- ๑๙๔ -
ข. ประเภทของการยงิ เวลา
๑) การยิงแบบอตั โนมตั ิ ๑๕ นาที
๒) กระสุนวถิ แี ละพืนทีกระสุนตก ๑๕ นาที
๓) การยงิ ตอ่ เป้าหมาย :
ก) เป็นจุด (เฉพาะตาํ บล) ๑๐ นาที
ข) เป็นพืนที ๑๐ นาที
รวมเวลา ๕๐ นาที
รวมเวลาทงั สิน ๓ ชวั โมง
ก-๒ ช่วงที ๒ การฝึ กเตรียมการเบืองต้นและการยงิ แห้ง (๓ ชัวโมง)
เมือไดช้ ีแจงถึงรายละเอียดและขนั ตอนของการฝึ กแลว้ ก็จะเริมฝึ กในเรืองต่อไปนี
ก. เทคนคิ วธิ ีการยงิ เวลา
๑) ท่ายิง, การจบั ปื น, การเลง็ และการเหนียวไก ๓๐ นาที
๒) การบรรจุกระสุนดว้ ยสายกระสุนและซองกระสุน ๑๕ นาที
๓) การป้องกนั เหตุติดขดั และการตรวจอาวธุ (ตรวจความปลอดภยั ) ๑๕ นาที
ข. การฝึ กยงิ แห้ง รวมเวลา ๑ ชวั โมง
เวลา
๑) ขนั ตอนการเล็งและเหนียวไก ๓๐ นาที
๒) การตงั ศูนยแ์ ละการเปลียนระยะตงั ศนู ย์ ๓๐ นาที
๓) ขนั ตอนการยิงปรับศูนย์ ๑ ชวั โมง
รวมเวลา ๒ ชวั โมง
รวมเวลาทงั สิน ๓ ชวั โมง
ก-๓ ช่วงที ๓ การทดสอบการปฏิบตั ภิ าคเบืองต้น (๑ ชัวโมง)
ในช่วงที ๓ นี จะเป็ นการทดสอบเพือประเมินผลการปฏิบตั ิตามกิจเฉพาะทีไดเ้ รียนรู้และฝึ ก
มาในช่วงที ๑ และ ๒ รายละเอียดของการทดสอบในผนวก ข นนั สามารถนาํ มาใชใ้ นช่วงที ๓ นีได้
รวมเวลาทงั สิน ๑ ชวั โมง
ก-๔ ช่วงที ๔ การฝึ กยงิ ปรับศูนย์ในระยะ ๒๕ เมตร และการจัดชันคุณวฒุ ิ (๔ ชัวโมง)
ก. การแบ่งเวลาทีใช้ทําการฝึ ก เวลา
๑) การเรียนและฝึ กการใชห้ ลกั พนื ฐานการยงิ ปื น ๔ ประการ
และการฝึ กทา่ ยิงโดยใชข้ าทราย ๓๐ นาที
๒) การตรวจสอบการทาํ งาน, การบรรจกุ ระสุน,
การแกไ้ ขเหตุติดขดั โดยฉบั พลนั , การตรวจความปลอดภยั
ของอาวธุ และระเบียบการรักษาความปลอดภยั ในสนามยงิ ปื น ๑๕ นาที
- ๑๙๕ -
๓) การแนะนาํ การยิงในสนามระยะ ๒๕ เมตร
(รวมถึง การยิงปรับศูนย์ และการฝึ กยิงจดั ชนั คุณวฒุ ิ
ในสถานการณ์ นชค. และการบนั ทึกคะแนน) ๑๕ นาที
๔) การยิงปรับศูนย์ ๑ ชวั โมง
๕) การยิงในเวลากลางวนั (รวมทงั นชค.) ตารางที ๑ ๑ ชวั โมง
๖) การยิงเพือจดั ชนั คุณวฒุ ิ (รวมทงั นชค.) ตารางที ๑ ๑ ชวั โมง
ก-๕ ช่วงที ๕ การฝึ กยงิ ในระยะจริง (๔ ชัวโมง) รวมเวลาทงั สิน ๔ ชวั โมง
เรืองทีทําการฝึ ก เวลา
- การชีแจงถึงขนั ตอนการยงิ ในระยะจริง
(รวมทงั การปฏิบตั ิในสนาม) ๑๕ นาที
- หลกั สูตรการฝึ กยงิ แบบมาตรฐานเพือจดั ชนั คุณวฒุ ิ ๓ ชวั โมง ๑๕ นาที
รวมเวลาทงั สิน ๔ ชวั โมง
ก-๖ ช่วงที ๖ การยิงในระยะจริงเพือจดั ชันคุณวุฒิ (รวมทังการยงิ ในสถานการณ์ นชค.)
(๔ ชัวโมง) รวมเวลาทงั สิน ๔ ชวั โมง
ก-๗ ช่วงที ๗ การยงิ ปรับศูนย์ในเวลางกลางคืนและการสอนหลกั การและการฝึ กยิงในเวลากลางคืน
(๔ ชัวโมง)
ทหารจะไดเ้ รียนรู้ในเรืองการติดตงั กลอ้ งเลง็ สโคป หรือกลอ้ งแสงดาว (SLS) ติดตงั บน
อแดป๊ เตอร์พเิ ศษ เขา้ กบั ตวั ปลก. เพือใชง้ าน, การปรับกลอ้ งเลง็ ใหเ้ ขา้ กบั เสน้ เลง็ ของปื น และการยิง
ปรับศูนยเ์ มือติดกลอ้ งแลว้ หลงั จากนนั จะเป็นการยงิ ในเวลากลางคืนตามหลกั สูตรมาตรฐาน
เช่นเดียวกบั ในช่วงที ๖, เพยี งแต่เพิมกลอ้ งเลง็ สโคป หรือกลอ้ งแสงดาว (SLS) ติดตงั บนอแด๊ปเตอร์
พิเศษ ติดตงั เขา้ กบั ตวั ปื น
รวมเวลาทงั สิน ๔ ชวั โมง
ก-๘ สรุปรวมเวลาการฝึ ก
ช่วงที ๑ ๓
ช่วงที ๒ ๓
ช่วงที ๓ ๑
ช่วงที ๔ ๔
ช่วงที ๕ ๔
ช่วงที ๖ ๔
ช่วงที ๗ ๔
รวมทงั สิน ๒๓ ชวั โมง
ก-๙ สรุปจาํ นวนกระสุนทีใช้ - ๑๙๖ -
ช่วงที ๔, ตารางที ๑
ช่วงที ๕ และ ๖, ตารางที ๒ ๑๐๘ นดั (ยงิ ปรับศูนย,์ ฝึกหดั และจดั ชนั คุณวฒุ ิ)
ช่วงที ๗, ตารางที ๓ ๑๔๔ นดั (ยงิ ปรับศูนย,์ ฝึกหดั และจดั ชนั คุณวฒุ ิ)
๙๐ นดั (ยิงกระชบั กลอ้ ง, ปรับเสน้ เลง็ , ปรับศูนย์
และฝึ กหดั )
รวมจาํ นวนกระสุนทงั สิน ๓๔๒ นดั
- ๑๙๗ -
ผนวก ข
การทดสอบภาคปฏิบตั ิ
การทดสอบภาคปฏิบตั ินีเป็นการทดสอบในกิจเฉพาะต่างๆ ทีไดฝ้ ึ กฝนมาโดยไม่ใชก้ ารยงิ
กระสุนจริงว่าทหารสามารถปฏิบตั ิตามกิจเฉพาะเหลา่ นนั ไดห้ รือไม่ โดยมีแนวทางการทดสอบดงั นี
ข-๑ การทดสอบโดยไม่ใช้กระสุน
เป็นการทดสอบในช่วงสุดทา้ ยของการฝึ กโดยไมใ่ ชก้ ระสุน หลงั จากผา่ นการทดสอบนีแลว้
ทหารจะไดเ้ ขา้ ไปทาํ การฝึ กยงิ ในสนามยิงปื นดว้ ยกระสุนจริง ซึงการทดสอบนีสามารถกระทาํ ทีใดก็
ไดท้ ีมีสิงอาํ นวยความสะดวกในการทดสอบพอเพียง ทหารจะตอ้ งสามารถแสดงวธิ ีการปฏิบตั ิตาม
กิจเฉพาะต่อไปนี :
ก. การถอดและการประกอบแบบปกติ
ข. การบรรจกุ ระสุนและการเลิกบรรจุ
ค. การแกไ้ ขเหตุติดขดั โดยฉบั พลนั และการแกไ้ ขโดยวเิ คราะห์สาเหตุ
ง. การปรับปื นในสนามระยะไกล
จ. การยิงต่อเป้าหมายเป็ นแนวและเป้าหมายตามทางลึก
ข-๒ การปฏิบตั กิ ารทดสอบ
ผบ.หน่วยสามารถใชต้ ารางการปฏิบตั ินีไปใชด้ ดั แปลงใหเ้ หมาะสมกบั การฝึ กในหน่วย
ก. การปฐมนิเทศ, การสอน, การเพิมทกั ษะ และการเคลือนยา้ ย ๑๕ นาที
ข. การทดสอบ ๕ สถานีๆ ละ ๓๐ นาที ๑๕๐ นาที
ค. พกั ๒ ครังๆ ละ ๑๐ นาที ๒๐ นาที
ง. การเคลือนยา้ ย ๔ ครังๆ ละ ๕ นาที ๒๐ นาที
รวมเวลาทีใชท้ งั สิน ๓ ชวั โมง ๒๕ นาที
ข-๓ สถานีที ๑ : การถอดและการประกอบแบบปกติ
สถานีนีประกอบดว้ ยอาวธุ ปลก.เนเกฟ ควรจะวางอยบู่ นผา้ รองเพือป้องกนั มิใหช้ ินส่วน
สกปรกหรือศูนยห์ าย
ก. ครูฝึ กจะชีแจงใหท้ หารทราบดงั นี
“ในระหวา่ งระยะเวลานี ทหารจะถกู จดั กาํ ลงั ออกเป็น ๓ พวก และจะตอ้ งทาํ การถอดและ
ประกอบ ปลก.เนเกฟ แต่ละพวกจะจดั แบ่งใหแ้ ต่ละปื นต่อ ๑ คน และมีผูใ้ หค้ ะแนน ๑ คน ต่อปื น ๒
กระบอก ทหารจะมีเวลา ๔ นาที สาํ หรับการถอดชินส่วน และมเี วลาอีก ๔ นาที สาํ หรับการประกอบ
ชินส่วน ถา้ มขี อ้ สงสัยหรือมีปัญหาใดๆ ใหย้ กมือขึน เจา้ หนา้ ทีจะเขา้ ไปช่วยเหลือ ส่วนอีก ๒ พวก ยงั
ไม่ไดท้ ดสอบจะตอ้ งอยขู่ า้ งหลงั สถานีทดสอบ โดยหนั หลงั ใหส้ ถานีทดสอบจนกวา่ จะถกู เรียก”
ข. บตั รสาํ หรับบนั ทึกคะแนนจะมีตวั อยา่ งในรูปที ข – ๑ ใชส้ าํ หรับบนั ทึกเป็นบุคคล
- ๑๙๘ -
สถานีที ๑
การถอดและประกอบปกติ
รายการตรวจสอบ
ก. ตรวจความปลอดภยั ของ ปลก.เนเกฟ
ข. ถอดชินส่วน ปลก.เนเกฟ ดงั นี
๑) ชุดลาํ กลอ้ ง
๒) ชุดพานทา้ ย
๓) ชุดแหนบส่งลูกเลือน
๔) ชุดโครงนาํ ลูกเลือน
๕) ชุดลูกเลือน
๖) ชุดกรวยจดั แก๊ส
ค. ประกอบชินส่วนต่างๆ ของ ปลก.เนเกฟ เขา้ ดว้ ยกนั โดยปฏิบตั ิยอ้ นขนั ตอน
ในขอ้ ๒
ง. ถอดชินส่วนเสร็จอยา่ งถูกตอ้ งภายในเวลา ๔ นาที
จ. ประกอบชินส่วนเสร็จอยา่ งถกู ตอ้ งภายในเวลา ๔ นาที
รูปที ข – ๑ ตัวอย่างบัตรบันทกึ คะแนนสําหรับสถานที ี ๑
ข-๔ สถานที ี ๒ : การบรรจกุ ระสุนและการเลกิ บรรจุ
สถานีนีจะมี ปลก.เนเกฟ และเครืองมือเครืองใช้ ๑๑ ชุด
ก. ในขนั ตอนแรก ผบู้ นั ทึกคะแนนจะตอ้ งตรวจดูวา่ เครืองมือเครืองใชแ้ ละอุปกรณ์ต่างๆ จะ
ไม่ถูกจดั อยใู่ นลกั ษณะทีทาํ ใหก้ ารปฏิบตั ิงา่ ยขึน ทหารจะตอ้ งทาํ การบรรจุกระสุนโดยใชท้ งั สาย
กระสุนและซองกระสุน ในขนั ที ๒ นนั เป็นการเลิกบรรจุ
ข. ขอ้ ความต่อไปนีจะถูกอา่ นใหท้ หารฟัง
“ในระหวา่ งระยะเวลาต่อไปนี ทหารจะถกู แบ่งออกเป็น ๓ พวก ทหารแต่ละคนจะตอ้ ง
แสดงการบรรจุกระสุนและเลิกบรรจุกระสุน ปลก.เนเกฟ จะมีเจา้ หนา้ ทีตรวจสอบและบนั ทึกคะแนน
การปฏิบตั ิตามขนั ตอน ทหารจะมีเวลาปฏิบตั ิ ๑ นาที ในสถานีนีถา้ ทหารคนใดมขี อ้ สงสยั หรือมีปัญหา
ใหย้ กมือขึน เจา้ หนา้ ทีจะเขา้ ไปช่วยเหลือ ส่วนอีก ๒ พวกทียงั ไม่เขา้ ทดสอบจะตอ้ งอยู่ขา้ งหลงั สถานี
ทดสอบ และหนั หลงั ใหจ้ นกวา่ จะถูกเรียก”
ค. เมือแต่ละพวกไดป้ ฏิบตั ิเสร็จเรียบร้อยแลว้ ใหเ้ จา้ หนา้ ทีบนั ทึกคะแนนเรียกทหารรวม แลว้
แจง้ ผลการทดสอบให้ทราบ พรอ้ มทงั วจิ ารณ์การปฏิบตั ิ (๖ นาที)
- ๑๙๙ -
สถานีที ๒ : การบรรจุกระสุนการเลิกบรรจุ
การบรรจุกระสุนและการเลกิ บรรจุกระสุน ปลก.เนเกฟ
รายการตรวจสอบ
ก. ดว้ ยสายกระสุน
๑) จดั กรวยจดั แก๊สไวใ้ นตาํ แหน่งที ๒
๒) ดึงคนั รังลูกเลือนมาขา้ งหลงั สุดแลว้ เลือนไปขา้ งหนา้ ตาํ แหน่งลอ๊ คเสียงดงั คลิก
๓) จดั คนั บงั คบั การยิงไปตาํ แหน่งหา้ มไก (S)
๔) สอดกลอ่ งบรรจุสายกระสุนเขา้ ไปในช่องใส่ซองกระสุนแลว้ ดึงสายกระสุนไปวาง
ไวบ้ นชุดแผ่นเหลก็ รองกระสุนโดยใหก้ ระสุนนดั แรกอยใู่ นช่องป้อนกระสุน
๕) ปิ ดฝาปิ ดหอ้ งลกู เลือน
ข. การบรรจุดว้ ยซองกระสุน
๑) จดั กรวยจดั แกส๊ ไวใ้ นตาํ แหน่งที ๑
๒) ดึงคนั รังลูกเลือนมาขา้ งหลงั สุดแลว้ เลือนไปขา้ งหนา้ ในตาํ แหน่งลอ๊ คเสียงดงั คลิก
๓) จดั คนั บงั คบั การยิงไปทีตาํ แหน่งหา้ มไกปื น(S)
๔) ใส่ซองกระสุนเขา้ ในช่องใส่ซองกระสุน แลว้ ตรวจดูภายในรังเพลิง
ค. การเลกิ บรรจุกระสุน
๑) หา้ มไก
๒) เปิ ดฝาปิดหอ้ งลกู เลือน
๓) นาํ สายกระสุน หรือ ซองกระสุนออกจากตวั ปื น
๔) เปิ ดหา้ มไก
๕) เหนียวไกปล่อยชุดโครงนาํ ลูกเลือนไปขา้ งหนา้ โดยใชม้ ือประคองคนั รังไว้
๖) หา้ มไก
๗) ปฏิบตั ิใหแ้ ลว้ เสร็จภายใน ๑ นาที
รูปที ข – ๒ ตัวอย่างบัตรบนั ทกึ คะแนนสําหรับสถานที ี ๒
ข-๕ สถานีที ๓ : การแก้ไขเหตุตดิ ขัดโดยฉับพลันและการแก้ไขโดยวเิ คราะห์สาเหตุ
สถานีนีจะประกอบดว้ ย ๖ จุด แต่ละจุดจะประกอบดว้ ย แส้ทาํ ความสะอาด
ก. ผูใ้ หค้ ะแนน จะถามทหารแต่ละคนถึงการปฏิบตั ิในการแกไ้ ขเหตุติดขดั โดยฉับพลนั เช่น
ทหารจะปฏิบตั ิอยา่ งไรถา้ มีกระสุนคา้ งอยูใ่ นรังเพลิง และยงั ไมไ่ ดย้ ิง
ข. ขอ้ ความต่อไปนีจะตอ้ งถกู อ่านใหท้ หารฟังในสถานีนี
“ในระหวา่ งระยะเวลานี ทหารจะตอ้ งปฏิบตั ิตามขนั ตอนของการแกไ้ ขเหตตุ ิดขดั โดย
ฉบั พลนั และการแกไ้ จเหตุติดขดั โดยวเิ คราะห์สาเหตุกบั ปลก.เนเกฟ ให้เวลาปฏิบตั ิ ๕ นาที ถา้ หาก
ผใู้ ดมีปัญหาหรือขอ้ สงสยั หรือขอ้ ขดั ขอ้ งใหย้ กมือขึน และผูใ้ หค้ ะแนนจะเขา้ ช่วยเหลือ พวกทียงั
ไม่ไดร้ ับการตรวจสอบจะตอ้ งรออยขู่ า้ งหลงั สถานีทดสอบ โดยหนั หลงั ใหจ้ นกวา่ จะถูกเรียก”
- ๒๐๐ -
ค. บตั รบนั ทึกคะแนนตามตวั อยา่ งในรูปที ข - ๓ จะถูกนาํ มาใชใ้ นสถานีนี
ง. เมอื ทหารแต่ละพวกไดท้ ดสอบเสร็จแลว้ ใหเ้ จา้ หนา้ ทีบนั ทึกคะแนนเรียกทหารรวมและ
แจง้ ใหท้ ราบถึงผลการปฏิบตั ิ และวิจารณ์การปฏิบตั ิ (๕ นาที)
สถานีที ๓
การแก้ไขเหตุติดขดั โดยฉับพลนั และการวเิ คราะห์สาเหตุ
รายการตรวจสอบ
ก. การแกไ้ ขโดยฉบั พลนั
๑) ดึงคนั รังลูกเลือนมาขา้ งหลงั
๒) ใชส้ ายตาตรวจดูทีช่องคดั ปลอกกระสุนวา่ มีปลอกกระสุน, ขอ้ ต่อสายกระสุน
หรือมีลูกกระสุนอยหู่ รือไม่
๓) ผลกั คนั รังลูกเลือนกลบั ไปขา้ งหนา้
๔) เหนียวไก
๒. การแกไ้ ขโดยวิเคราะห์สาเหตุ (ถา้ อาวธุ ยงั มีการทาํ งานผิดปกติ)
๑) ดึงคนั รังลูกเลือนมาขา้ งหลงั
๒) จดั หา้ มไกอยใู่ นตาํ แหน่ง หา้ มยิง
๓) ผลกั คนั รังลูกเลือนกลบั ไปขา้ งหนา้
๔) นาํ ปื นออกจากหวั ไหล่ ใหไ้ กลจากใบหนา้
๕) บรรจุกระสุนใหม่, เลง็ , ปลดหา้ มไก และเหนียวไก
รูปที ข - ๓ ตวั อย่างบัตรบนั ทกึ คะแนนสําหรับสถานีที ๓
ข-๖ สถานีที ๔ : การปรับปื นในสนามระยะไกล
ก. ผใู้ หค้ ะแนนแตล่ ะคน จะบอกระยะยงิ ถึงเป้าหมายให้ (๓๐๐ เมตร) แก่ทหารแต่ละคน และ
ใหท้ หารทาํ การยงิ เป็ นชุด ๓ นดั (ยิงแหง้ ) แลว้ ผูใ้ หค้ ะแนนจะบอกทหารถึงการแกท้ างทิศและทาง
ระยะ เพอื ใหท้ หารปฏิบตั ิใหก้ ระสุนถูกเป้าหมาย จากนนั ผูใ้ หค้ ะแนนจะใหค้ ะแนนการปฏิบตั ิของ
ทหาร โดยจดั เป็นระดบั (เกรด)
ข. ขอ้ ความต่อไปนีจะถูกอ่านใหท้ หารฟัง ณ สถานีที ๔ นี
“ในระหวา่ งระยะเวลานี ทหารจะถูกแบง่ ออกเป็น ๕ พวก และจะตอ้ งปฏิบตั ิตามขนั ตอน
ต่างๆ ในการปรับปื นในสนามระยะไกล ใหเ้ วลาปฏิบตั ิ ๕ นาที เพอื ใหท้ หารอธิบายและปฏิบตั ิใหผ้ ูใ้ ห้
คะแนนดู ถา้ ทหารมีปัญหาใดๆ ใหถ้ ามผูใ้ หค้ ะแนน ส่วนพวกทียงั ไม่ไดเ้ ขา้ ทดสอบจะตอ้ งรออยขู่ า้ ง
หลงั สถานีทดสอบ โดยหนั หลงั ใหจ้ นกวา่ จะถูกเรียก”
ค. บตั รบนั ทึกคะแนนตามตวั อยา่ งในรูปที ข - ๔ จะถกู นาํ มาใชใ้ นการทดสอบนี
ง. เมอื ทหารแต่ละพวกไดท้ ดสอบเสร็จแลว้ ใหเ้ จา้ หนา้ ทีหรือผใู้ หค้ ะแนนเรียกทหารรวมและ
แจง้ ใหท้ ราบถึงผลการปฏิบตั ิและวจิ ารณ์การปฏิบตั ิ (๕ นาที)
- ๒๐๑ -
สถานีที ๔
การปรับปื นในสนามระยะไกล
รายการตรวจสอบ
ก. ตงั ระยะยิงเดิมที ๓๐๐ เมตร และมุมทิศ ๐ ทีศูนยห์ ลงั
ข. ทาํ การแกไ้ ขความคลาดเคลือนทางทิศ
ค. ทาํ การแกไ้ ขความคลาดเคลือนทางระยะ
ง. ลองยิงชุดทีสอง และกระสุนถูกเป้าหมาย
รูปที ข – ๔ ตัวอย่างบตั รบนั ทกึ คะแนนของสถานีที ๔
ข-๗ สถานีที ๕ : การยงิ ต่อเป้าหมายเป็ นแนวและเป้าหมายทางลกึ
สถานีนีประกอบดว้ ย เครืองมือเครืองใช้ ๖ ชุด แต่ละชุดควรมีเครืองช่วยฝึกแบบกระดานฉลุ
เป็นรูปเปา้ หมายหรือกระดานดาํ ๑ แผน่ และชอลก์
ก. ทหารแต่ละคนตอ้ งแสดงตาํ บลในการวางปื นเลง็ ขนั ตน้ , ทิศทางยา้ ยการยงิ และการยา้ ยการ
ยงิ ต่อเป้าหมายเป็นแนว (พลยิงคนเดียว) และทีหมายทางลึก (พลยิงสองคนปื นตงั ยงิ คู่) ทหารแต่ละคน
จะถามถึงการใชจ้ งั หวะการยงิ ทีเขาจะตอ้ งใช้ ถา้ ไม่ไดร้ ะบุไวใ้ นคาํ สังยิงเพอื ทีจะยิงเป้าหมายเหลา่ นนั
ข. ขอ้ ความต่อไปนีจะตอ้ งถกู อ่านใหท้ หารฟัง ณ สถานีนี
“ในระหวา่ งระยะเวลานีทหารจะถกู แบ่งออกเป็น ๕ พวก และจะตอ้ งอธิบายถึงวธิ ีการยิง
เป้าหมายลกั ษณะต่างๆ ดว้ ยการใช้ ปลก. กระบอกเดียว และการตงั ยิงคู่ใหเ้ วลาปฏิบตั ิ ๕ นาที ในการ
ลองทาํ การยิงเป้าหมายทงั ๒ ชนิด ถา้ ทหารมีคาํ ถามหรือขอ้ ขดั ขอ้ งใดๆ ใหถ้ ามผูใ้ หค้ ะแนน พวกทียงั
ไม่ไดท้ ดสอบจะตอ้ งรออยขู่ า้ งหลงั สถานีทดสอบโดยหนั หลงั ใหจ้ นกวา่ จะถูกเรียก”
ค. บตั รบนั ทึกคะแนนตามตวั อยา่ งในรูปที ข – ๕ จะถูกนาํ มาใชใ้ นสถานีนี
ง. เมอื ทหารแต่ละพวกไดท้ ดสอบเสร็จแลว้ ใหเ้ จา้ หนา้ ทีหรือผใู้ หค้ ะแนนเรียกทหารรวม
และแจง้ ใหท้ ราบถึงผลการปฏิบตั ิและวจิ ารณก์ ารปฏบิ ตั ิ (๕ นาที)
- ๒๐๒ -
สถานีที ๕
การยงิ ต่อเป้าหมายเป็ นแนวและเป้าหมายทางลกึ
รายการตรวจสอบ
๑. เปา้ หมายเป็นแนว (ปื นกระบอกเดียว) :
การใชต้ าํ บลเล็งในขนั ตน้ การใชก้ ารยิงกราดทางขา้ ง
๒. เป้าหมายทางลึก (ปื นตงั ยิงคู่)
การวางการยงิ ในขนั แรก
การใชก้ ารยิงกราดทางลึก
๓. การใชจ้ งั หวะการยิงต่อเนือง
รูปที ข – ๕ ตวั อย่างของบัตรบนั ทึกคะแนนในสถานที ี ๕
- ๒๐๓ -
ผนวก ค
ปื นเลก็ กล เนเกฟ ในการป้องกนั ภัยทางอากาศ
ในผนวกนีจะไดก้ ล่าวถึงการใช้ ปลก. เนเกฟ ขนาด ๕.๕๖ มม. ในภารกิจป้องกนั ภยั ทาง
อากาศ ซึงรวมถึงแนวความคิดการปฏิบตั ิ และวิธีการเลง็ ดกั ในภารกิจป้องกนั ภยั ทางอากาศมี ๒ วธิ ี
วธิ ีการยิง และทา่ ยงิ
ค-๑ มาตรการเชิงรับและมาตรการเชิงรุก
หน่วยทหารสามารถใชม้ าตรการทงั เชิงรับและเชิงรุกในการป้องกนั ตนจากการโจมตีทาง
อากาศของฝ่ ายขา้ ศึก ถึงแมว้ า่ การยงิ ดว้ ยปริมาตรทีหนาแน่นจะเป็นปัจจยั สาํ คญั กต็ าม หน่วยกย็ งั คง
ตอ้ งใชก้ ารประสานการยงิ เป็ นหลกั ปฏิบตั ิ
ก. มาตรการเชิงรับ เป็นมาตรการทีใชเ้ พือพสิ ูจนท์ ราบอากาศยานของขา้ ศึกก่อนทีอากาศยาน
นนั จะคน้ พบทีตงั ของหน่วยทหารฝ่ายเรา ทาํ ใหห้ น่วยฝ่ ายเราถกู คน้ พบไดย้ าก และเพือใหห้ น่วยฝ่าย
เรานนั มีจุดล่อแหลมนอ้ ยทีสุดทีจะถูกโจมตี หน่วยจะตอ้ งพฒั นาปรับปรุงและฝึ กฝนการพรางเพือใช้
เป็นมาตรการเชิงรับ การพรางทางอากาศจะตอ้ งถูกนาํ มาพิจารณาเพือการเลือกใชเ้ ส้นทาง
ยทุ โธปกรณแ์ ละวิธีการขนส่ง หรือทีมนั ตงั รบั การใชย้ ามอากาศเป็นสิงสาํ คญั ทีจะช่วยใหห้ น่วยไดม้ ี
เวลาทีจะปฏิบตั ิการตอบโต้ และการใชย้ ามอากาศนีจะตอ้ งพจิ ารณาใชเ้ พือควบคมุ พืนที โดยการจดั
วางยามไวห้ ลาย ๆ จุด ทีสามารถตรวจการณด์ ว้ ยสายตา และสามารถกะระยะเขตจาํ กดั ในการตรวจ
พืนทีอากาศได้
ข. มาตรการเชิงรุก ทีเหมาะสมสาํ หรับการปฏิบตั ิเมือถูกโจมตีจากอากาศยานขา้ ศึกนนั จะตอ้ ง
ถูกกาํ หนดไวใ้ น รปจ. ของหน่วย วธิ ีการใชก้ ารเล็งดกั ทงั ๒ แบบ จะขึนอยกู่ บั วา่ เรามีความตอ้ งการ
ปริมาตรการยิงทีหนาแน่นเพียงใดทีจะยิงดกั หนา้ อากาศยานขา้ ศึก การปฏิบตั ิทีใชก้ นั อยกู่ ค็ ือ ทหารทุก
คนจะตอ้ งช่วยกนั ยิงต่อเป้าหมายโดยใชก้ ารยงิ ดกั และสาํ หรับพลยิง ปลก. เนเกฟ ขนาด ๕.๕๖ มม.
นนั จะตอ้ งใชก้ ารยงิ จงั หวะเร็วสูงสุด
ค. ถา้ อากาศยานขา้ ศึกบินเขา้ โจมตีต่อทีมนั ของทหาร ทหารจะมองเห็นภาพของอากาศยาน
นนั ทางดา้ นหนา้ การยงิ ต่อเป้าหมายลกั ษณะนี ทหารจะตอ้ งเลง็ และยงิ ไดท้ ีบริเวณเหนือหวั เครืองบิน
เลก็ นอ้ ย ส่วนหน่วยทหารทีอยขู่ า้ งเคียงนนั จะเห็นภาพของอากาศยานทางดา้ นขา้ ง ดงั นนั การยงิ ต่อ
เป้าหมายลกั ษณะนีกค็ ือ การเลง็ และยงิ ดกั หนา้ ดว้ ยระยะดกั ทีเหมาะสม ซึงขึนอยกู่ บั วิธีการใชแ้ ต่ละวธิ ี
๑) วธิ ีที ๑ คือ เทคนิคการใชค้ วามยาวของสนามฟตุ บอล (รูปที ค-๑) เมอื ทาํ การยิง
อากาศยานทีมีความเร็วสูง (บินเร็วกว่า ๒๐๐ ไมลต์ ่อชวั โมง) พลยิง ปลก. จะตอ้ งกาํ หนดระยะดกั หนา้
เป้าหมายเป็นความยาวเท่ากบั สนามฟตุ บอลสองสนาม และทาํ การยงิ ดว้ ยจงั หวะการยิงเร็ว จนกระทงั
เป้าหมายนนั เคลือนทีผา่ นแนวเส้นของกระสุนส่องวถิ ี แต่ถา้ เป้าหมายเป็นอากาศยานทีมีความเร็วตาํ
เช่น เฮลิคอปเตอร์ทีบินดว้ ยความเร็ว ๒๐๐ ไมลห์ รือนอ้ ยกวา่ ก็ใหพ้ ลยิง ปลก. ใชร้ ะยะดกั หนา้
เป้าหมายเป็นความยาวเท่ากบั ครึงหนึงของสนามฟตุ บอล และยงิ ดว้ ยอตั ราความเร็วสูงสุด เมือ
- ๒๐๔ -
ทหารทุกคนในหน่วยทาํ การยิงจะเกิดมา่ นกระสุนขึน เพราะความแตกตา่ งในการกาํ หนดจดุ เลง็ และ
การกะระยะจะเกิดขึนกบั ทหารแต่ละคน
รูปที ค – ๑ เทคนคิ การใช้ความยาวของสนามฟุตบอล
๒) วธิ ีที ๒ กค็ ือ เทคนิคการใชจ้ ดุ อา้ ง (รูปที ค-๒) ผบ.หน่วย เป็นผเู้ ลือกจุดอา้ งโดย
กาํ หนดจดุ เหนือบริเวณใดบริเวณหนึงในภูมิประเทศ และเตือนทหารใหพ้ ร้อมก่อนเมือจะทาํ การยงิ
ขณะทีอากาศยานบินเขา้ มาใกลจ้ ุดอา้ งนนั การสังการจะใชค้ าํ สังดงั นี “ขา้ ศึกทางอากาศ จุดอา้ ง ๑
ยงิ ” พลยิง ปลก. จะชีปื นไปยงั จุดอา้ ง ๑ ยกปื นขึนเป็นมุมประมาณ ๔๕ องศาเหนือพืนดิน แลว้ ยงิ ตาม
คาํ สงั ในขณะทาํ การยิงนนั พลยิงสามารถปรับการเลง็ และปรับการยิงไดเ้ ล็กนอ้ ย
- ๒๐๕ -
รูปที ค- ๒ เทคนคิ การใช้จุดอ้าง
ค-๒ การใช้กระสุนส่องวถิ ี
ในการวางแผนการยิงต่อสูอ้ ากาศยานนนั ผบ.หน่วย จะตอ้ งพิจารณาการใชก้ ระสุนส่องวิถี
เพือช่วยใหพ้ ลยงิ สามารถตรวจการณ์และปรับการยิงจากแนวทางวิงของกระสุนส่องวิถีสาํ หรับหน่วย
ทีถกู อากาศยานขา้ ศึกเขา้ โจมตีนนั สามารถยงิ ต่อสูไ้ ดโ้ ดยไม่ตอ้ งรอคาํ สงั จากหน่วยเหนือ แต่ถา้ หาก
อากาศยานขา้ ศึกยงั ไม่เขา้ โจมตี หน่วยอาจจะยงั ไม่ทาํ การยิงต่อสูจ้ นกวา่ จะไดร้ ับคาํ สงั
ค-๓ ทีตังยงิ และท่ายงิ
เมือทาํ การยิง ปลก. เนเกฟ ขนาด ๕.๕๖ มม. ต่อสู้อากาศยานนนั พลยงิ จะตอ้ งเลือกทีตงั ยิงทีมี
กาํ บงั ใหม้ ากเทา่ ทีจะทาํ ได้ ถา้ หากไม่สามารถหาหลุมบุคคลเป็นทีตงั ยงิ ได้ พลยงิ จะตอ้ งแสวงเครือง
หนุนรองปื น ในบางกรณีอาจใหท้ หารอีกคนหนึงทาํ หนา้ ทีเป็ นเครืองรองรับปื นนนั ได้
- ๒๐๖ -
ผนวก ง
การรักษาความปลอดภยั ในสนามยงิ ปื น
ขอ้ ความในผนวกนี จะเป็นรายละเอียดในการปฏิบตั ิเพือรักษาความปลอดภยั ในขณะฝึ กยิง
ปื นในสนาม ซึงอาจมีบางส่วนแตกต่างกบั การปฏิบตั ิเมือฝึ กยงิ อาวธุ ประเภทอืน ๆ ทงั นียอ่ มขึนอยกู่ บั
หลกั สูตรการยงิ ปื นและลกั ษณะของอาวธุ ปื นนนั ๆ
ง-๑ มาตรการรักษาความปลอดภยั
มาตรการรักษาความปลอดภยั ต่อไปนีจะถูกกวดขนั อยา่ งเขม้ งวดในระหว่างการฝึ กยิงปื นทงั
หลกั สูตร
ก. แสดงเครืองหมายดว้ ยธงสีแดง (หรือไฟสีแดงในกรณีทีฝึกยิงเวลากลางคืน) บริเวณทางเขา้
สนามยงิ ปื น และหรือบริเวณทีสามารถมองเห็นไดอ้ ยา่ งชัดเจน ในขณะทีทาํ การยิงปื นในสนามนนั
ข. ใหพ้ ึงระลึกอยเู่ สมอวา่ อาวธุ ปื นนนั บรรจุกระสุนไว้ จนกวา่ จะไดม้ ีการตรวจสอบโดยแน่
ชดั หรือทราบไดแ้ น่ชดั วา่ ไมม่ ีกระสุนอยูใ่ นรังเพลิงและลาํ กลอ้ งไม่มสี ิงตกคา้ งอยภู่ ายใน
ค. ทาํ เครืองหมายแสดงเขตการยิงไวด้ ว้ ยหลกั ทาสีแดง - ขาว - สลบั ลายกนั ใหพ้ ลยิงทุกคน
มองเห็นไดช้ ดั เจน
ง. อยา่ ใชส้ ิงใดอุดปากกระบอกปื น หรือใส่ไวใ้ นลาํ กลอ้ งปื นเมือจะทาํ การยิง
จ. เมือเลกิ ใชอ้ าวุธปื น ใหน้ าํ อาวธุ ปื นไปเก็บรวมไวใ้ นทีปลอดภยั และมียามเฝ้าดอู ยู่
ฉ. หา้ มสูบบหุ รีใกลบ้ ริเวณทีวางกระสุน วตั ถุระเบิด หรือเชือเพลิง และสิงทีติดไฟไดง้ ่าย
ช.สวมใส่เครืองป้องกนั เสียงตลอดเวลา ขณะทาํ การยงิ
ง-๒ ระเบียบปฏบิ ัตใิ นสนามยงิ ปื น
สนามยิงปื นจะกลายเป็นสถานทีทีมีอนั ตรายมาก ถา้ ไม่มีการปฏิบตั ิตามระเบียบการรักษา
ความปลอดภยั ทุกคนจะตอ้ งมคี วามตืนตวั และคอยรับฟัง ตลอดจนปฏิบตั ิตามขนั ตอนต่าง ๆ ดงั นี
ก. ก่อนทําการยงิ
๑) ใชเ้ ครืองปิ ดกนั ถนน หรือใชส้ ิงกีดขวางป้องกนั มิใหผ้ หู้ นึงผใู้ ดเขา้ ไปขวางทาง
ระหวา่ งแนวยงิ กบั แนวเป้า หรือพืนทีอืน ๆ ทีไมป่ ลอดภยั และตอ้ งจดั ใหม้ ียามเฝ้า
๒) ตรวจอาวธุ ปื นทุกกระบอกเพือใหแ้ น่ใจว่าไม่มีกระสุนคา้ งอยู่ หรือสิงแปลกปลอม
ใด ๆ อยู่ในลาํ กลอ้ ง และฝาปิ ดหอ้ งลูกเลือนอยูใ่ นตาํ แหน่งเปิ ด
๓) ชีแจงใหท้ ุกคนทีอยใู่ นบริเวณสนามยิงปื นทราบถึงเขตจาํ กดั การยงิ ในสนามและที
แนวยิง
๔) ใหต้ รวจสอบดูวา่ สนามยงิ ปื นวา่ งหรือปลอดภยั จากสาํ นกั งานควบคุมการใช้สนาม
ยงิ ปื น
๕) ตรวจดใู นสนามยงิ ปื นก่อนทาํ การยงิ เพือให้แน่ใจวา่ ไม่มีบุคคลใดหรือสิงอปุ กรณ์
ใด ๆ หลงเหลืออยใู่ นพืนทีอนั ตราย จากแนวยงิ ไปยงั แนวเป้า
- ๒๐๗ -
๖) จดั เตรียมชุดเครืองมือปฐมพยาบาลไวใ้ หพ้ รอ้ มในสนามยงิ ปื น
๗) ใหเ้ จา้ หนา้ ทีเสนารักษอ์ ยู่ในบริเวณทีสามารถติดต่อเรียกใชไ้ ดอ้ ยา่ งรวดเร็ว
๘) ใหน้ ายทหารหรือนายสิบเป็ นผตู้ รวจสภาพอาวธุ ปื นทงั หมดทีจะใชท้ าํ การยงิ วา่ อยใู่ น
สภาพพร้อมใชง้ านหรือไม่
๙) การหยิบถืออาวุธหรือการนาํ พาอาวธุ ไปมา จะตอ้ งไดร้ บั คาํ สังจากหอควบคุมการยิง
หรือนายทหารผคู้ วบคุมการยงิ เท่านนั
๑๐) การเคลือนยา้ ยกระสุนและการแจกจา่ ยกระสุน จะกระทาํ ไดต้ อ่ เมือไดร้ ับคาํ สงั จาก
นายทหารควบคุมการยงิ เทา่ นนั และเมือมกี ารใชก้ ระสุนตงั แต่สองหมายเลขงานขึนไป นายทหาร
ควบคุมการยิงจะตอ้ งตรวจดูใหแ้ น่ใจวา่ ไดม้ ีการแยกกระสุนแตล่ ะหมายเลขงานออกจากกนั โดยมิให้
ปะปนกนั เพือพิสูจน์ทราบในกรณีทีเกิดเหตุติดขดั หรืออุบตั ิเหตุจากกระสุนวา่ เป็นเพราะกระสุน
หมายเลขงานใด
๑๑) เกบ็ รักษากระสุนไวใ้ นทีทีไม่ถูกแสงแดดส่องโดยตรง
๑๒) หา้ มบคุ คลหนึงบคุ คลใดเคลือนทีออกไปขา้ งหนา้ แนวยงิ นอกจากจะไดร้ ับอนญุ าต
จากหอควบคุมการยงิ , นายทหารรักษาความปลอดภยั หรือนายทหารควบคุมการยงิ
ข. ในระหว่างการยงิ
๑) เมอื ไดส้ ังเกตหรือตรวจพบการปฏิบตั ิหรือเหตุการณใ์ ด ๆ ทีจะนาํ ไปสู่ความไม่
ปลอดภยั ใหส้ งั “หยดุ ยิง” ในทนั ที และผทู้ ีจะสงั ใหเ้ ริมยงิ ไดจ้ ะตอ้ งเป็นนายทหารผคู้ วบคุมการยิง
เทา่ นนั
๒) ในระหวา่ งการยงิ ทหารทุกคนจะตอ้ งระมดั ระวงั อนั ตรายอนั อาจเกิดจากการทีมีผู้
เคลือนทีออกไปหนา้ แนว เพอื บนั ทกึ คะแนนจากแผน่ เป้า ก่อนทีจะสงั วา่ “แนวยิงปลอดภยั ” และ
อนุญาตใหท้ หารเดินออกไปหนา้ แนวยงิ นายทหารควบคุมการยงิ และนายทหารรกั ษาความปลอดภยั
จะตอ้ งตรวจอาวธุ ใหเ้ รียบร้อยทุกครัง
๓) ในการตรวจอาวธุ นนั นายทหารหรือนายสิบรักษาความปลอดภยั จะตอ้ งตรวจอาวธุ
ปื นทีละกระบอกทีใชท้ าํ การยิง วา่ ไดม้ ีการลอ็ คลูกเลือนไวท้ างดา้ นหลงั และหา้ มไกไวห้ รือไม่
นอกจากนีจะตอ้ งตรวจดภู ายในลาํ กลอ้ งโดยใชแ้ สท้ าํ ความสะอาดสอดใส่เขา้ ไปในลาํ กลอ้ งปื นจน
ปลายแสโ้ ผลอ่ อกมาทางรังเพลิง และตรวจดูสภาพความปลอดภยั ๕ จุด หลงั จากนนั ใหป้ ลอ่ ยลูก
เลือนไปขา้ งหนา้ แลว้ ยกฝาปิ ดหอ้ งลูกเลือนขึนเพือตรวจดา้ นหลงั ของลกู เลือน
ค. เมือทําการยงิ ในเวลากลางคืน
๑) ใหต้ รวจดูภายในสนามยงิ ปื น โดยเฉพาะพืนทีระหวา่ งแนวยงิ กบั แนวเป้าก่อนจะทาํ
การยิงวา่ ไม่มีบุคคลใดหรือสิงอุปกรณ์ใด ๆ หลงเหลืออยู่ในพืนทีอนั ตราย โดยการปฏิบตั ินนั ใหใ้ ชก้ าร
ประกาศผา่ นเครืองขยายเสียงถามวา่ “มีผใู้ ดอยขู่ า้ งหนา้ แนวยงิ หรือไม่” ถาม ๓ ครัง และเมือจบคาํ ถาม
แต่ละครังใหเ้ วน้ ช่วงรอวา่ มีผูใ้ ดตอบหรือเคลือนไหวออกมาจากพืนทีนนั
- ๒๐๘ -
๒) ใหใ้ ชไ้ ฟกระพริบสีแดงเพิมขึนจากการใชธ้ งแดง โดยติดไฟกะพริบทีบริเวณทางเขา้
หรือบริเวณทีสงั เกตเห็นไดง้ ่ายและชดั เจน
๓) ติดไฟสีแดงทีเสาหลกั จาํ กดั เขตการยิง ซึงพลยิงทุกคนจะตอ้ งมองเห็นไดช้ ดั เจน
๔) หา้ มทหารคนหนึงคนใดเคลือนทีออกจากจดุ ทีประจาํ อยู่ เวน้ แต่จะไดร้ ับอนุญาตจาก
นายทหารควบคุมการยงิ เท่านนั
ง. หลังจากจบการยงิ
๑) ใหเ้ จา้ หนา้ ทีรักษาความปลอดภยั ตรวจอาวธุ ปื นทุกกระบอกวา่ อยใู่ นสภาพปลอดภยั
หรือมีปลอกกระสุน ขอ้ ต่อสายกระสุน หรือกระสุนหลงเหลืออยหู่ รือไม่
๒) เมือตรวจอาวธุ เรียบร้อยแลว้ ใหน้ าํ อาวุธนนั ไปเก็บไวใ้ นทีทีปลอดภยั โดยลอ็ คลกู
เลือนไวข้ า้ งหนา้ , หา้ มไก และยกฝาปิ ดเครืองป้อกระสุนขึน
- ๒๐๙ -
ผนวก จ
การใช้ทางยทุ ธวิธี
แมว้ า่ ปื นเลก็ กลในปัจจุบนั จะไดร้ ับการปรบั ปรุงพฒั นาไปอยา่ งมาก แต่บทบาทหรือการใช้
ปื นเลก็ กลนนั ยงั คงไม่เปลียนแปลงจากแนวความคิดเดิมตงั แต่สมยั สงครามโลกครังที ๑ พลยิง ปลก.
ยงั คงใหก้ ารสนบั สนุนหมู่ปื นเลก็ ดว้ ยการยงิ ในการดาํ เนินกลยุทธ์ทงั เขา้ ตีและตงั รับ ปลก.เนเกฟ ขนาด
๕.๕๖ มม. นนั สามารถทาํ การยิงไดอ้ ยา่ งแม่นยาํ ใกลเ้ คียงกบั ปลย. และยงั สามารถยิงไดป้ ริมาตรการ
ยงิ ทีหนาแน่นเช่นเดียวกบั ปื นกลทวั ไป อาวธุ ปลก. นนั จดั วา่ เป็นอาวุธในกาํ มือของ ผบ.หมู่ ปล.
จ-๑ การรบด้วยวธิ ีรุก
ในการรบดว้ ยวธิ ีรุก ปลก. จะเพิมอาํ นาจการยงิ ให้กบั หมูด่ าํ เนินกลยทุ ธ์ไดอ้ ยา่ งมาก กล่าวกนั
วา่ ในการรบประชิดนนั ปลก. จะใหอ้ าํ นาจการยงิ ไดเ้ ท่ากบั ทหารทีใช้ ปลย. ถึง ๑๐ คน ในบาง
สถานการณ์ก็ยงั สามารถใชย้ งิ สนบั สนุนเป็นฐานยิงไดด้ ว้ ย
ก. ส่วนดาํ เนินกลยทุ ธ์ ในการเขา้ ตะลุมบอนของหมู่ปื นเล็ก จะใช้ ปลก. ภายในหมชู่ ่วยเพิม
อาํ นาจการยงิ ซึงสามารถทาํ การยงิ ไดท้ งั จากทา่ ใชข้ าทรายและทา่ ยงิ ประทบั สะโพก เป้าหมายทีสาํ คญั
กค็ ือ พลยิงอาวธุ กลของฝ่ ายขา้ ศึก แตถ่ า้ พลยงิ อาวธุ กลหรือทีตงั ยิงนนั ถูกทาํ ลายลงไปแลว้ พลยงิ ปลก.
เนเกฟ ขนาด ๕.๕๖ มม. ก็อาจใชก้ ารยิงตอ่ เป้าหมายใด ๆ ก็ไดท้ ีปรากฏขึนในเขตการยงิ หรืออาจใช้
การยิงใหค้ รอบคลุมพืนทีเป้าหมายเป็นส่วน ๆ ในเขตการยงิ ของหมู่กไ็ ดใ้ นระยะตงั แต่ ๓๐๐ เมตรลง
มานนั ถือวา่ เป็นระยะรบประชิด สาํ หรับ ปลก. ส่วนใหญ่แลว้ จะยิงไปยงั เป้าหมายทีไดร้ ับการชีเป้าจาก
ผบ.หมู่ (ใชก้ ารยิงชีเป้า)
ข. ส่วนยิงสนบั สนุน ปลก. เนเกฟ ขนาด ๕.๕๖ มม. นนั ถูกบรรจุไวใ้ นหมู่ปื นเลก็ เพือช่วย
เพิมอาํ นาจการยงิ เสริมใหก้ บั ปื นกล ในกรณีทีใชเ้ ป็นส่วนยงิ สนบั สนุนใหก้ บั ส่วนดาํ เนินกลยทุ ธ์ ใน
กรณีเช่นนี จะใช้ ปลก. ทงั หมดทีมีอยใู่ นหมู่ปื นเล็กทงั ๓ หมู่ รวมการเขา้ ทีตงั ยิงโดยนายสิบประจาํ
หมวดเป็นผูเ้ ลือกทีตงั ยงิ และควบคุมการยงิ เป้าหมายสาํ คญั สาํ หรับ ปลก. เนเกฟ ขนาด ๕.๕๖ มม.
ไดแ้ ก่อาวธุ หลกั หรืออาวธุ ประจาํ หน่วยขา้ ศึก ซึงปื นกลฝ่ ายเราไมส่ ามารถยงิ ครอบคลมุ ใหห้ มด เพราะ
มีกวา้ งดา้ นหนา้ มาก หรือหน่วยทหารขา้ ศึกทีมีสภาพเป็นหน่วยตีโตต้ อบ หรือกองหนุนหรือหน่วย
เสริมกาํ ลงั เมือพิจารณาถึงระยะยิงจะเห็นว่าเป้าหมายอยใู่ นระยะตงั แต่ ๘๐๐ เมตร จนถึงระยะ ๓๐๐
เมตร จากทีหมาย ซึงหน่วยทหารฝ่ ายเราจะปรับรูปขบวนเพือเตรียมเขา้ ตะลุมบอน แต่ระยะดงั กลา่ ว
แลว้ นนั ไมใ่ ช่ระยะตายตวั อาจมกี ารเปลียนแปลงไปบา้ งตามสถานการณ์ ลกั ษณะของภูมิประเทศและ
การกาํ หนดระยะนิรภยั ทาํ ใหผ้ บู้ งั คบั หมวดอาจตอ้ งพิจารณาเปลียนยา้ ยทีตงั ยิง หากพิจารณาให้ ปลก.
เป็นส่วนหนึงของฐานยิงสนบั สนุนแลว้ ส่วนยิงสนบั สนุนควรอยภู่ ายในระยะ ๘๐๐ เมตร จากทีหมาย
ค. การจดั เฉพาะกิจของพวกปื นเลก็ กล การจดั ของหมู่ทีแบง่ ออกเป็น ๒ ชุดยงิ นนั ไมเ่ ป็น
อุปสรรคสาํ หรับการจดั เฉพาะกิจของพวก ปลก. ขึนใหม่ เพือใชใ้ นภารกิจพเิ ศษบางครัง ตวั อยา่ งเช่น
ในการเขา้ ตะลุมบอน ผูบ้ งั คบั หมอู่ าจจะตอ้ งการอาํ นาจการยิงมากกวา่ ทีจะหาไดภ้ ายในชุดยงิ เดียว
ดงั นนั จึงตอ้ งพิจารณาจดั ปลก. จากชุดยงิ ก สมทบใหก้ บั ชุดยิง ข ทีเป็นส่วนฐานยิงสนบั สนุน ส่วน
- ๒๑๐ -
ชุดยงิ ก ทีเขา้ ตะลุมบอนนนั ก็ยงั คงสามารถเคลือนทีดาํ เนินกลยทุ ธ์ได้ แมจ้ ะไม่มี ปลก. อยภู่ ายในชุดก็
ตาม แต่การจดั ลกั ษณะนีคงจะตอ้ งใชก้ ารพิจารณาขอ้ ดีขอ้ เสียพอสมควร
จ-๒ การรบด้วยวธิ รี ับ
ในการตงั รับของหมวดปื นเลก็ นนั ผบู้ งั คบั หมวดจะพจิ ารณาวางกาํ ลงั ของหมู่ปื นเลก็ ให้
สามารถป้องกนั การเขา้ โจมตีของหน่วยทหารราบเดินเทา้ ของขา้ ศึก ซึง ปลก. เนเกฟ ขนาด ๕.๕๖ มม.
ทีมีอยภู่ ายในหมปู่ ื นเลก็ นนั จะเป็นอาวธุ ทีใชย้ ิงในระยะทีสามารถป้องกนั ขา้ ศึกดงั กลา่ วไดด้ ว้ ย
ปริมาตรการยิงทีหนาแน่นพอเพียง ผบู้ งั คบั หมู่จะพิจารณาวางทีตงั ยงิ ของ ปลก. ใหส้ ามารถยิงได้
ครอบคลุมพืนทีกวา้ งดา้ นหนา้ ของหมู่ และยงั คาบทบั กบั เขตการยิงของ ปลก. ของหมู่ทีอยขู่ า้ งเคียงอีก
ดว้ ย ปลก. นีจะช่วยเสริมช่องวา่ งในพืนทีการยงิ ของ ปก.ของหมวด และช่องวา่ งของกองร้อยไดใ้ น
ระยะพอสมควร ระยะทีสามารถใช้ ปลก. เขา้ ทาํ การติดพนั กบั ขา้ ศึกนนั จะตอ้ งเริมจากระยะ ๓๐๐
เมตร หนา้ ทีมนั ออกไปขา้ งหนา้ เป้าหมายทีสาํ คญั ของ ปลก. กค็ อื อาวธุ กลของฝ่ ายขา้ ศึก รวมทงั ส่วน
ควบคุมบงั คบั บญั ชาและส่วนการติดต่อสือสารของขา้ ศึก