The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือครู ประวัติ ม.2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by รพินทร์ ไพรวัลย์, 2021-07-14 23:24:50

คู่มือครู ประวัติ ม.2

คู่มือครู ประวัติ ม.2

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

1. ครูและนักเรยี นอภปิ รายรวมกนั ถงึ ความสําคญั ตัวอยา งการถอื ครองศักดินาประเภทตา งๆ ตามกฎหมาย
ของระบบศักดินาทมี่ ีตอวิถีชีวิตของผคู น
ในสังคมสมัยน้นั ยศ (ตาํ แหนง ) ศกั ดนิ า พร้อมกันนั้นยังทรงตราพระราชก�าหนด
ศักดินา นับเป็นการจัดระเบียบหรือกฎเกณฑ์
2. ครูซกั ถามนกั เรียนวา นอกจากบทบาทสาํ คญั พระมหาอุปราช ๑๐๐,๐๐๐ ยขกอเงวส้นังคพมระ มโดหยากกาษรัตกร�าิยห์ นมดีศใักหด้คินนาไ1ปทรยะทจุก�าคตนัว
ดงั ท่กี ลา วมาในหนังสือเรียนแลว สมเดจ็ เจ้าฟา้ (พระเชษฐา, พระอนชุ า ๕๐,๐๐๐ ศักดนิ า คอื ตวั กา� หนดหน้าที่ความรับผิดชอบ
พระบรมไตรโลกนาถทรงมีบทบาททางดา นใด ทท่ี รงกรม) ตลอดจนสิทธิของบุคคลในสังคมให้แตกต่าง
อกี บา ง จากนน้ั ครใู หน กั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ เจ้าฟา้ (พระราชโอรสหรอื ๔๐,๐๐๐ กนั ไปตามระดับศักดินา ทา� ให้เกดิ ความสะดวก
รว มกัน พระราชธิดาท่ที รงกรม) ผในกู้ กระาทรา�ปผกดิ คตรอ่ อกงนั กด�าว้ลยัง คเพนรแาละกะลารงปโทรบัษไปหรมับ2จไะหยมดึ
(แนวตอบ นอกจากบทบาททางดานการเมอื งแลว หม่อมเจา้ (มิได้ทรงกรม) ๑,๕๐๐
ยงั มบี ทบาททางดานสงั คมและวัฒนธรรมดว ย เจ้าพระยา (สมหุ นายก, ๑๐,๐๐๐
โดยพระองคท รงพระราชนิพนธว รรณกรรม สมหุ พระกลาโหม)
ทสี่ าํ คัญ คอื มหาชาติคาํ หลวง ซงึ่ มีความ เอาศกั ดินาเปน็ เกณฑ์
เก่ียวขอ งกบั พระพุทธศาสนา และลลิ ติ ยวนพา ย พระยา (เสนาบดีจตสุ ดมภ์) ๑๐,๐๐๐ การวางระบบการปกครองของแผ่นดิน
ซ่ึงเก่ียวของกับการทีอ่ ยธุ ยาประสบชยั ชนะ ไพร่หวั งาน / ไพร่มคี รัว ๒๕ / ๒๐ การตรากฎมณเฑยี รบาล การวางระบบศกั ดินา
ในการทําสงครามกับลานนา นอกจากน้ี ๑๕ / ๑๐ ในสังคมไทย ล้วนแต่เป็นประโยชน์ต่อการ
พระองคยังทรงออกผนวชทีว่ ัดจุฬามณใี นเมอื ง ไพร3่ราบ / ไพรเ่ ลว ๕ / ๕ สรา้ งสรรคบ์ า้ นเมอื งใหม้ คี วามเจรญิ กา้ วหนา้ ขน้ึ
พษิ ณุโลกเมือ่ พ.ศ. 2008 ดว ย ซ่งึ นบั เปน
พระมหากษตั รยิ อ ยธุ ยาพระองคแ รกทที่ รง ทาส / ลูกทาส
ออกผนวชขณะครองราชสมบตั )ิ
สามเณรร้ธู รรม / สามเณรมิได้ ๓๐๐ / ๒๐๐ ตามล�าดับ จะเห็นว่าระบบตา่ งๆ ท่พี ระองคท์ รง
3. ครูสนทนากับนกั เรียนเพ่อื รวมกนั สรุปความรู ร้ธู รรม วางรากฐานเอาไว้ล้วนเป็นประโยชน์ต่อการ
ที่ไดรับจากการศกึ ษา ภกิ ษุรู้ธรรม / ภิกษุมิไดร้ ธู้ รรม ๖๐๐ / ๔๐๐ สร้างความย่ังยืนและม่ันคงให้กับสังคมและ
พระครูรธู้ รรม / พระครมู ิไดร้ ู้ธรรม ๒,๔๐๐ / ๑,๐๐๐ บา้ นเมอื งไทยตัง้ แต่สมยั น้ันมาจนถงึ ปจ จบุ ัน

เสน เวลา
แสดงเหตกุ ารณส าํ คญั ในสมยั สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ

๑๙๙๗ ๒๐๐๖ ๒๐๐๘ ๒๐๑๗ ๒๐๑๘
โปรดให้ตรา เสด็จไปประทับที่ ทรงผนวช เสด็จไปยึด เจ้าเมืองเชียงใหม่
กฎหมายศักดนิ า เมืองพษิ ณุโลก และ ท่ีวดั จฬุ ามณี เมอื งเชลยี ง ส่งทูตเจรจาขอ
ข้ึนมาบงั คบั ใช้ โปรดใหพ้ ระราชโอรส (สวรรคโลก) เปน็ ไมตรี
ครองกรงุ ศรอี ยุธยา

พ.ศ. ๑๙๙๕ ๒๐๐๐ ๒๐๐๕ ๒๐๑๐ ๒๐๑๕ ๒๐๒๐

๑๙๙๘ ๒๐๐๗ ๒๐๑๕
โปรดให้ยกทัพไป ทรงสร้างพระวิหาร โปรดให้เลน่ มหรสพฉลอง
ยึดเมอื งมะละกา พระศรรี ัตนมหาธาตุ และพระราชนพิ นธ์
วดั จุฬามณ ี มหาชาตคิ า� หลวงจบบรบิ ูรณ์
เมอื งพษิ ณโุ ลก

๙๒

นักเรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงมีบทบาทสาํ คญั ในการปกครองบานเมอื ง
1 ศกั ดนิ า มลู เหตทุ กี่ าํ หนดใหม ศี กั ดนิ า เพราะในสมยั กอ นพระบรมวงศานวุ งศ อยางไร และบทบาทดงั กลาวมสี ว นพฒั นาชาติไทยอยา งไร
และขนุ นางยงั ไมม เี งนิ เดอื นเหมอื นในปจ จบุ นั พระมหากษตั รยิ จ งึ ทรงใชว ธิ พี ระราชทาน แนวตอบ บทบาทสาํ คญั จะเกยี่ วกบั ดา นการเมอื งการปกครอง และดา นสงั คม
ท่ีดินใหมากนอยตามฐานะ แตในความเปน จรงิ บุคคลตางๆ ไมไดมที ี่ดินไวใน และวฒั นธรรม โดยทางดานการเมืองการปกครอง จะเปน เรอ่ื งของการปฏิรูป
ครอบครองตามทกี่ ฎหมายกําหนด การปกครอง เพ่อื ใหร ะบบราชการมคี วามเปน ระบบระเบียบและเครงครดั
2 การปรับไหม การใหผ กู ระทาํ ผิดชาํ ระเงนิ คา สินไหมทดแทน หรือคาปรับ มากขน้ึ และเหมาะสมกับการเปนอาณาจักรขนาดใหญของอยุธยา ทั้งนี้
ไดทรงตง้ั อคั รมหาเสนาบดี 2 ตําแหนง คือ สมหุ พระกลาโหม รบั ผิดชอบ
3 ทาส แบง ออกเปน 7 ประเภท ดงั น้ี กจิ การฝายทหารทัว่ ราชอาณาจักร และสมหุ นายก รับผิดชอบกิจการฝา ย
1. ทาสไถมาดว ยทรัพย พลเรอื นทว่ั ราชอาณาจักรรวมทั้งจตสุ ดมภ นอกจากนี้ ยังมกี ารแบง หวั เมอื ง
2. ลูกทาสที่เกดิ ในเรือนเบ้ีย ออกเปน หวั เมอื งชนั้ ใน หวั เมอื งชน้ั นอก และหวั เมอื งประเทศราช เพอ่ื ประโยชน
3. ทาสทไ่ี ดม าจากขางบิดามารดา ในการปกครองใหรดั กุมยิง่ ขึ้น ทรงตรากฎหมายศักดนิ าเพอ่ื ความสะดวก
4. ทาสทม่ี ีผใู ห ในการควบคมุ กําลังคนและการลงโทษหรือปรบั ไหม สว นดา นสงั คมและ
5. ทาสทไี่ ดม าดวยการชว ยเหลือคนตอ งโทษทณั ฑ วฒั นธรรม ทรงพระราชนพิ นธม หาชาตคิ าํ หลวงและลลิ ติ ยวนพาย รวมท้ัง
6. ทาสท่ีเลี้ยงดไู วในยามเกดิ ทุกขและอดอยาก ทรงออกผนวชทวี่ ัดจฬุ ามณี ทาํ ใหเกิดธรรมเนียมนยิ มในหมรู าษฎรไทย
7. ทาสเชลย ทีจ่ ะออกบวชเพื่อศกึ ษาพระธรรมวนิ ยั ในเวลาตอมา

92 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

1.๓ สมเดจ็ พระสุรโิ ยทยั 1. ครูใหนกั เรียนกลุมที่ 3 สงตวั แทนออกมา
นาํ เสนอสาระสําคญั ทห่ี นาช้ันเรียน จากนั้น
สมเด็จพระสุริโยทัยทรงเป็นพระอัครมเหสีของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ พระองค์ทรงเป็น เปด โอกาสใหน ักเรียนทมี่ ขี อสงสัยซกั ถาม
กษัตรีท่ีกล้าหาญในการสละพระชนม์ชีพเพ่ือปกป้องสมเด็จพระมหาจักรพรรดิขณะท�าสงคราม และอธิบายจนเขาใจ
ยทุ ธหตั ถกี บั ขา้ ศกึ พระองคท์ รงเปน็ แบบอยา่ งของการเสยี สละเพอื่ รกั ษาและเทดิ ทนู พระมหากษตั รยิ ์
ในฐานะท่ที รงเปน็ ประมุขของราชอาณาจกั ร 2. ครใู หนกั เรียนสรปุ พระราชประวตั แิ ละ
ใน พ.ศ. ๒๐๙๐ พระเจ้าตะเบง็ ชะเวตแี้ หง่ กรุงหงสาวดีทรงยกทพั เขา้ มาโจมตีกรงุ ศรอี ยธุ ยา พระราชกรณียกจิ ของสมเดจ็ พระสรุ โิ ยทัย
กองทัพพม่ารุกเข้ามาตีเมืองกาญจนบุรี สุพรรณบุรี จนกระท่ังมาถึงชานพระนคร เม่ือสมเด็จ ดวยการจดลงสมดุ สง ครผู สู อน
พพพรรระะะออมงคัหคราจ์มจงึ เักเหสรสดพ ี จ็รกยรท็กดรทิทงพัรแงหตทล่งรวพางรบดะวว้อ่ายงกพคอร์เปงะทคน็ ัพชชาขาธยอาองรย1พอา่ อรงะกพเไจรป้าะเหมพงหอ่ื สาหาอววปุงั ดจรียาะกลชทอทงัพรกงเา�พขล้ารงัมะขคาา้ ชใศกากึลธ ้จาสระม2ตถเาึงดมกจ็ รเพสุงรดศะ็จรสีอไรุ ปยโิ ยดุธทว้ยยยัา (แนวตอบ พระราชประวัตขิ องสมเดจ็ พระ-
พรอ้ มท้ังพระราเมศวรและพระมหินทราธริ าช พระราชโอรสทั้งสองพระองค์ สรุ โิ ยทัยยังไมเปน ท่ที ราบแนชัด แตสันนษิ ฐาน
กองทัพของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิได้ออกไปปะทะกับกองทัพของพระเจ้าแปร ซ่ึงเป็น วาสบื เช้อื สายมาจากราชวงศสโุ ขทยั พระองค
ทัพหน้าของพระเจ้าหงสาวดี โดยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงชนช้างยุทธหัตถีกับพระเจ้าแปร ทรงเปน พระอคั รมเหสขี องสมเดจ็ พระมหา-
พระคชาธารของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิเสียทีหนีข้าศึกขณะท่ีช้างของพระเจ้าแปรตามมาติดๆ จักรพรรดิ และมพี ระราชโอรสและพระราชธดิ า
ขณะนั้นสมเด็จพระสุริโยทัยทรงเกรงว่าสมเด็จพระมหาจักรพรรดิจะทรงเป็นอันตรายจึงทรงขับ รวม 5 พระองค ไดแ ก พระราเมศวร พระบรม-
พระคชาธารเขา้ ขวางขา้ ศกึ เอาไว้ พระเจ้าแปรจึงฟนสมเด็จพระสรุ ิโยทัยสนิ้ พระชนม์ซบกับคอช้าง ดลิ ก พระสวสั ดิราช พระมหนิ ทราธิราช
จนกระทง่ั พระราเมศวรและพระมหนิ ทราธริ าชทรงขบั ชา้ งทรงเขา้ ตอ่ สกู้ บั พระเจา้ แปร และสามารถ และพระเทพกษตั รี
กันเอาพระศพของพระราชมารดากลับมาได้ สาํ หรบั พระราชกรณียกจิ สาํ คญั ของพระองค
จะเปน เร่อื งของการทํายุทธหตั ถกี บั พระเจาแปร
3 ซง่ึ เปน ทพั หนา ของพระเจา หงสาวดี เพอ่ื ปกปอ ง
สมเดจ็ พระมหาจักรพรรดจิ นถูกพระแสงของา ว
สมเด็จพระสุริโยทัยทรงขับพระคชาธารออกรับชางทรงของพระเจาแปร และถูกพระเจาแปรฟนดวยพระแสงของาว ของพระเจาแปรฟนพระอังสาขาดสะพายแลง
จนสิน้ พระชนมซบกบั คอชา ง (ภาพจากหนังสือโคลงภาพพระราชพงศาวดารฯ) สิ้นพระชนมอยบู นคอชา ง ภายหลังสงคราม
สมเด็จพระมหาจกั รพรรดิโปรดใหต ้ังการ
๙๓ พระราชพธิ ีพระราชทานเพลิง ณ สวนหลวง
และใหส ถาปนาทีพ่ ระราชทานเพลงิ เปน
พระอาราม เพอ่ื อทุ ิศพระราชกุศลพระราชทาน
แดพระอคั รมเหสี ประกอบดว ยพระเจดยี 
พระวหิ าร แลวพระราชทานนามพระอาราม
แหงนวี้ า วัดสบสวรรค หรือวดั สวนหลวง
สบสวรรค)

แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด นักเรียนควรรู

การกระทาํ ของบคุ คลในขอ ใดทแ่ี สดงใหเ หน็ ถงึ การนาํ แบบอยา งความดี 1 พระคชาธาร ชา งทรงสมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดิ ชือ่ วา พลายแกวจักรพรรดิ
ของสมเดจ็ พระสรุ โิ ยทยั ไปประยกุ ตใ ชใ นชวี ติ ประจาํ วนั ไดอ ยา งเหมาะสม 2 พระคชาธาร ชางทรงสมเดจ็ พระสรุ ิโยทัย ชอ่ื วา พลายทรงสุริยกษัตริย
3 สมเด็จพระสรุ โิ ยทัย ทรงมพี ระราชโอรสและพระราชธดิ า รวม 5 พระองค
1. สชุ าตเิ หน็ เพ่ือนทะเลาะกันจงึ เขา ไปหามปราม ดงั นี้
2. สเุ นตรเห็นคณุ ยายขนึ้ รถประจําทางจงึ ลกุ ขึน้ ใหน งั่
3. สุวัตรเหน็ เพอ่ื นตกนํ้าจึงรีบลงไปชว ยทัง้ ที่วา ยนํา้ ไมเปน 1. พระราเมศวร เปน พระมหาอปุ ราช ถูกจับเปน องคป ระกนั ของพมา
4. สุวมิ ลไมสบายแตก ็เขารวมกจิ กรรมรณรงคก ารไปใชสทิ ธเิ ลือกตง้ั 2. พระบรมดิลก สน้ิ พระชนมพ รอ มพระราชมารดา
3. พระสวสั ดิราช ตอมาไดรับการสถาปนาเปน พระวิสทุ ธกิ ษตั รี พระอคั รมเหสี
วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2. แบบอยา งความดขี องสมเดจ็ พระสุรโิ ยทัย
ในพระมหาธรรมราชาธริ าช
ท่ีเหน็ ไดช ดั คือ ความเสยี สละเพื่อรักษาและเทดิ ทูนสถาบันพระมหากษัตรยิ  4. พระมหินทราธริ าช ตอ มาไดข นึ้ ครองราชยเ ปนสมเดจ็ พระมหินทราธิราช
ในฐานะทีท่ รงเปนประมขุ ของราชอาณาจกั ร ดังจะเหน็ ไดจากเมื่อครัง้ 5. พระเทพกษตั รี ภายหลงั ถกู สงตวั ไปลา นชาง แตก ถ็ ูกพระเจา บเุ รงนองชงิ ตัว
พระเจา ตะเบ็งชะเวตแ้ี หง กรงุ หงสาวดยี กทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา สมเดจ็ พระ
มหาจกั รพรรดไิ ดท าํ ยุทธหตั ถีกับพระเจาแปร แตพลาดทา เสยี ทีขา ศึก ไปยังกรุงหงสาวดี
สมเดจ็ พระสุรโิ ยทยั จึงทรงขับชา งเขา ขวาง และถกู พระเจา แปรฟนจน
ส้นิ พระชนม ซง่ึ การท่ีสุเนตรยอมสละทีน่ งั่ ใหค ุณยายนัง่ ก็แสดงใหเ หน็ ถงึ คมู ือครู 93
ความเสียสละ ซ่ึงสอดคลอ งกบั คณุ ความดขี องสมเด็จพระสุริโยทยั

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

1. ครูใหน ักเรยี นระดมความคดิ รว มกนั วา สามารถ พระเมภราุพยรหะลรังาเชสทร็าจนสเงพคลริงาพมร ะสศมพเสดม็จพเดร็จะพมรหะาสจุรักิโยรทพัยรรในดสิจวึงนทหรงลทว�งา1
นาํ คณุ ความดขี องสมเดจ็ พระสรุ โิ ยทยั มาประยกุ ต แล้วทรงสร้างพระอารามขึ้นตรงพระเมรุ มีพระเจดีย์ใหญ่เป็นส�าคัญ
ใชใ นการดาํ เนินชีวติ ประจําวนั ไดอ ยา งไร เพือ่ เปน็ การรา� ลกึ ถงึ พระวีรกรรมของสมเด็จพระสุรโิ ยทยั
(แนวตอบ เชน คณุ ความดเี ร่ืองความเสยี สละ การท�าสงครามป้องกันพระนครในครั้งน้ัน ถ้าสมเด็จ
สามารถนาํ มาประยุกตใ ชในชีวิตประจาํ วนั ได พระสรุ ิโยทยั ไมท่ รงเข้าขวางข้าศกึ ไว ้ สมเดจ็ พระมหาจักรพรรดิ
ดวยการบรจิ าคเงนิ เพื่อชว ยเหลอื ผูท ีย่ ากไร อาจสวรรคตและอยุธยากอ็ าจจะสญู เสยี ใหแ้ ก่ข้าศกึ ได ้ สมเดจ็
หรอื สมทบทุนในมูลนิธติ างๆ หรอื เสยี สละที่น่งั พระสุริโยทัยจึงทรงเป็นกษัตรีที่ได้ทรงสร้างพระวีรกรรมใน
บนรถประจําทางใหแกสตรี ผสู งู อายุ หรือเด็กนั่ง การปกปอ้ งพระมหากษตั รยิ แ์ ละบา้ นเมอื งใหพ้ น้ จาก
หรอื เสียสละแรงงานชวยพอ แมท ํางานบา นตางๆ การรกุ รานของขา้ ศกึ ศตั ร ู อนั เปน็ แบบอยา่ งทด่ี งี าม
คณุ ความดเี รอ่ื งความรักชาติ ก็เขารวมโครงการ ส�าหรับอนุชนชาวไทยในยุคหลังต่อมา นับเป็น
หรือกิจกรรมท่ีสรา งสรรคส่ิงดีๆ ใหแ กช ุมชน แบบอย่างของความรักชาติและยอมเสียสละ
หรือสังคม หรอื การรณรงคใ หไปใชสทิ ธเิ ลือกตั้ง 2 แมก้ ระทง่ั ชวี ติ ของสตรไี ทยท่ีไมย่ งิ่ หยอ่ นไปกวา่
การปฏิบัติตนตามกฎหมาย เปน ตน) ชายไทยแต่อย่างใด
พระเจดยี ศ รสี รุ โิ ยทยั ในเขตวดั สวนหลวงสบสวรรค ซงึ่ สมเดจ็
2. ครูสนทนากบั นกั เรียนเพ่ือรว มกนั สรุปความรู พระมหาจักรพรรดิโปรดใหสรางขึ้นเพื่อเปนอนุสรณสถาน
ที่ไดร ับจากการศึกษา

ณ บรเิ วณทพี่ ระราชทานเพลงิ พระบรมศพสมเดจ็ พระสรุ โิ ยทยั

1.4 สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช
สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทรงเปน็ พระมหากษตั รยิ อ์ ยธุ ยาทม่ี พี ระราชกรณยี กจิ ตอ่ บา้ นเมอื ง
ในการท�าสงครามป้องกันพระราชอาณาจักร
ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ กรุงศรีอยุธยา
เป็นอิสรภาพพ้นจากการเป็นประเทศราชของ
กรุงหงสาวดีก็ด้วยน�้าพระทัยที่กล้าหาญของ
พระองค์ก่อนพระองค์จะเสด็จขึ้นครองราชย์
พระองค์ทรงมีพระราชกรณียกิจในการรักษา
ความเป็นเอกราช และความมั่นคงของราช
อาณาจักร ได้แก่ การประกาศอิสรภาพของ
กรงุ ศรอี ยธุ ยาไมข่ น้ึ กบั กรงุ หงสาวดที เี่ มอื งแครง
ส(เงดคิงรการมายยุ)ท ธเหมัตื่อถ 3ีกพับ.ศพ.ร ๒ะ๑ม๒ห๗าอ ุปแรลาะชกาาแรหท�่าง
พระบรมราชานสุ าวรยี ส มเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทรงมา ศกึ กรุงหงสาวดีเม่อื พ.ศ. ๒๑๓๕
ประดษิ ฐานทท่ี งุ ภเู ขาทอง นอกเกาะเมอื งพระนครศรอี ยธุ ยา

๙4

นกั เรยี นควรรู บูรณาการเชอ่ื มสาระ
ครูสามารถนาํ เน้อื หาเก่ียวกับพระเจดยี ศรสี ุรโิ ยทัยมาวิเคราะหล ักษณะ
1 สวนหลวง อยตู ิดกับเขตวดั สบสวรรค ซ่งึ มมี ากอนแผนดินสมเด็จพระมหา- เฉพาะของเจดยี ยอมมุ ไมส ิบสองสมยั อยธุ ยา โดยบรู ณาการเช่อื มโยงกบั กลมุ
จกั รพรรดิ เมอ่ื มกี ารปลกู พระเมรุพระราชทานเพลงิ ศพในสวนหลวง จึงไดสรางวัด สาระการเรียนรูศลิ ปะ วิชาทัศนศิลป หวั ขอ ผลงานทัศนศิลปส มัยอยธุ ยา
ข้ึนตรงนนั้ อีกแหงหนง่ึ และเรยี กช่อื วา วดั สวนหลวงสบสวรรค รวมทงั้ มีการสราง ดา นสถาปต ยกรรม โดยอธิบายใหนักเรยี นเขา ใจถึงศลิ ปะของเจดีย “ยอมมุ ”
พระเจดยี องคใหญบรรจพุ ระอฐั ิ ซงึ่ ในสมยั รัชกาลที่ 6 โปรดเกลา ฯ ใหเรียกช่อื เจดีย ทม่ี มุ ทั้งสข่ี องเจดยี จ ะหยกั ลกึ เขา ไปเรอ่ื ยๆ แตจ ะหยักเขา ไปเทา ไหรขึ้นอยกู ับ
วา พระเจดียศรสี รุ โิ ยทยั ผสู รา ง และ “ไมส ิบสอง” ซง่ึ เปน ชือ่ แบบสถาปตยกรรมไทยทม่ี วี ธิ ยี อ มมุ ละ
2 พระเจดยี ศ รสี รุ โิ ยทยั ลกั ษณะเจดยี เ ปน แบบยอ มมุ ไมส บิ สองและยงั เปน แบบเจดยี  3 หยกั 4 มุม รวมเปน 12 มมุ และใชเ รียกสิ่งกอ สรางดวยอิฐปูนท่ที าํ ตาม
ทร่ี ชั กาลที่ 4 โปรดเกลาฯ ใหจําลองมาสรา งเปนเจดียประจํารชั กาลของพระองค แบบเจดยี ไ มส ิบสอง เชน เจดยี ภ ูเขาทองที่จังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยา เปน ตน
ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามหรือวัดโพธ์ิ นอกจากน้ี ครอู าจนําภาพรา งเจดียย อมมุ ไมส ิบสองมาใหนกั เรยี นดปู ระกอบ
3 ยุทธหตั ถี เปนการตอสูกนั ดว ยอาวุธบนหลงั ชา ง มคี นนั่งอยู 3 คน ไดแ ก เพอื่ จะไดเกดิ ความเขาใจมากขน้ึ และแนะนําใหน กั เรียนคน ควา เพ่มิ เตมิ
แมทัพ (พระมหากษัตรยิ ) ถอื งา วประทบั อยบู นคอชา ง คนนง่ั กลาง เรยี กวา กลางชา ง เก่ยี วกบั ลักษณะของเจดยี ยอมุมไมสิบสองสมยั อยุธยา แลวยกตวั อยา งเจดยี 
ทาํ หนา ท่คี อยสง อาวุธใหแมท ัพและโบกแพนหางนกยงู เปน อาณตั ิสญั ญาณตาม รูปแบบนี้นอกจากเจดยี ศ รสี ุริโยทยั และอธบิ ายความสาํ คัญของเจดยี น ้ัน
พระราชดาํ รัสสง่ั และตอนทา ยชา ง มคี วาญชา งทาํ หนาท่ีบังคับชาง โดยชา งทรง โดยนําขอมูลมาจดั ทําเปน สมดุ ภาพ ตกแตง ใหส วยงาม
จะไดรบั การคุมกันจาก “จตลุ ังคบาท” ซ่งึ เปน ทหารประจํา 4 เทาชางทรง

94 คูมือครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

เสน เวลา 1. ครใู หน กั เรียนกลุมท่ี 4 สงตัวแทนออกมา
แสดงเหตกุ ารณส าํ คญั ในสมยั สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช นาํ เสนอสาระสําคัญทีห่ นาช้นั เรียน จากนน้ั
๒พ๑.ศ๒.๐ เปดโอกาสใหนกั เรยี นทีม่ ขี อสงสยั ซกั ถาม
๒๑๒๑ ทงั้ นี้ สบื เน่อื งมาจากกรงุ ศรีอยธุ ยาไดต้ ก และอธิบายจนเขา ใจ
ขณะด�ารงตา� แหน่งพระมหาอปุ ราชทรง เป็นประเทศราชของกรุงหงสาวดีต้ังแต่ พ.ศ.
ยกทพั เรอื ตามจบั พระยาจีนจนั ต ุ ขุนนางเขมร 2. ครูสุมนกั เรียนออกมายกตวั อยา งพระราช-
ท่ีมาสบื ข่าวในพระนคร แต่ไมท่ ัน ๒๑๑๒ ซง่ึ ตรงกบั สมยั สมเดจ็ พระมหนิ ทราธริ าช กรณียกิจทีส่ าํ คัญของสมเด็จพระนเรศวร
มหาราช พรอ มทงั้ อธบิ ายวา กอ ใหเ กดิ ประโยชน
(พ.ศ. ๒๑๑๑ - ๒๑๑๒) ต่อมาใน พ.ศ. ๒๑๒๖ ตอ ชาติไทยอยา งไร
พระเจ้านันทบุเรงแห่งกรุงหงสาวดีทรงรับสั่งให้ (แนวตอบ เชน เม่อื ครั้งทรงดํารงตําแหนง
สมเด็จพระมหาธรรมราชาธริ าช (พ.ศ. ๒๑๑๒ - พระมหาอุปราช หรือวงั หนา พระนเรศวร
๒๑๓๓) กษตั รยิ แ์ หง่ กรงุ ศรอี ยธุ ยา พระราชบดิ า ทรงประกาศอิสรภาพของกรุงศรีอยุธยาจาก
๒๑๒๖ ของพระนเรศวร สง่ กองทพั ไปปราบเมอื งองั วะ กรงุ หงสาวดที เ่ี มอื งแครง พรอมทัง้ กวาดตอ น
ทรงยกทพั ไปชว่ ยพระเจา้ หงสาวดรี บกบั พระเจา้ องั วะ ซงึ่ แขง็ ขอ้ ไมย่ อมออ่ นนอ้ มตอ่ กรงุ หงสาวด ี โดย คนไทยทเี่ คยไปอยทู ี่พมากลับคืน ทาํ ใหขวัญ
และกําลังใจของคนไทยกลบั คนื มาภายหลัง
๒๑๒๕ จะมีกองทพั พระเจา้ แปร พระเจา้ ตองอู พระเจ้า จากเสยี กรุงครัง้ ท่ี 1 และจํานวนประชากร
เชียงใหม่ และพระเจ้าล้านช้าง สมทบไปกับ กเ็ พ่มิ ขนึ้ ดวยสําหรับไวตอสูกบั ขาศึกตอไป
กองทัพหลวงของกรงุ หงสาวดีด้วย หรือการทํายุทธหตั ถกี บั พระมหาอปุ ราชา
ทางกรุงศรีอยุธยาได้ส่งพระนเรศวรคุม แหง กรุงหงสาวดีเม่ือ พ.ศ. 2135 และเปน
๒๑๒๗ กองทัพไปชว่ ย แตต่ อ่ มาพระเจา้ นนั ทบุเรงเกดิ ฝา ยชนะ กท็ าํ ใหข า ศกึ หวาดเกรงพระบรม-
- ทรงประกาศอสิ รภาพทเ่ี มืองแครง ความหวาดระแวงวา่ อยธุ ยาจะเอาใจออกหา่ งไป เดชานุภาพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
- ทรงยกทพั ไปรบกับพมา่ ทีเ่ มอื งวเิ ศษไชยชาญ ชว่ ยองั วะ จึงหาทางก�าจดั พระนเรศวรดว้ ยการ จนไมกลา ยกทัพมารกุ รานไทยอกี และทาํ ให
เมอื่ คร้งั พระยาพะสิมตีเมืองสุพรรณบรุ ี ส่งพระยาเกียรต ิ พระยาราม ขนุ นางชาวมอญ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงขยายอาณาเขต
๒๑๒๘ มารอรบั กองทพั ไทย และใหถ้ อื โอกาสกา� จดั เสยี ออกไปอยา งกวา งขวาง)
ทรงยกทัพไปรบกบั กองทัพพระเจ้าเชยี งใหม่
ทบี่ ้านสระเกศ แขวงเมอื งวิเศษไชยชาญ 3. ครใู หนักเรียนดวู ีดิทศั นภ าพยนตรองิ
ประวตั ิศาสตรเรื่อง ตาํ นานสมเด็จพระนเรศวร
๒๑๓๐ แพตม่พ่าอระยยู่แาลเ้วกไียดร้ปตริแึกลษะาพกรับะพยารระมามหซาเึ่งถเกรคลันียดฉช่อังง 3 มหาราช จากนนั้ ใหน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายถงึ
พระภกิ ษมุ อญซง่ึ เปน็ อาจารยข์ องตน พระมหา- สาระสาํ คญั เกย่ี วกบั เหตกุ ารณท างประวตั ศิ าสตร
ท๒ร๑ง๒ร๙บกบั ทพั พมา่ 4คราวพระเจ้าหงสาวดี เถรคันฉ่องจึงได้แนะน�าให้พระยาเกียรติและ ทเ่ี กดิ ขึน้ ในสมัยสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช
พระยารามน�าความลับมากราบทูลพระนเรศวร
ล้อมกรงุ ศรอี ยุธยา ให้ทรงทราบ พระองค์จึงทรงถือโอกาสแวะ
๒๑๓๓ ประทบั อยทู่ เี่ มอื งแครง (เดงิ กราย) และประกอบ
- เสด็จขน้ึ ครองราชสมบตั ิ พิธีในการประกาศอิสรภาพของกรุงศรีอยุธยา
- ทรงรบกบั ทพั พมา่ ที่เมอื งสุพรรณบรุ ี
กาญจนบรุ ี

ที่จะไม่ข้ึนต่อกรุงหงสาวดีต่อไป พร้อมกันน้ัน
ไดท้ รงอพยพคนไทยทเ่ี คยถกู พมา่ กวาดตอ้ นไป
๒๑๓๕ กลับคืนกรงุ ศรีอยุธยา

๙๕

แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด นกั เรยี นควรรู

เหตุการณใ นขอใดตอ ไปนีท้ แี่ สดงถงึ พระปรีชาสามารถและความกลาหาญ 1 เลน ชนไก ปรากฏวา ไกของมังสามเกยี ดแพ มงั สามเกียดจึงตรัสวา “ไกเ ชลย
ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชมากทสี่ ุด ตัวน้เี กง จริงหนอ” พระนเรศวรจงึ ทรงตอบกลับไปวา “ไกเชลยตัวน้อี ยาวาแตช นเอา
1. ปน คายขา ศกึ 2. โจมตเี มืองแครง เดิมพนั เลย แมพนันเอาบานเอาเมอื งก็อาจชนะได”
3. กระทาํ ยุทธหัตถี 4. ประกาศอสิ รภาพ
2 มงั สามเกยี ด หรือมังกยอชวา ซึ่งภายหลงั ไดรับแตง ตั้งเปน พระมหาอปุ ราชา
วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เมอ่ื ครง้ั พระมหาอปุ ราชาแหง กรุงหงสาวดี ในแผน ดนิ พระเจา นนั ทบุเรง

เปนแมทพั มาตอี ยธุ ยาใน พ.ศ. 2135 โดยยกเขา มาทางดา นเจดียสามองค 3 พระมหาเถรคันฉอ ง หลงั จากพระนเรศวรประกาศอสิ รภาพแลว ทรงนมิ นต
พมา มาตั้งทัพอยทู ่ีเมืองสพุ รรณบรุ ี ไทยสงกองทพั ไปสรู บแตพ า ยแพก ลบั มา ทานมาอยูในกรงุ ศรีอยธุ ยา สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชพระราชทานสมณศักด์ิ
สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชจึงยกทัพหลวงไปตีสกดั ทพั พมา แตเนอ่ื งจากการ เปน พระราชาคณะ และโปรดใหพ าํ นักอยูที่วัดมหาธาตุ พระอารามหลวง
ใหสัญญาณไมท ่ัวถงึ แมทัพบางคนตามไมทนั สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช
สมเดจ็ พระเอกาทศรถกบั ทหารรกั ษาพระองคส ว นนอ ยไดถ ลาํ เขา ไปในทพั พมา 4 รบกบั ทัพพมา พระนเรศวรทรงใชยทุ ธวธิ ตี ัดกําลังขาศึกดวยการนําเสดจ็ ออก
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชจึงทรงใชไหวพริบทา พระมหาอุปราชากระทํา ปลนคายขาศกึ หลายครงั้ มคี ราหนึ่งทรงเสดจ็ ออกปลน คา ยพมา ซึง่ เปน ทัพหนา
ยทุ ธหตั ถกี นั ตวั ตอ ตวั ซง่ึ แสดงใหเ หน็ ถงึ พระปรชี าสามารถและความกลา หาญ ของพระเจา หงสาวดี ขา ศึกแตกพา ยถอยหนี พระองคจ ึงไลตีมาจนถึงคายหลวง
ของพระองค หากไมทาํ เชน น้นั กค็ งถกู พมารุมรบจนอาจสง ผลเสียใหญห ลวง ของพระเจา หงสาวดี ทรงคาบพระแสงดาบนําทหารปนเพนยี ด พระแสงดาบนี้ไดรับ
แกไทยตามมากไ็ ด พระราชทานนามวา พระแสงดาบคาบคาย
คมู ือครู 95

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

1. ครูใหน กั เรียนดภู าพพระบรมราชานุสาวรีย เสน เวลา
สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทรงชา งพระท่นี งั่ แสดงเหตกุ ารณส าํ คญั ในสมยั สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช
จากหนังสอื เรียน หนา 96 จากนน้ั ซักถาม ๒พ๑.๓ศ๕.
นักเรียนวา มคี วามเก่ียวของกบั เหตกุ ารณใด ๒๑๓๕ ภายหลังเมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ในประวตั ศิ าสตรไ ทย โดยใหอ ธบิ ายรายละเอยี ด - ทรงท�าสงครามยุทธหตั ถกี ับพระมหาอุปราชา เสด็จขึ้นครองราชสมบัติใน พ.ศ. ๒๑๓๓ แล้ว
ของเหตกุ ารณดังกลาวมาพอเขา ใจ แหง่ กรุงหงสาวดี พระองค์ทรงท�าสงครามยุทธหัตถีกับพระมหา-
(แนวตอบ เกย่ี วขอ งกับเหตกุ ารณส งคราม - ทรงยกทัพไปตเี มอื งทวายและตะนาวศรี
ยทุ ธหตั ถเี มือ่ พ.ศ. 2135 โดยกองทพั พมา
นาํ โดยพระมหาอปุ ราชา พระราชโอรสของ อุปราชาแห่งกรุงหงสาวดีเมื่อพระมหาอุปราชา
พระเจา หงสาวดนี ันทบุเรง ไดค ุมไพรพ ล ทรงยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาใน พ.ศ. ๒๑๓๕
จํานวนกวา 2 แสนคน มาทางดานเจดยี  กองทัพอยุธยาได้ปะทะกับกองทัพหงสาวดีที่
สามองคเ พ่ือโจมตีกรงุ ศรอี ยธุ ยา สมเดจ็ เมืองสุพรรณบุรี สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
พระนเรศวรมหาราชทรงทราบขาว จงึ ยกทพั แดทล้วระยงปทพร�าระสะสแงบคสชรงยัาขชมอนยงะุท้า1ดวธว้2จหยนัตกสาถิ้นรีกฟพับนรพพะรชระนะมมมหห์บาานออคุปปุ อรรชาาชช้าาาง
ออกไปต้งั รับขา ศึกท่บี านหนองสาหรา ย ๒๑๓๘ นับเป็นการส่งเสริมพระบรมเดชานุภาพของ
เมอื งสุพรรณบรุ ี สงครามครง้ั นมี้ คี วามสําคัญ ทรงตีกรงุ หงสาวดคี รง้ั แรก
และเปนทีเ่ ลอ่ื งลอื ในการสรู บระหวา งสอง ๒๑๔๐
อาณาจักร นั่นคอื สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช
ทรงกระทํายุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาท่ี สมเด็จพระนเรศวรมหาราชให้น่าเกรงขามแก่
บา นหนองสาหราย เมืองสุพรรณบุรี และทรงใช ขา้ ศกึ ศัตรทู ี่จะเขา้ มารุกรานกรงุ ศรอี ยุธยา เป็น
พระแสงของาวฟนพระมหาอุปราชาสน้ิ พระชนม ๒๑๔๒ ผลให้อาณาเขตของอาณาจักรอยุธยาแผ่ขยาย
บนคอชา ง ทําใหท ัพพมา แตกพา ยกลบั ไป ทรงตีกรุงหงสาวดีครง้ั ที่ ๒
หลังจากสงครามครั้งน้ี กรงุ ศรีอยุธยาก็ได
วา งเวนการทาํ สงครามกับพมาเปน เวลานาน ออกไปอย่างกว้างขวาง
มากกวา 150 ป)
๒๑๔๕
2. ครูตง้ั ประเด็นคาํ ถามวา หลังจากเสียกรงุ
ครัง้ ท่ี 1 หากไมม ีสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ๒๑๔๗
บา นเมอื งจะเปน อยางไร โดยใหน ักเรยี นใน ทรงตกี รงุ องั วะ แต่ต้องประชวรหนัก
ช้นั เรยี นระดมความคดิ เหน็ รวมกันในการตอบ ที่เมอื งหาง และสวรรคตในเวลาตอ่ มา

3. ครสู นทนากบั นกั เรียนเพื่อรวมกนั สรปุ ความรู พชา รงะพบรระมทรนี่ างั่ ช3การนะทุสาํายวทุรียธหสมตั ถเดกี4็จบั พพรระะนมเหราศอวปุ รรมาหชาาขรอางชพทมราง
ท่ีไดร บั จากการศึกษา ๒๑๕๐ อยูดานหนาเจดียยุทธหัตถี อําเภอดอนเจดีย จังหวัด
สุพรรณบรุ ี

๙๖

นักเรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET
นักเรยี นมคี วามคดิ เหน็ เชน ไรตอบทบาทของสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช
1 ประสบชยั ชนะ กอ นหนา ทส่ี มเด็จพระนเรศวรมหาราชจะทรงไดรบั ชยั ชนะ ทไี่ ดร ับการยกยองใหเ ปน “มหาราช”
พระมหาอปุ ราชาไดโอกาสฟน ดว ยพระแสงของาวขณะท่ีเจา พระยาไชยานุภาพเสยี ที แนวตอบ สมควรอยางย่ิง เนอื่ งจากสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทรงบําเพ็ญ
ขา ศึก แตสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทรงเบ่ยี งพระองคหลบไดท ัน ถูกแตเพยี ง พระราชกรณยี กิจท่ีสําคัญในการกอบกเู อกราชของบานเมอื งจากกรงุ หงสาวดี
พระมาลาจนแหวง ไป พระมาลานจ้ี ึงไดร บั พระราชทานนามวา พระมาลาเบยี่ ง และปราบปรามขา ศกึ ที่เขา มารุกรานพระราชอาณาเขต ดงั จะเหน็ ไดจ าก
2 พระแสงของา ว ไดร บั พระราชทานนามวา เจาพระยาแสนพลพา ย เมื่อครง้ั พระองคท รงดํารงตําแหนง เปน พระมหาอุปราช กรงุ ศรอี ยธุ ยาตอ งสง
3 ชา งพระท่ีน่งั เดมิ ชื่อ พลายภูเขาทอง เมื่อออกศกึ ไดขึ้นระวางเปนเจา พระยา กองทพั ไปชวยพระเจา นันทบุเรงปราบเมืองอังวะทีแ่ ขง็ ขอ แตพระเจา
ไชยานภุ าพ ภายหลงั ไดร ับชยั ชนะในสงครามยุทธหัตถีแลว จงึ ไดร บั พระราชทาน นันทบุเรงกลบั คิดกาํ จดั พระนเรศวร พระองคจ ึงถือโอกาสประกาศอิสรภาพ
นามวา เจา พระยาปราบหงสาวดี ท่ีเมอื งแครง ตอมาเมื่อพระองคขนึ้ ครองราชยแลว ก็ไดทาํ ยทุ ธหัตถกี บั
4 เจดยี ย ทุ ธหตั ถี สมเด็จพระนเรศวรมหาราชโปรดใหสรางขึ้นเพอื่ เปนอนสุ รณ พระมหาอุปราชาแหงกรุงหงสาวดเี มอ่ื พ.ศ. 2135 และเปน ฝายชนะ นับเปน
ในการทํายุทธหัตถรี ะหวางไทยกับพมา ทห่ี นองสาหรา ย เมืองสุพรรณบรุ ี เกยี รติยศอนั ยง่ิ ใหญ หลังจากนัน้ พมาก็ไมมาตีอยุธยาอีก และพระองคก ไ็ ด
เม่ือ พ.ศ. 2135 ขยายอาณาเขตไปยังดนิ แดนตา งๆ ใกลเคยี ง จนพระราชอาณาเขตของไทย
แผข ยายออกไปกวา งขวางยงิ่ กวาสมัยใด จากตวั อยางพระราชกรณยี กจิ
96 คมู อื ครู ท่แี สดงถึงความกลา หาญของพระองคดังทกี่ ลาวมา จงึ สมควรท่จี ะไดรบั การ
ยกยอ งใหเ ปน “มหาราช”

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

ในตลอดพระชนม์ชีพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช1 ล้วนแล้วแต่เป็นพระราชกรณียกิจ 1. ครใู หน กั เรยี นกลุมที่ 5 สง ตัวแทนออกมา
นําเสนอสาระสําคัญที่หนาชนั้ เรยี น จากนนั้
เพ่ือความเป็นอิสระของบ้านเมือง ทรงปราบปรามข้าศึกที่เข้ามารุกรานพระราชอาณาเขตเพื่อ เปด โอกาสใหนกั เรียนทม่ี ีขอ สงสยั ซกั ถาม
และอธบิ ายจนเขาใจ
ปกป้องอาณาประชาราษฎรข์ องพระองค์ให้ร่มเยน็ เป็นสขุ แมก้ ระทัง่ วาระสดุ ทา้ ยของพระชนมช์ ีพ
2. ครูซกั ถามนกั เรยี นวา พระราชกรณยี กจิ ของ
ก็ยังทรงท�าสงครามรักษาพระราชอาณาเขต พระองค์จึงทรงเป็นพระมหากษัตริย์ท่ีปกป้องรักษา สมเด็จพระนารายณม หาราชท่ีโดดเดน
จะเปนเรอื่ งใด และกอใหเ กดิ ผลดตี อ บานเมอื ง
บ้านเมืองและราษฎรให้รอดพ้นจากการรุกรานของข้าศึกศัตรูตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ด้วย อยางไร
(แนวตอบ พระราชกรณยี กจิ ของสมเดจ็
ความกลา้ หาญจนไดร้ บั การยกยอ่ งให้ทรงเป็น “มหาราช” ของไทย พระนารายณม หาราชทโ่ี ดดเดน จะเปนเร่อื ง
การสรางสัมพนั ธไมตรีกบั ตา งประเทศ การ
1สม.๕เด จ็ สพรมะนเดาร็จาพยณรม์ ะหนาารารชา2เสยดณจ็ ขม์ นึ้ หคราอรงาราชชย์ในชว่ งเวลาทอ่ี ยธุ ยาเรมิ่ ถกู คกุ คามจากชาติ คา ขาย และวรรณคดี โดยพระองคท รงตอนรบั
ชาวตา งประเทศที่เขา มาคา ขายกับอยุธยา
เชน จนี อาหรบั โปรตุเกส ฮอลันดา ฝรัง่ เศส
อังกฤษ เปน ตน นอกจากนยี้ งั สง คณะทตู
ตะวนั ตก ดงั นน้ั พระราชกรณยี กจิ สา� คญั ของสมเดจ็ พระนารายณม์ หาราชจงึ เกยี่ วขอ้ งกบั การคา้ ขาย อยุธยาไปเจรญิ สัมพนั ธไมตรีกบั ฝร่งั เศส
ในสมัยพระเจา หลยุ สท ่ี 14 รวมทั้งนําฝร่ังเศส
และการสร้างสัมพนั ธไมตรกี บั ต่างประเทศ มาถวงดลุ อาํ นาจกบั ฮอลันดาซึ่งกาํ ลังขยาย
อิทธพิ ลเขามาคุกคามอยธุ ยาอยใู นขณะนน้ั
สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงตอ้ นรบั ชาวตา่ งประเทศทุกชาติทเ่ี ขา้ มา สาํ หรบั วรรณคดใี นสมัยน้ีกม็ ีความเจรญิ รุงเรือง
เชนกัน ไมว าจะเปน เรือ่ งสมทุ รโฆษคาํ ฉันท
คา้ ขายกับอยธุ ยา เชน่ จีน อาหรับ โปรตุเกส ฮอลนั ดา องั กฤษ ฝร่ังเศส เป็นต้น ซงึ่ (ตอนตน ) เสือโคคําฉนั ทของพระมหาราชครู
หนงั สอื จินดามณขี องพระโหราธบิ ดี เปนตน
กอ่ ใหเ้ กดิ ผลดตี อ่ เศรษฐกจิ และการคา้ ของอยธุ ยาเปน็ อยา่ งด ี นอกจากน ้ี พระองคย์ งั จากตัวอยา งพระราชกรณยี กจิ ที่สําคญั เหลา น้ี
สง ผลใหอ ยธุ ยามคี วามเจรญิ รงุ เรอื งท้ังทาง
ทรงด�าเนินนโยบายทางการทูตด้วยความฉลาด สุขุมและรอบคอบ ท�าให้อยุธยา ดานการคา วรรณคดี จนทาํ ใหสมยั นีไ้ ดรับการ
ยกยอ งใหเ ปน ยุคทองของวรรณคดี บา นเมอื ง
ปลอดภยั จากการรกุ รานของชาตติ ะวนั ตก ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากกรณที ฮี่ อลนั ดาสง่ เรอื รบ ปลอดภยั จากการรกุ รานของชาติตะวนั ตก
อีกท้ังทําใหอยุธยาไดเ รยี นรูวิทยาการสมยั ใหม
ปด ปากอ่าวไทยใน พ.ศ. ๒๒๐๗ เพื่อบงั คับให้อยธุ ยาท�าสนธิสญั ญากบั ตน เปน็ ของตะวนั ตก เชน การสรางพระราชวัง
ปอมปราการตามศลิ ปะแบบตะวันตก
สนธิสัญญาที่อาณาจักรอยุธยาเป็นฝายเสียเปรียบท้ังในด้านการค้าและการศาล หรอื การใชอาวธุ ปน ท่ีทนั สมัย เปนตน)

พระองค์จึงทรงหาวิธีที่จะน�าอังกฤษมาถ่วงดุลอ�านาจกับฮอลันดา แต่อังกฤษ

ไม่สนใจ ภายหลังพระองค์จึงทรงให้ความสนิทสนมกับพระเจ้าหลุยส์ท่ี ๑๔

แหง่ ฝรง่ั เศส จนสามารถดา� เนนิ นโยบายโดยนา� ฝรงั่ เศสมาถว่ งดลุ อา� นาจ

ได้เป็นผลส�าเร็จ ท�าให้ไทยรอดพ้นจากการคุกคามของฮอลันดา

ในท่สี ดุ

การท่ีพระองค์ทรงสร้างสัมพันธไมตรีกับฝร่ังเศสจนถึงกับส่งคณะทูต

ราชสา� นกั อยธุ ยาไปเจรญิ สมั พนั ธไมตรกี บั ฝรงั่ เศสทเ่ี ปน็ มหาอา� นาจ

ในทวปี ยโุ รป และพระเจา้ หลยุ สท์ ี่ ๑๔ แหง่ ฝรงั่ เศสทรงใหก้ าร

ต้อนรับคณะทูตอยุธยาเป็นอยา่ งด ี นับเป็นผลดตี ่อ พระบรมราชานสุ าวรยี ส มเดจ็ พระนารายณม หาราช จงั หวดั
ลพบุรี พระองคทรงสรางสัมพันธไมตรีกับนานาประเทศ
ความมนั่ คงของอยธุ ยาในขณะนนั้ อยางกวางขวาง และเปนสมัยท่ีงานวรรณกรรมมีความ

เจริญรงุ เรืองอยางมาก

๙๗

แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tดิ นักเรียนควรรู
นโยบายการตางประเทศของอยุธยาในสมัยสมเด็จพระนารายณมหาราช
สามารถสรปุ ไดต ามขอ ใด 1 สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงประสตู ิเมอ่ื พ.ศ. 2098 ทเ่ี มืองพิษณุโลก
1. พึง่ พงิ เปน หลัก 2. โอนออนผอ นตาม เม่อื มีพระชนมายุ 9 พรรษา ไดถ กู สงไปเปนตัวประกนั ทก่ี รุงหงสาวดี เพือ่ ประกนั
3. ปดประตูไมยอมรับ 4. ใหถว งดลุ อาํ นาจกนั ความจงรักภกั ดตี อพมา เนอื่ งจากพมายึดเมืองพษิ ณโุ ลกไดแ ละพระราชบดิ าเขารวม
กับฝายพมา พระนเรศวรประทับอยูท่ีพมา ในรัชกาลพระเจาบเุ รงนองถงึ 6 ป
วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. สมเดจ็ พระนารายณมหาราชทรงดาํ เนนิ 2 สมเด็จพระนารายณมหาราช โปรดใหเ มอื งลพบรุ ีเปน ราชธานีแหง ท่ี 2
โดยประทับอยทู ่พี ระนารายณราชนเิ วศน ซึ่งสรา งขนึ้ เมอ่ื พ.ศ. 2209 และในแตล ะป
นโยบายทางการทตู กบั ชาวตา งชาตดิ วยความฉลาด สุขมุ และรอบคอบ พระองคประทับอยูท ี่ลพบุรีมากกวากรุงศรอี ยธุ ยา
ดวยการดงึ ชาติตางๆ มาถว งดุลอาํ นาจกัน เพื่อมใิ หฝ า ยหน่ึงฝา ยใดมอี าํ นาจ
มากเกนิ ไปจนอาจสง ผลกระทบตอ ความมน่ั คงของอาณาจกั รอยธุ ยา ดงั จะเหน็ มุม IT
ไดจากกรณีที่ฮอลันดาสง เรือรบมาปด ปากอาวไทยใน พ.ศ. 2207 เพือ่ บังคบั
ใหอยุธยาทาํ สนธิสญั ญากบั ตน ซึ่งเปนสนธสิ ญั ญาท่ีทําใหอยธุ ยาเสียเปรยี บ ศกึ ษาคน ควา ขอมลู เพ่มิ เติมเกย่ี วกบั ความสมั พันธร ะหวา งอยธุ ยากบั ฝรัง่ เศส
ทง้ั ในดา นการคา และการศาล สมเด็จพระนารายณม หาราชจึงทรงนาํ องั กฤษ ในสมยั สมเดจ็ พระนารายณม หาราช ไดท ่ี http://www.ayutthayastudies.aru.ac.th
มาถวงดุลอํานาจกบั ฮอลนั ดา แตไมสําเร็จ ภายหลังจงึ นําฝรงั่ เศสมาถว งดุล เวบ็ ไซตส ถาบนั อยธุ ยาศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั พระนครศรอี ยธุ ยา
อาํ นาจจนเปน ผลสาํ เรจ็ ทาํ ใหไ ทยรอดพน จากการคกุ คามของฮอลนั ดาในทส่ี ดุ คมู อื ครู

97

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

1. ครูใหนกั เรียนอภปิ รายรว มกนั ถึงความเจริญ อยา่ งไรกต็ าม ถงึ แม้ว่าสมเดจ็ พระนารายณ์มหาราชจะทรงด�าเนินนโยบายเปน็ มติ รไมตรีกบั
รงุ เรืองทางดา นวรรณกรรมในสมยั สมเดจ็ ฝร่ังเศสเพื่อป้องกันการคุกคามจากฮอลันดา โดยทรงอนุญาตให้บาทหลวงฝรั่งเศสเข้ามาเผยแผ่
พระนารายณม หาราชจนไดรบั การยกยองให คริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิกได้ในอยุธยา แต่ขณะเดียวกันพระองค์ก็โปรดให้พระโหราธิบดี
เปน ยคุ ทองของวรรณคดี โดยใหยกตัวอยา ง แต่ง หนังสือจินดามณี ซ่ึงเป็นแบบเรียนหรือต�าราเรียนท่ีว่าด้วยพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์
วรรณคดีสาํ คัญทเ่ี กิดขึน้ ในรชั สมยั น้ี ซง่ึ รวมเรียกว่า อกั ขรวธิ ี ของไทยเลม่ แรก รวมทัง้ การอธิบายถงึ การแตง่ โคลง ฉันท ์ กาพย์ กลอน
กวีผปู ระพันธ ประเภทของบทประพนั ธ พระบรมราโชบายของพระองค์เกี่ยวกับเรื่องนี้ก็เพ่ือให้ชาวอยุธยาไม่ไปเข้ารีตตามแบบฝรั่งและ
และสาระสาํ คญั ของบทประพนั ธโ ดยสงั เขป เเปกิด็นขกน้ึานรใอนรกักสษจมาายั กวขัฒนอี้ นงพพธรรระระอมองงทคคา์ยเ์งปงั ดท็น้ารจนงา� ภในหาว้กษนาามรขสาอกนง บัไรทสวยนมเุนถองึทาวไารวงรอ้ดณกีา้ ดนกว้วรยรรมรณเรกื่อรงรมสม1 ททุ า�รใโหฆว้ ษรคราํณฉกันรทรม 2ทที่พส่ี รา� ะคอญั งคๆ ์
ทรงพระราชนิพนธ์ด้วย ท�าให้วรรณกรรมในสมัยของพระองค์มีความเจริญรุ่งเรืองและเป็นมรดก
2. ครูสนทนากบั นกั เรยี นเพื่อรว มกันสรปุ ความรู ตกทอดทางวัฒนธรรมของไทยมาจนถึงปจ จุบัน
ทีไ่ ดรบั จากการศึกษา การท่ีสมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงมีพระบรมราโชบายทางด้านการต่างประเทศอย่าง
ชาญฉลาด สขุ มุ ทา่ มกลางการคกุ คามของชาตติ ะวนั ตกดงั เชน่ ฮอลนั ดา จนสามารถนา� ฝรง่ั เศสมา
ถว่ งดลุ อา� นาจกบั ฮอลนั ดาไดเ้ ปน็ ผลสา� เรจ็ ขณะเดยี วกนั พระองคก์ ม็ ไิ ดท้ า� ใหก้ ารเผยแผค่ รสิ ตศ์ าสนา
ของบาทหลวงชาวฝรั่งเศสในอยุธยาเป็นปญหาต่อวงการพระพุทธศาสนาของอยุธยาแต่อย่างใด
พระปรีชาสามารถของพระองค์ทางด้านการต่างประเทศได้ก่อให้เกิดผลดีต่ออยุธยาเป็นอย่างย่ิง
พระองคจ์ งึ ไดร้ ับการยกย่องใหท้ รงเปน็ “มหาราช” ของไทย

เสน เวลา
แสดงเหตกุ ารณส าํ คญั ในสมยั สมเดจ็ พระนารายณม หาราช

๒๒๐๔ ๒๒๑๑ ๒๒๑๖ ๒๒๒๕
บรษิ ัทฮอลนั ดายดึ เรอื ซงึ่ ชักธง ทรงสง่ ทูตไป ทรงไดร้ บั พระเจ้าหลุยสท์ ี ่ ๑๔
พระราชสาสน์จาก ทรงส่งพระราชสาสน์
โปรตเุ กสใกลเ้ มอื งมาเกา เปอรเ์ ซยี พระเจา้ หลุยส์ท่ ี ๑๔ มาถวายสมเดจ็
แต่สินคา้ ในเรือเป็นของ ๒๒๑๐ แห่งฝรั่งเศส พระนารายณ์มหาราช
พระคลังหลวง อยุธยาจึงเรยี ก
๒๒๒๐ ๒๒๓๐ ๒๒๔๐
ค่าเสียหายจากบรษิ ัท
พ.ศ. ๒๒๐๐

๒๒๐๗ ๒๒๒๓ พ๒๒ระ๒เจ๘า้ หลยุ ส์ท่ี ๑๔ ทรงสง่ ทตู 3มาเจรจา
ฮอลันดาประกาศสงคราม บริษัทอนิ เดยี ตะวันออก
กบั อยุธยา จนอยุธยาต้อง เพอื่ เผยแผศ่ าสนาและทา� การคา้
ยอมทา� สัญญาท่ีเสียเปรียบ ของฝรั่งเศสขอต้งั
คลังสนิ คา้ ทอ่ี ยธุ ยา

๒๒๒๗
ทรงยอมให้ฝรั่งเศส
ท�าการค้ากับอยุธยา

๙๘

นักเรียนควรรู บูรณาการเชอ่ื มสาระ
ครสู ามารถนําเน้อื หาเกยี่ วกบั วรรณกรรมสมยั สมเด็จพระนารายณม หาราช
1 ดา นวรรณกรรม สมยั น้ีไดช อ่ื วา เปนยุคทองของวรรณคดใี นสมยั อยุธยา ไปบรู ณาการเชื่อมโยงกบั กลมุ สาระการเรยี นรูภาษาไทย วิชาวรรณคดี
กวีทสี่ ําคญั เชน พระโหราธิบดี พระมหาราชครู ศรปี ราชญ รวมถึงสมเด็จพระนารายณ และวรรณกรรม โดยยกบทประพนั ธใ นวรรณคดที ส่ี าํ คัญๆ เชน โคลงสุภาษิต
มหาราช วรรณกรรมท่สี ําคัญ เชน โคลงสภุ าษิตพาลีสอนนอ ง สมทุ รโฆษคําฉันท 3 เรือ่ ง ไดแ ก โคลงทศรถสอนพระราม โคลงพาลีสอนนอง และโคลงราชสวัสด์ิ
(ตอนตน ) เสอื โคคาํ ฉนั ท โคลงเฉลมิ พระเกยี รตสิ มเด็จพระนารายณม หาราช พระราชนพิ นธในสมเด็จพระนารายณม หาราช โคลงเฉลิมพระเกียรติ
โคลงกําสรวลศรปี ราชญ เปน ตน สมเด็จพระนารายณมหาราช ประพันธโดยพระศรีมโหสถ เสือโคคาํ ฉนั ท
2 สมทุ รโฆษคาํ ฉนั ท มผี แู ตง 3 คน เริม่ ตงั้ แตพ ระมหาราชครู สมเดจ็ พระนารายณ สมทุ รโฆษคําฉันท (ตอนตน ) ประพันธโ ดยพระมหาราชครู หนังสือจนิ ดามณี
มหาราช และสมเดจ็ พระมหาสมณเจา กรมพระปรมานุชติ ชโิ นรสในสมยั รัตนโกสินทร เลม ที่ 1 (แบบเรยี นภาษาไทยฉบบั แรก) ประพันธโดยพระโหราธิบดี
ทรงพระนิพนธตอจนจบเรอ่ื งเมอ่ื พ.ศ. 2392 เปนวรรณกรรมท่ีไดร ับการยกยอ งจาก โคลงกาํ สรวลศรปี ราชญ อนริ ทุ ธค าํ ฉันท แตงโดยศรีปราชญ เปน ตน มาให
วรรณคดสี โมสรในสมัยรชั กาลที่ 6 วา เปน ยอดแหง คําประพนั ธป ระเภทฉันท นกั เรยี นฝกการวิเคราะหคุณคาของวรรณคดี ทง้ั ดา นเนอ้ื หา ดานวรรณศลิ ป
3 สง ทตู ในการเขาเฝาของเชอวาเลยี ร เดอ โชมองต ราชทตู ฝร่ังเศสในครง้ั นี้ ดา นสังคมและขอ คิดที่สามารถนาํ ไปประยกุ ตใ ชไดในชวี ติ ประจําวัน
นอกจากถวายพระราชสาสนแลว ยังจัดเครื่องราชบรรณาการมาถวายดว ย โดยหนึง่
ในนั้น ไดแ ก แผนท่ดี าราศาสตร เปนลกู โลกทําดวยทองแดงปด ทอง เพราะทราบดีวา
สมเด็จพระนารายณม หาราชทรงสนพระทยั ในวิชาดาราศาสตรแ ละภมู ศิ าสตรม าก

98 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

เสน เวลา 1. ครใู หน ักเรยี นกลุม ที่ 6 สงตวั แทนออกมา
แสดงเหตกุ ารณส าํ คญั ในสมยั สมเดจ็ พระเพทราชา นําเสนอสาระสาํ คญั ท่หี นา ชนั้ เรียน จากนน้ั
สมเด็จพระเพทราชา1 เปด โอกาสใหนักเรียนทมี่ ีขอ สงสัยซักถาม
1.๖ และอธิบายจนเขาใจ
พ.ศ. ๒๒๓๑ สมเด็จพระเพทราชาทรงประกอบพระ-
๒๒๓๐ - ทา� การยดึ อา� นาจในพระราชวงั ลพบุรแี ละ ราชกรณยี กจิ ทส่ี า� คญั ตอ่ บา้ นเมอื งกอ่ นหนา้ ทจ่ี ะ 2. ครูสุม ถามนักเรยี นเกีย่ วกบั พระราชประวตั ิ
สถาปนาตนเองขึ้นเปน็ กษตั ริย์ เสดจ็ ขน้ึ ครองราชสมบตั ิ พ.ศ. ๒๒๓๑ เนอ่ื งจาก โดยสงั เขปและพระราชกรณียกจิ ของสมเดจ็
- ฝทรร่ังงเดศา� สเนใหนิ พ้ ก้นารไปกวจาาดกลอ้ายงธุ อยทิ าธิพลของ พระเพทราชา พระมหากษัตรยิ ผ ูทรงสถาปนา
ราชวงศบ านพลูหลวง
ในขณะนั้น คอนสแตนติน ฟอลคอน (Con- (แนวตอบ พระเพทราชาทรงมพี ้ืนเพมาจาก
stantine Phaulkon) หรือออกญาวิไชเยนทร์ บานพลหู ลวง เมืองสพุ รรณบรุ ี พระมารดาทรง
ขุนนางไทยเช้ือสายกรีกได้คิดวางแผนร่วมกัน เปนแมนมของสมเดจ็ พระนารายณม หาราช
กับฝรั่งเศส โดยมีจุดประสงค์จะขยายอิทธิพล ทําใหม ีโอกาสเขารับราชการและไดด าํ รง
เข้าครอบครองอยุธยา ท้ังทางด้านการทหาร ตาํ แหนงเจา กรมชางซ่งึ เปนกรมทมี่ อี าํ นาจ
๒๒๓๗ การเมือง และวฒั นธรรม จนถงึ กับดา� เนินการ ทางการทหารสงู พระเพทราชามโี อรสองคหนึง่
เกดิ กบฏธรรมเถียร แตก่ ็ถกู ปราบปรามลงได้ ให้ฝร่ังเศสส่งกองทหารมาประจ�าการอยู่ท่ีเมือง คอื หลวงสรศกั ด์ิ (ตอมาครองราชยเปน
บางกอดก้วแยลเะหเตมุนือี้ งมพะรระดิ เพทราชา2จึงได้เป็นผู้น�า สมเด็จพระสรรเพ็ชญท ่ี 8 หรอื พระเจาเสอื )
๒๒๓๕ และหลวงสรศักด์ิผนู ไี้ ดม ีสวนผลักดนั ให
พระเพทราชาขึ้นมายึดอาํ นาจจากสมเดจ็
ขุนนางข้าราชการท�าการกวาดล้างอิทธิพลของ พระนารายณมหาราช และเมือ่ ข้ึนครองราชย
ฝร่ังเศสออกไปจากอยุธยาจนหมดส้ินใน พ.ศ. ทรงสถาปนาราชวงศใ หม คอื ราชวงศ
๒๒๓๑ นอกจากน้ันยังจับออกญาวิไชเยนทร์ บา นพลหู ลวง และแตง ตัง้ หลวงสรศักดิ์
๒๒๓๘ ประหารชวี ิตในฐานะทีค่ ิดวางแผนมกั ใหญ่ใฝสงู เปน พระมหาอปุ ราช
พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตถวายพระราชบุตรี โดยประสงคจ์ ะเปน็ ผสู้ า� เรจ็ ราชการแผน่ ดนิ แทน สําหรับพระราชกรณียกจิ สําคัญจะอยใู น
ใหเ้ ปน็ บาทบรจิ ารกิ า เพื่อช่วยป้องกนั จาก ชวงกอ นขนึ้ ครองราชสมบตั ิ โดยพระเพทราชา
การโจมตีของเมืองหลวงพระบาง ไดเปนผูน ําขนุ นางทาํ การกวาดลา งอทิ ธพิ ล
ของฝรงั่ เศสออกไปจากอยุธยา และยงั จับ
พระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่หากสมเด็จพระนารายณ์มหาราชสวรรคตอีกด้วย ดังนั้น จึงนับว่า ออกญาวไิ ชเยนทร (คอนสแตนตนิ ฟอลคอน)
พระเพทราชาไดท้ รงสรา้ งประโยชน์ใหแ้ กแ่ ผน่ ดนิ กอ่ นทจี่ ะเสดจ็ ขนึ้ ครองราชยเ์ ปน็ พระเจา้ แผน่ ดนิ ประหารชีวิตในฐานะวางแผนใหฝรง่ั เศส
สืบต่อไป ถ้าพระเพทราชาไม่ตัดสินใจลงมือขับไล่อิทธิพลฝร่ังเศสออกไปในขณะนั้น และปล่อย ขยายอทิ ธพิ ลเขา ครอบครองอยุธยา และเมือ่
ให้ฝรั่งเศสส่งก�าลังทหารเข้ามาอยู่ในอยุธยาเพ่ิมมากขึ้นเรื่อยๆ อาณาจักรอยุธยาอาจตกเป็นของ ข้ึนครองราชยแลวพระองคยังตองแกไ ขปญ หา
ฝรง่ั เศสได้ การกอ กบฏตา งๆ ทไ่ี มพ อใจในตวั พระองค
ในฐานะเปนผแู ยงชงิ ราชสมบัติ)
เรื่องนารู
3. ครูสนทนากบั นกั เรียนเพื่อรว มกันสรปุ ความรู
นวิ าสถานเดมิ ของพระเพทราชา ทไ่ี ดรับจากการศึกษา
พระเพทราชากอนท่ีจะดํารงตําแหนงเปนขุนนางผูใหญในกรุงศรีอยุธยา เคยเปนบุคคลท่ีมีนิวาสถานเดิม

ณ บา นพลหู ลวง แขวงเมอื งสพุ รรณบรุ มี ากอ น ปจ จบุ นั ยงั มบี า นพลหู ลวงตง้ั อยใู นอาํ เภอเมอื ง จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี บรเิ วณ
บา นพลหู ลวงมวี ดั หนอ พทุ ธางกรู ซง่ึ สนั นษิ ฐานวา วดั นแ้ี ตเ ดมิ สรา งมาตง้ั แตส มยั อยธุ ยาตอนปลาย และไดม กี ารสรา งขน้ึ
มาใหมท บั ลงไปบนรากฐานของวดั เดมิ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา เจา อยหู วั

๙๙

แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETดิ นักเรียนควรรู
ขอใดตอ ไปน้เี ปนพระราชกรณียกิจสาํ คญั ของสมเดจ็ พระเพทราชา
1. ขจัดอิทธพิ ลฝร่ังเศส 2. เสด็จไปเยือนยุโรป 1 สมเดจ็ พระเพทราชา ในสมยั ของพระองคไดเกดิ กบฏข้นึ บอยครัง้ ซึง่ สาเหตุ
3. ปฏริ ูประบบการศาล 4. ลดอํานาจสมุหพระกลาโหม สวนใหญม าจากความไมพ อใจท่ีพระองคเ สดจ็ ขน้ึ ครองราชย กบฏครั้งสาํ คญั เชน

วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. สมเด็จพระเพทราชาไดป ระกอบพระราช- • กบฏธรรมเถยี ร พ.ศ. 2233 ผนู ํากบฏ คือ ธรรมเถียร เปน ขาหลวงเดิม
ของเจา ฟาอภยั ทศ พระราชโอรสในสมเดจ็ พระนารายณม หาราช แตถ กู
กรณียกจิ ที่สาํ คัญตอบา นเมอื งกอ นหนาท่จี ะขน้ึ ครองราชสมบัตเิ ม่ือครัง้ ยังทรง ปราบปรามลงได
เปนพระเพทราชา กลาวคือ ในตอนปลายรัชกาลสมเดจ็ พระนารายณม หาราช
ออกญาวไิ ชเยนทร หรอื คอนสแตนตนิ ฟอลคอน ขนุ นางไทยเช้อื สายกรีก • กบฏพระยายมราช (สังข) พ.ศ. 2233-2235 โดยพระยายมราช (สังข)
ไดคบคดิ วางแผนรว มกันกับฝรง่ั เศส ซึ่งมีจดุ ประสงคจะขยายอิทธพิ ลเขา เจาเมืองนครราชสมี าไมยอมมาเขา เฝาและถอื น้ําพระพิพัฒนส ัตยา
ครอบครองไทย ทัง้ ทางดา นการทหาร การเมอื ง และทางดา นวฒั นธรรม สมเดจ็ พระเพทราชาจึงสงกองทัพไปปราบ ซง่ึ ใชเ วลาถึง 2 ป
พระเพทราชาไดเปน ผนู ําขนุ นางขาราชการทําการกวาดลางอทิ ธิพลของ
ฝรงั่ เศสออกไปจากอยุธยา และยังจบั ออกญาวิไชเยนทรประหารชวี ิต • กบฏบญุ กวา ง ประมาณ พ.ศ. 2241-2243 นาํ โดยบญุ กวา ง ชาวลาว ไดต งั้ ตวั
ในฐานะคดิ วางแผนจะเปนผสู าํ เร็จราชการแผนดินแทนพระมหากษัตรยิ  เปน ใหญอ ยทู เี่ มอื งนครราชสมี า และรวบรวมผคู นเคลอื่ นทพั ลงมาทเ่ี มอื งลพบรุ ี
พระองคใ หม ซง่ึ หากฝรง่ั เศสทาํ สาํ เรจ็ อาณาจกั รอยธุ ยากจ็ ะถกู ครอบครองได เพอื่ โจมตกี รงุ ศรอี ยธุ ยา แตก ถ็ กู ปราบปรามเสยี กอ น

2 พระเพทราชา เปนตําแหนง สมหุ พระคชบาลจางวางขวา ศักดนิ า 5,000
ดแู ลรบั ผิดชอบกรมชางศกึ

คูมือครู 99

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

1. ครูใหนกั เรียนกลุม ที่ 7 สง ตวั แทนออกมา อ1อ.๗กญ าอโอกษกาญธบิ าดโี ก(ปษานา)ธ1 เบิ ดิมดชี อื่( ปปาานน )เป็นน้องชายของเจา้ พระยาพระคลงั หรือเจ้าพระยา
นําเสนอสาระสําคญั ท่หี นาชั้นเรียน จากนนั้
เปด โอกาสใหน กั เรียนทีม่ ีขอ สงสัยซกั ถาม
และอธิบายจนเขาใจ โกษาธิบดี (เหลก็ ) ในสมยั สมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช ได้เข้ารบั ราชการกบั พีช่ ายเมือ่ อายุ ๒๐ ป ี
วแสิลทุะ ธส๑นุ๕ธ รป (ปีตา่อนม)า เไดดนิ ้รทับาแงตไป่งตเจ้ังรใญิหพ้เปร็นะรอาอชกไพมตระรี2
2. ครูซกั ถามนักเรยี นวา ออกญาโกษาธบิ ดี หรอื ที่ กับประเทศฝรงั่ เศสเมอื่ อายุเพียง ๓๕ ปเี ท่านน้ั
รูจกั กนั วา โกษาปาน มบี ทบาทอยางไรจงึ นับวา ออกพระวสิ ทุ ธสนุ ธร (ปาน) เปน็ คนเฉลยี ว
เปนบุคคลสําคญั ในสมยั อยุธยา ฉลาด สมเดจ็ พระนารายณม์ หาราชทรงแต่งตง้ั
(แนวตอบ ออกญาโกษาธบิ ดี หรอื โกษาปาน ให้ออกพระวสิ ทุ ธสุนธร (ปาน) เปน็ หวั หน้าคณะ
เปนขุนนางทีม่ ีบทบาทสาํ คัญในการสรา ง ทตู โดยมอี อกหลวงกลั ยาราชไมตร ี อปุ ทตู และ
ความสัมพนั ธทางการทูตกบั ราชสํานักของ ออกขุนศรวี ิสารวาจา ตรีทตู รว่ มเดนิ ทางไปใน
พระเจาหลยุ สที่ 14 แหง ฝรั่งเศส โดยเมอ่ื ครงั้ คณะทูตดว้ ย คณะทูตราชสา� นกั อยธุ ยาเดนิ ทาง
ไดรับแตงตัง้ เปนออกพระวิสุทธสนุ ธร ไดเปน ไปฝรั่งเศสด้วยเรือรบฝร่ังเศสที่น�าเชอวาเลียร ์
หวั หนา คณะทตู เดนิ ทางไปเจรญิ สมั พันธไมตรี เดอ โชมองต์ ราชทตู ฝรัง่ เศสเดนิ ทางกลบั คืนสู่
กบั ฝรัง่ เศส คณะทูตอยธุ ยาเดนิ ทางไปฝร่งั เศส ฝรงั่ เศส ออกพระวสิ ทุ ธ-
พรอ มกบั คณะทตู ของเชอวาเลยี ร เดอ โชมองต สนุ ธร (ปาน) ได้แสดง ภาพคณะทูตอยุธยา (จากซายไปขวา) ออกหลวงกัลยา-
ราชทตู ฝรงั่ เศส เมอ่ื พ.ศ. 2228 และไดเขาเฝา ให้เห็นถึงความเฉลียว ราชไมตรี อปุ ทตู ออกพระวสิ ทุ ธสุนธร ราชทตู และออกขนุ
พระเจา หลุยสที่ 14 ท่ที อ งพระโรงพระราชวัง ศรีวสิ ารวาจา ตรีทูต ทเ่ี ดินทางไปฝรั่งเศสเมื่อ พ.ศ. ๒๒๒๙
แวรซ าย เมอ่ื วนั ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2229 ฉลาดดว้ ทย่ีจกะาเรรพียยนารยู้ขานมบธรรมเนียมประเพณีของฝรั่งเศส3 และยังหัดพูด
ซึง่ ออกพระวิสุทธสุนธรไดรบั การยกยอ งจาก ภาษาฝร่ังเศสกับคณะทูตฝร่ังเศสขณะก�าลังเดินทางไปยังฝรั่งเศส
ชาวฝรั่งเศสวา เปน ผมู กี ิริยาทาทางและวาจา อีกด้วย คณะราชทตู ของอยุธยามีผตู้ ิดตามเกอื บ ๔๐ คน และมาถึง
ท่ีงดงามสมกับเปนราชทตู อีกทง้ั มคี วามรู กรงุ ปารีสเมอ่ื วนั ที ่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๒๒๙
เก่ียวกบั ขนบธรรมเนยี มประเพณีการเขาเฝา คณะทูตอยุธยาที่มีออกพระวิสุทธสุนธร (ปาน)
ของชาวฝร่ังเศสเปน อยางดี ทาํ ใหความสัมพนั ธ เป็นหัวหน้าคณะนี้ เมื่อเดินทางไปถึงเมืองใดก็จะได้รับ
ระหวา งอยธุ ยากับฝร่งั เศสมีความแนนแฟน
มากยิ่งข้นึ )

การตอ้ นรบั จากชาวฝรงั่ เศสอยา่ งเนอื งแนน่ และทางการ
ฝรง่ั เศสไดจ้ ดั การตอ้ นรบั คณะทตู อยา่ งใหญโ่ ตสมเกยี รติ
ตามพระบรมราชโองการของพระเจ้าหลุยส์ท่ี ๑๔
โกษาปาน เปนหนึ่งในคณะราชทูตแหงกรุงศรีอยุธยาท่ี นบั เปน็ เกยี รตปิ ระวตั ขิ องคณะทตู ไทยจากราชสา� นกั
เดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศฝร่ังเศสในสมัย อยุธยาท่ีได้รับความสนใจและให้ความส�าคัญจาก
สมเด็จพระนารายณมหาราช ชาวฝร่งั เศสและรัฐบาลฝรง่ั เศสในขณะน้ัน

1๐๐

นกั เรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET
บทบาทสําคญั ของออกญาโกษาธิบดี (ปาน) ทีม่ ตี อ บานเมืองตรงกบั ขอ ใด
1 ออกญาโกษาธบิ ดี (ปาน) มีมารดา ชือ่ เจาแมว ดั ดสุ ิต ซงึ่ เปนแมนมของสมเดจ็ 1. เปนราชทูตของไทยไปเจรญิ สมั พันธไมตรกี ับฝรั่งเศส
พระนารายณมหาราช เหตุทีช่ อื่ นเี้ นอ่ื งจากธรรมเนียมของราชสาํ นักอยธุ ยา ผหู ญิงจะ 2. เปนผนู าํ วทิ ยาการตะวันตกเขา มาเผยแพรในอาณาจกั ร
ทลู ลากษตั รยิ พระองคใ หมอ อกจากพระราชวงั ไปพํานกั ทีต่ าํ หนกั ใกลวดั เมอื่ กษัตริย 3. เปน ขุนนางสําคญั ในการขจัดอทิ ธพิ ลของฝรัง่ เศสไปจากอยุธยา
พระองคเ กาสวรรคต โดยอาจผนวชเปนชหี รอื ฆราวาส ดงั น้นั เมอื่ สมเด็จพระเจา 4. เปน นายแพทยป ระจาํ ขบวนเรือของบริษทั อินเดยี ตะวันออกของฮอลนั ดา
ปราสาททองสวรรคต จึงทลู ลาไปประทับทตี่ ําหนักใกลวัดดสุ ิต จึงมีช่ือวาเจา แมว ดั ดสุ ิต วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 1. บทบาทสาํ คัญของออกญาโกษาธบิ ดี (ปาน)
2 ไปเจรญิ พระราชไมตรี โดยมวี ตั ถุประสงคเ พ่ือสืบดูความเจริญกาวหนาของ คือ ไดร บั การแตงต้งั จากสมเดจ็ พระนารายณม หาราชใหเ ปน หัวหนาราชทูต
ฝรัง่ เศส เพือ่ ผลประโยชนท างการคา และเพือ่ จดั หาสง่ิ ของท่ตี อ งพระราชประสงคข อง (เมือ่ ครง้ั ดํารงตาํ แหนงเปนออกพระวสิ ุทธสนุ ธร) ไปเจริญสมั พันธไมตรีกบั
สมเด็จพระนารายณม หาราช เชน อาวุธ แวน ตา กระจกเงา กลอ งสอ ง นาฬกาพก ราชสาํ นักของพระเจาหลยุ สท ี่ 14 แหง ฝรั่งเศส ซึง่ ไดร บั การตอ นรบั อยา ง
และเครอื่ งมือดาราศาสตร เปนตน ยิ่งใหญสมเกยี รตจิ ากชาวฝรัง่ เศสและราชสาํ นักฝรัง่ เศส ขณะที่อยูฝรง่ั เศส
3 ขนบธรรมเนียมประเพณีของฝรงั่ เศส เก่ยี วกบั การเขาเฝา เชน การถวาย ออกพระวสิ ุทธสุนธรไดบ ันทกึ เรอื่ งตางๆ ของฝรง่ั เศสอยา งละเอียด และ
พระราชสาสนแ ดพระเจาหลยุ สที่ 14 ราชทตู ไทยจะตอ งถวายพระราชสาสนด ว ยมือ กราบทลู สมเดจ็ พระนารายณม หาราชใหทรงทราบอยางถถี่ วนภายหลงั
ของตนเองตอพระหตั ถข องกษตั ริยตามประเพณขี องยุโรปในสมยั นน้ั และไมต องวาง เดนิ ทางกลับ จนกระทงั่ ในสมยั สมเดจ็ พระเพทราชา ไดเ ลื่อนยศเปน
บนพานกอ นแลว คอ ยทูนขน้ึ ไปเหมอื นกับธรรมเนยี มของราชสํานักไทย เปนตน เจาพระยาพระคลังหรอื เจา พระยาโกษาธิบดี (ปาน)

100 คูม ือครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

ออกพระวิสุทธสุนธร (ปาน) น�าคณะทูตอยุธยาเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ท่ีท้องพระโรง 1. ครตู ้งั ประเด็นคําถามใหน ักเรียนชวยกัน
พระราชวงั แวร์ซาย เมือ่ วนั ที ่ ๑ กนั ยายน พ.ศ. ๒๒๒๙ โดยออกพระวสิ ุทธสุนธร (ปาน) ทา� หน้าที่ แสดงความคดิ เหน็ วา เพราะเหตใุ ดสมเดจ็
เปน็ ผแู้ ทนของราชสา� นกั อยธุ ยาไดถ้ กู ตอ้ งตามขนบธรรมเนยี มประเพณกี ารเขา้ เฝา้ ของชาวฝรงั่ เศส พระนารายณมหาราชถึงเลอื กใหโกษาปานเปน
จนถึงกับได้รับการยกย่องจากชาวฝร่ังเศสว่าราชทูตไทยผู้นี้มีกิริยาท่าทางและวาจาที่งดงามมาก หัวหนา คณะทูตไทยไปเขาเฝา พระเจา หลยุ ส
การเดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับราชส�านักฝร่ังเศสของออกพระวิสุทธสุนธร (ปาน) ได้ท�าให้ ที่ 14 แหงฝรง่ั เศส และโกษาปานปฏิบตั หิ นาที่
ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งอยธุ ยากบั ฝรง่ั เศสแนน่ แฟน้ ยง่ิ ขนึ้ นบั เปน็ ผลดตี อ่ การปอ้ งกนั การคกุ คามของ ประสบความสาํ เร็จมากนอยเพยี งใด จากนน้ั
ฮอลันดา ใหนกั เรยี นสรปุ ผลโดยจดลงสมุดสงครผู สู อน
เ ม่อื เดในิ นทขาณงไะปทช่ีพมา� สนถกั าอนยททู่ ี่ตี่ฝ่ารง่ังๆเ ศกสจ็ ะอมอีดกนิ พสรอะแวลิสะุทกธรสะุนดธารษ ส(ปา� หานรับ) จเดอาบในั จทใสึก่ใขนอ้ กคจิ วกาามร1ใงนาเนรเ่ือปง็นตอ่ายงๆา่ ง ทด ี่ี
ได้เห็นมา เม่ือคณะทูตไปดูโรงพิมพ์หลวงของฝรั่งเศส ออกพระวิสุทธสุนธร (ปาน) ได้สอบถาม 2. ครูสนทนากบั นักเรยี นเพอื่ รว มกันสรปุ ความรู
เร่อื งตา่ งๆ เก่ียวกับการพิมพ์หนงั สอื อย่างละเอยี ดและแสดงความเอาใจใส่ยง่ิ นัก เขาอาศัยบนั ทึก ทีไ่ ดรบั จากการศกึ ษา
ถเหูกลต่า้อนงี้ก อราอบกถพวราะยวบิสังุทคธมสทนุ ูลธสร ม(ปเดา็จนพ) รแะลนะาครณายะณเด์มินหทาารงา2ถชึงใกหร้ทุงรศงรทีอรยาธุ บยเารใ่ือนง รพา.วศต. ่า๒ง๒ๆ๓ ไ๐ด้ถี่ถ้วนและ
เ ล่ือนยตศอ่ เปมน็าภเจาา้ยพหรละังยใานพสรมะยั คสลมงั เหดร็จอื พเจรา้ะพเพรทะยราาชโกาษ อาอธิบกพดี ร(ะปวาิสนทุ )ธ3 สมนุ ีหธนร้า (ทปีค่าวนบ) คไุมด้รรับาชกการาแรเตกง่ ยี่ ตวั้งกใหับ้
การต่างประเทศดว้ ย

เสน เวลา
แสดงเหตกุ ารณส าํ คญั ของออกญาโกษาธบิ ดี (ปาน)

๒๒๒๘
เป็นหัวหนา้ คณะทูตของอยธุ ยาเดินทางไปเจริญสมั พนั ธไมตรีกับฝรัง่ เศส

พ.ศ. ๒๒๒๕ ๒๒๓๐ ๒๒๓๕ ๒๒๔๐ ๒๒๔๕
๒๒๓๑ - ๒๒๔๓
๒๒๒๙ ๒๒๓๐ ไดร้ ับแตง่ ตงั้ เปน็ เจ้าพระยาพระคลงั
คณะทตู อยธุ ยาถวายพระราชสาสน์ คณะทูตเดนิ ทางกลับ และต่อมาได้เลอ่ื นยศเปน็ เจา้ พระยา
ของสมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช จากฝรงั่ เศสถึงอยธุ ยา ศรีธรรมราชหรอื ออกญาโกษาธิบดี

แดพ่ ระเจา้ หลุยส์ท ี่ ๑๔

1๐1

แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tิด นกั เรยี นควรรู

นักเรียนเห็นดว ยหรอื ไมวา คุณลักษณะของออกพระวสิ ทุ ธสนุ ธร (ปาน) 1 บนั ทึกขอ ความ หรอื ทเี่ รียกวา บนั ทกึ โกษาปาน เปนบนั ทึกรายวนั ซงึ่ เขียนขึน้
มสี ว นทาํ ใหความสัมพนั ธร ะหวางอยธุ ยากับฝรั่งเศสมคี วามแนน แฟนยง่ิ ข้นึ เมอ่ื พ.ศ. 2229 มจี าํ นวน 68 หนา เขยี นลงบนสมดุ ฝรง่ั ดา นหนง่ึ เปน ลายมอื ภาษาไทย
แนวตอบ เหน็ ดว ย เพราะคณุ ลกั ษณะของออกพระวสิ ทุ ธสุนธร (ปาน) อีกดา นหนึ่งเปน ภาษาฝร่งั เศส ปจ จุบันเกบ็ รกั ษาอยูทีห่ อจดหมายเหตุ สํานกั มสิ ซงั
ทเ่ี ปน คนสขุ ุม ละเอยี ดลออ มีความเฉลียวฉลาด และเปนคนมวี าจาคมคาย ตา งประเทศ กรงุ ปารีส ประเทศฝร่ังเศส
ซง่ึ คุณสมบัตเิ หลา น้เี หมาะสมแกก ารเปนทูต ดงั น้ัน เมอื่ สมเดจ็ พระนารายณ
มหาราชทรงแตง ตง้ั ใหอ อกพระวสิ ทุ ธสนุ ธร (ปาน) เปน หวั หนา คณะทตู ไทย 2 คณะเดนิ ทาง ในจํานวนผูต ดิ ตามคณะราชทตู มบี างคนอยตู อท่ีฝร่ังเศส
เดนิ ทางไปเจรญิ พระราชไมตรกี บั ราชสาํ นกั ของพระเจา หลยุ สท ่ี 14 แหง ฝรง่ั เศส เพื่อศึกษาวทิ ยาการตางๆ และเขา รตี เปน คริสตงั (ภายหลงั จากโกษาปานเดนิ ทาง
ซ่ึงออกพระวิสุทธสุนธร (ปาน) กไ็ ดท ําหนา ท่อี ยา งเต็มความสามารถ ไมให กลบั สยาม) ทโ่ี บสถแซงต ซูลปซ (Saint-Sulpice) ในกรุงปารีส
ตางชาตดิ ูถูกได ดว ยการปฏบิ ตั ติ ามขนบธรรมเนียมประเพณีการเขา เฝา ของ
ชาวฝรง่ั เศสไดอ ยา งถกู ตอ ง จนไดร บั การยกยอ งจากชาวฝรงั่ เศสวา เปน ราชทตู 3 เจา พระยาพระคลังหรือเจาพระยาโกษาธิบดี (ปาน) ในพระราชหัตถเลขา
ผูม ีกิริยามารยาทและวาจาทง่ี ดงาม ซ่งึ ถอื วา การไปเจรญิ สัมพนั ธไมตรีคร้ังน้ี ของรัชกาลที่ 4 ทรงมไี ปถึงเซอรจ อหน เบาวร ิง ไดก ลาวถึงบตุ รชายผหู นึ่งของ
ประสบความสาํ เรจ็ เปน อยา งยงิ่ ทาํ ใหค วามสมั พนั ธร ะหวา งอยธุ ยากบั ฝรง่ั เศส เจาพระยาโกษาธิบดี (ปาน) ชอื่ ขุนทอง ไดรบั ราชการจนมีตําแหนง เปนเจาพระยา
มีความแนนแฟน ย่ิงข้นึ วรวงศาธิราช มีบตุ รชายคนโตชอ่ื ทองคาํ รับราชการจนไดร ับแตง ตง้ั เปน พระราชนิกลู
และมีบตุ รชายคนโตชือ่ ทองดี ไดรบั ราชการจนมตี ําแหนงเปนพระอกั ษรสุนทร
เสมียนตราในรัชกาลพระเจาอยูหัวบรมโกศ ซง่ึ ตอ มาเปนพระราชบดิ าในรชั กาลท่ี 1
องคปฐมกษตั ริยแ หงบรมราชวงศจักรี
คูมอื ครู 101

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expore Expand Evaluate
Engaae Explain Explain

อธบิ ายความรู

1. ครูใหน ักเรียนกลมุ ที่ 8 สงตัวแทนออกมา ๑.๘ ซิมง เดอ ลา ลแู บร
นาํ เสนอสาระสาํ คญั ท่หี นาชั้นเรยี น จากนั้น
เปดโอกาสใหน ักเรยี นที่มีขอ สงสยั ซกั ถาม ซมิ ง เดอ ลา ลแู บร (Simon de La Loube`re) หรอื ลา ลแู บร เปน ชาวฝรง่ั เศส ไดร บั แตง ตงั้
และอธบิ ายจนเขา ใจ ใหเปนหัวหนา คณะทูตฝรั่งเศสรว มกับ คลอด เซเบเรต ดู บลู าย (Claude Ce´beret du Boullay)
เดินทางมาอยุธยาเพ่ือเจรจาเกี่ยวกับเร่ืองศาสนาและการคาของฝร่ังเศสในอาณาจักรอยุธยาเม่ือ
2. ครสู มุ นักเรียนออกมาอธบิ ายบทบาทของ พ.ศ. ๒๒๓๐ ซง่ึ การเจรจาในครงั้ นัน้ อยุธยาไมส จู ะยินยอมตามความประสงคข องฝรงั่ เศส ทาํ ให
ลา ลูแบรท่มี ตี อ การพฒั นาชาตไิ ทย ตองเสียเวลาในการเจรจาหลายสัปดาห ในที่สุดฝายไทยก็ยินยอมรับขอเสนอของฝร่ังเศสและท้ัง
(แนวตอบ ซมิ ง เดอ ลา ลแู บร หรือลา ลูแบร สองฝายไดลงนามในสัญญาการคาทเ่ี มอื งลพบรุ ี เม่ือวนั ท่ี ๑๑ ธันวาคม ผแู ทนฝา ยไทยทล่ี งนาม
เปนหัวหนาคณะทตู ฝรงั่ เศสรว มกับเซเบเรต คอื ออกญาพระเสด็จ ผรู กั ษาการตําแหนง เจา พระยาพระคลัง และพระศรีพิพัฒนรตั นราช สําหรบั
เดินทางมากรุงศรอี ยุธยาเพื่อเจรจาเกยี่ วกบั เรื่อง ผแู ทนฝรั่งเศส คือ ลา ลูแบรแ ละเซเบเรต
ศาสนาและการคาของฝรั่งเศสในอาณาจกั ร
อยุธยาเม่ือ พ.ศ. 2230 แมจะประสบความ ภายหลังที่ไดมีการลงนามในสัญญาการคาระหวางอยุธยากับฝรั่งเศสใน พ.ศ. ๒๒๓๐ แลว
สาํ เรจ็ ในการเจรจาจนนาํ ไปสูการลงนามใน เซเบเรตไดก ราบทลู สมเดจ็ พระนารายณม หาราชออกเดนิ ทางตอ ไปยงั เมอื งมะรดิ เพอ่ื กลบั ฝรงั่ เศส
สญั ญาการคา ระหวา งกัน แตล า ลแู บรก ย็ ังคง สวน ลา ลแู บรย ังคงพํานกั อยูในอยธุ ยาตอไปอกี เปน เวลา ๖ เดือน แลว จงึ เดินทางกลบั ฝรัง่ เศส
พํานกั ตอ ในอยุธยาตอ ไปอีกเปนเวลา 6 เดือน และนาํ สญั ญาการคา ฉบบั ใหมก ลบั ไปดว ยใน พ.ศ. ๒๒๓๑ ฝรง่ั เศสพอใจสญั ญาฉบบั นม้ี าก แตม ไิ ด
แลว จงึ เดนิ ทางกลบั ฝร่ังเศส และระหวางท่เี ขา มีโอกาสปฏบิ ตั ติ ามสัญญาเพราะอยุธยาเกิดการกวาดลา งอํานาจและอทิ ธพิ ลของฝร่ังเศสเสียกอน
พาํ นกั อยนู น้ั กไ็ ดส ังเกตเรอื่ งราวตางๆ เกี่ยวกบั
อาณาจักรอยุธยาและบันทึกไว ซงึ่ ภายหลังไดรบั
การตีพิมพเ ปนภาษาฝรงั่ เศสและมีการแปล
ออกมาเปน ภาษาไทย มชี ่ือเรียกวา จดหมายเหตุ
ลา ลแู บร จดหมายเหตุนีน้ บั วาเปน หลักฐาน
ทางประวัตศิ าสตรท่มี ีคุณคา ยง่ิ ในการศกึ ษา
ประวตั ศิ าสตรไ ทยสมยั อยธุ ยา)

1

ภาพวาดบานเรือนของอยุธยาและชาวกรุงศรีอยุธยาใน
จดหมายเหตุ ลา ลูแบร ซ่ึงพมิ พท ปี่ ระเทศอังกฤษเมอ่ื พ.ศ.
๒๒๓๖ สามารถใหความรูเก่ียวกับเรื่องราวในสมัยนั้นแก
ผศู ึกษารุนหลังไดเปน อยา งดี

๑๐๒

นักเรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET
ขอใดกลา วถึงลาลแู บรไ ม ถกู ตอ ง
1 ชาวกรงุ ศรีอยุธยา บันทึกของลา ลูแบรเ ก่ียวกับชาวกรงุ ศรีอยุธยาหรือชาวสยาม 1. เปน ผเู ขียนบนั ทกึ ที่เรยี กวา จดหมายเหตลุ า ลูแบร
มีหลายเร่อื ง เชน การแตง กาย ชาวสยามไมค อยหอ หมุ รางกายมดิ ชดิ นัก ไมใสรองเทา 2. เปนพนักงานในบรษิ ทั อินเดยี ตะวนั ออกของฝรั่งเศส
ไมสวมหมวก พันเอวและขาออ นถึงใตห ัวเขาดว ยผา มีดอก หรือขุนนาง นอกจากนุงผา 3. เปนผูนําสัญญาการคาฉบบั ใหมก ลับไปราชสํานักฝรัง่ เศส
แลวยังสวมเส้อื ครุยมสั ลินคลมุ ถงึ เขา ในงานพระราชพธิ ีตอ งสวมหมวกลอมพอกสูง 4. เปน หวั หนา คณะทตู ฝรัง่ เศสเขา มาเจรจาเรอื่ งศาสนาและการคา
มยี อดแหลม หรอื หนาตาชาวสยาม ใบหนากวาง หางตาคอนขา งสูง ตาเล็ก ปากกวาง วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. ลา ลูแบร เปนราชทตู จากราชสํานักฝร่ังเศส
รมิ ฝปากหนา ฟน ดาํ ผวิ หยาบ เปนตน ในสมยั พระเจาหลยุ สท ่ี 14 รว มกบั เซเบเรต เดินทางมาอยุธยาเพื่อเจรจา
เกีย่ วกบั เรอื่ งศาสนาและการคาเมอ่ื พ.ศ. 2230 ภายหลังมีการลงนามแลว
มมุ IT ลา ลูแบรยังคงพํานกั อยูตอ อกี 6 เดอื น ในระหวางที่อยูอยุธยา เขาไดสงั เกต
และบันทกึ เรื่องราวตางๆ เกี่ยวกบั อาณาจกั รอยุธยา ในชอื่ Du Royaume
ศกึ ษาคนควาขอมลู เพิม่ เติมเก่ยี วกับความรูเร่ืองจดหมายเหตลุ า ลูแบร ไดท่ี de Siam แปลตามตัววา “วา ดว ยราชอาณาจักรสยาม” หรอื เปน ทรี่ ูจกั กนั วา
http://archaeologythai.com/index.php?option=com_content&view จดหมายเหตุลา ลูแบร พิมพเผยแพรค รง้ั แรกเม่ือ พ.ศ. 2234 และถกู แปล
=article&id=170:-1&catid=45:historythai&Itemid=131 เปนภาษาอังกฤษใน 2 ปต อ มา จัดเปน หนงั สือทใี่ หส าระดานประวตั ศิ าสตร
สงั คมและวฒั นธรรม การเมือง วถิ ชี วี ิต และเศรษฐกจิ
102 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

เสน เวลา 1. ครูตงั้ ประเดน็ ถามนกั เรยี นวา นอกจาก
แสดงเหตกุ ารณส าํ คญั ของซมิ ง เดอ ลา ลแู บร ลาลแู บรแลว ยังมชี าวตา งชาติคนใดบาง
ท่ีไดบ ันทึกเรอื่ งราวเหตกุ ารณเ ก่ียวกบั
พ.ศ. ๒๒๓๐ อาณาจักรอยธุ ยาไว จากนนั้ ใหน กั เรียน
๒๒๓๐ เปน็ หวั หน้าคณะทูตฝรั่งเศสรว่ มกบั ไปสบื คนขอ มลู จากแหลง การเรียนรตู างๆ
เซเบเรต์เดนิ ทางมายังอยธุ ยา เพอื่ แลวนํามาอภิปรายรว มกนั ในช้นั เรยี น
เจรจาเกี่ยวกับการเผยแผ่ศาสนา (แนวตอบ นอกจากลาลูแบร ยงั มีชาวตางชาติ
และการคา้ คนอืน่ ๆ อกี ทีไ่ ดบ ันทึกเรื่องราวเกยี่ วกับ
อาณาจักรอยธุ ยาไว เชน เอนเยลเบริ ต
๒๒๓๑ ๒๒๓๑ แกมปเ ฟอร (Engelbert Kaempfer) หรือท่ี
- กกาลรับคไา้ ปฉฝบรบั ั่งใเหศมสท่ ที่พา� รก้อบั มอทย้ังธุ นย�าากสลัญบั ญไปา เรียกกันวา หมอแกมปเฟอร เปน ชาวเยอรมนั
ดว้ ย ฝรง่ั เศสพอใจในสญั ญาฉบบั นม้ี าก ไดเ ดินทางมากรงุ ศรีอยุธยาในฐานะนายแพทย
- อยธุ ยาเกิดจลาจล สัญญาจงึ ไมม่ ี ประจําขบวนเรือของบริษัทอนิ เดยี ตะวนั ออก
ผลบงั คบั ใช ้ ของฮอลันดา (VOC) เมือ่ พ.ศ. 2233 ตรงกับ
สมัยสมเดจ็ พระเพทราชา ระหวางทพ่ี ํานกั อยทู ี่
๒๒๓๒ หนา ปกหนังสอื ของ ลา ลูแบร ฉบบั แปลเปนภาษาองั กฤษ อยุธยา หมอแกมปเฟอรม ีฐานะเปนแขกบา น
พมิ พค รง้ั แรกเมอื่ พ.ศ. ๒๒๓๖ ในสมยั สมเดจ็ พระเพทราชา แขกเมอื ง และบนั ทกึ เรอื่ งราวเกย่ี วกบั อยธุ ยาไว
ในชือ่ วา The History of Japan : Together
เ รอ่ื งราลวาต า่ ลงูแๆบ เรก์ ยี่ นวกอบักอจาาณกจาจะเกั ปร็นอยหธุัวยหาน1แ้าลคะณบนัะททูกึตขจาอ้ กสฝงั เรกั่งตเศทสง้ั หแลลา้วย เเหขลาา่ยนังน้ัไดเพ้รับอื่ คก�ลาสบั ั่งไใปหร้สายังเงกาตน with a Description of the Kingdom
ให้ราชส�านักของพระเจ้าหลุยส์ท่ี ๑๔ แห่งฝรั่งเศสได้รับทราบ จดหมายเหตุเหล่าน้ีได้กลายเป็น of Siam 1690-1692 หรือเปน ท่ีรูจักกนั วา
หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรท์ มี่ คี ณุ คา่ ตอ่ แวดวงวชิ าประวตั ศิ าสตร์ไทยสมยั อยธุ ยา จนมกี ารตพี มิ พ์ จดหมายเหตุแกมปเฟอร)
ออกมาเปน็ ภาษาฝรงั่ เศส และมกี ารแปลออกมาเปน็ ภาษาไทยทม่ี ชี อื่ เรยี กวา่ จดหมายเหตุ ลา ลแู บร
2. ครูสนทนากับนักเรยี นเพือ่ รว มกนั สรปุ ความรู
1.๙ เยเรเมียส ฟาน ฟลีต ทไี่ ดรบั จากการศึกษา

เยเรเมียส ฟาน ฟลีต (Jeremias Van Vliet) หรอื ทค่ี นไทยท่วั ไปเรยี กว่า วัน วลติ เป็นพอ่ คา้
ชาวฮอลันดา และเปน็ พนกั งานในบรษิ ัทอินเดยี ตะวันออกของฮอลนั ดาทเี่ มืองปต ตาเวยี (ปจ จบุ นั
คอื กรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของประเทศอินโดนเี ซยี ) เม่อื พ.ศ. ๒๑๗๒ ขณะมอี ายุได้ ๒๗ ปี
ต่อมาใน พ.ศ. ๒๑๗๖ หลังจากท่ีเขาย้ายที่ท�างานไปแล้วหลายแห่ง เขาก็ได้มาประจ�าอยู่
ทีส่ �านกั งานของบรษิ ทั ท่กี รุงศรอี ยุธยาเม่อื พ.ศ. ๒๑๗๖ และทน่ี เ้ี ขาไดท้ า� งานในตา� แหนง่ หวั หนา้
คลังสินค้าแทนหัวหน้าคนเดิมที่ไปปฏิบัติภารกิจในท่ีอ่ืนๆ หลายครั้ง ขณะด�ารงต�าแหน่งหัวหน้า
คลงั สนิ คา้ ของฮอลนั ดาในกรงุ ศรอี ยธุ ยา เขาเปน็ ผลู้ งนามวา่ จะเชอ่ื ฟง คา� สงั่ ของพระคลงั สนิ คา้ ของ
อยุธยาอยา่ งเคร่งครัด รวมท้ังปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายและขนบธรรมเนยี มประเพณีของอยุธยา ทัง้ น้ี
สืบเนอ่ื งมาจากพอ่ ค้าฮอลันดาทะเลาะกับชาวอยุธยาเมอ่ื พ.ศ. ๒๑๗๙

1๐๓

แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETดิ เกร็ดแนะครู

ฟาน ฟลีต เปน บคุ คลสาํ คญั ทม่ี สี วนในการสรา งสรรคช าตไิ ทยอยางไร ครูอธิบายใหนกั เรยี นเขา ใจวา จดหมายเหตุลาลแู บร (ภาษาฝรั่งเศส :
แนวตอบ ฟาน ฟลตี เปนพอ คาชาวฮอลันดา และเปนพนกั งานในบรษิ ัท Du Royaume de Siam แปลตามตัว คือ วาดวยราชอาณาจกั รสยาม)
อินเดยี ตะวนั ออกของฮอลันดาท่เี มอื งปตตาเวยี มากอ นท่ีจะยายมาประจํา เปน จดหมายเหตทุ กี่ ลาวถึงราชอาณาจักรสยามในปลายรชั สมยั สมเด็จพระนารายณ
อยูท่ีกรงุ ศรีอยธุ ยาเม่อื พ.ศ. 2176 ในตาํ แหนงหวั หนา คลงั สนิ คา ระหวา ง มหาราช พ.ศ. 2230 ซง่ึ ฉบับแปลเปนภาษาไทย มีอยู 2 ฉบับ คอื ฉบับท่พี ระเจา
ทพ่ี าํ นกั อยทู กี่ รงุ ศรอี ยธุ ยา เขาไดศ กึ ษาความรเู กย่ี วกบั อาณาจกั รอยธุ ยาอยา ง บรมวงศเ ธอ กรมพระนราธปิ ประพันธพ งศ ทรงพระนิพนธแปลมาจากฉบบั
ละเอยี ดในชว งระหวา ง พ.ศ. 2176-2185 และเขยี นหนังสอื เกี่ยวกับอยุธยา ภาษาอังกฤษ และฉบับของสันต ท. โกมลบุตร แปลจากตนฉบับภาษาฝรง่ั เศส
จาํ นวน 3 เลม ไดแ ก พงศาวดารราชวงศอ ยุธยา พรรณนาราชอาณาจกั ร และครอู าจแนะนําใหน กั เรยี นไปศกึ ษาหนงั สอื จดหมายเหตลุ าลแู บรเ พมิ่ เตมิ
สยาม และเรือ่ งราวทางประวตั ศิ าสตรข องการสงครามสบื ราชสมบัติ หรอื
จดหมายเหตฟุ าน ฟลตี ซงึ่ หนงั สอื ของฟาน ฟลตี มคี ณุ คา ยง่ิ ทางประวตั ศิ าสตร นกั เรยี นควรรู
นับเปนหลักฐานทางประวตั ศิ าสตรอ ยธุ ยาท่สี ําคญั ทท่ี ําใหค นไทยรุนหลัง
ทราบเรอื่ งราวของอาณาจักรอยธุ ยาในสายตาของชาตติ ะวนั ตก และยัง 1 เรอื่ งราวตางๆ เกีย่ วกับอาณาจกั รอยุธยา มหี ลายเร่ือง เชน ตอนที่ 1 วาดวย
สามารถนาํ ไปตรวจสอบหลักฐานทางประวัติศาสตรอ ยธุ ยาอื่นๆ ทม่ี อี ยวู า ประเทศสยาม ตอนท่ี 2 วาดวยขนบธรรมเนียมประเพณขี องชาวสยามโดยทัว่ ไป
มีความถกู ตอ งมากนอยเพยี งใดดว ย ตอนท่ี 3 วา ดว ยจารีตของชาวสยามตามชั้นบุคคลในฐานะตางๆ เปน ตน

คมู อื ครู 103

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Expand Evaluate
Explain
อธบิ ายความรู

1. ครูใหน ักเรยี นกลมุ ท่ี 9 สง ตวั แทนออกมา เยเรเมียส ฟาน ฟลีต เปน็ คนเฉลียวฉลาด เขียนหนังสือเกง่ และสามารถเรียนรู้ภาษาไทย
นาํ เสนอสาระสําคัญท่หี นาชน้ั เรียน จากนนั้ ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ขณะทพ่ี า� นักอยู่ในกรุงศรอี ยธุ ยา เขาไดศ้ กึ ษาหาความรู้เกยี่ วกับอาณาจกั รอยธุ ยา
เปดโอกาสใหน ักเรียนท่มี ีขอ สงสยั ซักถาม
และอธบิ ายจนเขาใจ อย่างละเอียด ในช่วงเวลาประมาณ ๙ ปี (พ.ศ.
๒๑๗๖ - ๒๑๘๕) เยเรเมียส ฟาน ฟลีต ได้เขียน
2. ครสู ุม นกั เรยี นอธบิ ายประวตั ิของเยเรเมยี ส อหพกาานงรณศงั สสาางอืจวคักเดรกราา่ียสมรวยรสกาาบื ับมชรอ2 วายชงแธุศสลยม์อะาเบยรจตัุธ่ือ�าหิยนงรราวาอื1 นวจห ทด๓นาห ังงมเสปลาือรย่มะพเ วหรปัตตริศร ุณฟะากสนาอนตาบร รฟด์ขาลว้อชตียง- 3
ฟาน ฟลีต หรอื วัน วลติ และบทบาททม่ี ีตอ ผลงานของเยเรเมยี ส ฟาน ฟลตี เปน็ ที่รู้จกั ใน
ประวตั ศิ าสตรไทยที่หนาชน้ั เรยี น หนังสือช่ือ พงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับวัน วลิต
ซ่ึงเป็นพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับหน่ึงท่ีมีอยู่ใน
3. ครูสนทนากับนกั เรียนเพอ่ื รว มกนั สรุปความรู เวลาน้ี นับเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์อยุธยาที่
ทศี่ กึ ษามาแลว ทัง้ หมด สา� คญั เพราะเปน็ เครอ่ื งมอื สา� หรบั ตรวจสอบหลกั ฐาน
ปกหนังสือรวมบันทึกประวัติศาสตรอยุธยาของ ประวัตศิ าสตรอ์ ยธุ ยาฉบับอน่ื ๆ ที่มีอยู่ว่าความถกู ตอ้ ง
ขยายความเขา ใจ Expand วนั วลติ ซงึ่ กรมศลิ ปากรจดั พมิ พข น้ึ เมอื่ พ.ศ.๒๕๔๖ ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร หรืออย่างน้อย
ผลงานของเยเรเมยี ส ฟาน ฟลตี กแ็ สดงใหเ้ หน็ ถงึ ความคดิ ของชาวตะวนั ตกทมี่ ตี อ่ อาณาจกั รอยธุ ยา
ครูใหนักเรียนแบง กลมุ กลมุ ละ 6-8 คน เพอ่ื ทํา ขณะทเ่ี ขาพา� นกั อยู่ในกรุงศรอี ยุธยาในช่วงเวลาหนง่ึ
การแสดงละครเก่ียวกบั ชวี ประวัติของบคุ คลสําคัญ
ในประวัติศาสตรไทยสมัยอยธุ ยา โดยใหนกั เรยี น
เตรยี มบทละคร ศึกษาบทละครและเลือกบทบาท
ท่ีจะแสดง และเตรียมอุปกรณการแสดง จากน้ันให
ซกั ซอ มการแสดงกอนจะแสดงจรงิ

ตรวจสอบผล Evaluate เสน เวลา
แสดงเหตกุ ารณส าํ คญั ของเยเรเมยี ส ฟาน ฟลตี
1. ครูประเมนิ การแสดงละครของนักเรียน
โดยพจิ ารณาจากความเหมาะสมและ ๒๑๗๖ ๒๑๘๑ ๒๑๘๕
ความสามารถของนักเรียนกบั บทท่ีจะแสดง ดา� รงตา� แหนง่ ผ้ชู ่วยผูจ้ ัดการ ได้รับต�าแหน่ง ได้รบั ต�าแหนง่
การแสดงตรงกบั วัตถุประสงคทต่ี ้งั ไว สถานีการคา้ ฮอลนั ดาประจา� ผู้จัดการสถานกี ารค้า
การเตรียมอุปกรณใ นการแสดง การแสดง กรุงศรีอยุธยาเปน็ ครั้งแรก กฮรอุงลศนั รดอี ายปุธรยะาจ�า ผู้วา่ ราชการ
ตรงกับเรอ่ื งราวหรือความเปนจรงิ มากท่ีสุด เมืองใมนะมลละกายาู

2. ครสู งั เกตพฤติกรรมความมีสวนรวมในการ พ.ศ. ๒๑๗๕ ๒๑๘๐ ๒๑๘๕
ตอบคาํ ถามและการแสดงความคดิ เห็นของ
นกั เรียน ๒๑๗๙ ๒๑๘๓
เขยี นบนั ทกึ เร่ืองราว - เขียนพงศาวดารกรงุ ศรอี ยธุ ยา
เกย่ี วกับอาณาจกั รอยธุ ยา
- เขยี นจดหมายเหตุ วัน วลิต

1๐4

นักเรยี นควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ

1 พงศาวดารราชวงศอยุธยา หรอื พงศาวดารกรุงศรีอยธุ ยา วาดวยความเปน มา ครูใหนักเรยี นเขยี นเรียงความเก่ยี วกับบุคคลสําคญั ในสมัยอยธุ ยา
ของพระราชวงศข องอยธุ ยานบั ตงั้ แตส มเด็จพระรามาธบิ ดที ี่ 1 (อทู อง) จนถึงสมเด็จ ที่นักเรียนชื่นชอบหรอื ประทบั ใจมากทส่ี ดุ พรอ มเหตผุ ลประกอบ จากน้ัน
พระเจา ปราสาททอง เขยี นข้ึนเมื่อ พ.ศ. 2182 ใหนกั เรยี นออกมาเลา ความประทบั ใจใหเ พ่อื นฟงท่หี นาช้นั เรยี น
2 พรรณนาราชอาณาจกั รสยาม เปน งานเขียนของวัน วลิต ซง่ึ ไดประมวลขอมลู ไว
ในชว ง 5 ปแรกทเ่ี ขาอยูใ นกรุงศรอี ยธุ ยา วาดวยประวัติศาสตร การเมอื งการปกครอง กจิ กรรมทา ทาย
เศรษฐกจิ และสงั คมของกรุงศรีอยุธยา เขยี นข้นึ เมอื่ พ.ศ. 2179
3 เรอ่ื งราวทางประวัตศิ าสตรของการสงครามสบื ราชสมบตั หิ รอื จดหมายเหตุ ครใู หนักเรียนสบื คนขอมูลเก่ยี วกับบุคคลสาํ คญั ในสมัยอยธุ ยานอกเหนอื
ฟาน ฟลีต วา ดวยเหตกุ ารณท างการเมอื งกอ นท่ีสมเด็จพระเจาปราสาททองจะขน้ึ จากหนงั สือเรยี น พรอมทัง้ ผลงานของบคุ คลสาํ คญั ดังกลาวทมี่ ตี อ การ
ครองราชสมบัติ เร่มิ ตั้งแตปลายรัชกาลสมเดจ็ พระเจาทรงธรรม การจลาจลวนุ วาย พฒั นาชาติไทย โดยใหนําขอ มูลมาจัดทําในรปู แบบเสนเวลา (Timeline)
และการขึ้นครองราชยข องพระมหากษตั ริยพ ระองคใ หม เขียนขึน้ เมือ่ พ.ศ. 2183 นาํ เสนอทีห่ นา ช้ันเรยี น

104 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Engage

กระตนุ ความสนใจ

ครูนําสนทนาเกย่ี วกับประวัติและผลงานของ
ò. ประวµั áิ Åะ¼Åงาน¢ÍงºØคคÅสÓคÞั ãนสมัย¸นºØรี บคุ คลสาํ คญั ในสมยั ธนบุรี จากน้ันใหน ักเรยี น
ยกตวั อยา งชอ่ื บคุ คลสาํ คญั ทน่ี กั เรยี นรจู กั พอสงั เขป
ประวัติและผลงานของบุคคลส�าคัญในสมัยธนบุรีที่มีส่วนใน
การสร้างสรรคช์ าตไิ ทย มดี ังนี้
สาํ รวจคน หา Explore
๒.1 สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราช
สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราช มพี ระนามเดิมว่า สนิ บิดาเปน็
คนจีนอพยพเขา้ มาท�ามาหากนิ ในกรงุ ศรีอยุธยาชื่อ ไหฮอง มารดา ครใู หน กั เรยี นศกึ ษาเกย่ี วกบั ประวตั แิ ละผลงาน
เปน็ คนไทยชอ่ื นกเอย้ี ง นายสนิ เกดิ สมยั พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศ เมื่อ ของบุคคลสาํ คญั ในสมัยธนบุรีทีม่ ีสว นในการ
ครง้ั เยาว์วัย เจา้ พระยาจักรีขอนา� ไปเลีย้ งเปน็ บุตรบญุ ธรรม ทา� ให้มี สรา งสรรคช าตไิ ทยจากหนงั สอื เรยี น หนา 105-113
โอกาสเล่าเรียนและถวายตัวเปน็ มหาดเลก็ ต่อมาไดร้ ับการผนวช ในหวั ขอตอ ไปน้ี
ตามประเพณี และภายหลงั สึกแลว้ ไดเ้ ข้ามารบั ราชการ
นายสินรับราชการและมีต�าแหน่งเป็นหลวงยกกระบัตร 1. สมเดจ็ พระเจาตากสนิ มหาราช
และพระยาตาก เจา้ เมอื งตาก ครั้นเม่ือพมา่ ยกทพั มาล้อม 2. สมเดจ็ เจา พระยามหากษัตรยิ ศึก (ทองดว ง)
3. เจา พระยาสรุ สีห (บุญมา)

กรุงศรีอยุธยา พระยาตากก็ได้ถูกเรียกตัวให้ พระบรมราชานุสาวรียสมเด็จพระเจาตากสินมหาราช อธบิ ายความรู Explain
เข้ามาช่วยราชการและมีต�าแหน่งเป็นพระยา กษตั รยิ ผ ูกอบกเู อกราชของชาติไทย
วชริ ปราการ เจา้ เมอื งกา� แพงเพชร แตย่ งั มไิ ด้ 1. ครูใหนักเรยี นชว ยกนั อธิบายพระราชประวตั ิ
ขน้ึ ไปครอง เพราะขณะน้นั ตอ้ งชว่ ยราชการป้องกันกรุงศรีอยธุ ยาจากพม่า ของสมเด็จพระเจา ตากสนิ มหาราชมาพอ
ขณะทก่ี องทพั พมา่ ยกมาประชดิ ตดิ พระนครและลอ้ มกรงุ ศรอี ยธุ ยาพรอ้ มกบั ยงิ ปน ใหญเ่ ขา้ ไป สงั เขป
ในก�าแพงเมืองจนเกิดความระสา�่ ระสายอย่างหนัก พระยาตาก (สนิ ) เห็นว่าคงจะเสียกรงุ ศรอี ยุธยา (แนวตอบ สมเดจ็ พระเจาตากสนิ มหาราช
อย่างแน่นอน จึงรวบรวมทหารไทย-จีนได้ประมาณ ๑,๐๐๐ คน แหวกฝาวงล้อมข้าศึกไปทาง มีพระนามเดิมวา สนิ บดิ าเปน คนจีน
หวั เมอื งตะวนั ออกจนกระทง่ั สามารถยดึ เมอื งระยอง จนั ทบรุ ไี ด ้ ขณะทก่ี รงุ ศรอี ยธุ ยาถกู พมา่ ตแี ตก สวนมารดาเปนคนไทย เกดิ ในสมยั พระเจา
และตกอยู่ในอา� นาจของพมา่ อยหู ัวบรมโกศ เมื่อครงั้ เยาววยั เจาพระยาจกั รี
พระยาตาก (สนิ ) รวบรวมผ้คู น อาวธุ พาหนะ และยกทัพจากจันทบุรีมายึดเมืองธนบุรแี ละ ขอนําไปเลี้ยงเปนบุตรบญุ ธรรม จงึ มโี อกาส
โจมตีค่ายโพธ์ิสามต้นของสุก้ีพระนายกองของพม่าจนสามารถกอบกู้กรุงศรีอยุธยาเป็นผลส�าเร็จ เลาเรียนและถวายตัวเปนมหาดเล็ก ตอมา
ภายหลังกรุงศรอี ยธุ ยาเสยี แกพ่ มา่ ได ้ ๗ เดือน หลงั จากนั้นพระยาตาก (สิน) พจิ ารณาสภาพการณ ์ ไดรับการผนวช ภายหลงั ไดสกึ ออกมา
ขไดอ้ งจกึงรตุงศัดรสีอินยใจุธยย้าายโดรยาชถธ่ีถา้วนนีไแปลอ้วยเหู่ท็น่ีกรวุง่าธทนรบุดุรโ1ทีในร มพม.าศก. เ๒ก๓ิน๑กว๑่า ทแ่ีจละะฟกรนะฟทูข�าึ้นพมิธาีบใรหมมร่ใาหช้เาหภมิเษือนกเเปด็นิม และกลับเขารบั ราชการจนมตี าํ แหนง เปน
พระมหากษตั รยิ ข์ องอาณาจกั รธนบรุ ี ทรงพระนามวา่ สมเดจ็ พระบรมราชาท ี่ ๔ แตค่ นทวั่ ไปเรยี กวา่ หลวงยกกระบัตร และไดเ ลือ่ นเปนพระยาตาก
สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราชหรอื สมเด็จพระเจา้ กรงุ ธนบุรี ครองราชสมบตั ิอยูท่ ี่กรงุ ธนบรุ จี นถึง เจาเมอื งตาก และพระยาวชริ ปราการ เจา เมือง
พ.ศ. ๒๓๒๕ จงึ สน้ิ สดุ สมยั ของพระองค์ กาํ แพงเพชรตามลาํ ดบั แตย งั ไมท นั ไดครอง
เมอื งกําแพงเพชร ก็ถกู เรียกตวั ใหเ ขารับ
1๐๕ ราชการในกรุงเพอื่ ปอ งกันพระนครจากขาศึก)

2. ครสู ุมเรยี กนักเรยี น 2-3 คน ออกมาเลา
เหตกุ ารณท พี่ ระยาตาก (สนิ ) รวบรวมผูค น
และกลับมากอบกกู รุงศรีอยธุ ยาเปน ผลสําเรจ็
และไดสถาปนากรงุ ธนบรุ เี ปน ราชธานีแหงใหม
แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETดิ
นกั เรียนควรรู

ขอใดเปน เหตุผลทท่ี าํ ใหพระยาตาก (สนิ ) ตัดสินใจฝาวงลอ มพมา ออกไป 1 ยายราชธานีไปอยูทก่ี รงุ ธนบุรี พระราชพงศาวดารกลา ววา พระยาตาก (สนิ )
ทางทิศตะวนั ออกกอ นการเสยี กรุงศรีอยธุ ยาครั้งท่ี 2 ไดพ ักแรมอยทู พี่ ระที่นง่ั ทรงปนในพระราชวังหลวง ไดฝน วา พระเจาแผน ดินองคกอ นๆ
ของกรงุ ศรอี ยุธยามาขับไลไ มใ หอยู คร้นั ถงึ รงุ เชา จงึ เลาใหบรรดาไพรพ ลฟง จงึ ชวน
1. ไมเหน็ ดว ยกบั แผนการตั้งรับศกึ พมา ไพรพลไปสรางกรุงธนบรุ เี ปน ราชธานี
2. ตองการหนเี อาตวั รอดเชน เดียวกับขุนนางคนอ่ืนๆ
3. ไมส ามารถทนตอ ความอดอยากภายในกรงุ ศรีอยธุ ยา
4. ตอ งการรวบรวมไพรพลเพือ่ มาสูรบกับพมาในภายหลัง
บเศูรณรากษารฐกิจพอเพยี ง
วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เมอ่ื ครงั้ พมายกกองทพั เขา มาลอ ม
กรงุ ศรีอยุธยาพรอมกับยิงปน ใหญเขาไปในพระนครอยา งตอเนอ่ื ง จนภายใน
เกิดความระสํา่ ระสายอยางหนัก พระยาตาก (สนิ ) ซึ่งเขามารบั ราชการอยูใ น ครูขออาสาสมัครนักเรยี น 1 คนออกมาเลา พระราชประวตั ิ พระราชกรณยี กจิ
พระนครเลง็ เห็นวาคงจะรกั ษากรุงไวไ มไ ดอ ยา งแนน อน จึงไดท ําการรวบรวม และพระปรีชาสามารถของสมเด็จพระเจา ตากสนิ มหาราช
ทหารไทยและจีนไดป ระมาณ 1,000 คน แหวกฝาวงลอมขาศกึ ไปทาง
หัวเมอื งตะวนั ออก จนกระทงั่ ยดึ เมอื งจนั ทบรุ ีเปนที่ม่นั ในการเตรยี มกาํ ลัง จากนนั้ ใหนกั เรียนรวมกนั แสดงความคดิ เหน็ วา สมเด็จพระเจาตากสนิ มหาราช
ไพรพ ล เสบยี งอาหาร และอาวธุ ไวใ หพรอ มสาํ หรบั การกเู อกราช ทรงมพี ระราชประวัติหรือพระราชกรณียกิจใดบางทีส่ อดคลอ งกับหลกั ปรัชญา
เศรษฐกิจพอเพยี ง

คูม อื ครู 105

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expore Expand Evaluate
Engaae Explain Explain

อธบิ ายความรู

ครูซกั ถามนักเรียนวา เพราะเหตใุ ดสมเด็จ เสน เวลา
พระเจาตากสนิ มหาราชจึงไดร บั การถวายพระราช แสดงเหตกุ ารณส าํ คญั ในสมยั สมเดจ็ พระเจา ตากสนิ มหาราช
สมญั ญานาม “มหาราช” พ.ศ.
๒๓๐๕ ๒๓๐๙ 1 ตลอดระยะเวลาท่ีสมเด็จพระเจ้าตากสิน
(แนวตอบ เพราะสมเด็จพระเจาตากสินมหาราช มหาราชเสด็จครองราชย์ ๑๕ ปี พระองค์ทรงมี
ทรงเปน พระมหากษัตรยิ ท ท่ี รงพระปรีชาสามารถ ยดึ ไดเ้ มืองระยอง ชลบุรี จนั ทบุรี
มคี วามกลา หาญ รักชาติ โดยพระราชกรณยี กิจ
ที่สาํ คัญของพระองคก ค็ ือ การกอบกเู อกราชใหแก พระราชกรณีิยกิจหลายประการ ที่ส�าคัญได้แก ่
ชาติไทยจนมอี สิ รภาพตราบเทา ทกุ วันน้ี และการทํา การกอบกู้เอกราชจากพม่า การรวมพระราช
สงครามปอ งกันราชอาณาจักรใหรอดพนจากการ อาณาจักรด้วยการปราบชุมนุมต่างๆ ท่ีต้ังตัว
รุกรานของขา ศกึ ศัตรู ซ่งึ เหลาอาณาประชาราษฎร เป็นใหญ่หลงั เสยี กรุงศรอี ยุธยา ท�าใหบ้ า้ นเมอื ง
ท่ีสํานึกในพระมหากรุณาธิคณุ ไดพากนั ยกยอ งถวาย ๒๓๑๐ ๒๓๑๐ 2 พน้ จากสภาพจลาจล รวมทง้ั การฟน ฟพู ระราช
พระเกียรตพิ ระองคทา นวา “มหาราช” และไดมี อาณาจกั รทกี่ า� ลงั ทรดุ โทรมอยา่ งหนกั ใหก้ ลบั มา
การสรางพระบรมราชานุสาวรยี เ พื่อนอมรําลกึ ใน ตีค่ายโพธสิ์ ามต้นของสุกพ้ี ระนายกองแตก
พระเกียรตปิ ระวตั แิ ละเกียรติคุณของพระองค) ๒๓๑๑
- กระทา� พิธบี รมราชาภิเษกเป็นพระเจ้าแผ่นดนิ
- ยกทัพไปตีเมืองพิษณโุ ลก และตไี ด้เมือง มีความเจริญรงุ่ เรอื งอีกด้วย
นครราชสีมา นครศรีธรรมราช สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ทรง

ตรากตร�าท�าศึกสงครามอย่างหนักเพื่อปกป้อง
พระราชอาณาเขตและราษฎรให้ปลอดภัย
พระองค์ทรงปกครองบ้านเมืองอย่างเข้มแข็ง
และเด็ดขาดเพ่ือความอยู่รอดของบ้านเมืองจน
๒๓๑๕ ๒๓๑๓ บางครั้งพระองค์ต้องทรงประหารชีวิตขุนนางที่
- ตไี ดเ้ มอื งพษิ ณโุ ลก สวางคบรุ ี สวรรคโลก พชิ ยั ละเมิดค�าส่งั ด้วยพระองค์เองกเ็ คยมี แต่ในขณะ
สโุ ขทัย ก�าแพงเพชร นครสวรรค์
- ตไี ดก้ ัมพชู า
๒๓๑๗
ทรงยกทัพไปรบพมา่ ท่ีบางแก้ว เดยี วกนั พระองคก์ ท็ รงสนพระราชหฤทยั ในการ
๒๓๑๘ ทา� นบุ า� รงุ พระพทุ ธศาสนาเปน็ อยา่ งยงิ่ จนกระทงั่
ทรงรบกับพม่าคราวอะแซหวุ่นกี้ตีหัวเมืองเหนือ ถึงตอนปลายรัชกาล เนื่องจากพระองค์ทรง
ทพ่ี ษิ ณุโลก ตรากตร�าพระราชกรณียกิจอย่างหนักและทรง

๒๓๒๐ เครง่ เครยี ดในการแกป้ ญ หาของบา้ นเมอื ง ทา� ให้
พระองค์ต้องทรงประสบกับความเศร้าสลดใน
บั้นปลายของพระชนมช์ ีพ
พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระเจ้า
๒๓๑๙ ตากสนิ มหาราชทกี่ ลา่ วมานบั วา่ เปน็ คณุ ประโยชน ์
ทรงบา� เพญ็ ธรรมในพระอโุ บสถทว่ี ดั บางยเ่ี รอื นอก

๒๓๒๔ ตอ่ แผน่ ดนิ ไทยอยา่ งมากมาย ประชาชนชาวไทย
เกิดจลาจลในกรุงธนบุรแี ละเกดิ กบฏพระยาสรรค์ จึงถวายพระราชสมัญญานาม “มหาราช” แด่
๒๓๒๕
๒๓๒๕ ทรงถกู ส�าเรจ็ โทษ พระองค์

1๐๖

นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET
จากการศึกษาเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระเจาตากสนิ มหาราช
1 จนั ทบรุ ี ในการตีเมอื งจันทบรุ ี พระยาตาก (สิน) ไดเ ขา ตเี มืองตอนกลางคืน นักเรยี นคดิ วาพระราชกรณยี กจิ ในเรื่องใดของพระองคที่มคี ุณคา ย่งิ ตอ ชาติไทย
โดยส่งั นายและไพรเมอ่ื หุงขาวเยน็ กินเสรจ็ แลว ใหท ้งิ อาหารทีเ่ หลอื และทบุ หมอขา ว แนวตอบ พระราชกรณียกิจท่ีมีคณุ คา ยิ่งตอชาติไทยก็คอื การกอบกูเอกราช
เสยี ใหห มด หมายเขา ไปกินขา วเชาดว ยกนั ในเมืองในวันรงุ ขึน้ ถาตเี อาเมืองไมไ ด โดยกอ นท่ีกรุงศรอี ยธุ ยาจะเสยี ใหแกพ มา สมเด็จพระเจาตากสินมหาราช
ก็จะขอตายดวยกนั ผลปรากฏวาสามารถตเี มอื งจนั ทบรุ ไี ด เมือ่ คร้งั มตี ําแหนงเปนพระยาตาก เจา เมืองตาก ไดเ ล็งเห็นวาคงไมมที าง
2 คา ยโพธส์ิ ามตน คา ยของพลมอญประมาณ 30,000 คน ภายใตการนาํ ของสกุ ี้ ทจ่ี ะรักษากรงุ ไวได จงึ ตดั สินใจนาํ ไพรพ ลจํานวนหนง่ึ ตีฝา วงลอมพมาออกไป
ซึง่ เปนชาวมอญที่มีความดคี วามชอบตีคายบางระจนั ไดเปน แมทัพ มหี นาทีค่ อยสบื จับ มงุ หนา สหู ัวเมืองชายทะเลตะวันออก โดยยดึ จนั ทบุรเี ปนฐานท่มี ัน่ ในการ
ผคู นและเก็บทรัพยส ิง่ ของสงไปยังพมา กอบกูเอกราช หลังจากนน้ั ไดร วบรวมไพรพ ลเขา ตเี มืองธนบรุ ี ท่ีพมา ให
นายทองอนิ รักษาการ และเขา ตคี ายโพธส์ิ ามตนของสกุ พี้ ระนายกอง
มมุ IT ที่กรงุ ศรีอยธุ ยาไดสําเรจ็ โดยใชเ วลาในการกอบกเู อกราชประมาณ 7 เดอื น
หากไมมีพระองคเ ปนผูนาํ คนไทยก็ตอ งสูญส้ินเอกราชโดยอยูภ ายใต
ศกึ ษาคนควา ขอมลู เพมิ่ เติมเกีย่ วกับการกูเอกราชของสมเดจ็ พระเจา ตากสิน การปกครองของพมา และระหวางทพี่ ระองคค รองราชสมบตั ใิ นสมัยธนบรุ ี
มหาราช ไดท ่ี http://heritage.mod.go.th/king/taksin/taksin.htm ก็ทรงเปน ผนู าํ ที่เปย มไปดว ยความกลา หาญ เด็ดเดยี่ ว และรกั ชาติ สมควร
ทไ่ี ดรบั การเทดิ ทูนและเคารพบูชาจากปวงชนชาวไทย
106 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate

กระตนุ ความสนใจ Engage

àÊÃÔÁÊÒÃÐ พระยาพิชัยดาบหัก ครเู ปด เพลง พระยาพิชัยดาบหกั ขับรอ งโดย
แอด คาราบาว ใหนกั เรียนฟง จากน้ันตั้งคาํ ถาม
พระยาพิชัย เปนขุนนางท่ีรับราชการในรัชกาลสมเด็จพระเจาตากสิน กระตุนความสนใจของนกั เรยี น เชน

มหาราช และเปนอีกผูหน่ึงท่ีสรางคุณประโยชนใหแกแผนดินไทย พระยาพิชัย • พระยาพชิ ยั ดาบหักเปน ใคร และมีความ
เดมิ ชื่อ จอ ย เกิดทเ่ี มืองพิชยั (ปจจบุ ันคอื อําเภอหน่ึงในจงั หวดั อตุ รดิตถ) เมือ่ สําคัญอยา งไรในประวตั ิศาสตรไ ทย
ยังเยาววัย บิดามารดาไดนําไปฝากเปนศิษยวัด จึงไดเลาเรียนหนังสือ
และมคี วามสนใจการชกมวย พระยาตาก (สนิ ) เห็นฝมือการชกของ • ทําไมพระยาพิชยั จงึ ไดน ามวา “พระยาพชิ ัย
จอ ยจงึ ชวนใหม าอยดู ว ย ตอ มาไดร บั การแตง ตง้ั เปน หลวงพชิ ยั อาสา ดาบหัก”
หลวงพชิ ยั อาสาไดตดิ ตามรว มรบกบั พระยาตาก (สนิ ) อยาง
กลา หาญมาโดยตลอด ภายหลงั ทป่ี ราบชมุ นมุ เจา พระฝางไดแ ลว สาํ รวจคน หา Explore
สมเด็จพระเจาตากสินมหาราชจึงโปรดเกลาฯ ใหเลื่อนยศเปน
พระยาพชิ ัย เจา เมืองพิชัย ครใู หนักเรยี นศึกษาคนควาเก่ียวกับชวี ประวตั ิ
ใน พ.ศ. ๒๓๑๖ โปสพุ ลา แมท พั พมา ไดย กทพั มาตเี มอื ง ของพระยาพิชยั ดาบหักจากหนงั สอื เรยี น หนา 107
พชิ ยั แตเ จา พระยาสรุ สหี  (บญุ มา) และพระยาพชิ ยั รขู า วจงึ ยกทพั และจากแหลงการเรยี นรูตา งๆ เพิ่มเตมิ จากน้นั
ไปสกัด พระยาพิชัยถือดาบสองมือฟาดฟนขาศึกจนดาบขาง อภิปรายสาระสําคญั รวมกันในช้นั เรยี น
ขวาหกั แตก ็ไมไดท อถอย ยังคงสูกบั ขาศึกตอจนกองทัพธนบรุ ี
สามารถขับไลขาศึกใหแตกถอยกลับไป ดวยเหตุนี้ พระยาพิชัย อธบิ ายความรู Explain
จงึ ไดร บั สมญาวา พระยาพชิ ยั ดาบหกั เมอื่ สมเดจ็ พระเจา ตากสนิ
มหาราชถูกสําเร็จโทษ พระยาพิชยั ดาบหักจึงขอตายตาม 1. ครูสมุ นกั เรยี นออกมาอธิบายวรี กรรมของ
ชีวิตของพระยาพิชัยดาบหักเปนตัวอยางที่ดีของ พระยาพิชยั จนไดร ับสมญาวา “พระยาพิชัย
ผูท่ีประสบความสําเร็จในชีวิต ใฝหาความรูตั้งแตเยาววัยจน ดาบหกั ” ที่หนาช้ันเรียน
รอบรใู นเรอ่ื งตา งๆ มคี วามกลา หาญ รกั ชาตบิ า นเมอื ง ซอื่ สตั ย
และมีความจงรักภักดีตอผูมีพระคุณ สมควรแกการยกยอง 2. ครตู ัง้ ประเดน็ คาํ ถามวา จากความจงรักภักดที ี่
พระยาพิชัยดาบหักมตี อ สมเดจ็ พระเจา ตากสนิ
เชดิ ชอู ยา งย่งิ อนุสาวรยี พระยาพิชยั ดาบหกั 1ประดษิ ฐานอยู มหาราช นักเรยี นคิดวามคี วามสําคญั ในการ
2 หนา ศาลากลางจังหวดั อตุ รดติ ถ ดาํ เนนิ ชวี ติ ในปจ จบุ นั มากนอ ยเพยี งไร จากนนั้
ใหน ักเรียนในชน้ั เรียนระดมความคดิ รว มกนั
บา นเกดิ พระยาพชิ ัยดาบหกั ท่บี า นหวยคา ตาํ บลในเมือง อําเภอพชิ ยั ในการตอบ
จังหวัดอตุ รดติ ถ ปจจุบันไดพฒั นาเปน สถานทที่ องเทยี่ วทสี่ ําคัญ
อีกแหงหน่งึ ของจงั หวัด ขยายความเขา ใจ Expand

ครูใหน ักเรียนเขียนเรยี งความเกีย่ วกับ
เกยี รตปิ ระวัตขิ องพระยาพชิ ยั ดาบหัก และการนาํ
คุณความดขี องทา นไปเปน แบบอยางในการดาํ เนิน
ชีวิต แลว นาํ เสนอทีห่ นาชัน้ เรยี น

ตรวจสอบผล Evaluate

แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด ครูตรวจเรียงความเกยี่ วกับเกยี รตปิ ระวตั ิของ
พระยาพชิ ยั ดาบหักของนกั เรียน
พระยาพชิ ยั ดาบหกั มบี ทบาทสาํ คัญตอบานเมอื งอยา งไร และนกั เรียน
สามารถนําคุณความดีของพระยาพชิ ัยดาบหักมาเปนแบบอยางในการ นักเรยี นควรรู
ดาํ เนินชีวิตไดอ ยางไร
แนวตอบ พระยาพชิ ยั ดาบหกั เปน ขนุ นางผหู น่งึ ทรี่ ับราชการในแผน ดนิ 1 อนสุ าวรยี พ ระยาพชิ ยั ดาบหกั สรา งขนึ้ เพอื่ ระลกึ ถงึ เกยี รตคิ ณุ ในเรอื่ งความองอาจ
สมเด็จพระเจาตากสนิ มหาราช เมื่อพมา ไดยกทพั มาตเี มืองพชิ ยั ใน พ.ศ. กลาหาญ รักชาติ และเสยี สละของพระยาพชิ ัยดาบหัก โดยชาวจงั หวดั อุตรดติ ถได
2316 พระยาพชิ ัยไดเ ขา รวมในกองทัพธนบรุ ีและถือดาบสองมอื เขา ตอสกู ับ รวมใจกันสรา งอนสุ าวรียพระยาพชิ ัยดาบหักข้นึ ทําพิธีเปด เมือ่ วนั ที่ 20 กมุ ภาพนั ธ
ขา ศึกจนดาบหกั แตก็ไมถ อยหนี ยังคงสจู นทพั ธนบุรีสามารถขบั ไลข าศกึ ออก พ.ศ. 2512
ไปได ภายหลังเมื่อสมเดจ็ พระเจา ตากสนิ มหาราชถกู สําเรจ็ โทษ พระยาพชิ ัย 2 บา นเกิดพระยาพชิ ัยดาบหัก นอกจากเรอื นพระยาพชิ ยั ดาบหักแลว บริเวณ
จึงขอตายตามดว ย จากที่กลา วมาแสดงใหเหน็ ถงึ แบบอยางทีด่ ขี องทานใน ใกลเคยี งยังมพี พิ ธิ ภณั ฑพระยาพชิ ยั ดาบหัก ซง่ึ ภายในจัดแสดงหนุ จาํ ลองการสงคราม
เรอื่ งความกลาหาญ รกั ชาติ ซอ่ื สตั ย และจงรักภกั ดตี อ เจานาย ซ่งึ สามารถ ในสมัยโบราณ วิถชี วี ิตของผูค นในสมัยอยุธยาตอนปลาย ภาพวาดเลา เร่ืองวรี กรรม
นาํ มาปรบั ใชในการดําเนินชวี ติ ได เชน การแสดงความคดิ เห็นโตแยงอยา งมี ของพระยาพชิ ัยดาบหัก รวมถงึ ตจู ัดแสดงโบราณวัตถุตา งๆ อนสุ าวรยี พ ระยาพชิ ยั
เหตุผลในที่ประชมุ ชมรม การเขารวมกิจกรรมถวายพระพร การแสดงความ ดาบหกั เปน ตน เพอ่ื ใหเ ปน แหลง ทอ งเทย่ี วทางประวตั ศิ าสตรข องจงั หวดั อตุ รดติ ถ
เคารพดว ยการยืนตรงเมือ่ ไดยินเพลงชาติ การไมลอกขอ สอบในหอ งเรียน
เปน ตน มุม IT

ศึกษาคนควา ขอ มลู เพ่ิมเติมเกีย่ วกับพระยาพิชัยดาบหัก ไดที่ http://www.
uttaradit.go.th เว็บไซตจงั หวัดอตุ รดิตถ
คูม ือครู 107

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expore Expand Evaluate
Engaae Explain Explain

อธบิ ายความรู

1. ครตู งั้ คาํ ถามวา สมเดจ็ เจา พระยามหากษตั รยิ ศ กึ ๒.๒ สมเด็จเจา้ พระยามหากษตั รยิ ์ศกึ (ทองด้วง)
(ทองดวง) มีประวตั คิ วามเปน มาอยางไร
จากนนั้ สมุ นักเรยี นออกมาอธบิ ายทหี่ นา ชน้ั เรียน สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก มีนามเดิมว่า ทองด้วง เป็นบุตรของพระอักษรสุนทร
(แนวตอบ สมเด็จเจา พระยามหากษัตริยศึก (ทองด)ี เสมยี นตรากรมมหาดไทยในแผน่ ดนิ พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศ โดยมมี ารดาชอ่ื ดาวเรอื ง (หยก)
มีนามเดิมวา ทองดวงหรอื ดวง เปนบตุ รของ ตอ่ มาเมอ่ื มีอายพุ อสมควรแลว้ นายทองดว้ งเข้ารบั การอุปสมบท ภายหลงั จากลาสิกขาบทแลว้ ได้
พระอกั ษรสุนทร (ทองด)ี เสมียนตรากรม ทา� พธิ สี มรสกบั สภุ าพสตรที ช่ี อ่ื นาค บตุ รขี องเศรษฐที องและนางสนั้ ชาวบา้ นอมั พวา แขวงบางชา้ ง
มหาดไทยในแผนดนิ พระเจาอยูหวั บรมโกศ เมืองสมทุ รสงคราม ต่อมานายทองด้วงเข้ารบั ราชการในตา� แหนง่ หลวงยกกระบตั ร
กับนางดาวเรือง (หยก) เมอื่ เด็กชายดวงมอี ายุ ราชธาคนรแี ั้นลสว้ มเมเด่อื ็จ พพร.ศะเ. จ๒้า๓ต๑า๑กส หินมลวหงายรกากชรกะอบบตั กร1ู้อไดิสเ้รขภ้าามพาจราบั กรพาชมก่าาแรลใะนทกรรงงุ สธถนาบปุรนแี าลกะรไดุงธร้ นบั บแตุรีเง่ ปต็น้งั
ครบ 13 ป บิดามารดาไดท ําพิธตี ดั จกุ ให เปน็ พระราชรนิ ทร์
จากนนั้ จึงไดถ วายตัวใหเปน มหาดเล็กในเจา ฟา ใน พ.ศ. ๒๓๑๑ พระราชรินทร์ (ทองด้วง) ได้ยกทัพไปรบกับข้าศึกที่ด่านขุนทด เมือง
อุทุมพร กรมขนุ พรพินติ กระทง่ั นายดวงมีอายุ นครราชสีมา จนกองทัพข้าศึกหลบหนีไปเมืองเสียมราฐ สงครามคร้ังนี้สามารถจับตัวเจ้าพิมาย
ครบ 22 ป จึงอปุ สมบทเปน พระภิกษุ และไดมี (พกรระมยหามอภนื่ เยั ทรพณพฤพิทธิธ)ิ์2 มาถวายสมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชได ้ โปรดใหเ้ ลอ่ื นพระราชรนิ ทรข์ นึ้ เปน็
โอกาสรูจกั เปนมติ รกบั พระภกิ ษหุ ยง (ซ่งึ ตอ มา ต่อมาหลังสงครามปราบปรามชุมนุมเจ้าเมืองพิมายแล้ว คร้ันถึง พ.ศ. ๒๓๑๒ สมเด็จ
ก็คือ สมเด็จพระเจา ตากสินมหาราช) และเม่อื พระเจา้ ตากสนิ มหาราชรบั สงั่ ใหพ้ ระยาอภยั รณฤทธยิ์ กทพั ไปตเี มอื งเขมร สามารถยดึ เมอื งเสยี มราฐ
ลาสิกขาบทแลว นายหยงและนายดว งกไ็ ด และรอทพั หลวงทจี่ ะยกทัพข้ึนไป แตเ่ มือ่ รับทราบขา่ วลือวา่ สมเดจ็ พระเจ้าตากสินมหาราชท่เี สดจ็
มีโอกาสเขารบั ราชการ ตอ มาในตอนปลาย ยกทัพไปรบและสวรรคตที่เมืองนครศรีธรรมราช จึงต้องยกทพั กลับกรงุ ธนบุรี
แผนดินกรุงศรีอยุธยา นายหยงมีตําแหนงเปน
หลวงยกกระบัตร เมืองตาก และเปลย่ี นชือ่ ใหม เสน เวลา
เปน “สิน” สวนนายดว งกร็ ับราชการดว ยดี แสดงเหตกุ ารณส าํ คญั ของสมเดจ็ เจา พระยามหากษตั รยิ ศ กึ (ทองดว ง)
จนไดเปน หลวงยกกระบตั ร เมืองราชบุรี
บิดามารดาเมอ่ื เห็นวา นายดวงไดบวชเรียนและ ๒๓๐๓ ๒๓๑๑ ๒๓๑๓
มงี านทําเปนหลกั ฐานแลว จึงไดไ ปสขู อลูกสาว รบั ราชการที่เมอื งราชบรุ ี เข้ามารับราชการกับ
เศรษฐใี หญช าวอมั พวา จงั หวดั สมทุ รสงคราม สมเดจ็ พระเจ้าตากสินมหาราช เพไจดรา้ร้ ะพับยรแาะยตยมง่ าตรจ้ังาักเชรป3 ีต็นแาลมะล�าดับ
ชือ่ นาค ใหสมรสกบั บตุ รชาย) และได้รับแต่งตัง้ เปน็ ไดร้ บั แตง่ ต้งั เปน็ พระราชรินทร์ และ
หลวงยกกระบัตร ต่อมาได้เลือ่ นเปน็ พระยาอภัยรณฤทธิ์
2. ครใู หน กั เรียนชวยกนั บอกตําแหนง ทางราชการ ๒๓๐๕ ๒๓๑๐
ของสมเดจ็ เจา พระยามหากษตั รยิ ศ กึ (ทองดว ง) พ.ศ. ๒๓๐๐
ตง้ั แตเขา รบั ราชการจนถึงตําแหนงสูงสดุ

๒๓๑๒
ยกทัพไปตเี ขมรและ

ยึดเมอื งเสยี มราฐ

1๐๘

นักเรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET
ขอ ใดกลา วถึงบทบาทของสมเดจ็ เจา พระยามหากษตั รยิ ศ กึ (ทองดว ง)
1 หลวงยกกระบตั ร ในพระราชพงศาวดารฉบบั พระราชหตั ถเลขากลาวถึง ไดถูกตอ ง
การเขาถวายตัวของหลวงยกกระบัตร มีความวา เมื่อสมเด็จพระตากสนิ มหาราชทํา 1. เปนแมทัพในการปราบชุมนุมเจาพระฝาง
พธิ บี รมราชาภิเษกแลว จงึ โปรดใหหลวงยกกระบัตรตัง้ บานเรือนอยูใ นกาํ แพง 2. เปนแมทพั คูพระทัยสมเดจ็ พระเจาตากสินมหาราช
พระนครฝงตะวันตกตรงปากคลองมอญขน้ึ ไป ทางเหนือถึงวัดบางหวาใหญ ปจ จบุ ัน 3. เปน ผูน าํ ในการกอบกเู อกราชภายหลงั เสียกรุงศรีอยธุ ยา
เปนกรมอทู หารเรือ 4. เปน แมทัพสูกับอะแซหวนุ ก้มี าลอ มเมืองพษิ ณโุ ลกและเปนฝายชนะ
2 พระยาอภัยรณฤทธิ์ ตาํ แหนงจางวางกรมพระตาํ รวจซา ย มีศกั ดนิ า 3,000 วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. สมเดจ็ เจา พระยามหากษตั รยิ ศ กึ (ทองดว ง)
3 เจา พระยาจกั รี เดมิ เจาพระยาจกั รี (แขก) ดํารงตําแหนง สมุหนายก เปน แมทพั คนสาํ คญั ในสมัยธนบรุ ี เปรียบดัง่ พระกรขา งขวาของสมเด็จพระเจา
ตอมาถกู ถอดออกจากตาํ แหนง สมหุ นายก คงเปนแตเจาพระยาจกั รี ภายหลัง ตากสนิ มหาราช รบั ราชการดว ยความซอ่ื สัตยแ ละจงรกั ภักดีมาโดยตลอด
ถงึ แกอ สญั กรรม พระยายมราช (สมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา จุฬาโลกมหาราช ผลงานสําคัญ เชน เปน แมท ัพไปตเี ขมร ตีไดเมืองพระตะบอง เสียมราฐ
แหง กรงุ รัตนโกสินทร) จึงข้ึนดาํ รงตาํ แหนง สมหุ นายกแทนและเลอ่ื นยศเปน ใน พ.ศ. 2312 ตเี ขมรอกี ครัง้ ใน พ.ศ. 2313 เปนแมท พั ไปตีเมอื งเชียงใหม
เจา พระยาจักรใี นคราวเดยี วกนั พ.ศ. 2317 รบกับพมาทีม่ าลอ มเมืองพิษณุโลก พ.ศ. 2318 เปน แมท ัพไปตี
เมืองเวียงจนั ทนใ น พ.ศ. 2321 และอัญเชญิ พระแกว มรกตกับพระบางมายัง
108 คมู อื ครู กรงุ ธนบรุ ี เปน ตน

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

ภายหลังปราบชุมนุมเจา้ พระฝางเปน็ ผลส�าเร็จใน พ.ศ. ๒๓๑๓ พระยาอภัยรณฤทธิ์ได้เลอื่ น ครตู งั้ คาํ ถามเพ่ือใหน ักเรียนอธิบายความรูวา
เป็นพระยายมราช และให้บัญชากรมมหาดไทยแทนสมหุ นายกด้วย ในปเี ดียวกนั นั้นไดร้ ับแต่งต้งั จากการศกึ ษาเกยี่ วกบั ประวตั ขิ องสมเดจ็ เจา พระยา
เป็นเจ้าพระยาจักรี ต�าแหน่งสมุหนายก และได้เป็นแม่ทัพบกคุมทัพไปตีเมืองพระตะบอง เมือง มหากษตั ริยศ กึ (ทองดวง) บทบาทของทา นท่ี
โพธสิ ตั ว ์ เมอื งบรบิ รู ณ ์ จนถงึ เมอื งบนั ทายเพชร ราชธานขี องเขมร สงครามครง้ั นป้ี ระสบความสา� เรจ็ โดดเดน ในสมัยธนบุรีจะเปน เรอ่ื งใด จงอธบิ าย
ครั้นถงึ พ.ศ. ๒๓๑๗ ได้เปน็ แม่ทพั ใหญ่คุมกองทัพหวั เมอื งฝายเหนือยกไปตีเมอื งเชียงใหม่ พรอมทง้ั ยกตัวอยา งประกอบ
ร่วมกับเจ้าพระยาสุรสีห์ และตีค่ายพม่าที่ออกมาต้ังรับอยู่นอกเมืองเชียงใหม่แตกหมดทุกค่าย
สงครามครั้งน้ีท�าให้กรุงธนบุรีตีได้เมืองเชียงใหม่ ล�าพูน ล�าปาง และแพร่ กลับมาอยู่ภายใน (แนวตอบ บทบาทโดดเดนจะเปนเร่อื งการทาํ
พระราชอาณาจกั รตามเดมิ สงคราม ไมว าจะเปนการเขารวมกอบกบู า นเมือง
ภายหลังเมือ่ พม่ายกทัพมาโจมตถี ึงบางแก้ว เมืองราชบุร ี ใน พ.ศ. ๒๓๑๗ เจ้าพระยาจกั รี กับสมเด็จพระเจาตากสินมหาราช หรือการทาํ
พาทูตเมืองน่านมาถวายเครื่องบรรณาการของเจ้าฟ้าเมืองน่านแด่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สงครามปอ งกนั ราชอาณาจักร โดยเปนกาํ ลงั สําคัญ
และได้รับพระราชทานพระแสงดาบฝกทองกับพระธ�ามรงค์เพชรวงหน่ึงเป็นบ�าเหน็จ แล้วได้รับ ของสมเด็จพระเจาตากสนิ มหาราช ดังเชน
พระราตช่อบมญั าชในาใ หพ้ไป.ศล. อ้๒ม๓พ๑ม๘า่ ทอบ่ี ะาแงซแหกว้วุ่นจนก1้ีคทุมัพกพอมง่าทแัพตพกหมน่ายีทกัพมกาลตับีหไัวปเมืองฝายเหนือและเข้าล้อม ใน พ.ศ. 2311 เมอ่ื ครง้ั รบั ราชการเปน พระราชรนิ ทร
เตมีไอืดง้ พพษิ มณ่าโุลล้อกมเออายไวู่ ท้ ๔กุ ดเา้ดนือ นเจจา้ ึงพเรขะ้ายเามจือกั งรไแี ดล2้ ะเเจจา้้าพพรระะยยาาสจรุ ักสรหี ีแพ์ ลยะาเยจา้ามพจระะตยคี าา่สยุรพสมีหา่ ์ยแกตทไ่ มัพส่ อาอมกาไรปถ ไดเ ขารวมทพั ในการปราบเจา พิมาย จนเสร็จศกึ
ตงั้ รวบรวมไพรพ่ ลทเี่ มอื งเพชรบรู ณ ์ ภายหลงั พมา่ ไดย้ กทพั กลบั ไปเนอ่ื งดว้ ยพระเจา้ มงั ระ กษตั รยิ ์ จงึ ไดเ ลอ่ื นเปนพระยาอภัยรณฤทธ์ิ และใน พ.ศ.
พมา่ สวรรคต จงิ กูจาราชบุตรไดร้ บั ราชสมบัตสิ บื ตอ่ จึงทรงมีรับส่ังให้กองทัพพมา่ กลับเมอื งอังวะ 2312 เปน แมทัพไปตเี มืองเขมร ยดึ ไดเ มือง
พระตะบอง เสียมราฐ แตภายหลังเกิดขาวลอื วา
๒๓๑๗ ๒๓๑๙ ๒๓๒๕ สมเด็จพระเจาตากสนิ มหาราชสวรรคตที่เมือง
- ยกทพั ไปตเี ชยี งใหม่ ยกทัพไปปราบเมืองนางรอง และตไี ด้ กลับมาจากเขมร นครศรีธรรมราช จึงยกทัพกลับ หรอื ใน พ.ศ. 2317
- ยกทพั ไปลอ้ มพมา่ นครจา� ปาศกั ด์ ิ รวมท้ังได้เมืองอัตปอ เพ่ือเวขิก้าฤมตากแากร้ไณข์ ไดรบั แตงตง้ั เปน เจาพระยาจักรี เปน แมท พั ไปตี
แเมลือะงเมโขอื งง ขเมุขือันงธส์ แรุ นิละทไรด ์ ร้เมับอืเลงือ่สนงั ขยะศ เมอื งเชียงใหมรวมกับเจาพระยาสรุ สหี  นองชาย
ท่ีบางแกว้ และไปตี เป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศกึ ในกรุงธนบรุ ี หรอื ตอมาใน พ.ศ. 2318 ไดย กทัพไปสรู บกับ
ค่ายพมา่ ท่เี ขาชะงุม้ ให้ยตุ ลิ งได้ ทพั พมา ที่มอี ะแซหวนุ ก้เี ปนแมทพั ทีเ่ มอื งพิษณุโลก
๒๓๑๕ ๒๓๒๐ ศึกอะแซหวนุ กนี้ ับวามคี วามสาํ คัญมากจนตวั
๒๓๒๕ อะแซหวนุ ก้ถี ึงกับสรรเสริญในฝมอื การรบของ
เจา พระยาจักรี ตอมาใน พ.ศ. 2321 มยี ศเปน
สมเดจ็ เจาพระยามหากษัตริยศ กึ ไดเปน แมทัพ
ไปตเี มืองเวียงจนั ทน และอญั เชญิ พระแกวมรกต
และพระบางลงมายังกรงุ ธนบรุ ี เปน ตน )

๒๓๑๘ ๒๓๒๑ ๒๓๒๓ ๒๓๒๔
พมา่ ล้อมเมืองพิษณโุ ลก ตีได้เมืองเวยี งจนั ทน์ ยกทัพไปตกี ัมพูชา เกดิ จลาจลในกรุงธนบรุ ี
เจ้าพระยาจกั รคี ุมไพร่พล เมืองหลวงพระบางและ
ถอยไปต้งั ม่ันทเ่ี พชรบูรณ์ อัญเชิญเมพือรงะขแ้นึกตว้ า่มงรๆก ตแกลับะ 1๐๙

พระบางมายงั กรงุ ธนบุรี

กจิ กรรมสรา งเสรมิ นกั เรียนควรรู

ครใู หน กั เรยี นเขยี นเรยี งความเกย่ี วกบั ประวตั แิ ละผลงานของบคุ คลสาํ คญั 1 อะแซหวุนก้ี ในการทาํ ศกึ ที่เมืองพษิ ณโุ ลก อะแซหวนุ ก้ีไดย กยองฝมือของ
ในสมยั ธนบรุ ีที่นกั เรยี นรสู ึกประทับใจ พรอมทัง้ การนาํ คุณความดขี องบุคคล เจา พระยาจักรี วนั หนึ่งจงึ นัดเจรจาและเม่อื พบกนั แลวไดส อบถามอายุกนั ปรากฏวา
ทานนนั้ มาเปน แบบอยา งในการดําเนนิ ชีวติ จากน้นั นําเสนอท่ีหนา ชัน้ เรียน เจา พระยาจกั รมี ีอายุ 30 ปเศษ สวนอะแซหวุน ก้มี อี ายุ 72 ป อะแซหวุนก้ีจึงสรรเสริญ
วา รปู กง็ าม ฝมอื ก็เขม แขง็ สามารถสูร บกบั ตนได ขอใหร ักษาตวั ไว ภายหนาจะได
กจิ กรรมทาทาย เปน กษตั ริย
2 จงึ เขา เมอื งได เม่อื อะแซหวนุ ก้ีตงั้ ทัพอยใู นเมอื งแลวก็ไดป ระกาศแกแ มทพั
ครใู หน ักเรยี นคนควา ขอมลู เกี่ยวกับศึกอะแซหวุนกต้ี หี ัวเมืองเหนือ นายกองวา ไทยเดย๋ี วนฝ้ี ม อื เขม แขง็ นกั ไมเ หมอื นไทยแตก อ น การทเ่ี สยี เมอื งพษิ ณโุ ลก
จากแหลงการเรยี นรูตา งๆ จากนน้ั นาํ ขอมูลมาจัดทําในรปู แบบเสนเวลา ครงั้ น้เี พราะฝมอื ทหารแพเ ราน้ันหามไิ ด เหตเุ พราะอดขาวขาดเสบยี งจงึ เสยี เมือง
(Timeline) แสดงเหตุการณส ําคัญทางประวตั ิศาสตรท ่เี กิดขึน้ ในชวงเวลา และการทจี่ ะมารบกับไทยสืบไปภายหนา นัน้ แมทพั ทม่ี ีสตปิ ญญาแลฝม อื เพยี ง
ดงั กลา ว นาํ เสนอทห่ี นา ชน้ั เรยี น พรอมท้ังวเิ คราะหผ ลของเหตุการณท ี่มี เสมอเราและต่าํ กวา อยามาทาํ สงครามตไี ทยเลย จะเอาชนะเขามิได แมนดกี วาเรา
ตอ ชาติไทย จงึ จะทาํ ศกึ กบั ไทยไดช ยั ชนะ และเมอ่ื อะแซหวนุ กย้ี ดึ ไดเ มอื งนนั้ กพ็ อดกี บั ไดร บั ใบบอก
แจง ขา วพระเจา มังระสวรรคตและจงิ กูจา ราชโอรสสบื ราชสมบตั ิตอ และมคี ําสง่ั
ใหอะแซหวนุ กีย้ กทัพกลับไป

คมู ือครู 109

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Expore Expand Evaluate
Engaae Explain Explain

อธบิ ายความรู

ครตู ้ังคําถามใหนักเรียนตอบ เชน ใน พ.ศ. ๒๓๑๙ เจ้าพระยาจักรียกทัพไปปราบเมืองนางรองและนครจ�าปาศักด์ิได้ส�าเร็จ
• ในชวงปลายสมยั ธนบรุ ี สมเดจ็ เจาพระยา ท�าให้เมืองสุรินทร์ เมืองสังขะ และเมืองขุขันธ์ยอมอ่อนน้อมต่อกรุงธนบุรี คร้ันเสร็จศึกสงคราม
เจ้าพระยาจักรีได้รับเล่ือนยศขึ้นเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ครั้นถึง พ.ศ. ๒๓๒๑
มหากษัตริยศ กึ (ทองดวง) มบี ทบาทสาํ คญั สส�ามเเรด็จ็จแเลจะ้ายพังรไะดย้เามมือหงหากลษวงัตพริยระ์ศบึกากงับ1แเลจะ้าหพัวรเะมยือางสขุร้ึนสทีห้ัง์ยปกวทงัพขอไปงทตีั้เงมเมือืองงเวเวียียงงจจันันททนน์จ์แนลปะรเะมสือบงคหวลาวมง
ตอบานเมืองอยา งไร พระบางมาขึ้นต่อกรุงธนบุรีด้วย ในสงครามครั้งนั้น สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้อัญเชิญ
(แนวตอบ ในชวงปลายสมยั ธนบรุ ี ประมาณ มพารยะพังกทุ รธงุ มธหนาบมุร2ณดี ว้ รี ยตั นปฏมิ ากร (พระแกว้ มรกต) กบั พระบาง ซง่ึ ประดษิ ฐานอย ู่ ณ เมอื งเวยี งจนั ทน์
พ.ศ. 2323 เขมรเกิดการจลาจลและมใี จ ตอ่ มาใน พ.ศ. ๒๓๒๓ เขมรเกดิ จลาจลและมีใจฝก ใฝญวน สมเดจ็ เจ้าพระยามหากษัตรยิ ์ศึก
ฝก ใฝญวน สมเด็จเจา พระยามหากษัตริยศกึ ถืออาญาสิทธิ์เป็นแม่ทัพใหญ่ยกทัพไปตีเมืองเขมร กองทัพกรุงธนบุรีตีได้เมืองเสียมราฐ เมือง
ไดเปนแมท ัพใหญยกทพั ไปตีเมอื งเขมร จนยดึ บันทายเพชร แต่ยังมิทันตีพนมเปญด้วยกรุงธนบุรีเกิดจลาจล สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก
ไดเมืองเสยี มราฐ บันทายเพชร แตย ังไมท นั จ�าต้องเลิกทัพกลับมาแก้ไขสถานการณ์ในกรุงธนบุรีได้เป็นผลส�าเร็จ จับผู้ก่อการกบฏมาลงโทษ
ตีพนมเปญดว ยเพราะกรงุ ธนบุรเี กิดจลาจล สว่ นสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงถูกส�าเร็จโทษเพ่ือความสงบสขุ ของบ้านเมืองตามข้อเสนอ
เสียกอ น สมเดจ็ พระมหากษตั ริยศึกจึงตอง ของบรรดาขุนนางน้อยใหญ่
ยกทพั กลบั มาแกไขสถานการณภ ายใน จะเห็นได้ว่า ตลอดระยะเวลาท่ีสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกรับราชการแผ่นดินในสมัย
กรงุ ธนบุรีใหสงบ บานเมืองจึงกลับคนื สู สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชน้ัน ได้รับใช้สนองพระเดชพระคุณพระมหากษัตริย์และแผ่นดินมา
ภาวะปกติอกี คร้ัง) โดยตลอดดว้ ยความจงรกั ภักดี ทั้งน้เี พ่ือความมั่นคงของชาติบ้านเมืองและความผาสุกของราษฎร
• จากการศึกษาประวตั ิของสมเด็จเจา พระยา
มหากษัตริยศ ึก (ทองดวง) ทา นมีคณุ ความดี
ในเรื่องใดที่คนรนุ หลงั ควรถือเปน แบบอยา ง
(แนวตอบ เชน ความรกั ชาติ ความกลา หาญ
ความเสียสละ ความเปนผนู าํ เปน ตน )

สมเด็จเจาพระยามหากษัตริยศึกเสด็จกลับจากราชการทัพท่ีเขมร ภายหลังรับทราบขาวการจลาจลท่ีกรุงธนบุรี (ภาพจาก
หนังสือโคลงภาพพระราชพงศาวดารฯ)

11๐

นกั เรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET
สมเดจ็ เจาพระยามหากษัตริยศ ึกไดเ ขา มาคลี่คลายวกิ ฤตการณใ นกรุงธนบุรี
1 เมืองหลวงพระบาง เคยเปน เมอื งหลวงของลา นชา ง (ลาว) มากอ นกรงุ เวยี งจนั ทน ใหส งบไดอยางไร
ตามประวตั ศิ าสตรล าวไดก ลา วไวว า ชนชาตลิ าวไดอพยพมาจากจีน และมาตงั้ ถนิ่ ฐาน แนวตอบ สบื เนื่องจากในชวงปลายสมยั ธนบรุ ี ไดเกดิ กบฏข้ึนทีก่ รงุ เกา
ที่เมืองชวา (ภายหลงั เปลี่ยนชื่อเปนเมืองเชยี งทอง) และมกี ษัตรยิ ป กครองสืบมา จนถงึ สมเดจ็ พระเจาตากสนิ มหาราชโปรดใหพระยาสรรคไ ปสบื สวนเอาตัวผูกระทํา
ในสมัยพระเจาฟา งุม ทรงเปลีย่ นช่ือเปน หลวงพระบาง และในสมัยพระเจา โพธิสารได ผดิ มาลงโทษ แตพ ระยาสรรคกลบั ไปเขา กบั พวกกบฏ และคมุ กําลังมา
ยายเมืองหลวงไปอยูท่ีเมืองเวยี งจันทนแทน ตอมาอาณาจักรลานชางไดแ ตกออกเปน ตีกรงุ ธนบรุ ี แลว จับสมเดจ็ พระเจาตากสนิ มหาราชคมุ ขังไว การจลาจลใน
3 ฝา ย คอื หลวงพระบาง เวียงจนั ทน และจําปาศกั ดิ์ ตางมีอสิ ระไมขึน้ ตอกัน แตก็ กรุงธนบุรีทําใหส มเดจ็ เจา พระยามหากษัตริยศึกตองรีบยกทัพกลบั จากเขมร
มีกษตั ริยปกครองตอ มา จนถงึ ส้นิ สุดราชวงศเมอื่ ตกเปน เมอื งข้นึ ของสยาม เวยี ดนาม เม่อื ถงึ กรงุ ธนบุรีแลวจึงจดั การไตสวนเหตุการณทเี่ กิดขึน้ ท้งั หมดโดยปรึกษา
และฝร่งั เศส และดว ยเพราะหลวงพระบางมปี ระวัติความเปน มายาวนาน เปนราชธานี ขนุ นางขาราชการทัง้ ปวง ตา งลงความเหน็ วาเพื่อปองกนั มใิ หเ กดิ ปญหา
เกาแก มวี ดั วาอารามมากมาย มีบานเรอื นอันเปน เอกลักษณ จงึ ไดร ับการขน้ึ ทะเบยี น อนั จะสงผลกระทบตอสถานการณข องบา นเมือง จงึ ใหน ําสมเด็จพระเจา
ใหเ ปน มรดกโลกเมือ่ พ.ศ. 2538 ตากสนิ มหาราชไปสําเร็จโทษเมื่อ พ.ศ. 2325 เมื่อเหตกุ ารณส งบขาราชการ
2 มายังกรงุ ธนบุรี โดยประดิษฐานในโรงพระแกวทีว่ ดั อรณุ ราชวราราม แลวมี ทั้งปวงก็อัญเชิญสมเดจ็ เจา พระยามหากษัตริยศ ึกใหป กครองบานเมอื ง จึงทรง
งานฉลองนานนับเดอื น (จนกระทงั่ ในสมัยพระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟาจุฬาโลก ปราบดาภเิ ษกข้นึ เปน พระมหากษตั ริยเ มื่อวนั ท่ี 6 เมษายน พ.ศ. 2325
จึงอญั เชญิ ขามฟากแมน า้ํ ไปประดิษฐานในพระอุโบสถวัดพระแกว

110 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

๒.๓ เจ้าพระยาสรุ สีห ์ (บุญมา) 1. ครสู ุม นกั เรยี น 2-3 คน อธบิ ายประวัตขิ อง
เจาพระยาสรุ สหี  (บญุ มา) ต้งั แตเร่มิ รับ
เจา้ พระยาสุรสีห ์ มนี ามเดิมว่า บญุ มา เป็นบุตรของพระอกั ษรสนุ ทร (ทองด)ี เสมยี นตรา ราชการจนถึงตาํ แหนง เจา พระยา พรอมทั้ง
กรมมหาดไทยในแผ่นดนิ พระเจ้าอยหู่ ัวบรมโกศ โดยมมี ารดาชอื่ ดาวเรือง (หยก) และมีพ่ีชายช่อื ยกตวั อยา งผลงานของทา นมาพอสังเขป
ทองด้วง (ซงึ่ ต่อมาคอื สมเดจ็ เจา้ พระยามหากษัตรยิ ์ศึก) เมื่อนายบญุ มาอายไุ ด ้ ๑๖ ป ี บดิ าไดฝ้ าก
เขา้ รบั ราชการเปน็ มหาดเลก็ ในเจ้าฟ้าเอกทัศ กรมขุนอนุรักษ์มนตรี ภายหลังได้รับแต่งต้ังให้เป็น 2. ครใู หน กั เรียนทาํ กจิ กรรมที่ 4.5 จากแบบวัดฯ
น ายสดุ เมจนิือ่ ดกราุงมศหราอี ดยเธุลยก็ าหเุ้มสยีแแพกร่พม่าใน พ.ศ. ๒๓๑๐ นายสุดจินดา (บุญมา) 1พรอ้ มกับเพ่อื นรว่ มใจ ประวตั ศิ าสตร ม.2
สว่ นหนงึ่ ไดห้ ลบหลกี ทหารพมา่ ทกี่ า� ลงั กวาดตอ้ นผคู้ นตดิ ตามไปพบพระยาตาก (สนิ ) ทเี่ มอื งจนั ทบรุ ี
เพือ่ รบกบั พมา่ ภายหลังสมเด็จพระเจา้ ตากสนิ มหาราชทรงสถาปนากรงุ ธนบรุ เี ปน็ ราชธานพี ร้อม ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ
กับทรงกระทา� พธิ บี รมราชาภิเษกขึ้นเปน็ พระมหากษัตรยิ แ์ ล้ว นายสดุ จินดา (บุญมา) ไดร้ บั แตง่ ตง้ั ประวตั ศิ าสตร ม.2 กจิ กรรมท่ี 4.5
เปน็ พระมหามนตร ี และชกั ชวนใหห้ ลวงยกกระบตั ร (ทองดว้ ง) เขา้ มารบั ราชการดว้ ย หนวยท่ี 4 ประวตั แิ ละผลงานของ
พระมหามนตรีผู้น้ถี อื ไดว้ ่าเปน็ ผู้มีความสามารถในการรบ มคี วามองอาจกล้าหาญ จนได้รบั บคุ คลสําคัญในการสรางสรรคช าติไทย
เโขปา้รมดาเกลลอ้ า้มฯค า่ ใยหทเ้ ลห่ือารนจยนี ศทสม่ีูงขาช้ึนว่ตยาเมหลลา�อื ดไบัท ยตรบ่อกมบัาพพมมา่า่ ทยกมี่ ทาตพั งั้ เคขา่า้ ยมทาบี่โจา้ มนตบไี าทงยกทงุ้ 2 าเมงเอื มงือสงมไทุทรรสโยงคคแราลมะ
พระมหามนตร ี(บญุ มา) ไดร้ บั พระราชบญั ชาใหค้ มุ ทพั หนา้ สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชทรงเปน็ กจิ กรรมท่ี ๔.๕ ใหน กั เรยี นพจิ ารณาวา พระราชกรณยี กจิ / ผลงานของบคุ คล คะแนนเตม็ คะแนนที่ได
ทพั หลวงยกไปตพี ม่าท่ีบางกงุ้ จนกองทพั พมา่ แตกพ่ายหนไี ป สําคัญท่ีกําหนดใหตอไปนี้จัดเปนภูมิปญญาประเภทใด
ใน พ.ศ. ๒๓๑๑ มีความดคี วามชอบในการท�าศกึ ที่ดา่ นขนุ ทด เมืองนครราชสีมา จนขา้ ศึก õ
ถอยหนีไปท่ีเมอื งเสียมราฐ และสามารถจับตวั เจา้ พมิ ายมาถวายสมเด็จพระเจ้าตากสนิ มหาราชได ้
พระมหามนตรจี ึงไดร้ บั เล่ือนขึน้ เปน็ พระยาอนชุ ติ ราชา ในปลาย พ.ศ. ๒๓๑๑ พระยาอภัยรณฤทธิ์ (ส ๔.๓ ม.๒/๓)
กับพระยาอนุชิตราชาได้ยกกองทัพไปตีเขมรท่ีเมืองเสียมราฐ ครั้นเม่ือทราบข่าวลือว่าสมเด็จ
พระเจ้าตากสินมหาราชสวรรคตท่ีเมืองนครศรีธรรมราช จึงยกทัพกลับกรุงธนบุรี ขณะที่พระยา ๑. สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ (อูทอง) .ภ...มู...ปิ...ญ.....ญ....า..ใ..น....ก....า..ร...พ....ิจ...า..ร...ณ.....า..ท....ํา..เ..ล...ท....่ตี ...ง้ั...ร...า..ช...ธ...า..น....ี..
อนชุ ติ ราชามาถงึ ลพบรุ กี อ่ นไดเ้ ขา้ เฝา้ กราบทลู ใหท้ รงทราบถงึ สาเหตทุ ต่ี อ้ งยกทพั กลบั มาเพอ่ื ตอ้ งการ ทรงเลือกทาํ เลสําหรบั ตงั้ เมอื งราชธานี
รักษาแผ่นดนิ ไว ้ ไม่ยอมเป็นข้าผอู้ น่ื ทา� ใหส้ มเด็จพระเจา้ ตากสนิ มหาราชทรงพอพระราชหฤทยั โดยต้ังอยูบนพ้ืนที่ราบลุมแมนํ้า และ ...............................................................................................
ต่อมาใน พ.ศ. ๒๓๑๓ พระยาอนุชิตราชาไดค้ มุ ทพั ตามเสด็จสมเดจ็ พระเจา้ ตากสินมหาราช มีทางออกสทู ะเล ...............................................................................................
ยกทพั ไปตหี วั เมอื งเหนอื ดว้ ยและไดร้ บั เลอื่ นตา� แหนง่ เปน็ พระยายมราช สงครามครง้ั นก้ี องทพั หลวง ...............................................................................................
ยึดได้เมืองพิษณุโลก กองทัพพระยายมราชเข้าล้อมเมืองสวางคบุรี แต่เจ้าพระฝางหลบหนีไปได้
ท�าให้อาณาจักรธนบุรีรวบรวมหัวเมืองเหนือได้ทั้งหมด พระยายมราชได้รับเลื่อนยศข้ึนเป็น ๒. สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรง .ภ...มู...ปิ...ญ....ญ....า...ใ..น....ก...า..ร...ส....ร...า ..ง...ร...ปู ...แ...บ...บ....ก...า..ร...ป....ก...ค....ร...อ..ง...ใ..ห...
เจา้ พระยาสุรสีห์ ส�าเร็จราชการเมอื งพิษณุโลกซง่ึ เป็นหวั เมืองชนั้ เอก คร้นั ถึง พ.ศ. ๒๓๑๖ พม่ายก ปฏิรูปการปกครอง โดยตั้งอัครมหา- .เ.ห....ม...า..ะ..ส....ม..............................................................................
กองทัพมาตีเมืองพิชัย เจ้าพระยาสุรสีห์กับพระยาพิชัยคุมกองทัพเข้าต่อสู้จนพม่าแตกพ่ายไป เสนาบดี๒ตาํ แหนง คอื สมหุ พระกลาโหม
ในที่สุด และสมุหนายก ...............................................................................................

111 ๓. สมเด็จพระนารายณมหาราช ทรง ...............................................................................................
ตอนรับชาวตางประเทศทุกชาติที่เขา
มาคา ขายกับอยุธยา เชน จีน อาหรับ .ภ...มู...ปิ...ญ.....ญ....า..ใ..น....ก....า..ร...ป....ร...บั ...ต....วั ..ป....ร...ะ..ส....า..น....ส....มั ...พ...นั....ธ...ก...บั.... เฉฉบลับย
โปรตเุ กส ฮอลันดา อังกฤษ ฝรงั่ เศส .ช..า...ว..ต....า..ง...ช...า..ต...ิ......................................................................

...............................................................................................

...............................................................................................

๔. สมเด็จพระเจาตากสินมหาราช สละ .ภ...ูม...ิป....ญ.....ญ....า...ใ..น....ก....า...ร...ป...ร...ั.บ....ต...ัว...เ..พ...ื่อ....แ...ก....ป...ญ.....ห....า..ก....า..ร...
พระราชทรัพยซ้ือขาวสารจากพอคา .ด...ํา..ร...ง...ช...ีว...ิต.............................................................................
ชาวจนี แจกจา ยใหแ กท หารและพลเรอื น
ทั้งไทย - จีน ...............................................................................................

...............................................................................................

๕. ลาลูแบร บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับชาว .ภ...ูม...ิป...ญ.....ญ....า..ใ..น....ก....า..ร...บ....นั ....ท...กึ....ป...ร...ะ...ว..ตั ...ศิ....า..ส....ต...ร.................
กรุงศรีอยุธยาหรือชาวสยามในเร่ือง
ตา งๆ เชน การแตง กาย ขนบธรรมเนยี ม ...............................................................................................
ประเพณี จารีตของบคุ คลชนช้นั ตา งๆ ...............................................................................................
...............................................................................................

๕๑

แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด นกั เรียนควรรู

ในสมัยธนบรุ เี จาพระยาสุรสหี  (บญุ มา) มีบทบาทสําคญั ตอ บา นเมอื ง 1 นายสุดจินดา (บุญมา) กอ นที่จะไปพบกับพระยาตาก (สนิ ) ท่เี มืองจนั ทบุรี
อยางไร จงอธบิ ายมาพอเขาใจ นายสุดจนิ ดา (บญุ มา) ไดไ ปรับมารดาของพระยาตาก (สนิ ) ทชี่ อ่ื นกเอ้ียง
แนวตอบ ในสมัยธนบรุ เี จา พระยาสรุ สหี  (บญุ มา) ไดทาํ งานรบั ราชการ ซ่งึ หลบหนีพมา มาอยูท่ีบา นแหลม เมืองเพชรบรุ ี ไปใหแ กพระยาตาก (สนิ ) ดว ย
ดวยดีมาโดยตลอด จนมตี ําแหนง เจรญิ กาวหนาตามลาํ ดบั เชน เมอื่ คร้ัง
ไดรับแตงตั้งเปนพระมหามนตรี (บญุ มา) ไดคมุ ทพั หนา ตามทพั หลวงไปตี 2 คายท่ีบานบางกุง ในสมัยสมเด็จพระเจาตากสินมหาราชโปรดใหชาวจนี จาก
กองทพั พมา ทบี่ างกงุ จนพมา แตกพายหนไี ป หรอื ใน พ.ศ. 2311 มคี วามดี เมืองระยอง ชลบรุ ี ราชบุรี และกาญจนบรุ ี รวบรวมผูค นมาตงั้ กองทหารรกั ษาคา ย
ความชอบในการทาํ ศึกท่ีดา นขนุ ทด เมืองนครราชสมี า จึงไดรบั เล่ือนเปน จงึ มีอีกช่ือหน่ึงวา คายจีนบางกงุ ใน พ.ศ. 2311 พมายกทพั ผานกาญจนบรุ ีมาลอ ม
พระยาอนชุ ติ ราชา ตอ มาใน พ.ศ. 2313 ไดต ามสมเดจ็ พระเจา ตากสนิ มหาราช คายบางกงุ สมเดจ็ พระเจา ตากสนิ มหาราชโปรดใหพระมหามนตรี (บญุ มา) เปน
ไปตหี ัวเมืองเหนอื และไดร ับเลอ่ื นเปนพระยายมราชและเจา พระยาสุรสหี  แมท พั ยกไปชว ยเหลือทหารจีนขับไลกองทัพพมา ทําใหข าศกึ แตกพาย หลงั จากนั้น
ตามลาํ ดบั ใน พ.ศ. 2316 ไดยกทพั ไปสกู บั พมา ทมี่ าตเี มอื งพชิ ยั หรือใน พ.ศ. คา ยแหงนกี้ ็ถูกปลอ ยใหท ิง้ ราง จนกระท่ังในสมัยรัตนโกสินทรไดฟน ฟูคายแหงน้ี
2317 ไดรวมมือกับเจา พระยาจกั รตี เี มอื งเชียงใหมคนื จากพมา และใน พ.ศ. จนกลายเปน สถานทที่ อ งเทยี่ วสาํ คญั อกี แหง หนง่ึ ของจงั หวดั สมทุ รสงครามในปจ จบุ นั
2321 ไดรวมกับสมเด็จเจาพระยามหากษัตรยิ ศ ึกตีเมอื งเวยี งจันทนไดส าํ เร็จ ซ่งึ ในคา ยบางกงุ มสี ถานท่นี าสนใจอยา งโบสถป รกโพธิ์ ตั้งอยูกลางคายบางกงุ
เปนตน จากตัวอยา งผลงานดังกลาว แสดงใหเหน็ ถึงความรกั ชาติและ เปนโบสถกออิฐถือปนู สนั นิษฐานวา สรา งขึ้นในสมยั อยุธยา ซงึ่ ไดรับการยกยองให
ความกลาหาญของทา นในการปกปองบานเมอื งไดเ ปนอยา งดี เปน 1 ใน Unseen Thailand นอกจากนยี้ งั มีวัดบางกุง เปนวัดเกาแกส มยั อยุธยา
อยคู นละฝงกับคายบางกงุ
คูมอื ครู 111

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

1. ครูใหน กั เรียนศกึ ษาเสน เวลา (Timeline) เสน เวลา
แสดงเหตกุ ารณส าํ คญั ทางประวตั ิศาสตร แสดงเหตกุ ารณส าํ คญั ของเจา พระยาสรุ สหี  (บญุ มา)
จากหนงั สอื เรียน หนา 112 จากน้ันใหน กั เรียน พ.ศ.
ไปสืบคน ขอ มูลเก่ยี วกบั เหตกุ ารณต างๆ ๒๓๐๕ ต่อมาใน พ.ศ. ๒๓๑๗ พม่ายกทัพมา
ทีเ่ กิดขึ้นในชว งเวลาดังกลาวเพิ่มเตมิ ๒๓๐๖ ตีเชียงใหม่ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
แลว นําขอมลู มาอภิปรายรวมกันในชนั้ เรียน รบั ราชการเปน็ นายสุดจินดามหาดเล็กหุ้มแพร โปรดให้เจ้าพระยาจักรีเป็นแม่ทัพใหญ่คุมทัพ
หัวเมืองเหนือยกไปตีเชียงใหม่คืนจากพม่า
2. ครตู งั้ ประเดน็ คาํ ถามใหน กั เรยี นวเิ คราะหว า ๒๓๑๐ เจ้าพระยาสุรสีห์ได้ร่วมมือกับเจ้าพระยาจักรี
จากผลงานตา งๆ ของเจา พระยาสรุ สหี  (บญุ มา) รับราชการกบั พระยาตาก (สนิ ) ทจี่ ันทบุรี สามารถตคี า่ ยพมา่ แตกและยดึ เมอื งเชยี งใหมไ่ ด ้
ทศ่ี กึ ษามา นักเรยี นคดิ วา กอ ใหเ กิดประโยชน ๒๓๑๑ ท�าให้หัวเมืองต่างๆ ในล้านนากลับเข้ามาอยู่
ตอบา นเมอื งอยางไร โดยใหแ ตละคนเขียนลง - ไดร้ ับแตง่ ต้ังเปน็ พระมหามนตรี
สมุดจดงานสงครผู ูส อน - ตอ่ มาไดเ้ ลอื่ นเปน็ พระยาอนุชติ ราชา
๒๓๑๐ ๒๓๑๒ ในพระราชอาณาจักรธนบุรีได้ท้ังหมด และ
3. ครทู ดสอบความรูของนกั เรียน โดยใหท าํ ยกทัพไปตีเขมร ได้เมอื งพระตะบองและเสียมราฐ ในปีเดียวกัน พม่ายกทัพเข้ามาตีที่บางแก้ว
กจิ กรรมที่ 4.4 จากแบบวดั ฯ ประวตั ศิ าสตร ม.2 ๒๓๑๓ เมอื งราชบรุ ี เจา้ พระยาสรุ สหี ก์ บั เจา้ เมอื งหวั เมอื ง
ได้เลอื่ นเป็นพระยายมราช เจ้าพระยาสุรสีห์ ฝายเหนือออกไปราชการศึก เจ้าพระยาสุรสีห์
๒๓๑๔ ได้รับค�าส่ังให้คุมทัพไปตั้งชิดพม่าที่เขาชะงุ้ม
ยกทพั ไปตีเมืองเชยี งใหม ่ แต่ตีไม่ได้

ใบงาน ✓ แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ กเพาอ่ืรรกบนั คมรใิ หงั้ นท้ นั้พั กพอมงา่ทลพั งมธนาชบว่ ุรยลี พอ้ มมา่พตมคี า่า่ 1แยลบะาโงจแมกตว้ ี
ประวตั ศิ าสตร ม.2 กิจกรรมท่ี 4.4
หนวยที่ 4 ประวัติและผลงานของ
บคุ คลสาํ คญั ในการสรา งสรรคชาติไทย ๒๓๑๕ ๒๓๑๕ - ๒๓๑๖ พมา่ จนพ่ายแพ้กลบั ไป
ยกทพั ไปปอ้ งกันเมอื งพิชยั จากพม่า ใน พ.ศ. ๒๓๑๘ อะแซหวุ่นกแ้ี ม่ทพั พม่า

กจิ กรรมท่ี ๔.๔ ใหนักเรียนสืบคนประวัติและผลงานของบุคคลสําคัญใน คะแนนเต็ม คะแนนที่ได ๒๓๑๗ เยอกาทไวัพ้ มจานตเีเจม้าือพงรพะยิษาณจักุโลรกีแและลเะจล้า้อพมรพะยิษาณสุรุโสลีหก์2
สมยั ธนบุรีทน่ี ักเรยี นรูสึกประทบั ใจ มา ๒ ทา น แลวบันทึก - ตีเชยี งใหม่ครงั้ ท ี่ ๒ ได้เมืองเชยี งใหม่
ñð - คมุ หวั เมอื งเหนอื ไปรบกับพม่าทเ่ี ขาชะงุม้

ลงในชอ งวางที่กาํ หนดให (ส ๔.๓ ม.๒/๓) ๒๓๑๘ พจ�าิษตณ้อโุงลพกา 3ไแพตรห่่พลลงั อจพากยนพ้นัหไลมบน่ หานนีอ อกกอจงทากัพเพมมือ่าง
ปอ้ งกันเมืองพิษณุโลกจากพมา่ โดยไปตัง้ ม่นั
ส…ม…เด…จ็…พ…ร…ะ…เจ…า …ต…า…กส……ิน…ม…ห…าร…า…ช พระราชประวตั ิ / ประวตั ิ...พ....ร....ะ...น.....า...ม....เ..ด....ิ.ม...ว....า........ส....ิน..........บ....ิ.ด....า...เ..ป.....น.....ค....น.....จ...ี.น... ท่เี พชรบูรณ์
ช...อ่ื....ไ..ห....ฮ...อ....ง......ม...า...ร...ด....า...เ..ป....น ....ค....น....ไ...ท....ย...ช...อื่.......น....ก....เ..อ...ยี้...ง......เ..ม....อ่ื ...ค....ร...งั้....เ.ย....า..ว...ว...ยั......เ..จ...า...พ....ร...ะ...ย...า..

.จ...กั....ร....ไี ..ด....น.....ํา..ไ...ป....เ.ล....ย้ี....ง...เ..ป....น....บ....ุต....ร....บ....ญุ.....ธ...ร....ร...ม......ท....ํา...ใ...ห...ม....ีโ..อ....ก....า...ส....ไ..ด....เ..ล....า...เ.ร....ยี...น.....แ...ล....ะ..ถ....ว...า...ย...ต....ัว...เ..ป....น ....ม....ห....า..ด....เ..ล....ก็..................................

...................................................................................................................................................................................................................................................... ๒๓๒๐ ก็ถูกเรียกตัวกลับไป ต่อมาใน พ.ศ. ๒๓๑๙
ยกทพั ไปปราบนครจา� ปาศกั ดร์ิ ว่ มกบั เจา้ พระยาจกั รี เจ้าพระยาสุรสีห์ได้คุมกองทัพหนุนไปช่วย
พระราชกรณยี กจิ / ผลงาน...น....า...ย...ส.....นิ ....ไ..ด....ร....บั ....ร...า...ช...ก....า..ร....แ...ล....ะ..ม....ตี....าํ ..แ...ห....น.....ง ...เ..ป...น.....ห....ล....ว..ง....ย...ก....ก....ร...ะ...บ....ตั....ร...แ...ล....ะ...พ....ร...ะ...ย...า...ต....า..ก... ๒๓๒๐
.เ..จ...า...เ..ม....ือ...ง....ต....า...ก........ค.....ร...้ัน.....เ..ม...ื่อ....พ....ม....า...ย....ก....ท....ัพ....ม....า...ล....อ...ม....ก....ร....ุง...ศ....ร....ีอ....ย...ุธ....ย...า........ไ..ด....ถ....ูก....เ..ร....ีย...ก.....ต....ัว...ม...า...ช....ว...ย...ร....า...ช...ก....า...ร........ข...ณ......ะ..ท....ี่พ.....ม....า.

.ย...ก....ม....า..ป....ร....ะ..ช...ดิ....ก....ร....งุ ...ศ....ร...อี....ย...ธุ....ย...า...แ...ล....ะ..ย....งิ ...ป....น....ใ...ห....ญ.....เ .ข...า...ม....า..ภ....า...ย...ใ...น....พ....ร....ะ..น.....ค....ร........ท....ํา..ใ...ห....บ ....า...น....เ..ม...อื....ง...เ..ก....ิด....ค....ว...า..ม....ร...ะ...ส....า่ํ...ร...ะ...ส....า...ย..

.พ....ร...ะ...ย...า...ต....า..ก.......(..ส....นิ.....).....ท....ร...ง...เ..ล....ง็...เ..ห....น็ ....ว...า ..จ....ะ..ต....อ....ง...ส....ญู.....เ.ส.....ยี ...ก....ร...งุ...ศ....ร....อี ...ย...ธุ....ย...า...ใ..ห....แ...ก....พ....ม...า...อ...ย....า ..ง...แ...น.....น....อ....น.......จ...งึ...ร....ว...บ....ร...ว...ม...ก....าํ...ล....งั.. ๒๓๒๑ เจ้าพระยาจักรีปราบปรามนครจ�าปาศักดิ์เป็น
ปราบเมืองเวียงจนั ทน์รว่ มกับ
.ท....ห....า..ร....ท....ง้ั ...ไ..ท....ย....-..จ....นี.......ต....ฝี...า...ว...ง...ล....อ...ม....อ...อ...ก....ไ...ป....ท....า..ง....ห...วั...เ..ม...อื....ง...ต....ะ..ว...นั.....อ...อ...ก....ย....ดึ....ไ..ด....เ..ม...อื...ง....จ...นั.....ท....บ....รุ ...แี...ล....ะ...ร...ะ..ย....อ...ง......จ....า..ก....น.....น้ั....จ....งึ ...ย...ดึ...

.ไ..ด....เ..ม...ือ....ง...ธ...น.....บ....ุร...ี....แ...ล....ะ...โ..จ....ม...ต....คี ....า ...ย...โ...พ....ธ...ิ์ส....า...ม....ต...น.....ข...อ...ง....ส....กุ ....้พี ....ร...ะ...น....า...ย....ก....อ...ง...ก....อ....บ....ก....กู ....ร...งุ....ศ....ร...ีอ....ย...ุธ...ย....า..เ..ป....น ....ผ....ล....ส....ํา...เ..ร...็จ.......ห....ล....ัง..

เฉฉบลบั ย .จ...า...ก....น....้ัน.....พ....ร....ะ..ย....า..ต....า...ก........(...ส....ิน....).......ไ...ด....เ.ล....็ง....เ.ห....็น.....ว...า...ส....ภ....า..พ....บ.....า..น.....เ..ม...ือ....ง...ข...อ...ง....ก....ร...ุง...ศ....ร....ีอ...ย....ุธ...ย...า...อ....ย...ูใ...น....ส....ภ....า...พ....ท....ร...ุด....โ...ท....ร...ม....เ..ก....ิน... สมเด็จเจ้าพระยามหากษตั ริยศ์ กึ ผลสา� เรจ็ ครนั้ ถงึ พ.ศ. ๒๓๒๑ สมเดจ็ เจา้ พระยา
.ท....จ่ี ...ะ...ฟ....น....ฟ....ู...จ....งึ...ต....ดั....ส....นิ.....ใ..จ....ย...า...ย...ร....า...ช...ธ...า...น....ีไ...ป...ท.....ี่ก...ร....ุง...ธ...น.....บ....ุร....ีแ...ล....ะ..ไ...ด....ค....ร...อ....ง...ร...า...ช...ส....ม....บ....ัต....จิ....น....ส....ิ้น.....ส....ุด....ส....ม...ัย....ข...อ...ง....พ....ร...ะ...อ...ง....ค.... ..

พ……ระ…ย…า…พ…ิช…ยั …ด…า…บ…ห…ัก……………… พระราชประวตั ิ / ประวัติ...พ....ร...ะ..ย...า...พ....ชิ..ย.ั ..เ..ป...น. ...ข...นุ....น....า...ง...ท...ร.่ี ...บั...ร....า..ช...ก...า...ร...ใ..น....ร...ช.ั..ก....า..ล... ๒๓๒๓ มหากษัตริย์ศึกและเจ้าพระยาสุรสีห์ได้ยกทัพ
ส....ม....เ..ด....็จ...พ....ร....ะ..เ..จ...า...ต....า...ก....ส....นิ.....ม...ห....า...ร...า...ช......เ..ด....มิ...ช....ือ่ ......จ....อ...ย.......เ..ก....ดิ....ท....่เี..ม...อื....ง...พ....ิช...ยั.......เ..ม...ือ่...ย....งั.. เป็นทพั หน้าไปตกี มั พูชา ไปตีเมืองเวียงจันทน์ได้ส�าเร็จ และอัญเชิญ
.เ.ย....า..ว...ว...ยั ......บ....ดิ....า...ม...า...ร...ด....า...ไ..ด....น....าํ...ไ..ป....ฝ...า...ก....เ.ป....น.....ศ...ษ.ิ ...ย....ว..ด.ั ......จ....งึ...ไ..ด....ม....โี ..อ...ก....า...ส....ใ..น.....ก....า..ร....ศ...ก.ึ ...ษ....า...เ..ล...า. ..เ..ร...ยี...น.....แ...ล....ะ..ม...ค.ี ...ว...า...ม...ส....น.....ใ..จ....ใ..น....ก....า...ร..
.ช...ก....ม...ว...ย......พ....ร...ะ...ย...า...ต...า...ก.......(..ส....นิ....).....เ..ห....น็....ฝ....ม ...อื...ก....า...ร...ช...ก....ม...ว...ย....จ...งึ...ช...กั....ช...ว...น....ใ...ห...ม....า..ร....บั....ร...า...ช...ก....า..ร....แ...ล...ะ...แ...ต....ง...ต....งั้...เ..ป...น.....ห....ล...ว...ง...พ....ชิ...ยั....อ...า...ส....า...
พระราชกรณียกจิ / ผลงาน...ห....ล....ว..ง....พ....ชิ ...ยั ...อ...า...ส....า...ไ..ด....ต....ดิ....ต....า..ม....ร...ว...ม...ร....บ....ก....บั ....พ....ร...ะ...ย...า...ต....า..ก........(...ส....นิ....).......อ...ย....า ..ง...ก....ล....า...ห....า..ญ.....ม....า. พระพทุ ธมหามณรี ตั นปฏมิ ากร (พระแกว้ มรกต)
.โ..ด....ย...ต....ล....อ...ด.......ภ....า..ย....ห...ล....งั...จ....า..ก....ก....า...ร...ป....ร...า...บ....ช...มุ...น.....มุ...เ..จ...า...พ....ร...ะ...ฝ...า...ง...ไ..ด....แ...ล....ว.....ส....ม....เ.ด....จ็....พ....ร...ะ...เ.จ....า ..ต....า...ก...ส.....นิ ....ม...ห....า...ร...า...ช...จ...งึ...โ...ป....ร...ด....เ.ก....ล....า...ฯ. ๒๓๒๕ กบั พระบางมายงั กรงุ ธนบรุ ดี ้วย
.ใ..ห....เ ..ล...อ่ื....น....ย....ศ...เ..ป....น ....พ....ร....ะ..ย....า..พ....ชิ...ยั......เ..จ...า...เ..ม...อื....ง...พ....ชิ ...ยั ......................................................................................................................................................... กลับมาแกไ้ ขวิกฤตการณ์ในกรงุ ธนบุรี
.......................ใ..น.....พ......ศ...........๒....๓....๑...๖........โ..ป....ส....พุ....ล....า.......แ...ม...ท....พั....พ....ม....า.......ไ..ด....ย...ก....ท....พั....ม....า..ต....เี..ม...อื....ง...พ....ชิ...ยั........พ....ร...ะ...ย...า...พ....ชิ...ยั...ไ...ด....ส ....อู...ย...า. ..ง...ก....ล....า...ห....า..ญ.... ๒๓๒๕
.จ...น.....ด...า...บ....ข...า...ง...ข...ว..า...ห....กั........แ...ต....ไ..ม....ไ ..ด....ท....อ...ถ....อ...ย....จ...น....ก....อ....ง...ท....พั....ธ...น....บ.....รุ ...สี....า...ม...า...ร...ถ....ข...บั ....ไ..ล....ข...า ..ศ....กึ....ใ...ห...แ...ต....ก....ถ....อ...ย....ก...ล....บั....ไ...ป........เ..ม...อ่ื...ส.....ม...เ..ด....จ็ ..
.พ....ร...ะ...เ.จ....า ..ต....า...ก....ส....นิ....ม....ห...า...ร...า...ช...ถ....กู....ส....าํ..เ..ร...จ.็ ...โ..ท....ษ.......พ....ร....ะ..ย...า...พ....ชิ...ยั...จ....งึ...ข...อ...ต....า...ย...ต....า...ม..................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................... 11๒

(พิจารณาคําตอบของนกั เรียน โดยใหอ ยูใ นดุลยพนิ ิจของครูผูสอน)

๕๐

นกั เรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET
จากบทบาทของบคุ คลสาํ คัญในสมัยอยธุ ยาและธนบรุ ที ่ีศึกษามา บทบาท
1 กองทัพธนบรุ ีลอ มพมา โดยใชเ วลา 47 วัน ตีไดค ายพมา 3 คา ย และไดเชลย ในขอ ใดท่สี ําคัญที่สุด
อกี 1,000 กวาคน การลอมครั้งน้เี ปนการใชหั ลกั จิตวิทยา ทาํ ใหค นไทยหายจาก 1. สง เสริมเรือ่ งการคา ขาย
ความหวาดกลัวพมา ท่ีเคยมมี าเมอ่ื คร้ังเสยี กรงุ โดยใชว ิธลี อมพมาอยูนาน 2. รักษาความมน่ั คงของชาติ
2 เจาพระยาจักรแี ละเจา พระยาสรุ สหี  เจา พระยาจกั รีเห็นวา พมายกมาเปน 3. เจรญิ สัมพันธไมตรกี ับตางชาติ
กองทพั ใหญ กาํ ลงั ฝา ยไทยมนี อยกวา พมา มาก จงึ ควรตั้งรับศกึ ในเมอื งพิษณุโลก 4. สงเสริมศิลปวฒั นธรรมของชาติ
และคอยกองทัพกรุงธนบุรยี กขนึ้ ไปชว ย สว นเจาพระยาสรุ สีหตอ งการไปตีพมา กอ น วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. การรกั ษาความมนั่ คงของชาตไิ ทยไวไ มใ ห
จึงรวบรวมไพรพ ลไปรบกับพมา แตก ็ตอ งถอยกลับมาเมืองพิษณุโลก เสยี เอกราช เปน บทบาทสาํ คญั ทพี่ ระมหากษตั รยิ แ ละขนุ นางทงั้ ในสมยั อยธุ ยา
3 หลบหนอี อกจากเมืองพิษณโุ ลก เพราะขดั สนเสบียงอาหาร โดยการใชว ิธีเอา และธนบรุ ยี ดึ ถอื ปฏบิ ตั ิ ดงั จะเหน็ ไดจ ากการทาํ สงครามสรู บกบั ขา ศกึ ทเี่ ขา มา
ปพ าทยข้ึนไปประโคมตามปอมเพ่ือลวงขา ศึกวาจะตอสูในเมืองใหน านวนั แลว จดั รกุ ราน ไมว า จะในสมยั สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดิ จนกอ ใหเ กดิ วรี กรรมสมเดจ็
กระบวนทัพเปน 3 กอง คือ กองหนาสาํ หรับตีฝาขาศึก กองกลางคมุ ครอบครัวราษฎร พระสรุ โิ ยทยั หรอื ในสมยั สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช และสมยั สมเดจ็ พระเจา
และกองหลงั ไวป องกันทายกระบวน ตากสนิ มหาราช นอกจากน้ี ในบางสมยั เชน สมยั สมเดจ็ พระนารายณ
มหาราช กท็ รงใชน โยบายการดงึ ฝรง่ั เศสมาถว งดลุ อาํ นาจกบั ฮอลนั ดา
112 คมู ือครู จนลดอทิ ธพิ ลของฮอลนั ดาทก่ี าํ ลงั คกุ คามไทยลงไปได เปน ตน

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Expand Evaluate

ขยายความเขา ใจ Expand

ต่อมาใน พ.ศ. ๒๓๒๓ กัมพูชาเกิดการจลาจล เจ้าพระยาสุรสีห์เป็นทัพหน้า โดยสมเด็จ 1. ครูใหน กั เรียนจดั ทาํ แผน พบั เกยี่ วกบั
เยจังา้ มพิทรันะยจาะมไดห้เามกือษงตัพรนยิ มศ์ เกึปเญปน็ 1จแา� มตท่ ้อพั งยใหกญทพัย่ กกทลพับั เไพปรตากี ะมั กพรุงชู ธาน บไดุรีเเ้ กมดิอื กงเาสรยีจมลาราจฐล เมอื งบนั ทายเพชร “บคุ คลสาํ คญั ในประวตั ศิ าสตรไ ทยสมยั ธนบรุ ”ี
ตลอดระยะเวลาที่รับราชการในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เจ้าพระยาสุรสีห์ได้ โดยขอ มูลประกอบดว ย ชีวประวัติ ผลงาน
ปฏิบัติภารกิจในการป้องกันรักษาบ้านเมืองด้วยการท�าสงครามกับข้าศึกร่วมกับสมเด็จเจ้าพระยา สาํ คญั และการนาํ คณุ ความดมี าเปน แบบอยาง
มหากษตั รยิ ศ์ ึก (ทองดว้ ง) มาโดยตลอดอย่างไมย่ ่อท้อ ประดุจดัง่ เป็นพระกรขา้ งซ้ายของสมเด็จ ในการดาํ เนินชวี ติ สงครผู สู อน
พระเจ้าตากสินมหาราช ขณะท่ีสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ผู้เป็นพ่ีชายเป็นพระกรข้างขวา
เกียรติคุณของเจ้าพระยาสุรสีห์สมควรที่จะเป็นแบบอย่างแก่อนุชนรุ่นหลังในการรักษาบ้านเมือง 2. ครใู หน กั เรยี นทาํ กิจกรรมที่ 4.2 จากแบบวัดฯ
ของตนใหพ้ น้ จากภัยพบิ ัตแิ ละการรกุ รานจากศตั รูภายนอกได้เป็นอย่างดี ประวตั ศิ าสตร ม.2

กล่าวโดยสรุป ในสมัยอยุธยาและสมัยธนบุรีมีบุคคลท้ังที่เป็นพระมหากษัตริย์ ใบงาน ✓ แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ
พระราชวงศ์ ขุนนาง และชาวต่างชาติบางคนได้สร้างสรรค์ผลงานท่ีมีคุณค่าต่อสังคมไทย ประวัติศาสตร ม.2 กิจกรรมท่ี 4.2
สมัยอยธุ ยาและสมยั ธนบุรีเปน็ อย่างยงิ่ สมควรทจี่ ะนา� ไปเป็นแบบอย่างสา� หรับการช่วยเหลือ หนวยท่ี 4 ประวัตแิ ละผลงานของ
สังคมไทยและประเทศชาติต่อไป บุคคลเหล่านี้ได้สร้างสรรค์สิ่งที่มีคุณค่าหลายอย่าง เช่น บคุ คลสาํ คญั ในการสรา งสรรคชาติไทย
ด้านการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
รวมทง้ั การเสย่ี งชวี ติ ทา� สงครามปอ้ งกนั บา้ นเมอื งใหพ้ น้ จากการรกุ รานของอรริ าชศตั ร ู เปน็ ตน้ กจิ กรรมท่ี ๔.๒ ใหนักเรียนเตมิ ขอความในชอ งวางใหถ กู ตอง (ส ๔.๓ ม.๒/๓) คะแนนเต็ม คะแนนท่ีได
ภารกิจท่ีส�าคัญเหล่านี้ล้วนแต่เป็นประโยชน์ต่ออนุชนรุ่นหลังทั้งส้ิน ผลงานต่างๆ ของบุคคล
ส�าคัญในราชอาณาจักรไทยสมัยอยุธยาและสมัยธนบุรีล้วนแต่บังเกิดขึ้นด้วยความรักและ ñð
หวงแหนในแผน่ ดนิ ทบี่ คุ คลสา� คญั เหลา่ นไี้ ดก้ า� เนดิ และใชเ้ ปน็ ถนิ่ พา� นกั ทง้ั ตลอดชวี ติ และในชว่ ง
เวลาหนึ่ง ถงึ แม้วา่ บางคนอาจจะมใิ ช่เปน็ คนไทยโดยสายเลอื ดกต็ าม แต่การท่ีบุคคลเหล่านี้ได้ ๑. …ส…ม…เด…็จ…พ……ระ…ร…า…ม…า…ธ…ิบ…ด…ีท…ี่ …๑…(…อ…ทู …อ…ง…)……ทรงสถาปนากรงุ ศรีอยุธยาเปน ราชธานี เมอ่ื พ.ศ. ๑๘๙๓
สรา้ งสรรคผ์ ลงานอนั มคี ณุ คา่ ส�าหรบั คนไทยสมยั หลงั ตอ่ มา จงึ สมควรทค่ี นไทยจะยดึ ถอื ไวเ้ ปน็ และไดทรงนาํ เอารูปแบบการปกครองแบบ.........................จ....ต....สุ....ด....ม...ภ..................................จากเขมรมาปรับใช
แบบอยา่ งตลอดไป ๒. …ส…ม…เด……จ็ พ……ร…ะบ……รม…ไ…ต…ร…โ…ล…ก…น…า…ถ…..ไดท รงปฏริ ปู การปกครองครง้ั สาํ คญั ซงึ่ ไดก ลายเปน รากฐานของ
การปกครองอาณาจกั รตอ มา โดยไดต ง้ั อคั รมหาเสนาบดี ๒ ตาํ แหนง คอื ……………พ…ร…ะ…ส…ม…ุห…ก…ล…า…โ…ห…ม………
.ร...บั....ผ....ิด....ช...อ...บ.....ก...จิ....ก....า...ร...ฝ....า..ย....ท....ห....า...ร......แ...ล....ะ..ส.....ม...หุ....น.....า..ย....ก....ร...ับ....ผ....ิด....ช...อ...บ.....ก....ิจ...ก....า...ร...ฝ....า ..ย....พ....ล....เ..ร...อื....น...............................................................

๓. ทรงแตงพระองคเปนชายทรงพระคชาธารออกศึก ขณะท่ีมีการกระทํายุทธหัตถี คชาธาร
ของพระสวามีเสียที……………ส……มเ…ด…็จ…พ…ร…ะ…ส…รุ …โิ …ย…ท…ัย…………….จึงทรงขับพระคชาธารเขาขวาง จึงโดน
………………พ…ร…ะเ…จ…า…แป……ร……………ฟนสิน้ พระชนมบ นคอชา ง
๔. …ส…ม…เด…จ็…พ…ร…ะ…น…เ…ร…ศ…ว…รม…ห……าร…า…ช……..ไดทําการประกาศอิสรภาพของกรุงศรีอยุธยาไมขึ้นกับหงสาวดี
ที่เมืองแครง เมอื่ ………พ….…ศ….…๒…๑…๒…๗………..พรอมกับอพยพคนไทยกลับกรงุ ศรอี ยุธยา
๕. ในสมัย…ส…ม…เ…ด…็จ…พ…ร…ะ…น…า…ร…าย…ณ……ม…ห…า…รา…ช…..เสด็จขึน้ ครองราชย เปน ชว งทอ่ี ยุธยาเริม่ ถูกคกุ คามจาก
ชาตติ ะวนั ตก เชน .......โ...ป....ร...ต....เุ..ก....ส.......ฮ...อ....ล....นั....ด....า......อ...ัง....ก....ฤ...ษ.......ฝ....ร...งั่....เ.ศ....ส..............................................................................................
เฉฉบลบั ย ๖. ออกญาวิไชเยนทร ไดคิดวางแผนรวมกับฝร่ังเศส เพื่อขยายอิทธิพลเขาครอบครองอยุธยา

ทําให………ส……มเ…ด…็จ…พ…ร…ะ…เพ…ท……ร…าช…า…………ทําการกวาดลางอิทธิพลฝรั่งเศสออกจากอยุธยาจนหมดใน
พ.ศ. ๒๓๓๑................................................................................................................................................................................................................................................

๗. คณะราชทตู ของอยุธยาโดยมี…อ…อ…ก…พ…ร…ะ…ว…สิ …ทุ …ธ…ส…นุ …ท……ร…(…ป…า…น…)..เปน หัวหนาคณะ เดินทางไปเจริญ
พระราชไมตรกี ับฝรัง่ เศส ไดเ ดนิ ทางถึงกรุงปารีสวนั ที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๒๒๙ ไดรบั การ
ตอ นรับอยางดจี าก พระเจา หลุยสท ี่ ๑๔...............................................................................................................................................................................................
๘. ชาวฝรงั่ เศสชอื่ ………………ล…า…ล…แู …บ…ร… ………………หวั หนา คณะทตู เดนิ ทางมาอยธุ ยาเพอื่ เจรจาทางการคา
และศาสนา เปน ผบู นั ทกึ เรอื่ งราวตา งๆ เกย่ี วกบั อาณาจกั รอยธุ ยา จนตอ มาไดก ลายเปน หลกั ฐาน
ทางประวัติศาสตรท ี่มีคุณคา มกี ารตีพมิ พและแปลเปน ภาษาไทยเรยี กวา.จ...ด....ห....ม...า...ย...เ..ห....ต...ุล....า...ล...แู...บ.....ร...
๙. ………ฟ…า…น……ฟ…ล…ีต……ห…ร…ือ…วัน……ว…ล…ิต……..พอคาชาวฮอลันดาและพนักงานบริษัทอินเดียตะวันออกของ
ฮอลนั ดาเปน ผทู ป่ี ฏบิ ตั ติ ามกฎหมายและขนบประเพณขี องอยธุ ยาอยา งเครง ครดั เปน คนฉลาด
เขยี นหนังสอื เกงไดเขียนหนังสอื ทร่ี จู ักกนั คือ...........พ....ง....ศ....า..ว...ด....า...ร...ก....ร....งุ...ศ....ร...ีอ....ย...ุธ....ย...า......ฉ....บ....บั....ว...นั.......ว...ล....ติ................
ปจ จุบันเปน หลกั ฐานทางประวัตศิ าสตรท สี่ ําคัญ
๑๐. ………………ห…ล…ว…งพ……ิชัย…อ…า…ส…า……………..ไดติดตามรวมรบกับพระยาตาก (สิน) อยางกลาหาญ ถึงแม
ครง้ั หนงึ่ เคยรบจนดาบหักมาแลว แตก ส็ ูไ มถอยจนไดรับสมญาวา ..............พ....ร...ะ...ย...า...พ....ชิ...ัย....ด....า..บ.....ห...กั.................

๔๘

3. ครใู หนกั เรียนตอบคําถามประจําหนว ย
การเรียนรู

ตรวจสอบผล Evaluate
11๓ ครตู รวจแผน พบั เก่ยี วกับ “บุคคลสําคัญ
ในประวตั ิศาสตรไทยสมยั ธนบรุ ี”
แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด
นักเรยี นควรรู
การศกึ ษาถึงพระราชกรณยี กิจของพระมหากษัตริยอ งคสาํ คญั มีประโยชน
ตอนกั เรยี นในประเดน็ ใดมากที่สดุ 1 เมืองพนมเปญ สืบเน่อื งจากฟา ทะละหะ (มู) ผูส าํ เรจ็ ราชการของเขมร
ไดอพยพครอบครวั ไปอยูเมอื งพนมเปญ แลว ไปขอความชวยเหลอื จากกองทพั ญวน
1. เหน็ คณุ คาของพระมหากษตั รยิ  ที่เมืองไซงอ น ญวนไดย กทพั เรือมาท่ีเมืองพนมเปญ กองทพั เจาพระยาสรุ สหี ไดย ก
2. ตระหนกั ในความสําคญั ของบรรพบุรษุ ตามลงไปหลงั จากทราบวา ทพั ญวนมาอยูที่เมอื งพนมเปญ แตต ั้งคายคอยคําสัง่ จาก
3. ไดท ราบถึงแบบอยางการดาํ รงชวี ิตท่ดี ี แมทพั ใหญอยู ยังไมไ ดร บกับญวน
4. รแู ละเขา ใจประวัติศาสตรไ ทยไดดีย่งิ ขน้ึ
บรู ณาการอาเซียน
วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. ในสมัยอยุธยาและธนบุรี พระมหากษตั รยิ 
ครใู หนักเรยี นสืบคน ขอ มูลเกีย่ วกับประวตั ิและผลงานของบุคคลสําคัญ
เปนผมู อี าํ นาจสงู สุดในการปกครองพระราชอาณาจกั ร ทรงบาํ เพ็ญพระราช- ในประวัตศิ าสตรข องประเทศสมาชิกอาเซยี นทเี่ กิดรวมสมยั อยุธยา หรือสมยั ธนบรุ ี
กรณียกิจทีส่ รา งคุณประโยชนใหแ กบ านเมอื งและราษฎร ดังนัน้ การศึกษา เชน พระเจาบุเรงนองแหง พมา พระเจา ไชยเชษฐาธริ าชแหง ลานชา ง เปนตน
เกยี่ วกบั พระราชกรณยี กิจของพระองค ก็ยอ มทําใหค นรนุ หลงั ไดรแู ละเขา ใจ โดยบันทกึ ลงสมุดจดงานสงครูผูสอน เพื่อท่ีนักเรยี นจะไดเรยี นรเู กี่ยวกับบคุ คลสําคัญ
ในประวัตศิ าสตรไ ทยในชว งเวลาดังกลาววา เกดิ เหตกุ ารณอะไรขึ้นบา ง ในประวัติศาสตรข องประเทศเพ่อื นบานไดเขาใจมากข้นึ
หรอื พระมหากษตั รยิ ทรงใชน โยบายอะไรในการปกครองบา นเมอื ง
คูมือครู 113

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Elaborate
Evaluate Evaluate
ตรวจสอบผล

ครตู รวจสอบความถกู ตอ งในการตอบคําถาม ค าํ ถามประจ าํ หนว่ ยการเรียนรู้
ประจาํ หนว ยการเรียนรู
๑. สมเดจ็ พระรามาธบิ ดีที ่ ๑ (อทู่ อง) ทรงจดั วางรปู แบบการปกครองอาณาจักรในลักษณะใด
หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู ๒. ก ารปฏริ ปู การปกครองในสมยั สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถกอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชนต์ อ่ บา้ นเมอื ง

1. การแสดงละครเกีย่ วกับชีวประวตั ิของ อยา่ งไร
บุคคลสาํ คญั ในประวตั ิศาสตรไทยสมยั อยุธยา ๓. บทบาทส�าคัญของสมเด็จพระสรุ โิ ยทัยท่คี วรคา่ แกก่ ารยกย่องคอื อะไร
๔. ส มเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงท�าศึกสงครามในตลอดรัชสมัยของพระองค์ ก่อให้เกิด
2. แผน พับเกี่ยวกบั “บุคคลสาํ คญั ใน
ประวัติศาสตรไ ทยสมัยธนบุร”ี ประโยชนต์ อ่ อาณาจักรอยา่ งไร
๕. สมเดจ็ เจา้ พระยามหากษัตริยศ์ ึก (ทองด้วง) และเจ้าพระยาสรุ สหี ์ (บุญมา) ทรงมบี ทบาท

ส�าคญั ทางดา้ นการปกครองในสมัยธนบุรีอย่างไร
๖. บนั ทกึ ของ ลา ลแู บรแ์ ละเยเรเมยี ส ฟาน ฟลตี มปี ระโยชนต์ อ่ การศกึ ษาประวตั ศิ าสตร์ไทย

สมัยอยุธยาอย่างไร

กิจกรรมสร้างสรรคพ์ ัฒนาการเรียนรู้

กิจกรรมท่ี ๑ ใหน้ กั เรยี นแตง่ กลอนยกยอ่ งเชดิ ชบู คุ คลสา� คญั ในสมยั อยธุ ยาหรอื สมยั ธนบรุ ี
มา ๑ ทา่ น แล้วออกมานา� เสนอหนา้ ชนั้ เรียน

กจิ กรรมที่ ๒ ใหน้ กั เรยี นไปศกึ ษาคน้ ควา้ ประวตั แิ ละผลงานของบคุ คลสา� คญั ในสมยั อยธุ ยา
หรือสมัยธนบุรนี อกเหนือจากในหนังสือเรยี นมา ๑ ท่าน แลว้ นา� มาจัดแสดง
ทปี่ า้ ยนเิ ทศหน้าชนั้ เรียน

กิจกรรมที่ ๓ ให้นักเรียนเขียนเรียงความเก่ียวกับ “วีรกรรมของบุคคลส�าคัญในดวงใจ”
อาจจะเป็นบุคคลส�าคัญในสมัยอยุธยาหรือสมัยธนบุรีก็ได้ ความยาวไม่เกิน
๑ หนา้ กระดาษรายงาน

114

แนวตอบ คําถามประจาํ หนว ยการเรยี นรู
1. การปกครองแบบจตสุ ดมภ ท่ีรับอทิ ธิพลจากเขมรมาปรบั ใชในการบริหารราชการแผน ดนิ รวมทั้งการรับคติความเชื่อแบบสมมตเิ ทพจากเขมรมาใช ทาํ ใหส ถาบัน

พระมหากษตั รยิ เ ปนศูนยร วมแหง อํานาจและเปนหลักยดึ เหน่ยี วจิตใจของราษฎรในอาณาจกั ร
2. ทําใหการปกครองอาณาจกั รมีความเปน ระบบระเบยี บและรัดกมุ ยิง่ ขน้ึ ซ่งึ เหมาะสมแกการเปนอาณาจักรขนาดใหญของอยุธยา
3. การเสยี สละชวี ิต เพอ่ื รักษาและเทดิ ทูนพระมหากษตั รยิ ในฐานะทท่ี รงเปน ประมุขของราชอาณาจักร
4. ทาํ ใหอาณาจักรมคี วามมัน่ คงเปนปก แผน และมอี าณาเขตกวางขวาง
5. การทําศกึ สงครามตามพระบรมราชโองการของสมเด็จพระเจา ตากสินมหาราช ไมว า จะเปนการปราบปรามภายใน เชน การปราบชุมนุมเจา พมิ าย ชุมนุมเจา พระฝาง

หรอื การปอ งกนั การรกุ รานจากขาศึกภายนอก เชน การยกทพั ไปตเี ขมรใน พ.ศ. 2312 ตเี มืองเชียงใหมค ืนจากพมาใน พ.ศ. 2317 สูศกึ อะแซหวนุ ก้ีใน พ.ศ. 2318
ตเี มอื งเวียงจนั ทนใ น พ.ศ. 2321 เปนตน
6. บันทึกของลาลูแบร และฟาน ฟลีต มปี ระโยชนใ นฐานะเปน หลักฐานสาํ คญั ท่ีนํามาใชในการศกึ ษาประวัตศิ าสตรไทยสมัยอยธุ ยาเปนพน้ื ฐาน โดยเปน ทศั นะของ
ชาวตางชาติ ซ่งึ ผูสนใจศกึ ษาประวตั ศิ าสตรอยุธยาจะตองใชหลักฐานประเภทอ่ืนๆ มาประกอบดวย เพื่อความถูกตอ งและนา เช่อื ถอื มากขน้ึ

114 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expore Explain
Engage Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
๕หนวยการเรยี นรู้ที่
ทีต่ ัง้ และ 1. อธบิ ายทตี่ ัง้ และสภาพภมู ิศาสตรท ม่ี ผี ลตอ
สภาพภูมิศาสตร พฒั นาการการต้ังถิ่นฐานของประชากร
ท่มี ีผลตอพฒั นาการ ในภมู ิภาคเอเชยี ได
ของทวปี เอเชีย
2. อธิบายพฒั นาการทางประวัตศิ าสตรท างดา น
การเมืองการปกครอง เศรษฐกจิ และสังคม
ของภมู ิภาคเอเชยี ได

ตวั ชว้ี ัด สมรรถนะของผูเรยี น

● อธิบายพัฒนาการทางสังคม เศรษฐกจิ และ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
การเมืองของภูมภิ าคเอเชีย (ส ๔.๒ ม.๒/๑) 2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใชท กั ษะชวี ิต

สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง คุณลักษณะอันพงึ ประสงค

● ที่ตั้งและสภาพทางภูมิศาสตรของภูมิภาค 1. มีวนิ ัย
ตา งๆ ในทวปี เอเชยี (ยกเวน เอเชยี ตะวนั ออก- 2. ใฝเ รียนรู
เฉยี งใต) ท่ีมีผลตอ พฒั นาการโดยสงั เขป 3. ซื่อสัตยส ุจริต
4. มุง ม่ันในการทาํ งาน
● พฒั นาการทางประวตั ศิ าสตร สงั คม เศรษฐกจิ
และการเมอื งของภมู ภิ าคเอเชยี (ยกเวน เอเชยี แมน ํา้ คงคา เมืองพาราณสี ประเทศอนิ เดยี กระตนุ ความสนใจ Engage
ตะวันออกเฉยี งใต)
·ÇÕ»àÍàªÕÂÁÕ¾é×¹·èաnjҧãËÞ‹áÅÐÁÕÊÀÒ¾·Ò§ÀÙÁÔÈÒʵÏ·Õè
ËÅÒ¡ËÅÒ ¾é×¹·Õèã¹·ÇÕ»àÍàªÂÕ áº‹§Í͡໚¹ õ ÀÙÁÔÀÒ¤ ä´áŒ ¡‹ ครใู หน กั เรียนดูภาพหนา หนว ยและบอกความ
àÍàªÂÕ µÐÇ¹Ñ ÍÍ¡ àÍàªÂÕ µÐÇ¹Ñ ÍÍ¡à©ÂÕ §ãµŒ àÍàªÂÕ ãµŒ àÍàªÂÕ µÐÇ¹Ñ µ¡ สําคญั ของสถานทีใ่ นภาพ
à©Õ§㵌 áÅÐàÍàªÕ¡ÅÒ§ ã¹Ë¹‹Ç¹Õé¨Ð¡ÅÒ‹ Ç੾ÒÐ ô ÀÙÁÀÔ Ò¤
¡àǹŒ àÍàªÕµÐÇѹÍÍ¡à©ÂÕ §ãµŒ«Öè§àÃÕ¹¼‹Ò¹ä»áÅŒÇ㹪¹éÑ Á.ñ (แนวตอบ เมืองพาราณสี อยใู นประเทศอินเดยี
มคี วามสาํ คัญในฐานะเปนเมืองเกาแกท ม่ี ี
¡ÒÃÁÕ·èÕµÑé§áÅÐÊÀÒ¾ÀÙÁÔÈÒʵÏ·Õèᵡµ‹Ò§¡Ñ¹Â‹ÍÁÁռŵ‹Í ประวตั คิ วามเปน มายาวนานกวา 4,000 ป
¾Ñ²¹Ò¡Ò÷èÕᵡµ‹Ò§¡Ñ¹¢Í§áµ‹Åоé×¹·èÕ àª‹¹ ºÃÔàdz·ÕèÃҺŋØÁ เปน เมอื งที่มแี มนํา้ คงคาอนั ศักดส์ิ ิทธ์ไิ หลผา น
áÁ¹‹ Òíé ໹š áËŧ‹ ·ÁÕè ¼Õ ¤ŒÙ ¹ÍÒÈÂÑ ÍÂ͋٠ÂÒ‹ §Ë¹Òá¹¹‹ ÁÒµ§éÑ áµÍ‹ ´µÕ ¨§Ö ÁÕ จงึ เปน ท่แี สวงบญุ ของทง้ั ชาวฮินดแู ละชาวพทุ ธ
¡ÒÃÊÌҧÊÃ䏤ÇÒÁà¨ÃÔÞáÅÐÁվѲ¹Ò¡ÒÃÊÙ§¡Ç‹ÒºÃÔàdz·èÕ໚¹ ท่วั โลก)
·ÐàÅ·ÃÒ ·§Ø‹ ËÞÒŒ «§Öè ÁÕ»ÃЪҡÃàºÒºÒ§ à»¹š µŒ¹ ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃÙ·Œ èµÕ ѧé
áÅÐÊÀÒ¾ÀÙÁÔÈÒʵϨзíÒãËŒ¹Ñ¡àÃÕ¹ࢌÒ㨾Ѳ¹Ò¡Òâͧ·ÇÕ»
àÍàªÂÕ ä´Œª´Ñ ਹÂÔ§è ¢éÖ¹

เกรด็ แนะครู

ครูควรจัดกจิ กรรมการเรียนรูเพ่ือใหนักเรยี นสามารถอธิบายพฒั นาการทางสังคม
เศรษฐกจิ และการเมืองของทวีปเอเชยี ได โดยเนน การพัฒนาทักษะกระบวนการ
ตา งๆ ทสี่ าํ คัญ ไดแ ก ทักษะการคิด ทกั ษะการนาํ เสนอขอ มลู และกระบวนการ
สืบสอบ ดังตัวอยา งตอ ไปน้ี

• ครใู หน กั เรยี นศึกษาเกี่ยวกบั พฒั นาการทางประวัติศาสตรของภูมิภาคเอเชยี ใต
จากหนังสอื เรยี นและแหลง การเรยี นรตู า งๆ แลวอธิบายความรู โดยการ
อภปิ รายและตอบคาํ ถามทค่ี รกู ําหนด จากน้นั คนควา ขอมูลเพ่ิมเติมเพื่อจดั ทาํ
เสน เวลา (Timeline) แสดงเหตุการณสาํ คัญทางประวัติศาสตรใ นพัฒนาการ
ของภมู ภิ าคเอเชยี ใต ทม่ี ีภาพและรายละเอียดขอมูลพอสงั เขป

คูม ือครู 115

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate

กระตนุ ความสนใจ Engage

ครกู ระตุน ความสนใจของนักเรียนดว ยการ ทะเลเบ ิรง ทะเลโอคอตส ์ค ๓๐ ๑๐ ๑๐
ใหนกั เรียนดูแผนทีท่ วปี เอเชยี จากหนงั สอื เรียน ๕๐ ๔๐ ๒๐ ๐
หนา 116 จากนน้ั ตง้ั คาํ ถามกระตนุ ความสนใจ เชน
ก.ฮกไกโด 1 ทะเลจีนใต้ ออสเตรเลีย ๑๑๐ ๑๒๐ ๑๓๐ ๑๔๐
• ทวีปเอเชยี มกี ภ่ี ูมิภาค อะไรบา ง
• ภมู ิภาคทน่ี ักเรยี นอาศัยอยคู ือภูมิภาคอะไร ี่ญ ุปน โตเ ีกยว ท ะ เ ล เ ห ลื อ งม ห า ส ุม ท ร แ ป ิซ ิฟ ก
• ทวปี เอเชียประกอบดว ยประเทศใดบา ง
• ทวปี เอเชียมีขนาดใหญเปน อันดบั ทีเ่ ทา ใด 2 มะ ินลา ิด ีล
ฟลิป ปนส
ของโลก เกาห ีลเหนือ หางโจว ดาเวา
เโกซาลหลีใ ้ต ไ ้ตห ัวน

สาํ รวจคน หา Explore เปียงยาง มาเ ักลวเล ีซาสิยัลงมคเโปปอ ร์ร ก.บอ รเนียว ิอ น โด นี เ ีซ ย

แผนที่แสดง ี่ท ั้ตงและอาณาเขตของประเทศในทวีปเอเชีย เวยี ดนาม จากา ์รตา
๐ ๒๐ ๔๐ ๖๐ ๘๐ ๑๐๐ ๑๒๐ ๑๔๐ ๑๖๐ ฮานอย
1. ครเู กร่ินนําเกยี่ วกบั ลักษณะโดยรวมของทวปี ก.กรีนเเลนด อูลานบาตอ ์รีจน ลาวเวียงจันท ์น ๑๐๐
เอเชยี พอสงั เขป ไทย
ก.ไอซเเลน ดม ห า ส มุ ท ร อ า ร์ ก ติ ก มองโกเลีย
2. จากน้ันครูใหนกั เรยี นแบง กลุม กลุมละ 5-6 คน ักม ูพชา
คละกนั ตามความสามารถ ประกอบดว ย ลาซา พนมเปญ
เกง ปานกลางคอ นขางเกง ปานกลาง ูภฏาน ุคนห ิมง
คอ นขางออ น และออ น เพื่อศึกษาเก่ยี วกบั บังกลาเทศเมียนมา เ ืมองหลวง ๙๐
ภมู ิภาคเอเชียตะวนั ออกจากหนงั สอื เรยี น ่อาวเบงกอล เ ืมอง ํสาคัญ
หนา 117-124 และจากแหลงการเรยี นรตู า งๆ
เพ่ิมเตมิ เชน หองสมดุ กลุมสาระ หองสมุด ัร ส เ ซี ย ินวเด ีล เนปาล อินเ ีดย ม ห า ส ุม ท ร ิอ น เ ดี ย ศ ีร ัลงกาัมล ีดฟส โค ัลมโบ ๘๐
โรงเรยี น ขอมูลทางอนิ เทอรเ นต็ เปน ตน มาเล
ในประเด็นตอไปนี้ อัสตานา คา ัซคสถาน คูเวต อิหราน ัอฟกานิสถาน อิสลามาบัด มุมไบ
• ทต่ี ง้ั และสภาพภูมิศาสตรท ่มี ผี ลตอ อเาติชรกกเามุอบันิซเตสบถกิาสนถานทา ูดชชเาทคานนเจิต์บกิบิสชเถคากน
พัฒนาการการต้ังถ่นิ ฐานของประชากร ปากีสถาน ซาอุดีอาระเ ีบย สห.เอมิเรต ์ส มัสกัต การา ีจ ๗๐
• พฒั นาการทางประวัติศาสตรข องเอเชีย คาบูล
ตะวันออก ทะเลอาห ัรบ

ทะเลเเคสเ ปยน ๖๐
ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนิอสราเเอลไลบซาปรันจสอ ัออนรงเเกดาซีรนเตุารีรย ีกแอิรับกกอเาเรเดมจดเอนีรเย ีจไยอบาเเจตซาหอน ระราน
ยุ โ ร ป มอสโก รอสตอฟ ิรยาด บา ์หกเรานตาร นซานา เยเมน โอมา

ทะเลเเดง ๓๐ ๔๐ ๕๐

๕๐
๔๐
๓๐
๒๐
๑๐

๑๐

๑๑1๖1๖

เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET

ครอู าจนําลกู โลกจาํ ลองหรือแผนทีท่ วปี เอเชยี มาใหน ักเรยี นดู แลวอธบิ ายให ทวปี เอเชยี มที ําเลทีต่ ัง้ และมีความสาํ คัญตอ โลกอยา งไร
นกั เรียนเขาใจเก่ยี วกบั ลกั ษณะทําเลทตี่ ัง้ และอาณาเขตตดิ ตอ ของทวปี เอเชยี เพื่อท่ี แนวตอบ ทวีปเอเชยี เปน ทวีปทม่ี พี น้ื ที่มากทสี่ ุดและมจี าํ นวนประชากร
นกั เรียนจะไดเ ขา ใจในเนือ้ หาสาระมากข้นึ มากทส่ี ุดในโลก โดยมีอาณาเขตทางเหนือจดมหาสมุทรอารก ตกิ ทางใต

จดมหาสมทุ รอินเดีย ทางตะวันออกจดมหาสมทุ รแปซฟิ ก และชองแคบเบรงิ
สว นทางตะวนั ตกจดทวีปยุโรป โดยมีเทอื กเขายรู ัล ทะเลแคสเปยน
นักเรยี นควรรู และทะเลดําคน่ั อยู แบงพืน้ ทีอ่ อกเปน 5 ภูมิภาค ไดแก เอเชยี ตะวนั ออก

1 โตเกียว แปลวา เมอื งหลวงตะวนั ออก เดมิ คอื เมืองเอโดะ เปนศูนยกลางการเมือง เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต เอเชียใต เอเชยี ตะวันตกเฉยี งใต และเอเชียกลาง
การปกครองของญป่ี นุ มาตั้งแต ค.ศ. 1603 จนถึงปจ จุบนั เปน ทต่ี ัง้ ของพระราชวัง ซ่งึ ตางมลี ักษณะทางภูมศิ าสตรท ีแ่ ตกตา งกันไป สาํ หรบั ความสาํ คญั นัน้
อมิ พเี รยี ล (ในอดตี คอื ปราสาทเอโดะ) ท่ปี ระทบั ของจกั รพรรดิ รายลอ มดวย ทวปี เอเชยี เปน ดนิ แดนทีม่ ีวฒั นธรรมและอารยธรรมเกา แกสบื ตอเน่ืองมาเปน
ตกึ รัฐสภา กระทรวง และยานธรุ กจิ เวลายาวนาน โดยเฉพาะเปนแหลงกาํ เนิดอารยธรรรมทสี่ ําคัญของโลก ไดแ ก
2 ปกก่ิง เดิมชื่อวา เปย ผิง แปลวา สันตภิ าพแหงทศิ เหนือ ตอ มาจงึ เปลี่ยนเปน อารยธรรมเมโสโปเตเมีย อารยธรรมอนิ เดีย อารยธรรมจีน อารยธรรมอสิ ลาม
เปย จงิ แปลวา เมืองหลวงแหงทิศเหนอื ซง่ึ ตรงกบั ตาํ แหนง ทต่ี งั้ ของเมอื ง ในอดตี ซึ่งอารยธรรมเหลา นก้ี ็ไดมคี วามเจรญิ รุงเรืองมาเปน เวลานาน และมอี ทิ ธพิ ล
เคยเปน เมอื งสําคัญทางการคา ของชาวมองโกล ปจจบุ นั ปกก่ิงเปน เมอื งหลวงของจีน ไมเ ฉพาะแตผคู นในภูมิภาคนั้นๆ เทาน้นั แตยงั สงผลตอภูมิภาคอื่นดวย

116 คมู ือครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

ñ. ÀÙÁÔÀÒ¤àÍàªÂÕ µÐÇ¹Ñ ÍÍ¡ 1. ครใู หแตละกลมุ สงตวั แทนออกมานําเสนอ
สาระสาํ คัญทห่ี นาชั้นเรียน และใหเ พ่ือนๆ
เอเชียตะวันออก หมายถึง ดินแดนท่ีอยูทางตะวันออกของทวีปเอเชีย ดินแดนนี้ถือเปน ทมี่ ีขอสงสัยซกั ถามและอธบิ ายจนทุกคนเกดิ
แหลง อารยธรรมทสี่ าํ คญั และเกา แกแ หง หนงึ่ ของโลก มมี นษุ ยต งั้ ถน่ิ ฐานอาศยั อยมู าตง้ั แตส มยั กอ น ความเขาใจ
ประวตั ศิ าสตร และเปน ดนิ แดนทีม่ คี วามสําคัญมาจนถึงปจจุบัน
2. ครตู ้งั คาํ ถามและใหน ักเรยี นตอบ เชน
เอเชียตะวนั ออก : ประเทศ เมืองหลวง เนอ้ื ท่ี และประชากร พ.ศ. ๒๕๕๘ • ภมู ิภาคเอเชยี ตะวนั ออกประกอบดวย
ประเทศตางๆ กป่ี ระเทศ อะไรบา ง
ช่ือประเทศ เมอื งหลวง เนอ้ื ท่ี ประชากร แผนท่ภี มู ิภาคเอเชียตะวนั ออก (แนวตอบ 5 ประเทศ ไดแก สาธารณรัฐ
(ตร.กม.) (ลานคน) ประชาชนจีน มองโกเลีย สาธารณรฐั
ประชาธปิ ไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลเี หนอื )
๑. จนี ปกกงิ่ ๙,๕๘๓,๐๐๐ ๑,๓๗๙.๙ มหาสมทุ รอารกตกิ สาธารณรฐั เกาหลี (เกาหลใี ต) และญี่ปุน
(เปยจงิ ) สวนไตห วนั รัฐบาลจนี ถอื วาไตหวันเปน
1 ไทเป ๓๕,๗๖๐ ๒๓.๕ สหพันธรฐั รัสเซยี สว นหนึ่งของจีน)
• อาณาเขตของภมู ิภาคเอเชียตะวันออก
ไตห วนั ทวปี ยุโรป ติดตอกบั พนื้ ทใ่ี ดบา ง
(สว นหนงึ่ (แนวตอบ ทางเหนอื จดสหพันธรัฐรัสเซยี
ของจนี ) ทะเลดาํ ทางตะวนั ออกจดมหาสมุทรแปซิฟก
ทางตะวันตกจดภูมภิ าคเอเชยี ตะวนั ตก
๒. มองโ2กเลีย อูลานบาตอร ๑,๕๖๕,๐๐๐ ๓.๐ มหาสมุทรแปซฟิ ก เฉียงใตและเอเชยี กลาง และทางใตจด
๓๗๑,๙๗๓ ๑๒๖.๙ ภูมภิ าคเอเชยี ใตและเอเชยี ตะวนั ออก
๓. ญีป่ นุ โตเกียว ๑๒๐,๗๑๗ เฉียงใต)
๙๘,๔๗๗ ๒๕
๔. เกาหลเี หนอื เปย งยาง ๕๐.๗ ทะเลอาหรับ อาวเบงกอล ทะเลจีนใต
มหาสมทุ รอนิ เดยี
๕. เกาหลีใต โซล

รวม ๑๑,๗๗๔,๙๒๗ ๑,๖๐๙.๐

ทีม่ า : www.prb.org

๑.๑ ทตี่ ง้ั และสภาพภมู ิศาสตรท่มี ีผลตอพฒั นาการการตัง้ ถนิ่ ฐาน
ของประชากร
เอเชยี ตะวนั ออกเปน ภมู ภิ าคทมี่ พี นื้ ทก่ี วา งใหญท สี่ ดุ ในทวปี เอเชยี ประกอบดว ยประเทศตา งๆ
๕ ประเทศ ไดแก สาธารณรัฐประชาชนจีน
มองโกเลยี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน
เกาหลี (เกาหลีเหนือ) สาธารณรัฐเกาหลี ·èյѧé áÅÐÊÀÒ¾ÀÙÁÔÈÒʵÏ
(เกาหลีใต) และญีป่ ุน มีอาณาเขตทางเหนือจด ÁÍÕ ·Ô ¸Ô¾Åµ‹Í¡ÒõÑé§¶¹Ôè °Ò¹¢Í§»ÃЪҡÃã¹

·Ç»Õ àÍàªÕÂÍ‹ҧäúҌ §¹Ð

สหพันธรฐั รัสเซีย ทางตะวนั ออกจดมหาสมุทร
แปซฟิ ก ทางตะวนั ตกจดภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ตก
เฉยี งใตแ ละเอเชยี กลาง ทางใตจ ดภมู ภิ าคเอเชยี
ใตและเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต

๑๑๗

บรู ณาการเชอ่ื มสาระ นักเรยี นควรรู

ครูสามารถนาํ เน้อื หาเก่ยี วกบั ภูมิภาคเอเชยี ตะวนั ออก ไปบูรณาการ 1 ไตหวนั ไตห วันถือวาตนเปนประเทศ มีชอื่ เปนทางการวา สาธารณรฐั จนี
เชื่อมโยงกับสาระภูมศิ าสตร หัวขอ เครื่องมือทางภูมศิ าสตร โดยครอู ธิบาย แตรฐั บาลจีนถอื วาไตห วันเปนสวนหนง่ึ ของจีน ปญ หาจีน-ไตห วัน เกดิ จากความ
วิธกี ารใชเ ครอ่ื งมือประเภทตางๆ เชน ลูกโลก แผนทีเ่ ลม ภาพจากดาวเทยี ม ขัดแยง ทางการเมืองระหวา งพรรคคอมมวิ นสิ ตจนี กับรัฐบาลจนี คณะชาติ จนเกดิ
เว็บไซต เปนตน แลว แนะนาํ ใหนกั เรียนศกึ ษาสภาพภมู ศิ าสตรของภมู ิภาค สงครามกลางเมืองข้นึ ในจีน ระหวาง ค.ศ. 1946-1949 รฐั บาลจีนคณะชาติพา ยแพ
เอเชยี ตะวนั ออกจากเคร่ืองมอื ทางภูมศิ าสตรป ระเภทตางๆ ดงั กลา ว เพ่อื ที่ จึงอพยพไปตั้งรฐั บาลท่ีเกาะไตห วันใน ค.ศ. 1949
นักเรียนจะไดเ ลือกใชเ คร่ืองมือในการคน หาขอ มูลไดอยา งถูกตองและรวดเรว็ 2 ญป่ี นุ มีธงชาตชิ ื่อวา ฮิโนะมะรุ แปลวา ดวงอาทิตยว งกลม เน่อื งจากญี่ปุน
รวมทง้ั เกิดความรคู วามเขาใจเร่ืองราวของภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกมากย่ิงข้นึ ไดร บั สมญานามวาเปน ดนิ แดนอาทิตยอุทัย ดว ยความเชอ่ื ทว่ี า จักรพรรดขิ องญ่ีปุน
สบื เชอื้ สายมาจากพระอาทติ ย เมอื่ ญป่ี นุ เปด ประเทศใน ค.ศ. 1854 จงึ ไดพ ฒั นาธงชาติ
ของตนตามแบบอารยประเทศ โดยใชรปู ดวงอาทิตยทมี่ ีรัศมสี ีแดงบนพ้ืนขาว และใช
เร่ือยมาจนกระทงั่ ญี่ปุนพายแพใ นสงครามโลกครั้งท่ี 2 จึงไดต ดั รศั มอี อกไป เหลอื แต
วงกลมสแี ดงบนพนื้ ขาว

คมู อื ครู 117

กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expore Expand Evaluate
Engaae Explain Explain

อธบิ ายความรู

1. ครูสมุ ถามนักเรียนเก่ยี วกับลักษณะภูมิประเทศ ลกั ษณะภมู ิประเทศของภูมิภาคเอเชยี ตะวนั ออก ประกอบด้วยโครงสร้าง ๒ สว่ น ดังนี้
ของภมู ภิ าคเอเชยี ตะวันออก และอิทธิพลทีม่ ตี อ
การตัง้ ถ่นิ ฐานของประชากรในภมู ภิ าค บริเวณภาคพืน้ ทวีป บริเวณหมูเกาะ
(แนวตอบ ลกั ษณะภูมปิ ระเทศของภมู ภิ าคเอเชีย
ตะวันออกประกอบดวยโครงสราง 2 สวน ดังนี้ ประกอบด้วย จีน เกาหลีเหนือ เกาหลีใต้
1. บรเิ วณภาคพน้ื ทวปี ประกอบดว ย จนี เแทลือะกมเอขงาโแกลเละียท ่ีรามบีลสักูงษ ณเชะ่นภ ูมเิปทรือะกเทเขศาเหปิม็นาเขลตัย 1
เกาหลเี หนอื เกาหลใี ต และมองโกเลยี เทอื กเขาอัลไต เทอื กเขาคุนลุน ทรี่ าบสูงทเิ บต
มีลักษณะภมู ิประเทศเปน เทอื กเขาและ ท่ีราบสูงยูนนาน ท่ีราบสูงมองโกเลีย พ้ืนท่ี ไดแ้ ก ่ หมเู่ กาะญปี่ นุ่ (ประกอบดว้ ย ๔ เกาะ
ทร่ี าบสงู เชน เทอื กเขาหมิ าลยั เทอื กเขาอลั ไต หลายแห่งในบริเวณท่ีราบสูงเป็นเขตทุ่งหญ้า ใหญ ่ ไดแ้ ก ่ ฮกไกโด ฮนชู ชโิ กะกุ และควี ช)ู
ทีร่ าบสูงทเิ บต ท่ีราบสูงยนู นาน ทร่ี าบสงู กวา้ งใหญ ่ มปี ระชากรตงั้ ถน่ิ ฐานอยไู่ มห่ นาแนน่ หมู่เกาะคูริล เกาะแซคาลิน และเกาะไต้หวัน
มองโกเลยี เปนตน พนื้ ท่ีหลายแหงในบรเิ วณ สว่ นใหญจ่ ะเป็นกลุ่มชนเรร่ ่อน เลีย้ งสัตว ์ เช่น มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงและท่ีราบ
ที่ราบสงู เปน เขตทุงหญากวางใหญ จงึ เปน ชนเผา่ มองโกล รมิ ฝงั ทะเลแคบๆ มีแมน่ �า้ สายสนั้ ๆ ที่ไหลเช่ยี ว
ที่อยอู าศยั ของกลุมชนเรร อนเล้ียงสตั ว เชน ส�าหรับเขตท่ีราบลุ่มแม่น�้า เช่น ท่ีราบลุ่ม และมเี กาะแกง่ มากมาย ประชากรจงึ ตงั้ ถนิ่ ฐาน
ชนเผา มองโกล นอกจากนย้ี งั มเี ขตท่ีราบลุม แฉมางน่ เา�้จหียวง2า ง(แเหยองซ (แี) มแน่ ลา�้ ะเหเขลตอื ทงี่เ) ปท็นร่ี แาบอ่งลแมุ่ ผแ่นมดน่ ินา้� กระจายตัวตามท่ีราบชายฝัง ท่ีราบเชิงเขา
แมน ํา้ ทสี่ ําคัญ เชน ทรี่ าบลมุ แมนํ้าฮวงโห คือ บริเวณท่ีมีล�าน�้าไหลลงสู่ทะเลภายใน และที่ราบรมิ น�า้ ผคู้ นส่วนใหญ่ประกอบอาชพี
หรอื หวางเหอ (แมน ํา้ เหลอื ง) ท่รี าบลมุ แมน ํา้ ดังเช่น แอ่งเสฉวนในจีน มีแม่น้�าฉางเจียง ปภเูรขะามไงฟ ปเะขทตบุ ภอ่ ูเยขคารน้ัง3ี้ม สักง่ เผกลิดใแหผเ้ ก่นดิ ดกินาไรหสูญวแเสลยีะ
ฉางเจียง (แยงซ)ี ของจนี และเขตที่เปน และแม่น้า� สาขาไหลผา่ น และมอี ากาศร้อนช้นื ชวี ติ และทรพั ยส์ นิ จา� นวนมาก แตบ่ รเิ วณภเู ขาไฟ
แอง แผนดนิ ท่ีมีลาํ นํา้ ไหลลงสูท ะเลภายใน จึงมีประชากรต้งั ถ่นิ ฐานอย่หู นาแน่น บรเิ วณที่ ก็มีแร่ธาตุและดินท่ีอุดมสมบูรณ์ จึงยังคงมี
เชน แอง เสฉวนในจนี ดว ยเหตุท่ีพน้ื ท่บี รเิ วณ มีประชากรหนาแน่นที่สุดในเขตภาคพ้ืนทวีป ประชากรอาศยั อยู่
ทีร่ าบลุม แมน้ํามคี วามอุดมสมบรู ณ เหมาะ คอื บรเิ วณทร่ี าบลมุ่ แมน่ า�้ ฉางเจยี ง เพราะมดี นิ จากสภาพภมู ิประเทศทเ่ี ปน็ หมู่เกาะ ซงึ่ ใน
แกก ารเพาะปลกู จงึ มีผคู นเขามาต้งั ถน่ิ ฐาน ทีอ่ ุดมสมบูรณ ์ เหมาะแกก่ ารเพาะปลูก อดตี การเดนิ ทางไปมาระหวา่ งหมเู่ กาะคอ่ นขา้ ง
อาศยั อยอู ยางหนาแนน ลา� บากและอนั ตราย จงึ ทา� ใหป้ ระชากรตง้ั ถน่ิ ฐาน
2. บริเวณหมเู กาะ ไดแ ก หมเู กาะญี่ปุน อยู่ในดนิ แดนของตน
หมเู กาะครู ลิ เกาะแซคาลิน และเกาะไตห วัน
มลี ักษณะภมู ปิ ระเทศเปน ภูเขาสูงและท่ีราบ สา� หรบั สภาพภมู อิ ากาศของเอเชยี ตะวนั ออกเปน็ เขตอากาศอบอนุ่ ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากลมมรสมุ
รมิ ฝง ทะเลแคบๆ ท่มี แี มนํ้าสายสัน้ ๆ จงึ มีฝนตกและมพี ายุตามชายฝงั ทะเลและด้านท่รี บั ลม เชน่ ชายฝัง ทางตะวันออกเฉยี งใตข้ องจีน
ไหลเชยี่ ว และมเี กาะแกงมากมาย ประชากร เกาะไตห้ วัน หม4ู่เกาะญ่ปี ุ่น ประชากรในบริเวณน้ีจงึ มกั ประสบปัญหาวาตภยั และอุทกภยั อยูเ่ สมอ
จงึ ตัง้ ถ่ินฐานกระจายตวั ตามบรเิ วณที่ราบ ส่วนในฤดูหนาวจะได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมฤดูหนาวท่ีพัดเข้าสู่ตอนเหนือของจีน เกาหลีเหนือ
ชายฝง ที่ราบเชิงเขา และทร่ี าบรมิ น้าํ ญีป่ นุ่ บรเิ วณนี้จงึ มีอากาศหนาวเยน็ มหี มิ ะตก สว่ นตอนใตข้ องจีนมอี ากาศร้อนชืน้
และสวนใหญจ ะประกอบอาชพี ประมง)
11๘
2. ครใู หนกั เรียนในชั้นเรยี นอภิปรายรว มกันถงึ
สภาพภมู อิ ากาศของภมู ิภาคเอเชยี ตะวนั ออก
แลว วิเคราะหว ามีอิทธพิ ลตอการตัง้ ถิ่นฐาน
ของประชากรในภูมภิ าคอยา งไร

นักเรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET
บริเวณใดของภมู ภิ าคเอเชียตะวันออกท่ีมีผูคนอาศยั อยหู นาแนน ทีส่ ุด
1 เทอื กเขาหิมาลยั อยูทางตอนเหนอื ของภูมภิ าคเอเชียใต เปนปราการธรรมชาติ 1. ชายฝงรมิ ทวีป เพราะเปน พื้นท่ีอุดมสมบรู ณ
กน้ั ระหวา งเอเชียใตกับจีนทางดานตะวนั ตกเฉยี งใต 2. ลมุ แมน า้ํ ในทวปี เพราะสามารถเพาะปลูกไดดี
2 แมน ้าํ ฉางเจยี ง หรือแมน ํ้าแยงซี เปนแมนํ้าสายยาวท่สี ดุ ของจนี ไหลจาก 3. หมูเกาะริมทวปี เพราะสามารถหาอาหารทะเลได
ทางดา นตะวันตกลงสูท ะเลทางดา นตะวนั ออกของจนี เชนเดียวกบั แมน ํ้าเหลือง 4. ทร่ี าบสูงในทวปี เพราะอากาศอบอนุ ไมห นาวเกินไป
3 เกิดแผนดินไหวและภเู ขาไฟปะทุบอยครัง้ จากปญหาภยั ธรรมชาตดิ งั กลาว วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. ลุมแมนํา้ ในทวีป เชน ลุม แมนํา้ หวางเหอ
ทําใหชาวญป่ี นุ ตอ งตอสอู ยางทรหดเพ่ือความอยูรอดในการดํารงชีวิต ซง่ึ ทําให ลุม แมน้ําฉางเจยี งในจนี ลมุ แมนํ้าเหลียวและลุม แมนา้ํ ซุงการีในแมนจูเรยี
ชาวญีป่ นุ มีความเขม แข็ง อดทน ดังจะเห็นไดจากการเปนฝา ยพา ยแพใ นชวง เปน ตน บริเวณดงั กลา วมพี ื้นดนิ ทม่ี ีความอดุ มสมบูรณ มีปรมิ าณนํ้ามาก
สงครามโลกคร้งั ที่ 2 ประเทศถกู ทาํ ลายเสยี หายมาก แตภ ายในเวลาไมนานก็สามารถ สามารถเพาะปลกู ไดด ี และยังสามารถใชเปน เสน ทางคมนาคมตดิ ตอ
ฟน ฟูประเทศของตนจนกลายเปน ประเทศมหาอาํ นาจทางเศรษฐกจิ ทส่ี ําคญั ของโลก ระหวา งกันไดสะดวก จึงเหมาะแกก ารต้งั ถ่นิ ฐานของประชากรมากท่สี ดุ
4 ฤดหู นาว สาํ หรบั ฤดหู นาวในประเทศญปี่ นุ จะอยใู นชว งเดอื นธนั วาคม-กมุ ภาพนั ธ
และในชวงฤดูหนาวนี้ ญี่ปุนจะมกี ารจัดงานเทศกาลหมิ ะทยี่ งิ่ ใหญร ะดบั โลกทเ่ี มอื ง
ซปั โปโรเปนประจาํ ทุกป จุดเดนของงานอยูท่กี ารประกวดแกะสลกั หมิ ะและนํา้ แข็ง
ซงึ่ จะจดั ในชวงตน เดือนกุมภาพันธ

118 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

การทภ่ี มู ิภาคเอเชียตะวันออกมีพื้นท่ีกวา้ งใหญแ่ ละมลี กั ษณะภมู ิประเทศทห่ี ลากหลาย จงึ มี ครสู มุ นกั เรยี นออกมาอธบิ ายเกย่ี วกบั พฒั นาการ
ทรัพยากรธรรมชาตินานาชนิดแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ เช่น ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ในมองโกเลีย ดา นการเมืองการปกครองของภมู ภิ าคเอเชยี
ทเิ บต ทรพั ยากรดนิ ทอ่ี ดุ มสมบรู ณเ์ พราะเปน็ ดนิ ตะกอนบรเิ วณปากแมน่ าํ�้ ทรพั ยากรนา้�ํ และสตั วน์ าํ�้ ตะวนั ออกทห่ี นาช้นั เรยี น
แรธ่ าตุ เช่น น้า�ํ มนั ถ่านหนิ เหล็ก และแก๊สธรรมชาต ิ เปน็ ต้น
กลา่ วโดยสรปุ ภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกซงึ่ มสี ภาพภมู ปิ ระเทศทเ่ี ปน็ ภเู ขา ทะเลทราย หมเู่ กาะ (แนวตอบ ผคู นของประเทศในภมู ิภาคเอเชีย
นบั เปน็ ปจั จยั หนง่ึ ทท่ี าํ� ใหผ้ คู้ นเขา้ มาตง้ั ถนิ่ ฐาน เพราะพนื้ ทเ่ี หลา่ นเ้ี ปรยี บเสมอื นปราการธรรมชาติ ตะวันออกไดมกี ารกําหนดกฎเกณฑรปู แบบ
กนั้ ศตั รจู ากภายนอกไม่ใหเ้ ขา้ มารกุ รานและขยายอา�ํ นาจออกไปภายนอกไดย้ าก ผค้ู นจงึ ตงั้ ถน่ิ ฐาน การปกครองและภาษาขึน้ ใชภายในสงั คมของตน
อาศัยอยูอ่ ยา่ งตอ่ เน่อื งมาตัง้ แตอ่ ดีตจนถงึ ปัจจบุ นั เชน จีน ในระยะแรกมกี ารเลอื กผปู กครองตาม
ความสามารถ ตอมาเกดิ ราชวงศตา งๆ ปกครองใน
1๑.๒2 พัฒนาการทางประวัตศิ าสตรข์ องเอเชยี ตะวนั ออก ระบอบจักรพรรดิ (หวงตหี้ รอื ฮอ งเต) ภายใตค วาม
๑) พัฒนาการด้านการเมืองการปกครอง ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเป็นบริเวณ เชอ่ื ท่ีวา กษตั รยิ เ ปนโอรสแหงสวรรค และปกครอง
เร่ือยมาจนถึง ค.ศ. 1912 จีนจงึ เร่มิ ปกครองแบบ
ท่ีมีอารยธรรมเก่าแก่ย้อนไปได้เกือบ ๔,๐๐๐ ปี โดยผู้คนในพ้ืนที่ต่างๆ ได้สร้างสรรค์และส่ังสม สาธารณรฐั แตต อ มาไดเ ปลีย่ นแปลงการปกครอง
ความเจริญเพื่อให้สามารถดํ�ารงอยู่ได้ ซ่ึงในระยะแรกจะเป็นการประดิษฐ์คิดค้นสิ่งของเครื่องใช้ เปน ระบอบคอมมวิ นสิ ตมาจนถงึ ปจ จุบนั
แในลกะวารฒั ดนา�ํ ธรรงรชมีวหติ ย เาชงน่เช าก1ขาอรงผจลนี ิต กเคารร่ือผงลปติ ันเคดรนิ อ่ื เงผปานั ในดนิสมเผยั ากในอ่ วนฒั ปนระธวรตัรมิศโาจสมตอรน์ข2 อแงลวะฒั วฒันธนรธรรมรมหยละงโซยาะนอ ิ
ของญ่ีปุ่น เปน็ ตน้ สว นญป่ี นุ การปกครองระยะแรกเปนแบบเผา
หรืออจุ ิ ทมี่ หี วั หนาคอยดแู ล โดยถอื วา สบื เชื้อสาย
ภาชนะดินเผาวัฒนธรรม ภาชนะดินเผาวัฒนธรรม ภาชนะดินเผาวัฒนธรรม ภาชนะดินเผาวัฒนธรรม มาจากเทพเจาแหง ดวงอาทติ ย และผูท ่ีสืบเชือ้ สาย
หยางเชา (Yangshao) หลงซาน (Longshan) โจมอน (Jomon) อายุ ยะโยะอิ (Yayoi) อายุ โดยตรง คือ องคจ ักรพรรดิ แตแ ทจ ริงแลวอํานาจ
พบท่ีมณฑลกานซู อายุ พบที่มณฑลชานตง อายุ ประมาณ ๓,๐๐๐-๒,๐๐๐ ประมาณครสิ ตศ ตวรรษที่ การปกครองจะอยูใ นมอื ของขุนนางท่ีเปนผูปกครอง
ประมาณ ๒,๔๐๐ ปก อ น ประมาณ ๒,๕๐๐-๒,๐๐๐ ปกอน ค.ศ. ซ่ึงยุคนี้คน ๑-๓ เปน ยคุ ทผี่ คู นเรยี นรู ในระบอบศักดนิ า ทเี่ รียกวา โชกุน จนกระทั่ง
ค.ศ. ซ่ึงยุคน้ีคนเร่ิมรูจัก ปก อ น ค.ศ. เปนภาชนะ เรมิ่ ตง้ั ถนิ่ ฐานถาวร เรมิ่ ใช วิธีการปลูกขาว การทํา ค.ศ. 1867 ระบบโชกุนจงึ สิน้ สดุ ลงในสมยั เมจิ
ทอผา ทําภาชนะดินเผา ดินเผาท่ีมีเน้ือละเอียด เครื่องมือเคร่ืองใชท่ีทํา เครื่องใชโลหะจากจีน และประกาศใชร ัฐธรรมนญู เปน ชาติแรกในเอเชีย
ลายเขียนสี ระบายเปน คณุ ภาพดี และมีลักษณะ ดวยหินขัดและเคร่ืองปน มกี ารทอผา ทําเคร่อื งปน และไดพ ัฒนาประเทศจนกลายเปน มหาอํานาจของ
ลายเรขาคณิต พืช นก โดดเดน คือ เปนภาชนะ ดนิ เผาลายเชอื ก ดนิ เผา ท้ังมลี วดลายและ เอเชียและขยายอาํ นาจเขายดึ ครองประเทศตา งๆ
สัตวตา งๆ ๓ ขา ไมม ลี วดลายตกแตง ในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตใ นชว งสงครามโลก
ครัง้ ท่ี 2 แตเ มื่อญ่ีปนุ พายแพในสงคราม
11๑9๑๙ สหรฐั อเมรกิ าไดปลูกฝงการปกครองใหแ กญ ่ีปุน
สําหรบั เกาหลี กม็ รี าชวงศป กครองแตม ักอยใู ต
อทิ ธพิ ลของจีน จนกระทง่ั ญ่ปี นุ แผข ยายอิทธพิ ล
เขาไปยังเกาหลแี ละยดึ ครองในระหวาง ค.ศ. 1910-
1945 ภายหลงั ไดรบั เอกราช เกาหลแี บงแยกออก
เปนเกาหลเี หนอื ปกครองในระบอบคอมมวิ นิสต
และเกาหลใี ต ปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย
จนถงึ ปจจุบัน)

แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETดิ นักเรยี นควรรู

คาํ กลาวทว่ี า “ภูมิภาคเอเชียตะวนั ออกเปนแหลงอารยธรรมท่ีสําคัญและ 1 วัฒนธรรมหยางเชา มแี หลง กําเนดิ ในมณฑลเหอหนาน อายปุ ระมาณ
เกา แกแหงหนึ่งของโลก” เปนเพราะเหตุใด 7,000-5,000 ปกอ นคริสตศักราช มนษุ ยท าํ เคร่อื งปนดนิ เผา 3 สี คอื สีแดง ดํา
แนวตอบ ภมู ิภาคเอเชยี ตะวันออกเปน แหลง กําเนิดของอารยธรรมจนี ที่สําคญั และขาว มอี าชีพเพาะปลูก เลี้ยงสัตว
และเกา แกแหงหนงึ่ ของโลก ซง่ึ มแี หลงกาํ เนดิ ในบริเวณลมุ แมนา้ํ หวางเหอ 2 วฒั นธรรมโจมอน เปนความเจริญในรปู ของวฒั นธรรมเครื่องปน ดนิ เผา
เม่ือประมาณ 4,000 ปม าแลว ผลงานสาํ คัญชวงแรกๆ จะเปนการประดิษฐ โดยคาํ วา “โจมอน” แปลวา ลายเชือก น่ันคือ เคร่ืองปนดินเผาทมี่ ีการประทับลาย
สิง่ ของเคร่อื งใชใ นการดาํ รงชวี ิต เชน เครอื่ งปนดินเผา มีการเพาะปลูก เชือกลงบนพ้นื ผิวของภาชนะขณะทยี่ งั ไมไดน าํ ไปเผา เมอื่ ผานกระบวนการเสรจ็ แลว
ระบบชลประทาน การประดษิ ฐต ัวอกั ษรแบบรูปภาพ ตอ มาอารยธรรมจนี บนภาชนะจะปรากฏลายเชือกอยางเห็นเดน ชดั แหลง ทพี่ บมาก ไดแก พ้นื ทีท่ าง
กไ็ ดม กี ารสรา งสรรคแ ละพฒั นาความเจรญิ ในดา นตา งๆ จนมลี กั ษณะเดน ภาคตะวนั ออกและภาคเหนอื ของญ่ีปนุ
เปน เอกลกั ษณข องตนเอง โดยเฉพาะลทั ธคิ วามเชอ่ื ทางศาสนา เชน ลทั ธขิ งจอื๊
ลทั ธเิ ตา ซึง่ มีอทิ ธิพลตอจนี ในทกุ ดา น ไมวาจะเปน เร่ืองการดําเนนิ ชวี ิต คมู อื ครู 119
การปกครอง ปรชั ญา จิตรกรรม สถาปต ยกรรม วรรณกรรม เปน ตน จากนั้น
ความเจริญของอารยธรรมจนี กค็ อ ยๆ แพรขยายไปยงั ดนิ แดนใกลเ คยี ง
โดยเฉพาะญี่ปุน เกาหลี และเวียดนาม

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expore Expand Evaluate
Engaae Explain Explain

อธบิ ายความรู

ครูต้งั ประเด็นคําถามใหน กั เรียนชวยกันตอบ นอกจากนี้ยังรู้จักสร้างบ้านแบบง่ายๆ ท�ําก�ําแพงดินเหนียวเพื่อกํ�าหนดขอบเขต
เชน และปอ งกันอันตราย และเมื่อผคู้ นอาศยั อยู่รวมกันเปน็ กลุ่ม เปน็ สงั คม ก็มกี ารกาํ� หนดกฎเกณฑ์
รูปแบบการปกครองและภาษาข้ึนเพ่ือใช้ภายในสังคมของตน เช่น ในระยะแรกจีนมีการเลือก
• การปฏิวตั เิ ปลีย่ นแปลงการปกครองของจนี ผปู้ กครองตามความสามารถ ตอ่ มาเกดิ มรี าชวงศ์
เกดิ ขน้ึ กค่ี รง้ั และแตล ะครงั้ เกดิ จากสาเหตใุ ด ตา่ งๆ ปกครองในระบอบจกั รพรรด ิ มเี สนาบดเี ปน็
(แนวตอบ 2 ครั้ง ไดแก การปฏวิ ัติคร้งั แรก ผู้ช่วยในการบริหารประเทศ ทํ�าให้การควบคุม
เรมิ่ ข้ึนใน ค.ศ. 1911 และเปนผลสาํ เรจ็ ดูแลบ้านเมอื งเปน็ ไปอยา่ งมีระเบียบกฎเกณฑ์
ใน ค.ศ. 1912 และการปฏิวัตคิ ร้ังที่ 2 ค.ศ. ใน ค.ศ. ๑๙๑๒ จนี เรม่ิ การปกครอง
1949 การปฏิวตั ิคร้ังแรกไดเปล่ียนแปลงการ แบบสาธารณรฐั แตป่ ระสบปญั หาความออ่ นแอ
ปกครองจากระบอบจักรพรรดิซงึ่ มีมานาน รแะลหะวแ่าตงกพแรยรกค กเ๊กกมิดินคตว๋ังาแมลขะัดพแรยร้งคแคลอะมกมาิวรนสิูส้รบต1์
เปน แบบสาธารณรัฐ โดยมรี ฐั ธรรมนญู เปน ต้ังแต่ปลายทศวรรษ ๑๙๒๐ - ค.ศ. ๑๙๔๙
กฎหมายสงู สุดของประเทศ สาเหตสุ าํ คญั พรรคคอมมิวนสิ ตม์ ชี ยั ชนะ จนี จึงเปลีย่ นแปลง
เกิดจากความออนแอของราชวงศช ิงที่ เหมา เจอตง ผูนําพรรคคอมมิวนิสตจีนในการปฏิวัติ การปกครองมาเป็นระบอบคอมมิวนิสต์จนถึง
ปกครองจนี ในเวลาน้ัน และความลมเหลว เปล่ียนแปลงการปกครองของจีนจากระบอบสาธารณรัฐ ปจั จุบนั
ในการปรับปรุงประเทศ เพ่อื ทาํ ใหประเทศ มาเปนระบอบคอมมิวนสิ ตเ ม่อื ค.ศ. ๑๙๔๙
เขมแข็งหลงั จากพา ยแพใ หแกตางชาติ
หลายครัง้ รวมถงึ การไดรับอิทธิพลทาง ส่วนญีป่ ่นุ การปกครองระยะแรกเปน็ แบบเผา่ หรอื อจุ ิ (Uji) ซงึ่ มีหัวหน้าคอยควบคุม
ความคิดจากตะวันตกในเร่อื งของเสรนี ิยม ดมูแาจลาปกรบะรชราพกบรใุรนุษเเผด่าียขวอกงันต นน ั่นถคึงือแ มเท้จะพมเจีก้าาแรหแบ่งด่งวองออกาเทปิต็นยห์2 ลแาลยะเผผู้ท่า่ี สืบแเตช่ก้ือ็ถสือาวย่าโดสืบยตเชร้ือง สคายือ
และชาตินิยม สว นการปฏวิ ัตคิ ร้ังท่ี 2 องคจ์ กั รพรรด ิ ชาวญปี่ น่ุ จงึ ใหค้ วามเคารพนบั ถอื จักรพรรดิดุจด่ังเทพเจ้า แต่ระบบจักรพรรดิของ
ไดเปลย่ี นแปลงการปกครองจากระบอบ ญี่ปุ่นแตกต่างจากของจีน โดยจักรพรรดิญี่ปุ่นมีอํ�านาจแต่เพียงในนาม เพราะมีเจ้าหรือขุนนาง
สาธารณรฐั มาเปนระบอบคอมมิวนสิ ต เป็นผู้ปกครองในระบอบศักดินาท่ีเป็นการกระจายอํ�านาจจากส่วนกลาง ซึ่งต่อมารู้จักกันในชื่อ
มสี าเหตเุ กดิ จากความแตกแยกภายในประเทศ ระบบโชกุน
รวมท้งั การถกู ตางชาติโดยเฉพาะญ่ีปุน เขา ไป โชกุนเปน็ ผู้น�าํ ทางทหารและผู้น าํ� รัฐบาล มีศนู ย์อาํ� นาจที่เมอื งโตเกยี ว สว่ นจักรพรรดิ
มอี ทิ ธิพล จึงทําใหพ รรคคอมมวิ นิสตจีน เแปล็นะปมรีกะามรุขฟทนาฟงูพอํ�าิธนีกาาจร ขปองรจะทักับรพอยรรู่ทด่ีเิมข้ึืนองมเากใียหวมโต่ใน สจมนัถยึงเม จค3ิ .ศญ. ี่ป๑ุ๘่น๖ป๗ระ กราะศบใบชโ้รชัฐกธุนรจรึงมสน้ินูญสุเดปล็นง
โดยมีเหมา เจอตงเปน ผนู าํ ทาํ การปฏวิ ัตไิ ด ชาตแิ รกในเอเชยี เม่ือ ค.ศ. ๑๘๘๙ และได้พ ัฒนาจนกลายเป็น ชาติมหาอาํ� นาจในเอเชยี และใชล้ ทั ธิ
สําเร็จ) ทหารนิยมขยายอํ�านาจเข้ายึดครองประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงสงครามโลก
ครั้งที่ ๒ ความพ่ายแพ้ของญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งท่ี ๒ ทํ�าให้สหรัฐอเมริกาเข้ามายึดครองอยู ่
• การปฏริ ูปสมัยเมจกิ อ ใหเกิดผลตอ ประเทศ ๗ ปี และร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยห้ามญ่ีปุ่นมีกองทัพของตนเอง และปลูกฝังการปกครอง
ญป่ี ุนทางการเมืองการปกครองอยา งไร ระบอบประชาธปิ ไตยใหแ้ กญ่ ี่ปนุ่
(แนวตอบ ทาํ ใหญปี่ นุ มรี ัฐธรรมนูญเปน
กฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ ๑๒1๐2๐
ถึงแมวารัฐธรรมนญู ฉบับดังกลา วจะยังไมมี
ความเปน ประชาธิปไตยอยา งสมบรู ณแ บบ
ดังเชน ในประเทศตะวันตก แตกน็ ับไดวา ญ่ีปนุ
ประสบความสําเร็จในการปฏริ ูปการปกครอง
มาโดยลาํ ดบั )

นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET
การปฏวิ ตั ิเปล่ยี นแปลงการปกครองทีเ่ กิดขน้ึ ในจีนไดม ีผลตอ
1 พรรคกกมนิ ตั๋งและพรรคคอมมวิ นสิ ต พรรคกกมนิ ตั๋ง กอตงั้ โดย ซนุ ยตั เซน การเปลี่ยนแปลงของโลกอยางไร
สวนพรรคคอมมิวนิสต กอตง้ั โดย เหมา เจอ ตง ทัง้ 2 พรรคมีอุดมการณร ว มกัน คือ แนวตอบ การปฏวิ ัตขิ องจีนครั้งแรกทเี่ กดิ ขนึ้ ใน ค.ศ. 1911 ทําใหหลายๆ
ลัทธชิ าตนิ ยิ มทีม่ ุงขจัดอิทธิพลของญี่ปนุ และชาตติ ะวนั ตกออกไปจากจนี ตอ มาได ชาตใิ นเอเชยี เกดิ ความต่นื ตัวมากข้นึ ในเรื่องชาตินยิ ม เพราะในเวลาน้ัน
ขัดแยงกันเพราะวิธีการทีท่ ง้ั 2 พรรคใชน้นั แตกตา งกนั โดยพรรคกก มินต๋งั มีชนชัน้ ชาติในทวีปเอเชยี หลายชาติถูกมหาอาํ นาจตะวนั ตกปกครองเปน อาณานคิ ม
นายทุนเปน พลังสาํ คัญ ท้งั ยังไดร ับความชวยเหลือจากชาติตะวนั ตก สวนพรรค ความคิดในเร่ืองชาตนิ ิยมท่ตี อ งการขับไลมหาอํานาจตะวันตกออกไปเพ่ือให
คอมมวิ นิสตมชี าวนาซ่ึงเปน ชนสว นใหญเ ปน พลังสําคญั และมีความสัมพันธใกลชดิ ชาตขิ องตนไดร บั เอกราชจงึ แพรข ยายมากขึ้น นอกจากน้ี ยังทาํ ใหเกดิ ความ
กับสหภาพโซเวยี ต นยิ มในเรือ่ งระบอบประชาธปิ ไตยท่มี ีรฐั ธรรมนญู เปนกฎหมายสูงสดุ ในการ
2 เทพเจา แหง ดวงอาทติ ย เปน สตรมี ชี อ่ื วา อะมาเตราสุ เปน เทพเจา สงู สดุ ปกครองประเทศ เพราะในเวลานน้ั ในทวปี เอเชยี มเี พยี งญป่ี ุนกับตรุ กีเทา นน้ั
ชาวญป่ี นุ ถอื วา จกั รพรรดขิ องญป่ี นุ สบื เชอ้ื สายโดยตรงมาจากเทพเจา แหง ดวงอาทติ ย ทีป่ กครองในระบอบประชาธปิ ไตย สว นการปฏวิ ตั ิครั้งที่ 2 ใน ค.ศ. 1949
ดว ยความเชอ่ื นจี้ งึ ไมม กี ารลม ลา งราชวงศข องจกั รพรรดิ ไดเ ปน ตวั อยา งการปฏวิ ตั ใิ หแ กห ลายประเทศในทวปี เอเชยี แอฟรกิ า อเมรกิ าใต
3 สมยั เมจิ อยใู นชว ง ค.ศ. 1868-1912 เปน สมยั แหง การปฏริ ปู ประเทศใหท นั สมยั โดยเหมา เจอ ตงไดใ ชยุทธศาสตรแ บบ “ปา ลอมเมอื ง” ดว ยการใชเ กษตรกร
ตามแบบชาตติ ะวนั ตก ถอื เปน รากฐานความเจรญิ ของญป่ี นุ ในสมยั ปจ จบุ นั สมยั เมจิ เปนกําลงั ในการปฏิวัติ และทําการปฏิวตั ิในชนบทแลวจึงขยายไปในเมอื ง
ตรงกบั สมยั รชั กาลที่ 5 ของไทย ซง่ึ มกี ารปฏริ ปู ประเทศใหท นั สมยั เหมอื นกนั

120 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate

กระตนุ ความสนใจ Engage

àÊÃÁÔ ÊÒÃÐ ระบบโชกุน ครกู ระตุนความสนใจของนักเรยี น โดยตั้ง
คําถาม เชน
ลักษณะสําคัญในประวัติศาสตรญี่ปุนต้ังแตปลายคริสต-
ศตวรรษท่ี ๑๒ ถงึ ปลายครสิ ตศ ตวรรษท่ี ๑๙ เปน เวลาเกอื บ • นกั เรยี นคนใดเคยดูการต ูนเรื่องอิคคิวซงั บา ง
๗๐๐ ป คือ โชกุนมีอํานาจในการปกครองประเทศแทน • ในการตนู จะกลา วถึงโชกุนกบั ซามไู ร
จกั รพรรดิ แมว าจักรพรรดิจะยงั เปน ประมุขของประเทศ แตก็
ไมมอี าํ นาจทางการปกครอง ทรงประกอบพระราชพธิ ีเทา นน้ั นักเรียนคิดวา โชกนุ กับซามูไรมีบทบาท
อยางไรก็ดี โชกุนก็ไมไดถอดถอนจักรพรรดิแลวตั้งตนเอง หนาทอ่ี ยา งไร
เปน จกั รพรรดแิ ทน
สาํ รวจคน หา Explore
โชกุน แปลวา จอมทัพของจักรพรรดิ เปนตําแหนงท่ี
จักรพรรดิพระราชทานใหแ กโยะรโิ ตะโมะ (Yoritomo) ตระกูล ครใู หนักเรียนศกึ ษาคน ควา เกี่ยวกับระบบ
โชกนุ และซามไู รจากหนงั สอื เรยี น หนา 121
มสุดินทะโา มยะคโตอื ะโ(ทMะiกnงุaะmวะo1to(T)oเkปuน gโaชwกaนุ )คนแรก สวนโชกนุ ตระกูล จากน้นั อภิปรายถงึ สาระสาํ คญั รวมกัน

โชกุนมีอํานาจมากเหมือนเปนผูเผด็จการ มีอํานาจท้ัง อธบิ ายความรู Explain
ดานการทหาร ยตุ ธิ รรม การเก็บภาษีอากร กลาวไดว า โชกนุ
ภาพวาดนักรบญปี่ นุ หรือซามูไร มอี าํ นาจมากมายทกุ ดา น ลกั ษณะสาํ คญั อกี ประการหนงึ่ ในชว ง ครซู กั ถามนักเรียนเกี่ยวกับระบบโชกุน เชน
เวลาเกือบ ๗๐๐ ปนี้ คอื ญ่ีปนุ มกี ารปกครองแบบฟว ดัล หรอื • โชกนุ มบี ทบาทตอ การปกครองของญป่ี นุ
เสน เวลา ศกั ดนิ าสวามภิ กั ดคิ์ ลา ยกบั ในทวปี ยโุ รป แตแ ตกตา งจากระบบ
แสดงลําดบั โชกุนปกครองญป่ี นุ ในสมยั ศกั ดนิ าอยางไร
ศทกั่เี รดยี นิ กาวขาอซงาไทมยไู ร2ค(อื แปตลระวกาลู ผตูรา ับงใๆช)ไดเปค นรอกบําคลังรสอาํงคแคญั วขน องมผนี คู กั รรอบง (แนวตอบ โชกนุ เปน ตาํ แหนงผนู าํ สูงสุดทาง
๑๑๙๒ การทหาร ท่จี กั รพรรดพิ ระราชทานใหแ ก
เริ่มตนสมัยโชกุนโยะรโิ ตะโมะ แควนหรือไดเมียว ซามูไรจะมีความจงรักภักดีและเสียสละตอ โยะรโิ ตะโมะ ตระกูลมนิ ะโมะโตะ เปนโชกนุ
ผูเปนนายของตน คนแรก และดว ยทมี่ ีอาํ นาจมากท้งั การทหาร
สมัยคะมะกรุ ะ ยตุ ธิ รรม และการเก็บภาษีอากร จึงเหมอื น
๑๖๐๓ ๑๘๖๗ เปนผบู ริหารราชการแผนดินแทนองค
เร่ิมตน สมัย ส้นิ สดุ สมยั จกั รพรรดิ)
โชกนุ โทะกงุ ะวะ โชกุนโทะกุงะวะ

ค.ศ. ๑๐๐๐ ขยายความเขา ใจ Expand
๑๓๓๘
๑๕๐๐ ๒๐๐๐ ครใู หน กั เรยี นจดั ทาํ รายงานเกยี่ วกบั ความเจรญิ
เรม่ิ ตนสมัยโชกุนอะชกิ ะงะ ๑๘๕๔ ของญีป่ ุนในสมยั ท่มี โี ชกนุ ปกครองจนกระท่ังสิน้ สุด
สมัยโชกนุ แลวนําสงครผู สู อน
สหรฐั อเมริกาเปด ประเทศญีป่ ุน

๑๒๑ ตรวจสอบผล Evaluate

ครูตรวจรายงานเก่ียวกับความเจริญของญป่ี ุน
ในสมยั ทมี่ โี ชกนุ ปกครองจนกระทง่ั สนิ้ สดุ สมยั โชกนุ

แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETิด นักเรียนควรรู

การปกครองในระบอบศักดินามผี ลตอ การพัฒนาประเทศญ่ปี ุนอยางไร 1 โทะกงุ ะวะ ค.ศ. 1603 - 1867 เปนสมยั ที่มีความสงบภายในสูง ชว งแรกของ
แนวตอบ ระบอบศกั ดินาของญ่ปี นุ เรมิ่ ขนึ้ ในชว งคริสตศตวรรษที่ 12-19 สมยั น้ี ญปี่ นุ มกี ารติดตอ คาขายกับชาตติ ะวนั ตกหลายชาติ แตตอมาไดม ีการปด
เม่อื ผนู าํ ตระกลู มนิ ะโมะโตะมีชยั ชนะเหนือตระกลู ไทระ ทาํ ใหจ กั รพรรดิยก ประเทศ (ยกเวน จีนกับฮอลันดา) เพราะกลวั อทิ ธพิ ลของตางชาตทิ ่ีจะเขาไปพรอ ม
ตําแหนง โชกนุ (ผนู ําทางทหาร) ใหกบั ผูน าํ ตระกูลมินะโมะโตะ ญีป่ ุนจงึ มี กบั การเผยแผค รสิ ตศาสนา จึงมีการขบั ไลผ เู ขารีตออกนอกประเทศถา ไมยอมเลกิ
2 รฐั บาลพรอมกนั ในเวลาเดยี ว โดยองคจกั รพรรดพิ าํ นกั อยูทีก่ รุงเกยี วโต นบั ถอื คริสตศ าสนา ผูเ ขารีตบางสว นไดอพยพมาต้งั ถนิ่ ฐานท่ีอาณาจกั รอยธุ ยา
มไิ ดม อี าํ นาจแทจ รงิ เปน เพยี งสญั ลกั ษณข องชาติ สว นอาํ นาจแทจ รงิ นนั้ ใน ค.ศ. 1854 สหรฐั อเมรกิ าใชก าํ ลงั เรอื รบ (หรอื เรอื ดาํ ) บบี บงั คบั ใหญ ปี่ นุ เปด ประเทศ
อยใู นมือของโชกุน ญปี่ ุนภายใตก ารปกครองของโชกนุ กน็ ับไดว า มี 2 ซามไู ร คําวา “ซามไู ร” มีตนกําเนดิ จากคาํ วา “ซะบุระอ”ุ ในภาษาญ่ปี นุ
ความเจรญิ กาวหนาอยา งย่ิง ท้งั ดา นเศรษฐกจิ ทเี่ ศรษฐกิจขึน้ อยูก บั การ โบราณ หมายความวา รบั ใช ดังน้นั ซามไู รกค็ ือ ผูร ับใชแกเจา นายหรอื ไดเมียว
คา ขายและอตุ สาหกรรม สนิ คา ของญีป่ นุ ทีต่ างชาติตอ งการ เชน ไขมุก ทองคาํ นัน่ เอง ซามไู รจะยดึ หลกั บูชโิ ด แปลวา วถิ แี หง นักรบ เปนหลกั ปฏิบัติ เชน
พัด ดาบญป่ี ุน และเหลก็ กลา การขยายตวั ทางการคานาํ ไปสูก ารเจริญเตบิ โต ความจงรกั ภักดี ความกลา หาญ การใหเ กยี รตสิ ตรี ความกตัญูกตเวที การหย่ิง
ของเมอื งตางๆ เชน เมืองเอโดะ เมอื งโอซากา เมอื งเกียวโต ดา นศลิ ปะ ในเกียรตขิ องตนเอง เปน ตน
และการละคร เชน ละครโน ซ่ึงนิยมกันในหมูค นช้ันสูงและบรรดาซามูไร
ละครคาบกู ิ ที่สว นใหญเ นน การผจญภยั ของซามูไร เปนตน

คมู ือครู 121

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

ครตู งั้ คําถามเก่ยี วกับพัฒนาการดา นเศรษฐกิจ ส�าหรับเกาหลี เริ่มอาณาจักรแห่งแรกบริเวณเกาหลีเหนือในปัจจุบัน โดยมีราชวงศ์
ของจนี แลว ใหนกั เรียนแสดงความคิดเหน็ เชน ของตนเอง แตม่ กั ตกอยภู่ ายใตอ้ ทิ ธพิ ลของจนี ทา� ใหร้ บั อทิ ธพิ ลจากจนี เกอื บทกุ ดา้ น ในปลายครสิ ต์
ศตวรรษที่ ๑๙ ญ่ีปุ่นซึ่งกลายเป็นชาติมหาอ�านาจในเอเชียได้ขยายอิทธิพลไปยังเกาหลีและเข้า
• การเขามาติดตอคา ขายของชาตติ ะวนั ตก ยึดครองเกาหลเี ปน็ เมืองขน้ึ ระหวา่ ง ค.ศ. ๑๙๑๐ - ๑๙๔๕ ทา� ให้เกาหลอี ยู่ภายใตก้ ารปกครองของ
โดยเฉพาะองั กฤษในชว งตนคริสตศตวรรษ ญี่ปนุ่ จนสิน้ สดุ สงครามโลกคร้ังที ่ ๒ ใน ค.ศ. ๑๙๔๕ เกาหลีจงึ ได้รบั เอกราช แต่ปัญหาการเมือง
ท่ี 19 ไดส งผลตอพฒั นาการดา นเศรษฐกิจ ระหวา่ งฝา่ ยคอมมิวนิสตก์ ับฝา่ ยประชาธิปไตย ทา� ใหเ้ กาหลแี บง่ แยกออกเป็นประเทศเกาหลเี หนือ
ของจนี อยางไร ปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์ และเกาหลีใต ้ ปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย ความขัดแยง้ ทาง
(แนวตอบ การทอี่ งั กฤษนาํ ฝน มาขายใหแ ก การเมอื งนา� ไปสู่สงครามระหวา่ งเกาหลเี หนือและเกาหลีใตใ้ น ค.ศ. ๑๙๕๐ - ๑๙๕๓ ในปัจจุบนั กม็ ี
คนจนี เพ่ือลดการขาดดลุ การคา ไดก ลายเปน ปญั หาการสะสมอาวธุ นวิ เคลียร์ของเกาหลเี หนือ
สาเหตขุ องการทําสงครามฝน (ค.ศ. 1839-
1842) ระหวา งจีนกับอังกฤษ และจนี เปน ฝา ย ๒) พัฒนาการด้านเศรษฐกิจ เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกช่วงก่อน
พา ยแพ ทาํ ใหตองยอมลงนามในสนธสิ ญั ญา กลางครสิ ตศ์ ตวรรษที ่ ๑๙ มีพ้ืนฐานอยูท่ ีเ่ กษตรกรรมเปน็ หลักและมกี ารทา� การค้าระหวา่ งรฐั การ
นานกิง ซึ่งเปนสนธสิ ญั ญาไมเ สมอภาค เปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจคร้ังส�าคัญเกิดข้ึนเมื่อชาติจักรวรรดินิยมตะวันตกเข้ามาติดต่อค้าขาย
ฉบับแรกท่ที ํากบั ตะวนั ตก จากการเขา มาของ ชดาว้ ตยติในะตวนั้นตคกรสินตอ้ ศ์ย ตทวา�รใรหษช้ ทาี ่ต๑ติ ๙ะ วโนัดตยกเฉขพาดาะทในุน จชีนา วสตินะวคนัา้ สตา�กคจญังึ เ รคมิ่ อืน า�ใฝบนชมา าแขตา่กยาชราทวจ่ีจนีีน ซก้อื าสรปินรคา้าบขฝอนง1
ชาตติ ะวันตกไดท ําใหเศรษฐกจิ ของจนี เขาสู ของจนี ท�าให้เกิดความขดั แยง้ ระหวา่ งอังกฤษกบั จนี และนา� ไปสูก่ ารทา� สงครามฝน (ค.ศ. ๑๘๓๙ -
ระบบอตุ สาหกรรมมากขน้ึ มีการตั้งโรงงาน ๑๘๔๒) จีนเปน็ ฝ่ายแพ้ ทา� ใหช้ าตติ ะวันตกเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ในจนี มากข้นึ
อุตสาหกรรมหนัก เชน ตอ เรือ เหลก็ กลา การเข้ามาของชาตติ ะวันตกท�าใหเ้ ศรษฐกจิ จีนเข้าสรู่ ะบบอุตสาหกรรมมากข้นึ มีการ
และอุตสาหกรรมเบา เชน ผาฝา ย เปน ตน ตงั้ โรงงานอตุ สาหกรรมหนกั เช่น ตอ่ เรอื เหลก็ กลา้ อุตสาหกรรมเบา เช่น ผา้ ฝาย อย่างไรกต็ าม
แตเศรษฐกิจหลักกย็ งั ขึน้ อยกู บั เกษตรกรรม) เกษตรกรรมยังคงเป็นพื้นฐานเศรษฐกิจของจีน
แตช่ าวนากย็ งั คงประสบกบั ปญั หาความยากจน
• ภายหลังจีนปกครองในระบอบคอมมวิ นิสต และไม่มีที่ดินท�ากิน นโยบายปฏิรูปที่ดินจึง
ไดสงเสรมิ การพฒั นาเศรษฐกจิ อยางไร เป็นนโยบายหลักของพรรคการเมือง ทั้งพรรค
(แนวตอบ ไดดําเนนิ การปฏิรูปทด่ี นิ และเรง กวอ หมนิ ตง่ั หรอื กก๊ มนิ ตง๋ั และพรรคคอมมวิ นสิ ต์
การผลติ ภาคเกษตรกรรมและอตุ สาหกรรม ทชี่ ักจูงใจให้ชาวนาเขา้ รว่ มกบั ฝ่ายตน
ในปลายทศวรรษ 1950 แตจากปญหา เมื่อจีนเปล่ียนแปลงการปกครอง
ภยั ธรรมชาติ ปญหาการจดั การผิดพลาด เปน็ ระบอบคอมมวิ นสิ ต์ใน ค.ศ. ๑๙๔๙ ไดด้ า� เนนิ
มีผลทาํ ใหผ ลผลิตทางเกษตรกรรมลดลง การปฏริ ปู ทดี่ นิ และเรง่ การผลติ ภาคเกษตรกรรม
อยา งไรกด็ ี ในปลายทศวรรษ 1970 ผนู ําจนี ภาพวาดการทาํ สงครามฝน ระหวา งองั กฤษกบั จีนเมื่อ ค.ศ. และอุตสาหกรรมในปลายทศวรรษ ๑๙๕๐ แต่
ไดนํานโยบายสี่ทันสมยั มาใช ดวยการพฒั นา ๑๘๓๙ - ๑๘๔๒ จีนเปนฝายแพและถูกบังคับใหทําสัญญา ปญั หาภยั ธรรมชาต ิ ปญั หาการจดั การผดิ พลาด
ดานเกษตรกรรม อตุ สาหกรรม การทหาร ทเ่ี สียเปรียบ ตองสญู เสยี สิทธิสภาพนอกอาณาเขต รวมทง้ั ไดท้ า� ใหผ้ ลผลติ เกษตรกรรมลดลง
วิทยาศาสตรและเทคโนโลยี มีการเปด เขต ตอ งยกเกาะฮองกงใหแกอ ังกฤษดวย
เศรษฐกิจพิเศษ เปดรบั การลงทุนจากตา งชาติ
ทําใหเ ศรษฐกิจของจีนเจรญิ เติบโตอยาง 122
รวดเร็วมาจนกระทั่งถงึ ปจจบุ ัน)

นกั เรียนควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ

1 การปราบฝน โดยเฉพาะเมอ่ื จักรพรรดิเตา กวงแหงราชวงศช งิ สงขาหลวงช่ือ ครใู หนกั เรียนสรปุ พฒั นาการดา นเศรษฐกจิ ของภูมภิ าคเอเชยี ตะวนั ออก
หลนิ เจอสวี มาปราบฝน ท่ีเมืองกวางตงุ (หรอื กวางโจว) มกี ารจับ ยดึ และเผาฝน เปนประเด็นๆ โดยจัดทาํ ในรูปแบบตา งๆ เชน แผนผงั ตาราง ผังมโนทัศน
ทาํ ใหพอ คา ตา งชาตโิ ดยเฉพาะอังกฤษเสยี ผลประโยชน จงึ นาํ ไปสสู งครามฝนใน เสนเวลา (Timeline) เปนตน แลวนําเสนอหนา ช้ันเรียน
เวลาตอ มา
กจิ กรรมทาทาย
บรู ณาการอาเซียน
ครูใหน กั เรียนสืบคน ขอมลู เพื่อนํามาเขยี นเรยี งความในประเด็น “บทบาท
ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ เกี่ยวกับความรว มมอื ของประเทศตางๆ ในภูมิภาคเอเชีย ของภมู ิภาคเอเชยี ตะวันออกทีม่ ีตอ เศรษฐกจิ ของโลกสมัยปจจบุ ัน” จากน้นั
ตะวันออกกบั อาเซยี น ทง้ั ความรว มมอื ระดับทวิภาคี เชน อาเซียนกับจีน อาเซียน ออกมานําเสนอทห่ี นาชั้นเรียน
กบั ญีป่ ุน อาเซยี นกับเกาหลใี ต และความรว มมือระดับพหุภาคี เชน อาเซยี น+3
ยกตวั อยา ง อาเซยี นกับจนี ซึง่ เริม่ ตน ความสัมพนั ธเมือ่ พ.ศ. 2534 มีความรวมมอื
ในดา นตางๆ จากนัน้ ครใู หน กั เรียนไปศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เกย่ี วกับความรวมมือกบั ประเทศ
ตางๆ ดงั กลาวขา งตน

122 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

1 1. ครสู ุมนกั เรียนตอบคําถามเกีย่ วกับพฒั นาการ
ในปลายทศวรรษ ๑๙๗๐ เติง้ เส่ยี วผงิ ผู้น�าจนี ได้เร่ิมน�านโยบายส่ีทันสมัยมาใช้ คอื ดา นเศรษฐกิจของญีป่ นุ และเกาหลี เชน
การพัฒนาด้านการเกษตร อุตสาหกรรม การทหาร วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีการเปดเขต • สภาพเศรษฐกจิ ของญีป่ ุนในชว งปด ประเทศ
เศรษฐกิจพิเศษ เปดรับการลงทุนจากต่างชาติ และปรับปรุงประเทศเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแบบ และเปด ประเทศมีลักษณะอยางไร
ทนุ นยิ มหรอื เศรษฐกจิ การตลาด ท�าให้เศรษฐกิจของจีนเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะต้ังแต่ (แนวตอบ การที่ญ่ีปนุ ดําเนินนโยบาย
กลางทศวรรษ ๑๙๙๐ เมืองใหญ่หลายแหง่ เช่น เปย่ จ์ งิ ชา่ งไห่ เทียนจิน เฉนิ่ เจ้นิ เป็นตน้ กลาย ปด ประเทศ ไมตดิ ตอกบั ชาติตะวนั ตกใดๆ
เป็นศนู ยก์ ลางทางเศรษฐกจิ ปจั จบุ นั จนี มเี ศรษฐกจิ ท่เี ข้มแขง็ และใช้ระบบเศรษฐกิจการตลาด ยกเวนฮอลนั ดา ทําใหญ่ปี ุนใชเวลาในการ
ส�าหรับญี่ปุ่น นับต้ังแต่เปดประเทศใน ค.ศ. ๑๘๕๔ ญี่ปุ่นได้พัฒนาเศรษฐกิจจน พฒั นาเกษตรกรรม อตุ สาหกรรม และการคา
ประสบความส�าเร็จ มกี ารลงทุนในกจิ การต่างๆ เชน่ สาธารณูปโภค อุตสาหกรรม แม้สงครามโลก ภายในประเทศ จนนาํ ไปสกู ารขยายตวั ของ
คร้ังที่ ๒ ท�าให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นตกต่�า แต่การที่สหรัฐอเมริกาซึ่งปกครองญี่ปุ่นหลังสงครามโลก เมืองตา งๆ เชน เมอื งเอโดะ เมอื งโอซากา
คร้ังท่ี ๒ ต้องการสร้างญ่ีปุ่นให้เข้มแข็งทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจเพื่อปองกันการขยายตัว ใหก ลายเปน ศูนยกลางทางเศรษฐกิจ
ของลัทธิคอมมิวนิสต์ สหรัฐอเมริกาจึงช่วยพัฒนาเศรษฐกิจญ่ีปุ่นด้วยการสนับสนุนทางการเงิน จนกระทง่ั ในครสิ ตศ ตวรรษท่ี 19 ญป่ี นุ ถูก
รเคฐั รธ่ือรรงมจนักญรู ญทปี่ �านุ่ใหท้เสี่ ศหรรษฐั ฐอกเมิจรญกิ ่ีปาเุ่นปฟน็ นผตรู้ า่ัวงไใดห้รห้ วา้ ดมเญร็วปี่ นุ่ ปมรกี ะอกงอทบพั ก3เับพกอ่ื าไมรท่ให่ีญญ้ ่ีปปี่ ุ่นนุ่ ไกมอ่ ่มสีกงอคงรทามัพอ กี เ พญรปี่ านุ่ะ สหรัฐอเมริกาบบี บงั คับใหเ ปดประเทศ ทาํ ให
จึงไมต่ อ้ งใชง้ บประมาณด้านการทหาร จงึ น�างบประมาณมาพฒั นาเศรษฐกิจได้อย่างเตม็ ที ่ ญป่ี ่นุ เกดิ การปฏิรูปภายในทั้งในดานเศรษฐกิจ
จึงกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรม ผลิตสินค้าทั้งเคร่ืองไฟฟา รถยนต์ รถจักรยานยนต์ อุปกรณ์ สงั คม การปกครองตามแบบอยา งตะวันตก)
คอมพวิ เตอรส์ ง่ ขายทวั่ โลก ขณะเดยี วกนั ญป่ี นุ่ ก็ใหก้ ารสนบั สนนุ ภาคเกษตรกรรม ทา� ใหส้ นิ คา้ เกษตร • ในชว งสงครามเย็นเปน ตนมาจนถงึ ปจจบุ นั
มีราคาสูงแต่ญี่ปุ่นก็ยังคงประสบกับปัญหาจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ เช่น ปัญหาชุมชนแออัด เศรษฐกจิ ของเกาหลีมีลักษณะอยางไร
ปญั หามลพิษ การเกิดโรคจากโรงงานอตุ สาหกรรม เช่น โรคมนิ ะมะตะ เป็นตน้ (แนวตอบ ในชวงสงครามเย็น เกาหลีถูกแบง
ส่วนคาบสมุทรเกาหลีมีพัฒนาการ ออกเปน 2 ประเทศ คือ เกาหลเี หนือกับ
ทางเศรษฐกิจท่ีแตกต่างกัน เกาหลีใต้ซ่ึงเป็น เกาหลใี ต ซ่ึงแตละประเทศตา งดําเนนิ
ประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตย นโยบายทางเศรษฐกจิ ตามแนวทางของตน
ด�าเนินนโยบายทางเศรษฐกิจตามแนวทาง โดยเกาหลใี ตซ ่ึงปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตยดําเนินนโยบายทางเศรษฐกจิ
เศรษฐกจิ ทนุ นยิ ม ในชว่ งสงครามเยน็ * เศรษฐกจิ แบบทนุ นยิ ม เศรษฐกิจจงึ มีการเจริญเติบโต
ของเกาหลีใต้มีการเจริญเติบโตมากขึ้นและ มากขนึ้ และมคี วามกา วหนา ในการผลิต
หมนีควกั า4 เมชกน่ ้า รวถหยนน้าตใ ์นเคกราอื่รงผไลฟิตฟสา ิน สคว่ ้านอเุตกสาหาหลกเี หรนรมอื สนิ คา อตุ สาหกรรมหนัก เชน รถยนต
ซง่ึ ปกครองในระบอบคอมมวิ นสิ ต ์ จะเนน้ บรหิ าร เคร่อื งใชไฟฟา สวนเกาหลเี หนือปกครอง
ดา้ นการเมอื งและการทหารเปน็ หลกั การพฒั นา ในระบอบคอมมิวนสิ ต จะเนน การบรหิ าร
ทางเศรษฐกจิ จงึ เจรญิ ไม่เทา่ ทนั เกาหลีใต้ อตุ สาหกรรมยานยนตใ นเกาหลีใต ซึ่งแสดงใหเหน็ ถึงการ ดา นการเมอื งและการทหารเปน หลกั
พัฒนาเทคโนโลยีทางการผลิต จนสงผลใหเศรษฐกิจของ เศรษฐกิจจึงเจริญเติบโตไมเทาเกาหลใี ต)
ประเทศเจริญเตบิ โตอยางรวดเร็ว
2. ครูใหน กั เรียนในชน้ั เรยี นอภิปรายเกีย่ วกบั
* สงครามเย็น (ค.ศ. ๑๙๔๕ - ๑๙๙๑) เป็นชว่ งความขดั แยง้ ระหว่างโลกเสรปี ระชาธปิ ไตยกับโลกคอมมวิ นสิ ต ์ แต่ไม่มี 123 แนวโนมทางเศรษฐกิจวา ประเทศใดหรอื
การทา� สงครามโดยตรงของผนู้ า� โลกทง้ั ๒ คา่ ย คือ สหรัฐอเมรกิ ากับสหภาพโซเวยี ต ภมู ิภาคใดจะมีอิทธพิ ลหรอื มีความสาํ คัญตอ
ระบบเศรษฐกจิ โลกในอนาคต จากน้ันสรุปผล
ลงสมุดจดงานนาํ สงครผู ูสอน
แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETิด
นักเรียนควรรู

ปจ จยั สาํ คัญใดท่ที าํ ใหการพฒั นาเศรษฐกจิ ของญ่ีปนุ เจรญิ กาวหนา 1 เต้งิ เสีย่ วผิง เปนนกั ปฏิบัตนิ ยิ ม เจาของวลี “แมวจะมสี ขี าวหรอื สดี ําไมส ําคัญ
อยางรวดเรว็ มาจนถงึ ปจจบุ นั ขอใหจ บั หนูเกง ก็ถอื วา เปน แมวที่ดี” เติง้ เสี่ยวผงิ เปนผรู ิเรม่ิ การใชร ะบบเศรษฐกจิ

แนวตอบ ปจ จยั สาํ คัญ ไดแก รัฐธรรมนูญท่ีเรมิ่ ใชใ นสมยั เมจิ ทก่ี าํ หนดให การตลาดหรือทุนนิยมในการพฒั นาเศรษฐกิจจนี ซ่งึ ทําใหเ ศรษฐกจิ จนี กาวหนามาก
ญี่ปุนไมมีกองทัพ ไมตองตั้งงบประมาณคา ใชจ า ยทางการทหาร จงึ ทําให จนมรี ายไดประชาชาตสิ ูงเปนอันดบั 2 ของโลกแซงหนาญปี่ ุน และไดรบั การยกยอ งวา
ญ่ปี นุ ทุมเทใหก บั การพัฒนาเศรษฐกจิ อยางจริงจัง และอกี ประการหนงึ่ กค็ อื เปน บดิ าของการทําประเทศจนี ใหทนั สมัย
ญป่ี ุนมีนโยบายมงุ พัฒนาอตุ สาหกรรมและการคาระหวางประเทศเปน สําคัญ 2 เซยี่ งไฮ เปน ศนู ยกลางทางเศรษฐกิจทสี่ าํ คัญ เปนเมืองทม่ี ีชาวตางชาติเขา มา
เนื่องจากท่ดี นิ เพาะปลกู และทรัพยากรธรรมชาตมิ ีจาํ นวนจํากัด โดยรัฐบาล ลงทนุ มากมาย เชน ฮอ งกง ญปี่ นุ เกาหลี รวมทง้ั ไทย เชน บรษิ ทั เครอื เจรญิ โภคภณั ฑ
ญี่ปนุ ไดใ หการสนบั สนุนและชวยเหลอื นักลงทนุ เอกชนในการประกอบ ซงึ่ ลงทนุ ดานอาหารสัตวและขยายไปสธู รุ กจิ หางสรรพสินคา เปน ตน
อตุ สาหกรรมหนัก อุตสาหกรรมเบา การธนาคาร และธรุ กิจการคา ตางๆ 3 กองทพั ปจ จุบันญป่ี นุ มแี ตก องกาํ ลัง ทเ่ี รยี กวา กองกําลังปองกนั ตนเอง
จากปจจยั ดงั กลา วจงึ มีสว นทําใหญีป่ นุ ไดกลายเปน ประเทศอุตสาหกรรม ไมไดเรียกวา กองทัพ
ท่มี คี วามเจริญกาวหนา มกี ารผลิตสนิ คาตา งๆ มากมาย ท้ังเคร่อื งใชไ ฟฟา 4 สนิ คา อตุ สาหกรรมหนกั เชน อตุ สาหกรรมผลติ รถยนตย หี่ อ ฮนุ ได (Hyundai)
รถยนต รถจักรยานยนต อุปกรณค อมพิวเตอรสงออกขายไปทว่ั โลก เครอื่ งใชไ ฟฟา ยี่หอซัมซุง (Samsung) แอลจี (LG) เปน ตน
แตในขณะเดียวกนั ญี่ปุนก็ใหการสนับสนนุ ภาคเกษตรกรรมดว ยเชนกนั

คูมอื ครู 123

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore
Explain Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู

ครใู หนักเรยี นในช้ันเรียนชวยกนั ตอบวา ๓) พัฒนาการด้านสังคม สังคมของภูมิภาคเอเชียตะวันออกก่อนคริสต์ศตวรรษ
พัฒนาการดา นสังคมของภูมภิ าคเอเชียตะวันออกมี
ลักษณะอยางไร ชทน ี่ ช๑ัน้๙ 1 เเชปน่ ็น ชสนังคชม้นั แปบกบคจราอรงีต นทักี่ปรกบค ชรอาวงในนาร ชะบา่ งอฝบมี สือม บพูร่อณคา้าญ 2เปาส็นิทตธ้นิร ามชีลยทั ์ ธคิคนวใานมสเังชคือ่ มทแี่มบอี ่งทิ อธอิพกลเปต็น่อ
แนวคดิ และการดา� เนนิ ชวี ติ ของคนในสงั คม เชน่ ลทั ธขิ งจอ๊ื มหี ลกั คา� สอนเรอ่ื งความกตญั กู ตเวท ี
(แนวตอบ สังคมของภมู ภิ าคเอเชียตะวันออก
กอ นคริสตศตวรรษที่ 19 เปน สงั คมแบบจารตี การกราบไหว้บูชาบรรพบุรุษท่ีล่วงลับไปแล้ว
ทปี่ กครองในระบอบสมบรู ณาญาสทิ ธริ าชย กษตั ริย การเนน้ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม การศกึ ษาหาความรู้
เปน ประมขุ ของอาณาจกั ร คนในสงั คมแบงออกเปน ส่วนญี่ปุ่นมีความเชื่อในลัทธิบูชิโดเร่ืองความ
ชนชน้ั ตางๆ เชน ชนชน้ั ปกครอง (กษตั รยิ ห รือ กล้าหาญและการจงรกั ภกั ดีต่อผนู้ �า
จกั รพรรดิ เชอ้ื พระวงศ ขนุ นาง และนักรบ) ชาวนา สังคมในภูมิภาคเอเชียตะวันออก
ชางฝมอื พอ คา และมลี ัทธิความเช่อื ทีม่ อี ทิ ธพิ ลตอ เรม่ิ มกี ารเปลยี่ นแปลงครง้ั ใหญ่ในครสิ ตศ์ ตวรรษ
แนวคิดและการดําเนนิ ชวี ิตของคนในสงั คม เชน ท่ี ๑๙ เมื่ออิทธพิ ลตะวันตกในยคุ จักรวรรดินยิ ม
ลัทธิขงจอื๊ สว นญ่ปี นุ มคี วามเชอ่ื ในลัทธบิ ูชิโด แพรเ่ ขา้ มา เชน่ ญปี่ ุ่นสมยั เมจิ ชนช้นั ปกครอง
แตเ ม่อื อทิ ธพิ ลของจักรวรรดนิ ิยมเขา มาในภูมิภาคน้ี ตงั้ แต่จกั รพรรด ิ เช้ือพระวงศ์ ขุนนาง เปน็ ผูน้ า�
ในคริสตศ ตวรรษท่ี 19 เชน ญป่ี นุ สมยั เมจิ ชนชั้น ภาพวาดการประกาศใชรัฐธรรมนูญของญี่ปุนใน ค.ศ. ในการรับวถิ ีชีวิตแบบตะวันตก ส่วนจนี ชนชั้น
ปกครองไดรับวถิ ีการดําเนินชวี ติ แบบตะวันตก ๑๘๘๙ นับเปน การปฏิรูปการปกครองไปสูความทันสมัย ปกครองส่วนใหญ่มักจะมีความคิดอนุรักษนิยม
สวนจีน ชนช้ันกลางจะเปน ผรู ับการศกึ ษาแบบ มากกวา่ คนรนุ่ ใหมท่ ม่ี กี ารศกึ ษาแบบตะวนั ตกจงึ เปน็ ผนู้ า� ในการรบั วฒั นธรรมตะวนั ตก เชน่ แนวคดิ
ตะวันตก จนนาํ มาสกู ารประกาศใชรัฐธรรมนญู ประชาธปิ ไตย ท�าใหญ้ ป่ี ุ่นมีการประกาศใชร้ ัฐธรรมนูญใน ค.ศ. ๑๘๘๙ และจนี เปลี่ยนการปกครอง
ของญ่ีปนุ และการเปล่ียนแปลงการปกครองของจีน เปน็ แบบสาธารณรฐั ใน ค.ศ. ๑๙๑๒ ต่อมาลทั ธิคอมมวิ นสิ ต์ได้แพร่เข้ามา สามัญชนท่มี ีพืน้ เพจาก
ปจจุบนั สังคมมีลักษณะของสงั คมเมืองท่มี คี วาม ชนชน้ั ชาวนา ชา่ งฝมี อื พอ่ คา้ เรมิ่ เข้ามามสี ่วนรว่ มทางการเมืองมากขน้ึ
เจริญกา วหนา และประชากรไดรบั การศึกษาสงู ข้นึ )

ขยายความเขา ใจ Expand เร่อื งนา รู

ครใู หนกั เรยี นแบงกลมุ กลมุ ละ 5-6 คน การปฏริ ปู สงั คมในสมยั เมจิ
เพือ่ จดั ทาํ แผน พับ “แนะนําเอเชียตะวนั ออก” สมยั เมจิ (ค.ศ. ๑๘๖๘-๑๙๑๒) เปน สมยั ทจี่ กั รพรรดเิ มจทิ รงฟน ฟอู าํ นาจของ
ซงึ่ ขอ มลู ประกอบดว ย ทต่ี ง้ั และสภาพทางภมู ศิ าสตร
พฒั นาการทางดา นตา งๆ และแหลง ทอ งเทยี่ วสาํ คญั จักรพรรดิขึ้นมาอีกครั้งโดยการเขายึดอํานาจคืนจากโชกุน ทรงยายเมืองหลวงจาก
ตกแตงใหสวยงาม แลว นาํ เสนอหนาชนั้ เรียน เมอื งเกียวโตไปอยทู เี่ มอื งเอะโดะ แลว เปลย่ี นชอื่ เปนโตเกยี ว และทรงปฏริ ูปญี่ปุนใน
ทุกๆ ดาน จึงมีการเรียกการปฏิรูปในสมัยของพระองควา การปฏิรูปสมัยเมจิ
ตรวจสอบผล Evaluate สมัยน้ีญี่ปุนมีความเจริญกาวหนา มาก

1. ครตู รวจแผนพบั “แนะนาํ เอเชียตะวันออก” สําหรับการปฏิรูปดานสังคม ไดมีการประกาศยกเลิกอภิสิทธ์ิของพวกนักรบ จกั รพรรดิเมจิ
2. ครสู งั เกตพฤตกิ รรมความมีสว นรวมในการ (ซามไู ร) โดยใหท กุ คนมฐี านะเทา เทยี มกนั และอยภู ายใตก ฎหมายเดยี วกนั นอกจากน้ี
ยังประกาศนโยบายการศึกษาใหเยาวชนชาย - หญิงไดรับการศึกษาเลาเรียนกัน
ตอบคําถามและการแสดงความคดิ เหน็ ของ ทกุ คน มีการขยายการศกึ ษาจนถึงระดบั อดุ มศึกษา คือ มหาวทิ ยาลัย รวมทั้งมีการ
นักเรียน สง นกั ศกึ ษาไปศึกษายงั ตางประเทศเพ่อื นาํ ความรูมาพัฒนาประเทศตอ ไป

12๔

นักเรียนควรรู บูรณาการเช่อื มสาระ
ครสู ามารถนําเนอ้ื หาเกยี่ วกบั พฒั นาการดา นสังคมของภมู ภิ าคเอเชีย
1 ชนช้ัน ลําดบั ชน้ั ในสังคมแบบจารตี ของจนี มีอทิ ธพิ ลตอ ญี่ปนุ เกาหลี โดยแบง ตะวนั ออก ไปบูรณาการเชือ่ มโยงกับสาระหนา ทพ่ี ลเมือง วฒั นธรรม และ
ตามคานิยมในลัทธิขงจ๊อื ทชี่ นช้ันพอคาอยลู า งสุด เพราะถอื วา พอ คาไมไดเ ปน ผูผลติ การดําเนินชวี ติ ในสงั คม หัวขอ ลกั ษณะวัฒนธรรมของประเทศในภมู ภิ าคเอเชีย
แตเ ปน การแสวงหากาํ ไรจากแรงงานของผูอนื่ และพูดไมค อยตรงกบั ความจรงิ โดยครอู ธิบายใหนกั เรียนเขา ใจถึงลักษณะของวัฒนธรรมจีน และอิทธพิ ลทีม่ ี
ซงึ่ ขดั กบั หลักจริยธรรมในลทั ธิขงจ๊ือ ตอ ญ่ีปุน และเกาหลี เพ่ือทีน่ ักเรยี นจะไดเขา ใจในวฒั นธรรมทม่ี ลี ักษณะเดน
2 พอ คา พอคาญ่ปี นุ ก็มีหลกั คณุ ธรรมยึดถอื และปฏิบัติตามเชน เดยี วกับ เปน เอกลกั ษณ ซึง่ ผา นการสรางสรรคมาเปนเวลายาวนาน
หลกั คณุ ธรรมของนักรบ (ลทั ธบิ ชู ิโด) หลักคณุ ธรรมของพอคา หรือทเ่ี รียกวา
โชนินโด ประกอบดวย 1. พอ คาตอ งเคารพในการประกอบอาชีพคาขายของตระกลู กจิ กรรมทา ทาย
ของตนและสบื ทอดการคา ตลอดไป 2. พอ คาตอ งมคี วามขยนั ในการประกอบอาชพี
3. พอ คา ตองมคี วามจริงใจและซ่ือสตั ย 4. พอ คา ตอ งมคี วามประหยัดมธั ยัสถ ครใู หนกั เรียนสืบคนเกี่ยวกับการปฏิรูปของญีป่ นุ ในสมยั เมจิทางดาน
5. พอคาตองเคารพและเชื่อฟง กฎหมาย และ 6. พอ คา ตองยึดมั่นในความจงรักภักดี การเมอื งการปกครอง เศรษฐกิจ และสงั คม จากน้ันใหเ ปรยี บเทียบกับ
ความกตัญู ความอดทนและอดกลน้ั การทาํ ตามหนา ที่ของพอ คาอยา งเต็มท่ี การปฏริ ปู ประเทศของไทยสมยั รชั กาลที่ 5 วา มคี วามเหมอื นหรอื แตกตา งกนั
จึงมสี ว นทาํ ใหเศรษฐกิจของญีป่ นุ มีความเจริญรงุ เรือง อยางไร โดยสรุปผลการวิเคราะหล งสมุดจดงานสง ครูผูส อน

124 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Engage

กระตนุ ความสนใจ

ตง้ั แต ่ ค.ศ. ๑๙๔๕ สังคมในเอเชยี ตะวันออกไดร้ บั ผลกระทบจากโลกยุคสงครามเยน็ ครนู าํ ภาพสถานทส่ี ําคัญทางประวตั ศิ าสตร
จีนและเกาหลีเหนือที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ได้ควบคุมประชาชนอย่างเข้มงวดในด้าน หรอื สถานทที่ องเที่ยวที่สําคัญของภูมภิ าคเอเชียใต
การเมือง การแสดงความคิดเห็น รวมทั้งก�าหนดแนวทางวิถีชีวิตของประชาชน ส่วนญ่ีปุ่นได้รับ มาใหนักเรยี นดู จากน้นั ต้งั คําถามใหนกั เรยี น
การวางพ้นื ฐานประชาธิปไตยและเศรษฐกิจจากสหรฐั อเมริกา สตรมี สี ิทธเิ ท่าเทียมบรุ ุษโดยเฉพาะ ชวยกนั ตอบ เชน
มีสิทธิในการเลือกตั้ง สังคมเมืองขยายตัว ประชาชนอพยพเข้ามาท�างานและอาศัยในเมืองใหญ่
สมว่ีลนูกจคนี นตเดงั้ แียตว1ท่เพศอื่ วครรวษบ ค๑มุ ๙อ๘ัต๐ร าปกราะรชเาพก่มิรเขพอม่ิ งจปา� รนะวชนามกรา กยขกนึ้ เจวนน้ รชฐั นบกาลลุม่จนีนต้ออ้ยงบใาชงน้ กโลยมุ่บทาย่ีอใยหู่ใป้นรดะนิ ชแาดชนน • นกั เรียนรูจักภาพใดบาง เปน ภาพอะไร
ทม่ี ผี คู้ นนอ้ ยจงึ ยอมใหม้ ี ๒ คนได ้ และมกี ารผอ่ นกฎเกณฑ์ใหผ้ ทู้ ส่ี ญู เสยี ลกู จากภยั ธรรมชาตริ นุ แรง • ภาพที่ครยู กตวั อยา งมาน้ีอยใู นประเทศใด
เชน่ แผน่ ดินไหว ใหม้ ีลกู คนใหมไ่ ด้ เปน็ ต้น • เมื่อกลา วถงึ ภูมิภาคเอเชียใต นักเรียนนึกถึง
ปจั จบุ นั สงั คมของภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกมพี ฒั นาการเปน็ สงั คมเมอื ง มเี ศรษฐกจิ ทมี่ ี
ความเจริญก้าวหน้า ประชาชนมีการศึกษาสูงขึ้น ขณะเดียวกันประชาชนก็ต้องเผชิญกับปัญหา อะไร
ชมุ ชนแออดั ปัญหามลภาวะ และโรคภัยที่เกดิ จากแหลง่ อตุ สาหกรรม
สาํ รวจคน หา Explore

๒. ภมู ภิ าคเอเชียใต้ ครูใหน ักเรยี นศึกษาเกย่ี วกับภมู ิภาคเอเชยี ใต
จากหนังสอื เรยี น หนา 125-132 และจาก
แหลงการเรียนรูตา งๆ เชน หองสมดุ กลุมสาระ
หอ งสมดุ โรงเรยี น ขอ มูลทางอนิ เทอรเนต็ เปนตน

ภมู ภิ าคเอเชยี ใตเ้ ปน็ ดนิ แดนทมี่ อี ารยธรรมเกา่ แกอ่ กี แหง่ หนงึ่ ของโลก เปน็ ตน้ กา� เนดิ ศาสนา อธบิ ายความรู Explain
ท่ีส�าคัญ เช่น ศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู พระพุทธศาสนา และเป็นต้นก�าเนิดความรู้ด้านต่างๆ
หลายแขนง เชน่ คณติ ศาสตร ์ แพทยศาสตร ์ เปน็ ตน้ ปจั จบุ นั เอเชยี ใตเ้ ปน็ ภมู ภิ าคทม่ี ปี ระชากร 1. ครสู ุม นกั เรียนออกมานําเสนอสาระสําคญั
ใจนา� เนอวเนชมยี ใาตกม้ โคี ดวยาเมฉหพลาาะกอหนิ ลเดายยี ทมาปี งรดะา้ชนาเกชรอื้มชาากตเป ิ ศน็ าอสนันดา2 บั จ งึ ๒ม ปีขญัองหโลาคกวราอมงจขาดั กแจยนี ง้ ใดนว้ภยมู เหภิ าตคทุ นป่ี อ้ี รยะเชู่ สามกอร ทหี่ นาช้นั เรยี น ครเู ปดโอกาสใหนกั เรียนท่มี ี
ขอสงสัยซกั ถามและอธิบายจนทกุ คนเกิด
เอเชียใต้ : ประเทศ เมืองหลวง เนอ้ื ที่ และประชากร พ.ศ. ๒๕๕๘ ความเขา ใจ

ชอ่ื ประเทศ เมืองหลวง เนอ้ื ที่ ประชากร แผนทภี่ ูมิภาคเอเชียใต้ 2. ครใู หนักเรียนชว ยกนั บอกช่ือประเทศใน
(ตร.กม.) (ลา้ นคน) ภมู ิภาคเอเชยี ใต และประเทศทีม่ ีขนาดพืน้ ที่
และจาํ นวนประชากรมากทส่ี ดุ
๑. อินเดยี นิวเดลี ๓,๐๙๕,๔๗๒ ๑,๓๑๔.๑ มหาสมุทรอาร์กติก (แนวตอบ ภูมภิ าคเอเชียใตป ระกอบดว ยประเทศ
ตา งๆ 7 ประเทศ ไดแ ก สาธารณรัฐอินเดยี
๒. ปากสี ถาน อสิ ลามาบัด ๘๐๓,๙๔๔ ๑๙๙.๐ ทวีปยโุ รป สหพนั ธรัฐรัสเซยี สาธารณรฐั อิสลามปากีสถาน ราชอาณาจกั ร
เนปาล สาธารณรฐั ประชาชนบังกลาเทศ
๓. เนปาล กาฐมาณฑุ ๑๔๐,๗๙๘ ๒๘.๐ ทะเลด�า สาธารณรฐั สังคมนยิ มประชาธิปไตยศรลี ังกา
ราชอาณาจกั รภูฏาน และสาธารณรฐั มลั ดฟี ส
๔. บงั กลาเทศ ธากา ๑๔๒,๗๗๖ ๑๖๐.๔ สาํ หรับประเทศในภมู ิภาคเอเชยี ใตทมี่ ีขนาด
พนื้ ทแ่ี ละจาํ นวนประชากรมากท่สี ุด คอื
๕. ศรีลงั กา โคลมั โบ ๖๕,๖๑๐ ๒๐.๙ มหาสมุทรแปซฟิ ิก อินเดีย)

๖. ภฏู าน ทมิ พู ๔๑,๔๔๐ ๐.๘ ทะเลอาหรับ อา่ วเบงกอล ทะเลจนี ใต้
มหาสมทุ รอินเดีย
๗. มัลดีฟส์ มาเล ๒๙๘ ๐.๓

รวม ๔,๒๙๐,๓๓๘ ๑,๗๒๓.๕

ท่มี า : www.prb.org 125

แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETดิ นักเรียนควรรู

ภูมิภาคเอเชียใตมคี วามสําคญั ตอโลกอยา งไร 1 นโยบายใหประชาชนมีลูกคนเดยี ว หากครอบครวั ใดมลี กู เกนิ กวา 1 คน บิดา
แนวตอบ ภูมภิ าคเอเชียใตเปนดนิ แดนทม่ี ีอารยธรรมเกา แกอกี แหงหนึ่ง มารดาตอ งจา ยคา ปรบั และลูกคนท่ี 2, 3, 4 จะไมมสี ิทธไิ ดร บั บรกิ ารขัน้ พนื้ ฐาน เชน
ของโลก คือ อารยธรรมอนิ เดยี ซึ่งมแี หลง กําเนิดในบริเวณลมุ แมนํา้ สินธุ ไมม สี ทิ ธเิ รยี นฟรี แตป ญ หาการมลี กู เพยี งคนเดยี วกม็ เี ชน กนั เชน การเลย้ี งดลู กู
(ในประเทศปากสี ถานปจ จบุ นั ) เมอ่ื ประมาณ 5,000 ปม าแลว ซง่ึ ไดส รา งสรรค แบบตามใจเกนิ ไป เปน ตน
ความเจริญตา งๆ ไวม ากมาย อกี ทง้ั ยังเปนตน กําเนดิ ศาสนาที่สําคญั ของโลก 2 ความหลากหลายทางดา นเชื้อชาติ ศาสนา เชื้อชาตติ างๆ ของประชากร
เชน ศาสนาพราหมณ-ฮินดู พระพทุ ธศาสนา และเปน ตนกาํ เนิดวิชาความรู ในเอเชยี ใต เชน อารยัน ทมิฬ สิงหล สว นการนบั ถอื ศาสนามที ง้ั ศาสนาพราหมณ-
ตางๆ หลายแขนง เชน คณติ ศาสตร แพทยศาสตร เปน ตน นอกจากนี้ ฮนิ ดู พระพทุ ธศาสนา ศาสนาอสิ ลาม ศาสนาสขิ ศาสนาเชน เปนตน ซ่ึงกลายเปน
ในปจจบุ นั เอเชยี ใตยงั เปนภูมภิ าคทีม่ ีบทบาททางดานเศรษฐกจิ โดยเปนแหลง ปญหาความขัดแยง ของผคู นหลายเชื้อชาติ หลายศาสนาในเอเชียใต
ผลติ สินคา สําคัญ เชน ชน้ิ สว นคอมพวิ เตอรและอิเลก็ ทรอนิกส ขา ว ชา กาแฟ
และเปน แหลง ลงทุนสาํ คัญเพราะมีแรงงานจาํ นวนมาก อกี ทง้ั ประเทศตา งๆ มมุ IT
ในภมู ภิ าคนีไ้ ดมีการรวมกลุมกนั อยางสมาคมความรว มมอื แหงภูมภิ าค
เอเชยี ใต (South Asian Association for Regional Cooperation - SAARC) ศึกษาคน ควาขอ มูลเพิม่ เตมิ เกย่ี วกบั ประเทศในภูมภิ าคเอเชียใต ไดท ี่
ซง่ึ เปน องคก รความรวมมอื ทางดา นการเมือง เศรษฐกจิ และสงั คม โดยอาจ http://sameaf.mfa.go.th เวบ็ ไซตกรมเอเชียใต ตะวนั ออกกลางและแอฟริกา
เทยี บเคียงไดกบั อาเซยี น
คูมือครู 125

กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

ครใู หน กั เรยี นอธบิ ายความรดู ว ยการตอบคาํ ถาม 2.1 ท่ีต้ังและสภาพภูมิศาสตร์ท่ีมผี ลตอ่ พัฒนาการการต้งั ถ่นิ ฐาน
เก่ียวกบั ท่ตี ัง้ และสภาพภูมิศาสตรข องภมู ภิ าค ของประชากร
เอเชยี ใตท มี่ ผี ลตอการตงั้ ถน่ิ ฐานของประชากร เชน ภูมิภาคเอเชียใต้ต้ังอยู่ระหว่างภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทางตอนเหนอื ตดิ กบั ภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออก ภมู ภิ าคนมี้ รี ปู รา่ งเปน็ รปู สามเหลยี่ ม มฐี านอยดู่ า้ นบน
• ภูมภิ าคเอเชยี ใตตัง้ อยสู ว นใดของทวีปเอเชีย ลักษณะเหมือนรวงผึ้งท่ีมีน�้าผึ้งก�าลังหยด ประกอบด้วยประเทศต่างๆ ๗ ประเทศ โดยต้ังอยู่บน
และมรี ูปรางอยางไร ภาคพ้ืนทวีป ๕ ประเทศ ได้แก่ อินเดีย ปากีสถาน เนปาล บังกลาเทศ ภูฏาน และตั้งอยู่ใน
(แนวตอบ ภูมภิ าคเอเชยี ใตต ้งั อยรู ะหวาง ภาคพน้ื สมทุ ร ๒ ประเทศ ไดแ้ ก ่ ศรลี ังกา และมัลดีฟส์
ภูมิภาคเอเชียตะวนั ตกเฉียงใตแ ละเอเชยี สภาพภูมิศาสตร์ของเอเชียใต้มีขอบเขตที่ชัดเจน ทางตอนเหนือเป็นเทือกเขาสูง ทางฝัง
ตะวนั ออกเฉียงใต โดยทางเหนอื อยตู ดิ กับ ตะวันออกและตะวันตกเป็นมหาสมุทรล้อมรอบ และมีพื้นที่ท่ีเป็นเกาะและหมู่เกาะอยู่ทางใต้ของ
ภูมภิ าคเอเชยี ตะวันออก มรี ูปรางเปน ภมู ภิ าค ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศเชน่ นที้ า� ใหใ้ นอดตี การเดนิ ทางเขา้ และออกจากภมู ภิ าคคอ่ นขา้ งลา� บาก
รูปสามเหล่ียม มีฐานอยูดา นบน ลักษณะ ชาวเอเชียใต้จึงนิยมต้ังถ่ินฐานอยู่ภายในภูมิภาคของตนมากกว่าเดินทางออกไปยังถิ่นอื่น จึงมี
เหมอื นรวงผึง้ ทม่ี นี ํ้าผง้ึ กาํ ลังหยด) ชนพืน้ เมอื งทีส่ ืบเช้ือสายมาถึงปัจจุบัน เช่น พวกดราวิเดยี น พวกทมิฬ แต่กม็ ปี ระชากรบางสว่ น
เดินทางออกมาคา้ ขายและเผยแพร่วัฒนธรรมในดินแดนอ่ืน เช่น ภมู ิภาคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้
• สภาพภมู ศิ าสตรข องภมู ภิ าคเอเชยี ใตโ ดยรวม ทตี่ ิดตอ่ และรบั วัฒนธรรมอินเดยี มาตั้งแต่อดีต
มีลกั ษณะเชนไร และมผี ลตอ การต้งั ถ่นิ ฐาน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการเดินทางเข้ามายังภูมิภาคเอเชียใต้ในอดีตจะมีความยากล�าบาก
ของประชากรอยางไร พแตวก่ภชูมนิภเาผคา่ นอาี้กร็เยคันย1 ถอูกพชยนพตเ่าขง้าถม่ินาอจพากยเพอเเชขยี้ากมลาาปงกเมคื่อรอปงรแะมลาะณต้ัง ถ๑่ิน,๕ฐ๐าน๐ส ืบปกีมอ่านจนครถิสึงตปศ์ ัจักจรุบาันช เช่น
(แนวตอบ จากสภาพภูมิศาสตรของภูมภิ าค และ
เอเชียใตท ีท่ างตอนเหนอื เปน เทือกเขาสูง พวกมสุ ลมิ ที่อพยพเข้ามาตง้ั แต่ประมาณ ค.ศ.
ทางฝง ตะวนั ออกและตะวันตกเปน มหาสมุทร เทอื กเขาฮินดกู ชู ชไคอเงบเอขรา เทอื กเขาหมิ าลัย ๑๑๐๐ และตั้งถ่ินฐานสืบเชื้อสายมาจนถึง
ลอมรอบ และมพี ืน้ ท่ีทีเ่ ปนเกาะและหมูเ กาะ ปยงัจั ภจมูบุ ภินั า เคสนน้ ี้ทเรายีงกทวช่ี า่ น ชตอ่า่ งงเชขาาตไิใคชเเ้บดอนิ รท ์2อายงเู่ใขนา้เขมตา
ทางใตของภมู ภิ าค จงึ เปน อปุ สรรคตอการ เทือกเขาหิมาลัยทางตอนเหนือท่ีกั้นเอเชียใต้
เดนิ ทางเขา ออกในภมู ภิ าค ชาวเอเชยี ใตจ งึ ฮารัปปา ออกจากภูมิภาคอื่น ถัดจากเขตเทือกเขาทาง
นยิ มตง้ั ถ่ินฐานอยูภายในภูมภิ าคโดยเฉพาะ
บรเิ วณทีร่ าบลุมแมน ํา้ กวางใหญ เชน แ ่ม ้น�า ิสน ุธ อนิ เดยี ตอนเหนือลงมาเป็นบริเวณท่ีราบภาคเหนือ มี
ท่รี าบลมุ แมนา้ํ สนิ ธุ ท่รี าบลุมแมนา้ํ คงคา ท่ีราบลุ่มแม่น้�ากว้างใหญ่ บริเวณน้ีเป็นแหล่ง
มากกวา เดนิ ทางออกไปยงั ถ่นิ อ่ืน แตก ม็ ี โมเฮนโจ - ดาโร ก�าเนิดอารยธรรมโบราณของเอเชียใต้อย่าง
ประชากรบางสวนท่ีออกเดนิ ทางไปคาขาย
และเผยแพรวฒั นธรรมยังดนิ แดนอนื่ เชน ทะเลทรายธาร์
ภมู ภิ าคเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต เปน ตน)

อารยธรรมลมุ่ แมน่ �า้ สินธุ ที่ราบลุ่มแมน่ �้าสา� คัญ
ไดแ้ ก ่ ทรี่ าบลมุ่ แมน่ า้� สนิ ธ ุ(ปจั จบุ นั อยใู่ นประเทศ
อทาหะเรลับ ปากสี ถาน) ทร่ี าบลมุ่ แมน่ า้� คงคาในอนิ เดยี ทร่ี าบ
แผนท่ีแสดงเสนทางการอพยพเขามายังอินเดียโบราณของ ลมุ่ แมน่ า�้ พรหมบตุ รในอนิ เดยี และบงั กลาเทศ
ชาวอารยัน

12๖

นกั เรยี นควรรู บูรณาการเชอ่ื มสาระ
ครสู ามารถนําเน้อื หาเกย่ี วกับภูมิภาคเอเชยี ใต ไปบรู ณาการเชอื่ มโยงกบั
1 อารยัน แปลวา ผเู จริญ ถือวา เปนชนชาตทิ ่มี ีอารยธรรม พวกอารยนั สืบเชื้อสาย สาระภูมศิ าสตร หวั ขอ เคร่ืองมอื ทางภูมศิ าสตร โดยครูอธิบายวิธีการใช
มาจากพวกอนิ โด-ยโู รเปย น ซง่ึ มรี ปู รา งสงู ใหญ ผวิ ขาว จมกู โดง ผมสอี อ น สนั นษิ ฐาน เครอ่ื งมอื ประเภทตางๆ เชน ลูกโลก แผนทีเ่ ลม ภาพจากดาวเทียม เวบ็ ไซต
วา มถี ่ินเดิมอยูร อบๆ ทะเลแคสเปย น เปน พวกเรร อ นเลยี้ งสัตว ตอมาไดอพยพไป เปน ตน แลว แนะนําใหนกั เรยี นศึกษาสภาพภูมศิ าสตรข องภูมภิ าคเอเชียใต
หลายทาง สาํ หรบั ชาวอารยันท่ีอพยพเขามาอยูอนิ เดยี ตอนเหนอื ไดเปน ผูส ราง จากเครอื่ งมอื ทางภูมศิ าสตรป ระเภทตางๆ ดังกลา ว เพอื่ ที่นักเรยี นจะไดเ กดิ
อารยธรรมอินเดีย ใชภ าษาในตระกลู อินโด-ยโู รเปย น แบง เปน 2 กลมุ ใหญ คอื ความรคู วามเขาใจเรื่องราวของภูมิภาคเอเชียใตมากยง่ิ ขนึ้
ภาษาสนั สกฤตกบั ภาษาปรากฤต ความเจรญิ ของชาวอารยนั ทส่ี ําคญั คอื การจบั
มาปามาฝก ใหเชอื่ งเพอ่ื เทียมรถสองลอใหเ คลือ่ นทอ่ี ยางรวดเรว็ กจิ กรรมทาทาย
2 ชองเขาไคเบอร เปน เสน ทางท่อี ินเดยี สมัยโบราณใชต ิดตอ กบั โลกภายนอก เชน
เมโสโปเตเมีย กรีก เปอรเ ซีย อาหรับ เปนตน จนกระท่ังประมาณคริสตศ ตวรรษที่ 15 ครใู หน กั เรียนนําแผนท่ีโครงรางภมู ภิ าคเอเชียใตไปตดิ บนแผนไมอัด
เปนตนไป ไดม กี ารคนพบเสน ทางใหมม ายงั โลกตะวันออก คอื การออมแหลมกดู โฮป แลวหาดนิ นํ้ามันสีตา งๆ เพอื่ ทจ่ี ะใชแสดงลักษณะภมู ิประเทศ เชน ทีร่ าบลุม
ทางตอนใตของทวปี แอฟริกา ทําใหนักเดนิ เรือชาตติ ะวันตกเขามาตดิ ตอ กบั อนิ เดยี แมน ํา้ เทือกเขา ที่ราบสูง ปา ชายเลน เปนตน มาติดลงบนแผนทีโ่ ครงราง
ทางชายฝงทะเลดานตะวันตก และตอเนื่องไปยงั ชายฝง ทะเลรอบอินเดยี ทางดา น แลวนําเสนอหนา ชั้นเรยี น พรอ มทั้งอธบิ ายวา สภาพภมู ิศาสตรดงั กลา ว
ตะวนั ออก มอี ิทธิพลตอการต้ังถ่ินฐานของประชากรในภูมภิ าคนี้อยางไร

126 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

เขตทร่ี าบลมุ่ แมน่ า้� ในภาคเหนอื เปน็ บรเิ วณ เทือกเขาฮินดูกูช จนี ครใู หนกั เรยี นดูแผนทแี่ สดงสภาพภมู ศิ าสตร
ท่ีมีประชากรเชื้อสายเผ่าพันธุ์ต่างๆ ต้ังถิ่นฐาน อัฟกานิสถาน ของภูมิภาคเอเชยี ใตจากหนังสือเรยี น หนา 127
อาศัยอยู่อย่างหนาแน่นมาต้ังแต่อดีตจนถึง จากน้ันใหอ ภิปรายรวมกันวา บรเิ วณใดของ
ขปจอั จงบอุ นินั เทดงยั้ี พ1 แวลกะดพรวากวเิทดอ่ียี พนยซพงึ่ เเปขน็ า้ ชมนาพ เชน้ื น่เม ออื างรเดยมินั ปากสี ถาน ทะเลทรายธาร์ เทือกเขาหิมาลยั ภฏู าน ภมู ภิ าคเอเชียใตท่ปี ระชากรเขาไปตง้ั ถนิ่ ฐาน
มองโกลอยด ์ เปน็ ตน้ สา� หรบั บรเิ วณถดั จากเขต เนปาล อาศัยอยูเ ปนจาํ นวนมาก และบริเวณใดท่ปี ระชากร
ทร่ี าบลมุ่ แมน่ า้� ภาคเหนอื ลงมาเปน็ เขตทเี่ รยี กวา่ อินเดยี ที่ราบล่มุ แมน่ �า้ คงคา อาศยั อยนู อ ย
บงั กลาเทศ
เทอื กเขาฆาตตะวนั ตก โกลกาตา (แนวตอบ บริเวณทร่ี าบลมุ แมน้าํ ไดแ ก
เขตท่ีราบลุมแมนาํ้ สินธุและแมน า้ํ คงคา หรือบรเิ วณ
คาบสมทุ รอินเดีย เพราะมพี ื้นท่ีย่ืนยาวลงมาใน มุมไบ ทีร่ าบสงู เดกกนั เทือกเขาฆาตตะวอันอ่าอวกเบงกอล ท่ีราบใหญท างเหนอื เปน ที่ราบกวา งขวางมาก
มหาสมทุ ร ในเขตคาบสมทุ รน ้ี พน้ื ทท่ี างตะวนั ตก บริเวณดังกลา วเปน ทร่ี าบดนิ ตะกอนอนั เกิดจาก
สูงกว่าทางตะวันออก ส่วนทางตอนกลางของ ทะเลอาหรับ แมน ํ้าสนิ ธแุ ละแมน้าํ คงคาและสาขาใหญนอ ยมา
คาบสมุทร เรียกว่า ทีร่ าบสูงเดกกนั มีเทอื กเขา ทบั ถมกัน เปนพนื้ ทอ่ี ุดมสมบูรณ จงึ เปน แหลง
ก้ันทางตะวันตกและตะวันออก พื้นที่ส่วนใหญ่ ทเ่ี หมาะแกก ารเพาะปลูก ทําใหมีประชากรเขา มา
แห้งแล้งเต็มไปด้วยภูเขาใหญ่น้อย มีแร่ธาตุ มลั ดีฟส ศรีลงั กา ตง้ั ถิ่นฐานอาศยั อยูอยางหนาแนนมาตงั้ แตอ ดีต
จนถึงปจจบุ นั นอกจากนี้ บริเวณทรี่ าบชายฝง
เชน่ ถ่านหิน เหล็ก ทางตะวนั ออกเฉียงใต้ของ แผนทแ่ี สดงสภาพภมู ศิ าสตรข องภมู ภิ าคเอเชยี ใตโ ดยสงั เขป คาบสมุทรอินเดยี อยา งบรเิ วณเมืองมัทราสทาง
ที่ราบสูงเดกกันเป็นที่ราบกว้างใหญ่ เป็นที่อยู่ ฝง ตะวันออก และเมอื งบอมเบย (หรือมุมไบใน
ของชนพนื้ เมืองอกี กลุม่ คอื พวกทมิฬ ซ่งึ มีวฒั นธรรมและภาษาเป็นของตนเอง ปจ จบุ ัน) ทางฝงตะวันตก กม็ ปี ระชากรอาศยั อยู
หนาแนนดว ยเชนกนั
เรอื่ งนารู
คงคา : สายธารอัน2ศกั ดส์ิ ทิ ธิ์ สาํ หรบั บรเิ วณทปี่ ระชากรอาศยั อยูน อ ย
จะเปนบริเวณเทอื กเขาสูงทางเหนอื ไดแ ก
แมน้ําคงคาถือเปนแมนํ้าศักดิ์สิทธิ์ของชาวอินเดียท่ีนับถือศาสนา เทือกเขาหมิ าลยั ซึง่ เปน อุปสรรคตอ การตั้งถนิ่ ฐาน
พราหมณ-ฮนิ ดู โดยมคี วามยาว ๒,๗๐๐ กิโลเมตร มตี นน้าํ มาจากเทือกเขา ของมนุษย ทง้ั นีเ้ พราะบริเวณเทือกเขาสูง
หิมาลัยไหลผานรัฐอุตตรประเทศ รัฐพิหาร และรัฐเบงกอลตะวันตกลงสูอาว มนษุ ยไ มสามารถใชพนื้ ท่ีทําการเพาะปลกู
เบงกอล สําหรับกําเนิดของแมน้ําคงคาน้ีปรากฏอยูในคัมภีรและวรรณกรรม และประกอบอาชีพอ่นื ไดสะดวก เนือ่ งจาก
อินเดีย เรื่องที่แพรหลายท่ีสุดปรากฏอยูในมหากาพยมหาภารตะซ่ึงเปน มพี ืน้ ทสี่ ูงชัน ดินมกี ารพังทลายสงู ทําใหขาด
วรรณกรรมที่สําคัญของศาสนาพราหมณ - ฮินดูวา แมน้ําคงคาเกิดจากการท่ี ความอดุ มสมบูรณ นอกจากนี้ ในเขตทส่ี งู มักมี
พระพรหมทรงนําพระเสโทจากบาทพระวิษณุมาสรา งเปน แมนาํ้ อยบู นสวรรค หิมะนาํ้ แขง็ ปกคลมุ หรอื มีภมู อิ ากาศแหง แลง
ซงึ่ เปนอุปสรรคตอการคมนาคมขนสงและเดนิ ทาง
แมน้ําคงคาไหลผานเมืองสําคัญหลายเมือง เชน ฤษีเกศ (Rishikesh) หริทวาระ (Haridwar) กานปุระ ตดิ ตอ ระหวางกนั ถงึ แมจะมชี อ งเขาที่สามารถ
(Kanpur) และอัลลาฮาบาด (Allahabad) แตบริเวณที่ถือกันวามีความศักดิ์สิทธิ์ที่สุด คือ ที่เมืองพาราณสี ไปมาหากนั ไดแ ตกไ็ มสะดวกนกั )

ซ(Vง่ึ aหrวaงั nจaะsไดi)รบัซ่ึงทจาะนมจีนา3ักกผแใูสจวบงญุบุญแลแะลนะักนทักอทงอเทงเีย่ ทวี่ยวแจมาน กํา้ ดคินงแคดาไนหตลาลงงๆสอู ทา ั่ววโเบลงกกมอาลชทุมี่เนมุมืองโรกวลมกทาั้งตขาอท(Kาoนlชkaาtวaอ)ินหเดรียอื

เดมิ เรียกวา กลั กัตตา (Calcutta)

12๗

แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETิด นกั เรียนควรรู
ลักษณะภูมิประเทศทางตอนบนของภมู ิภาคเอเชยี ใตสว นใหญเ ปนอะไร
1. เทือกเขาสูง 2. ทรี่ าบชายฝง 1 อนิ เดยี คาํ วา “อินเดีย” (India) เปน คาํ ใหม ในสมัยโบราณจะเรียกอนิ เดยี วา
3. เนินเขาลกู ฟกู 4. ทีร่ าบลุม แมน ํ้า ชมพทู วีปบา ง ภารตวรรษบา ง ซงึ่ ครอบคลุมประเทศอินเดีย เนปาล ปากสี ถาน
บังกลาเทศในปจ จบุ นั คาํ วา “อนิ เดยี ” เพ้ียนมาจากคาํ วา “สนิ ธ”ุ (ชอ่ื แมน้ําสําคัญ
วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. ตลอดพรมแดนดานทิศเหนือของภูมิภาค ทางภาคเหนือของอนิ เดยี ) ซึ่งมาจากการเรยี กของชาวกรกี วา อินดชู (Indus)
2 แมนํ้าคงคา นาํ มาใชในพิธีการตางๆ ทเี่ กีย่ วขอ งกบั วิถชี ีวติ ของชาวฮินดู
เอเชียใต มเี ทอื กเขายาวตลอดแนวของประเทศอนิ เดีย เนปาล ภูฏาน คือ ใชป ระกอบในพธิ ีมงคล รวมทง้ั การอาบนํา้ ในแมน า้ํ เพ่อื ความเปนสริ มิ งคล หรอื
เทอื กเขาหิมาลัย มยี อดเขาที่สูงท่ีสุดช่อื เอเวอเรสต มีความสูง 8,848 เมตร แมแตก ารลอยองั คารของคนตาย โดยชาวฮนิ ดเู ช่ือวา แมน ํ้าคงคาจะพาดวงวิญญาณ
เทือกเขาสงู ในเขตน้ีเปน ตนกาํ เนิดของแมน้ําสายสําคญั ในภมู ิภาคเอเชียใต ของคนตายไปสเู ทวโลกได
ไดแ ก แมนํา้ สนิ ธุ แมนา้ํ คงคา แมนํ้าพรหมบตุ ร และสาขาใหญน อยที่ไหลมาสู 3 กัลกัตตา ปจจบุ นั เปล่ยี นช่ือเปน โกลกาตา เปน เมอื งหลวงของรฐั เบงกอล
ที่ราบทางเหนือของประเทศอนิ เดยี ปากสี ถาน และบังกลาเทศ และดวย ตะวนั ตก ในอดตี เคยเปน เมืองหลวงของอินเดียภายใตการปกครองของอังกฤษ
เหตุทีบ่ รเิ วณเทือกเขามคี วามสูงชนั อากาศหนาวเย็นมาก ซง่ึ เปนอุปสรรคตอ ระหวาง ค.ศ. 1773-1912 กลั กตั ตาเปนทีต่ งั้ ของพพิ ธิ ภณั ฑอ ินเดีย (Indian Museum)
การเดนิ ทางตดิ ตอ ระหวางกัน จึงทาํ ใหมีผคู นตงั้ ถิน่ ฐานอาศยั ในบริเวณน้นี อย นอกจากน้ยี งั เปนบา นเกดิ ของกวีเอกอนิ เดียท่ไี ดร บั รางวลั โนเบลสาขาวรรณคดี คอื
รพนิ ทรนาถ ฐากรุ ผปู ระพันธห นงั สือคีตาญชลอี นั โดง ดงั

คมู ือครู 127

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

ครซู กั ถามนกั เรยี นถงึ สภาพภมู อิ ากาศของ ต่อมาพวกทมิฬบางส่วนที่อยู่ทางตอนใต้ของคาบสมุทรอินเดียได้อพยพไปตั้งถิ่นฐานอยู่ที่
ภมู ภิ าคเอเชยี ใตว า มลี กั ษณะอยา งไร และมอี ทิ ธพิ ล เกาะลงั กาหรอื ประเทศศรลี งั กาในปจั จบุ นั ในชว่ งทอี่ นิ เดยี และศรลี งั กาถกู องั กฤษปกครอง จนกลาย
ตอ การตง้ั ถน่ิ ฐานของประชากรอยา งไร เปน็ ปญั หาความขดั แยง้ ทางเชอื้ ชาตริ ะหวา่ งชาวทมฬิ กบั ชาวสงิ หล ซงึ่ เปน็ ชนพน้ื เมอื งของศรลี งั กา
มาจนถงึ ปจั จบุ นั จากลกั ษณะพนื้ ทท่ี กี่ วา้ งใหญ ่ สภาพภมู ปิ ระเทศทแ่ี ตกตา่ งกนั การตดิ ตอ่ คมนาคม
(แนวตอบ สภาพภมู ิอากาศของภูมิภาคเอเชียใต ภายในไมส่ ะดวก เพราะมเี ทอื กเขาใหญน่ อ้ ยกน้ั ทางตอนกลางของภมู ภิ าค ทา� ใหแ้ ยกพน้ื ทอ่ี อกเปน็
มีความหลากหลาย ทั้งหนาวจดั ในเขตเทือกเขา ทางเหนือ ทางใต ้ ผูค้ นจงึ ไม่คอ่ ยเดินทางตดิ ต่อกนั การอพยพโยกย้ายถิ่นฐานจึงมนี อ้ ย
หิมาลยั ผูค นจึงไมค อยเขาไปตั้งถ่นิ ฐานอยูมาก สา� หรบั สภาพภมู อิ ากาศในภมู ภิ าคเอเชยี ใตก้ ม็ คี วามหลากหลาย ทง้ั หนาวจดั ในเขตเทอื กเขา
สว นบรเิ วณที่ราบลมุ แมน ้ําสินธุและแมน้ําคงคา หิมาลัย ส่วนบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้�าสินธุและที่ราบลุ่มแม่น�้าคงคา มีอากาศหนาวจัดในฤดูหนาว
มอี ากาศหนาวจัดในฤดูหนาว และรอนจัดในฤดูรอน รอ้ นจดั ในฤดูรอ้ น ทางตอนใตบ้ รเิ วณคาบสมทุ รมอี ากาศสม่�าเสมอกวา่ นอกจากนี้ พนื้ ทสี่ ว่ นใหญ่
ขณะทที่ างตอนใตบ ริเวณคาบสมทุ รมอี ากาศ ของเอเชียใต้อยู่ในเขตมรสุม ซ่ึงมักจะเกิดพายุรุนแรงในช่วงฤดูมรสุม โดยลมพายุไซโคลนจะ
สมา่ํ เสมอกวา นอกจากน้ี พ้ืนทีส่ ว นใหญข อง ก่อตัวขึ้นในอ่าวเบงกอล ทางตะวันออกของภูมิภาค แล้วพัดเข้าสู่ฝังขึ้นไปถึงบังกลาเทศ ท�าให้
ภมู ิภาคเอเชียใตย ังอยใู นเขตมรสมุ ทาํ ใหป ระสบกับ บริเวณน้ีเกิดฝนตกหนัก น�้าท่วมรุนแรง ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินมากเกือบ
ฝนตกหนัก น้าํ ทว มรุนแรง กอใหเกิดความเสียหาย ทุกปีแต่ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่และมีทรัพยากรธรรมชาติท่ีหลากหลาย ท�าให้มีผู้คน
ท้งั ตอชวี ติ และทรัพยส นิ ของประชากร แตด ว ย เขา้ มาต้งั ถน่ิ ฐานอาศัยอยู่อยา่ งตอ่ เนื่อง
ความอุดมสมบรู ณของพื้นที่ทม่ี ีทรพั ยากรธรรมชาติ สว่ นทางตะวันตกเฉยี งเหนอื ของภูมิภาค เช่น บรเิ วณประเทศปากีสถานและอัฟกานิสถาน
หลากหลาย ทาํ ใหม ีผคู นเขาไปต้ังถน่ิ ฐานอาศยั อยู ไม่ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุม จึงมีอากาศแห้งตลอดท้ังปีและมีทะเลทราย แหล่งทรัพยากรน�้า
อยา งตอเน่อื ง สว นทางตะวันตกเฉยี งเหนอื ในเขตน ี้ เชน่ แมน่ ้า� สินธ ุ และแม่นา�้ สาขาที่ในฤดรู อ้ นไดร้ บั น�้าจากการละลายของหิมะท่เี ทอื กเขา
ของภมู ิภาค เชน บรเิ วณประเทศปากีสถานและ หิมาลยั เปน็ ต้น
อฟั กานิสถาน ไมไดรบั อทิ ธพิ ลของลมมรสุม จึงมี
อากาศแหง ตลอดทั้งปและมที ะเลทรายที่แหงแลง )

เทอื กเขาหมิ าลยั เปน พรมแดนทางเหนอื ของอนุทวีปอินเดยี ทอดตวั เปน แนวโคงจา1กรัฐชัมมแู ละแคชเมียรท างตะวนั ตกไปย2งั

รฐั อสั สัมทางตะวันออก โดยครอบคลุมพนื้ ท่สี ว นใหญของประเทศเนปาล รัฐสกิ ขมิ ของอนิ เดยี ภูฏาน และทางใตข องทเิ บต

12๘

เกรด็ แนะครู ขอ สอบ O-NET
ขอสอบป ’51 ออกเกยี่ วกบั การตัง้ ถิ่นฐานและการดาํ รงชวี ิตของมนุษย
ครอู าจจัดการเรียนการสอนในเร่ืองที่ตง้ั และสภาพภูมิศาสตรที่มีผลตอการ ปจ จัยในขอ ใดทมี่ ผี ลนอยท่สี ดุ ตอ พัฒนาการต้งั ถิ่นฐานและการดาํ รงชวี ิต
ต้งั ถ่นิ ฐานของประชากร และพฒั นาการทางประวตั ศิ าสตรของภูมภิ าคเอเชียใต ของมนษุ ย
โดยใชผงั กราฟก ซ่งึ นอกจากจะเปน ฝกใหน กั เรียนคิดวิเคราะห สังเคราะหเปน แลว 1. ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ
ยงั ชวยใหนักเรียนเขา ใจในเนือ้ หาสาระหรอื ขอมูลท่เี รียนรูไดงา ย และจดจําไดน าน 2. ลักษณะของเชือ้ ชาติ
3. ความเหมาะสมของภมู อิ ากาศ
นกั เรียนควรรู 4. ความสมบูรณข องทรัพยากรธรรมชาติ
วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2. ลกั ษณะของเช้อื ชาติมีอทิ ธิพลตอ การตั้ง
1 สกิ ขิม เปน พรมแดนท่อี ยูร ะหวางอินเดยี กบั จนี ประชากรประกอบดว ย ถิน่ ฐานและการดํารงชีวิตของมนุษยนอยกวาขอ อน่ื ถึงแมม นุษยจะมีเช้ือชาติ
ชาวเนปาล ชาวเลปชาท่อี พยพมาจากทิเบต และชาวภูฏาน นกั ทองเท่ยี วท่ีจะ แตกตา งกนั กย็ ังสามารถอาศยั อยูรว มกนั และดํารงชีวิตของตนเองได
เขา ไปในพน้ื ที่น้ีจะตอ งขออนญุ าตจากสถานทตู อนิ เดีย
2 ทิเบต เดิมเปนรัฐอิสระอยูบนที่ราบสงู ทางเหนือของเทอื กเขาหมิ าลยั ตอมา
ถูกยึดเปนสว นหนง่ึ ของสาธารณรฐั ประชาชนจนี ใน ค.ศ. 1951

128 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

2.2 พฒั นาการทางประวัตศิ าสตร์ของเอเชียใต 1. ครใู หนักเรียนจับคูกันเพ่อื อภปิ รายเกย่ี วกับ
๑) พัฒนาการด้านการเมืองการปกครอง ภูมิภาคเอเชียใต้มีพัฒนาการด้าน พัฒนาการดานการเมอื งการปกครองของ
ภมู ิภาคเอเชียใตตง้ั แตอ ดีตจนถงึ ปจ จุบนั
กแาสรดเงมใอืหงเ้ หกาน็ รวปา่ กมคผี รปู้ อกงคทรเ่ี อจงรทญิ อ่ี มาาจตเปง้ั แน็ ตนอ่ กั ดบตี ว ชจหากรหอื กลษกั ฐตั ารนยิ ท ์ ตาอ่ งมโบารในาณสมคยัดพีในระอเาวรทย1 ธ(ปรรระมมลามุ่ ณแ ม๑น่,๕า้� ๐ส๐นิ ธ-ุ จากนนั้ สรุปผลการอภปิ รายลงสมดุ จดงาน
๕๐๐ ปกี อ่ นครสิ ตศ์ กั ราช) ชาวอารยนั อพยพเขา้ มาในเอเชยี ใตแ้ ยกกนั อยเู่ ปน็ เผา่ มผี นู้ า� เผา่ ตอ่ มา สง ครูผสู อน
เกดิ เมอื งและรฐั หลายแหง่ ทม่ี ผี ปู้ กครองของตน รฐั ตา่ งๆ ถกู รวมเปน็ จกั รวรรดิในสมยั ราชวงศเ์ มารยะ
(๓๒๑ - ๑๘๕ ปีก่อนคริสต์ศักราช) สมัยจักรวรรดิคุปตะ (ค.ศ. ๓๒๐ - ๕๕๐) และสมัยราชวงศ์ 2. ครูสมุ ถามนักเรียนวา นบั ตั้งแตอ งั กฤษเขา มา
เมรัมิ่มลตกู ้นแใลนะครราิสชตว์ศงศต์โวมรกรษลุ หทรี่ ือ๑ม๖คุ ัลชทาีเ่วปตน็ ะมวุสันลตมิก ช(ตาน้ติคแรรสิกต ศ์คตือว รโรปษรทต่ ีุเ๑ก๓ส 2- เ๑ด๙ิน)ท สามงเยั ขจ้าักมราวยรัรงดอิโินมเกดลุีย ปกครองอินเดีย ไดจดั การทางการเมอื ง
ต่อมาเอเชยี ใต้ตกเปน็ อาณานิคมของอังกฤษในช่วงกลางครสิ ต์ศตวรรษท่ี ๑๙ การปกครองของอินเดยี อยางไร
ภายใตก้ ารปกครองของอังกฤษ อินเดยี ไดเ้ รยี นรูป้ ระชาธปิ ไตยแต่กม็ ีสว่ นท่ที �าให้เกดิ (แนวตอบ องั กฤษเขา มาปกครองอนิ เดีย
ความแตกแยกทางเชอื้ ชาตแิ ละศาสนาในอนิ เดีย ซง่ึ รุนแรงมากขึน้ ใน ค.ศ. ๑๙๔๗ เมอื่ อนิ เดยี ได้ ไดวางนโยบายไว 3 ชวง ไดแ ก ชว งแรก
เอกราช จงึ เกดิ การแยกประเทศออกเปน็ อนิ เดยี ซง่ึ ประชากรสว่ นใหญเ่ ปน็ ชาวฮนิ ด ู และปากสี ถาน อังกฤษสง ขาหลวงมาประจาํ อินเดียเพอ่ื
ซ่ึงประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมสุ ลิม ตอ่ มาใน ค.ศ. ๑๙๗๑ ปากีสถานตะวนั ออกได้แยกออกเป็น ชว ยเหลือบริษทั อินเดยี ตะวนั ออกขององั กฤษ
ประเทศบงั กลาเทศ ปจั จบุ ันประเทศในเอเชียใต้มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และหลาย เร่มิ ตั้งแต ค.ศ. 1757-1774 ชวงที่ 2 องั กฤษ
ประเทศมีปัญหาความแตกแยกภายในทั้งจากสาเหตุทางการเมือง เช้อื ชาต ิ ศาสนา และเศรษฐกจิ สง ขาหลวงใหญมาสรา งอํานาจจักรวรรดินิยม
รวมทง้ั ปญั หาการก่อการร้าย ในอินเดยี โดยตรง เรม่ิ ตัง้ แต ค.ศ. 1774-1858
และ ชว งท่ี 3 องั กฤษสงอปุ ราชมาเปน ผสู ําเร็จ
เสน เวลา ราชการตางพระเนตรพระกรรณ เริ่มตัง้ แต
แสดงลําดับราชวงศป กครองอนิ เดยี ค.ศ. 1858-1947 ซงึ่ ในระหวา งปกครองอนิ เดยี
องั กฤษไดปฏริ ปู เปลี่ยนแปลงหลายอยาง
ราชวงศคปุ ตะ ราชวงศโ มกลุ หรอื มุคัล โดยดานการปกครอง มกี ารปฏริ ปู กฎหมาย
(ค.ศ. ๓๒๐ - ๕๕๐) (ค.ศ. ๑๕๒๖ - ๑๘๕๘) เพ่อื ใหเ กิดความยุติธรรมและความเสมอภาค
แกชาวอินเดีย รวมถงึ การปฏริ ปู การศึกษา
ปกอ น ค.ศ. ๓๐๐ ค.ศ.๑ ๓๐๐ ๖๐๐ ๙๐๐ ๑๒๐๐ ๑๕๐๐ ๑๘๐๐ ตามแบบตะวนั ตก เชน การตง้ั วิทยาลัย
ราชวงศเมารยะ ราชวงศมมั ลกู และมหาวิทยาลยั และสอนเปนภาษาอังกฤษ
(๓๒๑ - ๑๘๕ ปี (ค.ศ. ๑๒๐๖ - ๑๕๒๖) ทําใหชาวอนิ เดยี มคี วามคดิ กาวหนา และรบั
ก่อน ค.ศ.) แนวคดิ ตะวันตก รวมทง้ั ความกาวหนา ของ
129 ตะวนั ตกมาใชภายหลงั จากไดร บั เอกราชแลว )

3. ครใู หน ักเรียนศึกษาเสนเวลา (Timeline)
จากหนงั สือเรยี น หนา 129 แลวใหอ ธบิ ายวา
แตละราชวงศข องอนิ เดียมีเหตกุ ารณส าํ คญั
ทางประวตั ิศาสตรอะไรเกดิ ข้นึ บาง

กิจกรรมทา ทาย นักเรยี นควรรู

ครใู หน กั เรยี นสบื คน ขอ มลู การเขา มาแสวงหาอาํ นาจขององั กฤษในอนิ เดยี 1 พระเวท เปนคมั ภรี สาํ คญั ของชาวอารยันทถ่ี า ยทอดในหมพู วกพราหมณ ซ่ึงใน
จากแหลง การเรียนรูตางๆ ในประเด็นตอ ไปนี้ ระยะแรกจะถายทอดโดยการทองจําจากปากตอ ปาก ตอ มารวบรวมไวเปนลายลักษณ
อักษร โดยการเขยี นดวยภาษาสันสกฤต คําวา “เวท” หมายถึง ความรูทศ่ี ักดิส์ ิทธ์ิ
• วธิ กี ารสรา งอํานาจขององั กฤษในอินเดยี ซึง่ มคี วามสําคญั ตอ ชาวฮินดมู าก ในระยะแรกคัมภีรพระเวทมี 3 เลม ดงั น้ี
• การเกิดกบฏซปี อยตอ อังกฤษ
• นโยบายทอี่ ังกฤษใชป กครองอินเดยี 1. ฤคเวท เปนบทสวดสรรเสรญิ ออนวอนใหเทพเจาประทานชัยชนะใหแ ก
• อทิ ธิพลของอังกฤษในอนิ เดยี พวกตน ถอื เปนพระเวทท่ศี กั ดิ์สิทธทิ์ สี่ ดุ
• การเรียกรองเอกราชของชาวอินเดยี
จากนนั้ ใหนกั เรยี นนําเสนอขอมลู ในรปู แบบตางๆ เชน รายงาน เสน เวลา 2. ยชุรเวท เปน คัมภรี อ ธิบายระเบียบวิธใี นการประกอบพิธีบูชายัญ
(Timeline) โปรแกรม PowerPoint เปนตน และพิธบี วงสรวงเทพเจา

3. สามเวท เปน บทสวดสําหรบั การทําพิธบี ูชาดวยน้ําโสมในพิธขี องบานเมอื ง
หรอื ของกษัตรยิ 

ตอ มาภายหลังมี อาถรรพเวท เพิม่ เตมิ เปนคมั ภีรเ ก่ียวกบั ไสยศาสตร

2 โปรตุเกส นักเดนิ เรอื ชาวโปรตุเกสชื่อ วาสโก ดา กามา ไดแลน เรือออ มแหลม
กูด โฮปมาขึน้ บกทีเ่ มอื งกัว เมืองทา ชายฝง ทะเลตะวนั ตกของอนิ เดยี เมื่อ ค.ศ. 1498
และเขาไดซ ื้อสินคา เครือ่ งเทศโดยตรงจากพอคาอินเดียและบรรทุกเรือกลบั ไปยโุ รป
ซงึ่ สรา งกําไรจาํ นวนมหาศาล
คมู อื ครู 129

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

ครใู หน กั เรยี นแสดงความคิดเหน็ วา ในชวงกอน ๒) พัฒนาการด้านเศรษฐกิจ เอเชียใต้เป็นดินแดนที่มีหมู่บ้านใหญ่น้อยต้ัง
ที่อังกฤษจะเขา มาปกครอง เศรษฐกิจของอินเดยี
มลี ักษณะอยางไร และภายหลังเขามาปกครองแลว กระจัดกระจายอยู่ท่ัวไป หมู่บ้านเหล่าน้ีมีพื้นฐานเศรษฐกิจแบบพ่ึงตนเอง ชาวบ้านมีอาชีพหรือ
มลี กั ษณะอยางไร หน้าทตี่ ามวรรณะของตน เกษตรกรรมเป็นอาชีพหลกั และมอี าชีพชา่ งฝีมอื เมอื่ ชาวมุสลิมอาหรบั
ยดึ ครองอนิ เดยี ตอนเหนอื ในครสิ ตศ์ ตวรรษท ่ี ๘ การคา้ ไดร้ บั การสง่ เสรมิ โดยเฉพาะการคา้ ภายนอก
(แนวตอบ เศรษฐกิจของอินเดียกอนทีอ่ ังกฤษ ภูมิภาค พอ่ ค้าสว่ นใหญ่เป็นชาวมุสลิม เนือ่ งจากชาวฮินดูจะไม่เดินเรือเพราะถอื ว่าผดิ กฎวรรณะ
จะเขา มาปกครองจะเปนแบบพึ่งตนเอง โดยยดึ ในสมัยจักรวรรดิโมกุล (คริสต์ศตวรรษที่ ๑๖ - ๑๙) เศรษฐกิจขึ้นอยู่กับการเกษตร การค้า และ
เกษตรกรรมเปนหลกั และมอี าชพี ชา งฝมอื ดวย อุตสาหกรรม โดยรัฐให้การสนบั สนุน เช่น ใหก้ ู้เงินซอ้ื เมลด็ พชื เคร่ืองมือทางการเกษตร สรา้ ง
แตเ มื่อพวกมสุ ลมิ อาหรบั เขามายึดครองในชวง ถนนเชอื่ มท่วั จกั รวรรดิเพอ่ื สง่ เสริมการคา้ ขาย และสง่ เสริมอุตสาหกรรมทอพรม ผ้าฝาย ผ้าไหม
คริสตศตวรรษที่ 8 ก็ไดสงเสรมิ การคา ภายนอก โดยมีพอ่ คา้ ชาวตะวนั ตกเขา้ มาค้าขายดว้ ยจา� นวนมาก
ภมู ภิ าค โดยพอคา ออกเดินทางไปคาขายไกลถงึ ในครสิ ตศ์ ตวรรษท ี่ ๑๘ องั กฤษสามารถขยายการคา้ และอทิ ธพิ ลทางการเมอื งในอนิ เดยี
ตะวนั ออกกลาง อียิปต เอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต และซลี อน (ศรีลังกาในปัจจุบัน) เม่ืออนิ เดยี ตกเปน็ ขององั กฤษในกลางคริสต์ศตวรรษท่ ี ๑๙ ชาว
และจีน จนในสมัยจกั รวรรดโิ มกุล (ครสิ ตศตวรรษท่ี อังกฤษเข้ามาลงทนุ ในกจิ การไร่ชา ไร่ฝา ย ไรฝ่ น ในอนิ เดยี และศรีลังกา และนา� แรงงานชาวทมฬิ
16-19) เศรษฐกิจขึน้ อยกู บั การเกษตร การคา และ จากตอนใตข้ องอนิ เดยี เขา้ ไปยงั ศรลี งั กา ซงึ่ กลายเปน็ ปญั หาเชอ้ื ชาติในศรลี งั กาในเวลาตอ่ มา รฐั บาล
อตุ สาหกรรม กระทั่งอังกฤษเรม่ิ เขา มามีอิทธพิ ล อาณานิคมได้ใช้อินเดียเป็นแหล่งผลิตสินค้าและส่งออกไปยังยุโรป รัฐเข้ามาควบคุมทรัพยากร
ทางการเมอื งในอนิ เดียในครสิ ตศ ตวรรษที่ 18 และ เทปดี่ ็นนิ เ มแือลงะใกหาญรค่ เา้ ชก่นบั ตกา่ ัลงกปตั รตะเาท (ศโก มลกี กาารตสารใา้นงปทัจาจงุบรถันไ)ฟ บจอามกเเมบอืยง ์1(ทมา่ ุมตไา่บงใๆน ปเมัจอื จงบุ หนั ล)า ยมเัทมรอื างสถ กูเปพน็ ฒั ตน้นา
ยึดอนิ เดยี เปน อาณานคิ มในกลางครสิ ตศ ตวรรษที่
19 ชาวอังกฤษไดเ ขามาลงทนุ ในกจิ การไรชา
ไรฝา ย ทง้ั ในอนิ เดยี และศรีลงั กา เพ่อื ผลติ เปนสินคา
ปอนโรงงานในยโุ รป รฐั เขา มาควบคมุ ทรพั ยากรทด่ี นิ
และการคา กับตา งประเทศ มกี ารสรา งทางรถไฟจาก
เมืองทา ตางๆ จนหลายเมอื งเติบโตเปนเมอื งใหญ
และเจรญิ สบื เนื่องมาจนถึงปจจุบัน)

การทําไรชาในประเทศอินเดีย ซึ่งอินเดียเปนหนึ่งในประเทศที่ปลูกชารายสําคัญของโลก โดยในระยะเริ่มแรกไดมีการนํา
เมล็ดพนั ธจุ ากประเทศจีนเขามาปลูก

13๐

นักเรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET
อุตสาหกรรมของภูมภิ าคเอเชยี ใตม ีลกั ษณะตรงกับขอใด
1 บอมเบย ไดเปลย่ี นช่อื เปน มมุ ไบเมอ่ื ค.ศ. 1995 มุมไบเปนเมอื งหลวงของรฐั 1. ทง้ั ภมู ภิ าคเปน อุตสาหกรรมโรงงาน
มหาราษฏระ เปนเมืองทาสาํ คัญของอนิ เดยี และเปนศนู ยกลางการคาและพาณิชย 2. อุตสาหกรรมโดยรวมมีการพฒั นามาก
ท่ีใหญท ีส่ ุดของอนิ เดยี อกี ทงั้ ยังเปน เมอื งอุตสาหกรรมอนั ทนั สมัยทีเ่ ต็มไปดว ย 3. มกี ารพฒั นามากโดยเฉพาะประเทศอนิ เดีย
ตกึ ระฟา โรงงานสิง่ ทอ โรงงานผลติ รถยนต นอกจากนี้ยังมชี อ่ื เสียงในดา นการผลิต 4. มีการทําอุตสาหกรรมหนักกนั อยางแพรห ลาย
ภาพยนตรอนิ เดยี หรอื ทรี่ จู กั กนั ในชือ่ บอลลีวูด (Bollywood) วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. ประเทศอินเดียนับวามคี วามเจริญกา วหนา
ทางอตุ สาหกรรมมากกวาประเทศอนื่ ๆ ในภูมภิ าคเอเชยี ใต เพราะมวี ัตถดุ ิบ
เบศูรณรากษารฐกจิ พอเพยี ง อนั ไดแก แรเหลก็ และถานหนิ สาํ หรับเปนรากฐานในการประกอบ
อุตสาหกรรมหนักและอตุ สาหกรรมอื่นเปนจาํ นวนมาก นอกจากน้ี ภาครฐั
การพง่ึ พาตนเองตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง คอื สามารถนาํ ทรพั ยากร ยังใหค วามสาํ คญั กับการลงทนุ ทง้ั ในดานอตุ สาหกรรม การคา และบริการ
ทต่ี นเองมีอยมู าใชเลีย้ งชีพไดอยา งพอเพียงและม่นั คง โดยไมต อ งอาศยั ทรพั ยากร สง ผลใหม บี รษิ ัทตางชาตสิ นใจเขามาลงทุนมากข้ึน โดยเฉพาะธรุ กจิ ทีใ่ ช
จากภายนอก หรอื พง่ึ พาทรพั ยากรจากภายนอกใหน อยทส่ี ดุ เทคโนโลยขี น้ั สงู เนื่องจากอนิ เดยี มบี คุ ลากรท่ีมปี ระสทิ ธิภาพทางวิทยาศาสตร
คอมพวิ เตอร และวิศวกรรมเปน จํานวนมาก รวมทง้ั มีคาจางแรงงานถกู
ครใู หน กั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ วา “เอเชียใตจะพฒั นาเศรษฐกจิ โดยใชเพียง
แคก ารเกษตรไดหรือไม” โดยใหเหตุผลประกอบความคดิ เหน็

130 คมู ือครู

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

ในช่วงสงครามเย็น อินเดียได้รับความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจจากสหภาพโซเวียต 1. ครูใหนกั เรียนอภปิ รายรว มกันถึงลักษณะสังคม
สว่ นปากสี ถานไดร้ บั ความชว่ ยเหลอื จากจนี แตป่ ระเทศสว่ นใหญ่ในภมู ภิ าคนย้ี งั คงประสบกบั ปญั หา ของภมู ิภาคเอเชียใต นับต้งั แตการเขามาของ
ความยากจนและดอ้ ยพฒั นาดา้ นการศึกษา ดา้ นสาธารณสขุ ตอ่ มาหลังยคุ สงครามเยน็ เศรษฐกิจ ชาวอารยนั จนถึงปจจุบัน
ของเอเชียใต้พัฒนาไปสู่ระบบเศรษฐกิจโลกยุคโลกาภิวัตน์ท่ีเป็นระบบทุนนิยมและการลงทุน
ขา้ มชาต ิ หลายประเทศเปด รบั การลงทนุ จากตา่ งชาตแิ ละมกี ารลงทนุ ของเอกชนในประเทศมากขนึ้ 2. ครใู หนกั เรยี นชว ยกนั ตอบประเดน็ คาํ ถามท่ีวา
แตจ่ �านวนประชากรท่ีมากโดยเฉพาะในอินเดียขณะที่ทรัพยากรธรรมชาติมีจ�ากัดและการพัฒนาที่ ระบบวรรณะมีความสาํ คัญตอ สงั คมอินเดยี
ไม่ท่วั ถึง ทา� ให้ธนาคารโลกประเมินว่าเอเชียใต้มฐี านะทางเศรษฐกจิ ยากจนทีส่ ดุ ในโลก อยา งไร
อินเดียเป็นประเทศที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจมากที่สุดในภูมิภาคโดยเฉพาะ (แนวตอบ ในคัมภีรพ ระเวทซงึ่ เปนคมั ภีรที่
ดา้ นวทิ ยาศาสตร ์ เทคโนโลย ี และอตุ สาหกรรม มเี มอื งใหญห่ ลายเมอื งทม่ี คี วามทนั สมยั เชน่ มมุ ไบ ชาวฮนิ ดูนบั ถอื ไดมีคําสอนเก่ยี วกบั พระพรหม
บังคาลอร์ เดลี เป็นต้น ซ่ึงมีโรงงานอุตสาหกรรมประเภทต่างๆ แต่การพัฒนาน้ีก็ท�าให้อินเดีย ผสู รางมนษุ ยเพ่ือสนั ติ โดยพระพรหมทรงสราง
เกิดปัญหาช่องว่างทางรายได้ระหว่างคนรวยกับคนจนมากย่ิงข้ึน รวมทั้งมีประชากรยากจนมาก วรรณะพรหมณจ ากพระโอษฐ (ปาก) วรรณะ
ติดอนั ดบั ของโลก กษัตริยจากพระพาหา (แขน) วรรณะแพศย
จากพระโสณี (สะโพก) และวรรณะศทู รจาก
๓) พัฒนาการด้านสังคม ภูมิภาคเอเชียใต้เป็นดินแดนที่มีผู้คนอาศัยอยู่มาตั้งแต่ พระบาท (เทา) เม่ือแตละวรรณะเกดิ มาจาก
สมยั กอ่ นประวตั ศิ าสตร ์ ความเจรญิ ทางอารยธรรมและความอดุ มสมบรู ณท์ า� ใหม้ ชี นตา่ งชาตอิ พยพ อวัยวะของพระพรหมที่แตกตางกัน จงึ มีฐานะ
เขา้ มาอยู่ในเอเชยี ใต้อยู่เสมอ ภมู ภิ าคเอเชยี ใต้จงึ มีประชากรหลากหลายเช้ือชาติ ศาสนา ภาษา ทางสงั คมไมเ ทา กนั และเปล่ียนฐานะไมไ ด
ซ่ึงต่อมาได้กลายเป็นปัญหาความขัดแย้งท่ีเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาของเอเชียใต้มาจนถึง โดยวรรณะพราหมณและวรรณะกษัตริย
กปบัจั จชุบาวันส ิงตหวั ลอ1ใยนา่ ศงรคีลวงัากมาข ัดเปแน็ยต้งรน้ ะหว่างประชากร เชน่ ชาวฮนิ ดกู ับชาวมสุ ลมิ ในอนิ เดยี ชาวทมฬิ เปน วรรณะสงู วรรณะแพศยเปน ชนชั้นกลาง
พัฒนาการทางสังคมที่ส�าคัญและ สวนวรรณะศทู รเปนชนชั้นต่าํ ดว ยเหตุนี้ ระบบ
เปน็ รากฐานของสงั คมอินเดีย คือ ระบบวรรณะ วรรณะจึงมบี ทบาทตอชาวฮนิ ดทู ้ังในดา นสังคม
ซึ่งแบ่งคนในสังคมออกเป็นชนช้ันวรรณะที่ ศาสนา และการดําเนนิ ชีวติ ประจาํ วันมาต้งั แต
ตายตัว เปล่ียนแปลงไม่ได้ ระบบวรรณะมี สมยั มหากาพย แตใ นปจจุบนั แมอนิ เดยี จะเลิก
บทบาทตอ่ ชาวฮินดูทัง้ ดา้ นศาสนา สงั คม และ การแบง ชน้ั วรรณะแลว แตก ย็ ังมีอิทธพิ ลตอ
การด�าเนินชีวิตประจ�าวัน ในอดีตระบบวรรณะ ชาวอินเดียในชนบทอยู)

3. ครูและนกั เรยี นรว มกนั สรุปสาระสาํ คญั
ทศี่ กึ ษามาเพื่อเปน การทบทวนความรูท ัง้ หมด

ของอนิ เดยี จะมคี วามเขม้ งวดมาก
ในปัจจุบันแม้อินเดียจะเลิกการ
แบ่งช้ันวรรณะแล้ว แต่ในชนบทของอินเดีย
ระบบวรรณะยงั คงมอี ทิ ธพิ ลตอ่ สงั คมอนิ เดยี และ
ยังมีประชากรขึ้นทะเบียนเป็นพวกนอกวรรณะ เมอื งมมุ ไบ เมอื งหลวงของรฐั มหาราษฏระ เปน เมอื งทา และ
มากกว่า ๑๐๐ ลา้ นคน เปนศูนยกลางทางการคา การทองเท่ียวที่สําคัญแหงหน่ึง
ของประเทศอินเดยี

131

แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tิด นกั เรยี นควรรู

ขอใดกลาวถึงลกั ษณะประชากรและวฒั นธรรมของภมู ภิ าคเอเชยี ใตไม ถูกตอง 1 ชาวทมิฬกับชาวสิงหล ความขัดแยง ระหวางชาวทมิฬกับชาวสงิ หลยงั รวมถงึ
1. มีประเพณวี ัฒนธรรมเดียวกนั ความขัดแยง ทางศาสนา โดยชาวทมิฬนับถือศาสนาอสิ ลาม สวนชาวสงิ หลนับถอื
2. สวนใหญมีความคิดอนุรกั ษน ิยม พระพุทธศาสนา นอกจากนี้ นโยบายของรัฐบาลยังเอื้อประโยชนใหแ กชาวสิงหล
3. มปี ระชากรหลากหลายเชื้อชาติ มากกวา เชน การประกาศใหพ ระพทุ ธศาสนาเปนศาสนาประจําชาติ การหา มเรยี น
4. นับถอื ศาสนาและพูดภาษาตา งกนั ภาษาทมิฬในโรงเรยี น เปนตน

วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. ภูมิภาคเอเชยี ใตมปี ระชากรทม่ี ีเชอ้ื ชาติ บูรณาการอาเซียน

แตกตางกัน แตสว นใหญเ ปน ชนพน้ื เมืองพวกนิกรอยด อีกทงั้ ยังมีภาษาตางๆ ครอู ธิบายเพิ่มเติมเก่ยี วกับความสมั พนั ธระหวางอาเซียน-อินเดยี ในดา นตา งๆ
ที่ใชมากกวา 800 ภาษา ภาษาที่สําคัญและใชมาก ไดแก ภาษาฮินดี ภาษา เชน ดานการเมอื งและความมนั่ คง อินเดียไดมบี ทบาทในความรวมมือดานความ
อูรดู ภาษาเบงกาลี และภาษาอังกฤษ สว นศาสนากม็ อี ยูหลายศาสนาเชนกนั มัน่ คงทางทะเลและการตอ ตานการกอ การรายสากล ดา นเศรษฐกจิ อนิ เดียและ
ศาสนาท่มี คี นนบั ถือมากท่สี ุด ไดแก ศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู รองลงมา คือ อาเซยี นไดล งนามความตกลงดานการคาสนิ คา ดานความรว มมือเพ่ือการพฒั นา
ศาสนาอสิ ลาม สวนทีเ่ หลือนบั ถอื พระพุทธศาสนา และศาสนาอ่ืนๆ ดงั นั้น อินเดียไดสนบั สนุนดา นวทิ ยาศาสตร เทคโนโลยี IT การแพทย เปนตน
จึงทาํ ใหผ คู นในภมู ภิ าคน้ีมีประเพณวี ัฒนธรรมแตกตางกันไปตามศาสนา
ทนี่ บั ถือ นอกจากนี้ ชาวเอเชียใตยงั ยดึ ถือขนบธรรมเนียมเกา ๆ ที่เคยปฏบิ ัติ คูมอื ครู 131
กนั มา เชน การแบง ชัน้ วรรณะ การบูชายัญ เปน ตน

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Expand Evaluate
Expand
ขยายความเขา ใจ

ครูใหน ักเรยี นคนควา ขอ มูลเกีย่ วกับพัฒนาการ กเ ป�า็นเนติด้น ศ า ศสานสพานแฒั าล3แนะลาละกัทลาธทัริทดธ่ีสา้เิ หน�าคลสา่ัญงั นค ี้มไเดทช้เ่นส่ีปา� ็นคศรญั าากสอฐนกี าาปนพรคะรวกาาาหมรมหเณจนรงึ่์ -ญิ ขฮทอินงาดเงอู อเาพชรยีรยะใธตพร ้ ุทครมอืธศ ขเปาอสนง็ นเดอานิเ 1ชแแียดลในตะทศ ้ เ่ีทาปส้งั น็ ในนแาดหเชา้ลนนง่ 2
ของภูมภิ าคเอเชยี ใตจากแหลง การเรียนรตู างๆ ศิลปะ วรรณกรรม กฎหมาย พิธีกรรม และการด�ารงชีวิตของประชาชน ต่อมาเมื่อชาวมุสลิม
แลวจดั ทําเสน เวลา (Timeline) แสดงเหตกุ ารณ เข้ามาปกครองอนิ เดยี ศาสนาอสิ ลามกม็ บี ทบาทตอ่ สงั คมในเอเชยี ใตเ้ ชน่ กนั ศาสนาและความเชอ่ื
สาํ คญั ทางประวตั ศิ าสตรข องภมู ภิ าคเอเชียใต เหลา่ นย้ี ังคงมอี ิทธิพลตอ่ ประชากรเอเชียใต้มาจนถึงปัจจบุ นั
และรายละเอียดของเหตกุ ารณโ ดยสังเขป ตกแตง สังคมของเอเชียใต้ต้ังแต่อดีตถึงปัจจุบันมีลักษณะโดยรวมเป็นสังคมชนบท สังคม
ใหสวยงาม และนําเสนอหนา ชั้นเรยี น เกษตรกรรม ครอบครัวเป็นหน่วยย่อยที่มีความส�าคัญ ในบางพ้ืนที่มีความเป็นอยู่แบบเผ่า ท้ังนี้
เพราะเอเชยี ใตเ้ ปน็ ดนิ แดนกวา้ งใหญ ่ มคี วามเจรญิ แตกตา่ งกนั บางชมุ ชนอาศยั อยู่ในปา่ เทอื กเขา
ตรวจสอบผล Evaluate ภเู ขา บางประเทศท่อี ยูต่ อนในของภูมิภาค เช่น ภูฏาน ประชาชนยงั รักษาวถิ ีชวี ติ แบบดง้ั เดมิ ไว้
เป็นตน้
1. ครตู รวจเสน เวลา (Timeline) แสดงเหตกุ ารณ ปจั จบุ นั ประชากรสว่ นใหญข่ องเอเชยี ใตอ้ าศยั อยู่ในชนบท ประกอบอาชพี เกษตรกรรม
สําคญั ทางประวตั ิศาสตรข องภูมภิ าคเอเชยี ใต ส่วนใหญ่มีฐานะยากจน ด้อยการศึกษา มีความคิดอนุรักษนิยม ศาสนาได้เข้ามามีอิทธิพลต่อ
การดา� เนนิ ชีวติ ของผ้คู น ซงึ่ เน้นความเรยี บงา่ ย แตศ่ าสนาทแี่ ตกตา่ งกันก็เปน็ สาเหตคุ วามขัดแยง้
2. ครูสงั เกตพฤตกิ รรมความมสี วนรว มในการ ส�าคญั ของเอเชียใต้ด้วยเช่นกนั
ตอบคําถามและการแสดงความคดิ เห็นของ
นักเรยี น

ถํ้าอชนั ตา สถาปตยกรรมในพระพทุ ธศาสนาที่มีช่ือเสยี งแหง หนึง่ ของอินเดยี โดยการเจาะภเู ขาหนิ เขาไปใหเปน ถํา้ เพอ่ื ใช
เปนหองโถงสําหรับสวดมนตและประกอบศาสนกิจ รวมถึงเปนที่พํานักของพระสงฆ ภายในถํ้าประกอบดวยจิตรกรรม
ฝาผนังซึ่งแสดงเร่อื งราวตางๆ ในพุทธประวัติ และพระพทุ ธรูป

132

นกั เรยี นควรรู บรู ณาการเชอื่ มสาระ
ครูสามารถนําเน้ือหาเกีย่ วกับพฒั นาการดานสงั คมของภมู ิภาคเอเชยี ใต
1 พระพุทธศาสนา กําเนดิ ขน้ึ เพ่อื เปนทางเลือกใหแ กสังคมอินเดยี โบราณ โดยมี ไปบรู ณาการเช่อื มโยงกับสาระหนาทีพ่ ลเมอื ง วัฒนธรรม และการดําเนินชีวิต
ลักษณะตรงกันขามกับศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู คือ เนนความเทาเทยี มกัน ตอตา น ในสงั คม หวั ขอลกั ษณะวฒั นธรรมของประเทศในภูมภิ าคเอเชยี โดยครูอธบิ าย
ระบบวรรณะ แมวาพระพทุ ธศาสนาจะกาํ เนิดในอนิ เดยี แตก ลบั เจรญิ รงุ เรืองใน ใหนกั เรียนเขาใจถงึ ลักษณะของวัฒนธรรมอินเดยี เพือ่ ทีน่ ักเรียนจะไดเ ขาใจ
แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต เปน ศาสนาท่ีเปน วิทยาศาสตร สอนดว ยเหตแุ ละผล ในวฒั นธรรมอนิ เดยี ทมี่ ลี กั ษณะเดน เปน เอกลกั ษณ และยงั มอี ิทธพิ ลตอภูมภิ าค
ทีส่ ามารถทดสอบความจริงไดดว ยตนเอง ตางๆ ใกลเคยี งโดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต
2 ศาสนาเชน คาํ วา “เชน” เปนชื่อเรยี กศาสนาตามภาษาสันสกฤต มีรากศพั ท
มาจากคําวา “ชนิ ะ” แปลวา ชนะหรอื ผทู ่ีพิชิตตัณหาไดอยา งส้ินเชิง ศาสนาเชน
มีศาสดาทง้ั หมด 24 องค พระมหาวรี ะเปนศาสดาองคสุดทา ย มหี ลักคาํ สอน
ท่ตี รงกนั ขามกบั ศาสนาพราหมณ- ฮินดหู ลายเรือ่ ง เชน ปฏเิ สธเรือ่ งพระเจาสรางโลก
ปฏิเสธเรือ่ งการฆา สตั วบ ูชายัญ ปฏิเสธเรือ่ งการแบง ช้ันวรรณะ เปน ตน
3 ศาสนา ยังมีความสาํ คัญตอ การพฒั นาภาษาของภมู ิภาคเอเชยี ใต โดยภาษา
สนั สกฤตถกู ใชใ นศาสนาพราหมณ-ฮนิ ดู สวนภาษาบาลีถูกใชในพระพุทธศาสนา

132 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Engage

กระตนุ ความสนใจ

ó. ÀÙÁÀÔ Ò¤àÍàªÂÕ µÐÇ¹Ñ µ¡à©Õ§㵌 1. ครูใหนกั เรียนบอกช่ือประเทศที่ตง้ั อยูใน
ภมู ิภาคเอเชียตะวนั ตกเฉียงใตค นละ 1 ชอ่ื
ภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ตกเฉยี งใตห รอื ตะวนั ออกกลางเปน ทตี่ งั้ ของแหลง อารยธรรมโบราณ คอื และออกมาชีท้ ่ีตงั้ ของประเทศน้นั ในแผนที่
อารยธรรมเมโสโปเตเมียในลุมแมน า้ํ ไทกริส-ยูเฟรทสี และเปนแหลง กาํ เนิดศาสนาสาํ คญั ของโลก หรอื ลกู โลกท่ีหนา ชนั้ เรยี น พรอมทั้งบอกชือ่
ไดแ ก ครสิ ตศ าสนา ศาสนาอสิ ลาม และศาสนายดู าห ปจ จบุ นั เปน ดนิ แดนทมี่ ที รพั ยากรอนั มคี า คอื เมอื งหลวงของประเทศดังกลา ว
น้ํามัน ซ่ึงเปนที่ตองการของทุกประเทศท่ัวโลก และยังเปนดินแดนที่มีความขัดแยงทางดาน
เชอ้ื ชาติ ศาสนา และพรมแดน 2. ครทู าํ บัตรคาํ หรอื เขียนคําตา งๆ ท่เี กีย่ วกับ
ภมู ภิ าคเอเชียตะวันตกเฉยี งใต เชน
เอเชยี ตะวันตกเฉียงใต : ประเทศ เมอื งหลวง เนอ้ื ท่ี และประชากร พ.ศ. ๒๕๕๘ เมโสโปเตเมีย น้ํามัน OPEC เมกกะ ซนุ นีย
ซดั ดัม ฮุสเซน็ เปนตน จากนั้นใหน ักเรยี น
ชอ่ื ประเทศ เมอื งหลวง เนอ้ื ท่ี ประชากร แผนทภ่ี มู ิภาคเอเชยี ตะวันตกเฉียงใต อธิบายความรูเก่ยี วกบั คําเหลาน้ัน
(ตร.กม.) (ลานคน)
สาํ รวจคน หา
๑. ซาอดุ อี 1าระเบยี ริยาด ๒,๒๔๐,๓๕๐ ๓๑.๖ มหาสมทุ รอารก ตกิ Explore

๒. อิหราน เตหะราน ๑,๖๔๗,๐๖๔ ๗๘.๕ ครตู ้งั ประเด็นคําถามเพ่ือใหนกั เรยี นคนหา
คาํ ตอบ และนํามาอภปิ รายรวมกันในช้นั เรียน เชน
๓. ตรุ กี อังการา ๗๘๐,๕๗๔ ๗๘.๒ ทวปี ยุโรป สหพันธรฐั รัสเซยี
• เพราะเหตใุ ดภมู ิภาคเอเชยี ตะวนั ตกเฉยี งใต
๔. อัฟกานสิ ถาน คาบูล ๖๔๙,๕๐๗ ๓๒.๒ ทะเลดํา จงึ เปนดนิ แดนทม่ี คี วามขัดแยงทางดาน
เช้อื ชาติ ศาสนา และพรมแดน
๕. เยเมน ซานา ๕๒๗,๙๖๙ ๒๖.๗ มหาสมุทรแปซฟิ ก
๖. อริ กั แบกแดด ๔๓๗,๕๒๑ ๓๗.๑ • เพราะเหตุใดภูมิภาคเอเชียตะวนั ตกเฉียงใต
๗. โอมาน มัสกัต ๒๑๒,๓๘๐ ๔.๒ ทะเลอาหรับ อาวเบงกอล ทะเลจนี ใต จงึ มบี ทบาทสําคญั ทางเศรษฐกจิ ในปจ จบุ นั
๘. ซเี รีย ดามัสกัส ๑๘๕,๑๘๐ ๑๗.๑ มหาสมทุ รอินเดยี

๙. สหรฐั อาหรบั อาบูดาบี ๗๗,๗๐๑ ๙.๖
เอมเิ รตส
อธบิ ายความรู Explain
๑๐. จอรแดน2 อมั มาน 3 ๘๙,๕๔๙ ๘.๑
๘.๔ ครใู หน กั เรียนบอกความสําคัญของภมู ภิ าค
๑๑. อสิ ราเอล เทลอาวฟี ๒๐,๖๙๙ เอเชียตะวันตกเฉยี งใตใ นอดตี และในปจ จบุ ัน

๑๒. คเู วต คูเวตซติ ี ๑๗,๘๑๙ ๓.๘ (แนวตอบ ภมู ิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใตเ ปน
ทต่ี ัง้ ของแหลง อารยธรรมโบราณ คอื อารยธรรม
๑๓. กาตาร โดฮา ๑๑,๓๙๕ ๒.๔ เมโสโปเตเมียในบรเิ วณลมุ แมนํ้าไทกรสิ -ยูเฟรทีส
๑๔. เลบานอน เบรุต ๑๐,๒๒๘ ๖.๒ เปน แหลง กําเนดิ ศาสนาสาํ คัญของโลก ไดแก
คริสตศาสนา ศาสนาอิสลาม และศาสนายดู าห
๑๕. ไซปรัส นโิ คเซยี ๙,๒๕๑ ๑.๒ รวมท้งั เปนดินแดนทม่ี ีทรพั ยากรน้ํามนั ซง่ึ มี
๑.๔ ความสําคญั ทางเศรษฐกิจมากในปจจุบัน)
๑๖. บาหเรน มานามา ๖๖๐ ๓๔๖.๗ บอ นา้ํ มันในโอมาน โดยนา้ํ มนั เปนทรพั ยากรอนั มีคา
ซง่ึ เปนที่ตอ งการของตลาดโลก
รวม ๖,๘๔๗,๙๑๖

ทมี่ า : www.prb.org

๑๓๓

แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tิด นกั เรยี นควรรู
เหตุผลสาํ คญั ในขอใดทท่ี ําใหภูมภิ าคเอเชยี ตะวนั ตกเฉียงใตเ ปน ทร่ี ูจ กั กันดี
มาต้งั แตครั้งอดีต 1 อิหราน หรอื จกั รวรรดเิ ปอรเ ซยี ในอดตี เปน ดินแดนท่มี ีความเจรญิ รุง เรือง
1. ประชากรมีฐานะดี 2. อยูใ กลกับทวปี ยโุ รป มายาวนาน ชาวอหิ รา นหรอื ในอดตี คอื ชาวเปอรเ ซยี เปน พวกอนิ โด-ยโู รเปย น
3. เปนอูอารยธรรมเกาแก 4. เปน ผูคานา้ํ มันรายใหญ มาจากตอนกลางของยุโรปเชน เดียวกับพวกฮติ ไตต เขามาตงั้ ถ่นิ ฐานอยใู นบรเิ วณ
ระหวา งทะเลแคสเปย นกับอา วเปอรเ ซีย และไดร บั อทิ ธิพลทางวฒั นธรรมของ
วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. ภูมภิ าคเอเชียตะวนั ตกเฉียงใตหรือ เมโสโปเตเมียซ่ึงเจรญิ กวา จากนั้นจงึ ไดข ยายตวั จนเปน จกั รวรรดิ
2 อิสราเอล เปน ประเทศของชาวยวิ และเปน ประเทศทเ่ี กิดใหมหลงั สงครามโลก
ตะวันออกกลาง เปนภูมภิ าคหน่งึ ท่มี ีประวตั ิความเปนมายาวนานมาตัง้ แต ครงั้ ที่ 2 ซึง่ เปน ท่มี าของปญ หาความขัดแยงระหวา งชาวอาหรบั และชาวปาเลสไตน
สมัยโบราณจนถงึ ปจจบุ ัน โดยเปน แหลงอารยธรรมทเ่ี กา แกข องทวปี เอเชีย กับชาวยวิ มาจนถงึ ปจจุบัน
และของโลกแหง หน่งึ คือ อารยธรรมเมโสโปเตเมีย ในบรเิ วณลุมแมน า้ํ 3 เทลอาวฟี ตงั้ ขนึ้ เมอื่ ค.ศ. 1909 บนเขตพนื้ ทรี่ อบนอกของเมอื งทา โบราณจฟั ฟา
ไทกรสิ -ยูเฟรทสี (ปจ จุบันอยูในเขตประเทศอิรกั ) นอกจากน้ี ยังเปนแหลง เปนเมอื งทมี่ เี ศรษฐกจิ มั่งค่ังที่สุดในอิสราเอล นอกจากนี้ การมชี ายหาด รา นอาหาร
กาํ เนิดศาสนาสาํ คัญของโลก 3 ศาสนา ไดแ ก ศาสนายดู าห คริสตศาสนา ดสิ โก และคลบั มากมาย จงึ ไดร ับฉายาวา “เมอื งทไี่ มเ คยหลับ” และยงั ถูกขนานนาม
และศาสนาอิสลาม และจากทาํ เลที่ตั้งของภมู ิภาคทีเ่ ชือ่ มตอ ระหวา งทวีป วาเปน “หาดไมอามแี หง ทะเลเมดเิ ตอรเ รเนียน” อกี ดวย เทลอาวีฟไดร ับการขึน้
สาํ คัญของโลก 3 ทวีป ไดแ ก เอเชยี ยโุ รป และแอฟริกา จงึ เปน ศูนยกลาง ทะเบยี นเปน มรดกโลกเม่ือ ค.ศ. 2003
การคมนาคมขนสง ทั้งทางบกและทางทะเลกอนทจี่ ะถึงสมยั แหง การสํารวจ
ทางทะเล โดยเปนเสนทางทใี่ ชกนั มาตงั้ แตสมัยโบราณจนถึงปจจุบนั คมู ือครู 133

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู

1. ครใู หน ักเรยี นอธิบายสภาพภมู ิศาสตรข อง 3.1 ท่ีตง้ั และสภาพภูมศิ าสตรท์ ี่มผี ลตอ่ พฒั นาการการต้ังถิ่นฐาน
ภมู ิภาคเอเชยี ตะวนั ตกเฉยี งใต โดยครูบอก ของประชากร
ชือ่ ภมู ลิ กั ษณท ส่ี าํ คญั แลวใหน กั เรียนอธบิ าย
ลกั ษณะสาํ คญั โดยใชแ ผนทห่ี รอื ลกู โลกประกอบ ภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้มีความส�าคัญมาตั้งแต่อดีตเพราะเป็นจุดเชื่อมทวีปส�าคัญ
เชน ๓ ทวปี ไดแ้ ก ่ ยโุ รป เอเชยี และแอฟรกิ า การเดนิ ทางไปยงั ภมู ภิ าคตา่ งๆ จงึ ตอ้ งผา่ นมายงั บรเิ วณนี้
• อาวเปอรเ ซีย เอเชยี ตะวนั ตกเฉยี งใตย้ งั ไดส้ มญาวา่ เปน็ ดนิ แดนแหง่ ทะเลทงั้ หา้ เพราะมที ะเลลอ้ มรอบอย ู่ ๕ แหง่
(แนวตอบ เรยี กอกี ชอื่ หนึ่งวา อา วอาหรบั คอื ทะเลเมดเิ ตอรเ์ รเนยี นทางตะวนั ตก ทะเลดา� และทะเลแคสเปยี นทางเหนือ ทะเลอาหรบั ทางใต้
เปนสวนหนึ่งของทะเลอาหรับ เชอื่ มตอกบั ๓แล เะขทตะ เไลดแ้แดกง ่ทเขางตตเทะวือนั กตเขกาเฉแยีลงะใทต่ีร ้ าลบกั สษูงณทะาภงเมู หปิ นรือะแเทลศะขตะอวงนัภอมู อภิ กาเคฉเยีองเชเหยี นตอืะวเนั ชต่นก เทฉีร่ ยี างบใสตงูแ้ อบิหง่ รเป่านน็ 1
อาวโอมานและทะเลอาหรับโดยชอ งแคบ เขตทีร่ าบสูงอาหรับทางตะวันตกเฉยี งใต้ อยู่ในบริเวณคาบสมุทรอาหรบั พ้นื ทยี่ กสูงทางตะวนั ตก
ฮอรม ซุ มเี กาะบาหเรนและเกาะเคชมเ ปน และลาดลงมาทางตะวนั ออกสทู่ ร่ี าบรมิ อา่ วเปอรเ์ ซยี ทางใตข้ องคาบสมทุ รมพี น้ื ทที่ เี่ ปน็ ทะเลทราย
เกาะสําคัญตง้ั อยใู นอา วน้ี เคยเปน สมรภูมิ ตแ้ลงั อะ ยรู่เขะหตวท่า่ีรงาทบะตเล�่าตเมอดนเิ กตลอารง์เร เคนือีย นบแรลิเะวอณา่ ลวเุ่มปแอมร่นเ์ ซ�้าียไ2 ทเกปร็นิสแแหลละย่งสูเฟะสรทมีขส องซน่ึงา้�มมีคันว ามถอา่ นุดหมนิสม เบกูรลณือ์
ที่อิรกั บกุ ยดึ คเู วตในสงครามอา วเปอรเ ซีย) และยิปซัม
เมดิเตสอภรา์เรพเภนูมียนอิ าแกลาะศทใี่รนาภบูมลภิ ุ่มาแคมเอ่นเ้�าชไยี ทตกะรวิสันต- กยูเเฉฟียรงทใีสต3ตม้ อีทน้งั เบขนต อบากริเาวศณอบปอระุน่ เบทรศิเวอณิรักช าอยิสฝรังาทเะอเลล
2. ครูใหนักเรยี นทํากจิ กรรมที่ 5.2 จากแบบวัดฯ ซีเรีย ซ่ึงมีอากาศไม่ร้อนจัด หรือไม่หนาวจัดจนเกินไป มีแสงแดดตลอดปี มีฝนตกในฤดูหนาว
ประวัตศิ าสตร ม.2 บรเิ วณนจี้ งึ มผี คู้ นอาศยั อยู่อยา่ งหนาแน่น จากสภาพภมู อิ ากาศแบบทะเลทรายทีร่ อ้ นและแหง้ แลง้

ใบงาน ✓ แบบวดั ฯ แบบฝกฯ มากในบริเวณคาบสมุทรอาหรับเกือบท้ังหมด
ประวัตศิ าสตร ม.2 กิจกรรมท่ี 5.2 แถบประเทศซาอุดีอาระเบีย เยเมน จอร์แดน
หนวยท่ี 5 ที่ตง้ั และสภาพภูมศิ าสตร ภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้าก่ึงทะเลทราย มีฝนตก
ท่มี ผี ลตอ พฒั นาการของทวีปเอเชีย น้อยแถบประเทศอิหร่าน จึงท�าให้ประชากร
ตง้ั ถน่ิ ฐานอาศยั อยอู่ ยา่ งเบาบางและใชช้ วี ติ แบบ
กจิ กรรมท่ี ๕.๒ ใหนักเรียนเติมขอความลงในแผนที่ใหสมบูรณ แลวตอบ คะแนนเต็ม คะแนนทไี่ ด เรร่ อ่ น
คาํ ถามใหถูกตอง (ส ๔.๒ ม.๒/๑) จากสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศใน
ñð ภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ท่ีมีทั้งเขตท่ีราบ
ลุ่มแม่น�้าที่มีความอุดมสมบูรณ์ เขตทุ่งหญ้า
..........ท....ะ..เ..ล....แ...ค....ส....เ..ป....ย...น............. และทะเลทราย พ้ืนที่ส่วนใหญ่จึงมีอากาศร้อน
แห้งแล้ง ฝนตกน้อย ยกเว้นในบริเวณทะเล
.......เ..ท....ือ...ก....เ..ข...า...ค....อ...เ..ค....ซ....ัส.......... จากสภาพภูมิประเทศที่เปนทะเลทรายในภูมิภาคเอเชีย เมดเิ ตอร์เรเนียน

.................ท....ะ..เ..ล....แ...ด....ง................... ป....ร....ะ..เ..ท....ศ....ซ....า..อ....ุด....อี ...า...ร...ะ...เ..บ....ีย... ตะวันตกเฉยี งใต จึงทําใหม ภี มู อิ ากาศท่ีรอนและแหง แลง

............ท....ว...ปี ....แ...อ...ฟ....ร....ิก....า.............. 13๔
เฉฉบลบั ย

๑. ทต่ี ้งั ......ต....ง้ั ...อ...ย....ทู ...า...ง...ต....ะ...ว...นั ....ต....ก....เ.ฉ....ยี....ง...ใ..ต....ข...อ...ง....ท....ว..ปี....เ..อ...เ..ช...ยี......เ..ร...ยี....ก....ว..า......ภ...มู....ภิ....า..ค....เ..อ...เ..ช...ยี...ต....ะ...ว...นั ....ต....ก....เ.ฉ....ยี....ง...ใ..ต.......เ..ป....น ....ด....นิ....แ...ด....น.....
ท....ี่เ..ป....น....จ....ดุ ....เ.ช...่ือ....ม...ต....อ....ร...ะ...ห....ว...า ..ง....ท....ว...ปี ...ส.....ํา..ค....ญั..............ไ..ด....แ...ก..........ท....ว...ปี....เ..อ...เ..ช...ีย.........ท....ว...ปี....ย...โุ...ร...ป.......แ...ล....ะ...ท....ว..ีป....แ...อ....ฟ....ร...ิก....า...............................

................................................................................................................................................................................................................................................

๒. ลักษณะภูมปิ ระเทศ....เ..ป....น.....ด....ิน....แ....ด....น....ท....ี่ม....ีท....ะ...เ..ล....ล....อ....ม...ร....อ...บ.....อ...ย....ู.....๕........แ...ห....ง........ไ...ด....แ...ก..... ....ท....ะ...เ..ล....เ..ม...ด....ิ.เ.ต....อ....ร....เ..ร...เ..น.....ีย...น.....
ท....ะ...เ.ล....ด....ํา......ท....ะ..เ..ล....แ...ค....ส....เ..ป....ย...น........ท....ะ..เ..ล....อ....า..ห....ร....ับ.......แ...ล....ะ..ท....ะ...เ..ล....แ...ด....ง......ม...ีล....ัก....ษ....ณ......ะ..ภ....ูม....ิป....ร...ะ...เ.ท....ศ....แ...บ.....ง ...ไ..ด.......๓.......เ..ข..ต.......ค....อื..................
๑..........เ..ข...ต....เ..ท....อื ...ก....เ..ข...า..แ....ล...ะ...ท....ีร่....า..บ....ส.....งู ...ท....า...ง...เ..ห....น....ือ....แ...ล....ะ..ต....ะ...ว...นั ....อ....อ...ก....เ..ฉ....ยี...ง....เ.ห....น.....อื ......เ..ช...น.......ท....ีร่....า..บ.....อ...ิห....ร...า...น...........................................
๒..........เ..ข...ต....ท....ร่ี ...า...บ....ส....งู...อ....า...ห....ร...บั....ท....า...ง...ต....ะ...ว..นั.....ต....ก....เ.ฉ....ยี....ง...ใ..ต.......อ....ย...บู....ร....เิ .ว...ณ.....ค....า...บ....ส....ม....ทุ....ร...อ....า..ห....ร....บั.......พ....น้ื....ท....ยี่....ก....ส....งู...ท....า...ง...ต....ะ..ว...นั.....ต....ก....
.........แ...ล....ะ...ล....า...ด...ล....ง....ท....า..ง....ต....ะ..ว...นั.....อ...อ....ก....ส....ทู ....รี่ ...า...บ....ร....มิ ...อ....า ..ว...เ..ป....อ...ร....เ.ซ....ีย......ท....า...ง...ใ...ต....ข ...อ...ง...ค....า...บ....ส.....ม...ุท....ร...ม....พี....น้ื.....ท....เี่ .ป....น.....ท....ะ..เ..ล....ท....ร...า...ย.........
๓..........เ..ข...ต....ท....่ีร...า...บ....ต....่าํ...ต....อ...น.....ก....ล....า..ง.......อ...ย...บู.....ร...เิ..ว...ณ.....ล....ุม...แ....ม...น.....ํ้า..ไ...ท....ก....ร...สิ....แ....ล...ะ...ย...ูเ..ฟ....ร....ท....สี ..................................................................................

๓. ลกั ษณะทางสงั คม...............ป....ร...ะ...ช...า...ก....ร...ใ...น....ภ....ูม....ิภ...า...ค....น.....้ีส....ว...น....ใ...ห....ญ.....เ..ป....น....ช...า...ว...อ....า..ห....ร....ับ........พ.....ูด....ภ...า...ษ....า...อ....า..ห....ร....ับ.........น....ับ....ถ....ือ....
ศ....า...ส....น.....า..อ....ิส....ล....า...ม........แ...ต....ม....ีป....ร...ะ...ช...า...ก....ร...บ....า...ง...ส.....ว...น....ท....ี่ต....า...ง...เ..ช...้ือ....ช...า...ต....ิ ....ศ....า...ส....น.....า..แ....ล....ะ..ภ....า...ษ....า.......เ..ช...น.........พ....ูด....ภ....า...ษ....า...ฟ....า...ร...ซ....ีแ...ล....ะ...
อ....า..ห....ร....ับ.......ภ...า...ษ....า...เ..ต....อ...ร....ก ....ิส.......ภ...า...ษ....า...ฮ....บิ ....ร...ู...น.....ับ....ถ....อื ...ศ....า...ส....น....า...ค....ร....สิ ....ต.... ...ย...ูด....า...ห.... ..เ..ป....น.....ต....น.......................................................................

................................................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................................................

๖๐

นกั เรยี นควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ

1 ท่รี าบสงู อหิ ราน เปน บรเิ วณท่รี าบสูงกวา งขวางมาก ครอบคลุมพ้นื ทที่ าง ครูใหน ักเรียนศกึ ษาคนควาขอมูลเพิม่ เตมิ เกยี่ วกบั ประเทศในภมู ิภาค
ตอนกลางและตะวันออกของประเทศอิหรา นและทางตะวันตกของประเทศ เอเชยี ตะวนั ตกเฉียงใต คนละ 1 ประเทศ ประกอบดว ยเน้อื หาตางๆ เชน
อัฟกานสิ ถาน และประเทศปากสี ถาน บนท่รี าบสูงมีทะเลทรายขนาดใหญ ไดแ ก ทต่ี ั้ง อาณาเขต จาํ นวนประชากร ลักษณะเศรษฐกจิ สงั คมและวฒั นธรรม
ทะเลทรายดชั ตลี ูตและทะเลทรายดชั ตีกะวรี  เปนตน โดยใหทาํ ลงในกระดาษ A4 พรอมมีภาพประกอบ นําสงครผู ูสอน
2 อา วเปอรเซยี หรือเรียกอีกชื่อหน่ึงวา อา วอาหรับ ในสงครามอาวเปอรเซยี
เมอ่ื ค.ศ. 1991 อา วนี้เปนสมรภูมทิ ี่สาํ คัญหลงั จากกองทพั อริ ักไดบุกยดึ ประเทศ กจิ กรรมทา ทาย
คเู วตใน ค.ศ. 1990
3 ท่ีราบลมุ แมน ํา้ ไทกรสิ -ยูเฟรทีส ซึ่งจดั วามคี วามอดุ มสมบรู ณมาก เรียกอีก ครูใหนักเรยี นเลือกภูมลิ กั ษณท ่ีนาสนใจของภูมิภาคเอเชยี ตะวนั ตก-
ชอ่ื หนงึ่ วา ดินแดนรูปพระจนั ทรเสีย้ วอันอุดมสมบูรณ เพราะมลี กั ษณะภมู ิประเทศ เฉยี งใต คนละ 1 สถานที่ เชน ทะเลเมดเิ ตอรเรเนยี น ทะเลดํา ทะเลแดง
เหมือนกบั รูปพระจนั ทรเ ส้ยี ว ดว ยความอุดมสมบูรณของพน้ื ที่บริเวณลมุ แมน ้าํ ทะเลแคสเปยน ทะเลอาหรบั ท่ีราบสูงอหิ ราน คาบสมุทรอาหรบั
ไทกรสิ -ยูเฟรทสี จงึ มีกลุม ชนอพยพจากเอเชยี กลางเขา มาต้ังถ่ินฐานเม่ือประมาณ อาวเปอรเ ซยี เปนตน แลวใหอธบิ ายตําแหนงที่ตั้ง ลกั ษณะสาํ คัญ โดยทํา
5,000 ปกอ นคริสตศกั ราช และเรยี กพนื้ ทน่ี ้ีวา ซเู มอร โดยกลุมชนพวกแรกทเี่ ขามา ลงในกระดาษ A4 พรอ มมีภาพและแผนท่ีประกอบ นาํ สงครูผูสอน
คือ ชาวซูเมเรยี

134 คูม อื ครู

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

สภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศเช่นน้ีในอดีตจัดว่ามีความยากล�าบาก ประชากรส่วนใหญ่ 1. ครใู หน กั เรยี นดภู าพจากหนงั สอื เรยี น หนา 135
เป็นชาวอาหรับเผ่าต่างๆ มีอาชีพเรร่ อ่ น เลี้ยงสัตว ์ และเดนิ ทางคา้ ขายเปน็ กองคาราวานไปตาม แลวซักถามนักเรียนวา สถานทดี่ งั กลา ว
เมืองต่างๆ ท่ีตั้งอยู่ใกล้แหล่งน้�าหรือบริเวณโอเอซิสกลางทะเลทราย ผู้คนท่ีเป็นชนเผ่าเร่ร่อนมี มคี วามสาํ คญั ตอ การต้งั ถิ่นฐานของประชากร
นิสยั รกั อิสระ ไม่ชอบอย่ปู ระจ�าท่ ี จึงเดนิ ทางไป ในภูมภิ าคเอเชยี ตะวันตกเฉียงใตอ ยางไร
ตามแหล่งโอเอซิสท่ีอุดมสมบูรณ์หรือเดินทาง (แนวตอบ โอเอซสิ เปน บรเิ วณชุมช้ืนแถบ
ซจะอ้ื ตข้ังาถยน่ิ สฐนิ าคนา้ อตยามู่ในเขเขตตเมเมอื อืงง หขรณือโะอทเผี่อคู้ซนสิ อ1 เกีพสรว่ านะ ทะเลทรายทม่ี นี าํ้ มากพอใหพ ชื สตั ว และมนษุ ย
ความแห้งแล้งและการด�ารงชีวิตที่ยากล�าบาก อาศยั อยูไ ด ในภมู ิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต
ผู้คนจึงอาศัยอยู่รวมกันเป็นกลุ่มหรือเผ่าเพื่อ ซ่ึงมพี ้นื ทที่ ะเลทรายจาํ นวนมาก โอเอซิสจึง
ช่วยเหลือกัน ส�าหรับบริเวณท่ีประชากรอาศัย สามารถเปนจุดแวะพกั ของกองคาราวานสินคา
อยอู่ ย่างหนาแนน่ มาตัง้ แต่อดตี คอื บรเิ วณสอง และการตงั้ ถ่ินฐานของผูคน)
ฝงั แมน่ า�้ ไทกรสิ และยเู ฟรทสี เพราะเปน็ แหลง่ ที่
มคี วามอดุ มสมบรู ณ ์ รวมถงึ บรเิ วณชายฝงั ทะเล โอเอซสิ เปน แหลง นา้ํ ทอี่ ดุ มสมบรู ณก ลางทะเลทราย จงึ เปน 2. ครตู ง้ั คําถามแลว ใหน กั เรยี นตอบ เชน
เมดเิ ตอร์เรเนียน จุดแวะพักของกองคาราวานคาขายระหวางเมืองและชนเผา • ชาวตะวนั ออกกลางมวี ิธกี ารแกป ญหา
ปจั จบุ นั ไดม้ กี ารนา� เอาวทิ ยาการสมยั ใหม่ เรรอ นตา งๆ (จากภาพ) โอเอซิสในอิสราเอล สภาพภูมปิ ระเทศและภมู ิอากาศท่แี หงแลง
เข้ามาช่วยปรับปรุงเรื่องระบบชลประทานและพัฒนาพ้ืนท่ีในเขตทะเลทราย ท�าให้ขยายพ้ืนท่ี อยา งไร เพ่อื ใหสามารถตง้ั ถ่นิ ฐานได
เพาะปสล่วกู นไดก้เาพรมิ่คข้น้นึพ บกทารรตัพง้ั ยถาน่ิ กฐรานน�้าขมอันง2ทปรี่ถะือชวา่ากรจงึ กระจายตวั มากข้ึน (แนวตอบ ประเทศท่ีร่ํารวยจากการขายนา้ํ มัน
มคี า่ ย่ิงน้ันแทบจะไม่มีผลต่อการต้ังถน่ิ ฐานของ จะนาํ วทิ ยาการเทคโนโลยสี มยั ใหมเขามา
ประชากรส่วนใหญ่ เพราะผู้ท่ีควบคุมกิจการ ชวยในการพฒั นาพ้นื ทท่ี ะเลทรายใหสามารถ
น�้ามันเป็นชาวต่างชาติหรือนักธุรกิจกลุ่มเล็กๆ ทาํ การเพาะปลกู พืชตางๆ ได)
ในประเทศ ผคู้ นทเี่ ขา้ ไปตงั้ ถนิ่ ฐานอยู่ในบรเิ วณ • ทรัพยากรน้ํามนั มคี วามสาํ คญั ตอภมู ภิ าค
แหล่งน�้ามันจึงเป็นเพียงคนงานท่ีมีหน้าที่ เอเชียตะวันตกเฉียงใตอ ยา งไร
(แนวตอบ ภมู ิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใตเปน
แหลง นาํ้ มันท่ีสาํ คัญของโลก หลายประเทศ
มีรายไดห ลักมาจากการขายน้ํามนั และนํา
รายไดมาพัฒนาประเทศในดานตา งๆ)

เกยี่ วขอ้ งเทา่ นนั้ ความรา�่ รวยที่ไดจ้ ากทรพั ยากร
น้�ามันท�าให้หลายประเทศมีการพัฒนาประเทศ
โดยจ้างแรงงานต่างชาติเข้ามา ท�าให้มีคนต่าง
เชอื้ ชาต ิ ตา่ งศาสนา อพยพเขา้ ไปอยู่ในภมู ภิ าค
เอเชยี ตะวันตกเฉยี งใตม้ ากขน้ึ แตเ่ ป็นลักษณะ 3
การตั้งถิน่ ฐานอยู่เพียงชวั่ คราวเทา่ น้นั
การปลูกพืชทะเลทรายในภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต
เกิดจากการนําวิทยาการเทคโนโลยีสมัยใหมเขามาชวย
ในการพฒั นาพื้นที่เขตทะเลทราย

135

แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tิด นกั เรยี นควรรู

เพราะเหตใุ ดประชากรในภูมภิ าคเอเชยี ตะวันตกเฉยี งใตจ งึ มวี ัฒนธรรม 1 โอเอซสิ หรือเกาะกลางทะเลทรายหากมีขนาดใหญ มนี ้ําอดุ มสมบูรณซ ง่ึ มกั
การตัง้ ถิ่นฐานแบบเรรอ น เปน น้าํ จากหมิ ะบนยอดเขา มผี คู นอาศยั อยอู ยา งหนาแนน มสี ถานทพี่ ักแรม รา นคา
และเปนท่ีแวะพักของกองคาราวานทเี่ ดนิ ทางคา ขาย
1. มีความเชือ่ ในศาสนาเก่ยี วกับการเดนิ ทาง 2 ทรพั ยากรนํา้ มัน นา้ํ มันดบิ ถูกคนพบในตนคริสตศตวรรษที่ 20 โดยบาหเรน
2. อพยพตามฝงู สัตวเพ่ือลาสัตวใ นฤดตู างๆ เปนประเทศแรกในอาวอาหรบั ทข่ี ุดพบนํ้ามันดิบเมือ่ ค.ศ. 1932
3. มภี ูมิประเทศแหงแลง ซึ่งยากลําบากตอการเพาะปลกู 3 การปลูกพืชทะเลทราย อสิ ราเอลไดพ ัฒนาทางดานการเกษตรมาตง้ั แต
4. เกิดภยั ธรรมชาติในแตล ะพืน้ ท่ี จงึ ตอ งหลบหนีเพอ่ื ความอยรู อด คริสตศตวรรษท่ี 20 จนประสบความสาํ เรจ็ สามารถเอาชนะธรรมชาตทิ ีเ่ ปน
ทะเลทราย ซง่ึ มีสภาพภูมอิ ากาศทแ่ี หง แลง ขาดแคลนนา้ํ สภาพดนิ ทไี่ มเ หมาะกับ
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. จากสภาพภมู ปิ ระเทศและภมู อิ ากาศ การเพาะปลูกพืชใดๆ จนสามารถเปลี่ยนทะเลทรายเปนสีเขยี วได โดยใชว ิธกี าร
ตางๆ เชน การคดิ คน เทคนคิ ท่ที าํ ใหน ํ้าไหลตรงลงไปยังรากของพชื การนําระบบ
ของภูมภิ าคเอเชียตะวันตกเฉียงใตที่มที ้งั เขตทีร่ าบลุมแมน าํ้ เขตทงุ หญา ชลประทานทีค่ วบคุมดว ยคอมพิวเตอรมาใช เปน ตน
และทะเลทราย พ้นื ทีส่ ว นใหญจ ึงมีอากาศรอ น แหงแลง และฝนตกนอ ย
จากสภาพภมู ิประเทศและภูมอิ ากาศดงั กลาวจึงยากลําบากตอการเพาะปลูก คูม ือครู 135
ประชากรสวนใหญจ งึ ดํารงชพี ดวยการเลย้ี งสัตวแบบเรรอน และคา ขายแบบ
กองคาราวานไปตามเมอื งตางๆ โดยจะอยูร วมกนั เปนกลุม หรือเผา เพ่ือ
ชว ยเหลือกนั และกนั

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Expore Elaborate Evaluate
Engaae Explain Explain

อธบิ ายความรู

1. ครใู หน กั เรยี นอธบิ ายวา อารยธรรมเมโสโปเตเมยี 3.2 พฒั นาการทางประวตั ศิ าสตรข์ องเอเชียตะวันตกเฉยี งใต
มคี วามสําคัญอยา งไร
(แนวตอบ เมโสโปเตเมยี เปน ดินแดนระหวาง ๑) พัฒนาการด้านการเมืองการปกครอง ภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้เป็น
แมน ํ้าไทกริสและแมน าํ้ ยเู ฟรทสี ทาํ ใหเ ปนพนื้ ท่ี ศูนย์กลางของอารยธรรมเมืองยุคเร่ิมแรก คือ อารยธรรมเมโสโปเตเมีย และมีพัฒนาการด้าน
ทอ่ี ดุ มสมบรู ณ มคี วามเหมาะสมในการเพาะปลกู การเมืองการปกครองมาอย่างต่อเน่ืองนับต้ังแต่การปกครองแบบนครรัฐ การปกครองภายใต้
ตั้งถ่นิ ฐาน และสรา งสรรคอ ารยธรรม จนเปน อาณาจักรและจกั รวรรด ิ เช่น บาบโิ ลเนีย อสั ซเี รีย เปอร์เซยี เป็นต้น เมือ่ จักรวรรดไิ บแซนไทน์
แหลงกําเนิดอารยธรรมเมอื งยุคเร่ิมแรก รวมทั้ง รทงุ่ ี่ เ๕รอื ทงกา� ใ็ไหดเ้ข้ มยอื างยสอ�าา� คนัญาจ มเชา่นป กดคารมอสั งกบสั ร 1เิ แวณบกซแเี รดยี ด ป เาปเน็ลสตไ้นต นได ์ แ้รลบั ะออิทริ ธกั พิในลปขจั อจงบุอนัารตยง้ั ธแรตรค่ มรกสิ รตกี ศ์ -ตโวรรมรนัษ
ถา ยทอดอารยธรรมไปยังดินแดนตา งๆ กลุมชน การประกาศศาสนาอิสลามของศาสดามุฮัมมัดในคริสต์ศตวรรษท่ี ๗ มีส่วนส�าคัญที่
ที่เขา มาตัง้ อาณาจกั รและจักรวรรดใิ นบริเวณนี้ ท�าใหช้ าวอาหรบั ท่ีเคยแยกกันอยเู่ ป็นชนเผา่ ทัง้ เผา่ ท่ีประกอบอาชพี เกษตรกรรม กบั พวกเรร่ อ่ น
เชน ซเู มเรยี อัคคาเดยี น บาบิโลเนยี น หรอื เบดอู นิ เกดิ ความสามคั คจี ากการนบั ถอื ศาสนาเดยี วกนั และสรา้ งจกั รวรรดอิ าหรบั ขน้ึ โดยรงุ่ เรอื ง
อัสซีเรยี น เปอรเ ซีย เปนตน ) อยู่ในช่วง ค.ศ. ๖๓๔ - ๑๒๕๘ มีศนู ยก์ ลางอยูท่ ีเ่ มืองแบกแดด (ในประเทศอิรกั ปจั จุบัน) จากน้นั ถูก
พวกมุสลิมมองโกลขยายอ�านาจเข้ามายังเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ในคริสต์ศตวรรษท่ี ๑๓ ต่อมา
2. ครูใหน กั เรียนอธบิ ายเกีย่ วกับความสาํ คญั ในคริสตศ์ ตวรรษที่ ๑๖ จกั รวรรดอิ อตโตมันไดเ้ ขา้ มาปกครองดนิ แดนน้ี
ของศาสนาอิสลามตอภูมภิ าคเอเชยี ตะวนั ตก- ในคริสต์ศตวรรษท่ี ๑๙ ชาวยุโรปขยายลัทธิจักรวรรดินิยมเข้ามา หลังสงครามโลก
เฉยี งใต ครง้ั ท ่ี ๑ (ค.ศ. ๑๙๑๔-๑๙๑๘) จกั รวรรดอิ อตโตมนั สลายตวั ลงเหลอื เขตแดน คอื ประเทศตรุ ก ี ชาติ
(แนวตอบ ศาสนาอิสลามมีสว นสําคัญทที่ าํ ให ตะวนั ตกโดยเฉพาะองั กฤษและฝรง่ั เศสมอี ทิ ธพิ ลเหนอื ดนิ แดนเอเชยี ตะวนั ตกเฉยี งใต ้ ซงึ่ เปน็ ผลให้
ชาวอาหรับทเ่ี คยแยกกนั อยูเปน ชนเผา ทั้งเผา เกดิ พรมแดนใหมแ่ ละเกิดประเทศใหมๆ่ ทีส่ า� คัญองั กฤษและฝรง่ั เศสสนับสนุนใหช้ าวยิวจากยโุ รป
ทป่ี ระกอบอาชพี เกษตรกรรม กับพวกเรร อน อพยพมายังเอเชยี ตะวนั ตกเฉยี งใต ้ ซึง่ กลายเปน็ ทม่ี าของความขดั แยง้ ทางเชือ้ ชาติ
หรอื พวกเบดอู นิ เกดิ ความสามคั คจี ากการนบั ถอื เม่ือสงครามโลกครั้งท่ี ๒ ส้ินสุดลง ประเทศในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ได้รับเอกราช
ศาสนาเดยี วกนั และสรางจกั รวรรดอิ าหรับขน้ึ ) ขณะเดียวกันความขัดแย้งในภูมิภาคได้เร่ิมข้ึน
จากการท่ีชาติตะวันตก น�าโดยสหรัฐอเมริกา
3. ครตู ้งั คําถามใหน กั เรียนตอบ เชน อังกฤษ ฝร่ังเศส สนับสนุนการต้ังประเทศ
• การขยายลทั ธิจกั รวรรดินยิ มของชาวยโุ รป อิสราเอลของชาวยิวในดินแดนปาเลสไตน์ใน
เขามายังภูมภิ าคเอเชียตะวันตกเฉียงใต ค.ศ. ๑๙๔๘ ทา� ใหช้ าวอาหรบั มปี ฏกิ ริ ยิ าตอ่ ตา้ น
สงผลตอ พฒั นาการทางประวัติศาสตรของ อนิทา� ไธปิพสลสู่ ตงะควรนั าตมกระแหลวะา่องิสชราาตเออิ ลาอหยรบัา่ งกรบั ุนอแสิ รรงา เจอนล2
ภมู ภิ าคน้อี ยา งไร หลายคร้ังในดินแดนปาเลสไตน์ การสู้รบได้
(แนวตอบ หลังสงครามโลกครงั้ ท่ี 1 จักรวรรดิ มีมาต่อเน่ืองจนถึงปัจจุบันโดยเฉพาะระหว่าง
ออตโตมันลมสลาย อังกฤษและฝรง่ั เศสได การกอจลาจลของชาวปาเลสไตนในดินแดนที่อิสราเอล ปาเลสไตน์กับอิสราเอล ซ่ึงเป็นปัญหาส�าคัญ
เขา มามอี ทิ ธพิ ลเหนอื ดินแดนเอเชยี ตะวนั ตก- ยดึ ครอง เปน ปญ หาทยี่ งั คงยดื เยอ้ื มาจนถึงปจจบุ ัน ของภมู ภิ าคและของโลก
เฉยี งใต ซึ่งเปนผลใหเกิดพรมแดนใหม
และเกิดประเทศใหมๆ ที่สําคญั องั กฤษ 13๖
และฝร่ังเศสไดสนับสนุนใหชาวยวิ จากยโุ รป
อพยพมายงั เอเชียตะวันตกเฉยี งใต ซ่ึงกลาย
เปนท่มี าของความขัดแยงทางเชอื้ ชาตริ ะหวา ง
ชาวอาหรับและชาวปาเลสไตนก บั ชาวยิว
ในเวลาตอ มา)

เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET
ขอ ใดคอื สาเหตุท่ที าํ ใหเ กดิ ปญหาตะวนั ออกกลางในปจ จุบนั
ครูอธิบายเพม่ิ เติมเกยี่ วกับความขดั แยงระหวา งปาเลสไตนกบั อิสราเอลวา มสี าเหตุ 1. การต้งั ประเทศอิสราเอลขึ้นใน ค.ศ. 1948
มาจากการแยง กนั อางสทิ ธเิ หนือดนิ แดนปาเลสไตนห รอื คานาอนั โดยทั้งชาวยวิ 2. ความขัดแยง ระหวางกลุมประเทศอาหรับกับอหิ ราน
และชาวปาเลสไตนตางกต็ องการตง้ั ประเทศของตนในดนิ แดนปาเลสไตน 3. การแขงขนั อํานาจระหวา งสหรัฐอเมรกิ ากบั สหภาพโซเวียต
4. ความเปน ศัตรกู ันมานานในประวัตศิ าสตรระหวา งอาหรับกับอิสราเอล
นกั เรยี นควรรู วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. โดยหลงั สงครามโลกครั้งที่ 2 ใน ค.ศ. 1948
สหประชาชาตไิ ดประกาศตัง้ ประเทศอิสราเอลข้นึ ในดนิ แดนซงึ่ เคยเปนของ
1 ดามัสกสั มีชื่อด้งั เดิมวา ดมิ ิชกา เคยเปน ของพวกอาราเมียนมากอน ตอมา ชาวปาเลสไตน ซง่ึ ทําใหชาวอาหรับไมพอใจ กลมุ สนั นบิ าตอาหรบั จึงประกาศ
มผี เู ขามายึดครองหลายชาติ เชน เปอรเ ซีย กรีก โรมัน จนกระท่งั ใน ค.ศ. 1516 สงครามกับอิสราเอลทนั ทเี พ่อื ขบั ไลอิสราเอลออกไป รวมถงึ ไดม ีการกอ ตั้ง
เปนสว นหนง่ึ ของจักรวรรดิออตโตมัน ปจจุบันเปนเมืองหลวงของซเี รีย องคก รปลดปลอยปาเลสไตน (PLO) เพือ่ ตอสแู ยง ชิงดนิ แดนคนื มาจากชาวยิว
2 สงครามระหวางชาตอิ าหรบั กับอสิ ราเอล เกดิ ขน้ึ ในระหวาง ค.ศ. 1948-1949 ซงึ่ ไดร บั การสนบั สนนุ จากชาตอิ าหรบั เชน จอรแ ดน อยี ปิ ต ซเี รยี สว นอสิ ราเอล
โดยชาติอาหรบั ไดแ ก ซเี รยี เลบานอน จอรแดน อยี ิปต และซาอดุ อี าระเบยี ไดทํา ไดร บั การสนบั สนนุ จากชาตติ ะวนั ตก ความขดั แยง ระหวา งอสิ ราเอลกบั อาหรบั
สงครามกบั อสิ ราเอล จนสหประชาชาตเิ ขา มาสงบศกึ อสิ ราเอลจงึ ไดด นิ แดนเพิ่มข้นึ และปาเลสไตนก็ยงั คงดาํ เนินตอเนือ่ งมาจนถึงปจจบุ นั ก็ยงั ไมมที ที า วา จะยตุ ิ
ชาวปาเลสไตนบ างสวนไดกลายเปน ผูอพยพล้ภี ัย แตรฐั อาหรบั ไมย อมรับ

136 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

ในดานรปู แบบการเมอื งการปกครอง ประเทศในภมู ภิ าคตะวนั ออกกลางมรี ปู แบบการ 1. ครตู ้งั คําถามใหนกั เรยี นตอบ เชน
ปกครองทหี่ ลากหลาย ไดแก ระบอบสมบรู ณาญาสทิ ธริ าชย เชน จอรแ ดน ระบอบประชาธิปไตย • ในอดตี พืน้ ฐานเศรษฐกิจของชาวอาหรบั
เชน อิสราเอล เลบานอน รัฐอสิ ลาม เชน อหิ ราน เปน ตน นอกจากนี้ ประเทศท่ีเคยเปนสวนหนึง่ มลี กั ษณะเปน อยางไร
ของจักรวรรดิอาหรับไดรวมตัวกันกอตั้งสันนิบาตอาหรับเพื่อรวมมือกันทางการเมือง เศรษฐกิจ (แนวตอบ ชาวอาหรับทต่ี ั้งถนิ่ ฐานอยเู ปน
และวัฒนธรรม หมบู านหรือเมืองในบริเวณโอเอซิสที่
อุดมสมบูรณจ ะประกอบอาชีพเกษตรกรรม
๒) พฒั นาการดา นเศรษฐกิจ แตเดิมชาวอาหรบั แบง ออกเปน ๒ พวก คือ พวก สว นพวกเบดอู นิ ซึง่ เปน พวกเรร อนจะเลีย้ ง
ต้ังถ่ินฐานอยูเปนหมูบานหรือเมืองในบริเวณโอเอซิสท่ีอุดมสมบูรณ ประกอบอาชีพเกษตรกรรม แกะ แพะ อูฐ มา และเปน กองคาราวาน
กบั พวกเบดูอินซงึ่ เปน พวกเรร อนเล้ยี งแกะ แพะ อูฐ มา หรือเปนกองคาราวานคาขาย ตอมาเม่ือ คาขาย)
จกั รวรรดิอาหรับมคี วามเจริญรุง เรือง พอ คามุสลมิ จํานวนมากไดออกเดนิ ทางคาขายไปยังดนิ แดน • ชาวยโุ รปเขามามีบทบาททางเศรษฐกิจ
ตางๆ ท้ังทางบกและทางทะเล ความสําคัญดานเศรษฐกิจของเอเชียตะวันตกเฉียงใต คือ เปน ในภูมิภาคเอเชียตะวนั ตกเฉียงใตอ ยางไร
ดนิ แดนท่เี ช่อื มเสนทางการคาระหวา งเอเชีย แอฟรกิ าตะวันออก และมหาสมทุ รอินเดยี (แนวตอบ ชาวยุโรปไดเขา มาผูกขาดการคา
เปดใชคลองใสนุเคอรซิส1ใตนศอตียวิปรตรษเมท่ือ่ี ๑๙ ชาวยุโรปไดผูกขาดการคาในภูมิภาคน้ี และเม่ืออังกฤษได ในภูมภิ าคนี้ในครสิ ตศตวรรษท่ี 19 ตอ มา
ค.ศ. ๑๘๖๙ เสนทางน้ีจึงกลายเปนเสนทางเดินเรือที่สําคัญ เมอื่ องั กฤษเปด ใชคลองสุเอซในอียปิ ต
การคนพบนํ้ามันดิบในตนคริสตศตวรรษที่ ๒๐ ทําใหดินแดนนี้มีความสําคัญมากข้ึนและมีผลตอ เมื่อ ค.ศ. 1869 เสนทางนจี้ งึ กลายเปน
ยุทธศาสตรการสูรบในชวงสงครามโลกคร้ังท่ี ๒ และยุทธศาสตรการเมืองและเศรษฐกิจโลกใน เสนทางเดินเรอื ท่สี ําคญั และการคนพบ
ชวงสงครามเยน็ นาํ้ มนั ดบิ ในตนคริสตศ ตวรรษท่ี 20 ทาํ ให
ประเทศผูผลติ นา้ํ มนั ไดรวมตัวกนั ตง้ั องคก ารโอเปก (OPEC)2เพอื่ รวมกลุมกันในการ ดินแดนน้มี คี วามสําคญั มากข้ึน ท้ังทางดาน
กําหนดราคาน้ํามนั โลกและปรมิ าณนํา้ มันทจ่ี ะผลิต โอเปกเปน องคการความรว มมอื ทางเศรษฐกิจ การเมอื งและเศรษฐกจิ )
ทีม่ บี ทบาทสําคัญตอ เศรษฐกจิ โลก ต้ังแตท ศวรรษ ๑๙๕๐ น้าํ มันกลายเปนปจจัยสําคญั ตอ โลกและ
2. ครใู หน ักเรียนรว มกันแสดงความคิดเหน็
ยังเปนปจจัยสําคัญที่มีผลตอความม่ันคงของ เกี่ยวกับเศรษฐกิจของภมู ิภาคเอเชยี ตะวันตก-
ภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ตกเฉียงใต กลา วคอื มีสวน เฉยี งใตใ นหัวขอ “วกิ ฤตน้ํามันโลกและบทบาท
ทําใหความขัดแยงระหวางประเทศอาหรับกับ ของกลุมโอเปกทีส่ งผลตอ เศรษฐกจิ โลกและ
อสิ ราเอลรนุ แรงมากขนึ้ เพราะตา งฝา ยตอ งการ เศรษฐกิจไทย” โดยใชเ ทคนิคการระดมสมอง
รกั ษาและยึดครองพนื้ ที่ทีม่ ีนํ้ามนั รวมท้ังทาํ ให จากนนั้ ครูขออาสาสมัครนักเรยี นออกมา
สหรัฐอเมริกาเขาไปแทรกแซงกิจการภายใน สรปุ ผลที่หนาช้นั เรยี น

ของเอเชียตะวันตกเฉียงใตเพ่ือเขาควบคุม
ทรัพยากรน้ํามัน เชน กรณีการยึดครองอิรัก
ในปจจุบัน เเชมนือเงทใหลอญาหวีฟลา(ยในเมอืิสอรงามเีฐอาลน) ะรทยิ าาดง3
เศรษฐกจิ ดี เมืองเทลอาวีฟ ตั้งอยูบนชายฝงทะเลเมดิเตอรเรเนียน
เปนศูนยกลางทางเศรษฐกิจและการทองเที่ยวท่ีสําคัญ
อีกแหง หน่ึงของอิสราเอล
(ในซาอุดีอาระเบีย) เปนตน

๑๓๗

กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรยี นควรรู

ครูใหน ักเรียนศกึ ษาคน ควาเพม่ิ เตมิ เกยี่ วกับองคก ารโอเปก (OPEC) 1 คลองสเุ อซ สรางขึ้นระหวา ง ค.ศ. 1859-1869 โดยเฟอรดนิ านด เดอ เลสเซป
หรอื กลมุ ประเทศผสู ง นา้ํ มนั เปน สนิ คา ออก ตามหวั ขอ ตา งๆ เชน ความเปน มา นักการทตู ชาวฝรั่งเศสสนบั สนุนการขุดคลองน้ี เปนคลองท่ีขุดผานคอคอดสเุ อซ
ประเทศสมาชกิ บทบาทและความสาํ คัญ เปนตน จากน้นั ใหบันทึกลง เชอื่ มระหวา งทะเลแดงกบั ทะเลเมดิเตอรเรเนยี น และกลายเปนเสนทางลดั ระหวาง
กระดาษ A4 นาํ สง ครูผูสอน ทวีปยโุ รปกบั ทวีปเอเชียโดยไมต อ งเดินเรือออมทวีปแอฟริกา
2 องคก ารโอเปก (OPEC) องคก ารนานาชาติที่จดั ตัง้ ข้นึ เพอ่ื ความรวมมอื ทาง
กิจกรรมทาทาย ดา นนโยบายนํ้ามนั ตงั้ ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2503 โดยมสี มาชิก 5 ประเทศ ไดแก อิหรา น
อริ กั คูเวต ซาอดุ อี าระเบีย และเวเนซเุ อลา ตอ มามสี มาชิกเพม่ิ อกี 9 ประเทศ ไดแ ก
ครใู หน กั เรยี นแสดงความคดิ เห็นในประเดน็ ทวี่ า “เศรษฐกจิ ของภูมภิ าค กาตาร อินโดนีเซยี ลิเบยี สหรัฐอาหรับเอมเิ รตส แอลจีเรยี ไนจเี รีย เอกวาดอร กาบอง
เอเชียตะวนั ตกเฉยี งใตข น้ึ อยูก บั นาํ้ มนั ” พรอมทง้ั วเิ คราะหวานาํ้ มันไดม ี แองโกลา ปจจบุ ันมีสมาชิก 14 ประเทศ
สว นท่ีทาํ ใหเ กดิ ความขดั แยง ในตะวันออกกลางไดอยา งไร จงยกตัวอยา ง 3 รยิ าด เปน เมอื งหลวงของประเทศซาอุดอี าระเบียเมอ่ื ค.ศ. 1932 เคยเปนเมือง
ความขดั แยง และผลของความขดั แยงท่มี ีตอ โลก โดยใหนักเรยี นเขยี นลง ท่มี ีกาํ แพงลอมรอบ แตไ ดร ้อื ออกไปในชว งทศวรรษ 1950 เปน ทต่ี ้ังของพระราชวงั
สมุดจดงานสง ครูผูส อน มสั ยิด มหาวทิ ยาลยั หลายแหง และเปน ศูนยก ลางการปกครองประเทศ

คมู อื ครู 137

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore
Explain Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู

ครแู ละนกั เรยี นอภปิ รายเกย่ี วกบั พฒั นาการ ๓) พฒั นาการดา นสงั คม ในอดีตสังคมของเอเชียตะวันตกเฉียงใตเปนสังคมแบบ
ดานสงั คมของภูมิภาคเอเชียตะวนั ตกเฉียงใต ชนเผา ประกอบดว ยพวกทีต่ ัง้ ถิ่นฐานทําเกษตรกรรม อาศยั อยูใกลแ หลงนา้ํ เชน บรเิ วณชายฝง
จากนน้ั ครตู งั้ คาํ ถามและใหน กั เรยี นชว ยกนั ตอบ เชน ชทนะเเลผเา มเรดร ิเอ ตนอหรรเรอื เเนบียดนอู นิบ1รอิเาวศณยั ลอุมยแตู มามนทํ้างุไหทญกรา ิสแล-ะยทูเฟะเรลททีสรแายละมบหี รวั ิเหวณนาโเอผเาอเซปิสน ผอปู ีกกกคลรอุมงเปมนอี พาชวพีก
เล้ยี งสตั ว คาขาย และบางครั้งปลนสะดม
• เพราะเหตใุ ดจกั รวรรดอิ าหรบั จงึ มคี วามเจรญิ การอยูทามกลางทะเลทรายทําให
ทางอารยธรรมสงู ชนเผาตางๆ ตองชวยเหลือกัน ความผูกพัน
(แนวตอบ ชาวอาหรับรบั ความรตู า งๆ จากทกุ ภายในเผาจึงมีสูง และมักเกิดการสูรบกับตาง
เชื้อชาติ ทกุ ศาสนา เชน แปลตําราภาษากรกี เผาเพื่อปองกันหรือแยงชิงทุงหญา แหลงน้ํา
แขนงตา งๆ เปน ภาษาอาหรบั รบั ความรู และทรัพยสิน ตอมาเม่ือยอมรับนับถือศาสนา
ทางดา นคณิตศาสตรจ ากอนิ เดีย แลวนําไป อิสลาม ทาํ ใหชนเผา ตา งๆ รสู กึ ผูกพนั ในฐานะ
พัฒนาตอ ทาํ ใหมีความเจริญรุงเรืองทาง ทเี่ ปน มสุ ลมิ เหมอื นกนั ความขดั แยง ระหวา งเผา
อารยธรรมสงู และความรูเ หลานนั้ ยังไดถ ูก จงึ ลดลง ในสมัยจักรวรรดิอาหรับ2(คริสต-
ถา ยทอดไปยังชาวยโุ รป) พวกเบดูอิน เปนกลุมท่ีพูดภาษาอาหรับและใชชีวิตเรรอน ศตวรรษที่ ๗ - ๑๓) พวกอาหรับรับความรูตางๆ
ตามทะเลทราย โดยมีอูฐเปนพาหนะในการเดนิ ทาง
• ความขดั แยงทางสงั คมในภูมิภาคเอเชยี
ตะวนั ตกเฉยี งใตมสี าเหตมุ าจากอะไร จากทุกเชอ้ื ชาติ ทุกศาสนา เชน แปลตาํ ราภาษากรีกแขนงตางๆ เปนภาษาอาหรบั รบั ความรทู าง
(แนวตอบ ความแตกตางทางดา นเช้อื ชาติ ดานคณิตศาสตรจากอินเดีย เชน เลขอารบิก ระบบทศนิยม เปนตน แลวนําไปพัฒนาตอ
ศาสนา และภาษา เชน ความขัดแยงทาง ทําใหมีความเจริญรุงเรืองทางอารยธรรมสูง และความรูเหลาน้ีไดถูกถายทอดไปยังชาวยุโรป
เช้อื ชาติในกรณสี งครามระหวา งอิรกั ซงึ่ เปน
ชาวอาหรับ กับอหิ รา นซึ่งเปน ชาวเปอรเซยี
เปน ตน )

ขยายความเขา ใจ Expand จากการทาํ สงครามครเู สดและภมู ภิ าคอนื่ ๆ ผา นการทาํ สงคราม การเผยแผศ าสนา และการคา ขาย
ดา นเชื้อชาตแิ ละศาสนา ประชากรในเอเชยี ตะวนั ตกเฉยี งใตส ว นใหญเปนชาวอาหรบั
พดู ภาษาอาหรบั นบั ถอื ศาสนาอสิ ลาม แตม ปี ระชากรสว นหนงึ่ ทต่ี า งเชอื้ ชาติ ศาสนา และพดู ภาษา
ครใู หน กั เรียนแบง กลุมเพือ่ จดั ทาํ รายงาน อน่ื เชน ชาวอหิ รา นหรอื เปอรเซียพดู ภาษาฟารซ แี ละอาหรับ นบั ถือศาสนาอิสลาม ชาวเลบานอน
เก่ยี วกับพัฒนาการของภมู ิภาคเอเชียตะวันตก- และชาวไซปรัสนบั ถอื คริสตศาสนา ชาวเตริ กในตุรกพี ูดภาษาเตอรก สี นบั ถือศาสนาอสิ ลาม และ
เฉียงใตใ นประเด็นตางๆ เชน ชาวยวิ พดู ภาษาฮีบรู นับถอื ศาสนายูดาห เปน ตน ความแตกตางทางดานเช้อื ชาติ ศาสนา ภาษา
มผี ลตอ ความสงบสขุ ของภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ตกเฉยี งใตอ ยา งยง่ิ เพราะความขดั แยง ทเ่ี กดิ ขนึ้ ตงั้ แต
• ปญ หายิว-ปาเลสไตน หลงั สงครามโลกครัง้ ที่ ๒ ถงึ ปจจบุ นั มีสาเหตสุ าํ คญั มาจากความขัดแยง ดา นเช้อื ชาติ เชน กรณี
• สงครามระหวา งอิรักกบั อิหรา น สงครามระหวางอริ ัก (ชาวอาหรับ) กบั อหิ รา น (ชาวเปอรเ ซยี ) เม่อื ทศวรรษ ๑๙๘๐ ปญหาความ
• ชนเผา ในภมู ภิ าคเอเชียตะวนั ตกเฉียงใต ขัดแยงระหวางโลกอาหรับกับอิสราเอล (ยิว) ท่ีชาวอาหรับถือวาชาวยิวเขามาแยงชิงดินแดน
• ศาสนาอิสลามกบั ภูมภิ าคเอเชยี ตะวนั ตก- ปาเลสไตนซ ง่ึ เปน ดนิ แดนศกั ดส์ิ ทิ ธแิ์ ละตง้ั ประเทศอสิ ราเอลขนึ้ ทาํ ใหช าวปาเลสไตนต อ งอพยพไป

เฉยี งใต

ตรวจสอบผล Evaluate อาศยั อยูต ามพรมแดนของประเทศเพ่ือนบานและสรางปญหาตามมา เปน ตน

ครูตรวจรายงานพฒั นาการของภูมิภาคเอเชีย ๑๓๘
ตะวันตกเฉยี งใต

นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET
วัฒนธรรมแบบอาหรบั มลี ักษณะเดนตรงกบั ขอ ใด
1 เบดูอิน เปนชนเผา เรร อนเล้ยี งแกะ แพะ และอูฐ อาศัยอยูในกระโจม 1. ใสเสอ้ื ผาสขี าว ไมโกนหนวดเครา
อาหารหลกั เปน ผลไมแ หง เชน อนิ ทผลมั และนมจากปศสุ ตั วทเี่ ล้ียง ท้ังยงั มีเน้อื แพะ 2. อาศัยอยูในกระโจม ชอบยา ยถิ่นฐาน
เปนอาหารในโอกาสพิเศษ เบดอู ินเผาตา งๆ มกี ารสูรบกนั อยูเ สมอเพ่อื ปกปอ ง 3. เครงครดั ในศาสนา มอี าชพี เลย้ี งสตั ว
เกยี รตยิ ศและทรัพยส ินของเผา โดยยึดคตวิ า ตาตอตา ฟน ตอ ฟน 4. นับถือศาสนาอสิ ลาม พูดภาษาอาหรับ
2 จกั รวรรดอิ าหรบั เปน จกั รวรรดขิ องชาวอาหรับซึง่ มีเชอ้ื สายเซมิตคิ เปน ชนเผา วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. ประชากรของภมู ภิ าคเอเชียตะวนั ตกเฉยี งใต
เรรอ นอยบู ริเวณคาบสมทุ รอาหรับ ตอ มาไดตงั้ ถ่นิ ฐานและสถาปนาเมืองตา งๆ ขึ้น สวนใหญจะเปน ชาวอาหรับท่ีพดู ภาษาอาหรับ นบั ถอื ศาสนาอิสลาม แตก ็ยงั มี
บริเวณลมุ แมน ํา้ ไทกริส-ยเู ฟรทีส เมอื่ ชาวอาหรบั ไดน บั ถือศาสนาอสิ ลาม ทาํ ใหเกิด ประชากรสวนหนงึ่ ทต่ี า งเชื้อชาติ ศาสนา และพดู ภาษาอืน่ เชน ชาวอิหราน
ความเปน อันหนึง่ อันเดยี วกนั จนสามารถกอตั้งอาณาจักรทมี่ ีความมัน่ คงทง้ั ทางดา น หรือเปอรเซียพดู ภาษาฟารซีและอาหรบั นับถอื ศาสนาอสิ ลาม ชาวเลบานอน
การเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ และสังคม และไดข ยายดินแดนของมสุ ลิมออกไป และชาวไซปรัสนบั ถือคริสตศ าสนา ชาวเตริ กในตรุ กพี ูดภาษาเตอรกสี นบั ถอื
อยางรวดเรว็ ในรูปของจักรวรรดอิ ิสลาม ซ่งึ ครอบคลมุ ดินแดนตั้งแตทางตะวนั ตก- ศาสนาอสิ ลาม ชาวยิวในอิสราเอลพูดภาษาฮบี รู นบั ถอื ศาสนายดู าห เปน ตน
เฉยี งเหนอื ของอินเดีย เอเชียกลาง ตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนอื ตอนใตของอิตาลี
คาบสมุทรไอบีเรีย ไปจนถงึ เทือกเขาพเิ รนสี

138 คูม ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Engage

กระตนุ ความสนใจ

๔. ภูมภิ าคเอเชยี กลาง1 1. ครนู าํ แผนท่ีทวปี เอเชียแสดงประเทศตา งๆ
หรือลกู โลกมาใหน ักเรยี นชวยกนั บอกตําแหนง
ภมู ภิ าคเอเชยี กลางเป็นภูมภิ าคท่ีเกดิ ขึน้ ใหม ่ เปน็ ดนิ แดนของกลุม่ ประเทศสาธารณรัฐอิสระ ทีต่ ั้งของภมู ภิ าคเอเชยี กลาง
ทีอ่ ยู่ทางใต้ของเทือกเขาคอเคซสั และทางตะวันออกของทะเลแคสเปียน
2. ครสู มุ นกั เรยี นออกมาชต้ี าํ แหนง ของประเทศ
๔.๑ ที่ตง้ั และสภาพภูมศิ าสตร์ท่ีมีผลตอ่ พัฒนาการการตง้ั ถ่ินฐาน ตางๆ ในภมู ภิ าคเอเชยี กลาง พรอมใหบ อกช่อื
ของประชากร เมอื งหลวง

ภมู ิภาคเอเชียกลางตัง้ อยทู่ างตอนเหนือของภมู ิภาคเอเชยี ตะวันตกเฉียงใต ้ มีอาณาเขตทาง สาํ รวจคน หา Explore
ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ตดิ กบั สหพนั ธรฐั รสั เซยี ทางตะวนั ออกเฉยี งใตต้ ดิ กบั สาธารณรฐั ประชาชนจนี
ทางใต้และทางตะวนั ตกติดกับภูมภิ าคเอเชียตะวนั ตกเฉยี งใต้ ครูใหน ักเรยี นจบั คูก นั เพอื่ คน ควาเกยี่ วกบั
ภมู ิภาคเอเชียกลาง คูละ 1 ประเทศ ในประเด็น
เอเชยี กลาง : ประเทศ เมอื งหลวง เนอ้ื ที่ และประชากร พ.ศ. ๒๕๕๘ ตา งๆ เชน

ช่อื ประเทศ เมืองหลวง เนอ้ื ท่ี ประชากร แผนทภี่ มู ิภาคเอเชยี กลาง • ทต่ี งั้ และสภาพภมู ิศาสตร
(ตร.กม.) (ล้านคน) • ลักษณะการเมืองการปกครอง
• ลกั ษณะเศรษฐกจิ
๑. คาซคั สถาน อสั ตานา ๒,๗๑๕,๐๙๗ ๑๗.๕ มหาสมุทรอารก์ ตกิ • ลักษณะสงั คม
๒. เตริ ก์ เมนสิ ถาน อาชกาบตั ๔๘๘,๐๙๘ ๕.๔ โดยศกึ ษาจากหนงั สอื เรยี นหรือจาก
แหลงการเรยี นรตู า งๆ เชน หองสมดุ โรงเรียน
๓. อซุ เบกสิ ถาน ทาชเคนต์ ๔๔๙,๖๐๑ ๓๑.๓ ทวีปยโุ รป สหพันธรฐั รัสเซีย ขอ มูลทางอินเทอรเน็ต เปน ตน แลว บันทึกลง
๔. ครี ์กซี สถาน บิชเคก ๑๙๘,๕๐๐ ๖.๐ ทะเลด�า กระดาษ A4 สง ครูผสู อน

๕. ทาจกิ สิ ถาน ดชู านเบ ๑๔๓,๑๐๐ ๘.๕ มหาสมทุ รแปซฟิ ิก
๙.๗
๖. อาเซอรไ์ บจาน บากู ๘๖,๖๐๐ ๓.๘
๓.๐
๗. จอร์เจีย ทบิลิซิ ๖๙,๖๙๙ ๘๕.๒ ทะเลอาหรบั อ่าวเบงกอล ทะเลจีนใต้ อธบิ ายความรู
มหาสมุทรอนิ เดีย
๘. อารเ์ มเนยี เยเรวาน ๒๙,๘๐๐ Explain

รวม ๔,๑๘๐,๕๐๐ 1. ครูใหน ักเรียนชว ยกันบอกลักษณะเดน ของ
ภมู ิภาคเอเชียกลาง
ทม่ี า : www.prb.org (แนวตอบ เชน เปนภมู ิภาคทเี่ กดิ ใหม
โดยประเทศเกิดใหมใ นภมู ภิ าคเอเชียกลาง
ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศของภมู ภิ าคเอเชยี กลางประกอบดว้ ยเขตทร่ี าบกวา้ งใหญต่ งั้ แตท่ างเหนอื เดมิ เคยเปนสว นหน่ึงของสหภาพโซเวยี ต
ไล่ไปทางตะวันออกตอนกลาง และสูงข้ึนเร่ือยๆ ทางใต้และตะวันตก เขตท่ีราบน้ีจัดเป็นแหล่ง นอกจากน้ี ยังเปน ภูมภิ าคทไี่ มม ีทางออกทะเล
เแกคษสตเปรกียรนร มแทม่ีส่น�าค�้ายัญูรขัลอ งไภหูมลิภลางคสู่ ทเะพเลรแาะคมสีทเปะเียลนภทาายงใตนะแวลันะตแกม ่นป้�าไรหะชลาผก่ารน2ทหี่อลาาศยัยสอายยู่ใ นเชเข่นต ทท่ีระาเบล เปนตน)
ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเล้ียงสัตว์ เช่น แกะ แพะ โค ม้า ลา ล่อ ไก่ เป็นต้น เขตท่ีสองเป็น
เขตที่ราบสูงและเทอื กเขา มเี ทอื กเขาคอเคซสั เปน็ เทือกเขาสา� คญั อยูท่ างตะวันตกสดุ ของภมู ิภาค 2. ครใู หแตละคูอ อกมานาํ เสนอการศกึ ษาคน ควา
มีปรมิ าณฝนตกน้อย และมีอากาศหนาวเย็น ท่หี นาช้ันเรยี น

๑39

แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tิด เกร็ดแนะครู

สภาพภมู ปิ ระเทศโดยทว่ั ไปของภมู ภิ าคเอเชยี กลางมลี กั ษณะสอดคลอ งกบั ขอ ใด ครูอธิบายเพ่มิ เติมวา ประเทศเกิดใหมในภมู ิภาคเอเชยี กลางเดมิ เคยเปนสวนหนงึ่
1. เปนทร่ี าบลมุ แมน้ําสลับกบั เนินลกู ฟกู ของสหภาพโซเวยี ตในอดตี เมื่อสหภาพโซเวยี ตลม สลายลงใน ค.ศ. 1991 สาธารณรัฐ
2. มีเทอื กเขาสงู ชันกน้ั เปน ขอบอยูโ ดยรอบ ตา งๆ จงึ แยกตวั เปนประเทศเอกราช รวม 8 ประเทศ
3. เปนทะเลทรายโดยมีทะเลสาบอยตู รงกลาง
4. ทรี่ าบกบั ทรี่ าบสงู ซ่งึ เช่อื มตอ กันเปน ผืนกวาง นกั เรยี นควรรู

วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศที่เห็นเดนชดั ของภมู ภิ าค 1 เอเชยี กลาง เปน ดนิ แดนทอ่ี ยใู นเสน ทางสายแพรไหม ซง่ึ มคี วามสาํ คญั ทางดา น
การคา การแลกเปลี่ยนอารยธรรมระหวางโลกตะวันตกกับโลกตะวันออกมาตั้งแต
เอเชยี กลาง คอื การมพี น้ื ทร่ี าบและทรี่ าบสงู แผเ ชอื่ มตดิ ตอ กนั เปน บรเิ วณกวา ง สมัยโบราณ
ครอบคลุมไปทัว่ ทง้ั ภมู ิภาค โดยพ้ืนทรี่ าบจะอยูทางตอนเหนอื นับจากแอง 2 ประชากร ประชากรในภูมิภาคเอเชยี กลาง มที ง้ั ท่ีเปนพวกคอเคซอยด
ท่รี าบลุมทะเลแคสเปยนลงมาจนถึงตอนกลางของภมู ภิ าค ครอบคลมุ พื้นที่ และมองโกลอยด ซึ่งมีมากนับเปน 100 ชนเผา
ของประเทศคาซคั สถาน อซุ เบกสิ ถาน และเตริ ก เมนสิ ถาน สว นทางตะวนั ออก
และทางใตจะเปน เขตทรี่ าบสงู และเทอื กเขาสูง โดยยอดเขาที่สงู ท่สี ุด คอื คมู ือครู 139
คอมมนุ ซี มา ในประเทศทาจิกิสถาน สําหรับทางตะวนั ตกสุดของภูมภิ าค
จะมแี นวเทือกเขาคอเคซัส ซง่ึ เปนพืน้ ท่ตี ง้ั ของประเทศจอรเ จยี อารเมเนีย
และอาเซอรไ บจาน

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expore Elaborate Evaluate
Engaae Explain Explain

อธบิ ายความรู

1. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเก่ยี วกับ เขตท่ีสามเป็นเขตทะเลทรายซึ่งกระจายอยู่เป็นหย่อมๆ ท่ัวภูมิภาค เขตท่ีสองและสามนี้
สภาพภูมิศาสตรของภูมภิ าคเอเชียกลาง มผี ู้คนต้ังถ่นิ ฐานอยนู่ ้อยเพราะสภาพภูมปิ ระเทศและภมู อิ ากาศไมเ่ อือ้ อา� นวย นอกจากน้ี ภูมิภาค
จากนัน้ ครูตั้งคาํ ถามใหนกั เรยี นชว ยกันตอบ เอเชียกลางยังมีที่ต้ังท่ีเป็นอุปสรรคต่อความเจริญทางการค้า เพราะที่ต้ังไม่มีทางออกทะเลท่ีจะ
เชน ออกสู่มหาสมุทร มีเพียงทะเลแคสเปียน ซ่ึงเชื่อมเอเชียกลางกับเอเชียตะวันตกเฉียงใต้เท่านั้น
• ลกั ษณะภูมิประเทศของภูมภิ าคเอเชียกลาง
สงผลตอ การต้งั ถน่ิ ฐานของประชากรอยางไร การขนสง่ สนิ คา้ ตา่ งๆ จงึ ไมส่ ะดวกเมอ่ื เทยี บกบั
(แนวตอบ ประชากรสวนใหญข องภมู ิภาค ภมู ภิ าคอื่นทีม่ ที างออกทะเลของตน และการท่ี
เอเชียกลางจะอาศยั อยบู ริเวณทร่ี าบกวา งใหญ เอเชียกลางอยู่ห่างไกลจากศูนย์กลางเศรษฐกิจ
มที ะเลภายในและแมน้ําไหลผา นหลายสาย ของโลก เช่น ทวปี ยโุ รป อเมรกิ าเหนือ เปน็ ตน้
เชน ทะเลแคสเปยน แมน ํ้ายรู ลั เปนตน จึงยังไมม่ คี วามเจรญิ กา้ วหนา้ ทางเศรษฐกจิ
ซ่งึ เปนแหลง เกษตรกรรมทีส่ าํ คัญของภูมภิ าค
สวนบรเิ วณเขตทะเลทรายซง่ึ กระจายอยูเ ปน ๔.2 พฒั นาการทางประวตั -ิ
หยอมๆ ทั่วภูมภิ าคมีผูคนอาศัยอยนู อย) ศาสตรข์ องเอเชยี กลาง
• ทตี่ ั้งของภูมภิ าคเอเชยี กลางสง ผลตอ
การพฒั นาเศรษฐกจิ อยางไร เทือกเขาคอเคซัส อยูระหวางทะเลดําและทะเลแคสเปยน ๑) พัฒนาการด้านการเมือง
(แนวตอบ ภูมิภาคเอเชยี กลางไมมีทางออก ทอดตัวผานทางตอนใตของรัสเซียสวนท่ีอยูในทวีปยุโรป การปกครอง ในอดีตดินแดนเอเชียกลาง
ทะเลท่จี ะออกสูมหาสมุทร ทาํ ใหการขนสง จอรเ จีย อาเซอรไ บจาน และอารเมเนีย
สินคา ไมสะดวก และการท่ีเอเชียกลางอยู เป็นสังคมที่มีการปกครองแบบชนเผ่า ท้ังน้ี
หางไกลจากศูนยก ลางเศรษฐกจิ ของโลก คอื สเพารยาแะพสรภไาหพมท ตี่เชั้งน่ท ี่อซยาู่ทม่าามรก์คลันาดง์ 1ทคุง่ ชัหกญาา้ร ์ ทตะ่อเมลาทใรนาตย้น คแรลสิะตเท์ศือตกวเรขราษ ทม่ ี ีเ๑ม๓ือง สถา�ูกคยัญดึ คทรีอ่ อยงบู่ โดนยเสชน้ นทเผาา่ง
ทวีปยุโรปและทวปี อเมรกิ าเหนอื จงึ ทาํ ให ขมอองงจโกกั ลรวนร�ารโดดริยัสเจเซงกยี ิสเมขอ่ื ่าพนร รแคลคะอในมปมลวิ านยิสคตร์ริสสั ตเซ์ศตีย2สวรถราษปทนี่ าส๑ห๘ภ าเอพเโชซียเวกียลตางในอ ยคู่ภ.าศย. ใต๑้ก๙า๒ร๒ป กพครรรอคง
การพัฒนาเศรษฐกิจไมกา วหนา) คอมมิวนิสต์อ้างสิทธิเหนือดินแดนเอเชียกลาง
จนถึง ค.ศ. ๑๙๙๑ สหภาพโซเวียตล่มสลาย
2. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั อภปิ รายเกย่ี วกบั สาธารณรฐั ต่างๆ จึงพากันแยกตวั เปน็ เอกราช
พฒั นาการดา นเศรษฐกจิ ของภมู ภิ าคเอเชยี กลาง
จากนน้ั ครูถามนักเรียนวา เพราะเหตุใดภูมิภาค ๒) พัฒนาการด้านเศรษฐกิจ
เอเชียกลางจึงมีการเลี้ยงสตั วกันมาก ใเอนเฐชาียนกะลเปา็นงใสน่วอนดหีตนมึ่งีคขวอางมเสส้น�าคทัญางทสาางยเแศพรษรไฐหกมิจ3
(แนวตอบ เนื่องจากสภาพภมู ิประเทศสวนใหญ ต่อมาเม่ือเส้นทางการค้าเปล่ียนเป็นเส้นทาง
เปนทงุ หญา ประชาชนจงึ ประกอบอาชีพ ทางทะเล ความส�าคัญของเอเชียกลางด้าน
เลี้ยงสัตว เชน แกะ แพะ มา เปน ตน )

เศรษฐกิจจึงลดลง และจากสภาพภูมิประเทศ
การเล้ียงแกะท่ีจอรเจีย ซ่ึงการเลี้ยงสัตวจัดเปนกิจกรรม สว่ นใหญเ่ ปน็ ทงุ่ หญา้ ประชาชนจงึ ประกอบอาชพี
ทางเศรษฐกิจทสี่ ําคญั ของภมู ิภาคเอเชยี กลาง เลย้ี งสตั ว ์ เชน่ แกะ แพะ มา้ และทา� กสกิ รรม

1๔๐

นักเรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET
สหภาพโซเวียตมีอทิ ธพิ ลตอ พฒั นาการของภมู ิภาคเอเชยี กลางอยา งไร
1 ซามารค ันด เมอื งในประเทศอซุ เบกสิ ถาน เปน เมืองท่ผี ลิตชนิ้ สวนยานยนต แนวตอบ ในสมยั ทีอ่ ยูภ ายใตการปกครองของสหภาพโซเวยี ต รัฐบาลกลาง
ผาไหม ผลไมก ระปอง สิ่งทอ ยาสูบ เหลาองุน เครือ่ งหนงั มีอนุสาวรยี แ ละมัสยดิ เปนผูก ําหนดนโยบายเศรษฐกิจและการประกอบอาชีพ จนกระท่ังสหภาพ
หลายแหง รวมทงั้ หลมุ ฝง ศพของประมขุ ชาวมองโกลชื่อ ตมี รู หรือตาเมอรเลน โซเวยี ตลม สลาย ประเทศตา งๆ ในเอเชยี กลางจงึ มกี ารตดิ ตอ กบั โลกภายนอก
ซ่งึ เคยปกครองจักรวรรดิที่ยิ่งใหญในชว งปลายครสิ ตศตวรรษท่ี 14 มากขนึ้ แตร สั เซยี กย็ งั คงมบี ทบาททางดา นการเมอื งและเศรษฐกจิ ในภมู ภิ าคน้ี
2 พรรคคอมมวิ นิสตร ัสเซีย โดยพวกบอลเชวคิ ในรัสเซียทมี่ ีเลนนิ เปน ผูนําไดกอ
การปฏิวตั ิรัสเซยี ขึน้ ใน ค.ศ. 1917 และเปล่ียนแปลงการปกครองจากระบอบกษัตรยิ  กิจกรรมทาทาย
มาเปนระบอบคอมมวิ นิสต โดยมีพรรคคอมมิวนสิ ตเ ปนผูบรหิ ารประเทศ
3 เสน ทางสายแพรไหม หรอื เสนทางสายไหม เปนเสนทางบกโดยเร่มิ จาก ครใู หนกั เรียนคนควาขอมลู เพ่มิ เตมิ เกีย่ วกับเสนทางสายแพรไหมวา
กรงุ ฉางอาน (ปจจุบันคือ เมอื งซอี าน) ไปทางตะวันตก ผา นเอเชียกลางจนถึงเมืองทา หมายถงึ อะไร มีเสน ทางอยา งไร ผานที่ไหนบา ง และมีความสาํ คญั อยา งไร
สําคญั ของยโุ รปทางดา นเมดเิ ตอรเ รเนียน เชน เมืองเวนิส ความสาํ คญั ของเสนทางนี้ จากน้ันใหนักเรียนนําขอ มลู ดงั กลาวจัดทําเปนใบความรู พรอ มมีแผนท่ี
เรม่ิ จากการคา ซง่ึ การคา ทสี่ ําคญั คอื ผา ไหมหรอื แพรไหม ตอมามคี วามสําคญั ใน ประกอบ ระบายสแี ละตกแตงใหสวยงามสงครผู สู อน
การแลกเปลี่ยนอารยธรรมทั้งทางดา นศาสนาและวัฒนธรรม

140 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Expand Evaluate

อธบิ ายความรู Explain

เมื่อตกอยู่ภายใต้การปกครองของสหภาพโซเวยี ต รัฐบาลกลางเป็นผูก้ �าหนดนโยบาย 1. ครนู ําภาพหรือขา วเกยี่ วกับภมู ิภาคเอเชยี กลาง
เศรษฐกิจและการประกอบอาชพี ประชาชนส่วนหน่งึ ท�ากสิกรรม เล้ียงสตั ว์ บางสว่ นเป็นแรงงาน มาใหน ักเรยี นอภิปรายและแสดงความคิดเห็น
ใปน่าโไรมง้ งาแนลอะแตุ รส่ธาาหตกุ รปรมัจจ เุบอันเชปยี รกะลเทาศงมในที เรอัพเชยียากกรลธารงรทมี่อชยาู่ใตกิทล้ทีส่ า�ะเคลัญแ คไสดเแ้ ปกีย่ นน1ไ้า� ดม้สันรด้าบิงท แ่อกข๊สนธสร่งรนม�้าชมาันต ิ เกย่ี วกบั สงั คมของภมู ิภาคเอเชียกลาง เชน
และแก๊สธรรมชาติเช่ือมกับประเทศในภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ตกเฉยี งใต้ ภาพการเล้ยี งสัตวบริเวณทุงหญา การปฏิบตั ิ
ศาสนกิจ การอาศัยอยใู นกระโจม เปน ตน
๓) พัฒนาการด้านสงั คม ภูมภิ าคเอเชียกลางได้รับอทิ ธิพลดา้ นวฒั นธรรม ภาษา
2. ครถู ามนกั เรียนวา เพราะเหตุใดภูมิภาค
และศาสนา ท้ังจากยุโรปและเอเชีย และเป็นดินแดนท่ีมีผู้คนใช้เป็นเส้นทางเดินทางจากยุโรปไป เอเชยี กลางจงึ มคี วามหลากหลายทางดา น
ยังเอเชยี มาต้ังแตอ่ ดตี จึงเปน็ สังคมทม่ี ชี นหลากหลายกลุม่ เชน่ อุซเบก ทาจกิ เติรก์ เมน รสั เซยี สงั คม
รเคอ้ ิรย์ดล ะ ค๙ีร์ก๐ีซ นมับอถงอื โศกาลส นเาปอ็นิสตล้นา ม แรตอ่ลงะลกงลมุ่มาต ่าคงือม ีภคารษิสตาพ์ศาูดสขนอาง 2ตตน่อ มปารเะมชือ่ าถกูกรรสว่วมนเใขหา้ ญกับ่ปสรหะมภาาณพ (แนวตอบ ภมู ิภาคเอเชียกลางเปน เสน ทาง
โซเวียตจึงใช้ภาษารสั เซียเปน็ ภาษากลางในการตดิ ต่อ เดนิ ทางทีเ่ ชื่อมระหวางทวีปเอเชียกับยโุ รป
ในสมัยท่ีอยู่ภายใต้การปกครองของสหภาพโซเวียตน้ัน กฎเกณฑ์ท่ีเข้มงวดของ จงึ ทําใหม คี วามหลากหลายทางดานเช้ือชาติ
พรรคคอมมวิ นสิ ตท์ า� ใหก้ ารโยกยา้ ยถนิ่ ฐานมนี อ้ ย หลงั จากสหภาพโซเวยี ตลม่ สลาย ประเทศตา่ งๆ ศาสนา ภาษา และวฒั นธรรม สง ผลใหภ ูมภิ าค
ในเอเชยี กลางมกี ารตดิ ตอ่ กบั โลกภายนอกมากขนึ้ แตร่ สั เซยี ยงั คงมบี ทบาททางดา้ นการเมอื งและ เอเชียกลางมีสังคมที่หลากหลาย)
เศรษฐกิจในภูมภิ าคนี้
3. ครใู หนกั เรยี นยกตัวอยา งปญหาสาํ คญั
กล่าวโดยสรุป ทวีปเอเชียมีทั้งหมด ๔๗ ประเทศ มีพ้ืนท่ีและประชากรมากที่สุด ในปจ จบุ ันของภมู ิภาคเอเชียกลาง
เมอ่ื เปรยี บเทยี บกบั ทวปี อนื่ ๆ เปน็ แหลง่ อารยธรรมลมุ่ แมน่ า�้ สา� คญั ของโลกและเปน็ แหลง่ กา� เนดิ (แนวตอบ เชน ปญ หาการกอการรา ยท่ีเกดิ จาก
ศาสนาสา� คญั ของโลก ทวปี เอเชยี มสี ภาพภมู ปิ ระเทศทแี่ ตกตา่ งกนั มากทงั้ ทเ่ี ปน็ ผนื แผน่ ดนิ ใหญ ่ กลุมมุสลมิ หวั รุนแรงของเติรก เมนสิ ถาน
หม่เู กาะ และมสี ภาพภมู อิ ากาศทงั้ อบอุน่ ร้อน มีความอุดมสมบรู ณ ์ ความแห้งแล้ง ซ่ึงเปน็ ตัว ทีป่ จ จบุ นั ไดล ี้ภยั ไปอยใู นทาจกิ ิสถาน ปญหา
กา� หนดทส่ี า� คญั เกย่ี วกบั การตง้ั ถน่ิ ฐานของมนษุ ย์ โดยประชากรจ�านวนมากอาศยั อยใู่ นบรเิ วณ ทางเชอื้ ชาติระหวา งชาวเหนือกับชาวใตของ
ปากแม่น�้า ริมทะเล ซ่ึงมีความอุดมสมบูรณ์ แต่มีบางส่วนยังเป็นพวกกึ่งเร่ร่อน เพราะหา ประเทศคีรกิซสถาน เปนตน )
ท่งุ หญ้าเล้ียงสตั ว์ นอกจากน้ ี ทรัพยากรธรรมชาติก็มีผลต่อการตั้งถิน่ ฐานและการจัดระเบยี บ
ทางสังคม ในบริเวณท่ีเกิดภัยธรรมชาติ ประชากรต้องร่วมมือและช่วยเหลือกันเพ่ือเอาชนะ ขยายความเขา ใจ Expand
ธรรมชาติ แต่ในบริเวณทไ่ี ม่มีภัยธรรมชาต ิ ประชากรกใ็ ช้ชวี ติ อยา่ งเรยี บงา่ ย ความร่วมมอื กัน
จงึ มไี มม่ าก สภาพภมู ศิ าสตรจ์ งึ เปน็ ปจั จยั หนงึ่ ทมี่ ผี ลตอ่ ความเจรญิ ทางดา้ นตา่ งๆ ของประเทศ ครูใหน กั เรียนหาขา วหรือบทความเกยี่ วกบั
ในทวปี เอเชยี ประเทศในภมู ิภาคเอเชยี กลางในดานตางๆ เชน
การเมอื ง เศรษฐกิจ สงั คมและวฒั นธรรม จากนัน้
สรปุ ความรลู งในกระดาษ A4 สงครูผูสอน

ตรวจสอบผล Evaluate

1. ครูตรวจสรปุ ขา วหรอื บทความเกี่ยวกบั ภมู ิภาค
เอเชยี กลาง
2. ครสู ังเกตพฤติกรรมความมีสว นรว มในการ
1๔1 ตอบคําถามและการแสดงความคิดเหน็ ของ

นกั เรยี น

แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด นกั เรยี นควรรู

ขอใดกลา วถงึ ลกั ษณะประชากรของภูมิภาคเอเชียกลางไดส อดคลอ งกับ 1 ทะเลแคสเปยน เปนทะเลภายในท่ใี หญทีส่ ดุ ในโลก เปนแหลงทรัพยากร
ความเปน จริง ธรรมชาติ คือ เปนแหลงของสตั วน้ํา เชน ปลาสเตอรเ จียน ซงึ่ มไี ขท ่เี รยี กวา
คาเวยี ร ทม่ี ีราคาสูง ทัง้ ยังเปนแหลง น้าํ มนั และแกส ธรรมชาตซิ ง่ึ มีมากในแถบ
1. เปนชาติพันธุคอเคซอยด รมิ ฝง ทะเลอาเซอรไ บจาน และเปน เสน ทางคมนาคมทางเรือที่สําคญั ของดนิ แดน
2. มีเช้ือสายเดยี วกนั ทง้ั หมด ทอ่ี ยูโดยรอบ
3. ประกอบดว ยชนหลายเช้ือชาติ 2 ครสิ ตศ าสนา นกิ ายหลกั ท่ีผคู นในแถบน้ีพากนั นับถือ คอื กรกี ออรทอดอกซ
4. ผสมกนั ระหวางรัสเซียกับทาจกิ
มุม IT
วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 3. ประชากรในภมู ภิ าคเอเชยี กลางประกอบดว ย
ศกึ ษาคน ควาขอมลู เพิม่ เตมิ เกี่ยวกับภมู ิภาคเอเชยี กลาง ไดที่ http://
กลมุ ชนมากมายหลายเผาพนั ธุ เชน อุซเบก ทาจิก เตริ กเมน รสั เซยี เคิรด sameaf.mfa.go.th/th/country/central-asia/
ครี กซี มองโกล เปน ตน โดยแตละพวกจะมภี าษาพดู เปน ของตนเอง ตอ มา
เม่อื ถูกรวมเขา กบั สหภาพโซเวยี ตจึงใชภ าษารัสเซียเปน ภาษากลางในการ
ตดิ ตอ สื่อสาร นอกจากนี้ ประชากรสว นใหญประมาณรอยละ 90 นบั ถือ
ศาสนาอสิ ลาม รองลงมา คือ ครสิ ตศ าสนา

คูมือครู 141


Click to View FlipBook Version