ค่มู ือการขับเคล่อื น
โรงเรยี นรกั ษาศลี ๕
จัดทำโดย
คณะกรรมกำรขบั เคลอื่ นโครงกำรสรำ้ งควำมปรองดองสมำนฉันท์
โดยใชห้ ลกั ธรรมทำงพระพทุ ธศำสนำ “หมู่บ้ำนรกั ษำศลี ๕” แหง่ ชำติ
รว่ มกับ สำนกั งำนเขตพ้ืนที่กำรศกึ ษำประถมศึกษำนครปฐม เขต ๒
การขบั เคล่อื น
“ โรงเรียนรกั ษาศลี ๕ ”
“ มีศลี มสี ุข มีปรองดอง
มสี มำนฉนั ท์ มสี ำมัคคี มีสนั ติสุข ”
คู่มอื การขับเคล่อื นโรงเรยี นรกั ษาศีล ๕
“เยาวชนรกั ษ์ดี วิถพี ุทธ”
ISBN :
ปีที่พิมพ์ : พ.ศ. ๒๕๖๕
จานวนพมิ พ์ : พิมพค์ ร้ังท่ี ๑ จานวน ๕,๐๐๐ เลม่
ที่ปรึกษา : พระพรหมเสนาบดี
กรรมการมหาเถรสมาคม
พระเทพศาสนาภบิ าล, ดร.
เจา้ คณะภาค ๑๔ ประธานคณะกรรมการขบั เคลือ่ น
โครงการฯ “หมบู่ า้ นรักษาศลี ๕” แหง่ ชาติ
คณะผจู้ ัดทา : คณะกรรมการขับเคล่อื นโครงการฯ “หมู่บา้ นรกั ษาศลี ๕” แหง่ ชาติ
กองงานคณะสงฆ์ภาค ๑๔
วิทยาลัยสงฆ์พทุ ธปัญญาศรที วารวดี
มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย
สานกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษานครปฐม เขต ๒
จดั พิมพโ์ ดย : โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉันท์โดยใชห้ ลักธรรม
ทางพระพุทธศาสนา “หมบู่ า้ นรกั ษาศีล ๕” แห่งชาติ
พมิ พท์ ่ี :
คาปรารภ
การสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ สันติสขุ ในสงั คม ตอ้ งอาศยั ความรว่ มมอื จากทกุ ภาคส่วน
เป็นพลังขบั เคลอื่ นอย่างสร้างสรรค์ จะเกดิ ขน้ึ อย่างเขม็ แข็งได้จากสมาชิกทุกคนในครอบครัว ชุมชน
สสนัังคตมสิ แขุ ลขะอปรงะสเทงั คศชมาเตกิ ใิดนขสนภึ้ าจวากการคณว์เาช่นมนรี้ ว่วมัด มโรืองเกรีนยั นสหรรา้ืองสสถารนรศคึกข์ ษนึ้ าจจึงาเกป็นสสมถาานชีบกิ ่มทเพกุ าคะน
ใปนลูกชฝมุ ังชฟนื้นฟสูศงั ีลคธรมรมแไลด้ดะีทเปี่สุด็นพเพล่ือสงั รท้า่ีเงกภิดูมิตข้านึ้ นจทาานกรคับนมือทปกุ ัญชห่วางใวนยปั ัจใจนุบันสภแลาะวสกรา้างรภณูมิคเ์ ชุ้ม่นกันนี้
ชตปปโมุาญั รมชัญหงนยาเุคหทรสสยีจี่ังามคะนทัยเมกจง้ั ิดทปใงึ ขั้งรนเไนึ้ะปมปเใ็ทน่นนัจศอาสจพนชถบุาาาตคาตนั ิตนนคเแืกอีเอพ่อลงมนาแะีภทละเูม่ีเะตบยิคสราุ้มม่ังวยีกคชแันมมนลดไคเ้าปะหนวสฟลคาู่ว่าื้นุณันฏมฟี้จจธพะัรกศู รเรรตมีลอท้ ิบจ่ีทมธใรหารเิยใพญรธหมร่เ่อื้ปปรไแัญม็นดทกทหด้ี่พรไ้าีทัพขรส้อัยงป่ีสมคาัดญุกรมับรพเหบมอปุคือาก็นคคทพลวทูน่ีจาทาเมะี่มพงเเีคป่ิมกอุณลมิดอี่ยภากขนกาแยพนขึ้ ่ิปงขอใขลอนงึ้นงง
อนกาารคนาตเอกาห่อลนักทก่ีาเยรทาาวงชพนระเพหุทลธา่ ศนาสนั้ นจาะมเาตเปิบ็นใกหุศญโล่บกาาย้ ใวนเกขาา้ รสสรสู่ ้างังคควมามขปอรงอกงดาอรงทสามงาานนฉันแทล์ ะ
รแ(ส๒ว่ ลันม๕ะตย๖ิสกใงั่นุข๖นัยกแ-นื ก๒กามร่๕ส่ดอาขังงั๗ปกคัทบ๐ัมญ่ีโเยคค)ป่งิรลไหรงขดก่ือะกา้กนึนเา้ าทราโรรหอศคกหขชนรบมาบัางดู่บใรตกเว้าหนิคจาิสนรึงมาัยลรเหปทเกัจ่่ือมอ็ษนัศนนู่บาสนา้าอศโหิ่ง์ นควสลีาล่ารารจ๕ัคกกั ง“เัญษธนกดปายาวรา็นศเ่ิงัตรนรีทลวกมินห่ีทฏรั ๕กทมุกราจมภา่บภรู กัศางมาาค้ีลพรายสนอทใ๕ร่วยตร่ีทะน่า้ยกัสงพใาุทรนตษใ้ธทาุ่อสหงาศเังธคนาศคป้ ศุณือ่สมีลัญงตาตครส้่อา๕ห์ชแงนาราลดต่วาะสมิวม้ดง๒ัมยุลาค๐ือยพใกมภชปันลพาีเ้อพงใัปอยนบส็่านรกังงวะคพเรยขมน็มะูอ(ทแบยเพขี่่าา้๓็งง่มิน
วยดัง่ั ยโืนร”งจเรึงไยี ดน้ร่ว/มใกหับเ้ วยิทายวาชลัยนสเงรฆยี ์พนทุ รธูป้ ปัญรญะาพศรฤที ตวาปิ รวฏดบิ ี มตั หติาวนทิ ตยาาลมยั มหหลากัจุฬเบาลญงกจรณศีรลาช๕วทิ เยบาญลัยจ
สาธนรกั รงมาน๕เขตสพรื้นา้ ทงี่กคารณุ ศึกคษา่ าทปราะงถสมงัศคึกษมาแนลคระปสฐรมา้ เงขภตมู ๒ิคใมุ้นกกานั รจใัดหทก้ าบัคู่มสือถขาับบเคนัลื่อคนรอ“โบรงคเรรียวั น
ชรบสัก่งมวุ เษรสชารคศนิมือีลใหสบ๕้เงั้าย”คนาเวพมวช่ือัดนแใไชลโดร้แะเ้ งนรปเยีวรนทรียราะนู้งเปกแทราละศระพขชรับฤาาเตชคติปกลดฏิใา่ือหิรบานัตเศ้เใกนินตีลนิดกิน๕ตาคชราสวสีวมู่เรยาหิต้าามลตงวักสเชอ่ เขังนบไคม้ใญปนมแจสคขศถุณีลง็าธน๕รเศกรึกเมิดบษทญคาี่มจ่าทั่นธน่ีเครปิยงร็นแมมกลา๕ทะรย่ีดบสั่งูรรีงย้ณาาืนงามภดกูมใ้าวิคนรยุ้มพกกกลาาันังรร
ในการอยู่ร่วมกนั บนพื้นฐานหลักจริยธรรมทางสังคมให้กับครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศชาติ
ให้เกิดความเข้มแข็ง เกิดเป็นค่านิยมท่ีดีงามในการดาเนินชีวิตและการอยู่ร่วมกันอย่างมีศีล มีธรรม
มีปรองดอง มสี มานฉนั ท์ มีสันติสุขทย่ี ง่ั ยืนสบื ไป
พระเทพศาสนาภิบาล, ดร.
เจา้ คณะภาค ๑๔, เจ้าอาวาสวดั ไร่ขงิ พระอามรามหลวง
ประธานคณะกรรมการขบั เคล่ือนโครงการฯ “หมู่บา้ นรักษาศีล ๕” แหง่ ชาติ
ผอู้ านวยการวิทยาลยั สงฆพ์ ุทธปญั ญาศรีทวารวดี
มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั
คานา
“คู่มือการขับเคลื่อนโรงเรียนรักษาศีล ๕” เป็นแนวทางการขับเคลื่อนโรงเรียนรักษาศีล ๕
ทม่ี ุง่ ใหน้ ักเรยี นเยาวชนได้เรียนรู้และฝึกปฏิบัติในการรักษาศีล ๕ อันเป็นพื้นฐานในการดาเนินชีวิต
การปฏิบตั ิตนตามหลกั การแห่งศลี สมาธิ ปญั ญา โดยมสี ่วนประกอบอยู่ ๓ ส่วน คอื ส่วนที่ ๑ บทนา
ซึ่งประกอบด้วยการดาเนินงานท่ีผ่านมาและแผนยุทธศาสตร์ในระยะที่ ๓ (๒๕๖๖-๒๕๗๐)
สสศ่วีลนั นต๕ทิส่ี อ๒ขุาททแิน่ีทกวิจาทกใารหงรกป้มาหัรญดนาห้าเเนาสินาสธงงั งาคนกมิจปกพรระอรกมกอกบพาดนูร้วรเยักพษ๘่มิ าศกมีลิจากก๕รรยกม่งิิจหขกลนึร้ ักรใมกนกกาาารรรนฝดึกาาสเเนมอินาางธหาิในนลชโกัรีวงิธตเรปรียรรนะมรจทักาวษาันาง
พสราะหพรับทุ เธดศ็กาแสลนะสา่วมนาทใ่ี ช๓เ้ ปเป็น็นแนวทกาางกราขรบั ติเดคตลาม่ือปนรโะคเมรินงผกลารซหึ่งปมรบู่ ะกา้ อนบรดกั ้วษยาแศนีลวท๕างกดาว้รย
ปพระลเมงั ินบผวลรสา(หบรา้ับนผู้บวรดหิั ารโรแงนเวรทยี านงก/ใารหตเ้ิดยตาาวมปชรนะเเรมยีินผนลรสู้าปหรรบัะคพรฤู แตนิปวทฏางิบกตัารติ เผนยตแพารม่กหจิ กลรกรั ม
แสโเรบมสบงาบถเญนรปาียฉจรบนันะศทรนัเัก์ีลมคษโินด๕ราผยอศลใีเลบชกบ้หาค๕ญลรรกัดตวัจธาารเธมชรนรนมมุินรทโงชยมาาบนงนพ๕ารยสซะขสึ่งงัพอไครดทุ งา้ม้คจธงศัดณแคาทละสณุากนะขราปค้ึนร“มเ่ารหพะกทมื่อาเาบู่ทเรปงา้ขศน็นสับชรนงเั กัคาวคษลัตตมา่ือกิใศนแรหีลโรลคเ้๕มกะรเ”สิงดคกแรรคาหื่อา้ รวง่งงสชามภารืมอต้ามูใเงิ นตขิคคก่อมว้มุ้ไาาปแรกมขขปนั ับง็รใเอหเคงกลก้ดิดื่ออบั นง
หวังเป็นอย่างยคิ่งว่า่านคู่มิยือมกทาร่ีดขีงับาเคมลใื่อนนกโรางรเรดียานเรนักษินาชศีวีลิต๕ตน่อ้ี ไจปะเป็นเคร่ืองมือในการนา
ธรรมะไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างย่ิงหลักศีล ๕ เป็นพ้ืนฐานทาให้เกิด
การเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง เด็กและเยาวชนห่างไกลยาเสพติด และอบายมุขต่างๆ มีทักษะชีวิต
สามารถแก้ปัญหาชีวิตได้สามารถนาหลักธรรมไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการดาเนินชีวิตได้ ตาม
วฒุ ิภาวะของตน หากต้ังใจฝึกฝนปฏิบัติจนเปน็ นิสยั กจ็ ะสง่ ผลถงึ ชุมชนและสังคมคุณธรรมที่มีความ
ปรองดอง มสี มานฉันท์ มสี นั ตสิ ุขทย่ี งั ยนื ในทสี่ ุด
พระมหาบุญเลศิ อนิ ฺทปญฺโญ, ศ.ดร.
รองผู้อานวยการวทิ ยาลัยสงฆพ์ ุทธปญั ญาศรที วารวดี ฝาุ ยบริหาร
มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย
สารบญั หน้า
เรือ่ ง
ก
พระดารสั สมเด็จพระสงั ฆราช สกลมหาสังฆปรณิ ายก ข
คาปรารภ โดย พระเทพศาสนาภบิ าล, ดร. ค
คานา โดย พระมหาบญุ เลศิ อนิ ทฺ ปญโฺ ญ, ศ.ดร. ง
สารบญั
ส่วนที่ ๑ บทนา ๒
๕
- โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉันท์โดยใชห้ ลกั ธรรมทาง ๗
พระพุทธศาสนา “หมู่บ้านรักษาศลี ๕” แห่งชาติ ๑๑
- การดาเนินงานระยะที่ ๑ เชงิ ปริมาณ ๑๒
- การดาเนนิ งานระยะที่ ๒ เชงิ คุณภาพ
- การดาเนนิ งานระยะท่ี ๓ ( ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐ ) ๒๒
- แผนยุทธศาสตร์โครงการฯ “หมู่บ้านรกั ษาศลี ๕” ๔๒
๔๙
ส่วนที่ ๒ แนวทางการดาเนินงาน “โรงเรยี นรกั ษาศีล ๕” ๕๗
- กจิ กรรมท่ี ๑ กจิ กรรมพ้นื ฐาน “โรงเรยี นรกั ษาศีล ๕” ๖๗
- กิจกรรมท่ี ๒ กิจกรรม “เด็กรักษ์ดี ตามวถิ ีศีล ขอ้ ท่ี ๑” ๗๕
- กจิ กรรมที่ ๓ กิจกรรม “เด็กรักษด์ ี ตามวถิ ีศลี ข้อท่ี ๒” ๘๒
- กิจกรรมท่ี ๔ กิจกรรม “เดก็ รักษ์ดี ตามวิถศี ีล ข้อท่ี ๓” ๑๑๐
- กจิ กรรมที่ ๕ กิจกรรม “เดก็ รักษ์ดี ตามวิถศี ลี ขอ้ ที่ ๔”
- กจิ กรรมท่ี ๖ กจิ กรรม “เด็กรักษด์ ี ตามวถิ ศี ีล ข้อท่ี ๕” ๑๑๔
- กิจกรรมที่ ๗ กจิ กรรม “การฝึกสมาธิในชวี ิตประจาวนั สาหรบั เดก็ ” ๑๑๖
- กจิ กรรมท่ี ๘ กิจกรรม “แผ่เมตตา พาสนั ติสุข” ๑๑๙
๑๒๐
ส่วนที่ ๓ การติดตามประเมินผลการดาเนินงาน
- แนวทางการตดิ ตามประเมนิ ผล “สาหรับผบู้ ริหารโรงเรยี น”
- แนวทางการติดตามประเมนิ ผล “สาหรับครู”
- แนวทางการรายงานผลและเผยแพร่กิจกรรม
- แบบประเมินตนเอง “โรงเรียนรักษาศีล ๕ ต้นแบบ”
สว่ นที่ ๑
บทนา
เจา้ พระคณุ สมเด็จพระมหารชั มงั คลาจารย์ (ชว่ ง วรปุญฺญมหาเถร ป.ธ.๙)
อดีตที่ปรกึ ษาโครงการหมบู่ า้ นรกั ษาศลี ๕ แหง่ ชาติ
โครงการสร้างความปรองดองสมานฉนั ท์โดยใชห้ ลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา
“หมูบ่ ้านรักษาศีล ๕” แหง่ ชาติ
โครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
( หมู่บ้านรักษาศีล ๕ ) เกิดข้ึนจากสถานการณ์บ้านเมืองในห้วงเวลาท่ีประเทศไทยประสบ
ปัญหามากมาย ประกอบด้วย การกระทาผิดกฎหมาย ปัญหาอาชญากรรม การทาลาย
ทรัพยากรธรรมชาติ ส่ิงแวดล้อม การระบาดของส่ิงเสพติด และอบายมุข การแตกแยก
ทางความคิด การเห็นประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม และการจาบจ้วง
ดูหมิ่นสถาบันหลักของชาติ ซ่ึงปัญหาเหล่าน้ีล้วนเกิดจากการขาดสติจิตสานึก
ศีลธรรม และคุณธรรมจริยธรรม อันจะส่งผลให้สังคมเกิดความขัดแย้ง คณะสงฆ์
โดยเจ้าพระคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช มีดาริ
ที่จะเสริมสร้างความปรองดอง และสมานฉันท์ของคนในชาติ ให้เกิดความสงบ สันติสุข
มีความสามัคคีกลมเกลียว กัน โดยให้พุทธศาสนิกชนได้น้อมนาหลักศีล ๕ มาประพฤติ
ปฏิบัติในการดาเนินชีวิตประจาวัน กอปรกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ( คสช. ) ได้ให้
แนวทางในการแก้ไขปญั หาดังกล่าว ดว้ ยการให้ทุกภาคสว่ นในประเทศร่วมมือกันดาเนินการ
สร้างความปรองดองสมานฉนั ท์และทาใหป้ ระชาชนมีความรักความสามัคคีกันขึ้นในทุกส่วน
ของประเทศ ตามดาริท่ีเจ้าพระคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ได้ประทานโอวาทไว้
เม่ือวนั ที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ความว่า “อนั วา่ ศีล ๕ เป็นการสาคัญมนุษย์ เม่ือทุกคน
มีศีล ๕ ด้วยกัน สังคมนั้นๆ คือ ประชาชน ย่อมจะอยู่เย็นเป็นสุข เมื่อเป็นไปได้ ๒
ขอใหช้ อ่ื หมบู่ า้ นน้นั วา่ หมบู่ ้านรักษาศีล ๕”
โครงการ ดังกล่าวเป็นนโยบายเร่งด่วนให้สานักงานพระพุทธศาสนา แห่งชาติ
ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ได้ร่วมกับคณะสงฆ์ และภาคส่วนต่าง ๆ ท้ังภาครัฐ
และเอกชน ขยายผล การดาเนินลงไปสู่ระดับครอบครัว ชุมชน หมู่บ้าน ตาบล อาเภอ
และจังหวัด เพื่อมุ่งหวังให้ประชาชนในชาติ มีความรักและเทิดทูนในสถาบันชาติ ศาสนา
พระมหากษัตริย์ และเสริมสร้างความสามัคคีปรองดองของประชาชนในชาติโดยใช้กลไก
ทางพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะหลักศีล ๕ นั้นถือว่ามีความสาคัญอย่างย่ิงในการส่งเสริม
ให้มนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ไม่เบียดเบียนทั้งกาย ทางวาจา หรือจิตใจ ทาให้สังคม
มีความสุข ประกอบกิจกรรมการงานได้อย่างเสรี ไม่ต้องมีความกังวลใจใด ๆ เพราะมี
กฎเกณฑ์กติกาท่ีกาหนดให้ทุกคนน้ันเคารพในสิทธิความเป็นมนุษย์ด้วยกัน ในงานเขียน
ของท่านพุทธทาสภิกขุเร่ือง หน้าที่ของมนุษย์ กล่าวไว้ว่า มนุษย์ท่ีจะเต็มไปด้วยความเป็น
มนุษย์อย่างสมบูรณ์นั้นก็มาจากการรักษาศีล ๕ นั่นเอง คือไม่มีปัญหา มีความเยือกเย็น
ทั้งในแง่ของวัตถุ ร่างกายหรือจิตใจ มีการสงเคราะห์เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน หากว่าเห็นแก่
ประโยชน์ของตน ไม่คานึงถึงประโยชน์ของเพ่ือนมนุษย์ด้วยกันแล้ว ไม่อาจเรียกว่า
เป็นมนุษย์ได้อยา่ งเต็มท่ี
การรักษาศีล ๕ จึงเป็นส่ิงจาเป็นของมนุษย์ในการดารงอยู่สังคม ร่วม
กับผู้อนื่ หากพิจารณาถึงโดยธรรมชาตขิ องมนุษย์ มนุษย์นั้นถือว่าเป็นสัตว์สังคม การที่ต้อง
มาอยู่ร่วมกันเป็นสังคมทาให้โครงสร้างความสัมพันธ์มีความซับซ้อนมากขึ้น และนามาสู่
ปัญหาสังคมตามมา เมื่อเกิดปัญหาข้ึนบ่อยคร้ัง จึงจาเป็นท่ีจะต้องมี บทบัญญัติ
หรือข้อตกลงในการอยู่ร่วมกันขึ้นมา เพื่อให้ทุกคนยึดถือปฏิบัติตามร่วมกัน หากทุกคน
ปฏิบัติตาม สังคมก็จะมีความเป็นระเบียบ อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ซ่ึงหลักศีล ๕
เป็ น เ สมื อน ข้อต ก ลงห รื อบ ทบั ญญั ติ ข้ันพื้น ฐ า นของมนุ ษย์ ท่ีจ า เ ป็น ใน กา ร อยู่ ร่ ว ม กั น
โดยปกตสิ ุขในสังคม หากมีการละเมิดศีล ๕ น้ัน อาจจะนาไปสู่การเกิดเป็นอาชญากรรมได้
ฉะน้ันการประพฤติตนไม่ให้ละเมิดศีล ๕ จะทาให้เกิดความสงบสุขเรียบร้อยในตัวบุคคล
ซึ่งเม่ือทุกคนมีศีล ๕ ท่ีเสมอกัน คือ มีความเสมอภาคในเรื่องศีล ก็จะเป็นการปรับสถานะ
ใหบ้ ุคคลในสงั คมอยรู่ ว่ มกนั อย่างปกตสิ ขุ
๓
โครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ เป็นโครงการท่ีจะช่วยส่งเสริมให้เกิดความปรองดอง
สมานฉันท์ขึ้นในสังคมไทย ด้วยการอาศัยหลักธรรมศีล ๕ และ เบญจธรรม ๕
ซ่ึงเป็นธรรมพื้นฐานของการดารงชีวิต เป็นข้อปฏิบัติในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ สุข
มีความสามัคคีเกิดข้ึนในชุมชน การส่งเสริมให้ผู้คนรักษาศีล ๕ ข้อ นอกจากจะเป็น
ประโยชน์ต่อการเสริมสร้างความสมานฉันท์แล้ว ยังจะช่วยแก้ไขปัญหาท่ีสั่งสมมายาวนาน
ท่ีเกิดจากความขัดแย้งของคนในชาติ อันเป็นอุปสรรคขัดขวางการพัฒนาประเทศไทย
ให้เจริญก้าวไปข้างหน้า และยังช่วยสร้างบรรยากาศความสงบสุขเรียบร้อยเพื่อนาพา
ประเทศชาติกลับคืนสู่สภาวะปกติสุขอยา่ งยง่ั ยืน
การดาเนนิ การโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕
ในรอบ ๙ ปีที่ผา่ นมา ๒๕๕๗ - ๒๕๖๔
คณะกรรมการ ขบั เคล่อื นโครงการฯ
ได้ดาเนินการ ๒ ระยะ
การดาเนินการระยะที่ ๑ การดาเนินการระยะท่ี ๒
เชงิ ปริมาณ เชิงคุณภาพ
๔
๕
การดาเนินงานระยะท่ี ๑
เชิงปริมาณ
ดาเนินการในระหว่าง พ.ศ. ๒๕๕๗ - ๒๕๖๐ มุ่งเน้นการสร้างการรับรู้โครงการของประชาชน
โดยให้คณะสงฆ์ชักชวนประชาชนสมัครเข้าร่วมโครงการและดาเนินกิจกรรม โดยมีประชาชนสมัครเข้าร่วม
โครงการจานวน ๔๑,๔๓๕,๐๒๔ คน คิดเป็น ร้อยละ ๖๓.๐๔ ของประชากรในสังคมไทย ให้ผู้ที่สนใจเข้ามาร่วม
กิจกรรมซ่ึงได้ดาเนินการในลักษณะต่างๆ เช่น การคิดดี ทาดี พูดดี ตามหลักศีล ๕ โดยมีกิจกรรมสาคัญ
๗ ประการ คอื
๑ กิจกรรมรักษาศีล ๕
๒ กิจกรรมสวดมนตน์ ง่ั สมาธิ
๓ กิจกรรมการรกั ษาความสะอาดบา้ น สภาพแวดลอ้ มให้นา่ อยู่
๔ กิจกรรมคบคนดรี อบขา้ ง ชวนกนั ทาความดี
๕ กิจกรรมพดู ไพเราะ ส่ือสารเพื่อประโยชนแ์ ละความสุข
๖ กิจกรรมบาเพ็ญตนใหเ้ ปน็ ประโยชน์
๗ กจิ กรรมชั่วโมงสขุ จรงิ หนอ เพ่ือสรา้ งครอบครวั ให้อบอนุ่
๖
๗
การดาเนินงานระยะท่ี ๒
เชิงคุณภาพ
ในระหว่าง พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๖๕ เป็นการดาเนินการตามมติมหาเถรสมาคม ในคราวประชุม
ครั้งที่ ๕/๒๕๕๙ ( มติท่ี ๑๐๖/๒๕๕๙ ) และในการประชุมคร้ังท่ี ๒/๒๕๖๐ เม่ือวันท่ี ๓๐ มกราคม ๒๕๖๐
ที่ได้มีให้ดาเนินการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาและได้กาหนดจัดทาแผนปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา
ท้ังน้ีเพ่ือให้เป็นไปตามแผนดังกล่าว จึงได้ดาเนินการตามแนวทางการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา
จานวน ๖ ( + ๑ ) ด้าน ได้แก่ การปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาด้านการปกครอง ศาสนศึกษา การเผยแผ่
การสาธารณูปการ การศึกษาสงเคราะห์ การสาธารณสงเคราะห์ และการพัฒนาพุทธมณฑลให้เป็นศูนย์กลาง
พระพุทธศาสนาโลก
โดยมโี ครงการทีด่ าเนนิ การจานวน ๑๔ โครงการ ดงั น้ี
โครงการ ๑ ๑๔ โครงการพฒั นาพุทธมณฑล
ขยายโอกาสทางการศึกษาสู่สังคม ใหเ้ ปน็ ศูนย์กลางพระพุทธศาสนา
๑๓ โครงการสาธารณสงเคราะห์
โครงการ ๒ เพ่ือพฒั นาสังคมที่ยัง่ ยืน
ยกระดับหม่บู ้านรักษาศลี ๕ ๑๒ โครงการ
วัดสร้างสุขดว้ ยกจิ กรรม ๕ ส
โครงการ ๓ ๑๑ โครงการบริหารศาสนสมบตั ิ
วปิ ัสสนากรรมฐานเพื่อพัฒนาทุนมนษุ ย์ ระบบการเงนิ - การบัญชี
๑๐ โครงการศูนยร์ วมองค์ความรู้
โครงการ ๔ และแหล่งเรียนรู้พระพุทธศาสนา
ยกระดบั โรงเรียนพระปรยิ ัตธิ รรม ๙ โครงการ
ยกระดับขดี ความสามารถศาสนบคุ คล
โครงการ ๕ ๘ โครงการ
ส่งเสรมิ ความรว่ มมือภาคเี ครอื ข่าย สง่ เสริมนวตั กรรมเชงิ พทุ ธ
๘ การพัฒนาระบบ
๖การบริหารตามหลักธรรมาภบิ าลเชงิ พุทธ
โครงการ Smart Card Smart Buddhism
๗สู่พระพุทธศาสนา ๔.๐
๙
ดังน้ัน โครงการเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
“ หมู่บ้านรักษาศีล ๕ ”แห่งชาติ จึงเป็นโครงการที่สาคัญของคณะสงฆ์และภาครัฐท่ีบรรจุอยู่ในแผน
ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี เป็นไปตามพันธกิจการบริหารกิจการคณะสงฆ์ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์
พ.ศ.๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.๒๕๓๕ และ ๒๕๖๐ โดยมีการดาเนินการท่ีสอดคล้องกับการปฏิรูปกิจการ
คณะสงฆ์และการพัฒนาโครงการเพ่ือต่อยอดกับการเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรม
ทางพระพุทธศาสนาในสงั คมไทย
โครงการ
สรา้ งความปรองดอง
สมานฉนั ท์
โดยใชห้ ลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมู่บา้ นรกั ษาศีล ๕”
๑๐ ประโยชนท์ ่ีได้รบั
จากการดาเนินการตามโครงการ
๑ ประชาชนมีจิตสานึกและได้แสดงออกถึงความรับผิดชอบ มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์สังคมถ่ินกาเนิดของตนเอง
ด้วยการสร้างความรักความสามัคคี ความเข้าใจในการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัว และสมเด็จพระนางเจา้ ฯ พระบรมราชินนี าถ
๒ ประชาชนไทยในหมู่บ้าน ชุมชน ตาบล และสังคมมีความรักความเข้าใจ เคารพในความคิดเห็นของกันและกัน
มีความเอือ้ เฟอ้ื เป็นสงั คมเครือญาติ และมีความปลอดภัยในชวี ติ และทรพั ย์สิน
๓ ประชาชนเหน็ คณุ ค่าและประโยชนใ์ นการนาหลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา มาดาเนินชีวิตอยา่ งมีความสขุ
๔ ประชาชนมีความตระหนัก รักปกป้อง เชิดชูสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งจะส่งผลให้ ประเทศชาติ
มคี วามมั่นคงย่ังยืน
๕ ประชาชนไดแ้ นวทางการปฏิบัติตนตามหลักศีล ๕ และหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา รวมทั้งการอนุรักษ์วัฒนธรรม
ประเพณีของทอ้ งถิน่
๑๑
การดาเนินงานระยะ ท่ี ๓
( ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐ )
การดาเนินงานระยะท่ี ๓ นับต้ังแต่ พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป โครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ซ่ึงเป็น
โครงการที่สาคัญของคณะสงฆ์ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาสังคมหมู่บ้านและองค์กรทุกภาคส่วนไปสู่การพัฒนาเป็นองค์กร
รักษาศีล ๕ ท่ีสอดคล้องกับหลักการทางพระพุทธศาสนา และวิถีวัฒนธรรมเชิงพุทธ และมุ่งพัฒนากิจกรรมท่ี
สอดคลอ้ งกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมของประเทศในด้านต่างๆ เชน่ การวัฒนธรรมเชิงสร้างสรรค์ตามหลัก
BCG Model และการพัฒนาประเทศสูค่ วามยง่ั ยืนตามเปาู หมายการพัฒนาทย่ี ่งั ยนื (SDGs) ของสหประชาชาติ
แผนยุทธศาสตร์โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉนั ทโ์ ดยใช้
หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา“หมู่บา้ นรกั ษาศลี ๕” ( พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐ )
คณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ โดยใช้หลักธรรมทาง
พระพุทธศาสนา “หมู่บ้านรักษาศีล ๕” ได้กาหนดยุทธศาสตร์ เปูาประสงค์ และพันธกิจการดาเนินการตาม
โครงการ เพ่ือให้มียุทธศาสตร์การดาเนินงานท่ีสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ และแผนปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาของมหาเถรสมาคม โดยในระยะ ๕ ปี
( พ.ศ.๒๕๖๖ – ๒๕๗๐ ) ได้กาหนดยทุ ธศาสตร์ เปูาประสงค์ และพนั ธกิจทเี่ กี่ยวข้อง ดังน้ี
๑๒
๑๓ ปรัชญา ( Philosophy ) “มีศลี มีสขุ มปี รองดองสมานฉันท์”
วิสยั ทัศน์ ( Research Vision )
“นวัตกรรมศีล ๕ สร้างคณุ คา่ และดลุ ยภาพสงั คมอย่างย่ังยืน”
พันธกจิ ( Mission )
๑) การเสรมิ สรา้ งความปรองดองสมานฉนั ท์โดยใช้หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา
๒) การสง่ เสริมการรกั ษาศีล ๕ และการดาเนินชีวิตตามแนวพระพทุ ธศาสนา
๓) การส่งเสรมิ วิถวี ฒั นธรรมเชิงพุทธและการพัฒนาสงั คมสันติสุข
คา่ นยิ ม ( Core Value ) “การรักษาศีล ๕ สรา้ งคุณคา่ ของชวี ิตและสังคม”
ยทุ ธศาสตร์ ( Strategy )
ยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๑ การพฒั นาระบบและกลไกการบรหิ ารจดั การที่มีประสทิ ธิภาพ
ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๒ การพฒั นาองคก์ ร หมู่บา้ นและบคุ ลากรสู่องคก์ รรักษาศลี ๕ ที่ย่งั ยืน
ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๓ การส่งเสรมิ กจิ กรรมการรกั ษาศลี ๕ และวิถวี ัฒนธรรมเชิงพุทธ
ยุทธศาสตร์ท่ี ๔ การเสริมสรา้ งเครอื ข่ายการพฒั นาสงั คมสนั ตสิ ุขดว้ ยหลักศลี ๕
การขับเคลื่อนโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
“หมู่บ้านรักษาศีล ๕” เป็นการเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ การปฏิบัติตนตามหลักศีล ๕ และหลัก
พุทธธรรมเพ่ือยกระดับคณุ ภาพชีวติ และจิตใจของประชาชนในสงั คมไทย เพ่อื ใหส้ งั คมเป็นศูนย์ของการเผยแผ่
พระพุทธศาสนาและวิทยาการด้านต่างๆ ท่ีมีคุณค่าต่อมวลมนุษย์ มุ่งม่ันในการทาหน้าที่ให้การปกครอง
การศาสนศกึ ษา การเผยแผ่ การสาธารณปู การ การศกึ ษาสงเคราะห์ การสาธารณสงเคราะห์ และกิจการอื่นๆ
ให้มีความมน่ั คงอันจะเปน็ ประโยชน์ต่อการส่งเสริมพระพุทธศาสนาและการพฒั นาสังคม
ดังนั้น ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ของโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรม
ทางพระพุทธศาสนา “หมู่บ้านรักษาศีล ๕” คณะกรรมการขับเคลื่อน ฯ จึงเช่ือม่ันได้ว่าจะนาไปสู่การบรรลุ
วัตถุประสงค์และเปูาหมายของพระพุทธศาสนาตามพระพุทธพจน์ที่ว่า “.... “จรถ ภิกฺขเว จาริก พหุชนหิ
ตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสสาน ฯปฯ เทเสถ ภิกฺขเว ธมฺม อาทิกลฺ
ยาณ มชฺเฌกลฺยาณ ปริโยสานกลฺยาณ” แปลความว่า “... ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ขอเธอทั้งหลายจงเท่ียว
จาริกไป เพื่อประโยชน์และความสุขแก่ชนหมู่มาก เพ่ืออนุเคราะห์โลก เพ่ือประโยชน์เกื้อกูล และเพ่ือ
ความสขุ แก่ทวยเทพ และมนษุ ย์ทง้ั หลาย ฯลฯ เธอท้ังหลายจงแสดงธรรมอันงามในเบ้ืองต้น (ศีล) งามใน
ทา่ มกลาง (สมาธิ) และงามในทส่ี ุด (ปัญญา) เถดิ …” ท้ังน้ี เพ่อื ม่งุ สูก่ ารส่งเสริมพระพุทธศาสนา การพัฒนา
สังคม การทานุบารุงศิลปวัฒนธรรมไทย การพัฒนาองค์ความรู้ และกระบวนการที่สร้างสรรค์และเกิด
ประโยชน์ตอ่ สงั คมในวงกว้างสืบต่อไป
๑๔
๑๕ สรปุ ยุทธศาสตรแ์ ละกลยทุ ธ์
โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉนั ท์
โดยใชห้ ลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมู่บา้ นรกั ษาศีล ๕” ( พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐ )
ยทุ ธศาสตร์ ๔ ด้าน กลยุทธ์ ๘ กลยทุ ธ์
- ยทุ ธศาสตร์ท่ี ๑ การพฒั นาระบบและกลไกการบริหารจัดการทมี่ ี - กลยทุ ธ์ท่ี ๑ ส่งเสริมระบบและกลไกการบรหิ ารจดั การท่ีมปี ระสิทธิภาพ
ประสิทธิภาพ - กลยทุ ธ์ที่ ๒ ส่งเสริมการนาฐานขอ้ มูลและระบบสารสนเทศในการบริหารโครงการฯ
- ยทุ ธศาสตร์ที่ ๒ การพฒั นาองค์กร หมบู่ ้านและบคุ ลากรสอู่ งคก์ ร - กลยุทธ์ที่ ๓ เพ่มิ ขีดความสามารถบุคลากรและองคก์ รในการตามปฏิบตั ิหลกั ศลี ๕
รักษาศีล ๕ ทย่ี ง่ั ยืน - กลยทุ ธ์ที่ ๔ การพัฒนาระบบและกจิ กรรมการรกั ษาศีล ๔ ขององค์กร
- ยุทธศาสตร์ท่ี ๓ การสง่ เสริมกิจกรรมการรกั ษาศลี ๕ และ - กลยุทธ์ที่ ๕ เสริมสร้างองคค์ วามรู้และการปฏิบัติตามหลักศีล ๕
วิถวี ัฒนธรรมเชงิ พุทธ - กลยทุ ธ์ท่ี ๖ การพัฒนากจิ กรรมการรักษาศลี ๕ และนวตั กรรมวถิ ีพุทธ
- ยุทธศาสตร์ท่ี ๔ การเสรมิ สร้างเครอื ขา่ ยการพฒั นาสงั คมสนั ตสิ ุข - กลยทุ ธท์ ่ี ๗ การสง่ เสรมิ ความร่วมมือภาคีเครือข่ายให้เกิด
- กลยุทธ์ที่ ๘ การพฒั นาสวัสดกิ ารเพอ่ื สนบั สนุนกิจกรรมการพฒั นาชุมชนและสังคมสนั ติสขุ
มีศีล มีธรรม นาสงั คมสู่สนั ติสขุ
- การสรา้ งหลกั ประกันชีวติ - มีความรกั ความเมตตาความ - การเรียนรเู้ ชงิ พทุ ธ
- การสร้างหลกั ประกนั ทรพั ยส์ นิ ปรารถนาตอ่ กัน - พฤติกรรมสจุ รติ เชิงพทุ ธ
- การสร้างหลักประกนั ครอบครัว - มีสัมมาชีพ มคี วามสจุ รติ ในการ - ปรองดองสมานฉันท์
- การสรา้ งประกันแห่งสจั จะมติ รภาพ ทางาน - สงั คมเขม้ แขง็
และสงั คม - มีสงั วรอนิ ทรยี ใ์ ห้เกยี รตแิ ละยกย่อง - วถิ พี ทุ ธม่นั คง
- การสรา้ งประกันของสุขภาพ ความเปน็ มนุษย์ - วิถไี ทยม่งั คัง่
สตปิ ญั ญา และคุณภาพของสังคม - มีสัจจะและความจริงใจ - อารยธรรมสันติ
- มีสตสิ มั ปชัญญะเพือ่ สร้างสุขภาวะ - ธรรมชาตสิ มดลุ
ทางสังคม - สังคมมนั่ คง ยง่ั ยืน
- ความสขุ เชงิ พุทธ
สว่ นท่ี ๒
แนวทางการดาเนนิ งาน
สว่ นท่ี ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
การขับเคล่ือนโรงเรียนรักษาศีล ๕ มุ่งดาเนินการเพ่ือพัฒนาผู้เรียน
โดยใชห้ ลักไตรสกิ ขา คือ ศลี สมาธิ ปญั ญา อยา่ งบรู ณาการ ผเู้ รียนได้เรียนรู้
ผา่ นการพฒั นา “การกิน อยู่ ดู ฟัง เป็น” คือ มีปัญญารู้เข้าใจในคุณค่าแท้
ใช้กระบวนการทางวัฒนธรรมแสวงหาปัญญา และมีวัฒนธรรมเมตตาเป็น
ฐานการดาเนินชีวิต โดยมีพระสงฆ์ ผู้บริหารและคณะครูเป็นกัลยาณมิตร
ช่วยกันพัฒนาดาเนินการจัดการศึกษาให้ผู้เรียนมีวิถีการทางาน วิถีชีวิต
วิถีการเรียนรู้ วิถีวัฒนธรรมต่าง ๆ ตามหลัก “ไตรสิกขา” ที่นาไปสู่
“ปัญญา” วิถีชีวิตที่ดีงามตามหลักไตรสิกขาทั้ง ๓ ด้าน คือ พฤติกรรม
(ศลี ) จติ ใจ(สมาธิ) และ ปญั ญา
๑๗
ส่วนที่ ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
๑. พฤตกิ รรม ( ศีล )
มีกิริยามารยาท กิน อยู่ ดู ฟัง เป็น รจู้ กั พิจารณาเลือกเสพสิ่งบริโภค
และสื่อต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์ด้วยปัญญา รู้จักความพอดี พอประมาณ
ในการแสวงหา บริโภค สะสมส่ิงต่าง ๆ ปฏิบัติตามระเบียบ กฎเกณฑ์
ภายนอกที่ถูกต้องเพื่อให้เกิดวินัยในตนเอง ไม่เบียดเบียนตนเอง และผู้อื่น
โดยมีศีล ๕ เป็นพ้ืนฐานในการดาเนินชีวิต มีชีวิตที่สัมพันธ์ด้วยดี กับบุคคล
ครอบครัว ชมุ ชน สังคม และสิง่ แวดลอ้ ม
๑๘
สว่ นท่ี ๒ แนวทางการดาเนินงาน
๒.จิตใจ ( สมาธิ )
การมสี มรรถภาวะที่ดี คือ มีสมาธิ มีความต้ังมั่น เข้มแข็ง มุ่งม่ัน ทา
ดีด้วยจิตใจ กล้าหาญ อดทนสู้ส่ิงยาก ขยันหมั่นเพียร ไม่ย่อท้อสามารถ
ฟันฝ่าอุปสรรคผ่านความยากลาบากไปได้ พ่ึงตนเองได้ มีคุณภาวะ
คือ มีความกตัญญรู คู้ ณุ มีจิตใจเมตตา กรณุ าโอบออ้ มอารี มีน้าใจ ละอาย
ช่ัวกลัวบาป ซื่อสัตย์ รับผิดชอบ กล้ารับผิด เกิดจิตท่ีเป็นบุญกุศลอย่าง
สม่าเสมอ มีสุขภาวะท่ีดี คือ มีความสุข ความร่าเริง เบิกบาน มองโลก
ในแง่ดี มีกาลังใจ เกิดแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ในการร่วมกิจกรรม
งานตา่ ง ๆ
๑๙
ส่วนที่ ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
๓.ปญั ญา
การมีโยนิโสมนสิการ มีศรัทธาเล่ือมใสและมีความเข้าใจในพระ
รัตนตรัยในกฎแห่งกรรม และในหลักบาปบุญคุณโทษ มีทักษะและ
อุปนสิ ยั ในการเรียนรู้ที่ดี จูงใจ ใฝ่รู้ รู้จักการค้นคว้า จดบันทึก จดจา ขบ
คิด ทาความเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ให้เกิดการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง
การคิดวิเคราะห์ แยกแยะ ประมวลผล มีทักษะชีวิตเท่าทันต่อส่ิงเร้า
ภายนอก และกิเลสภายในตนสามารถแก้ปัญหาชีวิตได้ สามารถนา
หลักธรรมไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการดาเนินชีวิตได้ มีฐานชีวิตท่ีดีมี
ทัศนคตทิ ดี่ ตี ่อการปฏบิ ัตธิ รรม เกิดปัญญาเขา้ ใจในสัจธรรมในชีวิตได้ตาม
วุฒิภาวะของตน สามารถต่อยอดพัฒนาไปสู่การปฏิบัติธรรมให้เกิดความ
เจริญงอกงามในธรรมท่สี งู ยิ่งข้นึ ไป
๒๐
สว่ นที่ ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
กจิ กรรม “ โรงเรยี นรกั ษาศลี ๕ ”
๒๑
สว่ นที่ ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
๑. กจิ กรรมพนื้ ฐาน “ โรงเรียนรกั ษาศลี ๕ ”
๑.๑ “ การสวดมนต์และกจิ กรรมหนา้ เสาธง ”
เคารพธงชาตไิ ทย
เราทกุ คนภมู ใิ จในความเป็นไทย และยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา
พระมหากษัตริย์ เราต้องสมานสามัคคี ร่วมแรง ร่วมใจ เพ่ือผดุงสถาบัน
ทั้งสาม และดารงความเป็นเอกราชของชาติ ซ่ึงบรรพบุรุษของเรา
ได้พลีชีพ และเลือดเน้ือรักษาเอาไว้ เพื่อลูกหลานของไทยทุกคน
ขอให้ทุกคนจงร้องเพลงชาติไทย ด้วยความภาคภูมิใจ อย่างพร้อม
เพรียงกัน เคารพธงชาติ ธงข้นึ ตรง
( กล่าวนา )......“ ธงชาติและเพลงชาติไทย เป็นสัญลักษณ์
ของความเป็นไทย เราจงร่วมใจกันยืนตรงเคารพธงชาติ ด้วยความ
ภาคภูมิใจในเอกราช และความเสยี สละของบรรพบุรษุ ไทย ”
( ขึ้นนา ) รอ้ งเพลงชาติ.............
๒๒
ส่วนท่ี ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
ไหว้พระ
(กล่าวนา)....เราชาวพุทธยึดมั่นในหลักธรรม คาส่ังสอนของ
พระพทุ ธเจา้ มงุ่ มน่ั ทาความดี ละเว้นความช่ัว ทาจิตให้บริสุทธิ์ ขอให้ทุก
คนทาใจให้สงบ ขอเชิญทุกทา่ นรว่ มกันไหวพ้ ระ รับศลี
( เตรียมตวั ไหว้พระ )
อะระหัง สมั มาสมั พธุ โธ ภะคะวา พทุ ธงั ภะคะวนั ตัง อะภิวาเทมิ (ไหว)้
สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมงั นะมัสสามิ (ไหว้)
สปุ ะฏปิ นั โน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆงั นะมามิ (ไหว้)
(กรณที ีม่ สี มาชกิ นับถอื ศาสนาอื่น ปฏบิ ัตติ ามหลกั ของศาสนาท่นี ับถอื )
รับศลี
ขอเชิญทุกท่านต้ังใจรับศีล ๕ เปิดเพลง
“ท่องให้จา ทาให้ได้ (ศีล ๕)” (สามารถให้
นักเรียนร้องตามหรือออกท่าทางประกอบได้
ตามความเหมาะสม)
๒๓
ส่วนที่ ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
แผเ่ มตตา
( ทาจติ ใจใหส้ งบเพอื่ แผ่เมตตาสง่ ความปรารถนาดีไปยงั สรรพสัตว์ )
สพั เพ สตั ตา
สตั ว์ทงั้ หลายที่เปน็ เพอ่ื นทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ดว้ ยกันท้ังหมดทงั้ สน้ิ
อะเวรา โหนตุ
จงเป็นสุขเปน็ สขุ เถิด อย่าได้มีเวรแกก่ ันและกันเลย
อพั พะยาปชั ฌา โหนตุ
จงเปน็ สขุ เป็นสขุ เถดิ อยา่ ได้เบียดเบยี นซึง่ กนั และกนั เลย
อะนีฆา โหนตุ
จงเปน็ สุขเป็นสขุ เถดิ อยา่ ไดม้ คี วามทุกขก์ ายทุกข์ใจเลย
สุขี อตั ตานงั ปะริหะรนั ตุ
จงมีความสุขกาย สขุ ใจ รกั ษาตนใหพ้ ้นจากทุกข์ภัยทัง้ สิ้นเทอญ.
๒๔
ส่วนที่ ๒ แนวทางการดาเนินงาน
๑.๒ “ บชู าพระ การสมาทานศลี ๕ หน้าเสาธง ”
ผแู้ ทนนักเรียนชาย-หญิง เป็นประธานจดุ ธปู เทียนบชู า พระรตั นตรยั
นักเรยี นทง้ั หมดยนื ประนมมือ
เหน็ พระ กราบพระ ครัง้ ใด ทาใจ ให้ถกู ด้วยหนา
ชาวพทุ ธ กราบพระ ด้วยปัญญา ใช่วา่ กราบอย่าง งมงาย
เหน็ พระ กราบพระ คร้งั ใด นอ้ มใจ ตามไป ดงั วา่
หวั แหลม นั้นคือ ปัญญา ทกุ ขม์ า ดับได้ ทันที
หูยาน คือความ หนกั แนน่ ไม่แลน่ รบั เสียง เรว็ ร่ี
ใครวา่ ใครดา่ ทา้ ตี ไม่มี วิ่งโร่ โกรธา ฯ
มองตา่ คือตา สติ ไม่ดาริ ในสิง่ ท้ังสาม
คอื การ ดาริ ในกาม พยาบาทและความเบยี ดเบียน
เห็นพระ กราบพระ ทุกครัง้ ระวัง อยา่ กราบ ให้เพยี้ น
พระพักตร์ ย้ิมแยม้ ไม่เปลีย่ น เพราะใจ โล่งเตยี น เบิกบาน
นว้ิ มอื สั้นยาว เท่ากนั สง่ิ น้ัน คอื รัก แผซ่ ่าน
เมตตา กรณุ า ตลอดกาล สงสาร สรรพสัตว์ เสมอกัน
กราบองค์ พระพทุ ธรูป ครง้ั ใด ต้งั ใจ ดารง คงมนั่
น้อมเอา คณุ ธรรม อนันต์ เหล่านน้ั มาไว้ ในตน
นง่ั ลกุ เดินเหิน ไปไหน ดอกบัว เกดิ ได้ ทกุ หน
คือความ บริสุทธ์ิ หลดุ พน้ ไม่มี เจือปน กิเลสกาม ฯ
** สาธุ **
๒๕
ส่วนที่ ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
คาบูชาพระ - กราบพระรตั นตรัย
( กล่าวพร้อมกนั )
อิมนิ า สกั กาเรนะ, พุทธงั อภิปชู ยามิ
อมิ นิ า สกั กาเรนะ, ธัมมัง อภิปูชยามิ
อมิ นิ า สกั กาเรนะ, สงั ฆัง อภิปชู ยามิ
อะระหัง สมั มาสมั พุทโธ ภะคะวา, พทุ ธัง ภะคะวนั ตงั อภิวาเทมิ
( ไหว้/กราบ )
สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, ธัมมงั นะมสั สามิ
( ไหว้/กราบ )
สุปะฏิปนั โน ภะคะวะโต สาวะกะสงั โฆ, สงั ฆงั นะมามิ
( ไหว้/กราบ )
๒๖
ส่วนที่ ๒ แนวทางการดาเนินงาน
คาแสดงตนเปน็ พทุ ธมามกะ
( กล่าวพร้อมกัน/หรือมผี ู้นากลา่ วกไ็ ด้ )
เอเต มะยัง ภันเต, สุจิระปะรินิพพุตัมปิ, ตัง ภะคะวันตัง
สะระณัง คัจฉามะ, ธัมมัญจะ สังฆัญจะ, พุทธะมามะกาติ โน, สังโฆ
ธาเรตุ ฯ
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจรญิ ,ขา้ พเจ้าทัง้ หลาย, ขอถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า
พระองค์น้ัน, แม้ปรินิพพานไปนานแล้ว, ขอถึงพระธรรม, และขอถึง
พระสงฆ์, เป็นท่ีพ่ึงตลอดชีวิต, ขอพระสงฆ์ จงจาข้าพเจ้าท้ังหลายไว้ว่า
“เป็นพทุ ธมามกะ”, ตลอดไป เทอญ ฯ
๒๗
สว่ นท่ี ๒ แนวทางการดาเนินงาน
คาอาราธนาศลี ๕
ขอเชิญทกุ ทา่ นกล่าวคาอาราธนาศีล ๕ พร้อมกนั วา่ ...
มะยัง ภันเต, วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ,
ปัญจะสลี านิ ยาจามะ.
ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต, วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ
สะหะ, ปญั จะสีลานิ ยาจามะ.
ตะติยัมปิ มะยงั ภนั เต, วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ
สะหะ, ปัญจะสีลานิ ยาจามะ
ตัง้ ใจกล่าวนมสั การพระพทุ ธเจา้ ....
นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพทุ ธสั สะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มาสมั พทุ ธัสสะ
นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสมั พทุ ธสั สะ
๒๘
สว่ นที่ ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
ตัง้ ในกลา่ วรับไตรสรณคมน.์ ..
พทุ ธงั สะระณัง คจั ฉามิ
ธัมมงั สะระณงั คัจฉามิ
สังฆัง สะระณงั คัจฉามิ
ทตุ ิยมั ปิ พทุ ธงั สะระณงั คัจฉามิ
ทตุ ิยมั ปิ ธมั มัง สะระณงั คัจฉามิ
ทตุ ิยัมปิ สังฆัง สะระณงั คจั ฉามิ
ตะติยมั ปิ พุทธัง สะระณัง คจั ฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คจั ฉามิ
ตะตยิ มั ปิ สงั ฆัง สะระณงั คจั ฉามิ
ตง้ั ใจสมาทานศีล ๕...
ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทงั สะมาทยิ ามิ
อะทินนาทานา เวระมะณี สกิ ขาปะทัง สะมาทยิ ามิ
กาเมสมุ จิ ฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทงั สะมาทยิ ามิ
มุสาวาทา เวระมะณี สกิ ขาปะทงั สะมาทยิ ามิ
สุราเมระยะมชั ชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สกิ ขาปะทัง สะมาทยิ ามิ
๒๙
ส่วนที่ ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
บทกลอน “ต้งั สัจจะสมาทานศีล ๕”
(นา...) ข้าฯ ขอตัง้ สัจ...( รับ.... ) ตอ่ พระไตรรัตน์ เลิศดว้ ยความดี
ทั้งสามประการ ปานแก้วมณี ด้วยความจรงิ นี้ เป็นทชี่ น่ื ใจ
หนง่ึ ขอวริ ัติ งดเว้นฆ่าสัตว์ ท้งั เลก็ และใหญ่
มจี ติ เมตตา ปราณีทว่ั ไป ไม่เบียดเบียนใคร มีใจกรณุ า
สอง ไมล่ กั ของ ผ้อู ืน่ ครอบครอง ป้องปกั ษร์ กั ษา
การเลี้ยงชวี ิน ทรพั ย์สนิ นานา จะแสวงหา มาโดยชอบธรรม
สาม ไมผ่ ดิ ในกาม จิตใจตา่ ทราม ดว้ ยความโมหนั ต์
ยดึ ประเพณี มาแต่ปางบรรพ์ เปน็ สิ่งกางกนั้ มัน่ ในฤทัย
ส่ี ไมม่ สุ า ยดึ มน่ั สัจจา ไว้ตลอดไป
พดู แตค่ วามจริง ไมว่ า่ กบั ใคร เจรจาปราศรัย ไพเราะในวจี
หา้ ไมด่ ื่มเหล้า และของมนึ เมา จนส้ินชีวี
เว้นยาเสพตดิ ย้อมจติ ราคี ใหล้ มื ทาดี มแี ต่ประมาท
ขา้ ฯ ขอสมาทาน ศีลหา้ ประการ จะมิใหข้ าด
มอบกายและใจ ไว้ในพทุ ธศาสน์ เป็นคนรักชาติ ประกาศคุณธรรม
สร้างแต่กรรมดี ชีวติ ขอพลี ไมส่ รา้ งเวรกรรม ยึดม่นั กตัญญู
รจู้ ักหลักธรรม ประเสริฐเลิศล้า เปน็ เครื่องนาทาง.ฯ..
๓๐
สว่ นที่ ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
กล่าวคาปฏญิ าณ “เดก็ รักษด์ ี”
“..ข้าพเจ้า........................................ ( พูดชื่อนาม-สกุลตนเอง )
จะร่วมกนั รกั ษาชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จะปฏิบัติธรรมรักษา
ศีล ๕ เว้นจากการฆ่าสัตว์ เว้นจากการลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม
ไม่พูดคาเท็จ ไม่ด่ืมสุราและยาเสพติด มีศีล ๕ มีความสามัคคี
ปรองดอง สมานฉันท์ ร่วมกันพัฒนาครอบครัว หมู่บ้าน สังคม และ
ประเทศไทยของเรา ให้เจริญร่งุ เรืองม่ันคง เพอื่ ลูกหลานของเราสบื ไป..”
๓๑
สว่ นท่ี ๒ แนวทางการดาเนินงาน
๑.๓ “ การทาสมาธิ ๕ นาที ก่อนการเรยี นวชิ าแรกของวัน ”
การน่ังสมาธิ ๕ นาทีก่อนเข้าสู่กิจกรรมการเรียนรู้ เป็นแนวทาง
ในการเตรียมความพร้อมผู้เรียน ช่วยให้จิตใจสงบ มุ่งความสนใจใน
การเรียนรู้ พร้อมทีจ่ ะเรียนรตู้ ่อไป
การฝึกสมาธิในวัยเด็ก เป็นส่ิงสาคัญมาก เพราะเป็นการช่วยเพิ่ม
ประสทิ ธิภาพในการเรียน การฝึกสมาธิ ในวัยเด็ก ไม่ใช่การฝึกเพ่ือให้ได้
สมาธิในระดับลึก แต่หมายถึงการฝึกเพ่ือให้ได้สมาธิในระดับ ต้น
ถึงระดับกลาง ร่วมกับการมีสติสัมปชัญญะ (ความรู้ตัว) เพื่อให้เกิด
ความสนใจ ความจดจ่อ และความมุ่งม่ันให้อยู่กับ เร่ืองๆ เดียว
ตามระยะเวลาท่ีต้องการ ทุกครั้งก่อนเข้าสู่บทเรียนในการ เรียน
การสอน สามารถนักเรียนน่ังสมาธิก่อนเรียนทุกครั้ง เพื่อเตรียม
ความพร้อมให้นักเรียนมีสมาธิในการเรียน ลดความ ฟุ้งซ่าน
ในความคดิ ออกไป ทาให้บรรยากาศในห้องเรียนน่าเรียน นักเรียนก็จะได้
เรยี นร้อู ย่างเข้าใจมากข้นึ
๓๒
สว่ นที่ ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
วธิ กี ารฝกึ สมาธิอยา่ งงา่ ยๆ
๓. ๔.
กาหนด นับลมหายใจ
รู้ลมหายใจ
เขา้ -ออก
๒.
การสารวมตา ๕.
ควบคุมความคดิ
น่งั สมาธิ ไมใ่ ห้เข้ามารบกวน
๑. ๖.
จัดท่าทาง ความเงียบบอ่ เกดิ
ใหถ้ ูกต้อง แห่งความสงบ
๓๓
ส่วนท่ี ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
จัดทา่ ทางใหถ้ ูกตอ้ ง
การนั่งที่ถูกต้องคือ ต้องน่ังตัวตรง หัวตรง (สามารถนั่งขัดสมาด
หรอื นั่งเกา้ อ้ีนักเรียนตามปกติได้) เพราะร่างกายของเราสัมพันธ์กับจิตใจ
หากน่ังตัวงอ จิตใจก็จะล่องลอยไป ไม่อยู่กับเน้ือกับตัว แต่ไม่ต้องน่ัง
เกร็งมาก ใหน้ ั่งเหมือนเรากาลังผอ่ นคลายดีทส่ี ุด
การสารวมตานงั่ สมาธิ
การน่ังสมาธิควรปิดตาเบาๆ บางคร้ังการนั่งสมาธิไม่จาเป็นหลับตา
เสมอไป สามารถเปิดตาไว้ แตป่ รับระดับสายตาให้มองต่าลง โดยกาหนด
จุดให้เพ่งรวบรวมสมาธิไว้ เพราะบางคนเม่ือปิดตาแล้วกลับรู้สึกฟุ้งซ่าน
ในหัวสมองเต็มไปด้วยเร่ืองราวต่าง ๆ อย่างไรก็ตามก็ข้ึนอยู่กับแต่ละคน
ว่าวธิ ใี ดทาแลว้ ได้ผลมากกวา่ กัน
๓๔
สว่ นที่ ๒ แนวทางการดาเนินงาน
กาหนดรู้ลมหายใจ
การกาหนดลมหายใจเข้า-ออก เป็นการกาหนดท่ีต้ังของสติ
เพื่อให้จิตเราอยกู่ บั สิง่ ทเี่ ปน็ อยู่ในปจั จุบัน ไมฟ่ ้งุ ซา่ นไปเร่ืองอื่น ๆ แต่เรา
ไม่จาเป็นต้องไปบังคับการหายใจ แค่ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ
อาจใช้วิธีการน่ังสมาธิเจริญจิตภาวนาน่ังสมาธิตั้งสติอยู่ที่ลมหาย
ใจเข้า-ออก พร้อมกับภาวนาว่า พุท-โธ กากับไปด้วย หายใจเข้านึก
"พทุ " ...หายใจออกนึก "โธ"
นับลมหายใจเข้า-ออก
การนับลมหายใจเข้าออก เป็นวิธีปฏิบัติสมาธิมาต้ังแต่โบราณ
โดยเม่ือหายใจออกให้เริ่มนับหน่ึงในใจ ต่อไปก็เป็นสองสามสี่ตามลาดับ
แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่รู้สึกว่าความคิดของเรากาลังล่องลอยออกไปที่อ่ืน
ให้กลับมาตง้ั ต้นนับหนงึ่ ใหมอ่ ีกครั้ง เพอื่ นาจติ กลบั มาทีเ่ ดมิ
๓๕
ส่วนที่ ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
ควบคมุ ความคดิ ไม่ให้เข้ามารบกวน
เม่ือรู้สึกวา่ กาลงั มีความคดิ เขา้ มารบกวนจิตใจ ค่อยๆ ขจัดความคิด
เหล่าน้ีออกไป โดยหันมาสนใจกับการกาหนดลมหายใจ อย่าพยายาม
หยุดความคิดในทันที เพราะมันจะทาให้คุณฟุ้งซ่านและไม่สามารถ
กลบั เข้าสู่สมาธิไดอ้ กี
ความเงยี บบอ่ เกิดแห่งความสงบ
การน่ังสมาธิควรจะน่ังในท่ีเงียบ ๆ เพ่ือทาจิตให้ว่าง ไม่ใส่ใจถึง
บุคคล เสยี ง หรือสง่ิ อน่ื ท่ีอยู่โดยรอบ เพราะความเงียบจะนามาซ่ึงความ
สงบเยือกเย็น และความรู้สึกมั่นคง เม่ือไหร่ก็ตามที่ความเงียบภายนอก
และภายในประสานกันได้ ก็จะรู้สึกได้พักกายพักใจ ผ่อนคลายจาก
ความคิดทรี่ บกวนอยตู่ ลอดมา
๓๖
ส่วนที่ ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
การน่ังสมาธิจึงเป็นวิธีการหน่ึงท่ีสาคัญท่ีควรนามาใช้ เพ่ือเตรียม
ความพร้อมนักเรียนให้เกิดความสงบในจิตใจ ลดความ ฟุ้งซ่าน
และความคิดที่หลุดลอยออกไปได้ การที่เด็กมีสมาธิจดจ่อในเร่ืองใดเร่ือง
หน่ึงได้นั้น ก็จะส่งผลให้เด็ก มีกระบวนการเรียนรู้ที่ดี มีประสิทธิภาพ
เป็นระบบอย่างต่อเน่ืองและครบวงจร ท้ังในด้านทักษะการฟัง การคิด
การพูด การเขียน การอ่าน หรือการทากิจกรรมท่ีมีผลต่อการเรียนรู้
นน้ั ๆได้
๓๗
ส่วนท่ี ๒ แนวทางการดาเนินงาน
บ“ททกาลสอมนาสธอิแนสนงั่ ส่ามยาหธาิ ยใจเขา้ - ออก”
*** นงั่ ขดั สมาธิ ขาขวา ทบั ขาซ้าย มอื ขวาหงาย ทบั มอื ซ้าย วางลง
หลบั ตาแลว้ ตัง้ จิต ใหม้ ่นั คง นง่ั น่งิ ตรง สติจับ นบั ลมหายใจ
ลมหายใจเขา้ ร้เู ท่า ตามทนั ลมหายใจออกนั้น รู้เอา ใหเ้ ท่าหวี
ลมหายใจสั้น รู้กาหนด ใหพ้ อดี ลมหายใจยาวน้ี ช่วยชวี ี สงบจรงิ .
(***ซา้ )
๓๘
สว่ นที่ ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
การฝึกสมาธเิ พิม่ ประสิทธิภาพสมอง
๔๐
สว่ นที่ ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
คณุ ธรรม ของ “เดก็ รกั ษด์ ี” มี ๘ ขอ้
๔. ๕.
มวี นิ ัย สภุ าพ
๓. ๖.
ซอ่ื สัตย์ สะอาด
๒. ๗.
ประหยดั สามัคคี
๑. ๘.
ขยนั มนี ้าใจ
๓๙
ส่วนที่ ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
คณุ ธรรม ของ “เด็กดี” มี ๘ ข้อ
กิจกรรม “ รกั ษาศีล ๕ ”
๔๑
ส่วนท่ี ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
๒. กจิ กรรม “ เด็กรักษด์ ี ตามวิถีศลี ข้อท่ี ๑ ”
สาระสาคัญของศลี ข้อที่ ๑
จุดมุ่งหมาย : เพ่ือป้องกันการทาลายชีวิตผู้อ่ืน คลายความเหี้ยมโหด
ให้มีเมตตาต่อกนั
เหตผุ ล : ชีวิตเป็นสงิ่ มคี า่ ทส่ี ดุ ของทกุ ชีวิต การทาลายชีวิตเท่ากับทาลาย
ทุกอย่าง เรารักชีวิตของเราอย่างไร คนอื่นก็รักชีวิตของเขาเช่นกัน
จึงไมค่ วรทารา้ ยเข่นฆ่ากัน
๔๒
ส่วนที่ ๒ แนวทางการดาเนินงาน
ข้อหา้ ม : แบ่งเป็น ๓ ลักษณะ คือ
๑. หา้ มฆ่า ไมว่ ่าจะฆา่ เอง หรือใช้คนอืน่ ฆา่
๒. หา้ มทาร้ายร่างกาย มี ๓ ลกั ษณะ คือ
ทาให้พิการ
ทาให้เสียโฉม
ทาใหบ้ าดเจ็บ
๓. ห้ามทรกรรม คือ การทรมาน มี ๕ ลกั ษณะ คอื
ใช้งานหนักเกนิ กาลัง
กักขังใหอ้ ดอยาก
นาไปด้วยวธิ ที รมาน
เล่นสนุก ( แกลง้ สตั ว์เล่น )
ผจญสตั ว์ ( นาสตั วม์ าสู้กนั )
ทาร้ายผ้อู ่ืนใหถ้ งึ แก่ความตาย (ทั้งทาเองและใชผ้ ู้อื่นทา) = ศลี ขาด
เบียดเบียนทรมาน หรอื ทรกรรม ทาให้ผ้อู นื่ ลาบาก = ศีลดา่ งพรอ้ ย
๔๓