ส่วนท่ี ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
หลักวนิ จิ ฉยั : ๑. สตั ว์มีชวี ติ
๒. รวู้ า่ สตั วม์ ีชวี ติ
๓. จติ คิดจะฆ่า
๔. พยายามฆ่า ( ลงมือฆา่ )
๕. สัตวต์ าย
ครบ ๕ ขอ้ นถ้ี ือว่าศีลขอ้ ที่ ๑ ขาด
โทษ : เกิดในนรก เกิดเป็นเดรัจฉาน เกิดเป็นเปรต เกิดเป็นคนพิการ
มโี รคภยั เบียดเบยี น อายุสั้นโทษจะหนกั หรือเบาขนึ้ อยู่กับ
๑. คณุ ของผู้ถูกฆา่ ถา้ มคี ุณมากมีโทษมาก ถ้ามคี ณุ น้อยมีโทษนอ้ ย
๒. ขนาดของสตั ว์ ฆา่ สตั ว์ใหญ่มีโทษมาก ฆา่ สัตว์น้อยมีโทษนอ้ ย
๓. ความพยายามในการฆ่าใชค้ วามพยายามมาก โทษมาก ใช้ความ
พยายามนอ้ ย โทษน้อย
๔. เจตนาหรอื อานาจกิเลส ฆ่าด้วยความตงั้ ใจ หรือฆา่ ด้วยความอาฆาต
แค้นมาก โทษมากถ้ามเี จตนา หรอื ความอาฆาตนอ้ ย โทษน้อย
๔๔
สว่ นที่ ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
อานสิ งส์ : ผลดีของการรกั ษาศีลข้อ ๑
รา่ งกายสมบรู ณ์
มีกาลงั ดี
ผิวพรรณดี
มีเสน่ห์
ไมม่ ศี ัตรู
มีโรคน้อย
อายุยนื
๔๕
ส่วนท่ี ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
๒.๑ กิจกรรม “ อภยั โทษ ไมโ่ กรธกันนะ ”
จัดกิจกรรมในช้ันเรียน โดยบูรณาการกับรายวิชาท่ีมีการ
จัดการเรียนการสอน หรือบูรณาการกับกิจกรรมอ่ืนๆ ของโรงเรียน
ตามความเหมาะสม โดยให้นักเรียนทบทวนตนเองว่า โกรธ เกลียด
มีความไม่พอใจ เคียดแค้น ชิงชังใครบ้าง ถ้ามีก็คิดให้อภัยแก่กัน
หรือจัดกิจกรรม ให้มีการขอโทษ งดโทษต่อกัน
๔๖
ส่วนท่ี ๒ แนวทางการดาเนินงาน
๒.๒ กจิ กรรม “ รกั เขา เรารกั ษ์ ”
จัดกิจกรรมท่ีเป็นการรณรงค์ให้ผู้เรียนแสดงออกถึงความรัก
ความสามัคคี ความปรารถนาดี มีจิตสาธารณะ คิดดีต่อเพ่ือนมนุษย์
ด้วยการช่วยเหลือ แบ่งปัน ต่อบุคคลรอบข้างในสังคม ชุมชนที่ตนเอง
อาศัยอยู่ และมีจิตใจเมตตา กรุณาต่อสัตว์ เช่น ชักชวนครอบครัว
ปลอ่ ยนก ปลอ่ ยปลา เว้นการฆ่าสัตว์ รบั ประทานเนือ้ สตั ว์วนั พระ
นักเรียนโพสต์ภาพถ่ายกิจกรรม “รักเขา เรารักษ์” พร้อมเขียน
ข้อความบรรยายเลา่ เรื่องตามภาพ เชน่ ภาพบาเพ็ญสาธารณะประโยชน์
( ใคร ทาอะไร ท่ีไหน ) เผยแพร่ในช่องทางสื่อออนไลน์ของตนเอง
เช่น Facebook, Instagram เป็นตน้
๔๗
ส่วนท่ี ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
๒.๓ กจิ กรรม “ เมตตากนั ปันสขุ ”
จัดต้ังกลุ่ม “เมตตากัน ปันสุข” คัดเลือกนักเรียนจิตอาสาเป็น
แกนนาช่วยเหลือกิจกรรมของโรงเรียน, ชุมชน เป็นแกนนารณณรงค์
แนะนา ชักชวนให้ผู้อื่นดารงตนอยู่ในศีลธรรม มีความประพฤติท่ีดีงาม
และเป็นแกนนา ในการช่วยเหลือกิจกรรมทางศาสนาของโรงเรียน,
ชุมชน
จัดกิจกรรมรณรงค์ ปลูกฝังให้ผู้เรียนแสดงออกถึงความรัก
ความสามัคคี ความปรารถนาดี มีจิตสาธารณะ คิดดีต่อกัน ด้วยการ
ช่วยเหลือ แบ่งปันต่อเพ่ือนร่วมชั้น รุ่นพ่ี รุ่นน้องในโรงเรียน หลีกเลี่ยง
การทะเลาะวิวาท
นักเรียนโพสต์ภาพถ่ายกิจกรรม “เพื่อนช่วยเพื่อน พ่ีช่วยน้อง”
พร้อมเขียนข้อความบรรยายเล่าเรื่องตามภาพ เช่น ภาพกิจกรรม
ทางศาสนา (ใคร ทาอะไร ที่ไหน) เผยแพร่ในช่องทางส่ือออนไลน์
ของตนเอง เชน่ Facebook, Instagram เป็นต้น
๔๘
ส่วนที่ ๒ แนวทางการดาเนินงาน
๓. กจิ กรรม “ เดก็ รกั ษด์ ี ตามวถิ ีศลี ขอ้ ท่ี ๒ ”
สาระสาคญั ของศีลข้อท่ี ๒
จดุ มงุ่ หมาย : เพ่ือป้องกันการเบียดเบียนกันทางทรัพย์สิน และให้เล้ียง
ชพี ในทางสจุ ริต
เหตุผล : มนุษย์มีศักยภาพในการประกอบอาชีพเล้ียงตัวเองในทาง
ที่ชอบ และทุกคนต่างหวงแหนในทรัพย์ท่ีตนหามาได้ คนเราจึงไม่ควร
ทาลายศกั ด์ศิ รขี องตน และละเมดิ ในทรพั ยข์ องคนอืน่
๔๙
สว่ นที่ ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
ขอ้ หา้ ม : แบ่งเปน็ ๓ ลกั ษณะ คือ
๑. โจรกรรม คือ ห้ามทาเย่ียงโจร ๑๔ อย่าง ได้แก่ ลัก ฉก กรรโขก
ปล้น ตู่ ฉ้อ หลอก ลวง ปลอมตระบัด เบียดบัง สับเปล่ียน ลักลอบ
ยักยอก
๒. อนุโลมโจรกรรม คือ ห้ามทาตามโจร ได้แก่ สมโจร คือ อุดหนุนโจร
เช่น รับซ้ือของโจรปอกลอก ทาให้เขาเชื่อแล้วล่อลวงเอาทรัพย์ รับสินบน
รบั สนิ จา้ งเพอ่ื ทาผดิ หนา้ ท่ี
๓. ฉายาโจรกรรม คือ ห้ามทาคล้ายโจร ได้แก่ ผลาญ ทาลายให้ฉิบหาย
หยิบฉวย ถือเอาด้วยความมักงา่ ย
ทาโจรกรรม = ศีลขาด
ทาอนโุ ลมโจรกรรม ฉายาโจรกรรม = ศีลด่างพร้อย
๕๐
สว่ นท่ี ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
หลักวนิ ิจฉยั : หลกั ตัดสินว่าศลี ขาดหรอื ไม่
๑. ทรพั ยม์ เี จา้ ของ
๒. รู้ว่าทรัพยม์ เี จ้าของ
๓. จติ คดิ จะลัก
๔. พยายามลัก
๕. ได้ของนัน้ มา
ครบ ๕ ข้อน้ีถอื วา่ ศีลขอ้ ที่ ๒ ขาด
เสรมิ สาระ : ทรัพย์มี ๒ ลกั ษณะ คอื
๑. ทรัพยท์ ม่ี ีวญิ ญาณ เชน่ ชา้ ง มา้ วัว ควาย
เรยี ก สวิญญาณกทรพั ย์
๒. ทรพั ยท์ ไี่ มม่ ีวิญญาณ เชน่ เงนิ ทอง บ้าน ท่ีดิน
เรยี ก อวญิ ญาณกทรัพย์
๕๑
ส่วนท่ี ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
โทษ : เกิดในนรก เกิดเป็นเดรัจฉาน เกิดเป็นเปรต เกิดมายากจน
ทรัพยส์ ินฉิบหายไปดว้ ยเหตตุ ่าง ๆ โทษจะหนัก หรอื เบาขึน้ อยูก่ ับ
๑. คุณคา่ ของสงิ่ ของ ถา้ มคี ณุ มากมีโทษมาก
ถา้ มีคณุ น้อยมโี ทษน้อย
๒. คณุ ความดขี องเจ้าของ ถา้ มีคณุ มากมีโทษมาก
ถ้ามคี ุณนอ้ ยมโี ทษน้อย
๓. ความพยายามในการลัก ใชค้ วามพยายามมากโทษมาก
ใช้ความพยายามน้อยโทษน้อย
๕๒
ส่วนที่ ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
อานสิ งส์ : ผลดขี องการรกั ษาศลี ข้อ ๒
มที รพั ย์มาก
หาทรพั ยไ์ ดง้ ่าย
ทรพั ยส์ นิ ม่ันคง
สมบัติไม่ฉบิ หายเพราะภยั ต่าง ๆ
ไดอ้ ริยทรพั ย์
ไมร่ จู้ กั คาวา่ “ไม่มี”
อยู่ทีไ่ หนกเ็ ป็นสุข
๕๓
สว่ นที่ ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
๓.๑ กจิ กรรม “ รจู้ ักใช้ สร้างการใหไ้ มร่ จู้ บ ”
จัดกิจกรรมในช้นั เรยี น โดยบรู ณาการกับรายวชิ าทมี่ ีการจดั การเรยี น
การสอน หรือบูรณาการกับกิจกรรมอ่ืนๆ ของโรงเรียนตามความ
เหมาะสม โดยปลูกฝังให้นักเรียนรู้จักการใช้จ่ายทรัพย์ รู้จักการแบ่งบัน
ของตนเองแกผ่ ้อู ื่น ไม่ล่วงละเมดิ ทรัพย์สนิ ของผู้อ่ืน
๕๔
สว่ นท่ี ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
๓.๒ กิจกรรม “ สัมมาชพี ของหนู ”
จัดกิจกรรมประกวดเรียงความหัวข้อ “สัมมาชีพในชุมชนของหนู”
โดยจดั ข้นึ ในวนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา มีการแต่งต้ังคณะกรรมการ
พิจารณาเรียงความ และมีการมอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะการประกวด
ลาดับท่ี ๑, ๒, ๓ และรางวลั ชมเชย
นาบทความที่ชนะการประกวด เผยแพร่ในช่องทางต่างๆ
เชน่ เวป็ ไชต์ของโรงเรยี น บอร์ดประชาสมั พนั ธ์ของโรงเรียน เปน็ ตน้
๕๕
ส่วนท่ี ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
๓.๓ กจิ กรรม “ ของหายได้คนื ”
โรงเรียนปลูกฝังการไม่ล่วงละเมิดทรัพย์สินของผู้อื่นโดยครูผู้สอน
สอดแทรกเร่ือง ศีล ข้อ ๒ ในการจัดการเรียนการสอนรายวิชาใด
วชิ าหนึ่งตามความเหมาะสม
คดั เลือกนกั เรยี นกลุม่ แกนนา จัดทาบัญชีรายช่ือนักเรียนท่ีพบเห็น
สิ่งของของผู้อื่นแล้วนามอบให้ครูประกาศ หาเจ้าของ โดยให้ผู้เก็บได้
ส่งมอบคืนให้กับเจ้าของด้วยตนเอง และจัดกิจกรรมยกย่องว่าเป็น
นักเรียนมีศีล เช่น ประกาศยกย่องหน้าเสาธง สัปดาห์ละหนึ่งครั้ง
ห รื อ ติ ด ร า ย ช่ื อ ป ร ะก า ศ เ ป็ น นั กเ รี ย น มี ศีล บ น บ อ ร์ ด ป ร ะช า สั ม พั น ธ์
ของโรงเรียน หรอื ช่องทางอื่น ๆ ตามความเหมาะสม
นักเรียนโพสต์ ภาพถ่ายกิจกรรม “ของหายได้คืน” พร้อมเขียน
ข้อความบรรยายเล่าเรื่องการส่ง มอบ สิ่งของคืนแก่เจ้าของ
( ใคร ทาอะไร ที่ไหน) เผยแพร่ในช่องทางสื่อออนไลน์ของตนเอง
เช่น Facebook, Instagram เปน็ ตน้
๕๖
ส่วนท่ี ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
๔. กิจกรรม “ เดก็ รกั ษ์ดี ตามวิถีศีล ขอ้ ที่ ๓ ”
สาระสาคัญของศลี ขอ้ ที่ ๓
จุดมุ่งหมาย : เพ่ือป้องกันการเสพกามในทางท่ีผิด และป้องกัน
การล่วงละเมิดในคู่ครองของคน อ่ืน อันจะนาไปสู่การเข่นฆ่า
ประหตั ประหารกนั
เหตุผล : มนุษย์ทุกคมย่อมรักและหวงแหนในคู่ครองของตน
และต้องการความชื่อสัตย์จากคู่ครอง ดังน้ัน จึงไม่ควรล่วงละเมิดในคู่
ของคนอน่ื และให้ความช่ือสตั ยต์ ่อคขู่ องตน
๕๗
สว่ นที่ ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
ขอ้ ห้าม : ห้ามรว่ มประเวณกี ับบคุ คลต้องหา้ ม คอื
๑. หญิงตอ้ งหา้ มสาหรบั ชาย ได้แก่
สัสสามกิ า หญงิ ทอ่ี ยกู่ บั ชายฉนั สามภี รรยา
ญาติรกั ขิตา หญงิ ท่อี ยู่ในความปกครองของพ่อแม่ ญาตแิ ละอื่นๆ
ธมั มรักขติ า หญงิ ท่ีธรรมรกั ษา ได้แก่ หญิงทเี่ ปน็ เทอื กเถาเหล่ากอ
คือ เป็นญาติสายโลหิต ๗ ชว่ั โคตร หญงิ ที่มีจารตี หา้ ม เช่น
หญิงนกั บวช หญิงท่กี ฎหมายหา้ ม เชน่ หญิงทีย่ งั ไม่บรรลนุ ิติภาวะ
หญิงพกิ ารทพุ พลภาพ
ชายลว่ งละเมดิ ในหญิงเหล่านี้ ถอื วา่ ผิดศีลขอ้ ๓
๒. ชายตอ้ งหา้ มสาหรบั หญิง ได้แก่
ชายอ่ืนนอกจากสามขี องตน เปน็ บคุ คลต้องห้ามสาหรบั หญงิ ท่มี ี
สามีแลว้
ชายจารตี ห้าม เช่น นักบวช เปน็ บคุ คลต้องหา้ มสาหรบั หญิงท่วั ไป
หญิงลว่ งละเมดิ ในชายเหล่านี้ ถือว่าผิดศลี ขอ้ ๓
๕๘
สว่ นท่ี ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
หลกั วินิจฉยั : หลักตดั สนิ วา่ ศลี ขาดหรือไม่
๑. บุคคลต้องห้าม
๒. จิตคดิ จะเสพกับบุคคลต้องหา้ ม
๓. พยายามเสพ
๔. อวัยวะเคร่อื งเสพจรดถึงกัน
ครบ ๔ ขอ้ นีถ้ ือวา่ ศีลขอ้ ที่ ๓ ขาด
โทษ : เกิดในนรก เกิดเป็นเดรัจฉาน เกิดเป็นเปรต เกิดมาข้ีเหร่
ทุพพลภาพ โรคมาก มีศัตรูรอบด้าน วิปริตผิดเพศ โทษจะหนักหรือ
เบาข้นึ อยู่กบั
๑. คณุ ความดขี องผ้ทู ี่ถกู ละเมิด
๒. ความแรงของกิเลส
๓. ความแรงของความพยายาม
๕๙
สว่ นท่ี ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
อานสิ งส์ : ผลดีของการรักษาศีลข้อ ๓
ไมม่ ีศัตรเู บยี ดเบยี น
เปน็ ท่รี กั ของทกุ คน
มที รพั ย์บริบูรณ์
ไมเ่ กิดเป็นหญิงหรือกะเทย
สงา่ มีอานาจ
มอี นิ ทรยี ์ ๕ บริบรู ณ์
มคี วามสุข ไมต่ ้องทางานหนัก
๖๐
ส่วนท่ี ๒ แนวทางการดาเนินงาน
๔.๑ กิจกรรม “ คนรใู้ จ ใชเ่ ราเอง ”
กจิ กรรม ร้จู ัก ฉนั เปน็ ใคร เปน็ กจิ กรรมเริ่มต้นท่ีจะให้เด็กนักเรียน
เริ่มพิจารณาตนเอง ลึกลงไปในความรู้สึกสะท้อนความเป็นตัวตนของ
ตนเองโดยเขียนออกมาเป็นตัวอักษรลงในกระดาษ เช่น หากนักเรียน
เขียนส่ิงไม่ดีของตนว่า “ไม่ชอบทานผัก” เมื่อเขาได้เห็นเป็นตัวอักษร
เขาจะเริ่มคิดว่าที่เขาไม่ชอบทานเพราะเหตุใด ใช่ผักทุกชนิดหรือไม่
เป็นต้น และปลายเทอมที่จะทากิจกรรมน้ีอีกครั้ง เขาอาจเปลี่ยนการ
ทานผักได้อยู่ในข้อดีของเขาได้ อีกทั้งเป็นการสร้างความภาคภูมิใจ
เบ้ืองต้นในการที่นักเรียนจะภูมิใจในส่ิงท่ีเขามีเขาเป็น และคุณครูหรือ
ผู้ ป กคร องจ ะ ได้ เ ห็ น ใน สิ่ งที่เ ขาขา ด แล ะเ ป็ น ส่ิ งท่ีทาให้ เ ขาเ กิด คว า ม
ไม่มัน่ ใจไดอ้ ีกดว้ ย
๖๑
ส่วนท่ี ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
อุปกรณท์ ่ตี อ้ งเตรยี ม
๑. กระดาษ A 4 ๒ แผน่ ( หรอื post-it หลายๆแผน่ กับกระดาษ
A 4 ๑ แผน่ )
๒. รูปถา่ ยเดก็ นกเรียน
๓. ปากกาสี
๔. กรรไกร
๕. กาว
ขนั้ ตอนการทา
๑. ตัดกระดาษ A 4 ออกเป็นชิ้นเล็กๆ (หรือใช้ post-it แทน) จากน้ัน
ให้เด็กนักเรียนใช้ปากกาสีเขียนสิ่งที่เป็นตัวตนของเขา ทั้งด้านดี
และ ด้านไมด่ อี อกมา
๒. หลังจากนั้น บอกให้เด็กนักเรียนสนใจแต่คาท่ีดี คาที่มีความหมาย
แง่บวก และส่ิงดๆี ทคี่ นอน่ื พูดถงึ แลว้ ใหเ้ ขียนใหม่อีกคร้ัง
๓. นากระดาษ A 4 อีกแผ่นออกมา ติดรูปของเด็กนักเรียนไว้กลาง
กระดาษ
๔. ให้เด็กนักเรียนเอาคา พูดดีๆ เหล่าน้ัน ทากาวแล้วติดลงไปรอบๆ
รปู ภาพของตวั เอง
๕. เก็บผลงานชิ้นน้ีไว้ในห้องนอนของเขา เพื่อสร้างพลังความเชื่อมั่น
ให้กับเดก็ นกั เรยี น
๖๒
สว่ นท่ี ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
๔.๒ กิจกรรม “ น้าใส ใจจริง ”
กิจกรรมน้ีจะต้องเล่นเป็นกลุ่ม โดยจะเล่นกับเพ่ือนๆ ของ
เด็กนักเรียน หรือจะเล่นกับสมาชิกในครอบครัวก็ได้ เป็นกิจกรรมท่ี
มุ่งหมายในสิ่งเล็กน้อยท่ีเกิดจากการท่ีตนเองมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบตัว
แล้วเกิดการสร้างความประทับใจให้เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะขณะที่
เด็กนักเรียนกาลังทาสิ่งเหล่าย่อมยังไม่ได้คานึงถึงผลว่าอีกฝ่ายต้องรู้สึก
อย่างไร และนักเรียนอีกฝ่ายท่ีได้รับจะได้รู้สึกถึงคุณค่าของเพื่อนที่เขามี
น้าใจมอบให้ เช่นนักเรียน A ลืมยางลบ นักเรียน B จึงให้ยืม
เม่ือนักเรียน A เขียนถึงนักเรียน B ว่า A รู้สึกขอบคุณที่ B ให้ตนยืม
ยางลบ เมื่อ B ได้มาอ่าน B จะรู้สึกว่า ขณะท่ีตนให้ A ยืมยางลบนั้น
ตนไม่ได้คาดหวังอะไร แต่เม่ือส่ิงที่ตนทาไปน้ันคนอื่นรู้สึกได้ ก็จะสร้าง
ความภาคภูมิใจ ความดีท่ีตนได้กระทาลงไป เป็นการสร้างความภูมิใจ
ในตนเอง นักเรียนจะยิ่งเห็นคุณค่ากับท่ีตนเองทา รู้ว่าตนเองมีค่า
มปี ระโยชน์ยิ่งเปน็ ภมู ิคมุ้ กันในการดาเนินชีวติ ของเดก็ ในอนาคต
๖๓
สว่ นท่ี ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
อุปกรณท์ ตี่ ้องเตรยี ม
๑. กลอ่ งเล็กๆ หรือถ้วย ๑ ใบ
๒. กระดาษ A 4
๓. ปากกา
ขน้ั ตอนการทา
๑. ให้เด็กๆ น่ังเป็นวงกลม แบ่งกระดาษ A 4 ออกเป็น ๒ ส่วน
เดก็ ๑ คน ตอ่ กระดาษ A 4 ครึง่ ใบ
๒. ให้เด็กๆ เขียนชื่อตัวเองด้านบนสุดของหัวกระดาษ จากน้ันพับแล้ว
นาใส่กลอ่ งทเี่ ตรียมไว้ เขย่ากล่องใหก้ ระดาษขา้ งในรวมกัน
๓. ให้เด็กๆ จับกระดาษข้างในกล่องขึ้นมา ๑ ใบ แล้วส่งกล่องต่อไป
ให้เพ่ือนๆ จับจนครบทง้ั วง
๔. เด็กๆ จับได้เพ่ือนคนไหน ก็ให้เขียนประสบการณ์ดี ๆ ท่ีมีกับเพ่ือน
คนนัน้ ลงในกระดาษ
๕. จากน้ัน ให้แจกกระดาษคืนเจา้ ของชื่อ แล้วให้เด็กๆ อ่านสิ่งที่เพื่อนๆ
เขียนถงึ ตัวเอง
๖๔
ส่วนที่ ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
๔.๓ กจิ กรรม “ ขอบคุณทร่ี ักตัวเอง ”
วิธีในการสร้างความรักตัวเองได้ดีท่ีสุดก็คือการเขียนส่ิง ที่
เด็กนักเรียนเคยทาและประสบผลสาเร็จได้ด้วยตัวเขาเองกิจกรรม น้ี
จะยิง่ เสริมสรา้ งความมั่นใจในตนอง รักตนเองเป็นการทาให้เด็กรู้จักการ
รักนวลสงวนตัวของเด็ก เพราะจะทาให้เขาได้เห็นว่าเขาสามารถพัฒนา
ปรับปรุงตนเองให้ดีข้ึนได้ตลอดเวลา โดยจะเป็นการทาให้เขา
เห็นเป็นรูปธรรม ไม่ว่าเรื่องน้ันจะเล็กน้อยเพียงใด แต่เม่ือเด็กสามารถ
เห็นสิ่งท่ีเขาทาได้ จะทาให้เขารู้ว่าไม่มี ความต้ังใจหรือความพยายามใด
เสยี เปล่า ในการเหน็ คณุ ค่าและพฒั นาตนเองของตัวเด็กเองความมั่นใจน้ี
ในอนาคตจะเป็นภูมิคุ้มกันอีกช้ัน รู้ค่าของร่างกาย ว่าร่างกายของตนนั้น
มีค่ามากกวา่ ที่จะนาไปแลกกับความรัก หรือความใครข่ องผู้อ่ืน
๖๕
สว่ นท่ี ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
อุปกรณ์ทตี่ อ้ งเตรียม
๑. กระดาษ A 4 ๒ แผ่น
๒. ปากกา
ข้นั ตอนการทา
๑. เตรียมกระดาษและปากกาให้เด็กนักเรียนเขียนส่ิงที่เขาทา
และประสบความสาเร็จได้ด้วยตัวเอง เช่น อาบน้าด้วยตัวเอง กินข้าว
ดว้ ยตัวเอง หรอื ทาการบา้ นด้วยตัวเอง
๒. ใหเ้ ราบอกเดก็ นกั เรยี นถึงศกั ยภาพของเขาว่าเขาสามารถทา อะไรได้
บ้าง โดยให้เขาเขยี นทุกวนั ก่อนนอน
การที่ให้เด็กนักเรียนทา แบบน้ีในทุกๆ วัน จะทาให้เขารู้ว่า
ตัวเองทาอะไรได้บ้าง ซ่ึงเป็นการสร้างความเช่ือม่ันให้เด็กนักเรียน
มากขึ้น
๖๖
สว่ นท่ี ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
๕. กิจกรรม “ เด็กรักษ์ดี ตามวถิ ีศลี ข้อที่ ๔ ”
สาระสาคญั ของศีลข้อที่ ๔
จุดมุ่งหมาย : เพื่อป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตน ทาลาย
ผลประโยชน์ของผู้อ่ืนด้วยคาพูดไม่จริง ส่งเสริมให้มีความ ซ่ือสัตย์
ซือ่ ตรง จริงใจต่อกนั
เหตุผล : เราไม่ต้องการคาโกหก ฉันใด คนอ่ืนก็ไม่ต้องการคาโกหก
เช่นกัน คนที่กล่าวคาโกหกย่อมทาลายความดีท่ีมีอยู่ในตัวเอง เพราะคนที่
พูดโกหกแลว้ จะไม่ทาชว่ั อย่างอืน่ ไมม่ ี
๖๗
สว่ นท่ี ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
ขอ้ หา้ ม : ขอ้ ห้ามมี ๓ อย่าง คอื
๑. ห้ามมสุ า คอื การโกหก มลี ักษณะ ๑๑ อย่าง ไดแ้ ก่
ปด เห็นว่าไม่เห็น ร้วู า่ ไมร่ ู้
หลอก พูดให้เขาเช่ือ
กลับคา พูดแลว้ ปฏเิ สธวา่ ไม่ได้พดู
เสริมความ พูดเกนิ จรงิ
ทาเลศ พูดเล่นสานวน พูดคลมุ เครอื
มารยา แสดงใหเ้ ขาเข้าใจผิด เช่น ทศุ ลี ทาเปน็ มีศลี
สอ่ เสยี ด ยยุ งให้แตกกัน
ยอ ยกยอ่ งให้ลมื ตัวหลงผิด
ทนสาบาน ยอมสาบานเพ่ือให้เขาเช่ือ
อาความ พดู ไมห่ มด
ทาเลห่ ์กระเทห่ ์ อวดอา้ งวิชาให้เขาเชอ่ื
๒. อนุโลมมสุ า พดู เรื่องไมจ่ รงิ ทีไ่ ม่ไช่เพื่อโกหก แตม่ ุ่งให้เขาเจ็บใจ
มี ๒ ลกั ษณะ คอื
สบั ปลับ คอื พดู กลับกลอกไปมา เช่อื ไมไ่ ด้
เสียดแทง คือ พูดประชดและดา่
๓. ปฏสิ สวะ รับคาแลว้ ไมท่ าตาม มี ๒ ลกั ษณะ คือ
ผดิ สัญญา คอื ไมท่ าตามที่สัญญากันไว้
คืนคา คอื วา่ จะให้แลว้ ไม่ให้
๖๘
สว่ นท่ี ๒ แนวทางการดาเนินงาน
หลักวินจิ ฉัย : หลกั ตัดสินวา่ ศีลขาดหรือไม่
๑. เรอ่ื งไม่จริง
๒. จิตคิดจะพูดให้ผิดจากความจรงิ
๓. พยายามพูดออกไป
๔. ผู้ฟังเข้าใจเน้ือความนัน้
ครบ ๔ ขอ้ นถ้ี อื วา่ ศลี ข้อท่ี ๔ ขาด
โทษ : เกิดในนรก เกิดเป็นเดรัจฉาน เกิดเป็นเปรต มีวาจาไม่น่าเชื่อถือ
กลิ่นปากเหม็น ถูกกล่าวตู่อยู่เสมอโทษจะหนักหรือเบาข้ึนอยู่กับความ
เสียหายท่ีเกิดขึ้น
๖๙
ส่วนที่ ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
อานสิ งส์ : ผลดีของการรกั ษาศีลข้อ ๔
อนิ ทรีย์ ๕ ผ่องใส
มฟี ันเรยี บดี
มีรา่ งกายสมสว่ น ผิวพรรณเปลง่ ปลัง่
กลิ่นปากหอม
มวี าจาศกั ดสิ์ ทิ ธ์ิ เป็นท่ีเชือ่ ถอื
ไมพ่ ดู ตดิ อ่าง ไมเ่ ปน็ ใบ้
รมิ ฝปี ากอ่มิ แดงระเรือ่ งดงามตามธรรมชาติ
๗๐
ส่วนท่ี ๒ แนวทางการดาเนินงาน
คาพูดทไ่ี มเ่ ข้าขา่ ยมสุ าวาท : คาพูดที่พดู แลว้ ไมจ่ ดั วา่ ผดิ ศลี ข้อมุสาวาท
มี ๔ ลักษณะ คอื
๑. โวหาร ถ้อยคาทใ่ี ช้ตามสานวนของภาษา เชน่ คาลงท้ายจดหมายวา่
ดว้ ยความนบั ถือ ซ่ึงผู้เขยี นอาจไมน่ บั ถือกไ็ ด้
๒. นยิ าย เรื่องทแี่ ต่งขึ้น เรอ่ื งทีเ่ ลา่ กันมา เชน่ นทิ าน ละคร ลิเก ซง่ึ ใน
เนอ้ื เรือ่ งอาจมีเร่ืองทไ่ี ม่เป็นจริง
๓. สาคญั ผดิ พดู ดว้ ยความเขา้ ใจผิด คดิ ว่าเป็นอยา่ งน้นั แต่ความจรงิ ไมใ่ ช่
๔. พลง้ั เผลอพูดออกไปโดยไมท่ ันคิด หรือไมไ่ ด้ต้ังใจ
๗๑
ส่วนที่ ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
๕.๑ กจิ กรรม “ วยั ใส ไร้ Hate Speech ”
๑. ให้นักเรียนพิจารณาตนเอง ว่า Hate Speech ที่ตนเองมากที่สุดคือ
คาวา่ อะไรบ้าง โดยเขยี นลงในกระดาษ A 4
๒. ให้นักเรียนเลือกเพียง ๑ คาแล้วอธิบายว่าบอกว่าทาไมจึงมักใช้คาน้ี
เพราะอะไร และอธิบายถึงความหมายท่ีต้องการสื่อคืออะไร
หากเปลี่ยนเป็นคาพูดท่ีดีจะเปลี่ยนเป็นคาพูดท่ีดีว่าอะไร เช่น หิวแสง
เปลยี่ นเป็น เฉิดฉาย เป็นต้น
๓. ครนู าประโยคที่เป็น hate speech มาให้นักเรียนค้นหาถอดคาที่เป็น
hate speech และ แตง่ ประโยคใหม่ทีเ่ ปน็ ประโยคสมั มาวาจา
๗๒
สว่ นท่ี ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
๕.๒ กจิ กรรม “ วัยใสไมห่ เู บา : Anti Fake News ”
๑. ให้นักเรียนพิจารณา หรือยกตัวอย่างข่าวปลอมที่ตนเองพบมากท่ีสุด
เกีย่ วกบั อะไรบ้าง โดยเขียนลงในกระดาษ A 4
๒. ให้นักเรียนเลือกวิธีการรับมือกับข่าวปลอม เช่น รู้แล้วปล่อยผ่านไป
ไมแ่ ชร์ต่อ หรอื ค้นหาความจริง
๓. ครูแนะนาเครื่องมือในการตรวจสอบข่าวปลอมในตนเอง คือ สติ
และการใชส้ ติในการรบั ฟงั ส่ือสารต่าง ๆ
๗๓
สว่ นท่ี ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
๕.๓ กจิ กรรม “ สมั มาวาจา ภาษาดอกไม้ ”
๑. ใหน้ กั เรียนเล่าถึงคาพูดท่ีตนเองพูดออกไปแล้วรู้สึกเสียใจต่อการกระทาน้ี
ท่ีสุด หากย้อนกลับแก้ไขได้นักเรียนจะเปล่ียนคาพูด หรือ แก้ไขการกระทา
นั้นเป็นอย่างไร
๒. ให้นักเรียนเล่าถึงคาพูดท่ีตนเองได้รับฟัง หรือ มีคนผู้กับตนเอง ทารู้สึก
เสียใจ ทกุ ขใ์ จจากคาพูดนั้น และนักเรียนรับมือกบั คาพูดเชน่ นน้ั อย่างไร
๓. ให้นักเรียนเล่าความรู้สึกท่ีประทับในเร่ืองท่ีตนเองสามารถพูดปลอบใจ
ให้กาลังใจ การแกป้ ัญหา หรือความภมู ิใจท่ีทาให้ผ้อู ื่นรูส้ กึ ดไี ด้
๔. คุณครูสรุปให้นักเรียนเห็นถึงคุณค่าของสัมมาวาจา “เพียงคาพูดดีๆ
ทม่ี ีให้กนั สร้างสรรคใ์ ห้โลกสดใส สวยงาม”
๗๔
สว่ นที่ ๒ แนวทางการดาเนินงาน
๖. กิจกรรม “ การดาเนินงานตามศีล ขอ้ ท่ี ๕ ”
สาระสาคัญของศลี ข้อที่ ๕
จุดมุ่งหมาย : เพื่อป้องกันไม่ให้ทาลายสติสัมปชัญญะ สุขภาพ
และความเสียหายอันจะเกิดจากการดืม่ สรุ าและเมรัย
เหตุผล : สติสัมปชัญญะเป็นส่ิงสาคัญสาหรับมนุษย์ เพราะตราบใดที่มี
สติสัมปชัญญะ คนเราก็ไม่ก่อความเสียหาย การดื่มสุราเมรัยเป็นเหตุ
ใหข้ าดสติ ประมาท กอ่ ความเสียหายมากมาย และทาใหเ้ สียสขุ ภาพ
๗๕
ส่วนที่ ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
ขอ้ หา้ ม : ห้ามดืม่ น้าเมาและหา้ มเสพสง่ิ เสพติดให้โทษ
๑. น้าเมา มี ๒ ชนิด คือ
สรุ า น้าเมาทก่ี ล่ันแล้ว
เมรยั น้าเมาทย่ี ังไมไ่ ดก้ ลน่ั เพียงแต่ดองไว้ เช่น สาโท กระแช่
นา้ ตาลเมา
๒. สิ่งเสพติดใหโ้ ทษ เช่น ฝนิ่ กญั ชา มอร์ฟนิ เฮโรอนี ยาบา้ ยาอี
ยาไอซ์ เปน็ ตน้
๗๖
ส่วนท่ี ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
หลกั วินิจฉยั : หลกั ตัดสนิ วา่ ศลี ขาดหรือไม่
๑. น้าเมาและส่งิ เสพติด
๒. จติ คิดจะด่มื หรือเสพ
๓. พยายามดม่ื หรือเสพ
๔. ดืม่ หรือเสพเข้าสรู่ า่ งกาย
ครบ ๔ ขอ้ น้ถี อื วา่ ศลี ขอ้ ที่ ๕ ขาด
โทษในชาติปัจจุบนั
เสียทรพั ย์
กอ่ ทะเลาะววิ าท
ก่อให้เกิดโรค
เสยี ซ่อื เสียง
ทาอะไรไมร่ ูจ้ กั อาย
บั่นทอนสตปิ ญั ญา
โทษในชาตติ อ่ ไป : เกดิ ในนรก เกิดเป็นสตั วเ์ ดรัจฉาน เกิดเปน็ เปรต
มสี ตไิ ม่สมประกอบ ( เบาท่ีสดุ คอื เกิดเป็นคนบ้า ) มีโรคปวดศรี ษะ
๗๗
สว่ นท่ี ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
อานสิ งส์ : ผลดขี องการรักษาศลี ข้อ ๕
ระลกึ ถึงสิง่ ต่าง ๆ ได้รวดเรว็
มีความรู้ มปี ญั ญามาก
คนนบั ถอื เชอื่ ถอ้ ยคา
มีสตติ งั้ ม่นั ทุกเม่ือ
ไมเ่ ป็นบ้า ไมม่ วั เมาหลงใหล
มีความซอ่ื สัตย์ ท้งั กาย วาจา ใจ
๗๘
สว่ นท่ี ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
๖.๑ กจิ กรรม “ ยาเสพติด พษิ รา้ ยของชวี ิต ”
สุรา ยาเสพติด ของมึนเมา เป็นภัยอันน่ากลัวได้ขยายตัวลุกลาม
เข้าไปในร้ัวโรงเรียนเพิ่มมากข้ึนทุกที จนเป็นที่น่าหวั่นเกรงว่าหากไม่
ดาเนินการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน อาจสายเกินไปสาหรับเยาวชนและ
กลายเป็นอุปสรรคสาคัญต่อการพัฒนาประเทศในอนาคต ในการที่จะ
แก้ไขปัญหาดังกล่าว จึงได้มีการกาหนดมาตรการต่างๆ ขึ้นมาเพ่ือแก้ไข
ปัญหา เช่น การให้ความรู้หรือผนวกเนื้อหาเกี่ยวกับยาเสพติดเข้าไว้ใน
วิชาต่างๆ ที่เกย่ี วข้อง โดยมกี จิ กรรมดาเนินการ อาทิ
๑. การจัดนิทรรศการให้ความรู้พิษภยั ยาเสพตดิ และของมึนเมา
๒. การจัดกิจกรรมรณรงค์ตอ่ ต้านยาเสพติดในโรงเรียน
๓. การฝกึ ทกั ษะชีวิตเพอ่ื ให้รจู้ ักปฏเิ สธยาเสพติด
๔. การใช้กจิ กรรมกลุ่มเพื่อน เพือ่ ลดปัญหายาเสพติด เป็นตน้
๗๙
สว่ นที่ ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
๖.๒ กิจกรรม “ กฬี า คือ ยาวิเศษ ”
“การเล่นกีฬา” คือการขยับร่างกาย และออกแรงมากกว่าปกติใน
การใช้ชีวิตประจาวัน ซึ่งการออกแรงน้ีจะส่งผลให้หัวใจทางานหนักขึ้น
และสูบฉีดเลือดไปหล่อเล้ียงอวัยวะส่วนต่าง ๆ ได้ดีขึ้น และด้วยเหตุน้ี
อวัยวะท้ังหลายก็จะทางานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น รวมท้ังสร้าง
ภูมิต้านทานคุ้มกันโรคได้ดี กีฬาไม่เพียงมีประโยชน์กับร่างกายเท่าน้ัน
การเล่นกีฬายังเป็นกิจกรรมที่ทาให้เกิดความสนุกสนาน และช่วย
ผ่อนคลายความตึงเครียดของผู้เล่นได้อีกด้วย ถือเป็นกิจกรรมที่ดีพร้อม
ทุกด้าน ท้ังร่างกายและจิตใจ การเล่นกีฬาจึงถือว่าเป็น “ยาวิเศษ”
อย่างแทจ้ ริง โดยมีกิจกรรมดาเนินการ อาทิ
๑. ใหน้ กั เรยี นมีการรวมกลุ่มเยาชน มีชมรม เพ่อื เลน่ กีฬา หรือมี
กจิ กรรมสร้างสรรคอ์ ย่างอ่ืน
๒. การจัดแขง่ ขันกีฬา ตา้ นยาเสพติด ในโรงเรยี น
๓. การจดั กิจกรรมประกวด “เยาวชน สุขภาพดี”
๘๐
สว่ นท่ี ๒ แนวทางการดาเนินงาน
๖.๓ กจิ กรรม “ จติ อาสา พาทาดี ”
กิจกรรมจิตอาสา เช่น ทาความสะอาดวัด เก็บขยะในสวนสาธารณะ เป็นอีก
กิจกรรมท่ีเปิดประสบการณ์ท่ีนอกจากจะได้ความรู้ ความสนุก และน่าตื่นเต้นสาหรับ
นักเรียนแล้ว การเป็นจิตอาสายังสอนนักเรียนให้รู้จักมีจิตสาธารณะ การแบ่งปัน
ความร่วมแรงร่วมใจ และความมีน้าใจช่วยเหลือผู้อ่ืน การรักษาธรรมชาติและ
ส่งิ แวดลอ้ ม รวมทั้งยังเป็นการให้ลูกได้เรียนรู้จักกับการเข้าสังคม มีเพื่อนใหม่ เป็นงาน
แห่งการให้ความดงี ามทง้ั ปวง แก่เพื่อนมนุษย์ โดยเต็มใจ สมัครใจ อิ่มใจ ซาบซ้ึงใจ ปีติ
สุข ที่พรอ้ มจะเสยี สละเวลา แรงกาย และสติปัญญา เพ่ือสาธารณประโยชน์ ในการทา
กิจกรรม หรือสิ่งท่ีเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่ืนโดยไม่หวังผลตอบแทน และมีความสุขท่ีได้
ช่วยเหลอื ผู้อนื่ เสรมิ สร้างความสามัคคใี นหมเู่ รยี น และรู้จักการทางานเป็นกลมุ่ สง่ เสรมิ
ให้นักเรียนเสียสละเวลาส่วนตัวเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ทาให้นักเรียนรู้จักช่วยเหลือ
ซึ่งกันและกนั ฝกึ การเป็นผนู้ าและ ผู้ตามท่ีดี และทาใหโ้ รงเรียนมีทัศนยี ภาพ ท่ีสวยงาม
ย่ิงข้ึน โดยมีกิจกรรมดาเนนิ การ อาทิ
๑. ครูพานกั เรียนทากจิ กรรมจิตอาสา เชน่ การทาความสะอาดวัด เก็บขยะ
ในทส่ี าธารณะ
๒. นกั เรยี นแชรผ์ ลงานกิจกรรมจติ อาสาของตนเองผา่ นสื่อออนไลน์
๓. การจดั กิจกรรมประกวด “จติ อาสา พาทาดี”
๘๑
ส่วนที่ ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
๗. กิจกรรม “ การฝกึ สมาธใิ นชวี ิตประจาวันสาหรบั เดก็ ”
สาระสาคญั : สมาธกิ บั การเรยี น
การฝึกสมาธิในเด็ก เพื่อช่วยเพ่ิมประสิทธิภาพในการเรียนนั้น ไม่ใช่
การฝึกเพื่อเข้าฌาน หรือ การฝึกเพื่อให้ได้สมาธิในระดับลึก (Meditation)
แต่หมายถึง การฝึกเพ่ือให้ได้สมาธิในระดับต้นถึงระดับกลาง ร่วมกับการมี
สติสัมปชัญญะ (ความรู้ตัว) เพ่ือให้เกิด Better Attention หรือ มีความ
สนใจ ความจดจ่อ และความมุ่งม่ันให้อยู่กับเร่ืองๆ เดียว ตามระยะเวลาท่ี
ต้องการ การที่เด็กมีสมาธิจดจ่อในเร่ืองใดเร่ืองหน่ึงได้นั้น ก็จะส่งผลให้เด็กมี
กระบวนการเรียนรู้ที่ดี มีประสิทธิภาพ เป็นระบบอย่างต่อเน่ืองและครบ
วงจร ทงั้ ในดา้ นทกั ษะการฟงั การคิด การพูด การเขียน การอ่าน หรือการทา
กิจกรรมอื่นใดทมี่ ีผลต่อการเรยี นรู้นัน้ ๆ
๘๒
ส่วนท่ี ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
สมเด็จพระญาณวชิโรดม (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร) ประธานสถาบัน
พลังจิตตานุภาพ ได้กล่าวถึงจุดมุ่งหมายการทาสมาธิคือ “ การทาสร้างพลัง
จติ ใหเ้ กดิ ขน้ึ พลังจิตนัน้ มีความสาคญั อย่างไร พลงั จิตมีความสาคัญที่สามารถ
จะควบคุมใจของเราน้ีได้ ไม่ให้อารมณ์ต่างๆ มันเข้ามาทาร้าย สมาธิจะมี
ส่วนเข้ามาพัฒนาการศึกษาเพราะการศึกษามีความจาเป็นจะต้องใช้ ความ
จดจาเป็นหลัก ช่วยส่งเสริมการเรียนตลอดจนสามารถแยกแยะชั่วดีให้เป็น
แนวทางการดาเนินชีวิต เพราะสมาธิน้ันคือความสงบใจ เป็นเบ้ืองหลัง
ของการเพิ่มพูนความจาให้ดีข้ึน ช่วยให้เกิดความเฉลียวฉลาด แม้ธรรมชาติ
ของมนุษย์โดยทั่วไปจะมีสมาธิธรรมชาติคอยช่วยอยู่แล้ว แต่พอโตขึ้นสมาธิ
ธรรมชาติเรานั้นก็เริ่มอ่อนล้าอ่อนตัวลงเกิดความไขว้เขว จึงต้องอาศัยสมาธิ
ท่ีสร้างข้ึนหรือสมาธิลึก เข้าช่วย เพราะสมาธิลึกท่ีสร้างขึ้นนั้นช่วยเก็บ
ความจาและขยายปัญญา ( ชวนปญั ญา ) ”
๘๓
ส่วนที่ ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
การฝึกสมาธชิ ว่ ยใหเ้ รยี นดขี น้ึ อยา่ งไร
ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้ก่อต้ังโรงเรียนสัตยาไสย
จังหวัดลพบุรี ได้นาวิธีการฝึกสมาธิไปฝึกแก่นักนักเรียนมาอย่างต่อเน่ือง
และได้ข้อสรุปว่า การฝึกสมาธิก่อนเรียนทุกชั่วโมง จะทาให้เด็กมีความ
สงบเย็น สมองปลอดโปร่ง ฉลาด เรียนรู้ได้ดีมากข้ึน (ดร.อาจอง เท้าความถึง
ช่วงชีวิตในวัยเยาว์ ว่า “อดีตเด็กเกเร สอบได้ที่โหล่ ผมฝึกสมาธิวันละ
คร่ึงช่ัวโมงทุกวัน ฝึกแค่เดือนเดียว กลายเป็นคนใจเย็น ฝึกไปได้ ๑ ปี
สอบอีกทีหนึ่งปรากฏว่าได้ที่ ๑ ทุกวิชา ตลอดเวลาที่ฝึกสมาธิรู้สึกว่าเรามี
ความสุขสงบมาก” ดังนนั้ ประโยชน์ของการเจริญสมาธิ จงึ เปน็ การเสริมพลัง
คุณลักษณะของจิตท่ีมีสมาธิเกื้อกูลให้เกิดปัญญา รอบรู้ในสิ่งที่เรียนรู้
นาสู่ปญั ญาทีเ่ ป็นสมั มาทฏิ ฐิ โดยสรปุ คอื
๘๔
ส่วนท่ี ๒ แนวทางการดาเนินงาน
๑. สมาธิทาให้จิตใจแน่วแน่เกิดพลัง เป็นคนเข้มแข็ง มุ่งม่ัน ไม่ย่อท้อ
ต่อปัญหาอุปสรรค กระทาการงาน การศึกษาเล่าเรียน ก้าวสู่ความสาเร็จ
ตามจดุ มุ่งหมาย
๒. สมาธิทาให้จิตใส จิตมีสมรรถนะ มองอะไรชัดเจน ทะลุปรุโปร่ง
เกื้อกูลโดยตรงต่อการใช้ปัญญาในการแก้ไขปัญหา การศึกษาเล่าเรียน
การทาความเขา้ ใจได้ในเรื่องยาก ซบั ซอ้ น
๓. สมาธิทาให้จิตใจสงบ ไร้ส่ิงรบกวน ทาให้เกิดความสุข มีสุขภาวะ
ทางจิตที่ดี ไม่ฟุ้งซ่าน วุ่นวาย ทาให้จิตพร้อมท่ีจะทาการงาน การศึกษา
บทเรียน
ดงั นั้น ประโยชน์ของการเจริญสมาธิ จึงเป็นการเสริมพลังคุณลักษณะ
ของจติ ทม่ี สี มาธเิ กื้อกูลให้เกิดปัญญา รอบรู้ในส่ิงท่ีเรียนรู้ ข้อน้ี เป็นท่ียอมรับ
กันโดยท่วั ไปในปจั จุบัน สถานศกึ ษาหลายแหง่ ใหค้ วามสาคัญกบั เรอ่ื งนี้
๘๕
ส่วนที่ ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
การฝึกสมาธสิ ่งผลต่อผู้ฝึกอยา่ งไร
๑. ด้านสุขภาพจิต
๑) สง่ เสริมให้คณุ ภาพของใจดขี น้ึ คือ ทาจิตใจ ผ่องใส สะอาด บริสุทธิ์
สงบ เยือกเยน็ ปลอดโปรง่ โลง่ เบา สบาย มคี วามจา และสติ ปญั ญาดีขนึ้
๒) ส่งเสริมสมรรถภาพทางใจ ทาอะไรคิดอะไรได้รวดเร็ว ถูกต้อง
เลือกคดิ แต่ในสงิ่ ทด่ี ีเท่านน้ั
๘๖
สว่ นที่ ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
๒. ด้านพัฒนาบุคลิกภาพ
๑) ทาให้เป็นผู้มีบุคลิกภาพดี กระฉับกระเฉง กระปร้ีกระเปร่า
มคี วามองอาจสง่าผา่ เผย มีผวิ พรรณผ่องใส
๒) มีความม่ันคงทางอารมณ์ หนักแน่น เยือกเย็นและเชื่อมั่น
ในตนเอง
๓) มีมนุษยสัมพันธ์ดี วางตัวได้เหมาะสมกับเทศกาลเทศะเป็นผู้มี
เสน่ห์ เพราะไมม่ ักโกรธ มคี วามเมตตากรณุ าตอ่ บคุ คลทว่ั ไป
๘๗
สว่ นที่ ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
๓. ด้านชวี ติ ประจาวัน
๑) ช่วยให้คลายเครียด เป็นเครื่องเสริมประสิทธิภาพในการทางาน
และการศกึ ษาเล่าเรียน
๒) ชว่ ยเสริมให้มสี ขุ ภาพร่างกายแข็งแรง เพราะร่างกายกับจิตใจย่อม
มอี ิทธิพลตอ่ กนั ถา้ จิตใจเข้มแข็ง ย่อมเปน็ ภูมติ ้านทานโรคไปในตวั
๘๘
สว่ นที่ ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
๔. ดา้ นศลี ธรรมจรรยา
๑) ย่อมเป็นผู้มีสัมมาทิฏฐิ เช่ือกฎแห่งกรรม สามารถคุ้มครองตน
ให้พ้นจากความชั่วทั้งหลายได้ เป็นผู้มีความประพฤติดี เนื่องจากจิตใจดี
ทาใหค้ วามประพฤตทิ างกายและวาจาดตี ามไปด้วย
๒) ย่อมเป็นผู้มีความสงบเรียบร้อยท้ังทางกาย วาจา ใจ รักสงบ
และมีขนั ติเปน็ เลิศ มีภูมิตา้ นทานรบั มือกับสภาวะอารมณต์ า่ ง ๆ ได้
๓) ย่อมเป็นผูม้ คี วามเอ้อื เฟ้ือเผื่อแผ่ เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่า
ประโยชนส์ ่วนตวั ย่อมเป็นผ้มู ีสมั มาคารวะและมคี วามออ่ นน้อมถ่อมตน
๘๙
สว่ นท่ี ๒ แนวทางการดาเนินงาน
การฝกึ สมาธแิ บบง่ายๆ ต้องทาอย่างไร
๙ ข้นั ตอน ฝึกสมาธแิ บบงา่ ย ๆ
๑. “ บรรยากาศเปน็ ใจ ทาใจให้ว่าง ”
สถานท่ีและบรรยากาศก็ช่วยให้คุณทาสมาธิได้ดีข้ึน ซึ่งการนั่งสมาธิ
ในห้องพระจะช่วยให้จิตใจสงบและรู้สึกเป็นสมาธิมาก เริ่มจากการชาระ
ร่างกายให้ผ่อนคลาย สวดมนต์ไหว้พระนาสติมาอยู่กับตน หรือคุณอาจจะ
วางสิ่งเล็ก ๆ ที่คุณชอบ หรือช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายไว้รอบ ๆ ที่คุณนั่ง
สมาธิก็ได้ การน่ังสมาธิควรจะน่ังในท่ีเงียบ ๆ เพ่ือทาจิตให้ว่าง ไม่ใส่ใจถึง
บุคคล เสียง หรือส่ิงอื่นที่อยู่โดยรอบ เพราะความเงียบจะนามาซึ่งความสงบ
เยือกเย็น และความรู้สึกมั่นคง เม่ือไหร่ก็ตามท่ีความเงียบ ภายนอก
และภายในประสานกันได้ คุณก็จะรู้สึกได้พักกายพักใจ ผ่อนคลายจาก
ความคดิ ทรี่ บกวนคณุ อยู่ตลอดมา
๙๐
ส่วนที่ ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
๒. “ ตง้ั ท่าถกู ตอ้ ง ”
การน่ังสมาธิได้ แต่การนั่งท่ีถูกต้อง คือ คุณต้องแน่ใจว่าคุณน่ังตัวตรง
หัวตรง น่ันเพราะร่างกายของเราสัมพันธ์กับจิตใจค่ะ หากคุณ นั่ง
ตัวงอแล้วละก็ จิตใจของคุณก็จะล่องลอยไป ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนะคะ
แตไ่ มต่ ้องนัง่ เกร็งมาก ให้นง่ั เหมอื นเรากาลังผ่อนคลายดที ่ีสดุ
๙๑
สว่ นที่ ๒ แนวทางการดาเนินงาน
๓. “ กาหนดเวลา พาใจสงบ ”
เมอ่ื เรม่ิ ตน้ น่ังสมาธใิ หม่ ๆ คุณอาจจะลองนั่งก่อนประมาณสัก ๑๐ นาที
และจึงค่อย ๆ เพิ่มข้ึนเร่ือย ๆ จนรู้สึกว่าจิตคุณเริ่มน่ิงมากขึ้น แต่อย่าบังคับ
ตัวเองให้น่ังนานเกินไปหากคุณยังไม่พร้อม ทั้งน้ี ระยะเวลาที่เหมาะ
คอื ประมาณ ๒๕ นาที เพราะเป็นระยะเวลาที่ไม่ทาให้รู้สึกปวดเม่ือยร่างกาย
เกนิ ไปจนรบกวนสมาธไิ ด้
๙๒
สว่ นที่ ๒ แนวทางการดาเนนิ งาน
๔. “ มองใหเ้ ห็นตน ”
บางครั้งการน่ังสมาธิ ไม่จาเป็นต้องหลับตาเสมอไป คุณสามารถ
เปิดตาไว้ แต่ปรับระดับสายตาให้มองต่าลง โดยกาหนดจุดให้เพ่งรวบรวม
สมาธิไว้ เพราะบางคนเมื่อปิดตาแล้วกลับรู้สึกฟุ้งซ่าน ในหัวสมองเต็มไปด้วย
เร่ืองราวต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าวิธีใดทา แล้ว
ไดผ้ ลมากกวา่ กัน
๙๓