Independent study : IS
การศกึ ษาคน้ ควา้ และสร้างองคค์ วามรู้
(IS1)
Independent study : IS
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 ประเด็นท่ฉี ันสนใจ
การศึกษาค้นคว้าดว้ ยตนเอง
การตัง้ ประเดน็ ปญั หาหรือตง้ั คาถาม
การต้ังสมมติฐาน
Independent study : IS
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 1 ประเด็นท่ีฉนั สนใจ
ประเดน็ ปัญหาและสมมติฐาน
การออกแบบ วางแผน และรวบรวมข้อมูล
Independent study : IS
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ไปแสวงหาคาตอบ
การอ้างองิ ทางบรรณานุกรม
การจัดกระทาข้อมลู และการนาเสนอขอ้ มลู
การจัดทารปู เล่มการศึกษาคน้ คว้า
ตวั อย่างการศึกษาค้นควา้
Independent study : IS
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 3 รอบรแู้ ละเห็นคณุ คา่
เคา้ โครงการศึกษาคน้ ควา้
Independent study : IS
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 ประเด็นท่ฉี ันสนใจ
การศึกษาค้นคว้าดว้ ยตนเอง
การตัง้ ประเดน็ ปญั หาหรือตง้ั คาถาม
การต้ังสมมติฐาน
Independent study : IS
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 1 ประเด็นท่ีฉนั สนใจ
ประเดน็ ปัญหาและสมมติฐาน
การออกแบบ วางแผน และรวบรวมข้อมูล
Independent study : IS
01 การศึกษาค้นคว้าดว้ ยตนเอง
Independent study : IS
01 การศึกษาค้นควา้ ด้วยตนเอง
การศึกษาค้นคว้าดว้ ยตนเอง
การศกึ ษาคน้ ควา้ ด้วยตนเอง (Independent Study : IS) ซง่ึ จัดเป็นสาระการเรยี นรู้
3 สาระ ประกอบด้วย
• IS 1 - การศกึ ษาค้นคว้าและสรา้ งองคค์ วามรู้
(Research and Knowledge Formation)
• IS 2 – การส่ือสารและการนาเสนอ (Communication and Presentation)
• IS 3 - การนาองคค์ วามรูไ้ ปใช้บรกิ ารสงั คม (Social Service Activity)
Independent study : IS
01 การศึกษาคน้ ควา้ ด้วยตนเอง
การศึกษาค้นควา้ ดว้ ยตนเอง
การศึกษาค้นควา้ ด้วยตนเอง (Independent Study : IS) ซง่ึ จัดเปน็ สาระการเรยี นรู้
3 สาระ ประกอบด้วย
• IS 1 - การศึกษาค้นควา้ และสรา้ งองคค์ วามรู้ (Research and Knowledge
Formation) เปน็ สาระทมี่ งุ่ ให้ผู้เรยี นกาหนดประเด็นปัญหา ตง้ั สมมุตฐิ าน ค้นคว้า แสวงหา
ความรแู้ ละฝึกทักษะการคิดวิเคราะหส์ ังเคราะห์และสรา้ งองคค์ วามรู้
Independent study : IS
01 การศึกษาคน้ คว้าดว้ ยตนเอง
การศึกษาคน้ ควา้ ดว้ ยตนเอง
• IS 2 - การสื่อสารและการนาเสนอ (Communication and Presentation)
เปน็ สาระท่มี งุ่ ใหผ้ ูเ้ รียนนาความรทู้ ไ่ี ด้รบั มาพัฒนาวธิ กี ารการถ่ายทอด/สอื่ สาร
ความหมาย/แนวคดิ ข้อมูลและองคค์ วามรู้ ดว้ ยวิธกี ารนาเสนอทเี่ หมาะสม หลากหลาย
รูปแบบ และมปี ระสิทธิภาพ
Independent study : IS
01 การศึกษาคน้ ควา้ ดว้ ยตนเอง
การศกึ ษาค้นคว้าดว้ ยตนเอง
• IS 3 - การนาองค์ความรไู้ ปใช้บรกิ ารสังคม (Social Service Activity)เปน็ สาระที่
มุ่งใหผ้ เู้ รยี น นา/ประยกุ ตอ์ งค์ความรูไ้ ปสกู่ ารปฏบิ ตั ิ หรือนาไปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์ต่อสงั คม
เกดิ บริการสาธารณะ (Public Service) โรงเรยี นตอ้ งนาสาระการเรียนรู้ การศึกษาคน้ คว้า
ด้วยตนเอง (Independent Study : IS) ไปสู่การเรยี นการสอน ในลกั ษณะของหนว่ ยการ
เรียนรู้ รายวชิ าเพม่ิ เตมิ หรอื กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียน ตามแนวทางที่กาหนด โดยพิจารณาให้
สอดคลอ้ งกบั บรบิ ทและพัฒนาการวัยของผเู้ รยี นซ่ึงอาจแตกตา่ งกนั ในระดบั ประถม
มธั ยมศึกษาตอนตน้ และตอนปลาย
Independent study : IS
02 การตั้งประเดน็ ปญั หา
หรอื ตัง้ คาถาม
Independent study : IS
02 การตงั้ ประเด็นปญั หาหรือตั้งคาถาม
การตงั้ ปญั หา
"แสงแดดมีสว่ นเกย่ี วขอ้ งกบั การเจรญิ งอกงามของต้นหญา้ หรอื ไม่"
"แบคทเี รียในจานเพาะเช้อื เจรญิ ชา้ ไม่งอกงามถ้ามีราสีเขียวอยู่ในจานเพาะเชือ้ นัน้ "
Independent study : IS
02 การตั้งประเดน็ ปัญหาหรือต้ังคาถาม
การตัง้ ปัญหา
"แสงแดดมสี ว่ นเกี่ยวข้องกับการเจรญิ งอกงามของตน้ หญา้ หรอื ไม่"
"แบคทเี รยี ในจานเพาะเชอื้ เจริญช้าไมง่ อกงามถ้ามีราสเี ขียวอยใู่ นจานเพาะเชอื้ นนั้ "
การต้ังปญั หานน้ั สาคัญกว่าการแก้ปัญหา เพราะ การตง้ั ปัญหาท่ีดแี ละชัดเจนจะทาให้
ผู้ตัง้ ปญั หาเกดิ ความเข้าใจและมองเห็นลทู่ างของการค้นหาคาตอบเพื่อแกป้ ญั หาที่ตง้ั ขึน้
ดงั นั้นจงึ ต้องหมั่นฝกึ การสงั เกตสง่ิ ท่สี ังเกตนัน้ เป็นอะไร? เกิดขน้ึ เม่อื ไร? เกิดข้นึ ท่ไี หน? เกดิ ขน้ึ
ไดอ้ ย่างไร? ทาไมจึงเป็นเชน่ นั้น?
Independent study : IS
02 การตงั้ ประเดน็ ปัญหาหรือตง้ั คาถาม
ระดับของการต้ังคาถาม
การตง้ั คาถามมี 2 ระดับ คอื
1. คาถามระดบั พนื้ ฐาน
2. คาถามระดบั สูง
Independent study : IS
02 การต้งั ประเด็นปญั หาหรือตั้งคาถาม
ระดบั ของการต้งั คาถาม
1. คาถามระดบั พื้นฐาน
เปน็ การถามความรู้ ความจา เปน็ คาถามทใี่ ช้ความคดิ ท่ัวไป หรือความคดิ ระดบั
ต่า ใช้พน้ื ฐานความรู้เดิมหรือส่ิงที่ประจักษใ์ นการตอบ เนือ่ งจากเป็นคาถามทฝ่ี กึ ให้เกดิ
ความคลอ่ งตวั ในการตอบ คาถามในระดับนเ้ี ปน็ การประเมินความพรอ้ มของผูเ้ รยี น
กอ่ นเรียน วินจิ ฉยั จุดอ่อน – จุดแขง็ และสรุปเนอ้ื หาท่เี รยี นไปแลว้ คาถามระดับพนื้ ฐาน
Independent study : IS
02 การต้งั ประเดน็ ปัญหาหรือตงั้ คาถาม
ระดบั ของการตั้งคาถาม
1. คาถามระดบั พ้ืนฐาน
1.1) คาถามใหส้ ังเกต
1.2) คาถามทบทวนความจา
1.3) คาถามที่ใหบ้ อกความหมายหรือคาจากดั ความ
1.4) คาถามบง่ ชีห้ รอื ระบุ
Independent study : IS
02 การตง้ั ประเดน็ ปัญหาหรือตง้ั คาถาม
ระดับของการต้งั คาถาม
1. คาถามระดับพ้ืนฐาน
1.1) คาถามให้สังเกต เป็นคาถามท่ีใหผ้ ู้เรยี นคิดตอบจากการสงั เกต เป็นคาถาม
ที่ต้องการให้ผู้เรยี นใช้ประสาทสัมผัสทง้ั หา้ ในการสบื คน้ หาคาตอบ คอื ใช้ตาดู มอื สมั ผัส
จมูกดมกลน่ิ ลิ้นชิมรส และหูฟังเสยี ง ตวั อย่างคาถาม เช่น
- เม่ือนกั เรียนฟงั เพลงนแ้ี ลว้ รูส้ กึ อยา่ งไร
- ภาพนี้มลี ักษณะอย่างไร
- สารเคมีใน 2 บกี เกอร์ ต่างกนั อย่างไร
Independent study : IS
02 การตง้ั ประเด็นปญั หาหรือต้ังคาถาม
ระดบั ของการต้งั คาถาม
1. คาถามระดับพน้ื ฐาน
1.2) คาถามทบทวนความจา เป็นคาถามทใี่ ชท้ บทวนความรเู้ ดิมของผู้เรียน
เพ่ือใช้เชือ่ มโยงไปสู่ความรใู้ หม่กอ่ นเรมิ่ บทเรยี น ตัวอย่างคาถาม เช่น
- วนั วิสาขบูชาตรงกับวนั ใด
- ดาวเคราะหด์ วงใดที่มีขนาดใหญ่ทส่ี ุด
- ใครเปน็ ผู้แต่งเรอ่ื งอิเหนา
- เมอื่ เกิดอาการแพ้ยาควรโทรศัพทไ์ ปท่ีเบอร์ใด
Independent study : IS
02 การตง้ั ประเดน็ ปญั หาหรือตง้ั คาถาม
ระดบั ของการตัง้ คาถาม
1. คาถามระดับพน้ื ฐาน
1.3) คาถามท่ีให้บอกความหมายหรือคาจากดั ความ เปน็ การถามความเข้าใจ
โดยการใหบ้ อกความหมายของขอ้ มูลต่าง ๆ ตวั อยา่ งคาถาม เช่น
- คาว่าสทิ ธิมนษุ ยชนหมายความวา่ อย่างไร
- ภาษีเงนิ ไดบ้ ุคคลธรรมดาคอื อะไร
- สถิติ (Statistics) หมายความวา่ อยา่ งไร
- บอกความหมายของ Passive Voice
Independent study : IS
02 การตั้งประเดน็ ปญั หาหรือตง้ั คาถาม
ระดับของการตั้งคาถาม
1. คาถามระดบั พ้ืนฐาน
1.4) คาถามบ่งชีห้ รือระบุ เป็นคาถามทใี่ ห้ผเู้ รยี นบง่ ช้หี รือระบคุ าตอบจากคาถาม
ให้ถกู ต้อง ตวั อยา่ งคาถาม เช่น
- ประโยคท่ปี รากฏบนกระดานประโยคใดบ้างที่เป็น Past Simple Tense
- คาใดต่อไปนีเ้ ป็นคาควบกลา้ ไมแ่ ท้
- ระบุชือ่ สตั ว์ท่มี ีกระดูกสนั หลงั
- ประเทศใดบา้ งที่เป็นสมาชกิ APEC
Independent study : IS
02 การตง้ั ประเดน็ ปัญหาหรือตั้งคาถาม
ระดบั ของการตั้งคาถาม
2. คาถามระดับสงู
เป็นการถามให้คิดค้น หมายถงึ คาตอบทีผ่ เู้ รียนตอบตอ้ งใช้ความคิดซบั ซอ้ นเป็นการ
ส่งเสริมความคดิ สรา้ งสรรค์และกระตุ้นให้ผ้เู รียนสามารถใชส้ มองซกี ซ้ายและซีกขวาในการ
คิดหาคาตอบ โดยอาจใชค้ วามร้หู รอื ประสบการณ์เดมิ มาเป็นพืน้ ฐานในการคดิ และตอบ
คาถาม
Independent study : IS
02 การต้ังประเดน็ ปญั หาหรือต้งั คาถาม
ระดับของการตัง้ คาถาม
2. คาถามระดับสงู
2.1) คาถามใหอ้ ธบิ าย
2.2) คาถามให้เปรียบเทียบ
2.3) คาถามให้วเิ คราะห์
2.4) คาถามให้ยกตัวอยา่ ง
2.5) คาถามใหส้ รุป
2.6) คาถามเพ่อื ใหป้ ระเมินและเลือกทางเลอื ก
2.7) คาถามให้ประยุกต์
Independent study : IS
02 การต้ังประเดน็ ปญั หาหรือตั้งคาถาม
ระดบั ของการตัง้ คาถาม
2. คาถามระดบั สูง
2.1) คาถามให้อธิบาย เปน็ การถามโดยให้ผ้เู รียนตคี วามหมาย ขยายความ โดยการ
ให้อธิบายแนวคดิ ของขอ้ มูลต่าง ๆ ตัวอย่างคาถาม เชน่
- เพราะเหตใุ ดใบไมจ้ ึงมสี ีเขียว
- นกั เรียนควรมีบทบาทหน้าที่ในโรงเรียนอย่างไร
- ชาวพทุ ธทด่ี คี วรปฏิบัตติ นอยา่ งไร
Independent study : IS
02 การตั้งประเด็นปญั หาหรือตั้งคาถาม
ระดบั ของการต้ังคาถาม
2. คาถามระดบั สูง
2.2) คาถามให้เปรียบเทียบ เป็นการตง้ั คาถามใหผ้ ู้เรยี นสามารถจาแนกความเหมอื น
ความแตกต่างของข้อมลู ได้ ตัวอย่างคาถาม เชน่
- พชื ใบเล้ียงค่ตู า่ งจากพืชใบเล้ยี งเดี่ยวอย่างไร
- จงเปรยี บเทยี บวิถชี วี ติ ของคนไทยในภมู ิภาคตา่ ง ๆ ของประเทศไทย
- DNA กบั RNA แตกต่างกนั หรือไม่ อย่างไร
Independent study : IS
02 การตัง้ ประเด็นปัญหาหรือตง้ั คาถาม
ระดบั ของการตัง้ คาถาม
2. คาถามระดับสงู
2.3) คาถามใหว้ เิ คราะห์ เปน็ คาถามใหผ้ เู้ รยี นวเิ คราะห์ แยกแยะปัญหา จัดหมวดหมู่
วิจารณแ์ นวคดิ หรอื บอกความสัมพนั ธ์และเหตุผล ตัวอย่างคาถาม เชน่
- อะไรเป็นสาเหตุทที่ าใหเ้ กิดภาวะโลกรอ้ น
- วฒั นธรรมแบง่ ออกเป็นกี่ประเภท อะไรบ้าง
- สาเหตุใดทีท่ าให้นางวนั ทองถกู ประหารชวี ิต
Independent study : IS
02 การตั้งประเด็นปัญหาหรือตง้ั คาถาม
ระดับของการต้ังคาถาม
2. คาถามระดับสงู
2.4) คาถามให้ยกตัวอยา่ ง เป็นการถามใหผ้ ้เู รยี นใชค้ วามสามารถในการคดิ นามา
ยกตัวอย่าง ตวั อย่างคาถาม เช่น
- ร่างกายขับของเสยี ออกจากสว่ นใดบา้ ง
- ยกตวั อยา่ งการเคล่อื นทีแ่ บบโปรเจกไตล์
- หนิ อคั นสี ามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ไดอ้ ย่างไรบา้ ง
Independent study : IS
02 การตั้งประเด็นปัญหาหรือต้ังคาถาม
ระดับของการต้งั คาถาม
2. คาถามระดับสงู
2.5) คาถามใหส้ รปุ เป็นการใชค้ าถามเม่ือจบบทเรยี น เพอ่ื ใหท้ ราบว่าผเู้ รยี นไดร้ ับ
ความรหู้ รือมีความก้าวหนา้ ในการเรยี นมากนอ้ ยเพียงใด และเปน็ การช่วยเน้นยา้ ความรู้ที่ได้
เรียนไปแล้ว ทาให้สามารถจดจาเน้ือหาไดด้ ีย่ิงข้นึ ตวั อยา่ งคาถาม เช่น
- จงสรุปเหตุผลทที่ าใหพ้ ระเจา้ ตากสินทรงยา้ ยเมืองหลวง
- เม่ือนกั เรยี นอา่ นบทความเร่อื งนี้แลว้ นกั เรียนได้ข้อคิดอะไรบา้ ง
Independent study : IS
02 การต้งั ประเด็นปัญหาหรือต้งั คาถาม
ระดับของการตงั้ คาถาม
2. คาถามระดับสงู
2.6) คาถามเพื่อใหป้ ระเมินและเลือกทางเลือก เปน็ การใชค้ าถามทีใ่ ห้ผเู้ รียน
เปรียบเทยี บหรอื ใชว้ ิจารณญาณในการตัดสนิ ใจเลือกทางเลอื กทหี่ ลากหลาย เชน่
- การว่ายนา้ กับการวงิ่ เหยาะ อยา่ งไหนเป็นการออกกาลงั กายทดี่ กี ว่ากัน
เพราะเหตใุ ด
- ระหว่างน้าอัดลมกับนมอยา่ งไหนมปี ระโยชน์ต่อร่างกายมากกว่ากัน
เพราะเหตใุ ด
Independent study : IS
02 การตงั้ ประเด็นปัญหาหรือตงั้ คาถาม
ระดับของการตัง้ คาถาม
2. คาถามระดับสงู
2.7) คาถามให้ประยุกต์ เป็นการถามให้ผเู้ รียนใช้พนื้ ฐานความรเู้ ดิมทม่ี ีอย่มู า
ประยกุ ต์ใชใ้ นสถานการณใ์ หม่หรือในชวี ติ ประจาวนั ตวั อยา่ งคาถามเช่น
- นกั เรียนมีวธิ ีการประหยดั พลงั งานอยา่ งไรบา้ ง
- เมื่อนักเรียนเห็นเพือ่ นในห้องขาแพลง นกั เรยี นจะทาการปฐมพยาบาลอยา่ งไร
Independent study : IS
03 การตัง้ สมมตฐิ าน
Independent study : IS
03 การตั้งสมมติฐาน
ความหมายของสมมตฐิ าน
สมมติฐาน หมายถงึ ความเช่ือของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือ ของกลมุ่ ใดกล่มุ หน่ึงหรอื
อาจกลา่ วได้วา่ สมมตฐิ านเป็นสิ่งทีบ่ คุ คลหรือกลมุ่ บคุ คลคาดว่าจะเกดิ ขน้ึ โดยทค่ี วามเช่ือหรอื
สิง่ ทคี่ าดนน้ั จะเป็นจริงหรอื ไมก่ ไ็ ด้ เชน่
- เจ้าของรา้ นคาดว่าจะมกี าไรสทุ ธิจากการขายสินค้าต่อปีไมต่ ่ากว่า 500,000 บาท
- คาดวา่ รายได้เฉลยี่ ตอ่ เดอื นของประชากรในจังหวดั พษิ ณุโลกเทา่ กับ 15,000 บาท
Independent study : IS
03 การต้ังสมมติฐาน
ความแตกต่างของสมมตฐิ านกับการพยากรณ์
• การตัง้ สมมตฐิ าน คือ การทานายผลลว่ งหนา้ โดยไมม่ หี รือไม่ทราบความสมั พันธ์
เกย่ี วข้องระหวา่ งขอ้ มูล
• การพยากรณ์ คอื การทานายผลล่วงหน้าโดยการมหี รือทราบความสมั พันธร์ ะหวา่ ง
ข้อมูลท่เี กยี่ วข้องในการทานายล่วงหน้า
Independent study : IS
03 การต้งั สมมติฐาน
หลกั การต้ังสมมติฐาน
1) สมมติฐานตอ้ งเป็นข้อความทบ่ี อกความสัมพนั ธ์ระหวา่ ง ตวั แปรต้น กบั ตัวแปรตาม
2) ในสถานการณ์หนึ่ง ๆ อาจตง้ั หนึ่งสมมติฐานหรอื หลายสมมติฐานกไ็ ด้ สมมติฐาน
ทีต่ ง้ั ขึน้ อาจจะถูกหรอื ผดิ ก็ได้ ดงั นั้นจาเป็นต้องมีการทดลองเพื่อตรวจสอบว่า สมมติฐานทีต่ ้งั
ขน้ึ นน้ั เปน็ ท่ยี อมรับหรือไม่ซ่ึงจะทราบภายหลังจากการทดลองหาคาตอบ
Independent study : IS
03 การตัง้ สมมติฐาน
หลกั การตงั้ สมมตฐิ าน
ตัวอย่างการตง้ั สมมติฐาน เช่น
- อะไรมผี ลต่อความเร็วรถ (ความเรว็ รถข้ึนอยูก่ ับปัจจัยอะไรบา้ ง)
สมมติว่า นักเรยี นเลือกขนาดของยางรถยนต์ เป็นตัวแปรท่ีตอ้ งการทดสอบ กอ็ าจ
ตง้ั สมมตฐิ านได้ว่าเมื่อขนาดของยางรถยนต์ใหญ่ข้นึ ความเร็วของรถยนต์จะลดลง
Independent study : IS
03 การตัง้ สมมติฐาน
การตัง้ สมมตฐิ านที่ดี
การตั้งสมมติฐานที่ดี ควรมีลกั ษณะดงั น้ี
1) เปน็ สมมตฐิ านที่เขา้ ใจงา่ ย มักนยิ มใชว้ ลี “ถ้า…ดังน้ัน”
2) เปน็ สมมติฐานท่ีแนะลทู่ างท่จี ะตรวจสอบได้
3) เปน็ สมมติฐานที่ตรวจได้โดยการทดลอง
4) เป็นสมมตฐิ านท่สี อดคลอ้ งและอยใู่ นขอบเขตข้อเท็จจรงิ ท่ไี ดจ้ ากการสงั เกตและ
สมั พนั ธ์กับปญั หาทตี่ ง้ั ไว้
Independent study : IS
03 การตั้งสมมติฐาน
ตวั อย่างการต้ังสมมติฐาน
ขอ้ สงสัย/ข้อสงั เกต/ปญั หา “ทาไมหญา้ บรเิ วณใตต้ ้นไม้จงึ ไม่งอกงามเทา่ หญา้ ทีอ่ ยู่กลางแจ้ง”
ประเด็นปญั หา “แสงแดดมสี ว่ นเกีย่ วขอ้ งกบั การเจริญงอกงามของต้นหญา้
หรอื ไม่”
สมมติฐาน “ถ้าแสงแดดมีสว่ นเกีย่ วข้องกับการเจริญงอกงามของตน้ หญา้
ดงั น้ัน ตน้ หญา้ บรเิ วณทไี่ มไ่ ดร้ ับแสงแดดจะไม่งอกงามหรอื ตายไป”
หรอื “ถา้ แสงแดดมสี ่วนเกี่ยวขอ้ งกับการเจริญงอกงามของตน้ หญา้
ดังนนั้ ตน้ หญ้าบริเวณทไ่ี ดร้ บั แสงแดดจะเจริญงอกงาม”
Independent study : IS
03 การตั้งสมมติฐาน
ตัวอย่างการตั้งสมมติฐาน
ข้อสงสยั /ข้อสังเกต/ปญั หา “ความเรว็ รถขึ้นอยกู่ ับปจั จยั อะไรบ้าง”
ประเด็นปญั หา “ขนาดของยางรถยนตม์ ผี ลตอ่ ความเรว็ ของรถยนต์หรอื ไม่”
สมมตฐิ าน “เมอื่ ขนาดของยางรถยนตใ์ หญข่ ้นึ ความเร็วของรถยนต์จะลดลง”
Independent study : IS
03 การต้งั สมมติฐาน
ตวั อยา่ งการตง้ั สมมติฐาน
ขอ้ สงสัย/ข้อสังเกต/ปัญหา “นักเรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 ชอบอา่ นหนงั สือประเภทใด”
ประเดน็ ปัญหา “ศกึ ษาพฤติกรรมการเลอื กอา่ นหนงั สือของนกั เรยี นชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 5 ”
สมมติฐาน “ถา้ นกั เรียนชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 มนี ิสยั ชอบเพอ้ ฝัน ดงั นนั้
นกั เรยี น ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 ชอบอ่านหนงั สือนวนยิ าย”
Independent study : IS
04 ประเด็นปัญหาและสมมติฐาน
Independent study : IS
04 ประเด็นปัญหาและสมมติฐาน
วิธกี ารทางวิทยาศาสตร์
1. ข้นั ปญั หา (Problem)
2. วิธีตั้งสมมติฐาน (Hypothesis)
3. ข้นั รวบรวมขอ้ มลู (Gathering Data)
4. ขัน้ วเิ คราะห์ข้อมูล (Analysis)
5. ข้นั สรปุ (Conclusion)
Independent study : IS
04 ประเด็นปัญหาและสมมติฐาน
วธิ ีการทางวิทยาศาสตร์
1. ข้นั ปัญหา (Problem) เปน็ ขน้ั ตอนทเ่ี ราสังเกตพบปญั หาความต้องการความรู้
ความจรงิ หนง่ึ วา่ มเี หตกุ ารณ์หรอื สภาพการณ์เป็นอยา่ งไร มเี หตุหรอื ปัจจัยอะไรท่ที าให้เกดิ
เหตุการณห์ รอื สภาพเหตกุ ารณ์นั้น
Independent study : IS
04 ประเด็นปัญหาและสมมติฐาน
วิธีการทางวิทยาศาสตร์
2. วิธตี ้ังสมมติฐาน (Hypothesis) ในขนั้ ตอนน้ีเราจะต้องศกึ ษาทบทวนความรู้
เดมิ มาประกอบการพจิ ารณาว่าคาตอบของปัญหาในข้ันท่ี 1 นั้นจะเป็นอยา่ งไร ซึ่งเรียกว่า
การต้งั สมมตฐิ าน ซ่ึงจะเป็นแนวในการตรวจสอบวา่ สมมติฐานที่ต้ังขนึ้ จะเปน็ จรงิ หรอื ไม่
3. ข้นั รวบรวมข้อมูล (Gathering Data) ในขั้นน้เี ราจะทาการเก็บรวบรวม
ขอ้ มลู ที่เกี่ยวขอ้ ง มาอยา่ งเพยี งพอและตรงกบั ส่ิงท่ตี ้องการศึกษา
Independent study : IS
04 ประเด็นปญั หาและสมมติฐาน
วธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์
4. ข้นั วิเคราะห์ขอ้ มลู (Analysis) ในขั้นนีจ้ ะเปน็ การนาข้อมลู ทรี่ วบรวมมาทาการ
วิเคราะห์เพอ่ื มาหาลักษณะรว่ มหรอื สอดคลอ้ งกนั ของข้อมูลเหลา่ นน้ั และพิจารณาว่าขอ้ มลู
เหลา่ นี้มกี ลี่ ักษณะและแตกตา่ งอย่างไรเปน็ ตน้
5. ขัน้ สรปุ (Conclusion) ในขัน้ ตอนนน้ี าผลการวเิ คราะห์มาแปลผลและตคี วาม
ผลการวิจัยทพ่ี บ อนั เป็นการสรปุ ผลการศึกษาคน้ คว้า
Independent study : IS
05 การออกแบบ วางแผน
รวบรวมขอ้ มลู
Independent study : IS
05 การออกแบบ วางแผนและการเก็บรวบรวมข้อมูล
ขน้ั ตอนสาคัญของการรวบรวมข้อมลู
1. กาหนดตวั แปรทีต่ ้องการศกึ ษา
2. กาหนดข้อมูลหรอื ตัวช้วี ัด
3. กาหนดแหลง่ ข้อมูล
4. เลอื กวธิ ีรวบรวมข้อมลู
5. นาเครื่องมือรวบรวมขอ้ มลู ไปทดลองใช้
6. ออกรวบรวมข้อมลู
Independent study : IS
05 การออกแบบ วางแผนและการเกบ็ รวบรวมข้อมลู
วิธกี ารเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล
1. การสมั ภาษณโ์ ดยตรง
2. การสัมภาษณท์ างโทรศพั ท์
3. การตอบแบบสอบถาม
4. การส่งแบบสอบถามทางไปรษณยี ์
5. การนับและการวัด
6. การสังเกต
Independent study : IS
05 การออกแบบ วางแผนและการเก็บรวบรวมขอ้ มูล
วิธีการเกบ็ รวบรวมข้อมูล
1. การสมั ภาษณโ์ ดยตรง
ผู้วจิ ัยไปทาการสัมภาษณ์จากหนว่ ยทดลองโดยตรง วธิ นี ีใ้ ชก้ นั มากในการทาสามะโน
และการสารวจจากตวั อย่าง วธิ นี ้ีเหมาะสาหรบั งานวิจัยทม่ี ีข้อคาถามเป็นจานวนมาก
ข้อคาถามมีความซบั ซ้อนมคี าศัพทเ์ ฉพาะและมีคาจากัดความท่ตี ้องการคาอธิบาย แต่เปน็ วธิ ที ่ี
เสียค่าใชจ้ า่ ยสูง