The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แนวทางการพัฒนาระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถนศึกษาตามกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. 2561

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by info_dlict, 2022-09-21 05:04:23

แนวทางการพัฒนาระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถนศึกษาตามกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. 2561

แนวทางการพัฒนาระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถนศึกษาตามกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. 2561

45

เปา้ หมาย ตัวชี้วดั ความสำเร็จ
9. สถานศกึ ษามีอัตลักษณ์ 26. ผูเ้ รยี นมคี วามสามารถด้านการคิดแก้ปญั หาอย่างเปน็ ระบบ
ทโ่ี ดดเด่น 27. ผเู้ รยี นรา่ เรงิ แจม่ ใส
28. ครทู ุกคนมีความโอบอ้อมอารี
10. สถานศึกษามีการ 29. ผู้บรหิ ารมคี วามเปน็ ประชาธปิ ไตย
พัฒนาคุณภาพสถานศึกษา 30. กรรมการสถานศกึ ษาและบุคลากรในสถานศึกษาเป็นผมู้ วี ินัย
ตามแนวทางปฏิรูป และให้ความร่วมมือในการจดั การศึกษาของสถานศกึ ษา
การศกึ ษาในทศวรรษท่ีสอง
31. ร้อยละของผูเ้ รยี นที่มีคุณภาพในระดับดขี น้ึ ไปตามท่ี
สถานศกึ ษากำหนด

4.3 การกำหนดช่อื โครงการ/กจิ กรรม

การกำหนดชื่อโครงการ/กิจกรรมจะต้องสอดคล้องกับกลยุทธ์ที่กำหนดไว้ แล้ว

พจิ ารณาหาชื่อโครงการ/กิจกรรมที่ครอบคลุมกลยุทธ์ นน้ั ๆ และเปน็ รูปธรรมสามารถนําไปสู่การปฏิบัติ

ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ ดงั ตัวอยา่ ง

ตวั อย่าง การกำหนดชื่อโครงการ/กิจกรรม

กลยทุ ธ์ ชื่อโครงการ/กิจกรรม

1. พฒั นาคุณภาพผู้เรยี น 1. ยกระดับผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน

2. พฒั นาคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ของผเู้ รียน

ฯลฯ

2. พัฒนาคณุ ภาพการจัดการศกึ ษา 1. ประกันคุณภาพการศึกษาภายในของสถานศึกษา

2. ครมู ืออาชีพ

3. สง่ เสริมประสทิ ธภิ าพผบู้ ริหารสถานศึกษา

4. สง่ เสริมการมสี ว่ นร่วมในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา

5. พัฒนาหลกั สูตรสถานศึกษา

6. พฒั นาสภาพแวดลอ้ มและการให้บรกิ ารผู้เรียน

ฯลฯ

3. สร้างเสรมิ สงั คมแห่งการเรียนรู้ 1. พฒั นาและใช้แหลง่ เรยี นรู้ภายในและภายนอก

สถานศึกษา

ฯลฯ

46

กลยุทธ์ ชอื่ โครงการ/กจิ กรรม
4. สง่ เสริมอตั ลกั ษณข์ องสถานศกึ ษา 1. โครงการพัฒนาการอา่ น การเขยี น และการคดิ
ใหโ้ ดดเดน่
1.1 กจิ กรรมยอดนกั อา่ น ยอดนกั เขยี น
5. พฒั นาคุณภาพสถานศึกษา 1.2 กิจกรรมยอดนักคิด
ตามแนวทางปฏริ ปู การศึกษาใน 2. โครงการลูกกตญั ญู
ทศวรรษทสี่ อง
ฯลฯ

1. พฒั นาคณุ ภาพสถานศึกษาตามนโยบายตน้ สงั กดั
1.1 กิจกรรมยอดคนดี ศรี (ชือ่ โรงเรียน....)
1.2 กิจกรรมยอดคนเกง่
ฯลฯ

ตัวอย่าง โครงการและกิจกรรมตามกลยุทธร์ ะดบั องคก์ ร พร้อมเปา้ หมายและงบประ

กลยทุ ธ์ระดับ กลยทุ ธ์ระดบั กลยทุ ธ์ระดบั

องคก์ ร แผนงาน โครงการ ตัวชว้ี ัดความสำเรจ็

(โรงเรียน) (โครงการ) (กิจกรรม)

กลยทุ ธท์ ี่ 1 1. โครงการ 1.1 ยกระดบั 1. ร้อยละของผู้เรียนทมี่ รี ะดับ

พฒั นาคณุ ภาพ ยกระดบั ผลสัมฤทธิท์ าง ผลการเรยี นผ่านเกณฑก์ ารประ

ผ้เู รยี น ผลสัมฤทธิท์ าง การเรยี นทกุ กล่มุ ทุกรายวิชาตามทสี่ ถานศึกษากำ

การเรยี นทุกกลุ่ม สาระการเรยี นรู้ 1.1 รอ้ ยละของผเู้ รียนที่มรี ะดบั

สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ผลการเรยี นรายวิชาภาษาไทย

1.2 ……… ระดบั 3 ข้นึ ไป

1.2 …..

กลยุทธท์ ่ี 2 1. โครงการ -1. พฒั นา 1. รอ้ ยละของครูจดั การเรยี นร้ทู

พฒั นาคุณภาพ จัดการเรยี นรู้ การจัดการเรยี นรู้ ผู้เรยี นเป็นสำคญั (Active Lear

การจดั การศกึ ษา ทเี่ นน้ ผเู้ รยี น ที่เนน้ ผู้เรยี น ระดับดีขน้ึ ไป

เปน็ สำคญั (Active เปน็ สำคญั

Learning) (Active

Learning)

ะมาณ (ระยะ 3 ปี) ปี 2561 เปา้ หมาย ปี 2563 งบประมาณ/
70 ปี 2562 80 ผรู้ บั ผดิ ชอบ
สนองมาตรฐานการศกึ ษา 30,000 บาท/
ของสถานศกึ ษา 70 75 80 กลุม่ วิชาการ

มฐ.ที่ 1 …… 75 …… 50,000 บาท/
ะเมนิ 1.1 ผลสัมฤทธิ์ทาง 90 100 กลมุ่ วิชาการ
ำหนด วชิ าการของผเู้ รียน ……
บ 5) มผี ลสมั ฤทธ์ทิ าง 95

การเรยี นตามหลักสูตร
สถานศึกษา

ทเี่ นน้ มฐ.ที่ 2
rning) 2.4 พัฒนาครแู ละ

บุคลากรใหม้ ีความ
เช่ียวชาญทางวชิ าชีพ
มฐ.ที่ 3
3.1 จัดการเรยี นร้ผู า่ น
กระบวนการคดิ และ
ปฏิบตั จิ ริง และสามารถ
นำไปประยุกตใ์ ชใ้ นชีวิต
ได้

47

48

ขนั้ ท่ี 5 จัดทำแผนพัฒนาการจัดการศึกษาทีม่ ุง่ คณุ ภาพตามมาตรฐานการศึกษา
ของสถานศึกษา
เมื่อได้ข้อมูลต่าง ๆ ได้แก่ วิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าหมาย กลยุทธ์ ตัวชี้วัดความสำเร็จ

ชื่อโครงการ/กิจกรรม แล้ว จะเป็นการนำข้อมูลทั้งหมดเข้าสู่ระบบการจัดทำเอกสารรูปเล่ม แผนพัฒนา
การจัดการศึกษาที่มุ่งคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา (ระยะ 3-5 ปี) ซึ่งมีองค์ประกอบ
ดังนี้

ส่วนที่ 1 บริบทของสถานศึกษา ข้อมูลสถานศึกษาในภาพรวม เช่น ข้อมูลทั่วไปของ
ชุมชน ประวัติความเป็นมาของสถานศึกษา ข้อมูลด้านการบริหาร ข้อมูลบุคลากร ข้อมูลนักเรียน ข้อมูล
อาคารสถานทแี่ ละแหลง่ การเรยี นรู้ ผลงานท่ผี า่ นมา

ส่วนที่ 2 การวเิ คราะหศ์ ักยภาพของสถานศึกษา (SWOT Analysis) เช่น ผลการวิเคราะห์
สภาพแวดล้อมภายใน และผลการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอก

ส่วนท่ี 3 ทศิ ทางการพัฒนาคณุ ภาพสถานศกึ ษา เชน่ วสิ ยั ทศั น์ พันธกจิ เปา้ หมาย
ส่วนท่ี 4 กลยทุ ธ์การพัฒนาคุณภาพสถานศกึ ษา และตัวชวี้ ัดความสำเร็จ
ส่วนที่ 5 โครงการและกิจกรรมตามกลยทุ ธร์ ะดับองคก์ รพร้อมเป้าหมายและงบประมาณ
(แสดงเปน็ 3-5 ปี)
สว่ นท่ี 6 การกำกบั ตดิ ตาม ประเมนิ และรายงาน
ภาคผนวก เป็นการนำเสนอเอกสารที่ต้องการแสดงรายละเอียดหรือระบุข้อมูลสำคัญ
อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับแผน เพื่อประโยชน์การอ้างอิง เช่น สำเนาคำสั่งคณะทำงาน/คณะกรรมการจัดทำ
แผนพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษาที่มุ่งคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา (ระยะ
3-5 ปี) บันทึกการให้ความเห็นชอบแผนพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษาที่มุงคุณภาพตาม
มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา (ระยะ 3-5 ป)ี ของคณะกรรมการสถานศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน

49

ตัวอยา่ งเคา้ โครงแผนพฒั นาการจัดการศึกษา

1) ปกนอก
แผนพฒั นาการจัดการศึกษา พ.ศ. …..… - ………
โรงเรียน………………………………

2) ปกใน
3) คำนำ
4) สารบัญ
5) เนอ้ื หา ประกอบดว้ ย

สว่ นที่ 1 บริบทของสถานศกึ ษา
ขอ้ มลู ทั่วไปของสถานศึกษา
- ประวัตคิ วามเปน็ มาของสถานศกึ ษา
- ภารกิจ โครงสรา้ งการบรหิ าร
ขอ้ มลู พ้ืนฐานการจัดการศกึ ษา
- ข้อมลู ประชากรวยั เรียนในเขตพนื้ ทบ่ี ริการ
- ข้อมลู นักเรียน
- ข้อมลู ครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา
- ข้อมลู ที่ดนิ และสง่ิ ก่อสรา้ ง
ขอ้ มูลสภาพชมุ ชน
- การปกครอง
- การประกอบอาชพี
- ลกั ษณะความเปน็ อยู่องชมุ ชน
- ข้อมูลที่ดินและสง่ิ ก่อสรา้ ง
ข้อมลู ผลการดำเนนิ งาน
- ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน ผลการทดสอบระดบั ชาติ
- ผลการประเมินคุณภาพการศึกษา (SAR)
- ขอ้ มลู อ่ืน ๆ
นโยบายสำคัญทเ่ี กยี่ วข้อง
- ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
- นโยบาย จุดเนน้ ของหนว่ ยงานต้นสังกดั
- ฯลฯ

50

สว่ นท่ี 2 การวเิ คราะหศ์ กั ยภาพของสถานศึกษา
ผลการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายใน
ผลการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอก

สว่ นที่ 3 ทศิ ทางการพัฒนาคณุ ภาพสถานศึกษา
วสิ ัยทัศน์ (vison)
พนั ธกจิ (Mission)
เป้าหมาย (Goals)
กลยทุ ธ์ (Strategies)

ส่วนที่ 4 กลยุทธก์ ารพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา และตวั ช้วี ดั ความสำเรจ็

กลยุทธ์ เปา้ หมาย ตัวชว้ี ดั ความสำเรจ็

ส่วนท่ี 5 โครงการและกิจกรรมตามกลยทุ ธ์ระดบั องคก์ รพร้อมเป้าหมายและงบประมาณ

(แสดงเปน็ 3-5 ป)ี

กลยุทธ์ที่ 1 ……………………………………………….

เปา้ หมาย……………………………………………………

โครงการ/ สนองมาตรฐาน เปา้ หมาย
กจิ กรรม
ตวั ชี้วดั ความสำเรจ็ การศกึ ษาของ งบประมาณ ผู้รับผดิ ชอบ
สถานศึกษา ป…ี …… ปี……… ปี………

กลยทุ ธ์ที่ 2 ……………………………………………….

เป้าหมาย……………………………………………………

โครงการ/ สนองมาตรฐาน เปา้ หมาย งบประมาณ ผู้รับผิดชอบ
กจิ กรรม ตัวชีว้ ัดความสำเรจ็ การศกึ ษาของ ป…ี …… ปี……… ปี………

สถานศกึ ษา

51

กลยทุ ธ์ที่ 3 ……………………………………………….

เป้าหมาย……………………………………………………

โครงการ/ สนองมาตรฐาน เป้าหมาย งบประมาณ ผรู้ บั ผิดชอบ
กิจกรรม ตวั ชี้วัดความสำเรจ็ การศึกษาของ ป…ี …… ปี……… ปี………

สถานศกึ ษา

ฯลฯ

ส่วนท่ี 6 การกำกบั ตดิ ตาม ประเมนิ และรายงาน
- การกำกับ ติดตาม (มคี ณะกรรมการกำกบั และติดตาม ขั้นตอน ระยะเวลา
วธิ ีการ และอนื่ ๆ )
- การประเมินแผน/โครงการ/กจิ กรรม (มคี ณะกรรมการกำกับและติดตาม
ขน้ั ตอน ระยะเวลา วธิ ีการ และอื่น ๆ )
- การรายงานและจัดทำขอ้ มูลสารสนเทศ

ภาคผนวก
- สำเนาคำส่งั คณะทำงาน/คณะกรรมการจัดทำแผนพัฒนาการจดั การศกึ ษา
ของสถานศกึ ษา
- บนั ทกึ การให้ความเห็นชอบแผนพฒั นาการจดั การศึกษาของสถานศกึ ษา
ของคณะกรรมการสถานศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน
- เอกสารอืน่ ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง

ทัง้ นี้ อาจพิจารณาปรับได้ตามความเหมาะสม

52

ขนั้ ตอนการจัดทำแผนปฏิบตั กิ ารประจำปี
การจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปี เพื่อพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาอาจดำเนินการเป็นปีการศึกษา

หรือปีงบประมาณ ทั้งนี้ให้เป็นไปตามความพร้อมและการพิจารณาของสถานศึกษาและนโยบายของ
หน่วยงานตน้ สงั กดั มีขน้ั ตอนสำคัญ ดงั แผนภาพที่ 11

แตง่ ตง้ั คณะทำงาน

ศึกษาแผนพัฒนาการจัดการศกึ ษาของสถานศกึ ษา
ทีม่ ุ่งคณุ ภาพตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศกึ ษา

วิเคราะหจ์ ดั ทำรายละเอียดโครงการ/กจิ กรรม

จัดทำรูปเลม่ แผนปฏบิ ตั กิ ารประจำปี

แผนภาพท่ี 11 ข้ันตอนการจัดทำแผนปฏบิ ตั กิ ารประจำปี

1. แตง่ ต้ังคณะทำงาน
คณะทำงานควรประกอบด้วยคณะบุคคลจากหลายฝ่ายทั้งในและนอกสถานศึกษา เช่น

หัวหน้างาน ผู้แทนครู คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้แทนผู้ปกครอง ผู้แทนหน่วยงาน องค์กรปกครอง
ส่วนทอ้ งถ่นิ องคก์ รเอกชน และชมุ ชน ตามความเหมาะสม

2. การศกึ ษาแผนพฒั นาการจดั การศกึ ษาของสถานศกึ ษาท่ีม่งุ คณุ ภาพตามมาตรฐาน
การศึกษาของสถานศึกษา

คณะทำงานศึกษาทำความเขา้ ใจสาระสำคญั ของแผนพัฒนาการจัดการศึกษาที่มุ่งคุณภาพตาม
มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาตามเป้าหมายแต่ละปีให้ชัดเจน เพื่อนำไปสู่การจัดลำดับโครงการ/
กิจกรรมในแผนปฏบิ ตั ิการประจำปี

53

3. การวเิ คราะหจ์ ดั ทำรายละเอียดโครงการ/กจิ กรรม
การจัดทำรายละเอยี ดโครงการ/กิจกรรม ควรมีองคป์ ระกอบทีส่ ำคัญ ดังนี้
1) ช่ือโครงการ
แผนงาน
สนองกลยุทธ์ของ สพฐ.
สนองกลยทุ ธ์ของสถานศกึ ษา (กลยทุ ธ์ตามแผนพฒั นา 3-5 ปีของสถานศึกษา)
สอดคล้องกบั มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา
ลกั ษณะของโครงการ (โครงการใหม/่ โครงการต่อเนือ่ ง)
ผ้รู บั ผิดชอบโครงการ/กิจกรรม /กลุ่มงานทรี่ บั ผิดชอบ
ระยะเวลาดำเนินโครงการ
2) หลักการและเหตผุ ล
หลักการเป็นการนำเสนอที่มาของโครงการ โดยคำนึงถึงกฎหมาย นโยบายทางการศึกษา

ระดับต่าง ๆ จุดหมายในการจัดการศึกษาหรือกระแสสังคมที่เกี่ยวข้อง วิสัยทัศน์พันธกิจของสถานศึกษา
เปน็ ตน้

ส่วนเหตุผลนั้นเป็นการนำเสนอข้อความที่สนับสนุนหรือยืนยันแสดงแนวโน้มให้เห็นว่า
โครงการ/กิจกรรมมีความจำเป็นอย่างไร หากไม่ดำเนินการจะมีผลเสียหายต่อคุณภาพการศึกษาอย่างไร
และหากดำเนินการแล้วจะเป็นผลดีต่อคุณภาพการศึกษาอย่างไร ในส่วนนี้ควรนำเสนอข้อมูลสนับสนุน
เชิงปริมาณและคุณภาพ รวมทั้งข้อเสนอแนะจากการประเมินคุณภาพทั้งภายในและภายนอก ไว้ก็จะเป็น
หลกั ฐานแสดงถงึ ความตระหนักและความพยายามของสถานศกึ ษา ซง่ึ จะชว่ ยใหโ้ ครงการ/กจิ กรรมนนั้ ๆ มี
ความสำคัญและและสมบูรณ์ยิง่ ข้นึ

3) วัตถุประสงค์ เป็นส่วนที่บอกให้ทราบถึงผลที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินงานโครงการ/
กจิ กรรม โดยระบุเปน็ ข้อ ๆ ประมาณ 1-3 ขอ้ เป็นรูปธรรมสามารถวดั และปฏบิ ตั ิได้

4) เปา้ หมาย ควรระบุ 2 ประเด็น ทีส่ อดคลอ้ งกับวัตถุประสงค์ของโครงการ/กจิ กรรม
4.1) เป้าหมายเชิงปรมิ าณ เป็นเปา้ หมายท่แี สดงผลเชงิ ตวั เลข
4.2) เป้าหมายเชิงคุณภาพ เป็นเป้าหมายที่ระบุคุณภาพที่รองรับหลักการและเหตุผล หรือ

ประโยชนข์ องโครงการ
5) วิธีดำเนินการ เป็นขั้นการนำเสนอภารกิจหรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่สำคัญเพื่อให้งานบรรลุ

วัตถุประสงค์ โดยระบุใหช้ ดั เจนว่า “จะทำอะไร ใครเป็นผู้ทำ ทำที่ไหน ทำอย่างไร เริ่มต้นเมื่อใด เสร็จส้ิน
เมื่อใด ไดผ้ ลประการใด”

6) งบประมาณ เป็นการนำเสนอประมาณการค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นของโครงการ/กิจกรรม ควร
จำแนกรายการค่าใช้จ่ายอย่างชัดเจน การระบุยอดงบประมาณ ควรระบุแหล่งที่มาของงบประมาณด้วย
รวมท้ังอาจระบทุ รัพยากรอน่ื ที่ต้องการ เชน่ คน วสั ดุ เป็นต้น

54

7) ระดับความสำเร็จ บอกตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการ/กิจกรรมตามวัตถุประสงค์ และ
แสดงได้ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ เป็นการระบุให้ทราบว่าโครงการจะได้รับการประเมินส่วนใดบ้าง โดย
วธิ ีการและเครอื่ งมอื ประเมินประเภทใด ให้สอดคล้องครอบคลมุ กบั ตัวช้ีวัดความสำเรจ็

8) ผลที่คาดว่าจะได้รับ เมื่อสิ้นสุดโครงการแล้วจะเกิดผลอย่างไรบ้าง ใครเป็นผู้ได้รับ
ผลประโยชน์ สามารถระบุประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งนี้ ไม่ใช่การนำวัตถุประสงค์มาเขียนเป็น
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

4. การจัดทำรูปเลม่ แผนปฏิบัตกิ ารประจำปี
รปู เลม่ แผนปฏิบัตกิ ารประจำปี มอี งค์ประกอบ ดงั นี้
1) ปกนอก
แผนปฏิบตั กิ ารประจำปี………………………. (ปีการศกึ ษา หรือ ปีงบประมาณ)
โรงเรียน………………………………
2) ปกใน
3) คำนำ
4) สารบัญ
5) เนื้อหา ประกอบดว้ ย
- ส่วนที่ 1 บทนำ ควรมีเนื้อหาเกี่ยวกับสรุปย่อประวัติความเป็นมาของสถานศึกษา ภาระ

งาน/ปริมาณงาน ผลงานที่ประสบผลสำเร็จในปีการศึกษาที่ผ่านมา ประมาณการจำนวนนักเรียนและ
รายรบั ของสถานศกึ ษา ปีการศึกษาทน่ี ำมาจัดทำแผนปฏิบตั ิการ

- ส่วนที่ 2 ทิศทางการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา ควรมีเนื้อหาเกี่ยวกับ วิสัยทัศน์ พันธกิจ
เป้าหมาย อัตลักษณ์ และเอกลักษณ์ของสถานศึกษา สภาพความสำเร็จที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเมื่อส้ิน
ปีการศึกษา

- ส่วนที่ 3 รายละเอียดของแผนงาน (กลยุทธ์ระดับองค์กร) โครงการ/กิจกรรม และ
ประมาณการงบประมาณ

- สว่ นท่ี 4 การกำกบั ติดตาม ประเมิน และรายงาน
- ภาคผนวก ประกอบด้วย สำเนาคำสั่งคณะทำงาน/คณะกรรมการจัดทำแผนปฏิบัติการ
ประจำปีของสถานศึกษา บันทึกการให้ความเห็นชอบแผนปฏิบัติการประจำปีของสถานศึกษาของ
คณะกรรมการสถานศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน

55

องคป์ ระกอบของแผนปฏิบัติการประจำปี

สว่ นท่ี 1 บทนำ

สรุปย่อความเปน็ มาของสถานศึกษา

ภาระงาน/ปริมาณงาน

ผลงานทีป่ ระสบความสำเร็จในปีการศกึ ษาทผี่ า่ นมา

ประมาณการจำนวนนกั เรยี นและรายรบั ของสถานศึกษา ปีการศกึ ษา……………..

รายการ จำนวน (บาท) หมายเหตุ

1. เงินอุดหนุนรายหัว

1.1 ชั้นอนุบาล 2 จำนวน……….คน

1.2 ชน้ั อนบุ าล 3 จำนวน……….คน

1.3 ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1 จำนวน……….คน

1.4 ชน้ั ………………………… จำนวน……….คน

1.5 ชัน้ ………………………… จำนวน……….คน

ฯลฯ

2. เงินอุดหนนุ อ่ืน ๆ

2.1 ……………………………

2.2 ……………………………

ฯลฯ

3. เงินบริจาคอนื่ ๆ

3.1 ……………………………

3.2 ……………………………

ฯลฯ

รวม

สว่ นที่ 2 ทิศทางการพัฒนาคุณภาพสถานศกึ ษา
วิสยั ทัศน์ (vison)

พันธกจิ (Mission)

เปา้ หมาย (Goals)
อตั ลกั ษณ์ของสถานศึกษา (Identity)

เอกลักษณข์ องสถานศกึ ษา (uniqueness)

56

สภาพความสำเร็จที่คาดวา่ จะเกิดขน้ึ เมือ่ ส้ินปกี ารศกึ ษา…………………

ตวั ชว้ี ัดความสำเร็จ โครงการ/กิจกรรม กลยุทธ์

ส่วนที่ 3 รายละเอยี ดของแผนงาน (กลยุทธ์ระดับองคก์ ร) โครงการ/กิจกรรม และ
ประมาณการงบประมาณ

สว่ นท่ี 3.1 รายละเอยี ดของแผนงาน (กลยทุ ธ์ระดับองคก์ ร) โครงการ/กิจกรรม และประมาณการ
งบประมาณ จำแนกตามโครงสร้างการบรหิ ารงานของสถานศึกษา

การบริหารงานของสถานศกึ ษา งบประมาณ หมายเหตุ

1. ด้านการบรหิ ารวิชาการ ตอ้ งเป็นโครงการท่ปี รากฎ
1.1 โครงการ…………… ในแผนพัฒนาการจัด
1) กจิ กรรม……… การศึกษาฯ และโครงการ/
2) กจิ กรรม……… กจิ กรรมท่สี นองอัตลักษณ์
ฯลฯ ของสถานศกึ ษา นโยบาย
1.2 โครงการ…………… จุดเน้นของหนว่ ยงานต้น
ฯลฯ สงั กดั

2. ด้านการบริหารงานบุคคล
1.1 โครงการ……………
1) กจิ กรรม………
2) กิจกรรม………
ฯลฯ

1.2 โครงการ……………
ฯลฯ

3. ด้านการบรหิ ารงานงบประมาณ
1.1 โครงการ……………
1) กจิ กรรม………
2) กจิ กรรม………
ฯลฯ
1.2 โครงการ……………
ฯลฯ

57

การบริหารงานของสถานศกึ ษา งบประมาณ หมายเหตุ

4. ดา้ นการบรหิ ารทั่วไป
1.1 โครงการ……………
1) กิจกรรม………
2) กิจกรรม………
ฯลฯ
1.2 โครงการ……………
ฯลฯ

หมายเหตุ : โครงการ/กิจกรรมทีส่ นองอัตลักษณ์ของ
สถานศกึ ษา สนองนโยบายพิเศษ จุดเน้นของ
หน่วยงานต้นสังกดั อาจเรยี งไวใ้ นกลุ่มการบรหิ ารงาน
ของสถานศกึ ษาที่เกย่ี วข้องหรือจัดเรยี งเปน็ ลำดบั ท่ี 5
และ 6 ก็ได้

สว่ นท่ี 3.2 รายละเอยี ดโครงการ/กิจกรรม
ตัวอยา่ งแบบฟอร์มการเขียนโครงการ/กิจกรรมทบ่ี รรจไุ วใ้ นแผนปฏิบตั กิ ารประจำปี

ชือ่ โครงการ…………………………………………………………...…………………………….
แผนงาน……………………………………………………………………………………..,……….
สนองกลยุทธ์ของ สพฐ. ท่ี……………………………………………………………………….
สนองกลยุทธ์ของสถานศกึ ษา ท…ี่ …………………………………………………………….
สอดคลอ้ งกับมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา

มาตรฐานท…่ี …………………………………………………………………………….
ประเด็นการพจิ ารณาท่ี………………………………………………………………
ลกั ษณะของโครงการ……………………………………………………………………………..
ผู้รบั ผิดชอบโครงการ/กจิ กรรม………………………………………………………………..
ระยะเวลาดำเนนิ โครงการ………………………………………………………………………
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

1. หลกั การและเหตผุ ล………………………………………..………………….
2. วัตถุประสงค์

2.1 ………………………………………………………………………………….
2.2 ………………………………………………………………………………….

58

3. เป้าหมาย
3.1 เป้าหมายเชิงปริมาณ..………………………………………………….
3.2 เป้าหมายเชิงคุณภาพ..………………………………………………….

6. วธิ ีดำเนินการ/ขนั้ ตอนดำเนนิ งาน

กิจกรรม ระยะเวลา งบประมาณ ผ้รู ับผิดชอบ

1. ………………………………
2. ………………………………
3. ………………………………
4. ………………………………

7. งบประมาณทง้ั สิ้น………………………………………………………………….บาท

7.1 สพฐ. จำนวน…………บาท

7.2 สพป.ลำปาง เขต 1 จำนวน…………บาท

7.3 สพป.ลำปาง เขต 1 จำนวน…………บาท

7.3 อนื่ ๆ (ระบุ)…… - จำนวน…………บาท

8. ตัวช้ีวัดความสำเรจ็ และค่าเป้าหมาย

ตัวช้วี ัดความสำเร็จ ค่าเป้าหมาย วธิ กี ารประเมิน เครือ่ งมอื

1. ………………………………………….
2. ………………………………………….
3. ………………………………………….

9. ผลทคี่ าดว่าจะได้รบั
9.1………………………………………………………….
9.2………………………………………………………….

ลงชือ่ …………………………………………ผู้เสนอโครงการ
(……………………………………….)

ลงชื่อ…………………………………………ผูอ้ นุมตั โิ ครงการ
(……………………………………….)

59

ส่วนที่ 4 การกำกับ ตดิ ตาม ประเมิน และรายงาน
- การกำกับ ตดิ ตาม (มคี ณะกรรมการกำกบั และติดตาม ข้ันตอน ระยะเวลา วธิ กี าร และอน่ื ๆ)
- การประเมินแผน/โครงการ/กิจกรรม (มีคณะกรรมการกำกับและติดตาม ขั้นตอน ระยะเวลา

วิธกี าร และอืน่ ๆ )
- การรายงานและจดั ทำข้อมลู สารสนเทศ

ภาคผนวก
- สำเนาคำสงั่ คณะทำงาน/คณะกรรมการจดั ทำแผนปฏบิ ตั กิ ารประจำปขี องสถานศกึ ษา
- บันทึกการให้ความเห็นชอบแผนปฏิบัติการประจำปีของสถานศึกษาของคณะกรรมการ

สถานศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน
- เอกสารอ่นื ๆ ทีเ่ ก่ียวข้อง

ทัง้ น้ี อาจพจิ ารณาปรับได้ตามความเหมาะสม

หนว่ ยที่ 4
การประเมินคุณภาพภายในตามมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศึกษา

แนวคดิ เก่ยี วกบั การประเมนิ คุณภาพภายในตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา

การประเมินคุณภาพภายใน (Internal Quality Assessment) เป็นระบบและกลไกใน
การควบคุม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินงานของสถานศึกษา ให้เป็นไปตามนโยบายท่ี
กำหนดโดยสถานศึกษาและ/หรือหนว่ ยงานตน้ สังกัด ตอ้ งดำเนนิ การใหเ้ ปน็ ส่วนหน่ึงของกระบวนการ
บริหารการศึกษาอย่างต่อเนื่อง กระบวนการประเมินคุณภาพภายในเป็นการประเมินคุณภาพ
การศกึ ษาตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา

การประเมินคุณภาพภายในกระทำโดยบุคลากรในหน่วยงานหรือผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ช่วยในการปรับปรุงพัฒนาการดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายตามที่กำหนด ถือเป็น
กระบวนการตรวจสอบการทำงานของตนเอง (self-evaluation) โดยประเมินผลการปฏิบัติงานตาม
มาตรฐานการศึกษา เพื่อให้ได้ข้อมูลที่นำไปสู่การพัฒนาปรับปรุงตนเองและพร้อมที่จะได้รับ
การประเมนิ คุณภาพจากหนว่ ยงานต้นสังกดั และการประเมินจากหนว่ ยงานภายนอกอีกด้วย

หลักการสำคัญของการประเมินคุณภาพภายในของสถานศกึ ษา

1) จุดมุ่งหมายของการประเมนิ คุณภาพภายใน คือ การที่สถานศึกษาร่วมกันพัฒนาปรับปรุง
คุณภาพให้เป็นไปตามมาตรฐานการศึกษา โดยมเี ปา้ หมายสำคัญอยู่ทีก่ ารพัฒนาคุณภาพให้เกิดขึ้นกับ
ผเู้ รียน

2) การทีจ่ ะดำเนนิ การให้บรรลเุ ปา้ หมายตามข้อ 1) ตอ้ งทำใหก้ ารประกันคุณภาพภายในเป็น
ส่วนหนึง่ ของกระบวนการบริหารจัดการและการทำงานของบุคลากรทุกคนในสถานศึกษา และไม่เป็น
กระบวนการที่แยกส่วนมาจากการดําเนินงานตามปกติของสถานศึกษา โดยสถานศึกษาต้องวางแผน
พัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษาและแผนปฏิบัติการที่ชัดเจน มีการทำตามแผน มีการตรวจสอบ
ประเมนิ ผล และพัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเน่ือง เป็นระบบที่มคี วามโปรง่ ใส และมจี ติ สาํ นึกในการพฒั นาคุณภาพ
การทำงาน

3) การประเมินคุณภาพภายในเป็นหน้าที่ของบุคลากรทุกคนในสถานศึกษา ไม่ว่าจะเป็น
ผู้บริหาร ครู อาจารย์ และบุคลากรอื่น ๆ ในสถานศึกษา โดยในการดำเนินงานจะต้องให้ผู้ที่มีส่วน
เกี่ยวข้อง เช่น ผู้บริหาร ครู ผู้เรียน ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษา ชุมชน เขตพื้นที่การศึกษา
หรือหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมาย วางแผน ติดตามประเมินผล
การดําเนินงานของสถานศึกษา พัฒนา ปรับปรุง ร่วมกันคิด ร่วมกันทำ และ ร่วมกันผลักดันให้

61

สถานศึกษามีคุณภาพ เพื่อให้ผู้เรียนได้รับการศึกษาที่ดีมีคุณภาพเป็นไปตามความต้องการของ
ผปู้ กครอง ชมุ ชน ผู้มีส่วนเก่ียวขอ้ ง สงั คม และประเทศชาติ

วตั ถุประสงคข์ องการประเมินคณุ ภาพภายใน

1) เพ่อื ตรวจสอบคุณภาพและผลการปฏิบัติงานของสถานศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของ
สถานศึกษา

2) เพื่อนำผลการประเมินคุณภาพภายในมาใช้เป็นข้อมูลประกอบในการตัดสินใจวางแผน
พฒั นาและปรับปรงุ คุณภาพการศึกษา

3) เพอ่ื พฒั นาระบบการประเมนิ คุณภาพภายในตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศกึ ษา
4) เพื่อนําข้อมูลผลการประเมินคุณภาพภายในตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาไป
จัดทำรายงานประจำปี

การประเมินคุณภาพภายในตามมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศึกษา

การประเมินคุณภาพภายในตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา จะต้องมีความชัดเจน
มีความเป็นปรนัย (Objectivity) มีความเหมาะสมกับสิ่งที่ถูกประเมิน ดังนั้น การเลือกใช้วิธีการ
ประเมนิ ตอ้ งเลอื กวธิ ีการที่มีประสิทธภิ าพ หลีกเลย่ี งขอ้ ผดิ พลาดที่อาจจะเกิดข้ึนใหม้ ากท่สี ุด มีการตรวจสอบ
ความถูกต้อง จากข้อมูลหลาย ๆ แห่ง อย่างไรก็ตาม ความสำคัญของความชัดเจนและความถูกต้อง
ของการประเมินเป็นจุดสำคัญ ทั้งนี้ ในการประชุมของ The Joint Committee on Standard for
Educational ไดส้ รา้ งมาตรฐานการประเมินขึ้น เรียกวา่ “Standard of Evaluation” หรอื มาตรฐาน
การประเมิน ซง่ึ สถานศึกษา สามารถนำมาใช้ในการประเมินในแต่ละมาตรฐานการศกึ ษาไดด้ ังน้ี

1) มาตรฐานด้านประโยชน์จากการประเมิน (Utility Standard) ผลการประเมินต้องให้
ข้อมูลตรงตามที่ผู้ใช้ผลการประเมินอยากรู้ (เช่น ผู้บริหาร ครู นักเรียน ผู้ปกครอง และผู้ที่มีส่วน
เกีย่ วขอ้ ง ฯลฯ) นําไปใช้ประโยชนใ์ นการพัฒนาปรบั ปรงุ การดําเนนิ งานได้จริง โดยเฉพาะหากสามารถ
ใหข้ อ้ มลู ชว่ ยในการปรับปรงุ ตนเองได้ในระดับบุคคล (นกั เรียน ครู ผบู้ ริหาร บุคลากร ในสถานศึกษา)
กจ็ ะทำให้มีประโยชน์มากย่งิ ขึน้

2) มาตรฐานด้านความเปน็ ไปได้ (Feasibility Standard) วิธีการที่ใชใ้ นการประเมนิ จะต้องมี
ความเป็นไปได้ในแนวทางปฏบิ ตั จิ รงิ ประหยดั คมุ้ คา่ และเหมาะสม

3) มาตรฐานด้านความเหมาะสม (Propriety Standard) วิธีการที่ใช้ในการประเมินต้องไม่
ส่งผลกระทบตอ่ ผทู้ ่เี กี่ยวข้องกับการประเมนิ เช่น ไม่กอ่ ใหเ้ กดิ ผลเสียหายกับผูใ้ หข้ ้อมลู

4) มาตรฐานด้านความถูกต้อง (Accuracy Standard) วิธีการที่ใช้ในการประเมินต้องมี
ความถกู ต้อง ให้ขอ้ มลู เชือ่ ถอื ได้ เช่น เครอื่ งมือที่ใช้ในการประเมนิ ต้องสามารถวัดตวั บ่งช้ีท่ีต้องการวัด

62

ได้จริงมีความครบถ้วนสมบูรณ์ ตามตัวบ่งชี้ที่ต้องการวัด แหล่งผู้ให้ข้อมูลเชื่อถือได้ ให้ข้อมูลตาม
ความเป็นจริง วิธีการวิเคราะห์และการเสนอผลการประเมินถูกต้องและผลการประเมินมีความเป็น
ปรนยั

มาตรฐานการศกึ ษา คำอธบิ าย และระดบั คณุ ภาพ

การพัฒนามาตรฐานการศึกษา มีแนวคิดว่าต้องเป็นมาตรฐานที่สถานศึกษาปฏิบัติได้จริง
ประเมินได้จริง กระชับ และจำนวนน้อย แต่สามารถสะท้อนบริบทของสถานศึกษาและคุณภาพ
การศึกษาได้จริง ข้อมูลที่ได้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาการศึกษาทุกระดับ ตั้งแต่ระดับสถานศึกษา
ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ระดับหน่วยงานต้นสังกัด และระดับชาติ ดังนั้น การกำหนดมาตรฐาน
การศึกษาจึงเนน้ ท่ีคุณภาพผู้เรยี น คุณภาพผบู้ ริหารสถานศึกษา และคุณภาพครู มีความสอดคล้องกับ
มาตรฐานการศึกษาชาติ และขอ้ กำหนดในกฎกระทรวงการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา พ.ศ. 2561

มาตรฐานการศึกษาในแตล่ ะระดับ กำหนดเกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพของมาตรฐานมี 5 ระดับ
คือ ระดับกำลังพัฒนา ระดับปานกลาง ระดับดี ระดับดีเลิศ และระดับยอดเยี่ยม รายละเอียดของ
มาตรฐานการศกึ ษาแต่ละระดับ ประเด็นพจิ ารณา และระดับคณุ ภาพ ดงั นี้

มาตรฐานการศึกษาระดบั ปฐมวัย
มาตรฐานการศึกษา ระดับปฐมวยั พ.ศ. 2561 มจี ำนวน 3 มาตรฐาน ไดแ้ ก่
มาตรฐานท่ี 1 คุณภาพของเด็ก
มาตรฐานที่ 2 กระบวนการบรหิ ารและการจัดการ
มาตรฐานที่ 3 การจดั ประสบการณ์ท่เี น้นเดก็ เป็นสำคญั

รายละเอยี ดแตล่ ะมาตรฐาน มดี งั นี้

มาตรฐานที่ 1 คุณภาพของเดก็
1.1 มพี ฒั นาการดา้ นรา่ งกาย แขง็ แรง มสี ุขนสิ ัยท่ดี ี และดแู ลความปลอดภยั ของตนเองได้
1.2 มพี ัฒนาการดา้ นอารมณ์ จิตใจ ควบคมุ และแสดงออกทางอารมณ์ได้
1.3 มพี ัฒนาการด้านสงั คม ช่วยเหลอื ตนเอง และเป็นสมาชิกที่ดขี องสงั คม
1.4 มีพฒั นาการดา้ นสตปิ ญั ญา สอ่ื สารได้ มที ักษะการคิดพื้นฐาน และแสวงหาความรไู้ ด้

63

คำอธิบาย
มาตรฐานที่ 1 คณุ ภาพของเด็ก
ผลพัฒนาการเด็กในดา้ นรา่ งกาย อารมณ์ จติ ใจ สงั คม และสติปัญญา
1.1 มีพฒั นาการดา้ นร่างกาย แขง็ แรง มีสขุ นสิ ัยทีด่ ี และดแู ลความปลอดภัยของตนเองได้
เด็กมีน้ำหนัก ส่วนสูงตามเกณฑ์มาตรฐาน เคลื่อนไหวร่างกายคล่องแคล่ว ทรงตัวได้ดี

ใช้มือและตาประสานสัมพันธ์ได้ดี ดูแลรักษาสุขภาพอนามัยสว่ นตนและปฏบิ ัติจนเป็นนิสัย ปฏิบัติตน
ตามข้อตกลงเกยี่ วกับความปลอดภัย หลีกเลยี่ งสภาวะทเ่ี ส่ียงต่อโรค สงิ่ เสพตดิ และระวงั ภัยจากบคุ คล
ส่ิงแวดลอ้ มและสถานการณท์ ี่เส่ียงอันตราย

1.2 มีพฒั นาการดา้ นอารมณ์ จิตใจ ควบคมุ และแสดงออกทางอารมณ์ได้
เด็กร่าเริงแจ่มใส แสดงอารมณ์ความรู้สึกได้เหมาะสม รู้จักยับยั้งชั่งใจ อดทนในการรอคอย

ยอมรบั และพอใจในความสามารถและผลงานของตนเองและผู้อนื่ มีจิตสำนกึ และค่านิยมทีด่ ี มีความมั่นใจ
กล้าพดู กล้าแสดงออก ช่วยเหลอื แบ่งปัน เคารพสทิ ธิ รู้หนา้ ทร่ี บั ผิดชอบ อดทนอดกลน้ั ซ่ือสัตย์สุจริต
มีคุณธรรมจริยธรรมตามที่สถานศึกษากำหนด ชื่นชมและมีความสุขกับศิลปะ ดนตรี และ
การเคลอ่ื นไหว

1.3 มีพฒั นาการดา้ นสงั คม ชว่ ยเหลือตนเอง และเป็นสมาชกิ ท่ีดขี องสังคม
เด็กช่วยเหลือตนเองในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน มีวินัยในตนเอง ประหยัดและ

พอเพียง มีส่วนร่วมดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในและนอกห้องเรียน มีมารยาทตามวัฒนธรรมไทย เช่น
การไหว้ การยิ้มทักทาย และมีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่ เป็นต้น ยอมรับหรือเคารพความแตกต่าง
ระหว่างบุคคล เช่น ความคิด พฤติกรรม พื้นฐานครอบครัว เชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม เป็นต้น เล่น
และทำงานรว่ มกบั ผ้อู น่ื ได้ แกไ้ ขข้อขดั แยง้ โดยปราศจากการใช้ความรนุ แรง

1.4 มีพัฒนาการดา้ นสตปิ ญั ญา ส่ือสารได้ มีทกั ษะการคดิ พ้นื ฐาน และแสวงหาความรไู้ ด้
เด็กสนทนาโต้ตอบและเล่าเรื่องให้ผู้อื่นเข้าใจ ตั้งคำถามในสิ่งที่ตนเองสนใจหรือสงสัย

และพยายามค้นหาคำตอบ อ่านนิทานและเล่าเร่ืองที่ตนเองอ่านได้เหมาะสมกับวัย มคี วามสามารถใน
การคิดรวบยอด การคิดเชิงเหตุผลทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ การคิดแก้ปัญหาและสามารถ
ตัดสินใจในเรื่องง่าย ๆ ได้ สร้างสรรค์ผลงานตามความคิดและจินตนาการ เช่น งานศิลปะ การเคลื่อนไหว
ท่าทาง การเล่นอิสระ เป็นต้น และใช้สื่อเทคโนโลยี เช่น แว่นขยาย แม่เหล็ก กล้องดิจิตอล เป็นต้น
เป็นเครื่องมือในการเรยี นรแู้ ละแสวงหาความรู้ได้

64

การใหร้ ะดับคณุ ภาพ

ระดบั คุณภาพ ประเด็นพิจารณา

กำลังพัฒนา  มีพัฒนาการดา้ นรา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สงั คม และสตปิ ัญญา ยังไมบ่ รรลุตาม
ปานกลาง เป้าหมายทสี่ ถานศึกษากำหนด

ดี  มพี ฒั นาการด้านรา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สงั คม และสตปิ ัญญา ยังไม่บรรลตุ าม
ดเี ลศิ เป้าหมายทีส่ ถานศึกษากำหนด
 มีการจดั ประสบการณ์การเรยี นร้ตู ามหลกั สตู รและมีแผนงาน/โครงการ/
ยอดเย่ียม กิจกรรมเสรมิ ในการพัฒนาเด็กทย่ี งั ไม่บรรลตุ ามเป้าหมายท่ีสถานศึกษากำหนด

 มีพัฒนาการด้านรา่ งกาย อารมณ์ จติ ใจ สังคม และสติปัญญา บรรลุตาม
เป้าหมายที่สถานศกึ ษากำหนด

 มีพฒั นาการด้านรา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สงั คม และสติปัญญา บรรลุตาม
เปา้ หมายทส่ี ถานศกึ ษากำหนด
 มกี ารจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้ตามหลักสูตรและมีแผนงาน/โครงการ/
กจิ กรรมเสริมในการพฒั นาเด็กอย่างเป็นระบบและต่อเน่อื ง

 มพี ัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ จติ ใจ สงั คม และสติปัญญา บรรลตุ าม
เป้าหมายทีส่ ถานศึกษากำหนด มีความพร้อมในการศึกษาระดับประถมศึกษา
 มกี ารจัดประสบการณ์การเรียนรตู้ ามหลักสูตรและมแี ผนงาน/โครงการ/
กิจกรรมเสริม ในการพัฒนาเด็กอยา่ งเป็นระบบและต่อเนอื่ ง
 มีส่วนร่วมของพ่อแมค่ รอบครัว ชมุ ชน และทกุ ฝ่ายท่เี ก่ียวขอ้ งในการส่งเสรมิ
พัฒนาการของเด็ก

มาตรฐานท่ี 2 กระบวนการบริหารและการจัดการ
2.1 มีหลักสูตรครอบคลมุ พัฒนาการท้ัง 4 ดา้ น สอดคล้องกับบรบิ ทของท้องถนิ่
2.2 จดั ครูให้เพียงพอกบั ช้นั เรียน
2.3 ส่งเสริมให้ครมู คี วามเชย่ี วชาญดา้ นการจดั ประสบการณ์
2.4 จัดสภาพแวดล้อมและสือ่ เพอ่ื การเรียนรู้ อยา่ งปลอดภัย และเพียงพอ
2.5 ให้บรกิ ารส่อื เทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อการเรยี นรูเ้ พ่ือสนับสนนุ การจัดประสบการณ์
2.6 มีระบบบรหิ ารคุณภาพท่เี ปดิ โอกาสให้ผ้เู กย่ี วข้องทกุ ฝ่ายมีส่วนรว่ ม

65

คำอธิบาย
มาตรฐานที่ 2 กระบวนการบรหิ ารและการจัดการ
สถานศึกษาดำเนินการบริหารและจัดการสถานศึกษาที่ครอบคลุมด้านวิชาการ ด้านครูและ

บุคลากรด้านข้อมูลสารสนเทศ ด้านสภาพแวดล้อมและสื่อเพื่อการเรียนรู้ และด้านระบบประกัน
คุณภาพภายใน โดยเปิดโอกาสให้ผู้เก่ียวข้องทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา มกี ารกำกับติดตาม
การดำเนินงานอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจต่อคุณภาพการจัดการศึกษาของ
สถานศกึ ษา

2.1 มีหลักสูตรครอบคลุมพัฒนาการทงั้ 4 ดา้ น สอดคล้องกับบริบทของท้องถิ่น
สถานศึกษามีหลักสตู รสถานศึกษาทยี่ ืดหยุ่นและสอดคล้องกับหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย

โดยสถานศึกษาออกแบบการจัดประสบการณ์ที่เตรียมความพร้อมและไม่เร่งรัดวิชาการ เน้นการเรียนรู้
ผ่านการเล่นและการลงมือปฏิบัติ ตอบสนองความต้องการและความแตกต่างของเด็กปกติ และ
กลมุ่ เป้าหมายเฉพาะ และสอดคลอ้ งกับวถิ ชี วี ิตของครอบครวั ชมุ ชนและทอ้ งถิน่

2.2 จดั ครใู หเ้ พยี งพอกับชนั้ เรยี น
สถานศึกษาจัดครูให้เหมาะสมกับภารกิจการเรียนการสอนหรือจัดครูที่จบการศึกษา

ปฐมวัยหรอื ผา่ นการอบรมการศกึ ษาปฐมวัยอย่างพอเพยี งกบั ช้นั เรยี น
2.3 ส่งเสริมให้ครมู ีความเชี่ยวชาญด้านการจัดประสบการณ์
พัฒนาครูและบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถในการวิเคราะห์และออกแบบ หลักสูตร

สถานศึกษา มีทักษะในการจัดประสบการณแ์ ละการประเมินพัฒนาการเด็ก ใชป้ ระสบการณ์สำคัญใน
การออกแบบการจัดกิจกรรม มีการสังเกตและประเมินพัฒนาการเด็กเป็นรายบคุ คล มีปฏิสัมพันธ์ท่ดี ี
กับเด็กและครอบครวั

2.4 จัดสภาพแวดล้อมและส่ือเพ่ือการเรียนรู้ อยา่ งปลอดภัยและเพยี งพอ
สถานศึกษาจัดสภาพแวดล้อมภายในและภายนอกห้องเรียนที่คำนึงถึงความปลอดภัย

ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้เป็นรายบุคคลและกลุ่ม เล่นแบบร่วมมือร่วมใจ มีมุมประสบการณ์
หลากหลาย มีสื่อการเรียนรู้ เช่น ของเล่น หนังสือนิทาน สื่อจากธรรมชาติ สื่อสำหรับเด็กมุดลอด
ปนี ป่าย สือ่ เทคโนโลยี ส่ือเพ่อื การสืบเสาะหาความรู้

2.5 ใหบ้ รกิ ารส่ือเทคโนโลยสี ารสนเทศและสื่อการเรยี นรเู้ พอ่ื สนับสนุนการจดั
ประสบการณ์สำหรับครู

สถานศึกษาอำนวยความสะดวกและให้บรกิ ารสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ วัสดแุ ละอุปกรณ์
เพ่อื สนับสนนุ การจดั ประสบการณแ์ ละพฒั นาครู

66

2.6 มรี ะบบบรหิ ารคุณภาพท่ีเปิดโอกาสให้ผเู้ กย่ี วข้องทุกฝ่ายมีส่วนรว่ ม
สถานศึกษากำหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาที่สอดคล้องกับมาตรฐาน

การศึกษาปฐมวัย และอัตลักษณ์ที่สถานศึกษากำหนดจัดทำแผนพัฒนาการศึกษาของสถานศึกษาท่ี
สอดรับกับมาตรฐาน ที่สถานศึกษากำหนดและดำเนินการตามแผน มีการประเมินผลและตรวจสอบ
คุณภาพภายในสถานศึกษา ติดตามผลการดำเนินงานและจัดทำรายงานผลการประเมินตนเอง
ประจำปี นำผลการประเมินไปปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพสถานศกึ ษา โดยผู้ปกครองและผูเ้ กีย่ วขอ้ ง
ทกุ ฝา่ ยมสี ว่ นรว่ มและจดั ส่งรายงานผลการประเมินตนเองให้หนว่ ยงานต้นสังกดั

การใหร้ ะดับคณุ ภาพ

ระดบั คุณภาพ ประเดน็ พจิ ารณา

กำลังพัฒนา  มหี ลกั สตู รสถานศกึ ษาท่ีไม่ยืดหยนุ่ ไมส่ อดคลอ้ งกบั หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย
ปานกลาง และบริบทของทอ้ งถ่นิ
 มีระบบบรหิ ารคุณภาพ แต่ไม่ส่งผลตอ่ การพฒั นาคณุ ภาพเด็กปฐมวยั
ดี
 มีหลกั สูตรสถานศกึ ษาทยี่ ืดหยนุ่ สอดคล้องกับหลักสูตรการศกึ ษาปฐมวยั และ
บริบทของท้องถิ่น
 มีระบบบรหิ ารคุณภาพ แต่ไม่ส่งผลต่อการพฒั นาคณุ ภาพเด็กปฐมวยั

 มหี ลกั สตู รสถานศกึ ษาทยี่ ืดหยุ่น สอดคลอ้ งกับหลักสูตรการศกึ ษาปฐมวยั และ
บริบทของท้องถิน่
 จัดครูใหเ้ พยี งพอและเหมาะสมกบั ชนั้ เรยี น
 มกี ารส่งเสริมให้ครูมีความเชี่ยวชาญดา้ นการจดั ประสบการณท์ ่สี ง่ ผลตอ่
คณุ ภาพเด็กเป็นรายบุคคล
 จดั สภาพแวดล้อมอยา่ งปลอดภยั และมสี ่ือเพื่อการเรียนรู้อยา่ งเพยี งพอและ
หลากหลาย
 ใหบ้ รกิ ารสอื่ เทคโนโลยีสารสนเทศและส่ือการเรียนรู้เพื่อสนบั สนุน
การจดั ประสบการณ์เหมาะสมกับบริบทของสถานศึกษา
 มรี ะบบบริหารจดั การคุณภาพของสถานศึกษาท่สี ่งผลต่อคุณภาพตาม
มาตรฐานของสถานศึกษาและเปิดโอกาสให้ผเู้ ก่ยี วข้องทุกฝา่ ยมีสว่ นร่วม

67

ระดบั คุณภาพ ประเด็นพจิ ารณา

ดเี ลศิ  มกี ารประเมนิ และพัฒนาหลกั สูตรสถานศกึ ษา ให้สอดคล้องกับหลักสตู ร
ยอดเย่ียม การศึกษาปฐมวยั และบรบิ ทของท้องถน่ิ
 จดั ครูใหเ้ พยี งพอและเหมาะสมกับชั้นเรยี น
 มีการส่งเสริมให้ครูมีความเชยี่ วชาญดา้ นการจัดประสบการณท์ ่ีสง่ ผลต่อ
คุณภาพเด็กเป็นรายบุคคล ตรงความต้องการของครูและสถานศกึ ษา
 จดั สภาพแวดลอ้ มอยา่ งปลอดภัย และมีส่ือเพื่อการเรยี นรูอ้ ย่างเพยี งพอและ
หลากหลาย
 ใหบ้ รกิ ารสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อการเรยี นรู้เพ่ือสนบั สนุนการจดั
ประสบการณ์เหมาะสมกับบริบทของสถานศึกษา
 มีระบบบรหิ ารจดั การคณุ ภาพของสถานศึกษา การชแ้ี นะระหว่าง
การปฏบิ ตั งิ านทีส่ ่งผลต่อคณุ ภาพตามมาตรฐานของสถานศกึ ษา บรู ณาการการ
ปฏิบตั งิ านและเปดิ โอกาสใหผ้ ู้เกยี่ วขอ้ งทุกฝา่ ยมสี ่วนร่วม

 มีการประเมินและพัฒนาหลักสตู รสถานศึกษา ใหส้ อดคลอ้ งกับหลกั สูตร
การศกึ ษาปฐมวัยและบริบทของท้องถ่นิ
 จัดครูให้เพียงพอและเหมาะสมกบั ชน้ั เรียน
 มกี ารส่งเสริมใหค้ รูมคี วามเชย่ี วชาญด้านการจดั ประสบการณ์ทีส่ ง่ ผลต่อ
คุณภาพเด็กเปน็ รายบุคคล ตรงความตอ้ งการของครูและสถานศกึ ษา และ
จดั ให้มีชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ
 จดั สภาพแวดลอ้ มอยา่ งปลอดภัย และมสี ่ือเพ่ือการเรยี นรู้อยา่ งเพียงพอและ
หลากหลาย
 ใหบ้ ริการสอื่ เทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อการเรียนรู้เพื่อสนบั สนนุ
การจัดประสบการณเ์ หมาะสมกับบริบทของสถานศึกษา
 มรี ะบบบริหารจดั การคุณภาพของสถานศึกษาทีเ่ หมาะสมและต่อเน่ือง
มีการช้แี นะระหว่างการปฏบิ ัติงานสง่ ผลตอ่ คุณภาพตามาตรฐานของสถานศึกษา
บรู ณาการ การปฏบิ ัติงานและเปิดโอกาสให้ผู้เกีย่ วข้องทุกฝ่ายมสี ว่ นร่วมจนเป็น
แบบอยา่ งท่ดี แี ละได้รบั การยอมรับจากชมุ ชนและหนว่ ยงานทเ่ี กยี่ วข้อง

68

มาตรฐานที่ 3 การจดั ประสบการณ์ที่เน้นเดก็ เป็นสำคญั
3.1. จดั ประสบการณท์ ่ีส่งเสริมให้เด็กมพี ฒั นาการทุกด้านอย่างสมดลุ เต็มศักยภาพ
3.2 สร้างโอกาสใหเ้ ด็กไดร้ บั ประสบการณต์ รง เลน่ และปฏิบตั ิอย่างมีความสขุ
3.3 จัดบรรยากาศท่ีเอื้อตอ่ การเรียนรู้ใชส้ อ่ื และเทคโนโลยีท่ีเหมาะสมกบั วยั
3.4 ประเมนิ พัฒนาการเด็กตามสภาพจรงิ และนำผลการประเมินพัฒนาการเด็กไปปรับปรุง
การจดั ประสบการณ์และพัฒนาเด็ก

คำอธบิ าย
มาตรฐานที่ 3 การจัดประสบการณท์ เ่ี น้นเด็กเป็นสำคัญ
ครูจัดประสบการณ์ให้เด็กมีพัฒนาการทุกด้านอย่างสมดุลเต็มศักยภาพ รู้จักเด็กเป็น

รายบุคคลและสร้างโอกาสให้เด็กทุกคนได้รับประสบการณ์ตรง เล่นและลงมือกระทำผ่านประสาท
สัมผัส จัดบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ ใช้สื่อและเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับวัย มีการติดตามและ
ประเมนิ ผลพฒั นาการเด็กอย่างเปน็ ระบบ

3.1 จัดประสบการณท์ ่สี ่งเสริมใหเ้ ด็กมีพฒั นาการทกุ ดา้ นอย่างสมดุลเต็มศักยภาพ
ครูวิเคราะห์ข้อมูลเด็กเป็นรายบุคคล จัดทำแผนการจัดประสบการณ์จากการวิเคราะห์

มาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ในหลักสูตรสถานศึกษา โดยมีกิจกรรมที่ส่งเสริมพัฒนาการเด็ก
ครบทุกด้าน ทั้งด้านร่างกาย ด้านอารมณ์ จิตใจ ด้านสังคม และด้านสติปัญญา ไม่มุ่งเน้นการพัฒนา
ดา้ นใด ดา้ นหนงึ่ เพยี งดา้ นเดียว

3.2 สร้างโอกาสใหเ้ ดก็ ได้รบั ประสบการณ์ตรง เล่น และปฏบิ ตั ิอย่างมีความสุข
ครูจดั ประสบการณ์ท่ีเชอื่ มโยงกับประสบการณเ์ ดิมให้เด็กมีโอกาสเลือกทำกิจกรรมอย่าง

อิสระ ตามความตอ้ งการ ความสนใจ ความสามารถ ตอบสนองต่อวธิ ีการเรียนร้ขู องเด็กเป็นรายบุคคล
หลากหลายรูปแบบจากแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย เด็กได้เลือกเล่น เรียนรู้ ลงมือ กระทำ และสร้าง
องคค์ วามรูด้ ้วยตนเอง

3.3 จดั บรรยากาศที่เออ้ื ต่อการเรยี นรู้ ใช้ส่ือ และเทคโนโลยีท่ีเหมาะสมกบั วยั
ครูจดั หอ้ งเรยี นใหส้ ะอาด อากาศถ่ายเท ปลอดภัย มีพืน้ ที่แสดงผลงานเด็ก พื้นที่สำหรับ

มุมประสบการณ์และการจัดกิจกรรม เด็กมีส่วนร่วมในการจัดสภาพแวดล้อมในห้องเรียน เช่น
ป้ายนิเทศ การดูแลต้นไม้ เป็นต้น ครูใช้สื่อและเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับช่วงอายุ ระยะความสนใจ
และวิถีการเรียนรู้ของเด็ก เช่น กล้องดิจิตอล คอมพิวเตอร์สำหรับการเรียนรู้กลุ่มย่อย สื่อของเล่นท่ี
กระตุ้นให้คดิ และหาคำตอบ เปน็ ต้น

69

3.4 ประเมนิ พัฒนาการเดก็ ตามสภาพจรงิ และนำผลการประเมนิ พัฒนาการเดก็
ไปปรับปรงุ การจดั ประสบการณ์และพฒั นาเดก็

ครูประเมินพัฒนาการเด็กจากกิจกรรมและกิจวัตรประจำวันด้วยเครื่องมือและวิธีการ

ที่หลากหลาย ไม่ใช้แบบทดสอบ วเิ คราะหผ์ ลการประเมนิ พฒั นาการเด็กโดยผู้ปกครองและผู้เกี่ยวข้อง

มีส่วนร่วม และนำผลการประเมินที่ได้ไปพัฒนาคุณภาพเด็กและแลกเปลี่ยนเรียนรู้การจัดประสบการณ์

ท่มี ปี ระสิทธิภาพ

การให้ระดบั คุณภาพ

ระดับคณุ ภาพ ประเด็นพิจารณา

กำลังพัฒนา  จัดประสบการณ์ทส่ี ง่ เสริมใหเ้ ดก็ มีพัฒนาการดา้ นร่างกาย อารมณ์ จติ ใจ
ปานกลาง สงั คม และสติปัญญา ไม่สมดุล
 ไมส่ ร้างโอกาสให้เดก็ ได้รับประสบการณ์ตรง เล่น และปฏิบตั กิ ิจกรรมอยา่ ง
ดี อสิ ระ
ตามความต้องการ ความสนใจและความสามารถของเด็ก

 จัดประสบการณ์ที่ส่งเสรมิ ให้เดก็ มีพัฒนาการด้านรา่ งกาย อารมณ์ จติ ใจ
สงั คม และสติปญั ญา อย่างสมดลุ
 สร้างโอกาสใหเ้ ดก็ ไดร้ ับประสบการณ์ตรง เลน่ และปฏบิ ัตกิ จิ กรรมอยา่ งอิสระ
ตามความต้องการ ความสนใจและความสามารถของเด็ก

 จัดประสบการณ์ที่ส่งเสรมิ ใหเ้ ด็กมีพัฒนาการดา้ นรา่ งกาย อารมณ์ จติ ใจ
สงั คม และสติปญั ญา อย่างสมดุล เต็มศกั ยภาพของเด็กเป็นรายบุคคล
 สร้างโอกาสให้เด็กได้รบั ประสบการณ์ตรง เล่นและปฏบิ ัติกจิ กรรม เรียนรู้
ลงมอื ทำและสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองอย่างมีความสุข
 จัดบรรยากาศและสภาพแวดล้อมในห้องเรียนท่ีเอือ้ ต่อการเรยี นรู้ ใชส้ อ่ื
และเทคโนโลยที ่เี หมาะสมกับวยั
 ครูประเมนิ พฒั นาการเดก็ ตามสภาพจรงิ ด้วยวธิ กี ารท่ีหลากหลายโดย
ผ้ปู กครองและผู้เก่ยี วขอ้ งมสี ว่ นรว่ ม นำผลการประเมินที่ได้ไปปรบั ปรงุ การจดั
ประสบการณ์และพัฒนาเด็ก

70

ระดับคณุ ภาพ ประเดน็ พจิ ารณา

ดเี ลิศ  จดั ประสบการณ์ท่ีสง่ เสรมิ ใหเ้ ด็กมีพัฒนาการดา้ นรา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ
ยอดเยี่ยม สังคม และสติปญั ญา อย่างสมดุล เต็มศักยภาพโดยความร่วมมือของพ่อแม่
และครอบครวั ชุมชนและผู้เก่ียวขอ้ ง
 สร้างโอกาสใหเ้ ดก็ ไดร้ บั ประสบการณ์ตรง เล่นและปฏิบัติกิจกรรม เรียนรู้
ลงมือทำและสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองอย่างมีความสุข
 จัดบรรยากาศและสภาพแวดลอ้ มในห้องเรียนท่ีเออื้ ต่อการเรียนรู้โดยเดก็
มสี ว่ นร่วม ใชส้ ่ือและเทคโนโลยที ่ีเหมาะสมกบั วัย
 ครปู ระเมินพัฒนาการเดก็ ตามสภาพจรงิ ด้วยวิธีการท่หี ลากหลาย
โดยผ้ปู กครองและผ้เู กี่ยวข้องมสี ่วนรว่ ม นำผลการประเมนิ ทไี่ ด้ไปปรบั ปรุง
การจดั ประสบการณ์และพัฒนาเดก็

 จัดประสบการณ์ทสี่ ง่ เสรมิ ให้เด็กมีพัฒนาการดา้ นรา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ
สงั คม และสติปญั ญา อยา่ งสมดุล เตม็ ศกั ยภาพโดยความร่วมมอื ของพอ่ แม่
และครอบครวั ชมุ ชนและผเู้ ก่ียวข้อง และเปน็ แบบอย่างทดี่ ี
 สร้างโอกาสให้เดก็ ไดร้ ับประสบการณ์ตรง เล่นและปฏิบัติกจิ กรรม เรยี นรู้
ลงมอื ทำและสรา้ งองค์ความรู้ดว้ ยตนเองอย่างมีความสุข
 จดั บรรยากาศและสภาพแวดลอ้ มในหอ้ งเรยี นท่เี อือ้ ต่อการเรียนรู้โดยเด็ก
มีสว่ นร่วม ใชส้ ื่อและเทคโนโลยที ่เี หมาะสมกบั วยั
 ครปู ระเมินพฒั นาการเดก็ ตามสภาพจริงด้วยวิธีการที่หลากหลาย
โดยผปู้ กครองและผู้เกีย่ วข้องมีสว่ นรว่ ม นำผลการประเมินที่ได้ไปปรบั ปรงุ
การจัดประสบการณ์และพฒั นาเด็ก

71

มาตรฐานการศึกษาระดับการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน
มาตรฐานการศึกษา ระดบั การศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2561 มจี ำนวน 3 มาตรฐาน ได้แก่
มาตรฐานท่ี 1 คณุ ภาพของผูเ้ รียน
1.1 ผลสมั ฤทธทิ์ างวชิ าการของผ้เู รียน
1.2 คุณลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ของผเู้ รยี น
มาตรฐานที่ 2 กระบวนการบริหารและการจัดการ
มาตรฐานที่ 3 กระบวนการจัดการเรยี นการสอนที่เนน้ ผเู้ รียนเปน็ สำคญั

รายละเอียดแต่ละมาตรฐาน มีดงั นี้

มาตรฐานที่ 1 คุณภาพของผู้เรยี น
1.1 ผลสมั ฤทธิท์ างวชิ าการของผเู้ รยี น
1) มคี วามสามารถในการอา่ น การเขยี น การสือ่ สาร และการคิดคำนวณ
2) มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ คิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณ อภปิ รายแลกเปลีย่ น
ความคิดเหน็ และแก้ปญั หา
3) มีความสามารถในการสรา้ งนวตั กรรม
4) มคี วามสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร
5) มผี ลสัมฤทธท์ิ างการเรียนตามหลักสตู รสถานศึกษา
6) มีความรู้ ทกั ษะพื้นฐาน และเจตคติที่ดีตอ่ งานอาชีพ
1.2 คณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์ของผู้เรียน
1) การมคี ณุ ลักษณะและคา่ นิยมท่ดี ีตามท่ีสถานศึกษากำหนด
2) ความภมู ิใจในทอ้ งถนิ่ และความเป็นไทย
3) การยอมรับท่ีจะอยรู่ ่วมกันบนความแตกต่างและหลากหลาย
4) สุขภาวะทางรา่ งกาย และจิตสงั คม

คำอธิบาย
มาตรฐานที่ 1 ด้านคณุ ภาพผู้เรยี น
ผลการเรียนรู้ที่เป็นคุณภาพของผู้เรียนทั้งด้านผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการ ประกอบด้วย

ความสามารถใน การอ่าน การเขียน การสื่อสาร การคิดคำนวณ การคิดประเภทต่างๆ การสร้าง
นวัตกรรม การใช้เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามหลักสูตร
การมคี วามรู้ ทักษะพืน้ ฐานและเจตคติท่ดี ีต่อวชิ าชีพ และด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ทเ่ี ป็นค่านิยม
ที่ดีตามที่สถานศึกษากำหนด ความภูมิใจในท้องถิ่นและความเป็นไทย การยอมรับที่จะอยู่ร่วมกัน
บนความแตกตา่ งและหลากหลาย รวมทัง้ สขุ ภาวะทางร่างกายและจติ สงั คม

72

1.1 ผลสัมฤทธ์ทิ างวิชาการของผเู้ รยี น
1) มคี วามสามารถในการอา่ น การเขียน การสื่อสาร และการคดิ คำนวณ
ผู้เรียนมีทักษะในการอ่าน การเขียน การสื่อสาร และการคิดคำนวณตามเกณฑ์

ท่สี ถานศกึ ษา กำหนดในแต่ละระดับชั้น
2) มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ อภิปรายแลกเปลี่ยน

ความคดิ เหน็ และแก้ปญั หา
ผู้เรียนมีความสามารถในการคิดจำแนกแยกแยะ ใคร่ครวญไตร่ตรอง พิจารณาอย่าง

รอบคอบ โดยใช้เหตุผลประกอบการตัดสินใจ มีการอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และแก้ปัญหา
อยา่ งมเี หตผุ ล

3) มีความสามารถในการสร้างนวัตกรรม
ผู้เรียนมีความสามารถในการรวบรวมความรู้ได้ทั้งด้วยตัวเองและการท ำงานเป็นทีม

เชื่อมโยงองค์ความรู้ และประสบการณ์มาใช้ในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ อาจเป็นแนวความคิด
โครงการ โครงงาน ช้ินงาน ผลผลติ

4) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร
ผู้เรียนมีความสามารถในใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อการพัฒนา

ตนเองและ สังคมในดา้ นการเรียนรู้ การส่อื สาร การทำงาน อย่างสรา้ งสรรค์ และมีคณุ ธรรม
5) มีผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนตามหลักสตู รสถานศึกษา
ผู้เรียนบรรลุและมีความก้าวหน้าในการเรียนรู้ตามหลักสูตรสถานศึกษาจากพื้นฐาน

เดิมในด้านความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ กระบวนการต่าง ๆ รวมทั้งมีความก้าวหน้าในผลการทดสอบ
ระดบั ชาติ หรอื ผลการทดสอบอื่น ๆ

6) มีความรู้ ทกั ษะพ้นื ฐาน และเจตคติทด่ี ตี อ่ งานอาชพี
ผเู้ รียนมีความรู้ ทกั ษะพ้นื ฐานในการจดั การ เจตคตทิ ดี่ พี ร้อมท่จี ะศกึ ษาตอ่ ในระดับชั้น

ที่สูงขึ้น การทำงานหรอื งานอาชพี

1.2 คณุ ลักษณะที่พึงประสงคข์ องผูเ้ รียน
1) มีคุณลักษณะและคา่ นิยมทด่ี ีตามที่สถานศึกษากำหนด
ผู้เรียนมีพฤติกรรมเป็นผู้ที่มีคุณธรรม จริยธรรม เคารพในกฎกติกา มีค่านิยมและ

จิตสำนึก ตามทสี่ ถานศกึ ษากำหนด โดยไมข่ ัดกบั กฎหมายและวฒั นธรรมอันดีของสังคม
2) มคี วามภูมิใจในทอ้ งถิน่ และความเปน็ ไทย
ผ้เู รียนมคี วามภูมิใจในท้องถิ่น เห็นคุณค่าของความเป็นไทย มสี ว่ นร่วมในการอนุรักษ์

วัฒนธรรมและประเพณไี ทย รวมทัง้ ภูมิปัญญาไทย

73

3) ยอมรบั ที่จะอย่รู ว่ มกันบนความแตกตา่ งและหลากหลาย
ผู้เรียนยอมรับและอยู่ร่วมกันบนความแตกต่างระหว่างบคุ คลในด้านเพศ วัย เชื้อชาติ

ศาสนา ภาษา วัฒนธรรม ประเพณี
4) มีสขุ ภาวะทางรา่ งกายและจิตสังคม
ผู้เรียนมีการรักษาสุขภาพกาย สุขภาพจิต อารมณ์และสังคม และแสดงออกอย่าง

เหมาะสม ในแต่ละช่วงวัยสามารถอยู่ร่วมกับคนอื่นอย่างมีความสุข เข้าใจผู้อื่น ไม่มีความขัดแย้งกับ

ผอู้ ื่น

การใหร้ ะดับคณุ ภาพ

ระดบั คณุ ภาพ ประเด็นพิจารณา

กำลงั พัฒนา 1.1 ผลสัมฤทธทิ์ างวิชาการของผู้เรยี น
ปานกลาง  ผเู้ รียนมีความสามารถในการอ่าน การเขยี น การสื่อสาร และการคิดคำนวณ
ต่ำกวา่ เป้าหมายท่สี ถานศึกษากำหนด
 ผูเ้ รยี นมีผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นตามหลกั สูตรสถานศึกษาต่ำกวา่ เปา้ หมาย
ทสี่ ถานศึกษากำหนด
1.2 คุณลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์ของผู้เรยี น
 ผู้เรียนมคี ณุ ลักษณะและค่านิยมท่ีดตี ่ำกว่าเปา้ หมายทสี่ ถานศกึ ษากำหนด
 ผู้เรียนมีสุขภาวะทางร่างกาย และจิตสังคมต่ำกว่าเป้าหมายที่สถานศกึ ษา
กำหนด

1.1 ผลสมั ฤทธ์ิทางวชิ าการของผเู้ รยี น
 ผู้เรียนมคี วามสามารถในการอ่าน การเขียน การสอ่ื สาร และการคดิ คำนวณ
เปน็ ไปตามเป้าหมายทีส่ ถานศึกษากำหนด
 ผู้เรียนมผี ลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนตามหลักสตู รสถานศึกษาเป็นไปตาม
เป้าหมาย
ที่สถานศึกษากำหนด
1.2 คุณลกั ษณะท่พี ึงประสงค์ของผ้เู รียน
 ผู้เรียนมีคณุ ลักษณะและค่านิยมทดี่ เี ปน็ ไปตามเป้าหมายที่สถานศึกษากำหนด
 ผ้เู รียนมีสุขภาวะทางร่างกาย และจติ สังคมเปน็ ไปตามเปา้ หมายท่ีสถานศึกษา
กำหนด

74

ระดับคุณภาพ ประเดน็ พจิ ารณา
ดี
1.1 ผลสมั ฤทธทิ์ างวชิ าการของผเู้ รยี น
ดีเลศิ  ผูเ้ รยี นมีความสามารถในการอ่าน การเขียน การสอื่ สาร และการคดิ คำนวณ
เปน็ ไปตามเป้าหมายที่สถานศึกษากำหนด
 ผู้เรยี นมีผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นตามหลักสตู รสถานศึกษาเปน็ ไปตาม
เป้าหมายทีส่ ถานศึกษากำหนด
 ผ้เู รียนมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ คดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ
อภปิ รายแลกเปล่ียน ความคิดเห็น และแก้ปัญหาได้
 ผเู้ รยี นมคี วามรู้ และทักษะพืน้ ฐานในการสร้างนวตั กรรม
 ผเู้ รยี นมคี วามสามารถในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร
เพื่อพฒั นาตนเอง ได้อย่างเหมาะสมปลอดภยั
 ผเู้ รยี นมีความรู้ ทักษะพนื้ ฐาน และเจตคติท่ีดีต่องานอาชีพ
1.2 คุณลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ของผ้เู รียน
 ผเู้ รียนมีคุณลักษณะและค่านยิ มท่ีดีเป็นไปตามเป้าหมายทสี่ ถานศึกษากำหนด
 ผู้เรียนมคี วามภมู ิใจในท้องถ่นิ เหน็ คุณค่าของความเป็นไทย มสี ว่ นร่วมใน
การอนุรักษว์ ฒั นธรรม ประเพณี และภูมปิ ญั ญาไทย
 ผ้เู รียนสามารถอยรู่ ว่ มกันบนความแตกตา่ งและหลากหลาย
 ผ้เู รียนมีสขุ ภาวะทางร่างกาย และจิตสังคมเป็นไปตามเป้าหมายท่ีสถานศึกษา
กำหนด

1.1 ผลสัมฤทธิท์ างวิชาการของผูเ้ รียน
 ผูเ้ รียนมคี วามสามารถในการอ่าน การเขียน การสอื่ สาร และการคดิ คำนวณ
สูงกวา่ เปา้ หมายทสี่ ถานศึกษากำหนด
 ผูเ้ รียนมีผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นตามหลักสตู รสถานศึกษาสงู กวา่ เป้าหมาย
ทสี่ ถานศึกษากำหนด
 ผเู้ รยี นมคี วามสามารถในการคดิ วิเคราะห์ คดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ อภิปราย
แลกเปลยี่ น ความคดิ เห็น โดยใชเ้ หตผุ ลประกอบการตัดสนิ ใจ และแกป้ ัญหาได้
 ผู้เรยี นมคี วามสามารถในการสรา้ งนวตั กรรม
 ผ้เู รียนมคี วามสามารถในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร
เพ่ือพฒั นาตนเองและสังคมในดา้ นการเรยี นรู้ การสื่อสาร การทำงาน

75

ระดับคณุ ภาพ ประเด็นพจิ ารณา
ยอดเยี่ยม
 ผ้เู รียนมคี วามรู้ ทักษะพื้นฐาน และเจตคติท่ีดีพร้อมทจี่ ะศึกษาต่อในระดับช้ัน
ที่สงู ขน้ึ และการทำงานต่องานอาชีพ
1.2 คณุ ลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ของผูเ้ รยี น
 ผู้เรียนมคี ุณลักษณะและค่านยิ มทด่ี ีสูงกว่าเป้าหมายท่สี ถานศกึ ษากำหนด
 ผู้เรียนมีความภมู ใิ จในท้องถิน่ เหน็ คุณค่าของความเป็นไทย มีสว่ นรว่ มใน
การอนรุ ักษว์ ฒั นธรรม ประเพณี และภมู ปิ ัญญาไทย
 ผู้เรยี นสามารถอยู่ร่วมกนั บนความแตกตา่ งและหลากหลาย
 ผู้เรียนมีสขุ ภาวะทางรา่ งกาย และจติ สังคมสงู กวา่ เปา้ หมายทสี่ ถานศกึ ษา
กำหนด

1.1 ผลสมั ฤทธทิ์ างวิชาการของผ้เู รยี น
 ผู้เรียนมคี วามสามารถในการอ่าน การเขียน การสอื่ สาร และการคดิ คำนวณ
สูงกวา่ เป้าหมายทส่ี ถานศกึ ษากำหนด
 ผเู้ รยี นมีผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นตามหลักสตู รสถานศึกษาสูงกวา่ เป้าหมาย
ทส่ี ถานศึกษากำหนด
 ผูเ้ รยี นมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ คดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณ อภิปราย
แลกเปลี่ยน ความคดิ เห็น โดยใช้เหตุผลประกอบการตดั สินใจ และแก้ปัญหาได้
 ผู้เรยี นมคี วามสามารถในการสรา้ งนวัตกรรม มีการนำไปใช้และเผยแพร่
 ผเู้ รียนมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารเพ่ือ
พัฒนาตนเองและสงั คมในด้านการเรียนรู้ การส่ือสาร การทำงาน
อยา่ งสร้างสรรคแ์ ละมีคุณธรรม
 ผ้เู รียนมีความรู้ ทักษะพ้ืนฐาน และเจตคติท่ีดีพร้อมที่จะศกึ ษาต่อในระดับชน้ั
ที่สงู ขึ้น และการทำงานตอ่ งานอาชพี
1.2 คุณลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ของผู้เรยี น
 ผู้เรียนมคี ุณลกั ษณะและค่านิยมท่ดี ีสูงกว่าเป้าหมายท่สี ถานศกึ ษากำหนด
เปน็ แบบอย่างได้
 ผู้เรยี นมคี วามภูมิใจในท้องถ่นิ เห็นคณุ ค่าของความเป็นไทย มีส่วนรว่ มใน
การอนุรักษว์ ัฒนธรรม ประเพณี และภมู ปิ ญั ญาไทย
 ผเู้ รียนสามารถอยูร่ ่วมกนั บนความแตกตา่ งและหลากหลาย

76

ระดบั คณุ ภาพ ประเดน็ พิจารณา

 ผู้เรียนมีสขุ ภาวะทางรา่ งกาย และจติ สังคมสูงกว่าเป้าหมายท่ีสถานศกึ ษา
กำหนด

มาตรฐานท่ี 2 กระบวนการบรหิ ารและการจัดการ
2.1 มเี ป้าหมายวิสัยทศั นแ์ ละพนั ธกจิ ที่สถานศกึ ษากำหนดชัดเจน
2.2 มรี ะบบบรหิ ารจัดการคณุ ภาพของสถานศึกษา
2.3 ดำเนินงานพัฒนาวชิ าการที่เนน้ คุณภาพผู้เรียนรอบด้านตามหลกั สูตรสถานศึกษา
และทกุ กลุ่มเป้าหมาย
2.4 พัฒนาครูและบุคลากรให้มีความเชย่ี วชาญทางวชิ าชพี
2.5 จดั สภาพแวดล้อมทางกายภาพและสงั คมท่เี อ้ือต่อการจัดการเรยี นรอู้ ย่างมคี ุณภาพ
2.6 จดั ระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่ือสนบั สนนุ การบรหิ ารจดั การและการจดั การเรียนรู้

คำอธบิ าย
มาตรฐานที่ 2 กระบวนการบรหิ ารและการจดั การ
เป็นการจดั ระบบบริหารจัดการคณุ ภาพของสถานศึกษา มีการกำหนดเป้าหมายวสิ ัยทัศน์และ

พันธกิจอย่างชัดเจน สามารถดำเนินงานพัฒนาวิชาการที่เน้นคุณภาพผู้เรียนรอบด้านตามหลักสูตร
สถานศึกษาในทุกกลุ่มเปา้ หมาย จดั ทำแผนพฒั นาคุณภาพการจัดการศึกษา ดำเนนิ การพัฒนาครูและ
บุคลากรให้มคี วามเชี่ยวชาญทางวิชาชีพ และจัดระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ เพือ่ สนับสนนุ การบริหาร
จดั การและการเรียนรู้ รวมท้ังจัดสภาพแวดลอ้ มทางกายภาพและสังคมที่เอ้ือตอ่ การจัดการเรยี นรู้

2.1 มีเป้าหมาย วิสยั ทัศน์ และพันธกจิ ท่ีสถานศกึ ษากำหนดชัดเจน
สถานศึกษากำหนดเป้าหมาย วิสัยทัศน์ และพันธกิจไว้อย่างชัดเจน สอดคล้องกับบริบท

ของสถานศึกษา ความต้องการของชุมชน ท้องถิ่น วัตถุประสงค์ของแผนการศึกษาแห่งชาติ นโยบาย
ของรฐั บาลและของต้นสงั กดั รวมท้งั ทันตอ่ การเปล่ยี นแปลงของสงั คม

2.2 มรี ะบบบรหิ ารจดั การคณุ ภาพของสถานศึกษา
สถานศึกษาสามารถบริหารจัดการคุณภาพของสถานศึกษาอย่างเป็นระบบ ทั้งในส่วน

การวางแผนพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษา การนำแผนไปปฏิบัติเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา
มีการติดตามตรวจสอบประเมินผลและปรับปรุงพัฒนางานอย่างต่อเนื่อง มีการบริหารอัตรากำลัง
ทรัพยากรทางการศึกษา และระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน มีระบบการนิเทศภายใน การนำข้อมูลมา
ใช้ในการพัฒนาบุคลากร และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมีส่วนร่วมการวางแผน ปรับปรุงและพัฒนา และ
รว่ มรับผิดชอบต่อผลการจัดการศกึ ษา

77

2.3 ดำเนนิ งานพฒั นาวิชาการท่ีเนน้ คุณภาพผู้เรยี นรอบดา้ นตามหลกั สูตรสถานศกึ ษาและ
ทุกกลุม่ เปา้ หมาย

สถานศกึ ษาบริหารจัดการเกีย่ วกับงานวิชาการ ท้งั ดา้ นการพัฒนาหลักสตู ร กจิ กรรมเสริม

หลกั สูตรทีเ่ นน้ คุณภาพผู้เรียนรอบด้าน เช่อื มโยงวิถชี ีวิตจริงและครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย หมายรวมถึง

การจัดการเรียนการสอนของกลุ่มทเี่ รยี นแบบควบรวมหรือกลมุ่ ทีเ่ รียนรว่ มด้วย

2.4 พฒั นาครูและบุคลากรให้มคี วามเชยี่ วชาญทางวชิ าชีพ
สถานศึกษาส่งเสริม สนับสนุน พัฒนาครู บุคลากร ให้มีความเชี่ยวชาญทางวิชาชีพ และ

จัดให้มีชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชพี มาใช้ในการพัฒนางานและการเรียนรขู้ องผู้เรียน

2.5 จัดสภาพแวดล้อมทางกายภาพและสังคมท่ีเอือ้ ต่อการจดั การเรยี นรู้
สถานศึกษาจัดสภาพแวดล้อมทางกายภาพทั้งภายในและภายนอกห้องเรียน และ

สภาพแวดล้อมทางสงั คม ทเี่ อือ้ ตอ่ การจัดการเรยี นรู้ และมีความปลอดภัย

2.6 จัดระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่ือสนับสนุนการบรหิ ารจดั การและการจดั การเรยี นรู้
สถานศึกษาจัดระบบการจัดหา การพัฒนาและการบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อใช้

ในการบริหารจัดการและการจัดการเรยี นรู้ที่เหมาะสมกบั สภาพของสถานศึกษา

การให้ระดบั คณุ ภาพ

ระดับคุณภาพ ประเดน็ พิจารณา

กำลงั พัฒนา  เป้าหมายวิสัยทศั น์และพนั ธกิจท่ีสถานศึกษากำหนดไม่ชดั เจน
ปานกลาง  มีระบบบรหิ ารจดั การคุณภาพของสถานศึกษาแตไ่ มส่ ่งผลตอ่ คณุ ภาพ
ตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศกึ ษา
ดี
 เปา้ หมายวิสยั ทศั นแ์ ละพนั ธกจิ ท่สี ถานศึกษากำหนดชัดเจน เปน็ ไปได้ใน
การปฏบิ ตั ิ
 มรี ะบบบริหารจดั การคุณภาพของสถานศึกษาท่ีสง่ ผลต่อคุณภาพ
ตามมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศกึ ษา

 เปา้ หมายวิสัยทัศน์และพนั ธกจิ ที่สถานศึกษากำหนดชัดเจน สอดคล้องกับ
บรบิ ทของสถานศึกษา เปน็ ไปได้ในการปฏิบัติ
 มรี ะบบบริหารจดั การคณุ ภาพของสถานศึกษาท่ีชดั เจน สง่ ผลต่อคณุ ภาพ
ตามมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศกึ ษา
 ดำเนินงานพัฒนาวิชาการทเ่ี น้นคุณภาพผ้เู รียนรอบด้านตามหลักสตู ร
สถานศึกษา และทกุ กลมุ่ เปา้ หมาย
 พัฒนาครูและบุคลากรใหม้ ีความเช่ียวชาญทางวชิ าชพี

78

ระดับคณุ ภาพ ประเด็นพจิ ารณา

ดเี ลศิ  จดั สภาพแวดล้อมทางกายภาพและสังคมทเ่ี อื้อต่อการจัดการเรียนรู้
ยอดเยี่ยม อยา่ งมีคณุ ภาพ
 จัดระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสนับสนนุ การบรหิ ารจัดการและ
การจดั การเรยี นรู้

 มเี ปา้ หมายวิสยั ทศั นแ์ ละพันธกจิ ทสี่ ถานศึกษากำหนดชัดเจน สอดคล้องกบั
บรบิ ทของสถานศึกษา ความตอ้ งการชุมชน นโยบายรัฐบาล
แผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ เปน็ ไปไดใ้ นการปฏิบตั ิ
 มีระบบบรหิ ารจัดการคณุ ภาพของสถานศึกษาที่ชัดเจน มีประสิทธภิ าพ
ส่งผลต่อคณุ ภาพตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศกึ ษา โดยความรว่ มมือ
ของผเู้ กี่ยวขอ้ งทกุ ฝ่าย
 ดำเนินงานพฒั นาวชิ าการทเี่ น้นคุณภาพผู้เรียนรอบด้านตามหลักสูตร
สถานศกึ ษา และทุกกลมุ่ เปา้ หมาย เชื่อมโยงกบั ชวี ิตจรงิ
 พฒั นาครแู ละบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญทางวิชาชพี ตรงตามความต้องการ
ของครู และสถานศกึ ษา
 จดั สภาพแวดล้อมทางกายภาพและสงั คมที่เออื้ ต่อการจัดการเรยี นรู้อย่างมี
คุณภาพ และมคี วามปลอดภัย
 จดั ระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการและ
การจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสมกบั สภาพของสถานศึกษา

 มีเปา้ หมายวิสัยทัศน์และพันธกจิ ที่สถานศึกษากำหนดชัดเจน สอดคล้องกับ
บรบิ ทของสถานศึกษา ความต้องการชมุ ชน นโยบายรฐั บาล
แผนการศกึ ษาแห่งชาติ เป็นไปได้ในการปฏบิ ตั ิ ทันตอ่ การเปลยี่ นแปลง
 มรี ะบบบริหารจดั การคุณภาพของสถานศึกษาท่ีชดั เจน มปี ระสทิ ธิภาพ
สง่ ผลต่อคณุ ภาพตามมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศึกษา โดยความรว่ มมือ
ของผเู้ ก่ียวขอ้ ง ทุกฝา่ ย มีการนำขอ้ มูลมาใช้ในการปรบั ปรุง พฒั นางานอย่าง
ตอ่ เน่ือง และเป็นแบบอยา่ งได้
 ดำเนินงานพฒั นาวชิ าการทีเ่ น้นคณุ ภาพผเู้ รียนรอบดา้ นตามหลักสูตร
สถานศกึ ษา และทุกกลุ่มเป้าหมาย เชอ่ื มโยงกับชวี ติ จรงิ และเปน็ แบบอยา่ งได้

79

ระดบั คุณภาพ ประเด็นพิจารณา

 พฒั นาครูและบุคลากรใหม้ ีความเชย่ี วชาญทางวิชาชีพตรงตามความต้องการ
ของครู และสถานศกึ ษา และจดั ใหม้ ีชุมชนการเรยี นรูท้ างวชิ าชพี เพอื่ พัฒนางาน
 จัดสภาพแวดลอ้ มทางกายภาพและสังคมทเี่ อ้ือต่อการจัดการเรยี นรู้
อย่างมีคุณภาพและมคี วามปลอดภัย
 จดั ระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่ือสนบั สนนุ การบริหารจัดการและ
การจดั การเรียนรู้ท่ีเหมาะสมกับสภาพของสถานศึกษา

มาตรฐานท่ี 3 กระบวนการจดั การเรยี นการสอนทเ่ี นน้ ผ้เู รยี นเป็นสำคัญ
3.1 จดั การเรียนรผู้ ่านกระบวนการคิดและปฏิบตั ิจรงิ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวติ ได้
3.2 ใช้สอื่ เทคโนโลยีสารสนเทศ และแหลง่ เรยี นรู้ทเ่ี อื้อต่อการเรยี นรู้
3.3 มกี ารบรหิ ารจัดการชั้นเรียนเชิงบวก
3.4 ตรวจสอบและประเมนิ ผเู้ รียนอยา่ งเปน็ ระบบ และนำผลมาพัฒนาผู้เรียน
3.5 มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และใหข้ ้อมูลสะท้อนกลับเพื่อพฒั นาและปรับปรุงการจดั การเรยี นรู้

คำอธบิ าย

มาตรฐานท่ี 3 กระบวนการจัดการเรยี นการสอนท่เี น้นผ้เู รยี นเปน็ สำคญั
เป็นกระบวนการจัดการเรียนการสอนตามมาตรฐานและตัวชี้วัดของหลักสูตรสถานศึกษา
สร้างโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ผ่านกระบวนการคิดและปฏิบัติจริง มีการบริหาร
จัดการชั้นเรียนเชิงบวก สร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดี ครูรู้จักผู้เรียนเป็นรายบุคคล ดำเนินการตรวจสอบและ
ประเมินผู้เรียนอย่างเป็นระบบและนำผลมาพัฒนาผู้เรียน รวมทั้งร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้และ
นำผลทไ่ี ดม้ าให้ขอ้ มลู ปอ้ นกลับเพ่ือพัฒนาและปรับปรุงการจัดการเรยี นรู้
3.1 จัดการเรียนรู้ผ่านกระบวนการคิดและปฏิบัติจริง และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ใน
การดำเนินชีวิต

จัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัดของหลักสูตรสถานศึกษาที่เน้น
ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้โดยผ่านกระบวนการคิดและปฏิบัตจิ รงิ มีแผนการจัดการเรียนรู้ที่สามารถนำไปจดั
กจิ กรรมได้จริง มีรูปแบบการจัดการเรยี นรเู้ ฉพาะสำหรับผทู้ ี่มีความจำเป็นและต้องการความช่วยเหลือ
พิเศษ ผู้เรียนได้รับการฝึกทักษะแสดงออก แสดงความคิดเห็น สรุปองค์ความรู้ นำเสนอผลงานและ
สามารถนำไปประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตได้

80

3.2 ใช้สื่อ เทคโนโลยีสารสนเทศ และแหลง่ เรยี นรู้ทเี่ อ้ือต่อการเรียนรู้
มีการใช้สื่อ เทคโนโลยีสารสนเทศ และแหล่งเรียนรู้ รวมทั้งภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ใน

การจัดการเรียนรู้ โดยสรา้ งโอกาสให้ผูเ้ รยี นไดแ้ สวงหาความรดู้ ว้ ยตนเองจากสือ่ ทีห่ ลากหลาย

3.3. มีการบรหิ ารจดั การช้ันเรียนเชงิ บวก
ครูผู้สอนมีการบริหารจัดการชั้นเรียน โดยเน้นการมีปฏิสัมพันธ์เชิงบวก ให้เด็กรักครู

ครรู กั เด็กและเด็กรกั เด็ก เด็กรักท่จี ะเรียนรู้ สามารถเรียนรู้ร่วมกนั อย่างมคี วามสุข

3.4 ตรวจสอบและประเมนิ ผ้เู รียนอยา่ งเปน็ ระบบ และนำผลมาพฒั นาผเู้ รียน
มีการตรวจสอบและประเมินคุณภาพการจัดการเรียนรู้อยา่ งเป็นระบบ มีขั้นตอนโดยใช้

เครื่องมือและวิธีการวัดและประเมินผลที่เหมาะสมกับเป้าหมายในการจัดการเรียนรู้ และให้ข้อมูล

ย้อนกลับแกผ่ เู้ รยี นเพอื่ นำไปใช้พฒั นาการเรียนรู้
3.5 มีการแลกเปลยี่ นเรียนรู้และใหข้ อ้ มูลปอ้ นกลบั เพอ่ื ปรับปรงุ และพฒั นา

การจดั การเรียนรู้
ครูและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้ และประสบการณ์รวมทั้งให้ข้อมูล

ป้อนกลบั เพ่อื นำไปใชใ้ นการปรับปรงุ และพัฒนาการจัดการเรยี นรู้

การใหร้ ะดบั คณุ ภาพ

ระดบั คุณภาพ ประเดน็ พจิ ารณา

กำลังพัฒนา  จดั การเรียนรู้ท่ไี มเ่ ปดิ โอกาสใหผ้ ้เู รยี นไดใ้ ช้กระบวนการคิดและปฏบิ ตั ิจริง
ปานกลาง  ใชส้ ือ่ เทคโนโลยสี ารสนเทศ และแหล่งเรยี นรูท้ ่ีไมเ่ อื้อต่อการเรยี นรู้
 ตรวจสอบและประเมนิ ผู้เรียนอย่างไม่เปน็ ระบบ
ดี
 จัดการเรยี นรู้ผ่านกระบวนการคดิ และปฏบิ ัติจริง ตามมาตรฐานการเรยี นรู้
ตัวชีว้ ัดของหลักสตู รสถานศึกษา และสามารถนำไปประยุกตใ์ ชใ้ นการดำเนนิ ชีวิต
 ใชส้ ือ่ เทคโนโลยีสารสนเทศ และแหล่งเรยี นรู้ทเ่ี อื้อตอ่ การเรยี นรู้
 ตรวจสอบและประเมนิ ผู้เรยี นอย่างเป็นระบบ และนำผลมาพัฒนาผู้เรยี น

 จดั การเรียนรผู้ า่ นกระบวนการคดิ และปฏิบตั จิ รงิ ตามมาตรฐานการเรยี นรู้
ตวั ชวี้ ัดของหลักสตู รสถานศึกษา และสามารถนำไปประยุกต์ใชใ้ นการดำเนนิ ชีวิต
 ใชส้ ือ่ เทคโนโลยีสารสนเทศ และแหล่งเรียนรทู้ ีเ่ อ้ือตอ่ การเรียนรู้
 ตรวจสอบและประเมนิ ผ้เู รยี นอย่างเปน็ ระบบ และนำผลมาพัฒนาผเู้ รยี น
 มกี ารบรหิ ารจดั การช้นั เรียนเชงิ บวก
 มกี ารแลกเปลีย่ นเรียนร้แู ละให้ข้อมูลสะทอ้ นกลบั เพ่ือพัฒนาและปรบั ปรุง
การจดั การเรยี นรู้

81

ระดบั คุณภาพ ประเด็นพจิ ารณา

ดเี ลิศ  จัดการเรยี นรูผ้ า่ นกระบวนการคดิ และปฏิบตั ิจรงิ ตามมาตรฐานการเรยี นรู้

ตวั ชว้ี ดั ของหลักสตู รสถานศึกษา มีแผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ีสามารถนำไปจัด

กิจกรรมได้จริงและสามารถนำไปประยุกตใ์ ช้ในชวี ิตได้

 ใช้สื่อ เทคโนโลยีสารสนเทศ และแหลง่ เรียนรู้ รวมท้ังภูมิปญั ญาท้องถนิ่
ท่ีเอื้อตอ่ การเรยี นรู้
 ตรวจสอบและประเมนิ ผู้เรยี นอยา่ งเป็นระบบ มีข้นั ตอนโดยใชเ้ ครือ่ งมือและ

วธิ ีการวัดและประเมินผลทเ่ี หมาะสมกับเป้าหมายในการจัดการเรยี นรู้ ให้ข้อมลู

ยอ้ นกลับแก่ผ้เู รียน และนำผลมาพัฒนาผ้เู รยี น
 มกี ารบรหิ ารจัดการชั้นเรยี นเชิงบวก เดก็ รักทีจ่ ะเรียนรู้ และเรียนร้รู ่วมกนั

อยา่ งมีความสขุ

 มชี มุ ชนแหง่ การเรยี นรทู้ างวิชาชพี ระหว่างครเู พื่อพัฒนาและปรบั ปรุง

การจดั การเรยี นรู้

ยอดเยีย่ ม  จัดการเรยี นรู้ผ่านกระบวนการคิดและปฏิบตั ิจริงตามมาตรฐานการเรียนรู้

ตวั ชีว้ ัดของหลกั สตู รสถานศึกษา มแี ผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ีสามารถนำไปจัด

กิจกรรมได้จริง และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตได้ มีนวตั กรรมใน

การจดั การเรียนร้แู ละมีการเผยแพร่

 ใช้สอ่ื เทคโนโลยีสารสนเทศ และแหล่งเรยี นรู้ รวมทัง้ ภูมปิ ัญญาท้องถิ่น
ท่เี อ้ือต่อการเรยี นรู้ โดยสรา้ งโอกาสใหผ้ เู้ รยี นได้แสวงหาความรดู้ ้วยตนเอง
 ตรวจสอบและประเมนิ ผเู้ รยี นอย่างเป็นระบบ มีขน้ั ตอนโดยใช้เครือ่ งมือและ

วธิ กี ารวดั และประเมนิ ผลทเ่ี หมาะสมกับเป้าหมายในการจดั การเรยี นรู้ ให้ข้อมลู

ยอ้ นกลับแกผ่ เู้ รียน และนำผลมาพฒั นาผเู้ รียน
 มกี ารบริหารจัดการชน้ั เรยี นเชิงบวก เด็กรักทจี่ ะเรียนรู้ และเรียนรรู้ ่วมกัน

อย่างมีความสุข

 มีชมุ ชนแหง่ การเรียนรู้ทางวชิ าชีพระหวา่ งครูและผู้เก่ียวขอ้ งเพอ่ื พัฒนาและ

ปรบั ปรงุ การจดั การเรียนรู้ ครแู ละผู้เกีย่ วข้องมีการแลกเปล่ยี นเรียนรู้และ

ใหข้ ้อมูลสะท้อนกลบั เพ่ือพัฒนาและปรบั ปรงุ การจดั การเรียนรู้

82

รูปแบบและแนวทางการประเมนิ คุณภาพภายในของสถานศกึ ษาแนวใหม่

การประเมินคุณภาพสถานศึกษาเพื่อการประกันคุณภาพภายในเป็นหน้าที่ของสถานศึกษา
ที่ต้องตรวจสอบและประเมินตนเองตามสภาพบริบทของสถานศึกษาที่แท้จรงิ ผลการประเมินสะท้อน
คุณภาพที่แท้จริงของสถานศึกษาที่จะนำไปสู่การใช้ผลประเมินเพื่อการพัฒนาต่อเนื่องที่ตรงประเด็น
โดยเกิดจาก การเรียนรู้ตามปกติของนักเรียน การออกแบบการจัดการเรียนรู้ของครูผู้สอนในการจัด
กิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียน รวมทั้งการบริหารจัดการศกึ ษาที่สถานศึกษาดำเนินการอย่แู ลว้
จะเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่มีคุณค่าต่อการสะท้อนผลการประเมินของสถานศึกษาได้เป็นอย่างดี
ในการประเมินจะให้ความสำคัญกับการประเมินเชิงคุณภาพ ผนวกกับการประเมินเชิงปริมาณควบคู่
กันไปการตัดสินคุณภาพของสถานศึกษาให้ใช้เกณฑ์การให้คะแนนผลงานหรือกระบวนการท่ี
ไม่แยกส่วนหรือแยกองค์ประกอบในการกำหนดคะแนนประเมิน แต่เป็นการประเมินในภาพรวมของ
ผลการดำเนินงานหรือกระบวนการดำเนินงาน (holistic assessment) ซึ่งการประเมินแบบองค์รวม
นี้ เป็นการประเมินในองค์รวมของทุกลักษณะในการปฏิบัติงาน สะดวกและเป็นผลดีต่อทั้งผู้ประเมิน
และผรู้ บั การประเมนิ แต่ต้องอาศัยความรูค้ วามสามารถและทักษะในการประเมินของผูป้ ระเมินท่ีต้อง
ศึกษาและรวบรวมข้อมูลในองค์รวมทั้งหมด การตัดสินระดับคุณภาพตามมาตรฐานเป็นไปตาม
หลักการตัดสินโดยอาศัยความเชีย่ วชาญ (expert judgment) และการตรวจทานผลการประเมินโดย
คณะกรรมการประเมนิ ในระดบั เดียวกัน (peer review) โดยเทียบกับเกณฑ์หรอื มาตรฐานทกี ำหนดไว้
คณะกรรมการประเมินต้องมีความรู้อย่างรอบด้านและวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกันในการตัดสินเพื่อให้
ระดับคุณภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งจะไม่ใช่การให้คะแนนตามความคิดเห็นของคนใดคนหนึ่ง
โดยเนน้ การประเมินตามหลักฐานเชิงประจักษ์ท่ีเกิดจากการปฏิบัติงานตามสภาพจริงของสถานศึกษา
(evidence based) โดยเลือกใช้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลที่เหมาะสมและสะท้อนคุณภาพ
การดำเนินงานตามมาตรฐานของสถานศึกษาได้อย่างชัดเจน และมีเป้าหมายการประเมินเพื่อ
การพัฒนา ลดภาระการจัดเก็บข้อมูลและเอกสารที่ไม่จำเป็นในการประเมิน แต่ข้อมูลต้องมี
ความน่าเชือ่ ถอื และสามารถตรวจสอบผลการประเมนิ ได้ตามสภาพบรบิ ทของสถานศึกษานน้ั ๆ

1. การประเมนิ แบบองคร์ วม (holistic assessment)
การประเมินแบบองค์รวมเป็นแนวคิดที่ใช้ถูกนำมาใช้ประเมินคุณภาพในยุคการจัด

การศึกษาอิงมาตรฐาน และหลักสูตรการเรียนการสอนอิงมาตรฐาน โดยการประเมินแบบองค์รวม
เป็นวธิ ีการใหค้ ะแนนสง่ิ ท่จี ะประเมนิ (ผลงาน กจิ กรรม กระบวนการ องค์กร) ซึ่งมคี วามสมั พนั ธ์กันอยู่
ภายใน โดยพจิ ารณาจากภาพรวมตามเกณฑ์ หรือมาตรฐานทกี ำหนด และมีการอธิบายระดับคณุ ภาพ
ไว้ชัดเจนด้วยวิธีการประเมินหลาย ๆ วิธี กล่าวคือ เป็นการพิจารณาคุณภาพผลงาน หรือคุณภาพ
ความสำเรจ็ ทกุ มาตรฐานโดยรวมแลว้ จึงตดั สนิ ระดบั คุณภาพเพียงค่าเดียว

83

การประเมินแบบองค์รวมหรือการประเมินแบบบูรณาการ (integrated assessment)
มีลกั ษณะสำคัญ ดงั นี้

1. มงุ่ ประเมินงานกิจกรรมขององคก์ รในภาพรวมมากกว่าจะประเมินองคป์ ระกอบย่อย ๆ
2. ส่วนยอ่ ยหรือหน่วยยอ่ ยจะถูกประเมินรวมไปด้วยกนั
3. ต้องใช้ผู้ประเมินที่เชี่ยวชาญมีประสบการณ์ (professional judgment) ซึ่งจะช่วย
ลดเวลาการประเมนิ ลงไดม้ าก และชว่ ยขจัดความไมน่ ่าเชื่อถอื ในการประเมินได้
4. อยู่บนพื้นฐานของร่องรอยหลักฐานที่ดำเนินงานอยู่แล้ว (evidence based) ซ่ึง
รอ่ งรอยหลกั ฐานเป็นได้ทัง้ งานเอกสารและไม่ใช่เอกสาร รวบรวมไดจ้ าก 2 แหลง่ คือ ผูป้ ระเมินและผู้
ถูกประเมินควรเก็บร่องรอยหลักฐานโดยใช้หลาย ๆ วิธี เก็บและใช้ร่องรอยหลักฐานหลายเหตุการณ์
จะทำใหก้ ารประเมินน่าเช่อื ถอื ขึ้น
การประเมินแบบองค์รวมนัน้ ผู้ประเมินตอ้ งสามารถชีร้ ่องรอยท่ีสะท้อนศักยภาพของสิ่งท่ี
ประเมนิ เฉพาะทีจ่ ำเปน็ และมีเทคนิคท่ีจะรวบรวมข้อมูลเหตกุ ารณ์ให้เพียงพอ แลว้ จึงทบทวนร่องรอย
หลกั ฐานและตดั สินใจ
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนแบบองคร์ วม (holistic rubrics)
เกณฑ์การให้คะแนนแบบองค์รวม เป็นเกณฑ์การให้คะแนนผลงานหรือกระบวนการ
ที่ไม่ได้แยกส่วนหรือแยกองค์ประกอบในการให้คะแนน คือ จะประเมินในภาพรวมของผลงานหรือ
กระบวนการน้นั ซ่ึงจะสะดวกและงา่ ยสำหรับผปู้ ระเมนิ แต่ผู้ประเมนิ จำเปน็ ตอ้ งมีทักษะ ความชำนาญ
เชี่ยวชาญ และ มีความรู้รอบด้านเพื่อที่จะประเมินได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การตัดเกรดหรือ
จัดลำดับผลงานการเขียนของนักเรยี นท่ีครูสามารถทำได้ในเวลารวดเรว็ ทีส่ ุด ในทุก ๆ เนื้อหาเพียงครู
อ่านผลงานการเขียนของนักเรยี นรอบหน่ึง ครูก็จะสามารถสร้างรูบริคให้คะแนนผลงานการเขยี นของ
นักเรียนได้ โดยอิงเนื้อหาที่ครูเคยสอนและฝึกหัดนักเรียนมาก่อนแล้วดำเนินงานตัดสินผลงาน
การเขยี นของนกั เรยี นตามเกณฑ์ท่ีกำหนดนนั้
การประเมนิ แบบในองคร์ วม (holistic assessment) มลี กั ษณะแตกตา่ งกบั การประเมิน
แยกสว่ น (analytic assessment) ดงั น้ี

การประเมนิ ในองคร์ วม (holistic) การประเมนิ แยกองค์ประกอบ (analytic)

1. การประเมินในองค์รวม 1. การประเมนิ แยกเปน็ ประเด็นย่อย
2. การให้คะแนนส่ิงทต่ี ้องการวดั ประเมนิ แบบ 2. การใหค้ ะแนนสิง่ ทตี่ ้องการวัดประเมินแบบ
กวา้ ง ๆ โดยรวม ๑ค่า (A single overall or แบ่งแยกส่วนสำหรับแตล่ ะองคป์ ระกอบจำเป็น
(component) หรือลักษณะสำคญั (feature)
global scoring)

84

การประเมินในองค์รวม (holistic) การประเมนิ แยกองคป์ ระกอบ (analytic)

3. ใช้ประเมินผลงานหรือกระบวนการ 3. ใชป้ ระเมินผลงานหรือกระบวนการปฏบิ ัติ
ปฏิบตั ิงานทเ่ี รยี บงา่ ย ไม่ซับซ้อน งานทซ่ี บั ซ้อนและต้องใช้มิติ/เกณฑห์ ลายดา้ น
4. มีความรวดเร็วในการประเมินและ สำหรับใช้บ่งชคี้ ุณภาพของงานจงึ จะครอบคลุม
การตัดสนิ ใจ และชัดเจน
5. ผู้ประเมนิ จำเป็นตอ้ งมีทักษะและความรู้ 4. ใหค้ วามสำคญั ในการประเมินแตล่ ะประเด็น
รอบด้าน (expert judgment) จึงใชเ้ วลาในการประเมิน
5. ผูป้ ระเมินประเดน็ ไปทลี ะประเดน็ /ด้านตามที่
กำหนด

การประเมนิ เพอ่ื เรยี งลำดบั ทีแ่ บบองคร์ วม (holistic grading) และการทบทวน
โดยบคุ คลระดับเดียวกัน (peer review)

การตัดสินผลประเมินแบบองค์รวม เป็นวิธีการที่เหมาะสมที่สุด สำหรับการประเมินที่เน้น

ความรวดเร็วในการจดั ลำดับที่มากกว่ารายละเอยี ดของผลการประเมิน เช่น ในกรณที ดสอบการเขียน

เรียงความเพื่อคัดนักเรียนเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา เป็นต้น แต่ในแง่การปฏิบัติการตัดสินผล
ประเมินแบบองค์รวม มีข้อจำกัดที่ควรสนใจ ตัวอย่างเช่น กรณีที่ครูเป็นผู้สอน และผู้ประเมินผลงาน

ของนักเรียนด้วยตนเอง มีจุดแข็ง ครูสามารถตัดสินลำดับท่ีของผลงานนักเรียนได้เร็วเพราะ

ความคุ้นเคย แต่อาจจะมีจุดด้อยในแง่ความลำเอียงของครูผู้ประเมินอันเกดิ จากความใกล้ชิดเกินไป
เป็นตน้ ดงั น้ันการหลกี เลย่ี งความลำเอียงในแงน่ ี้ จึงมคี วามจำเปน็ ตอ้ งมผี ู้ประเมนิ เป็นคู่ หรือผู้ประเมิน

กลุ่มเล็ก ๆ ทำหน้าที่ร่วมกันพิจารณาตัดสินผลประเมินแบบองค์รวม ที่เรียกว่า Peer Review

จดั ลำดบั ผลงานโดยใช้เกณฑ์น้ีเพ่อื ถว่ งดุลความลำเอียงจะช่วยให้การประเมนิ มคี วามเช่ือถือได้มากขนึ้
การประเมนิ เพอ่ื เรยี งลำดับทแ่ี บบองคร์ วม (holistic grading) และการอาศยั

ความเชย่ี วชาญ (expert Judgment)
ความยุ่งยากอีกประการหน่ึง ท่ีอาจจะเกิดข้ึนในการตัดสินผลการประเมินแบบองค์รวม ที่แม้จะ

มีการสร้างรูบริคตัดสินที่มีความเที่ยงตรง มี Peer Review ที่เหมาะสม แต่อาจจะพบปัญหา ข้อมูล

การประเมินที่ไม่เป็นไปตามระบบที่คาดหวังตามรูบริคที่กำหนดไว้ข้างต้น ตัวอย่างเช่น ผลงานการเขียน

ของนักเรียน มคี วามสมบรู ณ์ ระดับ 3 แต่การสือ่ ความมคี ุณภาพระดับ 1 ระดับการใชภ้ าษามีคุณภาพ
ระดับ 2 การใช้คำศัพท์มีคุณภาพระดับ 2 และโครงสร้างภาษาที่ใช้มีคุณภาพระดับ 1 การตัดสินคุณภาพ

และจัดลำดับที่โดยภาพรวมของผลงานชิ้นนี้ จำเป็นต้องอาศัยผู้ประเมินที่มีความรู้เชียวชาญลุ่มลึก

หลาย ๆ คนร่วมกันตัดสินผลงานอย่างเป็นเอกฉันท์ ที่เรียกว่าการตัดสินโดยอาศัยความเชี่ยวชาญ
(expert judgment) ซึ่งการที่จะสามารถตัดสินคุณภาพของผลงานที่มีลักษณะซับซ้อนเช่นนี้ได้อย่าง

85

เที่ยงตรงและเชื่อถือได้นั้น กลุ่มผู้เชี่ยวชาญจำเป็นต้องดำเนินการสืบเสาะหาความจริงเพิ่มเติม จนได้
ขอ้ มลู เชิงประจักษท์ ี่พอเพยี ง เพื่อรว่ มอภปิ รายผลและร่วมตัดสนิ ใจภายใต้เวลาจำกัดนนั้

2. การตัดสนิ โดยอาศยั ความเชี่ยวชาญ (expert judgment)
การตัดสินโดยอาศัยความเชี่ยวชาญเป็นการพิจารณาให้น้ำหนักความสำคัญแก่หลักฐาน

ทม่ี อี ยเู่ พ่ือให้ได้ข้อสรุปทีส่ อดคล้องกับหลกั ฐานท่ีปรากฏ โดยผ้เู ชย่ี วชาญรายบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มี
ทักษะหรือ ได้รับการฝึกอบรม หรือมีประสบการณ์เฉพาะทางซึ่งเกี่ยวข้องกับสิ่งที่จะประเมิน ผู้เชี่ยวชาญ
จึงเป็นผู้ที่มีเครื่องมือทางความคิด (mental tools) ที่จำเป็นต่อการประเมิน ได้แก่ ความรู้ในการเลือก
หลักฐานที่จะนำมาใช้ในการตอบคำถามการประเมิน ความสามารถในการให้น้ำหนักความสำคัญกับ
ความถูกต้องตรงประเด็นของหลักฐานต่าง ๆ และความสามารถในการตีความความสำคัญของ
ข้อเท็จจริง (facts) หรือข้อสันนิษฐาน (assertions) ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งความสามารถในการคิดค้น
มุมมองจากมวลข้อมูลสารสนเทศที่อาจจะมีข้อจำกัดหรือความขัดแย้งในตนเอง (self-conflicted)
รวมอยู่ดว้ ย การดำเนนิ การประเมนิ และตัดสินโดยผเู้ ช่ยี วชาญ มรี ายละเอียด ดังน้ี

1) การกำหนดคำถามให้ผู้เชี่ยวชาญ (posing questions to the experts) ขั้นแรกของ
การพฒั นากระบวนการประเมินและตัดสินโดยผู้เช่ียวชาญคือ การกำหนดวัตถุประสงค์และผลิตภัณฑ์
ที่พึงประสงค์ (desired products) การตัดสินสามารถพิจารณาได้จากหลักฐานต่าง ๆ ซึ่งการตัดสิน
บางประเด็นต้องอาศัยข้อเท็จจริง ในขณะที่บางประเด็นต้องอาศัยคุณค่า (values) ดังนั้นคำถามใน
การประเมินจึงมีบทบาทสำคัญต่อการตัดสินใจของผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องพัฒนา
ข้อความที่แสดงให้เห็นประเด็นการประเมินต่อผู้เชี่ยวชาญที่เรียกกว่า การกำหนดกรอบประเด็น
โดยการนำเสนอที่ไม่มีอคติ ที่มีความเป็นอิสระจากความคิดความเชื่อที่มีอยู่เดิม การเมือง และ
การอภิปรายถึงผลที่ตามมาที่อาจมีผลต่อการประเมินและตัดสิน การกำหนดกรอบประเด็นอาจให้
ภูมิหลัง และอาจมีเงื่อนไขต่าง ๆ ที่รวมอยู่ด้วย กรอบประเด็นที่กำหนดในรูปแบบข้อความที่จะเสนอ
ต่อผู้เชี่ยวชาญควรได้รับการตรวจสอบ โดยแนวทางที่ดีที่สุดคือ การตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญที่ไม่ได้
มสี ่วนรว่ มในกระบวนการกำหนดกรอบประเด็น

2) การคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญ (selecting the experts) การระบุผู้เชี่ยวชาญจำเป็นต้อง
กำหนดเกณฑค์ วามเชี่ยวชาญทสี่ ามารถวัดได้ โดยท่ัวไปผูเ้ ชยี่ วชาญคอื ผ้ทู ่ีมหี รอื ถกู กล่าวถงึ วา่ มคี วามรู้
เกี่ยวกับข้อมูล รูปแบบ หลักเกณฑ์ที่ดเี ลิศในสาขาวิชาเฉพาะ ซึ่งพิจารณาได้จากตัวบ่งช้ีความรู้ ได้แก่
งานวจิ ยั ทมี่ ีการตีพิมพ์หรือไดร้ ับทุนสนับสนนุ การอ้างองิ ผลงาน ปริญญา รางวัล ตำแหนง่ การแนะนำ
หรือได้รับการเสนอชื่อจากบุคคลที่น่าเชื่อถือ การเป็นคณะกรรมการต่าง ๆ เป็นต้น นอกจากนี้แล้ว
ผู้เชี่ยวชาญยังต้องมีคุณสมบัติเพิ่มเติมบางประการ เช่น ผู้เชี่ยวชาญจะต้องไม่มีความลำเอียง
ต่อสิ่งจูงใจ (motivational biases) ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือผลประโยชน์อื่นใดที่มี
ต่อการตัดสินอาจใช้ผู้เชี่ยวชาญภายในหรือผู้เชี่ยวชาญภายนอกทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะของ

86

ความลำเอียงต่อสิ่งจูงใจผู้เชี่ยวชาญต้องมีความเข้าใจต่อกระบวนการดำเนินงานโครงการ นอกจากนี้
ผู้เชี่ยวชาญควรเต็มใจที่จะเข้าร่วมประเมินและตัดสินผลและควรต้องรับผิดชอบต่อผลการตัดสินน้ัน
ด้วย

นอกจากความเชี่ยวชาญที่ใช้เป็นเกณฑ์ในการกำหนดบุคคลผู้เชี่ยวชาญแล้ว จำเป็นต้อง
กำหนดจำนวนของผู้เชี่ยวชาญที่ใช้ในการประเมินและตัดสิน โดยจำนวนผู้เชี่ยวชาญที่เหมาะสมอาจ
ใช้ 3-5 คน หรือ 3-7 คน ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของประเด็นและบริบทที่เกี่ยวข้อง โดยเลือก
ผู้เชี่ยวชาญที่มีภูมิหลังความรับผิดชอบ สาขาที่ศึกษา และอื่น ๆ ที่แตกต่างกันเพื่อให้เกิดความแตกต่าง
ระหว่างความเชื่อ และควรจะเลือกให้ครอบคลุมสาขาวิชาที่จำเป็นต่อการประเมินและตัดสินผลเพื่อ
ป้องกนั ปัญหาความทบั ซอ้ นกันของผูเ้ ชี่ยวชาญ

3) คุณภาพของการประเมินและตดั สนิ (the quality of judgments) เนื่องจากการตัดสนิ
มีความเปน็ อัตนยั เปน็ เร่อื งส่วนบุคคล และแตกต่างกันระหว่างบุคคลและช่วงเวลา การตัดสินท่ีถือว่า
ถูกต้องจึงต้องอาศัยข้อมูลหลักฐานที่เชื่อถือได้ โดยการประเมินและตัดสินอาจเลือกใช้เทคนิค
การตรวจสอบข้อมูลสามเส้า (data triangulation) สำหรับตรวจสอบความน่าเชื่อถือของข้อมูล
โดยการพิสูจน์ว่าข้อมูลหลักฐานที่ได้มานั้นถูกต้องหรือไม่ โดยตรวจสอบแหล่งที่มา 3 แหล่ง ได้แก่
เวลา สถานท่ี และบคุ คล

3.1) การตรวจสอบแหล่งเวลา หมายถึง การตรวจสอบว่า ข้อมูลหลักฐานอยู่ในช่วงเวลา
ตา่ งกนั หรือเหมอื นกัน ถา้ เหมอื นกันควรตรวจสอบในชว่ งเวลาท่ตี ่างกนั ดว้ ย

3.2) การตรวจสอบสถานที่ หมายถึง การตรวจสอบข้อมูลหลักฐานอยู่ในสถานที่เดียวกัน
หรือไม่ หากมาจากสถานที่เดียวกันมีผลออกมาเหมือนกัน ผู้วิจัยควรตรวจสอบในแหล่งสถานที่
ที่แตกต่าง

3.3) การตรวจสอบบุคคล หมายถึง ถ้าบุคคลผู้ให้ข้อมูลเปลี่ยนไป ข้อมูลจะเหมือนเดิม
หรือไม่

*** การตรวจสอบสามเสา้ ด้านวธิ ีรวบรวมข้อมูล (methodological triangulation) คือ
การเก็บรวบรวมข้อมูลหลักฐานโดยวิธีการต่างกัน เพื่อรวบรวมข้อมูลเรื่องเดียวกัน โดยอาจใช้
การสังเกตควบคู่กับการซักถาม หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งเอกสาร หรือทำการซักถามผู้ให้
ข้อมูลสำคญั

4) การรวมผลการประเมินและตัดสินโดยอาศัยความเชี่ยวชาญ (combining expert
judgements) การประเมินและตัดสินโดยผู้เชี่ยวชาญอาจพบว่า ผลการประเมินและตัดสินแตกต่างกัน
จึงจำเป็นต้องมีการรวมผลการประเมินและตัดสินที่ได้จากผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ เพื่อสรุปผลการประเมิน
วิธกี ารท่ใี ช้รวมผลการประเมนิ และตัดสนิ (aggregation methods) มี ๒ ประเภท คือ วธิ ีการทางด้าน
คณิตศาสตร์ (mathematical approaches) และวิธีการทางด้านพฤติกรรม (behavioralapproaches)

87

โดยวิธีการด้านทางคณิตศาสตร์จะใช้กฎหรือสูตรในการคำนวณเพื่อหาฉันทามติส่วนวิธีการทาง
ด้านพฤติกรรม เกี่ยวข้องกับการเจรจาต่อรองเพื่อให้ได้ตัวแทนหรือฉันทามติจากกลุ่มโดยใช้เทคนิค
ตา่ ง ๆ เช่น เทคนิคเดลฟาย เทคนิคกลุ่มสมมตนิ ัย (nominal group technique) หรือใชก้ ารเจรจาต่อรอง
โดยผูอ้ ำนวยความสะดวก (facilitator) พดู คุยอภิปรายกบั ผูเ้ ชยี่ วชาญเกี่ยวกับประเดน็ ปัญหาท่ีเกิดข้ึน
ผู้อำนวยความสะดวกมีหน้าที่ดึงข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญและตีความเพื่อให้ได้ฉันทามติพยานหลักฐาน
ตา่ ง ๆ ทีแ่ สดงถงึ ภูมปิ ัญญารวมของกลมุ่ ผเู้ ช่ียวชาญ

5) ข้อควรพิจารณาในการวางแผนการประเมินและตัดสินโดยอาศัยความเชี่ยวชาญ
(expert judgment designs) การวางแผนการประเมินและตดั สนิ โดยอาศัยความเชี่ยวชาญนอกจาก
จะต้องพิจารณาเกี่ยวกับการระบุประเด็นการประเมินและการคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญยังมีข้อควร
พิจารณาที่เกยี่ วข้อง ดังน้ี

5.1) การมปี ฏิสัมพันธแ์ ละการแลกเปลี่ยนขอ้ มลู สารสนเทศระหวา่ งผเู้ ชยี่ วชาญ
5.2) ประเภทและปรมิ าณของขอ้ มลู สารสนเทศเบือ้ งต้นทีจ่ ัดเตรียมให้แกผ่ ู้เชย่ี วชาญ
5.3) เวลาและทรัพยากรทจ่ี ะจัดสรรใหเ้ พ่อื เตรียมความพรอ้ มในการประเมิน
5.4) สถานทใ่ี นการประเมินและตดั สิน
5.5) การฝกึ อบรมใหค้ วามรู้แก่ผทู้ ำหน้าท่ปี ระเมินและตัดสิน
5.6) ความเชอ่ื มโยงของผลการประเมินและตดั สนิ กบั รายชอ่ื ของผู้เชยี่ วชาญ และ
การคมุ้ ครองผลการประเมินและตัดสนิ
3. การประเมินโดยวิธพีชิญพิจารณ์ หรือการทบทวนโดยบุคคลระดับเดียวกัน (Peer
review)

Peer review หรือศัพท์บัญญัติใช้คำว่า พิชญพิจารณ์ เป็นกระบวนการตรวจเยี่ยม
ติดตามประเมิน โดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทีมีความรู้ความสารถ และประสบการณ์ใน
การปฏิบัติงานที่คล้ายกัน เพื่อร่วมกันวิเคราะห์ และให้ข้อสังเกต ข้อเสนอแนะ เชิงพัฒนาใน
การปฏิบัตงิ าน โดยมีนักวชิ าการ หนว่ ยงานไดใ้ หแ้ นวคิด ความหมาย ดงั นี้

พิชญพิจารณ์ในการประกันคุณภาพ หมายถึง กระบวนการตรวจสอบความเหมาะสมของ
การบริหารจัดการศึกษาตามเกณฑ์มาตรฐาน ผู้ทำหน้าที่พิชญพิจารณ์เปรียบเสมือนเพื่อนที่มี
ความปรารถนาดีต่อสถานศึกษา มีความรู้ความสามารถ มีใจเป็นกลาง ปราศจากอคติในการพิจารณ์
ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับสิ่งที่เข้าไปพิจารณ์ และให้ผลป้อนกลับในการประเมินที่นำไปสู่การพัฒนา
คุณภาพใหด้ ีขน้ึ ด้วยทา่ ทีทเ่ี ป็นมิตร

โมเดลพิชญพิจารณ์ มี 3 โมเดล ได้แก่ โมเดลการประเมิน (evaluation model) โมเดล
การพัฒนา (development model) และโมเดลความร่วมมือรวมพลัง (collaborative model)
สองโมเดลแรกผู้ประเมินหรือผู้ทำหน้าที่พิชญพิจารณ์จะมีบทบาทเหนือกว่าผู้ถูกประเมิน ด้วยความเป็น

88

ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์สูง สามารถใช้ความชำนาญของตนเองในการตัดสินคุณภาพของ
การปฏิบัติงานผู้อื่น ต่างกันที่โมเดลแรกเน้นการตัดสินคุณภาพตามแบบได้ตกมากกว่าโมเดลที่สอง
ซ่งึ เนน้ การให้ข้อมูลเพื่อการปรับปรุงพัฒนาจากการวิเคราะห์หรือวินจิ ฉัยของผูป้ ระเมนิ ความรู้สึกเป็น
เจ้าของผลการประเมิน ในกลุ่มของผู้ถูกประเมินจะไม่มีในสองโมเดลนี้ เนื่องจากผู้รับการประเมินจะ
เป็นผู้รับฟังผลการประเมินโดยไม่ได้มีส่วนร่วมในการประเมินเหมือนโมเดลที่สาม คือ โมเดล
ความรว่ มมอื รวมพลงั

ลักษณะของพิชญพิจารณ์ที่พึงประสงค์ควรเป็นแบบความร่วมมือรวมพลัง (collaborative
peer-supported review) เป็นการพิจารณ์แบบเปิด ยืดหยุ่น และกระบวนการไม่เป็นแบบสั่งการ
เปิดโอกาสให้มีการเรียนรู้เกิดขึ้น ผลการประเมินจะไม่ชี้ขาดจากมุมมองของตนเองฝ่ายเดียว ให้ผู้รับ
การประเมินแต่ละคนมีโอกาสเลือกและสร้างเส้นทางตามความรู้ที่ตนเองมีอยู่ กระบวนการแบบนี้จะ
สนบั สนนุ ใหม้ กี ารสะท้อนเชิงวิพากษ์ ทำให้แตล่ ะคนให้ความสำคัญกบั การจดั การศึกษาตามมาตรฐาน
ทสี่ ง่ ผลกระทบต่อการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษา

โดยภาพรวมพิชญพิจารณ์เป็นกระบวนการที่เกิดจากความต้องการของผู้ที่เกี่ยวข้องกับ
การบริหารจัดการศึกษา ที่ต้องการได้ข้อมูลสะท้อนเชิงวิชาการ เพื่อนำไปใช้ในการปรับปรุงการจัด
การศึกษาหรือการปฏิบัติงาน การพิจารณ์เป็นกระบวนการที่ทำให้มองเห็นปัญหาและแนวทางแก้ไข
โดยอิงประสบการณ์ของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย การพิจารณ์ที่จะมีประสิทธิผลจึงต้องเกิดจากการเห็น
คุณค่าของการได้ข้อมูลสะท้อนที่ช่วยในการปรับปรุงพัฒนา จึงไม่ควรเป็นกระบวนการที่เกิดจาก
การถูกบังคับหรือสัง่ การให้ต้องทำ

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของกระบวนการพิชญพิจารณ์ จึงต้องมีการส่ือสารเพื่อชี้ให้เห็น
ประโยชน์ที่จะได้จากการพิจารณ์ ผู้ที่ทำหน้าที่พิชญพิจารณ์ต้องมีความรู้และประสบการณ์ใน
การทำงานในลักษณะเดียวกับผู้ถูกพิจารณ์ ในกรณีของการพิจารณ์การประเมินคุณภาพภายใน
ควรเป็นบุคคลที่อยู่บริบทเดียวกันหรือสัมพันธ์กับสถานศึกษาที่จะไปพิจารณ์ เป็นผู้มีคุณสมบัติ
เหมาะสมเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด ผ่านการพัฒนาให้เป็นผู้เข้าใจบทบาทหน้าที่และการปฏิบัติงาน
ในกระบวนการพิชญพิจารณ์เป็นผู้ที่มีใจเป็นกลาง ปราศจากอคติในการพิจารณ์ ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย
กบั สถานศึกษาที่เขา้ ไปพิจารณ์

การประเมินแบบพิชญพิจารณ์ เป็นการประเมินแบบเพื่อนร่วมวิชาชีพที่เป็นกัลยาณมิตร
ผู้เป็นเพื่อนจะให้ข้อมูลแบบตรงไปตรงมา จริงใจ ปราศจากอคติ และต้องมั่นใจว่าตนเองในฐานะ
ผู้ประเมินมีความสามารถในการประเมินจริง ที่สำคัญต้องเข้าใจบริบทของสถานศึกษา เพื่อจะได้ให้
คำแนะนำท่ีเหมาะสม นำไปปฏิบัติใหเ้ กิดผลดตี ่อการพฒั นาคุณภาพภายในสถานศึกษานัน้ ๆ ได้ ท้ังน้ี
ตอ้ งใหค้ วามสำคัญกับการรบั ฟงั ความคิดเหน็ ของผถู้ ูกประเมินด้วย

89

การทำ Peer Review เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ควรมีการทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึง
ประโยชน์จะได้รับ มุ่งเน้นเรื่องการให้ข้อมูลย้อนกลับอย่างสร้างสรรค์เพื่อนำไปพัฒนาตนเอง เน้น
การทำงานในฐานะกลั ยาณมิตร เปน็ ต้น ขอ้ ควรระวังเหล่านจ้ี ะไม่เป็นอปุ สรรคเลย หากทกุ คนมองเห็น
เป้าหมายร่วมกัน คือการบริหารจัดการศึกษา และจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดีและมีคุณภาพเพ่ือ
ผเู้ รยี นใหส้ มกับคำวา่ การจัดการศกึ ษาที่เนน้ ผู้เรียนเปน็ สำคัญ

การทบทวนระดับเดียวกนั (Peer review) หรือ การทบทวนโดยผู้รเู้ สมอกัน เป็นการประเมินงาน
โดยบคุ คลหรอื กลุ่มบุคคลท่ีมีความชำนาญคลา้ ยกบั คนทีท่ ำงานน้นั เป็นระบบควบคมุ กันเองโดยสมาชิกวิชาชีพ
ทมี่ ีคณุ สมบัตคิ วามสามารถในสาขาที่เข้าประเด็นกัน เป็นวธิ ที ใี่ ชเ้ พ่ือรักษามาตรฐานทางคุณภาพ เพ่ือ
เพิ่มคุณภาพ และเพื่อให้เกิดความเชื่อถือในงาน ภายในกลุ่มนักวิชาการ เป็นวิธีการกำหนดว่างานวิชาการ
นนั้ สมควรจะตีพิมพ์หรือไม่ เปน็ เรื่องทจ่ี ัดหมวดหมู่ได้ตามชนิดของงาน หรอื ตามอาชีพ เช่น การทบทวน
ระดับเดยี วกนั ทางการแพทย์

การทบทวนโดยนักวิชาการระดับเดียวกัน (Scholarly peer review หรือ refereeing)
เป็นกระบวนการตรวจสอบงานวิชาการ งานวิจัย หรือแนวคิดโดยนักวิชาการในสาขาเดียวกัน ก่อนที่
จะตีพิมพ์งานในวารสารวชิ าการหรอื ในหนังสือ การทบทวนจะช่วยผู้ตีพิมพ์ ซึ่งก็คือหัวหน้าบรรณาธิการ
หรือคณะบรรณาธิการ ตดั สินใจวา่ งานน้นั ควรจะรับ หรือรบั ไดถ้ ้ามีการแก้ไข หรอื ปฏิเสธ เปน็ กระบวนการ
ท่ีต้องมีกลมุ่ ผู้เชย่ี วชาญในสาขานน้ั ๆ (ซึ่งบางครง้ั จำกัดอยา่ งแคบ ๆ) ผูม้ ีคณุ สมบตั แิ ละสามารถทำงาน
ทบทวนอย่างเป็นกลาง ๆ ได้โดยระดับหนึ่ง แต่ว่าการทบทวนที่เป็นกลาง ๆ โดยเฉพาะในงานที่มี
การจำกัดอย่างไม่ชัดเจน หรือเป็นงานหลายสาขาวิชา อาจเป็นเรื่องยาก และแนวคิดใหม่ ๆ ที่สำคัญ
อาจจะไม่ได้การยอมรับจากคนรุ่นเดียวกัน การทบทวนโดยนักวิชาการระดับเดียวกัน เป็นสิ่งจำเป็น
เพื่อคุณภาพทางวิชาการ และใช้ในวารสารวิชาการสาขาวิทยาศาสตร์โดยมาก แต่ไม่ได้ช่วยป้องกัน
การพิมพ์งานวิจัยที่ไม่เป็นจริงทั้งหมด โดยปกติแล้วการทบทวนจะทำแบบนิรนาม แต่ว่าในปัจจุบันมี
งานทบทวนทำแบบเปิดเป็นจำนวนพอสมควร โดยที่ผู้อ่านจะเห็นข้อคิดเห็นของผู้ทบทวน โดยแสดง
ชือ่ ของผ้ทู บทวนดว้ ย

4. การประเมินบนพ้ืนฐานของหลักฐาน (evidence-based assessment)
การประเมินบนพื้นฐานของหลักฐาน (evidence-based assessment) เป็นการเก็บ

รวบรวมข้อมูล สังเคราะห์ และตีความข้อมูลจากหลักฐานที่มีความน่าเชื่อถือซึ่งเป็นองค์ประกอบท่ี
สำคัญในการตัดสินใจผูป้ ระเมินจึงต้องสบื ค้น วิเคราะห์ และนำข้อมูลหลักฐานที่มีความชัดเจน มีเหตุ
มีผลไปใช้ประกอบการพจิ ารณาและการตัดสินคุณค่าอยา่ งรอบคอบ

หลักฐานเชิงประจกั ษ์ คือ ข้อมูล ความรู้ ข้อเท็จจริง แนวทางปฏิบัติที่ได้รับการยอมรับที่
สังเกตหรือพิสูจน์หรือยืนยันได้ หรือผลงานวิจัยที่มีการประเมินค่าด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ความรทู้ ีผ่ า่ นการทดลองใชห้ รือพิสจู น์ในทางปฏบิ ัติแลว้ สมมตฐิ านทางทฤษฎีที่ได้รับการพิสูจน์ยืนยัน

90

ว่าเป็นความจริง โดยมีข้อมูลหรือหลักฐานประกอบการยืนยัน เพื่อนำมาช่วยในการตัดสินใจใน
การปฏิบัติงาน โดยคำนึงถงึ ประสิทธิภาพ และประสทิ ธผิ ลและเป็นท่พี ึงพอใจของผู้ทเี่ กี่ยวข้อง

หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ อาจได้มาด้วยวธิ ีการตา่ ง ๆ เชน่ การสังเกต การสัมภาษณ์ การตรวจสอบ
เอกสารหลักฐาน หรือใช้หลายวิธีประกอบกัน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีความถูกต้องมากที่สุด ในลักษณะ
ของการตรวจสอบสามเส้า (triangulation) โดยใช้แหล่งข้อมูลต่างกัน ช่วงเวลาในการเก็บข้อมูลหรือ
วิธีการเก็บข้อมูลต่างกัน ดังนั้นผู้ประเมินจึงต้องมีทักษะในการจำแนก รวบรวม และนำหลักฐานมา
ใช้ได้อยา่ งเหมาะสมตามจุดมุ่งหมายการประเมนิ

ผู้ประเมนิ อาจใช้ข้อคำถามต่อไปนป้ี ระกอบการพจิ ารณาตดั สนิ ใจเลอื กหลักฐาน
1. ข้อมลู หรือหลักฐานท่จี ะใชค้ ืออะไร จะใช้ประกอบการประเมินได้อยา่ งไร
2. หลกั ฐานมคี วามถกู ตอ้ งน่าเชือ่ ถือหรอื ไม่ เพียงใด
3. เหตผุ ลแนวคดิ เบือ้ งหลังในการเลอื กหลกั ฐานน้ัน ๆ คอื อะไร
ความน่าเชอ่ื ถือของหลกั ฐาน สามารถแบ่งได้หลายระดบั ดังนี้
1. ความน่าเชื่อถือน้อย เช่น ข้อมูลจากการบอกเล่า หรือประสบการณ์ส่วนตัวหรือ
ขอ้ คิดเห็นจากผ้เู ชย่ี วชาญ อยา่ งไรก็ตามขอ้ มูลเหล่านีอ้ าจะเป็นประโยชน์สำหรับการศึกษาตอ่ ไป
2. ความนา่ เชอ่ื ถือปานกลาง เชน่ ผลการวจิ ยั ที่ทำเฉพาะกลุม่ ไม่มตี ัวเทียบ (case study)
การศกึ ษาแบบนอี้ าจเกิดอคตไิ ด้ง่าย
3. ความน่าเชื่อถือสูง คือ ขอ้ มลู ทีไ่ ด้จากการศกึ ษาวจิ ัยที่มกี ารสุ่มตัวอย่าง ควบคุมตัวแปร
การศกึ ษาแบบน้ีจะไม่จำเพาะเจาะจง และจะมกี ารเปรียบเทยี บคอ่ นข้างดีกวา่ แบบที่ 2
ขั้นตอนการประเมนิ บนพน้ื ฐานของหลกั ฐาน
1. ระบุประเดน็ การประเมนิ เช่น ผลสัมฤทธ์ิของผเู้ รยี น ภาวะผนู้ ำของผ้บู ริหาร ระบบ
การวดั และประเมินผล การนำผลการประเมินไปใช้
2. กำหนดหลักฐานท่ใี ช้ในการประเมินทเี่ ปน็ ไปได้ท้งั หมด
3. ตรวจสอบความถูกตอ้ ง นา่ เชอื่ ถอื ของหลกั ฐาน
4. คัดเลอื กหลกั ฐานท่ดี ีทส่ี ุด เพ่ือประกอบการพจิ ารณาตัดสิน
5. พจิ ารณาตัดสนิ คณุ ค่าโดยเชือ่ มโยงหลกั ฐานกบั ประเดน็ การประเมิน

91

แนวทางการประเมนิ คุณภาพภายในตามมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศกึ ษา

การประเมินคุณภาพภายในตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา เป็นการประเมิน
คุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาตามที่สถานศึกษากำหนดสำหรับใช้เป็นทิศทางการบริหาร
จัดการศึกษาในความรับผิดชอบของสถานศึกษาให้มีคุณภาพยิ่ง ๆ ขึ้นไป โดยมีแนวทางในการดำเนินการ
ดงั นี้

1. การปฏิบัติงานตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา โดยสถานศึกษากำหนด
มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาท่ีเก่ียวกับคุณลกั ษณะคุณภาพของสถานศึกษาที่พึงประสงค์ เป็น
การส่งเสริม กำกบั ดูแล ระบบการประกันคณุ ภาพภายในของสถานศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาและ
การพฒั นาคุณภาพการศึกษาระดับการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน

2. การประเมนิ ตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา สถานศกึ ษาแต่งต้ังคณะกรรมการ
หรือคณะทำงานประเมินคุณภาพภายในตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา โดยมีเครื่องมือ
การประเมินตามมาตรฐาน ประเด็นการพิจารณาที่มีคุณภาพ นำผลการประเมินคุณภาพภายในตาม
มาตรฐานการศึกษาของสถานศกึ ษาไปใช้และพัฒนา สำหรับมาตรฐานและประเด็นการพิจารณาที่อยู่
ในระดบั ปรับปรุงจะต้องนำมาแก้ไขปรับปรงุ ตามระยะเวลาท่เี หมาะสม ท่ีผปู้ ฏิบัตไิ ดก้ ำหนดไว้

3. การรายงานผลการประเมินคุณภาพภายในตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา
สถานศึกษาสรุปผลการประเมินและเขียนรายงานผลการประเมินคุณภาพภายในตามมาตรฐาน
การศึกษาของสถานศึกษา เพื่อนาไปวางแผนการพัฒนาคุณภาพการศกึ ษาต่อไป แสดงได้ดังแผนภาพ
ท่ี 14

การปฏบิ ตั งิ าน การประเมนิ การรายงานการประเมนิ
ตามมาตรฐาน ตามมาตรฐาน ตามมาตรฐาน

ขอ้ มูลปอ้ นกลบั

แผนภาพท่ี 14 แนวทางการประเมนิ คุณภาพภายในตามมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศึกษา

92

ขัน้ ตอนและแนวทางการประเมินคุณภาพภายในตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา
1. ขนั้ การเตรียมการ
1.1 การเตรียมความพร้อมของบุคลากรทุกคน โดยทำความเข้าใจเกี่ยวกับการประเมนิ

คุณภาพภายในประเด็นที่สำคัญ ๆ เช่น การประเมินคุณภาพคืออะไร มีความสำคัญต่อการพัฒนา
อย่างไร ข้ันตอนการประเมินคุณภาพเป็นอย่างไรเน้นย้ำกับบุคลากรในการให้ความร่วมมือการตอบ
คำถามหรือ การสัมภาษณโ์ ดยยดึ หลักการตอบตามสิ่งที่ปฏิบตั ิจริง ผลท่เี กดิ ข้ึนจริง เนน้ ย้ำให้บุคลากร
ทุกคนตระหนักว่าการประเมินคุณภาพคือภารกิจประจำของทุกคนที่ต้องร่วมมือกันทำอย่างต่อเนื่อง
สร้างความตระหนักถึงคณุ ค่าของการประเมินคุณภาพภายในตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา
และการทำงานเป็นทีม และต้องพัฒนาความรู้ ทักษะเกี่ยวกับการประเมินคุณภาพภายในตาม
มาตรฐานการศึกษา และประเด็นการพิจารณา โดยเน้นเนื้อหาการกำหนดกรอบมาตรฐาน
การประเมิน การสร้างเครื่องมือประเมินตามมาตรฐาน การเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล
จากผลการประเมิน และการเขียนรายงานผลการประเมินคณุ ภาพภายในตามมาตรฐานการศึกษา

1.2 การแต่งตั้งคณะกรรมการหรือคณะทำงานด้านการประเมินคุณภาพภายในตาม
มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา รบั ผิดชอบในการประสานงาน กำกบั ดแู ล ชว่ ยเหลอื สนับสนุน
ให้ทุกฝ่ายทำงานร่วมกันเป็นทีม พร้อมทั้งรวบรวมข้อมูลตามมาตรฐานการศึกษา ซึ่งคณะกรรมการ
หรือคณะทำงานควรจะประกอบด้วย ผู้บริหาร คณะครู นักเรียน บุคลากรในสถานศึกษา รวมไปถึง
ผปู้ กครอง คณะกรรมการสถานศกึ ษาขั้นพื้นฐาน และผู้ที่มสี ว่ นเกี่ยวกบั กบั สถานศึกษา

2. ขั้นการดำเนนิ งาน
ข้ันการดำเนินงานเปน็ กระบวนการบรหิ ารงานอย่างมีคณุ ภาพครบวงจร (PDCA) ของเดมม่ิง

ซงึ่ วงจรของเดมม่ิงประกอบด้วย การวางแผน (Plan) ปฏิบตั ิตามแผน (Do) ตรวจสอบผลการดำเนินงาน
ตามมาตรฐานการศึกษา (Check) และพัฒนาปรบั ปรุงอยูเ่ สมอ (Act) โดยมลี ักษณะเปน็ วงจรต่อเนอื่ ง

2.1 การวางแผนการปฏิบัติงาน (P) จะต้องมีการกำหนดวัตถุประสงค์ เป้าหมายของ
การประเมินให้ชัดเจน โดยใช้กรอบมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาเป็นแนวทางการดำเนินงาน
รวมไปถึงการวางแผนผู้รับผิดชอบการดำเนินงาน ระยะเวลาและทรัพยากรที่ต้องใช้ในการจัดทำแผน
ของสถานศึกษา เช่น แผนปฏิบัติการประจำปี แผนพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา
แผนงบประมาณ แผนการจัดการเรียนการสอน เป็นต้น กำหนดวิธีการประเมินตัวบ่งชี้ความสำเร็จ
ตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา เตรียมเครื่องมือที่ใช้ในการประเมิน วางแผนการเก็บข้อมูล
วางแผนการวิเคราะห์ สรุปและรายงานผล

93

2.2 การดำเนินการตามแผน (D) ศึกษามาตรฐานการศึกษาประเด็นการพิจารณา ผู้บริหาร
ควรให้การส่งเสริม สนับสนุน ให้บุคลากรทำงานอย่างมีความสุข โดยการจัดสิ่งอำนวยความสะดวก
สนับสนุนทรัพยากรเพื่อการปฏิบัติ กำกับ ติดตามการทำงานให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้และให้
การนิเทศ

2.3 การตรวจสอบผลการดำเนินงานตามมาตรฐานการศึกษา (C) โดยวางกรอบ
การตรวจสอบผลการดำเนินงานตามมาตรฐานการศึกษา สร้างเครื่องมือการประเมินตามมาตรฐาน
ศึกษา กำนดเกณฑ์การประเมนิ ในประเดน็ การพิจารณาตามมาตรฐานการศึกษา ดำเนินการตรวจสอบ
การดำเนนิ งาน และสรุปผลการตรวจสอบการดำเนินงานตามมาตรฐานการศึกษา

2.4 การนำผลการประเมินคุณภาพภายในมาปรับปรุง(A) สถานศึกษานำผลการประเมิน
คุณภาพภายในตามมาตรฐานการศึกษามาวิเคราะห์ วางแผนการแก้ไขปรับปรุงการดำเนินงานของ
สถานศกึ ษาในส่วนที่เปน็ จุดท่ีควรพัฒนา ดำเนินการแกไ้ ขปรบั ปรงุ การดำเนนิ งานของสถานศึกษาตาม
แนวทางที่สถานศึกษาเลือกใช้ แล้วดำเนินการตรวจสอบผลการดำเนินงานว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่
ต้องการบรรลผุ ลหรือไม่ ซึ่งเป็นการย้อนกลับไปดำเนนิ ตามข้นั ตอนที่ 1 ใหม่ เพอื่ นำไปวางแผนพัฒนา
การปฏบิ ัติงานในระยะต่อไป สำหรับงานทมี่ ีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศกึ ษาให้พัฒนา
การปฏบิ ัติงานให้มปี ระสิทธภิ าพดียิ่งขน้ึ ตอ่ ไป

3. ขั้นการจดั ทำรายงานผลการประเมิน
เมื่อสถานศึกษาดำเนินการประเมินคุณภาพภายในตามมาตรฐานการศึกษาเสร็จแล้ว จะ

จัดทำรายงานการประเมินคุณภาพภายในตามมาตรฐานการศึกษา พร้อมสรุปจุดแข็งและจุดที่ควร
พัฒนาของสถานศกึ ษา ให้หนว่ ยงานตน้ สังกัด ผูเ้ ก่ียวขอ้ งและสาธารณชนทราบ


Click to View FlipBook Version