๔๘
อาจารยไ์ ดเ้ ล่าใหฟ้ ังวา่ เครื่องดนตรหี ลายช้ินได้หายไป เมื่อ
ครั้งเกิดวาตภยั คร้ังใหญท่ ี่แหลมตะพุก คงเหลือแต่ ซอด้วง
ซออู้ และขิม อย่างละ ๑ ชิ้นเท่านั้น สิ่งหนึง่ ที่อาจารย์รู้สึก
แปลกใจก็คือ เมื่อเวลาเล่นดนตรีตามงานศพ คุณพ่อจะตี
กลองแขก แต่ฟังแล้วไม่เหมือนหน้าทับปรบไก่อย่างที่เคย
ได้ยินมา คิดว่าคุณพ่อตีผิด อาจารย์เพิ่งมาทราบภายหลัง
วา่ คณุ พอ่ ท่านไม่ได้ตผี ดิ หลอก แต่ท่านตีแบบกลองตะโพน
เพราะท่านเคยเป็นผู้ตีตะโพนอยู่ในวงปี่พาทย์มาก่อน
หลงั จากท่คี ณุ พอ่ ของอาจารย์กำแพง เสียชีวติ ไปแล้ว ยงั คง
มีวงดนตรีเดิมที่รว่ มกันเลน่ อยู่บ้าง ต่อมาอีกระยะหนึ่ง จน
สมาชิกในวงมีอายุมากขึ้น แล้วมีวงของโรงเรียนสตรีปาก
พนังที่ อาจารย์กำแพงสอน มาให้บริการชุมชน แทนวง
ชาวบ้านตงั้ แตบ่ ัดน้นั เปน็ ต้นมา
๔๙
ผลงานการประพนั ธเ์ พลง
เมื่อปี พ. ศ. ๒๕๒๕ ธนาคารกสิกรไทย (สำนักงานใหญ่
กรุงเทพมหานคร) ได้จัดประกวดการประพันธ์เพลงชิง
รางวัล “พิณทอง” อาจารย์กำแพงได้ส่งผลงานเพลง
รวมทั้งส่งวงดนตรีและนักดนตรีจากภาคใต้ขึ้นไปประกวด
ผลงานการประพันธ์เพลงของอาจารย์มีชื่อว่าเพลง“
รัตติกาลคำนึง” ในสมัยนั้นอาจารย์ยังไม่ทราบหลักในการ
ประพันธ์เพลงไทยมากนัก เพียงแต่อาศัยความชอบและ
ความเป็นนักต่อสู้ทางดนตรีเท่านั้น ผลการประกวดในคร้ัง
น้นั บทเพลงท่ไี ด้รับรางวัลชนะเลิศมี ชอ่ื ว่าเพลง “สายใจ”
รางวัลที่ ๓ ชื่อเพลง “ชื่นจิต” ส่วนเพลงที่ได้รางวัลที่ ๒
นั้น อาจารย์จำชื่อเพลงไม่ได้ ส่วนวงดนตรีและเพลงของ
อาจารย์กำแพงนั้นติดอยู่ใน ๕ อันดับแรกจากทั้งหมด ๑๐
วงทผี่ า่ นเขา้ สูร่ อบสุดทา้ ย
๕๐
ผลงานทางดนตรีด้านอน่ื ๆ
ในชีวิตของการเป็นอาจารย์สอนดนตรีไทย ผลงานทุกชิ้น
จึงอยู่กับนักเรียนที่อาจารย์ส่งเข้าประกวด ทั้งการประกวดดนตรี
ไทยทางภาคใต้ และส่วนในกลางคือกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะ
การประกวดดนตรีเพื่อความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งมีการจัดการ
ประกวดทั้งหมด ๔ ครั้ง และครั้งที่อาจารย์มีความประทับใจ -
ภมู ิใจมากท่สี ุดคือ ครั้งท่ี ๔ จดั ข้นึ ในปีพ.ศ.๒๕๒๘ วงของอาจารย์
กำแพงได้รับรางวัลชนะเลิศ ครองถ้วยพระราชทานของสมเด็จ
พระเทพฯรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารีและเป็นวงดนตรีไทย
จากภาคใต้วงเดียวทไี่ ดร้ บั รางวลั อนั ยิง่ ใหญ่เชน่ น้ี
ผลงานที่ครูภูมิใจอื่นๆคือ การประกวดดนตรีไทย
ที่ มหาวิทยาลัยทักษิณ ซ่ึงจัดประกวดมาแล้ว ๑๔ ครั้ง และ
โรงเรยี นปากพนงั จงั หวัดนครศรธี รรมราชได้ครองถว้ ยพระราชทาน
ของสมเด็จพระเทพฯรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ทั้งสิ้น ๕-๖
ครั้ง นับเป็นสถิติที่สูงพอสมควร และนอกเหนือจากนั้นแล้วนัก
ดนตรีประเภท ซอด้วง ซออู้ ยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นเครื่อง
ดนตรีที่ได้รางวัลผู้บรรเลงยอดเยี่ยมทุก ๆ ปี รวมทั้งนักร้องและขิม
ดว้ ย
๕๑
รางวลั จากการส่งนักเรยี นเข้าแข่งขันในรายการต่าง ๆ
1. การแขง่ ขันเดีย่ วซอด้วง ระดับชนั้ ม.1-ม.3 งานมหกรรม
วิชาการมัธมศึกษา ครั้งที่ 29 ประจำปีการศึกษา 2562
“มธั ยมวชิ าการ สบื สานหัตถศลิ ป์ ระบิลศาสตร์ ยวุ ปราชญ์
เมอื งนคร”
เหรียญทอง ชนะเลิศ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
มธั ยมศึกษา เขต 12 4-6 กันยายน 2562
2. การแข่งขนั เดย่ี วซอดว้ ง ระดับชน้ั ม.1-ม.3 งานมหกรรม
ความสามารถทางศิลปหัตถกรรม วิชาการ และเทคโนโลยี
ของนกั เรียน ระดับชาติ ปีการศกึ ษา2561 เหรียญทอง
ชนะเลิศ
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
กระทรวงศกึ ษาธิการ 8-10 มกราคม 2562
๕๒
ขอ้ คดิ เห็นเก่ยี วกบั วงการอาชีพนกั ดนตรไี ทย
การเล่นดนตรีเป็นวงตามต่างจังหวัดนั้น ผู้เล่น
ไม่ได้มีอาชีพหลักเป็นนักดนตรี ซึ่งต่างจากนักดนตรีในแถบจังหวัด
ภาคกลางที่เล่นเป็นอาชีพอย่างแท้จริง แต่ในต่างจังหวัดโดยเฉพาะ
อำเภอปากพนังต่างคนกม็ ีอาชีพสว่ นตัวแตกต่างกันไป เชน่ เป็นครู-
อาจารย์ ช่างตัดผม ทำนาทำไร่ ฯลฯ พอพลบค่ำทุกคนก็จะมา
รวมตัวกัน เพื่อซ้อมดนตรี เมื่อใครจัดงานบุญ งานศพหรือ งาน
๕๓
แตง่ งาน กจ็ ะนำวงดนตรไี ทยไปชว่ ยบรรเลงให้ งานส่วนใหญ่คืองาน
ศพ จะไปตั้งแต่พลบค่ำและเลิกเกือบ ๐๑.๐๐ นาฬิกา เพราะต้อง
อยู่เปน็ เพือ่ นเจา้ ภาพ จึงต้องสามารถบรรเลงไดห้ ลายเพลง
เพลงที่อาจารย์กำแพงชอบมากที่สุดคือเพลง “ใบคลั่ง”
อาจารย์สีซอด้วงสว่ น พี่สาวตีขมิ อาจารย์ชอบในอารมณข์ องเพลงน้ี
เพราะ ให้ความรู้สึกเหมือนจะคลั่งทุกครั้ง ที่ได้บรรเลง และชอบ
เพลงสำเนยี งเขมร เพราะสามารถใชว้ ธิ ีการเล่นให้ไพเราะได้อย่างใจ
นึก
สำหรับอาจารย์ท่านที่มีส่วนผลักดันให้ชีวิตการ
เป็นนักดนตรีไทยของอาจารย์กำแพง เป็นที่รู้จักของคนในอำเภอ
ปากพนงั อย่างมากนั้น กค็ อื อาจารย์เบง้ วัชรบวร (ปัจจุบันเสยี ชีวิต
แล้ว) อาจารย์เบ้งได้ให้ความรู้วิชาการดนตรีต่ออาจารย์กำแพงเป็น
อย่างมาก โดยเฉพาะการบรรเลงเพลงยาก ๆ เช่น เพลงแขกลพบุรี
แขกโอด ทยอยนอก ทยอยใน ในส่วนอาจารย์กำแพงนั้นก็ไม่ทำ
ให้อาจารย์เบ้งผิดหวังเพราะสามารถจำเนื้อเพลงได้ขึ้นใจทุก ๆ
เพลง อาจารย์กำแพงเปน็ คนสีซอด้วง ซึ่งเป็นเครื่องบรรเลงนำในวง
เครื่องสายไทย นักดนตรีในวงมีทั้งหมด ๑๐ คน ซึ่งอาจารย์จำได้
เพียง ๔ - ๕ คนเท่านั้น คือ ตัวอาจารย์เล่นซอด้วง พี่สาวของ
อาจารย์เล่นขิมและเป็นแม่บ้าน คุณพ่อของอาจารย์ตีกลองแขก มี
๕๔
อาชีพหลักคือการทำนา (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) คุณปู่สว่าง ขุนทอง
เล่นซออู้ เคยเป็นช่างตัดผม (ปัจจุบันอายุ ๗๒ ปี) คุณปู่ชื่น สี
ไวโอลิน (ปัจจุบันอายุ ๘๐ ปี) และอีกท่านเป่าขลุ่ยเพียงออเสยี ชีวิต
ไปแลว้ เช่นกนั ปัจจบุ ันเหลอื นกั ดนตรีในวงเพียง ๒ - ๓ ท่านเท่านั้น
สถานภาพของนักดนตรีและความนิยมในดนตรีไทยของ
ชาวอำเภอปากพนัง
ชาวบ้านในอำเภอปากพนัง ต่างก็รู้จักและนิยมวงดนตรี
ของอาจารย์กำแพงเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในตลาด ชาวบ้านจะ
คุ้นเคยและให้เกียรตินักดนตรีไทยเสมอ ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ
กันมา เมื่อมีงานศพที่ไหนที่นั้นต้องมีดนตรีไทยบรรเลง เจ้าภาพจะ
ให้การต้อนรับนักดนตรีเป็นอย่างดี ถือว่าชาวบ้านอำเภอปากพนัง
รักษาและไม่ดูถูกศิลปะของชาติ ทั้งยังฟังดนตรีไทยเป็นเช่นกัน
หากเอยถึงดนตรีไทยในอำเภอปากพนังแล้ว จะเป็นที่รู้จักกันดีของ
นักดนตรที งั้ ในจงั หวดั นครศรีธรรมราชและจงั หวัดอ่ืน ๆ ทางภาคใต้
นางสาวศรตุ า โทมณี
ผู้สมั ภาษณ์
๕๕
ครูโชค ภัควัฒน์ ชว่ ยดว้ ง
ประวัติสว่ นตัว
ชือ่ -สกลุ : ครโู ชค ภัควัฒน์ ช่วยดว้ ง (ชอ่ื เดมิ โชคดี ช่วยดว้ ง)
สญั ชาติ : ไทย เชือ้ ชาติ : ไทย
นับถือศาสนา : พุทธ
อายุ : ๕๖ ปี
ภูมลิ ำเนา ที่อยู่ : บา้ นบางโหนด อำเภอหัวไทร จังหวดั
นครศรีธรรมราช
๕๖
ประวตั กิ ารศกึ ษา
ประถมศึกษา ๑-๔ โรงเรียนบ้านบางโหนด อำเภอหัวไทร จังหวัด
นครศรธี รรมราช
ประถมศกึ ษา ๕-๗ โรงเรียนบา้ นศาลาแก้ว (รุ่นสุดท้ายของ ป.๗)
มัธยมยมศึกษา ๑-๕ โรงเรียนหัวไทรบำรุงราษฎร์ (ในสมัยนั้นเรียก
คำยอ่ ของมัธยมศกึ ษาวา่ มศ.)
ปรญิ ญาตรี สาขาภาษาไทย ครศุ าสตร์ วทิ ยาลัยครนู ครศรธี รรมราช
(ในสมัยก่อนจังหวัดนครศรีธรรมราชยังไม่มีสาขาดนตรี มีเพียงแค่
จงั หวัดสงขลาทีม่ ีสาขาดนตรีศกึ ษาให้ศึกษา)
ประวัติการศึกษาทางดา้ นดนตรีไทย (ที่มา)
เกิดจากความชอบหนังตะลุง จึงไปศึกษาเรื่องดนตรีหนัง
ตะลุง และบิดาของครูโชคเคยเป็นมือซอของวงดนตรีไทยโรงเรียน
วัดบวร กรุงเทพมหานคร ได้ออกอากาศ ออกวิทยุบ่อยครั้ง บิดา
ของครูโชคจบการศึกษาระดับม.๖ ความเป็นจริงแล้วสามารถไป
สอบราชการ ทหาร ตำรวจได้ แต่บิดาของครูโชคยังรักในการเล่น
ดนตรีไทยจึงใช้เวลาในช่วงวัยรุ่นไปกับดนตรีไทย จนสุดท้ายเวลา
ผ่านไปทำให้ไมส่ ามารถไปทำงานราชการดัง่ ท่ีหวงั ไว้ตอนแรกได้ จึง
๕๗
โกรธดนตรีไทยและพยายามกีดกันตัวครูโชคไม่ให้เล่นดนตรี ทั้งดุ
ทั้งด่า ทั้งที่บิดาชอบจดบันทึกโน้ตเพลง แต่ไม่ยอมให้ลูกชายได้เลน่
ทำให้ครูโชคตอ้ งคอยหลบ ๆ ซ่อน ๆ แอบเล่นดนตรี เร่มิ จากจึงต้อง
ทำเครื่องดนตรีเอง จากการที่ไปดูหนังตะลุง จึงเริ่มทำซอจากไม้ไผ่
และกระป๋อง ในช่วงแรกครูโชคเทียบเสียงซอผิดไปเทียบเสียงแบบ
กีตาร์ พอมาสีก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่เสียงซอแบบที่เคยได้ยนิ พอรู้ตัวเลย
ไปศึกษามาใหม่ เทียบเสียงให้เป็นคู่ 5 สุดท้ายแบบถูกต้อง จึงมารู้
ว่าเป็นเทคนิคของอาจารย์สุรินทร์ (หนังสุรินทร์ สินเพชร) ที่อำเภอ
ฉวาง ตนเลยดีใจที่ได้เล่นซอคล้ายสำเนียงของหนังสุรินทร์ ลองทำ
หลายอย่าง ทั้งถามผู้ใหญ่ในอำเภอหัวไทรที่เล่นดนตรี เช่น ตาเริ่ม
(นายเรม่ิ สขุ ศรีแก้ว)
๕๘
ภาพ 1.1 ตาเร่ิม (นายเรมิ่ สขุ ศรีแกว้ ) ครูดนตรีไทยท่คี อยชว่ ยเหลอื
ครโู ชคกำลังบรรเลงซอแฝด
ครูโชคไดล้ องแบบผิด ๆ ถูก ๆ ทำจนประสบความสำเร็จใน
การทำซอ ครโู ชคคอยยมื เครื่องคนอน่ื มาเล่น เช่น ขลุ่ย ก็คอยยืมมา
เปา่ เล่นจนสามารถเล่นเป็นไดด้ ว้ ยตัวเอง ท้ังซอและขล่ยุ เพราะต้อง
คอยแอบบิดาฝึกดนตรีจนสามารถจำเสยี งได้ โดยครูโชคเรียนรู้ด้วย
เสียงธรรมชาติของซอ ไม่ได้มีการจดบันทึกโน้ต ทุกเพลงที่เล่นก็
จะต้องจำ ครูโชคในช่วงที่อยู่วิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช ได้เข้า
รว่ มมาช่วยเลน่ ซอให้กับวงดนตรีไทยในคณะหนังตะลุงนักเรียนของ
โรงเรยี นหัวไทรบำรงุ ราษฎร์ และไปเปดิ การแสดงท่วี ิทยาลัยครูนคร
ศรีธรรมราช ไปพบกับอาจารย์ท่านนึงที่รำมโนราห์ ชื่อว่าอาจารย์
๕๙
ถิ่น สินพงศ์ ชวนครูโชคเข้าไปเลน่ ซอใหก้ ับวงมโนราห์ของตน พอได้
เข้าไปอยู่ในวงมโนราห์เลยมีโอกาสได้ฝึกเป่าปี่มโนราห์กับอาจารย์
ท่านหนึ่งในวง เพราะปี่เป็นเครื่องทีต่ ้องคอยชี้แนะ ครูโชคบอกว่าป่ี
เป็นเครื่องที่ไม่ได้เรียงนิ้วเหมือนขลุ่ย ไม่ว่าจะเป็นเปิดหน้าหลังปิด
เปิดหน้า หลังปิดกลาง จึงต้องมีคนคอยช่วยสอนช่วยแนะนำ ด้วย
ความชอบป่แี ละอยากฝึกฝน ครโู ชคต้องไปหาลุงต้องและน้านึก (ทั้ง
สองท่านเปน็ ช่างทำป่ีและมือปี่) และลงุ ยมจากโคกหลวง แต่ฝึกมาก
ที่สุดจากอาจารย์สมนึก เมืองแก้ว เพราะท่านเป็นมือปี่วงมโนราห์
คอยสลับกันเป่ากับครูโชค ซักซ้อมจนชำนาญ คอยถามนักดนตรี
ผู้ใหญ่ในหมู่บ้าน พอได้เข้าทำงานเป็นครูจึงกลับมาเอาความรู้
ความสามารถมาสอนเด็กนักเรียน คอยฝึกให้นักเรียน
ตั้งวงมโนราห์ให้เด็กนักเรียนจนตอนนี้ไปเป็นนายหนัง ไปเรียน
ดนตรีเพื่อต่อยอดในเส้นทางอาชีพต่อไป โดยปัจจุบันครูโชคเป็นครู
วิชาภาษาไทย ที่คอยสอนวิชาดนตรีไทย ดนตรีพื้นบ้านให้กับ
นักเรียนภายในอำเภอหัวไทร โดยใช้เทคนิคการสอนดนตรีแบบ
ปัจจุบัน (ใช้โด เร มี) เพราะว่าหากสอนแบบสมัยก่อน เด็กนักเรียน
จะไมเ่ ขา้ ใจ
๖๐
ประสบการณ์การทำงานทางด้านดนตรี
ช่วง มศ. 5 เคยเป็นมือซอให้กับวงดนตรีหนังตะลุงให้กับ
โรงเรียน เป็นมือปี่ให้วงมโนราห์ท้องถิ่น ตามงานต่าง ๆ เป็นนาย
หนังตะลุง โดยมีชื่อในวงการคือ หนังครูโชค ศ.เคล้าน้อย และคอย
เล่นดนตรีดว้ ยกันกับเด็กนักเรยี นและตัง้ วงดนตรีไทยให้กบั นักเรียน
ทสี่ นใจ คอยช่วยสอน ช่วยใหค้ ำปรึกษาบคุ คลทส่ี นใจเกีย่ วกับปี่หรือ
ดนตรีทอ้ งถน่ิ ของอำเภอหัวไทร
ภาพ 1.2 ครโู ชค บรรเลงป่โี หมโรงโนรา
๖๑
เคร่อื งดนตรแี ละวงดนตรที ีช่ ื่นชอบ
ชอบเครื่องดนตรีปี่ เพราะปี่ใต้สามารถบังคับเสียงได้ด้วย
ตัวเอง สามารถคล้อยไปกับดนตรีสากลได้ โดยปี่เป็นเครื่องดนตรีท่ี
เลน่ ยาก และใช้เวลาฝกึ ฝนนาน ครูโชคจึงชอบและหลงใหลปีใ่ ตม้ าก
อีกทั้งยังชอบดนตรีหนังตะลุงเนื่องจากตัวเองคลุกคลีกับวงหนัง
ตะลงุ มาโดยตลอดและส่วนตัวก็เปน็ นายหนังตะลุงอกี ด้วย
วธิ ีการสอนดนตรีไทยของครูโชค
สว่ นตัวครูโชคสอนแบบปรบั ตามยุคสมัย ก่ึง ๆ แบบดั้งเดิม
เพราะตนเองเคยฝึกมาแบบไม่มีโน้ต เนื่องจากในสมัยก่อนต้องจำ
และฝึกแบบไม่มีโน้ต แต่ในสมัยเวลาสอนเด็กนี้จำเป็นต้องสอน
ทฤษฎี ตัวโน้ต เพื่อที่นักเรียนจะได้เอาไปต่อยอดได้ด้วยตัวเอง
มากกว่าการจำโน้ตเป็นเพลงอย่างที่ตนเคยจำมา เป็นการสอนที่
ลำบากพอสมควร เพราะตนเองไม่ได้ถนัดโน้ต แต่ต้องแกะเพลง
แกะโนต้ ตลอดทุกครัง้ ก่อนจะไปสอนนักเรยี น ถือเป็นส่ิงที่จำเป็นกับ
เด็กนักเรียน เมื่อก่อนต้องจำอย่างเดียว จำรูปแบบการวางนิ้ว โดย
ขลุ่ยจะมีการเรียงนิ้ว ง่ายต่อการจำ แต่ปี่ไม่ได้เรียง บางรูมี 2 เสียง
บางเสียงต้องเปดิ 2 รู ขึ้นไป 2 รู ได้ 1 เสียง (ยกตัวอย่าง) เป็นการ
๖๒
เล่นที่ไม่แน่นอนต้องจำเป็นเสียง ๆ ไป ซึ่งก็เกี่ยวกับลมที่เป่าด้วย
บางคร้งั เปา่ แรงก็ไดเ้ ปน็ อกี เสียง
ความเปน็ มาของวงดนตรีไทยในอำเภอ
ดนตรีไทยในอำเภอหัวไทรไม่ค่อยพบเจอ มีเป็นกลุม่ เล็ก ๆ
มีเพียงไม่กี่วงในสมัยก่อน มีเพียงแค่ ลุงเริ่ม ลุงต้อม ครูพิณ ที่คอย
เล่นปี่ ซอ ระนาดบรรเลงตามงานบุญ งานศพต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะ
เป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียงกัน มาเล่นบรรเลงกันเพื่อความ
สนุกสนาน เพราะในสมัยก่อนไม่มีอะไรให้ทำกันเพื่อสร้างความ
บนั เทิงมากนัก
ผลงานทางด้านดนตรอี ื่น ๆ
รับรางวัลผู้ทำคุณประโยชน์ทางด้านดนตรีไทย ในวัยเด็ก
โดยตัวครูโชคยังเคยประดิษฐ์เครื่องดนตรีไทย ได้ลงหนังสือพิมพ์
และออกโทรทัศน์มาแล้วในช่วงปี 2 ในช่วงที่ได้ไปออกงาน
วัฒนธรรม 4 ภาค จึงอยากพัฒนาดนตรีพื้นบ้านของภาคใต้
ประดิษฐ์ออกมาเป็น ซอ 2 กะลา (ซอแฝด) โดยครูโชคพยายามทำ
ให้เสียงต่างจากปกติ แต่ก็ไม่ได้ต่างจากซอปกติไปมากนัก สิ่งที่ได้
จากซอที่ประดิษฐ์คือ เสียงขอซอจะหวาน และนุ่มกว่าปกติ โดยมา
ประดิษฐ์ในช่วงที่วงหนังตะลุงเริ่มเล่นดนตรีสากลแล้ว จึงเป็นไปได้
๖๓
ยากที่จะได้เอาไปแทรก ตนยังนึกเสียดายที่ริเริ่มช้าไป ถ้าเกิดทำ
ตั้งแต่สมัยก่อน อาจจะเป็นเครื่องดนตรีที่พบเห็นได้เยอะทั่วภาคใต้
(ดงั ภาพ 1.1)
ขอ้ คดิ เห็นเก่ียวกบั วงการอาชพี นกั ดนตรีไทย
อยากให้สืบทอดแบบอนุรักษค์ วามดงั้ เดมิ แต่สบื ทอดแล้วก็
ควรพฒั นาด้วย ไม่อนุรกั ษใ์ หม้ ันเป็นแบบเดิมไปตลอด ไมเ่ ช่นนั้นวัน
หนึ่งดนตรีไทยจะหายไปจากเมืองไทย อยากให้ปรับเปลี่ยนเข้าหา
กัน ไม่ใชไ่ ม่ยอมปรับเปล่ียน บางครั้งเสยี งเครื่องดนตรี โนต้ แตล่ ะตวั
ก็ไม่เข้ากันกับสากล ทำให้ยากต่อการเอาไปใหเ้ ด็กรุน่ ใหม่ฟัง ทำให้
ฟังไม่เพราะ เช่นในต่างประเทศ ก็มีการพัฒนาดนตรีพื้นบ้านมาใส่
ในวงสมัยใหม่ เพือ่ ทจี่ ะเข้าถงึ คนทุกเพศทุกวัยไดม้ ากข้ึน ครูโชคเช่ือ
ว่าดนตรไี ทยไม่แพ้ชาตใิ ดในโลก แตต่ ้องคอยพฒั นาไปควบคู่กับการ
๖๔
อนุรักษ์ เพราะดนตรีทุกพื้นที่เขาก็พัฒนามาตลอดจนมาถึงทุกวันนี้
เหมือนกับเมนอู าหาร ทต่ี ้องคอยหยบิ นน่ั หยิบนม่ี าใส่ให้อรอ่ ยเสมอ
นายญาณวรตุ ม์ เทพทัศน์
ผสู้ ัมภาษณ์
๖๕
นายวริ ะ วิชยั ดิษฐ์
ประวตั สิ ว่ นตวั
ช่ือ-สกลุ : นายวิระ วิชยั ดิษฐ์ ชื่อเล่น นายข้ยุ
อายุ : ๖๔ ปี
สัญชาติ : ไทย เช้อื ชาติ : ไทย
ศาสนาทีน่ บั ถอื : พุทธ
ภูมิลำเนา ที่อยู่ : ซอยหลวงตาทัน ตำบลท่าศาลา อำเภอท่าศาลา
จังหวดั นครศรธี รรมราช
๖๖
ประวตั ิการศึกษา
ประถมศกึ ษา ๑-๔ โรงเรยี นวดั โคกเหลก็
ประวตั กิ ารศกึ ษาทางดา้ นดนตรไี ทย
- มพี นื้ ฐานในการสีซอจากคนในครอบครวั
- ได้รับการฝึกจากครูในโรงเรียนโดยเป็นการเริ่มฝึกขลุย่ ซอ
ด้วง ซออู้
- ศึกษาการเล่นปโ่ี ดยตนเอง
- ได้รับความรู้และการศึกษาเพิ่มเติมจากอาจารย์ประจำวง
หนงั ตะลงุ
- เล่นหนังตะลุงวงจำเนียนคำหวาน หนังตะลุงวีระ วิชัยดษิ ฐ์
และหนงั ตะลุงปฐม อ้ายลกู หมี
คุณตาวิระ วิชัยดิษฐ์ หรือคุณตาขุ้ย เกิดในครอบครัว
ดนตรีและมีความมีความชื่นชอบทางด้านดนตรี เป็นอย่างมาก
เนื่องจากทางครอบครัวของท่านมีอาชีพเป็นนายหนังตะลุง ตั้งแต่
รุ่นปู่ รุ่นพ่อ และพี่ชายก็เป็นนายหนังตะลุง จากการที่ท่านได้อยู่
และเติบโตในครอบครัวดนตรีทำให้ท่านได้รับการซึมซับทางด้าน
ดนตรีและอยู่กับเสียงดนตรีมาตั้งแต่ยังเล็ก โดยท่านได้พื้นฐานใน
๖๗
การสีซอจากคนในครอบครัว จากนั้นท่านได้เร่ิมศึกษาดนตรีจากครู
ที่โรงเรียนวัดโคกเหล็กชื่อว่า อาจารย์นิ่ม ซึ่งอาจารย์นิ่มก็เป็นนาย
หลังตะลุงเช่นเดียวกัน อาจารย์นิ่มได้ถ่ายทอดความรู้ในกับท่าน
รวมไปถึงสอนความรู้ในการเป่าปี่ แต่เนื่องจากการเป่าปี่นั้นทำได้
ยากและหาคนที่มีความสามารถในการเป่าปี่ได้ยากเช่นกันทำให้ใน
แต่ละอำเภอจะหามือปี่ที่มีความสามารถได้ยาก แต่เน่ืองจากฐานะ
ที่บ้านของท่านทำให้ท่านได้รับการศึกษาถึงแค่ระดับชั้น ป.๔ และ
ไม่ได้ศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยม หลังจากที่ท่านได้รับความรู้จาก
อาจารย์นิ่ม ท่านก็ได้เริ่มฝึกหัดในการเล่นดนตรีเอง โดยท่านได้เริ่ม
จากการหัดเล่นขลุ่ย ซอด้วง ซออู้ และปี่ ทำให้ท่านมีพื้นฐาน
ทางด้านดนตรีไทยบ้าง
จากนั้นเมื่อท่านอายุ ๑๖-๑๗ ปี ด้วยความที่ตนเองยังไม่
ชำนาญ ท่านจึงได้ออกจากบ้านไปเริ่มเล่นดนตรีวงหนังตะลุงด้วย
การเริ่มจากการสีซอเปน็ อย่างแรก เพื่อเป็นการฝึกฝนความชำนาญ
และเกบ็ ประสบการณใ์ นการเล่นดนตรี ในชว่ งทีท่ า่ นฝึกฝนวิชาและ
เริ่มเล่นในวงหนังตะลุงนั้น ในระยะเวลานั้นท่านมีงานแทบทุกคืน
ทำให้ท่านได้รับประสบการณ์มากมายและได้ฝึกฝนความสามารถใน
การเล่นดนตรีจนตัวท่านมคี วามสามารถและมีความชำนาญมาก
๖๘
ซึ่งด้วยความชำนาญในการเล่นดนตรีของท่าน ทำให้มีวง
หนังตะลงุ เห็นความสามารถจากท่านหลายวงมาก ทำใหม้ ีคนจากวง
หนังตะลุงต่าง ๆ มาทาบทามให้ท่านไปรวมเล่นหนังตะลงุ ดว้ ย และ
หลังจากนั้นท่านก็ได้รับเชิญในการไปร่วมเล่นปี่ให้กับหนังตะลุงวง
จำเนียนคำหวาน หนังตะลุงวีระ วิชัยดิษฐ์ และหนังตะลุงปฐม อ้าย
ลกู หมี ซ่ึงล้วนแตเ่ ป็นเปน็ วงหนงั ตะลงุ ทีม่ ีช่ือเสยี งในอำเภอท่าศาลา
ในการที่ทา่ นไปรว่ มเล่นหนังตะลุงให้แก่แต่ละวงหนงั น้นั แน่นอนว่า
จะมีอาจารย์ประจำวงนั้นๆได้ถ่ายทอดความรู้เพิ่มเติมให้กับท่าน
ด้วย ซึ่งจะเป็นการถ่ายทอดความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเล่นหนัง
ตะลุงและการเล่นดนตรีอื่นเพิ่มเติม ทำให้ท่านได้รับความรู้อื่น ๆ
จากอาจารย์ประจำวงหนังตะลุงและมีความชำนาญมากยิ่งขึ้น
การศึกษาดนตรีของท่านนั้นจะเน้นในการจำโดยไม่ดูโน้ตและฝึก
ด้วยตนเอง รวมถึงมีการฝึกปฏิบัติซ้ำ ๆ จนกลายเป็นความเคยชิน
และความชำนาญ จากความสามารถที่มีเฉพาะตัว การเติบโตใน
ครอบครัวดนตรี ประกอบกับการได้รับการศึกษาเพิ่มเติมจาก
อาจารยท์ โี่ รงเรียนและจากอาจารยป์ ระจำวงหนงั ตะลงุ ตา่ ง ๆ สง่ ผล
ให้ในขณะนนั้ ท่านมีชอ่ื เสียงและมคี วามชำนาญในการเล่นดนตรีเป็น
อยา่ งมาก
๖๙
ประสบการณก์ ารทำงานทางดา้ นดนตรี
- เลน่ หนงั ตะลงุ โดยใช้ช่ือว่า กองทัพท่ี ๔ เพ่ือประชาชน
- เลน่ หนังตะลุงจำเนียนคำหวาน
- เล่นหนังตะลงุ วีระ วชิ ัยดิษฐ์
- เลน่ หนงั ตะลุงปฐม อ้ายลูกหมี
เมื่อคุณตาวิระอายุได้ ๑๖-๑๗ ปี ท่านได้เริ่มสีซอตามวง
หนังตะลงุ ต่าง ๆ ทำให้ไดร้ บั ชื่อเสียงทางดา้ นการสีซอมาก หลังจาก
นั้นท่านได้ฝึกฝนและเริ่มเล่นปี่จนมีความชำนาญเพราะมีความช่ืน
ชอบเสียงปี่เป็นอย่างมาก ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๒๑ - ๒๕๒๓ ในช่วง
สมัยการปกครองของคอมมิวนิสต์ ท่านได้มีโอกาสไปเล่นหนงั ตะลงุ
โดนใช้ชื่อว่า กองทัพที่ ๔ เพื่อประชาชน ซึ่งในขณะนั้นก็มีวงดนตรี
เล่นเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งเรียกว่า วง พ.ว.จ ของกองทัพ แต่เนื่อง
ด้วยความสามารถของทา่ นทำใหก้ องทัพใหโ้ อกาสท่านในการไปร่วม
เล่นหนังตะลุงในสมัยนั้นและท่านยังได้มีโอกาสไปแสดงในหลาย ๆ
จังหวัดของภาคใต้เป็นระยะเวลา ๓-๔ ปี ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาทีท่ ่าน
ไดร้ บั ประสบการณ์ในการเล่นหนังตะลงุ ที่มีความประทับใจมาก
ต่อมาท่านก็ได้รับเชิญไปเล่นดนตรีให้กับวงหนังตะลุง
จำเนียน คำหวาน จากการที่ท่านมีความสามารถมาก ทำให้คนใน
หนังตะลุงจำเนียน คำหวานได้ส่งจดหมายมาหาท่านเพื่อให้ท่าน
มารว่ มเลน่ หนงั ตะลุงด้วย ในระยะเวลาประมาณ ๒-๓ ปี ต่อมาก็ได้
๗๐
มีวงหนังตะลุงหลายวงได้มาชวนให้ท่านไปเล่นดนตรี ทำให้ท่านมี
ชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ในช่วงเวลานั้นหนังตะลุงเป็นหนังที่ได้รับ
ความนิยมเป็นอย่างมากและมีมากมายหลายวง ซึ่งต่อมาท่านก็ได้
ไปเล่นดนตรีให้แก่หนังตะลุงวง วีระ ลูกทุ่งบันเทิง เป็นระยะเวลา
ประมาณ ๑๒ ปี
หลังจากนั้นท่านก็ได้เล่นดนตรีให้กับหนังตะลุงปฐม อ้าย
ลูกหมี ซึ่งหนังปฐม อ้ายลูกหมี เป็นหนังที่มีชื่อเสียงมากในตอนนั้น
และเป็นหนังตะลุงที่มีคอนเสิร์ตวงแรกของภาคใต้ จากการพูดคุย
กับนายหนังปฐม นาหนังชื่นชมในความสามารถของท่านเป็นอย่าง
มาก ถึงขั้นที่พูดกับบุคคลอื่นว่า “ถ้านายขุ้ยไม่ตาย จะไม่ให้มีมือป่ี
คนไหนได้ขึ้นโรง” แสดงให้เห็นว่าท่านเป็นมือปี่ที่มีชื่อเสียง มี
ความสามารถ และเป็นที่ยอมรับของบุคคลในด้านการเล่นหนัง
ตะลงุ ทา่ นไดเ้ ลน่ หนังตะลุงปฐม อา้ ยลูกหมี จนถึงอายุ ๕๐ ปี
ตลอดระยะเวลา ๔๔ ปีที่นายวิระ วิชัยดิษฐ์ หรือตาขุ้ย ได้
เล่นดนตรีให้กับวงหนังตะลุงนั้น ถือเป็นระยะเวลาสำคัญในชีวิตที่
ท่านได้ซึมซับและอยู่กับเสียงดนตรี นอกเหนือจากความสามารถ
เฉพาะตัวที่ท่านมีการฝึกฝนหาความรู้ของตัวท่านเอง รวมถึงการ
ได้รับการศึกษาจากอาจารย์ในโรงเรียน และได้รับการศึกษา
เพิ่มเติมจากนายหนังตะลุง การเก็บเกี่ยวประสบการณ์ตลอด
ระยะเวลา ๔๔ ปีนั้น ทำให้ท่านถือเป็นบุคคลต้นแบบในการเล่น
๗๑
ดนตรี นอกจากนั้น ความรู้และประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ท่านได้รับ
ทา่ นก็ไดถ้ ่ายทอดความรใู้ หก้ บั ผู้อน่ื จนทำให้ท่านมีลกู ศิษย์มากมาย
ในปัจจุบันนี้ก็ยังมีลูกหลานของท่านเด็ก ๆ ในบริเวณน้ัน
รวมถึงบุคคลภายนอกที่มีความสนใจในดนตรีไทยและการเป็นลูกคู่
นายหนงั ทา่ นกไ็ ดถ้ า่ ยทอดความรู้ให้อยา่ งเตม็ ที่ ถือวา่ นายวิระ วิชัย
ดิษฐ์ หรอื ตาขุ้ยนน้ั เปน็ บุคคลต้นแบบอย่างแทจ้ ริง
๗๒
ภาพการเลน่ หนังตะลุงปฐม อา้ ยลูกหมี ในชว่ งปีพ.ศ.๒๕๕๐
๗๓
เคร่อื งดนตรีและวงดนตรีทีช่ ่ืนชอบ
ท่านมคี วามสามารถในการเลน่ เคร่ืองดนตรีทั้งขลุ่ย ซอด้วง
ซออู้ และป่ี แตเ่ คร่อื งดนตรที ี่ท่านชอบมากทส่ี ุดคือ ปี่ เพราะเป็นส่ิง
ท่ที ่านรักในการเลน่ และได้รับประสบการณ์ทด่ี ีมากมายจากการเล่น
ดนตรใี นงานหนงั ตะลงุ ตลอดระยะเวลา ๔๔ ปี
๗๔
ผลงานทางดนตรีดา้ นดนตรี
- เล่นดนตรีให้วงหนังตะลุงจำเนียนคำหวาน หนังตะลุงวีระ
วิชัยดิษฐ์ หนังตะลุงปฐม อ้ายลูกหมี รวมเป็นระยะเวลา
กว่า ๔๔ ปี
- ได้รบั รางวลั ครผู สู้ อนดนตรไี ทยดเี ด่น จากการที่ได้ถา่ ยทอด
ความรู้ให้แก่ลูกศิษย์ ทำให้ลูกศิษย์ที่ได้เรียนจบไปเป็น
อาจารยม์ หาวิทยาลยั นาฏศลิ ปนครศรีธรรมราช ได้มามอบ
รางวัลให้กับท่าน รวมถึงมีผู้ที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับเนื้อหา
ของการเป่าปี่และการเป็นลูกคู่นายหนังมาขอรับการ
ถา่ ยทอดความรู้ศึกษาเรื่องราวเก่ยี วกบั ประวัติความเป็นมา
ของท่านมากมาย
วธิ กี ารสอนดนตรีของนายวริ ะ วชิ ยั ดษิ ฐ์
เนื่องจากสมัยก่อนท่านจะฝึกการเล่นปี่ด้วยวิธีการจำและ
ไม่ใชโ้ น้ต ทำให้เวลาทา่ นสอนนน้ั ทา่ นจะเนน้ การสอนใหจ้ ำมากกว่า
การอ่านโน้ต เพราะเมื่อสามารถจำได้ก็จะสามารถเล่นได้อย่าง
แม่นยำมากกว่าการใชโ้ นต้ แต่กจ็ ะต้องมกี ารใชโ้ นต้ ในการเริม่ ฝึก
๗๕
ข้อคดิ เหน็ เกยี่ วกับวงการอาชีพลูกค่นู ายหนงั ตะลุง
หนังตะลุงเป็นศิลปะที่อยู่คู่กับภาคใต้มาอย่างยาวนาน
รวมทั้งเป็นการแสดงถึงเอกลักษณ์ของคนในภาคใต้ จึงอยากให้คน
รุ่นหลังไมห่ ลงลืมศลิ ปะของท้องถิ่นตนเอง รวมถงึ มใี จในการรักและ
สบื ทอดศิลปวัฒนธรรมเหลา่ น้เี อาไว้
ภาพขณะสมั ภาษณ์นายวริ ะ วชิ ยั ดิษฐ์
๗๖
นายนงค์ ดำหมาน นายหนงั ตะลงุ
ประวตั ิสว่ นตวั
ช่ือ นายนงค์ ดำหมาน
สมญานาม หนังนงค์บางรัก
วนั เดือนปเี กิด ๑๘ มกรคม ๒๕๐๔
อายุปจั จบุ นั ๖๑ ปี
สญั ชาติ / ศาสนา ไทย / พุธ
ทอี่ ย่ปู ัจจบุ นั ๓๑๘/๑ บ้านบางรัก ถนนกันตงั
ตำบลทับเที่ยง ในเขตเทศบาล
นครตรัง อำเภอเมือง จังหวัด
ตรัง ๙๒๐๐๐
๗๗
เบอรโ์ ทร ๐๘๙ ๗๓๐ ๕๒๘๑
๐๘๓ ๕๒๓ ๕๗๙๐
นายนงค์ ดำหมาน เป็นบตุ รนาย ฉ้วย และ นางเพ่ยี น
ดำหมาน นายนงคม์ ีบตุ รสาว ๔ คน ปัจจบุ ันนายนงค์ประกอบอาชีพ
เป็นนายหนังตะลุงคณะหนงั นงค์น้อย ลูกทุ่งสากล “สมัยก่อนใช้ชอ่ื
วา่ หนังนงค์น้อย บางรกั จนไดท้ ำเพลงข้ึนมา 2 อลั บั้ม เปลย่ี นมาใช้
ชื่อ หนังนงค์น้อย ลูกทุ่งสากล ชื่อที่ใช้เรียกกันบ่อยๆ หนังนงค์บาง
รัก ”
ประวัติการศกึ ษา
สำเร็จการศึกษาระดบั ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี ๔
ทโี่ รงเรยี นวดั แจ้ง
สำเรจ็ การศกึ ษาระดบั ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๗
ทโ่ี รงเรียนวดั ชมิ ภมู ิ
สำเร็จการศกึ ษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นปีที่ ๓
โรงเรยี นตรังวิทยา
สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายปีท่ี ๖
โรงเรียนสภาราชนิ ตี รัง
๗๘
ประวัติหนังนงค์น้อย ลูกทุ่งสากล ริเริ่มเข้าสู่วงการหนัง
ตะลงุ ไดอ้ ยา่ งไร ?
นายนงค์เล่าถึงเส้นทางในการเล่นหนังตะลุงว่า ชื่นชอบ
กลอนหนังตะลุงมาตั้งแต่เด็กๆ บรรพบุรุษมี ความสามารถขับหนัง
ประกอบกับบิดาเป็นนักกลอนลาน ซึ่งได้ขับกลอนให้ฟังอยู่เป็น
ประจำ จึงเกิดความชื่นชอบ ติดตามการแสดงหนังตะลุงมาตลอด
ครูหนังคนแรก คือบิดา ซึ่งทำให้รู้จักบทกลอน และสามารถขับ
กลอนได้ ตั้งแต่อายุ ๙ ปี เนื่องด้วยฐานะทางบ้านยากจน ในขณะ
น้นั นายนงค์จึงตอ้ งชกมวยหาเงินมาจุนเจอื ครอบครัว พรอ้ มกับการ
ฝกึ หนังตะลงุ ต้งั แต่ประถมศึกษาปที ่ี ๕ ต่อมาเมื่ออายุ ๑๙ ปี จึงเริ่ม
ฝึกขับหนังอย่างจริงจัง โดยมีนายถิ้น (ไม่ทราบนามสกุล) อดีตลูกคู่
หนังตะลุงคณะหนังขุนลอยฟ้า มาเป็นมือปี่ในและแนะนำการขับ
หนังให้ หลังจากนั้น ได้ครอบมือกับหนังหวาน และเรียนรู้ขั้นตอน
การแสดงหนงั ตะลงุ ทั้งรปู แบบบันเทงิ และพธิ ีกรรมแกบ้ นจนกระทง่ั
นายนงค์ได้เรียนจบการศึกษาชั้นมัธยมปลาย และได้ไปศึกษาต่อท่ี
กรุงเทพฯ ก็เริ่มเข้าสู่วงการชกมวยอย่างเต็มตัว ทำให้ห่างหายจาก
การเล่นหนังตะลุงไป จากนั้นเมื่ออายุเริ่มมากขึ้น ด้วยร่างกายที่ไม่
สามารถชกมวยได้ จึงได้หันกลับมาฝึกฝนขับหนังตะลุงใหม่อีกครั้ง
ตอนอายุ ๓๐ ปี พ.ศ. ๒๕๓๘ และได้เข้าร่วมแสดงหนังตะลุงงาน
๗๙
มหกรรมหนังตะลุงประวัติศาสตร์ สนับสนุนโดย นายพิทักษ์ รังสี
ธรรม ซึ่งเป็นงานที่ใช้วิธีการจับสลากเพื่อเข้าร่วมแสดง เนื่องจากมี
คณะหนังตะลุงมากกว่า ๖๐ คณะ แบง่ การแสดง หนงั ตะลุออกเป็น
๒ กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มหนังใหญ่ หมายถึง คณะหนังตะลุงที่มีชื่อเสียง
ส่วนกลุ่มหนังเล็ก หมายถึง คณะหนังตะลุงเพิ่งหัดเล่นยังไม่มี
ชื่อเสียง ซึ่ง นายนงค์ถูกจัดอยู่ในกลุ่มหนังเล็ก จากการแสดง
ดังกล่าว ส่งผลให้ได้รับรางวัลรองชนะเลิศ ทำให้ผู้ชมชื่นชอบและ
ติดตามชมการแสดงเป็นจำนวนมาก จึงทำให้มีกำลังใจในการยึด
อาชีพหนังตะลุงเป็นต้นมา เมื่ออายุ ๔๐ กว่าปี ได้รับการยอมรับ
จากผู้คนเป็นจำนวนมาก ทำให้มีรายได้อยู่ที่ หลักแสน ต่อเดือน
และได้มีโอกาสไปเล่นหนังตะลุงท่ีประเทศมาเลเซียนอกจากนี้ นาย
นงค์สามารถตีฉิ่ง และโหม่ง มีความสามารถในการร้องเพลงจนมี
อัลบั้มเป็นของตนเอง ชื่อ “อัลบั้มตะวันมุ้งมิ้ง” จากประสบการณ์
อันยาวนานและจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ด้วยการ เปิดสอนหนังตะลุง
ให้กับเยาวชนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย จากนั้นต้องหยุดไปเนื่องจาก
เศรษฐกิจไม่ดี งานแสดงน้อยลง นายนงค์มีลูกศิษย์มากมาย เช่น
หนังศรธี ัญ สกลุ นานอน หนงั พัด หนงั จบ๊ิ น้อย เจริญศรี เป็นต้น
๘๐
หง้ิ ครูหมอบ้านนายนงค์ ดำหมาน
ผลงาน / รางวัล
อลั บ้ัมตะวนั ม้งุ มง้ิ ของนายนงค์ ดำหมาน
๘๑
รางวลั รองชนะเลศิ (งานมหกรรมหนงั ตะลงุ ประวัติศาสตร์)
ตัวหนงั ทีช่ ืน่ ชอบเปน็ พเิ ศษ
รูปหนังที่ประดิฐขึ้นมาเอง คือนายตุ๋ย กิมเอี้ยง นายดิก
บุคลิกของตัวหนัง ดูโง่ๆ ปากแหลม เวลาพูดจะพูดไม่คิด ตลกไป
เร่อื ย
เอกลกั ษณห์ รือจุดเด่นของการเลน่ หนงั
๑. นิยาย จะเล่นเป็นธรรมะ สอดแทรกไปด้วยความรู้และ
เนื้อหาสาระที่ตัวละครแสดงออกมาได้อย่างน่าสนใจ แฝงข้อคิด
บาปบุญ คณุ โทษ
๒. กลอน ในแต่ละคืนจะมีกลอนสองโหมง่ ทุกคืน จะมีพระ
เข้าหานางทุกคืน ทุกเร่อื ง จะเน้นในเร่อื งของกลอน เพราะเป็นนาย
๘๒
หนงั ท่ีเสียงดี เสียงมเี สน่ห์ เวลาขบั กลอนมคี วามไพเราะ น่าฟงั และ
เขา้ ถงึ อารมณ์ของบทบาทนนั้ ได้อยา่ งดี
วธิ ีการถ่ายทอด
การแนะนำว่าอย่างไรควร อย่างไรไม่ควร เช่น การพูด
หยาบคาย พูดลามกก็ต้องให้น้อยหรือพูดเสียดสีพระสงฆ์ เสียดสี
ศาสนา ต้องให้น้อยที่สุดหรืออย่าให้มีเลยก็ดี ไม่ก้าวร้าวต่อองค์
พระมหากษตั ริย์ สอนเรอื่ งการขับกลอนสด
การเปลยี่ นแปลงของหนงั ตะลงุ สมัยก่อน – จนปัจจบุ ัน
แรกเริ่ม เครื่องดนตรีมีไม่กี่ชิ้น ปี่ โหม่ง ฉิ่ง ทับ กลองตุ๊ก
ตอ่ มาไดพ้ ฒั นาข้ึนเร่ือยๆ จากท่ีไม่เคยร้องเพลงกต็ ้องฝกึ ร้อง และได้
นำเครื่องดนตรีสมัยใหม่ เพิ่มเข้ามาในวง เช่น คีย์บอด กีต้าร์ เบส
กลองชุด เปน็ ต้น
๘๓
ลกั ษณะงานที่รบั
รับงานทั่วไป เช่น งานบวช งานศพ งานวัด งานขึ้นบ้าน
ใหม่ ณ ปัจจุบัน สว่ นมากจะเปน็ งานแก้ศีล แก้บน
การขบั หนังตะลงุ ของ หนงั นงค์น้อย ลกู ทุ่งสงสากล
https://youtu.be/YwZdNV73Sjo
๘๔
ความคดิ เห็นเก่ยี วกับอาชีพหนังตะลงุ
นายนงค์ ดำหมาน ได้กล่าวว่า ความเป็นอยู่ของหนังตะลุง
สามปีก่อนหน้านี้ ไม่มีผลกระทบ แต่หลังจากสามปีที่ผ่านมา หนัง
ตะลุงมีปัญหา ช่วงที่หนักที่สุดคือ ครั้งที่มีเหตุการณ์ชุมนุมทาง
การเมือง ทำให้หนังตะลุงซบเซาเป็นอย่างมาก เพราะนายหนัง
ตะลุงส่วนใหญ่ได้ไปร่วมการชุมนุมอยู่ที่กรุงเทพฯ กันเยอะ จนกระ
ทั้งปัจจุบันได้เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -
๑๙ ภาครัฐจึงตั้งมาตรการ ห้ามไม่ให้มีการชุมนุม การทำกิจกรรม
หรอื รวมตวั กันท่กี ่อให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - ๑๙
นายสริ วิชญ์ หาญกล้า
ผสู้ มั ภาษณ์
๘๕
นายหนังตะลงุ ตำบลหลกั ชา้ ง อำเภอช้างกลาง
ประวตั ิของนายหนงั สุเทพ คำแหง
ประวัติสว่ นตัว
ชอื่ -สกลุ : นายสเุ ทพ คำแหง
ช่ือเลน่ : เจย๊ี บ หรือ หนังเจยี๊ บ
อายุ : ๕๔ ปี
วัน/เดอื น/ปี เกดิ : วนั อังคาร ที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๑๑ (ปีวอก)
๘๖
ทอ่ี ยู่ : โคกทือ หมู่ ๒ ต.หลกั ชา้ ง อ.ช้างกลาง จ.นครศรธี รรมราช
อาชพี : สมาชิกสภาเทศบาลตำบลหลักชา้ ง
บิดาชอ่ื นายยวน คำแหง อาชพี ทำสวน
มารดาชื่อ นางมาลี แก้วคง อาชพี ทำสวน
นายหนงั สุเทพ คำแหง มีพนี่ ้องทง้ั หมด ๗ ดงั นี้
๑. นายสายชล คำแหง
๒. นายสมั ผัส คำแหง
๓. นายขยดั คำแหง
๔. นายมนตรี คำแหง
๕. นางสาวดวงเดยี ว คำแหง
๖. นายสเุ ทพ คำแหง
๗. นางมะลิวนั ทิพสุขขมุ
นายหนงั สเุ ทพ คำแหง มภี รรยานอกสมรส ๒ คน ดงั น้ี
๑. นางสาวธดิ ารัตน์ ชยู ง
๒. นางสาวอวยพร ชว่ ยภคั ดี
และได้มีบุตรดว้ ยกนั ๒ คน ดังนี้
๘๗
๑. นายวรรฉราจร คำแหง กำลงั ศึกษาอยู่ที่
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นกั ศึกษาชั้นปที ๔่ี
๒. เดก็ หญิงศตพร คำแหง กำลงั ศกึ ษาอยทู่ ่ีโรงเรยี นโคกชยั
ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๓
ประวัติการศกึ ษาของนายหนงั สเุ ทพ คำแหง
จบระดบั ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๑-๖ โรงเรียนวัดจันดี
จบระดบั ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ ๑-๓ โรงเรยี นฉวางรชั ดาภเิ ษก
จบระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๔-๖ โรงเรียนพงึ่ ตนเอง
ประวตั กิ ารเข้าสู่วงการหลงั ตะลงุ
นายหนังสุเทพ คำแหง แต่เดิมไม่ได้เป็นนายหนัง เริ่มเข้าสู่
วงการนายหนังหลังจากตนลาออกจากผู้ช่วยเภสัชกรที่โรงพยาบาล
เซ็นทรัลเยนเนอรัลสะพานใหม่ ดอนเมือง แล้วตนได้กลับมาเป็น
โฆษกของสมาชิกผู้แทนราษฎรของนายกชินวรณ์ บุญเกียรติ แล้ว
เริ่มเป็นนักพากย์กีฬาฟุตบอลและบาสเกตบอลประจำเทศบาล
ตำบลจันดี และได้มีนายศักดา สมวงศ์ แนะนำให้ตนไปฝึกหัดเล่น
หนงั ตะลงุ กับนายหนงั นกิ ร ภาคคะรตั น์ท่โี คกทือ ต.หลักชา้ ง อ.ชา้ ง
กลาง จ.นครศรีธรรมราช และเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๒ ตนได้ครอบมือ
๘๘
เป็นนายหนังโดยสมบรูณ์ ณ บ้านไสไฟลาม ต.ควนกรด อ.ทุ่งสง จ.
นครศรธี รรมราช
ระยะเวลาในการอยู่ในวงการหนงั ตะลุง
ต้งั แต่ปี พ.ศ.๒๕๔๒ - ปัจจบุ ัน ๒๕๖๕
ประวตั ิการทำงานในเวลาราชการ
ปัจจบุ ันเปน็ สมาชกิ สภาเทศบาลตำบลหลักช้าง อำเภอช้าง
กลาง จงั หวดั นครศรธี รรมราช เข้ารับตำแหนง่ เมือ่ วนั ที่ ๒๘ มนี าคม
พ.ศ.๒๕๖๔
๘๙
ประวตั กิ ารทำงานนอกเวลาราชการ
๑. นายหนงั ตะลุง
๒. พิธกี รและประชาสัมพนั ธ์ของวัดธาตนุ อ้ ย เม่อื พ.ศ.
๒๕๔๐
๓. นักจดั รายการวทิ ยุสถานวี ทิ ยุ
ตัวละครหนังตะลงุ ทชี่ ืน่ ชอบ
อา้ ยหนูนุ้ย
๙๐
อ้ายเท่ง
ผลงานของนายหนังสุเทพ คำแหง
๑. ได้รบั เกียรติหนังตะลุงทอลค์ โชว์ไปแสดงท่ี
วทิ ยาลัยเทคนคิ นครศรธี รรมราช ๓ ครัง้
๒. ได้รับเกียรติไปแสดงใหน้ ักศึกษามหาวิทยาลยั หวั เฉยี ว
กรงุ เทพมหานคร ๑ ครัง้
๓. ประชาสมั พนั ธข์ องหนงั ตะลุงปกั ตใ์ ต้
๙๑
ข้อคิดเหน็ เก่ียวกับวงการอาชีพหนงั ตะลงุ
สมยั กอ่ นมหี นังตะลุงเกือบทกุ พืน้ ทขี่ องภาคใต้ แตป่ จั จุบนั
หนงั ตะลุงเร่มิ มีการห่างหายกันไปบา้ งตามพ้นื ทจี่ ึงอยากให้มกี ารสบื
ทอดการเลน่ หนังตะลงุ และมีการพัฒนาไปตามยุคสมัย ตนจงึ หาลูก
ศิษย์เพื่อทจี่ ะสืบทอดหนังตะลุงของตนคอื นายหนังกาฟวิ ส์ ศ.สุเทพ
อาศัยอย่ทู ่ีอำเภอสชิ ล
รปู ภาพคู่กับนายหนงั สุเทพ คำแหง (หลังสัมภาษณ์)
๙๒
หนังตะลงุ อาจารย์ตรีจกั ร ตะลงุ บณั ฑิต
ประวตั ิส่วนตวั นายตรจี ักร รกั ราวี
ชอื่ -สกลุ ไทย ศาสนา พทุ ธ
สัญชาติ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๙๘
วนั /เดือน/ปี เกิด ๖๗ ปี
อายุ ๑๙๔ ม.๖ ต.บางเป้า อ.กนั ตัง
ภมู ิลำเนา จ.ตรัง ๙๒๑๑๐
สมรสกับนางขวัญใจ รกั ราวี มี
ภรรยา-ลกู บตุ รดว้ ยกนั ๒ คน
๙๓
สมญานาม อาจารย์ตรีจักร ตะลุงบัณฑิต
ประวัตกิ ารศกึ ษา
จบ ป.๔ โรงเรยี นวดั ศรหี ราชศรทั ธา
พศ.๒๕๑๖ จบมัธยมโรงเรยี นวัดตรงั คภูมิพทุ ธาวาส มส.๓
พศ.๒๕๑๘ วทิ ยาลยั ครูสงขลา (มหาวทิ ยาลยั ราชภัฎ
สงขลา) ปวส.
พศ.๒๕๓๓ มหาวิทยาลัยราชภัฎภูเกต็ ป.ตรี คบ.บรหิ าร
การศึกษา
ประวตั กิ ารทำงาน
พศ.๒๕๑๙ ไดเ้ รมิ่ เป็นข้าราชครูคร้งั แรกที่โรงเรียนบาตู
ปูต๊ะ เกาะลิบง ในขณะนัน้ ท่านไดเ้ รยี นอยู่ดว้ ยทำงานดว้ ยและใน
พศ.๒๕๒๗ ไดย้ ้ายมาเปน็ ครูโรงเรยี นบ้านไรใ่ หญ่ บางหมาก อยู่ ๑๐
กว่าปี พศ.๒๕๔๕ ไดย้ ้ายมาเป็นครูโรงเรยี นบางเป้า ในระหว่างการ
เป็นครูอย่โู รงเรียนบางเป้านี้ ท่านได้เล่นหนงั ตะลุงสลบั กับการรบั
ราชการ และยังไดถ้ ่ายทอดวชิ าความรู้ใหน้ ักเรยี นทมี่ ีความสนใจอกี
ดว้ ย จนกระทงั่ ปลดเกษียณอายุราชการในปี ๒๕๕๘ ไดอ้ ยู่ใน
โรงเรยี นบางเป้ามาโดยตลอดในตำแหน่งสดุ ทา้ ย คือ ครโู รงเรียน
บา้ นบางเป้า วทิ ยฐานะชำนาญการพเิ ศษ คศ.๓
๙๔
ประวัตกิ ารเลน่ หนังตะลงุ ริเร่มิ มาเล่นหนังได้อย่างไร
มาเปน็ หนงั ตะลุงอาจารย์ตรจี ักร ตะลุงบณั ฑติ โดยอาศยั
ความชอบเม่ือสมยั เด็ก ๆ ตั้งแตเ่ ดก็ ๆ ท่านกไ็ ด้ดูหนังตะลงุ มาโดย
ตลอด หนังตะลงุ เล่นวนั ไหน ที่ไหน ทา่ นก็จะดูจนเกือบถึงรุ่งของอีก
วัน เวลาไปตามงานต่างๆเพ่ือนจะชวนใหข้ บั กลอนสดกับนายหนงั
ตะลงุ ในขณะน้นั เมื่อนายหนังไดฟ้ งั กช็ ม ชวนใหเ้ ล่นหนงั ตะลุง ก็
เลยตัดสินใจเลน่ หนงั ตะลงุ เริ่มเลน่ หนังตะลงุ ครงั้ แรกเมอ่ื อายุ ๔๕
ปีแล้วใน พศ.๒๕๔๕ ควบคู่ไปกับการดำรงตำแหนง่ ครจู นถึงปัจจปุ นั
คนชกั ชวนใหม้ าเล่นหนังตะลุง คือ หนงั นงคน์ ้อย บางรัก
เมอ่ื ไดเ้ ล่นหนงั ตะลุงได้ ๒-๓ ปี ความก็ทราบถึงอาจารย์ณรงค์ ซงึ่
เปน็ นายหนงั ตะลุงท่ีได้รบั การยอมรบั มากในเวลานั้น ว่าให้ตามท่าน
ไปทบี่ า้ นเพอื่ จะทำการครอบมอื หรอื ยื่นรูป เทา่ กบั การเป็น
อาจารย์เป็นลกู ศษิ ยก์ ันและเพ่อื ให้ได้เปน็ นายหนังตะลงุ ท่ีสมบรู ณ์
ต่อมาทา่ นอาจารย์ตรีจักร ตะลงุ บณั ฑติ ได้เขา้ แขง่ ขนั การประกวด
หนังตะลงุ ชงิ แชมป์ขา้ ราชการจังหวดั ตรงั ในงานมรดกไทย แข่งขนั
ด้วยกนั ท้งั หมด ๒๐ โรง ได้รบั รางวัลชนะเลิสแชมป์หนงั ตะลุง
ขา้ ราชการจังหวดั ตรังในปี๒๕๔๕
๙๕
ภาพการขับหนังตะลุงของอาจารยต์ รีจักร รักราวี
(https://youtu.be/5RDpnkwabXE)
ประสบการณเ์ ล่นหนังตะลุง
ได้เล่นหนงั มาทัว่ ภาคใต้แตล่ ่ะพืน้ ทจ่ี ะใชเ้ นอ้ื หาการเล่นไป
ในพื้นที่น้นั ๆตา่ งกัน ต้องรจู้ ักนำสถานท่ขี องจังหวัดนั้นมาพูดถงึ
กล่าวชมผูช้ มถงึ สงิ่ เด่น ๆ ของแตล่ ่ะจังหวดั สว่ นมากท่านจะเล่นอยู่
ที่จงั หวัดนครศรธี รรมราชมากที่สุด ในพ้ืนท่ี ถนอม ทา่ ศาลา สชิ ล
รบั งานติดต่อกันเป็นเดือน ๆ
ประวตั ิหนงั ตะลงุ ในพื้นที่
สมัยก่อนในพน้ื ท่ี อำเภอกนั ตังน้จี ะมีหนังตะลุงอยู่ ๑ โรง
เปน็ หนังตะลุงโรงแรกๆเปน็ หนงั ตะลุงช้นั บรมครูในพน้ื ท่ี ชือ่ ว่า
หนงั เริน สารวัตร ที่จะเลน่ ทวั่ ทง้ั อำเภอกนั ตัง เป็นทรี่ จู้ กั กนั โดยทั่ว
๙๖
ของคนในพ้ืนที่ ภายหลงั ก็เร่ิมมหี นงั ตะลงุ โรงอ่ืนๆกำเนิดเกิดข้นึ
เรอ่ื ย ๆ
ตัวหนงั ทีช่ นื่ ชอบ
ชน่ื ชอบตัวนายยอดทอง เน่ืองจากมลี ักษณะการพดู ที่กินใจ
เรา้ อารมณ์ ตลก ขบขนั ใส่อารมณ์ไดด้ ี
จุดเดน่ หรือเอกลกั ษณข์ องหนังตะลงุ อาจารยต์ รจี กั ร ตะลุง
บัณฑติ
เมอ่ื ตวั เจา้ เมืองตัวแรกออกแสดงจะสลับดว้ ยการขับกลอน
สดในแบบท่เี ปน็ เอกลักษณ์ของท่านและเมือ่ เจ้าภาพบอกให้จบการ
แสดงสมควรแกเวลาแล้วทา่ นก็สามารถจะจบเรือ่ งได้ทกุ เมื่อ มกี าร
พดู ผา่ นตัวละครไปเอาใจเจา้ ภาพ พดู ชมเจ้าภาพ พดู เอาใจผู้ชม
วิธกี ารถ่ายทอด
เมอ่ื ครั้งเปน็ ครูอยทู่ ี่โรงเรียนบ้านบางเป้าท่านได้ถ่ายทอด
วชิ าความรู้ทางด้านหนงั ตะลงุ ใหแ้ กน่ กั เรยี นทม่ี ีความสนใจแตเ่ มอ่ื
เกษียณอายุราชการกไ็ มไ่ ด้ติดตามลูกศิษย์ จึงไมส่ ามารถรู้ได้วา่ ลกู
ศษิ ยม์ ีความร้มู ากนอ้ ยเพียงใด นำเอาไปใช้ไดห้ รอื ไม่ โดยทา่ นใช้
วธิ กี ารสอน คอื จะยกโรงหนังข้ึนมาเล็ก ๆ เร่มิ จากให้เด็กคนที่สนใจ
ฝึกออกตวั ละครฤาษี ออกหนา้ บทแลว้ ให้ฝึกวา่ กลอนหนงั ตะลุงด้วย
วิธีการจดใหจ้ ำกลอน ซึง่ จะเป็นกลอน ๘ กลอน ๖ แลว้ ให้ท่องจำ
๙๗
และให้ทดลองเลน่ คร้งั ละ ๑ ชม.ในนอกเวลาเรียน สว่ นมากเด็กท่ี
สนใจจะเล่นหนงั หนงั ตะลงุ จะมชี ว่ งอายทุ ี่ ๑๒-๑๕ ปี
การเปลีย่ นแปลงของหนังตะลุงตง้ั แต่อดตี ถงึ ปัจจปุ นั
สมัยก่อนหนงั ตะลุงจะเลน่ เรื่องแบบนิยายและจะเนน้ ใน
เรือ่ งคติสอนใจแฝงคณุ ธรรม จรยิ ธรรม เป็นขอ้ คิด ใช้เวลาการเล่น
จนเกือบรุ่งขึน้ ของอกี วนั มบี ทสรุปของเรื่องไปในแนวธรรมะชนะ
อธรรมเป็นคติสอนใจ จะเน้นเร่ืองบทกลอนความสัมผัสของบท
กลอน บทกลอนที่ว่ากนั สด ๆ ผู้ชมจะตอ้ งเข้าใจไดโ้ ดยงา่ ย หนังใน
ยคุ ปจั จปุ ันจะไมเ่ นน้ ในเรื่องของการเลน่ แบบนิยาย เอาแค่ว่าเลน่
หนงั ให้ตลกได้กค็ ือวา่ เลน่ หนงั ตะลุงได้ เนน้ เนื้อหาไปในทาง
เหตกุ ารณ์ปัจจุปัน ตามกระแส
ผลงาน
๑.แชมป์หนงั ตะลุงข้าราชการจังหวดั ตร้ัง ในปี ๒๕๔๕
๒.รองชนะเลิสหนงั ตะลุง ๗ จังหวดั ภาคใต้ตอนลา่ ง