กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain
กระตนุ ความสนใจ Engage
ครนู ําวีดิทัศนสารคดเี ก่ยี วกบั เหตุการณส ําคัญ เสน เวลา
ทางประวตั ศิ าสตรของทวีปเอเชยี มาใหน ักเรียนดู เเสดงเหตกุ ารณส าํ คญั ทางประวตั ศิ าสตรข องทวปี เอเชยี เเละไทย
เชน จกั รวรรดิมองโกล การสาํ รวจทางทะเลของ
เจิ้ง เหอ สงครามเกาหลี เปน ตน จากนัน้ ครสู มุ ๗๙๔ ๑๒๗๙ - ๑๓๖๘ เ๑จ๔ง้ิ ๐ เ๕หอ 4
นักเรียนสรุปความรทู ไี่ ดจ ากการชมสารคดีดงั กลาว ญปี่ ุ่นสรา้ งเมืองเฮอนั (เกยี วโต) จนี สมยั ราชวงศห์ ยวน
เรม่ิ สาํ� รวจ
เป็นเมืองหลวง ถกู ปกครองโดย ทางทะเล
ชาวมองโกล
๔๐๐ อาณาจักรซ๖ลิ ๖ล๘า2 ๘๐๒
สาํ รวจคน หา Explore ราชวงศย์ ะมะโตะ อาณาจักรขอม
ปกครองเกาหลี ท่ีนครวดั
ปกครองญีป่ ่นุ
ครใู หน กั เรียนศึกษาเสน เวลา (Timeline) แสดง ทวีปเอเชีย ค.ศ. ๔๐๐ ๖๐๐ ๘๐๐ ๑๐๐๐ ๑๒๐๐ ๑๔๐๐
เหตุการณส ําคญั ทางประวตั ศิ าสตรข องทวปี เอเชีย
และไทยสมัยอยธุ ยาและธนบรุ ี จากหนังสือเรยี น นบีมฮุ มั มัดอพยพจากเมอื งเม๖ก๒ก๒ะ1 ๑๐๐๐
หนา 142-143 จีนประดษิ ฐด์ ินปน
ไปยงั เมอื งเมดนิ ะ เร่มิ ฮ.ศ. ๑
อธบิ ายความรู Explain โปรตุเกสยึด๑ค๕ร๑อ๑ง
ญ่ีปนุ่ สรา้ งเมืองหลทวี่เงมแอื หงง่น๗แา๑รร๐กะ3 มะละกาในมาเลเซียปจั จุบัน
1. ครขู ออาสาสมัครนกั เรยี น 2 คน ออกมาสรปุ ๖๑๘ - ๙๐๗ ๑๕๒๖
เหตกุ ารณส าํ คญั ทางประวตั ศิ าสตรข องทวปี เอเชยี จนี สมยั ราชวงศ์ถ ัง พระเจา้ บาบรู ส์ ถาปนาจกั รวรรดิ
และไทยสมัยอยุธยาและธนบุรีทีห่ นาชั้นเรียน เปน็ ยคุ ทองของจีน
โมกลุ หรือมคุ ัลในอินเดีย
2. ครตู ้ังคําถามใหนกั เรยี นชวยกนั ตอบ เชน
• ชว งเวลาท่ีเจิ้ง เหอ สาํ รวจทางทะลตรงกบั ๑๒๗๙ ๑๓๔๕
ประวัติศาสตรไทยชวงใด พ่อขุนรามค�ําแหงมหาราช พระมหาธรรมราชาที ่ ๑ (ลิไทย)
(แนวตอบ เจงิ้ เหอ เริ่มสํารวจทะเลใน ค.ศ.
1405 หรือ พ.ศ. 1948 ตรงกบั รัชสมยั สมเดจ็ ขึน้ เสวยราชย์ พระราชนพิ นธ์ไตรภมู พิ ระรว่ ง
พระรามราชาธิราช สมยั อยุธยา)
๑๒๔๙ ๑๓๕๐
พ่อ ขนุ ศรีอินทราทิตย์ พระเจ้า อทู่ องทรง
สถาปนากรุงสโุ ขทยั เป็น ราชธานี สถาปนากรุงศรีอยธุ ยา
เปน็ ราชธานี
สุโไขททยัยส-มธนยั บรุ ี ค.ศ. ๔๐๐ ๖๐๐ ๘๐๐ ๑๐๐๐ ๑๒๐๐ ๑๔๐๐
๑๒๘๓ ๑๕๑๑
พ่อ ขนุ รามคาํ� แหงมหาราช โปรตุเกส
เขา้ มา
ทรงประดิษฐ์ลายสือไทย เจรญิ สมั พนั ธ-
๑๔๕๔ ไมตรกี บั
อยุธยา
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
โปรดใหต้ รากฎหมายศกั ดนิ า
๑๔๖๓
สุโขทยั ถูกผนวกเข้ากบั อยุธยา
๑๔๒
นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET
การเรียนรเู ก่ยี วกบั เรอื่ งราว เหตุการณทางประวัติศาสตรในภูมิภาคตา งๆ
1 เมกกะ ชาวมสุ ลมิ ถอื วา เมืองเมกกะเปน เมืองที่ศกั ด์ิสทิ ธ์ิอนั ดบั ที่ 1 อนั ดบั 2 คือ ของทวปี เอเชยี มีความสาํ คัญอยา งไร
เมืองเมดนิ ะ และอันดับ 3 คอื เมอื งเยรซู าเลม แนวตอบ ทาํ ใหเรารูวาในแตละภมู ิภาคของทวีปเอเชยี มีประวัตคิ วามเปนมา
2 อาณาจักรซิลลา ในชว งนีเ้ กาหลรี บั วัฒนธรรมจากจีนมาปรบั ใช เชน ลัทธิขงจื๊อ อยา งไร มเี หตกุ ารณหรือปญ หาสาํ คญั อะไรเกดิ ข้ึนบาง ท้ังทางดานการเมือง
พระพทุ ธศาสนา ตัวอกั ษร และรปู แบบการปกครอง สมยั อาณาจกั รซิลลาถอื เปน การปกครอง เศรษฐกจิ สังคมและวฒั นธรรม ทําใหเราเห็นถึงความพยายาม
ยคุ แหง ความสงบสุขและเจริญรงุ เรืองของเกาหลี ของบรรพบรุ ุษในการแกปญหา ซึง่ จะเปนแนวทางใหแ กคนรนุ หลงั นาํ ไปศกึ ษา
3 เมืองนาระ เปนเมืองหลวงแหงแรกของญปี่ ุน มีการวางผงั เมอื งเลียนแบบ เปน ตัวอยางสําหรบั นําไปใชในการแกป ญหาและพฒั นาสงั คมทต่ี นดําเนนิ
กรงุ ฉางอาน (ซอี านในปจ จุบนั ) เมอื งหลวงของจนี สมยั ราชวงศถ ัง สมยั นาระ ชวี ิตอยู นอกจากนยี้ ังทําใหเราเห็นวา บางเหตกุ ารณท เี่ กดิ ขนึ้ ในภมู ภิ าคหน่ึง
พระพทุ ธศาสนาในญ่ีปุนมคี วามเจริญรงุ เรอื งมาก และญป่ี ุนผลติ งานเขียนเปนครง้ั แรก มีความเกีย่ วของเชอ่ื มโยง หรือมีอทิ ธพิ ลตอภูมิภาคใกลเ คยี งหรือไทยอยา งไร
ในสมัยนี้ เชน การปฏริ ูปสมัยเมจิของญ่ปี นุ ทําใหญ ป่ี นุ มีการปรับปรงุ ประเทศให
4 เจ้ิง เหอ เปนขันทีชาวมสุ ลิมในสมยั จกั รพรรดหิ ยงเลอ แหงราชวงศห มงิ และเปน ทันสมัยตามแบบตะวนั ตก เพื่อลดแรงกดดันของลทั ธิจกั รวรรดนิ ยิ ม ซึ่งเมือ่
ผนู ํา “กองเรือมหาสมบตั ”ิ ออกสํารวจทางทะเลถึง 7 ครั้ง เดินทางมากกวา 50,000 เทยี บกบั ไทยจะอยูใ นสมยั รชั กาลท่ี 5 ซ่งึ เปน ชวงที่ไทยกไ็ ดร บั การคกุ คามจาก
กโิ ลเมตร ไดเดินทางมายงั เอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใตแ ละไปถงึ แอฟริกาตะวนั ออก มหาอํานาจตะวันตก และพระองคก ็เลง็ เหน็ ถึงความจาํ เปน ท่ีจะตอ งปฏิรปู
เริ่มครง้ั แรกใน ค.ศ. 1405 ตรงกบั สมยั สมเดจ็ พระรามราชาธริ าชแหง อยธุ ยา ประเทศใหท นั สมัยดวยเชน กัน เพื่อรกั ษาความเปนเอกราชของชาตไิ ว เปนตน
142 คมู อื ครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Expand Evaluate
ขยายความเขา ใจ Expand
๑๕๔๐ ๑๗๖๕ ญ๑๙่ปี ๐นุ่ ๔ชน- ๑ะ2ใ๙น๐ส๕งครามรสั เซีย-ญ่ีปนุ่ 1. ครใู หนักเรยี นสรุปเหตกุ ารณส ําคัญทาง
โปรตเุ กสเดนิ ทาง บริษทั อินเดยี ตะวันออก ประวัตศิ าสตรข องทวีปเอเชียและไทยสมัย
มาถึงมาเก๊าของจนี ขององั กฤษ ๑๙๑๐ อยธุ ยาและธนบุรี จากเสน เวลา (Timeline)
มอี าํ� นาจปกครองอินเดยี ญี่ปนุ่ ยึดครองเกาหลี ในหนังสือเรยี น ลงกระดาษ A4 สงครผู ูส อน
๑๕๗๑
สเปนยดึ ครอง ๑๘๕ไ๑ทเผ่ -กิง๑ดิ 1ใ๘กนบ๖จ๔ฏีน ๑๙๓๗ 2. ครทู ดสอบความรูท ี่เรียนมา โดยใหน ักเรียนทํา
ฟลิปปนส์ กจิ กรรมท่ี 5.1 จากแบบวดั ฯ ประวตั ศิ าสตร ม.2
๑๘๐๐ ญ่ปี ุ่น ส๑รง๙กุ ค๕รรา๐านม-จเ๑นีก๙า๕ห๓ลี3
๑๖๐๐ ๑๖๔๔ ใบงาน ✓ แบบวดั ฯ แบบฝกฯ
ชาวแมนจู ๑๙๙๗ ประวัติศาสตร ม.2 กจิ กรรมที่ 5.1
ตงั้ ราชวงศช์ ิงปกครองจีน เกิดวิกฤตเศรษฐกจิ
ในเอเชีย
๒๐๐๐ หนวยท่ี 5 ท่ตี ั้งและสภาพภูมิศาสตร
ทมี่ ีผลตอ พฒั นาการของทวีปเอเชีย
๑๖๐๓ ๑๘๓๙ - ๑๘๔๒ เ๑ว๙ยี ๕ด๔นามประกาศเอกราช4 กิจกรรมตามตัวชีว้ ดั คะแนนเตม็ คะแนนทีไ่ ด
โชกุนโทะกงุ ะวะปกครองญปี่ นุ่ เกดิ สงครามฝน
ระหวา่ งจนี กบั อังกฤษ จากฝรง่ั เศส กจิ กรรมที่ ๕.๑ ใหนกั เรียนดูแผนที่ตอ ไปน้ี แลว ตอบคาํ ถามใหถ กู ตอง ñð
๑๙๔๗
๑๓๖๘ - ๑๖๔๔ ๑๘๕๓ อนิ เดยี ไดเ้ อกราช ปากีสถาน (ส ๔.๒ ม.๒/๑)
จนี สมัยราชวงศ์หมงิ สหรัฐอเมรกิ าบังคับญ่ปี ่นุ เปด ประเทศ แยกตัวออกจากอนิ เดยี
๑๘๖๘ - ๑๙๑๒ ๔
ญี่ปุน่ สมัยเมจิ ๓
เร่ิมพฒั นาประเทศแบบตะวนั ตก
๒
๑
๑๕๓๘ ๑๗๖๗ ๒๐๐๐ ๑. หมายเลข ๑ และ ๒ เปนทีต่ ้งั ของประเทศใด อยูในภูมภิ าคใด และภูมภิ าคน้ีมีพฒั นาการ เฉฉบลบั ย
อยุธยารบกับพมา่ เป็น ครั้งเเรก เสียกรุงศรอี ยธุ ยาคร้ังที่ ๒ ดานสงั คมอ๑ยางไร ๒ห....ม....า...ย...เ..ล....ข......................ป....ร...ะ...เ..ท....ศ....อ....ิน.....เ..ด....ีย........ห....ม....า...ย...เ..ล....ข......................ป....ร...ะ...เ..ท....ศ....ป....า...ก....ีส.....ถ....า...น.........ต....้ัง...อ....ย...ู.ใ..น.....ภ....ูม....ิภ....า...ค....เ..อ...เ..ช...ี.ย...ใ...ต...
เมือ่ พมา่ ตเี มืองเชียงกราน ซ...งึ่....เ.ป....น.....ด....ิน....แ...ด....น.....ท....ม่ี...ีป....ร....ะ..ช...า...ก....ร....อ...า...ศ....ยั ...ม....า..น.....า...น....ต....ั้ง...แ...ต....ส....ม....ัย...ก....อ....น....ป....ร....ะ..ว...ัต....ิศ....า...ส....ต....ร......ม....คี ....ว...า..ม....เ..จ...ร....ิญ....ท....า...ง...อ....า...ร...ย...ธ....ร...ร....ม..
๑๗๘๒ ท....าํ...ใ..ห....ม...ชี...น.....ช...า...ต....ติ ...า...ง...ๆ......อ....พ....ย...พ....เ..ข...า..ม....า...อ...า...ศ....ยั ...อ....ย...เู..ส....ม...อ.......ภ...มู....ภิ...า...ค....น.....จี้ ...งึ...ม....ปี....ร...ะ...ช...า..ก....ร....จ...าํ...น....ว...น.....ม...า...ก....โ..ด....ย....เ.ฉ....พ....า...ะ...ป...ร....ะ..เ..ท....ศ...
๑๕๖๙ สิ้นสดุ สมยั ธนบรุ แี ละเริม่ ตน้ สมัยรัตนโกสินทร์ อ...นิ.....เ..ด....ยี ...ท....ีม่....ีป...ร....ะ..ช....า..ก....ร....ม...า...ก....เ..ป....น ....อ....ัน....ด....บั....ท....่ี...๒.......ข...อ...ง...โ...ล....ก.......แ...ล....ะ..ม....ีป....ร...ะ...ช...า...ก....ร...ห....ล....า...ก....ห....ล...า...ย....เ.ช...ื้อ....ช...า...ต....ิ ...ศ....า..ส.....น....า......ภ...า...ษ....า..
เสียกรุงศรีอยธุ ยาครง้ั ท่ ี ๑ ภายใตร้ าชวงศ์จ กั รี ซ...ง่ึ....ต....อ ...ม....า..ไ...ด....ก....ล....า..ย....เ..ป....น....ป....ญ.....ห....า..ค.....ว..า...ม....ข...ดั ...แ....ย...ง...แ...ล....ะ...เ..ป....น ....อ....ุป...ส.....ร...ร....ค....ต...อ....ก....า...ร...พ....ัฒ.....น.....า...ป....ร...ะ...เ.ท....ศ....ใ...น....ภ....มู....ภิ ...า...ค....น.....ี้ด....ว..ย............
๑๖๐๓ ๑๘๐๐ ................................................................................................................................................................................................................................................
ทูตฮอลนั ดาเข้า มาเจรจา
การค้ากบั อยธุ ยาเป็นคร้ังแรก ๒. หมายเลข ๓ และ ๔ เปน ทีต่ ้งั ของประเทศใด อยูในภมู ิภาคใด และภูมิภาคนีม้ ีพัฒนาการ
๑๖๐๐ ทางดา นเศร๓ษฐกิจอยางไร ๔ห....ม....า..ย....เ..ล....ข.....................ป....ร....ะ..เ..ท....ศ....ค....า...ซ....ัค....ส....ถ....า...น.........ห....ม....า..ย....เ..ล....ข.....................ป....ร....ะ..เ..ท....ศ....เ..ต....ิร....ก....เ..ม...น.....ิส....ถ....า...น.........ต....ั้ง...อ....ย...ู.ใ..น.....ภ....ูม...ิภ....า...ค...
เ..อ...เ..ช...ีย...ก....ล....า...ง........เ..ป...น.....ภ....ูม...ิภ....า...ค....ท....่ีเ..ค....ย...ม....ีค....ว..า...ม....ส....ํา...ค....ัญ.....ท....า..ง....ด....า..น.....เ..ศ...ร....ษ....ฐ....ก....ิจ........เ.พ....ร....า...ะ..ใ...น....อ....ด....ีต....เ.ค....ย....เ..ป....น....ส....ว...น.....ห....น....ึ่ง...ข...อ....ง..
๑๗๖๘ เ..ส....น.....ท....า...ง....ส....า...ย...แ....พ....ร....ไ..ห....ม.........ต....อ....ม...า...เ..ม...ื่.อ...เ..ส.....น....ท.....า..ง....ก....า...ร....ค....า...เ..ป....ล....่ีย...น.....เ..ป....น.....เ..ส....น.....ท....า...ง....ท....า...ง...ท....ะ...เ..ล.........ค....ว...า...ม...ส....ํ.า...ค....ัญ.....ท....า...ง..
กสมอบเดก็จูเ้ พอกระรเาจช้า จตาากกพสมินา่มแหลาะรสาถชาปนากรงุ ธนบุรเี ปน็ ราชธานี เ..ศ....ร...ษ.....ฐ...ก....ิจ....ข...อ....ง...ภ....ูม....ิภ....า...ค....น....้ีจ....ึง...ไ...ด....ม....ีบ....ท....บ.....า...ท....น.....อ...ย....ล....ง........ส....ว...น.....ป....ร...ะ...ช...า...ช....น....ส.....ว...น....ใ...ห....ญ.....ป....ร....ะ..ก.....อ...บ.....อ...า...ช...ีพ.....เ.ล....้ีย....ง...ส.....ัต....ว..
เ..ช...น.......แ...ก....ะ......แ...พ....ะ.....ม....า.....เ..ป....น....ต....น........เ.น.....่อื...ง....จ...า...ก....ม...ลี....กั....ษ.....ณ.....ะ..ภ....มู....ปิ ....ร...ะ...เ.ท....ศ....ท....่ีเ..ป....น.....ท....ุง...ห....ญ.....า....................................................................
๕๙
๑๖๘๕ ๑๗๖๖ 3. ครใู หนักเรยี นตอบคําถามประจาํ หนว ย
อยุธยาส่ง ออกพรเะปวน็สิ ุทหธัวหสนุนธา้ รค ณ(ปะาทนตู ) ๑๖๘๗ ทัพพมา่ ตีคา่ ยบางระจนั การเรียนรู
อยธุ ยาประกาศสงคราม
ไปเจรญิ สัมพนั ธไมตรกี ับฝร่งั เศส กบั บริษทั อนิ เดียตะวนั ออกขององั กฤษ
ตรวจสอบผล Evaluate
แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด 1. ครตู รวจสรปุ เหตกุ ารณส าํ คญั ทางประวตั ศิ าสตร
๑๔๓ ของทวีปเอเชียและไทยสมยั อยุธยาและธนบรุ ี
“ทวปี เอเชียมคี วามแตกตางในหลายดาน ท้งั อารยธรรม ศาสนา ระบอบ
การปกครอง และวถิ ีชีวติ ” นักเรียนเหน็ ดวยกบั คาํ กลาวนีห้ รือไม จงยกเหตผุ ล 2. ครูสังเกตพฤตกิ รรมความมสี วนรว มในการ
ประกอบ ตอบคําถามและการแสดงความคิดเห็นของ
แนวตอบ เห็นดวย โดยทวปี เอเชยี เปน แหลง กําเนดิ อารยธรรมที่เกา แก นักเรยี น
ของโลก ซ่งึ อยใู นภูมิภาคตา งๆ เชน อารยธรรมเมโสโปเตเมยี ในอริ กั
อารยธรรมลุมแมน า้ํ สนิ ธุในปากีสถาน อารยธรรมหวางเหอในจีน และเปน นักเรียนควรรู
แหลง กาํ เนิดศาสนาทส่ี าํ คญั ของโลก เชน ศาสนาพราหมณ-ฮินดู ศาสนาสขิ
พระพทุ ธศาสนาในอินเดยี ศาสนาอสิ ลามในซาอดุ ีอาระเบีย ศาสนายดู าห 1 กบฏไทผ ิง ผูนํากบฏ คอื หง ซฉี วาน นับถือคริสตศ าสนา เขาเรยี กอาณาจักร
คริสตศ าสนาในอสิ ราเอล ซึง่ ศาสนาดงั กลา วก็ไดมอี ิทธพิ ลตอ คนสวนใหญ ของเขาวา ไทผ งิ หรอื อาณาจกั รสันตสิ ุขแหงสวรรค มนี โยบายตอตา นราชวงศชงิ
ของทวีปเอเชีย และยงั เผยแผไ ปยงั ทวีปอน่ื ดว ย สว นการปกครอง ในภูมิภาค ตอตานการสบู ฝน และความไมเ ทาเทยี มกนั ของสังคมจีน
ตางๆ สวนใหญจะมีการปกครองในระบอบสมบูรณาญาสทิ ธิราชย ภายหลัง
ถูกชาติตะวันตกเขา มาปกครอง และหลงั จากไดร บั เอกราชก็มรี ปู แบบการ 2 ญี่ปุนชนะ การที่ญปี่ ุน มีชยั ชนะในสงครามกบั รัสเซีย ทาํ ใหเปนชาตแิ รกในเอเชยี
ปกครองทแ่ี ตกตา งกนั ไป เชน ในเอเชยี ตะวนั ออก มกี ารปกครองในระบอบ ที่รบชนะชาติตะวนั ตก ทั้งนีเ้ ปน ผลมาจากการปฏิรปู ประเทศในสมัยเมจิ และการเกิด
คอมมวิ นสิ ต (จนี เกาหลเี หนอื ) ระบอบประชาธปิ ไตย (ญปี่ นุ เกาหลใี ต) เปน ตน พลงั ชาตินยิ มของชาตติ า งๆ ในเอเชยี
3 สงครามเกาหลี สงครามครงั้ แรกทเี่ ปน การเผชญิ หนา กนั ระหวา งฝา ยคอมมวิ นสิ ต
กบั ฝา ยเสรปี ระชาธปิ ไตยในสมยั สงครามเยน็ โดยเปน ความขดั แยง ระหวา งเกาหลเี หนอื
ท่ปี กครองในระบอบคอมมวิ นสิ ต กับเกาหลีใตที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตย
โดยเกาหลีเหนอื ไดรบั การสนบั สนุนจากจนี และสหภาพโซเวียต สว นเกาหลใี ตไ ดรบั
ความชว ยเหลอื และสนบั สนนุ จากสหประชาชาติ โดยเกดิ ขนึ้ ระหวา ง ค.ศ. 1950-1953
4 เวียดนามประกาศเอกราช ซงึ่ เปน ผลมาจากการทเี่ วยี ดนามรบชนะฝรง่ั เศส
ทเี่ ดยี นเบยี นฟู
คูมือครู 143
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Elaborate
Evaluate Evaluate
ตรวจสอบผล
ครูตรวจสอบความถูกตองจากการตอบคาํ ถาม ค าํ ถามประจ าํ หนว่ ยการเรยี นรู้
ประจําหนว ยการเรียนรู
๑. ทตี่ ั้งและสภาพภูมิศาสตรข์ องภมู ิภาคตา่ งๆ ในทวีบเอเชยี มีลักษณะอยา่ งไร
หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู ๒. สภาพภูมิศาสตรข์ องภมู ิภาคต่างๆ ในทวปี เอเชียมีอิทธิพลต่อการต้ังถิน่ ฐานของประชากร
ในภมู ิภาคหรอื ไม่ อย่างไร
1. แผนพบั “แนะนาํ เอเชียตะวันออก” ๓ . พฒั นาการทางประวตั ศิ าสตร์ในแตล่ ะดา้ นของภมู ภิ าคตา่ งๆ ในทวปี เอเชยี มลี กั ษณะอยา่ งไร
2. เสน เวลา (Timeline) แสดงเหตกุ ารณสาํ คญั จงอธิบายมาพอสงั เขป
๔. แ มว้ า่ จนี และญปี่ นุ่ ถกู ชาตติ ะวนั ตกยดึ ครองมากอ่ น แตก่ ส็ ามารถพฒั นาประเทศจนมคี วาม
ทางประวัตศิ าสตรของภูมิภาคเอเชยี ใต
3. รายงานพฒั นาการดานสงั คมของภมู ภิ าค เจรญิ ก้าวหนา้ รวดเร็วกวา่ ภูมภิ าคอ่นื ๆ เปน็ เพราะปัจจัยใด
๕ . ปญั หาความขัดแยง้ ของประชากรในภมู ภิ าคเอเชียใต้เกดิ จากสาเหตุใดบา้ ง
เอเชียตะวนั ตกเฉียงใต ๖. ภมู ภิ าคเอเชยี ตะวันตกเฉียงใต้มคี วามมัง่ คง่ั ทางเศรษฐกิจเน่อื งจากปจั จยั ใด
4. ใบงานขอ มลู ประเทศในภมู ิภาคเอเชยี กลาง ๗. ก ารท่ีที่ตั้งของภูมิภาคเอเชียกลางค่อนข้างเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ
เนือ่ งมาจากมีลกั ษณะเแบบใด
กิจกรรมสรา้ งสรรคพ์ ฒั นาการเรยี นรู้
กจิ กรรมท่ี ๑ ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น ๔ กลุ่ม เพ่ือสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับหัวข้อท่ี
ก�าหนดใหต้ ่อไปน้ ี แลว้ ส่งตัวแทนออกมาน�าเสนอหน้าช้นั เรยี น
๑. ทต่ี งั้ และสภาพภมู ศิ าสตรท์ ม่ี ผี ลตอ่ พฒั นาการการตง้ั ถนิ่ ฐานของประชากร
๒. พัฒนาการดา้ นการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ สงั คม
โดยแต่ละกลมุ่ ศกึ ษาภูมภิ าคตา่ งๆ ดังนี้
กลุ่มท ี่ ๑ ภมู ิภาคเอเชียตะวนั ออก กลมุ่ ท่ ี ๒ ภูมิภาคเอเชียใต ้
กลมุ่ ท่ ี ๓ ภูมภิ าคเอเชยี ตะวนั ตกเฉยี งใต ้ กล่มุ ที ่ ๔ ภมู ภิ าคเอเชียกลาง
กิจกรรมท่ี ๒ ใหน้ กั เรยี นไปศกึ ษาคน้ ควา้ ประเทศในทวปี เอเชยี ทตี่ นชน่ื ชอบมา ๑ ประเทศ
ภายใต้หัวข้อสภาพภูมิศาสตร์ พัฒนาการด้านการเมืองการปกครอง
เศรษฐกิจ สังคม โดยจัดท�าเปน็ สมุดภาพ แลว้ น�ามาเสนอหนา้ ชั้นเรียน
1๔๔
แนวตอบ คาํ ถามประจําหนวยการเรยี นรู
1. ทวปี เอเชยี มีดนิ แดนทตี่ อ เนื่องกับทวีปยโุ รปและแอฟรกิ า เปนทวปี ทีใ่ หญท ่สี ดุ ในโลก ลกั ษณะภูมิประเทศแบง ได 5 เขต ไดแก เขตทร่ี าบตา่ํ ตอนเหนือ เขตที่ราบลมุ แมนา้ํ
เขตเทือกเขาสูง เขตทร่ี าบสูงตอนกลางทวปี และเขตทร่ี าบสูงตอนใตแ ละตะวนั ตกเฉยี งใต
2. สภาพภมู ศิ าสตรมอี ทิ ธพิ ลตอ การต้ังถิน่ ฐานและสรางแหลง อารยธรรมทสี่ ําคญั เชน อารยธรรมเมโสโปเตเมียในบรเิ วณลมุ น้าํ ไทกรสิ -ยเู ฟรทีส อารยธรรมจนี ในบริเวณ
ลุมแมน า้ํ หวางเหอ อารยธรรมอินเดียในบรเิ วณลุมแมน้ําสนิ ธุ เปนตน
3. ดา นการเมืองการปกครอง ในอดีตสว นใหญประเทศในทวปี เอเชยี มีการปกครองระบอบกษัตริย ตอ มาเม่ืออิทธพิ ลตะวนั ตกเขามา หลายประเทศจงึ ไดรับรูปแบบการ
ปกครองจากตะวันตก ดา นเศรษฐกิจ ในระยะแรกภมู ภิ าคตา งๆ ของทวปี เอเชียมพี ื้นฐานทางดานเกษตรกรรมเปน หลัก ตอมาเม่ือชาติตะวนั ตกเขามา บางประเทศได
พฒั นาทางดา นอตุ สาหกรรม เชน ญป่ี ุน อินเดยี เปนตน ดา นสงั คม ทวปี เอเชยี เปนแหลงกําเนดิ อารยธรรมทีส่ ําคญั เชน อารยธรรมจีนในเอเชียตะวนั ออก อารยธรรม
อนิ เดียในเอเชยี ใต เปน ตน
4. จนี เปน ประเทศทม่ี ที รัพยากรและแรงงานจํานวนมาก และการมีรฐั บาลทีม่ ีเสถยี รภาพ ทาํ ใหก ารพฒั นาประเทศเปน ไปอยา งตอเนือ่ ง สว นญ่ปี ุนภายหลงั การปฏิรูปสมัยเมจิ
ไดม นี โยบายมงุ พฒั นาเศรษฐกิจเปนหลกั ทาํ ใหเศรษฐกจิ ของประเทศเจรญิ กาวหนา จนกลายเปนประเทศอตุ สาหกรรมทส่ี าํ คัญของโลกมาจนถึงปจจุบนั
5. ความแตกตางทางดานศาสนา ระหวางชาวฮินดูกบั ชาวมุสลมิ ในอนิ เดีย ความแตกตา งทางดา นเช้ือชาติ ระหวา งชาวสิงหลกบั ชาวทมฬิ ในศรลี ังกา เปน ตน
6. เพราะภมู ิภาคเอเชียตะวันตกเฉยี งใตมแี หลง น้ํามนั ดบิ แหลง ใหญของโลก ซ่งึ เปนทต่ี อ งการของชาติตางๆ
7. เอเชียกลางไมมีทางออกทะเล จึงเปนอุปสรรคในการพัฒนาทางดา นเศรษฐกจิ
144 คมู อื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expore Explain
Engage Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
๖หน่วยการเรยี นรทู้ ี่
1. ระบทุ ตี่ งั้ และความสาํ คญั ของแหลง อารยธรรม
แหลงอารยธรรม โบราณในภูมิภาคเอเชยี ได
ในทวีปเอเชยี
2. บอกทตี่ งั้ และความสาํ คญั ของแหลง มรดกโลก
ในภมู ิภาคเอเชยี ได
3. วเิ คราะหอ ทิ ธพิ ลของอารยธรรมโบราณ
ที่มตี อภมู ิภาคเอเชยี ในปจ จุบันได
ตวั ชวี้ ัด สมรรถนะของผเู รยี น
● ระบุความสําคัญของแหลงอารยธรรมโบราณ 1. ความสามารถในการส่อื สาร
ในภมู ภิ าคเอเชยี (ส ๔.๒ ม.๒/๒) 2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
คุณลักษณะอันพึงประสงค
● ที่ตั้งและความสําคัญของแหลงอารยธรรม
ตะวันออกและแหลงมรดกโลกในประเทศ 1. มวี นิ ยั
ตางๆ ในภมู ภิ าคเอเชีย 2. ใฝเรยี นรู
3. ซ่อื สัตยส จุ ริต
● อิทธิพลของอารยธรรมโบราณท่ีมีตอภูมิภาค 4. มงุ ม่นั ในการทํางาน
เอเชยี ในปจ จบุ นั
ถาํ้ หลงเหมิน มณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน กระตนุ้ ความสนใจ Engage
·ÇÕ»àÍàªÕÂä´ŒÁÕ»ÃÐÇѵÔÈÒʵ÷ÕèÂÒǹҹáÅÐ໚¹áËÅ‹§ ครูใหน ักเรียนดภู าพหนาหนว ย แลว ตง้ั คําถาม
ÍÒøÃÃÁà¡‹Òá¡‹¢Í§âÅ¡ àÍàªÂÕ à»¹š áËÅ‹§¡íÒà¹´Ô ÈÒʹҷÊèÕ Òí ¤ÞÑ ใหน ักเรยี นชวยกนั ตอบ เชน
¢Í§âÅ¡·ÁèÕ ¤Õ ¹¹ºÑ ¶Í× ¡¹Ñ ໹š ¨Òí ¹Ç¹ÁÒ¡ µÅÍ´¨¹à»¹š àʹŒ ·Ò§µ´Ô µÍ‹
ÃÐËNjҧÀÙÁÔÀÒ¤áÅСѺ·ÇÕ»Íè×¹ ¤×Í àÊŒ¹·Ò§ÊÒÂá¾ÃäËÁ áÅÐ • ภาพอะไร ตงั้ อยทู ่ีไหน และมคี วามสําคัญ
àʹŒ ·Ò§à¤ÃÍè× §à·È ·Ç»Õ àÍàªÂÕ ¨§Ö ÁáÕ Ëŧ‹ ÍÒøÃÃÁ·àÕè »¹š Áô¡âÅ¡ อยางไร
¨Òí ¹Ç¹ÁÒ¡ áÅÐä´ÃŒ ºÑ Í·Ô ¸¾Ô Ũҡ¤ÇÒÁà¨ÃÞÔ ¢Í§ÍÒøÃÃÁâºÃÒ³ (แนวตอบ พระพุทธรูปองคใหญทสี่ ดุ แหง
ã¹ËÅÒ´ŒÒ¹ ถํา้ ผาหลงเหมนิ เมอื งล่วั หยาง ประเทศจนี
มคี วามสงู ถึง 17.4 เมตร ถํ้าแหง นี้
มอี ายุประมาณ 1,500 ป มกี ารแกะสลกั
พระพทุ ธรูปจาํ นวนมาก ซงึ่ แสดงใหเ ห็นถึง
ความศรัทธาและความเจรญิ รงุ เรอื งของ
พระพทุ ธศาสนาในจนี ถ้ําผาหลงเหมนิ
ไดร ับการขน้ึ ทะเบยี นใหเ ปน มรดกโลก
เมือ่ ค.ศ. 2000)
เกรด็ แนะครู
ครูควรจัดกิจกรรมการเรยี นรโู ดยเนนการพฒั นาทักษะกระบวนการตางๆ เชน
ทักษะการคิด ทักษะการนําเสนอขอ มลู และกระบวนการกลุม เพื่อใหน ักเรยี น
สามารถระบคุ วามสาํ คญั ของแหลง อารยธรรมโบราณในภูมิภาคเอเชยี ได ดงั ตัวอยา ง
ตอ ไปน้ี
• ครูแบงกลุมนกั เรยี นเพือ่ ใหช วยกนั ศึกษาคน ควา อิทธพิ ลของอารยธรรมโบราณ
ทมี่ ีตอทวปี เอเชียดานตางๆ ในปจ จุบนั จากแหลงการเรียนรูอ่นื เพม่ิ เติมจาก
หนังสือเรียน แลวชว ยกันจัดทาํ สมุดภาพทม่ี เี นือ้ หาประกอบนาํ เสนอตอ
ช้นั เรียน จากนน้ั จัดทําตารางแสดงศลิ ปวิทยาการและภมู ปิ ญ ญาของ
อารยธรรมโบราณในทวีปเอเชยี แลวสงตัวแทนกลมุ นาํ เสนอผลงานท่ีหนา
ช้ันเรยี น
คมู่ ือครู 145
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Elaborate Evaluate
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
1. ครนู าํ ภาพแหลงอารยธรรมทีส่ าํ คัญในทวปี ñ. ·èµี ังé áÅะความสÓคÞั ¢ÍงáหÅ่งÍารย¸รรมµะวนั ÍÍกãน·วปี
เอเชียมาใหนักเรียนดู แลวตง้ั คาํ ถามใหนกั เรียน เÍเªยี
ชว ยกันตอบ เชน
• ภาพน้เี กยี่ วของกับแหลงอารยธรรมใด อารยธรรมตะวันออก หมายถึง อารยธรรมที่เจริญรุ่งเรืองอยู่ในซีกโลกตะวันออกหรือทวีป
และตงั้ อยทู ี่ไหน เอเชยี อารยธรรมตะวันออกประกอบด้วยอารยธรรมสา� คัญ ๔ อารยธรรม ไดแ้ ก ่ อารยธรรมจนี
• แหลง อารยธรรมดังกลาวมีความสําคญั อารยธรรมอนิ เดยี อารยธรรมเมโสโปเตเมยี และอารยธรรมอสิ ลาม อารยธรรมเหลา่ นเ้ี ปน็ รากฐาน
อยา งไร ความเจริญรุ่งเรืองทางด้านความคิด ความเช่ือ ศาสนา ภูมิปัญญา วัฒนธรรม ศิลปวิทยาการ
อักษรศาสตร ์ รวมทงั้ ชวี ติ ความเป็นอยู่ของประชาชนในโลกตะวนั ออก
2. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษาเสน เวลา (Timeline)
แสดงอารยธรรมจนี สมยั กอนประวตั ิศาสตร อ1า.ร1ยธทรรีต่ มงั้จแนี มลแี ะหคลง่วกาา� มเนสดิ ําในคบญั รเิ วขณอลงมุ่ อแามรน่ ยา้� หธวรารงเมหจอ ีน(ฮวงโหหรอื แมน่ า�้ เหลอื ง1) จงึ เรยี ก
จากหนงั สือเรยี น หนา 146 แลวขออาสาสมคั ร
นกั เรยี นมาสรปุ ใหเ พอื่ นฟง หนาช้ันเรียน กันวา่ อารยธรรมลุมแมนาํ้ หวางเหอ ซงึ่ มอี ิทธพิ ลต่อญป่ี นุ เกาหล ี เวยี ดนาม ทง้ั ในดา้ นภาษา ลทั ธิ
ขงจ๊ือ ศลิ ปวฒั นธรรม เป็นตน้
สา� รวจคน้ หา Explore
๑) อารยธรรมจีนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ อารยธรรมจีนเป็นอารยธรรมส�าคัญ
1. ครชู วนนกั เรยี นสนทนาเกยี่ วกบั แหลง อารยธรรม
ในทวีปเอเชียวา ทวีปเอเชียมีแหลง อารยธรรม ของโลกและเป็นแหลง่ อารยธรรมทีม่ พี ัฒนาการอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง โดยมคี วามเจรญิ มาตั้งแต่สมัยกอ่ น
ทีส่ ําคัญอยหู ลายแหง แลว ใหน ักเรยี นชวยกัน ประวตั ศิ าสตร์ ดังจะเห็นไดจ้ ากหลกั ฐานการตั้งชมุ ชนและการประดษิ ฐ์เคร่ืองป้ันดนิ เผาที่สวยงาม
บอกวามีแหลง อารยธรรมใดบาง เชน่ วัฒนธรรมหยางเชาในมณฑลเหอหนาน อายปุ ระมาณ ๗,๐๐๐ - ๕,๐๐๐ ปีกอ่ นครสิ ต์ศักราช
(แนวตอบ อารยธรรมจีน อารยธรรมอนิ เดีย วัฒนธรรมหลงซานในมณฑลชานตง อายุประมาณ ๕,๐๐๐ - ๔,๐๐๐ ปีก่อนคริสต์ศักราช และ
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย และอารยธรรมอิสลาม) เครื่องมอื เคร่ืองใชจ้ ากโลหะในสมัยราชวงศเ์ ซ่ยี (๒,๒๐๕ - ๑,๗๖๖ ปีก่อนครสิ ตศ์ ักราช)
2. ครใู หนักเรียนแบง ออกเปน 4 กลุม เพอื่ ศกึ ษา เสน เวลา
คนควาเกีย่ วกบั แหลง อารยธรรมของทวปี เอเชีย เเสดงอารยธรรมจนี สมยั กอ นประวตั ศิ าสตร
ดงั น้ี
กลมุ ที่ 1 อารยธรรมจีน ยุคหนิ เกา่ คโปคอืรระ งมมกานรณุษะด ย๑กู์ห,มย๗นว๐นุษ๐โย,ห๐ป์ ม๐ักว่๐ก2ท งิ่ ป่ีมทมีณีถ่ า้�าฑแโจลลวว้ยโ นูขพน่วบเาตหน้ยี ล นัก 3ฐาน ยคุ หินใหม่ ประมาณ ๖,๐๐๐ - ๔,๐๐๐ ปมี าแล้ว
กลมุ ท่ี 2 อารยธรรมอนิ เดยี ปก อ่ น ค.ศ. มนษุ ย์ต้งั หลักแหลง่ เป็นชมุ ชน
กลมุ ที่ 3 อารยธรรมเมโสโปเตเมีย กรงุ ปักกิ่ง มนุษย์ใช้ชีวิตเร่รอ่ น เกบ็ ของปา เชน่ ชมุ ชนปานโพในเมอื งซอี าน
กลุมท่ี 4 อารยธรรมอิสลาม และลา่ สตั ว ์ ใช้ขวานหนิ แบบกะเทาะหนา้ เดยี ว รู้จกั เพาะปลูกขา้ วฟาง เล้ียงสัตว ์
ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ ไปศกึ ษาคน ควา เกยี่ วกบั ทอผ้า ปลกู บา้ นมหี ลงั คา ผนงั
ทต่ี ้ังและความสาํ คญั ของแตละอารยธรรม ๑๐,๐๐๐ ๘,๐๐๐ ๖,๐๐๐ ท�าเคร่อื งป้นั ดนิ เผาที่สวยงาม
แลวจัดทําเปน แผนปายโปสเตอรเพื่อเตรียมตัว ๔,๐๐๐ ๒,๐๐๐
รายงานหนา ชนั้ เรียน โดยมภี าพหรอื แผนท่ี
ประกอบ พรอ มทั้งตกแตงใหส วยงาม ยุคหินกลาง ประมาณ ๔,๐๐๐ - ๑,๗๖๖ ปี ยคุ โลหะ
ประมาณ ๑๐,๐๐๐ - ๖,๐๐๐ ปี มดี มทาอแงลแ้วด พงทบม่ี หณลกั ฑฐลากนา นคซือู
มาแล้ว มนษุ ย์ใชช้ วี ติ กึง่ เร่ร่อน และยังพบส�ารดิ ซงึ่ นา� มาใช้
ตั้งหลักแหไลด่ง้แถกาว ่ หร นิ ใชสบั้เค รขื่อดู ง มหอื วั หธนิน ู ท�าภาชนะตา่ งๆ เช่น
146 ท่บี รรจุเหล้า กระถาง เปน็ ต้น
นักเรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET
เหตุใดจึงกลา วกันวา “อารยธรรมจนี มคี วามเจรญิ รุงเรืองมาตง้ั แตส มัย
1 แมน ํ้าเหลอื ง ที่เรียกวา แมนํ้าเหลืองน้ัน เรยี กตามชอ่ื ฝนุ ทรายสีเหลืองท่ี กอ นประวตั ิศาสตร”
ลมพายพุ ัดพามาจากทางทิศตะวันตกของจีนเปน ประจาํ ทุกป แมน้ําเหลืองมี แนวตอบ จากหลักฐานทางโบราณคดที ่ีขุดพบ ซงึ่ แสดงใหเห็นวา ไดมีผูคน
ชอื่ เรียกอกี ชื่อหนงึ่ วา แมน ้าํ วปิ โยค เพราะนํา้ ทว มบอ ย ซง่ึ สรางความเสยี หายใหแก อาศยั อยบู นแผน ดินจีนมาเปนเวลานานกวา 1 ลานปแลว ดงั พบโครงกระดูก
ชวี ิตและทรพั ยสินของผูคนทอ่ี าศัยอยูตามสองฟากฝง ของแมน า้ํ อยางไรก็ดี บริเวณ มนษุ ยโ บราณ คอื มนุษยห ยวนโหมว อายปุ ระมาณ 1.7 ลานปมาแลว และ
ลุม แมน ้าํ แหง นี้นับเปนบอ เกิดแหงประวัตศิ าสตรและวัฒนธรรมของจนี มาแตโบราณ มนุษยป กก่งิ ทถ่ี ้าํ โจวโขวเตี้ยน ใกลกรงุ ปก ก่ิง อายุประมาณ 5 แสนปมาแลว
2 มนษุ ยห ยวนโหมว ไดข ุดพบฟน 2 ซีข่ องมนุษยหยวนโหมว (ต้ังช่อื ตามเมอื ง สําหรบั หลักฐานท่ีแสดงใหเหน็ ถงึ ความเจริญเร่มิ แรก คือ วฒั นธรรมหยางเชา
ทค่ี น พบ) ท่เี มอื งหยวนโหมว มณฑลหยุนหนาน เมอื่ ค.ศ. 1965 ถอื เปน มนษุ ยย ืน มอี ายปุ ระมาณ 7,000-5,000 ปม าแลว พบมากในแถบมณฑลเหอหนาน ผูคน
ตวั ตรงทเี่ กา แกทีส่ ดุ ซึ่งถูกคน พบที่ประเทศจนี ในวฒั นธรรมน้ีทําการเพาะปลกู ทําเคร่อื งมอื จับปลา เคร่อื งปน ดินเผาแบบ
3 โครงกระดกู มนษุ ยปกก่ิงทีถ่ ้าํ โจวโขว เตยี้ น โดยใน ค.ศ. 1929 มีการขดุ พบ ลายเขยี นสี และวัฒนธรรมหลงซาน มีอายปุ ระมาณ 5,000-4,000 ปมาแลว
กระดกู กะโหลกศรี ษะช้ินแรกของมนษุ ยปกกง่ิ ท่ถี า้ํ โจวโขวเต้ยี นหรือถํา้ มนุษยว านร เปนวัฒนธรรมในยุคโลหะ-สาํ ริด โดยแหลง สาํ คัญพบใกลเมืองเฉิงจื่อใหย
มนษุ ยปก ก่งิ จะมใี บหนา ส้ัน ปากยน่ื และคางหุบเขา เดินและว่ิงตรงไดแ ตห ลงั คอ ม (Chengziyai) ในมณฑลชานตง ผูคนในวัฒนธรรมนี้ทําเครือ่ งปนดินเผา
สาํ หรบั แหลง ขดุ คน ทางโบราณคดีมนุษยปกกง่ิ โจวโขว เตยี้ นไดรบั การขึน้ ทะเบียน แบบรมดําที่สวยงาม รูจ ักทําเคร่อื งมือเครอ่ื งใชด วยสํารดิ นาํ หยกมาทาํ เปน
ใหเ ปน มรดกโลกเม่อื ค.ศ. 1987 เครอื่ งมอื เชน ขวานหยก เปน ตน ดว ยเหตนุ จ้ี งึ กลา ววา อารยธรรมจนี มี
พฒั นาการมาอยางตอ เนื่องนับตง้ั แตส มยั กอ นประวัตศิ าสตร
146 คูม่ ือครู
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู้
๒) อารยธรรมจีนสมยั ประวัติศาสตร์ แบง่ ออกได้ ดงั นี้ 1. ครใู หนกั เรยี นกลมุ ท่ี 1 สง ตวั แทนออกมา
นําเสนอเกี่ยวกบั อารยธรรมจีนท่ีหนา ช้นั เรียน
อารยธรรมจีน ราชวงศ์ชาง (๑,๗๖๖ - ๑,๑๒๒ ปีก่อนคริสต์ศักราช)
สมัย 2. ครยู กตวั อยา งชือ่ ราชวงศส มยั ประวัติศาสตร
เป็นราชวงศ์แรกในประวัติศาสตร์จีน ต้ังอยู่ในบริเวณลุ่มแม่น้�า ของจีน แลวใหน ักเรยี นชวยกันบอก
ประวตั ศิ าสตร์ หวางเหอ สมยั น้จี ีนได้ประดิษฐต์ ัวอกั ษรแบบรปู ภาพ น�าสา� รดิ ความสําคัญ เชน
มาทา� เปน็ เครอ่ื งมอื เครอื่ งใชท้ ี่ใหญโ่ ตและสวยงาม ทา� ปฏทิ นิ ซงึ่ • ราชวงศชาง
มคี วามสา� คญั ตอ่ การกา� หนดฤดกู าล การเพาะปลกู และเกบ็ เกย่ี ว (แนวตอบ เปนราชวงศแ รกในประวัติศาสตร
จนี )
1 • ราชวงศโ จว
(แนวตอบ เปนราชวงศท ี่ปกครองจีนยาวนาน
ราชวงศโ์ จว (๑,๑๒๒ - ๒๒๑ ปกี อ่ นครสิ ตศ์ กั ราช) เปน็ ทีส่ ดุ )
ราชวงศ์ที่ปกครองจีนยาวนานที่สุด สมัยน้ีมีแนวความคิด • ราชวงศฉิน
ส�าคัญทางการปกครองเกิดขึ้น คือ กษัตริย์เป็นโอรสแห่ง (แนวตอบ เปน สมยั ทีเ่ ร่มิ มกี ารปกครอง
สวรรค ์ และสวรรคม์ อบอา� นาจหรอื อาณตั ิใหม้ าปกครองมนษุ ย์ ในระบอบจกั รพรรดิ)
เรยี กวา่ อาณตั แิ หง สวรรค ในปลายสมยั ราชวงศ์โจวมสี งคราม • ราชวงศฮ นั่
(แนวตอบ เปน สมัยที่มกี ารสาํ รวจเสนทาง
เกดิ ขนึ้ มากมาย และมนี กั ปรชั ญาหลาย2สา� นกั ปรชั ญาทส่ี า� คญั ไปทางตะวนั ตก ทรี่ จู ักกันในช่ือ เสนทาง
สายแพรไหม)
ไดแ้ ก ่ ลัทธิขงจือ๊ และลัทธเิ ตา้ หรือเตา๋ • ราชวงศถงั
(แนวตอบ เปน สมยั ทีเ่ ปนยุคทองของจีน
ราชวงศ์ฉนิ หรือจิน๋ (๒๒๑ - ๒๐๖ ปีก่อนคริสต์ศักราช) พระพทุ ธศาสนาเจรญิ รุง เรอื ง)
สมยั นีถ้ ือวา่ ผู้ปกครอง คอื จกั รพรรดิ จักรพรรดพิ ระองคแ์ รก
คือ ฉินส่ือหวงต้ีหรือจิ๋นซีวั่งตี่ การปกครองระบอบจักรพรรดิ
ใชก้ นั ตอ่ มาถงึ ๒,๐๐๐ ปจี นถงึ ราชวงศ์ชิง นอกจากน้ ี สมัยน้ีได้
เร่ิมสร้างเชื่อมก�าแพงเมืองจีนให้เป็นแนวเดียวกัน มีระบบชั่ง
ตวง วัด และการใช้ตัวอักษรจีนทีเ่ ปน็ มาตรฐานเดยี วกนั
ราชวงศฮ์ น่ั (๒๐๖ ปกี อ่ นครสิ ตศ์ กั ราช - ค.ศ. ๒๒๑) เปน็ 147
สมัยที่จีนขยายเขตแดนออกไปกว้างขวาง พระพุทธศาสนา
เร่ิมเผยแผ่เข้าสู่จีน ท�าให้มีอิทธิพลต่อศิลปวัฒนธรรมจีนมาก
มกี ารสา� รวจเสน้ ทางไปทางตะวนั ตก เสน้ ทางนร้ี จู้ กั ตอ่ มาในชอ่ื
เสนทางสายแพรไหม ซึ่งมีความส�าคัญทางการค้า การแลก
เปลย่ี นวัฒนธรรม การเผยแผ่ศาสนา เป็นเวลากวา่ ๑,๐๐๐ ปี
และเป็นสมัยท่ีเร่ิมมีการสอบคัดเลือกเป็นข้าราชการที่เรียกว่า
สอบจอหงวน
ราชวงศถ์ ัง (ค.ศ. ๖๑๘ - ๙๐๗) เป็นยุคทองของจนี ซง่ึ
จีนมีเขตแดนกว้างใหญ่มากอีกคร้ัง พระพุทธศาสนารุ่งเรือง
โดยพระถังซ�าจ๋ังเดินทางไปอินเดียเพื่อสืบหาพระไตรปิฎก
วรรณกรรม การศึกษาเจริญรุ่งเรือง และมีการจัดระบบการ
สอบคัดเลือกเปน็ ข้าราชการ (สอบจอหงวน) ให้ดขี นึ้
แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tิด เกรด็ แนะครู
ความเชอ่ื เร่ืองอาณตั แิ หงสวรรคสง ผลตอชาวจีนโบราณอยางไร ครูอธิบายใหน กั เรียนเขาใจเพิ่มเตมิ วา ตามโบราณราชประเพณี ผปู กครอง
1. ชาวจีนขาดความกระตอื รอื รน และรอความชว ยเหลอื จากสวรรค แผนดนิ จนี คือ บรุ ุษ มใิ ชอิสตรี อยางไรกด็ ี ในประวตั ศิ าสตรจ นี ไดม จี ักรพรรดินี
2. เกดิ การลุกฮือของราษฎรเพื่อลมลางราชวงศเดิมแลว ต้งั ราชวงศใ หม ทท่ี รงครองราชย คอื จักรพรรดนิ อี ู (Wu) หรอื ที่รูจักกันดีวา อูเจอ เทียนหรือ
3. ชาวจนี อยูอ ยา งสนั ติสุขเพราะทกุ คนยอมรบั ผปู กครองท่สี วรรคเ ลอื กให บเู ช็คเทียนแหง ราชวงศโ จว (โดยเปลยี่ นช่ือราชวงศถงั วา ราชวงศโ จว)
4. เกิดการเลอื กผนู ําดวยวิธีการเสย่ี งทายเพื่อจะไดผ นู ําตามทสี่ วรรคตอ งการ
นักเรยี นควรรู
วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2. ชาวจนี โบราณมคี วามเชอ่ื เกย่ี วกบั อาณตั แิ หง
1 ราชวงศโ จว เปน สมัยทม่ี กี ารปกครองแบบศกั ดนิ าหรือฟว ดลั กษตั รยิ จ ะ
สวรรคแ ละโอรสแหง สวรรคม านบั ตง้ั แตร าชวงศโ จว โดยเชอื่ กนั วา สวรรค แตงตั้งเชือ้ พระวงศแ ละผทู ่ีมีความจงรกั ภกั ดีไปปกครองยังบรเิ วณตา งๆ เรยี กวา
หรอื ฟา จะมอบอาณตั ิหรืออํานาจใหแกก ษัตริยผปู กครอง ซง่ึ ถือวา เปน โอรส ผูครองรัฐ แมวา จะมีอํานาจเด็ดขาดในแควน แตกต็ อ งยอมรับอาํ นาจของกษัตรยิ
แหง สวรรค โดยมเี งอื่ นไขวา จะตอ งปกครองบา นเมอื งใหเ กดิ สนั ตสิ ขุ ถา ผปู กครอง
ไรค ณุ ธรรม ทาํ ใหร าษฎรเดอื ดรอ น สวรรคก จ็ ะเตอื นโดยทาํ ใหเ กดิ ภยั ธรรมชาติ 2 ลทั ธิเตาหรือเตา ผใู หก าํ เนดิ คอื เหลาจื่อหรือเลา จ๊อื ซง่ึ คาํ สอนสาํ คัญอยใู น
โรคระบาด เพอ่ื ใหผ ปู กครองเปลยี่ นพฤตกิ รรม ถา หากไมเ ปลย่ี น สวรรคจ ะถอน หนังสือเตา เตอ จงิ หรอื วิถีแหงคุณธรรม ลัทธิเตาสอนใหคนทาํ ตวั กลมกลืนกบั
อาณตั แิ ละมอบใหบ คุ คลอน่ื ทมี่ คี ณุ ธรรมมาปกครองแทน ดงั นนั้ หากผปู กครอง ธรรมชาติ และมีอทิ ธพิ ลตอการวาดภาพของจนี
ไรค ณุ ธรรมกส็ ามารถถกู ลม ลา ง แลว เลอื กผทู ม่ี คี วามสามารถมาปกครอง คู่มือครู 147
และตง้ั ราชวงศใ หมไ ด
กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู้
ครูยกตวั อยา งเหตกุ ารณส าํ คัญที่เกดิ ขน้ึ ใน ราชวงศซ์ ง่ หรอื ซอ้ ง (ค.ศ. ๙๖๐ - ๑๒๗๙) จนี ถกู ชนเผา่
ประวตั ิศาสตรจีน แลว ใหน กั เรียนชวยกนั บอกวา
ตรงกบั ราชวงศใด เชน ทางเหนอื รกุ รานจนตอ้ งยา้ ยเมอื งหลวงจากไคเฟงิ ลงมาทางใต้
ทเ่ี มอื งหางโจว ในสมยั นมี้ กี ารประดษิ ฐด์ นิ ปนื เพอื่ ใชท้ า� ดอกไมไ้ ฟ
• เปนสมัยทม่ี ีการประดษิ ฐดนิ ปนเพือ่ ใชท าํ ส่วนงานศิลปะที่โดดเด่น ได้แก ่ ภาพวาดและเครือ่ งกระเบอ้ื ง
ดอกไมไฟ
(แนวตอบ ราชวงศซ งหรอื ซอ ง) ราชวงศห์ ยว1นหรือหงวน (ค.ศ. ๑๒๗๙ - ๑๓๖๘) จีน
• เปน สมยั ทม่ี ีการสงกองเรอื ขนาดใหญออก ถูกชนเผ่ามองโกลยึดครอง และก่อตั้งราชวงศ์หยวนข้ึน
สํารวจทางทะเลไปจนถึงแอฟรกิ าตะวนั ออก ปกครอง มีเมืองหลวง คือ เมืองต้าตู (เปย์จิงหรือปักก่ิงใน
(แนวตอบ ราชวงศห มิง) ปัจจุบัน) พระราชวัง ตวั เมือง ถนนหนทาง ไดร้ ับการปรบั ปรุง
และสรา้ งขนึ้ ใหม่หลายแห่งจนกลายเปน็ เมืองใหญ่
• เปน สมยั ท่ีจนี ถกู ชนเผา มองโกลยดึ ครอง
(แนวตอบ ราชวงศหยวน) ราชวงศ์หมิง (ค.ศ. ๑๓๖๘ - ๑๖๔๔) ในช่วงต้นได้ต้ัง
• เปน ราชวงศข องชนกลุมนอ ยแมนจู มีการ เมืองหลวงทางใต้ท่ีเมืองหนานจิง ต่อมาย้ายไปอยู่ท่ีเปย์จิง
สรา งพระราชวงั ฤดรู อ นทสี่ วยงาม สมยั นม้ี กี ารสง่ กองเรอื ขนาดใหญอ่ อกสา� รวจทางทะเลไปจนถงึ
(แนวตอบ ราชวงศชงิ ) แอฟริกาตะวันออก ตอ่ มาชาวตะวันตกเร่ิมเข้ามาตดิ ต่อกบั จนี
โดยตรงโดยเสน้ ทางทางทะเลหรอื เสน้ ทางเครอ่ื งเทศ สนิ คา้ จนี
ท่ีเป็นท่ีต้องการ ได้แก่ ใบชา เคร่ืองกระเบื้องสีน้�าเงิน - ขาว
ผ้าไหม ในสมัยน้ีนักประพันธ์จีนได้แต่งวรรณกรรมและมีการ
พิมพ์เผยแพร่ เช่น เรือ่ งสามก๊ก ไซอวิ๋ เป็นตน้
ราชวงศ์ชิง (ค.2ศ. ๑๖๔๔ - ๑๙๑๒) เป็นราชวงศ์ของ
ชนกลุ่มน้อยชาวแมนจู ในช่วงต้นราชวงศ์ จีนสามารถขยาย
อ�านาจออกไปได้กว้างขวาง ราชวงศ์ชิงสืบทอดอารยธรรม
ดั้งเดิมของชาวจีน3และรักษาวฒั นธรรมแมนจูไว้ มกี ารสรา้ ง
พระราชวงั ฤดรู ้อนทส่ี วยงาม และสรา้ งพระราชวังทผ่ี สมผสาน
ระหวา่ งศลิ ปะจนี และแมนจ ู ภายหลงั เสอื่ มอา� นาจลงจากความ
ออ่ นแอภายในและการรุกรานของชาตติ ะวันตก
เมอ่ื สน้ิ สดุ ระบอบจกั รพรรด ิ จนี เปลยี่ นการปกครองเปน็ ระบอบสาธารณรฐั ประชาธปิ ไตย
(ค.ศ. ๑๙๑๒ - ๑๙๔๙) แต่เป็นช่วงแห่งความวุ่นวายทางการเมือง ต่อมาพรรคคอมมิวนิสต์จีน
เปลี่ยนแปลงการปกครองสู่ระบอบคอมมิวนิสต์ใน ค.ศ. ๑๙๔๙ ปัจจุบันเมืองหลวงของจีน คือ
กรุงเปย์จิง ยังคงเป็นศูนย์กลางของอารยธรรมจีน รวมท้ังมีเมืองใหญ่หลายแห่งท่ีเป็นศูนย์รวม
ความเจริญรุ่งเรืองทางศลิ ปวัฒนธรรม วิทยาการและเทคโนโลยี
14๘
นกั เรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET
ทกุ ขอกลาวถงึ ลักษณะเดนของอารยธรรมจีนไดถ ูกตองยกเวน ขอใด
1 ชนเผามองโกล ผูกอ ตั้งราชวงศหยวน คอื กบุ ไลขา นหรือคบู ไิ ลขา น ซึง่ พชิ ิต 1. ชื่นชมในธรรมชาติ
จนี ไดท้งั หมด ทรงสงกองเรือรบไปโจมตีญป่ี ุน ถึง 2 ครงั้ แตไ มสาํ เร็จ สมัยนี้เรม่ิ มี 2. คํานึงถงึ แตโ ลกปจจุบัน
การตดิ ตอ กบั อาณาจกั รสโุ ขทัย 3. ยึดถอื ความเปนหนึง่ เดียว
2 ชาวแมนจู ในสมัยที่ราชวงศแมนจปู กครองจนี ทางดานสงั คมไดมกี าร 4. ถอื วาจนี ยิง่ ใหญรองจากยโุ รป
กาํ หนดขอ หา มเพม่ิ เตมิ ทงั้ นเ้ี พื่อเปน มาตรการปอ งกันความปลอดภัย รวมท้งั วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. จีนมคี วามภาคภมู ใิ จในความยงิ่ ใหญของ
ตอ งการรักษาเอกลักษณข องชาวแมนจทู ีส่ ําคัญ เชน บงั คับใหใ ชภาษาแมนจูเปน ตนเอง จนกอใหเ กิดแนวคดิ ทว่ี า จนี เปนศูนยก ลางของโลก ท่แี วดลอ มไปดวย
ภาษาของทางราชการ บงั คับใหค นจีนโกนผม เหลือไวแ คก ลางศีรษะ ปลอ ยใหยาว อนารยชนซง่ึ ตอ งมาออ นนอ มและเรยี นรคู วามเจรญิ ตา งๆ จากจนี ซงึ่ ความคดิ
และถักเปย อีกทัง้ ยังหามชาวแมนจูแตงงานกบั ชาวจีนดว ย เปนตน ดังกลา วปรากฏใหเ หน็ ชดั เจนในรปู ของการคาแบบบรรณาการ ซ่ึงมมี าตงั้ แต
3 พระราชวงั ฤดูรอ น เดมิ สรา งในสมัยจกั รพรรดเิ ฉียนหลงแหงราชวงศช ิง สมยั ราชวงศฮ่นั โดยประเทศท่ีตองการตดิ ตอคาขายกบั จีนจะตองยอมรบั วา
ปจจบุ ันสิ่งกอ สรางเหลือเพียงบางสวน เพราะถกู ทาํ ลายไปในชวงสงครามฝน เปนประเทศราชของจนี และนาํ บรรณาการมาถวาย (ท่เี รยี กวา จ้ิมกอง)
คร้งั ที่ 2 ตอ มาในสมัยพระนางซสู ไี ทเฮา ทรงสรางพระราชวงั ฤดูรอนข้นึ ใหม จกั รพรรดิจนี และจักรพรรดกิ จ็ ะพระราชทานของขวญั และอนุญาตใหคาขาย
เสร็จสมบรู ณใน ค.ศ. 1888 พระราชวงั ใหมน เ้ี ปน ท่รี ูจกั กนั ในชือ่ อว้ีเหอหยวน กบั จนี ได ดงั ปรากฏหลกั ฐานวา มปี ระเทศตา งๆ ทส่ี ง บรรณาการแกจ นี มากมาย
และไดร บั การขนึ้ ทะเบียนใหเปน มรดกโลกเม่อื ค.ศ. 1982 เชน เกาหลี ญปี่ ุน ทิเบต ไทย เขมร ชวา ลงั กา ฟล ิปปน ส เปนตน
148 คู่มือครู
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู้
กล่าวได้ว่า ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของจีน ชาวจีนได้สร้างสรรค์อารยธรรม 1. ครแู ละนกั เรียนรวมกันสนทนาเกี่ยวกบั
จ�านวนมาก ทั้งด้านอกั ษรศาสตร์ วรรณกรรม การพิมพ ์ ศิลปะ ปรชั ญา ความเชื่อ สถาปัตยกรรม ความสาํ คญั ของอารยธรรมจนี โดยใหน ักเรยี น
และภมู ปิ ญั ญาแขนงตา่ งๆ ความเจรญิ หลายอยา่ งของจนี ไดถ้ กู ถา่ ยทอดไปยงั ชาติในเอเชยี และยโุ รป ชว ยกนั บอกวา ชาวจนี ไดส รา งสรรคอ ารยธรรม
และมผี ลส�าคญั อยา่ งย่ิงต่อพัฒนาการของชาติทีร่ บั อารยธรรมจนี ไปใช้และพัฒนาต่อ ดานใดไวใ หก บั โลกบา ง
(แนวตอบ ดานอักษรศาสตร เชน ตัวอักษร
ล�าดับเหตุการณ์ส�าคญั ทางประวตั ิศาสตรข์ องจนี ซง่ึ บันทึกลงบนกระดกู สัตวห รือกระดองเตา
ในสมัยราชวงศโ จว หนังสือสอื่ จข้ี องซือหมา
สมยั ช่วงเวลา / เหตุการณ์สา� คญั เชียนในสมัยราชวงศฮนั่ ดานวรรณกรรม
ราชวงศ์ชาง ๑,๗๖๖ - ๑,๑๒๒ ปกี อ่ น ค.ศ. รจู้ ักประดษิ ฐต์ ัวหนังสอื ท�าเคร่ืองส�ารดิ โดยกวีคนสาํ คญั เชน หลี่ไป ตฝู ใู นสมัย
ราชวงศ์โจว ราชวงศถ ัง หรือนวนยิ ายเรื่องความฝน ใน
๑,๑๒๒ - ๒๒๑ ปกี ่อน ค.ศ. เกิดแนวคิดโอรสแห่งสวรรค์ อาณัตแิ หง่ สวรรค ์ หอแดงในสมยั ราชวงศช ิง ดานปรชั ญา เชน
รราาชชววงงศศฉ์์ฮัน่ิน1 ลัทธิขงจอ๊ื ลัทธเิ ตา๋ ลทั ธิขงจอ๊ื ลทั ธเิ ตา ดานศิลปกรรม เชน
๒๒๑ - ๒๐๖ ปีกอ่ น ค.ศ. เริ่มสรา้ งเชอ่ื มกา� แพงเมืองจนี เขา้ ด้วยกนั กาํ แพงเมอื งจีน ซ่ึงสรางเช่ือมเขาดว ยกนั
ช่วงแตกแยก ๒๐๖ ปกี อ่ น ค.ศ. - ค.ศ. ๒๒๑ พระพทุ ธศาสนาเขา้ สจู่ นี มกี ารสา� รวจเสน้ ทาง ในสมัยราชวงศฉ นิ พระพุทธรูปองคใ หญ
ราชวงศ์สุย ทถ่ี า้ํ หลงเหมนิ สรา งในสมยั ราชวงศถ งั และ
ปสารยะเแทพศรแไตหกมแยกออกเป็นสมัยสามกก๊ 2และอาณาจักรตา่ งๆ กวา่ ๓๐๐ ปี ดานภมู ิปญญาแขนงตางๆ เชน การพิมพ
ราชวงศ์ถงั เขม็ ทิศ กระดาษ ดนิ ปน การฝงเขม็ เปน ตน)
ค.ศ. ๕๘๙ - ๖๑๘ เร่ิมขุดคลองหลวงเชอื่ มแม่นา้� หวางเหอกบั แมน่ า�้ ฉางเจียง
ช่วงแตกแยก (แยงซ)ี 2. ครูใหน ักเรยี นแตล ะกลมุ นาํ เสนอลาํ ดบั
ราชวงศ์ซง่ หรือซ้อง ค.ศ. ๖๑๘ - ๙๐๗ มคี วามรงุ่ เรอื งทางพระพทุ ธศาสนา วรรณกรรม การศกึ ษา เหตุการณสาํ คัญทางประวตั ิศาสตรของจนี
ราชวงศห์ ยวนหรอื หงวน เขตแดนกวา้ งขวาง ในตารางหนา 149 ใหม ในรปู แบบเสนเวลา
ราชวงศ์หมงิ ประเทศแตกแยกออกเป็นหลายอาณาจกั ร (Timeline) โดยใชกระดาษโปสเตอรมีภาพ
ค.ศ. ๙๖๐ - ๑๒๗๙ รจู้ กั ประดษิ ฐ์ดินปนื เร่มิ การรดั เทา้ สตรี ประกอบ พรอมตกแตง ใหส วยงามนาํ สง
ราชวงศ์ชิง ค.ศ. ๑๒๗๙-๑๓๖๘ พวกมองโกลปกครองจีน กบุ ไลข่านทา� การขยายอา� นาจ ครูผสู อน
ค.ศ. ๑๓๖๘ - ๑๖๔๔ มีการส�ารวจทางทะเล ชาตติ ะวนั ตกเร่ิมตดิ ตอ่ กบั จีน
สาธารณรฐั โดยเส้นทางเคร่ืองเทศ
ประชาธปิ ไตย ค.ศ. ๑๖๔๔ - ๑๙๑๒ พวกแมนจปู กครองจีน มีการท�าสงครามฝ่นิ กบั อังกฤษ
สาธารณรฐั ประชาชน ทา� ใหจ้ นี ออ่ นแอ
(คอมมิวนิสต)์ ค.ศ. ๑๙๑๒ - ๑๙๔๙ เปลย่ี นการปกครองเปน็ ระบอบสาธารณรฐั ประชาธปิ ไตย
บ้านเมืองแตกแยก
ค.ศ. ๑๙๔๙ - ปัจจุบัน เปล่ียนการปกครองเปน็ ระบอบคอมมิวนิสต์ ในสมยั
เตงิ้ เสย่ี วผงิ เปลยี่ นระบบเศรษฐกจิ เปน็ แบบทนุ นยิ มหรอื เศรษฐกจิ การตลาด
149
กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู
ครใู หนักเรยี นยกตวั อยา งความเจรญิ ทางอารยธรรมจีนมา 3 เรื่อง ครูอาจนาํ วดี ิทัศนส ารคดีเกย่ี วกบั จกั รพรรดอิ งคสาํ คญั หรอื สถานท่ีสาํ คญั ของ
แลว อธบิ ายวาแสดงใหเ หน็ ถึงความเจริญรงุ เรอื งของอารยธรรมจนี อยางไร อารยธรรมจีนโบราณ เชน สารคดีเจงกสิ ขาน จกั รพรรดิโลกจารึก หรอื สารคดี
โดยเขยี นลงสมุดจดงานนําสงครผู สู อน พระราชวงั ตองหา ม มาใหนกั เรยี นดูประกอบการเรียนการสอน เพื่อท่ีนกั เรยี นจะได
เขา ใจในเรื่องราวทางประวัติศาสตรจนี ไดแจมชัดมากข้ึน
กจิ กรรมทาทาย
นกั เรยี นควรรู
ครใู หนักเรียนคน ควาขอมูลเกยี่ วกบั ราชวงศตา งๆ ทีป่ กครองแผนดนิ จีน
แลวนาํ ขอ มลู จดั ทําเปน เสน เวลา (Timeline) แสดงเหตุการณส าํ คัญทาง 1 ราชวงศฮ นั่ ผกู อ ตั้งราชวงศฮั่น คอื หลวิ ปง เปนชาวนา และการที่ชาวจีน
ประวัตศิ าสตรจ นี ตง้ั แตเ ริม่ ตนราชวงศช างจนกระทงั่ เปล่ียนแปลงการ เรียกตนเองวา ชาวฮั่น กม็ ีทม่ี าจากชอื่ ของราชวงศนัน่ เอง เปนสมยั ทเ่ี ริ่มมีขันทีใน
ปกครองเปนระบอบคอมมวิ นสิ ตใน ค.ศ. 1949 พรอมทั้งติดภาพประกอบ ราชสํานัก รวมทั้งมนี ักประวตั ิศาสตรทีม่ ชี ่ือเสยี งมาก คือ ซือหมา เชยี น
ใหสวยงาม แลวนาํ เสนอผลงานทีห่ นาช้ันเรยี น 2 สมยั สามกก หรือซานกวอ (Sanguo) ซึง่ จนี แบงออกเปน 3 กก คือ กกเวย
(Wei) กก สู (Shu) และกก อู (Wu) สมยั นม้ี กี ารสรางสรรคน วนยิ ายและบทละครขึน้
มากมาย ทโี่ ดง ดงั คือ สามกก ซง่ึ ตอมาไดร ับการพมิ พเปนภาษาตางๆ ทว่ั โลก
คู่มอื ครู 149
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู้
1. ครูสนทนากบั นักเรยี นเก่ียวกับอารยธรรมใน 1.2 ทีต่ งั้ และความสําคัญของอารยธรรมอินเดยี
ทวีปเอเชยี วา นอกจากมอี ารยธรรมจีนเปน อารยธรรมอินเดียมีแหล่งก�าเนิดในบริเวณลุ่มแม่น�้าสินธุทางตอนเหนือของอินเดียในอดีต
แหลง อารยธรรมทส่ี ําคัญแลว กย็ งั มีอารยธรรม (ปจั จบุ นั อยู่ในประเทศปากสี ถาน) มคี วามเจรญิ รงุ่ เรอื งอยู่ในชว่ งประมาณ ๒,๕๐๐ - ๑,๕๐๐ ปกี อ่ น
อินเดียซ่งึ เปน แหลงอารยธรรมทม่ี ีบทบาท คริสต์ศักราช และได้มีพัฒนาการต่อเน่ืองมา
ความสําคญั ทง้ั ตอโลกและตอ ไทย จากนั้น ฮารปั ปา โดยตลอด
ครสู ุมนักเรียนยกตวั อยางอารยธรรมอนิ เดีย
ทม่ี ีอทิ ธิพลตอ โลกปจจุบนั โมเฮนโจ - ดาโร แมนํ้าสินธุ ๑) อารยธรรมอินเดียสมัย
(แนวตอบ อารยธรรมอินเดียไดสรางสรรค เอมริ ก่อนประวัติศาสตร์ พัฒนาการความเจริญ
สิ่งตางๆ ไวมากมาย โดยเฉพาะทางดานศาสนา กอท ดีจิ
เชน ศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู พระพุทธศาสนา ชานฮ ู ดาโร อินเดยี ของอนิ เดยี เรมิ่ ขน้ึ ตงั้ แตส่ มยั กอ่ นประวตั ศิ าสตร์
ศลิ ปะ วรรณกรรม และกฎหมาย เปน ตน ) เมื่อประมาณ ๔๐๐,๐๐๐ ปีมาแล้ว โดยพบ
หลักฐานโบราณคดีสมัยหินเก่าในลุ่มแม่น้�าโซน
2. ครใู หนกั เรียนกลุม ที่ 2 สง ตวั แทนออกมา (Soan) แคว้นปัญจาบ เรียกว่า วัฒนธรรม
นําเสนอเกยี่ วกับอารยธรรมอนิ เดยี ที่หนา สามเหลีย่ ม ลุมแมน้ําโซน ในสมยั อารยธรรมลมุ่ แมน่ า�้ สนิ ธุ 1
ชน้ั เรียน ปากแมน ้ําสินธุ
3. ครสู มุ นักเรียนอธิบายความสาํ คญั ของเมอื ง ทะเลอาหรบั โมมีเมเฮือนงโสจ�า-คดัญา โรค 2ือเม ือเมงือทง้ังฮสาอรงัปมปีคาว ามแโลดะดเมเดือ่นง
ฮารัปปาและเมืองโมเฮนโจ-ดาโร ซึ่งเปน แผนทแ่ี สดงทต่ี ้ังของอารยธรรมลมุ แมนา้ํ สนิ ธุ เรอ่ื งสถาปัตยกรรมและการวางผงั เมอื ง มีปอ ม
เมืองสําคัญของอารยธรรมอินเดยี สมัยกอ น
ประวตั ิศาสตร เตอลเาชดยี กเขลตางทไอี่ ดยอ้ ูอ่ พายศพยั ม ศาายสงั นตสอถนาเนห นตอือ่ ขมอางเมอนิ่ือปเดรยี ะแมลาะณข บั๑ไ,๕ลพ่๐๐วก ปดกี ร่อาวนเิคดรยี ิสนต3 ศ์ซกังึ่ เรปาน็ช ชชนาพวอนื้ าเมรยอื นั งจเดามิก
(แนวตอบ เมอื งฮารัปปาและเมอื งโมเฮนโจ-ดาโร ให้ถอยลงไปอยทู่ างใต้
เปนเมอื งสําคัญท่แี สดงใหเ หน็ ถงึ รองรอย
ความเจรญิ รุง เรืองของอารยธรรมลุม แมน ้ําสนิ ธุ
ซ่ึงมคี วามโดดเดนในเรื่องสถาปตยกรรม
และการวางผังเมอื งทเ่ี ปน ระเบยี บ)
เมืองโมเฮนโจ - ดาโร ประเทศปากีสถาน สันนิษฐานวาถูกสรางข้ึนโดยชาวดราวิเดียน จากลักษณะการวางผังเมืองอยาง
เปนระเบียบ มีการแบงเขตภายในเมืองออกเปนสัดสวน ประกอบดวย อาคารบานเรือน ปอมปราการ ถนนท่ีตัดตรง
สระอาบนา้ํ สาธารณะ แสดงใหเ ห็นถึงความเจริญรุง เรอื งของอารยธรรมลมุ แมน าํ้ สินธไุ ดเ ปนอยา งดี
150
นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET
ความเจรญิ ของอารยธรรมลมุ แมนาํ้ สินธุท่ยี งั หลงเหลือใหเ ห็นในปจจบุ ัน
1 อารยธรรมลมุ แมนํา้ สนิ ธุ เปน อารยธรรมกึง่ กอ นประวตั ศิ าสตร เพราะแมจะพบ มอี ะไรบา ง จงอธิบายมาพอสังเขป
ตราประทบั เปนรปู คลา ยตวั อักษร แตย งั อานไมได สนั นษิ ฐานวา ชาวทราวิฑ แนวตอบ อารยธรรมลุมแมนา้ํ สินธเุ ริม่ เม่ือประมาณ 5,000 ปมาแลว โดยเปน
หรือดราวเิ ดยี น หรอื ทมิฬ ซง่ึ เปน ชนพน้ื เมอื งเปนผูใหกําเนดิ อารยธรรมลมุ แมนํา้ สนิ ธุ อารยธรรมสมัยกอนประวตั ศิ าสตรข องชาวอินเดยี ด้ังเดมิ ที่เรียกวา ทราวิฑ
2 เมืองฮารปั ปา และเมอื งโมเฮนโจ-ดาโร ผูทําการขุดคนพบ คือ เซอรจอหน หรอื ดราวิเดยี น (Dravidian) หรือทมิฬ ซ่ึงอาศยั อยใู นอินเดียมากอนทีช่ าว
มารแ ชล นักโบราณคดีชาวอังกฤษ ในบริเวณซากเมืองโบราณยงั พบตราประทบั อินโด-ยโู รเปย น (พวกอารยนั ) จะอพยพเขา มา แหลง อารยธรรมลุมแมนาํ้
จํานวนมากซึ่งมีรูปสลักแตกตา งกนั มที งั้ รูปคน สตั ว เชน ววั ควาย เสือ แตยังอาน สินธอุ ยทู ี่เมอื งโมเฮนโจ-ดาโร และเมืองฮารัปปา (ปจจบุ นั อยูใ นปากสี ถาน)
ไมไ ด นอกจากน้ียังพบตราประทับของอารยธรรมลุมแมน าํ้ สนิ ธุในเมโสโปเตเมยี สําหรบั ความเจรญิ ทอี่ ารยธรรมลมุ แมน าํ้ สินธหุ ลงเหลือไวใ นปจจุบนั เชน
และตราประทับรปู เรอื คลา ยกบั เรอื ของอียปิ ตด ว ย รปู ปน ดินเผาของชายมีเครายาว สันนิษฐานวา นา จะเปน บรรพบุรษุ ของพวก
3 พวกดราวิเดียน หรือทราวิฑ หรือทมิฬ มผี วิ ดํา ริมฝปากหนา จมกู แบน ซง่ึ อยู ทราวฑิ ดวงตราประทับซึ่งมมี ากกวา 2,000 ชนิ้ และทส่ี าํ คัญ คอื ซากเมือง
อาศัยในอินเดยี กอนท่ีพวกอารยนั ซ่งึ มรี ูปรา งสูงใหญ ผวิ ขาว จมกู โดง จะอพยพ โมเฮนโจ-ดาโรและฮารัปปา ทีม่ รี ะบบการวางผงั เมอื งอยางดี เชน การตดั ถนน
เขา มา ชาวอารยันไดย ดึ ครองและใหชาวทมิฬเปนผรู บั ใช ถกู เรียกวา ทาส ซึง่ เปน เปน ระเบยี บเรียบรอ ย มีทอ ระบายนาํ้ มกี ารสรางอาคารบานเรอื น ท่ีแสดง
ทมี่ าของการเกิดระบบวรรณะในสังคมอนิ เดีย ใหเหน็ วา ชาวเมอื งมีความรูค วามสามารถทางวิศวกรรมและเรขาคณิตเปน
อยางดี เปนตน
150 คมู่ อื ครู
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู้
เสน เวลา 1. ครสู ุมนักเรยี นออกมาสรุปเกี่ยวกับอารยธรรม
เเสดงอารยธรรมอนิ เดยี สมยั กอ นประวตั ศิ าสตร อนิ เดียสมัยกอ นประวัติศาสตรท ห่ี นาชั้นเรยี น
โดยใชเ สนเวลา (Timeline) ในหนา 151
ยคุ หินเกา่ ยุคหนิ ใหม่ ประมาณ ๗,๐๐๐ - ๔,๐๐๐ ปีมาแล้ว มนษุ ยป์ ลกู ประกอบ
ประมาณ ๔,๐๐๐,๐๐๐ - ๑๕๐,๐๐๐ ปีมาแลว้ ขา้ วสาลี ข้าวบาร์เลย์ ขา้ วเจา้ เลย้ี งสตั ว์ อยู่รวมกนั
ทดงัาพงใบตเ้ขคอรงอ่ื องนิมเือดหียิน มหนลาุษยยแ์ดหา� ง่ร งเชชพี ่นด ทว้ ยมกฬิ านราดู เปน็ ชุมชน สร้างบ้านด้วยดินเหนยี ว พบในแคว้น 2. ครใู หน กั เรยี นดูภาพสถปู สาญจจี าก
เกบ็ ของปา ล่าสตั ว์ อาศัยอยู่ในถ้�า บาลจู ิสถานและตอนเหนือของแควน้ ซนิ ด์ หนงั สือเรยี น หนา 151 แลวใหน ักเรียนรวมกนั
อภิปรายวา ภาพดงั กลา วสามารถบอกเก่ยี วกบั
๑๐,๐๐๐ ๘,๐๐๐ ๖,๐๐๐ ๔,๐๐๐ ๒,๐๐๐ อารยธรรมอินเดียในสมยั ประวตั ิศาสตรได
ยคุ หนิ กลาง อยา งไรบา ง
ปก่อน ค.ศ. (แนวตอบ สถูปสาญจเี ปนศาสนสถานทาง
พระพทุ ธศาสนา สรางข้นึ ในสมยั พระเจา อโศก
ประมาณ ๔๐,๐๐๐ - ๑๐,๐๐๐ ปี ยคุ โลหะ ประมาณ ๔,๕๐๐ - ๓,๐๐๐ ปี มหาราชแหงราชวงศเมารยะ จากความย่ิงใหญ
มาแล้ว มนุษย์ใชเ้ คร่ืองมือหิน มาแลว้ เปน็ ยคุ แหง่ ความรงุ่ เรอื ง และลกั ษณะเฉพาะของสถาปตยกรรม แสดง
เทชี่เน่ล็ก ใแนลแะคเบว้นา มพธั บยใปนรหะเลทาศย บรเิ วณ ขอาอรงยอธนิ รเรดมยี ลโบมุ่ รแามณน่ า้� ทสเ่ีนิรธยี ุกวา่ ใหเหน็ วา พระพทุ ธศาสนาเปนศาสนาสําคญั
รู้จกั เขยี นภาพบนผนงั ถ้า� ของอารยธรรมอนิ เดยี เน่ืองจากไดรับ
การอปุ ถัมภจ ากองคจ ักรพรรดแิ ละไดรับ
พวกอารยันเป็นพวกเร่ร่อนจึงไม่มีการบันทึกประวัติศาสตร์ไว้ หลักฐานที่ใช้ศึกษา การสนับสนนุ ใหมกี ารเผยแผพระพทุ ธศาสนา
อารยธรรมของอารยนั ได้จากคัมภีร์พระเวท คมั ภีร์ศักดส์ิ ทิ ธิข์ องชาวอารยันซ่งึ บันทกึ ขึน้ ภายหลัง ไปยังดินแดนตา งๆ จนมีความเจรญิ รุง เรอื ง)
กสมอ่ นัยทครพี่ สิ วตก์ศอัการรายชัน)อ แพลยะพ สเขม้าัยมมาหแาลกะาสพรา้ยง 1อ(๙า๐รย๐ธ-ร๕ร๐ม๐น ี้ ปจึงีกเ่อรนียกควรา่สิ ตสศ์ มักยั รพาชระ)เวท (๑,๕๐๐ - ๙๐๐ ปี
๒) อารยธรรมอนิ เดยี สมยั ประวตั ศิ าสตร ์ หลงั สมยั พระเวท เรยี กวา่ สมยั พทุ ธกาล
(ประมาณ ๕๖๓-๓๐๐ ปกี อ่ นครสิ ตศ์ กั ราช) สมยั นเ้ี กดิ ศาสนาสา� คญั ๒ ศาสนา คอื พระพทุ ธศาสนา
และศาสนาเชน ต่อมาอินเดยี ถกู เปอร์เซยี และกรกี สมยั พระเจา้ อะเลก็ ซานเดอร์มหาราชรกุ ราน
คร้ันถึง ๓๒๑ ปีก่อนครสิ ต์ศกั ราช พระเจ้าจันทรคุปต์ ผ้ตู ้งั ราชวงศ์เมารยะ ไดข้ ยาย
อ�านาจออกไปทางเหนือของอินเดีย นับเป็นราชวงศ์แรกของอินเดีย จักรพรรดิองค์ส�าคัญ คือ
พระเจ้าอโศกมหาราช ในระยะแรกได้ขยาย
ดินแดนให้กว้างใหญ่ย่ิงข้ึน ต่อมาได้
เปล่ียนไปนับถือพระพุทธศาสนา
และเผยแผ่พระพุทธศาสนาไปยัง
ดนิ แดนต่างๆ
2
สถปู สาญจี สรางขน้ึ ในสมัยพระเจาอโศก
มหาราชแหงราชวงศเมารยะ มีลักษณะ
เปน รปู โอควาํ่ หรอื ขนั ควา่ํ ทเี่ รยี กวา ศลิ ปะ
แบบสาญจี
แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETิด นกั เรยี นควรรู
ชาวอารยันที่อพยพเขา มายังอินเดียไดสรางสรรคค วามเจรญิ ในเร่อื งใด 1 สมยั มหากาพย เปน สมยั ท่ชี าวอารยนั ขยายเขามาในอนิ เดยี เตม็ ท่ี บางพวกลง
ใหแ กอินเดยี บา ง จงยกตวั อยา ง มาทางตะวันออกเฉยี งเหนอื บางพวกลงมาทางใตแถบลมุ แมนํา้ คงคา บางพวกไป
แนวตอบ ความเจรญิ ของชาวอารยันท่สี ําคญั เชน การแตงบทสรรเสริญ อยแู ถบรฐั เบงกอลปจ จบุ นั โดยเรอื่ งราวของชาวอารยนั จะปรากฏอยใู นมหากาพยท ่ี
พระผูเปน เจา ในพิธีบูชายัญโดยพวกนักบวช และบทสรรเสริญนไี้ ดถายทอด ยิง่ ใหญข องอินเดยี 2 เร่ือง คอื มหาภารตะ ซ่ึงเปน เรื่องมหาสงครามของราชวงศ
ตอกันมาโดยการทอ งจํา คร้นั ถงึ ประมาณ 1,000 ปกอนคริสตศ ักราช จงึ มี 2 ราชวงศทข่ี ัดแยงกนั ทที่ ุงกรุ เุ กษตร (ใกลเ มืองเดลี) กบั รามายณะ (รามเกียรต)์ิ
การรวบรวมแตยงั ไมมีการจดบันทึก จนกระทัง่ ราวศตวรรษท่ี 8 หรือศตวรรษ ซึ่งเปนเรื่องการสงครามระหวา งความดีกบั ความชัว่ โดยมพี ระรามหรอื พระนารายณ
ที่ 7 กอนคริสตศกั ราช จึงเรม่ิ มีการประดิษฐตัวอกั ษรและมีการจดบันทกึ ท่อี วตารลงมาเกิดบนโลกมนษุ ยเ ปนตวั แทนแหง ความดี กบั ทศกัณฐ ซึ่งเปน ยักษ
คัมภีรขึน้ เรียกวา พระเวท นอกจากนี้ยังมคี วามเช่อื เก่ยี วกับระบบวรรณะ เปนตัวแทนแหงความชัว่ ทมี่ าแยงนางสดี า มเหสขี องพระราม
(แปลวา สหี รอื สีผวิ ) เพอ่ื แยกชนช้นั ของชาวอารยนั จากทราวิฑ การนบั ถอื 2 สถูปสาญจี ตงั้ อยใู นเขตหมูบ า นสาญจี แควนมธั ยประเทศ เช่ือวาพระเจา
เทพเจาหลายองค ซง่ึ ภายหลังไดพ ฒั นามาเปน ศาสนาพราหมณ-ฮินดู อโศกมหาราชทรงสรา งสถูปไวใ นอินเดยี และอฟั กานิสถานมากถงึ 84,000 องค
ในปจจุบัน ตอมาในยคุ มหากาพยไดเกดิ มหากาพยย ่งิ ใหญ 2 เรื่อง คอื แตถ ูกทําลายเสยี หมด บางองคไดร บั การตอเติมในสมยั หลงั สถปู สาญจไี ดรบั การ
มหาภารตะและรามายณะ (รามเกยี รติ์) ซึ่งเปน หลักฐานสาํ คัญท่ีทําใหรเู รอื่ ง ประกาศจากองคก ารยเู นสโกใหเ ปนมรดกโลกเมื่อ ค.ศ. 1989
ของชาวอารยันหลังสมัยพระเวท เปนตน
ค่มู อื ครู 151
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู้
1. ครูใหนักเรยี นศึกษาเรื่องนา รเู กย่ี วกบั เสาหนิ เรอื่ งนา รู
พระเจา อโศกมหาราชจากหนงั สอื เรียน
หนา 152 แลวใหน ักเรียนอธบิ ายวา เสาหิน เสาหินพระเจา อโศกมหาราช
พระเจาอโศกมหาราชสรางขึ้นเพอ่ื
จุดมงุ หมายใด และมีความสาํ คญั อยางไร เสาหินพระเจาอโศกมหาราชจัดเปนประติมากรรมเน่ืองในพระพุทธศาสนาที่มีความงดงามท่ีสุดท่ียัง
(แนวตอบ เสาหนิ พระเจา อโศกมหาราชเปน หลงเหลืออยูในปจจุบัน ในสมัยพระเจาอโศกมหาราชเม่ือขยายอาณาเขตไปถึงบริเวณใด
ประติมากรรมเนอ่ื งในพระพุทธศาสนาที่ ก็จะสรางเสาหินปกไวเพ่ือแสดงขอบเขตพระราชอํานาจ เสาหินโดยทั่วไปสราง
พระเจา อโศกมหาราชทรงสรางขนึ้ เพือ่ แสดง ดวยหินทรายขัดมัน มีลักษณะเปนเสากลม บนหัวเสาเปนรูปดอกบัว เหนือ
ขอบเขตพระราชอํานาจ ตอ มาอนิ เดียไดน าํ รูป ขนึ้ ไปเปน รปู สตั วช นดิ ตา งๆ ทพ่ี บมาก คอื
ของหวั เสาหนิ นี้เปน ตราประจําชาติ และนํา ราชสหี ชา ง ววั จากบรรดาเสาหนิ ทงั้ หลาย
ตราธรรมจักรไปประดบั ไวก ลางธงชาตอิ นิ เดีย เสาหินท่ีสารนาถนับวามีความสวยงามและ
มาจนถงึ ปจ จบุ ัน) มีชื่อเสียงท่ีสุด ซ่ึงหัวเสาทําเปนรูปสิงโต
๔ ตัว หันหลังชนกันยืนอยูบนแทนที่สลัก
2. ครูใหน ักเรียนรวมกนั วเิ คราะหวา เพราะเหตใุ ด เปนรูปชาง มา วัว และราชสีห และค่ันดวย
ศาสนาอสิ ลามจึงสามารถเขามาเผยแผจ นทัว่ ธรรมจักรเล็กๆ ปจจุบันเสาหินเหลาน1้ีถูก
อินเดยี เก็บรักษาไวท่ีพิพิธภัณฑที่เมืองสารนาถใน
(แนวตอบ หลังส้ินสุดราชวงศค ุปตะ อนิ เดียเกิด รัฐอตุ ตรประเทศ ธงชาตอิ นิ เดีย
ความแตกแยกและออ นแอ ดนิ แดนทางเหนอื
ถูกตางชาตริ ุกราน ศาสนาอิสลามจึงเริม่ เผยแผ ภายหลงั จากทอี่ นิ เดยี ไดร บั เอกราชจากองั กฤษ นายกรฐั มนตรใี นขณะนนั้ คอื
เขา สูอินเดยี ทางเหนือ และตอมาในตน ครสิ ต- ยวาหรล าล เนหร ู ไดน าํ รปู ของหวั เสาหนิ นเี้ ปน ตราประจาํ ชาติ และนาํ ตราธรรมจกั ร
ศตวรรษที่ 13 ถงึ ตนครสิ ตศ ตวรรษท่ี 16 อินเดยี หัวเสาอโศกที่สารนาถ ไปประดับไวกลางธงชาตอิ ินเดียมาจนถึงปจ จุบัน
ถูกปกครองโดยสลุ ตานแหงเดลี หรอื ราชวงศ
มมั ลกู ศาสนาอสิ ลามจงึ ไดเผยแผไ ปทั่วอนิ เดยี ) เมื่อราชวงศเ์ มารยะหมดอา� นาจ อินเดยี ถกู ต่างชาติรกุ ราน ท�าใหอ้ นิ เดียแตกแยกและ
ออ่ นแอ จนกระท่งั ค.ศ. ๓๒๐ พระเจา้ จนั ทรคปุ ตท์ ่ี ๑ แหง่ ราชวงศค์ ปุ ตะ (ค.ศ. ๓๒๐ - ๕๕๐) เรม่ิ
ฮรวินมดปู รแะตเท่พศรแะพละุทขธยศาายสอน�าานกา็ยจังอคองกเจไปริญจารกุ่งแเรคือวง้น มมคีพธร ะสจมีน2ัยเดนิน้ีศทาสานงไาปพศรึกาหษมาพณร์ไะดพ้พุทัฒธศนาาสเปน็นาศแาลสะนนา�า
พระไตรปิฎกไปจนี นอกจากน้ียงั เปน็ สมัยแห่งความรุง่ เรืองทางด้านวทิ ยาศาสตรแ์ ละคณิตศาสตร์
โดยเปน็ ผเู้ ร่ิมใชเ้ ลขอารบกิ และเลข ๐ (เลขศนู ย)์
ระหว่างคริสตศ์ ตวรรษท่ี ๒ - ๑๐ อารยธรรมอินเดยี ทั้งด้านศาสนา ศลิ ปะ วรรณกรรม
กฎหมาย ไดแ้ พร่หลายไปยงั อาณาจักรตา่ งๆ เช่น ลังกา พมา่ ทวารวดี เขมร อัฟกานสิ ถาน จนี
หลงั การสนิ้ สดุ ของราชวงศค์ ปุ ตะ อนิ เดยี แตกแยกและออ่ นแอ ทางเหนอื ถกู ตา่ งชาตริ กุ ราน ศาสนา
อสิ ลามเริม่ เผยแผ่เขา้ สอู่ นิ เดียทางเหนือ แตท่ างอินเดียใตร้ ะหว่างคริสต์ศตวรรษท ่ี ๙ - ๑๓ ศาสนา
พราหมณ์ - ฮินดูยังคงเจริญรุ่งเรืองภายใต้อาณาจักรโจฬะ นอกจากนี้ยังมีความรุ่งเรืองทางด้าน
การคา้ ด้วย
โ ดยสุล ต่านแใหน่งรเะดหลว3ีห่ารงือตร้นาคชรวิสงตศ์ศ์มตัมวลรูรกษ ทในี่ ส๑ม๓ัย นถ้ีศึงาตส้นนคารอิสิสตล์ศาตมวไรดร้เษผทย่ี แ๑ผ๖่อ ออกินไปเดทีย่ัวถอูกินปเดกียคแรอลงะ
มีการน�าวิธีการท�ากระดาษ ดนิ ปืน เคร่ืองกระเบอื้ งจากจีนมาเผยแพร่ในอินเดีย
152
นกั เรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET
เพราะเหตใุ ดในสมยั ราชวงศคุปตะจงึ ไดชอ่ื วา “ยุคทองของอนิ เดียโบราณ”
1 เมืองสารนาถ เปนเมอื งสาํ คัญทางพระพทุ ธศาสนา เปนสถานทท่ี ีพ่ ระพุทธเจา แนวตอบ เพราะราชวงศค ปุ ตะไดส รา งสรรคค วามเจรญิ ดา นศลิ ปวทิ ยาการ
แสดงปฐมเทศนาแกป ญจวัคคียท ป่ี าอิสปิ ตนมฤคทายวัน แขวงพาราณสี (ปจจุบนั ตา งๆ ขึน้ มากมาย เชน ดานวรรณคดี สมยั นี้ไดชอื่ วา เปน ยุคทองของ
เรยี ก สารนาถ) ดวยเหตนุ ี้ สารนาถจึงเปน 1 ในสงั เวชนยี สถาน 4 แหง ขององค วรรณคดสี นั สกฤต เพราะกษตั รยิ ท รงสนบั สนนุ ใหน กั ปราชญใ ชภ าษาสนั สกฤต
พระสมั มาสมั พทุ ธเจา ศาสนสถานในสารนาถถูกทําลายไปเกอื บหมดในสมยั ที่ ในการเขียนผลงาน กวเี อกทส่ี าํ คัญ คอื กาลิทาส ไดแตง บทละครเรอ่ื ง
สลุ ตา นแหงเดลคี รองอินเดยี นอกจากพระสถปู เจดยี ทย่ี ังหลงเหลือใหเห็นแลว ศกนุ ตลาอนั โดง ดงั ดา นการศกึ ษา ในสมยั คปุ ตะไดม มี หาวทิ ยาลยั ตา งๆ
ยังมบี างสว นของเสาอโศกเหลืออยู ซ่งึ ในอดตี เปนเสาทมี่ ีความสงู ถึง 15 เมตร เกิดขน้ึ เชน มหาวิทยาลยั นาลันทา เปนตน ซ่งึ เปนแหลง รวมของวทิ ยาการ
2 พระจีน ซ่งึ เปน ท่ีรจู ักกนั ดี คอื พระซวนจางหรือพระถังซาํ จง๋ั ทีถ่ ูกกลาวถึง แขนงตางๆ ดา นคณิตศาสตร สมยั นไ้ี ดม กี ารประดิษฐตัวเลขอารบิก (ตวั เลข
ในวรรณกรรมจนี เร่อื งไซอิ๋ว โดยวัดหา นปา ใหญทน่ี ครฉางอาน เปน ท่ีแปล 1-9 และ 0 (เลขศนู ย) ) และระบบทศนยิ มขนึ้ ทําใหก ารคาํ นวณมคี วาม
พระไตรปฎกของพระถังซําจ๋ังเม่อื กลับมาจากอินเดยี สะดวกขนึ้ ตอ มาชาวอาหรบั ไดน าํ ตวั เลขจากอนิ เดยี ไปใช และชาวยโุ รปกร็ บั
3 สลุ ตา นแหงเดลี สมัยสลุ ตา นแหง เดลี (ค.ศ. 1206-1526) เปนสมัยที่อินเดีย จากอาหรบั อกี ตอหนง่ึ ดว ยเหตนุ ีจ้ งึ เรยี กวา เลขอาหรับ ดา นการแพทย
ตอนเหนอื อยใู ตอ ิทธพิ ลของอารยธรรมอิสลาม ในสมยั นี้อนิ เดียกลบั เขา สกู าร มกี ารเร่ิมวิธกี ารรกั ษาแผนใหม รูจ กั ผาตัด รูจ กั การใชย าหลายขนานกอน
ปกครองแบบรวมศนู ยอ กี ครงั้ หนึ่งหลงั จากทีเ่ กิดความแตกแยกเปน อาณาจักรเลก็ ๆ ชาวยโุ รป ดา นศลิ ปกรรม จดั เปน ยคุ ทองของศลิ ปะอินเดยี มกี ารสราง
มาตั้งแตราชวงศค ุปตะเสือ่ มอาํ นาจ พระพุทธรปู ท่งี ดงาม มีการวาดภาพจติ รกรรมบนผนงั ถํ้าอชันตา เปนตน
152 คูม่ อื ครู
กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู้
ราชวงศ์สุดท้ายที่ปกครองอินเดีย คือ ราชวงศ์โมกุลหรือมุคัลในต้นคริสต์ศตวรรษท ี่ 1. ครูใหน กั เรียนในช้นั เรียนชวยกนั ยกตัวอยา ง
๑๖ ถึงกลางครสิ ตศ์ ตวรรษท่ ี ๑๙ ผ้ตู ั้งจักรวรรดิ จกั รพรรดิองคส าํ คัญของอินเดีย พรอมทง้ั
โมกุล คือ พระเจ้าบาบูร์ และจักรพรรดิที่มี บอกบทบาททส่ี าํ คัญของจกั รพรรดพิ ระองคน้ัน
ชอื่ เสียง คอื พระเจา้ อกั บารม์ หาราช พระองค์ มาพอสงั เขป
สททา�รัชคงมสัญงา่ อเฮสกี ัลรพ2มิ รใอะหอนม้ งุสขีครนั์หณตนธิ์แงึ่ ร หรคม่อืงทค ชาวางาหศม ์าจรสะักนฮทาา ่ีสนสว 1ลุ ผยตูส้ งา่ รนาา้ มทง ี่ (แนวตอบ เชน พระเจา อักบารมหาราช ทรงเปน
จักรวรรดิโมกุลหมดอ�านาจลงใน ค.ศ. ๑๘๕๘ จกั รพรรดทิ ่ีปกครองอนิ เดียจนมีความเจริญ
โดยอังกฤษเข้ายึดครองอินเดีย จนถึง ค.ศ. รุง เรอื งในทกุ ดาน และทรงใหเ สรีภาพใน
๑๙๔๗ อินเดียจึงได้รับเอกราช อารยธรรม การนบั ถือศาสนาแกร าษฎรอยา งเทา เทียมกนั
อนิ เดยี ได้สร้างสรรค์ความเจรญิ ตา่ งๆ มากมาย พระเจาชาห จะฮาน เปนผสู รา งทชั มาฮลั
ซงึ่ มผี ลสา� คญั ตอ่ พฒั นาการและการเปลย่ี นแปลง อนุสรณแหงความรักทยี่ ่ิงใหญแ ละสวยงามท่ีสดุ
ของภูมิภาคเอเชียใต้และภูมิภาคอื่นๆ ท่ีรับ พระเจาอักบารมหาราช กษัตริยผูทรงปกครองอินเดียใหมี ในโลก จนไดร บั การกลา วขานวา เปน
อารยธรรมอนิ เดยี อทิ ธพิ ลทางอารยธรรมทสี่ า� คญั ความเจริญรุงเรืองในทุกดาน และทรงใหเสรีภาพในการ สง่ิ มหัศจรรยของโลกยุคใหม)
คอื ดา้ นศาสนา เช่น ศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดู นบั ถือศาสนาแกร าษฎร
พระพุทธศาสนา และดา้ นภมู ปิ ญั ญาแขนงต่างๆ (ดูรายละเอยี ดเพิ่มเตมิ ในหวั ขอ้ ที่ ๒ อิทธพิ ลของ 2. ครสู มุ นกั เรยี นสรปุ เกย่ี วกบั อารยธรรมอนิ เดยี วา
อารยธรรมโบราณทม่ี ีตอ่ ทวีปเอเชยี ในปจั จบุ นั ) ไดส รา งสรรคค วามเจรญิ ในดา นใดบางทีม่ ผี ล
ตอ พัฒนาการและการเปล่ยี นแปลงของ
ทชั มาฮลั เปน ผลงานทางสถาปต ยกรรมทพี่ ระเจา ภูมิภาคเอเชยี ใตแ ละภูมิภาคอืน่ ๆ
ชาห จะฮาน โปรดใหส รา งขึ้นเพือ่ เปน ทร่ี ะลกึ ถงึ (แนวตอบ อารยธรรมที่สาํ คัญ เชน ดา นศาสนา
พระนางมุมทัชมาฮลั พระมเหสขี องพระองค โดยเฉพาะศาสนาพราหมณ-ฮนิ ดู พระพุทธ-
ศาสนา ดา นวิทยาศาสตร และคณติ ศาสตร
โดยเปนผรู เิ ริม่ ใชเ ลขอารบกิ และระบบทศนยิ ม
เปนตน)
แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETิด เกรด็ แนะครู
พระเจา อกั บารแ หง ราชวงศโ มกลุ ทรงบาํ เพญ็ พระราชกรณยี กจิ ในดา นใดบา ง ครูแนะนําใหน ักเรียนดูวดี ทิ ัศนภาพยนตรเ ร่อื ง Jodhaa Akbar : อัศวินราชา
จึงไดรบั การถวายพระราชสมัญญานามวา “มหาราช” บปุ ผาสวรรครานี เพอื่ ที่จะไดเกิดความเขา ใจในเรื่องราวทางประวัติศาสตรส มยั
แนวตอบ พระเจา อกั บารท รงเปน กษตั รยิ ม สุ ลมิ ราชวงศโ มกลุ พระองคเ ดยี ว พระเจาอกั บารมหาราชแหงราชวงศโ มกลุ วา ถึงแมจะเปนราชวงศท ี่นับถือศาสนา
ทไี่ ดร บั การเฉลมิ พระเกยี รตวิ า “มหาราช” ทง้ั นเ้ี ปน ผลมาจากพระราชกรณยี กจิ อิสลาม แตกป็ กครองบานเมืองจนไดร ับการยอมรบั และเคารพจากชาวฮินดู
ในดา นตา งๆ ท่ที รงปฏบิ ตั ิ เชน ดา นการปกครอง ทรงคัดเลือกบคุ คลท่ีมี
ความสามารถเขา รับราชการโดยไมค าํ นงึ ถงึ เช้ือชาตแิ ละศาสนา ทรงใหความ นักเรียนควรรู
เสมอภาคแกช าวฮนิ ดทู ัง้ ดานการเมือง เศรษฐกจิ และสังคม ดา นเศรษฐกิจ
ทรงลดภาษกี ารคา ใหแ กพอคา เพื่อสนบั สนนุ การคาและปอ งกนั การเล่ยี งภาษี 1 ชาห จะฮาน นอกจากทัชมาฮลั แลว พระองคโปรดใหส รา งสถาปตยกรรม
ของพอคา ทรงเพิ่มพื้นทสี่ ําหรบั การทําเกษตรกรรมมากข้นึ ทรงใหต ดั ถนนท่ัว ท่ีสวยงามหลายแหง เชน ปอมแดง มัสยดิ จามา ภายหลังพระองคทรงถกู
พระราชอาณาจกั รเพอื่ การคมนาคมท่รี วดเร็ว ดานศาสนา ทรงใหเ สรีภาพ พระราชโอรส ช่อื ออรงั เซบ ยึดอํานาจและจบั ขังไวในปอมอคั ระจนสวรรคต
ในการนบั ถือศาสนาแกช นทุกช้นั ดานศลิ ปวทิ ยาการ โปรดใหสรางหอสมุด
ขนาดใหญ บรรจุหนงั สอื ไดถ ึง 24,000 เลม รวมทั้งโปรดใหแปลตําราเปอรเ ซยี 2 ทชั มาฮัล ต้ังอยูบ นฝง ตะวนั ออกของแมน า้ํ ยมุนาทเี่ มอื งอัคระ โดยเร่มิ สราง
พงศาวดารเตริ ก และคัมภรี ข องครสิ ตศ าสนาบางตอนทบ่ี าทหลวงนํามาสู ใน ค.ศ. 1631 และเสร็จสมบูรณใ น ค.ศ. 1648 ใชเงินมากถึง 5 ลานรปู ทัชมาฮัล
ราชสํานัก เปน ตน นบั เปน 1 ใน 7 สง่ิ มหศั จรรยของโลกยุคใหม และไดรับการประกาศจากองคการ
ยูเนสโกใหเปนมรดกโลกเมือ่ ค.ศ. 1983
คู่มอื ครู 153
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู้
1. ครูใหนกั เรยี นศกึ ษาตารางลาํ ดับเหตุการณ ลา� ดับเหตกุ ารณ์สา� คัญทางประวัตศิ าสตรข์ องอนิ เดยี
สําคัญทางประวัตศิ าสตรข องอนิ เดีย แลว ให
นกั เรียนตอบคาํ ถามตอไปนี้ สมัย ชว่ งเวลา/เหตกุ ารณ์ส�าคัญ
• ราชวงศแ รกของอนิ เดยี คือราชวงศอ ะไร อารยธรรมลมุ่ แมน่ า้� สนิ ธุ
และมีจักรพรรดทิ ่ีสําคัญพระองคใ ดบาง สมัยพระเวทและมหา ๒,๕๐๐ - ๑,๕๐๐ ปีกอ่ น ค.ศ. เมอื งฮารปั ปาและโมเฮนโจ -ดาโรเจริญรุง่ เรือง
(แนวตอบ ราชวงศแรกของอนิ เดยี คอื ราชวงศ กาพย์
เมารยะ จกั รพรรดิที่สาํ คญั เชน พระเจา พระพทุ ธเจา้ ๑,๕๐๐ - ๕๐๐ ปีก่อน ค.1ศ. พวกอารยนั อพยพเข้าสอู่ นิ เดยี รวบรวมคัมภีร์
จนั ทรคุปต พระเจาอโศกมหาราช เปนตน ) อะเล็กซานเดอร์
• วิทยาศาสตรและคณติ ศาสตรม คี วามเจรญิ มหาราช ฤคเวท แตง่ คมั ภรี ์อปุ นิษัท ก�าเนิดศาสนาพราหมณ ์ เกดิ ระบบวรรณะ
กา วหนา มากในสมยั ใด ราชวงศเ์ มารยะ ๕๖๓ - ๔๘๓ ปีก่อน ค.ศ. พระพทุ ธเจ้าประสตู ิ - ปรินิพพาน
(แนวตอบ สมัยราชวงศค ุปตะ) ๓๒๗ ปกี อ่ น ค.ศ. พระเจา้ อะเลก็ ซานเดอรม์ หาราช กษตั รยิ ก์ รกี รกุ รานอนิ เดยี
• บุคคลใดบางทมี่ บี ทบาทในการเรียกรอง ราชวงศค์ ปุ ตะ ทางเหนอื
เอกราชของอนิ เดียจากอังกฤษ ๓๒๑ - ๑๘๕ ปกี อ่ น ค.ศ. ราชวงศ์แรกของอินเดยี มีจักรพรรดทิ สี่ �าคัญ คอื
(แนวตอบ ทส่ี าํ คัญ เชน มหาตมาคานธี แตกแยกและออ่ นแอ พระเจ้าจันทรคุปต์ พระเจ้าอโศกมหาราช ทรงเผยแผ่พระพุทธศาสนาไปยัง
และยวาหรล าล เนหร)ู ประเทศตา่ งๆ รวมทง้ั เอเชียตะวันออกเฉยี งใต้
สลุ ต่านแหง่ เดลีหรอื ค.ศ. ๓๒๐ - ๕๕๐ มศี ูนย์อา� นาจทแี่ ควน้ มคธ แม่น�้าคงคา ศาสนาพราหมณ์
2. ครใู หแ ตล ะกลมุ นาํ เสนอลาํ ดบั เหตกุ ารณส าํ คญั ราชวงศ์มมั ลูก มกี ารพฒั นาเปน็ ศาสนาฮนิ ด ู แตพ่ ระพทุ ธศาสนายงั คงเจรญิ รงุ่ เรอื ง วทิ ยาศาสตร์
ทางประวตั ศิ าสตรข องอินเดียในตารางหนา และคณิตศาสตรม์ ีความเจริญก้าวหน้ามาก
154 ใหม ในรูปแบบเสน เวลา (Timeline) จกั รวรรดโิ มกลุ หรอื มคุ ลั คริสต์ศตวรรษที่ ๖ - ๑๐ หลังสมัยคุปตะ ทางเหนือถูกต่างชาติรุกรานและ
โดยใหใชก ระดาษโปสเตอรมภี าพประกอบ ตั้งอาณาจักร ศาสนาอิสลามเร่ิมเผยแผ่เข้าสู่อินเดียทางเหนือ ในช่วงกลาง
พรอมตกแตง ใหสวยงามนําสงครูผสู อน องั กฤษปกครองอินเดีย คริสต์ศตวรรษท่ี ๙ ถึงกลางคริสต์ศตวรรษท่ี ๑๓ อาณาจักรโจฬะทางใต้
ของอินเดยี นับถือศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดูมีความเจรญิ รุ่งเรอื งทางการคา้
อนิ เดยี ได้เอกราช ค.ศ. ๑๒๐๖ - ๑๕๒๖ ตั้งโดยผูน้ า� มสุ ลมิ เชือ้ สายเตริ ์ก เรยี กว่า ราชวงศม์ มั ลกู
แบง่ เปน็ ๒ ประเทศ แต่เนื่องจากต้ังเมืองหลวงที่เดลี จึงมักเรียกว่า สุลต่านแห่งเดลี มีการรับ
154 บังกลาเทศ วิธีการท�ากระดาษ ดินปืน เครื่องกระเบอื้ งจากจีน ใน ค.ศ. ๑๔๙๘ โปรตเุ กส
เดินทางถงึ อนิ เดยี ทางเรอื
ค.ศ. ๑๕๒๖ - ๑๘๕๘ ตงั้ โดยบาบูร์ เช้อื สายพวกมองโกล สลุ ต่านที่ยง่ิ ใหญ ่
คอื อกั บาร์มหาราช (ค.ศ. ๑๕๕๖-๑๖๐๕) สง่ เสรมิ ให้มขี นั ติธรรมทางศาสนา
เพ่ือให้คนท่ีนับถือศาสนาแตกต่างกันอาศัยอยู่ร่วมกันได้ และชาห์ จะฮาน
(ค.ศ. ๑๖๒๘ - ๑๖๕๘) ผสู้ รา้ งทชั มาฮลั ตน้ ครสิ ตศ์ ตวรรษท ี่ ๑๘ ราชวงศ์โมกลุ
เสอ่ื มอา� นาจ ชาตติ ะวนั ตกขยายอา� นาจในอนิ เดยี
ค.ศ. ๑๘๕๘ - ๑๙๔๗ อินเดยี อยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ โดยสมเดจ็
เใพรหรยี ญะกรห่รา้อรชอืงนิ เออนี ปุ การถราาวชชกิ เ ตปผอ็นู้นเผรา� ยู้ปีทเกี่สปค�าน็ ครจอัญกั ง ร ไพใดนร้แปรกดล ่นิามยขี หคอารงตสิอมตนิ าศ์ เคดตายีวน รรรธฐั2ษี บยทาวี ่ลา๑อห๙งัร กล์ ชฤาาลษว ตอเง้ันินขหเา้ดร์ หียู ลเรวิม่ ง
ค.ศ. ๑๙๔๗ อนิ เดยี ได้รับเอกราช แต่ประเทศแบง่ เป็น ๒ ส่วน คอื อนิ เดีย
ซึง่ ประชากรสว่ นใหญ่เป็นฮินดู กบั ปากีสถานซึง่ ประชากรสว่ นใหญ่เปน็ มสุ ลมิ
ทง้ั ๒ ประเทศมีความขัดแยง้ เรอื่ งแคว้นแคชเมยี รม์ าจนถึงปจั จบุ นั
ค.ศ. ๑๙๗๑ ปากสี ถานตะวันออกแยกออกจากประเทศปากสี ถานเปน็ ประเทศ
ใหม ่ คือ บงั กลาเทศ
เกร็ดแนะครู กจิ กรรมสรา งเสรมิ
ครูแนะนาํ ใหน ักเรียนดูวดี ทิ ัศนภาพยนตรเ ร่อื ง Asoka : อโศกมหาราช เกีย่ วกบั ครใู หนกั เรียนสืบคนขอมลู เกย่ี วกับอารยธรรมอนิ เดยี สมัยประวัตศิ าสตร
เร่ืองราวการทําสงครามของพระเจาอโศกมหาราช จนทาํ ใหในที่สดุ ทรงหนั มานบั ถือ เรม่ิ ตงั้ แตร าชวงศเ มารยะเขา มามอี าํ นาจจนถงึ สนิ้ สดุ ราชวงศโ มกลุ ซงึ่ ขอ มลู
พระพทุ ธศาสนาและเผยแผพระพุทธศาสนาไปยงั ดินแดนตางๆ ประกอบดว ย ผปู กครองสาํ คญั ในแตล ะราชวงศ การสรา งสรรคค วามเจรญิ
ในดา นตา งๆ โดยนาํ ขอ มลู จัดทําเปน รายงานสง ครผู ูสอน
นักเรยี นควรรู
กิจกรรมทาทาย
1 คมั ภรี อปุ นิษัท มีวิวฒั นาการมาจากคมั ภรี ฤ คเวท โดยเปน คาํ สอนเก่ียวกับ
ปรมาตมนั ซง่ึ ชาวฮนิ ดถู อื วาเปนความจริงทีเ่ ที่ยงแทเ พยี งอยางเดียว วิญญาณของ ครูใหน กั เรียนจดั ทําตารางแสดงพฒั นาการของอารยธรรมอินเดีย
บุคคลแตละคนเปนสวนหนงึ่ ของปรมาตมนั โดยจะเวียนวา ยตายเกิดไปตามกรรม สมัยประวัติศาสตรก บั อารยธรรมจีนสมยั ประวัติศาสตร นําเสนอหนา
เมือ่ หมดกรรมแลวจงึ จะกลบั คืนสูปรมาตมัน ชนั้ เรยี น แลว อธบิ ายวา แตล ะราชวงศท ปี่ กครองอนิ เดยี และจนี เกดิ เหตกุ ารณ
2 มหาตมาคานธี นักชาตนิ ิยมท่ตี อ สเู พอ่ื เอกราชของอนิ เดีย โดยใชวิธกี ารตอ สู สําคัญอะไรข้ึนบาง และสรางสรรคผ ลงานสาํ คัญในเรอ่ื งใดใหเปน มรดก
ดวยความสงบ ทเี่ รยี กวา อหงิ สา ซงึ่ มีอยูหลายวิธี เชน การอดอาหาร การหยุด ตกทอดมาจนถึงปจจุบัน
ทาํ งาน การเลิกใชผาที่ทอในโรงงานอตุ สาหกรรม เปน ตน
154 คูม่ อื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู้
1เม.โ๓สโปทเตต่ี เมงั้ ียแ1เลป็นะแคหวลา่งมอาสรยาํ ธครญัรมขทอี่มงีควอาามรเกย่าธแรกร่ทม่ีสุดเแมหโ่งสหโนป่ึง เตเมเโมสโยี ปเตเมีย แปลว่า 1. ครนู ําแผนทท่ี วีปเอเชียหรือแผนท่แี สดงทีต่ ง้ั
อารยธรรมเมโสโปเตเมียมาใหน กั เรยี นดู
ดินแดนระหวา่ งแมน่ ้า� ๒ สาย คือ แม่น้า� ไทกรสิ และแมน่ า้� ยูเฟรทีส (ปจั จุบันคอื ดินแดนส่วนใหญ่ แลวใหแ ตละกลุมสงตัวแทนออกมาอธบิ าย
เกยี่ วกับทต่ี ้ังของอารยธรรมเมโสโปเตเมีย
ของประเทศอิรัก) ระหว่างสองฝั่งแม่น้�าท้ัง ๒ ท่หี นา ชั้นเรียน
สายเป็นพ้ืนดินที่มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะ
แก่การเพาะปลูก ความอุดมสมบูรณ์น้ีท�าให้ เอสนนุ นา 2. ครูใหน กั เรยี นกลุม ท่ี 3 สง ตัวแทนออกมา
กลมุ่ ชนตา่ งๆ ทอี่ ยโู่ ดยรอบเขา้ มาทา� มาหากนิ และ นาํ เสนอเกีย่ วกบั อารยธรรมเมโสโปเตเมยี
สรา้ งอารยธรรมขน้ึ รวมทง้ั ถา่ ยทอดอารยธรรม แมน ้าํ ยเู ฟรทสี ซูเมอร์แมน ํา้ ไทกริส เทอื กเขาซากรอส ซูซา
จากกลุ่มหน่ึงสู่กลุ่มหน่ึง ท�าให้เกิดอารยธรรม 3. ครใู หน ักเรียนชวยกนั อธิบายวา แมนํา้ ไทกรสิ
แบบผสม อุมมาลากาสซ์ และแมน าํ้ ยเู ฟรทสี มีความสําคญั ตออารยธรรม
ใ นเมโสสโ�าปหเรตับเมแียห ลค่งือก �าบเนริดิเวอณารซยูเมธรอรรม์ 2แ(Sหu่งmแeรrก) อูรุก เมโสโปเตเมียอยา งไร
และผู้สร้างสรรค์อารยธรรมเร่ิมแรกในบริเวณนี้ เทล อัลเ-อออูเบริดดู อูร์ (แนวตอบ ระหวางสองฝง แมนํา้ ทง้ั สองสาย
เปนพื้นทีท่ ีม่ ีความอดุ มสมบูรณ เหมาะแกการ
ดินแดนอาหรับ เปออราเวซีย เพาะปลกู ทําใหชนชาตติ างๆ ทอี่ ยโู ดยรอบ
เขา มาอยอู าศยั และสรา งสรรคอารยธรรมข้ึน
คอื ชาวซูเมเรยี เมือ่ ประมาณ ๔,๐๐๐-๒,๕๐๐ แผนที่แสดงทีต่ ง้ั ของอารยธรรมเมโสโปเตเมีย รวมท้งั ถายทอดอารยธรรมจากกลมุ หน่ึงสู
ปกี ่อนคริสตศ์ ักราช กลุมหน่ึง ทําใหเ กิดอารยธรรมแบบผสม)
บริเวณซเู มอรเ์ ป็นบรเิ วณทีม่ คี วามอุดมสมบูรณ์จากดินตะกอนท่ที บั ถมอย่บู นฝั่งแม่น�้า แตม่ ี
ฝนตกนอ้ ย พน้ื ทท่ี ีอ่ ยู่ห่างแมน่ ้า� จะแห้งแล้ง แต่บรเิ วณสองฝ่ังแมน่ ้า� จะมีน้า� เออ่ ท่วม ทา� ให้มคี วาม
ชุ่มชื้น บางแห่งมีน�้าขัง สภาพเช่นน้ีเป็นปัจจัยส�าคัญที่ท�าให้เกิดการสร้างสรรค์อารยธรรมข้ึน
เพราะชาวซูเมเรียได้คิดค้นหาวิธีแก้ปัญหาและ
เอาชนะธรรมชาต ิ โดยสรา้ งทา� นบกนั้ นา�้ บรเิ วณ
สองฝั่งแม่น�้า ขุดคลองระบายน�้า ท�าประตูน�้า
ใสนรก้าางรอท่าา�งเเกกษ็บตนร�้ากแรลระมเข 3ก่ือลนา่ กวไั้นดนว้ �้าา่ เเพปื่อน็ ประรบะโบยกชานร์
ชลประทานครั้งแรกของโลก
นอกจากน ้ี ชาวซเู มเรยี ยงั รจู้ กั ประดษิ ฐล์ อ้
ท�าให้การขนส่งสินค้าไปแลกเปล่ียนกับดินแดน
ใกลเ้ คยี งมคี วามสะดวกรวดเรว็ มากยงิ่ ขนึ้ ทงั้ ยงั
สร้างวงล้อท่ีประกอบกับเพลาเพ่ือใช้กับเกวียน
และรถศึก ท�าให้นักรบบนรถศึกสามารถสู้รบ รถศกึ ใชล าลากของนกั รบแหง อรู แสดงใหเ หน็ วา ชาวซเู มเรยี
ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ เปน ชนเผา แรกท่รี ูจกั ประดษิ ฐว งลอ
155
แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด นกั เรยี นควรรู
เหตุใดบรเิ วณทรี่ าบลมุ แมนํ้าจึงเปน แหลง สําคัญในการใหก าํ เนดิ อารยธรรม 1 เมโสโปเตเมีย เปน คําภาษากรกี แปลวา ระหวางแมน ้าํ ดินแดนทช่ี าวกรีก
1. เพราะเปน บรเิ วณทม่ี ีความสงบรม เย็น เรียกวาเมโสโปเตเมียนต้ี งั้ อยูในบริเวณลมุ แมน้ําไทกรสิ และยูเฟรทีส ซ่ึงเปน สว นหนง่ึ
2. เพราะเปน ศูนยก ลางในการติดตอคา ขาย ของดินแดนรูปพระจนั ทรเส้ียวอนั อดุ มสมบรู ณท ี่ทอดโคง ขนึ้ ไปจากฝงทะเล
3. เพราะมีความอุดมสมบรู ณในการดาํ รงชพี เมดเิ ตอรเรเนียนและอาวเปอรเ ซีย
4. เพราะอารยธรรมตอ งอาศยั น้าํ ในการสรา ง 2 บริเวณซเู มอร เปน บริเวณทน่ี ักประวตั ิศาสตรใหค วามสําคัญวา เปนจุดเริ่มตน
ของเมืองแหง แรกของโลกและเปนจุดเรม่ิ ตน ของสมัยประวัตศิ าสตร เนอื่ งจาก
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. จะเห็นไดวา บริเวณชมุ ชนทเี่ ปนแหลง ชาวซเู มเรียเปน ชนชาตแิ รกท่ปี ระดษิ ฐต ัวอักษรเพอื่ บนั ทึกเรอื่ งราวตางๆ
3 เกษตรกรรม ชาวเมโสโปเตเมียไดป ระดิษฐคดิ คน วิธชี วยเพมิ่ ผลผลิตทาง
อารยธรรมโบราณของทวีปเอเชียท้ัง 3 แหลง (ยกเวนภูมภิ าคเอเชียตะวนั ออก เกษตรกรรมในพืน้ ทีแ่ ถบน้ี เชน การประดษิ ฐคนั ไถสํารดิ สําหรับไถนาและนาํ ววั คู
เฉยี งใต) ไดแก อารยธรรมเมโสโปเตเมียในภมู ิภาคเอเชียตะวันตกเฉยี งใต มาเทียมคันไถ การประดิษฐวงลอ เพอ่ื ใชกบั เกวยี นและรถศกึ การขดุ คคู ลองสง น้ํา
อารยธรรมอนิ เดยี ในภมู ภิ าคเอเชยี ใต อารยธรรมจนี ในภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออก ขนาดเล็กตอ จากแมน ํา้ เพื่อระบายไปยงั พน้ื ทเ่ี พาะปลูก เปนตน
ลวนตัง้ อยใู นบริเวณท่รี าบลุมแมนา้ํ เพราะเปน บริเวณที่มีความอุดมสมบรู ณ
ท่ีสดุ ซึง่ มีดนิ ทเี่ กดิ จากการทับถมของตะกอนทีแ่ มนา้ํ พดั พามา จึงเหมาะแก คู่มอื ครู 155
การเพาะปลูก อกี ท้งั สะดวกในการคมนาคมติดตอกบั ดินแดนตา งๆ
ดวยความอดุ มสมบูรณด งั กลาวทาํ ใหมกี ลมุ ชนตา งๆ เขา มาต้ังถ่นิ ฐาน
และสรางสรรคอารยธรรมข้ึน
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู้
1. ครใู หนกั เรยี นชวยกนั บอกวา ชาวซูเมเรยี ซิกกแู รตแหงนครอูร (Ur) เปนส่ิงกอสรางของช1าวซูเมเรยี เพอ่ื ใชประกอบพิธีกรรมทางศาสนา สรา งดวยดินเหนยี วตากแหง
มีความสําคญั ตอ อารยธรรมเมโสโปเตเมยี
อยา งไร บนยอดสงู สดุ ทําเปน วหิ ารสําหรับบชู าเทพเจา
(แนวตอบ ชาวซูเมเรยี เปน ผูสรางสรรคอ ารยธรรม
เร่มิ แรกในบริเวณซเู มอร เปนผคู ิดคน หาวธิ ี ชาวซูเมเรียมกี ารปกครองแบบนครรัฐ (City States) แต่ละนครรฐั ประกอบดว้ ยบรเิ วณเมือง
แกป ญหาและเอาชนะธรรมชาติ โดยการสรา ง พื้นที่เกษตรกรรม และหมู่บ้านท่ีอยู่รอบๆ บริเวณส�าคัญของเมือง คือ วัดหรือสถานท่ีศักดิ์สิทธิ์
ทํานบกัน้ นา้ํ ขุดคลองระบายนํ้า ทาํ ประตนู ้าํ ซ่ึงเป็นท่ีประทับของเทพเจ้า เรยี กว่า ซิกกูแรต (Ziggurat) ซ่งึ มีรปู ร่างคล้ายพรี ะมดิ (Pyramid)
สรา งอางเก็บนา้ํ เข่ือนกั้นนํ้า เพื่อประโยชนใ น ของอียิปต์ ชาวซูเมเรียเป็นชนชาติแรกที่รู้จักประดิษฐ์ตัวอักษร โดยพระได้คิดค้นวิธีการเขียน
การทาํ เกษตรกรรม ซึง่ ถือเปน ระบบชลประทาน เปน็ ภาพบนแผ่นดนิ เหนยี ว โดยเขยี น
คร้ังแรกของโลก ท้ังยังรจู กั ประดษิ ฐว งลอ ทาํ ให ดว้ ยปากกาทท่ี า� จากตน้ ออ้ ตรงปลาย
การขนสง สนิ คา ทาํ ไดส ะดวกและรวดเรว็ เปน ตน ) ท�าเป็นรูปสามเหล่ียม เมื่อเขียน
ลงบนแผ่นดินเหนียวจะท�าให้เกิด
2. ครนู าํ ภาพเกีย่ วกบั สิ่งประดิษฐหรอื ส่งิ กอสราง ลักษณะคล้ายรูปลิ่ม จึงเรียกว่า
ของชาวซเู มเรียมาใหนักเรยี นดู แลวใหน กั เรยี น อักษรคูนิฟอรม (Cuneiform) หรือ
ชว ยกนั บอกวา เปน ภาพอะไร และมคี วามสาํ คญั อักษรล่ิม เม่ือเขียนเสร็จแล้วจึงน�า
อยางไร เชน แผน่ ดนิ เหนยี วไปผงึ่ แดดหรอื เผาไฟ
• ซิกกูแรต
(แนวตอบ เปน ส่ิงกอ สรา งของชาวซเู มเรยี
สรางดวยดินเหนียวตากแหง บนยอดสูงสดุ
ทาํ เปนวิหารสาํ หรับบูชาเทพเจา และใช
ประกอบพธิ กี รรมทางศาสนา)
• อกั ษรคนู ิฟอรม
(แนวตอบ ชาวซูเมเรีย เปนชนชาตแิ รก
ทรี่ ูจ ักประดิษฐตัวอักษร ซึง่ มลี ักษณะ
คลายรปู ลิ่ม จึงเรียกวา อักษรคูนิฟอรม
โดยจารกึ ลงบนแผน ดินเหนยี ว เมอื่ ชนชาตอิ น่ื
เขา มาอาศยั อยใู นเมโสโปเตเมยี ก็ไดใ ชอ ักษร
คนู ิฟอรมของชาวซูเมเรยี นสี้ ืบมา)
ให้แห้ง และเม่ือชนชาติอื่นเข้ามา
อาศัยอยู่ในเมโสโปเตเมียก็ได้ใช้
อักษรคูนิฟอรม จารึกลงบนแผนดินเหนยี ว มอี ายปุ ระมาณ ๗๐๐ ปก อน อักษรคูนิฟอร์มของชาวซูเมเรียสืบ
คริสตศักราช พบท่เี มืองนิเนเวหใ นเมโสโปเตเมยี แสดงขอ ความเกีย่ วกับ ต่อมา
ความรทู างดา นดาราศาสตร
156
เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET
ซกิ กูแรตในอารยธรรมเมโสโปเตเมยี ถูกสรางขึน้ ดว ยวตั ถปุ ระสงคในขอใด
ครูใหน กั เรียนศกึ ษาเพ่ิมเติมเกย่ี วกบั กลมุ ชนตา งๆ ของอารยธรรมเมโสโปเตเมยี 1. บูชาเทพเจา
ไดแก ชาวซเู มเรีย ชาวอคั คาเดียน ชาวอะมอไรต ชาวคัสไซต ชาวอัสซเี รยี น 2. ฝงพระศพกษัตริย
ชาวแคลเดียน แลว ใหนกั เรียนบนั ทึกลักษณะสาํ คญั ของแตล ะกลมุ ชนลงสมดุ นาํ สง 3. ติดตอกับเพ่อื นบาน
ครผู ูสอน 4. แสดงความย่ิงใหญ
วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. ซกิ กูแรต (ziggurat) จดั เปน ผลงาน
นักเรียนควรรู ดานสถาปตยกรรมของชาวซเู มเรยี ซึง่ เปน ชนชาตแิ รกท่เี ขามาตัง้ ถน่ิ ฐานใน
เมโสโปเตเมยี เพ่ือใหเปน เทวสถานในการบชู าเทพเจา เพอ่ื ไมใ หพ ระองคท รง
1 เทพเจา ชาวเมโสโปเตเมียมีความเช่อื วาเทพเจาสูงสงกวามนษุ ยแ ละเปน อมตะ ขนุ เคอื งและลงทณั ฑมนษุ ยด วยภยั ตา งๆ รวมทั้งเปนทีส่ อนหนงั สือใหแก
ทรงมีฤทธานุภาพแผป กคลุมไปท่วั ทกุ หนทกุ แหง ทั้งดวงอาทิตย ดวงจนั ทร นกั บวชรุนเยาวเพ่อื ใหม คี วามรตู างๆ และอานออกเขียนได ซิกกแู รตมกั จะ
ลมฟาอากาศ หรือทองไรท องนา จะมีเทพเจาสถติ อยู นอกจากนยี้ ังเช่อื วาภูตผีปศาจ สรา งดวยอิฐ โดยมีฐานที่ยกสูงจากพ้ืนดนิ ขางบนทําเปน วหิ ารของเทพเจา
มอี ํานาจดลบนั ดาลใหเ กดิ เภทภัยตางๆ เชน เกดิ โรคภัยไขเ จ็บ พายุ เปน ตน โดยมบี ันไดทอดยอดขน้ึ ไป
ดังนัน้ ชาวเมโสโปเตเมยี จงึ ตองสวดออนวอนเทพเจาเพอ่ื ไมใหพระองคทรงขุนเคอื ง
และลงทณั ฑม นษุ ย
156 คมู่ อื ครู
กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู้
ชาวซูเมเรียนับถือเทพเจ้าหลายองค์ 1ในแต่ละนครรัฐต่างๆ มีการบูชาเทพเจ้าของตัวเอง 1. ครูสนทนากบั นกั เรยี นวา เมอื่ ชาวซเู มเรียเส่ือม
มแลหะาไกมา่เพชยื่อกเรลิ ื่อกงาวเิญมชญ2า(Gณilเgปa็นmอeมsตhะ) ซคง่ึ วเาปม็นเวชรื่อรทณากงรศรามสเนรา่ือถงูกแถรก่ายขทองอโดลอกอกมาทางวรรณกรรมเร่ือง อํานาจลง ชนชาติทม่ี บี ทบาทตอมา คอื
จ นั ทรคผตลิ ง๑าน ปกมีารี ส๑ร๒้า งเสดรือรนค์ ท๑่ีส �าเคดัญอื ขนอมงี ช๒า๖วซ๒๑ูเม วเนั ร ียกยาังรมคีอดิ ีกคหน้ ลวาธิ ยีกเารร่ือคงดิ เเลชข่นด ว้ ทย�าวปิธฏีบิทวกิน เปลบ็น แคบณูบ ชาวอคั คาเดียน จากนน้ั ครูใหนกั เรียนชว ยกนั
รู้จักน�าดินเหนียวมาตากแดดและเผาไฟให้แห้งเพ่ือน�ามาใช้ก่อสร้าง เพราะบริเวณที่ชาวซูเมเรีย ยกตวั อยางกษัตรยิ ท่ีสาํ คญั ของชาวอัคคาเดยี น
อาศยั อย่ขู าดแคลนหนิ และไมส้ า� หรับก่อสรา้ ง แต่ดินเหนียวมอี ยู่ทกุ ท่ ี ชาวซูเมเรยี จึงนา� ดินเหนียว และผลงานทส่ี าํ คัญของกษัตริยพ ระองคน น้ั
มาใช้ประโยชน์ เชน่ สรา้ งบ้าน วัด ก�าแพง เป็นตน้ (แนวตอบ เชน พระเจา ฮมั มรู าบี ไดต งั้ อาณาจกั ร
เม่อื ชาวซูเมเรียเสอื่ มอา� นาจ ผู้ทส่ี บื ทอดอา� นาจต่อมา คอื พวกอัคคาเดียน มีกษตั รยิ ์ คือ บาบิโลนขึ้นเมือ่ 1,760 ปกอนครสิ ตศกั ราช
พระเจา้ ซาร์กอนท่ ี ๑ (Sargon I) และตอ่ มากถ็ ูกพวกอะมอไรต์เข้าครอบครอง กษตั ริยท์ ส่ี �าคญั คอื พระองคไดส รา งประมวลกฎหมายฮัมมรู าบีขนึ้
พระเจ้าฮัมมูราบี (Hammurabi) ตั้งอาณาจักรบาบิโลนข้ึนเม่ือ ๑,๗๖๐ ปีก่อนคริสต์ศักราช ซึง่ นบั เปนประมวลกฎหมายทเ่ี กาแกทีส่ ดุ
มีเมืองหลวงอยู่ที่กรุงบาบิโลน และมีอ�านาจปกครองพื้นที่ทั้งหมดทางตอนใต้ของเมโสโปเตเมีย ของโลก)
ผลงานสา� คญั ทพี่ ระเจา้ ฮมั มรู าบที รงสรา้ งไว ้ คอื ประมวลกฎหมายฮมั มรู าบ ี (Code of Hammurabi)
น บั เปน็ หปลรงั ะจมาวกลสกมฎยั หพมระาเยจทา้ เ่ีฮกมั ่ามแรูกา่ทบ่สี ี ุดอาขณองาโจลกั กรเกดิ ความแตกแยก เพราะมชี นกลมุ่ ใหม3ร่ กุ รานเพอื่ 2. ครใู หนักเรียนศึกษาเรอ่ื งนา รเู กีย่ วกบั ประมวล
ยดึ ครองดนิ แดนเมโสโปเตเมยี แตอ่ ารยธรรมของชาวซเู มเรยี และชาวบาบโิ ลนยงั คงสบื ทอดตอ่ เนอื่ ง กฎหมายฮมั มรู าบจี ากหนงั สือเรยี น หนา 157
กันมา แลว ใหน กั เรยี นชว ยกันวิเคราะหว า ประมวล
เรื่องนา รู กฎหมายฮมั มรู าบมี ีลกั ษณะสาํ คญั อยา งไร
และมผี ลตออารยธรรมเมโสโปเตเมยี อยา งไร
ประมวลกฎหมายฮมั มรู าบี (แนวตอบ ประมวลกฎหมายฮัมมูราบียดึ หลกั
ประมวลกฎหมายฮมั มรู าบจี ารกึ ลงบนศลิ าสดี าํ ทรงกระบอก บนยอดหวั เสา ตอบแทน หรือตาตอ ตา ฟน ตอ ฟน เชน ผูใ ด
ลักขโมยสิง่ ของจากวดั หรือบา นผูอ ืน่ ผนู ้ันตอ ง
สลักรูปเทพเจามารดุก (Marduk) กําลังประทานกฎหมายใหแกพระเจาฮัมมูราบี ถูกประหารชวี ติ เปนตน ประมวลกฎหมายนี้
ประมวลกฎหมายนย้ี ดึ หลกั ตอบแทน หรอื ตาตอ ตา ฟน ตอ ฟน และเปน กฎหมายท่ี ทาํ ใหประชาชนเกรงกลัว สงั คมจึงสงบสุข
เกย่ี วขอ งกบั ชวี ติ ของผคู นทอ่ี ยใู นจกั รวรรดิ เชน ถา ผใู ดลกั ขโมยสง่ิ ของจากวดั หรอื บา น และอาณาจกั รเจริญรุงเรอื ง)
ผอู น่ื ผนู น้ั ตอ งถกู ประหารชวี ติ ผใู ดรบั ทรพั ยส นิ ทล่ี กั ขโมยมา ผรู บั ตอ งถกู ประหารชวี ติ
เปน ตน กฎหมายฮมั มรู าบยี งั สะทอ นใหเ หน็ สภาพสงั คมในสมยั นน้ั วา เปน สงั คมทม่ี ี
ชนชน้ั ประกอบดว ย ๓ ชนชน้ั ไดแ ก ชนชน้ั ผดู ี มตี าํ แหนง ทางศาสนาและการเมอื ง
ชนชน้ั กลาง ไดแ ก ประชาชนทว่ั ไป ชา งฝม อื พอ คา ชนชน้ั กรรมกรและทาส ซง่ึ กฎหมาย
ไดก าํ หนดบทลงโทษโดยใหอ ภสิ ทิ ธแ์ิ กช นชน้ั สงู เชน ถา ทาํ ผดิ แบบเดยี วกนั ชนชน้ั สงู
ไดรับโทษปรับ แตคนธรรมดาตองไดรับโทษตามท่รี ะบุในกฎหมาย แตกฎหมาย
ฮมั มรู าบไี ดใ หค วามเหน็ ใจชนชน้ั ลา งดว ยเชน กนั เชน อนญุ าตใหค นจนจา ยคา รกั ษา
พยาบาลนอ ยกวา คนรวย เปน ตน การมปี ระมวลกฎหมายทาํ ใหป ระชาชนเกรงกลวั
ไมก ลา ทาํ ผดิ สง ผลใหส งั คมสงบสขุ และอาณาจกั รเจรญิ รงุ เรอื ง
157
แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด นกั เรยี นควรรู
ประมวลกฎหมายฮัมมรู าบมี ีความสําคัญตอ อาณาจักรบาบิโลนอยางไร 1 เทพเจา หลายองค เชน เทพเจา แหง ทอ งฟา เทพเจาแหงดวงอาทติ ย เทพเจา
แนวตอบ ประมวลกฎหมายฮมั มรู าบจี ารกึ ลงบนศลิ าดาํ ทรงกระบอก บนยอด แหงพ้นื ดิน เทพเจา แหงพนื้ นํ้า เปนตน
หวั เสาสลกั รปู เทพเจา มารด กุ กาํ ลงั ประทานกฎหมายใหแ กพ ระเจา ฮมั มรู าบี 2 มหากาพยกลิ กาเมช เปนมหากาพยทีเ่ กาแกเรื่องหน่งึ ของโลก เขยี นลงบน
นบั เปน ประมวลกฎหมายทเี่ กา แกท ส่ี ดุ ของโลก โดยยดึ หลกั ตอบแทนหรอื แผนดนิ เผาขนาดใหญ จาํ นวน 12 แผน กลา วถงึ การผจญภยั ของกิลกาเมช
ตาตอ ตา ฟน ตอ ฟน เชน กฎหมายระบวุ า “ถา บคุ คลใดทาํ ลายดวงตาของอกี ประมุขและวีรบรุ ษุ แหงอูรุก กลิ กาเมชพยายามแสวงหาชีวิตอมตะแตล มเหลว
ผหู นง่ึ ดวงตาของบคุ คลนนั้ จะถกู ทาํ ลายเชน กนั ” เปน ตน นอกจากนี้ กฎหมาย ไมอ าจเอาชนะความตายได มแี ตเ ทพเจา เทา นนั้ ทเ่ี ปน อมตะ นอกจากน้ี ในมหากาพย
ฮมั มรู าบยี งั สะทอ นใหเ หน็ สภาพสงั คมในสมยั นนั้ วา เปน สงั คมทมี่ ชี นชน้ั ยงั ปรากฏเรื่องราวเกี่ยวกบั น้ําทวมคร้ังใหญ ดงั ท่ีเกิดขึน้ ในพนั ธสัญญาเกาของพวก
ทปี่ ระกอบดว ย 3 ชนชนั้ ไดแ ก ชนชนั้ ผดู ี มตี าํ แหนง ทางศาสนาและการเมอื ง ฮิบรูดว ย
ชนชน้ั กลาง ไดแ ก ประชาชนทว่ั ไป ชา งฝม อื พอ คา และชนชน้ั กรรมกรและ 3 ชนกลมุ ใหม เชน พวกฮิตไตต พวกอัสซีเรยี นซ่ึงมีศนู ยกลางการปกครองที่
ทาส แมว า กฎหมายฮมั มรู าบไี ดก าํ หนดบทลงโทษโดยใหอ ภสิ ทิ ธแ์ิ กช นชนั้ สงู เมอื งนเิ นเวห พวกคาลเดยี นซ่งึ ตง้ั อาณาจักรคาลเดียนหรือบาบโิ ลนใหม กษัตริย
แตก ฎหมายกไ็ ดใ หค วามเหน็ ใจชนชนั้ ลา งดว ยเชน กนั เชน อนญุ าตใหค นจน องคส าํ คญั ไดแ ก พระเจา เนบูคัดเนซซาร โปรดใหสรา งสวนลอยแหง บาบโิ ลน
จา ยคา รกั ษาพยาบาลนอ ยกวา คนรวย เปน ตน การมปี ระมวลกฎหมายทาํ ให นบั เปน 1 ใน 7 ส่ิงมหศั จรรยข องโลกยุคโบราณ หอคอยแหงบาเบล อาณาจกั ร
ประชาชนเกดิ ความเกรงกลวั ไมก ลา ทาํ ผดิ สง ผลใหส งั คมมคี วามสงบสขุ บาบโิ ลนใหมตอ มาถูกเปอรเซยี ยึดครอง
และอาณาจกั รเจรญิ รงุ เรอื ง
คมู่ อื ครู 157
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore
Explain Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้
1. ครถู ามนกั เรยี นในชน้ั เรยี นวา มใี ครนบั ถอื ศาสนา อ1า.ร4ยธรทรี่ตมอ้ังิสแลลามะ คคือว าอมารสยาํธครรัญมทข่ีเปอน็ งผอลามรายจาธกรอรทิ มธิพอลิสขลองาศมาสนาอสิ ลาม 1แม้ว่าศาสนา
อิสลามบาง หรอื นกั เรยี นรูจักคนทน่ี บั ถอื ศาสนา
อิสลามบา งหรอื ไม และนกั เรยี นรหู รือไมวา อิสลามมีแหล่งก�าเนิดในภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ และชาวอาหรับมีบทบาทส�าคัญในการให้
ศาสนาอิสลามมแี หลงกาํ เนิดที่ใด ก�าเนิดศาสนาอิสลามและสร้างสรรค์อารยธรรม แต่ศาสนาอิสลามได้รับการนับถือจากชาวมุสลิม
(แนวตอบ ศาสนาอสิ ลามมีแหลงกําเนดิ ในภูมิภาค ชนชาตอิ ืน่ ๆ จา� นวนมากและตา่ งมบี ทบาทในการสร้างสรรค์อารยธรรมอิสลาม
เอเชียตะวันตกเฉียงใต) อารยธรรมอสิ ลามมแี หลง่ ก�าเนิดในคาบสมทุ รอาระเบีย ต่อมาได้ถกู เผยแผ่ไปยังภูมิภาคอน่ื
ของทวีปเอเชีย แอฟริกา และยโุ รป ผ่านการคา้ การทา� สงคราม และการเผยแผศ่ าสนาอสิ ลามโดย
2. ครูใหน ักเรยี นกลมุ ท่ี 4 สง ตัวแทนออกมา พวกนกั สอนศาสนาท่เี ดินทางไปยงั ดินแดนตา่ งๆ อารยธรรมอสิ ลามท่สี �าคญั เช่น สถาปตั ยกรรม
นําเสนอเก่ียวกับอารยธรรมอิสลามทหี่ นา จติ รกรรม วิทยาการความรแู้ ขนงตา่ งๆ ทัง้ คณิตศาสตร ์ แพทยศาสตร ์ ภูมิศาสตร์ อักษรศาสตร ์
ชัน้ เรยี น ปรัชญา เป็นตน้ (ดูรายละเอียดเพ่ิมเติมในหวั ข้อท ่ี ๒ อิทธิพลของอารยธรรมโบราณฯ)
3. ครูสมุ นักเรยี นสรุปเก่ียวกบั ความสาํ คัญของ ò. Íิ·¸พิ Å¢ÍงÍารย¸รรมâºรา³·èมี ีµ่Í·วปี เÍเªยี ãนป˜จจºØ นั
อารยธรรมอิสลาม
(แนวตอบ อารยธรรมอสิ ลามไดร บั การเผยแพร อารยธรรมโบราณทัง้ อารยธรรมจนี อินเดีย เมโสโปเตเมยี และอิสลาม ไดม้ ีการสรา้ งสรรค์
ทง้ั ในทวีปเอเชีย แอฟรกิ า และยุโรป ผานการคา และด�าเนินมาอย่างต่อเน่ืองท้ังภายในภูมิภาคนั้นๆ และในหมู่ผู้นับถือศาสนาอิสลาม รวมท้ังได้
การทําสงคราม และนักสอนศาสนา มรดกทาง ถูกถ่ายทอดไปยังภูมิภาคอ่ืนในทวีปเอเชียด้วยกัน ส�าหรับตัวอย่างอิทธิพลของอารยธรรมโบราณ
อารยธรรมอสิ ลามทสี่ าํ คญั เชน สถาปต ยกรรม ทีม่ ตี อ่ ทวีปเอเชียในปัจจบุ นั มดี งั น้ี
จติ รกรรม วิทยาการแขนงตา งๆ ท้ังคณติ ศาสตร
แพทยศาสตร ภมู ิศาสตร อกั ษรศาสตร เปน ตน) 2.1 ดา นศาสนาและลทั ธคิ วามเชอ่ื
ขยายความเขา้ ใจ Expand ทวีปเอเชยี เป็นแหล่งกา� เนดิ ศาสนาส�าคัญขอฮงโนิ ลดก ู ศเาชส่นน าพยรดู ะาพหุท2 ์ คธศรสิาตสศ์นาาส ศนาาส ศนาาสพนราาอหสิ มลณาม์ -
ครูใหนกั เรียนแตละกลุมจัดปา ยนเิ ทศเกย่ี วกบั รวมท้ังมีลัทธิความเช่ือที่ได้รับการนับถือ เช่น
แหลงอารยธรรมในทวีปเอเชียตามท่ีไดไ ปศึกษา ลทั ธขิ งจอ๊ื ลทั ธิเต๋า เปน็ ตน้
คนควา โดยมีภาพหรือแผนทป่ี ระกอบ หรืออาจใช ๑) อิทธิพลของอารยธรรมจีน
แผน ปา ยโปสเตอรทใี่ ชในการรายงานหนา ช้ันเรยี น ด้านศาสนาและลัทธิความเชื่อ ได้แก่ ลัทธิ
ประกอบดว ยก็ได พรอมตกแตง ใหสวยงามเพ่ือเปน ขงจ๊ือและลัทธิเต๋า ทั้งสองลัทธิมีอิทธิพลอย่าง
แหลง เรียนรใู นช้นั เรยี น กว้างขวาง ท้ังทางด้านการเมืองการปกครอง
ตรวจสอบผล Evaluate ธรรมเนียมประเพณี ปรัชญา ความเชื่อ การ
ศึกษา ศลิ ปะ การดา� เนินชวี ิตประจา� วัน และมี
1. ครตู รวจโปสเตอรท่ีตัง้ และความสําคัญของ อทิ ธพิ ลตอ่ ประเทศเพอ่ื นบา้ น เชน่ เกาหล ี ญป่ี นุ
แหลง อารยธรรมในทวีปเอเชียและปา ยนิเทศ วดั วนั เหมยี ว ประเทศเวียดนาม สรางขึน้ เม่ือ ค.ศ. ๑๐๗๐ เวียดนาม และคนจีนท่ีอพยพไปท�ามาหากิน
เกีย่ วกับแหลงอารยธรรมในทวปี เอเชีย เพ่ืออุทิศใหแกขงจ๊ือ ปราชญชาวจีนผูยึดม่ันในคุณธรรม ในประเทศตา่ งๆ รวมทั้งในประเทศไทย
มนุษยธรรม
2. ครูสังเกตพฤติกรรมความมีสวนรว มในการ
ตอบคําถามและการแสดงความคิดเห็นของ 15๘
นกั เรียน
เกรด็ แนะครู ขอ สอบ O-NET
ขอ สอบป ’52 ออกเกยี่ วกับอิทธิพลของอารยธรรมตะวนั ออกท่ีมีตอ ไทย
ครูอธบิ ายเพ่มิ เติมเก่ียวกับลัทธเิ ตา (Taoism) และสญั ลกั ษณห ยนิ -หยางวา อารยธรรมตะวันออกขอใดทมี่ ผี ลตอประเทศไทยในดานเศรษฐกจิ
หยิน-หยางเปนกฎแหงความสมดลุ ของธรรมชาติ เปน ปรชั ญาของลทั ธิเตาทเี่ ชอื่ วา 1. การใชป ฏิทนิ
สรรพส่งิ บนโลกจะตอ งมีสง่ิ คูก นั เสมอ หากขาดสิง่ ใดส่ิงหน่งึ หรอื มสี ิง่ ใดสง่ิ หนึง่ 2. การทําเครอ่ื งสงั คโลก
มากเกินไปหรือนอยเกนิ ไป ก็จะเกิดภาวะไมส มดุลซ่ึงจะนาํ หายนะมาให 3. การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย
4. พระมหากษตั รยิ ตามแบบธรรมราชา
นักเรยี นควรรู วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. การทําเคร่ืองสงั คโลกสมัยสุโขทัยไดร ับ
อิทธิพลทางเทคนิควิธกี ารผลิตจากจนี จดั เปน งานหัตถกรรมที่สรางรายได
1 ศาสนาอสิ ลาม เปน ศาสนาทน่ี ับถอื พระเปน เจา เพยี งองคเ ดียว คือ อัลลอฮ ใหแ กส ุโขทัยเปนอยางมาก
มมี ฮุ ัมมัดเปนศาสดา หลังจากศาสดามุฮมั มัดสนิ้ พระชนมแลว ศาสนทายาทของ
พระองค คอื เคาะลฟี ะหห รอื กาหลบิ หรอื สลุ ตา น ไดท าํ หนา ทเี่ ผยแผศ าสนาอสิ ลามตอ
2 ศาสนายูดาห เปนศาสนาด้งั เดิมของชาวฮิบรหู รอื ชาวยิว นบั ถอื พระเจา
เพยี งองคเ ดยี ว คอื พระยาหเ วห เปน พื้นฐานสําคัญของคริสตศ าสนาและศาสนา
อสิ ลามในเวลาตอมา
158 คมู่ อื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Engage
กระตนุ้ ความสนใจ
หลกั ค�าสอนของลัทธิขงจ๊ือ1ท่ีเนน้ เร่อื งมนุษยธรรม ความกตัญูกตเวท ี การเซ่นไหว้ ครูนําภาพหรือยกตวั อยา งเกี่ยวกบั อิทธพิ ล
บชู าบรรพบรุ ษุ ทล่ี ว่ งลบั ไปแลว้ ทา� ใหค้ นจนี และผทู้ นี่ บั ถอื ลทั ธขิ งจอ๊ื ยดึ ถอื เรอื่ งความกตญั กู ตเวที ของอารยธรรมโบราณที่มตี อทวปี เอเชยี หรอื ตอ
และกราบไหวบ้ รรพบรุ ษุ ในโอกาสสา� คญั เชน่ วนั ชงิ หมงิ หรอื เชง็ เมง้ วนั ตรษุ จนี วนั สารทจนี เปน็ ตน้ ประเทศไทยในปจ จุบนั แลว ใหนักเรียนบอกวา
เปน อิทธิพลของอารยธรรมโบราณใด
ประเพณีเหล่าน้เี หน็ ได้ในหมชู่ าวจนี และคนเชื้อสายจนี รวมท้ังในประเทศไทย สา� รวจคน้ หา Explore
ส่วนลัทธิเต๋ามีค�าสอนที่ส�าคัญ คือ ให้คนปฏิบัติตนสอดคล้องกับสภาพธรรมชาติ
ไม่เปลี่ยนแปลงแก้ไขธรรมชาติ ลัทธิเต๋ามีอิทธิพลต่องานศิลปะของจีน ในภาพจิตรกรรมจีนจึง
มักเปน็ ภาพธรรมชาต ิ ภูเขา ปา ไม้ ตน้ ไม ้ กอไผ่ นก และไม่นยิ มวาดภาพคน หากมีกจ็ ะเป็นภาพ 1. ครแู ละนักเรยี นรวมกันสนทนาเก่ยี วกับ
คนเล็กๆ ทา่ มกลางธรรมชาติ ในดา้ นดนตรกี เ็ นน้ เสยี งธรรมชาต ิ เช่น ขลุ่ย พิณ เป็นตน้ อารยธรรมโบราณทง้ั อารยธรรมจีน อินเดีย
เมโสโปเตเมีย และอิสลาม วา อารยธรรม
๒) อทิ ธพิ ลของอารยธรรมอนิ เดยี ดา้ นศาสนาและลทั ธคิ วามเชอ่ื ทสี่ า� คญั ไดแ้ ก ่ เหลา น้ีนอกจากจะมอี ิทธพิ ลในภูมิภาคซ่ึงเปน
ศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ด ู และพระพทุ ธศาสนา ซง่ึ มอี ทิ ธพิ ลตอ่ ผนู้ บั ถอื ทง้ั ในดา้ นการดา� เนนิ ชวี ติ ศลิ ปะ แหลงกําเนิดแลว ยงั ไดถกู ถายทอดไปยัง
และวรรณกรรม ภูมิภาคอื่นๆ ในทวปี เอเชียดวย
ด�าเนินชีวิตน้ัน เ๒ช.่๑น) กศาารสสนรา้าพงรราูปหเคมาณร์พ- ฮเทินพดูเ จอ้าิท2ในธิพศลาสขนอางศหารสือนสาัญพลรักาษหมณณ์แ์ท-นฮินเทดพูในเจด้า้า นเกชา่นร
ศาลพระพรหม ศิวลึงค์ การประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อในศาสนา และการมีความเชื่อว่า 2. ครใู หน ักเรียนรวมกลมุ กัน 3 กลุม เพ่อื ศกึ ษา
โคเปน็ สัตวศ์ กั ดสิ์ ิทธ์ ิ ท�าให้ผู้นบั ถือศาสนาน้ีนับถือและไมท่ า� รา้ ยโค ในด้านวรรณกรรม วรรณกรรม คน ควาเกย่ี วกับอิทธิพลของอารยธรรมโบราณ
ของศาสนาพราหมณ์ - ฮินดูที่ส�าคัญ ได้แก่ มหากาพย์มหาภารตะและมหากาพย์รามายณะ ท่มี ตี อ ทวปี เอเชียในปจจุบันในดานตา งๆ ดงั นี้
(รามเกียรติ์) ทั้งสองเร่ืองเป็นวรรณกรรมในศาสนาพราหมณ์ - ฮินดูลัทธิไวษณพนิกาย ซึ่งนับถือ กลุมที่ 1 ดา นศาสนาและลทั ธิความเช่ือ
พระวิษณุหรือพระนารายณ์ โดยเฉพาะในเรื่องมหาภารตะมีเนื้อหาส�าคัญตอนหนึ่ง เรียกว่า กลมุ ที่ 2 ดานอักษรศาสตร
ภควทั คตี า เป็นส่วนท่กี ล่าวถงึ ปรชั ญา ศาสนา กลมุ ท่ี 3 ดา นศลิ ปวทิ ยาการและภมู ปิ ญ ญา
และจริยธรรมในการด�าเนินชีวิตของชาวฮินดู ครใู หนกั เรยี นแตล ะกลมุ ไปศึกษาคนควา
ซง่ึ ชาวฮนิ ดถู อื วา่ เปน็ สว่ นทส่ี า� คญั ทสี่ ดุ สว่ นเรอ่ื ง ตามหัวขอ ท่ไี ดร ับมอบหมายจากหนังสอื เรยี น
รามายณะ ชาวฮินดูนับถือ พระราม ซ่ึงเป็น หนา 158-164 หรือจากแหลง การเรียนรตู า งๆ
ผู้มีความประพฤติดี มีคุณธรรม เป็นตัวอย่าง เพ่มิ เตมิ จากน้นั ใหแ ตล ะกลุม จดั ทาํ เปน
ท่ีควรปฏิบัติตาม วรรณกรรมเรื่องรามายณะน้ี สมดุ ภาพพรอ มมเี น้อื หาประกอบ เพอ่ื นาํ เสนอ
หนาช้ันเรยี น
ไดร้ บั ความนยิ มแพรห่ ลายในดนิ แดนตา่ งๆ ทรี่ บั อธบิ ายความรู้ Explain
วฒั นธรรมอนิ เดยี เชน่ ไทย กมั พชู า อนิ โดนเี ซยี
ท�าให้มีผลต่อการสร้างสรรค์อารยธรรมด้าน 1. ครทู บทวนความรโู ดยใหน กั เรยี นชว ยกนั บอกวา
ศจิตลิ ปรกะขรรอมงชฝนาชผานตังเิ3 หแลลา่ นะกดี้ าว้ รยแ เสชดน่ ง กโาขรนวใานดเภรา่ือพง มศี าสนาและลทั ธคิ วามเชอื่ ใดบา งที่มี
รามเกียรติ ์ เป็นตน้ จิตรกรรมฝาผนังเร่ืองรามเกียรต์ิในวัดพระเจดียเงิน แหลง กาํ เนดิ ในทวปี เอเชีย
กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา แสดงใหเห็นถึงการไดรับ
อิทธิพลทางศาสนาพราหมณ - ฮนิ ดูจากอินเดยี 2. ครใู หต วั แทนกลมุ ที่ 1 นาํ สมดุ ภาพอทิ ธพิ ลของ
อารยธรรมโบราณทม่ี ตี อทวีปเอเชยี ในปจ จุบัน
159 ดานศาสนาและลัทธิความเชอื่ มานาํ เสนอ
หนา ช้ันเรยี น
แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tดิ นกั เรยี นควรรู
ศาสนาพราหมณ-ฮนิ ดู และพระพุทธศาสนามอี ทิ ธพิ ลตอผคู นในทวีปเอเชยี 1 ลทั ธิขงจอ๊ื นอกจากเนน เรื่องมนษุ ยธรรมแลว ยังเนนความสาํ คัญในเรอ่ื งการ
อยางไร ปฏิบัติตนตามฐานะความสมั พันธท ้ัง 5 ไดแ ก ความสัมพนั ธร ะหวา งผูป กครองกบั
แนวตอบ ศาสนาพราหมณ-ฮินดแู ละพระพุทธศาสนาเปน ศาสนาทีม่ อี ทิ ธพิ ล ผูอ ยูใตป กครอง ความสัมพันธร ะหวา งบิดากับบตุ ร ความสมั พันธระหวางพ่กี ับนอง
ตอ วถิ กี ารดาํ เนนิ ชวี ติ ของประชาชนในทวปี เอเชยี โดยศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดนู น้ั ความสมั พนั ธร ะหวางสามกี ับภรรยา และความสมั พันธร ะหวางมติ รสหาย
ผนู บั ถอื ไดม กี ารสรา งรปู เคารพเทพเจา เชน พระพรหม พระนารายณ พระศวิ ะ 2 รปู เคารพเทพเจา ซง่ึ มีทั้งเทพเจา ทเ่ี ปนบุรุษและสตรี เชน พระศิวะ
เพอ่ื กราบไหวบ ชู า การมคี วามเชอื่ ในเรอ่ื งโคเปน สตั วศ กั ดส์ิ ทิ ธ์ิ เพราะเปน พาหนะ หรอื พระอิศวร พระนารายณห รือพระวิษณุ พระพรหม พระอมุ า พระแมกาลี
ของพระศวิ ะ ทาํ ใหผ ทู นี่ บั ถอื ศาสนานน้ี บั ถอื และไมท าํ รา ยโค หรอื ระบบวรรณะ (ภาคอวตารหน่ึงของพระอมุ า) เปนตน
ท่ีถือวากําเนิดมาจากอวยั วะของพระพรหม ก็ยงั มกี ารยดึ ถอื กันอยูในอนิ เดีย 3 ภาพจติ รกรรมฝาผนงั เชน ภาพจิตรกรรมฝาผนงั รอบพระระเบียง
ปจ จบุ ันโดยเฉพาะแถบชนบท วรรณกรรมในศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดเู รื่อง วดั พระศรรี ตั นศาสดารามหรือวัดพระแกว เปนเรือ่ งเกย่ี วกับพระนารายณปางตา งๆ
มหากาพยม หาภารตะและมหากาพยรามายณะ (รามเกียรติ)์ นอกจากจะมี และเร่ืองรามเกียรตติ์ ัง้ แตตนจนจบ วาดข้นึ ครง้ั แรกในรชั สมัยพระบาทสมเด็จ
อิทธิพลตอ เอเชยี ใตแ ลวกย็ ังมีอิทธพิ ลตอเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใตด วยเชน กัน พระพุทธยอดฟาจฬุ าโลกมหาราช โดยโปรดเกลา ฯ ใหเขยี นภาพรอบพระระเบียง
สว นพระพทุ ธศาสนาก็มีอิทธพิ ลตอ การดําเนนิ ชวี ติ ของผูคน เชน ประเพณี ตามบทละครเรือ่ งรามเกียรต์ิ ที่พระองคท รงพระราชนพิ นธเองใน พ.ศ. 2325
การบวช รวมถงึ หลักคําสอนทีส่ อนใหค นทาํ ความดี ละเวนความช่วั และทํา
จิตใจใหบริสุทธ์ิ ความเชอ่ื เรอ่ื งกรรม การเวียนวายตายเกิด ซ่งึ ผูค นในทวปี คู่มอื ครู 159
เอเชียทีน่ บั ถือศาสนานก้ี ็ยังคงยึดถือปฏิบตั ิกันอยูใ นปจ จบุ ัน
กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู้
ครูใหนกั เรียนแตละกลุมชวยกันยกตัวอยา ง ๒.๒) พระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนามีก�าเนิดในอินเดีย โดยผู้ให้ก�าเนิด คือ
อิทธพิ ลของอารยธรรมโบราณทม่ี ผี ลตอ ทวีปเอเชยี พระพุทธเจ้า พระพุทธศาสนามีอิทธิพลต่อผู้ท่ีนับถือมากในด้านการด�าเนินชีวิต เช่น ประเพณี
ในปจจบุ ันทางดา นศาสนาและความเช่ือ เก่ยี วกบั การเกิด การตาย การบวช การเรียนหนังสือที่วดั รวมทั้งมีการนา� หลกั คา� สอนมาประยกุ ต์
ใช้ในการด�าเนินชีวิต เชน่ การท�าความดี ละเว้นความชว่ั ทา� จิตใจให้บริสุทธ์ ิ การมีความเช่ือเรอ่ื ง
(แนวตอบ กรรม การเวียนว่ายตายเกิด การใช้ปัญญาใน
• อารยธรรมจีน เชน ลทั ธขิ งจ๊อื ทเ่ี นน เร่อื งความ การแก้ไขปัญหา นอกจากนี้ยังมีการสร้างสถูป
เจดยี ์ พระพุทธรูปทมี่ ีรปู แบบศิลปะแตกต่างกัน
กตญั กู ตเวที จงึ มีการกราบไหวบรรพบรุ ษุ ไปในแตล่ ะแหง่ แตล่ ะยคุ สมยั ซงึ่ สะทอ้ นใหเ้ หน็
ในโอกาสตางๆ เชน วันเช็งเมง วนั ตรษุ จนี ถงึ การสรา้ งสรรคอ์ ารยธรรมทางดา้ นภมู ปิ ญั ญา
วันสารทจีน เปน ตน และลทั ธเิ ตาทเ่ี นนเร่อื ง และศิลปะของมนุษยชาติ พระพุทธศาสนามี
ธรรมชาติ ซง่ึ มีอทิ ธพิ ลตองานจติ รกรรม ความเจริญรุ่งเรืองในอินเดียเป็นเวลาประมาณ
และดนตรี เปนตน ๑,๐๐๐ ป ี กอ่ นจะเสือ่ มความนิยม ในช่วงเวลา
• อารยธรรมอนิ เดยี เชน ศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู 1 ที่รุ่งเรืองน้ัน พระพุทธศาสนาได้เผยแผ่ไปยัง
ทีห่ ลายประเทศไดร ับอิทธิพลจากเร่อื ง
รามายณะ พระพทุ ธศาสนาทม่ี อี ทิ ธิพลตอ พระพทุ ธรปู ไดบทุ ซทึ ว่ี ดั โคะโตะคอุ นิ เมอื งคะมะกรุ ะ ประเทศ ประเทศต่างๆ ท่ัวทวีปเอเชีย เช่น จีน เกาหลี
ประเพณีและวัฒนธรรมของประเทศตางๆ ญ่ีปุน สรางดวยสาํ รดิ เปนพระพทุ ธรปู ในพระพทุ ธศาสนา ญี่ปุน เวียดนาม ศรีลังกา พม่า ไทย ลาว
เชน การเกดิ การบวช การเรียนหนังสือท่วี ัด นกิ ายมหายาน กมั พชู า เปน็ ตน้
เปน ตน
• อารยธรรมอิสลาม เชน ศาสนาอิสลาม ๓) อทิ ธพิ ลของอารยธรรมเมเสโปเตเมยี ดา้ นศาสนาและลทั ธคิ วามเชอ่ื แมว้ า่
ทหี่ ลายประเทศไดน าํ หลักคาํ สอนทางศาสนา
มาใชในการปกครองและการดาํ เนินชีวติ ดนิ แดนเอเชยี ตะวนั ตกเฉยี งใตซ้ ง่ึ เคยเปน็ ทต่ี ง้ั ของอารยธรรมเมโสโปเตเมยี จะมคี วามเจรญิ รงุ่ เรอื ง
เปนตน ) ทางดา้ นศาสนาและความเชอื่ ในเทพเจา้ หลายองคม์ าตง้ั แตส่ มยั โบราณ แตอ่ ทิ ธพิ ลดา้ นศาสนาและ
ความเชอ่ื ของอารยธรรมเมโสโปเตเมยี ก็ไมม่ ผี ลมาถงึ ชาวเอเชยี ในปจั จบุ นั เพราะปจั จบุ นั ประชากร
ส่วนใหญ่ในภูมิภาคนี้นับถือศาสนาอิสลาม ศาสนายูดาห์ และคริสต์ศาสนา ซ่ึงมีความเช่ือเร่ือง
พระเจา้ องคเ์ ดียว
๔) อทิ ธพิ ลของอารยธรรมอสิ ลามดา้ นศาสนาและลทั ธคิ วามเชอ่ื ศาสนาอสิ ลาม
ไดร้ บั การเผยแผไ่ ปยงั ภมู ภิ าคตา่ งๆ ของเอเชยี หลายประเทศนบั ถอื ศาสนาอสิ ลามเปน็ ศาสนาหลกั
เชน่ ประเทศสว่ นใหญ่ในภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ตกเฉยี งใต ้ ประเทศปากสี ถาน บงั กลาเทศ อนิ โดนเี ซยี
มาเลเซยี เป็นตน้ หลักศาสนาอิสลามถกู นา� มาใช้เปน็ หลกั ในการปกครอง โดยคา� สอนของศาสนา
อสิ ลามมงุ่ ในเรือ่ งการปฏิรปู สังคม การสร้างความเปน็ เอกภาพและสนั ติสุขในสงั คม
ค�าสอนที่สา� คัญของศาสนาอสิ ลาม ไดแ้ ก่ การเน้นเรือ่ งความเทา่ เทียมกนั ในสงั คม
มุสลิม ทุกคนเป็นพี่น้องกัน ให้ความช่วยเหลือกันทางสังคมโดยการบริจาคทรัพย์หรือซะกาต
160
นกั เรยี นควรรู ขอสอบ O-NET
ขอสอบป ’52 ออกเกี่ยวกบั ศาสนาในทวีปเอเชีย
1 พระพุทธรูปไดบุทซึ สงู 11.4 เมตร หนัก 122 ตัน เปนพระพทุ ธรปู ปางสมาธิ ศาสนาในขอใดเปนศาสนาประเภทเอกเทวนยิ ม
ประทับนัง่ อยกู ลางแจง เนือ่ งจากวหิ ารไมไ ดถูกทําลายโดยคล่นื ยกั ษสึนามิ และ 1. พทุ ธ-พราหมณ
การทีเ่ รามองเห็นพระพุทธรูปเปนสีเขยี วนน้ั เพราะเกิดจากการที่สาํ รดิ ทาํ ปฏิกริ ิยาเคมี 2. อิสลาม-พุทธ
กบั สภาพอากาศ นอกจากนี้ ภายในบรเิ วณวดั ยงั มตี น สนทพี่ ระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา 3. สิข-ครสิ ต
เจา อยหู วั ทรงปลูกในวโรกาสที่เสดจ็ พระราชดาํ เนินพรอ มดวยสมเดจ็ พระนางเจา 4. ครสิ ต- อสิ ลาม
ราํ ไพพรรณี พระบรมราชินี เสด็จเยอื นวัดโคโตคอุ นิ เมื่อ พ.ศ. 2474 วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 3. และขอ 4. ศาสนาประเภทเอกเทวนิยม
คือ ศาสนาท่มี ีการนบั ถอื พระเปนเจา เพียงพระองคเดียว ไดแ ก ศาสนายดู าห
มมุ IT ครสิ ตศ าสนา ศาสนาอสิ ลาม และศาสนาสิข โดยคริสตศาสนามตี นกาํ เนดิ
มาจากศาสนายดู าห นบั ถอื พระเปน เจา องคเ ดยี ว คอื พระยะโฮวาห ศาสนา
ศึกษาคน ควาขอมูลเพิม่ เติมเกีย่ วกบั พระพุทธศาสนา ไดที่ http://www.onab. ยดู าหน บั ถอื พระยาหเ วห ศาสนาอสิ ลามนับถอื อลั ลอฮเ ปนพระเจาสูงสดุ
go.th เวบ็ ไซตส ํานักงานพระพทุ ธศาสนาแหง ชาต,ิ http://www.newweb.bpct. และศาสนาสิขนบั ถืออกาลปรุ ษุ
org เวบ็ ไซตศนู ยพ ทิ ักษพ ระพทุ ธศาสนาแหง ประเทศไทย, http://www.dra.go.th
เว็บไซตก รมการศาสนา เปน ตน
160 คูม่ ือครู
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู้
สอนในเร่ืองของคุณธรรม เช่น ความสุภาพ ถ่อมตัว มีความซื่อสัตย์สุจริต อดทน รู้จักให้ 1. ครูยกตัวอยางอกั ษรโบราณ แลวใหน ักเรยี น
เกียรตติ นเองและผ้อู ืน่ แต่งกายใหเ้ รียบร้อยเพอ่ื ลดความฟมุ เฟือย สอนใหค้ า� นึงถงึ สุขภาพอนามยั บอกวา เปนของอารยธรรมใด
ลเชะน่ห มหาา้ดม1 เรปบั ็นปตรน้ะท านเนื้อสุกร ห้ามด่ืมเคร่อื งดืม่ มนึ เมา ใหช้ า� ระลา้ งร่างกายให้สะอาดกอ่ นท�าพิธี • อักษรจีน
นอกจากน้ียังมีข้อห้ามต่างๆ ท่ี (แนวตอบ อารยธรรมจนี )
ศาสนาอสิ ลามบญั ญตั ไิ ว้ เชน่ ความโกรธ ความ • อกั ษรคูนฟิ อรม
อจิ ฉารษิ ยา ความตระหน ี่ ความโลภ การโออ้ วด (แนวตอบ อารยธรรมเมโสโปเตเมยี )
การลกั ขโมย การฟมุ เฟอื ย การคา้ กา� ไรเกนิ ควร
การรบั ดอกเบยี้ การกกั ตุนสินคา้ เปน็ ต้น 2. ครูใหตวั แทนกลมุ ที่ 2 นําสมดุ ภาพอิทธพิ ล
หลักค�าสอนของศาสนาอิสลาม ของอารยธรรมโบราณที่มีตอทวปี เอเชยี
ที่เน้นเรื่องความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันใน ในปจ จบุ ันดานอักษรศาสตร มานาํ เสนอ
หมชู่ าวมสุ ลมิ การมคี วามเกอื้ กลู กนั การมนี า�้ ใจ หนาชน้ั เรยี น
ตอ่ กนั เพอื่ สงั คมทส่ี งบสุข และหลกั ปฏิบัติอน่ื ๆ
ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั ชวี ติ ของผคู้ น ทา� ใหศ้ าสนาอสิ ลาม ชาวมุสลิมกําลังทําพิธีละหมาดภายในมัสยิดในประเทศ 3. ครูใหนักเรยี นทาํ กจิ กรรมที่ 6.2 จากแบบวัดฯ
ไดร้ บั การยอมรบั นบั ถอื ในภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ตก- ซาอุดอี าระเบีย ประวัตศิ าสตร ม.2
เฉียงใต้และภูมภิ าคอน่ื เรอ่ื ยมาจนถงึ ปัจจุบัน
ใบงาน ✓ แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ
2.2 ๑ด)า นอิทอธักิพษลรขศองาอสาตรยรธ รรมจีนดา้ นอกั ษรศาสตร ์2จีนเปน็ ชาติท่ีใหค้ วามสา� คญั กับ ประวัติศาสตร ม.2 กจิ กรรมท่ี 6.2
หนว ยท่ี 6 แหลง อารยธรรมในทวีปเอเชยี
ประวัตศิ าสตร์มาก มกี ารจดบันทกึ ทางประวัติศาสตรม์ านานกวา่ ๒,๐๐๐ ปี โดยมีการบนั ทกึ ไว้บน
วัสดุตา่ งๆ เช่น กระดกู สตั ว ์ กระดองเตา่ ไม้ไผ่ ผ้าไหม กระดาษ เปน็ ตน้ สา� หรบั นกั ประวัติศาสตร์ กจิ กรรมท่ี ๖.๒ ใหน ักเรียนทําเคร่ืองหมาย ✓ ลงในตารางทางขวาเพอื่ ให คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
จนี คนแรก คือ ซอื หมา่ เชยี น (Sima Qian) มีชวี ิตอยู่ระหว่าง ๑๔๕ - ๙๐ ปกี ่อนครสิ ต์ศกั ราช สมั พนั ธก บั ขอความดานซา ยมอื (ส ๔.๒ ม.๒/๒)
ผลงานของเขา คือ สื่อจ้ี (Shi Ji) หรือบันทึกของนักประวัติศาสตร์ มีความยาวถึง ๑๓๐ บท ñõ
หนังสือเล่มนี้ได้ใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงส�าหรับนักประวัติศาสตร์ในช่วงเวลานั้นและก่อนหน้านั้น
ได้อย่างดยี งิ่ ขอความ จีน อารยธรรม
หลังสมัยของซือหม่า เชียน ได้มีการรวบรวมช�าระประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ต่างๆ อนิ เดยี เมโสโปเตเมีย อสิ ลาม
จนถงึ ราชวงศ์สดุ ท้าย คอื ราชวงศ์ชิงของพวกแมนจูทปี่ กครองจนี ทา� ให้จนี มีหลกั ฐานและข้อมูล ๑. ไมรับดอกเบย้ี ✓
ทางประวตั ศิ าสตรท์ สี่ มบรู ณม์ าก นอกจากน ้ี จนี ยงั ไดบ้ นั ทกึ เรอื่ งราวของตา่ งชาต ิ เชน่ ญปี่ นุ เกาหล ี ๒. อักษรคูนิฟอรม ✓ ✓
รวิ กวิ และรฐั ในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต ้ รวมทงั้ รฐั โบราณในดนิ แดนประเทศไทยในอดตี เปน็ ตน้ ทา� ให้ ๓. การนาํ ดนิ เหนียวมาตากแดดและ ✓ ✓
หลายชาติได้ใชข้ อ้ มูลจากเอกสารประวตั ิศาสตรข์ องจีนในการศกึ ษาประวัติศาสตรข์ องชาติตนด้วย ✓
เผาไฟใหแ หง เพ่ือใชใ นการกอสรา ง ✓
161 ๔. ความกตญั ูกตเวที การเซน ไหว ✓
✓
บูชาบรรพบุรุษท่ลี วงลับไปแลว
๕. ทชั มาฮัล ✓
เฉฉบลบั ย ๖. ประมวลกฎหมายฮัมมูราบี
๗. มหากาพยรามายณะ ✓
๘. สามกก ✓
๙. การฝงเขม็ ✓
๑๐. การชาํ ระรา งกายใหส ะอาดกอ นทาํ ✓
การละหมาด ✓
๑๑. เขื่อนกัน้ นํ้าเพอื่ ประโยชนทางการ
เกษตรคร้งั แรกของโลก
๑๒. การสรา งรูปเคารพเทพเจา
๑๓. วรรณกรรมเรื่องมหากาพยก ลิ กาเมช
๑๔. ลทั ธขิ งจอ๊ื เนนเรื่องมนษุ ยธรรม
๑๕. มัสยดิ ทเ่ี มืองอซิ ฟาฮานในอหิ ราน
๗๔
แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ นกั เรยี นควรรู
“จีนมกี ารจดบนั ทึกทางประวตั ิศาสตรมาเปน เวลายาวนานกวา 2,000 ป” 1 พิธีละหมาด เปน การปฏบิ ัตศิ าสนกิจอยางหนง่ึ ในศาสนาอิสลาม เพื่อเปน การ
นกั เรยี นมีความคิดเหน็ เชน ไรกับคาํ กลาวนี้ แสดงความเคารพภกั ดตี อ อัลลอฮ มสุ ลมิ ทุกคนจะตอ งละหมาดวนั ละ 5 เวลา ไดแก
แนวตอบ เห็นดว ย โดยจนี ใหค วามสําคญั กบั การบันทกึ ประวัตศิ าสตรมาก เวลารงุ อรณุ เวลาบาย เวลาเยน็ เวลาพลบคา่ํ และเวลากลางคนื และในการทาํ พิธี
ซง่ึ มกี ารจดบันทึกมานานกวา 2,000 ปล งบนวสั ดุตา งๆ เชน กระดกู สัตว ละหมาด จะตองหันหนา ไปทางทศิ ทีต่ ั้งของอลั กะอบ ะฮ ในประเทศซาอุดีอาระเบยี
กระดองเตา ไมไ ผ ผาไหม สาํ หรบั นกั ประวตั ศิ าสตรจนี คนแรก คือ ซือหมา 2 ดา นอักษรศาสตร ตัวอกั ษรจนี ไดถ กู กาํ หนดใหเ ขียนเปนรูปแบบเดยี วกันทวั่ ท้งั
เชยี น มีชีวติ อยใู นสมัยราชวงศฮ่นั ตะวันตก ไดเ ขยี นหนังสือสื่อจี้ หรอื บันทกึ ราชอาณาจกั รในสมยั ของจกั รพรรดฉิ นิ ส่ือหวงต้ี (จ๋ินซฮี องเต) ถือเปนงานศิลปะ
ของนกั ประวัตศิ าสตร ซง่ึ มีความยาวถึง 130 บท เกีย่ วกบั สภาพการเมอื ง ประเภทหนึ่ง โดยใชเ ปนภาพประดับตามอาคารบานเรอื นใหเ กดิ ความสวยงามไดดว ย
เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และประวตั ศิ าสตรในระยะเวลา 3,000 ปน ับต้ังแต
บรรพกาลจนถงึ ราชวงศฮ น่ั ตะวันตก และไดร ับการยกยองใหเ ปน บิดาวชิ า มุม IT
ประวัติศาสตรข องโลกตะวนั ออก ภายหลังตอมาไดมกี ารรวบรวมชาํ ระ
ประวตั ศิ าสตรข องราชวงศต า งๆ จนถึงราชวงศชงิ ซึ่งเปนราชวงศสดุ ทาย ศกึ ษาคน ควา ขอ มูลเพม่ิ เตมิ เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม ไดที่ http://www.cicot.
ที่ปกครองจีน ทําใหจ นี มหี ลักฐานและขอมลู ทางประวตั ิศาสตรทส่ี มบูรณมาก or.th เวบ็ ไซตส ํานักงานคณะกรรมการกลางอสิ ลามแหง ประเทศไทย
รวมทั้งยงั ไดบันทึกเร่อื งราวของตางชาติ เชน ญ่ปี ุน เกาหลี รวิ กวิ และรัฐใน
เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต รวมทั้งรฐั โบราณในดินแดนประเทศไทยดวย เปน ตน ค่มู ือครู 161
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู้
ครูใหนักเรยี นยกตัวอยางอิทธพิ ลดา น จนี ยงั มกี ารเขยี นและรวบรวมตา� ราความร้แู ขนงต่างๆ จ�านวนมาก เชน่ ต�ารา
อกั ษรศาสตรข องอารยธรรมโบราณตา งๆ ในทวปี ค�าสอนของขงจ๊ือ ต�าราแพทย์ ดาราศาสตร์ เป็นต้น ในสมัยจักรพรรดิ
เอเชยี หยง่ เลอ่ แหง่ ราชวงศห์ มงิ ไดม้ กี ารรวบรวมความรสู้ มยั โบราณของจนี มา
จดั ทา� เปน็ สารานกุ รม เรยี กวา่ หยง เลอ ตา เตย่ี นหรอื สารานกุ รมหยง เลอ
(แนวตอบ ผลงานดานอกั ษรศาสตร เชน นบั เป็นคลังความรขู้ นาดใหญข่ องจีน นอกจากน้ ี วรรณกรรมของจีน
• อารยธรรมจีน เชน ตําราคําสอนของขงจอ๊ื ยังได้รไับซกอาิว๋ร 1ถซ่า้อยงทกอง๋ั ด สอาอมกกเปก๊ ็น 2ไภซา่ฮษนั่ า ตเป่างน็ ๆต ้นรวมทั้งภาษาไทย เช่น
หนงั สือสือ่ จี้หรือบันทกึ ของนักประวัติศาสตร ๒) อทิ ธิพลของอารยธรรมอินเดยี
โดยซือหมา เชียน วรรณกรรมเรือ่ งไซอ๋วิ ดา้ นอกั ษรศาสตร ์ อารยธรรมอนิ เดยี ดา้ นอกั ษรศาสตร์
สามกก เปน ตน ส่วนใหญ่มีความเกี่ยวเนื่องกับศาสนา เช่น คัมภีร์
• อารยธรรมอินเดยี เชน คัมภรี พระเวท พระเวทในศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู ซึ่งถือเป็นทั้ง
ในศาสนาพราหมณ-ฮินดู วรรณกรรมเรือ่ ง บันทึกประวัติศาสตร์ของชาวอารยันและคัมภีร์
มหากาพยม หาภารตะและมหากาพย ซือหมา เชียน ผูเขียนหนังสือสื่อจี้หรือบันทึกของนัก พทารงะศไตารสปนิฎาทก3เี่ใกน่าพแรกะท่พสีุ่ทุดธขศอางสอนินาเ ดวยี ร รณหรกอื รชรามดในก
รามายณะ เปนตน ประวัติศาสตร ซึ่งมีอิทธิพลตอการคนควาประวัติศาสตร คติของศาสนาพราหมณ์ -ฮนิ ด ู เชน่ มหากาพย์
• อารยธรรมเมโสโปเตเมีย เชน อักษรคนู ิฟอรม สมยั หลงั และไดร บั การยกยอ งใหเ ปน บดิ าวชิ าประวตั ศิ าสตร
หรอื อักษรลมิ่ เปน ตน ของโลกตะวนั ออก
• อารยธรรมอสิ ลาม เชน คมั ภรี อัลกุรอาน
วรรณกรรมเรอ่ื งอาหรบั ราตรี ซนิ แบดผจญภยั มหาภารตะ และมหากาพยร์ ามายณะ (รามเกยี รต)ิ์ เปน็ ตน้ ซง่ึ เรอื่ งรามายณะน้ีไดร้ บั ความนยิ มใน
เปนตน )
ภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต ้ โดยเฉพาะกมั พชู า ไทย และมอี ทิ ธพิ ลตอ่ การสรา้ งสรรคง์ านศลิ ปะ
ทั้งดา้ นจติ รกรรมและนาฏศลิ ป์
๓) อิทธิพลของอารยธรรม
เมโสโปเตเมียด้านอักษรศาสตร์ แม้ว่าชาว
ซูเมเรียในเมโสโปเตเมียจะเป็นชนกลุ่มแรก
ที่ประดิษฐ์ตัวอักษรคูนิฟอร์มหรืออักษรลิ่มเพื่อ
บนั ทกึ เรือ่ งราว แตไ่ มม่ ีหลักฐานแน่ชัดวา่ ความ
เจรญิ ทางดา้ นอกั ษรศาสตรข์ องชาวเมโสโปเตเมยี
มอี ทิ ธิพลมาจนถงึ ปจั จุบัน
อย่างไรก็ตาม ท้ังการประดิษฐ์ตัว
หนงั สอื การรจู้ กั จดบนั ทกึ ของชาวเมโสโปเตเมยี
ก็ท�าให้ความรู้ด้านต่างๆ ในอดีตได้รับสืบทอด
คัมภีรพระเวท เปนคัมภีรท่ีสําคัญของชาวอารยันเพื่อใช และพัฒนาตอ่ มา
ประกอบพิธกี รรมทางศาสนา
162
นกั เรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET
อารยธรรมอนิ เดยี ทางดา นอักษรศาสตรที่มีอิทธิพลตอทวีปเอเชียมอี ะไรบาง
1 ไซอิว๋ แตงโดย อูเจงิ เอิน ในสมัยราชวงศห มิง เปน เรอ่ื งราวการเดินทางไปยงั แนวตอบ อารยธรรมอนิ เดยี ดา นอกั ษรศาสตรส วนใหญม ีความเกี่ยวขอ งกบั
ชมพูทวีป (อนิ เดยี โบราณ) เพื่ออัญเชิญพระไตรปฎ กของพระจีน ชื่อ พระถังซาํ จงั๋ ศาสนา เชน คัมภรี พระเวท ซ่งึ เปน คัมภีรศกั ดิส์ ทิ ธิ์ของศาสนาพราหมณ-ฮินดู
พรอ มกบั สานุศิษยซ ่งึ เปน สตั ว 3 ตวั วรรณกรรมเรอ่ื งนีถ้ ูกแปลเปนภาษาไทยครั้งแรก ทมี่ คี วามสาํ คญั ตอ ชาวฮนิ ดมู ากตงั้ แตส มยั โบราณมาจนถงึ ปจ จบุ นั คมั ภรี พ ระเวท
ใน พ.ศ. 2349 แตไดร ับการตพี มิ พครง้ั แรกในสมยั รชั กาลท่ี 5 โดยโรงพิมพของ ในระยะแรกมี 3 เลม เรียกวา ตรเี วท ไดแ ก ฤคเวท ยชรุ เวท และสามเวท
หมอบรัดเลย ตอมามคี มั ภรี อ ถรรพเวทเกิดขน้ึ ในภายหลัง นอกจากนี้ ยังมพี ระไตรปฎก
2 สามกก แตง โดย หลอกวา นจง ในสมัยราชวงศห มิง เนอื้ เรอ่ื งเปนเหตุการณ ในพระพุทธศาสนา ซง่ึ จารึกพระธรรมคําสอนเปนภาษาบาลี แบง ออกเปน
การสรู บในชว งปลายสมัยราชวงศฮ ่ัน ซ่งึ บานเมอื งแตกออกเปนกก ใหญๆ 3 กก คือ 3 หมวด ไดแ ก พระวินยั ปฎ ก พระสตุ ตันตปฎ ก และพระอภธิ รรมปฎ ก
กกเวยของโจโฉ กก สูของเลาป และกกอูข องซุนกวน แตล ะกก ตางรวบรวมไพรพลท้ัง รวมทง้ั มหากาพยร ามายณะและมหากาพยม หาภารตะ โดยเฉพาะมหากาพย
ดานบุน และบู และมกี ารวางอบุ ายกลศกึ หลายรูปแบบเขา ตอ สูกัน วรรณกรรมเร่ืองน้ี มหาภารตะทีไ่ ดมีอิทธิพลตอภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต เชน กัมพูชา
มกี ารแปลเปน ภาษาไทยคร้งั แรกใน พ.ศ. 2345 โดยเจาพระยาพระคลัง (หน) ไทย ดงั จะเหน็ ไดจากการสรา งสรรคผ ลงานดา นจติ รกรรมและนาฏศิลป
3 พระไตรปฎก สมยั พทุ ธกาลยังไมม คี าํ วา “พระไตรปฎก” มีแตค าํ วา “ธรรมวินยั ”
คาํ วา “พระไตรปฎ ก” เกดิ ขน้ึ ภายหลังการทําสงั คายนาแลว โดยเปนท่รี วบรวม
คาํ สอนของพระพทุ ธเจา ไวเปน หมวดหมู
162 คู่มอื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู้
๔) อิทธิพลของอารยธรรมอิสลามด้านอักษรศาสตร์ คัมภีร์อัลกุรอานเป็นทั้ง 1. ครใู หน กั เรยี นชว ยกนั ยกตวั อยา งศลิ ปวทิ ยาการ
คคือัม ภภีรา์สษ�าาคอัญาทหารงบั ศ าปสจั นจาุบแันลคะมัเปภ็นรี วอ์ รัลรกณุรกอรารนม1ไดท้รรับงคกุณารคแ่าปขลอเงปอน็ าภรายษธารรตมา่ งอๆิส ลจาา� มน วภนามษาากท ที่ใชั้ง้ในนเ้ี คพัมอ่ื ภใหีร้ ์ และภูมิปญ ญาของอารยธรรมโบราณในทวีป
ชาวมุสลมิ ทุกเช้อื ชาต ิ ทกุ ภาษา ได้มีโอกาสอ่านคัมภีร์ดว้ ยตนเอง เอเชยี พรอมท้งั บอกวา เปน อิทธิพลของ
ในด้านวรรณกรรม มวี รรณกรรมประเภทนิทานซึ่งเปน็ ทีน่ ยิ ม เชน่ เร่อื งอาหรบั ราตรี อารยธรรมใด
ซนิ แบดผจญภัย กวชี าวมุสลมิ คอื โอมาร ์ คายมั ได้แตง่ วรรณกรรมท่ีมชี ือ่ เสยี ง คอื เรื่องรไุ บยาด (แนวตอบ เชน
• เข็มทิศ : อารยธรรมจีน
2.๓ ดา นศลิ ปวิทยาการและภูมิปญญา • ระบบตัวเลข 1-9 : อารยธรรมอินเดยี
• 1 วันแบงออกเปน 24 ชั่วโมง : อารยธรรม
๑) อิทธิพลของอารยธรรมจีนด้าน เมโสโปเตเมยี
ศิลปวิทยาการและภูมิปัญญา อารยธรรมจีน • การสรา งมสั ยิด : อารยธรรมอสิ ลาม)
ด้านศิลปวิทยาการและภูมิปัญญาที่มีอิทธิพลต่อ
พัฒนาการของจีนและโลก เช่น เขม็ ทศิ กระดาษ 2. ครใู หต วั แทนกลมุ ที่ 3 นาํ สมดุ ภาพอทิ ธพิ ลของ
ดินปืน การพมิ พ์ เปน็ ตน้ โดยจีนประดิษฐเ์ ข็มทิศ อารยธรรมโบราณทมี่ ีตอทวีปเอเชียในปจ จบุ นั
2 ดา นศลิ ปวิทยาการและภูมิปญ ญา มานาํ เสนอ
ได้เปน็ ชาตแิ รกในโลกต้ังแต่ศตวรรษท่ี ๔ ก่อน หนาช้ันเรยี น
คริสต์ศักราช โดยใช้ในการประกอบพิธีกรรม เข็มทิศจีน ซึ่งในระยะแรกจะใชในพิธีกรรมและตอมาได
หรอื การทา� นาย จนกระทงั่ ครสิ ตศ์ ตวรรษท ี่ ๓-๖ พัฒนาจนนํามาใชบ อกทศิ ทางในการเดินทาง 3. ครใู หนักเรียนทาํ กิจกรรมท่ี 6.4 จากแบบวัดฯ
ประวัตศิ าสตร ม.2
จงึ พฒั นาเปน็ เขม็ ทศิ เพอื่ ใชบ้ อกทศิ ทาง ซง่ึ ในระยะแรกใชเ้ พอ่ื หาทศิ ทางทเ่ี หมาะสมในการกอ่ สรา้ ง ใบงาน ✓ แบบวดั ฯ แบบฝกฯ
บ้านหรือสร้างเมือง หรือการดูระบบลมน้�า (เฟิงสุ่ยหรือฮวงจุ้ย) ต่อมาจึงพัฒนาเป็นเข็มทิศเพื่อ ประวัติศาสตร ม.2 กิจกรรมที่ 6.4
ใชใ้ นการเดนิ ทาง การเดนิ เรอื เมอ่ื ชาวอาหรบั เขา้ มาตดิ ตอ่ กบั จนี กน็ า� ความรเู้ รอ่ื งเขม็ ทศิ ไปใชแ้ ละ หนวยที่ 6 แหลง อารยธรรมในทวีปเอเชีย
ชาวยโุ รปก็ได้รบั จากชาวอาหรบั อกี ตอ่ หนง่ึ กจิ กรรมท่ี ๖.๔ ใหน กั เรยี นศกึ ษาแผนทแี่ หลง อารยธรรม แลว เตมิ หมายเลข คะแนนเตม็ คะแนนท่ไี ด
ก วา้ งข วางมากกรขะน้ึดา ษโดเปยจ็นีนสปิ่งประรดะดิษิษฐก์ฐร์ขะอดงาจษีน3ขทน้ึ ่ีมีความส�าคัญต่อการพัฒนาและเผยแพร่ความรู้ให้ และขอความในชองวา งใหถกู ตอ ง (ส ๔.๒ ม.๒/๒)
ñð
ในสมยั ราชวงศฮ์ นั่ เม่ือ ค.ศ. ๑๐๕ การประดิษฐ์
กระดาษนา� ไปสกู่ ารพมิ พห์ นงั สอื หนงั สอื ทพี่ มิ พ์
ข้ึนเก่าแก่ท่ีสุดเท่าที่มีหลักฐานอยู่ คือ คัมภีร ๔ ๒
วชั รสูตร พมิ พเ์ มอ่ื ค.ศ. ๘๖๘ สงิ่ ประดิษฐ์อีกสงิ่ ๑
ท่ีมีอิทธิพลต่อโลก คือ ดินปืน จีนผลิตดินปืน
๓
๕
เฉฉบลับย
ไดใ้ นครสิ ตศ์ ตวรรษท ่ี ๑๓ เพอ่ื ใช้ทา� ดอกไม้ไฟ คมั ภรี ว ชั รสตู ร เปน หนงั สอื ทใี่ ชเ ทคนคิ การพมิ พด ว ยแมพ มิ พ ๑. หแหมลายง อเลาขรย....ธ...ร...ร....ม....ใ...น....ภ....มู.....ภิ..๒..า...ค....เ...อ....เ..ช....ยี....ต....ะ...ว...นั.....อ....อ....ก... ชอ่ื .....อ...า...ร....ย...ธ...ร....ร...ม....ล....มุ ...แ...ม....น....้ํา...ห....ว...า..ง....เ.ห....อ..........................................
ต่อมาชาวอาหรับและชาวยุโรปได้น�าไปใช้และ แกะไม เมื่อ ค.ศ. ๘๖๘ ปจจุบันถูกเก็บรักษาไวท่ีหอสมุด
พฒั นาเปน็ อาวธุ ในการสงครามมาจนถงึ ปจั จบุ นั องั กฤษ ๒. หแหมลายงอเลาขรยธรรมในภมู ิภ๓าคเอเชยี ใต ช่ือ........................................................................................ .....อ...า...ร....ย...ธ...ร....ร...ม....ล....มุ ...แ...ม....น ....ํ้า...ส....ิน.....ธ...ุ................................................
๓. แหหมลายง อเลาขรย....ธ...ร...ร....ม....ใ...น....ภ....มู.....ภิ...๑.า...ค....เ...อ....เ..ช....ยี....ต....ะ...ว...นั.....ต....ก....เ..ฉ. ียงชใต่อื .....อ...า...ร....ย...ธ...ร....ร...ม....เ.ม....โ..ส.....โ..ป....เ..ต....เ.ม....ยี....................................................
16๓ ๔. หภมูมาิภยาเคลทขเ่ี .ก....ิด....ข....ึ้น.....ใ..ห.....ม.......เ..ป...๔.น.....ด....นิ....แ....ด....น.....ข....อ....ง...ก....ล....มุ ....ป. ระชเทอ่ื ศ...ส..ภ..า..มู..ธ.ิภ..า..า.ร..ค..ณ..เ..อ.ร..เ..ฐัช...ยีอ...ก.สิ...ล.ร...ะา...ง..................................................................
๕. ภหมูมาิภยาเคลทขี่เ.ป.....น....แ....ห....ล....ง...ผ.....ส....ม..๕..ผ....ส....า...น.....ร...ะ...ห....ว....า...ง...อ....า...ร....ย...ธรรชมือ่ จ..นี ...ภ.แ...ูม.ล..ภิ..ะ..า.อ..ค..นิ..เ..อเ..ด.เ..ช..ยี .ีย...ต....ะ...ว...ัน....อ....อ...ก....เ..ฉ....ีย...ง....ใ..ต.....................................
๗๖
แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด นกั เรียนควรรู
ขอใดเปนส่งิ ประดิษฐข องชาวจีนท่มี ีอิทธพิ ลตอโลกมากท่ีสดุ 1 คมั ภีรอ ัลกุรอาน เปน คัมภีรศักด์สิ ทิ ธ์ิของชาวมสุ ลิม การทพ่ี อ คาชาวมสุ ลมิ
1. เขม็ ทศิ เดินทางไปคาขายยงั ทีต่ า งๆ ท่ัวโลก นอกจากจะเพอ่ื เผยแผศ าสนาอสิ ลาม
2. นาฬก า ทางออมแลว ภาษาอาหรบั ท่ีใชในคมั ภีรอัลกุรอานยังไดรับการเผยแพรดวย
3. ตะเกยี บ 2 เข็มทศิ จนี มที ง้ั เข็มทิศท่ใี ชใ นพิธีกรรม โดยใชช อ นหรือทัพพีท่ีทาํ มาจากเหล็ก
4. เรือสินคา วางไวบนแผนส่ีเหลี่ยมที่ทํามาจากทองแดง ตรงกลางแผนสีเ่ หลีย่ มมรี ูปวงกลม
อยูต รงกลาง หมายถงึ สวรรค นอกวงกลมเปน รูปส่ีเหลยี่ ม หมายถงึ โลก ตอ มาใน
วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. โดยชาวจีนเปนชาติแรกในโลกทปี่ ระดิษฐ คริสตศ ตวรรษท่ี 3-6 จงึ มีเขม็ ทิศเพอื่ ใชชบี้ อกทศิ ทาง โดยเปน เขม็ ทิศท่ีมหี นาปด
เปนรปู วงกลม มีตวั หนงั สอื ตัวเลขบอกตาํ แหนงตางๆ มีเขม็ อยตู รงกลาง ถา เข็มชี้
เข็มทศิ ขนึ้ เมื่อศตวรรษที่ 4 กอนคริสตศกั ราช เพ่ือใชในการประกอบพธิ กี รรม ไปยงั ตัวหนงั สือหรือตัวเลขใดกแ็ สดงถงึ ทศิ ทกี่ าํ หนดไว
หรือการทํานาย จนกระท่งั คริสตศตวรรษที่ 3-6 จงึ พฒั นาเปนเข็มทศิ เพ่อื ใช 3 กระดาษ ผปู ระดิษฐกระดาษของจนี ช่ือ ไช หลุน เปน ขุนนาง การประดษิ ฐ
บอกทศิ ทาง ซงึ่ ในระยะแรกใชเ พอ่ื หาทิศทางทเ่ี หมาะสมในการกอสรางบาน กระดาษทําใหก ารจดบนั ทกึ เรอื่ งราวตา งๆ สะดวกข้ึนมาก
หรือเมอื ง หรือการดรู ะบบลมนา้ํ (ฮวงจุย ) ตอมาจึงพฒั นาเปนเขม็ ทิศเพือ่ ใช
ในการเดินทาง การเดนิ เรอื เม่ือชาวอาหรบั เขามาตดิ ตอ กับจีนกไ็ ดนาํ ความรู
เรือ่ งเข็มทศิ ไปใช และชาวยุโรปก็รับจากชาวอาหรบั อีกตอหน่งึ
คูม่ ือครู 163
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore
Explain Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้
1. ครใู หนักเรยี นยกตัวอยางศลิ ปวทิ ยาการและ ภมู ปิ ญั ญาดา้ นการแพทย1ข์ องจนี กม็ คี วามเจรญิ กา้ วหนา้ และไดร้ บั การสบื ทอดมาจนถงึ
ภูมปิ ญญาของอารยธรรมโบราณท่ยี งั คง ปัจจุบนั เชน่ การฝงั เขม็ การจบั ชพี จรเพื่อตรวจและรักษาโรค รวมถงึ การใชส้ มนุ ไพร เชน่ โสม
มอี ิทธพิ ลและปรากฏใหเ ห็นไดใ นปจ จบุ ัน เพือ่ ฟน้ื ฟูสุขภาพ เปน็ ตน้
(แนวตอบ เชน การสรา งสถปู เจดยี พระพุทธรปู
เนือ่ งในพระพุทธศาสนาทไ่ี ดร ับอทิ ธิพลจาก ๒) อทิ ธพิ ลของอารยธรรมอนิ เดยี ดา้ นศลิ ปวทิ ยาการและภมู ปิ ญั ญา ทมี่ อี ทิ ธพิ ล
อารยธรรมอนิ เดยี เปน ตน)
มาจนถงึ ปจั จบุ นั ประการแรก ไดแ้ ก ่ งานศลิ ปะประเภทสถาปตั ยกรรมและประตมิ ากรรม โดยเฉพาะ
2. ครูตงั้ คาํ ถามใหนักเรียนชว ยกันตอบ เชน ท่ีเกยี่ วเน่อื งกับศาสนา เชน่ สถปู เจดีย ์ พระพุทธรปู ท่ีมีรปู แบบศลิ ปะตา่ งๆ เทวาลยั เทวรปู ใน
• ภมู ิปญ ญาดานการแพทยของจนี ทีม่ ีการ ศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดู ซ่ึงมอี ทิ ธพิ ลท้ังในอินเดียและดินแดนที่รบั อารยธรรมอินเดีย
สบื ทอดมาจนถงึ ปจ จุบนั มอี ะไรบา ง ภูมิปัญญาด้านวิชาการแขนงต่างๆ เช่น ดาราศาสตร์ แพทยศาสตร์ คณิตศาสตร ์
(แนวตอบ เชน การฝงเขม็ การจบั ชพี จร เป็นต้น ก็มีความโดดเด่นและมีอิทธิพลต่อโลก ในด้านการค�านวณ อินเดียได้คิดค้นระบบตัวเลข
เพือ่ ตรวจและรกั ษาโรค การใชสมุนไพรตา งๆ 1- 9 แทนเลขโรมนั ท่ีใชข้ ีด เช่น 1 (I) 2 (II) 3 (III) 4 (IV) 5 (VI) ซง่ึ ไมส่ ะดวกเมื่อจ�านวนเพิม่ ข้นึ
เชน โสม เพอื่ ฟนฟูสขุ ภาพ เปนตน ) ตัวเลขท่ีชาวอินเดียคิดข้ึน เรียกว่า เลขอารบิก เพราะชาวอาหรับได้น�าไปใช้และเผยแพร่ไปสู่
• ภมู ปิ ญ ญาดา นวชิ าการแขนงตา งๆ ของอนิ เดยี ชาวยุโรป ตัวเลขไทยก็ได้รับอิทธิพลจากตัวเลขที่อินเดียคิดค้นข้ึน ดังมีการก�าหนดเคร่ืองหมาย
เผยแพรไปสชู าวยโุ รปไดอยางไร แทนตวั เลข เชน่ หนงึ่ (๑) สอง (๒) เปน็ ตน้ นอกจากน ี้ ชาวอนิ เดยี โบราณยงั ไดค้ ดิ คน้ ระบบทศนยิ ม
(แนวตอบ เพราะชาวอาหรับนาํ ไปใชแ ละได ข้ึนมาใช้ในการค�านวณด้วย ท�าให้การค�านวณทุกชนิดมีความสะดวกขึ้น และมีการใช้ก�าลังที่สอง
เผยแพรไปสูช าวยุโรปอกี ตอ หนึ่ง) (a2) รากท่ีสอง (√) เคร่ืองหมายพาย (¶) ซ่ึงนา� ไปสคู่ วามก้าวหน้าในวิชาเรขาคณติ เช่น การหา
พ้ืนท่ขี องสามเหลย่ี ม ส่เี หลีย่ มผนื ผ้า สีเ่ หลีย่ มจัตุรสั เปน็ ตน้
ขยายความเขา้ ใจ Expand
๓) อิทธิพลของอารยธรรมเมโสโปเตเมียด้านศิลปวิทยาการและภูมิปัญญา
ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ สรา งตารางแสดง
ศลิ ปวิทยาการและภูมปิ ญญาของอารยธรรมโบราณ มีความรู้ของอารยธรรมเมโสโปเตเมียหลายอย่างที่มีอิทธิพลต่อคนรุ่นหลัง เช่น ความรู้ทางด้าน
ในทวปี เอเชีย ดงั น้ี คณิตศาสตร์ โดยใช้ความรู้เรขาคณิตในการค�านวณที่ดินและการก่อสร้างอาคาร ความรู้ทางด้าน
ดาราศาสตร ์ โดยชาวซูเมเรยี แบง่ วันออกเปน็ ๒๔ ชว่ั โมง แบง่ ชวั่ โมงออกเป็น ๖๐ นาท ี ท�าตาราง
1. อารยธรรมจนี กลมุ่ ดาว ทา� ปฏิทนิ แบบจนั ทรคติท่ีก�าหนดให ้ ๑ ปีมี ๑๒ เดือน เป็นตน้
2. อารยธรรมอินเดยี
3. อารยธรรมเมโสโปเตเมยี ๔) อทิ ธพิ ลของอารยธรรมอสิ ลามดา้ นศลิ ปวทิ ยาการและภมู ปิ ญั ญา อารยธรรม
4. อารยธรรมอิสลาม
จากนนั้ แตละกลมุ สงตวั แทนออกมานําเสนอ อสิ ลามในระยะแรกได้รับการสรา้ งสรรค์โดยชาวอาหรบั ท้ังการรับความรจู้ ากภายนอก เช่น กรีก
หนาชน้ั เรียน และนําผลงานสงครูผสู อน โรมัน อินเดีย และการสรา้ งสรรค์ข้ึนจากประสบการณ ์ เชน่ การเป็นนักเดนิ ทางของชาวอาหรับ
ทท้ัา�งตให�าม้ราคี ตวรารมกรวูด้ ิทา้ ยนาด าปรารศัชาญสาต รฟ ์ ภิสูมิกิศสา์ สเตครม ์ ี น2คกั ณปริตาศชาญส์ชตารว์ มดสุนลตมิ รอี าแหพรทับยไดศส้าสรา้ตงรส์ 3รธรรคร์คมวชาามตริวตู้ ิทา่ ยงๆา
ตรวจสอบผล Evaluate ดาราศาสตร์ ภมู ศิ าสตร ์ ตัวอยา่ งผลงาน เชน่ การนา� ตัวเลขอารบิกจากอนิ เดยี มาใช ้ การทดลอง
ผสมสารเคมีจนได้สารเคมีใหม่ๆ การมีความรู้ด้านการผ่าตัดรักษาโรค เป็นต้น ในด้านศิลปะ
ครูตรวจสมุดภาพเกี่ยวกบั อทิ ธิพลของ อารยธรรมอิสลามมีการสร้างสรรค์งานศิลปะท่ีมีเอกลักษณ์ ทั้งสถาปัตยกรรมและจิตรกรรม เช่น
อารยธรรมโบราณทมี่ ตี อทวปี เอเชยี ในปจ จุบนั ทัชมาฮลั ในอินเดีย มัสยดิ ทเ่ี มอื งอิสฟาฮานในอหิ ร่าน เป็นตน้
และตารางแสดงศลิ ปวิทยาการและภูมิปญญาของ
อารยธรรมโบราณในทวปี เอเชีย 164
นักเรยี นควรรู ขอ สอบ O-NET
ขอสอบป ’52 ออกเกี่ยวกบั อิทธพิ ลของอารยธรรมโบราณ
1 ภูมิปญ ญาดานการแพทย ผทู ไี่ ดรบั การยกยอ งวา เปนบดิ าของการแพทยจ ีน คือ อารยธรรมใดเปนรากฐานทส่ี ําคัญที่สุดของดนิ แดนเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต
หวงต้ี (Huangdi - จกั รพรรดเิ หลือง) ซึ่งเปน จักรพรรดใิ นตาํ นานของจนี เช่อื วา มีชวี ิต 1. จนี
อยูระหวาง 2,697-2,597 ปก อนครสิ ตศ ักราช ไดรวบรวมตาํ ราการแพทยข้ึนในสมัยน้ัน 2. อินเดีย
ซง่ึ เปน แหลง ความรทู างการแพทยข องจนี ในสมยั ตอ มา รวมทงั้ การฝง เขม็ ดว ย ปจ จบุ นั 3. อสิ ลาม
ภมู ปิ ญญาดานการแพทยแ ผนโบราณของจนี ไดรับการอนุรักษแ ละพัฒนาโดยมีการสอน 4. กรีก-โรมัน
การแพทยแ ผนโบราณในระดบั มหาวิทยาลยั ทง้ั ในประเทศจนี และตางประเทศ วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. เพราะจากหลกั ฐานท่พี บในดนิ แดนเอเชยี
2 เคมี ความรูทางดานเคมี เชน การผสมสารตางๆ เพ่อื คน ควาทดลองทาง ตะวันออกเฉยี งใตสวนใหญเ ปน หลักฐานที่เกี่ยวของกบั ศาสนาทีร่ ับมาจาก
วิทยาศาสตร เปน ตน อนิ เดยี ท้งั ศาสนาพราหมณ-ฮินดู เชน ศวิ ลงึ ค เทวรปู พระวษิ ณุ พระนารายณ
3 แพทยศาสตร ความรดู านการแพทยทีน่ า สนใจ เชน การใชย าสลบในการผาตัด และพระพุทธศาสนา เชน พระพุทธรูป วัด เจดีย เทวรูปพระโพธิสตั ว-
เปน ตน อวโลกิเตศวร เปนตน
164 คู่มือครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Engage
กระตนุ้ ความสนใจ
ó. áหÅ่งมร´กâÅกãน·วีปเÍเªีย 1. ครใู หน ักเรยี นยกตวั อยา งแหลง มรดกโลกทาง
วฒั นธรรมในทวีปเอเชียทนี่ กั เรยี นรูจัก
ทวีปเอเชียเป็นแหล่งก�าเนิดอารยธรรมโบราณและมีแหล่งที่ได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลก พรอมท้ังบอกท่ีต้ังของแหลง มรดกโลกดังกลา ว
จากองคก์ ารศกึ ษา วทิ ยาศาสตร ์ และวฒั นธรรมแหง่ สหประชาชาตหิ รอื ยเู นสโก (UNESCO) หลาย (แนวตอบ เชน
แหง่ ทงั้ แหลง่ มรดกโลกทางวฒั นธรรม ทางธรรมชาต ิ และแหลง่ มรดกโลกทผ่ี สมทงั้ แหลง่ วฒั นธรรม • กําแพงเมอื งจีน : ประเทศจนี
และแหล่งธรรมชาต ิ ในทีน่ จ้ี ะกล่าวรายละเอียดเฉพาะแหลง่ มรดกโลกทางวฒั นธรรม ซึง่ หมายถงึ • อนสุ รณสถานสันตภิ าพที่เมอื งฮโิ ระชิมะ :
อนสุ าวรยี ์ กลมุ่ อาคารสง่ิ ปลกู สรา้ งและสมบตั ทิ ม่ี คี ณุ คา่ ทางประวตั ศิ าสตร ์ สนุ ทรยี ศาสตร ์ โบราณคด ี ประเทศญป่ี ุน
วิทยาศาสตร์ ชาตพิ นั ธ์วุ ทิ ยา หรอื มานษุ ยวทิ ยา • วิหารยองเมยี ว : ประเทศเกาหลีใต
• ศาสนสถานทีเ่ มืองสาญจี : ประเทศอินเดีย
๓.1 ตัวอยางแหลงมรดกโลกทางวัฒนธรรมในเอเชยี ตะวนั ออก • เมืองเพตรา : ประเทศจอรแดน)
พระราชวงั ห๑ล) วจง1สีนมัยราชวงศห์ มิงและราชวงศช์ ิงทีน่ ครปักกิง่
2. ครูขออาสาสมัครนกั เรยี นทเ่ี คยไปเท่ยี ว
พระราชวงั ของจนี ท่ีใหญแ่ ละสมบรู ณท์ สี่ ดุ มศี ลิ ปะการกอ่ สรา้ งแบบโบราณ แหลงมรดกโลกในทวีปเอเชีย หรอื แหลง
ปัจจบุ นั มอี ายปุ ระมาณ ๕๘๐ ปี ส่ิงกอ่ สร้างและการประดับตกแตง่ เต็มไปดว้ ย ทอ งเที่ยวทางประวัตศิ าสตรในประเทศไทย
งานศลิ ปะแขนงตา่ งๆ ของจนี นบั เปน็ สถาปตั ยกรรมชนิ้ เอกของจนี และของโลก มาเลา ประสบการณใหเ พื่อนฟง หนา ชน้ั เรียน
เคยเป็นท่ีประทับของจักรพรรดิจีนต้ังแต่คริสต์ศตวรรษที่ ๑๕ - ๒๐ รวม ๒๔
พระองค ์ ปัจจุบนั พิพิธภณั ฑ์ในพระราชวงั เป็นแหลง่ รวมและจัดแสดงของมีค่า สา� รวจคน้ หา Explore
ของจนี ตลอด ๒,๐๐๐ ปี ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชางถึงราชวงศ์ชิง
ครใู หน กั เรยี นแบง ออกเปน 4 กลมุ เลอื ก
สสุ านทหารดินเผาท่เี มอื งซอี าน 2มณฑลฉา่ นซี แหลง มรดกโลกทางวฒั นธรรมทสี่ าํ คญั ๆ ในทวปี
สรา้ งในสมยั จกั รพรรดฉิ นิ สอื่ หวงต ี้ (จนิ๋ ซฮี อ่ งเต)้ ประกอบดว้ ย รปู ปน้ั ทหาร เอเชยี จากหนงั สอื เรยี น หนา 165-169 หรือจาก
รถศกึ และม้า จ�านวนกว่า ๘,๐๐๐ ตวั หนา้ ของรูปปัน้ ทหารแตล่ ะตวั มลี กั ษณะ แหลง การเรยี นรตู า งๆ แลว สรา งเปน เสน ทาง
แตกต่างกันและมีการแต่งกายที่เหมือนจริงตามต�าแหน่งของทหาร สุสานนี้ อารยธรรมแสดงทต่ี งั้ เสน ทางการเดนิ ทางไป
สะท้อนความย่ิงใหญ่ของจกั รพรรดฉิ นิ ส่ือหวงตี้ไดเ้ ปน็ อย่างดี ทองเทยี่ ว หรือขอ มลู เฉพาะของสถานทีน่ น้ั ๆ
โดยจดั เปน ปายนทิ รรศการแบงเปน 4 ปา ย ดงั น้ี
กา� แพงเมืองจีน 3
สรา้ งขน้ึ ครงั้ แรกเมอื่ ศตวรรษท ่ี ๗ กอ่ นครสิ ตศ์ กั ราช เพอื่ ปอ งกนั พรมแดน 1. แหลง มรดกโลกทางวัฒนธรรมในเอเชยี
ของแตล่ ะแควน้ ในสมยั ทบ่ี า้ นเมอื งแตกแยกในปลายราชวงศ์โจว ตอ่ มาถกู สรา้ ง ตะวันออก
เช่ือมให้เป็นแนวเดียวกันจากด้านตะวันออกไปยังตะวันตก มีความยาวกว่า
๘,๘๐๐ กโิ ลเมตร กา� แพงเมอื งจนี เปน็ สัญลักษณ์อยา่ งหนงึ่ ของจนี เปน็ สงิ่ ทจี่ นี 2. แหลง มรดกโลกทางวัฒนธรรมในเอเชยี ใต
ใชแ้ บง่ อารยธรรมจนี กบั ตา่ งชาต ิ เปน็ ๑ ใน ๗ สง่ิ มหศั จรรยข์ องโลกยุคกลาง และ 3. แหลง มรดกโลกทางวัฒนธรรมในเอเชีย
เปน็ สิง่ เดียวที่มนษุ ยอ์ วกาศสามารถมองเหน็ ไดเ้ ม่อื อยู่ในอวกาศ
ตะวนั ตกเฉียงใต
4. แหลง มรดกโลกทางวฒั นธรรมในเอเชยี กลาง
อธบิ ายความรู้ Explain
ขอสอบ O-NET 165 ครแู ละนกั เรียนรวมกันอภิปรายเกีย่ วกับ
มรดกโลก โดยใหนักเรียนชวยกันบอกความหมาย
ขอสอบป ’52 ออกเกี่ยวกับองคก ารยเู นสโก ของมรดกโลก
องคการยูเนสโก (UNESCO) เปน หนวยงานภายใตส หประชาชาติ
นกั เรียนควรรู
มจี ุดมงุ หมายในการสรางความรวมมือระหวา งประเทศสมาชกิ ในดานใด
มากทสี่ ุด 1 พระราชวงั หลวง เรมิ่ สรางตง้ั แต ค.ศ. 1406 แลวเสร็จใน ค.ศ. 1421 ถือเปน
สุดยอดสถาปต ยกรรมของจนี สมยั ราชวงศห มงิ นิยมเรยี กวา พระราชวังตองหา ม
1. การเมือง หรอื นครตองหาม เพราะผชู ายหามเขา ไปอยู จะเขาไดเ ฉพาะองคจักรพรรดิ (ผชู ายอืน่
2. เศรษฐกิจ จะเขามาไดตองถูกตอนเปนขันทกี อน) พระมเหสี นางสนม และนางกํานัล
3. สังคม 2 สุสานทหารดนิ เผาท่เี มืองซอี าน ถูกคน พบโดยบงั เอญิ เมอื่ ค.ศ. 1974 ตามประวตั ิ
4. ความม่ันคง สสุ านแหง นใี้ ชเ วลากอ สรา งประมาณ 38 ป ตง้ั แต 246-208 ปกอ นคริสตศักราช ภายใน
สุสานใชบรรจุพระบรมศพของจ๋ินซฮี องเต ทรพั ยส มบัติ นางสนมและนางกํานลั รถมา
วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. โดยองคก ารยูเนสโกเปน องคก ารชํานาญ และขุนพลทหารท่ีสรา งจากดินเผาจาํ นวนมาก สสุ านจิ๋นซีฮอ งเตไดรบั การข้ึนทะเบยี น
ใหเปนมรดกโลกเมอ่ื ค.ศ. 1987
พเิ ศษแหง หนง่ึ ของสหประชาชาติ กอ ตัง้ ขน้ึ เมื่อ ค.ศ. 1946 โดยมีจดุ มงุ หมาย 3 กําแพงเมอื งจนี ในภาษาจีน เรยี กวา วานหล่ีฉางเฉิง หรอื กําแพงหมื่นลี้
เพ่อื สงเสรมิ ความรว มมอื ของนานาชาติทางดานสงั คมโดยรวม ไมวา จะเปน (1 ลี้ มคี วามยาวประมาณ 1 ไมล) ในการกอสรา งกําแพงเมอื งจีนใชแ รงงานนกั โทษ
การศกึ ษา วทิ ยาศาสตร และวัฒนธรรม จากสงครามและทาสมากกวา 1 ลานคน โดยสวนมากเสยี ชีวติ ลงเนอ่ื งจาก
ความเหนอ่ื ยและหิวโหย ซึง่ ศพของผูเ สยี ชวี ติ จะถกู ฝงไวข างใตก าํ แพง
ค่มู ือครู 165
กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู้
1. ครซู กั ถามนกั เรยี นวา แหลง มรดกโลกทาง ๒) ญ่ีปนุ
วฒั นธรรมมีคณุ คา และความสําคญั อยางไร
(แนวตอบ เปน สง่ิ ท่ีมนุษยสรา งขึน้ ซง่ึ มคี ณุ คา อนุสรณสถานเมอื งโบราณเกยี วโต
ควรแกก ารช่ืนชม ดแู ลและเกบ็ รกั ษาไวเ พอ่ื ให สรา งใน ค.ศ.๗๙๔ ตามแบบเมอื งฉางอาน เมอื งหลวงของจนี สมยั ราชวงศถ งั
เปน มรดกตกทอดไปสูคนรนุ หลัง นอกจากนี้
ยงั เปน แหลง ดงึ ดูดนกั ทองเทย่ี วใหเ ขามาเท่ียวชม เกียวโตจัดเปนเมืองหลวงเกาของญี่ปุนนับตั้งแตกอสรางจนถึงกลางคริสต
ซง่ึ ชว ยสรา งรายไดเ ขา ทอ งถิ่นและประเทศ) ศตวรรษที่ ๑๙ เปน ศนู ยก ลางวฒั นธรรมของญปี่ นุ มากกวา ๑,๐๐๐ ป แสดงถงึ
พฒั นาการของสถาปต ยกรรมไมของญี่ปุนโดยเฉพาะสถาปตยกรรมทางศาสนา
2. ครนู าํ ภาพแหลง มรดกโลกทางวฒั นธรรม และการจัดสวนแบบญป่ี ุน ซง่ึ มีอิทธพิ ลตอการจัดพนื้ ที่สวนทว่ั โลก
ในทวีปเอเชยี มาใหนักเรียนดู แลวใหน กั เรียน
ตอบวาตัง้ อยทู ี่ใด จากน้นั ครูและนักเรียน อนสุ รณส ถานเมอื งโบราณนาระ
รว มกนั สนทนาถงึ ความสําคัญของ นาระเปนเมืองหลวงถาวรแหง แรกของญ่ีปนุ ในระหวาง ค.ศ. ๗๑๐ - ๗๘๔
แหลงมรดกโลกดงั กลา ว
(แนวตอบ เชน สสุ านทหารดินเผาทเ่ี มืองซีอาน มเปีคน วเามมอื เงจปรริญะใวนตั ฐศิ าานสะตเรป นซศง่ึ ปูนรยะกกลอาบงดววัฒยนวธดั รใรนมพโดระยพเฉทุ พธศาะาดสานนา1หพลราะยพแุทหธงศาวสดั นในา
มณฑลฉานซี ประเทศจีน เปน สสุ านทสี่ รางขน้ึ ศาสนาชินโต และพระราชวังหลวง สะทอนภาพชีวิตในเมืองนาระในคริสต
ในสมยั จักรพรรดฉิ ินสื่อหวงตี้ ประกอบดวย ศตวรรษที่ ๘ ซง่ึ เปน ชว งเวลาแหง การเปลยี่ นแปลงทางวฒั นธรรมและการเมอื ง
รปู ปน ทหาร รถศึกและมา จํานวนมากกวา
8,000 ตวั หนา ตาของรปู ปน ทหารแตล ะตัว อนสุ รณส ถานสนั ตภิ าพทเ่ี มอื งฮโิ ระชมิ ะ
มลี ักษณะแตกตา งกนั และมีการแตง กายที่ ส่ิงกอสรางแหงเดียวท่ีหลงเหลืออยูในบริเวณพื้นท่ีท่ีถูกทิ้งระเบิดปรมาณู
เหมือนจริงตามตาํ แหนงของทหาร สสุ านน้ี
สะทอนใหเหน็ ถึงความยง่ิ ใหญของจกั รพรรดิ ในวนั ที่ ๖ สงิ หาคม ค.ศ. ๑๙๔๕ ในสงครามโลกครง้ั ท่ี ๒ เปน อนสุ รณส ถานทเ่ี ปน
ฉินสอ่ื หวงต้ไี ดเ ปนอยางดี) สญั ลกั ษณข องการทาํ ลายลา งรา ยแรงทถี่ กู สรา งขน้ึ โดยมนษุ ยชาติ รวมทงั้ ยงั เปน
สญั ลกั ษณแ หง ความหวงั ของความสงบสขุ ของโลกและการกาํ จดั อาวธุ นวิ เคลยี ร
๓) เกาหลีใต
วหิ ารยองเมยี ว
ศาสนสถานท่ีเกาแกที่สุดในลัทธิขงจ๊ือของราชสํานักเกาหลี สรางข้ึนเพื่อ
อทุ ศิ แดบ รรพบรุ ษุ ของราชวงศโชซอน(ChosonDynasty, ค.ศ. ๑๓๙๒- ๑๙๑๐)
มีความสําคัญในฐานะเปนที่ศึกษาเลาเรียนของสมาชิกราชสกุล และสถานท่ี
ประกอบพธิ กี รรม
เขตประวตั ศิ าสตรจ ยองจู
จยองจเู คยเปน เมืองหลวงของอาณาจักรชลิ ลา (Shilla Kingdom) ปจจบุ ัน
เก็บรักษาของมีคาทางวัฒนธรรมจํานวนมาก สิ่งกอสรางสําคัญอีกแหง คือ
หอดดู าว สรา งดวยศิลาใน ค.ศ. ๖๓๔ ถอื เปน หอดูดาวทีเ่ กา แกท สี่ ุดของโลก
๑๖๖
นักเรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET
แหลง มรดกโลกทางวฒั นธรรมมคี วามสําคญั ตอ โลกอยางไร
1 วดั ในพระพุทธศาสนา วดั ที่มชี อื่ เสียง คอื วดั โทไดจิ ซง่ึ ประดิษฐานพระพุทธรปู แนวตอบ แหลงมรดกโลกทางวัฒนธรรมมที ัง้ อนสุ รณส ถาน กลมุ อาคาร
สํารดิ ขนาดใหญท่ีมคี วามสงู ถงึ 16.2 เมตร ถอื เปน สัญลกั ษณของเมืองนาระ วิหาร รวมทงั้ ผลงานการกระทาํ ของมนุษยห รอื ผลงานท่ีผสมผสานของธรรมชาติ
ของวัดทป่ี ระดิษฐานพระพทุ ธรปู สรา งดวยไม ถกู บันทึกวามีขนาดใหญท สี่ ุดในโลก และมนุษย และแหลง โบราณคดี ซงึ่ มีคุณคา ความโดดเดน ทางประวตั ิศาสตร
วิหารไมนเ้ี คยถูกไฟไหมมาแลว คร้งั หนง่ึ และไดร บั การสรางข้ึนใหมอ ีกครง้ั ใน ค.ศ. สนุ ทรยี ศาสตร ชาตพิ นั ธวุ ทิ ยา หรอื มานษุ ยวทิ ยา จดั วา มคี วามสาํ คญั ในฐานะ
1706 แตมขี นาดเล็กกวา เดมิ ถึง 2 ใน 3 ทเ่ี ปน หลกั ฐานทแ่ี สดงใหเหน็ ถงึ ความเปน เอกลกั ษณ และความเจริญทาง
อารยธรรมของมนษุ ยในอดตี ทไี่ ดส รางสรรคไว ซ่งึ ยังคงหลงเหลอื อยหู รอื อาจ
เบศูรณรากษารฐกจิ พอเพยี ง สูญหายไปแลว ดังนั้น จึงควรคาแกการอนรุ ักษมรดกอันทรงคุณคานี้ใหค งอยู
และตกทอดไปยังชนรุน หลงั ตอ ไป สําหรับแหลง มรดกโลกทางวฒั นธรรม
ครูใหนักเรยี นแบงกลมุ กลมุ ละเทา ๆ กนั เพ่อื ไปสืบคน เก่ียวกับการจดั การ ของทวปี เอเชียในปจจุบนั มีมากกวา 100 แหง กระจดั กระจายอยตู ามประเทศ
แหลง มรดกโลกของประเทศญปี่ นุ หรอื เกาหลใี ต จากนั้นใหแ ตละกลมุ สงตวั แทน ตา งๆ ในทวีปเอเชยี
มานาํ เสนอขอ มลู ทห่ี นา ช้นั เรยี น แลว ใหนักเรยี นรวมกันแสดงความคิดเหน็ วา
การจัดการดังกลา วสอดคลอ งกับหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งหรือไม และ
จะสามารถนํามาปรบั ใชในประเทศไทยไดอยา งไร
166 ค่มู ือครู
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู้
๓.2 ตวั อยา งแหลงมรดกโลกทางวฒั นธรรมในเอเชยี ใต 1. ครูใหนักเรียนในชน้ั เรยี นชว ยกันยกตัวอยา ง
ถ้า� อสชรัน้าตงาโด 1๑รยฐัก)ม าอรหเนิาจรเาดาะษภยี ฏูเขราะ2ใ นศตวรรษที่ ๒-๑ ก่อนคริสต์ศักราช ภายในถ้�า แหลง มรดกโลกทางวัฒนธรรมในเอเชียใต
จากน้นั ครูและนกั เรียนสนทนารวมกนั ถงึ
จา� นวนมากประดบั ประดาดว้ ยภาพวาดและรปู ปน้ั ชนั้ เยย่ี ม ทงั้ ศลิ ปะในพระพทุ ธ ความสาํ คัญของแหลง มรดกโลกดงั กลาว
ศาสนาและศลิ ปะทางโลก
2. ครูใหนกั เรียนทาํ กจิ กรรมที่ 6.3 จากแบบวดั ฯ
ศาสนสถานทเี่ มอื งสาญจี ประวัตศิ าสตร ม.2
บรเิ วณศาสนสถานประกอบดว้ ยพทุ ธศาสนสถาน ทม่ี อี ายยุ อ้ นไปถงึ ศตวรรษท ่ี
๒ - ๑ กอ่ นครสิ ต์ศักราช เปน็ ศาสนสถานทางพระพุทธศาสนาท่เี กา่ แกท่ ่สี ุดท่ยี งั ใบงาน ✓ แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ
เหลอื อยแู่ ละเปน็ ศนู ยก์ ลางพระพทุ ธศาสนาในอนิ เดยี จนถงึ ครสิ ตศ์ ตวรรษท ี่ ๑๒ ประวตั ศิ าสตร ม.2 กิจกรรมที่ 6.3
วดั มหาโพธิ (พทุ ธคยา) 3 หนว ยที่ 6 แหลงอารยธรรมในทวีปเอเชีย
๑ ใน ๔ สถานทศี่ กั ดสิ์ ทิ ธท์ิ เ่ี กยี่ วขอ้ งกบั พระพทุ ธเจา้ คอื เปน็ สถานทต่ี รสั ร ู้
วดั แหง่ แรกสร้างโดยพระเจ้าอโศกมหาราชเมอ่ื ศตวรรษที่ ๓ กอ่ นคริสต์ศักราช กจิ กรรมที่ ๖.๓ ใหนักเรียนดูรูปภาพแหลงอารยธรรมและเติมขอความใน คะแนนเตม็ คะแนนที่ได
วดั ทเ่ี หลอื อย่ใู นปจั จบุ นั มอี ายใุ นครสิ ตศ์ ตวรรษท ี่ ๕-๖ เปน็ หนงึ่ ในวดั พทุ ธศาสนา ชอ งวางใหถกู ตอ ง (ส ๔.๒ ม.๒/๒)
ยคุ ตน้ ทส่ี รา้ งดว้ ยอฐิ ทยี่ งั เหลอื อย่ใู นอินเดยี ñð
๒) ปากีสถาน ภาพ ประเทศ / ภมู ภิ าค ลักษณะเดน
๑.
แหล่งโบราณสถานท่ีเมอื งโมเฮนโจ-ดาโร ..จ...ีน....../....เ..อ...เ..ช...ยี ...ต....ะ...ว...ัน....อ....อ...ก...................................... .เ..ป....น ....ส....ิ่ง....ม...ห....ศั....จ....ร...ร...ย....ข...อ...ง....โ..ล....ก....ใ..น.....ย...ุค.............
เมอื งขนาดใหญใ่ นอารยธรรมลมุ่ แมน่ า�้ สนิ ธ ุ สรา้ งขน้ึ เมอ่ื ประมาณ ๓,๐๐๐ ปี กาํ แพงเมอื งจีน .ก....ล....า...ง...ท....ส่ี....า...ม...า...ร...ถ....ม....อ...ง...เ..ห....็น.....ไ..ด....เ..ม...อ่ื....อ...ย....ู .....
ก่อนคริสต์ศักราช ถกู ทิ้งรา้ งเมื่อประมาณ ๑,๗๐๐ ปีกอ่ นครสิ ต์ศักราช และถกู ๒. ....................................................................................... ในอวกาศ.......................................................................................
คน้ พบอกี ครงั้ ในทศวรรษ ๑๙๒๐ มคี วามโดดเดน่ ดา้ นสถาปตั ยกรรมทม่ี แี บบแผน .......................................................................................
และการวางผังเมืองท่เี ป็นระเบยี บ เมืองโมเฮนโจ - ดาโร
๓. ....................................................................................... .......................................................................................
ปอมและสวนซาลามาร์ ในเมอื งลาฮอร ์
ผลงานชนิ้ เอกของอารยธรรมอสิ ลามราชวงศม์ คุ ลั (โมกลุ ) ในสมยั จกั รพรรดิ อนุสรณส ถานสนั ติภาพ ....................................................................................... .......................................................................................
ชาห ์ จะฮาน ภายในปอ มมพี ระราชวงั หนิ ออ่ นและมสั ยดิ สวนซาลามารส์ รา้ งใน เมืองฮโิ ระชมิ ะ
ค.ศ. ๑๖๔๑ ตามแบบสวนเปอรเ์ ซยี ตกแตง่ ดว้ ยนา้� ตก นา�้ พ ุ และสระนา�้ ขนาดใหญ่ ๔. .ป....า...ก....ีส....ถ....า..น....../....เ..อ...เ..ช...ยี....ใ..ต....................................... .ส....ถ....า..ป....ต....ย....ก....ร...ร....ม...ท....่ีม....ีแ...บ....บ....แ...ผ....น....แ...ล....ะ...ก....า..ร....
....................................................................................... .ว...า..ง....ผ...ัง...เ..ม....ือ...ง...ท....เ่ี..ป....น....ร....ะ..เ..บ....ยี....บ.............................
๓) เนปาล เมอื งเพตรา
๕. ....................................................................................... .......................................................................................
หบุ เขากาฐมาณฑ ุ *
มรดกทางวฒั นธรรมของกาฐมาณฑ ุ คอื กลมุ่ อนสุ าวรยี แ์ ละอาคาร ๗ แหง่ สสุ านของโคจา อาหเ หมด็ ....................................................................................... .......................................................................................
ทแี่ สดงถงึ ความรงุ่ เรอื งทางศลิ ปะและประวตั ศิ าสตร ์ ประกอบไปดว้ ยศาสนสถาน ยาซาวี
ท้งั ในศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดูและพระพุทธศาสนา ....................................................................................... .......................................................................................
* ปจั จบุ นั โบราณสถานแหง่ หบุ เขากาฐมาณฑบุ างแหง่ ไดร้ บั ความเสยี หายจากเหตแุ ผน่ ดนิ ไหวรนุ แรงเมอื่ เดอื นเมษายน 167 .ญ.....ี่ป....ุน....../....เ.อ....เ..ช...ยี...ต....ะ...ว...นั ....อ....อ...ก................................. .เ.ป....น.....อ...น.....ุส....ร...ณ......ใ..ห....ร....ะ..ล....กึ....ถ....ึง...ค....ว...า...ม.................. เฉฉบลับย
.ร...ุน.....แ...ร...ง...จ....า...ก....ส....ง...ค....ร....า..ม....แ...ล....ะ...ก...า...ร....ใ..ช...............
ค.ศ. ๒๐๑๕ ....................................................................................... .อ...า...ว...ุธ...น.....ิว..เ..ค....ล....ยี ...ร.... ..................................................
.......................................................................................
....................................................................................... .......................................................................................
....................................................................................... .......................................................................................
.จ....อ...ร....แ ...ด....น...../.....เ.อ....เ..ช...ยี ...ต....ะ...ว..นั.....ต....ก....เ..ฉ....ีย...ง...ใ...ต.... .... .แ...ส....ด....ง...ใ..ห....เ..ห....น็ ....ถ....งึ ...ก....า..ร....ผ...ส....ม...ผ....ส....า...น....ข...อ...ง........
.ว..ฒ.ั .....น....ธ...ร...ร....ม...ต....ะ...ว...นั ....อ....อ...ก....โ..บ.....ร...า...ณ.....ก....ับ..............
....................................................................................... .ส....ถ....า..ป....ต....ย....ก....ร...ร....ม...ก....ร...กี.......ย....ุค....เ.ฮ....เ..ล....น....สิ....ต....กิ.....
.......................................................................................
....................................................................................... .......................................................................................
....................................................................................... .......................................................................................
.ค....า...ซ...ัค....ส.....ถ...า...น....../....เ..อ...เ..ช...ีย....ก...ล....า...ง........................... .เ.ป....น.....ส....ถ....า...ป...ต....ย....ก....ร...ร....ม...แ...บ....บ.....เ.ป....อ....ร...เ..ซ....ีย..........
.ท....ย่ี ...ัง...ค....ง....ส....ภ....า..พ.....ค....ว..า...ม....ส....ม...บ.....ูร...ณ.....แ...ล....ะ.............
....................................................................................... .ใ..ห....ญ.....ท....ี่ส....ดุ....ใ...น....ส....ม....ยั...ต....ีม....รู .....................................
.......................................................................................
....................................................................................... .......................................................................................
....................................................................................... .......................................................................................
๗๕
ขอ สอบ O-NET นกั เรียนควรรู
ขอ สอบป ’51 ออกเกยี่ วกบั แหลงมรดกโลกทางวัฒนธรรม 1 ถา้ํ อชันตา เปน ผลงานทเ่ี กี่ยวเน่อื งในพระพทุ ธศาสนา ผคู น พบถ้ํานี้ คือ
การสรางสรรคสถาปตยกรรมของชนชาตใิ ดไม สัมพันธก ัน นายทหารชาวอังกฤษ ชอื่ จอหน สมิท พบเมื่อ ค.ศ. 1819 โดยเขาไดตามลาเสอื
1. วหิ ารพารเธนอน-ตุรกี เขามาจนถึงยอดเขาแหง หนง่ึ ในบรเิ วณหมบู า นอชนั ตา และพบวัดถาํ้ จํานวนมาก
2. โคลอสเซียม-อติ าลี ซ่งึ ซอ นตัวอยทู า มกลางปารก
3. ทัชมาฮลั -อนิ เดยี
4. บโุ รพุทโธ-อนิ โดนเี ซยี 2 การเจาะภูเขา ในอินเดียมีถาํ้ ทางศาสนาหลายแหงทสี่ รา งโดยการเจาะภูเขา
หรอื สกัดหนาผาเขา ไปเปน หองโถง เปนท่พี ํานักของพระสงฆ และมกี ารสลักรูป
วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. วิหารพารเ ธนอนต้งั อยบู นอะโครโพลสิ ของ พระพุทธรปู หรอื เทพเจา ในศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู เชน ถํ้าอชันตา ถ้าํ เอลโลรา
(ไดร บั การประกาศใหเ ปน มรดกโลกเมอ่ื ค.ศ. 1983) ถ้ําเอเลฟนตา (ไดรับการ
กรุงเอเธนส ประเทศกรซี จดั เปน ผลงานทางดา นสถาปต ยกรรมของชาวกรีก ประกาศใหเปน มรดกโลกเมือ่ ค.ศ. 1987)
สรางขน้ึ ใน 477 ปกอ นครสิ ตศ ักราช เพื่อเปน ท่ปี ระดษิ ฐานเทวรปู เทพีอะธนี า
และสรา งเสร็จใน 433 ปก อนครสิ ตศ ักราช เปนศิลปะแบบดอริก
3 พทุ ธคยา เปน คาํ เรียกกลมุ พุทธสถานสาํ คญั ในอาํ เภอคยา รัฐพิหาร ซงึ่ เปน
ทต่ี ้งั ของสถานทตี่ รสั รขู องพระพทุ ธเจา มสี ญั ลักษณสําคญั คอื องคเจดยี ส ่ีเหลี่ยม
ลอมรอบดว ยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ทีส่ าํ คญั เชน ตน พระศรีมหาโพธ์ิ อกี ท้งั ยงั
เปนทต่ี ัง้ ของวัดพทุ ธนานาชาติ รวมทั้งวัดไทยพุทธคยา พุทธคยาไดรบั การประกาศ
ใหเ ปนมรดกโลกเมอื่ ค.ศ. 2002
คู่มือครู 167
กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู้
1. ครสู รา งสถานการณส มมตวิ า ถา นกั เรียนเปน ลมุ พนิ ี 1
นักเขียนสารคดเี กี่ยวกับการทองเทยี่ ว ไดรบั สถานทป่ี ระสตู ขิ องพระพทุ ธเจา้ ปจั จบุ นั เปน็ ศนู ยก์ ลางของชาวพทุ ธ เมอื ง
ภารกิจใหไปเกบ็ ขอมลู เกยี่ วกับแหลง มรดกโลก ลมุ พนิ ี คอื ๑ ใน ๔ เมอื งศกั ดส์ิ ิทธิ์ในพระพทุ ธศาสนา เมอื งถกู ท้งิ รา้ งนานหลาย
ทางวฒั นธรรมในทวปี เอเชยี นกั เรยี นจะเลอื กไป ศตวรรษจนกระท่ังใน ค.ศ. ๑๘๙๕ นักโบราณคดีชาวเยอรมันได้ขุดค้นพบ เช่อื
ยงั สถานทใ่ี ด เพราะเหตุผลใด จากนนั้ กันว่าวัดและสระน�า้ ทล่ี มุ พนิ ีเปน็ ของเกา่ แกต่ ้ังแต่สมัยท่ีพระพุทธเจ้าประสูติ
ครูขออาสาสมคั รนกั เรียนออกมานาํ เสนอ
หนา ชั้นเรียน ๔) ศรลี ังกา
(แนวตอบ เชน กําแพงเมอื งจีน ประเทศจีน
เน่อื งจากเปน 1 ใน 7 ส่ิงมหัศจรรยข องโลก เมอื งโบราณสคิ รี ยิ า
ยคุ กลาง และเปน สิ่งเดยี วท่มี นุษยอวกาศ สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ ๕ พื้นที่ของเมืองเป็นที่ราบสูงสลับกับภูเขา
สามารถมองเห็นไดเมอ่ื อยใู นอวกาศ นอกจากน้ี พระราชวงั ต้งั อยบู่ นยอดของเขาหนิ ทรายขนาดใหญ ่ และมสี ่ิงกอ่ สรา้ งอนื่ เช่น
ยงั เปนสิง่ กอสรางทีแ่ สดงใหเหน็ ถงึ ความยิง่ ใหญ อาคารใหญน่ ้อย อุทยาน และอ่างเกบ็ น�า้ ขนาดใหญ่บนยอดเขา
ของอารยธรรมจีนไดเปนอยางด)ี
วดั ทองแหง่ ดมั บลู ลา
2. ครทู ดสอบความรู โดยใหนกั เรยี นทาํ กจิ กรรมท่ี ดัมบูลลาเป็นสถานที่ศักด์ิสิทธิ์ต้ังแต่ศตวรรษท่ี ๒ ก่อนคริสต์ศักราช
6.4 จากแบบวดั ฯ ประวตั ิศาสตร ม.2 ประกอบดว้ ย ถา้� ตา่ งๆ ๕ ถา�้ ทง้ั ทเี่ ปน็ ถา�้ ธรรมชาตแิ ละการขดุ เจาะเพม่ิ ภายใน
ถ้�ามีภาพวาดทางศาสนาและทางโลกท่มี ีอายรุ ะหวา่ งคริสตศ์ ตวรรษที่ ๑๕-๑๖
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝก ฯ รวมท้ังมพี ระพทุ ธรปู แบบต่างๆ และเทวรูปในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
ประวตั ิศาสตร ม.2 กิจกรรมที่ 6.4
หนว ยท่ี 6 แหลงอารยธรรมในทวปี เอเชยี ๓.๓ ตวั อยา งแหลง มรดกโลกทางวฒั นธรรมในเอเชยี ตะวนั ตกเฉยี งใต
๑) จอร์แดน
กจิ กรรมที่ ๖.๔ ใหน กั เรยี นศกึ ษาแผนทแี่ หลง อารยธรรม แลว เตมิ หมายเลข คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
และขอ ความในชอ งวา งใหถ กู ตอง (ส ๔.๒ ม.๒/๒) เมอื งเพตรา
ñð เ ดดซส ีรเ้าพงตขร้ึนา2ตเชั้งือ่แมตร่สะมหัยวก่า่องอนาปรระะเบวัตียิศ อายีสปิ ตตร ์์ แตลั้งะอซยีเูร่รยีะห เวป่า็นงหทนะเ่ึงลในแเดมงือแงลโะบทระาเณล
ที่มีช่ือเสียงของโลก เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกและเป็นสถานท่ีซ่ึงวัฒนธรรม
๔ ๒ ตะวนั ออกโบราณผสมผสานกับสถาปตั ยกรรมกรกี ยคุ เฮเลนิสติก
๑
เมืองฮตั รา 3๒) อริ กั
๓
เมอื งในสมยั จกั รวรรดพิ ารเ์ ทยี น (Parthian) และเปน็ เมอื งหลวงของอาณาจกั ร
๕ อาหรบั ท ่ี ๑ (The First Arab Kingdom) ระหวา่ ง ค.ศ. ๑๑๖-๑๙๘ ตอ่ มาถกู รกุ ราน
เฉฉบลบั ย จากโรมัน ซากเมืองที่เหลืออยู่ได้รับรูปแบบสถาปัตยกรรมกรีกยุคเฮเลนิสติก
และโรมัน
๑. หแหมลายงอเลาขรย....ธ...ร...ร....ม....ใ...น....ภ....ูม.....ิภ..๒..า...ค....เ...อ....เ..ช....ีย....ต....ะ...ว...นั.....อ....อ....ก... ชอ่ื .....อ...า...ร....ย...ธ...ร....ร...ม....ล....มุ ...แ...ม....น ....้ํา...ห....ว...า..ง....เ.ห....อ.......................................... 16๘
๒. หแหมลายง อเลาขรยธรรมในภูมภิ ๓าคเอเชยี ใต ช่อื........................................................................................ .....อ...า...ร....ย...ธ...ร....ร...ม....ล....มุ ...แ...ม....น ....ํ้า...ส....นิ.....ธ...ุ................................................
๓. แหหมลายง อเลาขรย....ธ...ร...ร....ม....ใ...น....ภ....มู.....ิภ...๑.า...ค....เ...อ....เ..ช....ีย....ต....ะ...ว...นั.....ต....ก....เ..ฉ. ียงชใตือ่ .....อ...า...ร....ย...ธ...ร....ร...ม....เ.ม....โ..ส.....โ..ป....เ..ต....เ.ม....ีย....................................................
๔. ภหมูมาภิ ยาเคลทข่ีเ.ก....ดิ....ข....นึ้.....ใ..ห.....ม.......เ..ป...๔.น.....ด....ิน....แ....ด....น.....ข....อ....ง...ก....ล....ุม....ป. ระชเทื่อศ...ส..ภ..า..ูม..ธ.ภิ..า..า.ร..ค..ณ..เ..อ.ร..เ..ัฐช...ียอ...ก.ิส...ล.ร...ะา...ง..................................................................
๕. หภมมู าภิ ยาเคลทข่ีเ.ป.....น ....แ....ห....ล....ง...ผ.....ส....ม..๕..ผ....ส....า...น.....ร...ะ...ห....ว....า...ง...อ....า...ร....ย...ธรรชมอ่ื จ..นี ...ภ.แ...ูม.ล..ภิ..ะ..า.อ..ค..ิน..เ..อเ..ด.เ..ช..ยี .ยี...ต....ะ...ว...ัน....อ....อ...ก....เ..ฉ....ยี...ง....ใ..ต.....................................
๗๖
นกั เรียนควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ
1 ลมุ พินี หรอื ลุมพนิ ีวัน เดิมเปนสวนปาสาธารณะ ซง่ึ ตง้ั อยกู ่งึ กลางระหวา ง ครใู หน กั เรียนเขยี นเรยี งความเก่ียวกบั แหลง มรดกโลกทางวฒั นธรรม
เมอื งกบลิ พัสดกุ บั เมืองเทวทหะ ในสมยั พระเจา อโศกมหาราชโปรดใหสรา งพระอาราม ในทวีปเอเชยี ที่นกั เรียนรูสึกประทับใจและชนื่ ชอบมากทสี่ ุด ความยาว
เจดีย และเสาศลิ าจารึกไวเ ปน สญั ลกั ษณบรเิ วณที่เจา ชายสิทธัตถะประสูติ ไมเ กนิ 1 หนา กระดาษรายงาน จากน้ันออกมานาํ เสนอทีห่ นาชนั้ เรียน
และใน ค.ศ. 1997 ลุมพนิ วี นั ไดร ับการข้นึ ทะเบียนใหเ ปน มรดกโลกภายใตช่อื ลุมพินี
2 เพตรา หรอื นครศิลาสกี หุ ลาบ เปน เมืองท่แี กะสลกั ขน้ึ จากภเู ขาทง้ั ลกู เดมิ เปน กจิ กรรมทาทาย
นครแหง การคาขนาดใหญ ตอมาถูกทิง้ ใหรางเปน เวลานานกวา 700 ป จนกระทงั่
ถกู คนพบโดยนกั สาํ รวจชาวสวติ เซอรแลนดเมือ่ ค.ศ. 1812 เพตราไดร บั การข้ึน ครูใหน ักเรยี นสืบคนขอมลู เก่ียวกับแหลง มรดกโลกทางวัฒนธรรม
ทะเบยี นใหเ ปน มรดกโลกเมอ่ื ค.ศ. 1985 และใน ค.ศ. 2007 เพตราไดรบั คัดเลอื ก ในทวีปเอเชยี นอกเหนอื จากตัวอยางในหนงั สือเรียน จากน้นั ใหนักเรยี น
ใหเปน 1 ใน 7 ส่ิงมหัศจรรยของโลกยคุ ใหม จัดทําสมดุ ภาพ “มรดกโลกในเอเชีย” ซ่ึงประกอบดวย ขอ มลู ของ
3 เมอื งฮัตรา เมืองโบราณท่ลี อมรอบดวยกาํ แพง 2 ชนั้ ถัดออกไปจากกําแพง แหลงมรดกโลกทางวฒั นธรรมในแตละภมู ิภาคโดยสงั เขป พรอ มทั้งตดิ
ยังขดุ เปนคลู อมรอบอีกชน้ั หนึง่ ลกั ษณะของฮัตราคลายกับเมอื งเพตราในจอรแดน ภาพประกอบใหส วยงามนําสงครูผสู อน
ทั้งในแงก ารเปน เมอื งศูนยก ลางควบคมุ เสน ทางการคา ของกองคาราวาน และเปน
เมืองท่ีรบั รปู แบบสถาปต ยกรรมของกรีก-โรมนั
168 คมู่ ือครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Expand Evaluate
ขยายความเขา้ ใจ Expand
เมอื งอัสซูร ์ 1. ครูใหน ักเรยี นกลุม เดมิ จัดทาํ แผน พบั ใหค วามรู
เมอื งโบราณอสั ซรู ์ (Ashur) ตงั้ อยบู่ นฝง่ั แมน่ า�้ ไทกรสิ เคยเปน็ เมอื งหลวง เกย่ี วกบั แหลง มรดกโลก ซงึ่ ประกอบดว ยเนอื้ หา
แหง่ แรกของจกั รวรรดอิ สั ซเี รยี เปน็ นครรฐั ทม่ี คี วามสา� คญั เปน็ ศนู ยก์ ลางการคา้ ดังน้ี
นานาชาต ิ และเปน็ เมอื งทางศาสนาของชาวอสั ซเี รยี เมอื งอสั ซรู ถ์ กู ทา� ลายโดย • ประเภทของมรดกโลก
ชาวบาบโิ ลน แตต่ อ่ มาถกู ฟน้ื ฟูโดยจกั รวรรดพิ ารเ์ ทยี นในครสิ ตศ์ ตวรรษท ี่ ๑-๒ • การขึ้นทะเบียนมรดกโลก
• มรดกโลกในทวีปเอเชีย
เมอื งโบราณสมารร์ า • วธิ กี ารอนรุ ักษม รดกโลก
เมืองหลวงของจักรวรรดิอับบาซิด ตง้ั อย่บู น ๒ ฝัง่ แมน่ �้าไทกรสิ ทางตอน จากนน้ั นาํ ไปแจกจา ยหรอื ประชาสัมพันธ
เหนอื ของกรงุ แบกแดด ความกา้ วหนา้ ทางศลิ ปะและสถาปตั ยกรรมของอสิ ลาม ตามความเหมาะสม
ไดร้ ับการพฒั นาทีเ่ มืองนแ้ี ละขยายไปยงั ดนิ แดนอิสลามท่วั โลก
2. ครใู หนักเรียนตอบคาํ ถามประจาํ หนวย
๓) อฟั กานสิ ถาน การเรยี นรู
ภมู ทิ หัศุบนเว์ขฒั าบนาธมริยรัมน1แเปล็นะโแบหรลา่งณอสาถรยาธนรแรหม่งขหอุบงเอขาาณบาามจักิยรนั บัคเตรียตั้งแต่คริสต์ ตรวจสอบผล Evaluate
ศตวรรษท ี่ ๑-๑๕ ตงั้ อยใู่ นเสน้ ทางสายแพรไหมทเ่ี ชอื่ มระหวา่ งจนี และเอเชยี กลาง
กบั อนิ เดยี และตะวนั ตก พระพทุ ธรปู จา� นวนมากถกู แกะสลกั ขน้ึ บนหนา้ ผาและภเู ขา 1. ครตู รวจปา ยนทิ รรศการแหลงมรดกโลกทาง
พระพุทธรปู ยนื องค์ส�าคญั ท่ีสุด ๒ องค ์ มคี วามสูง ๕๕ เมตร และ ๕๗ เมตร วฒั นธรรมในทวปี เอเชยี และแผน พบั ใหค วามรู
นบั เปน็ พระพทุ ธรปู ยนื แกะสลกั ใหญท่ สี่ ดุ ของโลก สรา้ งในครสิ ตศ์ ตวรรษท ่ี ๔-๕ เกีย่ วกับแหลงมรดกโลก
ใน ค.ศ. ๒๐๐๑ รฐั บาลตอลิบานของอัฟกานสิ ถานได้ระเบดิ ทา� ลายลง
2. ครูสงั เกตพฤติกรรมความมสี วนรว มในการ
๓.4 ตวั อยา งแหลงมรดกโลกทางวัฒนธรรมในเอเชียกลาง ตอบคําถามและการแสดงความคิดเห็นของ
คาซัคสถาน นักเรยี น
สสุ านของโคจา อาห์เหม็ด ยาซาว ี
สรา้ งขน้ึ สมยั ตมี รู ์ ผนู้ า� ชาวมองโกล ระหวา่ ง ค.ศ. ๑๓๓๖ - ๑๔๐๕ อาคารทยี่ งั
สรา้ งไมเ่ สรจ็ สมบรู ณห์ ลงั นเี้ ปน็ สถาปตั ยกรรมแบบเปอรเ์ ซยี ปจั จบุ นั เปน็ หนง่ึ ใน
สงิ่ กอ่ สรา้ งทใ่ี หญท่ ส่ี ดุ และยงั คงมสี ภาพสมบรู ณท์ สี่ ดุ ในบรรดาสงิ่ กอ่ สรา้ งสมยั ตมี รู ์
กลาวโดยสรุป ทวีปเอเชียเปนแหลงอารยธรรมท่ีสําคัญ ๔ อารยธรรม ซึ่งมี
ประวัติศาสตรตอเน่ืองยาวนาน แหลงอารยธรรมแตละแหงไดสรางสรรคความเจริญทาง
อารยธรรมและศาสนาไวเปนมรดกของโลกสืบทอดตอมาจนถึงปจจุบัน ตัวอยางความเจริญ
ทางอารยธรรม เชน การแพทยแผนโบราณของจนี พระพุทธศาสนา ศาสนาพราหมณ-ฮนิ ดู
เลขอารบกิ ของอนิ เดีย ความรทู างคณติ ศาสตร ดาราศาสตรข องเมโสโปเตเมีย ศาสนาอสิ ลาม
ของอารยธรรมอิสลาม เปนตน อารยธรรมดังกลาวมีอิทธิพลตอผูคนท้ังในทวีปเอเชียและ
ทวีปอ่ืนๆ ทั่วโลกดวย
169
แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ เกรด็ แนะครู
การดูแลรักษาแหลงมรดกโลกในทวปี เอเชีย ควรเปนหนา ทข่ี องใคร ครแู นะนาํ ใหน กั เรียนสบื คน เพิ่มเตมิ เกีย่ วกบั แหลงอารยธรรมในประเทศตา งๆ
1. เจา หนา ท่ีองคการยูเนสโก ของทวีปเอเชียทไี่ ดรับการข้ึนทะเบยี นเปน มรดกโลก จากน้ันใหนกั เรียนอภปิ ราย
2. ผูน ําประเทศตา งๆ ของทวปี เอเชยี รวมกันถงึ ความสําคัญของแหลงอารยธรรมท่ีมีตอประเทศน้นั ๆ และภมู ิภาคโดยรวม
3. รัฐบาลท่ีเปน เจา ของแหลงมรดกโลก
4. พลเมืองทกุ คนในประเทศตางๆ ของทวปี เอเชยี นกั เรียนควรรู
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. แหลงมรดกโลกตา งๆ ในทวปี เอเชีย ถงึ แม 1 หุบเขาบามยิ นั แมว าพระพทุ ธรูปสลกั หนิ ขนาดใหญจะถูกทําลายลงไปแลว
แตตอมากไ็ ดม ีการคนพบคมั ภรี พระพทุ ธศาสนา ซ่ึงมีท่ีมาจากถ้าํ ตางๆ ในหบุ เขา
จะมไิ ดต งั้ อยใู นประเทศของเรา แตเ ราซง่ึ มฐี านะเปน พลเมอื งคนหนง่ึ ในประเทศ บามิยนั ทยี่ ังเหลอื รอดจากการทําลายมาจนถงึ ปจ จบุ นั โดยมีอายุถงึ 2,000 ป ถือเปน
ซึ่งอยูใ นทวีปเอเชียก็มหี นาทที่ จ่ี ะตอ งรว มมือกนั และชักชวนใหพ ลเมืองทกุ คน คัมภีรท างพระพุทธศาสนาที่เกา แกท ่ีสุดในโลก นักวิชาการสันนิษฐานวา ทง้ั พระสงฆ
ในประเทศตา งๆ ของทวปี เอเชยี ทาํ นุบํารุง ดแู ลรักษาใหคงสภาพดีไว พน้ื เมืองและพระสงฆตา งชาติท่เี ขา มาศึกษาและแลกเปล่ยี นธรรมในอัฟกานิสถาน
ตลอดไป เพ่อื จะไดเ ปนมรดกอันลาํ้ คา คงอยคู กู บั ทวปี เอเชียตราบนานเทานาน คงทําการจดจารขนึ้ เปนภาษาสันสกฤตเม่ือประมาณ พ.ศ. 540-940 โดยจารึกลงบน
วัสดุตางๆ เชน ใบลาน เปลอื กไม หนังแกะ เจาะรูแลวรอยเขา ไวด ว ยกัน
คูม่ ือครู 169
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Elaborate
Evaluate Evaluate
ตรวจสอบผล
ครูตรวจสอบความถูกตอ งในการตอบคําถาม ค าํ ถามประจ าํ หน่วยการเรียนรู้
ประจาํ หนว ย
๑. การทอี่ ารยธรรมแตล่ ะแหง่ ในทวปี เอเชยี สามารถพฒั นาจนมคี วามเจรญิ รงุ่ เรอื งไดเ้ ปน็ เพราะ
หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู ปัจจยั ใดบา้ ง
๒ . เพราะเหตุใดบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้�าในทวีปเอเชีย จึงเป็นแหล่งก�าเนิดอารยธรรมที่ส�าคัญ
1. โปสเตอรทต่ี ง้ั และความสําคัญของ ของโลก
แหลง อารยธรรมในทวีปเอเชีย และปา ยนเิ ทศ ๓. ช นชาตติ า่ งๆ ทเ่ี ขา้ มาตงั้ ถน่ิ ฐานอาศยั อย่ใู นบรเิ วณลมุ่ แมน่ า้� ไทกรสิ -ยเู ฟรทสี ไดส้ รา้ งสรรค์
เก่ยี วกบั แหลง อารยธรรมในทวปี เอเชยี
อารยธรรมในเร่อื งใดไวเ้ ป็นมรดกแก่โลก
2. สมดุ ภาพเกยี่ วกบั อิทธพิ ลของอารยธรรมโบราณ ๔ . อ ารยธรรมอสิ ลามไดเ้ ผยแผไ่ ปยงั ภมู ภิ าคอืน่ โดยวธิ ีใด และมีความเจริญทางอารยธรรมใน
ที่มตี อทวีปเอเชียในปจ จุบัน และตารางแสดง
ศลิ ปวทิ ยาการและภมู ปิ ญญาของอารยธรรม เรื่องใด
โบราณ ๕. อารยธรรมจีน อินเดีย เมโสโปเตเมยี และอสิ ลาม มอี ทิ ธิพลต่อชาวเอเชียและชาวตะวนั ตก
3. ปา ยนิทรรศการแหลง มรดกโลกทางวัฒนธรรม ในเร่ืองใดบ้าง จงยกตวั อย่าง
และแผน พับใหความรเู ก่ียวกับแหลง มรดกโลก
กิจกรรมสรา้ งสรรคพ์ ฒั นาการเรยี นรู้
กิจกรรมท่ ี ๑ ให้นกั เรียนแบ่งกลมุ่ ออกเปน็ ๔ กลมุ่ เพ่ือสบื ค้นข้อมลู แหล่งอารยธรรมใน
ทวปี เอเชียที่กา� หนดใหต้ อ่ ไปน้ี แล้วนา� เสนอหน้าช้นั เรยี น
กล่มุ ท ี่ ๑ อารยธรรมจีน
กลุม่ ที่ ๒ อารยธรรมอนิ เดีย
กลมุ่ ที่ ๓ อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
กลุม่ ท่ ี ๔ อารยธรรมอิสลาม
กจิ กรรมท่ ี ๒ ให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าแหล่งอารยธรรมในทวีปเอเชียท่ีตนเองสนใจมา ๑
อารยธรรม แลว้ วเิ คราะหถ์ งึ อทิ ธพิ ลของอารยธรรมดงั กลา่ วทม่ี ตี อ่ ชาวเอเชยี
ในปัจจบุ นั
กิจกรรมที ่ ๓ ใหน้ กั เรยี นทา� สมดุ ภาพเกยี่ วกบั แหลง่ อารยธรรมในทวปี เอเชยี นอกเหนอื จาก
ในหนังสือเรยี น แล้วออกมาน�าเสนอหน้าชนั้ เรียน
170
แนวตอบ คาํ ถามประจาํ หนว ยการเรยี นรู
1. มีหลายปจจัย เชน ปจ จัยทางดานทต่ี งั้ ทางภูมศิ าสตร เนอ่ื งจากทวปี เอเชียมที รัพยากรดนิ และนํ้าทอี่ ดุ มสมบูรณ ดงั น้ัน อารยธรรมทีส่ าํ คัญในทวปี เอเชียจึงถอื กาํ เนิดขน้ึ
ในบริเวณทร่ี าบลมุ แมน าํ้ ตา งๆ เชน อารยธรรมอินเดยี บรเิ วณทร่ี าบลุมแมนํ้าสินธุ อารยธรรมจนี บรเิ วณทร่ี าบลมุ แมน ้ําหวางเหอหรอื ฮวงโห อารยธรรมเมโสโปเตเมยี
บริเวณทีร่ าบลุมแมน้ําไทกริส-ยูเฟรทสี เปนตน
2. เน่ืองจากบริเวณทร่ี าบลุมแมน้ําตา งๆ ในทวีปเอเชียเปนบรเิ วณทีม่ ีความอุดมสมบรู ณ มีความเหมาะสมในการเพาะปลูกและต้งั ถน่ิ ฐาน อีกทั้งสะดวกตอ การคมนาคม
ระหวา งกนั จึงมีผูคนเขา มาอยูอ าศัยและกอตั้งบา นเมอื ง พัฒนาจนเปนรฐั และอาณาจักรท่ีมขี นาดใหญ และไดสรา งสรรคอ ารยธรรมตางๆ ขน้ึ
3. ชนชาตแิ รกที่เขามา คอื ชาวซเู มเรยี รูจ ักประดิษฐต ัวอักษร เรยี กวา อกั ษรคูนิฟอรม ไดคดิ สรา งทํานบก้นั นํา้ ขดุ คลองระบายน้ํา สรา งอา งเก็บน้าํ เขื่อนกั้นน้าํ ซง่ึ ถอื เปน
ระบบชลประทานคร้ังแรกของโลก รจู กั ประดษิ ฐว งลอ ทําปฏิทนิ แบบจนั ทรคติ รูจ กั คิดคนวิธกี ารคดิ เลขดว ยวธิ ีบวก ลบ และคูณ เปนตน ตอมากม็ ชี นชาติตางๆ เขา มา
เชน ชาวอัคคาเดยี น ชาวอะมอไรตห รอื บาบโิ ลเนียน มผี ลงานทส่ี าํ คญั คือ การสรางประมวลกฎหมายฮัมมูราบี ซงึ่ เปนประมวลกฎหมายทีเ่ กา แกท ี่สดุ ในโลก เปนตน
4. อารยธรรมอสิ ลามไดเ ผยแพรไ ปสภู มู ภิ าคอนื่ ผานทางการคา การทาํ สงคราม และการเผยแผศ าสนาอสิ ลามโดยนักสอนศาสนา มรดกทางอารยธรรมอสิ ลามทีส่ ําคญั
เชน สถาปต ยกรรม วทิ ยาการความรูแขนงตา งๆ เชน คณติ ศาสตร แพทยศาสตร ภูมิศาสตร อักษรศาสตร ปรัชญา เปนตน
5. • อารยธรรมจนี เชน ลทั ธิขงจอ๊ื ลัทธิเตา เขม็ ทิศ กระดาษ ดินปน เปนตน
• อารยธรรมอินเดยี เชน ศาสนาพราหมณ- ฮินดู พระพทุ ธศาสนา วรรณกรรมเรอื่ งรามายณะ เลขอารบิก เปนตน
• อารยธรรมเมโสโปเตเมีย เชน ความรทู างดานคณติ ศาสตร ดาราศาสตร การทาํ ปฏิทินแบบจนั ทรคติทกี่ าํ หนดให 1 ปม ี 12 เดอื น เปน ตน
• อารยธรรมอิสลาม เชน ศาสนาอสิ ลาม วรรณกรรมเร่ืองอาหรับราตรี การแพทย คณิตศาสตร การสรางมสั ยดิ เปน ตน
170 คมู่ ือครู
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ำรวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Expand Evaluate
บรรณานกุ รม
กฎหมายตราสามดวง ฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน. ๒๕๕๐. กรุงเทพมหานคร : ราชบัณฑติ ยสถาน.
จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ. ๒๕๔๘. พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา ๒ เล่ม.
กรุงเทพมหานคร : กรมศลิ ปากร.
ชาญวิทย์ เกษตรศิริ. ๒๕๕๑. อยุธยา : Discovering Ayutthaya. กรุงเทพมหานคร : มูลนิธิโครงการ
ตา� ราสงั คมศาสตรแ์ ละมนุษยศาสตร.์
ณรงค์ พว่ งพศิ . ๒๕๒๔. “อิทธพิ ลตะวันตกทีส่ ง่ ผลตอ่ สถานภาพของราชวงศ์ปราสาททอง” ในประวัตศิ าสตร ์
เมืองลพบรุ ี. กรุงเทพมหานคร : เรอื นแกว้ การพมิ พ์.
ด�ารงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา. ๒๕๕๒. พงศาวดารเรื่องไทยรบพม่า.
กรงุ เทพมหานคร : สา� นกั พมิ พ์มติชน.
________ . ๒๕๑๖. “ลักษณะการปกครองประเทศสยามแต่โบราณ” ในประวัติศาสตร์และการเมือง.
กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพม์ หาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์.
ตุรแปง, ฟรังซัวส์ อังรี. ๒๕๓๐. ประวัติศาสตร์แห่งพระราชอาณาจักรสยาม. ปอล ซาเวียร์ แปล.
กรุงเทพมหานคร : กรมศิลปากร.
นิธ ิ เอียวศรวี งศ์. ๒๕๕๒. การเมืองไทยสมยั พระนารายณ์. กรงุ เทพมหานคร : ส�านักพมิ พม์ ตชิ น.
ปาริชาติ วิลาวรรณ. ๒๕๒๘. การค้าของป่าในประวัติศาสตร์อยุธยา พ.ศ. ๑๘๙๓ - ๒๓๑๐. วิทยานิพนธ์
ปริญญาอกั ษรศาสตรมหาบณั ฑติ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั .
พระราชพงศาวดารกรุงเกา่ ฉบบั หลวงประเสรฐิ ฯ. ๒๕๔๗. กรงุ เทพฯ : มหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช.
พลับพลึง มลู ศิลป.์ ๒๕๒๓. ความสัมพนั ธ์ไทย-ฝรัง่ เศสสมยั อยุธยา. กรงุ เทพมหานคร : บรรณกิจ.
ฟาน ฟลีต (วัน วลิต). ๒๕๔๘. รวมบันทึกประวัติศาสตร์อยุธยาของฟาน ฟลีต (วัน วลิต). ฉบับปรับปรุง.
กรุงเทพมหานคร : กรมศลิ ปากร.
ราชบัณฑติ ยสถาน. ๒๕๔๙. สารานุกรมประวัติศาสตรไ์ ทย เล่ม ๑ อกั ษร ก (แก้ไขเพิ่มเติม). กรุงเทพมหานคร :
ราชบัณฑิตยสถาน.
________ . ๒๕๔๕. สารานกุ รมประวตั ศิ าสตรไ์ ทย เลม่ ๒ อกั ษร ข-จ. กรงุ เทพมหานคร : ราชบณั ฑติ ยสถาน.
ลา ลูแบร์. ๒๕๔๘. จดหมายเหต ุ ลา ลแู บร ์ ราชอาณาจกั รสยาม. สันต ์ ท. โกมลบุตร แปล. กรงุ เทพมหานคร :
สา� นกั พิมพ์ศรปี ญั ญา.
วรางคณา นพิ ทั ธส์ ขุ กจิ . ๒๕๕๐. หนงั กวาง ไมฝ้ าง ชา้ ง ของปา่ : การคา้ สมยั อยธุ ยา สมยั พทุ ธศตวรรษท ่ี ๒๒-๒๓ .
กรุงเทพมหานคร : เมอื งโบราณ.
________ . ๒๕๕๕. จากอยุธยาถึงรัตนโกสินทร์. นครปฐม : ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์
มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร.
171
คู่มอื ครู 171
กระตนุ้ ความสนใจ สำ� รวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Elaborate Evaluate
วิชาการและมาตรฐานการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ, ส�านัก. ๒๕๕๑. ตัวช้วี ัดและสาระการเรียนร้แู กนกลาง
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์
ชมุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย.
วนิ ัย พงศ์ศรีเพียร. ๒๕๕๒. วันวาร กาลเวลา แลนานาศักราช. กรงุ เทพมหานคร : ศกั ดิ์โสภาการพิมพ.์
ศิลปากร, กรม. ๒๕๑๕. ค�าให้การชาวกรุงเก่า ค�าให้การขุนหลวงหาวัด และพระราชพงศาวดารกรุงเก่า
ฉบบั หลวงประเสรฐิ อักษรนิต์.ิ พระนคร : คลังวิทยา.
________ . ๒๕๕๐. โคลงภาพพระราชพงศาวดาร พร้อมบทขยายความและบทวิเคราะห์. กรุงเทพมหานคร :
หจก. อรณุ การพิมพ.์
________ . ๒๕๑๔. เอกสารฮอลันดาสมัยกรุงศรีอยุธยา. นันทา สุตกุล แปล. พระนคร : โรงพิมพ์คุรุสภา.
ส�าเภากษัตริย์สุลัยมาน : บันทึกของคณะราชทูตเปอร์เซียเข้ามากรุงศรีอยุธยา. ๒๕๔๕.
ดเิ รก กลุ สิริสวัสด์ ิ แปล. กรงุ เทพมหานคร : ส�านักพิมพม์ ตชิ น.
สืบแสง พรหมบุญ. ๒๕๒๔. ความสัมพันธ์ในระบอบบรรณาการระหว่างจีนกับไทย. กาญจนี ละอองศรี
แปล. กรงุ เทพมหานคร : มูลนิธิโครงการต�าราสงั คมศาสตรแ์ ละมนุษยศาสตร์.
สุเนตร ชุตินธรานนท์. ๒๕๕๓. สงครามคราวเสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ ๒ พ.ศ. ๒๓๑๐. กรุงเทพมหานคร :
สา� นกั พมิ พม์ ตชิ น.
ฮูรานี, อัลเบิร์ต. ๒๕๕๐. ประวัติศาสตร์ของชนชาติอาหรับ. จรัญ มะลูลีม แปล. กรุงเทพมหานคร :
มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์.
Axworthy, Michael. 2008. A History of Iran. New York : Basic Books.
Bentley Jerry H. and Zielger, Herbert F. 2006. Tradition and Encounters, A Global Perspective
on the Past. . New York : McGraw-Hill.
Bradshaw, Michael and others. 2007. Contemporary World Regional Geography. New York :
McGraw-Hill.
Kasetsiri, Charnvit. 1975. The Rise of Ayudhya : A History of Siam in the Fourteenth and
Fifteenth Century. London : Oxford University Press.
Palmer, R.R. and others. 2007. A History of the Modern World. New York : McGraw -Hill.
Shouyi,Bai. 2002. An Outline History of China. Beijing : Foreign Language Press.
Stein, Burton. 2000. A History of India. Oxford : Blackwell Publishers.
Wyatt, David K. 2003. Thailand, A Short History. New Haven : Yale University Press.
172
172 คูม่ อื ครู
สรา้ งอนาคตเดก็ ไทย
ดว้ ยนวตั กรรมการเรยี นรรู้ ะดบั โลก
>> ราคาเลม่ นกั เรยี นโปรดดจู ากใบสง่ั ซอ้ื ของ อจท.
คู่มือคคู่มรูือบครร. ูปบรระ.วปัตริศะวาสัตติศรา์สมต.2ร์ ม.2
บรษิ ทั อกั ษรเจรญิ ทศั น์ อจท. จำกดั
142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรงุ เทพมหานคร 10200
โทร./แฟกซ.์ 02 6222 999 (อตั โนมตั ิ 20 คสู่ าย) 8 88 5 88 56 84 69 41923115238015581.0-5 1.-
www.aksorn.com Aksorn ACT ราคาน้ี เปน็ ของฉบบั คมู่ อื ครเู ทา่ นน้ั