปราสาททอง คอื มพี ระขนงโกง เปลือกพระเนตรใหญ พระนาสิกงมุ ผลงานทัศนศิลปสมัยอยธุ ยา เพือ่ ใหน ักเรยี นไดเห็นคณุ คาและความงดงาม
ทรงเครื่องทรงซงึ่ ประกอบดวย มงกุฎ กุณฑล กรองศอ สงั วาล 2 เสน เฉวยี งพระองั สา ของภูมปิ ญญาดานศลิ ปกรรมสมัยอยุธยา นอกจากน้ียังสะทอ นใหเ หน็ ถงึ
ทงั้ สอง ทบั ทรวง พาหรุ ัด ทองพระกร และทองพระบาท ความเชอ่ื และความเลือ่ มใสศรทั ธาของคนไทยสมัยอยธุ ยาท่ีมตี อ พระพุทธ-
2 เครอื่ งใช เชน เคร่อื งเบญจรงค ใชส หี ลกั อยู 5 สี ไดแก สแี ดง เหลือง ขาว ดาํ ศาสนาและความจงรักภกั ดีตอ พระมหากษตั รยิ  จนทาํ ใหเ กดิ การสรา งสรรค
เขียวหรอื นา้ํ เงนิ เปนเครอ่ื งถว ยทสี่ ่ังทํามาจากจีน แตลวดลายสสี นั เปน ฝม อื เขียนของ ภูมปิ ญ ญาท่ีเปน มรดกทางวฒั นธรรมไทยข้ึนเปน จํานวนมาก
ชางไทย ขั้นตอนการทาํ คอื ไทยสั่งเครือ่ งถว ยกระเบ้ืองขาวจากจีน จากน้นั ชางไทย
เขยี นลายไทยลงบนเคร่อื งถว ย แลวสงกลบั ไปเผาท่จี ีน กจิ กรรมทา ทาย
3 เครอื่ งทอง มีการพบเคร่อื งทองมากกวา 2,000 รายการ ทองคาํ
นํ้าหนักกวา 100 กิโลกรัม และยงั พบพระพมิ พกวา แสนองคท่ีกรพุ ระปรางค ครใู หน กั เรยี นสบื คน เกยี่ วกบั ภมู ปิ ญ ญาทางดา นศลิ ปกรรมอยธุ ยาเพมิ่ เตมิ
วัดราชบูรณะ โดยพระพิมพส ว นหน่ึงไดใหประชาชนเชา บชู าเพ่ือนํารายไดมาเปนทุน จากนนั้ ใหน กั เรยี นจดั ทาํ สมดุ ภาพภมู ปิ ญ ญาไทยในหวั ขอ “ศลิ ปกรรมอยธุ ยา
สรางพิพิธภณั ฑสําหรับเก็บรักษาโบราณวตั ถุเหลา น้ี ซึ่งตอมาไดต ้ังช่ือวา ลา้ํ คา ควรเมอื ง” และนาํ เสนอทหี่ นา ชนั้ เรยี น

พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหงชาติ เจา สามพระยา

60 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Evaluate
Expand Expand

ขยายความเขา ใจ

(๒) ชุมชนชาวญี่ปุ่น ชาวญ่ีปุ่นนับถือลัทธิชินโตและพระพุทธศาสนา ส่วนหนึ่ง 1. ครใู หนกั เรยี นจัดทําแผน พับเก่ยี วกับภูมิปญ ญา
มอี าชพี คา้ ขาย บางสว่ นไดส้ มคั รเปน็ กองทพั อาสาสมคั รชาวญปี่ นุ่ จนไดด้ า� รงตา� แหนง่ พระเสนาภมิ ขุ ในการอยรู ว มกันทา มกลางความหลากหลาย
มีศักดินา ๑,๐๐๐ ไร่ เป็นเจ้ากรมอาสาญี่ปุ่น และมีอาสาสมัครญ่ีปุ่นคนหน่ึงรบชนะหลายครั้ง ทางสงั คมสมัยอยธุ ยา ท่ปี ระกอบดว ยขอ มลู
จนได้รับพระราชทานยศเป็นถึงออกญาเสนาภมิ ุข และภาพประกอบตกแตง ใหส วยงาม
แลวนําเสนอหนาชั้นเรียน
(๓) ชุมชนชาวโปรตุเกส ชาวโปรตุเกสนับถือคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก
สว่ นใหญเ่ ปน็ พอ่ คา้ เอกชน รบั ราชการ เปน็ ทหารอาสา (รบั จา้ ง) และลา่ มผเู้ ชย่ี วชาญ ชาวโปรตเุ กส 2. ครทู ดสอบความรเู กี่ยวกบั ความหลากหลาย
ยังไดน้ �าภูมิปัญญาสมัยใหมม่ าใช้ในอยุธยา เช่น การผ่าตัดคนไข ้ การก่อสร้างอาคารสูงแบบก่ออฐิ ทางสังคมไทยสมัยอยุธยา ดวยการให
ถือปูน การตดั ถนน การวางผังเมือง เปน็ ตน้ นกั เรียนทํากจิ กรรมท่ี 2.9 จากแบบวดั ฯ
ประวัตศิ าสตร ม.2
(๔) ชุมชนชาวฝร่ังเศส ชาวฝร่ังเศสที่เดินทางมาถึงอยุธยาเป็นพวกแรก คือ
พวกบาทหลวงท่ีมาเผยแผค่ รสิ ตศ์ าสนา ตอ่ มา คือ พวกพอ่ คา้ ทา� ให้อยุธยาได้รบั วฒั นธรรมและ ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ
ภมู ปิ ญั ญาสมยั ใหมจ่ ากชาวฝรงั่ เศสหลายอยา่ ง เชน่ การกอ่ สรา้ งราชธานที ลี่ พบรุ ี การทา� นา�้ ประปา ประวัตศิ าสตร ม.2 กจิ กรรมที่ 2.9
ท่พี ระราชวังลพบรุ ี การฝึกหัดทหารอยุธยาให้ชา� นาญยทุ ธวธิ แี บบฝรง่ั เศส เปน็ ตน้ หนวยที่ 2 พฒั นาการของอาณาจกั รอยธุ ยา

(๕) ชมุ ชนชาวแขก ชาวแขกมหี ลายเชอ้ื ชาติ แต่นบั ถอื ศาสนาอสิ ลามเหมอื นกนั กิจกรรมท่ี ๒.๙ ใหนักเรียนดูภาพการสรางสรรคภูมิปญญาและวัฒนธรรม คะแนนเต็ม คะแนนทไี่ ด
เชน่ แขกเซน็ (เปอรเ์ ชยี ) แขกมวั ร ์ แขกมกั กะสนั แขกมลาย ู เปน็ ตน้ และแขกอนิ เดยี ทน่ี บั ถอื ศาสนา ของอยุธยาท่ีกําหนดให แลวเติมขอความใหถูกตองและ
ตฮนิ�าแดหู แนขง่ สกูงเห ลเช่า่นน ีเ้ ขแา้ขมกาเคซ้าน็ ขชาายว เบปาองรค์เชนียตทงั้ ห่ชี ่อื้าง คเฉา้ ขกาอยะจหนมรดั �่า ร1เวขย้า รบบั ารงาคชนกเาขรา้ จรนับไรดาเ้ชปกน็ าถรงึจเนจไา้ ดพ้รรบั ะยยศา ñð
เฉกอะหมดั รัตนาธบิ ดี สมหุ นายก เป็นตน้
ทา่ มกลางความหลากหลายทางเชอื้ ชาตแิ ละวฒั นธรรมของชมุ ชนตา่ งๆ แตท่ กุ คน สมบรู ณ (ส ๔.๓ ม.๒/๓)
สามารถดา� รงชวี ติ อยรู่ ว่ มกนั ไดใ้ นสงั คมอยธุ ยา มกี ารแลกเปลย่ี นวฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาระหวา่ งกนั
ขณะทพี่ ระมหากษตั รยิ อ์ ยธุ ยากท็ รงเออื้ เฟอ้ื และอนญุ าตใหส้ ามารถดา� เนนิ ชวี ติ อยไู่ ดอ้ ยา่ งปกตสิ ขุ ความสําคญั ตอ ชาตทิ ส่ี งผลจนถึงปจ จบุ ัน ………………………
นับได้ว่าสังคมไทยสมัยอยุธยาเป็นสังคมที่สามารถผสมผสานความหลากหลายทางเช้ือชาต ิ ...................ก....ร...ุง...ศ....ร....ีอ....ย...ุธ...ย....า...เ.ป....น.....ศ....ูน....ย....ก....ล....า...ง...ท....า...ง...ก....า...ร....ค....า..ท....่ี.ส....ํา...ค....ัญ.......
วัฒนธรรมและภูมิปัญญาต่างๆ ให้เข้ากันได้เป็นอย่างดี และเป็นแบบอย่างของสังคมไทยสมัย
ต่อมาอกี ด้วย ..จ....ึง...ก....ล....า...ย...เ..ป....น....ท....ี่ร....ว...ม...ข...อ....ง...ก....ล....ุม....ช...น....ห....ล....า...ก....ห....ล....า...ย...เ..ช...้ือ....ช...า...ต....ิ ....เ..ช...น.......

..ช...า...ว...ญ.....ี่.ป...ุ.น.....ท....่ีไ...ด....เ..ข....า...ม...า...อ....า...ศ....ัย....อ....ย...ู.เ..ป....น.....ก....ล....ุม.........จ....น....ก.....ล....า...ย...เ..ป.....น.......

..ห....ม...บู....า...น....ช...า...ว..ญ.....ป่ี....นุ.......ส....ว..น.....ห....น....ง่ึ...ม....อี ...า...ช...พี ....ค...า...ข...า..ย......ส....ว...น....ห....น.....งึ่ ...ส....ม...คั....ร......

..เ..ป...น. ....ก....อ...ง...ท....พั....อ....า...ส....า..ช...า...ว...ญ.....ปี่ ....นุ .......ห....ร...อื....เ.ข...า...ร...บั....ร....า..ช...ก....า...ร......ท....าํ...ใ..ห....เ..ก....ดิ ......

กองทหารอาสาญ่ีปนุ ในกองทัพอยุธยา ..ก....า...ร...แ...ล....ก....เ..ป....ล....ยี่ ...น.....ภ...มู....ปิ....ญ.....ญ....า...แ...ล....ะ...ว...ัฒ.....น....ธ....ร...ร...ม....ร...ะ...ห....ว...า...ง...ก....ัน.................
..................อ....า...จ....ก....ล.....า...ว...โ...ด....ย....ส....ร....ุป.....ไ..ด.....ว....า...แ...ม....ส.....ัง....ค....ม....อ....ย...ุธ....ย....า...จ...ะ...ม....ีค.....ว...า...ม....ห....ล....า...ก....ห.....ล....า...ย....ท....า...ง....เ..ช...ื้อ....ช...า...ต....ิ.....ว...ัฒ......น.....ธ...ร....ร....ม.....

.แ....ล....ะ..ภ....ูม....ิป....ญ.....ญ.....า.......แ....ต....ท....ุก....ค....น.....ส....า...ม....า...ร...ถ....ด....ํา...ร....ง...ช...ีว...ิต....อ....ย...ู.ร...ว...ม....ก....ัน.....ไ..ด.........อ....ย...ุธ....ย...า...จ....ึง...เ..ป....น.....ส....ัง....ค....ม...ท....่ี.ผ...ส....ม....ผ....ส....า...น.....ค....ว...า...ม.....

.ห....ล....า...ก....ห....ล...า...ย...แ....ล...ะ...เ..ป...น. ....แ...บ....บ....อ....ย...า...ง...ข...อ...ง...ส.....งั ...ค....ม...ไ...ท....ย...ใ...น....ส....ม....ยั ...ต....อ...ม....า..อ....กี....ด....ว ..ย.............................................................................................

เฉลยฉบับ .....................................................................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................................................................

กล่าวโดยสรุป อาณาจกั รอยุธยามีพัฒนาการยาวนานถงึ ๔๑๗ ป ี พระมหากษตั รยิ ์ ความสําคัญตอ ชาตทิ ี่สง ผลจนถงึ ปจ จุบนั ………………………
...................ง...า...น....ป....ร...ะ...ณ.....ตี....ศ....ลิ....ป....ป....ร...ะ...เ.ภ....ท....เ..ค....ร...อื่....ง...ใ...ช... ...เ.ค....ร....อ่ื ...ง...ป....ร....ะ..ด....บั.......
และราษฎรไทยในสมัยอยุธยาได้สร้างสรรค์สิ่งที่มีคุณค่าให้กับสังคมไทยท้ังในด้านการเมือง ..เ..ค....ร....ื่อ....ง...เ..ง...ิ.น.........เ..ค....ร....ื่อ...ง....ท....อ....ง........ส....ะ...ท.....อ...น.....ใ...ห....เ..ห....็น.....ถ....ึง....ภ...ู.ม...ิป.....ญ.....ญ.....า.....
..ว...ฒั.....น.....ธ...ร...ร....ม...ข...อ....ง...ไ..ท....ย........ท....ี่ล....ว ..น.....ไ..ด....ร....บั....ก....า...ร...ส....ร....า...ง...ส....ร...ร....ค....ข...น้ึ....ด....ว...ย......
การปกครอง เศรษฐกิจ สังคม ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตลอดจนภูมิปัญญาและ ..ค....ว...า...ม....ส....ว...ย....ง...า...ม.........ป....ร...ะ...ณ.....ี.ต....บ....ร....ร....จ...ง........ซ....ึ่ง....ส....ะ...ท....อ....น....ใ...ห.....เ.ห....็.น....ถ....ึง......
..ว...ธิ ...คี ....ดิ ........ค....ว...า..ม....ส....า...ม...า...ร...ถ....แ...ล....ะ...ค....ว...า..ม....ช...ํา...น....า...ญ.....ข...อ...ง....ศ...ลิ....ป....น.........ท....้ัง...ย...งั......
วฒั นธรรมไทย อนั มผี ลตอ่ ความเจรญิ กา้ วหนา้ ของอาณาจกั รอยธุ ยาทม่ี มี ากขนึ้ ตามลา� ดบั กอ่ น เคร่อื งทองทเ่ี ปน เคร่อื งราชปู โภคสมัยอยุธยา ..เ..ป....น....ห....ล....ัก....ฐ....า...น....ท....า...ง...ป....ร....ะ...ว..ัต....ิศ....า...ส....ต....ร....แ...ล....ะ...โ..บ.....ร...า...ณ.....ค....ด....ีท....ี่ส.....ํา...ค....ัญ.......
.เ..ป.....น....พ....ื้.น....ฐ....า...น.....ข...อ....ง...ศ....ิล....ป....ก.....ร...ร....ม....ส....ม....ัย....ห....ล....ัง...ต.....อ...ม....า........แ...ล....ะ...เ..ป....น.....ม....ร....ด....ก....ต....ก....ท....อ....ด....ท....่ี.ม...ีค....ุ.ณ.....ค.....า...ต....อ....ว...ัฒ.....น.....ธ...ร....ร....ม...ไ...ท....ย......
ในปจ จบุ นั อีกดว ย.....................................................................................................................................................................................................................................................

.....................................................................................................................................................................................................................................................

.....................................................................................................................................................................................................................................................

.....................................................................................................................................................................................................................................................

(พจิ ารณาคาํ ตอบของนักเรยี น โดยใหอยูใ นดุลยพินิจของครูผูสอน)

๒๖

จะถึงการส้ินสุดยุคที่กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี การสร้างสรรค์ความเจริญท้ังหลายเหล่านี้

ได้กลายเป็นแบบอย่างและได้รับการสานต่อจากสังคมไทยในสมัยหลังต่อมาจนถึงปัจจุบัน

เนื่องจากความเจริญทางด้านต่างๆ เหล่านี้ยังคงมีคุณค่าและคุณประโยชน์ต่ออนุชนรุ่นหลัง

ส�าหรับการพฒั นาชาตไิ ทยสบื ต่อไปในอนาคต 6๑

แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ นกั เรยี นควรรู

จากคาํ กลา วทว่ี า “กรงุ ศรอี ยธุ ยาเสมอื นจําลองสรวงสวรรคล งมาไว 1 เฉกอะหมดั เฉกอะหมดั หรือ เชคอะหมัด กูมี เปนวงศช ้ันที่ 1 ของ
บนพื้นโลก” นักเรยี นเหน็ ดว ยหรือไม เพราะเหตใุ ด ตระกูลบุนนาค เดินทางมายังกรงุ ศรอี ยุธยาในรชั สมยั สมเด็จพระเจาทรงธรรม
แนวตอบ เห็นดวย ดังจะทราบไดจ ากหลักฐานทางประวตั ศิ าสตรซ ง่ึ เปน มคี วามสามารถทางการคาขาย จนไดรับยกยองเปนมหาเศรษฐีคนหนึง่ ใน
ประจักษพ ยานใหคนรุนหลงั ไดเหน็ และรับทราบถึงความเจริญรงุ เรอื งและ กรุงศรอี ยุธยา ตอ มาไดแตง งานกบั หญงิ ไทย และรบั ราชการจนไดรับการแตง ตง้ั
ความสวยงามของกรุงศรีอยธุ ยา ราชธานีของไทยในอดีต ไมว า จะเปน เปน ขนุ นางกรมทาขวา ช่อื วา พระยาเฉกอะหมดั รัตนราชเศรษฐี เจา กรมทา ขวาวา ที่
เครอื่ งทองทเ่ี ปนเคร่อื งราชปู โภคสมัยอยุธยาซ่ึงขดุ พบทกี่ รุพระปรางค พระยาจุฬาราชมนตรี ตอมาไดเลื่อนตําแหนง เปน เจา พระยาพระคลัง ภายหลงั
วัดราชบูรณะ ซง่ึ ประกอบดวยวัตถลุ ้ําคา ท่ีประเมนิ คามิได หรอื พระพุทธรูป ไดร ับโปรดเกลา ฯ แตงตงั้ ใหดาํ รงตําแหนง สมหุ นายก ทเ่ี จาพระยาเฉกอะหมัด
ทรงเครื่อง พระประธานในวดั หนาพระเมรุ ท่ยี ังเหลอื รอดจากการถกู ทาํ ลาย อรรคมหาเสนาบดกี รมมหาดไทย และในสมัยสมเดจ็ พระเจา ปราสาททอง
เมือ่ ครง้ั เสียกรงุ ลวนแสดงใหเหน็ ถึงฝมอื ของชา งศลิ ปไทยสมยั อยุธยา ไดเลือ่ นยศเปน เจา พระยาบวรราชนายกเอกออุ รรคมหาเสนาบดี อภัยพริ ิย-
ที่สรา งสรรคผ ลงานตา งๆ อันสะทอนถงึ ความเจริญรงุ เรอื งของอยุธยาไดเปน ปรากรมพาหสุ มหุ นายก ถือศักดนิ า 10,000
อยา งดี หรือหลักฐานประเภทบันทึกของชาวตางชาติ เชน จดหมายเหตุ
วนั วลติ จดหมายเหตลุ าลแู บร ทบี่ รรยายใหเ หน็ ถึงสภาพของกรุงศรอี ยธุ ยา คมู อื ครู 61
ท่ีประกอบดวย พระราชวงั วดั วาอาราม บานเรอื น ถนนหนทาง วถิ ชี วี ิตของ
ผูคน เปน ตน ก็ทําใหคนรนุ หลงั จนิ ตนาการไดถงึ ความเจรญิ รงุ เรอื งของ
กรงุ ศรีอยุธยาในอดีตไดแจมชัดยิง่ ขึน้

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Evaluate
Expand Expand
ขยายความเขา ใจ

1. ครใู หนักเรยี นศึกษาเสน เวลา (Timeline) แสดง ÍÂ¸Ø ÂÒà˵¡Ø ÒóÊÒí ¤ÑÞã¹ÊÁÑÂ
เหตกุ ารณส ําคัญทางประวตั ิศาสตรในสมยั
อยธุ ยา จากหนังสอื เรียน หนา 62-63 แลว ให òððö òððø
นกั เรียนอภิปรายสาระสาํ คญั รวมกัน
สุโขทัยถูกผนวกรวมเขา้ กับอยุธยา สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ
2. จากนนั้ ครยู กตวั อยา งเหตกุ ารณท างประวตั ศิ าสตร ทรงผนวชท่วี ดั จุฬามณี
ทส่ี าํ คญั มา 2-3 เหตกุ ารณ แลว ใหน กั เรยี นชว ยกนั
อธบิ ายรายละเอยี ดของเหตกุ ารณแ ละผลของ
เหตุการณท ี่มตี อ อาณาจักรอยธุ ยามาพอสังเขป

ñøùó ñùù÷ òðùñ
สมเดจ็ พระมหาจักรพรรดิ
สมเดจ็ พระรามาธิบดีท่ี ๑ สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ และสมเดจ็ พระสุริโยทยั
(อู่ทอง) สถาปนากรงุ ศรอี ยุธยา โปรดให้ต รากฎหมายศกั ดินา เปน็ การ ทรงน�าํ ทัพออกรบกบั กองทพั 2

พ.ศ. ปฏิรูปการปกครองสมัยอยุธยา พระเจา้ ตะเบง็ ชะเวตี้
๑๘๐๐ แหง่ หงสาวดี
ñùòù
๒๐๐๐
สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าชที่ ๑

ตเี มืองเชยี งใหม่ ñù÷ô

สมทเดร็จงพยกระทบพั รไมปรตาีกชัมาธพริ ชู าาช ท1แ ่ีล๒ะ

ทรงแตง่ ตง้ั ราชบตุ รปกครอง
พระนามวา่ พระอินทราชา

๑๙๐๐

ñùòñ òðõô

สมเดจ็ พระบรมราชาธิราชท ี่ ๑ ทรงยกทัพไปตี โปรตุเกสเปน็ ประเทศตะวนั ตกชาติแรก
ท่ีเขา้ มาเจรญิ สัมพันธไมตรกี บั อยธุ ยา
เมอื งก�าํ แพงเพชรของสโุ ขทยั ñùöò
ในสมยั สมเดจ็ พระรามาธบิ ดที ่ี ๒
สมเดจ็ พระอนิ ทราชาเสด็จไประงบั เหตุขดั แย้ง
ของหัวเมืองเหนอื โดยโปรดแตง่ ตั้งใหพ้ ระยาบาลเมือง òðøñ
ครองเมอื งพิษณโุ ลก และพระยารามครองเมืองสโุ ขทยั
สมเดจ็ พระชยั ราชาธริ าชทรง
ñùö÷ ยกทพั ไปปอ้ งกันเมอื งเชยี งกราน
สมเดจ็ พระอนิ ทราชาสวรรคต เจา้ อา้ ยพระยาและเจ้า ยพี่ ระยา นับเป็น การทํา� สงครามกับพม่าคร้ังแรก
แยง่ ชิงราชสมบัติและสนิ้ พระชนมท์ ้งั คู ่ เจา้ สามพระยาจงึ ไดเ้ สวย 3
òðøø
ราชสมบัติ ทรงพระนามวา่ สมเดจ็ พระบรมราชาธิราชที่ ๒
สมเดจ็ พระชยั ราชาธริ าชทรง
ยกทพั ไปตีเชียงใหมถ่ งึ ๒ ครง้ั

๖๒62

นักเรยี นควรรู บูรณาการเชื่อมสาระ
ครสู ามารถนําเน้ือหาเก่ียวกบั เหตกุ ารณสําคัญทางประวตั ศิ าสตรใ นสมัย
1 กมั พชู า จากนน้ั กัมพูชาก็ยายเมอื งหลวงไปอยูท่ีปาสาณ และพนมเปญตามลาํ ดบั อยธุ ยา ไปบรู ณาการเชอื่ มโยงกับกลมุ สาระการเรียนรูภาษาไทย โดยให
เพราะเกรงวาจะถกู อยุธยาคกุ คามอกี จนกระทงั่ ใน พ.ศ. 2071 จงึ ยายเมอื งหลวงไปอยู นกั เรยี นนําเหตุการณท างประวตั ศิ าสตรใ นสมัยอยธุ ยาท่ีเกดิ ขน้ึ ในชวงเวลา
ที่เมอื งละแวก ตง้ั แตการสถาปนากรงุ ศรีอยธุ ยาเปน ราชธานีของสมเดจ็ พระรามาธบิ ดที ี่ 1
2 พระเจา ตะเบง็ ชะเวต้ี เปนกษตั ริยพมา พระองคท ี่ 2 แหง ราชวงศต องอู ยคุ สมัย (อทู อง) ใน พ.ศ. 1893 จนถงึ การเสียกรุงศรอี ยุธยาครั้งที่ 2 ใน พ.ศ. 2310
ของพระองคไดครอบครองอาณาจักรพมา ทงั้ ตอนบนและตอนลางลุมนา้ํ อิระวดี โดยมี มาเรียบเรยี งรอ ยตอกัน โดยใชท ักษะการเขียนเรียงความเปน พ้ืนฐาน หรืออาจ
มหาอปุ ราชาบเุ รงนอง และเมงเยสหี ตู รว มกนั สรา งอาณาจกั รใหย ง่ิ ใหญ และยา ยเมอื งหลวง เพ่มิ เติมรายละเอียดของเหตกุ ารณสําคญั ทางประวัตศิ าสตรน อกเหนอื จาก
จากตองอมู ายงั กรงุ หงสาวดี ในสมยั ของพระองคพ มา ไดย กกองทพั มาตเี มอื งเชยี งกราน ซง่ึ ท่ีมอี ยูในเสน เวลา (Timeline) หนา 62-63 ก็ได จากน้นั ออกมานําเสนอผลงาน
เปน เมอื งขนึ้ ของไทยใน พ.ศ.2081 นบั เปน การทาํ สงครามกบั กรงุ ศรอี ยธุ ยาครง้ั แรก หนาช้ันเรยี น
3 สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าชท่ี 2 หรอื ภายหลงั ตอ มาไดโ ปรดใหส รา งเจดียขึ้น 2 องค
บริเวณสะพานปา ถานซึ่งเปน บรเิ วณที่เจา อายกบั เจา ย่ีพระเชษฐาของพระองคปะทะ
กนั จนสนิ้ พระชนม เพอื่ บาํ เพญ็ พระราชกศุ ล และโปรดใหจดั การถวายเพลงิ พระศพใน
บรเิ วณใกลๆ น้ัน ซง่ึ ตอ มาไดสถาปนาเปนวัดราชบรู ณะ

62 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Expand Evaluate

ขยายความเขา ใจ Expand

ÍÂ¸Ø ÂÒเปนอาณาจกั รทม่ี คี วามสาํ คญั และยงิ่ ใหญใ นประวตั ิศาสตรไทย 1. ครตู ั้งประเด็นคาํ ถามวา ในชว งเวลาท่ี
กรงุ ศรีอยุธยาเปนราชธานีของไทยตัง้ แต
เปนศูนยกลางทส่ี าํ คัญของอํานาจทางการเมอื ง เศรษฐกจิ และสงั คมของอาณาจกั รไทย พ.ศ. 1893-2310 ไดเ กดิ เหตุการณสาํ คัญ
ตลอดระยะเวลา ๔๑๗ ป ท่กี รงุ ศรอี ยุธยาเปน ราชธานี มีเหตกุ ารณส าํ คญั เกิดขึน้ มากมาย อะไรขนึ้ บา ง จากนั้นใหน ักเรียนไปสบื คน
เพ่ิมเตมิ จากแหลง การเรียนรูตางๆ เชน
ทงั้ ท่ีนาํ ไปสูความเจริญรุง เรอื ง และความเสื่อมของอาณาจักร หอ งสมุดโรงเรยี น หอสมดุ แหงชาติ ขอมลู ทาง
อนิ เทอรเน็ต เปนตน แลวนาํ ขอมลู มาปรบั ปรงุ
òññò òòùö เพิ่มเตมิ ลงในเสนเวลา (Timeline) หนา 62-63
สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓ ใหส มบรู ณ
เสียกรุงศรอี ยุธยาคร้ังท่ี ๑ โปรดใหอาราธนาพระอบุ าลี พระอรยิ มุนี
พรอ มคณะสงฆไปบวชใหกลุ บตุ ร 2. ครูใหน ักเรียนตอบคาํ ถามประจําหนวย
òñò÷ ในลงั กาทวีป พระพุทธศาสนาในลังกา 11 การเรียนรู
ถูกฟน ฟูข้นึ มาใหม เรียกวา ลทั ธสิ ยามวงศ
พระนเรศวรทรงประกาศ òñ÷õ òóðò
อิสรภาพจากพมา ที่เมืองแครง ทพั พมา ลอ มกรงุ ศรอี ยุธยา พระเจา
สมเด็จพระเจา ปราสาททอง อลองพญาถูกปนใหญแตกใสบ าดเจ็บสาหสั
òñóø โปรดใหสรา งพระราชวงั บางปะอิน จงึ ยกทัพกลับ และสวรรคตระหวางทาง

สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช òòòó ตรวจสอบผล Evaluate
ทรงยกทัพไปตเี มอื งหงสาวดี พอ คาชาวฝรง่ั เศสเขา มา
เปน ครงั้ แรก ตง้ั สถานีการคาใน 1. ครูตรวจเรยี งความเก่ียวกบั ผลงานทาง
กรุงศรีอยุธยาครัง้ แรก ศลิ ปกรรมไทยสมยั อยุธยาที่นักเรียนช่ืนชอบ
๒๑๐๐ òòòø 22 มากทสี่ ดุ
òóðù
เชอวาเลียร เดอ โชมองต 2. ครตู รวจแผน พับเกยี่ วกับภูมปิ ญ ญาและ
ราชทูตฝรั่งเศสคนแรก ชาวบา นบางระจนั รวมตัวกนั ตอสู วฒั นธรรมไทยสมยั อยธุ ยา
เดินทางเขา มาเจรญิ กบั พมา นาน ๕ เดือน จงึ เสยี คาย
สมั พันธไมตรีกบั อยุธยา 3. ครูสงั เกตพฤติกรรมความมีสว นรว มในการ
๒๓๐๐ ตอบคาํ ถามและการแสดงความคดิ เห็นของ
๒๒๐๐ นกั เรียน

òñðö òòñö òòóñ òóñð

สมเดจ็ พระมหาจักรพรรดิ สงั ฆราชปลลนู ําพระราชสาสน พระเพทราชายึดอํานาจ เสียกรุงศรอี ยุธยาครงั้ ที่ ๒
ทรงประนีประนอม ของพระเจาหลยุ สที่ ๑๔ และ และสถาปนาตนเองเปน
กับพระเจา บุเรงนอง ศภุ อักษรของสนั ตะปาปา กษัตริย ทรงพระนามวา òòô÷
เคลเมนตท่ี ๙ เขามาถวาย สมเดจ็ พระเพทราชา
โดยมอบพระราเมศวร สมเดจ็ พระนารายณม หาราช พนั ทา ยนรสิงหเตม็ ใจถกู ประหารชวี ติ
เปน องคป ระกนั พรอ ม แมจะไดรบั พระราชทานอภัยโทษแลว
òñô÷ ก็ตาม
ชา งเผือก ๔ เชือก
(สงครามชางเผือก) - ทูตฮอลันดาเขา เฝา สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ๖๓
และเจราจาทําการคา กับอยธุ ยาคร้งั แรก
òñóó - สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทรงยกทพั
ไปตเี มอื งองั วะ และพระองคไดท รงพระประชวร
สมเดจ็ พระนเรศวร และสวรรคตทเี่ มอื งหาง
มหาราชเสดจ็ ข้ึนครองราชย
òñóõ
และพระมหาอปุ ราชา
ยกทพั มาคร้ังแรก สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงทํายุทธหัตถี
ชนะพระมหาอปุ ราชาแหง หงสาวดี

แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETดิ นักเรียนควรรู

ในการศึกษาเหตกุ ารณสาํ คัญทางประวตั ิศาสตรไทยในสมัยอยุธยา 1 ลทั ธสิ ยามวงศ หรอื สยามนิกาย เปน หน่งึ ในพระพทุ ธศาสนานกิ ายเถรวาท
นักเรยี นไดร บั แงคิดอะไรบา ง ในศรลี ังกาทม่ี ผี ูใ หการยอมรับนบั ถือเปนจํานวนมากสบื ตอมาเปนเวลาเกอื บ 300 ป
แนวตอบ ทําใหเราไดเรียนรูวา ในชว งเวลาท่ีกรุงศรอี ยุธยาเปน ราชธานี นับถงึ ปจจุบัน
ของไทยนับตงั้ แตร ะหวาง พ.ศ. 1893-2310 ไดเ กดิ เหตุการณส าํ คญั ทาง 2 เชอวาเลยี ร เดอ โชมองต ในการเดนิ ทางมายงั กรงุ ศรีอยธุ ยา เชอวาเลยี ร เดอ
ประวตั ิศาสตรข นึ้ มากมาย ไมวา จะเปน ดา นการเมอื งการปกครอง เศรษฐกจิ โชมองต ไดบ ันทกึ เร่ืองราวไว โดยพิมพเ ผยแพรเมื่อ พ.ศ. 2229 และมกี ารแปลเปน
สงั คม และความสัมพนั ธร ะหวางประเทศ ซึ่งแสดงใหเ ห็นถึงพฒั นาการความ ภาษาไทยเม่อื พ.ศ. 2428 โดยเจา พระยาภาสกรวงศ (พร บนุ นาค) ซึง่ หอพระสมุด
เจริญรงุ เรืองของอยุธยาในอดตี โดยคนไทยสมัยอยธุ ยาไดพยายามเสริมสราง วชิรญาณไดนาํ มาพิมพเผยแพรใ นประชมุ พงศาวดาร ภาคท่ี 12
อาณาจักรของตนใหเปนปกแผน มั่นคงและมคี วามมงั่ คงั่ ทางเศรษฐกิจ แมว า
อาณาจกั รอยธุ ยาจะมีความเจริญรงุ เรอื งมากเพยี งใดกต็ าม แตท า ยทีส่ ุดดวย บรู ณาการอาเซียน
ปจ จยั ภายนอกและปจจยั ภายในก็สง ผลใหอ ยุธยาเกิดความออนแอ จนเปน
สาเหตทุ ีน่ ําไปสูการลม สลายของอาณาจกั ร อยางไรก็ดี อิทธิพลความเจริญ ครูใหน กั เรยี นคน ควาเก่ยี วกบั เรอ่ื งราว เหตกุ ารณท างประวตั ิศาสตรข องประเทศ
ของอยธุ ยากไ็ ดก ลายเปนแบบอยางในการปกครองราชอาณาจักรไทย สมาชิกอาเซยี นทีเ่ กิดขึ้นรวมสมัยกบั ประวตั ศิ าสตรไทยสมยั อยธุ ยา แลว นําขอมลู
สมยั หลังตอมาท้ังในสมยั ธนบรุ ีและสมยั รตั นโกสนิ ทร จดั ทําเปน เสน เวลา (Timeline) ใหเห็นพัฒนาการทางประวตั ศิ าสตร
คูมือครู
63

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Elaborate
Evaluate Evaluate
ตรวจสอบผล

ครตู รวจสอบความถูกตอ งในการตอบคาํ ถาม ค าํ ถามประจ าํ หนว่ ยการเรียนรู้
ประจาํ หนวยการเรียนรู
๑. การสถาปนาอาณาจักรอยุธยาได้ส�าเรจ็ เกดิ จากปัจจัยอะไรบา้ ง
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู ๒. ความมน่ั คงและความเจรญิ รงุ่ เรืองของอาณาจกั รอยธุ ยาท่ยี นื ยาวถึง ๔๑๗ ป ี เนื่องจากมี

1. การจัดนิทรรศการเกย่ี วกับความเจรญิ รุงเรอื ง ปจั จัยใดสนับสนนุ
และความเสอื่ มของอาณาจักรอยธุ ยา ราชธานี ๓. พฒั นาการของอาณาจกั รอยธุ ยาในด้านการเมืองการปกครอง เศรษฐกจิ สงั คม และความ
ของไทยในอดีต
สมั พนั ธ์ระหวา่ งประเทศมีลักษณะเปน็ อย่างไร จงสรปุ มาพอสงั เขป
2. เรียงความเกี่ยวกบั ผลงานทางศลิ ปกรรมในสมยั ๔. ก ารเสียกรุงศรีอยธุ ยาครง้ั ที่ ๑ และคร้งั ท่ ี ๒ เกดิ จากสาเหตใุ ด และไทยสามารถกู้เอกราช
อยุธยาที่นักเรยี นชนื่ ชอบมากท่ีสดุ
ในแตล่ ะครง้ั ไดอ้ ยา่ งไร
3. แผนพับเกย่ี วกบั ภมู ิปญญาและวัฒนธรรมไทย ๕. ภูมปิ ัญญาและวัฒนธรรมไทยสมยั อยุธยามีความส�าคญั ตอ่ การพัฒนาชาติไทยอย่างไร
สมัยอยุธยา

กจิ กรรมสร้างสรรคพ์ ัฒนาการเรยี นรู้

กจิ กรรมท ่ี ๑ ให้นักเรียนท�าผังมโนทัศน์วิเคราะห์ปัจจัยท่ีส่งผลต่อความเจริญรุ่งเรืองของ
อาณาจกั รอยธุ ยา แล้วนา� ผลงานมาน�าเสนอหน้าช้ันเรียน

กิจกรรมที่ ๒ ให้นกั เรียนแบ่งกลมุ่ กลุม่ ละ ๕ - ๖ คน ชว่ ยกันจดั ทา� เสน้ เวลา (Timeline)
แสดงพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของอาณาจักรอยุธยา ทั้งด้านการเมือง
การปกครอง เศรษฐกิจ สงั คม ความสมั พันธ์ระหวา่ งประเทศ รวมทงั้ การ
เสียกรงุ ศรีอยุธยาครัง้ ท่ี ๑ การเสียกรุงศรอี ยธุ ยาครง้ั ท ่ี ๒ และการกเู้ อกราช
จากน้ันน�าเสนอผลงานหน้าช้ันเรียนและจัดป้ายนิเทศเผยแพร่ความรู้ให้แก่
สมาชิกในโรงเรียน

กิจกรรมที ่ ๓ ให้นักเรียนจัดท�าข้อมูลและภาพประกอบเก่ียวกับภูมิปัญญาและวัฒนธรรม
ไทยสมยั อยุธยามาคนละ ๑ ผลงาน แล้วนา� เสนอหนา้ ช้นั เรยี น

64

แนวตอบ คําถามประจําหนว ยการเรียนรู
1. เกิดจากหลายปจ จัย เชน การมีเมืองสุพรรณบุรีและเมืองลพบรุ เี ปน ฐานอํานาจสําคัญและใหก ารสนับสนนุ ทาํ เลท่ีตัง้ ของกรุงศรอี ยุธยาทเ่ี หมาะแกการเพาะปลูก

และการคาขายกับตา งชาติ การเสื่อมอํานาจของอาณาจักรเขมร เปน ตน
2. มีหลายปจ จยั เชน สภาพภูมิประเทศของอาณาจกั รอยุธยาท่เี หมาะแกก ารเกษตรกรรมและตดิ ตอ คาขายกบั ดนิ แดนอ่นื การมที รพั ยากรธรรมชาติอุดมสมบรู ณโดยเฉพาะ

ผลิตผลจากปา การมีผูนาํ ทม่ี พี ระปรชี าสามารถทางการปกครอง การสรางความสัมพนั ธท างการทตู กบั ตางชาติ เปนตน
3. • ดานการปกครอง มีลักษณะเปน สมมติเทพและความเปน ธรรมราชาเชน เดียวกบั ในสมยั สุโขทัย และมีอคั รเสนาบดฝี ายทหารและฝายพลเรือนแบง หนา ทีก่ ันรับผดิ ชอบ

• ดา นเศรษฐกิจ เศรษฐกจิ ของอยุธยาข้ึนอยูกบั เกษตรกรรมและพาณิชยกรรม
• ดา นสงั คม สังคมอยธุ ยาเปนสังคมศกั ดินาทมี่ ีพระมหากษตั รยิ เปนเจา ของศกั ดนิ าและทรงพระราชทานศกั ดินาใหแ กค นทง้ั ปวง นับตงั้ แตพระบรมวงศานุวงศ ขุนนาง

ไพร ทาส และพระภิกษุสงฆ กลมุ บุคคลเหลานมี้ บี ทบาทหนา ท่ีและความรับผดิ ชอบในสงั คมแตกตา งกันไป
• ดานความสัมพันธระหวางประเทศ มีท้งั เผชญิ หนา ทางทหาร การเจรจาทางการทตู การถวงดุลอํานาจ การคา เพ่อื ความมั่นคงและความเจริญรงุ เรืองของอาณาจกั ร
4. การเสยี กรงุ ศรอี ยุธยาครั้งที่ 1 เกิดจากหลายสาเหตุ เชน การแตกความสามคั คภี ายใน การมีขนุ นางเปนไสศึกใหแ กศตั รู เปนตน แตไ ทยสามารถกเู อกราชไดด วย
พระปรีชาสามารถของพระนเรศวร สวนการเสียกรุงศรีอยุธยาคร้ังที่ 2 เกดิ จากหลายสาเหตเุ ชน กัน เชน การแยง ชิงอํานาจกันเองในหมผู นู ํา การขาดความชาํ นาญ
ในการทาํ สงครามขนาดใหญ การปรบั เปลย่ี นแผนการรบของพมา เปน ตน แตไ ทยสามารถกูเ อกราชไดดวยความสามารถทางการรบของพระยาตาก (สิน)
5. ภูมปิ ญญาและวฒั นธรรมไทย ไดรบั การสรา งสรรคขนึ้ เพือ่ นํามาใชแ กป ญหาในการดาํ รงชวี ติ ของคนในสังคม ดังนัน้ จึงเปนมรดกอนั ลา้ํ คาของคนไทยท่คี นไทยควรอนุรกั ษ
ไวใหค งอยคู ูชาตไิ ทยตอไป

64 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Expore Explain
Engage Expand Evaluate
เปาหมายการเรยี นรู
๓หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี
1. อธิบายการสถาปนาอาณาจกั รธนบรุ ีได
พฒั นาการของ 2. วิเคราะหปจจัยท่มี ผี ลตอ ความเจรญิ รงุ เรือง
อาณาจกั รธนบรุ ี
ของอาณาจกั รธนบุรีได
3. วิเคราะหพัฒนาการของอาณาจกั รธนบรุ ีได
4. ระบภุ มู ปิ ญ ญาและวัฒนธรรมไทยสมยั ธนบรุ ี

และอทิ ธพิ ลของภูมปิ ญ ญาตอการพฒั นา
ชาตไิ ทยได

ตัวชว้ี ัด สมรรถนะของผูเ รยี น

● วเิ คราะหพ์ ฒั นาการของอาณาจกั รอยธุ ยาและ 1. ความสามารถในการส่อื สาร
ธนบุรีในดา้ นต่างๆ (ส ๔.๓ ม.๒/๑) 2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใชทักษะชีวติ
● ระบภุ มู ปิ ญั ญาและวฒั นธรรมไทยสมยั อยธุ ยา
และธนบรุ ี และอทิ ธพิ ลของภมู ปิ ญั ญาดงั กลา่ ว คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค
ต่อการพัฒนาชาตไิ ทยในยคุ ต่อมา
(ส ๔.๓ ม.๒/๓) 1. มีวนิ ัย
2. ใฝเ รยี นรู
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง 3. ซอื่ สัตยสุจริต
4. มงุ ม่นั ในการทํางาน
● การสถาปนาอาณาจกั รธนบรุ ี
● ภูมปิ ัญญาและวฒั นธรรมไทยสมยั ธนบุรี

พระบรมราชานสุ าวรยี สมเดจ็ พระเจา ตากสินมหาราช ณ วงเวยี นใหญ กรุงเทพมหานคร กระตนุ ความสนใจ Engage

¶§Ö áÁÇŒ Ò‹ ÍÒ³Ò¨¡Ñ ø¹ºÃØ ¨Õ дÒí çÍÂä‹Ù ´àŒ ¾ÂÕ §»ÃÐÁÒ³ ñõ »¡‚ ç ครูเลาเรื่องราวโดยยอในการกอบกูเอกราชของ
ʹÔé Ê´Ø ÊÁÂÑ ¸¹ºÃØ Õ áµ¸‹ ¹ºÃØ ¡Õ Áç ¾Õ ²Ñ ¹Ò¡ÒôҌ ¹µÒ‹ §æ ÍÂÒ‹ §ÃÇ´àÃÇç ·§éÑ พระยาตาก (สนิ ) เจา เมอื งตาก ใหนกั เรียนฟง
´ÒŒ ¹¡ÒÃàÁÍ× §¡Òû¡¤Ãͧ àÈÃɰ¡¨Ô 椄 ¤Á áÅФÇÒÁÊÁÑ ¾¹Ñ ¸Ã ÐËÇÒ‹ § จากนน้ั ตัง้ คาํ ถามกระตนุ ความสนใจของนักเรียน
»ÃÐà·È Í¡Õ ·§éÑ Â§Ñ ä´ÁŒ ¡Õ ÒÃÊÃÒŒ §ÊÃäÀ ÁÙ »Ô Þ˜ ÞÒáÅÐÇ²Ñ ¹¸ÃÃÁä·Â เชน
Í¹Ñ Êз͌ ¹ãËàŒ Ë¹ç ¶§Ö ¤ÇÒÁà¨ÃÞÔ Ã§Ø‹ àÃÍ× §¢Í§ÍÒ³Ò¨¡Ñ ø¹ºÃØ ãÕ ¹ÃÐÂÐ
àÇÅÒ˹è§Ö ä´àŒ »š¹Í‹ҧ´Õ • นักเรยี นคิดวา การกอบกเู อกราชของ
พระยาตาก (สิน) กอ ใหเกิดประโยชน
Í‹ҧäáçµÒÁ ÍҳҨѡø¹ºØÃÕ¡çઋ¹à´ÕÂǡѺÍҳҨѡà ตอ บานเมืองอยางไร
ÍÂØ¸ÂÒ·èÕµŒÍ§àÊè×ÍÁÍíҹҨŧ㹷èÕÊØ´ à¾ÃÒФÇÒÁÂØ‹§ÂÒ¡¢Í§ (แนวตอบ ทําใหบานเมอื งเปน อิสระจากการ
ʶҹ¡ÒóÀ ÒÂã¹ ¶§Ö áÁÇŒ Ò‹ ÍÒ³Ò¨¡Ñ ø¹ºÃØ ¨Õ Ðä´ÃŒ ºÑ ¡ÒÃʶһ¹Ò¢¹éÖ ยึดครองของพมา)
ÀÒÂËÅ§Ñ ¡ÒÃàÊÂÕ ¡Ã§Ø ÈÃÍÕ ÂØ¸ÂÒã¹ ¾.È. òóñð ·‹ÒÁ¡ÅÒ§ÊÀÒÇÐ
¡Ò÷Òí ʧ¤ÃÒÁ»¡»Í‡ §ÍÒ³Ò¨¡Ñ áµç ÒÁ ᵡ‹ Êç з͌ ¹ãËàŒ Ë¹ç ¶§Ö ¤ÇÒÁ
àÊÂÕ ÊÅÐáÅФÇÒÁÃÑ¡ªÒµ¢Ô ͧ¤¹ä·Âã¹ÊÁÂÑ ¹¹éÑ ä´´Œ Õ

เกร็ดแนะครู

ครูควรจัดกิจกรรมการเรยี นรูเ พ่ือใหนักเรียนสามารถวเิ คราะหพ ฒั นาการ
ของอาณาจักรธนบุรใี นดา นตา งๆ และระบภุ มู ปิ ญญาและวัฒนธรรมไทยสมัยธนบรุ ี
และอทิ ธพิ ลของภูมิปญ ญาดงั กลาวตอการพฒั นาชาตไิ ทย โดยเนน การพฒั นาทกั ษะ
กระบวนการ เชน ทกั ษะการคิด กระบวนการกลมุ และกระบวนการสบื สอบ
ดงั ตัวอยางตอ ไปน้ี

• ครูแบง กลมุ นกั เรยี นเพื่อใหชว ยกันศึกษาความรูพ ฒั นาการของอาณาจกั รธนบุรี
ในดา นตา งๆ จากหนงั สือเรยี น แลวชวยกันอธบิ ายความรูผานกจิ กรรม
การเรียนรูท่คี รกู าํ หนด จากน้นั ชว ยกันจดั นทิ รรศการประวตั ศิ าสตรไทย
สมัยธนบุรีที่มเี สนเวลา (Timeline) ประกอบ

คูม ือครู 65

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain

กระตนุ ความสนใจ Engage

ครเู ปดเพลง เจาตาก ของแอด คาราบาว ñ. ¡ÒÃʶһ¹ÒÍÒ³Ò¨¡Ñ ø¹ºØÃÕ
ใหนักเรียนฟง จากนั้นตง้ั คาํ ถาม เชน
เมอื่ พระยาตาก (สิน) ขับไล่กองทัพพมา่ ออกไปจากกรงุ ศรอี ยธุ ยาไดแ้ ล้วก็ใหค้ นไปอัญเชญิ
• เมอ่ื ฟง เพลงน้แี ลว นักเรียนเกดิ ความรสู กึ ใด พระบรมวงศานวุ งศข์ องสมเด็จพระทน่ี ั่งสรุ ิยามรินทร ์ (พระเจ้าเอกทัศ) ทีพ่ ากนั ลภ้ี ยั มาพา� นกั อยูท่ ่ี
• นักเรียนไดรบั สาระสาํ คญั และแงค ดิ อะไร เมอื งลพบรุ มี าไวท้ กี่ รงุ ธนบรุ ี และกระทา� การขดุ พระบรมศพของสมเดจ็ พระทน่ี งั่ สรุ ยิ ามรนิ ทรข์ น้ึ มา
ถวายพระเพลิงตามพระราชประเพณี
จากเนือ้ เพลงดังกลา ว ภายหลังจากถวายพระเพลิงพระบรมศพแล้ว พระยาตาก (สิน) ได้ตรวจสภาพท่ัวไปของ
กรุงศรีอยุธยาทั้งหมดแล้วเห็นว่าปราสาทราชมณเฑียร ต�าหนักใหญ่น้อยท้ังอาวาส วิหาร และ
สาํ รวจคน หา Explore บ้านเรือนชาวพระนครถูกข้าศึกเผาท�าลายเสียหายเป็นอันมาก ที่ยังดีนั้นเหลืออยู่น้อย ส่วนใหญ่
มแี ตซ่ ากปรกั หกั พงั และทรดุ โทรมเกนิ กวา่ จะฟน้ื คนื ใหด้ ดี งั เดมิ จงึ ตดั สนิ ใจเลอื กกรงุ ธนบรุ เี ปน็ ทตี่ งั้
1. ครอู ธบิ ายเชือ่ มโยงใหนักเรียนเขาใจวา ราชธานีแหง่ ใหม่
ภายหลังจากการเสียกรงุ ศรอี ยธุ ยาครั้งที่ 2
ใน พ.ศ. 2310 ไดเ พยี งไมนาน คนไทย แผนทแ่ี สดงอาณาเขตของกรุงธนบรุ ใี นสมยั สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราช
ก็สามารถกอบกเู อกราชกลับคนื มาได
และสถาปนากรงุ ธนบุรีเปน ราชธานีแหง ใหม คลองบางลา� พู น

2. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 5-6 คน คลองบางกอกน้อย ๔ ชุมชนลาว 1
คละกันตามความสามารถ เพื่อศึกษาคนควา
เกีย่ วกบั พฒั นาการของอาณาจักรธนบรุ ี คลองบางกอกนอ้ ย เเมน่ ้า� เจ้าพระยา คลองโรงไหม ๕ ชุมชนมลายู วดั สลกั
จากหนังสือเรยี น หนา 66-80 ในประเดน็ วดั อมรนิ ทราราม
ดงั ตอไปนี้ วดั ระฆัง ๖ ชุมชนจีน คลองคูเมอื ง 2
1. การสถาปนาอาณาจักรธนบรุ ี
2. ปจ จัยที่มผี ลตอความเจรญิ รงุ เรอื งของ คลองมอญ ๓ ๗ ชมุ ชนเวยี ดนาม เรือนเจ้าพระยาจกั รี
อาณาจักรธนบรุ ี คลองนครบา๒ล ทขอ่ีอยงขู่อนุาศนัยาง
3. พฒั นาการทางประวัตศิ าสตรข องอาณาจกั ร
ธนบรุ ี ๑ คลองตลาด
4. การเสอื่ มอาํ นาจของอาณาจกั รธนบรุ ี คลองโอ่งอ่าง
วดั ท้ายตลาด

อธบิ ายความรู Explain

1. ครูใหเ วลานักเรียนแตล ะกลุมศึกษาคน ควา วดั เเจ้ง 3 พระราชวงั พระเจา้ กรงุ ธนบรุ ี 4
จากนัน้ สง ตัวแทนมานาํ เสนอสาระสาํ คัญ
ที่หนา ชน้ั เรยี น 66 วดั โพธิ์

2. ครูใหน ักเรียนดูแผนทจี่ ากหนงั สอื เรยี น หนา 66 สถานท่สี า� คัญ
จากนน้ั อภปิ รายรวมกนั ถึงอาณาเขตของ วดั
กรงุ ธนบรุ ใี นสมยั สมเดจ็ พระเจา ตากสนิ มหาราช

นักเรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET
เหตผุ ลท่พี ระยาตาก (สนิ ) ตัดสนิ ใจยา ยท่ีตง้ั ราชธานีใหมภ ายหลังจาก
1 วดั สลกั หรอื ปจจบุ ัน คือ วดั มหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ประชาชนทวั่ ไปนยิ ม กูเอกราชไดแ ลวเปน เพราะอะไร
เรียกวา วดั มหาธาตุ เปนวัดสรา งขน้ึ ในสมัยอยธุ ยา ในสมยั ธนบุรี วดั สลกั มฐี านะเปน แนวตอบ เพราะกรุงศรอี ยธุ ยาไมเหมาะที่จะเปน ราชธานขี องไทยอีกตอไป
พระอารามหลวง โดยเปน ที่พํานกั ของพระราชาคณะมาตลอดสมัยท่ีกรุงธนบุรีเปน ไมว าจะเปนสภาพของกรุงศรอี ยธุ ยาท่ีทรุดโทรมเสยี หายอยา งมากจนยากที่
ราชธานี จะฟน ฟขู ึน้ มาใหม ซง่ึ จะตองใชกําลังคน กาํ ลังทรพั ย และเวลาในการบรู ณะ
2 เรอื นเจา พระยาจกั รี ปจจบุ ันเปนหอไตรวดั ระฆังโฆสิตาราม โดยเจา พระยาจกั รี ซอ มแซมมาก ประกอบกับขา ศึกก็รูชัยภมู ขิ องกรงุ ศรอี ยธุ ยาเปน อยางดีแลว
เม่อื ครั้งรับราชการในสมัยธนบุรีไดใ ชเปน ตําหนักที่ประทบั แผนการปอ งกันกรงุ ศรีอยธุ ยาจึงไมเ ปน ความลบั แกข า ศกึ อกี ตอไป อกี ทง้ั
3 วดั แจง หรือปจจบุ ัน คือ วัดอรุณราชวราราม เดิมชอ่ื วดั มะกอก เปน วัดโบราณ กรุงศรีอยุธยาเปนเมอื งใหญ ซึ่งไมเพยี งพอที่รี้พลของพระยาตาก (สิน)
ท่ีมีมาต้ังแตสมัยอยธุ ยา เมือ่ กรงุ ธนบรุ เี ปน ราชธานี วัดแหง น้ไี ดเปน วดั ในเขต ทม่ี ีจํานวนนอ ยจะรักษาเมืองและตอสูก ับขา ศึกได เพราะขณะนั้นยังตอง
พระราชฐานโดยมีฐานะเปน พระอารามหลวง เผชญิ กับขาศึกที่รกุ รานอยู และคนไทยกย็ งั แตกแยกกระจดั กระจายเปนกก
4 วดั โพธ์ิ ปจจบุ ัน คอื วัดพระเชตพุ นวมิ ลมังคลาราม เดิมชื่อ วัดโพธาราม เปน เหลา ดวยเหตุผลดังกลาวมา พระยาตาก (สนิ ) จึงเล็งเห็นวาทางเลือก
ชาวบา นท่วั ไปนยิ มเรยี ก วัดโพธิ์ เปนวดั โบราณทม่ี ีมาตั้งแตสมยั อยธุ ยา ในสมยั ธนบุรี ท่ีดีที่สดุ สําหรับสถานการณของไทยในขณะน้นั กค็ อื การหาทําเลทีต่ ัง้ เพอ่ื สราง
วัดโพธารามตัง้ อยบู นฝง ตะวนั ออกของแมน้าํ เจา พระยา มีฐานะเปนพระอารามหลวง ราชธานีแหง ใหมขนึ้ มาแทนและไดตัดสนิ ใจเลือกกรุงธนบรุ ที ีม่ ที าํ เลทต่ี ัง้
โดยมีพระราชาคณะปกครอง เหมาะสมเปน ราชธานแี หง ใหม

66 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

การทีพ่ ระยาตาก (สิน) ตดั สนิ ใจเลอื กกรุงธนบุรเี ป็นราชธานแี หง่ ใหม่เนือ่ งจาก 1. ครูต้ังประเดน็ คาํ ถามเก่ียวกับการสถาปนา
๑. รี้พลของพระยาตาก (สิน) ที่มีอยู่ไม่พอจะรักษากรุงศรีอยุธยาไว้ต่อสู้กับข้าศึกท่ียังมี อาณาจักรธนบรุ ีใหน ักเรยี นตอบ เชน
ก�าลังกล้าแข็งอยู่ได้ และกองทัพพม่าก็รู้ชัยภูมิของกรุงศรีอยุธยาแล้วเป็นอย่างดี ประกอบกับ • เพราะเหตใุ ดพระยาตาก (สนิ ) จึงไมต ัง้
กรงุ ศรีอยธุ ยาทรดุ โทรมมากจนยากจะฟื้นฟูได ้ จึงไม่เหมาะจะเป็นราชธานตี อ่ ไป กรงุ ศรอี ยุธยาเปน ราชธานอี ีก
อปุ สรร๒ค.ข กอรงุงขธา้ นศบกึ ุรทีไจ่ีมะ่หเขา่ ง้าไมกาลโจจมากตกี รขุงณศระอีเดยยี ุธวยกาัน เโมดอืยงตธงั้ นอบยู่บุรเีรปเิ วน็ ณเมทือ่ีมงีนปา้�้อลมกึ ปอรยาู่ใกกาลร1ท้ทะี่มเขีล นนาดับยเป่อมน็ (แนวตอบ เพราะกรงุ ศรอี ยุธยาเสียหายมาก
พอเพียงกับก�าลังพลของพระยาตาก (สิน) ที่จะรักษาเมืองไว้ได้ หรือถ้าจ�าเป็นก็ถอยทัพกลับไป จนยากที่จะบูรณะใหกลับมาดีดงั เดมิ
จันทบุรไี ดไ้ มย่ าก นอกจากนี้ กรุงธนบรุ ีอยู่ติดทะเล สามารถตดิ ต่อค้าขายและซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ อกี ทั้งกรงุ ศรอี ยุธยาเปนเมอื งใหญเ กนิ กวา
จากพอ่ ค้าตา่ งชาตไิ ดง้ า่ ย ที่จะรักษาไวไ ดด ว ยกาํ ลงั คนทมี่ อี ยู
ด้วยเหตุน้ี พระยาตาก (สิน) จึงน�าไพร่พลมาต้ังราชธานีแห่งใหม่ที่กรุงธนบุรีและกระท�า จาํ นวนนอ ย ประกอบกับขาศกึ รทู ศิ ทาง
พธิ บี รมราชาภเิ ษกเปน็ พระมหากษตั รยิ ์ ทรงพระนามวา่ สมเดจ็ พระบรมราชาท ่ี ๔ แตค่ นทว่ั ไป ทจี่ ะเขามาตกี รุงศรีอยุธยาแลว ดัวยเหตุผล
เรยี กวา่ สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชหรอื สมเดจ็ พระเจา้ กรงุ ธนบรุ ี อาณาจกั รธนบรุ มี คี วามรงุ่ เรอื ง ดงั กลา วมา กรงุ ศรอี ยุธยาจึงไมเหมาะแก
มาเป็นเวลา ๑๕ ปี ก็สิ้นสุดความเป็นราชธานีลง และเร่ิมต้นราชธานีใหม่ที่กรุงรัตนโกสินทร์ การเปนราชธานีของไทยอีก)
ภายใตร้ าชวงศจ์ ักรีใน พ.ศ.๒๓๒๕ • ทําไมพระยาตาก (สนิ ) จงึ ตัดสนิ ใจเลอื ก
กรงุ ธนบุรีเปน ราชธานีแหงใหมข องไทย
๒. ปจั จยั ที่มผี ลต่อความเจริญรงุ่ เรืองของอาณาจักรธนบุรี (แนวตอบ มหี ลายเหตุผล ไดแ ก กรงุ ธนบุรี
เปน เมืองปอ มปราการทม่ี ีขนาดยอม
ภายหลังจากที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้สถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานีใน พ.ศ. ซ่ึงพอเพยี งกับกาํ ลงั คนที่จะรักษาเอาไวได
๒๓๑๑ เป็นตน้ มา อาณาจกั รธนบุรกี ็เรม่ิ มีความเปน็ ปึกแผน่ มกี ารขยายพระราชอาณาเขตออกไป หรือถา จาํ เปนก็ถอยทพั กลบั ไปจันทบรุ ีได
อย่างกว้างขวาง การค้าขายกับต่างประเทศโดยเฉพาะการค้าขายกับพ่อค้าจีนก็ขยายตัวมากขึ้น ไมย าก อีกทง้ั ตัง้ อยูบ รเิ วณที่มนี า้ํ ลึกใกล
มกี ารพัฒนาด้านต่างๆ เช่น การเมืองการปกครอง เศรษฐกจิ สังคม ความสมั พันธร์ ะหวา่ งประเทศ ทะเล ซึ่งเปนอปุ สรรคของขาศึกที่จะเขามา
การสรา้ งสรรค์ภมู ิปัญญาและวัฒนธรรมไทยตามล�าดับ โจมตแี ละยังสะดวกในการติดตอคา ขายกับ
ตางชาติ นอกจากน้ี การทีก่ รุงธนบรุ ตี ้ังอยู
เรื่องนา่ รู้ ไมไกลจากราชธานเี ดมิ มากนกั จึงเปน แหลง
รวบรวมผูคนไดด ี)
พระนามของสมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราช
2. ครูใหน ักเรยี นวาดเสน ทางการกอบกูเอกราช
จากหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรท์ ป่ี รากฏพระนามของสมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชมอี ยมู่ ากมาย เชน่ ของพระยาตาก (สนิ ) จนถงึ การตัง้ ราชธานี
๑. พพรระะรราาชชพกาำงหศนาวดดขาอรงฉพบรบัะพเจรา้ ะกรรางุ ชธหนตับถรุ เวี ลา่ ขดาว้ ยเรศยี ลี กสวกิา่ ขสาม2 เเดรยีจ็ กพวรา่ ะบพรรมะรเจาา้ชการทงุ ่ี ธ๔นบรุ ี แหง ใหมทกี่ รุงธนบรุ ลี งในแผนที่โครงราง
๒. ประเทศไทย จากน้ันนําเสนอหนาชน้ั เรียน
๓. ศุภอักษรเสนาบดีกรุงธนบุรีกำากับพระราชสาสน์ท่มี ีถึงอัครเสนาบดีกรุงศรีสัตนาคนหุต เรียกว่า
พระศรสี รรเพชญ
๔. หนังสือต้ังเจ้านครศรีธรรมราชในสมัยธนบุรี (พบสำาเนาในสมัยรัชกาลท่ี ๕) เรียกว่า สมเด็จ
พระศรสี รรเพชญ แตท่ น่ี ยิ มใชก้ นั อยใู่ นปจั จบุ นั คอื สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชหรอื สมเดจ็ พระเจา้ กรงุ ธนบรุ ี
๕. พระราชพงศาวดารกรงุ กมั พชู า เรยี กวา่ พระเจา้ ตาก (สนิ )

67

กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู

ครูต้งั ประเด็นเกยี่ วกับเหตผุ ลท่ที ําใหพ ระยาตาก (สนิ ) ตดั สนิ ใจเลอื ก ครอู าจนาํ แผนที่กรงุ ธนบุรสี มัยสมเดจ็ พระเจาตากสนิ มหาราชมาใหน ักเรยี นดู
กรุงธนบรุ ีเปนราชธานแี หงใหม จากนัน้ ใหน กั เรียนคน ควา คําตอบจากแหลง แลวชี้ใหน กั เรยี นเห็นขอดขี องทาํ เลทต่ี งั้ ของกรุงธนบรุ แี ละขอเสียท่ที ําใหร ชั กาลที่ 1
การเรยี นรตู างๆ เพมิ่ เติม แลว จัดทําเปนผงั มโนทัศนนาํ เสนอหนา ชนั้ เรยี น ทรงตัดสนิ ใจยายราชธานีไปยงั ฝง ตะวนั ออกในภายหลงั ตอ มา

กิจกรรมทาทาย นักเรยี นควรรู

ครูใหนกั เรยี นวิเคราะหเ กย่ี วกบั ปจจยั ท่ีทาํ ใหพ ระยาตาก (สนิ ) ตัดสินใจ 1 เมอื งปอ มปราการ โดยมีปอ มวไิ ชยประสทิ ธิ์ หรือเดิมเรียกวา ปอมวิไชเยนทร
เลือกกรงุ ธนบรุ ีเปน ราชธานแี หง ใหม แลว เปรยี บเทียบกับปจ จัยท่ที ําให เปน ปอ มปราการของเมอื งบางกอกหรือธนบรุ ี ปอ มนส้ี รา งขึน้ ในสมยั สมเดจ็
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (อูทอง) ทรงเลอื กกรุงศรีอยธุ ยาเปนราชธานี พระนารายณมหาราช คร้ันในสมยั ธนบรุ ี สมเดจ็ พระเจาตากสนิ มหาราชโปรดให
วา มีความเหมือนหรอื แตกตา งกนั อยา งไร โดยใหส รปุ ผลการวเิ คราะหลงใน ปรบั ปรุงปอ มและพระราชทานชื่อวา ปอมวไิ ชยประสทิ ธิ์
สมุดจดงานสงครผู สู อน 2 พระราชกาํ หนดของพระเจา กรงุ ธนบรุ วี า ดว ยศลี สกิ ขา ตราขึ้นเม่ือ พ.ศ. 2316
เปนกฎหมายวาดวยวัตรปฏบิ ัติในทางธรรมวินยั ของพระภกิ ษสุ งฆ ถือเปน ตน ฉบับ
กฎหมายพระสงฆฉ บับแรกของไทย

คมู ือครู 67

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

ครูใหนักเรียนชว ยกนั แสดงความคิดเห็นวา การทอี่ าณาจกั รธนบรุ มี คี วามเจริญรุง่ เรืองเพราะมปี ัจจัยส�าคญั ดังนี้
การท่อี าณาจักรธนบุรสี ามารถฟน ฟบู า นเมอื ง ความเขม้ แขง็ ทางดา้ นการทหาร
ใหกลับคนื สสู ภาพปกติและมคี วามเจริญรงุ เรอื ง หลงั จากการเสียกรงุ ศรอี ยธุ ยาใน พ.ศ. ๒๓๑๐ สมเด็จพระเจ้าตากสนิ มหาราชไดท้ รงรวบรวม
ทง้ั น้ีเปนเพราะปจ จยั ใด ชุมนุมต่างๆ ที่ต้ังตัวเป็นใหญ่เข้ามาอยู่ภายใต้อ�านาจของพระองค์ได้เป็นผลส�าเร็จ นอกจากนี้
พระองค์ยังมีแม่ทัพท่ีมีความสามารถ เช่น สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก เจ้าพระยาสุรสีห์
(แนวตอบ มหี ลายปจ จยั เชน พระยาพิชัย (ดาบหัก) เปน็ ต้น และการท่รี ฐั ตา่ งๆ ไมส่ ามารถรบชนะธนบรุ ไี ด้เหมอื นสมัยอยุธยา
• ปจจยั ทางความเขม แข็งดานการทหาร ก่อนจะเสยี กรงุ ทา� ใหอ้ �านาจทางทหารของธนบรุ ีเปน็ ทนี่ ่าเกรงขามของข้าศกึ สง่ ผลให้ธนบรุ ีขยาย
อาณาเขตออกไปได้กวา้ งขวางมากข้ึน
โดยสมเด็จพระเจา ตากสนิ มหาราชทรงมี
แมทพั ทีม่ คี วามสามารถ เชน สมเดจ็ นโยบายฟน้ื ฟเู ศรษฐกจิ
เจาพระยามหากษัตริยศึก เจา พระยาสุรสีห ในระยะแรกของการสถาปนาอาณาจกั รธนบรุ ี เศรษฐกจิ ของธนบรุ ตี กตา่� ลงมาก สบื เนอื่ งมาจาก
พระยาพชิ ัย (ดาบหกั ) เปน ตน ซงึ่ นอกจาก สงครามเสยี กรงุ ศรอี ยธุ ยา สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชทรงใชน้ โยบายแกไ้ ขปญั หาดา้ นเศรษฐกจิ
จะทาํ ใหข า ศึกไมอ าจรกุ รานไทยไดงายแลว อย่างเร่งด่วน เช่น การแก้ปัญหาเรื่องขาดแคลนข้าวสาร ข้าวเปลือก การอาศัยพ่อค้าส�าเภาจีน
ธนบุรยี งั สามารถขยายอาณาเขตออกไป ช่วยแก้ไขให้การค้าฟื้นตัว การส่งเสริมให้ราษฎรท�านา เพาะปลูก เป็นต้น เศรษฐกิจจึงได้เริ่ม
ไดก วางขวางมากขนึ้ ฟ้ืนตัวอยา่ งรวดเรว็
• ปจ จยั ทางนโยบายฟน ฟเู ศรษฐกิจ
โดยสมเดจ็ พระเจา ตากสินมหาราชทรงดําเนิน นโยบายฟน้ื ฟพู ระพทุ ธศาสนา
นโยบายแกไ ขปญหาเศรษฐกจิ อยางเรงดวน สมเด็จพระเจ้า1ตากสินมหาราชทรงให้ความส�าคัญกับพระพุทธศาสนาเป็นอย่างย่ิง โดยเฉพาะ
เชน การรับซ้ือขา วสาร เพือ่ นาํ มาแจกจาย ทรงฟน้ื ฟคู ณะสงฆท์ เี่ สอื่ มโทรมลงไปมากเมอื่ คราวสงครามเสยี กรงุ ศรอี ยธุ ยาใหเ้ จรญิ รงุ่ เรอื งดงั เดมิ
ใหแกราษฎร การอาศยั พอ คา ชาวจีนชวย เพราะพระพทุ ธศาสนาถอื เปน็ หลกั สา� หรบั การดา� เนนิ ชวี ติ ของคนไทยในสมยั นนั้ ถา้ คณะสงฆม์ คี วาม
แกไขใหก ารคาฟน ตัว การสง เสรมิ ใหร าษฎร มัน่ คงและเคร่งครดั ตอ่ การรกั ษาศีล ประพฤติธรรม ก็จะช่วยจรรโลงสังคมไทยสมยั นน้ั ได้มาก
ทาํ นา เพาะปลูก เปนตน
• ปจจยั ทางนโยบายฟน ฟพู ระพุทธศาสนา ดว้ ยปจั จยั สา� คญั ทงั้ ๓ ประการ ทา� ใหก้ รงุ ธนบรุ มี คี วามเจรญิ รงุ่ เรอื งขนึ้ อยา่ งรวดเรว็ ถงึ แมว้ า่
โดยสมเดจ็ พระเจาตากสนิ มหาราชทรงฟน ฟู จะมีระยะเวลาเพียง ๑๕ ปเี ทา่ นั้น
คณะสงฆท เ่ี สอ่ื มโทรมลงเมอื่ คราวเสยี กรงุ
ใหเจรญิ รงุ เรอื งดงั เดิม) ๓ . พตฒัลอดนระายกะเาวรลาทที่าอางณปาจรักะรวธนัตบศิ ุรีมาีกสรุงตธรนบข์ ุรอ2ีเปง็นอราาชณธานาีขจอกั งไรทธยเนป็นบเวรุ ลีา ๑๕ ปี (พ.ศ.

๒๓๑๐ - ๒๓๒๕) ในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้มีพัฒนาการทางด้านต่างๆ ไม่ว่า
จะเป็นด้านการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ สังคม ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมท้ังการ
สร้างสรรค์ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยตามสภาพแวดล้อมของบ้านเมืองที่อยู่ในภาวะสงคราม
ขณะนั้น ซ่ึงมรี ายละเอียดโดยสรุป ดงั ต่อไปน้ี

68

นกั เรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET
“ถึงแมว า กรุงธนบรุ ีจะเปนราชธานขี องไทยเพยี งชว งระยะเวลาสน้ั ๆ แค
1 ฟน ฟคู ณะสงฆ เชน ทรงแตง ตัง้ พระสงั ฆราชาคณะสําหรับดแู ลพระสงฆใ หตงั้ 15 ป แตก พ็ ัฒนาบานเมอื งใหมีความเจรญิ รงุ เรืองขึน้ มาได” จากขอความ
อยูใ นธรรม ทรงสง เสริมใหพ ระภกิ ษุ สามเณร ไดศ กึ ษาพระไตรปฎ ก โปรดใหสราง ดังกลาว นกั เรียนเหน็ ดว ยหรือไม จงยกเหตผุ ลสนบั สนนุ
วหิ าร กฏุ ิสาํ หรบั คณะสงฆเ ปนจาํ นวนมาก ทรงจางใหช างจารพระไตรปฎ กในใบลาน แนวตอบ เหน็ ดวย ดังจะเหน็ ไดจ ากพระราชกรณยี กจิ ของสมเด็จพระเจา
จบทั้ง 84,000 พระธรรมขนั ธ ทรงชาํ ระพระสงฆท่ีขาดศลี ธรรมวินยั เปนตน ตากสินมหาราชทีท่ รงปฏบิ ัติในดา นตา งๆ ไมวา จะเปนดา นการเมือง ทท่ี รง
2 กรงุ ธนบรุ ี ชื่อทางการในฐานะเปนราชธานี คือ กรุงเทพมหานคร บวรทวาราวดี ปราบปราม ปองกนั และขยายอาณาเขตของอาณาจักรใหก วา งขวาง
ศรีอยุธยามหาดิลกภพนพรตั น ราชธานบี ุรีรมยอ ุดมพระราชมหาสถาน สวนชื่อ ทาํ ใหอาํ นาจทางการเมืองของกรงุ ธนบรุ มี ีความมน่ั คงและเขมแข็งมากข้ึน
กรุงธนบรุ ีเปนช่อื เรียกทั่วๆ ไปอยา งไมเปน ทางการ กรงุ ธนบุรีตงั้ อยูทเี่ มืองธนบุรเี ดิม ดานเศรษฐกจิ ทรงใชน โยบายแกไ ขปญหาเศรษฐกจิ ตางๆ ที่กําลงั ประสบ
ซ่ึงเมืองธนบรุ ีหรอื เมืองบางกอกมีความสาํ คัญมาต้งั แตส มัยอยธุ ยา ในฐานะเปน จนทําใหเ ศรษฐกิจของกรงุ ธนบรุ ีเริม่ ฟน ตวั ขนึ้ ตามลาํ ดับ ดานศาสนา
เมอื งหนา ดา นทางทะเล โดยปรากฏช่อื ในพระราชพงศาวดารสมยั สมเดจ็ พระมหา ทรงฟน ฟศู าสนาโดยชําระความบริสทุ ธ์ขิ องพระสงฆ โปรดใหม ีการคัดลอก
จกั รพรรดิวา เมอื งธนบรุ ศี รมี หาสมทุ ร แตคนทั่วไปนยิ มเรียก ธนบรุ ี ความสําคญั พระไตรปฎก มกี ารสรา งพระอโุ บสถ วหิ าร และบรู ณะวดั วาอารามตา งๆ
ของเมอื งธนบรุ ีเพ่มิ มากขน้ึ เม่อื การคากับตางประเทศเจริญรุงเรืองในสมัยสมเด็จ ดา นศลิ ปวฒั นธรรม มกี ารสรา งพระราชวงั กรงุ ธนบรุ ี มกี ารแตงวรรณกรรมบา ง
พระนารายณม หาราช พระองคโปรดใหกองทหารฝรัง่ เศสสรางปอ มขนึ้ สองฝงของ โดยสมเด็จพระเจา ตากสนิ มหาราชทรงพระราชนพิ นธเ องและกวีคนอ่นื ๆ
แมน า้ํ เพื่อปอ งกันขาศึกทม่ี าทางทะเล เรียกวา ปอมวิไชเยนทร แตง ข้นึ ดวย เชน บทพระราชนิพนธเรอ่ื งรามเกยี รติ์บางตอน โคลงยอ
พระเกยี รตพิ ระเจา กรุงธนบรุ ี นิราศกวางตุง เปนตน
68 คูมือครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

๓.๑ พัฒนาการดา้ นการเมอื งการปกครอง 1. ครูทดสอบความรูโดยใหน กั เรียนแบง ออกเปน
กลุมใหม กลมุ ละ 4 คน แตล ะคนมหี มายเลข
การเมืองการปกครองของอาณาจักรธนบุรีในภาวะสงครามภายหลังการเสียกรุงศรีอยุธยา ประจําตวั 1, 2, 3, 4 เพอื่ ตอบคําถามเกีย่ วกับ
มีลักษณะ ดงั นี้ พัฒนาการทางประวัตศิ าสตรของอาณาจักร
ธนบรุ ีในดา นตางๆ จากบตั รคําถามท่ี
๑) การสร้างความเปนปก แผ่นของอาณาจกั รธนบุรี ภายหลงั เสียกรงุ ศรอี ยธุ ยา ครูเตรียมไว โดยใหปฏบิ ตั กิ ิจกรรม ดงั นี้
สมาชกิ หมายเลข 1 อานคําถาม
ใน พ.ศ. ๒๓๑๐ ขณะท่ีพระยาตาก (สิน) ได้รวบรวมไพร่พลและอาวุธยุทโธปกรณ์ตั้งม่ันอยู่ท่ี สมาชิกหมายเลข 2 วิเคราะหคาํ ถาม
กเมรือุงธงจนันบทุรีเบปุร็นีกร่อานชทธี่จาะนเีพขร้า้อมมากกอับบกกระู้กทรุ�งาศพริธีอีบยรุธมยราาใชหา้พภ้นิเษจาก1กขเึ้นงื้เอปม็นมพือรขะอมงหพามก่าษไัตดร้ ิยแ์นลั้นะส ถบารปรดนาา และหาคาํ ตอบ
หัวเมืองต่างๆ ที่รอดพ้นจากการรุกรานของพม่าก็พยายามตั้งตัวเป็นใหญ่เหนือหัวเมืองอ่ืนๆ สมาชิกหมายเลข 3 ตรวจสอบคําตอบ
จนกระทั่งมีชุมนุมต่างๆ ที่ตั้งตัวเป็นใหญ่ท้ังหมด ๕ ชุมนุม รวมทั้งชุมนุมของสุก้ีพระนายกอง สมาชิกหมายเลข 4 นําเสนอคําตอบของกลมุ
ที่พม่าปล่อยให้ท�าหน้าที่เก็บทรัพย์สิน กวาดต้อนเชลยส่งไปยังพม่า รวมท้ังหมด ๖ ชุมนุม
ดังนี้ 2. ครแู จกบตั รคําถามเกยี่ วกับพฒั นาการดาน
การเมืองการปกครอง โดยคาํ ถาม เชน
แผนทีแ่ สดงท่ีตงั้ ของชุมนมุ ทม่ี อี ิทธพิ ลในต้นสมยั ธนบรุ ี • นอกจากชุมนุมพระยาตาก (สนิ ) แลว
ยังมีชุมนมุ คนไทยใดอกี บา งทต่ี ั้งตวั เปนใหญ
มชีเจุม้านพมุ รเะจฝา้ าพง ร(ะเฝรืาองน) 2 พระยชามุพนิษมุ ณุโลก และแตละชุมนมุ ตัง้ มั่นอยูทใ่ี ด
สเปว็นางหควั บหุรนี3า้ อยทู่ ี่เมือง มี พ ร ะ ย า พิ ษ ณุ โ ล ก • การปราบปรามชุมนมุ ตา งๆ ไดเ ปน
(เรอื ง) เปน็ หวั หนา้ อยทู่ ่ี ผลสาํ เรจ็ กอ ใหเกิดผลดตี อ กรุงธนบุรี
เมอื งพษิ ณโุ ลก อยางไร
• หลังการสถาปนากรงุ ธนบุรี สมเดจ็ พระเจา
ชุมนุมพระยาตาก พษิ ณโุ ลก ชมุ นุมเจา้ พิมาย ตากสินมหาราชทรงปกครองอาณาจกั ร
(สิน) อยธุ ยา อยา งไร
มีกรมหม่ืนเทพพิพิธ
มสี มเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ พระราชโอรสในสมเดจ็
มหาราชเปน็ หวั หนา้ อยทู่ ี่ พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
กรุงธนบรุ ี เปน็ หัวหนา้ อยทู่ เี่ มือง
พิมาย

ชมุ นุมเจ้า พชระุมนนาุมยสกุกอ้ี ง
นครศรีธรรมราช มีสุก้ีพระนายกองเป็น
หัวหน้า อยู่ที่ค่ายโพธิ์
(มหีเนจ้า)ู4 นเปคน็ รหศวัรหีธรนรา้ ม อรยาทู่ช ี่ สามตน้ ดา้ นเหนอื ของ
กรงุ ศรีอยธุ ยา
เมอื งนครศรธี รรมราช
6๙

กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรยี นควรรู

ครูใหน ักเรยี นสืบคน เกี่ยวกบั แผนการดาํ เนนิ การของพระยาตาก (สิน) 1 พธิ บี รมราชาภเิ ษก ทางราชการไดกาํ หนดใหว นั ท่ี 28 ธันวาคมของทุกป
ในการปราบปรามชมุ นุมคนไทยตางๆ ทตี่ ง้ั ตัวเปน ใหญ โดยนาํ ขอมูลจดั ทาํ เปนวนั รําลึกการขึ้นครองราชยข องสมเด็จพระเจา ตากสินมหาราช ซึ่งมกี ารจดั
เปนบันทกึ ผลการคนควาสงครผู ูสอน พระราชพธิ ถี วายราชสกั การะแดพระบรมราชานุสาวรยี สมเด็จพระเจา ตากสิน
มหาราช ทีว่ งเวียนใหญ ฝง ธนบรุ ี
กจิ กรรมทาทาย
2 เจา พระฝาง (เรอื น) เปนประมุขของคณะสงฆท เ่ี มืองสวางคบรุ ี อยูทวี่ ัดพระฝาง
ครใู หนักเรยี นวาดเสนทางการปราบปรามชมุ นมุ คนไทยตา งๆ ที่ตงั้ ตัว ตง้ั ตวั เปน เจา ขน้ึ ทงั้ ๆ ทเี่ ปน พระ ชาวบา นนยิ มเรยี กวา เจา พระฝาง มวี ทิ ยาคม และมี
เปน ใหญล งในแผนทโี่ ครงรา งประเทศไทย พรอ มทงั้ จดั ทาํ เสน เวลา (Timeline) ผูนับถือมากวาเปนผูว ิเศษ
แสดงเหตกุ ารณส าํ คญั ทางประวัตศิ าสตรท่ีเกิดขึน้ ในชว งทดี่ ําเนนิ การ
ปราบปราม ตกแตงระบายสใี หส วยงาม แลว นาํ เสนอท่หี นา ชั้นเรียน 3 เมอื งสวางคบรุ ี อยูเ หนอื เมอื งพชิ ัย มอี าณาเขตตอ แดนเมอื งแพร- นา น
และเมืองหลวงพระบาง ปจจุบนั อยูใ นเขตอําเภอพชิ ยั จงั หวดั อุตรดิตถ

4 เจา นครศรธี รรมราช (หน)ู ชาวบา นนยิ มเรยี กวา เจานคร เปน เชื้อสายเจา เมอื ง
นครศรีธรรมราช เขาถวายตวั รับราชการจนไดเ ปน ปลดั เมืองนครศรีธรรมราช ตอมา
พระยานครเดมิ มคี วามผิดจนตอ งออกจากตําแหนง พระปลดั ไดร้งั ราชการจนเสยี
กรงุ ศรีอยธุ ยา จึงไดตง้ั ตัวเปน เจา แทน
คูม อื ครู 69

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

1. ครูใหเวลานกั เรียนแตละกลุมระดมความคดิ อย่างไรก็ดีเพ่ือความเป็นปึกแผ่นในการท�าศึกกับพม่าต่อไป สมเด็จพระเจ้าตากสิน
ในการตอบคาํ ถาม จากนั้นสงตวั แทนออกมา มหาราชทา� การปราบปรามชมุ นมุ ตา่ งๆ ทตี่ ง้ั ตนเปน็ ใหญจ่ นอยภู่ ายใตพ้ ระราชอา� นาจของพระองค์
ตอบหนาชน้ั เรยี น ได้ส�าเรจ็ ทา� ให้อาณาเขตของอาณาจกั รธนบุรขี ยายกวา้ งออกไปมากขน้ึ ในขณะเดยี วกันกส็ ะทอ้ น
ให้เห็นถึงความเป็นเอกภาพทางการเมืองภายในของไทยในยุคที่มีกรุงธนบุรีเป็นราชธานีในระยะ
2. เม่อื แตล ะกลมุ ตอบครบ ครเู ฉลยคําตอบ เร่มิ แรกได้ดีพอสมควร
(แนวตอบ
• ชมุ นุมเจาพระฝาง ตัง้ มั่นอยทู ีเ่ มืองสวางคบรุ ี ๒) ลกั ษณะของการปกครองอาณาจกั ร หลงั จากทสี่ มเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราช
ชุมนมุ เจาพระยาพษิ ณโุ ลก ต้งั มน่ั อยทู ่ีเมือง
พิษณุโลก ชุมนมุ เจา พิมาย ตัง้ มนั่ อยทู ่ีเมือง สถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานีได้แล้ว ต้องทรงจัดการดูแลปกครองหัวเมืองต่างๆ ท่ียังมีผู้คน
พิมาย ชมุ นมุ สกุ พี้ ระนายกอง ตง้ั มนั่ อยทู ่ี อาศยั อย่ ู เพอ่ื ประโยชน์ในการรวบรวมก�าลังคนส�าหรบั ใชใ้ นการผลิตและการทา� สงคราม พระองค์
คา ยโพธส์ิ ามตน ดานเหนือของกรงุ ศรอี ยธุ ยา ทรงตง้ั ขา้ ราชการออกไปรกั ษาหวั เมอื งใหญน่ อ้ ยทงั้ หลายทมี่ ผี คู้ นพอจะรวมตง้ั เปน็ เมอื งไดโ้ ดยเรว็
และชมุ นุมเจา นครศรธี รรมราช ตง้ั มนั่ อยทู ่ี ได้แก่ กรงุ เกา่ (กรงุ ศรอี ยธุ ยาเดิม) ลพบรุ ี อ่างทอง ฉะเชงิ เทรา ระยอง จนั ทบรุ ี ตราด นครชัยศร ี
เมอื งนครศรธี รรมราช สมทุ รสงคราม เพชรบรุ ี รวมทงั้ หมด ๑๐ เมอื งในระยะแรก ตอ่ มาภายหลงั จากปราบชมุ นมุ การเมอื ง
• ทาํ ใหค นไทยรวมตัวกนั ไดเ ปน ปก แผน กอ ให ตา่ งๆ ไดอ้ ย่างราบคาบภายใน พ.ศ. ๒๓๑๓ พระราชอาณาเขตของอาณาจักรธนบุรีก็เร่ิมกลบั คืนสู่
เกดิ เอกภาพทางการเมอื งภายใน และสามารถ สภาพเดมิ ในสมยั อยธุ ยา ยกเวน้ เมอื งตะนาวศร ี เมอื งมะรดิ หวั เมอื งลา้ นนาทต่ี กอยกู่ บั พมา่ สว่ น
ทจ่ี ะรวมกาํ ลังกันเพ่อื ปอ งกันการรกุ รานของ เขมร ลา้ นชา้ ง มลาย ู ซงึ่ เคยเปน็ ประเทศราชยงั เปน็ อสิ ระอย ู่ ทงั้ นเ้ี ปน็ เพราะกรงุ ธนบรุ มี ภี าระสา� คญั
ขา ศกึ ได นอกจากนย้ี งั ทําใหก รุงธนบรุ ไี ด ในการขับไล่กองทัพพม่าให้พ้นไปจากอาณาเขตของอาณาจักรธนบุรี ขณะเดียวกันก็ต้องเตรียม
เมืองข้นึ ของกรุงศรอี ยธุ ยาเขา มาไวใน การปอ้ งกนั กองทพั พม่าทอ่ี าจหวนกลับมารกุ รานไทยอกี ดว้ ย
พระราชอาณาเขตท้งั หมด ยกเวนบางเมอื ง
ทีย่ ังแข็งเมืองอยู เสน้ เวลา
• พระองคท รงต้ังขาราชการออกไปรักษา แสดงการปราบชมุ นมุ ตา่ งๆ ของสมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราช
หัวเมืองใหญนอยทง้ั หลายท่มี ผี คู นพอจะ
รวมตง้ั เปนเมืองโดยเรว็ ไดแ ก กรงุ เกา ตกไี รดมเ้ มหือมงืน่ พเิมทาพ๒ยพ๓ขิพ๑อ๑ธิง1 ๒๓๑๓
(กรุงศรีอยธุ ยาเดิม) ลพบุรี อางทอง
ฉะเชิงเทรา ระยอง จันทบุรี ตราด นครชยั ศรี เปยมึดรอื าเมงบสือเจวงาา้ พงพิษครณบะฝรุ ุโลแีางกละ 2
สมทุ รสงคราม และเพชรบรุ ี รวมเปน 10 เมอื ง
ในระยะแรก ตอมาหลังจากปราบชุมนุม พ.ศ. ๒๓๑๐ ๒๓๑๑ ๒๓๑๒ ๒๓๑๓
ตา งๆ ไดแ ลว พระราชอาณาเขตของกรงุ ธนบรุ ี
ก็เรม่ิ กลบั คนื สสู ภาพเดิมในสมัยอยุธยา)

๒๓๑๐ ๒๓๑๒
ตีไดค้ ่ายโพธิ์สามตน้ ตไี ดเ้ มืองนครศรธี รรมราช
ของสกุ พ้ี ระนายกอง

70

นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET
ภายหลังท่ีสมเดจ็ พระเจาตากสนิ มหาราชทรงกอบกเู อกราชไดส าํ เร็จ
1 กรมหมนื่ เทพพพิ ธิ ชาวบา นเรยี กวา เจา พมิ าย เปน โอรสในสมเดจ็ พระเจา อยูหัว ขอ ใดนบั วา เปน จดุ เรม่ิ ตนของการรวบรวมพระราชอาณาจักรทแี่ ตกแยก
บรมโกศท่ีเกดิ แตพ ระสนม ครน้ั เมอ่ื สมเดจ็ พระเจา อยหู ัวบรมโกศสวรรคต กรมหมื่น ใหเปนอันหนึง่ อนั เดียวกนั
เทพพพิ ิธไดส นบั สนนุ ใหเจาฟาอุทุมพร ซึง่ ดาํ รงตาํ แหนงกรมพระราชวงั บวรสถานมงคล 1. ปราบปรามกลมุ ชมุ นมุ ตา งๆ
หรอื วงั หนา ไดครองราชสมบตั ิ แตเ จาฟาอุทุมพรทรงยกราชสมบัติใหแกเ จา ฟาเอกทัศ 2. รบชนะดนิ แดนตางๆ ใกลเคยี ง
และในสมยั สมเด็จพระเจา อยหู ัวเอกทัศ กรมหมืน่ เทพพพิ ธิ ไดท รงผนวชและตอ มา 3. สถาปนากรงุ ธนบรุ ีเปนราชธานี
คดิ กบฏ จึงถูกเนรเทศไปอยูลงั กา ภายหลังไดท ราบขา วทพั พมา ลอมกรุง จึงหาโอกาส 4. จดั ระบบการปกครองใหเ ปน ระเบียบ
หลบหนีมาอยุธยาอกี โดยมาอยทู เี่ มอื งมะรดิ เมอื งเพชรบรุ ี และเมืองจนั ทบรุ ี ตามลาํ ดบั วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. เมือ่ สมเดจ็ พระเจา ตากสินมหาราชทรง
ตอมาชาวเมืองไดพากันมาสวามิภกั ดเ์ิ พ่ือใหเปนหัวหนา สูก ับทัพพมา จนหลังเสยี กรุง กอบกเู อกราชจากพมา ไดแลว พระองคท รงเห็นถึงความจําเปน อยางเรง ดว น
กรมหม่นื เทพพพิ ิธไดไ ปต้งั ตัวเปนเจาขึน้ ทเี่ มืองพมิ าย นครราชสีมา ในการรวบรวมกลุมชุมนมุ ซง่ึ ต้งั ตวั เปน ใหญตามที่ตางๆ เขามาไวภายใต
2 ปราบเจา พระฝาง เมอื งสวางคบรุ ี และยดึ เมอื งพษิ ณโุ ลก ทาํ ใหธนบุรจี ดั การ พระราชอํานาจ เพื่อเสริมสรา งเอกภาพและความเปน ปก แผน ของพระราช-
หวั เมอื งเหนอื ไดท ง้ั หมด ซงึ่ หัวเมืองเหนอื ในขณะนั้น ไดแก พษิ ณโุ ลก สวางคบรุ ี อาณาจกั ร จะไดผ นกึ กาํ ลงั กันตอสูกับขาศึกได โดยเร่มิ จากปราบปรามชุมนมุ
พิชยั (เดมิ เรียกวา ทงุ ย้งั บางโพธิ์ ปจ จบุ นั อยูในจงั หวดั อตุ รดิตถ) สวรรคโลก สโุ ขทัย พระยาพษิ ณโุ ลก ชุมนมุ เจา พิมาย ชมุ นมุ เจานครศรธี รรมราช และชุมนมุ
กาํ แพงเพชร และนครสวรรค เจา พระฝางเปนแหง สดุ ทา ย ซง่ึ สมเดจ็ พระเจา ตากสนิ มหาราชทรงปราบปราม
กลมุ ชุมนมุ ทัง้ 4 กลุมเปน ผลสาํ เร็จใน พ.ศ. 2313
70 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

สา� หรบั ลกั ษณะการปกครองสมยั ธนบรุ นี า่ จะยงั คงยดึ แบบอยา่ งสมยั อยธุ ยาตอนปลาย 1. ครใู หน กั เรียนดแู ผนผังเกี่ยวกบั การบรหิ าร
เป็นหลัก โดยมีสาระสา� คญั ดงั นี้ ราชการแผนดนิ สว นหัวเมืองจากหนังสอื เรยี น
หนา 71 จากนั้นใหช ว ยกันแสดงความคดิ เห็น
๒.๑) การบริหารราชการแผ่นดินส่วนกลาง มีกรุงธนบุรีเป็นราชธานี โดยมี วาหวั เมืองทั้ง 3 ประเภทมคี วามสาํ คัญตอ
พระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ พระประมขุ และมพี ระราชอา� นาจสงู สดุ ทรงเปน็ สมมตเิ ทพและธรรมราชา การปกครองของอาณาจกั รธนบุรีอยา งไร
มีอคั รมหาเสนาบดี ๒ ตา� แหน่ง คือ สมุหพระกลาโหม ดแู ลงานฝา่ ยทหารทั่วไป และสมหุ นายก
ดแู ลงานฝา่ ยพลเรอื นทวั่ ไปและมอี า� นาจปกครองหวั เมอื งฝา่ ยเหนอื ทง้ั ฝา่ ยทหารและพลเรอื น และ 2. ครูใหน กั เรียนสรุปสาระสาํ คัญเก่ียวกับ
เสนาบดีกรมคลังนอกจากรับผิดชอบการคลังแล้วยังต้องดูแลฝ่ายทหารและพลเรือนในหัวเมือง พัฒนาการดานการเมืองการปกครอง
(รชกับารยผมทดิ วชะังเอ)ล2 บพตเะรหวะมันยอืาอนศอรสกธีมแรัยลรอะมหยรุธัวายชเมาหตือรองือฝนโก่าปยษลใาาตธย้เิบ พได่ิมดี ข(แ้ ก้ึนกร ่ดมพ้วครยละ งัยส)า �ายแหมลรระับพาจชรต ะ(ุสยกาดรพมมลนภเค์หทรรพบือ าก(ลกรร)ม 1มพทนั้งรา ะ)ย๔า ธมรรีเสมนาธาบิบดดีี สมัยธนบรุ ีลงสมดุ จดงานสงครูผสู อน

๒.๒) การบริหารราชการแผ่นดินสว่ นหัวเมอื ง ในสมัยธนบรุ ี การจดั การบริหาร 3. ครูทดสอบความรูข องนกั เรยี น โดยใหทํา
ราชการแผ่นดินส่วนหัวเมืองยังคงยึดหลักเกณฑ์เดียวกันกับสมัยอยุธยา โดยมีการแบ่งหัวเมือง กจิ กรรมที่ 3.2 จากแบบวดั ฯ ประวตั ศิ าสตร ม.2
ออกเป็นประเภทต่างๆ เพือ่ สะดวกในการปกครอง ๓ ประเภท ดงั นี้
ใบงาน ✓ แบบวดั ฯ แบบฝกฯ
ประวตั ิศาสตร ม.2 กิจกรรมที่ 3.2
หนว ยท่ี 3 พัฒนาการของอาณาจักรธนบุรี

กจิ กรรมตามตัวชี้วดั คะแนนเตม็ คะแนนท่ีได

กจิ กรรมท่ี ๓.๑ ใหน กั เรยี นเตมิ ขอ ความลงในชอ งวา งใหไ ดใ จความสมบรู ณ ñð

(ส ๔.๓ ม.๒/๑)

๑. ชุมนุมเจา พระฝาง ศูนยก ลางอยู เมอื งสวางคบรุ ี............................................................................................................................................
หัวหนาชุมนมุ เจาพระฝาง.........................................................................................................................................
ราชธาน� ๒. ชุมนุมเจานครศรธี รรมราช ศูนยก ลางอยู.............เ..ม...ือ....ง...น....ค....ร....ศ....ร...ีธ....ร...ร...ม....ร...า...ช.....................................................................
หัวหนา ชุมนุม.................เ..จ...า...น....ค....ร....ศ....ร...ีธ....ร...ร...ม....ร...า...ช......(..ห....น.....ู)........................................................
๓. ชมุ นมุ พระยาพิษณโุ ลก ศูนยกลางอยู เมอื งพิษณโุ ลก............................................................................................................................................
หวั หนาชุมนมุ .................พ....ร...ะ...ย....า..พ....ษิ.....ณ.....โุ..ล....ก.......(..เ..ร....อื ...ง...)...............................................................
๔. ชมุ นุมเจาพมิ าย ศนู ยก ลางอยู เมืองพมิ าย............................................................................................................................................
หัวหนาชมุ นมุ กรมหมน่ื เทพพิพิธ.........................................................................................................................................
๕. ชุมนุมสกุ ี้พระนายกอง ศนู ยกลางอยู....................ค....า..ย....โ..พ....ธ...สิ์....า...ม....ต...น.......ด....า...น....เ..ห....น....อื....ข..อ....ง...ก....ร...งุ....ศ...ร....อี...ย....ธุ ...ย...า...............
หวั หนา ชมุ นมุ สุก้ีพระนายกอง.........................................................................................................................................
๖. ชุมนมุ พระยาตาก (สิน) ศนู ยก ลางอยู กรุงธนบรุ ี............................................................................................................................................
หัวหนา ชุมนมุ .................ส....ม....เ.ด....็จ....พ....ร...ะ...เ..จ...า...ต....า...ก....ส....นิ....ม....ห....า..ร....า...ช................................................. เฉฉบลับย

๗. ลกั ษณะการปกครองในสมัยธนบรุ ียึดแบบอยางมาจาก........ส....ม....ัย...อ....ย...ุธ...ย....า..ต....อ....น....ป....ล....า...ย........................................
๘. ในสมยั ธนบรุ ไี ดม กี ารแบง หวั เมอื งออกเปน ……………………………………๓………………………………..หวั เมอื ง ไดแ ก
หัวเมอื งช้นั ใน หมายถึง.....เ..ม....ือ....ง...ท....ี่ต....้ั.ง...อ....ย...ู.ไ..ม....ไ...ก....ล....จ....า...ก....ร....า...ช...ธ...า...น.....ี ....โ...ด....ย....ม...ี.ผ...ูร....ั้ง....เ.ม....ือ....ง...แ....ล....ะ...ค....ณ.....ะ..
หัวเมืองชั้นใน หวั เมอื งชน้ั นอก หวั เมอื งประเทศราช .ก....ร...ม....ก...า...ร....เ.ม....อื...ง....ร...ับ....น.....โ..ย....บ....า...ย...แ...ล....ะ...ค....าํ ..ส.....ง่ั ...จ...า...ก....ส....ว...น.....ก....ล....า..ง........................................................
เป็นเมืองที่อยู่ไม่ไกลจาก
ราชธานี ไม่มีผู้ว่าราชการเมือง (เมอื งพระยามหานคร) เป็นเมืองต่างชาติต่างภาษา หวั เมืองชัน้ นอก หมายถงึ .....เ..ม....อื ...ง...ท....ตี่....งั้...อ....ย...ไู...ก....ล...จ....า...ก....ร...า...ช...ธ...า...น....ี...ม...เี..จ...า...เ..ม...อื....ง...ป....ก....ค....ร...อ....ง......ม...เี..ม...อื....ง...ใ..ห....ญ....
หรือเจ้าเมืองปกครอง มีแต่ผู้ร้ัง .น....อ....ย...ข...้นึ....ต....ร....ง...อ....กี ....ต...อ....ห....น....ง่ึ.........................................................................................................................
เมืองและคณะกรมการเมืองรับ
นโยบายและค�าส่ังจากเสนาบดี หวั เมืองประเทศราช หมายถึง.....เ..ม....ือ...ง...ท....ต่ี....อ....ง...ส....ง....เ.ค....ร....อื่...ง....ร...า...ช...บ....ร...ร....ณ.....า...ก....า...ร.......ต....น.....ไ..ม....เ..ง...ิน.........ต....น ....ไ...ม...ท....อ....ง..
จากสว่ นกลางโดยตรง เมอื งเหลา่ น้ี เปน็ เมอื งทอ่ี ยไู่ กลออกไปจาก ที่ต้องส่งเคร่ืองราชบรรณาการ .ม...า...ถ....ว..า...ย....พ....ร...ะ...ม...ห....า...ก....ษ....ตั....ร...ยิ.......เ.ช....น .......ก....ัม...พ....ูช....า.....ห....ล....ว...ง...พ....ร....ะ..บ....า...ง......เ..ป....น....ต....น.............................
จัดเป็นเมอื งจัตวา
ราชธาน ี มเี จา้ เมอื งปกครองพรอ้ ม ต้นไมเ้ งนิ ตน้ ไมท้ องมาถวายแด่ ๙. ในสมยั ธนบุรกี ษัตรยิ ท รงมสี ถานะเปน .....ส....ม....ม...ต....เิ..ท....พ....แ...ล....ะ...ธ...ร...ร....ม...ร....า..ช...า................................................................................
๑๐. สมเด็จพระเจาตากสินมหาราชทรงแตงต้ังขาราชการออกไปรักษาหัวเมืองใหญนอยตอไปน้ี
กรุงศรีอยุธยาเดิม ลพบุรี อางทอง ฉะเชิงเทรา ระยอง จันทบุรี ตราด นครชัยศรี
ทงั้ คณะกรมการเมอื ง มจี ตสุ ดมภ์ พระมหากษตั รยิ ท์ ก่ี รงุ ธนบรุ ี เมอื ง สมทุ รสงคราม เพชรบรุ ี เพราะ .....เ..ม...ือ....ง...ท....ั้ง....ห....ล....า...ย...เ..ห....ล....า...น....ี้.....ม...ี.จ...ํา...น.....ว...น....ผ....ูค....น....ม....า...ก....พ....อ....ท....่ีจ...ะ...ร....ว...ม...ต....ัว...ก....ัน.....ต....ั้ง..
.บ....า...น....เ..ม...อื....ง...ไ...ด....เ.ร....็ว...แ...ล....ะ..อ....า..จ....ท....าํ...ใ..ห....เ..ก....ิด....ค....ว...า..ม....ว...ุน ....ว...า...ย...ใ...น....ก....า...ร...แ....ย...ง...ช...งิ....อ...าํ...น....า...จ...................................................................................
เหมอื นกบั ราชธาน ี มเี มอื งใหญน่ อ้ ย ที่ส�าคัญ ได้แก่ กัมพูชา หลวง
................................................................................................................................................................................................................................................

ขยังนึ้ แตบรง่งอเปกี ็นตอ่หหัวนเมง่ึ ือหงวัเอเมกอื 3งโเทห ลาต่ นรี ้ี พระบาง เวียงจนั ทน ์ จ�าปาศักด์ิ ๓๕

เหมือนสมยั อยุธยา

7๑

แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tดิ นักเรยี นควรรู

การปกครองในสมยั ธนบรุ มี ลี กั ษณะอยา งไร จงอธบิ ายมาพอเขาใจ 1 กรมนครบาล หรือกรมเวียงในจตสุ ดมภต ั้งแตส มัยสมเดจ็ พระรามาธบิ ดีท่ี 1
แนวตอบ ลักษณะการปกครองของอาณาจักรธนบรุ ี ยังคงยดึ แบบอยาง (อูทอง) จนมาถงึ สมยั สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถจึงไดเ ปลยี่ นชอื่ เปน กรมนครบาล
มาจากสมยั อยธุ ยาตอนปลาย ซึง่ แบง ออกเปน การบริหารราชการแผนดิน 2 กรมวงั เปนกรมใหญทีส่ ดุ ในบรรดาจตสุ ดมภท้งั 4 เนือ่ งจากมีหนา ทเ่ี ก่ยี วกับ
สว นกลาง มีกรงุ ธนบรุ เี ปนราชธานี โดยมพี ระมหากษตั รยิ ท รงเปนพระประมขุ พระมหากษตั ริย จาํ เปน ตอ งอารกั ขาพระองคใหปลอดภัยและตองอํานวยความ
และมพี ระราชอาํ นาจสงู สดุ ทรงเปน ทงั้ สมมตเิ ทพและธรรมราชา มอี คั รเสนาบดี สะดวกสบายแกพระองค เพอ่ื ทรงใชพระราชอํานาจในการบริหารราชการแผน ดนิ
2 ตาํ แหนง คอื สมหุ พระกลาโหมดแู ลงานฝา ยทหาร และสมหุ นายกดแู ลงาน ใหด ําเนินไปไดโดยสะดวกและรวดเร็ว อกี ทง้ั ยงั ตองเทดิ ทนู พระเกียรติและพระบรม
ฝา ยพลเรอื น และปกครองหัวเมอื งฝายเหนอื ท้ังฝา ยทหารและฝายพลเรอื น เดชานภุ าพ ซง่ึ ถือวาเปนสมมติเทพใหสมบูรณอ กี ดว ย ดังน้นั กรมวังจงึ แบง ออก
และจตุสดมภก ็มเี สนาบดีทง้ั 4 รับผิดชอบเหมอื นสมัยอยธุ ยาตอนปลาย เปนกรมยอยหลายสบิ กรม เชน กรมฉางขา วบาตร กรมสวนหลวง กรมหมอนวด
แตเ สนาบดกี รมคลงั มหี นา ทร่ี บั ผดิ ชอบหวั เมอื งเพม่ิ ขนึ้ สว นการบรหิ ารราชการ กรมลอ มพระราชวัง กรมโหร กรมราชบณั ฑิต กรมธรรมการ กรมสังฆการี
แผน ดินสวนหัวเมืองยงั คงยึดรปู แบบเดยี วกบั สมัยอยธุ ยา โดยแบง หวั เมอื ง กรมพระแสงตน กรมมาตน กรมชา งสบิ หมู เปน ตน
ออกเปนหัวเมอื งช้นั ใน หัวเมืองชั้นนอก และหัวเมอื งประเทศราช 3 หวั เมอื งเอก เชน เมอื งพษิ ณุโลก และเมืองนครศรธี รรมราช

คมู อื ครู 71

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

1. ตอ ไปครูแจกบตั รคาํ ถามเกีย่ วกับพฒั นาการ ๓.๒ พัฒนาการด้านเศรษฐกิจ
ดา นเศรษฐกจิ โดยคําถาม เชน
• ปญหาเศรษฐกิจท่ีเกิดข้นึ ในสมัยธนบรุ ี ตลอดระยะเวลา ๑๕ ป ี ระหวา่ ง พ.ศ. ๒๓๑๐ - ๒๓๒๕ สมเด็จพระเจา้ ตากสนิ มหาราชทรง
เกดิ จากสาเหตใุ ด ตอ้ งเผชญิ กบั ปญั หาความมน่ั คงและปลอดภยั ของราชอาณาจกั รกบั ปญั หาดา้ นเศรษฐกจิ ทพ่ี ระองค์
• สมเด็จพระเจาตากสนิ มหาราชทรงแกไ ข ตอ้ งทรงแกไ้ ขปญั หาเหลา่ นี้ใหล้ ลุ ว่ งโดยเรว็ โดยเฉพาะทางดา้ นเศรษฐกจิ สภาพของความอดอยาก
ปญหาเศรษฐกิจที่เกดิ ขนึ้ ดว ยวิธกี ารใด และขาดแคลนเคร่ืองอุปโภคบริโภคของอาณาประชาราษฎร์และบรรดาไพร่พลของพระองค์

2. ครูใหเวลานกั เรียนแตล ะกลุมระดมความคดิ ๑) สาเหตสุ า� คญั ท่ีท�าให้เกิดปญั หาเศรษฐกิจ มีดงั น้ี
ในการตอบคาํ ถาม จากน้นั สงตัวแทนออกมา
ตอบหนาชน้ั เรยี น ๑. การทีพ่ มา่ ยกทพั มาตกี รุงศรีอยธุ ยาและกวาดตอ้ นผู้คน เสบียงอาหาร มาใช้
ในการสงคราม ท�าให้เกดิ การขาดแคลนเครือ่ งอุปโภคบริโภค
3. เมอื่ แตละกลมุ ตอบครบ ครเู ฉลยคาํ ตอบ ๒. การท�าสงครามปราบปรามชุมนุมของกลุ่มการเมืองต่างๆ ขณะเดียวกันต้อง
(แนวตอบ ท�าสงค รามก ับพม๓า่ ม. ใานโดรยะยตะลแอรดก ขจงึอสง่งกผาลรกสรระ้าทงรบาตช่อธภาานวีใะหทมา่ งเพศรระษรฐากชจิ วขังอ1 งกธานรบปรุูนี บ�าเหน็จรางวัล
• เกดิ จากหลายสาเหตุ ที่สาํ คญั ไดแก แก่แมท่ พั นายกอง และการบ�ารงุ พระพทุ ธศาสนา จ�าเป็นต้องใช้ทรัพยส์ นิ เงนิ ทองจ�านวนมาก
การยกทัพมาตีกรุงศรอี ยธุ ยาของพมา
ในคราวสงครามเสียกรงุ การทาํ สงคราม ๒) นโยบายแกไ้ ขปญั หาเศรษฐกจิ สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชทรงแกไ้ ขปญั หา
ปราบปรามชุมนุมตางๆ และตองทําสงคราม
กับพมา ดวย รวมท้ังการใชทรัพยสนิ เงินทอง เศรษฐกจิ ท่กี า� ลังเผชิญอย่ ู ดังนี้
จาํ นวนมากในการสรา งพระราชวงั ใหม ๑. ทรงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเกี่ยวกับความอดอยากและขาดแคลนด้วยการซ้ือ
และปูนบําเหน็จแมทัพนายกองตา งๆ ขา้ วสารจากพอ่ คา้ สา� เภาจนี ในราคาทแี่ พง แลว้ พระราชทานขา้ วสารใหแ้ กบ่ รรดาขา้ ราชการ ทหาร
• เชน ทรงแกไ ขปญหาความอดอยาก พลเรอื นท้ังไทยและจีน คนละ ๑ ถงั ต่อ ๒๐ วนั ทา� ใหร้ าษฎรมกี �าลงั ประกอบอาชพี ของตน
และขาดแคลนดว ยการซื้อขาวสารจากพอ คา
ชาวจีนและพระราชทานใหแ กราษฎร โปรดให ภาพวาดจินตนาการสมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชทรงแกป้ ัญหาการขาดแคลนอาหารด้วยการซอื้ ข้าวสารจากพ่อค้าชาวจีน
ขา ราชการทัง้ ผใู หญแ ละผนู อ ยทํานาปละ มาแจกจา่ ยใหแ้ กร่ าษฎร
2 คร้ัง ทรงปราบปรามโจรผรู ายที่ปลนสะดม
พอ คาและราษฎร ทรงเปด โอกาสใหมกี าร 7๒
ประมูลผกู ขาดเกบ็ คาภาคหลวง และ
ขดุ ทรพั ยท ี่ชาวบานฝง ซอ นไวตามบา นเรือน
รวมท้ังสงเสรมิ ใหพอคา ชาวจนี เขามาคาขาย
มากขึน้ เปน ตน )

4. ครูชมเชยนักเรียนทใ่ี หความรวมมอื ในการ
ปฏิบัติงานกลมุ เปน อยา งดี

5. ครใู หน ักเรียนสรปุ สาระสาํ คัญเกย่ี วกับ
พัฒนาการดา นเศรษฐกิจสมัยธนบุรี
ลงสมดุ จดงานสงครูผสู อน

เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET
ขอ ใดเปน วิธีการทสี่ มเด็จพระเจา ตากสินมหาราชทรงใชใ นการแกไ ขปญหา
ครูแนะนาํ ใหนักเรยี นจดบนั ทึกสาระสาํ คญั เกี่ยวกบั วิธกี ารแกไ ขปญ หาทางดาน เฉพาะหนา เรื่องการขาดแคลนขา วของราษฎร
เศรษฐกิจในสมยั ธนบรุ ี ทีเ่ รยี กวา การทาํ โนต ยอ (short note) เพอ่ื ประโยชนใ นการ 1. เรง รดั ใหไพรทํานา
ทบทวนภายหลัง ทาํ ใหจ ดจําไดงาย ไมหลงลมื 2. เกณฑห ัวเมอื งสงขาวใหแกราชการ
3. จดั สง ปน คาบศิลาเพือ่ แลกกับขา วท่ีจนี
นักเรยี นควรรู 4. สัง่ ซอื้ ขาวจากตา งประเทศมาแจกใหแกราษฎร
วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. เพ่ือแกไขปญหาเฉพาะหนา เกยี่ วกับ
1 พระราชวัง พระราชวงั หลวงสรางขึ้นทางฝง ตะวันตกของแมน้าํ เจาพระยาในพ้นื ที่ ความอดอยากและขาดแคลนขา วของราษฎร สมเด็จพระเจาตากสินมหาราช
ทเี่ คยเปน ท่ีตัง้ ของปอมวไิ ชเยนทรเ ดมิ (ซึง่ ภายหลังเปลยี่ นชื่อเปน ปอ มวิไชยประสิทธ์)ิ ทรงซ้ือขาวสารจากพอ คาสาํ เภาจีนในราคาทแ่ี พงถงึ ถงั ละ 3-5 บาท
อาณาเขตของพระราชวังในสมัยนน้ั มพี นื้ ที่ต้ังแตปอมวิไชยประสิทธิข์ ้นึ มาจนถึง แลวพระราชทานใหแ กบรรดาขนุ นาง ทหาร และพลเรอื นท้งั ไทยและจีน
คลองเหนอื วดั อรุณราชวราราม (คลองนครบาล) โดยรวมวดั แจง (วดั อรุณราชวราราม) คนละ 1 ถงั ตอ 20 วัน นอกจากพระราชทานขาวสารแกร าษฎรแลว พระองค
และวดั ทา ยตลาด (วัดโมลโี ลกยาราม) เขา ไปในเขตพระราชวงั ดว ย ยังไดพระราชทานเสื้อผาเคร่อื งนงุ หม ใหอีกดวย

72 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

๒. โปรดให้ข้าราชการทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อยท�านาปีละ ๒ คร้ัง1ใน พ.ศ. ๒๓๑๑ 1. ครแู จกบัตรคําถามเกย่ี วกับพฒั นาการ
เป็นการแกไ้ ขปัญหาการขาดแคลนข้าวสาร ดานสังคม โดยคําถาม เชน
๓. ทรงรับสั่งให้ขา้ ราชการและชาวบา้ นจบั หนูมาส่งกรมพระนครบาล ทา� ใหห้ นูท่ี • โครงสรางทางสงั คมไทยสมยั ธนบุรี
กัดกินขา้ วในย้งุ ฉางมจี า� นวนลดลง ประกอบดว ยชนช้ันใดบาง
๔. ทรงปราบปรามโจรผู้ร้ายที่ปล้นสะดมพ่อค้าและประชาชน โดยจัดกองทหาร • แตละชนชั้นดังกลา วขา งตน มีบทบาทหนาท่ี
ออกลา ดตระ เวนต๕ร.ว เจปตดิ รโาอแกลาะสใใชหม้ ม้ ากี ตารรกปารระขมนั้ ลู เผดกู็ดขขาาดดเแกกบ็ ผ่คู้ทา่ ภี่ปารคะพหลฤวตงติ 2ขนดุเปท็นรโพั จยรท์ผชี่รู้ ้าายวบา้ นฝงั ซอ่ น ในสงั คมอยา งไร
ไวต้ ามบา้ นเรือนภายหลังเสร็จสงครามเสยี กรงุ จนได้เงินเป็นจา� นวนมาก • นักเรยี นสามารถสรปุ ลักษณะของสงั คมไทย
๖. ส่งเสรมิ ให้บรรดาพ่อคา้ โดยเฉพาะพอ่ ค้าจีนไดเ้ ขา้ มาคา้ ขายมากข้ึน สมัยธนบุรีไดว าอยา งไร
จากพระบรมราโชบายของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทางด้านเศรษฐกิจดังกล่าว
ท�าให้เศรษฐกิจของธนบรุ ฟี น้ื ตวั ขึน้ มาเปน็ ลา� ดับ 2. ครูใหเ วลานักเรียนแตละกลมุ ระดมความคดิ
ในการตอบคาํ ถาม จากนัน้ สง ตัวแทนออกมา
๓.๓ พัฒนาการด้านสังคม ตอบหนาชัน้ เรยี น

สังคมไทยสมัยธนบุรมี ีองค์ประกอบของโครงสร้างทางสงั คม ดังตอ่ ไปนี้ 3. เมือ่ แตละกลมุ ตอบครบ ครูเฉลยคาํ ตอบ
(แนวตอบ
• ประกอบดวย พระมหากษัตริย พระบรม-
วงศานวุ งศ ขนุ นาง ไพร และทาส
พกรษะตั มรหิยา์ และมชี นชัน้ พเิ ศษในสงั คมดว ย คอื พระสงฆ
ัสงคมไทยสมัยธน ุบ ีร พระบรม ทรงเป็นพระประมุขของราชอาณาจักร มีพระราชอ�านาจสูงสุด มีสถานะเป็น • พระมหากษตั ริย ทรงเปน พระประมขุ ของ
วงศานวุ งศ์ สมมตเิ ทพและธรรมราชาเช่นเดยี วกับสมัยอยธุ ยา
พระญาติใหญน่ อ้ ยของพระมหากษตั รยิ ์ เรยี กวา่ เจา้ นาย มศี กั ดนิ าแตกตา่ งกนั ไป อาณาจกั ร มพี ระราชอาํ นาจสงู สดุ พระบรม-
ขนุ นาง ผู้มีหน้าท่ีบริหารราชการแผ่นดินตามพระบรมราชโองการของพระมหากษัตริย ์ วงศานุวงศ หรือเรียกวา เจานาย มหี นา ท่ี
มีศักดนิ า ยศ ราชทินนาม และตา� แหนง่ ชว ยพระมหากษตั รยิ ใ นการปกครอง ขนุ นาง
มหี นาทีบ่ รหิ ารราชการแผนดินตามพระบรม-
ราชโองการของพระมหากษัตรยิ  ไพรห รอื
ราษฎร มีหนา ท่ตี อ งถกู เกณฑแ รงงานให
ไพร่ ราษฎรทั้งหลายทต่ี ้องถกู เกณฑแ์ รงงาน แบง่ ออกเป็น ไพร่หลวงและไพรส่ ม กับทางราชการ และทาส มหี นา ทร่ี ับใช
มูลนายของตนจนกวาจะไดรับการไถตัว
ทาส ชนชนั้ ทอ่ี ยตู่ า่� สดุ ในสงั คม อาจเปน็ ไพรท่ ข่ี ายตวั หรอื เชลยศกึ ทาสบางประเภท 3 ใหพ น จากความเปนทาส สาํ หรบั พระสงฆ
มีหนา ทใ่ี นการสงั่ สอนและเผยแผธรรมะ
สามารถไถต่ นเองได้ • เปนสังคมศกั ดินาท่ปี ระกอบดว ยชนชัน้ ตางๆ
แตล ะชนชน้ั จะมศี ักดินาเปนเครอื่ งกําหนด
สังคมไทยสมัยโบราณมีลักษณะของความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในสังคมท่ีมีหน้าที่และ สิทธแิ ละหนาท่ขี องบุคคลในสังคม)
ความรับผิดชอบแตกต่างกันระหว่างมูลนายกับไพร่ มูลนายในท่ีนี้จะหมายถึง พระมหากษัตริย ์ 4. ครูชมเชยนักเรียนทใ่ี หความรวมมอื ในการ
พระบรมวงศานุวงศ์ และขุนนาง นอกจากน้ี ในสังคมไทยยังมีพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ปฏิบัติงานกลมุ เปนอยางดี
เป็นผู้ที่ได้รับการเคารพนับถือจากบุคคลทุกหมู่เหล่าในสังคม นับตั้งแต่พระมหากษัตริย์ลงมาถึง 5. ครใู หน ักเรยี นสรปุ สาระสาํ คัญเก่ยี วกับ
ทาสสามารถอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ได้ จึงมฐี านะพิเศษเช่นเดียวกบั สมยั อยุธยา พัฒนาการดานสังคมสมัยธนบุรีลงสมดุ จดงาน

7๓

แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tิด สง ครผู สู อน

นกั เรยี นควรรู

ในสมัยธนบุรีไดมกี ารกวดขันการขนึ้ ทะเบยี นไพรอ ยางเขม งวด ทงั้ นเี้ พือ่ อะไร 1 ทาํ นาปล ะ 2 ครงั้ ทงั้ นาปและนาปรงั ใน พ.ศ. 2311 เพื่อแกไ ขปญหา
1. ปอ งกนั การทาํ จารกรรม ขาดแคลนขาว เพราะขา วสารราคาแพงมากถงึ เกวียนละ 2 ชงั่ ราษฎรจงึ ไดรับ
2. สะดวกในการจัดเก็บภาษี ความเดือดรอ นมาก
3. เกณฑพลงายยามมีศึกสงคราม 2 คา ภาคหลวง คาสทิ ธิซึ่งกฎหมายกาํ หนดใหผไู ดร บั อนญุ าตทําการหาประโยชน
4. เอาไวเ ปนแรงงานในการทาํ เกษตรกรรม จากทรพั ยากรของรฐั โดยตอ งชําระใหแ กร ัฐ
3 ทาสบางประเภท เชน ทาสสินไถ ทไ่ี ปกหู นีย้ ืมสินมาแลว ตนเองตองตกเปน ทาส
วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. ในสมยั ธนบรุ บี านเมอื งอยูในชวงภาวะ ตอ มาเมอ่ื มเี งินกส็ ามารถมาไถถอนตัวเองใหเปนอสิ ระได นอกจากน้ี ทาสยงั มโี อกาส
ทจ่ี ะไดร ับการไถตัวใหพ นจากความเปน ทาสในกรณีตา งๆ เชน ถา นายเงินอนุญาต
สงคราม เพื่อเปน การกวดขนั การขน้ึ ทะเบยี นไพรเ พอ่ื ใหเกณฑพลไดงา ย ใหท าสบวชเปนพระภิกษุ สามเณร หรือนางชี หรือถา นายใชใ หท าสไปทาํ สงคราม
ในยามสงครามหรือทําราชการ ทางราชการจงึ ไดมกี ารออกพระราชกาํ หนด แลว ถูกจับเปนเชลยและหนรี อดมาได หรอื ถาทาสฟองนายวา เปนกบฏและสอบสวน
บทลงโทษไพรท่ไี มย อมไปสกั เลกสังกดั มูลนาย หรือไพรท ีท่ าํ เหลก็ ปลอมข้ึนมา ไดค วามสตั ย หรือถา ญาติพ่นี องของนายและนายไดท าสสาวเปน ภรรยา กถ็ อื วา
สักเลกเพอ่ื ผลประโยชนข องตนเอง หรอื ผูทเ่ี กียจครา นไมยอมเปน ทหาร
ซง่ึ จะมีโทษหนกั ถึงข้นั ประหารชีวิต

หลุดพน จากความเปน ทาส เปน ตน

คูมือครู 73

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

1. ครแู จกบัตรคาํ ถามเก่ียวกบั พัฒนาการดาน สังคมไทยสมัยธนบุรีเป็นสังคมท่ีต้องเผชิญกับศึกสงครามติดต่อกัน ดังนั้น ในบางครั้ง
ความสัมพนั ธร ะหวางธนบุรกี ับรฐั ทอ่ี ยใู กลเ คียง ไพร่หลวงมิได้ผลัดเปลี่ยนกัน เข้าเดือน - ออกเดือน เป็นเวลานานติดต่อกัน ท�าให้ไพร่หลวงได้รับ
โดยเรม่ิ จากความสมั พนั ธก บั ลา นนา คาํ ถาม เชน ความเดอื ดรอ้ นในบางครง้ั แตด่ ้วยความเข้มแข็งและกล้าหาญของสมเด็จพระเจ้าตากสนิ มหาราช
• ลักษณะความสัมพนั ธระหวางธนบรุ กี บั สงั คมไทยจึงสามารถดา� รงอย่ไู ด้เป็นปกตติ ลอดระยะเวลา ๑๕ ปี
ลานนาเปนแบบใด
• เพราะเหตใุ ดธนบรุ ีถงึ ตองการทจ่ี ะไดลา นนา ๓.๔ พฒั นาการด้านความสมั พนั ธร์ ะหว่างประเทศ
เขามาไวในอาํ นาจ นโยบายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งประเทศของไทยในสมยั ธนบรุ มี ลี กั ษณะของการเผชญิ หนา้ ทาง
ทหาร การแผข่ ยายอา� นาจ การแบ่งแยกและปกครอง รวมท้งั การทูตบรรณาการ เปน็ ตน้ ทง้ั น้เี พอื่
2. ครใู หเ วลานกั เรียนแตละกลุมระดมความคิด ประโยชนท์ างดา้ นความมนั่ คงและปลอดภยั จากการรกุ รานของขา้ ศกึ รวมทงั้ เพอื่ ประโยชนท์ างดา้ น
ในการตอบคาํ ถาม จากนั้นสง ตวั แทนออกมา เศรษฐกจิ และการค้าของอาณาจักรธนบรุ ดี ้วย
ตอบหนาชนั้ เรยี น
๑) ลกั ษณะความสัมพันธร์ ะหวา่ งธนบุรกี ับรฐั ทีอ่ ยู่ใกลเ้ คยี ง แบ่งออกได ้ ดงั นี้
3. เมื่อแตล ะกลุมตอบครบ ครเู ฉลยคาํ ตอบ ๑.๑) ความสัมพันธ์กับล้านนา เนื่องจากล้านนาถูกพม่าปกครองในฐานะเป็น
(แนวตอบ เมอื งประเทศราชอกี ครง้ั หนง่ึ ใน พ.ศ. ๒๓๐๖ โดยทอี่ ยธุ ยาไมส่ ามารถปอ้ งกนั ได ้ และอกี ๔ ปตี อ่ มา
• เปนการขยายอาํ นาจทางการทหารเขาไป กรงุ ศรอี ยธุ ยาก็เสียแกพ่ มา่ ใน พ.ศ. ๒๓๑๐
ครอบครอง เพอื่ มิใหพมาใชลานนาเปน แหลง ต่อมาในสมัยธนบุรี ระหว่างปลาย พ.ศ. ๒๓๑๓ ถึงต้น พ.ศ. ๒๓๑๔ สมเด็จ
สะสมกาํ ลงั เขา มารกุ รานไทยและเปน พนั ธมติ ร พระเจ้าตากสินมหาราชทรงส่งกองทัพข้ึนไปตีเชียงใหม่แต่ไม่ประสบความส�าเร็จ จึงจ�าเป็นต้อง
เชน ใน พ.ศ. 2317 สมเด็จพระเจาตากสนิ ยกทัพกลับธนบุรี ใน พ.ศ. ๒๓๑๗ สมเด็จ
มหาราชทรงยกทพั ไปโจมตีพมาใหอ อกไปจาก พระเจ้าตากสินมหาราชทรงส่งกองทัพขึ้นไปตี
เมืองเชยี งใหมไ ดสาํ เร็จ และแตง ตง้ั เจานาย เชยี งใหมเ่ ปน็ ครง้ั ท ่ี ๒ ไดเ้ ปน็ ผลสา� เรจ็ และทรง
ฝา ยเหนือใหป กครองลานนากันเอง ตอมา เใกเจจหัน้า้า้เเเเจอมม้างือือน งงาโเลยดช�าลียยป้างทาในรงหนง มแาพ่ ตไรทพ่งะยตรยะเั้งาปยใวหา็นิเว้ชพผัยียู้รปวระกงปยศคารารกา3คอการงาวอลริลง้า 2ะเ1นมเเปปนือ็็นนาง
ใน พ.ศ. 2319 พมา ตีไดเมืองเชยี งใหม ลา� พูน สงครามครง้ั นธ้ี นบุรไี ดเ้ ชียงใหม่ ล�าพนู
สมเดจ็ พระเจา ตากสนิ มหาราชจงึ โปรดให ล�าปาง และน่านเข้ามาอยู่ในราชอาณาจกั ร
เจา พระยาสุรสหี ค มุ กองทพั เมอื งเหนือไปตี ต่อมาใน พ.ศ. ๒๓๑๙ พมา่ ได้
เมืองเชียงใหมค นื ไดเปนผลสาํ เรจ็ ยกทัพมาตีเชียงใหม่ สมเด็จพระเจ้าตากสิน
• เพราะตอ งการใหลา นนาเปนดินแดนกันชน มหาราชโปรดให้เจ้าพระยาสุรสีห์คุมกองทัพ
จากพมา อีกทง้ั ตอ งการขยายอํานาจปกครอง หัวเมืองเหนือยกไปตีเมืองเชียงใหม่คืนได้เป็น
ลานนาซงึ่ เปนดนิ แดนของคนไทยดว ยกัน
ในฐานะเมืองประเทศราช)

4. ครชู มเชยนกั เรยี นทใ่ี หความรวมมือในการ
ปฏบิ ตั ิงานกลุมเปนอยา งดี

พระยากาวิละ รับราชการด้วยความจงรักภักดีมาต้ังแต่ ผลสา� เร็จ
สมัยธนบุรถี งึ ตน้ รตั นโกสินทร์

7๔

นักเรียนควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ

1 พระยากาวลิ ะ เปน บตุ รเจาฟาชายแกว ซ่ึงพระเจาองั วะตั้งใหเ ปนเจา นคร ครใู หนกั เรียนสรปุ ลักษณะความสมั พนั ธระหวางธนบุรกี บั ลานนา
ลําปาง จึงเรียกวา เจา ฟาชายแกว มีบุตรชาย 7 คน (เรยี กวา เจา เจด็ ตน) บุตรสาว โดยจดั ทําในรูปแบบผังมโนทศั น จากนั้นนําเสนอผลงานทหี่ นาชนั้ เรียน
3 คน รวม 10 คน ซงึ่ หน่ึงในนน้ั คือ กาวิละ ไดเ ปนผรู ้ังเมอื งนครลาํ ปางแทนบิดา
เมื่อเขามาสวามภิ กั ดิ์ตอ ไทย สมเด็จพระเจาตากสินมหาราชจึงทรงแตงต้ังใหเปน กจิ กรรมทาทาย
พระยานครลาํ ปาง (ตอมาในสมัยรชั กาลที่ 1 ไดเปน เจา เมืองเชยี งใหม)
2 พระยาวเิ ชยี รปราการ เดิมเปน พระยาจา บาน เปน ทา วพระยาเมืองเชยี งใหม ครูใหน ักเรยี นสบื คนเพ่มิ เติมเก่ยี วกับประวตั ิและบทบาทของพระยา
ระดับผูใ หญค นหนงึ่ ไดรวมมอื กบั พระยากาวิละ พาชาวเมืองเชยี งใหมและชาวเมือง กาวิละ ซงึ่ ไดรบั การสถาปนาจากสมเด็จพระเจาตากสินมหาราชใหเ ปน
ลาํ ปางมาสวามภิ กั ดิต์ อสมเดจ็ พระเจาตากสนิ มหาราช จงึ โปรดใหพระยาจา บาน เจาผคู รองนครลาํ ปาง และในสมยั รัตนโกสนิ ทรรัชสมัยพระบาทสมเดจ็
เปนพระยาวเิ ชยี รปราการ เจาเมืองเชียงใหม พระพทุ ธยอดฟา จฬุ าโลกมหาราชทรงสถาปนาใหเ ปน พระเจา เชยี งใหม
3 พระยาวยั วงศา ซึง่ แตเดมิ เปน เจาเมอื งลาํ พนู เมื่อสมเด็จพระเจา ตากสิน เปน ใหญใ นลานนา 57 หัวเมอื ง จากนนั้ นําเสนอขอมลู ในรูปแบบตางๆ
มหาราชยกทัพมาตเี มืองเชียงใหมใน พ.ศ. 2317 จงึ ไดสวามภิ ักดต์ิ อ สมเดจ็ พระเจา ที่หนา ช้นั เรียน
ตากสนิ มหาราช จึงโปรดใหเปนพระยาวยั วงศาครองเมืองลาํ พูนตามเดิม

74 คมู ือครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

๑.๒) ความสัมพันธ์กบั พมา่ ในสมัยธนบรุ ีไทยต้องทา� สงครามรบพ่งุ กบั พม่ารวม 1. ตอ ไปครแู จกบัตรคาํ ถามเกีย่ วกับความสมั พันธ
๑๐ ครั้งด้วยกัน มีท้ังท่ีส�าคัญและไม่ส�าคัญ จุดประสงค์ส�าคัญก็เพื่อป้องกันราชธานีและหัวเมือง ระหวา งธนบุรีกบั พมา คาํ ถาม เชน
ตา่ งๆ ให้พ้นจากการรุกรานของพมา่ ซ่ึงสรุปได้ ดังนี้ • ความสัมพนั ธระหวา งธนบรุ กี บั พมา
มลี กั ษณะอยางไร
เสน้ เวลา • จงยกตวั อยางความสัมพันธระหวา งธนบุรี
แสดงการทาํ สงครามกบั พมา่ ในสมยั ธนบรุ ี กับพมาในลักษณะขางตนมาพอสงั เขป

๒พ๓.ศ๑๐. ๒๓๑๐ 2. ครูใหเวลานักเรียนแตละกลมุ ระดมความคิด
- ตคี า่ ยพมา่ ท่ีโพธสิ์ ามต้น ก่อนท่ีจะมกี ารสถาปนากรุงธนบรุ ีเปน็ ราชธาน ี ในการตอบคําถาม จากนน้ั สง ตวั แทนออกมา
ขแตอก่งฝถ็ ่าอื ยวไา่ ทอยยภู่ในายสหมลัยังธเนสบยี 1รุกี รเงุพศรราอี ะยกธุายรราบแคกรพ่ ง้ั มน่าพ้ี ระยาตาก (สนิ ) เปน็ ผูน้ า� ตอบหนาชัน้ เรยี น
- รบกับพม่าที่ค่ายบางกุ้ง เขตแดนระหว่างเมืองสมุทรสาครและราชบุรี
หลงั จากทีต่ ีคา่ ยโพธิ์สามตน้ ได้ไมน่ าน 3. เม่อื แตละกลมุ ตอบครบ ครเู ฉลยคาํ ตอบ
๒๓๑๒ ๒๓๑๓ (แนวตอบ
• เปน การทาํ สงครามตอ กัน โดยระหวา ง
- ร บกับพมา่ เมื่อพมา่ ตเี มืองสวรรคโลก กองทพั พมา่ แตกพ่ายหนีไป พ.ศ. 2310-2319 ไทยทาํ ศกึ สงครามกบั พมา
- ร บกับพมา่ เมอ่ื คร้งั สมเดจ็ พระเจา้ ตากสินมหาราชยกทพั ไปตีเชยี งใหมเ่ ปน็ คร้ังแรก แตไ่ มป่ ระสบผลส�าเรจ็ หลายคร้ัง ท้งั น้ีเพือ่ ปอ งกนั ราชอาณาจักรให
ปลอดภัย
๒๓๑๔ ๒๓๑๕ • เชน พ.ศ. 2310 ไทยสมยั ธนบุรรี บกับพมา
- รบกบั พม่าเมอ่ื พมา่ ตีเมอื งพชิ ยั แตท่ ัพพม่ากลบั ถกู ตีแตกพ่ายไป ทค่ี ายบางกุง พ.ศ. 2315 รบกบั พมา ทมี่ าตี
เมอื งพิชัย พ.ศ. 2317 รบกบั พมา ทีบ่ างแกว
๒๓๑๖ เมอื งราชบรุ ี พ.ศ. 2318 รบกับพมาทีเ่ ขา
- ร บกับพม่าเม่อื พม่ายกทัพไปตเี มอื งพชิ ัยเปน็ ครั้งท ่ี ๒ แต่ทพั พม่าถูกตีแตกพ่ายกลับไป มาตีหวั เมอื งเหนือ โดยพมา มีอะแซหวุนก้ี
๒๓๑๖ ๒๓๑๗ เปนแมทพั สวนไทยมีแมท พั คนสําคญั คือ
เจาพระยาจักรี พ.ศ. 2319 รบกบั พมา ที่มา
- รบกบั พมา่ เมอื่ ไทยยกทพั ไปตเี ชยี งใหมเ่ ปน็ ครง้ั ท ี่ ๒ ในครง้ั นนั้ ไดเ้ มอื งเชยี งใหม่ ตีเมอื งเชียงใหม ฝายไทยมีเจา พระยาสรุ สีห
ลา� พูน ล�าปาง กลบั มาอยู่ในราชอาณาจักร เปนแมท ัพคุมทัพหวั เมอื งเหนอื สมทบกับ
- รบกบั พมา่ ทีบ่ างแกว้ เมืองราชบรุ ี กองทัพพมา่ ถกู ตแี ตกพ่ายกลับไป พระยากาวลิ ะ เจา เมอื งลาํ ปาง ยกทัพไปตี
เมืองเชยี งใหมค ืนได เปนตน )
๒๓๑๘ -๒ ๓เ ป๑น็ ๘การรบกบั2พมา่ คร้งั ส�าคัญ เป็นศึกใหญ่กว่าทกุ ครง้ั ในสมัยกรงุ ธนบรุ ี เมื่อครัง้
อะแซหวุน่ กแ้ี มท่ พั พมา่ ยกทัพมาตีหวั เมืองเหนอื ฝา่ ยธนบรุ มี แี มท่ พั หน้าท่ีสา� คัญ 4. ครูชมเชยนกั เรยี นทีใ่ หค วามรวมมอื ในการ
คอื เจา้ พระยาจักรี (ต่อมาคอื พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟา้ จุฬาโลกมหาราช) ปฏิบัตงิ านกลุม เปน อยา งดี
และเจ้าพระยาสุรสหี ์ (บญุ มา) รบกนั หลายครั้ง แต่พม่ายึดเมอื ง
๒๓๒๐ พิษณุโลกไมไ่ ด้ จึงถอยทพั กลบั ไป

๒๓๑๙
- ร บกบั พมา่ เมอ่ื พมา่ ตเี มอื งเชยี งใหม ่ สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ
มหาราชโปรดให้เจ้าพระยาสุรสีห์คุมทัพหัวเมืองเหนือขึ้นไป
๒๓๒๒ สมทบกบั พระยากาวลิ ะ เจา้ เมอื งลา� ปาง ยกทพั ไปตเี มอื งเชยี งใหม่
คนื ไดส้ า� เรจ็ และโปรดใหท้ งิ้ เมอื งเชยี งใหมเ่ ปน็ เมอื งรา้ ง จนถงึ สมยั
รตั นโกสนิ ทรจ์ งึ ได้ตัง้ ข้นึ ใหม่

๒๓๒๔

แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETดิ นกั เรยี นควรรู

ลกั ษณะความสัมพนั ธร ะหวา งไทยสมัยธนบรุ ีกับพมา เปน ไปตามขอ ใด 1 คา ยบางกงุ คา ยทหารจีนทส่ี มเด็จพระเจา ตากสินมหาราชโปรดใหท หารจีน
1. การเผยแผศาสนา ไปตัง้ อยูที่ตําบลบางกงุ ริมแมน า้ํ แมก ลอง บรเิ วณเมืองสมทุ รสงครามตอ แดนเมือง
2. การติดตอ คาขายกัน ราชบรุ ี ปจ จุบนั ต้งั อยูใกลก บั วัดบางกุง อาํ เภอบางคนที จังหวัดสมทุ รสงคราม
3. การทําสงครามสูร บกนั 2 อะแซหวนุ กี้ แมทพั คนสาํ คัญของพมาทยี่ กทพั มาตหี ัวเมอื งฝา ยเหนือเม่ือ พ.ศ.
4. การแลกเปลีย่ นวัฒนธรรมตอ กัน 2318 ในสมัยสมเดจ็ พระเจา ตากสินมหาราช อะแซหวนุ กผี้ นู ี้เคยเปนแมท พั ใหญ
ของพมาไปตอสูกับกองทพั จีนจนไดร ับชัยชนะมาแลว
วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. ในสมยั ธนบุรไี ทยตองทาํ สงครามกบั พมา
บรู ณาการอาเซยี น
รวมถงึ 10 คร้งั ดวยกนั โดยมจี ดุ หมายเพือ่ ปองกันราชธานแี ละหัวเมอื งตา งๆ
ใหร อดพน จากการรุกรานของพมา สงครามคร้งั สําคญั เชน ตีคา ยพมา ครแู นะนําใหนักเรยี นไปศึกษาคนควาเพม่ิ เตมิ เก่ยี วกบั ความสัมพันธร ะหวาง
ท่โี พธิส์ ามตน ใน พ.ศ. 2310 กอนการสถาปนากรงุ ธนบรุ เี ปน ราชธานี รบกับ ไทยสมัยธนบุรีกับชาตติ า งๆ ในอาเซียน เพื่อทน่ี กั เรยี นจะไดเรยี นรูเร่อื งราว
พมา ท่ีคายบางกงุ ระหวา งเมืองสมุทรสงครามและราชบุรีใน พ.ศ. 2310 เหตุการณทางประวัติศาสตรไวเ ปนพนื้ ฐาน เปนการรูจ กั และเขา ใจชาติอน่ื
รบกับพมาท่มี าตเี มืองพชิ ัยใน พ.ศ. 2315 รบกบั พมาทีบ่ างแกว เมืองราชบุรี เพื่อสง เสริมใหเกิดความเขา ใจอนั ดรี ะหวา งกนั
ใน พ.ศ. 2317 รบกบั พมา ทมี่ าตหี วั เมอื งเหนอื ใน พ.ศ. 2318 โดยมอี ะแซหวนุ ก้ี
เปนแมท ัพพมา รบกบั พมา ทมี่ าตเี มืองเชยี งใหมใน พ.ศ. 2319 เปนตน

คูมือครู 75

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

1. ตอ ไปครูแจกบตั รคาํ ถามเกีย่ วกบั ความสัมพันธ ตลอดเวลาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๑๐ - ๒๓๑๙ อาณาจักรธนบุรีต้องท�าสงครามป้องกัน
ระหวา งธนบรุ กี บั ลานชาง โดยคาํ ถาม เชน พระราชอาณาจักรท่ีถูกกองทัพพม่าคุกคาม โดยท่ีกองทัพพม่าไม่ประสบผลส�าเร็จในการยึดครอง
• ธนบรุ มี ีความสัมพันธก ับลานชาง ธนบุรี นบั ไดว้ า่ อา� นาจทางทหารของธนบุรมี ีความเข้มแข็งจนพม่าไม่อาจเอาชนะได้
ในลกั ษณะใด
• จงยกตวั อยา งเหตกุ ารณท างประวัตศิ าสตร ๑.๓) ความสมั พนั ธก์ บั ลา้ นชา้ ง สบื เนอ่ื งมาจากพระยานางรอง เจา้ เมอื งนางรอง
ท่แี สดงใหเ หน็ ถึงความสัมพนั ธในลักษณะ เมืองข้ึนของเมืองนครราชสีมา น�าเอาเมืองนางรองไปข้ึนต่อเจ้าโอ เจ้าเมืองนครจ�าปาศักด์ิ ซ่ึง
ดงั กลา วขา งตน ตงั้ ตนเปน็ อสิ ระใน พ.ศ. ๒๓๑๙ ดงั นนั้ สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชจงึ โปรดใหเ้ จา้ พระยาจกั รยี กทพั
ไปตเี มอื งนางรอง ต่อมาใน พ.ศ. ๒๓๒๐ ไดโ้ ปรดใหเ้ จา้ พระยาสุรสหี ย์ กทพั ไปปราบนครจา� ปาศกั ด์ิ
2. ครูใหเวลานกั เรียนแตล ะกลมุ ระดมความคดิ ที่เตรียมยกทัพมาตีเมืองนครราชสีมา หรือเมืองใดเมืองหนึ่ง มีผลท�าให้ธนบุรีได้เมืองนางรอง
ในการตอบคําถาม จากน้นั สงตวั แทนออกมา จ�าปาศักด์ิ เมืองโขง อัตตะปือ สุรินทร์ สังขะ และขุขันธ์เป็นเมืองข้ึน ภายหลังเสร็จสงคราม
ตอบหนาชั้นเรียน สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชโปรดใหเ้ ลื่อนเจ้าพระยาจกั รเี ป็นสมเด็จเจา้ พระยามหากษัตริยศ์ กึ
ต่อมาใน พ.ศ. ๒๓๒๑ เจา้ นครเวยี งจนั ทน์แหง่ ลา้ นชา้ งไดส้ ่งกองทพั มาจับพระวอ
3. เมอ่ื แตละกลุม ตอบครบ ครเู ฉลยคําตอบ เสนาบดเี มอื งเวยี งจนั ทน ์ ทพ่ี าสมคั รพรรคพวกหนมี าออ่ นนอ้ มตอ่ กรงุ ธนบรุ ี โดยมาตง้ั มน่ั อยทู่ ด่ี อน
(แนวตอบ มดแดงรมิ แมน่ า�้ มูล จนพระวอเสยี ชวี ิต สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชโปรดให้สมเดจ็ เจา้ พระยา
• เปน ความสัมพันธดา นการเมอื งดว ยการขยาย มหากษตั รยิ ศ์ กึ กบั เจา้ พระยาสรุ สหี ย์ กทพั ไปตเี มอื งเวยี งจนั ทน์ไดเ้ ปน็ ผลสา� เรจ็ ทา� ใหธ้ นบรุ ไี ดเ้ มอื ง
อาํ นาจเขาไปครอบครอง เวยี งจันทน ์ หลวงพระบาง และหวั เมอื งอนื่ ๆ ทอ่ี ยู่ตดิ กบั อาณาจกั รญวนเปน็ หวั เมืองประเทศราช
• สาํ หรับความสมั พันธด านการเมืองดว ยการ มนอรกกตจ)า1 กกนับี้ พสรมะบเดา็จงเ 2จซ้า่งึ พปรระะยดาิษมฐหาานกอษยัตทู่ ร่ีเิยม์ศอื ึกงไเวดีย้องัญจเันชทิญนพ์มราะยพังุทกรธุงมธหนาบมรุ ณี ีรัตนปฏิมากร (พระแก้ว
ขยายอํานาจเขา ไปครอบครองเริ่มขึน้ ใน พ.ศ.
2320 เมอ่ื สมเดจ็ พระเจา ตากสนิ มหาราชทรง สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้อัญเชิญพระแก้วมรกต (ภาพเล็ก) และพระบางจากเมืองเวียงจันทน์มายังกรุงธนบุรี
สงกองทพั ไปตีเมอื งจําปาศกั ดิ์ ทเ่ี ตรยี มยก (ภาพจากหนงั สือโคลงภาพพระราชพงศาวดารฯ)
ทัพมาตีเมอื งนครราชสีมา ทาํ ใหธ นบุรไี ด
เมอื งตางๆ เปนเมอื งขน้ึ เชน เมืองนางรอง 76
จาํ ปาศักด์ิ โขง อัตตะปอ สุรนิ ทร สงั ขะ
และขขุ นั ธ ตอมาใน พ.ศ. 2321 สมเด็จ
พระเจา ตากสินมหาราชทรงสง กองทพั ไป
ตเี มืองเวยี งจนั ทน ดวยเหตุทเ่ี จาเมอื ง
เวยี งจันทนไ ดจับพระวอ เสนาบดีเมอื ง
เวยี งจนั ทนท ีพ่ าพวกมาสวามิภักด์ติ อไทย
ประหารชีวิต ทาํ ใหธ นบรุ ไี ดเ มอื งเวียงจนั ทน
หลวงพระบาง และหัวเมืองอน่ื ๆ ทอี่ ยูติดกบั
ญวนเปน เมอื งประเทศราช)

4. ครชู มเชยนักเรียนที่ใหค วามรวมมอื ในการ
ปฏบิ ัติงานกลุมเปน อยา งดี

นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET
ขอใดไมใช ลกั ษณะความสัมพันธข องไทยสมัยธนบรุ ีกบั รัฐท่ีอยใู กลเ คียง
1 พระพทุ ธมหามณรี ตั นปฏมิ ากร (พระแกว มรกต) เปนพระพุทธรปู คบู านคเู มอื ง 1. เปนพันธมิตร
ของคนไทย ตามตํานานเลาวา เม่ือ พ.ศ. 1978 สมัยพระเจา สามฝง แกนแหงลานนา 2. การทําสงคราม
สถูปใหญในเมืองเชยี งรายถูกฟา ผา ลง พบวามีพระพุทธรูปลงรกั ปด ทองอยูข างใน 3. การขยายอทิ ธพิ ล
จึงอญั เชญิ ไปไวในวิหาร ตอ มาปูนปน กะเทาะออกปรากฏเปน พระพทุ ธรูปแกว สีเขียว 4. การเจรจาทางการทตู
มรกต จงึ โปรดใหอญั เชิญมาสเู มืองเชียงใหม แตช างทใี่ ชอญั เชญิ กลับหันเหไป วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. สําหรับความสัมพันธระหวา งรัฐท่อี ยูใกลเ คยี ง
เมอื งลาํ ปางถงึ 3 ครัง้ จึงตอ งยอมใหไปประดษิ ฐานที่เมืองลาํ ปาง เปนเวลา 32 ป กบั ไทยสมยั ธนบุรีจะมีอยูห ลายลกั ษณะ เชน กบั พมา จะเปนการทาํ สงคราม
ตอ มาในสมยั พระเจาตโิ ลกราชจึงใหอ ญั เชญิ มาสูเชียงใหม เปน เวลา 84 ป และได ตอ สกู ัน สวนลานนา ลานชา ง (ลาว) เขมร ไทยพยายามจะแผขยายอาํ นาจ
ประดษิ ฐานอยูท เี่ มอื งหลวงพระบาง 12 ป และเมอื งเวียงจันทนอีก 214 ป จนกระท่งั เขาไปครอบครองและบางคร้ังกเ็ ปน พนั ธมิตรดว ย สาํ หรับมลายู ไทยใหตั้งตวั
สมเดจ็ เจาพระยามหากษัตรยิ ศ ึกคุมกองทัพไปรบเวยี งจันทนและไดอัญเชญิ พระแกว เปน อสิ ระเน่ืองจากไมมีเวลาและจํานวนคนนอ ยเกินกวา ท่จี ะไปปราบ อีกท้ัง
มรกตกับพระบางมากรงุ ธนบรุ ดี วย มลายกู ย็ งั อยูไกลเกนิ ไป
2 พระบาง ในสมยั รัชกาลท่ี 1 พระราชทานพระบางใหกลับคืนไปอยทู ่ีเมอื ง
เวยี งจันทน ตอมาในสมยั รชั กาลที่ 3 อัญเชญิ กลับมาประดษิ ฐานที่วดั พระศรีรตั น-
ศาสดารามและวัดจักรวรรดริ าชาวาส (วดั สามปลื้ม) และในสมยั รชั กาลท่ี 4
พระราชทานใหไ ปประดษิ ฐานไวท เี่ มืองหลวงพระบาง

76 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

1. ครแู จกบตั รคาํ ถามเกย่ี วกบั ความสมั พนั ธ
ระหวางธนบรุ ีกับเขมร และธนบรุ กี บั หัวเมือง
๑.๔) ความสมั พนั ธก์ บั เขมร หลงั กรงุ ศรอี ยธุ ยาเสยี แกพ่ มา่ ใน พ.ศ. ๒๓๑๐ เขมร มลายู คาํ ถาม เชน
ยงั คงเป็นอสิ ระจากไทย คร้นั ถึง พ.ศ. ๒๓๑๒ สมเด็จพระเจา้ ตากสนิ มหาราชจึงโปรดใหย้ กกองทพั • ภายหลงั การเสียกรงุ ความสัมพนั ธร ะหวาง
ไปตีเมอื งเสยี มราฐและพระตะบองไดท้ ้งั ๒ เมือง
ใน พ.ศ. ๒๓๑๓ สมเด็จพระนารายณร์ าชา กษัตรยิ ์เขมร ส่งั ให้กองทัพเขมรโจมตี ธนบรุ ีกับเขมรเปน อยา งไร
เมืองตราด เมืองจันทบุรี แต่ถูกกองทัพจันทบุรีตีแตกพ่ายกลับไป ต่อมาสมเด็จพระเจ้าตากสิน • การแยงชงิ อาํ นาจภายในเขมรในชวงปลาย
มหาราชจงึ โปรดให้ยกกองทพั ไปตเี ขมร ได้เมอื งบันทายมาศ และเตรียมการเขา้ ตีเมืองพนมเปญ
เแมลือะงโปบรันดทใาหยเ้ จเพา้ พชรระ ยสามจเกัดร็จียพกรทะพันไาปราตยไี ณดเ้ ์รมาอื ชงาพ1เหระ็นตสะู้ไบมอ่ไงด ้ เจมึงอื ทงิ้งโพเมธือิสงัตบวัน ์ ทเมาือยงเบพรชิบรูรหณน์ ีไปจวพนึ่งจญะวถนึง สมัยธนบุรี มผี ลตอความสมั พันธร ะหวา ง
สมเดจ็ พระเจา้ ตากสินมหาราชทรงตไี ดเ้ มืองพนมเปญและทรงอภิเษกพระรามราชา พระราชวงศ์ ธนบุรีกับเขมรอยา งไร
ของสม เด็จพ ระนตารอ่ ามยาณเก์รดิ ากชาารเแปย็นง่ กชษงิ ตัอา�รนยิ า์เขจ2มในรอแาลณะขาจน้ึ กัตรรเงขตม่อรธ กนษบตั ุรรี ยิ เ์ ขมรทธ่ี นบรุ ีใหก้ ารสนบั สนนุ • ธนบรุ มี คี วามสมั พนั ธกบั หัวเมอื งมลายู
จึงถูกส�าเร็จโทษใน พ.ศ. ๒๓๒๒ ทา� ให้เขมรตกอยภู่ ายใต้อทิ ธพิ ลของญวน สมเดจ็ พระเจา้ ตากสิน ในลักษณะใด
มหาราชจึงโปรดใหส้ มเดจ็ เจ้าพระยามหากษัตริยศ์ ึกและเจา้ พระยาสุรสีหย์ กทพั ไปตีเขมรใน พ.ศ. 2. ครูใหเวลานักเรียนแตล ะกลมุ ระดมความคิด
ก๒ร๓ม๒ข๓นุ อแินลทะรเพมิทื่อกัตษีเข์ 3มพรรไะดร้แาลช้วโอโปรสรดข้ึนใหเป้สน็มกเดษ็จตั เรจยิ้า์คพรรอะงยเาขมมหร ากแษตัต่ในรทิยสี่์ศดุึกสจงัดคกราารมอกภบั ิเษเขกมใรหค้เจรัง้้านฟัน้ ้า ในการตอบคําถาม จากนั้นสงตัวแทนออกมา
ต้องยุติลง เพราะทางกรุงธนบุรีเกิดจลาจล สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกจึงจ�าเป็นต้องยกทัพ ตอบหนาชั้นเรียน
กลับกรงุ ธนบุรี 3. เม่ือแตล ะกลุมตอบครบ ครเู ฉลยคําตอบ
(แนวตอบ
• เปน ความสัมพันธใ นดานการเมืองดว ยการ
ขยายอํานาจทางการทหารเขาไปครอบครอง
เพราะภายหลงั การเสยี กรุง เขมรไดต ง้ั ตวั
เปน อสิ ระ สมเด็จพระเจา ตากสินมหาราช
จึงสงกองทัพไปตีเขมรใน พ.ศ. 2312 จนได
หัวเมอื งเขมรบางสว น และยกไปตีอีกครงั้
ใน พ.ศ. 2314 เพราะเขมรหันไปใกลช ิด
กับญวน
• จากการแยงชิงอํานาจในเขมร สง ผลใหเ ขมร
อยใู ตอ ทิ ธพิ ลของญวน สมเดจ็ พระเจา ตากสนิ
มหาราชจึงโปรดใหส มเดจ็ เจาพระยา
มหากษตั ริยศกึ และเจา พระยาสุรสีหย กทัพ
ไปตีเขมรใน พ.ศ. 2323 แตไ มสําเร็จ
ดว ยเพราะกรุงธนบรุ ีเกิดการจลาจล
สมเดจ็ พระเจ้าตากสนิ มหาราชโปรดให้ทหารตั้งคา่ ยล้อมเมืองและเข้าโจมตีเมอื งบันทายมาศหรอื พุทไธมาศ เมืองหน้าด่าน ฝายไทยจึงตองยกทพั กลบั
ส�าคัญของเขมรทางด้านอ่าวไทย ด้วยเหตุเพราะเจ้าเมืองบันทายมาศ ซึ่งเป็นเช้ือสายญวนกระด้างกระเด่ืองต่อไทย • ไมค อยมีความสมั พนั ธตอ กัน ดว ยเพราะ
(ภาพจากหนงั สอื โคลงภาพพระราชพงศาวดารฯ) สมเดจ็ พระเจา ตากสินมหาราชทรงไมม ี
เวลาพอทีจ่ ะปราบปรามหัวเมอื งมลาย)ู
77

4. ครชู มเชยนกั เรียนทใี่ หความรวมมือในการ
ปฏิบัติงานกลมุ เปนอยางดี
แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ
นักเรียนควรรู

ไทยในสมยั ธนบุรีมีความสมั พันธกับเขมรในลักษณะใด จงอธบิ ายมาพอสงั เขป 1 สมเดจ็ พระนารายณร าชา หลงั จากหนไี ปพงึ่ ญวนแลว ตอมาญวนเกดิ จลาจล
แนวตอบ ไทยสมยั ธนบรุ มี คี วามสมั พันธก ับเขมรในลกั ษณะการขยายอทิ ธิพล สมเดจ็ พระนารายณร าชา (นกั องตน) จงึ ไดข อปรองดองกบั พระรามราชา (นกั องนน)
ทางการทหารเขาไปครอบครอง โดยใน พ.ศ. 2312 สมเดจ็ พระเจา ตากสนิ สมเดจ็ พระเจาตากสนิ มหาราชจงึ โปรดใหพ ระรามราชาครองเขมร ทรงตง้ั สมเดจ็
มหาราชโปรดใหยกทพั ไปตีไดเมอื งเสียมราฐและพระตะบอง ใน พ.ศ. 2313 พระนารายณร าชาเปน พระมหาอุปโยราช และใหนกั องธรรมเจา นายอกี องคห นงึ่
เขมรไดโจมตเี มืองตราด จันทบุรี แตถกู กองทพั จนั ทบรุ ตี แี ตกพา ยกลับไป เปน มหาอปุ ราช เหตกุ ารณใ นเขมรจงึ สงบลง

ตอมาสมเด็จพระเจา ตากสินมหาราชโปรดใหย กทัพไปตเี ขมร ไดเมอื ง 2 การแยง ชงิ อาํ นาจ สืบเนอ่ื งจากมหาอปุ ราช (นกั องธรรม) ถูกลอบฆา
บนั ทายมาศ และเตรยี มการเขา ตเี มอื งพนมเปญ และโปรดใหเ จาพระยาจักรี และพระมหาอปุ โยราชสนิ้ พระชนมเ พราะโรคปจ จบุ นั บรรดาขนุ นางเขมรจึงคดิ การ
ยกทัพไปตไี ดเมอื งพระตะบอง โพธสิ ตั ว บริบรู ณ จวนจะถึงบันทายเพชร เปนกบฏจบั สมเด็จพระรามราชาสําเรจ็ โทษ แลว อญั เชญิ ใหนกั องเอง พระโอรส
กษัตริยเ ขมรเหน็ สไู มไดจึงหันไปพึ่งญวณ สมเด็จพระเจาตากสนิ มหาราช ในพระมหาอปุ โยราช ซึ่งมพี ระชนมายเุ พียง 4 พรรษา ข้ึนครองราชยแ ทน
จึงตไี ดเมืองพนมเปญ ตอ มาเขมรเกิดการแยงชิงอาํ นาจกนั เอง ทําใหเขมร 3 เจา ฟา กรมขนุ อนิ ทรพทิ กั ษ พระนามเดมิ วา จยุ ทรงดาํ รงตําแหนง
อยใู ตอ ทิ ธพิ ลของญวณ สมเด็จพระเจาตากสินมหาราชจึงโปรดใหส มเด็จ พระมหาอุปราชในสมเด็จพระเจา ตากสนิ มหาราช เมื่อเกิดเหตุการณจ ลาจลใน
พระเจา ยามหากษตั ริยศกึ และเจา พระยาสรุ สีหยกทัพไปตีเขมรใน พ.ศ. 2323 กรงุ ธนบรุ ี เจา ฟา กรมขุนอนิ ทรพิทักษยงั คงประทับที่เขมร เมอ่ื ผลดั เปล่ียนแผนดิน
แตเ พราะกรงุ ธนบุรเี กิดการจลาจล สมเด็จเจา พระยามหากษตั รยิ ศกึ จึงตอง ไดท รงถกู สําเร็จโทษตามพระราชบิดา ทรงเปน ตน ราชสกุลสนิ สขุ และอินทรโยธนิ
ยกทัพกลบั กรงุ ธนบรุ ี
คมู ือครู 77

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

1. ครแู จกบัตรคําถามเกย่ี วกับความสัมพนั ธ ๑.๕) ความสมั พนั ธก์ บั หวั เมอื งมลาย ู หลงั กรงุ ศรอี ยธุ ยาเสยี แกพ่ มา่ ใน พ.ศ. ๒๓๑๐
ระหวางธนบรุ ีกับจนี คําถาม เชน หัวเมืองมลายไู ด้ตง้ั ตนเปน็ อิสระเรื่อยมาตลอดสมยั ธนบุร ี สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชทรงไม่มี
• ไทยสมยั ธนบรุ ีมกี ารติดตอ สมั พนั ธก ับจนี เวลาพอทจ่ี ะไปปราบหวั เมอื งมลายใู หม้ าออ่ นนอ้ มได ้ มเี พยี งคดิ อบุ ายใหเ้ จา้ พระยานครศรธี รรมราช
เพื่อจุดประสงคใ ด ไปขอยมื เงินเมืองไทรบุรแี ละเมืองปัตตานีสา� หรับซื้อเครื่องอาวุธยทุ โธปกรณ์ เมอื งละ ๑,๐๐๐ ชั่ง
• ภายหลงั จากสมเด็จพระเจาตากสนิ มหาราช เพอ่ื หยงั่ ทา่ ทขี องเมอื งมลายทู ง้ั ๒ เมอื ง แตท่ งั้ เมอื งไทรบรุ แี ละเมอื งปตั ตานกี ไ็ มย่ อมใหย้ มื สมเดจ็
ข้นึ ครองราชสมบัตแิ ลว ทรงติดตอ สมั พันธ พระเจ้าตากสินมหาราชก็มิไดท้ รงยกทัพไปตหี วั เมอื งมลายูแต่อย่างใด
กบั จนี อยางไร
๒) ลกั ษณะความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งธนบรุ กี บั ดนิ แดนอน่ื ๆ ในทวปี เอเชยี สว่ นใหญ่
2. ครูใหเวลานกั เรียนแตล ะกลุมระดมความคดิ
ในการตอบคําถาม จากนน้ั สงตวั แทนออกมา มคี วามสัมพันธ์ในเรอื่ งการค้าขาย พอ่ คา้ ต่างชาตทิ เี่ ขา้ มาค้าขาย เช่น จีน อนิ เดีย และเปอร์เซีย
ตอบหนาชั้นเรียน เปน็ ต้น แตท่ ีม่ คี วามส�าคัญต่ออาณาจกั รธนบรุ ี คือ จนี จงึ ขอกลา่ วเน้นไปทคี่ วามสัมพันธ์กับจีน
เป็นหลัก
3. เมอื่ แตละกลมุ ตอบครบ ครูเฉลยคาํ ตอบ ความสัมพันธร์ ะหว่างไทยกับจนี สมัยธนบรุ ยี ังคงมีลกั ษณะเหมือนกบั สมยั อยุธยา คือ
(แนวตอบ เป็นความสัมพันธ์ทางการค้าในระบบบรรณาการ ซ่ึงตามธรรมเนียมการข้ึนครองราชสมบัติของ
• เพื่อการคา ในระบบบรรณาการ พระมหากษัตริย์ไทยในสมัยน้ัน คือ จะต้องแจ้งข่าวไปให้ทางราชส�านักจีนรับทราบเพื่อให้การ
• ทรงสงทตู ไปจีนหลายคร้งั ทง้ั ใน พ.ศ. 2314 รบั รองเพอ่ื ฝ่ายไทยจะได้สิทธิพเิ ศษทางการค้ากบั จีน
และ พ.ศ. 2318 เพ่ือแจง ขา วการข้นึ ภายหลังสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเสด็จขึ้นครองราชสมบัติแล้วทรงส่งทูตไปจีน
ครองราชยไ ปใหทางราชสาํ นกั จีนทราบ หลายครง้ั ใน พ.ศ. ๒๓๑๔ และ พ.ศ. ๒๓๑๘ แตจ่ นี ยงั มิไดใ้ ห้การรบั รองฐานะของพระองค ์ ขณะนนั้
เพอื่ ใหการรับรองฐานะของพระองค จีนมีการปกครองโดยราชวงศ์ชิงของพวกแมนจู มีจักรพรรดิเฉียนหลงซึ่งมีพระปรีชาสามารถ
แตทางจีนเห็นวา การขนึ้ ครองราชยไมถ ูกตอง ปกครองอยู่ จนี เห็นว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชแยง่ ชงิ ราชสมบัต ิ จึงเป็นพระมหากษัตริยท์ ่ี
และชอบธรรม จึงยังไมใ หการรบั รอง ไม่ถูกต้องและชอบธรรม โดยที่จีนยังไม่เข้าใจสถานการณ์ท่ีเกิดขึ้นในไทยขณะนั้นได้ชัดเจนพอ
จนตอ มาภายหลังถงึ ยอมรับทีจ่ ะสราง ใจหงึ ไไ้ มทย่ยอเอมารมบั ารทอา�งดฐนิานปะนื ขแอลงะสนมา� เมดจา็ หพลระอ่ เปจนืา้ ตใหากญสไ่ นิดมต้ หามารลาา� ชด บัแต จจ่ นนี กกรย็ ะอทมง่ั ถขงึา ยพก.า�ศม. ะ๒ถ๓นั ๒แ๔ล1 ะจกนี รจะทงึ ระบัเหรลอก็ง
สมั พันธไมตรกี บั ธนบรุ )ี ฐานะการเป็นกษัตริย์ของสมเด็จพระเจา้ ตากสนิ มหาราช
การท่ธี นบรุ ีมีความสัมพนั ธก์ ับจีนกอ่ ให้เกิดผลดีในดา้ นต่างๆ เชน่ ด้านเศรษฐกิจของ
4. ครชู มเชยนักเรยี นท่ใี หความรว มมือในการ ธนบรุ ี เนอ่ื งจากพ่อค้าจนี เดินทางเขา้ มาค้าขายไดส้ ะดวก ทา� ให้เศรษฐกจิ สามารถฟื้นตวั ได้รวดเรว็
ปฏบิ ตั งิ านกลมุ เปน อยางดี ดา้ นการเมอื ง ทา� ใหฐ้ านะของสมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชมคี วามชอบธรรมและมน่ั คง ดา้ นความ
มั่นคง ท�าให้ธนบุรีสามารถซื้อยุทธปัจจัย เช่น ก�ามะถันและกระทะเหล็กจากจีน เพ่ือน�ามาท�า
ปืนใหญ่ไว้ต่อสู้กับข้าศึกศัตรูโดยเฉพาะกับพม่าส�าหรับป้องกันราชอาณาจักร เป็นต้น นอกจากนี้
การที่จีนให้การรับรองฐานะการเป็นกษัตริย์ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชใน พ.ศ. ๒๓๒๔
ย่อมส่งผลให้ผู้อ่ืนที่พ�านักอยู่ในกรุงธนบุรีก่อนแล้วได้ส่งเสริมให้คนจีนอพยพเข้ามาอาศัยอยู่ใน
เมืองไทยมากขึ้นดว้ ย อนั เป็นผลดีทางด้านเศรษฐกิจของไทยในระยะหลังตอ่ มา

78

เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET
การทธ่ี นบุรมี กี ารติดตอสัมพันธก ับจนี กอใหเ กิดผลดตี ออาณาจกั รอยางไร
ครูแนะนําใหนักเรียนสืบคนขอ มลู ชาวจีนท่เี ขา มาตงั้ ถนิ่ ฐานในแผน ดนิ สยาม แนวตอบ กอ ใหเกิดผลดหี ลายดา น เชน ดา นเศรษฐกิจ เนือ่ งจากพอ คา จีน
สมัยธนบรุ ี โดยขอมูลประกอบดวย ประวตั ิความเปน มา บทบาท/หนาท่ี เชอ้ื สาย เดนิ ทางเขามาคา ขายในธนบุรไี ดสะดวกและไดผ ลกําไรตอบแทนงดงาม
ในปจ จุบัน หรอื อาจมีภาพประกอบดว ยกไ็ ด จากน้นั นําขอมูลและภาพมาจัดทาํ เปน จึงทาํ ใหเศรษฐกิจของธนบุรสี ามารถฟนตวั ไดอ ยางรวดเรว็ ดา นการเมือง
เสน เวลา (Timeline) ตกแตงใหสวยงาม แลว นําเสนอหนาชัน้ เรียน ทาํ ใหฐานะของสมเดจ็ พระเจา ตากสนิ มหาราชมคี วามชอบธรรมและมั่นคง
และนอกจากพอคาชาวจีนแลว ยงั มชี าวจีนบางสว นอพยพเขา มาตง้ั ถิน่ ฐาน
นักเรียนควรรู ในธนบุรแี ละรบั ราชการในราชสาํ นกั ไทยดว ย ดา นความมนั่ คง ทาํ ใหธนบุรี
สามารถซอ้ื ยทุ ธปจ จัย เชน กาํ มะถนั และกระทะเหลก็ จากจนี เพ่อื นํามาทาํ
1 พ.ศ. 2324 ราชทตู ไทยไดอ ญั เชญิ พระราชสาสนเ พ่ือถวายรายงานตอ จกั รพรรดิ เปนปนใหญไวตอ สกู บั ขา ศกึ เพอ่ื ปอ งกันอาณาจกั ร ดานวัฒนธรรม จากการ
จีนถึงชัยชนะท่สี มเด็จพระเจาตากสนิ มหาราชมีตอ พมา และกราบทูลขอพระราชทาน ทีพ่ อ คา ชาวจีนและชาวจนี บางสวนอพยพเขามา กไ็ ดน าํ วฒั นธรรมจนี เขามา
ตราต้ัง ซ่ึงจกั รพรรดจิ นี ก็ทรงมีพระบรมราชานุญาตและโปรดใหด แู ลบรรดาทูตเปน เผยแพรในไทยสมยั ธนบุรีดวยเชนกนั เปนตน
อยางดี รวมทั้งยอมใหม สี ทิ ธิพิเศษทางการคา ขายไดเ ชนเดียวกับในสมัยอยธุ ยา

78 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

กรุงศรีอยุธยา๓แ)กพ่ลมัก่าษแณล้วะ คบว้านามเมสอื ัมงวพนุ่ ันวาธย์ร ะชหาววต่าะงวธันนตบกจุรึงีกไับปคชา้าขตาิตยยะวังดันินตแกด นภแาถยบหอลื่นัง1 หจาลกงั จเสาีกย 1. ครูแจกบตั รคาํ ถามเก่ียวกับความสัมพนั ธ
สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชสถาปนากรงุ ธนบรุ ี ระหวา งธนบรุ ีกับองั กฤษ คําถาม เชน
เปน็ ราชธาน ี พระองคท์ รงสง่ เสรมิ การคา้ ขายกบั • ไทยสมัยธนบรุ มี กี ารติดตอสัมพนั ธก ับ
จนี เปน็ สา� คญั สา� หรบั การตดิ ตอ่ กบั ชาตติ ะวนั ตก อังกฤษในลกั ษณะใด
น้นั มาเริ่มต้นในสมยั รัตนโกสินทร์ตอนต้น • นอกจากอังกฤษแลว ธนบุรยี งั ตดิ ตอสมั พันธ
ในสมยั ธนบรุ ไี ดม้ คี วามสมั พนั ธก์ บั กับชาตติ ะวันตกใดอกี
องั กฤษ แตม่ ไิ ดเ้ ปน็ การคา้ ขายกบั พอ่ คา้ องั กฤษ
เหมือนสมัยอยุธยา มีเพียงพ่อค้าชาวอังกฤษ 2. ครูใหเวลานกั เรียนแตล ะกลมุ ระดมความคดิ
ชทอ่ืี่ไท รยอ้ เยรเียอกกวฟ่าร ากนปซตสิ ัน ไเลหตล ์ (็กF 2raซn่ึงcทisา งLรigาhชtส) �าหนรอัืก ในการตอบคําถาม จากนั้นสง ตวั แทนออกมา
กรุงธนบุรีติดต่อให้เป็นผู้จัดหาอาวุธมาให้ไทย ตอบหนาช้นั เรียน
สา� หรบั ใช้ต่อส้กู บั พม่า ภายหลังฟรานซิส ไลต์ รปู ปนั ฟรานซสิ ไลต์ หรอื กปต นั เหลก็ ตงั้ อยภู่ ายในปอ มปน
ผู้นี้ได้รับพระราชทานยศเป็นพระยาราชกปิตัน คอรน์ วอลลสิ (Fort Cornwallis) ทเ่ี มอื งปน งั ประเทศมาเลเซยี 3. เมอื่ แตละกลมุ ตอบครบ ครเู ฉลยคําตอบ
ในฐานะท่ีมีความดีความชอบเป็นผู้จัดหาอาวุธ เป็นพ่อค้าชาวอังกฤษท่ีเข้ามามีบทบาทในกิจการค้าขาย (แนวตอบ
ให้กับไทย แถบหัวเมืองมลายู และได้จัดหาอาวุธปนมาถวายสมเด็จ • มกี ารตดิ ตอกันนอยเมอื่ เทยี บกับชาติอืน่ ๆ
พระเจ้าตากสินมหาราช รวมทั้งได้พัฒนาเกาะปนังขึ้นเป็น ซง่ึ เปน ความสมั พันธดานความม่นั คง
เมืองและเป็นเจา้ เมืองปน ังคนแรก โดยชาวอังกฤษบางคนไดเ ขา มาชวยทาํ ธุระ
ใหราชการไทยจนมคี วามดคี วามชอบ เชน
กล่าวโดยสรุป พัฒนาการทางด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทยสมัยธนบุรี รอ ยเอกฟรานซิส ไลต หรือทไ่ี ทยเรียกวา
สว่ นใหญจ่ ะเกยี่ วขอ้ งกบั อาณาจกั รเพอื่ นบา้ นใกลเ้ คยี ง เพราะเปน็ ชว่ งทไ่ี ทยตอ้ งเผชญิ กบั ภยั สงคราม กปตนั เหลก็ ไดเปนผจู ดั หาอาวุธปนมาให
กับอาณาจักรเพื่อนบ้านภายหลังกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าใน พ.ศ. ๒๓๑๐ ท้ังน้ีเพื่อความมั่นคง ตามที่ราชสาํ นักไทยตองการ จงึ ไดรับ
และปอ้ งกนั อาณาจกั รใหพ้ น้ จากการยดึ ครองของขา้ ศกึ ศตั ร ู ขณะเดยี วกนั กข็ ยายพระราชอาณาเขต พระราชทานยศเปนพระยาราชกปต ัน
ออกไปให้กวา้ งขวางเพอ่ื ความมั่นคงของอาณาจักร • ความสัมพนั ธท ่ีธนบุรมี ตี อ ชาติตะวันตกอนื่
สา� หรับความสัมพันธก์ ับอาณาจักรอ่ืนๆ ในทวปี เอเชียก็ม ี ทีส่ า� คัญมากส�าหรับธนบุรี นอกจากองั กฤษจะเปน ความสมั พนั ธสั้นๆ
คือ ความสัมพันธ์กับจีน เพื่อผลประโยชน์ทางด้านการค้า ส่วนความสัมพันธ์กับชาติตะวันตก เพยี งครัง้ คราว ไดแ ก ฮอลนั ดา โดยใน พ.ศ.
ยงั มไิ ดเ้ รมิ่ ตน้ เพราะพอ่ คา้ ชาวตะวนั ตกไปคา้ ขายในบรเิ วณอน่ื ๆ แทนหลงั เสยี กรงุ ศรอี ยธุ ยาแกพ่ มา่ 2313 ชาวฮอลนั ดาจากเมอื งปตตาเวีย
และยงั ไมไ่ ด้กลบั เขา้ มาคา้ ขายอีกในสมยั ธนบรุ ี และแขกเมอื งตรงั กานไู ดเขาเฝาและนํา
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าอาณาจักรธนบุรีจะยังมิได้มีความสัมพันธ์กับชาติตะวันตก ปนคาบศิลามาถวายสมเดจ็ พระเจา ตากสิน
ในทางการทตู แตส่ มเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชกท็ รงเปดิ โอกาสใหบ้ รรดาบาทหลวงชาตติ ะวนั ตก มหาราช และโปรตเุ กส โดยชาวโปรตเุ กส
ท่ีนับถือคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก เช่น ฝร่ังเศส เข้ามาเผยแผ่ศาสนาได้ในธนบุรี และ และแขกมวั รจ ากเมอื งสรุ ตั ซ่ึงเปนเมืองข้ึน
บางครงั้ กม็ โี อกาสเขา้ เฝา้ สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชตอ่ หนา้ พระทน่ี ง่ั ดว้ ย โดยบาทหลวงเหลา่ น้ี ของโปรตุเกสในอินเดยี ไดน ําสนิ คา เขา มา
ได้มีโอกาสแลกเปลย่ี นความคิดเหน็ และกราบทูลเก่ยี วกับเร่อื งศาสนาแดพ่ ระองค์ คาขายกบั ไทย)

4. ครชู มเชยนักเรยี นทีใ่ หค วามรว มมือในการ
ปฏบิ ตั ิงานกลมุ เปนอยางดี

7๙

กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรยี นควรรู

ครูใหน ักเรียนจดั ทําตารางแสดงลกั ษณะความสมั พันธระหวางประเทศ 1 ดินแดนแถบอ่ืน โดยหนั ไปแสวงหาอาณานคิ มและการคา ในอนิ เดยี เชน องั กฤษ
ในประเด็นตอ ไปนี้ หนั ไปแสวงหาอาณานคิ มแถบเมอื งทา ตา งๆ ในอนิ เดยี พมา หรอื ฝรงั่ เศสหนั ไปสนใจ
การคา แถบอนิ เดยี เปน ตน
• ไทยสมยั ธนบุรีกับรัฐทอี่ ยูใกลเ คียง 2 กปต นั เหลก็ แผลงมาจากคาํ วา Captain Light ชอื่ เดมิ คอื รอ ยเอกฟรานซสิ ไลต
• ไทยสมยั ธนบุรกี บั ดนิ แดนอื่นๆ ในทวีปเอเชยี เปน พอคาชาวอังกฤษที่มบี ทบาทในกิจการคาขายแถบหัวเมืองมลายรู ะหวา ง
• ไทยสมยั ธนบุรกี ับชาติตะวนั ตก รชั สมัยสมเด็จพระเจาตากสนิ มหาราชและรัชกาลท่ี 1 กปตันเหล็กไดเ ขา มาตงั้
จากนน้ั นาํ เสนอขอ มูลที่หนาช้ันเรียน บา นเรือนทาํ การคา ขายอยทู ่ีเกาะถลาง บางครั้งกร็ ับหนา ทตี่ ิดตอซ้อื ขายอาวุธปน
ใหแกส มเดจ็ พระเจาตากสินมหาราช ตอ มากปตันเหลก็ ไดย า ยไปอยทู ีเ่ มืองกัลกตั ตา
กิจกรรมทาทาย และดว ยเหตทุ เี่ ปน ผมู คี วามคนุ เคยกบั ชาวพน้ื เมอื งแถบมลายู จงึ ไดท าํ หนา ทดี่ าํ เนนิ การ
ใหองั กฤษไดม ีอาณานิคมในแถบนัน้ โดยเจรจากบั สุลตานแหงไทรบุรีขอเชาเกาะปนงั
ครใู หนักเรยี นวเิ คราะหล กั ษณะความสมั พันธระหวางประเทศของไทย เปนผลสาํ เร็จใน พ.ศ. 2329 จนไดรับการแตง ตง้ั จากรฐั บาลองั กฤษใหเ ปนผวู า ราชการ
สมยั ธนบุรกี ับชาติตางๆ เม่อื เทียบกบั สมยั อยุธยา วามคี วามเหมอื นหรือ เกาะปนงั และกปต นั เหล็กไดพฒั นาเกาะปนังจนกลายเปน เมอื งการคา ทส่ี าํ คัญ
แตกตางกนั อยา งไร โดยเขียนลงสมุดจดงานสงครูผสู อน และต้ังชื่อใหมวา เกาะปริ้นซ ออฟ เวลส เพ่ือเปน เกียรติแกเจา ชายเวลสแ หง องั กฤษ
(ภายหลังมาเลเซยี ไดร บั เอกราชจากอังกฤษ เกาะปนังก็กลับมามีชือ่ เดิมอกี ครง้ั )

คมู ือครู 79

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Expand Evaluate
Explain
อธบิ ายความรู

1. ครูใหน กั เรยี นในช้ันเรยี นรวมกนั อภิปราย ๔. การเส่ือมอÓนาจของอาณาจักรธนบรุ ี
เกย่ี วกับการเส่ือมอํานาจของอาณาจักรธนบรุ ี
จากน้นั สรปุ สาระสําคญั นาํ สงครูผสู อน การเส่ือมอ�านาจของอาณาจักรธนบุรีมีสาเหตุมาจากเหตุการณ์จลาจลในกรุงธนบุรี หรือที่
เรียกวา่ กบฏพระยาสรรค์ เมอื่ พ.ศ. ๒๓๒๕
2. ครขู ออาสาสมคั รนักเรยี นออกมาสรุปความรู ข นุ สรุ ะเ1 หนตาุกยาบรนุ ณน์นาี้สคืบ บเนา้ น่ือแงมมา่ลจาา2 กกับชขาวุนกแรกุงว้เก น่า้อ ง(กพรรุงะศยราีอสยรรุธคย์ าคเดุมิมส)ม ัคกรลพุ่มรหรคนพ่ึงควิดกเทป�า็นกกาบรปฏล น้ไดจ้แวนก ่
เกยี่ วกบั พัฒนาการทางประวัตศิ าสตรของ พระยาอนิ ทรอภยั ผรู้ กั ษาเมอื งกรงุ เกา่ ทง้ั นส้ี บื เนอ่ื งจากพระวชิ ติ ณรงคซ์ งึ่ รบั ผกู ขาดเกบ็ ภาคหลวง
อาณาจกั รธนบรุ ตี ง้ั แตเ รมิ่ การสถาปนากรงุ ธนบรุ ี ขดุ ทรพั ยท์ ีก่ รุงเก่าปีละ ๕๐๐ ช่งั ได้ไปบังคบั เรยี กเอาเงินจากราษฎรอยา่ งไมเ่ ปน็ ธรรม เป็นเหตใุ ห้
จนถงึ การเส่ือมอํานาจของอาณาจกั รธนบรุ ี ชาวกรุงเก่าเดือดร้อนอย่างหนัก การปล้นจวนเมืองของพวกกบฏในคร้ังนั้น พระยาอินทรอภัยสู้
เพ่ือเปน การทบทวนความรทู ่ีไดศึกษามาแลว
ทงั้ หมด

ขยายความเขา ใจ Expand ไม่ได้จงึ หลบหนมี ายงั กรุงธนบรุ ี สมเด็จพระเจ้าตากสนิ มหาราชทรงทราบจงึ รับส่ังใหพ้ ระยาสรรค์
ไปสบื สวนเอาตวั ผรู้ า้ ยมาลงโทษ แตก่ ลบั ถกู ขนุ แกว้ ซงึ่ เปน็ นอ้ งชายเกลย้ี กลอ่ มใหเ้ ปน็ พวกดว้ ยและ
ยกยอ่ งให้พระยาสรรค์เป็นแม่ทัพยกมาตกี รงุ ธนบรุ ี
ครูใหนักเรียนชว ยกันจัดนทิ รรศการเกีย่ วกบั ในท่ีสุดพระยาสรรค์กับพวกสามารถปล้นพระราชวังได้ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช3ทรง
ประวตั ศิ าสตรไทยสมยั ธนบรุ ี พรอ มทงั้ เสน เวลา ยอมแพ้และทรงรับจะผนวช จงึ ถกู ควบคมุ ไวท้ ่ีโบสถว์ ดั อรณุ ราชวราราม พรอ้ มกันนัน้ พระยาสรรค์
(Timeline) เรยี งลาํ ดับเหตุการณสาํ คัญทาง ได้ประกาศตนเป็นผู้รักษาพระนครเพื่อรอให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกกลับมาจากราชการ
ประวตั ิศาสตร เปนเวลา 2 สปั ดาห ทัพท่เี ขมร พระยาสรรค์ได้ปลดปลอ่ ยผทู้ ถี่ ูกจองจา� ไวร้ อลงพระราชอาญา ทา� ใหผ้ ู้ที่ถกู ปลดปล่อย

ตรวจสอบผล Evaluate ออกมาล้างแค้นพวกที่เคยเป็นโจทก์ จนเกิดการฆ่าฟันกันไปทั่วพระนคร โดยไม่มีผู้ใดจะท�าให้
เหตกุ ารณ์ยุตลิ งได้
1. ครปู ระเมินผลการจดั นิทรรศการเกยี่ วกับ ขณะนั้นพระยาสุริยอภัยซ่ึงเป็นหลานของสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้ยกทัพเมือง
ประวตั ิศาสตรไ ทยสมยั ธนบรุ ีของนกั เรยี น นครราชสมี าเขา้ มาถงึ กรงุ ธนบรุ ี เนอื่ งจากไดร้ บั คา� สง่ั จากสมเดจ็ เจา้ พระยามหากษตั รยิ ศ์ กึ ซง่ึ ไดร้ บั
โดยประเมนิ จากเน้อื หาสาระท่ีนํามาจัด ข่าวจลาจลให้เขา้ มาแกไ้ ขสถานการณใ์ นกรุงธนบรุ ี จนกระทง่ั สามารถจบั กมุ ผกู้ ่อการไวไ้ ด้ทั้งหมด
นิทรรศการ รูปแบบการจดั และความสวยงาม พระยาสุริยอภัยให้จัดการสึกสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชและน�ามาควบคุมไว้ เพื่อมิให้เกิด
เหตกุ ารณย์ ุ่งยากขึน้ อกี
2. ครสู งั เกตพฤติกรรมความมสี ว นรวมในการ เมอ่ื สมเดจ็ เจา้ พระยามหากษตั รยิ ศ์ กึ เดนิ ทางจากราชการทพั ในเขมรกลบั มาถงึ กรงุ ธนบรุ แี ลว้
ตอบคาํ ถามและการแสดงความคิดเหน็ ของ จงึ จดั การไต่สวนเหตกุ ารณท์ ี่เกิดขน้ึ ทัง้ หมดโดยปรกึ ษาขนุ นางขา้ ราชการท้งั ปวง ตา่ งลงความเห็น
นกั เรียน

ว่าเพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาอันจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ของบ้านเมือง จึงให้น�าสมเด็จ
พระเจา้ ตากสนิ มหาราชไปสา� เรจ็ โทษดว้ ยทอ่ นจนั ทน ์ สวรรคตเมอ่ื พ.ศ. ๒๓๒๕ พระชนมายไุ ด ้ ๔๘
พรรษา
ถึงแม้ว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชจะทรงปกครองบ้านเมืองเป็นระยะเวลาประมาณ
๑๕ ป ี แตพ่ ระองคก์ ท็ รงอทุ ศิ พระวรกาย ตลอดจนพระปรชี าสามารถและความกลา้ หาญ ทา� นบุ า� รงุ
และฟน้ื ฟรู าชอาณาจักรของไทยจนกระท่งั เป็นปกึ แผน่ และม่นั คงอย่างรวดเรว็

80

นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET
1. กบฏพระยาสรรค
1 ขนุ สรุ ะ เดิมชอ่ื เพง กอ นเสยี กรงุ ศรอี ยธุ ยาไดเดนิ ทางมาอาศยั อยทู ่ีบา น 2. การจลาจลท่กี รงุ เกา
หลวงยกกระบตั ร เมืองราชบุรี ในสมยั ธนบรุ ไี ดฝ ากตัวรับราชการกบั พระยายมราช 3. สมเด็จพระเจา ตากสนิ มหาราชเสด็จออกผนวช
(ทองดวง) จงึ ไดรบั แตง ต้ังใหเปนขุนสุรสงคราม คร้นั กรุงธนบุรเี กดิ การจลาจล 4. เจา พระยามหากษตั ริยศ กึ ปราบดาภเิ ษกเปนพระมหากษัตริย
จึงมาชวนนายบุนนาค บา นแมลา รวมมอื กนั ยึดเมืองกรงุ เกา และคุมกําลงั มาชว ย จากขอ มลู ขา งตน ใหเรียงลําดบั เหตกุ ารณปลายสมัยธนบรุ ใี หถูกตอง
พระยาสรุ ิยอภยั แกไขสถานการณในกรงุ ธนบรุ ีเปน ผลสําเรจ็ ตอ มาในสมัยรชั กาลที่ 1 1. 2, 1, 3, 4 2. 4, 2, 3, 1
ขุนสรุ สงครามไดร ับแตงตง้ั เปนพระยาสีหราชเดโชชยั 3. 3, 1, 4, 2 4. 4, 1, 3, 2
2 นายบุนนาค บา นแมลา ในสมยั รชั กาลที่ 1 ไดร ับแตงต้ังเปนเจาพระยาพลเทพ
(บุนนาค) เดิมอยบู านแมล ากรุงเกา ตนคิดตกี รุงธนบรุ ี และตอมาในสมัยรัชกาลท่ี 2 วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. ในชว งปลายสมัยธนบรุ ี ใน พ.ศ. 2324
ไดถกู ลงโทษประหารชวี ติ
3 สมเดจ็ พระเจา ตากสนิ มหาราช เม่ือทรงเห็นวาไมมีทางเอาชนะพระยาสรรคไ ด เกิดเหตจุ ลาจลท่กี รงุ เกา สมเดจ็ พระเจาตากสินมหาราชโปรดใหพ ระยาสรรค
จึงโปรดใหค ณะสงฆ ซ่งึ ประกอบดว ย สมเดจ็ พระสังฆราช สมเดจ็ พระวันรัต ไประงับเหตุ แตก ลับไปเขากบั ผกู อ จลาจล แลวยกกองกําลังมายึดพระนคร
และพระรตั นมุนไี ปเจรจากบั พระยาสรรคข อยอมแพ แลวพระองคจะทรงผนวช ไวได จากนัน้ สมเดจ็ พระเจาตากสินมหาราชทรงผนวช เม่ือสมเด็จเจาพระยา
มหากษัตรยิ ศึกทราบขา วจงึ เรง เดนิ ทางกลับมาแกไ ขปญ หา บรรดาขุนนาง
80 คมู ือครู เหน็ ควรใหสาํ เรจ็ โทษสมเด็จพระเจา ตากสนิ มหาราช และพรอมใจกันอัญเชิญ
ใหส มเดจ็ เจา พระยามหากษตั ริยศ กึ ปราบดาภเิ ษกข้นึ ครองราชสมบัติ

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Engage

กระตนุ ความสนใจ

๕. ภมู ปิ ัญญาและวัฒนธรรมไทยสมยั ธนบรุ ี ครูสมุ นักเรียนออกมายกตัวอยา งภูมิปญญา
หรอื วฒั นธรรมไทยทนี่ กั เรยี นรูจักและพบเหน็
สบื เนอ่ื งมาจากภมู ปิ ญั ญา หมายถงึ ความร ู้ ความคดิ ความเชอื่ ความสามารถ ความชดั เจน ในชวี ิตประจําวัน จากนั้นซกั ถามถึงความสําคญั
ทกี่ ลมุ่ ชนนั้นไดจ้ ากประสบการณท์ ี่สัง่ สมไว้ในการปรบั ตวั และการดา� รงชวี ิตในสภาพแวดล้อมทาง ของภูมิปญญาและวฒั นธรรมไทยดังกลาว
ธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ มทางสงั คมและวฒั นธรรมท่ีไดม้ กี ารพฒั นาสบื สานกนั มา ขณะทว่ี ฒั นธรรม
กม็ คี วามหมายรวมถงึ ระบบความเชอ่ื ระบบคณุ คา่ และวถิ ชี วี ติ ทง้ั หมด ดงั นนั้ ภมู ปิ ญั ญาไทยสมยั สาํ รวจคน หา Explore
ธนบุรีจึงได้รับการสั่งสมอยู่ในวัฒนธรรมไทยนั้นเอง การศึกษาเร่ืองภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย
สมัยธนบุรีจึงถือได้ว่ามีความผสมกลมกลืนอยู่ในส่วนเดียวกัน โดยจะขอยกตัวอย่างถึงลักษณะ 1. ครูอธิบายเชอื่ มโยงถึงภมู ิปญ ญาและ
ภมู ิปัญญาและวัฒนธรรมไทยสมัยธนบรุ พี อสังเขป ดงั น้ี วัฒนธรรมไทยสมยั ธนบุรวี า แมว าสมยั ธนบุรี
จะมีระยะเวลาเพียงแค 15 ป แตคนไทย
๑) ภมู ปิ ญั ญาและวฒั นธรรมไทยในการพจิ ารณาทา� เลทตี่ ง้ั ของราชธานี การท่ี สมัยธนบรุ ีก็ไดสรา งสรรคภมู ปิ ญ ญาและ
วฒั นธรรมไทยไวดวยเชนกนั โดยภมู ปิ ญญา
กรุงธนบรุ ตี ัง้ อยู่ริมแม่น�้าและยงั อยู่ใกล้กบั ทะเลอกี ด้วย รวมท้งั การตั้งบา้ นเรือนของคนไทยแต่เดิม และวัฒนธรรมไทยบางอยา งไดร บั สบื ทอด
มกั จะอยรู่ มิ นา้� เพอ่ื สะดวกในการตดิ ตอ่ คา้ ขาย ดงั นนั้ การทสี่ มเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชทรงเลอื ก มาจากสมยั อยธุ ยา หรอื บางอยา งรบั อทิ ธิพล
ชัยภูมิให้เมืองธนบุรีเป็นราชธานีแห่งใหม่ของคนไทยเพ่ือป้องกันมิให้ถูกพม่าโจมตีได้อีกเหมือน มาจากตา งชาติ และบางอยา งกค็ ดิ คนข้ึนเอง
กรงุ ศรอี ยธุ ยาจงึ เปน็ ภมู ปิ ญั ญาอยา่ งหนงึ่ นอกจากน ี้ การพจิ ารณาถงึ สภาพแวดลอ้ มทางธรรมชาติ
และการด�ารงชีวติ ของผ้คู นกส็ ะท้อนถึงวัฒนธรรมในการตั้งถนิ่ ฐานของคนไทยประการหนึ่งดว้ ย 2. จากนัน้ ครใู หน ักเรียนศึกษาเกย่ี วกบั ภูมปิ ญญา
การยดึ ทา� เลเมอื งธนบรุ เี ปน็ ทตี่ งั้ ของราชธานีในขณะนน้ั เพราะเมอื งธนบรุ ตี งั้ อยรู่ มิ ปาก และวฒั นธรรมไทยสมยั ธนบุรีจากหนงั สือเรียน
แมน่ า้� เจา้ พระยา บรเิ วณแถบนเ้ี ปน็ นา้� ลกึ ใกลท้ ะเล ถา้ ขา้ ศกึ ยกมาทางบกไมม่ ที พั เรอื เปน็ กา� ลงั ดว้ ย หนา 81-86 และจากแหลง การเรียนรตู า งๆ
แล้วก็ยากจะเข้ามาตีกรุงธนบุรีได้ ประกอบกับเมืองธนบุรีมีป้อมปราการมาตั้งแต่สมัยอยุธยาและ เพมิ่ เตมิ แลวสนทนาถงึ สาระสาํ คญั รวมกัน
เป็นเมืองขนาดย่อม ทัพบกและทัพเรือของธนบุรีย่อมสามารถรักษาราชธานีไว้ได้ แต่ถ้ารักษา
ไม่ได้ ก็สามารถยกทัพกลับไปต้ังมั่นอยู่ท่ีเมืองจันทบุรีดังเดิม นอกจากนี้ การที่กรุงธนบุรีตั้งปิด อธบิ ายความรู Explain
ปากนา้� ยอ่ มปอ้ งกนั มิใหห้ วั เมอื งฝา่ ยเหนอื ทงั้ ปวงที่ไมไ่ ดอ้ ย่ใู ตอ้ า� นาจของธนบรุ สี ามารถไปมาคา้ ขาย
หรือแสวงหาอาวุธจากต่างประเทศได้ยากข้ึน ขณะที่ทางธนบุรีสะดวกต่อการค้าขายทางทะเล ครใู หน กั เรยี นในชนั้ เรยี นชว ยกนั อธบิ ายลกั ษณะ
กับตา่ งประเทศ และสามารถแสวงหาอาวธุ ได้งา่ ยเพราะอยู่ตดิ ทะเล ของภมู ิปญญาและวัฒนธรรมไทยในการพจิ ารณา
เลอื กทําเลทต่ี ้ังของราชธานี แลวขอตัวแทน
ลักษณะภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยเกี่ยวกับการพิจารณาท�าเลท่ีตั้งของราชธานี นกั เรียนออกมาสรปุ สาระสาํ คัญบนกระดานดํา
ธนบุรีได้มีอิทธิพลต่อการพิจารณาท�าเลที่ต้ังของศูนย์ส�าคัญของทางราชการในการพัฒนาประเทศ หนาช้ันเรยี น
ในสมัยปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งท�าเลที่ต้ังท่ีอยู่ใกล้ทะเลและเหมาะสมกับการป้องกันประเทศ
เหชร่นือ เปป็นัจทจุบ่ีตัน้ังฐกาานรทที่จัพังเหรือวัดแชละลสบนุราีเหมมบาินะขสนมาสด�าใหหรญับ่ เปเช็น่นศูน ทย์ก่าเลราืองแกหารลผมลฉิตบทังา 1งฐดา้านนทอัพุตเสราือหสกัตรหรีมบ2
สนามบินอู่ตะเภา เป็นต้น ความเหมาะสมของท�าเลท่ีตั้งของชลบุรีและการเห็นความส�าคัญของ
จังหวัดชลบุรีจึงเป็นภูมิปัญญาในลักษณะเดียวกันกับภูมิปัญญาในการพิจารณาท�าเลท่ีตั้งของ
ราชธานีทเ่ี มืองธนบรุ ี

8๑

กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรยี นควรรู

ครใู หน กั เรยี นสรปุ สาระสาํ คญั เกยี่ วกบั ลกั ษณะภมู ปิ ญ ญาและวฒั นธรรม 1 ทา เรอื แหลมฉบงั พ้นื ทบี่ รเิ วณแหลมฉบังเหมาะแกการกอสรา งทา เรอื นํ้าลึก
ไทยในการเลอื กทาํ เลที่ตั้งของราชธานธี นบรุ ี โดยจดั ทําเปนแผนผงั ความคิด เนอ่ื งจากอยตู อนในอา วไทย คลืน่ ลมนอ ย ดินใตพ ืน้ ทะเลเปนทราย ขดุ ลอกไมยาก
สงครูผสู อน อีกทัง้ ยงั มพี ืน้ ที่ราบชายฝง สาํ หรบั ขยายเปนพ้นื ทีห่ ลงั ทาเรอื ไดมากดวย
2 ฐานทพั เรอื สัตหบี เหตผุ ลท่เี ลอื กอาํ เภอสตั หบี เปน ทีต่ ั้งฐานทพั เรอื เนอ่ื งจาก
กจิ กรรมทา ทาย อา วสตั หีบเปน อาวใหญ นํา้ ลกึ เหมาะแกการฝก ซอ มยิงตอรปโด และเกาะนอ ยใหญ
ทีอ่ ยูรายรอบสามารถบังคลืน่ ลมไดดี รวมท้งั เรือภายนอกไมส ามารถมองเห็นฐานทพั
ครใู หนักเรยี นยกตัวอยางเมืองหรือศนู ยราชการของไทยในปจ จบุ นั ไดเลย จึงเหมาะแกการจอดพกั เรือรบ
ทีไ่ ดร ับอทิ ธพิ ลของภูมปิ ญ ญาและวฒั นธรรมไทยในการพจิ ารณาทาํ เลทต่ี ้งั
ของกรงุ ธนบุรี พรอ มทง้ั วิเคราะหวา เมืองหรอื ศนู ยราชการดังกลาวมีความ มมุ IT
สําคัญในการพัฒนาประเทศไทยอยา งไร โดยสรุปลงสมดุ จดงานสง ครูผูสอน
ศึกษาคน ควา ขอมลู เพิ่มเติมเกย่ี วกับกรงุ ธนบรุ ี ไดท ่ี http://www.wangderm
palace.org เวบ็ ไซตม ูลนธิ ิอนรุ ักษโ บราณสถานในพระราชวังเดมิ กองบัญชาการ
กองทัพเรอื
คมู อื ครู 81

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

ครูสุมนักเรยี นใหแ สดงความคดิ เห็นเกีย่ วกบั ๒) ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยในการปรับตัวเพ่ือแก้ปัญหาการด�ารงชีวิต
ภูมิปญ ญาและวฒั นธรรมไทยในการปรับตวั
เพ่อื การดาํ รงชีวิตวามีลกั ษณะอยางไร และเกิดผลดี การเรม่ิ ตน้ ชมุ ชนแหง่ ใหมข่ องคนไทยสมยั ธนบรุ ไี ดป้ ระสบกบั ภาวะสงครามและการขาดแคลนขา้ ว
ตอสงั คมไทยสมยั น้นั อยางไร ซ่ึงเป็นปัจจัยส�าคัญในการด�ารงชีวิตของคนไทย ดังน้ัน การขาดแคลนข้าวของธนบุรีในขณะนั้น
จึงเป็นปญั หาของสังคมไทย
(แนวตอบ ปญหาการดํารงชวี ติ สมัยธนบุรที ีส่ ําคญั ภูมิปัญญาในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรีได้กล่าวว่าเม่ือ
กค็ ือ การขาดแคลนขาวสาํ หรับบรโิ ภคเน่ืองจาก สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงต้องการใช้เมืองธนบุรีเป็นราชธานี ทรงพบว่าขณะนั้นผู้คน
ภัยสงคราม ดังนัน้ จงึ เกดิ ภูมปิ ญญาในการแกไข พากันอดอยากหวิ โหยเพราะขาดแคลนขา้ วส�าหรบั บรโิ ภค เน่ืองจากขา้ วมรี าคาแพง ขณะเดียวกัน
ปญ หาดงั กลา ว โดยสมเดจ็ พระเจาตากสนิ มหาราช ก็ไม่สามารถท�านาข้าวได้พอกับผู้คน พระองค์ทรงแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการโปรดให้ผู้คนที่
ทรงใชน โยบายตา งๆ เชน ทรงซอ้ื ขา วในราคาแพง อดอยากเข้ามารับพระราชทานข้าวปลาอาหาร พลเรือนและทหารไทยจีนเข้ามารับพระราชทาน
จากพอ คาชาวจนี มาแจกจา ยใหแ กราษฎร ทาํ ให ข้าวสารคนละ ๑ ถังต่อ ๒๐ วัน ขณะนั้นข้าวสารท่ีพ่อค้าส�าเภาน�ามาขายมีราคาแพงมาก แต่
พอ คา ชาวจนี นาํ ขา วมาขายเปน จาํ นวนมาก สง ผลให พระองคก์ ท็ รงซอ้ื ขา้ วสารแจกจา่ ยราษฎร ทา� ใหบ้ รรดาพอ่ คา้ สา� เภานา� ขา้ วมาขายเพอ่ื หวงั กา� ไรเปน็
ขา วในทอ งตลาดมีราคาถกู ลง ทรงใหขาราชการ จ�านวนมาก เมอ่ื ข้าวสารในทอ้ งตลาดมีมากจึงส่งผลใหข้ ้าวสารมรี าคาถูกลง
ทัง้ หลายทาํ นาเพ่ิมปล ะ 2 ครง้ั ทัง้ นาปแ ละนาปรัง นอกจากน้ี พระองค์ก็ทรงให้บรรดาข้าราชการท้ังผู้ใหญ่และผู้น้อยหันไปท�านาเพิ่ม
ทาํ ใหมีขา วในปรมิ าณมากขึ้น ทรงใหข า ราชการ ปลี ะ ๒ ครั้ง ทง้ั นาปแี ละนาปรัง ท�าให้มีข้าวบริโภคเพม่ิ ขน้ึ ครั้นเม่อื เกดิ หนชู ุกชุมกดั กนิ ขา้ วใน
และราษฎรจับหนูท่ีกัดกินขา วมาสง กรมนครบาล ยุ้งฉางและทรัพย์สินของราษฎรเสียหายก็ทรงมีรับส่ังให้บรรดาข้าราชการและราษฎรดักจับหนูมา
ทําใหจํานวนหนลู ดลง ซ่ึงสง ผลดีตอการปลกู และ สง่ กรมนครบาล ท�าให้จ�านวนหนลู ดลง ซงึ่ เป็นผลดตี ่อการปลูกและเกบ็ เก่ยี วข้าว
เกบ็ เกี่ยวขา ว นอกจากน้ี ทรงมีรับสงั่ ใหขุดพน้ื ท่ี ส�าหรับนอกคูเมืองท้ังสองฟากฝั่งซ่ึงเดิมเป็นที่สวนปลูกพืชผักผลไม้ก็ทรงมีรับสั่งให้
นอกคูเมอื งท้งั สองฟากฝงออกเปน ทีท่ องนา เรยี กวา ขดุ ออกเปน็ ทท่ี อ้ งนา เรยี กวา่ ทะเลตม เพอื่ ไวท้ า� นาใกลพ้ ระนคร สา� หรบั เปน็ เสบยี งในยามขาดแคลน
ทะเลตม เพอื่ ไวท ํานาใกลพระนครสําหรบั เปน เสบยี ง ขา้ ว แต่เม่ือมขี า้ ศกึ ยกมากส็ ามารถท�าเป็นท่ีตั้งคา่ ยไวต้ อ่ ส้กู ับข้าศกึ ได้
อาหารในยามขาดแคลนและปอ งกนั ภัยจากขา ศึก ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยในการปรับตัวเพ่ือแก้ปัญหาการด�ารงชีวิตโดยเฉพาะ
เปนตน ) เรื่องการแก้ปัญหาการขาดแคลนข้าวสมัยธนบุรียังสามารถน�ามาใช้ได้ในสมัยปัจจุบัน เช่น ใน
หหลนาูในยพนานื้ ขท้าท่ี วผี่ ลกผารลทติ า�ขนา้ าวปเสลี ยี ะห า๒ย -เ พ๓ร าคะรหง้ั นเพนู ่อืา เกพม็ ิ่มกี ผาลรผรลณิตร งหค์รใหอื ร้กบัารปหระาทวิธาทีนา�หนนานู ในาเทพ่ดี อ่ื อลนด1เปพรื่อะขชยาากยร
พนื้ ทปี่ ลูกข้าว เป็นต้น ล้วนแต่เป็นภูมิปญั ญาในการแก้ปัญหาการขาดแคลนข้าวได้ทัง้ สิ้น

๓) ภมู ปิ ญั ญาและวฒั นธรรมไทยในการปลกู ฝงั ศลี ธรรมใหก้ บั สงั คม เนอ่ื งจาก

สังคมไทยสมัยธนบุรีมีพระพุทธศาสนาเป็นหลักคิดในการด�าเนินชิีวิต ดังน้ัน พระมหากษัตริย์จึง
ทรงเป็นองค์พุทธศาสนูปถัมภก ทรงแก้ไขปัญหาความหย่อนยานในศีลวัตรของพระภิกษุสงฆ์ให้
เป็นภิกษุที่มีศีลบริสุทธ์ิดังเดิม เพ่ือจะได้เป็นที่พึ่งทางจิตใจของผู้คนในสังคม ขณะเดียวกันการที่
จะให้ผู้คนในสังคมเกรงกลัวต่อบาปและหันมาท�าความดีตามหลักค�าสอนทางพระพุทธศาสนาน้ัน
ควรจะตอ้ งมีวธิ ปี ลกู ฝังความคิดเหล่าน้ีใหซ้ ึมซบั เขา้ ไปในจติ ใจของผู้คน

828๒

นกั เรียนควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ

1 วธิ ีทํานาในที่ดอน หรือการปลูกขาวไร เปนการปลูกขา วบนที่ดอนและไมม ีนํา้ ขงั ครใู หนักเรียนวเิ คราะหว าภมู ิปญ ญาและวัฒนธรรมไทยในการปรบั ตวั
เชน เชิงภเู ขา ชาวนาจะใชวธิ ปี ลกู แบบหยอด โดยปลกู ในชว งตนฤดฝู นและเกบ็ เกี่ยว เพื่อแกไ ขปญ หาการดํารงชีวติ ในเรอ่ื งการขาดแคลนขาวมอี ทิ ธพิ ลตอ
ไดใ นปลายฤดฝู น ชาตไิ ทยในปจ จบุ ันอยางไร และภมู ิปญ ญาดงั กลา วกอใหเ กิดผลดีอยา งไร
โดยเขียนคาํ ตอบลงสมดุ จดงานสงครูผสู อน
บเศรู ณรากษารฐกิจพอเพียง

ปญญาหรือความรคู วามเขาใจถือเปนเง่ือนไขสําคญั ของหลักปรชั ญา
เศรษฐกิจพอเพยี ง เพราะคนมคี วามรทู ถี่ ูกตอ งและลกึ ซึง้ ในเรอื่ งท่ีปฏิบัตจิ ะชวย
พัฒนาและแกปญหาไดอยางมปี ระสิทธิภาพ

ครูสมมตสิ ถานการณวา ถา นักเรียนมีชีวติ อยูในสมยั ธนบุรี นักเรยี นจะนาํ
หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งไปปรับใชใ นการดาํ รงชวี ติ อยา งไร โดยใหเ ขยี นเปน
เรยี งความ 1-2 หนา กระดาษ A4

82 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

ครูซักถามนกั เรยี นเกีย่ วกบั ภูมปิ ญญาและ
วัฒนธรรมไทยในการปลูกฝง ศลี ธรรมใหกับสงั คม
ดว้ ยเหตนุ ี้ สมยั ธนบรุ จี งึ มกี ารวาดภาพเกยี่ วกบั ไตรภมู หิ รอื โลกทง้ั สาม ไดแ้ ก ่ สวรรคภ์ มู ิ และภูมปิ ญญาและวฒั นธรรมไทยในการปรบั ตวั
มนุษยภูมิ และนรกภูมิ เรียกว่า สมุดภาพไตรภูมิ เพ่ือปลูกฝังให้คนไทยเกิดความเช่ือในเร่ือง ประสานสัมพนั ธก ับชาวตา งชาติ เชน

บาปบญุ คณุ โทษ อนั จะนา� มนษุ ย์ไปเกดิ ในภมู ิใด • สมุดภาพไตรภมู มิ ีอทิ ธพิ ลตอวถิ ชี วี ิตของ
ภูมหิ นงึ่ ตามการกระทา� (กรรม) ของตนขณะที่ คนไทยสมัยนน้ั อยา งไร
มชี วี ติ อยู่ในโลกมนษุ ย ์ นบั เปน็ ภมู ปิ ญั ญาในการ (แนวตอบ สมดุ ภาพไตรภูมิ หรือโลกท้งั สาม
สงั่ สอนใหค้ นประพฤตแิ ตก่ รรมด ี ละเวน้ ความชว่ั ไดแก สวรรคภ ูมิ มนุษยภมู ิ และนรกภมู ิ
ดว้ ยการใหเ้ หน็ ภาพสวรรค ์ โลกมนษุ ย ์ และนรก นับเปน ภูมิปญญาในการสงั่ สอนคนให
จากการวาดภาพของจติ รกรยอ่ มไดผ้ ลดกี วา่ การ ประพฤติแตความดี ละเวน ความชัว่
ปลกู ฝังด้วยค�าพดู เพียงอยา่ งเดยี ว และอิทธพิ ล ดวยการใหเหน็ ภาพสวรรค โลกมนษุ ย
ของภมู ปิ ญั ญาเกย่ี วกบั การปลกู ฝงั ใหท้ า� ความดี และนรก ซ่ึงมผี ลตอวิถีชวี ิตของคนไทย
ละเวน้ ความชวั่ ดว้ ยภาพของสวรรคแ์ ละนรกยงั คง สมัยน้นั ใหเ กรงกลวั ตอ การทําบาป และ
มีอิทธิพลต่อสังคมไทยในปัจจุบัน เช่น มีการ หม่นั สรา งความดี เพ่อื ท่ตี ายไปแลว จะได
วาดภาพไตรภมู ิไว้ตามผนังโบสถแ์ ละวหิ ารตาม ไปอยบู นสวรรค)
วัดต่างๆ เพื่อจะได้เป็นเครื่องเตือนใจให้คนท�า สมดุ ภาพไตรภมู ทิ เี่ ขยี นขนึ้ ในรชั สมยั สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ
มหาราช จัดเป็นวรรณกรรมทางพระพทุ ธศาสนาทส่ี อนให้ • การทีค่ นไทยสมยั ธนบรุ ีไดส รา งสมั พนั ธอันดี
แตค่ วามดแี ละละเวน้ ความชว่ั เพอ่ื ทเ่ี มอ่ื ตายไป มนษุ ย์ท�าแต่ความดี ละเวน้ ความชว่ั กบั ชาวตา งชาติ สง ผลดีตอ ชาตไิ ทยอยางไร
แลว้ จะได้ขึน้ สวรรค ์ ไมต่ กนรก เป็นตน้ (แนวตอบ ชาวตา งชาตทิ ่คี นไทยสมัยธนบุรี
๔) ภมู ปิ ญั ญาและวฒั นธรรมไทยในการปรบั ตวั ประสานสมั พนั ธก์ บั ชาวตา่ งชาติ มีความสมั พนั ธอันดีดวย เชน จนี มอญ
แมว้ า่ ในสมยั ธนบรุ บี า้ นเมอื งตกอยู่ในภาวะสงคราม แตส่ งั คมไทยสมยั ธนบรุ กี ม็ ชี าวตา่ งชาตเิ ขา้ มา ฝรัง่ เศส โดยสมเด็จพระเจา ตากสนิ มหาราช
อาศยั อยรู่ ว่ มกนั กบั คนไทยไดเ้ ปน็ อยา่ งด ี จงึ เปน็ การสะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ ภมู ปิ ญั ญาและวฒั นธรรมไทย ทรงมพี อ คาชาวจีนชว ยเหลอื ทางดา นเสบียง
ในสมยั นน้ั ทส่ี ามารถปรบั ตวั หลอมรวมกนั ไดร้ ะหวา่ งคนไทยกบั ชนชาตติ า่ งๆ เชน่ จนี มอญ ฝรงั่ เศส อาหาร อกี ทั้งโปรดใหท หารจีนไปตัง้ คา ย
เปน็ ตน้ อยูที่บา นบางกงุ เมอื งสมุทรสงคราม รวมท้งั
คนไทยกบั คนจีนในสงั คมไทยสมัยธนบุรตี า่ งกม็ คี วามสัมพันธ์อนั ดี เพราะท้ังสองฝา่ ย เมืองพระประแดงและปากน้าํ ก็ทาํ ให
นับถือพระพุทธศาสนาเหมือนกันถึงแม้จะต่างนิกายก็ตาม แม้แต่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช บานเมอื งมคี วามเขม แขง็ มั่นคงยิ่งขนึ้
กท็ รงมเี ชอื้ สายจนี ทางพระบดิ า อกี ทงั้ ทหารไทยและจนี ตา่ งรว่ มมอื กนั ในการสรู้ บกบั พมา่ สว่ นพอ่ คา้ สวนพวกมอญทเ่ี ขา มาพ่ึงพระบรม-
จีนก็ช่วยเหลือทางด้านเสบียงอาหาร นอกจากน้ี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชยังทรงไว้วาง โพธิสมภาร สมเดจ็ พระเจา ตากสนิ มหาราช
พระราชหฤทยั ใหท้ หารจนี ไปตง้ั คา่ ยรกั ษาเขตแดนอยทู่ บ่ี า้ นบางกงุ้ เมอื งสมทุ รสงคราม ทรงแตง่ ตงั้ กท็ รงใหไปต้งั บา นเรือนอยแู ขวงเมอื งนนทบรุ ี
ใ ห้พระยาพชิ ัยสจา� ีนห รเบั ปพ็นวทกี่โมกอษญาธ1เิบมดอื่ ลีคงรไงั้ ปทตสี่ ง้ัมคงิ ่ารยาทมีเ่ญั มพอื งรพอ้ มระนปารยะไแพดรงท่ แงั้ ลปะวปงาพกานค�้าร อเปบน็ครตวั้นมอญอพยพ เมอื งสามโคก (ปจจบุ นั อยูใ นจงั หวัด
เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร พระองค์ก็ทรงมีรับสั่งให้ข้าหลวงไปรับมาถึงกรุงธนบุรีแล้วโปรด ปทุมธาน)ี ก็ทําใหไ ทยมจี ํานวนคนเพิ่มข้ึน
ให้ตง้ั บา้ นเรอื นอยแู่ ขวงเมอื งนนทบุรีบ้าง เมอื งสามโคก (ปจั จุบนั อยู่ในจงั หวดั ปทุมธาน)ี บ้าง และ เพอ่ื นํามาใชแ รงงานใหแ กร าชการตอไป
สําหรับฝรง่ั เศส สมเดจ็ พระเจา ตากสิน
มหาราชทรงใหก ารอุปถัมภบ าทหลวง
8๓ ฝรงั่ เศสเปนอยางดี กท็ าํ ใหไทยไดเรยี นรู

วฒั นธรรมตะวนั ตกและไมเกิดความขดั แยง
แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETดิ จนเปนภยั ตอบา นเมอื ง)

นักเรยี นควรรู

สมุดภาพไตรภมู ิสมยั ธนบุรี แสดงใหเ ห็นถงึ ภูมปิ ญ ญาในการปลกู ฝง 1 พวกมอญ ในสมัยธนบรุ ีมชี าวมอญไดหนภี ยั จากพมาและอพยพเขา มาไทย
ศีลธรรมใหก ับสงั คมไทยอยางไร โดยมีพระยาเจงเปน หวั หนา ใหญ สาํ รวจไดช ายฉกรรจจาํ นวน 3,000 กวา คน

แนวตอบ สมดุ ภาพไตรภมู ทิ ส่ี มเดจ็ พระเจา ตากสินมหาราชโปรดใหสรางขน้ึ สมเดจ็ พระเจาตากสินมหาราชจงึ โปรดใหต ้งั บานเรือนอยูท่ีแขวงเมอื งนนทบุรี
เมือ่ พ.ศ. 2319 นบั เปนภมู ปิ ญญาไทยอยา งหนงึ่ ทป่ี ลูกฝง ใหคนไทยเกิด บานทา ทราย บา นบางตลาด บา นปากเกรด็ บา นสามโคก เมอื งปทมุ ธานี
ความเชือ่ ในเรอ่ื งบาปบุญคณุ โทษ ซึง่ จะนํามนุษยไ ปเกิดในภูมิใดภมู หิ นง่ึ
ตามการกระทาํ (กรรม) ของตนขณะที่ยังมชี ีวติ อยู ภาพวาดเก่ียวกบั สวรรค
โลกมนุษย และนรก มีสว นชว ยเตอื นใจใหผูช มคดิ ถงึ ผลแหง การทาํ ความดี บรู ณาการอาเซียน
และความชวั่ สาํ หรบั ไตรภูมซิ ง่ึ เปน ท่รี จู ักกันดีมีอยหู ลายสํานวน เชน
ไตรภูมพิ ระรว งหรอื ไตรภูมกิ ถาสมัยสโุ ขทัย ไตรภูมิโลกวนิ ิจฉยั สมยั รัชกาลท่ี 1 ครอู ธบิ ายเพิ่มเติมใหนักเรียนเขา ใจวา ใน พ.ศ. 2524 โครงการวรรณกรรม
หนงั สือภาพไตรภมู ิ เชน แผนที่ไตรภูมโิ ลกสณั ฐานสมัยอยธุ ยา แผนท่ไี ตรภูมิ อาเซยี นไดพ ิจารณาใหสมาชิกอาเซยี นคดั เลอื กวรรณกรรมท่มี ีคณุ คา ของตน
สมยั กรงุ รัตนโกสินทร สมดุ ภาพไตรภมู ฉิ บบั หลวงสมยั กรุงธนบรุ ี เปน ตน และจัดแปลเปน ภาษาอังกฤษ โดยคณะทํางานโครงการวรรณกรรมอาเซียนฝา ยไทย
ไดค ัดเลอื กแปลวรรณกรรมเรอื่ ง ไตรภูมิพระรว งหรอื ไตรภมู กิ ถาสมยั สโุ ขทยั ซ่ึงเปน
หนังสือเลม แรกทีไ่ ดรบั การจัดพิมพเ มือ่ พ.ศ. 2528 ในชุดวรรณกรรมอาเซียน ตอ มา
ไดน าํ มาเรียบเรยี งถอดความใหเ ขา ใจงา ยและจดั พมิ พใ นชอ่ื วา ไตรภมู กิ ถา
ฉบับถอดความ คมู ือครู 83

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

ครูใหน กั เรียนยกตวั อยา งภมู ิปญ ญา โปรดใหห้ ลวงบ�าเรอภกั ด ิ์ มอญท่อี ยมู่ าตง้ั แตส่ มัยอยธุ ยาเป็นพระยารามัญวงศ์ เรยี กว่า จักรีมอญ
และวัฒนธรรมไทยดานศลิ ปกรรม พรอมทัง้ ควบคมุ กองมอญใหมท่ ง้ั ปวง มอญเหลา่ นี้ไดร้ บั พระราชทานไมต่ อ้ งเสยี อากรผา่ นดา่ นและอากรตลาด
ความสําคัญของภมู ปิ ญ ญาดังกลาว ในการคา้ ขาย
ส�าหรับชาวฝรั่งเศสโดยเฉพาะคณะบาทหลวงนิกายโรมันคาทอลิกได้รับการต้อนรับ
(แนวตอบ แมวา สมยั ธนบุรจี ะมรี ะยะเวลา จากสังคมไทยเป็นอย่างดี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงพระราชทานเงิน ยานพาหนะ
ไมยาวนานมาก และสวนใหญจ ะใชเ วลาในการ และท่ีดินส�าหรับสรา้ งโบสถ์ของชาวครสิ ต ์ รวมท้ังเสด็จไปเยีย่ มบาทหลวงฝรงั่ เศสดว้ ยพระองคเ์ อง
ฟน ตวั และปองกันบา นเมือง แตก ็มกี ารสรา งสรรค ทรงใหค้ วามอปุ ถมั ภแ์ กบ่ รรดาบาทหลวงเปน็ อยา่ งด ี การทพี่ ระมหากษตั รยิ ท์ รงเออ้ื อาทรตอ่ บรรดา
ภูมปิ ญญาและวัฒนธรรมไทยดานศิลปกรรมอยบู าง บาทหลวงชาวฝร่ังเศสซึ่งมีวัตถุประสงค์เพ่ือการเผยแผ่คริสต์ศาสนาเท่าน้ัน จึงไม่ท�าให้เกิดความ
เชน ขัดแย้งระหว่างคนไทยกับชาวฝร่ังเศส แสดงให้เห็นถึงขันติธรรมทางศาสนาของพระมหากษัตริย์
และราษฎรไทยในสมัยธนบุรไี ดเ้ ป็นอยา่ งดี
• ทองพระโรงกรุงธนบรุ ี สรางขึ้นเมื่อประมาณ นอกจากนี้ การที่คนไทยในสมัยธนบุรีได้ให้ความรักและความเอ้ืออาทรต่อคนต่าง
พ.ศ. 2311 อาคารนม้ี รี ูปทรงแบบไทย เผา่ พนั ธ ์ุ ตา่ งลทั ธแิ ละความเชอื่ กบั คนไทย แสดงใหเ้ หน็ ถงึ วฒั นธรรมอนั ดงี ามของคนไทยทมี่ คี วาม
ประกอบดว ยพระท่นี ง่ั สององคเ ชอ่ื มตอกัน โอบออ้ มอาร ี ขณะเดยี วกนั กเ็ ปน็ ภมู ปิ ญั ญาในการแสวงหามติ รท่ีใกลช้ ดิ และมคี วามจรงิ ใจซง่ึ จะเปน็
ไดแก พระทีน่ ั่งองคทศิ เหนอื เรยี กวา กา� ลงั สา� คญั ในการสรา้ งความเขม้ แขง็ ใหก้ บั อาณาจกั รและสงั คมไทย ภมู ปิ ญั ญาและวฒั นธรรมไทย
ทอ งพระโรงหรอื วนิ ิจฉัย และพระท่ีน่ังองค ดงั กล่าวในสมัยธนบรุ กี ย็ ังคงมคี วามสา� คัญและสืบทอดมาถึงคนไทยในสมัยปัจจุบนั
ทิศใต เรยี กวา พระท่ีนัง่ ขวาง
๕) ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยด้านศิลปกรรม เน่ืองจากสมัยธนบุรีเป็นระยะ
• สมดุ ภาพไตรภมู ิ โดยสมเด็จพระเจา ตากสิน เวลาในช่วงสัน้ ๆ ประมาณ ๑๕ ปี ขณะเดียวกนั ธนบรุ ีต้องตกอยู่ในภาวะสงครามตลอดเวลา ดงั น้ัน
มหาราชโปรดใหชาง 4 คนเขยี นภาพไตรภูมิ ภมู ิปญั ญาและวฒั นธรรมด้านศลิ ปกรรมจึงพอมอี ยบู่ า้ งตามแบบอยา่ งในสมัยอยธุ ยา ทสี่ �าคัญ เชน่
เมอ่ื พ.ศ. 2319 โดยมสี มเด็จพระสงั ฆราช การกอ่ สรา้ งพระราชวงั การบรู ณปฏสิ งั ขรณแ์ ละ
(ศรี) วัดบางหวา ใหญคอยกํากบั การเขียน สร้างวัดวาอาราม ซึ่งเสื่อมโทรมมาตั้งแต่สมัย
ใหถกู ตองตามพระบาลี แลวคัดพระบาลลี ง อยุธยา ตลอดจนภาพเขยี นในหนงั สอื สมดุ ไทย
ประกอบภาพดวย ทําใหประชาชนมี เรอื่ งไตรภูม ิ เป็นตน้
ความเขาใจในเรื่องนรก สวรรค และหม่ันทํา ส�าหรับภาพเขียนเรื่องไตรภูมินี้
แตกรรมดี ละเวนกรรมชัว่ แสดงออกถงึ ภมู ปิ ญั ญาในการสรา้ งสรรคผ์ ลงาน
ของชา่ งเขยี น ทแ่ี สดงออกถงึ ความละเอยี ดออ่ น
• พระแทน บรรทมของสมเดจ็ พระเจาตากสนิ
มหาราชในวิหารเลก็ วดั อินทาราม ทําดว ย
ไมกระดาน 2 แผนประกอบกัน กวาง 1.76
เมตร ยาว 2.48 เมตร และหนา 5 เซนตเิ มตร)

12 ของเส้นสีและความรู้สึกทางด้านอารมณ์จาก
ภาพทเ่ี ขยี น นบั เปน็ ภมู ปิ ญั ญาในการเขยี นภาพ
ท้องพระโรงกรุงธนบุรีในเขตพระราชวังเดิม ซ่ึงสมเด็จ ซึ่งเขียนขึ้นมาจากแนวคิดของช่างเขียนไทย
พระเจ้าตากสินมหาราชโปรดให้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นท่ี สมัยธนบรุ โี ดยเฉพาะ
ทรงงาน ทบี่ รรทมและวา่ ราชการเมอ่ื สถาปนากรงุ ธนบรุ เี ปน็
ราชธานี ปัจจุบันอยู่ในบริเวณกองบญั ชาการกองทัพเรอื

8๔

นกั เรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET
“คนไทยมีความรกั และความเออ้ื อาทรใหกับคนตางชาตติ างภาษาอยา ง
1 ทองพระโรงกรุงธนบรุ ี สรางขน้ึ เมือ่ ประมาณ พ.ศ. 2311 เปน อาคารทรงไทย เสมอภาคกัน” คํากลา วน้หี ากใชกับสังคมไทยสมัยธนบุรี นกั เรียนเห็นดวย
ช้นั เดยี วแบบตรีมุข ประกอบดวยพระทน่ี ง่ั 2 องคเชือ่ มตอกัน ไดแก พระท่นี ั่ง หรือไม จงยกเหตผุ ลสนบั สนนุ
องคทิศเหนอื เรยี กวา ทอ งพระโรงหรือวินิจฉยั ใชเ ปน ทีว่ า ราชการและประกอบ แนวตอบ เหน็ ดว ย โดยคนตางชาตติ า งภาษาท่ีเขามาอาศัยอยูท่กี รุงธนบรุ ี
พระราชพธิ สี ําคัญ และพระทีน่ ัง่ องคทศิ ใต เรียกวา พระทีน่ งั่ ขวาง ใชเปน ทป่ี ระทบั จะไดร บั การตอ นรบั หรอื ความสมั พนั ธท ดี่ จี ากคนไทย ดงั จะเหน็ ไดจ าก ชาวจนี
สวนพระองคของพระมหากษัตรยิ  ในปจ จบุ นั กองทัพเรอื ไดใ ชท องพระโรงภายใน ทแ่ี มจ ะนบั ถอื พระพุทธศาสนาตา งนกิ าย แตทหารไทยและจนี กร็ วมแรงรวมใจ
พระทนี่ ่ังองคท ศิ เหนือเปนสถานทจี่ ัดงานและประกอบพิธสี าํ คัญเปน ประจาํ กนั สูรบกบั ขาศกึ สว นพอ คาจนี ก็ชวยเหลือเรอื่ งเสบยี งอาหาร หรือฝา ยไทย
สว นพระทนี่ ง่ั ขวาง ใชเปน หองรบั รองบุคคลสาํ คญั และเปน หอ งประชมุ ในบางโอกาส ก็ใหท หารจนี ไปตัง้ คายรกั ษาเขตแดนอยูท บี่ า นบางกุง เมืองสมุทรสงคราม
2 พระราชวงั เดิม ในสมยั ธนบรุ ีเปน พระราชวังหลวง ตอ มาเม่อื รัชกาลท่ี 1 ชาวมอญ ที่สมงิ รามญั พาครอบครวั มอญอพยพเขา มายงั กรุงธนบุรี ก็ไดรับ
ทรงยา ยราชธานีไปอยูทางฝง ตะวนั ออกของแมน ํ้าเจาพระยา พระราชวังกรุงธนบรุ ี โปรดเกลา ฯ ใหไ ปตง้ั บา นเรอื นอยตู ามทต่ี า งๆ เชน เมอื งนนทบรุ ี เมอื งสามโคก
จงึ ไดรับการเรียกขานวา พระราชวังเดมิ นบั แตนนั้ มา โดยรัชกาลที่ 1 โปรดเกลาฯ หรือแมแ ต ชาวตะวนั ตก โดยเฉพาะคณะบาทหลวงกไ็ ดรับการตอ นรบั อยางดี
ใหพระบรมวงศานุวงศทีไ่ ดร ับความไวว างพระทัยมาประทบั ทีพ่ ระราชวงั เดมิ เชน สมเด็จพระเจา ตากสนิ มหาราชทรงพระราชทานเงนิ ยานพาหนะ และ
เนือ่ งจากมคี วามสาํ คัญทางยทุ ธศาสตร จึงตองมีผูดูแลรักษา ปจ จุบนั เปนที่ต้ังของ ทีด่ นิ สําหรบั สรา งโบสถ ทรงใหความอปุ ถมั ภแกบ รรดาบาทหลวง เปน ตน
กองบัญชาการกองทัพเรือ

84 คูม ือครู

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

àÊÃÔÁÊÒÃÐ สมเดจ็ พระเจา ตากสินมหาราช 1. ครูใหนกั เรยี นศึกษาเกี่ยวกับการทํานุบํารุง
พระพุทธศาสนาของสมเดจ็ พระเจา ตากสนิ
กับการทํานุบํารุงพระพุทธศาสนา มหาราชจากเสริมสาระ หนา 85 แลว สนทนา
ถึงสาระสาํ คญั รวมกนั
สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราช
2. ครใู หน กั เรยี นยกตัวอยางพระราชกรณยี กจิ
ทรงมีพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างมาก ของสมเดจ็ พระเจา ตากสินมหาราชทเ่ี ปน
ทง้ั การทา� นบุ า� รงุ พระพทุ ธศาสนาทงั้ ในดา้ นถาวรวตั ถุ การทาํ นบุ ํารุงพระพทุ ธศาสนา แลว แสดง
และในด้านของการประพฤติปฏิบัติธรรม เพ่ือการ ความคดิ เหน็ รว มกันวา พระราชกรณียกจิ
ด�ารงไว้สา� หรบั พระพทุ ธศาสนาจะไดเ้ จริญรุ่งเรือง ดงั กลา วมสี ว นสาํ คัญในการพัฒนาชาตไิ ทย
อยา งไร
๑. การทำานุบำารุงพระพุทธศาสนาทางด้าน
ถาวรวตั ถุ จะเหน็ ไดเ้ มอื่ ครงั้ ทที่ รงเคลอื่ นทพั ออกจาก
กรุงศรีอยุธยามาตั้งพักอยู่ท่ีเมืองธนบุรีใน พ.ศ.
๒๓๑๑ พระองคท์ รงสละพระราชทรพั ยส์ รา้ งพระวหิ าร ขยายความเขา ใจ Expand
ห1ทรรืองเนมอ่ืิมคนรตั้ง์ พระแทน บรรทมของสมเด็จพระเจาตากสินมหาราช
เสนาสนะ กฏุ ิสงฆ์เปน็ จา� นวนมากมาย ประดษิ ฐานอยใู นวิหารเล็กขางอุโบสถวดั อินทาราม ครใู หน กั เรียนเขียนเรียงความบรรยาย
เสด็จไปปราบเมืองนครศรีธรรมราช ความรสู ึกท่มี ีตอพระราชกรณียกจิ ในการทํานุบาํ รงุ
พระภิกษุ สามเณร ชี ในเมืองนครศรีธรรมราช พระเจดยี บ รรจุพระบรมอัฐิ พระพทุ ธศาสนาของสมเดจ็ พระเจา ตากสิน
มารับพระราชทานขา้ วสารรูปละ ๑ ถงั และเงนิ รปู ละ สมเด็จพระเจาตากสนิ มหาราช มหาราช ความยาวไมเกนิ 1 หนา กระดาษรายงาน
ร๑วมบทาัง้ ทโปรทด่ีขใาหดบ้ ผรู ้าณสปบฏงสิจังีวขรรกณ็ท2์อรุโงบถสวถายวผิห้าาไรตศรจาีลวรา แลวออกมานาํ เสนอทหี่ นาชน้ั เรยี น
การเปรยี ญ กุฏิ

๒. การทำานุบำารุงพระพุทธศาสนาด้วยการ
สง่ เสรมิ การประพฤตปิ ฏบิ ตั ธิ รรม ทงั้ พระภกิ ษสุ งฆ์
และราษฎรทัว่ ไป ดังจะเห็นได้จากการทีโ่ ปรดใหท้ า�
สารบญั ชพี ระภกิ ษสุ งฆ์ เพอื่ จะตรวจสอบดวู า่ พระสงฆ์
รปู ใดเลา่ เรยี นพระไตรปฎ กมากนอ้ ยเพยี งใด พระองค์
ก็จะทรงถวายผ้าไตรจีวรชนิดดี แล้วพระราชทาน
จตุปัจจัยแก่พระเณรท่ีเล่าเรียนมากน้อยตามล�าดับ
คร้ันเมื่อเสด็จไปปราบเจ้าพระฝางใน พ.ศ. ๒๓๑๓
ทรงให้ตรวจสอบว่าพระสงฆ์รูปใดปฏิบัติผิดไปจาก
พระธรรมวินัย ก็ใหส้ กึ ห้ามบวชอกี ต่อไป

ใน พ.ศ. ๒๓๑๙ พระองค์เสดจ็ ไปทรงศีล บ�าเพญ็ สมาธิ วดั อนิ ทาราม
และทรงประทบั แรมทวี่ ดั บางยเี่ รอื นอก (วดั อนิ ทารามในคลอง ซง่ึ สมเดจ็ พระเจา ตากสนิ มหาราช
บางหลวง) เป็นเวลา ๑๕ วนั ทรงใหส้ รา้ งกุฏิ บรู ณปฏสิ ังขรณ์ เสดจ็ มาทรงศลี บาํ เพญ็ พระกรรมฐาน
พระพทุ ธรปู พระเจดยี ์ วหิ าร เสรจ็ แลว้ ทรงอาราธนาพระภกิ ษสุ งฆ์
ฝา ยคณะวปิ สั สนามาพา� นกั อยใู่ นกฏุ ทิ พี่ ระองคท์ รงจดั สรา้ งถวาย 8๕
และทรงถวายพระราโชวาทแกพ่ ระภกิ ษสุ งฆเ์ หลา่ นน้ั เพอ่ื จะไดเ้ ปน็
หลกั ในการจรรโลงพระพุทธศาสนาต่อไป

แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETดิ นักเรยี นควรรู

การชําระสังฆมณฑลในสมัยธนบุรี สว นใหญจ ะเนนหนกั ในเร่ืองใด 1 เมอื่ ครงั้ เสด็จไปปราบเมอื งนครศรีธรรมราช ใน พ.ศ. 2312 สมเดจ็ พระเจา
1. สรางพระพุทธรปู ตากสนิ มหาราชทรงมีรับส่งั ขอยืมพระไตรปฎกจากเมอื งนครศรธี รรมราชบรรทุกเรือ
2. คัดลอกพระไตรปฎก เขามาคดั ลอกในกรงุ ธนบุรี และในปถ ดั มาเมื่อเสด็จไปปราบชุมนมุ เจาพระฝาง
3. ปฏิสังขรณวดั วาอาราม ไดโ ปรดใหนําพระไตรปฎกมาตรวจสอบกบั ตนฉบับท่ีไดจ ากเมืองนครศรธี รรมราช
4. วตั รปฏบิ ัติของพระสงฆ ซึง่ นบั เปนประโยชนอ ยางย่งิ ในการสังคายนาพระไตรปฎ กในภายหลงั ตอ มา
2 บรู ณปฏสิ งั ขรณ รวมถึงวดั วาอารามตา งๆ และโปรดใหย กฐานะขึน้ เปน
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เนื่องจากเม่อื คร้ังยกทัพไปปราบชมุ นุม พระอารามหลวง เชน วัดหงสร ตั นาราม วดั อรุณราชวราราม วดั อินทาราม เปนตน

เจา พระฝาง สมเดจ็ พระเจา ตากสินมหาราชทรงเห็นวา พระสงฆใ นหัวเมือง มมุ IT
ฝายเหนอื มวั หมอง ขาดจากความเปนภกิ ษสุ งฆ จงึ ตองชาํ ระกิจการของ
พระสงฆใ หอ ยใู นพระธรรมวนิ ยั และลงโทษพระสงฆท ผี่ ดิ พระธรรมวนิ ยั รา ยแรง ศกึ ษาคน ควา ขอ มลู เพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั วดั อนิ ทาราม ไดท ี่ http://www.intaram.org
ทําใหพระสงฆกลบั มาบรสิ ุทธ์ิและเปนปกติสุขขน้ึ นอกจากนย้ี ังทรงแตงต้ัง
สมณศกั ดแิ์ กพระสงฆท่ที รงภมู ิความรูใหไ ปประจาํ ตามหัวเมอื งตางๆ ดว ย คมู ือครู 85
เมื่อหมคู ณะสงฆป ระพฤตปิ ฏบิ ัติศาสนกจิ ถกู ตอ งตามวนิ ัยสงฆ จึงเปน ท่ี
ศรัทธาเลือ่ มใสของปวงประชาราษฎร สงั คมท่วี ุน วายก็สุขสงบ ชวยให
การปกครองราชอาณาจกั รเปน ไปดว ยความเรยี บรอ ย

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Evaluate
Expand Expand
ขยายความเขา ใจ

1. ครูใหน ักเรยี นจัดทาํ รายงานเกย่ี วกบั ภมู ิปญ ญา ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยด้านศิลปกรรมสมัยธนบุรีได้ส่งผลดีต่อการพัฒนาการ
และวัฒนธรรมไทยสมัยธนบุรนี อกเหนอื จาก ท่องเที่ยวของไทยในสมัยปัจจุบัน ทั้งยังเป็นแหล่งการเรียนรู้ทางด้านประวัติศาสตร์และศิลปะ
ในหนงั สอื เรยี น พรอ มทง้ั วเิ คราะหถ งึ อทิ ธพิ ลของ วเชัด่นร ะฆผลังโงฆานสกิตาารรบามูรณ 1 วปัดฏหิสงังสข์รรัตณน์อาุโรบาสมถ 2 กเรจุงดเียท์ พแมลหะาวนิหคารรข อแงลวะัดผบลางงายน่ีเกรือารนสอรก้าหงรวือัดวดัดออยินเขทาาแรกาม้ว 3
ภมู ิปญญาตอการพัฒนาชาตไิ ทยในปจจบุ ัน จังหวดั ตาก เป็นต้น ซ่งึ ยังคงหลงเหลืออยูม่ าถึงปจั จุบนั

2. ครูทดสอบความรูของนกั เรียนเกี่ยวกบั กลาวโดยสรุป นับต้ังแตการสถาปนาอาณาจักรธนบุรีจนถึงการสิ้นสุดอํานาจ
ภมู ปิ ญญาและวฒั นธรรมไทยสมัยธนบรุ ี (พ.ศ. ๒๓๑๑ - ๒๓๒๕) มีระยะเวลาประมาณ ๑๕ ปเทานั้น ขณะเดียวกันบานเมืองตกอยูใน
โดยใหท ํากิจกรรมที่ 3.6 จากแบบวดั ฯ ภาวะสงครามมาโดยตลอด แตอ าณาจักรธนบรุ ีก็มพี ัฒนาการในดา นตางๆ เชน ดานการเมอื ง
ประวตั ศิ าสตร ม.2 การปกครอง เศรษฐกิจ สังคม ความสมั พนั ธระหวางประเทศ ภมู ปิ ญ ญาและวฒั นธรรมไทย
ในดา นตา งๆ เปน ตน สง ผลใหธ นบรุ สี ามารถขยายอาณาเขตออกไปไดอ ยา งกวา งขวาง มคี วาม
ใบงาน ✓ แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ เขมแข็งและม่ันคงเปนปกแผน เศรษฐกิจที่เคยเสื่อมโทรมก็สามารถฟนตัวข้ึนใหมไดอยาง
ประวัตศิ าสตร ม.2 กจิ กรรมที่ 3.6 รวดเรว็ พมา ไมส ามารถเขา มาประชดิ กรงุ ธนบรุ ี บรรดาหวั เมอื งประเทศราชเมอ่ื ครง้ั ตง้ั ตวั เปน
หนวยที่ 3 พัฒนาการของอาณาจกั รธนบรุ ี อสิ ระสมยั เสียกรุงศรีอยธุ ยาใน พ.ศ. ๒๓๑๐ ก็กลบั มาอยูใตอํานาจของธนบุรดี งั เดิม แสดงให
เหน็ ถึงความเขมแข็งในการปองกันอาณาจักรไดเ ปน อยา งดี นอกจากน้ี ยงั สามารถสรางสรรค
กจิ กรรมท่ี ๓.๖ ใหนักเรียนยกตัวอยางภูมิปญญาและวัฒนธรรมไทยสมัย คะแนนเตม็ คะแนนทไ่ี ด ภูมปิ ญ ญาและวัฒนธรรมข้นึ มาไดถึงแมวา จะอยใู นชวงเวลาอันส้ันกต็ าม
ธนบุรี โดยแยกเปนประเภทใหชัดเจนไดใจความถูกตอง
ñð

สมบรู ณ (ส ๔.๓ ม.๒/๓)

ภ....ูม....ิป....ญ.....ญ....า...ใ...น....ก....า...ร....เ.ล....ือ....ก....ท....ํา...เ..ล....ท....ี่ต....ั้ง...ร....า..ช....ธ...า...น....ีใ...ห....อ...ย....ูร...ิม....แ...ม....น....้ํา........เ.พ....่ือ....ป....อ....ง...ก....ัน....
ไ...ม...ใ...ห....ถ ...กู....พ....ม....า...โ..จ....ม...ต....ี...อ...กี....ท....งั้...ม....ที....า...ง...อ...อ....ก....ส....ทู....ะ..เ..ล....ท....าํ...ใ..ห....ม....คี ....ว...า..ม....ส....ะ..ด....ว...ก....ใ...น....ด....า...น....
ก....า...ร....ค.....า...ข...า...ย........ซ....่ึง...ภ....ูม....ิป.....ญ.....ญ.....า...น....ี้.ไ..ด.....ม...ีอ....ิท....ธ....ิพ....ล....ต.....อ....ก....า...ร....เ..ล...ื.อ...ก.....ท....ํา...เ..ล....ท....ี่ต....ั้ง....ใ...น....
ป....จ....จ...ุบ....นั........เ..ช...น .......ก....า...ร...ต....้งั...ฐ....า..น.....ท....ัพ....เ..ร...ือ....ใ..น.....จ...ัง....ห....ว..ดั....ช...ล....บ.....รุ ...ี...เ..ป...น.....ต....น...............................

เฉฉบลบั ย ภมู ปิ ญ ญาและ ภ....ูม....ิป....ญ.....ญ.....า...ใ..น.....ก....า...ร...ป....ร....ับ....ต....ัว...เ..พ....ื่อ....แ...ก....ป....ญ.....ห....า...ก....า...ร....ด....ํา..ร....ง...ช...ี.ว..ิ.ต........ใ...น....ส.....ม...ัย....ธ...น.....บ....ุร...ี
วฒั นธรรมไทย ป....ร....ะ...ส....บ.....ภ...า...ว...ะ...ข...า...ด....แ....ค....ล....น.....ข...า...ว...ซ...ึ่.ง...เ..ป....น.....อ....า..ห.....า..ร....ห....ล....ัก....ข....อ...ง....ค....น.....ไ..ท....ย.........ส....ม....เ..ด....็จ...
สมยั ธนบรุ ี พ....ร....ะ..เ..จ...า...ต....า..ก....ส....น.ิ ....ม...ห....า...ร...า...ช...ท....ร...ง...แ...ก....ไ...ข...ป...ญ.....ห....า...เ.ฉ....พ....า...ะ...ห...น.....า.....ด....ว...ย...ก....า...ร...ซ....อื้ ...ข...า..ว...ส....า...ร...
แจกจา ยใหแ กราษฎร.......................................................................................................................................................................
ภ....มู...ปิ....ญ ....ญ.....า..ด....า..น.....ศ...ลิ....ป....ก...ร....ร...ม......เ.น.....อ่ื ...ง...จ...า...ก....ส...ม....ยั...ธ...น....บ....รุ...ตี....อ...ง...เ..ผ...ช...ญิ.....ก...บั....ภ....า..ว...ะ..ส....ง...ค....ร...า...ม...
ด....งั...น....ัน้........ภ...มู....ปิ ...ญ.....ญ.....า..ท....า...ง...ด....า ..น.....ศ...ลิ....ป....ก....ร...ร...ม....จ...ึง...พ....อ...ป....ร....า..ก....ฏ....บ....า..ง...ต....า...ม...แ...บ....บ....อ....ย...า...ง...ใ..น....
ส....ม....ัย...อ...ย....ุธ...ย...า.......เ..ช...น........ก....า...ร...ก....อ...ส....ร...า...ง...พ....ร...ะ...ร...า...ช...ว...ัง...แ...ล....ะ..ว...ัด........ก....า..ร....เ.ข...ีย...น.....ภ...า...พ....ไ..ต....ร...ภ....ูม...ิ
ท....น่ี ....บั....ไ...ด....ว..า...เ..ป...น.....แ...น....ว...ค....ิด...ข...อ....ง...ช...า..ง...เ..ข...ยี ...น....ไ...ท....ย...ส....ม...ยั....ธ...น....บ....ุร...ีโ...ด....ย...เ..ฉ...พ....า...ะ.............................

ภ....มู...ปิ....ญ.....ญ....า...ใ..น.....ก....า..ร....ป...ร....บั....ต....วั ..ป....ร...ะ...ส....า...น....ส....มั...พ....น.ั ....ธ...ก....บั....ช...า..ว...ต....า..ง....ช...า..ต....ิ...ใ..น....ส.....ม...ยั...ธ...น.....บ....รุ...ี
ส....ว...น.....ใ..ห....ญ.....ม....คี ....ว..า...ม....ส....มั ...พ....นั.....ธ...ก....บั....ช...า...ว...ต....า ..ง....ช...า...ต...ใิ...น....เ..ร....อื่ ...ง...ก....า...ร...ค....า...ข...า...ย......ไ...ด...แ....ก.... ..จ....นี....
อ....ิน....เ..ด....ยี......แ...ล....ะ...เ..ป...อ....ร...เ..ซ....ยี ......ส....ง...ผ....ล....ใ..ห....เ..ศ....ร...ษ.....ฐ...ก....จิ....ข...อ...ง...ธ....น....บ....รุ....ีฟ....น ....ต....วั...ไ..ด....ร....ว...ด....เ.ร....ว็.....

.......................................................................................................................................................................

ภ....มู...ปิ....ญ.....ญ.....า..ใ...น....ก....า..ร....ป....ล...ก.ู ...ฝ....ง ...ศ....ลี ...ธ....ร...ร...ม....ใ..ห....ก....บั....ส....งั...ค....ม......ส....งั....ค...ม....ไ..ท....ย....ใ..น....ส....ม....ยั...ธ...น.....บ....รุ...ี
ม....พี ....ร...ะ...พ....ทุ....ธ...ศ....า...ส....น....า...เ..ป...น.....ห....ล....กั ....ใ..น....ก....า...ร...ด....าํ...เ..น....นิ.....ช...วี ...ติ ......ซ....ง่ึ ...พ....ร...ะ...ม...ห....า...ก....ษ....ตั....ร...ยิ....ท....ร...ง...
เ..ป....น ....อ....ง...ค....พ ....ทุ....ธ....ศ...า...ส....น.....ูป....ถ....ัม...ภ....ก.......ท....ร....ง...แ...ก....ไ...ข...ค....ว..า...ม....ห....ย...อ...น.....ย...า...น.....ใ..น.....ศ....ีล...ว...ตั....ร....ข...อ...ง...
พระภกิ ษสุ งฆ.......................................................................................................................................................................

๔๐

86

นกั เรียนควรรู ขอ สอบ O-NET
ขอสอบป ’51 ออกเกย่ี วกบั ความสาํ คญั ของภูมิปญญาไทย
1 วัดระฆงั โฆสิตาราม วัดโบราณเมอ่ื คร้งั กรุงศรีอยุธยาเปนราชธานี เดมิ เรยี กวา ภูมปิ ญญาไทยเปนสมบตั ขิ องชาติทีค่ นไทยทุกคนจะตอ งอนรุ กั ษ สงเสริม
วัดบางหวา ใหญ (หรือบางวา ใหญ) คูกบั วัดบางหวา นอย (ปจ จบุ นั คือ วัดอมรนิ ทราราม) และเผยแพรใ หค นในชาติไดเรยี นรู เนอื่ งจากเหตผุ ลในขอ ใด
ในสมยั ธนบุรีสมเด็จพระเจา ตากสินมหาราชโปรดใหยกฐานะเปนพระอารามหลวง 1. เปนของเกา แกตกทอดมาชา นาน
และเปนท่ปี ระทบั ของสมเด็จพระสังฆราช 2. เปนสวนหนึ่งของประวตั ิศาสตรชาติไทย
2 วัดหงสร ตั นาราม วดั โบราณสรางในสมัยอยุธยา เดมิ เรียกวา วดั เจสวั หง หรอื 3. เปนหนา ทีต่ ามกฎหมายของคนไทย
วดั เจาสัวหง หรือวัดเจา ขรัวหง ซึ่งเรียกตามช่อื เศรษฐีชาวจนี ชอื่ หง ในสมัยธนบรุ ี 4. เปนมรดกทรพั ยสินทางปญ ญาของชาติ
พระบรมวงศานุวงศใ นสมเด็จพระเจา ตากสนิ มหาราชเสดจ็ มาทรงศกึ ษาพระธรรม วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ภูมปิ ญ ญาไทยเกดิ จากการส่งั สมความรู
และทรงบาํ เพญ็ พระราชกุศลอยูเ สมอ เชน พระเจาลกู ยาเธอ กรมขุนอนิ ทรพิทักษ ประสบการณท ผี่ านกระบวนการเรยี นรู เลือกสรร ปรงุ แตง พฒั นามาต้งั แต
เปนตน บรรพบรุ ุษ แลวถา ยทอดมาสูคนรนุ หลงั เพอ่ื ใชแ กป ญหาและพฒั นาวิถชี วี ิต
3 วัดดอยเขาแกว หรอื วัดดอยขอยเขาแกว หรอื วัดพระเจาตาก เปนวดั เสีย่ งทาย ของคนไทยใหเ หมาะสมกบั สภาพแวดลอ มตามยคุ สมัย จงึ จัดเปน มรดกทาง
บารมขี องสมเด็จพระเจา ตากสินมหาราชเม่ือครัง้ ดาํ รงตําแหนง พระยาตาก ทรัพยส นิ ทางปญญาของชาตทิ ่ีคนไทยทกุ คนควรมีสว นรวมในการศึกษา
ปจจุบนั วัดนไ้ี ดร ับการขนึ้ ทะเบยี นเปน โบราณสถานเม่ือ พ.ศ. 2478 อนุรกั ษ และเผยแพรภูมปิ ญ ญาไทยใหคงอยูคกู ับสังคมไทยสบื ไป

86 คมู ือครู

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Expand Evaluate

ขยายความเขา ใจ Expand

แเสสเแนสดสนเงดวเเลงวหเาลตหากุตากุ ราณรณสาํส คําญัคญั ในในสมสยัมธัยนธนบุรบี รุ ี ๒โใปนรล๒๓บรทาํ๒ใโเ๒๓๑นปดกปร๒ลกา๓๓๑๖บรใทิดงาําบัเ๒๓ห๑๗ด๑กธปงสกาเ๓๑๖ตรใ๘ดิชงงาบั ห๗แร๑รธคงสียเมลตาร๘ชรงงแกระวรคาใียมหนลาฎนิมรงกะาวมาใหัยศหนนฎินมขคึกมามหัยศอรอากนขคงั้กึมงยะลทพอรแอวากับั้ง่ีงซยาะรล๒ทมพแดะวหับ่ีสาซาวรว๒ไมเดงยะหนุดปฆสาวววเกไนเงยตัชนุดปี้ฆขวรียเกน อตัปชง้ีขงรใฏยี หธอปงบิ นงมใฏัตหธบบิ ินลมรุ ตั าํบี ิพลรุ าํีนู พนู 1. ครูใหนกั เรยี นศึกษาเสน เวลา (Timeline)
----๒- --๒๓พไกโเปทสข----๒-จปม๒---รมา๓๑รรปตพเธิา-๒-รข๓งุสไพกเปทโสขดาง๓ทโแฮไนเ๑ีบไี๑รพรจปดมธ๒---ดปาบยดรํามดา๓แ๑รรตปพเาิธอข๑ะาํรร๒านรรใขมงุเส็จดกางรส๓ชบเคโทแฮไนเ๑ไบีีไปมง๑รลกหพร๓ระดธมดปาบบยดพดําตาดแกําปมุาลอขช๑จ็ะาํรรัน๒นฝเรขนรใมเค็จกอืรใเสรชรุมบเคอไรปมงนรลากหนมุร๓าดระคหมาบดพตปีเาดังกําเะปมุางลชชือจ็นันฝเร็จงขปุมขรนาพายคพือเใเรุรมทลบฎอรนรายางนุมาจมาดรบาคหานเุมปกีเัดรงเะอางรชแตภือปัพกชจกง็จขวปาุมรนาพาศอียพารเทเทละบฎกลยรางาจตราิเทกจมบาปจนเะามุาํลิกตรษอรพัแตังภปัพพกใาชจกะาวาาาทาชพัศนอีรารานทเะะกกกมกกลรากจตรรเิทกนไปมิจาะามธราํลิบาตไษากพังัพปใ็ยาทะานขเาสาบทาชัพงคนาจปราานาะอจนกรกมกกึดกรตน้ึนไินําไคมิานยปมปธรรบาถตไาุงงากูป็ยทดนขเนเสบีเรงคศเมาจปาีวรธพแกาแอจนเีมขรปดึรต้นึินําไคศาแนมยปปรราาถนหตาลคงุลงูรอืมดบันเปนเีรรศีธเลมมยีอืวรธพแกแีเมะบะาะรขปงรบรศีธาแรมลพะราานหชแงฝเลรคอลพรือมุร๒บั๒ปนรรสทรีธลามะยพือารขมุะบางะาะรี๓งรมบรธีษิ,ดรยีลพะรชะชแงฝเเงรอ๒ิษกพนรุม๒๒๒๑รรสทกราเงมมะณพาทรขมุางีเจ๕๐๓ณรมมุราิษ,กดียเารชมะรหเง๒ษิกรนมมบ็๒ุโคา๑ช๐ะกรรพเงมมณาุโทลงือาเชจ๕๐ณชุมรือะรจาแกลเาฐมรสหิษกกกรงมบ็ุโทคง้ัาบช๐าวงะรลกพาุโลถยงอืไราษณชกชสราอืะจแําลระฐเดสิษเะกกากักงทอัง้อัตบาอรววยงพลกโุบปถดยไรษณตทกาลาสยาราาํรืมะเด่อืเะอากัวนไรงออตัยิวกอรวูยพกุุโคบปแดวยกตาคาทธุาลายราแืมเอ่ืัมไอกวนไรรบงปิยวกูกุ(ตซดคแวยกภอืจาคปาธุุรนแเมัง่ึไการบปีรญี(ตซดสกภอืจปรุนมหง่ึาารีีญ สรกยัา มหตานารยัาน้ั )ตนานั้ ) (ไ๒อจพทาัญ๓กรย(จไ๒อ๒พเทะาเยัญช๓มแ๑กรยกิญ๒เกะือเยชทมแพว๑งกญิพักเมอื รทวไพวงระียพัปเมพกรวงตไตระทุจยีปีเพก)นังมธตตุทจมกทอืีเ)ันมธับหนงมกทเือพามวับหนงมรายี เพามณะยวงมบรงัจาียีรกณะายนังตั บงรังจทรีนงุกานััตนปธงรทนนุงฏพนปธบิมนรฏรุาพอบีมิกมรุรราอ ีทกม้งัรทง้ั แสดงเหตุการณสาํ คญั ทางประวตั ิศาสตร
กภ๒ไเกทรา๓ดิุงยไเ๒ภกย๒กทธจรยหา๓ดินล๓งุยยกล๒ธจาบยหทงั จนล๓กรุตลพั ลาบเีทองักไจุรตพัปงไิดลีเดยอกตไกุตเปงไดิีเามดยขกิตรกอืตุเมาจีเามงขริกลรรเือรมหาจาสบงรจลรลยี เรเหลาสงัมพบจจลียรรเลาังมาพากจฐระราเาาขกฐะมเขรมร ในสมัยธนบุรี จากน้ันสมุ เหตุการณส าํ คญั
ท่เี กดิ ขนึ้ ในชวงเวลาใดเวลาหน่ึง แลวให
นกั เรยี นชวยกนั อธิบายรายละเอยี ดของ
เหตกุ ารณนน้ั โดยสังเขป

2. ครใู หนักเรียนตอบคาํ ถามประจาํ หนว ย
การเรียนรู

ตรวจสอบผล Evaluate

พ.ศพ..ศ๒.๓๒๑๐๓๑๐ ๒๓๒๓๐๒๐ ๒๓๒๓๕๒๕ 1. ครตู รวจรายงานเก่ียวกบั ภมู ิปญ ญา
และวัฒนธรรมไทยสมยั ธนบุรี

2. ครูตรวจเรยี งความเกย่ี วกับพระราชกรณยี กิจ
ในการทํานบุ ํารงุ พระพทุ ธศาสนาของสมเด็จ
พระเจา ตากสินมหาราช

3. ครสู งั เกตพฤตกิ รรมความมีสวนรว มในการ
ตอบคําถามและการแสดงความคิดเหน็ ของ
นกั เรยี น

พรพะยราะตยาากตขา(อกสขงิน(สอส)กุงินสต้พี )ุกคี รตี้พาะีคยนรโาาะพยนยธโกาพ์สิยอ๒ธากงม๓์สิแอ๒าต๑ตงม๓แน๐กต๑ตน๐ก ซึง่ ซอ--ย่ึงฟโอ--ทูปรยีป่รฟโาทูปดนนร่ปีรใาังซหดนนนิสชใงัําซหานปไสิ ชงลําน เาตปไขนงลนียเกสหตขนนมสรยี กสบัหุดือ๔นมสเภกรขับดุือปา๔คาเภกพตนขมปาคไันา๒าพตตจนมเถ๓หรัดไันวา๒ตภ๑จลทเาถ๓หรัดมู๙ก็ยําวภ๑ลทิาูม๙ก็ยําิ เกิดเกกิดารกจาลรจาจลลาจในลกในร๒ุงกธร๓น๒งุ ๒ธบ๓๔นรุ๒บี ๔ุรี
- ส-มสขเดมนุ ็จขเนดเุนาพจจ็ นงาิธเพาพจีบขงาริธรากพสะีบมขรยลถรารรา-กสาบัะาชมารมยลนถสจชากร-าบัหามากชาาามนกสจาชาภรกเดหรมารกกาาิเสาณก็จษาาษภรเชดมเรรกกตัิเคจสากณจ็ษณษขรวาชมาเกตัิยาคึ้นพจชรกณขมศรวาเทรีพาปยิา้ึนพกึวชะรพัรมศนนุยเไทรีพาปทดกึวาวพะหพัรนมเ่ีนุยราไราขมทดับยาวพหะหมณม่เีใราอมารขมนบัรยหัญกะหมเณกใอใมาษพานเหรรญัชกหกัตอ่ื๒ุงเกกใษพญิาษธเรหแรร๓ชกตัยินื่อ๒งุตักจะก ๒ิญษธศรทแบารไ๓ร๕ิยนขึกกตัยิกจะําุร๒ศทบาีรไ๕ขกึกยิําุรี
--มโทั-จป-มอรรโทัาจรปดดสจอรรใาใหารดบดนสสจยใาทขแใหกบนสอตณยททขแงรกะพัคอตตณนทํางไรันะ้ันพัปคปตนไาํปไรผนั ด้นัปปะรูส สดไปราผําดงับะบรเสู สสดราพนําจ็างบับเคลสสรรพนรอาน็จาคจลชยสรพ ํารอามกนรปจชย๒าาพอาํารมกถ๓มรปศแ๒าวาอ๒กากัหราถ๓มศแบั๐ดยวง๒กกัห์ิา1บั๐ดยง ์ิ

๘๗๘๗

แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด นกั เรยี นควรรู

ภายใตการปกครองของสมเดจ็ พระเจาตากสินมหาราช ภาพรวมของ 1 จําปาศกั ดิ์ ปจ จบุ ันน้ีเปน เมอื งอยูใ นแขวงจําปาศักด์ิ ทางภาคใตข องสาธารณรฐั
พัฒนาการทางประวตั ศิ าสตรไ ทยสมยั ธนบรุ ีเปน อยา งไร จงอธิบายมาพอเขาใจ ประชาธิปไตยประชาชนลาว ตวั เมืองต้ังอยูบนฝง ขวาของแมน าํ้ โขง ในอดตี เคยเปน
แนวตอบ ชวงเวลาทส่ี มเดจ็ พระเจาตากสินมหาราชทรงปกครองบานเมือง ศนู ยก ลางการปกครองในฐานะรฐั เอกราชชว่ั ระยะเวลาหนง่ึ กอ นทจ่ี ะตกอยใู ตก าร
นบั ได 15 ป (พ.ศ. 2310-2325) ในระยะเวลาดังกลาว พระองคไดท รงบําเพญ็ ปกครองของไทย ภายหลงั ไดต กเปน อาณานคิ มของฝรง่ั เศส เมอื่ ฝรงั่ เศสแบง เขต
พระราชกรณียกิจทเี่ ปน ประโยชนแกช าตบิ า นเมืองและพสกนิกรมากมาย อาณานคิ มในอนิ โดจนี เมอื งจาํ ปาศกั ดไิ์ ดเ ขา รวมอยกู บั พระราชอาณาจักรลาว
ไมวาจะเปน การยกทัพออกไปทาํ สงครามปราบปรามขาศึกท่เี ขา มารุกราน (หลวงพระบาง เวียงจนั ทน และจาํ ปาศักด)ิ์ ใน พ.ศ. 2484 เกดิ สงครามอนิ โดจีน
และขยายอํานาจทางการเมอื งและการทหารออกไปนอกราชอาณาจกั ร ระหวา งไทยกับฝรั่งเศส ผลของสงครามฝายไทยไดเ มืองจาํ ปาศักดค์ิ นื มา เมอื่ สน้ิ สุด
เพอื่ ความปลอดภยั ของบา นเมอื ง ในขณะเดยี วกนั พระองคก ต็ อ งทรงแกป ญ หา สงครามโลกครั้งท่ี 2 ใน พ.ศ. 2488 ไทยตองคนื เมืองจําปาศักด์ิใหแ กฝรงั่ เศส
เศรษฐกจิ ทที่ รดุ โทรมใหฟ น ตวั รวมทงั้ ทรงทาํ นบุ าํ รงุ ฟน ฟสู งั คมและวฒั นธรรม และฝร่ังเศสปกครองตอมาจนกระท่ังประเทศลาวไดรบั เอกราชใน พ.ศ. 2497 หลงั จาก
ใหเจรญิ งอกงามเพ่ือความสงบสขุ ของคนไทย จนสง ผลใหราชอาณาจักร ไดร ับเอกราช ประเทศลาวมชี อ่ื เรยี กวา พระราชอาณาจกั รลาว และแบงการปกครอง
ฟน ตวั อยางรวดเร็ว ทง้ั ทางดา นการเมือง เศรษฐกจิ สังคมและวฒั นธรรม สวนทองถ่ินเปน แขวงตางๆ เมอื งจําปาศกั ดิจ์ ดั ต้ังเปนแขวงจาํ ปาศกั ดิ์ จนถงึ
หลงั จากที่ทรุดโทรมมามากจากสงครามเสียกรงุ ศรอี ยธุ ยาครง้ั ท่ี 2 พ.ศ. 2310 พ.ศ. 2518 เมอ่ื มีการเปลีย่ นแปลงการปกครอง ไดเปล่ียนชื่อประเทศเปน สาธารณรฐั
ประชาธปิ ไตยประชาชนลาว เมอื งจาํ ปาศักด์ยิ ังคงอยูในสถานภาพเดมิ จนถงึ ปจจบุ ัน

คูมอื ครู 87

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Elaborate
Evaluate Evaluate
ตรวจสอบผล

ครตู รวจสอบความถูกตองในการตอบคาํ ถาม ค าํ ถามประจ าํ หนว่ ยการเรียนรู้
ประจาํ หนว ยการเรียนรู
๑. เ พราะเหตใุ ดหลงั จากทพ่ี ระยาตาก (สนิ ) กอู้ สิ รภาพไดแ้ ลว้ จงึ ตดั สนิ ใจยา้ ยราชธานมี าอยทู่ ่ี
หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู กรงุ ธนบรุ ี

1. การจดั นิทรรศการเกี่ยวกบั ประวตั ศิ าสตรไทย ๒. ก ารทก่ี รงุ ธนบรุ สี ามารถพฒั นาจนอาณาจกั รมคี วามมนั่ คงเขม้ แขง็ และเศรษฐกจิ ฟน้ื ตวั อยา่ ง
สมัยธนบรุ ี รวดเรว็ เกดิ จากปจั จัยใดบา้ ง

2. รายงานเกีย่ วกบั ภูมิปญ ญาและวฒั นธรรมไทย ๓. เ พราะเหตใุ ดการจดั การปกครองและการสรา้ งสรรคศ์ ลิ ปวฒั นธรรมในสมยั ธนบรุ จี งึ ยงั คงยดึ
สมยั ธนบรุ ี แบบอย่างมาจากสมยั อยธุ ยา

๔. พฒั นาการของอาณาจกั รธนบรุ ีในด้านต่างๆ มลี ักษณะอย่างไร จงอธิบายมาพอสงั เขป
๕. การเสื่อมอา� นาจของอาณาจักรธนบรุ ีเกดิ จากสาเหตุใด

กจิ กรรมสร้างสรรคพ์ ฒั นาการเรียนรู้

กจิ กรรมท่ี ๑ ใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู เพม่ิ เตมิ เกยี่ วกบั การสถาปนาอาณาจกั รธนบรุ ี ปจั จยั
ท่ีมีผลต่อความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักร พัฒนาการทางประวัติศาสตร์
รวมถึงการเส่ือมอ�านาจของอาณาจักร จากนั้นอภิปรายร่วมกันในชั้นเรียน
แลว้ สรปุ ผลการอภิปรายลงในสมุดรายงานส่งครผู ู้สอน

กจิ กรรมท่ี ๒ ให้นักเรียนเขียนเรียงความภายใต้หัวข้อ “สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
กบั การกเู้ อกราชของชาตไิ ทย” ความยาวไมเ่ กิน ๑ หน้ากระดาษรายงาน

กิจกรรมที่ ๓ ใหน้ ักเรียนชว่ ยกันจัดนิทรรศการเกีย่ วกับประวตั ิศาสตร์ไทยสมยั ธนบุรี เป็น
เวลา ๒ สปั ดาห์

88

แนวตอบ คาํ ถามประจําหนวยการเรียนรู
1. เพราะกรงุ ศรอี ยธุ ยาเสียหายมากจนยากเกนิ กวาจะบูรณะใหก ลับมาดีดังเดิม อกี ท้ังขาศกึ รชู ยั ภมู ิของกรงุ ศรีอยุธยาเปนอยา งดี นอกจากน้ี ตองใชคนเปน จํานวนมาก

ในการดแู ลรกั ษากรุงศรอี ยุธยา ซ่ึงจาํ นวนคนของพระยาตาก (สิน) มไี มเ พยี งพอ ดงั น้นั พระยาตาก (สิน) จึงตัดสินใจยายราชธานไี ปอยูทก่ี รุงธนบรุ ี
2. มหี ลายปจจยั เชน ปจจัยทางความเขม แข็งดา นการทหาร โดยสมเดจ็ พระเจาตากสนิ มหาราชมีแมท ัพทีม่ ีความสามารถหลายคน เชน สมเด็จเจา พระยามหากษตั รยิ ศ กึ

เจาพระยาสรุ สีห พระยาพิชัย (ดาบหัก) เปน ตน ทําใหขาศึกไมส ามารถเขามายดึ ครองได ปจ จยั ทางนโยบายฟน ฟเู ศรษฐกิจตางๆ เชน การรับซอ้ื ขาวสารจากพอคา
ชาวจนี มาแจกจา ยใหแกราษฎร การสงเสริมใหร าษฎรทาํ นา เพาะปลกู กท็ ําใหเศรษฐกจิ ฟนตวั ไดเรว็ ปจ จยั ทางนโยบายฟน ฟพู ระพทุ ธศาสนา เชน การฟน ฟคู ณะสงฆ
การบูรณปฏิสังขรณวัดวาอารามตางๆ กช็ ว ยใหพระพทุ ธศาสนากลบั มาเจรญิ รงุ เรืองดงั เดมิ
3. เพราะจะไดไมเ สียเวลาในการคิดรูปแบบเพื่อใชในการปกครองและสรางศิลปวฒั นธรรมข้ึนมาใหม ทั้งทร่ี ูปแบบเกา ครงั้ กรงุ ศรอี ยุธยาดอี ยูแ ลว จะไดมีเวลาในการฟน ฟู
และปองกนั บา นเมอื งจากขาศึกทเี่ ขามารกุ ราน
4. ดา นการเมอื งการปกครอง สมเด็จพระเจาตากสินมหาราชทรงรวบรวมไพรพ ลในการปราบปรามชุมนุมตา งๆ ทีต่ ั้งตัวเปน ใหญภายหลังจากเสยี กรุงเปนผลสาํ เร็จ
ทาํ ใหบ า นเมืองเปนปกแผน และจดั การปกครองหวั เมอื งตางๆ ตามรูปแบบสมัยอยธุ ยาตอนปลาย รวมทงั้ ใชเวลาในการปอ งกันอาณาจักรจากการรกุ รานของขา ศกึ
ดานเศรษฐกจิ ทรงใชนโยบายตางๆ เพอื่ แกไขปญ หาเศรษฐกจิ ทีเ่ ผชญิ อยู เชน รบั ซ้ือขา วสารจากพอ คาชาวจีนมาแจกจา ยใหแ กราษฎร ใหขาราชการทง้ั หลายทาํ นา
ปละ 2 ครั้ง สงเสริมใหพอ คา ชาวจนี เขามาคาขายมากข้ึน เปน ตน ดา นสังคม ยงั คงเปน สงั คมศกั ดนิ าเหมอื นเชน สมัยอยธุ ยา ดา นความสัมพันธระหวา งประเทศ
ธนบรุ มี คี วามสมั พนั ธกับชาติตา งๆ ในลกั ษณะแตกตา งกันไป เชน การขยายอาํ นาจทางการทหาร การคาในระบบบรรณาการ การทําสงครามปอ งกันอาณาจกั ร
5. เกิดจากเหตุการณจลาจลที่กรงุ ธนบรุ ี ทเี่ รยี กวา กบฏพระยาสรรค

88 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Expore Explain
Engage Expand Evaluate
เปาหมายการเรยี นรู
๔หนวยการเรยี นรูท่ี
1. วิเคราะหป ระวตั ิและผลงานของบุคคลสําคัญ
ประวัติและผลงาน ในสมัยอยธุ ยาได
ของบคุ คลสาํ คญั
ในการสรางสรรค 2. วเิ คราะหป ระวัตแิ ละผลงานของบคุ คลสําคญั
ในสมัยธนบรุ ีได
ชาติไทย
สมรรถนะของผเู รยี น

1. ความสามารถในการสอื่ สาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใชทักษะชีวติ

ตัวช้วี ดั คุณลักษณะอนั พึงประสงค

● ระบภุ มู ปิ ญ ญาและวฒั นธรรมไทยสมยั อยธุ ยา 1. มีวนิ ยั
และธนบรุ ี และอทิ ธพิ ลของภมู ปิ ญ ญาดงั กลา ว 2. ใฝเ รยี นรู
ตอ การพัฒนาชาติไทยในยุคตอมา 3. ซือ่ สตั ยส จุ ริต
(ส ๔.๓ ม.๒/๓) 4. มุงม่ันในการทาํ งาน

สาระการเรยี นรแู กนกลาง กระตนุ ความสนใจ Engage

● วรี กรรมของบรรพบรุ ษุ ไทย ผลงานของบคุ คล พระบรมราชานุสาวรยี สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ครูใหน ักเรียนยกตัวอยา งบุคคลสาํ คญั ของไทย
สาํ คญั ของไทยทมี่ สี ว นสรา งสรรคช าตไิ ทย เชน บรเิ วณทุงภูเขาทอง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สมยั อยุธยาหรือสมัยธนบรุ ี ทม่ี สี ว นสรา งสรรค
- สมเดจ็ พระสรุ ิโยทัย ชาตไิ ทย โดยใหบอกวาบคุ คลดงั กลาวมีบทบาท
- สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ã¹»ÃÐÇµÑ ÈÔ ÒʵÃ͏ Â¸Ø ÂÒáÅлÃÐÇµÑ ÔÈÒʵø ¹ºÃØ ÅÕ ÇŒ ¹áÊ´§ ตอชาติไทยอยา งไร
- สมเด็จพระนารายณมหาราช ãËŒàËç¹¶Ö§¤ÇÒÁàÊÕÂÊÅÐ ¡ÅŒÒËÒÞ Í´·¹ áÅÐࢌÁá¢ç§¢Í§¾ÃÐ
- สมเดจ็ พระเจาตากสนิ มหาราช ÁËÒ¡ÉµÑ ÃÂÔ  ¢¹Ø ¹Ò§ áÅЪÒǵ‹Ò§ªÒµ·Ô èÊÕ ÃÒŒ §ÊÃ伏 ŧҹÍѹ໚¹ (แนวตอบ สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทรงเปน
- สมเดจ็ เจา พระยามหากษตั รยิ ศ กึ (ทองดว ง) ¤Ø³»ÃÐ⪹µ‹ÍªÒµÔä·ÂÁÒâ´ÂµÅÍ´ ·Ñé§ã¹ÂÒÁ·èÕºŒÒ¹àÁ×ͧµ¡ พระมหากษัตรยิ ผูม ีพระปรชี าสามารถทางการรบ
- เจา พระยาสรุ สีห (บุญมา) ÍÂÙ‹ã¹ÀÒÇÐʧ¤ÃÒÁËÃ×Íã¹ÀÒÇл¡µÔ ઋ¹ ¡Ò÷íÒʧ¤ÃÒÁáÅÐ เปน ผูกอบกูเอกราชหลงั จากเสยี กรุงศรอี ยุธยา
´Òí à¹¹Ô ¹âºÒ·ҧ¡Ò÷µÙ à¾Í×è Ã¡Ñ ÉÒàÍ¡ÃÒª¢Í§ªÒµäÔ ·Â ËÃÍ× ¡Òà ครัง้ ที่ 1 และเมือ่ ครองราชยแลว พระองคก ็ทรง
ÇÒ§ÃÒ¡°Ò¹·Ò§´ÒŒ ¹¡ÒÃàÁ×ͧ¡Òû¡¤Ãͧ ໚¹µ¹Œ ¤ÇÒÁÊÒÁÒö ทาํ สงครามปองกันอาณาจกั รดวยความกลาหาญ
¤ÇÒÁàÊÂÕ ÊÅÐ áÅФÇÒÁ¡ÅÒŒ ËÒޢͧº¤Ø ¤ÅÊÒí ¤ÞÑ àËÅÒ‹ ¹¹éÑ ·Òí ãËŒ เด็ดขาดมาโดยตลอด)
ª¹ªÒµÔä·ÂÊÒÁÒö´íÒçÍ‹Ùä´ŒÁÒ¨¹¶Ö§»˜¨¨ØºÑ¹ ´Ñ§¹éѹ »ÃÐÇѵÔ
áÅмŧҹ¢Í§º¤Ø ¤ÅÊÒí ¤ÞÑ ¢Í§ä·Âã¹ÊÁÂÑ ÍÂ¸Ø ÂÒáÅÐÊÁÂÑ ¸¹ºÃØ Õ
¨Ö§à»š¹áººÍ‹ҧãˌᡋ͹ت¹ÃØ‹¹ËÅѧ·Õè¨ÐÊÌҧ¤Ø³»ÃÐ⪹ãˌᡋ
»ÃÐà·ÈªÒµÍÔ Ñ¹à»š¹·ÃÕè ¡Ñ ÂèÔ§¢Í§¤¹ä·ÂÊ׺ä»

เกร็ดแนะครู

ครคู วรจดั กิจกรรมการเรียนรเู พื่อใหน กั เรยี นสามารถระบุภมู ปิ ญ ญา
และวัฒนธรรมไทยสมัยอยุธยาและธนบุรี และอทิ ธพิ ลของภูมปิ ญ ญาดงั กลา ว
ตอการพัฒนาชาตไิ ทยในยุคตอมาได โดยเนน การพฒั นาทกั ษะกระบวนการตางๆ
เชน ทกั ษะการคดิ กระบวนการกลุม และกระบวนการสืบสอบ ดังตัวอยางตอไปน้ี

• ครูแบงกลุมนักเรยี นเพอ่ื ใหช ว ยกนั ศึกษาประวัตแิ ละผลงานของบคุ คลสาํ คญั
ในสมยั อยุธยาทก่ี ลมุ ตนรบั ผดิ ชอบ จากหนงั สอื เรยี นและแหลง การเรียนรู
ตางๆ แลว สงตัวแทนนําเสนอความรแู ละชวยกันตอบคําถามท่คี รูกําหนด
จากนัน้ ศกึ ษาความรูเพ่ิมเตมิ เพอ่ื แสดงละครเกยี่ วกบั ชีวประวตั แิ ละผลงาน
ของบคุ คลสําคญั ในสมยั อยธุ ยา

คมู อื ครู 89

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain

กระตนุ ความสนใจ Engage

ครนู ําภาพบุคคลสําคญั สมยั อยุธยา เชน สมเดจ็ ñ. ประวµั áิ Åะ¼Åงาน¢ÍงºคØ คÅสÓคัÞãนสมยั Íย¸Ø ยา
พระนเรศวรมหาราช สมเดจ็ พระนารายณม หาราช
เปน ตน มาใหน กั เรยี นดู แลวซกั ถามวา เปน บุคคลใด 1.1 สมเด็จพระรามาธิบดที ี ่ 1 (อทู อง)
ในประวตั ิศาสตร และนกั เรยี นรูจักบคุ คลดงั กลา ว
ในแงมุมใด เสน เวลา
แสดงเหตกุ ารณส าํ คญั ในสมยั สมเดจ็ พระรามาธบิ ดที ่ี ๑ (อทู อง)

สาํ รวจคน หา Explore ๑พ๘.ศ๙๐. สมเดจ็ พระรามาธบิ ดที ี่ ๑ (อทู่ อง) ทรงเปน็
พระมหากษัตริย์ไทยที่สถาปนากรุงศรีอยุธยา
ครใู หนกั เรียนแบง กลมุ ออกเปน 9 กลุม คละกัน เป็นราชธานีเม่ือ พ.ศ. ๑๘๙๓ และด�ารงอยู่ได้
ตามความสามารถ เพื่อศึกษาเกีย่ วกับประวัติ อย่างย่ังยืนเป็นเวลานานถึง ๔๑๗ ปี การที่
และผลงานของบุคคลสําคัญในสมัยอยุธยา พระองค์ทรงเลือกท�าเลส�าหรับต้ังเมืองราชธานี
จากหนงั สือเรียน หนา 90-104 และจาก ๑ท๘รง๙ส๓ถาปนากรงุ ศริอี ยธุ ยา1เป็นราชธานี ซ่ึงเป็นศูนย์รวมของคนไทยในสมัยน้ันได้อย่าง
แหลง การเรยี นรูตางๆ เพิม่ เติม ในประเดน็ ตอไปนี้ ๑๘๙๕ เหมาะสม ทา� ใหก้ รงุ ศรอี ยธุ ยาเจรญิ รงุ่ เรอื งอยา่ ง
รวดเร็วจนกลายเป็นแหล่งรวมศิลปวัฒนธรรม
กลมุ ท่ี 1 สมเดจ็ พระรามาธบิ ดที ่ี 1 (อูท อง) ไทยสมัยอยุธยาอย่างต่อเน่ืองและเป็นมรดก
กลุมที่ 2 สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ ตกทอดมาถึงคนไทยในปจจบุ ัน
กลมุ ที่ 3 สมเด็จพระสรุ โิ ยทยั พระราชกรณียกิจที่ส�าคัญของสมเด็จ
กลุมท่ี 4 สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ๑๘๙๖ พระรามาธบิ ดที ่ี ๑ (อทู่ อง) สว่ นใหญจ่ ะเนน้ หนกั
กลมุ ท่ี 5 สมเดจ็ พระนารายณมหาราช ไปด้านการเมืองการปกครอง ทีเ่ ห็นเดน่ ชัด คอื
กลมุ ที่ 6 สมเด็จพระเพทราชา ๑๙๐๐ โ๑ป๙ร๐ด๐ใหส้ ถาปนาวัดพทุ ไธศ2วรรย์ ทรงน�าเอารูปแบบการปกครองแบบ จตุสดมภ
กลมุ ท่ี 7 ออกญาโกษาธิบดี (ปาน)
กลุมท่ี 8 ลาลแู บร โปรดให้สถาปนาวัดปา แก้ว
กลุมท่ี 9 เยเรเมียส ฟาน ฟลีต
แตละกลุมสงตัวแทนมาจบั สลากหมายเลขกลุม จากเขมรมาปรับใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน ท�าให้การปกครองอาณาจักรมีระบบ
จากนั้นศกึ ษาเน้อื หาทีก่ ลมุ ตนรับผดิ ชอบจนทุกคน แบบแผนและรดั กมุ ยงิ่ ขนึ้ และสบื เนอ่ื งมาถงึ สมยั รตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ ยกเวน้ จะมีการ
เกิดความเขา ใจ ปรับปรุงบ้างในบางคร้ัง สมเด็จพระรามาธิบดีท่ี ๑ (อู่ทอง) ทรงประสานประโยชน์
ใหเ้ กดิ ขนึ้ ในหมคู่ นไทยในเมอื งสพุ รรณบรุ ี กรงุ ศรอี ยธุ ยา และลพบรุ ี จนสามารถรวมตวั
กนั และผนกึ กา� ลงั เพอื่ ขยายอาณาเขตของอาณาจกั รอยธุ ยาในระยะแรกๆ ใหก้ วา้ งขวาง
ออกไปมากยิ่งขึ้น นับเป็นนโยบายทางการปกครองที่ส�าคัญอย่างหน่ึง นอกจากน้ี
อธบิ ายความรู Explain พระองคท์ รงรบั ลทั ธเิ ทวราชาจากเขมรมาดดั แปลงใหส้ อดคลอ้ งกบั ลกั ษณะวฒั นธรรม

1. ครูใหน ักเรียนกลมุ ท่ี 1 สงตัวแทนออกมา ของคนไทย ทเ่ี รยี กวา่ สมมตเิ ทพ นอกจากความเปน็ ธรรมราชา เพอื่ ทา� ใหพ้ ระมหากษตั รยิ ์
นาํ เสนอสาระสาํ คญั ท่หี นา ชนั้ เรียน จากนนั้ กลายเป็นสถาบันทางการเมืองท่ีส�าคัญของชาติไทย นับแต่นั้นเป็นต้นมาสถาบัน
เปดโอกาสใหน ักเรียนทม่ี ีขอ สงสยั ซกั ถาม พระมหากษัตริย์ได้กลายเป็นศูนย์รวมแห่งอ�านาจและ
และอธบิ ายจนเขา ใจ พระบร3มราชานุสาวรียสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ เปน็ หลกั ยดึ เหนยี่ วทางดา้ นจติ ใจของราษฎรตลอดมา

2. ครสู นทนากบั นกั เรียนเพอ่ื รวมกันสรุปความรู (อูทอง) ปฐมกษตั ริยแหงกรุงศรอี ยุธยา
ทไ่ี ดรับจากการศึกษา
๙๐

นักเรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET
บทบาทสําคญั ของสมเดจ็ พระรามาธิบดที ี่ 1 (อทู อง) ท่ที ําใหอ าณาจักร
1 สถาปนากรุงศรอี ยุธยา สมเด็จพระรามาธบิ ดีที่ 1 (อทู อง) ทรงสถาปนา อยุธยามีความเจริญรงุ เรอื งคอื ดา นใด จงอธิบายโดยยกเหตผุ ลประกอบ
กรุงศรอี ยุธยาขนึ้ ทบ่ี รเิ วณหนองโสนหรือบงึ ชีขนั (ปจ จุบันเรยี ก บงึ พระราม) เนอื่ งจาก แนวตอบ พระราชกรณียกจิ ที่สาํ คัญของสมเดจ็ พระรามาธบิ ดีท่ี 1 (อูทอง)
พระเจา อทู องทรงเห็นวาทาํ เลท่ตี ง้ั เหมาะสม มีแมน ํา้ ลอมรอบ และเปนบริเวณท่ีมี สว นใหญจะเนนหนักดา นการเมอื งการปกครอง โดยพระองคท รงรบั เอา
ตนโสนมาก ดังนัน้ ดอกโสนจึงเปน ดอกไมป ระจําจังหวดั พระนครศรอี ยุธยาดว ย รปู แบบการปกครองแบบจตสุ ดมภ ท่ปี ระกอบดว ย กรมเวยี ง กรมวงั กรมคลงั
2 วัดปาแกว พระราชพงศาวดารระบวุ า พระเจาอูทองโปรดใหขดุ พระศพเจาแกว และกรมนา จากเขมรมาปรบั ใชในการปกครอง ทําใหก ารปกครองอาณาจักร
เจา ไทย สนั นษิ ฐานวา เปน เชือ้ พระวงศข องพระเจา อูทอง ซ่ึงทวิ งคตดวยอหวิ าตกโรค มรี ะบบแบบแผนและรัดกมุ ยงิ่ ขนึ้ นอกจากนพ้ี ระองคยังทรงรับลัทธเิ ทวราชา
ข้นึ เผา โดยบรเิ วณที่ปลงพระศพใหส ถาปนาพระเจดียแ ละวหิ ารเปนพระอาราม จากเขมรมาดดั แปลงใหสอดคลองกบั วฒั นธรรมของคนไทย ทเี่ รียกวา
พระราชทานชอื่ วา วัดปา แกว (ปจจบุ ันคอื วดั ใหญชัยมงคล) และโปรดใหต ้ังเปน สมมติเทพ ทาํ ใหฐ านะของพระมหากษตั รยิ มีความศักดสิ์ ิทธิ์และมีอํานาจ
สาํ นกั สงฆ เรยี กวา คณะปาแกว เหนอื ผคู นท้งั ปวงในพระราชอาณาจักร สถาบนั พระมหากษตั รยิ จ ึงกลายเปน
3 พระบรมราชานสุ าวรียส มเดจ็ พระรามาธบิ ดีท่ี 1 (อทู อง) ประดษิ ฐานอยรู ะหวา ง สถาบันทางการเมืองท่สี ําคัญของไทย เปนศนู ยร วมจติ ใจของราษฎรนบั แตน ั้น
บงึ พระรามกับวัดพระศรสี รรเพชญ สรา งข้นึ ระหวา ง พ.ศ. 2511-2513 เพ่ือระลึกใน เปนตนมาจนถงึ ปจ จบุ นั
พระมหากรณุ าธคิ ณุ ของสมเดจ็ พระรามาธบิ ดที ่ี 1 (อทู อง) ผทู รงสถาปนากรงุ ศรอี ยธุ ยา
ที่ตําบลหนองโสนใน พ.ศ. 1893

90 คมู ือครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

1.๒ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ 1. ครใู หนักเรียนกลุม ท่ี 2 สงตัวแทนออกมา
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงเป็นพระมหากษัตริย์อยุธยาที่ทรงบ�าเพ็ญคุณประโยชน์ นําเสนอสาระสาํ คัญทหี่ นา ชน้ั เรียน จากนนั้
ให้กับบ้านเมืองหลายประการ สว่ นใหญม่ ักเกย่ี วขอ้ งกบั ระบบการปกครองแผ่นดนิ ทัง้ สิน้ เปดโอกาสใหนกั เรียนทม่ี ีขอ สงสัยซักถาม
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงปฏิรูปการปกครองคร้ังส�าคัญ ซ่ึงได้กลายเป็นรากฐานทาง และอธบิ ายจนเขาใจ
การปกครองอาณาจักรในสมัยต่อมา โดยพระองค์โปรดให้ตั้งอัครมหาเสนาบดี ๒ ต�าแหน่ง คือ
สมุหพระกลาโหม มหี นา้ ท่ีรับผิดชอบกิจการฝา ยทหารท่วั ราชอาณาจักร และ สมหุ นายก มีหนา้ ที่ 2. ครูสมุ นกั เรยี นอธบิ ายเกีย่ วกบั พระราชประวตั ิ
รบั ผิดชอบกจิ การฝา ยพลเรอื นทัว่ ราชอาณาจกั รรวมท้งั จตสุ ดมภ์อีกด้วย และพระราชกรณียกจิ ของสมเด็จพระบรม-
นอกจากน้ียังมีการแบ่งหัวเมืองออกเป็นหัวเมืองช้ันใน หัวเมืองช้ันนอก และหัวเมือง ไตรโลกนาถมาพอสังเขป
ประเทศราชเพอื่ ประโยชน์ในการปกครองใหร้ ดั กมุ ยง่ิ ขนึ้ มกี ารแบง่ หวั เมอื งขนาดใหญแ่ ละขนาดเลก็ (แนวตอบ สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถทรง
หตานม่ึงลอา�อดกับเปค็นวาแมขสว�างค ตัญ�า บคลอื แหลวั ะเมหือมงบู่ เา้อนก1 โเทพ อ่ื ตครวี แามละสจะตัดววาก ในนอกกาจราคกวนบนั้คยุมงักแา� บล่งงั กคานรดป้วกยครองหวั เมือง เปนพระมหากษตั ริยอ ยุธยาพระองคท่ี 8
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงมีบทบาทส�าคัญย่ิงในการสร้างความผสมกลมกลืนระหว่าง ทรงครองราชยเปน เวลานานท่ีสุดในบรรดา
อาณาจักรสุโขทัยกับอาณาจักรอยุธยาให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยพระองค์เสด็จไปประทับท่ี พระมหากษตั รยิ อ ยธุ ยาท้งั หมด คือ 40 ป
เมืองพิษณุโลก ซึ่งเคยเป็นเมืองลูกหลวงของสุโขทัยมาก่อน และเน่ืองจากพระราชมารดาของ พระองคมีพระนามเดมิ วา พระราเมศวร
พระองค์ทรงมีเช้ือสายราชวงศ์สุโขทัย ท�าให้ชาวสุโขทัยรู้สึกว่าสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงมี ทรงเปน พระราชโอรสของเจาสามพระยา
ความสัมพันธ์ทางเครือญาติกับพระราชวงศ์สุโขทัย เม่ือพระองค์เสด็จมาประทับท่ีเมืองพิษณุโลก สวนพระมารดาเปนเจา หญิงจากราชวงศ
และทรงออกผนวชทวี่ ดั จฬุ ามณีเชน่ เดียวกับที่พระมหาธรรมราชาที่ ๑ สุโขทัย ดงั นนั้ พระองคจ งึ เปน เชือ้ สายของ
(ลิไทย) ของสุโขทัยทรงผนวชที่วัดปามะม่วง ชาวสุโขทัยจึงให้ ทงั้ ฝายอยุธยาและราชวงศส ุโขทัย เมือ่ มี
ความเคารพพระองค์เชน่ เดยี วกบั เจา้ นายพระองคห์ น่งึ ในราชวงศ์ พระชนมายุ 7 พรรษา ไดเสดจ็ ขนึ้ ไป
สโุ ขทัย ทา� ให้สโุ ขทัยกับอยธุ ยารวมตวั กันไดอ้ ย่างเป็นปก แผ่น ประทบั ทเ่ี มืองพษิ ณุโลกใน พ.ศ. 1991
ในเวลาตอ่ มา และเมื่อพระชนมายุ 17 พรรษา เสด็จจาก
การทสี่ มเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถเสดจ็ ไปประทบั ท่ี เมืองพษิ ณโุ ลกมาครองราชย ณ กรุงศรีอยุธยา
เมืองพิษณุโลกก็เพื่อพระองค์ได้ทรงจัดการปกครอง และระหวา ง พ.ศ. 2006-2031 ไดเสด็จไป
หวั เมอื งตา่ งๆ ในอาณาจักรสุโขทัยเดมิ ให้เรียบร้อยและ ประทบั ที่เมอื งพษิ ณโุ ลกอกี คร้ังหนึ่งนานถงึ
เพื่อป้องกันหัวเมืองฝายเหนือของอยุธยาให้พ้นจาก 25 ป ทรงมีบทบาทสําคัญในฐานะเปน ผรู วม
กกาฎรมโณจมเฑตีขยี อรบงลา้าล2นขนน้ึ าใชดใ้้วนยร านชอสกา� จนากัก นที้ า�พใรหะท้ อรงาคบ์ทแรนงช่ตดัรา อาณาจกั รสุโขทัยเขา เปน สว นหน่งึ ของ
ว่าในบรรดาพระราชโอรสของพระมหากษัตริย์ อาณาจักรอยุธยา อีกท้งั ทรงปฏริ ูปการปกครอง
ทุกพระองค์น้นั พระองค์ใดมีฐานะสูงกวา่ ก็จะได้ พระบรมรูปสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ผูวางรากฐาน ของอยธุ ยาใหม คี วามเปน ระเบยี บและรดั กมุ
ทางการปกครองของอยธุ ยาอยางเปนระบบและรัดกุม มากขนึ้ ทรงตรากฎหมายศกั ดินาและ
กฎมณเฑยี รบาล นอกจากน้ี พระองคยงั ทรง
พระราชนพิ นธวรรณกรรมทีส่ ําคัญ 2 เร่ือง
คือ มหาชาติคําหลวงและลิลิตยวนพาย)

สืบสนั ตติวงศต์ ่อไปในอนาคต

๙1

แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tดิ นักเรียนควรรู

ผลงานการสรา งความสมคั รสมานสามคั ครี ะหวา งคนไทยทส่ี โุ ขทยั กบั อยธุ ยา 1 แขวง ตําบล และหมูบาน แขวงมหี ม่นื แขวงเปน หวั หนา ตาํ บลมกี ํานนั เปน
เปนพระราชกรณยี กจิ ทีส่ าํ คญั ของพระมหากษตั ริยพ ระองคใด หัวหนา และหมบู านมผี ใู หญบ านปกครองดูแล

1. สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (อูท อง) 2 กฎมณเฑยี รบาล หรือกฎมณเทยี รบาล เดมิ กฎมณเฑยี รบาลเปนตาํ รา
2. สมเด็จพระบรมราชาธริ าชท่ี 1 (ขุนหลวงพงัว่ ) ราชประเพณที ี่พวกพราหมณนําเขา มาสอนตามคัมภรี มนูธรรมศาสตรของอนิ เดีย
3. สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ โบราณ แตไมมหี ลักฐานชัดเจนวา ไทยรบั มาใชคร้ังแรกตงั้ แตส มยั ใด ตามหลกั ฐาน
4. สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าชท่ี 3 ทีป่ รากฏ ไดม ีการตรากฎมณเฑยี รบาลครง้ั แรกในสมัยสมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ
เพ่อื กําหนดลําดบั ช้ันพระราชวงศและระเบยี บประเพณใี นราชสาํ นักใหเ ปนแบบแผน
วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. โดยสมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถทรงสราง กวาแตก อ น และไดถ อื ปฏิบตั ิสืบตอ กนั มา ตน ฉบับกฎมณเฑยี รบาลฉบับทต่ี ราข้นึ
ในสมยั สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถนนั้ ไดสูญหายไปเม่อื ครงั้ เสยี กรงุ ศรีอยธุ ยา
ความผสมกลมกลนื ระหวางอาณาจกั รสโุ ขทัยกับอาณาจกั รอยธุ ยาใหเ ปน พ.ศ. 2310 ตอมาในสมัยรัชกาลที่ 1 โปรดเกลา ฯ ใหน กั ปราชญร าชบัณฑิตรวบรวม
อนั หนึง่ อนั เดียวกัน ดว ยการเสด็จไปประทบั ที่เมอื งพษิ ณโุ ลกซึ่งเคยเปน บรรดากฎหมายเกา ท่ีกระจัดกระจายอยใู นท่ตี างๆ แลวชาํ ระและจัดเปน หมวดหมู
เมอื งลกู หลวงของสุโขทยั มากอ น นอกจากนี้ พระองคทรงมพี ระมารดาเปน รวมเขา เปน ชดุ เดยี วกนั เรยี กวา กฎหมายตราสามดวง ซึ่งมีกฎมณเฑียรบาลรวม
เจาหญิงจากราชวงศสโุ ขทัย ในระหวา งประทบั อยทู ี่เมอื งพิษณุโลก พระองค อยดู ว ย แตไ มสมบูรณ จนกระทัง่ ในสมัยรชั กาลท่ี 6 โปรดใหตรากฎมณเฑียรบาล
ไดท รงออกผนวชทว่ี ัดจุฬามณีตามรอยพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไทย) และ เพ่มิ เติมหลายฉบับ
ทรงใหม ีการบรู ณะฟนฟวู ดั เชน วัดพระศรีรตั นมหาธาตุ ซง่ึ เปนที่ประดษิ ฐาน คูมือครู 91
พระพุทธชนิ ราช พระพุทธรปู องคส ําคญั ในเมืองพิษณโุ ลก ดงั นั้น จงึ สง ผลให
สโุ ขทยั กบั อยุธยารวมตัวกันไดอ ยา งเปน ปกแผน ในเวลาตอ มา


Click to View FlipBook Version