The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานฉบับกลาง (Interim Report)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Kanokwan Chartsuwan, 2023-02-07 04:54:10

รายงานฉบับกลาง (Interim Report)

รายงานฉบับกลาง (Interim Report)

143 -หน่วยงานศาลที่ให้สัมภาษณ์แต่ไม่ได้ตอบแบบสอบถาม ประกอบด้วย สำนักงานอธิบดี ผู้พิพากษาภาค และศาลจังหวัด รวมทั้งหมด 9 แห่ง มีโครงการที่ประชาชนมีส่วนร่วมในหน่วยงานศาล จำนวน 15 โครงการ -หน่วยงานตำรวจที่ให้สัมภาษณ์และตอบแบบสอบถาม เป็นสำนักงานตำรวจภูธรรวมทั้งหมด 18 แห่ง มีโครงการประชาชนมีส่วนร่วมในหน่วยงานตำรวจจำนวน 9 โครงการ โครงการที่ประชาชนมีส่วนร่วมในหน่วยงานอัยการ หน่วยงานศาล และหน่วยงานตำรวจ รวม ทั้งหมด 34 โครงการ ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่จัดขึ้นแบบเป็นทางการ มีกฎระเบียบกำหนดให้ดำเนินการ ชัดเจน หรือเป็นการดำเนินการตามคำสั่งหรือนโยบายจากส่วนกลาง และมีบางโครงการที่จัดขึ้นใน รูปแบบที่ไม่เป็นทางการที่หน่วยงานกระบวนการยุติธรรมดำเนินการขึ้น เช่น การอนุญาตให้นักเรียน นักศึกษาฝึกงานในสำนักงานอัยการจังหวัด การจัดกิจกรรมต้นกล้าตุลาการให้กับนักเรียน การแสดง ความคิดเห็นเกี่ยวกับการให้บริการของศาล และการร้องเรียนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ศาล และการ ขอความช่วยเหลือจากประชาชนในการแจ้งเบาะแส การแจ้งข่าวสาร การเป็นอาสาสมัครตำรวจให้กับ ตำรวจ เป็นที่น่าสังเกตว่ามีบางโครงการที่เป็นกลไกการมีส่วนร่วมของประชาชนอยู่ในหน่วยงาน กระบวนการยุติธรรมทุกกลุ่มเหมือนกัน โดยผู้ที่มีส่วนร่วมในโครงการนั้นจำเป็นต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ เฉพาะด้าน ได้แก่ โครงการทนายความอาสาเป็นโครงการที่มีทั้งหน่วยงานอัยการ ศาล และตำรวจ และ โครงการล่ามอาสาสมัครที่มีในหน่วยงานศาลและตำรวจ แต่สองโครงการนี้ประชาชนคนธรรมดาไม่อาจ เข้ามามีส่วนร่วมได้เพราะเป็นงานวิชาชีพ ต้องเป็นทนายความและล่ามที่ลงทะเบียนเท่านั้น บางโครงการของสำนักงานอัยการ เช่น การแสดงความคิดต่อเห็นร่างกฎหมาย การร้องขอความ เป็นธรรมเกี่ยวกับคดี การจัดทำแผนแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กหรือเยาวชนที่กระทำผิด ฯลฯ เป็นการ ดำเนินการที่ไม่ได้มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นวัตถุประสงค์หลัก แต่เป็นไปตามกฎหมายที่ กำหนดให้สิทธิแก่ประชาชนได้มีส่วนร่วมในกระบวนการประชาพิจารณ์ร่างกฎหมายหรือสามารถร้องขอ ความเป็นธรรมในทุกระดับชั้นของหน่วยงานกระบวนการยุติธรรมทุกแห่งได้และสามารถเข้าร่วม ช่วยเหลือแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กหรือเยาวชนที่กระทำผิดได้ตามที่กฎหมายกำหนด 2. การแต่งตั้งคณะกรรมการการมีส่วนร่วมภาคประชาชนของหน่วยงานอัยการ ท่ามกลางกลไกรูปแบบการมีส่วนร่วมของประชาชนที่หลากหลายของหน่วยงานอัยการ หน่วยงานศาล และหน่วยงานตำรวจนั้น จะมีรูปแบบที่หน่วยงานกระบวนการยุติธรรมแต่ละแห่ง มีโครงการหลักที่โดดเด่นชัดเจนในการให้ประชาชนมีส่วนร่วม โดยหน่วยงานอัยการหลายแห่งได้แต่งตั้ง คณะกรรมการการมีส่วนร่วมภาคประชาชน และคณะที่ปรึกษาสำนักงานอัยการจังหวัด การแต่งตั้ง ผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราวของหน่วยงานศาลทุกแห่ง และคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการ บริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) ของหน่วยงานตำรวจทุกแห่ง


144 ตารางที่ 2 นโยบายและกฎหมายที่กำกับการจัดทำกลไกประชาชน มีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรม หน่วยงาน กลไกประชาชนมีส่วนร่วม นโยบาย/กฎหมาย อัยการ -คณะกรรมการการมีส่วนร่วมภาคประชาชน -คณะที่ปรึกษาสำนักงานอัยการจังหวัด -วิสัยทัศน์ขององค์กรอัยการที่กำหนดให้เป็น “องค์กรนำในการใช้กฎหมาย เพื่อรักษาความ ยุติธรรมให้กับประชาชนและสังคม" และแผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 พ.ศ. 2560- 2564 ยุทธศาสตร์ที่ 2 การสร้างความเป็นธรรมและ ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม -กลยุทธฺที่ 4.2 ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของ ประชาชน ยุทธศาสตร์ที่ 4 สร้างความเชื่อมั่นแก่ ประชาชน และหน่วยงานที่มีส่วนได้เสีย ตามแผน ยุทธศาสตร์สำนักงานอัยการสูงสุด ปี 2559-2562 ที่สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 ศาล ผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราว -นโยบายการสร้างดุลยภาพแห่งสิทธิของประธาน ศาลฎีกา -พระราชบัญญัติมาตรการกำกับและติดตามจับกุม ผู้หลบหนีการปล่อยชั่วคราวโดยศาล พ.ศ. 2560 ตำรวจ คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการ บริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) -นโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ -พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 -ระเบียบ ก.ต.ช. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการส่งเสริม ให้ท้องถิ่นและชุมชนมีส่วนร่วมในกิจการตำรวจ พ.ศ. 2549 -ระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการ ส่งเสริมให้ประชาชน ชุมชน ท้องถิ่นและองค์กรมี ส่วนร่วมในกิจการตำรวจ พ.ศ. 2551 ผลจากการลงพื้นที่เก็บข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์เกี่ยวกับกลไกการมีส่วนร่วมของประชาชนของ หน่วยงานอัยการ หน่วยงานศาล และหน่วยงานตำรวจ อธิบายได้ว่ากระบวนการยุติธรรมแต่ละหน่วยงาน มีรูปแบบหลักของกลไกดังกล่าวที่ดำเนินการอย่างชัดเจน ได้แก่ คณะกรรมการการมีส่วนร่วมภาค ประชาชนและคณะที่ปรึกษาสำนักงานอัยการจังหวัดของหน่วยงานอัยการ เป็นกลไกการมีส่วนร่วมของ ประชาชนต่อหน่วยงานอัยการที่เป็นทางการเพื่อประโยชน์เชิงบริหารของสำนักงานอัยการจังหวัด แต่ไม่ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการการมีส่วนร่วมภาคประชาชนหรือคณะที่ปรึกษาสำนักงานอัยการ จังหวัดในสำนักงานอัยการจังหวัดครบทุกแห่ง ซึ่งแตกต่างจากกลไกการมีส่วนร่วมของประชาชนรูปแบบหลัก ของหน่วยงานศาลและหน่วยงานตำรวจ คือ การแต่งตั้งผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราวของหน่วยงานศาล


145 กับการแต่งตั้ง กต.ตร. ของหน่วยงานตำรวจ เนื่องจากการแต่งตั้งคณะกรรมการการมีส่วนร่วมภาค ประชาชนและคณะที่ปรึกษาสำนักงานอัยการจังหวัดไม่ได้เป็นการแต่งตั้งตามกฎหมาย แต่เป็นการ ดำเนินการตามวิสัยทัศน์และนโยบายของสำนักงานอัยการสูงสุด ที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ที่ 2 การ สร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม กลยุทธฺที่ 4.2 ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ในยุทธศาสตร์ที่ 4 สร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนและหน่วยงานที่มีส่วนได้เสียของแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 พ.ศ.2560-2564 รวมถึงแผนยุทธศาสตร์สำนักงานอัยการสูงสุด ปี 2559-2562 ที่สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 เพื่อให้สำนักงานอัยการเป็น “องค์กรนำในการใช้กฎหมาย เพื่อรักษาความยุติธรรมให้กับประชาชนและ สังคม" สร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมใน กระบวนการยุติธรรม ช่วยในการสะท้อนหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในท้องที่ รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมหรือการดำเนินคดีให้หน่วยงานอัยการทราบ โดยสามารถทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างประชาชนในพื้นที่และองค์กรอัยการ ในขณะที่การแต่งตั้งผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราวของหน่วยงานศาล และการแต่งตั้ง กต.ตร. ของหน่วยงานตำรวจเป็นการดำเนินการตามนโยบายองค์กรและตามกฎหมายโดยการแต่งตั้งผู้กำกับดูแล ผู้ถูกปล่อยชั่วคราวของศาลเป็นการดำเนินการตามนโยบายการสร้างดุลยภาพแห่งสิทธิของประธานศาลฎีกา และพระราชบัญญัติมาตรการกำกับและติดตามจับกุมผู้หลบหนีการปล่อยชั่วคราวโดยศาล พ.ศ. 2560 โดย กำหนดให้ศาลสามารถดำเนินการได้หากมีหลักฐานตามสมควรว่าเป็นคดีที่ไม่มีความร้ายแรง ไม่มีความ เสี่ยงสูง พฤติกรรมของผู้ถูกปล่อยชั่วคราวจะไม่ก่ออันตราย ไม่มีเหตุหลบหนี ไม่เกิดความเสียหาย หรือไม่เกิดอุปสรรคในการดำเนินคดีที่อาจเกิดขึ้นจากการปล่อยชั่วคราว ศาลจะสั่งปล่อยตัวระหว่าง สอบสวนและระหว่างการพิจารณาคดี และให้ตั้งผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราว เป็นการเพิ่มมาตรการ ในการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาให้มากขึ้นโดยใช้ตัวบุคคลเป็นผู้กำกับดูแลนอกเหนือไปจากการใช้ หลักทรัพย์วางศาลหรือเงินสดในการปล่อยชั่วคราว หวังช่วยให้เกิดการปรับเปลี่ยนทัศนคติและ พฤติกรรมของผู้ต้องหาหรือจำเลย เพื่อป้องกันการหลบหนีและก่ออันตรายอย่างอื่นและสามารถกลับตัว เป็นคนดีของสังคมต่อไปได้ในภายหน้า ส่วนการแต่งตั้ง กต.ตร. เป็นการดำเนินการตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ระเบียบ ก.ต.ช. ว่าด้วย หลักเกณฑ์และวิธีการส่งเสริมให้ ท้องถิ่นและชุมชนมีส่วนร่วมในกิจการตำรวจ พ.ศ. 2549 และระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการ ส่งเสริมให้ประชาชน ชุมชน ท้องถิ่นและองค์กรมีส่วนร่วมในกิจการตำรวจ พ.ศ. 2551 ดังนั้น ศาลจังหวัดทุกแห่งจึงมีการแต่งตั้งผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราว โดยที่ศาลทุกแห่ง สามารถใช้บริการของผู้กำกับดูแลฯ ที่แต่งตั้งในเขตอำนาจศาลของตนเองหรือที่ศาลอื่นในภูมิลำเนาของ ผู้ถูกปล่อยชั่วคราวเพื่อประโยชน์ต่อผู้ต้องหาหรือจำเลยให้ได้รับโอกาสเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมในการ ปล่อยตัวชั่วคราวทั้งที่มีหลักประกันหรือไม่มีหลักประกันได้และสถานีตำรวจภูธรทุกแห่งได้แต่งตั้ง กต.ตร. เพื่อประโยชน์ในการสนับสนุนการทำงานของสถานีตำรวจ


146 คณะกรรมการการมีส่วนร่วมภาคประชาชนและคณะที่ปรึกษาสำนักงานอัยการจังหวัดเป็น กลไกการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในหน่วยงานอัยการ ส่วนใหญ่จะแต่งตั้งจังหวัดละ 1 ชุด ตามนโยบาย ของสำนักงานอัยการสูงสุดแต่อาจเรียกชื่อต่างกัน เช่น สำนักงานอัยการจังหวัดชัยนาทแต่งตั้งคณะกรรมการ การมีส่วนร่วมภาคประชาชน ส่วนสำนักงานอัยการจังหวัดพัทยาแต่งตั้งคณะที่ปรึกษาสำนักงานอัยการ จังหวัด สำหรับในจังหวัดใหญ่จะมีการแต่งตั้งมากกว่า 1 ชุด เช่น ในจังหวัดสงขลาได้แต่งตั้งคณะกรรมการฯ ทั้งที่สำนักงานอัยการจังหวัดสงขลา และสำนักงานอัยการจังหวัดนาทวีแห่งละ 1 ชุด ส่วนสำนักงานอัยการ จังหวัดกำแพงเพชรแห่งเดียวได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการ 2 ชุด คือ คณะกรรมการการมีส่วนร่วมภาค ประชาชน และคณะที่ปรึกษาอัยการจังหวัดกำแพงเพชร ในขณะที่หน่วยงานอัยการอีกหลายแห่งไม่มี การแต่งตั้งคณะกรรมการใด ๆ ให้มีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการยุติธรรม เช่น สำนักงาน อัยการจังหวัดนนทบุรี สำนักงานอัยการจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานอัยการจังหวัดสุโขทัย สำนักงาน อัยการจังหวัดสุพรรณบุรี สำนักงานอัยการคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนครปฐม สำนักงานอัยการ คดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัดแพร่ ฯลฯ 3. ข้อจำกัดในการแต่งตั้งคณะกรรมการการมีส่วนร่วมภาคประชาชนของหน่วยงานอัยการ ผลจากการลงพื้นที่เก็บข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์เกี่ยวกับหน่วยงานอัยการทำให้ทราบว่าการ แต่งตั้งคณะกรรมการการมีส่วนร่วมภาคประชาชน หรือคณะที่ปรึกษาสำนักงานอัยการจังหวัดการไม่ได้ มีการแต่งตั้งในสำนักงานอัยการจังหวัดทุกแห่ง มีสาเหตุหลายประการดังต่อไปนี้ 3.1 ไม่มีกฎระเบียบที่ชัดเจน การแต่งตั้งคณะกรรมการการมีส่วนร่วมภาคประชาชน หรือคณะที่ปรึกษาสำนักงานอัยการ จังหวัด เป็นการดำเนินการตามนโยบายจากสำนักงานอัยการสูงสุดมากกว่าเป็นการดำเนินการที่กำหนด โดยอัยการจังหวัดเอง ไม่ได้เป็นการบังคับให้แต่งตั้งโดยกฎหมาย เมื่อเป็นเพียงนโยบาย ไม่มีกฎระเบียบ ไม่มีผลบังคับใช้ จึงทำให้สำนักงานอัยการจังหวัดบางจังหวัดไม่ได้ดำเนินการแต่งตั้ง การที่ไม่ได้บัญญัติกฎหมายในการบังคับ จึงทำให้ไม่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการการมีส่วนร่วม ภาคประชาชน หรือคณะที่ปรึกษาสำนักงานอัยการจังหวัดในหน่วยงานอัยการทุกแห่ง เพราะเป็น นโยบายกว้าง ๆ ไม่ได้กำหนดแนวทางที่ชัดเจนให้สามารถจะปฏิบัติได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นการให้อิสระแก่ สำนักงานอัยการจังหวัดแต่ละแห่งจะพิจารณาตามความเหมาะสม เช่น กระบวนการได้มาของกรรมการ คุณสมบัติของกรรมการ องค์ประกอบของคณะกรรมการ จำนวนกรรมการ วาระของคณะกรรมการ บทบาทหน้าที่ของกรรมการ งบประมาณค่าใช้จ่ายค่าตอบแทนต่าง ๆ ฯลฯ การแต่งตั้งของคณะกรรมการ การมีส่วนร่วมภาคประชาชน และคณะที่ปรึกษาสำนักงานอัยการจังหวัดในแต่ละแห่งจึงไม่เหมือนกัน หรือไม่ได้มีการแต่งตั้งเลย เมื่อการแต่งตั้งคณะกรรมการการมีส่วนร่วมภาคประชาชน หรือคณะที่ปรึกษาสำนักงานอัยการ จังหวัดไม่ได้เป็นมาตรการบังคับ สำนักงานอัยการจังหวัดบางแห่งที่ได้แต่งตั้งคณะกรรมการหรือ คณะที่ปรึกษาดังกล่าวจึงได้คัดเลือกผู้ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งอย่างระมัดระวัง และกำหนดบทบาทหน้าที่


147 ของคณะกรรมการหรือคณะที่ปรึกษาให้เป็นผู้อำนวยความสะดวกแก่สำนักงานอัยการเท่านั้น ไม่ให้มี ส่วนร่วมในการพิจารณาสำนวนคดี สำหรับสำนักงานอัยการจังหวัดบางแห่งที่ไม่ได้แต่งตั้งให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการ ยุติธรรม เพื่อการพัฒนางานของหน่วยงานอัยการ หรือบางแห่งเคยมีการแต่งตั้งโดยอัยการจังหวัดคนเดิม และขอยุติการแต่งตั้งคณะกรรมการฯ โดยอัยการจังหวัดคนใหม่ เนื่องจากเหตุผลของความไม่ชัดเจน ดังกล่าวข้างต้น เพราะไม่ต้องการให้เป็นที่จับตามองว่าการแต่งตั้งคณะกรรมการจากภาคประชาชนจะมี ความเกี่ยวพันกับคดี จะมีเรื่องของการมีส่วนได้เสีย การมีข้อครหา จะเป็นจุดโจมตี ซึ่งไม่สามารถแก้ข่าว ได้ทั้งที่ความจริงไม่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสื่อหากแก้ข่าวจะยิ่งขยายวงกว้าง ไม่มีโอกาสชี้แจง จึงแก้ปัญหา โดยไม่แต่งตั้งเลย หากตั้งผิดคนจะเกิดความผิดพลาดได้ จึงต้องระมัดระวัง เพราะจังหวัดที่มีขนาดใหญ่ มีประชากรจำนวนมากรู้จักผู้คนไม่ทั่วถึง อาจเกิดความไม่เหมาะสม บางคนประสงค์จะเป็นจิตอาสาที่ ไม่ต้องการให้แต่งตั้ง บางคนอาจมีความขัดแย้งกันมาก่อน มีพรรคพวกหรือมีปัญหารอบด้าน แต่ก็พร้อม จะแต่งตั้งเพราะเป็นการทำเพื่อสังคมและองค์กร และหากนโยบายนั้นเป็นคำสั่งให้แต่งตั้งกำหนด ข้อปฏิบัติหลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้ไม่มีประวัติเสื่อมเสียหรือพ้นมลทิน แนวทางการแต่งตั้งคณะกรรมการการมีส่วนร่วมภาคประชาชน หรือคณะที่ปรึกษาสำนักงาน อัยการจังหวัดจึงแตกต่างจากการแต่งตั้งผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราวของศาลที่มีในศาลจังหวัดทุกแห่ง ซึ่งมีแนวทางการดำเนินการที่ชัดเจน ศาลจะได้รายชื่อพร้อมเบอร์โทรศัพท์ติดต่อของผู้ที่มีคุณสมบัติ เหมาะสมเป็นผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราวจากการที่หน่วยงานส่วนกลาง คือ สำนักงานศาลยุติธรรม ได้ทำ MOU กับกระทรวงมหาดไทย และเป็นการรวบรวมรายชื่อจากผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้เกษียณอายุราชการ อาสาสมัครคุมประพฤติ ตลอดจนคนในชุมชนที่สมัครใจของสำนักงานอัยการ จังหวัดนั้น ๆ เอง รวมถึงผู้ต้องหาหรือจำเลยสามารถแถลงขอเสนอชื่อให้แต่งตั้งผู้ที่ผู้ต้องหาหรือจำเลย เคารพเชื่อฟังหรือไว้ใจก็ได้ รายชื่อของผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราวที่ขึ้นทะเบียนโดยศาลจังหวัดทุกแห่งจะนำขึ้นระบบ CIOS ของส่วนกลางที่รวบรวมและเชื่อมโยงข้อมูลรายชื่อของผู้กำกับดูแลฯ โดยศาลจังหวัดทุกแห่ง สามารถใช้ประโยชน์ได้ โดยจะใช้ผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราวที่แต่งตั้งในเขตอำนาจศาลของตนเอง หรือจะใช้ผู้ที่แต่งตั้งในศาลอื่นก็ได้หากเป็นผู้ที่อยู่ในภูมิลำเนาเดียวกันกับผู้ถูกปล่อยชั่วคราวหรือเป็น เพราะศาลจังหวัดมีผู้กำกับดูแลฯ ไม่เพียงพอ ซึ่งมีความสะดวกรวดเร็วมีประสิทธิภาพมาก นอกจากนี้ ยังได้มีกฎระเบียบที่กำหนดให้ค่าตอบแทนแก่กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราวที่ชัดเจน อัตราค่าตอบแทนจะแตกต่างกันตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย คือการทำหน้าที่เดียวหรือทำครบทุกหน้าที่ ของการสอดส่องดูแล ตักเตือน การรับรายงานตัว หรือให้คำปรึกษา และสามารถเป็นผู้กำกับดูแล ผู้ถูกปล่อยชั่วคราวได้หลายคดี ไม่มีวาระ หากผู้ต้องหาหลบหนีไม่ไปรายงานตัวตามที่กำหนด ผู้กำกับ ดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราวก็ไม่มีความผิด ไม่ถือว่าบกพร่องในหน้าที่ และยังได้รับค่าตอบแทนด้วย ศาลจะ ติดตามผู้ต้องหาเอง จึงทำให้ผู้ได้รับการติดต่อให้เป็นผู้กำกับดูแลฯ มีความสบายใจและให้ความยินยอม เข้าร่วมปฏิบัติงาน และผู้กำกับดูแลฯ มีสิทธิที่จะปฏิเสธไม่ปฏิบัติงานได้หากไม่รู้จักกับผู้ต้องหาหรือ


148 จำเลย หรือเกรงว่าจะไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมของผู้ต้องหาหรือจำเลยได้ เช่น เป็นกรณียาเสพติด หรือเป็นแรงงานข้ามถิ่น หรือเป็นชาวต่างชาติ ฯลฯ ศาลจังหวัดจะไปแต่งตั้งนายจ้าง ผู้บังคับบัญชา ครู ฯลฯ ที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยรู้จักและชุมชนไว้ใจให้ทำหน้าที่เป็นผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราวแทน โดยจะต้องมีคุณสมบัติครบ ไม่มีลักษณะต้องห้าม และให้ความยินยอม ประโยชน์ที่ได้รับจากกมาตรการการแต่งตั้งผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราว นอกจากศาลเรียก หลักประกันลดลงแล้ว โครงการดังกล่าวรวมถึงมาตรการการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนอื่น ๆ ของศาลได้ช่วยให้ชุมชนปลอดภัย เพราะได้เป็นหูเป็นตาเป็นกระบอกเสียงให้กับศาล รวมถึงการได้เข้า มาฟังวิธีคิดหรือมุมมองของศาล กระบวนการทางศาล การใช้ดุลพินิจของศาล ทำให้ประชาชนได้รับรู้ โดยถูกต้อง ทำให้เกิดความไว้วางใจ และจะร่วมมือได้ดีที่สุด จึงเป็นการขยายความร่วมมือของศาลไปที่ ประชาชนให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการสอดส่องดูแล และเป็นการสื่อสารระดับชุมชน เช่นเดียวกับการแต่งตั้ง กต.ตร. ก็มีในสถานีตำรวจภูธรทุกแห่ง เป็นกลไกการมีส่วนร่วมของ ประชาชนที่กฎหมายกำหนด มีหน้าที่ (1) ตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติงานของตำรวจ ในด้านต่าง ๆ (2) ให้ข้อมูลข่าวสารและการเสนอปัญหาและความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ (3) ประชาสัมพันธ์กิจกรรม/สร้างความเข้าใจ และเป็นกระบอกเสียงในการดำเนินงานของสถานีตำรวจ กรรมการที่มาจากภาคประชาชนของ กต.ตร. จึงมีบทบาทสำคัญในการช่วยสะท้อนปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ในชุมชนหรือในพื้นที่ให้ตำรวจท้องที่ทราบ ซึ่งในการประชุมและการดำเนินการของ กต.ตร. จะมีการ รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบด้วย ความร่วมมือระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่รัฐ ในหน่วยงานอื่น ๆ สามารถทำงานร่วมกันทำให้แก้ไขปัญหาได้รวดเร็วขึ้น 3.2 วาระการโยกย้ายอัยการจังหวัดทำให้งานไม่ต่อเนื่อง เนื่องจากการแต่งตั้งคณะกรรมการการมีส่วนร่วมภาคประชาชน หรือคณะที่ปรึกษาสำนักงาน อัยการจังหวัดเป็นมาตรการที่กำหนดจากนโยบาย จึงเป็นดุลพินิจของอัยการจังหวัดที่จะแต่งตั้งตามที่ เห็นเหมาะสม สำนักงานอัยการจังหวัดบางจังหวัดอาจแต่งตั้งเพื่อเป็นการดำเนินการตามนโยบาย หรือ เพราะปัจจัยแวดล้อม ความต้องการให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กรในการดึงประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ความต้องการให้ประชาชนช่วยเหลือสนับสนุนการบริหารงานของอัยการเชิงกายภาพ เช่น การปรับปรุง ภูมิทัศน์ การสนับสนุนการจัดกิจกรรมเชิงสังคม ฯลฯ ดังนั้น การเกิดขึ้นของกลไกการมีส่วนร่วมของ ประชาชนในหน่วยงานอัยการจึงขึ้นอยู่กับแนวทางการบริหารของอัยการจังหวัดแต่ละคนที่ไม่สามารถ กำหนดตายตัวได้ บทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการหรือคณะที่ปรึกษาของแต่ละแห่งจึงมีความแตกต่างกัน และขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของอัยการจังหวัดแต่ละแห่ง นอกจากปัจจัยของนโยบายและแนวทางการบริหารของอัยการจังหวัดแต่ละท่านแล้ว อุปสรรค สำคัญของการดำเนินการของคณะกรรมการการมีส่วนร่วมภาคประชาชนในการพัฒนาสำนักงานอัยการ จังหวัด คือการโยกย้ายอัยการจังหวัดตามวาระที่เกิดขึ้นทุกปีที่ทำให้ขาดความต่อเนื่องในการทำงานของ คณะกรรมการการมีส่วนร่วมภาคประชาชน หรือคณะที่ปรึกษาสำนักงานอัยการจังหวัด


149 จากการสัมภาษณ์พบว่าสำนักงานอัยการจังหวัดแห่งหนึ่งเคยมีคณะกรรมการจากภาค ประชาชนที่อัยการจังหวัดคนที่แล้วแต่งตั้งขึ้นเพื่อช่วยปรับปรุงภูมิทัศน์ของสำนักงานอัยการจังหวัด ประกอบด้วย คหบดี นักธุรกิจ จิตอาสาที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักอยู่ในพื้นที่ แต่อัยการจังหวัดคน ปัจจุบันที่โยกย้ายมาใหม่ได้ยกเลิกคณะกรรมการจากภาคประชาชน ซึ่งสามารถทำได้เพราะไม่มีวาระ การแต่งตั้งและเป็นดุลพินิจที่ไม่ต้องการให้เป็นที่จับตามองว่าการแต่งตั้งคณะกรรมการจากภาคประชาชน จะมีความเกี่ยวพันกับคดี จะมีเรื่องของการมีส่วนได้เสีย การมีข้อครหา อาจจะเป็นจุดโจมตี ซึ่งไม่ สามารถแก้ข่าวได้ทั้งที่ความจริงไม่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสื่อ หากแก้ข่าวจะยิ่งขยายวงกว้าง ไม่มีโอกาส ชี้แจง จึงแก้ปัญหาโดยไม่แต่งตั้งเลย และหากตั้งผิดคนจะเกิดความผิดพลาดได้ จึงต้องระมัดระวัง เพราะ จังหวัดที่มีขนาดใหญ่ มีประชากรจำนวนมาก รู้จักผู้คนไม่ทั่วถึง อาจเกิดความไม่เหมาะสม บางคน ประสงค์จะเป็นจิตอาสาที่ไม่ต้องการให้แต่งตั้ง บางคนอาจขัดแย้งกันมาก่อน มีพรรคพวก หรือมีปัญหา รอบด้าน แต่ก็พร้อมจะแต่งตั้งเพราะเป็นการทำเพื่อสังคมและองค์กร หากนโยบายนั้นเป็นคำสั่งให้ แต่งตั้งกำหนดข้อปฏิบัติหลักเกณฑ์แต่งตั้งที่ชัดเจน และให้เป็นการสั่งการจากส่วนกลางที่จะต้องปฏิบัติ ให้ชัดเจน ในขณะที่การแต่งตั้งผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราวของศาลไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อการเปลี่ยนแปลง โยกย้ายผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัด การที่ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรมของศาลในการ เป็นผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราวก็จะเป็นตลอดไป ไม่มีวาระ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวผู้บริหาร ศาลสามารถ พิจารณาผู้ที่เหมาะสมจากที่ขึ้นทะเบียนแล้วมาเป็นผู้กำกับดูแลฯ ให้กับผู้ถูกปล่อยชั่วคราวได้หรือจะ แต่งตั้งขึ้นใหม่ก็ได้ หรือจะใช้ผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราวที่ศาลอื่นขึ้นทะเบียนและเกี่ยวข้องกับ ผู้ถูกปล่อยตัวก็ได้ หรือจะถอดถอนออกจากทะเบียนหากผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราวปฏิบัติหน้าที่ ไม่เหมาะสมก็ได้ ส่วน กต.ตร. ของสถานีตำรวจภูธรแต่ละแห่งกำหนดวาระในการแต่งตั้งเป็น กต.ตร. แต่ละชุด ไม่เท่ากัน จึงเป็นการดำเนินการตามคำสั่งที่กำหนด แต่มีความชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษร วาระอำนาจ หน้าที่เป็นไปตามคำสั่ง ไม่ได้กระทบต่อการโยกย้ายเปลี่ยนแปลงของผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรแต่อย่างใด กต.ตร. จึงมีความมั่นคงชัดเจนในการปฏิบัติหน้าที่ภายใต้คำสั่งที่กำหนด 3.3 ลักษณะงานของสำนักงานอัยการจังหวัดที่ใช้กฎหมายและเป็นความลับ ภาระงานหลักของสำนักงานอัยการจังหวัด คือ มุ่งทำคดี มีลักษณะงานเกี่ยวกับสำนวน เป็นงาน สั่งสำนวนที่รับจากพนักงานสอบสวน รวบรวมเอกสารที่เป็นความลับ เป็นงานที่ต้องใช้กฎหมาย ดำเนินการตามข้อกฎหมาย ไม่ได้ใช้ดุลพินิจ จำเป็นต้องรักษาความเป็นอิสระ เที่ยงตรง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ในการสั่งคดีของอัยการ และปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ทำให้ประชาชนเข้าไป มีส่วนร่วมกับหน่วยงานอัยการได้ยากกว่าตำรวจ โดยเฉพาะสำนักงานอัยการภาคที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ ประชาชนโดยตรง เพราะเป็นหน่วยงานบริหารดูแลกำกับอัยการจังหวัดและการตรวจสำนวนของอัยการ จังหวัดเท่านั้น แต่ได้เข้าร่วมลงพื้นที่กับ สคช. ในการไปให้ความรู้กับประชาชน


150 อย่างไรก็ตาม สำนักงานอัยการจังหวัดหลายแห่งได้ดำเนินการตามนโยบายของสำนักงาน อัยการสูงสุดในการให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมด้วยการแต่งตั้งคณะกรรมการการมีส่วนร่วมภาคประชาชน โดยกำหนดบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการฯ ให้เป็นตัวแทนของสำนักงานอัยการจังหวัดในการ ประชาสัมพันธ์การทำงานของอัยการ จัดกิจกรรมเผยแพร่งานของอัยการ ช่วยเป็นสื่อกลางให้ประชาชน รับรู้ถึงงานของอัยการจังหวัด และส่งข้อมูลสะท้อนกลับเข้ามาให้อัยการจังหวัดทราบ รวมถึงงานด้าน การอำนวยความสะดวกแก่สำนักงานอัยการ การทำกิจกรรมมุทิตาจิตเพื่อประโยชน์ราชการและ บุคลากรสำนักงาน สนับสนุนการทำบุญ ปรับปรุงภูมิทัศน์ และช่วยประสานกับเอกชนในการทำกิจกรรม สาธารณะ ฯลฯ คณะกรรมการดังกล่าวได้ทำให้ประชาชนเข้าถึงสำนักงานอัยการจังหวัดได้ โดยไม่ จำเป็นต้องให้มีส่วนร่วมในการพิจารณาสำนวนคดี เพื่อไม่ให้สำนวนคดีหลุดลอดไปที่จำเลยรวมทั้งไม่ให้ เกิดผลประโยชน์ในการนำเอาตำแหน่งไปอวดอ้าง ซึ่งสำนักงานอัยการจังหวัดตระหนักถึงประเด็นนี้ ค่อนข้างมาก กระบวนการคัดเลือกผู้ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการดังกล่าวแม้จะไม่ได้ทำหน้าที่ เกี่ยวข้องกับสำนวนคดีแต่ก็ต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง จากการสัมภาษณ์สำนักงานอัยการจังหวัดร้อยเอ็ดที่เคยมีแนวคิดให้คณะกรรมการการมีส่วนร่วม ภาคประชาชนมีบทบาทในกระบวนการยุติธรรมมากขึ้น โดยทดลองให้กรรมการในคณะกรรมการฯ บางคนปฏิบัติหน้าที่ผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทใน สคช. ซึ่งแม้ว่าจะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ด้วยดี แต่มีบาง กรณีที่คู่กรณีเกิดความไม่สบายใจในการเข้าร่วมไกล่เกลี่ยของกรรมการ เพราะกรรมการอาจจะรู้จักกับ คู่กรณีฝ่ายตรงข้าม ซึ่งอาจจะทำให้การไกล่เกลี่ยเกิดความไม่โปร่งใสขึ้นได้ สำนักงานอัยการจังหวัดจึงได้ ยุติบทบาทของกรรมการการมีส่วนร่วมภาคประชาชนในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทไป ด้วยภาระงานหลักของ 3 หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมทั้งอัยการ ศาล และตำรวจต่างก็ ปฏิบัติหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการใช้กฎหมายเหมือนกัน ซึ่งเป็นเรื่องของคดีและการใช้อำนาจตามกฎหมาย โดยภารกิจของตำรวจคือการสอบสวน ภารกิจของอัยการเกี่ยวกับการสั่งสำนวนคดี และภารกิจของศาล มุ่งเน้นไปที่การพิจารณาพิพากษาคดี การเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการ ยุติธรรมจึงต้องเป็นรูปแบบที่เป็นทางการ เช่น การตั้งประชาชนเป็นผู้ประนีประนอมของศาล เป็นงานที่ ค่อนข้างใกล้ชิดกับการพิจารณาสำนวนคดีและให้ความเห็น รวมถึงไกล่เกลี่ยให้คู่กรณีสามารถตกลงกัน ได้ก่อนที่ผู้พิพากษาจะพิจารณาและมีคำพิพากษา ซึ่งอาจจะพิพากษาตามที่คู่กรณีได้ตกลงกันไว้ หรือ กรณีที่คู่กรณีไม่สามารถไกล่เกลี่ยตกลงกันได้ อาจจะนำความเห็นของผู้ประนีประนอมมาประกอบด้วย จึงนับได้ว่าผู้ประนีประนอมของศาลจึงมีบทบาทค่อนข้างมากในการช่วยเหลือเรื่องการพิจารณาคดีของ ศาลยุติธรรม เป็นผู้ที่ได้เข้าถึงการพิจารณาคดี ซึ่งผู้ประนีประนอมของศาลอาจจะพิจารณาแต่งตั้งจาก ผู้ที่มีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อการไกล่เกลี่ยคดีได้ เช่น ผู้ประนีประนอมเป็น ผู้ประกอบการด้านอู่ซ่อมรถ มีความรู้เรื่องราคาอะไหล่รถยนต์ ก็จะให้ไกล่เกลี่ยคดีพิพาทด้านสินไหม ทดแทนประกันรถ หรือผู้ประนีประนอมเคยเป็นเจ้าพนักงานที่ดินมาก่อนและมีประสบการณ์เกี่ยวกับ การรังวัดที่ดินจะเป็นผู้ไกล่เกลี่ยในคดีที่มีข้อพิพาทเกี่ยวกับเขตที่ดิน เป็นต้น


151 ในขณะที่การมีส่วนร่วมของประชาชนในชั้นตำรวจในทุกกลไกที่ดำเนินการมีความเป็นรูปธรรม มากกว่าการมีส่วนร่วมของประชาชนในชั้นอัยการหรือศาล เนื่องจากลักษณะงานและภารกิจของตำรวจ มีความใกล้ชิดกับประชาชนมากกว่า อีกทั้งองค์กรตำรวจมีการกำหนดกฎหมาย ระเบียบ หลักการให้ ประชาชนมีส่วนร่วมในกิจการตำรวจไว้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม จากการสัมภาษณ์และแบบสอบถาม บทบาทหน้าที่ของ กต.ตร. จะไม่เกี่ยวข้องกับงานคดีของตำรวจ แต่จะให้เป็นความร่วมมือกับตำรวจใน เรื่องการตรวจสอบการทำงาน การให้ความเห็นเกี่ยวกับการทำงานของตำรวจ การทำงานการกุศล ร่วมกันลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในกรณีต่าง ๆ ตลอดจนการให้ความช่วยเหลือ ในกิจการและความเดือดร้อนของตำรวจ เช่น สนับสนุนเครื่องมืออุปกรณ์การบริหาร การหาเงินและ จัดตั้งกองทุนกู้ยืมให้ตำรวจโดยไม่เสียดอกเบี้ย เป็นกิจกรรมขอความร่วมมือเพื่อทำให้มีการขับเคลื่อน กิจกรรมของตำรวจที่ไม่สามารถกระทำเองได้ซึ่ง กต.ตร. จะดำเนินการแทนโดยไม่ขัดต่อระเบียบ และ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของสถานีตำรวจแต่ละแห่ง ซึ่งช่วยเหลืองานของตำรวจได้มาก แต่จะไม่แสดง ความคิดเห็นทางด้านกฎหมาย นอกจากนี้ การมีส่วนร่วมของประชาชนในกิจการตำรวจมีหลากหลายรูปแบบ มิได้จำกัด เฉพาะที่เป็นทางการแต่เพียงอย่างเดียว เช่น โครงการตำรวจอาสา การเข้าร่วมในการป้องกันภัย การ ระงับเหตุและช่วยเหลือหรือกู้ภัยจากอุบัติภัยต่าง ๆ ร่วมกับมูลนิธิในท้องที่การแจ้งเบาะแส การช่วยแจ้ง ข้อมูลข่าวสาร ฯลฯ เป็นกลไกการมีส่วนร่วมของประชาชนที่ไม่เป็นทางการ แต่อาสาสมัครจำเป็นต้อง ผ่านการอบรมตามที่กำหนด ซึ่งในความหลากหลายของกลไกการมีส่วนร่วมของประชาชนเหล่านี้ สถานี ตำรวจภูธรสามารถดำเนินการจัดตั้งดำเนินการได้เองตามความเหมาะสมเป็นรูปธรรมที่สอดคล้องตาม ระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการส่งเสริมให้ประชาชน ชุมชน ท้องถิ่นและองค์กรมีส่วนร่วม ในกิจการตำรวจ พ.ศ. 2551 3.4 ปัญหาการรับรู้ของประชาชนต่อการมีส่วนร่วมในหน่วยงานอัยการ ปัจจัยหนึ่งที่สำคัญของการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการยุติธรรมของหน่วยงาน อัยการ หน่วยงานศาล หน่วยตำรวจ คือ “ประชาชน” การที่ประชาชนจะเข้ามามีส่วนร่วมในหน่วยงาน กระบวนการยุติธรรมนั้นจะต้องเป็นผู้ที่มีจิตอาสา ไม่หวังค่าตอบแทน ต้องการแบ่งเบาภาระงานของ หน่วยงานยุติธรรม และประสงค์จะช่วยเหลือสังคม จากที่กล่าวไว้ในข้อ 3.3 ภาระงานของหน่วยงานยุติธรรมทั้งหน่วยงานอัยการ ศาล และตำรวจ เป็นงานด้านกฎหมาย ทำคดี มีเอกสารที่เป็นความลับ เป็นการทำงานระบบปิด จึงทำให้ประชาชนเข้าไม่ถึง ประชาชนจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับหน่วยงานยุติธรรมได้ยาก จึงทำให้ประชาชนไม่สนใจ หรือมีการรับรู้บ้าง และเข้ามามีส่วนร่วมอยู่ในวงที่ค่อนข้างจำกัด ข้อมูลที่ได้รับจากการสัมภาษณ์หน่วยงานศาลพบว่าได้มีความพยายามในการจัดทำ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ป้ายประชาสัมพันธ์ ขยายไปทุกอำเภอเพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้ถึงบทบาทหน้าที่ ของผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราวและมาตรการอื่น ๆ เมื่อประชาชนให้การยอมรับและรู้สึกได้ถึง


152 ประโยชน์ของผู้กำกับดูแลฯ และมาตรการอื่น ๆ นั้นแล้ว ประชาชนจากหลากหลายอาชีพจะสนใจติดต่อ สอบถามเจ้าหน้าที่ศาลมาเป็นผู้กำกับดูแลฯ หรือเข้าร่วมในมาตรการของศาลเพิ่มมากขึ้น สำหรับหน่วยงานตำรวจแม้ปฏิบัติงานด้านกฎหมายเช่นกัน แต่การปฏิบัติงานของตำรวจนั้นเปิด กว้างกว่าอัยการและศาลมาก มีความใกล้ชิดกับประชาชนมากกว่า และมีความจำเป็นที่ต้องความร่วมมือ จากประชาชนในการสอดส่องดูแลแจ้งข่าวสารหาเบาะแส และแม้กลไกการมีส่วนร่วมของประชาชนใน รูปแบบของ กต.ตร. ที่ไม่มีค่าตอบแทน แต่ประชาชนได้รับทราบถึงบทบาทหน้าที่ของ กต.ตร. ที่ชัดเจน เป็นการดำเนินการภายใต้กฎหมาย จึงส่งผลให้ประชาชนตื่นตัวและรับทราบและเข้าร่วมดำเนินงานกับ หน่วยงานตำรวจมากกว่าอัยการและศาล ข้อสังเกตประการหนึ่งจากข้อมูลที่ได้รับจากการสัมภาษณ์ คือขนาดของเมืองหรือขนาดของ จังหวัดไม่ได้มีความเกี่ยวพันต่อความสนใจของประชาชนในการมีส่วนร่วมกับหน่วยงานกระบวนการ ยุติธรรม ซึ่งหน่วยงานอัยการ ศาล และตำรวจให้คำตอบที่ตรงกันว่าประชาชนจะมีความสนใจเข้ามามี ส่วนร่วมในกลไกหรือมาตรการของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมมากหรือน้อยนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับ จังหวัดนั้นจะมีขนาดใหญ่หรือขนาดเล็ก ในกรณีของจังหวัดขนาดใหญ่หรือเมืองใหญ่ซึ่งมีประชากรเป็นจำนวนมาก แต่ด้วยความเป็น สังคมเมือง ประชาชนไม่รู้จักกันแม้บ้านอยู่ติดกัน หรืออาจจะขัดแย้งกันมาก่อน หากแต่งตั้งมาร่วม ปฏิบัติงานร่วมกันก็อาจจะเกิดปัญหาได้ ส่งผลให้สำนักงานอัยการจังหวัดบางแห่งไม่แต่งตั้งเลย ตลอดจน พื้นที่เศรษฐกิจจะมีประชากรแฝง เป็นคนนอกพื้นที่ที่มาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น แรงงานข้าม จังหวัด แรงงานต่างชาติ และชาวต่างชาติ ซึ่งมาอาศัยอยู่ประจำในพื้นที่ไม่นาน ไม่ได้รู้บริบทของคน ในพื้นที่จริง จึงทำให้แต่งตั้งประชาชนที่จะเข้าร่วมในหน่วยงานของรัฐยาก แต่กลไกของศาล เช่น การ แต่งตั้งผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราว กฎหมายได้เปิดกว้างมีความยืดหยุ่นและให้อิสระแก่ศาลที่จะ สามารถแต่งตั้งนายจ้างหรือผู้อื่นเป็นผู้กำกับดูแลฯ ถ้าผู้ถูกปล่อยชั่วคราวเป็นคนต่างชาติ ก็จะมีนายจ้าง ที่มีคุณสมบัติครบและให้ความยินยอมเป็นผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราวได้ หรือถ้าผู้ที่ถูกปล่อยชั่วคราว เป็นคนไทยที่โยกย้ายถิ่นมาทำงานก็ปล่อยตัวให้กลับภูมิลำเนา โดยตั้งผู้กำกับดูแลฯ ที่ขึ้นทะเบียนใน ภูมิลำเนานั้นเป็นผู้กำกับดูแลฯ โดยไม่ต้องมาศาล หรือจะแต่งตั้งบุคคลอื่นที่ผู้ถูกปล่อยตัวชั่วคราวแถลง ร้องขอ หากมีคุณสมบัติเหมาะสมและได้รับความยินยอมก็สามารถแต่งตั้งคนใหม่ตามที่ร้องขอแล้วค่อยขึ้น ทะเบียนภายหลังแทนได้ ส่วนกรณีของจังหวัดขนาดเล็ก จำนวนประชากรในพื้นที่มีจำนวนไม่มาก ก็เป็นปัญหาต่อ หน่วยงานยุติธรรมในการแต่งตั้งประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมได้น้อยเช่นกัน เพราะจำเป็นต้องพิจารณา คุณสมบัติให้เป็นไปตามที่กำหนด ไม่กระทบต่อการแต่งตั้งคณะกรรมการการมีส่วนร่วมภาคประชาชน หรือคณะที่ปรึกษาสำนักงานอัยการจังหวัดของหน่วยงานอัยการ กับ กต.ตร. ของหน่วยงานตำรวจ ส่งผลให้สำนักงานอัยการจังหวัดบางแห่งไม่แต่งตั้งเลยเช่นกันเพราะไม่มีกฎหมายบังคับ ส่วนสถานี ตำรวจภูธรจังหวัดก็แต่งตั้งประชาชนในจำนวนเท่าที่จำเป็นเพราะกฎหมายไม่ได้กำหนดจำนวนคน แต่การแต่งตั้งผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราวของหน่วยงานศาลมีความยืดหยุ่นคล่องตัวมากกว่า


153 ศาลจังหวัดจะแต่งตั้งผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราวไม่กี่คน หรือใช้คนเดิมที่ขึ้นทะเบียนไว้แล้วโดยไม่ แต่งตั้งคนใหม่เลยก็ได้ ศาลสามารถสืบค้นชื่อผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราวคนอื่น ๆ ที่มีคุณสมบัติตรง และได้รับการแต่งตั้งขึ้นทะเบียนในฐานข้อมูล CIOS แล้วมาเป็นผู้กำกับดูแลฯ ได้ 4. ข้อเสนอแนะกลไกการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในหน่วยงานอัยการ กระบวนการยุติธรรมของไทยในภาพรวมถือว่ามีหลักการ กฎหมาย แนวปฏิบัติ มาตรการหรือกลไก ที่จำเป็นแก่การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนโดยหน่วยงานอัยการ เป็นการกำหนดนโยบายโดย สำนักงานอัยการสูงสุด ส่วนหน่วยงานศาลและหน่วยงานตำรวจเป็นการดำเนินการตามนโยบายของ ผู้บังคับบัญชารวมถึงมีกฎหมายและระเบียบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจน หน่วยงานอัยการมีมาตรการหรือกลไกที่จำเป็นแก่การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนหลาย โครงการ การเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรมนับว่าเป็นเรื่องที่ดี เป็นประโยชน์ ต่อสำนักงานอัยการจังหวัด จะช่วยเป็นกระบอกเสียงให้กับหน่วยงานอัยการได้เป็นอย่างดี แต่เนื่องจาก ภาระงานหลักของหน่วยงานอัยการเป็นงานด้านกฎหมาย และการปฏิบัติงานของอัยการเป็นระบบที่ปิด มากกว่า จึงอาจมีปัญหาอุปสรรคต่อการส่งเสริมให้เกิดกลไกการมีส่วนร่วมของประชาชนในหน่วยงานอัยการ คณะกรรมการการมีส่วนร่วมภาคประชาชนและคณะที่ปรึกษาสำนักงานอัยการจังหวัดเป็น กลไกหลักของการมีส่วนร่วมภาคประชาชนในหน่วยงานอัยการ ประชาชนที่เข้าร่วมนั้นเป็นผู้ที่มีจิตอาสา เป็นผู้ที่มีจิตสาธารณะในการปฏิบัติงานด้วยความสมัครใจ จากผลการสัมภาษณ์หน่วยงานอัยการทั้ง 4 ภาค จะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีตำแหน่ง มีความพร้อมด้านเวลาและ/หรือฐานะ เช่น อดีต ข้าราชการ ผู้นำท้องถิ่น นักธุรกิจ และบุคคลที่อยู่ในพื้นที่ยาวนานและมีประวัติคุณงามความดี ซึ่งเป็น การดำเนินงานที่ไม่มีค่าตอบแทน อีกทั้งยังต้องใช้ทุนของตนเองเพิ่มเติมในการสนับสนุนกิจกรรมของ หน่วยงานอัยการที่ตนเองเป็นกรรมการด้วย จากผลการเก็บข้อมูลจากการสัมภาษณ์และแบบสอบถามออนไลน์เพื่อแสวงหาข้อมูลและ ข้อเท็จจริงด้านกลไกการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในหน่วยงานกระบวนการยุติธรรมซึ่งคณะที่ปรึกษา ได้ลงพื้นที่สัมภาษณ์สำนักงานอัยการจังหวัด ศาลจังหวัด และสถานีตำรวจภูธรใน 4 ภาค ได้แก่ ภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคเหนือ สามารถสรุปความเห็นและข้อเสนอแนะโดยแบ่งเป็น ประเด็นต่าง ๆ เพื่อการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาสำนักงานอัยการจังหวัด โดยเฉพาะการแต่งตั้งคณะกรรมการการมีส่วนร่วมภาคประชาชน หรือคณะที่ปรึกษาสำนักงานอัยการ ดังต่อไปนี้ 4.1 การออกกฎหมายเพื่อการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในหน่วยงานอัยการ หน่วยงานอัยการควรมีการออกกฎหมายหรือระเบียบเกี่ยวกับคณะกรรมการการมีส่วนร่วมภาค ประชาชน หรือคณะที่ปรึกษาสำนักงานอัยการที่ชัดเจน ดังนี้ -วัตถุประสงค์ของการแต่งตั้ง เพื่ออัยการจังหวัดจะได้ดำเนินการได้ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ กำหนด


154 -คุณสมบัติของบุคคลที่เข้ามาเป็นกรรมการหรือที่ปรึกษา ควรเพิ่มกลุ่มบุคคลที่หลากหลายสาขา อาชีพจากทุกภาคส่วน เช่น นักธุรกิจ ข้าราชการฝ่ายปกครอง สหภาพแรงงาน NGOs หรือควรกำหนดให้ มีแต่ประชาชนทั่วไปเท่านั้นที่สามารถเข้ามาเป็นคณะกรรมการฯ ได้ -กลไกการคัดเลือก จะเป็นการเลือกตั้ง การเสนอชื่อ การคัดเลือก หรือการคัดเลือก เฉพาะเจาะจง -จำนวนคณะกรรมการ อาจกำหนดให้ชัดเจน ไม่มากหรือไม่น้อยเกินไป เช่น จำนวน 5-7 คน -วาระการดำรงตำแหน่ง จะกำหนดให้มีวาระ 1-2 ปี แล้วคัดเลือกใหม่ และ/หรือสามารถเป็น กรรมการติดต่อกันได้ -อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ อาจกำหนดให้คณะกรรมการทำหน้าที่สนับสนุนการทำงาน ของอัยการในด้านการส่งเสริมสาธารณูปโภคอุปกรณ์ที่จำเป็นในการปฏิบัติงานของอัยการ แต่ไม่ควรไป กำกับการทำงานของอัยการ โดยความเห็นหนึ่งจากการสัมภาษณ์เห็นว่าภาคประชาชนมีศักยภาพและมี ความรู้ความสามารถในการรับฟังข้อเท็จจริงได้ดีมาก ไม่แตกต่างจากพนักงานอัยการ ควรให้ประชาชนมี ส่วนร่วมในการใช้ดุลพินิจในเรื่องข้อเท็จจริงตามความรู้ความเชี่ยวชาญของประชาชนเช่นเดียวกับลูกขุน ในชั้นศาลในต่างประเทศ และอีกความเห็นหนึ่งกำหนดให้ตรากฎหมายเช่นเดียวกับผู้พิพากษาสมทบ -ค่าตอบแทน เบี้ยประชุม หรือค่าพาหนะให้แก่กรรมการในคณะกรรมการการมีส่วนร่วมภาค ประชาชน -มาตรการ กลไก และแนวทางที่จำเป็นแก่การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อจูงใจให้ ประชาชนมีส่วนร่วมเพิ่มมากขึ้น เช่น การให้ความรู้แก่ประชาชน การแนะนำบทบาทหน้าที่ในการ ช่วยเหลือประชาชนของหน่วยงานอัยการให้ประชาชนรู้จัก การลดหย่อนภาษีให้กับร้านค้าหรือภาค ธุรกิจ การจัดทำเสื้อและมอบเกียรติบัตรแสดงว่าเป็นกรรมการในคณะกรรมการการมีส่วนร่วมภาค ประชาชนเพื่อเป็นเกียรติและถือว่าเป็นการตอบแทนคณะกรรมการฯ ในรูปแบบที่ไม่ใช่ตัวเงิน เพื่อให้ กำลังใจและสร้างความภูมิใจแก่ประชาชนที่เสียสละมีจิตสาธารณะเข้ามามีส่วนร่วมเป็นกรรมการ ดังกล่าวโดยอาจเปรียบเทียบดูแนวทางเพิ่มเติมจาก กต.ตร.ของหน่วยงานตำรวจ เมื่อออกเป็นกฎหมายแล้ว ควรประชุมชี้แจงทำความเข้าใจภายในหน่วยงานอัยการก่อน เพื่อ ไม่ให้เกิดการต่อต้านหรือไม่เข้าใจ ไม่ใช่เป็นการเพิ่มภาระงาน แต่เป็นกลไกการพัฒนาบริการของอัยการ ให้ดีขึ้น แล้วจึงเผยแพร่ไปสู่ประชาชนในพื้นที่ให้รู้จักแพร่หลาย เมื่อมีกฎหมายกำหนดแนวทางการแต่งตั้งคณะกรรมการการมีส่วนร่วมภาคประชาชน หรือคณะ ที่ปรึกษาสำนักงานอัยการที่ชัดเจนแล้ว ควรเปิดกว้างให้อัยการจังหวัดมีอิสระในการใช้ดุลพินิจที่จะ สามารถกำหนดแนวปฏิบัติเพิ่มเติมให้เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ได้ด้วย แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับ ปัญหาของความไม่ต่อเนื่องนั้น เพราะยังขึ้นกับดุลพินิจและแนวปฏิบัติของอัยการจังหวัดแต่ละท่าน หรือ เมื่ออัยการจังหวัดโยกย้าย ก็อาจจะทำให้การดำเนินงานของคณะกรรมการการมีส่วนร่วมภาคประชาชน หยุดชะงักลงไป จึงควรจะต้องมีผู้รับผิดชอบประสานงานซึ่งอาจจะเป็นข้าราชการที่ประจำสำนักงาน


155 อัยการจังหวัด อาจจะทำให้การมีส่วนร่วมภาคประชาชนเกิดความต่อเนื่อง สามารถปฏิบัติหน้าที่ตาม ขอบเขตอำนาจได้อย่างเต็มที่ถูกต้องได้มาตรฐาน จึงควรจะต้องมีกฎหมายรองรับให้ชัดเจน การออกกฎหมายที่ชัดเจนยังสามารถเป็นหลักประกันและเป็นการรับรองการทำงานให้กับอัยการ จังหวัดเกิดความมั่นใจและกล้าที่จะแต่งตั้งคณะกรรมการการมีส่วนร่วมภาคประชาชน หรือคณะที่ปรึกษา สำนักงานอัยการโดยไม่เกรงข้อครหาการแต่งตั้งประชาชนบางกลุ่ม เช่น นักธุรกิจ เครือญาตินักการเมือง สามารถดำเนินการได้ตามที่เหมาะสมมีเหตุผลโดยไม่ต้องกลัวกระทบภาพลักษณ์สำนักงานอัยการจังหวัด ก็พร้อมจะแต่งตั้งเพราะกฎหมายกำหนดโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ต่อสังคมและองค์กร นอกจากนี้ หน่วยงานอัยการสามารถออกกฎหมายเพื่อกำหนดมาตรการเชิงรุกในกลไกการ ส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชนรูปแบบอื่นเพิ่มเติมได้ เช่น -การตามพยานลำบาก หรือได้ย้ายที่อยู่ ในส่วนนี้อาจเปิดโอกาสให้ประชาชนช่วยติดตามพยาน ได้เพราะมีความสัมพันธ์เชื่อมโยง เดิมพนักงานสอบสวนจะส่งหมายตามไปที่บ้านเลขที่ แต่อัยการจะ โทรศัพท์หรือตามไปที่ทะเบียนราษฎร์ -ความปลอดภัยพยานในการให้ความคุ้มครองพยาน เพราะพยานเกรงกลัวจำเลย ไม่กล้าเบิก ความที่อาจทำให้ศาลยกฟ้องได้ ประชาชนอาจช่วยได้ในการรับพยานไปอยู่ในที่ปลอดภัย -กฎหมายการชะลอฟ้องที่อัยการสามารถใช้ดุลพินิจได้เพราะไม่ใช่โทษหนัก อาจเปิดโอกาสให้ ประชาชนเข้าร่วมออกแบบระบบได้ -การช่วยเหลืองานธุรการ การเดินเอกสาร การให้คำแนะนำเบื้องต้นในหน่วยงานอัยการ 4.2 บทบาทของสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี (สคช.) ต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนในหน่วยงานอัยการ จากการสัมภาษณ์หน่วยงานอัยการของทั้ง 4 ภาค พบตรงกันว่าการมีส่วนร่วมของประชาชนใน กระบวนการยุติธรรมของหน่วยงานอัยการมีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและ ช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี (สคช.) มากกว่าสำนักงานอัยการจังหวัด ซึ่ง สคช. มีอยู่ในทุก จังหวัด เป็นหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและผลประโยชน์ของ ประชาชน ให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย รวมถึงการเผยแพร่ความรู้ด้านสิทธิมนุษยชนและความรู้ทาง กฎหมายให้แก่ประชาชน ดังนั้น ประเด็นการมีส่วนร่วมของประชาชน จึงเป็นการมุ่งให้ประชาชนได้มี ความรู้ความเข้าใจ และการดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม สคช. เป็นเสมือนด่านหน้าในการรับเรื่องร้องเรียน และการให้ความรู้แก่ประชาชน การเป็น ผู้ไกล่เกลี่ยเพื่อช่วยเหลือประชาชนในกรณีที่มีข้อพิพาทเกิดขึ้น รวมถึงการตั้งทนายความอาสาให้กับ ประชาชนที่ยากจนเมื่อเกิดคดี จึงเป็นหน่วยงานชองอัยการที่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด ประชาชน รู้จัก สคช. มากกว่าสำนักงานอัยการจังหวัด ดังนั้น สคช. สามารถที่จะจัดโครงการหรือกิจกรรมให้ ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมได้ ช่วยทำให้ภาพลักษณ์ของอัยการให้ดีขึ้นได้ ดังนั้น จึงมีความเห็นว่ามาตรการการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในหน่วยงานอัยการ การแต่งตั้ง คณะกรรมการการมีส่วนร่วมภาคประชาชน หรือคณะที่ปรึกษาสำนักงานอัยการ และมาตรการกลไกการมี


156 ส่วนร่วมของประชาชนต่าง ๆ ควรเป็นงานในขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบของ สคช. ซึ่งสามารถบูรณา การทำงานร่วมกัน ใช้สถานที่พูดคุยร่วมกันกับสำนักงานอัยการจังหวัด สำนักงานอัยการพิเศษต่าง ๆ รวมถึงสำนักงานอัยการภาคให้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนา หน่วยงานอัยการได้ เหตุผลที่การแต่งตั้งคณะกรรมการการมีส่วนร่วมภาคประชาชน หรือคณะที่ปรึกษาสำนักงาน อัยการ และมาตรการกลไกการมีส่วนร่วมของประชาชนต่าง ๆ เหมาะสมที่จะเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบ ของ สคช. มากกว่า เนื่องจากภาระงานของ สคช. มีความเกี่ยวข้องแล้ว สำนักงานอัยการจังหวัดและ สำนักงานอัยการภาคไม่อาจเปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกมีส่วนร่วมในงานสั่งสำนวนคดี การมีส่วนร่วม ของประชาชนควรมีขอบเขตไม่ก้าวล่วงการพิจารณาความเห็นในเนื้อหาของคดี ควรมีการเว้นระยะห่างใน การติดต่อกับหน่วยงานภายนอกเหมือนหน่วยงานศาลที่ต้องวางตัว การขยายเครือข่ายเป็นการรู้จักกัน ในหน้าที่ไม่ใช่ความสนิทสนมส่วนบุคคล นอกจากนี้ สำนักงานอัยการจังหวัดจำเป็นต้องระมัดระวังในประเด็นของการมีส่วนได้เสียหรือ ผลประโยชน์ทับซ้อนเพราะอาจจะสร้างปัญหาในเรื่องความลับของสำนวน การหวังผลทางคดี ทำให้เกิด ความเสียหายแก่รูปคดีหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีได้ หรืออาจมีกรณีของประชาชนที่เข้ามามีส่วนร่วม ในกระบวนการยุติธรรมนำตำแหน่งไปอวดอ้าง หรือแอบอ้างความใกล้ชิดกับอัยการจังหวัด ฉวยโอกาส ในการเรียกรับทรัพย์สิน นำตำแหน่งไปใช้ทางที่ผิดหรือไปใช้ในทางมิชอบ แต่ผู้ตอบแบบสอบถามมีความมั่นใจว่าการที่ประชาชนมีส่วนร่วมในหน่วยงานกระบวนการ ยุติธรรม รวมถึงหน่วยงานอัยการจะไม่เกิดประเด็นของผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างแน่นอน ผู้ที่มีส่วนร่วม แสดงความคิดเห็นนั้นไม่ได้ผูกมัดหน่วยงานที่จะนำมาใช้ในทางคดี เนื่องจากความเป็นกลางของ หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม อีกหนึ่งความเห็นระบุว่าไม่แน่ใจ เพราะไม่ทราบขั้นตอนการมีส่วนร่วม ของประชาชนมากน้อยแค่ไหน และความเห็นสุดท้ายคืออาจจะมีผลกระทบต่อความเป็นอิสระเกิด ความไม่เที่ยงตรงในการพิจารณาสั่งคดีได้ ข้อมูลที่ได้รับจากการสัมภาษณ์ยังได้เพิ่มเติมว่าพนักงานอัยการไม่เคยลงพื้นที่เกิดเหตุ ประชาชนต้องมาหาอัยการเอง การแสวงหาพยานมอบให้ตำรวจดำเนินการหน่วยเดียว อัยการไม่ได้ อำนวยความยุติธรรมหรือแสวงหาข้อเท็จจริงเชิงรุกเลย จึงมีความเห็นว่าอัยการมีความห่างกับประชาชน มาก เข้าถึงยาก มีลักษณะงานเป็นทางการ แม้กระทั่งตำรวจและอัยการยังไม่ได้พูดคุยกัน จึงมีการพบปะ สังสรรค์ประสานสัมพันธ์ระหว่างกันและกับประชาชนให้มากขึ้น เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างแนว ร่วมช่วยโดยประชาชนได้ 4.3 การส่งเสริมการรับรู้ของประชาชนเพื่อเข้ามามีส่วนร่วมในหน่วยงานอัยการ “ประชาชน” เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญของการส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมและการเข้าร่วมเพื่อ การพัฒนางานของหน่วยงานอัยการ ดังนั้น การที่จะดึงดูดประชาชนให้สนใจที่จะมีส่วนร่วมในมาตรการ การส่งเสริมงานในกระบวนการยุติธรรมของหน่วยงานอัยการได้นั้น จะต้องพิจารณาและดำเนินการดังนี้ -การตระหนักถึงความสำคัญในงานอัยการของประชาชน


157 -ถ้าประชาชนได้รับทราบการดำเนินงานของหน่วยงานยุติธรรม มีความเข้าใจ เห็นความชัดเจน ในภาระงานที่จะเข้าร่วม เห็นประโยชน์ที่จะช่วยส่งเสริมงานของอัยการที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม โดยรวมได้ด้วย ก็จะสนใจเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการการมีส่วนร่วมของประชาชนที่หน่วยงานอัยการ จัดขึ้นได้เพิ่มมากขึ้น เมื่อประชาชนรู้จักอัยการมากขึ้น ประชาชนเริ่มมีส่วนร่วม จะเป็นตัวแทนของ อัยการเพื่อช่วยเผยแพร่ความรู้และเป็นกระบอกเสียงให้กับอัยการได้ด้วย ดังนั้น หน่วยงานอัยการ จำเป็นต้องดำเนินการเชิงรุกมากขึ้นเพื่อให้สามารถเข้าถึงประชาชนได้มากที่สุด ซึ่งเป็นงานสำคัญงาน หนึ่งของ สคช. อยู่แล้ว แต่สำนักงานอัยการจังหวัดยังเข้าถึงประชาชนได้น้อยกว่าด้วยเหตุของภาระงาน หลักที่แตกต่าง สำนักงานอัยการจังหวัดโดยการสนับสนุนของสำนักงานอัยการภาคและสำนักงานอัยการ สูงสุดจะต้องผลักดันให้เกิดกฎหมายที่ชัดเจนรองรับมาตรการการแต่งตั้งคณะกรรมการการมีส่วนร่วม ภาคประชาชน หรือคณะที่ปรึกษาสำนักงานอัยการ และกลไกอื่น ๆ ในการส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วม ในกระบวนการยุติธรรมของอัยการ อีกทั้งควรจะต้องทำให้ประชาชนตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้อง ร่วมมือกับหน่วยงานอัยการเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้สามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม และได้รับ ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย -ความพร้อมของประชาชน ถ้าประชาชนมีความพร้อม มีฐานะ มีเวลา ไม่ใช่ผู้ที่ทำงานประจำ ประชาชนก็จะเข้ามามีส่วนร่วม ในหน่วยงานกระบวนการยุติธรรมมากขึ้น แต่ข้อมูลที่ได้รับจากการสัมภาษณ์หน่วยงานอัยการ ศาล และ ตำรวจเกี่ยวกับการตื่นตัว การรับรู้ หรือความสนใจของประชาชนต่อการเข้ามามีส่วนร่วมในหน่วยงาน กระบวนการยุติธรรมโดยทั่วไปอาจสรุปได้ว่าการมีส่วนร่วมของประชาชนต่อการพัฒนางานของ หน่วยงานอัยการอยู่ในระดับค่อนข้างน้อยและมีอยู่อย่างจำกัด ส่วนใหญ่ประชาชนยังไม่รู้จัก ไม่ทราบ เข้าไม่ถึงหน่วยงานกระบวนการยุติธรรม ทำให้ไม่มีความตื่นตัว ไม่สนใจในการเข้าร่วม โดยเฉพาะ ประชาชนทั่วไปต้องทำมาหากิน ผู้ที่สนใจจึงต้องมีความพร้อม และมีเวลา มีฐานะที่มั่นคง เพราะหลาย ครั้งที่คณะกรรมการการมีส่วนร่วมภาคประชาชน หรือคณะที่ปรึกษาสำนักงานอัยการต้องช่วยสมทบ ในการสนับสนุนการบริหารงานของอัยการ หากมีการกำหนดเรื่องค่าตอบแทนแก่คณะกรรมการใน กฎหมายที่บัญญัติขึ้นใหม่ได้นั้น เพื่อไม่ให้กระทบกับการทำงานหาเลี้ยงชีพของตนเอง อาจจะทำให้ ประชาชนสนใจเข้ามามีส่วนร่วมกับโครงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในหน่วยงานอัยการเพิ่มมากขึ้น -ความสามารถใช้โซเชียลมีเดียของประชาชน ถ้าประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดีย มีการบันทึกภาพวิดีโอจากกล้อง มีการสร้าง ไลน์กลุ่มกับประชาชนเพื่อสื่อสารให้ข้อมูลกัน ใช้โทรศัพท์ในการติดต่อประสานงาน และให้ความร่วมมือ กับหน่วยงานกระบวนการยุติธรรม จะทำให้ประชาชนสามารถช่วยเหลือหน่วยงานกระบวนการยุติธรรม ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพในการแจ้งข่าวสารหรือเบาะแสทันทีที่เหตุเกิด และใช้เป็น หลักฐานในกระบวนการยุติธรรมได้ ช่วยลดโอกาสในการเกิดอาชญากรรมได้ รวมถึงได้ใช้ประโยชน์ของ โซเชียลมีเดียในการการสอดส่องและตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่มากขึ้น -ความรู้เรื่องกฎหมายของประชาชน


158 ถ้ามีประชาชนได้ศึกษาหรือรับรู้เรื่องกฎหมายเป็นจำนวนมาก ทำให้รู้ถึงสิทธิหน้าที่ของตนเอง ก็จะสนใจเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรม สามารถนำความรู้ด้านกฎหมายมาปฏิบัติงานเป็น จิตอาสา ต้องการช่วยเหลือแจ้งข้อร้องเรียนต่าง ๆ ดังเช่นประชาชนในจังหวัดนครศรีธรรมราชโดยรวม ที่ค่อนข้างตื่นตัวในการให้ความช่วยเหลือและเข้าร่วมในกลไกของหน่วยงานกระบวนการยุติธรรม เป็นอัตลักษณ์ของคนจังหวัดนี้ -การมีส่วนได้เสียของประชาชน ถ้าประชาชนในพื้นที่มีส่วนได้เสียในประเด็นใด ก็จะมีความสนใจที่จะเข้าร่วมกระบวนการ ยุติธรรมที่เกี่ยวเนื่อง 4.4 ข้อเสนอแนะอื่น ๆ ผู้ให้สัมภาษณ์และผู้ตอบแบบสอบถามได้ให้ความเห็นและข้อเสนอแนะอื่น ๆ นอกเหนือจาก ข้อคำถามที่คณะที่ปรึกษาได้สอบถามไป โดยมีประเด็นที่เกี่ยวข้องและน่าสนใจเป็นประโยชน์ต่อการ พิจารณาสำหรับหน่วยงานอัยการเพื่อการพัฒนาปรับปรุงให้เกิดมาตรการการมีส่วนร่วมของประชาชน ในกระบวนการยุติธรรมของหน่วยงานอัยการ ดังต่อไปนี้ -การปรับใช้มาตรการของหน่วยงานยุติธรรมอื่นมาใช้กับหน่วยงานอัยการ •หน่วยงานกระบวนการยุติธรรมทั้งหน่วยงานศาล ตำรวจ และอัยการได้มีกลไกการมีส่วนร่วม ของประชาชนหลายโครงการ บางโครงการที่จัดทำขึ้นมีความเหมาะสมกับการดำเนินงานเฉพาะ ในหน่วยงานตนเอง และมีบางโครงการที่เหมือนกัน สำหรับมาตรการการมีส่วนร่วมของประชาชนของ หน่วยงานศาลเรื่อง “ผู้กำกับดูแลการปล่อยตัวชั่วคราว” ก็เป็นรูปแบบหนึ่งที่น่าสนใจที่ดำเนินการ ภายในศาลเท่านั้น แต่มีความเห็นว่าหน่วยงานอัยการสามารถนำไปใช้เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามา มีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรมของอัยการได้เพราะทั้งศาลและอัยการต่างก็มีกระบวนการของการ ประกันตัวผู้ต้องหาเพื่อปล่อยผู้ต้องหาเหมือนกันทั้งการประกันตัวในชั้นอัยการกับการประกันตัวใน ชั้นศาล และทั้งกรณีการประกันตัวที่มีหลักทรัพย์กับไม่มีหลักทรัพย์ เพื่อให้ผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยตัว จะได้ช่วยเหลืองานของเจ้าหน้าที่ของสำนักงานอัยการจังหวัดในการรายงานตัวในพื้นที่และนอกพื้นที่ได้ เป็นการลดภาระงานของอัยการ เป็นการลดค่าใช้จ่ายของผู้ต้องหา และสามารถยุติคดีได้เร็ว รวมถึง ประชาชนจะได้รับมีความเข้าใจที่ถูกต้องว่าภาระงานของอัยการว่าไม่ได้มีแต่ทำให้ประชาชนเข้าคุก เท่านั้น แต่เป็นงานที่อำนวยความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย ถ้าไม่ผิดก็สั่งไม่ฟ้อง ก็จะทำให้ประชาชนเข้าหา อัยการมากขึ้น ยินยอมเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลผู้ต้องหาหรือผู้เสียหาย •คณะที่ปรึกษามีความเห็นเพิ่มเติมว่านอกเหนือจากมาตรการการมีส่วนร่วมของ ประชาชนของหน่วยงานศาลเรื่อง “ผู้กำกับดูแลการปล่อยตัวชั่วคราว” ที่จะสามารถนำมาปรับใช้กับ หน่วยงานอัยการแล้ว อาจจะพิจารณามาตรการอื่น ๆ ของศาลและตำรวจมาปรับใช้เพิ่มเติมได้ด้วย เช่น การมีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรมของคู่ความที่ศาลจังหวัดดำเนินการอยู่ หรือมาตรการอื่น ๆ ที่


159 หน่วยงานกระบวนการยุติธรรมทั้งสามกลุ่มจะสามารถใช้ร่วมกันหรือปรับให้เหมาะสมกับบริบท หน่วยงานของตนเองที่จะไม่กระทบกับการทำงานอรรถคดีของหน่วยงาน -โครงสร้างของหน่วยงานอัยการ •การพิจารณามาตรการอื่น ๆ ของศาลและตำรวจมาปรับใช้กับหน่วยงานอัยการข้างต้น ถือเป็นการปรับกระบวนการทำงานระหว่างหน่วยงานกระบวนการยุติธรรมร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วย จะเกิดการประสานงานและการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมที่ไม่ทำงานแบบ แยกส่วนที่แต่ละหน่วยงานกระบวนการยุติธรรมต่างปฏิบัติหน้าที่ในส่วนของตน อันจะช่วยลดงานที่ ทับซ้อนกัน สามารถลดการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ได้เป็นจำนวนมาก ทั้งการใช้ข้อมูลร่วมกัน มีระบบ สารสนเทศที่เชื่อมโยงและใช้ร่วมกันได้ ลดการใช้ทรัพยากรคนทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม และประชาชนที่สามรถช่วยเหลืองานข้ามหน่วยงานกระบวนการยุติธรรมไปมาได้ เช่น ผู้กำกับดูแล ผู้ถูกปล่อยชั่วคราวที่ขึ้นทะเบียนของศาลมาช่วยเป็นผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยตัวในชั้นอัยการได้ ลดการใช้ เงินทุนที่ไม่ต้องใช้งบประมาณไปกับการสร้างมาตรการใหม่ที่ใช้ได้เพียงในหน่วยงานตนเองอย่างเดียว ลดการจ่ายหลักประกัน ลดจำนวนคนล้นคุก ลดค่าใช้ต่าง ๆ และประหยัดเวลาของผู้ต้องหาที่ไม่ต้อง เดินทางมาที่ศาลหรืออัยการ ทำให้ผู้ต้องหาและประชาชนมีความรู้สึกที่ดีต่อกระบวนการยุติธรรมเป็น การเสริมสร้างภาพลักษณ์ของหน่วยงานกระบวนการยุติธรรมที่สถิตความยุติธรรม มีความทันสมัย สามารถเชื่อมโยงทั้งคนและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีความชัดเจน รวดเร็ว โปร่งใส ตรวจสอบซึ่ง กันและกันได้ •ในการปฏิบัติงานของหน่วยงานกระบวนการยุติธรรมระหว่างพนักงานสอบสวนของ หน่วยงานตำรวจและอัยการของสำนักงานอัยการจังหวัด ควรมีบทบาทในการทำงานมาตรฐานเดียวกัน เริ่มต้นตั้งแต่การทำสำนวนของพนักงานสอบสวนที่ควรจะให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นอัยการและ ผู้ต้องหาสามารถตรวจสอบดูสำนวนได้ตั้งแต่เริ่มต้น เพราะปัจจุบันอัยการได้แต่รอรับสำนวนจาก พนักงานสอบสวนเท่านั้น และผู้ต้องหาไม่ได้เห็นสำนวนเลย อาจทำให้ผู้ต้องหาเดือดร้อนถูกดำเนินคดี เพราะเข้าไม่ถึงสำนวน ถ้าผู้ต้องหารู้ก่อนก็จะได้ร้องขอความเป็นธรรมได้ •การเพิ่มอัตรากำลังใหม่ของสำนักงานอัยการจังหวัดไม่ควรพิจารณาจากปริมาณของ สำนวนคดีเพียงอย่างเดียว ควรพิจารณาถึงความยากง่ายและความแตกต่างของแต่ละพื้นที่ด้วย เช่น สำนักงานอัยการจังหวัดในเมืองขนาดเล็กหรือเมืองเศรษฐกิจ อาจมีจำนวนคดีไม่มาก แต่มีสำนวนคดีที่ เป็นประเด็นละเอียดอ่อนและยากต่อการดำเนินงานหรือพิจารณา ควรให้ลดปริมาณงานแทนโดย พิจารณาให้แยกกองคดีแพ่งออกจากสำนักงานอัยการจังหวัด หากสามารถดำเนินการได้ ทำให้เกิดความ ชัดเจนในงานมากขึ้น ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจในเนื้องานของสำนักงานอัยการแต่ แห่งและจะสนใจเข้ามามีส่วนร่วมกับงานของสำนักงานอัยการจังหวัดเพิ่มมากขึ้น การให้ความสำคัญต่ออัยการพื้นที่ โดยเฉพาะ สคช. ซึ่งไม่มีเงินประจำตำแหน่ง ไม่มีค่า เดินทาง ไม่มีอิทธิพล ไม่มีผลกระทบต่อการปฏิบัติงาน จึงไม่ควรให้อัยการสังกัด สคช. โยกย้ายงาน ควร ให้ทำงานในพื้นที่ได้เกิน 4 ปี หรือสามารถสลับหมุนเวียนการทำหน้าที่ในพื้นที่เดิมได้อย่างต่อเนื่อง


160 เพราะเป็นผู้ที่รู้และเข้าใจปัญหาในพื้นที่จริง สามารถช่วยชาวบ้านได้ และจะเป็นการช่วยสร้างขวัญ กำลังใจแก่อัยการชั้นผู้น้อยในการทำงานเพื่อเข้าถึงประชาชนในพื้นที่ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะเป็นกลไกที่ สำคัญในการทำให้ประชาชนเข้าถึงและเข้าใจงานของอัยการและเข้ามามีส่วนร่วมให้ความช่วยเหลือ คืนให้กับอัยการเพิ่มมากขึ้นได้ -เป้าหมายสูงสุดของมาตรการการมีส่วนร่วมของประชาชนคือความสงบสุขของสังคม •มาตรการการมีส่วนร่วมของประชาชนในหน่วยงานกระบวนการยุติธรรม คือการที่ ประชาชนเข้ามาช่วยเหลืองานของหน่วยงานกระบวนการยุติธรรมในรูปแบบต่าง ๆ ที่ไม่กระทบต่อการ ปฏิบัติงานด้านการพิจารณาสำนวนคดีของหน่วยงานกระบวนการยุติธรรม เป็นการเปิดกว้างให้ ประชาชนมีส่วนร่วมในการอำนวยความยุติธรรม โดยที่กระบวนการยุติธรรมยังคงความเป็นกลาง โปร่งใส ยุติธรรม •ตัวแปรความสำเร็จหรือล้มเหลวของกลไกการมีส่วนร่วมของประชาชน คือ การเปิดกว้างของ หน่วยงานกระบวนการยุติธรรมทุกแห่ง มีการทำงานเชิงรุกเข้าถึงประชาชนก่อน และส่งเสริมให้ประชาชน ช่วยระดมความคิดเห็นร่วมกันเพื่อสร้างมาตรการหรือกลไกการมีส่วนร่วมประชาชนใหม่ๆ เพิ่มเติม รวมถึง ร่วมกันกำหนดแนวทางปฏิบัติงานและวิธีการประเมินการปฏิบัติงานเพื่อป้องกันการเกี่ยวข้องกับคดี การเกิดผลประโยชน์ทับซ้อน การเรียกรับผลประโยชน์หรือสิ่งตอบแทน การแอบอ้างหรือนำไปใช้ทางที่ผิด จนกลายเป็นนายประกันอาชีพ •การที่ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรมในรูปแบบต่าง ๆ เป็นการเปิดโอกาส ให้ชุมชนสามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม เพราะประชาชนเป็นผู้ที่มีส่วนได้เสียโดยตรงใน กระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นผู้กล่าวหา ผู้ต้องหา ผู้เสียหาย เหยื่อ และประชาชนทั่วไป เมื่อรับทราบ เข้าถึง และเข้าใจ ประชาชนก็จะยินดีให้ความร่วมมือในการเข้ามามีส่วนช่วยเหลือในกระบวนการ ยุติธรรม ผลกระทบเชิงบวกจะเกิดขึ้นตามมามากมาย เช่น เสริมสร้างให้เกิดความรวดเร็วในกระบวนการ ยุติธรรม ช่วยแบ่งเบาภาระงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานกระบวนการยุติธรรม ไม่ต้องเพิ่ม อัตรากำลังคนใหม่ในหน่วยงานกระบวนการยุติธรรม เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานในกระบวนการ ยุติธรรมที่ตอบรับนโยบายและ/หรือกฎหมาย ช่วยประหยัดงบประมาณและทรัพยากรต่าง ๆ ประชาชนให้ ความไว้ใจและเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของไทย •เมื่อประชาชนให้การยอมรับและรู้สึกได้ถึงประโยชน์ของการเข้ามามีส่วนร่วมใน หน่วยงานกระบวนการยุติธรรมแล้ว ก็จะสนใจเข้ามามีส่วนร่วมกับหน่วยงานกระบวนการยุติธรรมอย่าง เต็มใจมากขึ้น สุดท้ายเป้าหมายสูงสุดที่มีร่วมกันของการปฏิบัติงานของหน่วยงานกระบวนการยุติธรรม และการปฏิบัติงานของประชาชนที่มีส่วนร่วมในกลไกที่หน่วยงานกระบวนการยุติธรรมกำหนด คือ การ เกิดความสงบสุขของสังคมเหมือนกัน


161 5 การวิเคราะห์ระบบการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการยุติธรรมต่างประเทศ 5.1 ข้อสังเกตจากการสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิชาวต่างประเทศ จากการสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิของประเทศญี่ปุ่นและสาธารณรัฐเกาหลีเกี่ยวกับระบบการมี ส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการยุติธรรมต่างประเทศ คณะที่ปรึกษาสามารถตั้งข้อสังเกตได้ดังนี้ 1. รัฐสามารถนำระบบการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการยุติธรรมมาใช้เพื่อเป็นกลไก หนึ่งในการเสริมสร้างความเป็นระบอบประชาธิปไตย (Democratization) ได้ 2. นอกจากเรื่องความโปร่งใสและตรวจสอบได้ในกระบวนการยุติธรรมแล้ว ระบบการมีส่วนร่วม ของประชาชนที่มีประสิทธิภาพยังช่วยเสริมสร้างความไว้วางใจของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรม และหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมได้ด้วย อันจะเห็นได้จากความเห็นของประชาชนผู้เคยเข้าร่วมเป็น คณะกรรมการฯ หรือคณะลูกขุนทั้งในประเทศญี่ปุ่นและสาธารณรัฐเกาหลีที่ให้ความเห็นว่าตนมีความเข้าใจ กระบวนการยุติธรรมมากขึ้น ในยุคปัจจุบันที่ประชาชนมีช่องทางการรับข้อมูลจากสื่อต่าง ๆ มากมายและรวดเร็ว อาจทำให้ ประชาชนเกิดความเข้าใจต่อกระบวนการยุติธรรมในทางที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง เนื่องจากได้รับ อิทธิพลจากการนำเสนอข้อมูลของสื่อต่าง ๆ ดังนั้น รัฐจึงอาจใช้กลไกการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ในกระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือในการสร้างความรู้ความเข้าใจต่อกระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้องแก่ ประชาชนและทำให้ประชาชนมีทัศนคติต่อกระบวนการและหน่วยงานทางกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ที่ดีขึ้นได้ อันจะนำไปสู่ความร่วมมือของภาคประชาชนกับหน่วยงานรัฐในการดำเนินกระบวนการ ยุติธรรมมากขึ้นในท้ายที่สุด 3. การมีส่วนร่วมของประชาชนส่งผลให้ลักษณะกระบวนการยุติธรรมทางอาญาเปลี่ยนไปหลาย ประการ ทั้งในแง่การดำเนินการพิจารณาโดยกำหนดประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีให้ชัดเจนขึ้นและแคบลง ตั้งแต่ชั้นก่อนพิจารณาคดี และมีการใช้ศัพท์เฉพาะทางน้อยลง พนักงานอัยการ ศาล หรือทนายความ มี ความพยายามในการอธิบายคดีและนำเสนอพยานหลักฐานต่าง ๆ โดยใช้คำศัพท์ที่เข้าใจง่ายขึ้น ซึ่ง ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ช่วยให้กระบวนการพิจารณาสามารถเสร็จสิ้นได้ในระยะเวลาอันสั้น 4. กลไกการมีส่วนร่วมของประชาชนทำให้เจ้าหน้าที่รัฐตระหนักอยู่เสมอว่าอาจมีการตรวจสอบ หรือสังเกตการณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐจากประชาชน ซึ่งช่วยกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่รัฐทำงานด้วย ความระมัดระวังและละเอียดรอบคอบมากขึ้น 5. การประชาสัมพันธ์กลไกการมีส่วนร่วมของประชาชนผ่านทางภาครัฐและเอกชน ช่วยให้ ประชาชนมีความเข้าใจและความสนใจในกระบวนการยุติธรรมทางอาญามากขึ้นจริง จากที่เห็นได้ว่าทั้ง ในประเทศญี่ปุ่นและสาธารณรัฐเกาหลีนั้น ประชาชนส่วนใหญ่ได้เรียนรู้ระบบการพิจารณาคดีแบบคณะ ลูกขุนผ่านทางสื่อละครต่าง ๆ นอกจากนี้ ในประเทศญี่ปุ่นเมื่อจะมีการนำกลไกการมีส่วนร่วมของ ประชาชนมาใช้ก็มองเห็นว่าจำเป็นต้องสร้างความเข้าใจพื้นฐานทางกฎหมายให้แก่ประชาชนตั้งแต่เด็ก ส่งผลให้รัฐมีการปรับปรุงแบบเรียนเกี่ยวกับกฎหมายสำหรับระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาให้ น่าสนใจและเข้าใจง่ายยิ่งขึ้น


162 6. การสร้างกลไกให้ประชาชนมีส่วนร่วม สามารถมีได้ในหลายรูปแบบทั้งในระดับการตรา กฎหมาย หรือข้อบังคับ หรือระดับนโยบายของหน่วยงานรัฐ หรือแม้แต่ในทางปฏิบัติ อย่างไรก็ดี การที่ ไม่มีกฎหมายจัดตั้งหรือให้อำนาจโดยชัดแจ้งเกี่ยวกับกลไกดังกล่าว อาจทำให้มีข้อกังวลในเรื่อง ประสิทธิภาพและความโปร่งใสของระบบ รวมทั้ง ปัญหาเกี่ยวกับการกำหนดรายละเอียดต่าง ๆ ไม่ว่าจะ เป็นในแง่กฎเกณฑ์ที่คุ้มครองผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการมาปฏิบัติหน้าที่ เช่น เรื่องค่าตอบแทน ค่าใช้จ่าย การคุ้มครองเรื่องนายจ้างลูกจ้าง หรือกำหนดหน้าที่และบทลงโทษ เพื่อป้องกันการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ และช่วยป้องกันข้อมูลในคดีรั่วไหล เป็นต้น 7. สถานะทางกฎหมาย หรือความผูกพันทางกฎหมายของคำตัดสินของคณะกรรมการ หรือ คณะลูกขุนส่งผลในแง่ความน่าเชื่อถือและความมีประสิทธิผลของกลไกการมีส่วนร่วมของประชาชน เช่นกัน และส่งผลให้ระบบนั้นไม่ถูกนำไปใช้จริงในทางปฏิบัติเท่าที่ควรได้ เนื่องจากเห็นว่าอำนาจสุดท้าย ในการตัดสินใจยังคงอยู่ที่เจ้าหน้าที่รัฐ 8. การกำหนดกรอบอำนาจของประชาชนที่เข้ามามีส่วนร่วมและสถานะความผูกพันของ คำพิจารณานั้น อาจต้องพิจารณากฎหมายอื่น ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบันด้วยว่ากฎหมายปัจจุบันเปิดช่องให้ทำ ได้เพียงใด หากจะตรากฎหมายหรือข้อบังคับให้อำนาจประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการ ยุติธรรมแล้วจะติดข้อปัญหาอุปสรรคในกฎหมายใด ๆ หรือไม่ อย่างเช่นกรณีของสาธารณรัฐเกาหลีซึ่งมี บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญกำหนดให้อำนาจการพิจารณาตัดสินอรรถคดีเป็นของผู้พิพากษาเท่านั้น ทำให้ ไม่สามารถตรากฎหมายให้คำตัดสินของคณะลูกขุนมีผลผูกพันทางกฎหมายได้ หากยังไม่ได้แก้ รัฐธรรมนูญ 5.2 การเปรียบเทียบระบบการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการยุติธรรมต่างประเทศ และประเทศไทย ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิชาวต่างประเทศดังกล่าว และข้อมูลจากการสัมภาษณ์ หน่วยงานกระบวนการยุติธรรมไทยทั้ง 4 ภาค เรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการยุติธรรม พบว่ามีลักษณะการดำเนินการในลักษณะเดียวกัน โดยสามารถสรุปเป็นข้อ ๆ ตามการสรุปข้อมูลการ สัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิชาวต่างประเทศข้างต้น ดังนี้ 1. ความเห็นที่รัฐสามารถนำระบบการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการยุติธรรมมาใช้ เพื่อเป็นกลไกหนึ่งในการเสริมสร้างความเป็นระบอบประชาธิปไตย (Democratization) ได้ จาก การศึกษาข้อมูลของคณะที่ปรึกษา ประเทศไทยได้ตระหนักในความสำคัญของการมีส่วนร่วมของ ประชาชนในกระบวนการยุติธรรม ในภาพรวมได้มีการกำหนดเป็นแผนยุทธศาสตร์หน่วยงาน แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมถึงรัฐธรรมนูญ การตรากฎหมายลูกที่เกี่ยวข้อง และ กฎระเบียบของหน่วยงานเพื่อส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการยุติธรรมของไทย 2. ในประเด็นของความเห็นว่าระบบการมีส่วนร่วมของประชาชนจะช่วยเสริมสร้างความ ไว้วางใจของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมและหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมหรือประชาชน ผู้เคยเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการฯ หรือคณะลูกขุนมีความเข้าใจกระบวนการยุติธรรมมากขึ้น ซึ่งผลการเก็บ


163 ข้อมูลในการสัมภาษณ์และการตอบแบบสอบถามในโครงการนี้ได้แสดงถึงความตระหนักในประเด็น ดังกล่าวเช่นกัน โดยต้องการผลักดันให้หน่วยงานกระบวนการยุติธรรมทำงานเชิงรุก ทำให้ประชาชน สามารถเข้าถึงรู้จักและเข้าใจงานและหน้าที่ของหน่วยงานกระบวนการยุติธรรมมากขึ้น ก็จะไว้ใจเข้ามา มีส่วนร่วมกับหน่วยงานกระบวนการยุติธรรมมากขึ้นเช่นกัน 3. การมีส่วนร่วมของประชาชนส่งผลให้ลักษณะกระบวนการยุติธรรมเปลี่ยนไปที่ช่วยให้ กระบวนการพิจารณาสามารถเสร็จสิ้นได้ในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งผลการเก็บข้อมูลในการสัมภาษณ์และ การตอบแบบสอบถามในโครงการนี้ได้ให้ความเห็นตรงกันกับประเด็นนี้เช่นกัน เพราะประชาชนสามารถ ให้ความเห็นในการบริหารจัดการงานของกระบวนการยุติธรรม แม้จะไม่ได้กระทบกับสำนวนคดี แต่จะ ช่วยสะท้อนภาพการปฏิบัติงานของหน่วยงานกระบวนการยุติธรรม ทำให้การดำเนินกระบวนการ ยุติธรรมรวดเร็วขึ้นได้ทำให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยการลงพื้นที่ให้ความรู้ทางกฎหมายและหน้าที่ ความรับผิดชอบของ สคช. ศาล และตำรวจ นอกจากนี้ มาตรการการมีส่วนร่วมของประชาชนที่เป็นทางการ และไม่เป็นทางการ เช่น คณะกรรมการการมีส่วนร่วมภาคประชาชน หรือคณะที่ปรึกษาสำนักงานอัยการ การแต่งตั้งผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราว การแต่งตั้ง กต.ตร. และโครงการตำรวจอาสา ฯลฯ ได้ส่งเสริม ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานกระบวนการยุติธรรมในการปรับเปลี่ยน ขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมที่สั้นลง คณะกรรมการการมีส่วนร่วมภาคประชาชนและ กต.ตร. ช่วย จัดสถานที่อำนวยความสะดวกในการติดต่อของประชาชน ผู้ถูกปล่อยชั่วคราวไม่ต้องมารายงานตัวที่ศาล ตำรวจอาสาช่วยเหลือสอดส่องดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ เกิดความสะดวกในการปฏิบัติงาน สามารถ แก้ไขปัญหารวดเร็วและมีประสิทธิภาพ 4. กลไกการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นการตรวจสอบหรือสังเกตการณ์การทำงานของ เจ้าหน้าที่รัฐจากประชาชน ซึ่งช่วยกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่รัฐทำงานด้วยความระมัดระวังและละเอียด รอบคอบมากขึ้น จากผลการเก็บข้อมูลในการสัมภาษณ์และการตอบแบบสอบถามในโครงการนี้ได้รับ ข้อมูลในประเด็นดังกล่าวด้วย เช่น คณะกรรมการการมีส่วนร่วมภาคประชาชน หรือคณะที่ปรึกษา สำนักงานอัยการ และ กต.ตร. ได้ช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกต่อการปฏิบัติงานของพนักงาน เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานอัยการและหน่วยงานตำรวจ รวมถึงการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ที่เข้ามาติดต่อกับหน่วยงานกระบวนการยุติธรรมนั้น ๆ และการที่ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมเป็น คณะกรรมการในหน่วยงานกระบวนการยุติธรรมเหล่านี้ ตลอดจนการที่ประชาชนรับทราบถึงบทบาท หน้าที่ของหน่วยงานกระบวนการยุติธรรมจากการลงพื้นที่ของหน่วยงานกระบวนการยุติธรรมเหล่านี้ และการที่ประชาชนใช้ประโยชน์ของโซเชียลมีเดียในการการสอดส่องและตรวจสอบการทำงานของ เจ้าหน้าที่ได้ ก็จะทำให้พนักงานเจ้าหน้าที่ระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่มากขึ้นด้วย 5. ความเห็นต่อเรื่องการประชาสัมพันธ์กลไกการมีส่วนร่วมของประชาชนผ่านทางภาครัฐและ เอกชน ช่วยให้ประชาชนมีความเข้าใจและความสนใจในกระบวนการยุติธรรมหรือการเรียนรู้ระบบการ พิจารณาคดีแบบคณะลูกขุนผ่านทางสื่อละครต่าง ๆ หรือการสร้างความเข้าใจพื้นฐานทางกฎหมายให้แก่ ประชาชนตั้งแต่เด็กนั้น ข้อมูลจากการสัมภาษณ์และการตอบแบบสอบถามในโครงการนี้ได้ให้


164 ข้อเสนอแนะในประเด็นเดียวกัน โดยแนะนำให้หน่วยงานยุติธรรมทำงานเชิงรุกมากขึ้น การลงพื้นที่ ใกล้ชิดกับประชาชนเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจจะช่วยส่งเสริมให้ประชาชนมีความเข้าใจและมีความสนใจ ที่จะเข้าร่วมในกระบวนการยุติธรรมเพิ่มมากขึ้น หรือการจัดทำสื่ออิเล็กทรอนิกส์และป้ายประชาสัมพันธ์ ของศาลในการแนะนำโครงการผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราวของศาลเป็นช่องทางทำให้ประชาชนรับรู้ มากขึ้น ส่งผลให้ประชาชนจากหลากหลายอาชีพสนใจเป็นผู้กำกับดูแลฯ มากขึ้น รวมถึงสื่อละคร ภาพยนตร์ไทยที่มีเนื้อเรื่องเกี่ยวข้องกับการสืบสวนสอบสวนหรือการขึ้นศาล ประชาชนก็ได้ชมและ สามารถกระตุ้นความสนใจในการสร้างความเข้าใจพื้นฐานทางกฎหมาย นอกจากนี้ มาตรการในรูปแบบ ไม่เป็นทางการ เช่น การอนุญาตให้นักเรียนนักศึกษาฝึกงานในสำนักงานอัยการจังหวัด และการจัด กิจกรรมต้นกล้าตุลาการให้กับนักเรียน ก็เป็นกลไกสำคัญในการสร้างความเข้าใจพื้นฐานทางกฎหมาย ให้แก่ประชาชนตั้งแต่เด็กด้วย 6. การสร้างกลไกให้ประชาชนมีส่วนร่วม สามารถมีได้ในหลายรูปแบบทั้งในระดับการตรา กฎหมาย หรือข้อบังคับ หรือระดับนโยบายของหน่วยงานรัฐ หรือแม้แต่ในทางปฏิบัติ อย่างไรก็ดี การที่ ไม่มีกฎหมายจัดตั้งหรือให้อำนาจโดยชัดแจ้งเกี่ยวกับกลไกดังกล่าว อาจทำให้มีข้อกังวลในเรื่อง ประสิทธิภาพและความโปร่งใสของระบบได้ซึ่งข้อมูลจากการสัมภาษณ์และการตอบแบบสอบถามใน โครงการนี้ได้ให้ข้อเสนอแนะแบบเดียวกัน โดยเฉพาะมาตรการของหน่วยงานอัยการในการแต่งตั้ง คณะกรรมการการมีส่วนร่วมภาคประชาชน หรือคณะที่ปรึกษาสำนักงานอัยการที่ไม่ใช่เป็นเพียง นโยบายจากสำนักงานอัยการสูงสุดเท่านั้น แต่ได้เสนอแนะให้มีการตรากฎหมายเป็นลายลักษณ์อักษรให้ ชัดเจนเพื่อทำให้การดำเนินการของคณะกรรมการหรือคณะที่ปรึกษาดังกล่าวเป็นไปในมาตรฐาน แนวทางเดียวกันมีความโปร่งใสชัดเจนตลอดทั้งประเทศ อันจะช่วยส่งเสริมความเข้าใจที่ตรงกันของ ผู้ปฏิบัติงาน คืออัยการและประชาชน และทำให้บรรลุตรงตามวัตถุประสงค์ตรงตามเจตนารมณ์ ที่กฎหมายกำหนด 7. สถานะทางกฎหมาย หรือความผูกพันทางกฎหมายของคำตัดสินของคณะกรรมการหรือ คณะลูกขุนก็ส่งผลในแง่ความน่าเชื่อถือและความมีประสิทธิผลของกลไกการมีส่วนร่วมของประชาชน เพราะอำนาจสุดท้ายในการตัดสินใจยังคงอยู่ที่เจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งข้อมูลจากการสัมภาษณ์และการตอบ แบบสอบถามในโครงการนี้ไม่ได้กล่าวถึงประเด็นนี้โดยตรง แต่ได้ให้ความเห็นถึงกลไกการมีส่วนร่วมของ ประชาชนในหน่วยงานกระบวนการยุติธรรมที่แม้จะไม่ได้ก้าวล่วงไปถึงสำนวนคดี ไม่มีผลผูกพันทาง กฎหมาย แต่กลไกดังกล่าวสามารถมีผลกระทบทางอ้อมในการจับตา สังเกต และตรวจสอบการ ปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องปฏิบัติงานอย่างระมัดระวังรอบคอบและถูกต้อง (ตาม ข้อ 4) จึงสามารถกล่าวได้ว่ากลไกดังกล่าวเป็นระบบที่มีประสิทธิผลสามารถนำไปใช้ในทางปฏิบัติได้จริง 8. ในการกำหนดกรอบอำนาจของประชาชนที่เข้ามามีส่วนร่วมและสถานะความผูกพันของ คำพิจารณานั้น อาจต้องดูกฎหมายอื่น ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบันด้วยว่ากฎหมายปัจจุบันเปิดช่องให้ทำได้ เพียงใด ซึ่งข้อมูลจากการสัมภาษณ์และการตอบแบบสอบถามในโครงการนี้ก็ไม่ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ โดยตรง แต่เป็นเรื่องทางปฏิบัติที่จะต้องทำตามกฎหมาย หน่วยงานกระบวนการยุติธรรมทราบถึงการ


165 มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องจำเป็นจะต้องพิจารณาร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายหรือแผนงานต่าง ๆ เช่น รัฐธรรมนูญฯ พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนยุทธศาสตร์หน่วยงาน กฎระเบียบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ การจัดทำมาตรการการมีส่วนร่วมของประชาชนในหน่วยงานยุติธรรมที่จะได้ไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมาย ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนกฎระเบียบของการโยกย้ายอัยการจังหวัด อัยการสังกัด สคช. ที่อาจจะต้อง พิจารณาทบทวนเพื่อปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมตามที่เห็นสมควรเพื่อให้การปฏิบัติงานด้านการมีส่วนร่วม ของประชาชนในหน่วยงานอัยการท้องถิ่นนั้น ๆ จะได้ดำเนินการไปได้อย่างต่อเนื่องมีประสิทธิภาพ


166 งานที่คณะที่ปรึกษาจะดำเนินการต่อไป 1. จัดการประชุมระดับนานาชาติ (ออนไลน์) 1 ครั้ง มีเวลาสำหรับการนำเสนอและอภิปรายบน เวทีไม่น้อยกว่าสองชั่วโมงครึ่ง โดยมีผู้ร่วมอภิปรายบนเวที (panelists) ซึ่งเป็นนักวิชาการหรือบุคลากร ในกระบวนการยุติธรรมหรือจากองค์กรระหว่างประเทศ อย่างน้อย 4 คน จากอย่างน้อย 3 ประเทศ โดย เปิดให้ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมรับฟังและแสดงความคิดเห็นได้ด้วย (วันที่ 6 ธันวาคม 2565 เวลา 15.00-18.00 น.) 2. จัดประชุมร่วมกับผู้แทนในกระบวนการยุติธรรมของไทย 1 ครั้ง (ออนไลน์หรือในห้อง ประชุมสัมมนา แล้วแต่ความเหมาะสม) ใช้เวลาไม่น้อยกว่าสามชั่วโมง โดยมีผู้ร่วมอภิปรายบนเวที (panelists) ซึ่งเป็นนักวิชาการไทย และบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมไทย อย่างน้อย 4 คน โดยเปิด ให้ผู้สนใจสามารถแสดงความคิดเห็นได้ด้วย (ภายในเดือนธันวาคม 2565) 3. นำข้อคิดเห็นที่ได้มาปรับปรุงร่างรายงานฉบับสมบูรณ์ แล้วนำเสนอรายงานฉบับสมบูรณ์ (ปรับปรุง) ในที่ประชุมสัมมนาแบบวงกว้าง (ออนไลน์หรือในห้องประชุมสัมมนา แล้วแต่ความเหมาะสม) โดยเชิญผู้ที่เคยเข้าร่วมประชุมในข้อ (ข) และเปิดให้ผู้สนใจจากประชาชนในวงกว้างสามารถลงทะเบียน เข้าร่วมรับฟังและแสดงความคิดเห็นได้ด้วย 4. นำความคิดเห็นและข้อเสนอจากการประชุมสัมมนาแบบวงกว้าง จัดทำรายงานฉบับสมบูรณ์ และบทสรุปผู้บริหารที่ครอบคลุม และสรุปเนื้อหาตามขอบเขตการดำเนินการทั้งหมด


167 ภาคผนวก 1 ข้อคำถามการสัมภาษณ์ เรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการยุติธรรม


168 ข้อคำถามการสัมภาษณ์ เรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการยุติธรรม วัตถุประสงค์ ข้อคำถามการสัมภาษณ์นี้จัดทำขึ้นเพื่อสำรวจและสอบถามข้อมูลจากหน่วยงานในกระบวนการ ยุติธรรม ได้แก่ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานศาลยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในเรื่องการ มีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการยุติธรรม ข้อมูลของผู้ให้สัมภาษณ์นั้น จะใช้ในโครงการศึกษาวิจัยและที่เกี่ยวข้องเท่านั้น คำอธิบาย “การมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการยุติธรรม” หมายถึง กลไก/มาตรการ/โครงการ/ กิจกรรม/คณะกรรมการ/หรือรูปแบบอื่น ๆ ของสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานศาลยุติธรรม หรือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่กำหนดให้มีผู้แทนจากภาคประชาชนร่วมดำเนินการ (เช่น ตรวจสำนวน ร่วมให้ ดุลยพินิจ ดำเนินคดีผู้กระทำผิด ดูแลผู้ต้องหาและผู้เสียหาย ปรับปรุงจิตพิสัย คุมประพฤติ ฟื้นฟูนักโทษ ก่อนปล่อยตัว ป้องกันการกระทำผิด หรือให้คำแนะนำต่อกระบวนการยุติธรรม ฯลฯ) เพื่อส่งเสริมให้ ประชาชนได้มีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรมของหน่วยงานทั้งระดับจังหวัดหรือในระดับท้องที่ “หน่วยงาน” หมายถึง สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานศาลยุติธรรม หรือสำนักงานตำรวจ แห่งชาติในระดับจังหวัดหรือในระดับท้องที่ “ประชาชน” หมายถึง ประชาชนทั่วไปในพื้นที่ของหน่วยงาน ส่วนที่ 1 หน่วยงานที่ตอบแบบสอบถาม / ให้สัมภาษณ์ 1.1 ชื่อหน่วยงาน 1.2 สังกัด (สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานศาลยุติธรรม หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ) 1.3 อำเภอ-จังหวัด ส่วนที่ 2 การมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการยุติธรรมประจำจังหวัดหรือระดับท้องที่ 2.1 หน่วยงานของท่านได้เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ 1) มี 2) ไม่มี (โปรดข้ามไปตอบส่วนที่ 3) 2.2 หน่วยงานของท่านได้จัดให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรมด้วยรูปแบบใดบ้าง (เช่น การกำหนดกลไกมาตรการ การจัดทำโครงการหรือกิจกรรม การจัดตั้งคณะกรรมการ หรือรูปแบบ อื่น ๆ) - สามารถมีหลายคำตอบ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….


169 2.3 รูปแบบตามที่ท่านตอบในข้อ 2.2 ผู้ที่เข้าร่วมในแต่ละรูปแบบ ประกอบด้วยใครบ้าง (เช่น ข้าราชการ ตำแหน่งใด บุคลากจากหน่วยงานอื่นใด และประชาชนอาชีพอะไร) – หากมีการจัดหลายรูปแบบ โปรดแยกตอบเป็นแต่ละรูปแบบ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2.4 รูปแบบตามที่ท่านตอบในข้อ 2.2 เหตุผลหรือปัจจัยอะไรที่กำหนดให้ประชาชนมีส่วนร่วมใน กระบวนการยุติธรรม – หากมีการจัดหลายรูปแบบ โปรดแยกตอบเป็นแต่ละรูปแบบ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2.5 รูปแบบตามที่ท่านตอบในข้อ 2.2 เฉพาะ “ประชาชนที่เข้าร่วม” มีอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบ อะไรบ้าง (เช่น ตรวจสำนวน ร่วมให้ดุลพินิจ ดำเนินคดีผู้กระทำผิด ดูแลผู้ต้องหาและผู้เสียหาย ปรับปรุง จิตพิสัย คุมประพฤติ ฟื้นฟูนักโทษก่อนปล่อยตัว ป้องกันการกระทำผิด หรือให้คำแนะนำต่อกระบวนการ ยุติธรรม ฯลฯ) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2.6 รูปแบบตามที่ท่านตอบในข้อ 2.2 ได้ดำเนินการบ่อยแค่ไหน (เช่น กี่ครั้งต่อสัปดาห์ ต่อเดือน หรือ เมื่อมีคดี) – หากมีการจัดหลายรูปแบบ โปรดแยกตอบเป็นแต่ละรูปแบบ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2.7 มีผลสำเร็จใดบ้างที่เกิดขึ้นจากการที่ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรมของหน่วยงานทั้ง ระดับจังหวัดหรือในระดับท้องที่ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2.8 มีปัญหาหรืออุปสรรคใดบ้างจากการที่ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรมของหน่วยงานทั้ง ระดับจังหวัดหรือในระดับท้องที่ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2.9 ประชาชนในพื้นที่มีการรับรู้ ตื่นตัว และสนใจที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรมของ หน่วยงานท่านในระดับใด …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….


170 2.10 การที่มีประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรมของหน่วยงานทั้งระดับจังหวัดหรือในระดับ ท้องที่ จะมีประเด็นของการมีส่วนได้เสีย/ผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interest) กับหน่วยงาน ของท่านหรือไม่ อย่างไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2.11 ความเห็นและข้อเสนอแนะอื่น ๆ (หากมี) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ส่วนที่ 3 (เฉพาะหน่วยงานที่ไม่มีกลไกให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรม) 3.1 หน่วยงานของท่านคาดว่าจะเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรมประจำ จังหวัดหรือระดับท้องที่หรือไม่ เพราะเหตุใด …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 3.2 ประชาชนควรมีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรมของหน่วยงานของท่านหรือไม่ อย่างไร (เช่น ตรวจ สำนวน ร่วมให้ดุลพินิจ ดำเนินคดีผู้กระทำผิด ดูแลผู้ต้องหาและผู้เสียหาย ปรับปรุงจิตพิสัย คุมประพฤติ ฟื้นฟูนักโทษก่อนปล่อยตัว ป้องกันการกระทำผิด หรือให้คำแนะนำต่อกระบวนการยุติธรรม ฯลฯ) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 3.3 ท่านคาดว่าประชาชนในพื้นที่จะรับรู้ ตื่นตัว และสนใจที่จะเข้าร่วมในกระบวนการยุติธรรมประจำ จังหวัดหรือระดับท้องที่หรือไม่ ในระดับใด …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 3.4 การที่มีประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรมของหน่วยงานทั้งระดับจังหวัดหรือในระดับ ท้องที่ ท่านคาดว่าจะมีประเด็นของการมีส่วนได้เสีย/ผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interest) กับ หน่วยงานของท่านหรือไม่ อย่างไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 3.5 ความเห็นและข้อเสนอแนะอื่น ๆ (หากมี) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ขอบพระคุณที่ท่านได้เสียสละเวลาในการตอบแบบสอบถาม / ให้สัมภาษณ์


171 Interview Questions The Promotion of Public Participation to Develop Provincial / City / Local Judicial Agencies ข้อคำถามสัมภาษณ์ (สำหรับผู้ให้สัมภาษณ์ชาวต่างประเทศ) การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาหน่วยงาน ในกระบวนการยุติธรรมระดับจังหวัด/เมือง/ท้องถิ่น 1. In your country, are there any mechanisms or projects which allow people to participate with the judicial agencies, especially in provincial, city, or local level? ในประเทศของท่าน มีกลไกหรือโครงการที่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในหน่วยงาน กระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะในระดับจังหวัด/เมือง/ท้องถิ่นหรือไม่ 2. If so, what are the reasons or factors that require the appointment of people to be involved in mechanism or participate with the project? ถ้ามี เหตุผลหรือปัจจัยอะไรที่ต้องมีการแต่งตั้งประชาชนให้เข้าร่วมในกลไกหรือโครงการ ดังกล่าว 3. Which law is applicable to the mechanism / project related to the promotion of public participation to develop provincial / city / local judicial agencies? What are the criteria? มีกฎหมายรองรับการสร้างกลไกหรือจัดทำโครงการการส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมใน กระบวนการยุติธรรมระดับจังหวัด/เมือง/ท้องถิ่นหรือไม่ มีหลักเกณฑ์เป็นอย่างไร 4. How can local people contribute to the justice systems to develop provincial / city / local judicial agencies? In what way? (For example, to investigate the case, participate in the discretion, prosecute the case, caring for the suspect and the injured person, improving mental abilities, probation, rehabilitating prisoners before release, prevent wrongdoing or giving advice to the judicial process etc.) ประชาชนที่เข้าร่วมในกลไกหรือโครงการดังกล่าว ได้มีส่วนร่วมเพื่อพัฒนากระบวนการยุติธรรม ในระดับจังหวัด/เมือง/ท้องถิ่นอย่างไรบ้าง ในทางใด (เช่น ตรวจสำนวน ร่วมให้ดุลพินิจ ดำเนินคดี ผู้กระทำผิด ดูแลผู้ต้องหาและผู้เสียหาย ปรับปรุงจิตพิสัย คุมประพฤติ ฟื้นฟูนักโทษก่อนปล่อยตัว ป้องกันการกระทำผิด หรือให้คำแนะนำต่อกระบวนการยุติธรรม ฯลฯ)


172 5. What are the success factors and barriers of the mechanism / project? What makes the mechanism / project effective? ปัจจัยของความสำเร็จและปัญหาอุปสรรคของกลไก/โครงการมีอะไรบ้าง และอะไรทำให้ สามารถดำเนินการไปได้ด้วยดี 6. To what extent is the awareness and interest of local people in joining this mechanism / project? ประชาชนในพื้นที่มีการรับรู้ ตื่นตัว และสนใจที่จะเข้าร่วมในกลไก/โครงการนี้ในระดับใด 7. To have local people joining the mechanism/project, is there any issue of ‘conflict of interest’ with the mechanism or with the judicial agencies, and how? การที่มีประชาชนร่วมในกลไก/โครงการ จะมีประเด็นของการมีส่วนได้เสีย/ผลประโยชน์ทับ ซ้อน (Conflict of Interest) ในกลไกหรือกับหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม หรือไม่ อย่างไร 8. Do you have any additional comments or suggestions about this matter? ความเห็นและข้อเสนอแนะอื่น ๆ (หากมี) ////////////////////////////


173 ภาคผนวก 2 ภาพการลงพื้นที่สัมภาษณ์และเก็บข้อมูล 4 ภูมิภาค


174 ภาพการลงพื้นที่สัมภาษณ์และเก็บข้อมูล 4 ภูมิภาค สำนักงานอัยการภาค / สำนักงานอัยการจังหวัด /สำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค ศาลจังหวัด / ตำรวจภูธรจังหวัด สำนักงานอัยการภาค 2 สำนักงานอัยการภาค 3 สำนักงานอัยการภาค 5


175 ภาพการลงพื้นที่สัมภาษณ์และเก็บข้อมูล 4 ภูมิภาค สำนักงานอัยการภาค / สำนักงานอัยการจังหวัด /สำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค ศาลจังหวัด / ตำรวจภูธรจังหวัด สำนักงานอัยการภาค 8 สำนักงานอัยการภาค 9 สำนักงานอัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ สำนักงานอัยการจังหวัดกำแพงเพชร สำนักงานอัยการจังหวัดตรัง สำนักงานอัยการจังหวัดชลบุรี4


176 ภาพการลงพื้นที่สัมภาษณ์และเก็บข้อมูล 4 ภูมิภาค สำนักงานอัยการภาค / สำนักงานอัยการจังหวัด /สำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค ศาลจังหวัด / ตำรวจภูธรจังหวัด สำนักงานอัยการจังหวัดชัยนาท สำนักงานอัยการจังหวัดนครรีธรรมราช สำนักงานอัยการจังหวัดนนทบุรี สำนักงานอัยการจังหวัดพัทยา สำนักงานอัยการจังหวัดพิษณุโลก สำนักงานอัยการจังหวัดร้อยเอ็ด


177 ภาพการลงพื้นที่สัมภาษณ์และเก็บข้อมูล 4 ภูมิภาค สำนักงานอัยการภาค / สำนักงานอัยการจังหวัด /สำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค ศาลจังหวัด / ตำรวจภูธรจังหวัด สำนักงานอัยการจังหวัดสุโขทัย สำนักงานอัยการจังหวัดอุดรธานี สำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ศาลจังหวัดตรัง


178 ภาพการลงพื้นที่สัมภาษณ์และเก็บข้อมูล 4 ภูมิภาค สำนักงานอัยการภาค / สำนักงานอัยการจังหวัด /สำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค ศาลจังหวัด / ตำรวจภูธรจังหวัด ศาลจังหวัดชลบุรี ศาลจังหวัดพัทยา ศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ศาลจังหวัดสุโขทัย ศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์


179 ภาพการลงพื้นที่สัมภาษณ์และเก็บข้อมูล 4 ภูมิภาค สำนักงานอัยการภาค / สำนักงานอัยการจังหวัด /สำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค ศาลจังหวัด / ตำรวจภูธรจังหวัด ตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร ตำรวจภูธรจังหวัดชัยนาท ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ตำรวจภูธรโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา ตำรวจภูธรเมืองพัทยา


180 ภาพการลงพื้นที่สัมภาษณ์และเก็บข้อมูล 4 ภูมิภาค สำนักงานอัยการภาค / สำนักงานอัยการจังหวัด /สำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค ศาลจังหวัด / ตำรวจภูธรจังหวัด ตำรวจภูธรจังหวัดร้อยเอ็ด ตำรวจภูธรวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ตำรวจภูธรจังหวัดสุโขทัย ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี


Click to View FlipBook Version