The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือ การจัดการและช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายากเกยตื้น

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

คู่มือ การจัดการและช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายากเกยตื้น

คู่มือ การจัดการและช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายากเกยตื้น

Keywords: สัตว์ทะเลหายาก

คำนำ

สัตวท์ ะเลหายากและใกล้สญู พนั ธุ์ในประเทศไทยประกอบดว้ ยกลุ่มเต่าทะเล
จานวน 5 ชนิด โลมาและวาฬ 27 ชนิด และพะยูน 1 ชนิด ซึ่งทั้งหมดได้รับการ
คุ้มครองตามกฎหมายแห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ังมีพันธกิจในการดูแล คุ้มครอง และฟ้ืนฟูสัตว์
ทะเลหายากและใกล้สูญพันธ์ุ ข้อมูลจากการสารวจสถานภาพและการแพร่กระจาย
ของสัตว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์ในประเทศไทย พบว่าชนิดและกลุ่มประชากร
ของสัตว์ทะเลหายากบางกลุ่ม มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเน่ืองเป็นผลจากภาวะถูก
คุกคามหลายประการ เช่น การใช้เคร่ืองมือประมงท่ีผิดกฎหมาย ความเส่ือมโทรม
ของสภาพแวดล้อมและแหล่งที่อยู่อาศัย การพัฒนาพ้ืนที่ชายฝ่ัง การปนเป้ือนของ
มลพิษทางทะเล ตลอดจนการเจ็บป่วยตามธรรมชาติ จากปัจจัยเหล่าน้ีทาให้พบว่า
แต่ละปีมีสัตว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์เกยตื้นมากกว่า 400 ตัว ในกรณีท่ีเป็น
การเกยต้ืนแบบมีชีวิต ความรู้ความเข้าใจในการปฐมพยาบาลข้ันต้นเป็นขั้นตอนท่ี
สาคัญในการเพิ่มอัตรารอด ในขณะเดียวกันการเก็บข้อมูลและเรียนรู้จากตัวอย่าง
สัตว์ท่ีมีการเกยต้ืนแบบเสียชีวิตจะช่วยให้ทราบถึงสาเหตุการเกยต้ืนเพื่อใช้ในการ
วางแผนการจัดการทัง้ ดา้ นการรกั ษาและอนรุ ักษ์ประชากรในธรรมชาติได้ต่อไป

หนังสือคู่มือการจัดการและช่วยเหลอื สัตวท์ ะเลหายากและใกล้สูญพันธเ์ุ กย
ตื้น ได้ถูกจัดทาข้ึนเพ่ือเป็นแนวทางให้ผู้ปฏิบัติงานด้านการช่วยเหลือสัตว์ทะเลหา
ยากและใกล้สูญพันธ์ุ กลุ่มอนุรักษ์ นักเรียน นักศึกษา ตลอดจนประชาชนโดยทว่ั ไป
สามารถนาไปประยุกตใ์ ชใ้ นภาระงานท่รี ับผิดชอบไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพต่อไป

สารบญั

บทที่ บทท่ี

1 2

สัตวท์ ะเลหายาก การเกยตน้ื ของสัตว์ทะเลหายาก

Marine endangered species Stranded marine endangered species

1-29 30-38

ชวี วทิ ยาโลมาและวาฬ……………………………….2 31…………………………………..…….. สาเหตกุ ารเกยตนื้ จาก
ชีววทิ ยาพะยูน…………………………………..……15 ปัจจัยธรรมชาติ
ชีววิทยาเต่าทะเล…………………………………….18
33………………………………….……… สาเหตกุ ารเกยตน้ื จาก
กจิ กรรมของมนษุ ย์

35……………..……… สถิตกิ ารเกยตน้ื ของสตั วท์ ะเลหายาก

Contents

บทที่ บทที่

3 4
การจดั การช่วยเหลือสตั วท์ ะเลหายากเกยตนื้
การชนั สตู รซากสตั ว์ทะเลหายาก
Management of a stranded
marine endangered species Marine endangered species necropsy

40-78 79-108

แนวทางและขัน้ ตอนการชว่ ยเหลอื โลมาและวาฬ 85………. การผา่ ชันสูตรซากสตั ว์ทะเลเล้ียงลูกด้วยนม
เกยตน้ื เบอ้ื งต้นกรณีมชี วี ติ ………………………..…42
92………………………………การผา่ ชันสตู รซากเต่าทะเล
แนวทางและข้ันตอนการชว่ ยเหลอื เต่าทะเลเกยตื้น 106………………………………………………การทาลายซาก
เบอื้ งตน้ กรณีมีชวี ติ ……………………………………..69

สารบญั ………………………………………………………………………..………….…..…110
คณะผู้จดั ทา……………………………………………………………..…………….………112

บทที่ 1

สัตวท์ ะเลหายาก
Marine Endangered Species Page |1

• สัตว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์ หมายถึง ทุกชนิดต่างมีความสาคัญต่อกันและกัน ถักทอด้วย
ก ลุ่ ม ป ร ะ ช า ก ร สั ต ว์ ท ะ เ ล ที่ ไ ด้ รั บ ก า ร คุ้ ม ค ร อ ง ห่วงโซ่อาหารข้ึนเป็นระบบนิเวศอย่างสมดุล การ
เน่ืองจากมีความเสี่ยงต่อการสูญพันธ์ุ ทั้งจากจานวน หายไปของส่ิงมีชีวิตชนดิ หนึ่งย่อมสง่ ผลต่อสิง่ มชี วี ติ
ประชากรเดิมที่มีอยู่น้อย หรือภัยคุกคามจากการ อื่นๆท้ังทางตรงและทางอ้อม และในกรณีทีร่ า้ ยแรง
เปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม หรือจากศัตรูตาม อาจทาให้ระบบนิเวศล่มสลายลงได้ สัตว์ทะเลหา
ธรรมชาติ หรือจากกจิ กรรมของมนษุ ย์ ยากจัดเป็นผบู้ รโิ ภคลาดบั สูงในระบบนเิ วศ จานวน
ประชากรของสัตว์ทะเลหายากจึงจัดเป็นตัวชี้วัดถึง
• สตั ว์ทะเลหายากในน่านน้าไทยประกอบด้วย ความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ เต่าตนุและ
กลุ่มสตั วท์ ะเลอยา่ งน้อย 3 กลมุ่ ได้แก่ เตา่ ทะเล (Sea พะยูนเลือกกินหญ้าทะเลจึงเป็นตัวช้ีวัดของความ
turtles) พะยูน (Dugong) โลมาและปลาว าฬ อุดมสมบูรณ์ของแหล่งหญ้าทะเล เต่ากระซ่ึงอาศัย
(Whales and Dolphins) ซึ่งท้ังหมดถูกจัดเป็นสัตว์ อยู่ในแนวปะการังการมีเต่ากระก็แสดงถึงความ
ป่าสงวนและคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและ อุดมสมบูรณ์ของแนวปะการัง โลมาและปลาวาฬ
คุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ว่าด้วยการห้ามล่า ห้าม ซ่ึงอาศัยอยู่ในทะเลบริโภคสัตว์น้าขนาดใหญ่เป็น
ค้า ห้ามครอบครอง ห้ามเพาะพันธุ์ โดยมีผล อาหาร โดยสัตว์น้าขนาดใหญ่ก็ต้องพึ่งพาสัตว์น้า
ครอบคลุมไปถึงไข่ ซาก ตลอดจนช้ินส่วนต่างๆของ ขนาดเล็กและสัตว์น้าวัยอ่อน ตลอดจนผู้ผลิตอัน
สัตว์เหล่าน้ันด้วย นอกจากนี้ยังถูกจัดให้อยู่ในบัญชี ได้แก่แพลงตอนทั้งพืชและสัตว์ จึงเห็นไดวาการท่ี
รายช่ือของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ มีสัตว์ทะเลหายากอยู่ได้น้ันหมายถึงระบบนิเวศยัง
ซ่ึงพันธ์ุพืชป่าและสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธ์ (CITES) โดย มีความอุดมสมบูรณ์ สัตว์ทะเลหายากจึงเป็น
เต่าทะเลทุกชนิด พะยูน และโลมาอิรวดี อยู่ในภาวะ ดรรชนีชี้วดั ท่ีสาคญั ของระบบนเิ วศทางทะเล
ใกล้สูญพันธุ์อย่างย่ิง จึงจัดอยู่ในรายช่ือ CITES บัญชี
1 สว่ นโลมาและปลาวาฬชนดิ อ่นื ๆ และฉลามวาฬ จัด • การคุ้มครองสัตว์ทะเลหายากทาให้เกิด
อยู่ใน CITES บญั ชี 2 การอนุรักษร์ ะบบนิเวศทงั้ ระบบ ความอุดมสมบูรณ์
ของระบบนเิ วศเป็นที่มาของผลผลิตทางการประมง
• หลายคนมักถามว่าสัตว์ทะเลหายากมี อันนาไปสู่สภาพเศรษฐกิจท่ีเข้มแข็ง มีความมั่นคง
ความสาคัญอย่างไร ทาไมต้องมีการอนุรักษ์ ความ ทางสังคม ตลอดจนสร้างการยอมรับจากนานา
คาดหวังของคาถามคือ ถ้าไม่มีสัตว์ทะเลหายากแล ประเทศในความพยายามอนุรักษ์สัตว์ทะเลหายาก
วจะมีผลกระทบต่อมนุษย์อย่างไร อันน้ีถือเป็น และใกล้สูญพันธ์ุซ่ึงมีการอพยพย้ายถ่ินระยะไกล
คว ามเห็นแก ตัว ของมนุษย์เพราะคนเรามักคิดเอา จดั เปน็ ทรัพยากรทตี่ อ้ งดูแลร่วมกัน
ตัวเองเป็นศูนย์กลางเพื่อตัดสินส่ิงต่างๆรอบตัวว่ามี
ความสาคัญมากน้อยต่างกันไปตามผลประโยชน์ท่ี
คาดหวัง แตใ่ นความเป็นจริงแลว้ มนษุ ย์และสง่ิ มีชีวิต

ชีววิทยาโลมาและวาฬ
Page |2 Dolphin and Whale biology

โลมาและวาฬเปน็ สัตว์เลีย้ งลูกด้วยนม คือ กลุ่มโลมาและวาฬชนิดที่พบใกล้ฝั่ง
อาศัยอยู่ในทะเล (Marine mammal) หายใจ ได้แก่ โลมาหลังโหนก โลมาอิรวดี โลมาหวั
ด้วยปอด จัดอยู่ใน Order Cetacean แบ่ง บาตรหลังเรียบ โลมาปากขวด และวาฬบ
ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มมีฟัน (Toothed รดู ้า ซึ่งจดั เปน็ กล่มุ ที่อยูป่ ระจาถ่ิน และกลุ่ม
whale) และกลุ่มซ่ีกรอง (Baleen whale) โลมาและวาฬชนิดอาศัยน้าลึก ได้แก่ โลมา
อาหารของโลมาและวาฬกลุ่มมีฟันส่วนใหญ่ กระโดด โลมาลายแถบ โลมาลายจุด โลมา
ได้แก่ปลาและหมึก ส่วนกลุ่มซี่กรองเป็นพวก ปากยาว โลมาฟันห่าง วาฬหัวทุยเล็ก วาฬ
กรองกิน อาหารท่ีกินได้แก่แพลงค์ตอนสัตว์ หัวทุยแคระ เพชฌฆาต เพชฌฆาตดา วาฬ
หรอื สัตว์ตวั เล็กๆ จากการศึกษาพบวา่ ประเทศ หลังคอ่ ม วาฬฟนิ วาฬสีนา้ เงิน
ไทยมีโลมาและวาฬ 2 ชนิด โดยแบ่งตามถ่ินท่ี
อยอู่ าศยั ออกเป็น 2 กลมุ่

โลมา และวาฬ กลุ่มมีฟนั

วาฬกลุ่มไม่มฟี ัน

Page | 3

ลักษณะท่ัวไป รูปร่างเพรียว ลาตัวเรียวคล้ายกระสวย สีของลาตัว
ข้ึนอยู่กับชนิดของโลมาและวาฬ ขาหน้ามีลักษณะเป็นใบพายไม่พบน้ิว
หรือเล็บภายนอก ขาหลังลดรูป กระดูกเชิงกรานจะลดรูปเป็นแท่ง
กระดูกอยู่ด้านข้างของอวัยวะเพศ ไม่มีใบหู มีขนบริเวณริมฝีปากในวัย
เด็ก รหู ายใจอย่ดู ้านบนของหวั ระบบทางเดินหายใจของโลมาเริ่มต้นที่รู
หายใจ โดยรูหายใจต่อกับหลอดลม ซึ่งอยู่แยกกับช่องปาก เพื่อให้โลมา
กินอาหารใต้น้าได้ ไม่พบส่วนคอ ช้ันไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous
blubber) หนา เป็นฉนวนกันความร้อนซึ่งให้ความอบอุ่นทดแทนขน
ผิวหนังเรียบและบางมากแต่มีความยืดหยุ่นสูงจึงเกิดแรงเสียดทานกับ
กระแสน้าน้อย ทาให้สามารถว่ายน้าได้เร็ว หางอยู่ในระนาบแนวนอน
การเคล่ือนท่ีของโลมาจะถูกควบคุมด้วยกล้ามเน้ือบริเวณหาง โดยการ
โบกหางขน้ึ ลง มีครบี ข้างใชใ้ นการควบคมุ ทิศทาง

การใช้คลื่นเสียง (Echolocation)

Page | 4 ลักษณะพิเศษของโลมาและวาฬกลุ่มมีฟัน คือ การ
ใช้คลื่นเสียง ซ่ึงเป็นคลื่นเสียงคว ามถี่สูง เพ่ือรับรู้
สภาพแวดล้อมในการเคล่ือนท่ี หาอาหาร และนอกจากน้ี
คล่ืนความถ่ียังใช้ในการส่ือสารภายในฝูงอีกด้วย เสียงโลมามี
3 ชนิดคือเสียงผิวปาก (Whistle) เสียงคลิก (Click) และ
เสียงรนุ แรง (Burst pulse)

เสียงผิวปาก (Whistle) จะใช้เพื่อการสื่อสาร เสียงคลิก (Click) เป็นเสียงท่ีสร้างจากรู
ระหวา่ งกนั หายใจและส่งมายังกะโหลกส่วนหน้าซึ่งจะมี
ก้อนไขมันที่เรียกว่า melon เป็นตัวขยาย
เสียงรุนแรง (Burst pulse) เป็นการใช้เสียง สัญญาณเสียง เม่ือสัญญาณกระทบวัตถุและ
ความถ่ีต่าท่ีดังมาก ในวาฬหัวทุยใช้เพื่อการ สะท้อนกลับก้อนไขมันที่กรามล่างซ่ึงเป็นรับ
จบั เหย่อื สัญญาณ โดยสัญญาณนั้นจะส่งต่อไปยัง
กระดูกหูชั้นใน และส่งต่อไปแปลสัญญาณที่
สมอง เช่น เมื่อโลมาส่งคล่ืนความถ่ีเสียง
ออกไปแล้วกระทบกับกองหนิ ด้านหน้า

การจาแนกเพศ (Sex Identity) Page | 5

โลมาและวาฬมีร่องนม (Mammary slits) 2 ร่อง อยู่ด้านข้างช่องเพศ
(Genital opening) มีหัวนมเล็กๆ อยู่ภายในร่องนม รอบๆ ร่องนม มีต่อม
น้านม (Mammary gland) ในเพศผูร้ อ่ งนมจะเล่ือนไปอยู่ส่วนท้ายของช่อง
เพศ หรือระหว่างช่องเพศกับรูก้น และอวัยวะเพศจะซ่อนอยู่ในช่องท้อง
ส่วนในเพศเมียจะพบร่องนมอยู่สองข้างของช่องเพศ และช่องเพศจะอยู่
ใกลก้ ับช่องก้น (Anus) มากกว่าในเพศผู้

การประเมินอายุโลมา โดยทั่วไปโลมาเต็มวัยหลายชนิด
เพศผู้มีขนาดใหญ่กว่าเพศเมีย ท้ังสองเพศ
ประมาณได้จากลักษณะภายนอก เช่น สีสันหรือ อาจมีอัตราการเจริญเติบโตในแต่ละช่วงอายุ
ลวดลายบนตัวสัตว์ ความยาว การงอกของฟัน ที่แตกต่างกันซึ่งทาให้ขนาดและน้าหนักมี
การสึกกร่อน และการหลุดร่วงของฟัน รวมท้ัง ความแตกต่างกันบ้างในแต่ช่วงวัย การหา
ข้อมูลประกอบด้านอื่น ๆ ที่แตกต่างกันตาม แนวโน้มของน้าหนักและความยาวซึ่งได้
ลักษณะของชนิดพันธ์ุ จึงควรมีการบันทึกภาพ ตัวอย่างจากตัวอย่างซากเกยต้ืนน้ัน จึงควร
และวัดขนาดข้อมูลลักษณะภายนอกเหล่าน้ันไว้ แยกชุดข้อมูลตามเพศท่ีพบเพื่อให้สามารถ
เพ่ือใช้ประกอบการศึกษา ปัจจุบันมีการนาฟัน ประเมินแนวโน้มของขนาดและน้าหนักได้
ของโลมาไปศึกษาอายุเพื่อนามาประกอบกับ แม่นยายงิ่ ข้ึน
ข้อมูลลักษณะภายนอกซ่ึงช่วยบ่งชี้ถึงช่วงอายุ จะ
ทาให้การประเมินช่วงอายุของโลมาและวาฬมี
ความแมน่ ยามากขนึ้

ชนดิ โลมาและวาฬในประเทศไทย

Page | 6

วาฬสีนา้ เงิน (Blue whale)

Balaenoptera musculus

Balaenoptera musculus

- ลาตัวเพรยี วยาว
- ส่วนหัวกว้างคลา้ ยตวั ยู มีสันนนู 1 สนั
- หวั สนี า้ เงนิ ด้านหลงั มีสนี ้าเงินเทา ท้องสีจางกว่าเลก็ น้อย
ดา้ นหลังและด้านขา้ ง มลี ายสีน้าเงินหรือเทาอ่อนเป็นดวง ๆ

วาฬหลงั ค่อม (Humpback whale)

Megaptera novaeangliae

- ลาตวั สดี าหรือเทาดา ท้องสีขาว ขากรรไกรลา่ งสเี ทา
- หัวเล็กแบน มีป่มุ กลมๆ ท่สี ่วนหวั (Knobbly-marked rostrum)
- ส่วนหวั มีสนั นนู 1 แนว ครีบข้างยาวถงึ 1/3 ของความยาวลาตวั
เห็นได้ชดั ใต้ผิวน้า
- มีสันหยกั เปน็ ลอนคล้ายฟนั เล่อื ย จากครีบหลังไปถึงโคนหาง

วาฬฟิน (Fin whale) Page | 7

Balaenoptera physalus

- สว่ นหัวมสี นั นนู 1 สัน และมลี ายรูปตัววีที่หลัง
- ลาตัวมสี ีเทาดา ทอ้ งสีออ่ นหรือจาง
- บริเวณหางตามีเส้นลากจากหางตาไปจรดหลงั หวั และลากจากหางตา
มาจรดโคนครบี ขา้ งขากรรไกรลา่ งด้านซ้ายสดี า ส่วนด้านขวาสีขาว

วาฬบรดู า้ (Bryde’s whale)

Balaenoptera edeni

- สว่ นหัวมีสนั นูน 3 สัน
- ขากรรไกรลา่ งสีเทา
ครบี หลงั เป็นรูปสามเหลยี่ มค่อนข้างตรง

วาฬโอมูระ (Omura’s whale)

Balaenoptera omurai

- สว่ นหวั มสี นั นูน 1 สัน
- กรามล่างดา้ นซ้ายมีสีดาส่วนดา้ นขวามีจางหรือสขี าว
- ลาตวั สีเทาดา ทอ้ งสีอ่อนหรือชมพู ครีบหลังคล้ายวาฬบรูด้า
แตโ่ ค้งงอมากกว่า

วาฬหัวทุย (Sperm whale)

Physeter macrocephalus

Page | 8

- ลาตัวแบนด้านข้างเล็กน้อย สว่ นหัวยาวเกอื บ ขากรรไกรลา่ งเลก็ มาก
40 % ของความยาวลาตวั
- ลาตัวมสี เี ทาดา เทานา้ ตาล ทอ้ งสีอ่อน
- ขากรรไกรล่างเลก็ มาก มีฟนั เฉพาะขากรรไกรลา่ ง

วาฬหวั ทุยแคระ (Dwarf sperm whale)

Kogia sima

- ขากรรไกรลา่ งเล็กแคบคลา้ ยปากปลาฉลาม และมีฟนั เฉพาะขากรรไกรล่าง
- ทอ้ งสีขาวหรืออมชมพู ด้านข้างของสว่ นหวั มแี นวสเี ข้มเป็น รูปโค้งคลา้ ยแกม้
ปดิ เหงือกของปลา
- คลา้ ยวาฬหัวทยุ เล็กแตข่ นาดเล็กกวา่

รปู โค้งคลา้ ยแกม้ ปดิ เหงอื กของปลา

วาฬหัวทยุ เล็ก (Pygmy sperm whale)

Kogia breviceps

- หวั ทู่และเหลยี่ มสน้ั ขากรรไกรลา่ งเล็กแคบคล้ายปากปลาฉลาม ฟนั มี 10-16 คู่
บนขากรรไกรลา่ งเท่าน้นั
- ลาตัวสีนา้ ตาลเข้ม เทาหรือดา ท้องสขี าวหรอื ชมพู
- ดา้ นขา้ งหัวมแี นวเส้นสเี ข้ม รูปโคง้ คลา้ ยแก้มปิดเหงือกของปลา (False gill)

วาฬเพชฌฆาต (Killer whale)

Orcinus orca

Page | 9

- รปู ร่างกายา สว่ นหัวกลม จะงอยปากสั้น ครีบขา้ งใหญ่คลา้ ยใบพาย
ครีบหลงั สงู ใหญ่ เพศผูอ้ าจสงู ถงึ 2 เมตร สว่ นเพศเมยี ครบี หลงั จะส้ันและโคง้
- ฟันใหญ่กลมและโค้งเล็กน้อย จานวน 10-14 คู่ บนขากรรไกรบนและล่าง

วาฬเพชฌฆาตดา้ (False killer whale)

Pseudorca crassidens

- ลาตวั มีสดี า เพรยี ว ส่วนคางและท้องสีเทาจาง ครบี ขา้ งเรียวยาวโค้งคลา้ ย
ไม่มโี หนกหวั หนา้ ผากกลมมนไมม่ ีจะงอยปาก รปู ตวั เอส (S)
- ครีบข้างเรยี วยาว โค้งหกั มมุ ตรงกลาง ครีบหลงั โค้ง
ปลายมน
- ฟนั กลม ใหญ่ 7-12 คู่ อยูท่ ั้งขากรรไกรบนและลา่ ง

วาฬเพชฌฆาตเล็ก (Pygmy killer whale)

Feresa attenuata

รอบช่องเพศและรมิ ฝปี ากเปน็ แถบสขี าว - หัวกลมมน ไม่มจี ะงอยปาก ลาตวั สีเทาดาจนถงึ ดา
- รอบชอ่ งเพศและริมฝปี ากเป็นแถบสีขาว
- ครีบหลังใหญต่ ัง้ ตรง ส่วนปลายโค้ง
- มีฟันบนขากรรไกรบน 8-11 คู่ ส่วนฟันบน
ขากรรไกรล่าง 11-13 คู่

วาฬนา้ รอ่ งครบี สนั (Short-finned pilot whale)

Globicephala macrorhynchus

Page | 10

- หน้าผากโปง่ นูนชดั เจน จะงอยปากไมช่ ัดเจน หน้าผากโป่งนนู ชัดเจน
- ครีบข้างหักโค้งขนานกับลาตัว ปลายเรียวแหลม ลาตัวสีน้าตาล
ดาหรอื เทา บริเวณคางและท้องมแี ถบสจี าง
- บริเวณด้านหลังครีบหลังมีแถบสีเทาอ่อนรูปอาน ครีบหลัง โค้ง
ลาดและฐานกว้าง อยคู่ ่อนมาทางส่วนหวั
- ฟันซ่ีใหญ่ ส้ัน ปลายแหลม จานวน 7-9 คู่ บนท้ังขากรรไกรบน
และลา่ ง

วาฬหวั แตงโม (Melon-headed whale)

Peponocephala electra

- รปู รา่ งค่อนข้างใหญ่ มีหัวเลก็ รปู สามเหลย่ี ม ไม่มีจะงอยปาก ลาตวั สดี า
- คาง ใต้ท้องแนวสะดือและชอ่ งเพศสขี าว ขอบปากสขี าว หนา้ มสี ีดารูปสามเหลีย่ ม
- ฟนั ซ่ีเล็กเรียวแหลม มี 20-25 คู่ บนขากรรไกรบนและล่าง ครีบหลงั สูง เวา้ และอยู่
เกือบกง่ึ กลางตวั

วาฬฟนั เขยี ว (Ginkgo-toothed Beaked Whale)

Mesoplodon ginkgodens

- ปลายจะงอยปากสีขาว มีจุดสีจางประปรายบนหลังและท้อง
รปู ร่างทรงกระสวย สว่ นหัวเลก็ หนา้ ผากค่อนขา้ งลาด
- ฟันสองซ่ีโผล่พ้นเหงือกออกมา ครีบข้างมีขนาดเล็ก ครีบหางแบบ
ไม่มีคอดครบี หาง (Un-notched fluke) มีรอ่ งตนื้ ใต้คาง 1 คู่

วาฬคูเวียร์ (Cuviar Beaked whale)

Ziphius cavirostris

Page | 11

- ลาตัวสีเทาดาหรือน้าตาล มีสีจางบริเวณหัวและท้อง มีสีเข้มรอบดวงตา
ตวั เต็มวัยมีรอยขดี ข่วนและจุดสีจางตามลาตวั จะงอยปากสนั้ มากเห็นไม่
ชดั เจน สว่ นหัวมี melon (เห็นชดั มากในเพศผ)ู้ หนา้ ผากลาดลง เส้นริม
ฝีปากโค้งข้นึ มรี อ่ งรูปตัววใี ตค้ าง 1 คู่ แพนหางค่อนขา้ งใหญ่

วาฬเบลนวลิ ล์ (Blainville's beaked whale )

Mesoplodon densirostris

www.cms.int

- ลาตัวสีน้าตาล หรือน้าเงินเทา ส่วนท้องมีสีจาง รอบ
ดวงตาเปน็ วงสดี าเข้ม
- ตัวเต็มวัยมีรอยวงรีหรือวงกลมสีขาวกระจายไปทั่ว
มรี อยขดี ขว่ นเป็นคู่ ๆ ซ่ึงมกั จะเปน็ เพศผู้

ด้านหน้าบรเิ วณหวั จะเหน็ เป็น โลมารสิ โซ (Risso’s dolphin)
รอ่ งเว้าคลา้ ยรอยบาก
Grampus griseus
เหมอื นรอยบาก
- หัวทู่ มีจะงอยปากไม่ชัดเจน ด้านหน้าของหัวจะพบร่อง
เหมือนรอยบาก
- บริเวณลาตัวพบรอยขีดข่วนซึ่งเกิดจากฟันของปลาหมึก
หรือฟนั ทเ่ี กดิ จากการต่อสู้กันเอง
- บริเวณรอบตามีสีเข้ม บริเวณอกและหน้าโคนครีบข้างมี
จาง หลังมสี ีเทาดา ดา้ นท้องมีสเี ทาจาง
- มีฟันเฉพาะขากรรไกรล่าง จานวน 2-7 คู่ ขากรรไกรบน
อาจพบฟนั 1-2 คหู่ รอื อาจไมม่ ฟี นั

Page | 12 โลมาฟนั หา่ ง (Rough-toothed dolphin)

Steno bredanensis

- จะงอยปากยาว และลาดโคง้ ขึน้
- สว่ นหวั ไมม่ โี หนกหวั
- ครีบหลังสูงและตั้งตรงอยู่กลางลาตัว ตัวสีเทาดา ท้องสีจาง
เล็กน้อย ทอ้ งและคอสขี าว
- ฟันซ่ใี หญ่เรียงกันห่าง ๆ ผิวของฟันไม่เรยี บ มีจานวน 19-28 คู่
อยู่ทั้งขากรรไกรบนและลา่ ง

โลมาปากยาว (Long-beaked common dolphin)

Delphinus capensis

- รูปร่างเพรยี ว โคนหางคอด ปากยาวแหลม ครบี ขา้ งเรียวแหลม
- หลังสีเทาเข้ม มีแถบสีขาวอมเหลืองตัดข้างลาตัวแบ่งสีชัดเจน โดยมีแนวสีเหลืองจางตัด
เป็นเส้นโค้งจากหน้าผากไปที่กึ่งกลางลาตัว และอีกแนวโค้งจากกึ่งกลางลาตัวลงไปตรง
โคนหาง ดา้ นทอ้ งสีจางมแี นวเข้มไขวก้ ันกลางลาตัวคลา้ ยนาฬกิ าทราย
- มแี ถบสดี าตัดจากใต้คางมาจรดโคนครบี ข้าง ครีบหลังสงู เวา้ และมสี ดี าต้ังอยทู่ ีก่ ลางหลัง

โลมาหลงั โหนกหรอื โลมาสีชมพู (Indo-pacific humpback dolphin)

Sousa chinensis

- ลาตัวมีสีต่างกันมากตามอายุ วัยเด็กมีสีเทาดา
และจางลงเมอื่ โตขน้ึ
- ตวั เต็มวัยบางตวั มสี เี ทาประขาว
- เม่อื อายมุ ากข้ึนจะมสี ีออกขาวเผือกหรือชมพู หัวกลม
มน ปากเรียวยาว มีฟนั 28-38 คู่ อยู่ท้งั ขากรรไกรบน
และล่าง

โลมาปากขวด (Indo-pacific bottlenose dolphin)

Tursiops aduncus

Page | 13

- จะงอยปากค่อนขา้ งส้ัน รปู ร่างอว้ น ครีบข้างคอ่ นข้างใหญ่เรยี วยาว
- ลาตัวมีสีน้าเงินเข้มอมเทา ด้านท้องมีสีจางหรืออมชมพู มีจุดสีเทาเข้ม
กระจายอยดู่ ้านทอ้ งและบางคร้งั ในตวั เต็มวัยกระจายอย่ดู า้ นขา้ งลาตัว
- มีแถบสีดาพาดจากหางตาไปยงั ครีบข้าง ฟันกลมเล็ก ปลายแหลม 21-29 คู่
อยทู่ ้งั ขากรรไกรบนและล่าง

โลมาลายจุด (Pantropical spotted dolphin)

Stenella attenuata

- ปากเรียวเล็กหน้าผากค่อนข้างลาด ฟันซ่ีเล็ก คม
ปลายแหลม 34-48 คู่ อยู่ท้ังขากรรไกรบนและลา่ ง
- ลาตัวสีเทาดา มีจุดกระจายอยู่ท่ัวลาตัว โดยจุดจะ
เพม่ิ มากขนึ้ เม่ือโลมาแก่ขน้ึ

โลมากระโดด (Spinner dolphin)

Stenella longirostris

- ลาตัวยาว เพรียว ปากค่อนข้างเล็กยาว ฟันขนาดเล็ก
ปลายแหลม 40-62 คู่ อยู่ท้ังขากรรไกรบนและลา่ ง
- ลาตัวมีสีน้าเงินเข้ม ด้านหลังมีแนวแบ่งสีจางข้างลาตัว
มแี ถบสเี ข้มพาดจากตาจรดครบี ขา้ ง

Page | 14 โลมาลายแถบ (Striped dolphin)

Stenella coeruleoalba

- รปู ร่างคล้ายโลมากระโดด แตล่ าตวั อว้ นปอ้ มกวา่
- จะงอยปากใหญ่สั้นกว่าเล็กน้อย โคนหางเล็กเป็นสัน
แบน ครบี ข้างคอ่ นข้างเล็ก ปลายแหลม

โลมาฟราเซอร์ (Fraser’s dolphin)

Lagenodelphis hosei
- ลาตัวอ้วน จะงอยปากสั้นคล้ายปากเป็ด มีขนาดใหญ่ สั้น แต่เห็นได้ชัดเจน
ครบี หางและครบี ข้างมขี นาดเลก็ ปลายแหลม
- สีลาตัวมีแถบหนาสีเข้มพาดจากหน้าไปยังก้น และอีกแถบพาดจากกลาง
ขากรรไกรลา่ งไปยงั โคนครีบขา้ ง

โลมาอิรวดี (Irrawaddy dolphin)

Orcaella brevirostris

- ไม่มีจะงอยปาก หัวกลมมน ลาตัวสีน้าเงินเทาด้านหลังและสีจางด้านท้อง
ครบี หลงั โคง้ มน มขี นาดเลก็ และอย่กู ึ่งกลางลาตวั คอ่ นไปทางหาง
- ฟนั บน 8-19 คู่ ฟันล่าง 11-18 คู่

โลมาหัวบาตรหลังเรยี บ (Finless porpoise)

Neophocaena phocaenoides

- รูปร่างคล้ายโลมาอิรวดีมาก แต่ขนาดเล็กกว่า หัวกลมมน ไม่มีจะงอย
ปาก ครีบขา้ งค่อนข้างใหญ่ปลายแหลม
- ฟันเป็นรูปคล้ายใบพาย 15-22 คู่ อยู่ทั้งขากรรไกรบนและล่าง ลาตัวสี
นา้ เงินเทาและทอ้ งสีขาว
- ไม่มีครีบหลัง แต่จะมีตุ่มเล็ก ๆ 10-25 แถว เรียงเป็นแถบรูปใบหอก
เวา้ ลงเป็นแอ่งต้ืน ๆ ทีก่ ลางหลงั

ชวี วิทยาพะยนู
Dugong biology

Page | 15

พะยนู เป็นสัตว์เลีย้ งลูกด้วยนมอาศัยอยู่ในทะเล เชอื่ วา่ พะยนู เคยอาศยั หากิน
อยู่บนบก และมีบรรพบุรุษที่ใกล้เคียงกับบรรพบุรุษของช้าง เมื่อราว 55 ล้านปี
มาแล้วสายพันธุ์ของพะยูนได้มีวิวัฒนาการลงไปอยู่ในน้าและไม่กลับข้ึนมาอยู่บนบก
อีกเลย เช่นเดยี วกบั โลมาและปลาวาฬ

ลักษณะท่ัวไป มีลาตัวรูปกระสวยคล้ายโลมา ลาตัวมีสีเทาอมชมพูหรือน้าตาลเทา สี
ของส่วนท้องอ่อนกว่า พะยูนมีขนสั้นๆ ประปรายตลอดลาตัวและมีขนเส้นใหญ่อยู่
อย่างหนาแน่นบริเวณปาก มีตาและหูขนาดเล็กอย่างละคู่ ส่วนของหูเป็นรูเปิดเล็กๆ
ไม่มีใบหู มีรูจมูกอยู่ชิดกันหน่ึงคู่ รูจมูกมีล้ินปิด-เปิด พะยูนหายใจทุก 1-2 นาที มี
ครบี ด้านหนา้ หนึ่งค่อู ยสู่ องขา้ งของลาตวั และมีติ่งนมอยู่ด้านหลงั ของฐานครีบ ครบี ท้งั
สองเปล่ียนแปลงมาจากขาคู่หน้า ภายในครีบประกอบด้วยนิ้ว 5 นิ้ว พะยูนตัวโตเต็ม
วัยยาว 2.5-3 เมตร หนัก 250-420 กโิ ลกรมั ลูกแรกเกดิ ยาว 1-1.5 เมตร หนกั 20-
35 กิโลกรัม รูปร่างอ้วนกลม ไม่มีครีบหลัง แพนหางและคอดหางมีขนาดใหญ่ มีขน
ท่วั ลาตัว ขนเสน้ ใหญ่และแน่นท่ีบริเวณริมฝปี าก มฟี นั 6 คู่ ทัง้ ขากรรไกรบนและล่าง
ลูกแรกเกิดมีฟัน 4 คู่ ฟันจะสึกกร่อนและหลุดไปเม่ืออายุมากข้ึน พะยูนมีเข้ียว 2 คู่
เขี้ยวคู่หน้าจะหายไป ส่วนคู่หลังคงอยู่ตลอดชีวิต ตัวผู้เข้ียวงอกพ้นริมฝีปากเม่ืออายุ
13-14 ปี ปกติพะยูนว่ายน้าช้าด้วยความเร็ว 1.8-2.2 กิโลเมตร/ชั่วโมง พะยูนมี
กระดูกท่ีมีโครงสร้างแน่นและหนักซึ่งเหมาะกับวิถีชีวิตของพะยูนท่ีอาศัยหากินอยู่ที่
พืน้ พะยนู ไม่มีอาวุธป้องกันตัว มีเพียงลาตัวท่ีใหญ่ มหี นังหนาซ่งึ อาจป้องกนั อันตราย
จากการกัดหรือทาร้ายจากสัตว์อ่ืนเช่น ฉลาม เม่ือมีบาดแผลเลือดแข็งตัวได้เร็วมาก
สว่ นลูกออ่ นจะอยู่กบั แมแ่ ละอาศัยตัวแม่เป็นโล่กาบังที่ดี

Page | 16 อาหารของพะยูนได้แก่ หญ้าทะเลและสาหร่ายทะเลอีกจานวนเล็กน้อย
อัตราการกินประมาณ 2-5 % ของน้าหนักตัว โดยกินหญ้าทะเลชนิดท่ี
พบมากในแหล่งที่มันอาศัยหากินอยู่ ได้แก่ หญ้าอาพัน หญ้าเงาใส หญ้า
ชะเงาหรือหญ้าคาทะเล กุยช่ายทะเล กุยช่ายเข็ม หญ้าชะเงาเต่า หญ้า
ชะเงาใบมน หญ้าชะเงาใบฟันเลื่อย และต้นหอมทะเล หญ้าทะเลที่พบ
มากในกระเพาะคือ หญ้าอาพนั หรอื หญา้ ใบมะกรดู กุยช่ายทะเล หญา้ ชะ
เงาใบมนและใบฟันเลื่อย ในประเทศไทยพะยูนเป็นสัตว์ทะเลเล้ียงลูก
ด้วยนมเพียงชนิดเดียวที่กินพืชเพียงอย่างเดียวเป็นอาหาร ประเทศไทย
พบท้ังฝั่งอ่าวไทยและฝ่ังอันดามัน อ่าวไทยพบที่บริเวณ จังหวัดชลบุรี
ระยอง จันทบรุ ี ตราด ชมุ พร สรุ าษฎร์ธานี และปัตตานี สว่ นทะเลอันดา
มนั พบมากท่สี ดุ คือเกาะลบิ งและเกาะมกุ จงั หวดั ตรงั

พะยูนหากินในแหล่งหญ้ าทะเล
ส่วนใหญ่มักพบเป็ นตัวเด่ียว
(ภาพบน) หรือคู่แม่ลูก อาจพบ
เป็นฝูงขนาดใหญ่ (ภาพล่าง) ซ่ึง
ในประเทศไทยจะพบได้เฉพาะที่
จงั หวดั ตรัง

ก า ร แ ย ก เ พ ศ พ ะ ยู น เ พ ศ ผู้ Page | 17
ตาแหน่งของสะดือ ช่องเพศ และ
ช่องก้นอยู่ห่างกัน (ช่องเพศอยู่
ก่ึงกลางระหว่างสะดือและช่อง
ก้น) ส่วนเพศเมียช่องเพศอยู่ชิด
กับช่องก้นมาก และพบเต้านมที่
บริเวณใตค้ รบี ข้างทั้ง 2 ขา้ ง

การประเมินอายุ พะยูนมีอายุ
ยืนถึง 70 ปี สามารถระบุได้โดย
การนับช้ันการเจริญเติบโตจาก
เข้ียวพะยูน หน่ึงช้ันเท่ากับอายุ
หน่ึงปี จากการศึกษาอายุของ
พะยูนในประเทศไทยจานวน 12
ตัว พบว่าพะยูนที่อายุมากที่สุด
คอื 43 ปี เป็นพะยูนเพศเมยี จาก
เกาะกา จังหวัดระนอง มีความ
ยาว 2.71 เมตร และหนัก 293
กโิ ลกรัม

3

2.5

พะยูนอายุมากกวา่ 20 ปี Body length (m) 2
ความยาวของลาตวั คอ่ นข้าง 1.5
คงท่ี ทีป่ ระมาณ 2.5-3 เมตร
1

(กรณนี ี้ไมส่ ามารถใชก้ ับพะยนู 0.5

ท่ีมคี วามยาวมากกวา่ 2.5 0
เมตร) 0 10 20 30 40 50

Age (years)

ชีววิทยาเต่าทะเล

Page | 18

Sea turtle biology

เต่าทะเลเป็นสัตว์เลื้อยคลานอาศัยในทะเล (Marine Reptile) หายใจด้วย
ปอด มีหัวใจสามห้อง เป็นสัตว์ดึกดาบรรพ์ในยุคครีตาเซียส (Cretaceous) ที่มี
การปรับตัวมาอาศัยอยู่ในทะเล พบแพร่กระจายอยู่ในเขตร้อนถึงเขตอบอุ่น เต่า
ท ะ เ ล ใ น ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย จั ด เ ป็ น สั ต ว์ ท ะ เ ล ห า ย า ก ท่ี ไ ด้ รั บ ค ว า ม คุ้ ม ค ร อ ง ต า ม
พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 มี 5 ชนิด ได้แก่ เต่าตนุ
(Green turtle), Chelonia mydas (Linnaeus 1758) เต่ากระ (Hawksbill
turtle: Eretmochelys imbricata, Linnaeus 1766) เต่าหญ้า (Olive ridley
turtle: Lepidochelys olivacea, Eschscholtz 1829) เ ต่ า หั ว ค้ อ น
(Loggerhead turtle: Caretta caretta, Linneaus, 1758) และเต่ามะเฟือง
(Leatherback turtle: Dermochelys coriacea, Vandelli, 1761)

รจู มูก (Naris) มชี ่องเปิดภายนอก 2 รู ตอ่ มเกลือ (Salt gland) อย่บู รเิ วณหลงั ตาทา Page | 19

ใชส้ าหรับหายใจเนอื่ งจากเต่าทะเลหายใจ หนา้ ทขี่ บั ถา่ ยแรธ่ าตสุ ว่ นเกนิ ออกจากรา่ งกายเพ่ือ
ดว้ ยปอด และสามารถดมกลน่ิ ทง้ั บนบก รกั ษาสมดุลของเหลวภายในร่างกาย
และใตน้ ้า
กระจกตา (Cornea) และเลนสต์ า (Lenses)

พัฒนาให้เขา้ กับแหล่งอาศัยโดยการให้มองเห็นในมมุ
กว้าง และมองเหน็ ไดด้ ใี นทีส่ วา่ ง เพือ่ การหากิน
กลางวัน ตามขี นาดเล็กเมือ่ เทยี บกบั ขนาดลาตวั

จะงอยปาก (Beak) เต่า กระดอง (Shell) ส่วนลาตัวปก

ท ะ เ ล แ ต่ ล ะ ช นิ ด มี จ ะ ง อ ย คลุมด้วยเกล็ดซึ่งเรียงตัวกันเป็น
ปากที่แตกต่างกันตามการ กระดองแข็ง ยกเว้นเต่ามะเฟืองมี
ปรับตวั เพอื่ การกินอาหาร หนงั หนาสดี าปกคลุมแทนเกลด็

เล็บ (Craw) อยูบ่ ริเวณขาหน้า ขาหนา้ (Flipper) มลี กั ษณะเหมือน

และขาหลงั เพือ่ ไว้เกาะเกย่ี ว ใบพาย ชว่ ยในการวา่ ยนา้
สาหรบั การผสมพันธ์ุ

การแยกเพศเต่าทะเล

g9jkmเต่าtทgะ]เลโตเต็มวัยสามารถแยกเพศได้จากการสังเกตุความยาวของ

ส่วนหาง โดยเต่าทะเลเพศผู้มหี างยาวย่นื โผล่เลยขอบกระดองหลังอย่างเห็น
ได้ชัด ในขณะท่ีเต่าทะเลเพศเมียมีหางที่สั้นกว่ามากและจะยาวโผล่เลยจาก
ขอบกระดองเพียงเล็กน้อย สาหรับเต่าทะเลในช่วงก่อนวัยเจริญพันธุ์จะไม่
สามารถแยกเพศจากรูปร่างภายนอกได้ แต่สามารถแยกเพศด้วยวิธีการผ่า
ชนั สูตรบรเิ วณต่อมเพศ (Gonad)

Page | 20 เต่าตนุ

Green turtle

ขนาดและน้าหนัก: โตเต็มทม่ี คี วามยาวกระดองประมาณ 120 เซนติเมตร นา้ หนกั 110 กโิ ลกรมั เข้า
สวู่ ยั เจริญพนั ธุ์มีความยาวกระดองประมาณ 80 เซนตเิ มตร

อาหารและถ่ินที่อยู่อาศัย: เต่าตนุวัยอ่อนจะกินท้ังพืชและสัตว์ทะเลเป็นอาหาร โดยจะพบลูกเต่า
ทะเลอายุน้อยกว่า 5 ปี ความยาวกระดองน้อยกว่า 30 เซนติเมตร อาศัยอยู่ในทะเลเปิด แต่เมื่อเต่า
ตนุเจริญวัยขึ้นจะกินพืชได้แก่หญ้าและสาหร่ายทะเลเป็นหลัก จึงพบเต่าในวัยนี้อาศัยอยู่ใกล้ฝ่ัง
บริเวณแหล่งหญา้ ทะเล

ชวี วทิ ยาและพฤติกรรม: เตา่ ตนุเพศเมียโตเตม็ วัยวางไขท่ ุก 2-4 ปี โดยเรมิ่
วางไข่ไดต้ ัง้ แตช่ ว่ งอายุ 14-25 ปี ข้ึนกบั ความสมบรู ณข์ องแมเ่ ต่า
แมเ่ ตา่ ตนุวางไขต่ ลอดท้ังปี โดยความชุกชุมของการวางไข่ขนึ้ อยู่
กบั อุณหภูมิ ในฤดวู างไขพ่ อ่ และแม่พนั ธ์ุเตา่ ทะเลจะว่ายนา้ จาก
แหล่งหากนิ มาผสมพนั ธ์ุบริเวณชายฝง่ั หน้าแหล่งวางไข่
แมเ่ ต่าทะเลวางไข่คร้งั ละ 100 ฟอง ทกุ ๆ 12 วนั
ในแตล่ ะฤดูวางไข่แมเ่ ต่าตนุสามารถวางไข่มากถงึ 10 ครั้ง

ลูกเต่าตนุแรกเกิดมีกระดองหลังและ
ขาสดี า แตม่ ีขอบสีขาว เม่อื เจริญวยั

เกลด็ จงึ เปลย่ี นเป็นสนี ำ้ ตำล

การจ้าแนกเต่าตนุ: เกล็ดบนส่วนหัวตอนหน้า (Prefrontal scute) มี 1 คู่ เกล็ดบนกระดองแถวข้าง Page | 21
(Costal scute) มี จานวน 4 เกล็ด เกล็ดอันแรกสุดไม่ติดกับเกล็ดคอ (Nuchal scute) ลักษณะขอบของ
เกล็ดจะเช่ือมต่อแบบไม่ซ้อนกัน มีลวดลายสีสันสวยงาม โดยมีกระดองสีน้าตาลอมเหลืองมีลายริ้วสีจาง
กว่ากระจายจากส่วนกลางเกลด็ จึงมีช่ือเรยี กอกี ชอ่ื หน่งึ ว่าเตา่ แสงอาทิตย์

เกลด็ ขอบคอ หวั
เกลด็ หวั ตอนหน้ามี 1 คู่
เกล็ดขอบคอไม่ติดกบั เกล็ดดา้ นขา้ งอนั แรก
กระดองท้อง
เกล็ดดา้ นขา้ ง (Costal scute)
เกล็ดดา้ นในขอบขา้ ง (Inframaginal
กระดองหลงั มี 4 เกลด็ เกลด็ ไม่ซ้อนทบั กัน scute) มี 4 เกลด็ ไม่มรี เู ปิด

ความยาวกระดองหลัง ัวดตรง (ซม) 90
80
70
60
50
40
30
20
10
0

0 5 10 15 20 25 30 35

อายุ (ป)ี (Zug and Balaz, 2000)

Page | 22 เตา่ กระ

Hawksbill turtle

ขนาดและน้าหนัก: โตเต็มที่มีความยาวกระดอง 100 เซนติเมตร น้าหนักประมาณ 100
กิโลกรัม กิโลกรัม เขา้ สวู่ ัยเจริญพันธุ์มคี วามยาวกระดองประมาณ 70 เซนตเิ มตร

อาหารและถน่ิ อาศัย: เต่ากระอาศัยอยู่ชายฝ่งั ตามแนวปะการัง กนิ อาหารค่อนขา้ งหลากหลาย
ต้ังแต่สัตว์จาพวกฟองน้า หอย และสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง รวมไปถึงสัตว์ทะเลขนาดเล็กเป็น
อาหาร เต่ากระมีความสามารถในการสะสมสารพิษตามเน้ือเย่ือและอวัยวะต่างๆ และจะเป็น
อันตรายตอ่ ผทู้ นี่ าเตา่ กระไปบรโิ ภค

ชีววิทยาและพฤติกรรม: ลูกเต่ากระแรกเกิดจนถึงเต่ากระวัยรุ่น มีสันแหลมตามความยาว
กระดองจานวน 3 แถว มเี ล็บท่ขี าหนา้ และหลงั ขา้ งละ 2 อนั และค่อยๆ
หายไปเมอื่ โตขึน้ แม่เต่ากระมักเลอื กวางไข่ใกลแ้ นวพุ่มไม้ชายหาด
เหนือแนวนา้ ข้ึนสงู สดุ โดยพบวางไข่ตามบรเิ วณทีเ่ ป็นชายหาด
ของเกาะตา่ งๆ ของจงั หวดั กระบี่ พงั งำ และภเู ก็ต

ลกู เต่ากระแรกเกดิ มี
กระดองหลังสีน้าตาลดา

เมอ่ื เจริญวยั เกลด็ จึง

เปลย่ี นเป็นสนี ำ้ ตำลสลบั

ดำทีม่ ลี วดลำยสวยงำม

การจ้าแนกเต่าเต่ากระ: จะงอยปากค่อนข้างแหลมงุ้มคล้ายปากเหย่ียว เกล็ดบนส่วนหัวตอนหน้า Page | 23
(Prefrontal scute) มี 2 คู่ เกลด็ บนหลงั แถวขา้ ง (Costal scute) มีจานวนข้างละ 4 เกล็ด ลักษณะ
เด่นชดั คอื เกล็ดบนกระดองหลังมีลวดลายร้ิวสวยงาม และะเกล็ดซ้อนทบั กนั เห็นไดช้ ัดเจน

เกล็ดขอบคอ หวั

เกล็ดขอบคอไม่ติดกบั เกลด็ ดา้ นข้างอันแรก เกล็ดหัวตอนหน้ามี 2 คู่

เกล็ดด้านข้าง (Costal scute) กระดอง

กระดองหลงั มี 4 เกลด็ เกล็ดเหลอ่ื มซ้อนทับกนั

กระดองทอ้ ง

เกลด็ ด้านในขอบข้าง (Inframaginal scute)
มี 4 เกล็ด ไม่มีรูเปดิ

ความยาวกระดองหลัง ัวดตรง (ซม.) 90
80
70
60
50
40
30
20
10
0

0 5 10 15 20 25 30 35 40

อายุ (ป)ี (Kobayachi, 2000)

Page | 24 เต่าหญา้

Olive ridley turtle

ขนาดและน้าหนัก: เต่าหญ้าเป็นเต่าทะเลที่มีขนาดเล็กที่สุด ขนาดโตเต็มที่ประมาณ 75
เซ็นติเมตร ขนาดน้าหนักถึง 70 กิโลกรัม เข้าสู่วัยเจริญพันธ์ุมีความยาวกระดองประมาณ 65
เซนตเิ มตร

อาหารและถิ่นอาศัย: เต่าหญ้ากินพวก หอย ปู ปลา และกุ้งเป็นอาหาร จึงอาศัยอยู่ตามชายฝ่ัง
ทะเลท่ัวไป โดยเฉพาะที่เปน็ โขดหนิ ใต้นา้ มีจะงอยปากใหญ่คมและแข็งแรง สาหรับขบกัดปแู ละ
หอยที่มีเปลือกไมแ่ ขง็ มากกนิ เปน็ อาหาร

ชีววิทยาและพฤติกรรม: มีเล็บทบ่ี ริเวณขาหนา้ และขาหลังขา้ งละ 2 อนั
สาหรบั เลบ็ ในเพศผู้เหมอื นกบั เต่าทะเลเพศผชู้ นิดอ่ืนทม่ี ักมีขนาดใหญ่
และโคง้ มากกวา่ เล็บของเพศเมีย ตัวเตม็ วัยหากินอยชู่ ายฝง่ั นา้ ตื้น
บรเิ วณกองหิน เตา่ หญา้ เพศเมียวางไขท่ กุ ๆ 1-3 ปี ระหว่าง
เดือนตลุ าคมถึงมนี าคม บนชายหาดแผ่นดนิ ใหญข่ อง
จังหวัดพงั งาและภเู กต็

ลูกเตา่ หญ้าแรกเกดิ
มกี ระดองหลงั และ
ขาสีเทาดา เม่ือ

เจริญวยั เกลด็ จงึ

เปลย่ี นเป็นสเี ทำสลบั

สขี ำว

การจา้ แนกเต่าหญ้า: กระดองเรียบสเี ทาอมเขียว สสี ันของกระดองไมส่ วยงามเท่า เตา่ กระและ Page | 25
เต่าตนุ สว่ นหัวค่อนข้างโต จะงอยปากมนกว่าเต่าตนุ ทแ่ี ตกตา่ งกนั ชัดเจนระหว่างเต่าตนุและเต่า
หญ้า คือเกล็ดบนส่วนหวั ตอนหน้า (Prefrontal scute) มจี านวน 2 คู่ และเกล็ดบนกระดองหลัง
แถวข้าง (Costal scute) มีจานวน 6-8 แผ่น ในขณะที่เต่ากระและเต่าตนุมีเพียง 4 แผ่น เกล็ด
หลังแถวข้างอันแรกชิดติดกับเกล็ดขอบคอ (Nuchal scute) และลักษณะพิเศษของเต่าหญ้าคือ
เกล็ดด้านในเกล็ดขอบข้าง (Inframarginal scate) มีรูสาหรับขับถ่ายหรือรูเปิดสาหรับประสาท
รับความรู้สึก จานวน 5 คู่

หวั

เกลด็ ขอบคอ เกลด็ หวั ตอนหน้ามี 2 คู่

เกล็ดขอบคอตดิ กบั เกล็ดดา้ นข้างอันแรก

กระดองหลัง เกลด็ ด้านข้าง (Costal scute) 6-8 เกลด็
หรือมากกวา่ มสี ีเทาอมเขยี ว

กระดองท้อง

เกล็ดดา้ นในขอบข้าง
(Inframaginal scute) มี 4 เกลด็
มีรเู ปดิ กระดองท้องมีสีขาวเหลือง

ความยาวกระดองหลัง ัวดตรง (ซม.) 70
60
50
40
30
20
10
0

0 5 10 15 20 25

อายุ (ป)ี (Zug, et all., 2006)

Page | 26 เต่าหัวคอ้ น

Loggerhead turtle

ขนาดและน้าหนัก: โตเต็มที่มีความยาว 90 เซนติเมตร น้าหนักถึง 110 กิโลกรัม เพศผู้มีกระดอง
มีความกวา้ งน้อยกวา่ เพศเมีย แต่ยาวมากกวา่ และหางหนามากกว่า

อาหารและถน่ิ อาศัย: เต่าห้วค้อนอาศัยอยู่ในทะเลเปิดเขตอบอนุ่ กนิ สตั ว์จาพวก กุ้ง หอย ปู ปลา
เปน็ อาหาร ในประเทศไทยมกี ารพบเตา่ หว้ คอ้ นจานวนน้อย แตไ่ มพ่ บการวางไขข่ องเต่าหัวคอ้ น

ชวี วิทยาและพฤตกิ รรม: เต่าห้วค้อนมีเลบ็ บนครีบหน้าข้างละ 2 อนั ส่วนขาหลงั
มขี า้ งละ 2-3 อนั ลูกเต่าหัวค้อนแรกเกิดจนวัยรุ่นบนกระดองหลงั มีหนาม
ทือ่ ๆวางตามแนวยาวกระดองจานวน 3 แถว และหายไป
เมื่อเข้าสู่วัยรนุ่

ลูกเตา่ หวั
คอ้ นแรก
เกิดมี
กระดอง
หลังและขา
สดี า เมือ่

เจริญวยั

เกลด็ จงึ

เปลยี่ นเป็นสี

นำ้ ตำล

การจ้าแนกเต่าหัวค้อน: ลักษณะท่ัวไปคล้ายเต่าหญ้าและเต่าตนุมากต่างกันท่ีเกล็ดบนส่วนหัวตอน Page | 27
หน้า (Prefrontal scute) มีจานวน 2 คู่ เท่ากับเต่าหญ้าแต่เกล็ดบนกระดองหลังแถวข้าง (Costal
scute) มี จานวน 5 แผ่น และแผ่นแรกอยู่ชิดติดกับเกล็ดขอบคอ ลักษณะรูปทรงของกระดองหลัง
จะเรยี วเลก็ ลงมาทางส่วนทา้ ย

หัว

เกลด็ ขอบคอ เกลด็ หวั ตอนหน้ามี 2 คู่

เกล็ดขอบคอติดกบั เกล็ดด้านขา้ งอนั แรก

กระดองหลัง เกล็ดด้านขา้ ง (Costal scute)
5 เกลด็ สนี า้ ตาลแดง

กระดองทอ้ ง

เกล็ดด้านในขอบขา้ ง
(Inframaginal scute) มี 3
เกล็ด ไมม่ รี เู ปิด กระดองท้อง
มีสีเหลอื งสม้

ความยาวกระดองหลัง ัวดโค้ง (ซม) 100
90
80
70
60
50
40
30
20
10
0

0 5 10 15 20

อายุ (ป)ี

(Chaloupka, 1998; Bjorndal, et al., 2000)

Page | 28 เตา่ มะเฟอื ง

Leatherback turtle

ขนาดและน้าหนัก: ขนาดโตเต็มที่มีความยาวกระดองถึง 210 เซนติเมตร น้าหนัก 900 กิโลกรัม
ขนาดทพี่ บขน้ึ มาวางไข่ไม่ต่ากว่า 150 เซนติเมตร เตา่ มะเฟืองเป็นเต่าทะเลทีม่ ขี นาดใหญ่ทสี่ ดุ ในโลก

อาหารและถิ่นอาศัย: อาศัยอยู่ในทะเลเปิดตลอดชีวิต ยกเว้นช่วงฤดูสืบพันธุ์ หากินผิวน้า อาหาร
หลกั ไดแ้ ก่ แมงกะพรุน และฟองนา้

ชีววทิ ยาและพฤติกรรม: เตา่ มะเฟอื งเข้าสตู่ วั เตม็ วยั เจริญพันธ์ุเมือ่ อายุประมาณ 13-14 ปี
แม่เตา่ มะเฟอื งวางไขท่ กุ ๆ 1-3 ปี บรเิ วณแนวกลางของสันทรายเหนอื
ระดับน้าทะเลขึน้ สงู สดุ พบวางไขเ่ ฉพาะชายหาดของแผน่
ดนิ ใหญบ่ ริเวณจังหวัดพังงาและภเู กต็ ระหว่างเดอื น
ธันวาคมถึงกุมภาพนั ธ์

ลูกเตา่ มะเฟือง
แรกเกดิ มีสีดา
และมจี ดุ เส้นสี
ขาวเป็นทางยาว
ตามสันลาตวั เม่อื

เจริญวยั จะมีจดุ ประ

ขำวเกิดขนึ ้

โดยทวั่ ไป

การจ้าแนกเตา่ มะเฟอื ง: เต่ามะเฟอื งแตกต่างจากเต่าทะเลชนดิ อื่นอยา่ งชัดเจน ตรงที่ลกั ษณะกระดองไม่
เป็นเกล็ด มีลักษณะเป็นแผ่นหนังหนาสีดาและมีแต้มสีขาวประทั่วตัว กระดองเป็นสันนูนตามแนวความ
ยาวจากส่วนหัวถึงท้ายจานวน 7 สัน ไมม่ เี กลด็ ปกคลมุ ส่วนหวั จะงอยปากบนมลี กั ษณะเปน็ หยัก 3 หยัก

Page | 29

หวั

ส่วนหัวไม่มีเกล็ด จะงอยปากบนมีลักษณะ
เป็นหยัก 3 หยัก

กระดองหลงั กระดองหลังไม่มีเกล็ดมีลกั ษณะเป็นหนงั หนา
อาจมีแต้มสีขาวประ ๆ ท่ัวตัวกระดองเปน็ สัน
นูนตามแนวความยาวจากส่วนหวั ถงึ ทา้ ย
จานวน 7 สัน

กระดองทอ้ ง

เป็นหนัง ไมม่ ีเกล็ด มสี ีขาวอมเทา

ความยาวกระดองหลัง ัวดตรง (ซม.) 160
140
120 10 20 30 40 50 60
100
80 อายุ (ปี) (Jones, et all., 2011)
60
40
20

0
0

บทท่ี 2

Page | 30

การเกยต้ืนของสตั ว์ทะเลหายาก
หStาrยanาdกed marine endangered species

การเกยต้ืนหมายถึงสภาวการณ์ท่ีสัตว์ทะเลไม่สามารถว่ายน้าตามปกติหรือช่วยเหลือ
ตัวเองได้เนื่องจากบาดเจ็บ ป่วย หรือตาย โดยไม่สามารถกลับไปยังแหล่งอาศัยเดิมและ
ด้ารงชีวิตตามปกติได้ การเกยตื้นอาจเกิดทั้งในทะเล ล้าคลอง เรียกว่าเกยตื้นในน้า หรืออาจ
โดนคล่ืน กระแสนา้ พัดพาเกยขนึ้ บนชายหาด เรยี กวา่ การเกยตืน้ บนบก สาเหตทุ ่ีทา้ ใหส้ ัตวเ์ กย
ต้ืนเช่น ติดเครื่องมือประมง ติดขยะทะเล ผลัดหลงเข้าไปในแม่น้าหรือล้าคลอง ติดในแอ่งน้า
ต้ืนชายฝง่ั หรอื คลน่ื สึนามิ เปน็ ต้น แบ่งตามลักษณะการเกยต้นื ไดแ้ ก่ เกยต้ืนแบบมชี ีวิต และ
ไม่มีชีวิต (เช่นพบเป็นซากหรือโครงกระดูก) การเกยต้ืนอาจเป็นการเกยตื้นเพียงตัวเดียว
(Single Stranding) หรือการเกยต้ืนหมู่ (Mass Stranding) ในกรณีสัตว์ทะเลเล้ียงลูกดว้ ยนม
คแู่ มล่ กู เกยต้นื ถือเปน็ เกยต้นื เด่ยี ว ส่วนการเกยตน้ื หมเู่ ปน็ การเกยตืน้ ที่มักพบในกลุ่มสตั ว์ทะเล
เล้ียงลูกด้วยนมท่ีเกยตื้นมากกว่า 2 ตัวขึ้นไป สาเหตุหลักของการเกยต้ืนแบบหมู่มักเกิดจาก
การนา้ ทางทผ่ี ิดพลาดของจ่าฝงู เขา้ ไปในพน้ื ทน่ี ้าตืน้ หรอื การเกดิ โรคติดตอ่ ร้ายแรง

ภาพการเกยตืน้ หมขู่ องโลมาอริ วดี จา้ นวน 5 ตวั ท่ีบริเวณแนวไมไ้ ผช่ ะลอคล่ืน
อ้าเภอเมือง จังหวดั สมทุ รสาคร

สาเหตุการเกยตื้นจากปัจจัยธรรมชาติ Page | 31

อาการปว่ ยและความอ่อนแอ เมือ่ สัตว์ทะเลหายาก สภาพอากาศ สภาพอากาศที่แปรปรวน พายุ
ป่วย เครียด หรืออ่อนแอจากภาวะการตั้งท้อง อายุ คล่ืนลมท่ีรุนแรง และการข้ึนลงของน้าทะเล
มาก วัยเด็ก (Calf) สัตว์เหล่านี้จะเข้ามาหลบภัยใน อย่างรวดเร็ว สภาพการณ์ดังกล่าวเป็นอีกปัจจัย
พ้ืนท่ีน้าตื้น สงบ ไม่มีการรบกวนจากภายนอก เพ่ือ ท่ี มี ผ ล ต่ อ ก า ร เ ก ย ตื้ น ต่ อ สั ต ว์ ท ะ เ ล ห า ย า ก
ช่วยในการทรงตวั และพักฟ้ืนร่างกาย และลดการใช้ โดยเฉพาะสัตว์ทะเลหายากชนิดท่ีหากินและ
พลงั งาน แหล่งอาศยั อยู่พืน้ ทใี่ กลช้ ายฝัง่

ภูมิประเทศ สภาพภูมิประเทศบริเวณชายฝั่งทะเล การนาทางผิดพลาด โลมาและวาฬมีพฤติกรรม
บางพ้ืนที่มีความเสี่ยงต่อการเกยต้ืนของสัตว์ทะเล การรวมกลุ่มเพ่ือลา่ เหย่ือ ในบางครั้งอาจไล่เหยื่อ
หายาก โดยเฉพาะพ้ืนที่ชายหาดกว้างและลาดเอยี ง เข้ามาบริเวณใกล้ชายฝงั่ เขตน้าต่ืน และเปน็ พื้นท่ี
ต่้ามาก โลมาและวาฬไม่สามารถใช้การสะท้อนของ ที่ซับซ้อน ส่งผลให้โลมาและวาฬสับสนหรือหลง
คล่ืนเสียงท่ีปล่อยออกมาเพ่ือหาทิศทางของชายฝั่ง ทิศ ซึ่งท้าให้โลมาและวาฬทั้งฝูงเกยต้ืนได้
ได้ ซ่ึงอาจจะว่ายเข้าใกล้ชายฝ่ังมากเกินไปจนเกย นอกจากน้ันการส่งสัญญาณน้าทางภายในฝูง
ตื้น นอกจากน้ีสภาพชายฝ่ังท่ีมีแอ่งน้าต้ืน สันดอน อาจจะถูกรบกวน ท้าให้เกิดความสบั สน หลงทาง
ทราย ร่องน้า หรือคลองในป่าชายเลนที่มีความ
ซับซ้อน ท้าให้สัตว์ทะเลหายากสับสนในการหา ความสมั พันธภ์ ายในฝงู ทีเ่ หนียวแน่น สัตวท์ ะเล
ทิศทาง จึงเป็นอีกสาเหตุหนงึ่ ที่ท้าให้สตั วเ์ หล่านเ้ี กย เล้ียงลูกด้วยนมเป็นสัตว์สังคมท่ีมีความสัมพันธ์
ตนื้ ไดเ้ ช่นกนั ภ า ย ใ น ฝู ง อ ย่ าง เ หนี ยว แ น่ น โ ด ย เ ฉ พ า ะ
ความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกในช่วงเล้ียงลูก
การบาดเจ็บหรอื การหนจี ากผู้ล่า ในธรรมชาตศิ รัต เม่ือแม่มีอาการบาดเจ็บหรือป่วยท้าให้เกยตื้น
รูผู้ล่าสัตว์ทะเลหายาก ได้แก่ ฉลาม วาฬเพชฌฆาต ส่งผลให้ลูกตามแม่เข้ามาเกยตื้นเช่นเดียวกัน
เมื่อสัตว์ทะเลหายากตกอยู่ในภาวะถูกล่าจากศรัตรู นอกจากนัน้ โลมาและวาฬบางชนิดที่มีพฤติกรรม
จะมีอาการต่ืนกลัว หรืออาจได้รับบาดเจ็บจนต้อง ความสัมพันธ์ในฝูงที่แนบแน่นมาก ซ่ึงมีภาวะ
หลบหลีมายังบริเวณน้าตื้นอย่างรวดเร็ว ท้าให้เกิด เส่ียงสูงท่ีจะเกยต้ืนเป็นฝูงได้ เช่น วาฬหัวทุย
อาการเมาน้า (Decompression sickness) จาก วาฬเพชฌฆาตดา้ วาฬน้ารอ่ ง
การเปลยี่ นแปลงความดนั อย่างรวดเร็วของรา่ งกาย

Page | 32 วาฬเพชฌฆาตด้า จ้านวน 30 ตัว เกยตนื้ ท่ีบรเิ วณอา่ ว
ปะตกของเกาะราชาใหญ่ อา้ เภอเมอื ง จังหวัดภูเกต็
เนือ่ งจากสภาพอ่าวลกึ และลาดชนั รว่ มกบั คลืน่ ลมท่ี
รนุ แรงทา้ ใหพ้ ัดพาฝูงวาฬเกยตืน้ ทงั้ หมดเกยตนื้

ลกั ษณะโลมาฟันห่างป่วยจึงเขา้ มาเกยตนื้
บรเิ วณหาดนางลอย จงั หวดั สรุ าษฎร์ธานี

ร่องรอยโลมาหัวบาตรหลังเรียบ ถกู ฉลามกดั
บริเวณช่องทอ้ ง ซึ่งเกยต้ืนท่บี รเิ วณหาดบอ่ เมา
อา้ เภอปะทวิ จงั หวดั ชมุ พร

สาเหตกุ ารเกยต้นื จากกิจกรรมของมนษุ ย์

Page | 33

เคร่ืองมือประมง เครื่องมือประมงเป็นสาเหตุหลักท่ีท้าให้ มลพิษทางทะเล ขยะทะเล และน้าเสียที่
สัตว์ทะเลได้รับความบาดเจ็บ พิการ หรือเสียชีวิต การท้า ปนเป้ือนสารพิษ จากกิจกรรมบนฝ่ังถูก
ประมงโดยทั่วไปมีเป้าหมายหลักเพื่อจับสัตว์น้าเศรษฐกิจ ปล่อยให้พัดพาตามล้าคลองสาขาและ
เพ่ือการค้าและการบริโภค แต่พื้นที่ท่ีชาวประมงท้าประมง แม่น้าไหลลงสู่ทะเล ซ่ึงสารพิษเหล่านี้
เป็นพ้ืนท่ีเดียวกับพ้ืนที่ที่สัตว์ทะเลหายากใช้ในการหากิน ส่งผลกระทบต่อสัตว์ทะเลหายากท้ังทาง
และอยู่อาศัย ดงั น้ันยอ่ มหนีไม่พ้นท่ีจะท้าให้สัตวท์ ะเลหายาก ตรงท่ีเกิดจากการกินขยะเข้าไป และ
ติดเครื่องมือประมงโดยไม่ได้ต้งั ใจ โดยเฉพาะอย่างย่ิงการท้า ทางอ้อมจากการได้รับสารพิษสะสมใน
ประมงท่ีผิดกฎหมาย มีการลักลอบจับสัตว์น้าในพื้นที่หวง ห่วงโซ่อาหาร ส่งผลท้าให้สัตว์ป่วยและ
หา้ ม สงวน อนุรักษ์ หรือการทา้ การประมงโดยใช้เคร่ืองมือที่ ตายได้ นอกจากน้ียังมีมลพิษทางเสียงท่ีมี
ผิดกฎหมาย เช่น การระเบิดปลา การเบื่อปลา การใช้ ความรุนแรงจากกิจกรรมต่างๆ ในทะเล
ไฟฟ้าช๊อตปลา เป็นสาเหตุใหส้ ัตว์ทะเลหายากได้รับอันตราย เช่น การใช้คลื่นเสียงส้ารวจแหล่ง
ส่งผลให้เกดิ การเกยต้นื เปน็ จ้านวนมากในแตล่ ะปี ปิโตรเลียม การซ้อมรบทางทะเล การขุด
เจาะน้ามัน นอกจากน้ันยังรว ม ถึ ง
อุบัติเหตุจากเรือ การสัญจรทางทะเล โดยปกติกิจกรรมทาง ผลกระทบที่เกิดจากการให้โซนาร์เพื่อหา
เรือที่วิ่งสัญจรทางทะเลมีท้ังเรือประมง เรือท่องเที่ยว เรือ ปลา เนื่องจากโลมาและวาฬใช้คล่ืนเสียง
ขนส่งสินค้า เส้นทางท่ีใช้ในการสัญจรผ่านเป็นพื้นท่ีแหล่งหา ในการหาอาหาร ส่ือสารกันในฝงู และการ
กินและแหล่งอาศยั ของสัตว์ทะเลหายาก อาจส่งผลท้าให้เกิด น้าทาง ซึ่งโซนาร์ท่ีปล่อยจากเรือประมง
อุบัติเหตุต่อตัวสัตว์ เช่น ใบพัดเรืออาจท้าร้ายสัตว์ท้าให้สัตว์ สง่ ผลทา้ ให้โลมาและวาฬสญู เสียการได้ยิน
ไดร้ บั ความบาดเจ็บ พิการ หรอื ตายได้ ท้าให้มีผลต่อการน้าทางผิดพลาดและเกย
ตน้ื ได้
การพฒั นาชายฝ่ัง การสร้างสิง่ ปลูกสรา้ งแนวป้องกันการกัด
เซาะชายฝ่ัง แนวไม้ไผ่ชะลอความเร็วคลื่น ส่ิงปลูกสร้างได้ กิจกรรมมนุษย์อื่น ๆ การท่องเท่ียวชม
สร้างข้ึนในบริเวณใกล้ชายฝั่ง ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยและหากิน โลมาที่ผิดวิธี การให้อาหารโลมา ใน
ของสัตว์ทะเลหายาก ส่งผลเสียต่อตัวสัตว์คือสิ่งปลูกสร้าง ธรรมชาติ เน่ืองจากกิจกรรมเหล่านี้ส่งผล
เหล่าน้ีเป็นอุปสรรคในการกลับลงไปในทะเลช่วงเวลาน้าลง ท้าให้สัตว์เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและอาจ
ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงเวลาน้าข้ึนเป็นช่วงเวลาท่ีฝูงปลาจะ ได้รับสารปนเปอ้ื นจากอาหารทม่ี นุษย์ให้
ออกหากินอย่างชุกชุม สัตว์ทะเลหายากจึงว่ายน้าต้อนและ
ไล่ล่าฝูงปลามายังในเขตน้าต้ืน และเม่ือเวลาน้าลงสัตว์ทะเล
หายากกลับลงไปยังทะเลลึกไม่ทันจึงติดและเกยต้ืนอยู่กับ
แนวสง่ิ ปลูกสร้างดังกล่าว

Page | 34

12

1) เตา่ ตนไุ ดร้ บั บาดเจ็บจากการตดิ เครอ่ื งมอื ประมง

ซงึ่ พบบาดแผลทเ่ี กิดจากอวนรดั ทบ่ี รเิ วณคอและ

ใบพายหนา้

2) กระเพาะอาหารของวาฬหัวทยุ แคระเตม็ ไปดว้ ย

ถุงพลาสตกิ อักแนน่ อยภู่ ายใน

3) เรอื นา้ เท่ยี วบริเวณอ่าวขนอม-ดอนสกั ให้อาหาร

แก่โลมาหลังโหนก

4) วาฬหัวทุยแคระเกยตืน้ ตายเนอื่ งจากกินขยะใน

3 ทะเลเข้าไปท้าให้อุกตนั ในกระเพาะอาหารส่งผล
ให้วาฬปว่ ยและตาย

4

สถิติการเกยตนื้ ของสัตว์ทะเลหายาก Page | 35

สถิติการเกยตื้นของสัตว์ทะเลหายากในช่วง 10 ปี

(พ.ศ. 2549 - 2558) พบสตั วท์ ะเลหายากเกยตื้นรวม 2,360

ตัว ซ่ึงประกอบด้วยเต่าทะเล 1,278 ตัว คิดเป็นร้อยละ 54

โลมาและวาฬ 962 ตัว คิดเป็นร้อยละ 41 และพะยูน 120

โลมาและ ตัว คิดเป็นร้อยละ 5 โดยมีแนวโน้มการเกยตื้นเพ่ิมสูงขึ้น
วาฬ
41% ทั้ ง นี้ เ พ ร า ะ มี ก า ร จั ด ท้ า เ ค รื อ ข่ า ย ก า ร ช่ ว ย เ ห ลื อ สั ต ว์

พะยูน เต่าทะเล ทะเลหายากเกยต้ืนท้าให้มีการแจ้งข่าวสารเพ่ิมมากขึ้นและ
5% 54% รวดเร็วข้ึน นอกจากนี้ชุมชนชายฝ่ังตระหนักถึงความส้าคัญ

ของสัตว์ทะเลหายากเพ่ิมมากข้ึน ค่าเฉล่ียการเกยตื้นต่อปี

ของเต่าทะเล โลมาและวาฬ และพะยูน เท่ากับ 100, 96

และ 12 ตัวตอ่ ปี ตามลา้ ดบั

เตา่ ทะเล พะยนู โลมาและวาฬ

450

400

350
300 170

250 100

200 108 116 80 110 10 11
150 81
18
84 13 10 14 10

100 47 66 9 136 133 129 158 137 188 213
50 283 17 97
0 64

2549 2550 2551 2552 2553 2554 2555 2556 2557 2558

พะยนู

Page | 36

 ในช่วงระยะเวลา 10 ปที ีผ่ ่านมา (พ.ศ.
2549- 2558) พะยูนเกยตืน้ ทัง้ สน้ิ 120 ตัว โดย
พบว่าจังหวัดที่พบการเกยตื้นของพะยูนมาก
ที่สุดคือจังหวัดตรัง ซ่ึงเกยตื้นท้ังหมด 59 ตัว
คิดเป็นร้อยละ 49 ของจ้านวนท่ีพะยูนเกยตื้น
ท้ังหมด

 เมื่อแบ่งตามพ้ืนที่รับผิดชอบพบว่า
พะยูนร้อยละ 86 เกยต้ืนบริเวณพ้ืนที่ของ
ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและ
ชายฝั่งทะเลอันดามัน (ศวทม.) รองลงมาคือ
ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและ
ชายฝ่ังอ่าวไทยฝ่ังตะวันออก (ศวทอ.) ร้อยละ
10 และศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทาง
ทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง (ศวทก.)
ร้อยละ 3

103 ศว ศวทบ ศวทอ
1 10%
4 ศวทล ทก 0%
0 1% 3%

12 ศวทม
86%

ศวทม ศวทล ศวทก ศวทบ ศวทอ

เต่าทะเล Page | 37

 ในชว่ งระยะเวลา 10 ปีทผ่ี า่ นมา (พ.ศ.
2549- 2558) เตา่ ทะเลเกยต้ืนทัง้ ส้ิน 1,278 ตวั
โดยพบว่าจังหวดั ท่ีพบการเกยตืน้ ของเตา่ ทะเล
มากทส่ี ุดคือจงั หวดั ภูเก็ต ซ่ึงเกยตื้นทงั้ หมด 307
ตวั คดิ เปน็ รอ้ ยละ 24 ของจ้านวนทีเ่ ต่าทะเลเกย
ตื้นทัง้ หมด

 เม่ือแบ่งตามพ้ืนที่รับผิดชอบพบว่าเต่า
ทะเลร้อยละ 43 เกยต้ืนบริเวณพ้ืนที่ของ
ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและ
ชายฝ่ังทะเลอันดามัน (ศวทม.) รองลงมาคือ
ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและ
ชายฝ่งั อ่าวไทยฝั่งตะวันออก (ศวทอ.) ร้อยละ 22
และศูนย์วิจัยและพฒั นาทรัพยากรทางทะเลและ
ชายฝ่ังอ่าวไทยตอนกลาง (ศวทก.) ร้อยละ 22



532 ศวทอ
85 22%

274 ศวทม
75 43%

275 ศวทก
ศวทบ 22% ศวทล
6%
7%
ศวทม ศวทล ศวทก ศวทบ ศวทอ

Page | 38 โลมาและวาฬ

 ในช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ.
2549- 2558) โลมาและวาฬเกยตื้นทั้งส้ิน 962
ตัว โดยพบว่าจังหวัดท่ีพบการเกยตื้นของโลมา
และวาฬมากที่สุดคือจังหวัดภูเก็ตและตราด
ซ่ึงเกยต้นื ทงั้ หมด 109 ตวั คิดเป็นร้อยละ 11 ของ
จา้ นวนท่ีโลมาและวาฬเกยตน้ื ท้งั หมด

 เม่ือแบ่งตามพ้ืนที่รับผิดชอบพบว่าโลมา
และวาฬร้อยละ 31 เกยต้ืนบริเวณพ้ืนที่ของ
ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและ
ชายฝ่ังทะเลอันดามัน (ศวทม.) รองลงมาคือ
ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและ
ชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก (ศวทอ.) ร้อยละ 22
และศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและ
ชายฝัง่ อ่าวไทยตอนลา่ ง (ศวทล.) รอ้ ยละ 19

296 ศวทอ ศวทม
178 22% 31%
172
94 ศวทบ ศวทล
10% 19%
212
ศวทก
18%

ศวทม ศวทล ศวทก ศวทบ ศวทอ

Page | 39

บทท่ี 3

Page | 40

การจดั การช่วยเหลือสัตวท์ ะเลหายากเกยต้ืน

Management of a stranded marine

endangered species

แนวทางในการดาเนินงานจัดการและช่วยเหลือสัตว์ทะเลหา
ยากเกยตื้น มีขั้นตอนแบ่งเป็นสองระดับ คือ ระยะเผชิญเหตุ
และ ระยะทีมงานเข้าปฏิบัติการจัดการและช่วยเหลือสัตว์ทะเล
หายากเกยตนื้

ระยะเผชิญเหตุ คือกรณีท่มี ีการแจง้ สตั วท์ ะเลหายาก
เกยตน้ื โดยจะต้องมีการเขา้ ไปชว่ ยเหลอื อย่างทันถว่ งทีในพ้นื ที่
ซ่ึงจาเปน็ ต้องอาศยั เจ้าหนา้ ที่ที่อยูใ่ กลเ้ คยี งบริเวณเกยตน้ื ซึ่ง
ไดแ้ ก่ เจ้าหนา้ ท่กี รมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝ่งั ในพ้ืนที่ท่ี
รับผิดชอบ รวมท้ังอาสาสมัครในพื้นที่เข้าชว่ ยเหลอื ก่อน เพ่ือ
เปน็ การเขา้ ตรวจสอบข้อมูล ประเมินสถานการณ์และสามารถ
เข้าจัดการกับสัตว์ทะเลหายากเกยต้นื ได้เบื้องต้นก่อนจะมีทีม
ชว่ ยเหลือเขา้ ปฏบิ ัติหนา้ ทีต่ อ่ ไป

ระยะทีมงานเข้าปฏบิ ัติการจัดการและช่วยเหลือสัตว์
ทะเลหายากเกยตื้น คือทีมทเี่ ขา้ ไปลงมือปฏิบัติงานชว่ ยเหลือ
สตั วท์ ะเลหายากเกยต้ืน ในการขนยา้ ยเพ่ือไปปล่อยสธู่ รรมชาติ
หรือการนาสัตว์ไปอนุบาลเพ่ือฟ้ืนฟูร่างกายต่อไป

Page | 41

แนวทางและข้นั ตอนการช่วยเหลอื

Page | 42 โลมาและวาฬเกยตน้ื เบอื้ งต้นกรณมี ชี วี ติ

1. ประเมนิ สถานการณเ์ มอ่ื พบโลมาและวาฬเกยตน้ื

การประเมินสถานการณ์ เป็นข้ันตอนอันดับแรกท่ีผู้ปฏิบัติต้อง
กระทา โดยเร่ิมจากการตรวจสอบข้อมูลและยืนยันข้อมูลของการเกยตื้น
โดยผู้ได้รับแจ้งเหตุต้องทาการตรวจสอบข้อมูลสัตว์ทะเลหายากเกยตื้น
แล้วทาการประสานงานจัดเตรียมเจ้าหน้าท่ีและอุปกรณ์ช่วยชีวิต เดินทาง
ไปยังจุดเกดิ เหตุ แล้วทาการบนั ทึกขอ้ มูลเบ้ืองต้นน้ีไวใ้ นแบบฟอร์มการเกย
ตนื้ ได้แก่
- ขอ้ มูลของผทู้ อ่ี ย่ใู นพน้ื ท่เี กยตืน้
- ข้อมูลการเกยตื้น เช่น เวลาท่ีเกยตื้นหรือเวลาพบ มีการจัดการอะไรไป
บ้าง มีการพยายามปลอ่ ยหรอื ไม่ เปน็ ต้น
- ข้อมูลสถานท่ีเกยตื้น เช่น สถานที่เกยตื้น ลักษณะพื้นที่ท่ีเกยต้ืน สภาพ
อากาศหรอื คลนื่ ลม การจดั การฝูงชน เป็นตน้
- ข้อมูลของสัตว์ที่เกยต้ืน เป็นข้อมูลพ้ืนฐานท่ีสาคัญซ่ึงทาให้นาไปสู่
ขบวนการหาแนวทางการจัดการช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายากเกยต้ืนต่อไป
โดยข้อมูลท่ีต้องทราบมีดังน้ี ชนิดของสัตว์ทะเลหายากที่เกยต้ืนได้แก่
พะยูน โลมาหรือวาฬ และเต่าทะเล สัตว์มีชีวิตหรือตาย ขนาดของสัตว์
จานวนท่เี กยต้นื สภาพของสตั ว์ ท่าทางหรือการทรงตัวของสตั ว์ เป็นตน้

2. การประเมนิ แนวทางจัดการโลมาและวาฬเกยตืน้ มีชวี ิต โดยใช้หลักเกณฑ์
พิจารณาแนวทางในการชว่ ยเหลือสตั วท์ ะเลยากเกยตืน้ มีชีวติ Page | 43

การจัดการและช่วยเหลือโลมาและวาฬที่เกยต้ืนผู้ปฏิบัติงาน
จาเป็นต้องทราบถึงพฤติกรรมปกติของโลมาและวาฬตามธรรมชาติ เช่น
พฤติกรรมการออกมาเล่นใกล้แนวชายฝ่ัง การว่ายน้าเล่นบริเวณผิวน้า เป็น
ต้น และพฤติกรรมผิดปกติท่ีต้องให้การช่วยเหลือ เช่นการพบลูกสัตว์เพียง
ลาพัง การแสดงลักษณะว่ายน้าผิดปกติหรือลอยตัวบนผิวน้าเป็นเวลานาน
การพบโลมาและวาฬท่ีพยายามว่ายขึ้นฝ่ัง เป็นต้น กรณีดังกล่าวต้องมีการ
จัดการและช่วยเหลืออย่างถูกต้องและเหมาะสมตามหลักการวิชาการ ซึ่ง
ผู้ปฏิบัติงานควรทราบถึงหลักเกณฑ์ในการใช้ประกอบการตัดสินใจจัดการ
โลมาและวาฬเกยต้ืน เพ่อื ให้สตั ว์ได้รบั ความปลอดภัยดงั นี้

2.1 การบริหารกาลังคน การมีผู้ปฏิบัติงานท่ีมีประสบการณ์ใน
ด้านการจัดการช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายากเกยต้ืน การจัดการที่ดี และการ
ทางานเป็นทีมที่ดี เป็นส่ิงสาคัญที่ต้องมีในทีมช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายาก
ดังน้ันจึงควรต้องมการฝึกฝนทีมงานและอาสาสมัครให้มีทักษะในการ
ช่วยเหลือที่ดีและมีการวางแผนในการทางานอยา่ งประสทิ ธิภาพ

2.2 จานวนและขนาดของสัตว์ทะเลหายากเกยตื้น ในกรณีของ
สัตว์ทะเลเล้ียงลูกด้วยนม จานวนสัตว์ต่อการเกยต้ืนมีความสาคัญต่อการ
จัดการ กล่าวคือในกรณีที่พบการเกยต้ืนหมู่ การจัดการสัตว์เกยตื้น
จาเป็นต้องอาศัยทีมงานที่มีความชานาญจานวนมาก รวมถึงอุปกรณ์ในการ
ชว่ ยเหลือทเ่ี หมาะสมและเพียงพอกับจานวนสตั วท์ ่ีเกยต้ืน สาหรบั ขนาดของ
สตั ว์เกยตืน้ เป็นปัจจัยหน่ึงที่กาหนดแนวทางและการจัดการในการช่วยเหลือ
สตั ว์ทะเลหายากเกยต้ืน

กรณีเกยต้ืนหมู่ของวาฬเพชฌฆาตดา (False Killer whale) ด้วยสาเหตุจาก
การนาทางที่ผดิ พลาด ซึ่งการเข้าช่วยเหลือสัตว์ต้องมีการบริหารกาลังคนและ
วางแผนการจัดการอยา่ งรวดเรว็ เพ่ือให้วาฬปลอ่ ยกลบั ทะเลทันที

Page | 44 2.3 สภาพส่ิงแวดล้อม การใช้สภาพส่ิงแวดล้อม
เป็นตัวพิจารณาให้การช่วยเหลือควรทราบถึง ช่วงเวลาใน
ภาพวาฬเพชฌฆาตดา เกยต้นื บรเิ วณพ้ืนท่ี การเกยตืน้ ลกั ษณะชายหาด สภาพทะเลและภมู อิ ากาศ
ท่ีมีโขดหินในการย้ายสตั ว์ตอ้ งทาอย่าง
ระมัดระวงั และต้องใชเ้ ครื่องทุ่นแรง - ลักษณะชายหาด : พ้ืนท่ีท่ีมีโขดหิน หาดโคลน
หรือป่าชายเลน พื้นที่ที่พบเศษขยะท่ีมีความแหลมคม ใน
การย้ายสัตว์ต้องทาอย่างระมัดระวังหรืออาจใช้เคร่ืองทุ่น
แรง หรือเลอื กพาหนะทเี่ หมาะสม

- สภาพทะเลท่ีเกยตื้น : สภาพคลื่นลมในบริเวณท่ี
เกยต้ืน กระแสน้าขึ้น-ลง มีผลทาให้ความเส่ียงในการ
ช่วยเหลือสัตว์เพิ่มข้ึน รวมท้ังทาให้ความสาเร็จในการ
ช่วยเหลอื ลดลง

- สภาพอากาศ : ความร้อนที่เกิดจากการตากแดด
เป็นเวลานานจะส่งผลทาให้สัตว์เกิดภาวะขาดน้าและช็อค
ซงึ่ จะทาใหส้ ตั วต์ ายได้

การช่วยเหลอื วาฬนารอ่ งครบี สัน้ ท่ีมีขนาดความยาว 4.2 เมตร
จาเปน็ อยา่ งยิ่งตอ้ งมีการเตยี มการและวางแผนการใชอ้ ปุ กรณ์ทุน่ แรงเพอื่ ทา

การขนย้ายอ

2.4 สภาพของสัตว์ สัตว์ควร Page | 45
ได้รับการตรวจสุขภาพอย่างละเอียดโดย
สัตวแพทย์ เพ่ือพิจารณาวางแผนในการ เม่ือพจิ ารณาตามหลักเกณฑ์ข้างตนั ทาให้
ช่วยเหลือข้ันต่อไป แต่อย่างไรก็ตามการ ทราบถงึ แนวทางท่ใี ช้ในการตัดสินใจจดั การช่วยเหลือ
จดั การและชว่ ยเหลือเบ้ืองตน้ อย่างถกู วิธี โลมาและวาฬเกยตืน้ ซ่งึ ประกอบดว้ ย
จะทาให้สัตว์มีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้น
สภาพสัตว์จะมีผลต่อการจัดการให้ความ 1. การปล่อย (Release) การปล่อยกลับสู่
ช่วยเหลือ เช่น ในกรณีที่สัตว์ที่อายุมาก ทะเลเมื่อพบว่าสัตวม์ ีสุขภาพดี เงอื่ นไขที่ตอ้ งพิจารณามี
หรือมีขนาดใหญ่อาการสัตว์จะทรุดลง ดงั น้ี
เร็วเน่ืองจากแรงกดทับจากน้าหนักของ - สตั วเ์ กยต้ืนเน่ืองจากการว่ายน้าหลงทิศ
ตั ว สั ต ว์ เอ ง จ ะ ส่ ง ผ ล ท า ใ ห้ เกิ ด ภ า ว ะ
หายใจลาบาก หรือในกรณีการปล่อยลูก - สัตวต์ ิดเครอื่ งมือประมงโดยบงั เอญิ
สัตว์กลับสู่ธรรมชาติจะทาให้สัตว์เกิด
ความเสี่ยงต่อการเกยตื้นซ้าหรือตาย - บริเวณที่ปล่อยมีสภาพแวดล้อมเหมาะสม เช่น คล่ืน
หลังจากปล่อยได้ เน่ืองจากสัตว์ไม่
สามารถดารงชีวิตได้เองในธรรมชาติ ลมสงบ มนุษย์รบกวนนอ้ ย เป็นตน้
เป็นต้น
- ในกลุ่มของสัตว์ทะเลเล้ียงลูกด้วยนม ควรปล่อยใน
2.5 มีความเสี่ยงต่อการแพร่
โรค สู่สัตว์ใน ธรรมช าติห รือ ความ บริเวณท่เี ป็นแหล่งอาศยั ตามธรรมชาตขิ องสตั วช์ นิดนนั้
ปลอดภยั ของ
- ในกรณีของสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมเกยต้ืน ไม่ควร
2.6 ความสะดวกในการจับ
บังคับ ข้ึนอยู่กับ ระยะที่สามารถเข้าใกล้ ปลอ่ ยอายนุ ้อยหรอื มากเกนิ ไป
ตัวสัตว์ การจับบังคับ การเคลื่อนย้าย
สตั วข์ ึ้นอยู่กับขนาด และอาการของสัตว์ - สัตว์มีขนาดใหญ่มากทาให้ไม่สามารถขนย้ายหรือไม่

สามารถอนบุ าลได้

หลังจากพิจารณาปล่อยสัตว์กลับสู่ทะเลควร
สังเกตสัตว์ให้นานที่สุดหลังปล่อยและสร้างเครือข่าย
ชุมชนใกล้ชายฝ่ังคอยรายงานการติดตาม และ
ความสาเร็จในการปล่อย มีการให้ข้อมูลติดต่อในกรณี
ที่มีการพบเห็น หรือพบสัตว์กลับมาเกยตื้น หากสัตว์มี
การเกยตื้นซ้าทันที หรือเกยต้ืนอีกหลายครั้งในอนาคต
ใหพ้ จิ ารณานาสัตวไ์ ปพักฟ้ืน

Page | 46 2. การอนุบาลช่วยเหลือ (Rehabilitate) การเคลื่อนย้าย หรือจัดการนาไปรักษาและพกั ฟนื้ น้ัน
จะเป็นประโยชน์ในการประเมินสภาพสัตว์อย่างละเอียด ในกรณีนี้ประกอบด้วยกลุ่มวัยรุ่นท่ีหย่านมแล้ว
หรือตัวเต็มที่สุขภาพไม่ดีหรือพบว่าป่วยหรือบาดเจ็บ ในกรณีของโลมาและวาฬเกยตื้นที่มีการขนย้ายน้ัน
อัตราการรอดชีวิตต่าเพราะสัตว์ท่ีมาเกยต้ืนจะป่วยมากและสูญเสียความสามารถในการใช้ชีวิตตาม
ธรรมชาติ ดังน้ันควรพิจารณาการย้ายไปพักฟื้นถ้ามีสิ่งอานวยความสะดวกและทีมงานที่มีประสบการณ์
โดยขนย้ายจากบริเวณเกยตื้นภายใน 3-4 ชั่วโมง ในการดูแลโลมาและปลาวาฬเกยตื้นเม่ือมีอุปกรณ์หรือ
การขนย้ายไม่เพียงพอจะส่งผลที่ไม่ดีต่อสัตว์ซ่ึงถือว่าผิดมนุษยธรรม ในการขนย้ายโลมาและปลาวาฬที่มา
เกยต้ืนและมีสุขภาพดีสัตว์จะค่อนข้างเครียดดังน้ันจึงต้องใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม โดยเงื่อนไขท่ีต้อง
พจิ ารณานาไปพกั ฟ้นื มีดงั น้ี

- การตรวจร่างกายสัตว์อย่างละเอียดจะบ่งชี้ว่า 3. การการุณ ยฆาต (Euthanize)
สัตว์มีโอกาสที่มีฟ้ืนตัวได้ ทางที่ดีท่ีสุดสัตวแพทย์ การการุณยฆาต มีข้อถกเถียงกันเป็นอย่างมาก
ควรเป็นผู้วินจิ ฉัย และถือเป็นเร่ืองที่ค่อนข้างละเอียดละอ่อน โดย
- สิ่งอานวยความสะดวกในการพักฟ้ืนเหมาะสม อ ง ค์ ก า ร ส วั ส ดิ ภ า พ สั ต ว์ แ ห่ ง ส ห รั ฐ อ เม ริ ก า
และเพียงพอ กาหนดไว้ว่าการุณยฆาตเป็นการฆ่าสัตว์อย่างมี
- การขนย้ายปลอดภัยและใช้เวลาสั้น (3-4 ชั่วโมง เมตตา โดยต้องมีการดาเนินการท่ีเป็นไปอย่าง
หรอื น้อยกวา่ ) รวดเร็ว เพื่อให้สัตว์ตายอย่างรวดเร็ว โดย
- สัตว์มีขนาดที่สามารถดูแลจัดการและมีนิสัยท่ี ปราศจากความเจ็บปวด จะเลือกการทาเมตตา
เหมาะสม ฆาตเมือ่
- มีแหล่งเงินทุนและทีมงานเพียงพอตลอด - สัตวท์ กุ ขท์ รมานและไมส่ ามารถฟ้นื ตวั ได้
ระยะเวลาในการดูแลสัตว์ - ไม่มีเครื่องมืออุปกรณ์และสิ่งอานวยความ
- ในกรณีท่ีปล่อยกลับสู่ทะเลไม่ได้จะต้องมีท่ีพัก สะดวกทเ่ี หมาะสม
พิงระยะยาวให้แก่สตั ว์ - ไม่มีแหล่งโภชนาการสาหรับดูแลลูกอ่อนหรือ
ลูกเล็ก
ถ้าสัตว์ที่เข้าพักฟื้นประสบความสาเร็จก็ - โลมาและปลาวาฬป่วยท่ีเกยตื้นจะทาให้มี
ถึงเวลาที่จะตัดสินใจว่าจะปล่อยกลับหรือจะต้อง ความเส่ยี งต่อการเกยต้นื แบบหมู่
ดูแลถาวร การปล่อยกลับหลังจากพักฟื้นจะทา - เมอื่ ปล่อยไปแล้วสัตวก์ ลบั มาเกยตื้นอีก
เม่ือ - ผู้เช่ียวชาญได้ทาการตัดสินใจและได้ทาตาม
- พิจารณาตามหลักการ แนวทางการปล่อย ข้ันตอน
ขอ้ ที่ 1. การปล่อย - มียาและ/หรอื อปุ กรณ์ทจี่ าเปน็ และเหมาะสม
- ไมม่ กี ารแพร่โรคไปสู่สตั ว์ทใ่ี นธรรมชาติ - ข้ันตอนเป็นไปตามหลกั มนุษยธรรม
- สาเหตุของอาการป่วยที่นามาส่กู ารเกยตื้นไม่ได้
มผี ลต่อพนั ธุกรรม
- บริเวณท่ีปล่อยเป็นพื้นที่อาศัยตามธรรมชาติ
ของสัตวช์ นดิ นนั้ ๆ


Click to View FlipBook Version