- ๔๔ -
รูปที ๓ - ๖ การปลดกลอน
จ. การรังปลอก เมือลูกเลือนปลดกลอนถอยมาดา้ นหลงั ขอรังปลอกกระสุนทีขอบจาน
ทา้ ยกระสุนจะกระแทกกบั เหลก็ คดั ปลอกส่งผลใหป้ ลอกกระสุนดีดออกจาดตวั ปื นผา่ นช่องคดั ปลอก
รูปที ๓ – ๗ การคัดปลอก
ฉ. การนาํ กระสุนอยตู่ าํ แหน่งป้อน การเคลือนทีมาดา้ นหลงั ของชุดโครงนาํ ลูกเลือน
ทาํ ใหค้ นั ป้อนกระสุนเปลียนมาทางดา้ นขวาและเลอื นสายกระสุนส่งผลใหก้ ระสุนนดั หนึงอยใู่ น
ตาํ แหน่งพรอ้ มบรรจุ ไกปื นยงั ถกู เหนียวคา้ งไวแ้ ละคนั บงั คบั การยงิ อยใู่ นตาํ แหน่งยงิ ชุดโครงนาํ ลูก
เลือนจะไมต่ ิดคา้ ง ปืนทาํ การยงิ เป็ นวงรอบต่อไป
ช. การตรวจความปลอดภยั ของปื น
๑) ตงั ปื นและหนั ลาํ กลอ้ งปื นในทิศทางทีปลอดภยั
๒) ปื นอยใู่ นตาํ แหน่งหา้ มไก
๓) เปิ ดฝาปิ ดหอ้ งลกู เลือน
๔) ตรวจรงั เพลิงไมม่ ีกระสุน ปลอกกระสุนหรือขอ้ ต่อสายกระสุน
- ๔๕ -
๕) ปิ ดฝาปิ ดหอ้ งลูกเลือน
๖) จดั คนั บงั คบั การยิงไปตาํ แหน่งยิงทีละนดั (R)
๗) ดึงคนั รังลูกเลือนไว้
๘) เหนียวไกปื นและผอ่ นคนั รังลูกเลือนไปขา้ งหนา้ ชา้ ๆ
๙) จดั คนั บงั คบั การยิงในตาํ แหน่งหา้ มไก(S)
๓-๕ การใช้ขาทราย
ชุดขาทรายนนั จะใชป้ ระกอบการยิงในท่านอนยงิ พลยงิ จะใชพ้ านทา้ ยปื นประทบั ทีบ่าให้
พานทา้ ยปื นเขา้ ร่องไหล่ โดยจะใชม้ ือซา้ ยจบั กาํ รอบทีพานทา้ ย หรือจบั กาํ รอบทีขาทรายเมือทาํ การยงิ
โดยใชข้ าทราย ชุดขาทรายนนั จะอยตู่ ิดกบั โครงปื นส่วนหนา้ (รูปที ๓ – ๘)
ร่องบากลอ๊ ค เหลก็ ยดึ ขาทราย
ขาทราย
ขาทราย
รูปที ๓ - ๘
- ๔๖ -
ก. การกางขาทรายออก รูปที ๓ - ๙ (ก และ ข) กระทาํ ได้ โดยพลยงิ จบั บีบขาทรายเขา้ หากนั
แลว้ ออกแรงดงึ ออกมาจากเหลก็ ล๊อคขาทรายทียดึ ติดกบั ชุดรองลาํ กลอ้ ง แลว้ ผลกั ออกไปดา้ นหนา้
เพือใหข้ าทรายถูกตงั อยใู่ นแนวดิงและขาทรายทงั ๒ ขา้ งเขา้ ไปอยใู่ นร่องรอยบากพอดี แลว้ ปลอ่ ยมือ
จากการจบั กาํ รอบขาทราย จากนนั ขาทรายจะขยายออกดว้ ยแหนบสปริง
มือขวาจบั ทีดา้ มหิวปื น
มือซา้ ยจบั ขา
ทรายดึงออกแลว้
ผลกั ไปดา้ นหนา้
รูปที ๓ – ๙(ก)
ใหข้ าทรายทงั ๒ ขา้ งเขา้
ไปอยใู่ นร่องรอยบาก
ผลกั ออกไปดา้ นหนา้
รูปที ๓ – ๙ (ข)
- ๔๗ -
ข. การหุบขาทราย รูปที ๓ - ๑๐ ใหใ้ ชม้ ือทงั สองขา้ งจบั ขาทราย แลว้ ออกแรงดนั ใหข้ าทราย
หุบเขา้ หาชิดกนั หรือจะใช้มือขา้ งเดียวรวบจบั ขาทรายทงั ๒ ขา้ งแลว้ หุบขาทรายทงั ๒ ขา้ งเขา้ หาชิด
กนั ซึงขาทรายทงั สองขา้ งจะปลดลอ๊ คหลุดพน้ จากร่องรอยบาก สามารถทีจะพบั เก็บไดท้ นั ที
ขาทรายจะ
ปลดล๊อคหลุด
ออกจากร่องรอย
พบั ขาทรายเกบ็ ใหเ้ ขา้ ไปขดั กบั เหล็กยดึ ขาทราย
รูปที ๓ - ๑๐
ค.พบั ขาทรายเข้าที รูปที ๓ – ๑๑ เมือตอ้ งการถือปื นเคลอื นทีไปมา หรือขนยา้ ยปื นไปตามที
ต่าง ๆ จบั ขาทรายทงั ๒ ขา้ ง ดึงกลบั เขา้ ทีใตช้ ุดรองลาํ กลอ้ ง ขาทรายจะพบั เก็บได้ เมือหุบแลว้ เท่านนั
ใหข้ าทรายทงั ๒
ขา้ งอยรู่ ะหวา่ ง
เหลก็ ยดึ ขาทราย
ใหข้ าทรายแนบชิด
ติดชุดรองลาํ กลอ้ ง
รูปที ๓ - ๑๑
- ๔๘ -
บทที ๔
การแก้ไขเมือเกดิ ปัญหาและการทาํ ลาย
ในบทนีจะกล่าวถึงปัญหาบางประการทีจะเป็ นสาเหตุใหอ้ าวธุ ปื นทาํ งานผดิ ปกติ และอธิบาย
ถึงวิธีการตรวจสอบชินส่วนทีชาํ รุดใชง้ านไมไ่ ด้ รวมทงั วธิ ีการทาํ ลายอาวธุ เมือไดร้ ับอนุมตั ิจาก
ผบู้ งั คบั บญั ชา
๔ - ๑ การไม่ทาํ งานตามหน้าที
การไมท่ าํ งานตามหนา้ ทีเกิดขึนเมือกลไกหรือชินส่วนบางชินไม่ทาํ งาน ก่อใหเ้ กิดความ
ผิดปกติในการยิง สาเหตุทีเกิดจากกระสุนผิดปกติหรือสกปรก ซึงจะเป็นการทาํ งานของตามลกั ษณะที
ควรจะตอ้ งทาํ ตามทีกาํ หนดตามคู่มือและจะไม่รวมไปถึงการทีพลยิงนาํ ปื นไปใชง้ านไมถ่ ูกวิธีนนั ไม่
ถือวา่ เป็นการไม่ทาํ งานตามหนา้ ทีปกติของปื น เมือปื นทาํ งานผดิ ปกติแลว้ พลยิงไดแ้ กไ้ ขโดยการทาํ
ความสะอาดและหล่อลืนแลว้ ยงั ไมส่ ามารถขจดั ปัญหาได้ กต็ อ้ งนาํ อาวธุ ปื นไปใหช้ า่ งอาวธุ ประจาํ
หน่วยเป็นผูต้ รวจแกไ้ ขในตาราง ๔-๑ จะแสดงอาการทาํ งานผิดปกติ สาเหตุทีก่อใหเ้ กิดการทาํ งาน
ผดิ ปกติและวธิ ีการปฏิบตั ิเพือแกไ้ ข
ตาราง ๔-๑ การทาํ งานผิดปกติ
การทาํ งานผิดปกติ สาเหตุทีน่าจะเป็ น วิธีการแกไ้ ข
ส่วนเคลือนทีทาํ งานไม่ - ขาดการหลอ่ ลืนทีพอเพียง - หล่อลืน
สะดวก -มีคราบเขมา่ ติดอยู่ในระบบ - ทาํ ความสะอาดชุดกรวยจดั
ทางเดินแก๊ส แก๊ส ลูกสูบและกระบอกสูบ
- ชินส่วนบางชินสึกหรอหรือ - แจง้ ใหเ้ จา้ หนา้ ทีซ่อมบาํ รุง
บวมผิดรูปร่างไปจากเดิม ทราบ
ปื นไม่ขึนนกหรือยงิ ไมล่ นั - ชินส่วนในเครืองลนั ไกสึก - แจง้ ใหเ้ จา้ หนา้ ทีซ่อมบาํ รุง
หรอมากเกินไป ทราบ
- รอยบากทีกา้ นสูบสึกหรอ - แจง้ ใหเ้ จา้ หนา้ ทีซ่อมบาํ รุง
ทราบ
ผดิ ปกติ
- มีการติดขดั ในเครืองลนั ไก - แจง้ ใหเ้ จา้ หนา้ ทีซ่อมบาํ รุง
ทราบ
กระเดืองไกหรือนกปื น - ทาํ ความสะอาดและชโลม
- ปื นถอยสนั นาํ มนั หลอ่ ลืนบางๆที
ลูกเลือนและชุดโครงนาํ ลูก
- มีคราบเขมา่ ในระบบทางเดิน เลือน
แก๊ส - ทาํ ความสะอาดชุดกรวยจดั
แก๊ส ลูกสูบและกระบอกสูบ
- ๔๙ -
๔ - ๒ การตดิ ขัด
การติดขดั คือ เหตุใด ๆ กต็ ามทีขดั ขวางการทาํ งานตามวงรอบการทาํ งานของอาวธุ ปื น
อนั เกิดขึนจากการทาํ งานผดิ ปกติของกลไก หรือความผิดปกติของกระสุน หรือการผดิ ปกติของการ
ทาํ งานในลกั ษณะใดก็ตาม การวเิ คราะหเ์ หตตุ ิดขดั นนั ใหด้ ูจากการหยุดทาํ งานตารมวงรอบ ในตาราง
๔-๒ จะแสดงถึงอาการต่าง ๆ ของการติดขดั สาเหตุทีน่าจะเป็นและวิธีการปฏิบตั ิเพือแกไ้ ข
การติดขัด ตาราง ๔-๒ การตดิ ขดั วธิ กี ารแก้ไข
การไม่ป้อนกระสุน สาเหตุทีเป็ นไปได้ -เอาสายกระสุนใส่ใหม่
-ใส่สายกระสุนไม่ถูก -เอาออกแลว้ ใส่ใหม่
ปื นไม่ลนั -ใส่ซองกระสุนไม่ถกู -เปลียนซองกระสุนใหม่
ปื นไม่รังปลอก -ปากซองกระสุนเสียรูป -เลือกใชอ้ ยา่ งใดอยา่ งหนึง
-บรรจุสายกระสุนและ
ซองกระสุนพร้อมกนั -ถอดแยกปื นทาํ ความสะอาดลาํ
-รังเพลิงสกปรก กลอ้ ง
-เอากระสุนออก
- กระสุนบกพร่อง -เปลียนขอ้ ต่อสายกระสุน
-สายกระสุนบกพร่อง -ใชแ้ ส้ใส่เขา้ ไปทีดา้ นปากลาํ
-ปลอกกระสุนขาดคาในรัง กลอ้ งแลว้ ดนั ใหก้ ระสุนหลุด
เพลิง ออกจากรังเพลิง
-เปลียนใหม่
-แหนบส่งกระสุนออ่ น -เอากระสุนออกเปลียนใหม่
-กระสุนบกพร่อง -ถอดแยกทาํ ความสะอาด
-หนา้ ลูกเลือนสกปรก -เปลียนเข็มแทงชนวน
-เขม็ แทงชนวนหกั /สึก -เปลียนแหนบใหม่
-แหนบส่งลกู เลือนออ่ น -เปลียนกระสุนใหม่
-กระสุนสกปรกหรื อเป็ นสนิม -ถอดลาํ กลอ้ งแลว้ คดั ปลอก
-ขอยกสายกระสุนติด กระสุนออก
-เปลียนขอรังหรือแหนบ
-ขอรงั ปลอกหรือแหนบขอรัง
ปลอกชาํ รุด -ตรวจกรวยจดั แก๊ส
-ปื นถอยสนั /ถอยนอ้ ย -ถอดลาํ กลอ้ งทาํ ความสะอาด
-รังเพลิงสกปรก
การติดขัด - ๕๐ - วธิ กี ารแก้ไข
ปื นไมค่ ดั ปลอก สาเหตุทีเป็ นไปได้
-ปื นถอยนอ้ ย -ปรับกรวยจดั แก๊สตาํ แหน่ง
ที ๓
-ขอรงั ปลอกหรือแหนบขอรัง -เปลียนเหลก็ คดั ปลอกหรือ
ปลอกกระสุน แหนบ
๔ - ๓ การปฏิบตั ฉิ ับพลันเพือแก้ไข
การปฏิบตั ิฉบั พลนั เพอื แกไ้ ขการติดขดั นี เป็นการปฏิบตั ิตามขนั ตอนโดยอตั โนมตั ิเพือลด
อาการติดขดั โดยยงั ไม่ตอ้ งวิเคราะห์หาสาเหตุ การปฏิบตั ิลกั ษณะนีควรนาํ มาใชใ้ นกรณีทีพลยงิ ไดท้ าํ
การยงิ ปื นไปแลว้ กระสุนไม่ลนั หรือกระสุนออกไปเองเนืองจากความร้อน โดยทีพลยงิ ไม่ไดล้ นั ไก ซึง
การทีกระสุนลนั เองนีเราสามารถหลีกเลียงไดโ้ ดยใชก้ ารปฏิบตั ิฉบั พลนั ใหไ้ ดภ้ ายใน ๑๐ วนิ าที
หลงั จากทีปื นไดห้ ยดุ ยงิ (หรือหยดุ จากการยิงออกไปเองเมือพลยิงไม่ไดเ้ หนียวไก) พลยงิ ปลก. ยงั คง
ประทบั ปื นไวท้ ีบ่าของตนในขณะปฏิบตั ิฉบั พลนั นีทนั ทีเพือความปลอดภยั (วธิ จี าํ ขันตอนการปฏิบตั ิ
ง่าย ๆ ก็คือ ดงึ , ดู , ดนั , เหนียวไก)
ก. ดงึ พลยิงดึงคนั รังลกู เลือนมาขา้ งหลงั แลว้ ยดึ ลูกเลือนไวด้ า้ นหลงั ในลกั ษณะหนา้ ลูกเลือน
เปิ ด ในขณะนนั ใหใ้ ชส้ ายตาตรวจ
ข. ดู พลยิงทาํ การตรวจทีช่องคดั ปลอกกระสุนวา่ มีปลอกกระสุน, ขอ้ ต่อสายกระสุน หรือ
กระสุนถูกคดั ออกมาหรือไม่ พลยิงตอ้ งมนั ใจวา่ ลูกเลือนยงั อยขู่ า้ งหลงั เพือความปลอดภยั และป้องกนั
การป้อนกระสุนซอ้ นเขา้ ไปอีก ๑ นดั ในกรณีทีกระสุนหรือปลอกกระสุนไม่ถูกคดั ออกมา
ค. ถา้ ปลอกกระสุน, ขอ้ ต่อสายกระสุน หรือกระสุนถูกคดั ออกมาแลว้ ใหพ้ ลยิง ดนั คนั รังลูก
เลือนกลบั ไปขา้ งหนา้ ในขณะทีดนั คนั รังลูกเลือนไปขา้ งหนา้ ใหท้ าํ การเลง็ ปื นไปยงั เป้าหมาย
ง. เหนยี วไก ถา้ ปื นยงั ไมล่ นั หรือไม่สามารถทาํ การยิงได้ ใหพ้ ลยงิ ตรวจดูและวเิ คราะห์หา
สาเหตุ และถา้ ปลอกกระสุน, ขอ้ ต่อสายกระสุน หรือกระสุนไม่ถูกคดั ออกมาก็ใหพ้ ลยิงวิเคราะหห์ า
สาเหตเุ พือแกไ้ ขต่อไป
อนั ตราย
ถา้ ไม่มีสิงใดถูกคดั ออกมาและลาํ กลอ้ งมีความรอ้ น ( ยิงกระสุนออกไป ๒๐๐ นดั หรือ
มากกวา่ ในเวลาทีนอ้ ยกว่า ๒ นาที) อยา่ เปิ ดฝาครอบหอ้ งลูกเลือน ใหจ้ ดั คนั บงั คบั การยิงไปที
ตาํ แหน่งหา้ มไก(S) เมือหา้ มไกแลว้ ใหพ้ ลยงิ หนั ปากลาํ กลอ้ งไปยงั เป้าหมายหรือไปยงั แนว
เป้าปื นทิงไวน้ านประมาณ ๑๕ นาที ในลกั ษณะปลอดภยั แลว้ จึงตรวจอาวธุ
- ๕๑ -
๔ – ๔ การแก้ไขโดยวธิ ีวเิ คราะห์สาเหตุ
การแกไ้ ขโดยวธิ ีการนี เป็นการปฏิบตั ิใด ๆ กต็ ามเพือพิจารณาหาสาเหตขุ องการติดขดั เพือ
เป็นการถนอมรักษาอาวุธปื นใหอ้ ยู่ในสภาพทีใชก้ ารได้ และการแกไ้ ขวิธีนีจะใชต้ ่อเมือการปฏิบตั ิ
ฉบั พลนั เพือแกไ้ ขนนั ไมไ่ ดผ้ ล
ก. วธิ ีการปฏบิ ัติเมือปื นไม่ร้อน เมือเกิดเหตตุ ิดขดั ขึนในขณะทีปื นยงั ไมม่ ีความร้อนและ
พลยิงไดใ้ ชก้ ารปฏิบตั ิฉบั พลนั แลว้ ไม่ไดผ้ ล ใหป้ ฏิบตั ิตามขนั ตอนดงั นี
๑) ในขณะทีปื นยงั ประทบั อยบู่ นบา่ ใชม้ ือขวาจบั คนั รังลูกเลอื น หงายมอื ขึน ดึงคนั รังไป
ขา้ งหลงั แลว้ แขวนลูกเลือนไว้ จากนนั ให้เลือนคนั บงั คบั การยงิ ไปอยู่ในตาํ แหน่งหา้ มไก(S) แลว้
ปลอ่ ยคนั รังกลบั ไปขา้ งหนา้
๒) วางปื นลงบนพืน ใหห้ ่างออกจากใบหนา้ ของพลยิง แลว้ เปิ ดฝาครอบหอ้ งลกู เลือน
ทาํ การตรวจอาวธุ ตามขนั ตอนในขอ้ ๒- ๑ ของบทที ๒ จากนนั บรรจุกระสุนแลว้ เริมทาํ การยิงต่อไป
๓) ถา้ ยงั ยิงไมไ่ ด้ ใหเ้ ลกิ บรรจุ แลว้ ทาํ การตรวจอาวธุ และกระสุนอยา่ งละเอียด
ข. วธิ ีการปฏบิ ัตเิ มือปื นร้อน เมือเกิดเหตุติดขดั ขึนในขณะทีปื นกาํ ลงั มคี วามรอ้ น(เมือยิงไป
๒๐๐ นดั หรือมากกวา่ ในเวลานอ้ ยกวา่ ๒ นาที) จดั คนั บงั คบั การยิงไปทีตาํ แหน่งหา้ มไก(S) แลว้ ทิงไว้
ประมาณ ๕ นาที (ถา้ อยใู่ นระหวา่ งการฝึ กใหป้ ื นเยน็ ลงโดยใหท้ ิงไวประมาณ ๑๕ นาที) ใชว้ ธิ ีการและ
ขนั ตอนกนั กบั ใน ขอ้ ก.
อนั ตราย
ใหร้ ะมดั ระวงั เป็นพิเศษในการตรวจอาวธุ เมือลาํ กลอ้ งมีความร้อน กระสุนทีอยใู่ น
รังเพลิงอาจลนั ออกไปไดเ้ นืองจากความร้อนในลาํ กลอ้ ง (Cook off) แมว้ า่ พลยงิ จะไม่ไดเ้ หนียว
ไกก็ตาม ถา้ เป็ นอยใู่ นระหวา่ งทาํ การรบ ใหพ้ ลยิงรอประมาณ ๕ วนิ าที กอ่ นจะลงมือทาํ การ
ตรวจอาวธุ และวเิ คราะห์สาเหตุ เพราะในระหวา่ งนันปื นจะลนั กระสุนออกไป ( hangfire ) ถา้
เป็ นในระหว่างการฝึ กใหร้ อจนถึง ๑๕ นาที ก่อนลงมือปฏิบตั ิตามขนั ตอน
๔ – ๕ ขันตอนและวธิ ีการทําลาย
การทีจะทาํ ลายอาวธุ ในราชการทหารไดน้ นั จะตอ้ งไดร้ ับอนุมตั ิจากผบู้ งั คบั บญั ชาก่อน(หรือผู้
ทีมีอาํ นาจอนุมตั ิเสียก่อน) เมือไดพ้ ิจารณาแลว้ วา่ ขณะทาํ การรบจะมิใหข้ า้ ศึกไดย้ ึดเอาอาวธุ ปื นไป
หรือนาํ เอาไปใชง้ าน ผบู้ งั คบั บญั ชามอี าํ นาจอนุมตั ิใหท้ าํ ลายอาวุธปื นได้ แต่ตอ้ งรายงานการปฏิบตั ินี
ใหห้ น่วยเหนือทราบ
ก. ถอดอาวธุ ออกเป็นชินส่วนยอ่ ยใหม้ ากทีสุดเท่าทีเวลาจะอาํ นวย ใชล้ าํ กลอ้ งปื นทุบหรือ
ทาํ ลายลูกเลือน, แกนแหนบส่งกา้ นสูบ,ขาทราย,ศูนย(์ หนา้ และหลงั ) และโครงปื น
- ๕๒ -
ข. ชินส่วนต่าง ๆ เหลา่ นนั ทีไดท้ าํ การทาํ ลายให้นําไปทิงในแมน่ าํ , ลาํ ธาร หรือทีเป็นหล่ม
โคลน หรือใชว้ ธิ ีการฝังทงั ใหท้ าํ การกลบเกลือนร่องรอย ณ ทีฝังอยา่ ใหฝ้ ่ ายตรงขา้ มสงั เกตหรือพบ
เห็นร่องรอยตา่ งๆ
ค. ทีบริเวณโครงปื นเหนือลูกเลือน (โดยใหฝ้ าปิ ดหอ้ งลูกเลือนและเครืองป้อนกระสุนอยบู่ น
ลกู ระเบิด) แลว้ จุดระเบิด ให้ทําลายโดยการใช้วธิ กี ารเผาทาํ ลายอาวุธ ปลก. โดยการใช้ลูกระเบดิ เพลิง
- ๕๓ -
บทที ๕
การฝึ กพลแม่นปื น
ขอ้ ความในบทนีจะใหแ้ นวทางและวิธีการเตรียมการและการดาํ เนินการฝึ กพลแม่นปื น
สาํ หรับ ปลก.เนเกฟ ขนาด ๕.๕๖ มม. ในการยงิ ปื นแบบอตั โนมตั ิหรือยงิ เป็ นชุด ขนั ตอนการฝึ กจะ
แบ่งออกเป็น ๓ ขนั ตอน คือ การปฐมนิเทศ การฝึ กพลแมน่ ปื นขนั พืนฐานและการฝึ กพลแม่นปื น
ขนั สูง
ตอนที ๑
กล่าวนาํ หลกั การของพลแม่นปื น
การฝึ กพลแมน่ ปื นจะเริมตน้ จากการฝึ กตงั แต่ขนั พืนฐาน เริมตงั แต่ทีไม่ใชก้ ระสุนจริงทาํ การ
ยิง จนถึงขนั การยงิ ดว้ ยกระสุนจริง เป็ นบุคคลและการยงิ เป็นพวก ทงั นีขึนอยกู่ บั ปัจจยั สาํ คญั คือ
ความตอ้ งการของหน่วยในขณะนนั หรือสถานการณท์ างยทุ ธวธิ ีทีเกิดขึน ตลอดจนไปถึงความ
ตอ้ งการของผบู้ งั คบั บญั ชา
๕-๑ วตั ถุประสงค์
วตั ถุประสงคข์ องการฝึ กพลแม่นปื นสาํ หรับ ปลก. นนั ก็เพอื ทาํ การผลิตผลประจาํ ปื นใหม้ ขี ีด
ความสามารถดงั ต่อไปนี
ก. การยงิ เป็ นชุดไดอ้ ยา่ งแม่นยาํ เมือเริมทาํ การยิงต่อเป้าหมาย การยิงถกู เป้าหมายโดยใช้
กระสุนชุดแรกนนั ถือวา่ เป็นปัจจยั สาํ คญั ของพลแม่นปื นทีดี ในการนี พลยงิ ปื นเลก็ กลยอ่ มจะตอ้ งมี
ขีดความสามารถในการกะระยะในหลายๆ รูปแบบไดเ้ ป็ นอยา่ งดี เช่น การกะระยะวตั ถใุ นภูมิประเทศ
เปิ ดโล่งแจง้ หรือในภูมิประเทศทีเป็นป่ าไมใ้ นลกั ษณะตา่ งๆ ทงั ในทางระดบั และในเป้าหมายทีเกิดขึน
จากตาํ แหน่งของพลยงิ จากการมองทีต่างระดบั คือการมองจากทีตาํ ไปยงั ทีสูงและการมองจากทีสูงลง
มาทีตาํ ตามลกั ษณะของเป้าหมายทีเกิดขึน
ข. การปรับการยงิ พลยงิ ปื นเล็กกลตอ้ งตรวจการณ์ดูตาํ บลกระสุนตกในการยงิ ชุดแรกหรือ
เมือเริมการยงิ ถา้ กระสุนไมถ่ ูกเป้าหมายกจ็ ะตอ้ งปรับปื นและจะตอ้ งทาํ การปรับการยิงจนกระทงั
กระสุนถูกเป้าหมาย พลยงิ จะตอ้ งมีความสามารถในการตรวจตาํ บลกระสุนตก การใชก้ ระสุนส่องวถิ ี
และการตรวจการณ์กระสุนวิถี และมีขีดความสามรถในการยา้ ยการยงิ ของปื นเลก็ กลไดอ้ ย่างรวดเร็ว
เพือใหล้ ูกกระสุนเขา้ เป้าหมายในขณะทาํ การยิง
ค. ความเร็ว ความเร็วของการยิงก็เป็นสิงสาํ คญั เช่นเดียวกนั ความเร็วนีจะเกิดขึนจากการที
พลยิงไดร้ ับการฝึ กมาเป็นอยา่ งดี โดยมีระบบการถา่ ยทอดความรู้ทีเป็นระบบและครบถว้ นสมบูรณ์
และทีสาํ คญั คือการไดร้ ับการฝึ กยงิ แหง้ และการยิงดว้ ยลูกกระสุนจริง ซึงจะตอ้ งใชก้ ารผสมผสาน
ทกั ษะต่าง ๆ มากมายเขา้ ดว้ ยกนั ทงั ดา้ นความรูแ้ ละการปฏิบตั ิจริง แต่ทงั นีจะตอ้ งไมเ่ นน้ เรือง
ความเร็วในการยงิ มากไปจนมีผลกระทบถึงความแมน่ ยาํ ของการยิง
- ๕๔ -
๕-๒ ขันตอนการฝึ ก
การฝึกพลยงิ ปื นเลก็ กลนี ผทู้ ีดาํ เนินการในการจดั การฝึ กรวมไปถึงครูฝึกเองมีความตอ้ งการที
จะใหผ้ ลของการฝึ กมคี วามคืบหนา้ ไปอยา่ งเป็นธรรมชาติ โดยเริมตน้ จากการฝึ กโดยไมใ่ ชก้ ารยิง
ประกอบกบั การฝึ กยงิ เป็ นบคุ คล และเป็ นพวก เพือใหพ้ ลยงิ ไดใ้ ชท้ กั ษะต่าง ๆ ผสมผสานตาม
สภาพการณ์ ทหารและ ผบ.หน่วย จะตอ้ งไดร้ ับการศึกษา หรือคน้ ควา้ ความรูเ้ กียวกบั หลกั การพืนฐาน
ในการยิงปื นและจะตอ้ งปฏิบตั ิตามหลกั การพืนฐานของการยิงปื นไดก้ ่อนทีจะฝึ กยงิ เป็ นบคุ คลและ
เป็ นพวก
ก. การปฐมนิเทศ ประกอบดว้ ย
๑) การศึกษาการทาํ งานของปื น
๒) การศึกษาในเรืองอาวธุ ศึกษา
๓) หลกั พืนฐาน ๔ ประการของการยงิ ปื น
๔) การปรับศูนย์
๕) คาํ สงั ยงิ
ข. การฝึกพลแม่นปื นขนั พืนฐาน ในขนั นีทหารจะไดน้ าํ หลกั การพืนฐานของการยิงปื นไปใช้
ในการยงิ ปลก. ดว้ ยกระสุนจริงในเวลากลางวนั , กลางคืน และในสภาพการณ์ นชค. ซึงการฝึ กจะเริม
ทีการยิงปรับศูนยใ์ นระยะ ๒๕ เมตร, การยงิ ปรบั ศูนยใ์ นสนาม และการยา้ ยการยิง
ค. การฝึกพลแมน่ ปื นขนั สูง ในขนั นี ทหารจะไดร้ ับการฝึ กเทคนิคการยงิ ทาํ นองรบและการ
นาํ ไปใชใ้ นสถานการณ์ต่างๆ ซึงเป็นสถานการณ์สมมุติทีจดั การฝึ กขึนมาเพือใหม้ ีความใกลเ้ คียงกบั
สถานการณ์ทีจะเกิดขึนในสนามรบ
๕-๓ แผนการฝึ กระยะยาว
แผนการฝึ กระยะยาวนี เป็นกระบวนความคิด การกาํ หนดขนั ตอนของการฝึก การรวบรวมเอา
แนวความคิดทงั หลายในการทีจะดาํ เนินการ การกาํ หนดการฝึ กทีอาจจะเกิดขึนกบั ทหารใน
สถานการณ์ทีเกิดสงคราม ในกรณีต่างๆ ตงั แต่การฝึ กทหารในขนั พืนฐาน หรือการฝึ กขนั ตน้ ฝึ กทกั ษะ
ใหท้ หารเป็นบุคคลและเป็นหน่วย ตลอดจนไปถึงการฝึ กในการเพิมทกั ษะใหท้ หารมีขีดความสามารถ
สูงขึน เพือใหส้ ามารถปฏิบตั ิการรบไดช้ ยั ชนะและมีชีวติ รอดในสนามรบ และทีสาํ คญั อยา่ งยงิ สาํ หรับ
การฝึ กคือ สามารถทีจะดาํ รงทกั ษะความสามารถของทหารหลงั จากทาํ การฝึ กไวไ้ ดเ้ ป็นระยะเวลานาน
การฝึ กครูและผ้ฝู ึ ก - ๕๕ - การฝึ กเตรียมการขันต้น
ผบ.หน่วย และ ฝอ. กจิ ทีวเิ คราะห์
- เจตนารมณ์และลาํ ดบั ความเร่วด่วน กาํ หนดการฝึ กในรอบปี ฝึ ก/ทบทวน (ไม่ยงิ กระสุนจริง)
- การทบทวนเอกสารตาํ รา กระบวนการฝึ กเพือดาํ รง - การปรนนิบตั ิบาํ รุง
- การวเิ คราะหก์ ิจ - การฝึกแกไ้ ขเหตุติดขดั
- การเตรียมการซกั ซ้อม ประสิทธิภาพและ - เพมิ เติมหลกั การ
- กิจเฉพาะขนั พนื ฐาน ความพร้อมรบ - เอกสารคู่มือพลทหาร
- การประเมนิ ค่า/การแกไ้ ข
การพิจารณาเสนอความต้องการ การฝึ กเพมิ เตมิ ทักษะ การฝึ กยงิ ในสนาม ๒๕ เมตร และ
วางแผน/ปรับการฝึ กปฏิทินงาน การเตรียมการ การยงิ เมือสวมชุดป้องกนั นชค.
- กิจเฉพาะขนั พนื ฐาน - การพราง, การกาํ บงั และการ - การยงิ สอน
- จุดม่งุ หมาย ซ่อนเร้น - การยงิ จดั กลุ่ม/ปรับศนู ย์
- ระดบั ความพร้อม - การประยกุ ตใ์ ช้ - การประเมนิ ค่า/การแกไ้ ข
- การหมุนเวยี น - ท่ายงิ ดดั แปลง - การคน้ หาเป้า/การกะระยะ
- ภารกิจ - การยงิ ข่มและการยงิ เมือเขา้ - ผลของแรงลม/แรงโนม้ ถว่ ง
- การสงั เกตและประเมนิ ค่า การปรับตาํ บลเลง็
ตะลุมบอน - การประยกุ ตห์ ลกั การ
สรุปผลการประเมินค่าความ - การยงิ เป้าเคลอื นที - การยงิ กระยะไกลและการยงิ เมือ
การยงิ ด้วยกระสุนจริง สวมชุดป้องกนั นชค.
พร้อมรบและประสิทธิภาพของหน่วย การฝึ กในสนามประกอบ - การยงิ ในเวลากลางคนื
สถานการณ์ในสนามและ - การยงิ จดั ชนั คุณวฒุ ิ
การประเมินค่าความพร้อมรบ ปัญหาฝึ กการวจิ ารณ์การฝึ ก - การประเมนิ ผล
การฝึ ก/ทบทวน
- คมู่ อื การตรวจสอบและประเมนิ ผล การยงิ บนั ทกึ ผลขนั พนื ฐาน
- เครืองช่วยฝึกแสงเลเซอร์ การประเมนิ ผลของ ผบ.หน่วย
- ภารกิจและเงือนไขทีเปลยี นแปลง หลกั สูตรมาตรฐานการฝึกสอน
- การเพมิ เติมทกั ษะของบคุ คลและหน่วย การประเมินผลความพร้อม
- การประเมนิ ค่า/การสรุปผลการฝึ ก AAR ขนั พนื ฐาน
รูปที ๕-๑ กลวธิ ีในการฝึ กเพือดํารงความต่อเนือง
แผนการฝึ กจะมีองคป์ ระกอบทีสาํ คญั ๒ ประการ คือ การฝึ กในขนั ตน้ และการฝึ กเพือดาํ รง
ความต่อเนือง ซึงทงั ๒ ประการนีเป็นการฝึ กบุคคลและการฝึกรวมเป็นพวก การฝึ กในขนั ตน้ เป็น
สิงทีมีสาํ คญั อยา่ งยิง เพราะหากพลยิงไดร้ ับการสอนใหม้ ีการปฏิบตั ิในกิจเฉพาะตา่ ง ๆ อยา่ งถูกตอ้ ง
แลว้ จะทาํ ใหพ้ ลยงิ มขี ีดความสามารถตลอดจนไปถึงมีความเชียวชาญของผรู้ ับการฝึ กจะดาํ รงอย่ไู ด้
- ๕๖ -
เป็นระยะเวลานาน และยิงไดม้ ีการฝึ กทบทวนเป็ นประจาํ แลว้ ผรู้ ับการฝึ กจะไดพ้ ฒั นาขีด
ความสามารถและทกั ษะของตนเองไดเ้ ป็นอยา่ งดีและรวดเร็วอยูส่ มาํ เสมอ กิจเฉพาะบางอยา่ งทีมี
ความยงุ่ ยากและซบั ซอ้ นนนั จะดาํ รงอยกู่ บั ผูร้ ับการฝึ กไดย้ าก โดยเฉพาะในการฝึ กรวมเป็นพวก ถา้
หากภายในหน่วยมีการโยกยา้ ย หรือมกี ารสับเปลียนตาํ แหน่งในการปฏิบตั ิหนา้ ทีแลว้ ก็จะยิงทาํ ให้
ผลกระทบต่อการทาํ งานเป็นชุดปฏิบตั ิการสูญเสียไปดว้ ย หน่วยใดทีวา่ งเวน้ จากการฝึ กทบทวนไมว่ า่
จะเป็ นการทบทวนดา้ นความรู้ หรือดา้ นการปฏิบตั ิเพือเป็นการดาํ รงรักษาทกั ษะความชาํ นาญเป็น
เวลานาน ๆ ผบ.หน่วย จะตอ้ งพจิ ารณาเริมตน้ ใหม้ ีการจดั การฝึ กขนั พืนฐานใหม่
การฝึ กพลยิง ปลก. จะเริมตงั แต่หลงั จากจบการฝึ กทหารใหม่เบืองตน้ และจะฝึ กต่อเนืองไป
เมือทหารคนนนั ไดร้ ับการบรรจุลงหน่วยกองร้อยแลว้ ในรูปที ๕-๑ จะแสดงใหเ้ ห็นตวั อยา่ งของ
กระบวนการทุกขนั ตอนของการฝึ ก ซึงหน่วยสามารถนาํ ไปใชว้ างแผนในการจดั การฝึ กตามวงรอบ
การฝึ กประจาํ ปี ได้ สาํ หรับผูท้ ีจะไดร้ ับการบรรจุในตาํ แหน่ง พลยิง ปลก. นนั จะตอ้ งเป็นผทู้ ีมีขีด
ความสามารถในการใชอ้ าวุธ ปลย.ไดเ้ ป็นอยา่ งดีเท่านนั
ก. คุณลกั ษณะของพลยงิ ปื นเลก็ กล ทีพึงประสงคค์ ือ
๑) เป็นผทู้ ีมีขีดความสามารถในการกะระยะ
๒) คน้ หาเป้าหมาย
๓) มีความรู้ และสามารถใชห้ ลกั พืนฐานของการยงิ ปื น (ปลย.) ไดเ้ ป็นอยา่ งดี
๔) รวมทงั มีทกั ษะในเรืองอืน ๆ ทีจาํ เป็ นสาํ หรับการยิงต่อเป้าหมายภายในกาํ หนดเวลา
ข. ทกั ษะอืน ๆ ทีควรจดั ใหม้ ีระบบการใหค้ วามรู้และระบบการฝึ กสาํ หรับเพิมเติมใหพ้ ลยิง
ควรจะไดร้ ับการฝึ กเมือบรรจุลงในหน่วยกองรอ้ ยแลว้ ไดแ้ ก่
๑) เทคนิคการใชก้ ารยิงปื นในสถานการณต์ ่างๆ
๒) ประเภทของการยงิ และคาํ สังยงิ
๓) รวมทงั ทกั ษะทีเกียวขอ้ งกบั การเป็นพลแม่นปื น ไดแ้ ก่ การพรางและการซ่อนเร้น
การปกปิ ดกาํ บงั , การดาํ เนินกลยทุ ธ์, การเลือก และเตรียมทีตงั ยงิ ของอาวธุ
ขนั ตอนต่อไปของการฝึ ก คือ เทคนิคการฝึ กยงิ ปื นทาํ นองรบ ซึงไดแ้ ก่ การยงิ ข่มและทาํ ลาย
และการยงิ สนบั สนุน ซึงจะเพิมเติมในช่วงการฝึกรวมเป็ นพวก(พวกหมายถึงการจดั ใหม้ ีการยิงปื นดว้ ย
ลกู กระสุนจริงระหวา่ ง ปลก. ร่วมกบั อาวธุ ชนิดอืนทีมีอยู่ภายในหน่วย) กบั อาวธุ อืนภายในหมแู่ ละ
หมวดปื นเลก็ เป็นการฝึกยงิ ดว้ ยกระสุนจริง
การทีจะทาํ การฝึ กใหไ้ ดผ้ ลสูงสุดนนั ผบ.หน่วย ตอ้ งพิจารณาการฝึ กครูและผฝู้ ึ กเป็นอนั ดบั
แรก ถึงแมว้ า่ ในหลกั สูตรการศึกษาของกาํ ลงั พลระดบั ผบ.หน่วย จะมีการฝึกเรือง ปลก. อยนู่ อ้ ย แต่
กาํ ลงั พลเหลา่ นนั จะตอ้ งศึกษาเพิมเติมดว้ ยตนเองจากเอกสารคู่มอื ราชการสนามทีมีอยู่ ภายในหน่วย
นอกจากนี ผบ.หน่วย ยงั ตอ้ งพิจารณาการสนบั สนุนการฝึ กดว้ ยเครืองช่วยฝึ ก และอปุ กรณก์ ารฝึ ก
ต่าง ๆ ทงั หมด
- ๕๗ -
เมือทหารไดม้ ีความเขา้ ใจในการทาํ งานของระบบอาวธุ ปื น การปรับศูนยป์ ื นและการยิงใน
สนามระยะ ๒๕ เมตร ประกอบกบั การเปลียนยา้ ยทีตงั ยงิ อยา่ งเร่งด่วนและการยา้ ยการยิงแลว้ พลยิง
ปื นเลก็ กลจะไดร้ ับการฝึ กในเรืองทียากขึนไปอีก (ทาํ การฝึกจากง่ายไปหายาก) คือ การฝึ กยิงปื นเลก็ กล
ในเป้าหมายทีเกิดขึนในระยะไกล ต่อรูปแบบของเป้าหมายทีมีลกั ษณะต่าง ๆ กนั
๕-๔ การฝึ กเพือทาํ การรบ
ครูฝึ กจะตอ้ งระลกึ เสมอวา่ การยงิ เพือบนั ทึกผลในการจดั ชนั คุณวฒุ ินนั ไม่ใช่ขนั ตอนสุดทา้ ย
ของการฝึ ก แตเ่ ป็นเพียงบนั ไดขนั แรกในการกา้ วไปสู่การฝึกยงิ ปื นเพือทาํ การรบ พลยิงจะตอ้ งมคี วาม
เขา้ ใจในเรืองต่าง ๆ นอกเหนือจากการเลอื กทีตงั ยงิ และการใชอ้ าวุธ ดงั นี :
ก. เป้าหมายทีเกิดขึนในสนามรบส่วนใหญ่มกั เกิดขึนในระยะ ๓๐๐ เมตรลงมา อยา่ งไรก็ตาม
พลยิง ปลก. จะตอ้ งพยายามใชอ้ าวธุ ของตนให้ไดเ้ ตม็ ขีดความสามารถในระยะทีไกลออกไป และเป็ น
ระยะยงิ หวงั ผลของ ปลก.นนั ๆ
ข. ขา้ ศึกมกั จะไม่ปรากฏตวั ใหเ้ ห็น นอกจากจะมีการเคลือนทีในการเขา้ ทีกาํ บงั แห่งใหม่ หรือ
เขา้ ทาํ การรบในระยะประชิดหรือการเขา้ ตะลุมบอนต่อฝ่ ายเรา
ค. การยงิ ปื นทาํ นองรบ จะใช้ ณ บริเวณทีฝ่ายเราคน้ หาขา้ ศึกพบ หรือบริเวณทีคาดวา่ ขา้ ศึกจะ
วางตวั อยู่ แมจ้ ะไม่สามารถตรวจการณ์พบ พืนทีเป้าหมายอาจจะประกอบดว้ ยสิงทีรูปร่างคลา้ ยหรือ
ใกลเ้ คียงกบั บุคคลหรือยทุ โธปกรณ์ทีไดร้ ับการพราง รูปร่างในบริเวณทีเอืออาํ นวยต่อการซ่อนพราง
(พืนทีอบั กระสุนหรือทีตาํ , แนวรัว, พืนทีทีเป็นป่ า)
ง. เป้าหมายในการรบส่วนใหญจ่ ะถูกคน้ พบโดยอาศยั การสงั เกตควนั , ประกายไฟ, แสงสวา่ ง,
ฝ่ นุ , เสียง หรือการเคลือนไหว แต่จะปรากฏใหเ้ หน็ ภายในเวลาชวั ขณะเวลาหนึงเท่านนั
จ. ธรรมชาติของเป้าหมายทีเกิดขึนในสนามรบ จะมคี วามยากลาํ บากสาํ หรับพลยงิ ทีจะทาํ การ
ตรวจการณแ์ ลว้ มองเห็นเป้าหมายและยงั มีลกั ษณะของภูมปิ ระเทศทีมีพืนทีซึงไม่เป็ นระเบียบเรียบร้อย
และเตม็ ไปดว้ ยพืชพนั ธุ์ไมท้ ีขึนในภูมิประเทศทีมีความหนาทึบและบางในบางแห่งซึงจะส่งผลต่อการ
มองเห็นเป้าหมาย ซึงในปัจจยั ต่างๆทียกตวั อยา่ งมานนั จะทาํ ใหพ้ ลยงิ ตอ้ งพิจารณาเลือกทีตงั ยิงทีมกี าร
ตรวจการณ์ทีดี ทีตงั ทีใหป้ ระสิทธิภาพในการยงิ ครอบคลุมพนื ทีรับผิดชอบไดอ้ ยา่ งสูงสุด ทา่ ยิงที
มนั คงและเหมาะสมสาํ หรับพลยิง ปลก. กค็ ือ ทา่ นอนยิงใชข้ าทราย
ฉ. เป้าหมายส่วนมากทีเกิดขึนจะปรากฏในภูมิประเทศทีกาํ หนดระยะของเป้าหมายทีเกิดขึน
ไดไ้ มแ่ น่ชดั และจะไม่ตรงกบั ความเป็นจริง ซึงพลยิงจะตอ้ งใชท้ กั ษะในการฝึ กการกะระยะในภูมิ
ประเทศนาํ มาใช้ และในความสูงทีแตกต่างกนั ดงั นนั การเลือกตาํ บลเลง็ ต่อเป้าหมายในพืนทีต่าง
ระดบั ยอ่ มเป็นสิงกระทาํ ไดย้ าก
ช. เวลาในการปรากฏของเป้าหมาย จะแบ่งออกเป็ น ๓ ประเภท คือ
๑) เป้าหมายเดียว ทีเคลือนทีหนีดว้ ยความเร็ว ซึงตอ้ งใชก้ ารยิงอยา่ งรวดเร็ว
๒) เป้าหมายเป็นพืนทีทีเกิดขึนภายในเวลาจาํ กดั ซึงพลยิงตอ้ งทาํ การยิงภายในเวลา
ช่วงนนั
- ๕๘ -
๓) เป้าหมายทีเกิดขึนอยา่ งฉับพลนั และไมค่ าดคิด ซึงพลยิงจะตอ้ งยิงทนั ทีทนั ใดดว้ ย
สญั ชาตญาณและความแม่นยาํ
ตอนที ๒
การปฐมนิเทศการฝึ กพลแม่นปื น
เมือทหารหรือพลยงิ ปืนเลก็ กลไดร้ ับความรู้ในวิชาอาวธุ ศึกษา การทาํ งานของปื นแลว้ กจ็ ะ
พร้อมรับการฝึ กในหลกั พืนฐานของการยิงปื นต่อไป และในขณะทีรับการฝึกในหลกั พืนฐานนนั
ทหารจะตอ้ งเรียนรู้เรืองการใชศ้ นู ย,์ การจดั วางส่วนต่าง ๆ ของร่างกายใหส้ ามารถเคลือนยา้ ยศูนยไ์ ป
ยงั เป้าหมาย และการสนองตอบต่อคาํ สังยิง การฝึ กยงิ แหง้ เป็นวธิ ีการทีมปี ระโยชนแ์ ละใชไ้ ดผ้ ล
อยา่ งยิงสาํ หรับการเป็นพลแม่นปื นทีดี
๕-๕ หลกั พืนฐานของการยิงปื น
หลกั พืนฐานสาํ หรับการยิง ปลก. ไดแ้ ก่ ท่ายงิ ทีมนั คง, การเลง็ , การควบคุมการหายใจ และ
การควบคุมการลนั ไก
ก. ท่ายงิ ทีมันคง ในการยงิ ปื นเลก็ กลแบบอตั โนมตั ิท่ายิงเป็นปัจจยั สาํ คญั ทีสุดของหลกั
พืนฐานทงั หมด ถา้ พลยิงไดท้ าํ การปรับศูนยป์ ื นมาแลว้ เป็นอยา่ งดี มีการเลง็ ทีถูกตอ้ ง และใชห้ ลกั
พืนฐานการยิงปื นไดอ้ ย่างเหมาะสม การยิงปื นเล็กกลในชุดแรก (๓ นดั ) นนั ทหารก็ยอ่ มยงิ ถูก
เป้าหมายดว้ ยกระสุนนดั แรกใน ๓ นดั นนั อย่างไรกต็ ามกระสุนนดั ที ๒ และ ๓ จะไม่ถูกเป้าหมาย
เช่นนดั แรก เพราะแรงสะทอ้ นถอยหลงั จากการยงิ ในนดั แรกจะส่งผลกระทบกระเทือนไปยงั นดั ที ๒
และนดั ที ๓ จะเบียงเบนออกจากเป้าหมายไปมากนอ้ ยเพียงใดนนั ขึนอยกู่ บั ความมนั คงของท่ายิงของ
พลยิงคนนนั ร่างกายของพลยงิ จะเปรียบเสมอื นฐานรองรับปื น และการจบั ปื นจะเปรียบเสมือนเป็ น
เครืองมือยดึ ใหป้ ื นติดอยกู่ บั ฐานรองรบั นนั ยงิ ถา้ การวางตวั และจบั ปื นกระชบั มนั คงมากเท่าใด อาการ
กระจายของการยิงแบบอตั โนมตั ิกจ็ ะยิงนอ้ ยลงเท่านนั
ข. การเล็ง การเลง็ ปื นเลก็ กลนนั พลยิงจะตอ้ งจดั แนวเสน้ ศูนยห์ ลงั และศูนยห์ นา้ โดยใช้
นยั น์ตาเพ่งมอง, จดั ภาพการเลง็ ใหถ้ ูกตอ้ ง, ควบคุมการหายใจ และการควบคุมการลนั ไกอยา่ งถูกวิธี
๑) การจดั แนวศูนยป์ ื น จดั ใหศ้ ูนยห์ ลงั และศูนยห์ นา้ อยใู่ นแนวเดียวกนั โดยใหย้ อด
ของศูนยห์ นา้ (ศูนยแ์ บบแท่ง)อยกู่ ึงกลางของรูช่องศูนยห์ ลงั (ศูนยร์ ู) วธิ ีการกค็ ือ ใหพ้ ลยงิ กาํ หนดเสน้
สมมุติในแนวราบขึนมา แลว้ ลากเสน้ นนั ผา่ นจุดศูนยก์ ลางของรูศูนยห์ ลงั (ศูนยร์ ู) เสน้ สมมตุ ินีจะ
สัมผสั กบั ยอดศูนยห์ นา้ (ศูนยแ์ บบแท่ง)ดว้ ย ขณะเดียวกนั เสน้ สมมุติในแนวดิงจะลากผา่ นจุดศูนยก์ ลาง
ของรูศูนยห์ ลงั (ศูนยร์ ู) และแบ่งยอดศูนยห์ นา้ (ศูนยแ์ บบแท่ง)ออกเป็ น ๒ ส่วนเท่า ๆ กนั
๒) การใชน้ ยั นต์ าเพ่งมอง ท่ายิงทีดีจะทาํ ใหพ้ ลยิงสามารถวางนยั นต์ าไดต้ รงกบั กึงกลาง
ของรูศูนยห์ ลงั (ศูนยร์ ู)พลยิงเพง่ มองทียอดศนู ยห์ นา้ ธรรมชาติของนยั นต์ าเมือมองผา่ นช่องมองทีเป็น
วงกลม จะสามารถหาจุดมองทีมีความสวา่ งมากทีสุด คือกึงกลางของรูศูนยห์ ลงั (ศูนยร์ ู) ซึงจะช่วยให้
การจดั ภาพศูนยพ์ อดีเป็นไปอยา่ งรวดเร็ว
- ๕๙ -
๓) การจดั ภาพการเลง็ ภาพการเลง็ ทีถูกตอ้ งจะประกอบดว้ ย เป้าหมาย, ศูนยห์ นา้ (ศูนย์
แบบแทง่ ) และศูนยห์ ลงั (ศูนยร์ ู) ถูกจดั อยใู่ นแนวเดียวกนั หรือภาพการเลง็ กค็ ือ ภาพศูนยพ์ อดีทีมี
เป้าหมายวางอยู่ทีศูนยพ์ อดี โดยศูนยพ์ อดีจะอยทู่ ีกึงกลางฐานของเป้าหมายนนั เอง (รูปที ๕ – ๒ ก, ข
และ ค เป็นภาพการจดั ศูนยพ์ อดีของเป้าในลกั ษณะต่างๆ)
๑ ๒๓๔
รูปที ๕ – ๒(ก) การจดั ภาพการเล็ง (เป้าปรับศูนย์รบ)
๑๒ ๓ ๔
รูปที ๕ – ๒(ข) การจัดภาพการเล็ง (เป้ารูปหุ่น)
๑ ๒๓ ๔
รูปที ๕ – ๒(ค) การจัดภาพการเล็ง (หุ่นรูปคน)
ค. การควบคุมการหายใจ วธิ ีการควบคุมการหายใจมี ๒ วธิ ี เมือทาํ การยิงทีละนดั เช่น การยงิ
เพือปรับศูนยป์ ื น พลยิงปื นเลก็ กลจะใชก้ ารหายใจเขา้ ใหล้ ึกและผอ่ นลมหายใจจนเกือบหมดแลว้
- ๖๐ -
กลนั ลมหายใจในวงรอบการหายใจจงั หวะปกติ พลยิงจะลนั ไกใหไ้ ดก้ ่อนทีจะรูส้ ึกอึดอดั ส่วนการยงิ
แบบอตั โนมตั ินนั ในระหวา่ งทาํ การยงิ พลยงิ ตอ้ งกลนั หายใจในขณะเหนียวไกปื นแต่ในช่องวา่ งของ
กระสุนแต่ละชุดนนั พลยงิ จะไม่มเี วลามากพอทีจะใชก้ ารหายใจลึก ๆ ได้ ฉะนนั จึงจาํ เป็นตอ้ งใชก้ าร
หายใจเขา้ อยา่ งรวดเร็วและไม่ลกึ นกั แลว้ ลนั ไกเป็ นชุด ๆ ไป เมือยิงไปไดห้ ลายชุดแลว้ จึงค่อยใชก้ าร
หายใจลึกครังหนึงอยา่ งนีเรือยไป
ง. การควบคุมการลันไก การออกแรงเหนียวไกมาขา้ งหลงั และผา่ นออกเป็นช่วง ๆ จะควบคุม
จาํ นวนนดั ของกระสุนในแต่ละชุดการยิงได้ และยงั ช่วยป้องกนั การเบียงเบนออกจากแนวเสน้ เลง็ ของ
อาวธุ ไดพ้ อสมควร สาํ หรับการยิงเป็ นชุดๆละ ๓ นดั ใหพ้ ลยงิ เหนียวไกมาขา้ งหลงั พรอ้ มกบั ออกเสียง
“เหนียว - ปล่อย” แลว้ ปล่อยไกปื น
๕-๖ หลกั การและท่ายงิ
ทา่ นอนยิงโดยใชข้ าทราย และท่ายิงจากหลุมบุคคลโดยใชข้ าทรายประกอบการยิง ทงั ๒ ท่านี
ผฝู้ ึ กจะตอ้ งสอนใหท้ หารคุน้ เคยและใชง้ านไดเ้ ป็นอยา่ งดีในช่วงการฝึ กเบืองตน้
ก. ท่านอนยงิ โดยใช้ขาทราย
๑) ใหพ้ ลยงิ จดั ท่านอนยิงดา้ นหลงั ของปื นและนาํ ปื นเขา้ ประทบั ทีร่องไหล่ พลยิงจะตอ้ ง
กาํ หนดเสน้ สมมุติลากผา่ นแนวปื น, หวั ไหล่, สะโพก โดยแบ่งกลา้ มเนือหวั ไหลแ่ ละสะโพกขวา
ออกเป็ น ๒ ส่วนเท่า ๆ กนั แลว้ ลากเสน้ นนั ผา่ นไปยงั ส้นเทา้ รูปที ๕-๓ (ก)
เสน้ สมมุติ
รูปที ๕ – ๓ (ก)
- ๖๑ -
๒) ใหพ้ ลยงิ แยกขาทงั สองออกพอสบาย วางสน้ เทา้ ลงบนพืน พยายามใหส้ ้นเทา้ ติดพืน
ใหม้ ากเท่าทีจะทาํ ได้ แต่อยา่ ใหเ้ กิดอาการเกร็งของกลา้ มเนือหรือฝื นในระหวา่ งกายิง ซึงจะทาํ ให้
ส่งผลกระทบต่อการเลง็ และการลนั ไกได้ รูปที ๕-๓ (ข)
งอเข่าดา้ นทีถนดั
ส้นเทา้ ติดพืน
ขาทงั สองแยกออกพอสบาย , วางสน้ เทา้ ติดพืนถา้ ทาํ ได้
รูปที ๕ – ๓ (ข)
๓) ใชม้ ือขา้ งทีถนดั จบั กาํ ดา้ นปื น โดยวางนิวชีประมาณขอ้ แรกวางพาดลงบนไกปื น
และใชม้ ืออีกขา้ งวางลงบนสนั ของพานทา้ ยปื นส่วนทีเลก็ ในลกั ษณะมือกาํ รอบคอปื น ใหน้ ิวหวั แมม่ อื
อยดู่ า้ นลา่ งของพานทา้ ยปื น เลือนมือขา้ งนนั ออกไปขา้ งหนา้ จนกระทงั นิวกอ้ ยสมั ผสั กบั โครงปื น
ทงั นีใหร้ ่างกายมีจดุ สมั ผสั กนั ตวั ปื นทีมนั คงเพือการเล็งปื นคงทีอยตู่ ลอดเวลา รูปที ๕-๓ (ค)
แกม้ ขวาของพลยิงอยชู่ ิดกบั นิวมือซา้ ย
รูปที ๕ – ๓ (ค)
- ๖๒ -
๔) วางใบหนา้ โดยใหแ้ กม้ ของพลยิงอยชู่ ิดติดกบั นิวชีของมือทีจบั พานทา้ ยปื น พยายาม
จดั ใหแ้ กม้ และนิวชีอยู่ ณ บริเวณจุดเดียวกนั ทีพานทา้ ยปื นทุกครังทีทาํ การยิง จุดสมั ผสั พานทา้ ยปื นทีดี
ควรจะใหแ้ นวเสน้ เลง็ ทีมองผา่ นกึงกลางรูศูนยห์ ลงั ไปยงั ศูนยห์ นา้ และเป้าหมาย ผอ่ นคลายกลา้ มเนือที
คอเพือใหใ้ บหนา้ วางอยชู่ ิดติดกบั นิวชีอยา่ งเป็นธรรมชาติไมเ่ กิดอาการเกร็งของกลา้ มเนือในส่วน
ต่างๆของร่างกาย รูปที ๕-๓ (ง)
เสน้ การเลง็
มือกาํ รอบพานทา้ ยปื นให้
แกม้ วางอยูท่ ีบริเวณนิวชี
ที ๕ – ๓ (ง)
รูปทหารในรูปไม่ได้สวมหมวกเหลก็ เนืองจากต้องการแสดง
ตําแหน่งของมือทีใช้จบั ปื นให้เหน็ ได้ชัด
๕) ออกแรงกาํ จบั ดา้ มปื นใหก้ ระชบั แน่น พร้อมทงั ดึงปื นมาขา้ งหลงั และกดลงล่างใหป้ ื น
ประทบั อยใู่ นร่องไหล่อยา่ งแน่น ขณะทาํ การเลง็ และยิง
๖) รักษาไหลใ่ หอ้ ยใู่ นแนวระดบั และวางศอกใหอ้ ยใู่ นระยะกึงกลางระหว่างไหล่กบั
โครงปื น
หมายเหตุ :
- รูปที ๕-๓ (ก, ข, ค และ ง)ท่านอนยิงทีพลยิงใชข้ าทรายรองรับเป็ นเพียงตวั อยา่ งของท่า
ยิงและการจดั ปื นเท่านนั ถา้ ทหารคนใดปฏิบตั ิตามตวั อยา่ งนีแลว้ ไม่สามารถมองเห็นภาพการเลง็ ที
ถกู ตอ้ ง กค็ วรตอ้ งปรับท่ายงิ ใหเ้ หมาะสมกบั ตนเพือใหจ้ ดั ภาพการเลง็ ทีถูกตอ้ งได้
- ปลก. จะคดั และดีดปลอกกระสุนและขอ้ ต่อสายกระสุนออกมาทางขวาของปื น ดงั นัน
พลยิงทีถนดั มือซา้ ยจึงควรปลอ่ ยแขนเสือลงมาเพือมิใหป้ ลอกกระสุนกระเดน็ เขา้ แขนเสือ
- ๖๓ -
ข. ท่ายิงจากหลุมบุคคล , ใช้ขาทรายรองรับ(รูปที ๕-๔)
๑) ดึงขาทรายออกและกางใหอ้ ยใู่ นท่าใชง้ านแลว้ วาง ปลก. หนั ทิศทางไปขา้ งหนา้
๒) แยกเทา้ ขวา (พลยงิ ถนดั ขวา) ออกไปทางเฉียงดา้ นหนา้ ใหเ้ ป็ นเสน้ ทแยงมุมกบั เทา้
ซา้ ย แลว้ เอนตวั ไปขา้ งหนา้ จนหนา้ อกชิดกบั ผนงั หลุมบุคคล
๓) วางพาดพานทา้ ยปื นเขา้ ทีร่องไหล่ของบ่าขวา (พลยิงถนดั ขวา) รักษาระดบั ของไหล่
ใหข้ นานกบั พืน
๔) จบั ดา้ มปื นดว้ ยมือขวา วางปลายนิวชีลงบนไก มอื ซา้ ยวางจบั กาํ รอบทีพานทา้ ยปื น
โดยใชน้ ิวหวั แม่มือรองอยดู่ า้ นล่างของพานทา้ ย
๕) ใชแ้ กม้ แนบกบั นิวชีซา้ ยเพอื สรา้ งจุดสัมผสั พานทา้ ยปื น พยายามใหม้ ือซา้ ยและแกม้
ขวาวางอย่ทู ีจุดเดียวกนั ทีพานทา้ ยปื นทุกครังทีทาํ การยิง จดุ สมั ผสั พานทา้ ยปื นจะตอ้ งสร้างแนวเส้น
เลง็ ทีเป็นธรรมชาติจากกึงกลางของรูศูนยห์ ลงั ไปทีศูนยห์ นา้ และตรงไปยงั เป้าหมาย พลยิงควรผ่อน
คลายกลา้ มเนือทีตน้ คอเพอื ใหแ้ กม้ วางอยตู่ ิดกบั นิวชีอยา่ งสบาย ๆ
๖) ออกแรงกระชบั ปื นดว้ ยแรงสมาํ เสมอคงที ดึงปื นมาขา้ งหลงั และกดลงลา่ ง ประทบั ปื น
ในร่องไหล่ใหแ้ น่นขณะทาํ การเลง็ และยงิ
๗) รกั ษาระดบั หัวไหล่และขอ้ ศอกใหอ้ ยใู่ นระยะห่างทีสมดุลจากโครงปื น
มือกาํ รอบ, นิวชีวางทีไกปื น,
หนา้ อกชิดกบั ผนงั หลุมบคุ คล
รูปที ๕-๔
ท่ายงิ จากหลมุ บุคคลใช้ขาทรายรองรับ
- ๖๔ -
๕-๗ หลกั การยงิ ในเวลากลางคืน
ถึงแมว้ า่ ในการยิงเวลากลางคืนจะใชห้ ลกั พืนฐานของพลแม่นปื น ๔ ประการเช่นเดียวกนั
แต่จะมีการปรับหลกั ปฏิบตั ิการบางประการเพือใหเ้ พิมขีดความสามารถในการมองเห็นในเวลา
กลางคืนหรือในความมดื ได้
ก. ท่ายิงทีมันคง เมือพลยงิ จะตอ้ งทาํ การยิงโดยไม่มีพลยงิ ผชู้ ่วย พลยงิ ตอ้ งเปลียนตาํ แหน่ง
การวางศีรษะและจุดสมั ผสั พานทา้ ยเพือใชก้ บั เทคนิคการกาํ หนดเสน้ เลง็ ไปยงั เป้าหมาย ตามปกติแลว้
พลยิง ปลก. จะตอ้ งวางศีรษะเพือใหส้ ามารถใชส้ ายตาจดั แนวปื นตรงไปยงั เป้าหมาย โดยใช้สายตา
มองเหนือศูนย์ปื น ในบางกรณีทหารอาจใชข้ ากรรไกรส่วนลา่ งสัมผสั กบั มือขา้ งทีจบั พานทา้ ยและ
สายตามองเหนือศูนยป์ ื นประมาณ ๑ นวิ เพือใหส้ ามารถใชก้ ารยงิ แบบสัญชาตญาณไปยงั เป้าหมายได้
และเมือใชก้ ลอ้ งเลง็ หรืออุปกรณ์ช่วยการมองเห็นในเวลากลางคืนประกอบ พลยงิ จะตอ้ งปรับหรือ
เลือนตาํ แหน่งการวางศีรษะและจุดสัมผสั พานทา้ ยได้ เพือใหส้ ามารถใชก้ ลอ้ งเลง็ หรืออุปกรณ์ทีติดตงั
เพิมเติมนนั ไดบ้ างครังความสูงของอุปกรณ์ทีติดตงั นนั อาจเป็นอุปสรรคต่อการจดั ทา่ ยงิ เพราะอุปกรณ์
ดงั กล่าวมีนาํ หนักมากและทาํ ใหจ้ ดุ ศูนยถ์ ่วงของปื นเปลียนไป พลยงิ ปลก. จะตอ้ งแกป้ ัญหานีโดยการ
ออกแรงกระชับปื นมากขึนทงั สองจุดคือ ทีดา้ มปื นและทีพานทา้ ยปื น
ข. การเล็ง การดดั แปลงหลายประการจะตอ้ งนาํ มาใชป้ ระกอบกบั การเลง็ ปลก. เมือจะทาํ การ
ยงิ ในเวลากลางคืน โดยไม่มีพลยิงผชู้ ่วย พลยงิ จะใชก้ ารมองนอกศูนยก์ ลางและการกวาดสายตาแทน
การเพ่งมองเป็นจุด ขอ้ แตกต่างอกี ประการหนึง คือ จะตอ้ งลืมตาทงั สองขา้ งและมองออกไปขา้ งหนา้ ที
เป้าหมาย มิใช่เพ่งมองทียอดศนู ยห์ นา้ เมือคน้ หาเป้าหมายพบ พลยงิ จะมองขา้ มศูนยป์ ื นพงุ่ ตรงไปยงั
เป้าหมาย และชีปื นไปยงั บริเวณทีสายตามองอยนู่ นั ขอ้ ผิดพลาดส่วนใหญ่ทีเกิดขึนกค็ ือ พลยงิ มกั จะยงิ
สูงกวา่ เป้าหมายเสมอ ดงั นนั จึงควรชดเชยโดยใชว้ ิธีกดปากลาํ กลอ้ งใหต้ าํ ลงเลก็ นอ้ ย และเมือใชก้ ลอ้ ง
เลง็ ในเวลากลางคืนประกอบการยิงก็ใหพ้ ลยงิ ใชก้ ารเลง็ ตามวิธีการของเครืองนนั ๆ
ค. การควบคุมการหายใจ พลยงิ สามารถใชว้ ธิ ีการควบคมุ การหายใจไดเ้ ช่นเดียวกบั เวลา
กลางวนั แตอ่ ยา่ งไรกต็ าม เมือมองผ่านกลอ้ งเลง็ ในเวลากลางคืนซึงมีกาํ ลงั ขยายภาพใหเ้ ห็นชดั ขึน
จะทาํ ใหพ้ ลยงิ รู้สึกวา่ ภาพการเลง็ เคลือนไหวมากกวา่ การมองผา่ นศูนยร์ ูในเวลากลางวนั
ง. การควบคุมการลันไก พลยิงคงใชว้ ิธีการควบคุมการลนั ไกเช่นเดียวกบั การยงิ ในเวลา
กลางวนั ทกุ ประการ ปัจจยั สาํ คญั ก็คือ การเหนียวไกโดยไมใ่ หแ้ นวเส้นเลง็ เปลียนแปลงไปนนั เอง
๕-๘ หลกั การยงิ ในสถานการณ์เมือมกี ารใช้อาวธุ นวิ เคลียร์ , ชีวะ, เคมี
พลยิงยงั คงตอ้ งยึดหลกั พืนฐานของการยิงปื น ๔ ประการ แตม่ ีการปรับเปลียนเลก็ นอ้ ยในบาง
ประการ เนืองจากอปุ กรณ์ทีตอ้ งสวมใส่คือหนา้ กากป้องกนั อาวธุ นิวเคลียร์ ชีวะ เคมี
ก. ท่ายิงทีมันคง ความเทอะทะ ความไมค่ ุน้ เคย ความอึดอดั เมือใส่ของอุปกรณ์และเครืองแต่ง
กายทีสวมเพิมเติม ทาํ ใหพ้ ลยงิ ตอ้ งจดั ทา่ ยิงใหม่เพือใหม้ นั คงและรู้สึกไม่อดึ อดั การจดั ใหม้ ีจุดสัมผสั
- ๖๕ -
พานทา้ ยปื นทีกระชบั แน่นกท็ าํ ไดย้ ากเนืองจากรูปร่างของหนา้ กาก พลยิงจะตอ้ งวางศีรษะทีพานทา้ ย
ปื นในลกั ษณะทีผดิ จากเดิมเพอื ใหส้ ามารถมองเห็นผา่ นรูศูนยห์ ลงั ได้ ถา้ หากจาํ เป็นพลยงิ อาจตอ้ งเอียง
ตวั ปื นเพือทาํ ใหก้ ารมองเหน็ ภาพสะดวกขึน การปฏิบตั ิเช่นนีพลยิงจะตอ้ งใชก้ ลา้ มเนือคอยกศีรษะขึน
และวางนยั น์ตาใหอ้ ยใู่ นแนวเส้นเล็ง
ข. การเล็ง พลยงิ ปลก. อาจจาํ เป็นตอ้ งใชเ้ อียงปื นเพือใหส้ ามารถมองผ่านรูศูนยห์ ลงั ได้ แต่
จะตอ้ งเอียงเท่าทีจาํ เป็นเพือการจดั แนวเส้นเลง็ เทา่ นนั กระสุนวถิ ีจะทาํ ใหต้ าํ บลทีกระสุนกระทบเป้า
นนั ตาํ ลงในทิศทางทีเอียงปื น (เมือทําการยงิ ในระยะไกล) หากใชก้ ารเอียงปื นและยิงในระยะไกลกว่า
๑๗๕ เมตรออกไป พลยิงจะตอ้ งปรบั ตาํ บลเลง็ ใหม่ วธิ ีการทีดีทีสุดกค็ ือ ทาํ การเลง็ ทีกึงกลางฐานของ
เป้าหมายในตอนแรก จากนนั ใชก้ ารปรับการเลง็ จากการตรวจการณ์ดูตาํ บลกระสุนตกดว้ ยการสงั เกต
แนวกระสุนส่องแสงในเวลากลางคืน และตาํ บลกระสุนตกกระทบเป้าหมายแลว้ เกิดควนั ไฟจากการ
เผาไหมข้ องกระสุนส่องแสง
๑) พลยิงทีถนดั ขวาใหป้ รับตาํ บลเลง็ ใหส้ ูงขึนและไปทางขวา
๒) พลยิงทีถนดั ซ้ายใหป้ รับตาํ บลเลง็ ใหส้ ูงขึนและไปทางซ้าย
[การเลง็ ของพลยิง ปลก. เมือสวมชุดป้องกนั นชค. และภาพของการมองทีเป้าหมาย
รูปที ๕-๕ (ก, ข, ค และ ง )]
มือซา้ ยกาํ รอบพานทา้ ยปื นให้
นิวหวั แม่มือรองรับอยดู่ า้ นลา่ ง
รูปที ๕ – ๕ (ก)
ท่านอนยงิ เมือสวมหน้ากากป้องกนั นชค.
- ๖๖ -
รูปที ๕-๕ (ข) ภาพการเล็งปกต(ิ ท่านอนยงิ )
รูปที ๕ – ๕ (ค) ภาพการเล็งสําหรับพลยงิ ถนดั ขวา
เมือสวมหน้ากากป้องกนั นชค.
รูปที ๕-๕ (ง) ภาพการเล็งสําหรับพลยงิ ถนัดซ้าย
เมือสวมหน้ากากป้องกัน นชค.
- ๖๗ -
ค. การควบคุมการหายใจ ถึงแมว้ า่ การหายใจจะไมค่ ่อยสะดวกและพลยิงจะรู้สึกอดึ อดั เมือ
สวมหนา้ กากป้องกนั นชค. ผลกระทบในขอ้ นีก็ไมค่ วรนาํ มาพิจารณา อยา่ งไรกต็ ามพลยงิ ควรตอ้ งใช้
ความระมดั ระวงั ป้องกนั การหายใจผิดปกติเพราะปริมาณของออกซิเจนทีพลยิงจะไดร้ ับจากการ
หายใจตืน ๆ บ่อยครังหรือการหายใจลึกมาก ๆ นนั อาจไม่พอเพียงสาํ หรับการยิงแบบอตั โนมตั ิ
ง. การควบคุมการลันไก การควบคุมการลนั ไกจะกระทาํ ไดไ้ ม่สะดวก เพราะพลยงิ ตอ้ งสวม
ถุงมอื ทาํ ใหค้ วามรู้สึกของนิวทีเหนียวไกลดนอ้ ยลงไป ดงั นนั พลยงิ จงึ สมควรตอ้ งฝึ กการเหนียวไก
ขณะสวมถุงมือป้องกนั นชค. ใหม้ าก
๕-๙ หลักการยงิ เป้าเคลือนที
การยงิ เป้าเคลือนทีนนั คงใชห้ ลกั การเช่นเดียวกบั การยิงเป้านิง แต่มีตวั แปรทีเขา้ มาเกียวขอ้ ง
ซึงทาํ ใหก้ ารเลง็ เปลียนไปก็คือ มมุ ระหวา่ งเป้าหมายกบั พลยิง, ความเร็วของการเคลือนที และ
ระยะห่างของเป้าหมาย เป้าหมายทีเคลือนทีตรงเขา้ หาหรือหนีออกจากพลยิงในทิศทางตรงหนา้ นนั
คงใชว้ ิธีการยิงเช่นเดียวกบั การยงิ เป้านิง ส่วนเป้าทีเคลือนทีดว้ ยความเร็วและทาํ มมุ กบั ตวั พลยิงใน
ระยะห่างออกไปจะทาํ ให้ตอ้ งเปลียนแปลงหลกั การในเรืองท่ายิงทีมนั คงและการเลง็
ก. การเลง็ นําหน้า การทีจะยิงใหถ้ กู เป้าหมายเคลือนที พลยิง ปลก. จะตอ้ งเลง็ นาํ หนา้ เป้าหมาย
ทีกาํ ลงั เคลือนที ในระยะห่างมาขา้ งหนา้ ของทิศทางการเคลือนทีของเป้าหมายนนั ๆโดยมีวตั ถปุ ระสงค์
เพือทีจะให้กระสุนปื นเดินทางไปพบกบั เป้าหมายทีจุดเดียวกนั ระยะเล็งนาํ หนา้ ทีกล่าวถึงนี ใชก้ ารวดั
ตามความยาวของเป้าหมาย ความยาวของเป้าหมายทีพลยิงมองเห็นนนั ใหถ้ ือเป็นระยะนาํ ๑ หน่วย
การเลง็ นาํ นนั ใหว้ ดั จากจุดกึงกลางของเป้าหมาย
ตารางระยะเล็งนาํ ในรูปที ๕ – ๖ จะแสดงใหเ้ ห็นถึงจาํ นวนระยะนาํ หนา้ ทีจะตอ้ งเล็งต่อ
เป้าหมายทีกาํ ลงั เคลือนที ทีทาํ มมุ ตงั ฉากกบั พลยิง เป้านนั เคลือนทีดว้ ยความเร็วและอยหู่ ่างจากพลยิง
ตามระยะทีแสดงในตาราง พลยิงจะตอ้ งใชก้ ารปรับเปลียนวธิ ีการเมือสภาพการณ์และเงือนไข
เปลียนแปลงไป ถา้ หากความเร็วของเป้าหมายเป็น ๗ ๑/๒ ไมลต์ ่อชวั โมง จาํ นวนระยะเลง็ นาํ ต่อ
เป้าหมายทีกาํ ลงั เคลือนทีจะมีคา่ เป็น ๑/๒ ของจาํ นวนทีแสดงในตาราง; แต่ถา้ หากความเร็วของ
เป้าหมายเป็น ๓๐ไมลต์ อ่ ชวั โมง จาํ นวนระยะเลง็ นาํ กจ็ ะมีค่าเป็ น ๒ เทา่ มมุ ของการเคลือนทีที
เปลียนไป จะมีผลทาํ ใหก้ ารเลง็ นาํ ตอ้ งเปลียนตามไปดว้ ย ถา้ เป้าหมายเคลือนในมุมเฉียง ระยะการเลง็
นาํ หนา้ ก็จะใชเ้ พยี ง ๑/๒ เท่านนั ถา้ เป้าหมายเคลือนทีเขา้ มาหาพลยิงในทิศทางตรงหนา้ พลยงิ กจ็ ะใช้
ตาํ บลเลง็ ไปทีใตก้ ึงกลางฐานของเป้าหมาย ทงั นีขึนอยกู่ บั ระยะและความลาดเอยี งของพืนดินบริเวณ
นนั ดว้ ย สาํ หรับเป้าทีเคลือนทีหนีออกไปในทิศทางตรงหนา้ ของพลยิง ใหพ้ ลยงิ ใชต้ าํ บลเลง็ ทีเหนือ
จุดกึงกลางเป้าหมายนนั (รูปที ๕ - ๗) การใชร้ ะยะเล็งนาํ หนา้ มากเกินไปนนั ดีกวา่ ใชน้ อ้ ยเกินไป
เพราะการใชร้ ะยะเลง็ นาํ หนา้ มากเกินไปยงั สามารถตรวจการณ์เห็นตาํ บลกระสุนตกขา้ งหนา้ เป้าหมาย
ไดง้ า่ ยกวา่
- ๖๘ -
ความเร็วเป็ นไมล์ต่อ ระยะเป้าหมาย
ชัวโมง
๓๐๐ เมตร ๕๐๐ เมตร ๙๐๐ เมตร
๑๕
๑/๒ ของความยาว ความยาวของ ๒ เท่าของความยาว
เป้าหมาย
เป้าหมาย เป้าหมาย
รูปที ๕-๖ ตารางระยะเล็งดักหน้ายานยนต์
รูปที ๕-๗ ตําบลเลง็ สําหรับเป้าเคลือนที
หมายเหตุ : ทหารซึงบรรทุกเครืองหลงั สาํ หรับทาํ การรบสามารถวิงไดเ้ ร็วประมาณ ๘ ไมล์
ต่อชวั โมง ในช่วงระยะเวลาสนั ๆ ในสนามรบ
ข. วธิ ีการเคลือนปื นในทิศทางเคลือนทีของเป้าหมาย วธิ ีการนีกระทาํ ไดโ้ ดยพลยงิ เลง็ ทีจุดที
กาํ หนดขึนขา้ งหนา้ ทิศทางเคลือนทีของเป้าหมายตามระยะเลง็ นาํ ทีกาํ หนดแลว้ เคลือนทีหรือวาดปื น
ไปในทศิ ทางเคลือนทีของเป้าหมาย โดยรักษาระยะเลง็ นาํ นนั ไวใ้ หค้ งที (การเคลือนทีจะทาํ โดยใช้
ความเร็วสมั พนั ธก์ บั ความเร็วของเป้าหมาย) แลว้ ทาํ การยิง วิธีการนีพลยิงจะมีโอกาสยิงซาํ อีก ๑ ชุด
ในกรณีทยี ิงไมถ่ ูกเป้าในชุดแรก
- ๖๙ -
ค. วธิ ีการเล็งดกั หน้า วธิ ีการนีกระทาํ โดยใหพ้ ลยงิ กาํ หนดตาํ บลเลง็ ขึนจุดหนึงขา้ งหนา้ ทิศ
ทางการเคลือนทีของเป้าหมาย แลว้ ลนั ไกใหไ้ ดเ้ มือเป้าหมายเคลือนทีมายงั ตาํ บลเลง็ นนั
ง. วธิ ีการใช้ขาทราย ใชส้ าํ หรับเลง็ และยิงตอ่ เป้าหมายซึงกาํ ลงั เคลอื นทีเขา้ หาหรือเคลือนที
หนีออกไปจากพลยิง วิธีการคงเป็ นเช่นเดียวกบั ๒วิธีทีกล่าวมาแลว้ ต่างกนั ตรงทีพลยิงใชก้ ารเคลือน
ปื นโดยใชข้ าทรายเลือนไปตามทิศทางทีเป้าหมายเคลือนที ทงั นีพลยิงจะตอ้ งจดั และปรบั ท่ายงิ ไดอ้ ยา่ ง
รวดเร็วให้สัมพนั ธ์กบั ระยะทาง, มุม และความเร็วของเป้าหมายนนั
๑) ท่ายงิ ทีมันคง ถา้ พลยิงไม่สามารถส่ายปื นไปตามทิศทางการเคลือนทีของเป้าหมาย
โดยใชก้ ารเคลือนไหวของหัวไหล่ซา้ ยหรือขวา หรือการเลือนตาํ แหน่งของขอ้ ศอกไดท้ นั การเคลือนที
ของเป้าหมาย, ใหถ้ า่ ยนาํ หนกั ตวั ไปยงั ขอ้ ศอกและเทา้ แลว้ ใชน้ ิวเทา้ เคลือนยา้ ยร่างกายไปทางซา้ ยหรือ
ขวาในทิศทางเดียวกบั การเคลือนทีของเป้าหมาย และใชข้ อ้ ศอกเป็นจุดหมุนเพือใหส้ ามารถส่ายปื นไป
ดกั หนา้ เป้าหมายได้ จดั ทา่ ยงิ ใหม้ นั คงโดยเร็ว, จดั ภาพการเลง็ , เลง็ นาํ หนา้ เป้าหมายและทาํ การยงิ ซึง
วิธีการเลง็ ดกั หนา้ เป้าหมายนนั ดูเหมือนวา่ จะเหมาะสมกบั กรณีนีมากทีสุด สาํ หรับขาทรายนนั จะตอ้ ง
เคลือนไหวไดอ้ ยา่ งเป็นอิสระ ถา้ หากทาํ การยิงจากหลุมบุคคล พลยิงตอ้ งมีอิสระในการเคลือนไหว
พอเพยี งทีจะส่ายปื นติดตามเป้าหมายไดใ้ นเขตรับผดิ ชอบหรือเขตการยงิ ของตน ถา้ ไม่สามารถใชว้ ธิ ี
เลง็ นาํ เป้าหมายไดก้ ใ็ หเ้ คลือนขาทรายตามไปทางขา้ งตามการเคลือนทีของเป้าหมาย แลว้ ใชว้ ิธีการเลง็
และยงิ เช่นเดียวกบั ท่านอน ในกรณีนีการเลง็ ดกั หนา้ คงเป็นวธิ ีทีเหมาะสม แต่ถา้ สภาพภมู ิประเทศไม่
อาํ นวยทีจะใหข้ าทรายเคลือนไปทางขา้ งได้ ใหพ้ ลยงิ ยกขาทรายขึน แลว้ นาํ ไปวางยงั ทีทีสามารถ
กาํ หนดตาํ บลเล็งดกั หนา้ , จดั ทา่ ยิงใหม้ นั คง ปฏิบตั ิตามขนั ตอนเช่นเดียวกบั ทีกลา่ วมาแลว้
๒) การเลง็ พลยงิ จะตอ้ งประมาณความเร็ว, มมุ และระยะของเป้าหมายอยา่ งรวดเร็ว ;
กาํ หนดระยะเล็งนาํ หรือดกั หนา้ ; แลว้ ทาํ การยงิ โดยจดั แนวศูนยห์ นา้ ใหเ้ ป็นเส้นตรงเดียวกบั ศูนยห์ ลงั
และเคลือนทีสมั พนั ธก์ บั ความเร็วของเป้าหมาย สาํ หรับเป้าทีเคลือนทีออกจากทิศทางตรงหนา้ ของ
พลยิงนนั ใหใ้ ชศ้ ูนยห์ นา้ วางทีเหนือจดุ กึงกลางเป้าหมาย และสาํ หรับเป้าทีเคลือนทีเขา้ มาหาตวั พลยิง
ใหว้ างศูนยห์ นา้ เหนือจุดกึงกลางเป้าหมาย เป้าหมายลกั ษณะอืน ๆ นอกนนั ใหใ้ ชศ้ ูนยห์ นา้ วางที
กึงกลางเป้าหมาย และกาํ หนดระยะเลง็ นาํ หนา้ เป้าหมายให้สมั พนั ธ์กบั การเคลือนที
๓) การควบคุมการหายใจ คงใชห้ ลกั การและวิธีการเช่นเดียวกบั การยงิ เป้านิงแตพ่ ลยงิ
จะตอ้ งกลนั ลมหายใจไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว
๔) การควบคุมการลันไก คงใชห้ ลกั การและวธิ ีการเช่นเดียวกบั การยิงเป้านิง
๕-๑๐ หลกั การยงิ กราดทางข้างและการยงิ กราดทางลกึ
การยิงกราดทางขา้ งนนั พลยิงจะเบนลาํ กลอ้ งปื นไปทางซา้ ยหรือขวา เพือกระจายอาํ นาจการ
ยิงตามแนวระดบั ส่วนการกราดทางลึกนนั พลยิงจะยกปากลาํ กลอ้ งขึนหรือกดลงเพือกระจายอาํ นาจ
การยงิ ทางแนวดิง
ก. การยงิ กราดทางข้าง ในการเปลียนมุมทิศจาํ นวนนอ้ ย ๆ พลยิงจะตอ้ งใชก้ ารขยบั หวั ไหล่
เคลือนไปทางขวาหรือซา้ ย เพือใหไ้ ดแ้ นวยิงและจุดยิงทีเหมาะสมทีสามารถยงิ ไดค้ ลุมพืนทีเป้าหมาย
- ๗๐ -
ทงั หมด สาํ หรับการเปลียนมุมทศิ จาํ นวนมาก ๆ นนั พลยิงจะตอ้ งถ่ายนาํ หนกั ตวั ไปทีขอ้ ศอกและปลาย
เทา้ แลว้ ยกตวั ใหพ้ น้ พืน จากนนั ใชป้ ลายเทา้ เคลือนทีไปทางขวาหรือซา้ ย ซึงเป็นทิศทางตรงกนั ขา้ ม
กบั ทิศทางเป้าหมาย และใชข้ อ้ ศอกเป็นจุดหมนุ ตวั จนกระทงั พลยงิ สามารถวางตวั เป็นแนวเสน้ ตรงไป
ยงั เป้าหมาย ใหพ้ ลยงิ จดั ท่ายงิ ใหม้ นั คงโดยเร็ว จดั ภาพการเล็งทีศูนยแ์ ลว้ ทาํ การยิง
ข. การยงิ กราดทางลกึ เป็ นการยกปากลาํ กลอ้ งขึนหรือกดลงเพือกระจายการยิงในทางลึกตอ่
พืนทีเป้าหมาย ในการนีพลยิงจะตอ้ งปรับระยะการวางขอ้ ศอกทงั สองขา้ งใหใ้ กลก้ นั เขา้ มาเพือกดปาก
ลาํ กลอ้ งลง หรือวางขอ้ ศอกใหห้ ่างกนั ออกไปเพือยกปากลาํ กลอ้ งขึน ซึงจะไดร้ ะยะโดยประมาณ
สาํ หรับการปรบั โดยละเอียดถูกตอ้ งนนั ใหพ้ ลยงิ ใชก้ ารปรับทีตาํ แหน่งศูนยห์ นา้ ของปื นโดยพลยิง
สามารถทาํ การปรับการยงิ ในทางลึกไดโ้ ดยใชก้ ารปรับทีศูนยห์ นา้ ทีควงปรับทางระยะ ๑ คลิกจะ
เปลียนตาํ บลกระสุนตกในทางระยะเท่ากบั ๐.๗ เซ็นตริเมตรทีระยะ ๒๕ เมตร ดูรายละเอียดไดใ้ น
เรืองการปรบั ตงั ศูนย์
๕-๑๑ การวางพืนการยงิ แบบเลง็ ตรง
วิธีการทีง่ายและรวดเร็ว รวมทงั ใหก้ ารกระจายอาํ นาจการยิงอยา่ งไดผ้ ลมากทีสุดสาํ หรับ
พลยิง ปลก. ทีใชข้ าทราย นนั ก็คือ การจดั แนวศูนยป์ ื นใหเ้ ป็นเสน้ ตรงเดียวกบั เป้าหมายและทาํ การยิง
อยา่ งถูกวิธี วิธีการแบบนีเรียกวา่ การวางพืนการยิงแบบเลง็ ตรง
๕-๑๒ การใช้การยงิ
พลยิง ปลก. ตอ้ งทาํ การเลง็ , ยงิ และปรับการยิงตอ่ จุดเลง็ ทีแน่นอนต่อเป้าหมาย พลยิงจะตอ้ ง
พยายามวางพืนการยิงใหก้ ึงกลางของรูปอาการกระจาย อยทู่ ีกึงกลางของเป้าหมายเสมอ ทงั นีเพือให้
การยิงแต่ละชุดมีประสิทธิผลมากทีสุด เมือทาํ ไดเ้ ช่นนีตาํ บลกระสุนตกดา้ นบนของกรวยการยงิ จะถูก
เป้าหมายโดยตรง รูปอาการกระจายดา้ นล่างของกรวยการยิงจะกระดอนหรือแฉลบ(RICOCEHT)
เขา้ สู่เป้าหมาย
๕-๑๓ การปรับการยงิ
ในขนั แรก พลยงิ จะปรับศูนยใ์ หต้ รงตามระยะของเป้าหมาย, วางปื นตรงไปยงั เป้า(จดั ศูนย์
พอดีและภาพการเลง็ ศูนยน์ งั แท่นทีกึงกลางฐานเปา้ หมาย), ยิงเป็นชุดสนั ๆ และตรวจการณด์ ูตาํ บล
กระสุนตก หรือดูกระสุนวิถีจากประกายเพลิงของกระสุนส่องวิถี ถา้ หากการยิงชุดแรกไดผ้ ลถูก
เป้าหมาย ให้พลยิงทาํ การยงิ ต่อไปจนกระสุนครอบคลุมพืนทีเป้าหมาย อยา่ งไรก็ตามพลยงิ จะตอ้ งใช้
การปรับภาพการเลง็ ใหถ้ ูกตอ้ งก่อนการยงิ แต่ละชุด เมือใชข้ าทรายประกอบการยิง
ก. การปรับแก้ศูนย์ พลยิงตอ้ งสามารถตรวจการณ์และปรับการยิงไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว เพือให้การ
ยิงเกิดผลสูงสุด ทงั นีพลยงิ จะใชก้ ารตรวจการณ์ตาํ บลกระสุนตกทุกชุด หรือตรวจดูแนวของกระสุน
ส่องวถิ ี การปรับการยงิ นนั จะใชว้ ิธีใดขึนอยกู่ บั เวลา, ระยะทาง และจาํ นวนชุดของการยิง ปัจจยั ตา่ ง ๆ
เหลา่ นีจะทาํ ใหพ้ ลยิงตดั สินใจไดว้ ่าจะใชก้ ารปรับแกท้ ีศูนยห์ ลงั หรือปรบั ท่ายิง และปรับตาํ บลเลง็
เมือกระสุนชุดแรกไปถกู เป้าหมาย พลยิงอาจใชก้ ารเปลียนมมุ สูงและมุมทิศทีศูนยป์ ื น แลว้ ทาํ การยิง
ชุดต่อไป การปรับแกว้ ธิ ีนีใชเ้ วลาพอสมควร แมแ้ ต่พลยงิ ทีไดร้ ับการฝึกมาเป็นอย่างดี
- ๗๑ -
ข. การปรับท่ายงิ และภาพการเลง็ วิธีการนีพลยงิ ยงั คงใชศ้ ูนยแ์ ต่ไม่ปรับแกท้ ีศูนย์ วิธีนีเป็ น
วิธีการทีรวดเร็วทีสุด ถา้ พลยิงพลาดเป้าในการยงิ ชุดแรก ก็จะตอ้ งกาํ หนดตาํ บลเลง็ ขึนใหม่อยา่ ง
รวดเร็ว โดยใชร้ ะยะห่างเท่ากบั ระยะของยา่ นกลางอาการกระจายกบั เป้าหมาย แตม่ ีทิศทางตรงกนั ขา้ ม
ตวั อยา่ งเช่น ถา้ ยานกลางรูปอาการกระจายอยเู่ ลยเป้าหมายออกไป ๒๐ เมตร และอยทู่ างขวาของ
เป้าหมาย ๑๐ เมตร ใหพ้ ลยิงกาํ หนดตาํ บลเล็งหรือจุดเลง็ ขึนใหมต่ าํ กวา่ เป้าหมาย ๒๐ เมตร และอยู่
ทางซา้ ยของเป้าหมาย ๑๐ เมตร ยา้ ยปื นเพือใหไ้ ดแ้ นวเสน้ เลง็ แลว้ ทาํ การยิง (รูปที ๕-๘) เมือ
กาํ หนดตาํ บลเลง็ ขึนใหม่นนั พลยงิ อาจจะตอ้ งขยบั หวั ไหลไ่ ปซา้ ยหรือขวาเลก็ นอ้ ยเพือปรับแกท้ างทิศ
ส่วนการปรับทางระยะนนั ให้ขยบั ขอ้ ศอกทงั สองเขา้ มาใกลก้ นั (ใหก้ ระสุนตกใกลข้ ึน) หรือขยบั
ขอ้ ศอกใหห้ ่างออกจากกนั (ใหก้ ระสุนตกไกลออกไป) สาํ หรับการแกเ้ ป็นทางระยะและทางทิศ
จาํ นวนมาก ๆ นนั พลยงิ จะตอ้ งขยบั ขอ้ ศอกและจดั แนวการวางตวั ใหม่โดยถ่ายนาํ หนกั ตวั ไปทีขอ้ ศอก
และปลายเทา้ แลว้ ยกตวั ขึนจากพืน จากนนั ใหพ้ ลยงิ ใชป้ ลายเทา้ ขยบั ไปทางขวาหรือซา้ ย ใชข้ อ้ ศอก
เป็นจุดหมนุ จนกระทงั สามารถวางตวั ไดเ้ ป็นแนวเสน้ ตรงไปยงั เป้าหมาย หลงั จากนนั พลยงิ จดั ท่ายิง
ใหม้ นั คง, จดั ภาพการเลง็ ผา่ นศูนยแ์ ลว้ ทาํ การยงิ
รูปที ๕-๘ การปรับตําบลเลง็ หรือจดุ เลง็
๕-๑๔ ผลของกระแสลม
ผลของกระแสลมจะแปรเปลียนไปขึนอยู่กบั ความเร็วของลมและทิศทางการพดั ของลม
ลมนนั จะถูกแบ่งประเภทออกไปตามทิศทางของการพดั เขา้ หาตวั พลยงิ และแนวเสน้ ตรงไปยงั
เป้าหมาย วิธีการแบ่งประเภทนนั เราใชร้ ะบบนาฬิกากาํ หนดทิศทางและค่าของลม (รูปที ๕-๙)
ก. ระบบนาฬิกา ลมทีพดั มาจากทางซา้ ย (๙ นาฬิกา) หรือทางขวา (๓ นาฬิกา) เรียกวา่
ลมทีมีค่าเต็ม เพราะวา่ มีผลต่อกระสุนวิถีมากทีสุด ลมทีพดั ทาํ มุมมาจากทางหนา้ หรือทางหลงั นนั
- ๗๒ -
เรียกวา่ ลมทีมีค่าครึง เพราะวา่ มีผลต่อกระสุนวถิ ีประมาณครึงหนึงของลมทีมีคา่ เต็ม สาํ หรับลมทีพดั
เขา้ หาตวั พลยงิ หรือพดั เขา้ หาเป้าหมายโดยตรงนนั เรียกว่า ลมทีไม่มีคา่ เพราะมีผลต่อทิศทางของ
กระสุนวถิ นี อ้ ยมากจนไม่นาํ มาพิจารณา ผลของกระแสลมนนั จะมีมากขึนในระยะทีไกลออกไปตาม
รูปที ๕-๑๐ จะแสดงค่าของกระแสลม ลมทีพดั ดว้ ยความเร็ว ๑๐ ไมลต์ ่อชวั โมง ในระยะต่าง ๆ ถา้
หากลมทีพดั ดว้ ยความเร็ว ๒๐ ไมลต์ อ่ ชวั โมง ก็จะมผี ลเพิมเป็น ๒ เทา่ ลมทีพดั ทาํ มมุ เฉียงจะมคี ่า
นอ้ ยลง
ลมจากทางซา้ ยพดั ลมจากทางขวาพดั
กระสุนไปทางขวา กระสุนไปทางซา้ ย
ระยะ (เมตร) รูปที ๕-๙ ระบบนาฬิกา
๑๐๐
๒๐๐ ลมความเร็ว ๑๐ ไมลต์ อ่ ชวั โมง
๓๐๐ จะเบียงเบนทิศทาง
๔๐๐ (นิว) (เซนติเมตร)
๕๐๐ ๑ (๒.๕๔)
๖๐๐ ๕ (๑๒.๗๐)
๑๒ (๓๐.๔๘)
๒๓ (๕๓.๔๒)
๓๙ (๔๙.๐๖)
๖๐ (๑๕๒.๐๔)
- ๗๓ -
๗๐๐ ๘๘ (๒๒๓.๕๒)
๘๐๐ ๑๒๑ (๓๐๗.๓๔)
๙๐๐ ๑๕๙ (๔๐๓.๘๖)
๑๐๐๐ ๒๐๒ (๕๑๓.๐๘)
รูปที ๕-๑๐ ผลของกระแสลม
หมายเหตุ : ถา้ พลยงิ ยงั ไม่มีความมนั ใจว่าผลของกระแสลมจะมีมากนอ้ ยเพยี งใด ใหใ้ ชก้ าร
เลง็ ทีกึงกลางฐานเป้าหมาย และทาํ การยงิ ชุดแรก จากนนั ใหใ้ ชเ้ ทคนิคการตรวจการณแ์ ละปรับการยงิ
เพือใหก้ ระสุนชุดต่อไปถูกเป้าหมาย
ข. การคาํ นวณหาความเร็วลม เนืองจากกระแสลมมีความแปรปรวนอยเู่ สมอ และในบางครัง
ยงั มีทิศทางการเคลือนทีต่างกนั ในระหว่างแนวยิงกบั แนวเป้าหมาย ยิงในบางโอกาสถึงแมล้ มจะพดั
แรงแตก่ ็อาจถูกกาํ บงั และตา้ นทานใหล้ ดความเร็วลงโดยแนวตน้ ไม้ และพ่มุ ไมใ้ หญ่ ๆ หรือเนินดิน
กระแสลมอาจเปลียนแปลงความเร็วไปไดอ้ ีกหลงั จากทีไดม้ ีการคาํ นวณเสร็จเรียบร้อยแลว้ จะเริมลง
มือทาํ การยงิ ดงั นนั ครูฝึ กจึงควรแบ่งเวลาสอนใหพ้ ลยิงไดม้ ีความเขา้ ใจในการคาํ นวณหรือ ประมาณ
ความเร็วลม และพลยิงจะตอ้ งตระหนกั วา่ กระแสลมนนั ถึงจะมผี ลต่อทศิ ทางของกระสุนวิถี แต่พลยิงก็
สามารถแกไ้ ขไดโ้ ดยใชก้ ารปรับการยิง ตามปกติแลว้ จะมีเครืองมือสาํ หรับวดั ความเร็วลม แต่เมือใดก็
ตามทีไมส่ ามารถหาเครืองมือได้ พลยงิ ก็ตอ้ งใชว้ ิธีการ ตา่ ง ๆ ดงั ต่อไปนี
๑) วิธีการตรวจการณ์และสงั เกต
ก) ลมทีพดั ดว้ ยความเร็วนอ้ ยกวา่ ๓ ไมลต์ ่อชวั โมง อาจทาํ ใหพ้ ลยิงรูส้ ึกไดย้ าก แต่
สังเกตไดจ้ ากควนั ทีลอยในอากาศและถกู พดั พาไป
ข) ลมทีพดั ดว้ ยความเร็ว ๕ ถึง ๘ ไมลต์ ่อชวั โมง จะทาํ ใหใ้ บไมเ้ คลือนไหวอยา่ ง
ต่อเนือง
ค) ลมทีพดั ดว้ ยความเร็ว ๘ ถึง ๑๒ไมลต์ ่อชวั โมง จะพดั พาฝ่ ุนและกระดาษ
ลอยตวั ขึน
ง) ลมทีพดั ดว้ ยความเร็วถึง ๑๒ ถึง ๑๕ ไมลต์ ่อชวั โมง ทาํ ใหต้ น้ ไมเ้ ลก็ ไหวทงั ตน้
๒) วิธีการใชน้ ิวมือชี ใหท้ หารถือเศษกระดาษหรือวสั ดเุ บาๆ ในระดบั ไหลแ่ ลว้ ปล่อยให้
วสั ดุนนั ปลิวไปตามแรงลมจนตกลงถึงพืนดิน แลว้ ใชน้ ิวชีไปยงั จดุ ทีวสั ดุนนั ตกถึงพืน พลยงิ จะสงั เกต
มมุ ทีแขนของทหารคนนนั ทาํ มมุ กบั ลาํ ตวั ของทหารเอง แลว้ ประมาณค่าออกมาเป็ นองศา ตามทีแสดง
ในรูปที ๕-๑๑ เมือไดค้ ่าของมุมเป็นองศาแลว้ นาํ ไปหารดว้ ย ๔ ก็จะไดค้ วามเร็วของกระแสลมเป็น
หน่วยไมลต์ ่อชวั โมง แต่อยา่ งไรก็ตามวิธีการคาํ นวณแบบนีคงใชไ้ ดเ้ ฉพาะการหาความเร็วของกระแส
ลมทีบริเวณทีตงั ปื นหรือแนวยิงเท่านนั ส่วนบริเวณเป้าหมายลมอาจพดั ดว้ ยความเร็วทีแตกต่างออกไป
- ๗๔ -
รูปที ๕-๑๑ การใช้นวิ ชี
๕ - ๑๕ คาํ สังยงิ
คาํ สงั ยงิ แบบมาตรฐานจะใชใ้ นการฝึ กในภาคปฐมนิเทศ ภาคเบืองตน้ และการฝึ กขนั สูงของ
หลกั สูตรพลประจาํ ปื นหรือพลยิง ซึงพลยิงจะตอ้ งมคี วามคุน้ เคยและเขา้ ใจในคาํ สงั ตงั แต่ก่อนเริมฝึ ก
การยงิ แหง้ หรือการฝึ กยงิ ดว้ ยกระสุนจริงทุกครัง พลยิงตอ้ งปฏิบตั ิตามทุกขนั ตอนและทวนคาํ สังดว้ ย
ทุกครัง เมือใชเ้ ป้าแบบมาตรฐานโดยร่นระยะมายิงในสนามระยะ ๒๕ เมตรหรือ สนามทราบระยะ
๑,๐๐๐ นิวหรือในภูมิประเทศ) หวั ขอ้ คาํ สงั ยิงจะประกอบดว้ ย.-
ก. คําสังเตือน การใหค้ าํ สังเตือนจะใชค้ าํ สังวา่ “พลยิงปื นเลก็ กล ภารกิจยิง” ใหพ้ ลยิงทาํ การ
บรรจุกระสุนเขา้ ตวั ปื นและหา้ มไก
ข. ทศิ ทาง คาํ สงั บอกทิศทางจะใหแ้ ก่พลยงิ ดงั เช่น “ตรงหนา้ ” ในเมือเป้าหมายปรากฏขึนแก่
พลยิงในทิศทางตรงหนา้ ในสนามยิงปื นเบืองตน้
ค. รายละเอียด คาํ สงั บอกรายละเอียดจะใหแ้ ก่พลยิง เช่น “เป้าหมายเลข...” (เป้าหมายเลข ๑
ถึง ๘ ทงั นีแลว้ แต่ความเหมาะสม) เมือพลยิงจดั ทิศทางปื นเป็นเสน้ ตรงไปยงั เป้าหมายแลว้
ง. ระยะ ในการฝึกยิงในสนามยงิ ปื นเบืองตน้ พลยงิ จะตอ้ งใชก้ ารตงั ศูนยห์ ลงั ทีระยะ ๓๐๐
เมตรเสมอ ซึงคาํ สงั จะให้แก่พลยิงวา่ “สามรอ้ ย” พลยงิ ตอ้ งมนั ใจวา่ ไดท้ งั ศูนยท์ ีระยะ ๓๐๐ หลงั จาก
ไดร้ ับคาํ สังแลว้
จ. วธิ ียงิ การยิงในสนามยิงปื นเบืองตน้ จะเป็นการยงิ ทีเป้าหมายจุดใดจุดหนึง ดงั นนั คาํ สัง
บอกวธิ ียงิ กค็ ือ “เฉพาะตาํ บล” พลยิงจะทาํ การยิงโดยใชก้ ารยงิ ทีละนดั หรือยิงเป็นชุดในอตั ราการยิงที
ชา้ กวา่ การยิงแบบต่อเนือง ดงั นนั คาํ สงั ให้ใชอ้ ตั ราการยงิ จึงไมต่ อ้ งใชใ้ นโอกาสนี
- ๗๕ -
ฉ. คําสังเริมยงิ จะใชค้ าํ สงั วา่ “ตามคาํ สงั ขา้ พเจา้ ” ในเมือพลยิงพรอ้ มแลว้ จะตะโกนวา่
“พร้อม” เมือพลยิงทุกคนพร้อมคาํ สัง “เริมยงิ ” กจ็ ะถกู สังออกไป
๕ - ๑๖ การฝึ กยงิ แห้ง
การฝึ กยงิ แหง้ หรือการฝึกโดยไมใ่ ชก้ ระสุนจริงนีมีความมุ่งหมายใชเ้ พือฝึ กวธิ ีการบรรจุ
กระสุน, การเลิกบรรจ,ุ การปฏิบตั ิฉบั พลนั เพือแกไ้ ขเหตุติดขดั , หลกั พืนฐานการยิงปื นและการปรับ
ศูนย์ การฝึ กเหล่านีอาจใชก้ ระสุนซอ้ มรบหรือกระสุนหดั บรรจุได้ และควรใชค้ าํ สงั ยิงในการฝึ กให้
เหมาะสม หากครูฝึ กไดใ้ ชป้ ลอกทวีแรงถอยประกอบเขา้ กบั ปื นแลว้ ก็จะตอ้ งปฏิบตั ิตามมาตรการ
รักษาความปลอดภยั อยา่ งเคร่งครดั ในขณะทีพลยงิ ปฏิบตั ิตามกิจเฉพาะต่าง ๆ นนั ครูฝึ กจะตอ้ ง.-
ตรวจดูการตงั ศูนยแ์ ละการวางพืนการยิงในขนั ตน้
ตรวจดูท่ายิงของพลยิง
ตรวจให้แน่ใจวา่ พลยิงไดท้ ดลองยงิ แหง้ ก่อนการปรบั ท่ายงิ
ตรวจดูการจดั วางส่วนตา่ ง ๆ ของร่างกายของพลยิงถูกตอ้ ง
วจิ ารณ์และใหค้ าํ แนะนาํ แก่พลยงิ เมือเสร็จสินการฝึ ก
ก. การฝึ กบรรจุกระสุนและเลิกบรรจุ ระเบียบขนั ตอนในการฝึกบรรจกุ ระสุนและเลิกบรรจุ
นนั ไดอ้ ธิบายไวใ้ นบทที ๓ และในการฝึ กควรพิจารณาใชก้ ระสุนหดั บรรจุดว้ ย การฝึ กบรรจุและเลิก
บรรจจุ ะทาํ ใหพ้ ลยิงมีความมนั ใจและความเชือมนั ในการทาํ งานของอาวธุ นอกจากนียงั ช่วยใหพ้ ลยิง
สามารถตรวจอาวธุ ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งตามขนั ตอน
ข. การฝึกปฏิบตั ิฉบั พลนั เพือแกไ้ ขเหตุติดขดั การฝึ กขนั นีใหค้ รูฝึ กใชก้ ระสุนหดั บรรจุตอ่ เขา้
ดว้ ยกนั เป็นสาย และเป้าฝึ กยงิ เบืองตน้
๑) ใหบ้ รรจกุ ระสุนหดั บรรจเุ ขา้ ไปในปื น แลว้ ทาํ การเลง็ ไปยงั เป้าหมายเลขใดหมายเลข
หนึงในแผน่ เป้า
๒) เพ่งมองทีภาพการเล็ง, เหนียวไกเพือใหล้ ูกเลือนวงิ ไปขา้ งหนา้ ถา้ ภาพการเลง็ เสียไป
ใหพ้ ลยงิ พจิ ารณาดูทา่ ยิงและการจบั ปื น แลว้ ปรบั ใหม่ใหเ้ หมาะสม
๓) ถา้ เกิดเหตตุ ิดขดั ใหใ้ ชข้ นั ตอนการปฏิบตั ิฉบั พลนั และทาํ การยงิ ต่อไป
ค. การฝึกปฏิบตั ิการ พลยงิ ทาํ การเล็งและยงิ กระสุนหัดบรรจุทีละนดั ต่อเป้าฝึกยงิ เบืองตน้
๑) ใหพ้ ลยิงพยายามสังเกตภาพการเลง็ ในขณะทีปื นทาํ งานตามวงรอบ,ป้อนกระสุน
ขดั กลอน และขนั ตอนอืน ๆ ในวงรอบการทาํ งาน ซึงจะทาํ ใหพ้ ลยงิ ไดท้ ราบขีดความสามารถของตน
ในการรักษาภาพการเลง็
๒) เมือสินสุดวงรอบการทาํ งานของปื นแลว้ ภาพการเลง็ เปลียนไป นนั แสดงวา่ ท่ายิงของ
พลยิงคนนนั ยงั ไม่ดีพอ
๓) ใหใ้ ชก้ ารปฏิบตั ิฉบั พลนั เพือแกไ้ ขเหตุติดขดั ภายหลงั การยิงแต่ละชุดเพือรังเอา
กระสุนและคดั กระสุนหดั บรรจุออก แลว้ ใหล้ ูกเลือนกลบั ไปอยใู่ นตาํ แหน่งขึนนก ปล่อยคนั รังลูก
เลือนกลบั ไปขา้ งหนา้
- ๗๖ -
ง. การฝึ กตงั ศูนยแ์ ละปรับศูนย์ รายละเอียดใหศ้ ึกษาไดใ้ นตอนที ๓ ( ก่อนทีจะทาํ การทดสอบ
การปฏิบตั ิ ทหารจะตอ้ งไดร้ ับการฝึ กจนมีความชาํ นาญ)
จ. การฝึ กยิงกราดทางขา้ งและยงิ กราดทางลึก เมือพลยิงไดเ้ รียนรูห้ ลกั การจดั ภาพการเลง็ และ
การเลง็ จนสามารถปฏิบตั ิทา่ ยงิ ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งแลว้ , พลยงิ ไดเ้ รียนรู้วธิ ีการเคลือนยา้ ยตาํ แหน่งต่าง ๆ
ของร่างกายเพือปรับแกก้ ารวางพืนการยงิ ทงั การแกไ้ ขดว้ ยการเคลือนทีละมาก ๆ และทีละนอ้ ย ๆ
และพลยิงไดฝ้ ึ กหดั การเปลียนทิศทางของปื นเพือใหต้ รงไปยงั ทีหมายและเป้าหมาย โดยการใชส้ ่วน
ต่าง ๆ ของร่างกายบงั คบั แลว้ พลยิงก็จะไดร้ ับการฝึกหดั ในขนั ต่อไปโดยการใชเ้ ป้าฝึ กยงิ แบบพืนฐาน
ทีใชฝ้ ึ กยิงในระยะ ๒๕ เมตร ฝึ กหดั ในเรืองต่าง ๆ ดงั ต่อไปนี
๑) การปรับทิศทางจาํ นวนมาก โดยใชข้ อ้ ศอกและปลายเทา้ ตามทีไดก้ ลา่ วในบททีผา่ น
มาแลว้ และการปรับทิศทางจาํ นวนนอ้ ย โดยใชก้ ารโยกหวั ไหล่
๒) การปรับทางระยะจาํ นวนมาก โดยใชก้ ารปรับควงปรบั ทางระยะทีศูนยห์ ลงั และการ
ปรับทางระยะจาํ นวนนอ้ ย โดยใชก้ ารเปลียนตาํ แหน่งของการวางขอ้ ศอก
๓) การยงิ กราดทางขา้ งและทางลึก (ยิงกราดผสม) โดยเลง็ ทีเป้าหมายเลข ๕ หรือ ๖ ใน
ขนั แรก จากนนั ใชก้ ารยา้ ยไปตามเป้าหมายย่อย ๆ เรียงตามลาํ ดบั จากหมายเลข ๕ หรือ ๖ในขนั แรก
จากนนั ใชก้ ารยา้ ยไปตามเป้าหมายยอ่ ย ๆ เรียงตามลาํ ดบั จากหมายเลข ๕ ไปจนถึง ๖ หรือยอ้ นกลบั
จากหมายเลข ๖ ไปยงั หมายเลข ๕
๔) เมือไดร้ ับคาํ สงั การยงิ ใหพ้ ลยิงทวนคาํ สงั , ปฏิบตั ิตามขนั ตอน, การตงั ศูนย,์ การวาง
ทิศทางของปื นไปยงั เป้าหมายทีไดร้ ับมอบ, การจดั ท่ายิงทีถูกตอ้ งและการรายงานวา่ พร้อม
๕) เมือไดร้ ับคาํ สงั เริมยิง ใหใ้ ชก้ ารยิงแหง้ ๑ ชุด ๒ นดั แลว้ ยา้ ยการยิงไปยงั เป้าหมาย
ต่อไป ทาํ การยิง ๑ ชุด ๒ นดั เช่นนีเรือยไปจนจบการฝึ ก
ฉ. การทดสอบประสิทธิภาพการยงิ แหง้ ก่อนทีพลยงิ จะไดร้ บั อนุมตั ิใหท้ าํ การยิงดว้ ยกระสุน
จริงต่อเป้าระยะ ๒๔ เมตรไดน้ นั พลยิงจะตอ้ งผา่ นการทดสอบตามกิจเฉพาะตา่ ง ๆ ในการฝึ กยิงแหง้
การทดสอบยงิ แหง้ นีจะเนน้ ผลการฝึ กทีไดจ้ ากการปฏิบตั ิ โดยถือเกณฑผ์ า่ นหรือไมผ่ ่านเท่านนั
ช. การฝึ กเพือแกไ้ ขขอ้ บกพร่อง การฝึ กเพือแกไ้ ขขอ้ บกพร่องนีจะใชก้ บั ทหารทีไม่ผา่ นเกณฑ์
ทดสอบในการฝึ กขนั ตา่ งๆโดยอาจใชท้ หารทีผา่ นการทดสอบแลว้ เป็นผชู้ ่วยเหลือในการฝึ ก เมือทหาร
ไดร้ บั การฝึกแกไ้ ขขอ้ บกพร่องแลว้ ก็จะตอ้ งเขา้ รับการทดสอบใหม่อีกครัง
๕-๑๗ ภาพร่างสนามฝึ กยงิ ปื นกลแบบอเนกประสงค์
สนามฝึ กยิงปื นกลแบบอเนกประสงค์นี สามารถใชก้ บั การฝึกไดท้ งั แบบการฝึ กยงิ ระยะ ๒๕
เมตร, การฝึกยงิ ในเวลากลางวนั , การฝึ กยงิ ในเวลากลางคืน และการฝึ กยงิ เมือตอ้ งสวมชุดป้องกนั
นชค. พืนทีการยิงจะมี ๑๐ ช่องยงิ (ภาพร่างสนามฝึ กแสดงไวใ้ น รูปที ๕-๑๒) จาํ นวนเจา้ หนา้ ทีตา่ ง ๆ
ทีตอ้ งการใชใ้ นสนามฝึ กคงเป็ นเช่นเดียวกนั ไม่วา่ จะเป็นการฝึ กยิงทีเป้าทีระยะ ๒๕ เมตร หรือการฝึ ก
ยงิ ในแบบอืน ๆ อีกทงั การปฏิบตั ิหนา้ ทีก็คงเป็นเช่นเดียวกนั ดว้ ย เจา้ หนา้ ทีตา่ ง ๆ จะประกอบดว้ ย ;
นายทหารควบคุมการยงิ , นายสิบควบคุมการยิง, นายทหารหรือนายสิบรกั ษาความปลอดภยั , นายสิบ
- ๗๗ -
กระสุน, เจา้ หนา้ ทีควบคุมบนหอควบคุมการยิง, นายสิบประจาํ ช่องยิง, ครูผฝู้ ึ ก, เจา้ หนา้ ทีต่าง ๆ
เหลา่ นีจะตอ้ งปฏิบตั ิตามระเบียบรักษาความปลอดภยั ในสนามยิงปื นโดยเคร่งครัด
รูปที ๕-๑๒ ภาพร่างสนามฝึ ก
- ๗๘ -
รูปที ๕-๑๒ (ก) แบบของเป้าหมายเป็ นเป้าตามแนวยาว
รูปที ๕-๑๒ (ข) แบบของเป้าหมายเป็ นเป้าตามแนวเฉียง มคี วามลกึ
๑๐ เมตร ๑๐ เมตร
๑๐ เมตร
๑๐ เมตร
รูปที ๕-๑๒ (ค) แบบของเป้าหมายเป็ นเป้ารูปดาวว่าว
- ๗๙ -
รูปที ๕-๑๒ (ง) คาํ อธิบายสัญลกั ษณ์ ภาพ ก - ค
๕-๑๘ เป้าแบบพืนฐานสําหรับปื นกลและปื นเลก็ กล
เป้าแบบพนื ฐานนีใชส้ าํ หรับการฝึ กหัดยงิ ปก. และ ปลย. ในระยะ ๒๕ เมตร(รูปที ๕-๑๓)
คาํ อธิบายสาํ หรับการใชเ้ ป้าและขนาดของเป้ายอ่ ย รวมทงั ช่องบนั ทึกคะแนนจะช่วยในการยิงปรับ
ปลก. และการอาํ นวยความสะดวกในการใชส้ ิงอปุ กรณ์ตา่ ง ๆ ในการฝึกหดั ยงิ ในระยะ ๒๕ เมตร
เป้าแบบพนื ฐานนีจะประกอบดว้ ย ๔ ส่วน มีอกั ษร A, B, C และ D กาํ กบั ไวแ้ ต่ละส่วนจะมีเป้ายอ่ ย
หมายเลข ๑, ๒, ๓ และ ๔ และเป้าหมายเป็นพืนทีจาํ นวน ๒ ชุด ตงั แต่หมายเลข ๕ ถึง ๖ และ ๗ ถึง ๘
แต่ละช่องจะมีความกวา้ ง ๔ ซม. และสูง ๕ ซม. ตาํ บลเลง็ สีดาํ ทีอยภู่ ายในเป้ายอ่ ยนนั จะมีความกวา้ ง
และยาวเท่ากบั ๑ ซม. เป้าแบบพืนฐานนีสามารถใชฝ้ ึ กพลยิง ปลก. ไดท้ ีละ ๒ คน โดยพลยิงคนที ๑
ใชส้ ่วนทีมีอกั ษร A และ B ส่วนอีกคนหนึงใชส้ ่วนทีมีอกั ษร C และ D
รูปที ๕-๑๓ เป้าแบบพืนฐานสําหรับปื นกลและปื นเลก็ กล
- ๘๐ -
ก. เป้าหมายเป็ นจุด เป้าหมายเป็นจุดในแผ่นเป้าแบบพืนฐานนีจะอยู่ทีเป้ายอ่ ย หมายเลข ๑ ถึง
๔ ในส่วนอกั ษร A, B, C และ D การฝึ กยงิ ต่อเป้าหมายเป็นจุดนีจะฝึ กใหพ้ ลยงิ ไดร้ ู้จกั วธิ ีการปรบั ศูนย์
และควบคุมการยิง เป้าหมายเลข ๑ ถึง ๔ นนั สามารถใชก้ บั การยิงบนั ทึกผลไดด้ ว้ ย
ข. เป้าหมายเป็ นพืนที เป้าหมายเป็นพืนทีในแผน่ เป้าแบบพืนฐานนีจะอยทู่ ีเป้ายอ่ ยหมายเลข
๕ ถึง๖ และ ๗ ถึง ๘ ในส่วนอกั ษร A, B, C และ D กลุ่มเป้าหมายเลข ๕ ถึง ๖ จะเป็นเป้าหมายตาม
ทางลึก ซึงใชส้ าํ หรับฝึ กพลยิงใหท้ าํ การเล็งและยงิ อยา่ งต่อเนืองโดยใชก้ ารเคลือนยา้ ยส่วนต่าง ๆ ของ
ร่างกาย กลุ่มเป้าหมายเลข ๗ ถึง ๘ จะเป็นเป้าหมายผสมทงั ทางแนวยาวและทางลึก ซึงใชส้ าํ หรับฝึ ก
พลยิงใหท้ าํ การเล็งและยิงอยา่ งต่อเนืองโดยใชก้ ารเคลือนยา้ ยส่วนตา่ ง ๆของร่างกาย กลุ่มเป้าหมายเลข
๗ ถึง ๘ จะเป็ นเป้าหมายผสมทงั ทางแนวยาวและทางลึก ซึงใชส้ ําหรับฝึกพลยงิ ปลก. ในการกระจาย
อาํ นาจการยงิ ตามแนวยาวและตามทางลึก โดยใชก้ ารเคลือนยา้ ยส่วนต่าง ๆ ของร่างกายขณะทาํ การยิง
ค. แผ่นบริวารแบบตารางกริด เครืองมือแบบนีใชส้ าํ หรับช่วยพลยิงในการปรับศูนยเ์ มือทาํ
การยิงต่อเป้าแบบพืนฐานในระยะ ๒๕ เมตร (รูปที ๕-๑๔) แผ่นบริวารนีทาํ จากพลาสติกหรือแผ่นใส
แต่ละช่องตารางจะมคี วามกวา้ งยาว ๐.๗ ซม.
๑) ตงั ศูนยส์ าํ หรับการยงิ ปรับ ปลก.ในสนามยิงปื นระยะ ๒๕ เมตร แลว้ ทาํ การยิงเพือทาํ
กลุ่มกระสุน ๕ นดั
๒) หลงั จากทาํ การยงิ จบชุดที ๒ (๕ นดั ) แลว้ ใหน้ าํ แผน่ บริวารแบบตารางกริดวางทาบ
ลงบนเป้าหมายยอ่ ยนนั (หมายเลข ๑ และ ๒) (รูปที ๕ – ๑๕) และนาํ จาํ นวนคลิกทีจะตอ้ งทาํ การปรับ
เพือใหก้ ระสุนถูกตาํ บลเลง็ ช่องสีดาํ ในรูปเป้า (การปรบั แกส้ าํ หรับรูปที ๕ – ๑๖) นนั จะเป็นการหมุน
ป่ ุมปรับทางทิศจาก ซา้ ย ไป ขวา (ตามเข็มนาฬิกา จาํ นวน ๑ คลกิ )
รูปที ๕-๑๔ แผ่นบริวารแบบตารางกริด
- ๘๑ -
หมายเหตุ : อธิบายรูปภาพ ๕-๑๔
๑. การปรับปื นทางทิศ ๑ คลิก เท่ากบั ๐.๗ ซม.
๒. การปรับปื นทางสูงหรือทางระยะ ๒ คลิก เทา่ กบั ๑.๔ ซม.
๓. วสั ดุทีใชท้ าํ แผน่ บริวารแบบตารางกริดใชแ้ ผ่นพลาสติกใสหรือแผน่ ใส
รูปที ๕ – ๑๕ กลุ่มกระสุนบนแผ่นเป้า
รูปที ๕ – ๑๖ นําแผ่นบริวารวางทับลงบนแผ่นเป้า
- ๘๒ -
๕ - ๑๙ การวเิ คราะห์เป้าหมาย
แผ่นเป้าทีถกู ทาํ การยิงแลว้ จะตอ้ งถกู นาํ ไปวเิ คราะหแ์ ละจดคะแนนเพือจดั ระดบั ขีดความ
สามารถ และแนะนาํ หลกั พืนฐานในการยงิ ปลก. เพิมเติม เมือใหท้ หารใชท้ ่านอนยิงหรือทา่ ยิงจาก
หลุมบคุ คลและทาํ การยิงจาก ปลก ทีปรับศูนยแ์ ลว้ การวิเคราะห์เป้าหมายจะกระทาํ ไดโ้ ดยง่ายจาก
ขอ้ มลู ใน รูปที ๕-๑๗( ก, ข, ค, ง, จ, ฉ และ ช )
รูปที ๕-๑๗ (ก) ภาพการเลง็ ไม่ถูกต้อง
รูปที ๕-๑๗ (ข) ภาพการจดั ศูนย์เมือใช้ขาทรายไม่ถูกต้อง
- ๘๓ -
รูปที ๕-๑๗ (ค) ภาพการจดั ศูนย์และภาพการเลง็ ทไี ม่ถูกต้อง
รูปที ๕-๑๗ (ง) การจบั ปื นทีไม่ถูกต้องพลยงิ ไม่ได้ลอ็ คข้อศอก
และหัวไหล่ก่อนและระหว่างทาํ การยงิ
- ๘๔ -
รูปที ๕-๑๗ (จ)
ท่ายงิ และการจับปื น ไม่ถกู ต้องข้อศอกซ้ายของพลยงิ มกี ารเคลือนไหว
พลยงิ จะต้องลอ็ คข้อศอกและหัวไหล่ก่อนและระหว่างทาํ การยงิ โดยใช้ขาทราย
รูปที ๕-๑๗ (ฉ)
ท่ายงิ และการจับปื นไม่ถูกต้องข้อศอกขวาของพลยิงมีการเคลือนไหว
พลยงิ จะต้องลอ็ คข้อศอกและหัวไหล่ก่อนและระหว่างทาํ การยงิ โดยใช้ขาทราย
- ๘๕ -
รูปที ๕ – ๑๗ (ช)
ภาพรอยกระสุนกระทบเป้าหมายทีเกิดจากการควรคุมการเหนียวไกไม่ถูกต้อง/
ข้อผดิ พลาดทัวๆไปทีมักพบในการยงิ เป้าในระยะ ๒๕ เมตร
๕-๒๐ ขันตอนการบันทึกคะแนนในสนามระยะ ๒๕ เมตร
ครูฝึ กจะตอ้ งบนั ทึกคะแนนจากการยิงทุกเป้ายอ่ ย (หมายเลข ๑ ถึง ๔, หมายเลข ๕ ถึง ๖ และ
หมายเลข ๗ ถึง ๘) กระสุนทีถกู ภายในกรอบเป้ายอ่ ย ๑ นดั จะมีคา่ เท่ากบั ๑ คะแนน แต่ละกรอบเป้า
ยอ่ ยจะมีค่าคะแนนสูงสุด ๓ คะแนน กระสุนทีถกู ขอบเสน้ ใหถ้ ือวา่ ไดค้ ะแนนเมือทาํ การยิงต่อ
เป้าหมายหมายเลข ๑ ถึง ๔ พลยิงจะใชก้ ระสุน ๑๒ นดั คะแนนสูงสุดทีไดร้ ับจะมีคา่ เท่ากบั ๑๒
คะแนน เมือทาํ การยงิ ต่อเป้าหมาย ๕ ถึง ๖ ดว้ ยกระสุนในสาย จาํ นวน ๑๕ นดั คะแนนสูงสุดทีไดรบั
จะมคี ่าเทา่ กบั ๑๕ คะแนน และเมือทาํ การยิงต่อเป้าหมายเลข ๗ ถึง ๘ พลยิงจะใชก้ ระสุนจาํ นวน ๒๔
นดั ในสาย คะแนนสูงสุดทีไดร้ ับจะมีค่าเท่ากบั ๒๔ คะแนน ในระหว่างการฝึ กยิงนนั พลยิงจะบนั ทึก
คะแนนดว้ ยตนเอง แต่ในการบนั ทึกผลครูฝึ กจะเป็นผูบ้ นั ทึกให้
หมายเหตุ : แบบฟอร์มการบนั ทึกคะแนนจะมีอย่ตู อนทา้ ยบท
ก. คะแนนเต็มจะมี ๕๑ คะแนน พลยิงจะตอ้ งยิงไดค้ ะแนนอยา่ งนอ้ ย ๓๕ คะแนน จึงจะไดร้ ับ
การจดั ชนั คุณวฒุ ิ
ข. พลยิงทีไมไ่ ดค้ ะแนนอยใู่ นเกณฑจ์ ดั ชนั คุณวฒุ ิ จะตอ้ งไดร้ ับการฝึ กใหมแ่ ละเขา้ ทาํ การ
ทดสอบดว้ ยการยิงแหง้ จนกระทงั ครูฝึ กมนั ใจวา่ ยงิ ไดผ้ ล พลยิงคนนนั จะไม่ไดร้ ับการฝึ กในขนั ทีสูง
กวา่ ต่อไป หากแต่จะตอ้ งกลบั ไปทาํ การยงิ ในระยะ ๒๕ เมตร ภายใตก้ ารแนะนาํ และกาํ กบั ดแู ลอยา่ ง
ชิดจากครูฝึ ก เพือใหม้ นั ใจวา่ ไดม้ ีการใชห้ ลกั พืนฐานของการยิงปื นอยา่ งถูกตอ้ ง
- ๘๖ -
ตอนที ๓
การฝึ กยงิ ด้วยกระสุนจริงในขันพืนฐานของพลแม่นปื น
พลยิง ปลก. จะตอ้ งนาํ หลกั พืนฐานของการยิงปื นไปใชท้ งั ในการยงิ ในเวลากลางวนั , การยงิ
ในเวลากลางคืน และการยงิ ในสภาพการณ์ นชค. ซึงจะประกอบดว้ ยการยิงปรับศูนยใ์ นระยะ ๒๕
เมตร, การยงิ ต่อเป้าระยะ ๒๕ เมตร, การปรับศูนยใ์ นสนาม, การยงิ เป้าหมายในสนาม และการยงิ
บนั ทึกผลเพือจดั ชนั คุณวฒุ ิ
๕-๒๑ เครืองมือทีใช้ในการปรับศูนย์
ในการจดั ปรับเสน้ การเลง็ ของ ปลก.เนเกฟ ทงั ศูนยห์ นา้ และทีศูนยห์ ลงั นนั พลยงิ สามารถ
พิจารณาเลือกใชอ้ ุปกรณ์ใหม้ ีความเหมาะสมได้ เพือเป็ นการถนอมอาวธุ ใหส้ ามารถใชง้ านไดน้ าน
และไม่ส่งผลกระทบจนทาํ ใหอ้ ุปกรณศ์ ูนยข์ องปื นเสียหาย
ก. ชุดเครืองมืออเนกประสงค์ หรือเครืองมือควบ( Multi – purpose tool ) เป็นอปุ กรณ์ทีมีอยู่
ในชุดเครืองมอื ช่าง ใชส้ าํ หรบั ทาํ ความสะอาดปื น สามารถใชท้ าํ งานไดใ้ นหลายลกั ษณะเช่น ใช้ในการ
ถอดชุดกรวยจดั แก๊ส, ถอดฝาครอบลาํ กลอ้ งปื น, ทาํ ความสะอาดร่องเกลียวทีลูกสูบ, ทาํ ความสะอาด
ร่องเกลียวกวา้ งทีลูกสูบ, ทาํ ความสะอาดร่องหวั ลูกสูบแก๊ส, ทาํ ความสะอาดท่อแกส๊ (GAS BLOCK),
ทาํ ความสะอาดเรือนกรวยจดั แก๊ส, ทาํ ความสะอาด(LOCK HOUSING), ถอดกระเดืองและแหนบ
กระเดืองศูนยห์ นา้ , ใชใ้ นการปรับแตศ่ ูนยห์ นา้ , หมนุ ควงเกลียวจดั ปรับทางทิศ และอืนๆ
รูปที ๕ – ๑๘
ข.หน้าทีโดยสังเขป
๑) ส่วนที ๑ : ทาํ ความสะอาดท่อแกส๊ (GAS BLOCK), ทาํ ความสะอาดเรือนกรวยจดั
แก๊ส และ ทาํ ความสะอาด (LOCK HOUSING)
๒) ส่วนที ๒ : ถอดกระเดืองและแหนบกระเดืองศูนยห์ นา้ , ใชใ้ นการปรับแตศ่ ูนยห์ นา้
และหมุนควงเกลียวจดั ปรับทางทิศ
๓) ส่วนที ๓ : ถอดฝาครอบลาํ กลอ้ งปื น และ ทาํ ความสะอาดร่องเกลียวทีลูกสูบ
๔) ส่วนที ๔ : ถอดชุดกรวยจดั แกส๊
๕) ส่วนที ๕ : ทาํ ความสะอาดร่องเกลียวทีลูกสูบ, ทาํ ความสะอาดร่องเกลยี วกวา้ งที
ลูกสูบ และ ทาํ ความสะอาดร่องหวั ลกู สูบแก๊ส
- ๘๗ - ส่วนที
ส่วนที ๑
ส่วนที ๕ ส่วนที ๔ ส่วนที ๓
รูปที ๕ – ๑๘ เครืองมือควบ
ค. นอกเหนือจากเครืองมือควบหรือเครืองมืออเนกประสงคแ์ ลว้ พลยิงยงั สามารถหาวสั ดุอืน
ทีมีปลายแหลมทีใชใ้ นการปรับแต่งศูนยห์ นา้ ทงั ทางทิศและทางระยะ เช่น ลูกกระสุนขนาด ๕.๕๖
มม. โดยใชด้ า้ นปลายของหวั ลกู กระสุนสาํ หรับกดกระเดืองจดั ปรับทางระยะ และทางทิศ หรือวสั ดุอืน
ใดทีคลา้ ยหวั ลูกกระสุน รูปที ๕ – ๑๙(ก และ ข)
ใชป้ ลายหวั ลูก
กระสุนกดลง
ใหป้ ลดลอ๊ ค
แลว้ หมุนแท่ง
ศูนยห์ นา้ ตาม
ทิศทางที
ตอ้ งการ
รูปที ๕ – ๑๙(ก) การใช้ปลายหัวกระสุนในการปรับแต่งศูนย์หน้า(ทางทิศ )
- ๘๘ -
ใชป้ ลายหวั ลูกกระสุน
กดลงใหป้ ลดล๊อค
แลว้ หมนุ ควงเกลียว
จดั ปรับทางทิศไปตาม
ทิศทางทีตอ้ งการ
รูปที ๕ – ๑๙(ข)การใช้ปลายหัวกระสุนในการปรับแต่งศูนย์หน้า(ทางทิศ )
๕-๒๒ การปรับแต่งศูนย์สําหรับพร้อมใช้งาน
ก. ชุดศูนย์หลงั ใชก้ ารปรับแต่งตาํ บลกระสุนตกกระทบเป้าหมายแบบหยาบในทางระยะ(ทาง
สูง) เพือใชใ้ นการควบคุมการยงิ ปลก. เนเกฟ ใน ๒ ลกั ษณะคือ ศูนยร์ ูทีใชท้ าํ การยิงในเวลากลางวนั
ศูนยบ์ ากรูปตวั ยู(U) สําหรับใชย้ งิ ในเวลากลางคืน สามารถจัดปรับได้เฉพาะทางระยะเท่านนั ไม่
สามารถจดั ปรับในทางทิศได้
๑) การใชศ้ ูนย์รู การปรับแต่งดว้ ยการทีพลยิงทาํ การหมุนควงเกลียวจดั ปรับทางระยะ
(ทางสูง) ไปยงั ตวั เลข หรือตามระยะทีพลยงิ ตอ้ งการจะยงิ ต่อเป้าหมายทีเกิดขึนตงั แต่ระยะ ๓๐๐ –
๑,๐๐๐ เมตร
๒) การใชศ้ ูนย์บากรูปตวั ยู(U) จะมีอยู่ดว้ ยกนั ๒ ขนั ตอนคือ
ก) ขนั ตอนที ๑ คือการปลดล๊อคศูนยบ์ ากรูปตวั ย(ู U) โดยการทีพลยิงจะตอ้ งทาํ การ
หมุนควงเกลียวจดั ปรับทางระยะ(ทางสูง)ไปในทิศทางตามเข็มนาฬิกาใหไ้ ปจนสุดระยะของการหมุน
(หมุนไม่ได)้
ข) ขนั ตอนที ๒ คือ พลยิงทาํ การยกกา้ นแท่งศูนยห์ ลงั ขึนแลว้ ทาํ การหมุนไปทางดา้ น
หนา้ เป็ นมุม ๑๘๐ องศา เพือใหศ้ ูนยบ์ ากรูปตวั ย(ู U)หงายตวั ขึนมา และวางพาดไปขา้ งหนา้ นนั ใหศ้ ูนย์
รูวางอยบู่ นแท่นติดตงั อุปกรณพ์ เิ ศษ จึงถือวา่ เป็นการจดั วางศูนยส์ าํ หรับใชย้ งิ ปื นในเวลากลางคือเสร็จ
สิน ศูนย์สําหรับยงิ ในเวลากลางคืนจะไม่มีการปรับใดๆทังสิน
- ๘๙ -
ข.ชุดศูนย์หน้า ใชก้ ารปรับแต่งอย่างละเอียดในทางทศิ และทางระยะ เพือทาํ การควบคุมการ
ยิง ใหล้ กู กระสุนตกไปยงั เป้าหมายทีเกิดขึน
๑) การใชใ้ นการควบคุมการยิงในทางระยะ
ก) กรณีที ๑ พลยิงตอ้ งการเปลียนยา้ ยตาํ บลกระสุนตกในการยิงครังแรกใหส้ ูงขึน
ก่อนทีจะทาํ การยิงในครังที ๒ ใหพ้ ลยิงกระทาํ ดงั นี ทาํ การหมุนกระเดืองจดั ปรับทางระยะไปใน
ทิศทางตามเข็มนาฬิกา จะทาํ ใหแ้ ท่งศูนย์หน้ายบุ ตวั ตําลง ซึงจะส่งผลกระทบใหม้ ีการเปลียนยา้ ย
ตาํ บลกระสุนกระทบเป้าหลงั จากทาํ การปรับแต่งแลว้ คือ จะทาํ ใหต้ าํ บลกระสุนตกเคลือนตวั สูงขึน
ถา้ ทาํ การยงิ ต่อเป้าในระยะ ๒๕ เมตร แลว้ ทาํ การหมนุ จดั ปรบั ไปเป็ นจํานวน ๑ คลกิ จะทาํ ใหต้ าํ บล
กระสุนกระทบเป้าหมายสูงขึนจากเดิมเป็ นระยะ ๐.๗ เซ็นตริเมตร
ข) กรณีที ๒ พลยงิ ตอ้ งการเปลียนยา้ ยตาํ บลกระสุนตกในการยงิ ครังแรกใหต้ กตาํ ลง
ก่อนทีจะทาํ การยงิ ในครังที ๒ ใหพ้ ลยิงกระทาํ ดงั นี ทาํ การหมนุ กระเดืองจดั ปรับทางระยะไปใน
ทิศทางทวนเข็มนาฬิกา จะทาํ ใหแ้ ท่งศูนย์หน้ายกตวั สูงขึน ซึงจะส่งผลกระทบใหม้ ีการเปลียนยา้ ย
ตาํ บลกระสุนกระทบเป้าหลงั จากทาํ การปรับแต่งแลว้ คือ จะทาํ ใหต้ าํ บลกระสุนตกเคลือนตวั ตาํ ลง
ถา้ ทาํ การยงิ ต่อเป้าในระยะ ๒๕ เมตร แลว้ ทาํ การหมุนจดั ปรับไปเป็ นจํานวน ๒ คลกิ จะทาํ ใหต้ าํ บล
กระสุนกระทบเป้าหมายตกตาํ ลงไปจากเดิมเป็นระยะ ๑.๔ เซ็นตริเมตร
๒) การใชใ้ นการควบคุมการยิงในทางทิศ
ก) กรณีที ๑ พลยิงตอ้ งการเปลียนยา้ ยตาํ บลกระสุนตกจากด้านซ้ายในการยิงครังแรก
ไปด้านขวา ก่อนทีจะทาํ การยงิ ครังที ๒ ใหพ้ ลยิงกระทาํ ดงั นี โดยการหมนุ ควงเกลียวจดั ปรบั ทางทิศ
ไปในทศิ ทางตามเข็มนาฬิกา จะทาํ ใหแ้ ท่งศูนย์หน้าเคลือนตวั ไปทางด้านซ้ายจากจุดเดมิ ซึงจะส่งผล
กระทบใหม้ ีการเปลียนยา้ ยตาํ บลกระสุนกระทบเป้าหลงั จากทาํ การปรับแต่งแลว้ คือ จะทาํ ใหต้ าํ บล
กระสุนตกเคลือนตวั ไปทางขวามือ ถา้ ทาํ การยิงต่อเป้าในระยะ ๒๕ เมตร แลว้ ทาํ การหมุนจดั ปรับไป
เป็นจํานวน ๓ คลกิ จะทาํ ใหต้ าํ บลกระสุนกระทบเป้าหมายเปลียนยา้ ยจากตาํ แหน่งเดิมไปทางดา้ นขวา
เป็นระยะ ๒.๑ เซ็นตริเมตร
ข) กรณีที ๒ พลยงิ ตอ้ งการเปลียนยา้ ยตาํ บลกระสุนตกจากด้านขวาในการยิงครังแรก
ไปด้านซ้าย ก่อนทีจะทาํ การยงิ ครังที ๒ ใหพ้ ลยิงกระทาํ ดงั นี โดยการหมุนควงเกลียวจดั ปรบั ทางทิศ
ไปในทศิ ทางทวนเข็มนาฬิกา จะทาํ ใหแ้ ท่งศูนย์หน้าเคลือนตวั ไปทางด้านขวาจากจุดเดมิ ซึงจะส่งผล
กระทบใหม้ ีการเปลียนยา้ ยตาํ บลกระสุนกระทบเป้าหลงั จากทาํ การปรับแต่งแลว้ คือ จะทาํ ใหต้ าํ บล
กระสุนตกเคลือนตวั ไปทางซา้ ยมอื ถา้ ทาํ การยงิ ต่อเป้าในระยะ ๒๕ เมตร แลว้ ทาํ การหมุนจดั ปรับไป
เป็นจํานวน ๔ คลกิ จะทาํ ใหต้ าํ บลกระสุนกระทบเป้าหมายเปลียนยา้ ยจากตาํ แหน่งเดิมไปทางดา้ นซา้ ย
เป็นระยะ ๒.๘ เซ็นตริเมตร
- ๙๐ -
๕-๒๓ การจดั ปรับแนวเส้นเลง็
การปรับศูนยน์ นั คือ การปฏิบตั เิ พือใหแ้ นวศูนยแ์ ละแนวลาํ กลอ้ งเป็ นเสน้ ตรงทิศทางเดียวกนั
ซึงตาํ บลเล็งและตาํ บลกระสุนถูกเป้าจะเป็ นทีเดียวกนั การปรบั ศูนยใ์ นระยะ ๒๕ เมตรนนั จะใช้
เฉพาะกบั การยงิ ต่อเป้าระยะ ๒๕-๓๐๐ เมตรเทา่ นนั มีประโยชนส์ าํ หรับการยิงในสนามรบ หรือ
การยิงในระยะไกล (การยิงปรับศูนยใ์ นระยะจริงหรือระยะในสนาม จะใชก้ ารปรับศูนยร์ บ ซึงพลยิง
จะตอ้ งบนั ทึกขอ้ มลู ไว)้
ก. ศูนย์ ปลก. เนเกฟ หรือทีเรียกวา่ ระบบควบคุมการยิงของ ปลก.เนเกฟ นันมอี ยดู่ ว้ ยกนั ๒
ส่วนทีสาํ คญั คือ ศูนยห์ ลงั หรือชุดศูนยห์ ลงั [ ศนู ยร์ ูและศูนยต์ วั ย(ู U) ] และ ศูนยห์ นา้ หรือชุดศูนยห์ นา้
(ศูนยแ์ บบแท่ง)
๑) ศูนยห์ ลงั หรือชดุ ศูนยห์ ลงั (รูปที ๕ – ๒๐) เป็นชินส่วนอุปกรณ์ที ติดตงั อยทู่ ีโครงปื น
ส่วนหลงั ติดยดึ อย่บู นแทน่ ติดตงั อปุ กรณ์พิเศษของ ปลก. เนเกฟ ใชใ้ นการควบคุมการยิงในทางระยะ
หรือทางลึก ใชใ้ นการปรบั ตาํ บลกระสุนตกใหเ้ ลือนไกลออกไปและใกลเ้ ขา้ มาหาพลยงิ เป็นห้วงๆห้วง
ละ ๑๐๐ เมตร ประกอบดว้ ยส่วนประกอบหลกั คือ ชุดศูนยห์ ลงั , ควงเกลียวปรบั มุมทางสูง(ทางระยะ)
และ กระเดืองศูนยห์ ลงั
ควงเกลียวจดั ปรับทางระยะ(ทางสูง) แกนลูกเบียวทาํ
รูปที ๕ – ๒๐ ใหศ้ ูนยห์ ลงั ยก
ตวั ขึนลงได้
- ๙๑ -
ก) ชุดศูนยห์ ลงั จะติดตงั อยบู่ นแท่นศูนยห์ ลงั หรือแทน่ สาํ หรบั ติดตงั อุปกรณ์พิเศษ
อยใู่ นบริเวณโครงปื นส่วนหลงั โดยจะมีควงเกลียว ๒ ตวั รูปที ๕ – ๒๑ ทีอยู่บริเวณดา้ นขวาของชุด
ศูนยห์ ลงั ทาํ หนา้ ทีในการยดึ ชุดศูนยห์ ลงั ใหต้ ิดแน่นอย่กู บั แท่นติดยดึ อุปกรณ์พิเศษ
กา้ นศูนยห์ ลงั แกนเหลก็ ทียดึ
กา้ นศูนยห์ ลงั เขา้
กบั ชุดศูนยห์ ลงั
กา้ นศูนยห์ ลงั
ควงเกลียวสาํ หรับยดึ ศูนยห์ ลงั
เขา้ กบั แท่นติดตงั อปุ กรณ์พิเศษ
รูปที ๕ – ๒๑
ข) ควงเกลียวจดั ปรับมมุ ทางสูง(ทางระยะ)หรือเรียกวา่ ลอ้ หมุน ติดตงั อยทู่ างดา้ นซา้ ย
ของชุดศูนยห์ ลงั มีมาตราส่วนทีเขียนดว้ ยเสน้ สีขาว อยู่บนควงเกลียวจดั ปรับมมุ ทางสูงโดยระบุเป็ น
ตวั เลข ๓, ๖ และ ๙ใชส้ าํ หรับในการปรับทางระยะการยิงของปื น ทีระยะ ๓๐๐ ม., ๖๐๐ ม. และ ๙๐๐
ม. ตามลาํ ดบั เส้นสีขาวทีไม่ไดร้ ะบุตวั เลขอยบู่ นมาตราส่วนระหวา่ งเลข ๓, ๖ และ๙ จะใชใ้ นการปรับ
การยิงทีระยะ ๔๐๐ ม., ๕๐๐ ม., ๗๐๐ ม., ๘๐๐ ม. และ ๑,๐๐๐ ม. ตามลาํ ดบั ใชใ้ นการปรับระยะการ
ยงิ จะคู่กบั ศูนยห์ ลงั (ศูนยร์ ู หรือ เรียกอีกชือวา่ ใบศูนยร์ ู) ยงั ทาํ หนา้ ทีในการล๊อค และปลดล๊อคแท่งกา้ น
ศูนยห์ ลงั ดว้ ยการหมุนควงเกลียวจดั ปรบั มุมทางสูง(ทางระยะ)ไปในทิศทางตามเขม็ นาฬิกาจนสุดระยะ
ของการหมนุ ควงเกลียวจดั ปรับมุมทางสูง(ทางระยะ)ศูนยห์ ลงั นีสามารถทีจะทาํ การจดั ปรับทางระยะ
ได้ ๘ ตาํ แหน่ง โดยพลยิงสามารถทาํ การจดั ปรับแนวเส้นการเลง็ ของ ปลก. ทีกาํ หนดไวท้ ีควงเกลียว
ปรับทางระยะไวต้ งั แต่ระยะ ๓๐๐ – ๑,๐๐๐ เมตร ตาํ แหน่งในการจดั ปรับนนั สามารถจดั ปรับไดช้ ่วง
ละ ๑๐๐ เมตร รูปที ๕ – ๒๒
- ๙๒ -
9 63
หมุนทิศทางตามเข็มนาฬิกา
รูปที ๕ – ๒๒
๑. ตวั อยา่ งมาตราส่วนควงเกลียวจดั ปรับทางระยะหรือทางสูง(บนลอ้ หมนุ )
๒. มาตราส่วนบนควงเกลียวแบ่งเป็ นช่วงๆละ ๑๐๐ เมตร
๓. เมือหมุนควงเกลียวไปในทิศทางตามเข็มนาฬิกาจนสุดระยะของการหมนุ คือที
ตาํ แหน่ง ( รอยวงกลม ) จะเป็นตาํ แหน่งทีปลดล๊อคกา้ นแท่งศูนยห์ ลงั ออกจากแกนลูก
เบียว
ค) แทง่ กา้ นศูนยห์ ลงั มีลกั ษณะเป็ นแท่งกา้ นเหลก็ ติดตงั อยบู่ นชุดศูนยห์ ลงั ทีแกนจุด
หมุนดา้ นหนา้ ของชุดศูนยห์ ลงั แทง่ กา้ นศูนยห์ ลงั จะทาํ หนา้ ทีทีสาํ คญั อยู่ ๒ ประการ คือ
(๑) กา้ นศูนยห์ ลงั จะติดยดึ กบั ชุดศูนยห์ ลงั ทีบริเวณดา้ นหนา้ ของชุดศูนยห์ ลงั จุด
ทีติดยดึ นนั สามารถทาํ ใหก้ า้ นศูนยห์ ลงั หมุนไปมาไดเ้ ป็นมมุ ๑๘๐ องศา
(๒) ส่วนทีเป็นหวั ของแทง่ กา้ นศูนยห์ ลงั จะประกอบดว้ ย ศนู ยร์ ู และ ศูนยบ์ าก
รูปตวั ย(ู U)
ง) ทีบริเวณดา้ นหัวของแท่งกา้ นศูนยห์ ลงั จะประกอบดว้ ย ๒ ส่วนทีสาํ คญั คือ
(๑) ส่วนที ๑ คือศูนยร์ ู หรือใบศูนยร์ ู พลยงิ จะใชป้ ระกอบในการเลง็ หรือการจดั
เสน้ แนวการเลง็ ของปื นประกอบกบั แท่งศูนยห์ นา้ โดยจะมคี วงเกลียวจดั ปรับมุมทาง(ทางระยะ) ที
เชือมต่อกบั แกนลูกเบียว เมือพลยงิ ทาํ การหมุนควงเกลียวจดั ปรับมุมทาง(ทางระยะ) จะมีผลส่ง
กระทบไปทีแกนลูกเบียวในการบงั คบั ใหใ้ บศูนยร์ ูเคลือนตวั ขึนลงตามระยะการยงิ ทีพลยิงตอ้ งการ
ตงั แต่ ๓๐๐ – ๑,๐๐๐ เมตรรูปที ๕ – ๒๓
- ๙๓ -
ศูนยร์ ู หรือ ใบศูนย์
รูปที ๕ - ๒๓
(๒) ส่วนที ๒ คือ ศูนยบ์ ากรูปตวั ย(ู U) ติดตงั อยทู่ ีส่วนหวั ของแท่งกา้ นศูนยห์ ลงั
ดา้ นตรงกนั ขา้ มกบั ศูนยร์ ู ศูนยบ์ ากรูปตวั ยู(U)จะนาํ มาใชส้ าํ หรับการยงิ ในเวลากลางคือโดยทีพลยิง
จะตอ้ งหมุนควงเกลียวจดั ปรับทางสูง(ทางระยะ)ไปในทิศทางตามเขม็ นาฬิกาจนสุดระยะของการหมุน
แกนลูกเบียวทีเชือมต่อติดอยู่กบั ควงเกลียวจดั ปรับทางสูง(ทางระยะ) ทีทาํ หนา้ ทีลอ๊ คศูนยบ์ ากรูปตวั ยู
(U) ก็จะปลดล๊อค หลงั จากนนั ใหพ้ ลยิงทาํ การยกแท่งกา้ นศูนยห์ ลงั หมุนไปในทิศทางขา้ งหนา้ เพือ
หงายศูนยบ์ ากรูปตวั ยู(U)ขึน สาํ หรับใชใ้ นการการยิงในเวลากลางคืน ซึงจะมีศูนยบ์ ากรูปตวั ย(ู U) ติด
หลอดเรืองแสง ๒ หลอดทงั ๒ ขา้ งของหวั ตวั ยู รูปที ๕ – ๒๔( ก และ ข )