คำนำ
รายงานเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของวิชา อาศรม
ดนตรีศกึ ษา 2063906 เพื่อให้ได้ศึกษาหาความรู้ในเร่ืองราวและส่ิง
ต่างๆเกี่ยวกับศิลปินพื้นบ้าน โดยได้ศึกษาผ่านการสัมภาษณ์จาก
ศิลปินในท้องถิ่น เพื่อศึกษาประวัติความเป็นมาของดนตรีพื้นบ้าน
และไดศ้ ึกษาอยา่ งเขา้ ใจเพ่ือเป็นประโยชน์ตอ่ นักศึกษา
ผูจ้ ดั ทำคาดหวงั เป็นอย่างยิ่งวา่ การจัดทำเอกสารฉบับนี้จะมี
ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับศิลปินพื้นบ้านแต่
ละทอ้ งถนิ่ หากผดิ พลาดประการใด ขออภัยมา ณ ท่ีนด้ี ว้ ย
นกั ศกึ ษาชั้นปที ี่ 3
ผู้จดั ทำ
สารบญั หนา้
เรอ่ื ง ๑
๓๙
หนงั ตะลุง นายสุมล ศักด์ิแกว้ ๕๕
ดนตรไี ทย นายกำแพง มสู สี ุทธิ์ ๖๕
ดนตรีไทย ครูโชค ภคั วัฒน์ ช่วยดว้ ง ๗๖
ดนตรีไทย นายวริ ะ วชิ ัยดิษฐ์ ๘๕
หนังตะลุง นายนงค์ ดำหมาน ๙๒
หนงั ตะลุง นายสเุ ทพ คำแหง ๙๙
หนงั ตะลุง อาจารย์ตรจี กั ร ตะลงุ บณั ฑติ ๑๐๕
ครูหมอโนราห์ ๑๑๕
มอื ปี่หนังตะลงุ นายนิยม คงสังข์ ๑๓๖
มโนราหว์ ันดี ศรีนครฯ ๑๔๐
โนราเจมิ สมเพชร
ซอด้วง นายสม โดะโอย
๑
นายสุมล ศักดแิ์ กว้
นายหนงั ตะลงุ
ประวตั ิ
ชอ่ื นายสุมล ศกั ด์แิ ก้ว
ชอ่ื ใน หนังสุมล ศ.ประทมุ
วงการ
อายุ ๕๗ ปี
ท่อี ยู่ บา้ นเลขท่ี ๗๕/๓ หมู่ที่ ๑๐ ตำบล ทา่ เรือ
ปัจจบุ นั อำเภอ เมือง จังหวัดนครศรธี รรมราช
เบอรโ์ ทร ๐๙๙-๒๔๐๘๔๒๖
Facebook สมุ ล ศักด์แิ กว้
๒
เป็นบุตร นายรุ่ง นาง
จำเนียร ศักดิ์แก้ว เกิดเม่ือ
๒๑ มถิ นุ ายน ๒๕๐๗ ที่บ้าน
มะมว่ งงาม ๗๕/๓ หมู่ที่ ๑๐
ตำบลท่าเรือ อำเภอเมือง
จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้
อุปนสมบทในโครงการ
ปฏิบตั ิธรรมเฉลิมพระเกียรติ
พระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัว ระหว่างวัน ที่ ๑-
๙ ธันวาคม ๒๕๓๐ ณ วัด
ศาลามีชัย อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช หลังจากลา
สิกขาบทแล้ว ได้สมรสกับนางมณรี ัตน์ อกั ษรกลู บุตรธิดา ๒ คน
การศึกษา สำเร็จการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
ที่โรงเรียนบ้านท่าเรือ มิตรภาพที่ ๓๐ สำเร็จการศึกษาระดับ
มัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนวชิรานุสรณ์ หลังจากนั้นเข้าศึกษา
ต่อระดับชั้นประกาศนียบัตรนาฏศิลป์ชั้นกลางปีที่ ๑-๓ ที่วิทยาลัย
นาฏศิลปนครศรีธรรมราช สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี
หลักสูตรศิลปะศาสตร์บัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ ๒) วุฒิ ศศ.บ
๓
โปรแกรมวิชาการพัฒนาชุมชน จากมหาวิทยาลัยราชภัฏ
นครศรีธรรมราช สำเร็จหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู
จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย วิทยาเขต
นครศรธี รรมราช
การศึกษาวิชาหนังตะลุง หนังสุมล ศ. ประทุม ชอบหนังตะลุง
เป็นชีวิต จิตใจ มาตั้งแต่เด็กด้วบรรพบุรุษสืบเชื้อสายหนังตะลุงมา
ก่อน ประกอบกับสภาพ แวดล้อมเป็นแรงบันดาลใจ เริ่มหัดหนัง
เมื่อ อายุ ๑๒ ปีโดยมีหนังวิลาศ ชูศิลป์ เป็นอาจารย์สอนท่านแรก
ต่อมาเข้ามาศึกษาต่อที่วิทยาลัยนาฏศิลปะ นครศรีธรรมราช จึงได้
หัดกับหนังประทุม เสียงชาย หนังโสภณ เกตุโรจน์ และ ได้ฝึกหัด
หนังตะลุงสาธิต กับหนังสุชาติ ทรัพย์สิน (ศิลปินแห่งชาติ) และได้
ครอบ มือกับหนังล้อม สระกำ หนังสุมล ได้รับเกียรติจากวิทยาลัย
นครศรีธรรมราช ให้เป็นครูสอนสอน นาฏศิลปะพื้นบ้าน (หนัง
ตะลงุ ) เม่อื วนั ที่ ๙ พฤศจกิ ายน ๒๕๓๔ จนถงึ ปัจจุบัน
๔
การเข้าสู่วงการหนังตะลุงได้อย่างไร ได้รับการสืบทอด
จากใครและฝกึ ฝนการแสดงจากใคร อย่างไร ?
มีความรักและความชอบในหนังตะลุง เมื่อเข้าศึกษาที่
วิทยาลัยนาฏศิลปนครศรธี รรมราช ได้เรยี นวิชาหนังตะลงุ จาก หนัง
ประทุม เสียงชาย และหนังโสภณศิลป์ อัสวินแหวนเพชร และได้
เก็บเกี่ยวประสบการจากหนังตะลุงหลาย ๆ คณะนำมาประกอบใน
การแสดง และได้ครอบมือหนังตะลุงกับ หนังล้อม สระกำ ปัจจุบัน
เป็นคุณครูสอนวิชาหนังตะลุง ที่วิทยาลัยนาฏศิลปนครศรีธรรมราช
เข้าสวู่ งการหนังลุงมาแล้วก่ปี ี ๔๓ ปี ร า ย ไ ด ้ ต ่ อ เ ด ื อ น
๒๐,๐๐๐+ บาท (เพราะบางเดือนกไ็ มม่ ีการแสดง)
หนังประทมุ เสยี งชาย
๕
ลกั ษณะการแสดงเวทหี นงั ตะลุง (มีการแสดงอ่นื ๆ
นอกเหนอื จากหนังตะลุงหรือไม่ ?)
ไม่มีการแสดงอื่นนอกจากการแสดงหนังตะลุง ยังคงยึด
แบบฉบับโบราณของการแสดง ฟัน ชบ รบ เหาะ นิยายจกั ร ๆ วงศ์
ๆ
หนงั ตะลุงทใ่ี ชส้ ำหรบั การแสดงไดม้ าจากทีใ่ ด ?
ส่ังซ้ือจากช่างทีป ตำบลชะเมา เป็นหลกั
อัตลกั ษณค์ วามโดดเดน่ ในหนงั ตะลุง
๑.ยอคนดี ตคิ นชวั่ สะทอ้ นให้ความเปน็ จริงของสงั คม
๒.เปน็ นายหนังท่เี สยี งดี เสยี งมเี สนห่ ์ เวลาขับกลอนมคี วาม
ไพเราะ น่าฟัง และเข้าถึงอารมณ์ของบทบาทนั้นได้อยา่ งดี
๓.นิยายดี คือ นิยายที่ผู้ชมสนใจ อยากติดตามต่อจนจบ
สอดแทรกไปดว้ ยความรู้และเน้ือหาสาระที่ตวั ละครแสดงออกมาได้
อย่างนา่ สนใจ
๖
๔.เชิดรูปดี สามารถเชิดรูปได้อย่างอ่อนพริ้ว มีลีลาและท่าทาง
เสมือนเป็นตัวละครที่มีชีวิตจริง ๆ เข้ากับเสียงจังหวะของดนตรีได้
อย่างสวยงาม ทำให้เกดิ อรรถรสในการรับชม
ลกั ษณะงานท่รี บั
รับงานทั่วไป เช่น งานบวช งานศพ งานวัด งานขึ้นบ้าน
ใหม่ งานแกบ้ น
๗
พธิ ีกรรมความเชื่อท่ีใชส้ ำหรับการแสดงหนังตะลงุ ?
มีการเบิกโรง การชุบตัวให้ขลังก่อนแสดง ถ้าเป็นงานศพ
จะทำน้ำมนต์ประพรมรูปหนัง เพื่อความเป็นสิริมงคล ขับไล่สิ่งไม่ดี
ออกไป มีคาถาเบิกปากรูปหนังก่อนแสดง พิธีแก้บน ถ้าเหมรยห่อ
จะเล่นเรื่องรามเกียรติ์ ตอนจองถนน แต่ถ้าเหมรยธรรมดา จะมีแค่
พธิ ตี ัด เหมรยอย่างเดยี ว
วงดนตรที ี่ช่ืนชอบ
ครสู มุ ลช่ืนชอบในเสยี งเพลงลูกทุ่ง เพราะ เพลงลกู ทุ่งจะให้
อารมณ์ที่สามารถคล้อยตามได้ ในเพลงลูกทุ่งมีการสัมผัสและเรยี บ
เรียงที่สละสลวยเป็นคำที่ไพเราะ และสามารถเล่าเรื่องราวให้จบใน
ระยะเวลาอันสั้น ซึ่งครูสุมลจะชอบเพลงช้าที่ให้ความรู้สึกผ่อน
คลาย เช่น บทเพลงของ สายัณห์ สัญญา , ไวพจน์ เพชรสุพรรณ
ฯลฯ เป็นต้น
๘
เคร่อื งดนตรที ช่ี ่นื ชอบ
ปี่ คอื เคร่ืองดนตรีทีค่ รสู มุ ลชนื่ ชอบ เพราะว่า ป่ีเป็นเครื่อง
ดนตรีที่ฝึกยากและต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นระยะเวลานาน ซึ่ง
ครูสุมลได้ฝึกเรียนรู้ด้วยตนเองและสอบถามจากผู้มีความชำนาญ
เฉพาะด้าน ครูสุมลได้กล่าวไวว้ า่ ป่ี เป็นเอกลกั ษณ์ภาคใต้ ซ่ึงเสียงปี่
จะใหอ้ ารมณ์ความรสู้ ึกถงึ ความเป็นปักษ์ใตโ้ ดยแทจ้ ริง
๙
ประวตั ิการทำงานดา้ นดนตรี
ปัจจุบันเป็นครูสอนหนังตะลุงที่วิทยาลัยนาฏศิลป
นครศรีธรรมราช ตั้งแต่ปี ๒๕๓๔ -ปัจจุบัน มีโอกาสได้เป็นวิทยากร
ในสถานที่ราชการและเอกชน ในเรื่องของการแสดง ภูมิปัญญา
ทอ้ งถ่นิ ทงั้ ในและนอกจังหวัด รวมไปถงึ ส่วนกลาง
๑๐
การทำงานนอกเวลาราชการ
ส่วนใหญ่นักเรียนจะมาศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติมทางด้าน
ดนตรี/หนังตะลุง/มโนราห์ ที่ บ้าน สอนทั้งทฤษฎีและปฏิบัติจน
สามารถนำนกั เรียนไปประกวดในรายต่างๆ ครสู มุ ล เปน็ ผู้แต่งเพลง
ระบำให้กับสถานศึกษาต่างๆ ทง้ั ทำนองและเน้อื ร้อง
ผลงานดา้ นต่างๆ
- ด้านการบรรเลงดนตรี
การประกวดดนตรีมโนราห์ ชงิ ถ้วยพระราชทาน
สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี
- ด้านการประพนั ธเ์ พลง
มีการประพันธเ์ พลงทัว่ ไปทั้งเนื้อรอ้ งและทำนอง
เช่น เพลงเพอ่ื ชีวติ เพลงสนุกสนาน เพลงระบำ เปน็ ต้น
๑๑
ผลงานดา้ นการสอน
ครูสมุ ล ศักดิแ์ ก้ว มผี ลงานทางด้านการสอนเร่ืองเพลงบอก
จนไดร้ ับรางวัลมากมาย
การสอนหนงั ตะลุง ครูสุมล ศักดิ์แก้ว
การสอนหนังตะลุงจะสอนโดยให้เด็กเรียนรู้พื้นฐาน เช่น
หลักการเล่นหนังตะลุง ซึ่งการเรียนการสอนส่วนใหญ่จะสอนแต่
องค์ความรู้โดยรวม แต่ไม่ได้เจาะลึกลงไปในส่วน เนื้อหาในเรื่อง
นั้นๆ โดยครูสุมลจะไม่
เน้นให้เล่นหนังตะลุง
ได้ แต่จะให้ปฏิบัติได้
ใน บางส่วนในเรื่อง
การขับร้องบทกลอน
หนังตะลุง
๑๒
การเล่นหนังตะลุงต้องมีพรสวรรค์และการฝึกฝนควบคู่ไป
ด้วย จงึ จะสามารถ ถา่ ยทอดเรื่องราวผ่านตวั ละครหนังตะลุงได้เป็น
อยา่ งดี
การสอนดนตรีในหนงั ตะลงุ
๑.ครูสุมลจะเรมิ่ จากการใหเ้ ด็กอ่านโน้ตในเคร่ืองดนตรีของ
ตน
๒.เมื่อเด็กสามารถอ่านโน้ตได้แล้ว จึงจะให้เด็กจำโน้ตแลว้
นำไปปฏบิ ตั ิในเครือ่ งมือของตนเอง เชน่
๓.ให้เด็กมาฝึกตีกลองทับเพื่อให้เกิดเสียง ซึ่งกลองทับมี
จงั หวะเปิด ๒ เสยี ง และเสยี งปดิ ๒ เสียง คือ
๑๓
เสยี งปดิ เสียงเปดิ
ปิ๊ก-ปั๊ป ทกึ -เทงิ
การตีทับ เพลงส่วนส่วนจะเน้นที่เพลงทับก่อนเพราะไม่ว่า
จะเป็นเครือ่ งตหี รอื เคร่อื งดำเนินทำนอง เม่ือหนา้ ทบั หมดก็ตอ้ งหยุด
พร้อมกันทั้งหมด ซึ่งเพลงหน้าทับในเพลงเดียวกันจะใช้โน้ต
เหมือนกัน แตว่ ิธกี ารปฏิบัตใิ นแตล่ ะเครื่องมอื จะแตกต่างกันออกไป
๔.เมอ่ื เด็กสามารถบรรเลงไดแ้ ล้ว ให้มาบรรเลงรวมวง
๕.เมื่อรวมวงได้แล้ว จึงเริ่มเข้าด้วยเครื่องดำเนินทำนอง
และให้เด็กฝึกไปทีละเพลง โดยเริ่มจากเพลงโหมโรงหน้าทับให้ได้
แล้วจงึ ฏิบตั ใิ นขั้นตอนต่อไป
๑๔
องค์ความร้ดู ้านการประพันธเ์ พลง
การทำเพลงในแต่ละเพลงต้องคำนึงถึงเนื้อหาสาระ
รูปแบบของการนำเสนอสื่อถึงเรื่องใด เช่น ระบำเกี่ยวกับศาสนา
พราหมณ์ จะนำเสนออย่างไรจึงจะทำให้คนฟังนึกถึงภาพพจน์ของ
ศาสนาพราหมณ์ เชน่ ลกั ษณะทำนอง เป็นต้น
ผลงานการประพันธ์เพลง
เพลงระบำ บุหงาดารารตั น์
เกรน่ิ
- - - -กุ - ธ ั ม - -อ กุ - -ธ ั ม - -อ ั พ - -ก ะ - -ธั ม
- สลา มา สลา มา พยา ตา- มา
- - - - -ซฟซ -ซ-ซ ฟซลซ -ซ-ซ ซ-ฟซ -ฟ-ซ -ซ-ซ
๑๕
ช่วงที่ ๑ ศรัทธา-อาลัย
จงั หวะหนา้ ทับ
- - -ป - ท - ท - - -ป - ท-ท - - -ป - ท - ท - - - ป -ท-ท
๑.ทำนองเพลง ชะนีโอด
- - - - - - - - - - - -ลซม - - - ซ - - - - - - - - - -
ซ ล-
ท-ลซ - - - ท-ลซ -ล-ท - - - ร -ม-ฟ -มรม -ม-ม
ล
- - - - - - --- ---ม - - - -ซ - ---ร - - -
ทร ลม ซ
- - - - - - -ล -ดลซ -ล-ด - - - - - - ร - - - - - -
- -ม
-ฟ-ม -ร-ท - - - - - - ล -ซ-ท -ล-ซ - - - - - -
- --
๑๖
ชว่ งท่ี ๒ มวลไพรรกุ
จังหวะหน้าทบั
- - -ป -ท - -ป - ท ท - - - ป -ท - -ป - ท ท
ท ท ทท ท ท ทท
๒. ทำนองเพลง สรวงเทพารกั ษ์
- - - - - - - ซ - - - - ล-ซ -ฟ - -ร-ม - - - ท - ร-ม
-ม
- - - - - - ซ -ด ล - ล - ด - - - - - - - - - - - - -
ลซ -ร ม
- ฟ - - ร-ด - - - - -ร-ด -ล-ซ - - - - - - - -ท-ร
มล
- - - - ร - - - - - - --- - - - - ร- -ซ -
ท ล ซ -ม - - ม ล
---- - ซ - - - - ---ซ - - - ---
ทล --
๑๗
ชว่ งท่ี ๓ สแู่ ดนสุคติ
จังหวะหน้าทบั
- - -ป -ท - -ป - ท ท - - - ป -ท - -ป - ท ท
ท ท ทท ท ท ทท
๓. ทำนองเพลง สราญทิพย์
- - - - - - - - -ท-ร -ซ-ล - - - - - - - - รมซล -
ทลซ
- - - - - - - - -ท-ร -ซ-ล - - - - - - - - ทลซล -ท-ร
- - - - - - - - - -ม- - - - - - -ท-ร - - - - -
มซม ลลท
- - - - -ซ-ล -ร-ท -ล-ซ - ซ-ซ - - -ล- -ทรท -ล-ซ
๑๘
ตั้งซุ้ม
๔. ทำนองเพลงไตรสรณะ
-ซ-ซ -ซ-ฟ -ซลซ - - - - -ร-ร -ร-ด -รมร - - - -
-ด-ด -ด-ท -ดรด - - - - -ล-ซ - - - - -ล-ซ - - - -
- - -ล - - - - - - - - - - - ซ
ประดิษฐท์ ำนองโดย
นายสุมล ศกั ดแ์ิ ก้ว
วิทยาลัยนเพาฏลศงิลรปะะบนำคโรนศรราธี รรมราช
๑๐ มิถนุ ายน ๒๕๖๓
(ทำนอง) กลอนส่ี-กลอนหก
ฉนั ชอื่ เพยี งพิมพ์เอิบอมิ่ พักตรา
เนอื้ งามประจกั ษ์เลศิ ลักษณา
ท่ีสองรองมานามวา่ พชั รี
๑๙
ผวิ งามนิ้วสวยสงา่ ดว้ ยราศี
ท่สี ามนารีช่ือศรีจรุ ตั น์
ผมงามสำอางรูปร่างอวบอัด
ทสี่ ีก่ ุลรัตนน์ ามว่าพชั ฎา
วัยงามออ้ นแอ้นมาดแม้นเลขา
....................ตอ่
หา้ จนั จุรหี กศรจี ฬุ า สองกัลยาดูละม้าย
คล้ายกนั
ฟนั งามดจุ เพชรดัง่ เจ็ดมณี นารเี ย้ืองยา่ งเหมอื นนางในฝนั
สดุ ทอ้ งน้องนุชเหมอื นบุษบรรณ เฉิดฉันท์เอี่ยมโอ่มีชื่อ
โนรา
งามถว้ นนยิ มสมเปน็ สตรี เบญจกลั ยาณดี นี ักหนา
สวยสดุ สำอางนอ้ งนางโนรา ล ั ก ษ ณ า ค ร บ ส ิ ้ น ท้ั ง
อินทรีย์ฯ
๒๐
ประพันธบ์ ทโดย
นายสมุ ล ศกั ดิแ์ กว้
วิทยาลยั นาฏศลิ ปะนครศรธี รรมราช
ดนตรี ๑๐ มกราคม ๒๕๖๐
เกรน่ิ ป่ี (เสียง เร ) ระฆังราว
--ท- -ท-ท -ตงุ - -ป-ป --ท- -ท-ท -ตงุ - -ป-ป
ตงุ ตงุ
---ป ---ป ---- -ป-ท ---ตงุ ---ป ---ตงุ ---ท
---ตงุ ---ป ---ตงุ ---ท --ท- -ท-ท -ตงุ - -ป-ป
ตงุ
--ท- -ท-ท -ตงุ - -ป-ป ---ป ---ป ---- -ป-ท
ตงุ
---ท ---ท ---ท ---- --ท- -ท-ท -ตงุ - -ป-ป
ตงุ
๒๑
ชว่ งที่ ๑
จังหวะหนา้ ทบั (เพลงโค)
---ป -ป-ป -ป-ป - ท ท ---ป -ป-ป -ป-ป - ท ท
ตงุ ตงุ
---ป -ป-ป -ป-ป - ท ท ---ป -ป-ป -ป-ป - ท ท
ตงุ ตงุ
---ป -ป-ป -ป-ป - ท ท ---ป -ป-ป -ป-ป - ท ท
ตงุ ตงุ
---ป -ป-ป -ป-ป - ท ท -ท-ท ---ท- -ททท -ป-ท
ตงุ
๒๒
ทำนองเพลงพร้วิ ไสว
---- ---- -ซ-ซ -ซ-ด ---ท -ด-ร มรมด -ท-ด
---- ---- -ซ-ม -ซ-ด ---ร -ม-- -ร-ม -ฟ-ซ
- - - - - - -ซ- ฟ -ซ- ล - - -ด -ล- - -ซ- ฟ -ม –ร
--
- - - - - - -ด-ท -ด-ร - - -ม -ร- - -ด-ร -ดทด
--
ก่อนเข้าบทร้องบรรเลงจังหวะฟรี ไม่มีทำนอง ๑ ชดุ
จังหวะหน้าทับ
---- - ท ึ ด - ---- - ท ึ ด - ---- - ท ึ ด - ---- - ท ึ ด -
ทึด ทดึ ทดึ ทดึ
---- - ท ึ ด - ---- - ท ึ ด - -ท-ท --ท- -ท-ท -ป-ท
ทึด ทดึ
๒๓
ชว่ งท่ี ๒
ชดุ ท่ี ๑ ทำนองเพลงกบเตน้
- ม - -ม-ร -มรด -ร-- - ม - -ม-ร -มรด -ร--
ฟฟ
-ฟ-ซ -ลซฟ -ร-ฟ -ซ-ล ---- ซ ล ---ม ร ม
ดร ดร
---- ซลดร ---ม ร ม ---ฟ -ซ-ล ทลซฟ -ม-ร
ดร
จงั หวะหนา้ ทบั
---- - ท ึ ด - ---- - ท ึ ด - ---- - ท ึ ด - -ท-ท -ป-ป
ทึด ทดึ ทดึ
---- - ท ึ ด - ---- - ท ึ ด - ---- - ท ึ ด - -ท-ท -ป-ป
ทึด ทึด ทดึ
---- - ท ึ ด - ---- - ท ึ ด - -ท-ท --ท- -ททท -ป-ท
ทึด ทึด
๒๔
บทรอ้ ง
---- ---- ---- ---- -ฉัน-ชือ่ - เ พ ี ย ง - - เ อ ิ บ - - พ ั ก -
พมิ อ่มิ ตรา
---- ---- ---- ---- - เ น ื ้ อ - - ป ร ะ - -เลิศ-ลัก -ษะ-ณา
งาม จักษ์
---- ---- ---- ---- -ท-ท --ท- -ททท -ป-ท
ทำนองเพยี งพมิ
---- ---ฟ ---ซ -ร-ฟ ---ซ -ด-ล ---ซ -ฟ-ล
---- -ฟ-ซ -ฟ-ร -รฟซ ---- -ฟ-ล -ซ-ฟ -ม-ร
---- -ฟ-ซ -ฟ-ร -รฟซ ---- -ฟ-ล -ซ-ฟ -ม-ร
๒๕
จังหวะหนา้ ทบั มอี ำนาจ น่าเกรงขาม
-ป-ป --ป- ท ท -ป-ป -ป-ป --ป- ทททท -ป-ป
ทท
-ป-ป --ป- ท ท -ป-ป -ป-ป --ป- -ททท -ป-ป
ทท
-ป-ป --ป- ท ท -ป-ป -ท-ท --ท- -ททท -ป-ท
ทท
ชดุ ที่ ๒ ทำนองเพลงกบเตน้
- ม - -ม-ร -มรด -ร-- - ม - -ม-ร -มรด -ร--
ฟฟ
-ฟ-ซ -ลซฟ -ร-ฟ -ซ-ล ---- ซ ล ---ม ร ม
ดร ดร
---- ซลดร ---ม ร ม ---ฟ -ซ-ล ทลซฟ -ม-ร
ดร
๒๖
---- - ท ึ ด - ---- - ท ึ ด - ---- - ท ึ ด - -ท-ท -ป-ป
ทึด ทึด ทึด
---- - ท ึ ด - ---- - ท ึ ด - ---- - ท ึ ด - -ท-ท -ป-ป
ทดึ ทึด ทึด
---- - ท ึ ด - ---- - ท ึ ด - -ท-ท --ท- -ททท -ป-ท
ทึด ทดึ
จงั หวะหนา้ ทับ ---- -ท-ี่ สอง -รอง-มา นามวา่ -ชะ-รี
บทรอ้ ง พชั
---- ---- ----
---- -ผิว-งาม -เน้อื - สง่าดว้ ย ---ศี
---- ---- ---- สวย รา
---- ---- ---- ---- -ท-ท --ท- -ททท -ป-ท
๒๗
ทำนองเพลงพัชรี
---- -ม-ร -ม-ซ -ม-ร ---- -ด-ร -ด-ล -ซ-ฟ
---- ---ล -ซ-ล -ด-ร ---- -ล-ด -ร-ฟ -ม-ร
---- ---ล -ซ-ล -ด-ร ---- -ล-ด -ร-ฟ -ม-ร
จังหวะหน้าทับ (ฉิวปู) มนั่ คงหนกั แนน่ เคร่งขรมึ รอบคอบ
---- -ป-ป -ป-ป -ป-ป ---- -ทึด- -ทดึ -ท -ทดึ -
ทท
---- -ป-ป -ป-ป -ป-ป ---- -ทึด- -ทดึ -ท -ทึด-
ทท
---- -ป-ป -ป-ป -ป-ป -ท-ท --ท- -ททท -ป-ท
๒๘
ชุดท่ี ๓ ทำนองเพลงฝอย
---- -ล-ร -ม-ฟ -ม-ร ---- -ล-ร -ม-ฟ -ซ-ล
---- ซลดร ---ม รมดร ---ฟ -ซ-ล ทลซฟ -ม-ร
---- ซลดร ---ม รมดร ---ฟ -ซ-ล ทลซฟ -ม-ร
จงั หวะหนา้ ทบั
---- - ท ึ ด - ---- - ท ึ ด - ---- - ท ึ ด - -ท-ท -ป-ป
ทึด ทดึ ทดึ
---- - ท ึ ด - ---- - ท ึ ด - ---- - ท ึ ด - -ท-ท -ป-ป
ทึด ทดึ ทึด
---- - ท ึ ด - ---- - ท ึ ด - -ท-ท --ท- -ททท -ป-ท
ทึด ทึด
๒๙
บทรอ้ ง
---- ---- ---- ---- -ท-ี่ สาม -นา-รี -ชอ่ื -ศรี -จ-ุ รัช
---- ---- ---- ---- - ผ ม - - ส ำ - -รูป-ร่าง - อ ว บ -
งาม อาง อดั
---- ---- ---- ---- -ท-ท --ท- -ททท -ป-ท
จงั หวะหนา้ ทบั อิสระ เสรีภาพ(ไมม่ ีทำนอง) -ท-ท
---ป -ท-ท -ท-ป -ท-ท ---ป -ท-ท -ท-ป -ท-ท
---ป -ท-ท -ท-ป -ท-ท - - - ป -ท-ท -ท-ป
---ป -ท-ท -ท-ป -ท-ท - ท - ท --ท- -ททท -ป-ท
๓๐
ชดุ ท่ี ๔ ทำนองเพลงฝอย
---- -ล-ร -ม-ฟ -ม-ร ---- -ล-ร -ม-ฟ -ซ-ล
---- ซลดร ---ม รมดร ---ฟ -ซ-ล ทลซฟ -ม-ร
---- ซลดร ---ม รมดร ---ฟ -ซ-ล ทลซฟ -ม-ร
จังหวะหนา้ ทบั
---- -ทดึ - ---- -ทดึ - ---- -ทึด- -ท-ท -ป-ป
ทึด ทึด ทดึ
---- -ทดึ - ---- -ทึด- ---- -ทดึ - -ท-ท -ป-ป
ทึด ทดึ ทดึ
---- -ทดึ - ---- -ทดึ - -ท-ท --ท- -ททท -ป-ท
ทดึ ทึด
๓๑
บทรอ้ ง
---- ---- ---- ---- -สี่-กุล -ละ-รัตน์ น า ม ว่ า -ชะ-ฎา
พัช
---- ---- ---- ---- - ว ั ย - ออ้ นแอ้น มาดแม้น -เล-ขา
งาม
---- ---- ---- ---- -ท-ท --ท- -ททท -ป-ท
ทำนองเพลงพชั ฎา
---- ---ล -ซ-ล -ด-ซ -ม-ฟ -ม-ร -ซ-ร -ด-ล
---- ---ซ -ล-ท -ร-ฟ -ม-ร -ม-ฟ ซลซฟ -ม-ร
---- ---ซ -ล-ท -ร-ฟ -ม-ร -ม-ฟ ซลซฟ -ม-ร
๓๒
จังหวะหน้าทับ (นาดชา้ ) สุขุม เยือกเยน็
-ป-ป - ท ท -ท-ท - ท - -ป-ป - ท ท -ท-ท - ท -
ตงุ ตงุ ตงุ ตงุ
-ป-ป - ท ท -ท-ท - ท - -ป-ป - ท ท -ท-ท - ท -
ตงุ ตงุ ตงุ ตงุ
-ป-ป - ท ท -ท-ท - ท - -ท-ท --ท- -ททท -ป-ท
ตงุ ตงุ
ทำนองเพลงที่ ๔ (กลอนหก)เพลงผงิ ตะเกยี บ
-มรด ร ม ซมรด รมดร - - - ฟ - ซ - ทลซฟ -ม-ร
ดร ล
- ร - ฟ -ซ-ล ทลซฟ -ม-ร
๓๓
จังหวะหนา้ ทบั
- ต ิ ก - -ป-ป -ท-ท -ป-ป --ปป --ปป --ปป -ททตุง
ตกิ
- ท - ท --ท- -ททท -ป-ท
บทร้องกลอนหกและจังหวะหนา้ ทบั
- ห ้ า - -จ-ุ รี - ห ก - -จ-ุ ฬา --สอง --ยา- - ดู -คล้าย-
จัน ศรี กัล ละมา้ ย กัน
-ฟัน - - ด ุ จ - - ด ั ่ ง - - ม ะ - -นา-รี -เยื้อง- เ ห มื อ -ใน-ฝนั
งาม เพชร เจด็ ณี ยา่ ง นาง
๓๔
เพลงจันจรุ ีศรจี ุฬา อำนาจบารมี อิสระ มีชีวติ ชีวา
---- -ม-ร -ม-ร ดลดร -ด-ล -ดร- --ด-ล -ซ-ฟ
---- -ฟ-ฟ -ซฟร -ฟ-ซ --- -ล-ซ -ฟ-ร -ด-ร
---- -ฟ-ฟ -ซฟร -ฟ-ซ --- -ล-ซ -ฟ-ร -ด-ร
จังหวะหนา้ ทบั (กลอนเหนิ )
---- -ป-ป - ท - - ท - -ท-ตงุ -ป-ป -ท-ตงุ - ท -
ตงุ ตงุ ตงุ
---- -ป-ป - ท - - ท - - ท - ท -ป-ป -ท-ตงุ - ท -
ตงุ ตงุ ตงุ
---- -ป-ป - ท - - ท - - ท - ท --ท- -ททท -ป-ท
ตงุ ตงุ
๓๕
-สุด- - เหมือน - -เฉิด- - - มี - -โน-
ทอ้ ง น้อง- บุษ ษะ- ฉนั ท์ เอี่ยม- ชอื่ รา
นชุ บัน โอ่
-งาม- - นิ - - ส ม - - ส - - - - ดี - - - -
ถว้ น ยม เป็น ตรี เบญ- กัลยา- นัก หนา
จะ ณี
- -สำ- -น้อง- -โน- - -ครบ- - - - -
สวย- อาง นาง รา ลักษ- สน้ิ ทั้ง- ทรีย์
สุด ณา อิน
เพลงโนรา มีเสน่ห์ เขม้ แขง็ ออ่ นหวาน มีพลัง
---- -ซ-ท -ซ-ล -ล-ล ---- -ซ-ม -ร-ม -ฟ-ซ
-ร-ม -ฟซ- -ซ-ม -ร-ด ---- ---ด -รดล -ด-ร
---- -ด-ด -รดล -ด-ร ---- -ร-ม -ท-ล -ซ-ล
๓๖
จังหวะหน้าทบั (เพลงคร)ู
---- -ป-ป - ท - - ท - - ท - -ป-ป -ท-ตงุ - ท -
ตงุ ตงุ ตงุ ตงุ
---- -ป-ป - ท - - ท - - ท - -ป-ป -ท-ตงุ - ท -
ตงุ ตงุ ตงุ ตงุ
---- -ป-ป - ท - - ท - -ท-ท --ท- -ททท -ป-ท
ตงุ ตงุ
ชว่ งที่ ๓ -ตกิ -ตกิ
-ตกิ -ตกิ
จังหวะหนา้ ทับ(เลน่ นำ้ ) -ตกิ -ตกิ
--ป- -ติก- --ป- -ติก- --ป- -ติก- --ป-
ตกิ ตกิ ตกิ
--ป- -ติก- -ท-ท ป-ท --ป- -ติก- --ป-
ตกิ ตกิ
--ป- -ติก- -ท-ท -ป-ท --ป- -ติก- --ป-
ตกิ ตกิ
๓๗
--ป- -ติก- --ป- -ติก- -ท-ท --ท- -ททท -ป-ท
ตกิ ตกิ
ทำนองเพลง (นกกระจอกเล่นน้ำ)
---- -ซ-ด -ม-ร -ม-ร ---- ซลดร มรดล -ซ-ม
- ด - -ม-ร -ซ-ม รดรม ---- ซลดร มรดล -ซ-ม
ร
- ด - -ม-ร -ดรด -ล-ด ---- รมซล -ลดล -ซมซ
ร
---- รมซล -ลดล -ซมซ - ซ - -ด-ร ซ ล -ร-ด
ล ซม
๓๘
ความคดิ เห็นเกี่ยวกบั อาชีพของตน
ครูสุมล ศักดิ์แก้ว ได้กล่าว
ว่า สมัยก่อนสามารถยึดอาชีพหนัง
ตะลุงเป็นอาชีพหลักได้ แต่ในยุค
ปัจจุบันไม่สามารถเล่นหนังตะลุง
เพียงอย่างเดียวได้แล้ว เนื่องจาก
รายได้ไม่เพียงพอต่อการครองชีพ
และงานก็น้อยลง โดยเฉพาะการเป็น
หวั หนา้ ครอบครัวท่ีมีภาระมากมายที่
ตอ้ งรับผดิ ชอบ
ถึงแม้หนังตะลุงในยุคปัจจุบันจะไม่สามารถเลี้ยงชีพได้ แต่
ครูสุมลก็ไม่ได้ทิ้งหนังตะลุง ยังคง
อนุรักษ์และส่งเสริมเอาไว้เพื่อคนรุ่น
หลงั ตอ่ ไป
นายธนวชิ ญ์ สวุ รรณแสง
ผสู้ มั ภาษณ์
๓๙
นายกำแพง มูสสี ุทธิ์
ประวตั ิส่วนตวั
ช่อื -สกุล นายกำแพง มูสีสุทธิ์
สัญชาติ ไทย เชื้อชาติ ไทย นับถือศาสนา
พุทธ
วันเดอื นปเี กิด ๖ มกราคม ๒๕๐๐
ภมู ลิ ำเนา ๔๐๖ ม.๕ ต.ปากพนงั ฝง่ั ตะวันออก
อ.ปากพนงั จ.นครศรีธรรมราช
๔๐
ประวตั กิ ารศึกษา
ประถมศกึ ษา โรงเรียนประถมศึกษาตอนปลาย
มัธยมยมตอนต้น โรงเรยี นปากพนัง (โรงเรียนชาย)
ประวัติการศกึ ษาทางด้านดนตรไี ทย
อาจารย์เริ่มเรียนซอด้วงเมื่ออายุ ๕ ขวบจากคุณพ่อ
ซ่ึงเป็นนักดนตรีเก่า โดยไปฝึกในท้องนา ช่วงเวลาที่คุณพ่อ
ของอาจารย์ พักจากการทำงานก็จะมาฝึกให้โดยมีซอด้วง
คนละคนั ต่อเพลงเปน็ วรรค ๆ ตง้ั แตเ่ พลงระดับสั้น ๆ ง่าย
ๆ ไปจนถงึ เพลงใหญ่ เช่น เพลงโหมโรงไอยเรศ เพลงแปะ๊
เพลงจระเข้หางยาว เป็นต้น อายุ ๗ ขวบ เริ่มเล่นดนตรี
ออกงาน ร่วมกับวงของคุณพ่อที่เล่นร่วมกับชาวบ้านซ่ึง
ส่วนใหญ่เป็นงานศพ จนกระทั่งเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยม
คือโรงเรียนปากพนัง ได้รับการสนับสนุนจากคุณครู
กระจาย จิระสถิต ซึ่งเป็นครูสอนภาษาอังกฤษแต่ท่านเล่น
ดนตรีไทยด้วย แต่ด้วยเหตุที่ท่านสุขภาพไม่สมบูรณ์เป็น
โรคหอบและไม่สามารถทำวงต่อได้ ท่านเห็นว่าอาจารย์
กำแพง
๔๑
มูสีสุทธิ์ มีความสามารถทางดนตรีไทยจึงชักชวนให้เข้ามา
รวบรวมนักเรยี นท่ีเล่นดนตรีเป็นอยู่บ้างแล้วรวมท้ังลูกชาย
ของท่านด้วย ฝึกซ้อมรวมวงโดยมีคุณครูบางท่านมาเล่น
ร่วมวงด้วย จนกระทั่งอาจารยก์ ำแพง มูสีสุทธิ์ เรียนอยู่ช้ัน
มัธยมศึกษาปีท3ี่ ก็เกดิ อบุ ตั เิ หตจุ ากการเล่นกีฬาทำให้เป็น
อัมพาต
เดินไม่ได้ต้องหยุดเรียนกลางคันและรักษาตัวอยู่เป็นปี ๆ
เมื่ออาการดีขึ้นพอจะเดินได้แต่กล้ามเนื้อมือตาย จึงทำให้
ท่านไม่สามารถเลน่ ดนตรีไดต้ ง้ั แต่บดั นัน้ เปน็ ต้นมา
๔๒
ประสบการณก์ ารทำงานทางดา้ นดนตรี
เมื่ออาจารย์อายุได้ ๗ ปี ก็ได้เริ่มรับงานและออก
บรรเลงตามงานต่างๆ ร่วมกับนักดนตรีเพื่อนบ้านเป็นวง
เครื่องสายผสมไวโอลิน โดยมีคุณพอ่ ตีกลองแขก พ่ีสาวของ
อาจารย์ตีขิม (ทางขิมที่ตีเป็นทางของครูพุฒ นันทพล ซึ่ง
เป็นทางขิมที่ยอดเยี่ยมอีกทางหนึ่ง) ประกอบกับใน
ขณะนั้นอาจารย์สามารถบรรเลงเพลงเถาได้แล้ว งานที่ได้
ไปบรรเลงบ่อยท่ีสดุ คือ งานศพ เพลงท่ีใชบ้ รรเลงสว่ นใหญ่
เป็นเพลงที่นิยมเล่นกันในภาคกลางนับได้ว่าวงเครื่องสาย
ในอำเภอปากพนังนี้ เป็นวงดนตรีไทยที่อยู่ในเกณฑ์
๔๓
มาตรฐาน เพราะเพลงทน่ี ำมาบรรเลงน้นั ไดม้ าจากวงดนตรี
ไทยที่หลาย ๆ วงออกอากาศในคลื่นวิทยุ Am กรม
ประชาสัมพนั ธ์ กรุงเทพฯ
หลังจากเข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ในโรงเรียนปาก
พนัง ก็ได้รวบรวมเพอ่ื น ๆ
และรุ่นพี่ที่เป็นดนตรีอยู่บ้างแล้ว โดยมีคุณครูบางท่านมา
เล่นร่วมวงด้วยและออกบริการตามงานต่าง ๆ ในชุมชน
จนกระทั่งเข้าเรียนในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ก็เกิดอุบัติเหตุ
จากการเล่นกฬี าทำใหเ้ ป็นอัมพาต เดินไม่ได้ต้องหยดุ เรียน
กลางคันและรักษาตัวอยู่เป็นปี ๆ เมื่ออาการดีขึ้นพอจะ
เดินได้แต่กล้ามเนื้อมือตาย จึงทำให้ท่านไม่สามารถเล่น
ดนตรีได้ จึงได้เริ่มสอนดนตรีให้กับลูกศษิ ย์คนแรกโดยเป็น
หลานของท่านเอง คืออาจารย์กิ่งแก้ว คำพรรณ์ ซึ่งต่อมา
ไดร้ วบรวมเพื่อน ๆ จากโรงเรียนสตรีปากพนังมาเล่นจนได้
เป็นวงดนตรีไทย ใน พ.ศ.๒๕๑๗ ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๒๐
อาจารย์กิ่งแก้ว คำพรรณ์ และเพื่อน ๆ จากวงดนตรีไทย
ของโรงเรียนสตรีปากพนัง ได้เข้าศึกษาต่อในช้ัน
มัธยมศึกษาปีที่ ๔ ที่โรงเรียนปากพนัง โรงเรียนปากพนัง
จึงจ้างให้อาจารย์กำแพง มูสีสุทธิ์ ไปสอนดนตรีไทยให้กับ
โรงเรียนปากพนัง จนถึง พ.ศ. ๒๕๒๔ อาจารย์กิ่งแก้ว คำ
๔๔
พรรณ์ กลับมาสอบบรรจุเข้าสอนได้ที่โรงเรียนปากพนัง
อาจารย์กำแพง มูสีสุทธิ์ จึงลาออก โรงเรียนสตรีปากพนัง
ได้จ้างอาจารย์กำแพง มูสีสุทธิ์ ไปสอนที่โรงเรียนสตรีปาก
พนงั ต้งั แต่บัดน้นั เปน็ ต้นมา
เครือ่ งดนตรแี ละวงดนตรีทช่ี ื่นชอบ
เครื่องดนตรีที่อาจารย์ชอบมากที่สุดคือ ซอด้วง
เพราะฟังแล้วมีเสียงไพเราะ นุ่มนวล ไม่เหมือนปี่พาทย์ซึ่ง
บรรเลงเร็วมากจนฟังไม่ออกว่าเป็นเพลงอะไร สำหรับนัก
ดนตรีและวงดนตรีที่ชอบ คือ นักดนตรีและวงดนตรีของ
คณะวัชรบรรเลง ซึ่งเป็นวงเครื่องสายผสมขิมและ
ออรแ์ กน มีคุณสวุ ิทย์ บวรวัฒนา เป็นนกั ดนตรี ที่อาจารย์
ชอบมากที่สุดซ่ึงเลน่ ขมิ และซอออู้ ยใู่ นวงน้เี ช่นกัน
เพลงที่อาจารย์ใช้บรรเลงตามงานต่างๆนั้น ได้มา
จากรายการเพลงไทยคล่นื วทิ ยุ ของกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่ง
มีหลายวงมาบรรเลงสลับกันไปแต่ละวัน และต่อเพลงจาก
คนในวงบ้าง การต่อเพลงจากรายการวิทยุนั้น สมัยก่อน
ยังไม่มีเทปคลาสเซท สำหรับบันทึกเสียงต้องอาศัยการจำ
เพลงแลว้ บันทึกโนต้ ลงในกระดาษ ถา้ จำเพลงทฟี่ งั มาไม่ได้
๔๕
ก็จะต้องรอและคอยฟังใหม่อีกรอบ เพราะอาจารย์ไม่
สามารถทราบได้เลยว่า ทางรายการวิทยุจะเปิดเพลงที่
ต้องการฟังนั้นอีกรอบหรือไม่ หรือถ้าหากจำไม่ได้จรงิ ๆ ก็
ใช้วิธีต่อเพลงกับคนในวง แล้วนำมาปรับ เปลี่ยนเป็นทาง
บรรเลงของซอดว้ งอีกทีหนึ่ง นายแพทย์พูนพิศ อมาตยกุล
ก็เคยมาสัมภาษณ์อาจารย์กำแพง เมื่อครั้งลงไปประกวด
ดนตรไี ทยท่ีจังหวัดสงขลา วา่ ฝกึ เดก็ สซี อด้วงอย่างไรถึงได้
เก่ง และสไี ดไ้ พเราะอย่างนี้ อาจารย์กำแพงไดใ้ ห้สัมภาษณ์
ไปว่าได้มาจาก คลื่นวิทยุ Am ของกรมประชาสัมพนั ธ์ ซ่ึง
บทสัมภาษณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ได้ตีพิมพ์ลงในนิตยสาร ดนตรี
วจิ ักษณ์ ของมหาวทิ ยาลยั ทกั ษิณ จงั หวดั สงขลา
๔๖
วิธกี ารสอนดนตรไี ทยของอาจารย์กำแพง
โดยทั่วไป การสอนหรือการต่อเพลงนั้น จะทำโดย
การปฏิบัติเป็นตัวอย่าง และให้นักเรียนปฏิบัติตาม แต่
เนื่องจาก อาจารย์ไม่สามารถปฏิบัติให้เป็นตัวอย่างได้
เพราะมอื ไม่มีแรงพอที่จะจับเคร่ืองดนตรี ดงั นัน้ อาจารย์จึง
ต้องใช้ความพยายามมากกว่าอาจารย์ท่านอื่น ๆ หลาย
เท่าตัวจึงจะสอนนักเรียนแต่ละคนได้ อาจารย์กำแพงใช้
วิธีการสอน ด้วยการบอกจนกว่านักเรียนจะเข้าใจตามท่ี
อาจารย์ต้องการ ตั้งแต่การตั้งเสียง การลากคันชัก การ
วางนิ้ว การพรมนิ้ว วิธีการทำให้เสียงซอออกมาอย่างไร
จึงไม่เพี้ยน และให้เสียงออกมาเป็นธรรมชาติมากที่สุด
๔๗
ส่วนความไพเราะของการบรรเลงนั้น ภายหลังอาจารย์ได้
ใชว้ ธิ ีการให้นักเรียนฟงั ตัวอยา่ งจากเทปคลาสเซท
อาจารย์กำแพง มูสีสุทธิ์ เป็นอาจารย์สอนดนตรี
ไทยท่ี โรงเรยี นปากพนัง ต้งั แต่ พ.ศ. ๒๕๒๐
มาจนถึงปัจจุบัน อาจารย์ได้ความรู้เรื่องการปรับวงของ
การบรรเลงเพลงไทย จากประสบการณ์สอนของอาจารย์
เอง ทั้งที่ถูกต้องบ้างไม่ถูกต้องบ้าง เมื่อนำวงดนตรีไทยไป
ประกวด ทางคณะกรรมการตัดสินจะบอกสิ่งที่ควร
ปรับปรุง แก้ไข และอาจารย์ก็ได้นำสิ่งต่างๆเหล่านั้นมา
พัฒนาวงดนตรีเรือ่ ยมา
ความเปน็ มาของวงดนตรไี ทยในอำเภอปากพนัง
คุณพ่อของอาจารย์กำแพง เป็นนักดนตรีเก่าซึ่ง
ถนัดในเร่อื งเครื่องหนังเป็นพเิ ศษ คุณปู่ คณุ ลงุ หรือแม้แต่
พี่สาวของอาจารย์กำแพง ตา่ งก็เป็นนักดนตรีไทยท้ังสิ้น(แต่
ไม่ได้ตัง้ ขึ้นเปน็ วงดนตรี) ตอ่ มาไมน่ านคุณพ่อของอาจารย์
จึงได้ตั้งวงดนตรีไทยขึ้นเองที่บ้าน โดยรวบรวม เพื่อนบ้าน
ที่มใี จรักในเสียงดนตรี จนสามารถตั้งเปน็ หน่งึ วงเครื่องสาย
และร่วมกันบรรเลงตามงานต่าง ๆ อาจารย์กำแพงเคย
สงสัยว่า..... เหตุใดจึงไม่เคยเห็นตะโพนเลย คุณพ่อของ