แผนการจัดการเรยี นรู้
รายวชิ า ชวี วทิ ยา5 รหัสวิชา ว30245
ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 6 จำนวน 60 ชว่ั โมง/ภาคเรียน
ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564
จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต
การกำหนดการใชแ้ ผนการจดั การเรยี นรู้
รายการตรวจสอบและกล่นั กรอง การใชแ้ ผนการเรียนรู้
ความคดิ เหน็ ความคดิ เหน็
.............................................................................. ..............................................................................
…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………
…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………
……………………………………………………………………. …………………………………………………………………….
……………………………………………………………………. …………………………………………………………………….
………………………………………………………………….. …………………………………………………………………..
…………………………………………………………………. ………………………………………………………………….
ลงชอื่ .............................................................. ลงชอ่ื ..............................................................
(นางสาวเบญจวรรณ ทองเสน) (นางสาวณัฐญิ า คาโส)
หัวหนา้ กล่มุ งานวิชาการ
หวั หนา้ กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนฯ
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
ลงชือ่ ..............................................................
(นางผกา สามารถ)
ผู้อำนวยการโรงเรียนพนมศึกษา
คำอธิบายรายวชิ าเพ่มิ เตมิ
วิชาชีววิทยา5 รหัสวิชา ว30245 กลุม่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ ี่ 6 เวลา 60 ชัว่ โมง 1.5 หน่วยกิต
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ศึกษาเก่ยี วกับความหลากหลายทางชวี ภาพและความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ความหลากหลายของส่ิงมีชีวติ
กำเนดิ ของส่ิงมชี ีวิต อาณาจกั รของสง่ิ มชี วี ิต ความหลากหลายทางชวี ภาพในประเทศไทย การสูญเสีความหลากหลาย
ทางชีวภาพ ศกึ ษาเกี่ยวกบั ประชากร ความหนาแน่นและการแพร่กระจายของประชากร ขนาดประชากร รูปแบบ
การเพมิ่ ของประชากร การรอดชวี ิตของประชากร ประชากรมนุษย์ ศึกษาเก่ียวกับมนุษยก์ ับความย่ังยืนของ
ส่งิ แวดล้อม ทรพั ยากรธรรมชาติ การใชป้ ระโยชน์ ปัญหาและการจัดการ หลักการอนุรกั ษท์ รัพยากรธรรมชาติ และ
ชนิดพันธ์ุตา่ งถิ่นที่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสบื เสาะหา
ความรู้ การสืบค้นข้อมลู การสังเกต การวิเคราะห์ การทดลอง การอภปิ ราย และสรุปเพอื่ ใหเ้ กิดความรู้ ความคิด
ความเข้าใจ มคี วามสามารถในการตัดสนิ ใจ สอื่ สารสง่ิ ท่ีเรียนรแู้ ละนำความรู้ไปใช้ในชีวติ ของตนเอง มีจติ
วทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรมและคา่ นยิ ม
ผลการเรียนรู้
1.สืบค้นขอ้ มูล อภปิ รายและอธบิ ายเก่ยี วกับความหมายและองคป์ ระกอบของความหลากหลายทางชวี ภาพ
2.สืบคน้ ขอ้ มลู อภิปราย และอธิบายการศกึ ษาความหลากหลายของส่ิงมีชีวิต การจัดหมวดหม่ขู องส่ิงมีชวี ิต
ชื่อของสิง่ มีชีวติ และการระบุชนดิ
3.สบื คน้ ขอ้ มลู อภิปราย อธบิ ายและสรุปเก่ยี วกับกำเนิดของชวี ิต กำเนดิ ของเซลล์โพรคาริโอตและเซลล์ยคู าริ
โอต
4.สบื คน้ ขอ้ มูล ทดลอง อภิปราย อธิบายและสรปุ เกณฑ์ท่ีใช้ในการจดั จำแนกสง่ิ มีชวี ิตออกเปน็ โดเมนและ
อาณาจกั ร ลักษณะท่ีเหมอื นและแตกตา่ งกนั ของส่ิงมีชีวิตในอาณาจักรมอเนอรา อาณาจกั รโพรทสิ ตา อาณาจักรพชื
อาณาจกั รฟังไจ และอาณาจักรสัตว์
5.สืบค้นข้อมูล อภิปราย อธบิ าย และนำเสนอคณุ ค่าของความหลากหลายทางชวี ภาพกับการใช้ประโยชนข์ อง
มนุษยท์ ่ีมีผลต่อสงั คมและส่ิงแวดลอ้ ม
6.สบื คน้ ข้อมูล อภิปราย และนำเสนอสถานการณค์ วามหลากหลายทางชวี ภาพในประเทศไทยและผลกระทบ
จากการสญู เสยี ความหลากหลายทางชวี ภาพ
7.ออกแบบสถานการณ์จำลองทแ่ี สดงถงึ การเปล่ยี นแปลงปัจจยั ต่างๆของสิง่ แวดลอ้ มทม่ี ผี ลต่อการอยู่รอดของ
สง่ิ มีชีวิต
8.วิเคราะห์ อภิปราย และสรปุ ไดว้ ่าการอย่รู อดของส่งิ มีชวี ิตสัมพันธก์ บั ความหลากหลายของสงิ่ มชี ีวิต
9.สบื ค้นข้อมูล อภิปราย และอธบิ ายเกี่ยวกบั ความหมายของประชากร ความหนาแน่นของประชากร อตั รา
การเปล่ียนแปลงของประชากร และปัจจยั สำคัญที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงขนาดของประชากร
10.สืบคน้ ขอ้ มลู อภปิ ราย และวเิ คราะห์ข้อมูลเก่ยี วกับเร่ืองประชากร การเตบิ โตและโครงสรา้ งอายุของ
ประชากร
11.สืบค้นข้อมลู อภิปราย และอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับการใช้ทรพั ยากรธรรมชาติ
12.อภปิ ราย อธบิ ายและสรปุ แนวทางการจัดการทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม รวมท้งั การอนุรักษแ์ ละ
พฒั นาทย่ี ัง่ ยนื พรอ้ มท้งั เสนอแนวทางในการอนรุ กั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
13.สบื ค้นขอ้ มลู อภิปราย และอธบิ ายเก่ยี วกบั ชนิดพันธุ์ตา่ งถน่ิ ทส่ี ่งผลกระทบตอ่ สภาพแวดล้อม
รวม 13 ผลการเรยี นรู้
โครงสรา้ งรายวชิ า
วชิ าชวี วทิ ยา5 รหัสวิชา ว30245 กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ่ี 6 เวลา 60 ชว่ั โมง 1.5 หน่วยกิต
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
หน่วย ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ สาระสำคญั ผลการ เวลา น้ำหนกั
ท่ี
1 ความหลากหลายทาง เรยี นรู้ (ชวั่ โมง) คะแนน
ชวี ภาพ
ข้อที่
2 ประชากร
1.ความหลากหลายทางชีวภาพ 1-8 30 20
3 มนษุ ยก์ ับความย่งั ยนื
ของสิง่ แวดล้อม 2.การศกึ ษาความหลากหลายของ
สง่ิ มชี วี ติ
3.กำเนดิ ส่งิ มีชวี ติ
4.อาณาจักรของสง่ิ มีชีวติ
5.ความหลากหลายทางชีวภาพใน
ประเทศไทย
6.การสูญเสีความหลากหลายทาง
ชวี ภาพ
1.ความหนาแน่นของประชากร 9-11 13 15
2.ขนาดของประชากร
3.การรอดชีวิตของประชากร
4.ประชากรมนษุ ย์
1.ทรัพยากรธรรมชาติ การใช้ 12-13 15 25
ประโยชน์ ปญั หา และการจัดการ
2.หลกั การอนุรกั ษ์
ทรัพยากรธรรมชาติ
3.ชนดิ พันธ์ตุ ่างถิน่ ท่ีส่งผลกระทบตอ่
สภาพแวดล้อม
รวม 58 60
สอบกลางภาคเรียน 1 10
สอบปลายภาค 1 30
รวมทง้ั หมด 60 100
แบบวเิ คราะห์นกั เรยี นรายบคุ คล
เก่ียวกบั ความถนัด/ความสนใจ/รายวชิ า ชวี วทิ ยา5 รหสั ว30245
ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 6/1
ท่ี ชอ่ื -สกุล ระดบั ความถนดั /สนใจ หมายเหตุ
4321
1 นายจติ ต์วสิ ุทธ์ิ ขลิบเอม
2 นายณัฐวฒุ ิ สมคลองศก
3 นายธรรมนญู เดชมณี
4 นายอนวชั ชูชม
5 นางสาวกรี ณา แสงตาขุน
6 นางสาวแกว้ กลั ยา บวั มณี
7 นางสาวจุฑาทิพย์ พัฒน์ชู
8 นางสาวชตุ ิกาญ เกษสุวรรณ์
9 นางสาวฐติ ิมา มงกุฎแก้ว
10 นางสาวณฐั ยา ร่มเมือง
11 นางสาวธัญวรัตน์ ไชยชำนิ
12 นางสาวนันทวดี พลจร
13 นางสาวพทั ธนนั ท์ เกตแุ ก้ว
14 นางสาวภาวณิ ี ลมิ้ วชิ ติ
15 นางสาวมณรี ัตน์ ทรฤทธ์ิ
16 นางสาวลลิภัทร แก้วย้มิ
17 นางสาววราภรณ์ พทิ ักษ์
18 นางสาวศศธิ ร ชัยธรรม
19 นางสาวศริ ิยากร ชูเชิด
20 นางสาวสุภัทรา กฎไทยสงค์
21 นางสาวอัจฉรา ยอดชล
แบบวิเคราะหน์ ักเรียนรายบุคคล
เก่ียวกบั ความถนดั /ความสนใจ/รายวิชา ชีววิทยา5 รหัส ว30245
ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 6/2
ท่ี ชื่อ-สกลุ ระดบั ความถนดั /สนใจ หมายเหตุ
4321
1 นายกิติพงศ์ ชสู ุวรรณ์
2 นายนนั ทกร เพชรทอง
3 นายภูริณัฐ ละมา้ ย
4 นายภูริณฐั สมบูรณด์ ี
5 นายวรพงษ์ ทองสัมฤทธ์ิ
6 นายศกั ดร์ิ ะพี ภริ มยก์ อ้ ย
7 นายอนนั ดา มงั กรรัตน์
8 นางสาวกนกภัทร พรหมคุม้
9 นางสาวจริ พรรณ ฤทธกิ ุล
10 นางสาวชาลิสา สารพิ ัฒน์
11 นางสาวดวงพร แสตมป์
12 นางสาวธิดารัตน์ ใฝจนั ทร์
13 นางสาวนฤมล ขนุ กำแหง
14 นางสาวปิยวรรณ ปจู่ ันทร์
15 นางสาวปิยวรรณ มะลิทอง
16 นางสาวปยิ ะรชั ภิวัฒนน์ กุล
17 นางสาวยมลภทั ร นรารกั ษ์
18 นางสาวลออรตั น์ มเี พญ็
19 นางสาววสินี ทรพั ยเ์ รืองเนตร
20 นางสาวศศธิ ร พืชผล
21 นางสาวสันต์ฤทยั บุญญะ
22 นางสาวสุภาวดี พริกทอง
23 นางสาวสุวนันท์ กจิ เจริญ
โรงเรยี นพนมศกึ ษา
ตารางวเิ คราะห์ผ้เู รยี นดา้ นผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน
วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพอ่ื นำไปออกแบบการเรยี นรู้ ให้สอดคล้องกับความสามารถของนกั เรยี น
2. เพื่อเป็นแนวทางในการแกไ้ ขปัญหาและพัฒนาผู้เรยี นดา้ นผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น
กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ รายวชิ าชีววิทยา5 รหสั วชิ า ว30245
ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2564 ชือ่ ครผู ู้สอน นางมารีหยาม อนิ ทรวเิ ศษ
สรุปผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนพื้นฐานทใี่ ชใ้ นการเรยี นวิชาน้ี
ระดับคณุ ภาพของ GPA ของกล่มุ จำนวนคน ร้อยละ
ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี น
ตำ่ กวา่ 2.00 9 19.14
ปรบั ปรุง 2.00-2.50 8 18.18
พอใช้ สูงกว่า 2.50 27 61.36
ดี
แนวทางการจัดกจิ กรรม
ผลสัมฤทธ์ิ ร้อยละ กจิ กรรมแก้ไขหรอื พฒั นาในแผนการ จำนวน เคร่อื งมอื /วิธกี าร
ทางการ เดิม เปา้ หมาย จดั การเรยี นรู้ 38 ประเมนิ
เรยี น 79.54 86.36
1.แบง่ กลุ่มนักเรยี นเพื่อศกึ ษาค้นคว้า 5 1.แบบบันทกึ คะแนน
ดี 19.14 11.36 หาขอ้ มูล 2.บันทึกหลงั แผนการ
2.มกี ารแลกเปลีย่ นเรยี นรู้ระหวา่ งกลุ่ม จดั การเรยี นรู้
ปรับปรงุ โดยนักเรียนมีบทบาทมากข้นึ โดยเป็นผู้
ปฏบิ ัตมิ ากกว่าฝ่ายรบั ร้จู ากครู 1.แบบฝึกหดั
3.มกี ารวัดผลประเมินผลท่ีหลากหลาย 2.แบบบนั ทกึ คะแนน
1.กิจกรรมการเรียนการสอนดำเนิน 3.บนั ทึกหลงั การ
เช่นเดียวกับนักเรยี นกลุม่ ดี จดั การเรยี นรู้
2.จดั สอนซอ่ มเสรมิ ในเนอ้ื หาที่นกั เรยี น
ยังไมผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมินให้กับ
นกั เรยี นกลมุ่ นี้
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 1
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ ฯ รายวิชา ชีววิทยา รหสั วิชา ว30245
ปกี ารศกึ ษา 2564
ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 6 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 2 ชัว่ โมง
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรื่อง อนกุ รมวิธาน
1. สาระสำคญั / ความคดิ รวบยอด
อนุกรมวิธาน เปน็ การจดั จำแนกส่ิงมชี วี ติ สิ่งมีชีวติ ออกเป็นหวมดหมู่ตามสายววิ ฒั นาการ ในอดีตการจดั จำแนก
กลุม่ ส่ิงมีชวี ิตแบบผิวเผิน แต่ในปจั จบุ ันได้จดั กลุ่มส่ิงมีชีวิตออกเปน็ 5 กลุ่มใหญ่ๆ คือ อาณามอเนอรา อาณาจกั ร
โพทิสตา อาณาจกั รฟงั ไจ อาณาจักรพืช และอาณาจักรสตั ว์
2. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวช้วี ัด
มาตรฐานการเรยี นรู้
2. เขา้ ใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธกุ รรม การถา่ ยทอดยนี บนโครโมโซม สมบตั ิ และหน้าท่ขี องสาร
พนั ธกุ รรม การเกิดมิวเทชนั เทคโนโลยที างดีเอน็ เอ หลกั ฐาน ขอ้ มลู และแนวคดิ เกย่ี วกบั วิวัฒนาการของสิง่ มีชีวิต
ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวนเ์ บริ ์ก การเกดิ สปชี สี ใ์ หม่ ความหลากหลายทางชีวภาพ กำเนิดของสิ่งมชี วี ิต ความ
หลากหลายของสงิ่ มชี ีวิต และอนุกรมวธิ าน รวมทงั้ นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์
ผลการเรียนรู้
1. อภปิ รายความสำคัญของความหลากหลายทางชวี ภาพ และความเช่ือมโยงระหวา่ งความหลากหลายทาง
พนั ธกุ รรมความหลากหลายของสปีชีสแ์ ละความหลากหลายของระบบนเิ วศ
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ (K,P,A)
1. อธบิ ายความหมายของอนุกรมวิธานได้ (K)
2. นำเสนอความเชือ่ มโยงระหว่างความหลากหลายทางพันธุกรรมและความหลากหลายของระบบนิเวศได้
(P)
3. สนใจใฝเ่ รียนรู้ทางการศึกษา (A)
4. สาระการเรยี นรู้
- อนกุ รมวธิ าน
5. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ข้นั ที่ 1 สรา้ งความสนใจ (Engagement)
1. กระตุ้นนักเรียนด้วยคำถาม
- การจดั ประเภทของสงิ่ มีชวี ติ อาศยั หลักเกณฑใ์ ด (อาศัยลกั ษณะภายนอกที่คล้ายกนั หรือพิจารณา
จากประเภทเดียวกนั )
- ในปัจจบุ นั ใช้เกณฑ์ใดในการจัดประเภทของสงิ่ มีชีวิต (พิจารณาจากหลายปจั จยั เช่น ลักษณะ
ภายนอกและภายใน การเจริญเติบโต ววิ ฒั นาการรว่ มกัน สารเคมแี ละสง่ิ แวดล้อมที่อยู่อาศัย)
ข้นั ที่ 2 สำรวจและคน้ หา (Exploration)
1. ใหน้ ักเรยี นแบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ 4 – 5 คน ศึกษาค้นควา้ ขอ้ มลู เรื่อง การจดั จำแนกประเภทของส่งิ มีชีวิต
เพ่อื ให้ง่ายต่อการศกึ ษาตั้งแต่อดีตจนถงึ ปัจจุบนั
2. ให้นักเรยี นแลกเปลยี่ นขอ้ มูลที่ไดจ้ ากการศึกษาค้นควา้ กับเพ่ือนนักเรยี นในหอ้ ง
3. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายผลทีไ่ ดจ้ ากการศึกษาคน้ คว้า เรอ่ื ง การจดั จำแนกประเภทของ
สงิ่ มีชวี ิต เพื่อใหง้ ่ายตอ่ การศกึ ษาต้งั แตอ่ ดีตจนถึงปัจจุบนั เพื่อสรปุ ผลและสรา้ งองค์ความรูใ้ หมร่ ว่ มกัน
ขั้นที่ 3 อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation)
- อนกุ รมวธิ านวิทยา (taxonomy) ซ่งึ มรี ากศพั ท์จากคำในภาษากรีกโบราณวา่ taxis (การจัดเรียง)
และ nomos (กฎ, ธรรมเนียม) เป็นการจดั จำแนกส่งิ มีชีวติ ออกเป็นหมวดหม่ตู ามสาย
วิวัฒนาการ อนกุ รมวิธานเปน็ วิชาทีว่ า่ ด้วยกฎเกณฑเ์ กยี่ วกบั
- การจัดจำแนกส่งิ มีชีวิต (classification) ออกเป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ
- การกำหนดชอ่ื สากลของหมวดหมแู่ ละชนิดของสง่ิ มชี ีวติ (nomenclature)
- การตรวจสอบช่ือวิทยาศาสตร์ของสง่ิ มีชวี ิต (identification)
- ในการศึกษาอนุกรมวิธานจะมีศัพท์ทีใ่ ชเ้ รยี กแตกต่างกันออกไป ถา้ หากการศกึ ษาเปน็ ไปในทาง
รวบรวมตวั อย่าง (specimen) บิดาแหง่ อนุกรมวธิ านวิทยา คอื คารล์ ลนิ เนยี ส นกั พฤกษศาสตร์
ชาวสวีเดน
ขั้นท่ี 4 ขยายความรู้ (Elaboration)
1. ให้นักเรยี นออกแบบหนงั สอื เล่มเล็ก เรอ่ื ง ความหลากหลายของส่ิงมีชวี ติ สรปุ เนอื้ หาใหก้ ระชบั และ
เข้าใจงา่ ย และตกแตง่ ให้สวยงาม
ขน้ั ที่ 5 ประเมนิ (Evaluation)
1. นกั เรียนตรวจสอบหรอื ประเมนิ ข้ันตอนตา่ ง ๆ ท่ีเรยี นมาในวันนมี้ ีจุดเดน่ จุดบกพรอ่ งอะไรบา้ ง มีความ
สงสัย ความอยากรู้อยากเหน็ ในเรอื่ งใด
2. นกั เรียนประเมนิ ตนเอง โดยเขยี นแสดงความรสู้ ึกหลังการเรียน ในประเด็นต่อไปน้ี
- ส่งิ ทน่ี ักเรยี นได้เรยี นรู้ในวันน้ีคืออะไร
- นักเรียนมสี ว่ นร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากน้อยเพียงใด
- เพ่ือนนกั เรียนในกลุ่มมสี ่วนรว่ มกิจกรรมในกลุ่มมากนอ้ ยเพียงใด
- นกั เรียนพงึ พอใจกับการเรยี นในวนั นี้หรอื ไม่ เพยี งใด
- นกั เรียนจะนำความรทู้ ี่ได้นไ้ี ปใช้ให้เกดิ ประโยชน์แก่ตนเอง ครอบครวั และสังคมทั่วไปได้อย่างไร
จากนัน้ แลกเปลยี่ นตรวจสอบขัน้ ตอนการทำงานทุกขั้นตอนว่าจะเพ่ิมคุณค่าไปสู่สังคม เกิดประโยชน์ตอ่ สงั คม
ให้มากขนึ้ กว่าเดิมในข้นั ตอนใดบ้าง สำหรับการทำงานในครัง้ ต่อไป
6. สอื่ / แหลง่ การเรียนรู้
- สอ่ื Power Point เรื่อง ความหลากหลายของส่ิงมีชีวติ
- แหล่งเรยี นรู้ในและนอกห้องเรยี น
7. ชิ้นงานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน/รอ่ งรอยการเรียนรู้)
- หนังสอื เล่มเลก็ เรื่อง ความหลากหลายของส่ิงมีชีวติ
8. การวัดและประเมนิ ผล
แบบประเมนิ การปฏิบัตกิ ารทำกจิ กรรม
รายการการ ระดับคณุ ภาพ
ประเมนิ 4 3 21
1. การทำ ทำกจิ กรรมตามวิธกี าร ทำกจิ กรรมตามวธิ กี าร ทำกิจกรรมตามวธิ กี าร ทำกจิ กรรมไม่
กจิ กรรม และขนั้ ตอนทีก่ ำหนดไว้ และข้ันตอนท่ีกำหนดไว้ และขัน้ ตอนทีก่ ำหนดไว้ ถกู ต้องตามวธิ กี าร
ตามแผนท่ี อยา่ งถกู ต้องด้วยตนเองมี ด้วยตนเอง มกี าร โดยมคี รหู รือผู้อ่ืน และขนั้ ตอนที่
กำหนด การปรับปรงุ แก้ไขเปน็ ปรับปรงุ แก้ไขบ้าง เป็นผแู้ นะนำ กำหนดไว้ ไม่มีการ
ระยะ ปรับปรุงแก้ไข
2. การใช้ ใชอ้ ุปกรณ์และ/หรอื ใช้อุปกรณ์และ/หรือ ใชอ้ ุปกรณแ์ ละ/หรอื ใชอ้ ุปกรณ์และ/หรือ
อปุ กรณ์และ/ เครอ่ื งมอื ในการทำ เครือ่ งมอื ในการทำ เครื่องมอื ในการทำ เคร่อื งมือในการทำ
หรือเคร่อื งมอื กิจกรรมได้อยา่ งถกู ต้อง กจิ กรรมไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง กิจกรรมไดอ้ ย่างถูกต้อง กิจกรรมไม่ถกู ต้อง
ตามหลักการปฏิบัติและ ตามหลกั การปฏบิ ัติ แต่ โดยมคี รู หรือผู้อื่นเป็นผู้ และไม่มคี วาม
คลอ่ งแคลว่ ไมค่ ลอ่ งแคลว่ แนะนำ คลอ่ งแคลว่ ในการใช้
3. การบันทกึ บันทึกผลเป็นระยะ บนั ทกึ ผลเปน็ ระยะ บันทกึ ผลเป็นระยะ บนั ทกึ ผลไมค่ รบ
ผลการทำ อยา่ งถกู ต้อง มีระเบยี บมี อยา่ งถูกตอ้ ง มรี ะเบยี บ แตไ่ ม่เปน็ ระเบียบ ไม่มกี ารระบหุ น่วย
กิจกรรม การระบุหนว่ ย มีการ มีการระบหุ นว่ ย มีการ ไม่มกี ารระบุหนว่ ย และไมเ่ ป็นไปตาม
อธบิ ายข้อมลู ให้เหน็ ความ อธิบายขอ้ มูลให้เห็นถึง และไม่มีการอธบิ ายขอ้ มูล การทำกิจกรรม
เช่ือมโยงเปน็ ภาพรวมเป็น ความสัมพนั ธ์เป็นไป ให้เหน็ ถึงความสัมพนั ธ์
เหตเุ ปน็ ผล และเป็นไปตาม ตามการทำกจิ กรรม ของการทำกิจกรรม
การทำกิจกรรม
4. การจดั จดั กระทำข้อมูล จัดกระทำขอ้ มลู จดั กระทำข้อมูล จดั กระทำขอ้ มูล
กระทำขอ้ มูล อย่างเป็นระบบมกี าร อย่างเปน็ ระบบ มกี าร อยา่ งเป็นระบบมกี าร อย่างไม่เป็นระบบ
และการ เช่อื มโยงให้เห็นเป็น จำแนกขอ้ มูลให้เหน็ ยกตวั อยา่ งเพ่ิมเติมให้ และมีการนำเสนอไม่
นำเสนอ ภาพรวม และนำเสนอ ความสัมพนั ธ์ นำเสนอ เข้าใจง่าย และนำเสนอ สอ่ื ความหมายและไม่
ดว้ ยแบบตา่ ง ๆอยา่ ง ด้วยแบบต่าง ๆ ได้ ดว้ ยแบบต่าง ๆ แต่ยังไม่ ชดั เจน
ชดั เจนถูกตอ้ ง แต่ยังไมช่ ดั เจน ชดั เจนและไมถ่ กู ต้อง
5. การสรุปผล สรปุ ผลการทำกจิ กรรม สรุปผลการทำกิจกรรม สรุปผลการทำกิจกรรมได้ สรุปผลการทำ
การทำกิจกรรม ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง แต่ยงั โดยมีครหู รือผอู้ ืน่ กจิ กรรม
ไม่ครอบคลุมขอ้ มูล แนะนำบ้าง จงึ สามารถ ตามความรู้ทพี่ อมอี ยู่
ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง กระชบั จากการวเิ คราะห์ สรุปได้อย่างถูกตอ้ ง โดยไมใ่ ชข้ ้อมูล
ชัดเจน และครอบคลุม ทัง้ หมด จากการทำกิจกรรม
ข้อมูลจากการวิเคราะห์
ทง้ั หมด ดแู ลอุปกรณ์และ/หรือ ไมด่ แู ลอุปกรณแ์ ละ/
เครื่องมือในการทำ หรือเคร่ืองมอื ในการ
6. การดูแลและ ดูแลอุปกรณแ์ ละ/หรอื ดแู ลอุปกรณ์และ/หรอื กจิ กรรม มกี ารทำความ ทำกิจกรรม และไม่
การเก็บอปุ กรณ์ เคร่อื งมือในการทำ เครอื่ งมอื ในการทำ
และ/หรือ กิจกรรม และมกี าร กจิ กรรม และมกี าร สะอาด แต่เกบ็ ไม่ถูกต้อง สนใจทำความ
เครอื่ งมือ ทำความสะอาดและเก็บ ทำความสะอาดอย่าง ตอ้ งใหค้ รหู รือผอู้ ่นื สะอาด รวมทง้ั เกบ็
อยา่ งถกู ต้องตามหลกั การ ถูกต้อง แตเ่ ก็บ แนะนำ ไมถ่ กู ต้อง
และแนะนำใหผ้ ้อู ่ืนดแู ล ไม่ถกู ต้อง
และเกบ็ รักษาได้ถูกต้อง
แบบประเมนิ ชิ้นงาน การจดั กระทำและนำเสนอแผนผัง
รายการการ ระดับคณุ ภาพ
ประเมนิ
432 1
การจัดกระทำและ
นำเสนอแผนผงั จดั กระทำแลนำเสนอ จดั กระทำและ จดั กระทำและ จัดกระทำและนำเสนอ
แผนผงั ได้ แตไ่ ม่
แผนผัง ไดส้ มั พันธก์ นั นำเสนอ แผนผังได้ นำเสนอแผนผงั ได้ สอดคล้องกับหวั ข้อ
เรื่องทกี่ ำหนด
และถกู ต้องตามหวั ข้อ สัมพนั ธก์ ับหวั ขอ้ เรอ่ื ง ตามหวั ข้อเร่อื ง
เร่ืองท่กี ำหนด มกี าร ทีก่ ำหนด มีการ โดยมคี รูหรอื ผ้อู ื่น
วางแผน มีการ ออกแบบ มคี วามคิด ให้คำแนะนำ
ออกแบบ และมี ริเรม่ิ แต่ไม่มีการ
ความคิดสร้างสรรค์ เชอื่ มโยงใหเ้ ห็นเปน็
มีการเช่ือมโยงใหเ้ ห็น ภาพรวม
เปน็ ภาพรวม
แบบประเมนิ การสบื สอบขอ้ มูล
รายการการ ระดับคุณภาพ
ประเมนิ 4 3 21
1. การ วางแผนท่ีจะค้นคว้าข้อมูลจาก วางแผนที่จะคน้ คว้า วางแผนที่จะคน้ ควา้ ไม่มีการวางแผนท่ี
วางแผน แหลง่ การเรียนรู้ที่หลากหลาย ขอ้ มูลจากแหลง่ การ ขอ้ มูลจากแหลง่ การ จะคน้ คว้าข้อมลู จาก
ค้นคว้าขอ้ มลู เช่อื ถือได้และมีการเชื่อมโยงให้ เรยี นรู้ทห่ี ลากหลาย เรยี นรูโ้ ดยมคี รูหรอื ผอู้ น่ื แหล่งการเรยี นรู้
จากแหลง่ การ เห็นเปน็ ภาพรวม แสดงให้เหน็ และเหมาะสมแต่ไมม่ ี แนะนำบา้ ง อยา่ งเปน็ ระบบ
เรยี นรู้ ถงึ ความสัมพันธ์ของ การเชอื่ มโยงให้เห็น
วธิ กี ารท้งั หมด เปน็ ภาพรวม
2. การเก็บ เก็บรวบรวมขอ้ มูล เก็บรวบรวมขอ้ มลู เก็บรวบรวมขอ้ มูล เกบ็ รวบรวมข้อมลู
รวบรวม ตามแผนทีก่ ำหนด โดยคดั เลือกและ/หรอื โดยไม่มกี ารคัดเลอื ก เป็นระยะ ขาดการ
ขอ้ มลู ทุกประการ ประเมนิ ข้อมลู และ/หรอื ประเมินข้อมูล ประเมนิ เพอื่ คัดเลือก
3. การจดั จดั กระทำข้อมูล จดั กระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมูล จดั กระทำข้อมลู
กระทำขอ้ มลู อยา่ งเป็นระบบ อยา่ งเปน็ ระบบ มีการ อย่างเปน็ ระบบ อยา่ งไม่เป็นระบบ
และการ มกี ารเชื่อมโยงใหเ้ หน็ จำแนกขอ้ มลู ให้เห็น มีการยกตัวอย่าง และนำเสนอไม่ส่ือ
นำเสนอ เปน็ ภาพรวม และนำเสนอด้วย ความสมั พนั ธ์ นำเสนอ เพม่ิ เตมิ ใหเ้ ข้าใจง่ายและ ความหมายและไม่
แบบต่าง ๆ อย่างชัดเจนถกู ต้อง ดว้ ยแบบตา่ ง ๆ ได้ นำเสนอด้วยแบบต่าง ๆ ชดั เจน
อยา่ งถูกตอ้ ง แตย่ งั ไมถ่ ูกตอ้ ง
4. การ สรุปผลไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง สรุปผลไดอ้ ยา่ งกระชับ สรุปผลไดก้ ระชบั สรปุ ผลโดยไม่ใช้
สรุปผล กระชบั ชดั เจน และ แต่ยังไมช่ ดั เจนและ กะทัดรัด แต่ไม่ชดั เจน ขอ้ มูล และไม่
ครอบคลมุ มเี หตุผล ไม่ครอบคลุมขอ้ มูล ถกู ต้อง
ที่อา้ งองิ จากการสืบสอบได้ จากการวิเคราะห์
ทงั้ หมด
5. การเขยี น เขยี นรายงานตรงตาม เขยี นรายงานตรงตาม เขียนรายงานโดยสื่อ เขยี นรายงานได้ตาม
รายงาน จุดประสงค์ถูกตอ้ งและ จดุ ประสงคอ์ ย่าง ความหมายไดโ้ ดยมคี รู ตัวอย่าง แต่ใชภ้ าษา
ชดั เจน และมกี ารเช่ือมโยงให้ ถูกต้องและชัดเจนแต่ หรอื ผอู้ ่นื แนะนำ ไม่ถูกตอ้ ง และไม่
เห็นเป็นภาพรวม ขาดการเรียบเรยี ง ชัดเจน
9.การบรู ณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง (3 หว่ ง 2 เง่ือน 4 มติ ิ)
หลกั ความพอประมาณ การใช้เวลาในการศกึ ษาความรู้และทำงานเหมาะสมกบั เวลา
หลักมเี หตุผล การเลอื กและอธิบายเรอื่ งท่ีเรียนร้ไู ดอ้ ย่างเหมาะสมและ
ถกู ตอ้ ง
หลกั สรา้ งภูมิคุ้มกนั ตัวทีด่ ี
เงื่อนไขความรู้ การเลือกศกึ ษาจากแหลง่ เรยี นรู้ มกี ารวางแผนการทำงานกลมุ่
เง่ือนไขคุณธรรม การเรียนรแู้ ละปฏบิ ัตเิ ร่อื งท่ไี ด้ศึกษาอย่างชดั เจน
มคี วามซื่อสตั ย์ มีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ อยูอ่ ยา่ งพอเพยี ง มีความ
ด้านเศรษฐกิจ ร่วมมอื ในการจดั กิจกรรม
ดา้ นสังคม มกี ารคิดวางแผนในการทำงานอย่างรอบคอบ
ดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม
ช่วยเหลือซึง่ กันและกนั รู้รกั สามคั คีในการทำงานรว่ มกัน
ด้านวัฒนธรรม รจู้ ักใช้และจัดการในการทำกิจกรรมอยา่ งฉลาดและทำให้เกิด
การเรยี นรู้สงู สดุ
รู้จกั แยกแยะในการใช้ชวี ิตรว่ มกนั ในช้นั เรียนอยา่ งมคี วามสุข
บนั ทกึ หลังสอนแผนการสอนท่ี ...............
1. ผลการสอนระดับช้นั ม..5.....
สอนได้ตามแผนการจดั การเรียนรู้
สอนไมไ่ ด้ตามแผนการจดั การเรียนรู้ เนื่องจาก ...............................................................................................
2. ผลทีเ่ กิดกบั ผูเ้ รียน
1.) การประเมินผลความร้หู ลังการเรียน โดยใช…้ ……………......................................................พบว่านกั เรียนผ่านการประเมิน
คดิ เปน็ ร้อยละ......................……. ไม่ผา่ นเกณฑ์ข้ันตำ่ ท่กี ำหนดไวค้ ิดเป็นร้อยละ.......................................................
ได้แก่ ...................................................................................................................................................................................
2.) การประเมินดา้ นทักษะกระบวนการเรียน โดยใช้………………………................................................พบวา่ นักเรยี นผ่านการ
ประเมินคิดเป็นรอ้ ยละ................ ไม่ผ่านเกณฑ์ขั้นตำ่ ทกี่ ำหนดไวค้ ิดเป็นร้อยละ.................................................
ได้แก่ .......................................................................................................................................................................................
3.) การประเมินดา้ นคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ เรยี น โดยใช…้ …………………….....................................พบว่านกั เรยี นผา่ นการ
ประเมินคดิ เป็นร้อยละ.......……. ไม่ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำทก่ี ำหนดไว้คิดเป็นรอ้ ยละ........................................................
ไดแ้ ก่ .................................................................................................................................................................................
3. ปัญหาและอปุ สรรค
กิจกรรมการจดั การเรยี นรู้ ไมเ่ หมาะสมกับเวลา
มีนกั เรยี นทำใบงาน/ใบกิจกรรมไม่ทนั ตามกำหนดเวลา
มนี ักเรียนท่ไี ม่สนใจเรยี น
อื่น ๆ .............................................................................................................................................
4. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
ควรนำแผนไปปรบั ปรุง เรือ่ ง ......................................................................................................
.......................................................................................................................................................
แนวทางแก้ไขนกั เรียนทไ่ี มผ่ ่านการประเมนิ ..................................................................................
.......................................................................................................................................................
ไม่มขี ้อเสนอแนะ
ลงชือ่ ............................................................ ผู้สอน
( นางมารีหยาม อนิ ทรวิเศษ )
วนั ท.่ี ......./.................../.................
ความคิดเห็นของหวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ความคิดเห็นของหัวหน้างานวิชาการ
และเทคโนโลยี 1.เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี
1.เปน็ แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่
ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ
ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ 2.การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้นำเอากระบวนการเรียนรู้
2.การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ไดน้ ำเอากระบวนการเรียนรู้ ทีเ่ น้นผู้เรียนเป็นสำคญั มาใชใ้ นการสอนได้อยา่ ง
ท่เี น้นผ้เู รียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่าง
เหมาะสมกบั ศกั ยภาพท่แี ตกตา่ งกนั ของผ้เู รยี น
เหมาะสมกับศักยภาพท่แี ตกต่างกนั ของผเู้ รียน ทีย่ งั ไม่เน้นผ้เู รยี นเป็นสำคัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นา
ทีย่ ังไมเ่ น้นผู้เรยี นเปน็ สำคญั ควรปรบั ปรงุ พัฒนา
ต่อไป
ตอ่ ไป 3.เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้
3.เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้ นำไปใช้ไดจ้ รงิ ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้
นำไปใชไ้ ดจ้ รงิ ควรปรับปรุงกอ่ นนำไปใช้ 4.ข้อเสนอแนะอื่นๆ
4.ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ
ลงช่ือ.................................................................... ลงชอ่ื ....................................................................
(นางสาวเบญจวรรณ ทองเสน) (นางสาวณฐั ญิ า คาโส)
หวั หนา้ กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ฯ หัวหนา้ กลุ่มบรหิ ารงานวิชาการ
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ ฯ รายวิชา ชีววิทยา5 รหสั วชิ า ว30245
ปกี ารศึกษา 2564
ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 6 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 2 ชว่ั โมง
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เร่อื ง การจัดจำแนกกลุ่มสงิ่ มชี วี ติ
1. สาระสำคญั / ความคดิ รวบยอด
อนุกรมวิธาน เปน็ การจดั จำแนกสงิ่ มีชีวิตส่ิงมชี วี ิตออกเปน็ หมวดหมู่ตามสายวิวฒั นาการ ในอดตี การจัดจำแนก
กลมุ่ สิ่งมีชีวิตแบบผวิ เผนิ แตใ่ นปัจจบุ ันได้จัดกลมุ่ ส่ิงมีชีวิตออกเปน็ 5 กลมุ่ ใหญๆ่ คือ อาณามอเนอรา อาณาจกั รโพร-
ทสิ ตา อาณาจักรฟังไจ อาณาจกั รพชื และอาณาจักรสตั ว์
2. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชีว้ ัด
มาตรฐานการเรยี นรู้
2. เขา้ ใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถา่ ยทอดยนี บนโครโมโซม สมบัติ และหนา้ ทีข่ องสาร
พันธกุ รรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยที างดเี อ็นเอ หลักฐาน ขอ้ มูลและแนวคดิ เกย่ี วกบั ววิ ฒั นาการของสิง่ มชี ีวติ
ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิรก์ การเกดิ สปีชีสใ์ หม่ ความหลากหลายทางชีวภาพ กำเนดิ ของส่ิงมชี วี ิต ความ
หลากหลายของส่ิงมีชีวิต และอนกุ รมวธิ าน รวมทั้งนำความร้ไู ปใช้ประโยชน์
ผลการเรยี นรู้
4. อธบิ าย และยกตวั อย่างการจำแนกส่ิงมชี ีวิต จากหมวดหมู่ใหญจ่ นถงึ หมวดหมูย่ อ่ ย และวธิ กี ารเขียนชื่อ
วิทยาศาสตรใ์ นลำดับขัน้ สปชี สี ์
5. สรา้ งไดโคโทมัสคยี ใ์ นการระบสุ งิ่ มชี ีวิตหรอื ตัวอย่างทกี่ ำหนดออกเปน็ หมวดหมู่
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ (K,P,A)
4. อธิบายหลกั การจดั จำแนกสง่ิ มชี วี ติ ได้ (K)
5. ยกตวั อยา่ งการจดั จำแนกสง่ิ มชี ีวติ ออกเป็นหมวดหม่ไู ด้ (K)
6. จดั จำแนกส่งิ มีชวี ิตเปน็ หมวดหมูไ่ ด้ (P)
7. สนใจใฝเ่ รียนร้ทู างการศกึ ษา (A)
4. สาระการเรียนรู้
- การจำแนกสิ่งมีชีวติ
5. กจิ กรรมการเรียนรู้
ขน้ั ท่ี 1 สรา้ งความสนใจ (Engagement)
1. กระตุ้นนกั เรยี นด้วยคำถาม
- ทำไมเราจึงตอ้ งจำแนกประเภทของสง่ิ มชี ีวิต (เพ่ือให้ง่ายต่อการศกึ ษาและรู้สายวิวฒั นาการของ
สิง่ มีชีวิต)
- ปจั จบุ นั จำแนกกล่มุ ของสิ่งมชี ีวิตทัง้ หมดกี่กลุ่ม (5 กลุ่ม)
- อะไรบ้าง (อาณาจักรมอเนอรา อาณาจกั รโพทสิ ตา อาณาจักรฟงั ไจ อาณาจกั รพืช และอาณาจกั ร
สัตว)์
- ใช้เกณฑอ์ ะไรในการจดั จำแนก (ลักษณะภายนอก โครงสรา้ งของสิง่ มีชวี ิต การอยอู่ าศัยและสาย
วิวฒั นาการ)
ขนั้ ที่ 2 สำรวจและคน้ หา (Exploration)
4. ให้นักเรยี นแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ 4 – 5 คน ศึกษาคน้ ควา้ จากการทำกจิ กรรมใบงาน เรือ่ ง การจัดจำแนก
ประเภทของสง่ิ มชี ีวิต เพื่อให้งา่ ยต่อการศึกษาตง้ั แต่อดีตจนถึงปจั จุบัน
5. ใหน้ ักเรียนแลกเปลีย่ นข้อมลู ทีไ่ ดจ้ ากการศึกษาค้นคว้าจากการทำกิจกรรมกับเพือ่ นนกั เรยี นในหอ้ ง
6. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั อภปิ รายผลทไ่ี ด้จากการศึกษาค้นควา้ จากการทำกิจกรรม เรอ่ื ง การจดั จำแนก
ประเภทของสง่ิ มชี วี ติ เพ่ือใหง้ ่ายตอ่ การศึกษาตัง้ แต่อดีตจนถงึ ปัจจุบนั เพอ่ื สรุปผลและสรา้ งองค์
ความรใู้ หม่ร่วมกนั
ขนั้ ที่ 3 อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
- การจัดจำแนกสิง่ มชี ีวติ (classification of organisms)การจดั จำแนกสง่ิ มชี วี ิตออกเป็นหมวดหมู่
ไม่ใช่เพยี งเป็นการบอกชือ่ ชนดิ ของสิ่งมีชีวติ เท่านน้ั แตจ่ ะต้องสามารถบ่งบอกถงึ ลำดับของ
สง่ิ มีชวี ติ และตำแหน่งในการเกิดข้นึ ของชนิดในขบวนการวิวฒั นาการได้ด้วยการศึกษาชนดิ ความ
หลากหลายของสิง่ มีชีวติ และความสมั พนั ธ์ในเชิงวิวัฒนาการระหว่างส่ิงมีชวี ติ ต่างๆ เรยี กวา่
อนุกรมวิธาน taxonomy หรอื อาจเรียกว่า systematics แต่นกั ชีววิทยาบางส่วนอาจจะแยกท้ัง
สองศาสตรน์ ีอ้ อกจากกัน โดยถอื วา่ taxonomyเปน็ การศกึ ษาเพ่อื ใหค้ ำอธบิ ายรายละเอียด
เกีย่ วกบั ส่งิ มีชวี ิตนัน้ ๆ (description of species) สว่ น systematics เปน็ การศกึ ษาเพ่ือจดั กลุ่ม
ของส่งิ มีชีวิตที่มีวิวัฒนาการมาเหมอื นกันให้อยู่ในกลุ่มเดยี วกัน ซึง่ สามารถ ใชใ้ นการอธบิ าย
ความสัมพนั ธข์ องชาติวงศว์ านและนำมาจดั เปน็ ประวัติชาตพิ ันธุ์(phylogeny) ของสิง่ มีชวี ติ กล่มุ
ตา่ งๆได้ การจัดทำphylogeny ของสิง่ มชี วี ิตสามารถทำไดใ้ นทุกระดับของสิง่ มีชวี ิต เชน่ การ
ทำ phylogeny เพ่อื แสดงความสมั พันธ์ของสงิ่ มีชีวิตท่ีอยใู่ น อาณาจักรพืชอาณาจักรสัตว์และ
ความสมั พนั ธ์ของสิ่งมชี ีวติ ในระดบั อนื่ ๆเช่นในระดบั สกุล(genus)การจำแนกสงิ่ มชี ีวติ มหี ลาย
ระบบ ดงั นี้
1. Artificial system จดั จำแนกสงิ่ มีชวี ิตโดยพจิ ารณาลกั ษณะภายนอกทวั่ ๆ ไปเท่าที่
สงั เกตได้ พวกท่มี ลี กั ษณะคล้ายกนั จัดไวพ้ วกเดียวกนั พวกทม่ี ีลักษณะต่างกนั กแ็ ยก
ออกไป ระบบน้นี ยิ มใชใ้ นระยะ ค.ศ. ท่ี 17 – 18
2. Natural system จำแนกโดยอาศัยลักษณะธรรมชาติ ลกั ษณะภายนอก ลกั ษณะ
ภายใน พฤติกรรมและนเิ วศนว์ ิทยา ระบบน้ีใช้ระหว่างกลาง ค.ศ. ที่ 18 – 19
3. Phylogenetic system พจิ ารณาถงึ ความสัมพันธ์ทางววิ ฒั นาการของ
สิ่งมีชีวติ และการมีบรรพบรุ ษุ รว่ มกัน และไดน้ ำความรู้แผนใหมท่ างชวี วทิ ยาและ
วิทยาศาสตร์สาขาอืน่ ๆ เขา้ มาประกอบด้วย ระบบนี้ไดร้ ับความนิยมนำมาใชจ้ านถึงปจั จุบัน
4. Modern system ระบบนเี้ ป็นการผสมระหวา่ ง Natural system
กับ Phylogenetic system เข้าดว้ ยกนั โดยรวมลักษณะภายนอก ลักษณะภายใน เอมบริ
โอ ลักษณะทางชวี เคมี เชน่ ผนังเซลลป์ ระกอบด้วยสารอะไรบา้ ง มีอาหารเก็บไวท้ ีไ่ หนมีรงค
วตั ถอุ ะไร จำนวนโครโมโซม รวมทง้ั สภาวะแวดลอ้ มของพืชและซากดกึ ดำบรรพ์(fossil) มา
เป็นเกณฑ์พจิ ารณา
ขั้นท่ี 4 ขยายความรู้ (Elaboration)
2. ใหน้ กั เรยี นออกแบบหนังสอื เล่มเล็ก เรอื่ ง ความหลากหลายของส่งิ มชี ีวติ สรปุ เนื้อหาให้กระชับและ
เข้าใจงา่ ย และตกแต่งให้สวยงาม
ข้นั ที่ 5 ประเมนิ (Evaluation)
1. นักเรียนตรวจสอบหรือประเมินข้ันตอนตา่ ง ๆ ทเ่ี รียนมาในวันน้มี จี ดุ เด่น จุดบกพรอ่ งอะไรบา้ ง มคี วาม
สงสยั ความอยากรูอ้ ยากเห็นในเรื่องใด
2. นกั เรยี นประเมนิ ตนเอง โดยเขียนแสดงความรสู้ ึกหลังการเรยี น ในประเด็นต่อไปน้ี
- สง่ิ ท่นี ักเรยี นได้เรียนรู้ในวันนีค้ ืออะไร
- นักเรียนมีสว่ นร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากนอ้ ยเพียงใด
- เพื่อนนกั เรียนในกลมุ่ มสี ่วนร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากนอ้ ยเพียงใด
- นักเรียนพึงพอใจกับการเรยี นในวันน้หี รอื ไม่ เพียงใด
- นกั เรียนจะนำความรู้ทไ่ี ดน้ ไ้ี ปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง ครอบครัว และสังคมทว่ั ไปไดอ้ ย่างไร
จากนน้ั แลกเปล่ยี นตรวจสอบขัน้ ตอนการทำงานทุกขั้นตอนว่าจะเพิ่มคุณค่าไปสู่สังคม เกิดประโยชน์ตอ่ สังคม
ให้มากข้นึ กว่าเดิมในขั้นตอนใดบ้าง สำหรับการทำงานในคร้งั ต่อไป
6. สอ่ื / แหล่งการเรยี นรู้
- สื่อ Power Point เร่อื ง ความหลากหลายของส่ิงมีชีวิต
- ใบงาน เรื่อง การจดั จำแนกสงิ่ มีชีวิต
- แหล่งเรียนรูใ้ นและนอกหอ้ งเรียน
7. ชิน้ งานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน/รอ่ งรอยการเรยี นรู้)
- ใบงาน เร่อื ง การจัดจำแนกสง่ิ มีชวี ิต
- หนังสือเล่มเล็ก เร่อื ง ความหลากหลายของสง่ิ มีชวี ิต
8. การวัดและประเมินผล
แบบประเมนิ การปฏิบัตกิ ารทำกิจกรรม
รายการการ ระดบั คณุ ภาพ
ประเมิน 4 3 21
1. การทำ ทำกิจกรรมตามวิธีการ ทำกิจกรรมตามวธิ กี าร ทำกิจกรรมตามวิธีการ ทำกิจกรรมไม่
กิจกรรม และขน้ั ตอนท่กี ำหนดไว้ และขน้ั ตอนท่ีกำหนดไว้ และข้ันตอนทก่ี ำหนดไว้ ถูกตอ้ งตามวิธกี าร
ตามแผนท่ี อยา่ งถูกต้องด้วยตนเองมี ดว้ ยตนเอง มกี าร โดยมคี รูหรอื ผู้อื่น และขั้นตอนท่ี
กำหนด การปรบั ปรุงแกไ้ ขเป็น ปรบั ปรุงแกไ้ ขบา้ ง เป็นผแู้ นะนำ กำหนดไว้ ไม่มีการ
ระยะ ปรับปรุงแก้ไข
2. การใช้ ใชอ้ ุปกรณ์และ/หรอื ใชอ้ ุปกรณ์และ/หรอื ใชอ้ ปุ กรณแ์ ละ/หรือ ใชอ้ ปุ กรณแ์ ละ/หรอื
อปุ กรณแ์ ละ/ เคร่อื งมอื ในการทำ เคร่ืองมือในการทำ เครอ่ื งมอื ในการทำ เครอื่ งมอื ในการทำ
หรอื เคร่อื งมอื กิจกรรมไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง กิจกรรมได้อย่างถูกตอ้ ง กจิ กรรมได้อยา่ งถกู ตอ้ ง กจิ กรรมไม่ถูกต้อง
ตามหลกั การปฏบิ ัตแิ ละ ตามหลกั การปฏบิ ัติ แต่ โดยมีครู หรอื ผู้อ่นื เป็นผู้ และไมม่ ีความ
คลอ่ งแคล่ว ไม่คลอ่ งแคลว่ แนะนำ คล่องแคลว่ ในการใช้
3. การบนั ทึก บันทกึ ผลเปน็ ระยะ บันทกึ ผลเปน็ ระยะ บันทกึ ผลเป็นระยะ บนั ทกึ ผลไม่ครบ
ผลการทำ อยา่ งถกู ตอ้ ง มรี ะเบยี บมี อย่างถกู ตอ้ ง มรี ะเบียบ แต่ไม่เปน็ ระเบียบ ไม่มีการระบุหน่วย
กจิ กรรม การระบหุ นว่ ย มีการ มีการระบหุ นว่ ย มกี าร ไมม่ ีการระบุหน่วย และไมเ่ ปน็ ไปตาม
อธิบายข้อมลู ให้เห็นความ อธิบายข้อมลู ให้เหน็ ถึง และไม่มีการอธบิ ายข้อมูล การทำกิจกรรม
เชื่อมโยงเป็นภาพรวมเปน็ ความสัมพนั ธ์เปน็ ไป ให้เหน็ ถงึ ความสัมพันธ์
เหตเุ ปน็ ผล และเปน็ ไปตาม ตามการทำกิจกรรม ของการทำกิจกรรม
การทำกิจกรรม
4. การจดั จัดกระทำข้อมูล จดั กระทำขอ้ มูล จดั กระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมูล
กระทำข้อมูล อย่างเป็นระบบมีการ อยา่ งเป็นระบบ มีการ อย่างเปน็ ระบบมกี าร อย่างไม่เปน็ ระบบ
และการ เช่อื มโยงให้เห็นเป็น จำแนกข้อมูลให้เห็น ยกตวั อย่างเพิ่มเติมให้ และมีการนำเสนอไม่
นำเสนอ ภาพรวม และนำเสนอ ความสัมพันธ์ นำเสนอ เข้าใจง่าย และนำเสนอ สือ่ ความหมายและไม่
ดว้ ยแบบตา่ ง ๆอยา่ ง ด้วยแบบตา่ ง ๆ ได้ ดว้ ยแบบต่าง ๆ แตย่ ังไม่ ชดั เจน
ชัดเจนถูกต้อง แต่ยังไมช่ ัดเจน ชดั เจนและไม่ถกู ต้อง
5. การสรปุ ผล สรปุ ผลการทำกิจกรรม สรปุ ผลการทำกจิ กรรม สรปุ ผลการทำกิจกรรมได้ สรุปผลการทำ
การทำกจิ กรรม ได้อย่างถูกต้อง กระชับ ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง แต่ยัง โดยมีครหู รอื ผอู้ น่ื กจิ กรรม
ชดั เจน และครอบคลมุ ไมค่ รอบคลุมขอ้ มูล แนะนำบ้าง จึงสามารถ ตามความร้ทู ่ีพอมอี ยู่
ขอ้ มลู จากการวเิ คราะห์ จากการวเิ คราะห์ สรปุ ได้อย่างถูกต้อง โดยไมใ่ ช้ขอ้ มูล
ทงั้ หมด ทง้ั หมด จากการทำกจิ กรรม
6. การดแู ลและ ดแู ลอุปกรณแ์ ละ/หรอื ดูแลอุปกรณ์และ/หรอื ดูแลอุปกรณ์และ/หรอื ไม่ดูแลอปุ กรณ์และ/
การเกบ็ อุปกรณ์ เคร่อื งมอื ในการทำ เคร่อื งมือในการทำ เครือ่ งมอื ในการทำ หรือเครอ่ื งมือในการ
และ/หรือ กิจกรรม และมีการ กิจกรรม และมีการ กิจกรรม มีการทำความ ทำกิจกรรม และไม่
เครื่องมอื ทำความสะอาดและเกบ็ ทำความสะอาดอยา่ ง สะอาด แต่เก็บไมถ่ ูกต้อง สนใจทำความ
อย่างถกู ต้องตามหลกั การ ถกู ต้อง แต่เกบ็
และแนะนำใหผ้ ูอ้ ืน่ ดูแล ไม่ถูกตอ้ ง ตอ้ งให้ครหู รือผู้อื่น สะอาด รวมท้งั เก็บ
และเกบ็ รักษาไดถ้ ูกต้อง แนะนำ ไมถ่ กู ตอ้ ง
แบบประเมินชนิ้ งาน การจดั กระทำและนำเสนอแผนผงั
รายการการ ระดบั คณุ ภาพ
ประเมิน
432 1
การจัดกระทำและ
นำเสนอแผนผงั จัดกระทำแลนำเสนอ จัดกระทำและ จดั กระทำและ จดั กระทำและนำเสนอ
แผนผงั ได้ แตไ่ ม่
แผนผัง ได้สมั พนั ธ์กัน นำเสนอ แผนผังได้ นำเสนอแผนผงั ได้ สอดคล้องกบั หัวขอ้
เรอ่ื งทีก่ ำหนด
และถูกต้องตามหัวข้อ สมั พันธ์กับหัวข้อเรื่อง ตามหวั ข้อเร่อื ง
เรื่องท่กี ำหนด มกี าร ท่กี ำหนด มีการ โดยมคี รหู รือผู้อ่นื
วางแผน มกี าร ออกแบบ มคี วามคดิ ใหค้ ำแนะนำ
ออกแบบ และมี ริเรมิ่ แตไ่ มม่ ีการ
ความคิดสรา้ งสรรค์ เชอ่ื มโยงใหเ้ หน็ เปน็
มกี ารเช่อื มโยงให้เหน็ ภาพรวม
เป็นภาพรวม
แบบประเมนิ การสืบสอบขอ้ มูล
รายการการ ระดับคณุ ภาพ
ประเมิน 4 3 21
1. การ วางแผนที่จะค้นควา้ ข้อมูลจาก วางแผนท่ีจะคน้ ควา้ วางแผนท่ีจะคน้ คว้า ไมม่ ีการวางแผนที่
วางแผน แหลง่ การเรยี นรู้ท่หี ลากหลาย ขอ้ มูลจากแหล่งการ ข้อมูลจากแหล่งการ จะคน้ คว้าขอ้ มลู จาก
ค้นคว้าขอ้ มูล เชอื่ ถือได้และมีการเชอื่ มโยงให้ เรยี นรู้ทห่ี ลากหลาย เรียนรู้โดยมีครหู รือผูอ้ ่ืน แหล่งการเรยี นรู้
จากแหล่งการ เห็นเป็นภาพรวม แสดงให้เห็น และเหมาะสมแตไ่ มม่ ี แนะนำบ้าง อยา่ งเป็นระบบ
เรียนรู้ ถงึ ความสัมพนั ธข์ อง การเช่ือมโยงใหเ้ ห็น
วิธีการทง้ั หมด เปน็ ภาพรวม
2. การเก็บ เกบ็ รวบรวมข้อมูล เก็บรวบรวมขอ้ มูล เก็บรวบรวมข้อมูล เกบ็ รวบรวมข้อมูล
รวบรวม ตามแผนทกี่ ำหนด โดยคดั เลอื กและ/หรือ โดยไม่มกี ารคดั เลอื ก เปน็ ระยะ ขาดการ
ขอ้ มลู ทกุ ประการ ประเมนิ ข้อมูล และ/หรือประเมนิ ขอ้ มูล ประเมนิ เพอ่ื คัดเลอื ก
3. การจดั จดั กระทำขอ้ มูล จัดกระทำข้อมลู จดั กระทำขอ้ มลู จดั กระทำข้อมลู
กระทำข้อมูล อย่างเปน็ ระบบ อยา่ งเป็นระบบ มกี าร อย่างเป็นระบบ อย่างไมเ่ ปน็ ระบบ
และการ มีการเชอื่ มโยงให้เห็น จำแนกข้อมูลให้เห็น มกี ารยกตวั อย่าง และนำเสนอไม่สื่อ
นำเสนอ เป็นภาพรวม และนำเสนอดว้ ย ความสัมพนั ธ์ นำเสนอ เพ่มิ เตมิ ใหเ้ ขา้ ใจง่ายและ ความหมายและไม่
แบบตา่ ง ๆ อย่างชัดเจนถกู ต้อง ด้วยแบบต่าง ๆ ได้ นำเสนอด้วยแบบต่าง ๆ ชัดเจน
อยา่ งถกู ตอ้ ง แตย่ งั ไม่ถูกตอ้ ง
4. การ สรุปผลไดอ้ ย่างถกู ต้อง สรปุ ผลได้อย่างกระชบั สรปุ ผลได้กระชบั สรปุ ผลโดยไม่ใช้
สรปุ ผล กระชับ ชัดเจน และ แตย่ ังไม่ชดั เจนและ กะทัดรดั แตไ่ มช่ ัดเจน
ครอบคลมุ มเี หตุผล ไม่ครอบคลุมขอ้ มูล ขอ้ มูล และไม่
ถกู ตอ้ ง
ท่ีอา้ งอิงจากการสบื สอบได้ จากการวเิ คราะห์
เขียนรายงานได้ตาม
ทง้ั หมด ตัวอยา่ ง แตใ่ ช้ภาษา
ไม่ถกู ตอ้ ง และไม่
5. การเขียน เขยี นรายงานตรงตาม เขียนรายงานตรงตาม เขยี นรายงานโดยส่อื ชดั เจน
รายงาน
จุดประสงคถ์ กู ตอ้ งและ จุดประสงคอ์ ย่าง ความหมายไดโ้ ดยมคี รู
ชัดเจน และมีการเช่ือมโยงให้ ถกู ต้องและชัดเจนแต่ หรอื ผู้อื่นแนะนำ
เหน็ เปน็ ภาพรวม ขาดการเรยี บเรยี ง
9.การบูรณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง (3 หว่ ง 2 เง่ือน 4 มิติ)
หลกั ความพอประมาณ การใชเ้ วลาในการศึกษาความรแู้ ละทำงานเหมาะสมกบั เวลา
หลกั มเี หตุผล
การเลือกและอธิบายเรื่องทเ่ี รียนรู้ได้อยา่ งเหมาะสมและ
หลักสร้างภูมคิ มุ้ กนั ตวั ที่ดี ถกู ตอ้ ง
เงอ่ื นไขความรู้ การเลอื กศึกษาจากแหล่งเรียนรู้ มกี ารวางแผนการทำงานกลุม่
เงอ่ื นไขคณุ ธรรม
การเรยี นรแู้ ละปฏบิ ัตเิ รือ่ งทไี่ ด้ศึกษาอย่างชัดเจน
ด้านเศรษฐกิจ มคี วามซื่อสตั ย์ มีวินยั ใฝ่เรียนรู้ อยอู่ ย่างพอเพียง มีความ
ด้านสังคม รว่ มมอื ในการจดั กจิ กรรม
ดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม มกี ารคดิ วางแผนในการทำงานอยา่ งรอบคอบ
ช่วยเหลือซ่งึ กนั และกนั รู้รกั สามคั คีในการทำงานรว่ มกัน
ด้านวฒั นธรรม รจู้ ักใช้และจัดการในการทำกิจกรรมอย่างฉลาดและทำใหเ้ กิด
การเรียนรสู้ ูงสดุ
รจู้ ักแยกแยะในการใชช้ วี ติ ร่วมกนั ในชัน้ เรยี นอย่างมคี วามสขุ
บันทึกหลังสอนแผนการสอนท่ี ...............
1. ผลการสอนระดับช้นั ม..5.....
สอนได้ตามแผนการจดั การเรยี นรู้
สอนไม่ได้ตามแผนการจดั การเรยี นรู้ เนื่องจาก ...............................................................................................
3. ผลทีเ่ กิดกบั ผูเ้ รียน
1.) การประเมินผลความร้หู ลังการเรยี น โดยใช…้ ……………......................................................พบว่านักเรียนผ่านการประเมนิ
คดิ เปน็ ร้อยละ......................……. ไม่ผ่านเกณฑ์ขั้นตำ่ ทีก่ ำหนดไว้คดิ เป็นรอ้ ยละ.......................................................
ได้แก่ ...................................................................................................................................................................................
2.) การประเมนิ ดา้ นทักษะกระบวนการเรียน โดยใช้………………………................................................พบวา่ นกั เรยี นผ่านการ
ประเมินคิดเป็นรอ้ ยละ................ ไมผ่ ่านเกณฑ์ขนั้ ตำ่ ท่กี ำหนดไวค้ ิดเป็นร้อยละ.................................................
ได้แก่ .......................................................................................................................................................................................
3.) การประเมินดา้ นคุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ เรยี น โดยใช้……………………….....................................พบวา่ นักเรยี นผ่านการ
ประเมินคดิ เป็นร้อยละ.......……. ไม่ผา่ นเกณฑข์ ั้นต่ำท่ีกำหนดไว้คิดเป็นรอ้ ยละ........................................................
ไดแ้ ก่ .................................................................................................................................................................................
3. ปัญหาและอุปสรรค
กิจกรรมการจดั การเรียนรู้ ไม่เหมาะสมกบั เวลา
มีนกั เรียนทำใบงาน/ใบกิจกรรมไมท่ นั ตามกำหนดเวลา
มนี ักเรียนทไี่ ม่สนใจเรยี น
อื่น ๆ .............................................................................................................................................
4. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
ควรนำแผนไปปรับปรุง เรอื่ ง ......................................................................................................
.......................................................................................................................................................
แนวทางแก้ไขนกั เรียนทไ่ี ม่ผา่ นการประเมิน ..................................................................................
.......................................................................................................................................................
ไม่มขี ้อเสนอแนะ
ลงชื่อ............................................................ ผูส้ อน
( นางมารหี ยาม อนิ ทรวิเศษ )
วันท่.ี ......./.................../.................
ความคิดเห็นของหวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ความคิดเห็นของหัวหนา้ งานวชิ าการ
และเทคโนโลยี 1.เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ที่
1.เปน็ แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่
ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง
ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง 2.การจดั กจิ กรรมการเรยี นร้ไู ด้นำเอากระบวนการเรียนรู้
2.การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ไดน้ ำเอากระบวนการเรียนรู้ ทเ่ี น้นผู้เรยี นเป็นสำคัญมาใชใ้ นการสอนได้อย่าง
ท่เี น้นผ้เู รียนเป็นสำคัญมาใชใ้ นการสอนได้อยา่ ง
เหมาะสมกับศกั ยภาพที่แตกต่างกันของผ้เู รยี น
เหมาะสมกับศักยภาพท่แี ตกต่างกนั ของผู้เรียน ทีย่ ังไม่เน้นผ้เู รียนเป็นสำคญั ควรปรับปรุงพฒั นา
ทีย่ งั ไมเ่ น้นผ้เู รียนเป็นสำคญั ควรปรบั ปรงุ พฒั นา
ต่อไป
ตอ่ ไป 3.เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้
3.เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้ นำไปใชไ้ ด้จริง ควรปรับปรุงกอ่ นนำไปใช้
นำไปใชไ้ ดจ้ ริง ควรปรับปรุงกอ่ นนำไปใช้ 4.ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ
4.ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ
ลงช่ือ.................................................................... ลงชื่อ....................................................................
(นางสาวเบญจวรรณ ทองเสน) (นางสาวณฐั ิญา คาโส)
หวั หน้ากลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ฯ หัวหนา้ กลมุ่ บริหารงานวิชาการ
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 3
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ฯ รายวิชา ชีววิทยา5 รหัสวิชา ว30245
ปีการศึกษา 2564
ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 6 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 1 ชัว่ โมง
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรอ่ื ง การต้ังช่อื วิทยาศาสตร์
1. สาระสำคญั / ความคิดรวบยอด
อนุกรมวิธาน เป็นการจัดจำแนกส่ิงมีชีวติ สงิ่ มชี ีวติ ออกเปน็ หมวดหมตู่ ามสายววิ ัฒนาการ ในอดีตการจัดจำแนก
กลุ่มสง่ิ มชี ีวติ แบบผิวเผนิ แต่ในปจั จบุ นั ไดจ้ ัดกลุ่มสงิ่ มชี ีวิตออกเปน็ 5 กลุม่ ใหญ่ๆ คือ อาณามอเนอรา อาณาจกั ร
โพทสิ ตา อาณาจกั รฟังไจ อาณาจกั รพชื และอาณาจักรสัตว์
2. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด
มาตรฐานการเรียนรู้
2. เขา้ ใจการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพันธุกรรม การถา่ ยทอดยนี บนโครโมโซม สมบัติ และหนา้ ทีข่ องสาร
พันธกุ รรม การเกดิ มิวเทชนั เทคโนโลยีทางดเี อน็ เอ หลกั ฐาน ขอ้ มลู และแนวคิดเกีย่ วกบั ววิ ัฒนาการของส่ิงมีชีวิต
ภาวะสมดลุ ของฮาร์ดี-ไวนเ์ บริ ก์ การเกดิ สปีชสี ์ใหม่ ความหลากหลายทางชีวภาพ กำเนดิ ของส่งิ มีชวี ิต ความ
หลากหลายของสง่ิ มีชวี ิต และอนุกรมวธิ าน รวมทงั้ นำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์
ผลการเรียนรู้
4. อธิบาย และยกตวั อย่างการจำแนกสงิ่ มชี ีวติ จากหมวดหมูใ่ หญจ่ นถงึ หมวดหมยู่ ่อย และวิธีการเขียนชือ่
วทิ ยาศาสตร์ในลำดบั ขนั้ สปีชสี ์
5. สรา้ งไดโคโทมสั คยี ใ์ นการระบุสงิ่ มีชวี ติ หรอื ตวั อยา่ งทกี่ ำหนดออกเปน็ หมวดหมู่
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ (K,P,A)
8. อธิบายหลกั การตัง้ ช่ือวทิ ยาศาสตร์ของสิ่งมชี ีวติ ได้ (K)
9. ยกตัวอยา่ งชอื่ วทิ ยาศาสตรข์ องสิ่งมีชวี ิตได้ (K)
10. ออกแบบการนำเสนอการตง้ั ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ได้ (P)
11. สนใจใฝ่เรยี นรทู้ างการศกึ ษา (A)
4. สาระการเรยี นรู้
- การต้งั ชอ่ื วิทยาศาสตร์
5. กิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นท่ี 1 สร้างความสนใจ (Engagement)
1. กระตุ้นนกั เรียนด้วยคำถาม
- สิ่งมีชีวิตท่คี ้นพบจะเรยี กช่อื เปน็ อนั หนึ่งอันเดียวโดย (ต้งั ชื่อวทิ ยาศาสตร์)
- การตัง้ ชื่อวิทยาศาสตร์ ตง้ั ตามเกณฑอ์ ะไร (ใชจ้ นี ัส และสปชี ีส์ หรอื บางครง้ั จะใส่ชอ่ื ผทู้ ี่คน้ พบ
ดว้ ย)
- ใครเป็นคนกำหนดการตงั้ ชอ่ื วิทยาศาสตร์เป็นคนแรก (คาโรลัส ลนิ เนียส)
ขน้ั ท่ี 2 สำรวจและคน้ หา (Exploration)
7. ใหน้ กั เรียนแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 4 – 5 คน ศกึ ษาคน้ คว้าขอ้ มลู เรือ่ ง วธิ ีการต้ังชือ่ วทิ ยาศาสตร์ และ
หลักเกณฑก์ ารตัง้ ชอื่ วทิ ยาศาสตร์
8. ให้นักเรยี นแลกเปลีย่ นข้อมูลทไ่ี ดจ้ ากการศึกษาค้นควา้ กับเพื่อนนักเรียนในหอ้ ง
9. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายผลทไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษาค้นควา้ เรือ่ ง วิธีการตงั้ ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ และ
หลกั เกณฑก์ ารตัง้ ชอ่ื วิทยาศาสตร์ เพอื่ สรปุ ผลและสร้างองค์ความรใู้ หม่ร่วมกัน
ขนั้ ที่ 3 อธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation)
- หลักเกณฑ์ในการต้ังชื่อในทางวิทยาศาสตร์
- ใช้ชอื่ ภาษาละตนิ เสมอ เพราะภาษาละตินเป็นภาษาทไ่ี มม่ ีการใช้เปน็ ภาษาพดู แล้ว โอกาสที่
ความหมายจะเพีย้ นไปเมื่อเวลาผา่ นไปนาน ๆ จงึ มนี อ้ ย
- ชือ่ ทางวิทยาศาสตรข์ องพืชและสัตวจ์ ะเปน็ อสิ ระไม่ขึ้นตอ่ กนั
- ชื่อวิทยาศาสตร์ของพืชและสัตวแ์ ตล่ ะหมวดหมู่จะมีชอ่ื ท่ถี ูกต้องท่สี ุดเพียงชอ่ื เดียว
- ชื่อหมวดหมู่ในลำดับขัน้ วงศล์ งไป ต้องมีตัวอย่างต้นแบบของสง่ิ มีชวี ติ น้ันประกอบการ
พิจารณา เช่น ช่ือวงศ์ในพืช จะลงทา้ ยด้วย -aceae แต่ในสัตว์ จะลงท้ายดว้ ย -idea
- ชอื่ ในลำดับข้ันสกุลจะใช้ตวั อักษรตัวใหญน่ ำหน้า และตามด้วยอักษรตวั เลก็
- ช่อื ในลำดับขน้ั สปชี ีสจ์ ะประกอบดว้ ย 2 คำ โดยคำแรกจะดงึ เอาชื่อสกลุ มา แลว้ คำท่ีสองจงึ
เปน็ คำระบุชนดิ (specific epithet) ซึ่งจะขึ้นต้นด้วยอกั ษรตัวเลก็
- ชอื่ ในลำดับขน้ั สปีชีสจ์ ะเขยี นตัวเอน หรอื ขีดเส้นใต้เสมอ
ขน้ั ที่ 4 ขยายความรู้ (Elaboration)
3. ให้นกั เรียนออกแบบหนงั สือเล่มเล็ก เร่ือง ความหลากหลายของสิ่งมีชีวติ สรปุ เนอ้ื หาให้กระชับและ
เขา้ ใจงา่ ย และตกแต่งให้สวยงาม
ขน้ั ท่ี 5 ประเมิน (Evaluation)
1. นกั เรียนตรวจสอบหรอื ประเมนิ ขัน้ ตอนตา่ ง ๆ ทีเ่ รียนมาในวันน้ีมจี ุดเด่น จดุ บกพรอ่ งอะไรบา้ ง มีความ
สงสยั ความอยากรอู้ ยากเหน็ ในเรอื่ งใด
2. นกั เรยี นประเมินตนเอง โดยเขยี นแสดงความรู้สึกหลงั การเรียน ในประเด็นต่อไปนี้
- ส่ิงทน่ี กั เรยี นได้เรียนรู้ในวนั นคี้ ืออะไร
- นักเรียนมีส่วนร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากน้อยเพียงใด
- เพ่ือนนักเรียนในกลมุ่ มีส่วนรว่ มกิจกรรมในกลุ่มมากน้อยเพียงใด
- นกั เรียนพงึ พอใจกบั การเรียนในวนั นีห้ รือไม่ เพยี งใด
- นกั เรียนจะนำความร้ทู ี่ไดน้ ี้ไปใช้ให้เกดิ ประโยชน์แก่ตนเอง ครอบครวั และสงั คมทวั่ ไปได้อย่างไร
จากน้นั แลกเปลี่ยนตรวจสอบขน้ั ตอนการทำงานทุกข้นั ตอนว่าจะเพ่ิมคุณค่าไปสู่สงั คม เกิดประโยชน์ตอ่ สังคม
ให้มากขนึ้ กว่าเดิมในขนั้ ตอนใดบ้าง สำหรบั การทำงานในคร้งั ตอ่ ไป
6. ส่อื / แหลง่ การเรียนรู้
- สือ่ Power Point เร่ือง ความหลากหลายของส่ิงมชี วี ิต
- แหลง่ เรียนรู้ในและนอกห้องเรียน
7. ชิ้นงานหรือภาระงาน (หลกั ฐาน/รอ่ งรอยการเรียนรู้)
- หนงั สอื เลม่ เลก็ เรอ่ื ง ความหลากหลายของส่ิงมีชีวิต
8. การวดั และประเมนิ ผล
แบบประเมนิ การปฏบิ ัตกิ ารทำกจิ กรรม
รายการการ ระดบั คุณภาพ
ประเมนิ 4 3 21
1. การทำ ทำกิจกรรมตามวธิ กี าร ทำกจิ กรรมตามวธิ กี าร ทำกจิ กรรมตามวิธีการ ทำกิจกรรมไม่
กจิ กรรม และขั้นตอนทกี่ ำหนดไว้ และขน้ั ตอนทกี่ ำหนดไว้ และขน้ั ตอนทก่ี ำหนดไว้ ถกู ต้องตามวิธกี าร
ตามแผนที่ อยา่ งถูกต้องดว้ ยตนเองมี ดว้ ยตนเอง มกี าร โดยมีครูหรือผอู้ ่นื และข้ันตอนท่ี
กำหนด การปรับปรงุ แก้ไขเป็น ปรบั ปรงุ แกไ้ ขบ้าง เป็นผแู้ นะนำ กำหนดไว้ ไมม่ กี าร
ระยะ ปรับปรงุ แกไ้ ข
2. การใช้ ใช้อปุ กรณแ์ ละ/หรือ ใชอ้ ปุ กรณ์และ/หรอื ใชอ้ ปุ กรณแ์ ละ/หรอื ใช้อุปกรณแ์ ละ/หรอื
อปุ กรณแ์ ละ/ เคร่อื งมือในการทำ เครื่องมือในการทำ เครื่องมือในการทำ เครอ่ื งมือในการทำ
หรือเครื่องมือ กิจกรรมได้อยา่ งถูกต้อง กิจกรรมได้อยา่ งถกู ตอ้ ง กิจกรรมได้อยา่ งถกู ตอ้ ง กิจกรรมไมถ่ กู ต้อง
ตามหลักการปฏบิ ัตแิ ละ ตามหลักการปฏบิ ัติ แต่ โดยมคี รู หรือผู้อืน่ เป็นผู้ และไมม่ คี วาม
คลอ่ งแคลว่ ไม่คลอ่ งแคลว่ แนะนำ คลอ่ งแคล่วในการใช้
3. การบนั ทึก บนั ทึกผลเป็นระยะ บันทึกผลเปน็ ระยะ บันทึกผลเป็นระยะ บันทึกผลไมค่ รบ
ผลการทำ อยา่ งถกู ตอ้ ง มีระเบียบมี อยา่ งถกู ตอ้ ง มรี ะเบียบ แตไ่ มเ่ ป็นระเบียบ ไม่มีการระบหุ นว่ ย
กจิ กรรม การระบุหน่วย มีการ มกี ารระบหุ นว่ ย มกี าร ไม่มีการระบหุ นว่ ย และไม่เป็นไปตาม
อธบิ ายข้อมลู ให้เห็นความ อธบิ ายข้อมลู ให้เห็นถงึ และไม่มกี ารอธิบายขอ้ มูล การทำกิจกรรม
เช่ือมโยงเปน็ ภาพรวมเปน็ ความสัมพันธ์เปน็ ไป ให้เหน็ ถึงความสัมพันธ์
เหตุเปน็ ผล และเป็นไปตาม ตามการทำกิจกรรม ของการทำกิจกรรม
การทำกิจกรรม
4. การจัด จัดกระทำข้อมลู จัดกระทำขอ้ มูล จัดกระทำขอ้ มลู จดั กระทำข้อมูล
กระทำขอ้ มูล อยา่ งเปน็ ระบบมกี าร อย่างเปน็ ระบบ มีการ อย่างเป็นระบบมกี าร อยา่ งไม่เป็นระบบ
และการ เชือ่ มโยงใหเ้ หน็ เปน็ จำแนกขอ้ มูลให้เห็น ยกตัวอย่างเพิม่ เติมให้ และมีการนำเสนอไม่
นำเสนอ ภาพรวม และนำเสนอ ความสัมพนั ธ์ นำเสนอ เข้าใจง่าย และนำเสนอ ส่อื ความหมายและไม่
ดว้ ยแบบตา่ ง ๆอย่าง ด้วยแบบตา่ ง ๆ ได้ ด้วยแบบต่าง ๆ แต่ยงั ไม่ ชัดเจน
ชัดเจนถกู ตอ้ ง แต่ยังไมช่ ัดเจน ชัดเจนและไมถ่ กู ต้อง
5. การสรุปผล สรปุ ผลการทำกิจกรรม สรุปผลการทำกจิ กรรม สรปุ ผลการทำกิจกรรมได้ สรปุ ผลการทำ
การทำกจิ กรรม ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง กระชบั ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง แตย่ งั โดยมีครูหรือผอู้ นื่ กิจกรรม
ชดั เจน และครอบคลุม ไมค่ รอบคลุมขอ้ มูล แนะนำบ้าง จึงสามารถ ตามความรทู้ ่ีพอมอี ยู่
ข้อมลู จากการวิเคราะห์ จากการวเิ คราะห์ สรุปได้อย่างถูกต้อง โดยไมใ่ ชข้ อ้ มลู
ท้งั หมด ทั้งหมด จากการทำกิจกรรม
6. การดูแลและ ดูแลอุปกรณ์และ/หรอื ดูแลอุปกรณ์และ/หรอื ดูแลอุปกรณแ์ ละ/หรือ ไม่ดูแลอปุ กรณแ์ ละ/
การเก็บอปุ กรณ์ เคร่อื งมอื ในการทำ เครือ่ งมือในการทำ เครื่องมือในการทำ หรอื เครื่องมือในการ
และ/หรือ กิจกรรม และมกี าร กิจกรรม และมีการ กิจกรรม มีการทำความ ทำกจิ กรรม และไม่
เครือ่ งมอื ทำความสะอาดและเกบ็ ทำความสะอาดอยา่ ง สะอาด แต่เกบ็ ไม่ถกู ตอ้ ง สนใจทำความ
อย่างถูกตอ้ งตามหลกั การ ถกู ต้อง แต่เกบ็ ตอ้ งใหค้ รหู รือผู้อ่นื สะอาด รวมท้ังเก็บ
และแนะนำให้ผอู้ น่ื ดูแล ไม่ถูกต้อง แนะนำ ไมถ่ กู ต้อง
และเกบ็ รกั ษาได้ถูกตอ้ ง
แบบประเมินชน้ิ งาน การจดั กระทำและนำเสนอแผนผงั
รายการการ ระดับคุณภาพ
ประเมนิ
432 1
การจัดกระทำและ
นำเสนอแผนผงั จัดกระทำแลนำเสนอ จัดกระทำและ จดั กระทำและ จัดกระทำและนำเสนอ
แผนผงั ได้ แต่ไม่
แผนผงั ได้สัมพันธ์กัน นำเสนอ แผนผังได้ นำเสนอแผนผงั ได้ สอดคล้องกับหวั ข้อ
เรอ่ื งทีก่ ำหนด
และถกู ต้องตามหัวข้อ สมั พันธก์ บั หัวข้อเร่ือง ตามหวั ข้อเรือ่ ง
เร่อื งทก่ี ำหนด มกี าร ท่ีกำหนด มีการ โดยมีครูหรือผอู้ นื่
วางแผน มีการ ออกแบบ มคี วามคดิ ให้คำแนะนำ
ออกแบบ และมี รเิ รม่ิ แตไ่ ม่มีการ
ความคิดสร้างสรรค์ เช่อื มโยงให้เหน็ เปน็
มีการเช่อื มโยงให้เหน็ ภาพรวม
เป็นภาพรวม
แบบประเมนิ การสบื สอบขอ้ มูล
รายการการ ระดับคุณภาพ
ประเมนิ 4 3 21
1. การ วางแผนท่ีจะค้นคว้าข้อมูลจาก วางแผนที่จะคน้ คว้า วางแผนที่จะค้นควา้ ไม่มีการวางแผนท่ี
วางแผน แหลง่ การเรียนรู้ที่หลากหลาย ขอ้ มูลจากแหลง่ การ ข้อมูลจากแหล่งการ จะคน้ คว้าข้อมลู จาก
คน้ ควา้ ขอ้ มลู เช่อื ถือได้และมีการเชื่อมโยงให้ เรยี นรู้ทหี่ ลากหลาย เรียนรู้โดยมีครูหรอื ผอู้ น่ื แหล่งการเรยี นรู้
จากแหล่งการ เห็นเปน็ ภาพรวม แสดงให้เหน็ และเหมาะสมแตไ่ มม่ ี แนะนำบา้ ง อยา่ งเปน็ ระบบ
เรียนรู้ ถงึ ความสัมพันธ์ของ การเช่อื มโยงให้เห็น
วธิ กี ารท้งั หมด เป็นภาพรวม
2. การเก็บ เก็บรวบรวมขอ้ มูล เกบ็ รวบรวมข้อมลู เกบ็ รวบรวมข้อมูล เกบ็ รวบรวมข้อมลู
รวบรวม ตามแผนทีก่ ำหนด โดยคดั เลือกและ/หรือ โดยไม่มกี ารคัดเลอื ก เป็นระยะ ขาดการ
ขอ้ มลู ทุกประการ ประเมินขอ้ มูล และ/หรอื ประเมินข้อมูล ประเมนิ เพอื่ คัดเลือก
3. การจัด จดั กระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมลู
กระทำข้อมลู อยา่ งเป็นระบบ อยา่ งเปน็ ระบบ มกี าร อยา่ งเปน็ ระบบ อยา่ งไม่เป็นระบบ
และการ มกี ารเชื่อมโยงใหเ้ หน็ จำแนกข้อมลู ให้เห็น มีการยกตัวอย่าง และนำเสนอไม่ส่ือ
นำเสนอ เปน็ ภาพรวม และนำเสนอด้วย ความสมั พันธ์ นำเสนอ เพมิ่ เติมใหเ้ ข้าใจง่ายและ ความหมายและไม่
แบบต่าง ๆ อย่างชัดเจนถกู ต้อง ดว้ ยแบบต่าง ๆ ได้ นำเสนอด้วยแบบต่าง ๆ ชดั เจน
อยา่ งถูกตอ้ ง แตย่ ังไม่ถูกตอ้ ง
4. การ สรุปผลไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง สรุปผลได้อย่างกระชับ สรุปผลไดก้ ระชบั สรปุ ผลโดยไม่ใช้
สรุปผล กระชบั ชดั เจน และ แต่ยังไมช่ ดั เจนและ กะทัดรัด แต่ไม่ชดั เจน ขอ้ มูล และไม่
ครอบคลมุ มเี หตุผล ไม่ครอบคลุมข้อมูล ถกู ต้อง
ที่อา้ งองิ จากการสืบสอบได้ จากการวิเคราะห์
ทัง้ หมด
5. การเขียน เขยี นรายงานตรงตาม เขียนรายงานตรงตาม เขียนรายงานโดยสื่อ เขยี นรายงานได้ตาม
รายงาน จุดประสงค์ถูกตอ้ งและ จดุ ประสงค์อยา่ ง ความหมายไดโ้ ดยมคี รู ตัวอย่าง แต่ใชภ้ าษา
ชดั เจน และมกี ารเช่ือมโยงให้ ถูกต้องและชัดเจนแต่ หรอื ผอู้ ่ืนแนะนำ ไม่ถูกตอ้ ง และไม่
เห็นเป็นภาพรวม ขาดการเรียบเรยี ง ชัดเจน
9.การบรู ณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง (3 หว่ ง 2 เง่ือน 4 มติ ิ)
หลกั ความพอประมาณ การใช้เวลาในการศกึ ษาความรู้และทำงานเหมาะสมกบั เวลา
หลักมเี หตุผล การเลอื กและอธิบายเรอื่ งท่ีเรียนร้ไู ดอ้ ย่างเหมาะสมและ
ถกู ตอ้ ง
หลกั สรา้ งภูมิคุ้มกนั ตัวที่ดี
เงื่อนไขความรู้ การเลือกศกึ ษาจากแหลง่ เรยี นรู้ มกี ารวางแผนการทำงานกลมุ่
เง่ือนไขคุณธรรม การเรียนรแู้ ละปฏบิ ัตเิ ร่อื งท่ไี ด้ศึกษาอย่างชดั เจน
มคี วามซื่อสตั ย์ มีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ อยูอ่ ยา่ งพอเพยี ง มีความ
ด้านเศรษฐกิจ ร่วมมอื ในการจดั กิจกรรม
ดา้ นสังคม มกี ารคิดวางแผนในการทำงานอย่างรอบคอบ
ดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม
ช่วยเหลือซึง่ กันและกนั รู้รกั สามคั คีในการทำงานรว่ มกัน
ด้านวัฒนธรรม รจู้ ักใช้และจัดการในการทำกิจกรรมอยา่ งฉลาดและทำให้เกิด
การเรยี นรู้สงู สดุ
รู้จกั แยกแยะในการใช้ชวี ิตรว่ มกนั ในช้นั เรียนอยา่ งมคี วามสุข
บนั ทกึ หลงั สอนแผนการสอนท่ี ...............
1. ผลการสอนระดับช้นั ม..5.....
สอนได้ตามแผนการจดั การเรียนรู้
สอนไม่ได้ตามแผนการจดั การเรียนรู้ เน่ืองจาก ...............................................................................................
4. ผลทีเ่ กิดกบั ผูเ้ รียน
1.) การประเมินผลความร้หู ลงั การเรียน โดยใช…้ ……………......................................................พบวา่ นกั เรียนผ่านการประเมิน
คดิ เปน็ ร้อยละ......................……. ไม่ผา่ นเกณฑ์ข้ันตำ่ ท่กี ำหนดไว้คดิ เป็นร้อยละ.......................................................
ได้แก่ ...................................................................................................................................................................................
2.) การประเมินดา้ นทักษะกระบวนการเรียน โดยใช้………………………................................................พบวา่ นักเรยี นผ่านการ
ประเมินคิดเป็นรอ้ ยละ................ ไม่ผ่านเกณฑ์ขั้นตำ่ ทกี่ ำหนดไวค้ ิดเป็นร้อยละ.................................................
ได้แก่ .......................................................................................................................................................................................
3.) การประเมินดา้ นคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ เรยี น โดยใช…้ …………………….....................................พบว่านกั เรยี นผา่ นการ
ประเมินคดิ เป็นร้อยละ.......……. ไมผ่ ่านเกณฑ์ขั้นต่ำทก่ี ำหนดไว้คิดเป็นร้อยละ........................................................
ไดแ้ ก่ .................................................................................................................................................................................
3. ปัญหาและอปุ สรรค
กิจกรรมการจดั การเรยี นรู้ ไมเ่ หมาะสมกับเวลา
มีนกั เรยี นทำใบงาน/ใบกิจกรรมไม่ทนั ตามกำหนดเวลา
มนี ักเรียนท่ไี ม่สนใจเรยี น
อื่น ๆ .............................................................................................................................................
4. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
ควรนำแผนไปปรบั ปรุง เรือ่ ง ......................................................................................................
.......................................................................................................................................................
แนวทางแก้ไขนกั เรียนทไ่ี มผ่ ่านการประเมนิ ..................................................................................
.......................................................................................................................................................
ไม่มขี ้อเสนอแนะ
ลงชื่อ............................................................ ผู้สอน
( นางมารีหยาม อินทรวิเศษ )
วนั ท.่ี ......./.................../.................
ความคิดเห็นของหวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ความคดิ เห็นของหวั หน้างานวิชาการ
และเทคโนโลยี 1.เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี
1.เปน็ แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่
ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ
ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ 2.การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ไดน้ ำเอากระบวนการเรียนรู้
2.การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ไดน้ ำเอากระบวนการเรียนรู้ ทเี่ น้นผู้เรียนเป็นสำคญั มาใชใ้ นการสอนได้อยา่ ง
ท่เี น้นผ้เู รียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ย่าง
เหมาะสมกบั ศกั ยภาพท่แี ตกตา่ งกนั ของผ้เู รยี น
เหมาะสมกับศกั ยภาพท่แี ตกต่างกนั ของผเู้ รียน ทีย่ งั ไม่เน้นผ้เู รยี นเป็นสำคัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นา
ทีย่ งั ไมเ่ น้นผู้เรยี นเปน็ สำคญั ควรปรบั ปรงุ พัฒนา
ตอ่ ไป
ตอ่ ไป 3.เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้
3.เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้ นำไปใช้ได้จรงิ ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้
นำไปใชไ้ ดจ้ รงิ ควรปรับปรุงกอ่ นนำไปใช้ 4.ข้อเสนอแนะอื่นๆ
4.ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ
ลงช่ือ.................................................................... ลงช่อื ....................................................................
(นางสาวเบญจวรรณ ทองเสน) (นางสาวณฐั ิญา คาโส)
หวั หนา้ กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ฯ หัวหนา้ กลุ่มบรหิ ารงานวิชาการ
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ฯ รายวิชา ชีววิทยา5 รหสั วชิ า ว30245
ปกี ารศึกษา 2564
ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 3 ชว่ั โมง
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เรือ่ ง ไดโคโทมัสคยี ์
1. สาระสำคญั / ความคดิ รวบยอด
อนุกรมวธิ าน เป็นการจดั จำแนกสง่ิ มชี ีวติ ส่ิงมีชีวิตออกเป็นหมวดหมู่ตามสายวิวฒั นาการ ในอดีตการจัดจำแนก
กลมุ่ สง่ิ มีชีวติ แบบผวิ เผนิ แต่ในปจั จุบันได้จัดกลมุ่ สิ่งมชี ีวติ ออกเป็น 5 กลุ่มใหญ่ๆ คอื อาณามอเนอรา อาณาจกั ร
โพรทิสตา อาณาจกั รฟงั ไจ อาณาจักรพชื และอาณาจักรสัตว์
2. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชวี้ ัด
มาตรฐานการเรยี นรู้
2. เขา้ ใจการถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบตั ิ และหนา้ ทข่ี องสาร
พันธกุ รรม การเกิดมิวเทชนั เทคโนโลยีทางดเี อ็นเอ หลกั ฐาน ข้อมลู และแนวคดิ เกีย่ วกับวิวฒั นาการของสง่ิ มชี ีวิต
ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวนเ์ บิรก์ การเกิดสปชี สี ์ใหม่ ความหลากหลายทางชีวภาพ กำเนดิ ของสง่ิ มีชีวติ ความ
หลากหลายของส่งิ มีชวี ิต และอนุกรมวธิ าน รวมทัง้ นำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์
ผลการเรยี นรู้
4. อธบิ าย และยกตวั อยา่ งการจำแนกสิ่งมีชีวติ จากหมวดหมใู่ หญจ่ นถงึ หมวดหมยู่ ่อย และวิธีการเขียนชือ่
วทิ ยาศาสตร์ในลำดบั ขั้นสปชี สี ์
5. สร้างไดโคโทมัสคีย์ในการระบสุ ิง่ มชี วี ติ หรือตวั อย่างทก่ี ำหนดออกเปน็ หมวดหมู่
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ (K,P,A)
12. อธบิ ายหลักการการสรา้ งไดโคโทมัสคียไ์ ด้ (K)
13. สรา้ งและนำเสนอไดโคโทมสั คีย์ได้ (P)
14. สนใจใฝ่เรยี นรู้ทางการศึกษา (A)
4. สาระการเรียนรู้
- ไดโคโทมัสคยี ์
5. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขน้ั ที่ 1 สร้างความสนใจ (Engagement)
1. กระตนุ้ นักเรียนดว้ ยคำถาม
- ก่อนการจัดจำแนกส่ิงมีชีวติ ในปจั จบุ ัน ในอดีตใชว้ ิธีการใดในการจัดจำแนก (ระบบความ
คล้ายคลึงกนั และจดั จำแนกเปน็ หมวดหมู่)
- ใครเปน็ คนตงั้ การจดั จำแนกนี้ (คารโรลัส ลินเนียส)
- มีหลักเกณฑอ์ ย่างไร (โดยการจัดความคลา้ ยคลงึ้ ของสิ่งมีชีวิต จนมลี ักษณะคลา้ ยคลึงกนั มาท่สี ดุ
และจัดสิง่ มีชีวิต กลุม่ นี้ไวอ้ ยู่กลุ่มเดยี วกนั )
ขัน้ ท่ี 2 สำรวจและค้นหา (Exploration)
10. ให้นักเรียนแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 4 – 5 คน ศึกษาค้นควา้ จากการทำกิจกรรมใบงาน เรื่อง การจดั จำแนก
ประเภทของสิ่งมีชวี ิต เพื่อให้งา่ ยต่อการศกึ ษาต้งั แตอ่ ดตี จนถึงปจั จุบัน
11. ให้นกั เรียนแลกเปลีย่ นข้อมูลที่ได้จากการศกึ ษาค้นควา้ จากการทำกิจกรรมกับเพอ่ื นนกั เรยี นในหอ้ ง
12. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันอภปิ รายผลที่ได้จากการศึกษาคน้ ควา้ จากการทำกิจกรรม เรอื่ ง การจดั จำแนก
ประเภทของส่ิงมีชีวติ เพอ่ื ให้ง่ายต่อการศกึ ษาตง้ั แตอ่ ดีตจนถึงปัจจุบนั เพ่ือสรปุ ผลและสร้างองค์
ความรู้ใหม่ร่วมกัน
ขัน้ ที่ 3 อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation)
- การระบชุ นิด นกั วทิ ยาศาสตร์มหี ลายแนวทางในการจัดจำแนกหมวดหมู่สิง่ มชี วี ิต ไดโคโตมสั คยี ์
(Dichotomous key) เป็นเครอื่ งมืออยา่ งหนงึ่ ท่ีใช้จำแนกส่งิ มีชวี ติ ออกเปน็ กลุม่ ยอ่ ยได้ โดย
พิจารณาโครงสร้างทลี ะลักษณะท่แี ตกต่างกนั เปน็ คู่ๆ ดังตวั อยา่ ง
- ไดโคโตมัสคยี ์ของสัตวม์ กี ระดกู สันหลัง
1 ก. มีขน ……………………………………………………………………ดขู อ้ 2
1 ข. เป็นสัตว์เลี้ยง………………………………………………………..ดูข้อ 3
2 ก. ขนเปน็ เส้น…………………………………………………………..สุนขั พนั ธบ์ุ างแกว้
2 ข. ขนเป็นแผงแบบขนนก……………………………………………เป็ดเทศกบินทรบ์ รุ ี
3 ก. เป็นสตั วเ์ ล้ียงลูกด้วยนม……………………………………….. ดขู อ้ 4
3 ข. เปน็ สัตวน์ ำ้ ………………………………………………………….ดูขอ้ 5
4 ก. เปน็ สัตวข์ ้ี เลน่ ……………………………………………………..แมว (Felis Catus)
4 ข. เปน็ สัตว์เศรษฐกิจ………………………………………………. วัวพนั ธุ์ไทย
5 ก. ผิวหนงั มี เกล็ด…………………………………………………… ปลานิล (Oreochromis niloticus )
5 ข. ผวิ หนงั ไม่มี เกลด็ ………………………………………………..ปลาดกุ ดา้ น (Clarias batrachus )
6.ก.เหมือนสุนัขไทยพนั ธุ์ Mid-rord………………………………สุนขั พันธบ์ุ างแกว้
6.ข.เปน็ สนุ ัขพันธุ์ร็อคไวเลอร…์ ………………………………….. ดูขอ้ 7
7.ก.แยกออกมาจากตน้ ตระกูลเสอื ไซบีเรยี …………………….. แมว
7.ข.ไมม่ ีตน้ ตระกลู …………………………………………………….. ดูข้อ 8
8.ก.มีชอ่ื เรยี กว่าปลาจิต ลดา………………………………………..ปลานิล (Oreochromis niloticus )
8.ข.มีชอ่ื เรียกวา่ ปลาทองลายคราม……………………………….ดขู ้อ 9
9.ก.เปน็ ปลาน้ำจืดในวงปลา ดกุ ………………………………… ปลาดุกด้าน (Clarias batrachus )
9.ข.เปน็ ปลานำ้ เค็ม……………………………………………………..ดูขอ้ 10
10.ก.มสี ายพนั ธ์ุจากสิงโต…………………………………………….แมว (Felis Catus)
10.ข.มสี ายพันธ์จุ ากเสือชนิดตา่ งๆ………………………………….. แมว (Felis Catus)
- จากตวั อยา่ งไดโคโตมสั คีย์นีจ้ ะเห็นวา่ สิ่งมีชีวติ กลุ่มใหญ่ทเ่ี ป็นกล่มุ เดียวกันจะจำแนก
เป็นกลมุ่ ย่อยๆ ไดอ้ กี โครงสรา้ งบางชนิดของสัตวอ์ าจมลี ักษณะที่คล้ายคลงึ กนั เมอ่ื พิจารณาดู
เพียงแต่ภายนอก
ข้นั ที่ 4 ขยายความรู้ (Elaboration)
4. ให้นกั เรียนออกแบบหนงั สือเล่มเลก็ เร่ือง ความหลากหลายของสิง่ มชี ีวติ สรปุ เนอื้ หาใหก้ ระชบั และ
เข้าใจง่าย และตกแต่งให้สวยงาม
ขน้ั ท่ี 5 ประเมนิ (Evaluation)
1. นกั เรียนตรวจสอบหรือประเมนิ ขั้นตอนตา่ ง ๆ ท่ีเรยี นมาในวนั นีม้ ีจดุ เด่น จุดบกพรอ่ งอะไรบ้าง มีความ
สงสัย ความอยากร้อู ยากเหน็ ในเร่อื งใด
2. นกั เรียนประเมนิ ตนเอง โดยเขียนแสดงความร้สู ึกหลังการเรยี น ในประเด็นต่อไปน้ี
- ส่ิงทีน่ กั เรยี นได้เรียนรู้ในวันน้คี ืออะไร
- นักเรียนมีส่วนร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากน้อยเพียงใด
- เพ่ือนนกั เรียนในกลมุ่ มีส่วนร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากน้อยเพียงใด
- นักเรียนพึงพอใจกบั การเรียนในวนั นห้ี รือไม่ เพยี งใด
- นกั เรียนจะนำความรูท้ ไ่ี ดน้ ไี้ ปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง ครอบครวั และสังคมทั่วไปได้อย่างไร
จากนั้นแลกเปล่ยี นตรวจสอบขนั้ ตอนการทำงานทุกขัน้ ตอนว่าจะเพ่ิมคุณค่าไปสู่สงั คม เกิดประโยชน์ตอ่ สังคม
ให้มากขนึ้ กว่าเดิมในข้นั ตอนใดบ้าง สำหรบั การทำงานในครงั้ ตอ่ ไป
6. สื่อ / แหล่งการเรยี นรู้
- สือ่ Power Point เรื่อง ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต
- ใบงาน เร่ือง การจดั จำแนกสง่ิ มชี ีวติ
- แหลง่ เรยี นรู้ในและนอกห้องเรียน
7. ช้นิ งานหรือภาระงาน (หลกั ฐาน/รอ่ งรอยการเรียนรู)้
- ใบงาน เรอื่ ง การจดั จำแนกสงิ่ มีชีวิต
- หนังสือเลม่ เลก็ เรือ่ ง ความหลากหลายของสง่ิ มีชวี ติ
8. การวัดและประเมินผล
แบบประเมินการปฏบิ ตั ิการทำกจิ กรรม
รายการการ ระดบั คุณภาพ
ประเมนิ 4 3 21
1. การทำกิจกรรม ทำกจิ กรรมตามวิธกี าร ทำกจิ กรรมตามวธิ ีการ ทำกิจกรรมตามวธิ กี าร ทำกิจกรรมไม่ถูกตอ้ ง
ตามแผนทกี่ ำหนด และข้นั ตอนท่ีกำหนดไวอ้ ย่าง และขน้ั ตอนทีก่ ำหนดไว้ และขน้ั ตอนทีก่ ำหนดไวโ้ ดย ตามวธิ ีการและขน้ั ตอน
ถูกต้องด้วยตนเองมีการ ดว้ ยตนเอง มีการปรบั ปรงุ มีครหู รอื ผูอ้ ืน่ ทีก่ ำหนดไว้ ไมม่ ีการ
ปรับปรุงแก้ไขเป็นระยะ แก้ไขบา้ ง เป็นผู้แนะนำ ปรบั ปรุงแก้ไข
2. การใช้อุปกรณ์ ใช้อุปกรณแ์ ละ/หรอื ใชอ้ ปุ กรณ์และ/หรอื ใช้อุปกรณ์และ/หรอื ใชอ้ ุปกรณ์และ/หรอื
และ/หรือ เคร่อื งมือในการทำ เครือ่ งมือในการทำ เครอ่ื งมอื ในการทำ เคร่ืองมอื ในการทำ
เคร่อื งมือ กิจกรรมไดอ้ ย่างถูกต้องตาม กจิ กรรมได้อยา่ งถกู ตอ้ ง กจิ กรรมไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งโดย กิจกรรมไม่ถกู ตอ้ ง และ
หลกั การปฏิบตั ิและ ตามหลกั การปฏบิ ัติ แต่ไม่ มคี รู หรือผูอ้ ืน่ เป็นผแู้ นะนำ ไมม่ ีความคลอ่ งแคลว่ ใน
คลอ่ งแคล่ว คล่องแคล่ว การใช้
3. การบันทึกผล บนั ทึกผลเป็นระยะ บนั ทกึ ผลเปน็ ระยะ บนั ทึกผลเป็นระยะ บนั ทึกผลไมค่ รบ
การทำกจิ กรรม อย่างถกู ต้อง มรี ะเบียบมกี าร อยา่ งถกู ตอ้ ง มรี ะเบียบมี แต่ไมเ่ ป็นระเบียบ ไมม่ ีการระบหุ นว่ ย
ระบุหน่วย มีการอธบิ าย การระบหุ นว่ ย มีการ ไม่มีการระบหุ นว่ ย และไม่เป็นไปตาม
ขอ้ มูลให้เห็นความเชื่อมโยงเป็น อธิบายขอ้ มูลใหเ้ ห็นถึง และไมม่ ีการอธิบายข้อมลู ให้ การทำกิจกรรม
ภาพรวมเป็นเหตุเป็นผล และ ความสัมพันธเ์ ปน็ ไป เหน็ ถึงความสัมพนั ธ์ของการ
เป็นไปตามการทำกจิ กรรม ตามการทำกจิ กรรม ทำกิจกรรม
4. การจัดกระทำ จดั กระทำขอ้ มลู จัดกระทำข้อมูล จัดกระทำขอ้ มูล จดั กระทำข้อมูลอยา่ ง
ขอ้ มูลและการ อย่างเป็นระบบมกี าร อยา่ งเปน็ ระบบ มีการ อย่างเปน็ ระบบมกี าร ไมเ่ ป็นระบบ และมีการ
นำเสนอ เช่ือมโยงใหเ้ ห็นเปน็ ภาพรวม จำแนกข้อมลู ให้เห็น ยกตวั อย่างเพิ่มเติมใหเ้ ข้าใจ นำเสนอไมส่ ่อื
และนำเสนอ ความสมั พันธ์ นำเสนอ ง่าย และนำเสนอด้วยแบบ ความหมายและไม่
ด้วยแบบตา่ ง ๆอย่างชดั เจน ด้วยแบบต่าง ๆ ได้ ตา่ ง ๆ แตย่ ังไม่ชัดเจนและไม่ ชัดเจน
ถูกต้อง แต่ยงั ไมช่ ัดเจน ถูกต้อง
5. การสรปุ ผลการ สรปุ ผลการทำกจิ กรรม สรุปผลการทำกิจกรรม สรุปผลการทำกจิ กรรมได้โดย สรปุ ผลการทำกจิ กรรม
ทำกิจกรรม ได้อย่างถูกต้อง กระชับ ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง แตย่ ัง มีครูหรือผอู้ นื่ ตามความรทู้ ่พี อมีอยู่
ชดั เจน และครอบคลมุ ขอ้ มลู ไม่ครอบคลุมขอ้ มลู แนะนำบ้าง จงึ สามารถ โดยไมใ่ ช้ข้อมลู
จากการวิเคราะห์ จากการวิเคราะหท์ ัง้ หมด สรปุ ได้อย่างถูกต้อง จากการทำกจิ กรรม
ทง้ั หมด
6. การดแู ลและ ดูแลอปุ กรณ์และ/หรอื ดแู ลอุปกรณ์และ/หรือ ดแู ลอุปกรณแ์ ละ/หรอื ไม่ดูแลอุปกรณ์และ/
การเกบ็ อปุ กรณ์ เครือ่ งมือในการทำกจิ กรรม เคร่ืองมือในการทำกจิ กรรม เครื่องมอื ในการทำกิจกรรม หรอื เคร่ืองมอื ในการทำ
และ/หรือ และมีการ และมีการ มีการทำความสะอาด แต่ กิจกรรม และไม่สนใจ
เครื่องมือ ทำความสะอาดและเก็บอย่าง ทำความสะอาดอยา่ ง เกบ็ ไมถ่ กู ตอ้ ง ตอ้ งใหค้ รูหรอื ทำความสะอาด รวมท้งั
ถูกต้องตามหลักการและ ถกู ตอ้ ง แต่เกบ็ ผู้อ่ืนแนะนำ เกบ็ ไม่ถกู ตอ้ ง
แนะนำให้ผู้อนื่ ดแู ลและเก็บ ไม่ถกู ตอ้ ง
รกั ษาไดถ้ กู ตอ้ ง
แบบประเมนิ ช้ินงาน การจดั กระทำและนำเสนอแผนผงั
รายการการ ระดบั คณุ ภาพ
ประเมิน 4 3 2 1
การจัดกระทำและ จดั กระทำแลนำเสนอ จัดกระทำและ จัดกระทำและ จัดกระทำและนำเสนอ
แผนผังได้ แต่ไม่
นำเสนอแผนผงั แผนผัง ไดส้ ัมพันธ์กัน นำเสนอ แผนผังได้ นำเสนอแผนผงั ได้ สอดคลอ้ งกบั หวั ขอ้
เร่ืองที่กำหนด
และถกู ตอ้ งตามหัวขอ้ สมั พนั ธ์กบั หัวข้อเรอื่ ง ตามหัวข้อเรื่อง
เรือ่ งท่กี ำหนด มกี าร ทีก่ ำหนด มกี าร โดยมคี รูหรอื ผู้อ่นื
วางแผน มกี าร ออกแบบ มคี วามคิด ให้คำแนะนำ
ออกแบบ และมี รเิ ร่ิม แต่ไมม่ ีการ
ความคิดสร้างสรรค์ เชอื่ มโยงให้เห็นเปน็
มีการเช่ือมโยงใหเ้ หน็ ภาพรวม
เปน็ ภาพรวม
แบบประเมินการสืบสอบขอ้ มูล
รายการการ ระดับคณุ ภาพ
ประเมิน 4 3 21
1. การวางแผน วางแผนท่ีจะค้นคว้าข้อมลู จาก วางแผนท่ีจะค้นคว้าข้อมลู วางแผนทจี่ ะค้นคว้าข้อมลู ไมม่ ีการวางแผนทีจ่ ะ
คน้ คว้าขอ้ มลู แหล่งการเรยี นรทู้ ่หี ลากหลาย จากแหลง่ การเรียนรู้ที่ จากแหลง่ การเรียนรู้โดยมี ค้นควา้ ข้อมลู จาก
จากแหล่งการ เชอื่ ถือได้และมีการเช่ือมโยงให้เห็น หลากหลาย และเหมาะสม ครูหรอื ผอู้ น่ื แนะนำบ้าง แหล่งการเรียนรูอ้ ยา่ ง
เรียนรู้ เป็นภาพรวม แสดงให้เห็น แตไ่ มม่ ีการเชื่อมโยงให้ เปน็ ระบบ
ถงึ ความสัมพันธ์ของ เห็นเป็นภาพรวม
วธิ กี ารทั้งหมด
2. การเกบ็ เกบ็ รวบรวมข้อมลู เกบ็ รวบรวมข้อมลู เก็บรวบรวมขอ้ มลู เก็บรวบรวมข้อมลู
รวบรวม ตามแผนทกี่ ำหนด โดยคดั เลือกและ/หรือ โดยไม่มกี ารคดั เลอื ก เป็นระยะ ขาดการ
ขอ้ มลู ทุกประการ ประเมินข้อมูล และ/หรอื ประเมินข้อมลู ประเมินเพอ่ื คัดเลอื ก
3. การจดั จดั กระทำข้อมูล จดั กระทำขอ้ มลู จดั กระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมลู อยา่ ง
กระทำขอ้ มูล อยา่ งเปน็ ระบบ อยา่ งเป็นระบบ มกี าร อยา่ งเป็นระบบ ไมเ่ ปน็ ระบบ และ
และการ มีการเชอ่ื มโยงให้เห็น จำแนกข้อมลู ให้เห็น มีการยกตวั อย่างเพิ่มเติมให้ นำเสนอไมส่ ่ือ
นำเสนอ เป็นภาพรวม และนำเสนอด้วยแบบ ความสัมพนั ธ์ นำเสนอ เข้าใจง่ายและนำเสนอด้วย ความหมายและไม่
ต่าง ๆ อยา่ งชัดเจนถกู ตอ้ ง ด้วยแบบตา่ ง ๆ ได้ แบบต่าง ๆ แต่ยงั ไมถ่ ูกต้อง ชัดเจน
อยา่ งถกู ต้อง
4. การสรุปผล สรปุ ผลได้อย่างถูกตอ้ ง สรปุ ผลได้อย่างกระชบั สรปุ ผลไดก้ ระชบั สรุปผลโดยไมใ่ ช้
กระชับ ชัดเจน และ แต่ยงั ไมช่ ดั เจนและ กะทดั รดั แตไ่ มช่ ดั เจน ขอ้ มูล และไม่ถูกต้อง
ครอบคลุม มเี หตุผล ไมค่ รอบคลมุ ขอ้ มลู
ทอี่ ้างองิ จากการสืบสอบได้ จากการวเิ คราะห์
ทั้งหมด
5. การเขยี น เขียนรายงานตรงตามจดุ ประสงค์ เขียนรายงานตรงตาม เขียนรายงานโดยส่ือ เขยี นรายงานไดต้ าม
รายงาน ถูกตอ้ งและชัดเจน และมีการ จดุ ประสงค์อยา่ งถูกต้อง ความหมายไดโ้ ดยมีครหู รือ ตวั อย่าง แต่ใช้ภาษาไม่
เช่ือมโยงใหเ้ หน็ เปน็ ภาพรวม และชัดเจนแต่ขาดการ ผู้อ่นื แนะนำ ถูกตอ้ ง และไม่ชัดเจน
เรยี บเรยี ง
9.การบรู ณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง (3 หว่ ง 2 เง่ือน 4 มติ ิ)
หลกั ความพอประมาณ การใช้เวลาในการศกึ ษาความรู้และทำงานเหมาะสมกบั เวลา
หลักมเี หตุผล การเลอื กและอธิบายเรอื่ งท่ีเรียนร้ไู ดอ้ ย่างเหมาะสมและ
ถกู ตอ้ ง
หลกั สรา้ งภูมิคุ้มกนั ตัวทีด่ ี
เงื่อนไขความรู้ การเลือกศกึ ษาจากแหลง่ เรยี นรู้ มกี ารวางแผนการทำงานกลมุ่
เง่ือนไขคุณธรรม การเรียนรแู้ ละปฏบิ ัตเิ ร่อื งท่ไี ด้ศึกษาอย่างชดั เจน
มคี วามซื่อสตั ย์ มีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ อยูอ่ ยา่ งพอเพยี ง มีความ
ด้านเศรษฐกิจ ร่วมมอื ในการจดั กิจกรรม
ดา้ นสังคม มกี ารคิดวางแผนในการทำงานอย่างรอบคอบ
ดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม
ช่วยเหลือซึง่ กันและกนั รู้รกั สามคั คีในการทำงานรว่ มกัน
ด้านวัฒนธรรม รจู้ ักใช้และจัดการในการทำกิจกรรมอยา่ งฉลาดและทำให้เกิด
การเรยี นรู้สงู สดุ
รู้จกั แยกแยะในการใช้ชวี ิตรว่ มกันในช้นั เรียนอยา่ งมคี วามสุข
บนั ทึกหลงั สอนแผนการสอนที่ ...............
1. ผลการสอนระดับช้นั ม..5.....
สอนได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้
สอนไม่ได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ เน่ืองจาก ...............................................................................................
5. ผลทีเ่ กิดกบั ผูเ้ รียน
1.) การประเมินผลความรหู้ ลังการเรียน โดยใช…้ ……………......................................................พบวา่ นักเรียนผ่านการประเมนิ
คดิ เปน็ ร้อยละ......................……. ไมผ่ า่ นเกณฑ์ข้ันตำ่ ท่กี ำหนดไวค้ ิดเป็นร้อยละ.......................................................
ได้แก่ ...................................................................................................................................................................................
2.) การประเมนิ ดา้ นทักษะกระบวนการเรียน โดยใช…้ ……………………................................................พบวา่ นกั เรียนผา่ นการ
ประเมินคิดเป็นรอ้ ยละ................ ไมผ่ ่านเกณฑ์ขั้นตำ่ ทกี่ ำหนดไวค้ ดิ เป็นรอ้ ยละ.................................................
ได้แก่ .......................................................................................................................................................................................
3.) การประเมินดา้ นคุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ เรียน โดยใช้……………………….....................................พบว่านักเรียนผา่ นการ
ประเมินคดิ เป็นร้อยละ.......……. ไม่ผ่านเกณฑ์ขั้นตำ่ ท่กี ำหนดไว้คิดเป็นรอ้ ยละ........................................................
ไดแ้ ก่ .................................................................................................................................................................................
3. ปัญหาและอปุ สรรค
กิจกรรมการจดั การเรียนรู้ ไมเ่ หมาะสมกับเวลา
มีนกั เรยี นทำใบงาน/ใบกจิ กรรมไม่ทนั ตามกำหนดเวลา
มนี ักเรียนท่ไี ม่สนใจเรยี น
อื่น ๆ .............................................................................................................................................
4. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
ควรนำแผนไปปรบั ปรุง เรือ่ ง ......................................................................................................
.......................................................................................................................................................
แนวทางแก้ไขนกั เรยี นท่ไี ม่ผ่านการประเมนิ ..................................................................................
.......................................................................................................................................................
ไม่มขี ้อเสนอแนะ
ลงชอ่ื ............................................................ ผสู้ อน
( นางมารหี ยาม อินทรวิเศษ )
วนั ท่ี......../.................../.................
ความคิดเห็นของหัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ความคดิ เห็นของหวั หน้างานวชิ าการ
และเทคโนโลยี 1.เปน็ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี
1.เปน็ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่
ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง
ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ 2.การจดั กจิ กรรมการเรยี นรไู้ ด้นำเอากระบวนการเรยี นรู้
2.การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ไดน้ ำเอากระบวนการเรยี นรู้ ทเ่ี น้นผเู้ รียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อยา่ ง
ท่เี น้นผ้เู รียนเป็นสำคัญมาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ ง
เหมาะสมกับศกั ยภาพท่ีแตกตา่ งกนั ของผู้เรยี น
เหมาะสมกับศกั ยภาพท่แี ตกต่างกันของผเู้ รยี น ทยี่ งั ไมเ่ น้นผเู้ รียนเป็นสำคญั ควรปรบั ปรุงพัฒนา
ทีย่ งั ไมเ่ น้นผ้เู รยี นเปน็ สำคญั ควรปรบั ปรงุ พฒั นา
ตอ่ ไป
ตอ่ ไป 3.เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้
3.เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้ นำไปใชไ้ ดจ้ ริง ควรปรับปรงุ ก่อนนำไปใช้
นำไปใชไ้ ดจ้ ริง ควรปรับปรงุ กอ่ นนำไปใช้ 4.ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ
4.ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ
ลงช่ือ.................................................................... ลงชอ่ื ....................................................................
(นางสาวเบญจวรรณ ทองเสน) (นางสาวณฐั ญิ า คาโส)
หวั หนา้ กลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ฯ หัวหน้ากลมุ่ บรหิ ารงานวชิ าการ
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 5
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ฯ รายวชิ า ชีววิทยา5 รหัสวชิ า ว30245
ปีการศกึ ษา 2564
ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 6 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 4 ชัว่ โมง
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง อาณาจกั รมอเนอรา
1. สาระสำคญั / ความคิดรวบยอด
อนุกรมวิธาน เปน็ การจัดจำแนกสิ่งมีชีวิตสิ่งมีชีวติ ออกเปน็ หมวดหมตู่ ามสายววิ ฒั นาการ ในอดีตการจดั จำแนก
กลมุ่ สิง่ มชี ีวติ แบบผวิ เผนิ แต่ในปจั จุบันได้จัดกลุ่มสิง่ มชี ีวิตออกเปน็ 5 กลุ่มใหญๆ่ คอื อาณามอเนอรา อาณาจกั ร
โพรทสิ ตา อาณาจักรฟงั ไจ อาณาจกั รพชื และอาณาจักรสัตว์
2. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด
มาตรฐานการเรยี นรู้
2. เข้าใจการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรม การถ่ายทอดยนี บนโครโมโซม สมบัติ และหนา้ ทข่ี องสาร
พนั ธกุ รรม การเกดิ มิวเทชนั เทคโนโลยีทางดีเอน็ เอ หลักฐาน ขอ้ มลู และแนวคดิ เก่ียวกับวิวัฒนาการของสง่ิ มชี ีวิต
ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวนเ์ บริ ์ก การเกิดสปชี สี ์ใหม่ ความหลากหลายทางชีวภาพ กำเนดิ ของสงิ่ มีชีวิต ความ
หลากหลายของส่งิ มชี วี ิต และอนุกรมวิธาน รวมทัง้ นำความร้ไู ปใช้ประโยชน์
ผลการเรยี นรู้
2. อธิบายการเกดิ เซลลเ์ ริ่มแรกของสิ่งมชี วี ติ และวิวฒั นาการของส่งิ มชี ีวติ เซลลเ์ ดียว
3.อธิบายลักษณะสำคัญและยกตัวอย่างสงิ่ มีชีวติ กลมุ่ แบคทเี รยี ส่ิงมีชีวติ กลุม่ โพรทิสต์ สง่ิ มีชีวิต กล่มุ พืช
สงิ่ มีชวี ิตกลมุ่ ฟงั ไจ และสง่ิ มชี ีวติ กลมุ่ สัตว์
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (K,P,A)
15. อธบิ ายการวิวัฒนาการของสิง่ มีชวี ิตแรกเรม่ิ ได้ (K)
16. อธบิ ายลักษณะสำคญั ของสง่ิ มีชวี ติ ในอาณาจกั รมอเนอราได้ (K)
17. ยกตวั อย่างของสิง่ มีชวี ติ ในอาณาจักรมอเนอราได้ (K)
18. นำเสนอสงิ่ มีชวี ติ ในอาณาจกั รมอเนอราได้ (P)
19. สนใจใฝเ่ รียนรูท้ างการศกึ ษา (A)
4. สาระการเรียนรู้
- อาณาจกั รมอเนอรา
5. กจิ กรรมการเรียนรู้
ขัน้ ที่ 1 สร้างความสนใจ (Engagement)
1. กระตนุ้ นักเรียนดว้ ยคำถาม
- ปัจจุบันมกี ารจดั จำแนกสงิ่ มชี ีวติ ไดก้ ีก่ ลมุ่ อะไรบา้ ง (5 กลมุ่ คือ มอเนอรา โพทิสตา ฟังไจ พืช
และสัตว์)
- การเรยี งลำดับกลมุ่ สงิ่ มีชวี ติ ใหญ่ พจิ ารณาจากอะไร (โครงสร้างภายในและสายวิวฒั นาการ)
- สง่ิ มีชีวิตพวกมอเนอรามีลักษณะเดน่ อยา่ งไรบ้าง (เปน็ สง่ิ มชี วี ิตทเี่ ป็นโพรคาริโอตทงั้ หมด หรือ
พวกแบคท่ีเรยี )
ขนั้ ท่ี 2 สำรวจและค้นหา (Exploration)
13. ใหน้ ักเรียนแบง่ กลมุ่ กล่มุ ละ 4 – 5 คน ศกึ ษาคน้ คว้าข้อมลู เรอื่ ง อาณาจักรมอเนอราและตัวอย่าง
ของสิง่ มีชีวติ
14. ใหน้ ักเรยี นแลกเปลย่ี นข้อมูลทไ่ี ด้จากการศึกษาค้นควา้ กับเพอ่ื นนักเรียนในห้อง
15. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายผลทไ่ี ด้จากการศกึ ษาค้นคว้า เรอื่ ง อาณาจักรมอเนอราและตวั อยา่ ง
ของสงิ่ มชี ีวติ เพอ่ื สรุปผลและสรา้ งองค์ความร้ใู หม่รว่ มกัน
ขัน้ ท่ี 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
1. อาณาจกั รมอเนอรา (Kingdom Monera)
- ลกั ษณะสำคญั ของส่ิงมีชีวิตในอาณาจักรมอเนอรา
- เป็นสิ่งมชี วี ติ เซลล์เดยี วทีม่ ีโครงสร้างเซลล์แบบโพรคาริโอต (prokaryotic cell) ในขณะท่ี
สงิ่ มชี ีวิตอ่ืนๆทุกอาณาจกั รมีโครงสร้างเซลล์แบบยูคารีโอต (eukaryotic cell)
- ไม่มอี อร์แกเนลล์ชนิดมีเยือ่ หมุ้ เชน่ ร่างแหเอนโดพลาสซึม กอลจคิ อมเพลกซ์ ไลโซโซม คลอ
โรพลาสต์ มีเฉพาะออรแ์ กเนลลท์ ไี่ มม่ ีเย่อื หมุ้ คอื ไรโบโซม ส่งิ มีชวี ิตใรอาณาจักรนี้มคี วามสำคัญ
อย่างมากตอ่ ระบบนิเวศ กล่าวคอื กลุ่มแบคทเี รียทำหน้าที่เปน็ ผยู้ ่อยอนิ ทรยี สารกอ่ ให้เกิดการ
หมุนเวียนสารอนนิ ทรียแ์ ละอนิ ทรยี ส์ ารตา่ งๆ สาหรา่ ยสเี ขยี วแกมน้ำเงินทำหน้าทีเ่ ปน็ ผ้ผู ลิตใน
ระบบนเิ วศและส่งิ มีชีวิต 2 กลมุ่ นยี้ ังมคี วามสำคัญในแงเ่ ทคโนโลยีชวี ภาพซ่งึ ได้มีการศึกษาวจิ ยั
เพม่ิ มากขึน่ เพื่อนำไปใช้ประโยชนใ์ นดา้ นการเพิ่มผลผลติ ทางการเกษตร อตุ สาหกรรม การแพทย์
และการศกึ ษาพันธศุ าสตรซ์ ง่ึ ชว่ ยพัฒนาคณุ ภาพชีวติ ของประชากรใหด้ ยี ิ่งข้นึ
- สงิ่ มีชีวติ ในอาณาจกั รนี้แบง่ เปน็ 2 ไฟลมั คอื
1. ไฟลัมชโิ ซไมโคไฟตา (PHYLUM SCHIZOMYCOPHYTA) แบคทเี รียเป็นสงิ่ มชี ีวติ เซลล์
เดียว เซลลข์ องแบคทีเรียมผี นังเซลล์ซึ่งเปน็ พวกคาร์โบไฮเดรตและกรดอะมิโน บางชนิดมแี คปซลู เป็น
สารเมอื กห้มุ อยู่ เพื่อปอ้ งกันอันตรายแบง่ ออกเปน็ 3 กล่มุ คอื รปู รา่ งกลม (COCCUS) รูปร่างเป็นทอ่ น
(BACILLUS) และพวกทม่ี ีรปู รา่ งเป็นเกลยี ว (SPIRILLUM)
ตวั อยา่ งแบคทีเรยี งรปู รา่ งต่างๆ
2.ไฟลมั ไซยาโนไฟตา (PHYLUM CYANOPHYTA) สาหรา่ ยสีเขยี วแกมน้ำเงนิ (BLUE
GREEN ALGAE) เชน่ Oscillatoria Sp.,Spirulina Sp.,Anabaena Sp. เป็นตน้
สาหรา่ ยสีเขยี วแกมนำ้ เงิน
ขั้นท่ี 4 ขยายความรู้ (Elaboration)
5. ใหน้ กั เรยี นออกแบบหนังสอื เลม่ เลก็ เรื่อง ความหลากหลายของสิง่ มชี วี ติ สรุปเนือ้ หาใหก้ ระชับและ
เขา้ ใจงา่ ย และตกแต่งให้สวยงาม
ขนั้ ที่ 5 ประเมิน (Evaluation)
1. นกั เรียนตรวจสอบหรอื ประเมินขน้ั ตอนต่าง ๆ ทเ่ี รียนมาในวันนมี้ ีจดุ เดน่ จดุ บกพรอ่ งอะไรบ้าง มคี วาม
สงสัย ความอยากรู้อยากเหน็ ในเรอ่ื งใด
2. นกั เรยี นประเมนิ ตนเอง โดยเขียนแสดงความรูส้ ึกหลังการเรยี น ในประเดน็ ต่อไปน้ี
- สิ่งท่ีนักเรยี นได้เรยี นรู้ในวันน้คี อื อะไร
- นักเรียนมีสว่ นร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากนอ้ ยเพียงใด
- เพ่ือนนักเรียนในกล่มุ มีส่วนรว่ มกิจกรรมในกลุ่มมากน้อยเพียงใด
- นกั เรียนพงึ พอใจกับการเรียนในวันนหี้ รอื ไม่ เพียงใด
- นักเรียนจะนำความรูท้ ไ่ี ด้นไ้ี ปใช้ให้เกิดประโยชน์แกต่ นเอง ครอบครัว และสงั คมทวั่ ไปได้อย่างไร
จากนน้ั แลกเปล่ยี นตรวจสอบข้ันตอนการทำงานทุกขั้นตอนว่าจะเพิ่มคุณค่าไปสู่สงั คม เกิดประโยชน์ตอ่ สงั คม
ให้มากข้ึนกว่าเดิมในข้ันตอนใดบ้าง สำหรับการทำงานในครั้งต่อไป
6. ส่ือ / แหลง่ การเรียนรู้
- ส่อื Power Point เรอื่ ง ความหลากหลายของสิ่งมีชีวติ
- แหล่งเรยี นรู้ในและนอกหอ้ งเรยี น
7. ชนิ้ งานหรือภาระงาน (หลกั ฐาน/รอ่ งรอยการเรียนรู้)
- หนังสอื เลม่ เลก็ เรอ่ื ง ความหลากหลายของสง่ิ มีชีวติ
8. การวัดและประเมินผล
แบบประเมินการปฏบิ ตั ิการทำกจิ กรรม
รายการการ ระดบั คุณภาพ
ประเมนิ 4 3 21
1. การทำกิจกรรม ทำกจิ กรรมตามวิธกี าร ทำกจิ กรรมตามวธิ กี าร ทำกิจกรรมตามวธิ กี าร ทำกิจกรรมไม่ถูกต้อง
ตามแผนทกี่ ำหนด และขนั้ ตอนท่ีกำหนดไวอ้ ย่าง และขน้ั ตอนที่กำหนดไว้ และขน้ั ตอนทีก่ ำหนดไวโ้ ดย ตามวธิ ีการและขน้ั ตอน
ถูกต้องด้วยตนเองมีการ ดว้ ยตนเอง มีการปรบั ปรงุ มีครหู รอื ผูอ้ ืน่ ทีก่ ำหนดไว้ ไมม่ ีการ
ปรับปรุงแก้ไขเป็นระยะ แก้ไขบา้ ง เป็นผู้แนะนำ ปรบั ปรุงแก้ไข
2. การใช้อปุ กรณ์ ใช้อุปกรณแ์ ละ/หรอื ใชอ้ ปุ กรณ์และ/หรอื ใช้อุปกรณ์และ/หรอื ใชอ้ ุปกรณ์และ/หรือ
และ/หรอื เคร่อื งมือในการทำ เครือ่ งมือในการทำ เครอ่ื งมอื ในการทำ เคร่ืองมือในการทำ
เครือ่ งมือ กิจกรรมไดอ้ ย่างถูกต้องตาม กจิ กรรมได้อยา่ งถกู ต้อง กจิ กรรมไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งโดย กิจกรรมไม่ถกู ตอ้ ง และ
หลักการปฏิบตั ิและ ตามหลกั การปฏบิ ัติ แต่ไม่ มคี รู หรือผูอ้ นื่ เป็นผแู้ นะนำ ไมม่ ีความคลอ่ งแคล่วใน
คลอ่ งแคล่ว คล่องแคล่ว การใช้
3. การบันทึกผล บนั ทึกผลเป็นระยะ บนั ทกึ ผลเปน็ ระยะ บนั ทึกผลเป็นระยะ บนั ทึกผลไมค่ รบ
การทำกจิ กรรม อย่างถูกต้อง มีระเบียบมกี าร อยา่ งถกู ตอ้ ง มีระเบียบมี แต่ไมเ่ ป็นระเบียบ ไมม่ ีการระบหุ นว่ ย
ระบุหน่วย มีการอธบิ าย การระบหุ นว่ ย มีการ ไม่มีการระบหุ นว่ ย และไม่เป็นไปตาม
ขอ้ มูลให้เห็นความเชื่อมโยงเป็น อธิบายขอ้ มูลใหเ้ ห็นถึง และไมม่ ีการอธิบายข้อมลู ให้ การทำกิจกรรม
ภาพรวมเป็นเหตุเป็นผล และ ความสัมพันธ์เปน็ ไป เหน็ ถึงความสัมพนั ธ์ของการ
เป็นไปตามการทำกจิ กรรม ตามการทำกจิ กรรม ทำกิจกรรม
4. การจัดกระทำ จดั กระทำขอ้ มลู จัดกระทำข้อมลู จัดกระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมูลอย่าง
ขอ้ มูลและการ อย่างเปน็ ระบบมกี าร อยา่ งเปน็ ระบบ มีการ อยา่ งเปน็ ระบบมีการ ไมเ่ ป็นระบบ และมกี าร
นำเสนอ เช่ือมโยงใหเ้ ห็นเปน็ ภาพรวม จำแนกขอ้ มลู ให้เห็น ยกตวั อย่างเพิ่มเติมให้เข้าใจ นำเสนอไมส่ ่อื
และนำเสนอ ความสมั พันธ์ นำเสนอ ง่าย และนำเสนอด้วยแบบ ความหมายและไม่
ด้วยแบบตา่ ง ๆอย่างชดั เจน ด้วยแบบต่าง ๆ ได้ ตา่ ง ๆ แตย่ ังไมช่ ดั เจนและไม่ ชัดเจน
ถูกตอ้ ง แต่ยงั ไมช่ ัดเจน ถูกต้อง
5. การสรปุ ผลการ สรปุ ผลการทำกจิ กรรม สรุปผลการทำกิจกรรม สรุปผลการทำกจิ กรรมได้โดย สรปุ ผลการทำกจิ กรรม
ทำกจิ กรรม ได้อยา่ งถูกต้อง กระชับ ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง แตย่ ัง มีครูหรือผอู้ นื่ ตามความรทู้ ่พี อมีอยู่
ชดั เจน และครอบคลุมขอ้ มลู ไม่ครอบคลุมข้อมลู แนะนำบ้าง จงึ สามารถ โดยไมใ่ ช้ข้อมูล
จากการวิเคราะห์ จากการวิเคราะหท์ ัง้ หมด สรปุ ได้อย่างถูกต้อง จากการทำกจิ กรรม
ทง้ั หมด
6. การดแู ลและ ดูแลอุปกรณ์และ/หรอื ดแู ลอุปกรณ์และ/หรือ ดแู ลอุปกรณแ์ ละ/หรอื ไม่ดูแลอุปกรณ์และ/
การเกบ็ อปุ กรณ์ เคร่อื งมือในการทำกจิ กรรม เคร่ืองมือในการทำกิจกรรม เครื่องมอื ในการทำกิจกรรม หรอื เครื่องมอื ในการทำ
และ/หรือ และมีการ และมีการ มีการทำความสะอาด แต่ กิจกรรม และไม่สนใจ
เครื่องมือ ทำความสะอาดและเก็บอย่าง ทำความสะอาดอยา่ ง เกบ็ ไมถ่ กู ตอ้ ง ต้องใหค้ รูหรอื ทำความสะอาด รวมท้งั
ถูกต้องตามหลักการและ ถกู ตอ้ ง แต่เก็บ ผู้อ่ืนแนะนำ เกบ็ ไม่ถกู ตอ้ ง
แนะนำให้ผู้อนื่ ดแู ลและเก็บ ไม่ถกู ตอ้ ง
รกั ษาไดถ้ กู ตอ้ ง
แบบประเมนิ ช้ินงาน การจัดกระทำและนำเสนอแผนผงั
รายการการ ระดบั คณุ ภาพ
ประเมิน
432 1
การจัดกระทำและ
นำเสนอแผนผงั จดั กระทำแลนำเสนอ จัดกระทำและ จัดกระทำและ จัดกระทำและนำเสนอ
แผนผังได้ แต่ไม่
แผนผัง ไดส้ ัมพันธ์กัน นำเสนอ แผนผังได้ นำเสนอแผนผงั ได้ สอดคลอ้ งกบั หวั ขอ้
เร่ืองทกี่ ำหนด
และถกู ตอ้ งตามหัวขอ้ สมั พนั ธ์กบั หัวข้อเรอื่ ง ตามหัวข้อเรื่อง
เรือ่ งทก่ี ำหนด มกี าร ทีก่ ำหนด มกี าร โดยมคี รูหรอื ผู้อ่ืน
วางแผน มีการ ออกแบบ มคี วามคิด ใหค้ ำแนะนำ
ออกแบบ และมี รเิ ร่ิม แต่ไมม่ ีการ
ความคิดสรา้ งสรรค์ เชอื่ มโยงให้เห็นเปน็
มีการเชอ่ื มโยงใหเ้ หน็ ภาพรวม
เป็นภาพรวม
แบบประเมินการสืบสอบขอ้ มูล
รายการการ ระดับคณุ ภาพ
ประเมิน 4 3 21
1. การวางแผน วางแผนทจี่ ะค้นคว้าข้อมลู จาก วางแผนท่ีจะค้นคว้าข้อมลู วางแผนทจี่ ะค้นคว้าข้อมลู ไมม่ กี ารวางแผนทีจ่ ะ
คน้ คว้าขอ้ มลู แหล่งการเรยี นรู้ท่ีหลากหลาย จากแหลง่ การเรียนรู้ที่ จากแหลง่ การเรียนรโู้ ดยมี ค้นควา้ ข้อมลู จาก
จากแหล่งการ เชอื่ ถือได้และมีการเช่ือมโยงให้เห็น หลากหลาย และเหมาะสม ครูหรอื ผอู้ น่ื แนะนำบ้าง แหล่งการเรียนรูอ้ ยา่ ง
เรียนรู้ เป็นภาพรวม แสดงให้เห็น แตไ่ มม่ ีการเชื่อมโยงให้ เปน็ ระบบ
ถงึ ความสัมพันธ์ของ เห็นเป็นภาพรวม
วธิ กี ารทัง้ หมด
2. การเกบ็ เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล เกบ็ รวบรวมข้อมลู เก็บรวบรวมขอ้ มลู เก็บรวบรวมข้อมลู
รวบรวม ตามแผนทีก่ ำหนด โดยคดั เลือกและ/หรือ โดยไม่มกี ารคดั เลือก เป็นระยะ ขาดการ
ขอ้ มลู ทุกประการ ประเมินข้อมูล และ/หรอื ประเมินขอ้ มลู ประเมนิ เพอ่ื คัดเลือก
3. การจดั จดั กระทำข้อมูล จดั กระทำขอ้ มลู จดั กระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมลู อยา่ ง
กระทำขอ้ มูล อยา่ งเป็นระบบ อยา่ งเป็นระบบ มกี าร อยา่ งเป็นระบบ ไมเ่ ปน็ ระบบ และ
และการ มีการเชื่อมโยงใหเ้ ห็น จำแนกขอ้ มลู ใหเ้ ห็น มีการยกตวั อย่างเพิ่มเติมให้ นำเสนอไมส่ ่ือ
นำเสนอ เป็นภาพรวม และนำเสนอด้วยแบบ ความสัมพนั ธ์ นำเสนอ เข้าใจง่ายและนำเสนอด้วย ความหมายและไม่
ต่าง ๆ อยา่ งชัดเจนถกู ต้อง ด้วยแบบตา่ ง ๆ ได้ แบบต่าง ๆ แต่ยงั ไม่ถูกต้อง ชัดเจน
อยา่ งถกู ต้อง
4. การสรุปผล สรปุ ผลได้อยา่ งถูกต้อง สรปุ ผลได้อย่างกระชบั สรปุ ผลไดก้ ระชบั สรุปผลโดยไมใ่ ช้
กระชับ ชัดเจน และ แต่ยงั ไม่ชดั เจนและ กะทดั รดั แตไ่ มช่ ดั เจน ขอ้ มูล และไม่ถูกต้อง
ครอบคลมุ มเี หตผุ ล ไมค่ รอบคลมุ ข้อมลู
ทอี่ ้างองิ จากการสืบสอบได้ จากการวเิ คราะห์
ทั้งหมด
5. การเขยี น เขียนรายงานตรงตามจดุ ประสงค์ เขียนรายงานตรงตาม เขยี นรายงานโดยสอื่ เขยี นรายงานไดต้ าม
รายงาน ถูกต้องและชัดเจน และมีการ จดุ ประสงค์อยา่ งถูกต้อง ความหมายไดโ้ ดยมคี รหู รือ ตวั อยา่ ง แต่ใช้ภาษาไม่
เช่ือมโยงให้เหน็ เปน็ ภาพรวม และชัดเจนแต่ขาดการ ผอู้ ่นื แนะนำ ถูกต้อง และไม่ชัดเจน
เรยี บเรยี ง
9.การบรู ณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง (3 หว่ ง 2 เง่ือน 4 มติ ิ)
หลกั ความพอประมาณ การใช้เวลาในการศกึ ษาความรู้และทำงานเหมาะสมกบั เวลา
หลักมเี หตุผล การเลอื กและอธิบายเร่อื งท่ีเรียนร้ไู ดอ้ ย่างเหมาะสมและ
ถกู ตอ้ ง
หลกั สรา้ งภูมิคุ้มกนั ตัวทีด่ ี
เงื่อนไขความรู้ การเลือกศกึ ษาจากแหล่งเรยี นรู้ มกี ารวางแผนการทำงานกลมุ่
เง่ือนไขคุณธรรม การเรียนรแู้ ละปฏบิ ัตเิ รื่องท่ไี ด้ศึกษาอย่างชดั เจน
มคี วามซื่อสตั ย์ มีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ อยูอ่ ยา่ งพอเพยี ง มีความ
ด้านเศรษฐกิจ ร่วมมอื ในการจดั กิจกรรม
ดา้ นสังคม มกี ารคิดวางแผนในการทำงานอย่างรอบคอบ
ดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม
ช่วยเหลือซึง่ กันและกนั รรู้ กั สามคั คีในการทำงานรว่ มกัน
ด้านวัฒนธรรม รจู้ ักใช้และจัดการในการทำกิจกรรมอยา่ งฉลาดและทำให้เกิด
การเรยี นรู้สงู สดุ
รู้จกั แยกแยะในการใช้ชีวติ รว่ มกันในช้นั เรียนอยา่ งมคี วามสุข
บนั ทกึ หลงั สอนแผนการสอนที่ ...............
1. ผลการสอนระดบั ชั้น ม..5.....
สอนได้ตามแผนการจดั การเรยี นรู้
สอนไมไ่ ด้ตามแผนการจัดการเรยี นรู้ เนื่องจาก ...............................................................................................
6. ผลทีเ่ กิดกับผเู้ รียน
1.) การประเมนิ ผลความรูห้ ลงั การเรยี น โดยใช้………………......................................................พบวา่ นักเรียนผ่านการประเมนิ
คดิ เปน็ ร้อยละ......................……. ไมผ่ ่านเกณฑ์ขั้นตำ่ ท่กี ำหนดไว้คดิ เป็นร้อยละ.......................................................
ได้แก่ ...................................................................................................................................................................................
2.) การประเมนิ ด้านทกั ษะกระบวนการเรียน โดยใช้………………………................................................พบวา่ นกั เรยี นผ่านการ
ประเมินคิดเป็นรอ้ ยละ................ ไมผ่ ่านเกณฑ์ขัน้ ต่ำที่กำหนดไว้คิดเป็นร้อยละ.................................................
ได้แก่ .......................................................................................................................................................................................
3.) การประเมนิ ด้านคุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ เรยี น โดยใช…้ …………………….....................................พบวา่ นักเรยี นผ่านการ
ประเมินคดิ เป็นรอ้ ยละ.......……. ไม่ผา่ นเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนดไวค้ ดิ เป็นร้อยละ........................................................
ไดแ้ ก่ .................................................................................................................................................................................
3. ปัญหาและอุปสรรค
กจิ กรรมการจดั การเรยี นรู้ ไมเ่ หมาะสมกับเวลา
มีนกั เรียนทำใบงาน/ใบกจิ กรรมไมท่ ันตามกำหนดเวลา
มนี ักเรียนทไ่ี มส่ นใจเรียน
อ่นื ๆ .............................................................................................................................................
4. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
ควรนำแผนไปปรับปรุง เรอ่ื ง ......................................................................................................
.......................................................................................................................................................
แนวทางแก้ไขนกั เรยี นท่ไี มผ่ า่ นการประเมิน ..................................................................................
.......................................................................................................................................................
ไม่มขี ้อเสนอแนะ
ลงชอ่ื ............................................................ ผสู้ อน
( นางมารีหยาม อนิ ทรวิเศษ )
วันท่ี......../.................../.................
ความคิดเห็นของหวั หน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ความคิดเหน็ ของหัวหนา้ งานวิชาการ
และเทคโนโลยี 1.เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ที่
1.เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี
ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง
ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ 2.การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ได้นำเอากระบวนการเรียนรู้
2.การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ ทเ่ี น้นผูเ้ รียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่าง
ท่เี น้นผ้เู รียนเปน็ สำคญั มาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ ง
เหมาะสมกบั ศักยภาพทแ่ี ตกตา่ งกันของผ้เู รยี น
เหมาะสมกบั ศกั ยภาพท่แี ตกตา่ งกันของผเู้ รียน ทย่ี ังไม่เน้นผู้เรยี นเป็นสำคญั ควรปรับปรุงพฒั นา
ทีย่ งั ไมเ่ น้นผเู้ รยี นเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงพัฒนา
ต่อไป
ตอ่ ไป 3.เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้
3.เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ นำไปใช้ได้จรงิ ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนำไปใช้
นำไปใชไ้ ดจ้ ริง ควรปรบั ปรุงก่อนนำไปใช้ 4.ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ
4.ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ
ลงช่ือ.................................................................... ลงชื่อ....................................................................
(นางสาวเบญจวรรณ ทองเสน) (นางสาวณฐั ญิ า คาโส)
หวั หนา้ กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ฯ หัวหน้ากลมุ่ บรหิ ารงานวิชาการ
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 6
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ฯ รายวิชา ชีววิทยา5 รหสั วิชา ว30245
ปกี ารศึกษา 2564
ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 4 ช่ัวโมง
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 1 เรอ่ื ง อาณาจักรโพรทสิ ตา
1. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด
อนุกรมวธิ าน เปน็ การจัดจำแนกส่งิ มีชวี ิตส่งิ มชี วี ิตออกเปน็ หวมดหมตู่ ามสายวิวัฒนาการ ในอดตี การจัดจำแนก
กลมุ่ สง่ิ มชี ีวติ แบบผวิ เผิน แตใ่ นปจั จุบนั ได้จัดกลมุ่ ส่ิงมีชีวิตออกเปน็ 5 กลมุ่ ใหญๆ่ คอื อาณามอเนอรา อาณาจักร
โพรทสิ ตา อาณาจกั รฟงั ไจ อาณาจักรพืช และอาณาจกั รสตั ว์
2. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชว้ี ัด
มาตรฐานการเรยี นรู้
2. เข้าใจการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรม การถา่ ยทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติ และหน้าท่ขี องสาร
พนั ธกุ รรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดเี อน็ เอ หลกั ฐาน ข้อมลู และแนวคดิ เกย่ี วกบั วิวัฒนาการของส่ิงมีชีวิต
ภาวะสมดลุ ของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก การเกิดสปีชีส์ใหม่ ความหลากหลายทางชีวภาพ กำเนดิ ของสิง่ มชี วี ิต ความ
หลากหลายของสง่ิ มีชวี ิต และอนุกรมวิธาน รวมท้ังนำความรไู้ ปใช้ประโยชน์
ผลการเรียนรู้
2. อธบิ ายการเกิดเซลลเ์ ร่ิมแรกของส่ิงมีชวี ติ และวิวัฒนาการของสง่ิ มชี วี ติ เซลลเ์ ดยี ว
3.อธบิ ายลักษณะสำคัญและยกตัวอยา่ งสิ่งมชี ีวิตกลุ่มแบคทีเรยี ส่งิ มีชีวิตกลมุ่ โพรทสิ ต์ สงิ่ มีชีวติ กล่มุ พชื
ส่งิ มชี วี ิตกล่มุ ฟังไจ และสงิ่ มีชีวติ กล่มุ สัตว์
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (K,P,A)
20. อธิบายลกั ษณะสำคัญของสงิ่ มชี วี ิตในอาณาจักรโพทิสตาได้ (K)
21. ยกตัวอยา่ งของสงิ่ มีชีวิตในอาณาจกั รโพทิสตาได้ (K)
22. นำเสนอส่งิ มชี ีวิตในอาณาจกั รโพทิสตาได้ (P)
23. สนใจใฝเ่ รียนรทู้ างการศกึ ษา (A)
4. สาระการเรียนรู้
- อาณาจักรโพทสิ ตา
5. กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้นั ท่ี 1 สรา้ งความสนใจ (Engagement)
2. กระตนุ้ นักเรยี นดว้ ยคำถาม
- ปจั จุบันมกี ารจัดจำแนกส่งิ มีชวี ติ ได้กกี่ ลุ่ม อะไรบา้ ง (5 กลุ่ม คือ มอเนอรา โพทสิ ตา ฟังไจ พชื
และสตั ว)์
- การเรียงลำดับกลุม่ สงิ่ มชี วี ติ ใหญ่ พิจารณาจากอะไร (โครงสรา้ งภายในและสายวิวฒั นาการ)
- สิ่งมชี ีวติ พวกโพทสิ ตามีลกั ษณะเด่นอย่างไรบ้าง (เป็นสง่ิ มีชวี ติ ท่ีเปน็ ยคู าริโอต ทีโ่ ครงสร้างภายใน
ไม่ซบั ซ้อน เชน่ พวกโพรโทซัว สาหร่าย และราเมอื ก)
ข้นั ท่ี 2 สำรวจและคน้ หา (Exploration)
16. ให้นกั เรียนแบง่ กลมุ่ กลุม่ ละ 4 – 5 คน ศึกษาคน้ คว้าขอ้ มูล เรอื่ ง อาณาจักรโพทสิ ตาและตวั อย่างของ
ส่ิงมีชีวติ
17. ใหน้ กั เรียนแลกเปลี่ยนขอ้ มลู ท่ไี ด้จากการศกึ ษาค้นควา้ กบั เพือ่ นนกั เรยี นในห้อง
18. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั อภิปรายผลที่ไดจ้ ากการศึกษาคน้ คว้า เรอ่ื ง อาณาจกั รโพทิสตาและตวั อยา่ ง
ของส่ิงมชี วี ติ เพ่อื สรุปผลและสร้างองคค์ วามรู้ใหม่ร่วมกัน
ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation)
1. อาณาจักรโปรติสตา (PROTISTA KINGDOM)
- โปรตสิ ต์ เปน็ สง่ิ มชี ีวติ ทีม่ โี ครงสรา้ งไมซ่ บั ซ้อน ประกอบดว้ ยเซลล์ชนิดยูคารโิ อติกเซลล์โดยอาจ
ประกอบด้วยเซลลเ์ ดยี ว หรอื หลายเซลล์ท่ีมไิ ดร้ วมกันเป็นเนอื้ เย่อื สามารถทำหน้าท่ขี องส่งิ มีชวี ิต
ไดค้ รบถ้วนในเซลลเ์ ดียว
- ไฟลมั โปรโตซวั (PHYLUMPROTOZOA) อะมบี า พารามเี ซียม ยูกลนี า
- ไฟลมั คลอโรไฟตา (PHYLUM CHLOROPHYTA) สาหร่ายสเี ขียวเชน่ สไปโรไจนา
(Spirogyra sp.) และ คลอเรลลา(Chlorella sp.) ซง่ึ เปน็ อาหารทมี่ ีโปรตนี สูง เปน็ โปรติสตก์ ลุ่ม
ใหญท่ ่ีสุด
- ไฟลัมครโิ ซไฟตา (PHYLUM CHRYSOPHYTA) สาหร่ายสีน้ำตาล แกมเหลือง ได้แก่ ได
อะตอม
ตัวอย่างของไดอะตอม
- ไฟลัมฟีโอไฟตา (PHYLUM PHAEOPHYTA) สาหรา่ ยสนี ้ำตาล เช่น เคลป์
(KELP) มีขนาดใหญ่ สาหรา่ ยที่สำคัญ ไดแ้ ก่ Laminaria sp. และ สาหรา่ ยท่นุ (Sargassum
sp.)
สาหรา่ ยท่นุ
- ไฟลมั โรโดไฟตา (PHYLUM RHODOPHYTA) สาหรา่ ยสแี ดง เชน่ จีฉ่าย
(Prophyra sp.) และ Gracilaria sp.
สาหรา่ ยจฉี ่ายที่ใสใ่ นแกงจดื
- ไฟลมั มกิ ไซไมโคไฟตา (PHYLUM MYXOMYCOPHYTA) ราเมอื ก(SLIME MOLD
เป็นสง่ิ มชี วี ติ ทีม่ ีลักษณะร่วมกนั ระหวา่ งพชื และสตั ว์ สว่ นใหญจ่ ะดำรงชพี เปน็ ผูย้ อ่ ยสลาย
ขน้ั ท่ี 4 ขยายความรู้ (Elaboration)
6. ให้นักเรียนออกแบบหนังสอื เล่มเลก็ เร่ือง ความหลากหลายของสิ่งมชี ีวิต สรุปเนือ้ หาให้กระชบั และ
เข้าใจง่าย และตกแต่งให้สวยงาม
ขน้ั ที่ 5 ประเมนิ (Evaluation)
1. นักเรยี นตรวจสอบหรอื ประเมนิ ข้นั ตอนต่าง ๆ ทเี่ รียนมาในวันนม้ี ีจดุ เดน่ จุดบกพร่องอะไรบา้ ง มีความ
สงสัย ความอยากรูอ้ ยากเห็นในเร่ืองใด
2. นักเรยี นประเมนิ ตนเอง โดยเขียนแสดงความรสู้ ึกหลังการเรียน ในประเด็นต่อไปน้ี
- สิ่งท่นี ักเรียนได้เรียนรู้ในวนั นี้คืออะไร
- นักเรียนมสี ่วนร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากน้อยเพียงใด
- เพื่อนนักเรียนในกลมุ่ มสี ่วนร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากนอ้ ยเพียงใด
- นักเรียนพึงพอใจกบั การเรยี นในวันน้ีหรอื ไม่ เพียงใด
- นกั เรียนจะนำความรูท้ ไ่ี ด้น้ีไปใช้ให้เกิดประโยชน์แกต่ นเอง ครอบครวั และสงั คมทวั่ ไปได้อย่างไร
จากนน้ั แลกเปล่ยี นตรวจสอบขั้นตอนการทำงานทุกขั้นตอนว่าจะเพ่ิมคุณค่าไปสู่สังคม เกดิ ประโยชน์ต่อสังคม
ให้มากขึน้ กว่าเดมิ ในขัน้ ตอนใดบ้าง สำหรับการทำงานในครั้งต่อไป
6. สอ่ื / แหลง่ การเรยี นรู้
- สื่อ Power Point เรือ่ ง ความหลากหลายของส่ิงมีชวี ิต
- แหลง่ เรียนร้ใู นและนอกหอ้ งเรยี น
7. ช้นิ งานหรือภาระงาน (หลกั ฐาน/ร่องรอยการเรยี นร)ู้
- หนังสอื เล่มเลก็ เรอื่ ง ความหลากหลายของส่งิ มีชีวติ
8. การวัดและประเมินผล
แบบประเมินการปฏิบตั กิ ารทำกิจกรรม
รายการการ ระดับคณุ ภาพ
ประเมนิ 4 3 21
1. การทำกจิ กรรม ทำกิจกรรมตามวธิ ีการ ทำกิจกรรมตามวิธีการ ทำกจิ กรรมตามวิธีการ ทำกิจกรรมไม่ถกู ต้องตาม
ตามแผนท่ีกำหนด และขัน้ ตอนทก่ี ำหนดไว้อย่าง และขนั้ ตอนทก่ี ำหนดไว้ดว้ ย และข้นั ตอนท่กี ำหนดไวโ้ ดยมีครู วิธกี ารและข้ันตอนที่
ถกู ตอ้ งดว้ ยตนเองมีการปรับปรุง ตนเอง มีการปรบั ปรงุ แก้ไขบา้ ง หรอื ผ้อู ื่น กำหนดไว้ ไม่มกี ารปรบั ปรงุ
แก้ไขเป็นระยะ เปน็ ผู้แนะนำ แก้ไข
2. การใช้อุปกรณ์ ใช้อปุ กรณ์และ/หรือ ใชอ้ ุปกรณ์และ/หรือ ใช้อปุ กรณแ์ ละ/หรือ ใช้อุปกรณแ์ ละ/หรือ
และ/หรอื เครื่องมือ เครือ่ งมือในการทำ เครื่องมอื ในการทำ เครอ่ื งมือในการทำ เครือ่ งมอื ในการทำ
กจิ กรรมไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งตาม กิจกรรมได้อย่างถูกตอ้ งตาม กจิ กรรมไดอ้ ยา่ งถูกต้องโดยมคี รู กิจกรรมไม่ถกู ต้อง และไม่มี
หลกั การปฏบิ ตั ิและคลอ่ งแคล่ว หลักการปฏิบัติ แตไ่ ม่ หรือผูอ้ ่ืนเปน็ ผู้แนะนำ ความคลอ่ งแคล่วในการใช้
คลอ่ งแคลว่
3. การบนั ทึกผลการ บันทึกผลเป็นระยะ บนั ทกึ ผลเป็นระยะ บันทกึ ผลเป็นระยะ บนั ทึกผลไม่ครบ
ทำกิจกรรม อย่างถกู ตอ้ ง มีระเบยี บมีการระบุ อย่างถกู ต้อง มรี ะเบยี บมกี าร แต่ไม่เป็นระเบยี บ ไม่มกี ารระบหุ นว่ ย
หนว่ ย มกี ารอธิบายข้อมูลใหเ้ ห็น ระบหุ นว่ ย มีการอธิบายข้อมูล ไม่มีการระบหุ นว่ ย และไมเ่ ป็นไปตาม
ความเช่ือมโยงเป็นภาพรวมเป็นเหตุ ใหเ้ ห็นถงึ ความสมั พันธ์เป็นไป และไม่มีการอธิบายข้อมูลใหเ้ หน็ การทำกิจกรรม
เป็นผล และเป็นไปตามการทำกิจกรรม ตามการทำกิจกรรม ถึงความสัมพันธ์ของการทำ
กจิ กรรม
4. การจัดกระทำ จดั กระทำข้อมลู จัดกระทำข้อมูล จดั กระทำขอ้ มลู จัดกระทำขอ้ มลู อยา่ งไม่
ขอ้ มลู และการ อยา่ งเปน็ ระบบมกี ารเชื่อมโยงให้ อยา่ งเปน็ ระบบ มกี าร อย่างเป็นระบบมีการยกตวั อยา่ ง เป็นระบบ และมีการ
นำเสนอ เหน็ เปน็ ภาพรวม และนำเสนอ จำแนกข้อมูลใหเ้ หน็ เพิ่มเตมิ ให้เข้าใจงา่ ย และนำเสนอ นำเสนอไม่สื่อความหมาย
ดว้ ยแบบต่าง ๆอย่างชัดเจนถูกตอ้ ง ความสัมพนั ธ์ นำเสนอ ด้วยแบบต่าง ๆ แตย่ ังไม่ชดั เจน และไมช่ ดั เจน
ดว้ ยแบบตา่ ง ๆ ได้ และไม่ถกู ต้อง
แตย่ งั ไมช่ ัดเจน
5. การสรปุ ผลการทำ สรุปผลการทำกจิ กรรม สรปุ ผลการทำกจิ กรรม สรปุ ผลการทำกิจกรรมได้โดยมีครู สรปุ ผลการทำกจิ กรรม
กิจกรรม ได้อย่างถูกตอ้ ง กระชบั ชัดเจน ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง แตย่ งั หรือผูอ้ ่ืน ตามความรทู้ ่ีพอมีอยู่
และครอบคลุมข้อมูลจากการ ไม่ครอบคลมุ ขอ้ มูล แนะนำบา้ ง จึงสามารถ โดยไมใ่ ชข้ ้อมูล
วเิ คราะห์ จากการวเิ คราะหท์ ัง้ หมด สรปุ ได้อยา่ งถูกต้อง จากการทำกิจกรรม
ทั้งหมด
6. การดแู ลและการ ดแู ลอุปกรณ์และ/หรือเครอ่ื งมอื ใน ดแู ลอุปกรณแ์ ละ/หรือเครื่องมือ ดแู ลอปุ กรณแ์ ละ/หรือเครื่องมือใน ไม่ดูแลอปุ กรณ์และ/หรือ
เก็บอุปกรณ์และ/ การทำกิจกรรม และมีการ ในการทำกจิ กรรม และมกี าร การทำกิจกรรม มกี ารทำความ เคร่อื งมือในการทำกิจกรรม
หรือ เครือ่ งมือ ทำความสะอาดและเกบ็ อยา่ ง ทำความสะอาดอย่างถกู ต้อง แต่ สะอาด แตเ่ ก็บไมถ่ ูกต้อง ตอ้ งให้ และไม่สนใจทำความ
ถูกตอ้ งตามหลกั การและแนะนำให้ เก็บ ครูหรือผู้อนื่ แนะนำ สะอาด รวมทงั้ เก็บไม่
ผ้อู ื่นดูแลและเกบ็ รักษาได้ถูกตอ้ ง ไม่ถูกตอ้ ง ถกู ต้อง
แบบประเมนิ ช้นิ งาน การจัดกระทำและนำเสนอแผนผงั
รายการการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ
การจัดกระทำและ 4 32 1
นำเสนอแผนผงั
จดั กระทำแลนำเสนอ จัดกระทำและนำเสนอ จดั กระทำและนำเสนอ จดั กระทำและนำเสนอ
แผนผงั ได้สัมพนั ธ์กัน แผนผังได้ แต่ไม่
และถกู ต้องตามหวั ข้อ แผนผังได้สัมพันธก์ ับ แผนผังได้ สอดคลอ้ งกบั หัวขอ้ เรื่องที่
เรื่องที่กำหนด มีการ กำหนด
วางแผน มีการออกแบบ หวั ขอ้ เรอื่ งท่ีกำหนด มี ตามหัวขอ้ เรื่อง
และมีความคิดสร้างสรรค์
มีการเช่อื มโยงใหเ้ หน็ เปน็ การออกแบบ มคี วามคิด โดยมีครูหรือผอู้ ่ืน
ภาพรวม
ริเร่ิม แตไ่ ม่มีการ ให้คำแนะนำ
เชอ่ื มโยงให้เห็นเป็น
ภาพรวม
แบบประเมนิ การสืบสอบขอ้ มูล
รายการการ ระดบั คณุ ภาพ
ประเมนิ 4 3 21
1. การวางแผน วางแผนท่จี ะค้นคว้าข้อมลู จาก วางแผนทจ่ี ะค้นคว้าข้อมูล วางแผนท่ีจะค้นคว้าข้อมลู ไมม่ กี ารวางแผนที่จะ
คน้ ควา้ ข้อมลู แหลง่ การเรียนรู้ทห่ี ลากหลาย จากแหลง่ การเรยี นรู้ที่ จากแหลง่ การเรยี นรโู้ ดยมี คน้ ควา้ ขอ้ มลู จาก
จากแหล่งการ เช่ือถือได้และมีการเชื่อมโยงให้เห็น หลากหลาย และเหมาะสม ครูหรือผู้อื่นแนะนำบ้าง แหล่งการเรียนรูอ้ ย่าง
เรยี นรู้ เป็นภาพรวม แสดงให้เห็น แต่ไม่มีการเชือ่ มโยงให้ เปน็ ระบบ
ถงึ ความสมั พันธ์ของ เหน็ เปน็ ภาพรวม
วธิ ีการทงั้ หมด
2. การเก็บ เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล เกบ็ รวบรวมข้อมลู เก็บรวบรวมขอ้ มลู เกบ็ รวบรวมข้อมลู
รวบรวม ตามแผนที่กำหนด โดยคัดเลือกและ/หรือ โดยไม่มีการคัดเลือก เป็นระยะ ขาดการ
ขอ้ มูล ทุกประการ ประเมนิ ขอ้ มูล และ/หรอื ประเมินขอ้ มลู ประเมินเพอื่ คดั เลือก
3. การจัด จดั กระทำขอ้ มลู จดั กระทำขอ้ มลู จดั กระทำข้อมูล จัดกระทำขอ้ มลู อย่าง
กระทำข้อมลู อย่างเปน็ ระบบ อย่างเปน็ ระบบ มีการ อย่างเป็นระบบ ไมเ่ ป็นระบบ และ
และการ มกี ารเชอื่ มโยงให้เห็น จำแนกขอ้ มูลให้เห็น มกี ารยกตวั อย่างเพิม่ เติมให้ นำเสนอไม่สอ่ื
นำเสนอ เป็นภาพรวม และนำเสนอด้วยแบบ ความสัมพันธ์ นำเสนอ เข้าใจง่ายและนำเสนอด้วย ความหมายและไม่
ต่าง ๆ อยา่ งชัดเจนถูกตอ้ ง ด้วยแบบตา่ ง ๆ ได้ แบบต่าง ๆ แต่ยังไม่ถูกต้อง ชัดเจน
อยา่ งถูกตอ้ ง
4. การสรุปผล สรปุ ผลได้อยา่ งถกู ตอ้ ง สรปุ ผลได้อยา่ งกระชบั สรุปผลไดก้ ระชบั สรุปผลโดยไม่ใช้
กระชับ ชดั เจน และ แต่ยงั ไมช่ ดั เจนและ กะทดั รัด แต่ไมช่ ดั เจน ขอ้ มลู และไมถ่ กู ตอ้ ง
ครอบคลมุ มเี หตุผล ไมค่ รอบคลมุ ขอ้ มลู
ทอ่ี า้ งอิงจากการสืบสอบได้ จากการวเิ คราะห์
ทงั้ หมด
5. การเขยี น เขียนรายงานตรงตามจดุ ประสงค์ เขยี นรายงานตรงตาม เขียนรายงานโดยส่ือ เขยี นรายงานไดต้ าม
รายงาน ถกู ต้องและชดั เจน และมีการ จดุ ประสงคอ์ ยา่ งถูกต้อง ความหมายไดโ้ ดยมคี รหู รอื ตัวอยา่ ง แตใ่ ช้ภาษาไม่
เชื่อมโยงให้เหน็ เป็นภาพรวม และชดั เจนแต่ขาดการ ผูอ้ นื่ แนะนำ ถกู ตอ้ ง และไม่ชดั เจน
เรยี บเรียง
9.การบรู ณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง (3 หว่ ง 2 เง่ือน 4 มติ ิ)
หลกั ความพอประมาณ การใช้เวลาในการศกึ ษาความรู้และทำงานเหมาะสมกบั เวลา
หลักมเี หตุผล การเลอื กและอธิบายเรอื่ งท่ีเรียนร้ไู ดอ้ ย่างเหมาะสมและ
ถกู ตอ้ ง
หลกั สรา้ งภูมิคุ้มกนั ตัวทีด่ ี
เงื่อนไขความรู้ การเลอื กศกึ ษาจากแหลง่ เรยี นรู้ มกี ารวางแผนการทำงานกลมุ่
เง่ือนไขคุณธรรม การเรียนร้แู ละปฏบิ ัตเิ ร่อื งท่ไี ด้ศึกษาอย่างชดั เจน
มคี วามซอ่ื สตั ย์ มีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ อยูอ่ ยา่ งพอเพยี ง มีความ
ด้านเศรษฐกิจ ร่วมมอื ในการจดั กิจกรรม
ดา้ นสังคม มกี ารคิดวางแผนในการทำงานอย่างรอบคอบ
ดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม
ช่วยเหลอื ซึง่ กันและกนั รู้รกั สามคั คีในการทำงานรว่ มกัน
ด้านวัฒนธรรม รจู้ ักใช้และจัดการในการทำกิจกรรมอยา่ งฉลาดและทำให้เกิด
การเรยี นร้สู งู สดุ
รู้จกั แยกแยะในการใช้ชวี ิตรว่ มกันในช้นั เรียนอยา่ งมคี วามสุข
บันทึกหลงั สอนแผนการสอนที่ ...............
1. ผลการสอนระดบั ช้นั ม..5.....
สอนได้ตามแผนการจดั การเรยี นรู้
สอนไม่ได้ตามแผนการจดั การเรียนรู้ เนื่องจาก ...............................................................................................
7. ผลทีเ่ กิดกบั ผู้เรียน
1.) การประเมินผลความร้หู ลังการเรยี น โดยใช…้ ……………......................................................พบวา่ นกั เรียนผา่ นการประเมนิ
คดิ เปน็ ร้อยละ......................……. ไม่ผา่ นเกณฑ์ข้ันต่ำท่กี ำหนดไว้คดิ เป็นรอ้ ยละ.......................................................
ได้แก่ ...................................................................................................................................................................................
2.) การประเมนิ ดา้ นทักษะกระบวนการเรียน โดยใช้………………………................................................พบว่านกั เรยี นผ่านการ
ประเมินคิดเป็นรอ้ ยละ................ ไมผ่ ่านเกณฑ์ขัน้ ต่ำทกี่ ำหนดไว้คิดเป็นร้อยละ.................................................
ได้แก่ .......................................................................................................................................................................................
3.) การประเมินดา้ นคุณลกั ษณะท่พี ึงประสงค์ เรียน โดยใช้……………………….....................................พบว่านักเรยี นผ่านการ
ประเมินคดิ เป็นร้อยละ.......……. ไม่ผา่ นเกณฑ์ขั้นต่ำท่กี ำหนดไว้คิดเป็นรอ้ ยละ........................................................
ไดแ้ ก่ .................................................................................................................................................................................
3. ปัญหาและอปุ สรรค
กิจกรรมการจดั การเรยี นรู้ ไมเ่ หมาะสมกับเวลา
มนี ักเรยี นทำใบงาน/ใบกิจกรรมไมท่ ันตามกำหนดเวลา
มนี กั เรียนทไ่ี ม่สนใจเรยี น
อื่น ๆ .............................................................................................................................................
4. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
ควรนำแผนไปปรับปรุง เรอื่ ง ......................................................................................................
.......................................................................................................................................................
แนวทางแก้ไขนกั เรียนทไ่ี ม่ผา่ นการประเมนิ ..................................................................................
.......................................................................................................................................................
ไม่มีขอ้ เสนอแนะ
ลงชอ่ื ............................................................ ผู้สอน
( นางมารีหยาม อนิ ทรวิเศษ )
วันท.ี่ ......./.................../.................
ความคิดเห็นของหวั หน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ความคิดเหน็ ของหัวหนา้ งานวิชาการ
และเทคโนโลยี 1.เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี
1.เปน็ แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่
ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง
ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง 2.การจัดกจิ กรรมการเรียนรไู้ ด้นำเอากระบวนการเรียนรู้
2.การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ไดน้ ำเอากระบวนการเรียนรู้ ทเ่ี น้นผู้เรียนเปน็ สำคัญมาใชใ้ นการสอนไดอ้ ย่าง
ท่เี น้นผ้เู รียนเป็นสำคญั มาใชใ้ นการสอนได้อยา่ ง
เหมาะสมกบั ศักยภาพท่แี ตกต่างกันของผู้เรยี น
เหมาะสมกบั ศักยภาพท่แี ตกต่างกนั ของผ้เู รียน ทยี่ งั ไม่เน้นผู้เรยี นเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงพัฒนา
ทีย่ งั ไมเ่ น้นผู้เรยี นเป็นสำคญั ควรปรบั ปรงุ พฒั นา
ต่อไป
ตอ่ ไป 3.เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้
3.เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้ นำไปใชไ้ ดจ้ ริง ควรปรับปรงุ กอ่ นนำไปใช้
นำไปใชไ้ ดจ้ ริง ควรปรบั ปรุงก่อนนำไปใช้ 4.ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ
4.ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ
ลงช่ือ.................................................................... ลงชื่อ....................................................................
(นางสาวเบญจวรรณ ทองเสน) (นางสาวณฐั ิญา คาโส)
หวั หนา้ กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ฯ หัวหน้ากลมุ่ บรหิ ารงานวิชาการ