กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ครูและนักเรยี นอภปิ รายรวมกนั ถงึ ความสําคญั ตัวอยา งการถอื ครองศักดินาประเภทตา งๆ ตามกฎหมาย
ของระบบศักดินาทมี่ ีตอวิถีชีวิตของผคู น
ในสังคมสมัยน้นั ยศ (ตาํ แหนง ) ศกั ดนิ า พร้อมกันนั้นยังทรงตราพระราชก�าหนด
ศักดินา นับเป็นการจัดระเบียบหรือกฎเกณฑ์
2. ครูซกั ถามนกั เรียนวา นอกจากบทบาทสาํ คญั พระมหาอุปราช ๑๐๐,๐๐๐ ยขกอเงวส้นังคพมระ มโดหยากกาษรัตกร�าิยห์ นมดีศใักหด้คินนาไ1ปทรยะทจุก�าคตนัว
ดงั ท่กี ลา วมาในหนังสือเรียนแลว สมเดจ็ เจ้าฟา้ (พระเชษฐา, พระอนชุ า ๕๐,๐๐๐ ศักดนิ า คอื ตวั กา� หนดหน้าที่ความรับผิดชอบ
พระบรมไตรโลกนาถทรงมีบทบาททางดา นใด ทท่ี รงกรม) ตลอดจนสิทธิของบุคคลในสังคมให้แตกต่าง
อกี บา ง จากนน้ั ครใู หน กั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ เจ้าฟา้ (พระราชโอรสหรอื ๔๐,๐๐๐ กนั ไปตามระดับศักดินา ทา� ให้เกดิ ความสะดวก
รว มกัน พระราชธิดาท่ที รงกรม) ผในกู้ กระาทรา�ปผกดิ คตรอ่ อกงนั กด�าว้ลยัง คเพนรแาละกะลารงปโทรบัษไปหรมับ2จไะหยมดึ
(แนวตอบ นอกจากบทบาททางดานการเมอื งแลว หม่อมเจา้ (มิได้ทรงกรม) ๑,๕๐๐
ยงั มบี ทบาททางดานสงั คมและวัฒนธรรมดว ย เจ้าพระยา (สมหุ นายก, ๑๐,๐๐๐
โดยพระองคท รงพระราชนิพนธว รรณกรรม สมหุ พระกลาโหม)
ทสี่ าํ คัญ คอื มหาชาติคาํ หลวง ซงึ่ มีความ เอาศกั ดินาเปน็ เกณฑ์
เก่ียวขอ งกบั พระพุทธศาสนา และลลิ ติ ยวนพา ย พระยา (เสนาบดีจตสุ ดมภ์) ๑๐,๐๐๐ การวางระบบการปกครองของแผ่นดิน
ซ่ึงเก่ียวของกับการทีอ่ ยธุ ยาประสบชยั ชนะ ไพร่หวั งาน / ไพร่มคี รัว ๒๕ / ๒๐ การตรากฎมณเฑยี รบาล การวางระบบศกั ดินา
ในการทําสงครามกับลานนา นอกจากน้ี ๑๕ / ๑๐ ในสังคมไทย ล้วนแต่เป็นประโยชน์ต่อการ
พระองคยังทรงออกผนวชทีว่ ัดจุฬามณใี นเมอื ง ไพร3่ราบ / ไพรเ่ ลว ๕ / ๕ สรา้ งสรรคบ์ า้ นเมอื งใหม้ คี วามเจรญิ กา้ วหนา้ ขน้ึ
พษิ ณุโลกเมือ่ พ.ศ. 2008 ดว ย ซ่งึ นบั เปน
พระมหากษตั รยิ อ ยธุ ยาพระองคแ รกทที่ รง ทาส / ลูกทาส
ออกผนวชขณะครองราชสมบตั )ิ
สามเณรร้ธู รรม / สามเณรมิได้ ๓๐๐ / ๒๐๐ ตามล�าดับ จะเห็นว่าระบบตา่ งๆ ท่พี ระองคท์ รง
3. ครูสนทนากับนกั เรียนเพ่อื รวมกนั สรุปความรู ร้ธู รรม วางรากฐานเอาไว้ล้วนเป็นประโยชน์ต่อการ
ที่ไดรับจากการศกึ ษา ภกิ ษุรู้ธรรม / ภิกษุมิไดร้ ธู้ รรม ๖๐๐ / ๔๐๐ สร้างความย่ังยืนและม่ันคงให้กับสังคมและ
พระครูรธู้ รรม / พระครมู ิไดร้ ู้ธรรม ๒,๔๐๐ / ๑,๐๐๐ บา้ นเมอื งไทยตัง้ แต่สมยั น้ันมาจนถงึ ปจ จบุ ัน
เสน เวลา
แสดงเหตกุ ารณส าํ คญั ในสมยั สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ
๑๙๙๗ ๒๐๐๖ ๒๐๐๘ ๒๐๑๗ ๒๐๑๘
โปรดให้ตรา เสด็จไปประทับที่ ทรงผนวช เสด็จไปยึด เจ้าเมืองเชียงใหม่
กฎหมายศักดนิ า เมืองพษิ ณุโลก และ ท่ีวดั จฬุ ามณี เมอื งเชลยี ง ส่งทูตเจรจาขอ
ข้ึนมาบงั คบั ใช้ โปรดใหพ้ ระราชโอรส (สวรรคโลก) เปน็ ไมตรี
ครองกรงุ ศรอี ยุธยา
พ.ศ. ๑๙๙๕ ๒๐๐๐ ๒๐๐๕ ๒๐๑๐ ๒๐๑๕ ๒๐๒๐
๑๙๙๘ ๒๐๐๗ ๒๐๑๕
โปรดให้ยกทัพไป ทรงสร้างพระวิหาร โปรดให้เลน่ มหรสพฉลอง
ยึดเมอื งมะละกา พระศรรี ัตนมหาธาตุ และพระราชนพิ นธ์
วดั จุฬามณ ี มหาชาตคิ า� หลวงจบบรบิ ูรณ์
เมอื งพษิ ณโุ ลก
๙๒
นักเรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงมีบทบาทสาํ คญั ในการปกครองบานเมอื ง
1 ศกั ดนิ า มลู เหตทุ กี่ าํ หนดใหม ศี กั ดนิ า เพราะในสมยั กอ นพระบรมวงศานวุ งศ อยางไร และบทบาทดงั กลาวมสี ว นพฒั นาชาติไทยอยา งไร
และขนุ นางยงั ไมม เี งนิ เดอื นเหมอื นในปจ จบุ นั พระมหากษตั รยิ จ งึ ทรงใชว ธิ พี ระราชทาน แนวตอบ บทบาทสาํ คญั จะเกยี่ วกบั ดา นการเมอื งการปกครอง และดา นสงั คม
ท่ีดินใหมากนอยตามฐานะ แตในความเปน จรงิ บุคคลตางๆ ไมไดมที ี่ดินไวใน และวฒั นธรรม โดยทางดานการเมืองการปกครอง จะเปน เรอ่ื งของการปฏิรูป
ครอบครองตามทกี่ ฎหมายกําหนด การปกครอง เพ่อื ใหร ะบบราชการมคี วามเปน ระบบระเบียบและเครงครดั
2 การปรับไหม การใหผ กู ระทาํ ผิดชาํ ระเงนิ คา สินไหมทดแทน หรือคาปรับ มากขน้ึ และเหมาะสมกับการเปนอาณาจักรขนาดใหญของอยุธยา ทั้งนี้
ไดทรงตง้ั อคั รมหาเสนาบดี 2 ตําแหนง คือ สมหุ พระกลาโหม รบั ผิดชอบ
3 ทาส แบง ออกเปน 7 ประเภท ดงั น้ี กจิ การฝายทหารทัว่ ราชอาณาจักร และสมหุ นายก รับผิดชอบกิจการฝา ย
1. ทาสไถมาดว ยทรัพย พลเรอื นทว่ั ราชอาณาจักรรวมทั้งจตสุ ดมภ นอกจากนี้ ยังมกี ารแบง หวั เมอื ง
2. ลูกทาสที่เกดิ ในเรือนเบ้ีย ออกเปน หวั เมอื งชนั้ ใน หวั เมอื งชน้ั นอก และหวั เมอื งประเทศราช เพอ่ื ประโยชน
3. ทาสทไ่ี ดม าจากขางบิดามารดา ในการปกครองใหรดั กุมยิง่ ขึ้น ทรงตรากฎหมายศักดนิ าเพอ่ื ความสะดวก
4. ทาสทม่ี ีผใู ห ในการควบคมุ กําลังคนและการลงโทษหรือปรบั ไหม สว นดา นสงั คมและ
5. ทาสทไี่ ดม าดวยการชว ยเหลือคนตอ งโทษทณั ฑ วฒั นธรรม ทรงพระราชนพิ นธม หาชาตคิ าํ หลวงและลลิ ติ ยวนพาย รวมท้ัง
6. ทาสท่ีเลี้ยงดไู วในยามเกดิ ทุกขและอดอยาก ทรงออกผนวชทวี่ ัดจฬุ ามณี ทาํ ใหเกิดธรรมเนียมนยิ มในหมรู าษฎรไทย
7. ทาสเชลย ทีจ่ ะออกบวชเพื่อศกึ ษาพระธรรมวนิ ยั ในเวลาตอมา
92 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
1.๓ สมเดจ็ พระสุรโิ ยทยั 1. ครูใหนกั เรียนกลุมที่ 3 สงตวั แทนออกมา
นาํ เสนอสาระสําคญั ทห่ี นาช้ันเรียน จากนั้น
สมเด็จพระสุริโยทัยทรงเป็นพระอัครมเหสีของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ พระองค์ทรงเป็น เปด โอกาสใหน ักเรียนทมี่ ขี อสงสัยซกั ถาม
กษัตรีท่ีกล้าหาญในการสละพระชนม์ชีพเพ่ือปกป้องสมเด็จพระมหาจักรพรรดิขณะท�าสงคราม และอธิบายจนเขาใจ
ยทุ ธหตั ถกี บั ขา้ ศกึ พระองคท์ รงเปน็ แบบอยา่ งของการเสยี สละเพอื่ รกั ษาและเทดิ ทนู พระมหากษตั รยิ ์
ในฐานะท่ที รงเปน็ ประมุขของราชอาณาจกั ร 2. ครใู หนกั เรียนสรปุ พระราชประวตั แิ ละ
ใน พ.ศ. ๒๐๙๐ พระเจ้าตะเบง็ ชะเวตแี้ หง่ กรุงหงสาวดีทรงยกทพั เขา้ มาโจมตีกรงุ ศรอี ยธุ ยา พระราชกรณียกจิ ของสมเดจ็ พระสรุ โิ ยทัย
กองทัพพม่ารุกเข้ามาตีเมืองกาญจนบุรี สุพรรณบุรี จนกระท่ังมาถึงชานพระนคร เม่ือสมเด็จ ดวยการจดลงสมดุ สง ครผู สู อน
พพพรรระะะออมงคัหคราจ์มจงึ เักเหสรสดพ ี จ็รกยรท็กดรทิทงพัรแงหตทล่งรวพางรบดะวว้อ่ายงกพคอร์เปงะทคน็ ัพชชาขาธยอาองรย1พอา่ อรงะกพเไจรป้าะเหมพงหอ่ื สาหาอววปุงั ดจรียาะกลชทอทงัพรกงเา�พขล้ารงัมะขคาา้ ชใศกากึลธ ้จาสระม2ตถเาึงดมกจ็ รเพสุงรดศะ็จรสีอไรุ ปยโิ ยดุธทว้ยยยัา (แนวตอบ พระราชประวัตขิ องสมเดจ็ พระ-
พรอ้ มท้ังพระราเมศวรและพระมหินทราธริ าช พระราชโอรสทั้งสองพระองค์ สรุ โิ ยทัยยังไมเปน ท่ที ราบแนชัด แตสันนษิ ฐาน
กองทัพของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิได้ออกไปปะทะกับกองทัพของพระเจ้าแปร ซ่ึงเป็น วาสบื เช้อื สายมาจากราชวงศสโุ ขทยั พระองค
ทัพหน้าของพระเจ้าหงสาวดี โดยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงชนช้างยุทธหัตถีกับพระเจ้าแปร ทรงเปน พระอคั รมเหสขี องสมเดจ็ พระมหา-
พระคชาธารของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิเสียทีหนีข้าศึกขณะท่ีช้างของพระเจ้าแปรตามมาติดๆ จักรพรรดิ และมพี ระราชโอรสและพระราชธดิ า
ขณะนั้นสมเด็จพระสุริโยทัยทรงเกรงว่าสมเด็จพระมหาจักรพรรดิจะทรงเป็นอันตรายจึงทรงขับ รวม 5 พระองค ไดแ ก พระราเมศวร พระบรม-
พระคชาธารเขา้ ขวางขา้ ศกึ เอาไว้ พระเจ้าแปรจึงฟนสมเด็จพระสรุ ิโยทัยสนิ้ พระชนม์ซบกับคอช้าง ดลิ ก พระสวสั ดิราช พระมหนิ ทราธิราช
จนกระทง่ั พระราเมศวรและพระมหนิ ทราธริ าชทรงขบั ชา้ งทรงเขา้ ตอ่ สกู้ บั พระเจา้ แปร และสามารถ และพระเทพกษตั รี
กันเอาพระศพของพระราชมารดากลับมาได้ สาํ หรบั พระราชกรณียกจิ สาํ คญั ของพระองค
จะเปน เร่อื งของการทํายุทธหตั ถกี บั พระเจาแปร
3 ซง่ึ เปน ทพั หนา ของพระเจา หงสาวดี เพอ่ื ปกปอ ง
สมเดจ็ พระมหาจักรพรรดจิ นถูกพระแสงของา ว
สมเด็จพระสุริโยทัยทรงขับพระคชาธารออกรับชางทรงของพระเจาแปร และถูกพระเจาแปรฟนดวยพระแสงของาว ของพระเจาแปรฟนพระอังสาขาดสะพายแลง
จนสิน้ พระชนมซบกบั คอชา ง (ภาพจากหนังสือโคลงภาพพระราชพงศาวดารฯ) สิ้นพระชนมอยบู นคอชา ง ภายหลังสงคราม
สมเด็จพระมหาจกั รพรรดิโปรดใหต ้ังการ
๙๓ พระราชพธิ ีพระราชทานเพลิง ณ สวนหลวง
และใหส ถาปนาทีพ่ ระราชทานเพลงิ เปน
พระอาราม เพอ่ื อทุ ิศพระราชกุศลพระราชทาน
แดพระอคั รมเหสี ประกอบดว ยพระเจดยี
พระวหิ าร แลวพระราชทานนามพระอาราม
แหงนวี้ า วัดสบสวรรค หรือวดั สวนหลวง
สบสวรรค)
แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด นักเรียนควรรู
การกระทาํ ของบคุ คลในขอ ใดทแ่ี สดงใหเ หน็ ถงึ การนาํ แบบอยา งความดี 1 พระคชาธาร ชา งทรงสมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดิ ชือ่ วา พลายแกวจักรพรรดิ
ของสมเดจ็ พระสรุ โิ ยทยั ไปประยกุ ตใ ชใ นชวี ติ ประจาํ วนั ไดอ ยา งเหมาะสม 2 พระคชาธาร ชางทรงสมเดจ็ พระสรุ ิโยทัย ชอ่ื วา พลายทรงสุริยกษัตริย
3 สมเด็จพระสรุ โิ ยทัย ทรงมพี ระราชโอรสและพระราชธดิ า รวม 5 พระองค
1. สชุ าตเิ หน็ เพ่ือนทะเลาะกันจงึ เขา ไปหามปราม ดงั นี้
2. สเุ นตรเห็นคณุ ยายขนึ้ รถประจําทางจงึ ลกุ ขึน้ ใหน งั่
3. สุวัตรเหน็ เพอ่ื นตกนํ้าจึงรีบลงไปชว ยทัง้ ที่วา ยนํา้ ไมเปน 1. พระราเมศวร เปน พระมหาอปุ ราช ถูกจับเปน องคป ระกนั ของพมา
4. สุวมิ ลไมสบายแตก ็เขารวมกจิ กรรมรณรงคก ารไปใชสทิ ธเิ ลือกตง้ั 2. พระบรมดิลก สน้ิ พระชนมพ รอ มพระราชมารดา
3. พระสวสั ดิราช ตอมาไดรับการสถาปนาเปน พระวิสทุ ธกิ ษตั รี พระอคั รมเหสี
วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2. แบบอยา งความดขี องสมเดจ็ พระสุรโิ ยทัย
ในพระมหาธรรมราชาธริ าช
ท่ีเหน็ ไดช ดั คือ ความเสยี สละเพื่อรักษาและเทดิ ทูนสถาบันพระมหากษัตรยิ 4. พระมหินทราธริ าช ตอ มาไดข นึ้ ครองราชยเ ปนสมเดจ็ พระมหินทราธิราช
ในฐานะทีท่ รงเปนประมขุ ของราชอาณาจกั ร ดังจะเหน็ ไดจากเมื่อครัง้ 5. พระเทพกษตั รี ภายหลงั ถกู สงตวั ไปลา นชาง แตก ถ็ ูกพระเจา บเุ รงนองชงิ ตัว
พระเจา ตะเบ็งชะเวตแ้ี หง กรงุ หงสาวดยี กทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา สมเดจ็ พระ
มหาจกั รพรรดไิ ดท าํ ยุทธหตั ถีกับพระเจาแปร แตพลาดทา เสยี ทีขา ศึก ไปยังกรุงหงสาวดี
สมเดจ็ พระสุรโิ ยทยั จึงทรงขับชา งเขา ขวาง และถกู พระเจา แปรฟนจน
ส้นิ พระชนม ซง่ึ การท่ีสุเนตรยอมสละทีน่ งั่ ใหค ุณยายนัง่ ก็แสดงใหเ หน็ ถงึ คมู ือครู 93
ความเสียสละ ซ่ึงสอดคลอ งกบั คณุ ความดขี องสมเด็จพระสุริโยทยั
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ครูใหน ักเรยี นระดมความคดิ รว มกนั วา สามารถ พระเมภราุพยรหะลรังาเชสทร็าจนสเงพคลริงาพมร ะสศมพเสดม็จพเดร็จะพมรหะาสจุรักิโยรทพัยรรในดสิจวึงนทหรงลทว�งา1
นาํ คณุ ความดขี องสมเดจ็ พระสรุ โิ ยทยั มาประยกุ ต แล้วทรงสร้างพระอารามขึ้นตรงพระเมรุ มีพระเจดีย์ใหญ่เป็นส�าคัญ
ใชใ นการดาํ เนินชีวติ ประจําวนั ไดอ ยา งไร เพือ่ เปน็ การรา� ลกึ ถงึ พระวีรกรรมของสมเด็จพระสุรโิ ยทยั
(แนวตอบ เชน คณุ ความดเี ร่ืองความเสยี สละ การท�าสงครามป้องกันพระนครในครั้งน้ัน ถ้าสมเด็จ
สามารถนาํ มาประยุกตใ ชในชีวิตประจาํ วนั ได พระสรุ ิโยทยั ไมท่ รงเข้าขวางข้าศกึ ไว ้ สมเดจ็ พระมหาจักรพรรดิ
ดวยการบรจิ าคเงนิ เพื่อชว ยเหลอื ผูท ีย่ ากไร อาจสวรรคตและอยุธยากอ็ าจจะสญู เสยี ใหแ้ ก่ข้าศกึ ได ้ สมเดจ็
หรอื สมทบทุนในมูลนิธติ างๆ หรอื เสยี สละที่น่งั พระสุริโยทัยจึงทรงเป็นกษัตรีที่ได้ทรงสร้างพระวีรกรรมใน
บนรถประจําทางใหแกสตรี ผสู งู อายุ หรือเด็กนั่ง การปกปอ้ งพระมหากษตั รยิ แ์ ละบา้ นเมอื งใหพ้ น้ จาก
หรอื เสียสละแรงงานชวยพอ แมท ํางานบา นตางๆ การรกุ รานของขา้ ศกึ ศตั ร ู อนั เปน็ แบบอยา่ งทด่ี งี าม
คณุ ความดเี รอ่ื งความรักชาติ ก็เขารวมโครงการ ส�าหรับอนุชนชาวไทยในยุคหลังต่อมา นับเป็น
หรือกิจกรรมท่ีสรา งสรรคส่ิงดีๆ ใหแ กช ุมชน แบบอย่างของความรักชาติและยอมเสียสละ
หรือสังคม หรอื การรณรงคใ หไปใชสทิ ธเิ ลือกตั้ง 2 แมก้ ระทง่ั ชวี ติ ของสตรไี ทยท่ีไมย่ งิ่ หยอ่ นไปกวา่
การปฏิบัติตนตามกฎหมาย เปน ตน) ชายไทยแต่อย่างใด
พระเจดยี ศ รสี รุ โิ ยทยั ในเขตวดั สวนหลวงสบสวรรค ซงึ่ สมเดจ็
2. ครูสนทนากบั นกั เรียนเพ่ือรว มกนั สรุปความรู พระมหาจักรพรรดิโปรดใหสรางขึ้นเพื่อเปนอนุสรณสถาน
ที่ไดร ับจากการศึกษา
ณ บรเิ วณทพี่ ระราชทานเพลงิ พระบรมศพสมเดจ็ พระสรุ โิ ยทยั
1.4 สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช
สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทรงเปน็ พระมหากษตั รยิ อ์ ยธุ ยาทม่ี พี ระราชกรณยี กจิ ตอ่ บา้ นเมอื ง
ในการท�าสงครามป้องกันพระราชอาณาจักร
ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ กรุงศรีอยุธยา
เป็นอิสรภาพพ้นจากการเป็นประเทศราชของ
กรุงหงสาวดีก็ด้วยน�้าพระทัยที่กล้าหาญของ
พระองค์ก่อนพระองค์จะเสด็จขึ้นครองราชย์
พระองค์ทรงมีพระราชกรณียกิจในการรักษา
ความเป็นเอกราช และความมั่นคงของราช
อาณาจักร ได้แก่ การประกาศอิสรภาพของ
กรงุ ศรอี ยธุ ยาไมข่ น้ึ กบั กรงุ หงสาวดที เี่ มอื งแครง
ส(เงดคิงรการมายยุ)ท ธเหมัตื่อถ 3ีกพับ.ศพ.ร ๒ะ๑ม๒ห๗าอ ุปแรลาะชกาาแรหท�่าง
พระบรมราชานสุ าวรยี ส มเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทรงมา ศกึ กรุงหงสาวดีเม่อื พ.ศ. ๒๑๓๕
ประดษิ ฐานทท่ี งุ ภเู ขาทอง นอกเกาะเมอื งพระนครศรอี ยธุ ยา
๙4
นกั เรยี นควรรู บูรณาการเชอ่ื มสาระ
ครูสามารถนาํ เน้อื หาเก่ียวกับพระเจดยี ศรสี ุรโิ ยทัยมาวิเคราะหล ักษณะ
1 สวนหลวง อยตู ิดกับเขตวดั สบสวรรค ซ่งึ มมี ากอนแผนดินสมเด็จพระมหา- เฉพาะของเจดยี ยอมมุ ไมส ิบสองสมยั อยธุ ยา โดยบรู ณาการเช่อื มโยงกบั กลมุ
จกั รพรรดิ เมอ่ื มกี ารปลกู พระเมรุพระราชทานเพลงิ ศพในสวนหลวง จึงไดสรางวัด สาระการเรียนรูศลิ ปะ วิชาทัศนศิลป หวั ขอ ผลงานทัศนศิลปส มัยอยธุ ยา
ข้ึนตรงนนั้ อีกแหงหนง่ึ และเรยี กช่อื วา วดั สวนหลวงสบสวรรค รวมทงั้ มีการสราง ดา นสถาปต ยกรรม โดยอธิบายใหนักเรยี นเขา ใจถึงศลิ ปะของเจดีย “ยอมมุ ”
พระเจดยี องคใหญบรรจพุ ระอฐั ิ ซงึ่ ในสมยั รัชกาลที่ 6 โปรดเกลา ฯ ใหเรียกช่อื เจดีย ทม่ี มุ ทั้งสข่ี องเจดยี จ ะหยกั ลกึ เขา ไปเรอ่ื ยๆ แตจ ะหยักเขา ไปเทา ไหรขึ้นอยกู ับ
วา พระเจดียศรสี รุ โิ ยทยั ผสู รา ง และ “ไมส ิบสอง” ซง่ึ เปน ชือ่ แบบสถาปตยกรรมไทยทม่ี วี ธิ ยี อ มมุ ละ
2 พระเจดยี ศ รสี รุ โิ ยทยั ลกั ษณะเจดยี เ ปน แบบยอ มมุ ไมส บิ สองและยงั เปน แบบเจดยี 3 หยกั 4 มุม รวมเปน 12 มมุ และใชเ รียกสิ่งกอ สรางดวยอิฐปูนท่ที าํ ตาม
ทร่ี ชั กาลที่ 4 โปรดเกลาฯ ใหจําลองมาสรา งเปนเจดียประจํารชั กาลของพระองค แบบเจดยี ไ มส ิบสอง เชน เจดยี ภ ูเขาทองที่จังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยา เปน ตน
ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามหรือวัดโพธ์ิ นอกจากน้ี ครอู าจนําภาพรา งเจดียย อมมุ ไมส ิบสองมาใหนกั เรยี นดปู ระกอบ
3 ยุทธหตั ถี เปนการตอสูกนั ดว ยอาวุธบนหลงั ชา ง มคี นนั่งอยู 3 คน ไดแ ก เพอื่ จะไดเกดิ ความเขาใจมากขน้ึ และแนะนําใหน กั เรียนคน ควา เพ่มิ เตมิ
แมทัพ (พระมหากษัตรยิ ) ถอื งา วประทบั อยบู นคอชา ง คนนง่ั กลาง เรยี กวา กลางชา ง เก่ยี วกบั ลักษณะของเจดยี ยอมุมไมสิบสองสมยั อยุธยา แลวยกตวั อยา งเจดยี
ทาํ หนา ท่คี อยสง อาวุธใหแมท ัพและโบกแพนหางนกยงู เปน อาณตั ิสญั ญาณตาม รูปแบบนี้นอกจากเจดยี ศ รสี ุริโยทยั และอธบิ ายความสาํ คัญของเจดยี น ้ัน
พระราชดาํ รัสสง่ั และตอนทา ยชา ง มคี วาญชา งทาํ หนาท่ีบังคับชาง โดยชา งทรง โดยนําขอมูลมาจดั ทําเปน สมดุ ภาพ ตกแตง ใหส วยงาม
จะไดรบั การคุมกันจาก “จตลุ ังคบาท” ซ่งึ เปน ทหารประจํา 4 เทาชางทรง
94 คูมือครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
เสน เวลา 1. ครใู หน กั เรียนกลุมท่ี 4 สงตัวแทนออกมา
แสดงเหตกุ ารณส าํ คญั ในสมยั สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช นาํ เสนอสาระสําคัญทีห่ นาช้นั เรียน จากนน้ั
๒พ๑.ศ๒.๐ เปดโอกาสใหนกั เรยี นทีม่ ขี อสงสยั ซกั ถาม
๒๑๒๑ ทงั้ นี้ สบื เน่อื งมาจากกรงุ ศรีอยธุ ยาไดต้ ก และอธิบายจนเขา ใจ
ขณะด�ารงตา� แหน่งพระมหาอปุ ราชทรง เป็นประเทศราชของกรุงหงสาวดีต้ังแต่ พ.ศ.
ยกทพั เรอื ตามจบั พระยาจีนจนั ต ุ ขุนนางเขมร 2. ครูสุมนกั เรียนออกมายกตวั อยา งพระราช-
ท่ีมาสบื ข่าวในพระนคร แต่ไมท่ ัน ๒๑๑๒ ซง่ึ ตรงกบั สมยั สมเดจ็ พระมหนิ ทราธริ าช กรณียกิจทีส่ าํ คัญของสมเด็จพระนเรศวร
มหาราช พรอ มทงั้ อธบิ ายวา กอ ใหเ กดิ ประโยชน
(พ.ศ. ๒๑๑๑ - ๒๑๑๒) ต่อมาใน พ.ศ. ๒๑๒๖ ตอ ชาติไทยอยา งไร
พระเจ้านันทบุเรงแห่งกรุงหงสาวดีทรงรับสั่งให้ (แนวตอบ เชน เม่อื ครั้งทรงดํารงตําแหนง
สมเด็จพระมหาธรรมราชาธริ าช (พ.ศ. ๒๑๑๒ - พระมหาอุปราช หรือวงั หนา พระนเรศวร
๒๑๓๓) กษตั รยิ แ์ หง่ กรงุ ศรอี ยธุ ยา พระราชบดิ า ทรงประกาศอิสรภาพของกรุงศรีอยุธยาจาก
๒๑๒๖ ของพระนเรศวร สง่ กองทพั ไปปราบเมอื งองั วะ กรงุ หงสาวดที เ่ี มอื งแครง พรอมทัง้ กวาดตอ น
ทรงยกทพั ไปชว่ ยพระเจา้ หงสาวดรี บกบั พระเจา้ องั วะ ซงึ่ แขง็ ขอ้ ไมย่ อมออ่ นนอ้ มตอ่ กรงุ หงสาวด ี โดย คนไทยทเี่ คยไปอยทู ี่พมากลับคืน ทาํ ใหขวัญ
และกําลังใจของคนไทยกลบั คนื มาภายหลัง
๒๑๒๕ จะมีกองทพั พระเจา้ แปร พระเจา้ ตองอู พระเจ้า จากเสยี กรุงครัง้ ท่ี 1 และจํานวนประชากร
เชียงใหม่ และพระเจ้าล้านช้าง สมทบไปกับ กเ็ พ่มิ ขนึ้ ดวยสําหรับไวตอสูกบั ขาศึกตอไป
กองทัพหลวงของกรงุ หงสาวดีด้วย หรือการทํายุทธหตั ถกี บั พระมหาอปุ ราชา
ทางกรุงศรีอยุธยาได้ส่งพระนเรศวรคุม แหง กรุงหงสาวดีเม่ือ พ.ศ. 2135 และเปน
๒๑๒๗ กองทัพไปชว่ ย แตต่ อ่ มาพระเจา้ นนั ทบุเรงเกดิ ฝา ยชนะ กท็ าํ ใหข า ศกึ หวาดเกรงพระบรม-
- ทรงประกาศอสิ รภาพทเ่ี มืองแครง ความหวาดระแวงวา่ อยธุ ยาจะเอาใจออกหา่ งไป เดชานุภาพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
- ทรงยกทพั ไปรบกับพมา่ ทีเ่ มอื งวเิ ศษไชยชาญ ชว่ ยองั วะ จึงหาทางก�าจดั พระนเรศวรดว้ ยการ จนไมกลา ยกทัพมารกุ รานไทยอกี และทาํ ให
เมอื่ คร้งั พระยาพะสิมตีเมืองสุพรรณบรุ ี ส่งพระยาเกียรต ิ พระยาราม ขนุ นางชาวมอญ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงขยายอาณาเขต
๒๑๒๘ มารอรบั กองทพั ไทย และใหถ้ อื โอกาสกา� จดั เสยี ออกไปอยา งกวา งขวาง)
ทรงยกทัพไปรบกบั กองทัพพระเจ้าเชยี งใหม่
ทบี่ ้านสระเกศ แขวงเมอื งวิเศษไชยชาญ 3. ครใู หนักเรียนดวู ีดิทศั นภ าพยนตรองิ
ประวตั ิศาสตรเรื่อง ตาํ นานสมเด็จพระนเรศวร
๒๑๓๐ แพตม่พ่าอระยยู่แาลเ้วกไียดร้ปตริแึกลษะาพกรับะพยารระมามหซาเึ่งถเกรคลันียดฉช่อังง 3 มหาราช จากนนั้ ใหน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายถงึ
พระภกิ ษมุ อญซง่ึ เปน็ อาจารยข์ องตน พระมหา- สาระสาํ คญั เกย่ี วกบั เหตกุ ารณท างประวตั ศิ าสตร
ท๒ร๑ง๒ร๙บกบั ทพั พมา่ 4คราวพระเจ้าหงสาวดี เถรคันฉ่องจึงได้แนะน�าให้พระยาเกียรติและ ทเ่ี กดิ ขึน้ ในสมัยสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช
พระยารามน�าความลับมากราบทูลพระนเรศวร
ล้อมกรงุ ศรอี ยุธยา ให้ทรงทราบ พระองค์จึงทรงถือโอกาสแวะ
๒๑๓๓ ประทบั อยทู่ เี่ มอื งแครง (เดงิ กราย) และประกอบ
- เสด็จขน้ึ ครองราชสมบตั ิ พิธีในการประกาศอิสรภาพของกรุงศรีอยุธยา
- ทรงรบกบั ทพั พมา่ ที่เมอื งสุพรรณบรุ ี
กาญจนบรุ ี
ที่จะไม่ข้ึนต่อกรุงหงสาวดีต่อไป พร้อมกันน้ัน
ไดท้ รงอพยพคนไทยทเ่ี คยถกู พมา่ กวาดตอ้ นไป
๒๑๓๕ กลับคืนกรงุ ศรีอยุธยา
๙๕
แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด นกั เรยี นควรรู
เหตุการณใ นขอใดตอ ไปนีท้ แี่ สดงถงึ พระปรีชาสามารถและความกลาหาญ 1 เลน ชนไก ปรากฏวา ไกของมังสามเกยี ดแพ มงั สามเกียดจึงตรัสวา “ไกเ ชลย
ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชมากทสี่ ุด ตัวน้เี กง จริงหนอ” พระนเรศวรจงึ ทรงตอบกลับไปวา “ไกเชลยตัวน้อี ยาวาแตช นเอา
1. ปน คายขา ศกึ 2. โจมตเี มืองแครง เดิมพนั เลย แมพนันเอาบานเอาเมอื งก็อาจชนะได”
3. กระทาํ ยุทธหัตถี 4. ประกาศอสิ รภาพ
2 มงั สามเกยี ด หรือมังกยอชวา ซึ่งภายหลงั ไดรับแตง ตั้งเปน พระมหาอปุ ราชา
วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เมอ่ื ครง้ั พระมหาอปุ ราชาแหง กรุงหงสาวดี ในแผน ดนิ พระเจา นนั ทบุเรง
เปนแมทพั มาตอี ยธุ ยาใน พ.ศ. 2135 โดยยกเขา มาทางดา นเจดียสามองค 3 พระมหาเถรคันฉอ ง หลงั จากพระนเรศวรประกาศอสิ รภาพแลว ทรงนมิ นต
พมา มาตั้งทัพอยทู ่ีเมืองสพุ รรณบรุ ี ไทยสงกองทพั ไปสรู บแตพ า ยแพก ลบั มา ทานมาอยูในกรงุ ศรีอยธุ ยา สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชพระราชทานสมณศักด์ิ
สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชจึงยกทัพหลวงไปตีสกดั ทพั พมา แตเนอ่ื งจากการ เปน พระราชาคณะ และโปรดใหพ าํ นักอยูที่วัดมหาธาตุ พระอารามหลวง
ใหสัญญาณไมท ่ัวถงึ แมทัพบางคนตามไมทนั สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช
สมเดจ็ พระเอกาทศรถกบั ทหารรกั ษาพระองคส ว นนอ ยไดถ ลาํ เขา ไปในทพั พมา 4 รบกบั ทัพพมา พระนเรศวรทรงใชยทุ ธวธิ ตี ัดกําลังขาศึกดวยการนําเสดจ็ ออก
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชจึงทรงใชไหวพริบทา พระมหาอุปราชากระทํา ปลนคายขาศกึ หลายครงั้ มคี ราหนึ่งทรงเสดจ็ ออกปลน คา ยพมา ซึง่ เปน ทัพหนา
ยทุ ธหตั ถกี นั ตวั ตอ ตวั ซง่ึ แสดงใหเ หน็ ถงึ พระปรชี าสามารถและความกลา หาญ ของพระเจา หงสาวดี ขา ศึกแตกพา ยถอยหนี พระองคจ ึงไลตีมาจนถึงคายหลวง
ของพระองค หากไมทาํ เชน น้นั กค็ งถกู พมารุมรบจนอาจสง ผลเสียใหญห ลวง ของพระเจา หงสาวดี ทรงคาบพระแสงดาบนําทหารปนเพนยี ด พระแสงดาบนี้ไดรับ
แกไทยตามมากไ็ ด พระราชทานนามวา พระแสงดาบคาบคาย
คมู ือครู 95
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ครูใหน กั เรียนดภู าพพระบรมราชานุสาวรีย เสน เวลา
สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทรงชา งพระท่นี งั่ แสดงเหตกุ ารณส าํ คญั ในสมยั สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช
จากหนังสอื เรียน หนา 96 จากนน้ั ซักถาม ๒พ๑.๓ศ๕.
นักเรียนวา มคี วามเก่ียวของกบั เหตกุ ารณใด ๒๑๓๕ ภายหลังเมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ในประวตั ศิ าสตรไ ทย โดยใหอ ธบิ ายรายละเอยี ด - ทรงท�าสงครามยุทธหตั ถกี ับพระมหาอุปราชา เสด็จขึ้นครองราชสมบัติใน พ.ศ. ๒๑๓๓ แล้ว
ของเหตกุ ารณดังกลาวมาพอเขา ใจ แหง่ กรุงหงสาวดี พระองค์ทรงท�าสงครามยุทธหัตถีกับพระมหา-
(แนวตอบ เกย่ี วขอ งกับเหตกุ ารณส งคราม - ทรงยกทัพไปตเี มอื งทวายและตะนาวศรี
ยทุ ธหตั ถเี มือ่ พ.ศ. 2135 โดยกองทพั พมา
นาํ โดยพระมหาอปุ ราชา พระราชโอรสของ อุปราชาแห่งกรุงหงสาวดีเมื่อพระมหาอุปราชา
พระเจา หงสาวดนี ันทบุเรง ไดค ุมไพรพ ล ทรงยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาใน พ.ศ. ๒๑๓๕
จํานวนกวา 2 แสนคน มาทางดานเจดยี กองทัพอยุธยาได้ปะทะกับกองทัพหงสาวดีที่
สามองคเ พ่ือโจมตีกรงุ ศรอี ยธุ ยา สมเดจ็ เมืองสุพรรณบุรี สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
พระนเรศวรมหาราชทรงทราบขาว จงึ ยกทพั แดทล้วระยงปทพร�าระสะสแงบคสชรงยัาขชมอนยงะุท้า1ดวธว้2จหยนัตกสาถิ้นรีกฟพับนรพพะรชระนะมมมหห์บาานออคุปปุ อรรชาาชช้าาาง
ออกไปต้งั รับขา ศึกท่บี านหนองสาหรา ย ๒๑๓๘ นับเป็นการส่งเสริมพระบรมเดชานุภาพของ
เมอื งสุพรรณบรุ ี สงครามครง้ั นมี้ คี วามสําคัญ ทรงตีกรงุ หงสาวดคี รง้ั แรก
และเปนทีเ่ ลอ่ื งลอื ในการสรู บระหวา งสอง ๒๑๔๐
อาณาจักร นั่นคอื สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช
ทรงกระทํายุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาท่ี สมเด็จพระนเรศวรมหาราชให้น่าเกรงขามแก่
บา นหนองสาหราย เมืองสุพรรณบุรี และทรงใช ขา้ ศกึ ศัตรทู ี่จะเขา้ มารุกรานกรงุ ศรอี ยุธยา เป็น
พระแสงของาวฟนพระมหาอุปราชาสน้ิ พระชนม ๒๑๔๒ ผลให้อาณาเขตของอาณาจักรอยุธยาแผ่ขยาย
บนคอชา ง ทําใหท ัพพมา แตกพา ยกลบั ไป ทรงตีกรุงหงสาวดีครง้ั ที่ ๒
หลังจากสงครามครั้งน้ี กรงุ ศรีอยุธยาก็ได
วา งเวนการทาํ สงครามกับพมาเปน เวลานาน ออกไปอย่างกว้างขวาง
มากกวา 150 ป)
๒๑๔๕
2. ครูตง้ั ประเด็นคาํ ถามวา หลังจากเสียกรงุ
ครัง้ ท่ี 1 หากไมม ีสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ๒๑๔๗
บา นเมอื งจะเปน อยางไร โดยใหน ักเรยี นใน ทรงตกี รงุ องั วะ แต่ต้องประชวรหนัก
ช้นั เรยี นระดมความคดิ เหน็ รวมกันในการตอบ ที่เมอื งหาง และสวรรคตในเวลาตอ่ มา
3. ครสู นทนากบั นกั เรียนเพื่อรวมกนั สรปุ ความรู พชา รงะพบรระมทรนี่ างั่ ช3การนะทุสาํายวทุรียธหสมตั ถเดกี4็จบั พพรระะนมเหราศอวปุ รรมาหชาาขรอางชพทมราง
ท่ีไดร บั จากการศึกษา ๒๑๕๐ อยูดานหนาเจดียยุทธหัตถี อําเภอดอนเจดีย จังหวัด
สุพรรณบรุ ี
๙๖
นักเรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET
นักเรยี นมคี วามคดิ เหน็ เชน ไรตอบทบาทของสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช
1 ประสบชยั ชนะ กอ นหนา ทส่ี มเด็จพระนเรศวรมหาราชจะทรงไดรบั ชยั ชนะ ทไี่ ดร ับการยกยองใหเ ปน “มหาราช”
พระมหาอปุ ราชาไดโอกาสฟน ดว ยพระแสงของาวขณะท่ีเจา พระยาไชยานุภาพเสยี ที แนวตอบ สมควรอยางย่ิง เนอื่ งจากสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทรงบําเพ็ญ
ขา ศึก แตสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทรงเบ่ยี งพระองคหลบไดท ัน ถูกแตเพยี ง พระราชกรณยี กิจท่ีสําคัญในการกอบกเู อกราชของบานเมอื งจากกรงุ หงสาวดี
พระมาลาจนแหวง ไป พระมาลานจ้ี ึงไดร บั พระราชทานนามวา พระมาลาเบยี่ ง และปราบปรามขา ศกึ ที่เขา มารุกรานพระราชอาณาเขต ดงั จะเหน็ ไดจ าก
2 พระแสงของา ว ไดร บั พระราชทานนามวา เจาพระยาแสนพลพา ย เมื่อครง้ั พระองคท รงดํารงตําแหนง เปน พระมหาอุปราช กรงุ ศรอี ยธุ ยาตอ งสง
3 ชา งพระท่ีน่งั เดมิ ชื่อ พลายภูเขาทอง เมื่อออกศกึ ไดขึ้นระวางเปนเจา พระยา กองทพั ไปชวยพระเจา นันทบุเรงปราบเมืองอังวะทีแ่ ขง็ ขอ แตพระเจา
ไชยานภุ าพ ภายหลงั ไดร ับชยั ชนะในสงครามยุทธหัตถีแลว จงึ ไดร บั พระราชทาน นันทบุเรงกลบั คิดกาํ จดั พระนเรศวร พระองคจ ึงถือโอกาสประกาศอิสรภาพ
นามวา เจา พระยาปราบหงสาวดี ท่ีเมอื งแครง ตอมาเมื่อพระองคขนึ้ ครองราชยแลว ก็ไดทาํ ยทุ ธหัตถกี บั
4 เจดยี ย ทุ ธหตั ถี สมเด็จพระนเรศวรมหาราชโปรดใหสรางขึ้นเพอื่ เปนอนสุ รณ พระมหาอุปราชาแหงกรุงหงสาวดเี มอ่ื พ.ศ. 2135 และเปน ฝายชนะ นับเปน
ในการทํายุทธหัตถรี ะหวางไทยกับพมา ทห่ี นองสาหรา ย เมืองสุพรรณบรุ ี เกยี รติยศอนั ยง่ิ ใหญ หลังจากนัน้ พมาก็ไมมาตีอยุธยาอีก และพระองคก ไ็ ด
เม่ือ พ.ศ. 2135 ขยายอาณาเขตไปยังดนิ แดนตา งๆ ใกลเคยี ง จนพระราชอาณาเขตของไทย
แผข ยายออกไปกวา งขวางยงิ่ กวาสมัยใด จากตวั อยางพระราชกรณยี กจิ
96 คมู อื ครู ท่แี สดงถึงความกลา หาญของพระองคดังทกี่ ลาวมา จงึ สมควรท่จี ะไดรบั การ
ยกยอ งใหเ ปน “มหาราช”
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
ในตลอดพระชนม์ชีพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช1 ล้วนแล้วแต่เป็นพระราชกรณียกิจ 1. ครใู หน กั เรยี นกลุมที่ 5 สง ตัวแทนออกมา
นําเสนอสาระสําคัญที่หนาชนั้ เรยี น จากนนั้
เพ่ือความเป็นอิสระของบ้านเมือง ทรงปราบปรามข้าศึกที่เข้ามารุกรานพระราชอาณาเขตเพื่อ เปด โอกาสใหนกั เรียนทม่ี ีขอ สงสยั ซกั ถาม
และอธบิ ายจนเขาใจ
ปกป้องอาณาประชาราษฎรข์ องพระองค์ให้ร่มเยน็ เป็นสขุ แมก้ ระทัง่ วาระสดุ ทา้ ยของพระชนมช์ ีพ
2. ครูซกั ถามนกั เรยี นวา พระราชกรณยี กจิ ของ
ก็ยังทรงท�าสงครามรักษาพระราชอาณาเขต พระองค์จึงทรงเป็นพระมหากษัตริย์ท่ีปกป้องรักษา สมเด็จพระนารายณม หาราชท่ีโดดเดน
จะเปนเรอื่ งใด และกอใหเ กดิ ผลดตี อ บานเมอื ง
บ้านเมืองและราษฎรให้รอดพ้นจากการรุกรานของข้าศึกศัตรูตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ด้วย อยางไร
(แนวตอบ พระราชกรณยี กจิ ของสมเดจ็
ความกลา้ หาญจนไดร้ บั การยกยอ่ งให้ทรงเป็น “มหาราช” ของไทย พระนารายณม หาราชทโ่ี ดดเดน จะเปนเร่อื ง
การสรางสัมพนั ธไมตรีกบั ตา งประเทศ การ
1สม.๕เด จ็ สพรมะนเดาร็จาพยณรม์ ะหนาารารชา2เสยดณจ็ ขม์ นึ้ หคราอรงาราชชย์ในชว่ งเวลาทอ่ี ยธุ ยาเรมิ่ ถกู คกุ คามจากชาติ คา ขาย และวรรณคดี โดยพระองคท รงตอนรบั
ชาวตา งประเทศที่เขา มาคา ขายกับอยุธยา
เชน จนี อาหรบั โปรตุเกส ฮอลันดา ฝรัง่ เศส
อังกฤษ เปน ตน นอกจากนยี้ งั สง คณะทตู
ตะวนั ตก ดงั นน้ั พระราชกรณยี กจิ สา� คญั ของสมเดจ็ พระนารายณม์ หาราชจงึ เกยี่ วขอ้ งกบั การคา้ ขาย อยุธยาไปเจรญิ สัมพนั ธไมตรีกบั ฝร่งั เศส
ในสมัยพระเจา หลยุ สท ่ี 14 รวมทั้งนําฝร่ังเศส
และการสร้างสัมพนั ธไมตรกี บั ต่างประเทศ มาถวงดลุ อาํ นาจกบั ฮอลันดาซึ่งกาํ ลังขยาย
อิทธพิ ลเขามาคุกคามอยธุ ยาอยใู นขณะนน้ั
สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงตอ้ นรบั ชาวตา่ งประเทศทุกชาติทเ่ี ขา้ มา สาํ หรบั วรรณคดใี นสมัยน้ีกม็ ีความเจรญิ รุงเรือง
เชนกัน ไมว าจะเปน เรือ่ งสมทุ รโฆษคาํ ฉันท
คา้ ขายกับอยธุ ยา เชน่ จีน อาหรับ โปรตุเกส ฮอลนั ดา องั กฤษ ฝร่ังเศส เป็นต้น ซงึ่ (ตอนตน ) เสือโคคําฉนั ทของพระมหาราชครู
หนงั สอื จินดามณขี องพระโหราธบิ ดี เปนตน
กอ่ ใหเ้ กดิ ผลดตี อ่ เศรษฐกจิ และการคา้ ของอยธุ ยาเปน็ อยา่ งด ี นอกจากน ้ี พระองคย์ งั จากตัวอยา งพระราชกรณยี กจิ ที่สําคญั เหลา น้ี
สง ผลใหอ ยธุ ยามคี วามเจรญิ รงุ เรอื งท้ังทาง
ทรงด�าเนินนโยบายทางการทูตด้วยความฉลาด สุขุมและรอบคอบ ท�าให้อยุธยา ดานการคา วรรณคดี จนทาํ ใหสมยั นีไ้ ดรับการ
ยกยอ งใหเ ปน ยุคทองของวรรณคดี บา นเมอื ง
ปลอดภยั จากการรกุ รานของชาตติ ะวนั ตก ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากกรณที ฮี่ อลนั ดาสง่ เรอื รบ ปลอดภยั จากการรกุ รานของชาติตะวนั ตก
อีกท้ังทําใหอยุธยาไดเ รยี นรูวิทยาการสมยั ใหม
ปด ปากอ่าวไทยใน พ.ศ. ๒๒๐๗ เพื่อบงั คับให้อยธุ ยาท�าสนธิสญั ญากบั ตน เปน็ ของตะวนั ตก เชน การสรางพระราชวัง
ปอมปราการตามศลิ ปะแบบตะวันตก
สนธิสัญญาที่อาณาจักรอยุธยาเป็นฝายเสียเปรียบท้ังในด้านการค้าและการศาล หรอื การใชอาวธุ ปน ท่ีทนั สมัย เปนตน)
พระองค์จึงทรงหาวิธีที่จะน�าอังกฤษมาถ่วงดุลอ�านาจกับฮอลันดา แต่อังกฤษ
ไม่สนใจ ภายหลังพระองค์จึงทรงให้ความสนิทสนมกับพระเจ้าหลุยส์ท่ี ๑๔
แหง่ ฝรง่ั เศส จนสามารถดา� เนนิ นโยบายโดยนา� ฝรงั่ เศสมาถว่ งดลุ อา� นาจ
ได้เป็นผลส�าเร็จ ท�าให้ไทยรอดพ้นจากการคุกคามของฮอลันดา
ในท่สี ดุ
การท่ีพระองค์ทรงสร้างสัมพันธไมตรีกับฝร่ังเศสจนถึงกับส่งคณะทูต
ราชสา� นกั อยธุ ยาไปเจรญิ สมั พนั ธไมตรกี บั ฝรงั่ เศสทเ่ี ปน็ มหาอา� นาจ
ในทวปี ยโุ รป และพระเจา้ หลยุ สท์ ี่ ๑๔ แหง่ ฝรงั่ เศสทรงใหก้ าร
ต้อนรับคณะทูตอยุธยาเป็นอยา่ งด ี นับเป็นผลดตี ่อ พระบรมราชานสุ าวรยี ส มเดจ็ พระนารายณม หาราช จงั หวดั
ลพบุรี พระองคทรงสรางสัมพันธไมตรีกับนานาประเทศ
ความมนั่ คงของอยธุ ยาในขณะนนั้ อยางกวางขวาง และเปนสมัยท่ีงานวรรณกรรมมีความ
เจริญรงุ เรืองอยางมาก
๙๗
แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tดิ นักเรียนควรรู
นโยบายการตางประเทศของอยุธยาในสมัยสมเด็จพระนารายณมหาราช
สามารถสรปุ ไดต ามขอ ใด 1 สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงประสตู ิเมอ่ื พ.ศ. 2098 ทเ่ี มืองพิษณุโลก
1. พึง่ พงิ เปน หลัก 2. โอนออนผอ นตาม เม่อื มีพระชนมายุ 9 พรรษา ไดถ กู สงไปเปนตัวประกนั ทก่ี รุงหงสาวดี เพือ่ ประกนั
3. ปดประตูไมยอมรับ 4. ใหถว งดลุ อาํ นาจกนั ความจงรักภกั ดตี อพมา เนอื่ งจากพมายึดเมืองพษิ ณโุ ลกไดแ ละพระราชบดิ าเขารวม
กับฝายพมา พระนเรศวรประทับอยูท่ีพมา ในรัชกาลพระเจาบเุ รงนองถงึ 6 ป
วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. สมเดจ็ พระนารายณมหาราชทรงดาํ เนนิ 2 สมเด็จพระนารายณมหาราช โปรดใหเ มอื งลพบรุ ีเปน ราชธานีแหง ท่ี 2
โดยประทับอยทู ่พี ระนารายณราชนเิ วศน ซึ่งสรา งขนึ้ เมอ่ื พ.ศ. 2209 และในแตล ะป
นโยบายทางการทตู กบั ชาวตา งชาตดิ วยความฉลาด สุขมุ และรอบคอบ พระองคประทับอยูท ี่ลพบุรีมากกวากรุงศรอี ยธุ ยา
ดวยการดงึ ชาติตางๆ มาถว งดุลอาํ นาจกัน เพื่อมใิ หฝ า ยหน่ึงฝา ยใดมอี าํ นาจ
มากเกนิ ไปจนอาจสง ผลกระทบตอ ความมน่ั คงของอาณาจกั รอยธุ ยา ดงั จะเหน็ มุม IT
ไดจากกรณีที่ฮอลันดาสง เรือรบมาปด ปากอาวไทยใน พ.ศ. 2207 เพือ่ บังคบั
ใหอยุธยาทาํ สนธิสญั ญากบั ตน ซึ่งเปนสนธสิ ญั ญาท่ีทําใหอยธุ ยาเสียเปรยี บ ศกึ ษาคน ควา ขอมลู เพ่มิ เติมเกย่ี วกบั ความสมั พันธร ะหวา งอยธุ ยากบั ฝรัง่ เศส
ทง้ั ในดา นการคา และการศาล สมเด็จพระนารายณม หาราชจึงทรงนาํ องั กฤษ ในสมยั สมเดจ็ พระนารายณม หาราช ไดท ่ี http://www.ayutthayastudies.aru.ac.th
มาถวงดุลอํานาจกบั ฮอลนั ดา แตไมสําเร็จ ภายหลังจงึ นําฝรงั่ เศสมาถว งดุล เวบ็ ไซตส ถาบนั อยธุ ยาศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั พระนครศรอี ยธุ ยา
อาํ นาจจนเปน ผลสาํ เรจ็ ทาํ ใหไ ทยรอดพน จากการคกุ คามของฮอลนั ดาในทส่ี ดุ คมู อื ครู
97
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ครูใหนกั เรียนอภปิ รายรว มกนั ถึงความเจริญ อยา่ งไรกต็ าม ถงึ แม้ว่าสมเดจ็ พระนารายณ์มหาราชจะทรงด�าเนินนโยบายเปน็ มติ รไมตรีกบั
รงุ เรืองทางดา นวรรณกรรมในสมยั สมเดจ็ ฝร่ังเศสเพื่อป้องกันการคุกคามจากฮอลันดา โดยทรงอนุญาตให้บาทหลวงฝรั่งเศสเข้ามาเผยแผ่
พระนารายณม หาราชจนไดรบั การยกยองให คริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิกได้ในอยุธยา แต่ขณะเดียวกันพระองค์ก็โปรดให้พระโหราธิบดี
เปน ยคุ ทองของวรรณคดี โดยใหยกตัวอยา ง แต่ง หนังสือจินดามณี ซ่ึงเป็นแบบเรียนหรือต�าราเรียนท่ีว่าด้วยพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์
วรรณคดีสาํ คัญทเ่ี กิดขึน้ ในรชั สมยั น้ี ซง่ึ รวมเรียกว่า อกั ขรวธิ ี ของไทยเลม่ แรก รวมทัง้ การอธิบายถงึ การแตง่ โคลง ฉันท ์ กาพย์ กลอน
กวีผปู ระพันธ ประเภทของบทประพนั ธ พระบรมราโชบายของพระองค์เกี่ยวกับเรื่องนี้ก็เพ่ือให้ชาวอยุธยาไม่ไปเข้ารีตตามแบบฝรั่งและ
และสาระสาํ คญั ของบทประพนั ธโ ดยสงั เขป เเปกิด็นขกน้ึานรใอนรกักสษจมาายั กวขัฒนอี้ นงพพธรรระระอมองงทคคา์ยเ์งปงั ดท็น้ารจนงา� ภในหาว้กษนาามรขสาอกนง บัไรทสวยนมเุนถองึทาวไารวงรอ้ดณกีา้ ดนกว้วรยรรมรณเรกื่อรงรมสม1 ททุ า�รใโหฆว้ ษรคราํณฉกันรทรม 2ทที่พส่ี รา� ะคอญั งคๆ ์
ทรงพระราชนิพนธ์ด้วย ท�าให้วรรณกรรมในสมัยของพระองค์มีความเจริญรุ่งเรืองและเป็นมรดก
2. ครูสนทนากบั นกั เรยี นเพื่อรว มกันสรปุ ความรู ตกทอดทางวัฒนธรรมของไทยมาจนถึงปจ จุบัน
ทีไ่ ดรบั จากการศึกษา การท่ีสมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงมีพระบรมราโชบายทางด้านการต่างประเทศอย่าง
ชาญฉลาด สขุ มุ ทา่ มกลางการคกุ คามของชาตติ ะวนั ตกดงั เชน่ ฮอลนั ดา จนสามารถนา� ฝรง่ั เศสมา
ถว่ งดลุ อา� นาจกบั ฮอลนั ดาไดเ้ ปน็ ผลสา� เรจ็ ขณะเดยี วกนั พระองคก์ ม็ ไิ ดท้ า� ใหก้ ารเผยแผค่ รสิ ตศ์ าสนา
ของบาทหลวงชาวฝรั่งเศสในอยุธยาเป็นปญหาต่อวงการพระพุทธศาสนาของอยุธยาแต่อย่างใด
พระปรีชาสามารถของพระองค์ทางด้านการต่างประเทศได้ก่อให้เกิดผลดีต่ออยุธยาเป็นอย่างย่ิง
พระองคจ์ งึ ไดร้ ับการยกย่องใหท้ รงเปน็ “มหาราช” ของไทย
เสน เวลา
แสดงเหตกุ ารณส าํ คญั ในสมยั สมเดจ็ พระนารายณม หาราช
๒๒๐๔ ๒๒๑๑ ๒๒๑๖ ๒๒๒๕
บรษิ ัทฮอลนั ดายดึ เรอื ซงึ่ ชักธง ทรงสง่ ทูตไป ทรงไดร้ บั พระเจ้าหลุยสท์ ี ่ ๑๔
พระราชสาสน์จาก ทรงส่งพระราชสาสน์
โปรตเุ กสใกลเ้ มอื งมาเกา เปอรเ์ ซยี พระเจา้ หลุยส์ท่ ี ๑๔ มาถวายสมเดจ็
แต่สินคา้ ในเรือเป็นของ ๒๒๑๐ แห่งฝรั่งเศส พระนารายณ์มหาราช
พระคลังหลวง อยุธยาจึงเรยี ก
๒๒๒๐ ๒๒๓๐ ๒๒๔๐
ค่าเสียหายจากบรษิ ัท
พ.ศ. ๒๒๐๐
๒๒๐๗ ๒๒๒๓ พ๒๒ระ๒เจ๘า้ หลยุ ส์ท่ี ๑๔ ทรงสง่ ทตู 3มาเจรจา
ฮอลันดาประกาศสงคราม บริษัทอนิ เดยี ตะวันออก
กบั อยุธยา จนอยุธยาต้อง เพอื่ เผยแผศ่ าสนาและทา� การคา้
ยอมทา� สัญญาท่ีเสียเปรียบ ของฝรั่งเศสขอต้งั
คลังสนิ คา้ ทอ่ี ยธุ ยา
๒๒๒๗
ทรงยอมให้ฝรั่งเศส
ท�าการค้ากับอยุธยา
๙๘
นักเรียนควรรู บูรณาการเชอ่ื มสาระ
ครสู ามารถนําเน้อื หาเกยี่ วกบั วรรณกรรมสมยั สมเด็จพระนารายณม หาราช
1 ดา นวรรณกรรม สมยั น้ีไดช อ่ื วา เปนยุคทองของวรรณคดใี นสมยั อยุธยา ไปบรู ณาการเชื่อมโยงกบั กลมุ สาระการเรยี นรูภาษาไทย วิชาวรรณคดี
กวีทสี่ ําคญั เชน พระโหราธิบดี พระมหาราชครู ศรปี ราชญ รวมถึงสมเด็จพระนารายณ และวรรณกรรม โดยยกบทประพนั ธใ นวรรณคดที ส่ี าํ คัญๆ เชน โคลงสุภาษิต
มหาราช วรรณกรรมท่สี ําคัญ เชน โคลงสภุ าษิตพาลีสอนนอ ง สมทุ รโฆษคําฉันท 3 เรือ่ ง ไดแ ก โคลงทศรถสอนพระราม โคลงพาลีสอนนอง และโคลงราชสวัสด์ิ
(ตอนตน ) เสอื โคคาํ ฉนั ท โคลงเฉลมิ พระเกยี รตสิ มเด็จพระนารายณม หาราช พระราชนพิ นธในสมเด็จพระนารายณม หาราช โคลงเฉลิมพระเกียรติ
โคลงกําสรวลศรปี ราชญ เปน ตน สมเด็จพระนารายณมหาราช ประพันธโดยพระศรีมโหสถ เสือโคคาํ ฉนั ท
2 สมทุ รโฆษคาํ ฉนั ท มผี แู ตง 3 คน เริม่ ตงั้ แตพ ระมหาราชครู สมเดจ็ พระนารายณ สมทุ รโฆษคําฉันท (ตอนตน ) ประพันธโ ดยพระมหาราชครู หนังสือจนิ ดามณี
มหาราช และสมเดจ็ พระมหาสมณเจา กรมพระปรมานุชติ ชโิ นรสในสมยั รัตนโกสินทร เลม ที่ 1 (แบบเรยี นภาษาไทยฉบบั แรก) ประพันธโดยพระโหราธิบดี
ทรงพระนิพนธตอจนจบเรอ่ื งเมอ่ื พ.ศ. 2392 เปนวรรณกรรมท่ีไดร ับการยกยอ งจาก โคลงกาํ สรวลศรปี ราชญ อนริ ทุ ธค าํ ฉันท แตงโดยศรีปราชญ เปน ตน มาให
วรรณคดสี โมสรในสมัยรชั กาลที่ 6 วา เปน ยอดแหง คําประพนั ธป ระเภทฉันท นกั เรยี นฝกการวิเคราะหคุณคาของวรรณคดี ทง้ั ดา นเนอ้ื หา ดานวรรณศลิ ป
3 สง ทตู ในการเขาเฝาของเชอวาเลยี ร เดอ โชมองต ราชทตู ฝร่ังเศสในครง้ั นี้ ดา นสังคมและขอ คิดที่สามารถนาํ ไปประยกุ ตใ ชไดในชวี ติ ประจําวัน
นอกจากถวายพระราชสาสนแลว ยังจัดเครื่องราชบรรณาการมาถวายดว ย โดยหนึง่
ในนั้น ไดแ ก แผนท่ดี าราศาสตร เปนลกู โลกทําดวยทองแดงปด ทอง เพราะทราบดีวา
สมเด็จพระนารายณม หาราชทรงสนพระทยั ในวิชาดาราศาสตรแ ละภมู ศิ าสตรม าก
98 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
เสน เวลา 1. ครใู หน ักเรยี นกลุม ที่ 6 สงตวั แทนออกมา
แสดงเหตกุ ารณส าํ คญั ในสมยั สมเดจ็ พระเพทราชา นําเสนอสาระสาํ คญั ท่หี นา ชนั้ เรียน จากนน้ั
สมเด็จพระเพทราชา1 เปด โอกาสใหนักเรียนทมี่ ีขอ สงสัยซักถาม
1.๖ และอธิบายจนเขาใจ
พ.ศ. ๒๒๓๑ สมเด็จพระเพทราชาทรงประกอบพระ-
๒๒๓๐ - ทา� การยดึ อา� นาจในพระราชวงั ลพบุรแี ละ ราชกรณยี กจิ ทส่ี า� คญั ตอ่ บา้ นเมอื งกอ่ นหนา้ ทจ่ี ะ 2. ครูสุม ถามนักเรยี นเกีย่ วกบั พระราชประวตั ิ
สถาปนาตนเองขึ้นเปน็ กษตั ริย์ เสดจ็ ขน้ึ ครองราชสมบตั ิ พ.ศ. ๒๒๓๑ เนอ่ื งจาก โดยสงั เขปและพระราชกรณียกจิ ของสมเดจ็
- ฝทรร่ังงเดศา� สเนใหนิ พ้ ก้นารไปกวจาาดกลอ้ายงธุ อยทิ าธิพลของ พระเพทราชา พระมหากษัตรยิ ผ ูทรงสถาปนา
ราชวงศบ านพลูหลวง
ในขณะนั้น คอนสแตนติน ฟอลคอน (Con- (แนวตอบ พระเพทราชาทรงมพี ้ืนเพมาจาก
stantine Phaulkon) หรือออกญาวิไชเยนทร์ บานพลหู ลวง เมืองสพุ รรณบรุ ี พระมารดาทรง
ขุนนางไทยเช้ือสายกรีกได้คิดวางแผนร่วมกัน เปนแมนมของสมเดจ็ พระนารายณม หาราช
กับฝรั่งเศส โดยมีจุดประสงค์จะขยายอิทธิพล ทําใหม ีโอกาสเขารับราชการและไดด าํ รง
เข้าครอบครองอยุธยา ท้ังทางด้านการทหาร ตาํ แหนงเจา กรมชางซ่งึ เปนกรมทมี่ อี าํ นาจ
๒๒๓๗ การเมือง และวฒั นธรรม จนถงึ กับดา� เนินการ ทางการทหารสงู พระเพทราชามโี อรสองคหนึง่
เกดิ กบฏธรรมเถียร แตก่ ็ถกู ปราบปรามลงได้ ให้ฝร่ังเศสส่งกองทหารมาประจ�าการอยู่ท่ีเมือง คอื หลวงสรศกั ด์ิ (ตอมาครองราชยเปน
บางกอดก้วแยลเะหเตมุนือี้ งมพะรระดิ เพทราชา2จึงได้เป็นผู้น�า สมเด็จพระสรรเพ็ชญท ่ี 8 หรอื พระเจาเสอื )
๒๒๓๕ และหลวงสรศักด์ิผนู ไี้ ดม ีสวนผลักดนั ให
พระเพทราชาขึ้นมายึดอาํ นาจจากสมเดจ็
ขุนนางข้าราชการท�าการกวาดล้างอิทธิพลของ พระนารายณมหาราช และเมือ่ ข้ึนครองราชย
ฝร่ังเศสออกไปจากอยุธยาจนหมดส้ินใน พ.ศ. ทรงสถาปนาราชวงศใ หม คอื ราชวงศ
๒๒๓๑ นอกจากน้ันยังจับออกญาวิไชเยนทร์ บา นพลหู ลวง และแตง ตัง้ หลวงสรศักดิ์
๒๒๓๘ ประหารชวี ิตในฐานะทีค่ ิดวางแผนมกั ใหญ่ใฝสงู เปน พระมหาอปุ ราช
พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตถวายพระราชบุตรี โดยประสงคจ์ ะเปน็ ผสู้ า� เรจ็ ราชการแผน่ ดนิ แทน สําหรับพระราชกรณียกจิ สําคัญจะอยใู น
ใหเ้ ปน็ บาทบรจิ ารกิ า เพื่อช่วยป้องกนั จาก ชวงกอ นขนึ้ ครองราชสมบตั ิ โดยพระเพทราชา
การโจมตีของเมืองหลวงพระบาง ไดเปนผูน ําขนุ นางทาํ การกวาดลา งอทิ ธพิ ล
ของฝรงั่ เศสออกไปจากอยุธยา และยงั จับ
พระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่หากสมเด็จพระนารายณ์มหาราชสวรรคตอีกด้วย ดังนั้น จึงนับว่า ออกญาวไิ ชเยนทร (คอนสแตนตนิ ฟอลคอน)
พระเพทราชาไดท้ รงสรา้ งประโยชน์ใหแ้ กแ่ ผน่ ดนิ กอ่ นทจี่ ะเสดจ็ ขนึ้ ครองราชยเ์ ปน็ พระเจา้ แผน่ ดนิ ประหารชีวิตในฐานะวางแผนใหฝรง่ั เศส
สืบต่อไป ถ้าพระเพทราชาไม่ตัดสินใจลงมือขับไล่อิทธิพลฝร่ังเศสออกไปในขณะนั้น และปล่อย ขยายอทิ ธพิ ลเขา ครอบครองอยุธยา และเมือ่
ให้ฝรั่งเศสส่งก�าลังทหารเข้ามาอยู่ในอยุธยาเพ่ิมมากขึ้นเรื่อยๆ อาณาจักรอยุธยาอาจตกเป็นของ ข้ึนครองราชยแลวพระองคยังตองแกไ ขปญ หา
ฝรง่ั เศสได้ การกอ กบฏตา งๆ ทไ่ี มพ อใจในตวั พระองค
ในฐานะเปนผแู ยงชงิ ราชสมบัติ)
เรื่องนารู
3. ครูสนทนากบั นกั เรียนเพื่อรว มกันสรปุ ความรู
นวิ าสถานเดมิ ของพระเพทราชา ทไ่ี ดรับจากการศึกษา
พระเพทราชากอนท่ีจะดํารงตําแหนงเปนขุนนางผูใหญในกรุงศรีอยุธยา เคยเปนบุคคลท่ีมีนิวาสถานเดิม
ณ บา นพลหู ลวง แขวงเมอื งสพุ รรณบรุ มี ากอ น ปจ จบุ นั ยงั มบี า นพลหู ลวงตง้ั อยใู นอาํ เภอเมอื ง จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี บรเิ วณ
บา นพลหู ลวงมวี ดั หนอ พทุ ธางกรู ซง่ึ สนั นษิ ฐานวา วดั นแ้ี ตเ ดมิ สรา งมาตง้ั แตส มยั อยธุ ยาตอนปลาย และไดม กี ารสรา งขน้ึ
มาใหมท บั ลงไปบนรากฐานของวดั เดมิ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา เจา อยหู วั
๙๙
แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETดิ นักเรียนควรรู
ขอใดตอ ไปน้เี ปนพระราชกรณียกิจสาํ คญั ของสมเดจ็ พระเพทราชา
1. ขจัดอิทธพิ ลฝร่ังเศส 2. เสด็จไปเยือนยุโรป 1 สมเดจ็ พระเพทราชา ในสมยั ของพระองคไดเกดิ กบฏข้นึ บอยครัง้ ซึง่ สาเหตุ
3. ปฏริ ูประบบการศาล 4. ลดอํานาจสมุหพระกลาโหม สวนใหญม าจากความไมพ อใจท่ีพระองคเ สดจ็ ขน้ึ ครองราชย กบฏครั้งสาํ คญั เชน
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. สมเด็จพระเพทราชาไดป ระกอบพระราช- • กบฏธรรมเถยี ร พ.ศ. 2233 ผนู ํากบฏ คือ ธรรมเถียร เปน ขาหลวงเดิม
ของเจา ฟาอภยั ทศ พระราชโอรสในสมเดจ็ พระนารายณม หาราช แตถ กู
กรณียกจิ ที่สาํ คัญตอบา นเมอื งกอ นหนาท่จี ะขน้ึ ครองราชสมบัตเิ ม่ือครัง้ ยังทรง ปราบปรามลงได
เปนพระเพทราชา กลาวคือ ในตอนปลายรัชกาลสมเดจ็ พระนารายณม หาราช
ออกญาวไิ ชเยนทร หรอื คอนสแตนตนิ ฟอลคอน ขนุ นางไทยเช้อื สายกรีก • กบฏพระยายมราช (สังข) พ.ศ. 2233-2235 โดยพระยายมราช (สังข)
ไดคบคดิ วางแผนรว มกันกับฝรง่ั เศส ซึ่งมีจดุ ประสงคจะขยายอิทธพิ ลเขา เจาเมืองนครราชสมี าไมยอมมาเขา เฝาและถอื น้ําพระพิพัฒนส ัตยา
ครอบครองไทย ทัง้ ทางดา นการทหาร การเมอื ง และทางดา นวฒั นธรรม สมเดจ็ พระเพทราชาจึงสงกองทัพไปปราบ ซง่ึ ใชเ วลาถึง 2 ป
พระเพทราชาไดเปน ผนู ําขนุ นางขาราชการทําการกวาดลางอทิ ธิพลของ
ฝรงั่ เศสออกไปจากอยุธยา และยังจบั ออกญาวิไชเยนทรประหารชวี ิต • กบฏบญุ กวา ง ประมาณ พ.ศ. 2241-2243 นาํ โดยบญุ กวา ง ชาวลาว ไดต งั้ ตวั
ในฐานะคดิ วางแผนจะเปนผสู าํ เร็จราชการแผนดินแทนพระมหากษัตรยิ เปน ใหญอ ยทู เี่ มอื งนครราชสมี า และรวบรวมผคู นเคลอื่ นทพั ลงมาทเ่ี มอื งลพบรุ ี
พระองคใ หม ซง่ึ หากฝรง่ั เศสทาํ สาํ เรจ็ อาณาจกั รอยธุ ยากจ็ ะถกู ครอบครองได เพอื่ โจมตกี รงุ ศรอี ยธุ ยา แตก ถ็ กู ปราบปรามเสยี กอ น
2 พระเพทราชา เปนตําแหนง สมหุ พระคชบาลจางวางขวา ศักดนิ า 5,000
ดแู ลรบั ผิดชอบกรมชางศกึ
คูมือครู 99
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ครูใหนกั เรียนกลุม ที่ 7 สง ตวั แทนออกมา อ1อ.๗กญ าอโอกษกาญธบิ าดโี ก(ปษานา)ธ1 เบิ ดิมดชี อื่( ปปาานน )เป็นน้องชายของเจา้ พระยาพระคลงั หรือเจ้าพระยา
นําเสนอสาระสําคญั ท่หี นาชั้นเรียน จากนนั้
เปด โอกาสใหน กั เรียนทีม่ ีขอ สงสัยซกั ถาม
และอธิบายจนเขาใจ โกษาธิบดี (เหลก็ ) ในสมยั สมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช ได้เข้ารบั ราชการกบั พีช่ ายเมือ่ อายุ ๒๐ ป ี
วแสิลทุะ ธส๑นุ๕ธ รป (ปีตา่อนม)า เไดดนิ ้รทับาแงตไป่งตเจ้ังรใญิหพ้เปร็นะรอาอชกไพมตระรี2
2. ครูซกั ถามนักเรยี นวา ออกญาโกษาธบิ ดี หรอื ที่ กับประเทศฝรงั่ เศสเมอื่ อายุเพียง ๓๕ ปเี ท่านน้ั
รูจกั กนั วา โกษาปาน มบี ทบาทอยางไรจงึ นับวา ออกพระวสิ ทุ ธสนุ ธร (ปาน) เปน็ คนเฉลยี ว
เปนบุคคลสําคญั ในสมยั อยุธยา ฉลาด สมเดจ็ พระนารายณม์ หาราชทรงแต่งตง้ั
(แนวตอบ ออกญาโกษาธบิ ดี หรอื โกษาปาน ให้ออกพระวสิ ทุ ธสุนธร (ปาน) เปน็ หวั หน้าคณะ
เปนขุนนางทีม่ ีบทบาทสาํ คัญในการสรา ง ทตู โดยมอี อกหลวงกลั ยาราชไมตร ี อปุ ทตู และ
ความสัมพนั ธทางการทูตกบั ราชสํานักของ ออกขุนศรวี ิสารวาจา ตรีทตู รว่ มเดนิ ทางไปใน
พระเจาหลยุ สที่ 14 แหง ฝรั่งเศส โดยเมอ่ื ครงั้ คณะทูตดว้ ย คณะทูตราชสา� นกั อยธุ ยาเดนิ ทาง
ไดรับแตงตัง้ เปนออกพระวิสุทธสนุ ธร ไดเปน ไปฝรั่งเศสด้วยเรือรบฝร่ังเศสที่น�าเชอวาเลียร ์
หวั หนา คณะทตู เดนิ ทางไปเจรญิ สมั พันธไมตรี เดอ โชมองต์ ราชทตู ฝรัง่ เศสเดนิ ทางกลบั คืนสู่
กบั ฝรัง่ เศส คณะทูตอยธุ ยาเดนิ ทางไปฝร่งั เศส ฝรงั่ เศส ออกพระวสิ ทุ ธ-
พรอ มกบั คณะทตู ของเชอวาเลยี ร เดอ โชมองต สนุ ธร (ปาน) ได้แสดง ภาพคณะทูตอยุธยา (จากซายไปขวา) ออกหลวงกัลยา-
ราชทตู ฝรงั่ เศส เมอ่ื พ.ศ. 2228 และไดเขาเฝา ให้เห็นถึงความเฉลียว ราชไมตรี อปุ ทตู ออกพระวสิ ทุ ธสุนธร ราชทตู และออกขนุ
พระเจา หลุยสที่ 14 ท่ที อ งพระโรงพระราชวัง ศรีวสิ ารวาจา ตรีทูต ทเ่ี ดินทางไปฝรั่งเศสเมื่อ พ.ศ. ๒๒๒๙
แวรซ าย เมอ่ื วนั ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2229 ฉลาดดว้ ทย่ีจกะาเรรพียยนารยู้ขานมบธรรมเนียมประเพณีของฝรั่งเศส3 และยังหัดพูด
ซึง่ ออกพระวิสุทธสุนธรไดรบั การยกยอ งจาก ภาษาฝร่ังเศสกับคณะทูตฝร่ังเศสขณะก�าลังเดินทางไปยังฝรั่งเศส
ชาวฝรั่งเศสวา เปน ผมู กี ิริยาทาทางและวาจา อีกด้วย คณะราชทตู ของอยุธยามีผตู้ ิดตามเกอื บ ๔๐ คน และมาถึง
ท่ีงดงามสมกับเปนราชทตู อีกทง้ั มคี วามรู กรงุ ปารีสเมอ่ื วนั ที ่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๒๒๙
เก่ียวกบั ขนบธรรมเนยี มประเพณีการเขาเฝา คณะทูตอยุธยาที่มีออกพระวิสุทธสุนธร (ปาน)
ของชาวฝร่ังเศสเปน อยางดี ทาํ ใหความสัมพนั ธ เป็นหัวหน้าคณะนี้ เมื่อเดินทางไปถึงเมืองใดก็จะได้รับ
ระหวา งอยธุ ยากับฝร่งั เศสมีความแนนแฟน
มากยิ่งข้นึ )
การตอ้ นรบั จากชาวฝรงั่ เศสอยา่ งเนอื งแนน่ และทางการ
ฝรง่ั เศสไดจ้ ดั การตอ้ นรบั คณะทตู อยา่ งใหญโ่ ตสมเกยี รติ
ตามพระบรมราชโองการของพระเจ้าหลุยส์ท่ี ๑๔
โกษาปาน เปนหนึ่งในคณะราชทูตแหงกรุงศรีอยุธยาท่ี นบั เปน็ เกยี รตปิ ระวตั ขิ องคณะทตู ไทยจากราชสา� นกั
เดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศฝร่ังเศสในสมัย อยุธยาท่ีได้รับความสนใจและให้ความส�าคัญจาก
สมเด็จพระนารายณมหาราช ชาวฝร่งั เศสและรัฐบาลฝรง่ั เศสในขณะน้ัน
1๐๐
นกั เรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET
บทบาทสําคญั ของออกญาโกษาธิบดี (ปาน) ทีม่ ตี อ บานเมืองตรงกบั ขอ ใด
1 ออกญาโกษาธบิ ดี (ปาน) มีมารดา ชือ่ เจาแมว ดั ดสุ ิต ซงึ่ เปนแมนมของสมเดจ็ 1. เปนราชทูตของไทยไปเจรญิ สมั พันธไมตรกี ับฝรั่งเศส
พระนารายณมหาราช เหตุทีช่ อื่ นเี้ นอ่ื งจากธรรมเนียมของราชสาํ นักอยธุ ยา ผหู ญิงจะ 2. เปนผนู าํ วทิ ยาการตะวันตกเขา มาเผยแพรในอาณาจกั ร
ทลู ลากษตั รยิ พระองคใ หมอ อกจากพระราชวงั ไปพํานกั ทีต่ าํ หนกั ใกลวดั เมอื่ กษัตริย 3. เปน ขุนนางสําคญั ในการขจัดอทิ ธพิ ลของฝรัง่ เศสไปจากอยุธยา
พระองคเ กาสวรรคต โดยอาจผนวชเปนชหี รอื ฆราวาส ดงั น้นั เมอื่ สมเด็จพระเจา 4. เปน นายแพทยป ระจาํ ขบวนเรือของบริษทั อินเดยี ตะวันออกของฮอลนั ดา
ปราสาททองสวรรคต จึงทลู ลาไปประทับทตี่ ําหนักใกลวัดดสุ ิต จึงมีช่ือวาเจา แมว ดั ดสุ ิต วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 1. บทบาทสาํ คัญของออกญาโกษาธบิ ดี (ปาน)
2 ไปเจรญิ พระราชไมตรี โดยมวี ตั ถุประสงคเ พ่ือสืบดูความเจริญกาวหนาของ คือ ไดร บั การแตงต้งั จากสมเดจ็ พระนารายณม หาราชใหเ ปน หัวหนาราชทูต
ฝรัง่ เศส เพือ่ ผลประโยชนท างการคา และเพือ่ จดั หาสง่ิ ของท่ตี อ งพระราชประสงคข อง (เมือ่ ครง้ั ดํารงตาํ แหนงเปนออกพระวสิ ุทธสนุ ธร) ไปเจริญสมั พันธไมตรีกบั
สมเด็จพระนารายณม หาราช เชน อาวุธ แวน ตา กระจกเงา กลอ งสอ ง นาฬกาพก ราชสาํ นักของพระเจาหลยุ สท ี่ 14 แหง ฝรั่งเศส ซึง่ ไดร บั การตอ นรบั อยา ง
และเครอื่ งมือดาราศาสตร เปนตน ยิ่งใหญสมเกยี รตจิ ากชาวฝรัง่ เศสและราชสาํ นักฝรัง่ เศส ขณะที่อยูฝรง่ั เศส
3 ขนบธรรมเนียมประเพณีของฝรงั่ เศส เก่ยี วกบั การเขาเฝา เชน การถวาย ออกพระวสิ ุทธสุนธรไดบ ันทกึ เรอื่ งตางๆ ของฝรง่ั เศสอยา งละเอียด และ
พระราชสาสนแ ดพระเจาหลยุ สที่ 14 ราชทตู ไทยจะตอ งถวายพระราชสาสนด ว ยมือ กราบทลู สมเดจ็ พระนารายณม หาราชใหทรงทราบอยางถถี่ วนภายหลงั
ของตนเองตอพระหตั ถข องกษตั ริยตามประเพณขี องยุโรปในสมยั นน้ั และไมต องวาง เดนิ ทางกลับ จนกระทงั่ ในสมยั สมเดจ็ พระเพทราชา ไดเ ลื่อนยศเปน
บนพานกอ นแลว คอ ยทูนขน้ึ ไปเหมอื นกับธรรมเนยี มของราชสํานักไทย เปนตน เจาพระยาพระคลังหรอื เจา พระยาโกษาธิบดี (ปาน)
100 คูม ือครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
ออกพระวิสุทธสุนธร (ปาน) น�าคณะทูตอยุธยาเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ท่ีท้องพระโรง 1. ครตู ้งั ประเด็นคําถามใหน ักเรียนชวยกัน
พระราชวงั แวร์ซาย เมือ่ วนั ที ่ ๑ กนั ยายน พ.ศ. ๒๒๒๙ โดยออกพระวสิ ุทธสุนธร (ปาน) ทา� หน้าที่ แสดงความคดิ เหน็ วา เพราะเหตใุ ดสมเดจ็
เปน็ ผแู้ ทนของราชสา� นกั อยธุ ยาไดถ้ กู ตอ้ งตามขนบธรรมเนยี มประเพณกี ารเขา้ เฝา้ ของชาวฝรงั่ เศส พระนารายณมหาราชถึงเลอื กใหโกษาปานเปน
จนถึงกับได้รับการยกย่องจากชาวฝร่ังเศสว่าราชทูตไทยผู้นี้มีกิริยาท่าทางและวาจาที่งดงามมาก หัวหนา คณะทูตไทยไปเขาเฝา พระเจา หลยุ ส
การเดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับราชส�านักฝร่ังเศสของออกพระวิสุทธสุนธร (ปาน) ได้ท�าให้ ที่ 14 แหงฝรง่ั เศส และโกษาปานปฏิบตั หิ นาที่
ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งอยธุ ยากบั ฝรง่ั เศสแนน่ แฟน้ ยง่ิ ขนึ้ นบั เปน็ ผลดตี อ่ การปอ้ งกนั การคกุ คามของ ประสบความสาํ เร็จมากนอยเพยี งใด จากนน้ั
ฮอลันดา ใหนกั เรยี นสรปุ ผลโดยจดลงสมุดสงครผู สู อน
เ ม่อื เดในิ นทขาณงไะปทช่ีพมา� สนถกั าอนยททู่ ี่ตี่ฝ่ารง่ังๆเ ศกสจ็ ะอมอีดกนิ พสรอะแวลิสะุทกธรสะุนดธารษ ส(ปา� หานรับ) จเดอาบในั จทใสึก่ใขนอ้ กคจิ วกาามร1ใงนาเนรเ่ือปง็นตอ่ายงๆา่ ง ทด ี่ี
ได้เห็นมา เม่ือคณะทูตไปดูโรงพิมพ์หลวงของฝรั่งเศส ออกพระวิสุทธสุนธร (ปาน) ได้สอบถาม 2. ครูสนทนากบั นักเรยี นเพอื่ รว มกันสรปุ ความรู
เร่อื งตา่ งๆ เก่ียวกับการพิมพ์หนงั สอื อย่างละเอยี ดและแสดงความเอาใจใส่ยง่ิ นัก เขาอาศัยบนั ทึก ทีไ่ ดรบั จากการศกึ ษา
ถเหูกลต่า้อนงี้ก อราอบกถพวราะยวบิสังุทคธมสทนุ ูลธสร ม(ปเดา็จนพ) รแะลนะาครณายะณเด์มินหทาารงา2ถชึงใกหร้ทุงรศงรทีอรยาธุ บยเารใ่ือนง รพา.วศต. ่า๒ง๒ๆ๓ ไ๐ด้ถี่ถ้วนและ
เ ล่ือนยตศอ่ เปมน็าภเจาา้ยพหรละังยใานพสรมะยั คสลมงั เหดร็จอื พเจรา้ะพเพรทะยราาชโกาษ อาอธิบกพดี ร(ะปวาิสนทุ )ธ3 สมนุ ีหธนร้า (ทปีค่าวนบ) คไุมด้รรับาชกการาแรเตกง่ ยี่ ตวั้งกใหับ้
การต่างประเทศดว้ ย
เสน เวลา
แสดงเหตกุ ารณส าํ คญั ของออกญาโกษาธบิ ดี (ปาน)
๒๒๒๘
เป็นหัวหนา้ คณะทูตของอยธุ ยาเดินทางไปเจริญสมั พนั ธไมตรีกับฝรัง่ เศส
พ.ศ. ๒๒๒๕ ๒๒๓๐ ๒๒๓๕ ๒๒๔๐ ๒๒๔๕
๒๒๓๑ - ๒๒๔๓
๒๒๒๙ ๒๒๓๐ ไดร้ ับแตง่ ตงั้ เปน็ เจ้าพระยาพระคลงั
คณะทตู อยธุ ยาถวายพระราชสาสน์ คณะทูตเดนิ ทางกลับ และต่อมาได้เลอ่ื นยศเปน็ เจา้ พระยา
ของสมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช จากฝรงั่ เศสถึงอยธุ ยา ศรีธรรมราชหรอื ออกญาโกษาธิบดี
แดพ่ ระเจา้ หลุยส์ท ี่ ๑๔
1๐1
แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tิด นกั เรยี นควรรู
นักเรียนเห็นดว ยหรอื ไมวา คุณลักษณะของออกพระวสิ ทุ ธสนุ ธร (ปาน) 1 บนั ทึกขอ ความ หรอื ทเี่ รียกวา บนั ทกึ โกษาปาน เปนบนั ทึกรายวนั ซงึ่ เขียนขึน้
มสี ว นทาํ ใหความสัมพนั ธร ะหวางอยธุ ยากับฝรั่งเศสมคี วามแนน แฟนยง่ิ ข้นึ เมอ่ื พ.ศ. 2229 มจี าํ นวน 68 หนา เขยี นลงบนสมดุ ฝรง่ั ดา นหนง่ึ เปน ลายมอื ภาษาไทย
แนวตอบ เหน็ ดว ย เพราะคณุ ลกั ษณะของออกพระวสิ ทุ ธสุนธร (ปาน) อีกดา นหนึ่งเปน ภาษาฝร่งั เศส ปจ จุบันเกบ็ รกั ษาอยูทีห่ อจดหมายเหตุ สํานกั มสิ ซงั
ทเ่ี ปน คนสขุ ุม ละเอยี ดลออ มีความเฉลียวฉลาด และเปนคนมวี าจาคมคาย ตา งประเทศ กรงุ ปารีส ประเทศฝร่ังเศส
ซง่ึ คุณสมบัตเิ หลา น้เี หมาะสมแกก ารเปนทูต ดงั น้ัน เมอื่ สมเดจ็ พระนารายณ
มหาราชทรงแตง ตง้ั ใหอ อกพระวสิ ทุ ธสนุ ธร (ปาน) เปน หวั หนา คณะทตู ไทย 2 คณะเดนิ ทาง ในจํานวนผูต ดิ ตามคณะราชทตู มบี างคนอยตู อท่ีฝร่ังเศส
เดนิ ทางไปเจรญิ พระราชไมตรกี บั ราชสาํ นกั ของพระเจา หลยุ สท ่ี 14 แหง ฝรง่ั เศส เพื่อศึกษาวทิ ยาการตางๆ และเขา รตี เปน คริสตงั (ภายหลงั จากโกษาปานเดนิ ทาง
ซ่ึงออกพระวิสุทธสุนธร (ปาน) กไ็ ดท ําหนา ท่อี ยา งเต็มความสามารถ ไมให กลบั สยาม) ทโ่ี บสถแซงต ซูลปซ (Saint-Sulpice) ในกรุงปารีส
ตางชาตดิ ูถูกได ดว ยการปฏบิ ตั ติ ามขนบธรรมเนียมประเพณีการเขา เฝา ของ
ชาวฝรง่ั เศสไดอ ยา งถกู ตอ ง จนไดร บั การยกยอ งจากชาวฝรงั่ เศสวา เปน ราชทตู 3 เจา พระยาพระคลังหรือเจาพระยาโกษาธิบดี (ปาน) ในพระราชหัตถเลขา
ผูม ีกิริยามารยาทและวาจาทง่ี ดงาม ซ่งึ ถอื วา การไปเจรญิ สัมพนั ธไมตรีคร้ังน้ี ของรัชกาลที่ 4 ทรงมไี ปถึงเซอรจ อหน เบาวร ิง ไดก ลาวถึงบตุ รชายผหู นึ่งของ
ประสบความสาํ เรจ็ เปน อยา งยงิ่ ทาํ ใหค วามสมั พนั ธร ะหวา งอยธุ ยากบั ฝรง่ั เศส เจาพระยาโกษาธิบดี (ปาน) ชอื่ ขุนทอง ไดรบั ราชการจนมีตําแหนง เปนเจาพระยา
มีความแนนแฟน ย่ิงข้นึ วรวงศาธิราช มีบตุ รชายคนโตชอ่ื ทองคาํ รับราชการจนไดร ับแตง ตง้ั เปน พระราชนิกลู
และมีบตุ รชายคนโตชือ่ ทองดี ไดรบั ราชการจนมตี ําแหนงเปนพระอกั ษรสุนทร
เสมียนตราในรัชกาลพระเจาอยูหัวบรมโกศ ซง่ึ ตอ มาเปนพระราชบดิ าในรชั กาลท่ี 1
องคปฐมกษตั ริยแ หงบรมราชวงศจักรี
คูมอื ครู 101
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expore Expand Evaluate
Engaae Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ครูใหน ักเรียนกลมุ ที่ 8 สงตัวแทนออกมา ๑.๘ ซิมง เดอ ลา ลแู บร
นาํ เสนอสาระสาํ คญั ท่หี นาชั้นเรยี น จากนั้น
เปดโอกาสใหน ักเรยี นที่มีขอ สงสยั ซกั ถาม ซมิ ง เดอ ลา ลแู บร (Simon de La Loube`re) หรอื ลา ลแู บร เปน ชาวฝรง่ั เศส ไดร บั แตง ตงั้
และอธบิ ายจนเขา ใจ ใหเปนหัวหนา คณะทูตฝรั่งเศสรว มกับ คลอด เซเบเรต ดู บลู าย (Claude Ce´beret du Boullay)
เดินทางมาอยุธยาเพ่ือเจรจาเกี่ยวกับเร่ืองศาสนาและการคาของฝร่ังเศสในอาณาจักรอยุธยาเม่ือ
2. ครสู มุ นักเรียนออกมาอธบิ ายบทบาทของ พ.ศ. ๒๒๓๐ ซง่ึ การเจรจาในครงั้ นัน้ อยุธยาไมส จู ะยินยอมตามความประสงคข องฝรงั่ เศส ทาํ ให
ลา ลูแบรท่มี ตี อ การพฒั นาชาตไิ ทย ตองเสียเวลาในการเจรจาหลายสัปดาห ในที่สุดฝายไทยก็ยินยอมรับขอเสนอของฝร่ังเศสและท้ัง
(แนวตอบ ซมิ ง เดอ ลา ลแู บร หรือลา ลูแบร สองฝายไดลงนามในสัญญาการคาทเ่ี มอื งลพบรุ ี เม่ือวนั ท่ี ๑๑ ธันวาคม ผแู ทนฝา ยไทยทล่ี งนาม
เปนหัวหนาคณะทตู ฝรงั่ เศสรว มกับเซเบเรต คอื ออกญาพระเสด็จ ผรู กั ษาการตําแหนง เจา พระยาพระคลัง และพระศรีพิพัฒนรตั นราช สําหรบั
เดินทางมากรุงศรอี ยุธยาเพื่อเจรจาเกยี่ วกบั เรื่อง ผแู ทนฝรั่งเศส คือ ลา ลูแบรแ ละเซเบเรต
ศาสนาและการคาของฝรั่งเศสในอาณาจกั ร
อยุธยาเม่ือ พ.ศ. 2230 แมจะประสบความ ภายหลังที่ไดมีการลงนามในสัญญาการคาระหวางอยุธยากับฝรั่งเศสใน พ.ศ. ๒๒๓๐ แลว
สาํ เรจ็ ในการเจรจาจนนาํ ไปสูการลงนามใน เซเบเรตไดก ราบทลู สมเดจ็ พระนารายณม หาราชออกเดนิ ทางตอ ไปยงั เมอื งมะรดิ เพอ่ื กลบั ฝรงั่ เศส
สญั ญาการคา ระหวา งกัน แตล า ลแู บรก ย็ ังคง สวน ลา ลแู บรย ังคงพํานกั อยูในอยธุ ยาตอไปอกี เปน เวลา ๖ เดือน แลว จงึ เดินทางกลบั ฝรัง่ เศส
พํานกั ตอ ในอยุธยาตอ ไปอีกเปนเวลา 6 เดือน และนาํ สญั ญาการคา ฉบบั ใหมก ลบั ไปดว ยใน พ.ศ. ๒๒๓๑ ฝรง่ั เศสพอใจสญั ญาฉบบั นม้ี าก แตม ไิ ด
แลว จงึ เดนิ ทางกลบั ฝร่ังเศส และระหวางท่เี ขา มีโอกาสปฏบิ ตั ติ ามสัญญาเพราะอยุธยาเกิดการกวาดลา งอํานาจและอทิ ธพิ ลของฝร่ังเศสเสียกอน
พาํ นกั อยนู น้ั กไ็ ดส ังเกตเรอื่ งราวตางๆ เกี่ยวกบั
อาณาจักรอยุธยาและบันทึกไว ซงึ่ ภายหลังไดรบั
การตีพิมพเ ปนภาษาฝรงั่ เศสและมีการแปล
ออกมาเปน ภาษาไทย มชี ่ือเรียกวา จดหมายเหตุ
ลา ลแู บร จดหมายเหตุนีน้ บั วาเปน หลักฐาน
ทางประวัตศิ าสตรท่มี ีคุณคา ยง่ิ ในการศกึ ษา
ประวตั ศิ าสตรไ ทยสมยั อยธุ ยา)
1
ภาพวาดบานเรือนของอยุธยาและชาวกรุงศรีอยุธยาใน
จดหมายเหตุ ลา ลูแบร ซ่ึงพมิ พท ปี่ ระเทศอังกฤษเมอ่ื พ.ศ.
๒๒๓๖ สามารถใหความรูเก่ียวกับเรื่องราวในสมัยนั้นแก
ผศู ึกษารุนหลังไดเปน อยา งดี
๑๐๒
นักเรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET
ขอใดกลา วถึงลาลแู บรไ ม ถกู ตอ ง
1 ชาวกรงุ ศรีอยุธยา บันทึกของลา ลูแบรเ ก่ียวกับชาวกรงุ ศรีอยุธยาหรือชาวสยาม 1. เปน ผเู ขียนบนั ทกึ ที่เรยี กวา จดหมายเหตลุ า ลูแบร
มีหลายเร่อื ง เชน การแตง กาย ชาวสยามไมค อยหอ หมุ รางกายมดิ ชดิ นัก ไมใสรองเทา 2. เปนพนักงานในบรษิ ทั อินเดยี ตะวนั ออกของฝรั่งเศส
ไมสวมหมวก พันเอวและขาออ นถึงใตห ัวเขาดว ยผา มีดอก หรือขุนนาง นอกจากนุงผา 3. เปนผูนําสัญญาการคาฉบบั ใหมก ลับไปราชสํานักฝรัง่ เศส
แลวยังสวมเส้อื ครุยมสั ลินคลมุ ถงึ เขา ในงานพระราชพธิ ีตอ งสวมหมวกลอมพอกสูง 4. เปน หวั หนา คณะทตู ฝรัง่ เศสเขา มาเจรจาเรอื่ งศาสนาและการคา
มยี อดแหลม หรอื หนาตาชาวสยาม ใบหนากวาง หางตาคอนขา งสูง ตาเล็ก ปากกวาง วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. ลา ลูแบร เปนราชทตู จากราชสํานักฝร่ังเศส
รมิ ฝปากหนา ฟน ดาํ ผวิ หยาบ เปนตน ในสมยั พระเจาหลยุ สท ่ี 14 รว มกบั เซเบเรต เดินทางมาอยุธยาเพื่อเจรจา
เกีย่ วกบั เรอื่ งศาสนาและการคาเมอ่ื พ.ศ. 2230 ภายหลังมีการลงนามแลว
มมุ IT ลา ลูแบรยังคงพํานกั อยูตอ อกี 6 เดอื น ในระหวางที่อยูอยุธยา เขาไดสงั เกต
และบันทกึ เรื่องราวตางๆ เกี่ยวกบั อาณาจกั รอยุธยา ในชอื่ Du Royaume
ศกึ ษาคนควาขอมลู เพิม่ เติมเก่ยี วกับความรูเร่ืองจดหมายเหตลุ า ลูแบร ไดท่ี de Siam แปลตามตัววา “วา ดว ยราชอาณาจักรสยาม” หรอื เปน ทรี่ ูจกั กนั วา
http://archaeologythai.com/index.php?option=com_content&view จดหมายเหตุลา ลูแบร พิมพเผยแพรค รง้ั แรกเม่ือ พ.ศ. 2234 และถกู แปล
=article&id=170:-1&catid=45:historythai&Itemid=131 เปนภาษาอังกฤษใน 2 ปต อ มา จัดเปน หนงั สือทใี่ หส าระดานประวตั ศิ าสตร
สงั คมและวฒั นธรรม การเมือง วถิ ชี วี ิต และเศรษฐกจิ
102 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
เสน เวลา 1. ครูตงั้ ประเดน็ ถามนกั เรยี นวา นอกจาก
แสดงเหตกุ ารณส าํ คญั ของซมิ ง เดอ ลา ลแู บร ลาลแู บรแลว ยังมชี าวตา งชาติคนใดบาง
ท่ีไดบ ันทึกเรอื่ งราวเหตกุ ารณเ ก่ียวกบั
พ.ศ. ๒๒๓๐ อาณาจักรอยธุ ยาไว จากนนั้ ใหน กั เรียน
๒๒๓๐ เปน็ หวั หน้าคณะทูตฝรั่งเศสรว่ มกบั ไปสบื คนขอ มลู จากแหลง การเรียนรตู างๆ
เซเบเรต์เดนิ ทางมายังอยธุ ยา เพอื่ แลวนํามาอภิปรายรว มกนั ในช้นั เรยี น
เจรจาเกี่ยวกับการเผยแผ่ศาสนา (แนวตอบ นอกจากลาลูแบร ยงั มีชาวตางชาติ
และการคา้ คนอืน่ ๆ อกี ทีไ่ ดบ ันทึกเรื่องราวเกยี่ วกับ
อาณาจักรอยธุ ยาไว เชน เอนเยลเบริ ต
๒๒๓๑ ๒๒๓๑ แกมปเ ฟอร (Engelbert Kaempfer) หรือท่ี
- กกาลรับคไา้ ปฉฝบรบั ั่งใเหศมสท่ ที่พา� รก้อบั มอทย้ังธุ นย�าากสลัญบั ญไปา เรียกกันวา หมอแกมปเฟอร เปน ชาวเยอรมนั
ดว้ ย ฝรง่ั เศสพอใจในสญั ญาฉบบั นม้ี าก ไดเ ดินทางมากรงุ ศรีอยุธยาในฐานะนายแพทย
- อยธุ ยาเกิดจลาจล สัญญาจงึ ไมม่ ี ประจําขบวนเรือของบริษัทอนิ เดยี ตะวนั ออก
ผลบงั คบั ใช ้ ของฮอลันดา (VOC) เมือ่ พ.ศ. 2233 ตรงกับ
สมัยสมเดจ็ พระเพทราชา ระหวางทพ่ี ํานกั อยทู ี่
๒๒๓๒ หนา ปกหนังสอื ของ ลา ลูแบร ฉบบั แปลเปนภาษาองั กฤษ อยุธยา หมอแกมปเฟอรม ีฐานะเปนแขกบา น
พมิ พค รง้ั แรกเมอื่ พ.ศ. ๒๒๓๖ ในสมยั สมเดจ็ พระเพทราชา แขกเมอื ง และบนั ทกึ เรอื่ งราวเกย่ี วกบั อยธุ ยาไว
ในชือ่ วา The History of Japan : Together
เ รอ่ื งราลวาต า่ ลงูแๆบ เรก์ ยี่ นวกอบักอจาาณกจาจะเกั ปร็นอยหธุัวยหาน1แ้าลคะณบนัะททูกึตขจาอ้ กสฝงั เรกั่งตเศทสง้ั หแลลา้วย เเหขลาา่ยนังน้ัไดเพ้รับอื่ คก�ลาสบั ั่งไใปหร้สายังเงกาตน with a Description of the Kingdom
ให้ราชส�านักของพระเจ้าหลุยส์ท่ี ๑๔ แห่งฝรั่งเศสได้รับทราบ จดหมายเหตุเหล่าน้ีได้กลายเป็น of Siam 1690-1692 หรือเปน ท่ีรูจักกนั วา
หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรท์ มี่ คี ณุ คา่ ตอ่ แวดวงวชิ าประวตั ศิ าสตร์ไทยสมยั อยธุ ยา จนมกี ารตพี มิ พ์ จดหมายเหตุแกมปเฟอร)
ออกมาเปน็ ภาษาฝรงั่ เศส และมกี ารแปลออกมาเปน็ ภาษาไทยทม่ี ชี อื่ เรยี กวา่ จดหมายเหตุ ลา ลแู บร
2. ครูสนทนากับนักเรยี นเพือ่ รว มกนั สรปุ ความรู
1.๙ เยเรเมียส ฟาน ฟลีต ทไี่ ดรบั จากการศึกษา
เยเรเมียส ฟาน ฟลีต (Jeremias Van Vliet) หรอื ทค่ี นไทยท่วั ไปเรยี กว่า วัน วลติ เป็นพอ่ คา้
ชาวฮอลันดา และเปน็ พนกั งานในบรษิ ัทอินเดยี ตะวันออกของฮอลนั ดาทเี่ มืองปต ตาเวยี (ปจ จบุ นั
คอื กรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของประเทศอินโดนเี ซยี ) เม่อื พ.ศ. ๒๑๗๒ ขณะมอี ายุได้ ๒๗ ปี
ต่อมาใน พ.ศ. ๒๑๗๖ หลังจากท่ีเขาย้ายที่ท�างานไปแล้วหลายแห่ง เขาก็ได้มาประจ�าอยู่
ทีส่ �านกั งานของบรษิ ทั ท่กี รุงศรอี ยุธยาเม่อื พ.ศ. ๒๑๗๖ และทน่ี เ้ี ขาไดท้ า� งานในตา� แหนง่ หวั หนา้
คลังสินค้าแทนหัวหน้าคนเดิมที่ไปปฏิบัติภารกิจในท่ีอ่ืนๆ หลายครั้ง ขณะด�ารงต�าแหน่งหัวหน้า
คลงั สนิ คา้ ของฮอลนั ดาในกรงุ ศรอี ยธุ ยา เขาเปน็ ผลู้ งนามวา่ จะเชอ่ื ฟง คา� สงั่ ของพระคลงั สนิ คา้ ของ
อยุธยาอยา่ งเคร่งครัด รวมท้ังปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายและขนบธรรมเนยี มประเพณีของอยุธยา ทัง้ น้ี
สืบเนอ่ื งมาจากพอ่ ค้าฮอลันดาทะเลาะกับชาวอยุธยาเมอ่ื พ.ศ. ๒๑๗๙
1๐๓
แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETดิ เกร็ดแนะครู
ฟาน ฟลีต เปน บคุ คลสาํ คญั ทม่ี สี วนในการสรา งสรรคช าตไิ ทยอยางไร ครูอธิบายใหนกั เรยี นเขา ใจวา จดหมายเหตุลาลแู บร (ภาษาฝรั่งเศส :
แนวตอบ ฟาน ฟลตี เปนพอ คาชาวฮอลันดา และเปนพนกั งานในบรษิ ัท Du Royaume de Siam แปลตามตัว คือ วาดวยราชอาณาจกั รสยาม)
อินเดยี ตะวนั ออกของฮอลันดาท่เี มอื งปตตาเวยี มากอ นท่ีจะยายมาประจํา เปน จดหมายเหตทุ กี่ ลาวถึงราชอาณาจักรสยามในปลายรชั สมยั สมเด็จพระนารายณ
อยูท่ีกรงุ ศรีอยธุ ยาเม่อื พ.ศ. 2176 ในตาํ แหนงหวั หนา คลงั สนิ คา ระหวา ง มหาราช พ.ศ. 2230 ซง่ึ ฉบับแปลเปนภาษาไทย มีอยู 2 ฉบับ คอื ฉบับท่พี ระเจา
ทพ่ี าํ นกั อยทู กี่ รงุ ศรอี ยธุ ยา เขาไดศ กึ ษาความรเู กย่ี วกบั อาณาจกั รอยธุ ยาอยา ง บรมวงศเ ธอ กรมพระนราธปิ ประพันธพ งศ ทรงพระนิพนธแปลมาจากฉบบั
ละเอยี ดในชว งระหวา ง พ.ศ. 2176-2185 และเขยี นหนังสอื เกี่ยวกับอยุธยา ภาษาอังกฤษ และฉบับของสันต ท. โกมลบุตร แปลจากตนฉบับภาษาฝรง่ั เศส
จาํ นวน 3 เลม ไดแ ก พงศาวดารราชวงศอ ยุธยา พรรณนาราชอาณาจกั ร และครอู าจแนะนําใหน กั เรยี นไปศกึ ษาหนงั สอื จดหมายเหตลุ าลแู บรเ พมิ่ เตมิ
สยาม และเรือ่ งราวทางประวตั ศิ าสตรข องการสงครามสบื ราชสมบัติ หรอื
จดหมายเหตฟุ าน ฟลตี ซงึ่ หนงั สอื ของฟาน ฟลตี มคี ณุ คา ยง่ิ ทางประวตั ศิ าสตร นกั เรยี นควรรู
นับเปนหลักฐานทางประวตั ศิ าสตรอ ยธุ ยาท่สี ําคญั ทท่ี ําใหค นไทยรุนหลัง
ทราบเรอื่ งราวของอาณาจักรอยธุ ยาในสายตาของชาตติ ะวนั ตก และยัง 1 เรอื่ งราวตางๆ เกีย่ วกับอาณาจกั รอยุธยา มหี ลายเร่ือง เชน ตอนที่ 1 วาดวย
สามารถนาํ ไปตรวจสอบหลักฐานทางประวัติศาสตรอ ยธุ ยาอื่นๆ ทม่ี อี ยวู า ประเทศสยาม ตอนท่ี 2 วาดวยขนบธรรมเนียมประเพณขี องชาวสยามโดยทัว่ ไป
มีความถกู ตอ งมากนอยเพยี งใดดว ย ตอนท่ี 3 วา ดว ยจารีตของชาวสยามตามชั้นบุคคลในฐานะตางๆ เปน ตน
คมู อื ครู 103
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Expand Evaluate
Explain
อธบิ ายความรู
1. ครูใหน ักเรยี นกลมุ ท่ี 9 สง ตวั แทนออกมา เยเรเมียส ฟาน ฟลีต เปน็ คนเฉลียวฉลาด เขียนหนังสือเกง่ และสามารถเรียนรู้ภาษาไทย
นาํ เสนอสาระสําคัญท่หี นาชน้ั เรียน จากนนั้ ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ขณะทพ่ี า� นักอยู่ในกรุงศรอี ยธุ ยา เขาไดศ้ กึ ษาหาความรู้เกยี่ วกับอาณาจกั รอยธุ ยา
เปดโอกาสใหน ักเรียนท่มี ีขอ สงสยั ซักถาม
และอธบิ ายจนเขาใจ อย่างละเอียด ในช่วงเวลาประมาณ ๙ ปี (พ.ศ.
๒๑๗๖ - ๒๑๘๕) เยเรเมียส ฟาน ฟลีต ได้เขียน
2. ครสู ุม นกั เรยี นอธบิ ายประวตั ิของเยเรเมยี ส อหพกาานงรณศงั สสาางอืจวคักเดรกราา่ียสมรวยรสกาาบื ับมชรอ2 วายชงแธุศสลยม์อะาเบยรจตัุธ่ือ�าหิยนงรราวาอื1 นวจห ทด๓นาห ังงมเสปลาือรย่มะพเ วหรปัตตริศร ุณฟะากสนาอนตาบร รฟด์ขาลว้อชตียง- 3
ฟาน ฟลีต หรอื วัน วลติ และบทบาททม่ี ีตอ ผลงานของเยเรเมยี ส ฟาน ฟลตี เปน็ ที่รู้จกั ใน
ประวตั ศิ าสตรไทยที่หนาชน้ั เรยี น หนังสือช่ือ พงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับวัน วลิต
ซ่ึงเป็นพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับหน่ึงท่ีมีอยู่ใน
3. ครูสนทนากับนกั เรียนเพอ่ื รว มกนั สรุปความรู เวลาน้ี นับเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์อยุธยาที่
ทศี่ กึ ษามาแลว ทัง้ หมด สา� คญั เพราะเปน็ เครอ่ื งมอื สา� หรบั ตรวจสอบหลกั ฐาน
ปกหนังสือรวมบันทึกประวัติศาสตรอยุธยาของ ประวัตศิ าสตรอ์ ยธุ ยาฉบับอน่ื ๆ ที่มีอยู่ว่าความถกู ตอ้ ง
ขยายความเขา ใจ Expand วนั วลติ ซงึ่ กรมศลิ ปากรจดั พมิ พข น้ึ เมอื่ พ.ศ.๒๕๔๖ ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร หรืออย่างน้อย
ผลงานของเยเรเมยี ส ฟาน ฟลตี กแ็ สดงใหเ้ หน็ ถงึ ความคดิ ของชาวตะวนั ตกทมี่ ตี อ่ อาณาจกั รอยธุ ยา
ครูใหนักเรียนแบง กลมุ กลมุ ละ 6-8 คน เพอ่ื ทํา ขณะทเ่ี ขาพา� นกั อยู่ในกรุงศรอี ยุธยาในช่วงเวลาหนง่ึ
การแสดงละครเก่ียวกบั ชวี ประวัติของบคุ คลสําคัญ
ในประวัติศาสตรไทยสมัยอยธุ ยา โดยใหนกั เรยี น
เตรยี มบทละคร ศึกษาบทละครและเลือกบทบาท
ท่ีจะแสดง และเตรียมอุปกรณการแสดง จากน้ันให
ซกั ซอ มการแสดงกอนจะแสดงจรงิ
ตรวจสอบผล Evaluate เสน เวลา
แสดงเหตกุ ารณส าํ คญั ของเยเรเมยี ส ฟาน ฟลตี
1. ครูประเมนิ การแสดงละครของนักเรียน
โดยพจิ ารณาจากความเหมาะสมและ ๒๑๗๖ ๒๑๘๑ ๒๑๘๕
ความสามารถของนักเรียนกบั บทท่ีจะแสดง ดา� รงตา� แหนง่ ผ้ชู ่วยผูจ้ ัดการ ได้รับต�าแหน่ง ได้รบั ต�าแหนง่
การแสดงตรงกบั วัตถุประสงคทต่ี ้งั ไว สถานีการคา้ ฮอลนั ดาประจา� ผู้จัดการสถานกี ารค้า
การเตรียมอุปกรณใ นการแสดง การแสดง กรุงศรีอยุธยาเปน็ ครั้งแรก กฮรอุงลศนั รดอี ายปุธรยะาจ�า ผู้วา่ ราชการ
ตรงกับเรอ่ื งราวหรือความเปนจรงิ มากท่ีสุด เมืองใมนะมลละกายาู
2. ครสู งั เกตพฤติกรรมความมีสวนรวมในการ พ.ศ. ๒๑๗๕ ๒๑๘๐ ๒๑๘๕
ตอบคาํ ถามและการแสดงความคดิ เห็นของ
นกั เรียน ๒๑๗๙ ๒๑๘๓
เขยี นบนั ทกึ เร่ืองราว - เขียนพงศาวดารกรงุ ศรอี ยธุ ยา
เกย่ี วกับอาณาจกั รอยธุ ยา
- เขยี นจดหมายเหตุ วัน วลิต
1๐4
นักเรยี นควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ
1 พงศาวดารราชวงศอยุธยา หรอื พงศาวดารกรุงศรีอยธุ ยา วาดวยความเปน มา ครูใหนักเรยี นเขยี นเรียงความเก่ยี วกับบุคคลสําคญั ในสมัยอยธุ ยา
ของพระราชวงศข องอยธุ ยานบั ตงั้ แตส มเด็จพระรามาธบิ ดที ี่ 1 (อทู อง) จนถึงสมเด็จ ที่นักเรียนชื่นชอบหรอื ประทบั ใจมากทส่ี ดุ พรอ มเหตผุ ลประกอบ จากน้ัน
พระเจา ปราสาททอง เขยี นข้ึนเมื่อ พ.ศ. 2182 ใหนกั เรยี นออกมาเลา ความประทบั ใจใหเ พ่อื นฟงท่หี นาช้นั เรยี น
2 พรรณนาราชอาณาจกั รสยาม เปน งานเขียนของวัน วลิต ซง่ึ ไดประมวลขอมลู ไว
ในชว ง 5 ปแรกทเ่ี ขาอยูใ นกรุงศรอี ยธุ ยา วาดวยประวัติศาสตร การเมอื งการปกครอง กจิ กรรมทา ทาย
เศรษฐกจิ และสงั คมของกรุงศรีอยุธยา เขยี นข้นึ เมอื่ พ.ศ. 2179
3 เรอ่ื งราวทางประวัตศิ าสตรของการสงครามสบื ราชสมบตั หิ รอื จดหมายเหตุ ครใู หนักเรียนสบื คนขอมูลเก่ยี วกับบุคคลสาํ คญั ในสมัยอยธุ ยานอกเหนอื
ฟาน ฟลีต วา ดวยเหตกุ ารณท างการเมอื งกอ นท่ีสมเด็จพระเจาปราสาททองจะขน้ึ จากหนงั สือเรยี น พรอมทัง้ ผลงานของบคุ คลสาํ คญั ดังกลาวทมี่ ตี อ การ
ครองราชสมบัติ เร่มิ ตั้งแตปลายรัชกาลสมเดจ็ พระเจาทรงธรรม การจลาจลวนุ วาย พฒั นาชาติไทย โดยใหนําขอ มูลมาจัดทําในรปู แบบเสนเวลา (Timeline)
และการขึ้นครองราชยข องพระมหากษตั ริยพ ระองคใ หม เขียนขึน้ เมือ่ พ.ศ. 2183 นาํ เสนอทีห่ นา ช้ันเรยี น
104 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Engage
กระตนุ ความสนใจ
ครูนําสนทนาเกย่ี วกับประวัติและผลงานของ
ò. ประวµั áิ Åะ¼Åงาน¢ÍงºØคคÅสÓคÞั ãนสมัย¸นºØรี บคุ คลสาํ คญั ในสมยั ธนบุรี จากน้ันใหน ักเรยี น
ยกตวั อยา งชอ่ื บคุ คลสาํ คญั ทน่ี กั เรยี นรจู กั พอสงั เขป
ประวัติและผลงานของบุคคลส�าคัญในสมัยธนบุรีที่มีส่วนใน
การสร้างสรรคช์ าตไิ ทย มดี ังนี้
สาํ รวจคน หา Explore
๒.1 สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราช
สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราช มพี ระนามเดิมว่า สนิ บิดาเปน็
คนจีนอพยพเขา้ มาท�ามาหากนิ ในกรงุ ศรีอยุธยาชื่อ ไหฮอง มารดา ครใู หน กั เรยี นศกึ ษาเกย่ี วกบั ประวตั แิ ละผลงาน
เปน็ คนไทยชอ่ื นกเอย้ี ง นายสนิ เกดิ สมยั พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศ เมื่อ ของบุคคลสาํ คญั ในสมัยธนบุรีทีม่ ีสว นในการ
ครง้ั เยาว์วัย เจา้ พระยาจักรีขอนา� ไปเลีย้ งเปน็ บุตรบญุ ธรรม ทา� ให้มี สรา งสรรคช าตไิ ทยจากหนงั สอื เรยี น หนา 105-113
โอกาสเล่าเรียนและถวายตัวเปน็ มหาดเลก็ ต่อมาไดร้ ับการผนวช ในหวั ขอตอ ไปน้ี
ตามประเพณี และภายหลงั สึกแลว้ ไดเ้ ข้ามารบั ราชการ
นายสินรับราชการและมีต�าแหน่งเป็นหลวงยกกระบัตร 1. สมเดจ็ พระเจาตากสนิ มหาราช
และพระยาตาก เจา้ เมอื งตาก ครั้นเม่ือพมา่ ยกทพั มาล้อม 2. สมเดจ็ เจา พระยามหากษัตรยิ ศึก (ทองดว ง)
3. เจา พระยาสรุ สีห (บุญมา)
กรุงศรีอยุธยา พระยาตากก็ได้ถูกเรียกตัวให้ พระบรมราชานุสาวรียสมเด็จพระเจาตากสินมหาราช อธบิ ายความรู Explain
เข้ามาช่วยราชการและมีต�าแหน่งเป็นพระยา กษตั รยิ ผ ูกอบกเู อกราชของชาติไทย
วชริ ปราการ เจา้ เมอื งกา� แพงเพชร แตย่ งั มไิ ด้ 1. ครูใหนักเรยี นชว ยกนั อธิบายพระราชประวตั ิ
ขน้ึ ไปครอง เพราะขณะน้นั ตอ้ งชว่ ยราชการป้องกันกรุงศรีอยธุ ยาจากพม่า ของสมเด็จพระเจา ตากสนิ มหาราชมาพอ
ขณะทก่ี องทพั พมา่ ยกมาประชดิ ตดิ พระนครและลอ้ มกรงุ ศรอี ยธุ ยาพรอ้ มกบั ยงิ ปน ใหญเ่ ขา้ ไป สงั เขป
ในก�าแพงเมืองจนเกิดความระสา�่ ระสายอย่างหนัก พระยาตาก (สนิ ) เห็นว่าคงจะเสียกรงุ ศรอี ยุธยา (แนวตอบ สมเดจ็ พระเจาตากสนิ มหาราช
อย่างแน่นอน จึงรวบรวมทหารไทย-จีนได้ประมาณ ๑,๐๐๐ คน แหวกฝาวงล้อมข้าศึกไปทาง มีพระนามเดิมวา สนิ บดิ าเปน คนจีน
หวั เมอื งตะวนั ออกจนกระทง่ั สามารถยดึ เมอื งระยอง จนั ทบรุ ไี ด ้ ขณะทก่ี รงุ ศรอี ยธุ ยาถกู พมา่ ตแี ตก สวนมารดาเปนคนไทย เกดิ ในสมยั พระเจา
และตกอยู่ในอา� นาจของพมา่ อยหู ัวบรมโกศ เมื่อครงั้ เยาววยั เจาพระยาจกั รี
พระยาตาก (สนิ ) รวบรวมผ้คู น อาวธุ พาหนะ และยกทัพจากจันทบุรีมายึดเมืองธนบุรแี ละ ขอนําไปเลี้ยงเปนบุตรบญุ ธรรม จงึ มโี อกาส
โจมตีค่ายโพธ์ิสามต้นของสุก้ีพระนายกองของพม่าจนสามารถกอบกู้กรุงศรีอยุธยาเป็นผลส�าเร็จ เลาเรียนและถวายตัวเปนมหาดเล็ก ตอมา
ภายหลังกรุงศรอี ยธุ ยาเสยี แกพ่ มา่ ได ้ ๗ เดือน หลงั จากนั้นพระยาตาก (สิน) พจิ ารณาสภาพการณ ์ ไดรับการผนวช ภายหลงั ไดสกึ ออกมา
ขไดอ้ งจกึงรตุงศัดรสีอินยใจุธยย้าายโดรยาชถธ่ีถา้วนนีไแปลอ้วยเหู่ท็น่ีกรวุง่าธทนรบุดุรโ1ทีในร มพม.าศก. เ๒ก๓ิน๑กว๑่า ทแ่ีจละะฟกรนะฟทูข�าึ้นพมิธาีบใรหมมร่ใาหช้เาหภมิเษือนกเเปด็นิม และกลับเขารบั ราชการจนมตี าํ แหนง เปน
พระมหากษตั รยิ ข์ องอาณาจกั รธนบรุ ี ทรงพระนามวา่ สมเดจ็ พระบรมราชาท ี่ ๔ แตค่ นทวั่ ไปเรยี กวา่ หลวงยกกระบัตร และไดเ ลือ่ นเปนพระยาตาก
สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราชหรอื สมเด็จพระเจา้ กรงุ ธนบุรี ครองราชสมบตั ิอยูท่ ี่กรงุ ธนบรุ จี นถึง เจาเมอื งตาก และพระยาวชริ ปราการ เจา เมือง
พ.ศ. ๒๓๒๕ จงึ สน้ิ สดุ สมยั ของพระองค์ กาํ แพงเพชรตามลาํ ดบั แตย งั ไมท นั ไดครอง
เมอื งกําแพงเพชร ก็ถกู เรียกตวั ใหเ ขารับ
1๐๕ ราชการในกรุงเพอื่ ปอ งกันพระนครจากขาศึก)
2. ครสู ุมเรยี กนักเรยี น 2-3 คน ออกมาเลา
เหตกุ ารณท พี่ ระยาตาก (สนิ ) รวบรวมผูค น
และกลับมากอบกกู รุงศรีอยธุ ยาเปน ผลสําเรจ็
และไดสถาปนากรงุ ธนบรุ เี ปน ราชธานีแหงใหม
แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETดิ
นกั เรียนควรรู
ขอใดเปน เหตุผลทท่ี าํ ใหพระยาตาก (สนิ ) ตัดสินใจฝาวงลอ มพมา ออกไป 1 ยายราชธานีไปอยูทก่ี รงุ ธนบุรี พระราชพงศาวดารกลา ววา พระยาตาก (สนิ )
ทางทิศตะวนั ออกกอ นการเสยี กรุงศรีอยธุ ยาครั้งท่ี 2 ไดพ ักแรมอยทู พี่ ระที่นง่ั ทรงปนในพระราชวังหลวง ไดฝน วา พระเจาแผน ดินองคกอ นๆ
ของกรงุ ศรอี ยุธยามาขับไลไ มใ หอยู คร้นั ถงึ รงุ เชา จงึ เลาใหบรรดาไพรพ ลฟง จงึ ชวน
1. ไมเหน็ ดว ยกบั แผนการตั้งรับศกึ พมา ไพรพลไปสรางกรุงธนบรุ เี ปน ราชธานี
2. ตองการหนเี อาตวั รอดเชน เดียวกับขุนนางคนอ่ืนๆ
3. ไมส ามารถทนตอ ความอดอยากภายในกรงุ ศรีอยธุ ยา
4. ตอ งการรวบรวมไพรพลเพือ่ มาสูรบกับพมาในภายหลัง
บเศูรณรากษารฐกิจพอเพยี ง
วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เมอ่ื ครงั้ พมายกกองทพั เขา มาลอ ม
กรงุ ศรีอยุธยาพรอมกับยิงปน ใหญเขาไปในพระนครอยา งตอเนอ่ื ง จนภายใน
เกิดความระสํา่ ระสายอยางหนัก พระยาตาก (สนิ ) ซึ่งเขามารบั ราชการอยูใ น ครูขออาสาสมัครนักเรยี น 1 คนออกมาเลา พระราชประวตั ิ พระราชกรณยี กจิ
พระนครเลง็ เห็นวาคงจะรกั ษากรุงไวไ มไ ดอ ยา งแนน อน จึงไดท ําการรวบรวม และพระปรีชาสามารถของสมเด็จพระเจา ตากสนิ มหาราช
ทหารไทยและจีนไดป ระมาณ 1,000 คน แหวกฝาวงลอมขาศกึ ไปทาง
หัวเมอื งตะวนั ออก จนกระทงั่ ยดึ เมอื งจนั ทบรุ ีเปนที่ม่นั ในการเตรยี มกาํ ลัง จากนนั้ ใหนกั เรียนรวมกนั แสดงความคดิ เหน็ วา สมเด็จพระเจาตากสนิ มหาราช
ไพรพ ล เสบยี งอาหาร และอาวธุ ไวใ หพรอ มสาํ หรบั การกเู อกราช ทรงมพี ระราชประวัติหรือพระราชกรณียกิจใดบางทีส่ อดคลอ งกับหลกั ปรัชญา
เศรษฐกิจพอเพยี ง
คูม อื ครู 105
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expore Expand Evaluate
Engaae Explain Explain
อธบิ ายความรู
ครูซกั ถามนักเรียนวา เพราะเหตใุ ดสมเด็จ เสน เวลา
พระเจาตากสนิ มหาราชจึงไดร บั การถวายพระราช แสดงเหตกุ ารณส าํ คญั ในสมยั สมเดจ็ พระเจา ตากสนิ มหาราช
สมญั ญานาม “มหาราช” พ.ศ.
๒๓๐๕ ๒๓๐๙ 1 ตลอดระยะเวลาท่ีสมเด็จพระเจ้าตากสิน
(แนวตอบ เพราะสมเด็จพระเจาตากสินมหาราช มหาราชเสด็จครองราชย์ ๑๕ ปี พระองค์ทรงมี
ทรงเปน พระมหากษัตรยิ ท ท่ี รงพระปรีชาสามารถ ยดึ ไดเ้ มืองระยอง ชลบุรี จนั ทบุรี
มคี วามกลา หาญ รักชาติ โดยพระราชกรณยี กิจ
ที่สาํ คัญของพระองคก ค็ ือ การกอบกเู อกราชใหแก พระราชกรณีิยกิจหลายประการ ที่ส�าคัญได้แก ่
ชาติไทยจนมอี สิ รภาพตราบเทา ทกุ วันน้ี และการทํา การกอบกู้เอกราชจากพม่า การรวมพระราช
สงครามปอ งกันราชอาณาจักรใหรอดพนจากการ อาณาจักรด้วยการปราบชุมนุมต่างๆ ท่ีต้ังตัว
รุกรานของขา ศกึ ศัตรู ซ่งึ เหลาอาณาประชาราษฎร เป็นใหญ่หลงั เสยี กรุงศรอี ยุธยา ท�าใหบ้ า้ นเมอื ง
ท่ีสํานึกในพระมหากรุณาธิคณุ ไดพากนั ยกยอ งถวาย ๒๓๑๐ ๒๓๑๐ 2 พน้ จากสภาพจลาจล รวมทง้ั การฟน ฟพู ระราช
พระเกียรตพิ ระองคทา นวา “มหาราช” และไดมี อาณาจกั รทกี่ า� ลงั ทรดุ โทรมอยา่ งหนกั ใหก้ ลบั มา
การสรางพระบรมราชานุสาวรยี เ พื่อนอมรําลกึ ใน ตีค่ายโพธสิ์ ามต้นของสุกพ้ี ระนายกองแตก
พระเกียรตปิ ระวตั แิ ละเกียรติคุณของพระองค) ๒๓๑๑
- กระทา� พิธบี รมราชาภิเษกเป็นพระเจ้าแผ่นดนิ
- ยกทัพไปตีเมืองพิษณโุ ลก และตไี ด้เมือง มีความเจริญรงุ่ เรอื งอีกด้วย
นครราชสีมา นครศรีธรรมราช สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ทรง
ตรากตร�าท�าศึกสงครามอย่างหนักเพื่อปกป้อง
พระราชอาณาเขตและราษฎรให้ปลอดภัย
พระองค์ทรงปกครองบ้านเมืองอย่างเข้มแข็ง
และเด็ดขาดเพ่ือความอยู่รอดของบ้านเมืองจน
๒๓๑๕ ๒๓๑๓ บางครั้งพระองค์ต้องทรงประหารชีวิตขุนนางที่
- ตไี ดเ้ มอื งพษิ ณโุ ลก สวางคบรุ ี สวรรคโลก พชิ ยั ละเมิดค�าส่งั ด้วยพระองค์เองกเ็ คยมี แต่ในขณะ
สโุ ขทัย ก�าแพงเพชร นครสวรรค์
- ตไี ดก้ ัมพชู า
๒๓๑๗
ทรงยกทัพไปรบพมา่ ท่ีบางแก้ว เดยี วกนั พระองคก์ ท็ รงสนพระราชหฤทยั ในการ
๒๓๑๘ ทา� นบุ า� รงุ พระพทุ ธศาสนาเปน็ อยา่ งยงิ่ จนกระทงั่
ทรงรบกับพม่าคราวอะแซหวุ่นกี้ตีหัวเมืองเหนือ ถึงตอนปลายรัชกาล เนื่องจากพระองค์ทรง
ทพ่ี ษิ ณุโลก ตรากตร�าพระราชกรณียกิจอย่างหนักและทรง
๒๓๒๐ เครง่ เครยี ดในการแกป้ ญ หาของบา้ นเมอื ง ทา� ให้
พระองค์ต้องทรงประสบกับความเศร้าสลดใน
บั้นปลายของพระชนมช์ ีพ
พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระเจ้า
๒๓๑๙ ตากสนิ มหาราชทกี่ ลา่ วมานบั วา่ เปน็ คณุ ประโยชน ์
ทรงบา� เพญ็ ธรรมในพระอโุ บสถทว่ี ดั บางยเ่ี รอื นอก
๒๓๒๔ ตอ่ แผน่ ดนิ ไทยอยา่ งมากมาย ประชาชนชาวไทย
เกิดจลาจลในกรุงธนบุรแี ละเกดิ กบฏพระยาสรรค์ จึงถวายพระราชสมัญญานาม “มหาราช” แด่
๒๓๒๕
๒๓๒๕ ทรงถกู ส�าเรจ็ โทษ พระองค์
1๐๖
นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET
จากการศึกษาเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระเจาตากสนิ มหาราช
1 จนั ทบรุ ี ในการตีเมอื งจันทบรุ ี พระยาตาก (สิน) ไดเ ขา ตเี มืองตอนกลางคืน นักเรยี นคดิ วาพระราชกรณยี กจิ ในเรื่องใดของพระองคที่มคี ุณคา ย่งิ ตอ ชาติไทย
โดยส่งั นายและไพรเมอ่ื หุงขาวเยน็ กินเสรจ็ แลว ใหท ้งิ อาหารทีเ่ หลอื และทบุ หมอขา ว แนวตอบ พระราชกรณียกิจท่ีมีคณุ คา ยิ่งตอชาติไทยก็คอื การกอบกูเอกราช
เสยี ใหห มด หมายเขา ไปกินขา วเชาดว ยกนั ในเมืองในวันรงุ ขึน้ ถาตเี อาเมืองไมไ ด โดยกอ นท่ีกรุงศรอี ยธุ ยาจะเสยี ใหแกพ มา สมเด็จพระเจาตากสินมหาราช
ก็จะขอตายดวยกนั ผลปรากฏวาสามารถตเี มอื งจนั ทบรุ ไี ด เมือ่ คร้งั มตี ําแหนงเปนพระยาตาก เจา เมืองตาก ไดเ ล็งเห็นวาคงไมมที าง
2 คา ยโพธส์ิ ามตน คา ยของพลมอญประมาณ 30,000 คน ภายใตการนาํ ของสกุ ี้ ทจ่ี ะรักษากรงุ ไวได จงึ ตดั สินใจนาํ ไพรพ ลจํานวนหนง่ึ ตีฝา วงลอมพมาออกไป
ซึง่ เปนชาวมอญที่มีความดคี วามชอบตีคายบางระจนั ไดเปน แมทัพ มหี นาทีค่ อยสบื จับ มงุ หนา สหู ัวเมืองชายทะเลตะวันออก โดยยดึ จนั ทบุรเี ปนฐานท่มี ัน่ ในการ
ผคู นและเก็บทรัพยส ิง่ ของสงไปยังพมา กอบกูเอกราช หลังจากนน้ั ไดร วบรวมไพรพ ลเขา ตเี มืองธนบรุ ี ท่ีพมา ให
นายทองอนิ รักษาการ และเขา ตคี ายโพธส์ิ ามตนของสกุ พี้ ระนายกอง
มมุ IT ที่กรงุ ศรีอยธุ ยาไดสําเรจ็ โดยใชเ วลาในการกอบกเู อกราชประมาณ 7 เดอื น
หากไมมีพระองคเ ปนผูนาํ คนไทยก็ตอ งสูญส้ินเอกราชโดยอยูภ ายใต
ศกึ ษาคนควา ขอมลู เพมิ่ เติมเกีย่ วกับการกูเอกราชของสมเดจ็ พระเจา ตากสิน การปกครองของพมา และระหวางทพี่ ระองคค รองราชสมบตั ใิ นสมัยธนบรุ ี
มหาราช ไดท ่ี http://heritage.mod.go.th/king/taksin/taksin.htm ก็ทรงเปน ผนู าํ ที่เปย มไปดว ยความกลา หาญ เด็ดเดยี่ ว และรกั ชาติ สมควร
ทไ่ี ดรบั การเทดิ ทูนและเคารพบูชาจากปวงชนชาวไทย
106 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
กระตนุ ความสนใจ Engage
àÊÃÔÁÊÒÃÐ พระยาพิชัยดาบหัก ครเู ปด เพลง พระยาพิชัยดาบหกั ขับรอ งโดย
แอด คาราบาว ใหนกั เรียนฟง จากน้ันตั้งคาํ ถาม
พระยาพิชัย เปนขุนนางท่ีรับราชการในรัชกาลสมเด็จพระเจาตากสิน กระตุนความสนใจของนกั เรยี น เชน
มหาราช และเปนอีกผูหน่ึงท่ีสรางคุณประโยชนใหแกแผนดินไทย พระยาพิชัย • พระยาพชิ ยั ดาบหักเปน ใคร และมีความ
เดมิ ชื่อ จอ ย เกิดทเ่ี มืองพิชยั (ปจจบุ ันคอื อําเภอหน่ึงในจงั หวดั อตุ รดิตถ) เมือ่ สําคัญอยา งไรในประวตั ิศาสตรไ ทย
ยังเยาววัย บิดามารดาไดนําไปฝากเปนศิษยวัด จึงไดเลาเรียนหนังสือ
และมคี วามสนใจการชกมวย พระยาตาก (สนิ ) เห็นฝมือการชกของ • ทําไมพระยาพิชยั จงึ ไดน ามวา “พระยาพชิ ัย
จอ ยจงึ ชวนใหม าอยดู ว ย ตอ มาไดร บั การแตง ตง้ั เปน หลวงพชิ ยั อาสา ดาบหัก”
หลวงพชิ ยั อาสาไดตดิ ตามรว มรบกบั พระยาตาก (สนิ ) อยาง
กลา หาญมาโดยตลอด ภายหลงั ทป่ี ราบชมุ นมุ เจา พระฝางไดแ ลว สาํ รวจคน หา Explore
สมเด็จพระเจาตากสินมหาราชจึงโปรดเกลาฯ ใหเลื่อนยศเปน
พระยาพชิ ัย เจา เมืองพิชัย ครใู หนักเรยี นศึกษาคนควาเก่ียวกับชวี ประวตั ิ
ใน พ.ศ. ๒๓๑๖ โปสพุ ลา แมท พั พมา ไดย กทพั มาตเี มอื ง ของพระยาพิชยั ดาบหักจากหนงั สอื เรยี น หนา 107
พชิ ยั แตเ จา พระยาสรุ สหี (บญุ มา) และพระยาพชิ ยั รขู า วจงึ ยกทพั และจากแหลงการเรยี นรูตา งๆ เพิ่มเตมิ จากน้นั
ไปสกัด พระยาพิชัยถือดาบสองมือฟาดฟนขาศึกจนดาบขาง อภิปรายสาระสําคญั รวมกันในช้นั เรยี น
ขวาหกั แตก ็ไมไดท อถอย ยังคงสูกบั ขาศึกตอจนกองทัพธนบรุ ี
สามารถขับไลขาศึกใหแตกถอยกลับไป ดวยเหตุนี้ พระยาพิชัย อธบิ ายความรู Explain
จงึ ไดร บั สมญาวา พระยาพชิ ยั ดาบหกั เมอื่ สมเดจ็ พระเจา ตากสนิ
มหาราชถูกสําเร็จโทษ พระยาพิชยั ดาบหักจึงขอตายตาม 1. ครูสมุ นกั เรยี นออกมาอธิบายวรี กรรมของ
ชีวิตของพระยาพิชัยดาบหักเปนตัวอยางที่ดีของ พระยาพิชยั จนไดร ับสมญาวา “พระยาพิชัย
ผูท่ีประสบความสําเร็จในชีวิต ใฝหาความรูตั้งแตเยาววัยจน ดาบหกั ” ที่หนาช้ันเรียน
รอบรใู นเรอ่ื งตา งๆ มคี วามกลา หาญ รกั ชาตบิ า นเมอื ง ซอื่ สตั ย
และมีความจงรักภักดีตอผูมีพระคุณ สมควรแกการยกยอง 2. ครตู ัง้ ประเดน็ คาํ ถามวา จากความจงรักภักดที ี่
พระยาพิชัยดาบหักมตี อ สมเดจ็ พระเจา ตากสนิ
เชดิ ชอู ยา งย่งิ อนุสาวรยี พระยาพิชยั ดาบหกั 1ประดษิ ฐานอยู มหาราช นักเรยี นคิดวามคี วามสําคญั ในการ
2 หนา ศาลากลางจังหวดั อตุ รดติ ถ ดาํ เนนิ ชวี ติ ในปจ จบุ นั มากนอ ยเพยี งไร จากนนั้
ใหน ักเรียนในชน้ั เรียนระดมความคดิ รว มกนั
บา นเกดิ พระยาพชิ ัยดาบหกั ท่บี า นหวยคา ตาํ บลในเมือง อําเภอพชิ ยั ในการตอบ
จังหวัดอตุ รดติ ถ ปจจุบันไดพฒั นาเปน สถานทที่ องเทยี่ วทสี่ ําคัญ
อีกแหงหน่งึ ของจงั หวัด ขยายความเขา ใจ Expand
ครูใหน ักเรียนเขียนเรยี งความเกีย่ วกับ
เกยี รตปิ ระวัตขิ องพระยาพชิ ยั ดาบหัก และการนาํ
คุณความดขี องทา นไปเปน แบบอยางในการดาํ เนิน
ชีวิต แลว นาํ เสนอทีห่ นาชัน้ เรยี น
ตรวจสอบผล Evaluate
แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด ครูตรวจเรียงความเกยี่ วกับเกยี รตปิ ระวตั ิของ
พระยาพชิ ยั ดาบหักของนกั เรียน
พระยาพชิ ยั ดาบหกั มบี ทบาทสาํ คัญตอบานเมอื งอยา งไร และนกั เรียน
สามารถนําคุณความดีของพระยาพชิ ัยดาบหักมาเปนแบบอยางในการ นักเรยี นควรรู
ดาํ เนินชีวิตไดอ ยางไร
แนวตอบ พระยาพชิ ยั ดาบหกั เปน ขนุ นางผหู น่งึ ทรี่ ับราชการในแผน ดนิ 1 อนสุ าวรยี พ ระยาพชิ ยั ดาบหกั สรา งขนึ้ เพอื่ ระลกึ ถงึ เกยี รตคิ ณุ ในเรอื่ งความองอาจ
สมเด็จพระเจาตากสนิ มหาราช เมื่อพมา ไดยกทพั มาตเี มืองพชิ ยั ใน พ.ศ. กลาหาญ รักชาติ และเสยี สละของพระยาพชิ ัยดาบหัก โดยชาวจงั หวดั อุตรดติ ถได
2316 พระยาพชิ ัยไดเ ขา รวมในกองทัพธนบรุ ีและถือดาบสองมอื เขา ตอสกู ับ รวมใจกันสรา งอนสุ าวรียพระยาพชิ ัยดาบหักข้นึ ทําพิธีเปด เมือ่ วนั ที่ 20 กมุ ภาพนั ธ
ขา ศึกจนดาบหกั แตก็ไมถ อยหนี ยังคงสจู นทพั ธนบุรีสามารถขบั ไลข าศกึ ออก พ.ศ. 2512
ไปได ภายหลังเมื่อสมเดจ็ พระเจา ตากสนิ มหาราชถกู สําเรจ็ โทษ พระยาพชิ ัย 2 บา นเกิดพระยาพชิ ัยดาบหัก นอกจากเรอื นพระยาพชิ ยั ดาบหักแลว บริเวณ
จึงขอตายตามดว ย จากที่กลา วมาแสดงใหเหน็ ถงึ แบบอยางทีด่ ขี องทานใน ใกลเคยี งยังมพี พิ ธิ ภณั ฑพระยาพชิ ยั ดาบหัก ซง่ึ ภายในจัดแสดงหนุ จาํ ลองการสงคราม
เรอื่ งความกลาหาญ รกั ชาติ ซอ่ื สตั ย และจงรักภกั ดตี อ เจานาย ซ่งึ สามารถ ในสมัยโบราณ วิถชี วี ิตของผูค นในสมัยอยุธยาตอนปลาย ภาพวาดเลา เร่ืองวรี กรรม
นาํ มาปรบั ใชในการดําเนินชวี ติ ได เชน การแสดงความคดิ เห็นโตแยงอยา งมี ของพระยาพชิ ัยดาบหัก รวมถงึ ตจู ัดแสดงโบราณวัตถุตา งๆ อนสุ าวรยี พ ระยาพชิ ยั
เหตุผลในที่ประชมุ ชมรม การเขารวมกิจกรรมถวายพระพร การแสดงความ ดาบหกั เปน ตน เพอ่ื ใหเ ปน แหลง ทอ งเทย่ี วทางประวตั ศิ าสตรข องจงั หวดั อตุ รดติ ถ
เคารพดว ยการยืนตรงเมือ่ ไดยินเพลงชาติ การไมลอกขอ สอบในหอ งเรียน
เปน ตน มุม IT
ศึกษาคนควา ขอ มลู เพ่ิมเติมเกีย่ วกับพระยาพิชัยดาบหัก ไดที่ http://www.
uttaradit.go.th เว็บไซตจงั หวัดอตุ รดิตถ
คูม ือครู 107
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expore Expand Evaluate
Engaae Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ครตู งั้ คาํ ถามวา สมเดจ็ เจา พระยามหากษตั รยิ ศ กึ ๒.๒ สมเด็จเจา้ พระยามหากษตั รยิ ์ศกึ (ทองด้วง)
(ทองดวง) มีประวตั คิ วามเปน มาอยางไร
จากนนั้ สมุ นักเรยี นออกมาอธบิ ายทหี่ นา ชน้ั เรียน สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก มีนามเดิมว่า ทองด้วง เป็นบุตรของพระอักษรสุนทร
(แนวตอบ สมเด็จเจา พระยามหากษัตริยศึก (ทองด)ี เสมยี นตรากรมมหาดไทยในแผน่ ดนิ พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศ โดยมมี ารดาชอ่ื ดาวเรอื ง (หยก)
มีนามเดิมวา ทองดวงหรอื ดวง เปนบตุ รของ ตอ่ มาเมอ่ื มีอายพุ อสมควรแลว้ นายทองดว้ งเข้ารบั การอุปสมบท ภายหลงั จากลาสิกขาบทแลว้ ได้
พระอกั ษรสุนทร (ทองด)ี เสมียนตรากรม ทา� พธิ สี มรสกบั สภุ าพสตรที ช่ี อ่ื นาค บตุ รขี องเศรษฐที องและนางสนั้ ชาวบา้ นอมั พวา แขวงบางชา้ ง
มหาดไทยในแผนดนิ พระเจาอยูหวั บรมโกศ เมืองสมทุ รสงคราม ต่อมานายทองด้วงเข้ารบั ราชการในตา� แหนง่ หลวงยกกระบตั ร
กับนางดาวเรือง (หยก) เมอื่ เด็กชายดวงมอี ายุ ราชธาคนรแี ั้นลสว้ มเมเด่อื ็จ พพร.ศะเ. จ๒้า๓ต๑า๑กส หินมลวหงายรกากชรกะอบบตั กร1ู้อไดิสเ้รขภ้าามพาจราบั กรพาชมก่าาแรลใะนทกรรงงุ สธถนาบปุรนแี าลกะรไดุงธร้ นบั บแตุรีเง่ ปต็น้งั
ครบ 13 ป บิดามารดาไดท ําพิธตี ดั จกุ ให เปน็ พระราชรนิ ทร์
จากนนั้ จึงไดถ วายตัวใหเปน มหาดเล็กในเจา ฟา ใน พ.ศ. ๒๓๑๑ พระราชรินทร์ (ทองด้วง) ได้ยกทัพไปรบกับข้าศึกที่ด่านขุนทด เมือง
อุทุมพร กรมขนุ พรพินติ กระทง่ั นายดวงมีอายุ นครราชสีมา จนกองทัพข้าศึกหลบหนีไปเมืองเสียมราฐ สงครามคร้ังนี้สามารถจับตัวเจ้าพิมาย
ครบ 22 ป จึงอปุ สมบทเปน พระภิกษุ และไดมี (พกรระมยหามอภนื่ เยั ทรพณพฤพิทธิธ)ิ์2 มาถวายสมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชได ้ โปรดใหเ้ ลอ่ื นพระราชรนิ ทรข์ นึ้ เปน็
โอกาสรูจกั เปนมติ รกบั พระภกิ ษหุ ยง (ซ่งึ ตอ มา ต่อมาหลังสงครามปราบปรามชุมนุมเจ้าเมืองพิมายแล้ว คร้ันถึง พ.ศ. ๒๓๑๒ สมเด็จ
ก็คือ สมเด็จพระเจา ตากสินมหาราช) และเม่อื พระเจา้ ตากสนิ มหาราชรบั สงั่ ใหพ้ ระยาอภยั รณฤทธยิ์ กทพั ไปตเี มอื งเขมร สามารถยดึ เมอื งเสยี มราฐ
ลาสิกขาบทแลว นายหยงและนายดว งกไ็ ด และรอทพั หลวงทจี่ ะยกทัพข้ึนไป แตเ่ มือ่ รับทราบขา่ วลือวา่ สมเดจ็ พระเจ้าตากสินมหาราชท่เี สดจ็
มีโอกาสเขารบั ราชการ ตอ มาในตอนปลาย ยกทัพไปรบและสวรรคตที่เมืองนครศรีธรรมราช จึงต้องยกทพั กลับกรงุ ธนบุรี
แผนดินกรุงศรีอยุธยา นายหยงมีตําแหนงเปน
หลวงยกกระบัตร เมืองตาก และเปลย่ี นชือ่ ใหม เสน เวลา
เปน “สิน” สวนนายดว งกร็ ับราชการดว ยดี แสดงเหตกุ ารณส าํ คญั ของสมเดจ็ เจา พระยามหากษตั รยิ ศ กึ (ทองดว ง)
จนไดเปน หลวงยกกระบตั ร เมืองราชบุรี
บิดามารดาเมอ่ื เห็นวา นายดวงไดบวชเรียนและ ๒๓๐๓ ๒๓๑๑ ๒๓๑๓
มงี านทําเปนหลกั ฐานแลว จึงไดไ ปสขู อลูกสาว รบั ราชการที่เมอื งราชบรุ ี เข้ามารับราชการกับ
เศรษฐใี หญช าวอมั พวา จงั หวดั สมทุ รสงคราม สมเดจ็ พระเจ้าตากสินมหาราช เพไจดรา้ร้ ะพับยรแาะยตยมง่ าตรจ้ังาักเชรป3 ีต็นแาลมะล�าดับ
ชือ่ นาค ใหสมรสกบั บตุ รชาย) และได้รับแต่งตัง้ เปน็ ไดร้ บั แตง่ ต้งั เปน็ พระราชรินทร์ และ
หลวงยกกระบัตร ต่อมาได้เลือ่ นเปน็ พระยาอภัยรณฤทธิ์
2. ครใู หน กั เรียนชวยกนั บอกตําแหนง ทางราชการ ๒๓๐๕ ๒๓๑๐
ของสมเดจ็ เจา พระยามหากษตั รยิ ศ กึ (ทองดว ง) พ.ศ. ๒๓๐๐
ตง้ั แตเขา รบั ราชการจนถึงตําแหนงสูงสดุ
๒๓๑๒
ยกทัพไปตเี ขมรและ
ยึดเมอื งเสยี มราฐ
1๐๘
นักเรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET
ขอ ใดกลา วถึงบทบาทของสมเดจ็ เจา พระยามหากษตั รยิ ศ กึ (ทองดว ง)
1 หลวงยกกระบตั ร ในพระราชพงศาวดารฉบบั พระราชหตั ถเลขากลาวถึง ไดถูกตอ ง
การเขาถวายตัวของหลวงยกกระบัตร มีความวา เมื่อสมเด็จพระตากสนิ มหาราชทํา 1. เปนแมทัพในการปราบชุมนุมเจาพระฝาง
พธิ บี รมราชาภิเษกแลว จงึ โปรดใหหลวงยกกระบัตรตัง้ บานเรือนอยูใ นกาํ แพง 2. เปนแมทพั คูพระทัยสมเดจ็ พระเจาตากสินมหาราช
พระนครฝงตะวันตกตรงปากคลองมอญขน้ึ ไป ทางเหนือถึงวัดบางหวาใหญ ปจ จบุ ัน 3. เปน ผูน าํ ในการกอบกเู อกราชภายหลงั เสียกรุงศรีอยธุ ยา
เปนกรมอทู หารเรือ 4. เปน แมทัพสูกับอะแซหวนุ ก้มี าลอ มเมืองพษิ ณโุ ลกและเปนฝายชนะ
2 พระยาอภัยรณฤทธิ์ ตาํ แหนงจางวางกรมพระตาํ รวจซา ย มีศกั ดนิ า 3,000 วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. สมเดจ็ เจา พระยามหากษตั รยิ ศ กึ (ทองดว ง)
3 เจา พระยาจกั รี เดมิ เจาพระยาจกั รี (แขก) ดํารงตําแหนง สมุหนายก เปน แมทพั คนสาํ คญั ในสมัยธนบรุ ี เปรียบดัง่ พระกรขา งขวาของสมเด็จพระเจา
ตอมาถกู ถอดออกจากตาํ แหนง สมหุ นายก คงเปนแตเจาพระยาจกั รี ภายหลัง ตากสนิ มหาราช รบั ราชการดว ยความซอ่ื สัตยแ ละจงรกั ภักดีมาโดยตลอด
ถงึ แกอ สญั กรรม พระยายมราช (สมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา จุฬาโลกมหาราช ผลงานสําคัญ เชน เปน แมท ัพไปตเี ขมร ตีไดเมืองพระตะบอง เสียมราฐ
แหง กรงุ รัตนโกสินทร) จึงข้ึนดาํ รงตาํ แหนง สมหุ นายกแทนและเลอ่ื นยศเปน ใน พ.ศ. 2312 ตเี ขมรอกี ครัง้ ใน พ.ศ. 2313 เปนแมท พั ไปตีเมอื งเชียงใหม
เจา พระยาจักรใี นคราวเดยี วกนั พ.ศ. 2317 รบกับพมาทีม่ าลอ มเมืองพิษณุโลก พ.ศ. 2318 เปน แมท ัพไปตี
เมืองเวียงจนั ทนใ น พ.ศ. 2321 และอัญเชญิ พระแกว มรกตกับพระบางมายัง
108 คมู อื ครู กรงุ ธนบรุ ี เปน ตน
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
ภายหลังปราบชุมนุมเจา้ พระฝางเปน็ ผลส�าเร็จใน พ.ศ. ๒๓๑๓ พระยาอภัยรณฤทธิ์ได้เลอื่ น ครตู งั้ คาํ ถามเพ่ือใหน ักเรียนอธิบายความรูวา
เป็นพระยายมราช และให้บัญชากรมมหาดไทยแทนสมหุ นายกด้วย ในปเี ดียวกนั นั้นไดร้ ับแต่งต้งั จากการศกึ ษาเกยี่ วกบั ประวตั ขิ องสมเดจ็ เจา พระยา
เป็นเจ้าพระยาจักรี ต�าแหน่งสมุหนายก และได้เป็นแม่ทัพบกคุมทัพไปตีเมืองพระตะบอง เมือง มหากษตั ริยศ กึ (ทองดวง) บทบาทของทา นท่ี
โพธสิ ตั ว ์ เมอื งบรบิ รู ณ ์ จนถงึ เมอื งบนั ทายเพชร ราชธานขี องเขมร สงครามครง้ั นป้ี ระสบความสา� เรจ็ โดดเดน ในสมัยธนบุรีจะเปน เรอ่ื งใด จงอธบิ าย
ครั้นถงึ พ.ศ. ๒๓๑๗ ได้เปน็ แม่ทพั ใหญ่คุมกองทัพหวั เมอื งฝายเหนือยกไปตีเมอื งเชียงใหม่ พรอมทง้ั ยกตัวอยา งประกอบ
ร่วมกับเจ้าพระยาสุรสีห์ และตีค่ายพม่าที่ออกมาต้ังรับอยู่นอกเมืองเชียงใหม่แตกหมดทุกค่าย
สงครามครั้งน้ีท�าให้กรุงธนบุรีตีได้เมืองเชียงใหม่ ล�าพูน ล�าปาง และแพร่ กลับมาอยู่ภายใน (แนวตอบ บทบาทโดดเดนจะเปนเร่อื งการทาํ
พระราชอาณาจกั รตามเดมิ สงคราม ไมว าจะเปนการเขารวมกอบกบู า นเมือง
ภายหลังเมือ่ พม่ายกทัพมาโจมตถี ึงบางแก้ว เมืองราชบุร ี ใน พ.ศ. ๒๓๑๗ เจ้าพระยาจกั รี กับสมเด็จพระเจาตากสินมหาราช หรือการทาํ
พาทูตเมืองน่านมาถวายเครื่องบรรณาการของเจ้าฟ้าเมืองน่านแด่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สงครามปอ งกนั ราชอาณาจักร โดยเปนกาํ ลงั สําคัญ
และได้รับพระราชทานพระแสงดาบฝกทองกับพระธ�ามรงค์เพชรวงหน่ึงเป็นบ�าเหน็จ แล้วได้รับ ของสมเด็จพระเจาตากสนิ มหาราช ดังเชน
พระราตช่อบมญั าชในาใ หพ้ไป.ศล. อ้๒ม๓พ๑ม๘า่ ทอบ่ี ะาแงซแหกว้วุ่นจนก1้ีคทุมัพกพอมง่าทแัพตพกหมน่ายีทกัพมกาลตับีหไัวปเมืองฝายเหนือและเข้าล้อม ใน พ.ศ. 2311 เมอ่ื ครง้ั รบั ราชการเปน พระราชรนิ ทร
เตมีไอืดง้ พพษิ มณ่าโุลล้อกมเออายไวู่ ท้ ๔กุ ดเา้ดนือ นเจจา้ ึงพเรขะ้ายเามจือกั งรไแี ดล2้ ะเเจจา้้าพพรระะยยาาสจรุ ักสรหี ีแพ์ ลยะาเยจา้ามพจระะตยคี าา่สยุรพสมีหา่ ์ยแกตทไ่ มัพส่ อาอมกาไรปถ ไดเ ขารวมทพั ในการปราบเจา พิมาย จนเสร็จศกึ
ตงั้ รวบรวมไพรพ่ ลทเี่ มอื งเพชรบรู ณ ์ ภายหลงั พมา่ ไดย้ กทพั กลบั ไปเนอ่ื งดว้ ยพระเจา้ มงั ระ กษตั รยิ ์ จงึ ไดเ ลอ่ื นเปนพระยาอภัยรณฤทธ์ิ และใน พ.ศ.
พมา่ สวรรคต จงิ กูจาราชบุตรไดร้ บั ราชสมบัตสิ บื ตอ่ จึงทรงมีรับส่ังให้กองทัพพมา่ กลับเมอื งอังวะ 2312 เปน แมทัพไปตเี มืองเขมร ยดึ ไดเ มือง
พระตะบอง เสียมราฐ แตภายหลังเกิดขาวลอื วา
๒๓๑๗ ๒๓๑๙ ๒๓๒๕ สมเด็จพระเจาตากสนิ มหาราชสวรรคตที่เมือง
- ยกทพั ไปตเี ชยี งใหม่ ยกทัพไปปราบเมืองนางรอง และตไี ด้ กลับมาจากเขมร นครศรีธรรมราช จึงยกทัพกลับ หรอื ใน พ.ศ. 2317
- ยกทพั ไปลอ้ มพมา่ นครจา� ปาศกั ด์ ิ รวมท้ังได้เมืองอัตปอ เพ่ือเวขิก้าฤมตากแากร้ไณข์ ไดรบั แตงตง้ั เปน เจาพระยาจักรี เปน แมท พั ไปตี
แเมลือะงเมโขอื งง ขเมุขือันงธส์ แรุ นิละทไรด ์ ร้เมับอืเลงือ่สนงั ขยะศ เมอื งเชียงใหมรวมกับเจาพระยาสรุ สหี นองชาย
ท่ีบางแกว้ และไปตี เป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศกึ ในกรุงธนบรุ ี หรอื ตอมาใน พ.ศ. 2318 ไดย กทัพไปสรู บกับ
ค่ายพมา่ ท่เี ขาชะงุม้ ให้ยตุ ลิ งได้ ทพั พมา ที่มอี ะแซหวนุ ก้เี ปนแมทพั ทีเ่ มอื งพิษณุโลก
๒๓๑๕ ๒๓๒๐ ศึกอะแซหวนุ กนี้ ับวามคี วามสาํ คัญมากจนตวั
๒๓๒๕ อะแซหวนุ ก้ถี ึงกับสรรเสริญในฝมอื การรบของ
เจา พระยาจักรี ตอมาใน พ.ศ. 2321 มยี ศเปน
สมเดจ็ เจาพระยามหากษัตริยศ กึ ไดเปน แมทัพ
ไปตเี มืองเวียงจนั ทน และอญั เชญิ พระแกวมรกต
และพระบางลงมายังกรงุ ธนบรุ ี เปน ตน )
๒๓๑๘ ๒๓๒๑ ๒๓๒๓ ๒๓๒๔
พมา่ ล้อมเมืองพิษณโุ ลก ตีได้เมืองเวยี งจนั ทน์ ยกทัพไปตกี ัมพูชา เกดิ จลาจลในกรุงธนบรุ ี
เจ้าพระยาจกั รคี ุมไพร่พล เมืองหลวงพระบางและ
ถอยไปต้งั ม่ันทเ่ี พชรบูรณ์ อัญเชิญเมพือรงะขแ้นึกตว้ า่มงรๆก ตแกลับะ 1๐๙
พระบางมายงั กรงุ ธนบุรี
กจิ กรรมสรา งเสรมิ นกั เรียนควรรู
ครใู หน กั เรยี นเขยี นเรยี งความเกย่ี วกบั ประวตั แิ ละผลงานของบคุ คลสาํ คญั 1 อะแซหวุนก้ี ในการทาํ ศกึ ที่เมืองพษิ ณโุ ลก อะแซหวนุ ก้ีไดย กยองฝมือของ
ในสมยั ธนบรุ ีที่นกั เรยี นรสู ึกประทับใจ พรอมทัง้ การนาํ คุณความดขี องบุคคล เจา พระยาจักรี วนั หนึ่งจงึ นัดเจรจาและเม่อื พบกนั แลวไดส อบถามอายุกนั ปรากฏวา
ทานนนั้ มาเปน แบบอยา งในการดําเนนิ ชีวติ จากน้นั นําเสนอท่ีหนา ชัน้ เรียน เจา พระยาจกั รมี ีอายุ 30 ปเศษ สวนอะแซหวุน ก้มี อี ายุ 72 ป อะแซหวุนก้ีจึงสรรเสริญ
วา รปู กง็ าม ฝมอื ก็เขม แขง็ สามารถสูร บกบั ตนได ขอใหร ักษาตวั ไว ภายหนาจะได
กจิ กรรมทาทาย เปน กษตั ริย
2 จงึ เขา เมอื งได เม่อื อะแซหวนุ ก้ีตงั้ ทัพอยใู นเมอื งแลวก็ไดป ระกาศแกแ มทพั
ครใู หน ักเรยี นคนควา ขอมลู เกี่ยวกับศึกอะแซหวุนกต้ี หี ัวเมืองเหนือ นายกองวา ไทยเดย๋ี วนฝ้ี ม อื เขม แขง็ นกั ไมเ หมอื นไทยแตก อ น การทเ่ี สยี เมอื งพษิ ณโุ ลก
จากแหลงการเรยี นรูตา งๆ จากนน้ั นาํ ขอมูลมาจัดทําในรปู แบบเสนเวลา ครงั้ น้เี พราะฝมอื ทหารแพเ ราน้ันหามไิ ด เหตเุ พราะอดขาวขาดเสบยี งจงึ เสยี เมือง
(Timeline) แสดงเหตุการณส ําคัญทางประวตั ิศาสตรท ่เี กิดขึน้ ในชวงเวลา และการทจี่ ะมารบกับไทยสืบไปภายหนา นัน้ แมทพั ทม่ี ีสตปิ ญญาแลฝม อื เพยี ง
ดงั กลา ว นาํ เสนอทห่ี นา ชน้ั เรยี น พรอมท้ังวเิ คราะหผ ลของเหตุการณท ี่มี เสมอเราและต่าํ กวา อยามาทาํ สงครามตไี ทยเลย จะเอาชนะเขามิได แมนดกี วาเรา
ตอ ชาติไทย จงึ จะทาํ ศกึ กบั ไทยไดช ยั ชนะ และเมอ่ื อะแซหวนุ กย้ี ดึ ไดเ มอื งนนั้ กพ็ อดกี บั ไดร บั ใบบอก
แจง ขา วพระเจา มังระสวรรคตและจงิ กูจา ราชโอรสสบื ราชสมบตั ิตอ และมคี ําสง่ั
ใหอะแซหวนุ กีย้ กทัพกลับไป
คมู ือครู 109
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Expore Expand Evaluate
Engaae Explain Explain
อธบิ ายความรู
ครตู ้ังคําถามใหนักเรียนตอบ เชน ใน พ.ศ. ๒๓๑๙ เจ้าพระยาจักรียกทัพไปปราบเมืองนางรองและนครจ�าปาศักด์ิได้ส�าเร็จ
• ในชวงปลายสมยั ธนบรุ ี สมเดจ็ เจาพระยา ท�าให้เมืองสุรินทร์ เมืองสังขะ และเมืองขุขันธ์ยอมอ่อนน้อมต่อกรุงธนบุรี คร้ันเสร็จศึกสงคราม
เจ้าพระยาจักรีได้รับเล่ือนยศขึ้นเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ครั้นถึง พ.ศ. ๒๓๒๑
มหากษัตริยศ กึ (ทองดวง) มบี ทบาทสาํ คญั สส�ามเเรด็จ็จแเลจะ้ายพังรไะดย้เามมือหงหากลษวงัตพริยระ์ศบึกากงับ1แเลจะ้าหพัวรเะมยือางสขุร้ึนสทีห้ัง์ยปกวทงัพขอไปงทตีั้เงมเมือืองงเวเวียียงงจจันันททนน์จ์แนลปะรเะมสือบงคหวลาวมง
ตอบานเมืองอยา งไร พระบางมาขึ้นต่อกรุงธนบุรีด้วย ในสงครามครั้งนั้น สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้อัญเชิญ
(แนวตอบ ในชวงปลายสมยั ธนบรุ ี ประมาณ มพารยะพังกทุ รธงุ มธหนาบมุร2ณดี ว้ รี ยตั นปฏมิ ากร (พระแกว้ มรกต) กบั พระบาง ซง่ึ ประดษิ ฐานอย ู่ ณ เมอื งเวยี งจนั ทน์
พ.ศ. 2323 เขมรเกิดการจลาจลและมใี จ ตอ่ มาใน พ.ศ. ๒๓๒๓ เขมรเกดิ จลาจลและมีใจฝก ใฝญวน สมเดจ็ เจ้าพระยามหากษัตรยิ ์ศึก
ฝก ใฝญวน สมเด็จเจา พระยามหากษัตริยศกึ ถืออาญาสิทธิ์เป็นแม่ทัพใหญ่ยกทัพไปตีเมืองเขมร กองทัพกรุงธนบุรีตีได้เมืองเสียมราฐ เมือง
ไดเปนแมท ัพใหญยกทพั ไปตีเมอื งเขมร จนยดึ บันทายเพชร แต่ยังมิทันตีพนมเปญด้วยกรุงธนบุรีเกิดจลาจล สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก
ไดเมืองเสยี มราฐ บันทายเพชร แตย ังไมท นั จ�าต้องเลิกทัพกลับมาแก้ไขสถานการณ์ในกรุงธนบุรีได้เป็นผลส�าเร็จ จับผู้ก่อการกบฏมาลงโทษ
ตีพนมเปญดว ยเพราะกรงุ ธนบุรเี กิดจลาจล สว่ นสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงถูกส�าเร็จโทษเพ่ือความสงบสขุ ของบ้านเมืองตามข้อเสนอ
เสียกอ น สมเดจ็ พระมหากษตั ริยศึกจึงตอง ของบรรดาขุนนางน้อยใหญ่
ยกทพั กลบั มาแกไขสถานการณภ ายใน จะเห็นได้ว่า ตลอดระยะเวลาท่ีสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกรับราชการแผ่นดินในสมัย
กรงุ ธนบุรีใหสงบ บานเมืองจึงกลับคนื สู สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชน้ัน ได้รับใช้สนองพระเดชพระคุณพระมหากษัตริย์และแผ่นดินมา
ภาวะปกติอกี คร้ัง) โดยตลอดดว้ ยความจงรกั ภักดี ทั้งน้เี พ่ือความมั่นคงของชาติบ้านเมืองและความผาสุกของราษฎร
• จากการศึกษาประวตั ิของสมเด็จเจา พระยา
มหากษัตริยศ ึก (ทองดวง) ทา นมีคณุ ความดี
ในเรื่องใดที่คนรนุ หลงั ควรถือเปน แบบอยา ง
(แนวตอบ เชน ความรกั ชาติ ความกลา หาญ
ความเสียสละ ความเปนผนู าํ เปน ตน )
สมเด็จเจาพระยามหากษัตริยศึกเสด็จกลับจากราชการทัพท่ีเขมร ภายหลังรับทราบขาวการจลาจลท่ีกรุงธนบุรี (ภาพจาก
หนังสือโคลงภาพพระราชพงศาวดารฯ)
11๐
นกั เรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET
สมเดจ็ เจาพระยามหากษัตริยศ ึกไดเ ขา มาคลี่คลายวกิ ฤตการณใ นกรุงธนบุรี
1 เมืองหลวงพระบาง เคยเปน เมอื งหลวงของลา นชา ง (ลาว) มากอ นกรงุ เวยี งจนั ทน ใหส งบไดอยางไร
ตามประวตั ศิ าสตรล าวไดก ลา วไวว า ชนชาตลิ าวไดอพยพมาจากจีน และมาตงั้ ถนิ่ ฐาน แนวตอบ สบื เนื่องจากในชวงปลายสมยั ธนบรุ ี ไดเกดิ กบฏข้ึนทีก่ รงุ เกา
ที่เมืองชวา (ภายหลงั เปลี่ยนชื่อเปนเมืองเชยี งทอง) และมกี ษัตรยิ ป กครองสืบมา จนถงึ สมเดจ็ พระเจาตากสนิ มหาราชโปรดใหพระยาสรรคไ ปสบื สวนเอาตัวผูกระทํา
ในสมัยพระเจาฟา งุม ทรงเปลีย่ นช่ือเปน หลวงพระบาง และในสมัยพระเจา โพธิสารได ผดิ มาลงโทษ แตพ ระยาสรรคกลบั ไปเขา กบั พวกกบฏ และคมุ กําลังมา
ยายเมืองหลวงไปอยูท่ีเมืองเวยี งจันทนแทน ตอมาอาณาจักรลานชางไดแ ตกออกเปน ตีกรงุ ธนบรุ ี แลว จับสมเดจ็ พระเจาตากสนิ มหาราชคมุ ขังไว การจลาจลใน
3 ฝา ย คอื หลวงพระบาง เวียงจนั ทน และจําปาศกั ดิ์ ตางมีอสิ ระไมขึน้ ตอกัน แตก็ กรุงธนบุรีทําใหส มเดจ็ เจา พระยามหากษัตริยศึกตองรีบยกทัพกลบั จากเขมร
มีกษตั ริยปกครองตอ มา จนถงึ ส้นิ สุดราชวงศเมอื่ ตกเปน เมอื งข้นึ ของสยาม เวยี ดนาม เม่อื ถงึ กรงุ ธนบุรีแลวจึงจดั การไตสวนเหตุการณทเี่ กิดขึน้ ท้งั หมดโดยปรึกษา
และฝร่งั เศส และดว ยเพราะหลวงพระบางมปี ระวัติความเปน มายาวนาน เปนราชธานี ขนุ นางขาราชการทัง้ ปวง ตา งลงความเหน็ วาเพื่อปองกนั มใิ หเ กดิ ปญหา
เกาแก มวี ดั วาอารามมากมาย มีบานเรอื นอันเปน เอกลักษณ จงึ ไดร ับการขน้ึ ทะเบยี น อนั จะสงผลกระทบตอสถานการณข องบา นเมือง จงึ ใหน ําสมเด็จพระเจา
ใหเ ปน มรดกโลกเมือ่ พ.ศ. 2538 ตากสนิ มหาราชไปสําเร็จโทษเมื่อ พ.ศ. 2325 เมื่อเหตกุ ารณส งบขาราชการ
2 มายังกรงุ ธนบุรี โดยประดิษฐานในโรงพระแกวทีว่ ดั อรณุ ราชวราราม แลวมี ทั้งปวงก็อัญเชิญสมเดจ็ เจา พระยามหากษัตริยศ ึกใหป กครองบานเมอื ง จึงทรง
งานฉลองนานนับเดอื น (จนกระทงั่ ในสมัยพระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟาจุฬาโลก ปราบดาภเิ ษกข้นึ เปน พระมหากษตั ริยเ มื่อวนั ท่ี 6 เมษายน พ.ศ. 2325
จึงอญั เชญิ ขามฟากแมน า้ํ ไปประดิษฐานในพระอุโบสถวัดพระแกว
110 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
๒.๓ เจ้าพระยาสรุ สีห ์ (บุญมา) 1. ครสู ุม นกั เรยี น 2-3 คน อธบิ ายประวัตขิ อง
เจาพระยาสรุ สหี (บญุ มา) ต้งั แตเร่มิ รับ
เจา้ พระยาสุรสีห ์ มนี ามเดิมว่า บญุ มา เป็นบุตรของพระอกั ษรสนุ ทร (ทองด)ี เสมยี นตรา ราชการจนถึงตาํ แหนง เจา พระยา พรอมทั้ง
กรมมหาดไทยในแผ่นดนิ พระเจ้าอยหู่ ัวบรมโกศ โดยมมี ารดาชอื่ ดาวเรือง (หยก) และมีพ่ีชายช่อื ยกตวั อยา งผลงานของทา นมาพอสังเขป
ทองด้วง (ซงึ่ ต่อมาคอื สมเดจ็ เจา้ พระยามหากษัตรยิ ์ศึก) เมื่อนายบญุ มาอายไุ ด ้ ๑๖ ป ี บดิ าไดฝ้ าก
เขา้ รบั ราชการเปน็ มหาดเลก็ ในเจ้าฟ้าเอกทัศ กรมขุนอนุรักษ์มนตรี ภายหลังได้รับแต่งต้ังให้เป็น 2. ครใู หน กั เรียนทาํ กจิ กรรมที่ 4.5 จากแบบวัดฯ
น ายสดุ เมจนิือ่ ดกราุงมศหราอี ดยเธุลยก็ าหเุ้มสยีแแพกร่พม่าใน พ.ศ. ๒๓๑๐ นายสุดจินดา (บุญมา) 1พรอ้ มกับเพ่อื นรว่ มใจ ประวตั ศิ าสตร ม.2
สว่ นหนงึ่ ไดห้ ลบหลกี ทหารพมา่ ทกี่ า� ลงั กวาดตอ้ นผคู้ นตดิ ตามไปพบพระยาตาก (สนิ ) ทเี่ มอื งจนั ทบรุ ี
เพือ่ รบกบั พมา่ ภายหลังสมเด็จพระเจา้ ตากสนิ มหาราชทรงสถาปนากรงุ ธนบรุ เี ปน็ ราชธานพี ร้อม ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ
กับทรงกระทา� พธิ บี รมราชาภิเษกขึ้นเปน็ พระมหากษัตรยิ แ์ ล้ว นายสดุ จินดา (บุญมา) ไดร้ บั แตง่ ตง้ั ประวตั ศิ าสตร ม.2 กจิ กรรมท่ี 4.5
เปน็ พระมหามนตร ี และชกั ชวนใหห้ ลวงยกกระบตั ร (ทองดว้ ง) เขา้ มารบั ราชการดว้ ย หนวยท่ี 4 ประวตั แิ ละผลงานของ
พระมหามนตรีผู้น้ถี อื ไดว้ ่าเปน็ ผู้มีความสามารถในการรบ มคี วามองอาจกล้าหาญ จนได้รบั บคุ คลสําคัญในการสรางสรรคช าติไทย
เโขปา้รมดาเกลลอ้ า้มฯค า่ ใยหทเ้ ลห่ือารนจยนี ศทสม่ีูงขาช้ึนว่ตยาเมหลลา�อื ดไบัท ยตรบ่อกมบัาพพมมา่า่ ทยกมี่ ทาตพั งั้ เคขา่า้ ยมทาบี่โจา้ มนตบไี าทงยกทงุ้ 2 าเมงเอื มงือสงมไทุทรรสโยงคคแราลมะ
พระมหามนตร ี(บญุ มา) ไดร้ บั พระราชบญั ชาใหค้ มุ ทพั หนา้ สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชทรงเปน็ กจิ กรรมท่ี ๔.๕ ใหน กั เรยี นพจิ ารณาวา พระราชกรณยี กจิ / ผลงานของบคุ คล คะแนนเตม็ คะแนนที่ได
ทพั หลวงยกไปตพี ม่าท่ีบางกงุ้ จนกองทพั พมา่ แตกพ่ายหนไี ป สําคัญท่ีกําหนดใหตอไปนี้จัดเปนภูมิปญญาประเภทใด
ใน พ.ศ. ๒๓๑๑ มีความดคี วามชอบในการท�าศกึ ที่ดา่ นขนุ ทด เมืองนครราชสีมา จนขา้ ศึก õ
ถอยหนีไปท่ีเมอื งเสียมราฐ และสามารถจับตวั เจา้ พมิ ายมาถวายสมเด็จพระเจ้าตากสนิ มหาราชได ้
พระมหามนตรจี ึงไดร้ บั เล่ือนขึน้ เปน็ พระยาอนชุ ติ ราชา ในปลาย พ.ศ. ๒๓๑๑ พระยาอภัยรณฤทธิ์ (ส ๔.๓ ม.๒/๓)
กับพระยาอนุชิตราชาได้ยกกองทัพไปตีเขมรท่ีเมืองเสียมราฐ ครั้นเม่ือทราบข่าวลือว่าสมเด็จ
พระเจ้าตากสินมหาราชสวรรคตท่ีเมืองนครศรีธรรมราช จึงยกทัพกลับกรุงธนบุรี ขณะที่พระยา ๑. สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ (อูทอง) .ภ...มู...ปิ...ญ.....ญ....า..ใ..น....ก....า..ร...พ....ิจ...า..ร...ณ.....า..ท....ํา..เ..ล...ท....่ตี ...ง้ั...ร...า..ช...ธ...า..น....ี..
อนชุ ติ ราชามาถงึ ลพบรุ กี อ่ นไดเ้ ขา้ เฝา้ กราบทลู ใหท้ รงทราบถงึ สาเหตทุ ต่ี อ้ งยกทพั กลบั มาเพอ่ื ตอ้ งการ ทรงเลือกทาํ เลสําหรบั ตงั้ เมอื งราชธานี
รักษาแผ่นดนิ ไว ้ ไม่ยอมเป็นข้าผอู้ น่ื ทา� ใหส้ มเด็จพระเจา้ ตากสนิ มหาราชทรงพอพระราชหฤทยั โดยต้ังอยูบนพ้ืนที่ราบลุมแมนํ้า และ ...............................................................................................
ต่อมาใน พ.ศ. ๒๓๑๓ พระยาอนุชิตราชาไดค้ มุ ทพั ตามเสด็จสมเดจ็ พระเจา้ ตากสินมหาราช มีทางออกสทู ะเล ...............................................................................................
ยกทพั ไปตหี วั เมอื งเหนอื ดว้ ยและไดร้ บั เลอื่ นตา� แหนง่ เปน็ พระยายมราช สงครามครง้ั นก้ี องทพั หลวง ...............................................................................................
ยึดได้เมืองพิษณุโลก กองทัพพระยายมราชเข้าล้อมเมืองสวางคบุรี แต่เจ้าพระฝางหลบหนีไปได้
ท�าให้อาณาจักรธนบุรีรวบรวมหัวเมืองเหนือได้ทั้งหมด พระยายมราชได้รับเลื่อนยศข้ึนเป็น ๒. สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรง .ภ...มู...ปิ...ญ....ญ....า...ใ..น....ก...า..ร...ส....ร...า ..ง...ร...ปู ...แ...บ...บ....ก...า..ร...ป....ก...ค....ร...อ..ง...ใ..ห...
เจา้ พระยาสุรสีห์ ส�าเร็จราชการเมอื งพิษณุโลกซง่ึ เป็นหวั เมืองชนั้ เอก คร้นั ถึง พ.ศ. ๒๓๑๖ พม่ายก ปฏิรูปการปกครอง โดยตั้งอัครมหา- .เ.ห....ม...า..ะ..ส....ม..............................................................................
กองทัพมาตีเมืองพิชัย เจ้าพระยาสุรสีห์กับพระยาพิชัยคุมกองทัพเข้าต่อสู้จนพม่าแตกพ่ายไป เสนาบดี๒ตาํ แหนง คอื สมหุ พระกลาโหม
ในที่สุด และสมุหนายก ...............................................................................................
111 ๓. สมเด็จพระนารายณมหาราช ทรง ...............................................................................................
ตอนรับชาวตางประเทศทุกชาติที่เขา
มาคา ขายกับอยุธยา เชน จีน อาหรับ .ภ...มู...ปิ...ญ.....ญ....า..ใ..น....ก....า..ร...ป....ร...บั ...ต....วั ..ป....ร...ะ..ส....า..น....ส....มั ...พ...นั....ธ...ก...บั.... เฉฉบลับย
โปรตเุ กส ฮอลันดา อังกฤษ ฝรงั่ เศส .ช..า...ว..ต....า..ง...ช...า..ต...ิ......................................................................
...............................................................................................
...............................................................................................
๔. สมเด็จพระเจาตากสินมหาราช สละ .ภ...ูม...ิป....ญ.....ญ....า...ใ..น....ก....า...ร...ป...ร...ั.บ....ต...ัว...เ..พ...ื่อ....แ...ก....ป...ญ.....ห....า..ก....า..ร...
พระราชทรัพยซ้ือขาวสารจากพอคา .ด...ํา..ร...ง...ช...ีว...ิต.............................................................................
ชาวจนี แจกจา ยใหแ กท หารและพลเรอื น
ทั้งไทย - จีน ...............................................................................................
...............................................................................................
๕. ลาลูแบร บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับชาว .ภ...ูม...ิป...ญ.....ญ....า..ใ..น....ก....า..ร...บ....นั ....ท...กึ....ป...ร...ะ...ว..ตั ...ศิ....า..ส....ต...ร.................
กรุงศรีอยุธยาหรือชาวสยามในเร่ือง
ตา งๆ เชน การแตง กาย ขนบธรรมเนยี ม ...............................................................................................
ประเพณี จารีตของบคุ คลชนช้นั ตา งๆ ...............................................................................................
...............................................................................................
๕๑
แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด นกั เรียนควรรู
ในสมัยธนบรุ เี จาพระยาสุรสหี (บญุ มา) มีบทบาทสําคญั ตอ บา นเมอื ง 1 นายสุดจินดา (บุญมา) กอ นที่จะไปพบกับพระยาตาก (สนิ ) ท่เี มืองจนั ทบุรี
อยางไร จงอธบิ ายมาพอเขาใจ นายสุดจนิ ดา (บญุ มา) ไดไ ปรับมารดาของพระยาตาก (สนิ ) ทชี่ อ่ื นกเอ้ียง
แนวตอบ ในสมัยธนบรุ เี จา พระยาสรุ สหี (บญุ มา) ไดทาํ งานรบั ราชการ ซ่งึ หลบหนีพมา มาอยูท่ีบา นแหลม เมืองเพชรบรุ ี ไปใหแ กพระยาตาก (สนิ ) ดว ย
ดวยดีมาโดยตลอด จนมตี ําแหนง เจรญิ กาวหนาตามลาํ ดบั เชน เมอื่ คร้ัง
ไดรับแตงตั้งเปนพระมหามนตรี (บญุ มา) ไดคมุ ทพั หนา ตามทพั หลวงไปตี 2 คายท่ีบานบางกุง ในสมัยสมเด็จพระเจาตากสินมหาราชโปรดใหชาวจนี จาก
กองทพั พมา ทบี่ างกงุ จนพมา แตกพายหนไี ป หรอื ใน พ.ศ. 2311 มคี วามดี เมืองระยอง ชลบรุ ี ราชบุรี และกาญจนบรุ ี รวบรวมผูค นมาตงั้ กองทหารรกั ษาคา ย
ความชอบในการทาํ ศึกท่ีดา นขนุ ทด เมืองนครราชสมี า จึงไดรบั เล่ือนเปน จงึ มีอีกช่ือหน่ึงวา คายจีนบางกงุ ใน พ.ศ. 2311 พมายกทพั ผานกาญจนบรุ ีมาลอ ม
พระยาอนชุ ติ ราชา ตอ มาใน พ.ศ. 2313 ไดต ามสมเดจ็ พระเจา ตากสนิ มหาราช คายบางกงุ สมเดจ็ พระเจา ตากสนิ มหาราชโปรดใหพระมหามนตรี (บญุ มา) เปน
ไปตหี ัวเมืองเหนอื และไดร ับเลอ่ื นเปนพระยายมราชและเจา พระยาสุรสหี แมท พั ยกไปชว ยเหลือทหารจีนขับไลกองทัพพมา ทําใหข าศกึ แตกพาย หลงั จากนั้น
ตามลาํ ดบั ใน พ.ศ. 2316 ไดยกทพั ไปสกู บั พมา ทมี่ าตเี มอื งพชิ ยั หรือใน พ.ศ. คา ยแหงนกี้ ็ถูกปลอ ยใหท ิง้ ราง จนกระท่ังในสมัยรัตนโกสินทรไดฟน ฟูคายแหงน้ี
2317 ไดรวมมือกับเจา พระยาจกั รตี เี มอื งเชียงใหมคนื จากพมา และใน พ.ศ. จนกลายเปน สถานทที่ อ งเทยี่ วสาํ คญั อกี แหง หนง่ึ ของจงั หวดั สมทุ รสงครามในปจ จบุ นั
2321 ไดรวมกับสมเด็จเจาพระยามหากษัตรยิ ศ ึกตีเมอื งเวยี งจันทนไดส าํ เร็จ ซ่งึ ในคา ยบางกงุ มสี ถานท่นี าสนใจอยา งโบสถป รกโพธิ์ ตั้งอยูกลางคายบางกงุ
เปนตน จากตัวอยา งผลงานดังกลาว แสดงใหเหน็ ถึงความรกั ชาติและ เปนโบสถกออิฐถือปนู สนั นิษฐานวา สรา งขึ้นในสมยั อยุธยา ซงึ่ ไดรับการยกยองให
ความกลาหาญของทา นในการปกปองบานเมอื งไดเ ปนอยา งดี เปน 1 ใน Unseen Thailand นอกจากนยี้ งั มีวัดบางกุง เปนวัดเกาแกส มยั อยุธยา
อยคู นละฝงกับคายบางกงุ
คูมอื ครู 111
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ครูใหน กั เรียนศกึ ษาเสน เวลา (Timeline) เสน เวลา
แสดงเหตกุ ารณส าํ คญั ทางประวตั ิศาสตร แสดงเหตกุ ารณส าํ คญั ของเจา พระยาสรุ สหี (บญุ มา)
จากหนงั สอื เรียน หนา 112 จากน้ันใหน กั เรียน พ.ศ.
ไปสืบคน ขอ มูลเก่ยี วกบั เหตกุ ารณต างๆ ๒๓๐๕ ต่อมาใน พ.ศ. ๒๓๑๗ พม่ายกทัพมา
ทีเ่ กิดขึ้นในชว งเวลาดังกลาวเพิ่มเตมิ ๒๓๐๖ ตีเชียงใหม่ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
แลว นําขอมลู มาอภิปรายรวมกันในชนั้ เรียน รบั ราชการเปน็ นายสุดจินดามหาดเล็กหุ้มแพร โปรดให้เจ้าพระยาจักรีเป็นแม่ทัพใหญ่คุมทัพ
หัวเมืองเหนือยกไปตีเชียงใหม่คืนจากพม่า
2. ครตู งั้ ประเดน็ คาํ ถามใหน กั เรยี นวเิ คราะหว า ๒๓๑๐ เจ้าพระยาสุรสีห์ได้ร่วมมือกับเจ้าพระยาจักรี
จากผลงานตา งๆ ของเจา พระยาสรุ สหี (บญุ มา) รับราชการกบั พระยาตาก (สนิ ) ทจี่ ันทบุรี สามารถตคี า่ ยพมา่ แตกและยดึ เมอื งเชยี งใหมไ่ ด ้
ทศ่ี กึ ษามา นักเรยี นคดิ วา กอ ใหเ กิดประโยชน ๒๓๑๑ ท�าให้หัวเมืองต่างๆ ในล้านนากลับเข้ามาอยู่
ตอบา นเมอื งอยางไร โดยใหแ ตละคนเขียนลง - ไดร้ ับแตง่ ต้ังเปน็ พระมหามนตรี
สมุดจดงานสงครผู ูส อน - ตอ่ มาไดเ้ ลอื่ นเปน็ พระยาอนุชติ ราชา
๒๓๑๐ ๒๓๑๒ ในพระราชอาณาจักรธนบุรีได้ท้ังหมด และ
3. ครทู ดสอบความรูของนกั เรียน โดยใหท าํ ยกทัพไปตีเขมร ได้เมอื งพระตะบองและเสียมราฐ ในปีเดียวกัน พม่ายกทัพเข้ามาตีที่บางแก้ว
กจิ กรรมที่ 4.4 จากแบบวดั ฯ ประวตั ศิ าสตร ม.2 ๒๓๑๓ เมอื งราชบรุ ี เจา้ พระยาสรุ สหี ก์ บั เจา้ เมอื งหวั เมอื ง
ได้เลอื่ นเป็นพระยายมราช เจ้าพระยาสุรสีห์ ฝายเหนือออกไปราชการศึก เจ้าพระยาสุรสีห์
๒๓๑๔ ได้รับค�าส่ังให้คุมทัพไปตั้งชิดพม่าที่เขาชะงุ้ม
ยกทพั ไปตีเมืองเชยี งใหม ่ แต่ตีไม่ได้
ใบงาน ✓ แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ กเพาอ่ืรรกบนั คมรใิ หงั้ นท้ นั้พั กพอมงา่ทลพั งมธนาชบว่ ุรยลี พอ้ มมา่พตมคี า่า่ 1แยลบะาโงจแมกตว้ ี
ประวตั ศิ าสตร ม.2 กิจกรรมท่ี 4.4
หนวยที่ 4 ประวัติและผลงานของ
บคุ คลสาํ คญั ในการสรา งสรรคชาติไทย ๒๓๑๕ ๒๓๑๕ - ๒๓๑๖ พมา่ จนพ่ายแพ้กลบั ไป
ยกทพั ไปปอ้ งกันเมอื งพิชยั จากพม่า ใน พ.ศ. ๒๓๑๘ อะแซหวุ่นกแ้ี ม่ทพั พม่า
กจิ กรรมท่ี ๔.๔ ใหนักเรียนสืบคนประวัติและผลงานของบุคคลสําคัญใน คะแนนเต็ม คะแนนที่ได ๒๓๑๗ เยอกาทไวัพ้ มจานตเีเจม้าือพงรพะยิษาณจักุโลรกีแและลเะจล้า้อพมรพะยิษาณสุรุโสลีหก์2
สมยั ธนบุรีทน่ี ักเรยี นรูสึกประทบั ใจ มา ๒ ทา น แลวบันทึก - ตีเชยี งใหม่ครงั้ ท ี่ ๒ ได้เมืองเชยี งใหม่
ñð - คมุ หวั เมอื งเหนอื ไปรบกับพม่าทเ่ี ขาชะงุม้
ลงในชอ งวางที่กาํ หนดให (ส ๔.๓ ม.๒/๓) ๒๓๑๘ พจ�าิษตณ้อโุงลพกา 3ไแพตรห่่พลลงั อจพากยนพ้นัหไลมบน่ หานนีอ อกกอจงทากัพเพมมือ่าง
ปอ้ งกันเมืองพิษณุโลกจากพมา่ โดยไปตัง้ ม่นั
ส…ม…เด…จ็…พ…ร…ะ…เจ…า …ต…า…กส……ิน…ม…ห…าร…า…ช พระราชประวตั ิ / ประวตั ิ...พ....ร....ะ...น.....า...ม....เ..ด....ิ.ม...ว....า........ส....ิน..........บ....ิ.ด....า...เ..ป.....น.....ค....น.....จ...ี.น... ท่เี พชรบูรณ์
ช...อ่ื....ไ..ห....ฮ...อ....ง......ม...า...ร...ด....า...เ..ป....น ....ค....น....ไ...ท....ย...ช...อื่.......น....ก....เ..อ...ยี้...ง......เ..ม....อ่ื ...ค....ร...งั้....เ.ย....า..ว...ว...ยั......เ..จ...า...พ....ร...ะ...ย...า..
.จ...กั....ร....ไี ..ด....น.....ํา..ไ...ป....เ.ล....ย้ี....ง...เ..ป....น....บ....ุต....ร....บ....ญุ.....ธ...ร....ร...ม......ท....ํา...ใ...ห...ม....ีโ..อ....ก....า...ส....ไ..ด....เ..ล....า...เ.ร....ยี...น.....แ...ล....ะ..ถ....ว...า...ย...ต....ัว...เ..ป....น ....ม....ห....า..ด....เ..ล....ก็..................................
...................................................................................................................................................................................................................................................... ๒๓๒๐ ก็ถูกเรียกตัวกลับไป ต่อมาใน พ.ศ. ๒๓๑๙
ยกทพั ไปปราบนครจา� ปาศกั ดร์ิ ว่ มกบั เจา้ พระยาจกั รี เจ้าพระยาสุรสีห์ได้คุมกองทัพหนุนไปช่วย
พระราชกรณยี กจิ / ผลงาน...น....า...ย...ส.....นิ ....ไ..ด....ร....บั ....ร...า...ช...ก....า..ร....แ...ล....ะ..ม....ตี....าํ ..แ...ห....น.....ง ...เ..ป...น.....ห....ล....ว..ง....ย...ก....ก....ร...ะ...บ....ตั....ร...แ...ล....ะ...พ....ร...ะ...ย...า...ต....า..ก... ๒๓๒๐
.เ..จ...า...เ..ม....ือ...ง....ต....า...ก........ค.....ร...้ัน.....เ..ม...ื่อ....พ....ม....า...ย....ก....ท....ัพ....ม....า...ล....อ...ม....ก....ร....ุง...ศ....ร....ีอ....ย...ุธ....ย...า........ไ..ด....ถ....ูก....เ..ร....ีย...ก.....ต....ัว...ม...า...ช....ว...ย...ร....า...ช...ก....า...ร........ข...ณ......ะ..ท....ี่พ.....ม....า.
.ย...ก....ม....า..ป....ร....ะ..ช...ดิ....ก....ร....งุ ...ศ....ร...อี....ย...ธุ....ย...า...แ...ล....ะ..ย....งิ ...ป....น....ใ...ห....ญ.....เ .ข...า...ม....า..ภ....า...ย...ใ...น....พ....ร....ะ..น.....ค....ร........ท....ํา..ใ...ห....บ ....า...น....เ..ม...อื....ง...เ..ก....ิด....ค....ว...า..ม....ร...ะ...ส....า่ํ...ร...ะ...ส....า...ย..
.พ....ร...ะ...ย...า...ต....า..ก.......(..ส....นิ.....).....ท....ร...ง...เ..ล....ง็...เ..ห....น็ ....ว...า ..จ....ะ..ต....อ....ง...ส....ญู.....เ.ส.....ยี ...ก....ร...งุ...ศ....ร....อี ...ย...ธุ....ย...า...ใ..ห....แ...ก....พ....ม...า...อ...ย....า ..ง...แ...น.....น....อ....น.......จ...งึ...ร....ว...บ....ร...ว...ม...ก....าํ...ล....งั.. ๒๓๒๑ เจ้าพระยาจักรีปราบปรามนครจ�าปาศักดิ์เป็น
ปราบเมืองเวียงจนั ทน์รว่ มกับ
.ท....ห....า..ร....ท....ง้ั ...ไ..ท....ย....-..จ....นี.......ต....ฝี...า...ว...ง...ล....อ...ม....อ...อ...ก....ไ...ป....ท....า..ง....ห...วั...เ..ม...อื....ง...ต....ะ..ว...นั.....อ...อ...ก....ย....ดึ....ไ..ด....เ..ม...อื...ง....จ...นั.....ท....บ....รุ ...แี...ล....ะ...ร...ะ..ย....อ...ง......จ....า..ก....น.....น้ั....จ....งึ ...ย...ดึ...
.ไ..ด....เ..ม...ือ....ง...ธ...น.....บ....ุร...ี....แ...ล....ะ...โ..จ....ม...ต....คี ....า ...ย...โ...พ....ธ...ิ์ส....า...ม....ต...น.....ข...อ...ง....ส....กุ ....้พี ....ร...ะ...น....า...ย....ก....อ...ง...ก....อ....บ....ก....กู ....ร...งุ....ศ....ร...ีอ....ย...ุธ...ย....า..เ..ป....น ....ผ....ล....ส....ํา...เ..ร...็จ.......ห....ล....ัง..
เฉฉบลบั ย .จ...า...ก....น....้ัน.....พ....ร....ะ..ย....า..ต....า...ก........(...ส....ิน....).......ไ...ด....เ.ล....็ง....เ.ห....็น.....ว...า...ส....ภ....า..พ....บ.....า..น.....เ..ม...ือ....ง...ข...อ...ง....ก....ร...ุง...ศ....ร....ีอ...ย....ุธ...ย...า...อ....ย...ูใ...น....ส....ภ....า...พ....ท....ร...ุด....โ...ท....ร...ม....เ..ก....ิน... สมเด็จเจ้าพระยามหากษตั ริยศ์ กึ ผลสา� เรจ็ ครนั้ ถงึ พ.ศ. ๒๓๒๑ สมเดจ็ เจา้ พระยา
.ท....จ่ี ...ะ...ฟ....น....ฟ....ู...จ....งึ...ต....ดั....ส....นิ.....ใ..จ....ย...า...ย...ร....า...ช...ธ...า...น....ีไ...ป...ท.....ี่ก...ร....ุง...ธ...น.....บ....ุร....ีแ...ล....ะ..ไ...ด....ค....ร...อ....ง...ร...า...ช...ส....ม....บ....ัต....จิ....น....ส....ิ้น.....ส....ุด....ส....ม...ัย....ข...อ...ง....พ....ร...ะ...อ...ง....ค.... ..
พ……ระ…ย…า…พ…ิช…ยั …ด…า…บ…ห…ัก……………… พระราชประวตั ิ / ประวัติ...พ....ร...ะ..ย...า...พ....ชิ..ย.ั ..เ..ป...น. ...ข...นุ....น....า...ง...ท...ร.่ี ...บั...ร....า..ช...ก...า...ร...ใ..น....ร...ช.ั..ก....า..ล... ๒๓๒๓ มหากษัตริย์ศึกและเจ้าพระยาสุรสีห์ได้ยกทัพ
ส....ม....เ..ด....็จ...พ....ร....ะ..เ..จ...า...ต....า...ก....ส....นิ.....ม...ห....า...ร...า...ช......เ..ด....มิ...ช....ือ่ ......จ....อ...ย.......เ..ก....ดิ....ท....่เี..ม...อื....ง...พ....ิช...ยั.......เ..ม...ือ่...ย....งั.. เป็นทพั หน้าไปตกี มั พูชา ไปตีเมืองเวียงจันทน์ได้ส�าเร็จ และอัญเชิญ
.เ.ย....า..ว...ว...ยั ......บ....ดิ....า...ม...า...ร...ด....า...ไ..ด....น....าํ...ไ..ป....ฝ...า...ก....เ.ป....น.....ศ...ษ.ิ ...ย....ว..ด.ั ......จ....งึ...ไ..ด....ม....โี ..อ...ก....า...ส....ใ..น.....ก....า..ร....ศ...ก.ึ ...ษ....า...เ..ล...า. ..เ..ร...ยี...น.....แ...ล....ะ..ม...ค.ี ...ว...า...ม...ส....น.....ใ..จ....ใ..น....ก....า...ร..
.ช...ก....ม...ว...ย......พ....ร...ะ...ย...า...ต...า...ก.......(..ส....นิ....).....เ..ห....น็....ฝ....ม ...อื...ก....า...ร...ช...ก....ม...ว...ย....จ...งึ...ช...กั....ช...ว...น....ใ...ห...ม....า..ร....บั....ร...า...ช...ก....า..ร....แ...ล...ะ...แ...ต....ง...ต....งั้...เ..ป...น.....ห....ล...ว...ง...พ....ชิ...ยั....อ...า...ส....า...
พระราชกรณียกจิ / ผลงาน...ห....ล....ว..ง....พ....ชิ ...ยั ...อ...า...ส....า...ไ..ด....ต....ดิ....ต....า..ม....ร...ว...ม...ร....บ....ก....บั ....พ....ร...ะ...ย...า...ต....า..ก........(...ส....นิ....).......อ...ย....า ..ง...ก....ล....า...ห....า..ญ.....ม....า. พระพทุ ธมหามณรี ตั นปฏมิ ากร (พระแกว้ มรกต)
.โ..ด....ย...ต....ล....อ...ด.......ภ....า..ย....ห...ล....งั...จ....า..ก....ก....า...ร...ป....ร...า...บ....ช...มุ...น.....มุ...เ..จ...า...พ....ร...ะ...ฝ...า...ง...ไ..ด....แ...ล....ว.....ส....ม....เ.ด....จ็....พ....ร...ะ...เ.จ....า ..ต....า...ก...ส.....นิ ....ม...ห....า...ร...า...ช...จ...งึ...โ...ป....ร...ด....เ.ก....ล....า...ฯ. ๒๓๒๕ กบั พระบางมายงั กรงุ ธนบรุ ดี ้วย
.ใ..ห....เ ..ล...อ่ื....น....ย....ศ...เ..ป....น ....พ....ร....ะ..ย....า..พ....ชิ...ยั......เ..จ...า...เ..ม...อื....ง...พ....ชิ ...ยั ......................................................................................................................................................... กลับมาแกไ้ ขวิกฤตการณ์ในกรงุ ธนบุรี
.......................ใ..น.....พ......ศ...........๒....๓....๑...๖........โ..ป....ส....พุ....ล....า.......แ...ม...ท....พั....พ....ม....า.......ไ..ด....ย...ก....ท....พั....ม....า..ต....เี..ม...อื....ง...พ....ชิ...ยั........พ....ร...ะ...ย...า...พ....ชิ...ยั...ไ...ด....ส ....อู...ย...า. ..ง...ก....ล....า...ห....า..ญ.... ๒๓๒๕
.จ...น.....ด...า...บ....ข...า...ง...ข...ว..า...ห....กั........แ...ต....ไ..ม....ไ ..ด....ท....อ...ถ....อ...ย....จ...น....ก....อ....ง...ท....พั....ธ...น....บ.....รุ ...สี....า...ม...า...ร...ถ....ข...บั ....ไ..ล....ข...า ..ศ....กึ....ใ...ห...แ...ต....ก....ถ....อ...ย....ก...ล....บั....ไ...ป........เ..ม...อ่ื...ส.....ม...เ..ด....จ็ ..
.พ....ร...ะ...เ.จ....า ..ต....า...ก....ส....นิ....ม....ห...า...ร...า...ช...ถ....กู....ส....าํ..เ..ร...จ.็ ...โ..ท....ษ.......พ....ร....ะ..ย...า...พ....ชิ...ยั...จ....งึ...ข...อ...ต....า...ย...ต....า...ม..................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................... 11๒
(พิจารณาคําตอบของนกั เรียน โดยใหอ ยูใ นดุลยพนิ ิจของครูผูสอน)
๕๐
นกั เรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET
จากบทบาทของบคุ คลสาํ คัญในสมัยอยธุ ยาและธนบรุ ที ่ีศึกษามา บทบาท
1 กองทัพธนบรุ ีลอ มพมา โดยใชเ วลา 47 วัน ตีไดค ายพมา 3 คา ย และไดเชลย ในขอ ใดท่สี ําคัญที่สุด
อกี 1,000 กวาคน การลอมครั้งน้เี ปนการใชหั ลกั จิตวิทยา ทาํ ใหค นไทยหายจาก 1. สง เสริมเรือ่ งการคา ขาย
ความหวาดกลัวพมา ท่ีเคยมมี าเมอ่ื คร้ังเสยี กรงุ โดยใชว ิธลี อมพมาอยูนาน 2. รักษาความมน่ั คงของชาติ
2 เจาพระยาจักรแี ละเจา พระยาสรุ สหี เจา พระยาจกั รีเห็นวา พมายกมาเปน 3. เจรญิ สัมพันธไมตรกี ับตางชาติ
กองทพั ใหญ กาํ ลงั ฝา ยไทยมนี อยกวา พมา มาก จงึ ควรตั้งรับศกึ ในเมอื งพิษณุโลก 4. สงเสริมศิลปวฒั นธรรมของชาติ
และคอยกองทัพกรุงธนบุรยี กขนึ้ ไปชว ย สว นเจาพระยาสรุ สีหตอ งการไปตีพมา กอ น วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. การรกั ษาความมนั่ คงของชาตไิ ทยไวไ มใ ห
จึงรวบรวมไพรพ ลไปรบกับพมา แตก ็ตอ งถอยกลับมาเมืองพิษณุโลก เสยี เอกราช เปน บทบาทสาํ คญั ทพี่ ระมหากษตั รยิ แ ละขนุ นางทงั้ ในสมยั อยธุ ยา
3 หลบหนอี อกจากเมืองพิษณโุ ลก เพราะขดั สนเสบียงอาหาร โดยการใชว ิธีเอา และธนบรุ ยี ดึ ถอื ปฏบิ ตั ิ ดงั จะเหน็ ไดจ ากการทาํ สงครามสรู บกบั ขา ศกึ ทเี่ ขา มา
ปพ าทยข้ึนไปประโคมตามปอมเพ่ือลวงขา ศึกวาจะตอสูในเมืองใหน านวนั แลว จดั รกุ ราน ไมว า จะในสมยั สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดิ จนกอ ใหเ กดิ วรี กรรมสมเดจ็
กระบวนทัพเปน 3 กอง คือ กองหนาสาํ หรับตีฝาขาศึก กองกลางคมุ ครอบครัวราษฎร พระสรุ โิ ยทยั หรอื ในสมยั สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช และสมยั สมเดจ็ พระเจา
และกองหลงั ไวป องกันทายกระบวน ตากสนิ มหาราช นอกจากน้ี ในบางสมยั เชน สมยั สมเดจ็ พระนารายณ
มหาราช กท็ รงใชน โยบายการดงึ ฝรง่ั เศสมาถว งดลุ อาํ นาจกบั ฮอลนั ดา
112 คมู ือครู จนลดอทิ ธพิ ลของฮอลนั ดาทก่ี าํ ลงั คกุ คามไทยลงไปได เปน ตน
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Expand Evaluate
ขยายความเขา ใจ Expand
ต่อมาใน พ.ศ. ๒๓๒๓ กัมพูชาเกิดการจลาจล เจ้าพระยาสุรสีห์เป็นทัพหน้า โดยสมเด็จ 1. ครูใหน กั เรียนจดั ทาํ แผน พบั เกยี่ วกบั
เยจังา้ มพิทรันะยจาะมไดห้เามกือษงตัพรนยิ มศ์ เกึปเญปน็ 1จแา� มตท่ ้อพั งยใหกญทพัย่ กกทลพับั เไพปรตากี ะมั กพรุงชู ธาน บไดุรีเเ้ กมดิอื กงเาสรยีจมลาราจฐล เมอื งบนั ทายเพชร “บคุ คลสาํ คญั ในประวตั ศิ าสตรไ ทยสมยั ธนบรุ ”ี
ตลอดระยะเวลาที่รับราชการในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เจ้าพระยาสุรสีห์ได้ โดยขอ มูลประกอบดว ย ชีวประวัติ ผลงาน
ปฏิบัติภารกิจในการป้องกันรักษาบ้านเมืองด้วยการท�าสงครามกับข้าศึกร่วมกับสมเด็จเจ้าพระยา สาํ คญั และการนาํ คณุ ความดมี าเปน แบบอยาง
มหากษตั รยิ ศ์ ึก (ทองดว้ ง) มาโดยตลอดอย่างไมย่ ่อท้อ ประดุจดัง่ เป็นพระกรขา้ งซ้ายของสมเด็จ ในการดาํ เนินชวี ติ สงครผู สู อน
พระเจ้าตากสินมหาราช ขณะท่ีสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ผู้เป็นพ่ีชายเป็นพระกรข้างขวา
เกียรติคุณของเจ้าพระยาสุรสีห์สมควรที่จะเป็นแบบอย่างแก่อนุชนรุ่นหลังในการรักษาบ้านเมือง 2. ครใู หน กั เรยี นทาํ กิจกรรมที่ 4.2 จากแบบวัดฯ
ของตนใหพ้ น้ จากภัยพบิ ัตแิ ละการรกุ รานจากศตั รูภายนอกได้เป็นอย่างดี ประวตั ศิ าสตร ม.2
กล่าวโดยสรุป ในสมัยอยุธยาและสมัยธนบุรีมีบุคคลท้ังที่เป็นพระมหากษัตริย์ ใบงาน ✓ แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ
พระราชวงศ์ ขุนนาง และชาวต่างชาติบางคนได้สร้างสรรค์ผลงานท่ีมีคุณค่าต่อสังคมไทย ประวัติศาสตร ม.2 กิจกรรมท่ี 4.2
สมัยอยธุ ยาและสมยั ธนบุรีเปน็ อย่างยงิ่ สมควรทจี่ ะนา� ไปเป็นแบบอย่างสา� หรับการช่วยเหลือ หนวยท่ี 4 ประวัตแิ ละผลงานของ
สังคมไทยและประเทศชาติต่อไป บุคคลเหล่านี้ได้สร้างสรรค์สิ่งที่มีคุณค่าหลายอย่าง เช่น บคุ คลสาํ คญั ในการสรา งสรรคชาติไทย
ด้านการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
รวมทง้ั การเสย่ี งชวี ติ ทา� สงครามปอ้ งกนั บา้ นเมอื งใหพ้ น้ จากการรกุ รานของอรริ าชศตั ร ู เปน็ ตน้ กจิ กรรมท่ี ๔.๒ ใหนักเรียนเตมิ ขอความในชอ งวางใหถ กู ตอง (ส ๔.๓ ม.๒/๓) คะแนนเต็ม คะแนนท่ีได
ภารกิจท่ีส�าคัญเหล่านี้ล้วนแต่เป็นประโยชน์ต่ออนุชนรุ่นหลังทั้งส้ิน ผลงานต่างๆ ของบุคคล
ส�าคัญในราชอาณาจักรไทยสมัยอยุธยาและสมัยธนบุรีล้วนแต่บังเกิดขึ้นด้วยความรักและ ñð
หวงแหนในแผน่ ดนิ ทบี่ คุ คลสา� คญั เหลา่ นไี้ ดก้ า� เนดิ และใชเ้ ปน็ ถนิ่ พา� นกั ทง้ั ตลอดชวี ติ และในชว่ ง
เวลาหนึ่ง ถงึ แม้วา่ บางคนอาจจะมใิ ช่เปน็ คนไทยโดยสายเลอื ดกต็ าม แต่การท่ีบุคคลเหล่านี้ได้ ๑. …ส…ม…เด…็จ…พ……ระ…ร…า…ม…า…ธ…ิบ…ด…ีท…ี่ …๑…(…อ…ทู …อ…ง…)……ทรงสถาปนากรงุ ศรีอยุธยาเปน ราชธานี เมอ่ื พ.ศ. ๑๘๙๓
สรา้ งสรรคผ์ ลงานอนั มคี ณุ คา่ ส�าหรบั คนไทยสมยั หลงั ตอ่ มา จงึ สมควรทค่ี นไทยจะยดึ ถอื ไวเ้ ปน็ และไดทรงนาํ เอารูปแบบการปกครองแบบ.........................จ....ต....สุ....ด....ม...ภ..................................จากเขมรมาปรับใช
แบบอยา่ งตลอดไป ๒. …ส…ม…เด……จ็ พ……ร…ะบ……รม…ไ…ต…ร…โ…ล…ก…น…า…ถ…..ไดท รงปฏริ ปู การปกครองครง้ั สาํ คญั ซงึ่ ไดก ลายเปน รากฐานของ
การปกครองอาณาจกั รตอ มา โดยไดต ง้ั อคั รมหาเสนาบดี ๒ ตาํ แหนง คอื ……………พ…ร…ะ…ส…ม…ุห…ก…ล…า…โ…ห…ม………
.ร...บั....ผ....ิด....ช...อ...บ.....ก...จิ....ก....า...ร...ฝ....า..ย....ท....ห....า...ร......แ...ล....ะ..ส.....ม...หุ....น.....า..ย....ก....ร...ับ....ผ....ิด....ช...อ...บ.....ก....ิจ...ก....า...ร...ฝ....า ..ย....พ....ล....เ..ร...อื....น...............................................................
๓. ทรงแตงพระองคเปนชายทรงพระคชาธารออกศึก ขณะท่ีมีการกระทํายุทธหัตถี คชาธาร
ของพระสวามีเสียที……………ส……มเ…ด…็จ…พ…ร…ะ…ส…รุ …โิ …ย…ท…ัย…………….จึงทรงขับพระคชาธารเขาขวาง จึงโดน
………………พ…ร…ะเ…จ…า…แป……ร……………ฟนสิน้ พระชนมบ นคอชา ง
๔. …ส…ม…เด…จ็…พ…ร…ะ…น…เ…ร…ศ…ว…รม…ห……าร…า…ช……..ไดทําการประกาศอิสรภาพของกรุงศรีอยุธยาไมขึ้นกับหงสาวดี
ที่เมืองแครง เมอื่ ………พ….…ศ….…๒…๑…๒…๗………..พรอมกับอพยพคนไทยกลับกรงุ ศรอี ยุธยา
๕. ในสมัย…ส…ม…เ…ด…็จ…พ…ร…ะ…น…า…ร…าย…ณ……ม…ห…า…รา…ช…..เสด็จขึน้ ครองราชย เปน ชว งทอ่ี ยุธยาเริม่ ถูกคกุ คามจาก
ชาตติ ะวนั ตก เชน .......โ...ป....ร...ต....เุ..ก....ส.......ฮ...อ....ล....นั....ด....า......อ...ัง....ก....ฤ...ษ.......ฝ....ร...งั่....เ.ศ....ส..............................................................................................
เฉฉบลบั ย ๖. ออกญาวิไชเยนทร ไดคิดวางแผนรวมกับฝร่ังเศส เพื่อขยายอิทธิพลเขาครอบครองอยุธยา
ทําให………ส……มเ…ด…็จ…พ…ร…ะ…เพ…ท……ร…าช…า…………ทําการกวาดลางอิทธิพลฝรั่งเศสออกจากอยุธยาจนหมดใน
พ.ศ. ๒๓๓๑................................................................................................................................................................................................................................................
๗. คณะราชทตู ของอยุธยาโดยมี…อ…อ…ก…พ…ร…ะ…ว…สิ …ทุ …ธ…ส…นุ …ท……ร…(…ป…า…น…)..เปน หัวหนาคณะ เดินทางไปเจริญ
พระราชไมตรกี ับฝรัง่ เศส ไดเ ดนิ ทางถึงกรุงปารีสวนั ที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๒๒๙ ไดรบั การ
ตอ นรับอยางดจี าก พระเจา หลุยสท ี่ ๑๔...............................................................................................................................................................................................
๘. ชาวฝรงั่ เศสชอื่ ………………ล…า…ล…แู …บ…ร… ………………หวั หนา คณะทตู เดนิ ทางมาอยธุ ยาเพอื่ เจรจาทางการคา
และศาสนา เปน ผบู นั ทกึ เรอื่ งราวตา งๆ เกย่ี วกบั อาณาจกั รอยธุ ยา จนตอ มาไดก ลายเปน หลกั ฐาน
ทางประวัติศาสตรท ี่มีคุณคา มกี ารตีพมิ พและแปลเปน ภาษาไทยเรยี กวา.จ...ด....ห....ม...า...ย...เ..ห....ต...ุล....า...ล...แู...บ.....ร...
๙. ………ฟ…า…น……ฟ…ล…ีต……ห…ร…ือ…วัน……ว…ล…ิต……..พอคาชาวฮอลันดาและพนักงานบริษัทอินเดียตะวันออกของ
ฮอลนั ดาเปน ผทู ป่ี ฏบิ ตั ติ ามกฎหมายและขนบประเพณขี องอยธุ ยาอยา งเครง ครดั เปน คนฉลาด
เขยี นหนังสอื เกงไดเขียนหนังสอื ทร่ี จู ักกนั คือ...........พ....ง....ศ....า..ว...ด....า...ร...ก....ร....งุ...ศ....ร...ีอ....ย...ุธ....ย...า......ฉ....บ....บั....ว...นั.......ว...ล....ติ................
ปจ จุบันเปน หลกั ฐานทางประวัตศิ าสตรท สี่ ําคัญ
๑๐. ………………ห…ล…ว…งพ……ิชัย…อ…า…ส…า……………..ไดติดตามรวมรบกับพระยาตาก (สิน) อยางกลาหาญ ถึงแม
ครง้ั หนงึ่ เคยรบจนดาบหักมาแลว แตก ส็ ูไ มถอยจนไดรับสมญาวา ..............พ....ร...ะ...ย...า...พ....ชิ...ัย....ด....า..บ.....ห...กั.................
๔๘
3. ครใู หนกั เรียนตอบคําถามประจําหนว ย
การเรียนรู
ตรวจสอบผล Evaluate
11๓ ครตู รวจแผน พบั เก่ยี วกับ “บุคคลสําคัญ
ในประวตั ิศาสตรไทยสมยั ธนบรุ ี”
แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด
นักเรยี นควรรู
การศกึ ษาถึงพระราชกรณยี กิจของพระมหากษัตริยอ งคสาํ คญั มีประโยชน
ตอนกั เรยี นในประเดน็ ใดมากที่สดุ 1 เมืองพนมเปญ สืบเน่อื งจากฟา ทะละหะ (มู) ผูส าํ เรจ็ ราชการของเขมร
ไดอพยพครอบครวั ไปอยูเมอื งพนมเปญ แลว ไปขอความชวยเหลอื จากกองทพั ญวน
1. เหน็ คณุ คาของพระมหากษตั รยิ ที่เมืองไซงอ น ญวนไดย กทพั เรือมาท่ีเมืองพนมเปญ กองทพั เจาพระยาสรุ สหี ไดย ก
2. ตระหนกั ในความสําคญั ของบรรพบุรษุ ตามลงไปหลงั จากทราบวา ทพั ญวนมาอยูที่เมอื งพนมเปญ แตต ั้งคายคอยคําสัง่ จาก
3. ไดท ราบถึงแบบอยางการดาํ รงชวี ิตท่ดี ี แมทพั ใหญอยู ยังไมไ ดร บกับญวน
4. รแู ละเขา ใจประวัติศาสตรไ ทยไดดีย่งิ ขน้ึ
บรู ณาการอาเซียน
วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. ในสมัยอยุธยาและธนบุรี พระมหากษตั รยิ
ครใู หนักเรยี นสืบคน ขอ มูลเกีย่ วกับประวตั ิและผลงานของบุคคลสําคัญ
เปนผมู อี าํ นาจสงู สุดในการปกครองพระราชอาณาจกั ร ทรงบาํ เพ็ญพระราช- ในประวัตศิ าสตรข องประเทศสมาชิกอาเซยี นทเี่ กิดรวมสมยั อยุธยา หรือสมยั ธนบรุ ี
กรณียกิจทีส่ รา งคุณประโยชนใหแ กบ านเมอื งและราษฎร ดังนัน้ การศึกษา เชน พระเจาบุเรงนองแหง พมา พระเจา ไชยเชษฐาธริ าชแหง ลานชา ง เปนตน
เกยี่ วกบั พระราชกรณยี กิจของพระองค ก็ยอ มทําใหค นรนุ หลงั ไดรแู ละเขา ใจ โดยบันทกึ ลงสมุดจดงานสงครูผูสอน เพื่อท่ีนักเรยี นจะไดเรยี นรเู กี่ยวกับบคุ คลสําคัญ
ในประวัตศิ าสตรไ ทยในชว งเวลาดังกลาววา เกดิ เหตกุ ารณอะไรขึ้นบา ง ในประวัติศาสตรข องประเทศเพ่อื นบานไดเขาใจมากข้นึ
หรอื พระมหากษตั รยิ ทรงใชน โยบายอะไรในการปกครองบา นเมอื ง
คูมือครู 113
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Elaborate
Evaluate Evaluate
ตรวจสอบผล
ครตู รวจสอบความถกู ตอ งในการตอบคําถาม ค าํ ถามประจ าํ หนว่ ยการเรียนรู้
ประจาํ หนว ยการเรียนรู
๑. สมเดจ็ พระรามาธบิ ดีที ่ ๑ (อทู่ อง) ทรงจดั วางรปู แบบการปกครองอาณาจักรในลักษณะใด
หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู ๒. ก ารปฏริ ปู การปกครองในสมยั สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถกอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชนต์ อ่ บา้ นเมอื ง
1. การแสดงละครเกีย่ วกับชีวประวตั ิของ อยา่ งไร
บุคคลสาํ คญั ในประวตั ิศาสตรไทยสมยั อยุธยา ๓. บทบาทส�าคัญของสมเด็จพระสรุ โิ ยทัยท่คี วรคา่ แกก่ ารยกย่องคอื อะไร
๔. ส มเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงท�าศึกสงครามในตลอดรัชสมัยของพระองค์ ก่อให้เกิด
2. แผน พับเกี่ยวกบั “บุคคลสาํ คญั ใน
ประวัติศาสตรไ ทยสมัยธนบุร”ี ประโยชนต์ อ่ อาณาจักรอยา่ งไร
๕. สมเดจ็ เจา้ พระยามหากษัตริยศ์ ึก (ทองด้วง) และเจ้าพระยาสรุ สหี ์ (บุญมา) ทรงมบี ทบาท
ส�าคญั ทางดา้ นการปกครองในสมัยธนบุรีอย่างไร
๖. บนั ทกึ ของ ลา ลแู บรแ์ ละเยเรเมยี ส ฟาน ฟลตี มปี ระโยชนต์ อ่ การศกึ ษาประวตั ศิ าสตร์ไทย
สมัยอยุธยาอย่างไร
กิจกรรมสร้างสรรคพ์ ัฒนาการเรียนรู้
กิจกรรมท่ี ๑ ใหน้ กั เรยี นแตง่ กลอนยกยอ่ งเชดิ ชบู คุ คลสา� คญั ในสมยั อยธุ ยาหรอื สมยั ธนบรุ ี
มา ๑ ทา่ น แล้วออกมานา� เสนอหนา้ ชนั้ เรียน
กจิ กรรมที่ ๒ ใหน้ กั เรยี นไปศกึ ษาคน้ ควา้ ประวตั แิ ละผลงานของบคุ คลสา� คญั ในสมยั อยธุ ยา
หรือสมัยธนบุรนี อกเหนือจากในหนังสือเรยี นมา ๑ ท่าน แลว้ นา� มาจัดแสดง
ทปี่ า้ ยนเิ ทศหน้าชนั้ เรียน
กิจกรรมที่ ๓ ให้นักเรียนเขียนเรียงความเก่ียวกับ “วีรกรรมของบุคคลส�าคัญในดวงใจ”
อาจจะเป็นบุคคลส�าคัญในสมัยอยุธยาหรือสมัยธนบุรีก็ได้ ความยาวไม่เกิน
๑ หนา้ กระดาษรายงาน
114
แนวตอบ คําถามประจาํ หนว ยการเรยี นรู
1. การปกครองแบบจตสุ ดมภ ท่ีรับอทิ ธิพลจากเขมรมาปรบั ใชในการบริหารราชการแผน ดนิ รวมทั้งการรับคติความเชื่อแบบสมมตเิ ทพจากเขมรมาใช ทาํ ใหส ถาบัน
พระมหากษตั รยิ เ ปนศูนยร วมแหง อํานาจและเปนหลักยดึ เหน่ยี วจิตใจของราษฎรในอาณาจกั ร
2. ทําใหการปกครองอาณาจกั รมีความเปน ระบบระเบยี บและรัดกมุ ยิง่ ขน้ึ ซ่งึ เหมาะสมแกการเปนอาณาจักรขนาดใหญของอยุธยา
3. การเสยี สละชวี ิต เพอ่ื รักษาและเทดิ ทูนพระมหากษตั รยิ ในฐานะทท่ี รงเปน ประมุขของราชอาณาจักร
4. ทาํ ใหอาณาจักรมคี วามมัน่ คงเปนปก แผน และมอี าณาเขตกวางขวาง
5. การทําศกึ สงครามตามพระบรมราชโองการของสมเด็จพระเจา ตากสินมหาราช ไมว า จะเปนการปราบปรามภายใน เชน การปราบชุมนุมเจา พมิ าย ชุมนุมเจา พระฝาง
หรอื การปอ งกนั การรกุ รานจากขาศึกภายนอก เชน การยกทพั ไปตเี ขมรใน พ.ศ. 2312 ตเี มืองเชียงใหมค ืนจากพมาใน พ.ศ. 2317 สูศกึ อะแซหวนุ ก้ีใน พ.ศ. 2318
ตเี มอื งเวียงจนั ทนใ น พ.ศ. 2321 เปนตน
6. บันทึกของลาลูแบร และฟาน ฟลีต มปี ระโยชนใ นฐานะเปน หลักฐานสาํ คญั ท่ีนํามาใชในการศกึ ษาประวัตศิ าสตรไทยสมัยอยธุ ยาเปนพน้ื ฐาน โดยเปน ทศั นะของ
ชาวตางชาติ ซ่งึ ผูสนใจศกึ ษาประวตั ศิ าสตรอยุธยาจะตองใชหลักฐานประเภทอ่ืนๆ มาประกอบดวย เพื่อความถูกตอ งและนา เช่อื ถอื มากขน้ึ
114 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expore Explain
Engage Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
๕หนวยการเรยี นรู้ที่
ทีต่ ัง้ และ 1. อธบิ ายทตี่ ัง้ และสภาพภมู ิศาสตรท ม่ี ผี ลตอ
สภาพภูมิศาสตร พฒั นาการการต้ังถิ่นฐานของประชากร
ท่มี ีผลตอพฒั นาการ ในภมู ิภาคเอเชยี ได
ของทวปี เอเชีย
2. อธิบายพฒั นาการทางประวัตศิ าสตรท างดา น
การเมืองการปกครอง เศรษฐกจิ และสังคม
ของภมู ิภาคเอเชยี ได
ตวั ชว้ี ัด สมรรถนะของผูเรยี น
● อธิบายพัฒนาการทางสังคม เศรษฐกจิ และ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
การเมืองของภูมภิ าคเอเชีย (ส ๔.๒ ม.๒/๑) 2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใชท กั ษะชวี ิต
สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง คุณลักษณะอันพงึ ประสงค
● ที่ตั้งและสภาพทางภูมิศาสตรของภูมิภาค 1. มีวนิ ัย
ตา งๆ ในทวปี เอเชยี (ยกเวน เอเชยี ตะวนั ออก- 2. ใฝเ รียนรู
เฉยี งใต) ท่ีมีผลตอ พฒั นาการโดยสงั เขป 3. ซื่อสัตยส ุจริต
4. มุง ม่ันในการทาํ งาน
● พฒั นาการทางประวตั ศิ าสตร สงั คม เศรษฐกจิ
และการเมอื งของภมู ภิ าคเอเชยี (ยกเวน เอเชยี แมน ํา้ คงคา เมืองพาราณสี ประเทศอนิ เดยี กระตนุ ความสนใจ Engage
ตะวันออกเฉยี งใต)
·ÇÕ»àÍàªÕÂÁÕ¾é×¹·èաnjҧãËÞ‹áÅÐÁÕÊÀÒ¾·Ò§ÀÙÁÔÈÒʵ÷Õè
ËÅÒ¡ËÅÒ ¾é×¹·Õèã¹·ÇÕ»àÍàªÂÕ áº‹§Í͡໚¹ õ ÀÙÁÔÀÒ¤ ä´áŒ ¡‹ ครใู หน กั เรียนดูภาพหนา หนว ยและบอกความ
àÍàªÂÕ µÐÇ¹Ñ ÍÍ¡ àÍàªÂÕ µÐÇ¹Ñ ÍÍ¡à©ÂÕ §ãµŒ àÍàªÂÕ ãµŒ àÍàªÂÕ µÐÇ¹Ñ µ¡ สําคญั ของสถานทีใ่ นภาพ
à©Õ§㵌 áÅÐàÍàªÕ¡ÅÒ§ ã¹Ë¹‹Ç¹Õé¨Ð¡ÅÒ‹ Ç੾ÒÐ ô ÀÙÁÀÔ Ò¤
¡àǹŒ àÍàªÕµÐÇѹÍÍ¡à©ÂÕ §ãµŒ«Öè§àÃÕ¹¼‹Ò¹ä»áÅŒÇ㹪¹éÑ Á.ñ (แนวตอบ เมืองพาราณสี อยใู นประเทศอินเดยี
มคี วามสาํ คัญในฐานะเปนเมืองเกาแกท ม่ี ี
¡ÒÃÁÕ·èÕµÑé§áÅÐÊÀÒ¾ÀÙÁÔÈÒʵ÷Õèᵡµ‹Ò§¡Ñ¹Â‹ÍÁÁռŵ‹Í ประวตั คิ วามเปน มายาวนานกวา 4,000 ป
¾Ñ²¹Ò¡Ò÷èÕᵡµ‹Ò§¡Ñ¹¢Í§áµ‹Åоé×¹·èÕ àª‹¹ ºÃÔàdz·ÕèÃҺŋØÁ เปน เมอื งที่มแี มนํา้ คงคาอนั ศักดส์ิ ิทธ์ไิ หลผา น
áÁ¹‹ Òíé ໹š áËŧ‹ ·ÁÕè ¼Õ ¤ŒÙ ¹ÍÒÈÂÑ ÍÂ͋٠ÂÒ‹ §Ë¹Òá¹¹‹ ÁÒµ§éÑ áµÍ‹ ´µÕ ¨§Ö ÁÕ จงึ เปน ท่แี สวงบญุ ของทง้ั ชาวฮินดแู ละชาวพทุ ธ
¡ÒÃÊÌҧÊÃä¤ÇÒÁà¨ÃÔÞáÅÐÁվѲ¹Ò¡ÒÃÊÙ§¡Ç‹ÒºÃÔàdz·èÕ໚¹ ท่วั โลก)
·ÐàÅ·ÃÒ ·§Ø‹ ËÞÒŒ «§Öè ÁÕ»ÃЪҡÃàºÒºÒ§ à»¹š µŒ¹ ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃÙ·Œ èµÕ ѧé
áÅÐÊÀÒ¾ÀÙÁÔÈÒʵèзíÒãËŒ¹Ñ¡àÃÕ¹ࢌÒ㨾Ѳ¹Ò¡Òâͧ·ÇÕ»
àÍàªÂÕ ä´Œª´Ñ ਹÂÔ§è ¢éÖ¹
เกรด็ แนะครู
ครูควรจัดกจิ กรรมการเรียนรูเพ่ือใหนักเรยี นสามารถอธิบายพฒั นาการทางสังคม
เศรษฐกจิ และการเมืองของทวีปเอเชยี ได โดยเนน การพัฒนาทักษะกระบวนการ
ตา งๆ ทสี่ าํ คัญ ไดแ ก ทักษะการคิด ทกั ษะการนาํ เสนอขอ มลู และกระบวนการ
สืบสอบ ดังตัวอยา งตอ ไปน้ี
• ครใู หน กั เรยี นศึกษาเกี่ยวกบั พฒั นาการทางประวัติศาสตรของภูมิภาคเอเชยี ใต
จากหนังสอื เรยี นและแหลง การเรยี นรตู า งๆ แลวอธิบายความรู โดยการ
อภปิ รายและตอบคาํ ถามทค่ี รกู ําหนด จากน้นั คนควา ขอมูลเพ่ิมเติมเพื่อจดั ทาํ
เสน เวลา (Timeline) แสดงเหตุการณสาํ คัญทางประวัติศาสตรใ นพัฒนาการ
ของภมู ภิ าคเอเชยี ใต ทม่ี ีภาพและรายละเอียดขอมูลพอสงั เขป
คูม ือครู 115
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
กระตนุ ความสนใจ Engage
ครกู ระตุน ความสนใจของนักเรียนดว ยการ ทะเลเบ ิรง ทะเลโอคอตส ์ค ๓๐ ๑๐ ๑๐
ใหนกั เรียนดูแผนทีท่ วปี เอเชยี จากหนงั สอื เรียน ๕๐ ๔๐ ๒๐ ๐
หนา 116 จากนน้ั ตง้ั คาํ ถามกระตนุ ความสนใจ เชน
ก.ฮกไกโด 1 ทะเลจีนใต้ ออสเตรเลีย ๑๑๐ ๑๒๐ ๑๓๐ ๑๔๐
• ทวีปเอเชยี มกี ภ่ี ูมิภาค อะไรบา ง
• ภมู ิภาคทน่ี ักเรยี นอาศัยอยคู ือภูมิภาคอะไร ี่ญ ุปน โตเ ีกยว ท ะ เ ล เ ห ลื อ งม ห า ส ุม ท ร แ ป ิซ ิฟ ก
• ทวปี เอเชียประกอบดว ยประเทศใดบา ง
• ทวปี เอเชียมีขนาดใหญเปน อันดบั ทีเ่ ทา ใด 2 มะ ินลา ิด ีล
ฟลิป ปนส
ของโลก เกาห ีลเหนือ หางโจว ดาเวา
เโกซาลหลีใ ้ต ไ ้ตห ัวน
สาํ รวจคน หา Explore เปียงยาง มาเ ักลวเล ีซาสิยัลงมคเโปปอ ร์ร ก.บอ รเนียว ิอ น โด นี เ ีซ ย
แผนที่แสดง ี่ท ั้ตงและอาณาเขตของประเทศในทวีปเอเชีย เวยี ดนาม จากา ์รตา
๐ ๒๐ ๔๐ ๖๐ ๘๐ ๑๐๐ ๑๒๐ ๑๔๐ ๑๖๐ ฮานอย
1. ครเู กร่ินนําเกยี่ วกบั ลักษณะโดยรวมของทวปี ก.กรีนเเลนด อูลานบาตอ ์รีจน ลาวเวียงจันท ์น ๑๐๐
เอเชยี พอสงั เขป ไทย
ก.ไอซเเลน ดม ห า ส มุ ท ร อ า ร์ ก ติ ก มองโกเลีย
2. จากน้ันครูใหนกั เรยี นแบง กลุม กลุมละ 5-6 คน ักม ูพชา
คละกนั ตามความสามารถ ประกอบดว ย ลาซา พนมเปญ
เกง ปานกลางคอ นขางเกง ปานกลาง ูภฏาน ุคนห ิมง
คอ นขางออ น และออ น เพื่อศึกษาเก่ยี วกบั บังกลาเทศเมียนมา เ ืมองหลวง ๙๐
ภมู ิภาคเอเชียตะวนั ออกจากหนงั สอื เรยี น ่อาวเบงกอล เ ืมอง ํสาคัญ
หนา 117-124 และจากแหลงการเรยี นรตู า งๆ
เพ่ิมเตมิ เชน หองสมดุ กลุมสาระ หองสมุด ัร ส เ ซี ย ินวเด ีล เนปาล อินเ ีดย ม ห า ส ุม ท ร ิอ น เ ดี ย ศ ีร ัลงกาัมล ีดฟส โค ัลมโบ ๘๐
โรงเรยี น ขอมูลทางอนิ เทอรเ นต็ เปน ตน มาเล
ในประเด็นตอไปนี้ อัสตานา คา ัซคสถาน คูเวต อิหราน ัอฟกานิสถาน อิสลามาบัด มุมไบ
• ทต่ี ง้ั และสภาพภูมิศาสตรท ่มี ผี ลตอ อเาติชรกกเามุอบันิซเตสบถกิาสนถานทา ูดชชเาทคานนเจิต์บกิบิสชเถคากน
พัฒนาการการต้ังถ่นิ ฐานของประชากร ปากีสถาน ซาอุดีอาระเ ีบย สห.เอมิเรต ์ส มัสกัต การา ีจ ๗๐
• พฒั นาการทางประวัติศาสตรข องเอเชีย คาบูล
ตะวันออก ทะเลอาห ัรบ
ทะเลเเคสเ ปยน ๖๐
ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนิอสราเเอลไลบซาปรันจสอ ัออนรงเเกดาซีรนเตุารีรย ีกแอิรับกกอเาเรเดมจดเอนีรเย ีจไยอบาเเจตซาหอน ระราน
ยุ โ ร ป มอสโก รอสตอฟ ิรยาด บา ์หกเรานตาร นซานา เยเมน โอมา
ทะเลเเดง ๓๐ ๔๐ ๕๐
๕๐
๔๐
๓๐
๒๐
๑๐
๐
๑๐
๑๑1๖1๖
เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET
ครอู าจนําลกู โลกจาํ ลองหรือแผนทีท่ วปี เอเชยี มาใหน ักเรยี นดู แลวอธบิ ายให ทวปี เอเชยี มที ําเลทีต่ ัง้ และมีความสาํ คัญตอ โลกอยา งไร
นกั เรียนเขาใจเก่ยี วกบั ลกั ษณะทําเลทตี่ ัง้ และอาณาเขตตดิ ตอ ของทวปี เอเชยี เพื่อท่ี แนวตอบ ทวีปเอเชยี เปน ทวีปทม่ี พี น้ื ที่มากทสี่ ุดและมจี าํ นวนประชากร
นกั เรียนจะไดเ ขา ใจในเนือ้ หาสาระมากข้นึ มากทส่ี ุดในโลก โดยมีอาณาเขตทางเหนือจดมหาสมุทรอารก ตกิ ทางใต
จดมหาสมทุ รอินเดีย ทางตะวันออกจดมหาสมทุ รแปซฟิ ก และชองแคบเบรงิ
สว นทางตะวนั ตกจดทวีปยุโรป โดยมีเทอื กเขายรู ัล ทะเลแคสเปยน
นักเรยี นควรรู และทะเลดําคน่ั อยู แบงพืน้ ทีอ่ อกเปน 5 ภูมิภาค ไดแก เอเชยี ตะวนั ออก
1 โตเกียว แปลวา เมอื งหลวงตะวนั ออก เดมิ คอื เมืองเอโดะ เปนศูนยกลางการเมือง เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต เอเชียใต เอเชยี ตะวันตกเฉยี งใต และเอเชียกลาง
การปกครองของญป่ี นุ มาตั้งแต ค.ศ. 1603 จนถึงปจ จุบนั เปน ทต่ี ัง้ ของพระราชวัง ซ่งึ ตางมลี ักษณะทางภูมศิ าสตรท ีแ่ ตกตา งกันไป สาํ หรบั ความสาํ คญั นัน้
อมิ พเี รยี ล (ในอดตี คอื ปราสาทเอโดะ) ท่ปี ระทบั ของจกั รพรรดิ รายลอ มดวย ทวปี เอเชยี เปน ดนิ แดนทีม่ ีวฒั นธรรมและอารยธรรมเกา แกสบื ตอเน่ืองมาเปน
ตกึ รัฐสภา กระทรวง และยานธรุ กจิ เวลายาวนาน โดยเฉพาะเปนแหลงกาํ เนิดอารยธรรรมทสี่ ําคัญของโลก ไดแ ก
2 ปกก่ิง เดิมชื่อวา เปย ผิง แปลวา สันตภิ าพแหงทศิ เหนือ ตอ มาจงึ เปลี่ยนเปน อารยธรรมเมโสโปเตเมีย อารยธรรมอนิ เดีย อารยธรรมจีน อารยธรรมอสิ ลาม
เปย จงิ แปลวา เมืองหลวงแหงทิศเหนอื ซง่ึ ตรงกบั ตาํ แหนง ทต่ี งั้ ของเมอื ง ในอดตี ซึ่งอารยธรรมเหลา นก้ี ็ไดมคี วามเจรญิ รุงเรืองมาเปน เวลานาน และมอี ทิ ธพิ ล
เคยเปน เมอื งสําคัญทางการคา ของชาวมองโกล ปจจบุ นั ปกก่ิงเปน เมอื งหลวงของจีน ไมเ ฉพาะแตผคู นในภูมิภาคนั้นๆ เทาน้นั แตยงั สงผลตอภูมิภาคอื่นดวย
116 คมู ือครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
ñ. ÀÙÁÔÀÒ¤àÍàªÂÕ µÐÇ¹Ñ ÍÍ¡ 1. ครใู หแตละกลมุ สงตวั แทนออกมานําเสนอ
สาระสาํ คัญทห่ี นาชั้นเรียน และใหเ พ่ือนๆ
เอเชียตะวันออก หมายถึง ดินแดนท่ีอยูทางตะวันออกของทวีปเอเชีย ดินแดนนี้ถือเปน ทมี่ ีขอสงสัยซกั ถามและอธบิ ายจนทุกคนเกดิ
แหลง อารยธรรมทสี่ าํ คญั และเกา แกแ หง หนงึ่ ของโลก มมี นษุ ยต งั้ ถน่ิ ฐานอาศยั อยมู าตง้ั แตส มยั กอ น ความเขาใจ
ประวตั ศิ าสตร และเปน ดนิ แดนทีม่ คี วามสําคัญมาจนถึงปจจุบัน
2. ครตู ้งั คาํ ถามและใหน ักเรยี นตอบ เชน
เอเชียตะวนั ออก : ประเทศ เมืองหลวง เนอ้ื ท่ี และประชากร พ.ศ. ๒๕๕๘ • ภมู ิภาคเอเชยี ตะวนั ออกประกอบดวย
ประเทศตางๆ กป่ี ระเทศ อะไรบา ง
ช่ือประเทศ เมอื งหลวง เนอ้ื ท่ี ประชากร แผนท่ภี มู ิภาคเอเชียตะวนั ออก (แนวตอบ 5 ประเทศ ไดแก สาธารณรัฐ
(ตร.กม.) (ลานคน) ประชาชนจีน มองโกเลีย สาธารณรฐั
ประชาธปิ ไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลเี หนอื )
๑. จนี ปกกงิ่ ๙,๕๘๓,๐๐๐ ๑,๓๗๙.๙ มหาสมทุ รอารกตกิ สาธารณรฐั เกาหลี (เกาหลใี ต) และญี่ปุน
(เปยจงิ ) สวนไตห วนั รัฐบาลจนี ถอื วาไตหวันเปน
1 ไทเป ๓๕,๗๖๐ ๒๓.๕ สหพันธรฐั รัสเซยี สว นหนึ่งของจีน)
• อาณาเขตของภมู ิภาคเอเชียตะวันออก
ไตห วนั ทวปี ยุโรป ติดตอกบั พนื้ ทใ่ี ดบา ง
(สว นหนงึ่ (แนวตอบ ทางเหนอื จดสหพันธรัฐรัสเซยี
ของจนี ) ทะเลดาํ ทางตะวนั ออกจดมหาสมุทรแปซิฟก
ทางตะวันตกจดภูมภิ าคเอเชยี ตะวนั ตก
๒. มองโ2กเลีย อูลานบาตอร ๑,๕๖๕,๐๐๐ ๓.๐ มหาสมุทรแปซฟิ ก เฉียงใตและเอเชยี กลาง และทางใตจด
๓๗๑,๙๗๓ ๑๒๖.๙ ภูมภิ าคเอเชยี ใตและเอเชยี ตะวนั ออก
๓. ญีป่ นุ โตเกียว ๑๒๐,๗๑๗ เฉียงใต)
๙๘,๔๗๗ ๒๕
๔. เกาหลเี หนอื เปย งยาง ๕๐.๗ ทะเลอาหรับ อาวเบงกอล ทะเลจีนใต
มหาสมทุ รอนิ เดยี
๕. เกาหลีใต โซล
รวม ๑๑,๗๗๔,๙๒๗ ๑,๖๐๙.๐
ทีม่ า : www.prb.org
๑.๑ ทตี่ ง้ั และสภาพภมู ิศาสตรท่มี ีผลตอพฒั นาการการตัง้ ถนิ่ ฐาน
ของประชากร
เอเชยี ตะวนั ออกเปน ภมู ภิ าคทมี่ พี นื้ ทก่ี วา งใหญท สี่ ดุ ในทวปี เอเชยี ประกอบดว ยประเทศตา งๆ
๕ ประเทศ ไดแก สาธารณรัฐประชาชนจีน
มองโกเลยี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน
เกาหลี (เกาหลีเหนือ) สาธารณรัฐเกาหลี ·èյѧé áÅÐÊÀÒ¾ÀÙÁÔÈÒʵÃ
(เกาหลีใต) และญีป่ ุน มีอาณาเขตทางเหนือจด ÁÍÕ ·Ô ¸Ô¾Åµ‹Í¡ÒõÑé§¶¹Ôè °Ò¹¢Í§»ÃЪҡÃã¹
·Ç»Õ àÍàªÕÂÍ‹ҧäúҌ §¹Ð
สหพันธรฐั รัสเซีย ทางตะวนั ออกจดมหาสมุทร
แปซฟิ ก ทางตะวนั ตกจดภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ตก
เฉยี งใตแ ละเอเชยี กลาง ทางใตจ ดภมู ภิ าคเอเชยี
ใตและเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต
๑๑๗
บรู ณาการเชอ่ื มสาระ นักเรยี นควรรู
ครูสามารถนาํ เน้อื หาเก่ยี วกบั ภูมิภาคเอเชยี ตะวนั ออก ไปบูรณาการ 1 ไตหวนั ไตห วันถือวาตนเปนประเทศ มีชอื่ เปนทางการวา สาธารณรฐั จนี
เชื่อมโยงกับสาระภูมศิ าสตร หัวขอ เครื่องมือทางภูมศิ าสตร โดยครอู ธิบาย แตรฐั บาลจีนถอื วาไตห วันเปนสวนหนง่ึ ของจีน ปญ หาจีน-ไตห วัน เกดิ จากความ
วิธกี ารใชเ ครอ่ื งมือประเภทตางๆ เชน ลูกโลก แผนทีเ่ ลม ภาพจากดาวเทยี ม ขัดแยง ทางการเมืองระหวา งพรรคคอมมวิ นสิ ตจนี กับรัฐบาลจนี คณะชาติ จนเกดิ
เว็บไซต เปนตน แลว แนะนาํ ใหนกั เรียนศกึ ษาสภาพภมู ศิ าสตรของภมู ิภาค สงครามกลางเมืองข้นึ ในจีน ระหวาง ค.ศ. 1946-1949 รฐั บาลจีนคณะชาติพา ยแพ
เอเชยี ตะวนั ออกจากเคร่ืองมอื ทางภูมศิ าสตรป ระเภทตางๆ ดงั กลา ว เพ่อื ที่ จึงอพยพไปตั้งรฐั บาลท่ีเกาะไตห วันใน ค.ศ. 1949
นักเรียนจะไดเ ลือกใชเ คร่ืองมือในการคน หาขอ มูลไดอยา งถูกตองและรวดเรว็ 2 ญป่ี นุ มีธงชาตชิ ื่อวา ฮิโนะมะรุ แปลวา ดวงอาทิตยว งกลม เน่อื งจากญี่ปุน
รวมทง้ั เกิดความรคู วามเขาใจเร่ืองราวของภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกมากย่ิงข้นึ ไดร บั สมญานามวาเปน ดนิ แดนอาทิตยอุทัย ดว ยความเชอ่ื ทว่ี า จักรพรรดขิ องญ่ีปุน
สบื เชอื้ สายมาจากพระอาทติ ย เมอื่ ญป่ี นุ เปด ประเทศใน ค.ศ. 1854 จงึ ไดพ ฒั นาธงชาติ
ของตนตามแบบอารยประเทศ โดยใชรปู ดวงอาทิตยทมี่ ีรัศมสี ีแดงบนพ้ืนขาว และใช
เร่ือยมาจนกระทงั่ ญี่ปุนพายแพใ นสงครามโลกครั้งท่ี 2 จึงไดต ดั รศั มอี อกไป เหลอื แต
วงกลมสแี ดงบนพนื้ ขาว
คมู อื ครู 117
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expore Expand Evaluate
Engaae Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ครูสมุ ถามนักเรียนเก่ยี วกับลักษณะภูมิประเทศ ลกั ษณะภมู ิประเทศของภูมิภาคเอเชยี ตะวนั ออก ประกอบด้วยโครงสร้าง ๒ สว่ น ดังนี้
ของภมู ภิ าคเอเชยี ตะวันออก และอิทธิพลทีม่ ตี อ
การตัง้ ถ่นิ ฐานของประชากรในภมู ภิ าค บริเวณภาคพืน้ ทวีป บริเวณหมูเกาะ
(แนวตอบ ลกั ษณะภูมปิ ระเทศของภมู ภิ าคเอเชีย
ตะวันออกประกอบดวยโครงสราง 2 สวน ดังนี้ ประกอบด้วย จีน เกาหลีเหนือ เกาหลีใต้
1. บรเิ วณภาคพน้ื ทวปี ประกอบดว ย จนี เแทลือะกมเอขงาโแกลเละียท ่ีรามบีลสักูงษ ณเชะ่นภ ูมเิปทรือะกเทเขศาเหปิม็นาเขลตัย 1
เกาหลเี หนอื เกาหลใี ต และมองโกเลยี เทอื กเขาอัลไต เทอื กเขาคุนลุน ทรี่ าบสูงทเิ บต
มีลักษณะภมู ิประเทศเปน เทอื กเขาและ ท่ีราบสูงยูนนาน ท่ีราบสูงมองโกเลีย พ้ืนท่ี ไดแ้ ก ่ หมเู่ กาะญปี่ นุ่ (ประกอบดว้ ย ๔ เกาะ
ทร่ี าบสงู เชน เทอื กเขาหมิ าลยั เทอื กเขาอลั ไต หลายแห่งในบริเวณท่ีราบสูงเป็นเขตทุ่งหญ้า ใหญ ่ ไดแ้ ก ่ ฮกไกโด ฮนชู ชโิ กะกุ และควี ช)ู
ทีร่ าบสูงทเิ บต ท่ีราบสูงยนู นาน ทร่ี าบสงู กวา้ งใหญ ่ มปี ระชากรตงั้ ถน่ิ ฐานอยไู่ มห่ นาแนน่ หมู่เกาะคูริล เกาะแซคาลิน และเกาะไต้หวัน
มองโกเลยี เปนตน พนื้ ท่ีหลายแหงในบรเิ วณ สว่ นใหญจ่ ะเป็นกลุ่มชนเรร่ ่อน เลีย้ งสัตว ์ เช่น มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงและท่ีราบ
ที่ราบสงู เปน เขตทุงหญากวางใหญ จงึ เปน ชนเผา่ มองโกล รมิ ฝงั ทะเลแคบๆ มีแมน่ �า้ สายสนั้ ๆ ที่ไหลเช่ยี ว
ที่อยอู าศยั ของกลุมชนเรร อนเล้ียงสตั ว เชน ส�าหรับเขตท่ีราบลุ่มแม่น�้า เช่น ท่ีราบลุ่ม และมเี กาะแกง่ มากมาย ประชากรจงึ ตงั้ ถนิ่ ฐาน
ชนเผา มองโกล นอกจากนย้ี งั มเี ขตท่ีราบลุม แฉมางน่ เา�้จหียวง2า ง(แเหยองซ (แี) มแน่ ลา�้ ะเหเขลตอื ทงี่เ) ปท็นร่ี แาบอ่งลแมุ่ ผแ่นมดน่ ินา้� กระจายตัวตามท่ีราบชายฝัง ท่ีราบเชิงเขา
แมน ํา้ ทสี่ ําคัญ เชน ทรี่ าบลมุ แมนํ้าฮวงโห คือ บริเวณท่ีมีล�าน�้าไหลลงสู่ทะเลภายใน และที่ราบรมิ น�า้ ผคู้ นส่วนใหญ่ประกอบอาชพี
หรอื หวางเหอ (แมน ํา้ เหลอื ง) ท่รี าบลมุ แมน ํา้ ดังเช่น แอ่งเสฉวนในจีน มีแม่น้�าฉางเจียง ปภเูรขะามไงฟ ปเะขทตบุ ภอ่ ูเยขคารน้ัง3ี้ม สักง่ เผกลิดใแหผเ้ ก่นดิ ดกินาไรหสูญวแเสลยีะ
ฉางเจียง (แยงซ)ี ของจนี และเขตที่เปน และแม่น้า� สาขาไหลผา่ น และมอี ากาศร้อนช้นื ชวี ติ และทรพั ยส์ นิ จา� นวนมาก แตบ่ รเิ วณภเู ขาไฟ
แอง แผนดนิ ท่ีมีลาํ นํา้ ไหลลงสูท ะเลภายใน จึงมีประชากรต้งั ถ่นิ ฐานอย่หู นาแน่น บรเิ วณที่ ก็มีแร่ธาตุและดินท่ีอุดมสมบูรณ์ จึงยังคงมี
เชน แอง เสฉวนในจนี ดว ยเหตุท่ีพน้ื ท่บี รเิ วณ มีประชากรหนาแน่นที่สุดในเขตภาคพ้ืนทวีป ประชากรอาศยั อยู่
ทีร่ าบลุม แมน้ํามคี วามอุดมสมบรู ณ เหมาะ คอื บรเิ วณทร่ี าบลมุ่ แมน่ า�้ ฉางเจยี ง เพราะมดี นิ จากสภาพภมู ิประเทศทเ่ี ปน็ หมู่เกาะ ซงึ่ ใน
แกก ารเพาะปลกู จงึ มีผคู นเขามาต้งั ถน่ิ ฐาน ทีอ่ ุดมสมบูรณ ์ เหมาะแกก่ ารเพาะปลูก อดตี การเดนิ ทางไปมาระหวา่ งหมเู่ กาะคอ่ นขา้ ง
อาศยั อยอู ยางหนาแนน ลา� บากและอนั ตราย จงึ ทา� ใหป้ ระชากรตง้ั ถน่ิ ฐาน
2. บริเวณหมเู กาะ ไดแ ก หมเู กาะญี่ปุน อยู่ในดนิ แดนของตน
หมเู กาะครู ลิ เกาะแซคาลิน และเกาะไตห วัน
มลี ักษณะภมู ปิ ระเทศเปน ภูเขาสูงและท่ีราบ สา� หรบั สภาพภมู อิ ากาศของเอเชยี ตะวนั ออกเปน็ เขตอากาศอบอนุ่ ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากลมมรสมุ
รมิ ฝง ทะเลแคบๆ ท่มี แี มนํ้าสายสัน้ ๆ จงึ มีฝนตกและมพี ายุตามชายฝงั ทะเลและด้านท่รี บั ลม เชน่ ชายฝัง ทางตะวันออกเฉยี งใตข้ องจีน
ไหลเชยี่ ว และมเี กาะแกงมากมาย ประชากร เกาะไตห้ วัน หม4ู่เกาะญ่ปี ุ่น ประชากรในบริเวณน้ีจงึ มกั ประสบปัญหาวาตภยั และอุทกภยั อยูเ่ สมอ
จงึ ตัง้ ถ่ินฐานกระจายตวั ตามบรเิ วณที่ราบ ส่วนในฤดูหนาวจะได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมฤดูหนาวท่ีพัดเข้าสู่ตอนเหนือของจีน เกาหลีเหนือ
ชายฝง ที่ราบเชิงเขา และทร่ี าบรมิ น้าํ ญีป่ นุ่ บรเิ วณนี้จงึ มีอากาศหนาวเยน็ มหี มิ ะตก สว่ นตอนใตข้ องจีนมอี ากาศร้อนชืน้
และสวนใหญจ ะประกอบอาชพี ประมง)
11๘
2. ครใู หนกั เรียนในชั้นเรยี นอภิปรายรว มกันถงึ
สภาพภมู อิ ากาศของภมู ิภาคเอเชยี ตะวนั ออก
แลว วิเคราะหว ามีอิทธพิ ลตอการตัง้ ถิ่นฐาน
ของประชากรในภูมภิ าคอยา งไร
นักเรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET
บริเวณใดของภมู ภิ าคเอเชียตะวันออกท่ีมีผูคนอาศยั อยหู นาแนน ทีส่ ุด
1 เทอื กเขาหิมาลยั อยูทางตอนเหนอื ของภูมภิ าคเอเชียใต เปนปราการธรรมชาติ 1. ชายฝงรมิ ทวีป เพราะเปน พื้นท่ีอุดมสมบรู ณ
กน้ั ระหวา งเอเชียใตกับจีนทางดานตะวนั ตกเฉยี งใต 2. ลมุ แมน า้ํ ในทวปี เพราะสามารถเพาะปลูกไดดี
2 แมน ้าํ ฉางเจยี ง หรือแมน ํ้าแยงซี เปนแมนํ้าสายยาวท่สี ดุ ของจนี ไหลจาก 3. หมูเกาะริมทวปี เพราะสามารถหาอาหารทะเลได
ทางดา นตะวันตกลงสูท ะเลทางดา นตะวนั ออกของจนี เชนเดียวกบั แมน ํ้าเหลือง 4. ทร่ี าบสูงในทวปี เพราะอากาศอบอนุ ไมห นาวเกินไป
3 เกิดแผนดินไหวและภเู ขาไฟปะทุบอยครัง้ จากปญหาภยั ธรรมชาตดิ งั กลาว วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. ลุมแมนํา้ ในทวีป เชน ลุม แมนํา้ หวางเหอ
ทําใหชาวญป่ี นุ ตอ งตอสอู ยางทรหดเพ่ือความอยูรอดในการดํารงชีวิต ซง่ึ ทําให ลุม แมน้ําฉางเจยี งในจนี ลมุ แมนํ้าเหลียวและลุม แมนา้ํ ซุงการีในแมนจูเรยี
ชาวญีป่ นุ มีความเขม แข็ง อดทน ดังจะเห็นไดจากการเปนฝา ยพา ยแพใ นชวง เปน ตน บริเวณดงั กลา วมพี ื้นดนิ ทม่ี ีความอดุ มสมบูรณ มีปรมิ าณนํ้ามาก
สงครามโลกคร้งั ที่ 2 ประเทศถกู ทาํ ลายเสยี หายมาก แตภ ายในเวลาไมนานก็สามารถ สามารถเพาะปลกู ไดด ี และยังสามารถใชเปน เสน ทางคมนาคมตดิ ตอ
ฟน ฟูประเทศของตนจนกลายเปน ประเทศมหาอาํ นาจทางเศรษฐกจิ ทส่ี ําคญั ของโลก ระหวา งกันไดสะดวก จึงเหมาะแกก ารต้งั ถ่นิ ฐานของประชากรมากท่สี ดุ
4 ฤดหู นาว สาํ หรบั ฤดหู นาวในประเทศญปี่ นุ จะอยใู นชว งเดอื นธนั วาคม-กมุ ภาพนั ธ
และในชวงฤดูหนาวนี้ ญี่ปุนจะมกี ารจัดงานเทศกาลหมิ ะทยี่ งิ่ ใหญร ะดบั โลกทเ่ี มอื ง
ซปั โปโรเปนประจาํ ทุกป จุดเดนของงานอยูท่กี ารประกวดแกะสลกั หมิ ะและนํา้ แข็ง
ซงึ่ จะจดั ในชวงตน เดือนกุมภาพันธ
118 คมู อื ครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
การทภ่ี มู ิภาคเอเชียตะวันออกมีพื้นท่ีกวา้ งใหญแ่ ละมลี กั ษณะภมู ิประเทศทห่ี ลากหลาย จงึ มี ครสู มุ นกั เรยี นออกมาอธบิ ายเกย่ี วกบั พฒั นาการ
ทรัพยากรธรรมชาตินานาชนิดแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ เช่น ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ในมองโกเลีย ดา นการเมืองการปกครองของภมู ภิ าคเอเชยี
ทเิ บต ทรพั ยากรดนิ ทอ่ี ดุ มสมบรู ณเ์ พราะเปน็ ดนิ ตะกอนบรเิ วณปากแมน่ าํ�้ ทรพั ยากรนา้�ํ และสตั วน์ าํ�้ ตะวนั ออกทห่ี นาช้นั เรยี น
แรธ่ าตุ เช่น น้า�ํ มนั ถ่านหนิ เหล็ก และแก๊สธรรมชาต ิ เปน็ ต้น
กลา่ วโดยสรปุ ภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกซงึ่ มสี ภาพภมู ปิ ระเทศทเ่ี ปน็ ภเู ขา ทะเลทราย หมเู่ กาะ (แนวตอบ ผคู นของประเทศในภมู ิภาคเอเชีย
นบั เปน็ ปจั จยั หนง่ึ ทท่ี าํ� ใหผ้ คู้ นเขา้ มาตง้ั ถนิ่ ฐาน เพราะพนื้ ทเ่ี หลา่ นเ้ี ปรยี บเสมอื นปราการธรรมชาติ ตะวันออกไดมกี ารกําหนดกฎเกณฑรปู แบบ
กนั้ ศตั รจู ากภายนอกไม่ใหเ้ ขา้ มารกุ รานและขยายอา�ํ นาจออกไปภายนอกไดย้ าก ผคู้ นจงึ ตงั้ ถน่ิ ฐาน การปกครองและภาษาขึน้ ใชภายในสงั คมของตน
อาศัยอยูอ่ ยา่ งตอ่ เน่อื งมาตัง้ แตอ่ ดีตจนถงึ ปัจจบุ นั เชน จีน ในระยะแรกมกี ารเลอื กผปู กครองตาม
ความสามารถ ตอมาเกดิ ราชวงศตา งๆ ปกครองใน
1๑.๒2 พัฒนาการทางประวัตศิ าสตรข์ องเอเชยี ตะวนั ออก ระบอบจักรพรรดิ (หวงตหี้ รอื ฮอ งเต) ภายใตค วาม
๑) พัฒนาการด้านการเมืองการปกครอง ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเป็นบริเวณ เชอ่ื ท่ีวา กษตั รยิ เ ปนโอรสแหงสวรรค และปกครอง
เร่ือยมาจนถึง ค.ศ. 1912 จีนจงึ เร่มิ ปกครองแบบ
ท่ีมีอารยธรรมเก่าแก่ย้อนไปได้เกือบ ๔,๐๐๐ ปี โดยผู้คนในพ้ืนที่ต่างๆ ได้สร้างสรรค์และส่ังสม สาธารณรฐั แตต อ มาไดเ ปลีย่ นแปลงการปกครอง
ความเจริญเพื่อให้สามารถดํ�ารงอยู่ได้ ซ่ึงในระยะแรกจะเป็นการประดิษฐ์คิดค้นสิ่งของเครื่องใช้ เปน ระบอบคอมมวิ นสิ ตมาจนถงึ ปจ จุบนั
แในลกะวารฒั ดนา�ํ ธรรงรชมีวหติ ย เาชงน่เช าก1ขาอรงผจลนี ิต กเคารร่ือผงลปติ ันเคดรนิ อ่ื เงผปานั ในดนิสมเผยั ากในอ่ วนฒั ปนระธวรตัรมิศโาจสมตอรน์ข2 อแงลวะฒั วฒันธนรธรรมรมหยละงโซยาะนอ ิ
ของญ่ีปุ่น เปน็ ตน้ สว นญป่ี นุ การปกครองระยะแรกเปนแบบเผา
หรืออจุ ิ ทมี่ หี วั หนาคอยดแู ล โดยถอื วา สบื เชื้อสาย
ภาชนะดินเผาวัฒนธรรม ภาชนะดินเผาวัฒนธรรม ภาชนะดินเผาวัฒนธรรม ภาชนะดินเผาวัฒนธรรม มาจากเทพเจาแหง ดวงอาทติ ย และผูท ่ีสืบเชือ้ สาย
หยางเชา (Yangshao) หลงซาน (Longshan) โจมอน (Jomon) อายุ ยะโยะอิ (Yayoi) อายุ โดยตรง คือ องคจ ักรพรรดิ แตแ ทจ ริงแลวอํานาจ
พบท่ีมณฑลกานซู อายุ พบที่มณฑลชานตง อายุ ประมาณ ๓,๐๐๐-๒,๐๐๐ ประมาณครสิ ตศ ตวรรษที่ การปกครองจะอยูใ นมอื ของขุนนางท่ีเปนผูปกครอง
ประมาณ ๒,๔๐๐ ปก อ น ประมาณ ๒,๕๐๐-๒,๐๐๐ ปกอน ค.ศ. ซ่ึงยุคนี้คน ๑-๓ เปน ยคุ ทผี่ คู นเรยี นรู ในระบอบศักดนิ า ทเี่ รียกวา โชกุน จนกระทั่ง
ค.ศ. ซ่ึงยุคน้ีคนเร่ิมรูจัก ปก อ น ค.ศ. เปนภาชนะ เรมิ่ ตง้ั ถนิ่ ฐานถาวร เรมิ่ ใช วิธีการปลูกขาว การทํา ค.ศ. 1867 ระบบโชกุนจงึ สิน้ สดุ ลงในสมยั เมจิ
ทอผา ทําภาชนะดินเผา ดินเผาท่ีมีเน้ือละเอียด เครื่องมือเคร่ืองใชท่ีทํา เครื่องใชโลหะจากจีน และประกาศใชร ัฐธรรมนญู เปน ชาติแรกในเอเชีย
ลายเขียนสี ระบายเปน คณุ ภาพดี และมีลักษณะ ดวยหินขัดและเคร่ืองปน มกี ารทอผา ทําเคร่อื งปน และไดพ ัฒนาประเทศจนกลายเปน มหาอํานาจของ
ลายเรขาคณิต พืช นก โดดเดน คือ เปนภาชนะ ดนิ เผาลายเชอื ก ดนิ เผา ท้ังมลี วดลายและ เอเชียและขยายอาํ นาจเขายดึ ครองประเทศตา งๆ
สัตวตา งๆ ๓ ขา ไมม ลี วดลายตกแตง ในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตใ นชว งสงครามโลก
ครัง้ ท่ี 2 แตเ มื่อญ่ีปนุ พายแพในสงคราม
11๑9๑๙ สหรฐั อเมรกิ าไดปลูกฝงการปกครองใหแ กญ ่ีปุน
สําหรบั เกาหลี กม็ รี าชวงศป กครองแตม ักอยใู ต
อทิ ธพิ ลของจีน จนกระทง่ั ญ่ปี นุ แผข ยายอิทธพิ ล
เขาไปยังเกาหลแี ละยดึ ครองในระหวาง ค.ศ. 1910-
1945 ภายหลงั ไดรบั เอกราช เกาหลแี บงแยกออก
เปนเกาหลเี หนอื ปกครองในระบอบคอมมวิ นิสต
และเกาหลใี ต ปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย
จนถงึ ปจจุบัน)
แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETดิ นักเรยี นควรรู
คาํ กลาวทว่ี า “ภูมิภาคเอเชียตะวนั ออกเปนแหลงอารยธรรมท่ีสําคัญและ 1 วัฒนธรรมหยางเชา มแี หลง กําเนดิ ในมณฑลเหอหนาน อายปุ ระมาณ
เกา แกแหงหนึ่งของโลก” เปนเพราะเหตุใด 7,000-5,000 ปกอ นคริสตศักราช มนษุ ยท าํ เคร่อื งปนดนิ เผา 3 สี คอื สีแดง ดํา
แนวตอบ ภมู ิภาคเอเชยี ตะวันออกเปน แหลง กําเนิดของอารยธรรมจนี ที่สําคญั และขาว มอี าชีพเพาะปลูก เลี้ยงสัตว
และเกา แกแหงหนงึ่ ของโลก ซง่ึ มแี หลงกาํ เนดิ ในบริเวณลมุ แมนา้ํ หวางเหอ 2 วฒั นธรรมโจมอน เปนความเจริญในรปู ของวฒั นธรรมเครื่องปน ดนิ เผา
เม่ือประมาณ 4,000 ปม าแลว ผลงานสาํ คัญชวงแรกๆ จะเปนการประดิษฐ โดยคาํ วา “โจมอน” แปลวา ลายเชือก น่ันคือ เคร่ืองปนดินเผาทมี่ ีการประทับลาย
สิง่ ของเคร่อื งใชใ นการดาํ รงชวี ิต เชน เครอื่ งปนดินเผา มีการเพาะปลูก เชือกลงบนพ้นื ผิวของภาชนะขณะทยี่ งั ไมไดน าํ ไปเผา เมอื่ ผานกระบวนการเสรจ็ แลว
ระบบชลประทาน การประดษิ ฐต ัวอกั ษรแบบรูปภาพ ตอ มาอารยธรรมจนี บนภาชนะจะปรากฏลายเชือกอยางเห็นเดน ชดั แหลง ทพี่ บมาก ไดแก พ้นื ทีท่ าง
กไ็ ดม กี ารสรา งสรรคแ ละพฒั นาความเจรญิ ในดา นตา งๆ จนมลี กั ษณะเดน ภาคตะวนั ออกและภาคเหนอื ของญ่ีปนุ
เปน เอกลกั ษณข องตนเอง โดยเฉพาะลทั ธคิ วามเชอ่ื ทางศาสนา เชน ลทั ธขิ งจอื๊
ลทั ธเิ ตา ซึง่ มีอทิ ธิพลตอจนี ในทกุ ดา น ไมวาจะเปน เร่ืองการดําเนนิ ชวี ิต คมู อื ครู 119
การปกครอง ปรชั ญา จิตรกรรม สถาปต ยกรรม วรรณกรรม เปน ตน จากนั้น
ความเจริญของอารยธรรมจนี กค็ อ ยๆ แพรขยายไปยงั ดนิ แดนใกลเ คยี ง
โดยเฉพาะญี่ปุน เกาหลี และเวียดนาม
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expore Expand Evaluate
Engaae Explain Explain
อธบิ ายความรู
ครูต้งั ประเด็นคําถามใหน กั เรียนชวยกันตอบ นอกจากนี้ยังรู้จักสร้างบ้านแบบง่ายๆ ท�ําก�ําแพงดินเหนียวเพื่อกํ�าหนดขอบเขต
เชน และปอ งกันอันตราย และเมื่อผคู้ นอาศยั อยู่รวมกันเปน็ กลุ่ม เปน็ สงั คม ก็มกี ารกาํ� หนดกฎเกณฑ์
รูปแบบการปกครองและภาษาข้ึนเพ่ือใช้ภายในสังคมของตน เช่น ในระยะแรกจีนมีการเลือก
• การปฏิวตั เิ ปลีย่ นแปลงการปกครองของจนี ผปู้ กครองตามความสามารถ ตอ่ มาเกดิ มรี าชวงศ์
เกดิ ขน้ึ กค่ี รง้ั และแตล ะครงั้ เกดิ จากสาเหตใุ ด ตา่ งๆ ปกครองในระบอบจกั รพรรด ิ มเี สนาบดเี ปน็
(แนวตอบ 2 ครั้ง ไดแก การปฏวิ ัติคร้งั แรก ผู้ช่วยในการบริหารประเทศ ทํ�าให้การควบคุม
เรมิ่ ข้ึนใน ค.ศ. 1911 และเปนผลสาํ เรจ็ ดูแลบ้านเมอื งเปน็ ไปอยา่ งมีระเบียบกฎเกณฑ์
ใน ค.ศ. 1912 และการปฏิวัตคิ ร้ังที่ 2 ค.ศ. ใน ค.ศ. ๑๙๑๒ จนี เรม่ิ การปกครอง
1949 การปฏิวตั ิคร้ังแรกไดเปล่ียนแปลงการ แบบสาธารณรฐั แตป่ ระสบปญั หาความออ่ นแอ
ปกครองจากระบอบจักรพรรดิซงึ่ มีมานาน รแะลหะวแ่าตงกพแรยรกค กเ๊กกมิดินคตว๋ังาแมลขะัดพแรยร้งคแคลอะมกมาิวรนสิูส้รบต1์
เปน แบบสาธารณรัฐ โดยมรี ฐั ธรรมนญู เปน ต้ังแต่ปลายทศวรรษ ๑๙๒๐ - ค.ศ. ๑๙๔๙
กฎหมายสงู สุดของประเทศ สาเหตสุ าํ คญั พรรคคอมมิวนสิ ตม์ ชี ยั ชนะ จนี จึงเปลีย่ นแปลง
เกิดจากความออนแอของราชวงศช ิงที่ เหมา เจอตง ผูนําพรรคคอมมิวนิสตจีนในการปฏิวัติ การปกครองมาเป็นระบอบคอมมิวนิสต์จนถึง
ปกครองจนี ในเวลาน้ัน และความลมเหลว เปล่ียนแปลงการปกครองของจีนจากระบอบสาธารณรัฐ ปจั จุบนั
ในการปรับปรุงประเทศ เพ่อื ทาํ ใหประเทศ มาเปนระบอบคอมมิวนสิ ตเ ม่อื ค.ศ. ๑๙๔๙
เขมแข็งหลงั จากพา ยแพใ หแกตางชาติ
หลายครัง้ รวมถงึ การไดรับอิทธิพลทาง ส่วนญีป่ ่นุ การปกครองระยะแรกเปน็ แบบเผา่ หรอื อจุ ิ (Uji) ซงึ่ มีหัวหน้าคอยควบคุม
ความคิดจากตะวันตกในเร่อื งของเสรนี ิยม ดมูแาจลาปกรบะรชราพกบรใุรนุษเเผด่าียขวอกงันต นน ั่นถคึงือแ มเท้จะพมเจีก้าาแรหแบ่งด่งวองออกาเทปิต็นยห์2 ลแาลยะเผผู้ท่า่ี สืบแเตช่ก้ือ็ถสือาวย่าโดสืบยตเชร้ือง สคายือ
และชาตินิยม สว นการปฏวิ ัตคิ ร้ังท่ี 2 องคจ์ กั รพรรด ิ ชาวญปี่ นุ่ จงึ ใหค้ วามเคารพนบั ถอื จักรพรรดิดุจด่ังเทพเจ้า แต่ระบบจักรพรรดิของ
ไดเปลย่ี นแปลงการปกครองจากระบอบ ญี่ปุ่นแตกต่างจากของจีน โดยจักรพรรดิญี่ปุ่นมีอํ�านาจแต่เพียงในนาม เพราะมีเจ้าหรือขุนนาง
สาธารณรฐั มาเปนระบอบคอมมิวนสิ ต เป็นผู้ปกครองในระบอบศักดินาท่ีเป็นการกระจายอํ�านาจจากส่วนกลาง ซึ่งต่อมารู้จักกันในชื่อ
มสี าเหตเุ กดิ จากความแตกแยกภายในประเทศ ระบบโชกุน
รวมท้งั การถกู ตางชาติโดยเฉพาะญ่ีปุน เขา ไป โชกุนเปน็ ผู้น�าํ ทางทหารและผู้น าํ� รัฐบาล มีศนู ย์อาํ� นาจที่เมอื งโตเกยี ว สว่ นจักรพรรดิ
มอี ทิ ธิพล จึงทําใหพ รรคคอมมวิ นิสตจีน เแปล็นะปมรีกะามรุขฟทนาฟงูพอํ�าิธนีกาาจร ขปองรจะทักับรพอยรรู่ทด่ีเิมข้ึืนองมเากใียหวมโต่ใน สจมนัถยึงเม จค3ิ .ศญ. ี่ป๑ุ๘่น๖ป๗ระ กราะศบใบชโ้รชัฐกธุนรจรึงมสน้ินูญสุเดปล็นง
โดยมีเหมา เจอตงเปน ผนู าํ ทาํ การปฏวิ ัตไิ ด ชาตแิ รกในเอเชยี เม่ือ ค.ศ. ๑๘๘๙ และได้พ ัฒนาจนกลายเป็น ชาติมหาอาํ� นาจในเอเชยี และใชล้ ทั ธิ
สําเร็จ) ทหารนิยมขยายอํ�านาจเข้ายึดครองประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงสงครามโลก
ครั้งที่ ๒ ความพ่ายแพ้ของญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งท่ี ๒ ทํ�าให้สหรัฐอเมริกาเข้ามายึดครองอยู ่
• การปฏริ ูปสมัยเมจกิ อ ใหเกิดผลตอ ประเทศ ๗ ปี และร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยห้ามญ่ีปุ่นมีกองทัพของตนเอง และปลูกฝังการปกครอง
ญป่ี ุนทางการเมืองการปกครองอยา งไร ระบอบประชาธปิ ไตยใหแ้ กญ่ ี่ปนุ่
(แนวตอบ ทาํ ใหญปี่ นุ มรี ัฐธรรมนูญเปน
กฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ ๑๒1๐2๐
ถึงแมวารัฐธรรมนญู ฉบับดังกลา วจะยังไมมี
ความเปน ประชาธิปไตยอยา งสมบรู ณแ บบ
ดังเชน ในประเทศตะวันตก แตกน็ ับไดวา ญ่ีปนุ
ประสบความสําเร็จในการปฏริ ูปการปกครอง
มาโดยลาํ ดบั )
นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET
การปฏวิ ตั ิเปล่ยี นแปลงการปกครองทีเ่ กิดขน้ึ ในจีนไดม ีผลตอ
1 พรรคกกมนิ ตั๋งและพรรคคอมมวิ นสิ ต พรรคกกมนิ ตั๋ง กอตงั้ โดย ซนุ ยตั เซน การเปลี่ยนแปลงของโลกอยางไร
สวนพรรคคอมมิวนิสต กอตง้ั โดย เหมา เจอ ตง ทัง้ 2 พรรคมีอุดมการณร ว มกัน คือ แนวตอบ การปฏวิ ัตขิ องจีนครั้งแรกทเี่ กดิ ขนึ้ ใน ค.ศ. 1911 ทําใหหลายๆ
ลัทธชิ าตนิ ยิ มทีม่ ุงขจัดอิทธิพลของญี่ปนุ และชาตติ ะวนั ตกออกไปจากจนี ตอ มาได ชาตใิ นเอเชยี เกดิ ความต่นื ตัวมากข้นึ ในเรื่องชาตินยิ ม เพราะในเวลาน้ัน
ขัดแยงกันเพราะวิธีการทีท่ ง้ั 2 พรรคใชน้นั แตกตา งกนั โดยพรรคกก มินต๋งั มีชนชัน้ ชาติในทวีปเอเชยี หลายชาติถูกมหาอาํ นาจตะวนั ตกปกครองเปน อาณานคิ ม
นายทุนเปน พลังสาํ คัญ ท้งั ยังไดร ับความชวยเหลือจากชาติตะวนั ตก สวนพรรค ความคิดในเร่ืองชาตนิ ิยมท่ตี อ งการขับไลมหาอํานาจตะวันตกออกไปเพ่ือให
คอมมวิ นิสตมชี าวนาซ่ึงเปน ชนสว นใหญเ ปน พลังสําคญั และมีความสัมพันธใกลชดิ ชาตขิ องตนไดร บั เอกราชจงึ แพรข ยายมากขึ้น นอกจากน้ี ยังทาํ ใหเกดิ ความ
กับสหภาพโซเวยี ต นยิ มในเรือ่ งระบอบประชาธปิ ไตยท่มี ีรฐั ธรรมนญู เปนกฎหมายสูงสดุ ในการ
2 เทพเจา แหง ดวงอาทติ ย เปน สตรมี ชี อ่ื วา อะมาเตราสุ เปน เทพเจา สงู สดุ ปกครองประเทศ เพราะในเวลานน้ั ในทวปี เอเชยี มเี พยี งญป่ี ุนกับตรุ กีเทา นน้ั
ชาวญป่ี นุ ถอื วา จกั รพรรดขิ องญป่ี นุ สบื เชอ้ื สายโดยตรงมาจากเทพเจา แหง ดวงอาทติ ย ทีป่ กครองในระบอบประชาธปิ ไตย สว นการปฏวิ ตั ิครั้งที่ 2 ใน ค.ศ. 1949
ดว ยความเชอ่ื นจี้ งึ ไมม กี ารลม ลา งราชวงศข องจกั รพรรดิ ไดเ ปน ตวั อยา งการปฏวิ ตั ใิ หแ กห ลายประเทศในทวปี เอเชยี แอฟรกิ า อเมรกิ าใต
3 สมยั เมจิ อยใู นชว ง ค.ศ. 1868-1912 เปน สมยั แหง การปฏริ ปู ประเทศใหท นั สมยั โดยเหมา เจอ ตงไดใ ชยุทธศาสตรแ บบ “ปา ลอมเมอื ง” ดว ยการใชเ กษตรกร
ตามแบบชาตติ ะวนั ตก ถอื เปน รากฐานความเจรญิ ของญป่ี นุ ในสมยั ปจ จบุ นั สมยั เมจิ เปนกําลงั ในการปฏิวัติ และทําการปฏิวตั ิในชนบทแลวจึงขยายไปในเมอื ง
ตรงกบั สมยั รชั กาลที่ 5 ของไทย ซง่ึ มกี ารปฏริ ปู ประเทศใหท นั สมยั เหมอื นกนั
120 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
กระตนุ ความสนใจ Engage
àÊÃÁÔ ÊÒÃÐ ระบบโชกุน ครกู ระตุนความสนใจของนักเรยี น โดยตั้ง
คําถาม เชน
ลักษณะสําคัญในประวัติศาสตรญี่ปุนต้ังแตปลายคริสต-
ศตวรรษท่ี ๑๒ ถงึ ปลายครสิ ตศ ตวรรษท่ี ๑๙ เปน เวลาเกอื บ • นกั เรยี นคนใดเคยดูการต ูนเรื่องอิคคิวซงั บา ง
๗๐๐ ป คือ โชกุนมีอํานาจในการปกครองประเทศแทน • ในการตนู จะกลา วถึงโชกุนกบั ซามไู ร
จกั รพรรดิ แมว าจักรพรรดิจะยงั เปน ประมุขของประเทศ แตก็
ไมมอี าํ นาจทางการปกครอง ทรงประกอบพระราชพธิ ีเทา นน้ั นักเรียนคิดวา โชกนุ กับซามูไรมีบทบาท
อยางไรก็ดี โชกุนก็ไมไดถอดถอนจักรพรรดิแลวตั้งตนเอง หนาทอ่ี ยา งไร
เปน จกั รพรรดแิ ทน
สาํ รวจคน หา Explore
โชกุน แปลวา จอมทัพของจักรพรรดิ เปนตําแหนงท่ี
จักรพรรดิพระราชทานใหแ กโยะรโิ ตะโมะ (Yoritomo) ตระกูล ครใู หนักเรียนศกึ ษาคน ควา เกี่ยวกับระบบ
โชกนุ และซามไู รจากหนงั สอื เรยี น หนา 121
มสุดินทะโา มยะคโตอื ะโ(ทMะiกnงุaะmวะo1to(T)oเkปuน gโaชwกaนุ )คนแรก สวนโชกนุ ตระกูล จากน้นั อภิปรายถงึ สาระสาํ คญั รวมกัน
โชกุนมีอํานาจมากเหมือนเปนผูเผด็จการ มีอํานาจท้ัง อธบิ ายความรู Explain
ดานการทหาร ยตุ ธิ รรม การเก็บภาษีอากร กลาวไดว า โชกนุ
ภาพวาดนักรบญปี่ นุ หรือซามูไร มอี าํ นาจมากมายทกุ ดา น ลกั ษณะสาํ คญั อกี ประการหนงึ่ ในชว ง ครซู กั ถามนักเรียนเกี่ยวกับระบบโชกุน เชน
เวลาเกือบ ๗๐๐ ปนี้ คอื ญ่ีปนุ มกี ารปกครองแบบฟว ดัล หรอื • โชกนุ มบี ทบาทตอ การปกครองของญป่ี นุ
เสน เวลา ศกั ดนิ าสวามภิ กั ดคิ์ ลา ยกบั ในทวปี ยโุ รป แตแ ตกตา งจากระบบ
แสดงลําดบั โชกุนปกครองญป่ี นุ ในสมยั ศกั ดนิ าอยางไร
ศทกั่เี รดยี นิ กาวขาอซงาไทมยไู ร2ค(อื แปตลระวกาลู ผตูรา ับงใๆช)ไดเปค นรอกบําคลังรสอาํงคแคญั วขน องมผนี คู กั รรอบง (แนวตอบ โชกนุ เปน ตาํ แหนงผนู าํ สูงสุดทาง
๑๑๙๒ การทหาร ท่จี กั รพรรดพิ ระราชทานใหแ ก
เริ่มตนสมัยโชกุนโยะรโิ ตะโมะ แควนหรือไดเมียว ซามูไรจะมีความจงรักภักดีและเสียสละตอ โยะรโิ ตะโมะ ตระกูลมนิ ะโมะโตะ เปนโชกนุ
ผูเปนนายของตน คนแรก และดว ยทมี่ ีอาํ นาจมากท้งั การทหาร
สมัยคะมะกรุ ะ ยตุ ธิ รรม และการเก็บภาษีอากร จึงเหมอื น
๑๖๐๓ ๑๘๖๗ เปนผบู ริหารราชการแผนดินแทนองค
เร่ิมตน สมัย ส้นิ สดุ สมยั จกั รพรรดิ)
โชกนุ โทะกงุ ะวะ โชกุนโทะกุงะวะ
ค.ศ. ๑๐๐๐ ขยายความเขา ใจ Expand
๑๓๓๘
๑๕๐๐ ๒๐๐๐ ครใู หน กั เรยี นจดั ทาํ รายงานเกยี่ วกบั ความเจรญิ
เรม่ิ ตนสมัยโชกุนอะชกิ ะงะ ๑๘๕๔ ของญีป่ ุนในสมยั ท่มี โี ชกนุ ปกครองจนกระท่ังสิน้ สุด
สมัยโชกนุ แลวนําสงครผู สู อน
สหรฐั อเมริกาเปด ประเทศญีป่ ุน
๑๒๑ ตรวจสอบผล Evaluate
ครูตรวจรายงานเก่ียวกับความเจริญของญป่ี ุน
ในสมยั ทมี่ โี ชกนุ ปกครองจนกระทง่ั สนิ้ สดุ สมยั โชกนุ
แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETิด นักเรียนควรรู
การปกครองในระบอบศักดินามผี ลตอ การพัฒนาประเทศญ่ปี ุนอยางไร 1 โทะกงุ ะวะ ค.ศ. 1603 - 1867 เปนสมยั ที่มีความสงบภายในสูง ชว งแรกของ
แนวตอบ ระบอบศกั ดินาของญ่ปี นุ เรมิ่ ขนึ้ ในชว งคริสตศตวรรษที่ 12-19 สมยั น้ี ญปี่ นุ มกี ารติดตอ คาขายกับชาตติ ะวนั ตกหลายชาติ แตตอมาไดม ีการปด
เม่อื ผนู าํ ตระกลู มนิ ะโมะโตะมีชยั ชนะเหนือตระกลู ไทระ ทาํ ใหจ กั รพรรดิยก ประเทศ (ยกเวน จีนกับฮอลันดา) เพราะกลวั อทิ ธพิ ลของตางชาตทิ ่ีจะเขาไปพรอ ม
ตําแหนง โชกนุ (ผนู ําทางทหาร) ใหกบั ผูน าํ ตระกูลมินะโมะโตะ ญีป่ ุนจงึ มี กบั การเผยแผค รสิ ตศาสนา จึงมีการขบั ไลผ เู ขารีตออกนอกประเทศถา ไมยอมเลกิ
2 รฐั บาลพรอมกนั ในเวลาเดยี ว โดยองคจกั รพรรดพิ าํ นกั อยูทีก่ รุงเกยี วโต นบั ถอื คริสตศ าสนา ผูเ ขารีตบางสว นไดอพยพมาต้งั ถนิ่ ฐานท่ีอาณาจกั รอยธุ ยา
มไิ ดม อี าํ นาจแทจ รงิ เปน เพยี งสญั ลกั ษณข องชาติ สว นอาํ นาจแทจ รงิ นนั้ ใน ค.ศ. 1854 สหรฐั อเมรกิ าใชก าํ ลงั เรอื รบ (หรอื เรอื ดาํ ) บบี บงั คบั ใหญ ปี่ นุ เปด ประเทศ
อยใู นมือของโชกุน ญปี่ ุนภายใตก ารปกครองของโชกนุ กน็ ับไดว า มี 2 ซามไู ร คําวา “ซามไู ร” มีตนกําเนดิ จากคาํ วา “ซะบุระอ”ุ ในภาษาญ่ปี นุ
ความเจรญิ กาวหนาอยา งย่ิง ท้งั ดา นเศรษฐกจิ ทเี่ ศรษฐกิจขึน้ อยูก บั การ โบราณ หมายความวา รบั ใช ดังน้นั ซามไู รกค็ ือ ผูร ับใชแกเจา นายหรอื ไดเมียว
คา ขายและอตุ สาหกรรม สนิ คา ของญีป่ นุ ทีต่ างชาติตอ งการ เชน ไขมุก ทองคาํ นัน่ เอง ซามไู รจะยดึ หลกั บูชโิ ด แปลวา วถิ แี หง นักรบ เปนหลกั ปฏิบัติ เชน
พัด ดาบญป่ี ุน และเหลก็ กลา การขยายตวั ทางการคานาํ ไปสูก ารเจริญเตบิ โต ความจงรกั ภักดี ความกลา หาญ การใหเ กยี รตสิ ตรี ความกตัญูกตเวที การหย่ิง
ของเมอื งตางๆ เชน เมืองเอโดะ เมอื งโอซากา เมอื งเกียวโต ดา นศลิ ปะ ในเกียรตขิ องตนเอง เปน ตน
และการละคร เชน ละครโน ซ่ึงนิยมกันในหมูค นช้ันสูงและบรรดาซามูไร
ละครคาบกู ิ ที่สว นใหญเ นน การผจญภยั ของซามูไร เปนตน
คมู ือครู 121
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
ครตู งั้ คําถามเก่ยี วกับพัฒนาการดา นเศรษฐกิจ ส�าหรับเกาหลี เริ่มอาณาจักรแห่งแรกบริเวณเกาหลีเหนือในปัจจุบัน โดยมีราชวงศ์
ของจนี แลว ใหนกั เรียนแสดงความคิดเหน็ เชน ของตนเอง แตม่ กั ตกอยภู่ ายใตอ้ ทิ ธพิ ลของจนี ทา� ใหร้ บั อทิ ธพิ ลจากจนี เกอื บทกุ ดา้ น ในปลายครสิ ต์
ศตวรรษที่ ๑๙ ญ่ีปุ่นซึ่งกลายเป็นชาติมหาอ�านาจในเอเชียได้ขยายอิทธิพลไปยังเกาหลีและเข้า
• การเขามาติดตอคา ขายของชาตติ ะวนั ตก ยึดครองเกาหลเี ปน็ เมืองขน้ึ ระหวา่ ง ค.ศ. ๑๙๑๐ - ๑๙๔๕ ทา� ให้เกาหลอี ยู่ภายใตก้ ารปกครองของ
โดยเฉพาะองั กฤษในชว งตนคริสตศตวรรษ ญี่ปนุ่ จนสิน้ สดุ สงครามโลกคร้ังที ่ ๒ ใน ค.ศ. ๑๙๔๕ เกาหลีจงึ ได้รบั เอกราช แต่ปัญหาการเมือง
ท่ี 19 ไดส งผลตอพฒั นาการดา นเศรษฐกิจ ระหวา่ งฝา่ ยคอมมิวนิสตก์ ับฝา่ ยประชาธิปไตย ทา� ใหเ้ กาหลแี บง่ แยกออกเป็นประเทศเกาหลเี หนือ
ของจนี อยางไร ปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์ และเกาหลีใต ้ ปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย ความขัดแยง้ ทาง
(แนวตอบ การทอี่ งั กฤษนาํ ฝน มาขายใหแ ก การเมอื งนา� ไปสู่สงครามระหวา่ งเกาหลเี หนือและเกาหลีใตใ้ น ค.ศ. ๑๙๕๐ - ๑๙๕๓ ในปัจจุบนั กม็ ี
คนจนี เพ่ือลดการขาดดลุ การคา ไดก ลายเปน ปญั หาการสะสมอาวธุ นวิ เคลียร์ของเกาหลเี หนือ
สาเหตขุ องการทําสงครามฝน (ค.ศ. 1839-
1842) ระหวา งจีนกับอังกฤษ และจนี เปน ฝา ย ๒) พัฒนาการด้านเศรษฐกิจ เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกช่วงก่อน
พา ยแพ ทาํ ใหตองยอมลงนามในสนธสิ ญั ญา กลางครสิ ตศ์ ตวรรษที ่ ๑๙ มีพ้ืนฐานอยูท่ ีเ่ กษตรกรรมเปน็ หลักและมกี ารทา� การค้าระหวา่ งรฐั การ
นานกิง ซึ่งเปนสนธสิ ญั ญาไมเ สมอภาค เปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจคร้ังส�าคัญเกิดข้ึนเมื่อชาติจักรวรรดินิยมตะวันตกเข้ามาติดต่อค้าขาย
ฉบับแรกท่ที ํากบั ตะวนั ตก จากการเขา มาของ ชดาว้ ตยติในะตวนั้นตคกรสินตอ้ ศ์ย ตทวา�รใรหษช้ ทาี ่ต๑ติ ๙ะ วโนัดตยกเฉขพาดาะทในุน จชีนา วสตินะวคนัา้ สตา�กคจญังึ เ รคมิ่ อืน า�ใฝบนชมา าแขตา่กยาชราทวจ่ีจนีีน ซก้อื าสรปินรคา้าบขฝอนง1
ชาตติ ะวันตกไดท ําใหเศรษฐกจิ ของจนี เขาสู ของจนี ท�าให้เกิดความขดั แยง้ ระหวา่ งอังกฤษกบั จนี และนา� ไปสูก่ ารทา� สงครามฝน (ค.ศ. ๑๘๓๙ -
ระบบอตุ สาหกรรมมากขน้ึ มีการตั้งโรงงาน ๑๘๔๒) จีนเปน็ ฝ่ายแพ้ ทา� ใหช้ าตติ ะวันตกเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ในจนี มากข้นึ
อุตสาหกรรมหนัก เชน ตอ เรือ เหลก็ กลา การเข้ามาของชาตติ ะวันตกท�าใหเ้ ศรษฐกจิ จีนเข้าสรู่ ะบบอุตสาหกรรมมากข้นึ มีการ
และอุตสาหกรรมเบา เชน ผาฝา ย เปน ตน ตงั้ โรงงานอตุ สาหกรรมหนกั เช่น ตอ่ เรอื เหลก็ กลา้ อุตสาหกรรมเบา เช่น ผา้ ฝาย อย่างไรกต็ าม
แตเศรษฐกิจหลักกย็ งั ขึน้ อยกู บั เกษตรกรรม) เกษตรกรรมยังคงเป็นพื้นฐานเศรษฐกิจของจีน
แตช่ าวนากย็ งั คงประสบกบั ปญั หาความยากจน
• ภายหลังจีนปกครองในระบอบคอมมวิ นิสต และไม่มีที่ดินท�ากิน นโยบายปฏิรูปที่ดินจึง
ไดสงเสรมิ การพฒั นาเศรษฐกจิ อยางไร เป็นนโยบายหลักของพรรคการเมือง ทั้งพรรค
(แนวตอบ ไดดําเนนิ การปฏิรูปทด่ี นิ และเรง กวอ หมนิ ตง่ั หรอื กก๊ มนิ ตง๋ั และพรรคคอมมวิ นสิ ต์
การผลติ ภาคเกษตรกรรมและอตุ สาหกรรม ทชี่ ักจูงใจให้ชาวนาเขา้ รว่ มกบั ฝ่ายตน
ในปลายทศวรรษ 1950 แตจากปญหา เมื่อจีนเปล่ียนแปลงการปกครอง
ภยั ธรรมชาติ ปญหาการจดั การผิดพลาด เปน็ ระบอบคอมมวิ นสิ ต์ใน ค.ศ. ๑๙๔๙ ไดด้ า� เนนิ
มีผลทาํ ใหผ ลผลิตทางเกษตรกรรมลดลง การปฏริ ปู ทดี่ นิ และเรง่ การผลติ ภาคเกษตรกรรม
อยา งไรกด็ ี ในปลายทศวรรษ 1970 ผนู ําจนี ภาพวาดการทาํ สงครามฝน ระหวา งองั กฤษกบั จีนเมื่อ ค.ศ. และอุตสาหกรรมในปลายทศวรรษ ๑๙๕๐ แต่
ไดนํานโยบายสี่ทันสมยั มาใช ดวยการพฒั นา ๑๘๓๙ - ๑๘๔๒ จีนเปนฝายแพและถูกบังคับใหทําสัญญา ปญั หาภยั ธรรมชาต ิ ปญั หาการจดั การผดิ พลาด
ดานเกษตรกรรม อตุ สาหกรรม การทหาร ทเ่ี สียเปรียบ ตองสญู เสยี สิทธิสภาพนอกอาณาเขต รวมทง้ั ไดท้ า� ใหผ้ ลผลติ เกษตรกรรมลดลง
วิทยาศาสตรและเทคโนโลยี มีการเปด เขต ตอ งยกเกาะฮองกงใหแกอ ังกฤษดวย
เศรษฐกิจพิเศษ เปดรบั การลงทุนจากตา งชาติ
ทําใหเ ศรษฐกิจของจีนเจรญิ เติบโตอยาง 122
รวดเร็วมาจนกระทั่งถงึ ปจจบุ ัน)
นกั เรียนควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ
1 การปราบฝน โดยเฉพาะเมอ่ื จักรพรรดิเตา กวงแหงราชวงศช งิ สงขาหลวงช่ือ ครใู หนกั เรียนสรปุ พฒั นาการดา นเศรษฐกจิ ของภูมภิ าคเอเชยี ตะวนั ออก
หลนิ เจอสวี มาปราบฝน ท่ีเมืองกวางตงุ (หรอื กวางโจว) มกี ารจับ ยดึ และเผาฝน เปนประเด็นๆ โดยจัดทาํ ในรูปแบบตา งๆ เชน แผนผงั ตาราง ผังมโนทัศน
ทาํ ใหพอ คา ตา งชาตโิ ดยเฉพาะอังกฤษเสยี ผลประโยชน จงึ นาํ ไปสสู งครามฝนใน เสนเวลา (Timeline) เปนตน แลวนําเสนอหนา ช้ันเรียน
เวลาตอ มา
กจิ กรรมทาทาย
บรู ณาการอาเซียน
ครูใหน กั เรียนสืบคน ขอมลู เพื่อนํามาเขยี นเรยี งความในประเด็น “บทบาท
ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ เกี่ยวกับความรว มมอื ของประเทศตางๆ ในภูมิภาคเอเชีย ของภมู ิภาคเอเชยี ตะวันออกทีม่ ีตอ เศรษฐกจิ ของโลกสมัยปจจบุ ัน” จากน้นั
ตะวันออกกบั อาเซยี น ทง้ั ความรว มมอื ระดับทวิภาคี เชน อาเซียนกับจีน อาเซียน ออกมานําเสนอทห่ี นาชั้นเรียน
กบั ญีป่ ุน อาเซยี นกับเกาหลใี ต และความรว มมือระดับพหุภาคี เชน อาเซยี น+3
ยกตวั อยา ง อาเซยี นกับจนี ซึง่ เริม่ ตน ความสัมพนั ธเมือ่ พ.ศ. 2534 มีความรวมมอื
ในดา นตางๆ จากนัน้ ครใู หน กั เรียนไปศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เกย่ี วกับความรวมมือกบั ประเทศ
ตางๆ ดงั กลาวขา งตน
122 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
1 1. ครสู ุมนกั เรียนตอบคําถามเกีย่ วกับพฒั นาการ
ในปลายทศวรรษ ๑๙๗๐ เติง้ เส่ยี วผงิ ผู้น�าจนี ได้เร่ิมน�านโยบายส่ีทันสมัยมาใช้ คอื ดา นเศรษฐกิจของญีป่ นุ และเกาหลี เชน
การพัฒนาด้านการเกษตร อุตสาหกรรม การทหาร วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีการเปดเขต • สภาพเศรษฐกจิ ของญีป่ ุนในชว งปด ประเทศ
เศรษฐกิจพิเศษ เปดรับการลงทุนจากต่างชาติ และปรับปรุงประเทศเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแบบ และเปด ประเทศมีลักษณะอยางไร
ทนุ นยิ มหรอื เศรษฐกจิ การตลาด ท�าให้เศรษฐกิจของจีนเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะต้ังแต่ (แนวตอบ การที่ญ่ีปนุ ดําเนินนโยบาย
กลางทศวรรษ ๑๙๙๐ เมืองใหญ่หลายแหง่ เช่น เปย่ จ์ งิ ชา่ งไห่ เทียนจิน เฉนิ่ เจ้นิ เป็นตน้ กลาย ปด ประเทศ ไมตดิ ตอกบั ชาติตะวนั ตกใดๆ
เป็นศนู ยก์ ลางทางเศรษฐกจิ ปจั จบุ นั จนี มเี ศรษฐกจิ ท่เี ข้มแขง็ และใช้ระบบเศรษฐกิจการตลาด ยกเวนฮอลนั ดา ทําใหญ่ปี ุนใชเวลาในการ
ส�าหรับญี่ปุ่น นับต้ังแต่เปดประเทศใน ค.ศ. ๑๘๕๔ ญี่ปุ่นได้พัฒนาเศรษฐกิจจน พฒั นาเกษตรกรรม อตุ สาหกรรม และการคา
ประสบความส�าเร็จ มกี ารลงทุนในกจิ การต่างๆ เชน่ สาธารณูปโภค อุตสาหกรรม แม้สงครามโลก ภายในประเทศ จนนาํ ไปสกู ารขยายตวั ของ
คร้ังที่ ๒ ท�าให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นตกต่�า แต่การที่สหรัฐอเมริกาซึ่งปกครองญี่ปุ่นหลังสงครามโลก เมืองตา งๆ เชน เมอื งเอโดะ เมอื งโอซากา
คร้ังท่ี ๒ ต้องการสร้างญ่ีปุ่นให้เข้มแข็งทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจเพื่อปองกันการขยายตัว ใหก ลายเปน ศูนยกลางทางเศรษฐกิจ
ของลัทธิคอมมิวนิสต์ สหรัฐอเมริกาจึงช่วยพัฒนาเศรษฐกิจญ่ีปุ่นด้วยการสนับสนุนทางการเงิน จนกระทง่ั ในครสิ ตศ ตวรรษท่ี 19 ญป่ี นุ ถูก
รเคฐั รธ่ือรรงมจนักญรู ญทปี่ �านุ่ใหท้เสี่ ศหรรษฐั ฐอกเมิจรญกิ ่ีปาเุ่นปฟน็ นผตรู้ า่ัวงไใดห้รห้ วา้ ดมเญร็วปี่ นุ่ ปมรกี ะอกงอทบพั ก3เับพกอ่ื าไมรท่ให่ีญญ้ ่ีปปี่ ุ่นนุ่ ไกมอ่ ่มสีกงอคงรทามัพอ กี เ พญรปี่ านุ่ะ สหรัฐอเมริกาบบี บงั คับใหเ ปดประเทศ ทาํ ให
จึงไมต่ อ้ งใชง้ บประมาณด้านการทหาร จงึ น�างบประมาณมาพฒั นาเศรษฐกิจได้อย่างเตม็ ที ่ ญป่ี ่นุ เกดิ การปฏิรูปภายในทั้งในดานเศรษฐกิจ
จึงกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรม ผลิตสินค้าทั้งเคร่ืองไฟฟา รถยนต์ รถจักรยานยนต์ อุปกรณ์ สงั คม การปกครองตามแบบอยา งตะวันตก)
คอมพวิ เตอรส์ ง่ ขายทวั่ โลก ขณะเดยี วกนั ญป่ี นุ่ ก็ใหก้ ารสนบั สนนุ ภาคเกษตรกรรม ทา� ใหส้ นิ คา้ เกษตร • ในชว งสงครามเย็นเปน ตนมาจนถงึ ปจจบุ นั
มีราคาสูงแต่ญี่ปุ่นก็ยังคงประสบกับปัญหาจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ เช่น ปัญหาชุมชนแออัด เศรษฐกจิ ของเกาหลีมีลักษณะอยางไร
ปญั หามลพิษ การเกิดโรคจากโรงงานอตุ สาหกรรม เช่น โรคมนิ ะมะตะ เป็นตน้ (แนวตอบ ในชวงสงครามเย็น เกาหลีถูกแบง
ส่วนคาบสมุทรเกาหลีมีพัฒนาการ ออกเปน 2 ประเทศ คือ เกาหลเี หนือกับ
ทางเศรษฐกิจท่ีแตกต่างกัน เกาหลีใต้ซ่ึงเป็น เกาหลใี ต ซ่ึงแตละประเทศตา งดําเนนิ
ประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตย นโยบายทางเศรษฐกจิ ตามแนวทางของตน
ด�าเนินนโยบายทางเศรษฐกิจตามแนวทาง โดยเกาหลใี ตซ ่ึงปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตยดําเนินนโยบายทางเศรษฐกจิ
เศรษฐกจิ ทนุ นยิ ม ในชว่ งสงครามเยน็ * เศรษฐกจิ แบบทนุ นยิ ม เศรษฐกิจจงึ มีการเจริญเติบโต
ของเกาหลีใต้มีการเจริญเติบโตมากขึ้นและ มากขนึ้ และมคี วามกา วหนา ในการผลิต
หมนีควกั า4 เมชกน่ ้า รวถหยนน้าตใ ์นเคกราอื่รงผไลฟิตฟสา ิน สคว่ ้านอเุตกสาหาหลกเี หรนรมอื สนิ คา อตุ สาหกรรมหนัก เชน รถยนต
ซง่ึ ปกครองในระบอบคอมมวิ นสิ ต ์ จะเนน้ บรหิ าร เคร่อื งใชไฟฟา สวนเกาหลเี หนือปกครอง
ดา้ นการเมอื งและการทหารเปน็ หลกั การพฒั นา ในระบอบคอมมิวนสิ ต จะเนน การบรหิ าร
ทางเศรษฐกจิ จงึ เจรญิ ไม่เทา่ ทนั เกาหลีใต้ อตุ สาหกรรมยานยนตใ นเกาหลีใต ซึ่งแสดงใหเหน็ ถึงการ ดา นการเมอื งและการทหารเปน หลกั
พัฒนาเทคโนโลยีทางการผลิต จนสงผลใหเศรษฐกิจของ เศรษฐกิจจึงเจริญเติบโตไมเทาเกาหลใี ต)
ประเทศเจริญเตบิ โตอยางรวดเร็ว
2. ครูใหน กั เรียนในชน้ั เรยี นอภิปรายเกีย่ วกบั
* สงครามเย็น (ค.ศ. ๑๙๔๕ - ๑๙๙๑) เป็นชว่ งความขดั แยง้ ระหว่างโลกเสรปี ระชาธปิ ไตยกับโลกคอมมวิ นสิ ต ์ แต่ไม่มี 123 แนวโนมทางเศรษฐกิจวา ประเทศใดหรอื
การทา� สงครามโดยตรงของผนู้ า� โลกทง้ั ๒ คา่ ย คือ สหรัฐอเมรกิ ากับสหภาพโซเวยี ต ภมู ิภาคใดจะมีอิทธพิ ลหรอื มีความสาํ คัญตอ
ระบบเศรษฐกจิ โลกในอนาคต จากน้ันสรุปผล
ลงสมุดจดงานนาํ สงครผู ูสอน
แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETิด
นักเรียนควรรู
ปจ จยั สาํ คัญใดท่ที าํ ใหการพฒั นาเศรษฐกจิ ของญ่ีปนุ เจรญิ กาวหนา 1 เต้งิ เสีย่ วผิง เปนนกั ปฏิบัตนิ ยิ ม เจาของวลี “แมวจะมสี ขี าวหรอื สดี ําไมส ําคัญ
อยางรวดเรว็ มาจนถงึ ปจจบุ นั ขอใหจ บั หนูเกง ก็ถอื วา เปน แมวที่ดี” เติง้ เสี่ยวผงิ เปนผรู ิเรม่ิ การใชร ะบบเศรษฐกจิ
แนวตอบ ปจ จยั สาํ คัญ ไดแก รัฐธรรมนูญท่ีเรมิ่ ใชใ นสมยั เมจิ ทก่ี าํ หนดให การตลาดหรือทุนนิยมในการพฒั นาเศรษฐกิจจนี ซ่งึ ทําใหเ ศรษฐกจิ จนี กาวหนามาก
ญี่ปุนไมมีกองทัพ ไมตองตั้งงบประมาณคา ใชจ า ยทางการทหาร จงึ ทําให จนมรี ายไดประชาชาตสิ ูงเปนอันดบั 2 ของโลกแซงหนาญปี่ ุน และไดรบั การยกยอ งวา
ญ่ปี นุ ทุมเทใหก บั การพัฒนาเศรษฐกจิ อยางจริงจัง และอกี ประการหนงึ่ กค็ อื เปน บดิ าของการทําประเทศจนี ใหทนั สมัย
ญป่ี ุนมีนโยบายมงุ พัฒนาอตุ สาหกรรมและการคาระหวางประเทศเปน สําคัญ 2 เซยี่ งไฮ เปน ศนู ยกลางทางเศรษฐกิจทสี่ าํ คัญ เปนเมืองทม่ี ีชาวตางชาติเขา มา
เนื่องจากท่ดี นิ เพาะปลกู และทรัพยากรธรรมชาตมิ ีจาํ นวนจํากัด โดยรัฐบาล ลงทนุ มากมาย เชน ฮอ งกง ญปี่ นุ เกาหลี รวมทง้ั ไทย เชน บรษิ ทั เครอื เจรญิ โภคภณั ฑ
ญี่ปนุ ไดใ หการสนบั สนุนและชวยเหลอื นักลงทนุ เอกชนในการประกอบ ซงึ่ ลงทนุ ดานอาหารสัตวและขยายไปสธู รุ กจิ หางสรรพสินคา เปน ตน
อตุ สาหกรรมหนัก อุตสาหกรรมเบา การธนาคาร และธรุ กิจการคา ตางๆ 3 กองทพั ปจ จุบันญป่ี นุ มแี ตก องกาํ ลัง ทเ่ี รยี กวา กองกําลังปองกนั ตนเอง
จากปจจยั ดงั กลา วจงึ มีสว นทําใหญีป่ นุ ไดกลายเปน ประเทศอุตสาหกรรม ไมไดเรียกวา กองทัพ
ท่มี คี วามเจริญกาวหนา มกี ารผลิตสนิ คาตา งๆ มากมาย ท้ังเคร่อื งใชไ ฟฟา 4 สนิ คา อตุ สาหกรรมหนกั เชน อตุ สาหกรรมผลติ รถยนตย หี่ อ ฮนุ ได (Hyundai)
รถยนต รถจักรยานยนต อุปกรณค อมพิวเตอรสงออกขายไปทว่ั โลก เครอื่ งใชไ ฟฟา ยี่หอซัมซุง (Samsung) แอลจี (LG) เปน ตน
แตในขณะเดียวกนั ญี่ปุนก็ใหการสนับสนนุ ภาคเกษตรกรรมดว ยเชนกนั
คูมอื ครู 123
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore
Explain Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู
ครใู หนักเรยี นในช้ันเรียนชวยกนั ตอบวา ๓) พัฒนาการด้านสังคม สังคมของภูมิภาคเอเชียตะวันออกก่อนคริสต์ศตวรรษ
พัฒนาการดา นสังคมของภูมภิ าคเอเชียตะวันออกมี
ลักษณะอยางไร ชทน ี่ ช๑ัน้๙ 1 เเชปน่ ็น ชสนังคชม้นั แปบกบคจราอรงีต นทักี่ปรกบค ชรอาวงในนาร ชะบา่ งอฝบมี สือม บพูร่อณคา้าญ 2เปาส็นิทตธ้นิร ามชีลยทั ์ ธคิคนวใานมสเังชคือ่ มทแี่มบอี ่งทิ อธอิพกลเปต็น่อ
แนวคดิ และการดา� เนนิ ชวี ติ ของคนในสงั คม เชน่ ลทั ธขิ งจอ๊ื มหี ลกั คา� สอนเรอ่ื งความกตญั กู ตเวท ี
(แนวตอบ สังคมของภมู ภิ าคเอเชียตะวันออก
กอ นคริสตศตวรรษที่ 19 เปน สงั คมแบบจารตี การกราบไหว้บูชาบรรพบุรุษท่ีล่วงลับไปแล้ว
ทปี่ กครองในระบอบสมบรู ณาญาสทิ ธริ าชย กษตั ริย การเนน้ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม การศกึ ษาหาความรู้
เปน ประมขุ ของอาณาจกั ร คนในสงั คมแบงออกเปน ส่วนญี่ปุ่นมีความเชื่อในลัทธิบูชิโดเร่ืองความ
ชนชน้ั ตางๆ เชน ชนชน้ั ปกครอง (กษตั รยิ ห รือ กล้าหาญและการจงรกั ภกั ดีต่อผนู้ �า
จกั รพรรดิ เชอ้ื พระวงศ ขนุ นาง และนักรบ) ชาวนา สังคมในภูมิภาคเอเชียตะวันออก
ชางฝมอื พอ คา และมลี ัทธิความเช่อื ทีม่ อี ทิ ธพิ ลตอ เรม่ิ มกี ารเปลยี่ นแปลงครง้ั ใหญ่ในครสิ ตศ์ ตวรรษ
แนวคิดและการดําเนนิ ชวี ิตของคนในสงั คม เชน ท่ี ๑๙ เมื่ออิทธพิ ลตะวันตกในยคุ จักรวรรดินยิ ม
ลัทธิขงจอื๊ สว นญ่ปี นุ มคี วามเชอ่ื ในลัทธบิ ูชิโด แพรเ่ ขา้ มา เชน่ ญปี่ ุ่นสมยั เมจิ ชนช้นั ปกครอง
แตเ ม่อื อทิ ธพิ ลของจักรวรรดนิ ิยมเขา มาในภูมิภาคน้ี ตงั้ แต่จกั รพรรด ิ เช้ือพระวงศ์ ขุนนาง เปน็ ผูน้ า�
ในคริสตศ ตวรรษท่ี 19 เชน ญป่ี นุ สมยั เมจิ ชนชั้น ภาพวาดการประกาศใชรัฐธรรมนูญของญี่ปุนใน ค.ศ. ในการรับวถิ ีชีวิตแบบตะวันตก ส่วนจนี ชนชั้น
ปกครองไดรับวถิ ีการดําเนินชวี ติ แบบตะวันตก ๑๘๘๙ นับเปน การปฏิรูปการปกครองไปสูความทันสมัย ปกครองส่วนใหญ่มักจะมีความคิดอนุรักษนิยม
สวนจีน ชนช้ันกลางจะเปน ผรู ับการศกึ ษาแบบ มากกวา่ คนรนุ่ ใหมท่ ม่ี กี ารศกึ ษาแบบตะวนั ตกจงึ เปน็ ผนู้ า� ในการรบั วฒั นธรรมตะวนั ตก เชน่ แนวคดิ
ตะวันตก จนนาํ มาสกู ารประกาศใชรัฐธรรมนญู ประชาธปิ ไตย ท�าใหญ้ ป่ี ุ่นมีการประกาศใชร้ ัฐธรรมนูญใน ค.ศ. ๑๘๘๙ และจนี เปลี่ยนการปกครอง
ของญ่ีปนุ และการเปล่ียนแปลงการปกครองของจีน เปน็ แบบสาธารณรฐั ใน ค.ศ. ๑๙๑๒ ต่อมาลทั ธิคอมมวิ นสิ ต์ได้แพร่เข้ามา สามัญชนท่มี ีพืน้ เพจาก
ปจจุบนั สังคมมีลักษณะของสงั คมเมืองท่มี คี วาม ชนชน้ั ชาวนา ชา่ งฝมี อื พอ่ คา้ เรมิ่ เข้ามามสี ่วนรว่ มทางการเมืองมากขน้ึ
เจริญกา วหนา และประชากรไดรบั การศึกษาสงู ข้นึ )
ขยายความเขา ใจ Expand เร่อื งนา รู
ครใู หนกั เรยี นแบงกลมุ กลมุ ละ 5-6 คน การปฏริ ปู สงั คมในสมยั เมจิ
เพือ่ จดั ทาํ แผน พับ “แนะนําเอเชียตะวนั ออก” สมยั เมจิ (ค.ศ. ๑๘๖๘-๑๙๑๒) เปน สมยั ทจี่ กั รพรรดเิ มจทิ รงฟน ฟอู าํ นาจของ
ซงึ่ ขอ มลู ประกอบดว ย ทต่ี ง้ั และสภาพทางภมู ศิ าสตร
พฒั นาการทางดา นตา งๆ และแหลง ทอ งเทยี่ วสาํ คญั จักรพรรดิขึ้นมาอีกครั้งโดยการเขายึดอํานาจคืนจากโชกุน ทรงยายเมืองหลวงจาก
ตกแตงใหสวยงาม แลว นาํ เสนอหนาชนั้ เรียน เมอื งเกียวโตไปอยทู เี่ มอื งเอะโดะ แลว เปลย่ี นชอื่ เปนโตเกยี ว และทรงปฏริ ูปญี่ปุนใน
ทุกๆ ดาน จึงมีการเรียกการปฏิรูปในสมัยของพระองควา การปฏิรูปสมัยเมจิ
ตรวจสอบผล Evaluate สมัยน้ีญี่ปุนมีความเจริญกาวหนา มาก
1. ครตู รวจแผนพบั “แนะนาํ เอเชียตะวันออก” สําหรับการปฏิรูปดานสังคม ไดมีการประกาศยกเลิกอภิสิทธ์ิของพวกนักรบ จกั รพรรดิเมจิ
2. ครสู งั เกตพฤตกิ รรมความมีสว นรวมในการ (ซามไู ร) โดยใหท กุ คนมฐี านะเทา เทยี มกนั และอยภู ายใตก ฎหมายเดยี วกนั นอกจากน้ี
ยังประกาศนโยบายการศึกษาใหเยาวชนชาย - หญิงไดรับการศึกษาเลาเรียนกัน
ตอบคําถามและการแสดงความคดิ เหน็ ของ ทกุ คน มีการขยายการศกึ ษาจนถึงระดบั อดุ มศึกษา คือ มหาวทิ ยาลัย รวมทั้งมีการ
นักเรียน สง นกั ศกึ ษาไปศึกษายงั ตางประเทศเพ่อื นาํ ความรูมาพัฒนาประเทศตอ ไป
12๔
นักเรียนควรรู บูรณาการเช่อื มสาระ
ครสู ามารถนําเนอ้ื หาเกยี่ วกบั พฒั นาการดา นสังคมของภมู ภิ าคเอเชีย
1 ชนช้ัน ลําดบั ชน้ั ในสังคมแบบจารตี ของจนี มีอทิ ธพิ ลตอ ญี่ปนุ เกาหลี โดยแบง ตะวนั ออก ไปบูรณาการเชือ่ มโยงกับสาระหนา ทพ่ี ลเมือง วฒั นธรรม และ
ตามคานิยมในลัทธิขงจ๊อื ทชี่ นช้ันพอคาอยลู า งสุด เพราะถอื วา พอ คาไมไดเ ปน ผูผลติ การดําเนินชวี ติ ในสงั คม หัวขอ ลกั ษณะวัฒนธรรมของประเทศในภมู ภิ าคเอเชีย
แตเ ปน การแสวงหากาํ ไรจากแรงงานของผูอนื่ และพูดไมค อยตรงกบั ความจรงิ โดยครอู ธิบายใหนกั เรียนเขา ใจถึงลักษณะของวัฒนธรรมจีน และอิทธพิ ลทีม่ ี
ซงึ่ ขดั กบั หลักจริยธรรมในลทั ธิขงจ๊ือ ตอ ญ่ีปุน และเกาหลี เพ่ือทีน่ ักเรยี นจะไดเขา ใจในวฒั นธรรมทม่ี ลี ักษณะเดน
2 พอ คา พอคาญ่ปี นุ ก็มีหลกั คณุ ธรรมยึดถอื และปฏิบัติตามเชน เดยี วกับ เปน เอกลกั ษณ ซึง่ ผา นการสรางสรรคมาเปนเวลายาวนาน
หลกั คณุ ธรรมของนักรบ (ลทั ธบิ ชู ิโด) หลักคณุ ธรรมของพอคา หรือทเ่ี รียกวา
โชนินโด ประกอบดวย 1. พอ คาตอ งเคารพในการประกอบอาชีพคาขายของตระกลู กจิ กรรมทา ทาย
ของตนและสบื ทอดการคา ตลอดไป 2. พอ คาตอ งมคี วามขยนั ในการประกอบอาชพี
3. พอ คา ตองมคี วามจริงใจและซ่ือสตั ย 4. พอ คา ตอ งมคี วามประหยัดมธั ยัสถ ครใู หนกั เรียนสืบคนเกี่ยวกับการปฏิรูปของญีป่ นุ ในสมยั เมจิทางดาน
5. พอคาตองเคารพและเชื่อฟง กฎหมาย และ 6. พอ คา ตองยึดมั่นในความจงรักภักดี การเมอื งการปกครอง เศรษฐกิจ และสงั คม จากน้ันใหเ ปรยี บเทียบกับ
ความกตัญู ความอดทนและอดกลน้ั การทาํ ตามหนา ที่ของพอ คาอยา งเต็มท่ี การปฏริ ปู ประเทศของไทยสมยั รชั กาลที่ 5 วา มคี วามเหมอื นหรอื แตกตา งกนั
จึงมสี ว นทาํ ใหเศรษฐกิจของญีป่ นุ มีความเจริญรงุ เรือง อยางไร โดยสรุปผลการวิเคราะหล งสมุดจดงานสง ครูผูส อน
124 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Engage
กระตนุ ความสนใจ
ตง้ั แต ่ ค.ศ. ๑๙๔๕ สังคมในเอเชยี ตะวันออกไดร้ บั ผลกระทบจากโลกยุคสงครามเยน็ ครนู าํ ภาพสถานทส่ี ําคัญทางประวตั ศิ าสตร
จีนและเกาหลีเหนือที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ได้ควบคุมประชาชนอย่างเข้มงวดในด้าน หรอื สถานทที่ องเที่ยวที่สําคัญของภูมภิ าคเอเชียใต
การเมือง การแสดงความคิดเห็น รวมทั้งก�าหนดแนวทางวิถีชีวิตของประชาชน ส่วนญ่ีปุ่นได้รับ มาใหนักเรยี นดู จากน้นั ต้งั คําถามใหนกั เรยี น
การวางพ้นื ฐานประชาธิปไตยและเศรษฐกิจจากสหรฐั อเมริกา สตรมี สี ิทธเิ ท่าเทียมบรุ ุษโดยเฉพาะ ชวยกนั ตอบ เชน
มีสิทธิในการเลือกตั้ง สังคมเมืองขยายตัว ประชาชนอพยพเข้ามาท�างานและอาศัยในเมืองใหญ่
สมว่ีลนูกจคนี นตเดงั้ แียตว1ท่เพศอื่ วครรวษบ ค๑มุ ๙อ๘ัต๐ร าปกราะรชเาพก่มิรเขพอม่ิ งจปา� รนะวชนามกรา กยขกนึ้ เจวนน้ รชฐั นบกาลลุม่จนีนต้ออ้ยงบใาชงน้ กโลยมุ่บทาย่ีอใยหู่ใป้นรดะนิ ชแาดชนน • นกั เรียนรูจักภาพใดบาง เปน ภาพอะไร
ทม่ี ผี คู้ นนอ้ ยจงึ ยอมใหม้ ี ๒ คนได ้ และมกี ารผอ่ นกฎเกณฑ์ใหผ้ ทู้ ส่ี ญู เสยี ลกู จากภยั ธรรมชาตริ นุ แรง • ภาพที่ครยู กตวั อยา งมาน้ีอยใู นประเทศใด
เชน่ แผน่ ดินไหว ใหม้ ีลกู คนใหมไ่ ด้ เปน็ ต้น • เมื่อกลา วถงึ ภูมิภาคเอเชียใต นักเรียนนึกถึง
ปจั จบุ นั สงั คมของภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกมพี ฒั นาการเปน็ สงั คมเมอื ง มเี ศรษฐกจิ ทมี่ ี
ความเจริญก้าวหน้า ประชาชนมีการศึกษาสูงขึ้น ขณะเดียวกันประชาชนก็ต้องเผชิญกับปัญหา อะไร
ชมุ ชนแออดั ปัญหามลภาวะ และโรคภัยที่เกดิ จากแหลง่ อตุ สาหกรรม
สาํ รวจคน หา Explore
๒. ภมู ภิ าคเอเชียใต้ ครูใหน ักเรยี นศึกษาเกย่ี วกับภมู ิภาคเอเชยี ใต
จากหนังสอื เรยี น หนา 125-132 และจาก
แหลงการเรียนรูตา งๆ เชน หองสมดุ กลุมสาระ
หอ งสมดุ โรงเรยี น ขอ มูลทางอนิ เทอรเนต็ เปนตน
ภมู ภิ าคเอเชยี ใตเ้ ปน็ ดนิ แดนทมี่ อี ารยธรรมเกา่ แกอ่ กี แหง่ หนงึ่ ของโลก เปน็ ตน้ กา� เนดิ ศาสนา อธบิ ายความรู Explain
ท่ีส�าคัญ เช่น ศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู พระพุทธศาสนา และเป็นต้นก�าเนิดความรู้ด้านต่างๆ
หลายแขนง เชน่ คณติ ศาสตร ์ แพทยศาสตร ์ เปน็ ตน้ ปจั จบุ นั เอเชยี ใตเ้ ปน็ ภมู ภิ าคทม่ี ปี ระชากร 1. ครสู ุม นกั เรียนออกมานําเสนอสาระสําคญั
ใจนา� เนอวเนชมยี ใาตกม้ โคี ดวยาเมฉหพลาาะกอหนิ ลเดายยี ทมาปี งรดะา้ชนาเกชรอื้มชาากตเป ิ ศน็ าอสนันดา2 บั จ งึ ๒ม ปีขญัองหโลาคกวราอมงจขาดั กแจยนี ง้ ใดนว้ภยมู เหภิ าตคทุ นป่ี อ้ี รยะเชู่ สามกอร ทหี่ นาช้นั เรยี น ครเู ปดโอกาสใหนกั เรียนท่มี ี
ขอสงสัยซกั ถามและอธิบายจนทกุ คนเกิด
เอเชียใต้ : ประเทศ เมืองหลวง เนอ้ื ที่ และประชากร พ.ศ. ๒๕๕๘ ความเขา ใจ
ชอ่ื ประเทศ เมืองหลวง เนอ้ื ที่ ประชากร แผนทภี่ ูมิภาคเอเชียใต้ 2. ครใู หนักเรียนชว ยกนั บอกช่ือประเทศใน
(ตร.กม.) (ลา้ นคน) ภมู ิภาคเอเชยี ใต และประเทศทีม่ ีขนาดพืน้ ที่
และจาํ นวนประชากรมากทส่ี ดุ
๑. อินเดยี นิวเดลี ๓,๐๙๕,๔๗๒ ๑,๓๑๔.๑ มหาสมุทรอาร์กติก (แนวตอบ ภูมภิ าคเอเชียใตป ระกอบดว ยประเทศ
ตา งๆ 7 ประเทศ ไดแ ก สาธารณรัฐอินเดยี
๒. ปากสี ถาน อสิ ลามาบัด ๘๐๓,๙๔๔ ๑๙๙.๐ ทวีปยโุ รป สหพนั ธรัฐรัสเซยี สาธารณรฐั อิสลามปากีสถาน ราชอาณาจกั ร
เนปาล สาธารณรฐั ประชาชนบังกลาเทศ
๓. เนปาล กาฐมาณฑุ ๑๔๐,๗๙๘ ๒๘.๐ ทะเลด�า สาธารณรฐั สังคมนยิ มประชาธิปไตยศรลี ังกา
ราชอาณาจกั รภูฏาน และสาธารณรฐั มลั ดฟี ส
๔. บงั กลาเทศ ธากา ๑๔๒,๗๗๖ ๑๖๐.๔ สาํ หรับประเทศในภมู ิภาคเอเชยี ใตทมี่ ีขนาด
พนื้ ทแ่ี ละจาํ นวนประชากรมากท่สี ุด คอื
๕. ศรีลงั กา โคลมั โบ ๖๕,๖๑๐ ๒๐.๙ มหาสมุทรแปซฟิ ิก อินเดีย)
๖. ภฏู าน ทมิ พู ๔๑,๔๔๐ ๐.๘ ทะเลอาหรับ อา่ วเบงกอล ทะเลจนี ใต้
มหาสมทุ รอินเดีย
๗. มัลดีฟส์ มาเล ๒๙๘ ๐.๓
รวม ๔,๒๙๐,๓๓๘ ๑,๗๒๓.๕
ท่มี า : www.prb.org 125
แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETดิ นักเรียนควรรู
ภูมิภาคเอเชียใตมคี วามสําคญั ตอโลกอยา งไร 1 นโยบายใหประชาชนมีลูกคนเดยี ว หากครอบครวั ใดมลี กู เกนิ กวา 1 คน บิดา
แนวตอบ ภูมภิ าคเอเชียใตเปนดนิ แดนทม่ี ีอารยธรรมเกา แกอกี แหงหนึ่ง มารดาตอ งจา ยคา ปรบั และลูกคนท่ี 2, 3, 4 จะไมมสี ิทธไิ ดร บั บรกิ ารขัน้ พนื้ ฐาน เชน
ของโลก คือ อารยธรรมอนิ เดยี ซึ่งมแี หลง กําเนิดในบริเวณลมุ แมนํา้ สินธุ ไมม สี ทิ ธเิ รยี นฟรี แตป ญ หาการมลี กู เพยี งคนเดยี วกม็ เี ชน กนั เชน การเลย้ี งดลู กู
(ในประเทศปากสี ถานปจ จบุ นั ) เมอ่ื ประมาณ 5,000 ปม าแลว ซง่ึ ไดส รา งสรรค แบบตามใจเกนิ ไป เปน ตน
ความเจริญตา งๆ ไวม ากมาย อกี ทง้ั ยังเปนตน กําเนดิ ศาสนาที่สําคญั ของโลก 2 ความหลากหลายทางดา นเชื้อชาติ ศาสนา เชื้อชาตติ างๆ ของประชากร
เชน ศาสนาพราหมณ-ฮินดู พระพทุ ธศาสนา และเปน ตนกาํ เนิดวิชาความรู ในเอเชยี ใต เชน อารยัน ทมิฬ สิงหล สว นการนบั ถอื ศาสนามที ง้ั ศาสนาพราหมณ-
ตางๆ หลายแขนง เชน คณติ ศาสตร แพทยศาสตร เปน ตน นอกจากนี้ ฮนิ ดู พระพทุ ธศาสนา ศาสนาอสิ ลาม ศาสนาสขิ ศาสนาเชน เปนตน ซ่ึงกลายเปน
ในปจจบุ นั เอเชยี ใตยงั เปนภูมภิ าคทีม่ ีบทบาททางดานเศรษฐกจิ โดยเปนแหลง ปญหาความขัดแยง ของผคู นหลายเชื้อชาติ หลายศาสนาในเอเชียใต
ผลติ สินคา สําคัญ เชน ชน้ิ สว นคอมพวิ เตอรและอิเลก็ ทรอนิกส ขา ว ชา กาแฟ
และเปน แหลง ลงทุนสาํ คัญเพราะมีแรงงานจาํ นวนมาก อกี ทง้ั ประเทศตา งๆ มมุ IT
ในภมู ภิ าคนีไ้ ดมีการรวมกลุมกนั อยางสมาคมความรว มมอื แหงภูมภิ าค
เอเชยี ใต (South Asian Association for Regional Cooperation - SAARC) ศึกษาคน ควาขอ มูลเพิม่ เตมิ เกย่ี วกบั ประเทศในภูมภิ าคเอเชียใต ไดท ี่
ซง่ึ เปน องคก รความรวมมอื ทางดา นการเมือง เศรษฐกจิ และสงั คม โดยอาจ http://sameaf.mfa.go.th เวบ็ ไซตกรมเอเชียใต ตะวนั ออกกลางและแอฟริกา
เทยี บเคียงไดกบั อาเซยี น
คูมือครู 125
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
ครใู หน กั เรยี นอธบิ ายความรดู ว ยการตอบคาํ ถาม 2.1 ท่ีต้ังและสภาพภูมิศาสตร์ท่ีมผี ลตอ่ พัฒนาการการต้งั ถ่นิ ฐาน
เก่ียวกบั ท่ตี ัง้ และสภาพภูมิศาสตรข องภมู ภิ าค ของประชากร
เอเชยี ใตท มี่ ผี ลตอการตงั้ ถน่ิ ฐานของประชากร เชน ภูมิภาคเอเชียใต้ต้ังอยู่ระหว่างภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทางตอนเหนอื ตดิ กบั ภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออก ภมู ภิ าคนมี้ รี ปู รา่ งเปน็ รปู สามเหลยี่ ม มฐี านอยดู่ า้ นบน
• ภูมภิ าคเอเชยี ใตตัง้ อยสู ว นใดของทวีปเอเชีย ลักษณะเหมือนรวงผึ้งท่ีมีน�้าผึ้งก�าลังหยด ประกอบด้วยประเทศต่างๆ ๗ ประเทศ โดยต้ังอยู่บน
และมรี ูปรางอยางไร ภาคพ้ืนทวีป ๕ ประเทศ ได้แก่ อินเดีย ปากีสถาน เนปาล บังกลาเทศ ภูฏาน และตั้งอยู่ใน
(แนวตอบ ภูมภิ าคเอเชยี ใตต ้งั อยรู ะหวาง ภาคพน้ื สมทุ ร ๒ ประเทศ ไดแ้ ก ่ ศรลี ังกา และมัลดีฟส์
ภูมิภาคเอเชียตะวนั ตกเฉียงใตแ ละเอเชยี สภาพภูมิศาสตร์ของเอเชียใต้มีขอบเขตที่ชัดเจน ทางตอนเหนือเป็นเทือกเขาสูง ทางฝัง
ตะวนั ออกเฉียงใต โดยทางเหนอื อยตู ดิ กับ ตะวันออกและตะวันตกเป็นมหาสมุทรล้อมรอบ และมีพื้นที่ท่ีเป็นเกาะและหมู่เกาะอยู่ทางใต้ของ
ภูมภิ าคเอเชยี ตะวันออก มรี ูปรางเปน ภมู ภิ าค ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศเชน่ นที้ า� ใหใ้ นอดตี การเดนิ ทางเขา้ และออกจากภมู ภิ าคคอ่ นขา้ งลา� บาก
รูปสามเหล่ียม มีฐานอยูดา นบน ลักษณะ ชาวเอเชียใต้จึงนิยมต้ังถ่ินฐานอยู่ภายในภูมิภาคของตนมากกว่าเดินทางออกไปยังถิ่นอื่น จึงมี
เหมอื นรวงผึง้ ทม่ี นี ํ้าผง้ึ กาํ ลังหยด) ชนพืน้ เมอื งทีส่ ืบเช้ือสายมาถึงปัจจุบัน เช่น พวกดราวิเดยี น พวกทมิฬ แต่กม็ ปี ระชากรบางสว่ น
เดินทางออกมาคา้ ขายและเผยแพร่วัฒนธรรมในดินแดนอ่ืน เช่น ภมู ิภาคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้
• สภาพภมู ศิ าสตรข องภมู ภิ าคเอเชยี ใตโ ดยรวม ทตี่ ิดตอ่ และรบั วัฒนธรรมอินเดยี มาตั้งแต่อดีต
มีลกั ษณะเชนไร และมผี ลตอ การต้งั ถ่นิ ฐาน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการเดินทางเข้ามายังภูมิภาคเอเชียใต้ในอดีตจะมีความยากล�าบาก
ของประชากรอยางไร พแตวก่ภชูมนิภเาผคา่ นอาี้กร็เยคันย1 ถอูกพชยนพตเ่าขง้าถม่ินาอจพากยเพอเเชขยี้ากมลาาปงกเมคื่อรอปงรแะมลาะณต้ัง ถ๑่ิน,๕ฐ๐าน๐ส ืบปกีมอ่านจนครถิสึงตปศ์ ัจักจรุบาันช เช่น
(แนวตอบ จากสภาพภูมิศาสตรของภูมภิ าค และ
เอเชียใตท ีท่ างตอนเหนอื เปน เทือกเขาสูง พวกมสุ ลมิ ที่อพยพเข้ามาตง้ั แต่ประมาณ ค.ศ.
ทางฝง ตะวนั ออกและตะวันตกเปน มหาสมุทร เทอื กเขาฮินดกู ชู ชไคอเงบเอขรา เทอื กเขาหมิ าลัย ๑๑๐๐ และตั้งถ่ินฐานสืบเชื้อสายมาจนถึง
ลอมรอบ และมพี ืน้ ท่ีทีเ่ ปนเกาะและหมูเ กาะ ปยงัจั ภจมูบุ ภินั า เคสนน้ ี้ทเรายีงกทวช่ี า่ น ชตอ่า่ งงเชขาาตไิใคชเเ้บดอนิ รท ์2อายงเู่ใขนา้เขมตา
ทางใตของภมู ภิ าค จงึ เปน อปุ สรรคตอการ เทือกเขาหิมาลัยทางตอนเหนือท่ีกั้นเอเชียใต้
เดนิ ทางเขา ออกในภมู ภิ าค ชาวเอเชยี ใตจ งึ ฮารัปปา ออกจากภูมิภาคอื่น ถัดจากเขตเทือกเขาทาง
นยิ มตง้ั ถ่ินฐานอยูภายในภูมภิ าคโดยเฉพาะ
บรเิ วณทีร่ าบลุมแมน ํา้ กวางใหญ เชน แ ่ม ้น�า ิสน ุธ อนิ เดยี ตอนเหนือลงมาเป็นบริเวณท่ีราบภาคเหนือ มี
ท่รี าบลมุ แมนา้ํ สนิ ธุ ท่รี าบลุมแมนา้ํ คงคา ท่ีราบลุ่มแม่น้�ากว้างใหญ่ บริเวณน้ีเป็นแหล่ง
มากกวา เดนิ ทางออกไปยงั ถ่นิ อ่ืน แตก ม็ ี โมเฮนโจ - ดาโร ก�าเนิดอารยธรรมโบราณของเอเชียใต้อย่าง
ประชากรบางสวนท่ีออกเดนิ ทางไปคาขาย
และเผยแพรวฒั นธรรมยังดนิ แดนอนื่ เชน ทะเลทรายธาร์
ภมู ภิ าคเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต เปน ตน)
อารยธรรมลมุ่ แมน่ �า้ สินธุ ที่ราบลุ่มแมน่ �้าสา� คัญ
ไดแ้ ก ่ ทรี่ าบลมุ่ แมน่ า้� สนิ ธ ุ(ปจั จบุ นั อยใู่ นประเทศ
อทาหะเรลับ ปากสี ถาน) ทร่ี าบลมุ่ แมน่ า้� คงคาในอนิ เดยี ทร่ี าบ
แผนท่ีแสดงเสนทางการอพยพเขามายังอินเดียโบราณของ ลมุ่ แมน่ า�้ พรหมบตุ รในอนิ เดยี และบงั กลาเทศ
ชาวอารยัน
12๖
นกั เรยี นควรรู บูรณาการเชอ่ื มสาระ
ครสู ามารถนําเน้อื หาเกย่ี วกับภูมิภาคเอเชยี ใต ไปบรู ณาการเชอื่ มโยงกบั
1 อารยัน แปลวา ผเู จริญ ถือวา เปนชนชาตทิ ่มี ีอารยธรรม พวกอารยนั สืบเชื้อสาย สาระภูมศิ าสตร หวั ขอ เคร่ืองมอื ทางภูมศิ าสตร โดยครูอธิบายวิธีการใช
มาจากพวกอนิ โด-ยโู รเปย น ซง่ึ มรี ปู รา งสงู ใหญ ผวิ ขาว จมกู โดง ผมสอี อ น สนั นษิ ฐาน เครอ่ื งมอื ประเภทตางๆ เชน ลูกโลก แผนทีเ่ ลม ภาพจากดาวเทียม เวบ็ ไซต
วา มถี ่ินเดิมอยูร อบๆ ทะเลแคสเปย น เปน พวกเรร อ นเลยี้ งสัตว ตอมาไดอพยพไป เปน ตน แลว แนะนําใหนกั เรยี นศึกษาสภาพภูมศิ าสตรข องภูมภิ าคเอเชียใต
หลายทาง สาํ หรบั ชาวอารยันท่ีอพยพเขามาอยูอนิ เดยี ตอนเหนอื ไดเปน ผูส ราง จากเครอื่ งมอื ทางภูมศิ าสตรป ระเภทตางๆ ดังกลา ว เพอื่ ที่นักเรยี นจะไดเ กดิ
อารยธรรมอินเดีย ใชภ าษาในตระกลู อินโด-ยโู รเปย น แบง เปน 2 กลมุ ใหญ คอื ความรคู วามเขาใจเรื่องราวของภูมิภาคเอเชียใตมากยง่ิ ขนึ้
ภาษาสนั สกฤตกบั ภาษาปรากฤต ความเจรญิ ของชาวอารยนั ทส่ี ําคญั คอื การจบั
มาปามาฝก ใหเชอื่ งเพอ่ื เทียมรถสองลอใหเ คลือ่ นทอ่ี ยางรวดเรว็ กจิ กรรมทาทาย
2 ชองเขาไคเบอร เปน เสน ทางท่อี ินเดยี สมัยโบราณใชต ิดตอ กบั โลกภายนอก เชน
เมโสโปเตเมีย กรีก เปอรเ ซีย อาหรับ เปนตน จนกระท่ังประมาณคริสตศ ตวรรษที่ 15 ครใู หน กั เรียนนําแผนท่ีโครงรางภมู ภิ าคเอเชียใตไปตดิ บนแผนไมอัด
เปนตนไป ไดม กี ารคนพบเสน ทางใหมม ายงั โลกตะวันออก คอื การออมแหลมกดู โฮป แลวหาดนิ นํ้ามันสีตา งๆ เพอื่ ทจ่ี ะใชแสดงลักษณะภมู ิประเทศ เชน ทีร่ าบลุม
ทางตอนใตของทวปี แอฟริกา ทําใหนักเดนิ เรือชาตติ ะวันตกเขามาตดิ ตอ กบั อนิ เดยี แมน ํา้ เทือกเขา ที่ราบสูง ปา ชายเลน เปนตน มาติดลงบนแผนทีโ่ ครงราง
ทางชายฝงทะเลดานตะวันตก และตอเนื่องไปยงั ชายฝง ทะเลรอบอินเดยี ทางดา น แลวนําเสนอหนา ชั้นเรยี น พรอ มทั้งอธบิ ายวา สภาพภมู ิศาสตรดงั กลา ว
ตะวนั ออก มอี ิทธิพลตอการต้ังถ่ินฐานของประชากรในภูมภิ าคนี้อยางไร
126 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
เขตทร่ี าบลมุ่ แมน่ า้� ในภาคเหนอื เปน็ บรเิ วณ เทือกเขาฮินดูกูช จนี ครใู หนกั เรยี นดูแผนทแี่ สดงสภาพภมู ศิ าสตร
ท่ีมีประชากรเชื้อสายเผ่าพันธุ์ต่างๆ ต้ังถิ่นฐาน อัฟกานิสถาน ของภูมิภาคเอเชยี ใตจากหนังสือเรยี น หนา 127
อาศัยอยู่อย่างหนาแน่นมาต้ังแต่อดีตจนถึง จากน้ันใหอ ภิปรายรวมกันวา บรเิ วณใดของ
ขปจอั จงบอุ นินั เทดงยั้ี พ1 แวลกะดพรวากวเิทดอ่ียี พนยซพงึ่ เเปขน็ า้ ชมนาพ เชน้ื น่เม ออื างรเดยมินั ปากสี ถาน ทะเลทรายธาร์ เทือกเขาหิมาลยั ภฏู าน ภมู ภิ าคเอเชียใตท่ปี ระชากรเขาไปตง้ั ถนิ่ ฐาน
มองโกลอยด ์ เปน็ ตน้ สา� หรบั บรเิ วณถดั จากเขต เนปาล อาศัยอยูเ ปนจาํ นวนมาก และบริเวณใดท่ปี ระชากร
ทร่ี าบลมุ่ แมน่ า้� ภาคเหนอื ลงมาเปน็ เขตทเี่ รยี กวา่ อินเดยี ที่ราบล่มุ แมน่ �า้ คงคา อาศยั อยนู อ ย
บงั กลาเทศ
เทอื กเขาฆาตตะวนั ตก โกลกาตา (แนวตอบ บริเวณทร่ี าบลมุ แมน้าํ ไดแ ก
เขตท่ีราบลุมแมนาํ้ สินธุและแมน า้ํ คงคา หรือบรเิ วณ
คาบสมทุ รอินเดีย เพราะมพี ื้นท่ีย่ืนยาวลงมาใน มุมไบ ทีร่ าบสงู เดกกนั เทือกเขาฆาตตะวอันอ่าอวกเบงกอล ท่ีราบใหญท างเหนอื เปน ที่ราบกวา งขวางมาก
มหาสมทุ ร ในเขตคาบสมทุ รน ้ี พน้ื ทท่ี างตะวนั ตก บริเวณดังกลา วเปน ทร่ี าบดนิ ตะกอนอนั เกิดจาก
สูงกว่าทางตะวันออก ส่วนทางตอนกลางของ ทะเลอาหรับ แมน ํ้าสนิ ธแุ ละแมน้าํ คงคาและสาขาใหญนอ ยมา
คาบสมุทร เรียกว่า ทีร่ าบสูงเดกกนั มีเทอื กเขา ทบั ถมกัน เปนพนื้ ทอ่ี ุดมสมบูรณ จงึ เปน แหลง
ก้ันทางตะวันตกและตะวันออก พื้นที่ส่วนใหญ่ ทเ่ี หมาะแกก ารเพาะปลูก ทําใหมีประชากรเขา มา
แห้งแล้งเต็มไปด้วยภูเขาใหญ่น้อย มีแร่ธาตุ มลั ดีฟส ศรีลงั กา ตง้ั ถิ่นฐานอาศยั อยูอยางหนาแนนมาตงั้ แตอ ดีต
จนถึงปจจบุ นั นอกจากนี้ บริเวณทรี่ าบชายฝง
เชน่ ถ่านหิน เหล็ก ทางตะวนั ออกเฉียงใต้ของ แผนทแ่ี สดงสภาพภมู ศิ าสตรข องภมู ภิ าคเอเชยี ใตโ ดยสงั เขป คาบสมุทรอินเดยี อยา งบรเิ วณเมืองมัทราสทาง
ที่ราบสูงเดกกันเป็นที่ราบกว้างใหญ่ เป็นที่อยู่ ฝง ตะวันออก และเมอื งบอมเบย (หรือมุมไบใน
ของชนพนื้ เมืองอกี กลุม่ คอื พวกทมิฬ ซ่งึ มีวฒั นธรรมและภาษาเป็นของตนเอง ปจ จบุ ัน) ทางฝงตะวันตก กม็ ปี ระชากรอาศยั อยู
หนาแนนดว ยเชนกนั
เรอื่ งนารู
คงคา : สายธารอัน2ศกั ดส์ิ ทิ ธิ์ สาํ หรบั บรเิ วณทปี่ ระชากรอาศยั อยูน อ ย
จะเปนบริเวณเทอื กเขาสูงทางเหนอื ไดแ ก
แมน้ําคงคาถือเปนแมนํ้าศักดิ์สิทธิ์ของชาวอินเดียท่ีนับถือศาสนา เทือกเขาหมิ าลยั ซึง่ เปน อุปสรรคตอ การตั้งถนิ่ ฐาน
พราหมณ-ฮนิ ดู โดยมคี วามยาว ๒,๗๐๐ กิโลเมตร มตี นน้าํ มาจากเทือกเขา ของมนุษย ทง้ั นีเ้ พราะบริเวณเทือกเขาสูง
หิมาลัยไหลผานรัฐอุตตรประเทศ รัฐพิหาร และรัฐเบงกอลตะวันตกลงสูอาว มนษุ ยไ มสามารถใชพนื้ ท่ีทําการเพาะปลกู
เบงกอล สําหรับกําเนิดของแมน้ําคงคาน้ีปรากฏอยูในคัมภีรและวรรณกรรม และประกอบอาชีพอ่นื ไดสะดวก เนือ่ งจาก
อินเดีย เรื่องที่แพรหลายท่ีสุดปรากฏอยูในมหากาพยมหาภารตะซ่ึงเปน มพี ืน้ ทสี่ ูงชัน ดินมกี ารพังทลายสงู ทําใหขาด
วรรณกรรมที่สําคัญของศาสนาพราหมณ - ฮินดูวา แมน้ําคงคาเกิดจากการท่ี ความอดุ มสมบูรณ นอกจากนี้ ในเขตทส่ี งู มักมี
พระพรหมทรงนําพระเสโทจากบาทพระวิษณุมาสรา งเปน แมนาํ้ อยบู นสวรรค หิมะนาํ้ แขง็ ปกคลมุ หรอื มีภมู อิ ากาศแหง แลง
ซงึ่ เปนอุปสรรคตอการคมนาคมขนสงและเดนิ ทาง
แมน้ําคงคาไหลผานเมืองสําคัญหลายเมือง เชน ฤษีเกศ (Rishikesh) หริทวาระ (Haridwar) กานปุระ ตดิ ตอ ระหวางกนั ถงึ แมจะมชี อ งเขาที่สามารถ
(Kanpur) และอัลลาฮาบาด (Allahabad) แตบริเวณที่ถือกันวามีความศักดิ์สิทธิ์ที่สุด คือ ที่เมืองพาราณสี ไปมาหากนั ไดแ ตกไ็ มสะดวกนกั )
ซ(Vง่ึ aหrวaงั nจaะsไดi)รบัซ่ึงทจาะนมจีนา3ักกผแใูสจวบงญุบุญแลแะลนะักนทักอทงอเทงเีย่ ทวี่ยวแจมาน กํา้ ดคินงแคดาไนหตลาลงงๆสอู ทา ั่ววโเบลงกกมอาลชทุมี่เนมุมืองโรกวลมกทาั้งตขาอท(Kาoนlชkaาtวaอ)ินหเดรียอื
เดมิ เรียกวา กลั กัตตา (Calcutta)
12๗
แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETิด นกั เรียนควรรู
ลักษณะภูมิประเทศทางตอนบนของภมู ิภาคเอเชยี ใตสว นใหญเ ปนอะไร
1. เทือกเขาสูง 2. ทรี่ าบชายฝง 1 อนิ เดยี คาํ วา “อินเดีย” (India) เปน คาํ ใหม ในสมัยโบราณจะเรียกอนิ เดยี วา
3. เนินเขาลกู ฟกู 4. ทีร่ าบลุม แมน ํ้า ชมพทู วีปบา ง ภารตวรรษบา ง ซงึ่ ครอบคลุมประเทศอินเดีย เนปาล ปากสี ถาน
บังกลาเทศในปจ จบุ นั คาํ วา “อนิ เดยี ” เพ้ียนมาจากคาํ วา “สนิ ธ”ุ (ชอ่ื แมน้ําสําคัญ
วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. ตลอดพรมแดนดานทิศเหนือของภูมิภาค ทางภาคเหนือของอนิ เดยี ) ซึ่งมาจากการเรยี กของชาวกรกี วา อินดชู (Indus)
2 แมนํ้าคงคา นาํ มาใชในพิธีการตางๆ ทเี่ กีย่ วขอ งกบั วิถชี ีวติ ของชาวฮินดู
เอเชียใต มเี ทอื กเขายาวตลอดแนวของประเทศอนิ เดีย เนปาล ภูฏาน คือ ใชป ระกอบในพธิ ีมงคล รวมทง้ั การอาบนํา้ ในแมน า้ํ เพ่อื ความเปนสริ มิ งคล หรอื
เทอื กเขาหิมาลัย มยี อดเขาที่สูงท่ีสุดช่อื เอเวอเรสต มีความสูง 8,848 เมตร แมแตก ารลอยองั คารของคนตาย โดยชาวฮนิ ดเู ช่ือวา แมน ํ้าคงคาจะพาดวงวิญญาณ
เทือกเขาสงู ในเขตน้ีเปน ตนกาํ เนิดของแมน้ําสายสําคญั ในภมู ิภาคเอเชียใต ของคนตายไปสเู ทวโลกได
ไดแ ก แมนํา้ สนิ ธุ แมนา้ํ คงคา แมนํ้าพรหมบตุ ร และสาขาใหญน อยที่ไหลมาสู 3 กัลกัตตา ปจจบุ นั เปล่ยี นช่ือเปน โกลกาตา เปน เมอื งหลวงของรฐั เบงกอล
ที่ราบทางเหนือของประเทศอนิ เดยี ปากสี ถาน และบังกลาเทศ และดวย ตะวนั ตก ในอดตี เคยเปน เมืองหลวงของอินเดียภายใตการปกครองของอังกฤษ
เหตุทีบ่ รเิ วณเทือกเขามคี วามสูงชนั อากาศหนาวเย็นมาก ซง่ึ เปนอุปสรรคตอ ระหวาง ค.ศ. 1773-1912 กลั กตั ตาเปนทีต่ งั้ ของพพิ ธิ ภณั ฑอ ินเดีย (Indian Museum)
การเดนิ ทางตดิ ตอ ระหวางกัน จึงทาํ ใหมีผคู นตงั้ ถิน่ ฐานอาศยั ในบริเวณน้นี อย นอกจากน้ยี งั เปนบา นเกดิ ของกวีเอกอนิ เดียท่ไี ดร บั รางวลั โนเบลสาขาวรรณคดี คอื
รพนิ ทรนาถ ฐากรุ ผปู ระพันธห นงั สือคีตาญชลอี นั โดง ดงั
คมู ือครู 127
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
ครซู กั ถามนกั เรยี นถงึ สภาพภมู อิ ากาศของ ต่อมาพวกทมิฬบางส่วนที่อยู่ทางตอนใต้ของคาบสมุทรอินเดียได้อพยพไปตั้งถิ่นฐานอยู่ที่
ภมู ภิ าคเอเชยี ใตว า มลี กั ษณะอยา งไร และมอี ทิ ธพิ ล เกาะลงั กาหรอื ประเทศศรลี งั กาในปจั จบุ นั ในชว่ งทอี่ นิ เดยี และศรลี งั กาถกู องั กฤษปกครอง จนกลาย
ตอ การตง้ั ถน่ิ ฐานของประชากรอยา งไร เปน็ ปญั หาความขดั แยง้ ทางเชอื้ ชาตริ ะหวา่ งชาวทมฬิ กบั ชาวสงิ หล ซงึ่ เปน็ ชนพน้ื เมอื งของศรลี งั กา
มาจนถงึ ปจั จบุ นั จากลกั ษณะพนื้ ทท่ี กี่ วา้ งใหญ ่ สภาพภมู ปิ ระเทศทแ่ี ตกตา่ งกนั การตดิ ตอ่ คมนาคม
(แนวตอบ สภาพภมู ิอากาศของภูมิภาคเอเชียใต ภายในไมส่ ะดวก เพราะมเี ทอื กเขาใหญน่ อ้ ยกน้ั ทางตอนกลางของภมู ภิ าค ทา� ใหแ้ ยกพน้ื ทอ่ี อกเปน็
มีความหลากหลาย ทั้งหนาวจดั ในเขตเทือกเขา ทางเหนือ ทางใต ้ ผูค้ นจงึ ไม่คอ่ ยเดินทางตดิ ต่อกนั การอพยพโยกย้ายถิ่นฐานจึงมนี อ้ ย
หิมาลยั ผูค นจึงไมค อยเขาไปตั้งถ่นิ ฐานอยูมาก สา� หรบั สภาพภมู อิ ากาศในภมู ภิ าคเอเชยี ใตก้ ม็ คี วามหลากหลาย ทง้ั หนาวจดั ในเขตเทอื กเขา
สว นบรเิ วณที่ราบลมุ แมน ้ําสินธุและแมน้ําคงคา หิมาลัย ส่วนบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้�าสินธุและที่ราบลุ่มแม่น�้าคงคา มีอากาศหนาวจัดในฤดูหนาว
มอี ากาศหนาวจัดในฤดูหนาว และรอนจัดในฤดูรอน รอ้ นจดั ในฤดูรอ้ น ทางตอนใตบ้ รเิ วณคาบสมทุ รมอี ากาศสม่�าเสมอกวา่ นอกจากนี้ พนื้ ทสี่ ว่ นใหญ่
ขณะทที่ างตอนใตบ ริเวณคาบสมทุ รมอี ากาศ ของเอเชียใต้อยู่ในเขตมรสุม ซ่ึงมักจะเกิดพายุรุนแรงในช่วงฤดูมรสุม โดยลมพายุไซโคลนจะ
สมา่ํ เสมอกวา นอกจากน้ี พ้ืนทีส่ ว นใหญข อง ก่อตัวขึ้นในอ่าวเบงกอล ทางตะวันออกของภูมิภาค แล้วพัดเข้าสู่ฝังขึ้นไปถึงบังกลาเทศ ท�าให้
ภมู ิภาคเอเชียใตย ังอยใู นเขตมรสมุ ทาํ ใหป ระสบกับ บริเวณน้ีเกิดฝนตกหนัก น�้าท่วมรุนแรง ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินมากเกือบ
ฝนตกหนัก น้าํ ทว มรุนแรง กอใหเกิดความเสียหาย ทุกปีแต่ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่และมีทรัพยากรธรรมชาติท่ีหลากหลาย ท�าให้มีผู้คน
ท้งั ตอชวี ติ และทรัพยส นิ ของประชากร แตด ว ย เขา้ มาต้งั ถน่ิ ฐานอาศัยอยู่อยา่ งตอ่ เนื่อง
ความอุดมสมบรู ณของพื้นที่ทม่ี ีทรพั ยากรธรรมชาติ สว่ นทางตะวันตกเฉยี งเหนอื ของภูมิภาค เช่น บรเิ วณประเทศปากีสถานและอัฟกานิสถาน
หลากหลาย ทาํ ใหม ีผคู นเขาไปต้ังถน่ิ ฐานอาศยั อยู ไม่ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุม จึงมีอากาศแห้งตลอดท้ังปีและมีทะเลทราย แหล่งทรัพยากรน�้า
อยา งตอเน่อื ง สว นทางตะวันตกเฉยี งเหนอื ในเขตน ี้ เชน่ แมน่ ้า� สินธ ุ และแม่นา�้ สาขาที่ในฤดรู อ้ นไดร้ บั น�้าจากการละลายของหิมะท่เี ทอื กเขา
ของภมู ิภาค เชน บรเิ วณประเทศปากีสถานและ หิมาลยั เปน็ ต้น
อฟั กานิสถาน ไมไดรบั อทิ ธพิ ลของลมมรสุม จึงมี
อากาศแหง ตลอดทั้งปและมที ะเลทรายที่แหงแลง )
เทอื กเขาหมิ าลยั เปน พรมแดนทางเหนอื ของอนุทวีปอินเดยี ทอดตวั เปน แนวโคงจา1กรัฐชัมมแู ละแคชเมียรท างตะวนั ตกไปย2งั
รฐั อสั สัมทางตะวันออก โดยครอบคลุมพนื้ ท่สี ว นใหญของประเทศเนปาล รัฐสกิ ขมิ ของอนิ เดยี ภูฏาน และทางใตข องทเิ บต
12๘
เกรด็ แนะครู ขอ สอบ O-NET
ขอสอบป ’51 ออกเกยี่ วกบั การตัง้ ถิ่นฐานและการดาํ รงชวี ิตของมนุษย
ครอู าจจัดการเรียนการสอนในเร่ืองที่ตง้ั และสภาพภูมิศาสตรที่มีผลตอการ ปจ จัยในขอ ใดทมี่ ผี ลนอยท่สี ดุ ตอ พัฒนาการต้งั ถิ่นฐานและการดาํ รงชวี ิต
ต้งั ถ่นิ ฐานของประชากร และพฒั นาการทางประวตั ศิ าสตรของภูมภิ าคเอเชียใต ของมนษุ ย
โดยใชผงั กราฟก ซ่งึ นอกจากจะเปน ฝกใหน กั เรียนคิดวิเคราะห สังเคราะหเปน แลว 1. ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ
ยงั ชวยใหนักเรียนเขา ใจในเนือ้ หาสาระหรอื ขอมูลท่เี รียนรูไดงา ย และจดจําไดน าน 2. ลักษณะของเชือ้ ชาติ
3. ความเหมาะสมของภมู อิ ากาศ
นกั เรียนควรรู 4. ความสมบูรณข องทรัพยากรธรรมชาติ
วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2. ลกั ษณะของเช้อื ชาติมีอทิ ธิพลตอ การตั้ง
1 สกิ ขิม เปน พรมแดนท่อี ยูร ะหวางอินเดยี กบั จนี ประชากรประกอบดว ย ถิน่ ฐานและการดํารงชีวิตของมนุษยนอยกวาขอ อน่ื ถึงแมม นุษยจะมีเช้ือชาติ
ชาวเนปาล ชาวเลปชาท่อี พยพมาจากทิเบต และชาวภูฏาน นกั ทองเท่ยี วท่ีจะ แตกตา งกนั กย็ ังสามารถอาศยั อยูรว มกนั และดํารงชีวิตของตนเองได
เขา ไปในพน้ื ที่น้ีจะตอ งขออนญุ าตจากสถานทตู อนิ เดีย
2 ทิเบต เดิมเปนรัฐอิสระอยูบนที่ราบสงู ทางเหนือของเทอื กเขาหมิ าลยั ตอมา
ถูกยึดเปนสว นหนง่ึ ของสาธารณรฐั ประชาชนจนี ใน ค.ศ. 1951
128 คมู อื ครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
2.2 พฒั นาการทางประวัตศิ าสตร์ของเอเชียใต 1. ครใู หนักเรียนจับคูกันเพ่อื อภปิ รายเกย่ี วกับ
๑) พัฒนาการด้านการเมืองการปกครอง ภูมิภาคเอเชียใต้มีพัฒนาการด้าน พัฒนาการดานการเมอื งการปกครองของ
ภมู ิภาคเอเชียใตตง้ั แตอ ดีตจนถงึ ปจ จุบนั
กแาสรดเงมใอืหงเ้ หกาน็ รวปา่ กมคผี รปู้ อกงคทรเ่ี อจงรทญิ อ่ี มาาจตเปง้ั แน็ ตนอ่ กั ดบตี ว ชจหากรหอื กลษกั ฐตั ารนยิ ท ์ ตาอ่ งมโบารในาณสมคยัดพีในระอเาวรทย1 ธ(ปรรระมมลามุ่ ณแ ม๑น่,๕า้� ๐ส๐นิ ธ-ุ จากนนั้ สรุปผลการอภปิ รายลงสมดุ จดงาน
๕๐๐ ปกี อ่ นครสิ ตศ์ กั ราช) ชาวอารยนั อพยพเขา้ มาในเอเชยี ใตแ้ ยกกนั อยเู่ ปน็ เผา่ มผี นู้ า� เผา่ ตอ่ มา สง ครูผสู อน
เกดิ เมอื งและรฐั หลายแหง่ ทม่ี ผี ปู้ กครองของตน รฐั ตา่ งๆ ถกู รวมเปน็ จกั รวรรดิในสมยั ราชวงศเ์ มารยะ
(๓๒๑ - ๑๘๕ ปีก่อนคริสต์ศักราช) สมัยจักรวรรดิคุปตะ (ค.ศ. ๓๒๐ - ๕๕๐) และสมัยราชวงศ์ 2. ครูสมุ ถามนักเรียนวา นบั ตั้งแตอ งั กฤษเขา มา
เมรัมิ่มลตกู ้นแใลนะครราิสชตว์ศงศต์โวมรกรษลุ หทรี่ ือ๑ม๖คุ ัลชทาีเ่วปตน็ ะมวุสันลตมิก ช(ตาน้ติคแรรสิกต ศ์คตือว รโรปษรทต่ ีุเ๑ก๓ส 2- เ๑ด๙ิน)ท สามงเยั ขจ้าักมราวยรัรงดอิโินมเกดลุีย ปกครองอินเดีย ไดจดั การทางการเมอื ง
ต่อมาเอเชยี ใต้ตกเปน็ อาณานิคมของอังกฤษในช่วงกลางครสิ ต์ศตวรรษท่ี ๑๙ การปกครองของอินเดยี อยางไร
ภายใตก้ ารปกครองของอังกฤษ อินเดยี ไดเ้ รยี นรูป้ ระชาธปิ ไตยแต่กม็ ีสว่ นท่ที �าให้เกดิ (แนวตอบ องั กฤษเขา มาปกครองอนิ เดีย
ความแตกแยกทางเชอื้ ชาตแิ ละศาสนาในอนิ เดีย ซง่ึ รุนแรงมากขึน้ ใน ค.ศ. ๑๙๔๗ เมอื่ อนิ เดยี ได้ ไดวางนโยบายไว 3 ชวง ไดแ ก ชว งแรก
เอกราช จงึ เกดิ การแยกประเทศออกเปน็ อนิ เดยี ซง่ึ ประชากรสว่ นใหญเ่ ปน็ ชาวฮนิ ด ู และปากสี ถาน อังกฤษสง ขาหลวงมาประจาํ อินเดียเพอ่ื
ซ่ึงประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมสุ ลิม ตอ่ มาใน ค.ศ. ๑๙๗๑ ปากีสถานตะวนั ออกได้แยกออกเป็น ชว ยเหลือบริษทั อินเดยี ตะวนั ออกขององั กฤษ
ประเทศบงั กลาเทศ ปจั จบุ ันประเทศในเอเชียใต้มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และหลาย เร่มิ ตั้งแต ค.ศ. 1757-1774 ชวงที่ 2 องั กฤษ
ประเทศมีปัญหาความแตกแยกภายในทั้งจากสาเหตุทางการเมือง เช้อื ชาต ิ ศาสนา และเศรษฐกจิ สง ขาหลวงใหญมาสรา งอํานาจจักรวรรดินิยม
รวมทง้ั ปญั หาการก่อการร้าย ในอินเดยี โดยตรง เรม่ิ ตัง้ แต ค.ศ. 1774-1858
และ ชว งท่ี 3 องั กฤษสงอปุ ราชมาเปน ผสู ําเร็จ
เสน เวลา ราชการตางพระเนตรพระกรรณ เริ่มตัง้ แต
แสดงลําดับราชวงศป กครองอนิ เดยี ค.ศ. 1858-1947 ซงึ่ ในระหวา งปกครองอนิ เดยี
องั กฤษไดปฏริ ปู เปลี่ยนแปลงหลายอยาง
ราชวงศคปุ ตะ ราชวงศโ มกลุ หรอื มุคัล โดยดานการปกครอง มกี ารปฏริ ปู กฎหมาย
(ค.ศ. ๓๒๐ - ๕๕๐) (ค.ศ. ๑๕๒๖ - ๑๘๕๘) เพ่อื ใหเ กิดความยุติธรรมและความเสมอภาค
แกชาวอินเดีย รวมถงึ การปฏริ ปู การศึกษา
ปกอ น ค.ศ. ๓๐๐ ค.ศ.๑ ๓๐๐ ๖๐๐ ๙๐๐ ๑๒๐๐ ๑๕๐๐ ๑๘๐๐ ตามแบบตะวนั ตก เชน การตง้ั วิทยาลัย
ราชวงศเมารยะ ราชวงศมมั ลกู และมหาวิทยาลยั และสอนเปนภาษาอังกฤษ
(๓๒๑ - ๑๘๕ ปี (ค.ศ. ๑๒๐๖ - ๑๕๒๖) ทําใหชาวอนิ เดยี มคี วามคดิ กาวหนา และรบั
ก่อน ค.ศ.) แนวคดิ ตะวันตก รวมทง้ั ความกาวหนา ของ
129 ตะวนั ตกมาใชภายหลงั จากไดร บั เอกราชแลว )
3. ครใู หน ักเรียนศึกษาเสนเวลา (Timeline)
จากหนงั สือเรยี น หนา 129 แลวใหอ ธบิ ายวา
แตละราชวงศข องอนิ เดียมีเหตกุ ารณส าํ คญั
ทางประวตั ิศาสตรอะไรเกดิ ข้นึ บาง
กิจกรรมทา ทาย นักเรยี นควรรู
ครใู หน กั เรยี นสบื คน ขอ มลู การเขา มาแสวงหาอาํ นาจขององั กฤษในอนิ เดยี 1 พระเวท เปนคมั ภรี สาํ คญั ของชาวอารยันทถ่ี า ยทอดในหมพู วกพราหมณ ซ่ึงใน
จากแหลง การเรียนรูตางๆ ในประเด็นตอ ไปนี้ ระยะแรกจะถายทอดโดยการทองจําจากปากตอ ปาก ตอ มารวบรวมไวเปนลายลักษณ
อักษร โดยการเขยี นดวยภาษาสันสกฤต คําวา “เวท” หมายถึง ความรูทศ่ี ักดิส์ ิทธ์ิ
• วธิ กี ารสรา งอํานาจขององั กฤษในอินเดยี ซึง่ มคี วามสําคญั ตอ ชาวฮินดมู าก ในระยะแรกคัมภีรพระเวทมี 3 เลม ดงั น้ี
• การเกิดกบฏซปี อยตอ อังกฤษ
• นโยบายทอี่ ังกฤษใชป กครองอินเดยี 1. ฤคเวท เปนบทสวดสรรเสรญิ ออนวอนใหเทพเจาประทานชัยชนะใหแ ก
• อทิ ธิพลของอังกฤษในอนิ เดยี พวกตน ถอื เปนพระเวทท่ศี กั ดิ์สิทธทิ์ สี่ ดุ
• การเรียกรองเอกราชของชาวอินเดยี
จากนนั้ ใหนกั เรยี นนําเสนอขอมลู ในรปู แบบตางๆ เชน รายงาน เสน เวลา 2. ยชุรเวท เปน คัมภรี อ ธิบายระเบียบวิธใี นการประกอบพิธีบูชายัญ
(Timeline) โปรแกรม PowerPoint เปนตน และพิธบี วงสรวงเทพเจา
3. สามเวท เปน บทสวดสําหรบั การทําพิธบี ูชาดวยน้ําโสมในพิธขี องบานเมอื ง
หรอื ของกษัตรยิ
ตอ มาภายหลังมี อาถรรพเวท เพิม่ เตมิ เปนคมั ภีรเ ก่ียวกบั ไสยศาสตร
2 โปรตุเกส นักเดนิ เรอื ชาวโปรตุเกสชื่อ วาสโก ดา กามา ไดแลน เรือออ มแหลม
กูด โฮปมาขึน้ บกทีเ่ มอื งกัว เมืองทา ชายฝง ทะเลตะวนั ตกของอนิ เดยี เมื่อ ค.ศ. 1498
และเขาไดซ ื้อสินคา เครือ่ งเทศโดยตรงจากพอคาอินเดียและบรรทุกเรือกลบั ไปยโุ รป
ซงึ่ สรา งกําไรจาํ นวนมหาศาล
คมู อื ครู 129
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
ครใู หน กั เรยี นแสดงความคิดเหน็ วา ในชวงกอน ๒) พัฒนาการด้านเศรษฐกิจ เอเชียใต้เป็นดินแดนที่มีหมู่บ้านใหญ่น้อยต้ัง
ที่อังกฤษจะเขา มาปกครอง เศรษฐกิจของอินเดยี
มลี ักษณะอยางไร และภายหลังเขามาปกครองแลว กระจัดกระจายอยู่ท่ัวไป หมู่บ้านเหล่าน้ีมีพื้นฐานเศรษฐกิจแบบพ่ึงตนเอง ชาวบ้านมีอาชีพหรือ
มลี กั ษณะอยางไร หน้าทตี่ ามวรรณะของตน เกษตรกรรมเป็นอาชีพหลกั และมอี าชีพชา่ งฝีมอื เมอื่ ชาวมุสลิมอาหรบั
ยดึ ครองอนิ เดยี ตอนเหนอื ในครสิ ตศ์ ตวรรษท ่ี ๘ การคา้ ไดร้ บั การสง่ เสรมิ โดยเฉพาะการคา้ ภายนอก
(แนวตอบ เศรษฐกิจของอินเดียกอนทีอ่ ังกฤษ ภูมิภาค พอ่ ค้าสว่ นใหญ่เป็นชาวมุสลิม เนือ่ งจากชาวฮินดูจะไม่เดินเรือเพราะถอื ว่าผดิ กฎวรรณะ
จะเขา มาปกครองจะเปนแบบพึ่งตนเอง โดยยดึ ในสมัยจักรวรรดิโมกุล (คริสต์ศตวรรษที่ ๑๖ - ๑๙) เศรษฐกิจขึ้นอยู่กับการเกษตร การค้า และ
เกษตรกรรมเปนหลกั และมอี าชพี ชา งฝมอื ดวย อุตสาหกรรม โดยรัฐให้การสนบั สนุน เช่น ใหก้ ู้เงินซอ้ื เมลด็ พชื เคร่ืองมือทางการเกษตร สรา้ ง
แตเ มื่อพวกมสุ ลมิ อาหรบั เขามายึดครองในชวง ถนนเชอื่ มท่วั จกั รวรรดิเพอ่ื สง่ เสริมการคา้ ขาย และสง่ เสริมอุตสาหกรรมทอพรม ผ้าฝาย ผ้าไหม
คริสตศตวรรษที่ 8 ก็ไดสงเสรมิ การคา ภายนอก โดยมีพอ่ คา้ ชาวตะวนั ตกเขา้ มาค้าขายดว้ ยจา� นวนมาก
ภมู ภิ าค โดยพอคา ออกเดินทางไปคาขายไกลถงึ ในครสิ ตศ์ ตวรรษท ี่ ๑๘ องั กฤษสามารถขยายการคา้ และอทิ ธพิ ลทางการเมอื งในอนิ เดยี
ตะวนั ออกกลาง อียิปต เอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต และซลี อน (ศรีลังกาในปัจจุบัน) เม่ืออนิ เดยี ตกเปน็ ขององั กฤษในกลางคริสต์ศตวรรษท่ ี ๑๙ ชาว
และจีน จนในสมัยจกั รวรรดโิ มกุล (ครสิ ตศตวรรษท่ี อังกฤษเข้ามาลงทนุ ในกจิ การไร่ชา ไร่ฝา ย ไรฝ่ น ในอนิ เดยี และศรีลังกา และนา� แรงงานชาวทมฬิ
16-19) เศรษฐกิจขึน้ อยกู บั การเกษตร การคา และ จากตอนใตข้ องอนิ เดยี เขา้ ไปยงั ศรลี งั กา ซงึ่ กลายเปน็ ปญั หาเชอ้ื ชาติในศรลี งั กาในเวลาตอ่ มา รฐั บาล
อตุ สาหกรรม กระทั่งอังกฤษเรม่ิ เขา มามีอิทธพิ ล อาณานิคมได้ใช้อินเดียเป็นแหล่งผลิตสินค้าและส่งออกไปยังยุโรป รัฐเข้ามาควบคุมทรัพยากร
ทางการเมอื งในอนิ เดียในครสิ ตศ ตวรรษที่ 18 และ เทปดี่ ็นนิ เ มแือลงะใกหาญรค่ เา้ ชก่นบั ตกา่ ัลงกปตั รตะเาท (ศโก มลกี กาารตสารใา้นงปทัจาจงุบรถันไ)ฟ บจอามกเเมบอืยง ์1(ทมา่ ุมตไา่บงใๆน ปเมัจอื จงบุ หนั ล)า ยมเัทมรอื างสถ กูเปพน็ ฒั ตน้นา
ยึดอนิ เดยี เปน อาณานคิ มในกลางครสิ ตศ ตวรรษที่
19 ชาวอังกฤษไดเ ขามาลงทนุ ในกจิ การไรชา
ไรฝา ย ทง้ั ในอนิ เดยี และศรีลงั กา เพ่อื ผลติ เปนสินคา
ปอนโรงงานในยโุ รป รฐั เขา มาควบคมุ ทรพั ยากรทด่ี นิ
และการคา กับตา งประเทศ มกี ารสรา งทางรถไฟจาก
เมืองทา ตางๆ จนหลายเมอื งเติบโตเปนเมอื งใหญ
และเจรญิ สบื เนื่องมาจนถึงปจจุบัน)
การทําไรชาในประเทศอินเดีย ซึ่งอินเดียเปนหนึ่งในประเทศที่ปลูกชารายสําคัญของโลก โดยในระยะเริ่มแรกไดมีการนํา
เมล็ดพนั ธจุ ากประเทศจีนเขามาปลูก
13๐
นักเรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET
อุตสาหกรรมของภูมภิ าคเอเชยี ใตม ีลกั ษณะตรงกับขอใด
1 บอมเบย ไดเปลย่ี นช่อื เปน มมุ ไบเมอ่ื ค.ศ. 1995 มุมไบเปนเมอื งหลวงของรฐั 1. ทง้ั ภมู ภิ าคเปน อุตสาหกรรมโรงงาน
มหาราษฏระ เปนเมืองทาสาํ คัญของอนิ เดยี และเปนศนู ยกลางการคาและพาณิชย 2. อุตสาหกรรมโดยรวมมีการพฒั นามาก
ท่ีใหญท ีส่ ุดของอนิ เดยี อกี ทงั้ ยังเปน เมอื งอุตสาหกรรมอนั ทนั สมัยทีเ่ ต็มไปดว ย 3. มกี ารพฒั นามากโดยเฉพาะประเทศอนิ เดีย
ตกึ ระฟา โรงงานสิง่ ทอ โรงงานผลติ รถยนต นอกจากนี้ยังมชี อ่ื เสียงในดา นการผลิต 4. มีการทําอุตสาหกรรมหนักกนั อยางแพรห ลาย
ภาพยนตรอนิ เดยี หรอื ทรี่ จู กั กนั ในชือ่ บอลลีวูด (Bollywood) วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. ประเทศอินเดียนับวามคี วามเจริญกา วหนา
ทางอตุ สาหกรรมมากกวาประเทศอนื่ ๆ ในภูมภิ าคเอเชยี ใต เพราะมวี ัตถดุ ิบ
เบศูรณรากษารฐกจิ พอเพยี ง อนั ไดแก แรเหลก็ และถานหนิ สาํ หรับเปนรากฐานในการประกอบ
อุตสาหกรรมหนักและอตุ สาหกรรมอื่นเปนจาํ นวนมาก นอกจากน้ี ภาครฐั
การพง่ึ พาตนเองตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง คอื สามารถนาํ ทรพั ยากร ยังใหค วามสาํ คญั กับการลงทนุ ทง้ั ในดานอตุ สาหกรรม การคา และบริการ
ทต่ี นเองมีอยมู าใชเลีย้ งชีพไดอยา งพอเพียงและม่นั คง โดยไมต อ งอาศยั ทรพั ยากร สง ผลใหม บี รษิ ัทตางชาตสิ นใจเขามาลงทุนมากข้ึน โดยเฉพาะธรุ กจิ ทีใ่ ช
จากภายนอก หรอื พง่ึ พาทรพั ยากรจากภายนอกใหน อยทส่ี ดุ เทคโนโลยขี น้ั สงู เนื่องจากอนิ เดยี มบี คุ ลากรท่ีมปี ระสทิ ธิภาพทางวิทยาศาสตร
คอมพวิ เตอร และวิศวกรรมเปน จํานวนมาก รวมทง้ั มีคาจางแรงงานถกู
ครใู หน กั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ วา “เอเชียใตจะพฒั นาเศรษฐกจิ โดยใชเพียง
แคก ารเกษตรไดหรือไม” โดยใหเหตุผลประกอบความคดิ เหน็
130 คมู ือครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
ในช่วงสงครามเย็น อินเดียได้รับความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจจากสหภาพโซเวียต 1. ครูใหนกั เรียนอภปิ รายรว มกันถึงลักษณะสังคม
สว่ นปากสี ถานไดร้ บั ความชว่ ยเหลอื จากจนี แตป่ ระเทศสว่ นใหญ่ในภมู ภิ าคนย้ี งั คงประสบกบั ปญั หา ของภมู ิภาคเอเชียใต นับต้งั แตการเขามาของ
ความยากจนและดอ้ ยพฒั นาดา้ นการศึกษา ดา้ นสาธารณสขุ ตอ่ มาหลังยคุ สงครามเยน็ เศรษฐกิจ ชาวอารยนั จนถึงปจจุบัน
ของเอเชียใต้พัฒนาไปสู่ระบบเศรษฐกิจโลกยุคโลกาภิวัตน์ท่ีเป็นระบบทุนนิยมและการลงทุน
ขา้ มชาต ิ หลายประเทศเปด รบั การลงทนุ จากตา่ งชาตแิ ละมกี ารลงทนุ ของเอกชนในประเทศมากขนึ้ 2. ครใู หนกั เรยี นชว ยกนั ตอบประเดน็ คาํ ถามท่ีวา
แตจ่ �านวนประชากรท่ีมากโดยเฉพาะในอินเดียขณะที่ทรัพยากรธรรมชาติมีจ�ากัดและการพัฒนาที่ ระบบวรรณะมีความสาํ คัญตอ สงั คมอินเดยี
ไม่ท่วั ถึง ทา� ให้ธนาคารโลกประเมินว่าเอเชียใต้มฐี านะทางเศรษฐกจิ ยากจนทีส่ ดุ ในโลก อยา งไร
อินเดียเป็นประเทศที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจมากที่สุดในภูมิภาคโดยเฉพาะ (แนวตอบ ในคัมภีรพ ระเวทซงึ่ เปนคมั ภีรที่
ดา้ นวทิ ยาศาสตร ์ เทคโนโลย ี และอตุ สาหกรรม มเี มอื งใหญห่ ลายเมอื งทม่ี คี วามทนั สมยั เชน่ มมุ ไบ ชาวฮนิ ดูนบั ถอื ไดมีคําสอนเก่ยี วกบั พระพรหม
บังคาลอร์ เดลี เป็นต้น ซ่ึงมีโรงงานอุตสาหกรรมประเภทต่างๆ แต่การพัฒนาน้ีก็ท�าให้อินเดีย ผสู รางมนษุ ยเพ่ือสนั ติ โดยพระพรหมทรงสราง
เกิดปัญหาช่องว่างทางรายได้ระหว่างคนรวยกับคนจนมากย่ิงข้ึน รวมทั้งมีประชากรยากจนมาก วรรณะพรหมณจ ากพระโอษฐ (ปาก) วรรณะ
ติดอนั ดบั ของโลก กษัตริยจากพระพาหา (แขน) วรรณะแพศย
จากพระโสณี (สะโพก) และวรรณะศทู รจาก
๓) พัฒนาการด้านสังคม ภูมิภาคเอเชียใต้เป็นดินแดนที่มีผู้คนอาศัยอยู่มาตั้งแต่ พระบาท (เทา) เม่ือแตละวรรณะเกดิ มาจาก
สมยั กอ่ นประวตั ศิ าสตร ์ ความเจรญิ ทางอารยธรรมและความอดุ มสมบรู ณท์ า� ใหม้ ชี นตา่ งชาตอิ พยพ อวัยวะของพระพรหมที่แตกตางกัน จงึ มีฐานะ
เขา้ มาอยู่ในเอเชยี ใต้อยู่เสมอ ภมู ภิ าคเอเชยี ใต้จงึ มีประชากรหลากหลายเช้ือชาติ ศาสนา ภาษา ทางสงั คมไมเ ทา กนั และเปล่ียนฐานะไมไ ด
ซ่ึงต่อมาได้กลายเป็นปัญหาความขัดแย้งท่ีเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาของเอเชียใต้มาจนถึง โดยวรรณะพราหมณและวรรณะกษัตริย
กปบัจั จชุบาวันส ิงตหวั ลอ1ใยนา่ ศงรคีลวงัากมาข ัดเปแน็ยต้งรน้ ะหว่างประชากร เชน่ ชาวฮนิ ดกู ับชาวมสุ ลมิ ในอนิ เดยี ชาวทมฬิ เปน วรรณะสงู วรรณะแพศยเปน ชนชั้นกลาง
พัฒนาการทางสังคมที่ส�าคัญและ สวนวรรณะศทู รเปนชนชั้นต่าํ ดว ยเหตุนี้ ระบบ
เปน็ รากฐานของสงั คมอินเดีย คือ ระบบวรรณะ วรรณะจึงมบี ทบาทตอชาวฮนิ ดทู ้ังในดา นสังคม
ซึ่งแบ่งคนในสังคมออกเป็นชนช้ันวรรณะที่ ศาสนา และการดําเนนิ ชีวติ ประจาํ วันมาต้งั แต
ตายตัว เปล่ียนแปลงไม่ได้ ระบบวรรณะมี สมยั มหากาพย แตใ นปจจุบนั แมอนิ เดยี จะเลิก
บทบาทตอ่ ชาวฮินดูทัง้ ดา้ นศาสนา สงั คม และ การแบง ชน้ั วรรณะแลว แตก ย็ ังมีอิทธพิ ลตอ
การด�าเนินชีวิตประจ�าวัน ในอดีตระบบวรรณะ ชาวอินเดียในชนบทอยู)
3. ครูและนกั เรยี นรว มกนั สรุปสาระสาํ คญั
ทศี่ กึ ษามาเพื่อเปน การทบทวนความรูท ัง้ หมด
ของอนิ เดยี จะมคี วามเขม้ งวดมาก
ในปัจจุบันแม้อินเดียจะเลิกการ
แบ่งช้ันวรรณะแล้ว แต่ในชนบทของอินเดีย
ระบบวรรณะยงั คงมอี ทิ ธพิ ลตอ่ สงั คมอนิ เดยี และ
ยังมีประชากรขึ้นทะเบียนเป็นพวกนอกวรรณะ เมอื งมมุ ไบ เมอื งหลวงของรฐั มหาราษฏระ เปน เมอื งทา และ
มากกว่า ๑๐๐ ลา้ นคน เปนศูนยกลางทางการคา การทองเท่ียวที่สําคัญแหงหน่ึง
ของประเทศอินเดยี
131
แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tิด นกั เรยี นควรรู
ขอใดกลาวถึงลกั ษณะประชากรและวฒั นธรรมของภมู ภิ าคเอเชยี ใตไม ถูกตอง 1 ชาวทมิฬกับชาวสิงหล ความขัดแยง ระหวางชาวทมิฬกับชาวสงิ หลยงั รวมถงึ
1. มีประเพณวี ัฒนธรรมเดียวกนั ความขัดแยง ทางศาสนา โดยชาวทมิฬนับถือศาสนาอสิ ลาม สวนชาวสงิ หลนับถอื
2. สวนใหญมีความคิดอนุรกั ษน ิยม พระพุทธศาสนา นอกจากนี้ นโยบายของรัฐบาลยังเอื้อประโยชนใหแ กชาวสิงหล
3. มปี ระชากรหลากหลายเชื้อชาติ มากกวา เชน การประกาศใหพ ระพทุ ธศาสนาเปนศาสนาประจําชาติ การหา มเรยี น
4. นับถอื ศาสนาและพูดภาษาตา งกนั ภาษาทมิฬในโรงเรยี น เปนตน
วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. ภูมิภาคเอเชยี ใตมปี ระชากรทม่ี ีเชอ้ื ชาติ บูรณาการอาเซียน
แตกตางกัน แตสว นใหญเ ปน ชนพน้ื เมืองพวกนิกรอยด อีกทงั้ ยังมีภาษาตางๆ ครอู ธิบายเพิ่มเติมเก่ยี วกับความสมั พนั ธระหวางอาเซียน-อินเดยี ในดา นตา งๆ
ที่ใชมากกวา 800 ภาษา ภาษาที่สําคัญและใชมาก ไดแก ภาษาฮินดี ภาษา เชน ดานการเมอื งและความมนั่ คง อินเดียไดมบี ทบาทในความรวมมือดานความ
อูรดู ภาษาเบงกาลี และภาษาอังกฤษ สว นศาสนากม็ อี ยูหลายศาสนาเชนกนั มัน่ คงทางทะเลและการตอ ตานการกอ การรายสากล ดา นเศรษฐกจิ อนิ เดียและ
ศาสนาท่มี คี นนบั ถือมากท่สี ุด ไดแก ศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู รองลงมา คือ อาเซยี นไดล งนามความตกลงดานการคาสนิ คา ดานความรว มมือเพ่ือการพฒั นา
ศาสนาอสิ ลาม สวนทีเ่ หลือนบั ถอื พระพุทธศาสนา และศาสนาอ่ืนๆ ดงั นั้น อินเดียไดสนบั สนุนดา นวทิ ยาศาสตร เทคโนโลยี IT การแพทย เปนตน
จึงทาํ ใหผ คู นในภมู ภิ าคน้ีมีประเพณวี ัฒนธรรมแตกตางกันไปตามศาสนา
ทนี่ บั ถือ นอกจากนี้ ชาวเอเชียใตยงั ยดึ ถือขนบธรรมเนียมเกา ๆ ที่เคยปฏบิ ัติ คูมอื ครู 131
กนั มา เชน การแบง ชัน้ วรรณะ การบูชายัญ เปน ตน
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Expand Evaluate
Expand
ขยายความเขา ใจ
ครูใหน ักเรยี นคนควา ขอ มูลเกีย่ วกับพัฒนาการ กเ ป�า็นเนติด้น ศ า ศสานสพานแฒั าล3แนะลาละกัทลาธทัริทดธ่ีสา้เิ หน�าคลสา่ัญงั นค ี้มไเดทช้เ่นส่ีปา� ็นคศรญั าากสอฐนกี าาปนพรคะรวกาาาหมรมหเณจนรงึ่์ -ญิ ขฮทอินงาดเงอู อเาพชรยีรยะใธตพร ้ ุทครมอืธศ ขเปาอสนง็ นเดอานิเ 1ชแแียดลในตะทศ ้ เ่ีทาปส้งั น็ ในนแาดหเชา้ลนนง่ 2
ของภูมภิ าคเอเชยี ใตจากแหลง การเรียนรตู างๆ ศิลปะ วรรณกรรม กฎหมาย พิธีกรรม และการด�ารงชีวิตของประชาชน ต่อมาเมื่อชาวมุสลิม
แลวจดั ทําเสน เวลา (Timeline) แสดงเหตกุ ารณ เข้ามาปกครองอนิ เดยี ศาสนาอสิ ลามกม็ บี ทบาทตอ่ สงั คมในเอเชยี ใตเ้ ชน่ กนั ศาสนาและความเชอ่ื
สาํ คญั ทางประวตั ศิ าสตรข องภมู ภิ าคเอเชียใต เหลา่ นย้ี ังคงมอี ิทธิพลตอ่ ประชากรเอเชียใต้มาจนถึงปัจจบุ นั
และรายละเอียดของเหตกุ ารณโ ดยสังเขป ตกแตง สังคมของเอเชียใต้ต้ังแต่อดีตถึงปัจจุบันมีลักษณะโดยรวมเป็นสังคมชนบท สังคม
ใหสวยงาม และนําเสนอหนา ชั้นเรยี น เกษตรกรรม ครอบครัวเป็นหน่วยย่อยที่มีความส�าคัญ ในบางพ้ืนที่มีความเป็นอยู่แบบเผ่า ท้ังนี้
เพราะเอเชยี ใตเ้ ปน็ ดนิ แดนกวา้ งใหญ ่ มคี วามเจรญิ แตกตา่ งกนั บางชมุ ชนอาศยั อยู่ในปา่ เทอื กเขา
ตรวจสอบผล Evaluate ภเู ขา บางประเทศท่อี ยูต่ อนในของภูมิภาค เช่น ภูฏาน ประชาชนยงั รักษาวถิ ีชวี ติ แบบดง้ั เดมิ ไว้
เป็นตน้
1. ครตู รวจเสน เวลา (Timeline) แสดงเหตกุ ารณ ปจั จบุ นั ประชากรสว่ นใหญข่ องเอเชยี ใตอ้ าศยั อยู่ในชนบท ประกอบอาชพี เกษตรกรรม
สําคญั ทางประวตั ิศาสตรข องภูมภิ าคเอเชยี ใต ส่วนใหญ่มีฐานะยากจน ด้อยการศึกษา มีความคิดอนุรักษนิยม ศาสนาได้เข้ามามีอิทธิพลต่อ
การดา� เนนิ ชีวติ ของผ้คู น ซงึ่ เน้นความเรยี บงา่ ย แตศ่ าสนาทแี่ ตกตา่ งกันก็เปน็ สาเหตคุ วามขัดแยง้
2. ครูสงั เกตพฤตกิ รรมความมสี วนรว มในการ ส�าคญั ของเอเชียใต้ด้วยเช่นกนั
ตอบคําถามและการแสดงความคดิ เห็นของ
นักเรยี น
ถํ้าอชนั ตา สถาปตยกรรมในพระพทุ ธศาสนาที่มีช่ือเสยี งแหง หนึง่ ของอินเดยี โดยการเจาะภเู ขาหนิ เขาไปใหเปน ถํา้ เพอ่ื ใช
เปนหองโถงสําหรับสวดมนตและประกอบศาสนกิจ รวมถึงเปนที่พํานักของพระสงฆ ภายในถํ้าประกอบดวยจิตรกรรม
ฝาผนังซึ่งแสดงเร่อื งราวตางๆ ในพุทธประวัติ และพระพทุ ธรูป
132
นกั เรยี นควรรู บรู ณาการเชอื่ มสาระ
ครูสามารถนําเน้ือหาเกีย่ วกับพฒั นาการดานสงั คมของภมู ิภาคเอเชยี ใต
1 พระพุทธศาสนา กําเนดิ ขน้ึ เพ่อื เปนทางเลือกใหแ กสังคมอินเดยี โบราณ โดยมี ไปบรู ณาการเช่อื มโยงกับสาระหนาทีพ่ ลเมอื ง วัฒนธรรม และการดําเนินชีวิต
ลักษณะตรงกันขามกับศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู คือ เนนความเทาเทยี มกัน ตอตา น ในสงั คม หวั ขอลกั ษณะวฒั นธรรมของประเทศในภูมภิ าคเอเชยี โดยครูอธบิ าย
ระบบวรรณะ แมวาพระพทุ ธศาสนาจะกาํ เนิดในอนิ เดยี แตก ลบั เจรญิ รงุ เรืองใน ใหนกั เรียนเขาใจถงึ ลักษณะของวัฒนธรรมอินเดยี เพือ่ ทีน่ ักเรียนจะไดเ ขาใจ
แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต เปน ศาสนาท่ีเปน วิทยาศาสตร สอนดว ยเหตแุ ละผล ในวฒั นธรรมอนิ เดยี ทมี่ ลี กั ษณะเดน เปน เอกลกั ษณ และยงั มอี ิทธพิ ลตอภูมภิ าค
ทีส่ ามารถทดสอบความจริงไดดว ยตนเอง ตางๆ ใกลเคยี งโดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต
2 ศาสนาเชน คาํ วา “เชน” เปนชื่อเรยี กศาสนาตามภาษาสันสกฤต มีรากศพั ท
มาจากคําวา “ชนิ ะ” แปลวา ชนะหรอื ผทู ่ีพิชิตตัณหาไดอยา งส้ินเชิง ศาสนาเชน
มีศาสดาทง้ั หมด 24 องค พระมหาวรี ะเปนศาสดาองคสุดทา ย มหี ลักคาํ สอน
ท่ตี รงกนั ขามกบั ศาสนาพราหมณ- ฮินดหู ลายเรือ่ ง เชน ปฏเิ สธเรือ่ งพระเจาสรางโลก
ปฏิเสธเรือ่ งการฆา สตั วบ ูชายัญ ปฏิเสธเรือ่ งการแบง ช้ันวรรณะ เปน ตน
3 ศาสนา ยังมีความสาํ คัญตอ การพฒั นาภาษาของภมู ิภาคเอเชยี ใต โดยภาษา
สนั สกฤตถกู ใชใ นศาสนาพราหมณ-ฮนิ ดู สวนภาษาบาลีถูกใชในพระพุทธศาสนา
132 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Engage
กระตนุ ความสนใจ
ó. ÀÙÁÀÔ Ò¤àÍàªÂÕ µÐÇ¹Ñ µ¡à©Õ§㵌 1. ครูใหนกั เรียนบอกช่ือประเทศที่ตง้ั อยูใน
ภมู ิภาคเอเชียตะวนั ตกเฉียงใตค นละ 1 ชอ่ื
ภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ตกเฉยี งใตห รอื ตะวนั ออกกลางเปน ทตี่ งั้ ของแหลง อารยธรรมโบราณ คอื และออกมาชีท้ ่ีตงั้ ของประเทศน้นั ในแผนที่
อารยธรรมเมโสโปเตเมียในลุมแมน า้ํ ไทกริส-ยูเฟรทสี และเปนแหลง กาํ เนิดศาสนาสาํ คญั ของโลก หรอื ลกู โลกท่ีหนา ชนั้ เรยี น พรอมทั้งบอกชือ่
ไดแ ก ครสิ ตศ าสนา ศาสนาอสิ ลาม และศาสนายดู าห ปจ จบุ นั เปน ดนิ แดนทมี่ ที รพั ยากรอนั มคี า คอื เมอื งหลวงของประเทศดังกลา ว
น้ํามัน ซ่ึงเปนที่ตองการของทุกประเทศท่ัวโลก และยังเปนดินแดนที่มีความขัดแยงทางดาน
เชอ้ื ชาติ ศาสนา และพรมแดน 2. ครทู าํ บัตรคาํ หรอื เขียนคําตา งๆ ท่เี กีย่ วกับ
ภมู ภิ าคเอเชียตะวันตกเฉยี งใต เชน
เอเชยี ตะวันตกเฉียงใต : ประเทศ เมอื งหลวง เนอ้ื ท่ี และประชากร พ.ศ. ๒๕๕๘ เมโสโปเตเมีย น้ํามัน OPEC เมกกะ ซนุ นีย
ซดั ดัม ฮุสเซน็ เปนตน จากนั้นใหน ักเรยี น
ชอ่ื ประเทศ เมอื งหลวง เนอ้ื ท่ี ประชากร แผนทภ่ี มู ิภาคเอเชยี ตะวันตกเฉียงใต อธิบายความรูเก่ยี วกบั คําเหลาน้ัน
(ตร.กม.) (ลานคน)
สาํ รวจคน หา
๑. ซาอดุ อี 1าระเบยี ริยาด ๒,๒๔๐,๓๕๐ ๓๑.๖ มหาสมทุ รอารก ตกิ Explore
๒. อิหราน เตหะราน ๑,๖๔๗,๐๖๔ ๗๘.๕ ครตู ้งั ประเด็นคําถามเพ่ือใหนกั เรยี นคนหา
คาํ ตอบ และนํามาอภปิ รายรวมกันในช้นั เรียน เชน
๓. ตรุ กี อังการา ๗๘๐,๕๗๔ ๗๘.๒ ทวปี ยุโรป สหพันธรฐั รัสเซยี
• เพราะเหตใุ ดภมู ิภาคเอเชยี ตะวนั ตกเฉยี งใต
๔. อัฟกานสิ ถาน คาบูล ๖๔๙,๕๐๗ ๓๒.๒ ทะเลดํา จงึ เปนดนิ แดนทม่ี คี วามขัดแยงทางดาน
เช้อื ชาติ ศาสนา และพรมแดน
๕. เยเมน ซานา ๕๒๗,๙๖๙ ๒๖.๗ มหาสมุทรแปซฟิ ก
๖. อริ กั แบกแดด ๔๓๗,๕๒๑ ๓๗.๑ • เพราะเหตุใดภูมิภาคเอเชียตะวนั ตกเฉียงใต
๗. โอมาน มัสกัต ๒๑๒,๓๘๐ ๔.๒ ทะเลอาหรับ อาวเบงกอล ทะเลจนี ใต จงึ มบี ทบาทสําคญั ทางเศรษฐกจิ ในปจ จบุ นั
๘. ซเี รีย ดามัสกัส ๑๘๕,๑๘๐ ๑๗.๑ มหาสมทุ รอินเดยี
๙. สหรฐั อาหรบั อาบูดาบี ๗๗,๗๐๑ ๙.๖
เอมเิ รตส
อธบิ ายความรู Explain
๑๐. จอรแดน2 อมั มาน 3 ๘๙,๕๔๙ ๘.๑
๘.๔ ครใู หน กั เรียนบอกความสําคัญของภมู ภิ าค
๑๑. อสิ ราเอล เทลอาวฟี ๒๐,๖๙๙ เอเชียตะวันตกเฉยี งใตใ นอดตี และในปจ จบุ ัน
๑๒. คเู วต คูเวตซติ ี ๑๗,๘๑๙ ๓.๘ (แนวตอบ ภมู ิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใตเ ปน
ทต่ี ัง้ ของแหลง อารยธรรมโบราณ คอื อารยธรรม
๑๓. กาตาร โดฮา ๑๑,๓๙๕ ๒.๔ เมโสโปเตเมียในบรเิ วณลมุ แมนํ้าไทกรสิ -ยูเฟรทีส
๑๔. เลบานอน เบรุต ๑๐,๒๒๘ ๖.๒ เปน แหลง กําเนดิ ศาสนาสาํ คัญของโลก ไดแก
คริสตศาสนา ศาสนาอิสลาม และศาสนายดู าห
๑๕. ไซปรัส นโิ คเซยี ๙,๒๕๑ ๑.๒ รวมท้งั เปนดินแดนทม่ี ีทรพั ยากรน้ํามนั ซง่ึ มี
๑.๔ ความสําคญั ทางเศรษฐกิจมากในปจจุบัน)
๑๖. บาหเรน มานามา ๖๖๐ ๓๔๖.๗ บอ นา้ํ มันในโอมาน โดยนา้ํ มนั เปนทรพั ยากรอนั มีคา
ซง่ึ เปนที่ตอ งการของตลาดโลก
รวม ๖,๘๔๗,๙๑๖
ทมี่ า : www.prb.org
๑๓๓
แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tิด นกั เรยี นควรรู
เหตุผลสาํ คญั ในขอใดทท่ี ําใหภูมภิ าคเอเชยี ตะวนั ตกเฉียงใตเ ปน ทร่ี ูจ กั กันดี
มาต้งั แตครั้งอดีต 1 อิหราน หรอื จกั รวรรดเิ ปอรเ ซยี ในอดตี เปน ดินแดนท่มี ีความเจรญิ รุง เรือง
1. ประชากรมีฐานะดี 2. อยูใ กลกับทวปี ยโุ รป มายาวนาน ชาวอหิ รา นหรอื ในอดตี คอื ชาวเปอรเ ซยี เปน พวกอนิ โด-ยโู รเปย น
3. เปนอูอารยธรรมเกาแก 4. เปน ผูคานา้ํ มันรายใหญ มาจากตอนกลางของยุโรปเชน เดียวกับพวกฮติ ไตต เขามาตงั้ ถ่นิ ฐานอยใู นบรเิ วณ
ระหวา งทะเลแคสเปย นกับอา วเปอรเ ซีย และไดร บั อทิ ธิพลทางวฒั นธรรมของ
วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. ภูมภิ าคเอเชียตะวนั ตกเฉียงใตหรือ เมโสโปเตเมียซ่ึงเจรญิ กวา จากนั้นจงึ ไดข ยายตวั จนเปน จกั รวรรดิ
2 อิสราเอล เปน ประเทศของชาวยวิ และเปน ประเทศทเ่ี กิดใหมหลงั สงครามโลก
ตะวันออกกลาง เปนภูมภิ าคหน่งึ ท่มี ีประวตั ิความเปนมายาวนานมาตัง้ แต ครงั้ ที่ 2 ซึง่ เปน ท่มี าของปญ หาความขัดแยงระหวา งชาวอาหรบั และชาวปาเลสไตน
สมัยโบราณจนถงึ ปจจบุ ัน โดยเปน แหลงอารยธรรมทเ่ี กา แกข องทวปี เอเชีย กับชาวยวิ มาจนถงึ ปจจุบัน
และของโลกแหง หน่งึ คือ อารยธรรมเมโสโปเตเมีย ในบรเิ วณลุมแมน า้ํ 3 เทลอาวฟี ตงั้ ขนึ้ เมอื่ ค.ศ. 1909 บนเขตพนื้ ทรี่ อบนอกของเมอื งทา โบราณจฟั ฟา
ไทกรสิ -ยูเฟรทสี (ปจ จุบันอยูในเขตประเทศอิรกั ) นอกจากน้ี ยังเปนแหลง เปนเมอื งทมี่ เี ศรษฐกจิ มั่งค่ังที่สุดในอิสราเอล นอกจากนี้ การมชี ายหาด รา นอาหาร
กาํ เนิดศาสนาสาํ คัญของโลก 3 ศาสนา ไดแ ก ศาสนายดู าห คริสตศาสนา ดสิ โก และคลบั มากมาย จงึ ไดร ับฉายาวา “เมอื งทไี่ มเ คยหลับ” และยงั ถูกขนานนาม
และศาสนาอิสลาม และจากทาํ เลที่ตั้งของภมู ิภาคทีเ่ ชือ่ มตอ ระหวา งทวีป วาเปน “หาดไมอามแี หง ทะเลเมดเิ ตอรเ รเนียน” อกี ดวย เทลอาวีฟไดร ับการขึน้
สาํ คัญของโลก 3 ทวีป ไดแ ก เอเชยี ยโุ รป และแอฟริกา จงึ เปน ศูนยกลาง ทะเบยี นเปน มรดกโลกเม่ือ ค.ศ. 2003
การคมนาคมขนสง ทั้งทางบกและทางทะเลกอนทจี่ ะถึงสมยั แหง การสํารวจ
ทางทะเล โดยเปนเสนทางทใี่ ชกนั มาตงั้ แตสมัยโบราณจนถึงปจจุบนั คมู ือครู 133
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ครใู หน ักเรยี นอธิบายสภาพภมู ิศาสตรข อง 3.1 ท่ีตง้ั และสภาพภูมศิ าสตรท์ ี่มผี ลตอ่ พฒั นาการการต้ังถิ่นฐาน
ภมู ิภาคเอเชยี ตะวนั ตกเฉยี งใต โดยครูบอก ของประชากร
ชือ่ ภมู ลิ กั ษณท ส่ี าํ คญั แลวใหน กั เรียนอธบิ าย
ลกั ษณะสาํ คญั โดยใชแ ผนทห่ี รอื ลกู โลกประกอบ ภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้มีความส�าคัญมาตั้งแต่อดีตเพราะเป็นจุดเชื่อมทวีปส�าคัญ
เชน ๓ ทวปี ไดแ้ ก ่ ยโุ รป เอเชยี และแอฟรกิ า การเดนิ ทางไปยงั ภมู ภิ าคตา่ งๆ จงึ ตอ้ งผา่ นมายงั บรเิ วณนี้
• อาวเปอรเ ซีย เอเชยี ตะวนั ตกเฉยี งใตย้ งั ไดส้ มญาวา่ เปน็ ดนิ แดนแหง่ ทะเลทงั้ หา้ เพราะมที ะเลลอ้ มรอบอย ู่ ๕ แหง่
(แนวตอบ เรยี กอกี ชอื่ หนึ่งวา อา วอาหรบั คอื ทะเลเมดเิ ตอรเ์ รเนยี นทางตะวนั ตก ทะเลดา� และทะเลแคสเปยี นทางเหนือ ทะเลอาหรบั ทางใต้
เปนสวนหนึ่งของทะเลอาหรับ เชอื่ มตอกบั ๓แล เะขทตะ เไลดแ้แดกง ่ทเขางตตเทะวือนั กตเขกาเฉแยีลงะใทต่ีร ้ าลบกั สษูงณทะาภงเมู หปิ นรือะแเทลศะขตะอวงนัภอมู อภิ กาเคฉเยีองเชเหยี นตอืะวเนั ชต่นก เทฉีร่ ยี างบใสตงูแ้ อบิหง่ รเป่านน็ 1
อาวโอมานและทะเลอาหรับโดยชอ งแคบ เขตทีร่ าบสูงอาหรับทางตะวันตกเฉยี งใต้ อยู่ในบริเวณคาบสมุทรอาหรบั พ้นื ทยี่ กสูงทางตะวนั ตก
ฮอรม ซุ มเี กาะบาหเรนและเกาะเคชมเ ปน และลาดลงมาทางตะวนั ออกสทู่ ร่ี าบรมิ อา่ วเปอรเ์ ซยี ทางใตข้ องคาบสมทุ รมพี น้ื ทที่ เี่ ปน็ ทะเลทราย
เกาะสําคัญตง้ั อยใู นอา วน้ี เคยเปน สมรภูมิ ตแ้ลงั อะ ยรู่เขะหตวท่า่ีรงาทบะตเล�่าตเมอดนเิ กตลอารง์เร เคนือีย นบแรลิเะวอณา่ ลวเุ่มปแอมร่นเ์ ซ�้าียไ2 ทเกปร็นิสแแหลละย่งสูเฟะสรทมีขส องซน่ึงา้�มมีคันว ามถอา่ นุดหมนิสม เบกูรลณือ์
ที่อิรกั บกุ ยดึ คเู วตในสงครามอา วเปอรเ ซีย) และยิปซัม
เมดิเตสอภรา์เรพเภนูมียนอิ าแกลาะศทใี่รนาภบูมลภิ ุ่มาแคมเอ่นเ้�าชไยี ทตกะรวิสันต- กยูเเฉฟียรงทใีสต3ตม้ อีทน้งั เบขนต อบากริเาวศณอบปอระุน่ เบทรศิเวอณิรักช าอยิสฝรังาทเะอเลล
2. ครูใหนักเรยี นทํากจิ กรรมที่ 5.2 จากแบบวัดฯ ซีเรีย ซ่ึงมีอากาศไม่ร้อนจัด หรือไม่หนาวจัดจนเกินไป มีแสงแดดตลอดปี มีฝนตกในฤดูหนาว
ประวัตศิ าสตร ม.2 บรเิ วณนจี้ งึ มผี คู้ นอาศยั อยู่อยา่ งหนาแน่น จากสภาพภมู อิ ากาศแบบทะเลทรายทีร่ อ้ นและแหง้ แลง้
ใบงาน ✓ แบบวดั ฯ แบบฝกฯ มากในบริเวณคาบสมุทรอาหรับเกือบท้ังหมด
ประวัตศิ าสตร ม.2 กิจกรรมท่ี 5.2 แถบประเทศซาอุดีอาระเบีย เยเมน จอร์แดน
หนวยท่ี 5 ที่ตง้ั และสภาพภูมศิ าสตร ภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้าก่ึงทะเลทราย มีฝนตก
ท่มี ผี ลตอ พฒั นาการของทวีปเอเชีย น้อยแถบประเทศอิหร่าน จึงท�าให้ประชากร
ตง้ั ถน่ิ ฐานอาศยั อยอู่ ยา่ งเบาบางและใชช้ วี ติ แบบ
กจิ กรรมท่ี ๕.๒ ใหนักเรียนเติมขอความลงในแผนที่ใหสมบูรณ แลวตอบ คะแนนเต็ม คะแนนทไี่ ด เรร่ อ่ น
คาํ ถามใหถูกตอง (ส ๔.๒ ม.๒/๑) จากสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศใน
ñð ภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ท่ีมีทั้งเขตท่ีราบ
ลุ่มแม่น�้าที่มีความอุดมสมบูรณ์ เขตทุ่งหญ้า
..........ท....ะ..เ..ล....แ...ค....ส....เ..ป....ย...น............. และทะเลทราย พ้ืนที่ส่วนใหญ่จึงมีอากาศร้อน
แห้งแล้ง ฝนตกน้อย ยกเว้นในบริเวณทะเล
.......เ..ท....ือ...ก....เ..ข...า...ค....อ...เ..ค....ซ....ัส.......... จากสภาพภูมิประเทศที่เปนทะเลทรายในภูมิภาคเอเชีย เมดเิ ตอร์เรเนียน
.................ท....ะ..เ..ล....แ...ด....ง................... ป....ร....ะ..เ..ท....ศ....ซ....า..อ....ุด....อี ...า...ร...ะ...เ..บ....ีย... ตะวันตกเฉยี งใต จึงทําใหม ภี มู อิ ากาศท่ีรอนและแหง แลง
............ท....ว...ปี ....แ...อ...ฟ....ร....ิก....า.............. 13๔
เฉฉบลบั ย
๑. ทต่ี ้งั ......ต....ง้ั ...อ...ย....ทู ...า...ง...ต....ะ...ว...นั ....ต....ก....เ.ฉ....ยี....ง...ใ..ต....ข...อ...ง....ท....ว..ปี....เ..อ...เ..ช...ยี......เ..ร...ยี....ก....ว..า......ภ...มู....ภิ....า..ค....เ..อ...เ..ช...ยี...ต....ะ...ว...นั ....ต....ก....เ.ฉ....ยี....ง...ใ..ต.......เ..ป....น ....ด....นิ....แ...ด....น.....
ท....ี่เ..ป....น....จ....ดุ ....เ.ช...่ือ....ม...ต....อ....ร...ะ...ห....ว...า ..ง....ท....ว...ปี ...ส.....ํา..ค....ญั..............ไ..ด....แ...ก..........ท....ว...ปี....เ..อ...เ..ช...ีย.........ท....ว...ปี....ย...โุ...ร...ป.......แ...ล....ะ...ท....ว..ีป....แ...อ....ฟ....ร...ิก....า...............................
................................................................................................................................................................................................................................................
๒. ลักษณะภูมปิ ระเทศ....เ..ป....น.....ด....ิน....แ....ด....น....ท....ี่ม....ีท....ะ...เ..ล....ล....อ....ม...ร....อ...บ.....อ...ย....ู.....๕........แ...ห....ง........ไ...ด....แ...ก..... ....ท....ะ...เ..ล....เ..ม...ด....ิ.เ.ต....อ....ร....เ..ร...เ..น.....ีย...น.....
ท....ะ...เ.ล....ด....ํา......ท....ะ..เ..ล....แ...ค....ส....เ..ป....ย...น........ท....ะ..เ..ล....อ....า..ห....ร....ับ.......แ...ล....ะ..ท....ะ...เ..ล....แ...ด....ง......ม...ีล....ัก....ษ....ณ......ะ..ภ....ูม....ิป....ร...ะ...เ.ท....ศ....แ...บ.....ง ...ไ..ด.......๓.......เ..ข..ต.......ค....อื..................
๑..........เ..ข...ต....เ..ท....อื ...ก....เ..ข...า..แ....ล...ะ...ท....ีร่....า..บ....ส.....งู ...ท....า...ง...เ..ห....น....ือ....แ...ล....ะ..ต....ะ...ว...นั ....อ....อ...ก....เ..ฉ....ยี...ง....เ.ห....น.....อื ......เ..ช...น.......ท....ีร่....า..บ.....อ...ิห....ร...า...น...........................................
๒..........เ..ข...ต....ท....ร่ี ...า...บ....ส....งู...อ....า...ห....ร...บั....ท....า...ง...ต....ะ...ว..นั.....ต....ก....เ.ฉ....ยี....ง...ใ..ต.......อ....ย...บู....ร....เิ .ว...ณ.....ค....า...บ....ส....ม....ทุ....ร...อ....า..ห....ร....บั.......พ....น้ื....ท....ยี่....ก....ส....งู...ท....า...ง...ต....ะ..ว...นั.....ต....ก....
.........แ...ล....ะ...ล....า...ด...ล....ง....ท....า..ง....ต....ะ..ว...นั.....อ...อ....ก....ส....ทู ....รี่ ...า...บ....ร....มิ ...อ....า ..ว...เ..ป....อ...ร....เ.ซ....ีย......ท....า...ง...ใ...ต....ข ...อ...ง...ค....า...บ....ส.....ม...ุท....ร...ม....พี....น้ื.....ท....เี่ .ป....น.....ท....ะ..เ..ล....ท....ร...า...ย.........
๓..........เ..ข...ต....ท....่ีร...า...บ....ต....่าํ...ต....อ...น.....ก....ล....า..ง.......อ...ย...บู.....ร...เิ..ว...ณ.....ล....ุม...แ....ม...น.....ํ้า..ไ...ท....ก....ร...สิ....แ....ล...ะ...ย...ูเ..ฟ....ร....ท....สี ..................................................................................
๓. ลกั ษณะทางสงั คม...............ป....ร...ะ...ช...า...ก....ร...ใ...น....ภ....ูม....ิภ...า...ค....น.....้ีส....ว...น....ใ...ห....ญ.....เ..ป....น....ช...า...ว...อ....า..ห....ร....ับ........พ.....ูด....ภ...า...ษ....า...อ....า..ห....ร....ับ.........น....ับ....ถ....ือ....
ศ....า...ส....น.....า..อ....ิส....ล....า...ม........แ...ต....ม....ีป....ร...ะ...ช...า...ก....ร...บ....า...ง...ส.....ว...น....ท....ี่ต....า...ง...เ..ช...้ือ....ช...า...ต....ิ ....ศ....า...ส....น.....า..แ....ล....ะ..ภ....า...ษ....า.......เ..ช...น.........พ....ูด....ภ....า...ษ....า...ฟ....า...ร...ซ....ีแ...ล....ะ...
อ....า..ห....ร....ับ.......ภ...า...ษ....า...เ..ต....อ...ร....ก ....ิส.......ภ...า...ษ....า...ฮ....บิ ....ร...ู...น.....ับ....ถ....อื ...ศ....า...ส....น....า...ค....ร....สิ ....ต.... ...ย...ูด....า...ห.... ..เ..ป....น.....ต....น.......................................................................
................................................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................................................
๖๐
นกั เรยี นควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ
1 ท่รี าบสงู อหิ ราน เปน บรเิ วณท่รี าบสูงกวา งขวางมาก ครอบคลุมพ้นื ทที่ าง ครูใหน ักเรียนศกึ ษาคนควาขอมูลเพิม่ เตมิ เกยี่ วกบั ประเทศในภมู ิภาค
ตอนกลางและตะวันออกของประเทศอิหรา นและทางตะวันตกของประเทศ เอเชยี ตะวนั ตกเฉียงใต คนละ 1 ประเทศ ประกอบดว ยเน้อื หาตางๆ เชน
อัฟกานสิ ถาน และประเทศปากสี ถาน บนท่รี าบสูงมีทะเลทรายขนาดใหญ ไดแ ก ทต่ี ั้ง อาณาเขต จาํ นวนประชากร ลักษณะเศรษฐกจิ สงั คมและวฒั นธรรม
ทะเลทรายดชั ตลี ูตและทะเลทรายดชั ตีกะวรี เปนตน โดยใหทาํ ลงในกระดาษ A4 พรอมมีภาพประกอบ นําสงครผู ูสอน
2 อา วเปอรเซยี หรือเรียกอีกชื่อหน่ึงวา อา วอาหรับ ในสงครามอาวเปอรเซยี
เมอ่ื ค.ศ. 1991 อา วนี้เปนสมรภูมทิ ี่สาํ คัญหลงั จากกองทพั อริ ักไดบุกยดึ ประเทศ กจิ กรรมทา ทาย
คเู วตใน ค.ศ. 1990
3 ท่ีราบลมุ แมน ํา้ ไทกรสิ -ยูเฟรทีส ซึ่งจดั วามคี วามอดุ มสมบรู ณมาก เรียกอีก ครูใหนักเรยี นเลือกภูมลิ กั ษณท ่ีนาสนใจของภูมิภาคเอเชยี ตะวนั ตก-
ชอ่ื หนงึ่ วา ดินแดนรูปพระจนั ทรเสีย้ วอันอุดมสมบูรณ เพราะมลี กั ษณะภมู ิประเทศ เฉยี งใต คนละ 1 สถานที่ เชน ทะเลเมดเิ ตอรเรเนยี น ทะเลดํา ทะเลแดง
เหมือนกบั รูปพระจนั ทรเ ส้ยี ว ดว ยความอุดมสมบูรณของพน้ื ที่บริเวณลมุ แมน ้าํ ทะเลแคสเปยน ทะเลอาหรบั ท่ีราบสูงอหิ ราน คาบสมุทรอาหรบั
ไทกรสิ -ยูเฟรทสี จงึ มีกลุม ชนอพยพจากเอเชยี กลางเขา มาต้ังถ่ินฐานเม่ือประมาณ อาวเปอรเ ซยี เปนตน แลวใหอธบิ ายตําแหนงที่ตั้ง ลกั ษณะสาํ คัญ โดยทํา
5,000 ปกอ นคริสตศกั ราช และเรยี กพนื้ ทน่ี ้ีวา ซเู มอร โดยกลุมชนพวกแรกทเี่ ขามา ลงในกระดาษ A4 พรอ มมีภาพและแผนท่ีประกอบ นาํ สงครูผูสอน
คือ ชาวซูเมเรยี
134 คูม อื ครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
สภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศเช่นน้ีในอดีตจัดว่ามีความยากล�าบาก ประชากรส่วนใหญ่ 1. ครใู หน กั เรยี นดภู าพจากหนงั สอื เรยี น หนา 135
เป็นชาวอาหรับเผ่าต่างๆ มีอาชีพเรร่ อ่ น เลี้ยงสัตว ์ และเดนิ ทางคา้ ขายเปน็ กองคาราวานไปตาม แลวซักถามนักเรียนวา สถานทดี่ งั กลา ว
เมืองต่างๆ ท่ีตั้งอยู่ใกล้แหล่งน้�าหรือบริเวณโอเอซิสกลางทะเลทราย ผู้คนท่ีเป็นชนเผ่าเร่ร่อนมี มคี วามสาํ คญั ตอ การต้งั ถิ่นฐานของประชากร
นิสยั รกั อิสระ ไม่ชอบอย่ปู ระจ�าท่ ี จึงเดนิ ทางไป ในภูมภิ าคเอเชยี ตะวันตกเฉียงใตอ ยางไร
ตามแหล่งโอเอซิสท่ีอุดมสมบูรณ์หรือเดินทาง (แนวตอบ โอเอซสิ เปน บรเิ วณชุมช้ืนแถบ
ซจะอ้ื ตข้ังาถยน่ิ สฐนิ าคนา้ อตยามู่ในเขเขตตเมเมอื อืงง หขรณือโะอทเผี่อคู้ซนสิ อ1 เกีพสรว่ านะ ทะเลทรายทม่ี นี าํ้ มากพอใหพ ชื สตั ว และมนษุ ย
ความแห้งแล้งและการด�ารงชีวิตที่ยากล�าบาก อาศยั อยูไ ด ในภมู ิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต
ผู้คนจึงอาศัยอยู่รวมกันเป็นกลุ่มหรือเผ่าเพื่อ ซ่ึงมพี ้นื ทที่ ะเลทรายจาํ นวนมาก โอเอซิสจึง
ช่วยเหลือกัน ส�าหรับบริเวณท่ีประชากรอาศัย สามารถเปนจุดแวะพกั ของกองคาราวานสินคา
อยอู่ ย่างหนาแนน่ มาตัง้ แต่อดตี คอื บรเิ วณสอง และการตงั้ ถ่ินฐานของผูคน)
ฝงั แมน่ า�้ ไทกรสิ และยเู ฟรทสี เพราะเปน็ แหลง่ ที่
มคี วามอดุ มสมบรู ณ ์ รวมถงึ บรเิ วณชายฝงั ทะเล โอเอซสิ เปน แหลง นา้ํ ทอี่ ดุ มสมบรู ณก ลางทะเลทราย จงึ เปน 2. ครตู ง้ั คําถามแลว ใหน กั เรยี นตอบ เชน
เมดเิ ตอร์เรเนียน จุดแวะพักของกองคาราวานคาขายระหวางเมืองและชนเผา • ชาวตะวนั ออกกลางมวี ิธกี ารแกป ญหา
ปจั จบุ นั ไดม้ กี ารนา� เอาวทิ ยาการสมยั ใหม่ เรรอ นตา งๆ (จากภาพ) โอเอซิสในอิสราเอล สภาพภูมปิ ระเทศและภมู ิอากาศท่แี หงแลง
เข้ามาช่วยปรับปรุงเรื่องระบบชลประทานและพัฒนาพ้ืนท่ีในเขตทะเลทราย ท�าให้ขยายพ้ืนท่ี อยา งไร เพ่อื ใหสามารถตง้ั ถ่นิ ฐานได
เพาะปสล่วกู นไดก้เาพรมิ่คข้น้นึพ บกทารรตัพง้ั ยถาน่ิ กฐรานน�้าขมอันง2ทปรี่ถะือชวา่ากรจงึ กระจายตวั มากข้ึน (แนวตอบ ประเทศท่ีร่ํารวยจากการขายนา้ํ มัน
มคี า่ ย่ิงน้ันแทบจะไม่มีผลต่อการต้ังถน่ิ ฐานของ จะนาํ วทิ ยาการเทคโนโลยสี มยั ใหมเขามา
ประชากรส่วนใหญ่ เพราะผู้ท่ีควบคุมกิจการ ชวยในการพฒั นาพ้นื ทท่ี ะเลทรายใหสามารถ
น�้ามันเป็นชาวต่างชาติหรือนักธุรกิจกลุ่มเล็กๆ ทาํ การเพาะปลกู พืชตางๆ ได)
ในประเทศ ผคู้ นทเี่ ขา้ ไปตงั้ ถนิ่ ฐานอยู่ในบรเิ วณ • ทรัพยากรน้ํามนั มคี วามสาํ คญั ตอภมู ภิ าค
แหล่งน�้ามันจึงเป็นเพียงคนงานท่ีมีหน้าที่ เอเชียตะวันตกเฉียงใตอ ยา งไร
(แนวตอบ ภมู ิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใตเปน
แหลง นาํ้ มันท่ีสาํ คัญของโลก หลายประเทศ
มีรายไดห ลักมาจากการขายน้ํามนั และนํา
รายไดมาพัฒนาประเทศในดานตา งๆ)
เกยี่ วขอ้ งเทา่ นนั้ ความรา�่ รวยที่ไดจ้ ากทรพั ยากร
น้�ามันท�าให้หลายประเทศมีการพัฒนาประเทศ
โดยจ้างแรงงานต่างชาติเข้ามา ท�าให้มีคนต่าง
เชอื้ ชาต ิ ตา่ งศาสนา อพยพเขา้ ไปอยู่ในภมู ภิ าค
เอเชยี ตะวันตกเฉยี งใตม้ ากขน้ึ แตเ่ ป็นลักษณะ 3
การตั้งถิน่ ฐานอยู่เพียงชวั่ คราวเทา่ น้นั
การปลูกพืชทะเลทรายในภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต
เกิดจากการนําวิทยาการเทคโนโลยีสมัยใหมเขามาชวย
ในการพฒั นาพื้นที่เขตทะเลทราย
135
แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tิด นกั เรยี นควรรู
เพราะเหตใุ ดประชากรในภูมภิ าคเอเชยี ตะวันตกเฉยี งใตจ งึ มวี ัฒนธรรม 1 โอเอซสิ หรือเกาะกลางทะเลทรายหากมีขนาดใหญ มนี ้ําอดุ มสมบูรณซ ง่ึ มกั
การตัง้ ถิ่นฐานแบบเรรอ น เปน น้าํ จากหมิ ะบนยอดเขา มผี คู นอาศยั อยอู ยา งหนาแนน มสี ถานทพี่ ักแรม รา นคา
และเปนท่ีแวะพักของกองคาราวานทเี่ ดนิ ทางคา ขาย
1. มีความเชือ่ ในศาสนาเก่ยี วกับการเดนิ ทาง 2 ทรพั ยากรนํา้ มัน นา้ํ มันดบิ ถูกคนพบในตนคริสตศตวรรษที่ 20 โดยบาหเรน
2. อพยพตามฝงู สัตวเพ่ือลาสัตวใ นฤดตู างๆ เปนประเทศแรกในอาวอาหรบั ทข่ี ุดพบนํ้ามันดิบเมือ่ ค.ศ. 1932
3. มภี ูมิประเทศแหงแลง ซึ่งยากลําบากตอการเพาะปลกู 3 การปลูกพืชทะเลทราย อสิ ราเอลไดพ ัฒนาทางดานการเกษตรมาตง้ั แต
4. เกิดภยั ธรรมชาติในแตล ะพืน้ ท่ี จงึ ตอ งหลบหนีเพอ่ื ความอยรู อด คริสตศตวรรษท่ี 20 จนประสบความสาํ เรจ็ สามารถเอาชนะธรรมชาตทิ ีเ่ ปน
ทะเลทราย ซง่ึ มีสภาพภูมอิ ากาศทแ่ี หง แลง ขาดแคลนนา้ํ สภาพดนิ ทไี่ มเ หมาะกับ
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. จากสภาพภมู ปิ ระเทศและภมู อิ ากาศ การเพาะปลูกพืชใดๆ จนสามารถเปลี่ยนทะเลทรายเปนสีเขยี วได โดยใชว ิธกี าร
ตางๆ เชน การคดิ คน เทคนคิ ท่ที าํ ใหน ํ้าไหลตรงลงไปยังรากของพชื การนําระบบ
ของภูมภิ าคเอเชียตะวันตกเฉียงใตที่มที ้งั เขตทีร่ าบลุมแมน าํ้ เขตทงุ หญา ชลประทานทีค่ วบคุมดว ยคอมพิวเตอรมาใช เปน ตน
และทะเลทราย พ้นื ทีส่ ว นใหญจ ึงมีอากาศรอ น แหงแลง และฝนตกนอ ย
จากสภาพภมู ิประเทศและภูมอิ ากาศดงั กลาวจึงยากลําบากตอการเพาะปลูก คูม ือครู 135
ประชากรสวนใหญจ งึ ดํารงชพี ดวยการเลย้ี งสัตวแบบเรรอน และคา ขายแบบ
กองคาราวานไปตามเมอื งตางๆ โดยจะอยูร วมกนั เปนกลุม หรือเผา เพ่ือ
ชว ยเหลือกนั และกนั
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Expore Elaborate Evaluate
Engaae Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ครใู หน กั เรยี นอธบิ ายวา อารยธรรมเมโสโปเตเมยี 3.2 พฒั นาการทางประวตั ศิ าสตรข์ องเอเชียตะวันตกเฉยี งใต
มคี วามสําคัญอยา งไร
(แนวตอบ เมโสโปเตเมยี เปน ดินแดนระหวาง ๑) พัฒนาการด้านการเมืองการปกครอง ภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้เป็น
แมน ํ้าไทกริสและแมน าํ้ ยเู ฟรทสี ทาํ ใหเ ปนพนื้ ท่ี ศูนย์กลางของอารยธรรมเมืองยุคเร่ิมแรก คือ อารยธรรมเมโสโปเตเมีย และมีพัฒนาการด้าน
ทอ่ี ดุ มสมบรู ณ มคี วามเหมาะสมในการเพาะปลกู การเมืองการปกครองมาอย่างต่อเน่ืองนับต้ังแต่การปกครองแบบนครรัฐ การปกครองภายใต้
ตั้งถ่นิ ฐาน และสรา งสรรคอ ารยธรรม จนเปน อาณาจักรและจกั รวรรด ิ เช่น บาบโิ ลเนีย อสั ซเี รีย เปอร์เซยี เป็นต้น เมือ่ จักรวรรดไิ บแซนไทน์
แหลงกําเนิดอารยธรรมเมอื งยุคเร่ิมแรก รวมทั้ง รทงุ่ ี่ เ๕รอื ทงกา� ใ็ไหดเ้ข้ มยอื างยสอ�าา� คนัญาจ มเชา่นป กดคารมอสั งกบสั ร 1เิ แวณบกซแเี รดยี ด ป เาปเน็ลสตไ้นต นได ์ แ้รลบั ะออิทริ ธกั พิในลปขจั อจงบุอนัารตยง้ั ธแรตรค่ มรกสิ รตกี ศ์ -ตโวรรมรนัษ
ถา ยทอดอารยธรรมไปยังดินแดนตา งๆ กลุมชน การประกาศศาสนาอิสลามของศาสดามุฮัมมัดในคริสต์ศตวรรษท่ี ๗ มีส่วนส�าคัญที่
ที่เขา มาตัง้ อาณาจกั รและจักรวรรดใิ นบริเวณนี้ ท�าใหช้ าวอาหรบั ท่ีเคยแยกกันอยเู่ ป็นชนเผา่ ทัง้ เผา่ ท่ีประกอบอาชพี เกษตรกรรม กบั พวกเรร่ อ่ น
เชน ซเู มเรยี อัคคาเดยี น บาบิโลเนยี น หรอื เบดอู นิ เกดิ ความสามคั คจี ากการนบั ถอื ศาสนาเดยี วกนั และสรา้ งจกั รวรรดอิ าหรบั ขน้ึ โดยรงุ่ เรอื ง
อัสซีเรยี น เปอรเ ซีย เปนตน ) อยู่ในช่วง ค.ศ. ๖๓๔ - ๑๒๕๘ มีศนู ยก์ ลางอยูท่ ีเ่ มืองแบกแดด (ในประเทศอิรกั ปจั จุบัน) จากน้นั ถูก
พวกมุสลิมมองโกลขยายอ�านาจเข้ามายังเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ในคริสต์ศตวรรษท่ี ๑๓ ต่อมา
2. ครูใหน กั เรียนอธบิ ายเกีย่ วกับความสาํ คญั ในคริสตศ์ ตวรรษที่ ๑๖ จกั รวรรดอิ อตโตมันไดเ้ ขา้ มาปกครองดนิ แดนน้ี
ของศาสนาอิสลามตอภูมภิ าคเอเชยี ตะวนั ตก- ในคริสต์ศตวรรษท่ี ๑๙ ชาวยุโรปขยายลัทธิจักรวรรดินิยมเข้ามา หลังสงครามโลก
เฉยี งใต ครง้ั ท ่ี ๑ (ค.ศ. ๑๙๑๔-๑๙๑๘) จกั รวรรดอิ อตโตมนั สลายตวั ลงเหลอื เขตแดน คอื ประเทศตรุ ก ี ชาติ
(แนวตอบ ศาสนาอิสลามมีสว นสําคัญทที่ าํ ให ตะวนั ตกโดยเฉพาะองั กฤษและฝรง่ั เศสมอี ทิ ธพิ ลเหนอื ดนิ แดนเอเชยี ตะวนั ตกเฉยี งใต ้ ซงึ่ เปน็ ผลให้
ชาวอาหรับทเ่ี คยแยกกนั อยูเปน ชนเผา ทั้งเผา เกดิ พรมแดนใหมแ่ ละเกิดประเทศใหมๆ่ ทีส่ า� คัญองั กฤษและฝรง่ั เศสสนับสนุนใหช้ าวยิวจากยโุ รป
ทป่ี ระกอบอาชพี เกษตรกรรม กับพวกเรร อน อพยพมายังเอเชยี ตะวนั ตกเฉยี งใต ้ ซึง่ กลายเปน็ ทม่ี าของความขดั แยง้ ทางเชือ้ ชาติ
หรอื พวกเบดอู นิ เกดิ ความสามคั คจี ากการนบั ถอื เม่ือสงครามโลกครั้งท่ี ๒ ส้ินสุดลง ประเทศในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ได้รับเอกราช
ศาสนาเดยี วกนั และสรางจกั รวรรดอิ าหรับขน้ึ ) ขณะเดียวกันความขัดแย้งในภูมิภาคได้เร่ิมข้ึน
จากการท่ีชาติตะวันตก น�าโดยสหรัฐอเมริกา
3. ครตู ้งั คําถามใหน กั เรียนตอบ เชน อังกฤษ ฝร่ังเศส สนับสนุนการต้ังประเทศ
• การขยายลทั ธิจกั รวรรดินยิ มของชาวยโุ รป อิสราเอลของชาวยิวในดินแดนปาเลสไตน์ใน
เขามายังภูมภิ าคเอเชียตะวันตกเฉียงใต ค.ศ. ๑๙๔๘ ทา� ใหช้ าวอาหรบั มปี ฏกิ ริ ยิ าตอ่ ตา้ น
สงผลตอ พฒั นาการทางประวัติศาสตรของ อนิทา� ไธปิพสลสู่ ตงะควรนั าตมกระแหลวะา่องิสชราาตเออิ ลาอหยรบัา่ งกรบั ุนอแสิ รรงา เจอนล2
ภมู ภิ าคน้อี ยา งไร หลายคร้ังในดินแดนปาเลสไตน์ การสู้รบได้
(แนวตอบ หลังสงครามโลกครงั้ ท่ี 1 จักรวรรดิ มีมาต่อเน่ืองจนถึงปัจจุบันโดยเฉพาะระหว่าง
ออตโตมันลมสลาย อังกฤษและฝรง่ั เศสได การกอจลาจลของชาวปาเลสไตนในดินแดนที่อิสราเอล ปาเลสไตน์กับอิสราเอล ซ่ึงเป็นปัญหาส�าคัญ
เขา มามอี ทิ ธพิ ลเหนอื ดินแดนเอเชยี ตะวนั ตก- ยดึ ครอง เปน ปญ หาทยี่ งั คงยดื เยอ้ื มาจนถึงปจจบุ ัน ของภมู ภิ าคและของโลก
เฉยี งใต ซึ่งเปนผลใหเกิดพรมแดนใหม
และเกิดประเทศใหมๆ ที่สําคญั องั กฤษ 13๖
และฝร่ังเศสไดสนับสนุนใหชาวยวิ จากยโุ รป
อพยพมายงั เอเชียตะวันตกเฉยี งใต ซ่ึงกลาย
เปนท่มี าของความขัดแยงทางเชอื้ ชาตริ ะหวา ง
ชาวอาหรับและชาวปาเลสไตนก บั ชาวยิว
ในเวลาตอ มา)
เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET
ขอ ใดคอื สาเหตุท่ที าํ ใหเ กดิ ปญหาตะวนั ออกกลางในปจ จุบนั
ครูอธิบายเพม่ิ เติมเกยี่ วกับความขดั แยงระหวา งปาเลสไตนกบั อิสราเอลวา มสี าเหตุ 1. การต้งั ประเทศอิสราเอลขึ้นใน ค.ศ. 1948
มาจากการแยง กนั อางสทิ ธเิ หนือดนิ แดนปาเลสไตนห รอื คานาอนั โดยทั้งชาวยวิ 2. ความขัดแยง ระหวางกลุมประเทศอาหรับกับอหิ ราน
และชาวปาเลสไตนตางกต็ องการตง้ั ประเทศของตนในดนิ แดนปาเลสไตน 3. การแขงขนั อํานาจระหวา งสหรัฐอเมรกิ ากบั สหภาพโซเวียต
4. ความเปน ศัตรกู ันมานานในประวัตศิ าสตรระหวา งอาหรับกับอิสราเอล
นกั เรยี นควรรู วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. โดยหลงั สงครามโลกครั้งที่ 2 ใน ค.ศ. 1948
สหประชาชาตไิ ดประกาศตัง้ ประเทศอิสราเอลข้นึ ในดนิ แดนซงึ่ เคยเปนของ
1 ดามัสกสั มีชื่อด้งั เดิมวา ดมิ ิชกา เคยเปน ของพวกอาราเมียนมากอน ตอมา ชาวปาเลสไตน ซง่ึ ทําใหชาวอาหรับไมพอใจ กลมุ สนั นบิ าตอาหรบั จึงประกาศ
มผี เู ขามายึดครองหลายชาติ เชน เปอรเ ซีย กรีก โรมัน จนกระท่งั ใน ค.ศ. 1516 สงครามกับอิสราเอลทนั ทเี พ่อื ขบั ไลอิสราเอลออกไป รวมถงึ ไดม ีการกอ ตั้ง
เปนสว นหนง่ึ ของจักรวรรดิออตโตมัน ปจจุบันเปนเมืองหลวงของซเี รีย องคก รปลดปลอยปาเลสไตน (PLO) เพือ่ ตอสแู ยง ชิงดนิ แดนคนื มาจากชาวยิว
2 สงครามระหวางชาตอิ าหรบั กับอสิ ราเอล เกดิ ขน้ึ ในระหวาง ค.ศ. 1948-1949 ซงึ่ ไดร บั การสนบั สนนุ จากชาตอิ าหรบั เชน จอรแ ดน อยี ปิ ต ซเี รยี สว นอสิ ราเอล
โดยชาติอาหรบั ไดแ ก ซเี รยี เลบานอน จอรแดน อยี ิปต และซาอดุ อี าระเบยี ไดทํา ไดร บั การสนบั สนนุ จากชาตติ ะวนั ตก ความขดั แยง ระหวา งอสิ ราเอลกบั อาหรบั
สงครามกบั อสิ ราเอล จนสหประชาชาตเิ ขา มาสงบศกึ อสิ ราเอลจงึ ไดด นิ แดนเพิ่มข้นึ และปาเลสไตนก็ยงั คงดาํ เนินตอเนือ่ งมาจนถึงปจจบุ นั ก็ยงั ไมมที ที า วา จะยตุ ิ
ชาวปาเลสไตนบ างสวนไดกลายเปน ผูอพยพล้ภี ัย แตรฐั อาหรบั ไมย อมรับ
136 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
ในดานรปู แบบการเมอื งการปกครอง ประเทศในภมู ภิ าคตะวนั ออกกลางมรี ปู แบบการ 1. ครตู ้งั คําถามใหนกั เรยี นตอบ เชน
ปกครองทหี่ ลากหลาย ไดแก ระบอบสมบรู ณาญาสทิ ธริ าชย เชน จอรแ ดน ระบอบประชาธิปไตย • ในอดตี พืน้ ฐานเศรษฐกิจของชาวอาหรบั
เชน อิสราเอล เลบานอน รัฐอสิ ลาม เชน อหิ ราน เปน ตน นอกจากนี้ ประเทศท่ีเคยเปนสวนหนึง่ มลี กั ษณะเปน อยางไร
ของจักรวรรดิอาหรับไดรวมตัวกันกอตั้งสันนิบาตอาหรับเพื่อรวมมือกันทางการเมือง เศรษฐกิจ (แนวตอบ ชาวอาหรับทต่ี ั้งถนิ่ ฐานอยเู ปน
และวัฒนธรรม หมบู านหรือเมืองในบริเวณโอเอซิสที่
อุดมสมบูรณจ ะประกอบอาชีพเกษตรกรรม
๒) พฒั นาการดา นเศรษฐกิจ แตเดิมชาวอาหรบั แบง ออกเปน ๒ พวก คือ พวก สว นพวกเบดอู นิ ซึง่ เปน พวกเรร อนจะเลีย้ ง
ต้ังถ่ินฐานอยูเปนหมูบานหรือเมืองในบริเวณโอเอซิสท่ีอุดมสมบูรณ ประกอบอาชีพเกษตรกรรม แกะ แพะ อูฐ มา และเปน กองคาราวาน
กบั พวกเบดูอินซงึ่ เปน พวกเรร อนเล้ยี งแกะ แพะ อูฐ มา หรือเปนกองคาราวานคาขาย ตอมาเม่ือ คาขาย)
จกั รวรรดิอาหรับมคี วามเจริญรุง เรือง พอ คามุสลมิ จํานวนมากไดออกเดนิ ทางคาขายไปยังดนิ แดน • ชาวยโุ รปเขามามีบทบาททางเศรษฐกิจ
ตางๆ ท้ังทางบกและทางทะเล ความสําคัญดานเศรษฐกิจของเอเชียตะวันตกเฉียงใต คือ เปน ในภูมิภาคเอเชียตะวนั ตกเฉียงใตอ ยางไร
ดนิ แดนท่เี ช่อื มเสนทางการคาระหวา งเอเชีย แอฟรกิ าตะวันออก และมหาสมทุ รอินเดยี (แนวตอบ ชาวยุโรปไดเขา มาผูกขาดการคา
เปดใชคลองใสนุเคอรซิส1ใตนศอตียวิปรตรษเมท่ือ่ี ๑๙ ชาวยุโรปไดผูกขาดการคาในภูมิภาคน้ี และเม่ืออังกฤษได ในภูมภิ าคนี้ในครสิ ตศตวรรษท่ี 19 ตอ มา
ค.ศ. ๑๘๖๙ เสนทางน้ีจึงกลายเปนเสนทางเดินเรือที่สําคัญ เมอื่ องั กฤษเปด ใชคลองสุเอซในอียปิ ต
การคนพบนํ้ามันดิบในตนคริสตศตวรรษที่ ๒๐ ทําใหดินแดนนี้มีความสําคัญมากข้ึนและมีผลตอ เมื่อ ค.ศ. 1869 เสนทางนจี้ งึ กลายเปน
ยุทธศาสตรการสูรบในชวงสงครามโลกคร้ังท่ี ๒ และยุทธศาสตรการเมืองและเศรษฐกิจโลกใน เสนทางเดินเรอื ท่สี ําคญั และการคนพบ
ชวงสงครามเยน็ นาํ้ มนั ดบิ ในตนคริสตศ ตวรรษท่ี 20 ทาํ ให
ประเทศผูผลติ นา้ํ มนั ไดรวมตัวกนั ตง้ั องคก ารโอเปก (OPEC)2เพอื่ รวมกลุมกันในการ ดินแดนน้มี คี วามสําคญั มากข้ึน ท้ังทางดาน
กําหนดราคาน้ํามนั โลกและปรมิ าณนํา้ มันทจ่ี ะผลิต โอเปกเปน องคการความรว มมอื ทางเศรษฐกิจ การเมอื งและเศรษฐกจิ )
ทีม่ บี ทบาทสําคัญตอ เศรษฐกจิ โลก ต้ังแตท ศวรรษ ๑๙๕๐ น้าํ มันกลายเปนปจจัยสําคญั ตอ โลกและ
2. ครใู หน ักเรียนรว มกันแสดงความคิดเหน็
ยังเปนปจจัยสําคัญที่มีผลตอความม่ันคงของ เกี่ยวกับเศรษฐกิจของภมู ิภาคเอเชยี ตะวันตก-
ภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ตกเฉียงใต กลา วคอื มีสวน เฉยี งใตใ นหัวขอ “วกิ ฤตน้ํามันโลกและบทบาท
ทําใหความขัดแยงระหวางประเทศอาหรับกับ ของกลุมโอเปกทีส่ งผลตอ เศรษฐกจิ โลกและ
อสิ ราเอลรนุ แรงมากขนึ้ เพราะตา งฝา ยตอ งการ เศรษฐกิจไทย” โดยใชเ ทคนิคการระดมสมอง
รกั ษาและยึดครองพนื้ ที่ทีม่ ีนํ้ามนั รวมท้ังทาํ ให จากนนั้ ครูขออาสาสมัครนักเรยี นออกมา
สหรัฐอเมริกาเขาไปแทรกแซงกิจการภายใน สรปุ ผลที่หนาช้นั เรยี น
ของเอเชียตะวันตกเฉียงใตเพ่ือเขาควบคุม
ทรัพยากรน้ํามัน เชน กรณีการยึดครองอิรัก
ในปจจุบัน เเชมนือเงทใหลอญาหวีฟลา(ยในเมอืิสอรงามเีฐอาลน) ะรทยิ าาดง3
เศรษฐกจิ ดี เมืองเทลอาวีฟ ตั้งอยูบนชายฝงทะเลเมดิเตอรเรเนียน
เปนศูนยกลางทางเศรษฐกิจและการทองเที่ยวท่ีสําคัญ
อีกแหง หน่ึงของอิสราเอล
(ในซาอุดีอาระเบีย) เปนตน
๑๓๗
กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรยี นควรรู
ครูใหน ักเรียนศกึ ษาคน ควาเพม่ิ เตมิ เกยี่ วกับองคก ารโอเปก (OPEC) 1 คลองสเุ อซ สรางขึ้นระหวา ง ค.ศ. 1859-1869 โดยเฟอรดนิ านด เดอ เลสเซป
หรอื กลมุ ประเทศผสู ง นา้ํ มนั เปน สนิ คา ออก ตามหวั ขอ ตา งๆ เชน ความเปน มา นักการทตู ชาวฝรั่งเศสสนบั สนุนการขุดคลองน้ี เปนคลองท่ีขุดผานคอคอดสเุ อซ
ประเทศสมาชกิ บทบาทและความสาํ คัญ เปนตน จากน้นั ใหบันทึกลง เชอื่ มระหวา งทะเลแดงกบั ทะเลเมดิเตอรเรเนยี น และกลายเปนเสนทางลดั ระหวาง
กระดาษ A4 นาํ สง ครูผูสอน ทวีปยโุ รปกบั ทวีปเอเชียโดยไมต อ งเดินเรือออมทวีปแอฟริกา
2 องคก ารโอเปก (OPEC) องคก ารนานาชาติที่จดั ตัง้ ข้นึ เพอ่ื ความรวมมอื ทาง
กิจกรรมทาทาย ดา นนโยบายนํ้ามนั ตงั้ ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2503 โดยมสี มาชิก 5 ประเทศ ไดแก อิหรา น
อริ กั คูเวต ซาอดุ อี าระเบีย และเวเนซเุ อลา ตอ มามสี มาชิกเพม่ิ อกี 9 ประเทศ ไดแ ก
ครใู หน กั เรยี นแสดงความคดิ เห็นในประเดน็ ทวี่ า “เศรษฐกจิ ของภูมภิ าค กาตาร อินโดนีเซยี ลิเบยี สหรัฐอาหรับเอมเิ รตส แอลจีเรยี ไนจเี รีย เอกวาดอร กาบอง
เอเชียตะวนั ตกเฉยี งใตข น้ึ อยูก บั นาํ้ มนั ” พรอมทง้ั วเิ คราะหวานาํ้ มันไดม ี แองโกลา ปจจบุ ันมีสมาชิก 14 ประเทศ
สว นท่ีทาํ ใหเ กดิ ความขดั แยง ในตะวันออกกลางไดอยา งไร จงยกตัวอยา ง 3 รยิ าด เปน เมอื งหลวงของประเทศซาอุดอี าระเบียเมอ่ื ค.ศ. 1932 เคยเปนเมือง
ความขดั แยง และผลของความขดั แยงท่มี ีตอ โลก โดยใหนักเรยี นเขยี นลง ท่มี ีกาํ แพงลอมรอบ แตไ ดร ้อื ออกไปในชว งทศวรรษ 1950 เปน ทต่ี ้ังของพระราชวงั
สมุดจดงานสง ครูผูส อน มสั ยิด มหาวทิ ยาลยั หลายแหง และเปน ศูนยก ลางการปกครองประเทศ
คมู อื ครู 137
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore
Explain Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู
ครแู ละนกั เรยี นอภปิ รายเกย่ี วกบั พฒั นาการ ๓) พฒั นาการดา นสงั คม ในอดีตสังคมของเอเชียตะวันตกเฉียงใตเปนสังคมแบบ
ดานสงั คมของภูมิภาคเอเชียตะวนั ตกเฉียงใต ชนเผา ประกอบดว ยพวกทีต่ ัง้ ถิ่นฐานทําเกษตรกรรม อาศยั อยูใกลแ หลงนา้ํ เชน บรเิ วณชายฝง
จากนน้ั ครตู งั้ คาํ ถามและใหน กั เรยี นชว ยกนั ตอบ เชน ชทนะเเลผเา มเรดร ิเอ ตนอหรรเรอื เเนบียดนอู นิบ1รอิเาวศณยั ลอุมยแตู มามนทํ้างุไหทญกรา ิสแล-ะยทูเฟะเรลททีสรแายละมบหี รวั ิเหวณนาโเอผเาอเซปิสน ผอปู ีกกกคลรอุมงเปมนอี พาชวพีก
เล้ยี งสตั ว คาขาย และบางครั้งปลนสะดม
• เพราะเหตใุ ดจกั รวรรดอิ าหรบั จงึ มคี วามเจรญิ การอยูทามกลางทะเลทรายทําให
ทางอารยธรรมสงู ชนเผาตางๆ ตองชวยเหลือกัน ความผูกพัน
(แนวตอบ ชาวอาหรับรบั ความรตู า งๆ จากทกุ ภายในเผาจึงมีสูง และมักเกิดการสูรบกับตาง
เชื้อชาติ ทกุ ศาสนา เชน แปลตําราภาษากรกี เผาเพื่อปองกันหรือแยงชิงทุงหญา แหลงน้ํา
แขนงตา งๆ เปน ภาษาอาหรบั รบั ความรู และทรัพยสิน ตอมาเม่ือยอมรับนับถือศาสนา
ทางดา นคณิตศาสตรจ ากอนิ เดีย แลวนําไป อิสลาม ทาํ ใหชนเผา ตา งๆ รสู กึ ผูกพนั ในฐานะ
พัฒนาตอ ทาํ ใหมีความเจริญรุงเรืองทาง ทเี่ ปน มสุ ลมิ เหมอื นกนั ความขดั แยง ระหวา งเผา
อารยธรรมสงู และความรูเ หลานนั้ ยังไดถ ูก จงึ ลดลง ในสมัยจักรวรรดิอาหรับ2(คริสต-
ถา ยทอดไปยังชาวยโุ รป) พวกเบดูอิน เปนกลุมท่ีพูดภาษาอาหรับและใชชีวิตเรรอน ศตวรรษที่ ๗ - ๑๓) พวกอาหรับรับความรูตางๆ
ตามทะเลทราย โดยมีอูฐเปนพาหนะในการเดนิ ทาง
• ความขดั แยงทางสงั คมในภูมิภาคเอเชยี
ตะวนั ตกเฉยี งใตมสี าเหตมุ าจากอะไร จากทุกเชอ้ื ชาติ ทุกศาสนา เชน แปลตาํ ราภาษากรีกแขนงตางๆ เปนภาษาอาหรบั รบั ความรทู าง
(แนวตอบ ความแตกตางทางดา นเช้อื ชาติ ดานคณิตศาสตรจากอินเดีย เชน เลขอารบิก ระบบทศนิยม เปนตน แลวนําไปพัฒนาตอ
ศาสนา และภาษา เชน ความขัดแยงทาง ทําใหมีความเจริญรุงเรืองทางอารยธรรมสูง และความรูเหลาน้ีไดถูกถายทอดไปยังชาวยุโรป
เช้อื ชาติในกรณสี งครามระหวา งอิรกั ซงึ่ เปน
ชาวอาหรับ กับอหิ รา นซึ่งเปน ชาวเปอรเซยี
เปน ตน )
ขยายความเขา ใจ Expand จากการทาํ สงครามครเู สดและภมู ภิ าคอนื่ ๆ ผา นการทาํ สงคราม การเผยแผศ าสนา และการคา ขาย
ดา นเชื้อชาตแิ ละศาสนา ประชากรในเอเชยี ตะวนั ตกเฉยี งใตส ว นใหญเปนชาวอาหรบั
พดู ภาษาอาหรบั นบั ถอื ศาสนาอสิ ลาม แตม ปี ระชากรสว นหนงึ่ ทต่ี า งเชอื้ ชาติ ศาสนา และพดู ภาษา
ครใู หน กั เรียนแบง กลุมเพือ่ จดั ทาํ รายงาน อน่ื เชน ชาวอหิ รา นหรอื เปอรเซียพดู ภาษาฟารซ แี ละอาหรับ นบั ถือศาสนาอิสลาม ชาวเลบานอน
เก่ยี วกับพัฒนาการของภมู ิภาคเอเชียตะวันตก- และชาวไซปรัสนบั ถอื คริสตศาสนา ชาวเตริ กในตุรกพี ูดภาษาเตอรก สี นบั ถือศาสนาอสิ ลาม และ
เฉียงใตใ นประเด็นตางๆ เชน ชาวยวิ พดู ภาษาฮีบรู นับถอื ศาสนายูดาห เปน ตน ความแตกตางทางดานเช้อื ชาติ ศาสนา ภาษา
มผี ลตอ ความสงบสขุ ของภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ตกเฉยี งใตอ ยา งยง่ิ เพราะความขดั แยง ทเ่ี กดิ ขนึ้ ตงั้ แต
• ปญ หายิว-ปาเลสไตน หลงั สงครามโลกครัง้ ที่ ๒ ถงึ ปจจบุ นั มีสาเหตสุ าํ คญั มาจากความขัดแยง ดา นเช้อื ชาติ เชน กรณี
• สงครามระหวา งอิรักกบั อิหรา น สงครามระหวางอริ ัก (ชาวอาหรับ) กบั อหิ รา น (ชาวเปอรเ ซยี ) เม่อื ทศวรรษ ๑๙๘๐ ปญหาความ
• ชนเผา ในภมู ภิ าคเอเชียตะวนั ตกเฉียงใต ขัดแยงระหวางโลกอาหรับกับอิสราเอล (ยิว) ท่ีชาวอาหรับถือวาชาวยิวเขามาแยงชิงดินแดน
• ศาสนาอิสลามกบั ภูมภิ าคเอเชยี ตะวนั ตก- ปาเลสไตนซ ง่ึ เปน ดนิ แดนศกั ดส์ิ ทิ ธแิ์ ละตง้ั ประเทศอสิ ราเอลขนึ้ ทาํ ใหช าวปาเลสไตนต อ งอพยพไป
เฉยี งใต
ตรวจสอบผล Evaluate อาศยั อยูต ามพรมแดนของประเทศเพ่ือนบานและสรางปญหาตามมา เปน ตน
ครูตรวจรายงานพฒั นาการของภูมิภาคเอเชีย ๑๓๘
ตะวันตกเฉยี งใต
นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET
วัฒนธรรมแบบอาหรบั มลี ักษณะเดนตรงกบั ขอ ใด
1 เบดูอิน เปนชนเผา เรร อนเล้ยี งแกะ แพะ และอูฐ อาศัยอยูในกระโจม 1. ใสเสอ้ื ผาสขี าว ไมโกนหนวดเครา
อาหารหลกั เปน ผลไมแ หง เชน อนิ ทผลมั และนมจากปศสุ ตั วทเี่ ล้ียง ท้ังยงั มีเน้อื แพะ 2. อาศัยอยูในกระโจม ชอบยา ยถิ่นฐาน
เปนอาหารในโอกาสพิเศษ เบดอู ินเผาตา งๆ มกี ารสูรบกนั อยูเ สมอเพ่อื ปกปอ ง 3. เครงครดั ในศาสนา มอี าชพี เลย้ี งสตั ว
เกยี รตยิ ศและทรัพยส ินของเผา โดยยึดคตวิ า ตาตอตา ฟน ตอ ฟน 4. นับถือศาสนาอสิ ลาม พูดภาษาอาหรับ
2 จกั รวรรดอิ าหรบั เปน จกั รวรรดขิ องชาวอาหรับซึง่ มีเชอ้ื สายเซมิตคิ เปน ชนเผา วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. ประชากรของภมู ภิ าคเอเชียตะวนั ตกเฉยี งใต
เรรอ นอยบู ริเวณคาบสมทุ รอาหรับ ตอ มาไดตงั้ ถ่นิ ฐานและสถาปนาเมืองตา งๆ ขึ้น สวนใหญจะเปน ชาวอาหรับท่ีพดู ภาษาอาหรับ นบั ถอื ศาสนาอิสลาม แตก ็ยงั มี
บริเวณลมุ แมน ํา้ ไทกริส-ยเู ฟรทีส เมอื่ ชาวอาหรบั ไดน บั ถือศาสนาอสิ ลาม ทาํ ใหเกิด ประชากรสวนหนงึ่ ทต่ี า งเชื้อชาติ ศาสนา และพดู ภาษาอืน่ เชน ชาวอิหราน
ความเปน อันหนึง่ อันเดยี วกนั จนสามารถกอตั้งอาณาจักรทมี่ ีความมัน่ คงทง้ั ทางดา น หรือเปอรเซียพดู ภาษาฟารซีและอาหรบั นับถอื ศาสนาอสิ ลาม ชาวเลบานอน
การเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ และสังคม และไดข ยายดินแดนของมสุ ลิมออกไป และชาวไซปรัสนบั ถือคริสตศ าสนา ชาวเตริ กในตรุ กพี ูดภาษาเตอรกสี นบั ถอื
อยางรวดเรว็ ในรูปของจักรวรรดอิ ิสลาม ซ่งึ ครอบคลมุ ดินแดนตั้งแตทางตะวนั ตก- ศาสนาอสิ ลาม ชาวยิวในอิสราเอลพูดภาษาฮบี รู นบั ถอื ศาสนายดู าห เปน ตน
เฉยี งเหนอื ของอินเดีย เอเชียกลาง ตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนอื ตอนใตของอิตาลี
คาบสมุทรไอบีเรีย ไปจนถงึ เทือกเขาพเิ รนสี
138 คูม ือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Engage
กระตนุ ความสนใจ
๔. ภูมภิ าคเอเชยี กลาง1 1. ครนู าํ แผนท่ีทวปี เอเชียแสดงประเทศตา งๆ
หรือลกู โลกมาใหน ักเรยี นชวยกนั บอกตําแหนง
ภมู ภิ าคเอเชยี กลางเป็นภูมภิ าคท่ีเกดิ ขึน้ ใหม ่ เปน็ ดนิ แดนของกลุม่ ประเทศสาธารณรัฐอิสระ ทีต่ ั้งของภมู ภิ าคเอเชยี กลาง
ทีอ่ ยู่ทางใต้ของเทือกเขาคอเคซสั และทางตะวันออกของทะเลแคสเปียน
2. ครสู มุ นกั เรยี นออกมาชต้ี าํ แหนง ของประเทศ
๔.๑ ที่ตง้ั และสภาพภูมศิ าสตร์ท่ีมีผลตอ่ พัฒนาการการตง้ั ถ่ินฐาน ตางๆ ในภมู ภิ าคเอเชยี กลาง พรอมใหบ อกช่อื
ของประชากร เมอื งหลวง
ภมู ิภาคเอเชียกลางตัง้ อยทู่ างตอนเหนือของภมู ิภาคเอเชยี ตะวันตกเฉียงใต ้ มีอาณาเขตทาง สาํ รวจคน หา Explore
ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ตดิ กบั สหพนั ธรฐั รสั เซยี ทางตะวนั ออกเฉยี งใตต้ ดิ กบั สาธารณรฐั ประชาชนจนี
ทางใต้และทางตะวนั ตกติดกับภูมภิ าคเอเชียตะวนั ตกเฉยี งใต้ ครูใหน ักเรยี นจบั คูก นั เพอื่ คน ควาเกยี่ วกบั
ภมู ิภาคเอเชียกลาง คูละ 1 ประเทศ ในประเด็น
เอเชยี กลาง : ประเทศ เมอื งหลวง เนอ้ื ที่ และประชากร พ.ศ. ๒๕๕๘ ตา งๆ เชน
ช่อื ประเทศ เมืองหลวง เนอ้ื ท่ี ประชากร แผนทภี่ มู ิภาคเอเชยี กลาง • ทต่ี งั้ และสภาพภมู ิศาสตร
(ตร.กม.) (ล้านคน) • ลักษณะการเมืองการปกครอง
• ลกั ษณะเศรษฐกจิ
๑. คาซคั สถาน อสั ตานา ๒,๗๑๕,๐๙๗ ๑๗.๕ มหาสมุทรอารก์ ตกิ • ลักษณะสงั คม
๒. เตริ ก์ เมนสิ ถาน อาชกาบตั ๔๘๘,๐๙๘ ๕.๔ โดยศกึ ษาจากหนงั สอื เรยี นหรือจาก
แหลงการเรยี นรตู า งๆ เชน หองสมดุ โรงเรียน
๓. อซุ เบกสิ ถาน ทาชเคนต์ ๔๔๙,๖๐๑ ๓๑.๓ ทวีปยโุ รป สหพันธรฐั รัสเซีย ขอ มูลทางอินเทอรเน็ต เปน ตน แลว บันทึกลง
๔. ครี ์กซี สถาน บิชเคก ๑๙๘,๕๐๐ ๖.๐ ทะเลด�า กระดาษ A4 สง ครูผสู อน
๕. ทาจกิ สิ ถาน ดชู านเบ ๑๔๓,๑๐๐ ๘.๕ มหาสมทุ รแปซฟิ ิก
๙.๗
๖. อาเซอรไ์ บจาน บากู ๘๖,๖๐๐ ๓.๘
๓.๐
๗. จอร์เจีย ทบิลิซิ ๖๙,๖๙๙ ๘๕.๒ ทะเลอาหรบั อ่าวเบงกอล ทะเลจีนใต้ อธบิ ายความรู
มหาสมุทรอนิ เดีย
๘. อารเ์ มเนยี เยเรวาน ๒๙,๘๐๐ Explain
รวม ๔,๑๘๐,๕๐๐ 1. ครูใหน ักเรียนชว ยกันบอกลักษณะเดน ของ
ภมู ิภาคเอเชียกลาง
ทม่ี า : www.prb.org (แนวตอบ เชน เปนภมู ิภาคทเี่ กดิ ใหม
โดยประเทศเกิดใหมใ นภมู ภิ าคเอเชียกลาง
ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศของภมู ภิ าคเอเชยี กลางประกอบดว้ ยเขตทร่ี าบกวา้ งใหญต่ งั้ แตท่ างเหนอื เดมิ เคยเปนสว นหน่ึงของสหภาพโซเวยี ต
ไล่ไปทางตะวันออกตอนกลาง และสูงข้ึนเร่ือยๆ ทางใต้และตะวันตก เขตท่ีราบน้ีจัดเป็นแหล่ง นอกจากน้ี ยังเปน ภูมภิ าคทไี่ มม ีทางออกทะเล
เแกคษสตเปรกียรนร มแทม่ีส่น�าค�้ายัญูรขัลอ งไภหูมลิภลางคสู่ ทเะพเลรแาะคมสีทเปะเียลนภทาายงใตนะแวลันะตแกม ่นป้�าไรหะชลาผก่ารน2ทหี่อลาาศยัยสอายยู่ใ นเชเข่นต ทท่ีระาเบล เปนตน)
ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเล้ียงสัตว์ เช่น แกะ แพะ โค ม้า ลา ล่อ ไก่ เป็นต้น เขตท่ีสองเป็น
เขตที่ราบสูงและเทอื กเขา มเี ทอื กเขาคอเคซสั เปน็ เทือกเขาสา� คญั อยูท่ างตะวันตกสดุ ของภมู ิภาค 2. ครใู หแตละคูอ อกมานาํ เสนอการศกึ ษาคน ควา
มีปรมิ าณฝนตกน้อย และมีอากาศหนาวเย็น ท่หี นาช้ันเรยี น
๑39
แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tิด เกร็ดแนะครู
สภาพภมู ปิ ระเทศโดยทว่ั ไปของภมู ภิ าคเอเชยี กลางมลี กั ษณะสอดคลอ งกบั ขอ ใด ครูอธิบายเพ่มิ เติมวา ประเทศเกิดใหมในภมู ิภาคเอเชยี กลางเดมิ เคยเปนสวนหนงึ่
1. เปนทร่ี าบลมุ แมน้ําสลับกบั เนินลกู ฟกู ของสหภาพโซเวยี ตในอดตี เมื่อสหภาพโซเวยี ตลม สลายลงใน ค.ศ. 1991 สาธารณรัฐ
2. มีเทอื กเขาสงู ชันกน้ั เปน ขอบอยูโ ดยรอบ ตา งๆ จงึ แยกตวั เปนประเทศเอกราช รวม 8 ประเทศ
3. เปนทะเลทรายโดยมีทะเลสาบอยตู รงกลาง
4. ทรี่ าบกบั ทรี่ าบสงู ซ่งึ เช่อื มตอ กันเปน ผืนกวาง นกั เรยี นควรรู
วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศที่เห็นเดนชดั ของภมู ภิ าค 1 เอเชยี กลาง เปน ดนิ แดนทอ่ี ยใู นเสน ทางสายแพรไหม ซง่ึ มคี วามสาํ คญั ทางดา น
การคา การแลกเปลี่ยนอารยธรรมระหวางโลกตะวันตกกับโลกตะวันออกมาตั้งแต
เอเชยี กลาง คอื การมพี น้ื ทร่ี าบและทรี่ าบสงู แผเ ชอื่ มตดิ ตอ กนั เปน บรเิ วณกวา ง สมัยโบราณ
ครอบคลุมไปทัว่ ทง้ั ภมู ิภาค โดยพ้ืนทรี่ าบจะอยูทางตอนเหนอื นับจากแอง 2 ประชากร ประชากรในภูมิภาคเอเชยี กลาง มที ง้ั ท่ีเปนพวกคอเคซอยด
ท่รี าบลุมทะเลแคสเปยนลงมาจนถึงตอนกลางของภมู ภิ าค ครอบคลมุ พื้นที่ และมองโกลอยด ซึ่งมีมากนับเปน 100 ชนเผา
ของประเทศคาซคั สถาน อซุ เบกสิ ถาน และเตริ ก เมนสิ ถาน สว นทางตะวนั ออก
และทางใตจะเปน เขตทรี่ าบสงู และเทอื กเขาสูง โดยยอดเขาที่สงู ท่สี ุด คอื คมู ือครู 139
คอมมนุ ซี มา ในประเทศทาจิกิสถาน สําหรับทางตะวนั ตกสุดของภูมภิ าค
จะมแี นวเทือกเขาคอเคซัส ซง่ึ เปนพืน้ ท่ตี ง้ั ของประเทศจอรเ จยี อารเมเนีย
และอาเซอรไ บจาน
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expore Elaborate Evaluate
Engaae Explain Explain
อธบิ ายความรู
1. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเก่ยี วกับ เขตท่ีสามเป็นเขตทะเลทรายซึ่งกระจายอยู่เป็นหย่อมๆ ท่ัวภูมิภาค เขตท่ีสองและสามนี้
สภาพภูมิศาสตรของภูมภิ าคเอเชียกลาง มผี ู้คนต้ังถ่นิ ฐานอยนู่ ้อยเพราะสภาพภูมปิ ระเทศและภมู อิ ากาศไมเ่ อือ้ อา� นวย นอกจากน้ี ภูมิภาค
จากนัน้ ครูตั้งคาํ ถามใหนกั เรยี นชว ยกันตอบ เอเชียกลางยังมีที่ต้ังท่ีเป็นอุปสรรคต่อความเจริญทางการค้า เพราะที่ต้ังไม่มีทางออกทะเลท่ีจะ
เชน ออกสู่มหาสมุทร มีเพียงทะเลแคสเปียน ซ่ึงเชื่อมเอเชียกลางกับเอเชียตะวันตกเฉียงใต้เท่านั้น
• ลกั ษณะภูมิประเทศของภูมภิ าคเอเชียกลาง
สงผลตอ การต้งั ถน่ิ ฐานของประชากรอยางไร การขนสง่ สนิ คา้ ตา่ งๆ จงึ ไมส่ ะดวกเมอ่ื เทยี บกบั
(แนวตอบ ประชากรสวนใหญข องภมู ิภาค ภมู ภิ าคอื่นทีม่ ที างออกทะเลของตน และการท่ี
เอเชียกลางจะอาศยั อยบู ริเวณทร่ี าบกวา งใหญ เอเชียกลางอยู่ห่างไกลจากศูนย์กลางเศรษฐกิจ
มที ะเลภายในและแมน้ําไหลผา นหลายสาย ของโลก เช่น ทวปี ยโุ รป อเมรกิ าเหนือ เปน็ ตน้
เชน ทะเลแคสเปยน แมน ํ้ายรู ลั เปนตน จึงยังไมม่ คี วามเจรญิ กา้ วหนา้ ทางเศรษฐกจิ
ซ่งึ เปนแหลง เกษตรกรรมทีส่ าํ คัญของภูมภิ าค
สวนบรเิ วณเขตทะเลทรายซง่ึ กระจายอยูเ ปน ๔.2 พฒั นาการทางประวตั -ิ
หยอมๆ ทั่วภูมภิ าคมีผูคนอาศัยอยนู อย) ศาสตรข์ องเอเชยี กลาง
• ทตี่ ั้งของภูมภิ าคเอเชยี กลางสง ผลตอ
การพฒั นาเศรษฐกจิ อยางไร เทือกเขาคอเคซัส อยูระหวางทะเลดําและทะเลแคสเปยน ๑) พัฒนาการด้านการเมือง
(แนวตอบ ภูมิภาคเอเชยี กลางไมมีทางออก ทอดตัวผานทางตอนใตของรัสเซียสวนท่ีอยูในทวีปยุโรป การปกครอง ในอดีตดินแดนเอเชียกลาง
ทะเลท่จี ะออกสูมหาสมุทร ทาํ ใหการขนสง จอรเ จีย อาเซอรไ บจาน และอารเมเนีย
สินคา ไมสะดวก และการท่ีเอเชียกลางอยู เป็นสังคมที่มีการปกครองแบบชนเผ่า ท้ังน้ี
หางไกลจากศูนยก ลางเศรษฐกจิ ของโลก คอื สเพารยาแะพสรภไาหพมท ตี่เชั้งน่ท ี่อซยาู่ทม่าามรก์คลันาดง์ 1ทคุง่ ชัหกญาา้ร ์ ทตะ่อเมลาทใรนาตย้น คแรลสิะตเท์ศือตกวเรขราษ ทม่ ี ีเ๑ม๓ือง สถา�ูกคยัญดึ คทรีอ่ อยงบู่ โดนยเสชน้ นทเผาา่ง
ทวีปยุโรปและทวปี อเมรกิ าเหนอื จงึ ทาํ ให ขมอองงจโกกั ลรวนร�ารโดดริยัสเจเซงกยี ิสเมขอ่ื ่าพนร รแคลคะอในมปมลวิ านยิสคตร์ริสสั ตเซ์ศตีย2สวรถราษปทนี่ าส๑ห๘ภ าเอพเโชซียเวกียลตางในอ ยคู่ภ.าศย. ใต๑้ก๙า๒ร๒ป กพครรรอคง
การพัฒนาเศรษฐกิจไมกา วหนา) คอมมิวนิสต์อ้างสิทธิเหนือดินแดนเอเชียกลาง
จนถึง ค.ศ. ๑๙๙๑ สหภาพโซเวียตล่มสลาย
2. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั อภปิ รายเกย่ี วกบั สาธารณรฐั ต่างๆ จึงพากันแยกตวั เปน็ เอกราช
พฒั นาการดา นเศรษฐกจิ ของภมู ภิ าคเอเชยี กลาง
จากนน้ั ครูถามนักเรียนวา เพราะเหตุใดภูมิภาค ๒) พัฒนาการด้านเศรษฐกิจ
เอเชียกลางจึงมีการเลี้ยงสตั วกันมาก ใเอนเฐชาียนกะลเปา็นงใสน่วอนดหีตนมึ่งีคขวอางมเสส้น�าคทัญางทสาางยเแศพรษรไฐหกมิจ3
(แนวตอบ เนื่องจากสภาพภมู ิประเทศสวนใหญ ต่อมาเม่ือเส้นทางการค้าเปล่ียนเป็นเส้นทาง
เปนทงุ หญา ประชาชนจงึ ประกอบอาชีพ ทางทะเล ความส�าคัญของเอเชียกลางด้าน
เลี้ยงสัตว เชน แกะ แพะ มา เปน ตน )
เศรษฐกิจจึงลดลง และจากสภาพภูมิประเทศ
การเล้ียงแกะท่ีจอรเจีย ซ่ึงการเลี้ยงสัตวจัดเปนกิจกรรม สว่ นใหญเ่ ปน็ ทงุ่ หญา้ ประชาชนจงึ ประกอบอาชพี
ทางเศรษฐกิจทสี่ ําคญั ของภมู ิภาคเอเชยี กลาง เลย้ี งสตั ว ์ เชน่ แกะ แพะ มา้ และทา� กสกิ รรม
1๔๐
นักเรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET
สหภาพโซเวียตมีอทิ ธพิ ลตอ พฒั นาการของภมู ิภาคเอเชยี กลางอยา งไร
1 ซามารค ันด เมอื งในประเทศอซุ เบกสิ ถาน เปน เมืองท่ผี ลิตชนิ้ สวนยานยนต แนวตอบ ในสมยั ทีอ่ ยูภ ายใตการปกครองของสหภาพโซเวยี ต รัฐบาลกลาง
ผาไหม ผลไมก ระปอง สิ่งทอ ยาสูบ เหลาองุน เครือ่ งหนงั มีอนุสาวรยี แ ละมัสยดิ เปนผูก ําหนดนโยบายเศรษฐกิจและการประกอบอาชีพ จนกระท่ังสหภาพ
หลายแหง รวมทงั้ หลมุ ฝง ศพของประมขุ ชาวมองโกลชื่อ ตมี รู หรือตาเมอรเลน โซเวยี ตลม สลาย ประเทศตา งๆ ในเอเชยี กลางจงึ มกี ารตดิ ตอ กบั โลกภายนอก
ซ่งึ เคยปกครองจักรวรรดิที่ยิ่งใหญในชว งปลายครสิ ตศตวรรษท่ี 14 มากขนึ้ แตร สั เซยี กย็ งั คงมบี ทบาททางดา นการเมอื งและเศรษฐกจิ ในภมู ภิ าคน้ี
2 พรรคคอมมวิ นิสตร ัสเซีย โดยพวกบอลเชวคิ ในรัสเซียทมี่ ีเลนนิ เปน ผูนําไดกอ
การปฏิวตั ิรัสเซยี ขึน้ ใน ค.ศ. 1917 และเปล่ียนแปลงการปกครองจากระบอบกษัตรยิ กิจกรรมทาทาย
มาเปนระบอบคอมมวิ นิสต โดยมีพรรคคอมมิวนสิ ตเ ปนผูบรหิ ารประเทศ
3 เสน ทางสายแพรไหม หรอื เสนทางสายไหม เปนเสนทางบกโดยเร่มิ จาก ครใู หนกั เรียนคนควาขอมลู เพ่มิ เตมิ เกีย่ วกับเสนทางสายแพรไหมวา
กรงุ ฉางอาน (ปจจุบันคือ เมอื งซอี าน) ไปทางตะวันตก ผา นเอเชียกลางจนถึงเมืองทา หมายถงึ อะไร มีเสน ทางอยา งไร ผานที่ไหนบา ง และมีความสาํ คญั อยา งไร
สําคญั ของยโุ รปทางดา นเมดเิ ตอรเ รเนียน เชน เมืองเวนิส ความสาํ คญั ของเสนทางนี้ จากน้ันใหนักเรียนนําขอ มลู ดงั กลาวจัดทําเปนใบความรู พรอ มมีแผนท่ี
เรม่ิ จากการคา ซง่ึ การคา ทสี่ ําคญั คอื ผา ไหมหรอื แพรไหม ตอมามคี วามสําคญั ใน ประกอบ ระบายสแี ละตกแตงใหสวยงามสงครผู สู อน
การแลกเปลี่ยนอารยธรรมทั้งทางดา นศาสนาและวัฒนธรรม
140 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู Explain
เมื่อตกอยู่ภายใต้การปกครองของสหภาพโซเวยี ต รัฐบาลกลางเป็นผูก้ �าหนดนโยบาย 1. ครนู ําภาพหรือขา วเกยี่ วกับภมู ิภาคเอเชยี กลาง
เศรษฐกิจและการประกอบอาชพี ประชาชนส่วนหน่งึ ท�ากสิกรรม เล้ียงสตั ว์ บางสว่ นเป็นแรงงาน มาใหน ักเรยี นอภิปรายและแสดงความคิดเห็น
ใปน่าโไรมง้ งาแนลอะแตุ รส่ธาาหตกุ รปรมัจจ เุบอันเชปยี รกะลเทาศงมในที เรอัพเชยียากกรลธารงรทมี่อชยาู่ใตกิทล้ทีส่ า�ะเคลัญแ คไสดเแ้ ปกีย่ นน1ไ้า� ดม้สันรด้าบิงท แ่อกข๊สนธสร่งรนม�้าชมาันต ิ เกย่ี วกบั สงั คมของภมู ิภาคเอเชียกลาง เชน
และแก๊สธรรมชาติเช่ือมกับประเทศในภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ตกเฉยี งใต้ ภาพการเล้ยี งสัตวบริเวณทุงหญา การปฏิบตั ิ
ศาสนกิจ การอาศัยอยใู นกระโจม เปน ตน
๓) พัฒนาการด้านสงั คม ภูมภิ าคเอเชียกลางได้รับอทิ ธิพลดา้ นวฒั นธรรม ภาษา
2. ครถู ามนกั เรียนวา เพราะเหตุใดภูมิภาค
และศาสนา ท้ังจากยุโรปและเอเชีย และเป็นดินแดนท่ีมีผู้คนใช้เป็นเส้นทางเดินทางจากยุโรปไป เอเชยี กลางจงึ มคี วามหลากหลายทางดา น
ยังเอเชยี มาต้ังแตอ่ ดตี จึงเปน็ สังคมทม่ี ชี นหลากหลายกลุม่ เชน่ อุซเบก ทาจกิ เติรก์ เมน รสั เซยี สงั คม
รเคอ้ ิรย์ดล ะ ค๙ีร์ก๐ีซ นมับอถงอื โศกาลส นเาปอ็นิสตล้นา ม แรตอ่ลงะลกงลมุ่มาต ่าคงือม ีภคารษิสตาพ์ศาูดสขนอาง 2ตตน่อ มปารเะมชือ่ าถกูกรรสว่วมนเใขหา้ ญกับ่ปสรหะมภาาณพ (แนวตอบ ภมู ิภาคเอเชียกลางเปน เสน ทาง
โซเวียตจึงใช้ภาษารสั เซียเปน็ ภาษากลางในการตดิ ต่อ เดนิ ทางทีเ่ ชื่อมระหวางทวีปเอเชียกับยโุ รป
ในสมัยท่ีอยู่ภายใต้การปกครองของสหภาพโซเวียตน้ัน กฎเกณฑ์ท่ีเข้มงวดของ จงึ ทําใหม คี วามหลากหลายทางดานเช้ือชาติ
พรรคคอมมวิ นสิ ตท์ า� ใหก้ ารโยกยา้ ยถนิ่ ฐานมนี อ้ ย หลงั จากสหภาพโซเวยี ตลม่ สลาย ประเทศตา่ งๆ ศาสนา ภาษา และวฒั นธรรม สง ผลใหภ ูมภิ าค
ในเอเชยี กลางมกี ารตดิ ตอ่ กบั โลกภายนอกมากขนึ้ แตร่ สั เซยี ยงั คงมบี ทบาททางดา้ นการเมอื งและ เอเชียกลางมีสังคมที่หลากหลาย)
เศรษฐกิจในภูมภิ าคนี้
3. ครใู หนกั เรยี นยกตัวอยา งปญหาสาํ คญั
กล่าวโดยสรุป ทวีปเอเชียมีทั้งหมด ๔๗ ประเทศ มีพ้ืนท่ีและประชากรมากที่สุด ในปจ จบุ ันของภมู ิภาคเอเชียกลาง
เมอ่ื เปรยี บเทยี บกบั ทวปี อนื่ ๆ เปน็ แหลง่ อารยธรรมลมุ่ แมน่ า�้ สา� คญั ของโลกและเปน็ แหลง่ กา� เนดิ (แนวตอบ เชน ปญ หาการกอการรา ยท่ีเกดิ จาก
ศาสนาสา� คญั ของโลก ทวปี เอเชยี มสี ภาพภมู ปิ ระเทศทแี่ ตกตา่ งกนั มากทงั้ ทเ่ี ปน็ ผนื แผน่ ดนิ ใหญ ่ กลุมมุสลมิ หวั รุนแรงของเติรก เมนสิ ถาน
หม่เู กาะ และมสี ภาพภมู อิ ากาศทงั้ อบอุน่ ร้อน มีความอุดมสมบรู ณ ์ ความแห้งแล้ง ซ่ึงเปน็ ตัว ทีป่ จ จบุ นั ไดล ี้ภยั ไปอยใู นทาจกิ ิสถาน ปญหา
กา� หนดทส่ี า� คญั เกย่ี วกบั การตง้ั ถน่ิ ฐานของมนษุ ย์ โดยประชากรจ�านวนมากอาศยั อยใู่ นบรเิ วณ ทางเชอื้ ชาติระหวา งชาวเหนือกับชาวใตของ
ปากแม่น�้า ริมทะเล ซ่ึงมีความอุดมสมบูรณ์ แต่มีบางส่วนยังเป็นพวกกึ่งเร่ร่อน เพราะหา ประเทศคีรกิซสถาน เปนตน )
ท่งุ หญ้าเล้ียงสตั ว์ นอกจากน้ ี ทรัพยากรธรรมชาติก็มีผลต่อการตั้งถิน่ ฐานและการจัดระเบยี บ
ทางสังคม ในบริเวณท่ีเกิดภัยธรรมชาติ ประชากรต้องร่วมมือและช่วยเหลือกันเพ่ือเอาชนะ ขยายความเขา ใจ Expand
ธรรมชาติ แต่ในบริเวณทไ่ี ม่มีภัยธรรมชาต ิ ประชากรกใ็ ช้ชวี ติ อยา่ งเรยี บงา่ ย ความร่วมมอื กัน
จงึ มไี มม่ าก สภาพภมู ศิ าสตรจ์ งึ เปน็ ปจั จยั หนงึ่ ทมี่ ผี ลตอ่ ความเจรญิ ทางดา้ นตา่ งๆ ของประเทศ ครูใหน กั เรียนหาขา วหรือบทความเกยี่ วกบั
ในทวปี เอเชยี ประเทศในภมู ิภาคเอเชยี กลางในดานตางๆ เชน
การเมอื ง เศรษฐกิจ สงั คมและวฒั นธรรม จากนัน้
สรปุ ความรลู งในกระดาษ A4 สงครูผูสอน
ตรวจสอบผล Evaluate
1. ครูตรวจสรปุ ขา วหรอื บทความเกี่ยวกบั ภมู ิภาค
เอเชยี กลาง
2. ครสู ังเกตพฤติกรรมความมีสว นรว มในการ
1๔1 ตอบคําถามและการแสดงความคิดเหน็ ของ
นกั เรยี น
แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด นกั เรยี นควรรู
ขอใดกลา วถงึ ลกั ษณะประชากรของภูมิภาคเอเชียกลางไดส อดคลอ งกับ 1 ทะเลแคสเปยน เปนทะเลภายในท่ใี หญทีส่ ดุ ในโลก เปนแหลงทรัพยากร
ความเปน จริง ธรรมชาติ คือ เปนแหลงของสตั วน้ํา เชน ปลาสเตอรเ จียน ซงึ่ มไี ขท ่เี รยี กวา
คาเวยี ร ทม่ี ีราคาสูง ทัง้ ยังเปนแหลง น้าํ มนั และแกส ธรรมชาตซิ ง่ึ มีมากในแถบ
1. เปนชาติพันธุคอเคซอยด รมิ ฝง ทะเลอาเซอรไ บจาน และเปน เสน ทางคมนาคมทางเรือที่สําคญั ของดนิ แดน
2. มีเช้ือสายเดยี วกนั ทง้ั หมด ทอ่ี ยูโดยรอบ
3. ประกอบดว ยชนหลายเช้ือชาติ 2 ครสิ ตศ าสนา นกิ ายหลกั ท่ีผคู นในแถบน้ีพากนั นับถือ คอื กรกี ออรทอดอกซ
4. ผสมกนั ระหวางรัสเซียกับทาจกิ
มุม IT
วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 3. ประชากรในภมู ภิ าคเอเชยี กลางประกอบดว ย
ศกึ ษาคน ควาขอมลู เพิม่ เตมิ เกี่ยวกับภมู ิภาคเอเชยี กลาง ไดที่ http://
กลมุ ชนมากมายหลายเผาพนั ธุ เชน อุซเบก ทาจิก เตริ กเมน รสั เซยี เคิรด sameaf.mfa.go.th/th/country/central-asia/
ครี กซี มองโกล เปน ตน โดยแตละพวกจะมภี าษาพดู เปน ของตนเอง ตอ มา
เม่อื ถูกรวมเขา กบั สหภาพโซเวยี ตจึงใชภ าษารัสเซียเปน ภาษากลางในการ
ตดิ ตอ สื่อสาร นอกจากนี้ ประชากรสว นใหญประมาณรอยละ 90 นบั ถือ
ศาสนาอสิ ลาม รองลงมา คือ ครสิ ตศ าสนา
คูมือครู 141