The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by hamtaro-pla, 2022-09-16 02:27:32

แผนการจัดการเรียนรู้

ชีววิทยา3

9.การบรู ณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง (3 หว่ ง 2 เง่ือน 4 มติ ิ)

หลกั ความพอประมาณ การใช้เวลาในการศกึ ษาความรู้และทำงานเหมาะสมกบั เวลา
หลักมเี หตุผล การเลอื กและอธิบายเรอื่ งท่ีเรียนร้ไู ดอ้ ย่างเหมาะสมและ
ถกู ตอ้ ง
หลกั สรา้ งภูมิคุ้มกันตัวทีด่ ี
เงื่อนไขความรู้ การเลือกศกึ ษาจากแหลง่ เรยี นรู้ มกี ารวางแผนการทำงานกลมุ่
เง่ือนไขคุณธรรม การเรียนรแู้ ละปฏบิ ัตเิ ร่อื งท่ไี ด้ศึกษาอย่างชดั เจน
มคี วามซื่อสตั ย์ มีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ อยูอ่ ยา่ งพอเพยี ง มีความ
ด้านเศรษฐกิจ ร่วมมอื ในการจดั กิจกรรม
ดา้ นสังคม มกี ารคิดวางแผนในการทำงานอย่างรอบคอบ
ดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม
ช่วยเหลือซึง่ กันและกนั รู้รกั สามคั คีในการทำงานรว่ มกัน
ด้านวัฒนธรรม รจู้ ักใช้และจัดการในการทำกิจกรรมอยา่ งฉลาดและทำให้เกิด
การเรยี นรู้สงู สดุ
รู้จกั แยกแยะในการใช้ชวี ิตรว่ มกันในช้นั เรียนอยา่ งมคี วามสุข

บนั ทึกหลังสอนแผนการสอนท่ี ...............
1. ผลการสอนระดบั ชนั้ ม..5.....

 สอนได้ตามแผนการจัดการเรยี นรู้
 สอนไมไ่ ด้ตามแผนการจัดการเรยี นรู้ เน่ืองจาก ...............................................................................................
14. ผลทีเ่ กิดกบั ผู้เรียน
1.) การประเมนิ ผลความรหู้ ลังการเรยี น โดยใช้………………......................................................พบวา่ นกั เรยี นผ่านการประเมนิ
คิดเป็นร้อยละ......................……. ไม่ผา่ นเกณฑข์ ้ันตำ่ ท่กี ำหนดไว้คดิ เป็นร้อยละ.......................................................
ไดแ้ ก่ ...................................................................................................................................................................................
2.) การประเมินด้านทักษะกระบวนการเรยี น โดยใช…้ ……………………................................................พบว่านักเรียนผ่านการ
ประเมินคดิ เป็นรอ้ ยละ................ ไม่ผ่านเกณฑ์ขน้ั ต่ำท่ีกำหนดไว้คิดเป็นร้อยละ.................................................
ได้แก่ .......................................................................................................................................................................................
3.) การประเมนิ ด้านคุณลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ เรยี น โดยใช้……………………….....................................พบว่านักเรียนผา่ นการ
ประเมินคดิ เป็นร้อยละ.......……. ไมผ่ า่ นเกณฑข์ ั้นต่ำที่กำหนดไว้คดิ เป็นร้อยละ........................................................
ไดแ้ ก่ .................................................................................................................................................................................
3. ปัญหาและอุปสรรค
 กจิ กรรมการจัดการเรยี นรู้ ไมเ่ หมาะสมกับเวลา
 มนี ักเรยี นทำใบงาน/ใบกิจกรรมไมท่ นั ตามกำหนดเวลา
 มีนักเรยี นที่ไมส่ นใจเรียน
 อน่ื ๆ .............................................................................................................................................
4. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
 ควรนำแผนไปปรับปรุง เรอ่ื ง ......................................................................................................
 .......................................................................................................................................................
 แนวทางแก้ไขนักเรยี นทไ่ี ม่ผ่านการประเมิน ..................................................................................
 .......................................................................................................................................................
 ไม่มีข้อเสนอแนะ

ลงชื่อ............................................................ ผ้สู อน
( นางมารหี ยาม อินทรวิเศษ )

วันท.่ี ......./.................../.................

ความคดิ เห็นของหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ความคิดเหน็ ของหวั หนา้ งานวิชาการ
และเทคโนโลยี 1.เปน็ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่
1.เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี
 ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรงุ
 ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรุง 2.การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ไดน้ ำเอากระบวนการเรียนรู้
2.การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ไดน้ ำเอากระบวนการเรียนรู้  ทเี่ น้นผ้เู รียนเป็นสำคญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ ง
 ทเ่ี น้นผเู้ รยี นเปน็ สำคญั มาใช้ในการสอนไดอ้ ย่าง
เหมาะสมกับศักยภาพที่แตกต่างกนั ของผู้เรียน
เหมาะสมกบั ศักยภาพทแี่ ตกต่างกันของผเู้ รยี น  ทยี่ ังไมเ่ น้นผเู้ รียนเปน็ สำคญั ควรปรบั ปรงุ พฒั นา
 ที่ยงั ไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคญั ควรปรับปรงุ พัฒนา
ตอ่ ไป
ตอ่ ไป 3.เป็นแผนการจัดการเรียนรู้
3.เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ นำไปใชไ้ ด้จรงิ  ควรปรับปรงุ กอ่ นนำไปใช้
นำไปใช้ได้จริง  ควรปรบั ปรุงกอ่ นนำไปใช้ 4.ข้อเสนอแนะอ่ืนๆ
4.ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ

ลงชื่อ.................................................................... ลงชื่อ....................................................................
(นางสาวเบญจวรรณ ทองเสน) (นางสาวณฐั ญิ า คาโส)

หวั หนา้ กลุม่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ฯ หัวหน้ากลุ่มบริหารงานวชิ าการ

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 14

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ฯ รายวชิ า ชีววิทยา5 รหัสวชิ า ว30245
ปกี ารศึกษา 2564
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 ภาคเรียนท่ี 2 เวลา 4 ชั่วโมง

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 เร่ือง มลพิษทางดินและการแกป้ ญั หา

1. สาระสำคัญ / ความคดิ รวบยอด
ระบบนิเวศ คอื การศึกษาความสัมพนั ธ์ของสิง่ มีชีวิต และระหวา่ งสิง่ มีชวี ิตกับส่งิ แวดลอ้ มที่เป็นแหล่งทอ่ี ยู่

อาศัย โดยแบง่ ตามระดับกลุ่มประชากร กล่มุ สิ่งมีชวี ิต ระบบนเิ วศ และโลกของสง่ิ มีชวี ิต ซงึ่ สง่ิ มีชีวติ มีความสัมพันธ์

กันเอง และกบั สิ่งแวดลอ้ ม ทำให้ระบบนเิ วศมกี ารถา่ ยทอดพลงั งาน การกระจายของพลังงานนี้ทำใหเ้ กิดการ
แพร่กระจายของสงิ่ มีชิวิต เนอ่ื งจากบริเวณใดมที รัพยากรเพียงพอ จะมปี ระชากรของสงิ่ มีชีวิตอาศยั อยู่อยา่ งหนาแน่น

แต่ถงึ อยากไรก็ตาม ระบบนิเวศไม่คงทเี่ สมอไป เมื่อเกิดการเปลย่ี นแปลงของระบบนิเวศจะเกิดการหมนุ เวียนส่ิงมีชวี ิต
โดยเริ่มตน้ จากผเู้ บกิ เบิก ไปจนถึงสิง่ มีชวี ิตข้นั สงู สุด ในระบบนิเวศยังมีการหมนุ เวยี นของสารอกี ด้วย

2. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชว้ี ัด
มาตรฐานการเรียนรู้

5.เข้าใจแนวคดิ เกยี่ วกบั ระบบนเิ วศ กระบวนการถ่ายทอดพลงั งานและการหมุนเวียนสารในระบบนเิ วศ
ความหลากหลายของไบโอม การเปล่ียนแปลงแทนที่ของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ ประชากรและรปู แบบการเพ่ิมของ
ประชากร ทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม ปัญหาและผลกระทบท่เี กิดจากการใช้ประโยชน์ และแนวทางการ

แก้ไขปัญหา
ผลการเรียนรู้

11. วิเคราะห์ อภิปรายและสรปุ ปัญหาที่เกดิ กบั ทรพั ยากรดิน และผลกระทบที่มีตอ่ มนุษยแ์ ละสิ่งแวดลอ้ ม
รวมท้ังเสนอแนวทางการแก้ไขปญั หา

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ (K,P,A)
57. บอกปัญหาท่ีทำให้เกดิ มลพษิ ทางดนิ ได้ (K)

58. ยกตัวอยา่ งแนวทางแก้ไขปัญหามลพษิ ทางดนิ ได้ (K)
59. ออกแบบและนำเสนอแนวทางในการอนุรักษด์ ินได้ (P)
60. ออกแบบและนำเสนอผลกระทบทเ่ี กิดจากมลพิษของดนิ ได้ (P)

61. สนใจใฝเ่ รยี นรู้ทางการศกึ ษา (A)

4. สาระการเรยี นรู้
- มลพษิ ทางดินและแนวทางการแก้ปญั หา

5. กจิ กรรมการเรียนรู้
ขน้ั ที่ 1 สร้างความสนใจ (Engagement)

5. กระตนุ้ นกั เรยี นดว้ ยคำถาม
- ในปจั จุบันมลพษิ ในระบบนิเวศมกี ่ีอย่าง อะไรบา้ ง (นำ้ อากาศ ดนิ และปา่ ไม)้

- มลพิษในระบบนิเวศเกดิ จากสาเหตุใด (เกดิ จากภยั ธรรมชาติ เกิดจากการกระทำของมนุษย์)
- สามารถฟืน้ ฟรู ะบบนเิ วศไดห้ รือ (ได้ แตต่ อ้ งไดร้ บั ความร่วมมอื จากหนว่ ยงานต่างๆและประชากรท่ี

อาศัยอย่ใู นระบบนเิ วศนั้นๆ)
- เมือ่ เกิดมลพิษในระบบนเิ วศมผี ลเสียอย่างไร (ส่งิ มชี วี ิตล้มตายมากขึ้น สภาพระบบนเิ วศแย่ไม่เหมาะแก่

การเปน็ แหล่งทอ่ี ยู่ของสิง่ มชี วี ิต)
- เราสามารถกระจายข่าวการรณรงค์ได้ตามชอ่ งทางใดบา้ ง (ปา้ ยรณรงค์ หรอื ตามสื่อโซเซยี ลตา่ งๆ เป็น

ตน้ )

ขัน้ ท่ี 2 สำรวจและคน้ หา (Exploration)
13. ให้นักเรยี นแบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ 4 – 5 คน ศกึ ษาค้นควา้ เรอ่ื ง มลพษิ ทางดนิ การแกป้ ัญหา

14. ให้นักเรียนแลกเปลยี่ นข้อมูลจากการศึกษาและจากการทำกิจกรรมกบั เพ่อื นในหอ้ งเรยี น
15. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รายผลการศึกษาคน้ คว้าและการทำกจิ กรรม เรื่อง มลพษิ ทางดินการ

แก้ปัญหา สรุปผลและรว่ มกนั สร้างองคค์ วามรใู้ หม่

ขั้นท่ี 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation)
- มลพษิ ทางดิน หรอื การปนเป้อื นดนิ ( soil pollution) เกดิ จากการมสี ารเคมีทีม่ นษุ ย์สร้างหรือการ

เปลีย่ นแปลงอ่นื ในสิง่ แวดล้อมดินธรรมชาติ ตรงแบบเกิดจากกิจกรรมอุตสาหกรรม สารเคมี
เกษตรกรรมหรือการกำจัดของเสยี อยา่ งไมเ่ หมาะสม สารเคมที ี่เกย่ี วขอ้ งมากทีส่ ุด คอื ไฮโดรคาร์บอน
ปโิ ตรเลยี ม พอลินวิ เคลยี ร์อะโรมาตกิ ไฮโดรคาร์บอน (เช่น แนฟทาลนี และเบนโซไพโรซนี ) ตวั ทำละลาย

ยาฆ่าแมลง ตะก่ัวและโลหะหนกั อนื่ การปนเปอ้ื นสัมพนั ธก์ ับระดบั การพัฒนาอุตสาหกรรมและระดับ
การใชส้ ารเคมี

- ผลตอ่ ระบบนิเวศ
มลพิษทางดนิ มีผลเสยี อยา่ งสำคญั ตอ่ ระบบนิเวศ มกี ารเปล่ยี นแปลงทางเคมีของดนิ อย่างถึง

รากซง่ึ อาจเกิดจากการมสี ารเคมอี นั ตรายหลายชนิดแมม้ สี ารนั้นในความเข้มข้นต่ำ การเปล่ียนแปลง

เหล่านส้ี ามารถแสดงออกเปน็ การเปล่ยี นแปลงของเมแทบอลซิ ึมของจุลินทรีย์และสัตว์ขาปลอ้ งประจำ
ถ่ินในดนิ น้ัน ๆ สง่ ผลใหม้ ีการกำจัดห่วงโซอ่ าหารปฐมภมู บิ างสว่ น ซึง่ อาจมีผลลพั ธใ์ หญ่หลวงตอ่ ผู้ล่า

หรอื ผบู้ ริโภคตอ่ ไป ซึ่งผลกระทบภายในระบบนิเวศนนั้ จะแบง่ ได้เปน็ 2 สว่ น จากสิง่ มีชวี ิตทม่ี กี ารใช้
ดินในการดำรงชวี ิต ไดแ้ ก่
- ผลตอ่ พชื และโครงสร้างของดิน

พชื ทุกชนิดตอ้ งอาศัยดนิ ในการเจรญิ เติบโตท้ังนน้ั หากมกี ารปนเปื้อนในดนิ ซ่งึ สาเหตุหลักมา
จากกิจกรรมทางการเกษตรของมนษุ ย์ เชน่ การใชย้ าปรบั ศัตรูพชื ชนดิ แอมโมเนยี มซัลเฟต แล้วละลาย

นำ้ จะถูกเปล่ยี นเป็นไนเตรท ( Nitrate ) ส่งผลโดยตรงตอ่ การดดู ซมึ แร่ธาตอุ าหารของพชื จากดิน จาก
เดิมพชื ใช้รากดดู ซมึ อาหารจากดนิ กลายเปน็ รากดูดซมึ สารพิษจากดนิ เข้าไปแทนท่ี ทำใหพ้ ชื มกี าร
เจริญเตบิ โตที่ชา้ ลง เกิดการตกค้างของสารพิษในพืช สง่ ผลให้อตั ราการสร้างคลอโรฟิลล์ลดลง ใบพืช

แหง้ เห่ียว ไมม่ ดี อกไม่มผี ล จำนวนพชื คอ่ ยๆลดลง และตายไป เมือ่ พชื ตายไปทำให้ดนิ ขาดความสมดุล
สามารถเกดิ การผกุ รอ่ น และพังทะลายของหน้าดินไดโ้ ดยงา่ ย ทำใหด้ นิ ขาดความอุดมสมบูรณ์

- ผลต่อสัตวแ์ ละแบคทเี รยี ในดนิ
สตั วห์ รือสิ่งมีชวี ิตทอี่ ยู่ในดนิ เชน่ ไสเ้ ดอื น มด แบคทีเรียต่างๆ เปน็ อีกสิง่ หนง่ึ ทีม่ ผี ลทำให้ดิน

มคี วามอุดมสมบรู ณ์ ดนิ ท่มี กี ารปนเปอื้ นจะส่งผลต่อหว่ งโซอ่ าหารของสัตว์ดังกล่าว ทำให้สัตว์ไม่

สามารถใช้ดินในการสร้างอาหารได้ ไมส่ ามารถยอ่ ยแบคทีเรยี ได้ ส่งผลต่อกระบวนการเมทาบอลิ
ซมึ ทำให้สตั วแ์ ละแบคทีเรียคอ่ ยๆตายไป ทำให้ดินขาดความอดุ มสมบณู ์
- การจะแก้ปัญหาการปนเปือ้ นในดนิ นั้นคงจะทำให้หายไปหมดสนิทในทุกจุดคงเป็นไปแทบจะไม่ได้
ดังน้นั การแกไ้ ขจึงเป็นการควบคมุ ใหเ้ กิดการปนเปื้อนของโลหะหนกั หรอื สารมลพิษให้นอ้ ยทีส่ ดุ เพื่อลด
ปัญหา ซงึ่ สามารถทำได้ดังน้ี

- ปลกู ป่าทดแทน การปลกู ตน้ ไมน้ นั้ เปน็ การควบคมุ ท่สี ามารถทำไดง้ า่ ยทส่ี ดุ ยิง่ หากปลกู
ต้นไมใ้ หญ่เพอื้ ฟิน้ ฟูสภาพดนิ นน้ั ยิง่ สามารถทำได้ เพราะรากของต้นไม้จะช่วยฟนื้ ฟูและปรับสภาพ
โครงสร้างของดนิ และทำให้พ้ืนที่บรเิ วณนั้นมีความอุดมสมบรู ณเ์ พมิ่ ข้นึ

- ออกกฎหมายควบคมุ ทางหน่วยงานของรัฐบาลไดม้ ีการกำหนดกฎเกณฑใ์ นการปฏิบัติ เพือ่
ควบคมุ ปริมาณสารมลพิษในดนิ ไมใ่ หเ้ กนิ มาตรฐาน

- Soil Flushing เป็นวธิ กี ารบำบดั ฟื้นฟดู นิ ทม่ี ีการปนเปอื้ นด้วยสารอนิ ทรีย์และอนนิ ทรีย์ท่ี
สำคัญ โดยใช้หลกั การการชะล้างดว้ ยสารละลายท่ีเหมาะสม เช่น นำ้ หรือ Surfactants โดยอาศยั
คณุ สมบตั ิในการละลาย (solubility) ของมลสารทีต่ อ้ งการกำจดั โดยสารปนเป้ือนทถ่ี ูกชะล้างออกมา
นี้จะถูกเก็บรวบรวมเพ่ือนำไปบำบัดอีกครัง้
- การควบคุมแหลง่ กำเนดิ โดยตรง เปน็ การแกไ้ ขทีส่ าเหตโุ ดยตรง เช่น

- การกำหนดพนื้ ท่ีฝังกลบขยะให้ถูกตอ้ ง เป็นหลักแหลง่
- กำหนดสถานท่ีในการจัดการกากอุตสาหกรรมอย่างชัดเจน
- ออกมาตรการควบคุมกจิ กรรมทางการเกษตร เช่น การใช้ยาฆ่าแมลง เพอ่ื ควบคมุ ปรมิ าณ
สารปนเปอ้ื นลงในดนิ
- มีการนำดนิ ท่เี กิดการปนเปื้อนมาฟ้ืนฟูเพอ่ื นำกลบั มาใช้อีกคร้ัง
- มีการตรวจสอบสภาพความอุดมสมบรู ณ์ของดินในบริเวณทีเ่ สี่ยงตอ่ การปนเปอื้ นอยู่เสมอ

ข้นั ท่ี 4 ขยายความรู้ (Elaboration)
3. ให้นกั เรยี นออกแบบป้ายรณรงค์ เร่ือง การอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาตแิ ละสัตวป์ ่า ขนาดของป้ายคือ
กว้าง 60 cm x ยาว 120 cm พรอ้ มทงั้ ข้อความและภาพทท่ี ำใหเ้ กดิ การสำนักในการอนรุ กั ษ์

ขน้ั ท่ี 5 ประเมิน (Evaluation)
5. นกั เรียนตรวจสอบหรอื ประเมินขนั้ ตอนต่าง ๆ ทเี่ รียนมาในวันนีม้ จี ดุ เด่น จดุ บกพรอ่ งอะไรบา้ ง มคี วาม
สงสัย ความอยากรู้อยากเห็นในเรอื่ งใด
6. นกั เรยี นประเมนิ ตนเอง โดยเขยี นแสดงความรสู้ ึกหลงั การเรยี น ในประเด็นต่อไปนี้
- สิ่งทีน่ กั เรยี นได้เรียนรู้ในวนั นค้ี อื อะไร
- นักเรียนมีสว่ นร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากน้อยเพียงใด
- เพื่อนนกั เรียนในกลุ่มมสี ่วนร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากนอ้ ยเพียงใด
- นกั เรียนพึงพอใจกบั การเรยี นในวันน้หี รือไม่ เพียงใด
- นกั เรียนจะนำความรู้ทไี่ ด้น้ไี ปใช้ให้เกดิ ประโยชน์แก่ตนเอง ครอบครัว และสังคมทว่ั ไปไดอ้ ย่างไร
จากนั้นแลกเปลย่ี นตรวจสอบข้นั ตอนการทำงานทุกขนั้ ตอนว่าจะเพ่ิมคุณค่าไปสู่สงั คม เกิดประโยชน์ตอ่ สังคม

ให้มากขึน้ กว่าเดมิ ในขัน้ ตอนใดบ้าง สำหรบั การทำงานในคร้ังตอ่ ไป

6. สื่อ / แหล่งการเรียนรู้
- ส่ือ Power Point เรอ่ื ง ระบบนิเวศ
- วดิ ิทศั น์ เรอื่ ง มลพิษกบั สิง่ แวดลอ้ ม
- แหลง่ เรยี นรู้ในและนอกหอ้ งเรยี น

7. ชน้ิ งานหรือภาระงาน (หลักฐาน/ร่องรอยการเรยี นรู้)
- ป้ายรณรงค์ เรอื่ ง การอนุรักษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสตั วป์ ่า

8. การวัดและประเมินผล

แบบประเมินการปฏบิ ตั ิการทำกจิ กรรม

รายการการ ระดบั คุณภาพ

ประเมนิ 4 3 21

1. การทำกิจกรรม ทำกจิ กรรมตามวิธกี าร ทำกจิ กรรมตามวิธกี าร ทำกิจกรรมตามวธิ กี าร ทำกิจกรรมไม่ถูกต้อง

ตามแผนทกี่ ำหนด และข้ันตอนท่ีกำหนดไวอ้ ย่าง และขน้ั ตอนที่กำหนดไว้ และข้ันตอนท่ีกำหนดไวโ้ ดย ตามวธิ ีการและขน้ั ตอน

ถูกต้องด้วยตนเองมีการ ดว้ ยตนเอง มกี ารปรับปรงุ มีครหู รอื ผ้อู ่ืน ทีก่ ำหนดไว้ ไมม่ ีการ

ปรับปรุงแก้ไขเป็นระยะ แก้ไขบา้ ง เป็นผู้แนะนำ ปรบั ปรุงแก้ไข

2. การใช้อปุ กรณ์ ใช้อุปกรณแ์ ละ/หรอื ใชอ้ ปุ กรณ์และ/หรือ ใช้อุปกรณแ์ ละ/หรอื ใชอ้ ุปกรณ์และ/หรือ

และ/หรอื เคร่อื งมือในการทำ เครือ่ งมือในการทำ เครอ่ื งมอื ในการทำ เคร่ืองมอื ในการทำ

เครือ่ งมือ กิจกรรมไดอ้ ย่างถูกต้องตาม กจิ กรรมได้อยา่ งถกู ต้อง กจิ กรรมไดอ้ ย่างถูกตอ้ งโดย กิจกรรมไม่ถกู ตอ้ ง และ

หลักการปฏิบตั ิและ ตามหลกั การปฏบิ ัติ แต่ไม่ มคี รู หรือผอู้ ืน่ เป็นผแู้ นะนำ ไมม่ ีความคลอ่ งแคล่วใน

คลอ่ งแคล่ว คล่องแคล่ว การใช้

3. การบันทึกผล บนั ทึกผลเป็นระยะ บนั ทกึ ผลเป็นระยะ บนั ทึกผลเปน็ ระยะ บนั ทึกผลไมค่ รบ

การทำกจิ กรรม อย่างถูกต้อง มรี ะเบียบมกี าร อยา่ งถกู ตอ้ ง มีระเบยี บมี แต่ไมเ่ ป็นระเบียบ ไมม่ ีการระบหุ นว่ ย

ระบุหน่วย มีการอธบิ าย การระบหุ นว่ ย มีการ ไม่มีการระบุหนว่ ย และไม่เป็นไปตาม

ขอ้ มูลให้เห็นความเชื่อมโยงเป็น อธิบายขอ้ มูลให้เห็นถึง และไมม่ ีการอธิบายข้อมลู ให้ การทำกิจกรรม

ภาพรวมเป็นเหตุเป็นผล และ ความสัมพันธ์เปน็ ไป เหน็ ถึงความสัมพนั ธ์ของการ

เป็นไปตามการทำกจิ กรรม ตามการทำกิจกรรม ทำกิจกรรม

4. การจัดกระทำ จดั กระทำขอ้ มลู จัดกระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมูลอย่าง

ขอ้ มูลและการ อยา่ งเป็นระบบมกี าร อยา่ งเปน็ ระบบ มกี าร อยา่ งเปน็ ระบบมีการ ไมเ่ ป็นระบบ และมกี าร

นำเสนอ เช่ือมโยงใหเ้ ห็นเปน็ ภาพรวม จำแนกขอ้ มลู ใหเ้ ห็น ยกตวั อย่างเพิ่มเติมให้เข้าใจ นำเสนอไมส่ ่อื

และนำเสนอ ความสมั พันธ์ นำเสนอ ง่าย และนำเสนอด้วยแบบ ความหมายและไม่

ด้วยแบบตา่ ง ๆอย่างชดั เจน ด้วยแบบต่าง ๆ ได้ ตา่ ง ๆ แตย่ งั ไม่ชดั เจนและไม่ ชัดเจน

ถูกตอ้ ง แต่ยงั ไมช่ ัดเจน ถูกต้อง

5. การสรปุ ผลการ สรปุ ผลการทำกจิ กรรม สรุปผลการทำกิจกรรม สรุปผลการทำกจิ กรรมได้โดย สรปุ ผลการทำกจิ กรรม

ทำกจิ กรรม ได้อยา่ งถูกตอ้ ง กระชบั ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง แตย่ งั มีครูหรือผอู้ ่ืน ตามความรทู้ ่พี อมีอยู่

ชดั เจน และครอบคลมุ ขอ้ มลู ไม่ครอบคลุมขอ้ มูล แนะนำบ้าง จึงสามารถ โดยไมใ่ ช้ข้อมลู

จากการวิเคราะห์ จากการวิเคราะหท์ ั้งหมด สรปุ ได้อย่างถูกต้อง จากการทำกจิ กรรม

ทง้ั หมด

6. การดแู ลและ ดูแลอปุ กรณแ์ ละ/หรอื ดแู ลอุปกรณ์และ/หรอื ดแู ลอุปกรณ์และ/หรอื ไม่ดูแลอุปกรณ์และ/

การเกบ็ อปุ กรณ์ เคร่อื งมือในการทำกจิ กรรม เคร่ืองมือในการทำกจิ กรรม เครื่องมอื ในการทำกิจกรรม หรอื เครื่องมอื ในการทำ

และ/หรือ และมกี าร และมีการ มีการทำความสะอาด แต่ กิจกรรม และไม่สนใจ

เครื่องมือ ทำความสะอาดและเก็บอย่าง ทำความสะอาดอยา่ ง เกบ็ ไมถ่ กู ต้อง ต้องใหค้ รูหรอื ทำความสะอาด รวมท้งั

ถูกต้องตามหลักการและ ถกู ตอ้ ง แต่เกบ็ ผู้อ่ืนแนะนำ เกบ็ ไม่ถกู ตอ้ ง

แนะนำให้ผู้อนื่ ดแู ลและเก็บ ไม่ถกู ตอ้ ง

รกั ษาไดถ้ กู ตอ้ ง

แบบประเมินชิ้นงาน การจัดกระทำและนำเสนอแผนผงั

รายการการ ระดบั คณุ ภาพ
ประเมนิ
432 1
การจดั กระทำและ
นำเสนอแผนผงั จดั กระทำแลนำเสนอ จดั กระทำและ จัดกระทำและ จัดกระทำและนำเสนอ
แผนผังได้ แต่ไม่
แผนผัง ได้สัมพนั ธก์ ัน นำเสนอ แผนผังได้ นำเสนอแผนผังได้ สอดคลอ้ งกบั หวั ขอ้
เร่ืองที่กำหนด
และถกู ต้องตามหวั ข้อ สมั พนั ธ์กบั หัวข้อเรื่อง ตามหัวข้อเรื่อง

เร่ืองท่กี ำหนด มกี าร ทีก่ ำหนด มกี าร โดยมคี รูหรอื ผู้อ่ืน

วางแผน มกี าร ออกแบบ มคี วามคิด ใหค้ ำแนะนำ

ออกแบบ และมี ริเริม่ แต่ไมม่ กี าร

ความคิดสร้างสรรค์ เชอ่ื มโยงให้เหน็ เปน็

มีการเชื่อมโยงใหเ้ ห็น ภาพรวม

เป็นภาพรวม

แบบประเมนิ การสืบสอบขอ้ มูล

รายการการ ระดับคณุ ภาพ

ประเมนิ 4 3 21

1. การวางแผน วางแผนทจี่ ะค้นคว้าข้อมลู จาก วางแผนท่ีจะค้นคว้าข้อมลู วางแผนทจี่ ะค้นคว้าข้อมลู ไมม่ ีการวางแผนทีจ่ ะ

ค้นควา้ ข้อมูล แหล่งการเรียนรทู้ ีห่ ลากหลาย จากแหลง่ การเรียนรู้ที่ จากแหลง่ การเรยี นรโู้ ดยมี ค้นควา้ ข้อมลู จาก

จากแหล่งการ เชือ่ ถือได้และมีการเช่ือมโยงให้เห็น หลากหลาย และเหมาะสม ครูหรอื ผอู้ น่ื แนะนำบ้าง แหล่งการเรียนรูอ้ ยา่ ง

เรียนรู้ เป็นภาพรวม แสดงให้เห็น แต่ไม่มีการเชื่อมโยงให้ เปน็ ระบบ

ถงึ ความสัมพันธ์ของ เหน็ เป็นภาพรวม

วิธีการทัง้ หมด

2. การเก็บ เก็บรวบรวมข้อมูล เกบ็ รวบรวมข้อมลู เก็บรวบรวมขอ้ มูล เก็บรวบรวมข้อมลู

รวบรวม ตามแผนทีก่ ำหนด โดยคดั เลือกและ/หรือ โดยไม่มกี ารคดั เลือก เป็นระยะ ขาดการ

ขอ้ มลู ทกุ ประการ ประเมินข้อมูล และ/หรอื ประเมินขอ้ มลู ประเมินเพอ่ื คัดเลอื ก

3. การจัด จดั กระทำขอ้ มูล จดั กระทำขอ้ มลู จดั กระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมลู อยา่ ง

กระทำขอ้ มูล อย่างเป็นระบบ อยา่ งเป็นระบบ มกี าร อยา่ งเป็นระบบ ไมเ่ ปน็ ระบบ และ

และการ มกี ารเชือ่ มโยงให้เหน็ จำแนกขอ้ มลู ใหเ้ ห็น มีการยกตวั อย่างเพิ่มเติมให้ นำเสนอไมส่ ่ือ

นำเสนอ เป็นภาพรวม และนำเสนอด้วยแบบ ความสัมพนั ธ์ นำเสนอ เข้าใจง่ายและนำเสนอด้วย ความหมายและไม่

ต่าง ๆ อยา่ งชดั เจนถกู ต้อง ดว้ ยแบบตา่ ง ๆ ได้ แบบต่าง ๆ แต่ยงั ไม่ถูกต้อง ชัดเจน

อย่างถกู ต้อง

4. การสรุปผล สรุปผลได้อย่างถกู ตอ้ ง สรุปผลได้อย่างกระชบั สรปุ ผลไดก้ ระชบั สรุปผลโดยไมใ่ ช้

กระชับ ชดั เจน และ แต่ยงั ไมช่ ดั เจนและ กะทดั รดั แตไ่ มช่ ัดเจน ขอ้ มูล และไม่ถูกต้อง

ครอบคลมุ มีเหตุผล ไม่ครอบคลมุ ข้อมลู

ทอ่ี า้ งองิ จากการสบื สอบได้ จากการวเิ คราะห์

ท้ังหมด

5. การเขียน เขยี นรายงานตรงตามจดุ ประสงค์ เขยี นรายงานตรงตาม เขยี นรายงานโดยสอื่ เขยี นรายงานไดต้ าม

รายงาน ถูกต้องและชัดเจน และมีการ จุดประสงค์อยา่ งถูกต้อง ความหมายไดโ้ ดยมคี รหู รือ ตวั อย่าง แต่ใช้ภาษาไม่

เช่ือมโยงให้เหน็ เป็นภาพรวม และชัดเจนแต่ขาดการ ผอู้ ่นื แนะนำ ถูกตอ้ ง และไม่ชัดเจน

เรยี บเรยี ง

9.การบรู ณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง (3 หว่ ง 2 เง่ือน 4 มติ ิ)

หลกั ความพอประมาณ การใช้เวลาในการศกึ ษาความรู้และทำงานเหมาะสมกบั เวลา
หลักมเี หตุผล การเลอื กและอธิบายเรอื่ งท่ีเรียนร้ไู ดอ้ ย่างเหมาะสมและ
ถกู ตอ้ ง
หลกั สรา้ งภูมิคุ้มกนั ตัวทีด่ ี
เงื่อนไขความรู้ การเลือกศกึ ษาจากแหลง่ เรยี นรู้ มกี ารวางแผนการทำงานกลมุ่
เง่ือนไขคุณธรรม การเรียนรแู้ ละปฏบิ ัตเิ ร่อื งท่ไี ด้ศึกษาอย่างชดั เจน
มคี วามซื่อสตั ย์ มีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ อยูอ่ ยา่ งพอเพยี ง มีความ
ด้านเศรษฐกิจ ร่วมมอื ในการจดั กิจกรรม
ดา้ นสังคม มกี ารคิดวางแผนในการทำงานอย่างรอบคอบ
ดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม
ช่วยเหลือซึง่ กันและกนั รู้รกั สามคั คีในการทำงานรว่ มกัน
ด้านวัฒนธรรม รจู้ ักใช้และจัดการในการทำกิจกรรมอยา่ งฉลาดและทำใหเ้ กิด
การเรยี นรู้สงู สดุ
รู้จกั แยกแยะในการใช้ชวี ิตรว่ มกันในช้นั เรียนอยา่ งมคี วามสุข

บันทึกหลังสอนแผนการสอนท่ี ...............
1. ผลการสอนระดับช้นั ม..5.....

 สอนได้ตามแผนการจดั การเรยี นรู้
 สอนไม่ได้ตามแผนการจดั การเรยี นรู้ เนื่องจาก ...............................................................................................
15. ผลทเ่ี กิดกบั ผูเ้ รียน
1.) การประเมินผลความร้หู ลังการเรยี น โดยใช…้ ……………......................................................พบว่านักเรียนผ่านการประเมนิ
คิดเป็นร้อยละ......................……. ไม่ผ่านเกณฑ์ขั้นตำ่ ท่กี ำหนดไว้คดิ เป็นรอ้ ยละ.......................................................
ไดแ้ ก่ ...................................................................................................................................................................................
2.) การประเมนิ ดา้ นทักษะกระบวนการเรียน โดยใช้………………………................................................พบวา่ นกั เรยี นผ่านการ
ประเมินคดิ เป็นรอ้ ยละ................ ไมผ่ า่ นเกณฑ์ขนั้ ตำ่ ที่กำหนดไวค้ ิดเป็นร้อยละ.................................................
ได้แก่ .......................................................................................................................................................................................
3.) การประเมินดา้ นคุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ เรียน โดยใช้……………………….....................................พบวา่ นักเรยี นผ่านการ
ประเมินคิดเป็นร้อยละ.......……. ไม่ผา่ นเกณฑข์ ั้นต่ำท่ีกำหนดไว้คิดเป็นรอ้ ยละ........................................................
ไดแ้ ก่ .................................................................................................................................................................................
3. ปัญหาและอุปสรรค
 กิจกรรมการจดั การเรยี นรู้ ไม่เหมาะสมกับเวลา
 มีนกั เรียนทำใบงาน/ใบกิจกรรมไมท่ นั ตามกำหนดเวลา
 มนี ักเรียนทไี่ ม่สนใจเรยี น
 อื่น ๆ .............................................................................................................................................
4. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
 ควรนำแผนไปปรับปรุง เรอื่ ง ......................................................................................................
 .......................................................................................................................................................
 แนวทางแก้ไขนกั เรียนทไ่ี ม่ผา่ นการประเมนิ ..................................................................................
 .......................................................................................................................................................
 ไม่มขี ้อเสนอแนะ

ลงชอ่ื ............................................................ ผสู้ อน
( นางมารหี ยาม อนิ ทรวิเศษ )

วันท.ี่ ......./.................../.................

ความคดิ เห็นของหัวหน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ความคิดเห็นของหัวหนา้ งานวิชาการ
และเทคโนโลยี 1.เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่
1.เป็นแผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่
 ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง
 ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง 2.การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ไดน้ ำเอากระบวนการเรียนรู้
2.การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ไดน้ ำเอากระบวนการเรียนรู้  ทเ่ี น้นผู้เรียนเปน็ สำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่าง
 ทเ่ี น้นผเู้ รียนเป็นสำคัญมาใชใ้ นการสอนได้อยา่ ง
เหมาะสมกบั ศกั ยภาพทแ่ี ตกต่างกันของผ้เู รยี น
เหมาะสมกับศักยภาพท่แี ตกต่างกนั ของผู้เรียน  ทีย่ ังไม่เน้นผเู้ รียนเปน็ สำคญั ควรปรับปรุงพฒั นา
 ท่ียงั ไม่เน้นผ้เู รียนเป็นสำคญั ควรปรบั ปรงุ พฒั นา
ต่อไป
ตอ่ ไป 3.เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้
3.เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้ นำไปใชไ้ ด้จริง  ควรปรบั ปรุงกอ่ นนำไปใช้
นำไปใช้ไดจ้ ริง  ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ 4.ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ
4.ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ

ลงชื่อ.................................................................... ลงชื่อ....................................................................
(นางสาวเบญจวรรณ ทองเสน) (นางสาวณฐั ญิ า คาโส)

หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ฯ หัวหน้ากลมุ่ บรหิ ารงานวิชาการ

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 15

กล่มุ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ฯ รายวิชา ชีววิทยา5 รหัสวิชา ว30245
ปกี ารศึกษา 2564
ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 6 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 4 ชวั่ โมง

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 เร่อื ง การอนรุ ักษ์ปา่ ไม้และสตั ว์ปา่

1. สาระสำคญั / ความคดิ รวบยอด
ระบบนเิ วศ คอื การศึกษาความสมั พนั ธ์ของส่งิ มีชีวิต และระหว่างสง่ิ มชี วี ติ กบั สงิ่ แวดลอ้ มที่เป็นแหล่งทอ่ี ยู่

อาศัย โดยแบง่ ตามระดับกลมุ่ ประชากร กลุม่ สงิ่ มชี วี ิต ระบบนเิ วศ และโลกของสง่ิ มชี วี ิต ซึ่งส่ิงมีชีวติ มคี วามสัมพันธ์

กันเอง และกบั สิ่งแวดล้อม ทำใหร้ ะบบนเิ วศมกี ารถา่ ยทอดพลังงาน การกระจายของพลงั งานน้ที ำใหเ้ กิดการ
แพรก่ ระจายของสง่ิ มีชวิ ิต เนอื่ งจากบรเิ วณใดมีทรัพยากรเพียงพอ จะมีประชากรของสิ่งมีชีวติ อาศยั อยู่อย่างหนาแน่น

แตถ่ งึ อยากไรก็ตาม ระบบนิเวศไม่คงท่เี สมอไป เมื่อเกดิ การเปลยี่ นแปลงของระบบนเิ วศจะเกิดการหมนุ เวียนส่ิงมชี ีวิต
โดยเรม่ิ ตน้ จากผเู้ บิกเบิก ไปจนถงึ ส่งิ มีชีวติ ขัน้ สูงสุด ในระบบนเิ วศยังมีการหมุนเวยี นของสารอกี ดว้ ย

2. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชวี้ ัด
มาตรฐานการเรยี นรู้

5.เข้าใจแนวคิดเก่ียวกับระบบนิเวศ กระบวนการถา่ ยทอดพลงั งานและการหมุนเวยี นสารในระบบนิเวศ
ความหลากหลายของไบโอม การเปลยี่ นแปลงแทนทขี่ องสง่ิ มีชวี ิตในระบบนิเวศ ประชากรและรปู แบบการเพ่ิมของ
ประชากร ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อม ปัญหาและผลกระทบท่เี กิดจากการใช้ประโยชน์ และแนวทางการ

แกไ้ ขปัญหา
ผลการเรยี นรู้

12. วเิ คราะห์ อภปิ รายและสรุปปญั หา ผลกระทบท่เี กิดจากการทำลายป่าไม้รวมทั้งเสนอแนวทางในการ
ป้องกันการทำลายป่าไม้และการอนุรักษ์ป่าไม้

13. วิเคราะห์ อภปิ รายและสรุปปัญหา ผลกระทบท่ที ำใหส้ ัตว์ปา่ มีจำนวนลดลงและแนวทางในการอนุรกั ษ์

สตั ว์ป่า

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (K,P,A)
62. บอกปญั หาทที่ ำใหเ้ กดิ การทำลายป่าไม้ได้ (K)
63. บอกปัญหาทที่ ำใหเ้ กดิ การล่าสัตว์ป่าเพิ่มข้ึนได้ (K)

64. ยกตวั อย่างแนวทางในการป้องกันสตั ว์ป่าและป่าไมไ้ ด้ (K)
65. ออกแบบและนำเสนอแนวทางในการอนุรักษส์ ตั วป์ ่าและป่าไมไ้ ด้ (P)

66. สนใจใฝ่เรยี นรทู้ างการศกึ ษา (A)

4. สาระการเรยี นรู้
- การอนุรักษ์สัตวป์ า่ และ ปา่ ไม้

5. กิจกรรมการเรยี นรู้
ขัน้ ท่ี 1 สรา้ งความสนใจ (Engagement)
6. กระตุ้นนักเรียนดว้ ยคำถาม
- ในปัจจุบันมลพิษในระบบนเิ วศมกี อ่ี ย่าง อะไรบา้ ง (นำ้ อากาศ ดิน และป่าไม้)
- มลพิษในระบบนเิ วศเกดิ จากสาเหตุใด (เกิดจากภยั ธรรมชาติ เกดิ จากการกระทำของมนุษย)์
- สามารถฟืน้ ฟูระบบนิเวศได้หรอื (ได้ แต่ตอ้ งได้รับความร่วมมอื จากหน่วยงานตา่ งๆและประชากรที่
อาศยั อยใู่ นระบบนเิ วศนัน้ ๆ)
- เมอื่ เกดิ มลพษิ ในระบบนเิ วศมีผลเสียอย่างไร (สิ่งมชี ีวิตล้มตายมากข้ึน สภาพระบบนิเวศแย่ไมเ่ หมาะแก่
การเป็นแหล่งที่อยู่ของสงิ่ มีชวี ิต)
- เราสามารถกระจายข่าวการรณรงค์ได้ตามช่องทางใดบา้ ง (ป้ายรณรงค์ หรอื ตามสื่อโซเซียลต่างๆ เปน็
ตน้ )
ขั้นที่ 2 สำรวจและค้นหา (Exploration)
16. ให้นักเรยี นแบง่ กล่มุ กลุ่มละ 4 – 5 คน ศกึ ษาคน้ ควา้ เรื่อง การอนรุ ักษป์ า่ ไมแ้ ละสัตวป์ ่า
17. ใหน้ ักเรียนแลกเปล่ียนข้อมลู จากการศึกษาและจากการทำกจิ กรรมกบั เพ่ือนในหอ้ งเรยี น
18. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันอภปิ รายผลการศกึ ษาค้นคว้าและการทำกจิ กรรม เร่อื ง การอนรุ ักษ์ปา่ ไม้และ
สตั วป์ า่ สรปุ ผลและรว่ มกนั สร้างองค์ความรู้ใหม่
ข้ันที่ 3 อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation)
- ทรัพยากรธรรมชาติ ปา่ ไม้ สตั ว์ป่า ดิน นำ้ มีความสัมพนั ธเ์ กอ้ื กลู อำนวยประโยชน์ใหแ้ กก่ ันและกัน ปา่
ไม้ เปน็ แหล่งท่อี าศยั ของสง่ิ มีชีวติ ท้งั พชื สัตว์ รวมถงึ จุลินทรยี ์ ดนิ ประกอบดว้ ยหนิ แรธ่ าตุ
อินทรยี วัตถุ น้ำ และอากาศ ทมี่ ีความจำเป็นตอ่ การดำรงชีพของสิ่งมีชวี ติ และการเจรญิ เติบโตของพชื
ตน้ ไม้ หญ้า ทเี่ ป็นอาหารของสัตว์ป่า ซึง่ เป็นองคป์ ระกอบในการถ่ายทอดพลังงาน ของระบบนเิ วศน์
อย่ใู นกลมุ่ ผู้เสพทำการถา่ ยทอดอาหาร และพลงั งานจากกลุ่มผู้ผลติ คอื พชื สเี ขยี วไปสู่กลุ่มผู้ย่อยสลาย
คือแบคทีเรีย และจุลินทรยี ์ ถ้าขาดสตั ว์ป่า กลไกของระบบนิเวศนจ์ ะเปล่ียนแปลง สูญเสยี ความสมดุลย์
นอกจากนี้สตั วป์ า่ ยังมคี ุณค่าทางด้านวทิ ยาศาสตร์ ดา้ นจติ ใจ ด้านเศรษฐกิจ และทางวชิ าการ
- การอนุรกั ษ์สัตวป์ า่ ทำไดโ้ ดยการควบคุมปอ้ งกนั รักษาสภาพพ้ืนที่ป่าไม้ ซึง่ เปน็ แหลง่ ท่ีอยู่อาศยั แหล่ง
อาหาร แหล่งนำ้ และท่หี ลบภยั ตลอดจนการเพาะเล้ยี งขยายพนั ธุ์สัตวป์ ่าให้มจี ำนวนเพม่ิ มากขึน้ เพื่อ
ปล่อยคืนส่ธู รรมชาติ เป็นการช่วยรักษา และเสรมิ สรา้ งความสมดุลยใ์ ห้กับระบบนิเวศนข์ องพื้นทแ่ี ล้ว
ยงั สามารถพัฒนาปรบั ปรุงใหเ้ ป็นสถานทพ่ี กั ผ่อนหย่อนใจ เป็นแหล่งศกึ ษาหาความรู้ สรา้ งจติ สำนึก
ให้แก่นกั เรียน นักศกึ ษา เยาวชน ประชาชน ให้มีความรักหวงแหน ทรัพยากรป่าไม้ สัตว์ป่า
สงิ่ แวดลอ้ ม โดยการมีส่วนร่วมของชุมชนแลว้ ยงั สามารถสร้างเปน็ รายได้เสรมิ ใหแ้ ก่ประชาชนอกี ทาง
หนึง่ ด้วย
- วัตถุประสงค์
- เพื่ออนุรักษ์สัตวป์ า่ ไมใ่ ห้สูญพันธุ์ และเพ่มิ มากข้ึน เพอื่ คืนความสมดุลของระบบนเิ วศน์ใน
พนื้ ท่ีศูนย์ฯ ภพู าน

- เพื่อการศึกษาการเพาะเลี้ยงขยายพนั ธสุ์ ตั วป์ า่ ให้มจี ำนวนเพิ่มมากขึน้ เพ่ือปล่อยคืนสู่
ธรรมชาติ

- เพอื่ เปน็ สถานที่พกั ผ่อนหย่อนใจ ศกึ ษาธรรมชาติ สตั วป์ ่า สง่ิ แวดลอ้ ม
- เปน็ แหล่งศึกษาหาความรู้
- กจิ กรรมการดแู ลและอนรุ กั ษ์สัตว์ปา่
- ปรบั ปรุงสภาพพ้นื ทใี่ ห้เหมาะสมต่อการอนรุ กั ษส์ ัตว์ปา่ ทำการปรับปรุงแหลง่ นำ้ แหลง่
อาหาร ทห่ี ลบภัยกรงสตั ว์ คอกสตั วป์ า่ การเพาะเลีย้ งหนอนเลี้ยงนกเพือ่ ใช้เสรมิ
- เพาะเลย้ี งขยายพันธส์ุ ตั ว์ปา่ ประเภทสัตว์ปกี จำพวก ไก่ปา่ ไกฟ่ า้ บางชนดิ นกยูง นกบาง
ชนดิ ประเภทสัตวเ์ ลย้ี งลกู ดว้ ยนม จำพวกสัตวก์ บี เชน่ หมูป่า เนอ้ื ทราย ประเภทสตั ว์เลือ้ ยคลาน
จำพวก เตา่ ตะกวด ใหม้ จี ำนวนเพิม่ มากขน้ึ เพ่อื ปลอ่ ยสู่ธรรมชาติ
- ทำการตรวจสุขภาพสัตว์ป่า การจัดการสัตว์ป่า ฝกึ สัตว์ป่าใหพ้ ร้อมกอ่ นปลอ่ ยส่ธู รรมชาติ
- ปล่อยสตั ว์ปา่ สธู่ รรมชาติ
- ศึกษาติดตามผล และประเมนิ ผล
ขน้ั ท่ี 4 ขยายความรู้ (Elaboration)
4. ให้นักเรียนออกแบบป้ายรณรงค์ เรอ่ื ง การอนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสัตว์ปา่ ขนาดของป้ายคือ
กวา้ ง 60 cm x ยาว 120 cm พร้อมทง้ั ข้อความและภาพทีท่ ำให้เกดิ การสำนักในการอนุรกั ษ์
ขั้นที่ 5 ประเมนิ (Evaluation)
7. นักเรยี นตรวจสอบหรอื ประเมินข้ันตอนตา่ ง ๆ ทีเ่ รียนมาในวันนมี้ ีจดุ เด่น จุดบกพร่องอะไรบา้ ง มีความ
สงสัย ความอยากร้อู ยากเห็นในเรอ่ื งใด
8. นักเรียนประเมนิ ตนเอง โดยเขยี นแสดงความรู้สึกหลงั การเรยี น ในประเดน็ ต่อไปน้ี
- ส่ิงทนี่ กั เรียนได้เรียนรู้ในวันนีค้ ืออะไร
- นกั เรียนมสี ว่ นร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากน้อยเพียงใด
- เพ่ือนนกั เรียนในกลุ่มมีส่วนรว่ มกิจกรรมในกลุ่มมากน้อยเพียงใด
- นกั เรียนพงึ พอใจกบั การเรียนในวันนห้ี รอื ไม่ เพยี งใด
- นักเรียนจะนำความรู้ทไ่ี ดน้ ี้ไปใช้ให้เกดิ ประโยชน์แก่ตนเอง ครอบครวั และสังคมทวั่ ไปไดอ้ ย่างไร
จากนน้ั แลกเปลีย่ นตรวจสอบขน้ั ตอนการทำงานทุกขัน้ ตอนว่าจะเพิ่มคุณค่าไปสู่สังคม เกดิ ประโยชน์ต่อสงั คม
ให้มากขน้ึ กว่าเดิมในข้ันตอนใดบ้าง สำหรบั การทำงานในคร้งั ตอ่ ไป

6. สอื่ / แหล่งการเรียนรู้
- สอื่ Power Point เรอ่ื ง ระบบนเิ วศ
- วดิ ทิ ศั น์ เรื่อง ภยั พบิ ัติ
- แหล่งเรียนรู้ในและนอกห้องเรียน

7. ชิ้นงานหรือภาระงาน (หลกั ฐาน/รอ่ งรอยการเรยี นรู้)
- ป้ายรณรงค์ เรื่อง การอนรุ ักษท์ รพั ยากรธรรมชาติและสตั วป์ ่า

8. การวัดและประเมนิ ผล

แบบประเมนิ การปฏิบตั ิการทำกจิ กรรม

รายการการ ระดบั คณุ ภาพ
ประเมิน
4 3 21
1. การทำ
กจิ กรรม ทำกจิ กรรมตามวิธีการ ทำกจิ กรรมตามวธิ กี าร ทำกจิ กรรมตามวธิ กี าร ทำกจิ กรรมไม่ถูกต้อง
ตามแผนที่ และข้นั ตอนท่ีกำหนดไวอ้ ย่าง
กำหนด ถกู ต้องด้วยตนเองมีการ และข้นั ตอนท่ีกำหนดไว้ และข้ันตอนทีก่ ำหนดไวโ้ ดย ตามวธิ กี ารและขน้ั ตอน
ปรบั ปรงุ แก้ไขเป็นระยะ
ด้วยตนเอง มีการปรับปรุง มคี รหู รอื ผอู้ ื่น ท่ีกำหนดไว้ ไมม่ ีการ

แกไ้ ขบ้าง เป็นผ้แู นะนำ ปรับปรงุ แกไ้ ข

2. การใช้ ใชอ้ ปุ กรณแ์ ละ/หรือ ใชอ้ ุปกรณ์และ/หรือ ใชอ้ ปุ กรณ์และ/หรอื ใชอ้ ปุ กรณ์และ/หรือ

อปุ กรณ์และ/ เครื่องมอื ในการทำ เคร่อื งมอื ในการทำ เคร่ืองมอื ในการทำ เคร่ืองมอื ในการทำ

หรอื เคร่อื งมือ กจิ กรรมไดอ้ ยา่ งถกู ต้องตาม กจิ กรรมได้อยา่ งถกู ตอ้ ง กจิ กรรมไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งโดย กจิ กรรมไมถ่ กู ตอ้ ง และ

หลักการปฏิบตั ิและคลอ่ งแคลว่ ตามหลกั การปฏิบตั ิ แต่ไม่ มคี รู หรือผูอ้ ืน่ เป็นผู้แนะนำ ไมม่ ีความคลอ่ งแคล่วใน

คลอ่ งแคล่ว การใช้

3. การบันทกึ ผล บันทกึ ผลเป็นระยะ บนั ทกึ ผลเป็นระยะ บันทกึ ผลเป็นระยะ บันทกึ ผลไมค่ รบ

การทำกิจกรรม อย่างถูกตอ้ ง มรี ะเบยี บมีการ อยา่ งถูกตอ้ ง มีระเบียบมี แตไ่ ม่เป็นระเบยี บ ไม่มีการระบุหนว่ ย

ระบุหน่วย มกี ารอธบิ ายขอ้ มลู การระบุหน่วย มกี าร ไมม่ ีการระบหุ นว่ ย และไม่เป็นไปตาม

ให้เหน็ ความเชอ่ื มโยงเป็น อธบิ ายขอ้ มูลให้เห็นถึง และไมม่ ีการอธิบายข้อมลู ให้ การทำกจิ กรรม

ภาพรวมเป็นเหตุเป็นผล และ ความสมั พันธ์เปน็ ไป เหน็ ถึงความสัมพนั ธ์ของการ

เป็นไปตามการทำกจิ กรรม ตามการทำกิจกรรม ทำกิจกรรม

4. การจดั กระทำ จดั กระทำขอ้ มลู จดั กระทำข้อมูล จัดกระทำขอ้ มูล จัดกระทำขอ้ มูลอย่าง

ข้อมลู และการ อยา่ งเปน็ ระบบมกี ารเช่ือมโยง อย่างเปน็ ระบบ มีการ อย่างเปน็ ระบบมีการ ไมเ่ ปน็ ระบบ และมกี าร

นำเสนอ ใหเ้ ห็นเป็นภาพรวม และ จำแนกข้อมูลให้เหน็ ยกตัวอย่างเพิ่มเติมให้เข้าใจ นำเสนอไมส่ ่ือ

นำเสนอ ความสัมพนั ธ์ นำเสนอ งา่ ย และนำเสนอด้วยแบบ ความหมายและไม่

ดว้ ยแบบต่าง ๆอย่างชดั เจน ด้วยแบบต่าง ๆ ได้ ต่าง ๆ แตย่ ังไม่ชดั เจนและไม่ ชัดเจน

ถกู ต้อง แตย่ งั ไม่ชดั เจน ถูกต้อง

5. การสรุปผล สรปุ ผลการทำกิจกรรม สรปุ ผลการทำกิจกรรม สรุปผลการทำกจิ กรรมได้โดย สรปุ ผลการทำกจิ กรรม

การทำกิจกรรม ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง กระชบั ชดั เจน ได้อย่างถูกตอ้ ง แตย่ ัง มคี รหู รือผอู้ นื่ ตามความรทู้ ่พี อมีอยู่

และครอบคลมุ ขอ้ มลู จากการ ไมค่ รอบคลมุ ข้อมลู แนะนำบ้าง จงึ สามารถ โดยไม่ใช้ขอ้ มลู

วิเคราะห์ จากการวเิ คราะห์ท้ังหมด สรุปได้อย่างถูกต้อง จากการทำกจิ กรรม

ท้ังหมด

6. การดูแลและ ดแู ลอุปกรณแ์ ละ/หรอื เครอื่ งมือ ดูแลอุปกรณ์และ/หรือ ดูแลอปุ กรณแ์ ละ/หรอื ไม่ดูแลอปุ กรณ์และ/

การเกบ็ อุปกรณ์ ในการทำกจิ กรรม และมีการ เคร่ืองมอื ในการทำกจิ กรรม เครือ่ งมอื ในการทำกิจกรรม หรอื เครอื่ งมอื ในการทำ

และ/หรือ ทำความสะอาดและเกบ็ อย่าง และมกี าร มกี ารทำความสะอาด แต่ กิจกรรม และไม่สนใจ

เครื่องมือ ถูกตอ้ งตามหลกั การและแนะนำ ทำความสะอาดอยา่ ง เกบ็ ไม่ถกู ต้อง ต้องใหค้ รูหรอื ทำความสะอาด รวมท้งั

ใหผ้ ู้อน่ื ดูแลและเกบ็ รกั ษาได้ ถูกตอ้ ง แต่เก็บ ผอู้ นื่ แนะนำ เกบ็ ไม่ถกู ตอ้ ง

ถกู ต้อง ไม่ถกู ตอ้ ง

แบบประเมนิ ช้ินงาน การจัดกระทำและนำเสนอแผนผงั

รายการการ ระดบั คณุ ภาพ
ประเมิน
432 1
การจัดกระทำและ
นำเสนอแผนผงั จดั กระทำแลนำเสนอ จัดกระทำและ จัดกระทำและ จัดกระทำและนำเสนอ
แผนผังได้ แต่ไม่
แผนผัง ไดส้ ัมพันธ์กัน นำเสนอ แผนผังได้ นำเสนอแผนผงั ได้ สอดคลอ้ งกบั หวั ขอ้
เร่ืองที่กำหนด
และถกู ต้องตามหัวขอ้ สมั พนั ธ์กบั หัวข้อเรอื่ ง ตามหัวข้อเรอื่ ง

เรือ่ งทก่ี ำหนด มกี าร ทีก่ ำหนด มกี าร โดยมคี รูหรอื ผู้อืน่

วางแผน มกี าร ออกแบบ มคี วามคิด ใหค้ ำแนะนำ

ออกแบบ และมี รเิ ร่ิม แต่ไมม่ ีการ

ความคิดสร้างสรรค์ เชอื่ มโยงใหเ้ ห็นเปน็

มีการเช่ือมโยงใหเ้ หน็ ภาพรวม

เป็นภาพรวม

แบบประเมินการสืบสอบขอ้ มูล

รายการการ ระดับคณุ ภาพ

ประเมิน 4 3 21

1. การวางแผน วางแผนทจี่ ะค้นคว้าข้อมลู จาก วางแผนท่ีจะค้นคว้าข้อมลู วางแผนทจี่ ะค้นคว้าข้อมลู ไมม่ ีการวางแผนทีจ่ ะ

คน้ ควา้ ขอ้ มลู แหล่งการเรยี นรทู้ ีห่ ลากหลาย จากแหลง่ การเรียนรู้ที่ จากแหลง่ การเรียนรโู้ ดยมี ค้นควา้ ข้อมลู จาก

จากแหล่งการ เชอื่ ถือได้และมีการเช่ือมโยงให้เห็น หลากหลาย และเหมาะสม ครูหรอื ผอู้ น่ื แนะนำบ้าง แหล่งการเรียนรูอ้ ยา่ ง

เรียนรู้ เป็นภาพรวม แสดงให้เห็น แตไ่ มม่ ีการเชื่อมโยงให้ เปน็ ระบบ

ถงึ ความสัมพันธ์ของ เห็นเป็นภาพรวม

วธิ กี ารทัง้ หมด

2. การเกบ็ เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู เกบ็ รวบรวมข้อมลู เก็บรวบรวมขอ้ มลู เก็บรวบรวมข้อมลู

รวบรวม ตามแผนทีก่ ำหนด โดยคดั เลือกและ/หรือ โดยไม่มกี ารคดั เลือก เป็นระยะ ขาดการ

ขอ้ มลู ทุกประการ ประเมินข้อมูล และ/หรอื ประเมินขอ้ มลู ประเมินเพอ่ื คัดเลอื ก

3. การจดั จดั กระทำข้อมูล จดั กระทำขอ้ มลู จดั กระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมลู อยา่ ง

กระทำขอ้ มูล อยา่ งเป็นระบบ อยา่ งเป็นระบบ มกี าร อยา่ งเป็นระบบ ไมเ่ ปน็ ระบบ และ

และการ มีการเชื่อมโยงให้เห็น จำแนกขอ้ มลู ใหเ้ ห็น มีการยกตวั อย่างเพิ่มเติมให้ นำเสนอไมส่ ่ือ

นำเสนอ เป็นภาพรวม และนำเสนอด้วยแบบ ความสัมพนั ธ์ นำเสนอ เข้าใจง่ายและนำเสนอด้วย ความหมายและไม่

ต่าง ๆ อยา่ งชัดเจนถกู ตอ้ ง ด้วยแบบตา่ ง ๆ ได้ แบบต่าง ๆ แต่ยงั ไม่ถูกต้อง ชัดเจน

อยา่ งถกู ต้อง

4. การสรุปผล สรปุ ผลได้อยา่ งถูกตอ้ ง สรปุ ผลได้อย่างกระชบั สรปุ ผลไดก้ ระชบั สรุปผลโดยไมใ่ ช้

กระชับ ชัดเจน และ แต่ยงั ไมช่ ดั เจนและ กะทดั รดั แตไ่ มช่ ดั เจน ขอ้ มูล และไม่ถูกต้อง

ครอบคลมุ มเี หตุผล ไมค่ รอบคลมุ ข้อมลู

ทอี่ ้างองิ จากการสืบสอบได้ จากการวเิ คราะห์

ทั้งหมด

5. การเขยี น เขียนรายงานตรงตามจดุ ประสงค์ เขียนรายงานตรงตาม เขยี นรายงานโดยสอื่ เขยี นรายงานไดต้ าม

รายงาน ถูกต้องและชัดเจน และมีการ จดุ ประสงค์อยา่ งถูกต้อง ความหมายไดโ้ ดยมคี รหู รือ ตวั อย่าง แต่ใช้ภาษาไม่

เช่ือมโยงให้เหน็ เปน็ ภาพรวม และชัดเจนแต่ขาดการ ผอู้ ่นื แนะนำ ถูกตอ้ ง และไม่ชัดเจน

เรยี บเรยี ง

9.การบรู ณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง (3 หว่ ง 2 เง่ือน 4 มติ )ิ

หลกั ความพอประมาณ การใช้เวลาในการศกึ ษาความรู้และทำงานเหมาะสมกบั เวลา
หลักมเี หตุผล การเลอื กและอธิบายเรอื่ งท่ีเรียนร้ไู ดอ้ ย่างเหมาะสมและ
ถกู ตอ้ ง
หลกั สรา้ งภูมิคุ้มกนั ตัวทีด่ ี
เงื่อนไขความรู้ การเลือกศกึ ษาจากแหลง่ เรยี นรู้ มกี ารวางแผนการทำงานกลมุ่
เง่ือนไขคุณธรรม การเรียนรแู้ ละปฏบิ ัตเิ ร่อื งท่ไี ด้ศึกษาอย่างชดั เจน
มคี วามซื่อสตั ย์ มีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ อยูอ่ ยา่ งพอเพยี ง มีความ
ด้านเศรษฐกจิ ร่วมมอื ในการจดั กิจกรรม
ดา้ นสังคม มกี ารคิดวางแผนในการทำงานอย่างรอบคอบ
ดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม
ช่วยเหลือซึง่ กันและกนั รู้รกั สามคั คีในการทำงานรว่ มกัน
ด้านวัฒนธรรม รจู้ ักใช้และจัดการในการทำกิจกรรมอยา่ งฉลาดและทำให้เกิด
การเรยี นรู้สงู สดุ
รู้จกั แยกแยะในการใช้ชวี ิตรว่ มกันในช้นั เรียนอยา่ งมคี วามสุข

บันทกึ หลงั สอนแผนการสอนที่ ...............
1. ผลการสอนระดับช้นั ม..5.....

 สอนได้ตามแผนการจัดการเรยี นรู้
 สอนไม่ได้ตามแผนการจดั การเรียนรู้ เน่ืองจาก ...............................................................................................
16. ผลท่ีเกดิ กับผู้เรียน
1.) การประเมนิ ผลความรู้หลงั การเรียน โดยใช้………………......................................................พบว่านักเรียนผา่ นการ
ประเมินคิดเป็นร้อยละ......................……. ไม่ผา่ นเกณฑข์ ้ันตำ่ ทกี่ ำหนดไว้คิดเป็นร้อยละ.......................................................
ได้แก่ ...................................................................................................................................................................................
2.) การประเมนิ ด้านทักษะกระบวนการเรียน โดยใช…้ ……………………................................................พบวา่ นักเรียน
ผา่ นการประเมนิ คดิ เป็นรอ้ ยละ................ ไม่ผ่านเกณฑ์ข้ันต่ำที่กำหนดไวค้ ิดเป็นรอ้ ยละ.................................................
ได้แก่ .......................................................................................................................................................................................
3.) การประเมินด้านคุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ เรียน โดยใช้……………………….....................................พบว่านักเรียน
ผา่ นการประเมินคดิ เป็นร้อยละ.......……. ไมผ่ า่ นเกณฑข์ นั้ ต่ำที่กำหนดไวค้ ดิ เป็นร้อยละ........................................................
ได้แก่ .................................................................................................................................................................................
3. ปัญหาและอปุ สรรค
 กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ ไม่เหมาะสมกับเวลา
 มีนกั เรียนทำใบงาน/ใบกิจกรรมไม่ทนั ตามกำหนดเวลา
 มีนักเรียนที่ไมส่ นใจเรยี น
 อน่ื ๆ .............................................................................................................................................
4. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
 ควรนำแผนไปปรบั ปรุง เรือ่ ง ......................................................................................................
 .......................................................................................................................................................
 แนวทางแกไ้ ขนกั เรียนทไี่ มผ่ า่ นการประเมนิ ..................................................................................
 .......................................................................................................................................................
 ไม่มีข้อเสนอแนะ

ลงชือ่ ............................................................ ผู้สอน
( นางมารหี ยาม อนิ ทรวิเศษ )

วนั ท.่ี ......./.................../.................

ความคดิ เหน็ ของหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ความคิดเหน็ ของหัวหนา้ งานวิชาการ
และเทคโนโลยี 1.เป็นแผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี
1.เปน็ แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี
 ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรุง
 ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง 2.การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ไดน้ ำเอากระบวนการเรยี นรู้
2.การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ไดน้ ำเอากระบวนการเรยี นรู้  ทเี่ น้นผ้เู รียนเปน็ สำคัญมาใชใ้ นการสอนได้อยา่ ง
 ทเ่ี น้นผูเ้ รยี นเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ย่าง
เหมาะสมกับศกั ยภาพท่แี ตกตา่ งกนั ของผู้เรียน
เหมาะสมกบั ศักยภาพทแ่ี ตกต่างกนั ของผู้เรยี น  ทีย่ งั ไมเ่ น้นผู้เรยี นเปน็ สำคญั ควรปรับปรงุ พัฒนา
 ทีย่ งั ไม่เน้นผเู้ รียนเปน็ สำคญั ควรปรบั ปรุงพัฒนา
ต่อไป
ต่อไป 3.เป็นแผนการจัดการเรียนรู้
3.เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ นำไปใชไ้ ด้จรงิ  ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนำไปใช้
นำไปใชไ้ ด้จรงิ  ควรปรับปรุงกอ่ นนำไปใช้ 4.ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ
4.ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ

ลงชือ่ .................................................................... ลงช่อื ....................................................................
(นางสาวเบญจวรรณ ทองเสน) (นางสาวณฐั ิญา คาโส)

หวั หน้ากล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ฯ หัวหนา้ กล่มุ บริหารงานวิชาการ


Click to View FlipBook Version