The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รส.23-14-2 เนเกฟ รวมเล่ม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Sasit Pinkaew, 2022-09-29 21:35:33

รส.23-14-2 เนเกฟ รวมเล่ม

รส.23-14-2 เนเกฟ รวมเล่ม

- ๑๔๔ -
ก. การกระจายการยงิ คือ การใชก้ ารยิงเพอื กระสุนตกในพืนทีทางกวา้ งและทางลึกอยา่ งทวั ถึง
เช่น การยงิ เป้าหมายขา้ ศึกทีเป็นรูปขบวน
ข. การระดมยงิ คือ การใชก้ ารยงิ ไปยงั เป้าหมายจุดใดจุดหนึง หรือตาํ บลใดตาํ บลหนึง เช่น

ทีตงั อาวุธยิงสนบั สนุนของขา้ ศึก หรือทีมนั ของขา้ ศึก
ค. อตั ราการยงิ ทีใชก้ บั ปลก. มี ๓ ระดบั คือ การยิงต่อเนือง, การยงิ เร็ว และการยิงเร็วสูงสุด

อตั ราการยิงเหลา่ นีกาํ หนดขึนเพอื ใหผ้ บู้ งั คบั หมูไ่ ดค้ วบคุมและรักษาปริมาณความหนาแน่นของลูก
กระสุนของปริมาตรการยงิ ทงั ยงั ป้องกนั การสึกหรอเกินควรของอาวธุ ปื นดว้ ย ยิงไปกวา่ นนั ขนาด
ของเป้าหมายและจาํ นวนกระสุนทีมีอยู่ จะเป็นปัจจยั บงั คบั การใชอ้ ตั ราการยงิ

๑) การยงิ ต่อเนือง สาํ หรับ ปลก. คือ การยิงในอตั ราความเร็ว ๘๕ นดั ต่อนาที ในจงั หวะ
อตั โนมตั ิชุดละ ๓ นดั ซึงอตั ราการยงิ นีจะทาํ ใหล้ าํ กลอ้ งปื นไม่เกิดการชาํ รุด เพราะจะไม่ทาํ ใหเ้ กิด
ความร้อนจดั เกินไป อตั ราการยงิ ต่อเนืองนีถือเป็นอตั ราการยงิ ปกติสาํ หรับ ปลก.

๒) การยงิ เร็ว สาํ หรับ ปลก. คือ การยงิ ในอตั ราความเร็ว ๒๐๐ นดั ต่อนาที ในจงั หวะ
อตั โนมตั ิชุดละ ๓ นดั ซึงจะใหป้ ริมาตรการยงิ ทีหนาแน่นมาก แต่ใชใ้ นช่วงระยะเวลาสัน ๆ เท่านนั

๓) การยงิ เร็วสูงสุด จะใชก้ ระสุนในจาํ นวนสูงสุดทีสามารถยงิ ไดภ้ ายในเวลา ๑ นาที
โดยไม่มีการชะงกั หรือทาํ การยงิ ภายใน ๑ นาทีนนั หลงั จาก ๑ นาทีผา่ นไป พลยงิ จึงปลอ่ ยไกจากการ
เหนียว อตั ราความเร็วในการยิงเป็ นวงรอบปกติ

กรวยจดั แก๊สอยูใ่ นตาํ แหน่งที

๑ ใชซ้ องกระสุน ๘๕๐ – ๑๐๕๐ นดั /นาที

๒ ใชส้ ายกระสุน ๘๕๐ – ๑๐๕๐ นดั /นาที

๓ ใชส้ ายกระสุน ๙๕๐ – ๑๑๕๐ นดั /นาที

๖-๕ การปฏิบตั กิ ารยงิ ต่อเป้าหมาย
พลยิง ปลก.จะทาํ การยงิ ต่อเป้าหมายทีปรากฏขึนในเขตรับผดิ ชอบภายใตก้ ารควบคุมของผู้

บงั คบั หมู่ พลยงิ จะตอ้ งมีความรูอ้ ยา่ งถ่องแทใ้ นอนั ทีจะเลือกใชก้ ารยิงตอ่ เป้าหมายทุกประเภทอยา่ งมี
ประสิทธิภาพดว้ ยตนเอง หรือการประสานการปฏิบตั ิกบั พลยิง ปลก. คนอืน

ก. พลยงิ ปลก.เดยี ว

๑) เป้าหมายเป็ นจดุ เมือพลยงิ ปลก. ทาํ การยงิ ต่อเป้าหมายเป็นจดุ กจ็ ะตอ้ งใชก้ ารยงิ
เฉพาะตาํ บล (รูปที ๖-๙) และถา้ หากเป้าหมายไดม้ ีการเคลือนทีภายหลงั จากการยิงชุดแรก กใ็ หพ้ ลยิง
ปรับการยงิ ตามทิศทางการเคลือนทีของเป้าหมายนนั ไป

๒) เป้าหมายเป็ นพืนที เมือตอ้ งทาํ การยิงต่อเป้าหมายเป็ นพืนทีใหพ้ ลยิงทาํ การยิงต่อ
กึงกลางของพืนทีเป้าหมายเป็นอนั ดบั แรก, จากนนั ใหใ้ ชก้ ารกราดทางขา้ งและกราดทางลึกไปยงั ปี ก

- ๑๔๕ -
ดา้ นใดดา้ นหนึง (รูปที ๖-๑๐) เมือถึงปี กดา้ นนนั แลว้ ใหพ้ ลยิงยา้ ยการยิงกลบั มาในทิศทางตรงขา้ ม
จนกระทงั ถึงปี กอีกดา้ นหนึง ผบู้ งั คบั หม่อู าจช่วยการกาํ หนดความกวา้ งและความลึกของเป้าหมายให้

รูปที ๖-๙ การยงิ ต่อเป้าหมายเป็ นจดุ

รูปที ๖-๑๐ การยงิ ต่อเป้าหมายเป็ นพืนที

- ๑๔๖ -
๓) เป้าหมายเป็ นแนวกว้าง เมือตอ้ งทาํ การยิงต่อเป้าหมายเป็ นแนว พลยงิ ปลก. จะตอ้ งใช้
การยงิ กราดทางขา้ งเพือใหค้ รอบคลุมเปา้ หมายตลอดทงั แนว โดยในขนั แรกใหท้ าํ การยงิ ทีบริเวณจุด
กึงกลางของแนวเป้าหมายก่อน จากนนั จึงใชก้ ารปรับการยิงไปทางซา้ ยและขวา หรือจากขวาไปซา้ ย
ใหท้ วั ตลอดแนวของเป้าหมาย ถา้ หากเป้าหมายเป็นแนวนันยากแก่การกาํ หนด จุดดงั กล่าว ผบ.หมู่
อาจช่วยกาํ หนดจดุ ขึนโดยใชก้ ารยา้ ยจากจุดอา้ ง (รูปที ๖-๑๑) การทีจะใชว้ ธิ ีการนี ผบ.หมู่ จะตอ้ ง
กาํ หนดจุดกึงกลางของแนวเป้าหมายขึน แลว้ กะระยะเป็นเมตรจากจุดอา้ งทีสามารถสงั เกตเห็นไดง้ ่าย
ในภูมิประเทศ จากนนั ก็บอกใหพ้ ลยิงไดท้ ราบ จุดอา้ งนนั อาจอยู่ในแนวเป้าหมายหรืออยใู่ กลเ้ คียงแนว
เป้าหมายก็ได้ (รูปที ๖-๑๒) แต่อยา่ งไรก็ตาม ควรเลอื กจุดทีอยใู่ นแนวเส้นตรงเดียวกบั แนวเป้าหมาย
เพือใหบ้ งั เกิดผลการยงิ ทาํ ลายตอ่ เป้าหมายสูงสุด และเมือไดอ้ อกคาํ สงั ยิงขนั ตน้ ไปแลว้ ให้ ผบ.หมู่
ออกคาํ สงั ยิงขนั ต่อมาเพือควบคุมการยิง

รูปที ๖-๑๑ การยงิ ต่อเป้าหมายทีกําหนดจดุ กึงกลางได้ยากโดย
ใช้จดุ อ้างทีอยู่ภายในพืนทีเป้าหมายนัน

หมายเหตุ : จุดอา้ งเป็นจุดทีพลยิงและ ผบ.หมู่ทราบขอ้ มลู ของเป้าหมายทีมีการบนั ทึกไวแ้ ลว้
เช่น ลกั ษณะของเป้าหมาย, ระยะห่างของปื นไปยงั จดุ อา้ ง, มุมองศาของปื นจากทิศทางยิงหลกั , ระดบั
ความสูงตาํ จากทีตงั ยงิ และอืนๆ

- ๑๔๗ -

รูปที ๖ – ๑๒ การยงิ ต่อเป้าหมายทีกาํ หนดจุดกึงกลางได้ยากโดยใช้จุดอ้างทีอยู่ภายในพืนที
เป้าหมายนัน

๔) เป้าหมายทางลกึ เมือตอ้ งทาํ การยิงต่อเป้าหมายทางลึก ใหพ้ ลยิง ปลก. ใชก้ ารยิงกราด
ทางลึก เมือไดก้ าํ หนดระยะออกมาแลว้ พลยงิ จะใชก้ ารยงิ ทีจุดกึงกลางทางลึกของเป้าหมาย แต่ถา้ หาก
ณ จุดอืนทีมิใชจ่ ุดกึงกลางเกิดมีความคบั ขนั เร่งด่วนจะตอ้ งทาํ การยิงกอ่ นกใ็ หใ้ ชจ้ ดุ คบั ขนั นนั แทน
จากนนั ใหพ้ ลยิงทาํ การยิงกราดตามทางลึกลงมายงั ปลายดา้ นทีอยใู่ กล้ แลว้ ยอ้ นกราดยิงกลบั ไปยงั
ปลายดา้ นไกล และถา้ ไมส่ ามารถกาํ หนดจุดกึงกลางไดแ้ น่ชดั ก็ใหใ้ ชว้ ิธีการยา้ ยจากจุดอา้ ง ความลึก
ของเป้าหมายนนั จะกาํ หนดเป็นเมตรเสมอ

๕) เป้าหมายเป็ นแนวทีมีความลกึ เมือตอ้ งทาํ การยิงต่อเป้าหมายเป็ นแนวทีมีความลึก
พลยิงจะตอ้ งเลง็ ตรงบนกึงกลางของส่วนใหญข่ องเป้าหมาย แลว้ ยิงกราดผสมเป็ นขนั แรกใหท้ าํ การยงิ
ครอบคลุมต่อเป้าหมายดา้ นซึงอยใู่ กลก้ บั ทีตงั ยงิ ก่อน (ยกเวน้ ในกรณีทีเป้าหมายทีอย่ไู กลออกไปแต่มี
ความสาํ คญั มากกวา่ หรือมีอนั ตรายต่อฝ่ายเรามากกวา่ เป้าหมายอืน ๆทีเกิดขึนในขณะนนั ) พลยงิ จะใช้
การยิงกราดผสมจากเป้าหมายปี กดา้ นใกล้ ไปยงั ปี กดา้ นไกล ถา้ หากเป็นกรณีทีการกาํ หนดจุดกึงกลาง
ของเป้าหมาย หรือจุดทีจะเริมยงิ กระทาํ ไดย้ ากให้ ผบ.หมู่ แกไ้ ขเหตุการณ์ดงั กล่าวดว้ ยการใชก้ ารยงิ
ดว้ ย ปลย. ยงิ ชีไปยงั ตาํ บล หรือจุดทีจะเริมใหท้ าํ การยงิ ทีตอ้ งการใหท้ าํ การยงิ เสียก่อน การยงิ ต่อ
เป้าหมายเป็นแนวทีมคี วามลึกนีจะไมใ่ ชว้ ิธีการกาํ หนดจุดอา้ ง เพราะจาํ เป็นตอ้ งใชจ้ ุดอา้ งถึง ๒ จุด
หรืออาจมากกวา่ เพือแสดงมุมของเป้าหมาย

- ๑๔๘ -
ข. พลยงิ ปลก.คู่

๑) เป้าหมายเป็ นพืนที เมือใชพ้ ลยงิ ปลก. จาํ นวน ๒ คน ทาํ การยิงต่อเป้าหมายเป็ นพืนที
นนั ใหพ้ ลยิงทางขวาทาํ การยิงเป้าหมายครึงทางดา้ นขวา ส่วนพลยงิ ทางซา้ ยทาํ การยิงตอ่ เป้าหมายครึง
ทางดา้ นซา้ ย ตาํ บลเลง็ ในขนั แรกของพลยิงทงั ๒ คน จะอยู่ทีตาํ บลเดียวกนั คือ จุดกึงกลางของพืนที
เป้าหมาย พลยิงแต่ละคนจะใชก้ ารปรบั การยิงทงั ทางทิศและทางระยะ เพือใหต้ าํ บลกระสุนตกนนั
ครอบคลุมพืนทีเป้าหมาย พลยิงทางขวาจะใชก้ ารยิงกราดไปทางดา้ นขวา รวมทงั ใชก้ ารปรับการยิง
ทางระยะตามความจาํ เป็น ประกอบกบั การยงิ เป็ นชุด ๆ ละ ๓ นดั ขึนและลงไปจนถงึ ปี กขวาของ
เป้าหมาย พลยิงทางซา้ ยคงปฏิบตั ิลกั ษณะเดียวกนั แต่ยงิ กราดไปทางซา้ ยของเป้าหมาย จากนนั ให้
พลยิงทงั ๒ คน ทาํ การยิงกราดยอ้ นกลบั ไปยงั จดุ กึงกลางของเป้าหมาย โดยใชก้ ารยงิ เป็นชุด ๆ ละ ๓
นดั (รูปที ๖-๑๓)

รูปที ๖-๑๓ การใช้พลยงิ ปลก. ๒ คน ทาํ การยงิ ต่อเป้าหมายเป็ นพืนที

- ๑๔๙ -
๒) เป้าหมายเป็ นแนว เมือใชพ้ ลยิง ปลก. จาํ นวน ๒ คน ทาํ การยงิ ต่อเป้าหมายเป็ นแนว
จะตอ้ งแบ่งแนวของเป้าหมายออกเป็น ๒ ส่วน เท่าๆ กนั กาํ หนดจุดกึงกลางของเป้าหมายขึน แลว้ ให้
พลยิงทางขวายงิ ครึงทางขวา พลยิงทางซา้ ยยิงครึงทางซา้ ย (รูปที ๖-๑๔)

รูปที ๖-๑๔
การใช้พลยิง ปลก. ๒ คน ทําการยงิ ต่อเป้าหมายเป็ นแนว
ก) พลยิงทงั ๒ คน ทาํ การเลง็ ต่อจุดกึงกลางของเป้าหมายในขนั แรกหลงั จากทีได้
ปรับจากจดุ กึงกลางแลว้ พลยงิ ทางขวายงิ กราดไปทางดา้ นขวา โดยทาํ การยงิ ชุดละ ๓ นดั ทุกครังที
เปลียนทิศทาง จนกระทงั กระสุนตกถึงปี กขวาของพืนทีเป้าหมาย (พลยิงมนั ใจวา่ กระสุนตกครอบคลมุ
พืนทีเป้าหมายแลว้ ) ในขณะเดียวกนั พลยงิ ทางซา้ ยก็ทาํ การยงิ กราดไปทางดา้ นซา้ ยในลกั ษณะเดียวกนั
เมือพลยงิ ทงั สองคนยิงกราดไปจนถึงปี กขวาและซา้ ยของพืนทีเป้าหมายแลว้ กใ็ หย้ ิงกราดยอ้ นกลบั มา

- ๑๕๐ -
ทีจุดกึงกลางของพืนทีเป้าหมาย ในการยิงกราดนนั พลยิงควรจะเลือกตาํ บลเลง็ ทีแน่ชดั เป็นแห่ง ๆ
ดีกวา่ ทีจะใชก้ ารยิงสุ่มไปทวั พืนทีเป้าหมาย

ข) ถา้ หากดา้ นใดดา้ นหนึงของพืนทีเป้าหมายมีความจาํ เป็นเร่งด่วนทีจะตอ้ งทาํ การยิง
หรือมภี ยั คุกคามจากขา้ ศึกทางดา้ นนนั มากกวา่ อีกดา้ นหนึง ในกรณีนีจะตอ้ งใชก้ ารแบ่งพืนทีเป้าหมาย
ออกเป็ น ๒ ส่วนไม่เท่ากนั โดยใหด้ า้ นทีมภี ยั คุกคามนนั มีกวา้ งดา้ นหนา้ แคบกวา่ ทางดา้ นทีมอี นั ตราย
จากภยั คุกคามนอ้ ยกวา่ ซึงตอ้ งใชก้ ารออกคาํ สังเป็นกรณีพเิ ศษ แต่เพือป้องกนั การสับสนกใ็ หพ้ ลยิงทงั
สองคนนนั หมายตาํ บลเลง็ ตรงกึงกลางของพืนทีเป้าหมายไวก้ ่อน

๓) เป้าหมายทางลึก เมือใช้ ปลก. ทาํ การยิงเป็นคู่ตอ่ เป้าหมายทีมีความลึกนนั ตาํ บลเลง็
ในขนั แรกกค็ งเป็ นจุดกึงกลางของความลึกของเป้าหมาย ตามปกติแลว้ มกั จะมอบใหพ้ ลยิงทาง
ดา้ นขวาทาํ การยิงต่อส่วนของพืนทีทางดา้ นใกล้ และพลยงิ ทางดา้ นซา้ ยทาํ การยงิ ต่อส่วนของพืนที
ทางดา้ นไกล และถา้ หากสถานการณ์บงั คบั ใหใ้ ชก้ ารยงิ กราดตลอดแนวก็ไมจ่ าํ เป็นตอ้ งแบ่งครึงความ
ลึกของพนื ทีเป้าหมาย เพราะการยงิ กราดตลอดแนวจะทาํ ใหย้ า่ นกระสุนตกครอบคลุมพืนทีเป้าหมาย
เมือทาํ การยงิ ชุดแรกออกไปแลว้ ใหพ้ ลยงิ ทางดา้ นขวาทาํ การยงิ กราดทางลึกลงมาทางดา้ นลา่ งจนถึง
จุดเริมตน้ ความลึกของเป้าหมาย และพลยิงทางดา้ นซา้ ยทาํ การยิงกราดทางลึกขึนไปทางดา้ นบนจนถึง
จุดปลายของความลึกของเป้าหมาย ต่อจากนนั ใหพ้ ลยิงทงั สองยงิ กราดยอ้ นกลบั มาในทิศทางตรงขา้ ม
จนถึงจุดกึงกลางของความลึกของเป้าหมาย (รูปที ๖-๑๕)

๔) เป้าหมายเป็ นแนวทีมคี วามลกึ เมือใช้ ปลก.ทาํ การยงิ เป็นคู่ต่อเป้าหมายเป็นแนวทีมี
ความลึกนนั จุดเลง็ ในขนั แรกและการเปลียนทิศทางยงิ ของพลยงิ ปลก. ทงั สองคนคงปฏิบตั ิ
เช่นเดียวกบั การยงิ ต่อเป้าหมายเป็ นแนว (รูป ๖-๑๖)

รูปที ๖-๑๕การยงิ ต่อเป้าหมายทีมคี วามลกึ ด้วยพลยงิ สองคน

- ๑๕๑ -

รูปที ๖- ๑๖ การยงิ ต่อเป้าหมายเป็ นแนวทีมคี วามลกึ ด้วยพลยงิ สองคน
๖-๖ การยงิ ต่อเป้าหมายในสภาพทัศนวสิ ัยจํากดั

พลยิง ปลก. จะประสบปัญหาในเรืองการคน้ หาและพสิ ูจนท์ ราบเป้าหมายในสภาพทศั นวสิ ยั
จาํ กดั รวมทงั ความสามารถในการควบคุมการยิงของ ผบ.หมู่ ก็จะลดลงดว้ ยเพราะเหตุนี ผบ.หมู่ อาจ
ตอ้ งทาํ การสอนใหพ้ ลยงิ ปลก. ทงั สองคนทาํ การยิงโดยไมต่ อ้ งใชค้ าํ สังยงิ เมือพลยงิ ตรวจการณ์พบ
เป้าหมายดว้ ยตนเอง

ก. พลยิงจะตอ้ งทาํ การยิงเมือตรวจการณพ์ บเป้าหมายเท่านนั นอกจากจะไดร้ ับคาํ สังใหป้ ฏิบตั ิ
เป็นอยา่ งอืน ตวั อยา่ งเช่น ถา้ พลยิงคนหนึงตรวจการณ์พบเป้าหมายและทาํ การยิงต่อเป้าหมายนนั ให้
พลยิงอีกคนหนึงตรวจการณ์ในพืนทีนนั และทาํ การยิงในพืนทีของตนหรือช่วยทาํ การยิง เฉพาะเมือ
ตรวจการณ์พบเป้าหมายหรือ ผบ.หมู่ ออกคาํ สงั ใหท้ าํ การยิง

ข. การใชก้ ระสุนส่องวถิ ีจะช่วยใหพ้ ลยงิ สามารถยิงถูกเป้าหมายในทศั นวิสยั จาํ กดั จึงควร
พยายามใชก้ ระสุนชนิดนีเท่าทีจะทาํ ได้ แต่ถา้ หากไมม่ ีเครืองช่วยต่างๆ พลยิงจะตอ้ งฝึ กทาํ การยิงใหต้ าํ
ในชุดแรก ๆ แลว้ ค่อยทาํ การปรับในชุดต่อไป เพือแกส้ ญั ชาตญาณในการยิงสูงกวา่ เป้าหมาย

ค. เมือใชพ้ ลยงิ สองคนหรือมากกวา่ ทาํ การยิงต่อเป้าหมายเป็นแนว เป้าหมายเป็นแนวทีมี
ความลึก หรือเป้าหมายทีมีความลึก พลยงิ เหล่านนั จะไมส่ ามารถยงิ ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพเหมือนกบั
การยิงในเมือทศั นวสิ ยั ดี เพราะในขณะทีทศั นวิสยั จาํ กดั นนั พลยิงยอ่ มไม่สามารถกาํ หนดจุดกึงกลาง
ของพืนทีเป้าหมาย หรือกาํ หนดปี กดา้ นใดดา้ นหนึงของทีหมายไดอ้ ยา่ งชดั เจน ดงั นนั พลยิงจะตอ้ ง
อาศยั การใชก้ ระสุนส่องวิถีช่วยกาํ หนดพืนทีเป้าหมาย

- ๑๕๒ -

ตอนที ๓
การยิงโดยมกี ารเตรียมการไว้ล่วงหน้า

การเตรียมการยิงล่วงหนา้ ทาํ ใหพ้ ลยิง ปลก. สามารถลาํ ดบั ความเร่งด่วนและกาํ หนดพืนที
เป้าหมายในสนามรบไวไ้ ดก้ ่อนล่วงหนา้ ผบ.หมู่ และพลยงิ จะพิจารณาภูมิประเทศและเลือกตาํ บลที
คาดวา่ ขา้ ศึกจะใชเ้ ป็นเสน้ ทางเคลือนทีเขา้ มา หรือตาํ บลทีขา้ ศึกน่าจะใชเ้ ป็นทีตงั ยงิ อาวุธประจาํ หน่วย
หรือตาํ บลทีขา้ ศึกจะใชเ้ ป็นแนวปรบั รูปขบวน พลยิง ปลก. จะไดร้ ับแบ่งมอบเขตการยิง และ ผบ.หมู่
จะชีแนวยิงฉากป้องกนั ขนั สุดทา้ ยและทิศทางการยิงหลกั ตลอดจนพืนทีเป้าหมายใหก้ บั พลยิงแต่ละ
คน การเตรียมการเช่นนีจะทาํ ใหพ้ ลยงิ สามารถยงิ ต่อเป้าหมายไดไ้ ดอ้ ยา่ งประสิทธิภาพ ทงั ในสภาพ
ทศั นวสิ ยั ดีและทศั นวิสัยจาํ กดั นอกจากนียงั ทาํ ให้ ผบ.หมู่สามารถควบคุมการยงิ ไดอ้ ยา่ งมี
ประสิทธิภาพ โดยใชเ้ วลานอ้ ยลงในการคน้ หาเป้าหมาย, การคาํ นวณหาระยะ และการเปลียนยา้ ยทิศ
ทางการยิง ผบ.หมู่ จะใชค้ าํ สังโดยยอ่ ประกอบกบั การบนั ทึกขอ้ มูลหลกั ฐาน จะทาํ ใหพ้ ลยงิ ทาํ การเลง็
และปรับการยิงไดอ้ ยา่ งรวดเร็วและแม่นยาํ เมือไดเ้ ลือกตาํ บลทีจะใชเ้ ป็นเป้าหมายหรือจุดอา้ งแลว้
กค็ วรทีจะทาํ การยิงตรวจสอบระยะระหว่างเป้าหมายและทีตงั ของปื นในเวลากลางวนั เพือยนื ยนั ความ
ถูกตอ้ ง แผ่นจดระยะจะเป็ นเครืองมือทีดียิงสาํ หรับการเตรียมการดงั กลา่ ว ตามปกติ ผบ.หมู่ จะมอบ
เขตการยิง ปลก. ๒ กระบอกใหค้ รอบคลุมกวา้ งดา้ นหนา้ ของหมู่
๖-๗ คาํ จาํ กัดความ

ในการเตรียมการยิงล่วงหนา้ นนั พลยงิ ปลก. จาํ เป็ นจะตอ้ งเขา้ ใจความหมายของศพั ท์
ต่าง ๆ ดงั นี

ก. เขตการยงิ เป็ นพืนทีทีถูกครอบคลุมดว้ ยการยิงทีไดม้ อบหมายใหท้ หารเป็นบุคคลหรือ

อาวธุ แต่ละกระบอก หรือหน่วยแต่ละหน่วย พลยิง ปลก. มกั จะไดร้ ับมอบเขตการยิงหลกั และเขตการ
ยิงรอง

ข. การยงิ ฉากป้องกนั ขันสุดท้าย เป็นฉากการยิงทีไดเ้ ตรียมการไวอ้ ยา่ งรวดเร็วทนั ทีเพือทาํ
การหยุดยงั ทาํ ใหเ้ กิดความเสียหาย และทาํ ลายกาํ ลงั ของขา้ ศึกทีกาํ ลงั จะเคลือนทีผา่ นแนวตงั รับ หรือ
พืนทีตงั รับ เขตรบั ผิดชอบตามทีไดร้ ับมอบหมาย

ค. แนวยงิ ฉากป้องกนั ขันสุดท้าย เป็นแนวทีเตรียมการไวโ้ ดยใชก้ ารยิงกวาดเพือหยดุ ยงั การ
เขา้ ตีของขา้ ศึก เมือไดร้ ับสญั ญาณยิงฉากป้องกนั ขนั สุดทา้ ย พลยิง ปลก. จะตอ้ งปรบั การยงิ ไป ณ
ตาํ บลนนั เวน้ เสียแต่วา่ จะกาํ ลงั ทาํ การยิงเป้าหมายอืน แนวยิงฉากป้องกนั ขนั สุดทา้ ยจะเป็นส่วนหนึง
ของการยงิ ฉากป้องกนั ขนั สุดทา้ ยของหน่วย แนวยิงฉากป้องกนั ขนั สุดทา้ ยจะถูกกาํ หนดไวด้ ว้ ยทิศทาง
และมุมสูง ; แต่อยา่ งไรกต็ ามจะตอ้ งมีการปรับการยิงเลก็ นอ้ ย เพือป้องกนั มิใหข้ า้ ศึกใชก้ ารคลาน
หรือใชภ้ ูมิประเทศอบั กระสุน หรืออาจเกิดจากการทีขาทรายของปื นจมลงไปในพืนดินทีอ่อน ซึง
พลยิงตอ้ งใชก้ ารปรับการยงิ เพือชดเชย พลยิงจะตอ้ งทาํ การยงิ ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพไม่วา่ ทศั นวิสยั
จะเป็ นเช่นใดก็ตาม

- ๑๕๓ -

ง. ทศิ ทางการยิงหลกั เป็นทิศทางการยิงทีมอบใหพ้ ลยงิ เป็นลาํ ดบั แรก เพือจะคุม้ ครองพืนที
ทีมีพืนการยิงดี และน่าจะเป็ นเสน้ ทางการเคลือนทีของหน่วยเดินเทา้ ของขา้ ศึกทิศทางการยิงหลกั ยงั
จะตอ้ งใหก้ ารสนบั สนุนช่วยเหลอื หน่วยขา้ งเคียง พลยิงจะตอ้ งปรับการยงิ และปรับศูนยต์ ามทิศ
ทางการยงิ หลกั ถา้ ไม่ไดม้ ีการมอบแนวสุดทา้ ยไว้ เมือไดร้ บั มอบทิศทางการยงิ หลกั ไวแ้ ลว้ และยงั ไม่
มีการยงิ ต่อเป้าหมายอืน พลยิงจะตงั ปื นไวต้ ามทิศทางการยิงหลกั ทิศทางการยงิ หลกั จะมีลกั ษณะ
ดงั ต่อไปนี

๑) จะใชก้ ็ต่อเมือไม่ไดร้ บั มอบหมายแนวยิงฉากป้องกนั ขนั สุดทา้ ย ทิศทางการยิงหลกั นี
จะกลายเป็นส่วนของการยงิ ฉากป้องกนั ขนั สุดทา้ ยของหน่วย

๒) ถา้ เป้าหมายมีความกวา้ ง ใหก้ าํ หนดทศิ ทางโดยเลง็ ไปทีขอบดา้ นใดดา้ นหนึงของ

พืนทีเป้าหมายแลว้ บนั ทึกจาํ นวนการยิงกราดทางขา้ งทีตอ้ งใชเ้ พือใหค้ รอบคลุมเป้าหมายทงั หมด
๓) พลยิง ปลก. จะตอ้ งรับผดิ ชอบพืนทีรูปลิมจากปากลาํ กลอ้ งปื นไปจนถึงเป้าหมาย แต่

อาจจะตอ้ งใชก้ ารตรึงมุมสูงไวเ้ พือการยิงเป้าหมายบางชนิด
จ. การยงิ กวาด แนวยงิ ฉากป้องกนั ขนั สุดทา้ ย จะสามารครอบคลมุ พืนทีไดม้ ากทีสุดดว้ ยการ

ยิงกวาด การยิงกวาดนนั สามารถใชไ้ ดก้ บั พืนทีหลายแบบไปจนถึงระยะ ๖๐๐ เมตร เพือใหไ้ ดม้ าซึง

การยงิ กวาดซึงมีระยะไกลออกไปในพืนทีทีเป็นพืนทีทีเรียบเสมอ หรือพืนทีทีเป็นลาด ใหพ้ ลยิงตงั
ศูนยห์ ลงั ทีระยะ ๖๐๐ เมตร แลว้ เลือกตาํ บลใดตาํ บลหนึงในภูมิประเทศทีคาดวา่ อยู่ในระยะ ๖๐๐
เมตร จากอาวธุ ปื น จากนนั ทาํ การเลง็ , ยงิ และปรับทีตาํ บลนนั เพอื ป้องกนั มิใหข้ า้ ศึกสามารถใชก้ าร
คลานเขา้ มาภายใตก้ ารยงิ กวาดใหพ้ ลยงิ ทาํ การยงิ กราดทางลึก (ลงมาทางดา้ นล่าง) โดยใชก้ ารยิงใน
ลกั ษณะทีกดปากลาํ กลอ้ งของปื นดว้ ยวิธีการแยกขอ้ ศอกทงั สองขา้ งใหห้ ่างออกจากกนั ปากลาํ กลอ้ ง
ของปื นก็จะเลือนตาํ ลง

ฉ. พืนทีอบั กระสุน การกาํ หนดการยงิ กวาดลงบนแนวยิงฉากป้องกนั ขนั สุดทา้ ย อาจจะไม่
สามารถทาํ การยงิ เป้าหมายซึงอยใู่ นภูมิประเทศบางแห่งได้ เช่น พืนทีตาํ หรือพืนทีทีเป็นหลุมเป็นบอ่
เป็นตน้ พืนทีดงั กล่าวแลว้ นนั เรียกวา่ “พืนทีอบั กระสุน” พืนทีและขอบเขตของพืนทีอบั กระสุน
อาจจะกาํ หนดได้ ๒ ทางคือ

๑) ดว้ ยการเดินออกไปยงั แนวยงิ ฉากป้องกนั ขนั สุดทา้ ยภายหลงั จากในทีมนั ไดว้ างปื น
ทางทิศและทางระยะแลว้ พลประจาํ ปื นคนหนึงออกเดินไปยงั แนวดงั กล่าวแลว้ พร้อมกบั ทีพลยิงมอง
ลอดผา่ นศูนยอ์ อกไป ขณะใดทีเอวของทหารทีเดินลดตาํ ลงกวา่ แนวเสน้ เลง็ ของพลยิงพืนทีอบั กระสุน
จะอยตู่ รงนนั

๒) ดว้ ยการตรวจการยิง จากการตรวจการแล่นของกระสุนส่องวถิ ีทางดา้ นหลงั หรือจาก
ทางปี กของทีตงั ยงิ อาจจะกาํ หนดพืนทีอบั กระสุนได้

ช. การควบคมุ การยงิ พืนทีเป้าหมายทีไดม้ ีการกาํ หนดไวล้ ่วงหนา้ จะทาํ การยงิ ตามคาํ สงั ของ
ผบ.หมู่ หรือตาม รปจ. ทีกาํ หนดไว้ สัญญาณทีใชเ้ ป็นคาํ สงั การยิงนีจะบ่งอยู่ในคาํ สังการตงั รับ การ
ควบคุมการยงิ ต่อพืนทีเป้าหมายทีไดม้ ีการกาํ หนดไวล้ ่วงหนา้ นีอาจใชแ้ ขนและมือสญั ญาณ คาํ สังดว้ ย

- ๑๕๔ -
เสียง หรือพลสุ ัญญาณ พลยงิ ปลก. จะทาํ การยงิ ไดท้ ีแนวยิงฉากป้องกนั ขนั สุดทา้ ย หรือทาํ การยิงไปยงั
ทิศทางการยงิ หลกั โดยใชอ้ ตั ราการยิงต่อเนือง จนกวา่ จะมีคาํ สงั หรือสญั ญาณใหท้ าํ การยงิ ดว้ ยอตั รา
ความเร็วทีสูงกวา่ และเมือทาํ การยิงต่อเป้าหมายทีเลือกไวแ้ ลว้ อืน ๆ จะใชจ้ งั หวะการยงิ ต่อเนือง
จนกวา่ จะไดร้ ับคาํ สังเปลียนแปลง

ซ. เขตการยงิ หลกั เป็ นพืนทีทีจะตอ้ งถูกควบคุมดว้ ยทหารเป็ นบุคคลหรือหน่วยโดยใชก้ ารยงิ
ของอาวธุ

ด. เขตการยงิ รอง เป็ นพืนทีเช่นเดียวกบั ทีกลา่ วไวใ้ นขอ้ ซ. แตจ่ ะใชก้ ็ต่อเมือทหารหรือหน่วย
ทหารไดถ้ ูกยา้ ยไปอยู่ ณ ทีตงั แห่งใหม่
๖-๘ แผ่นจดระยะ

แผ่นจดระยะแบบมาตรฐาน จะประกอบดว้ ยขอ้ มูลสาํ หรับการยิงทีถูกบนั ทึกไว้ เพือช่วยใน
การวางแผนการยิงในการตงั รับ กลา่ วคือ ช่วยในการควบคุมการยิงและทาํ ใหส้ ามารถทาํ การยิงต่อ
เป้าหมายในพืนทีทีไดเ้ ตรียมการไวล้ ่วงหนา้ แลว้ นอกจากนียงั ใชส้ าํ หรับประมาณระยะไปยงั เป้าหมาย
อืน ๆ ภายในพืนทีการยิงหรือเขตการยงิ พลยิง ปลก. แตล่ ะคนจะตอ้ งจดั ทาํ แผ่นจดระยะขึน ๒ ชุด
ชุดหนึงสาํ หรับใชภ้ ายในทีตงั ยิงของตนเอง และอีกชุดหนึงมอบใหก้ บั ผบ.หมู่ ซึง ผบ.หมู่ จะนาํ ไปใช้
ในการจดั ทาํ แผนการยิงของตน การทาํ แผน่ จดระยะนนั จะตอ้ งรีบกระทาํ โดยทนั ทีทีเขา้ ยดึ ครองพืนที
และมีการปรับปรุงเพิมเติมอยา่ งต่อเนือง แผ่นจดระยะจะมีรายละเอียดดงั นี

 สญั ลกั ษณ์ของอาวธุ ยงิ (รูปที ๖-๑๗)
 เขตการยิง
 ทิศทางการยิงหลกั หรือ แนวยงิ ฉากป้องกนั ขนั สุดทา้ ย
 ระยะ, มุมภาคทศิ เหนือ และลาํ ดบั หมายเลขสาํ หรับเป้าหมายทีเตรียมการยิงไว้
 พืนทีอบั กระสุน
 ระยะ และมุมภาคทิศเหนือจากจดุ อา้ งทีทราบแลว้ หรือพิกดั กริดหมายเลข ๘ ตวั
(จุดอา้ งสาํ หรับ ปลก.)
 ลูกศรชีทิศเหนือ
 ช่องตารางสาํ หรบั กรอกขอ้ มูลต่าง ๆ

รูปที ๖-๑๗ สัญลกั ษณ์ทางทหารของอาวธุ กล

- ๑๕๕ -

ก. ลําดบั ขันในการปฏิบตั ิ ใหว้ าง ปลก. ในตาํ แหน่งการใชข้ าทรายใหอ้ ยใู่ นท่าพร้อมทาํ การยิง
เขียนภาพสญั ลกั ษณข์ อง ปลก. โดยใหป้ ลายลกู ศรชีไปในทิศทางทีคาดว่าน่าจะปรากฏเป้าหมายทีเป็ น

อนั ตรายมากทีสุดในเขตการยิง
๑) ถา้ ไดร้ ับมอบแนวยิงฉากป้องกนั ขนั สุดทา้ ย ใหพ้ ลยงิ เลง็ อาวธุ ตรงไปในทิศทางของ

แนวยิงฉากป้องกนั ขนั สุดทา้ ย ซึงอาจจะเป็นเขตการยงิ ทางดา้ นซา้ ยสุดหรือขวาสุดของเขตการยงิ ก็ได้
ในการกาํ หนดจุดจาํ กดั เขตนีขึน ใหพ้ ลยิงปักหลกั ลงตรงขอบดา้ นหลงั ของขาทราย และปักอีกหลกั
หนึงของดา้ นนอกของพานทา้ ยปื น จากนนั ใหป้ รับทิศทางการเลง็ ของอาวธุ ไปยงั จุดจาํ กดั เขตการยิง

อีกดา้ นหนึง แลว้ ปักหลกั ลงตรงหลงั ขาทรายอีกขา้ งหนึง และดา้ นนอกของพานทา้ ยปื นอีกหลกั หนึง
ก็จะไดเ้ ขตการยิงประกอบดว้ ยแนว

๒) ถา้ ไม่ไดร้ บั มอบแนวยงิ ฉากป้องกนั ขนั สุดทา้ ย ใหพ้ ลยิงทาํ การกาํ หนดจุดจาํ กดั เขต
การยิงทางซา้ ยและขวาขึนในลกั ษณะเดียวกนั แลว้ ปรับการเลง็ ของอาวธุ ไปในทิศทางการยงิ หลกั

โดยการใชไ้ มห้ ลกั ปักลงทางดา้ นซา้ ยและดา้ นขวาของขาทราย เมือจะทาํ การยงิ ไปในทิศทางหลกั ให้
พลยิงจดั แนวปื นใหเ้ ป็นไปในทิศทางการยงิ หลกั โดยใหข้ าทรายถูกบงั คบั ไวด้ ว้ ยไมห้ ลกั ดงั กลา่ ว

๓) ในการกาํ หนดระยะไปเป้าหมายต่าง ๆ ในเขตการยงิ นนั พลยิงจะตอ้ งมนั ใจวา่ วงกลม
แต่ละวงทีไดเ้ ขียนไวใ้ นแผน่ จดระยะนนั จะแทนระยะทุก ๑๐๐ เมตร (ยกเวน้ วงกลมแรก) ทงั นี
เนืองจากระยะใกลท้ ีสุดทีตงั ปื นเพือทาํ การยงิ คือ เริมที ๓๐๐ เมตร ดงั นนั วงกลมวงแรกกค็ ือระยะ
๓๐๐ เมตร ใหพ้ ลยิงเขียนตวั เลขกาํ กบั ลงในแผน่ จดระยะในตอนหลกั ฐานวา่ วงกลมแต่ละวงมคี ่า ๑๐๐
เมตร ในตอนบนของแผ่นจดระยะนนั พลยิงจะเขียนเขตการยงิ ทางซา้ ยสุดหรือขวาสุดจากทีตงั ปื นไป

จนถึงระยะยงิ หวงั ผลสูงสุดของ ปลก.
๔) ถา้ ไดม้ กี ารมอบแนวยิงฉากป้องกนั ขนั สุดทา้ ยให้ ปลก. ใหพ้ ลยงิ ทาํ การเขียน

สญั ลกั ษณข์ อง ปลก. ลงไปตามทิศทางของแนวดงั กลา่ ว (ซา้ ยสุดหรือขวาสุด) (รูปที ๖ – ๑๘)
๕) ต่อไปจะเป็นการกาํ หนดแนวยิงกวาด โดยใชก้ ารแรเงารูปสีเหลียมดาํ ทึบลงทางดา้ น

ในของแนวยงิ ฉากป้องกนั ขนั สุดทา้ ย
๖) ถา้ หากมีบริเวณทีเป็นตาํ บลอบั กระสุนในทิศทางแนวยงิ ฉากปอ้ งกนั ขนั สุดทา้ ยก็ให้

พลยิงเวน้ ช่องวา่ งไวใ้ นระหวา่ งรูปสีเหลียมดาํ นนั

๗) ใหพ้ ลยิงบนั ทึกระยะใกลส้ ุด และไกลสุดของตาํ บลพืนทีอบั กระสุนไวเ้ หนือทิศทาง
ของแนวยงิ ฉากป้องกนั ขนั สุดทา้ ย และทิศทางการยิงกวาดก็จะเป็นทิศทางตามแนวดงั กล่าว

๘) พลยิงจะตอ้ งวดั มมุ ภาคทิศเหนือ แลว้ บนั ทึกไวท้ างดา้ นล่างของรูปสีเหลียมดาํ
๙) ถา้ ไดม้ ีการมอบทศิ ทางการยิงหลกั ใหก้ บั พลยงิ พลยิงจะตอ้ งเขียนรูปสญั ลกั ษณข์ อง
ปลก. ไวต้ รงกึงกลางของจดุ จาํ กดั เขตการยงิ ทางดา้ นซา้ ยและขวา และกาํ หนดใหล้ ูกศรชีไปในทิศ

ทางการยิงหลกั นนั (รูปที ๖-๑๙)

- ๑๕๖ -
๑๐) ต่อจากนนั พลยิงจะเขียนจุดจาํ กดั เขตการยงิ ทางดา้ นซา้ ยและขวาของเขตการยงิ รอง
โดยใชเ้ ส้นประ(-------) ส่วนพืนทีทีอยรู่ ะหวา่ งเขตการยิงหลกั และเขตการยิงรองก็จะเป็นตาํ บลพืนที
อบั กระสุน
๑๑) ในช่องทิศเหนือใหพ้ ลยงิ เขียนลูกศรแสดงแนวทิศเหนือแมเ่ หลก็ เอาไว้ (มุมบนทาง
ดา้ นขวา)
๑๒) การกาํ หนดทีตงั ยิงของอาวธุ กลนนั พลยงิ จะกาํ หนดไดโ้ ดยสงั เกตจากภูมิประเทศ
เด่นชดั ทีปรากฏในแผนที แลว้ ใชก้ ารวดั มุมภาคทิศเหนือจากภูมิประเทศนนั มายงั ทีตงั ของอาวธุ กล
หรือทีตงั ปื นนนั
๑๓) ลากเสน้ เชือมต่อระหวา่ งทีตงั อาวธุ กลและภูมิประเทศเด่นชดั นนั โดยใชเ้ สน้ ตรง
ประกอบเครืองหมายรูปกา้ งปลา แลว้ บนั ทึกมุมภาคทิศเหนือกาํ กบั ไว้
๑๔) ถา้ หากไม่สามารถหาภูมิประเทศเด่นชดั ได้ กใ็ หก้ าํ หนดพกิ ดั ทีตงั ยิงโดยใชพ้ ิกดั
หมายเลข ๘ ตวั แลว้ บนั ทึกไวด้ า้ นลา่ งของทีตงั ยิงในแผน่ จดระยะนนั
๑๕) ในช่องวา่ งทางมุมซา้ ยบน ใหเ้ ขียนนามหน่วย (หม่,ู หมวด, กองร้อย) ไวจ้ ากนนั ให้
เขียนหมายเลขของพลยิง (กระบอกที ๑ หรือ ๒) และวนั เดือนปี ในช่องบนของส่วนบนั ทึกขอ้ มูลและ
เพือผลในการ รปภ. พลยงิ จะต้องไม่เขียนนามหน่วยทีมีระดับสูงกว่ากองร้อยลงไปในแผ่นจดระยะ
๑๖) ใหพ้ ลยงิ คน้ หาและกาํ หนดจดุ อา้ งทีจะใชเ้ ป็นเป้าหมายต่าง ๆ แลว้ เขียนรูปแทนจุด
อา้ งหรือตาํ บลทีใชอ้ า้ งเหลา่ นนั ลงในเขตการยงิ เป้าหมายในเขตการยงิ หลกั ใหเ้ ขียนไวด้ ว้ ยหมายเลข
ลอ้ มรอบดว้ ยวงกลม เมือไดร้ ับมอบแนวยิงฉากป้องกนั ขนั สุดทา้ ยทิศทางของแนวยิงฉากนีจะชีตรงไป
ยงั เป้าหมายเลข ๑ เสมอ ส่วนเป้าหมายอืนให้กาํ หนดหมายเลขตามลาํ ดบั ความเร่งด่วนและอนั ตรายที
เกิดขึน
๑๗) พลยิงจะตอ้ งคาํ นวณหาระยะทางไปยงั จุดทีใชเ้ ป้าหมายแต่ละจุด แลว้ บนั ทึกไวใ้ น
ส่วนบนั ทึกขอ้ มูล
๑๘) สาํ หรบั เป้าหมายในเขตการยิงรอง ก็ใหพ้ ลยงิ ปฏิบตั ิในลกั ษณะเดียวกนั แต่ไมต่ อ้ ง
บนั ทึกหลกั ฐานไวใ้ นส่วนบนั ทึกขอ้ มูล ใหบ้ นั ทึกไวบ้ ริเวณภาพวาดของเป้าหมายนนั ๆ
๑๙) ในส่วนบนั ทึกขอ้ มลู จะมีเฉพาะขอ้ มูลหลกั ฐานของเป้าหมายในเขตการยิงหลกั
เทา่ นนั

๒๐) สาํ หรับเป้าหมายทงั ในเขตการยิงหลกั และรอง ใหพ้ ลยงิ เขียนหลกั ฐานของไมห้ ลกั ที
ใชก้ าํ หนดเป็ นหลกั เลง็ ไวใ้ นช่องสาํ หรับวาดภาพดว้ ย

ข. การใช้อุปกรณ์ประเภทหลกั เลง็ เมือจะตอ้ งวางพืนการยิงของ ปลก.เอม็ .๒๔๙ ต่อเป้าหมาย
ทีเตรียมการเลือกไวล้ ่วงหนา้ พลยิงสามารถใชอ้ ุปกรณ์ประเภทหลกั เล็งโดยใชก้ ารแสวงเครืองจาก
วสั ดุตา่ ง ๆ ในสนาม เพอื ช่วยในการยิงตอ่ เป้าหมายเหลา่ นนั ได้

- ๑๕๗ -
๑) พลยิงอาจเลือกใชไ้ มง้ า่ ม หรือหลกั บากเป็นร่อง (รูปที ๖-๒๐) เพือช่วยในการยงิ ต่อ
เป้าหมายทีเตรียมการเลือกไวล้ ่วงหนา้ ภายในเขตการยิง หรือเพือใชก้ าํ หนดจาํ กดั เขตการยิงของตน
วธิ ีการนียอ่ มไดผ้ ลในทุกสภาพทศั นวิสยั และตอ้ งการวสั ดุเพิมเติมเพยี งเลก็ นอ้ ย
๒) ใหพ้ ลยงิ ฝังไมง้ ่ามหรือหลกั บากไวล้ งไปในพืนดิน โดยกาํ หนดใหม้ ีทิศทางไปยงั
เป้าหมายทีตอ้ งการหรือจุดจาํ กดั เขต แลว้ นาํ พานทา้ ยปื นวางพาดไปบนไมง้ ่ามหรือร่องบากนนั
ต่อจากนนั ใหป้ รบั การยิงไปยงั เป้าหมายทีตอ้ งการ หรือจดุ จาํ กดั เขต
หมายเหตุ : ถา้ ไม่สามารถหาไมง้ ่ามหรือไมห้ ลกั ได้ พลยงิ อาจนาํ เอาเสาเต็นทม์ าใชแ้ ทนได้
โดยใชเ้ สาเตน็ ทท์ งั หมด ๔ เสา สาํ หรับเขตการยงิ ทางดา้ นซา้ ยและเขตการยิงทางดา้ นขวา และตอ้ งใช้
เสาเต็นทเ์ พิมเติมสาํ หรับพืนทีเป้าหมาย พลยิงฝังเสาเต็นทล์ งไปในดิน โดยทาํ เสา ๒ ตน้ เป็นรูป
กากบาทแทนไมง้ ่ามหรือหลกั ทีบากไว้
๓) เพือใหก้ ารควบคุมการยงิ เป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ ใหพ้ ลยิงฝังหมดุ เต็นทล์ งไปใน
ดิน ทงั ดา้ นหนา้ และหลงั ของขาทราย เพือใหส้ ามารถหมุนปื นไปทางซา้ ยหรือขวา โดยปล่อยใหเ้ ทา้
ขาทรายหมนุ ไปได้ ในขณะทีพานทา้ ยเลือนไปจากรอยบากหรือหลกั ไปอีกหลกั หนึง (รูปที ๖-๒๐)

รูปที ๖-๑๘ แนวยงิ ฉากป้องกนั ขันสุดท้าย

- ๑๕๘ -
รูปที ๖ – ๑๙ ทศิ ทางยงิ หลกั
รูปที ๖-๒๐ เทคนคิ ของการยงิ เป้าหมายทเี ลือกไว้ล่วงหน้า
โดยใช้ไม้ง่ามหรือหลกั บากเป็ นร่อง

- ๑๕๙ -

ตอนที ๔
การควบคุมการยงิ

การควบคุมการยิง หมายรวมถึง การปฏิบตั ิของ ผบ.หมู่ และพลยิง ในการวางแผน, เตรียมการ
และใชก้ ารยิงเพอื ใหถ้ ูกเป้าหมาย ผบ.หมู่ จะเป็ นผูเ้ ลือกและกาํ หนดเป้าหมายไวล้ ่วงหนา้ รวมทงั เลือก
จุดกึงกลางและปี กของเป้าหมาย(ซา้ ยหรือขวา) หรือปลายสุดของเป้าหมาย นอกเสียจากวา่ สิงตา่ ง ๆ
เหล่านนั พลยิงสามารถมองเห็นไดอ้ ยา่ งชดั เจน พลยิงจะตอ้ งรับผดิ ชอบในอนั ทีจะเปิดฉากการยิงใน
เวลาและจงั หวะทีเหมาะสม นอกจากนียงั จะตอ้ งปรับการยิงและรกั ษาจงั หวะการยงิ ใหค้ งที, ยา้ ยการยิง
จากเป้าหมายหนึงไปยงั อีกเป้าหมายหนึง และหยดุ ยิง เมือพลยิงไดท้ าํ การยงิ ต่อเป้าหมายใดกต็ าม
พลยิงจะตอ้ งดาํ รงการยงิ อยา่ งต่อเนืองจนกวา่ เป้าหมายจะถกู ทาํ ลายหรือจนกวา่ ผบ.หมู่ สงั การให้
หยดุ ยงิ
๖-๙ วธิ ีการควบคมุ การยงิ

ในสภาพการรบยอ่ มเตม็ ไปดว้ ยเสียงรบกวนและความวนุ่ วายสบั สน ซึงจะทาํ ใหว้ ธิ ีการ
ควบคุมเป็นไปดว้ ยความยากลาํ บาก ดงั นนั ผบ.หมู่ จึงตอ้ งเลือกใชว้ ิธีการใดวิธีการหนึง หรือใชห้ ลาย
วิธีผสมกนั เพือควบคุมการยิงใหบ้ รรลุภารกิจ

ก. การใช้เสียงสังการ วธิ ีนีนบั วา่ เป็นวธิ ีง่าย ๆ ทีใชไ้ ดผ้ ล แต่ในบางโอกาส ผบ.หมู่ อาจจะอยู่

ไกลจากพลยงิ มากเกินไป หรือมีเสียงรบกวนต่าง ๆ ในสนามรบอาจทาํ ใหก้ ารสังการไม่ไดผ้ ล การใช้
เสียงสงั การนีเป็ นวธิ ีทีนิยมใชใ้ นการออกคาํ สงั ยิงในตอนเริมตน้

ข. การใช้สัญญาณแขนและมือ เป็ นวธิ ีการทีใชไ้ ดผ้ ลในกรณีทีพลยิงสามารถมองเห็น ผบ.หมู่
พลยิง ปลก. ทุกคนจะตอ้ งรูแ้ ละเขา้ ใจความหมายของสญั ญาณแขนและมือเป็นอยา่ งดี ผบ.หมู่จะตอ้ ง

ใหพ้ ลยิงมองมาที ผบ.หมู่ จากนนั กช็ ีไปยงั เปา้ หมาย เมือพลยิงส่งสญั ญาณกลบั มาวา่ พร้อมแลว้ ผบ.หมู่

จึงออกคาํ สงั ยงิ
ค. สัญญาณทนี ดั หมายกนั ไว้ล่วงหน้า ซึงอาจเป็นไดท้ งั สัญญาณและเสียงสญั ญาณ เช่น พลุ

สญั ญาณ, เสียงนกหวีด หรือกระสุนส่องวิถี สัญญาณต่าง ๆ เหล่านีจะตอ้ งถูกระบุบอกไวใ้ น รปจ.
และพลยิงจะตอ้ งมคี วามเขา้ ใจเป็นอยา่ งดี

ง. การติดต่อด้วยบุคคล ในหลาย ๆ สถานการณ์ ผบ.หมู่ จาํ เป็ นตอ้ งออกคาํ สังโดยตรงกบั ตวั
พลยิง ผบ.หน่วยทหารขนาดเลก็ มกั จะตอ้ งใชว้ ธิ ีการนีบ่อยครัง ซึง ผบ.หน่วยจะตอ้ งใชก้ ารกาํ บงั และ
การซ่อนพรางใหม้ ากทีสุดเพือไม่ใหเ้ ปิ ดเผยทีตงั ของพลยิง ปลก. และตวั ผบ.หมู่ เอง

จ. ระเบียบปฏบิ ตั ปิ ระจํา รปจ. คือการปฏิบตั ิของพลยงิ ทีจะตอ้ งเป็นไปอยา่ งอตั โนมตั ิโดยไม่
ตอ้ งรอคาํ สงั จาก ผบ.หมู่ ซึงกาํ ลงั พลในหมู่จะไดม้ โี อกาสฝึ กและพฒั นาในเรืองนี ในขณะฝึ กเป็นหมู่
นนั เอง การใช้ รปจ. จะเป็นการลดคาํ สังการทียดื เยือและทาํ ใหง้ ่ายต่อการควบคุมของ ผบ.หมู่ ในการ
ทีจะใหพ้ ลยงิ ปฏิบตั ิไดอ้ ยา่ งมประสิทธิภาพ ดงั ตวั อยา่ งต่อไปนี

- ๑๖๐ -
๑) การตรวจการณ์ พลยิงจะตอ้ งตรวจการณใ์ นเขตการยงิ ของตนอยา่ งต่อเนืองตลอดเวลา
๒) การยงิ พลยิงสามารถเปิ ดฉากการยิงต่อเป้าหมายทีปรากฏขึนในเขตการยงิ ของตนได้
ทนั ที โดยไมต่ อ้ งรอคาํ สัง
๓) การตรวจสอบ ในขณะทาํ การยงิ นนั พลยิงจะตอ้ งคอยหมนั ตรวจสอบกบั ผบ.หมู่ วา่
จะเปลียนแปลงวธิ ีการ หรือสังการเพิมเติมอยา่ งไรบา้ ง
๔) การยิงโตต้ อบ พลยิง ปลก. สามารถยงิ โตต้ อบการยิงของขา้ ศึกไดโ้ ดยไม่ตอ้ งรอคาํ สงั

โดยเลือกยิงโตต้ อบอาวุธกลของขา้ ศึก
๕) การยา้ ยการยงิ พลยงิ สามารถยา้ ยการยิงไปยงั เป้าหมายทีมีอนั ตรายมากกวา่ เมือ

เป้าหมายนนั ปรากฏ โดยไม่ตอ้ งรอคาํ สงั
๖) อตั ราการยิง เมือทาํ การยิงต่อเป้าหมายทีปรากฏ พลยิงจะตอ้ งใชอ้ ตั ราการยิงทีพอเพียง

เพือทาํ การยิงข่ม และใหม้ ีอาํ นาจการยิงเหนือขา้ ศึก
๗) การสนบั สนุนซึงกนั และกนั เมือใช้ ปลก. ๒ กระบอก หรือมากกวา่ ทาํ การยงิ ตอ่

เป้าหมายเดียวกนั นนั ถา้ หากเป็นกระบอกหนึงจาํ เป็นตอ้ งหยดุ การยงิ ชวั คราว ใหป้ ื นอีกกระบอกหนึง

เพิมอตั ราการยงิ และทาํ การยิงต่อเป้าหมายนนั ใหท้ วั ตลอดทงั เป้าหมาย ส่วนในกรณีทีใชป้ ื นเพยี ง
กระบอกเดียวทาํ การยิงต่อเป้าหมาย และอีก ๒ กระบอกหรือทีเหลอื อยใู่ นสภาพเตรียมพรอ้ ม ปื นที
เหลือทีไม่ไดท้ าํ การยงิ นนั จะตอ้ งทาํ การเลง็ ตามไปทีเป้าหมายดงั กลา่ วเพือทีจะสามารถทาํ การยงิ ได้
ทนั ที ในโอกาสทีปื นอีกกระบอกหนึงนนั จาํ เป็นตอ้ งหยดุ ยงิ เนืองจากเกิดเหตุติดขดั หรือบรรจุกระสุน
ใหม่ ทงั นีเพือป้องกนั มิใหเ้ ป้าหมายหลุดรอดจากการโจมตีไปได้

ฉ. แผ่นจดระยะ เมือใชว้ ิธีการควบคุมการยิงวิธีนี ผบ.หมู่ จะตอ้ งมนั ใจวา่ แผน่ จดระยะทุก
แผน่ มีความถูกตอ้ งสมบูรณ์ ผบ.หมู่ อาจจะใชก้ ารมอบความรับผิดชอบต่อเป้าหมายใดเป้าหมายหนึง
ต่อปื นกระบอกใดกระบอกหนึงเป็นการแน่นอน หรือใชเ้ ขตจาํ กดั การยิง หรือใชค้ าํ สังยิง ผบ.หมู่ อาจ
กาํ หนดเขตหา้ มยิง หรือเขตจาํ กดั การยิงใหก้ บั ปื นกระบอกอืน ๆ เพือมิใหก้ ารยิงตอ้ งเกิดการซาํ ซอ้ น
หรือเป็นอนั ตรายต่อฝ่ายเดียวกนั ปัจจยั สาํ คญั ของการใชก้ ารควบคุมวิธีนีก็คือ พลยิง ปลก. จะตอ้ งมี

วินยั ดีเยยี มและสนใจในรายละเอียดของคาํ สังการ
๖-๑๐ หวั ข้อคําสังยิง

คาํ สงั ยิงสาํ หรับอาวุธยงิ ดว้ ยวิธีการเลง็ ทุกชนิด ยอ่ มมแี บบของคาํ สงั ตามหวั ขอ้ ต่าง ๆ
คลา้ ยคลึงกนั คาํ สงั ยิงของ ปลก. มีหวั ขอ้ คาํ สังอยู่ ๖ หวั ขอ้ ดว้ ยกนั ไม่วา่ จะใชค้ าํ สงั หรือความหมายใน
คาํ สงั โดยการใชว้ ิธีการควบคุมหนึงหรือมากกวา่ หนึงวธิ ี ในระหวา่ งการฝึ ก พลยิง ปลก. จะตอ้ งทวน
คาํ สงั ทุก ๆ หวั ขอ้ ของคาํ สงั ยิงทีไดส้ งั ออกมา เพือหลกี เลียงมิใหเ้ กิดการสบั สนและเพือฝึ กพลประจาํ
ปื นใหเ้ กิดความคิดและกระทาํ ตามขนั ตอนอยา่ งถูกตอ้ ง หวั ขอ้ คาํ สังยิงทงั ๖ หวั ขอ้ มีดงั นี คาํ สงั เตือน,

ทิศทาง, ลกั ษณะทีหมาย, ระยะยิง, วธิ ีการยิง และคาํ สังเริมยงิ
ก. คาํ สังเตือน หวั ขอ้ คาํ สงั ยงิ นี มีไวเ้ พือเตือนใหพ้ ลยงิ พรอ้ มทีจะรับคาํ สงั ตอ่ ไป ผบ.หมู่

อาจจะใหค้ าํ สงั เตือนแก่พลยงิ ปลก. ทงั ๒ กระบอก หรือเพียงกระบอกเดียวกไ็ ดย้ อ่ มขึนอยกู่ บั

- ๑๖๑ -

สถานการณ์ทางยทุ ธวธิ ีในขณะนนั คาํ สงั เตือนทีใหด้ ว้ ยวาจาประกอบดว้ ยคาํ วา “พลยิงปื นเลก็ กล”
ซึงเป็นการเรียกเพอื เตือนพลยิงวา่ ไดม้ ีการตรวจพบเป้าหมายแลว้ จะใหเ้ ตรีมการทีจะทาํ การยงิ ตอ่
เป้าหมายทีตรวจพบ

ข. ทศิ ทาง หวั ขอ้ คาํ สงั ยงิ ขอ้ นี บ่งถึงทิศทางทวั ๆ ไปของเป้าหมาย และ ผบ.หมู่ อาจบอกหรือ

ถ่ายทอดคาํ สงั ดว้ ยวิธีเดียวหรือวธิ ีผสมกไ็ ด้ ดงั นี
๑) บอกดว้ ยวาจา ผบ.หมู่ บอกทิศทางของเป้าหมาย โดยถือความสมั พนั ธ์ระหวา่ ง

เป้าหมายทีเกิดขึนกบั ทีตงั ยิงของปื น
๒) บอกดว้ ยการชี ผบ.หมู่ สามารถบอกทิศทางของเป้าหมายทีเลก็ หรือปกปิ ดกาํ บงั ดว้ ย

การชี ดว้ ยแขน หรือใชป้ ื นเลง็ ตรงไปยงั เป้าหมายนนั เมือทาํ การชีดว้ ยแขนให้ทหารยืนขา้ งหลงั แลว้
มองขา้ มผา่ นไหลเ่ ลง็ ตามแนวแขนออกไปยงั ปลายนิวชีจนถึงเป้าหมาย เมือใชเ้ ลง็ ดว้ ยปื นไปยงั
เป้าหมาย ให้ทหารมองผา่ นศูนยป์ ื นออกไปเพือใหเ้ หน็ เป้าหมาย

๓) บอกดว้ ยการใชก้ ระสุนส่องวถิ ี วิธีนีเป็ นวธิ ีการทีรวดเร็วและแน่นอนวิธีหนึงเพือ
กาํ หนดทิศทางของเป้าหมายซึงมองเห็นไม่ค่อยชดั เจน เมือใชว้ ิธีนี ผบ.หมู่ ควรบอกทิศทางทีจะทาํ การ
ยิงชนั ตน้ ใหพ้ ลยงิ เพง่ ดูไปยงั พืนที ทีตอ้ งการยงิ เสียก่อน เพือใหจ้ ะทาํ ใหเ้ สียผลในการจู่โจมนอ้ ยทีสุด
การยงิ กระสุนส่องวิถีนี ผบ.หมู่ ไม่ควรจะยงิ จนกวา่ จะไดใ้ หค้ าํ สังอืนทุกหวั ขอ้ แลว้ ยกเวน้ เพียงคาํ สงั
เริมยงิ เท่านนั เมือใชว้ ิธีนีบอกเป้าหมาย ผบ.หมู่ จะใชอ้ าวธุ ประจาํ กายของตนยงิ กระสุนส่องวถิ ีออกไป
ซึงจะเป็ นการปฏิบตั ิขนั สุดทา้ ยและเป็นสญั ญาณเปิ ดฉากการยงิ

หมายเหตุ : ทหารจะตอ้ งระมดั ระวงั เมือปฏิบตั ิการในเวลากลางคืน การมองทีกระสุนส่องวถิ ี

หลาย ๆ นดั อาจจะทาํ ใหข้ ีดความสามารถในการมองเห็นในเวลากลางคืนลดนอ้ ยลงไป
ตวั อยา่ ง : พลยิงปื นเลก็ กล
ตรงหนา้
หา้ รอ้ ย
คอยดูแนวกระสุนส่องวิถีของขา้ พเจา้
(แลว้ ยิงออกไป)
๔) บอกดว้ ยตาํ บลหลกั หรือจะอา้ งการบอกทิศทางของเป้าหมายอีกวิธีหนึงสาํ หรับ

เป้าหมายทีมีความปกปิ ดกาํ บงั กค็ ือ การเลือกใชต้ าํ บลหลกั ทีเหน็ ไดง้ ่ายเป็นจุดอา้ ง ผบ.หมู่ และพลยงิ
จะตอ้ งทาํ ความคุน้ เคยกบั ลกั ษณะภูมิประเทศและการใชถ้ อ้ ยคาํ ใหถ้ ูกตอ้ ง (รส.๒๑-๒๖) ในเมอื ทาํ การ
ใชจ้ ุดอา้ ง คาํ วา่ “จุดอา้ ง” จะตอ้ งบอกในคาํ สงั แลว้ ตามดว้ ยคาํ วา่ “เป้าหมาย” เพือบอกลกั ษณะของ
เป้าหมาย ทีทาํ เช่นนีเพือหลีกเลยี งและป้องกนั การสับสน นอกจานีควรจะบอกทิศทางทวั ไปของจดุ
อา้ งดว้ ย

ตวั อยา่ ง : พลยิงปื นเลก็ กล
ตรงหนา้
จุดอา้ ง : หลุมบคุ คลปิ ด , กึงกลางเป้าหมาย

- ๑๖๒ -

เป้าหมาย : ทหารขา้ ศึก
หนึงร้อย
สีร้อย

ยงิ
(บางครังจุดอา้ งอาจจะอยนู่ อกพืนทีเป้าหมาย)
ตวั อยา่ ง : พลยิงปื นเลก็ กล
ตรงหนา้
จุดอา้ ง : หลุมบคุ คลปิ ด, ทางขวา ๔ นิวมือ , กึงกลางเป้าหมาย

เป้าหมาย : ทหารขา้ ศึก

หนึงร้อย
สามร้อย
ยงิ กราดทางลึก
ตามคาํ สงั ขา้ พเจา้
ยิง
(ในบางครัง เป้าหมายตอ้ งระบุถึงจดุ อา้ งซอ้ น เช่นตวั อยา่ ง)
ตวั อยา่ ง : พลยิงปื นเลก็ กล ชุด ก.
ขา้ งหนา้ ทางขวา
จุดอา้ ง : บา้ งหลงั คาแดง ทางซา้ ยของกองฟางทีอยทู่ างซา้ ยของโรงนา

เป้าหมาย : ทีตงั ยงิ ปื นกล
(การใชน้ ิวมือวดั ยอ่ มสามารถนาํ มาใชเ้ พือใหพ้ ลยิงไดพ้ ิจารณาวดั ดา้ นขวาหรือ
ซา้ ยของจุดอา้ ง)
ตวั อยา่ ง : พลยิงปื นเลก็ กล
ขา้ งหนา้ ทางซา้ ย
จุดอา้ ง : สีแยกถนนไปทางขวา ๔ นิวมือ
เป้าหมาย : ทหารขา้ ศึกเป็นกลมุ่
ค. ลกั ษณะของเป้าหมาย เป็นการบรรยายภาพของเป้าหมายใหพ้ ลยิงเกิดมโนภาพ พลยิงตอ้ ง
เรียนรูแ้ บบต่าง ๆ ของเป้าหมายเพือทีจะไดท้ าํ การยงิ ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ผบ.หมู่ ควรจะอธิบายอยา่ งสนั ๆ
แต่ไดค้ วามหมายครอบคลุม แต่ถา้ เป้าหมายนนั อยใู่ นทีปกปิ ดกาํ บงั กไ็ ม่จาํ เป็นตอ้ งอธิบายลกั ษณะ
เป้าหมาย
ง. ระยะยงิ ผบ.หมู่ จะตอ้ งประมาณระยะยิงและบอกใหพ้ ลยิงรับรู้เสมอ เพือใหพ้ ลยิงไดม้ อง
ตรวจการณ์ดูวา่ เป้าหมายมีระยะไกลเท่าใด และจะไดร้ ู้ทนั ทีวา่ ควรจะตงั ศูนยป์ ื นทีศูนยห์ ลงั ในระยะยิง
เท่าใด ระยะยงิ ทีทาํ การตรวจดูนนั จะตอ้ งบอกเป็นเมตร ในเมือหน่วยไดใ้ ชก้ ารวดั มาตรฐานเป็นเมตร

- ๑๖๓ -
อยแู่ ลว้ คาํ วา่ เมตรก็ไม่ตอ้ งใชส้ ังสาํ หรบั ปลก. ระยะยงิ ทีหาไดแ้ ลว้ ตอ้ งสงั เป็นจาํ นวนร้อยและจาํ นวน
พนั (เช่น สามร้อย หรือ หนึงพนั )

ตวั อยา่ ง : พลยิงปื นเลก็ กล

ตรงหนา้
จุดอา้ ง : รถถงั ทถี ูกทาํ ลาย , ทางซา้ ย ๒ นิวมือ
เป้าหมาย : ทหารขา้ ศึกเป็นกลุ่ม
สามร้อย
จ. วธิ ีการยงิ หวั ขอ้ คาํ สงั ยิงขอ้ นีหมายรวมถึงการปฏิบตั ิต่อปื น และการจดั จงั หวะการยิง การ
ปฏิบตั ิต่อปื นนนั คือ การแบ่งประเภทการยิงโดยใชป้ ื นเป็นเกณฑ์ โดยใชค้ าํ สังดงั นี : ยงิ เฉพาะตาํ บล ,
ยิงกราดทางขา้ ง, ยงิ กราดทางลึก หรือ ยงิ กราดผสม อตั ราการยงิ หรือจงั หวะการยงิ นนั ใชส้ งั เพอื
ควบคุมปริมาตรการยิง (ยิงต่อเนือง, ยิงเร็ว และยงิ เร็งสูงสุด) ตามปกติแลว้ พลยิงจะใชจ้ งั หวะการยิง
ต่อเนือง แต่ ผบ.หมู่ อาจจะกาํ หนดจงั หวะการยงิ ไวใ้ นหัวขอ้ คาํ สังยิง การยงิ ของ ปลก. จะยงิ เป็นชุด ๆ
ละ ๓ นดั แต่สาํ หรับเป้าหมายในระยะ ๔๐๐ เมตรขึนไป พลยงิ อาจจะตอ้ งใชก้ ารยิงชุดละ ๕ ถึง ๗ นดั
เพือใหต้ าํ บลกระสุนตกมีปริมาตรหนาแน่นเพียงพอ
ตวั อยา่ ง : พลยิงปื นเลก็ กล

ตรงหนา้
จุดอา้ ง : รถถงั ทถี ูกทาํ ลาย ,ทางซา้ ย ๒ นิวมือ
เป้าหมาย : ทหารขา้ ศึกเป็ นกลุ่ม
สามร้อย
ยงิ กราดทางขา้ ง
ฉ. คําสังเริมยงิ ถา้ ตอ้ งการผลในการยิงแบบจู่โจม ผบ.หมู่ จะตอ้ งออกคาํ สังยิงเพือให้กระสุน

ตกบริเวณเป้าหมายหรือสงั การให้ ปลก. ทงั ๒ กระบอกเปิ ดฉากการยงิ พรอ้ มกนั เพือใหบ้ งั เกิดผล
ผบ.หมู่ อาจเพิมเติมคาํ สังเริมยิงดว้ ยคาํ วา่ “ตามคาํ สงั ขา้ พเจา้ ” หรือ “ตามสัญญาณจากขา้ พเจา้ ” เมือ
พลยิงพร้อมทีจะทาํ การยิงกจ็ ะรายงานว่า “พร้อม” ผบ.หมู่จะใหค้ าํ สัง “เริมยงิ ” ในเวลาทีตอ้ งการ

ตวั อยา่ ง : พลยิงปื นเลก็ กล
ตรงหนา้
ทหารขา้ ศึกเป็นกลุม่

สีร้อย
ตามคาํ สงั ขา้ พเจา้ หรือตามสัญญาณจากขา้ พเจา้ (แลว้ หยุดรอจนกวา่ พลยิงจะ
พร้อมและทาํ การยิงไดต้ ามโอกาสทีตอ้ งการ)
ยงิ (โดยใชส้ ัญญาณตามทีนดั หมายไว)้
ถา้ ความตอ้ งการการยิงในทนั ที, คาํ สังเริมยิงจะถูกสงั ตามโดยไมเ่ วน้ ช่วง และพลยงิ ปลก.

จะตอ้ งทาํ การยิงโดยเร็วทีสุดในทนั ทีทีพรอ้ ม

- ๑๖๔ -
ช. คําสังยงิ ต่อมา คาํ สงั ยิงนีใชเ้ พือปรับการยงิ ทงั ทางทิศและทางระยะ หรือเปลียนแปลงอตั รา

การยิง เมือการยิงไดผ้ ลตามตอ้ งการแลว้ เพือยิงรบกวน หรือ เพือทาํ ลายการเตรียมของขา้ ศึก ถา้ พลยิง
ไมส่ ามารถยิงใหถ้ ูกเป้าหมายได้ ผบ.หมู่ ตอ้ งพยายามแกไ้ ขโดยออกคาํ สงั หรือใหส้ ญั ญาณแกไ้ ขตาม
ตอ้ งการ ในเมือไดร้ ับคาํ สงั การแกไ้ ขแลว้ พลยิงจะตอ้ งปรับปื นแลว้ ทาํ การยิงต่อไปโดยไมต่ อ้ งรอฟัง

คาํ สงั ใด ๆ อีก
๑) คาํ สงั ยิงต่อมาเพือปรับการยิงทงั ทางทิศและทางระยะ สาํ หรับ ปลก. นนั จะบอกเป็น

เมตรเสมอ ; อาจใชน้ ิว ๑ นิว แทนระยะ ๑ เมตรกไ็ ด้ การปรับทางทิศนนั จะตอ้ งกระทาํ ก่อน
ตวั อยา่ งเช่น : ขวาหนึงศูนยเ์ มตร (๑๐ เมตร) หรือซา้ ยหา้ เมตร จากนนั จึงค่อยปรับทางระยะ เช่น : ขวา
หนึงศูนยเ์ มตร (๑๐ เมตร) หรือซ้ายหา้ เมตร จากนนั จึงค่อยปรบั ทางระยะ เช่น : เพิมหา้ เมตร หรือ ลด
หนึงห้าเมตร (๑๕ เมตร) คาํ สังเหล่านีอาจใชก้ ารออกคาํ สังดว้ ยวาจา หรือใชส้ ญั ญาณแขนและมือกไ็ ด้

๒) การสงั ใหเ้ ปลียนแปลงอตั ราการยงิ หรือจงั หวะการยงิ นนั ใชไ้ ดท้ งั การสงั ดว้ ยวาจา
และการใชส้ ญั ญาณแขนและมือ

๓) การสังใหห้ ยดุ ยิงนนั ผบ.หมู่ คงใชค้ าํ สงั วา่ “หยุดยิง” หรือใชส้ ญั ญาณทีไดน้ ดั หมาย
ไว้ พลยิงหยดุ ทาํ การยิงแต่ยงั คงอยใู่ นท่าเตรียมพรอ้ มทีจะยิงต่อไปเมือไดร้ ับคาํ สงั ยงิ

๔) ในการสงั ใหเ้ ลิกเตรียมพร้อมนนั ผบ.หมู่ ใชค้ าํ สังวา่ “หยดุ ยงิ , จบภารกิจ”
ซ. คําสังยงิ ทีมีการสงสัยและการแก้ไข เมือพลยิงเกิดสงสัยในคาํ สงั บางตอน ใหร้ ีบถาม
กลบั ไปยงั ผบ.หมู่ โดยใชป้ ระโยค “ ทวนซาํ ระยะ, เป้าหมาย” ผบ.หมู่ จะสงั ซาํ วา่
“คาํ สงั คือ............” แลว้ ทวนระยะ , เป้าหมายใหพ้ ลยงิ ทราบ จากนนั จึงสงั การต่อไป

๑) ถา้ หาก ผบ.หมู่ไดส้ ังการไปแลว้ และมีคาํ สงั ในตอนใดเกิดผดิ พลาด กใ็ หแ้ กไ้ ขโดยใช้
คาํ บอกคาํ สงั วา่ “แกไ้ ข” แลว้ สังการแกไ้ ขต่อไป

ตวั อยา่ ง : พลยิงปื นเลก็ กล
ตรงหนา้

ทหารขา้ ศึก
หกร้อย
แก้ไข

สามร้อย
ยิงกราดทางขา้ ง
ตามคาํ สงั ขา้ พเจา้
๒) ถา้ หาก ผบ.หมู่ สงั การผิดพลาดในส่วนหลงั ของขอ้ ความ กใ็ หแ้ กไ้ ขโดยใชค้ าํ วา่
“แกไ้ ข” แลว้ สงั การซาํ ทงั ส่วนของขอ้ ความ
ตวั อยา่ ง : ซา้ ยหา้ เมตร, ลดหนึงเมตร
แก้ไข

ซา้ ยหา้ เมตร, ลดหนึงร้อยเมตร

- ๑๖๕ -
ด. คําสังยงิ แบบย่อ บางครังคาํ สังยิงก็ไม่จาํ เป็นตอ้ งใชแ้ บบสมบรู ณ์ทงั หมด เพือใหก้ ารยิงมี
ประสิทธิภาพ ในสภาพการรบ ผบ.หมู่ อาจใชก้ ารสงั การเฉพาะส่วนทีจาํ เป็นเพือใหก้ ารยงิ
ครอบคลุมลงไปบนเป้าหมายโดยไมส่ บั สน ส่วนในระหวา่ งการฝึกนนั ผบ.หมู่ ควรสงั การใหค้ รบทุก
ส่วนเพือฝึ กนิสยั ของพลยิงไดร้ ู้จกั การลาํ ดบั ความคิด และปฏิบตั ิตามคาํ สังในการยิงไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง

ภายหลงั ทีไดฝ้ ึ กปฏิบตั ิตามคาํ สังแบบเตม็ จนไดผ้ ลแลว้ พลยิงควรจะตอ้ งไดร้ ับการฝึ กใหส้ ามารถ
ปฏิบตั ิตามคาํ สังแบบยอ่ โดยใชว้ ธิ ีใดวธิ ีหนึงต่อไปนี

๑) คาํ สงั ดว้ ยวาจา เมือ ผบ.หมู่ ตอ้ งการใหพ้ ลยิง ปลก. ทาํ การยงิ ไปยงั ทีตงั ปื นกลของฝ่ าย
ขา้ ศึก

ตวั อยา่ ง : พลยิงปื นเลก็ กล ชุดยิง ก.
ปื นกล

สีร้อย
ยงิ
๒) สญั ญาณแขนและมือ เสียงตา่ ง ๆ ทีเกิดขึนในสนามรบ อีกทงั ระยะห่างระหวา่ งพลยงิ
กบั ผบ.หมู่ อาจบงั คบั ให้ตอ้ งใชก้ ารสังการและควบคุมการยิง โดยการใชส้ ญั ญาณแขนและมอื
(รูปที ๖ – ๒๑) เมือตอ้ งการใหพ้ ลยิงเพียงคนเดียวเท่านนั ปฏิบตั ิตามคาํ สังยิง ผบ.หมู่ จะตอ้ งส่ง
สญั ญาณใหพ้ ลยงิ ปลก. คนนันรู้ล่วงหนา้ ก่อนทีจะส่งสญั ญาณเป็นคาํ สังยิงต่อไป สญั ญาณแขนและ
มือต่อไปนีเป็ นแบบทีนิยมใชก้ นั ทวั ไป
ก) พร้อมยงิ พลยงิ ส่งสญั ญาณให้ ผบ.หมู่ รู้วา่ พร้อมโดยตะโกนคาํ ว่า “พร้อม” หรือ

ใหท้ หารคนทีอยใู่ กล้ ๆ นนั ยกมือหรือแขนขึนเหนือศีรษะชีตรงไปยงั ผบ.หมู่
ข) เริมยงิ หรือเปลียนจังหวะการยงิ ผบ.หมู่ นาํ มือของตนมาอยทู่ างดา้ นหนา้ ของ

ลาํ ตวั (ควาํ ฝ่ ามือลง) ในระดบั บนั เอว แลว้ โบกมือไปมาในระดบั บนั เอวนนั ในการสงั การใหเ้ พิม
ความเร็วในการยงิ ให้ ผบ.หมู่ โบกมือไปมาเร็วขึน ; ในทางตรงกนั ขา้ ม ถา้ ตอ้ งการใหล้ ดความเร็วใน
การยิง ผบ.หมู่ ก็จะโบกมือไปมาชา้ ลง

ค) การเปลยี นทางทิศหรือทางระยะ ผบ.หมู่ เหยียดแขนและมือตรงไปยงั ทิศทางที

ตอ้ งการ และชูนิวมือแสดงจาํ นวนทีตอ้ งการเปลียนแปลงทางทิศหรือทางระยะนัน ผบ.หมู่ จะตอ้ งแยก
นิวมือจากกนั เพอื แสดงใหพ้ ลยิงไดเ้ ห็นจาํ นวนทีชดั เจน แต่ละนิวมือจะมีค่าเท่ากบั การเปลียนแปลง
๑ เมตร แต่ถา้ จาํ นวนทีตอ้ งการเปลียนแปลงมีมากกวา่ ๕ ก็ให้ ผบ.หมู่ ใชก้ ารแสดงนิวมอื ใหม้ ากกวา่
๑ ครัง เพอื ใหจ้ าํ นวนรวมตามทีตอ้ งการ ตวั อยา่ งเช่น ตอ้ งการใหเ้ ปลียนทางทิศเป็นระยะทาง ๙ เมตร
ผบ.หมู่ จะตอ้ งชูนิวมือแสดงถึง ๒ ครัง ครังแรก ๕ นิว และครังทีสองอีก ๔ นิว รวมเป็น ๙ นิว

ง) การสงั ใหห้ ยุดยิง ผบ.หมู่ ยกแขนและมือขึน (หนั ฝ่ ามอื ออกนอกตวั ) ไวต้ รง
ดา้ นหนา้ ของหนา้ ผาก แลว้ ลดมือลงอยา่ งรวดเร็ว

- ๑๖๖ -
จ) สัญญาณอืน ๆ ผบ.หมู่ สามารถกาํ หนดนดั แนะสญั ญาณเพือควบคุมการยิงของ
ปลก. โดยกาํ หนดรายละเอียดปลีกยอ่ ยของการใชส้ ญั ญาณแขนและมือ ตาม รส. ๒๑-๖๐ วา่ ดว้ ย
ทศั นสญั ญาณ พ.ศ.๒๕๑๒

พลยิงตะโกนคาํ วา่
“ พร้อม ”

พลยิงตะโกนคาํ วา่
“ พร้อม ”

รูปที ๖-๒๑ ก
ทศั นสัญญาณ หรือลักษณะท่าทางทีบ่งบอกว่าพลยงิ พร้อมยิง

- ๑๖๗ -

จงั หวะในการโบกมือไปมาดา้ นขา้ งลาํ ตวั ใชใ้ นการควบคุม หรือจงั หวะการยงิ
รูปที ๖-๒๑ ข

ทศั นสัญญาณให้ เริมยงิ หรือเปลยี นจังหวะการยงิ

- ๑๖๘ -

เปลียนทิศทางยงิ ไปขา้ งหนา้ (ทางลึก) ๕ เมตร

เปลียนทศิ ทางยิงไปทางซา้ ย ๕ เมตร
รูปที ๖-๒๑( ค )

ทศั นสัญญาณให้เปลียนแปลงการยงิ ทางทิศ/ระยะ(ยงิ ด้วยขาทราย )

- ๑๖๙ -
รูปที ๖-๒๑ (ง )
ทศั นสัญญาณให้หยดุ ยงิ

- ๑๗๐ -

ตอนที ๕
การประมาณหาระยะ

ในขณะทาํ การรบ เราไม่อาจทราบระยะทางทีแทจ้ ริงไดท้ ุกครังไป ทศั นวสิ ยั ทีไม่ดีและพืนผวิ
ทีไม่ราบเรียบจะทาํ ใหก้ ารตรวจการณแ์ ละปรบั การยิงเป็นไปอยา่ งยากลาํ บาก ดงั นนั การกะระยะจึงมี
ความสาํ คญั อยา่ งยิงสาํ หรับการยิงทีแม่นยาํ การกะระยะและการวดั ระยะทางขา้ งเป็ นวิธีการ ๒ วิธี ใน

การประมาณหาระยะทีไดใ้ กลเ้ คียงความเป็นจริง
๖-๑๑ การกะระยะ

การกะระยะ เป็นการปฏิบตั ิเพอื หาระยะระหวา่ งทีตงั ปื นกบั เป้าหมาย หรืออาจจะเป็นทีตงั ปื น
กบั ลกั ษณะภมู ิประเทศสาํ คญั พลยงิ ปลก. จะตอ้ งสามารถหาระยะยิงเพือทาํ การตงั ศูนยไ์ ดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
และยิงไดถ้ ูกเป้าหมายดว้ ยกระสุนชุดแรก

ก. การกะระยะไดอ้ ยา่ งแม่นยาํ นนั ไมเ่ พียงแต่จะมีผลกบั การฝึ กพลแม่นปื นเทา่ นนั แต่ยงั จะมี

ผลต่อการรายงานข่าวสาร และการปรับการยิง ป. และ ค. อกี ดว้ ย (ตารางที ๖-๑)

ตาราง ๖-๑ ปัจจยั ทีมผี ลกระทบต่อการหาระยะยงิ

ปัจจยั ทจี ะตอ้ งพจิ ารณา ปัจจยั ทที าํ ใหก้ ะระยะไดน้ ้อย ปัจจยั ทที าํ ใหก้ ะระยะไดม้ าก
ในการกะระยะดว้ ยตา กว่าความเป็ นจริง กว่าความเป็ นจริง

๑. เป้าหมาย : - เมือมองเห็นเป้าหมายทงั หมดได้ - เมือเห็นเป้าหมายแต่เพยี ง
เห็นเด่นชดั ตลอดจน อยา่ งชดั เจนและแสดงขอบเขต บางส่วนหรือของเป้าหมายรอบ ๆ
ขอบเขตและ อยา่ งชดั เจน ไดเ้ พยี งเลก็ นอ้ ย

รายละเอยี ด

๒. ธรรมชาติของ - เมือมองขา้ มทีลุ่ม เป้าหมาย - เมือมองขา้ มทีลุ่ม เป้าหมาย
ภูมปิ ระเทศหรือ ส่วนมากอยใู่ นทีอบั สายตา ทงั หมดมองเห็นชดั เจน
ทีตงั ของผูต้ รวจ - เมือมองจากทีสูงลงมาทีตาํ เมือมองจากทีตาํ ขึนทสี ูง
การณ์ - เมือมองตรง ๆ ไปยงั ถนนวา่ งหรือ - เมือมองไปยงั ช่องทางแคบ ๆ
ทางรถไฟ จาํ กดั เช่น ถนน ตามซอกหรือ
- เมือมองขา้ มพืนทีราบเรียบ เชน่ ทางเดนิ ในป่ า
พืนนาํ หิมะ ทะเลทราย หรือนาขา้ ว

๓. แสงสว่างและ - ในแสงสว่างแจ่มใส หรือ เมือพระ - ในขณะแสงสว่างมืดมวั เช่น
บรรยากาศ อาทติ ยส์ ่องแสงอยทู่ างหลงั รุ่งสาง ยาํ คาํ ฝนตก หรือเมือพระ
ผตู้ รวจการณ์ อาทิตยส์ ่องนยั นต์ าของ
- เมือเป้าหมายตดั กบั ฉากหลงั ผตู้ รวจการณ์
- เมือมองเหน็ ในบรรยากาศ - เมือเป้าหมายกลมกลืนกบั ฉากหลงั
ทีแจ่มใสของความสูงมาก ๆ

- ๑๗๑ -
ข. การกะระยะมีอยดู่ ว้ ยกนั หลายวธิ ี ซึงรวมทงั การวดั จากระยะในแผนที, การหาระยะดว้ ยวิธี
เดินนบั กา้ ว และการใชก้ ลอ้ งวดั ระยะ แต่อยา่ งไรกต็ าม พลยิง ปลก. ยอ่ มไม่มีแผนทีหรือกลอ้ งวดั ระยะ
ติดตวั ไปดว้ ยตลอดเวลา พลยงิ จะสามารถใชว้ ิธีนบั กา้ วไดก้ ต็ ่อเมือในสถานการณ์นนั ไมม่ ขี า้ ศึกอยใู่ น
พืนทีใกลเ้ คียง การใชก้ ระสุนยงิ ไปเพือทดสอบหาระยะก็ไม่คอ่ ยเป็นทีนิยมใช้ ทงั นีเพราะอาจทาํ ให้
เปิ ดเผยทีตงั ตอ่ ฝ่ ายขา้ ศึก ดงั นนั พลยิงจึงจาํ เป็นตอ้ งใชว้ ธิ ีการทีไมต่ อ้ งอาศยั เครืองมือพิเศษ และไม่
เป็นการเปิ ดเผยทีตงั ของตน ซึงมอี ยู่ ๒ วิธีการกค็ ือ : การจดจาํ ลกั ษณะปรากฏของเป้าหมายและการกะ
ระยะหน่วยหลกั ๑๐๐ เมตร

๑) วิธีการจดจาํ ลกั ษณะปรากฏของเป้าหมาย วิธีนีเป็นการกะระยะโดยการจาํ ขนาดและ

ลกั ษณะรายละเอียดของเป้าหมาย
ก) วธิ ีการนีเป็นวธิ ีง่าย ๆ ทีมกั จะใชก้ นั บ่อยครังมากในชีวิตประจาํ วนั ตวั อยา่ งเช่น

เมือพลขบั รถจะแซงรถคนั อืน ก็จะตอ้ งใชก้ ารคาดคะเนว่ารถทีกาํ ลงั แล่นสวนมาในฝังตรงขา้ มอยไู่ กล
เทา่ ใด พอจะแซงพน้ หรือไม่ การคาดคะเนหรือการกะระยะกค็ ือ การใชก้ ารสงั เกตและจดจาํ ขนาดของ
รถทีกาํ ลงั จะแล่นสวนมานนั เอง กลา่ วคือ สมมุติวา่ พลขบั สามารถจาํ ขนาดของรถทวั ไปไดว้ ่าจะมี
ขนาดเลก็ กวา่ ไฟหนา้ ประมาณ ๑ ซม. เมือมองเห็นดว้ ยสายตาในระยะ ๑ กม. เมือ พลขบั คนนนั
มองเห็นรถทีมีขนาดดงั กล่าวกาํ ลงั วงิ สวนทางมาขา้ วหนา้ ก็จะยอ่ มรู้ไดท้ นั ทีวา่ รถคนั นนั อยู่ห่างจากตวั
เขาประมาณ ๑ กม. เทคนิคเดียวกนั นี พลยิง ปลก. กส็ ามารถนาํ ไปใชไ้ ดใ้ นสนามรบ กลา่ วคือ พลยิง
จะตอ้ งสามารถจดจาํ ขนาดและรูปร่างของคน หรือยุทโธปกรณต์ า่ ง ๆ ไดใ้ นระยะทีแน่นอน เมือคน
หรือยทุ โธปกรณ์นนั ปรากฏขึนในขนาดทีจาํ ไดใ้ นระยะหนึงพลยงิ ก็สามารถคาดคะเนไดท้ นั ทีวา่ เป็น

ระยะใด

ข) เพือใหก้ ารนาํ เอาเทคนิคการกะระยะแบบนีไปใชใ้ หไ้ ดผ้ ลถูกตอ้ ง พลยิงจะตอ้ งรู้
และสังเกตจดจาํ ถึงรายละเอยี ดต่าง ๆ ของเป้าหมายทีปรากฏขึนในแต่ละระยะ เช่น พลยงิ ตอ้ งสงั เกต
รายละเอียดต่าง ๆ ของเป้าหมายทีเป็นรูปคนยืนในระยะ ๑๐๐ เมตร แลว้ จดจาํ ไว้ จากนนั ใหส้ งั เกต
รายละเอียดต่าง ๆ ของเป้าหมายรูปคน ๆ เดียวกนั แต่เป็นท่านงั ในระยะเดียวกนั ท่านอนในระยะ
เดียวกนั แลว้ เปลียนระยะใหไ้ กลออกไปเรือย ๆ วิธีนีจะทาํ ใหพ้ ลยงิ สามารถกะระยะไดถ้ กู ตอ้ งใน
ภูมิประเทศทีแตกตา่ งกนั ออกไป ถา้ ตอ้ งการจะใหม้ ีประสิทธิผลมากยิงขึนกค็ วรใหพ้ ลยงิ ไดส้ งั เกต
และจดจาํ รายละเอียดของเป้าหมายทีเป็ นยทุ โธปกรณ์อืนในระยะต่าง ๆ กนั ดว้ ย อยา่ งไรกต็ าม วิธีนี
อาจใชไ้ มไ่ ดผ้ ลในภูมิประเทศทีไม่เออื อาํ นวยแก่การตรวจการณ์ (เพราะมีทศั นวสิ ยั จาํ กดั อนั เกิดจาก

สภาพอากาศ, ฝ่ ุน, ควนั และความมืด)
๒) วธิ ีการกะระยะหน่วยหลกั ๑๐๐ เมตร การใชว้ ิธีนีพลยิงตอ้ งมีความสามารถในการ

จดจาํ ระยะ ๑๐๐ เมตร ในสนามพลยิงตอ้ งจดจาํ ระยะหลกั เมตรนีไว้ และกะวา่ ระยะห่างระหวา่ งทีตงั
ปื นถึงทีหมายนี แบ่งเป็นระยะหลกั ๑๐๐ เมตรไดเ้ ท่าใด สาํ หรับระยะทางตงั แต่ ๕๐๐ เมตรลงมา
(รูปที ๖-๒๒) พลยิงจะใชว้ ธิ ีการกะระยะดงั กล่าวในขา้ งตน้ ได้ แต่สาํ หรับระยะทางทีไกลมากกวา่
๕๐๐ เมตรขึนไป (รูปที ๖-๒๓) ใหพ้ ลยิงเลอื กจุดกึงกลางระหวา่ งทางถึงเป้าหมาย แลว้ กะระยะไปยงั

- ๑๗๒ -
จุดกึงกลางดว้ ยวิธีใชห้ น่วยวดั เป็นหลกั ๑๐๐ เมตร เมือกะระยะไดเ้ ท่าใดแลว้ ใหเ้ อา ๒ คณู (การกะ
ระยะวิธีนีจะไม่มีความแน่นอนในระยะทีเกิน ๑๐๐ เมตรออกไป)

ก) ในระหวา่ งการฝึกนนั พลยิงจะตอ้ งไดร้ บั การฝึ กจนมีความคุน้ เคยต่อผลกระทบ
ของสภาพภูมิประเทศบางแห่งทีมีตอ่ การกะระยะเป็นหน่วยหลกั ๑๐๐ เมตร เช่น ภูมิประเทศซึงลาด
ขึนตรงไปยงั ทีหมายนนั ระยะ ๑๐๐ เมตร จะเห็นวา่ ยาวกวา่ บนพืนระดบั แต่บนพืนทีซึงลาดตรงไปยงั
ทีหมายนนั ระยะ ๑๐๐ เมตร จะใกลก้ วา่ บนพืนระดบั

ข) ประสิทธิผลของการใชก้ ารกะระยะหน่วยหลกั ๑๐๐ เมตรนนั ขึนอยกู่ บั การฝึ ก
อยา่ งต่อเนือง เมือทาํ การฝึ กวิธีนี พลยงิ ปลก. ควรจะไดม้ ีโอกาสเปรียบเทียบระหวา่ งการกะระยะดว้ ย
สายตา กบั การหาระยะดว้ ยการนบั กา้ ว หลาย ๆ ครัง วิธีการฝึ กทีถูกตอ้ งทีสุดกค็ ือ ใหพ้ ลยงิ ไดม้ ีโอกาส
เดินนบั กา้ ว ภายหลงั จากทีไดใ้ ชก้ ารกะระยะดว้ ยสายตาแลว้ ซึงจะเป็ นการเรียนรู้ และแกไ้ ขดว้ ยตวั
ของพลยิงเอง ดีกวา่ การแกไ้ ขจากการบอกของครูฝึ ก

รูปที ๖-๒๒
การกะระยะหน่วยหลกั ๑๐๐ เมตร ในระยะทาง ๕๐๐ เมตรลงมา

- ๑๗๓ -

รูปที ๖-๒๓
การกะระยะหน่วยหลกั ๑๐๐ เมตร ในระยะทาง ๘๐๐ เมตร
ค) ขอ้ จาํ กดั ของการกะระยะเป็นหน่วยหลกั ๑๐๐ เมตรนี กค็ ือ ความถูกตอ้ งและ
แม่นยาํ จะขึนอยกู่ บั สภาพของทศั นวสิ ยั ในขณะนนั ซึงในระยะไกลออกไปจะมผี ลมากยิงขึน
ตวั อยา่ งเช่น ถา้ เป้าหมายปรากฏขึนในระยะ ๕๐๐ เมตร หรือไกลกวา่ และพลยิงสามารถมองเห็นเพียง
บางส่วนของพืนดินจากทีตงั ปื นไปถงึ เป้าหมาย ในกรณีนีการใชก้ ารกะระยะเป็นหน่วยหลกั
๑๐๐ เมตร กจ็ ะไมม่ ีความถูกตอ้ งแม่นยาํ เท่าใดนกั
๓) การใชว้ ธิ ีการหลายวธิ ีผสมกนั ในสนามรบนนั สภาพการณ์ต่าง ๆ อาจไม่เอืออาํ นวย
ใหส้ ามารถใชว้ ธิ ีการกะระยะทงั ๒ แบบ ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ ดงั นนั พลยงิ ปลก. จึงอาจมีความ
จาํ เป็นตอ้ งใชว้ ิธีการทงั ๒ แบบนนั ผสมกนั ในสภาพการณท์ ีพลยิงไมส่ ามารถใชว้ ิธีการจดจาํ ลกั ษณะ
ปรากฏของเป้าหมาย ตวั อยา่ งเช่น พลยิงไม่สามารถมองเห็นภูมิประเทศตลอดเส้นทางไปถึงเป้าหมาย
ได้ แต่ก็ยงั มองเห็นภูมปิ ระเทศไดเ้ ป็ นบางส่วน และในขณะเดียวกนั พลยงิ ก็อาจมองเห็นเป้าหมายได้
ไมช่ ดั เจน เนืองจากอาจมีละอองฝน หรือละอองนาํ อยใู่ นอากาศ แต่กย็ งั พอมองเห็นขนาดได้
พอประมาณ และดว้ ยการนาํ วิธีการทงั ๒ วธิ ีมาผสมผสานกนั ดว้ ยประสบการณ์ พลยงิ ก็ยงั จะสามารถ
ประมาณระยะทางจากทีตงั ปื นไปยงั เป้าหมายไดใ้ กลเ้ คียงกบั ความเป็นจริง วิธีการทีจะลดขอ้ ผดิ พลาด
ลงใหไ้ ดม้ ากทีสุด กค็ ือการฝึ กฝนบ่อย ๆ นนั เอง

- ๑๗๔ -
๖-๑๒ การวดั ระยะทางข้าง

เพือใหก้ ารหาระยะยงิ ไดผ้ ลถูกตอ้ งยิงขึน พลยิงตอ้ งสามารถใชว้ ิธีการหาระยะทีรวดเร็วดว้ ย
การวดั ทางขา้ ง (ขวาหรือซา้ ย) โดยการวดั จากจุดอา้ งหรือตาํ บลหลกั ไปยงั เป้าหมาย พลยิงจะตอ้ งใช้
การวดั ดว้ ยนิวมือ โดยเหยยี ดแขนออกไปขา้ งหนา้ หนั ฝ่ ามือออก งอนิวมือเลก็ นอ้ ย และลอ็ คขอ้ ศอก
จากนนั ใหพ้ ลยงิ หลบั ตาขา้ งหนึง แลว้ ยกนิวชีขึนเลง็ ไปตามขอบ โดยวางขอบนิวตรงปี กของทีหมาย
หรือจดุ อา้ ง จดจาํ ช่องวา่ งทีเหลืออยรู่ ะหวา่ งจุด ๒ จดุ แลว้ ยกนิวมือวดั ต่อไปใหม่จนกระทงั เต็มครอบ
พืนทีวา่ งอนั นนั การวดั จากจุดอา้ งไปยงั ทีหมายหรือเป้าหมายจะได้ ๑ นิวมือหรือหลายนิวมือ
ยอ่ มขึนอยกู่ บั การยกนิวมือขึนมากีนิวจึงจะคลุมระยะทีตอ้ งการวดั ขอเนน้ วา่ นิวมือไมไ่ ดเ้ ป็นเครืองวดั
ทีเทียบกบั หน่วยในการวดั อืนใด

ตอนที ๖
การฝึ กพลยงิ ปื นเลก็ กลขันสูง

เพือพลยิง ปลก. ไดร้ ับการฝึ กฝนจนมีความเขา้ ใจอยา่ งถ่องแทใ้ นเรืองหลกั พืนฐาน ๔ ประการ
ของการยิง ปลก. ในทา่ นอนยิง และทา่ ยิงจากหลุมบุคคลแลว้ ขนั ต่อไปกค็ ือ การฝึ กการใชห้ ลกั
พืนฐาน ๔ ประการนี ในท่ายงิ ท่าอืน ๆ ต่อเป้าหมายทีมีการเคลือนไหวหรือมีลกั ษณะใกลเ้ คียงกบั
ความเป็ นจริ งในสนามรบ
๖-๑๓ การฝึ กยงิ ต่อเป้าหมายแบบอัตโนมัตใิ นสนามทราบระยะ

การฝึ กในขนั ตอนนี จะทาํ ให้พลยิงไดม้ โี อกาสฝึ กยงิ ต่อเป้าหมายลกั ษณะต่าง ๆ ในระยะ
ต่างกนั หลายระยะเพือใหม้ ีความคุน้ เคยกบั เงือนไขตา่ ง ๆ ทีจะเกิดขึนในสนามรบ

ก. ความมุ่งหมาย เพือใหไ้ ดท้ บทวนการใชห้ ลกั พืนฐานของการยงิ ปื น ๔ ประการ และเพิม
ประสิทธิภาพในการยิง โดยสรา้ งความเชือมนั ใหก้ บั พลยิงในอนั ทีจะยงิ ต่อเป้าหมายไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว
แม่นยาํ และใชป้ ริมาตรการยิงไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง

ข. การจดั หน่วยเพือทาํ การฝึ ก ก่อนเขา้ รับการฝึ กใหห้ น่วยนาํ ทหารเขา้ ทีรวมพล, ชีแจงให้
ทราบถึงความมุ่งหมาย, บรรยายสรุปถึงระเบียบปฏิบตั ิภายในสนาม และกฎการรักษาความปลอดภยั
จากนนั ใหผ้ ฝู้ ึ กจดั แบ่งพลยิงออกเป็นผลดั การยงิ ซึงแต่ละผลดั จะประกอบดว้ ยพลยงิ และคู่ฝึ ก
(สาํ หรบั ทหารทียงั ไม่เขา้ รับการฝึ กยิง จาํ เป็นตอ้ งจดั ให้มีการฝึ กยิงแหง้ หรือทบทวนขนั ตอนการ
ปฏิบตั ิก่อนการเขา้ สู่แนวยงิ )

ค. กระสุน การฝึ กในขนั ตอนนีตอ้ งการกระสุนขนาด ๕.๕๖ มม. ต่อกนั เป็นสาย จาํ นวน
๑๔๘ นดั (รวมทงั การยิงปรับศูนย)์ ต่อพลยงิ ๑ นาย พลยงิ จะตอ้ งทาํ การยิง ๒ ชุด ๆ ละ ๓ นดั ต่อ
เป้าหมาย ๑ เป้า

- ๑๗๕ -

ง. ลาํ ดบั การฝึ กยิง
๑) กจิ เฉพาะที ๑ การยงิ ปรับศูนยใ์ นระยะ ๓๐๐ เมตร, เป้าหุ่นยืนครึงตวั (เป้าเดียว) พลยิง

จะไดร้ ับจ่ายกระสุนคนละ ๑๒ นดั
๒) กจิ เฉพาะที ๒ การยงิ ในท่านอนและท่ายงิ ในหลุมบุคคล ใชข้ าทราย (เป้าหมายเป็น

จุด) ในระยะตา่ ง ๆ, เป้าหุ่นยืนครึงตวั (เป้าเดียว) เป้าจะปรากฏตามระยะ ๑๐๐, ๒๐๐, ๒๕๐, ๓๐๐ และ
๔๐๐ เมตร พลยิงจะไดร้ ับจา่ ยกระสุนคนละ ๓๐ นดั

๓) กจิ เฉพาะที ๓ การยิงต่อเป้าคู่ (หุ่นยืนครึงตวั ) ในระยะต่าง ๆ เป้าหมายทีเป็นเป้าคู่นีจะ

ใชแ้ ทนพลยิงอาวธุ กลของขา้ ศึก เป้าจะปรากฏในระยะ ๒๕๐, ๓๐๐, ๔๐๐, ๕๐๐ และ ๖๐๐ เมตร
พลยิงจะไดร้ ับจ่ายกระสุนคนละ ๔๖ นดั

๔) กจิ เฉพาะที ๔ การยงิ ต่อเป้ารูปหุ่นครึงตวั เรียงกนั เป็นแนวยาว (ทหารขา้ ศึกเป็นแนว)
ในระยะต่าง ๆ, เป้าหมายจะปรากฏทีระยะ ๓๐๐ และ ๖๐๐ เมตร พลยิงจะไดร้ ับจา่ ยกระสุนคนละ
๖๐ นดั

หมายเหตุ :
๑. เป้าหมายในระยะ ๖๐๐ เมตร ควรทาํ การยิงเป็นชุด ๆ ละ ๕ – ๗ นดั
๒. ผบ.หน่วย อาจจะบนั ทึกผลการยงิ ของพลยิงแต่ละคนเอาไว้ เพือพิจารณาขีด

ความสามารถ จดั ลาํ ดบั และพฒั นาการฝึ กก็ได้

ตาราง ที ๖-๒ ตารางยงิ ที ๔

กจิ เฉพาะ ระยะ เวลา กระสุน เป้า กระสุน ประเภทการยงิ
(เมตร) ต่อบุคคล (ธด.:สว.)

๑ ๓๐๐ ไม่จาํ กดั ๒๐ หุ่นยนื ครึงตวั ๔ : ๑ ปรับศูนย์ ชุดละ ๕ นดั

๒ ๑๐๐ ๖๐ วินาที ๓๐ หุ่นยนื ครึงตวั ๔ : ๑ ชุดละ ๓ นดั

๒๐๐ เดยี ว
๒๕๐

๓๐๐
๔๐๐

๓ ๒๕๐ ๑๒๐ วนิ าที ๔๖ หุ่นยนื ครึงตวั ๔ : ๑ ชุดละ ๓ นดั
๓๐๐ เดยี ว
๔๐๐
๕๐๐ ชุดละ ๗ นดั
๖๐๐ หุ่นยนื ครึงตวั คู่

๔ ๓๐๐ ๑๒๐ วนิ าที ๖๐ หุ่นยนื ครึงตวั เป็น ๔ : ๑ ชุดละ ๓ นดั
แนวยาว ห่างกนั
ตวั ละ ๑ เมตร
๖๐๐ ชุดละ ๗ นดั

- ๑๗๖ -
๖-๑๔ ท่ายงิ ทํานองรบ

พลยิง ปลก. จะตอ้ งเลือกใชท้ ่านอนยงิ หรือทา่ ยงิ จากหลุมบุคคลโดยใชข้ าทราย เพือใหก้ ารยงิ
มีประสิทธิภาพมากทีสุดถา้ สามารถกระทาํ ได้ แต่ในขณะเดียวกนั พลยงิ กม็ ีความจาํ เป็นทีจะตอ้ งเรียนรู้
และฝึ กฝนเพิมเติมในทา่ ยิงอืน ๆ พลยิง ปลก. ทุกคนจะตอ้ งไดร้ ับการฝึ กจนสามารถปฏิบตั ิท่ายิงท่า
ต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งรวดเร็วในสภาพการณ์ทีแตกต่างกนั ออกไป ซึงสภาพการณ์เหลา่ นนั จะเป็ นสิงบ่งชีหรือ
บงั คบั ว่าจะตอ้ งใชท้ ่ายิงทา่ ใด ประการสาํ คญั กค็ ือ เมือพลยิงปฏิบตั ิท่ายิงนนั ๆ แลว้ จะตอ้ งสามารถ
ตรวจการณ์และทาํ การยิงไดผ้ ล โดยทีฝ่ายขา้ ศึกไมม่ ีโอกาสหรือมีโอกาสนอ้ ยทีสุดทีจะตรวจการณ์พบ

ก. ท่าประทับบ่ายิง ท่านีมกั ใชก้ บั การยงิ เป้าหมายในระยะตงั แต่ ๑๐๐ เมตรลงมาในเมือไม่

สามารถใชท้ ่าอืนหรือสถานการณ์บีบบงั คบั ใหใ้ ชท้ า่ ประทบั บา่ ยิง (รูปที ๖-๒๔) ท่านีเป็นท่าทีใหค้ วาม
มนั คงนอ้ ยทีสุด เพราะวา่ ปลก.เนเกฟ เป็นอาวธุ ทีทาํ การยิงจากท่าลูกเลือนเปิ ดในจงั หวะการยิงแบบ
อตั โนมตั ิเทา่ นนั ท่าประทบั บ่ายิงนีมกั ใชบ้ ่อยในการยิงขณะเคลือนทีเขา้ ตะลุมบอน ขนั ตอบในการ
ปฏิบตั ิท่านีกค็ ือ

๑) ดึงขาทรายลงมาดา้ นล่างเพือใหพ้ รอ้ มใชง้ าน หากจะตอ้ งทาํ ท่านอนยงิ
๒) พลยิงกา้ วเทา้ ซา้ ยออกไปขา้ งหนา้ งอเข่าซา้ ยและโนม้ ตวั ออกไปขา้ งหนา้ พอสมควร,
ถ่ายนาํ หนกั ตวั ไปอยทู่ ีเทา้ ซา้ ยกอ่ นและขณะทาํ การยิง เพือช่วยตา้ นแรงสะทอ้ นถอยหลงั ของปื น
๓) ใชม้ ือซา้ ยจบั รองลาํ กลอ้ งอยา่ งแน่นหนา พยายามใหศ้ อกซา้ ยรองอยูใ่ ตต้ วั ปืนใหม้ าก
ทีสุดเท่าทีจะทาํ ได้
๔) ใชม้ ือขวานาํ พานทา้ ยปื นเขา้ สู่รองไหลข่ วา มือขวาจบั ดา้ มปื นใหแ้ น่น และออกแรงดึง
ตวั ปื นมาขา้ งหลงั กางศอกขวาออกพอสมควรเพือให้เกิดร่องไหล่
๕) พยายามใชแ้ ขนขวาช่วยรบั นาํ หนกั ปื นใหม้ ากทีสุด จากนนั ใหข้ ยบั เทา้ ทงั สอง
จนกระทงั รู้สึกวา่ อยใู่ นท่าทีถนดั และสบาย และวางจุดสมั ผสั พานทา้ ยทีใบหนา้ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
๖) มือซา้ ยทีจบั ทีรองลาํ กลอ้ ง จะตอ้ งพยายามดึงตวั ปื นไม่ใหเ้ คลือนไหวขึนไปในขณะทาํ

การยิงอตั โนมตั ิ
๗) ถา้ หากไม่มีเวลาเพียงพอสาํ หรับการเล็งอยา่ งประณีต ใหใ้ ชเ้ ทคนิคการยิงเร็วหรือการ

ยิงแบบฉบั พลนั โดยมองผา่ นเหนือศูนยห์ ลงั ไปและใชศ้ ูนยห์ นา้ เป็นตวั กาํ หนดทิศทางเลง็ ไปยงั
เป้าหมาย จดั ศูนยห์ นา้ ใหอ้ ย่ใู ตเ้ ป้าหมาย (กึงกลางฐานของเป้าหมาย) และใชส้ ายตาเพ่งมองทียอด

ศูนยห์ นา้

- ๑๗๗ -

รูปที ๖-๒๔
ท่าประทบั บ่ายิง
ข. ท่ายงิ ใต้แขน ท่ายงิ นีจะใชเ้ มือตอ้ งทาํ การเคลือนทีเขา้ ใกลข้ า้ ศึก (รูปที ๖-๒๕) หรือใน
ระยะเวลาทีทศั นวสิ ยั จาํ กดั ตอ้ งใชท้ ่ายงิ ตลอดการเขา้ ตะลุมบอน ในการปฏิบตั ิท่ายงิ นีพลยิงจะตอ้ ง
๑) ดึงขาทรายออกลงดา้ นล่าง เพือพร้อมใชง้ านเมือจาํ เป็นตอ้ งใชท้ า่ นอน
๒) หนั หนา้ เขา้ หาเป้าหมาย ยนื แยกเทา้ ทงั สองออกพอประมาณ
๓) กา้ วเทา้ ซา้ ยออกไปขา้ งหนา้ แลว้ ถ่ายนาํ หนกั ตวั ไปไวท้ ีเทา้ ซา้ ย
๔) งอเข่าทงั สองขา้ งพอประมาณ โนม้ ตวั ไปขา้ งหนา้

- ๑๗๘ -
๕) ใชม้ ือขวาจบั ทีดา้ มปื นใหแ้ น่น และใชท้ ่อนแขนขวากระชบั พานทา้ ยปื นใหอ้ ยคู่ งทีใน
ระหวา่ งใตร้ กั แร้และลาํ ตวั ของพลยิง
๖) ใชม้ ือซา้ ยจบั รองลาํ กลอ้ งใหแ้ น่น
๗) ใชเ้ ทา้ ซา้ ยชีตรงไปยงั ทิศทางของเป้าหมาย และใชเ้ ทา้ ขวาพยงุ ตวั ใหม้ ีความมนั คงใน
ท่ายงิ
๘) กดปากลาํ กลอ้ งปื นลงเลก็ นอ้ ย เพือใหส้ ามารถตรวจการณ์เห็นตาํ บลกระสุนตกและ
ลดโอกาสทีจะยงิ ขา้ มเป้าหมายไป นอกจากนีกระสุนทีตกตาํ อาจแฉลบเขา้ เป้าหมายได้
๙) โน้มตวั ไปขา้ งหนา้ ก่อนและระหวา่ งทาํ การยิง

รูปที ๖-๒๕ ท่ายงิ ใต้แขน

- ๑๗๙ -
ค. ท่ายิงประทบั สะโพก ท่ายงิ นีใชเ้ มือเคลือนทีเขา้ ประชิดขา้ ศึก และตอ้ งการปริมาตรการยงิ ที
หนาแน่นลงบนพืนทีเป้าหมาย กบั ไมต่ อ้ งการใชค้ วามเร็วในการเคลือนทีมากนกั (รูปที ๖-๒๖)
ขอ้ แตกตา่ งระหว่างท่ายงิ ประทบั สะโพกกบั ท่ายิงใตแ้ ขน ก็คือ

๑) ดา้ นหลงั ของพานทา้ ยปื นจะถูกจบั ถืออยา่ งแน่น และอยตู่ รงหนา้ ของตน้ ขาขา้ งขวา
๒) แขนทงั สองขา้ งเหยียดตึงลงดา้ นล่าง

รูปที ๖-๒๖ ท่ายงิ ประทบั สะโพก

- ๑๘๐ -
๖-๑๕ การเคลือนท,ี ความเร็ว และการรักษาแนว

พลยิง ปลก. จะตอ้ งเคลือนทีร่วมไปกบั ทหารคนอืน ๆ ในส่วนดาํ เนินกลยทุ ธ์ขณะเขา้ ทาํ การ
ตะลุมบอน โดยใชเ้ ทคนิคการเคลือนทีเป็นบุคคล พลยิงจะตอ้ งเคลือนทีอย่างรวดเร็วเทา่ ทีจะทาํ ได้
และจะตอ้ งดาํ รงรกั ษาขีดความสามารถในการยิงไดอ้ ย่างแมน่ ยาํ พรอ้ มกบั การรักษาแนวเพือใหถ้ ึง

ทีหมายในเวลาอนั สนั ทีสุด
๖-๑๖ การบรรจกุ ระสุนใหม่

พลยิง ปลก. จะตอ้ งบรรจกุ ระสุนใหม่อยา่ งรวดเร็ว เพือป้องกนั มิใหก้ ารยงิ ชะงกั ลง การจะทาํ
เช่นนีไดก้ จ็ ะตอ้ งไดร้ ับการฝึ กและนาํ เอาวธิ ีการเหล่านีมาใช้

ก. ก่อนการเขา้ ตะลุมบอน พลยงิ จะตอ้ งตรวจสอบสภาพอาวธุ ล่วงหนา้ ซึงมีทงั การตรวจ
จาํ นวนกระสุนและสภาพกระสุนวา่ สะอาดพร้อมใชง้ าน และมีจาํ นวนพอเพยี งหรือไม่

ข. ในขณะเขา้ ตะลุมบอน พลยงิ ตอ้ งเคลือนทีไปขา้ งหนา้ อยา่ งรวดเร็ว และบรรจุกระสุนใหม่
ใหร้ วดเร็วทีสุดเท่าทีจะทาํ ได้ การใชส้ ายสะพายจะช่วยให้พลยิงสามารถบรรจุกระสุนใหม่ไดโ้ ดยใช้
มือทงั สองขา้ ง
๖-๑๗ การฝึ กท่ายงิ ทํานองรบ

การฝึ กยงิ ขณะเขา้ ทาํ การรบประชิดเป็นงานทีค่อนขา้ งยาก เป้าหมายทีเกิดขึนจะมีทงั เป้าหมาย
เฉพาะตาํ บล และเป้าหมายเป็นพืนทีตามสถานการณใ์ นขณะนนั การฝึ กท่ายิงทาํ นองรบซึงจะประกอบ
ดว้ ยการยิงและการดาํ เนินกลยทุ ธ์ จะมีทาํ ดว้ ยความระมดั ระวงั เพือป้องกนั อนั ตราย

ก. ความม่งุ หมาย การฝึกนีมีความตอ้ งการใหพ้ ลยงิ ไดย้ ิงเป้าหมายดว้ ยความเร็วเท่าทีจะทาํ ได้
โดยใชท้ า่ ใดท่าหนึงของการยงิ ทาํ นองรบ

ข. การจดั การฝึ ก หน่วยทีจะเขา้ ทาํ การฝึ กจะตอ้ งเขา้ ทีรวมพล , ฟังการชีแจง ใหค้ าํ แนะนาํ
สาํ หรับการฝึ กในสนามยิงปื น หลงั จากนนั ก็จะจดั แบ่งกาํ ลงั พลออกเป็นผลดั การยิงและเคลือนทีไป

เขา้ แนวยิง
ค. กระสุน การฝึ กในแบบฝึ กหดั นีใชก้ ระสุนขนาด ๕.๕๖ มม. จาํ นวน ๗๕ นดั ในสาย

กระสุน การยงิ ต่อเป้าหมายทีปรากฏ ๑ ครัง จะใชก้ ารยิงเป็น ชุด ๓ นดั ระหวา่ งการฝึ กจะตอ้ ง
กาํ หนดใหม้ ีการเปลียนสายกระสุนใหม่อยา่ งน้อย ๑ ครัง ดงั นนั กระสุนจาํ นวน ๗๕ นดั จึงตอ้ งแบ่ง
ออกเป็ น ๒ สาย

ง. ลาํ ดบั ขนั การฝึ ก (แสดงไวใ้ นตารางที ๖-๓)
๑) กจิ เฉพาะที ๑ การฝึ กยิงแหง้ ประกอบการเคลือนที ใหพ้ ลยิงใชก้ ารเดินไปตามช่องยิง

ของตนในเสน้ ทาง และทาํ ความคุน้ เคยกบั เป้าทีปรากฏ ไม่มกี ารใชก้ ระสุนทาํ การยงิ ในขนั นี เมือ
กลบั มายงั จุดเริมตน้ แลว้ จึงรับสายกระสุน

หมายเหตุ : ผฝู้ ึ กจะตอ้ งมนั ใจวา่ ไดจ้ ดั แบ่งกระสุนออกเป็น ๒ สาย เพือใหพ้ ลยิงไดม้ ีโอกาส

ฝึ กบรรจุสายกระสุนใหม่ในระหวา่ งการเคลือนที

- ๑๘๑ -
๒) กจิ เฉพาะที ๒ การยงิ เป้าหุ่นยืนครึงตวั (เป้าเดียว) จากท่ายิงประทบั สะโพกเมือไดร้ บั
จา่ ยกระสุนแลว้ ใหพ้ ลยิงเริมเคลือนทีและเมือเป้าปรากฏขึนใหท้ าํ ทา่ ยิงประทบั สะโพกยงิ ต่อเป้าหมาย
ทนั ที เป้าเดียวจะปรากฏในระยะ ๒๕ เมตร เป็นเวลา ๕ วนิ าที ตอ่ การปรากฏ ๑ ครัง
๓) กิจเฉพาะที ๓ การยิงเป้าหุ่นยนื ครึงตวั (เป้าเดียว) จากท่ายิงใตแ้ ขนในขณะทีพลยิง
เคลือนทีต่อไปในเส้นทางนนั , เป้ารูปหุ่นยืนครึงตวั จะปรากฏขึนอีก ๒ ครัง ในระยะ ๕๐ เมตร และ
๒๕ เมตร พลยิงจะทาํ การยงิ จากท่ายิงใตแ้ ขน การปรากฏของเป้าจะขึนครังละ ๕ วนิ าทีเช่นกนั
๔) กจิ เฉพาะที ๔ การยงิ เป้าหุ่นยนื ครึงตวั (เป้าเดียว) จากท่ายิงประทบั บ่าในขณะทีพลยงิ

กาํ ลงั เคลอื นทีต่อไปนี เป้าหุ่นยนื ครึงตวั จะปรากฏขึนอีก ๓ ครัง ในระยะ ๒๕, ๕๐ และ ๗๕ เมตร
พลยิงจะใชท้ ่ายงิ ประทบั บ่ายิงต่อเป้าหมาย การปรากฏของเป้าครังละ ๕ วินาที

หมายเหตุ : ผฝู้ ึ กหรือผบู้ งั คบั หน่วยอาจเพิมเติมใหม้ ีการฝึกยิงในสถานการณ์ นชค. หรือการ
ฝึ กยิงในเวลากลางคืนหรือทศั นวสิ ยั จาํ กดั ดว้ ยกไ็ ด้

ตารางที ๖-๓ ตารางยงิ ที ๕

กจิ ระยะ เวลา จํานวน เป้า กระสุน ประเภทการยงิ

เฉพาะ (เมตร) กระสุน (ธด.: -
ชุดละ ๓ นดั
สว.) ชุดละ ๓ นดั

๑ - ไม่จาํ กดั - ไม่กาํ หนด - ชุดละ ๓ นดั

๒ ๒๕ ๕ วินาที ๖ เป้าหุ่นยืน ๔ : ๑

๓ ๕๐ ๑๐ วินาที ๑๒ เป้าหุ่นยนื ๔ : ๑

๒๕

๔ ๒๕ ๑๕ วินาที ๑๘ เป้าหุ่นยืน ๔ : ๑

๕๐

๗๕

- ๑๘๒ -

บทที ๗

หลกั สูตรการฝึ กครู

ในบทนีจะเป็ นรายละเอียดทีจะนาํ ไปใชเ้ ตรียมการฝึ กของหน่วย เป็นเครืองมือสาํ หรบั ผูบ้ งั คบั
หน่วย ซึงเป็นผฝู้ ึ กอนั ดบั แรกและจะเป็ นผพู้ ฒั นาหลกั สูตรการฝึ กครูของหน่วยต่อไป ผบู้ งั คบั หน่วย
ขนาดเลก็ และครูฝึ ก ซึงมีความรู้ความชาํ นาญจะเป็ นปัจจยั สาํ คญั ของความสาํ เร็จในการฝึ กยงิ ปื นทุก
ชนิด แต่สายการบงั คบั บญั ชาทีแน่นแฟ้นก็เป็นสิงหนึงทีจะช่วยใหก้ ารฝึ กบรรลุถึงมาตรฐาน

ตอนที ๑
การจัดการฝึ ก

หลกั สูตรการฝึ กครูทีมีคุณภาพจะตอ้ งใชก้ ารกาํ หนดลาํ ดบั ความเร่งด่วนใหค้ วามสาํ คญั , การ
เนน้ ยาํ และความเอาใจใส่ของผบู้ งั คบั บญั ชาทุกระดบั ชนั ทีจะช่วยกนั สอดส่องดแู ลการฝึ กใหไ้ ดต้ าม
มาตรฐาน
๗-๑ ความมุ่งหมาย

ความม่งุ หมายของหลกั สูตรการฝึ กครูนนั กเ็ พือพฒั นาครูฝึ กใหม้ ีความเชือมนั , ความเอาใจใส่,
ความรู้ และทกั ษะทีจะทาํ การฝึกทหารใหม้ ีความชาํ นาญและมีประสิทธิภาพในการรบดงั นี.-

ก. เพือฝึ กครูใหส้ ามารถนาํ หลกั การเบืองตน้ ของ ปลก.เนเกฟ ไปใชใ้ นการยิงใหม้ ีความ
แมน่ ยาํ

ข. เพอื ใหเ้ กิดความมนั ใจวา่ ครูฝึ กนนั มคี วามรู้ในการประยกุ ตใ์ ชห้ ลกั การของการสอนการใช้
ปลก.

ค. เพอื ใหไ้ ดข้ อ้ มลู เกียวกบั จาํ นวนของครูฝึ กทีสามารถนาํ ไปใชฝ้ ึกอาวธุ ประเภทอืนไดต้ ่อไป
๗-๒ กจิ เฉพาะทีเกยี วกับงานการฝึ ก

ผบู้ งั คบั หน่วยจะตอ้ งพิจารณาจดั ใหม้ ีการฝึ กยงิ ปื นภายในหน่วยอยา่ งเพียงพอ ทงั นีเนืองจาก
เป็นปัจจยั พนื ฐานทีสาํ คญั สาํ หรับทหาร กิจเฉพาะนีสามารถนาํ ไปใชพ้ ฒั นาได้ ทงั การฝึ กปฏิบตั ิการ
รุกและการรับ
๗-๓ การประเมนิ ผลครูฝึ ก

ในหลกั สูตรการฝึ กนีจะตอ้ งมีการประเมนิ ผลเพือนาํ ไปใชเ้ ป็ นขอ้ มลู ในหน่วยต่อไป โดยมี
หลกั สาํ คญั กค็ ือ

ก. การคดั เลือก ครูฝึ กนนั จะตอ้ งถูกคดั เลือกมาจากทหารทีมีคุณวฒุ ิและขีดความสามารถสูง
โดยเฉพาะในเรือง ปลก.เนเกฟ เกียวกบั หลกั พืนฐานการยงิ ปลก. และมีความกระตือรือร้นในการทาํ
หนา้ ทีครูฝึ ก นอกจากนีผบู้ งั คบั บญั ชาตามลาํ ดบั ชนั ยงั จะตอ้ งดาํ เนินการทุกวิธีเพือใหค้ รูฝึกนีไดด้ าํ รง
รักษาขีดความสามารถเอาไว้

- ๑๘๓ -
ข. หลกั สูตรสาํ หรับครูฝึ ก เมือหน่วยไดค้ ดั เลือกทหารทีมีคุณสมบตั ิดงั กล่าวไดแ้ ลว้ ผูท้ ีจะทาํ
หนา้ ทีครูฝึ กจะตอ้ งมนั ใจวา่ สามารถถ่ายทอดความรู้ใหก้ บั ทหารคนอืนๆ ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ
ค. การฝึ ก ในการฝึ กครูนนั มีวิธีการและสือหลายอยา่ งทีจะนาํ มาใชเ้ พือพฒั นาขีดความ
สามารถของผรู้ ับการฝึ ก ในการฝึ กนนั ยงิ ใชร้ ะยะเวลามากเท่าใดผูร้ ับการฝึ กก็จะมีประสิทธิภาพมาก
ขึนเท่านนั ผบู้ งั คบั บญั ชาจะตอ้ งหมนั ตรวจการฝึ ก โดยเจาะลึกลงไปเป็นบุคคลวา่ แตล่ ะบุคคลมี
ขอ้ บกพร่องในเรืองใดบา้ ง หรือตอ้ งการการฝึ กเพิมในเรืองใดและในหลกั สูตรการฝึ กนนั
ผบู้ งั คบั บญั ชาอาจจะพิจารณามอบรางวลั ใหก้ บั ผทู้ าํ คะแนนไดส้ ูงสุด เพือเป็นการเร่งเรา้ ใหเ้ กิดความ

สนใจมากขึน
๗-๔ ครูฝึ ก

การฝึกทหารใหเ้ ป็นพลยงิ ปลก. ทีมีประสิทธิภาพนนั เป็ นงานทีตอ้ งใชผ้ ูช้ าํ นาญเฉพาะดา้ น
และเป็นงานค่อนขา้ งละเอียด ผทู้ ีเป็นครูฝึ กนนั นอกจากจะมีคณุ วฒุ ิในการยงิ ปลก. ไดอ้ ยา่ งดีแลว้ ยงั
จะตอ้ งมขี ีดความสามารถในการถ่ายทอดความรูเ้ ป็นอยา่ งดีอีกดว้ ย ผูท้ ีสามารถดาํ รงขีดความสามารถ
ในการยงิ ปลก. ไดอ้ ยา่ งเสมอตน้ เสมอปลาย สมควรทีจะไดร้ ับหนา้ ทีเป็นครูฝึ ก และเป็นการคุม้ ค่า
อยา่ งยิงทีเดียวในการทีจะนาํ เอาพลยงิ ชนั ดีเหล่านนั มาฝึกเพิมเติมเพือทาํ หนา้ ทีดงั กล่าว

ก. ความรับผดิ ชอบประการแรกของครูฝึ กกค็ ือ การฝึกทหารใหส้ ามารถใช้ ปลก.เนเกฟ ได้
อยา่ งมีประสิทธิภาพ นอกจากนนั ยงั ตอ้ งกวดขนั ใหท้ หารรู้จกั การรักษากฎแห่งความปลอดภยั ครูฝึ ก
จะตอ้ งเขม้ งวดต่อการปฏิบตั ิทุกขนั ตอนเมอื ฝึกยิงในสนาม ใหเ้ ป็นไปตามกฎระเบียบ และหลกั สูตร

ของการฝึ ก
ข. ในการทาํ หนา้ ทีครูฝึ กนนั จะตอ้ งรู้จกั หลกั การในการยงิ ใหแ้ มน่ ยาํ , การถ่ายทอดความรู้

และประกอบดว้ ยคุณสมบตั ิตา่ งๆ ดงั นี
๑) ความรู้ ครูฝึกจะตอ้ งมีความเขา้ ใจในคู่มือราชการสนามเล่มนี และตอ้ งเตรียมการใน

อนั ทีจะตอบคาํ ถามของทหารได้ นอกจากนนั ครูฝึ กยงั ตอ้ งพฒั นาขีดความสามารถของตนในการ
สงั เกตและตรวจสอบการปฏิบตั ิของผูร้ ับการฝึ ก พรอ้ มกบั แกไ้ ขใหถ้ ูกตอ้ งไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว

๒) ความอดทนและใจเยน็ ครูฝึ กจะตอ้ งมีความอดทนและใจเยน็ พอทีจะสอนการปฏิบตั ิ
ครังแลว้ ครังเลา่ รวมทงั การแสดงตวั อยา่ งทีถูกตอ้ งใหท้ หาร ทงั นีเพือสร้างพลยิง ปลก. ทีมีคุณภาพ

๓) ความเขา้ ใจ ครูฝึ กทีมคี วามเขา้ ใจในความรู้สึกของผรู้ ับการฝึกนนั จะทาํ ใหก้ ารฝึ กได้
บรรลุสาํ เร็จ การฝึ กพลยิงใหม่นนั เป็นงานทีทาํ ใหเ้ ครียด ทงั ผูฝ้ ึ กและผรู้ ับการฝึ ก โดยเฉพาะทหารทีรับ
การฝึ กอาจเกิดความรู้สึกเบือหน่าย ทอ้ ถอย ไดง้ า่ ยกวา่ ครูฝึ กจะตอ้ งมีความเขา้ ใจในสภาพการณ์เช่นนี

๔) วจิ ารณญาณ ผรู้ ับการฝึ กหลายคน แมว้ า่ จะยงิ ไม่ไดผ้ ลดีนกั แต่ก็อาจมีความสนใจและ
กระตือรือร้นในการฝึ ก ทงั นีถา้ หากครูฝึ กไดใ้ ชว้ ิจารณญาณในการเรียนรูค้ วามรู้สึก และกระตุน้ ใหเ้ กิด

ความเอาใจใส่ในการฝึ กตลอดเวลาแลว้ ก็จะยอ่ มไดร้ ับความสาํ เร็จในหนา้ ทีครูฝึ กนนั

- ๑๘๔ -
๕) การสร้างศรัทธา เมือไดร้ ับหนา้ ทีเป็นครูฝึ ก ทหารจะตอ้ งมคี วามรู้สึกวา่ ตนมีหนา้ ที
รับผิดชอบอนั สาํ คญั และตอ้ งสร้างศรัทธาใหผ้ รู้ ับการฝึ กโดยการแสดงออกซึงความรูค้ วามสามารถ
และวิธีการสอนทีถูกตอ้ ง
๖) ความตืนตวั ถึงแมว้ า่ ผรู้ ับการฝึกบางคนอาจจะหลงลืมขนั ตอนของการปฏิบตั ิในสนาม
ยิงปื น เนืองจากความประหมา่ หรือตืนเตน้ ครูฝึ กก็จะตอ้ งมีความพร้อมอยเู่ สมอ และใจเยน็ พอทีจะ
ช่วยแกไ้ ขขอ้ บกพร่องทีเกิดขึนทุกครัง ครูฝึ กตอ้ งใชเ้ ทคนิคและวิธีการเร่งเร้าใหผ้ รู้ ับการฝึกมีความ
มนั ใจและเอาใจใส่ในการฝึ ก ดีกวา่ ทีจะใชก้ ารดดุ า่ วา่ กล่าวหรือตาํ หนิ จนทาํ ใหเ้ สียกาํ ลงั ใจ
๗) ทา่ ทีทีเป็นมิตร และพรอ้ มทีจะใหก้ ารช่วยเหลือแนะนาํ ไม่วา่ จะเป็นในสนามยงิ ปื น
หรือในการปฏิบตั ิการจริงก็ตาม
๘) ขีดความสามารถในการเร่งเร้าความเชือมนั ครูฝึ กจะตอ้ งทาํ ใหท้ หารมีความเขา้ ใจวา่
การยิงปื นใหแ้ ม่นยาํ นนั ไม่ใช่สิงทียากเยน็ หรือเป็นเรืองเร้นลบั เพราะอาวธุ และกระสุนไดถ้ ูก
ออกแบบและพฒั นามาเพือการยงิ ทีแม่นยาํ อยแู่ ลว้ ครูฝึ กมีหนา้ ทีช่วยเหลือใหผ้ ูร้ ับการฝึกไดเ้ ขา้ ใจ
และฝึ กฝนอยา่ งถูกวธิ ี
๗-๕ ผลสืบเนืองจากการฝึ ก

โดยทีผูบ้ งั คบั บญั ชาตามลาํ ดบั ชนั ช่วยกนั กาํ กบั ดูแลอยา่ งต่อเนือง ก็จะทาํ ใหผ้ ลของการฝึ กอยู่
ในมาตรฐานทีตงั ไว้ กาํ ลงั พลจะมีขีดความสามารถจากการฝึ กและการกาํ กบั ดูแลอยา่ งใกลช้ ิดนีเอง
นอกจากขีดความสามารถของกาํ ลงั พลแลว้ สิงทีไดต้ ามมากค็ ือ ความผกู พนั ขวญั และกาํ ลงั ใจ อนั
นาํ ไปสู่ความพร้อมรบของหน่วย
๗-๖ ขันตอนการฝึ ก

การฝึ กยงิ ปื นนนั เป็ นการฝึ กและเรียนรู้ดว้ ยการปฏิบตั ิเป็นส่วนใหญ่ ดงั นนั การทีผรู้ ับการฝึ ก
จะผา่ นการฝึ กไปยงั ขนั ทีสูงกวา่ นนั จาํ เป็ นทีจะตอ้ งผา่ นเกณฑม์ าตรฐานเสียก่อนทีจะไปฝึ กในขนั
ต่อไป พลยิง ปลก. จะตอ้ งไดร้ ับการฝึ กยงิ ในขนั พืนฐานจนไดผ้ ล แลว้ จึงจะไดร้ ับการฝึ กยิงเป้าใน
สถานการณ์รบ ขนั ตอนการฝึ กครูนีจะแสดงใหเ้ ห็นไดอ้ ยา่ งชดั เจน

ก. ขนั การฝึ กเตรียมการเบืองตน้ พลยงิ จะไดร้ ับการฝึ กขนั นีก่อนการยิงดว้ ยกระสุนจริงเป็น
ขนั ตอนทีจะไดเ้ รียนรู้ในหลกั การเบืองตน้ ของการยิงปื น, การทบทวน และการเพิมเติมทกั ษะ พลยิง
จะยิงปื นไดผ้ ลเพียงใดนนั ยอ่ มขึนอยกู่ บั การเรียนรู้และเขา้ ใจในหลกั การเพยี งใด การแกไ้ ขขอ้ บกพร่อง
ต่างๆ จะตอ้ งกระทาํ จนผูร้ ับการฝึ กไดม้ คี วามเคยชินในการปฏิบตั ิทีถกู ตอ้ งเป็นนิสยั และเป็นธรรมชาติ
แมแ้ ต่พลยิง ปลก. ทีมีความชาํ นาญและมีประสบการณ์ ถา้ ไดท้ บทวนหลกั การเบืองตน้ อยเู่ สมอก็จะ
พฒั นาขีดความสามารถใหส้ ูงขึนไปอีกได้

ข. การฝึ กพลยิงในขนั พืนฐาน ในขนั นีจะเป็นการฝึ กยงิ ในสนามระยะ ๒๕ เมตร และการฝึ ก
ยิงตามระยะจริงในสนามยิงปื นทีหน่วยมีอยู่

ค. การฝึ กพลยงิ ในขนั สูง ในขนั นีจะเป็ นการฝึ กร่วมกนั เป็นพวก เพือใหก้ ารสนบั สนุนและ
ทาํ งานร่วมกนั ซึงจะทาํ ใหเ้ กิดความเชือมนั ในการยิงดว้ ยปริมาตรอนั หนาแน่นไปยงั พืนทีเป้าหมาย

- ๑๘๕ -
ในขนั ตอนนีจะมีการฝึ กยิงในขณะดาํ เนินกลยทุ ธ์, การเคลือนทีเขา้ ตะลุมบอน, การยิงในสถานการณ์
นชค. และการยิงเป้าหมายในระยะต่างๆ

ตอนที ๒
กจิ เฉพาะในการฝึ ก

ในตอนที ๒ นี จะไดอ้ ธิบายถึงกิจเฉพาะทีระบุใหท้ าํ การฝึก, การจดั การฝึก, อุปกรณ์ และ
ยทุ โธปกรณ์ทีตอ้ งการใชแ้ ละขนั ตอนยอ่ ยของการฝึ กต่างๆ ซึง ผบ.หน่วย สามารถเพิมเติมหรือลด
รายละเอียดในบางขนั ตอนได้ โดยให้สอดคลอ้ งกบั รปจ.ของหน่วย
๗-๗ ขันที ๑ การฝึ กเตรียมการเบืองต้น

ประกอบดว้ ยหลกั การเบืองตน้ ในการฝึ กครูใหร้ ู้วธิ ีการสอนพลยงิ ใหด้ ูแลรกั ษาอาวธุ
ปลก.เนเกฟ, การปรนนิบตั ิบาํ รุงอยา่ งถกู วิธี

ก. กจิ เฉพาะที ๑ : การถอดปกติ
๑) อุปกรณ์ทีใช้ โต๊ะสาํ หรับวางแสดงการถอดชินส่วนตา่ งๆ , แผน่ ภาพแสดงชินส่วน

ต่างๆ และเครืองช่วยฝึกทีใชแ้ สดงการทาํ งานของเครืองกลไก
๒) การจดั หอ้ งเรียน ใชก้ ารแบ่งผูร้ ับการฝึ กออกเป็ นกลุ่มยอ่ ยๆ และมคี รูฝึ ก ๑ คน

ต่อ ๑ กลุ่ม (ถา้ ทาํ ได)้ และครูฝึกจะตอ้ งอยู่ ณ ทีทีสามารถแสดงตวั อยา่ งการปฏิบตั ิได้
๓) ลาํ ดบั ขนั การฝึ ก ผฝู้ ึ กจะกล่าวนาํ ถึงลกั ษณะทวั ไปของอาวธุ และประวตั ิการใชง้ าน

ในสนามรบ ตลอดจนภารกิจหลกั ในการใชอ้ าวธุ ชนิดนี โดยจะกลา่ วรวมถึงความมงุ่ หมาย, ขอบเขต
และความสาํ คญั ของอาวธุ , ลกั ษณะการทาํ งานของอาวธุ , ขอ้ มลู ทวั ไปของอาวธุ ครูฝึ กจะถอดอาวธุ
ออกเป็ นชินส่วนต่างๆ ในขณะทีผฝู้ ึ กบรรยายถึงวธิ ีการและขนั ตอนในการถอด หลงั จากนนั พลยงิ จะ
ทาํ การฝึกปฏิบตั ิดว้ ยตนเองจนมคี วามชาํ นาญและสามารถแสดงใหค้ รูฝึ กดูได้ ซึงผรู้ ับการฝึ กอาจจะ
ตอ้ งหาเวลาฝึ กฝนตนเองนอกหอ้ งเรียน ผฝู้ ึ กตอ้ งเนน้ ยาํ ใหท้ หารเขา้ ใจว่า การถอดชินส่วนนนั ไม่ใช่
งานทีจะตอ้ งรีบร้อนจนเกินไป อนั อาจทาํ ใหช้ ินส่วนของอาวธุ เกิดการชาํ รุด

ข. กจิ เฉพาะที ๒ : การตรวจสภาพ
๑) อุปกรณ์ทีใช้ ผฝู้ ึ กจะใชแ้ ส้ทาํ ความสะอาด ๑ ชุด และกระสุนหดั บรรจุ ๑ นดั ต่ออาวธุ

ปื น ๑ กระบอก, นาํ มนั ทาํ ความสะอาดลาํ กลอ้ ง, นาํ มนั ชโลม, ผา้ ปูรอง และผา้ ทาํ ความสะอาด ผฝู้ ึ ก
จะแสดงอุปกรณ์ทาํ ความสะอาดต่างๆ ใหท้ หารดู รวมทงั อปุ กรณ์การชโลมหล่อลืน

๒) การจดั หอ้ งเรียน เช่นเดียวกบั กิจเฉพาะที ๑
๓) ลาํ ดบั ขนั การฝึ ก ผฝู้ ึ กจะตอ้ งเนน้ ยาํ ถึงการทาํ ความสะอาดทีถูกวธิ ี, การหลอ่ ลืน, การ
ตรวจสภาพ และการปรนนิบตั ิบาํ รุงเพือใหอ้ าวธุ มีสภาพการใชง้ านไดด้ ี ขนั การฝึ กนียงั เพิมความ
ชาํ นาญในกิจเฉพาะที ๑ ไดอ้ ีกดว้ ย จากนนั ใหผ้ ฝู้ ึ กเนน้ ในเรืองการตรวจสภาพ, การระวงั รกั ษา และ
การปรนนิบตั ิบาํ รุงในสถานการณ์รบ ซึงเป็นขนั ตอนสุดทา้ ยของการเรียนรู้เรืองการปรนนิบตั ิบาํ รุง
ผรู้ บั การฝึ กจะมีเวลาในการฝึ กฝนปฏิบตั ิดว้ ยตนเอง ผฝู้ ึ กจะแยกแยะใหเ้ ห็นการปฏิบตั ิทีแตกตา่ งเมือ

- ๑๘๖ -
ทาํ การรบในสถานการณ์ทีมีการใช้ นชค. และตอ้ งเนน้ ใหผ้ รู้ ับการฝึ กไดร้ ู้วา่ การหมนั ตรวจสภาพ
อาวธุ บอ่ ยๆ จะเป็นวธิ ีการหนึงทีช่วยใหอ้ าวธุ ใชง้ านไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ

ค. กจิ เฉพาะที ๓ : การทาํ ความสะอาดอาวธุ
๑) อุปกรณ์ทีใช้ เช่นเดียวกบั กิจเฉพาะที ๒
๒) การจดั หอ้ งเรียน เช่นเดียวกบั กิจเฉพาะที ๑
๓) ลาํ ดบั ขนั การฝึ ก เช่นเดียวกบั กิจเฉพาะที ๒

ง. กจิ เฉพาะที ๔ : การหล่อลืนอาวธุ
๑) อุปกรณ์ทีใช้ เช่นเดียวกบั กิจเฉพาะที ๒
๒) การจดั หอ้ งเรียน เช่นเดียวกบั กิจเฉพาะที ๑
๓) ลาํ ดบั ขนั การฝึ ก เช่นเดียวกบั กิจเฉพาะที ๒

จ. กจิ เฉพาะที ๕ : การประกอบอาวธุ
๑) อุปกรณ์ทีใช้ เช่นเดียวกบั กิจเฉพาะที ๑
๒) การจดั หอ้ งเรียน เช่นเดียวกบั กิจเฉพาะที ๑
๓) ลาํ ดบั ขนั การฝึ ก ครูฝึกจะแสดงตวั อยา่ งการประกอบอาวุธในขณะทีผฝู้ ึ กจะบรรยาย

ขนั ตอนการปฏิบตั ิ ผรู้ ับการฝึ กหดั จนกระทงั มีความชาํ นาญและสามารถแสดงใหค้ รูฝึ กดูได้
ฉ. กจิ เฉพาะที ๖ : อธิบายวธิ ีการใช้งาน

๑) อุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ทีใช้ ปลก.เนเกฟ ๑ กระบอก วางบนโตะ๊ ; กระสุนหดั
บรรจุ ๑ สายมี ๕ นดั ; และแสท้ าํ ความสะอาด ๑ ชุด ต่อผรู้ บั การฝึ ก ๑ คน

๒) การจดั หอ้ งเรียน เช่นเดียวกบั กิจเฉพาะที ๑

๓) ลาํ ดบั ขนั การฝึ ก ผฝู้ ึ กจะอธิบายและสาธิตวิธีการบรรจุกระสุน, การเลิกบรรจุ และ
การตรวจอาวธุ ซึงจะตอ้ งเนน้ มาตรการรักษาความปลอดภยั และแสดงวิธีการปลอ่ ยลูกเลือนเคลือนที
ไปขา้ งหนา้ เมือลาํ กลอ้ งถูกถอดออกจากตวั ปื น

ช. กจิ เฉพาะที ๗ : อธบิ ายการทาํ งานของเครืองกลไกของปื น

๑) อุปกรณ์และยทุ โธปกรณ์ทีใช้ ปลก.เนเกฟ ๑ กระบอก ต่อผรู้ ับการฝึ ก ๑ คน
เช่นเดียวกบั การเรียนอาวธุ ศึกษา, แผน่ ภาพเครืองช่วยฝึกสาํ หรับการสอนกาํ ลงั พลระดบั หมวดขึนไป

๒) การจดั หอ้ งเรียน เช่นเดียวกบั กิจเฉพาะที ๑
๓) ลาํ ดบั ขนั การฝึ ก การทาํ งานของปื นแบง่ ออกเป็ น ๘ ขนั คือ การป้อนกระสุน, การ
บรรจุกระสุน, การขดั กลอน, การยิง, การปลดกลอน, การรังปลอกกระสุน, การคดั ปลอกกระสุน
และการขึนนก ครูฝึ กจะแสดงและอธิบายวธิ ีการทาํ งานโดยใชห้ ุ่นจาํ ลอง จะตอ้ งแสดงการทาํ งานของ
แต่ละชินส่วนใหผ้ รู้ ับการฝึ กเห็นดว้ ยตา ดีกวา่ ทีจะใหท้ ่องจาํ จากในคู่มือ ผูฝ้ ึ กอาจวดั ผลการฝึ กไดโ้ ดย
การตงั คาํ ถามเกียวกบั การทาํ งานของแตล่ ะชินส่วนของอาวธุ ใหก้ บั ผูร้ ับการฝึ ก

- ๑๘๗ -

ซ. กจิ เฉพาะที ๘ : การอธิบายสาเหตขุ องการทํางานผิดปกติ, การตดิ ขัด และการแก้ไขโดย
ฉับพลัน

๑) อุปกรณ์ทีใช้ เช่นเดียวกบั กิจเฉพาะที ๑
๒) การจดั หอ้ งเรียน เช่นเดียวกบั กิจเฉพาะที ๑
๓) ลาํ ดบั ขนั การฝึ ก แผน่ ภาพเครืองช่วยฝึ กจะเป็นเครืองมือทีเหมาะสมในการแสดงให้
ผรู้ บั การฝึ กเห็นดว้ ยตา ผฝู้ ึ กจะตอ้ งเนน้ ถึงการคน้ หาสาเหตุ และการป้องกนั มิใหเ้ กิดเหตุติดขดั นนั
เมือผูร้ ับการฝึ กไดเ้ รียนรู้เพิมขึน, ผฝู้ ึ กจะตอ้ งเนน้ ใหผ้ รู้ ับการฝึ กสามารถปฏิบตั ิการแกไ้ ขโดยฉบั พลนั
ไดร้ วดเร็ว ใชเ้ วลานอ้ ยลง รวมทงั การป้องกนั หรือลดสาเหตุการติดขดั ในกรณีอืนๆ ดว้ ย นอกจากนนั
แลว้ จะตอ้ งยาํ ใหผ้ ูร้ ับการฝึ กทราบถึงวิธีการป้องกนั มิใหเ้ กิดอาการกระสุนลนั ออกจากตวั ปื นเนืองจาก

ความร้อน โดยพลยิงมิไดใ้ ชก้ ารลนั ไก
ด. กจิ เฉพาะที ๙ : การอธิบายและแสดงหลกั พืนฐานการยงิ ปื น
๑) อุปกรณ์และยทุ โธปกรณ์ทีใช้ ปลก.เนเกฟ และเป้ายิง ปลก. แบบพืนฐานสาํ หรับช่อง

ยงิ แต่ละช่องในสนามยิงปื น ซึงจะมีการใชท้ ่านอนยิงและท่ายิงจากหลุมบคุ คล
๒) การจดั หอ้ งเรียน จาํ นวนผเู้ ขา้ รบั การฝึ กหรือพลยิงจะขึนอยกู่ บั ช่องยิงในสนามยิงปื น

๓) ลาํ ดบั ขนั การฝึ ก ผฝู้ ึ กตอ้ งจดั ใหม้ ีการสอนเชิงประชุม, สาธิต และใหม้ ีการฝึ กหดั
ปฏิบตั ิตามหลกั พืนฐานของการยงิ ปื น (ทา่ ยงิ ทีมนั คง, การเลง็ , การควบคุม, การหายใจ และการ
ควบคุมการลนั ไก) เพิมเติมดว้ ยการจดั ท่ายงิ พิเศษสาํ หรับ ปลก.เนเกฟ

ต. กจิ เฉพาะที ๑๐ : การสาธติ หลักพืนฐานของการจัดท่ายงิ

๑) อุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ทีใช้ เช่นเดียวกบั กิจเฉพาะที ๙
๒) การจดั หอ้ งเรียน เช่นเดียวกบั กิจเฉพาะที ๙
๓) ลาํ ดบั ขนั การฝึ ก เช่นเดียวกบั กิจเฉพาะที ๙
ถ. กจิ เฉพาะที ๑๑ : การสาธิตหลกั การยงิ ปื นในเวลากลางคืน, การยงิ เมือสวมชุดป้องกัน นชค.
และการยิงเป้าเคลือนที
๑) อุปกรณ์และยทุ โธปกรณ์ทีใช้ เช่นเดียวกบั กิจเฉพาะที ๙ เพิมเติมดว้ ยกลอ้ งเลง็ ในเวลา
กลางคืน กลอ้ งเล็งสโคป หรือกลอ้ งแสงดาว (SLS) ติดตงั บนอแด๊ปเตอร์พิเศษ สาํ หรับอาวุธแต่ละ
กระบอก พร้อมดว้ ยหนา้ กากป้องกนั นชค. และถุงมือ สาํ หรับพลยิงแต่ละคน
๒) การจดั หอ้ งเรียน เช่นเดียวกบั กิจเฉพาะที ๙
๓) ลาํ ดบั ขนั การฝึ ก เช่นเดยี วกบั กิจเฉพาะที ๙
ท. กจิ เฉพาะที ๑๒ : การสาธิตหลกั การยงิ กราดทางข้างและทางลกึ

๑) อุปกรณ์และยทุ โธปกรณ์ทีใช้ เช่นเดียวกบั กิจเฉพาะที ๙
๒) การจดั หอ้ งเรียน เช่นเดียวกบั กิจเฉพาะที ๙
๓) ลาํ ดบั ขนั การฝึ ก เช่นเดยี วกบั กิจเฉพาะที ๙

- ๑๘๘ -
ธ. กจิ เฉพาะที ๑๓ : การสาธิตการออกคําสังยงิ และการปฏบิ ัตติ ามคําสังยงิ

๑) อุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ทีใช้ เช่นเดียวกบั กิจเฉพาะที ๙
๒) การจดั หอ้ งเรียน เช่นเดียวกบั กิจเฉพาะที ๙
๓) ลาํ ดบั ขนั การฝึ ก เช่นเดยี วกบั กิจเฉพาะที ๙, เพิมเติมดว้ ยการออกคาํ สังยิงโดยผฝู้ ึก
น. กจิ เฉพาะที ๑๔ : การฝึ กปฏิบตั กิ ารยงิ แห้ง
๑) อุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ทีใช้ เช่นเดียวกบั กิจเฉพาะที ๙
๒) การจดั หอ้ งเรียน เช่นเดียวกบั กิจเฉพาะที ๙
๓) ลาํ ดบั ขนั การฝึ ก เช่นเดียวกบั กิจเฉพาะที ๙
๗-๘ ขันที ๒ การฝึ กพลยงิ ในขันพืนฐาน

สาระสาํ คญั ในหวั ขอ้ นีจะใชเ้ ป็นหลกั ปฏิบตั ิสาํ หรับผฝู้ ึ กในการดาํ เนินการฝึ กยงิ ปลก. ใน
สนามระยะ ๒๕ เมตร พรอ้ มอุปกรณ์ป้องกนั นชค., การฝึ กยงิ ในสถานการณ์ นชค. ในระยะจริงและ
การฝึ กยงิ ในเวลากลางคืน

ก. กจิ เฉพาะที ๑๕ : การฝึ กยงิ ในระยะ ๒๕ เมตร

๑) ยทุ โธปกรณ์ทีใช้ ปลก.เนเกฟ จาํ นวน ๑ กระบอก และเป้ายิง ปลก. แบบพืนฐาน
สาํ หรับแต่ละช่องยิง, นาฬิกาจบั เวลา, แส้ทาํ ความสะอาด และเครืองป้องกนั เสียงสาํ หรับใชใ้ นขณะ
ยิงปื น

๒) การจดั หอ้ งเรียน แบ่งผรู้ ับการฝึ กออกเป็ น ๒ พวก (๔ ผลดั ) พวกแรก (ผลดั ๑ และ
๒) ทาํ การยิง ในขณะทีพวก ๒ (ผลดั ๓ และ ๔) ฟังการชีแจงและซกั ซอ้ มในพืนทีรอคอย จาํ นวน
ผรู้ บั การฝึ กยอ่ มขึนอย่กู บั ช่องยงิ ในสนาม

๓) ลาํ ดบั ขนั การฝึ ก ผฝู้ ึ กจะตอ้ งใชก้ ารสอนเชิงประชุม, การสาธิต และการฝึ กปฏิบตั ิโดย
ใช้ ปลก. ตงั ยิงในช่องยิงแต่ละช่อง ผฝู้ ึ กจะเนน้ การเตรียมการก่อนทาํ การยิง และการระวงั รกั ษาความ
ปลอดภยั ในขณะทาํ การยิง ในการสังการผฝู้ ึ กจะตอ้ งเวน้ ช่องวา่ งเพือใหค้ ู่ฝึ กสามารถปฏิบตั ิหนา้ ทีของ
ตนได้ ซึงการปฏิบตั ิของคู่ฝึ กนนั จะตอ้ งรวดเร็วและถูกตอ้ งในระหวา่ งทาํ การฝึ กยงิ นนั ผฝู้ ึกจะตอ้ ง
มนั ใจวา่ พลยิง ปลก. ทุกนายไดจ้ ดั ทา่ ยิงถูกตอ้ งก่อนทาํ การยิง

ข. กจิ เฉพาะที ๑๖ : การฝึ กยงิ ในเวลากลางวนั ในสนามฝึ กยงิ ปก. อเนกประสงค์

๑) ยทุ โธปกรณ์ทีใช้ ปลก.เนเกฟ จาํ นวน ๑ กระบอก ต่อ ๑ ช่องยงิ , เป้าหุ่นยืนครึงตวั ทงั
แบบเป้าเดียวและเป้าคู่, แสท้ าํ ความสะอาด และเครืองป้องกนั เสียง

๒) การจดั หอ้ งเรียน จดั พลยงิ ๑ นาย คู่ฝึ ก ๑ นาย ประจาํ แต่ละช่องยิง ทหารทียงั ไม่ไดเ้ ขา้
ทาํ การยงิ ใหฝ้ ึ กทบทวนอยใู่ นพืนทีรอคอย

๓) ลาํ ดบั ขนั การฝึ ก กอ่ นทีจะทาํ การสอนและแสดงตวั อยา่ งการยิงใหด้ ูนนั ผูฝ้ ึ กจะตอ้ ง
ทบทวนวธิ ีการกะระยะ และการปรับการยิง ใหพ้ ลยงิ ไดท้ ราบก่อนโดยใชเ้ วลาสันๆ รวมทงั การอธิบาย
ถึงประเภทของการยงิ และผลทีเกิดจากการยงิ แต่ละประเภทบนพืนทีเป้าหมาย การปรบั ศูนยค์ วรใช้
การยงิ ปรับระยะ ๓๐๐ เมตร และพลยงิ จะตอ้ งเป็นผปู้ รับดว้ ยตนเอง นายสิบควบคุมการยิงจะตอ้ ง

- ๑๘๙ -
ตรวจดูวา่ พลยงิ ไดอ้ ยูใ่ นท่ายิงทีถูกตอ้ งก่อนทาํ การยิง นายสิบรักษาความปลอดภยั ประจาํ สนามอาจ
ช่วยชีเป้าหมายใหก้ บั พลยิง แต่จะไมช่ ่วยกะระยะหรือปรบั การยิงให้ เมือยงิ จบแลว้ ให้หมุนเวยี น
เปลียนผลดั การยงิ การสอนทบทวนในพืนทีรอคอยควรสอนในเรือง

ก) การทาํ งานของเครืองกลไกของปื น
ข) เรืองอืนๆ ทีเกียวขอ้ งกบั การฝึ กในขณะนนั
ค. กจิ เฉพาะที ๑๗ : การฝึ กยงิ ในเวลากลางคืน

๑) ยทุ โธปกรณ์ทีใช้ ปลก.เนเกฟ จาํ นวน ๑ กระบอก ต่อ ๑ ช่องยงิ , เป้าหมายทีเหมาะสม,

แส้ทาํ ความสะอาด, นาํ มนั และผา้ ทาํ ความสะอาด, เครืองป้องกนั เสียงขณะทาํ การยิง

๒) การจดั หอ้ งเรียน ในสนามยงิ ปื นควรมีพืนทีสาํ หรบั การสอนแบบรวมการโดยอาจมี
นงั เป็นอฒั จนั ทร์ หรือทีนงั ใตร้ ่มไม้ หลงั จากการสอนแบบรวมการแลว้ ก็จะใชก้ ารแบ่งออกเป็นกลุ่ม
ยอ่ ยๆ ฝึ กหดั การปฏิบตั ิโดยมีครูฝึ กและคู่ฝึ กใหค้ วามช่วยเหลือ นายทหารควบคุมการยงิ ผูร้ ับผิดชอบ
การฝึ กยงิ ทงั หมด ถา้ หากสนามยงิ ปื นมีช่องยงิ พอเพยี งกอ็ าจทาํ การยงิ โดยแบ่งออกเป็น ๒ ผลดั การยิง
ก็ได้

๓) ลาํ ดบั ขนั การฝึ ก กอ่ นการสอนแบบรวมการและสาธิต ผฝู้ ึกจะตอ้ งใหพ้ ลยิงไดม้ ีการ

ฝึ กหดั การใชก้ ลอ้ ง กลอ้ งเลง็ สโคป หรือกลอ้ งแสงดาว (SLS) ติดตงั บนอแด๊ปเตอร์พเิ ศษ การประกอบ
และติดตงั กลอ้ งเขา้ กบั ตวั ปื นรวมทงั การปรับกลอ้ ง ผฝู้ ึ กตอ้ งทบทวนหลกั การคน้ หาเป้าหมายและการ
กะระยะ, เทคนิคการยิง, การปรับการยงิ และคุณลกั ษณะของการยงิ แบบอตั โนมตั ิ ปลก. ทุกกระบอก
จะตอ้ งไดร้ ับการปรับศูนยใ์ หเ้ ขา้ กบั ตวั กลอ้ ง ตามรายละเอียดในบทที ๕ นายสิบควบคุมแนวยงิ ตอ้ ง
ตรวจดูวา่ พลยงิ ไดอ้ ยู่ในทา่ ยงิ ทีถกู ตอ้ งก่อนทีจะทาํ การยิง เมือพลยงิ ผลดั แรกยงิ จบแลว้ ใหห้ มุนเวยี น
ผลดั ตอ่ ไปเขา้ ทาํ การยิง การฝึ กทบทวนในพืนทีรอคอยนนั ควรกระทาํ ในเรืองต่อไปนี

ก) การทาํ งานของเครืองกลไกของปื น
ข) การดแู ลรกั ษาและการทาํ ความสะอาด
ค) เรืองอืนๆ ทีเกียวขอ้ งกบั การฝึ กในขณะนนั
๗-๙ ขันที ๓ การฝึ กพลยงิ ในขันสูง
ในขณะการฝึ กนีจะฝึ กให้พลยิงไดพ้ ฒั นาทกั ษะในเรืองตา่ งๆ เช่น การยงิ ประทบั บ่า, การยงิ ใต้
แขน, การยงิ ประทบั สะโพก และเทคนิควธิ ีการบรรจุกระสุนอยา่ งรวดเร็ว
ก. กิจเฉพาะที ๑๘ : การฝึ กยงิ ขณะเขา้ ตะลุมบอนในเวลากลางวนั
๑) ยทุ โธปกรณ์ทีใช้ ปลก.เนเกฟ จาํ นวน ๑ กระบอก พรอ้ มกระสุนตามความเหมาะสม
ในแต่ละช่อง
๒) การจดั หอ้ งเรียน ผฝู้ ึ กจะตอ้ งพิจารณาใชส้ นามฝึ กยิง ปก. แบบอเนกประสงคเ์ ป็นหลกั
ถา้ สามารถกระทาํ ได้ และถา้ จาํ เป็ นกจ็ ะตอ้ งดดั แปลงพืนทีใหพ้ ลยงิ สามารถใชก้ ารตรวจการณ์และ
เคลือนทีในเสน้ ทางออกไปจากทีตงั ปื นแต่ละจดุ อยา่ งนอ้ ย ๑๐๐ เมตร ในพืนทีฝึ กควรมีทีนงั สาํ หรับผู้
เขา้ รับการฝึกในกรณีทีมีการสอนแบบรวมการ หลงั จากการสอนแบบรวมการแลว้ จะแบ่งพลยงิ

- ๑๙๐ -
ออกเป็นผลดั การยงิ ถา้ หากมีผรู้ ับการฝึ กจาํ นวนมากก็ใหจ้ ดั ออกเป็นหลายผลดั โดยให้ ๒ ผลดั แรกอยู่
บนแนวยิง ส่วนผลดั ทีเหลือใหฝ้ ึ กทบทวนอยใู่ นพืนทีรอคอย การพจิ ารณาเรืองทีจะฝึ กทบทวนนนั
ขึนอยกู่ บั ผูฝ้ ึ กจะเลือกใหเ้ หมาะสมกบั พืนทีฝึกทีมีอยู่

๓) ลาํ ดบั ขนั การฝึ ก ในขนั แรกใหผ้ ฝู้ ึ กใชก้ ารสอนเชิงประชุม โดยรวมการใหผ้ เู้ ขา้ รับการ
ฝึ ก รับฟังการชีแจงถึงขนั ตอนการปฏิบตั ิเมืออยใู่ นสนามยิงปื น หลงั จากนนั จะแบง่ ออกเป็นผลดั การยิง
การดาํ เนินการฝึ กคงปฏิบตั ิตามทีกล่าวไวใ้ น สาํ หรบั พวกทียงั ไม่ไดเ้ ขา้ ทาํ การฝึ กบนแนวยิง กใ็ หใ้ ช้
การฝึ กทบทวนในพืนทีรอคอยโดยใชเ้ ครืองช่วยฝึ ก, โต๊ะทราย, แผน่ ภาพ, แผนผงั หรือภูมิประเทศ
ฝึ กในเรืองเทคนิคและวิธีการยิงขณะเขา้ ตะลมุ บอนโดยใชท้ ่ายงิ ตา่ งๆ คือ

ก) ทา่ ยิงประทบั บา่
ข) ทา่ ยิงใตแ้ ขน
ค) ทา่ ยิงประทบั สะโพก
ง) การบรรจุกระสุนอยา่ งรวดเร็ว
ข. กจิ เฉพาะที ๑๙ : การยงิ ขณะเข้าตะลมุ บอนในสถานการณ์ นชค.
๑) ยทุ โธปกรณ์ทีใช้ หนา้ กากป้องกนั นชค. และถุงมือ, ปลก.เนเกฟ จาํ นวน ๑ กระบอก
และกระสุนตามความเหมาะสมต่อ ๑ ช่องยิง
๒) การจดั หอ้ งเรียน เช่นเดียวกบั กิจเฉพาะที ๑๕
๓) ลาํ ดบั ขนั การฝึ ก ในขนั แรกใชก้ ารสอนแบบรวมการ โดยชีแจงขนั การตอนการปฏิบตั ิ
ในสนามฝึ กใหท้ ราบ แลว้ แบง่ ออกเป็ นผลดั การยิง การดาํ เนินการฝึ กคงปฏิบตั ิตามรายละเอียดในบทที
๖ ส่วนผลดั ทียงั ไม่ไดข้ ึนแนวยงิ ใหท้ าํ การฝึกทบทวนโดยใชพ้ ืนทีรอคอย จดั ตงั สถานีฝึ กประกอบการ
ใช้ โต๊ะทราย, แผ่นภาพแผนผงั หรือภูมิประเทศ ฝึ กในเรืองดงั ต่อไปนี
ก) การยิงจากท่าประทบั บ่าเมือสวมหนา้ กากป้องกนั นชค. และถุงมือ
ข) การยิงจากท่ายงิ ใตแ้ ขนเมือสวมหนา้ กากป้องกนั นชค. และถุงมือ
ค) การยิงจากท่าประทบั สะโพกเมือสวมหนา้ กากป้องกนั นชค. และถุงมือ
ง) การบรรจุกระสุนอยา่ งรวดเร็วเมือสวมหนา้ กากป้องกนั นชค. และถุงมือ

ตอนที ๓
การตรวจสอบระดบั คุณวุฒขิ องผู้ฝึ ก

๗-๑๐ พืนฐานการฝึ ก
ทหารทีไดร้ ับมอบหมายใหเ้ ป็นครูฝึ กหรือผฝู้ ึ กพลยงิ ปลก.เนเกฟ จะไดร้ ับประสบการณ์และ

ความรู้มากมายจากขนั ตอนต่างๆ ในการฝึ ก ดงั นนั ผบ.หน่วย จึงตอ้ งพิจารณาใหม้ ีการฝึ กทบทวนเพือ
ดาํ รงรักษาระดบั คณุ วฒุ ิของครูฝึ กและผูฝ้ ึ กเอาไว้ การฝึ กและการยงิ ปื นแต่ละครังจะตอ้ งมีการบนั ทึก
ผลไวเ้ พือพฒั นาคุณวฒุ ิของผูท้ ีทาํ หนา้ ทีครูแต่ละคน ครูฝึกและผฝู้ ึ กทุกคนจะตอ้ งผา่ นขนั ตอนต่างๆ
ในการพฒั นาระดบั คุณวฒุ ิ และจะตอ้ งมีการบนั ทึกผลการปฏิบตั ิในทุกๆ ๓ เดือน

- ๑๙๑ -
๗-๑๑ ขอบเขตของการตรวจสอบ

ครูฝึ กและผูฝ้ ึ กทุกคนจะตอ้ งผา่ นหลกั สูตรการฝึ กครูนีในทุกขนั ตอนการฝึ ก และจะตอ้ ง
แสดงออกถึงขีดความสามารถในการฝึ กทหารเพือเป็นพลยิง ปลก. โดยการวิเคราะห์ปัญหาและแกไ้ ข
ขอ้ บกพร่องของพลยิง ผูท้ ีจะทาํ หนา้ ทีครูนนั หากไม่สามารถวเิ คราะหข์ อ้ บกพร่องของพลยิงและ
แกไ้ ขขอ้ บกพร่องนนั ไม่ได้ กจ็ ะตอ้ งกลบั ไปฝึ กทบทวนใหม่ ผทู้ ีจะทาํ หนา้ ทีครูจะตอ้ งผา่ นขนั ตอน

การปฏิบตั ิดงั นี
ก. ขนั ตอนที ๑ การปฐมนิเทศหลกั สูตร ในขนั ตอนนีครูและผูฝ้ ึ กจะตอ้ งสามารถปฏิบตั ิ

กิจเฉพาะตา่ งๆ เหล่านี จึงจะไดร้ ับการรับรองจากผบู้ งั คบั บญั ชา
๑) การชีแจงแนวทางของหลกั สูตรการฝึ กและการประเมินผล
๒) การชีแจงแนวทางการฝึ กยิงปื นของหน่วยในระยะยาว
๓) ทบทวนขอบเขตการฝึ กยงิ ปื นของหน่วย
๔) ทบทวนรายการสิงของและอปุ กรณก์ ารฝึ กทีไดร้ ับการแจกจ่าย
๕) การตรวจดสู ภาพสนามฝึ กและสนามยิงปื น

ข. ขนั ตอนที ๒ การฝึ กเตรียมการเบืองตน้ ในขนั ตอนนีครูและผฝู้ ึ กจะตอ้ งแสดงออกถึงขีด
ความสามารถในการสอนและการใชห้ ลกั พืนฐานของการยงิ ปื น ขนั ตอนที ๒ นีจะใชเ้ วลา ๒ สปั ดาห์
ภายหลงั จากจบขนั ตอนที ๑ และมีการบนั ทึกผลไวเ้ ป็นหลกั ฐาน ตาม รปจ.ของหน่วย

๑) คุณลกั ษณะของอาวธุ
๒) ขีดความสามารถของอาวธุ
๓) การถอดชินส่วนของอาวุธ
๔) การทาํ ความสะอาด, การหล่อลืน, และการตรวจอาวธุ

๕) การประกอบอาวุธ
๖) การหาระยะและการกะระยะ

๗) ประเภทของการยิง
๘) การใชก้ ารยิง
๙) คาํ สังยิง
๑๐) การบรรจุกระสุน

๑๑) การเลิกบรรจุกระสุน
๑๒) การแกไ้ ขเหตุติดขดั โดยฉบั พลนั
๑๓) การปรับศูนย์
๑๔) การยิงกราดทางขา้ งและทางลึก
ค. ขนั ตอนที ๓ การฝึ กพลยิงขนั พืนฐาน ในขนั ตอนนี ครูฝึ กและผฝู้ ึ กจะตอ้ งดาํ เนินการจดั การ

ฝึ กยิงปื นในสนามแบบต่างๆ และจะตอ้ งอธิบายการใชเ้ ป้า, การยงิ ปรับศูนย์ และกรรมวิธีในการบนั ทึก
แตม้ นอกจากนียงั ตอ้ งอธิบายขนั ตอนและความม่งุ หมายของการฝึ กยงิ ในระยะจริง, การยงิ ปรับศูนย,์

- ๑๙๒ -
การเตรียมสนาม, สิงอุปกรณท์ ีใชป้ ระกอบสนามยงิ ปื น ผบ.หน่วยจะเป็นผูร้ ับฟังการชีแจงเหลา่ นีและมี

การบนั ทึกผลการปฏิบตั ิไดเ้ ป็นหลกั ฐาน

ง. ขนั ตอนที ๔ การฝึ กพลยงิ ในขนั สูง ซึงเป็ นขนั ตอนสุดทา้ ยของหลกั สูตร การฝึ กครูและ
ผฝู้ ึ กและเป็นการทดสอบอีกดว้ ย ครูและผฝู้ ึ กจะตอ้ งดาํ เนินการเตรียมสนามยิงปื นและฝึกพลยงิ อยา่ ง
นอ้ ย ๑ คน ถา้ หากมีกระสุนเพียงพอกใ็ หค้ รูและผฝู้ ึ กทาํ การยิงดว้ ยกระสุนจริงดว้ ยตนเอง แต่ถา้
กระสุนไมเ่ พยี งพอก็ใชก้ ารวดั ผลการปฏิบตั ิของครูฝึ กและผฝู้ ึ กนนั แทน

- ๑๙๓ -
ผนวก ก

หลกั สูตรการฝึ กภายในหน่วย
หลกั สูตรการฝึ กภายในหน่วยนนั จะตอ้ งเนน้ ถึงความสมจริงเช่นเดียวกบั การปฏิบตั ิในสนาม
รบลกั ษณะตา่ งๆ เพือใหก้ ารฝึ กเป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ ตวั อยา่ งเช่น : ลกั ษณะของเป้าหมาย
(เคลือนทีหรืออยนู่ ิง, เป้าหมายเดียวหรือหลายเป้า) ; ลกั ษณะการปฏิบตั ิของพลยงิ (เคลือนทีหรือ
ประจาํ ที) ; และสภาพการณ์ต่างๆ (ทศั นวิสยั ดีหรือเลว, สถานการณ์ปกติ หรือ นชค. ในเวลากลางวนั

หรือกลางคืน) ทงั นีเพือผลในดา้ นความพร้อมรบของหน่วย ในหลกั สูตรนนั จะตอ้ งประกอบดว้ ยการ

ประเมินผลการปฏิบตั ิของพลยิง ทงั เป็นบคุ คลและการปฏิบตั ิรวมกนั เป็นพวกหรือชุดยิง โดยแบ่ง

ขนั ตอนดงั นี :
ก. กล่าวนาํ

ข. การฝึ กเตรียมการเบืองตน้ และการยงิ แหง้

ค. การทดสอบการปฏิบตั ิภาคเบืองตน้

ง. การฝึ กยิงระยะ ๒๕ เมตร และการจดั ชนั คุณวฒุ ิ (รวมทงั การฝึ กในสถานการณ์ นชค.)
จ. การฝึ กยิงในระยะจริง, การยงิ ปรับศูนย,์ การยิงในระยะต่างๆ (รวมทงั การฝึ กใน

สถานการณ์ นชค.)

ฉ. การยิงในระยะจริงเพือจดั ชนั คุณวฒุ ิ (รวมทงั การยงิ ในสถานการณ์ นชค.)

ช. การยิงปรับศูนยแ์ ละการสอนหลกั การยงิ ในเวลากลางคืน

ซ. การฝึ กยงิ ในเวลากลางคืน
ก-๑ ช่วงที ๑ กล่าวนํา (๓ ชัวโมง)

เมือไดบ้ รรยายถึงรายละเอียดของอาวธุ แลว้ ก็จะมีการสอนในเรืองต่อไปนี
ก. การถอดและการประกอบ เวลา

๑) การถอด ๒๕ นาที

๒) การปรนนิบตั ิบาํ รุงขนั ผใู้ ชง้ าน:

ก) การตรวจสภาพ ๑๐ นาที

ข) การทาํ ความสะอาด ๑๐ นาที

ค) การหลอ่ ลืน ๑๐ นาที

๓) การประกอบ ๒๕ นาที

๔) การถอดและการประกอบ ๕๐ นาที

รวมเวลา ๒ ชวั โมง ๑๐ นาที


Click to View FlipBook Version