Page | 47
3. การเตรียมอปุ กรณ์เพื่อใช้ในการช่วยเหลือโลมาและวาฬเกยต้นื
Page | 48 ผู้ปฏิบัติงานจาเป็นต้องจัดเตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์ให้พร้อมเสมอ เพ่ือออก
ปฏบิ ตั ิงานชว่ ยเหลือโลมาและวาฬเกยตน้ื อปุ กรณแ์ ละเครอ่ื งมือทคี่ วรมีไวเ้ บ้ืองตน้ มดี งั นี้
3.1 ชุดทใ่ี ช้สาหรบั เข้าช่วยเหลอื ในระยะเผชญิ เหตุ ชดุ ยาฉุกเฉิน (Emergency box)
- เปลขนยา้ ย ประกอบด้วยเปล และคานหาม ประกอบด้วย ยาสาหรบั Sedate
- ผ้าขนหนูสีฟ้า ยาฉุกเฉิน ยารักษา ชุดทาแผล First
- ถงุ พลาสตกิ (สาหรับใสน่ า้ ) ถงั นา้ พร้อมขันน้า สเปย์ Aid kit และอุปกรณ์เกบ็ ตวั อยา่ ง
- เบาะลมพร้อมที่ปั๊มลม
- อุปกรณ์ทนุ่ แรง ได้แก่ เชือก สายสลิงถุงมอื ยาง และผา้ ปิดจมกู
- ใบบันทึกกันน้า ปากกากันน้า
3.2 อุปกรณ์ใช้ในการออกปฏิบัตงิ านพักฟืน้ สัตว์
ภาคสนาม
- เสื้อชูชีพโลมา
- เส้ือชูชพี คน
- ชุดกันนา้
- ขนั น้า
- อปุ กรณท์ ่ีใชใ้ นการประจาภาคสนาม เช่น
เส้อื กันฝน ถุงดา
4. การเขา้ ชว่ ยเหลือโลมาและวาฬเกยตน้ื เบอ้ื งต้น
ผู้ปฏิบัติควรสังเกตพฤติกรรมของสัตว์ก่อนแล้วจึงวางแผนเพื่อทา Page | 49
การช่วยเหลือ การเข้าช่วยเหลือจะต้องกระทาอย่างอย่างนุ่มนวลจากทาง
ด้านข้าง หลีกเลี่ยงการส่งเสียงดัง แสงจ้า และควรระวังแพนหาง ปาก ครีบ
ของสัตว์ซึ่งสามารถทาอันตรายแก่มนุษย์ได้ ผู้ที่เข้าประชิดตัวสัตว์ควรเป็นผู้
มีประสบการณ์เท่าน้ัน ในบางสถานการณ์สัตว์อาจดุร้ายกว่าปกติเน่ืองจาก
ความหวาดระแวงและตนื่ กลวั
ผู้เข้าช่วยเหลือในขั้นแรกเป็นกาลังสาคัญในการดูแลสัตว์และ
ปกป้องสัตว์ก่อนทีมเจ้าหน้าท่ีจะมาถึง ซ่ึงบางครั้งอาจใช้เวลาหลายช่ัวโมง
ดังน้ันการช่วยเหลือเบื้องต้นจึงมีความสาคัญมาก ข้อแนะนาสาหรับผู้เข้า
ช่วยเหลอื เบือ้ งต้น มีดังนี้
4.1 เข้าหาด้วยความระมัดระวัง ก่อนจะเข้าหาสัตว์ ควรใช้เวลาใน
การสังเกตอาการของสัตว์ก่อน เข้าหาสัตว์อย่างช้า ๆ ด้วยความสงบและ
ความระมัดระวัง ไม่ส่งเสียงดังและเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว สัตว์เกยตื้นส่วน
ใหญ่จะไม่ก้าวร้าวแต่ควรเข้าหาด้วยความระมัดระวังโดยเฉพาะอย่างย่ิง
บริเวณปากและหาง สัตว์ท่ีเครียดและก้าวร้าวจะสามารถทาร้ายคนได้โดย
การใชห้ างตีหรือการสะบัดหัวในขณะทพ่ี ยายามเคลอ่ื นท่ีหนี การเขา้ หาโลมาเกยต้นื ดว้ ยความสงบ
ระมัดระวังและไมส่ ่งเสยี งดังจนทาให้
โลมาทเี่ กยต้นื ตืน่ ตกใจกลัว
Page | 50 4.2 ดูแลเพ่ือพยุงอาการ สิ่งท่ีสาคัญที่สุดคือการป้องกันไม่ให้สัตว์บาดเจ็บเพิ่มขึ้นและ
ทาให้สัตว์รู้สึกสบายโดยจะใช้คนและรบกวนสัตว์น้อยที่สุด โดยคนอื่นท่ีไม่เก่ียวข้องควรเว้น
ระยะทางานให้ผู้ทเ่ี ขา้ ช่วยเหลือ สัตว์ป่าที่ป่วยหรือบาดเจ็บส่วนใหญจ่ ะหวาดกลวั ดังน้ันถ้ามีฝูง
ชนจานวนมากจะทาให้สัตวเ์ ครียดและกระวนกระวายมากข้ึน
4.3 ปกป้องรูหายใจ เป็นกฎข้อแรกสาหรับการช่วยเหลือโลมาและวาฬเกยตื้น รู
หายใจเปรียบเสมือนจมูกซึ่งจะอยู่บริเวณส่วนบนของหัว ผ้เู ขา้ ช่วยเหลือจะต้องแน่ใจวา่ ไม่มีน้า
ทรายหรือส่ิงแปลกปลอมอ่ืนเข้าไปในรูหายใจซึ่งต่อตรงกับปอด ห้าม คลุมรูหายใจด้วยผ้า
เพราะจะเปน็ การปิดกั้นทางเดนิ หายใจเป็นผลทาใหส้ ัตวห์ ายใจลาบากและขาดอากาศได้
4.4 ปกป้องตา เช่นเดียวกับมนุษย์ ตาเป็นอวัยวะที่สาคัญ ดังน้ันจึงไม่ควรให้สิ่ง
แปลกปลอมเช่น ทรายหรือเศษฝุ่น เข้าไปในตา และควรระวังมือและน้ิวของอาสาสมัครขณะ
ช่วยเหลือด้วย ถ้าตาได้รับบาดเจ็บขณะช่วยเหลือจะส่งผลต่อการให้ช่วยความช่วยเหลือต่อไป
ต้องทาใหต้ าชุ่มชน้ื ตลอดเวลาโดยการรดน้าใหผ้ า่ นตา
การดูแลพยงุ โลมาเกยตน้ื ใน
น้าก่อนทีมช่วยเหลอื พรอ้ ม
อุปกรณ์ขนย้ายเข้า
ปฏิบตั งิ าน
เจ้าหน้าทปี่ ระคองบริเวณ
สว่ นของหัวโลมาปอ้ งกนั ไมใ่ ห้
น้าเข้าไปในรหู ายใจเพื่อ
ปอ้ งกนั การสาลักน้า
4.5 ปกป้องครีบอก ครีบอกเป็นครีบท่ีอยู่บริเวณข้างลาตัวของสัตว์ ครีบนี้จะต้องระวังข้อ Page | 51
ไหล่และกระดูก ถ้าสัตว์เกยขึ้นมาบนหาดโดยไม่มีน้าช่วยพยุงตัวหรือเกยอยู่บนทรายบริเวณน้าต้ืน
อาสาสมัครจาเป็นต้องขุดหลุมบริเวณครีบอกเพื่อลดแรงกดท่ีบริเวณครีบ เมื่อครีบอกหัก เคลื่อน
หรือเกิดความเสยี หายแบบถาวรจะส่งผลตอ่ ควบคุมทิศทางขณะโลมาว่ายนา้
4.6 จัดท่าของสัตว์ให้ตั้งตรง การจัดท่าเช่นน้ีทาให้ปกป้องดวงตาได้ง่ายและป้องกันไม่ให้
นา้ และทรายเข้ารูหายใจ และปอดได้รับอนั ตรายน้อยท่สี ุดเมื่อสัตวอ์ ยู่ในท่าน้ี ผู้ใหก้ ารช่วยเหลืออยู่
ขนาบข้างสัตว์ประคองดว้ ยความนุ่มนวลและพยุงใหอ้ ยู่ในบรเิ วณที่ตื้น ถ้าสัตว์สามารถพยุงตัวให้ตั้ง
ตรงไดแ้ ลว้ ต้องแนใ่ จว่าพนื้ ดา้ นลา่ งไม่มหี นิ ที่คมและเปลือกหอยทจ่ี ะทาใหส้ ัตว์บาดเจบ็ ได้
4.7 ให้ความชุ่มช้ืน ให้ผ้าหรือผ้าขนหนูเปียกคลุมบริเวณลาตัวสัตว์โดยคลุมตั้งแต่หลังรู
หายใจและเว้นบริเวณครีบหลังไว้ ผ้าที่ใช้ต้องสามารถให้ความชุ่มช้ืนได้โดยการจุ่มหรือพ่นน้า ต้อง
พงึ ระลึกไวว้ า่ ตอ้ งระวงั ไมใ่ ห้น้าเขา้ รูหายใจในขณะพ่นหรือรดนา้
12
3
1. เจา้ หน้าท่ีปกป้องตาไมใ่ ห้ทรายเข้าไปในตาขณะเกยตนื้ โดยตอ้ งราดนา้ ที่ตาใหค้ วามช่มุ ชน่ื ร่วมดว้ ย
2. อาสาสมคั รขดุ หลุมบรเิ วณครบี อกเพอ่ื ลดแรงกดที่บรเิ วณครบี และใช้นา้ พยุงตวั โลมาที่เกยต้ืนบนทรายหาด
3. การจัดทา่ โลมาเกยตื้นบนทรายหาดอย่างเหมาะสม โดยตอ้ งทาการปกปอ้ งทรายไม่ใหเ้ ขา้ ตา และปกป้อง
ไม่ใหน้ ้าเขา้ รหู ายใจ
Page | 52 4.8 ลดความเครียด สัตว์ที่เกยต้ืนทุกตัวจะ
มีความเครยี ดสงู มาก ดงั น้ันการควบคมุ ฝงู ชน การให้
ฝูงชนอยู่บริเวณท่ีปลอดภัยกับสตั ว์ และไม่ใหส้ ง่ เสยี ง
ดังจึงเป็นส่ิงท่ีสาคัญ เน่ืองจากปัจจัยเหล่าน้ีเป็น
ปั จจัยห ลักท่ี จะท าให้ สัตว์เครียดเพ่ิ มข้ึน ซึ่ง
ความเครียดน้ีเป็นสิ่งที่อันตรายและสามารถทาให้
สัตวท์ ่กี าลังปว่ ยและช็อกจากการเกยต้นื สามารถตาย
ได้
4.9 ปกป้องสัตว์จากปัจจัยแวดล้อมอ่ืน ๆ
การหารม่ เงาเพ่ือปกป้องสัตวจ์ ากแสงแดดและลมจะ
ช่วยให้สตั ว์รสู้ ึกสบายมากขึ้น
เจา้ หนา้ ที่ใช้ผา้ ขนหนูเปยี กคลมุ การจัดหารม่ เงาเพ่อื ปกป้องโลมา
บรเิ วณลาตัวสตั วโ์ ดยคลมุ ตง้ั แต่หลงั รู เกยต้ืนจากแสงแดด
หายใจ และประคองตวั โลมาอยา่ ง
ทะนถุ นอม
5. การชว่ ยเหลือโลมาและวาฬเกยตื้น Page | 53
5.1 ประเมินสุขภาพสัตว์โดย 5.2 หลักการประเมินการเคลอ่ื นยา้ ยสตั ว์
สัตวแพทย์หรือผู้ที่ได้รับการฝึกการ - ตรวจสอบดวงตาว่าตอบสนองหรือไม่ โดยแตะเบาๆ
ช่วยเหลือสัตว์เบื้องต้น เกณฑ์การดู บริเวณหัวตาหรือหางตา หากพบการตอบสนองปกติ โลมา
พฤตกิ รรมมี 3 ขอ้ ดังน้ี และวาฬจะกระพริบตา
- ตื่นตัว จะแสดงระวังตัวและมีการ - ตรวจระบบการไหลเวียนโลหิต capillary refill time
ตอบสนองต่อสิง่ เรา้ (CRT) โดยการเปิดปากสัตว์ใช้น้ิวมือกดไปท่ีเหงือก เพ่ือดู
- ต อ บ ส น อ งน้ อ ย ล ง จ ะ แ ส ด ง ระบบการไหลเวียนโลหิตเม่ือทาการกดเหงือกแล้วปล่อย
ตอบสนองต่อการกระตนุ้ แรงๆเทา่ นัน้ เหงือกจะกลับมาสีชมพูภายในเวลาก่ีวินาที ถ้าเปิดปากมา
- ไ ม่ ต อ บ ส น อ ง จ ะ แ ส ด ง ไ ม่ เห็นเหงือกเป็นสีคล้าแสดงว่าการไหลเวียนโลหิตไม่ดี และ
ตอบสนองต่อเสียงและการสัมผัส เช่น วัดอัตราการเต้นของหัวใจโดยใช้การจับคลาใต้รักแร้หรือ
ไม่มีการกระพรบิ ตา การใชห้ ูฟังทางการแพทย์
- อุณหภูมิร่างกายวัดโดยใช้เทอร์โมมิเตอร์สอดไปในรู
ในกรณีที่พบโลมาเกยตื้นบน ทวาร ในสัตวข์ นาดเล็กถงึ กลาง โดยจะใชบ้ รเิ วณครบี หลงั ใน
ชายหาด โลมาและวาฬที่เกยต้ืนมักจะ การถ่ายเทความร้อน เพื่อรักษาอุณหภูมิภายในร่างกายให้
มี ก า ร เกิ ด ภ า ว ะ ห า ย ใจ ล า บ า ก เหมาะสม
เน่ืองจากไม่มีการพยุงน้าหนักจากน้า
ทาให้ช่องอกถูกกดทับจากน้าหนักตัว อตั ราการเตน้ ของหัวใจ 30-100 คร้ัง/นาที
ของตัวสัตว์เองได้ง่าย ดังนั้นอาจจะ capillary refill time (CRT) ปกติ <2 วนิ าที
พบว่าสัตว์มีการหายใจผิดปกติ ถ้าเห็น อุณหภมู ิปกติ 36.5-37 องศาเซลเซียส
ว่าสัตว์มีภาวะเลือดออกหรือฟองออก
จากรูหายใจเป็นสัญญาณว่าสัตว์อยู่ใน 5.3 การลดความเครียดให้แก่สัตว์และช่วยให้สัตว์
ฟ้ืนตัว ป้องกันไม่ให้สัตว์ได้รับบาดเจ็บเพิ่ม และปราศจาก
สภาวะหายใจลาบากอยา่ งรนุ แรง ส่ิงรบกวน หลีกเล่ียงการสัมผัสบริเวณดวงตา รูหายใจ
อวยั วะเพศ ห้ามจบั บงั คบั ครีบหาง
ครบี ขา้ ง ครีบบน ให้ความชมุ่ ช้นื แก่ผิวหนัง
ตลอดเวลา ปอ้ งกันทรายเข้าตาและรหู ายใจ ในระหว่างท่ี
ราดนา้ ลงบริเวณสว่ นหัวอยา่ ใหน้ ้าเขา้ รูหายใจ
Page | 54 ตวั อย่างแนวทางในการปฏบิ ตั กิ ารชว่ ยเหลอื โลมาและ
วาฬเกยต้นื ทีม่ ักพบในประเทศไทย
1. สถานการณ์กรณีการช่วยเหลือสัตว์เกยตื้นในน้า สิ่งท่ีดีที่สุดคือการให้สัตว์
ได้อยู่ในน้าแล้วจึงให้ความช่วยเหลือเท่าที่จาเปน็ เพอ่ื ให้สัตวส์ ามารถพยงุ ตัวอยู่ในท่าปกติ
และสามารถหายใจไดเ้ อง การลอยตัวอยใู่ นนา้ เป็นวิธที งี่ า่ ยที่สุดและเปน็ วิธีท่ีทาให้ผวิ หนัง
ชุ่มชื้นตามธรรมชาติ และช่วยลดแรงกดท่ีครีบอกและอวัยวะภา ยใน ทั้งยังลด
ความเครียดในขณะช่วยเหลือได้ ซ่ึงในระหว่างรออปุ กรณ์ในการขนยา้ ยให้พยงุ โลมาไว้ใน
น้าก่อน โดยประคองส่วนหัวของสัตวไ์ ม่ให้จมนา้ เพือ่ ปอ้ งกันการสาลักน้าซ่ึงเป็นสาเหตุให้
เสยี ชวี ิตได้ จากนัน้ จงึ เตรียมเปลในการขนยา้ ยเพอ่ื ไปพกั ฟน้ื ต่อไป
เจ้าหน้ากาลงั พยงุ โลมาใน
นา้ เพอ่ื รอการขนยา้ ยซ่ึง
การประคองตัวในนา้ ทา
ใหส้ ตั วไ์ มเ่ ครียดมาก
เจ้าหน้าทข่ี นยา้ ยโลมาใน
นา้ โดยใชเ้ ปลขนยา้ ยทา
การขนย้ายในนา้
2. สถานการณ์กรณกี ารชว่ ยเหลือสัตว์เกยต้นื บนชายหาดท่ไี ม่มีนา้ หรือการเกยแหง้ Page | 55
มักพบสถานการณเ์ กยตืน้ 2 กรณีคือ เกยตื้นบนหาดทราย และหาดโคลน
2.1 กรณีเกยแห้งบนหาดทราย มีการเตรยี มความ การใช้ครีมกลุ่ม zinc oxide
พรอ้ มในระหว่างขนย้ายตอ้ งมกี ารจดั การท่ีเหมาะสมดังนี้ ป้องกันแดดเผาผิวสัตว์และช่วยป้องกัน
ภาวะขาดน้า การใช้สารประกอบที่มี
ข้ันตอน 1. การจัดการเบ้ืองต้นกรณีไม่สามารถขน นา้ มัน เชน่ lanolin ท่ีมีในผลิตภัณฑ์ครีม
ยา้ ยโดยทันที มแี นวทางปฏบิ ัตดิ งั นี้ อาบแดดจะทาให้สัตว์ระบายความร้อน
- การจัดท่าสัตว์ให้อยู่ในลักษณะสบายตัวและทาให้การ ไ ด้ ช้ า ล ง แ ล ะ อ า จ ท า ล า ย ผิ ว ม า ก ก ว่ า
หายใจสะดวกขึ้น ผวิ หนังที่โดนแดดทาลายควรทาให้ช่มุ ช้ืน
- ลดการรบกวนจากเสยี ง มองเหน็ สมั ผสั ใหม้ ากทีส่ ดุ ให้สัตว์อยู่ในท่ีร่ม และป้องกันผิวหนัง
- ระวังการบาดเจ็บเพม่ิ เติม เช่นการดิน้ รน ครูดพื้น โขดหิน ด้วย zinc oxide และทายาปฏิชีวนะใน
- ทาร่มเงาให้ เชน่ กางร่มขนาดใหญ่ หรือขงึ ผา้ ใบไว้ รูปแบบข้ีผง้ี หรอื วาสลนี
ข้ันตอน 2. ทาการขุดหลุมรอบตัวโลมาและบริเวณ ช้ันไขมันใต้ผิวหนังเป็นส่วนกัก
ครีบอกให้ลึก ให้เป็นแอ่งและมีน้าหล่อเล้ียงเพื่อป้องกัน
ไม่ให้น้าหนักลาตัวกดทับด้านท้องมากเกินไป คลุมตัวสัตว์ เก็บความร้อนของร่างกายสัตว์ แต่ใน
ด้วยผ้าบางและเปียก ราดน้าเป็นระยะ ๆ เพ่ือระบายความ
ร้อนและรักษาความช้ืน สัตว์ที่เกยตื้นบนหาดจะโดนแสง โลมาท่ีเกยต้ืนในบริเวณท่ีมีอากาศเย็นก็
และลมเป็นเวลานานทาร้ายผิวหนังของสัตว์ จึงเกิดความ
เสี่ยงต่อภาวะที่ร่างกายมีอุณหภูมิท่ีสูงข้ึน สัตว์ผิวเข้มจะดูด สามารถเกิดภาวะท่ีร่างกายมีอุณหภูมิท่ี
ความร้อนได้ดีและความร้อนจะถูกเก็บไว้ในช้ันไขมันใต้
ผิวหนัง ทาให้ระบบระบายความร้อนของร่างกายทางานได้ สูงข้ึน และแผลจากการโดนน้าแข็งกัด
ไม่ดี วาฬไม่สามารถระบายความร้อนออกนอกร่างกายได้ถ้า
ไม่ได้อยู่ในน้า สามารถลดการเกิดภาวะท่ีร่างกายมีอุณหภูมิ ควรคลุมผ้าท่ี ชุบ น้ ามัน พื ชห รือชุบ
ท่ีสงู ขึ้น โดยใชผ้ ้าขนหนูคลมุ ร่างกายสตั วใ์ ห้ผวิ หนังชุ่มชนื้ แต่
เว้นบริเวณรูหายใจไว้ สีของผ้าที่ใช้ควรเป็นสีอ่อนแต่ถ้า mineral oil บริเวณปลายรยางค์ของ
บริเวณน้ันมีแค่เศษผ้า กระดาษหนังสือพิมพ์ สาหรา่ ย หรือ
โคลนก็สามารถนามาคลมุ ตัวสตั ว์ได้ ถ้าเป็นไปได้อาจทาทบี่ ัง สัตว์ไว้เพ่ือป้องกันการสูญเสียความร้อน
แดดให้ด้วย ขุดทรายรอบ ๆ ตัวและทาเป็นทางน้าไหลลงสู่
ของร่างกาย
ทะเล ควรระวงั หากทางานบริเวณหางสัตว์
Page | 56
1
2
Page | 57
3
1. การขุดหลุมรอบตัวโลมาและบริเวณครีบ
อกให้ลึก ให้เป็นแอ่งและมีน้าหล่อเล้ียงเพื่อ
ป้องกัน ไม่ให้น้าหนักลาตัวกดทับด้านท้อง
มากเกนิ ไป
2. เจ้าหน้าท่ีใช้ครีมกลุ่ม zinc oxide เพ่ือ
ป้องกันแดดเผาผิวหนังในส่วนท่ีพ้นน้าและ
ช่วยปอ้ งกนั ภาวะขาดน้า
3. การดูแลและรักษาความชุ่มชื้นแก่ตัวสัตว์
โดยการใช้น้าราดส่วนของลาตัวเพ่ือให้ความ
ชมุ่ ชนื้ และทาร่มให้ป้องกนั แสงแดด
3
Page | 58 2.2 สถานการณ์กรณีเกยแห้งบริเวณพ้ืนทห่ี าดโคลน
ขั้นตอน 1. ระหว่างการรออุปกรณ์เคลื่อนย้ายโลมาและวาฬ ให้ทาการดูแล
และรักษาความชุ่มชื้นแก่ตัวสัตว์โดยการใช้น้าราดส่วนของลาตัวเพ่ือให้ความชุ่มชื้น
และทาร่มให้ป้องกันแสงแดด ดูแลป้องกันฝูงชนเพ่ือป้องกันสัตว์เกิดอาการต่ืนกลัว
หรือสงบขณะรออุปกรณเ์ คลื่อนยา้ ย โดยมีคนเฝา้ หรืออย่ดู ูแล
ข้ันตอน 2. นาแผ่นอุปกรณ์ที่สามารถลื่นหรือไถลไปกับเลนหรือโคลนซึ่งมี
ขนาดแผ่นพื้นกว้างกว่าตัวสัตว์ใช้เป็นอุปกรณ์เคลื่อนย้าย เช่น กระดานถีบเลนหรือ
แผน่ โฟนถบี เลน เปน็ ตน้ หลังจากนัน้ ใช้ผ้า เชน่ ผ้าขนหนูหรอื ผ้าห่ม เปน็ ต้น ใช้ในการ
ยกตัวสัตว์ให้พ้นแนวกดี ขวางในการขนย้าย หลงั จากยกตวั สตั วม์ าวางบนแผ่นอปุ กรณ์
เคล่ือนย้ายและใช้เชือกผ้าทาการยึดตัวสัตว์เพื่อป้องกันตัวสัตว์หลุดออกจากอุปกรณ์
เคลื่อนยา้ ย
ขั้นตอน 3. หลังจากเตรียมตัวสัตว์กับอุปกรณ์พร้อมขนย้าย ทาการผูกเชือก
กบั อปุ กรณ์ขนย้ายเพือ่ ลากอปุ กรณพ์ ร้อมตัวสัตว์เพือ่ เคล่ือนย้ายไปปล่อยยังบริเวณที่มี
น้าและสัตว์สามารถว่ายน้าออกไปได้ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยประคองและดูแลไปด้วย
หลังจากถึงสถานท่ีปล่อยทาการปล่อยสัตว์โดยการประคองด้านข้างบริเวณครีบข้าง
แล้วปล่อยให้ตวั สัตวว์ ่ายน้าออกไปเอง โดยรอสังเกตว่าตัวสัตวว์ ่ายน้าออกไปปลอดภัย
ไมม่ ีความผิดปกติใดๆ หากไม่สามารถว่ายน้าออกไปได้ให้ดาเนินการเคลื่อนย้ายข้นึ มา
ดแู ลและรักษาต่อไป
การขนย้ายโลมาโดยใช้กระดานถบี เลนหรือแผ่นโฟมถบี เลน
เคล่อื นย้ายและผกู เชือกกับอปุ กรณ์ขนยา้ ย
6. ขั้นตอนการยกและการเคลอื่ นย้ายโลมาและวาฬ Page | 59
แนวทางในการปฏบิ ตั ิควรเตรียมอปุ กรณ์
พรอ้ มในการขนย้ายให้เหมาะสมกับขนาดสัตวเ์ พ่ือให้
สามารถเคล่ือนย้ายได้สะดวก
อุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการขนย้าย ได้แก่
1. เปลผา้ ใบพรอ้ มคานแบก
2. ผ้านว่ มหรอื เบาะนวมเพื่อรองรบั ตัวอย่าง
ไมใ่ ห้สมั ผัสกับพน้ื แขง็
3. ถงั น้าพลาสติกเพ่ือตักนา้ ราดตลอดเวลา
ในระหว่างขนย้าย
ขณะทาการขนยา้ ยโลมาซง่ึ ตอ้ งประคองปกปอ้ งส่วนหัว และ
ตักนา้ ราดเพื่อชว่ ยระบายความร้อนและให้ความชุ่มช่นื ที่
ผวิ หนงั ตลอดเวลาในระหวา่ งขนยา้ ย
การขนย้ายโดยใช้เปลผ้าใบสาหรบั โลมาและวาฬ
ปว่ ยมารกั ษาในบอ่ อนบุ าล โดยเปน็ วสั ดทุ ่มี ีคงทน
สามารถรองรับน้าหนกั สัตวไ์ ด้ ไมท่ าให้เกิดบาดแผล
ในระหว่างการขนย้าย
Page | 60
7. การดูแลพกั ฟน้ื โลมาและวาฬเกยตื้น
การดูแลที่จาเป็นในการพักฟ้ืนของกลุ่มโลมาและวาฬ ที่เกยตื้นจนกระทั่งแข็งแรง
พอที่จะปล่อยสู่ธรรมชาติ ส่ิงที่ต้องมีคือความอดทนและงบประมาณ สระว่ายน้าควร
ปราศจากการปนเป้ือนจากสัตว์อื่นๆและทีมงานท่ีมีความชานาญในการเล้ียงดูตลอด 24
ช่วั โมง จึงจาเป็นต้องเลอื กสัตว์ทย่ี ังสามารถฟื้นฟูได้ ค่อนข้างท่ีจะมีโอกาสรอดสูง ขนสง่ และ
จับบังคับได้ง่าย สัตว์สามารถปรับตัวอยู่ในบ่อฟักฟื้นได้ สระน้าท่ีใช้ต้องมีความกว้างมาก
พอที่สัตวจ์ ะเคล่อื นไหวและวา่ ยนา้ ได้ แต่สัตว์ตอ้ งไม่ชนขอบบ่อ
การรักษาโลมาและวาฬเกยต้ืนต้องให้การดูแลรักษาอย่างรวดเร็ว เม่ือสัตว์มาถึง
และทาการฟ้ืนฟูรักษาความเข้มข้นของนา้ และเกลือแรท่ ีข่ าดจากภาวะการขาดน้าและภาวะ
ช็อก อาจใช้เวลาเป็นอาทิตย์ แก้ไขโดยนาสตั ว์ไปไว้ในนา้ กร่อยที่มีความเข้มข้น 10 ppt แช่
นาน 10 นาทีหรือแช่ในน้าจืดคร้ังละ 2-3 ชั่วโมง โดยหวังว่ามันจะกินน้าเข้าไปหรือให้สาร
นา้ ทดแทนโดยให้ผ่านท่อให้อาหาร
การให้อาหารเป็นอีกส่ิงที่สาคัญในการบารุงฟ้ืนฟูร่างกายสัตว์ ควบคู่ไปกับการ
แก้ไขภาวะการขาดน้าโดยให้ทางสายยางให้อาหารก่อนท่ีจะให้อาหารจาพวกปลาทั้งตัวกิน
บารุง ในช่วง 2-3 วันแรกการที่จะอาหารหรือกินผ่านท่อให้อาหาร ควรได้รับการช่วยเหลือ
จากผูท้ ี่ดูแล
ตวั อยา่ งสถานการณ์กรณีการรักษาในบอ่ พกั ฟนื้ ของศูนย์วิจัยและ
พัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่งั ทะเลอนั ดามนั
Page | 61
บ่อช่วยชีวิตสาหรับดูเลสัตว์เล้ียงลูกด้วยนมในทะเล ท่ีอยู่
ในศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
ทะเลอันดามัน เป็นบ่อวงรีขนาดกว้าง 6 ยาว 10 เมตร
ลึก 1.5 เมตร ซ่ึงเหมาะสมกบั สตั ว์เกยตื้นทีม่ ีขนาดไม่เกิน
4 เมตร และใช้ในกรณีที่ขนย้ายสัตว์ไม่เกิน 4 ช่ัวโมงหรือ
ข้นึ อยูก่ บั ดุลพินิจของผู้เชี่ยวชาญ
1
1. โลม าเกยตื้ นท่ี
นามาอนุบาลพกั ฟ้ืน
ในบ่อเลี้ยงซึ่งสระ
น้าที่ใช้ต้องมีความ
กว้างมากพอที่สัตว์
จะเคลื่อนไหวและ
ว่ายน้าได้ แต่สัตว์
ต้องไม่ชนขอบบ่อ
2.บ่อช่วยชีวิตของศูนย์วิจัยและพัฒนา
ทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ังทะเลอัน
ด า มั น ซึ่ งมี อุ ป ก ร ณ์ แ ล ะ เค ร่ื อ งทุ่ น แ ร ง
สาหรับการอนุบาลโลมาและวาฬที่มี
อาการป่วย
Page | 62 ตัวอย่างสถานการณ์กรณีการอนบุ าลพักฟน้ื
โดยใช้บ่อเลีย้ งสตั วใ์ นพื้นท่ีใกลเ้ คยี งกับการเกยตนื้
กรณีท่ีสัตว์ทะเลเกยต้ืนมีขนาดใหญ่ หรือสัตว์มีสภาพอ่อนแอมาก หรือมี
ระยะทางในการขนย้ายที่ไกล ควรพิจารณาการดูแลสัตว์ป่วยในพ้ืนที่ใกล้เคียงกับ
การเกยต้ืน ซ่ึงอาจเป็นพื้นท่ีในทะเลโดยใช้กระชัง หรือการจับบังคับในทะเล หรือ
อาจจัดทาบ่ออนุบาลชั่วคราว โดยลักษณะของบ่อควรทามาจากวัสดุผิวเรียบ ขนาด
บ่อชั่วคราวควรมีความยาวอย่างน้อย 2-3 เท่า และกว้างอย่างน้อย 1-2 เท่าของ
ความยาวตัวสัตว์ หรือพิจารณาจากพ้ืนที่ให้มีความพอเพียงกับการกลับตัวของสัตว์
ได้ หรือมีขนาดพอเพยี งทเ่ี จา้ หนา้ ท่ีสามารถอยู่ทางานชว่ ยเหลอื สัตวไ์ ด้
บอ่ ซีเมนต์ซ่งึ ใช้ในการอนบุ าลโลมาป่วยไดช้ ั่วคราว มขี นาดพอเหมาะกับสตั ว์
สามารถว่ายและเคลอื่ นทใี่ นบ่อไดส้ ะดวก
ตวั อยา่ งสถานการณ์กรณีการอนุบาลพักฟื้น Page | 63
โดยใชบ้ อ่ เลีย้ งอนุบาลชวั่ คราว
สามารถเลือกใช้บริเวณชายฝ่ังในทะเลในจุดที่พบสัตว์เกยต้ืนมักใช้ใน
กรณีท่ีพบวาฬตัวใหญ่ไม่สามารถขนย้ายได้ หรือการใช้บ่อเคล่ือนย้ายติดตั้งใน
พื้นท่ีท่ีพบการเกยต้ืน ซ่ึงการทางานในพื้นท่ีดังกล่าวอาจจะทาให้การอนุบาล
รกั ษายากลาบากข้ึน
กรณีการนาโลมาป่วยมาพักฟื้นในบ่ออนุบาล โอกาสประสบความสาเร็จ
มไี ม่มากนักเน่อื งจากสว่ นใหญ่โลมาจะมีอาการปว่ ยทีร่ นุ แรงมาก่อนการเกยต้นื จึง
ทาให้การช่วยเหลือมีผลการประสบความสาเร็จน้อย ส่วนสิ่งสาคัญของการ
ทางานท่ีช่วยชีวิต คือ การรว่ มมือกันของทกุ ๆ ฝ่าย
การใช้บอ่ เคลือ่ นทต่ี ิดต้ังในพน้ื ทท่ี พ่ี บการเกยตื้น
Page | 64 8. การให้ยาเบื้องต้นในโลมาและวาฬเกยตื้น
ส่วนใหญ่สาเหตุที่พบการเกยตื้นในกลุ่มโลมาและวาฬ มาจากการ
ป่วยด้วยโรคและอ่อนแอ เพราะฉะน้ันการเลือกให้ยาแก่สัตว์ทะเลควร
ปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนทุกคร้ัง และต้องอาศัยหลักการในวินิจฉัยเพื่อให้
ถูกต้องตามหลกั การทางการแพทย์
การให้การรักษาและวินิจฉัยโรคสาหรับโลมาและวาฬต้องใช้ความ
ชานาญ ซึ่งควรมีการทาการรักษาและการวินิจฉัยโรคโดยผู้มีความรู้และ
เช่ยี วชาญในด้านการรักษาทางการแพทย์มาประยุกต์ใช้
12
1. การให้อาหารและนา้ เกลอื แร่ทางสายยางกับโลมาปว่ ยซ่ึงไมส่ ามารถกินอาหารได้ตามปกติ
2. การใชเ้ ครือ่ งเอกซเรยใ์ นการดคู วามผดิ ปกติท่เี กดิ ข้นึ ในร่างกาย
Page | 65
12
34
1. การใหย้ ารักษาและให้น้าเกลอื เข้าเสน้ เลือดกบั โลมาปว่ ย
2. การใชเ้ สื้อชูชีพโลมาเพื่อชว่ ยในการพยุงอาการโลมาท่ปี ่วยไมส่ ามารถประคองตัววา่ ยนา้ ได้ตามปกติ
3. การใช้เครือ่ งอัลตร้าซาวดเ์ พื่อตรวจสอบความผิดปกตขิ องอวัยวะภายใน
4. การเจาะเลือดจากเสน้ เลอื ดสว่ นหางเพื่อทาการตรวจสขุ ภาพสตั วเ์ บ้อื งตน้
Page | 66 9. การจัดการชว่ ยเหลือโลมาและวาฬกรณีเกยตืน้
หมู่
แนวทางการปฏิบัตกิ ารช่วยเหลอื การเกยตนื้ หมู่ ต้องมีผู้นาที่ทาหน้าท่ี
ควบคมุ กิจกรรมในพนื้ ท่จี ริง ซึ่งตอ้ งมีการเตรียมความพร้อมของการช่วยเหลอื ใน
พน้ื ทีเ่ กยต้นื ได้แก่
- การสื่อสารกบั องค์กรท้องถิ่น ประชาชน และสื่อ
- การประเมินสภาพสิ่งแวดล้อมและการขนสง่ สัตว์
- การจัดหาสิง่ ของและอุปกรณ์
- การฝึกและให้คาแนะนาอาสาสมัครทเี่ ข้าไปทางานในพน้ื ที่จริง
- สรา้ งคณุ ธรรมสว่ นบุคคลให้สาหรบั ผู้ทางานทกุ คน
- ควบคุมทมี ดูแลสตั ว์ ทีมจับบังคบั และทมี ขนส่ง
- ดแู ลสุขภาพและความปลอดภัยของผทู้ างานในทมี
- การตรวจซากและเกบ็ ตัวอย่างเนือ้ เย่ือ
- รวบรวมขอ้ มูลและตวั อย่างทง้ั หมด
- การทาลายซาก
- การซักถามบุคคลท่เี กีย่ วข้องทง้ั หมด กรณีเกยตน้ื หมูข่ องวาฬเพชฌฆาตดา จานวน 30
ตัว ด้วยสาเหตุจากการนาทางท่ีผดิ พลาด ซ่งึ การ
เขา้ ชว่ ยเหลอื สตั วต์ อ้ งมกี ารบรหิ ารกาลังคนและวาง
แผนการจดั การอย่างรวดเร็ว
การจดั การชว่ ยเหลอื โลมาและวาฬเกยตื้นหมู่
ก าร เต รี ย ม อุ ป ก ร ณ์ ใน ก า ร ช่ ว ย เห ลื อ ส า ม า ร ถ จั ด เต รี ย ม 3. เมื่อมีการประเมินสภาพ Page | 67
เหมือนกับกรณีของการเกยตื้นปกติ ทีมช่วยเหลือกรณีเกยต้ืนหมู่ โลมาและวาฬที่เกยตื้นแล้ว หาก
ควรพยายามนาสัตว์ให้เข้าไปในน้าลึกหรือออกจากตรงที่มีอันตราย พบว่ามีสุขภาพดีและสามารถ
ทันที โดยการใช้คนลาเลียงด้วยอุปกรณ์เปลหาม เรือ หรือรถขึ้นอยู่ ปล่อยได้ ควรรีบปล่อยโดยทันที
กับความเหมาะสมขอ สภาพสัตว์ ส่ิงแวดล้อม สิ่งสาคัญต้องให้โลมา ใน ก ร ณี ข อ งโ ล ม า แ ล ะ ว า ฬ ท่ี มี
และวาฬออกสู่ทะเลเปดิ ให้เร็วท่ีสุด และอย่าไปปิดกั้นทางที่โลมาและ ขนาดใหญ่การปล่อยทันทีจะทา
วาฬจะว่ายออกไป ควรทาให้สัตว์เครียดน้อยท่ีสุด โดยมีข้ันตอนการ ให้มีอัตราการรอดเพ่ิมขึ้น (ซ่ึง
ช่วยเหลอื เบอ้ื งต้นดงั นี้ ขนึ้ อยู่กับสภาพสขุ ภาพของแต่ละ
ตัว) โลมาและวาฬท่ีเกยต้ืนเป็น
1. ต้องจัดการโลมาและวาฬที่มีชีวิตก่อนเสมอ โดยมีการ แมล่ กู ควรจะย้ายรว่ มกัน
เตรียมการขนส่งด้วยความระมัดระวัง ทีมช่วยเหลือต้องมีการ
ประเมินสภาพของโลมาและวาฬที่เกยต้ืนในแต่ละตัวดังเชน่ กรณขี อง 4. ข้ันตอนการขนย้ายเริ่มขน
การเกยตื้นเด่ียวอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เม่ือพบอาการที่ ย้ายตัวท่ีอยู่ในสภาพท่ีดี อยู่ใกล้
ผิดปกติต้องทาการรักษาและจดบันทึกไว้ ข้อมูลพฤติกรรมก่อนและ ท่ีสุด อยใู่ นแนวเส้นน้าลกึ ของเรือ
ในระหวา่ งการชว่ ยเหลอื และข้อมลู สง่ิ แวดล้อม จะเป็นข้อมูลท่ีสาคัญ ควรจะรีบปล่อยกลับเป็นอย่าง
ในการทราบสาเหตุของการเกยตน้ื แบบฝงู แรก โดยทีมช่วยเหลือสามารถ
จัดการผู้ขนย้ายให้ทาการขนย้าย
2. การจับบังคับและการดูแลต้องมีการป้องกันดูแลพยุงอาการ พร้อมกันหลายตัว ขึ้นอยู่กับ
ปกป้องรูหายใจ ตา ครีบอก จัดท่าของสัตว์ให้อยู่ในตาแหน่งท่ี จ า น ว น อุ ป ก ร ณ์ ใน ก า ร ข น ย้ า ย
เหมาะสม และให้ความชุ่มช้ืนกับโลมาและวาฬที่เกยตืน้ ตลอดเวลาท่ี โลมาและวาฬท่ีอยู่ในระหว่างรอ
เกยต้ืนโดยเฉพาะในตัวท่ีเกยตื้นมานานหรือในระหว่างที่รอการขน การขนย้ายต้องมีผู้กากับดูแล
ยา้ ย ทาการตรวจวดั อตั ราการหายใจและพฤตกิ รรมของสตั ว์ แ ล ะ ป ร ะ เมิ น ส ภ า พ สั ต ว์
ตลอดเวลา รวมทั้งอาจมีการเก็บ
ตัวอย่างเพ่ือประเมินสุขภาพรวม
ด้วย เช่นการเก็บตัวอย่างเลือด
การเก็บตัวอย่างเพาะเชอ้ื
5. กรณีที่ไม่สามารถปล่อยกับสู่ทะเลได้ให้รีบนากลับไปพักฟ้ืนเพื่ออนุบาลช่วยเหลือ
ตอ่ ไป และกรณีที่เสยี ชีวิตควรนามาทาการผ่าชันสูตรเพอื่ หาสาเหตุของการเกยตื้นหมู่
ซ่ึงจะทาให้สามารถประเมินสถานการณห์ ากพบการเกยตื้นซา้
10. การปล่อยโลมาและเกยต้นื กลับส่ทู ะเล
Page | 68 หลังจากท่ีทาการรักษาเสร็จแล้วเมื่อสัตว์สุขภาพดีพรอ้ มกลับสูท่ ะเล ต้อง
มีการประเมินสภาพร่างกายภายนอก สัตว์สามารถว่ายน้าได้ตามธรรมชาติ
สามารถดาน้าและสามารถหาอาหารกินเองได้ น้ันคือพฤติกรรมที่ดีในการอยู่รอด
เจาะเลือดประเมินสุขภาพของสัตว์อย่างละเอียดก่อนปล่อย โดยสัตวแพทย์และ
ผู้เช่ียวชาญ ซ่ึงหลังจากการปล่อยต้องมีการเฝ้าระวัง ตรวจสอบการเกยต้ืนซ้า
ร่วมกบั ชุมชนบริเวณท่ีทาการปลอ่ ยสตั วด์ ้วย
เตรียมกป่ี ลอ่ ยโลมาซ่งึ ไดท้ าการตรวจรา่ งกายไม่พบอาการป่วยและโลมา รว่ มกบั การ
เจาะเลอื ดประเมนิ สขุ ภาพ ก่อนจงึ ทาการปลอ่ ย
ตวั อย่างแนวทางในการปฏบิ ตั กิ ารชว่ ยเหลอื เตา่ ทะเล Page | 69
เกยตน้ื ท่มี ักพบในประเทศไทย
1. ประเมนิ สถานการณ์เม่อื พบเตา่ ทะเลเกยตน้ื
การประเมินสถานการณ์ เป็นขั้นตอนอันดับแรกที่ผู้ปฏิบัติต้องกระทา
โดยเร่ิมจากการตรวจสอบข้อมูลและยืนยันข้อมลู ของการเกยตื้นโดยผไู้ ด้รับแจ้ง
เหตุต้องทาการตรวจสอบข้อมูลสัตว์ทะเลหายากเกยต้ืน แล้วทาการ
ประสานงานจัดเตรียมเจ้าหน้าท่ีและอุปกรณ์ช่วยชีวิต เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ
แล้วทาการบันทึกข้อมูลเบื้องต้นนี้ไว้ในแบบฟอร์มการเกยตื้นดังเช่นการ
ช่วยเหลือของโลมาและวาฬ
2. การประเมนิ สุขภาพเต่าทะเลเกยตืน้ เพื่อประเมนิ แนวทางการ
จดั การเตา่ ทะเลเกยต้นื มีชวี ติ
2.1 เต่าทะเลสุขภาพดีหรือมีอาการป่วยเพียงเล็กน้อย เต่าสามารถ
ว่ายน้า และทรงตัวได้ดีในน้า เต่าสามารถยกหัวขึ้นมาหายใจเหนือผิวน้าได้
เอง เม่ือจับใบพายด้านหน้าแล้วมีอาการขัดขืน เม่ือวางบนพื้นทรายแล้วเต่า
จะคลาน หรือเม่ือยกเต่าข้ึนมาแล้วเต่าจะขยับใบพายลักษณะพยายาม
เคลือ่ นทีไ่ ปดา้ นหน้า
2.2 เต่าทะเลป่วยหรือบาดเจ็บ เต่าจะว่ายน้าผิดปกติ หรืออ่อนแรง
ไม่มีแรงยกหัวข้ึนมาหายใจเหนือผิวน้า เม่ือจับยกตัวขึ้นมาไม่มีแรงขัดขืน
หรือเม่ือวางบนพ้ืนแล้วเต่าจะไม่คลาน บางครั้งอาจพบว่ามีอาการแห้งน้า
เบ้าตาจมลึก บางครั้งอาจพบว่ามีปรสิตภายนอก เช่น เพรียง ปลิง เป็นต้น
หรอื มีเครอ่ื งมอื ประมง หรือขยะทะเลติดมากบั ตวั เตา่ ดว้ ย
2.3 เตา่ ทะเลท่ีอยูภ่ าวะฉุกเฉิน เตา่ จะไม่มกี ารตอบสนอง หรือมกี าร
ตอบสนองน้อยมาก เมื่อพบเต่าทะเลอยู่ในภาวะน้ี ควรรีบทาการช่วยเหลอื
โดยการสอดท่อช่วยหายใจทนั ที
Page | 70
2
13
1. เตา่ หญ้าปว่ ยจากธรรมชาติ จากการติดเชอ้ื โรค
กระดองเรมิ่ เปอ่ื ย เกลด็ หลดุ ลอก
2. เต่ามะเฟอื งท่มี ลี ักษณะสมบรู ณ์ แข็งแรง สขุ ภาพดี
3. เตา่ หญา้ ทอี่ ยใู่ นภาวะฉุกเฉนิ เตา่ จะไม่มกี าร
ตอบสนองเน่อื งจากมีอาการป่วยหนัก
4. เตา่ ตนไุ ดร้ บั การบาดเจ็บ และมอี าการปว่ ยรว่ มดว้ ย
กระดองเรมิ่ มสี าหรา่ ยและเพรยี งเกาะตดิ
4
3. แนวทางการจดั การเตา่ ทะเลมชี วี ติ เกยตนื้
Page | 71
แบง่ ตามลักษณะการพบได้ 2 กรณดี งั น้ี
3.1 กรณเี ตา่ ทะเลท่ีติดเคร่ืองมือประมง
- ถ้าไม่พบบาดแผลภายนอกใดๆ พบแค่เตา่ มีอาการซึมหรืออ่อน
แรง แนะนาให้ปลอ่ ยลงทะเลในบริเวณที่พบทันที
- ถ้าพบมีบาดแผลภายนอก หากเต่ายังแข็งแรง มีอาการดิ้นขัด
ขืน แนะนาให้ปล่อยลงทะเลในบริเวณท่ีพบทันที หากเต่ามีอาการ
ซึม ออ่ นแรง แนะนาใหน้ ามารักษาพยาบาลในสถานทที่ เี่ หมาะสม
Page | 72 ตัวอยา่ งสถานการณ์การพบเต่าติดเครอ่ื งมือ
ประมง
ตวั อย่างสถานการณก์ ารพบเต่าตดิ เครอ่ื งมอื ประมง
กรณีมีอวนพัน ให้ตัดเศษอวนท่ีพันตามตัวออกก่อนจากน้ันตรวจสอบดู
บาดแผลภายนอก
กรณีเต่ากินเบ็ด โดยสามารถเห็นตัวเบ็ดได้ อย่าดึงสายเอ็นแรงเกินไป
เพราะอาจทาให้เกิดบาดแผลภายในหลอดอาหาร และระวังถูกเต่ากัด ให้ดัน
ปลายเบ็ดท่ีมีเงี่ยงแหลมให้ทะลุผนังแก้มแล้ว จึงใช้คีมตัดปลายที่มีเง่ียงนั้นออก
จากนัน้ จึงดงึ เบ็ดออกจากปาก และปลอ่ ยเต่ากลบั สทู่ ะเล
กรณีเต่าทะเลกินเบ็ดลึกลงไปในลาคอ การนาเบ็ดท่ีอยู่ลึกในตัวเต่า
ทะเลออกจาเป็นต้องมีการผ่าตัดและวางยาสลบซึ่งต้องกระทาโดยสัตวแพทยผ์ ู้ที่
เชย่ี วชาญเทา่ นน้ั หรือแจ้งหน่วยงานท่ีเกย่ี วข้อง เพือ่ รบี แก้ไขได้ทนั ท่วงที
การชว่ ยนาเบด็ ท่อี ยู่ใน
ปากออกโดยดันปลาย
เบ็ดทมี่ เี ง่ยี งแหลมให้
ทะลุผนังแก้มแลว้ ใช้คีม
ตัดปลายที่มีเง่ียงนน้ั
ออกและดงึ เบ็ดออก
จากปากปล่อยเต่ากลบั
ส่ทู ะเล
ภาพเอ็กซเรย์ที่แสดงเบ็ด (วงกลมสแี ดง) ในลาคอของ Page | 73
เต่าทะเลเกยตน้ื ซ่งึ ตอ้ งใหส้ ัตวแพทย์นาออกทนั ที
การนาเบด็ ทอ่ี ยลู่ กึ ใน
ลาคอตดิ กระเพาะ
ของเต่าทะเลออกซ่งึ
ต้องวางยาสลบโดย
สัตวแพทย์
Page | 74 3.3 การขนยา้ ยเต่าทะเลเกยต้นื ไปยงั บอ่ พักฟ้ืนหรือให้
หนว่ ยงานเกยี่ วขอ้ งช่วยเหลือต่อไป
3.2 เตา่ ทะเลที่พบเกยตื้นบนชายหาด
กรณีพบเต่าเกยตื้นบนชายหาด สว่ น แนวทางในการปฏิบัติ
1. เม่ือพบเต่าเกยต้ืนหากพบว่าอยู่กลางแจ้งให้นา
ใหญ่สัตว์มักมีอาการป่วยหรือมีสภาพ เต่าเข้ามาอยู่ในที่ร่ม มีความเงียบสงบหา่ งไกลจากผคู้ น
อ่อนแรงจึงต้องมีการตรวจร่างกายเพื่อ 2. การขนย้ายเต่าทะเลไม่จาเป็นต้องแช่เต่าในน้า
ประเมินสภาพแรกรับเบื้องต้น หาก สามารถขนย้ายโดยใช้กระบะหรือเปลที่เหมาะสมกบั ขนาด
พบว่าสัตว์ไม่มีการตอบสนองให้ทาการ ตัวเต่าทะเล
ต ร ว จ ส อ บ ก า ร มี ชี วิ ต ข อ ง เต่ า เพื่ อ ห า 3. คลุมด้วยผ้าเปียกน้าที่ส่วนกระดองของเต่า
วธิ ีการจัดการต่อไปดังรปู ภาพแสดง เพือ่ ให้ความชมุ่ ช่นื และป้องกันอันตรายท่ีจะเกิดขึ้นกับปอด
ในกรณีท่ีพบเต่าทะเลติดเครื่องมือประมงซ่ึงมักจะมีการ
สาลักน้า ให้หนุนส่วนท้ายของเต่าสูงขึ้นประมาณ 20
เซนตเิ มตร เพอื่ ใหน้ า้ ท่สี าลกั ลงไปยงั ปอด ไหลออกมา
4. คลมุ ผ้าส่วนหวั แต่อยา่ คลมุ จมกู ทาการขนย้าย
ไม่ควรใช้เวลาเกินกว่า 4 ชั่วโมง การขนย้ายเต่าทะเลป่วย
สามารถเคลื่อนย้ายมายังสถานท่ีเหมาะสมในการพักฟื้น
และเพื่อสะดวกในรกั ษาพยาบาลตอ่ ไป
ในระหว่างการขนย้ายหากมีการพบเครื่องหมาย Page | 75
ติดตามตัวสัตวค์ วรทาการบันทึกหมายเลข วันท่ีและสถานที่ที่
พบเต่า สภาพของเต่า (แข็งแรงดี ป่วยหรือบาดเจ็บ หรือ
เสียชีวิต) ไว้ในใบบันทึกด้วย ซึ่งในเต่าทะเลมีการทา
เครือ่ งหมาย ได้แก่ แถบโลหะ และ ไมโครชพิ
1. แถบโลหะ บนเครื่องหมายจะมีชอื่ และข้อมูลติดต่อกลับ
ของผู้แจ้ง ซ่ึงสามารถแจ้งไปยงั ท่ีอยูบ่ นเครือ่ งหมาย
2. ไมโครชิพ ขนาดประมาณเมล็ดข้าวสารฝังอยู่ใต้ผิวหนัง
(มองไม่เห็นจากภายนอก) ต้องใช้เคร่ืองอ่านเฉพาะ โดยให้ทา
การบันทกึ หมายเลขไมโครชิพไว้
12
3
1. แถบโลหะ เปน็ เครอ่ื งหมายภายนอกท่ีใช้ระบตุ ัวเต่าทะเล ซงึ่ จะมหี รัสของแตล่ ะประเทศสลักไว้
2. การใช้เครอ่ื งอ่านโครชพิ เพ่ืออา่ นรหัสของไมโทคชิพทสี่ บื หาประวัตขิ องเต่าทะเล
3. การฝงั ไมโครชพิ ใชเ้ ข็มฝังไมโครชิฟใต้ชน้ั ผิวหนงั บรเิ วณหวั ไหล่ ระวังอยา่ ฝังถึงชั้นกลา้ มเนอ้ื
อาจจะทาให้เกิดการอกั เสบหรือกล้ามเน้ือส่วนนั้นเสื่อมสภาพได้
Page | 76 4. การตรวจร่างกายเพอ่ื ประเมนิ สขุ ภาพเต่าทะเลเกยตน้ื ในระยะพักฟืน้
สาหรบั การจัดการเตา่ ทะเลในระยะพกั ฟื้นน้นั จะต้องมีการตรวจประเมนิ สขุ ภาพ
ของเต่าทะเลโดยละเอยี ดกอ่ น โดยสัตวแพทยเ์ พ่ือวางแผนการรักษา การวินจิ ฉยั และการ
อนุบาลเต่าทะเลในระยะพกั ฟ้ืนได้อยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสมทสี่ ุด การตรวจร่างกายสตั ว์
สามารถทาได้โดยใชเ้ คร่ืองมือทที่ ุก ๆ คนมีอยู่แลว้ ในตัว นนั่ ก็คือ ประสาทรับสมั ผัสต่างๆ
ได้แก่ การดดู ว้ ยตา การสมั ผัสดว้ ยมอื หรอื รบั รดู้ ้วยการดมกลนิ่ เป็นต้น
การประเมินสุขภาพเบอ้ื งต้นทาไดโ้ ดย
- การตรวจดูภาวะทางโภชนาการ: สามารถดูได้จากสภาพอ้วนผอม โดยในเต่า
ทะเลสามารถดูได้จากการเว้าของกระดองท้องและปริมาณไขมันสะสมในร่างกาย ซ่ึง
สามารถแบ่งระดบั ความสมบรู ณ์ของรา่ งกายได้ 3 ระดับ คือ
1. ผอม หรือ มีภาวะทุพโภชนาการ: เบ้าตาจม
พบการสะสมของไขมนั บริเวณไหล่ รอบคอน้อย
กล้ามเนอื้ อ่อนแรง กระดองท้องมีลกั ษณะเว้า
และพบการปดู ของหวั กระดูกตามข้อต่อต่าง ๆ ได้
อยา่ งชดั เจน
2. ปกต:ิ ไม่มภี าวะอ่อนแรง พบการสะสม
ของไขมันบริเวณไหล่ และรอบคอปกติ
กระดองท้องมีลักษณะเรียบเสมอกนั
3. อ้วน: พบการสะสมของไขมนั บรเิ วณ
ไหล่ และรอบคอมากกว่าปกติ กระดอง
ท้องมลี ักษณะนนู ออกมาจากตวั
- ผิวหนังและเกล็ด: ดูสภาพของ - ระบบหายใจ: ตรวจนับอัตราการหายใจและคุณภาพการ Page | 77
เกล็ด ผิวหนัง และปรสิตภายนอก หายใจ ในเต่าทะเลปกติ อัตราการหายใจจะแตกต่างกันไป
โดยการตรวจดูว่ามีการหลุดลอก ตามช่วงอายุ กิจกรรม และสภาพของสัตว์ โดยปกติสัตว์จะมี
ของเกล็ด แผล ฝี หรือรอยแผลเป็น การหายใจเข้าออกอย่างเป็นจังหวะสม่าเสมอ ไม่สั้นหรือยาว
บริเวณเกล็ดกระดองหรือผิวหนัง จนเกินไป ไม่มเี สียงดังครืดคราดผิดปกติขณะทีห่ ายใจ
หรือไม่ และหากพบปรสิตภายนอก
เช่น เพรียงหรือปลิง ควรกาจัดออก - การลอยตัว: การตรวจปัญหาการลอยตัวตอ้ งตรวจขณะที่เต่า
ให้หมด ทะเลอยู่ในน้า โดยดูว่าเต่าทะเลสามารถจมตัว และลอยตัว
ข้ึนมาหายใจได้อย่างปกติหรือไม่ ซึ่งหากมีปัญหาการลอยตัว
- บริเวณ ช่องทวารร่วม: หากพบ จะต้องมีการระบุตาแหน่งทางกายวิภาคว่า มีการลอยตัวที่
ลาไส้ปล้ิน อาจบ่งชี้ถึงภาวะลาไส้ไส้ ตาแหน่งไหนของกระดองเพ่ือให้ง่ายต่อการประเมินความ
อดุ ตนั หรือหรอื ภาวะท้องผูกได้ รนุ แรงของการป่วยและการวนิ จิ ฉัยในข้นั ต่อไป
5. การจัดการเล้ียงเตา่ ทะเลในระยะพักฟื้น
หลกั เกณฑ์ในการอนุบาลเตา่ ทะเล การอนุบาลเต่าทะเลป่วยในบอ่ เล้ียงมีดังนี้
5.1 บ่ออนุบาล ควรทามาจากวสั ดุผวิ เรยี บ เช่น ถังไฟเบอรก์ ลาส หรือกระเบื้องเรียบ และไมม่ ีวัสดุ
ตกแต่งใด ท่ีอาจเกิดอันตรายกับเต่าทั้งจากการแทะกินและการกระแทกหรือชนกับวัสดุเหล่านั้น ขนาดบ่อ
ตอ้ งมพี ื้นท่ีเพียงพอใหเ้ ต่าสามารถว่ายนา้ กลบั ตวั ได้ มีระบบระบายน้าเขา้ ออกเพอื่ ให้สามารถปรบั ระดับน้า-
ตามความเหมาะสมกบั ขนาดตัวเต่าได้ และสามารถเปลีย่ นถ่ายน้าได้ทุกวัน ควรอยู่ในท่ีเงียบสงบ ไม่มีเสียง
รบกวน และไม่มีแสงไฟรบกวน
5.2 ระดบั น้า ของบอ่ อนบุ าลขึน้ อยกู่ ับสภาพของเต่าโดย กรณีทเี่ ตา่ ยังสามารถว่ายน้าไดด้ ี สามารถ
ใสน่ ้าได้ตามปกติ ความลึกประมาณ 60 เซนตเิ มตรหรอื มากกวา่ กรณที ่ีเตา่ มีสภาพออ่ นแรงมาก ซึม ไม่วา่ ย
นา้ ให้พิจารณาใส่นา้ แค่พอท่วมตาของเต่าทะเลเพ่อื ป้องกนั การจมนา้ จนเสียชีวิต เมื่อเตา่ พักฟน้ื จนแขง็ แรง
ขน้ึ จงึ คอ่ ยเพม่ิ ระดบั นา้ ในภายหลัง
บอ่ เลย้ี งเตา่ ทะเลลักษณะบ่อซีเมนต์ ปูกระเบอ้ื งผิว
เรยี บดา้ นในงา่ ยตอ่ การทาความสะอาด
Page | 78 5.3 ก า ร ใช้ น้ า ใน ก า ร เล้ี ย ง 5.5 ควรเปล่ียนน้าทุกครั้งหลังให้อาหาร เพ่ือ
สามารถให้ได้ท้ังน้าจืดและน้าเค็ม โดย ไม่ให้น้าเน่าเสียและลดโอกาสการติดเชื้อหากเต่ามี
ในช่วง 24 ช่ัวโมงแรกของการนาเต่ามา บาดแผลภายนอก และควรระวังนา้ ท่ีมีคลอรนี
รักษาสามารถเลี้ยงในน้าจืดเพ่ือกาจัด
ปรสิตภายนอกและหลังจากนั้นควรปรับ 5.6 การให้ยาเบ้ืองตน้ ในเต่าทะเล โดยเบอื้ งตน้
มาเล้ียงในน้าเค็ม โดยคุณภาพน้าที่ใช้ สามารถปฐมพยาบาลเชน่ เดียวกบั มนษุ ย์ซึง่ จะแตกต่าง
อนุบาลเต่าทะเล ควรเป็นน้าท่ีสะอาด กนั ไปในแต่ละกรณี ทาให้ไมส่ ามารถกาหนดชนิดหรอื
ปราศจากส่งิ ปนเปอื้ น ปรมิ าณการใช้ยาสาหรับเต่าป่วยทกุ ๆ ตวั เหมือนๆกนั
ได้ ฉะน้นั การให้ยาแกส่ ตั ว์ควรปรึกษาสตั วแพทยก์ ่อน
5.4 อาหาร เต่าทะเลท่ีนามา ทกุ ครงั้ ถ้าเปน็ ไปได้
อนุบาลควรได้รับอาหารท่ีมีคุณค่าทาง
โภชนาการเหมาะกับชนิดและสภาพของ ในกรณีพบบาดแผลในเต่าทะเลสามารถใช้ยาทาแผล
เตา่ ทะเล โดยเต่าทะเลชว่ งโตเต็มวัยจะกิน ท่วั ไปได้แก่
อาห ารแตกต่างกันไปตามสายพั น ธ์ุ - เบตาดีนลา้ งแผล ยาใสแ่ ผลฆา่ เชอ้ื โรค ทายาใส่แผลสด
อาหารสาหรับเต่าทะเลในบ่ออนุบาล ทุกวัน วนั ละ 2-3 คร้งั
สามารถให้ปริมาณประมาณ 3-5 % ของ - เจนเชียลไวโอเลต หรอื ยามว่ ง ยาใสแ่ ผลฆา่ เชอ้ื โรค
น้าหนักตวั ต่อวนั แผลสด หรือเริม่ เปอ่ื ย
* หากพบว่าเต่าไม่กินอาหารนานเกิน 1 ใส่แผลทุกวนั วันละ 2-3 ครง้ั
สัปดาห์ ต้องทาการป้อนอาหาร อาจป้อน สว่ นการรกั ษาอื่น ๆ น้นั ต้องเลือกใช้ยาให้เหมาะสมกบั
เปน็ ชนิ้ ๆ หรือให้ทางสายยางป้อนอาหาร อาการป่วยในแตล่ ะกรณี และคานวณขนาดยาที่
เหมาะสม ซง่ึ อาจมีผลต่อชวี ิตได้
ภาพการป้อนอาหาร
ใหใ้ นเต่าปว่ ยโดยใช้
ปลาสดใหต้ ามความ
ต้องการ หรือ 3-5 %
ของน้าหนักตวั ตอ่ วนั
บทที่ 4
Page | 79
การชนั สูตรซากสตั ว์ทะเลหายาก
Marine endangered species necropsy
การชันสูตรซาก คือการตรวจพิสูจน์เพ่ือประเมิน
สภาพและวิการของซาก มีวัตถุประสงค์เพ่ือหาสาเหตุการ
เสียชีวิต นอกจากนั้นข้อมูลท่ีได้จากการเก็บรวบรวมการ
ชันสูตรซากสามารถใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานเพ่ือการวางแนว
ทางการรักษา การเฝ้าระวังและป้องกันโรคในสัตว์ต่อไปได้
การชันสูตรซากจาเป็นอย่างยิ่งท่ีจะต้องกระทาโดยคานึงถึง
หลกั สุขศาสตร์เพ่ือปอ้ งกนั โรคทอี่ าจจะติดต่อจากสัตวส์ คู่ น
การผ่าชันสูตรซากควรลงมือทาเร็วที่สุดหลังจากสัตว์
เสียชีวิต เนื่องจากซากยังสดไม่แปรเปลี่ยนสภาพไปจากเดิม
มากนักทาให้ผู้ผ่าชันสูตรสามารถวินิจฉัยหาสาเหตุการ
เสียชีวิตได้ง่ายขึ้น ถ้าย่ิงปล่อยซากไว้นานสภาพจะ
เปล่ียนแปลงตามระยะเวลาทาให้ยากต่อการวินิจฉัย ดังน้ัน
การวนิ ิจฉยั ซากท่ีดีท่ีสุดคือการลงมือชันสูตรซากทันทีหลังจาก
ทีส่ ัตวเ์ สยี ชวี ติ
เตรียมตัวก่อนผ่าชนั สูตร
อุปกรณ์
Page | 80
เตรียมตัวก่อนผ่าชนั สูตร
เครอ่ื งแตง่ กาย
Page | 81
การเตรียมตัวก่อนการผ่าชันสูตร
ผทู้ าการผา่ ชนั สูตรควรสวมเคร่ืองแต่งกาย
ทีม่ ิดชดิ กอ่ นทาการผ่าชันสตู รทุกคร้งั เพ่ือ
เป็นการป้องกันสงิ่ สกปรกและเช้อื โรคตา่ ง
ๆ ท่ีอาจตดิ ต่อจากซากสคู่ น
ข้อควรระวังในการผ่าชันสูตร
ซากคืออุปกรณ์ท่ีใช้สาหรับผ่าชันสูตรซาก
ไ ม่ ค ว ร ใ ช้ ร่ ว ม กั บ อุ ป ก ร ณ์ รั ก ษ า ห รื อ
ช่วยชวี ิตสตั ว์ เนื่องจากสตั วท์ ่ตี ายอาจจะมี
โรคท่ีแฝงอยู่ การท่ีอุปกรณ์ที่ใช้ในการผ่า
ชันสูตรซากสัมผัสกับเลือดหรือสารคัด
หล่ังของสัตว์ เช่น น้าในช่องท้องหรือช่อง
อก ทาให้โรคติดต่อเหล่านั้นติดมายัง
ส่งิ มีชวี ติ อื่น ๆ ได้
การถ่ายภาพ
1. เทคนิคการถ่ายภาพ 2. การถ่ายภาพภายนอก 3. หากพบบาดแผล หรอื 4. ก า ร ถ่ า ย ภ า พ สั ต ว์
แผลเป็น การเปล่ียน ภายนอกควรถ่ายให้
Page | 82 ใ น ก า ร ชั น สู ต ร ซ า ก โดยรวม ควรถ่ายให้ สี การผิดรูป เพรียง ครบทุกด้านของตัว
ควรมีไม้บรรทัดวาง ค ร บ ทั้ ง สี่ ด้ า น ข อ ง วิการ ฝีหรือปรสิต สัตว์ ได้แก่ ด้านหลัง
ขนานกับวัตถุและให้ ลาตวั ในภาพหนง่ึ ควร ควรถ่ายรูปพร้อมกับ ด้านท้อง ด้านข้าง
เ ล น ส์ ข อ ง ก ล้ อ ง เห็นให้ครบท้ังลาตัว ไม้บรรทัด และบันทึก ซ้าย ด้านข้างขว า
ถ่ายรูปต้ังฉากกับวัตถุ ตั้งแต่ส่วนหัวไปจนถึง ต า แ ห น่ ง ลั ก ษ ณ ะ ที่ จากหัวถึงหาง และ
ท่ี ต้ อ ง ก า ร ถ่ า ย พ อ ดี ส่วนหางและควรมีไม้ พบลงใบบันทึกก่อน
จากหางมาหัว
เพ่ือความแม่นยาใน บรรทัดที่มีหน่วยบอก การเก็บตัวอย่างเสมอ
การเปรียบเทียบกับ ความยาวชัดเจนวาง
สเกล ขนานลาตวั เสมอ
ข้อแนะนำ: ควรถ่ายรูปร่องรอยบาดแผล
และความผิดปกติโดยละเอียดเพื่อเป็น
ข้อมูลประกอบการวินิจฉัย และนาไป
เปรียบเทียบ หรือใชป้ ระโยชนอ์ น่ื ๆ ได้
ข้อมูลก่อนผา่ ชันสูตรซาก
Page | 83
ชนิด วัน และ เวลา ภาพถ่ายสตั ว์ และบาดแผล
สายพนั ธุ์ของสตั ว์ สถานที่
อาการทีพ่ บขณะเกยตื้น พิกดั ทเี่ กยตื้น
บาดแผล ผูแ้ จง้ ข่าว
การประเมนิ สภาพซาก การประเมินสภาพมีความสาคัญต่อการพิจารณาเก็บตัวอย่าง โดยสามารถ
แบ่งสภาพซากเป็น 5 ระดับได้แก่ ซากเพ่ิงเสียชีวติ ซากสด ซากเร่ิมเน่า ซากเนา่
มาก และซากแห้งหรือกระดกู
Page | 84 โลมำและปลำวำฬ ตวั อย่างสภาพซาก
พะยนู เตำ่ ทะเล
ซำกเพงิ่ เสยี ชวี ิต
ซำกสด
ซำกเรม่ิ เนำ่
ซำกเน่ำหรือเนำ่ มำก
ซำกแหง้ หรือกระดกู
การผ่าชนั สูตรซากสตั วท์ ะเลเลี้ยงลูกดว้ ยนม
การประเมินความสมบรู ณข์ องรา่ งกายสัตวเ์ บ้ืองตน้
ข้อสังเกต: 1. รอยคอดบรเิ วณลาคอ Page | 85
2. แนวสันหลงั
3. ชัน้ ไขมนั
* โลมำและวำฬใชห้ ลักเกณฑเ์ ดียวกัน
สตั ว์อ้วน :
1. รอยคอดบรเิ วณลาคอไม่ชดั เจน
2. ไมเ่ ห็นแนวสนั หลัง
3. ชั้นไขมนั หนามาก
สัตวป์ กติ :
1. รอยคอดบรเิ วณลาคอไมช่ ดั เจน
2. เหน็ แนวสนั หลังเลก็ นอ้ ย
3. ชัน้ ไขมันหนา
สตั วผ์ อม :
1. รอยคอดบริเวณลาคอชัดเจน
2. เหน็ แนวสนั หลังชัดเจน
3. ช้ันไขมันบาง
Page | 86 การวดั ขนาดซาก
การวัดขนาดซากก่อนทาการผ่าชันสูตรเป็น
การเก็บข้อมูลภายนอก โดยการวัดมี 2
ลักษณะด้วยกนั คือ วดั ตรง และวดั แนบ การ
วัดตรงคือการวัดในแนวขนานกับลาตัวสัตว์
ส่วนการวัดแนบคือการใช้สายวัดแนบกับ
ลาตวั สัตว์
ขั้นตอนการผา่ ซากสัตวท์ ะเลเล้ียงลกู ด้วยนม
1) การเก็บตัวอย่างภายนอก
ได้แก่ การเก็บผิวหนังตหรือ
ตัวอย่างดีเอ็นเอ และพยาธิ
ภายนอก (ถ้าม)ี
ถา่ ยรปู ร่องรอยบาดแผลภายนอก
พร้อมไมบ้ รรทัด
2) วางสัตว์ท่านอนคว่า ตัดส่วนหางโดยการกรีดจากคอดหางถึงรอยเว้า Page | 87
แพนหางทั้งสองด้าน และตัดครีบหลัง (ในโลมาและวาฬ) ออก เริ่มเปิด
ผิวหนังจากกลางคอแนวสันหลังเป็นเส้นตรงตามยาวแล้วเปิดเลาะรอบ
ๆ ตัวแยกช้ันผิวหนังและไขมันออกรอบตัว ระวังในส่วนของช่องเพศ
ไม่ให้เสียหาย พร้อมทั้งสารวจความผิดปกติของชั้นกล้ามเนื้อและไขมัน
ที่เปิดออก ขณะผา่ ควรทาอยา่ งระมัดระวังในกรณีของซากมีสภาพต้ังแต่
เรม่ิ เนา่ เป็นตน้ ไปเพราะอาจมแี ก๊สในช่องท้องร่วั ตามรอยกรีดและแตกได้
3) สะบักและครีบข้างทั้งสองออกเลาะแยก เลาะเอาเนื้อออกในสว่ นของครบี ข้างลาตวั
ออกจากส่วนลาตัว แยกหนัง กล้ามเน้ือ
ออก และเก็บตวั อยา่ งชน้ิ เน้ือและหนงั
Page | 88 4) เลาะกล้ามเน้ือออก โดยเริ่มจากส่วนของกล้ามเน้ือท่ีอยู่ทั้งสองข้างของสันหลัง
และกล้ามเนื้อที่คลุมอยู่ข้างซ่ีโครงท้ังสองข้างออก ตัดกระดูกคอออกจาก
กะโหลก แยกกะโหลกออกมาเลาะหนงั และกล้ามเน้ือออก โดยเมอื่ เปดิ ถงึ โพรง
จมูกและช่องปากให้สังเกตความผิดปกติเนื่องจากอาจพบพยาธิในบริเวณโพรง
จมกู ได้ หากพบสงิ่ ผิดปกติหรือส่งิ แปลกปลอมอ่ืน ๆ ควรบนั ทกึ ความผดิ ปกติไว้
ในใบบันทึกการผ่าซาก
5) พลิกส่วนท้องหงายข้ึน เลาะกล้ามเนื้อบริเวณ
อกออกจนเหน็ กระดูกอก ตอ่ จากนั้นเลาะแนว
กลางของช่องท้องออก เม่ือถึงส่วนของช่อง
ท้องให้ระวงั อวัยวะภายในและเม่ือใกล้บริเวณ
ช่องเพศให้เบ่ียงหลบช่องเพศไปทางด้านซ้าย
หรือขวา ระวังส่วนกระดูกเชิงกราน ซึ่งส่วน
หัวกระดูกจะอยู่บริเวณใต้กระดูกสันหลังข้อที่
23 ส่วนปลายจะวางตัวเอียงทามุมประมาณ
45 องศา ติดด้านหลังช่องเพศเล็กน้อย เก็บ
ตัวอย่างกระดูกเชิงกราน แยกซ้าย-ขวา
จ า ก นั้ น ตั ด ก ร ะ ดู ก ข้ อ ต่ อ ร ะ ห ว่ า ง ก ร ะ ดู ก
หน้าอกและซโี่ ครงออกทงั้ สองดา้ นออก
6) ตรวจสอบความผิดปกติของการ Page | 89
ว างตัว ของอวัยว ะในช่ อ ง ท้ อ ง
ถ่ายรูป สังเกตุร่องรอยวิการหรือ
ผิดปกติ จากนั้นดึงหลอดลมและ
หลอดอาหารขน้ึ แลว้ ตดั เลาะเน้ือเย่ือ
ที่ยึดปอดกับกระดูกสันหลังออกจน
สุด จะพบต่อมหมวกไตซึ่งมีขนาด
เล็กวางอยู่ระหว่างส่วนท้ายของกระ
บงั ลมกับด้านบนของไต
7) ตรวจลักษณะรอยวิการโดยรวม ตัด 10) เลาะแยกหลอดลมและหลอดอาหารออกจากกัน ตัด
แยกต่อมไทมัส (Thymus) ซ่ึงอยู่บริเวณ เลาะกระบังลมที่เกาะติดอยู่กับรอยต่อระหว่างหลอด
ด้านบนข้ัวหัวใจ (สาหรับสัตว์ที่อยู่ในวัย อาหารและกระเพาะอาหารออก จากน้นั เลาะแยกตบั อ่อน
เดก็ ) และตัดแยกต่อมไทรอยด์ซง่ึ อยู่ติดกับ และม้ามซึ่งอยู่ใกล้กับกระเพาะอาหารส่วนท้ายและสาไล้
หลอดลม ช่ังน้าหนกั วัดขนาด ตรวจดูรอย เล็กส่วนต้นออกมาช่ังนา้ หนกั วดั ขนาด และเลาะแยกลาไส้
วกิ ารทงั้ ภายนอกและภายใน ออกจากเยื่อยึดลาไส้ เมื่อถึงส่วนปลายของลาไส้ใหญ่ควร
ใช้เชือกมัดก่อนจึงตัดลาไส้ส่วนปลายเพ่ือป้องกันมิให้
8) สังเกตถุงหุ้มหัวใจว่าภายในมีของเหลว อุจจาระออกมาจากลาไส้เม่ือแยกระบบทางเดินอาหาร
สะสมอยู่ในถุงหุ้มหัวใจหรือไม่ และ ออกมาแล้วตัดแยกส่วนของทางเดินอาหารออก ได้แก่
ลั ก ษ ณ ะ ข อ ง ถุ ง หุ้ ม หั ว ใ จ เ ป็ น อ ย่ า ง ไ ร ส่วนของหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร ลาไส้เล็ก
ลักษณะปกติของถุงหุ้มหัวใจควรใส มี กระพุ้งลาไส้ใหญ่ และลาไส้ใหญ่ ก่อนจะตัดแยกให้ใช้
หลอดเลือดมาเลี้ยงน้อย และไม่ควรมี เชือกมดั หูรดู ระหว่างจุดต่าง ๆ
ของเหลวสะสมในถุงหุ้มหัวใจ สังเกตและ
บันทึกลงใบบันทึกแล้วเลาะแยกหัวใจ 11) เลาะระบบสืบพันธ์ุและกระเพาะปัสสาวะซึ่งอยู่ใกล้
ออกมาช่ังน้าหนักวัดขนาด จากน้ันเลาะ กบั บริเวณลาไสใ้ หญ่ส่วนท้ายออก
แยกตับเป็นลาดับต่อมาโดยระวังถุงน้าดีที่
อยู่ระหว่างตับและกระเพาะอาหาร เลาะ 12) ตัดหลอดลมที่ติดกับปอดออกแล้วนาปอดไปช่ัง
แยกใหถ้ ุงน้าดีเกาะตดิ มากับตบั น้าหนกั วดั ขนาดถ่ายรปู และตรวจวิการ
9) เลาะแยกไตและต่อมหมวกไตซ่ึงติดกับ 13) เม่ือทาการเลาะแยกแต่ละอวัยวะเรียบร้อยแล้ว ทา
ส่วนท้ายของกระบังลมออก ช่ังน้าหนักวัด การวัดสัดส่วนและช่ังน้าหนักอวัยวะเพ่ือเก็บข้อมูล การ
ขนาดและตรวจวกิ าร วัดสัดส่วนให้วัดส่วนที่กว้างสุดยาวสุดของแต่ละอวัยวะ
ส่วนดา้ นกวา้ งด้านยาวใหพ้ ิจารณาจากตาแหน่งการวางตัว
ของอวยั วะ
Page | 90 ตัวอยา่ งความผิดปกติ
ปลำยเข้ยี วพะยูนถูกตดั ทั้งสองข้ำง
เสมหะในแขนงหลอดลม
มำ้ มมจี ุดสขี ำวกระจำยท่วั
กอ้ นหนองท่ลี ำไสเ้ ล็ก
โดยปกติแล้วภายในช่องอกสามารถพบ
ของเหลวได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น การพบ
ของเหลวในปริมาณมากบ่งชี้ได้ถึงความ
ผิดปกติที่เกิดขนึ้ ภายในร่างกายสัตวไ์ ด้
อย่ำงไรก็ตำม การตรวจวิการควร
ทาโดยผเู้ ชย่ี วชาญในการดูสามารถ
บง่ ชคี้ วามผิดปกติได้
อวัยวะภายในของสัตวท์ ะเลเลี้ยงลกู ดว้ ยนม Page | 91
โลมำและวำฬ
พะยูน
Page | 92 การผา่ ชนั สูตรซากเตา่ ทะเล
การประเมนิ ความสมบรู ณข์ องร่างกายสตั วเ์ บือ้ งตน้
ขอ้ สังเกต: 1. กระดองท้อง
2. กล้ามเนอื้ บริเวณลาคอ
3. ไขมนั สะสม
สัตวอ์ ้วน :
1. กระดองท้องเตม็ อวบนนู เหน็ ได้ชดั
2. กลา้ มเนอื้ บรเิ วณลาคอเตม็ พน้ ขอบกระดอง
3. ไขมันสะสมเยอะเม่อื เปิดผา่ กระดองทอ้ ง
สตั วป์ กติ :
1. กระดองท้องราบ หรือนนู ขึ้นเล็กนอ้ ย
2. กล้ามเนื้อบรเิ วณลาคอเต็มพอดีขอบกระดอง
3. ไขมันสะสมพอสมควรเมื่อเปดิ ผา่ กระดองท้อง
สตั วผ์ อม :
1. กระดองทอ้ งเว้าลกึ ยกเว้นในเตา่ กระ
2. กล้ามเนอื้ บริเวณลาคอน้อย เบ้าตาจม
3. ไขมันสะสมนอ้ ยเม่อื เปิดผา่ กระดองท้อง
การวดั ขนาดซาก
กลุ่มเต่าทะเลข้อมูลจากการชันสูตรร่วมกับ ก่อนเรมิ่ การผ่าชนั สูตรซากควรเก็บข้อมูลเบ้ืองต้น Page | 93
การเฝ้าติดตามเต่าทะเลในธรรมชาติและแหล่งวาง ภายนอก ถ่ายภาพ วัดขนาด และตรวจสอบ
ไข่เต่าสามารถนาไปสู่การหาปัจจัยที่ทาให้เกิดการปว่ ย หมายเลขแถบโลหะหรือไมโครชิพ ซง่ึ สามารถบ่ง
และการตายได้ ดังน้ันการเก็บตัวอย่างอย่างถูกต้อง บอกประวัติของตัวเต่าทะเลได้ เช่น ข้อมูลการ
จากการชันสูตรจึงเป็นส่วนหนึ่งท่ีมีความสาคัญซึ่ง ปล่อย ขนาดทป่ี ลอ่ ย ประวตั กิ ารวางไข่
สามารถนาไปประกอบการวนิ ิจฉยั สาเหตุการตายได้
การวัดขนาดและเก็บข้อมูล การวัดขนาดซากเต่าทะเลน้ันมี 2 ส่วนด้วยกัน คือการวัดตรงและการวัด
แนบ ท้ังแนวยาว โดยจะวัดจากกระดองด้านหน้าสุดจนถึงกระดองส่วนท้าย (การวัดกระดองแบบวัด
ตรง (Straight Carapace Length; SCL) และการวัดกระดองแบบวัดแนบ (Curve Carapace
Length; CCL) (ภาพท่ี 2) และแนวกว้าง โดยจะวดั ทีบ่ ริเวณที่กว้างท่ีสุด
การวัดสัณฐานวทิ ยาเบอ้ื งตน้
Page | 94
การวัดขนาด ควรใช้เครื่องมือท่ีเหมาะสม
โดยใช้สายวัดและเวอร์เนียในหน่วยเซนตเิ มตร
1) การใชเ้ วอรเ์ นียวดั กระดองเตา่ ทะเล 2) การใชส้ ายวดั วัดกระดองเต่าทะเล
- ความยาวของกระดองหลงั แบบวัดตรง - ความยาวของกระดองหลังแบบวัด
(Straight Carapace Length: SCL) แนบ (Curved Carapace Length:
- ความกวา้ งของกระดองหลังแบบวดั ตรง CCL)
(Straight Carapace Width: SCW) - ความกว้างของกระดองหลงั แบบแนบ
- ความยาวของกระดองท้อง (Curved Carapace Width: CCW)
(Plastron Length: PL)
- ความกวา้ งของกระดองท้อง
(Plastron Width: PW)
PW PL SCW/CCW
SCL/CCL
ขัน้ ตอนการผา่ ชนั สตู รซากเต่าทะเล
Page | 95
1) หงายเอาส่วนกระดองท้องขึ้น
แล้วใช้มีดกรีดเปิดตามรอยเส้นประ
ดงั ภาพ ซึ่งเปน็ บรเิ วณรอยต่อระหวา่ ง
กระดองหลังและกระดองท้อง (จะ
พ บ เ ฉ พ า ะ ก ร ะ ดู ก อ่ อ น ท่ี เ ชื่ อ ม
กระดองหลังและกระดองท้อง) ดึง
เอากระดองท้องออกจากกระดอง
หลังซ่ึงจะต้องตัดเอากล้ามเน้ือท่ียึด
กับกระดองท้องออก (วงกลมสีส้ม)
ตั ด เ อ็ น แ ล ะ ก ร ะ ดู ก อ่ อ น ท่ี อ ยู่ ใ ต้
กระดองท้องออก จะต้องระวังในเต่า
ท่ีผอมมากจะพบว่ากระดูกจะแทง
ออกมาจากกระดองท้อง
2) เมื่อเอากระดองท้องออกจะพบ
ก ล้ า ม เ น้ื อ ห น้ า อ ก ซ่ึ ง จ ะ ป ก ค ลุ ม
ช่องว่างลาตัว สีของกล้ามเน้ือจะมีสี
ค่อนข้างแดงไม่ซีด หลังจากนั้น
ตรวจดูลักษณะของไขมันควรเป็นสี
เขียวจนถึงสนี ้าตาลออ่ น
Page | 96 3) เม่ือยกกล้ามเนื้อหน้าอกออกแล้วจะเข้าสู่อวัยวะภายในช่อง 5) ทาการกรีดเปิดถุงหุ้มหัวใจโดย
ลาตัว ซ่ึงเต่าทะเลไม่มีกระบังลมดังน้ันเม่ือยก กล้ามเน้ือออกจะ จะต้องสังเกตลักษณะน้าในถุงหุ้ม
พบอวัยวะภายในท้ังช่องอกและช่องท้อง ให้สังเกตลักษณะสีของ หัวใจ (Pericardial fluid) โดยดู
น้าในช่องท้อง โดยปกติน้าในช่องท้องจะไม่พบหรือพบน้อยมาก จากปริมาณ, สี และความผิดปกติ
และมีสีค่อนข้างใส แต่ถ้าซากผ่านการแช่แข็งจะไม่สามารถตรวจ อื่น ๆ เช่นมีเลือดหรือคราบหนอง
ได้ เน่อื งจากเซลล์ถูกทาลายทาให้อาจพบนา้ ในช่องท้องได้ โดยสีท่ี ปน เป็นต้น โดยปกติน้าในถุงหุ้ม
ผิดปกติอาจพบเป็นสีแดงเข้ม สีเขียว สีน้าตาลเข้ม หรือมีลักษณะ หัวใจจะมีสีเหลืองอ่อน ถ้าเลาะ
เป็นของเหลวข่นุ มคี ราบหนอง ระวังจะพบต่อมไทรอยด์ใกล้กับ
หัวใจ จะเห็นเป็นก้อนกลมโปร่ง
4) หลังจากนั้น ทาการตัดเอากล้ามเนื้ออกและขาหน้าออกโดย แสง หลังจากน้ันตัดเอาหัวใจออก
ตัดเอากล้ามเน้ือรอบ ๆ ขาหน้าออกแล้วบิดขาหน้าออกจากจุดยึด มาแล้วสังเกตลักษณะของหัวใจ
เกาะท่ีกระดองหลัง เม่ือยกเอาขาออกมาให้กรีดเปิดดูบริเวณข้อ หั ว ใ จ ข อ ง เ ต่ า มี 3 ห้ อ ง
ต่อว่ามคี วามผิดปกติดงั ตอ่ ไปนีห้ รือไม่ สีของน้าเลี้ยงข้อ (Synovial (ประกอบด้วยหอ้ งบน 2 ห้อง และ
fluid) โดยปกติจะมีสีเหลืองอ่อนเหมือนสีฟางข้าว และหนืด มีห้องล่าง 1 ห้อง) หัวใจจะแน่น
ลักษณะบริเวณกระดูกอ่อนท่ีข้อต่อจะต้องเรียบและไม่หลุดออก และมีสีชมพูแดงเข้ม ผิวด้านนอก
จากหัวกระดูก ถ้าพบว่ากระดูกอ่อนขรุขระแสดงว่ามีการอักเสบ และด้านในจะเรียบ
และไม่ควรพบหนองในขอ้ ต่อ
6) ทาการเลาะเอาตับ ออก โดยทั่วไปตับจะ
แน่น เรยี บและบริเวณขอบจะมน และมสี ีนา้ ตาล
ม่วงสม่าเสมอ ท่ีบริเวณตับจะพบว่ามีถุงน้าดี
แทรกอยู่ ให้สังเกตลักษณะภายนอกและภายใน
ตบั ลักษณะของนา้ ดี